#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)  (อ่าน 90443 ครั้ง)

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ประถมมมมมมม
แสดงว่าไม่น่าจะใช่แม่เดียวกันแน่ ๆ

ออฟไลน์ Mayana

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
คุณเมฆมุมดาร์ค มีความหลังฝังใจอะไรละนี่

ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
16th Monday
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 




นี่มันคือเรื่องอะไรกัน?




ผมยืนอยู่ใกล้ๆน้องสายฝนที่ทำท่าว่าจะร้องไห้อยู่รอมร่อ ตอนนี้น้องก้มหน้ามองพื้น ถึงแม้ผมจะไม่รู้สาเหตุแท้จริงแต่สามารถรับรู้ได้ ขนาดผมที่ยืนอยู่ตรงนี้ยังกลัวคุณพี่เมฆ แล้วเด็กประถมตัวเล็กๆจะไปเหลืออะไร



‘กริ๊ก!’



เสียงประตูที่ดังขึ้นอีกครั้งเรียกสายตาของทุกคนให้หันไปมอง ผู้มาใหม่คือผู้หญิงค่อนข้างสวยคนหนึ่ง  เธอเดินถือของพะรุงพะรังเข้ามา ซึ่งหนึ่งในนั้นคือกระเป๋าเป้เด็ก




“น้องฝนคะ… ทำไมหนูถึงถอดรองเท้าไม่เป็นที่เลย คุณแม่บอกว่า--” 




เสียงเธอหายไปเมื่อสังเกตว่าที่นี่ไม่ได้มีเพียงเด็กหญิงเท่านั้น ผู้มาใหม่หันมองมาทางผมด้วยสายตางงงงวย แล้วเปลี่ยนเป็นเบิกกว้างเมื่อหันไปสบตากับ…




“เมฆ...”




บรรยากาศในห้องกดดันขึ้นอีกเท่าตัว ผมพยายามจะหายใจเบาๆเพราะเกร็งไปหมด น้องฝนก้มหน้ามองพื้น ผู้หญิงที่เพิ่งเข้ามาใหม่หยุดนิ่ง ของที่เธอถืออยู่ตกกระจัดกระจายเต็มพื้น




‘ตุบ’




“อ่า… เดี๋ยวผมเก็บให้นะครับ”




ผมพยายามจะหนีจากสถานการณ์อึดอัดด้วยการอาสาเก็บของให้ แต่คุณพี่เมฆจับแขนผมเอาไว้ แรงบีบที่ไม่ธรรมดานั่นทำให้ผมรู้สึกเจ็บ แต่ท่าทางของเขาทำให้ผมไม่กล้าแม้แต่จะสะกิดบอกว่าเจ็บ ตอนนี้ผมเองก็กลัวเขาเหมือนกัน



“มาทำไม”




เสียงต่ำคล้ายกับกำลังสะกดอารมณ์ของคุณพี่เมฆดังขึ้นมา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้คำหยาบคายอะไร แต่ประโยคคำถามคล้ายกับไม่ต้อนรับนั่นก็เหมือนกับการไล่ดีๆนี่เอง



“คือ… น้าไม่รู้ว่าเราอยู่ เห็นว่าฝนมันตก พี่สิทธิ์เขาให้กุญแจที่บ้านนี้เอาไว้--”

“ถามว่า มาทำไม” 



คุณพี่เมฆพูดแทรกนิ่งๆ สายตาที่จ้องไปที่หญิงสาวแข็งกร้าวจนผมเผลอคิดว่าถ้าวันหนึ่งผมโดนเขามองแบบนี้บ้าง คงจะร้องไห้ออกมาแน่นอน



“ยังกล้ามาเหยียบที่นี่ได้อีกเหรอ?”

“น้าไม่รู้ว่าเมฆอยู่--”


“อย่ามาเรียกผมแบบนั้น ผมไม่เคยนับญาติกับพวกคุณ”




พอคุณพี่เมฆพูดจบ หญิงสาวก็หน้าเจื่อน พอมองดีๆท่าทางเขาดูอายุไม่ได้เยอะขนาดนั้น หน้าตาดูสะสวยถึงแม้ว่าจะกำลังทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ก็ตาม




“น้าขอโทษนะ---”

“ออกไป”




คุณพี่เมฆพูดเสียงนิ่งๆ แต่สายตาเขาดุจนผมตัวสั่น หญิงสาวคนที่น่าจะเป็นแม่ของเด็กหญิงตอนนี้เม้มปากแน่น สีหน้าเธอแสดงความเสียใจอย่างปิดไม่มิด แต่ที่น่าสงสารที่สุดคงเป็นเด็กหญิงตัวน้อย น้องทำท่าเหมือนเต็มกลั้นแล้ว เสียงสะอื้นเล็กๆเริ่มดังออกมา



“ฮะ… ฮึก”

“น้องฝนครับ อย่าร้องนะครับ ”




ผมเดินเข้าไปหาเด็กหญิงที่กำลังสะอึกสะอื้น ผมเป็นโรคแพ้เด็ก ยิ่งเด็กน่าสงสารแบบนี้ด้วยแล้ว ผมถือโอกาสที่คุณพี่เมฆกอดอกเดินเข้าไปหาน้องสายฝน แล้วพยายามคุยกับน้อง ซึ่งเด็กก็เด็กน่ะนะ น้องยังไม่รู้เรื่องอะไรด้วยหรอกครับว่าผู้ใหญ่เขาทะเลาะอะไรกันไว้ ผมเองก็ไม่รู้เนี่ย



“พี่แทนจะ---”

“อย่ามายุ่งกับแทนใจ”




คุณพี่เมฆพูดเสียงเรียบ เด็กหญิงที่เมื่อกี้ทำท่าจะเข้ามากอดผมถอยหลังกรูไปหลบอยู่หลังคุณแม่ โดยที่ยังคงมีเสียงสะอื้นให้ได้ยินเป็นระยะ



“งะ… งั้นเดี๋ยวน้ากับน้องกลับเลยแล้วกันนะคะ”

“แล้วยังยืนอยู่ทำไมอีก? ออกไป”



สายฝนด้านนอกยังคงตกหนัก แต่หญิงสาวก็ยังอุ้มเด็กน้อยออกไป ผมมองหน้าคุณพี่เมฆสลับกับคู่แม่ลูกที่เดินออกไปข้างนอก ผมอยากห้ามแต่ทำไม่ได้ ผมไม่รู้เรื่องครอบครัวของพวกเขา ไม่รู้ว่าพวกเขามีปัญหาอะไรกัน ผมไม่รู้อะไรเลย



ไม่รู้อะไรจริงๆ




------- Monday In Love -------





สองแม่ลูกไปพร้อมรถที่จอดอยู่ ทิ้งบรรยากาศอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกเอาไว้ให้ผมกับคุณพี่เมฆ



อึดอัด


อึดอัดมาก




ผมหันซ้ายหันขวาไม่รู้ว่าควรจะต้องทำตัวอย่างไรในสถานการณ์แบบนี้ คุณพี่เมฆไม่พูดอะไรเพิ่มเติม เขานั่งอยู่บนโซฟาท่าเดิม สายตามองไปทางประตูที่สองแม่ลูกเพิ่งออกไป ผมนั่งกำมืออยู่บนโซฟา ผมต้องแก้สถานการณ์ตอนนี้ แต่จะทำอย่างไร?



“แทนใจ”

“ครับ!”




ผมสะดุ้งตัวเมื่อคุณพี่เมฆหันมาทางผมพร้อมเรียกชื่อ ตอนที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ เขาพยายามยิ้มนิดหน่อย แต่เป็นรอยยิ้มที่ดูฝืนแล้วก็หายไปเร็วเหลือเกิน



“ถ้าเราอยากอาบน้ำขึ้นไปชั้นบนได้เลยนะ ห้องซ้ายสุดคือห้องพี่เอง มีห้องน้ำข้างใน เสื้อผ้าอยู่ในตู้ หยิบได้เลยนะ”

“แล้วคุณพี่เมฆล่ะ?”

“พี่อยากดูทีวีน่ะ”



เขาพูดแล้วหยิบรีโมทขึ้นมาเปิดทีวี รายการข่าวเรื่องรถติดเพราะน้ำท่วมทั่วกรุงเทพฯเพราะว่าฝนตกไม่สามารถทดแทนเรื่องอึดอัดที่ยังพองฟูในหัวผมตอนนี้ได้



อึดอัดมาก ทำไงดี



คุณพี่เมฆที่บอกว่าจะดูโทรทัศน์ความจริงแล้วเหมือนให้โทรทัศน์ดูเขาเสียมากกว่า เขามองจ้องทีวีด้วยท่าทางเหมือนกับกำลังคิดอะไรอยู่ เอาซุกซนพนันได้เลยว่าเนื้อหาข่าวอะไรนั่นเข้าหัวเขาไม่ได้สิบเปอร์เซ็นต์แน่นอน



ผมคิดว่าผมต้องทำอะไรสักอย่าง



เอ๊ะ?



ผมเหลือบมองที่หน้าประตู โบว์สีขาวอันเล็กๆหล่นแอ้งแม้งอยู่บนพื้น ผมคิดว่าเป็นของน้องฝน เพราะว่าเป็นโบว์ที่อยู่ตรงผมเปียของน้อง




“คุณพี่เมฆครับ อันนี้ของน้องฝนเขาทำหล่นไว้ เอาเก็บไว้ไหนดีครับ?”




คุณพี่เมฆหันมามองทันที ก่อนที่จะพูดออกมานิ่งๆ




“เอาทิ้งไปเลยก็ได้นะ เด็กนั่นไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้วแหละ”




อ่าว ทำไมพูดงั้นอะ?

ในขณะที่ผมกำลังงงๆ จับต้นชนปลายอะไรไม่ถูก คุณพี่เมฆเขาก็พูดต่อขึ้นมาทันที ด้วยหน้านิ่งๆเหมือนเดิมนี่แหละ




“เอ้า มันไม่ใช่ของพี่นะ มันเป็นของน้องฝน พี่จะทิ้งของเขาได้ยังไง”




ผมเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองพูดอะไรโง่เง่าที่สุดในชีวิตเมื่อใบหน้าของคุณพี่เมฆเปลี่ยนเป็นน่ากลัว เขาหันมาทางผม สายตาเขาดูเหมือนหงุดหงิดแบบไม่เก็บอารมณ์ ผมเข้าใจเลยว่าเมื่อกี้ทำไมเด็กน้อยถึงได้ร้องไห้



“พี่บอกให้ทำอะไรก็ทำสิ ไม่ต้องถามได้มั้ยอะ?”

“...”

“เราก็เหมือนกัน จะไปยุ่งกับพวกมันทำไมอะ”




ผมตัวเล็กลงเหมือนกับเด็กที่โดนผู้ใหญ่ว่าเรื่องทำจานแตกทั้งที่ตัวเองไม่ได้ยุ่งกับมันเลยสักนิด ถึงแม้จะไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองผิดเท่าไหร่ แต่ด้วยนิสัย ทำให้ผมเถียงออกไป



“แต่นี่มันเป็นของน้องเขานะ จะให้ผมทิ้งไปเลยโดยไม่ถามเจ้าของอะ ผมว่ามัน--”

“มันจะเป็นยังไงก็เรื่องของมันดิ”

“แต่--”

“เด็กนั่นไม่ใช่ครอบครัวพี่ โบอันเดียวหายมันไม่ตายหรอก หรือถ้ามันจะตายพี่ก็ไม่แคร์ ตายไปเลยก็ดี--”

“คุณพี่เมฆ!!!!!!!!!!!!!”




ผมเหวออกมาเสียงดังด้วยความตกใจและไม่พอใจ เขาพูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง! ชีวิตคนไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ! ต่อให้คนเราเกลียดกันแค่ไหน แต่การที่จะไม่ดูดำดูดีแม้อีกฝั่งตายไปนี่มันไม่ใช่ความคิดที่มนุษยชนคนหนึ่งควรจะมี แล้วนั่นคือครอบครัวเลยนะ!!



“เราขึ้นเสียงใส่พี่!?”

“ใช่!” ผมยืนกรานเสียงแข็ง ผมไม่รู้หรอกว่ามีเรื่องอะไรกัน แต่ความคิดแบบนี้ผมไม่ชอบเลยสักนิด “ผมไม่คิดว่าคนเราจะสามารถทำแบบนั้นกับญาติตัวเองได้หรอกนะ หรือไม่ว่ากับใครก็ตาม”

“มันไม่ใช่ครอบครัวพี่”

“ทำไมล่ะ? ก็น้องสายฝนเขาเรียกพี่ว่าพี่--”

“พี่บอกว่ามันไม่ใช่ไง”

“แล้วมันคืออะไรล่ะ?!”




เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ พวกผมจ้องหน้ากันสักพัก จนกระทั่งคุณพี่เมฆถอนหายใจเสยผมขึ้นเหมือนไม่อยากที่จะคุยกับผมต่อ เออ เจ็บดี



“เราจะมารู้อะไร” คุณพี่เมฆเค้นเสียง แววตาเขาวาวโรจจนน่ากลัว “นี่มันเป็นเรื่องในบ้านพี่ คนนอกอย่างเราจะมาเข้าใจอะไร”

“เออ ใช่! ผมไม่เข้าใจ”

“ไม่เข้าใจก็เงียบไปสิครับ”

“แต่--”

“เมื่อไหร่จะหยุดเถียงสักที พี่ปวดหัวแล้วนะ เราก็อีกคนเหรอ? พอเถอะ”

“...”



โอเค

กลายเป็นผมโดนเหวี่ยงใส่แทนทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิดเนี่ยนะ?



ดี!




“งั้นก็แล้วแต่คุณแล้วกัน เชิญใช้เวลาอยู่คนเดียวไปให้พอ คนไม่เข้าใจแบบผมจะไปอาบน้ำแล้ว”




ผมพูดแค่นั้นแล้วหยิบกระเป๋า พร้อมกรงติ๊กต่อก เดินขึ้นไปที่ชั้นสองตามคำบอกเมื่อครู่ ห้องนอนคุณพี่เมฆคือห้องใหญ่ที่สุดทางซ้ายมือ หน้าห้องมีป้าย ‘Leave Me Alone’ แขวนอยู่ ผมเคยคิดว่าจะมีแต่ในหนังซะอีกนะเนี่ย อะไรแบบนี้อะ




ห้องคุณพี่เมฆเป็นโทนสีฟ้าครับ ถ้าบอกว่าเขาใช้มาตั้งแต่เป็นเด็กชายเมฆตัวโตนี่ผมก็เชื่อ ของบางอย่างเหมือนกับจะอยู่มาตั้งแต่เป็นเด็ก อย่างเช่นพวกแผ่นหนังเก่าๆ กับพวกเทปคาสเซ็ทที่อยู่ตรงมุมห้อง แล้วก็รูปที่วางอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือ




ผมมองแค่นั้นแล้วหยิบเสื้อผ้าในตู้เขาพร้อมผ้าเช็ดตัวชุดหนึ่งถือเข้าไปในห้องน้ำ ตอนนี้ผมรู้ตัวว่าผมหงุดหงิดเพราะโดนเหวี่ยง แล้วก็ไม่เข้าใจด้วยว่าทำไมเขาถึงต้องเกลียดน้องขนาดนั้น ลองเป็นบ้านผมนะ เราต้องโอ๋น้องมากแน่ๆ ผมคนนึงอะ เพราะผมชอบเด็กมาก



ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ หงุดหงิดด้วย

พี่แทนรักกับน้องแทนกายยังไม่เคยเหวี่ยงใส่ผมเลยนะ



ผมไม่เข้าใจอะไรก็อธิบายดีๆไม่ได้หรือไงกันนะ ทำไมต้องมาพูดเหมือนกับสองคนนั้นผิดมากมายอะไรแบบนั้น แถมพอผมแย้งกลับไปก็ว่ามาอีก น่าหงุดหงิดจริงๆ ให้ตายสิ




หงุดหงิด หงุดหงิด หงุดหงิด!




แบบนี้ต้องสระผม! สระผมนวดผมนานๆเลย แช่น้ำเลย จะได้อารมณ์เย็นลง พอคุณพี่เมฆดูทีวีเสร็จขึ้นมาเขาก็คงเย็นลงเหมือนกัน แล้วก็จะได้นอนๆ ให้คืนนี้ผ่านไปสักที



.

.

.




อ่าว ยังไม่มาแฮะ




จนผมอาบน้ำหัวเปียกๆออกมา อารมณ์เย็นลงจนถึงจุดเกือบปกติ เหลือไว้เพียงแค่ความไม่เข้าใจที่ยังตกค้างเท่านั้น และจนถึงตอนนี้ คุณพี่เมฆก็ยังไม่ขึ้นมาบนห้องนอนครับ ผมยักไหล่กับตัวเอง โอเค ไม่เป็นไร ผมอยู่คนเดียวก็ได้




‘ตุบ!’



คุณพี่เมฆ?




ผมหันไปตามเสียงเพราะคิดว่าแฟนผมขึ้นมาแล้ว แต่ก็แป่วเพราะเป็นแค่ติ๊กต่อกตัวอ้วนที่กลิ้งตกที่นอนไปอยู่บนพื้นกรงเท่านั้น โถ ไอ้อ้วนเอ๊ย




“มานี่ๆ มาเล่นเป็นเพื่อนพี่แทนใจหน่อยเร็ว”




ผมโกยเจ้าก้อนกระต่ายอ้วนเข้ามาไว้บนมือ โดยที่มันก็มาแต่โดยดี ปากยังคาบหญ้าอยู่เลยครับ สมแล้วที่ชื่อติ๊กต่อก ฮือ กลมๆป้อมๆ น่ารัก



“เราจะหยุดกินตอนไหนครับเนี่ย”

‘งั่มๆ’

“แน่ะ เมินอีก คุยด้วยก็ไม่คุยด้วยนะ เอาแต่กินเนี่ย”

‘งั่มๆ’

“เฮ้อ งอนได้มั้ยเนี่ยครับ ไม่สนใจพี่เลย”



 ผมลูบขนกระต่ายบนมือ ติ๊กต่อกไม่กลัวคนเลย ความจริงเหมือนไม่สนใจอะไรเลยนอกจากอาหาร ผมเข้าใจคุณพี่เมฆที่พามันไปหาหมอตอนมันไม่ทานข้าวนะ น่าจะผิดสังเกตมากๆ หากเจ้าตัวอ้วนนี่เลิกคาบอาหารไว้ในปากน่ะ



“เราเคยโดนคุณพี่เมฆเหวี่ยงใส่มั่งมั้ย?”

‘งั่มๆ’

“ตอนไม่มีหญ้าแห้ง ตอนที่น้ำไม่อร่อย เคยเหวี่ยงใส่เขาบ้างหรือเปล่า”

‘...’




ผมวางกระต่ายคืนในกรงเมื่อเห็นว่าคุยไปก็ไร้ประโยชน์ มันไม่สนใจอะไรนอกจากของกินเลย พอหญ้าหมดก็มาแทะๆมือผมแทน เรากินไม่ได้นะ กระต่าย หยุด!



ผ่านไปชั่วโมงกว่าคุณพี่เมฆก็ยังไม่ขึ้นมา



เป็นการมานอนบ้านแฟนครั้งแรก ที่รู้สึกแย่จนกลัวว่าครั้งหน้าผมจะต้องเจอความรู้สึกแบบนี้อีกหรือเปล่า ไม่อยากรู้สึกว่าตัวเองคิดผิด แต่มันก็อดไม่ได้



ผมรู้สึกอึดอัดอึดอัด แย่อะ มันแย่จริงๆ




ผมเล่นกับติ๊กต่อกรอ รอจนกระทั่งติ๊กต่อกหลับไป ผมมองกระต่ายอ้วนที่นอนหลับบนกองอาหารของตัวเองอย่างอ่อนใจ ถ้าผมเกิดเป็นกระต่ายแบบติ๊กต่อกจริงๆก็คงดี วันๆกินข้าว นอน กินข้าว แล้วก็น่ารักไปเรื่อยๆ แค่นั้นพอ ไม่ต้องคิดอะไรเยอะเลย ไม่ต้องทำงานด้วย



ให้ตาย


ผมไถลตัวลงไปนอนฟุบอยู่ข้างๆกระต่ายที่นอนหายใจสม่ำเสมอ หวังว่าตอนที่ผมตื่นมาคุณพี่เมฆคงจะขึ้นมา แล้วเขาจะไม่ทะเลาะกันแล้วนะ


ผมไม่ชอบแบบนี้เลยจริงๆ …



Rrrr




เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นจากที่ไกลๆปลุกผมขึ้นมาจากการหลับใหล ผมมองซ้ายมองขวาอย่างงงๆ ตอนนี้ผมยังอยู่ที่เดิม แต่ต้นตอเสียงเดินออกไปนอกระเบียงห้องแล้วครับ




คุณพี่เมฆ?



ผมคิดในใจ แสดงว่าเมื่อกี้เขาเพิ่งอยู่ตรงนี้ แล้วเดินออกไปนอกระเบียงพร้อมกับโทรศัพท์ที่ดังเมื่อครู่ ผมเอาข้อมูลทั้งหมดมารวมยำๆในหัวแล้วสรุปออกมาเอง



“โทรมาทำไม?”




อาจจะเพราะเขาไม่ได้ปิดประตูกระจก ผมเลยมองเห็นร่างของคุณพี่เมฆที่ยืนหันหลังอยู่ด้านนอก เงาของเขาจากทางด้านหลังดูอ้างว้างเมื่อมองจากตรงนี้ อาจจะเป็นเพราะห้องของคุณพี่เมฆเขาเงียบมาก ผมเลยได้ยินเสียงที่ลอดออกมาจากโทรศัพท์ของเขาด้วย



(“แกทำแบบนี้ทำไม?”)

“ถ้าจะโทรมาด่าผมวางนะ ขี้เกียจฟัง”

(“ถามว่าแกไล่ใหม่กับน้องฝนเขาทำไม!!”)




เสียงที่ดังลอดออกมาจากโทรศัพท์ทำให้ผมตกใจ เขาตะคอกคุณพี่เมฆผ่านโทรศัพท์ น้ำเสียงเกรี้ยวกราดนั่นน่ากลัวมาก แต่คุณพี่เมฆยังไม่ขยับเลยสักนิด



“แล้วทำไมผมจะไล่ไม่ได้ นี่มันบ้านผม”

(“บ้านฉัน มันมีเงินของฉันครึ่งหนึ่ง ฉันซื้อมากับแม่แก สำนึกซะบ้าง”)

“บ้านที่คุณซื้อมาแล้วไม่เคยกลับมาน่ะเหรอ? เหอะ สุดท้ายแล้วแม่ก็ดูแลคนเดียวอยู่ดี”




คุณพี่เมฆกำลังคุยโทรศัพท์กับคุณพ่ออย่างงั้นหรือ? ผมคิดกับตัวเองเงียบๆ เมื่อเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวจากบทสนทนาของเขาได้




(“อย่าลืมว่าแกโตมาเพราะฉัน บ้านหลังนี้ก็ของฉัน”)

“มันจะสักเท่าไหร่เชียว บอกตัวเลขมาเลย เดี๋ยวผมโอนให้ตอนนี้เลย แล้วเลิกยุ่งกับผมแล้วก็บ้านหลังนี้สักที!”




เสียงปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง จนสุดท้ายแล้ว คู่สนทนาของคุณพี่เมฆก็ตอบกลับมา




(“เนรคุณ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันมีลูกชายสันดานแบบนี้”)




ผมตัวชา คำนี้มันแรงสำหรับผมมาก บ้านของผมไม่เคยมีเรื่องแบบนี้ แล้วผมก็ไม่เคยคิดว่าจะสามารถมีบุพการีที่ไหนพูดกับลูกในไส้แบบนี้ได้มาก่อน



“ผมก็ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีพ่อสันดานแบบนี้เหมือนกัน!”




บทสนทนาจบลงไปแล้ว แต่คุณพี่เมฆยังคงยืนอยู่ที่เดิม เขายืนอยู่ที่ระเบียง ผมยังคงมองเห็นแค่แผ่นหลังกว้าง ตอนนี้ความคิดในหัวผมผสมปนเปกับอารมณ์มั่วไปหมด



ครอบครัวของคุณพี่เมฆเขาเป็นแบบนี้กันเหรอ? คนเป็นพ่อสามารถทิ้งแม่ได้ด้วยเหรอ? แล้วลูกสามารถรู้สึกแบบนี้กับบุพการีได้จริงๆเหรอ?



เรื่องไกลตัวที่เคยเห็นแต่ในละครเกิดขึ้นใกล้ตัวมากจนรับมือไม่ทัน ผมจมอยู่กับความคิดตัวเอง ไม่รู้ว่าผ่านไปเท่าไหร่ จนกระทั่งเจ้าของห้องถอนหายใจครั้งสุดท้าย แล้วเดินกลับเข้ามา 




“แทนใจ ไม่ได้หลับเหรอ?”




ผมไม่ได้ตอบอะไรออกไป เพราะไม่แน่ใจว่าควรจะพูดอะไรดี ไม่รู้ว่าคุณพี่เมฆยังโมโหผมอยู่หรือเปล่า แล้วไม่รู้ว่าเขายังอารมณ์เสียจากสายโทรศัพท์ หรือแม่ลูกคู่เมื่อกี้ค้างอยู่ไหม ผมไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวอย่างไรในสถานการณ์แบบนี้




คุณพี่เมฆเดินเข้ามาใกล้ เขาทรุดตัวลงนั่งอยู่ด้านข้าง มือที่ประคองอยู่ข้างแก้มของผมให้ความรู้สึกเย็นเล็กน้อย น่าจะเพราะว่าเมื่อครู่เขายืนตากลมอยู่ข้างนอกนั่น



“แทนใจ…”




เสียงของเขาดูสั่น กลิ่นบุหรี่จางๆทำให้รับรู้ได้ไม่ยากว่าเขาคงผ่านการสูบบุหรี่มา ผมครางรับเบาๆ ไม่ได้ปฏิเสธอะไรเมื่ออีกคนเขยิบเข้ามาใกล้มากขึ้น จนกระทั่งเขาโอบผมเอาไว้ นึกขอบคุณที่คุณพี่เมฆมีโซฟาที่นั่งสบายอยู่ในห้องนอน ไม่อย่างนั้นเขาคงจะปวดหลังแน่ๆ




ผมเอื้อมมือลูบผมเขาแผ่วเบา ความเงียบปกคลุมเราทั้งคู่เพียงชั่วครู่ ก่อนที่เจ้าของห้องจะเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา




“กลัวพี่มั้ย?” 




คุณพี่เมฆกระซิบเบาๆ ด้วยความเงียบของห้อง ทำให้คำพูดของเขาดังก้องในหัวผมโดยที่เขาไม่ต้องเพิ่มเสียงเลยสักนิด ผมเริ่มเข้าใจเขาขึ้นมาเล็กน้อย ลองคิดว่าหากพ่อที่เป็นฮีโร่ตั้งแต่เด็กของผมมาทำแบบนี้ ผมเองก็คงจะโมโหเหมือนที่คุณพี่เมฆเขาเป็น หรืออาจจะแย่กว่า




“เมื่อกี้ แทนใจกลัวพี่มั้ย?”




เขาถามย้ำ พลางกระชับอ้อมกอดให้แน่นมากขึ้น ผมลังเลเล็กน้อย ก่อนจะตอบความจริงออกไป




“ครับ”




หากถามมาตรงๆ ผมเองก็จะตอบความรู้สึกของผมตามตรงเช่นเดียวกัน




“ผมกลัวนะ แต่ผมรับได้”

“...”

“ผมรับทุกอย่างของคุณได้”

‘“...”

“ให้ผมได้รู้จักคุณมากกว่านี้นะ”



------- 70% --------





อิอิอิอิอิอิอิอิ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
งือออคุณพี่เมฆ กอดๆนะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
มาม่าชามโต เอิ่มมมม

 :ling1:

 :L2: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
อยากให้แทนใจแกล้งงอนคุณพี่เมฆบ้างงง มาตวาดน้องทำไมมม  :hao5:

ออฟไลน์ oiruop

  • เ รื่ อ ง โ ง่ โ ง่ นี่ ฉ ล า ด นั ก ⊙﹏⊙∥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • https://www.facebook.com/book.yaoi?fref=ts

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
แทนใจเก่งอ่ะ ที่ถึงแม้จะไม่เข้าใจ แต่ก็รับมือได้ดี

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
น่าสงสาร แต่พี่เมฆก็ไม่ควรพูดป้ะ ว่าแทนใจ้ป็นคนนอก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ J2K2411

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
:katai2-1: :katai2-1: แทนใจน่ารักกกกกก

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ตั้งแต่อ่านมาเจอพี่เมฆในมุมอบอุ่น น่ารัก กวนทีนนิด ๆ มาตลอดอ่ะ เจอมุมนี้เข้าไปก็แอบกลัวพี่เหมือนกันนะ อย่าอารมณ์เสียใส่น้องแทนนะพี่เมฆ / ตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนล่าสุดเราใช้ว่าน้องงงงงงงงงงงงงกับน้องแทนใจเยอะมากจริง ๆ ทำไมน่ารักขนาดนี้อ่ะ และก็ซุกซนชอบอ่ะกวนทีนตลกเอ็นดูนาง

ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
16th Monday -- 100%
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 





ผมพูดออกไปแล้ว พูดในสิ่งที่คิด คุณพี่เมฆที่อยู่ตรงหน้าผมมองหน้าผม เราสบตากันแบบนั้น ผมไม่สามารถรู้ได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ เขาเหมือนห้วงทะเลลึกที่ยากต่อการคาดเดา และตอนนี้ ผมเองก็ไม่กล้าเดาเช่นกัน เพราะผมแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยจริงๆ


“ผู้หญิงคนนั้น คือเมียน้อยของพ่อพี่”



ห๊ะ?


ผมตกใจจนแทบจะลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิ แต่เพราะว่ามีหมีนอนทับตักอยู่ จึงทำอะไรไม่ได้มากกว่าที่เป็นอยู่นัก คุณพี่เมฆดูนิ่ง เขาพูดต่อไป


“เขาแอบคบกันตั้งแต่พี่ยังเรียนอยู่มัธยม…”


แววตาของเขาแข็งกร้าวขึ้นมา ผมรู้สึกว่าท่าทางของเขาดูโกรธและเสียใจในเวลาเดียวกัน เป็นความรู้สึกที่ผมไม่เคยสัมผัส และสีหน้าตอนนี้ของเขา ก็เป็นสิ่งที่ผมไม่เคยเห็นเช่นเดียวกัน


“ผู้หญิงคนนั้น คือเพื่อนสนิทของแม่พี่ เขาสนิทกันจนเราเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน เป็นเพื่อนเจ้าสาวของแม่  เขาเคยเรียกพี่ว่าลูก และพี่ก็นับถือเขาเหมือนเป็นแม่คนที่สองเลยด้วยซ้ำ”


“...”
“พี่ยังจำได้ตอนที่พี่เด็กๆ เขาบอกว่าอยากมีลูกชายแบบพี่ เขาอยากมีครอบครัวแบบที่แม่พี่มี แบบที่ครอบครัวพี่เป็น”
“...”
“แล้วสุดท้าย เขาก็ทำมันได้”
“...”
“ในขณะที่แม่พี่ประสบอุบัติเหตุต้องนอนโรงพยาบาล ผู้หญิงคนนั้นก็โผล่มาพร้อมกับเด็กในท้อง … แล้วก็อ้างตัวว่านี่คือน้องของพี่”


นี่มันเรื่องอะไรกัน??

ในหัวผมมีแต่คำถามเต็มไปหมด แต่กลับไม่มีเสียงที่จะพูดอะไร ทำได้เพียงแค่รอฟังสิ่งที่เขาจะพูดต่อไป


“พ่อกับแม่พี่เริ่มทะเลาะกันหนักมากตั้งแต่ตอนนั้น จนในที่สุด ผู้ชายคนนั้น ก็เลือกสร้างครอบครัวใหม่กับเมียน้อยทันทีที่เด็กผู้หญิงคนนั้นเกิด ”
“...”
“แม่พี่นั่งรอให้พ่อกลับมา นี่โซฟาตัวเมื่อกี้ นั่งรอทุกวัน แต่ผู้ชายคนนั้นเลือกจะไปอยู่ที่อื่นกับสองแม่ลูกนั่น ทั้งที่บ้านนี้พวกเขาเก็บเงินซื้อมาด้วยกัน เป็นของขวัญแต่งงาน เป็นเรือนหอ…”
“...”
“สองแม่ลูกนั่นขโมยทุกอย่างไปจากพี่ ทั้งครอบครัว ทั้งพ่อ และชีวิตของแม่พี่”
“...”
“เขามีความสุขกันในขณะที่แม่พี่นั่งร้องไห้และหมดกำลังใจที่จะใช้ชีวิตต่อ ขนาดวันที่แม่พี่ตาย ผู้ชายคนนั้นยังไม่สนใจเลย ”


ผมไม่เคยรู้เลยว่าคุณพี่เมฆที่ยิ้มตลอดเวลาจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในบ้าน ความจริงแล้วเรื่องพวกนี้ไกลตัวผมมาก ไม่เคยคิดว่าสิ่งที่อยู่ในหนังจะเกิดขึ้นในชีวิตจริงของบางคน ทั้งที่รู้ก็รู้ว่าภาพยนตร์บางเรื่องมันสร้างจากเรื่องจริงก็ตาม


“เวลาที่เห็นหน้าเด็กคนนั้น พี่คิดถึง… ตอนที่แม่เสีย”


ผมกระชับอ้อมกอดของคนที่อยู่บนตัวเอาไว้แน่นๆ ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร ผมอยากที่จะเป็นความสบายใจของเขา เหมือนกับที่เขาเป็นความสบายใจของผม


ผมอยากจะช่วยเขา

ผมอยากให้ความรักของผม ทดแทนกับสิ่งที่เขาเคยได้รับ


คุณพี่เมฆสมควรได้มากกว่านั้น


“คุณพี่เมฆครับ”
“ว่าไง? เราเมื่อยหรือเปล่า พี่--”


ผมก้มลงไปจูบอีกคนเอาไว้ ไม่ได้คิดอะไรมากกว่าอยากให้เขารู้สึกดีขึ้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่มันถูกหรือผิด ผมแค่อยากบอกเขาว่าผมอยู่ตรงนี้


เขายังมีผมอยู่ข้างๆ ในเวลาแบบนี้


ผมกับเขามองหน้ากันท่ามกลางแสงไฟ ผมส่งยิ้มให้เขา ตอนที่คุณพี่เมฆอยู่ด้านบน สัมผัสของเขาที่แตะไปทุกส่วนนั้นทำให้หัวใจเต้น และในขณะเดียวกันทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น เขาเหมือนเตาผิงในวันที่อากาศหนาว หรือต่อให้ไม่หนาวผมก็จะเขาอยู่ดี


เราจูบกันอีกครั้ง


ผมน่าจะเริ่มเสพติดการจูบของคุณพี่เมฆแล้วล่ะ


“แทนใจครับ … ให้พี่รักแทนใจนะครับ”


แล้วตอนนี้คุณพี่ไม่ได้รักผมอยู่เหรอ?


นี่คือความคิดที่ขึ้นมาในหัว แต่เพียงชั่วครู่ก็ถูกลบไปด้วยจูบของคุณพี่เมฆอีกครั้ง คราวนี้มันทั้งร้อนแรงแล้วก็อ่อนโยนอยู่ในที ผมไม่รู้ว่าควรจะอธิบายจูบของคุณพี่เมฆว่าอย่างไร มันเหมือนคุณพี่เมฆเมื่อครู่มากๆ


เป็นจูบที่ดุดัน เกรี้ยวกราด และร้อนแรงในเวลาเดียวกัน


“ฮื่อ…”


ผมครางฮือเมื่อชุดนอนสีน้ำเงินที่เพิ่งสวมเมื่อครู่ถูกปลดออก ความเย็นของเครื่องปรับอากาศปะทะผิวให้รู้สึกหนาว และอาจจะเป็นแบบนั้นต่อไป หากคุณพี่เมฆไม่กดจูบเบาๆบนหัวไหล่


‘จุ๊บ’


ทั้งที่แค่เป็นจุมพิตเบาๆ แต่มันกลับอุ่นไปทั้งหัวใจ


ผมว่าผมเป็นเอามากแล้ว


“เคยมีเซ็กส์มั้ย?”


คุณพี่เมฆถามในขณะที่กำลังปลดเสื้อผมออก ผมปรือตามองเขา รอยยิ้มบนหน้าคมปรากฏขึ้นเมื่อผมส่ายหัวเป็นเชิงปฏิเสธ เมื่อเห็นรอยยิ้มเขาผมก็หันหน้าหนี มันอายเหมือนกันนะที่ต้องมาคุยกันเรื่องนี้ ถึงแม้จะเป็นเวลาที่ควรจะพูดที่สุดแล้วก็ตาม


“พี่จะไม่รุนแรงกับเรา”
“...”
“เชื่อใจพี่นะครับ”


คำตอบของผมคือการพยักหน้าเบาๆ


เพราะเราไม่ได้ปิดไฟ ทำให้คุณพี่เมฆเห็นสีหน้าของผมชัดเจน เช่นเดียวกับที่ผมมองเห็นสีหน้าของเขา ใบหน้าที่เหมือนกับว่าตัวเองคือผู้ชนะหนึ่งเดียวในสงคราม หรืออาจจะเป็นนักเตะที่ทำประตูได้ในนาทีสุดท้าย ผมไม่รู้เรื่องกีฬามากนัก แต่ใบหน้าของคุณเมฆดูเหมือนเขากำชัยชนะคนทั้งโลกเอาไว้


นั่นรวมถึงเขาชนะผมด้วยหรือเปล่านะ?


“ตรงนั้น... “


ความคิดถูกดึงกลับมาด้วยสัมผัสของอีกคน มือของคุณพี่เมฆที่เล่นกับทั้งหน้าอกและส่วนล่างทำให้ผมเหมือนรู้สึกว่าตัวเองกำลังขึ้นสวรรค์ ถ้อยคำปลอบโยนและรอยจูบแผ่วเบาคอยย้ำเตือนว่าเขาอยู่ตรงนี้ อยู่กับผม


แม้กระทั่งตอนที่เขาเริ่มต้นเบิกทาง


“เจ็บมั้ยครับ?”
“เจ็บ”


ผมกระซิบตอบกลับไปทันที เขาเพียงแค่หัวเราะเล็กน้อยเหมือนกับว่ากำลังเอ็นดู ตามมาด้วยจูบปลอบประโลม ที่ได้ผลมาก มันทำให้ผมคลายกังวลลงได้เยอะ หัวสมองโล่งไปหมด ซึ่งในขณะนั้นคุณพี่เมฆเองก็เริ่มสอดนิ้วที่สองเข้ามา


อึดอัด
อึดอัดไปหมด


ผมหลับตาปี๋ พยายามผ่อนคลายเหมือนดั่งคำที่คุณพี่เมฆคอยพูดอยู่ข้างหู ผมไม่คิดว่าจะต้องอึดอัดขนาดนี้ ผมไม่เคยคิดอะไรถึงจุดนี้เลย ในหัวผมมีแค่เราสองคนรวมกันเป็นหนึ่ง และนี่คือเหตุผลที่ผมยังคงทนอึดอัดอยู่ต่อไป


เพราะอยากเป็นหนึ่งเดียวกับเขา


“ฮึก…”


นิ้วที่สามถูกสอดตามเข้ามาด้วยระยะเวลาไม่ห่างกันเท่าไหร่ ผมพยักหน้าหลับตาปี๋เมื่อคุณพี่เมฆถามว่าไหวมั้ย ยังทนได้หรือเปล่า ผมยังไหว ถึงแม้ว่าจะรู้สึกเหมือนกับกำลังจะโดนทรมานจนอาจจะตายไปก็ตาม


ไม่ ไม่ใช่เลย ความทรมานที่สุดไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น


มันเกิดขึ้นตอนที่เราสองคน เป็น หนึ่งเดียวกันโดยสมบูรณ์ต่างหาก


“ผะ… ผมเจ็บ”
“ชู่ว… แทนใจไม่ร้องนะครับ”


ผมไม่สามารถห้ามความทรมานตอนที่ตัวตนของคุณพี่เมฆเข้ามาจนสุดได้ มันเจ็บเหมือนกับว่าร่างกายแทบจะฉีกขาด อึดอัดแบบที่ผมอยากจะหายไปจากตรงนี้ ไม่อยากทำแล้ว ไม่เอาแล้วได้มั้ย มันเจ็บมาก เจ็บกว่าที่เคยเจ็บมาทั้งหมด


“อยากหยุดมั้ย?”


ทุกสิ่งเงียบงันเมื่อคำถามนี้หลุดออกมาให้ได้ยิน ผมพยายามลืมตามองหน้าคุณพี่เมฆ คนที่อยู่ด้านบนของผมทำหน้าจริงจัง หากผมเอ่ยปากขอ เขาก็คงหยุดทุกอย่างแล้วกลับไปที่จุดเริ่มต้น


“มะ… ไม่ต้อง”
“...”
“ทำต่อนะ ทำแทนใจต่อนะครับพี่เมฆ”


ทุกอย่างผมทนได้ ต่อให้เจ็บกว่านี้อีกสิบเท่าผมก็ทนได้
ทั้งหมดเพื่อเหตุผลเดียว … เพราะผมอยากที่จะเป็นหนึ่งเดียวกับเขา


“ครับ”


รอยยิ้มชัยชนะบนหน้าเขาทำให้ผมตาพร่า หัวใจเต้นรัวเร็วเหมือนจะหลุดออกมาข้างนอกเสียให้ได้ มันตื่นเต้นกว่าตอนที่แอดมิชชั่นติดหรือได้งานครั้งแรก ความเจ็บปวดทางร่างกายถูกเอาชนะด้วยความต้องการทางจิตใจ ไม่ใช่กามารมณ์ แต่เป็นความต้องการที่จะให้คุณพี่เมฆมีความสุข


ผมอยากเป็นความสุขของเขา


จังหวะเนิบนาบในช่วงแรกถูกเร่งขึ้นเมื่อผมเริ่มปรับตัวได้ ถ้อยคำหวานหูและสัมผัสเล้าโลมในทุกจุดของร่างกายช่วยเบี่ยงเบนความสนใจจากความทรมานไปได้เยอะ มือของเขาที่แตะประสาน รอยจูบ ทุกอย่างของคุณพี่เมฆเหมือนเชื้อเพลิงที่แผดเผาผมให้จมไปในความเร่าร้อนนี้


“พร้อมกันนะครับ”
“อื้อ…”


จังหวะถูกเร่งขึ้นอีกครั้งเมื่อสมควรแก่เวลา เราสองคนสอดประสานร่างกาย เขาส่งมาผมรับต่อ เราจ้องหน้ากัน ผมอยากมองหน้าเขา อยากจดจำวินาทีที่เราอยู่ด้วยกันตรงนี้เอาไว้ให้ได้มากที่สุด


“อ๊ะ…”


ผมยอมแพ้หลับตาเมื่อร่างกายเกร็งไปทุกส่วน แทนใจน้อยร้องไห้ออกมามากมาย คุณพี่เมฆเร่งจังหวะอีกไม่นานก็ส่งเสียงครางหนักๆแล้วปลดปล่อยตามมา พวกเรานอนหอบกันอยู่บนเตียงกว้าง ข้างกันและกัน

เราจูบกันอีกครั้ง และอีกครั้ง


เซ็กส์ครั้งแรกไม่เหมือนกับที่ผมเคยจินตนาการเลยสักนิด
มันร้อนแรง มันเจ็บปวดและอึดอัด และมัน… เต็มไปด้วยกลิ่นอายของคุณพี่เมฆ


เป็นประสบการณ์ที่มีความหมายกับผมมากจริงๆ



.
.
.



เมื่อเสร็จสมอารมณ์หมาย แฟนผมเขาก็หิ้วผมเข้าห้องน้ำแล้วไปอาบน้ำให้ครับ เขาทำความสะอาดให้ทุกซอกทุกมุมจนผมอายจนไม่รู้จะต้องอายยังไง แต่เขาก็ยังบอกว่าไม่เป็นไร เขาทำผมเลอะแล้วก็ทำผมเหนื่อย ก็ต้องทำความสะอาดให้นั่นแหละถูกแล้ว

“แทนใจ”
“อือ”
“พี่ยังไม่พอเลย พี่ยังรักเราไม่พอ”
“อือ…”

ผมรับคำเขาในลำคอ มือที่ไล้ไปตามร่างกายชวนให้รู้สึกใจเต้น แต่ผมขอเขาเอาไว้ว่าไม่ให้เอาเข้ามาแล้ว เพราะคุณพี่เมฆทำท่าจะต่ออีกรอบตั้งแต่วางผมลงในอ่าง แต่เพราะว่าผม … บวมมาก … และหากมากกว่านี้มันต้องอักเสบแน่ๆ คุณพี่เมฆเลยยอมหยุดอยู่แค่นี้


แค่ชูวับชูวับกันอีกครั้ง


ซึ่งเป็นการชูวับชูวับ ที่ไม่เหมือนกับครั้งแรกของเราเลยสักนิด


เพราะตอนนั้นสติของผมมีอยู่ประมาณกึ่งหนึ่งเท่านั้น ทุกอย่างเป็นไปตามสัญชาตญาณ แต่ครั้งนี้ผมรู้สึกตัวดีทุกการสัมผัส ตอนที่เรามองหน้ากัน ตอนที่น้องชายของพวกเราร้องไห้ออกมาพร้อมกัน ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในความรับรู้และสติเต็มร้อยของผมทั้งหมด



“แทนใจ”
“หือ?”


คุณพี่เมฆพเรียกผมเบาๆ ตอนนี้เรานอนกอดกันอยู่บนเตียงสีฟ้าหลังเดิม ผมเริ่มจะเบลอๆแล้วครับ เพราะเมื่อกี้คุณพี่เมฆหายาแก้อักเสบกับยาแก้ปวดมาให้กิน ซึ่งไอ้ยานั่นมันทำให้ง่วงมากจริงๆ ตอนนี้ตาผมหนักมากเลยครับ


“ขอบคุณนะครับ”
“งืม”
“พี่รักเรามากนะ เราเป็นของพี่แล้วนะ”
“งืม”


ผมก็รักพี่มากเหมือนกัน

มากจนไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถรักเขาขนาดนี้ได้ในระยะเวลาเพียงสั้นๆ

เสียงของผมตอบรับเขาในความคิด ซึ่งสิ่งที่ออกไปจริงๆคือการรับคำสั้นๆเท่านั้น ก่อนจะค่อยๆหลับไป รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงแว่วๆมาจากที่ไกลๆ แต่ผมไม่สนใจอะไรแล้ว ไม่สนว่าเขาจะน่ากลัวแค่ไหน หรือความสัมพันธ์ของเรามันจะยั่งยืนได้อีกนานเท่าไหร่


ในวันนี้ … ผมเป็นของเขาโดยสมบูรณ์


ทั้งตัวและหัวใจ



------- TBC -------


ยังไม่จบนะทุกคน ปมยังเหลืออีกบานเลยค่ะ 5555555555

ในที่สุด เขาก็ได้กันอย่างเป็นทางการแล้วนะคะ *จุดพลุ*
ขนาดมาถึงตอนนี้แล้ว ลาสบอสก็ยังไม่ออกค่ะ 55555


ขอบคุณทุกๆคนที่อ่านนะคะ แคอ่านเราก็ดีใจมากๆแล้ว และคนที่ feedback กลับมาในช่องทางต่างๆ ทั้งที่นี่ และที่ทวิตเตอร์ เราเห็นทั้งหมด แล้วก็อ่านทั้งหมด ขอบคุณจริงๆค่ะ ทุกอย่างทำให้ชีวิตวันทำงานของเราไม่น่าเบื่อค่ะ เพราะเราจะจำ แล้วก็เอามาเขียนนิยาย 55555

ขอบคุณมากจริงๆค่ะ แล้วเราจะรีบมาต่อเร็วๆนี้นะ (แต่เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณงานในมือด้วยค่ะ นี่ยังไม่เคลียร์งานวันนี้เลย ล้องแล้ว)

เหมือนเดิมนะคะ ใครมีอะไร ไม่ว่าจะติจะชม เรารับหมดเลย ได้ทุกช่องทาง ทั้งคอมเมนต์ และแท็กนิยาย #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ขอบคุณอีกครั้งค่า XD

@Babybaphomet


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-08-2018 19:41:45 โดย babybaphomet »

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

ออฟไลน์ Piima

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
คริคริคริ

ในที่สุดน้องก็เสร็จพี่เมฆ

แต่หนูไม่ค่อยอ่อยเค้าเท่าไหร่เลยนะลูก

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
คุณพี่เมฆคนชั่วววว รังแกน้องงงงงง  :hao7:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
น้องแทนใจจ โดนพี่เมฆกินซะแล้วว
ยังเหลือปมอีกเยอะะ โหห ผ่านไปด้วยกันนะทั้งสองคนน

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
แทนใจโดนกินซะแล้ว มันไม่ใช่สถานการณ์ที่ควรจะถูกกินเลยอ่ะ มันหย่วงอยู่แป้บๆ พี่เมฆโหมดหื่นมายังไง

ออฟไลน์ EunJin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
สนุกมากกกก ชอบความตรงไปตรงมาของแทนใจ ไม่ยืดเยื้อเวิ้นเว้อ
พี่เมฆดูอบอุ่นจัง โอ้ยยยยฟิน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
แทนใจน่ารักกก 555 ใสซื่ออออ

ออฟไลน์ imac

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1

ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
17th Monday : มุมมองของคนที่รักวันจันทร์ (คุณเมฆเล่าบ้าง)
#เรื่องของคนที่รักวันจันทร์




ทำไมน่ารักจังวะ?


ผมนอนมองแฟนที่หลับเป็นตายหลังจากที่เราเพิ่งกอดกันเสร็จ ผมลูบหน้าม้าของแฟนเล่น ตามปกติหลังจากที่มีเซ็กส์จบผมจะเหนื่อยมาก แต่ครั้งนี้ผมยังไม่อยากหลับ ผมยังอยากนอนมองหน้าคนของผมก่อน


แทนใจเป็นของผมแล้ว เป็นของผมคนแรก และจะเป็นของผมคนเดียว


รอยยิ้มผุดขึ้นมาบนใบหน้าทันทีเมื่อคิดถึงความจริงข้อนี้ ตั้งแต่วันแรกที่เห็นใบหน้ากลมๆนี่จนถึงตอนนี้ ผมชอบเขามากขึ้นทุกวัน จนกลายเป็นความรักตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ โคตรเลี่ยนแบบที่ถ้าไอ้แว่นกฤติได้ยินคงทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ผม  แต่มันคือความรู้สึกที่ผมมีต่อแทนใจ


ผมรักเขา


อยากจะปลุกเจ้าแก้มกลมขึ้นมากระซิบบอกรักซ้ำๆ แต่ถ้าทำแบบนั้นผมคงต้องชกตัวเองข้อหาแกล้งแฟนที่กำลังเหนื่อยโดยไม่จำเป็น ถึงแม้ตอนแทนใจงอแงจะโคตรน่ารักน่าแกล้งให้ร้องไห้เลยก็เถอะ


ยิ่งคิดยิ่งดูโรคจิต แต่โรคจิตกับแฟนไม่เป็นไรหรอกมั้ง? เป็นเหรอ? ผมว่าไม่นะ


‘ฟี่…’


ผมยิ้มเหมือนพี้ยาเมื่อแทนใจพลิกตัวแล้วกรนเบาๆ บ่งบอกว่าเจ้าตัวหลับสนิทมาก (แถมท่าทางจะเหนื่อยมากด้วย ก็ไม่แปลก บ่นงุ้งงิ้งมาตั้งแต่รอบแรก แต่ผมอดใจไม่ไหวจริงๆ) แทนใจตอนหลับไม่ต่างจากตอนตื่นเท่าไหร่นัก แก้มกลมๆนั่นยังดูน่ารักน่าบีบเหมือนเคย ไม่แปลกใจทำไมทุกคนโอ๋แทนใจกันขนาดนี้


กว่าผมจะได้จีบแทนใจตรงๆนี่ผ่านหลายด่านมากครับ ทั้งซุกซน ทั้งไอ้แว่นกฤติ นี่ยังไม่รู้ว่าถ้าเจอน้องแทนกายอะไรนั่นของเจ้าตัวจะขนาดไหน เด็กอะไรโคตรหวงพี่ เอาเถอะ อยากหวงแค่ไหนผมก็ไม่แคร์อยู่แล้ว อย่ามาทำให้พวกผมเลิกกันก็พอ


หลังจากนอนเล่นผมแฟน (ผมละชอบคำนี้จริงๆ) มาสักพัก ผมก็คิดว่าผมลางานให้ทั้งตัวเองแล้วก็แทนใจเลยละกัน คิดได้ดังนั้นก็หยิบโทรศัพท์ที่ปิดเสียงไว้บนหัวเตียงขึ้นมาถ่ายรูปแทนใจที่นอนแก้มแนบหมอน


‘แชะ’


น่ารัก น่ารักฉิบหาย แฟนใครวะแม่งเอ๊ย


3.10 a.m.


mek: คุณ ยังไม่นอนใช่มั้ย?
ไอ้แว่นกฤติ: ที่บ้านไม่สอนเหรอครับ ว่าทักคนอื่นตอนนี้ไม่ใช่มารยาทที่ดี
mek: พรุ่งนี้แทนใจลางานนะ ป่วย
ไอ้แว่นกฤติ: ป่วย?
ไอ้แว่นกฤติ: ขอความจริง
ไอ้แว่นกฤติ: คุณทำอะไรกระต่ายผม



กระต่ายผมต่างหาก!


อยากจะตอบกลับแบบนี้มาก แต่ผมจะไม่หัวร้อน วันนี้วันดีที่แทนใจเป็นของผมแล้ว ผมจะไม่หัวร้อนใส่ไอ้แว่นที่ชอบมาเกาะแกะแทนใจของผมหรอก ทำได้แค่มองก็เงียบไปครับ คนจริงเขาจะเดินกัน


mek: โอเค ลาแล้วนะ พรุ่งนี้แทนใจไม่ไปทำงาน ถ้าไม่ดีขึ้นก็อาจจะลามะรืนด้วย
mek: ถ้าไม่ติดว่าน้องน่าจะห่วงงานก็จะให้ลาทั้งอาทิตย์หรอก
ไอ้แว่นกฤติ: …
ไอ้แว่นกฤติ: ให้กินยาแก้อักเสบ ยาแก้ไข้ แล้วก็ยาแก้ปวดให้กระต่ายด้วย



ผมไม่ตอบอะไรเพราะป้อนน้องไปหมดแล้ว ผมไม่เคยมีความคิดที่จะปล่อยให้แฟนทรมานอยู่แล้ว แต่ถ้าทรมานเพราะผมนี่ก็อีกเรื่องนึงนะ เอาไว้ค่อยมาคุยกันใหม่


คุยกับไอ้แว่นแล้วก็นึกถึงตอนที่เจอแทนใจครั้งแรกไม่ได้


สักเมื่อประมาณเกือบปีที่แล้ว วันนั้นผมเข้ามาออฟฟิศหลังจากไปอยู่ไซต์งานต่างประเทศมาสามเดือน มาคุยกับพี่ก้องเพราะเขาอยากได้ผมกับไอ้เบิร์ดมาเป็นโปรเจคเมเนเจอร์ แทนตำแหน่ง Senior engineer ที่ทำอยู่ตอนนี้ พอคุยเสร็จเจอไอ้แว่นกฤติพอดีเลยไปนั่งกินกาแฟกัน


แล้วผมก็เจอเขา


“คุณกฤติ ลงมาทานกาแฟเหรอครับ?”


ผมที่กำลังเล่นมือถืออยู่เงยหน้าขึ้นเมื่อมีคนมาทักไอ้แว่นกฤติในร้านกาแฟ เด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักที่ผมรู้สึกเอ็นดูตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นส่งยิ้มให้ไอ้แว่นกฤติ ซึ่งมันก็รับไหว้พร้อมกับคุยกันนิดหน่อย


“เป็นไงมั่งครับ ปรับตัวได้หรือยัง?”
“งานก็ดีครับ” น้องเขาพูดยิ้มๆ ใบหน้าน่ารักเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วนิดหน่อยเหมือนมีเรื่องอะไรในใจ “แต่…”
“แต่?”
“แต่ลูกค้ากวนประสาทมากครับ”
“...”


ผมกะพริบตางงๆ ส่วนไอ้แว่นกฤตินี่นิ่งไปนิดหน่อย น้องเขาคงไม่ทันได้สังเกตเลยพูดต่อ


“ผมได้ดูเกาหลีใช่มั้ยครับ ไม่เคยคิดว่าเลยว่าคนเกาหลีจะเรื่องมากขนาดนี้ คุณกฤติรู้มั้ยครับเมื่อวานลูกค้าที่บริษัท xxx เขาติดต่อมาก Park Chan-cha-la อะครับ บอกว่าจะเอาของด่วนมาก ด่วนที่สุดในโลก อะผมก็เร่งให้ ไปขอยืมอะไหล่จากทั้งออเดอร์ของคุณโน้ต ออเดอร์คุณเชน ขอซุกกซนมันก็ไม่ให้ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นครับ คือผมขอของคนอื่นมาเยอะมาก แต่ว่าสุดท้ายแล้วเขาแคนเซิลออเดอร์อะคุณกฤติ!! แคนเซิล แบบ last minute cancellation เลยอะ ผมนี่แทบจะยืนขึ้นมาบนโต๊ะ บ้าไปแล้ว ผมหัวหมุนทั้งวันเพื่อเจอว่าเขาแคนเซิลอะครับ เศร้ามาก”


“...”


“ยังมีอีกนะครับ อีกเคสนึง ที่ผมไปขอให้คุณช่วยดูเมื่อสัปดาห์ที่แล้วอะครับ ที่เขาบอกว่าเราส่งของไปไม่ครบ คุณ Kimๆ อะไรสักอย่างอะครับ คิมทรัพย์จาง อะไรไม่รู้อะครับ ที่ผมเอา packing list ไปยันแล้วอะไรก็แล้ว เมลหาทุกคนให้ช่วยหา  สรุปว่าของครบนะครับ แต่เขาเอาออกจากกล่องไม่ครบเอง ผมนี่ปวดหัวมากเลย แทบร้องไห้แต่ร้องไม่ได้เดี๋ยวดูไม่เท่ เดี๋ยวซุกซนล้อด้วย แค่นี้ซุกซนเขาก็ชอบแกล้งผมอยู่แล้วอะ”


“...”


น้องเขาพูดเรื่องแบบนี้กับหัวหน้าได้ด้วยเหรอวะ?


“อุ่ย!” เหมือนเด็กน้อยจะเริ่มรู้ตัวแล้วว่าตัวเองพูดมากไปหน่อย เพราะทำหน้าเหมือนกระต่ายตื่นตอนที่เห็นผมกับไอ้แว่นนั่งมองน้องเงียบๆ

 “พอดีเลย กาแฟได้แล้ว … ผมบ่นอะไรเยอะแยะเลย ขอโทษทีนะครับ ผมไปแล้วนะครับ สวัสดีครับ เจอกันข้างบนนะครับ อย่าเพิ่งไล่ผมออกเลยนะผมเพิ่งทำบัตรเครดิตไป”





น้องเขาขอตัวกลับขึ้นไปทำงานหลังจากที่กาแฟที่ตัวเองสั่งได้แล้ว และพร้อมด้วยทิ้งความประทับใจเอาไว้ด้วย มองตามจนลับสายตา


เด็กอะไรหน้าตาน่ารักแต่บ่นเก่งชะมัด ตลกดี


“เมื่อกี้คุณได้ฟังที่น้องเขาพูดหรือเปล่า เขาเป็นแบบนี้ตลอดเลยเหรอ?” ผมถามออกไปด้วยความสงสัย ไม่บ่อยหรอกครับที่เราจะเจอลูกน้องด่าลูกค้าให้หัวหน้างานฟัง


“ไม่ครับ ผมมองหน้าเขาอย่างเดียว ไม่ได้ฟังว่าเขาพูดอะไร”
“...”
“เราต้องมี function การตัดเรื่องไร้สาระออกจากหัวบ้างครับ เก็บแต่สิ่งน่ารักน่ามองไว้ก็พอ”


แผนกนั้นแม่งมีแต่คนแปลกๆว่ะ ผมเริ่มสงสัยแล้วว่าคุณโน้ตที่ดูเหมือนจะปกติจะมีอะไรซ่อนอยู่อีกคนหรือเปล่า ขนาดเด็กหน้าตาน่ารักยังบ่นเก่งเลย แปลกคนจริง


“แทนใจ เด็กใหม่แผนก เพิ่งมาทำงานได้ไม่กี่เดือนเอง”


ไอ้แว่นกฤติพูดขึ้นมาเหมือนรู้ว่าผมกำลังคิดเรื่องน้องเขาอยู่  ผมยักไหล่เหมือนไม่สนทั้งที่ในใจจดชื่อน้องเขาเอาไว้แม่น แทนใจ… ชื่อน่ารักแฮะ


“อย่ายุ่งกับน้องเลยนะ ให้เขาไปเจอคนดีๆเถอะ”
“รู้ได้ไงว่าผมจะยุ่ง”
“สายตาคุณมันฟ้อง”


ไอ้แว่นกฤติยกชาร้อนตัวเองขึ้นมาดื่ม เห็นแบบนี้ผมสนิทกับมันนะครับ ถึงแม้จะเป็นมิตรภาพที่ดูแปลกไปสักหน่อย เพราะผมเกลียดมัน และมันก็เกลียดผมเช่นเดียวกัน


เรารู้จักกันหลายปีแล้วครับผมกับไอ้แว่นนี่น่ะ แล้วก็เกลียดกันมาตั้งแต่ตอนนั้น มันไม่ได้ทำให้อะไรให้ผม เช่นเดียวกับที่ผมไม่ได้ทำให้อะไรให้มัน แค่คนสองคนที่เหมือนกันจนเกินไปเลยอยู่ด้วยกันไม่ได้น่ะครับ ความเลวเลเวลเดียวกันเลย


“สายตาอะไร คุณแก่แล้วเลยสายตายาวหรือเปล่า?”
“ผมว่าคุณอาจจะไม่อยากแก่ตาย”
“แล้วยังไง? คุณจะเอาชาราดหัวผมเหรอ?”
“เปล่า ผมสนิทกับแทนใจ อยากดูแย่ในสายตาน้องมั้ยล่ะ? เอาเลยครับ ผมจะไม่ห้ามหรอกนะ”


ผมมองหน้ากวนประสาทของไอ้แว่นแล้วยกกาแฟขึ้นตัวเองขึ้นมาดื่มแทน ผมไม่เสี่ยงกับมันอยู่แล้ว ซึ่งไอ้แว่นมันก็รู้ครับ แน่นอน เพราะเราเกลียดกันไง


ผมยักไหล่ให้คำขู่นั้น ทำอะไรผมไม่ได้หรอก ผมไม่ได้จะยุ่งกับน้องเขาสักหน่อย แค่รู้สึกว่าดูแล้วตลกดีเฉยๆ


“น้องเขาอายุเท่าไหร่?”
“ยี่สิบสี่ เพิ่งเรียนจบมาเลย” ไอ้แว่นตอบแบบที่ไม่ได้มองหน้าผม เพราะเจ้าตัวกำลังอ่านเมลในมือถืออยู่ เดาว่าคงเป็นเรื่องเครียดพอสมควรเพราะนั่งขมวดคิ้ว
“น้องยังมีอนาคต ไม่ควรอยู่ใกล้กับคนแบบคุณ”
“ปากว่ะคุณ” อันนี้ด่าที่มันว่าผมครับ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการที่จะได้เป็นหรือไม่เป็นแฟนกับน้องเขา
“ขอบคุณครับ”
“ว่าแต่ น้องเขามีแฟนหรือยัง?”


ผมถามสิ่งที่อยู่ในหัวเพราะเมื่อครู่ไอ้แว่นมันว่าผมเอาไว้ ไม่ได้อยากรู้อะไรขนาดนั้น ไม่เชื่อเหรอ? อ๋อ แล้วแต่อะ


“ตอนสัมภาษณ์บอกไม่มีนะ แต่ผมก็ไม่รู้หรอก เขาอาจจะโกหกก็ได้”
“เดี๋ยวๆ คุณถามเรื่องนี้ตอนรับพนักงานด้วยเหรอ?”


ผมรีบถามกลับพร้อมหันไปมองหน้าคนที่ยังจ้องมือถือแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว ผมคาดว่าคำตอบจะประมาณว่าตัวเขาไปนั่งคุยกันตอนกินข้าวกลางวัน หรือสถานการณ์คล้ายๆกันซะอีก


“ไม่ถามทุกคนหรอก คนนี้ผมอยากรู้เลยถาม”
“สมเป็นคุณเลย”
“ขอบคุณที่ชม”


ผมเลิกคุยกับไอ้แว่นที่ตอนนี้นั่งพิมพ์ยุกยิกในโทรศัพท์ คงนั่งตอบเมลลูกค้าหรืออะไรสักอย่าง เรื่องของมันไม่ได้น่าสนใจสำหรับผมเท่ากับเด็กหนุ่มที่เพิ่งจะเดินจากไปเมื่อกี้ ใบหน้ากลมที่ตกอกตกใจตอนที่รู้ตัวว่าตัวเองพูดมากเกินไปแล้วนั่น …


 น่ารักดี


.
.
.


หลังจากวันนั้นมา ผมก็เฝ้ามองเขามาเรื่อย เด็กแก้มกลมที่มักจะนั่งเงียบๆอยู่ที่แผนก ถ้าไม่เงียบก็นั่งคุยกับเพื่อนข้างๆ ผมหาเรื่องเข้าออฟฟิศบ่อยๆเพื่อจะได้ไปเจอเขา ถึงขั้นตอบรับข้อเสนอพี่ก้องที่จะให้เป็นโปรเจคเมเนเจอร์เพราะงานมันนั่งออฟฟิศบ่อยกว่าออกไซต์เหมือนเอ็นจิเนียร์ก็เพราะอยากเจอกับแทนใจบ่อยๆ แต่เหมือนเขาจะไม่รู้เลยสักนิดว่าบนโลกนี้มีผมอยู่ด้วย


ผมคิดว่า ผมควรจะสร้างโอกาสให้ตัวเองดูบ้าง


แต่จะทำยังไง?


ผมคิดอยู่คนเดียวว่าอาจจะเดินเข้าไปขอทำความรู้จักโต้งๆมันคงดูไม่เหมาะ ผมไม่เคยจีบใคร แล้วก็ไม่ได้คิดจะจีบด้วย แค่รู้สึกว่าน้องเขาตลกดีเลยอยากรู้จักไว้เป็นสีสันชีวิตเฉยๆ ไม่เชื่อเหรอ? แล้วแต่คุณละกัน แต่ผมจะคิดแบบนี้  ช่างเรื่องนั่นก่อน เอาเรื่องน้องแก้มเยอะก่อน


เริ่มเข้าหาเขาวันนี้แหละวะ!


ผมหมายมั่นปั้นมือกับตัวเองเมื่อลงมาสูบบุหรี่ข้างล่างแล้วเจอแทนใจกำลังเดินมึนๆเข้าร้านกาแฟพอดี เท้าไปไวกว่าสมอง วันนี้แหละผมจะต้องสร้างโอกาสให้ตัวเองให้ได้


ผมมองแทนใจจากข้างหลัง นี่เป็นครั้งแรกที่ได้อยู่ใกล้น้องแบบไม่มีคนอื่น (พนักงานหน้าจืดนั่นไม่นับเป็นคนครับ ผมมองเป็นต้นไม้ประดับฉาก) ในหัวคิดแต่ว่าจะสร้างโอกาสให้ตัวเองยังไงดี


“พี่ใช้ AIS หรือเปล่าครับ ตอนนี้มีโปรซื้อ 1 แถม 1 อยู่นะครับ ถ้าพี่สนใจสามารถกดรหัสตามป้ายนี้ได้เลยครับ คุ้มมากเลยนะ”
“วันนี้มาคนเดียวน่ะครับ...ไว้คราวหน้า—“
“ผมใช้ครับ!”


ไอ้สัตว์ กูจะหาโอกาส ไม่ใช่ตั้งใจจะหลุดปาก!


ผมทำหน้านิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ข้างในความคิดตีกันยับเลยครับ วุ่นวายเหมือนตอนนักเตะจะต่อยกันในสนามแล้วกรรมการพยายามจะแยก ฉิบหายมาก ทั้งพนักงานหน้าจืด ทั้งแทนใจมองเหมือนผมจะไปแซงคิวน้องเขาเลย ความประทับใจแรกติดลบแบบได้ไงวะ
 

“ขะ... ของคุณลูกค้ารอคิวหน้านะครับ”
“ไม่ๆ ผมจะเอา 2 แก้ว ของผมกับคุณคนนี้”


ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เลี้ยงน้องไปเลยแล้วกัน การหลุดปากโดยไม่ตั้งใจครั้งนี้ใช้มันเป็นโอกาสไปเลยก็ได้วะ ผมส่งยิ้มให้กับพนักงาน แล้วก็ยิ้มให้กับแทนใจ เพิ่งรู้ว่าน้องเขามีมุมตลกแบบนี้ด้วย เจ้าตัวแก้มกลมทำเหมือนกับว่าผมจะมาแซงคิว ลุกลี้ลุกลนเหมือนกระต่ายตอนตื่นเต้นตกใจ


เหมือนติ๊กต่อกชะมัด คนอะไรทำไมเหมือนกระต่าย ตลกดี … น่ารักดีด้วย 


“เอ่อ…”



พนักงานหน้าจืดที่ดูจะใส่ใจลำดับคิวมากๆเอ่ยขัดขึ้นมาเหมือนไม่แน่ใจ ผมตวัดตาไปมองเขาเล็กน้อย อย่าพูดอะไรมากได้มั้ย ช่วยยืนประกอบฉากเฉยๆจะขอบคุณมาก ผมขี้เกียจคุยด้วย


“เราทำงานที่เดียวกัน”
“...”
“ใช่มั้ยครับ… คุณแทนใจชั้น 27”


ผมทำให้เขาเถียงไม่ออกด้วยการมัดมือชก พูดเรียบร้อยแล้วก็กดสิทธิ์เสร็จสรรพ พร้อมทั้งแย่งจ่ายเงินด้วย แค่กาแฟแก้วเดียวขนหน้าแข้งผมไม่ร่วงหรอกนะ ให้ซื้อร้านกาแฟทั้งร้านยังได้เลย …  ไม่ได้หรอกอันที่จริงแล้ว  อันนี้เวอร์ไปหน่อย คงต้องขอกู้ธนาคารกันอีกยาว


“ปกติคุณชอบดื่มลาเต้เหรอ?”


ผมชวนน้องเขาคุยเมื่อกาแฟของเราได้ทั้งคู่ ท่าทางเขาจะไม่ชินกับการคุยกับคนแปลกหน้าเท่าไหร่ เพราะพูดอะไรนิดหน่อยก็สะดุ้งทำตาโตตลอดเวลา เหมือนกระต่ายตอนตกใจเวลาเจอคนไม่คุ้น


ยิ่งดูยิ่งตลก อยากเห็นอีก


“ใช่ครับ… ว่าแต่คุณรู้จักผมด้วยเหรอ?
“แน่นอนสิ ทำงานที่เดียวกันนี่”


ผมตอบไปแบบชิลๆ ทั้งที่ความจริงอยากจะบอกว่า ในบริษัทมีกระต่ายอยู่คนเดียวคือเรานี่แหละไม่รู้จักก็แย่แล้ว แต่ก็หยุดปากเอาไว้ เพราะมันดูโรคจิตไปหน่อย ถึงแม้ผมจะคิดแบบนี้จริงๆก็ตาม


“คงงั้นมั้งครับ แหะๆ... เอ่อ คุณ...”
“เมฆ”
“เมฆ? คุณเป็นโปรเจคเมเนเจอร์คนใหม่เหรอครับ?”
“ข่าวไปไวเหมือนกันนะเนี่ย ขนาดคุณยังรู้เลย”


เขารู้จักผมเหมือนกัน ไม่เสียแรงที่เดินไปแผนกไอ้แว่นกฤติบ่อยๆ ทนเสียงแซวจากพวกพี่ๆผู้หญิงแถวนั้นจนตัวพรุน เพื่อให้แทนใจจำผมได้บ้าง มันได้ผล ถึงแม้จะเป็นวิธีการที่โคตรอนาถก็เถอะ ผมแค่อยากเล่นกับน้องด้วยก็แค่นั้น


อีกอย่าง ผมว่าน้องตลกดี อยากเห็นหน้าตลกแบบนั้นอีกเยอะๆ


จบวันนั้นด้วยการที่ผมพยายามให้เขาเรียกว่า ‘พี่เมฆ’ แกล้งหลอกก็แล้ว พูดหว่านล้อมก็แล้ว แต่เจ้าตัวก็ยังไม่ยอมเรียกอยู่ดี แย่ชะมัด น่าจะตลกดีนะ


น่าจะน่ารักดีด้วย   







.
.
.

------- 50% -------



สำหรับคนที่ขอตอนของพี่เมฆนะคะ เราเอามาให้แล้ว เย้ะ
ดด้วยรักและติดบนบีทีเอสสองวันแล้วค่ะ เยี่ยมไปเลย ประเทศกรุงเทพฯ

Babybaphomet





ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
น้องแทนใจตลกอ่ะ บ่นลูกค้าเบอร์แรงมาก 555
ว่าแต่ หนูรอดคุณแว่นมาได้ไงคะลูก

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ J2K2411

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พี่แว่นมีคู่มั้ย แอบfc.พี่แว่น

ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
17th Monday : มุมมองของคนที่รักวันจันทร์ (คุณเมฆเล่าบ้าง) -- 100%
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 




วันจันทร์นี้ผมเข้าออฟฟิศครับ เมื่อเคลียร์เอกสารตัวเองเสร็จก็จะหาเรื่องมาหาไอ้แว่นกฤติเพื่อเจอกับน้องแก้มกลมอีกครั้ง ตอนที่กำลังจะเดินเข้าออฟฟิศดันป๊ะกับน้องแทนใจที่เดินถือกระเป๋าตังกับโทรศัพท์ออกมาพอดี โชคดีแฮะ



“แทนใจ”    

“อ้าว คุณเมฆ สวัสดีครับ”



น้องผมยกมือไหว้ผมแบบงงๆ ซึ่งผมก็รับไหว้ด้วยความเต็มใจ หน้าตาน้องดูง่วงมากเลยครับ เหมือนถูกปลุกมาทำงานตั้งแต่ตีสี่ ซึ่งตรงข้ามกับผม ความจริงก็ง่วงนะ แต่กำลังทำหน้าตาสดชื่นอยู่ครับ



“นี่จะไปไหนน่ะเรา?”

“ซื้อกาแฟครับ”

“พอดีเลย ผมก็จะซื้อกาแฟ”



น้องถือกระเป๋าเงินออกมาด้วยนี่ผมก็หมดสิทธิ์เลี้ยงแล้วดิ … แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยหาเรื่องเลี้ยงทีหลัง น้องไม่ค่อยทันคนเท่าไหร่หรอกครับผมรู้



ตอนนี้เด็กแก้มกลมของผมมองผมด้วยสายตาชื่นชมอยู่ครับ เหมือนกับมองไอดอลอะไรทำนองนั้น อยากรู้จังว่าน้องคิดอะไรอยู่ จะคิดว่าผมหล่อหรือเปล่านะ---



“ก่อนเป็นโปรเจคฯ คุณเมฆเป็นช่างอะไรมาก่อนเหรอครับ?”



อ่าว ไม่ใช่แฮะ



หน้าแตกเล็กน้อย แต่ความสามารถในการคีพคูลยังคงอยู่



“บอกให้เลิกเรียกคุณไง”

“แต่ผม--”

“ถ้าคุณไม่เลิกเรียกแบบนี้ ไว้ผมจะเรียกคุณว่าพี่แทนใจบ้างนะ”

“แต่คุณไม่ได้เป็นพี่ผมนี่”

“แล้วคุณรู้ได้ไง”

“ก็หน้าคุณ…ดูมีวุฒิภาวะอะครับ”

“แล้วแทนใจไม่มีเหรอครับ?”

“หือ? ครับ??”

“วุฒิภาวะน่ะ”

 “คุณ?!”



ยืนยันอีกครั้ง ว่าเด็กผู้ชายยิ่งชอบยิ่งแกล้งคือเรื่องจริง หน้าตาน้องเขาตอนที่กำลังงงแล้วอยู่ๆก็เปลี่ยนเป็นเหมือนกับจะโมโห แต่ก็ยังงงอยู่มันตลกดี ผมอยากเห็นอะไรแบบนี้อีกอย่างที่บอก เลยแกล้งเดินหนีออกมาก่อนให้อีกคนเดินตามเพื่อจะดูปฏิกิริยา



“คุณว่าผมทำไม”

“หน้าคุณตลกดี”



ผมพูดเรื่องจริง หน้าน้องเขาตลกจริงๆ … แล้วก็น่ารักด้วยเหมือนกัน





แล้วผมก็หาเรื่องเลี้ยงกาแฟเขาด้วยความสามารถเดียวกับการมัดมือชกลูกค้าและพวกช่างเข้าใหม่หลายๆคนที่ไม่ยอมทำตามที่ผมต้องการ ซึ่งน้องยังงงๆอยู่ผมเลยตะล่อมหาทางชวนไปกินข้าวเย็นด้วยกัน ถ้าเป็นคนปกติน่าจะรู้ได้แล้วแหละว่าผมกำลังเข้าหา แต่นี่คือน้องแก้มกลมไง





“คุณเลิกงานแล้วไปเลี้ยงกาแฟผมไหม? ที่ห้างแถวนี้เป็นไง?

“แล้วคุณไม่ต้องกลับบ้านกลับช่องเหรอครับ?”





ดีนะมากันสองคน ถ้ามีไอ้แว่นกฤติ หรือไอ้เชี่ยเบิร์ดอยู่แถวนี้ผมโดนหัวเราะสมน้ำหน้าใส่แน่นอน



เอาวะวันนี้ไม่สำเร็จ เดี๋ยวครั้งหน้าลองใหม่ก็ได้ ผมชอบน้องเขาและอยากรู้จักมากขึ้นกว่านี้



เกมนี้ผมต้องชนะ

.

.

.






“พี่เมฆ ว่าไงคะ?”



ผมโทรไปที่ operator ของบริษัทซึ่งแทบจะไม่เคยโทรเลยครับเพราะผมไม่มีเรื่องต้องติดต่อด้วยหนึ่ง สองคือน้องเขาชอบชวนคุยอะไรก็ไม่รู้ ผมขี้เกียจคุยด้วย



“สวัสดีครับ ขอเบอร์ต่อของคุณแทนใจหน่อยครับ”

“ให้แนนโอนสายให้---”

“รบกวนขอเบอร์ด้วยครับ”

“อ่าค่ะ” น้อง operator เงียบไปสักพัก ก่อนจะกลับมาพร้อมเบอร์ต่อโต๊ะน้อง “56517 ค่ะ”

“โอเค ขอบคุณมากครับ”





ผมวางสายทันทีโดยไม่รอให้เขาพูดต่อ เมื่อได้เบอร์แล้วผมก็จัดการโทรไปขอยืม USB โง่ๆเพราะอยากได้ยินเสียงน้องเขาตามสายโทรศัพท์แค่นั้นแหละ ซึ่งแน่นอนว่าผมจดเบอร์ต่อน้องเอาไว้เรียบร้อย เผื่อมีอะไรจะได้โทรหาได้ง่ายๆ





แล้วโอกาสก็มาถึงในสัปดาห์ถัดไป วันจันทร์ในตอนเช้าหลังจากที่ผมเคลียร์ธุระปะปังของตัวเองเสร็จ ผมไม่รอช้าที่จะโทรไปหาเด็กแก้มกลมของผมทันที





“นี่ผมเอง”

“ผมไหนครับ?”

“ผมเมฆไง ทำไมไม่รู้ชื่อผมเนี่ยคุณ ผมจะเอา USB ไปคืนน่ะ”





จะบอกว่าโทรไปจีบก็ดูเสี่ยวไปหน่อย วิธีแบบนี้แหละที่เหมาะกับการตะล่อมกระต่ายมาไว้ที่บ้านที่สุดแล้ว





“นี่คุณอยู่ที่โต๊ะใช่มั้ย?”

“คุณเมฆโทรเข้ามาเบอร์โต๊ะนะครับ ผมว่าก็น่าจะเดาได้ไม่ยาก”

“กวนผมอีกแล้วนะคุณ แป๊บนึง เดี๋ยวผมจะลงไปดีดหน้าผาก ห้ามหนี ”





เมื่อลงไปก็เห็นว่าน้องกำลังเล่นกับคนที่แผนกอย่างสนิทสนม ความจริงผมไม่ค่อยชอบหรอกครับที่มีคนอื่นมาดึงแก้มลูบหัวแทนใจแบบนี้ คนที่ทำแบบนี้ควรจะเป็นผมไม่ใช่หรือไง





ตอนนี้ยังไม่มีสิทธิ์หวงอะไร เอาไว้รอผมได้แทนใจมาเป็นของตัวเองก่อน จะไล่ตัดมือทิ้งให้หมด เริ่มต้นที่เพื่อนเตี้ยๆของน้องก่อนเลย ดึงแก้มแทนใจแรงขนาดนั้นได้ไง แก้มน้องแดงเลยเนี่ย





แต่แม่งเอ๊ย น้องแก้มแดงแล้วน่ารักฉิบหาย จะดีแค่ไหนถ้าเขาทำแก้มแดงๆแบบนี้ตอนที่อยู่ด้วยกันสองคนวะ?





.

.

.




“ผมจริงจังกับแทนใจนะ”





ผมพูดกับไอ้แว่นกฤติตอนที่เรามาทานข้าวเย็นด้วยกัน ตอนแรกมันก็จะไม่มาหรอก แต่พอเอาเรื่องแทนใจมาอ้าง เท่านั้นแหละรีบเคลียร์งานมากับผมเลย นี่แหละคือพลังของลูกรักแผนก





เท่าที่สังเกตมาแทนใจดูเหมือนเป็นลูกของแผนกจริงๆ ทุกคนโอ๋เจ้าตัวแบบที่น้องเขาก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร อ๊องไปอ๊องมาวันๆ ยิ่งแบบนี้ผมคิดว่าคนอื่นเลยยิ่งโอ๋





รวมถึงผมด้วยเช่นกัน





“แล้วมาบอกผมทำไม?”

“ขอแม่ของน้องก่อนไง”

“คุณเคยตายมั้ย?”





ผมหัวเราะเมื่อไอ้แว่นมันด่าแบบไม่จริงจัง แต่สุดท้ายก็ยอมช่วยให้ข้อมูลสำคัญๆของน้องอย่างเช่นพวก Facebook เบอร์ แล้วก็ที่อยู่น้องกับผมอยู่ดี



ตอนแรกมันก็จะไม่ให้หรอก แต่ผมจริงจังไง อีกอย่างคือ ผมเองก็กุมความลับมันไว้หลายเรื่องเหมือนกัน เป็นเพื่อนกับไอ้แว่นนี่คือเหมือนเราทำสัญญาซาตานกันครับ






------- Monday In Love --------








วันนี้แหละโอกาสของผม!





ผมหมายมั่นปั้นมือกับตัวเองอีกครั้งเมื่อไปเค้นคอเอาที่อยู่แทนใจจากไอ้แว่นกฤติมาได้ วันนี้ผมว่าผมจะไปรับน้องครับ ทำเนียนๆแบบบังเอิญมาเจออะไรอย่างงี้แล้วให้ติดรถไปด้วยกัน เผื่อจะได้รู้จักน้องมากขึ้นด้วย





ว่าแต่เอาอะไรไปเป็นข้ออ้างดี?





ผมรู้มาจากการคุยกันว่าน้องนั่งรถเมล์มาทำงานเอง เลยไปจอดรถไว้ในโครงการ Community mall ใกล้ๆกับป้ายรถเมล์แล้วก็ BTS แล้วเดินไปซื้อโจ๊กหม้อดินเจ้าดังมาสองถุง เพราะเดาว่าแทนใจคงยังไม่ได้กินอะไรแน่นอน





นี่ผมดีขนาดนี้แล้วนะ เมื่อไหร่น้องจะชอบผมสักทีวะเนี่ย



เอาจริงมานี่คือวัดดวงล้วนๆ ถ้าไม่เจอน้องก็ถือว่าครั้งนี้เฟลไป ไม่เป็นไรเดี๋ยวค่อยไปหาเรื่องเลี้ยงกาแฟตอนสายๆเอาก็ได้



วันนี้โชคน่าจะเข้าข้างผม





ผมยิ้มเมื่อเห็นเป้าหมายเดินรีบๆมายืนหน้าบึ้งอยู่ที่ป้ายรถเมล์ น้องสะดุ้งตกใจเหมือนเห็นผีเมื่อผมเดินไปทัก แล้วทำทีว่ามาซื้อโจ๊ก ถ้าเป็นคนปกติต้องคิดแล้วแหละครับว่ามันแปลกๆ แต่นี่คือแทนใจ น้องดูไม่สงสัยอะไรแล้วขึ้นรถไปกับผมง่ายๆ





โห หลอกไปขายท่าจะได้หลายตัง แก้มเยอะแบบนี้ชั่งแล้วน่าจะหลายโลฯอยู่





น่าแปลกใจที่น้องสามารถอยู่มาบนโลกจนโตขนาดนี้ด้วยความคิดเด็กๆแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเขาเป็นเด็กนะครับ แต่เขาเหมือนเด็ก ในด้านความคิดหลายๆเรื่อง คล้ายกับว่าที่บ้านเลี้ยงมาอย่างดี เลี้ยงเพาะในเรือนกระจก ไม่ให้เจอกับไรฝุ่นหรือมลภาวะทางความคิดและความรู้สึกเลยแม้แต่น้อย แทนใจถึงได้โตมาเป็นเด็กที่น่ารักแล้วก็มองโลกในแง่ดีขนาดนี้





ถึงแม้จะน่าเหนื่อยใจไปหน่อยในบางทีที่น้องเหมือนกับจะสื่อสารไม่รู้เรื่องก็ตาม





เอาเถอะ น่ารักทำอะไรก็ไม่ผิด คุณจะเถียงเหรอ? เถียงสิ ผมก็ปล่อยคุณไว้แบบนั้นแหละ ไม่ได้ชื่อแทนใจผมไม่เสียเวลาสนใจนะ











.

.

.







.

ผ่านมาเป็นเดือนแล้วยังไม่มีอะไรคืบหน้า





ความมองโลกในแง่ดีของน้องเริ่มทำให้ผมไม่มั่นใจว่าจะชนะเกมนี้อย่างที่หมายมั่นปั้นมือไว้จริงๆหรือเปล่า

แต่ก็แค่ไม่แน่ใจนะ เลิกจีบเหรอ? ไม่หรอกครับ ปล่อยไปก็แย่แล้ว น่ารักขนาดนั้น




ตั้งแต่ผมออกตัวจีบแทนใจ (แบบที่เจ้าตัวยังไม่รู้เรื่องจนถึงทุกวันนี้) สรรหาสารพัดเรื่องเพื่อที่จะลงไปเจอหน้าเขาในวันจันทร์ ทั้งยืม USB (ที่มีอยู่เต็มลิ้นชัก) ทำเป็นติดกาแฟ ทำบ้าบออะไรแบบที่ไอ้เบิร์ดมันแซวแล้วแซวอีกผมก็ไม่สนใจ แซวกับผมอะได้ ถ้าไปแซวต่อหน้าแทนใจเมื่อไหร่ผมเอามันตายแน่




ยิ่งพอรู้ว่าผมชอบน้องแทนใจ ไอ้แว่นนี่มาเลยครับ เริ่มต้นกวนโมโหผมอย่างง่ายๆด้วยการเข้าไปเกาะแกะแทนใจต่อหน้าผม บอกเลยว่าวิธีเด็กๆ (แต่มันก็ทำให้ผมหงุดหงิดนั่นแหละ) แต่ยังดีที่มันยอมบอกข้อมูลน้องที่ผมอยากรู้ อย่างพวก Facebook หรือที่อยู่คอนโดฯ ผมเลยไปรับน้องได้ในวันที่รถติด




ที่บอกว่าเด็กผู้ชายยิ่งชอบยิ่งแกล้งคือเรื่องจริง





กับแทนใจผมชอบแกล้งเขา น้องเป็นคนที่ฟังอะไรแล้วเหมือนจะเชื่อทันทีแม้ว่าสิ่งนั้นจะดูไม่น่าเชื่อขนาดไหนก็ตาม ซึ่งนั่นทำให้ผมสนุกมากเวลาที่ได้พูดอะไรตลกๆ แล้วเขาทำหน้าเออออห่อหมกแป๊บนึง แล้วเปลี่ยนเป็นตาโตตกใจ เหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าโดนหลอก



น่ารัก

น่ารัก จนอยากจะจับยัดเข้าปาก เอาใส่กรงไว้ที่บ้าน อยากเลี้ยงเอาไว้ในห้องนอน





ผมอยากเห็นสีหน้าท่าทางหลากหลายจากเขา ยิ่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งอดใจไม่ไหวที่จะได้รู้จัก แทนใจเป็นคนน่ารัก น่ารักจนผมอยากจะกว้านซื้อพจนานุกรมทุกเล่มมาเปลี่ยนคำว่าน่ารักเป็นคำว่าแทนใจให้หมด





น่ารัก น่ารักเกินไป



โดยเฉพาะตอนที่ Company Outing มาถึง ผมนี่ตั้งตาคอยตั้งแต่ได้คุยกับแทนใจแล้วครับ เพราะว่าเขาต้องไปแน่นอน (แผนกไอ้แว่นมีประชุม ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องดีของผม) ความจริงผมไม่เคยสนุกกับมันเท่าไหร่หรอก ออกแนวไปก็ได้ไม่ไปก็ดี แต่เพราะปีนี้มีกระต่ายไปด้วยนี่แหละ ผมเลยหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องไปให้ได้





“ปกติผมเบื่อนะการออกเอาท์ติ้งน่ะ ไม่สิ ไม่เชิงเบื่อแต่ไม่ได้รู้สึกอะไร คิดซะว่าไปเที่ยวแบบทำงาน… แต่ปีนี้ดู น่าสนุก”



ใช่ครับ น่าสนุก ยิ่งเห็นอีกคนทำหน้าซีดเหมือนสัมผัสได้ว่าเรื่องสนุกของผมมีเขารวมอยู่ในนั้นผมยิ่งรู้สึก… ดี



ถึงแม้ผมจะน้อยใจเขาเล็กน้อยที่เขาเรียกไอ้ปกป้องอะไรนั่นว่าพี่ทั้งที่เรียกไอ้คุณปกป้องอะไรนั่นว่าพี่ป้องๆ มันน่าหงุดหงิด แต่ทุกอย่างทดแทนได้ด้วยการง้อของน้องแทนใจครับ



น่ารัก น่ารักมาก น่ารักอย่างสิ้นเปลืองมากๆ



ตอนที่เราดีกันแล้ว แล้วน้องเขาอ้อนผมนี่ผมแทบจะไปยืนตะโกนว่าแทนใจน่ารักบนตึกใบหยกเลยครับ ถึงแม้มันจะเป็นแค่การฟ้องแบบเด็กๆตอนที่โดนซุกซนแกล้งก็เถอะ



“คุณเมฆ ช่วยด้วย ซุกซนแกล้งผมมมม”



พูดธรรมดาก็ไม่ได้นะต้องดึงเสื้อผมไปด้วย โคตรของโคตรแห่งความน่ารัก ในใจผมนี่กู่ร้องดังมาก แต่สุดท้ายแล้วผมทำแค่ลูบหัวปลอบน้องเขาเฉยๆครับ



ผมคิดว่าทริปนี้คงไม่มีอะไรแล้วจนกระทั่งน้องมาเคาะห้องผมเพราะกลัวผี



แค่มาเคาะห้องคนเราต้องน่ารักขนาดนี้เลยเหรอ?



น้องมาในชุดนอนลายทางของตัวเอง พร้อมกับกอดหมอนมาด้วยหนึ่งใบ เอาหน้าซุกหมอนใบใหญ่ของตัวเองแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนจะร้องไห้ พลางช้อนตามองผมอ้อนๆ



“ขอซุกหน่อย”

“ครับ?”

“ผมซุกอยู่กับคุณหน่อยได้มั้ย ขออยู่ที่ห้องคุณแป๊บนึงนะครับ ผม… ผมกลัวผี”



แม่งโคตรน่ารัก



น่ารักเว๊ย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!



ผมคงนิ่งไปนานน้องเลยเหลือบตาขึ้นมามองอีกครั้ง พร้อมอธิบายอู้อี้ๆกับหมอนใบใหญ่ที่แบกมาด้วยอีกรอบ




“แค่แป๊บเดียวก็พอครับ ซุกซนมันไปสิงเล่นไพ่อยู่ห้องพวกไอที เดี๋ยวถ้าซุกซนเล่นเสร็จกลับห้องผมจะรีบกลับเลย ไม่รบกวนคุณเมฆนาน ขออยู่ด้วยแป๊บเดียวจริงๆ ไม่กี่วินาทีจับเวลาเลยก็ได้ เดี๋ยวผมเลี้ยงกาแฟคุณเลยก็ได้ ให้ผมอยู่ด้วยนะครับ”



“ใจเย็นๆ ไม่ต้องทำหน้าจะร้องไห้ขนาดนั้นก็ได้ เข้ามาก่อนสิ”



ผมเปิดประตูท้องที่กวาดล้างไอ้เบิร์ดไปแล้ว ผมพร้อมที่จะให้แทนใจอยู่ที่นี่จนถึงพรุ่งนี้เลยครับ ถ้าน้องยอมน่ะนะ แต่แทนใจเหมือนจะยังเกร็งๆ น้องมาถึงก็จุ้มปุ๊กบนโซฟา แล้วกดโทรศัพท์ยิกๆ ไม่ขยับเลย จนผมกลัวว่าน้องจะเกร็งจนปวดตัว เลยชวนน้องลงมานั่งบนเตียง



บริสุทธิ์ใจนะครับ ฝากไว้เผื่อใครคิดมาก




“ทำตัวกลมอยู่บนโซฟาน่ะ เมื่อยมั้ย?” ผมตบที่เตียงข้างตัวเพราะมันน่าจะนั่งสบายกว่า



“มานั่งนี่ดีกว่า”

“ไม่เอาอะ”

“กลัวเหรอ?”




ผมหมายถึง น้องเขากลัวผมจะทำอะไรเหรอ? แต่เหมือนเขาจะตีความหมายผิดเป็นกลัวผี โอ๊ย เอาตามตรงผมลืมเรื่องผีสางอะไรนั่นตั้งแต่ออกจากห้องซุกซนแล้ว แต่เหมือนน้องจะยังไม่ลืม ก็ขอบคุณผีเด็กอะไรนั่นที่ทำให้แทนใจกลัวจนมาขอซุกผมอะนะ





ยกความดีความชอบให้ อยากกินอะไรกระซิบไว้ได้เดี๋ยวทำบุญไปให้ถ้าผีพุทธ ถ้าไม่พุทธก็เรื่องของผีแล้วครับ หากินเอาเองละกัน ไม่ได้ชื่อแทนใจไม่มีบริการเลี้ยงอาหารนะบอกก่อน




“ไม่ได้หมายถึงผี หมายถึง… กลัวพี่เหรอ?”



น้องเหมือนจะนิ่งไปเมื่อผมถาม แต่สักพักเหมือนจะรู้สึกตัว แล้วก็แย้งขึ้นมาอย่างน่ารัก



“ผมไม่ได้กลัวพี่ ผมจำได้! แล้วผมก็จะไม่ลืมด้วย!”

“...”

“ผมแค่… ผมไม่รู้ว่าควรจะต้องทำยังไง”

“…”



“ผมแค่ไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน ผมไม่เคยมีแฟน ไม่เคยอยู่ในความสัมพันธ์แบบคนรักหรือคู่นอนกับใคร ไม่เคยทำแบบนี้ ไม่เคยรู้สึกแบบนี้ เมื่อคืนเป็นครั้งแรกของผมที่ได้ชูวับชูวับกับคนอื่น”



ชูวับแปลว่าอะไรวะ? น้องร้องเพลงเหรอ? แล้วผมไปร้องอะไรกับน้องเขาตอนไหน?




ผมเลือกที่จะไม่สนใจแทนใจกับภาษาไทยของน้อง เพราะมัวแต่มองเด็กที่ก้มหน้าก้มตาพูดนั่นนี่งุ้งงิ้งอยู่ครับ น้องเอาหน้าซุกหมอนไปด้วย น่าจะเพราะกำลังซ่อนหน้าแดงแจ๋ของตัวเอง น่ารัก!!!! น่ารักจนอยากกลืนเข้าไปทั้งตัวเลย




   หลังจากนั้นแทนใจก็พูดอะไรงุ้งงิ้งยืดยาวจนผมฟังไม่ทัน น้องพูดจนผมกลัวว่าจะเหนื่อยก่อนเลยช้อนแทนใจมาทั้งก้อนเลยครับ พอดีมือเลยแฮะ หิ้วสบายมาก



“คุณเมฆ ผมเดินเองได้”

“พี่แบกได้ครับ พี่แข็งแรง ถึงแก้มเราจะหนักก็เถอะ”



น้องไม่ได้พูดอะไรอาจจะเพราะกำลังงงอยู่ เมื่อกี้ท่าทางจะปล่อยออกมาหมดแม็กแล้วครับ มาหมดทุกอย่าง ลูกค้า ภาษี อะไรที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผีก็มา แต่น่ารักครับ คนน่ารักจะพูดอะไรผมก็ว่าน่ารักทั้งนั้น จะด่าการเมืองแค่ไหนผมก็มองว่าน่าเอ็นดูอยู่ดี



“ตกลง… คุณโกรธอะไรผมเหรอเมื่อวาน”



ผมเงียบเมื่อคำถามแบบนี้วนกลับมาอีกครั้งจนได้ ไม่ใช่ว่าผมตั้งใจจะปิดน้องหรืออะไร แต่ผมเป็นคนพูดเรื่องปัญหาของตัวเองไม่เก่งเลย ไม่เลยสักนิด อีกอย่างคือ ผมคิดว่ามันออกจะงี่เง่าเล็กน้อยเมื่อน้อยใจอะไรไร้สาระอย่างการที่เขาเรียกคนอื่นว่าพี่ แต่ไม่ยอมเรียกผมแบบนั้น



น้องจะล้อผมมั้ยวะ?



แต่แทนใจก็ยังคงเป็นแทนใจ น้องไม่ได้ว่าอะไร แต่พูดด้วยความน่ารักจนผมรู้สึกว่าผมอยากที่จะเป็นเจ้าของน้องเขา ให้แทนใจเป็นแค่ของผมเท่านั้น ไม่อยากรออะไรอีกแล้ว



“พี่ชอบเรา พี่อยากคบกับเรา อยากเป็นแฟน อยากเป็นคนรักของเรา”



พูดออกไปแล้ว



ผลตอบรับไม่ต่างจากที่คิดเท่าไหร่นัก น้องทำหน้างง แก้มกลมๆคงต้องแดงแปร๊ดแน่นอน เพราะเจ้าตัวเล่นติดอ่างเหมือนกับไม่รู้ว่าควรจะต้องตอบอะไร ผมว่านี่อาจจะเกินลิมิตแทนใจในวันนี้ไปแล้วก็ได้ละมั้ง





“ผม … อ่า … ผม”

“เราไม่ต้องตอบพี่ตอนนี้ ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น วันนี้ก็นอนไปก่อน แล้วเดี๋ยววันจันทร์ก็ไปกินกาแฟกันเหมือนเดิม โอเคมั้ย?”

“ครับ”

“เด็กดี”





เป็นเด็กดีของพี่คนเดียวนะครับ



เพราะถึงแม้น้องอยากจะไปเป็นเด็กดีของคนอื่น ผมก็ไม่ยอมแน่นอน



บอกแล้วว่าในเกมนี้ ผมจะต้องชนะเท่านั้น



.

.

.




ถึงแม้ว่าน้องไม่ได้ตอบรับความรู้สึกผมในทันที แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด




ผมพยายามแทรกซึมตัวเองเข้าไปอยู่ในชีวิตแทนใจ ซึ่งทำสำเร็จ เพราะหลังจากกลับจาก Company Outing แล้ว ผมกับแทนใจสนิทกันขึ้นไปอีกขั้น การที่น้องเขายอมโอนอ่อนแล้วก็ไม่ได้รังเกียจสัมผัสของผมนั้นทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองมีหวัง



และผมคิดว่าผมน่าจะชนะในเกมนี้



ผมมั่นใจขึ้นอีกครั้งเมื่อแทนใจเขินผม คนไม่รู้สึกอะไรจะเขินกันทำไมล่ะจริงไหม? ไม่จริงเหรอ? เรื่องของคุณ ผมว่ามันจริงก็คือมันจริงสำหรับผม



“ทำไมคุณชอบชวนผมลงมาทานกาแฟวันจันทร์ทุกที”

 

ผมนึกเรื่องที่แทนใจเคยถามในวันจันทร์หนึ่งที่พวกเราลงมาทานกาแฟด้านล่างกันสองคนเหมือนปกติ ตอนนั้นผมตอบแทนใจไปอย่างหล่อๆว่า

 

“เพราะผมเข้าออฟฟิศแค่วันจันทร์วันเดียวไง”



นั่นเป็นความจริงครับ ผมเข้าออฟฟิศแค่วันเดียว มีโอกาสทำคะแนนแค่วันเดียวเท่านั้น ใช้มุกเด็กน้อยขอเลี้ยงกาแฟอีกคนเพื่อให้ได้เจอกันบ่อยๆ แล้วมันก็สำเร็จ ต้องขอบคุณวันจันทร์และร้านกาแฟที่ทำให้ผมมีโอกาสได้เข้าใกล้แทนใจจนเขามาเป็นของผมเหมือนอย่างตอนนี้



ผมโคตรรักวันจันทร์เลยว่ะ



แต่รักแทนใจมากกว่านะ ไม่อยากรู้เหรอ? อ๋อ เรื่องของคุณ




.

.

.





Rrrr



โทรศัพท์มือถือแฟนผมดังขึ้นมาขัดความคิดของผมที่มีต่อคนข้างๆ



ผมเหลือบมองหน้าจอนิดหน่อย ชื่อที่ขึ้นมาทำให้ผมขมวดคิ้ว แต่เรื่องส่วนตัวน้อง ผมจะไม่ถือวิสาสะรับสายแทน



 ตอนแรกผมกะจะกดตัดสายเพราะว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของอีกคน แต่การงึมงำอ้อนๆว่า ‘คุณพี่เมฆรับให้หน่อย รับโทรศัพท์ผมให้หน่อยนะครับ รับให้หน่อยน้า’ ของอีกฝ่ายน่าเอ็นดูจนปฏิเสธไม่ได้ ถึงแม้ว่าผมจะไม่อยากยุ่งกับไอ้เด็กติดพี่นี่เท่าไหร่ก็ตาม



“สวัสดีครับ แทนใจนอนอยู่ มีอะไรก็ฝากไว้ก่อนละกันนะครับ”



“...” ปลายสายเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามสั้นๆ “นั่นใคร?”




“เมฆ แฟนแทนใจ”




บอกแล้วว่าในเกมนี้ ผมต้องชนะเท่านั้น





-------- TBC --------










ขอโทษที่มาแค่นิดๆนะคะ ไม่มีอะไรแก้ตัว

ช่วงนี้ชีวิตพังมาก งานรุมเร้า เงินควรรุมรักเราแบบนี้บ้าง ;_________;


ใครอยากได้แทนใจเป็นเล่มเริ่มหยอดกระปุกกันได้แล้วนะคะ เร็วๆนี้น่าจะมีข่าวดี แฮ่ XD





Babybaphomet


ปล เสียดายลุงป้--- โฆษณาช้าไปหน่อย ไม่งั้นจะให้ตอนนี้ชื่อว่า #มุมน่ารักของลุงเมฆ

ปลล ถ้าติดคุกกี้ขอแค่ wifi เราก็ต่อนิยายได้ค่ะ

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ใครโทรมาน่ะ พี่เมฆถึงได้แนะนำซะเต็มขนาดนั้น

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
น้องแทนกายโทรมาแน่ๆ  :hao7:
ปล อยากอ่านมุมคุณพี่เมฆตอนน้องถามว่าจะมีอะไรกันเมื่อไหร่จังเลยค่ะ 555555555555555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด