#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)  (อ่าน 90396 ครั้ง)

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
มันทำให้เราหัวร้อน  :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
20th Monday -- 100%
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 









พวกผมเดินกันมาที่ร้านกาแฟเจ้าประจำ พนักงานชายที่รับออเดอร์ยังส่งยิ้มสดใสเหมือนเดิม ผมส่งยิ้มฝืนๆให้เขาไปตอนที่น้องเขาพยายามจะมองสบตาผม ตอนนี้ผมแค่ไม่อยากคุยอะไรกับใครเท่าไหร่นัก




“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าจะรับอะไรดีครับวันนี้?”

“เอาลาเต้เย็นแก้วนึง โกโก้เย็น เดี๋ยวเก็บตังกับผู้ชายใส่แว่นที่กำลังจะเดินมา--- อ้ะ นั่นไง เก็บเงินที่เขาเลยครับ”




ซุกซนสั่งกาแฟปาวๆ แล้วลากผมเดินออกมาจากหน้าเค้าน์เตอร์โดยที่ไม่ได้จ่ายเงินเมื่อคุณกฤติเดินเข้าร้านมาพอดี เพื่อนพาผมไปปล่อยไว้ที่เก้าอี้ก่อนจะเดินกลับไปเค้าน์เตอร์ที่มีคุณกฤติยืนสั่งกาแฟอยู่




ถ้าคุณพี่เมฆมาด้วย ตอนนี้เขาคงจะเลือกออกไปนั่งด้านนอกแน่ๆ ถ้าผมไม่รับรู้อะไรเลย ตอนนี้เราอาจจะนั่งหัวเราะคุยกันเหมือนปกติอยู่ตรงนี้ก็ได้




เป็นแบบนี้ ไม่ดีเลยจริงๆ รู้สึกร้อนขอบตาอีกแล้วแฮะ 




“โอเค เล่ามา พวกมึงทะเลาะอะไรกัน”




ผมนั่งกะพริบตาแล้วส่งยิ้มเจื่อนๆให้ซุกซนกับคุณกฤติที่เดินมานั่งฝั่งตรงข้าม พวกเขาสองคนมองเหมือนกับว่ารู้ว่าผมกับคุณพี่เมฆกำลังไม่โอเคในความสัมพันธ์อยู่ตอนนี้ ในขณะที่ฝั่งคุณกฤติก็ถือโทรศัพท์เหมือนเตรียมพร้อมหากมีงานเร่งด้วยไปด้วย




“ไม่ได้ทะเลาะ”

“งั้นมีเรื่องอะไรหรือเปล่า รู้ตัวมั้ยว่าช่วงนี้เราไม่สดใสเลย”




ก็พอรู้อยู่ครับ




ผมคิดอยู่ในใจ แต่สิ่งที่ตอบออกไปกลับมีเพียงแค่ความเงียบและการก้มหน้ามองมือตัวเองเท่านั้น




“หรือถ้าคุณไม่อยากเล่า ผมจะไปถามเอาจากฝั่งนั้นเอง”

“ไม่ครับ”




ผมตอบสั้นๆ ความเงียบที่น่ากดดันปกคลุมไปทั่วบริเวณ เป็นเวลานับนาทีกว่าผมจะเรียบเรียงคำพูดในหัวออกมาเป็นภาษามนุษย์ได้อีกครั้ง




“ผมแค่… รู้สึกว่าคุณเมฆกำลังมีคนอื่น”

“...”

“ผมรู้สึกว่าผมเด็กเกินไปจนเขาต้องฝืนทนคบกับผม เขาไม่ยอมบอกอะไรผมเลย แต่ตัวเขากลับไปคุยกับ… แฟนเก่า”




ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบทันทีที่ผมพูดจบ ผมพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียบเรียงคำพูดและพยายามจับความคิดของตัวเองให้เป็นภาษามนุษย์อีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆเล่าเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ที่เห็นพฤติกรรมแชทแปลกๆของคุณพี่เมฆ เรื่องที่บังเอิญไปเห็นว่าเพื่อนที่เขาบอกคือแฟนเก่า จนไปจบที่ตอนบังเอิญได้ยินเขาคุยโทรศัพท์กับแฟนเก่าคนนั้น




คำพูดของเขาทุกคำที่ผมจำได้ถูกถ่ายทอดออกมาเรื่อยๆราวกับไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ซึ่งผู้ฟังทั้งสองคนก็เงียบและตั้งใจฟังเป็นอย่างดี




“เหี้ย! เฮียเมฆแม่งเป็นเหี้ยอะไรวะ!!!”




ซุกซนเป็นคนแรกที่พูดขึ้นมา ใบหน้าของเพื่อนสนิทแดงเถือกเหมือนกับคนที่หงุดหงิดมาก ในส่วนของคุณกฤตินั้น นอกจากใบหน้าที่นิ่งเหมือนเดิมแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนเท่าไหร่ เขาเพียงแค่ลุกขึ้นพร้อมกาแฟของเขา ขยับแว่นนิดหน่อย




“ซุกซน ผมฝากแทนใจด้วยนะ ผมมีเคสเวียดนามต้องไปตามต่อ”

“ได้พี่”

“ส่วนแทนใจ” ผมเงยหน้ามองหัวหน้างาน เขามองผมด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะยื่นผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อมาให้

 “เช็ดหน้าเช็ดตานะ ผืนนี้ผมไม่ได้ใช้แค่พกไว้เฉยๆ เราพร้อมแล้วค่อยขึ้นไปทำงานละกัน”




คุณกฤติพูดแค่นั้น ก่อนจะเดินเร็วๆไปทางลิฟต์ในขณะที่มือก็กดโทรศัพท์ไปด้วย ผมเดาว่าน่าจะเป็นเรื่องงาน เขาตอบเมลตลอดเวลาเหมือนกับว่าไม่ปล่อยให้โทรศัพท์อยู่ห่างจากตัวแม้แต่ตอนอาบน้ำ ตอนนี้เลยมีเพียงผมกับซุกซนและกาแฟสองแก้วของเราเท่านั้น




“เชี่ยแม่ง”




ซุกซนยังคงไม่หยุดสบถ ท่าทางหงุดหงิดที่เห็นจนชินตาของเพื่อนทุกวันไม่ได้ต่างไปจากเดิมเท่าไหร่นัก เพื่อนผมเอาหลอดกระแทกแก้วอย่างหงุดหงิด




“กูไม่เข้าใจเลยว่ะ มึงใจเย็นก่อนนะแทนใจ แต่กูแม่งก็โมโหเหมือนกัน เชี่ยแม่งเฮียแม่งเป็นเหี้ยอะไรวะ!!”




ผมเงียบ ในขณะที่ซุกซนยังคงหัวฟัดหัวเหวี่ยง เอาตามความจริง ผมว่าผมก็รู้จักซุกซนดีในระดับหนึ่ง คนที่นั่งข้างๆผมโมโหลูกค้าด่างานทุกวัน แต่ครั้งนี้ซุกซนดูหงุดหงิดมากกว่าโมโหลูกค้าที่ไม่ได้ดั่งใจ เหมือนกับว่าเจ้าตัวอึดอัดมากกว่า




เพื่อนผมหยุดไปครู่หนึ่งเหมือนกับกำลังคิดอะไรกับตัวเอง แล้วจึงกันมาหาผม ใบหน้ายังคงแสดงความเดือดดาลปนความไม่เข้าใจ สุดท้ายแล้ว อีกคนก็ถามขึ้นมาสั้นๆ




“กูแม่งอึดอัด มึงทนกับอะไรแบบนี้ได้ไงวะ?”




ผมพยายามค้นหาคำตอบของคำถามนั่น สุดท้ายแล้ว ผมก็พูดในสิ่งที่ตรงกับความรู้สึกข้างในแวบแรกที่ขึ้นมาให้รู้สึก




“เพราะเรารักเขามากเกินไป แค่นั้นจริงๆ”




------- 100% -------
[/b]







เจอกันพรุ่งนี้ค่า XD

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ค้างอ่ะ ฮือๆ สงสารน้องแทนใจ

ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
20th Monday: Last part

#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 




เพิ่งจะสี่โมงเองเหรอ?





ผมถามตัวเองเมื่อละสายตาออกจากการตามออเดอร์มาดูนาฬิกาที่โต๊ะ วันนี้มันยาวนานมากจนผมไม่รู้ว่ามันจะไปสิ้นสุดที่เที่ยงคืนเมื่อไหร่ แล้วผมจะสามารถพาตัวเองไปถึงตรงนั้นได้หรือไม่




เพราะผมขอร้องเอาไว้ ซุกซนที่ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะไปต่อยคุณพี่เมฆตลอดจึงยอมอยู่นิ่งๆ แล้วไม่ทักไปด่าแฟนผม หรือทำอะไรที่บ้ากว่านั้น ส่วนฝั่งคุณกฤติผมไม่รู้ว่าเขาเป็นอย่างไร อาจจะแค่ฟังแล้วผ่านไปเหมือนกับเรื่องอื่นๆ ถึงแม้จะแบบนั้น ผมก็ยังรู้สึกขอบคุณที่เขาเป็นห่วงลูกน้องแบบผม แม้จะเป็นเรื่องส่วนตัวก็ตาม




นับว่าเป็นเรื่องที่ดีในวันที่แย่




เวลาไหลผ่านไปช้าๆ ผมนั่งทำงานต่อไปเรื่อยๆ พยายามไม่คิดอะไรถึงแม้มันจะไม่ได้ง่ายขนาดนั้นก็ตามที ทุกครั้งที่หน้าจอโทรศัพท์ที่วางไว้ข้างตัวสว่างผมก็ต้องเหลือบสายตาไปดูทุกครั้ง และไม่มีครั้งไหนเลยที่คุณพี่เมฆจะทักมา




เขาคงกำลังทำงาน เหมือนกับผมที่กำลังทำ 




ไลน์!



คุณพี่เมฆ?




ชื่อแรกที่ปรากฏขึ้นในหัวเมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ แต่พอหยิบขึ้นมาดู หน้าจอกลับไม่ใช่คนรักอย่างที่คิดไว้




sky: พี่แทนใจครับ

sky: ใกล้เลิกงานหรือยัง




ผมวางโทรศัพท์เอาไว้ที่เดิม ทำใบเสนอราคาที่ลูกค้าจะซื้อของอย่างรวดเร็วกว่าที่ทำไปเมื่อครู่ เมื่อส่งให้ลูกค้าทางอีเมลไปเรียบร้อยแล้ว ผมก็พักทุกอย่างที่หน้าคอม แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ตอบน้องชาย




Tanjai: ยังเลยครับ

Tanaji: พี่เลิกงานหกโมง




พอพิมพ์เสร็จ ผมก็วางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมแล้วนั่งทำงานต่อ โชคดีที่วันนี้ไม่ค่อยมีอะไรมาก ไม่มีงานเร่งอะไร พอแก้รีพอร์ตของคุณกฤติแล้ว ตัวผมก็เหลือแค่พวกงานประจำวันที่ต้องเจอตลอดอยู่แล้ว รีบๆเคลียร์ของวันนี้ให้มันจบไป




ความจริงช่วงนี้ผมกลับมาคุยกับน้องบ่อยมากเลยครับ เผลอๆจะบ่อยกว่าเมื่อก่อนอีก น้องกายไลน์มาหาตลอดเลย อย่างน้อยยังดีที่น้องคอยทักมา ผมเลยมีคนให้คุยด้วยในแบบที่เป็นตัวของผมเองบ้าง แบบที่ไม่ต้องพยายามเป็นเด็กดีน่ะ




sky: ถ้าเลิกงานแล้ว พี่มาหาผมหน่อยนะครับ




 ข้อความของน้องขึ้นมาแค่นั้น ตอนแรกผมกำลังจะพิมพ์กลับไปว่าผมมีนัดกับแฟนแล้ว แต่ข้อความต่อไปของน้องทำให้ผมชะงัก




sky: ผมปวดหัว

sky: ไข้ขึ้นเมื่อเช้า วันนี้ไม่ได้ไปเรียน ไปไม่ไหว

sky: ผมอยากเจอพี่แทนใจ 

sky: มาหาผมหน่อยนะ




ผมนิ่งไปชั่วครู่กับข้อมูลใหม่ที่เพิ่งได้รับ ตัดสินใจเพียงเสี้ยววินาที ผมพิมพ์ตอบน้องไปอย่างรวดเร็ว




Tanjai: รอแป๊บนึงนะครับ

Tanjai: เดี๋ยวพี่รีบไป




ผมนั่งทำงานจนกระทั่งถึงเวลาที่เลิก ถึงแม้จะยังกลับไม่ได้ทันทีเพราะมีเรื่องที่จำเป็นจะต้องจัดการต่อ แต่ผมพยายามทำทุกอย่างไม่ให้ยืดเยื้อ เพื่อที่จะได้รีบออกจากที่ทำงานให้เร็วที่สุด จากตรงนี้ไปหอน้องกายไม่ใช่ใกล้ๆเลย




โอเค เสร็จ!




ผมรีบปิดเครื่องทันทีเมื่อเมลสุดท้ายได้ถูกส่งออกไป เมื่อกี้หลังจากที่บอกน้องแล้วผมก็คุยถามอาการเบื้องต้นจากน้องไป พอรู้ว่าอีกคนกินยาไปแล้วก็โอเค เบาใจได้ในระดับหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็คิดว่าผมควรจะไปหาน้องอยู่ดี




ใช้เวลาไม่นานก็ไปถึงสถานีรถไฟฟ้า โชคดีที่วันนี้ที่บีทีเอสไม่เสียหรือว่าเกิดอะไรงอแงขึ้นมาอีก นั่งจากสถานีที่ทำงานผมไปหอน้องกายใช้เวลามากอยู่เหมือนกัน  ผมยืนรอไม่นานรถก็เทียบชานชาลาพร้อมกับคลื่นมหาชนของมมนุษย์เงินเดือนและนักเรียนนักศึกษาที่อัดแน่นกันอยู่ในนั้น




ไลน์!




Mek Sitthikorn: แทนใจ

Mek Sitthikorn: ตรงนี้ยังติดพันอีกนิด แต่พี่จะรีบเคลียร์แล้วรีบไปนะ

Mek Sitthikorn: พี่น่าจะถึงเราประมาณสองทุ่มกว่าๆถ้ารถไม่ติด

Mek Sitthikorn: จะรอที่บริษัทมั้ย เดียวพี่ไปรับ




ผมมองข้อความขณะที่กำลังหาช่องหายใจอยู่ในรถที่อัดแน่นเสียจนรู้สึกคล้ายตัวเองเป็นปลากระป๋อง ขบเม้มริมฝีปากเมื่อเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าผมมัวแต่รีบเคลียร์งานจนไม่ได้บอกคุณพี่เมฆเอาไว้ ผมมองจ้องข้อความอยู่สักพัก




ถึงสถานีหอน้องกายแล้ว




ด้วยคลื่นคนมหาศาลและความอยากรีบไปหาน้องของผม ทุกอย่างถูกปัดตกจากความสนใจในทันที รวมถึงแชทของคุณพี่เมฆด้วยเช่นกัน




ไว้ก่อนละกัน ไหนๆเขาก็จะมาเย็นอยู่แล้ว ให้ผมไปเจอน้องก่อนแล้วค่อยคุยกันแล้วกัน




------- Monday In Love -------




20.40 น.





 ตอนนี้ผมกำลังจะลงลิฟต์เพื่อไปขึ้น BTS กลับหอตัวเองครับ ตอนแรกกะจะออกมาตั้งแต่ทุ่มกว่าแล้ว แต่น้องกายลุกไม่ไหว ผมเลยอยู่ดูแลน้องก่อน ความจริงถ้าไม่มีนัดต่อกับคุณพี่เมฆผมก็คงจะอยู่นานกว่านี้เหมือนกัน





วันจันทร์สีหม่นๆของผมสดใสขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้เจอกับน้องกาย

 



อารมณ์อึดอัดมันยังคงอยู่ แต่พอผมได้มาเจอหน้าน้องชาย รอยยิ้มบางๆของน้องที่ส่งมาทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น ถึงแม้ว่าน้องกายจะป่วยมากกว่าที่ผมคิดไว้ก็ตาม ไม่รู้ไปทำอะไรมา ท่าทางน้องดูเหนื่อยมาก แถมไข้ขึ้นอีกต่างหาก จะพาไปโรงพยาบาลก็ไม่ยอมไป เอาแต่อ้อนผมอยู่นั่น ซึ่งผมไม่เคยชนะลูกอ้อนน้องได้เลยจริงๆ





พูดแล้วก็คิดถึง ไลน์ไปหาน้องอีกทีดีกว่า



หืม?





ผมขมวดคิ้วอย่างงงๆเมื่อเห็นว่ามีมิสคอลหลายสิบสายจากคนรัก ผมอาจจะเผลอไปปิดเสียงเลยไม่ได้ยินอะไรเลย ว่าแต่ปิดตั้งแต่ตอนไหนกัน ปกติผมออกจากที่ทำงานมาแล้วจะเปิดเสียงตลอดนะ ผมส่ายหัวเมื่อเริ่มจะคิดอะไรไร้สาระ ก็คงจะลืมเหมือนกับหลายๆครั้งนั่นล่ะ





เอาเถอะ เดี๋ยวค่อยโทรกลับ คุณพี่เมฆปกติดี แต่น้องผมป่วยอยู่ ผมต้องให้ความสำคัญกับคนป่วยก่อนเป็นอันดับแรก



Tanjai: น้องกายครับ

Tanjai: ดูแลตัวเองดีๆนะครับ

Tanjai: เดี๋ยววันเสาร์พี่ไปหา อย่าป่วยอีกนะ





ผมกดส่งข้อความทั้งหมดในไลน์แล้วเปลี่ยนเป็นโทรหาคุณพี่เมฆต่อแทน ไม่รู้ทำไมผมไม่ค่อยชอบคอลไลน์เท่าไหร่ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ถึงมันจะฟรีแต่สัญญาณมันชอบหาย เคยคุยๆอยู่แล้วเสียงขาดตีหมู่หายอะไรแบบนี้บ่อยมากเลยครับ ถ้าโทรได้ผมเลือกโทรดีกว่า





“คุณพี่มะ---”

(“อยู่ไหน!”)





น้ำเสียงหงุดหงิดของปลายสายทำให้ผมขมวดคิ้ว สงสัยเขาอาจจะหงุดหงิดที่รถติดหรืองานไม่เสร็จ หรืออาจจะเพราะโทรหาหลายสายแต่ผมดันไม่ได้ยิน โอเค ไม่เป็นไร ผมเข้าใจได้





“อยู่ที่หอน้องกายครับ น้องไม่สบาย ผมเลยมาดู ขอโทษนะครับที่ไม่ได้รับโทรศัพท์ ผมไม่ได้ยินเลย”

(“ส่งโลเคชั่นมา รออยู่ตรงนั้น สิบนาที ห้ามหายไปไหน”)





สิ้นคำพูดนั้นสายก็ตัดไป ผมมองโทรศัพท์ด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย ก้อนความรู้สึกอึดอัดที่สั่งสมมาหลายวันออกมาทักทายผมอีกครั้ง แม้จะไม่เข้าใจอะไรแฟนตัวเองเท่าไหร่ แต่ในเมื่อเขาบอกให้รอ ผมก็จะรอ



ผมแค่ยังอยากเป็นเด็กดีของเขาอยู่





ในระหว่างนี้ผมเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อเช็กนั่นนี่ตามประสา ใต้หอของน้องกายก็เป็นเหมือนคอนโดฯในเมืองทั่วไป มีเล้านจ์ไว้ให้แขกนั่งพักผ่อน ซึ่งผมเองก็นั่งอยู่ตรงนั้น อาจจะเพราะมันเป็นวันจันทร์ ถึงแม้จะยังไม่ดึกเท่าไหร่ แต่ตรงนี้ไม่ค่อยมีคนอยู่แล้วครับ นอกจากผมก็มีผู้หญิงอีกคนที่นั่งอยู่คนละมุมกัน แค่นั้นเองครับ





ผมเลื่อนมือถือเช็กนั่นนี่ไปเรื่อยๆ ตอนที่กำลังจะเปิดไลน์ ผมสะดุดกับแจ้งเตือนเยอะมากที่มาจากคุณพี่เมฆ โดยที่ไม่ทันได้ตัดสินใจอะไรเพิ่ม ผมกดเข้าไปดูข้อความพวกนั้นทันที





Mek Sitthikorn: แทนใจ

Mek Sitthikorn: อยู่ไหน

Mek Sitthikorn: รับโทรศัพท์พี่

Mek Sitthikorn: แทนใจ

Mek Sitthikorn: ตอบหน่อยสิ

Mek Sitthikorn: ติดต่อกลับมาหน่อย

Mek Sitthikorn: เราไปไหน ตอนนี้เราอยู่ไหน

Mek Sitthikorn: ทำไมหายไปเลย

Mek Sitthikorn: แทนใจ

Mek Sitthikorn: ทำไมเงียบแบบนี้

Mek Sitthikorn: รับโทรศัพท์หน่อย





และอีกมากมายเกินกว่าที่ผมจะอ่านหมด





ความรู้สึกผิดแล่นเข้ามาในหัวใจทันทีที่เห็นข้อความพวกนี้ ถึงแม้ผมจะตึงๆกับสิ่งที่เขาทำ แต่พอคิดว่าถ้าเป็นผมติดต่อเขาไม่ได้เลย ก็คงจะเป็นห่วงแบบนี้เหมือนกัน





กึก!





ผมเงยหน้าขึ้นเมื่อรู้สึกถึงฝีเท้าคนที่ใกล้เข้ามา ร่างสูงของแฟนหนุ่มที่ปรากฏให้เห็นเรียกรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของผมทันที ก่อนที่จะค่อยๆเจื่อนลงเมื่อเห็นว่าสีหน้าของอีกฝ่ายเรียบนิ่งเหมือนกับคนที่สะกดอารมณ์หงุดหงิดเอาไว้ และนี่เป็นอีกครั้งที่บนหน้าของคุณพี่เมฆปราศจากรอยยิ้มใจดีที่ผมชอบมอง





ถึงจะเป็นอย่างนั้นผม ก็ยังปั้นยิ้มขึ้นมาใหม่ เพื่อคุณพี่เมฆ



“คะ--”

“ทำไมถึงไม่รอพี่ที่ทำงาน?”





น้ำเสียงเย็นของเขาที่เอ่ยแทรกขึ้นมาทำให้ผมกลืนถ้อยคำทักทายทั้งหมดลงกลับไปในคอ ผมขมวดคิ้วนิดหน่อยเมื่อไม่เข้าใจว่าทำไมอีกคนถึงยังโมโห หากเป็นผมติดต่อแฟนไม่ได้ ถ้าเจอแล้วผมก็ดีใจแล้วว่าเขาไม่เป็นไร สงสัยรถอาจจะติด เลยยังหงุดหงิดอยู่





“น้องผมไม่สบาย” ผมตอบไปตามความจริง หวังว่ามันจะทำให้เขาใจเย็นลงบ้าง “ผมเห็นว่าคุณติดงาน เลยกะว่าจะไปหาคุณเองหลังจากดูน้องเสร็จ ขอโทษที่ไม่ได้บอกก่อนนะครับ”





“เรานัดกันแล้วนี่ ทำไมถึงได้มาที่นี่แบบนี้ แล้วพี่ล่ะ?”





คุณพี่เมฆยิงคำถามถัดมาทันที ตอนนี้ผมเริ่มหงุดหงิดบ้างแล้ว นี่ตกลงเป็นความผิดผมเหรอที่น้องผมป่วยแล้วผมมาหาก่อนที่จะกลับไปหาเขาน่ะ? นอกจากนั้นมันยังมีความไม่เข้าใจด้วย ทำไมเขาถึงต้องทำท่าทีแบบนี้ใส่ผม? ถ้าไม่พอใจเรื่องที่ไม่บอกก่อน มันก็ควรจะหายได้แล้วมั้ย? 





“น้องผมไม่สบายไงครับ” ผมพูดซ้ำอีกครั้ง “แล้วตอนนี้ผมก็ออกมาแล้ว กำลังจะไปหาคุณนี่ไง”



“แล้วทำไมไม่บอกพี่ก่อน ติดต่อไม่ได้แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน แค่งานก็เหนื่อยแล้ว ทำไมต้องทำตัวเป็นเด็กให้พี่เหนื่อยกว่าเดิมด้วย?”





คุณพี่เมฆถามกลับด้วยน้ำเสียงเย็น ซึ่งมันทำให้ตัวของผมชาวาบ นี่คือสิ่งที่เขาคิดอย่างนั้นเหรอ? เขาเหนื่อยกับผมมากขนาดนี้เลยอย่างนั้นเหรอ?





“ถ้าเหนื่อยก็เลื่อนไปก่อนก็ได้นี่ครับ”

“พี่คิดถึงเราไง อยากเจอไง อยากเห็นหน้า ทำไมเรื่องแค่นี้ถึงต้องให้บอก”

 

ทำไมถึงต้องให้บอกงั้นเหรอ?

เหมือนถูกน้ำเย็นสาดใส่หน้า แค่ผมไม่รู้ว่าเขาทำงานเหนื่อยแค่ไหนเพราะเขาไม่บอกนี่กลายเป็นว่าผมควรจะต้องรู้เองอย่างนั้นเหรอ?





“ถ้าคุณไม่บอกแล้วผมจะรู้ได้ยังไง? คุณบอกแค่ว่าจะมาเย็นๆหน่อย ผมก็ไม่มีปัญหาแล้วไง นี่ผมจะมาหาน้องบ้าง ทำไมคุณถึงมีปัญหาด้วย?”

“ใครกันแน่ที่มีปัญหา?”

“ผมเหรอ? คุณจะบอกว่าปัญหามาจากผมเหรอ?”





ผมตวัดเสียงถาม ใบหน้าของเราสองคนเต็มไปด้วยอารมณ์ทั้งคู่ แต่ผมไม่สนใจแล้ว หลายวันที่ผ่านมาผมพยายามจะเป็นเด็กดี ผมไม่อยากมีปัญหา ไม่อยากทะเลาะกับเขา แต่ผมเองก็ไม่ได้อยากมารองรับอารมณ์อะไรไม่รู้ของเขาแบบนี้เหมือนกัน





“แทนใจครับ พอเถอะ ไปคุยกันที่ห้องนะ” 

“ตรงนี้แหละครับ เอาให้รู้เรื่องไปเลยเถอะ”

“แทนใจ ไปคุยที่บ้าน”

“ไม่!”

“แทนใจ พี่เหนื่อยมาทั้งวันแล้วนะ เราไปคุยกันที่บ้านเถอะ”





ผู้ชายตรงหน้าผมพูดด้วยน้ำเสียงเหน็ดเหนื่อยเหมือนกับที่เขากล่าวอ้าง ความเหนื่อยล้าจากการทำงานติดต่อกันหลายวันและการขับรถไกลๆน่าจะทำให้เขายิ่งล้ากว่าเดิม แต่ตอนนี้ผมรู้สึกแย่เกินกว่าที่จะใส่ใจมัน





ผมเข้าใจทั้งหมดแล้ว ที่คุณพี่เมฆทนไม่ไหว ที่เขากลับไปคุยกับแฟนเก่า ทุกอย่างเป็นเพราะเขาเหนื่อยกับผม ถ้าจะเป็นแบบนี้ แล้วมาทำให้ผมรู้สึกทำไม?





มาทำให้ผมรักขนาดนี้ไปเพื่ออะไร





“ถ้าผมเป็นปัญหาแบบนี้คุณฝืนมากใช่มั้ย มันทรมานมากจนต้องกลับไปคุยกับ คุณหวาน อักษร อะไรนั่นของคุณเลยใช่มั้ยครับ?”

“เอาชื่อหวานมาจากไหน ใครบอกเรามา!”

“มันไม่ได้อยู่ที่ใครบอกหรือเปล่าครับ มันอยู่ที่ว่าคุณไปคุยกับเขาทำไม”

“เรากำลังพูดเรื่องอะไรเนี่ย? นี่มันไม่เกี่ยวแล้วนะ”

“เกี่ยวสิ! เกี่ยวมากด้วย”

“...”

“คุณโกหกผม”





ผมพูดพร้อมยิ้มน่าเกลียดแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน ไม่ได้ยิ้มให้เขา แต่ยิ้มให้กับความน่าสมเพชของตัวเอง ผมอาจจะเป็นเด็กดีอย่างที่เขาต้องการไม่ได้ และถ้าทำไม่ได้ ผมก็ไม่ทำแล้ว




“งั้นผมขอถามตรงนี้เลยละกัน”

“…”

“หวานอักษรที่คุณเอาแต่คุยด้วยเป็นใคร?”




ความเงียบปกคลุมรอบตัวเราสองคนอยู่ชั่วขณะ คุณพี่เมฆเบิกตากว้างเหมือนไม่คิดว่าผมจะรู้ นั่นยิ่งทำให้ผมไม่รู้ว่าควรจะต้องทำหน้าอย่างไรดี นอกจากตีหน้านิ่งต่อไป




สุดท้ายคนรักของผมก็ถอนหายใจ ก่อนที่จะตอบกลับมา 




“หวานเป็นแฟนเก่าพี่ แต่ตอนนี้เป็นเพื่อน”

“เหรอครับ แล้วคุณคุยเรื่องอะไรกับเพื่อนคนนี้ของคุณบ้าง? ขอผมดูด้วยได้มั้ย?”




รอบนี้คุณพี่เมฆเงียบไปนานเลยครับ ท่าทางเขาเหมือนกับกำลังไม่สบอารมณ์อย่างมาก แต่ไม่ได้ตอบอะไรผมเพิ่ม ซึ่งตัวผมเองก็คิดไว้อยู่แล้วว่าจะเป็นแบบนี้




“มันไม่ใช่เรื่องสำคัญ”

“ถ้าไม่สำคัญ ผมขอดูได้มั้ยล่ะ”

“... “

“ให้ดูไม่ได้สินะ”





ผมสรุปกับตัวเอง และกับเรื่องราวทั้งหมดนี้ด้วย




“คุณคงเหนื่อยกับผมมากจริงๆใช่มั้ย ฝืนมากหรือเปล่าที่ต้องมาคบกับเด็กแบบผมน่ะ คุณต้องทนอะไรเยอะแยะเลยใช่มั้ยที่จะต้องมาคบกับผม?”

“...”

“เพราะผมเด็กเหรอเลยไม่เข้าใจคุณมากพอ เพราะผมไม่ใช่หวานอักษรของคุณหรือเปล่าเลยไม่ได้รู้จักคุณดีเท่าเขา เพราะผมมาทีหลังเหรอ เพราะผม---”

“แทนใจ อย่าพาล เราไม่ใช่เด็กแล้วนะ”




เสียงของคุณพี่เมฆมีน้ำโหเล็กน้อยแบบที่ผมสัมผัสได้ แต่ผมไม่สนใจ เพราะตอนนี้เองเสียงผมก็เริ่มไม่ปกติเพราะอารมณ์โทสะเช่นเดียวกัน




“ถ้าผมเด็กขนาดนั้นแล้วคุณจะมาคบกับผมตั้งแต่แรกทำไม!”

“แทนใจ--”

“ผมพยายามแล้ว พยายามมาทั้งอาทิตย์ เพื่อที่จะเป็นเด็กดีของเขา เพื่อประคับประคองความสัมพันธ์ในแบบของผม แล้วนี่คือสิ่งที่คุณตอบแทนผมอย่างนั้นเหรอ? ห๊ะ??”

“...”

“ผมเห็นแชทคุณ”




ผมตัดสินใจพูดสิ่งที่ทำให้อึดอัดมาตลอดทั้งสัปดาห์ โดยที่คุณพี่เมฆทำท่าเหมือนกับตกใจ แล้วกำลังจะแก้ตัวอะไรสักอย่าง แต่ผมไม่ปล่อยให้เขาพูด




“ผมเห็นที่คุณคุยกับหวานอักษรอะไรของคุณ ถึงแม้ว่าผมจะไม่เข้าใจว่าคุณคุยอะไรกัน ไม่ได้เห็นข้อความในนั้นมากมาย แต่ก็รู้ว่าพวกคุณเข้ากันดีแค่ไหน รู้มาตลอดว่าคุณคุยกันบ่อยเท่าไหร่ แต่ผมไม่อยากพูด เพราะผมรอว่าสุดท้าย เดี๋ยวคุณจะมาเล่าให้ผมฟังเอง”

“...”

“แต่ก็ไม่ ผมรอแล้วก็รอ แต่ไม่มีอะไรจากปากคุณเลย”

“...”

“คุณทำเหมือนกับว่าเราเป็นเหมือนเดิม ทั้งๆที่คุณคุยโทรศัพท์กับแฟนเก่าคุณแบบนั้น” ผมพยายามกลั้นความรู้สึกอยากร้องไห้ที่กำลังจะขึ้นมา ไม่ได้ ผมจะต้องพูดให้หมด ผมไม่ต้องการให้มีอะไรค้างคาอีกต่อไป

“วันที่คุณคุยโทรศัพท์กับแฟนเก่า ผมได้ยินทั้งหมด ผมได้ยินว่าคุณอดทนมามากแล้ว ทนมานาน แล้วตอนนี้กำลังจะทนไม่ไหว แฟนเก่ารู้จักคุณดีเหมือนเดิม”

“แทนใจ มันไม่ใช่แบบนั้น--”

“งั้นแบบไหน มันเป็นยังไง พูดออกมาสิ!”




คุณพี่เมฆตอบผมด้วยความเงียบ



ซึ่งนั่นทำให้ผมเข้าใจ ว่าทุกสิ่งที่ผมพูดมันถูกต้องแล้ว




“แทนใจ” คนรักของผมพูดขึ้นมาในที่สุด น้ำเสียงเขาอ่อนลงนิดหน่อย ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์เขาเย็นลง หรือเพราะน้ำตาที่ไหลออกมาบนใบหน้าผม “เราค่อยๆคุยกันได้มั้ย มันไม่มีอะไรเลย เราอย่าเอาเรื่องของคนอื่นมาทะเลาะกันเลยนะ”




“นี่มันไม่ใช่เรื่องของคนอื่นเลยครับ เรื่องของเราทั้งนั้น”




ผมถอยหลังออกไปก้าวหนึ่งเมื่อเขาทำท่าจะเข้ามาใกล้ คุณพี่เมฆหยุดอยู่กับที่ เราจ้องหน้าเหมือนกับต้องการจะสาดอารมณ์ทั้งหมดใส่กัน อย่างน้อยผมก็คิดว่าคุณพี่เมฆต้องการทำแบบนั้น




“ผมจะถามเป็นครั้งสุดท้าย คุณคุยอะไรกับแฟนเก่าคุณ?”

“...”




ริมฝีปากผมสั่นระริกผมหัวเราะหึกับตัวเอง หัวเราะทั้งที่น้ำตานองหน้า แม้กระทั่งในตอนนี้ คุณพี่เมฆก็ยังไม่ยอมพูดความจริงออกมา




การเป็นเด็กดี ไม่ได้ทำให้ผมสมควรได้รับความจริงใจเลยสินะ




“แทนใจ--”

“พอเถอะครับ”




ผมพูดออกมาในที่สุด น้ำเสียงปกติจนเหมือนกับว่าไม่ได้กำลังร้องไห้ ทั้งที่ตอนนี้ผมมองหน้าคุณพี่เมฆไม่ชัดด้วยซ้ำ






“แทนใจ เรากลับไป--”

“จะยังไม่มีคำว่า ‘เรา’ ในตอนนี้”






ผมมองสบตาเขาเป็นครั้งสุดท้าย วันนี้จะเป็นวันจันทร์ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตผม และผมน่าจะรู้อยู่แล้วแท้ๆ ว่าเรื่องมันจะจบแบบนี้ บางทีผมอาจจะเหมาะที่จะอยู่ในโลกอ๊องๆของผมต่อไปแบบเดิมคนเดียวอยู่แล้ว






ผมไม่เหมาะกับโจทย์คณิตศาสตร์อะไรเลย แม้กระทั่งโจทย์ที่อยากจะเข้าใจที่สุดแบบคุณพี่เมฆก็ตาม






“ผมว่า… อย่าเพิ่งมาเจอกันสักพักดีกว่า”







------- TBC -------





อัพครบแล้วนะคะ ขอโทษที่ทำให้ค้างค่า TT"



เจอกันอีกทีวันหลังนะคะ ยังไม่แน่ใจจริงๆว่าจะวันไหน

เพราะช่วงนี้ชีวิตเราค่อข้างหนักหน่วงมากๆเลย 555

ขอให้มีความสุขกับการอ่าน และขอให้วันพรุ่งนี้เป็นวันดีๆของทุกคนค่ะ

Babybaphomet
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-10-2018 22:34:23 โดย babybaphomet »

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
หนีไปเลยแทนใจ ถ้ามันสำคัญมากแล้วพูดไม่ได้เลยก็ปล่อยไป จะตีให้ยับ มาทำน้องเราเสียน้ำตา โมโห ! น้องแทนกายมาต่อยมันเลยค่ะะะ ทำพี่แทนใจเสียน้ำตาเยอะมากกก ตีๆๆๆๆ

ออฟไลน์ ●GreenTEA●

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2

ออฟไลน์ oiruop

  • เ รื่ อ ง โ ง่ โ ง่ นี่ ฉ ล า ด นั ก ⊙﹏⊙∥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • https://www.facebook.com/book.yaoi?fref=ts

ออฟไลน์ Mayana

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2
น้องเด็ดขาดมาก ณ จุดนี้  :13223:

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
แงๆน้อง เสียใจอึดอัดไปกับแทนใจมากเลย คุณพี่เมฆทำแบบนี้ไม่ดีเลยจริงๆ  :z6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
21st Monday : First Half

#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 






ทำไมเรื่องมันถึงได้กลายเป็นแบบนี้? 





ทุกอย่างพังหมด ทุกอย่างที่เขาพยายามสร้างมาหลายเดือนพังทั้งที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมาถึงจุดนี้ได้ยังไง ผมนั่งหงุดหงิดอยู่ในรถ โดยที่น้องแทนใจขอตัวกลับไปเองแล้ว โดยที่ผมขอไปส่งน้องก็ไม่ยอม ตอนนี้พูดอะไรก็ดูฟังไม่ขึ้นทั้งนั้น




ผมกดโทรออกหาคนเดียวที่นึกถึงในเวลานี้




“หวาน ยุ่งอยู่ป้ะ?”

“เราทำงานอะ แต่คุยได้ มีไรป่าว?”

“น้องโกรธเราว่ะ”

“เอ๊า! ทำไมวะเมฆ?”




ผมถอนหายใจออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ยอมเล่าเรื่องให้เพื่อนฟังตั้งแต่ตอนที่ผมโทรหาน้องแล้วติดต่อไม่ได้ ไลน์ไปว่ายังไง ไปจนสุดที่ว่า น้องพูดอะไรกับผมบ้าง




“โห เมฆ เอาตามตรงป้ะ ถ้าเป็นเราๆก็โกรธว่ะ”

“อ่าวหวาน ไหนบอกว่าทีมเราไง”

“ก็ทีมเมฆ”



เสียงผู้หญิงปลายสายถอนหายใจออกมา นอกจากนั้นผมยังได้ยินเสียงคีย์บอร์ดที่เหมือนกับเจ้าตัวกำลังทำงานอยู่อย่างที่ได้บอกไว้จริงๆ



“แต่เมฆจะไปพาลใส่น้องแทนใจไม่ได้ เขาไม่รู้เรื่องนะ” 

“แล้วจะให้เราทำไงวะ? ให้บอกว่าน้องชายเขากำลังจะวางแผนให้เรากับน้องเลิกกันงี้เหรอ?”





ผมสบถเมื่อนึกถึงเด็กนั่น ถ้าแฟนผมไม่บอกว่าน้องชายนี่ผมจะคิดว่ามันเป็นกุมารที่น้องเลี้ยงไว้แล้วนะ เด็กเปรตเอ๊ย!



ตอนแรกผมก็คิดแล้ว น่ารักอย่างแทนใจน่ะเหรอจะไม่เคยมีแฟนมาก่อน ซึ่งพอผมรับโทรศัพท์แทนเขาในวันนั้น สายที่โทรมาเป็นน้องแทนกาย ผมเลยเข้าใจว่าทำไมแทนใจถึงไม่เคยมีความรักมาก่อน




ไม่ใช่เพราะแทนใจไม่น่ารัก แต่เป็นเพราะมีตัวขัดขวางอยู่ต่างหาก






ผมยังจำได้ดี ต้นเรื่องทั้งหมดมันเริ่มตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตอนที่ผมกำลังนอนมองแทนใจของผมที่เหนื่อยหลังจากการนอนด้วยกันรอบสุดท้ายของเรา แทนใจหลับโดยที่ละเมอให้ผมรับโทรศัพท์ให้ ซึ่งผมก็รับอย่างไม่อิดออด




“เมฆ แฟนแทนใจ”




ปลายสายเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่จะค่อยๆพูดตอบกลับมา




“พี่แทนใจไปไหนเหรอครับ?”




เสียงแทนใจ?




ผมพลิกโทรศัพท์กลับมาดูอีกรอบ หน้าจอที่เมมไว้ว่า น้องแทนกาย ทำให้เข้าใจได้ทันที พี่น้องบ้านนี้เขาอาจจะพิมพ์เดียวกันหมดก็ได้ เพราะอย่างน้องกายนี่คือเสียงเหมือนกับแฟนผมมาก ชนิดที่ว่าหากให้ฟังแค่เสียงอาจจะแยกไม่ออกเลยก็ได้




“แทนใจหลับแล้วครับ มีอะไรจะฝากไว้มั้ย?”

“ทำไมพี่แทนใจหลับ นี่ยังไม่ดึกสักหน่อย ปกติพี่แทนใจไม่นอนเร็วขนาดนี้นะ”

“แทนใจหลับแล้วจริงๆ ครับ พอดีแทนใจเหนื่อยเลยหลับไปแล้ว”

“...”



น้องชายแฟนผมเงียบไปนิดหน่อย แล้วค่อยพูดต่อ ซึ่งน้ำเสียงสั่นเหมือนคนกำลังสะกดอารมณ์อยู่




“ขอบคุณนะครับที่มารับโทรศัพท์พี่แทนใจให้ ถ้างั้นผมรบกวนคุณให้ช่วยเตรียมข้าวต้มให้พี่เขาตอนเช้าด้วยนะครับ ปกติถ้าเขาไม่ได้กินข้าวต้มตอนเช้าแล้วจะงอแง ผมหมายถึง ตอนที่อยู่กับคนที่สนิทมากๆน่ะครับ กับคนอื่นเขาไม่ค่อยเป็นเท่าไหร่ เพราะพี่เขาน่ารัก”




คงไม่ใช่แค่เด็กนี่แล้วแหละที่จะอารมณ์ขึ้น




“ขอบคุณนะครับ เดี๋ยวไว้แทนใจตื่นแล้วพี่จะเตรียมไว้ให้ แต่ตอนนี้พี่ขอไปเช็ดตัวก่อนดีกว่าเนอะ เรามีอะไรจะฝากให้บอกแทนใจมั้ย?”

“งั้น… บอกพี่เขาหน่อยละกันนะครับว่าถ้าวันจันทร์พี่แทนใจว่าง เดี๋ยวเราไปดูหนังกัน”

“... ครับ แล้วพี่จะบอกให้”

“อ่อ แล้วไหนๆก็ไหนๆ ผมขอเบอร์คุณไว้หน่อยได้มั้ยครับ เผื่อบางทีถ้าผมติดต่อพี่แทนใจไม่ได้ ผมจะได้ติดต่อคุณแทนนะครับ”




พอผมบอกเบอร์ติดต่อของตัวเองเสร็จสรรพเด็กนั่นก็วางสายใส่ทันทีโดยไม่รอคำบอกลาใดๆ ตอนแรกผมแค่คิดว่าพี่น้องสองคนนี้เขาตัวติดกันธรรมดา




บางทีมันอาจจะเป็นอะไรที่มากกว่านั้น





ผมลุกขึ้นมายืนสูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียง โดยต่อสายหาซุกซนไปด้วย ผมคิดว่าผมสามารถคุยเรื่องนี้กับมันได้ บางทีซุกซนที่รู้จักกับแทนใจมาก่อน อาจจะเคยเจออะไรที่ผมไม่รู้




“มึงเคยเจอน้องชายแทนใจป่าววะ?”

“น้องชายอ๊อง? แทนกายน่ะเหรอ?”

“นั่นแหละ” ผมพ่นควันออกจากปากอีกครั้ง “เด็กนั่นน่ะ มึงเคยเจอมะ?”

“เคยดิเฮีย แม่งแทบจะแดกหัวผม”

“เล่าให้กูฟังหน่อย”



“ก็ตอนนั้นผมไปห้องแทนใจ แล้วน้องมันมาหา ทีนี้ผมก็ยืดแก้มลูบหัวอ๊องมันเป็นปกตินั่นแหละ ตอนแรกเด็กนั่นก็นิ่งๆนะ แต่พอผมกลับบ้านมาเท่านั้นแหละเฮีย น้องแม่งแอดเฟซบุ๊คมากวนตีนผมเฉย มันคงคิดว่าผมจะจีบแทนใจทำเมีย บ้าเหรอวะ แค่คิดก็ขนลุกแล้ว เอาก้อนเต้าหู้มาเป็นแฟนนี่วันๆผมจะต้องทำอะไรมั่งวะ ป้อนข้าวป้อนน้ำอ่านนิทานเหรอ ปัญญาอ่อน!”



“...” กูว่าบางทีมึงก็อินไปนะซุกซน เต้าหู้นั่นน่ะ เมียกูไง



“เออนั่นแหละ พอผมบอกไปว่ามันเป็นแค่เต้าหู้เน่าที่นั่งข้างๆ น้องมันถึงได้เงียบๆไป แต่ก็ยังกวนส้นตีนทุกครั้งที่เจอหน้าเหมือนเดิม”

“กวนตีนยังไง?”

“กวนตีนอะ หน้าตาท่าทาง ทุกอย่าง หน้าโง่เหมือนพี่มัน แต่กวนตีนคูณร้อยไปเลยแม่ง”

“อันนั้นกูรู้”

“มันหวงพี่มันมากเลยนะเฮีย หวงแบบ ถ้าไม่รู้ว่าเป็นพี่น้องคลานตามกันมา ผมคิดว่ามันคงกะเคลมไอ้อ๊องมันน่ะ”

“...”

“แทนใจมันไม่รู้อะไรหรอกเฮีย แต่น้องมันน่ะดูไม่ได้คิดพี่จ๋าน้องจ๋าแบบที่ไอ้อ๊องมันมองน้องแน่นอน สายตาอะไรหลายอย่างมันฟ้องมากเลยนะ มองแบบรักแทบแดก”

“...”

“แต่ก็ไม่มีไรหรอกมั้งเฮีย เด็กมันหวงพี่ แค่นั้นแหละมั้ง”



ผมไม่ได้ตอบอะไรซุกซนกลับไป นอกจากการพ่นควันบุหรี่ออกจากปากอีกครั้งหนึ่งเท่านั้น




.

.

.



แทนใจยังคงน่ารักเหมือนเดิมในเช้าวันถัดมา




น้องตื่นมาแล้วเรียกหาผม อ้อนผม ทำตัวน่ารักแบบที่ผมอยากจะรักน้องทั้งวัน ขังไว้ที่บ้านไม่ให้ไปไหน ให้อยู่กับผมเท่านั้น แต่ผมยังมีเรื่องให้ต้องจัดการอีก




หากแทนกายรักแทนใจมากกว่าพี่น้องจริง ผมควรจะทำอย่างไร?




ลองเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงคนอื่น ผมคงประกาศตัวเป็นเจ้าของน้องชัดเจน แบบที่เอาให้เข้าหน้ากันไม่ติดเลยก็ได้ แต่จากที่รู้มา แฟนผมเขาก็รักน้องชายมาก รักจนผมรู้สึกว่า ถ้าหากให้แทนใจเลือกระหว่างผมกับน้องชายเขา เขาต้องเลือกน้องแน่นอน



ผม… ต้องปรึกษาใครสักคน



Mek Sitthikorn: หวาน

Mek Sitthikorn: ยุ่งอยู่ป้ะ เรามีเรื่องปรึกษาอีกแล้วว่ะ



ผมทักไลน์หวานไป หวานคือแฟนเก่าของผมที่เรายังคงคุยกันอยู่แบบเพื่อน ซึ่งตอนที่คบกันมันก็ดีแต่มันจบไปห้าหกปีแล้วครับ ตอนนี้ทั้งผมทั้งหวานไม่มีอะไรต่อกันแล้ว แบบเพื่อนอะ เวลาเขามีแฟนเขาก็ทักมาขอคำปรึกษาจากผมเหมือนกัน 



ไลน์ล่าสุดที่คุยกันเป็นช่วงสองสามเดือนก่อน ผมทักหวานไปถามเรื่องแทนใจ เพราะกระต่ายของผมชอบพูดบ่อยๆว่าผมเข้าใจยาก ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่หวานขอเลิกกับผม ตอนนั้นหวานเองบอกว่าผมเข้าใจยากเกินไปจนไม่รู้ว่าผมกำลังต้องการอะไรจากเขา




ซึ่งตอนนั้นผมไม่ได้สนใจเท่าไหร่ รู้สึกว่าตัวเองก็เป็นแบบนี้ เข้ากันไม่ได้ก็จบไป แต่กับแทนใจไม่ใช่ ผมอยากที่จะเปลี่ยนตัวเองให้เข้าใจง่ายขึ้น … เพื่อเขา




เพื่อความสัมพันธ์ของเรา




แล้วครั้งนี้ผมก็ทักหวานไปด้วยเรื่องแทนใจเหมือนเคยครับ ในระหว่างที่รอหวานตอบนั้น ตัวผมเองก็นั่งทำงานอยู่ชั้นล่าง ในขณะที่แทนใจดูหนังในแล็ปท็อปผมอยู่บนห้อง ความจริงแล้วผมก็อยากนอนกอดแฟน ฟัดแก้มนุ่มๆกับผิวขาวๆนั่นเหมือนกัน แต่กลัวว่างานจะไม่เดิน แถมเรื่องที่กำลังจะคุยกับหวานตอนนี้ แทนใจไม่ควรจะต้องมารู้ด้วยเด็ดขาด




หวาน อักษร: ว่ามาเลยยยยยยย

หวาน อักษร: *ส่งสติกเกอร์*




ผมไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงชอบเสียเงินซื้อสติกเกอร์อะไรไม่รู้ ซึ่งสำหรับผมแล้ว แม่งโคตรไร้สาระ แต่ถ้าแทนใจอยากได้ ผมกวาดหมดเลยก็ได้นะ เงินในบัญชีมีพอสำหรับทุกลายที่น้องอยากได้แน่นอน




Mek Sitthikorn: เราไม่ได้กวนหวานใช่ป้ะ?




ข้อความขึ้นว่าอ่านแล้วทันที หวานเองก็เป็นเหมือนพวกไอ้บิว ที่เหมือนกับมือขวาจับโทรศัพท์ไว้ตลอดเวลาแม้กระทั่งตอนอาบน้ำ ตอบแชทเร็วตลอด




หวาน อักษร: มีอะไรก็ทักมาได้

หวาน อักษร: เราว่างตอบได้ตลอดแหละ ไม่ต้องเกรงใจๆ




โอเค ทางสะดวก!



 แต่ลูกค้าแม่งไม่สะดวกกับผมด้วย




ผมเอามือกุมขมับเมื่อเสียงโทรศัพท์เครื่องของบริษัทดังขึ้น เลยผละไปคุยงานแล้วปล่อยแชทเพื่อนไว้แบบนั้น ความจริงผมชอบการเป็นเอ็นจิเนียร์ธรรมดาแบบเดิมมากกว่า งานนี้โคตรปวดหัว แต่เพราะผมอยากก้าวหน้า และอยากเข้าออฟฟิศมากขึ้น เลยยอมมาทำตรงนี้




เพราะผมอยากใช้เวลากับเด็กชอบกาแฟที่นอนดูหนังอยู่บนห้อง




หวาน อักษร: ทำไมหายไปเลย

หวาน อักษร: ตกลงมีไรอะ?

หวาน อักษร: *ส่งสติกเกอร์*




ผมแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ลูกค้า แล้วกลับมาจัดการปัญหาในครัวเรือนต่อ




Mek Sitthikorn: แฟนเราโคตรน่ารัก




หวาน อักษร: คือนี่จะทักมาขิงเหรอ?

หวาน อักษร: เราบล็อกเมฆได้ป้ะ?

หวาน อักษร: 55555555




Mek Sitthikorn: ใจเย็นดิ

Mek Sitthikorn: แฟนเราน่ารัก จนน้องชายของแฟนเราแม่งเกลียดเราอะ

Mek Sitthikorn: งงป้ะวะ?




หวาน อักษร: …

หวาน อักษร: งง




คอลแม่งเลยละกัน!




ผมตัดสินใจคอลหาอีกคน ซึ่งเจ้าตัวก็รับแทบจะทันทีเหมือนกัน พอคุยไปแล้วถึงได้รู้ว่าตอนนี้หวานทำงานอยู่บ้านเลยนั่งเล่นได้ โอเค ดีมาก เพราะผมแม่งพิมพ์ไม่รู้เรื่องแน่นอน




“ห๊ะ? เดี๋ยวนะ? ...สรุปคือ น้องชายของแทนใจ เหมือนจะไม่ชอบเมฆ และอยากให้เมฆเลิกกับแทนใจ?”

“ใช่-- คือเหมือนกับแบบ เขาโตมาด้วยกัน เขาหวงพี่อะหวาน”

“มัน พูดยากแฮะ--”

“เด็กนั่นหวงแทนใจมากเลยนะหวาน แล้วเขาเกลียดเราแน่นอน อันนี้เรามั่นใจ”

“ยากแฮะ… เฮ้ย แค่นี้ก่อนนะเมฆ ลูกค้าเมลมา”




สัญญาณตัดไปทันที แต่ผมไม่ได้ถือสาอะไร เข้าใจว่าตัวเองก็ไปรบกวนเขาเหมือนกัน ถ้าเป็นผมเหรอ? น้องผมไม่ชอบแฟนผมก็เรื่องของแม่งเลยครับ ผมเลือกแทนใจ




แต่สำหรับแทนใจ โลกไม่น่าง่ายกับน้องขนาดนั้น




แทนใจถูกเลี้ยงมาแบบที่ศูนย์กลางของจิตใจอยู่ที่ครอบครัว ผมเหมือนเป็นสิ่งแปลกปลอมในโลกของเขา ซึ่งเป็นโชคดีที่น้องเองก็รู้สึกกับผมเหมือนกัน




ไลน์!

หวาน อักษร: เรื่องน้อง เมฆลองคุยกับน้องชายดูมั้ย

หวาน อักษร: แบบลองไปเจองี้

หวาน อักษร: อาจจะดีขึ้นป้ะ?




ผมทิ้งไลน์หวานเอาไว้แบบนั้นเมื่อคิดได้ว่าแทนใจอาจจะอยากได้อะไรไว้ทานระหว่างดูหนัง พอขึ้นไปแล้วเห็นหน้าตาน่ารักของน้อง ท่าทางออดอ้อนเหมือนปกติโดยที่เจ้าตัวไม่ตั้งใจของน้อง ทุกอย่างของแทนใจมีแต่คำว่าน่ารัก น่ารักเต็มไปหมด




“เดี๋ยวพี่ไปนั่งทำงานข้างล่างนะ เราอยากได้อะไรทักไลน์มาก็ได้ เดี๋ยวพี่ขึ้นมา”



“แล้วพี่ไม่ทำกับผมเหรอ?”




เป็นการพูดผิดที่น่ารักน่าเลี้ยงมากเลยครับ แทนใจหน้าแดงที่ตัวเองพูดอะไรสองแง่สองง่ามออกมาโดยไม่ตั้งใจไปหมดทั้งหน้าเลยครับ แก้มขึ้นสีระเรื่อดูน่าฟัดจนผมก็อยากจะนั่งทำกับน้องแบบที่น้องเขาชวนเหมือนกัน โคตรน่ารักเลยเว้ยคนอะไร




“ฮ่าๆ พี่ก็อยากทำกับเราครับ แต่รอเราหายก่อนนะ”




แทนใจทำหน้าเหมือนกับกึ่งเขินกึ่งจะร้องไห้ ซึ่งผมอดใจไม่ไหว ลูกค้าไลน์ผลิตเสียผมไม่สนแล้วตอนนี้ ถ้าไม่ได้ฟัดแก้มแทนใจตอนนี้อย่ามาเรียกผมว่าสิทธิกร!




พอผมตักตวงจนพอใจก็ลงไปทำงานแล้วก็คุยกับลูกค้าต่อ ตอนนี้เขาจะด่าพ่อผมก็ยังยิ้มสู้ครับ คนมันอารมณ์ดี อยากอยู่บ้านแล้วนั่งเล่นกับแทนใจทั้งวันทั้งคืน




น่ารักจังเลยวะ แฟนใครเนี่ย




Mek Sitthikorn: หวาน

Mek Sitthikorn: แทนใจโคตรน่ารักเลยว่ะ



มันเป็นอารมณ์อยากอวดแฟนครับ แต่ไม่รู้จะอวดกับใคร จะเมลไปหาลูกค้าแล้วบอกว่าผมรู้ว่าเครื่องคุณกำลังเสีย ที่หน้างานวุ่นวายมาก แต่ผมจะนอนกกแฟนเพราะแฟนผมน่ารักมาก ก็เสี่ยงโดนไล่ออก ไลน์หาเพื่อนละกัน ปลอดภัยดี



หวาน อักษร: แน่ะๆ

หวาน อักษร: รู้นะว่ายิ้มอยู่อะ



ผมก็ยิ้มอยู่จริงๆนั่นแหละ เหมือนคนบ้าเลยครับ แบบที่ถ้าไอ้แว่นกฤติเห็นมันต้องทำหน้าตาประหลาดหรือไม่ก็เอาส้อมแทงตาเพราะทนดูไม่ได้แน่นอน



Mek Sitthikorn: น่ารักมากเลยว่ะ

Mek Sitthikorn: เราแม่งโคตรแพ้เลยคนนี้

หวาน อักษร: จ้าๆ รู้แล้วจ้า



หลังจากนั้นหวานก็ส่งสติกเกอร์เบะปากรำคาญอะไรไม่รู้มาให้ ซึ่งผมไม่สนใจ ขนาดสติกเกอร์ยังน่ารักน้อยกว่าแฟนผมเลยครับ โลกใบนี้ไม่ได้ปกครองด้วยประชาธิปไตยนะ แต่ปกครองด้วยระบอบแทนใจธิปไตย



Mek Sitthiskorn: น่ารักเนอะ ไม่เชื่อดูรูปดิ

Mek Sitthikorn: *ส่งรูปภาพ*



ผมส่งรูปที่ไปเซฟจากเฟสบุ๊คน้องมา มันเป็นรูปแทนใจที่ยืนยิ้มกว้างจนแก้มฟูขึ้นมาในชุดไปรเวทสีเหลือง ท่าทางเหมือนกำลังอารมณ์ดีของน้องที่ทำให้ผมยิ้มตามตั้งแต่ที่เห็นครั้งแรก ส่วนมือนั้นกดเซฟแบบไม่คิดเลยครับ น่ารักจริงๆ



Rrrrr



อวดแฟนได้ไม่ถึงสองนาที ลูกค้าโทรมาอีกแล้ว ขัดขวางการหวีดแทนใจนี่บาปนะ แต่จำเป็นต้องรับโทรศัพท์ เพราะอีกฝั่งคือลูกค้า ผมแก้ปัญหาหน้างานไปพร้อมกับซื้อข้าวเย็นสำหรับสองคน แวะเซเว่นนิดหน่อย แล้วกลับมาทานข้าวเย็นกับแฟน แต่เรื่องไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพราะช่างหน้างานตอนนี้คือรัวไลน์แถมจะฆ่าผมได้แล้ว




ไลน์!



ไม่มีคนคบแล้ว (5)

เหี้ยเบิร์ด วิศวะ: อุ๊ย รูปหล่น 

เหี้ยเบิร์ด วิศวะ: *ส่งรูปภาพ*




ผมรีบสไลด์เข้าไปดูกรุ๊ปเพื่อนสมัยมหาลัยที่ยังเหลือๆคบกันอยู่ ความจริงแล้วผมไม่ได้มิ้วท์หรืออะไรกรุ๊ปนี้ทั้งนั้นครับ แต่ไม่เข้าไปอ่าน เพราะรำคาญ ขี้เกียจคุย แต่วันนี้เหมือนต้องเข้า เพราะความอยากดูรูปแท้ๆ




แล้วก็ไม่ผิดหวัง




มันเป็นรูปแอบถ่ายผมกับแทนใจในวันที่นัดรียูเนียนกับพวกมันแล้วผมหนีบน้องไปด้วย ในรูปคือตอนที่ผมกำลังหัวเราะอะไรสักอย่างอยู่ ซึ่งแทนใจมองหน้าผมแล้วยิ้มเต็มแก้มในแบบของเจ้าตัว ถึงแม้รูปจะไม่ชัดเพราะคนถ่ายมันกาก แต่สายตาและรอยยิ้มของแทนใจในรูปนั้น น่ารักจนทำให้ผมเผลอยิ้มตามไม่ได้




alex: เชี่ย ใครวะ

alex: น่ารักสัด

alex: มึงมีเบอร์มั้ยเบิ้ด




ไอ้เหี้ยเล็ก เพื่อนคนหนึ่งของกลุ่มที่วันนั้นเบี้ยวนัดพูดขึ้นมา แถมเป็นคำน่าชื่นชมด้วยรองเท้าเบอร์สี่สิบสี่ ผมรีบพิมพ์ตอบมันกลับอย่างรวดเร็วแล้วจึงวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมเพื่อมาสนใจงานที่กำลังยุ่งเหยิง




Mek Sitthikorn: เมียกู ไอ้สัด




หลังจากนั้นผมก็ปล่อยเบลอโทรศัพท์ส่วนตัวเลยครับเพราะลูกค้าผู้น่ารักโทรมาพอดี กว่าจะคุยเสร็จกลับมาแทนใจก็หายไปแล้ว ผมคิดว่าเขาน่าจะอยู่ในห้องนอน ผมอยากจะขึ้นไปฟัดน้องต่อเหมือนกัน ติดที่ว่าต้องเปิดคอมดูผัง drawing ของเครื่องจักรให้ช่างหน้างานนี่สิ




หวาน อักษร: จ้าๆ

หวาน อักษร: 5555555




ข้อความจากหวานที่เหมือนเพิ่งจะว่างมาจับโทรศัพท์อีกครั้งเด้งขึ้นมาหลังจากที่ผมส่งรูปแทนใจไป บางคนอาจจะมองว่าแปลกที่ผมส่งรูปแฟนใหม่ให้แฟนเก่าแบบนี้ แต่ระหว่างผมกับหวานมันไม่มีอะไรแล้วไง เป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ การมีเพื่อนเป็นแฟนเก่ามันก็ดีอย่าง เราสามารถปรึกษาเรื่องที่คิดว่าน่าอายโดยที่ไม่ได้ต้องอายขนาดนั้น เพราะตัวหวานเองก็เคยเอาเรื่องแฟนมาถามผมเหมือนกัน




เพราะงั้น การที่ผมจะปรึกษาเรื่องน้องชายของแฟนใหม่กับเขาก็ไม่แปลก




พูดถึงน้องชาย ผมเริ่มยิงคำถามหาหวานอีกครั้ง หลังจากอ่านไม่ตอบมาหลายชั่วโมง




Mek Sitthikorn: หวานว่าเราควรพูดกับแฟนเรามั้ยวะ

Mek Sitthikorn:ว่าเราไม่ชอบน้องเขา

Mek Sitthikorn: ถึงต่อให้ไม่ได้เกลียดเรา เราก็ยังว่าเด็กนี่ก็ยังน่ารำคาญอยู่ดี




พอถามทิ้งไว้เสร็จผมก็มาติดตามงานหน้าไซต์ต่อครับ ตอนนี้ปัญหาอีนุงตุงนังกว่าเดิมอีก จากที่มันควรจะแก้ได้แล้ว แต่มันกลับยุ่งเหยิงไปกันใหญ่




ไลน์!

หวาน อักษร: ก็เป็นเหมือนตอนที่เราคบกันไง



ผมปล่อยให้ไลน์มันขึ้นไปแบบนั้นก่อนเพราะปัญหาจากหน้างานรุงรังผมไม่หยุดเลยครับ ผมต้องติดต่อไปทางบริษัทแม่ที่ยุโรป คุยกับหัวหน้าแผนกเรื่องเคส ติดต่อหาคนว่างที่มีฝีมือให้เข้าไปช่วยแก้ไขปัญหา ซึ่งก็ไม่มีสักคนผมเลยต้องไปเองวันพรุ่งนี้



ปวดหัวชะมัด



ผมเปิดโทรศัพท์ส่วนตัวขึ้นมาเช็กอย่างอื่นนอกจากงานบ้าง อย่างแรกที่เห็นคือข้อความต่อมาของหวานที่เขาส่งมาไว้เมื่อกี้



หวาน อักษร: ก็เป็นเหมือนตอนที่เราคบกันไง

หวาน อักษร: เมฆก็จะทะเลาะกับแฟนเพราะเขาไม่เข้าใจ แล้วเมฆก็ไม่อธิบาย

หวาน อักษร:น้องเขาก็จะไม่รู้เรื่องอะไรเลย

หวาน อักษร: ถ้าไม่อยากเลิกกับน้องก็อย่าทำ ไม่รู้หรือไงว่าเวลาเมฆโมโหอะโคตรน่ากลัว



เรื่องงานว่าปวดหัวแล้ว เรื่องความรักก็ไม่ต่างกันเลยครับ




“เฮ้อ”




ผมยกมือนวดขมับ ถ้าเลือกได้ผมก็ไม่อยากเอาเรื่องนี้ไปหนักหัวน้องเหมือนกัน ใครจะอยากให้คนรักไม่สบายใจ แถมยังเป็นแทนใจ น้องเขาบริสุทธิ์เกินไปจนผมไม่อยากให้เขาต้องเจออะไรไม่ดีในชีวิตเลยสักนิด




พูดแล้วผมก็อยากเจอน้องจัง คิดถึงแล้ว




ผมเดินเข้าไปหาเขาในห้อง แทนใจที่ดูเหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่างอยู่ไม่ได้ปัดป้องเมื่อผมก้มลงไปหอมแก้มน้องชื่นใจเหมือนกับทุกที




การมีแทนใจในชีวิตเป็นสิ่งมหัศจรรย์มากจริงๆ แค่มีเขาอยู่ข้างๆ เห็นหน้าตาน่ารักกับรอยยิ้มที่ผมชอบ ผมก็หายเหนื่อยได้อย่างน่าประหลาดแล้ว




“คุยงานเหรอครับ” แทนใจถามผม

“อืม...ปัญหาเดิมๆ แก้ไม่จบสักที”

“มีเรื่องอะไร เล่าให้ผมฟังได้มั้ยครับ?”

“เรื่องเล็กน้อยน่ะ ปัญหาเดิมๆ… ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอกครับ”

“แต่ผมอยากรู้นะ คุณบอกผมได้นะ”





ผมมองตาน้อง การที่เขาอยากเข้ามามีส่วนร่วมในโลกของผมทำให้ผมรู้สึกดีมากขึ้นไปอีก คิดไม่ผิดเลยจริงๆที่เลือกชอบคนๆนี้



ไม่เคยรู้สึกว่าดีใจที่มีใครสักคนในชีวิต จนกระทั่งถึงตอนนี้





“ขอบคุณมากนะครับ เด็กดี”





น้องเงียบไปพักหนึ่ง จนผมแปลกใจ พอหันไปมองหน้าถึงได้เห็นว่าเขาไม่ได้ยิ้มอยู่ น้องเขาขมวดคิ้วเหมือนกับกำลังใช้ความคิด และไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่





หรือว่าเขาจะรู้ว่าผมไม่ชอบแทนกาย?





“เป็นอะไรหรือเปล่า?”

“...” ยิ่งน้องเงียบ ผมยิ่งแพนิค

“ว่าไงเรา ไข้กลับเหรอครับ หรือว่า--”

“คุณพี่เมฆครับ คุณพี่เมฆคุยกับใครอยู่เหรอครับ?”



โถ่เอ๊ย ผมก็นึกว่าเรื่องอะไร



“เพื่อนครับ”



พูดถึงหวานแล้ว คำพูดของหวานยังคงอยู่ในความคิดผม … ถ้าหากพูดเรื่องน้องชายเขาไป แล้วเรามีโอกาสเลิกกันล่ะก็ ผมยอมเก็บเรื่องนี้ไว้กับตัวเองจนวันตายดีกว่า



อ่อ แล้วผมก็ไม่ยอมแพ้เด็กเปรตนั่นด้วย



มาลองเจอกันสักหน่อย มา!





------- Monday In Love -------








แทนใจน่ารักมากขึ้นทุกวัน



พอได้ครอบครองแล้วผมหยุดเอาแต่ใจกับเขาไม่ได้ ยิ่งพอเขาอ้อนแล้วผมก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลก ซึ่งพอเป็นแบบนั้น ผมก็ไม่อยากให้มีแปลงที่ไหนมาตอมไต่คนของผมทั้งนั้น 



โดยเฉพาะแมลงที่ชื่อแทนกาย



หลังจากที่พวกผมเมคเลิฟกันเสร็จ ผมกะว่าจะพาน้องไปอาบน้ำ แต่ข้อความกวนโมโหจากน้องชายของอีกฝ่ายกลับทำให้ผมรู้สึกฉุนขึ้นมาทันที



sky: พี่แทนใจอยู่กับคุณเมฆหรือเปล่าครับ?

sky: ฝากบอกพี่แทนใจทีว่าผมอยากกินสเต๊กร้านที่เคยไปด้วยกันสองคน

sky: อ๋อ ใช่ๆ

sky: แล้วก็บอกพี่ให้ด้วยนะครับ ว่าผมอยากดูหนังกับเขาอีก

sky: อยากให้วันจันทร์มาถึงเร็วๆจัง จะได้เจอกันแล้ว

sky: หนังหมีพูห์ที่พี่แทนใจอยากดูเข้าแล้วนะครับ ผมอยากไปดูกับพี่อีกจัง

sky: แต่ผมก็ชอบดูที่บ้านกับพี่นะ

sky: ตักพี่นุ่มมากเลย

sky: :D



ผมเกลียดการพ่ายแพ้ และในเกมนี้ ผมจะต้องชนะเท่านั้น



“แทนใจครับ”

“เราเป็นของพี่นะ”

“ครับ?”

“เป็นของพี่แล้ว เป็นของพี่แค่คนเดียว”

“เดี๋ยว--- อื้อ”



ผมไล่จูบผิวน้องไปทุกส่วน อยากจะแสดงความเป็นเจ้าของให้ทุกคนได้รับรู้ ผมอยากบอกโลกว่าแทนใจเป็นของผม ผู้ชายที่นอนอ่อนระทวยรับจูบอยู่ตรงนี้เขาเป็นของผม



“ผมเหนื่อยแล้วนะคุณ”

“ครับ พี่รู้”

“รู้แล้วก็หยุดสิครับ”



แทนใจประท้วงเสียงอ่อยเมื่อผมแสดงความรักย้ำๆ ผมต้องการให้ความรู้สึกของผมติดตัวน้องอย่างเป็นรูปธรรม ผมอยากกลืนแทนใจเข้าไป อยากบอกรักตลอดเวลา เขาเป็นของผม



เป็นของผมแค่คนเดียวเท่านั้น



“หยุดไม่ได้ครับ แทนใจเป็นของพี่..เป็นของพี่เท่านั้น”



แฟนผมตอบรับในลำคอ น้องเชิดหน้าขึ้นเมื่อกำลังจะถึงฝั่งฝัน ตัวผมเองก็เช่นกัน  แต่ผมต้องการจดจำเวลานี้เอาไว้ สีหน้าที่เขาถึงสรวงสววรค์เพราะผม เสียงครางที่เกิดขึ้นเพราะผม ทุกความรู้สึกของแทนใจเป็นชื่อผม



มีแค่เราสองคนเท่านั้น



“พี่เองก็เป็นของแทนใจเหมือนกัน”



ผมจะไม่ยอมแบ่งเขาให้ใครแม้จะเป็นน้องชายของเขาก็ตาม



.

.

.



------- TBC ------




ขอแบ่งนะคะ มันยาวมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  ;A;

ขอบคุณทุกเม้นทุกแท็กนะคะ อ่านหมดเลย XD
ทั้งที่ให้กำลังใจนน้องแทนใจ จะตีๆคุณพี่เมฆ แล้วก็ให้กำลังใจนี่ ฮือ
ขอบคุณมากจริงๆคะ

แล้วเจอกันพรุ่งนี้ถ้าเป็นไปได้นะคะ  XD

Babybaphomet





แจ้งเตือนครั้งที่ 1 !

ผู้ดูแล ลบข้อความประชาสัมพันธ์ ออกนะคะ

จากกฎข้อที่ 17  เนื้อหายังลงไม่จบ
ห้ามประชาสัมพันธ์ เปิดจอง ใดๆ ทั้งสิ้นในกระทู้
ไม่ว่าในรูปแบบหนังสือหรือ e-book



อ้างถึง
17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน 

ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)

ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-10-2018 23:46:47 โดย BaoBao »

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ก็ยังตีๆคุณพี่เมฆเหมือนเดิม เรื่องคุยกับหวานเราไม่เท่าไหร่ โมโหที่เหนื่อยแล้วมาพาลใส่น้อง ตีๆ  :m16:

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
ไม่สงสารคุณพี่เมฆบอกเลย เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ไม่ได้เรื่องเลย แทนใจรักน้องมากแล้วยังใงใช่ว่าแทนใจเป็นคนไม่มีเหตุผลซักหน่อย

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ฟังพี่เมฆแล้วก็ไม่รุ้สึกสงสารอยู่ดีอ่ะ วิธีการแก้ปัญหาแย่มาก มันเลยเถิดมาจนแทนใจทนไม่ไหวก็สมควร  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Mayana

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2
 :m16: พี่เมฆจะจัดการกับปัญหายังงัยไม่รู้ ที่รู้ๆ ตอนนี้น้องแทนใจโกรธจริงแล้ววว

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
นี่มันความรักนะไม่ใช่เกม

เห้อออออ สมควรแล้วนะเมฆ

ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
21st Monday : Second Half

#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 







ผมเกลียดไอ้เด็กเปรตนั่น

 

 

ความรู้สึกนี้ยิ่งชัดเจนเมื่อเห็นว่าไลน์ในโทรศัพท์ที่เข้ามาถี่ๆในตอนที่ผมกำลังจะขับรถไปส่งแทนใจที่ทำงานเป็นของใคร

 

sky: คุณเมฆครับ ตอนนี้อยู่กับพี่แทนใจใช่มั้ยครับ?

sky: พอดีผมทำการบ้านอังกฤษไม่ได้

sky: พี่ล้งเล้งก็ไม่ว่างสอนเพราะต้องสอบมิดเทอม

sky: อยากให้พี่แทนใจสอนจังเลย

sky: ถ้าผมทำคะแนนได้รอบนี้ ผมขอรางวัลนะ

sky: เราไม่ได้หอมแก้มกันนานแล้วเนอะ

sky: คิดถึงแก้มพี่แทนใจจังเลย

sky: :D

 

 

มึงมาบอกกูทำไมวะ!

 

 

ถ้าอยากจะคุยกับแทนใจจริงๆทักไปหาแทนใจตรงๆเลยก็ได้ ทำมาเป็นทักผมความจริงเรื่องพวกนี้ดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายแค่ต้องการจะปั่นให้ผมหัวหมุน เหมือนพวกแอคเห็บในโซเชียลต่างๆ ทำเหมือนกับว่าติดต่อแทนใจไม่ได้ ทั้งที่แทนใจไม่ได้รับโทรศัพท์เด็กนี่แค่วันนั้นวันเดียวนั่นแหละ แต่วันอื่นยังไงแทนใจก็เป็นคนดีเกินกว่าที่จะไม่ตอบน้องอยู่แล้วครับ

 

 

ลองเป็นผมสิ มีน้องชายกวนตีนแบบนี้นะจะเอารถของเล่นทับมันตั้งแต่อ้าปากพูดคำแรก

 

 

ผมไม่สบอารมณ์มากจนอยากจะชนรถทุกคันที่ขวางหน้า อยากจะส่งวิดีโอตอนที่แทนใจเป็นของผมไปให้เขาดู แต่มันไม่ดีทั้งกับตัวผมและกับน้อง ตัวผมน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ถ้ามันหลุดออกไป แทนใจมีแต่เสียกับเสีย ซึ่งผมยอมไม่ได้

 

 

ถ้าเลือกครอบครัวใหม่ให้แทนใจได้นะ ผมจะสร้างแบบที่ไม่ให้มีไอ้เด็กแทนกายนั่นอยู่ในสาระบบชีวิตแทนใจเลยคอยดู

 

หรือพาน้องหนีไปอยู่ต่างประเทศดีวะ? ไปไหนก็ได้ ที่น้องชายเขาตามไปไม่ถึง

 

 

“มันจะมีจริงๆเหรอ? คนที่ชอบอะไรแบบนี้เนี่ย”

“หืม มีอะไร”

 

 

ผมถามทันทีเมื่อเสียงของแทนใจพูดอะไรสักอย่างขึ้นมา เมื่อหันไปมองหน้าน้อง ถึงได้เห็นว่าเจ้าตัวดูหน้าตาแตกตื่นตกใจ เหมือนกับไม่คิดว่าผมจะได้ยินสิ่งที่เขาพูด

 

 

ทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้วะ? ผมขโมยเขาเก็บไว้ดูคนเดียวไม่ได้จริงๆเหรอ?

 

 

“อ๋อ ก็เนื้อเพลงอะครับ ผมแค่สงสัยว่ามันจะมีอะไรแบบนี้จริงๆเหรอ?” 

“หืม…แบบไหนครับ บอกพี่หน่อยสิ”

 

 

ผมถามเพราะตัวเองมัวแต่คิดเรื่องน้องชายแฟน จนไม่ได้สนใจฟังเลยว่าแฟนผมเปิดเพลงอะไรอยู่

 

 

“ที่มันร้องทำนองว่าชอบการที่คนรักโกหก มันจะมีคนแบบนั้นจริงๆเหรอครับ? ไม่สิ ไม่ต้องถึงขนาดชอบที่คนรักโกหกหรอก”

“...”

“คุณคิดว่า คนที่เป็นแฟนกันเขาจะต้องโกหกกันด้วยเหรอครับ?”

 

ใครบอกอะไรแทนใจหรือเปล่าวะ?

หรือว่าเด็กนั่นไปพูดอะไรกับน้อง ให้เขาสงสัยในตัวผม?

 

 

ปริ้น!!!

 

 

ผมเผลอนิ่งไปชั่วครู่ เพิ่งได้สติตอนคันหลังบีนแตรแรงเหมือนตั้งใจจะด่าพ่อ แม่งเอ๊ย ไม่รู้หรือไงวะว่าคนเขากำลังคุยกับแฟนเด็กอยู่ อย่ารีบได้มั้ย? ถึงแม้มันจะเป็นเช้าวันทำงานก็อย่ารีบสิวะ

 

 

ผมกลับมาสนใจถนนตรงหน้า พร้อมทั้งตอบแทนใจที่กำลังมองหน้าผมเหมือนกับรอคอยสิ่งที่ผมกำลังจะพูด

 

 

“บนโลกนี้มันไม่ได้มีแค่ความจริงกับคำโกหก มันมีอะไรเยอะกว่านั้น”

“มันมีอะไรล่ะครับ? สำคัญกว่าความจริงอีกเหรอ?”

“ความรู้สึกของอีกฝ่ายไง”

 

 

ผมเลี้ยวรถเข้าไปในอาคารจอดรถของบริษัท ชั้นที่บริษัทผมได้จอดมีที่น้อยมาก แทบจะเกยกันอยู่แล้ว ดีที่วันนี้ผมไม่ได้มาออฟฟิศ แค่แวะมาส่งแทนใจเฉยๆ เลยไม่ต้องวนไปชั้นสูงๆ อยู่แค่ชั้นสองก็พอ

 

 

“หมายความว่า ถ้าพี่คิดว่ามันดีกับผม พี่ก็จะโกหกผมอย่างนั้นเหรอครับ?”

“ใช่”

 

 

ผมตอบโดยไม่ต้องคิด เพราะทุกอย่างที่พูดออกไปมาจากใจทั้งนั้น ถ้าหากจะต้องโกหกเพื่อรักษาความรู้สึกของแทนใจไว้ ทำไมผมถึงจะไม่ทำกันล่ะ? ไม่มีใครอยากเห็นคนที่ตัวเองรักเจ็บปวดหรอก

 

 

“พี่ไม่รู้สำหรับคู่อื่น แต่สำหรับพี่ เรื่องอื่นพี่อาจจะสัญญาไม่ได้ว่าจะไม่โกหก”

 

 

ผมจอดรถแล้วหันไปหาน้องที่กำลังมองผมอยู่เหมือนกัน ผมไม่เคยเชื่อว่านัยน์ตาจะสามารถบ่งบอกความรู้สึกอะไรได้มากมายขนาดนั้น แต่มีครั้งนี้ที่ผมอยากจะบอกรักเขาผ่านสายตา อยากให้เขามั่นใจว่าถ้าหากผมยังอยู่ตรงนี้ จะไม่มีใครสามารถทำร้ายอะไรเขาได้ทั้งนั้น

 

 

 

“เรามั่นใจได้เลย ไม่ว่าพี่จะพูดอะไร สิ่งเดียวที่พี่จะไม่โกหกเราแน่ๆน่ะ…”

 

 

แม้กระทั่งน้องชายของเขาก็ตาม

 

 

“คือเราอ้วนขึ้นนะ”

 

 

ผมพูดติดตลกเมื่อน้องแทนใจทำหน้าตาจริงจัง ผมไม่อยากให้เขาเครียดอะไรก็ตาม โอเค เข้าใจว่าเรื่องงานมันห้ามไม่ได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่นที่ทำได้ ผมก็จะทำ

 

 

“พี่ว่าพี่ยืดแก้มเราได้มากขึ้นนะ กินเยอะนะเนี่ยช่วงนี้”

“อ่อยยยยยยยยยย” (“ปล่อยยยยยยยยยย”)

 

 

หลังจากมั่นใจว่าน้องแทนใจจะไม่เครียดแล้วผมก็ปล่อยแก้มนุ่มๆของน้องอย่างอิดออด ถ้างานที่ไซต์ไม่เดือดขนาดนี้ผมอาจจะทำตัวติดน้องทั้งวันเลยก็ได้ โคตรงี่เง่าเลยให้ตาย เหมือนกับเด็กมัธยมเพิ่งมีความรักครั้งแรกทั้งที่ตอนนี้ทำงานมาหลาย

 

 

“คุณนี่เอะอะก็ดึงแก้มผมจริงๆ บ้าบอ”

“ก็แก้มเราน่าดึง”

“อูดเอ๋ยๆไอ้อ้องอึงอิ่!” (พูดเฉยๆ ไม่ต้องดึงสิ!)

“เรานี่น่ารักจัง”

 

 

น่ารักจนอยากจะให้เป็นของผมคนเดียว

 

 

แทนใจส่งยิ้มกว้างมาให้ ซึ่งมันน่ารักผมอดที่จะก้มลงไปหอมหัวเขาอย่างเอ็นดูไม่ได้ อยากจะอยู่กับเขาทั้งวัน อยากบอกรักซ้ำ อยากให้ทุกวันทุกเวลาของเขามีแต่ผม เหมือนกับที่ผมมีแต่เขาเท่านั้น

 

 

“พี่ไปแล้วนะครับ”

“ครับ ขับรถดีๆนะ”

“แล้วเจอกันนะครับ”

 

 

ผมยิ้มส่งน้อง จนเมื่อมั่นใจว่าแทนใจหันหลังไปแล้ว ผมจึงหยิบโทรศัพท์ที่สั่นเป็นเจ้าเข้าหลังจากที่ผมปิดเสียงไปเมื่อกี้ขึ้นมาดู ข้อความที่ขึ้นมาตรงโนติฯไม่ได้ทำให้อารมณ์ที่คุกรุ่นครั้งสุดท้ายที่ดูลดลงไปเลยสักนิด

 

 

sky: คุณเมฆครับ อยู่กับพี่แทนใจใช่มั้ยครับ?

sky: ผมลืมไปเลยว่าพวกชุดของผมที่อยู่ห้องพี่แทนใจอะ มันมีเสื้อตัวโปรดผมดด้วย

sky: ไว้เดี๋ยวผมจะเข้าไปเอานะครับ

sky: แล้วเดี๋ยวจะเอาเสื้อพี่แทนใจไปคืนด้วย

sky: ชอบมาทิ้งเสื้อไว้ที่ห้องผม แล้วมาบ่นงุ้งงิ้งว่าไม่มีเสื้อใส่ไปทำงาน

sky: พี่เขาขี้ลืมครับ ต้องให้ผมเตือนบ่อยๆ

sky: :D

 

 

คือเด็กนี่จะขิงใส่ผมจนประเทศไทยพัฒนาเลยถูกมั้ย?

 

 

Mek Sitthikorn: ครับ

 

 

ผมตอบกลับไปแค่นั้น อย่างน้อยอีกฝ่ายก็เป็นน้องชายแฟน ถึงแม้ในใจผมจะอยากขับรถไปเสยหน้ามันก็ตาม บุหรี่ที่เก็บไว้ในกระเป๋าถูกหยิบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ผมต้องระบายกับอะไรสักอย่าง ไม่งั้นผมต้องโมโหไปทำงานแน่นอน

 

 

คิดได้แล้วก็ต่อสายคนที่รู้เรื่องทุกอย่างดีที่สุด ตอนนี้ผมจะไม่เสียเวลาไลน์ทิ้งไปแล้ว ขี้เกียจรอคำตอบมันต้องมีคุยกับผมตอนนี้ เดี๋ยวนี้!

 

 

“เมฆ ว่าไง?”

“หวาน เราว่าเราไม่ไหวแล้วว่ะ”

 

 

ผมไม่แม้แต่จะรอให้หวานพูดจบ ตอนนี้ผมไม่ดับเครื่องด้วยซ้ำ แต่ออกมายืนนอกรถเพราะจะจุดบุหรี่ ขอบคุณลานจอดรถที่ไม่ห้ามสูบบุหรี่ ไม่งั้นผมก็จะไปยืนสูบในสำนักงานมันนั่นแหละ

 

 

“เมฆอย่าเพิ่งไปอารมณ์ร้อนแบบนี้ใส่น้องนะ เมฆห้ามเด็ดขาดเลยนะ”

“ไม่เว้ย เราทนมาเยอะแล้ว หวานก็รู้ว่าเราเจออะไรบ้าง”

“เรารู้เมฆ แต่น้องแทนใจไม่รู้ไง” หวานถอนหายใจ พลางบ่นพึมพำทำนองว่างานก็ยังไม่เสร็จเพื่อนก็ยังมาหัวร้อนเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งผมไม่ได้เก็บมาใส่ใจ แทนกายน่าโมโหกว่าเยอะ “นั่นน้องชายเขานะเมฆ เรารู้ว่าเมฆทนมาเยอะ แล้วเมฆจะทำยังไงได้นอกจากทนไปอีกสักนิด”   

 

“เราทนมากแล้วนะหวาน ทนได้ขนาดนี้ก็เก่งแค่ไหนแล้ว อีกนิดนึงเราหลุดปากแล้วแน่ๆ”

“ก็ถ้าเมฆหลุดปากในแบบของเมฆ ก็เลิกกับน้องเขา จะเอามั้ยล่ะ?”

“...”

“หัดสงบสติอารมณ์บ้างสิ หายใจเข้าหายใจออกดั่งดอกไม้บานน่ะ เพราะถ้าเมฆโมโหมันพังแน่ๆ เมฆรู้ใช่มั้ยว่าเวลาตัวเองโมโหมันพังแค่ไหน”

“หวานรู้จักเราดีจังวะ รู้จักเราดีเกินไปจริงๆ” 

“ก็เมฆไม่เปลี่ยนเลย โมโหเป็นหมาบ้ามากเมื่อก่อนน่ะ ใครก็เอาไม่อยู่”

“เมื่อก่อนเราเป็นยังไง ตอนนี้เราก็ยังเป็นอย่างเดิมนั่นแหละ”

 

หวานเงียบไปพักหนึ่ง เหมือนกำลังคิดว่าควรที่จะพูดอะไรดีในสถานการณ์ที่ผมพร้อมจะระเบิดแบบนี้

 

 

“แต่เรื่องนี้มันใช้อารมณ์ไม่ได้ อีกฝ่ายคือน้องชายของเขานะเมฆ ถ้าเมฆเกินไปหัวร้อนหาเรื่องแล้วเขาจะรู้สึกยังไง”

“เราต้องสนคนอื่นมากกว่าแฟนเราเหรอวะหวาน?”

 

 

ผมทิ้งบุหรี่ลงพื้นแล้วเอาเท้าเหยียบให้มันดับ ก่อนจะขึ้นไปนั่งบนรถเพราะนี่ได้เวลาที่จะต้องออกไปไซต์แล้ว โชคดีที่วันนี้ผมเข้าไซต์แถวปทุมธานี มันไม่ได้ไกลจากกรุงเทพมากนัก ขับรถไม่ไกลเท่าไหร่ ลองเป็นระยองหรืออะไรแบบนั้น วันนี้ได้ถึงตอนค่ำแน่นอน

 

 

“แต่คนอื่นที่พูดถึงนี่คือครอบครัวเขาไง”

“...”

“เรารู้ว่าเมฆโมโห เมฆอยากพูด อยากให้แทนใจเข้าใจ แต่น้องเขาไม่รู้นะเมฆ แถมเมฆอะเข้าใจยากจะตาย”

“แล้วเราต้องทำไงวะ?”

 

 

ผมถามเพื่อนอย่างจนปัญญาจริงๆ

 

 

“สงบสติอารมณ์เลยอย่างแรก แล้วลองคุยกับน้องชายแฟนดู มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้นะ”

 

 

หลังจากที่พูดจบหวานก็ขอตัวไปทำงานต่อ ส่วนผมเองก็โยนโทรศัพท์ไปไว้เบาะหลัง ช่างแม่งก่อนละกัน ถ้าป่วนแค่ผมไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าคิดจะทำให้แทนใจเลิกกับผมจริงๆละก็ ผมไม่ปล่อยเอาไว้แน่!

 

.

.

..

 

เป็นวันจันทร์ที่งานเดือดไปไหนวะ!

 

 

ผมบ่นกับตัวเอง วันนี้แม่งปัญหาเยอะจนปวดหัว ทั้งฝั่งบริษัทผมฝั่งลูกค้า ช่างหน้างาน อะไหล่ ทุกยอ่าง ปัญหาเยอะจนอยากจะลาออก!

 

 

แต่ออกไม่ได้ ถ้าออกแล้วจะเอาอะไรกิน!

 

 

ผมนอนหน้าไซต์ตั้งแต่วันศุกร์ครับ เฝ้าไลน์ผลิตคอยดูช่าง ทั้งทีมคือผลัดกันไปนอนถ้านอนได้ โรงแรมที่บริษัทจองไว้ให้มีไว้แค่ส่งผ้าซักเท่านั้น งานมันเดือดจนผมแทบไม่ได้จับโทรศัพท์ส่วนตัว

 

 

คิดถึงแฟนชะมัด

 

 

ผมทำได้แค่ไลน์หาแทนใจทิ้งไว้ครับ มันผละจากหน้างานออกไปไม่ได้จริงๆ แผนตอนแรกที่คิดว่าจะรีบขมวดงานให้เสร็จแล้วไปรับแทนใจมาทานข้าวกันต้องเลื่อนออกไปเป็นดึกกว่าเดิมแบบที่ผมไม่อยากเลยสักนิด ซึ่งจะโทรบอกก็โทรไม่ได้ เครื่องจักรเสียงดัง ถ้าจะออกไปคุยข้างนอกผมก็ต้องคุยยาวแน่นอน ตัดปัญหาด้วยการไลน์ไปหาน้องทิ้งไว้ วันนี้น้องก็คงหัวร้อนกับงานเหมือนเดิม

 

 

พูดแล้วก็คิดถึง อยากกลับไปกอดแทนใจแล้ว

 

 

“เฮียเมฆ มาดูตรงนี้หน่อยดิ”

“แป๊บนึงมึง”

 

 

ผมบอกน้องในทีมเมื่อรู้สึกว่าโทรศัพท์ส่วนตัวสั่น พอหยิบขึ้นมาดูก็ยิ้มออกมาทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นไลน์ของน้องที่ตอบกลับมา

 

 

Tanjai: คุณพี่เมฆเสร็จเมื่อไหร่ค่อยมาก็ได้

 

 

ผมพิมพ์ข้อความตอบกลับไปนิดหน่อย ก่อนที่จะไปลุยหน้างานต่อ เอาวะ วันนี้แหละไลน์มันต้องเดินได้ ถ้าไม่งั้นผมจะทุบเรียงตัว ทุบลูกค้าด้วย แม่งเอ๊ย ปรับเครื่องบ้าอะไรของมันจนรวนขนาดนี้

 

 

จากที่คิดว่าจะเสร็จมันก็ไม่เสร็จ

 

 

กลายเป็นว่าช่างที่อยู่ตรงนี้ทำอะไรไม่ได้ ต้องให้ทางฝั่งยุโรปรีโมทเข้ามาเช็กปัญหาให้อีกที แต่อย่างน้อยตอนนี้เครื่องมันก็เดินได้แล้ว ถึงจะต้องเดินแบบ manual ไปก่อนเพื่อรอคนจากทางนั้นมาช่วยก็เถอะ แต่วันนี้ผมไม่ทำอะไรแล้ว จะกลับไปหาแทนใจ

 

 

ผมไลน์ไปถามน้องว่าจะให้เข้าไปรับที่บริษัทมั้ย แต่อาจจะถึงดึกหน่อยเพราะรถติดแบบบ้าไปแล้ว ทำไมไม่นอนที่ทำงานกันครับ ขับรถกันให้มันติดทำไม คนเขารีบไปหาแฟนรู้มั่งมั้ยว่ามันสาหัส!

 

 

น้องไม่ตอบนานจนผมเริ่มเป็นห่วง แต่ผมคิดว่าอีกฝ่ายอาจจะกำลังเคลียร์งานอยู่ ตอนที่แทนใจกำลังมีสมาธิเขาไม่ค่อยจะสนใจอย่างอื่นหรอกครับ ซึ่งผมก็ชอบนะ น่ารักดี

 

 

ไลน์!

 

sky: คุณเมฆครับ

sky: เย็นนี้คุณเมฆจะไปกับพี่แทนใจใช่มั้ยครับ 

sky: ผมขอโทษนะครับ พอดีผมปวดหัว เลยให้พี่มาหา

sky: พี่แทนใจเลยไปหาคุณช้าเลยเนอะ 

sky: ยังไงก็อย่าโกรธพี่เลยนะครับ ผมบังเอิญป่วยพอดีเลย

sky: แย่จังเนอะ

sky: TT

sky: *ส่งรูปภาพ*

 

 

แว๊บแรกที่ผมเห็นว่าใครเป็นคนไลน์มา ผมกลอกตาด้วยความเบื่ออย่างเปิดเผย แต่ด้วยความอยากรู้ ผมรอจังหวะที่รถติดแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู

 

 

แทนกายส่งรูปผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังหันหลังมาให้ ซึ่งผู้ชายคนนั้นนั่งอยู่บนเตียง รอบข้างเขามีกระเป๋าใบหนึ่งวางอยู่ซึ่งผมจำได้แม่นว่านั่นคือกระเป๋าแฟนผม ใกล้ๆกันมีแผงยา ไม่ต้องดูอีกครั้งก็รู้ว่านั่นคือแทนใจ

 

 

sky: อ่านเร็วจังนะครับ

sky: คุณเมฆนี่ต้องใส่ใจคนอื่นมากแน่ๆเลย

sky: :D

 

 

ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะโมโหได้เท่านี้มาก่อน

 

 

ที่ผมนัดแทนใจวันจันทร์ก็เพราะว่าไม่ต้องการให้เด็กนี่ได้ไปเจอแทนใจนี่หละ แต่สุดท้ายมันก็ใช้มุกนี้มาหลอกล่อให้แทนใจไปหาตัวเองอย่างนั้นเหรอ? แม่งเอ๊ย เด็กเปรต

 

ผมกระหน่ำโทร โทรแล้วก็โทรหาแทนใจ แต่น้องเขาไม่รับ จากรูปที่ส่งมานั้นผมไม่เชื่อว่าเด็กนั่นป่วย คนป่วยบ้าอะไรจะมีหน้ามาถ่ายรูปยั่วโมโหคนอื่นแบบที่กำลังทำอยู่

 

 

“รับสิวะ”

 

 

ผมบ่นพร้อมสบถ แต่แทนใจก็ยังไม่รับโทรศัพท์ ผมไลน์ไปหาเขาหลายสิบข้อความ แต่น้องไม่แม้แต่เปิดอ่าน ในใจผมร้อนรุ่มด้วยความโทสะ ถ้าหากเด็กนั่นทำอะไรแทนใจล่ะ? ถ้าเขาไปพูดอะไรที่ทำให้แทนใจเลิกกับผมล่ะ ถ้าแทนใจยอมน้องจนคิดว่าชีวิตเขาไม่ต้องมีผมก็ได้ล่ะ

 

 

ผมไม่ยอม!

 

 

แต่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากรอให้แทนใจติดต่อมา และในที่สุด น้องก็โทรหาผม บทสนทนาของเร็วเป็นไปด้วยความรีบ ผมถามเขาว่าอยู่ไหน ให้ส่งโลเคชั่นมา แล้วผมก็รีบเหยียบตาม GPS ไป 

 

ใช้เวลาแหกโค้งปาดซ้ายปาดขวาไม่นานก็ถึงที่หมาย ตามโลเคชั่นที่น้องส่งมาคือคอนโดที่หนึ่ง ซึ่งต้องเป็นที่อยู่ของน้องกายแน่นอน

 

ผมเดินเข้าไปหาแทนใจที่นั่งอยู่ตรงโซฟาในเล้านจ์คนเดียว น้องเงยหน้าขึ้นมามองผมครับ เห็นใบหน้ายิ้มของอีกคนแล้วมันทำให้ผมยิ่งหงุดหงิด

 

ในขณะที่ผมห่วงเขาจนแทบบ้า รีบทำงานจนแทบจะอ้วกออกมา แต่เขากลับมาเล่นโทรศัพท์สบายใจอยู่ที่ห้องน้องชายที่คิดจะเคลมตัวเองแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน!

 

 

“คะ--”

“ทำไมถึงไม่รอพี่ที่ทำงาน?”

 

 

ผมยิงคำถามทันทีโดยที่ไม่รอให้แทนใจพูดจบ ผมโมโหมาก พร้อมจะระเบิดได้ตลอดเวลา แต่ตอนนี้ผมพยายามที่จะไม่เหวี่ยงใส่แทนใจ ถึงแม้ไม่รู้ว่าจะทนได้แค่ไหนก็ตาม

 

 

“น้องผมไม่สบาย ผมเห็นว่าคุณติดงาน เลยกะว่าจะไปหาคุณเองหลังจากดูน้องเสร็จ ขอโทษที่ไม่ได้บอกก่อนนะครับ”

“เรานัดกันแล้วนี่ ทำไมถึงได้มาที่นี่แบบนี้ แล้วพี่ล่ะ?”

“น้องผมไม่สบายไงครับ ...แล้วตอนนี้ผมก็ออกมาแล้ว กำลังจะไปหาคุณนี่ไง”

“แล้วทำไมไม่บอกพี่ก่อน ติดต่อไม่ได้แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน แค่งานก็เหนื่อยแล้ว ทำไมต้องทำตัวเป็นเด็กให้พี่เหนื่อยกว่าเดิมด้วย?”

 

 

ผมพูดออกไปอย่างหงุดหงิด ในหัวคือโมโหคนของเราด้วยที่ไปทำตามที่เด็กแทนกายมันต้องการ ผมอยากจะบอกทุกอย่าง ผมไม่เชื่อว่าเด็กนั่นจะป่วยจริง ผมว่ามันต้องหาเรื่องให้แทนใจไปหา มันอยากจะยั่วโมโหผม

 

 

ทำไมแทนใจถึงต้องไปทำตามมันด้วยวะ

 

 

“ถ้าเหนื่อยก็เลื่อนไปก่อนก็ได้นี่ครับ”

 

 

แทนใจพูดเหมือนกับเบื่อ เฮ้ย นี่คือผมอดหลับอดนอน เถียงกับทั้งลูกค้า ลงมือไปดูเครื่องเองเพราะช่างแม่งไม่ได้เรื่อง ทำทุกอย่างเพราะอยากเจอเขา แต่เขากลับทำเหมือนว่าไม่อยากเจอผมอย่างนั้นเหรอ?

 

 

หรือว่าแทนกายไปพูดอะไรให้แทนใจฟัง? ทำไมอยู่ดีๆแทนใจถึงได้ไม่อยากเจอผมขึ้นมาแบบนี้

 

 

“พี่คิดถึงเราไง อยากเจอไง อยากเห็นหน้า ทำไมเรื่องแค่นี้ถึงต้องให้บอก”

“ถ้าคุณไม่บอกแล้วผมจะรู้ได้ยังไง? คุณบอกแค่ว่าจะมาเย็นๆหน่อย ผมก็ไม่มีปัญหาแล้วไง นี่ผมจะมาหาน้องบ้าง ทำไมคุณถึงมีปัญหาด้วย?”

“ใครกันแน่ที่มีปัญหา?”

“ผมเเหรอ? คุณจะบอกว่าปัญหามาจากผมเหรอ?”

 

 

แทนใจตวัดเสียงถามผม นั่นทำให้ผมตกใจนิดหน่อย ตั้งแต่รู้จักกันมาอีกฝ่ายไม่เคยอารมณ์ขึ้นขนาดนี้มาก่อน ตอนนี้ผมเองก็หงุดหงิดมากเหมือนกัน แต่ผมไม่อยากทะเลาะกันมากกว่านี้เลยพยายามจะให้เราไปคุยกันที่บ้าน แต่อีกฝ่ายไม่ยอม

 

 

“ถ้าผมเป็นปัญหาแบบนี้คุณฝืนมากใช่มั้ย มันทรมานมากจนต้องกลับไปคุยกับ คุณหวาน อักษร อะไรนั่นของคุณเลยใช่มั้ยครับ?”

 

“เอาชื่อหวานมาจากไหน ใครบอกเรามา!”

 

 

ผมถามอย่างไม่เข้าใจ แทนใจรู้จักหวานได้ยังไง? ผมมีเพื่อนในเฟซบุ๊คเยอะมาก แต่ทำไมต้องเป็นหวาน?

 

 

“หวานอักษรที่คุณเอาแต่คุยด้วยเป็นใคร?”

“หวานเป็นแฟนเก่าพี่ แต่ตอนนี้เป็นเพื่อน”

 

 

ในขณะที่ผมกำลังคุยกับเขาว่าผมโกหกเรื่องอะไร แทนใจกลับไปโฟกัสตรงที่ผมคุยกับหวาน ซึ่งผมไม่เข้าใจว่าเขาจะมาคาดคั้นเรื่องนี้ทำไม ผมบอกว่าคุยกับเพื่อนก็คือเพื่อน หวานเป็นเพื่อนแล้ว เพื่อนเหมือนบิว เบิร์ด แล้วก็คนอื่น

 

 

“เหรอครับ แล้วคุณคุยเรื่องอะไรกับเพื่อนคนนี้ของคุณบ้าง? ขอผมดูด้วยได้มั้ย?”

“มันไม่ใช่เรื่องสำคัญ”

“ถ้าไม่สำคัญ ผมขอดูได้มั้ยล่ะ”

 

 

ใครจะให้ดูแชทของคนที่กำลังนินทาน้องชายของเขาได้กันเล่า!

 

เพราะผมไม่ให้เขาดูแชท แทนใจเลยพาลไปเรื่องที่ว่าเขาเด็กเกินไปไม่ได้รู้จักผมดีเหมือนกับหวานที่อายุเท่ากัน ซึ่งมันออกนอกประเด็นไปเยอะมากแล้ว ผมว่าแทนใจกำลังพาลเหมือนเด็กที่ไม่ยอมกินข้าวเพราะแม่สนใจน้องชายแบเบาะมากกว่า

 

 

“ผมเห็นแชทคุณ”

 

 

เชี่ย! 

 

 

ผมตัวชาวาบ แทนใจรู้เหรอว่าผมคุยกับหวานเรื่องน้องชายของเขา โดนจับได้คาหนังคาเขาแบบนี้คนเราควรจะแก้ตัวว่าอะไรดีวะ?

 

“ผมเห็นที่คุณคุยกับหวานอักษรอะไรของคุณ ถึงแม้ว่าผมจะไม่เข้าใจว่าคุณคุยอะไรกัน ไม่ได้เห็นข้อความในนั้นมากมาย...”

 

 

ผมแอบถอนหายใจข้างในด้วยความโล่งอก ถ้าแทนใจเห็นทั้งหมดว่าตัวผมคุยกับหวานขนาดไหนนี่ผมคงไม่รู้จะแก้ตัวยังไงเลย ผมว่าผมด่าเด็กเปรตนั่นในแชทหวานไปเยอะอยู่

 

 

“วันที่คุณคุยโทรศัพท์กับแฟนเก่า ผมได้ยินทั้งหมด ผมได้ยินว่าคุณอดทนมามากแล้ว ทนมานาน แล้วตอนนี้กำลังจะทนไม่ไหว แฟนเก่ารู้จักคุณดีเหมือนเดิม”

“แทนใจ มันไม่ใช่แบบนั้น--”

“งั้นแบบไหน มันเป็นยังไง พูดออกมาสิ!”

 

 

ในหัวคิดหาทางออกไปจากสถานการณ์นี้อย่างเร่งด่วน ผมควรจะพูดอะไรไม่ให้แทนใจโกรธผมไปมากกว่านี้ ถ้าหากแทนใจรู้แล้วว่าผมเกลียดน้องชายเขา ถ้าเขาเลือกแทนกายล่ะ?

 

 

“แทนใจ” ผมครางออกมาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายร้องไห้ “เราค่อยๆคุยกันได้มั้ย มันไม่มีอะไรเลย เราอย่าเอาเรื่องของคนอื่นมาทะเลาะกันเลยนะ”

 

 

“นี่มันไม่ใช่เรื่องของคนอื่นเลยครับ เรื่องของเราทั้งนั้น”

 

 

แทนใจถอยหลังเมื่อผมจะเดินหน้าไปหาเขา มันชาเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ต้องการความหวังดีที่ผมกำลังจะยื่นให้

 

 

“ผมจะถามเป็นครั้งสุดท้าย คุณคุยอะไรกับแฟนเก่าคุณ?”

“...”

 

ผมบอกเขาไม่ได้

 

 

โลกนี้มันไม่ได้มีแค่ความจริงกับเรื่องโกหก ถ้าหากเขารู้ว่าน้องชายเขาไม่ได้บริสุทธิ์ใจกับเขาแบบที่เขาคิด แทนใจจะรู้สึกยังไง? น้ำตาของแทนใจที่อยู่บนใบหน้าน้องทำให้ผมสงสาร อยากจะคว้าตัวมากอด หากแต่ผมคิดว่าน้องคงไม่ได้ต้องการในตอนนี้

 

“พอเถอะครับ”

“แทนใจ เรากลับไป--”

“จะยังไม่มีคำว่า ‘เรา’  ในตอนนี้”

 

 

ผมมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา ในหัวพยายามคิดหาคำอื่นมาพูด แต่ก่อนที่ผมจะได้แก้ตัวอะไร น้องก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

 

 

“ผมว่า… อย่าเพิ่งมาเจอกันสักพักดีกว่า”

 

 

------- Monday In Love -------
[/b]


ต่อด้านล่างนะคะ





ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter

ห่างกันสักพัก มันนานแค่ไหนกัน

 

 

ผมถามตัวเองอยู่แบบนั้น รอบข้างเป็นเสียงจ้อกแจ้กจอแจของร้านนั่งชิลที่ผมกำลังนั่งอยู่ หลังจากที่แทนใจบอกแบบนั้น หัวสมองผมก็ว้าวุ่นไปด้วยอารมณ์โมโห มันทั้งหงุดหงิด ทั้งเสียใจ และโกรธ

 

 

ในวันที่ผมคิดว่าตัวเองกำลังทำเพื่อความสัมพันธ์ กลายเป็นว่าผมดันพังมันเองกับมือ

 

 

“เมฆมึง กูว่ามึงพอแล้วมั้ย”

 

 

เสียงนี้เป็นเสียงของไอ้เบิร์ดเพื่อนผม ตอนแรกเคว้งมากจนไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องไปไหน ทำอะไร เลยโทรไปบอกไอ้เบิร์ดว่าอยากกินเหล้า เพื่อนผมเลยยกโขยงกันมาด้วย รวมถึงคนที่คอยช่วยเหลือผมมาตลอดอย่างหวานเช่นเดียวกัน

 

 

“เมฆมึง กูว่าพอเถอะว่ะ พรุ่งนี้มึงขับรถออกไซต์ไม่ใช่หรือไง”

 

 

บิวที่ตอนนี้นั่งอยู่ข้างๆหวานปรามผมเบาๆ แต่ผมไม่ได้สนใจอะไรขนาดนั้น นอกจากบิวกับหวานแล้ว ในโต๊ะตอนนี้ก็ยังมีไอ้เบิร์ด แล้วก็เพื่อนในกลุ่มอีกคนที่ชื่อเล็กนั่งอยู่ด้วย

 

 

“กูไม่คิดว่าจะมีวันที่คู่มึงทะเลาะกันนะเนี่ย”

 

 

เบิร์ดเป็นคนพูดออกมาคนแรก ผมมองหน้ามันนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ดนตรีสดที่ผมชอบฟังตอนนี้ก็ไม่ได้เพราะเหมือนเคย แถมยิ่งฟังยิ่งรู้สึกเหมือนกับโดนด่าซ้ำอีก

 

 

รู้แล้วว่าโง่ รักษาคนรักไม่ได้ ไม่เคยทำอะไรได้เลยทั้งนั้นล่ะ

 

 

“ก่อนจะได้ง้อน้องกูว่ามึงต้องเป็นมะเร็งตายก่อน” บิวเป็นคนพูดขึ้นมา ผมเลือกนั่งกันที่ฝั่งนอกร้านเพราะจะได้สูบบุหรี่ได้สบายๆสักหน่อย ตอนนี้ผมต้องการบุหรี่มากกว่าที่เคย ผมสูบ และสูบหนักมากด้วยถ้าไม่สบายใจ อย่างเช่นตอนนี้

 

 

“กูจะไม่โกรธเลยถ้าทั้งหมดนี่เป็นเพราะกู แต่นี่มันเป็นเพราะ ไอ้เด็กเหี้ยนั่น”

 

 

ผมสบถต่ออีกสองสามคำแล้วยกมือขอเบียร์เพิ่มอีกทาวเวอร์ เพราะที่มีอยู่บนโต๊ะจะหมดแล้ว ความจริงผมไม่ใช่คนที่ดื่มทุกวันทุกคืนขนาดนั้น แค่เพราะตอนนี้ผมโมโห ต้องการระบายอารมณ์กับอะไรสักอย่าง

 

 

ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้วะ

 

 

“พนันกับกูมั้ย กูว่าเชี่ยเมฆเจอด่านแน่นอนคืนนี้”

“กูวางสองพันเลยว่ามันโดน”

“ผู้ชายพวกนี้ มึงจะเอาเงินไปทำอย่างอื่นนอกจากเหล้ากับพนันได้มั่งมั้ยวะ ห๊ะ!”

 

 

บิวพูดขึ้นมาเมื่อไอ้เบิร์ดกับเล็กเริ่มจะวางเงินกันแล้วครับ แต่ผมไม่ได้สนใจอะไรขนาดนั้น พวกนี้ติดนิสัยพนันเรื่องไร้สาระตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ตอนนี้ก็ยังคงเป็นอยู่

 

 

“ให้กูใช้เงินมั่งเถ๊อะ ทุกวันนี้เมียเก็บเรียบหมดแล้ว ให้กูมาวันละห้าสิบบาทเนี่ย”

 

 

ผู้ชายแต่งงานแล้วอย่างเล็กพูดติดตลก ความจริงมันเป็นคนตลกมาก ไอ้เบิร์ด ไอ้บิว หรือแม้กระทั่งเชี่ยโป้ที่ตอนนี้ไม่ได้อยู่กรุงเทพเพราะทำงานเองก็เหมือนกัน ปกติแล้วกินเหล้ากันคือตลกโปกฮาตลอด แต่วันนี้ผมทำได้แค่ฟังแล้วปล่อยให้ทุกคำพูดลอยผ่านหูออกไป

 

 

ในหัวผมมีแต่ใบหน้าเปื้อนน้ำตาของแทนใจ

 

 

“เชี่ยแม่ง!”

 

 

ผมสบถอย่างหงุดหงิด โมโหทุกอย่าง เบียร์สดไม่สามารถทำให้ผมใจเย็นลงได้เลย ผมอยากจะโทรหาแทนใจแต่เขาปิดเครื่องหนีไปแล้ว โทรไปก็ติดแต่ระบบฝากข้อความ ทำได้แค่ไลน์ไปหาเท่านั้น และน้องไม่แม้แต่อ่านเลยสักนิด

 

 

ต้องทำยังไง ต้องเป็นแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่

 

 

“เฮ้ยเมฆมึง พอก่อนมั้ยวะ มึงเอารถมานะ”

“รถชนก็ดี เผื่อแทนใจจะยอมคุยกับกูบ้าง”

 

 

ทั้งวงเงียบเมื่อผมพูดแบบนั้นออกไป แต่ผมไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ผมหมายความแบบนั้นจริงๆ ผมอยากคุยกับแทนใจ อยากเจอหน้าน้อง อยากให้น้องยกโทษให้ อยากกอด อยากเช็ดน้ำตา

 

 

อยากเป็นคุณพี่เมฆคนที่แทนใจยิ้มให้ด้วยความรัก

 

 

“เชี่ยเมฆ มึงมานั่งแบบนี้มันไม่มีอะไรดีขึ้นป่าววะ ตอนนี้น้องเขายังไม่คุยด้วยเพราะมึงทำเชี่ยไว้ไง รอเขาอารมณ์เย็นก่อนแล้วค่อยทักไปมั้ย?”

 

 

บิวเป็นคนพูดขึ้นมา หน้าตาของเธอดูเป็นห่วง แต่ก็ดูเครียดด้วยเหมือนกัน เห็นแบบนี้สมัยกินเหล้ากันบิวคอแข็งที่สุดแล้ว

 

 

“นั่นดิ แถมมึงเป็นหมาแบบนี้ ถ้ากูเป็นน้องกูก็ไม่คุยด้วยนะ กูเหม็นเหล้า” เชี่ยเล็กพูดเสริมพร้อมทำหน้าเหม็นเบื่อ แต่ในมือถือแก้วเบียร์ เสร็จแล้วเรียกเด็กเสิร์ฟเพื่อสั่งกุ้งแช่น้ำปลากับยำหอยแครงเพิ่ม

 

 

“ไอ้ห่า ด่าแต่เมฆมึงก็แดกเหล้า ใช่มั้ยหวาน” เบิร์ดด่าเพื่อนพร้อมทั้งหันไปถามความเห็นจากเด็กต่างคณะเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่ตรงนี้ นั่นคือหวาน ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวเพิ่งละออกจากโทรศัพท์ ไม่รู้คุยกับแฟนหรือดูงาน แต่ขมวดคิ้ว น่าจะเป็นงานมากกว่า

 

 

“เราขอไม่ออกความเห็นนะ เด็กอักษรไม่เกี่ยวค่ะ อย่ารวมเราเข้าไป”

 

 

หวานพูดแล้วหัวเราะพร้อมยกแก้วขึ้นจิบ คนที่เหลือในวงหัวเราะตามกันหมดยกเว้นผม มันก็ตลกดี แต่ตอนนี้ผมไม่อยู่ในอารมณ์

 

 

“พูดก็พูด กูเข้าใจที่น้องจะหึงมึงกับหวานนะ ลองเป็นกู แฟนกูไปคุยกับแฟนเก่ากูก็โกรธวะ ถึงแม้จะรู้ว่าเลิกกันแล้วก็เถอะ”

 

 บิวเป็นคนพูดต่อ ผมไม่รู้ว่าทำไมมันถึงได้ว่างมานั่งก๊งกับพวกผมเพราะเท่าที่รู้มันยุ่งจะตายชัก แต่ถ้าเป็นเรื่องเหล้าขอให้บอก ถึงไหนถึงกัน

 

 

“แต่สองคนนี้แม่งไม่มีทางอ่ะ ไม่มีทางแน่ๆ เป็นไปไม่ได้”

“น้องมันไม่รู้ไหมล่ะ เชี่ยเบิร์ด มึงนี่เสนอความเห็นกากๆตลอดเลยนะ”

“เชี่ยบิว อย่าบุลลี่กู๊ว”

 

 

บิวกับเบิร์ดเถียงกันอยู่ครับ อย่างที่พวกมันพูดแหละ ผมกับหวานไม่ได้ใกล้กับคำว่า ‘ถ่านไฟเก่า’ ที่ดูเหมือนจะจุดติดเลยด้วยซ้ำ พวกผมสองคนเหมือนเพื่อนกันมานานมากแล้ว หวานแทบจะเป็นส่วนหนึ่งของเพื่อนผม ทั้งที่เราเลิกกันไปแล้วแต่ยังคุยกันได้ เพื่อนผมหวานก็มานั่งกินเหล้าด้วยได้แบบนี้ คือมันไม่มีอะไรในกอไพ่เลยสักนิด

 

 

ไม่เหมือน… ไอ้เด็กนั่น

 

 

“คิดอะไรอีกล่ะ หน้าเป็นตูดอีกแล้ว” 

 

 

บิวเป็นคนแรกที่พูดขึ้น หลังจากที่ไอ้เล็กขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์เพราะเมียโทรตาม ส่วนไอ้เบิร์ดนั่งละเลียดพวกของทอดที่สั่งมาแล้วทานไม่หมดที่วางอยู่บนโต๊ะ ที่เบิร์ดมันมาไม่ใช่เพราะว่าผมเศร้าหรอก มาเพราะเหล้ากับกับแกล้มเท่านั้น

 

 

“เมฆลองคุยกับเพื่อนน้องก่อนก็ได้ ลองถามดูสิว่าน้องพูดอะไรบ้างมั้ย เพื่อนน้องที่เมฆบอกว่าเขาเคยเล่าเรื่องน้องให้ฟังไง ก็ไปคุยก่อนมั้ย”

“มันจะได้เรื่องอะไรเหรอวะหวาน? เราจะโดนต่อยกลับมาป้ะเถอะ ทำแทนใจร้องไห้”

“แล้วมึงสมควรโดนต่อยมั้ยล่ะ? ถ้าสมควรก็โดนๆไป หมัดสองหมัด ขำๆ”

 

 บิวพูดแล้วยักไหล่ไม่สนใจ ในขณะที่หวานเองก็พูดต่อ 

 

“เราเข้าใจว่าน้องจะรู้สึกไม่มั่นใจนะ ก็เพิ่งจะคบกันเอง แถมจากที่น้องเล่าแล้วก็ประสบการณ์เรา คือเราไม่โทษน้อง เมฆรู้ตัวมั้ยว่าเป็นผู้ชายที่เข้าใจยากที่สุดในโลกเลย น้องเขาไม่รู้หรอกว่าเมฆกำลังทำอะไรหรือกำลังกังวลอะไรอยู่ถ้าเมฆไม่บอกเขาน่ะ”

“...”

“อันนี้กูเห็นด้วยกับหวาน” บิวพูดเสริมพร้อมพยักหน้า ผมละเกลียดลิปแดงๆของมันจริงๆ

“ตอนพวกมึงคบกันหวานปรึกษากูบ่อยมาก คือมึงแม่ง ยากอ่ะเมฆ ยากฉิบหาย”

“เออเมฆ ทำไมมึงไม่เอาแชทให้น้องดูเลยวะ จะได้จบๆไป” 

“ไม่ได้ๆ กูจะบอกน้องเขาว่ากูนินทาน้องชายเขางี้เหรอ? โหแม่ง แย่ฉิบหายเลยบิว คิดอะไรของมึงวะ”

“เชี่ยเมฆ กูแค่อยากช่วย มึงแม่งไม่อ่อนโยนกับสุภาพสตรีเลย” บิวพูดแล้วยกเบียร์ขึ้นกระดกด้วยท่าทางที่ห่างไกลจากคำว่าสุภาพสตรีมาก ซึ่งแน่นอนว่าผมเมินมันครับ

 

“แล้วเราควรเอาไงต่อไปวะ?”

 

ผมถามทั้งสองคน สามก็ได้ เพราะตอนนี้เบิร์ดที่จัดการทอดมันกุ้งหมดแล้วหันกลับมาสนใจประเด็นสนทนาบนโต๊ะอีกครั้ง

 

“วันนี้ก็กินเหล้าให้พอ”

ท่ามกลางใบหน้าตกใจของเบิร์ดกับไอ้เล็กที่เพิ่งเดินกลับมา หวานยกมือสั่งเบียร์เพิ่มอีกทาวเวอร์

“เนี่ย กินให้หมดเลย ทาวเวอร์ที่เพิ่งสั่งไปเมื่อกี้ไม่ต้องหาร เดี๋ยวเราจ่ายเอง กินๆเข้าไป เมาให้พอ วันนี้เป็นหมาแล้วพรุ่งนี้ก็เลิก โอเคมั้ย?”

 

“...”

 

“กินเสร็จแล้วพรุ่งนี้ก็ลุก พอ ไปคุยกับเพื่อนน้อง คนรู้จักน้อง ตัวช่วยอื่นที่ดีกว่าเราหรือพวกบิวเบิร์ดเล็กอ่ะ”

 

ผมว่าผมไม่ได้ตาฝาดที่เห็นพวกนั้นสะดุ้งกันเป็นแถวๆ

 

 

“ถ้าเมามากโดนด่านตรวจก็เสียค่าปรับไป เรียกรถยกมาลากก็ได้ เอาชีวิตให้มันรอดไปง้อน้องอะ”

 

 

หวานบ่นๆอะไรกับตัวเองสักอย่างเป็นภาษาอังกฤษที่ผมจับใจความอะไรไม่ได้มากนัก อาจจะเพราะว่าตอนนี้สติผมไม่เต็มร้อยแล้วก็ได้ เจอไปอีกทาวเวอร์นึงไม่น่าเหลือขีวิตไว้สำหรับวันพรุ่งนี้แล้วแน่นอน

 

 

“เมฆนะเมฆ เราอุตส่าห์ชอบน้องแทนใจ มาทำให้น้องเขาเกลียดเราเฉยเลย กลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดแบบไม่รู้ตัว โคตรจะแย่เลย เรารู้สึกผิดไปด้วยเลยเนี่ย”

 

 

หวานยังคงบ่นต่อไปแต่ผมไม่ได้สนใจฟังเท่าไหร่ คำพูดเมื่อครู่ของอดีตแฟนยังคงอยู่ในหัว วันนี้ผมจะเมาให้เละ แล้วหลังจากพรุ่งนี้จะไม่มีไอ้เมฆที่ทำให้แทนใจร้องไห้อีกต่อไป

 

 

------- TBC -------
[/b]

 

 

 

เรื่องยังไม่จบ อย่าเพิ่งเก็บศพคุณพี่เมฆนะคะ 55555555

หลังจากนี้จะเป็นบทสัมภาษณ์ตัวละคร
ตอนที่เราอ่านแท็กกับคอมเม้นต์ รู้สึกว่าทุกคนดูอยากคุยกับคุณพี่เมฆแล้วก็น้องแทนใจ
ดังนั้นตอนหน้าเราจะรวบรวมทุกความอยากรู้มาถามตัวละครกันนะคะ XD

อยากรู้อะไร พิมพ์ไว้ เดี๋ยวเราจะคัดเลือกมาถามตัวละครกันนะคะ XD

 

แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ อาจจะไม่ใช่พรุ่งนี้เพราะเราเข้าบริษัทยาววววววววววววววววววววววววววววถึงเย็นเลย ;A;



------- Monday In Love -------




แจ้งเตือนครั้งที่ 1 !

ผู้ดูแล ลบข้อความประชาสัมพันธ์ ออกนะคะ

จากกฎข้อที่ 17  เนื้อหายังลงไม่จบ
ห้ามประชาสัมพันธ์ เปิดจอง ใดๆ ทั้งสิ้นในกระทู้
ไม่ว่าในรูปแบบหนังสือหรือ e-book



อ้างถึง
17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน 

ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)

ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-10-2018 23:48:38 โดย BaoBao »

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ซุกซนต่อยสักทีก่อนนะคะ ค่อยไปช่วยง้อ น้องแทนกายก็หวงพี่รุนแรงเกิน อยากให้น้องเห็นว่าพี่แทนใจเขารักคุณพี่เมฆแล้วก็เสียใจอ่ะ  :katai1:

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
ก็ยังสมน้ำหน้าคุณพี่เมฆอีกเหมือนเดิม  o18 คือพี่มึงไม่มีใครตรัสรู้อะไรเองได้หรอกนะถ้าไม่บอกกล่าวกันนะ  :m16:
ป.ล.แนะนำให้ไปปรึกษาคุณกฤต  o18

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ oiruop

  • เ รื่ อ ง โ ง่ โ ง่ นี่ ฉ ล า ด นั ก ⊙﹏⊙∥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • https://www.facebook.com/book.yaoi?fref=ts

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ทีมน้องแทนใจ มีไรควรพูดกัน ไม่ควรปิดบัง
กอดน้องแน่นๆ

ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
22nd Monday

#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 

 

“คุณทะเลาะกับแทนใจ ง้อไม่สำเร็จ เพราะงั้นคุณก็เลยจนปัญญาจนต้องมาหาผม?”

“บอกว่าอยากเลี้ยงกาแฟไง”

“ใครมันจะโง่ซื้อได้ด้วยกาแฟกันครับ?”

 

 

ไอ้แว่นกฤติพูดนิ่งๆ ซึ่งผมคิ้วกระตุกนิดหน่อย นี่มันไม่ได้พาดพิงอะไรถึงแทนใจของผมใช่มั้ยวะ? รายนั้นถูกตกด้วยกาแฟฟรีหลายแก้วอยู่นะ

 

 

“ผมไงครับ ผมมาเพราะมาเอากาแฟฟรี”

 

 

ในความกวนประสาทของไอ้แว่น ยังมีพี่โน้ตในแผนกเดียวกันกับพวกแทนใจพูดแทรกขึ้นมาพร้อมด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแบบที่ต้องการกวนประสาทไอ้แว่นชัดเจน

 

 

ตอนนี้พวกผมอยู่กันที่ร้านกาแฟร้านเดิม วันนี้คือวันศุกร์ที่ผมควรจะอยู่ไซต์ แต่ช่วงนี้ส่งไลน์ไปแล้ว ถ้าปัญหามันไม่มาจ่อคอหอยผมก็จะอยู่มันแต่ออฟฟิศนี่แหละครับ ต่อให้ไม่ได้เงินค่าเดินทางก็ช่างมัน แทนใจสำคัญกว่าเงินไม่กี่พันอยู่แล้ว … ถ้าวันละเป็นหมื่นค่อยทำงานก่อนง้อแฟนทีหลัง

 

 

หลังจากที่แทนใจบอกว่าขอห่าง ผมก็ตัดสินใจว่าไม่อยากที่จะให้เราห่างกันโดยที่ไม่เข้าใจกันแบบนี้ ผมทักไปหาแทนใจทุกวัน สิ่งที่น้องทำคือกดอ่านไลน์ผม แค่นั้นครับ โทรไปก็ตัดสาย ทักไปก็ไม่ตอบ ห่างคือห่างจริงๆ

 

 

ผมโคตรคิดถึงน้อง

 

 

“จริงๆผมก็เห็นใจคุณนิดหน่อยนะ” ไอ้แว่นกฤติเป็นคนพูดขึ้นมาก่อน หลังจากที่หันไปค้อนใส่พี่โน้ตที่กวนประสาทตัวเองไปแล้ว “เรื่องแทนใจกับคุณน่ะ ผมก็พอฟังมาบ้าง และบอกเลยว่าผมไม่เข้าข้างคุณ”

 

“...” อ้าว ไหนเมื่อกี้บอกเห็นใจกูไง

“ถ้าถามผม ผมว่ามันมีวิธีที่ดีกว่าไปคุยกับแฟนเก่า”

“ก็แค่แฟนเก่าหรือเปล่า ตอนนี้ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วไง”

“เหรอ? ถ้างั้นวันหลังแทนใจมีอะไรไม่คุยกับคุณ แต่ไลน์หาผมยิกๆทั้งวัน เป็นคุณแล้วคุณจะชอบมั้ยล่ะ?”

“...”

 

 

เมื่อเห็นว่าผมเงียบ ไอ้แว่นกฤติที่ใส่ชุดสูทนั่งจิบมะนาวแดงโซดาแล้วค่อยพูดต่อ (นี่เป็นถึงไดเรคเตอร์ ดันสั่งมะนาวโซดาเนี่ยนะ? ถามจริง?)

 

“คุณบอกว่าแทนใจเขาน่ารัก เขาเหมือนเด็ก แต่คุณกลับทำให้เขารู้สึกความเป็นเด็กของตัวเองมันเป็นสิ่งไม่ดีไปแล้ว เนี่ยมันเป็นสิ่งที่คนเป็นแฟนกันควรทำเหรอครับ?”

 

“คุณ พอแล้ว” เฮียโน้ตพูดห้ามทัพขึ้นมา แต่ไอ้แว่นกฤติไม่สนใจ เขายังคงพูดต่อ

“คุณรู้ไหมว่าเมื่อวันจันทร์ แทนใจเขาระบายให้ผมกับซุกซนฟังว่าตัวเองเป็นเด็กคุณเลยไม่ยอมบอกอะไรเขา ไปคุยกับแฟนเก่า คุณกำลังฝืนคบกับเขาและจะทิ้งเขาไปในสักวัน … เนี่ยครับ สิ่งที่คุณปกป้องเขา มันกำลังทำร้ายเขาอยู่”

 

 

น้ำเสียงเรียบๆของไอ้แว่นนั้นบาดลึกเข้าไปในจิตใจของผม สิ่งที่ผมคิดมาตลอดว่าเป็นผลดีกับแทนใจ ตั้งใจสารพัดว่าไม่อยากให้เขามารับรู้เรื่องบัดซบที่จะทำให้เขารู้สึกไม่ดี กลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เขาเสียใจซะเอง

 

ทั้งที่แทนใจบอกเสมอว่ามีอะไรให้คุยกัน แต่กลับเป็นผมที่หันหลังให้เขาเสียเอง

 

 

“ทีนี้ก็รู้แล้วใช่มั้ยว่าใครผิด?”

 

 

ไอ้แว่นกฤติทิ้งท้ายเอาไว้ แล้วหิ้วพี่โน้ตขึ้นไปพร้อมกับทิ้งผมและแก้วคาปูชิโน่เอาไว้ในร้านกาแฟเพียงลำพัง ผมตัดสินใจดูดกาแฟให้หมดแล้วโยนแก้วทิ้งไป ในใจคิดว่าจะขอออกไปสูบบุหรี่สงบสติอารมณ์สักหน่อย แล้วค่อยไปทำงานต่อ แต่ร่างเตี้ยๆที่กำลังเดินกดโทรศัพท์อยู่ใกล้ๆสะกดสายตาผมเอาไว้

 

 

 

 

“ซุกซน”

“อ้าว เฮีย” ไอ้ตัวติดเยลลี่ลดโทรศัพท์ลง แล้วมองหน้าผม “ไอ้เฮีย มึงเป็นเหี้ยอะไรวะครับ! ทำเพื่อนกูร้องไห้ทำไมครับ!!”

 

ซุกซนมองหน้าผม ด้วยท่าทางหาเรื่องแบบกากๆตามสไตล์ของเจ้าตัว ใบหน้าเขามีความหงุดหงิดอยู่ แต่ไม่ได้ดูพร้อมบวกอย่างที่ผมคิดว่าเขาน่าจะเป็น

 

“มึงเป็นอะไรวะเฮีย ทำอย่างนั้นกับอ๊องมันทำไม? ไปคุยกับแฟนเก่าทำไมวะ รู้มั้ยว่าอ๊องมันเครียดมากจากหน้าบานเป็นหน้าอ้วนแล้วเนี่ยตอนนี้อะ”

“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด”

 

 

ผมเริ่มต้นเล่าเรื่องทั้งหมดให้ซุกซนฟังอีกครั้ง เจ้าตัวนั่งฟังเงียบๆ ผมเพิ่งสังเกตว่าในมือของซุกซนมีกาแฟในถุงกระดาษอยู่สองแก้ว ถ้าผมเดาไม่ผิด อีกแก้วคงเป็นของแทนใจเหมือนเคย เด็กสองคนนี้สนิทกันมากจนถ้าไม่บอกผมคงไม่เชื่อว่าเพิ่งมารู้จักกันตอนทำงานนี่เอง

 

 

“เฮียมึงเป็นบ้าเหรอ? กลับไปคุยกับแฟนเก่าด้วยเรื่องไอ้เด็กแทนกายเนี่ยนะ สติมีมั้ย?”

“...”

“ผมเข้าใจเฮียนะ เพราะผมว่ามันไม่อยู่เฉยแน่ๆถ้าใครมายุ่งกับแทนใจ ยิ่งคบกันเปิดเผยขนาดนี้ไม่ต้องสงสัยเลยที่มันจะกวนตีนเฮียแบบนี้”

“ก็นั่นไง”

 

“แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่กลับไปคุยกับแฟนเก่าอยู่ดี” เด็กซุกซนสรุป พร้อมหยิบโกโก้ขึ้นมาดูด “เฮียแม่งทำให้ผมโคตรโมโห ผมเลี้ยงแทนใจมันของผมมาตั้งนาน ที่กลับมาทำงานที่เดิมนี่ก็เพราะห่วงแทนใจมันแทบตาย กลัวมันอยู่ไม่ได้มันไม่มีเพื่อน เหมือนเลี้ยงเด็กทารกกวนส้นตีนเอาไว้แหย่เล่น แล้วเฮียกล้าดียังไงมาทำให้มันเสียใจ ห๊ะ!”

 

“...” เงียบครับ เถียงอะไรไม่ได้ คนไม่ใช่ทำอะไรก็ผิด

“ถ้าง้อมันไม่ได้ก็เลิกไปเถอะ ตอนที่มันยังไม่ได้คบกับเฮีย ผมว่าเพื่อนผมมีความสุขกว่านี้อะ”

“อ่าว เชี่ย มึงต้องอยู่ข้างกูดิ”

“สองพัน บัญชีเดิม”

“อ้ะ ให้เลยสามพัน มึงต้องช่วยกูนะ คิดถึงแทนใจจะตายห่าอยู่แล้วเนี่ย” ผมหยิบมือถือขึ้นมาทันที แล้วกดโอนให้มันเสร็จสรรพ ซุกซนมันหยิบมือถือขึ้นมาเช็กแล้วยิ้มกว้างตอนที่ข้อความเงินเข้าเด้งขึ้นมา

 

“ไว้ใจได้เลยเฮีย ไม่เกินอาทิตย์หน้า รับรองว่าถ้าเฮียไม่กาก เฮียจะได้แฟนคืนแน่นอน”

 

 

 

------- Monday In Lovve -------

 

 

 

วันจันทร์วนมาถึงอีกครั้ง

 

 

ผมหักห้ามใจตัวเองไม่ให้ไลน์หรือทักไปหาแทนใจเลยสักนิด ไม่ใช่ว่าผมลืมแทนใจหรือเงินในโทรศัพท์หมดแล้วนะครับ แต่ว่างานเข้าผมจังๆเลย ทำให้ต้องบินไปต่างประเทศด่วนตั้งแต่วันหลังจากที่คุยกับซุกซนเสร็จ อยู่ที่นั่นสามวัน จนงานที่ต้องดูแลเรียบร้อย เลยเพิ่งบินกลับมาถึงไทยเมื่อวานนี้ตอนตีสามกว่าๆนี่แหละครับ

 

 

เสร็จแล้วก็ต้องเข้าบริษัทไปส่งรีพอร์ตอีก เข้าประชุม เบิกเงินที่ออกไปก่อนคืน ตามเรื่องต่างๆมากมาย จนกระทั่งเสร็จสรรพทั้งหมดแล้ว เลยได้เวลาง้อแทนใจครับ

 

 

แฟนสำคัญนะ แต่สำหรับมนุษย์เงินเดือน งานก็ทิ้งไปไม่ได้พอกันนั่นแหละครับ

 

 

จากคำบอกเล่าของซุกซนที่ถูกซื้อได้ด้วยเงินสามพันนั้น แทนใจเองก็ยุ่งวุ่นวายทั้งวันเหมือนเคย อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้ใกล้สิ้นเดือน ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเงินต่างหัวหมุนกันหมด ขนาดผมที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรยังต้องรีบส่งพวกเอกสารที่ต้องเบิกให้เลขาเลย ก่อนที่จะโดนบัญชีมาแหกอกกันทั้งกอง (เคยลืมส่งใบเสร็จค่าเช่ารถที่ต่างประเทศครั้งหนึ่ง ดันเป็นช่วงสิ้นปีบัญชีอะไรไม่รู้พอดี โดนจิกยิกเลยครับ เช้ายันค่ำ แทบจะต้องไปซื้อพวงมาลัยมาขอขมาให้เลิกโทรมาสักที)

 

 

ตอนนี้ผมนั่งอยู่บนรถ กำลังรออย่างใจเย็น

 

 

ที่ที่ผมอยู่นั้นคือหมู่บ้านจัดสรรชื่อคุ้นหูแห่งหนึ่งใกล้ๆเลียบทางด่วน จากปากคำของซุกซนที่ขายเพื่อนกินนั้น แทนใจช่วงนี้กลับมาอยู่ที่นี่ครับ บ้านแม่ของแทนใจเอง (อาจจะเพราะว่าเขากลัวเจอผม เลยยอมตื่นตีห้าเพื่อนั่งรถมาทำงานทุกวัน เด็กน้อยของพี่ น่าสงสารจังเลย) เท่าที่ผมรู้คือพี่สาวกับไอ้เด็กแทนกายนั่นอยู่ที่อื่น ตอนนี้ที่บ้านน่าจะมีแค่แทนใจเท่านั้น 

 

 

บ้านของน้องนั้นเป็นบ้านเดี่ยวที่มีบริเวณเป็นสวนเล็กๆที่มากพอจะให้ปลูกต้นไม้ มีไว้ให้เด็กวิ่งเล่น หรือเล่นกับสัตว์เลี้ยง ตัวบ้านเป็นสีอ่อนสวยงาม ซึ่งเพียงแค่เห็นก็รู้สึกร่มรื่นแล้ว ไม่แปลกใจที่แทนใจเติบโตมาแบบเต็มไปด้วยความน่ารักขนาดนี้ ขนาดบ้านของเจ้าตัวยังให้ความรู้สึกอบอุ่นเลย

 

 

ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว ผมยังคงรออยู่

 

 

รอแทนใจเหรอ? เปล่าครับ ไม่ใช่เลย ผมกำลังรอให้ตัวเองพร้อมทำใจที่จะง้อน้องต่างหากล่ะ โดนหลอกเหรอ? อ๋อ ก็เรื่องของคุณ

 

 

20.30 น.

 

 

โอเค ได้เวลาแล้ว

 

 

ผมดับเครื่องแล้วลงจากรถ สูดลมหายใจเรียกกำลังใจให้ตัวเองเล็กน้อย ก่อนที่จะกดออด… ผมยืนรอเมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้น เวลาร่วมนาทีผ่านไปอย่างช้าๆ จนกระทั่งในที่สุด ผมได้ยินเสียงดังมาจากในบ้าน แล้วประตูบ้านก็เปิดออก

 

 

แทนใจ!

 

 

รอยยิ้มยินดีโง่ๆปรากฏขึ้นมาบนหน้าทันทีเมื่อเห็นร่างโปร่งเดินเข้ามาใกล้ ก่อนที่มันจะค่อยๆเลือนหายไปเมื่อเห็นชัดๆ ผู้ชายที่เดินเข้ามานี้เป็นเด็กที่มีใบหน้าเหมือนกับแทนใจ เพียงแต่ว่าเจ้าตัวมีผมสีดำสนิท แล้วก็ดวงตากลมโตที่ดูเหมือนกับอมความเศร้าเอาไว้มากมาย แก้มของเจ้าตัวก็ดูเหมือนจะน้อยกว่าแทนใจอยู่หน่อย

 

 

นี่ไม่ใช่แทนใจ ทั้งที่หน้าคล้ายกันมาก แต่บรรยากาศรอบตัวของเด็กผู้ชายคนนี้กลับต่างจากแทนใจชนิดฟ้ากับเหว

 

 

คนที่มาใหม่เบิกตากว้างคล้ายตกใจเมื่อเห็นหน้าผม ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว เหมือนเขาพยายามจะเก็บความรู้สึกที่ปะทุขึ้นมา เหลือเพียงแค่สายตาคมกริบที่ส่งมาให้ ก่อนที่มุมปากจะค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมา มันเป็นรอยยิ้มบางๆที่ให้ความรู้สึกว่าเด็กผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์

 

 

ทั้งที่ใบหน้ายังคงฉาบด้วยรอยยิ้มหวานเหมือนกับเด็กดีทั่วไปที่ไม่กวนประสาท แต่ผมรู้ว่าลึกๆมันไม่ใช่แบบนั้น เจ้าตัวเข้ามาใกล้ประตูรั้ว มองจากตรงนี้แล้วเขาไม่เหมือนแทนใจเลยสักนิด ทั้งรูปร่างที่เหมือนจะสูงโปร่งกว่า แก้มที่มีน้อยกว่า ดวงตาที่ดูเศร้ากว่า

 

 

สรุปแล้ว แทนใจของผมน่ารักกว่าเด็กนี่เยอะ

 

เด็กหนุ่มเปิดปาก เสียงที่เหมือนคนรักของผมลอยออกมาให้ได้ยิน

 

“คุณพี่เมฆใช่มั้ยครับ… ผมแทนกาย น้องชายพี่แทนใจครับ” 

 

 

 

------- TBC-------

 

 

พรุ่งนี้จะมาต่อนะคะ  XD

ส่วนบทสัมภาษณ์ ขอแปะเอาไว้ก่อน ไม่ว่างเลยค่ะ วุ่นวายมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เพราะงั้นยังสามารถถามมาได้นะคะ

3 คำถามที่เราเห็นแล้วชื่นชอบ จะได้รางวัลจากเรานะคะ
ขออุบไว้ก่อนนะว่ารางวัลอะไร 55555555

 

Babybaphomet


------------------------------------

แจ้งเตือนครั้งที่ 1 !

ผู้ดูแล ลบข้อความประชาสัมพันธ์ ออกนะคะ

จากกฎข้อที่ 17  เนื้อหายังลงไม่จบ
ห้ามประชาสัมพันธ์ เปิดจอง ใดๆ ทั้งสิ้นในกระทู้
ไม่ว่าในรูปแบบหนังสือหรือ e-book



อ้างถึง
17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน 

ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)

ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-10-2018 23:50:31 โดย BaoBao »

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
แทนกายมีอะไรในใจแน่ๆ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เคลียร์กันให้จบไปเลยค่าาาา

ไม่รู้จะถามอะไรดี ขอไปนึกก่อนอีกตอนนึงได้ไหมคะ  :hao7:

ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
22nd Monday: Second Half

#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 





 

แทนกายสบตากับผมด้วยใบหน้าที่แสดงออกถึงชัยชนะ

 

 

รั้วบ้านเหล็กดัดที่อยู่ตรงหน้าผมไม่ได้ขวางสายตากวนประสาทของอีกฝ่ายที่ส่งผ่านมาได้ เด็กนี่มองผมเหมือนกับว่าผมเป็นคนที่เขาเกลียดขี้หน้า (ซึ่งนั่นก็คงไม่ต่างจากสายตาของผมเท่าไหร่นัก เพราะผมเองก็เกลียดเด็กนี่ไม่ต่างกัน) และเขากำลังอยู่เหนือผมไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

 

 

“… แทนกาย”

 

 

ถ้าเจอข้างนอก ผมคงไม่คิดว่าเด็กที่หน้าตาน่ารักแบบแทนใจ จะกวนโมโหได้ขนาดนี้

 

 

“คุณมาที่นี่ได้ยังไงกันครับ? เก่งเหมือนที่พี่แทนใจบอกเลย ท่าทางจะเป็น Google Map มาก่อน”

“...” ผมเริ่มคิดแล้วว่าแทนใจกวนประสาทมาจากสายเลือด ตัวน้องชายสองคนยังขนาดนี้ ตัวพี่สาวจะขนาดไหน

“แต่ตอนนี้พี่แทนใจน่าจะไม่อยากเจอคุณนะครับ กลับไปเถอะ---”

 

 

ปิ้น!

 

 

เสียงแตรรถหยุดทั้งผมและแทนกายที่กำลังยืนคุยกันอยู่ได้ทันทีครับ ผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเปิดกระจกออกมา ใบหน้าของเธอมีร่องรอยของความใจดีปรากฏให้เห็นชัดเจน

 

 

“เด็กๆมายืนคุยอะไรกันตรงนี้คะ เข้าไปคุยกันในบ้านดีกว่าเนอะ น้องแทนกายคะ ช่วยเปิดประตูให้คุณแม่หน่อยค่ะ เดี๋ยวแม่จะเอารถเข้าไปจอดนะคะ”

 

 

คุณแม่อย่างนั้นหรือ?

 

ท่าทางข้อมูลของซุกซนที่บอกว่าแทนใจอยู่บ้านคนเดียวน่าจะผิดแน่ๆ รอเจอหน้าเมื่อไหร่นะ ผมจะทวงเงินมันคืน




.

.

.




“น้องเมฆเป็นเพื่อนน้องแทนใจเหรอลูก?”

“ครับ”

 

 

ตอนนี้ผมอยู่ในบ้านของสองพี่น้องแทนและคุณแม่ของน้อง รู้เลยครับว่าแทนใจแทนกายหน้าตาเหมือนใคร บ้านนี้ยีนชัดมากเลยครับ แม่ของสองคนนี้เป็นผู้หญิงที่ดูใจดีและกระฉับกระเฉง ตอนที่ขับรถมาเจอผมคือคุณแม่เพิ่งจะกลับจากห้างสรรพสินค้าครับ

 

 

“พี่เขาเป็นแค่คนในที่ทำงานของพี่แทนครับคุณแม่”

 

 

เด็กแทนกายรีบพูดแทรกขึ้นมาตอนที่กำลังช่วยแม่เอาของออกมาจากถุง ถ้าผมเจอเด็กนี่เฉยๆก็อาจจะเอ็นดูก็ได้ เพราะหน้าตาเขาคล้ายแฟนผม แต่พอตอนนี้ บอกได้เต็มปากเต็มคำเลยว่ามันคือเด็กเปรต

 

 

“อย่าพูดแบบนี้สิคะ ไม่น่ารักเลยนะ” คุณแม่… ว่าแต่พี่แทนใจกลับมาหรือยังคะน้องกาย?”

“กลับมาแล้วครับ แต่ว่าพี่อยู่บนห้อง”

 

 

ผมอยากจะช่วยสองคนนี้นะครับ แต่คุณแม่บอกว่าให้ผมนั่งเฉยๆ ทำตัวเหมือนบ้านตัวเอง แล้วผมก็ยังมีความผิดติดหลังอยู่ แฟนก็โกรธ น้องชายแฟนก็เกลียด ผมยังไม่อยากทำให้แม่แฟนไม่ชอบไปด้วยอีกคนครับ เดี๋ยวโดยห้ามเข้าบ้านไกรกีรติกุลชัยกันพอดี

 

 

“ช่วงนี้พี่แทนใจเขาเครียดน่ะครับ”

“น่าสงสารจังเลย แม่ไม่เคยเห็นพี่แทนใจเขาเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะ”

“ใช่ครับ คนที่ทำให้พี่เศร้าแบบนี้นี่… นิสัยเสียมากเลย”

 

 

พูดเฉยๆไม่ต้องหันมามองทางนี้ก็ได้มั้ยวะ?

 

 

ผมเริ่มนั่งไม่ติดเก้าอี้เมื่อรู้สึกเหมือนโดนพาดพิง เลยขอตัวออกมาเข้าห้องน้ำก่อน ปล่อยให้สองแม่ลูกเขาใช้เวลาอยู่ด้วยกันครับ

 

 

บ้านของแทนใจเป็นบ้านเดี่ยวที่ตบแต่งสวย แต่ให้ความรู้สึกอบอุ่นอยู่ในทุกตารางนิ้ว ในหลายๆจุดของบ้านจะมีรูปเด็กสามคนอยู่ตลอด น่าจะเป็นสามพี่น้องลูกของบ้านนี้ ทั้งตอนที่ดูตัวเล็กๆเหมือนเป็นเด็กอนุบาล ประถม มัธยม หรือแม้แต่รูปรับปริญญาของพี่สาวแทนใจก็มี

 

 

แถมในบ้านยังมีพวกเกียรติบัตรต่างๆเต็มไปหมด ท่าทางบ้านนี้จะเป็นคนเรียนเก่งกัน ถึงแม้ส่วนใหญ่จะเป็นชื่อเด็กผู้หญิง ที่น่าจะเป็นชื่อของพี่สาวคนโตสุดก็ตาม

 

 

เป็นครอบครัวที่อบอุ่น จนผมที่สัมผัสแค่บรรยากาศบ้านก็รู้แล้วว่าทำไมแทนใจถึงได้โตมาอย่างสดใสและมีพลังบวกมากมายขนาดนี้

 

 

“ทำไมพี่แทนใจไม่ลงมาสักทีเนี่ย น้องกายครับ แม่ว่าน้องกายไปตามพี่แทน--”

“เอ่อ .. ผมไปตามน้องให้มั้ยครับ?”

 

 

ผมเสนอขึ้นมาเมื่อเห็นว่านี่เป็นโอกาสที่จะได้เข้าห้องแทนใจ และเป็นทางที่จะได้เจอหน้าน้องอีกครั้ง แค่คิดแค่นี้ก็รู้สึกดีจนเกือบจะห้ามรอยยิ้มเอาไว้ไม่ได้แล้ว

 

 

“ไม่เป็นไรครับ---”

“ดีเลยค่ะน้องเมฆ ขอบคุณมากเลยนะคะ ห้องแทนใจอยู่ชั้นสองห้องทางซ้ายนะคะ” คุณแม่พูดแล้วกวักมือเรียกเด็กแทนกาย “น้องกายคะ เรื่องเข้ามหาลัยของหนูไปถึงไหนแล้วคะ? เห็นแทนใจบอกว่าเรียนพิเศษภาษาอังกฤษเพิ่มอยู่ใช่มั้ย?”

 

 

ผมหันไปยักคิ้วให้เด็กแทนกายที่มองมาอย่างไม่สบอารมณ์ตอนที่แม่เขาหันหลัง ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าวันนี้มันกวนประสาทผมน้อยกว่าที่เคย อาจจะเป็นเพราะอยู่ต่อหน้าแม่เลยแผลงฤทธิ์มากไม่ได้ ดีแล้ว เงียบๆมั่งก็ดี

 

 

ผมเดินขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงห้องที่คุณแม่บอก

 

 

‘ก๊อกๆ’

 

 

เสียงตึงตังจากในห้องเหมือนกับคนที่กำลังขยับตัวลุกขึ้นมานั่นค่อยๆเข้ามาใกล้ จนในที่สุดเสียงนั่นก็เงียบลง แล้วประตูก็เปิดออก

 

 

“น้องกายครับ วันนี้พี่ไม่--”

 

 

ใบหน้ากลมที่ผมไม่ได้เห็นมาหลายวันปรากฏขึ้นมา ดวงตาของอีกฝ่ายเบิกกว้างเหมือนกับตกใจ ตากลมๆที่ชอบมองผมอย่างสงสัยตอนนี้ดูเหมือนกับว่าจะบวมเล็กน้อย แทนใจดูโทรมลงนิดหน่อย แต่ยังคงน่ารักอยู่

 

 

“แทนใจ”

“... คุณพี่เมฆ”

 

 

เสียงครางชื่อผมที่ออกมาจากปากของน้องทำให้หัวใจผมเต้นรัวเร็วด้วยความคิดถึง ตอนนั้นเองที่ผมเพิ่งรู้ตัวว่าความจริงแล้วผมคิดถึงแทนใจมากแค่ไหน

 

 

“เฮ้ย! เดี๋ยว!!!”

 

 

ผมร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อแทนใจทำท่าจะปิดประตูใส่ทันทีที่เห็น แต่ผมเอามือยันเอาไว้ได้น้องเลยปิดไม่ลง ซึ่งน้องก็พยายามที่จะงับประตูเข้ามา แต่ว่าทำไม่ได้ อีกฝ่ายมองหน้าผมอย่างไม่สบอารมณ์

 

 

เฮ้ย ทำแบบนี้ได้ไงเนี่ย นี่แฟนเลยนะ แฟนที่ขับรถพาไปกินเบอร์เกอร์คิงเลยนะ

 

 

“กลับไป!”

 

 

แทนใจพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง เหมือนกับการเห็นหน้าผมทำให้เขารู้สึกไม่ดี โห หัวใจนี่เจ็บเหมือนโดนน้องกระชากออกมาขยี้ด้วยปลายเท้า

 

 

“เดี๋ยวก่อนสิแทนใจ เรามาคุยกัน--”

“ผมไม่อยากคุยกับคุณ”

“ฟังพี่ก่อนนะ นิดนึงนะครับ”

“ไม่!”

“ให้พี่ได้--- โอ๊ย!”

 

 

ปัง!

 

 

ในตอนที่ผมพยายามขอให้แทนใจฟังผมนั้น น้องใช้แรงเฮือกสุดท้ายของตัวเองดึงประตูปิดทันที! ซึ่งมันเป็นแรงเฮือกสุดท้ายมากๆ เพราะมันทับนิ้วผม! ชาไปทั้งแถบเลย น้ำตาเล็ดเลยครับ

 

 

“โอ่ย...”

 

 

เจ็บฉิบหาย มือจะพังก่อนจะได้แฟนคืนมั้ยวะเนี่ย

 

 

“คุณพี่เมฆ!”

 

 

แต่ก็คุ้มแฮะ เพราะแทนใจที่เพิ่งจะปิดประตูใส่หน้าผมเมื่อกี้ เปิดประตูออกมาทันทีด้วยหน้าตาตื่นตระหนกในแบบของตัวเอง เหมือนน้องลืมไปเลยว่าเมื่อกี้ไม่ได้ตั้งใจจะออกมาหาผม ตอนนี้น้องคว้ามือผมไปดูใหญ่เลยครับ

 

 

น่ารักจริงๆ แฟนใครวะ

 

 

“เจ็บมากมั้ยครับ? ผมขอโทษนะ ผมไม่ได้ตั้งใจจะปิดทับมือคุณเลยนะครับ คือผมแค่ตั้งใจจะปิดประตูไปอยู่คนเดียวเฉยๆ แค่คิดว่าผมน่าจะยังไม่พร้อมคุยกับคุณเฉยๆ ผมเห็นหน้าคุณแล้วผมจะร้องไห้แค่นั้นเอง ไม่ได้อยากทำให้คุณเจ็บเลยสักนิด--”

 

 

“แทนใจ--”

 

 

“วันนั้นผมโกรธมากก็จริงแต่ผมไม่ได้อยากทำให้คุณเลือดตกยางออกเลยนะ ไม่ได้อยากทำให้คุณพิการมือด้วย ถ้าคุณซ่อมเครื่องไม่ได้แล้วจะทำยังไง นี่ยังดีนะโดนมือซ้ายคุณยังเขียนหนังสือมือขวาได้ ถ้าคุณต้องเขียนอะนะ โอ๊ย แต่คุณใช้สองมือพิมพ์ในคอมพ์นี่นาผมเคยเห็น ทำยังไงดี ถ้านิ้วคุณกุดขึ้นมาคุณต้องโดนไล่ออกแน่ๆเลย”

 

 

“...” นี่น้องเขาออกทะเลไปโลกไหนอีกแล้ววะ จินตนาการล้ำเลิศจริงๆ

 

 

“คุณพี่เมฆอย่าโกรธผมเลยนะ ผมขอโทษ”

 

 

น้องแทนใจกุมมือพร้อมทั้งพูดด้วยเสียงอ่อย ราวกับเด็กที่กำลังรู้สึกผิดเพราะแย่งขนมน้องแล้วน้องร้องไห้ ซึ่งมันน่าสงสารมากเลยครับ

 

 

ทั้งที่ตอนแรกผมมาง้อแท้ๆ แต่แทนใจก็ยังเป็นแทนใจ ที่ทำให้ผมรู้สึกใจเต้นได้ด้วยการเป็นตัวของตัวเองแค่นั้นเอง

 

 

“พี่ไม่โกรธแทนใจเลยครับ” ผมค่อยๆพูด ก่อนจะเอาอีกมือขึ้นไปเนียนลูบหัวกลมๆที่ผมคิดถึงทุกวัน “แต่ตอนนี้ให้พี่เข้าไปในห้องก่อนนะ แบบนี้มันแอบเมื่อยนิดหน่อยน่ะ”

 

 

ผมไม่ได้โกหกเลยนะครับ ท่าตอนนี้คือเมื่อยจริงๆ ผมกับแทนใจนั่งยองๆกันอยู่หน้าห้อง ตัวผมนี่แค่ทรุดเพราะเจ็บมือ ส่วนแทนใจเองก็ทรุดนั่งกับพื้นเพราะมาดูแผลให้ผม

 

 

“...” น้องเหมือนคิดเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยอมเปิดทางให้ผมเดินเข้าไปข้างในห้องน้อง โดยที่ผมเป็นคนปิดประตู … และไม่ลืมที่จะล็อกกลอนตามหลังด้วยเช่นกัน

 

 

‘กริ๊ก’

 

 

 

------- Monday In Love -------






“คุณมาที่บ้านผมทำไม?”

 

 

แทนใจยิงคำถามใส่ทันทีที่ผมก้าวเข้ามาในห้อง เจ้าตัวเดินไปหยิบแอลกอฮอล์มา แล้วหยิบสำลีมา แล้วก็เดินกลับไปเพื่อหยิบกรรไกรมา เฮ้ย หยิบมาทำไม จะตัดนิ้วผมหรือไง!

 

 

“โอ๊ย มันต้องไม่ใช่อันนี้สิ” แทนใจบ่นงึมงำกับตัวเอง ซึ่งปมอยากไปร่วมวงสนทนาด้วยเพราะไม่รู้ว่าอีกคนจะนึกคึกหยิบอะไรออกมาอีก “แป๊บนึงนะคุณพี่เมฆ ผมไม่แน่ใจว่าควรจะต้องเอาอะไร”

 

 

“...มันแค่ช้ำ พี่ว่าปล่อยไว้ก็ได้มั้ง”

 

 

ผมไม่ได้เวอร์นะ เมื่อกี้เจ็บจริง เจ็บแบบไม่ใช่แสตนอิน แต่มันไม่ได้มีแผลถลอกหรืออะไร เป็นแค่การโดนของแข็งทับมือธรรมดา แค่มันดันเจ็บฉิบหายเลย แค่นั้นเองครับ

 

 

“น้ำแข็งๆ ใช่ๆต้องใช้น้ำแข็งประคบ” แทนใจที่ยังตกใจเหมือนกระต่ายยังคงพูดรัวๆกับตัวเอง เจ้าตัววิ่งปรู๊ดออกจากห้อง (พร้อมบ่นว่าทำไมประตูถึงได้ล็อก แต่ผมก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้) แล้วสักพักก็กลับมาพร้อมกับน้ำแข็งในผ้าขนหนูยัดใส่มือผมไว้

 

 

 “ขอบคุณนะครับ”

 

 

ผมพูดแล้วยิ้มให้อีกคนที่มองมาเหมือนกับไม่แน่ใจ สักพักเจ้าตัวเดินไปคว้าหมอนมากอดแล้วทรุดลงนั่งบนเตียง โดยที่ผมเองก็นั่งอยู่ตรงเก้าอี้บีนแบ็กสีอ่อนที่วางเป็นก้อนอยู่ใกล้ๆเตียงน้อง

 

 

ภาพแทนใจกอดหมอนนั้นเหมือนกับวันที่ผมเจอเขามาเคาะห้องตอนที่กลัวผีช่วงเอ้าท์ติ้งเลยครับ ตอนนั้นน่ารักยังไง ตอนนี้น่ารักยิ่งกว่านั้นอีกสามเท่าตัวเลย

 

 

“คุณยังไม่ตอบผมเลยนะว่าคุณมาทำไม”

“มาง้อแฟน”

 

 

 

ผมตอบทันทีแบบไม่ต้องคิค ก็มาง้อแฟนจริงๆ ไม่ได้มีเหตุผลอื่นประกอบเลยสักนิด ถ้าไม่นับว่าการอยากเจอหน้าแทนใจเป็นเหตุผลด้วยอะนะ

 

 

“...”

 

 

แทนใจที่กำลังปั้นหน้านิ่งหลุดทำตาถลนออกมา แก้มกลมที่ผมชอบเล่นตอนนี้กลายเป็นสีชมพูอ่อนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว คนที่โดนผมหยอดแล้วเขินทันทีให้เห็นแบบแทนใจนี่น่ารักจนอยากจะลุกขึ้นไปอุ้มมาฟัดจริงๆเลย

 

 

“ไม่ได้สิคุณ ตอนนี้เราห่างกันอยู่นะ ...คุณเมฆ”

 

 

ผมมองน้องที่สบตาผมได้แป๊บเดียวแล้วหันหน้าหนี โห นี่โกรธมากจนถึงขนาดที่เปลี่ยนสรรพนามจากคุณพี่เมฆเป็นคุณเมฆเฉยๆเลยงั้นเหรอ … เจ็บจังแฮะ เจ็บกว่าที่ประตูหนีบนิ้วเมื่อกี้อีก

 

 

เสียใจ แต่ไม่สิ้นหวัง

 

 

“ห่างกันอาทิตย์นึงยังไม่พออีกเหรอครับ? ความจริงพี่จะไปหาเราตั้งแต่อาทิตย์แรกก็ได้ แต่แทนใจต้องการเวลา พี่เข้าใจ พี่เคารพเราตรงนั้น พี่ให้ระยะห่างกับเราเพราะเราต้องการ ถึงแม้พี่จะโคตรทรมานเลยก็เถอะ มันนานมากเลยนะแทนใจ”

 

 

ผมพูดพร้อมทั้งมองหน้าน้องไปด้วย แทนใจทำท่าเหมือนกำลังคิด น้องกัดริมฝีปาก หน้าตาของน้องเปลี่ยนจากตกใจกลายเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์

 

 

“นานเหรอ? คุณคิดว่าที่ห่างมาทั้งหมดมันพองั้นเหรอครับ?”

“...”

“คุณกลับไปคุยกับแฟนเก่า ทำให้ผมรู้สึกเหมือนโดนกันออกจากเรื่องราวอะไรบางอย่างในชีวิตคู่ คุณโมโหใส่ผม แล้วอยู่ดีๆจะมาง้อง่ายๆ ทำเหมือนทุกอย่างไม่เคยเกิดขึ้นอย่างนั้นเหรอครับ?”

“...”

“มันยากกับผมมากแค่ไหนคุณเข้าใจบ้างมั้ย…” แทนใจพูดด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูก เหมือนน้องกำลังพยายามไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา ผมเริ่มสังเกตแทนใจจริงจังเป็นครั้งแรกตั้งแต่เห็นหน้าน้อง แทนใจของผมตอนนี้ต่างจากครั้งแรกที่ผมเห็นเขา

 

 

แทนใจในตอนนั้นดูสดใส แต่ตอนนี้น้องดู… เศร้าโศก

 

 

แก้มแทนใจตอบลงนิดหน่อย แถมขอบตาน้องเองก็ล้าเหมือนกับไม่ได้นอนอย่างเต็มอิ่มมาหลายวัน แถมตากลมที่ผมชอบมองก็ดูช้ำแดงเหมือนเพิ่งจะหยุดร้องไห้มาไม่นาน

 

 

เขามีสภาพแบบนี้ … เพราะผมอย่างนั้นเหรอ?

 

 

“แทนใจ…” ผมกลืนก้อนความรู้สึกผิดที่พุ่งขึ้นมาจุกอยู่ในคอลงไป “พี่ขออธิบายได้มั้ยครับ แทนใจยังไม่ต้องรับคำขอโทษของพี่ก็ได้ แต่ฟังพี่พูดหน่อยนะ”

 

 

น้องนิ่งเหมือนกำลังตัดสินใจ ดวงตากลมเหลือบมามองผมเล็กน้อย น้ำตาที่ไหลออกมานั้นทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวด และยิ่งเจ็บมากขึ้นเมื่อตระหนักได้ว่าคนที่ทำให้น้องเป็นแบบนี้ก็คือผม

 

 

 สุดท้ายแล้วน้องก็พยักหน้าช้าๆ ซึ่งเรียกรอยยิ้มของผมได้ในทันที แทนใจก็ยังคงเป็นแทนใจที่น่ารักที่สุดของผมเสมอ

 

 

“ความจริงมันไม่มีอะไรเลยครับ พี่กับหวานแค่คุยกันเรื่อง---”

 

 

‘ก๊อกๆ’

 

 

ทั้งผมและแทนใจต่างละทิ้งบทสนทนาแล้วหันไปตามเสียงเคาะประตูทันที ซึ่งยังไม่ทันทีแทนใจจะพุ่งไปเปิดประตูนั้น เสียงจากด้านนอกก็ลอยเข้ามาให้ได้ยินเสียก่อน

 

 

 

 “พี่แทนใจ กับคุณพี่เมฆครับ อาหารเย็นเสร็จแล้ว คุณแม่ให้ตามลงไปทานข้าวครับ”

 

 

 

คุยกันเรื่องอะไรน่ะเหรอ? ก็ไอ้เด็กเปรตแทนกายนี่ไงล่ะ!!

 

 

 

 

------- Monday In Love -------

 

 

 

“พี่แทนใจทานอันนี้สิครับ ผมจำได้ว่าพี่ชอบมากเลยนะ”

 

 

 

เด็กเปรตที่นั่งตรงข้ามผมเอื้อมมือตักปูผังกะหรี่ให้แฟนผม ข้ามหน้าข้ามตาผมมาก แถมมีการหันมายิ้มตาปิดให้อีก ไม่ใช่แทนใจไม่ต้องมาส่งยิ้มแถวนี้! ไม่ชมเว้ย!

 

 

ตอนนี้พวกผมนั่งกันอยู่ในห้องทานอาหาร โดยที่คุณแม่นั่งอยู่ข้างไอ้เด็กแทนกาย แทนใจนั่งตรงข้ามคุณแม่ และผมนั่งข้างแทนใจ โดยที่ต้องหันหน้าไปเจอเด็กเปรตนั่นพอเหมาะพอดี ซึ่งแทนใจก็ไม่ค่อยคุยกับผมเลยครับ น้องตักกับข้าวทานเงียบๆงุบงับเท่านั้น

 

 

“ขอบคุณมากนะครับน้องกาย น้องกายก็ทานเยอะๆนะ เพิ่งจะหายป่วยเองนะ ต้องทานเพิ่มแล้วนะครับ พี่ว่าน้องกายผอมเกินไปแล้วนะ”

 

“ครับพี่แทนใจ”

 

 

คุณแม่มองฉากพี่น้องแสดงความรักใส่กันด้วยสายตาอบอุ่น ในขณะที่ผมเหมือนใส่หน้ากากคนดีแต่ในใจนี่เบ้หน้า ไอ้เด็กนี่อะนะป่วย? ขนาดมันป่วยยังกวนตีนขนาดนี้ ไม่รู้ว่าถ้าปกติดีแล้วนี่จะทำขนาดไหน

 

 

“อาหารถูกปากมั้ยคะน้องเมฆ” ผมหันไปยิ้มให้คุณแม่ที่ถามขึ้นมา ซึ่งถ้าตอบตรงๆผมว่ามันจืดไปหน่อย แต่ทานกับแทนใจอร่อยมากครับคุณแม่

 

“ถูกปากครับ”

“ดีจัง งั้นทานเยอะๆเลยนะคะ”

“ครับ ขอบคุณมากนะครับ”

“ตามสบายเลยนะคะ ไม่ต้องเกรงใจ” คุณแม่พูดแล้วส่งยิ้มใจดีมาให้อีกครั้ง “เนี่ยพี่แทนใจเขาไม่ค่อยพาเพื่อนมาบ้านกันเท่าไหร่หรอกค่ะ เนี่ยแทบนับคนได้เลย คุณแม่เลยไม่ค่อยได้ลองฝีมือเท่าไหร่”

 

 

ผมไม่ค่อยได้ทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัวเลยครับตั้งแต่แม่เสีย พูดให้ถูกก็คือ ผมกับพ่อทนนั่งโต๊ะอาหารด้วยกันนานๆไม่ได้ไม่ ไม่ใครก็ใครสักคนจะต้องลุกขึ้นไปก่อน

 

 

“ว่าแต่น้องเมฆสนิทกับพี่แทนใจนานหรือยังคะ?”

“ก็หลายเดือนแล้วครับ ความจริงพวกเราเป็น--”

“เป็นแค่เพื่อนร่วมงาน ใช่มั้ยครับคุณเมฆ?”

 

 

เด็กแทนกายขัดขึ้นมากลางวงสนทนานิ่มๆ พร้อมทั้งส่งยิ้มให้ผมแล้วก็แทนใจ เหมือนกับว่าโลกนี้สดใสสีชมพู แต่ผมรู้สึกว่าภายใต้ใบหน้ายิ้มๆนั่นเด็กนี่กำลังไม่สบอารมณ์อยู่

 

 

“คือ---” แทนใจพยายามจะพูดขึ้นมา แต่ผมไวกว่า

 

“ครับ เป็นเพื่อนร่วมงานที่สนิทกันมากเลยครับ ไปต่างจังหวัดด้วยกันมาแล้วด้วย”

 

“อันนั้นงานของบริษัทไง ใช่มั้ยครับพี่แทนใจ” เด็กแทนกายหันไปขอความเห็นจากคนข้างๆผม แล้วกลับมาส่งสายตาให้ผมอีกครั้ง จะเอาแบบนี้ใช่มั้ย!

 

“เอ่อ--” แทนใจที่กำลังจะตอบน้องต้องเงียบอีกครั้ง เมื่อผมงัดสกิลเถียงลูกค้าหน้างานมาใช้

 

“ใช่ครับ ครั้งนั้นไปเพราะงาน แต่นอกจากพวกเราก็ไปเที่ยวข้างนอกมาด้วยกันบ่อยครับ แทนใจเขาน่ารักมาก เคยไปนอนข้างบ้านผมด้วยครับ แทนใจชอบด้วย ใช่มั้ยครับแทนใจ”

 

ตอนนี้ผมตอบพร้อมทั้งมองหน้าเด็กแทนกายไปด้วย บนใบหน้าของเด็กมัธยมมีรอยยิ้มแปะไว้ เช่นเดียวกันกับใบหน้าผมที่ประดับรอยยิ้มการค้าเอาไว้เหมือนกัน

 

 

“ผม--”

 

“พี่แทนใจ คืนนี้เดี๋ยวผมไปนอนด้วยนะครับ ผมนะตอนอยู่ที่หอเหงามากเลย ไม่ได้กอดพี่แทนใจตั้งหลายวัน”

 

“พี่--”

 

“แทนใจวันนี้กลับไปกับพี่เถอะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ไปส่งที่ทำงานเนอะ เราจะได้ไม่สาย เกิดฝันว่าถูกปลาหมึกรัดแล้วหายใจไม่ออกจะทำไงละเนี่ย”

 

 

‘’กิ๊งก่อง!’

 

 

เสียงออดหน้าบ้านเรียกความสนใจของทุกคนบนโต๊ะ ผมและไอ้เด็กเปรตหยุดตีกัน เป็นจังหวะเดียวกับที่คุณแม่เช็ดปากแล้วพูดขึ้น

 

 

“เหมือนจะมีคนมา เดี๋ยวแม่ไปดูก่อนนะคะ เด็กๆทานกันตามสบายเลยนะ”

 

 

พอทุกอย่างเงียบผมก็ได้สติอีกครั้ง นี่ผมตีกับเด็กที่อายุห่างกันสิบปีด้วยเรื่องไร้สาระฉิบหาย อยากจะเอามือกุมหน้าแต่คิดว่ามันคงดูไม่คูลเลยนั่งนิ่งๆ ยังดีนะที่ตรงนี้เป็นแทนใจ ลองเป็นไอ้เบิร์ดหรือบิวเพื่อนผมนี่คงโดนล้อยันแต่งงานกับแทนใจแล้วสามปีชัวร์

 

 

 

------- TBC -------

 

 

 

นั่นแหละค่ะ อิ___อิ

มันเป็นนิยาย comedy อ่ะนะคะ ก็จะประมาณนี้แหละแก

 

 



 พรุ่งนี้จะมาต่อนะคะ  XD

บทสัมภาษณ์ ขอแปะเอาไว้ก่อน ไม่ว่างเลยค่ะ วุ่นวายมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เพราะงั้นยังสามารถถามมาได้นะคะ

3 คำถามที่เราเห็นแล้วชื่นชอบ จะได้รางวัลจากเรานะคะ


 

Babybaphomet





แจ้งเตือนครั้งที่ 1 !

ผู้ดูแล ลบข้อความประชาสัมพันธ์ ออกนะคะ

จากกฎข้อที่ 17  เนื้อหายังลงไม่จบ
ห้ามประชาสัมพันธ์ เปิดจอง ใดๆ ทั้งสิ้นในกระทู้
ไม่ว่าในรูปแบบหนังสือหรือ e-book



อ้างถึง
17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน 

ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)

ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-10-2018 23:52:28 โดย BaoBao »

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
คนมาใหม่จะมาช่วยคุณพี่เมฆหรือช่วยแทนกายล่ะเนี่ย

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
กง่าจะได้ง้อแฟน ตีกะน้องแฟนตายก่อนมั้ย
แทนใจลูกงอนนานๆ อย่าให้ง้อง่ายๆ นะ

ออฟไลน์ oiruop

  • เ รื่ อ ง โ ง่ โ ง่ นี่ ฉ ล า ด นั ก ⊙﹏⊙∥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • https://www.facebook.com/book.yaoi?fref=ts

ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
23rd Monday

#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 





ปูผัดผงกะหรี่ ต้มยำกุ้ง ยำมาม่า และไอ้น้องชายบ้าของแฟนผม





ทุกอย่างที่อยู่ตรงข้ามผมดีหมดเลย ยกเว้นไอ้เด็กแทนกายนั่น ที่จนถึงตอนที่คุณแม่ลุกไปข้างนอก มันก็ยังกวนตีนผมไม่หยุด น้องแม่งหยามหน้าผมมาก แล้วผมก็จะไม่ยอมด้วย





จะให้เลิกกับแทนใจน่ะเหรอ? ข้ามต้มยำกุ้งตรงหน้าไปก่อนเถอะ ไอ้เด็กเมื่อวานซืน!





“พี่แทนใจครับ” ผมกลอกตาเมื่อไอ้เด็กแทนกายเริ่มเปิดปากอีกครั้ง “ช่วงนี้พี่แทนใจนอนไม่พอใช่มั้ยครับ ผมเห็นเหมือนพี่แทนใจโทรมลงกว่าช่วงที่แล้วเยอะเลย”





ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบทันที





แทนใจที่อยู่ข้างๆผมลดมือที่กำลังตักอาหารลงเล็กน้อย ก่อนที่จะตอบน้องชายออกไปด้วยน้ำเสียงปกติ





“ก็… อืม มีเรื่องให้คิดน่ะครับ”

“แย่จังเลยนะครับ คนที่ทำให้พี่แทนใจเสียใจเนี่ย” เด็กแทนกายมันยังคงพูดต่อ โดยที่เอาชามแยกของแทนใจมาถือไว้แล้วตักต้มยำกุ้งให้พี่ ทั้งที่ข้าวของตัวเองแทบไม่พร่องเลยสักนิด “ผมว่าพี่ไม่ต้องไปยุ่งมากก็ดีนะครับ”





“เรื่องของผู้ใหญ่ ให้ผู้ใหญ่เขาจัดการกันเองมั้ย?”





ผมพูดแทรกขึ้นมา ในขณะที่ตักผัดผักให้แทนใจ ไม่รู้เว้ย ผัดผักอร่อยกว่าต้มยำ แทนใจไม่ต้องไปกินนะครับ มาทานของพี่ดีกว่า เด็กแทนกายนั่นเงียบไปชั่วครู่ ก่อนที่จะหันมายิ้มให้ผม แล้วพูดตอบกลับมา





“ถ้าผู้ใหญ่ทำให้เสียใจ ก็ลองคิดแบบเด็กๆดูบ้าง ผมว่าน่าจะดีกว่านะครับ เนอะพี่แทนใจเนอะ”

“...” อย่ามาทำให้แฟนคนอื่นไขว้เขวสิวะ ไอ้เด็กนี่!

“ผมว่านะ ถ้าอยู่ตรงไหนไม่มีความสุข เราก็ควรจะออกมาดีกว่า”

“...”

“คนที่ทำให้พี่ของผมที่ปกติยิ้มตลอดเวลาแม้แต่ตอนที่หกล้ม ต้องเป็นคนที่เลวมากแน่นอน ต่อให้ผมจะไม่รู้ว่าเป็นใคร” ถ้าไม่รู้ก็ไม่เห็นต้องเน้นเสียง แล้วก็มองหน้าผมเลยก็ได้มั้ยวะ ไอ้เด็กเปรตนี่ “แล้วก็ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ผมว่าก็ไม่ควรอยู่ในชีวิตพี่อยู่ดี”




บรรยากาศกลับมาอึดอัดอีกครั้ง ผมเองก็เงียบ ทำได้แค่มองหน้าเด็กแทนกายที่ยังคงมองจ้องหน้าผมอยู่ ที่ผมไม่เถียงอะไรไปทั้งที่ปกติแล้วผมไม่ใช่คนยอมถอย เพราะว่าผมเถียงอะไรเขาไม่ได้เลย



จริงอย่างที่เด็กนี่พูด เท่าที่รู้จักกับแทนใจมา น้องในตอนนี้ดูไม่สดใสเหมือนที่เคย นัยน์ตาที่ช้ำ และใบหน้าที่อมความเศร้าเหมือนกำลังคิดอะไรตลอดเวลาไม่เหมือนกับแทนใจที่สดใสในร้านกาแฟวันนั้น





หรือว่าผมไม่ควรที่จะทำให้น้องเสียใจไปมากกว่านี้?





ผมเองก็เป็นคนธรรมดา ในความสัมพันธ์นี้มันเพิ่งเริ่มต้น ผมไม่สามารถรับประกันกับใครได้ว่าจะไม่ทำให้น้องเสียน้ำตาอีก




“แทนกายครับ วันนี้กินน้อยจังเลย กินอีกๆ”





ในขณะที่บรรยากาศเงียบนั้น แทนใจก็ตักกับข้าวไปให้น้องชายที่เหมือนกับจะโฟกัสเรื่องการด่าคนที่ทำให้พี่ชายเสียน้ำตาจนไม่สนว่าที่นี่คือโต๊ะอาหารค่ำ ผมมองน้องที่กำลังตักนั่นตักนี่ให้น้องชายอย่างมีความสุข ยิ่งเห็นแล้วยิ่งรู้สึกแย่กับตัวเอง เขามีความสุขกับชีวิต แต่ผมทำให้เขาต้องหม่นหมองขนาดนั้นได้เลยเหรอ?

 


“ขอบคุณครับ พี่ตักให้ผมมาตั้งแต่อนุบาลแบบนี้ไม่เบื่อเหรอ?”

“ใครจะเบื่อล่ะ แทนกายของพี่เป็นน้องชายของพี่นะ พี่ไม่เบื่อหรอก”

“ขอบคุณมากนะครับ ผมรักพี่แทนใจนะ”

“พี่ก็รักน้องกายครับ”





คล้ายกับทุกอย่างรอบตัวอยู่ไกลออกไป ผมมองพี่น้องสองคนบอกรักกันด้วยความรู้สึกประหลาด โลกของแทนใจกับแทนกายมันดูเหมือนไม่มีที่ให้ผมสามารถแทรกตัวเข้าไปได้เลยแม้แต่น้อย ทั้งที่ทั้งสองคนเพียงแค่ตักอาหารให้กัน ซึ่งน่าจะทำแบบนี้กันเป็นปกติ แต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็น… คนนอก





เพราะแทนใจรักน้องชายมาก จนลึกๆแล้วผมแอบกลัว ว่าเขาจะรักแทนกายมากกว่าผม





“เออใช่ พูดถึงตอนอนุบาล” เด็กแทนกายทำเสียงตื่นเต้นเหมือนกับว่ากำลังจะเล่านิทานที่น่าฟังที่สุดในโลก “คุณเมฆรู้มั้ยครับ ตอนที่ผมอยู่อนุบาลสองหรือสามนี่แหละ ผมกับพี่ๆเล่นกันที่สวนท้ายหมู่บ้าน แล้วมีหมาวิ่งไล่ ผมกับพี่ๆวิ่งหนีสุดชีวิตเลย แต่ผมดันล้ม ตอนหมามันจะมากัดผมนะ พี่แทนใจเขาเอาอะไรไม่รู้ปาหมา มันเลยโมโหไปกัดพี่แทนใจ”

“...”

“ตอนนั้นพี่ไม่ร้องเลยสักนิดทั้งที่พึ่งจะปอสี่เอง เก่งมากเลย ขนาดหลังจากนั้นต้องไปฉีดยากันพิษสุนัขบ้าตั้งยี่สิบกว่าเข็ม พี่ก็ไม่ร้องไห้เลยสักแอะ”

“...”



ทั้งที่เด็กนั่นพูดด้วยใบหน้ายิ้มๆแต่ดวงตาไม่ได้ยิ้มตามไปด้วยเลยครับ สีหน้าที่ส่งมาทางผมนั้นมีความเป็นปรปักษ์อย่างชัดเจน ผมคิดว่าถ้าหากในมือของเด็กแทนกายมีมีดอยู่ละก็ หมอนั่นคงไม่ลังเลที่จะเอามันมาฟันผมแน่นอน



“น้องกาย น่ารักจังเลย จำได้ด้วยเหรอครับ?”



แทนใจที่ไม่รู้ว่าน้องชายตัวเองกำลังขู่ฆ่าผมผ่านเรื่องเล่าน่ารักของตัวเอง ยังคงชมน้องชายออกหน้าออกตา โดยมีเสียงงิ้งๆทำนองว่าน้องกายเก่งที่สุดเลย พี่รักน้องกายมากนะครับ อะไรก็ไม่รู้ดังเป็นแบ็กกราวนด์ให้ผมได้ยินอีก ซึ่งตอนนั้นความสนใจของผมไม่ได้อยู่ตรงการอวยน้องของแทนใจอีกแล้วครับ





ตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเอง… แพ้





เมื่อเป็นเรื่องของแทนกายแล้ว ผมแพ้เด็กแทนกายอย่างหมดรูป มันรู้สึกชาแปลกๆและยากที่จะยอมรับว่าบางทีผมอาจจะไม่ใช่คนที่สร้างรอยยิ้มให้กับแทนใจได้เหมือนกับที่คนรอบตัวเขาสร้างให้





ภาพแทนใจที่พูดนั่นนี่กับน้องชายตัวเองอย่างมีความสุขนั้นทำให้ผมเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่าตกลงแล้ว ผมสามารถทำให้แทนใจเขายิ้มได้ เหมือนกับที่เขาทำให้ผมยิ้มหรือเปล่า?





แทนใจเป็นความสุขของผม แล้วสำหรับแทนใจ นอกจากความเสียใจแล้ว ผมให้อะไรน้องอีกหรือเปล่า?





“พี่เขาเข้มแข็งมากเลยเนอะ” เด็กแทนกายพูดต่อ “เพราะงั้น ผมเลยโกรธมากๆตอนที่เห็นพี่เขาร้องไห้จนตาบวม คนที่มาทำให้พี่แทนใจเสียใจขนาดนี้เนี่ย ถ้าตายไปได้ก็คงจะดีเนอะ”

“...” มันกะเอาผมตายจริงๆด้วยว่ะ แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะเถียงยังไงเลยครับ มันแบบ … เออ แย่อะ

“เอ่อ…” แทนใจพูดขึ้นมา น้องมองซ้ายมองขวาเหมือนไม่แน่ใจเท่าไหร่



“...”



“แต่พี่ว่าพี่ฟังเขาได้นะ”





เงียบครับ


เงียบกันทั้งผมทั้งเด็กเปรต โดยเฉพาะฝั่งนั้น หน้าหงายไปแล้ว





“คนเราผิดพลาดกันได้ พี่เข้าใจนะ ถึงแม้พี่จะเสียใจจริงๆอย่างที่น้องกายบอกนั่นแหละ แต่มันไม่นานหรอก แต่เดี๋ยวพี่ก็ดีขึ้นแล้วแหละ พี่ไม่โกรธใครนานอยู่แล้ว”

“ตะ… แต่--”

“ยิ่งถ้าคนที่ทำให้พี่เสียใจคือคนที่พี่รัก พี่คงโกรธ แต่พี่ก็พร้อมที่จะให้อภัยถ้ามันมีเหตุผลมากพอ เพราะงั้นน้องกายไม่ต้องคิดมากนะ”

“ครับ...”



หลังจากที่เด็กนั่นรับคำสั้นๆแล้ว ทุกอย่างก็ตกอยู่ในความสงบสุขอีกครั้ง โดยเฉพาะผมครับ มีความสุขใหญ่มาก หน้าบานเลย กับข้าวมื้อนี้อร่อยมาก แล้วแฟนผมก็น่ารักมากเช่นเดียวกัน





ผมอยากจะดึงแทนใจเข้ามากอดแน่นๆให้น้องตีๆในแบบของเจ้าตัว แต่ผมน่าจะโดนน้องโกรธเพิ่มอีก คดีเก่ายังไม่เคลียร์ ยังไม่พร้อมสร้างคดีใหม่ใดๆตอนนี้





แต่ในวินาทีที่ผมรู้สึกเหมือนกำลังจะกลายเป็นผู้แพ้ แต่พอแทนใจพูดแบบนั้นขึ้นมา มันเหมือนกับแสงสว่างที่จุดขึ้นมาเลยครับ ถ้าแทนใจพร้อมจะให้อภัย ผมก็จะทำทุกวิถีทางให้เขายอมผมให้ได้





ผมไม่แพ้แน่นอน!





“เด็กๆอิ่มกันหรือยังคะ? วันนี้มีผลไม้ให้ทานด้วยนะ”





ความคิดของผมถูกขัดขึ้นเมื่อคุณแม่เดินกลับเข้ามาพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้ม แทนใจกับแทนกายส่งยิ้มกว้างให้มารดา ในขณะที่ผมพยายามเกร็งริมฝีปากให้เหมือนกับที่ตัวเองยิ้มอยู่ทุกวัน ถ้าไม่สังเกตดีๆก็คงไม่ดูประหลาดละมั้ง หรือประหลาด? ช่างมันเถอะ





“มะละกอของชอบพี่แทนใจไงคะ แล้วก็มีสับปะรดกับแคนตาลูปด้วย เสียดายถ้าพี่แทนรักอยู่พี่แทนรักจะได้ทานด้วย” คุณแม่เดินมาตัวเปล่า ผมคิดว่าน่าจะมีคนยกตามมาให้ทีหลัง





“ดีจังเลย ผมไม่ได้กินมะละกอมาหลายวันแล้ว” แทนใจพูดพร้อมรอยยิ้มเต็มแก้ม ที่ทำให้ผมยิ้มตามได้ง่ายๆ “ว่าแต่คุณแม่มีมะเขือเทศมั้ยครับ? มะเขือเทศจิ๋วๆน่ะครับ”

“มะเขือเทศเหรอคะ? ไม่มีค่ะ พี่แทนใจจะทานเหรอ? ไม่ใช่ว่าหนูไม่ชอบมะเขือเทศเหรอคะ?”

“ผมไม่ชอบ แต่น้องแทนกายชอบครับ”

“อ๋อ… วันนี้ไม่มีครับ น้องแทนกายทานพวกนี้ไปก่อนนะคะ”

“...ได้ครับ ผมไม่มีปัญหา”





ทั้งที่คุณแม่พูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมทั้งมองไปที่เด็กทั้งสองคน แต่บรรยากาศมันกลับต่างออกไป ถึงแม้จะเป็นแบบนั้นแต่คนในครอบครัวก็ยังคงทานข้าวกันต่อ โดยที่หลังจากนั้นไม่นาน ผลไม้หน้าตาน่าทานก็ตามมา ครอบครัวเขาก็นั่งทานกันไปโดยที่ผมก็ร่วมวงสนทนาบ้างตามมารยาท แต่สุดท้ายแล้วก็จมอยู่กับความคิดของตัวเองเสียมากกว่า





.

.

.





เวลาอาหารเย็นจบลงหลังจากนั้นไม่นาน ผมกำลังจะขอตัวกลับหลังจากที่มาอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้ว แต่พายุเข้าพอดี ถนนช่วงซอยบ้านแทนใจกำลังทำทาง คุณแม่เลยชวนให้นอนค้างก่อนเพราะมันอันตรายถ้าจะกลับมืดๆ ถ้าเป็นวันปกติผมอาจจะปฏิเสธไปแล้ว แต่นี่ผมกับแทนใจที่ยังอยู่ในสภาวะแบบนี้ ผมที่อยากใช้เวลากับน้องเลยตกปากรับคำทันทีโดยไม่เสียเวลาคิดสักนิด





“เราจะให้พี่นอนเตียงด้วยใช่มั้ย?”





ผมถามอย่างไม่แน่ใจเมื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย (ขอบคุณที่ตัวเองมีชุดสำรองติดไว้ในรถตลอดเวลา ถ้าหากให้แย่งชุดนอนแทนใจใส่นี่มันคงเต่อและตึงแบบไม่น่าดูเลยทีเดียว) ผมยืนหันรีหันขวางอยู่บนพรมเช็ดเท้าในห้องของน้องอย่างไม่แน่ใจ





ยังดีที่แทนใจกับแทนกายแยกห้องกันนอน เพราะถ้าต้องนอนรวมกันสามคนผมคงอึดอัดจนเผลอเตะน้องชายแฟนแน่นอน





“ใช่สิครับ” เด็กน้อยในชุดนอนลายทางคล้ายวันไปเอ้าท์ติ้งแต่คนละสีกันตอบ “หรือว่าคุณจะนอนบนพรม ผมก็ไม่ถือสาอะไรนะ”

“ให้พี่นอนกับเราสิ ตอนเราไปนอนบ้านพี่ เรายังนอนเตียงเดียวกันเลย”

“ทวงบุญคุณกันเหรอครับ?”

“แล้วได้ผลมั้ยล่ะ?”





ผมมองตาอีกคนที่ตอนนี้หันหน้าไปอีกฝั่ง ท่าทางของแทนใจที่อ่อนลงจากตอนแรกเป็นสัญญาณที่ดี แม้ว่าอีกฝ่ายจะยังไม่ได้ตอบรับผมด้วยความน่ารักเหมือนกับทุกครั้งที่หยอด หากแต่ไม่ได้ปฏิเสธหรือร้องไห้แบบตอนแรก ผมก็นับว่าดีแล้วครับ





“พี่จะถือว่าได้ละกันนะ”





ผมทรุดตัวนั่งลงบนอีกฝั่งหนึ่งของเตียง โดยที่เด็กแทนใจนั้นก็รีบหันหลังให้ผมทันที ผมเดาว่าเขาคงยังไม่พร้อมที่จะเห็นหน้าผมตอนนี้ ไม่เป็นไร ผมบอกแล้วว่าผมรอได้





“ผมง่วงแล้ว เรานอนกันเลยได้มั้ยครับ?”

“พี่ตามใจเราอยู่แล้วนะ”

“โอเค งั้นผมปิดไฟเลยนะ”

“ครับ”



พวกเรานอนกันทั้งที่ยังไม่เที่ยงคืนเลยด้วยซ้ำ ถึงแม้จะปิดไฟแล้วแต่ผมไม่ได้ง่วงเลยแม้แต่น้อย ในหัวกำลังคิดเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด



“พวกเรานอนแบบนี้ เหมือนกับตอนวันเอ้าท์ติ้งเลยเนอะ”

“วันไหนอะ?” แทนใจส่งเสียงถาม ทั้งที่ยังคงหันหลังให้ผม “วันที่ผมเมาแล้วชูวับชูวับกับคุณน่ะเหรอ?”

“ไม่ใช่สิเด็กทะลึ่ง” ผมหัวเราะเอ็นดูอีกคน นึกหน้าเขาออกเลย แทนใจคงต้องทำตาโตๆแก้มแดงๆอยู่แน่นอน อยากดึงมากอดแต่มันไม่ใช่เวลา “คืนที่สองต่างหาก ที่เราเปิดใจคุยกันครั้งแรกน่ะ”

“อ๋อ... “




ถึงแม้จะปิดไฟ แต่ผมรู้สึกได้ว่าอีกคนคลายตัวที่ม้วนเป็นก้อนออก แล้วขยับตัวพลิกมานอนหงาย



“ตอนนั้นเรากลัวผีเลยขอมานอนกับพี่จำได้มั้ย?”



“ฮื่อ” แทนใจส่งเสียงครางกลับมา “คุณงอนเพราะผมเรียกพี่ป้องว่าพี่”



“ก็มันน่าน้อยใจมั้ยล่ะ เห็นคนที่ตัวเองชอบดูสนิทกับอื่นขนาดนั้น” ผมพูดแล้วมองแทนใจ ตอนนี้น้องหันหน้ามาทางผมแล้ว ถึงแม้เจ้าตัวจะนอนหงายอยู่เหมือนเดิมก็ตาม ใบหน้าของแทนใจยังคงนิ่งเรียบ แต่สายตาไม่ได้แสดงความโกรธหรือเสียใจออกมามากมายเหมือนเมื่อหลายชั่วโมงก่อนแล้ว เหลือเพียงสายตาที่มีความคิดมากมายไหลวนอยู่เท่านั้น





“แต่น้อยใจแล้วไม่คุยกับผมนี่ผมจะรู้ได้ไงว่าคุณโกรธอะไร ผมไม่ใช่หมอดูนะ ผมไม่รู้หรอกว่าคุณคิดอะไร แถมคุณน่ะ...” น้ำเสียงแทนใจอู้อี้เหมือนกับว่าเจ้าตัวเอาผ้าห่มห่อหน้าไปครึ่งหนึ่งตอนพูด “เข้าใจยากจะตาย”




ผมนิ่งนิดหน่อยเมื่อน้องย้ำในประเด็นที่เป็นปัญหาของผมตลอดมา ซึ่งแทนใจพูดต่อ





“ผมพยายามที่จะเข้าใจคุณนะ บางทีผมก็รู้สึกเหมือนกับว่าผมทำได้ แต่บางครั้งคุณก็ทำให้ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองคิดถูกมั้ย บางทีมันรู้สึกเหมือนคุณคิดว่าผมเด็กเกินไปที่จะเข้าใจว่าคุณคุยอะไร หรือเข้าใจปัญหาของคุณ”





“แทนใจ…” ถึงแม้จะฟังมาจากพวกไอ้แว่นกฤติกับซุกซนบ้าง แต่พอน้องพูดออกมาจริงๆแล้ว ผมคิดไม่ถึงว่าจะสร้างความไม่มั่นใจให้น้องถึงขนาดนี้





ครั้งนี้ผมตัดสินใจแล้วว่าจะทำให้ทุกอย่างกระจ่าง เพื่อเขา





“แทนใจจำได้มั้ยครับ ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราบอกว่าพี่เข้าใจยาก”

“...เอ๋?”

“จำวันที่พวกเราไปดูหนังด้วยกันได้มั้ย ตอนที่เรานั่งกันอยู่บนรถ แทนใจบอกว่าพี่เข้าใจยาก วันนั้นแหละที่ทำให้พี่ทักหวานไป เพราะว่านี่คือเหตุผลที่หวานใช้บอกเลิกพี่เหมือนกัน”

“...” แทนใจเหมือนจะงงไปแล้ว แต่ผมพูดต่อ

“พี่ไปปรึกษาเขาว่าพี่ควรจะต้องทำยังไงบ้างให้ตัวเองเข้าใจง่ายขึ้นสำหรับคนรัก เพราะพี่ไม่อยากให้เรื่องของเราซ้ำรอยเดิมแบบตอนนั้น พี่ไม่อยากเลิกกับเรา ไม่เคยอยากเลย”

“... ผมก็ไม่อยาก”



ผมกลั้นรอยยิ้มโง่ๆของตัวเองไม่ได้เมื่อน้องพูดต่อมาเบาๆเหมือนหลุดปากออกมามากกว่าที่จะทำให้ผมได้ยิน แต่ยังดีใจมากตอนนี้ไม่ได้ครับ ต้องง้อแฟนต่อก่อน



“พี่คิดน้อยไปจนเผลอทำร้ายความรู้สึกเรา พี่แค่ไปคุยกับหวานเพราะเรื่องนี้ แล้วก็...”




ผมกัดริมฝีปาก ถ้ามีอะไรสักอย่างที่จะตรงข้ามกับแทนใจมากๆ ก็คงเป็นเรื่องการบรรยายความคิดกับความรู้สึกของตัวเองออกมาอย่างกล้าหาญแบบที่น้องทำนี่แหละ




“...” แทนใจเงียบราวกับว่ารอคอยให้ผมพูดต่อ ถึงแม้จะปิดไฟมืด แต่ผมรู้สึกได้ว่าอีกคนจ้องผมตาแป๋วอยู่



“พี่… อิจฉาเรากับน้องน่ะ”



“ฮ๊ะ?” แทนใจถามเสียงหลง นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังพลาดที่พูดอะไรแบบนี้ออกมา แต่เอาแล้วก็ไปให้สุด มันไม่มีอะไรน่าอายกว่านี้แล้วแหละ



“พี่เห็นเราดูให้ความสนใจกับแทนกายมาก… จนพี่หึง”



“...”



“ขนาดอยู่ด้วยกันเราก็สนใจแต่แทนกาย พี่ไม่ชอบเวลาที่เห็นเราสนิทกับคนอื่นมากกว่า ขนาดตอนปกป้องอะไรนั่นพี่ยังไม่ชอบที่เราเรียกเขาว่าพี่เลย มันดูเหมือนสนิทกับเขามากกว่าพี่ คือมัน… ประมาณนั้นแหละ”



“แต่นั่นน้องชายผมนะ”

แทนใจพูดต่อ ท่าทางเขายังคงไม่เข้าใจเท่าไหร่

“แบบน้องที่คลานตามกันมาอะพี่ ผมเลี้ยงน้องมากับมือเลย ป้อนข้าวป้อนน้ำมาตลอดตั้งแต่อนุบาล ผมก็ต้องสนใจน้องสิ”



“งี่เง่าใช่มั้ยล่ะ …”

ผมถามน้องกลับ

“พี่เลยไปคุยกับหวานเพราะไม่อยากให้เราคิดมากเรื่องนี้ แค่พี่เองพี่ยังรู้สึกเลยว่ามันออกจะไร้สาระ ไม่อยากให้เราเสียความรู้สึก แล้วก็ไม่อยากให้เรามองพี่ว่าไร้สาระ … จนเลิกกัน”



“...”

“แทนใจ”

“ครับ”

“พี่ขอโทษนะ”




ผมหันหลังไปอีกทาง อายว่ะเอาจริงๆ ไม่กล้ามองหน้าน้องเลย ผมคิดว่าแทนใจจะหัวเราะหรืออะไรแบบนั้น แต่สัมผัสที่หัวไหล่กับแผ่นหลังทำให้ผมรู้ได้ว่าอีกคนกำลังกอดเอวแล้วเอาหน้าแนบแผ่นหลังผมอยู่




“คุณ…”

“ครับ”

“ตอนนั้นผมโกรธนะ เสียใจด้วย”

แทนใจกระชับอ้อมกอดเข้ามาอีก ผมรู้สึกว่าน้องเอาหน้าผากแนบกับต้นคอผมคล้ายกับจะออดอ้อนแบบไม่ได้ตั้งใจ

“แต่ตอนนี้ผมไม่โกรธแล้วนะ …”




ผมพลิกตัวกลับไปหาน้อง คนที่นอนอยู่ข้างๆทำตาแป๋วมองผมเหมือนกับเด็กน้อย ใบหน้าของอีกคนดูน่ารักจนผมอดเอามือไปแตะเบาๆที่ปรางแก้มนุ่มนั่นไม่ได้




คิดถึง





“คุณพี่เมฆครับ” น้องเรียกผมมเบาๆ ตอนนี้ใบหน้าเราห่างกันแค่เพียงฝ่ามือกั้นเท่านั้น “ผมคิดถึงคุณนะ”

“พี่ก็คิดถึงแทนใจครับ”




แรงดึงดูดของน้องทำให้ผมเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้อีกคนโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้ผมอยู่ใกล้กับเขาจนผมมองใบหน้าน่ารักนั่นไม่ชัดแล้ว ใจหนึ่งผมก็อยากจะถอยกลับไปเพื่อมองหน้าอีกคน แต่ลมหายใจอุ่นๆที่กำลังรดใบหน้าผมอยู่มันรู้สึกดีเกินกว่าที่จะถอนตัวออกไป




“พี่ขอจูบนะครับ”

“ยังจะมาถามอีก”





เสียงกระซิบของเราสองคนเงียบหายเพราะจูบแรกในรอบหลายวันของเรา ทั้งที่ผมคิดถึงน้องมากจนรู้สึกว่าตัวเองน่าจะต้องตะกละตะกลามกว่านี้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว มพอริมฝีปากเราแตะกัน มันเป็นแค่จุมพิตธรรมดา เราสองคนแค่ต้องการซึมซับความรู้สึกของการจูบกันเอาไว้




มือทั้งสองสอดประสาน ความร้อนจากร่างกายของแทนใจทำให้ผมรู้ว่าตัวเองไม่ได้กำลังฝัน




“อื้อ--”





ผมละออกมาอย่างเสียดายเมื่อแทนใจประท้วงในลำคอเหมือนกับว่าเจ้าตัวหายใจไม่ทัน หน้ามุ่ยๆที่กำลังพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดตรงหน้าน่ารักมากจนผมอดที่จะจุ๊บปลายจมูกอีกคนด้วยความเอ็นดูไม่ได้





“เราดีกันแล้วใช่มั้ยครับ?”




แทนใจเงียบไปตอนที่ผมถาม แต่สุดท้ายแล้ว อีกคนก็ตอบกลับมาเบาๆ




“ผมยังโกรธคุณอยู่นะ ตะ…  แต่คำสารภาพของคุณน่ารักดี ผมโอเคก็ได้”




ผมดีใจจนแทบจะไปปลุกไอ้เด็กแทนกายมาหัวเราะใส่หน้า แต่ยังไม่ทำครับ เดี๋ยวแทนใจโกรธอีก ไม่เอาดีกว่า เก็บไว้หัวเราะใส่หน้าเด็กนั่นพรุ่งนี้เช้าก็ยังทัน






ทั้งที่พอเป็นแฟนกันแล้วผมกับแทนใจเรานัวเนียกันจนแทบไม่ได้นอนก็บ่อย แต่ครั้งนี้เราสองคนแค่นอนหลับไปในอ้อมกอดของกันและกันเท่านั้น






แล้วหลังจากนี้ … ผมจะไม่ยอมให้เขานอนคนเดียวอีกต่อไปแล้ว








------- TBC -------




เมื่อวานขอบคุณทุกคนมากนะคะที่มา XD

จะมาต่อพรุ่งนี้นะคะ
สุขสันต์วันจันทร์นะคะ XD



แจ้งเตือนครั้งที่ 1 !

ผู้ดูแล ลบข้อความประชาสัมพันธ์ ออกนะคะ

จากกฎข้อที่ 17  เนื้อหายังลงไม่จบ
ห้ามประชาสัมพันธ์ เปิดจอง ใดๆ ทั้งสิ้นในกระทู้
ไม่ว่าในรูปแบบหนังสือหรือ e-book



อ้างถึง
17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน 

ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)

ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-10-2018 23:53:37 โดย BaoBao »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด