พิมพ์หน้านี้ - #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: babybaphomet ที่ 16-02-2018 23:02:08

หัวข้อ: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 16-02-2018 23:02:08

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
หัวข้อ: Re: ♡ Monday in Love ♡ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ [ intro ] (17/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 16-02-2018 23:13:09
we all hate MONDAYS ;(
it is kind of weird to see he does not
 



#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์



"ทำไมคุณถึงชอบวันจันทร์จังเลย"
"ผมไม่ได้ชอบวันจันทร์"
"..."
"ผมชอบคุณ"








start : 16/2/18
status : on going


#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์


------- ♡ Monday in Love ♡  -------

สารบัญ


Intro (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3790905#msg3790905)

1st Monday (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3791702#msg3791702)
2nd Monday (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3792367#msg3792367)
3rd Monday (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3792369#msg3792369)
4th Monday (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3794413#msg3794413)
5th Monday (1) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3794868#msg3794868)
5th Monday (2) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3795976#msg3795976)
6th Monday (1) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3797521#msg3797521)
6th Monday (2) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3798879#msg3798879)
7th Monday (1) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3799938#msg3799938)
7th Monday (2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?
topic=66234.msg3801145#msg3801145)
8th Monday (1) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3802760#msg3802760)
8th Monday (2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3806686#msg3806686)
9th Monday (1): มองจากมุมของคนที่รักวันจันทร์ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3810018#msg3810018)
9th Monday (2): มองจากมุมของคนที่รักวันจันทร์ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3811642#msg3811642)
10th Monday (1) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3814382#msg3814382)
10th Monday (2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3817668#msg3817668)
10th Monday (3) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3821594#msg3821594)
11th Monday (1) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3825243#msg3825243)
11th Monday (2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3827805#msg3827805)
11th Monday (3) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3830684#msg3830684)
12th Monday (1) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3833923#msg3833923)
12th Monday (2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3839107#msg3839107)
12th Monday (3) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3839107#msg3839107)
Special Monday (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3853557#msg3853557)
13th Monday (1) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3854811#msg3854811)
13th Monday (2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3857627#msg3857627)
13th Monday (3) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3858493#msg3858493)
14th Monday (1) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3860648#msg3860648)
14th Monday (2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3862305#msg3862305)
15th Monday (1) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66234.msg3865908#msg3865908)



------- ♡ Monday in Love ♡  -------
หัวข้อ: Re: ♡ Monday in Love ♡ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ [ intro ] (17/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 16-02-2018 23:14:52
Intro 

 



ผมเกลียดวันจันทร์




ในสมัยเด็กวันจันทร์ถือเป็นเรื่องน่าเบื่อมากที่สุด การที่ต้องส่งสมุดการบ้าน วันที่รถมักจะติดที่สุด โรงอาหารมักจะคนเยอะ เสียงดัง และวุ่นวายไปหมด ทั้งที่ทุกคนก็เรียนวันจันทร์ถึงศุกร์ ไม่ได้เรียนแค่วันจันทร์วันเดียวสักหน่อย ไม่รู้ทำไมมันถึงได้วุ่นวายมากๆ แค่วันจันทร์



เมื่อโตขึ้นมาก็ไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไหร่ วันที่มีประชุมแผนกในตอนเช้า มีความตามงาน และอีเมลมากมายจากทั้งเพื่อนร่วมงานและลูกค้า บริษัทจะวุ่นวาย เพราะอะไร? เพราะว่ามันเป็นวันจันทร์ไง!!!



ทั้งที่วันเริ่มต้นสัปดาห์มีแต่เรื่องน่าปวดหัว

 






แต่ไม่รู้ทำไม



ใครคนนั้นถึงได้ดูเหมือนจะชอบวันจันทร์เหลือเกิน

 




------- TBC -------
หัวข้อ: Re: ♡ Monday in Love ♡ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ [1st Monday ] (18/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 18-02-2018 11:30:52
1st Monday

 

 

“ขอโทษที่สายครับ”

 

 

อึ๋ย มองกันมาทั้งห้องเลยอะ

 

ผมทำหน้าแหย แอบเห็นนะว่าพวกเลขาฯ แอบหันไปยิ้มขำกัน คนมันขึ้นแกร๊บไบค์* (Grab bike : แอพเรียกรถมอเตอร์ไซต์ ขายดีมากเวลาที่รถติด บีทีเอสเสีย)  มาจะไปบอกว่าพี่ขับอย่าให้หน้าม้าแตกมันได้ที่ไหนกันเล่า ผมรีบเอามือจับ ๆ หน้าม้าให้มันเข้าที่เข้าทาง โอ้ย หน้าม้านี่ก็ขึ้นไม่ยอมลงสักที เอาบันไดมั้ย ลงมาาา

 

“เอาล่ะ มากันครบแล้วนะ”

 

คุณกฤติหันหน้ามามองผมเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปสนใจโปรเจคเตอร์อีกครั้ง เหมือนผมเป็นแค่ฝุ่นบนแก้วกาแฟ สไลด์ PowerPoint บนจอที่คุณเลขาฯแผนกทำไปบ่นไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วปรากฏขึ้นมา และการประชุมที่น่าเบื่อแต่ต้องพยักหน้าเหมือนตั้งใจฟังอยู่ก็เริ่มขึ้น

 

คล้ายย้อนกลับไปนั่งเรียนในห้องบรรยายสมัยมหาลัยที่อาจารย์น่าเบื่อ ๆ สอน อาจารย์ป้าที่ยืนบรรยายเปิดสไลด์แล้วไปเรื่อย ๆ  ต่างกันตรงที่ตอนนั้นหลับได้ ตอนนี้แค่แม้แต่หาวยังต้องกลั้นเอาไว้ พยายามทำตาให้เหมือนกับคนที่สนใจในทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนจอทั้งที่ความจริงแล้ว …

 

ฮื่อ ง่วง

 

แผนกที่ผมอยู่ค่อนข้างใหญ่ แบ่งย่อยลงไปเป็นฝ่ายต่างๆ แล้วก็เป็นสาขาอีกที ปกติมันก็จะมีประชุมย่อยด้วย แต่อันนี้รวมหมดทุกคน มันก็เลยจะนานแบบนี้แหละ คล้ายฟังมหากาพย์ของกราฟการขาย

 

    “เรื่องสุดท้าย”

 

ผมดึงตัวเองที่กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ กลับมา พร้อมสวมหน้ากาก ‘ตั้งใจฟังอยู่ครับ’ อีกครั้งหลังจากหลุดเหม่อมานาน

 

“วันที่ 22-24 นี้ที่บริษัทฯจัดให้มีเอาท์ติ้งน่ะ ทุกคนรู้ใช่มั้ยว่าต้องไป”

 

 

คุณกฤติหัวหน้าแผนกมองลอดแว่นกวาดสายตาไปทั่วห้อง สะดุ้งกันเป็นแถบครับงานนี้ คุณกฤติได้ชื่อว่าเป็นคนเนี้ยบและเป๊ะเรื่องงานขั้นมาก อะไรที่เกี่ยวกับงานแกเป๊ะหมด ขนาดเอาท์ติ้งยังมาบังคับกันอะ ตอนแรกผมนึกว่าจะไม่ต้องไปแล้วนะเนี่ย

 

 

“วันที่ 22 จะมี Meeting ทุกคนต้องเข้าร่วม”

 

แหง่ะ

 

“อย่าให้เห็นว่าใครในแผนกผมดันป่วยขึ้นมานะ”

 

แหง่ะะะะะ

 

 



เสียงบ่นอุบดังขึ้นมาทันทีที่พ้นห้องประชุมไปไม่ไกล แอบได้ยินว่าพวกเซลล์ที่กะจะโดดยกกลุ่มต้องก้มหน้าก้มตาจัดกระเป๋าพับแผนที่จะได้นอนอยู่ที่บ้านหรือใช้วันหยุดที่ไม่ค่อยมีอยู่ออกไปหมด ไม่ใช่แค่พวกนั้นหรอก ผมเองก็วางแผนว่าจะไม่ไปเหมือนกัน

    ผมสะโหลสะเหลกลับมานั่งที่โต๊ะอย่างมึนๆ ยังรับความจริงเรื่องที่ลาป่วยวันเอาท์ติ้งไม่ได้ เฮ้อ ปกติผมไม่ใช่คนที่จะลาพร่ำเพรื่อนะ แต่วันที่ 23 น่ะ ผมมีนัดแล้ว นัดสำคัญด้วย

 

เฮ้อออออ ถ้าแคนเซิลตอนนี้ทั้งที่รับปากดิบดีไปแล้ว โดนบ่นอีกแน่ๆเลย

 

 

“ไม่อยากไปเอาท์ติ้งเลยว่ะ”

 

เสียงบ่นของเพื่อนร่วมแผนกด้านข้างดังขึ้น ผู้ชายคนนี้ชื่อซุกซนครับ ซุกซนพูดทั้งที่ปากยังเคี้ยวเยลลี่แบร์ที่ไปขโมยจากแผนกอื่นมาทั้งขวด ครับ ขโมยมาทั้งขวด ซุกซนเป็นคนที่สามารถเป็นแฝดคนละฝากับโคนันได้ เพราะซุกซนคือคนที่ตัวเป็นผู้ใหญ่แต่สมองยังเป็นเด็กที่แท้จริง



ซุกซนคนชอบเยลลี่กับผมเป็นบัดดี้กันเลยต้องนั่งข้างกันแบบนี้ ถ้าไม่นับเสียงเคี้ยวงุบงับทั้งวัน การนั่งทำงานข้างซุกซนก็ไม่แย่มากนัก และถ้าพูดตามตรง ผมสนิทกับเขาที่สุดแล้วครับในแผนกนี้นะ เพราะผู้ชายมีน้อย เกือบจะเป็นหญิงล้วนแล้ว



“เราก็ไม่อยากไป”

“กูกะว่าจะไปหาแฟนสักหน่อย ไอ้สัดล่มเว้ยยยยยยย”

 

ไอ้คนตัวเป็นผู้ใหญ่แต่สมองยังเด็กบ่นต่อ แฟนของหมอนี่อยู่เชียงใหม่ครับ นานๆทีจะได้เจอกัน (ตามคำบอกเล่าที่ซุกซนเล่ามาเองนะ ผมไม่ได้ช่างใส่ใจเรื่องคนอื่นขนาดนั้น) ช่วงวันหยุดยาวแผนต้องมาพังคงจะเซ็งไม่น้อย

 

เอาจริงบัดดี้ผมคนนี้หน้าตาไม่ได้จัดว่าหล่ออะไรแต่ดูโดยรวมแล้วดูดีครับ มันรู้ว่าตัวเองควรจะต้องแต่งตัวแบบไหนถึงเหมาะ เลยดูดีไปโดยปริยาย ถึงจะตัวสั้นๆ ดูตันๆ ไปบ้างก็ตาม

 

“เอากลับมาประชุมที่ออฟฟิศไม่ได้เหรอ ไม่เข้าใจ”

“นั่นดิ แบบนี้เราต้องเอาคอมไปมั้ยวะ”

    “แค่คิดก็หนักแล้ว— เชี่ย!!!! คุยแป๊ปเดียวเมลเข้าอีกแล้ว”

 

หลังจากงานเข้าไอ้ตัวกินเยลลี่มันหันไปทำงาน ผมก็ได้เวลาเคลียร์กองงานของตัวเองบ้าง ซึ่งเมื่อเปิดอีเมลมาก็ถอนหายใจรอบที่ร้อยของวัน คุณลูกค้าครับ คุณลูกค้าทุกคน ใจเย็นๆนะครับ แทนใจมีแค่สองมือครับ



แล้วก็ทำงานวนลูบไป งานประสานงานการขายไม่ได้มีอะไรซับซ้อนก็จริง แค่โคตรทับซ้อนเลยอะ งานเนี่ยทั้งทับทั้งซ้อน

 

แผนกผมคือแผนกการขายครับ ซึ่งจะประกอบด้วยกลุ่มพนักงานขาย หรือเซลล์ และคนคอยประสานงานการขาย คอยออกคอยเก็บเอกสารต่างๆ และคอยติดต่อลูกค้าหลังจากเซลล์ทำการปิดการขายได้แล้วคือเซลล์โคฯ ( Sale Coordinator) หรือพวกผมนั่นเองครับ

 

ได้คุยกับลูกค้าพอๆกับเซลล์เลยครับ แถมได้ออกเอกสารด้วยครับ สนุกสนาน เบิกบานทั้งน้ำตา

 

“แกเห็นพี่จิ๊บไอทีป้ะ เมื่อวันก่อนที่มีงาน Zap on sale อะ ฉันเจอเขามากับใครรู้มะ?”

“ใครๆๆๆๆๆ”

“ลองทายมาก่อน”

“ทายเทยอะไร! เรื่องมันต้องรู้! บอกมา”

“พี่เบิร์ดจ้า!”

“ต๊าย! พี่เบิร์ดทีมคุณเก่งป้ะ!!”

“นั่นแหละแก ไม่รู้ไปสนิทสนมกันได้ไงกับทีมนั้น คุยด้วยได้เหรอ”

 

พวกกลุ่มชมพูทวีปคุยกันเบา ๆ ได้ยินทั้งแผนก คือพวกเราเซลล์โคฯ จะแบ่งกันดูลูกค้ากันคนละประเทศครับ อย่างคุณฝนกะคุณนุ่นที่นั่งเมาท์กันเงียบๆ แต่คนรอเก็บข้อมูลกันเพียบอยู่มุมนั้นคอยดูแลลูกค้าอินเดียกับบังกลาเทศ ส่วนของผมกับไอ้ซุกซนเราดูเกาหลีกับญี่ปุ่นครับ

ความจริงไม่ใช่แค่ลูกค้า แต่รวมถึงการสั่งซื้อของจากบริษัทฯเราที่ตั้งอยู่ในประเทศนั้นๆ ด้วยเช่นกัน บางทีบริษัทใหญ่เกินไปมันก็วุ่นวายแบบนี้แหละครับ ท้อแท้

 

“กลุ่มนั้นดูไร้มนุษยสัมพันธ์จะตาย”



ยังครับ คุณฝนอินเดียยังไม่จบ เหมือนกับว่าวันนี้เป็นบ่ายวันศุกร์ชิว ๆ ที่งานไม่เยอะเท่าไหร่ ทั้งที่เมลผมเต็ม inbox จนจะร้องไห้แล้ว



“ห้องนั้นน่ะ เหมือนอยู่เป็นเกาะเลยเนอะแก แบบมีน้ำล้อมรอบปิดกั้นการสื่อสารกับโลกภายนอกงี้ เอาแต่ทำงานกันอย่างเดียว ไม่คุยกับใครซ้ากกกกกคน”

“จริง”



รอบนี้คือคุณนัตตี้ฟิลิปปินส์เข้ามาผสมโรงด้วย ทั้งที่นั่งอยู่กันคนละแถว พลังใส่ใจไม่มีใครยอมใครครับแผนกเรา นี่คือเรื่องที่ผมภูมิใจมากครับ มาทำงานอยู่ในหน่วยข่าวกรองของบริษัทฯ



“อย่างกับห้องแห่งความลับ จะไม่คบใครเลยหรือไง”

 



‘ห้องนั้น’ ที่พวกสาวๆ เขาเมาท์กันคือพวก โปรเจค เมเนเจอร์ (Project Manager) ครับ

 

โปรเจค เมเนเจอร์ (หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า โปรเจคฯ) เนี่ยเขาจะคอยเกาะกลุ่มกันอยู่ที่ชั้น 30 นั่งแบ่งฝั่งกับไอที พวกนั้นจะนั่งอยู่กันในห้องหนึ่งแล้วขึ้นชื่อเรื่องที่ไม่สุงสิงกับใครทั้งสิ้น ไปกินข้าวก็จะเกาะกลุ่มกันไป เวลามีปาร์ตี้บริษัทฯพวกนั้นก็จะอยู่กันเองในกลุ่ม (จากคำบอกเล่าของพวกพี่ๆนะครับ เพราะผมยังไม่เคยไปสักงาน เห็นบ่นเป็นบ้าเป็นหลังนี่ยังทำงานไม่ถึงปีเลยครับ) ไม่คุยกับคนนอกเท่าไหร่ถ้าไม่ใช่เรื่องงาน ทั้งที่ประชากรในบริษัทใส่ใจเรื่องของกันและกันยิ่งกว่าอะไร ไม่เชื่อไปถามพวกกลุ่มชมพูทวีปที่นั่งเมาธ์กันอยู่ได้ รู้ทุกเรื่องจริงจัง

 

“แต่เห็นบอกโปรเจคเมเนเจอร์คนใหม่หล่ออยู่นาาาาา... ยังไม่ 30 เลยด้วยแก”

“จริงป้ะ!!!! ใคร!!! ผู้ชายในบริษัทนี้มีใครบริโภคได้ด้วยเหรอ?!”

 

    อ่าว เห้ย! ผมกับไอ้ซุกซนก็ผู้ชายนะครับ!! ไหนจะคุณโน๊ตด้านหลัง นั่นมีลูกแล้วนะผู้ชายแท้แน่นอน แถมมีคุณกฤติอีก นั่นก็ผู้ชายนะครับ! นั่นหัวหน้าด้วย!!

 

“แกรู้จักน้องเมฆป้ะ?”

“ที่เป็นวิศวะไฟฟ้าหล่อๆป้ะ!!!!! อย่าบอกนะว่าน้องมาเป็นโปรเจคฯ!!!!!”

 

เสียงคุณนุ่นบังกลาเทศดังแบบทุกคนต้องหันไปหา ถึงขนาดที่คุณกฤติโผล่หน้าออกมาจากในห้องส่วนตัว แต่อาจจะยกเว้นซุกซนที่ยังคงหงุดหงิดกระแทกแป้นพิมพ์ปั่กๆอย่างใส่อารมณ์ไว้สักคนละกัน มันทำงานไม่ทันครับ เจอลูกค้าที่เวลาเร็วกว่าก็แบบนี้

 

“เยสสสสสสสส”



คุณนุ่นบังกลาเทศก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นเลยสักนิด ถ้าคุณฝนเป็นไฟ คุณนุ่นคือซื้อบ่อน้ำมันราดลงไปเลย ตู้ม!

 

“เห็นพวกช่างที่เข้าออฟฟิศมาส่งรีพอร์ต บอกว่าน้องเขาจะมาเร็วๆนี้แหละแก!!!”

“ในที่สุดฉันก็มีเหตุผลดีๆที่จะเข้าไปแถวๆห้องนั้นแล้ว 5555555”



นอกจากงาน อีกสิ่งที่เยอะไม่แพ้กันก็คือเรื่องเมาท์กันของเพื่อนร่วมงานนี่แหละครับ

 

 

“อะไรนักหนาวะ!!”

 

เสียงไอ้ซุกซนที่ไม่ได้อินกับโปรเจคฯคนใหม่เหมือนพี่ๆกลุ่มข้างหลัง (น่าจะไม่ได้ยินเพราะมันเคยบ่นว่าพวกนั้นคุยกันเสียงดังเลยชอบใส่หูฟัง) ว้ากขึ้นมาอีกรอบ น่าเห็นใจ ผมกำลังเคลียร์งานที่ค้างจนกระทั่งเจอกับตัวเอง โอ๊ย กุมขมับเลยครับ…ลูกค้าผู้น่ารักส่งเมลติดๆกันมา 5 เมล ทุกๆ 30 นาทีเพื่อขอราคา การส่งย้ำมันไม่ทำให้ได้ของไว เข้าใจมั้ย! ถ้าอยู่ใกล้ๆจะจับมาตีให้!!!

 

“ซน เราจะลงไปซื้อกาแฟ ไม่ไหวแล้วอะ ทำ PR* มือหงิกแล้วเนี่ย”  (PR = Purchase Requisition  หรือใบขอซื้อ ซึ่งฝ่ายขายจะส่งให้แผนกจัดซื้อ/ ลูกค้า เพื่อซื้อขายกันต่อไป)

 

ครับ ผมจะตายแล้ว

ความจริงมันก็เป็นเรื่องปกติแหละครับงานเซลล์โคฯ เซอร์วิสต่างๆ ลูกค้าทวงงานยิ่งกว่าเพจทวงคืนแนตตี้จากคุณแดนแฟนของเขา นี่อยากบอกคุณลูกค้าว่าใจเย็นๆนิดนึงก็ได้ครับ เอาฮอลคูลมั้ย พัดลมฮาตาริก็ได้ เปิดเบอร์สามไปเลย หรือเมื่อยขา นวดให้มั้ย อะไรก็ได้ขอร้องอย่าเพิ่งทวงงานตอนนี้ครับ

 

“ไปเลยๆ”



ซนพูดทั้งที่ยังทึ้งหัว ผมว่ามันใกล้บ้าจริงๆแล้ว 



“ตรงนี้มี PR ต้องเปิดอีกเยอะ ปวดฉี่ยังผละไปไม่ได้เลยเนี่ย ถ้าเป็นนิ่วนะ ไอ้คุณยะมาดะโตชิบ้ายามาฮ่า มึง กูจะเผาทิ้งให้หมด มึง!!!!”

 

ผมพยักหน้าไม่สนใจไอ้ซนที่มันยังว้าก ๆ ใส่คอมอยู่แบบนั้น เอาเถอะปล่อยมันสติแตกไปก่อน ซุกซนก็เป็นแบบนี้สัปดาห์ละห้าครั้งในทุก ๆ วันที่ลูกค้าผีใส่มาก ๆ เจอครั้งแรกก็แอบสะดุ้งเล็กน้อย แต่พอเห็นงานของซุกซนวันที่เขาไม่มาและผมต้องตามงานแทนให้ก็พอจะเข้าใจได้ ซึ่งมันก็เคยมาตบบ่าปลอบใจในวันที่ผมไข้ขึ้นแล้วมันต้องดูลูกค้าผมแทนเหมือนกัน



พักเรื่องตัวกินเยลลี่ไว้ก่อน เพราะตอนนี้ร่างกายต้องการคาเฟอีนมากกกกกก

 

ผมเดินมึนๆลงลิฟท์บริษัทมาข้างล่าง คือที่ออฟฟิศเราก็มีเครื่องทำกาแฟนะครับ แต่ผมไม่ค่อยใช้หรอกนอกจากจะยุ่งลงมาไม่ได้จริงๆ การลงมากินกาแฟข้างล่างถือเป็นการพักสมองด้วย ให้ผมเจออย่างอื่นนอกจากเรื่องราวของคนนั้นคนนี้และลูกค้าผู้น่ารักบ้างเถอะครับ ไหว้ก็ได้

 

“สวัสดีครับ”

 

ทั้งที่ร้านกาแฟบริเวณตึกของบริษัทมีมากกว่าสามร้าน แต่ทุกร้านคนแน่นเสมอ รวมถึงร้านกาแฟแบรนด์ดังที่ราคาแพงกว่าร้านอื่นเท่าตัว แต่คนก็กินกันจัง รวมถึงผมด้วย

 

แต่วันนี้มาเพราะร้านนี้คนน้อยสุด ไม่ได้มาดื่มด่ำรสชาติหรือบรรยากาศใดๆ ลงมาเพื่อเอาฟังก์ชั่นมันอย่างเดียวพอครับ อะไรก็ได้อะตอนนี้ ขอแค่ทำให้ผมสู้กับวันนี้และลูกค้าต่อไปได้ก็พอ ถ้ามีคาเฟอีนฉีดเข้าเส้นเลือดผมก็เอาอะตอนนี้

 

พนักงานคนที่ออกมารับหน้ามีแค่คนเดียว ซึ่งเมื่อเห็นหน้าก็ยิ้มให้อย่างคุ้นเคย ก็นะ เจอกันทุกวันที่ผมสายจนไม่ได้กินกาแฟก่อนออกมาจากห้องพักนั่นแหละ (ซึ่งก็บ่อยมากครับ สัปดาห์ละสามวันเป็นอย่างน้อย) น้องเขาก็ดีครับ ยิ้มแย้มแจ่มใส เหมือนมาขายหัวเราะมากกว่าขายกาแฟ

 

“เอาลาเต้เย็นไม่หวานแก้วนึงครับ”

“เพิ่มวิปครีมด้วยมั้ย? ราคาเท่าเดิมนะครับ”

“อืม…” คอเรสเตอรอลสูงอะ ความจริงล่าสุดที่ผมไปตรวจนี่ 190 กว่าแล้วนะ แอบอันตราย แต่... “เยอะๆ เลยครับ”

“พี่ใช้ AIS หรือเปล่าครับ...”

 

 พนักงานยังคงพูดต่อด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ยิ้มเผื่อแผ่ไปให้คิวข้างหลังผมด้วยมั้งเนี่ย รู้สึกเหมือนเมื่อกี้มีคนเดินเข้าร้านมาเพิ่ม บอกแล้วน้องเขาไม่ได้ขายกาแฟ น้องเขาขายหัวเราะ

 

“ตอนนี้มีโปรซื้อ 1 แถม 1 อยู่นะครับ ถ้าพี่สนใจสามารถกดรหัสตามป้ายนี้ได้เลยครับ คุ้มมากเลยนะ”

“วันนี้มาคนเดียวน่ะครับ...ไว้คราวหน้า—“

“ผมใช้ครับ!”

 

ยังไม่ทันจะตอบน้องพนักงานเรียบร้อย ผู้ชายที่อยู่คิวหลังผมก็พูดขึ้นมาเสียงดัง เหวอกันทั้งผมและน้องพนักงาน อาจจะเพราะร้านมันเงียบ มีแค่เสียงพูดของผมกับน้องเขาแล้วก็เพลงคลาสสิคที่ร้านเปิดพอมีคนมาพูดชัดถ้อยชัดคำเลยตกใจเล็กน้อยถึงปานกลาง

 

ว่าแต่ ทำไมอยู่ดีๆพูดขึ้นมาแบบนี้อะ ... หรือว่า จะแซงคิว!

 

ไม่ให้แซงนะ!

 

“ขะ... ของคุณลูกค้ารอคิวหน้านะครับ”

 

เหมือนน้องเขาจะรับรู้ถึงความกลัวไม่ได้กินกาแฟของผม เลยพูดขัดคุณผู้ชายข้างหลังให้ตามแบบฉบับพนักงานร้านที่ดี เยี่ยมมากครับน้อง เดี๋ยวพี่ให้ติ๊บ

 

“ไม่ๆ ผมจะเอา 2 แก้ว ของผมกับคุณคนนี้”

 

คนที่ตอนแรกเหมือนจะแซงคิวทำสิ่งน่าตกใจกว่านั้น เขาสั่งกาแฟแล้วชี้นิ้วมาทางผม

อ่าว! เห้ย!! เดี๋ยวดิ ชี้มือมาทางนี้ทำไม! ผมเกี่ยวอะไร????

 

“เอ่อ...”

 

 ผมหันรีหันขวางอย่างไม่รู้จะทำไงเมื่อทั้งพนักงานและผู้ชายแปลกหน้ามองมาเป็นตาเดียว อยู่ดี ๆ ก็มีคนมาพูดแบบนี้ในเช้าวันจันทร์ คือสมองประมวลผลไม่ทัน วันอังคารค่อยมาคุยกันได้มั้ย ผมจะได้กลับไปทำการบ้านก่อนว่าควรทำยังไง ตอนนี้สมองผมยังไม่ตื่นดีเลย

 




“เราทำงานที่เดียวกัน”



“...”



“ใช่มั้ยครับ… คุณแทนใจชั้น 27”





------- 70% -------





เขารู้ชื่อนี่ด้วย!!!?

 

หน้าผมคงตกใจเหมือนตอนที่คนแตะบัตร BTS เข้าสถานีแล้วค้นพบว่าตัวเองคือผู้โดยสารคนที่ 1ล้าน พร้อมรับบัตรขึ้นรถไฟฟ้าฟรีตลอดปี (แต่ถึงมีจริง ๆ คงใช้ได้ไม่เท่าไหร่ เดี๋ยวมันก็เสียอีก) เพราะทุกคนมองหน้าผมแบบขำๆ ก่อนจะละสายตาจากผมแล้วไปสนใจอย่างอื่นที่มีประโยชน์กว่า หรืออาจจะเพิ่งรู้ว่ามันทำให้ผมพูดไม่ออกหนักกว่าเดิมก็ได้ 

 

“ถ้าอย่างงั้น...”

 

น้องพนักงานที่ยังคงดูเหมือนสติไม่คืนแต่เมื่อเห็นผมพยักหน้างงๆอย่างจำยอม (ก็ไม่มีทางเลือกอื่นมั้ย เขารู้ชื่อผมแล้ว รู้ชั้นที่ทำงานด้วย ไม่แน่เขาอาจจะรู้นามสกุล รู้ชื่อพ่อแม่เราด้วยก็ได้ น่ากลัวครับ เขาอาจจะเป็นผู้ก่อการร้ายก็ได้ ยอม ๆ ไปก่อนดีกว่า) น้องเขาก็หันไปคว้ากระดาษจากด้านข้างเคาท์เตอร์ยื่นมาให้ผู้ชายอีกคน

 

“คุณลูกค้ารบกวนกรอกข้อมูลตามนี้นะครับ ไม่ทราบว่าจะรับอะไรดีเป็นแก้วแถมครับ?”

“คาปูชิโน่เย็น”

“สักครู่นะครับ... ลาเต้เย็นไม่หวาน กับคาปูชิโน่เย็นนะครับ ทั้งหมด 150 ครับ”

“เดี๋ยวผมจ่ายเองครับ”

 

เขาเพียงแค่เลิกคิ้วแล้วพยักหน้าเมื่อผมออกปากแสดงความมีตัวตนอีกครั้งด้วยการยัดเงินที่ถือมาใส่มือพนักงานทั้งหมด ไงล่ะ คนมันรวย ป๋ามากเลี้ยงกาแฟได้ด้วย ดูดีมีชาติตระกูลมาก ซึ่งน้องพนักงานเพียงแค่ยิ้มแห้งๆ ทำไมน้องไม่ไปกับพี่เลย

 

“ขาด 50 บาทครับ”

 

โอ้ย ขึ้นไปจะหยิกตัวเองสองที สามทีเลยก็ได้ แทนใจจะไม่เอาตังลงมาข้างล่างแค่ร้อยเดียวอีกแล้ว!

 

“นี่ครับ”

 

ตัวหารกาแฟยื่นแบงค์ห้าร้อยให้พนักงาน ซึ่งส่งแบงค์ร้อยคืนมาให้ผม เห็นนะว่าแอบอมยิ้มอะ! อะไรคือยิ้มทั้งน้องพนักงานและตัวหารกาแฟ! ห้ามยิ้ม!!  เป็นแค่คนหารกาแฟห้ามมายิ้มนะ!!

เมื่อเคลียร์เรื่องกาแฟเสร็จ ผมก็เดินเก้ ๆ กัง ๆ ตามคนที่ล้วงกระเป๋าเดินนำไปนั่งที่โต๊ะตัวที่ว่างอยู่ ให้ตาย แค่จะแว๊บลงมาหาคาเฟอีนแท้ๆ ยังอายเรื่องตัวเองเผลอหยิบเงินลงมาแค่นั้นไม่หาย

เพราะวันนี้เป็นวันจันทร์แน่ๆเลย!

ผมละเกลียดวันจันทร์จริงๆ

 

“ปกติคุณชอบดื่มลาเต้เหรอ?”

 

ผมสะดุ้งเมื่ออีกคนเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำลายการบ่นกับตัวเองของผมเสียป่นปี้ วันหลังให้สัญญาณก่อนเริ่มบทสนทนาสิครับ ปัดโธ่ ไม่เป็นงานเลย ต้องให้บอก

 

“ใช่ครับ”

 

ผมฉีกยิ้มมารยาทให้เขา ยิ้มการค้าแบบที่ถ้าซุกซนเห็นจะต้องขมวดคิ้วใส่เพราะนึกว่าผมมาขายประกัน แล้วผมก็ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ถามสิ่งที่สงสัย

 

“ว่าแต่คุณรู้จักผมด้วยเหรอ?

“แน่นอนสิ ทำงานที่เดียวกันนี่”

 

ไม่เห็นจะเกี่ยว นี่ไม่เห็นจะคุ้นเลย! คุณเป็นใครผมก็ไม่รู้ บอกตามตรงเพิ่งรู้เนี่ยว่าโลกเรามีคุณอยู่ด้วย … เป็นเพราะวันนี้เป็นวันจันทร์แน่ๆ

 

“คงงั้นมั้งครับ แหะๆ... เอ่อ คุณ...”

“เมฆ”

“เมฆ?”

 

ผมทวนชื่อเขา เรื่องที่พวกกลุ่มผู้หญิงในแผนกพูดกันเมื่อสักครู่แว๊บกลับเข้ามาในหัว วันนี้แหละที่ผมเจอประโยชน์ของการนั่งฟังคนอื่นเมาธ์กันจริง ๆ เสียที ข่าวไวพอๆกับเพจใต้เตียงดาราที่พี่พวกสาวๆที่แผนกเคยพูดถึง

 

“คุณเป็นโปรเจคเมเนเจอร์คนใหม่เหรอครับ?”

“ข่าวไปไวเหมือนกันนะเนี่ย ขนาดคุณยังรู้เลย”

 

เขาพูดพร้อมส่งยิ้มเห็นฟันมาให้ พอมีโอกาสสังเกตเครื่องหน้าอีกคนดี ๆ ผมก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมสาว ๆ ถึงอยากจะเดินไปห้องนั้นเหลือเกิน ให้ตาย บอกว่าเป็นดาราก็เชื่ออะ

บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ารูปหน้าแบบคุณเมฆเขาควรเรียกว่าอย่างไร เป็นผู้ชายที่แม้แต่ผมที่เป็นผู้ชายเหมือนกันก็อดยอมรับว่าเขาดูดีไม่ได้ เหมือนกับเครื่องหน้าทั้งหมด ตา จมูก ปาก คิ้ว มันลงตัวจนเหมือนพ่อแม่ตั้งใจปั้นขึ้นมาละมั้ง? (พูดแล้วก็อดเปรียบเทียบกับตัวเองไม่ได้ ของผมนี่เหมือนพ่อขี้เกียจให้แม่ทำอยู่คนเดียว ออกมาหน้าเหมือนแม่หมดทั้งสามคน)

 

“คุณเมฆ—“         

“มาเต็มยศเลยนะคุณ เรียกเมฆเฉย ๆ ก็ได้”

“ได้ไง! ถ้าคุณแก่กว่าผมก็ดูปีนเกลียวสิ!”

 

ผมถือเรื่องความอาวุโสมากครับ ผมแทบจะไม่เรียกใครด้วยชื่อเฉย ๆ เลยเพราะเราไม่รู้ว่าเขาอายุมากหรือน้อยกว่า ถ้าน้อยกว่าไม่เท่าไหร่ เพราะตัวผมเองก็ดูไม่ได้เป็นพี่ใครอะไรขนาดนั้นอยู่แล้ว แต่ถ้ามากกว่าแล้วผมไปเรียกเสมอตัวเหมือนเป็นเพื่อนกันมันก็แปลกๆอะ

 

“ไม่คิดว่าผมจะเด็กกว่าคุณมั่งเหรอครับ?... พี่แทนใจ?”

 

ห๊ะ???? จริงป้ะ???”

วินาทีที่กว่าจะรู้ตัวว่าพลาด ก็ตอนที่อีกคนหรี่ตามองผมมาด้วยแววตาขบขันนั่นแหละ อะไร?! มาทำยิ้มทำไม!! เห็นนะ!! ห้ามยิ้ม!!

และก่อนที่จะได้พูดอะไรต่อ กาแฟที่สั่งไว้ก็ได้ ผมเจาะหลอดแล้วเตรียมจะลุกขึ้น พอดีกับที่อีกคนลุกขึ้นเช่นเดียวกัน

 

“คุณหลอกผม”

 

ผมเปิดบทสนทนาเมื่อเดินมารอลิฟท์ ออฟฟิศเราอยู่ชั้น 27 ครับ (เราที่ว่าคือกลุ่มเซลล์ทีมและพวกจัดซื้อนะครับ แผนกอื่นก็อยู่ชั้นอื่นไป แค่นี้ผมก็ได้ยินเขาคุยกันทั้งวันแล้ว ให้โอกาสผมได้พักหูพักตาบ้าง) รอกันนาน คนก็เยอะ ขนาดเวลาอย่างสิบโมงที่ควรจะโล่งคนยังเยอะเลย

ลงมาข้างล่างทำไมกัน! ทำงานกันสิ! บริษัทไหนกัน อยู่ชั้นไหนจะจดแล้วไปบอก HR ให้หมดทุกคน! ลงมาข้างล่างเวลางานได้ที่ไหน!

ทุกทีไม่เห็นคนจะเยอะขนาดนี้ เพราะวันนี้เป็นวันจันทร์แน่ๆ

ผมเกลียดวันจันทร์ชะมัด

 

“บอกแล้วไงว่าไม่ให้เรียกคุณ”

“แล้วให้เรียกอะไร? น้องเมฆเหรอครับ?”

 

เขาเบิกตาเล็กน้อยที่เจอผมตอบกลับไปแบบนั้น โอ้ย อยากตบปากตัวเอง ผมปากไวอะ ไวเกินไป ไวกว่า wifi บริษัทอีก (อย่าให้บ่นครับเรื่องเน็ตบริษัทเนี่ย ผมสามารถร่ายโคลงสี่สุภาพบ่นได้เป็นหน้าเลย) ก่อนที่จะหัวเราะขำนิดหน่อยแต่ดังพอที่จะดึงความสนใจผมออกมาจากลิฟท์ไปที่หน้าหล่อๆของเขาแทน

 

“อยากเรียกอะไรก็ตามใจแทนใจเลย”

“...”

 

ไปไม่เป็นครับเมื่อเจอตอบมาแบบนี้ ใครเขาตามใจอะไรเรื่องแบบนี้กัน ท่าทางงานโปรเจคเมเนเจอร์จะเครียดนะ เขาถึงได้ว่างมากวนผมแบบนี้ หรือไม่ก็เพราะวันนี้วันจันทร์นั่นแหละ มันมีงานวิจัยหัวข้อที่ว่าคนเรามักไม่ค่อยมีสติถ้าเป็นวันจันทร์ วิจัยโดยใครเหรอครับ? อ๋อ ด็อกเตอร์แทนใจไง

 

“นี่ค่ากาแฟครับ”

 

ผมยื่นแบงค์ร้อยให้คนที่โบกมือเหมือนให้เก็บเอาไว้ แล้วยกกาแฟขึ้นดื่ม โหย โคตรเท่ เคยเจอมั้ยครับคนที่ขยับตัวก็เหมือนหลุดมาจากแม็กกาซีน คุณเมฆเป็นคนประมาณนั้นแหละ บอกแล้วว่าพ่อแม่ตั้งใจปั้นเขามาก

 

“ไม่เป็นไร ผมเลี้ยง”

“ได้ไง?! ไม่ได้ครับ!”

“ได้สิ ผมอายุมากกว่านะ”

“ไม่เกี่ยวอะ ทำงานมีเงินเดือนเหมือนกัน”

 

ผมเถียงหัวชนฝาทั้งที่ขึ้นลิฟท์มาจนจะถึงออฟฟิศอยู่แล้ว ผมไม่ชอบให้ใครมาเลี้ยง โดยเฉพาะคนเพิ่งจะรู้จักกัน เป็นใครก็ไม่รู้จะมาจ่ายค่ากาแฟให้ผมได้ไง ผมเป็นลูกมีพ่อมีแม่นะ! มีพี่มีน้องด้วย!! เอาสิ!!

 

ตึ้ง!

 

“คุณออกชั้นนี้นี่”

 

ผู้ชายที่ดึงดันจะเลี้ยงกาแฟผมบอกเมื่อลิฟท์มาถึงชั้น 27 บริษัทเรากินพื้นที่ 5 ชั้นของตึกนี้ครับ (ซึ่งตึกเป็นหนึ่งในอาคารสำนักงานในย่านนี้) คนเยอะจนผมจำไม่หมดว่าใครเป็นใคร ตัวอย่างก็คนที่ยืนถือกาแฟอยู่ข้าง ๆ นี่แหละ ผมเพิ่งรู้วันนี้ว่าโลกเรามีเขาอยู่ด้วย

 

“แต่—“

“ไว้วันหลังคุณค่อยเลี้ยงผมคืนละกัน”

 

อะไรเนี่ย?

ผมยังยืนทำหน้าหมางงอยู่หน้าลิฟท์ ในขณะที่อีกคนโบกมือยักคิ้วแล้วขึ้นไปชั้นอื่นแล้ว เดี๋ยวนะ สมองผมยังไม่ประมวลผล นี่จะมีครั้งหน้าด้วยเหรอ? เอาเงินไปคืนง่ายกว่ามั้ยอะ?

 

เฮ้อ ช่างเถอะ

 

กาแฟก็อร่อยดี เดี๋ยงคงเจอกันอีก ไว้วันจันทร์หน้าค่อยเลี้ยงคืนก็ได้มั้ง

 

-------TBC -------

 

 

สวัสดีค่ะ มาสวัสดีเป็นทางการ 5555

นี่เป็นวายไทยเรื่องแรกที่เราแต่ง พอดีไปทำงานแล้วมันเบื่อๆเลยได้นิยายมาเรื่องหนึ่ง (ลองเลยค่ะทุกคน สนับสนุนให้หนีเจ้านายไปทำอะไรอย่างอื่น ทำค่ะ สู้ๆ) พอดีพอคุยกับเพื่อนไปมา เฮ้ย อยากแต่ง ก็เอาเลยค่ะ 5555555

 

ที่มาแค่นี้ก็เพราะอีกที่เหลือยังต้องตบๆอีกเล็กน้อย แต่คิดว่าจะมาเร็วๆนี้แหละตัวเอง
เชื่อเถอะ งานมันน่าเบื่อจนต้องหาอย่างอื่นทำ เช่น แต่งน้องแทนใจไปวันๆค่ะ 555555

 

ถ้าอยากสกรีมก็ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ทางทวิตเตอร์เลยค่ะ

แต่ถ้าขี้เกียจก็ไม่เป็นไร เราเข้าใจ แค่ให้ความรักน้องแทนใจเล็กๆก็พอแล้วค่ะ แฮ่

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ^^

หัวข้อ: Re: ♡ Monday in Love ♡ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ [3rd Monday ] (19/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 19-02-2018 11:20:33
2nd Monday

 

วันจันทร์ที่ผมเกลียด วนกลับมาพร้อมเรื่องหนักใจอีกตามเคย


“พี่ผิดนัดผม”

“พี่ขอโทษ มันติดงานจริงๆ”

“พี่สัญญาแล้ว”

“พี่ขอโทษนะ ...”

“...”

“ให้พี่รักไปแทนมั้ย เดี๋ยวพี่คุยให้”

“พี่รักไม่ว่างหรอกครับ แค่นี้นะ”

 

ก่อนที่ผมจะพูดอะไรต่อสายก็ตัดไปแล้ว คิดอยู่แล้วว่าคงต้องเจออะไรแบบนี้ ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ซึ่งคงจะดังไปหน่อย ไอ้ซุกซนเลยละจากหน้าจอหันมาหา การที่หน้าตาจริงจังของมันมีเยลลี่อยู่ในปากนับว่าเป็นการลดความจริงจังลงไปได้ในระดับจริงจังเป็นจริงจังนะแต่ก็แอบกินเยลลี่อยู่ตรงนี้

 

“เครียดเหรอ? รอบนี้ใครอีกวะ? ปาร์ค? คิม? คัง? ลี? หรือโอ?”

 

ผมถอนหายใจอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เพราะเหมือนกับว่าซุกซนมันจะรู้จักผมดีเกินไป หากพูดกันตามจริง เวลามีเรื่องหนักใจ ถ้าไอ้ซนสายว้าก ผมก็สายถอนหายใจนี่แหละ

ปกติแล้วผมจะคอยดูแลพวกลูกค้าชาวเกาหลีใช่มั้ยล่ะ ทีนี้พวกป้าก ๆ คิมๆ ทั้งหลายนี่บางครั้งก็เยอะแยะจนน่าเหนื่อยใจ พอเห็นผมใจดียอมอะลุ่มอะหล่วยก็ใส่ใหญ่เลย บางครั้ง (หลายครั้ง ทุกชั่วโมง ในทุกวัน ตั้งแต่ทำงานมา) ก็มักจะมีปัญหาน่าเหนื่อยแบบนี้ให้ไอ้ซนมันหันมาใส่ใจเป็นระยะ

 

“ไม่ใช่ว่ะ”

“แล้วใคร? แฟนเหรอ? แต่มึงไม่มีแฟนนี่”

 

อย่างที่บอกเลยเห็นมั้ยครับ ซุกซนมันชอบใส่ใจเรื่องคนอื่น แม้แต่เรื่องในมุ้งในห้องของผองเพื่อนก็ยังไม่ละเว้น ทำให้เป็นเรื่องเด่นเย็นนี้ได้เสมอ

 

“ไม่คิดว่า เราจะมีแฟนแอบๆ ไว้แบบที่ไม่ให้ซุกซนรู้บ้างเหรอ?”

“ไม่อะ มึงสนใจทุกเรื่องแหละยกเว้นเรื่องความรัก”

“เรารักแม่ รักคุณครู รักโรงเรียน”

“มึงอย่ามากวนตีน ถามอะไรก็ตอบให้มันตรงประเด็นหน่อย”

 

                ทำไมผมได้ยินเสียง ‘ใช่!’ ‘เค้นเลยไอ้ซน’ ‘ฉันอยากรู้มานานแล้วแกว่าทำไมเด็ดดวงแบบน้องแทนใจถึงยังโสด’ แผ่วๆมาจากกลุ่มชมพูทวีป นอกจากเรื่องเด่นเย็นนี้ก็มีข่าว 360 องศาเข้าไปอีก

 

“ก็ไม่ได้ไม่สนใจ แค่มันยังไม่มีคนที่ใช่”

“คิดว่าชีวิตนี้จะมีไหมล่ะ คนที่ใช่น่ะ?”

“ไม่คุยด้วยละ งานเยอะ ยุ่งมากๆ เลยเนี่ย ทำไม่ทันแล้ว”

 

ผมพูดแค่นั้นแล้วยกหูโทรศัพท์ถึงลูกค้าที่เขียน *ASAP (*As soon as possible : เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ในความหมายของลูกค้าคือไม่เกิน 30 วินาทีข้างหน้า) ใส่ในอีเมลตัวใหญ่มากพร้อมด้วยการใช้สีแดงแจ๊ดที่ทำให้รู้ว่ารีบจริงๆ ตอนผมเจอครั้งแรกผมตาลีตาเหลือกทำให้อย่างที่ทำปุ๊ปได้ปั๊ป หลังจากนั้นลูกค้าผู้น่ารักก็ใส่ ASAP มาในทุกอีเมลด้วยไซส์ 30 แม้กระทั่งของที่จะเอาในเดือนหน้าก็รีบเหมือนเดิม ผมเลยเลือกทำให้ตามความเหมาะสมแทน

 

“สรุปเมื่อกี้ใคร ตอนแรกกูนึกว่าลูกค้า”

“น้องกาย”

 

ในเมื่อเลี่ยงความสนใจเรื่องชาวบ้านของเพื่อนฝูงไม่ได้ ทางแก้ไขก็คือตอบๆ ไปครับ มันจะได้เลิกยุ่งกับเรา แล้วไปสนใจอย่างอื่นแทน ไปช่วย แฮร์รี่ พอตเตอร์ เปิดห้องแห่งความลับก็ได้ ไปช่วย เพอร์ซี่ แจ็คสัน ตามหาสายฟ้าที่หายไปก็ได้ หรือไปช่วยอเวนเจอร์กู้โลกก็ได้ ช่วยไปสนใจเรื่องอื่นที

 

“ยังไม่โตอีกเหรอเด็กนั่น”

 

เพื่อนร่วมงานผมพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายเล็กน้อยถึงปานกลาง ความจริงมันทำเสียงเหมือนกับว่ากำลังสอนปลาให้ว่ายน้ำเพราะปลาตัวนั้นกากเกินกว่าจะรู้ว่าควรว่ายน้ำยังไงหรือขยับครีบองศาไหน ซึ่งแน่นอนมันทำให้ผมขมวดคิ้วไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ นี่เพื่อนไงไม่ใช่ปลา ไม่มีเกล็ดไหมล่ะ 

 

“ซุกซน!”

“มึงอะตามใจน้องมากไป แถมน้องมึงแม่งอะไรๆ ก็พี่แทนใจ พี่แทนใจ ถ้าวันไหนมึงมีแฟนขึ้นมาน้องมึงอกแตกตายแน่นอน เพราะแบบนี้ไงเลยไม่มีใครสักที”

 

ที่ซนพูดมันเป็นความจริงส่วนหนึ่ง แทนกาย คือน้องชายคนเดียวของผม เป็นเด็กที่ค่อนข้างจะติดผมมากถึงมากที่สุด อาจจะเพราะผมตามใจน้องด้วย แล้วก็ช่วงอายุที่ยังคุยกันรู้เรื่องด้วย ทำให้น้องติดผมหนุบหนับ ติดยิ่งกว่ารถติดบนถนนเส้นสุขุมวิทตอนห้าโมงเย็น

ความจริงเรามีกันสามพี่น้องครับ พี่สาวชื่อแทนรัก ผมแทนใจ แล้วก็น้องชายคนเล็กสุดชื่อน้องแทนกาย ผมไม่ได้อยู่กับแทนกายแล้วก็พี่แทนรัก เพราะว่าสองคนนั้นไปอยู่กับพ่อหลายปีแล้ว มีแค่ผมที่อยู่กับแม่ และตอนนี้แม่ก็กำลังเพลิดเพลินกับการใช้ชีวิตที่ต่างจังหวัด (เข้าคอร์สชีวจิตอะไรของเขาสักอย่าง ความสุขของผู้หญิงวัยเกษียณครับ) เหลือผมที่บ้านนี้คนเดียว ซึ่งตอนนี้ผมปล่อยบ้านให้เช่าแล้วหนีมาอยู่คอนโดฯใกล้ที่ทำงานแทน

บ้านพ่อผมอยู่ไม่ไกลกันมากหรอกครับ ตจอนประถมกับมัธยมต้นพวกเราก็เรียนโรงเรียนเดียวกันสามพี่น้องเหมือนเดิม เมื่อสมัยเด็กๆ เราเจอกันแทบจะทุกวัน แต่ตอนนี้ต่างคนก็ต่างมีหน้าที่ พ่อผมยังไม่วางมือจากงาน พี่แทนรักเองก็กำลังสนุกกับชีวิตการทำงานสถานฑูตฯ เหลือเพียงผมที่เพิ่งจบได้ไม่นาน กับแทนกายที่ใกล้จะเข้ามหาวิทยาลัย สองคนเท่านั้นที่ยังคงเด็กกันอยู่

 

“ไม่เกี่ยวกับน้องกายหรอก”

“แล้วเพราะอะไร? หน้าอย่างมึงไม่มีทางไม่มีคนมาจีบแน่ๆ”

 

เพื่อนข้างๆ คงเก็บความสงสัยมานาน ถึงกับหันเก้าอี้มาทางผมอย่างไม่สนใจงานที่ต้องทำ อะไรของมันวะเนี่ย ถ้าว่างขนาดนี้มาช่วยกันสนใจ PR ที่ค้างเต็มระบบหน่อยได้มั้ยเล่า เกาหลีญี่ปุ่นลูกค้าก็คล้าย ๆ กันแหละน่า ช่วยเหลือกันบ้าง คนไทยเหมือนกัน มาเอางานเราไปทำที

เฮ้ย … รู้สึกไปเองป่ะวะ ว่าทั้งห้องเงียบเหมือนกับรอฟังคำตอบของผมด้วย ถึงพวกผมจะไม่ได้คุยกันเสียงดังเท่าไหร่ แต่เล่นเงียบขนาดนี้ อย่าว่าแต่พวกกลุ่มชมพูทวีปเลยครับตอนนี้ ฝั่งแปซิฟิกที่นั่งอยู่ไม่ไกลยังหันมามองเลยครับ 

ยืนยันคำเดิมครับ เยอะกว่างานคือเรื่องข่าวสารและความใส่ใจของคนในออฟฟิศนี่แหละ

 

“เราจะไปกินกาแฟ”

 

ผมเปลี่ยนเรื่องดื้อๆ ไม่สนใจเสียงโหยเบาๆจากกลุ่มพวกชมพูทวีป ยุ่งอะไรกัน มีงานก็ทำไปสิครับพี่ๆ! มาแอบฟังคนอื่นคุยกันทำไมครับเนี่ย 

 

“เออๆ ฝากซื้อช็อกโกแล็ตเย็นแก้วนึงด้วย”

 

ซุกซนมันก็คงรู้ว่าผมเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่ชอบเป็นจุดสนใจ คนที่ยังเคี้ยวเจลลี่แบร์หันกลับไปหน้าคอมแล้วสั่งผมเหมือนเพื่อนเป็นแทนใจไลน์แมน

 

                “เอาแค่อย่างเดียวนะ”

                “แค่นั้นก็พอ”

“โอเค เดี๋ยวมา”

 

ผมจัดการตอบเมลคุณคิมกลับไป พร้อมกับกำชับไปด้วยว่าถ้าไม่ยืนยันออเดอร์กลับมาภายในบ่ายโมงนี้ไม่มีทางที่ของจะถึงในวันพรุ่งนี้เด็ดขาด (ขีดเส้นใต้ให้ด้วยเลย เอาสิ) โทรไปไม่รับก็ใช้วิธีนี้แหละ ให้เกรงกลัวไปทั้งประเทศเลยว่าอย่ามาแหยมกับคุณแทนใจ!

 

“ถ้ามีสายเข้า รับให้ด้วยนะ”

“อืม”

 

 

 

เมื่อหยิบกระเป๋าตังเรียบร้อย ผมก็เดินออกไปจากออฟฟิศ เป้าหมายคือลาเต้สักแก้วครับ ร้านไหนคนน้อยก็กินร้านนั้นแหละ แต่อาจจะต้องเป็นร้านเดิม ถึงแม้ร้านกาแฟจะเยอะ แต่ทุกร้านล้วนแล้วแต่คนล้นครับ จากสถิติที่เคยกินๆมาร้านนั้นคนน้อยสุดแล้ว

 

“แทนใจ”               

“อ้าว คุณเมฆ สวัสดีครับ”

 

ผมยกมือไหว้คนที่โผล่มาอยู่หน้าลิฟท์ชั้นผมได้ไงไม่รู้ เพราะชั้นที่ผมทำงานแค่แผนกผมก็นั่งแทบจะไม่พออยู่แล้ว  เขาไม่มีทางนั่งทำงานที่นี่แน่นอน อีกอย่างพวกโปรเจคฯน่าจะอยู่ชั้นสูงกว่านี้หรือเปล่า ช่างเถอะ สงสัยเขาอาจจะมาคุยกับใครละมั้ง

 

“นี่จะไปไหนน่ะเรา?”

“ซื้อกาแฟครับ”

 

ผมตอบด้วยหน้าง่วงๆ ตอนเช้าที่ไม่มีกาแฟคือเช้าที่ไม่สดใสไม่ว่าอะไรใดๆจะเกิดขึ้นก็ตาม  โดยเฉพาะวันนี้ดันเป็นวันจันทร์ ทุกอย่างน่าเบื่อไปหมด แถมเป็นจันทร์ที่ยังไม่มีคาเฟอีนไปอีก บอกเลยว่าสมองทำงานได้ไม่ถึง 70% จากปกติก็ทำงานไม่ค่อยจะได้ถึง 90% อยู่แล้ว 

พูดก็พูด ส่วนใหญ่วันที่ผมจะลงมาซื้อกาแฟก็วันจันทร์นี่แหละ อย่าว่าแต่จะกินข้าวเช้ามาจากบ้าน แค่มาทำงานให้ทันยังเป็นเรื่องยากเลยครับ เดี๋ยวฝนตกน้ำท่วมบีทีเอสเสีย หรือบางทีทุกอย่างปกติแต่รถติดมาก ติดมาตั้งแต่เชียงใหม่เลยมั้งไม่ขยับ บ้านอยู่แค่นี้แต่ต้องเผื่อเวลาอย่างนาน ท้อแท้มากครับ

 

“พอดีเลย ผมก็จะซื้อกาแฟ”

 

คุณเมฆเดินเข้าลิฟท์มากับผมด้วย ฮือ หุ่นดีจัง เพราะอยู่ไซต์งานมันต้องออกแรงหรือเปล่านะ กล้ามไม่เยอะมากเกินไปแต่ก็เยอะกว่าผมแน่ๆหล่ะ เล่นแน่นทะลุเสื้อเชิร์ตออกมาขนาดนี้ เหมือนพวกเนื้อไก่ที่ถูกพลาสติก wrap ไว้ตึงๆ อิจฉา แต่ก็ขี้เกียจเข้ายิมอะ เพราะงั้นได้แต่อิจฉาไปวันๆ ก็พอใจละ ให้ชีวิตมีเรื่องอย่างอื่นให้คิดนอกจากเรื่องชาวออฟฟิศเราที่ชมพูทวีปเมาธ์ให้ฟังทุกเช้าสายบ่ายเย็นบ้าง

 

“ก่อนเป็นโปรเจคฯ คุณเมฆเป็นช่างอะไรมาก่อนเหรอครับ?”

“บอกให้เลิกเรียกคุณไง”

“แต่ผม--”

“ถ้าคุณไม่เลิกเรียกแบบนี้ ไว้ผมจะเรียกคุณว่าพี่แทนใจบ้างนะ”

 

เดี๋ยวๆ ไอ้คุณโปรเจคฯเมเนเจอร์ไม่ควรพูดอะไรแบบนี้ด้วยหน้าระรื่นหรือเปล่าวะ มันแบบ ใช่เหรอ ทำไมผมรู้สึกเหมือนได้กลิ่นคนขี้แกล้งแถวนี้

 

“แต่คุณไม่ได้เป็นพี่ผมนี่”

“แล้วคุณรู้ได้ไง”

 

คุณเมฆถามพร้อมเลิกคิ้ว เอาแล้วไง ตอบผิดโดนลดเงินเดือนมั้ย เฮ้ย แต่ไอ้คุณเมฆไม่ใช่ HR ไม่เกี่ยวๆ หรือเขาจะเอาหัวผมไปยกแทนดัมเบลหรือเปล่า คุณเมฆอาจจะคิดได้ว่าเบื่อการต่อยมวยแล้วมาต่อยผมแทน เดี๋ยวนะ ผมควรมีสติมากกว่านี้ เขาจะมาต่อยผมทำไม ที่เป็นแบบนี้เพราะว่าวันนี้เป็นวันจันทร์แน่ๆ

 

“ก็หน้าคุณ…”

 

ใช้คำว่าอะไรดีวะ ที่มันจะไม่ได้ดูว่าแก่อะ คำว่ามีอายุนี่มันแก่มั้ยวะ ยากจัง นั่นไง ถลึงตาใส่แล้วอะ ทำไงดี มีตัวช่วยมั้ย ขอเบิกตัวซุกซน ซุกซนช่วยเพื่อนด้วย

 

“ดูมีวุฒิภาวะอะครับ”

“แล้วแทนใจไม่มีเหรอครับ?”

“หือ? ครับ??”

“วุฒิภาวะน่ะ”

 “คุณ?!”

 

ลิฟท์เปิดพอดี ผู้ชายที่ผมเพิ่งจะเจอหน้าเขาครั้งที่สอง เดินผิวปากออกไปอย่างอารมณ์ดี ซึ่งมีผมเดินตามต้อยๆออกไป ให้ตาย พอมาดูแบบนี้เหมือนผมจะเตี้ยกว่าเขานิดหน่อยด้วย ผมสูงแล้วนะ อย่างน้อยก็สูงกว่าไอ้ซนอะ รายนั้นเตี้ยม่อต้อเหมือนเยลลี่แบร์ที่มันกินทุกวันนั่นแหละ แขนขาสั้นพอกัน

 

“คุณว่าผมทำไม”

 

ผมตามมาหาเรื่องเขาต่อในร้านกาแฟร้านเดิมที่เราบังเอิญเจอกันเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว เอาตามตรงหลังจากวันนั้นผมก็ไม่ได้เจอเขาอีก ไม่ได้ตามหาด้วย (แล้วจะตามหาทำไม ทุกวันนี้แค่ตาม PO* (Purchase Order: ใบสั่งซื้อ) จากลูกค้าก็จะตายแล้วอะ อย่าว่าแต่ตามหาคุณเมฆ หรือตามฮอร์ครักซ์ หรือตามหาประชาธิปไตยอะไรเลย)

 

“หน้าคุณตลกดี”

 

มันไม่ใช่เหตุผลไม่ใช่หรือไง? อีกอย่าง คนบ้าอะไรบอกว่าหน้าคนอื่นตลกวะ!? ได้ดหรอ นี่เจอกันครั้งที่สองนะ ช่วยเกรงกลัวกันบ้าง

 

“สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ?” 

 

พนักงานร้านที่วันนี้เป็นน้องผู้หญิงที่ท่าทางจะเป็นนักศึกษามาทำพาร์ทไทม์ต้อนรับอย่างยิ้มแย้ม นี่เป็นอีกสิ่งที่ทำให้ผมชอบทานกาแฟร้านนี้ พนักงานคือยิ้มแย้มแจ่มใสกันทุกคน เห็นแล้วรู้สึกดีถึงแม้ว่ากาแฟจะแพงหูฉี่ก็ตาม ถ้าเงินพี่ทำให้น้องยิ้มได้พี่ก็ยินดี

 

“คาปูฯเย็นแก้วนึงครับ แล้วอีกแก้วก็… ลาเต้?”

 

คุณเมฆหันมาหาผมที่พยักหน้ารับหงึกหงัก ความจำดีจังแฮะ หรือเขาอาจจะเดามั่วไปเรื่อยก็ได้ กาแฟมันก็มีอยู่ไม่กี่อย่างหรือเปล่า แต่ถ้าเขาสั่งอย่างอื่นมาผมก็กินได้นะ ยกเว้นอเมริกาโน่ ไม่ค่อยถูกโฉลกกันเท่าไหร่ เคยกินครั้งนึงในชีวิต แล้วก็รับรู้ได้ตอนนั้นว่าครั้งเดียวก็เพียงพอ

 

“ทั้งหมด 300 บาทค่ะ”

“นี่ครับ” 

 

ก่อนที่ผมจะได้ควักเงินตัวเอง (หรือเอาตามความจริง ก็กว่าผมจะรู้เรื่องว่าตอนนี้บนโลกกำลังเกิดอะไรขึ้นบ้าง) คุณเมฆก็ยื่นแบงค์พันให้พนักงานที่รับและคิดเงินอย่างรวดเร็วเรียบร้อยแล้ว

 

“ได้ไงอะคุณ ครั้งนี้ผมต้องเลี้ยงคุณนะ”

 

คุณเมฆเลิกคิ้วเมื่อได้ยินผมพูดทวงสิทธิพร้อมกับแบมือขอใบเสร็จ เอาตามจริงก็ลืมไปแล้วแหละนะว่าจันทร์ที่แล้วเขาเลี้ยงกาแฟเอาไว้ เพิ่งมานึกได้ตอนที่เขาจ่ายค่ากาแฟให้ (อีกแล้ว) นี่แหละ รอบนี้ผมไม่พลาด ผมเอากระเป๋าตังลงมาทั้งใบ ไม่มีปัญหาเงินขาดมืออีกต่อไป เพราะงั้นเอาใบเสร็จมานี่เดี๋ยวนี้เลย ผมจะจ่ายเอง

 

“งั้นตอนเย็นนี้ไหมล่ะ?” 

“เย็นนี้เหรอครับ?”

 

“คุณเลิกงานแล้วไปเลี้ยงกาแฟผมไหม??





------- 50% -------







“แล้วคุณไม่ต้องกลับบ้านกลับช่องเหรอครับ?”



ผมมองหน้าเขาที่กำลังมองผมเหมือนกับเห็นว่าแก๊งชมพูทวีปชวนคุณกฤติไปเต้นสามช่าหน้าออฟฟิศ อ่าว อะไรวะ ผมพูดอะไรผิดอีกเหรอ? อะไร



“นี่ตั้งใจกวนหรือสงสัยเฉยๆ”

“สงสัยสิคุณ อย่ามองโลกในแง่ร้ายสิครับ”



ก่อนที่เขาจะได้ตอบคำถามผม กาแฟสองแก้วของเราก็ได้พอดี ผมที่กำลังจะชวนเขาขึ้นข้างบนต้องหยุดความคิดเมื่ออีกคนหยิบกาแฟเดินนำไป ผมเลยต้องเดินตามคุณเมฆออกไปหน้าร้านอย่างเสียไม่ได้ ทั้งที่อยากจะขึ้นไปทำงานที่รักมากๆ เลย เชื่อสิ ลูกค้าที่น่ารักรอผมอยู่

อีกสิ่งที่ผมชอบของร้านกาแฟนี้คือบรรยากาศนี่แหละ ด้านนอกของร้านตกแต่งให้เป็นสวนหย่อมย่อยๆ มีโต๊ะ เก้าอี้ จัดวางไว้ ท่ามกลางบรรยากาศสีเขียว โดยมีระยะห่างพอให้ไม่รู้สึกอึดอัด เพื่อให้ลูกค้าออกมานั่งจิบกาแฟชิวๆโดยเห็นอย่างอื่นนอกจากงาน ลูกค้า และหัวหน้าบ้าง



“คุณแพ้บุหรี่หรือเปล่า?”

“ไม่ครับ” ผมส่ายหน้าประกอบคำพูดของตัวเอง “คุณจะสูบ?”

“อือ”



คุณเมฆพูดพร้อมทั้งล้วงกล่องบุหรี่ออกมาจากกระเป๋ากางเกง ให้ตาย ตอนที่เขาคาบบุหรี่แล้วส่งยิ้มให้ผมนิดๆ นี่หล่อขนาดผู้ชายด้วยกันยังยอมรับเลย เออหล่อดี เป็นคนที่หล่อเรี่ยราดจนทำให้ผมนึกถึงเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่รุ่นน้องกรี๊ดกันเหลือเกิน แต่เห็นชีวิตมันแล้วเหนื่อยครับ ดังไปก็ไม่ดี

ผู้ชายตรงหน้าผมเอาบุหรี่ออกจากปาก แล้วถามย้ำอีกครั้ง



“ไม่ถือใช่มั้ย?”

“ตามสบายเลยครับ”



ผมไม่ถือหรอก เป็นมนุษย์ประเภทไม่ชอบไม่เกลียดบุหรี่น่ะ เคยลองสูบตามเพื่อนบ้างเหมือนกันช่วงโปรเจคเร่งส่งสมัยเรียน แต่พอจบมาแล้วก็ไม่ค่อยได้สูบอีก ผมตามเพื่อนน่ะ ใครว่าอย่างไรก็อย่างนั้น เพื่อนสูบก็สูบด้วย ไม่ได้คิดอะไรหรอก



“งานเครียดสินะครับ”

“ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะ?”

“ก็ เอ่อ… “

 

เอาไงดีวะ งานยากอีกแล้ว คุณเมฆนี่พอๆกับมิสเตอร์คิม 5 เมลใน 30 นาทีเลย นั่นคือชอบให้อะไรยากๆ ส่วนนี่ก็ชอบพูดอะไรที่มันตอบยากๆ ผมแค่ชวนคุยมั้ยล่ะ นี่ผมส่งไอ้คุณเมฆไปอยู่กับพวกคิมๆ ป้ากๆ ดีมั้ย ชอบถามอะไรก็ไม่รู้ พูดก็พูดเถอะครับ



“ผมแค่ล้อเล่นน่าคุณ อย่าซีเรียสสิครับ”



ไอ้คุณเมฆหัวเราะพร้อมทั้งเคาะบุหรี่ลงที่เขี่ย ผมเห็นนะว่าเขาอมยิ้มตอนมองหน้าผมน่ะ อะไรมันตลกตรงไหนเนี่ย ถ้าชอบล้อเล่นมากไม่น่ามาทำงานออฟฟิศนะ น่าจะไปเป็นตลกคาเฟ่ พวกที่ตบมุกด้วยถาดอะไรอย่างนี้ ผมเคยดูตอนเด็กๆ จนถึงตอนนี้ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องใช้ถาด ทำไมไม่ลองใช้ถ้วย หรือช้อน หรือตะเกียบ หรือข้าวโพด อร่อยดีนะผมว่า



“ว่าแต่คุณแทนใจนี่เป็นเซลล์เหรอครับ?”

“ผมเป็นเซลล์โคฯน่ะครับ เป็นเซลล์ไม่ไหวหรอก อันนั้นมันต้องมีอายุหน่อย แค่นี้ผมก็เหนื่อยแล้ว”



พูดพร้อมหัวเราะเหมือนไม่ซีเรียสแต่ที่จริงเครียดมากครับ แต่ละวันคุณลูกค้าแต่ละเจ้าจะเอานั่นจะเอานี่เยอะเหลือเกิน บริษัทฯ ก็ดันใหญ่ขายของไปทั่วโลกอีก รับไม่หวาดไม่ไหวเลยเนี่ย เหนือยครับ ยิ่งพูดยิ่งเครียด ทดลองไปอยู่ดาวอังคารดีมั้ย? บริษัทผมคงไม่ขยายสาขาไปถึงนั่นหรอกมั้ง …



เฮ้ย! พูดถึงงาน!!!

   “ผมว่าเดี๋ยวผมต้องขึ้นไปแล้วแหละครับ” พูดพร้อมมองเวลาจากหน้าจอมือถือไปด้วย เลยครึ่งชั่วโมงแล้วอะ ป่านนี้เมลกองทับถมไปจนล้นอินบ๊อกซ์หมดแล้ว



“เอาสิ เดี๋ยวผมขึ้นด้วย”

“คุณอยู่ก่อนก็ได้นะครับ บุหรี่ยังไม่หมดมวนเลย”



ผมชี้ไปที่บุหรี่ที่เขาสูบอยู่ เจ้าตัวเลิกคิ้วนิดหน่อย เขาพ่นควันครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะดึงออกจากปากแล้วขยี้ลงที่เขี่ยบุหรี่ทันที



“หมดแล้วนะ” มีการชูมือสองข้างให้ดูอีกว่านี่คือบ๋อแบ๋แล้วจริงๆ “ไปครับ ขึ้นข้างบนกัน”



“ความจริงคุณอยู่ต่อก่อนก็ได้นี่”



ผมรีบเดินลิ่วๆ ไปกดลิฟท์ก่อน พอเห็นคลื่นมวลชนแล้วก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ โอ่ย คนเยอะอีกแล้วอะ ไม่ทำงานทำการกันหรือไงเนี่ย นี่ยังไม่เที่ยงเลยนะ ขึ้นข้างบนกันไปให้หมด เดินขึ้นบันไดไปด้วย เร็วครับ สู้ๆ ทุกคนต้องออกกำลังกาย



“ผมก็ไม่รู้จะอยู่ทำไมอีก บุหรี่ผมหมดแล้ว”

“เอาที่คุณเมฆสบายใจเลยครับ”

“นี่คุณกวนผมอีกแล้วนะ”

“ผมเปล่าสักหน่อย”



ลอยหน้าลอยตาเดินเข้าลิฟท์ไปเลยครับ ไม่รู้ไม่สน ตามมาด้วยคุณเมฆที่ท่าทางไม่ถือสาเอาความ ถือสาอะไรก็ไม่ทันแล้วแหละครับ ผมกวนไปแล้ว ถ้าคนไม่รู้จักจะคิดว่าผมเป็นพวกเงียบๆ อะไรก็ได้ยังไงก็ได้น่ะครับ แต่ถ้าคนที่รู้จักดี (หรือในกรณีนี้คือมากวนประสาทผมก่อน) ก็จะเจอแทนใจเวอร์ชั่นนี่แหละ ฮึ่ม เวอร์ชั่นที่ปั้กๆคิ้มๆก็จะกลัวกันทั้งเกาหลี ฮึ่มๆ

ผมไม่ยอมใครนะบอกไว้เลย ไม่งั้นทำงานตรงนี้ไม่ได้หรอก ลูกค้าแต่ละคนเขี้ยวเล็บเยอะทั้งนั้น ยอมหมดก็อดโบนัสสิครับ ฮึ่มๆๆๆ



“คุณนี่ท่าทางไม่เหมือนคนกวนประสาทเลยนะ”

“ผมเหมือนอะไร?”

“ก็เหมือนกับ--”



ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะพูด เสียงเรียกเข้าในโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมาก่อน คุณเมฆเอาขึ้นมาดูก่อนจะขมวดคิ้ว ถอนหายใจ แล้วกดรับอย่างเสียไม่ได้

เท่าที่ฟังเหมือนจะเป็นเรื่องงานแฮะ ก็อย่างว่า พวกเอนจิเนียร์ ทีมลีดเดอร์ เซลล์ หรือแม้แต่โปรเจคเมเนเจอร์ต้องมีโทรศัพท์ของบริษัทไว้คนละเครื่องอยู่แล้ว (พวกเลขาฯเคยเมาธ์กับกลุ่มชมพูทวีปว่าบางทีคุณกฤติก็ส่งเมลมาตอนตี 4 น่ากลัวมากครับ ผมจะไม่เติบโตเด็ดขาด) ส่วนตำแหน่งต่ำต้อยอย่างผมน่ะเหรอ? ให้ก็ไม่เอาอะ แค่ที่มีอยู่ทุกวันนี้ก็ไม่หวาดไม่ไหวแล้ว พอเถ๊อะ



“ผมไปก่อนนะครับ”



ผมบอกเมื่อถึงชั้นตัวเอง แล้วเดินออกมาเลย ไม่สนใจหน้าตาเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่พูดไม่ได้เพราะติดสายเรื่องงานอยู่ของคุณเมฆ ว่าแต่กาแฟอร่อยจังน้า คิดได้แล้วจึงดูดเข้าไปอีกคำนึงเน้นๆ



ฮือ ลาเต้ที่ดี








“ไงมึง นึกว่าลงไปช่วยเขาบดเมล็ดกาแฟด้วยแล้วเนี่ย ไปช่วยเขาบดที่เชียงใหม่ด้วยนะ บดเสร็จแล้ววิ่งรอบสนามกีฬาสามรอบแล้วค่อยมาน่ะ ประมาณนั้นเลย”



ผมยักไหล่ใส่คำพูดจิกกัดของไอ้ซุกซน ที่ท่าทางจะเคลียร์ตัวเองหมดแล้วถึงได้นั่งดูยูทูบสบายอารมณ์ได้ ว่าก็ว่าเถอะ ผมว่านี่คือข้อดีของบริษัทฯล่ะ พนักงานจะเล่นเกม ทำกับข้าว ปลูกผัก ดูหนัง ฟังเพลง ละเลงสี ตีปิงปองอะไรก็ย่อมได้ ตราบใดที่งานในความรับผิดขอบของตัวเองเสร็จก็ไม่มีใครมาว่าอะไรแล้ว



“แล้วช็อกโกแล็ตเย็นกูอะ?”



เฮ้ย!! มัวแต่เถียงกับไอ้คุณเมฆ ลืมไปเลยง่ะ อย่างนี้แหละนะ คนฝากมันขาสั้น ตัวไม่สูง พูดอะไรบ้งเบ้งก็จะลืมง่ายเป็นธรรมดาครับ ธรรมชาติของโลกใบนี้



“ทำหน้าหางลู่หูตกแบบนี้ลืมอีกแน่ๆ”

“แหะๆ”

“ยังมาแหะ”



ไอ้คนตัวเตี้ยม่อต้อข้ามมาเอาแฟ้มตบหัวผมไม่แรงมากนัก ทำเอาผมลูบหัวป้อยๆ ไม่มีการออมแรงเลย



“ซุกซน! ถ้าเราเบลอคิดเลขผิดไปทำไงเนี่ย!”
   “นี่ยังไม่สมที่มึงลืมช็อกโกแลตกูเลยนะ”

“ขอโทษ ก็รู้นิว่าเราขี้ลืม”



เพิ่งจะขี้ลืมขึ้นมาเมื่อกี้นี้แหละ แต่เหมือนซุกซนจะไม่ได้ถือสาเอาความ มันโยนเจลลี่แบร์ใส่หัวผมอีกครั้ง แล้วหันไปนั่งทำงานต่อ

เห็นแบบนี้ผมกับซุกซนสนิทกันระดับหนึ่งเลยครับ พวกผมเข้ามาทำงานในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน ซุกซนผ่านโปรตอนผมมาสมัคร และเริ่มทำงานพอดี เป็นสองคนที่เด็กสุดในแผนกนี่แหละ มีผู้ช่วยเลขาอีกคนที่รุ่นเดียวกัน แต่เขาสนิทกับพวกกลุ่มผู้หญิงมากกว่า เอาตามตรง ถ้าไม่นับพวกเด็กฝึกงานพวกผมก็คงเป็นรุ่นเด็กสุดในบริษัทแล้วครับ ยังไม่รับปริญญากันเลยเนี่ย

 ที่นี่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยรับคนนอกครับ ที่มาสมัครก็มักจะมาจากคนรู้จักดึงกันมา (หรือไม่ก็ยกโขยงออกไปกันหมด) แล้วก็ไปซื้อตัวมาจากที่อื่นนั่นแหละ อย่างของผมนี่พี่รักฝากเพื่อนให้ เพื่อนพี่รักเป็นใหญ่เป็นโตอยู่ที่นี่แหละครับ แต่พี่เขาเก่งมากเลยนะ ไอดอลผมเลย แต่ถ้าไม่เก่งก็อยู่กับพี่รักยากครับ

แต่ที่นี่ไม่ค่อยมีใครว่าเด็กเส้นให้ผมได้ยินนะ เพราะถึงสมัครเข้ามาได้ ก็ต้องมาทำข้อสอบข้อเขียน สอบสัมภาษณ์ สอบพิมพ์นั่นนู่นนี่อีกอยู่ดีนั่นแหละ

เหมือนคัดพนักงานโอลิมปิคด้วยเงินเดือนยาจกน่ะครับ



Rrrrrr



เสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะดังขึ้น ผมยกหูทันทีโดยไม่ดูว่าใครโทรมาทั้งที่มันโชว์เบอร์คนโทรเข้า (ถ้าเป็นเบอร์ในออฟฟิศนะครับ มันโชว์ชื่อเบอร์โต๊ะที่โทรเข้ามาในแผนก เช่นถ้าคุณกฤติโทรหาผม ทุกคนในแผนกก็จะเห็นหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองด้วยเช่นกัน) ก็โทรศัพท์เราเอาไว้โทร ไม่ได้เอาไว้ดูเบอร์นี่! เอาจริงๆนี่เป็นหนึ่งในนิสัยเสียของผมเลยครับ มือถือผมก็ไม่ดูว่าใครโทรมา ถ้ามันเป็นสายดูดวงก็ค่อยวางทิ้งครับ

เสียงวี๊ดว๊ายข้างหลังไม่ได้ทำให้ผมสนใจมากเท่าไหร่ เขาคงเห็นละมั้งว่าใครเป็นคนโทรมา ไม่ก็อาจจะมีใครเจอจิ้งจกก็ได้



“ฮัลโหลครับ”

“แทนใจ คุณติดเลี้ยงกาแฟผมอยู่ 2 แก้วแล้วนะ”










---- TBC ----

คนเราอะ เอาของกินไปล่อคนอื่นเขา
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์

หัวข้อ: Re: ♡ Monday in Love ♡ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ [up! ตอน 3!!] (19/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 19-02-2018 11:23:57
3rd Monday

 #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์

 

 

 





เบลอ

 

ไม่ใช่เบลอว่ารักแถบ

 

เบลอแบบกระพริบตาก็วันจันทร์อีกแล้ว



 

 

เมื่อวานผมไปหาน้องกายที่หอ แล้วก็นอนค้างกับน้องด้วยเพราะทนลูกอ้อนน้องไม่ไหว ทำให้เช้านี้ต้องรีบออกจากหอน้องเพื่อมาทำงาน บ้านพ่อไกลจากโรงเรียนน้องครับเลยขออยู่คอนโดฯ (ตอนแรกผมก็จะมาอยู่ด้วยแหละ แต่มันไกลจากที่ทำงานผมไปนิด) บ้านพ่อผมไม่ได้ไกลปืนเที่ยงอะไรขนาดนั้นก็จริง แต่เพราะพอพวกผมจบมัธยมมาแล้ว น้องผมก็ย้ายไปเรียนโรงเรียนในเมืองที่มีบีทีเอสผ่าน

ปกติน้องผมอยู่คนเดียวครับ แล้วก็จะชอบให้ผมไปหาเพราะเหงา ซึ่งผมก็ไปทุกครั้งแหละถ้าไม่ได้ติดอะไร ถ้าไปวันศุกร์ หรือเสาร์ยังไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าไปวันอาทิตย์แล้วเช้าวันจันทร์ต้องมาทำงานมันก็จะไกลเล็กๆ แต่ถ้าพูดตามจริง คอนโดฯน้องสะดวกเลยแหละเมื่อเทียบกับมหาลัยชานเมืองที่ผมเคยอยู่ ตอนนั้นกว่าผมจะไปไหนมาไหนได้นี่คือพึ่งพารถตู้ความเร็วสูงอย่างเดียวเลยครับ ความเร็วคนขับน่ะครับสู๊งสูง เหยียบมิดลำ ปาดซ้ายขวาหน้าหลัง

และเมื่อเราต้องขึ้น BTS มาทำงานที่เรารักในเช้าวันนี้ก็มักจะเจอกับเรื่องเบลอๆ เสมอ



 

BTS Sky Train

@BTS_SkyTtain:

08.10 น. รถไฟฟ้าขัดข้องที่สถานีหมอชิต กำลังทำการแก้ไข ขบวนรถจะล่าช้า 10 นาที ผู้โดยสารโปรดเผื่อเวลาการเดินทาง

 

ผมเม้มปากมองทวีตที่สมัครเอาไว้บ่นอะไรไปเรื่อยแต่ดันมีประโยชน์ขึ้นมาเมื่อต้องการรู้ว่าวันนี้จะไปถึงที่ทำงานหรือไม่ สลับกับมองคนล้นสถานี ต่อให้รถมาอีกห้าขบวนผมก็ไม่ได้ขึ้นอยู่ดีอะ น่าเบื่อมาก หงุดหงิดแต่เช้าเลย แล้วทำไมบีทีเอสต้องเสียวันจันทร์ อังคาร พุธ พฤหัสฯ ศุกร์ด้วยเนี่ย! ยิ่งช่วงพีคๆนี่ตัวดี เหมือนเป็นบททดสอบจากเบื้องบนว่าเราจะโดน HR ตัดสายมั้ยวันนี้

 



ไลน์!

 



ในขณะที่ผมกำลังคิดหาเหตุผลร้อยแปดสิบล้านไว้บอกกับคุณกฤติในกรณีที่เข้าประชุมไม่ทัน เสียงโทรศัพท์ที่ถือไว้ดูทวีตเมื่อครู่ก็ดังขึ้นพร้อมสั่น ไลน์เด้งนี่เอง ตามปกติผมปิดเสียงโทรศัพท์แล้วเปิดโหมดสั่นวันทำงานนะ แต่เมื่อวานน้องกายเขาเอามือถือผมไปเล่นเกมเพราะแบตหมด น้องเปิดเสียงเอาไว้แล้วผมก็ลืมปิด

 



Sales Co Team (18)



คุณฝน อินเดีย : พี่กฤติคะ วันนี้ฝนสายนะคะ

คุณฝน อินเดีย : *สติกเกอร์ร้องไห้*

คุณนัตตี้ ฟิลิปปินส์ : เห้ย ชั้นก็สายแก

คุณนัตตี้ ฟิลิปปินส์ : บีทีเอสเสีย

คุณนัตตี้ ฟิลิปปินส์ : นี่อยู่สะพานควาย จะเดินไปทำงานแล้ว

คุณโน๊ต มาเลเซีย : *ส่งรูปสวัสดีวันจันทร์* 

 



เหมือนจะไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวที่ประสบปัญหาบีทีเอสเสียจนเข้างานสายแล้วแฮะ เล่นมากันสามสี่คน หลังจากที่คุณโน๊ตส่งรูปไปแล้วก็มีผู้ช่วยเลขาแล้วก็เซลล์โคฯบางคนมาบ่นเรื่องรถไฟฟ้าพังเหมือนกัน ใจชื้นขึ้นมาเล็กๆแหะ อย่างน้อยถ้าจะตายเราก็จะๆม่ตายแต่เพียงผู้เดียวครับ มีหลายคนไปเป็นเพื่อน BTS Sky Train to ที่ทำงานก็แบบนี้ พังทีแทบจะต้องซื้อกระเช้าไปไหว้ HR

 

 

คุณกฤติ : ครับ

 

 

ยิ่งหัวหน้ารับรู้ยิ่งใจชื้นขึ้นมามากกกกกกกกกก ผมยิ้มออกมาเหมือนหมาซามอยด์อารมณ์ดีเมื่อแเห็นข้อความคุณกฤติ พูดก็พูดเถอะครับ น่ากลัวกว่าหนังผีอีกเวลาคุณกฤติโมโหเนี่ย ผมเคยเห็นเขาเรียกคุณโน๊ตไปคุยในห้อง บรรยากาศนี่อย่างมาคุครับ ขนาดแก๊งชมพูทวีปยังเงียบสนิท (แต่ได้ยินเสียงไลน์ดังแทน ไม่รู้เลยครับว่าย้ายฐานทัพไปเมาธ์กันในนั้นแทน) แต่วันนี้ดูเหมือนคุณกฤติเขาจะไม่ว่าอะไร

อย่างน้อยวันจันทร์ก็ไม่ได้เลวร้ายสักทีเดียว …

 





 

คุณกฤติ : แต่ประชุม 9 โมงตรงเหมือนเดิมนะครับ

 





ผมหน้าซีด แย่แล้ววววววววววววววววววว

 

 

 

------- 20% -------

 

 

วันจันทร์นี่ทำยังไงก็เป็นวันจันทร์!

 



สรุปผมก็กดแกร๊บไบค์เพื่อนรัก หน้าม้าเปิดแว๊นมาทำงานอีกตามเคย ไม่ดีใจหรอกครับถึงแม้ว่าคนขับครั้งนี้จะได้ซ้อนท้ายคนขับบิ๊กไบค์ แทนที่จะเสียค่าบีทีเอส 59 กลายเป็นต้องเสียค่ากดแกร๊บ 300 แทน ฮึ่มๆ 300 นี่ผมเลี้ยงข้าวน้องกายได้มื้อนึงเลยนะ!

รู้งี้ตอนสมัครงานบวกค่าบีทีเอสเสียไว้ด้วยก็ดี! แต่ยังดีที่บริษัทฯมีประกันอุบัติเหตุไว้ให้ ถ้าวันไหนขึ้นแกร๊บไบค์และเผลอตกกลิ้งหลุนๆลงมาบนถนนก็ไปโรงพยาบาลได้แบบไม่ต้องจ่ายเอง แต่คิดไปคิดมา ไม่ตกรถเลยน่าจะดีกว่า เพราะถ้าเป็นแบบนั้นผมคงสับขามาแสกนนิ้วตอนเช้าไม่สะดวกแน่นอน อย่างเช่นวันนี้

 



ผมวิ่งกระหืดกระหอบขึ้นมาแสกนนิ้ว เครื่องโชว์เวลา 08.59

แต้มบุญยังมี!!!!!!!!

ไม่สายครับสังคมมมมมม



 

ไม่เสียเวลาแม้แต่ทักคุณอะไรสักคุณที่เดินผ่านมาทางนี้ เขายิ้มให้ผมด้วย ทำท่าจะพูดอะไรนิดหน่อยแต่เพราะผมสายมากๆ ผมเลยทำได้แค่ส่งยิ้มพร้อมหน้าผากกว้างๆที่หน้าม้ากระจัดกระจายให้ทีหนึ่ง แล้วก็รีบสไลด์ตัวเข้าห้องประชุมทั้งกระเป๋าและมือถือในมือนั่นแหละ

 



   โชคดีที่ห้องประชุมกับประตูสแกนบัตรอยู่ไม่ไกลกันมาก ผมสลด์ไม่กี่ก้าวก็ถึง เคาะเป้นมารยาท 2 ป๊อก แล้วเปิดประตูพ่างเข้าไปเลย เพื่อพบกับเกือบทุกคนในแผนกที่นั่งประจำที่กันอยู่แล้ว มีบางคนที่ไม่เห็นหน้า ผมกวาดสายตาคร่าวๆบางคนก็ขำ บางคนส่งหน้าเมื่อยมาให้ (ยกตัวอย่างเช่นคนที่ชื่อขึ้นต้นด้วยซุก ลงท้ายด้วยซน) และพวกเลขาฯก็นั่งปิดปากหัวเราะท่าทางผมเหมือนเคย

   พวกคนไม่รีบไม่เข้าใจ ว่าการไม่มีเวลาแม้แต่จะเอาผมหน้าม้าลงมันเป็นยังไง!

 



“เส้นยาแดงผ่าแปดเลยนะครับแทนใจ”

 



คุณกฤติหันมายิ้มให้ผมเล็กน้อยเมื่อเห็นหน้าผมที่เดินทำตัวลีบไปยังที่นั่งว่างข้างซุกซน หลายคนเห็นหัวหน้ายิ้มให้อาจจะโล่งใจ แต่ไม่ครับ มันไม่ได้ดูสบายใจขึ้น เป็นยิ้มของมัจจุราชที่เห็นเหยื่อใกล้ตายเพราะขับรถชนต้นไม้แต่ดันฟื้นขี้นมาพอดี เลยหมดโอกาสลากคอลงไปเดินเล่นที่นรกแลนด์แดนต้นงิ้วด้วยกัน แบบนั้นเลยครับ



 

“คุณณี รบกวนเปิดสไลด์ให้ผมด้วย”



 

คุณกฤติพูดกับคุณอัญมณีเลขาอาวุโสของแก แค่นั้นแล้วเริ่มการประชุมทันที ผมก็เข้าสู่ช่วงถ่างตายังไงไม่ให้เขาดูรู้ว่ากำลังง่วงอีกครั้ง แรกๆผมก็ตั้งใจฟังหรอก แต่ส่วนใหญ่มันเป็นเรื่องของเซลล์มากกว่า ผมไม่เกี่ยว แค่อยู่ฝ่ายรับไม้ต่อจากเซลล์มาอีกทีแล้วรับมือลับมีดกับลูกค้าไปวันๆแค่นั้น

 



การประชุมกินเวลากว่าชั่วโมง เมื่อเลิกประชุมทุกคนแทบจะวาร์ปกลับไปยังโต๊ะทำงาน เพราะเช้าวันจันทร์งานมักจะเยอะล้นมือกันทุกคนนั่นแหละ แต่เลื่อนประชุมแผนกไปเวลาอื่นไม่ได้ เพราะตอนบ่ายเป็น Management meeting คุณกฤติต้องเอาข้อมูลหรือปัญหาและวิธีการแก้ไขจากประชุมตอนเช้า เพื่อเข้าไปคุยรอบบ่ายอีกที

ง่วง ง่วง ง่วง ง่วง

 



“เมื่อคืนนอนกี่โมงวะ”



 

หน้าผมคงดูเหมือนผ้ายับๆ ที่ขยำไว้ แล้วม้วนอีกสองทบ เพราะซุกซนมันเอาแฟ้มมาตบหัวเบาๆคล้ายจะปลุก (หรือจะตบให้สลบไปเลยก็ไม่รู้มัน เดาใจยากครับคนสมัยนี้) ผมไม่ถือหรอกครับ  มีคนบ้าเป็นเพื่อนต้องทำใจเล็กๆ ไอ้ซนมันตบไปเรื่อยครับ ไม่ได้กะทำร้ายอะไร เหมือนตบยุงแหละครับ เห้ย แต่คนตบยุงก็ตบเอาตายนี่หว่า …

ช่างเถอะ ถ้าผมตายมันก็ต้องเจอป้ากๆคิมแทนๆแทนผม เอาไปเลย ยกให้ เป็นคนใจดี

 



“ง่วงอะซน”

“ทำอะไรมา ทำไมง่วง”

“นอนกับน้องกาย”



ได้ยินเสียงวี๊ดว้ายเบาๆข้างหลังจากแถวชมพูทวีปที่ดังมาถึงฝั่งเอเชียตะวันออกอย่างผมกับซุกซน ไอ้ซนกลอกตา มันเองก็คงรำคาญเหมือนกัน คุยอะไรหน่อยไม่ได้ พี่ๆใส่ใจทุกเรื่อง แต่พี่เขาก็น่ารักดีนะครับ เหมือนเราเปิดสะเก็ตดาวตลอดเวลาที่นั่งออฟฟิศ รายงานทุกข่าวสารบ้านคนอื่น

 



“น้องโตจะตายแล้ว สูงกว่ากูอีก ดูแลเหมือนเป็นเด็กแบเบาะไปได้”

        “แค่ซุกซนเตี้ยไม่ได้หมายความว่าคนอื่นสูง”

“กวนตีน”

 



ว่าแล้วก็เอาแฟ้มมาตบหัวผมอีกที



หนักกว่าน้องกายก็ซุกซนนี่แหละ น้องกายจะเป็นสายติดผมครับ คือน้องเป็นเด็กน่ารักที่บางครั้งก็ยึดติดกับผมมากๆจนผมกลัวว่าถ้าน้องจะเข้ามหาลัยไปจะอยู่คนเดียวได้อย่างไร เพราะขนาดตอนที่ผมเข้ามหาลัยแล้วต้องอยู่หอเพราะไปกลับไม่ไหว น้องกายมาหาผมทุกสัปดาห์เลยครับ บางครั้งมานอนค้างด้วย โชคดีที่ตอนนั้นผมอยู่หอนอกเลยเอาใครเข้าก็ได้

ส่วนซุกซน เพื่อนร่วมงานคนนี้ก็แกล้งจังเลย มันเคยบอกว่าแกล้งผมสนุกดี เหมือนแหย่ตัวอะไรสักอย่างที่ไร้ทางสู้ ก็ยังงงว่านี่สรุปเคยมองเป็นเพื่อนหรือเลี้ยงไว้แก้เหงาเฉยๆ



 

ไม่คุยด้วยละ นิสัยเสีย

 



“อ้าว งอนๆ”



 

มันพูดขำๆ เมื่อผมหันมาสนใจคอมที่เพิ่งเปิดแล้วเริ่มไล่เช็คอีเมลของตัวเองแทนที่จะต่อล้อต่อเถียงกับซุกซน เมื่อเห็นตัวเลขใน inbox ผมเริ่มอยากไปคุยกับเพื่อนใหม่แล้ว นิสัยเสียยังไงก็ไม่รัวอีเมลขนาดนี้ ฮือ

 



แล้วมหกรรมเอกสารก็เริ่มต้นขึ้นครับ ต่างคนต่างทำงาน มีบ้างที่ซุกซนว้ากขึ้นมาหรือผมกุมขมับ แต่ไม่มีการคุยอะไรไปมากกว่านั้น นอกจากซุกซนที่กระแทกแป้นพิมพ์ไปสบถด่าไป แล้วก็ผมที่แทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ อาจจะยกเว้นคุณใหม่แปซิฟิกที่เหมือนวันนี้จะว่างเลยเดินไปนั่งอยู่แถวๆคุณนุ่นฟิลิปปินส์เรียบร้อย

 



“แกเห็นข่าวขวัญกับกอล์ฟหรือยัง เขาเลิกกันแล้วนะ”

“ว้ายเชย เขากลับมาคบกันแล้วแก”



สองสาวหัวเราะคิกคักโดยมีเสียงบ่นด่าโวยวาย ‘ถ้าอยู่ตรงหน้านะมึง กูจะเอาตัวมึงให้มึงคุยกับตัวเอง ไอ้ญี่ปุ่นซัง มึง! วันนี้กูจะไม่กินซูชิ โว๊ย! หงุดหงิด’ ลอยมาจากข้างๆ ผมเป็นระยะครับ เพื่อนผมใกล้บ้าแล้วครับ ช่วยด้วย

 

“เลิกกันใหม่แล้ว แม่ขวัญเรียกสินสอดแพง” คุณนุ่นฟิลิปปินส์ครับ

“บ้าเหรอวันก่อนฉันเดินเจอสองคนนั้นที่สยาม” คุณใหม่แปซิฟิก



“สั่งเมื่อวานตีสี่จะเอาวันนี้ก่อนเที่ยง รีบมากให้พ่อมึงมาเอา!” ซุกซนใจทราม

“ครับ ใช่ครับ ลูกค้าจะเอาเย็นนี้ ใช่ครับไปมาเลย์ สั่งเมื่อกี้ครับ ประมาณ 10 นาทีที่แล้ว แพ็คเดี่ยวนี้เลยครับ ขอตอนนี้ ยังไม่ได้กินกาแฟ? ไว้ก่อนครับ อันนี้ออเดอร์ด่วนครับ” คุณโน๊ตสวัสดีวันจันทร์ที่กำลังคุยกับโลจิสท์ติกครับ 

“ใบเสนอราคารอบที่ห้าแล้ว ส่งอะไรไปก็แก้ใหม่เปลี่ยนอยู่ได้ ตัดสินใจก่อนมั้ยแล้วค่อยมาสั่งน่ะ!” คุณเชนสยามประเทศทีมครับ

 



คุณเชนที่ดูลูกค้าไทยแลนด์แดนสยาม พวกลูกค้าไทยนี่ผมเองก็แบ่งไม่ค่อยถูกหรอก ถ้าเป็นประเทศเราจะเป็นคนหนึ่งดูประเทศเดียวใช่มั้ยครับ แต่ถ้าเป็นกลุ่มสยามประเทศจะมีหลายคนแล้วเขาจะแบ่งลูกค้ากันด้วยวิธีการจับฉลากครับ จะเจอลูกค้าดีหรือลูกค้าผู้น่ารักก็แล้วแต่บุญแต่กรรมกันไป

 



“โอ๊ย แกไม่รู้อะไรอย่ามาทำพูด!”

“กูพูดจริงๆนะ กูจะไม่กินซูขิอีก แม่งเอ๊ย กูจะไม่ให้ลูกกูดูโดเรม่อน ลูกค้าญี่ปุ่น มึง!”

 



ผู้หญิงก็งุ้งงิ้งกันไปซุกซนก็แข่งกันบ่นกับคุณโน็ตครับ สนุกสนานเบิกบานเหมือนนั่งอยู่กลางคอนเสิร์ตคาราบาวที่คนข้างซ้ายตีกัน แต่ข้างขวากำลังนั่งตบเข่าเมาธ์ลูกสาวบ้านตรงข้าม

 



“เดี๋ยว กอล์ฟไหนขวัญไหน?”

“กอล์ฟช่างเครื่อง กับขวัญบัญชีไง ที่จูงมือกันเข้ามาทำงานพร้อมกันเมื่อปีที่แล้วอะแก”

“โอ้ย ฉันก็นึกว่าแกพูดถึงดารา!”

 



อย่าว่าแต่คุณนุ่นเลยครับ ผมเองก็เพิ่งรู้เนี่ยว่าในบริษัทมีคนชื่อขวัญกับชื่อกอล์ฟด้วย ถ้ามีไมค์อีกนี่ฟอร์มดูโอ้ได้เลยนะเนี่ย

สิ้นการเมาธ์เรื่องนั้น สาวๆเขาก็คุยเรื่องสายลมแสงแดดท่ามกลางเสียงสบถไปเรื่อย เอาจริงผมชอบบรรยากาศในออฟฟิศแบบนี้นะครับ ชั้นที่พนักงานสติหลุดก็จะประมาณนี้แหละครับ ลองไปชั้นบัญชีหรือเดินเอาคอมไปให้ IT ดูสิครับ เงียบแบบหายใจยังไม่กล้าทำแรงครับ มีแค่เสียงต๊อกแต๊กของแป้นพิมพ์เท่านั้นจริงๆ แต่ก็น่าจะมีสมาธิดี มันก็ดีกันคนละแบบ แค่ผมชอบแบบนี้มากกว่า 



 

Rrrr



“เฮ้ย!”

 



ผมสะดุ้งเฮือก! โทรศัพท์โต๊ะผมดังอีกแล้ว เวลาที่กำลังมีสมาธิกับงานแล้วโทรศัพท์ดังนี่โคตรดึงสมาธิเลยครับ ผมนี่สะดุ้งทุกรอบ แต่ไม่กล้าลดเสียงกลัวตัวเองไม่ได้ยิน คอยดู วันไหนผมสะดุ้งจนตกเก้าอี้เมื่อไหร่ จะแกล้งยกหูขึ้นไม่ให้ใครโทรติดเลย ฮึ่มๆ!



 

“ฮัลโหลครับ”

“แทนใจ?”

“ครับ?”



 

 ผมพยายามไม่ใส่ใจเสียงวี๊ดว้ายข้างหลัง แต่ด้วยความอยากรู้เลยก้มมองชื่อที่หน้าจอเครื่องโทรศัพท์ เพราะมันจะโชว์ชื่อคนที่โทรเข้ามาให้ทั้งแผนกเห็น (ไงล่ะ โทรศัพท์สายกระจายข่าว) ‘Sitthikorn Arunchaiwong’  ใครอะ? หรือเขาชื่อไมค์ แบบมาดูโอ้กับกอล์ฟช่างเครื่องงี้ไง ชมพูทวีปทั้งหลายเลยกรี๊ดกัน



 

“นี่ผมเอง”

“ผมไหนครับ?”

“ผมเมฆไง ทำไมไม่รู้ชื่อผมเนี่ยคุณ”

 

แล้วผมต้องรู้เหรอ?!

แต่พูดได้แค่ในใจ สิ่งที่ทำคือกรอกเสียง ‘ครับ คุณเมฆ’ อย่างงงๆ ลงไปในโทรศัพท์ ไม่ค่อยมีใครที่ผมไม่คุ้นชื่อโทรมาเท่าไหร่หรอกครับ ส่วนมากก็มีแค่ลูกค้า คุณกฤติ รีเซปชั่น วนอยู่แค่นี้ อ๋อ ซุกซนด้วย บางทีที่มันต้องการจะกวนประสาทผมเล่นน่ะครับ 



 

“ผมจะเอา USB ไปคืนน่ะ”



 

ก็เมื่อวันจันทร์ที่แล้วที่พี่แกโทรมาที่โต๊ะผม (ที่โทรมาทวงกาแฟนั่นแหละ ตอนนั้นผมก็ไม่ได้ดูชื่อ คือถึงดูก็ไม่รู้อยู่ดี) ความจริงคือจะโทรมาขอยืม USB ซึ่งพอเจ้าตัวโทรเสร็จก็รีบวิ่งปรู๊ดมาเอา แล้วก็วิ่งกลับไป เหลือแต่คำว่า ‘เดี๋ยวจันทร์หน้าเลี้ยงกาแฟ’ เอาไว้ ซึ่งความจริงไม่ต้องเลี้ยงก็ได้ ผลัดกันเลี้ยงไปมาแบบนี้เมื่อไหร่จะหมดหนี้ล่ะะะ

 



“นี่คุณอยู่ที่โต๊ะใช่มั้ย?”

“คุณเมฆโทรเข้ามาเบอร์โต๊ะนะครับ ผมว่าก็น่าจะเดาได้ไม่ยาก”

“กวนผมอีกแล้วนะคุณ”



 

อ่าว มาทำเสียงเข้มใส่อีก แค่พูดสิ่งที่คิดเอง กลายเป็นกวนอีกแล้ว เกิดเป็นแทนใจนี่ใช้ชีวิตยากมากครับ



 

 

“แป๊ปนึง เดี๋ยวผมจะลงไปดีดหน้าผาก ห้ามหนี ”

“... ครับ?”

“ผมบอกว่าจะลงไปหาไง รอนะ เดี๋ยวไป”

 





 

อ่า งั้นผมก็ต้องรอเขา ถูกมั้ย?

 

 





 

 

------- 60% ------- 


ต่อด้านล่างนะคะ
หัวข้อ: Re: ♡ Monday in Love ♡ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ [ 1st Monday ] (17/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 19-02-2018 11:24:39

ต่อค่ะ

--------------------------------------------


คนต่างแผนกพูดแค่นั้นสายก็ตัดไป



 

ผมมองโทรศัพท์แล้ววาง จะทำอะไรก็ทำเลยครับถ้าจะให้ดีมาช่วยผมทำ PO หน่อยจะขอบคุณมาก ยังไม่ทันจะเคลียร์งานต่อก็มีสายตาจับผิดจากซุกซน (และทุกคนในแผนก— ผมชักสงสัยจริงๆ แล้วว่างานมันยุ่งที่ผมคนเดียวหรือเปล่า เพราะขนาดคุณกฤติยังเปิดประตูห้องเลยครับ หรือมันเปิดอยู่แล้วผมก็ไม่แน่ใจ)



 

“ใครโทรมาวะ?”

“คุณเมฆ โปรเจคฯ คนใหม่อะ ซุกซนรู้จักมั้ย?”

“รู้จักดิ ทุกคนเขารู้จักกันหมดอะยกเว้นมึง”

“...” อ่าว อันนี้มันว่าผมหรือเปล่า ว่าผมทำไม พาลอะ ไม่ตอบละกัน

“สนิทกันเหรอ?”

“เปล่าๆ”



 

ผมโบกมือไปมาประกอบคำพูดตัวเอง กดส่งเมลที่เขียนค้างอยู่พร้อมแนบใบเสนอราคาไปให้คุณป้ากๆ สักป้ากหนึ่งนี่แหละ ทุกวันนี้กังวลมากครับว่าจะส่งเมลให้ผิดป้าก คือแบบ ปาร์คที่หนึ่ง ปาร์คที่สอง ปาร์คที่สาม นี่ว่าจะทำสถิติอยู่ว่าถ้าทำงานครบปีนี่จะได้คุยกับกี่ปาร์ค ถ้าเป็นแสตมป์เซเว่นนี่ผมแลกเสื่อได้สามผืนแล้ว



 

“แต่พี่เห็นว่าน้องเมฆดูสนิทกับเรามากเลยนะ”

 



เสียงนี้ไม่ใช่ซุกซน แต่เป็นคุณฝนอินเดียที่ถามขึ้นมา พอสิ้นเสียงนั้นทุกคนในชมพูทวีปพร้อมใจกันผสมโรงเห็นด้วยกันหมด โดยแปซิฟิกและฟิลิปปินส์คอรัสอยู่ไม่ไกล โหย ปล่อยเรื่องของผมไว้บ้างก็ได้ครับ



 

“คุณเมฆเขาก็น่าจะสนิทกับทุกคนแหละครับ”

“ฮั่นแน่ เป็นอะไรกันหรือเปล่าเนี่ย?”

“เพื่อนร่วมงานครับ”

“น่อววววววววววววว์ พี่ว่ามันมากกว่านั้นน้าาาาาา”

“พี่น้องครับ”

“ตอบเหมือนพวกดาราเวลาแอบคบกัน!”

“งั้นพ่อลูกก็ได้”

“โอ้ย เจ๊ล่ะเหนื่อยใจกับแทนใจ นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกนะ เจ๊จะจับมาตี”



คุณฝนแกชี้นิ้วมาทางผมโดยมีซุกซนนั่งขำอยู่ข้างๆอย่างไม่เกรงใจ แต่เอาจริงมันก็ไม่ค่อยเกรงใจอะไรหรือใครเท่าไหร่ โดยเฉพาะผม 

 

เจ๊ฝนแกแต่งงานมาหลายปีแล้วครับแต่ไม่มีลูก เห็นหมอบอกว่าแกไม่สามารถมีลูกได้ เพราะฉะนั้นแกเลยยกให้ผมเป็นลูกครับ เหมือนว่าอยากมีลูกแบบผม ซึ่งผมโดนแกลูบหน้าลูบหัวจับเข้าสังกัดลูกเจ๊ฝนตั้งแต่ยังไม่ผ่านโปรโดยไม่ถามความสมัครใจเลยสักนิดว่าอยากมีแม่เพิ่มหรือไม่



 

“อย่างไอ้แทนต้องเจอผมนี่!”

“อุ๊กอนนนนนน เอ็บบบบบ” (ซุกซนนนนนน เจ็บบบบบ)



 

มันดึงแก้มผมอะ ดึงแก้ม!! ผมเป็นคนมีแก้มครับไม่ได้เยอะอะไรเท่าตอนเด็กแล้ว เมื่อก่อนเพื่อนชอบมารุมแก้มผม พวกป้าๆน้าๆก็เหมือนกัน เป็นความปวดร้าวของเด็กชายแทนใจมากๆ ตรงจุดนี้ผมอิจฉาน้องกายเลย น้องผมแก้มไม่เยอะเท่าผมอะ



 

“แทนใจ”

 



ในขณะที่ผมกับลังพยายามดิ้นให้หลุดจากไอ้เตี้ยพร้อมคิดวิธีแก้เผ็ดมันไปด้วย เสียงเทวดาช่วยชีวิตก็ดังขึ้นมาพอดี ไอ้ซุกซนคงตกใจจึงเผลอปล่อยแก้มผมทำให้หันไปมองหน้าคนมาใหม่ได้ อ๋อ คุณโปรเจค เมเนเจอร์ ที่เมื่อกี้บอกว่าจะมาหานี่เอง เร็วเหมือนกันนะเนี่ย ผมคิดว่าเขาจะใช้เวลาเคลียร์งานหรืออะไรสักพัก อันนี้แสดงว่าวางสายแล้วมาเลยแน่นอน



 

“ผมเอา usb มาคืน”

“ออบอุนอั๊บ” (ขอบคุณครับ)

 



ผมตอบคุณเมฆทั้งที่ยังเอามือกุมแก้ม ไม่มีหรอกการทะนุถนอม ซุกซนเพื่อนเลวเดี๋ยวแกล้งเดี๋ยวดึง มันบอกมันเขี้ยวผม ดูกลมๆเหมือนลูกหมาลูกกระต่าย อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่คน อืม มันก็คงเลี้ยงผมไว้แก้เหงาจริงๆแหละครับ น่าสงสารตัวเองแท้ๆ

 

คุณเมฆที่เมื่อกี้ดูนิ่งๆขรึมๆตอนเห็นผมกับซุกซนเล่นกัน (แปลกตามาก ไม่เคยเจอเลยครับ หน้านิ่งน่ากลัวแหะ) ตอนนี้คลายสีหน้าแล้วยิ้มเล็กน้อย ซึ่งผมส่งยิ้มกลับไปแบบยังจับแก้มอยู่ ต้องเวอร์ชั่นนี้สิถึงจะเป็นคุณเมฆที่คุณคุ้นเคย



 

“เล่นกันดูสนุกจัง”



 

เขาพูดพร้อมกับลูบหัวผมอีก เห้ย นี่คิดค่าแตะต้องตัวด้วยดีมั้ย จับมือ 35 จับหน้า 50 ลูบหัว 200 บีบแก้มแรงช้างสารแบบซุกซนนี่ไปเลยครั้งละ 2,000 ผมคงรวยอะ น่าจะคิดได้ตั้งนานแล้ว หาเงินแบบนี้ส่งน้องกายเรียนจบโทที่บอสตันก็ทำได้



 

“แผนกนี้สนิทกันดีจังนะครับ”



 

คุณเมฆพูดต่อด้วยเสียงนุ่มปนขำ เห็นพวกพี่ๆโดนดาเมจกันหมด ทั้งฝั่งชมพูทวีป และแปซิฟิก อาจจะมีแค่คุณโน๊ตมาเลเซียคนเดียวที่เป็นผู้เหลือรอด เพราะแกกำลังฉะกับฝ่ายโลจิสติกทางโทรศัพท์อย่างคร่ำเคร่งว่าด้วยเรื่อง ‘ของที่ต้องถึงเย็นนี้มันก็ต้องถึงเย็นนี้ถ้าช้ากว่านี้ลูกค้าจะมากินหัวเราแล้วเราก็จะกินหัวคุณต่ออีกที’

 



“ใช่ค่ะ เราทำงานกันด้วยความรัก”

 



คุณนุ่นฟิลิปปินส์ตอบพร้อมยิ้มหวาน โอ้ย คนนี้เวลาเห็นใครเบ้าดีหน่อยหวานไปหมด ไม่เหมือนตอนที่อยู่กับผมกับซุกซน ตอนแรกแกก็พยายามอยู่แหละ พออยู่ไปอยู่มาเห็นนิสัยผมแบบนี้ กับมารยาทไม่มีของซุกซนแบบนั้น แกก็เปลี่ยนจากเสียงหวานๆเป็นการด่าการบ่นแทน

 



“ว่าแต่พี่เมฆสนใจมาอยู่แผนกเรามั้ยคะ? มีแต่ผู้หญิงสวยๆทั้งนั้นเลยน้า”

 



หมิวหันมาคุยด้วยบ้าง มิ่วหมิวก็เข้ามาพร้อมผมนี่แหละครับ แต่เธอเป็นผู้ช่วยคุณอัญมณี หรือเลขาของคุณกฤตินั่นแหละ อายุเราเท่ากันครับผมเลยไม่เติมคุณไว้ข้างหน้า แต่ไม่อัพเกรดให้เป็นไอ้เหมือนซุกซน

หมิวเคยทักไลน์มาหาผมบ่อยๆอยู่ช่วงนึง ตอนผมข้ามาแรกๆ ทักมาเช้าสายบ่ายเย็น คอยเอาขนมมาให้ คอยเดินมาถามงานบ่อยๆ แล้วพอโดนแซวเรื่องที่ว่ากิ๊กกับผมนี่ก็เห็นขำๆนะครับ แต่ผมปฏิเสธอยู่แล้วเพราะไม่จริง

แต่ว่าไปก็แปลก อยู่ดีๆเขาก็หายไปเลย เห็น (พวกชมพูทวีปเขาเมาธ์กันเบาๆ)ว่า โดนคุณกฤติตักเตือนเรื่องชู้สาวในแผนก สงสัยเพราะแบบนั้นเลยไม่ค่อยอยากคุยกับผู้ชายคนอื่นเท่าไหร่ ซึ่งผมก็เข้าใจประเด็นนี้นะครับ มันคงดูไม่ดี อีกอย่างน้องกายก็ไม่ค่อยชอบให้ผมตอบเขาด้วย ผมเลยไม่ค่อยตอบครับ คุยที่ทำงานอย่างเดียวพอ

 



“โหย หมิวพูดแบบนี้บอยแบนด์แผนกเสียใจนะเนี่ย”

 



ซุกซนพูดขึ้นมา พลางทำหน้าจะร้องไห้ มันตั้งของมันคนเดียวครับ มีมัน คุณกฤติ คุณโน๊ต แล้วก็ผม มันบอกว่าพวกเราหล่อสุดในแผนกเลยสถาปนาเป็นบอยแบนด์เองเลย หน้าที่ก็ไม่มีอะไรครับ คอยทำหน้าหล่อไปวันๆ เห็นแบบนี้คุณกฤติกับคุณโน็ตนี่ไม่ใช่เล่นๆนะครับ หล่อแบบถ้าเป็นอาหารก็มิชลิน 5 ดาวเลย

 



“ตกกระป๋องตั้งแต่น้องเมฆเดินมาแล้วเถอะจ้ะ เนอะ น้องเมฆ”

 



คุณฝนอินเดียตอบแทนหมิว พร้อมทั้งหันไปยิ้มหวานให้หนุ่มต่างแผนกอีก รายนี้ใิชลิน 6 ดาวเลยครับ หล่อ หุ่นดี แถมยังใจดีอีก แบบนี้สาวติดตรึมแน่นอน คุณเมฆมีแฟนแล้วแบบไม่ต้องเสียเวลาถาม

 



“จริงด้วย พวกซุกซนสู้คุณเมฆไม่ได้หรอก”

“น้องพูดแบบนี้เอาเท่าไหร่ครับเนี่ย”

“ชื่อหมิวค่ะ” หมิวปิดปากหัวเราะ น่ารักดีครับ ผมชอบมองคนหน้าตาดีนะ มองแล้วสบายใจดี พี่แทนรักงี้ คุณเมฆงี้ คุณกฤติงี้ เวลาคุณกฤติดุนี่ผมไม่กล้าโกรธเลยครับ

 

“พี่เมฆใช่มั้ยคะ? ใช่เรียนที่ xxx หรือเปล่า เหมือนเคยเห็นพี่ใส่เสื้อบอลมหาลัยมาทำงานอยู่”

“ใช่ครับ” 

“หูย โปรเจคมีแต่คนเก่งๆ เนี่ยหมิวเคยอยากเข้าที่นั่นมากเลย”



 

หมิวพูดแล้วปิดปากหัวเราะ ไปๆมาๆกลายเป็นว่าหมิวมายืนอยู่ตรงพวกผมแล้วก็คุยกับคุณเมฆอยู่นานเลยครับ จนผมตามงานป้ากๆคิมๆเสร็จแล้ว ดูออเดอร์ให้ลูกค้า เคลียร์อินบ๊อกซ์จนหมด คุณเมฆก็ยังไม่ไปไหนแล้วหมิวก็ไปหาเก้าอี้มานั่งตรงนี้เรียบร้อย

 

ผมเคยเห็นเพื่อนมหาลัยที่ไปเป็นเลขาบ่นๆในเฟซนะครับว่างานเยอะมากทำไม่ทัน ขนาดตอนที่เขาเคยไลน์มาหาผมก็บ่นๆว่างานเยอะ ไหนจะปกติแล้วคุณกฤติเอางานเร็วจะตาย ไม่น่ามีเวลาว่างขนาดนี้ อาจจะลืม เดี๋ยวผมช่วยเตือนดีกว่า เผื่อเดี๋ยวคุณกฤติโมโหแล้วจะเดือดร้อนกันทั้งแผนก



 

“ทำไมหมิวมาคุยกับคุณเมฆ ไม่ทำงานเหรอครับ? ระวังคุณกฤติว่านะครับ”



 

เกิดเดธแอร์ขึ้นทันที ทุกอย่างเงียบกริ๊บ แม้แต่พวกชมพูทวีปเองก็เงียบ คุณเมฆอมยิ้ม ส่วนไอ้ซนขำออกเสียงมาเรียบร้อย ในขณะที่หมิวหน้าดำหน้าแดงเดินหนีไปเลย



 

 

อ่าว ผมทำอะไรผิดอีกเนี่ย



 

 

 

------- 100% -------







“ตกลงเราผิดอะไรอะ”

“มึงแค่เป็นมึงอะ

“นั่นไม่เรียกคำตอบนะเผื่อยังไม่รู้”

“ไม่คุยกับคนอ๊อง”

 

‘อ๊อง’ อีกละ

 

เวลามันเรียกผม ‘อ๊อง’ คือเหมือนจะน่ารักนะ แต่มันจะใช้คำนี้ตอนที่รู้สึกว่าผมตามอะไรใครเขาไม่ทัน ครับ เอาง่ายๆมันคือคำสุภาพของ ‘แทนใจเอ๊ย มึงมันโง่ว มึงมันแทนใจ’

 

สรุปพวกเราลงมาข้างล่างครับ เอาความจริงแค่ผมคนเดียวที่คิดได้ว่าบรรยากาศมันมาคุงงๆเลยลี้ภัยลงมาข้างล่างดีกว่า ก่อนจะเกิดเหตุสลดในออฟฟิศ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าอะไรก็เถอะ พอผมหยิบกระเป๋าตังกับโทรศัพท์เตรียมลี้ภัย คุณเมฆเลยบอกว่าตั้งใจจะชวนกินกาแฟอยู่แล้ว พอดูเวลาว่ามัน 11 โมงกว่าแล้ว เลยแอบหนีลงมากินข้าวข้างล่างเลยดีกว่า จะได้เสร็จไปเลย ซึ่งซุกซนใจทรามก็รอจังหวะนี้อยู่ เลยกวาดของส่วนตัวลงมากินข้าวพร้อมกัน โดยที่มีคุณเมฆเดินกดโทรศัพท์ชิวๆตามมา

 

แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกผิดนิดๆละ ที่ชวนซุกซนมันลงมาด้วยกัน ต้องมานั่งฟังมันว่าผมเนี่ย ถึงจะว่าอยู่สามเวลาหลังอาหารอยู่แล้วก็เถอะ ทำยังไงก็ไม่ชินสักที

 

“เราไม่ได้คุยกับซุกซน”

“ก็แล้วแต่เลย”

 

“เด็กๆ ทานอะไรกัน?”

 

ก่อนที่ผมกับซุกซนจะตีกันตาย คุณเมฆเสร็จลงมาห้ามทัพด้วยการยกเมนูขึ้นมาขั้นระหว่างพวกเราสองคน พร้อมทั้งยิ้มใจดี เป็นเหมือนคุณครูอนุบาลที่คอยห้ามเด็กเรียนกับเด็กเกเรตีกัน แน่นอนว่าถึงผมจะไม่ใช่เด็กเรียน แต่ซุกซนเป็นเด็กเกเรอยู่แล้ว มองปลายผม 15 เซ็นฯก็รู้เช่นเห็นชาติ

 

“อะไรได้เร็วที่สุดอะน้อง?”

 

ซุกซนหันไปถามเด็กเสิร์ฟ ปกติเราไม่เคยมาฝากท้องร้านนี้กันหรอกครับ มันเป็นร้านอาหารไทยฟิวชั่นในห้างฯ บรรยากาศค่อนข้างดี แต่ไม่แน่ใจว่าจะอิ่ม เห็นจานโต๊ะข้างๆมีอยู่นิดเดียว ไม่น่าได้ถึงครึ่งกระเพาะของชายโฉดทั้งหลาย ถ้าคุณเมฆไม่โฉดซุกซนนี่ก็เข้าข่ายละแหละ

 

“ก๋วยเตี๋ยวต้มยำสุโขไทไข่ลาวาค่ะ” ชื่อเมนูดูไม่น่าทำได้เร็วนะ แต่ไม่เป็นไร ถ้าน้องพนักงานเขายืนยันแบบนี้ผมก็จะไม่เถียงอะไร …

“เอาที่หนึ่งครับ เส้นเล็กนะ ใส่ถั่วงอกเยอะๆ ขอแบบ ครึ่งชามเป็นถั่วงอก”

“ได้ค่ะ”

“ส่วนผมเอาข้าวกะเพราแซลม่อนที่หนึ่งครับ”

“ค่ะ”

 

   ในขณะที่ผมยังไม่แน่ใจว่าเที่ยงนี้ควรจะกินอะไร ทั้งโต๊ะก็สั่งกันเสร็จหมดแล้ว เหลือแค่ผมซึ่งทุกคนหันมามองผมเป็นตาเดียว ก็แย่ละ กินไรดีอะ มีแต่เมนูไม่คุ้น คนเราควรกินอะไร ถ้าสั่งกะเพราะแซลม่อนมันก็ซ้ำมั้ยอะ คุณเมฆเขาจะด่าป่าววะว่าเป็นแทนใจขี้ลอก แล้วตอนนี้ผมก็อยากเข้าห้องน้ำด้วย ตอนแรกว่าจะสั่งอาหารเสร็จแล้วไป แต่ตอนนี้มันตีตื้นขึ้นมาแล้ว มันต้องไปแล้ว มันรอไม่ได้แล้ว!

 

“ผม...”

 

หันรีหันขวางมองรอบโต๊ะ คุณเมฆก็มอง ไอ้ซุกซนนี่จ้องเลยครับ จ้องแบบถลึงตาเลยครับเพราะมันช้าตรงผมไง มีน้องพนักงานมองมาอีก ก็คนมันไม่เคยกินที่นี่อะ ห้องน้ำก็อยากเข้า เอาไงดีอะ ให้ซุกซนช่วยละกัน

 

“ซุกซน สั่งให้เราหน่อย ข้าวผัดอะไรก็ได้ เข้าห้องน้ำแป๊ป”

“เฮ้ย ไปไหนวะ สั่งก่อน!!”

“ไม่รอแล้ว เราใกล้ตายแล้ว เขามาเคาะประตูแล้ว!!”

 

พูดปุ๊ปแล้วก็หยิบมือถือวิ่งปร๊าดแทรกกลุ่มนักศึกษาหญิงที่เดินคุยกันเข้ามาพอดี อย่าขวางทางสิเรารีบมากๆอยู่นะ จากไม่ปวดมาก พอเริ่มก้าวขามันก็ก็ปวดมากๆ เลยครับ

ทำธุระเสร็จแล้วเดินกลับเข้าไปในร้าน ซุกซนกำลังคุยกับคุณเมฆอย่างออกรส ไม่สนใจกลุ่มนักศึกษาผู้หญิงที่กระซิบกระซาบกันว่า ‘เขาเป็นป่าววะมึง’ ‘อีบ้า แค่ผู้ชายสองคนนั่งกินข้าวกันไม่ได้หมายความว่าเขาต้องเป็นผัวเมียกันป่าววะ?’

 

“เมื่อกี้สั่งอะไรให้เรา?” เป็นผมที่เริ่มถามเมื่อสองคนนั้นหยุดคุยกันทันทีที่ผมนั่งลง เอาจริงพูดกันต่อก็ได้นะ ผมฟังได้ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าคุยเรื่องอะไรกันก็เถอะ การอยู่กับชมพูทวีปทีมทำให้เรามีนิสัยเก็บข้อมูลทุกเรื่องในชีวิตทั้งที่บางทีก็ไม่ไดมีส่วนไหนเกี่ยวข้องอะไรกับเราเลยครับ

 

“ข้าวอะไรไม่รู้ว่ะ มันอยู่ตรงหน้าข้าวผัดอะ เลยจิ้มๆมา”

 

ครับ ก็ดูไม่ใส่ใจ สมเป็นยอดชายนายซุกซนดี เข้าใจแล้วที่เขาว่าบางครั้งบาปกรรมก็มาในรูปแบบของเพื่อนร่วมงาน

ผ่านไปสิบกว่านาที อาหารของคุณเมฆกับซุกซนมาเสิร์ฟแล้ว ซึ่งคุณเมฆยังไม่ทำอะไรนอกจากนั่งมองมันเฉยๆ ส่วนไอ้ซุกซนน่ะเหรอ หักตะเกียบรอตั้งแต่น้องเขายังไม่วางชาม จนตอนนี้มันสวาปามเข้าไปเส้นอะไรหายหมดแล้วครับ เหลือแต่น้ำก๋วยเตี๋ยว

 

   และในที่สุด!

 

“ข้าวผัดน้ำพริกกะปิไข่เค็มหมูแดดเดียวค่ะ... รายการที่สั่งได้รับครบแล้วนะคะ”

 

น้องพนักงานวางอาหารที่หน้าตาน่าทานไว้ตรงหน้าผม ความอยากอาหารลดลงไปเกินครึ่งเมื่อเห็นว่าของที่มาเสิร์ฟคืออะไร

ผมไม่ทานกะปิ

ไม่ใช่แค่กะปิหรอก พวกอาหารมีกลิ่นต่างๆแบบเดียวกับกะปิผมมักจะกินไม่ค่อยได้ เป็นพวกจมูกไว้กับกลิ่นอาหารแรงๆ อย่างปลาร้านี่ก็ทานไม่ได้ครับ เคยลองแล้วนะแต่มันกินเข้าไปไม่ได้จริงๆอะ มันไม่หอมสำหรับผม ผมกินไม่ได้ จากนี้ก็เหมือนกัน กินไม่ได้อะ แต่ไม่กินก็น่าเกลียดใช่ไหมอะ แต่กลิ่นมันแบบ ..

 

“แทนใจ คุณไม่หิวเหรอ?”

คุณเมฆถามเมื่อเห็นผมเอาแต่นั่งจ้องจานแบบไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรดี ตอนนี้ซุกซนมันกดมือถือจึ๊กๆอยู่ครับ คงคุยกับแฟนมันเหมือนเคย เหลือแต่คุณเมฆกับผมนี่แหละที่ยังไม่กินข้าว

“พอดี..”  ข้ออ้างอะไรดีวะ แทนใจคิดเร็ว แทนใจสู้

“ผมกินเยลลี่ไปเยอะแล้วเมื่อเช้า ตอนนี้พองเต็มท้องเลยครับ ฮ่าๆ”

ขำมันทั้งๆที่ไม่ตลกเลย รู้นะว่าเป็นข้ออ้างที่โง่มาก แต่ไม่รู้จะพูดว่าอะไร มันดูเรื่องมากที่ไม่ยอมกินแล้วก็ไม่สั่งเองด้วย ผมคิดแบบนี้นะ

“จริงเหรอ?”

“ครับ”

พยักหน้าให้ไอ้คุณเมฆที่ยังมองมาเหมือนไม่เชื่อ มาจับผิดอะไรกับผู้ชายหนึ่งคนพร้อมจานข้าวเล่า รีบๆกินไปเลย คุณเมฆหรี่ตามองอีกนิดหน่อย สักพักเขาก็ยักไหล่ แล้วหันไปทางเดิม

“งั้นผมทานของคุณได้ใช่มั้ย? ไม่ถือเนอะ”

“ไม่เลยครับ”

ผมพูดพร้อมดันจานไปข้างหน้า เพราะเขานั่งตรงข้ามผมพอดี มันเลยทำให้การดันอาหารไปอีกฝั่งเกิดขึ้นง่ายและรวดเร็วมาก ผมนี่แทบจะประเคนให้ เชิญตามสบายเลยครับ ให้ป้อนใส่ปากทุกคำยังได้เลย เอาจานนี้ไปจากผมที

 

“โอเค ผมขอจานนี้นะ”

เขาพูดพร้อมทั้งย้ายจานไปฝั่งตัวเอง แล้วเลื่อนจานตัวเองข้ามมาทางนี้แทน... เดี๋ยว เลื่อนมาทำไมวะ? หน้าตาผมคงดูเด๋อด๋าอ่องอ๊องเหมือนที่ซุกซนชอบด่าคุณเมฆเลยเหมือนหัวเราะกับตัวเองเบาๆ

“คุณทานกะเพราของผมแทนละกันถ้าไม่รังเกียจ ผมยังไม่ได้แตะเลยนะ แม้แต่พริกน้ำปลาก็ไม่ได้ใส่”

ยังไม่ทันที่ผมจะได้อ้าปากถามในสิ่งที่สงสัย คุณโปรเจคเมเนเจอร์ที่ทำงานชั้นสูงกว่าก็พูดดักขึ้นมาเหมือนรู้ว่าผมจะต้องถามแน่ๆ

 

“จะดีเหรอครับ?” ผมถามพร้อมดึงจานเข้ามาหาตัว ให้แล้วผมไม่คืนนะครัย ขอเลย ไม่มีทางคืน ไม่ใช่ว่ากินไปสองคำแล้วคุณเมฆแลกกลับงี้แทนใจไม่ยอมนะครับ

“เอาเลยๆ” ในเมื่อเจ้าตัวส่งเสริมขนาดนี้แล้ว …

“เกรงใจจังครับ”

ปากพูดไปงั้นแต่มือนี่เตรียมอาวุธเลยครับ ผมไม่ใช่มนุษย์แซลม่อนที่ออกล่าบุฟเฟต์แซลม่อนทุกครั้งที่มีโอกาส ตอนนี้กินได้ครับ ได้ทั้งนั้นปลาทูก็กินได้ ปลาซาดีนก็ได้ครับ ถึงจะมาแบบเป็นเศษ แต่ก็ไม่ใช่กะปิอะ ตอนนี้มาม่าก็ได้ อะไรก็ได้ หิว

“กินเลยๆ”

คุณเมฆที่นั่งตรงข้ามเท้าคางมองมาที่ผมเหมือนจะขำๆนิดหน่อย อะไรวะ เขาขำอะไรผมก็ไม่แคร์โลกแล้วอะตอนนี้ หิวมากจริงๆ  ผมลงมือทานอาหารตรงหน้า ในขณะที่คุณเมฆพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนที่จะลงมือทานอดีตข้าวของผมเช่นกัน

 

“ไว้คุณค่อยเลี้ยงกาแฟผมคืนละกัน”

 

เอ้า! แล้วเมื่อไหร่จะหมดหนี้ล่ะเนี่ย!









------- 120% -------

ครบแล้ว!! *จุดพลุ*
คือช่วงนี้จะพยายามปูพื้นชีวิตของตัวละครก่อนนะคะ อาจจะเรื่อยๆนิดนึง แต่เมื่อเรื่องมันไม่เรื่อยเมื่อไหร่มันจะมาไวไปไวเหมือนวันเสาร์อาทิตย์เลยค่ะ พูดแล้วก็จะร้อง ทำไมวันหยุดมันสั้นขนาดนี้ TT
สามารถสกรีมได้ที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ นะคะ เราอ่านทุกอันค่า XD
หัวข้อ: Re: ♡ Monday in Love ♡ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ [up! ตอน4] (22/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 22-02-2018 22:36:16
4th Monday #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์

 

 









 

ผมยังคงเกลียดวันจันทร์

 

ซึ่งบางครั้งผมก็เกลียดตั้งแต่ตื่นเลยครับ

 

อย่างเช่นครั้งนี้

 

 

 

‘อากาศวันนี้จะหนาวเย็นเป็นบางพื้นที่...’

 

 

เสียงผู้ประกาศข่าวคนเมื่อวานที่ผมนั่งดูอยู่กับแทนกายที่ห้องของน้อง (ครับ ผมไปหาน้องอีกแล้ว น้องเรียกก็ไป เป็นพี่ที่เรียกหาง่ายกว่าเรียกแท็กซี่ช่วงสี่โมงเย็น แต่คราวนี้ไม่แพ้ลูกอ้อนน้องกลับมานอนห้องตัวเอง) ลอยเข้ามาในหัว ยังคุยกันขำๆกันอยู่เลยว่ามันจะหนาวได้แค่ไหน เพราะขึ้นชื่อว่าประเทศไทยน่ะครับ หนาวจนเหงื่อแตกอะครับทุกวันนี้ ทุกความสงสัยมีคำตอบเมื่อถึงเวลา ความหนาวนี้ก็เช่นกัน

 

หนาวเพราะฝนตกหนักมากจนน้ำท่วมไงครับ!

 

ฝนตกหนักขนาดไหนน่ะเหรอครับ? ก็หนักมากจนผมตกใจตื่น แล้วสั่นเป็นนกเตรียมโดนเชือดเลยครับ น่ากลัวมาก ฟ้าร้องเหมือนกับว่าจะถล่มลงมา ผมนั่งอยู่บนเตียงกอดผ้านุ่ม (ผ้านุ่มคือผ้าห่มนั่นแหละ แต่มันนุ่ม ผมใช้ดาวน์นี่ตลอดเลยหอมมาก นุ่มด้วย ดังนั้นมันคือผ้านุ่มของผม) อยากหยุดงานมากเลย แต่มีประชุมตอนเช้า ต้องไปแต่แบบ ถ้าเดินลุยน้ำไป …

 

 

ไม่เอา!!!!!!

 

   

   แค่คิดก็เครียดแล้ว ให้กินพริกทั้งเม็ดตามจำนวนอายุยังดีซะกว่า การเดินลุยน้ำที่ฝนตกโครมๆในกรุงเทพฯนี่ไม่ตลกเลยสักนิดครับ ครั้งล่าสุดที่ผมจำใจต้องเดินลุยน้ำคือมีสอบครับ แบบสอบไฟนอลที่ถ้าขาดคือ F แน่นอน เลยจำเป็นต้องเดินลุยน้ำไปขึ้นพี่วินไปสอบ น้ำสูงเท่าเข่าอะ คิดดู ไม่ตลกเลยสักนิด เดินไปแทบอยากร้องไห้ไป คือถ้าเกิดบังเอิญสะดุดล้มสลบก็ตายตรงนั้นเลยครับ น้ำดำกว่าจิตใจซุกซนอีก ขนาดนั่นเป็นคนใจทรามแล้วนะ

 

 

   พูดถึงซุกซน ผมเปิดไลน์ขึ้นมารัวข้อความหาบัดดี้ทันที จะทำการใหญ่แทนใจต้องมีทีมครับ ผมควรหาแนวร่วมในการหยุดงานวันนี้

 

 

   Tanjai:  ซุกซน

   Tanjai:  เราอยากนอนอยู่ห้องดูหนังเฉยๆอะ อากาศแบบนี้ไม่น่าทำงานเลย

   Tanjai:  รามาลางานกันมั้ย? เทประชุมกัน

   Tanjai:   ไม่มีใครรู้หรอก ถ้าซุกซนไม่แค็ปไลน์

   Tanjai:  ลาเป็นเพื่อนเราหน่อย

   Tanjai:   ฝนตกขนาดนี้ใครไม่ป่วยก็บ้าแล้ว บ้าแน่นอน ซุกซนก็ต้องป่วยนะ เดี๋ยวเราป่วยด้วย ลาป่วยมีตั้งเยอะอาทิตย์นี้เรายังไม่ได้ป่วยเลย

   Tanjai:  ลาป่วยกัน เดี๋ยวเราปวดท้อง ซุกซนปวดอึนะ ดีลละ

 

 

 

Rrrrrrr

 

 

“ซุกซนนนน”

 

ผมร้องแง้ใส่คนที่โทรเข้ามาพอดี น่าจะเพราะว่าผมไลน์ไปง้องแง้งใส่มันว่าผมอยากจะนอนอยู่เฉยๆ แทนการที่จะฝ่าฟันน้ำรอระบายไปทำงานในวันนี้ ให้เดาคือซุกซนมันก็เห็นฝนตกระดับเลวทรามก็เลยโทรมาหาแนวร่วมโดดงานกันแน่นอน

 

“กูถึงที่ทำงานแล้วนะ มึงอยู่ไหน”

 

อ่าว ผมเดาผิดอะ ว่าแต่ …

 

“ทำงานเก้าโมง ไปทำอะไรที่ออฟฟิศตอนหกโมงครึ่ง”

“เมา”

“ห๊ะ???????????”

“ก็เมาไง เมาอะมึง เวลาที่คนไม่มีสติเพราะเหล้าไง แบบตอนที่มึงเอาแอลกอฮอล์เข้าเลือดเยอะเกินไปไง เคยเรียนป้ะวะ วิทยาศาสตร์มอสองอะ”

 

 

ซุกซนหาวใส่โทรศัพท์ ผมย่นจมูกเมื่อได้ยินเสียง แจ่บๆ นึกหน้ามันทำหน้ามึนๆ ออกเลย ผมเงียบใส่โทรศัพท์ จะมาอธิบายคำว่าเมาให้คนอื่นฟังทำไมวะ 

 

“ซุกซนเป็นบ้าเหรอ ใครเขากินเหล้ากันเช้าวันจันทร์”

“เมื่อวานมานั่งกินแถวนี้ไง แม่งไกล ขี้เกียจขับรถเลยมานอนที่ออฟฟิศแม่งเลย”

“ซกมก!”

“กูขี้เกียจ”

“ที่นั่นน้ำท่วมมั้ย?”

ผมเปลี่ยนเรื่องมาเป็นสิ่งที่ควรจะคุยกับเพื่อนร่วมงาน ไม่ใช่การมานั่งเถียงกันเรื่องความสะอาดของยอดชายนายซุกซน ทำไมเหรอครับ? เพราะมันไม่สะอาดไง เราเลยไม่จำเป็นต้องสนใจมากก็ได้

 

“ไม่รู้ว่ะ ท่วมมั้ง แถวนี้แมวฉี่ก็ท่วมแล้ว”

 

ก็จริง พื้นตรงนี้ต่ำมากครับ ต่ำจนงงมากว่านี่สร้างใต้ระดับน้ำทะเลหรือเปล่า แต่น่าจะต่ำกว่า คือฝนตกนิดหน่อยปกติก็มีน้ำขังเป็นแอ่งแล้ว ยิ่งนี่ตกแบบฟ้ารั่วขนาดนี้ ไม่ท่วมก็แปลกแล้ว

 

“กูไปล้างหน้าก่อนนะ ยังเบลอๆอยู่เลยว่ะ ฮ้าว”

“เดี๋ยว! ซุกซน อย่าเพิ่งเทเราดิ เฮ้ย ซุกซน--”

“ไม่รู้เว้ย ตัดสายแม่ง”

 

ตึ๊ด!

 

แล้วสายก็ตัดไป ตัดไปทั้งอย่างนั้น ตัดไปเฉยๆเลย โอโห รู้สึกดีมากครับ ดีแบบนี้ไม่ต้องมีเพื่อนก็ได้ เขี่ยๆมันทิ้งไว้แถวนั้นแหละครับ ถ้าน้ำยังรอระบายอยู่ก็อยากจะเอาซุกซนไหลลงไปในท่อน้ำทิ้งเลยครับ ไปเลย  ถ้ามีเลือกตั้งประทานเพื่อสวัสดิการของพนักงานบริษัทครั้งหน้าเมื่อไหร่ ใครมีนโยบายเอาซุกซนออกไปนี่ผมเลือกแน่นอน!

 

ในเมื่อแนวร่วม (เพียงหนึ่งเดียว) ของผมหนีหายไปแล้ว ผมนั่งทำใจไถโซเชี่ยลอยู่สักพักก็ขุดตัวเองไปอาบน้ำ ยิ่งไถยิ่งเบะปาก ในเฟซบุ๊คผมเห็นซุกซนโพสรูปไปเที่ยวเมื่อคืนของมันนั่นแหละ ก็ไม่แปลกใจที่มันจะเมาครับ ลงรูปตอนตีสี่ สติดีก็บ้าแล้ว ใครที่บอกว่าเราห้ามแอดเฟรเฟซบุ๊คของคนที่ทำงานเขาพูดถูกแล้วครับ ไม่งั้นก็ต้องมานั่งเห็นเมาแบบนี้

 

นอกจากซุกซนผมก็เห็น … ใครอะ?

 

‘Mek Sitthikorn’

 

รูปโปรไฟล์ดูคุ้นมากเลยนะ เป็นผู้ชายใส่เสื้อเชียร์ของมหาลัยหนึ่งซึ่งมีงานบอล แต่มันเป็นรูปเต็มตัวเหมือนถ่ายเอาไว้โปรโหมดเสื้องานบอลอะไรทำนองนั้น ผมกดรับแอดแล้วค่อยไปส่องรูปที่เพื่อนแท็ก อ๋อ คุณโปรเจคเมเนเจอร์ที่ชอบกินคาปูชิโน่นี่เอง ว่าแต่เขาเอาเฟซบุ๊คผมมาจากไหนอะ

 

Rrrrr

 

ตาย! ไถเฟซบุ๊คแป๊ปเดียวจะแปดโมงแล้ว ผมจะไปอาบน้ำก่อน เราควรอาบน้ำเผื่อไว้เพราะถ้าลาไม่ได้ยังไงก็ต้องไปทำงาน แต่ผมยังสองจิตสองใจว่าควรจะป่วยดีมั้ย แต่กลัวว่าลาป่วยวันนี้แล้วจะโดนลูกค้าถล่มอีเมลอะ เอาเถอะ ถ้าภายใน 8 โมงแล้วฝนยังไม่หยุดนะ ผมจะลาแน่นอน

 

 

ป้ากๆ คิมๆ อะไรก็หยุดผมไม่ได้

 

 

.

   .

.

 

7:15 น.

 

ถึงแม้ลูกค้าจะไม่สามารถหยุดไม่ให้เราลางานได้

 

แต่หัวหน้าเราทำได้ครับ

 

 

 

 

------- 20% -------

 

 

 

Sales Co Team (18)

คุณกฤติ : วันนี้ผมอนุโลมให้เป็นประชุมตอน 10:00 แทนนะครับ

คุณใหม่ แปซิฟิก : ใหม่รักพี่กฤติค่ะ ฮืออออ

คุณฝน อินเดีย :  ตอนนี้น้ำหน้าบ้านฝนท่วมสูงกว่าเงินเดือนอีกค่ะ

คุณฝน อินเดีย : ว่าจะรอน้ำลดก่อนแล้วค่อยออก ขอบคุณที่เลื่อนประชุมนะคะ

คุณฝน อินเดีย : *สติกเกอร์ขอบคุณ*

ซุกซน คนใจทราม : *สติกเกอร์โอเค*

คุณกฤติ : ตามนั้นครับ

คุณโน๊ต มาเลเซีย :*รูปภาพสวัสดีวันจันทร์*

คุณกฤติ : แต่วันนี้ใครป่วยไม่มีใบรับรองแพทย์ มาคุยกับผมในวันอังคารด้วยนะครับ



 

ผมมองแชทไลน์กรุ๊ปแผนกอีกครั้งด้วยหน้าเซ็งขั้นสุด หน้างอคอหักเหมือนปลาทูในเข่งไปแล้วครับ อะไรเนี่ย ขนาดคนจะลายังไม่ให้ลา ทำไมเราถึงป่วยแบบไม่มีใบรับรองแพทย์ไม่ได้ครับ ทำไมทุกครั้งเราต้องไปหาหมอด้วย? หัวหน้าคือไม่เคยแค่มึนๆวิ๊งๆนอนสามตื่นแล้วดีขึ้นอะไรแบบนี้เหรอครับ? ทำไม!

 

ผมอัดอั้นมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้วครับ คิดดูสิว่าทำไมป่วยแล้วต้องขอใบรับรองแพทย์เสมอ ผมเข้าใจว่ามันเป็นหลักฐานการรับรองว่าป่วยจริง แต่การไม่มีใบรับรองแพทย์หมายความว่าเราไม่ได้ป่วยจริงได้ไงอะ? ผมเคยปวดท้องมากๆ เห็นชีวิตมีประกันสังคมเลยไปใช้สักหน่อย รอหมอสามชั่วโมงตรวจสามวินาทีพร้อมได้พาราฯแป้งมาแผงนึง นอนอยู่บ้านก็ได้ครับแบบนี้ แบกสังขารไปโรงพยาบาลเพื่อไปเอาใบรับรองแพทย์โดยแท้

 

โอ๊ย อันนี้มันกดขี่กันเกินไป กรมแรงงานควรเข้ามาอบรมจัดคอร์สให้คุณกฤติแอนด์เฟรนด์บ้างนะครับ ไม่ไหวๆ แบบนี้มันต้องออก! ต้องออกเท่านั้น!!!!

 

ออกไปเรียกแท็กซี่ครับ

 

ขึนมอไซต์วันนี้มีหวังผมต้องกลายเป็นลูกหมาเปียกน้ำไปจริงๆแน่กว่าจะถึงออฟฟิศแน่นอนครับ  แถมน้ำที่เปียกคือน้ำรอระบาย แค่หน้าม้าเปิดไปทำงานเกือบทุกวันจันทร์ก็ว่าแย่แล้ว นี่เป็นลูกหมาเปียกน้ำรอระบายหัวเหม่งหน้าม้าเปิดมันคงดูไม่น่ามองสุดๆไปเลย

 

ด้วยความพยายามของผม และความร่วมมือของฝนบนฟ้าที่ในที่สุดก็หยุดตกก่อน 8 โมงเล็กน้อย แทนใจใส่เกียร์ม้ารีบออกจากห้อง ด้วยความที่ออฟฟิศกับคอนโดฯของผมไม่ได้จัดว่าไกลกันมากอะไรขนาดนั้น นั่งรถเมล์ไปไม่ไกลก็ถึง แต่วันนี้ผมจะนั่งแท็กซี่ครับ เพราะขืนมายืนรอรถเมล์แบบนี้ไปไม่ทันประชุมแน่นอน

 

 

ซึ่งเหมือนจะคิดผิด

เพราะไปแท็กซี่ก็ไม่น่าประชุมทันเช่นกัน

ไม่ต้องลำบากลาออกเองเลย เดี๋ยวเขาก็ไล่เราออกให้ครับสายแบบนี้

 

 

ผมยืนกระสับกระส่ายอยู่แถวๆ ป้ายรถเมล์ที่รอประจำ วันนี้คนบางตาครับ อาจจะเพราะว่าผมออกเร็วกว่าปกติเยอะอยู่ ด้วยความที่กลัวรถจะติด ซึ่งรถก็ติดจริง ติดเหมือนที่น้องชายผมติดผมน่ะครับ ถนนนี่แทบไม่ว่างเลย แต่ที่หายากกว่าถนนว่างคือแท็กซี่ว่างครับ ท้อแท้มาก

 

 

หรือผมจะไปทำงานกับที่เดียวกับพี่รักดีนะ …

 

 

พี่แทนรัก พี่สาวคนเดียวของผมทำงานอยู่สถานฑูตฯ แห่งหนึ่งครับ ตำแหน่งอะไรผมไม่แน่ใจ เพราะเมื่อเปิดรับสมัครภายในพี่เขาก็สมัครใหม่อยู่บ่อยๆ จนผมเลิกติดตามแล้ว รู้แค่ว่าไม่ค่อยได้อยู่กับที่เท่าไหร่ แล้วก็งานเยอะมากๆเลย ครั้งล่าสุดที่ผมเจอกับพี่คือเมื่อเดือนก่อน ความจริงเดือนนี้ผมก็คิดว่าจะนัดพี่แทนรักกับน้องแทนกายกินข้าวด้วยเหมือนกัน แต่ต้องรอพี่รักกลับจากเทรนงานที่ต่างประเทศก่อน เพราะพี่เขาไม่ค่อยว่างเท่าไหร่ครับ เข้าใจได้ๆ working woman ก็แบบนี้

 

 

พี่สาวผมเก่งมากครับ ตอนเรียนผมจำได้ว่าพี่เป็นประธานนักเรียนด้วย พอเข้ามหาลัยไปก็เป็นหลีดอยู่ปีหนึ่งมั้ง แล้วก็เข้าชมนุมเข้าบ้านอะไรสักอย่าง ผมเองก็ไม่ค่อยรู้เหมือนกัน เพราะอายุเราห่างกันค่อนข้างเยอะแถมเรียนกันคนละมหาลัยอีก รู้แต่ว่าพี่เก่งๆมากเลย ปลื้มครับ พี่สาวผมเองครับทุกคน พี่เขาเรียนบริหารธุรกิจอินเตอร์มาครับเก่งมั้ย พี่ผมเองครับทุกคน พี่สาวผม

 

 

แทนกาย น้องชายผมก็น่ารัก ถึงแม้จะติดผมไปหน่อยแต่น้องเป็นน้องชายที่น่ารักของผมครับ เป็นเด็กดีขี้อ้อนครับ ชอบอ้อนผมตั้งแต่สมัยเด็กๆแล้ว อาจจะเพราะว่าน้องสนิทกับผมมากกว่าพี่รักก็ได้ มีอะไรน้องเลยชอบนึกถึงผมก่อนใคร ซึ่งผมก็ขอบครับ เพราะน้องกายน่ารัก ผมรักน้องกายของผม

 

 

ไงล่ะ แทนใจหล่อเลยใช่มั้ยครับ ผมก็ว่างั้น

 

“เฮ้ย!”

 

 

ในขณะที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ ก็มีคนมาสะกิดหลัง ทำให้ผมตกใจจนสะดุ้งตัวโยน แล้วยิ่งตกใจกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่กำลังยืนยิ้มโชว์ฟันเรียงสวยเหมือนเพิ่งถอดเหล็กดัดเมื่อวานตอนเย็น แถมยังแต่งตัวดูมีชาตืตระกูลกว่าทุกครั้งที่เจอ (คือเขาไม่เคยแต่งตัวแย่นะ แต่วันนี้มันดูดีแปลกๆ)

“คุณอยู่แแถวนี้เหรอครับ?”

 

เป็นผมที่ถามขึ้นก่อนเมื่ออีกคนดูเหมือนจะอารมณ์ดีสวนทางกับอารมณ์ของคนส่วนใหญ่ที่รอรถแล้วไม่มีอะไรโผล่มาสักทีนอกจากความสิ้นหวังของถนนที่รถไม่ขยับเลยสักนิด  แล้วก็อาจจะฝุ่นในปริมาณที่อาจจะระคายจมูกสักนิด แค่นั้นจริงๆครับ เขาบอกว่าใช้เวลาไม่นานประมาณ 11 ปีถึงจะหายหมด

 

 

“ผมตั้งใจจะแวะซื้อโจ๊กหม้อดินในซอยข้างๆนี่ แล้วบังเอิญเจอคุณพอดีน่ะ”

 

 

อะไรคือความบังเอิญซื้อโจ๊กในเช้าวันที่รถโคตรติด ติดแบบที่บริษัทกาวตราช้างควรมาเรียนงาน สุนทรีย์มาก ลองเป็นผมนี่โจ๊กคนอร์ 7-11 รสหมูก็หรูแล้วครับสำหรับเช้าน้ำท่วมแบบนี้ เอาจริงปกติผมจะมีขนมปังหรือของกินอะไรสักอย่างจากเมื่อวานครับ หรือไม่ก็บางวันถ้าซุกซนใจทรามกลับตัวได้ เขาจะมีซื้อขนมปังมาไว้ให้ผมสักก้อนรองท้องในตอนเช้าวันจันทร์ เพราะผมหน้าม้าเปิดมาทำงานตลอดทุกจันทร์

 

 

“โหย ปกติคุณออกเช้าขนาดนี้เลยเหรอครับ”

 

 

ผมก้มหน้าดูเวลาบนมือถืออีกครั้ง นี่มันยังไม่ 8 โมงเลยนะ ปกติป่านนี้ผมก็จะยืนเบ้ปากใส่ BTS ถ้าเป็นวันที่ไปนอนห้องน้องกาย ส่วนถ้านอนห้องตัวเองน่ะเหรอ? อ๋อ ตอนนี้คือเพิ่งตื่น เป็นตื่นมาตบนาฬิกาปลุกรอบที่สาม เลื่อน snooze สนุกเลยครับในทุกเช้า เหมือนเป็นการบริหารนิ้วทุกเช้าวันธรรมดา

 

มันยากนะครับการตื่นไปทำงานในเช้าวันจันทร์เนี่ย เชื่อเถอะครับ ประสบการณ์ตรงจากผู้ใช้จริง

 

 

“ใช่ครับ ผมกลัวรถติด เราไม่สามารถคาดเดาอะไรกับการจราจรในกรุงเทพฯได้อยู่แล้วนี่ ออกเช้าหน่อยดีกว่า จะได้ไม่เข้าสาย”

 

โห ความคิดโคตรดี ลองเป็นผมนี่จะเบ้ปากใส่ทุกอย่างตั้งแต่พระอาทิตย์ยันนาฬิกาปลุก คุณหัวเราะนิดหน่อยประกอบคำพูดตัวเอง ดูเป็นคนอารมณ์แม้แต่ในสถานการณ์ที่คนรอบป้ายรถเมล์กำลังหงุดหงิดสบถด่าว่าทำไมรถไม่มาสักที ผมก็แหะๆ ตามเขาไป ทั้งที่พูดถึงการมาสายในวันจันทร์นี่จะโดนผมเต็มๆเลยก็ตาม นี่แทนใจเอง แทนใจผู้แตะนิ้วตอน 8.59 เอง

 

 

“ผมกำลังจะไปพอดี”

 

 

เขาก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ เฮ้ย นี่ของตัวเองหรือยืมเพื่อนมา? ดีนะผมไม่มีนาฬิกาไม่งั้นเสียวๆครับว่าจะโดนขอยืมหรือเปล่า คนเราเดี๋ยวนี้ชอบข้อยืมกันครับ ทั้งนาฬิกา ทั้งปืน ยากเลยครับ ทุกวันนี้ซุกซนก็ขอยืมอากาศผมหายใจอยู่นะ แค่เรายังไม่เอาคืนมาเฉยๆ

 

 

“แทนใจติดรถผมไปมั้ยครับ? ยังไงก็ทางเดียวกันอยู่แล้ว”

 

หือ?

 

ผมงงๆนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ข้างๆเอามือล้วงกระเป๋าแล้วพูดชวนขึ้นมา เฮ้ย วันนี้โชคดีแหะ ถึงแม้ฝนจะตกแต่โลกก็ยังส่งคุณเมฆให้มาซื้อโจ๊กหม้อดินแถวๆนี้ พอดี วันหลังส่งคุณกฤติมาซื้อบ้างก็ได้ เวลาผมไปสายจะได้ไม่สายคนเดียว ถ้าซุกซนด่าผมจะเอาคุณเมฆมาอ้างว่าเพราะรอคุณเมฆผมเลยสาย โหย เก่งมากเจ้าแทนใจ

 

 

“แต่ว่ามันจะไม่รบกวนคุณเหรอครับ?”

“รบกวนอะไรกัน คนกันเองน่าคุณ” 

 

 

คุณเมฆเขาโบกมือปัดเหมือนกับว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย หรืออีกทีก้คล้ายกับโบกมือไล่ยุงที่บินผ่านหน้า เฮ้ย ถึงผมจะเตี้ยกว่าเขาจะก็ไม่ใช่ยุงที่จะบี้แล้วแบนตายคานิ้วมือนะ

 

 

“ เราไปด้วยกันเถอะครับ ยังไงคุณก็ต้องยืนรอรถไปบริษัทฯอยู่แล้วไม่ใช่หรือไงกันครับ ไปด้วยกัุนนี่แหละเร็วดี”

 

มันก็จริง ที่เขาพูดมามันก็มีเหตุผล ยังไงเราก็ต้องไปที่เดียวกันอยู่ดี ไม่รู้ว่าผมจะเล่นตัวทำไมในตอนแรก มันแค่รู้สึกแปลกๆ นิดหน่อย จะว่าอย่างไรดี คือผมกับคุณเมฆเพิ่งจะเจอกันไม่กี่ครั้งเองหรือเปล่า อยู่ดีๆจะมานั่งรถเขา ถ้าเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อ หรือเล่นหัวกันมาแบบซุกซนมันคงจะคลายความเกรงใจลงไปได้บ้างน่ะนะ

 

 

“ผม…”

 

“ไปด้วยกันครับ เดี๋ยวสาย คุณมีประชุมเช้าไม่ใช่เหรอ?”

 

 

ไม่รู้ว่าเขารู้ได้ยังไง สงสัยมีประชุมทุกแผนกละมั้งเช้าวันจันทร์เนี่ย เอ๊ะ แต่ผมเคยได้ยินพวกชมพูทวีปทีมเมาธ์กันว่าเบื่อประชุมเพราะนอกจากเราแล้วไม่มีใครมีประชุมเช้าวันจันทร์อีกเลย (แล้วคุณฝนอินเดียก็มาเป็นหน้ากระดาษเลยครับว่าแผนกไหนมีประชุมภายในกันกี่โมงบ้าง อย่างโหด ถ้าบอกว่าทำพาร์ททามเป็นหน่วยข่าวกรองรัฐบาลก็ไม่แปลกใจอะ รู้ทุกเรื่องบนโลกจริงจัง) งงแหะ บางทีหน่วยข่าวชมพูทวีปอาจจะผิดก็ได้นะรอบนี้

 

เมื่อไม่เหลือเหตุผลอะไรให้ปฏิเสธผมก็พยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้

 

 

“งั้นผมรบกวนด้วยนะครับ”

“ไม่เป็นไรครับ ...พี่ยินดี”

 

 

เขาพูดแค่นั้นแล้วเดินนำหน้าไป ซึ่งผมก็เดินตามต้อยๆ เหมือนลูกเจี๊ยบตามแม่ไก่ไปหาอาหาร วันนี้อาจจะเป็นจันทร์แรกๆที่ผมไปทำงานโดยที่หน้าม้าไม่เปิดเลยก็ได้ ความจริงวันจันทร์ก็ไม่ได้แย่เสียทีเดียวนี่นะ

 

 

 

 

เออ ว่าแต่แถวนี้มีร้านโจ๊กด้วยเหรอวะ?

 

 

 

 

 

--------50% -------


ต่อด้านล่างนะคะ
หัวข้อ: Re: ♡ Monday in Love ♡ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ [up! ตอน4] (22/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 22-02-2018 22:38:39
 

 

“ขอบคุณนะครับที่มาส่ง”

 

ผมพูดกับคนที่อยู่ข้างๆบนลิฟท์ วันนี้ผมอารมณ์ดีมากครับ (ถึงแม้เมื่อเช้าจะรถโคตรติดก็ตาม) แต่ได้มาทำงานแบบหน้าม้าไม่แตก ผมรู้สึกดี วันนี้แหละแกร๊บไบค์จะไม่ได้กินเงินผมอีกต่อไป!

 

“คุณไม่ได้อยู่ชั้นนี้นี่ครับ”

 

ผมพูดกับผู้มีพระคุณที่บังเอิญเจอ และเดินตามผมแสกนบัตรเปิดประตูต้อยๆ งง ตามมาทำไม usb ก็เอาคืนไปแล้วนี่ หรือว่าเขาลืมอะไรเอาไว้ชั้นนี้ แต่ก็ไม่น่า เอาจริงตอนที่ผมเข้าออฟฟิศผมเจอเขาตลอดอะ ทุกวันจันทร์ แต่ก็แปลก วันอื่นไม่เคยเห็นเจอ ประหนึ่งหายตัวได้

 

“ผมซื้อโจ๊กมาสองถุง”

 

เขายื่นถุงโจ๊กหม้อดินที่อุตส่าห์ขับฝ่าน้ำท่วมไปซื้อมาเมื่อเช้าขึ้นมาให้ดู ผมกระพริบตาปริบๆแล้วเลิกคิ้ว ประมวลผลสามสี่วิก็ยังไม่เข้าใจที่อีกคนจะสื่อ คือซื้อโจ๊กมาก็กินสิครับ มาบอกผมทำไม คิดในใจคิดยาวมาก แต่เราก็ตอบได้แค่

 

“ครับ?”

“คุณจะปล่อยให้ผมทานข้าวคนเดียวเลยเหรอ?”

“ครับ???”

“อุตส่าห์ซื้อมาสองถุง กินด้วยกันมั้ย นายยังไม่ได้กินข้าวนี่”

 

คุณเมฆพูดแล้วยิ้มแปลกๆ ไม่รู้แปลกยังไงแต่มันไม่ปกติอะ ซึ่งผมปล่อยความคิดนั้นไป เพราะอาหารเช้าสำคัญกับชีวิตเรามากกว่ารอยยิ้มตีความหมายยากของเพื่อนร่วมงาน ปกติผมตีความอะไรไม่ค่อยเก่งอยู่แล้ว เรื่องนี้พี่รักเคยบอกไว้ครับ นานมากแล้ว น้องกายก็ชอบกลัวว่าผมจะโดนมาหลอกเหมือนกัน ซึ่งผมคิดว่าอาจจะเริ่มหลอกคนอื่นก่อนครับ ถือคติเปิดก่อนได้เปรียบ

 

“ได้สิครับ เดี๋ยวผมจ่ายค่าโจ๊กให้นะคุณ”

 

แค่ให้กินให้ เรื่องแบบนี้แทนใจถนัด ยิ่งถ้าอร่อยจะยิ่งถนัดครับ เจริญอาหารขึ้นมาทันตา

 

“เฮ้ยไม่ต้อง ผมตั้งใจซื้อมาให้”

“ไม่ได้ ผมทำงานมีเงินเดือนนะ”

“งั้นคุณเก็บไว้เลี้ยงกาแฟผมละกัน”

“ครั้งก่อนๆ ยังไม่ได้เลี้ยงเลย”

“วันนี้ไงๆ ตอนนี้มากินข้าวก่อนเถอะ เราค่อยคุยเรื่องกาแฟกันทีหลัง”

“งั้นผมไปวางของก่อนนะครับ คุณไปรอที่โต๊ะกินข้าวก่อนเลยก็ได้”

“โอเคครับ”

 

ผมให้คุณเมฆไปรอที่แพนทรี่ (Pantry) ก่อนตอนที่ผมวางกระเป๋าเก็บของที่พกมาเอาไวง้ที่โต๊ะแล้วถึงจะเดินตามไป ด้วยความที่แพนทรี่ของบริษัทเราจะอยู่กลางชั้นครับ โดยแบ่งระหว่างสองแผนกออกจากกัน (หรือในกรณีของชั้นผมคืออีกฝั่งเป็นเซลล์ ฝั่งผมเป็นเซลล์โค ประมาณนี้ครับ) ข้างๆแพนทรี่คือห้องประชุม ซึ่งเวลานั่งทานข้าวหรือนั่งทานกาแฟเราก็จะอยู่กันที่แพนทรี่นี่แหละครับ

 

ที่บริษัทเรามีแพนทรี่ให้พนักงานนั่งทานอาหารร่วมกันครับ ซึ่งแต่ละชั้นก็จะมีแพนทรี่ของตัวเองให้พนักงานมานั่งทานข้าว พักผ่อนหย่อนใจ มีตู้เย็น เครื่องทำกาแฟ และขนมขบเคี้ยววางไว้พร้อมครับ อยู่ที่ว่าใครจะมานั่งก็นั่งได้ ซึ่งผมเคยได้ยินพวกชมพูทวีปทีมคุยกันว่าชั้น 28 ที่เป็นชั้นของแผนกเกี่ยวกับด้านแทคนิคแบ่งฝั่งกับการตลาดนี่ปาร์ตี้กันในแพนทรี่ประจำครับ มีเรื่องเล่าด้วยว่าบนตู้กับข้าวชั้นนั้นมีแต่เหล้าครับ น่ากลัวมากแต่ผมค่อนข้างเชื่อนะ

 

ถ้าคุณคิดว่าชั้นผมเสียงดังแล้วบอกเลยว่าคิดผิดมาก การได้ขึ้นไปชั้น 28 เหมือนไปอยู่กลางงานรวมรุ่นครับ ทุกคนมีเรื่องคุยกันมากจนผมงงว่าทุกคนจบสื่อสารมวลชนมาหรือเปล่า สื่อสารกันเก่งมากจริงๆ หรือว่าชมพูทวีปทีมอยู่ผิดที่ผิดทางผมก็ไม่รู้นะ ความจริงพวกเขาอาจจะเหมาะกับข้างบนมากกว่า หรือไปตรงนั้นก็อาจจะแย่งพูดไม่ทัน ไม่แน่อาจจะเป็นหน่วยข่าวกรองจากข้างบนลงมาสืบราชการลับข้างล่างก็ได้นะครับ

 

“อ้าว ซุกซน”

“ทักเหมือนเห็นผี นี่เพื่อนเอง”

 

ผมถลึงตาใส่เพื่อนรักที่นั่งเล่นมือถืออยู่ในแพททรี่ ข้างๆมีคุณโน๊ตที่ห่อข้าวมากิน ข้างๆเป็นที่ว่างที่มีแก้วกาแฟวาง และจานที่ใส่ข้าวอยู่ อาจจะเป็นใครสักคนที่กินข้าวค้างไว้ ซึ่งอาจจะเป็นใครก็ได้ในสองแผนก และข้างๆซุกซนก็เป็นเจ้ามือผมที่กำลังเทโจ๊กใส่ชาม… ที่สอง?

 

“คุณเมฆ เทให้ผมทำไมเนี่ย”

“ก็คุณมาช้าไง ผมกลัวมันเย็น”

“พระเอกมาก!!”

 

ไม่ใช่ผมนะครับอันนี้ ซุกซนเอง ซุกซนเพื่อนผมที่วางมือถือแล้วปรบมือแซวคุณเมฆขึ้นมา ผมหัวเราะแล้วลงไปนั่งตรงข้ามเขา ข้างๆจานที่ว่างอยู่ น่าจะเป็นใครสักคนแถวๆนี้แหละ วันนี้คนรน้อยมากครับเพาะน้ำท่วม พวกที่มาได้นี่ไม่บ้านใกล้ ก็ต้องทำใจเดินลุยน้ำหรือขับฝ่าทะเลกรุงเทพมาทั้งนั้น

 

“ขอบคุณมากนะครับ”

 

ผมยิ้มให้เขาแล้วเราก็ลงมือทานกัน สักพักคุณโน๊ตมาเลเซียก็ลุกขึ้นมาเก็บจานของตัวเองเดินไปไว้ที่ซิงค์ล้างจาน นี่เป็นอีกอย่างที่เหมาะกับคนขี้เกียจแบบผมมากครับ เราไม่ต้องล้างเอง ไม่ใช่แค่การตื่นมาทำงาน แต่ล้างจานผมก็ขี้เกียจ

 

“พี่โน๊ตนี่โชคดี ได้แฟนดี ลูกก็น่ารักด้วย”

 

เป็นซุกซนอีกแล้วครับที่แซ็วขึ้นมา หมอนี่มันสนิทกับทุกคนจริงๆนะครับ มนุษย์สัมพันธ์ดีมาก ไหนจะสัตว์สัมพันธ์อีก น้องแป้นหมาหน้าเซเว่นก็ติดซุกซนครับ ตอนเข้ามาแรกๆมันเคยบอกผมว่าความจริงชื่อเล่นชื่อซัน แต่ซนมากที่บ้านเลยเรียกซุกซนจนกลายเป็นชื่อเล่นแทนชื่อเดิม ตอนแรกผมก็คิดว่าอะไรจะขนาดนั้น แต่ตอนนี้เชื่อสนิทใจไร้ข้อกังหาเลยครับ

 

“ไม่ขนาดนั้นหรอก เวอร์ไป”

“จริงนะพี่”

 

ซุกซนพูดตอบ ซึ่งมีผมพยักหน้าสนับสนุนคำพูดเพื่อน พี่โน๊ตแกเป็นชายหนุ่มที่มีครอบครัวแล้วครับ ผมเคยได้ยินกลุ่มชมพูทวีปแซวอยู่ว่าพี่แกห่อข้าวมากินทุกวัน น่าจะแฟนทำให้ แต่คุณโน๊ตไม่เคยว่าอะไรนอกจากหัวเราะอย่างเดียว ไงล่ะ หล่อมากป่าวคุณโน๊ตมาเลเซียของผม แผนกผมหล่อหมดครับ

 

“ถ้าแฟนผมทำข้าวมาให้บ้างนี่โคตรรัก จะขอแต่งงานวันพรุ่งนี้เลย เขาเหมาะจะอยู่กับเราไปทั้งชีวิต”

“เพราะนายทำกับข้าวไม่เป็นป่าว”

“โหยเฮียเมฆ อย่าว่ากันดิ”

 

มีเลื่อนยศให้เป็นเฮียด้วย?! ซุกซนไปสนิทกับคุณโปรเจคเมเนเจอร์เขาตอนไหนเนี่ย ผมงงครับ แต่งงก็ส่วนงง เพื่อนล้มเราต้องรีบทับถมก่อน

 

“จริง ทำไม่เป็นเองไง? เรื่องง่ายๆนะซุกซน”

“นี่กูไปจอดรถขวางหน้าบ้านมึงเหรอแทนใจ แซะกูจังเลย”

“ไม่ทำแค่จอดรถ เราจะทำตลาดล้อมรอบบ้านซุกซนเลย”

“มึงเจอขวานกูแน่! ไม่ได้เฉาะรถนะ เฉาะหัวมึง”

“ซุกซน อย่าแกล้งเพื่อนสิ”

“เนี่ย! ทั้งเฮียทั้งพี่โน๊ตแม่งทีมแทนใจมันหมดอะ อะไรวะ โคตรน้อยใจ!!!” ซุกซนทำหน้าบึ้งกอดอกแล้วพึมพัมว่า คนสมัยนี้คืออะไรทำไมแม่งชอบคนโง่กันจังวะ แต่ไม่มีใครสนใจอาการปากเบะน้อยใจของมันครับ เพราะทุกคนขำ ผมก็ขำไปกับบรรยากาศชิวๆในตอนเช้าครับ ไม่ได้ว่าอะไรที่มันด่าผมคนเดียวแต่ไม่ว่าอะไรคุณเมฆ ปกติผมไม่ค่อยได้สัมผัสการสนทนาในออฟฟิศยามเช้าหรอก ไม่ใช่เพราะเครียด ผมแค่มาสายเลยไม่มีเวลากินข้าวกับชาวบ้านเขาครับ เรื่องมันเศร้าขอเข้างานเที่ยงได้มั้ย

 

“คุยกันสนุกเลยนะ”

 

เสียงผู้มาใหม่ทำให้ผมหันมอง แล้วรีบยกมือขึ้นไหว้แทบไม่ทัน คุณกฤติตัวเป็นๆครับ หัวหน้าผมเอง วันนี้ขนาดน้ำท่วมคุณกฤติยังมาถึงที่ทำงานเร็วได้เลย โอโห ความเป็นหัวหน้านี่มันความรับสูงกว่าระดับน้ำรอระบายจริงๆ ยอมแล้วครับ

 

“พี่กฤติ หวัดดีครับ”

“ครับ”

 

อันนี้ซุกซนยกมือไหว้ซึ่งคุณกฤติพยักหน้ารับนิดหน่อย เมื่อเขาหันมามองผมก็รีบยกมือไหว้ทันที คุณกฤติยิ้มแบบที่ทำผมเบลอนิดนึงเลย
ยิ้มแบบเหมือนคนอารมณ์ดีในเช้าวันที่น้ำท่วม อย่างหล่อ เห็นมั้ย! ผมบอกแล้วว่าคุณกฤติน่ะหล่อ!

 

“คุณกฤติ สวัสดีครับ”

“สวัสดีครับ แทนใจ”

“วันนี้มาเช้านะเรา รถไม่ติดเหรอครับ”

“โอ๊ย รถติดมากกกกกกกกครับคุณกฤติ สุขุมวิทนี่น้ำท่วมจนผมแทบลงไปช่วยวิดเลยครับ”

“แต่ยังมาประชุมทันนะเรา ใช้ได้ๆ”

 

คุณกฤษยิ้มแล้วลูบหัวผม นี่เป็นครั้งแรกที่คุณกฤติลูบหัวผมเลยครับ เขินแปลกๆแหะ เอาจริงผมชอบคุณกฤษนะครับ คนอะไรไม่รู้เก่งมากอะ ตั้งแต่เข้ามาทำงานผมยังไม่เคยเห็นคุณกฤติปล่อยเบลอเรื่องไหนเลยครับ คนอะไรไม่รู้อย่างรอบคอบ ทำงานเหมือนเป็นคอมพิวเตอร์เลย เนี๊ยบมาก แถมจำได้ทุกเคส อันไหนที่ลูกค้าเยอะ (ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ) คุณกฤติก็รับมือไหวทั้งหมดครับ ขนาดเจ้าที่ว่าโหดๆยังต้องยอมฟังคุณกฤติเลย แถมยังดูดีอีกต่างหาก

 

“แทนใจรีบกินสิ เดี๋ยวเย็นแล้วไม่อร่อยนะ”

 

คุณเมฆที่นั่งตรงข้ามดึงความสนใจของผมออกมาจากคุณกฤติได้ครับ เออ จริงด้วย ยังไม่ได้แตะไข่เลย หมูสับก็เหลือตั้งหลายชิ้น
ผมกินไปยังไม่ถึงครึ่งเลยอะ เริ่มอิจฉาคุณเมฆแล้วแหะ กินหมดอย่างไว เป็นญาติกับเดอะแฟลชหรือเปล่า อะไรมันจะกินเร็วขนาดนั้น

 

“คุณเมฆกินเร็วมากเลย”

“ผมไม่ได้เร็ว เราน่ะช้านะ”

 

เขาพูดแล้วยิ้มให้เหมือนกับเมื่อเช้าเลย ยิ้มใจดีเหมือนทุกครั้งที่เจอ วันนี้เขาแต่งตัวดีจริงๆนะเนี่ย อย่างกับนายแบบ เบลอเลย ทำไมทุกคนถึงได้ดูมีออร่าในขณะที่ผมยังหน้าม้าเปิดมาทำงานล่ะ โลกไม่ยุติธรรม ฟ้องลุงตู่ได้มั้ย ที่แต่งเพลงเก่งๆน่ะครับ ...ตู่ ภพธรน่ะครับ

 

“เดี๋ยวเราต้องไปประชุมนี่ เห็นเมื่อกี้ยังบ่นอยู่เลย”

“โอ๊ยยยยย จริงด้วย”

 

ผมอวดครวญเมื่อถึงเลคเชอร์ที่จะเกิดขึ้นในอีกประมาณชั่วโมงข้างหน้า ว่าแล้วทำไมเช้าวันนี้มันดูชิวๆ ผมลืมไปแล้วว่าต้องเข้าประชุมด้วย
เมื่อกี้ตอนเช้าผมน่าจะปวดท้อง โอ๊ยๆ นี่เริ่มปวดท้องขึ้นมาแล้วเนี่ย ลาเลยได้มั้ย หัวหน้านั่งอยู่ข้างๆมาอนุมัติให้ที

 

“อ้าว รู้ด้วยเหรอว่าประชุมคืออะไร ไม่เคยเห็นคุณเข้าเลยนะครับ”

 

คุณกฤติหันไปพูดกับคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามผม แล้วตัวเองที่นั่งอยู่ข้างก็เขยิบมาชิดผมมากๆ เอ๊ะ เดี๋ยว แล้วจะขยับเข้ามาหาผมทำไม อ๋อ รู้แล้ว คุณกฤติจะเอื้อมมาหยิบกระดาษทิชชู่ข้างโต๊ะผมแน่นอน มือถึงได้เอื้อมมาอยู่หลังผมแบบนี้ ความจริงเขาบอกผมก็ได้นะ จะได้หยิบให้ นั่งชิดเลย

 

“อรุณสวัสดิ์พูดแบบนี้นะคุณกฤติ”

 

คุณเมฆยังคงยิ้มนะครับ แต่มันดูไม่ใจดีเหมือนเดิมแล้ว ไม่ใช่ยิ้มแปลกๆแบบเมื่อเช้าด้วย เหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่าง โจ๊กอาจจะไม่ถูกปาก แย่เลย ผมชอบร้านนี้นะที่จริง หมูสับเขาหมักอร่อยดดี ว่าจะถามสักหน่อยว่าร้านอยู่ตรงไหนวันหลังจะไปซื้อบ้าง

 

“โปรเจคเมเนเจอร์ทำงานอยู่ชั้นบนนนี่ครับ มานั่งตรงนี้ทำไม”

“ปกติ MD ต้องเอาเวลาตอนเช้าไปเตรียมประชุมไม่ใช่เหรอครับ ไปเถอะ เดี๋ยวทำไม่ทันนะ”

“ผมเตรียมแล้วครับ เพราะเรามีประชุมทุกสัปดาห์ ไม่เหมือนบางแผนกที่ไม่ค่อยทำงานน่ะครับ ไม่เคยเห็นใช้ห้องประชุมเลย”

“เรามีนวัตกรรมที่เรียกว่า VDO conference แล้วนะครับ เผื่อคุณยังไม่รู้”

 

บรรยากาศมันเย็นแปลกๆนะครับว่ามั้ย

 

ผมหันซ้ายทีขวาทีอย่างไม่รู้จะวางสายตาไว้ตรงไหน คือทั้งสองคนยังมีรอยยิ้มอยู่บนหน้านะครับ แต่ความรู้สึกมันมาคุมากจริงๆ ผมไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงเลยครับ แต่เหมือนจะมีผมคนเดียวที่เครียดนะ คุณโน๊ตมองด้วยใบหน้าไม่สื่ออารมณ์ (หรือสื่อแต่ผมไม่รู้ก็ไม่รู้่นะ
แต่ผมดูไม่ออกอะ จากใจเลย) ส่วนซุกซนนี่วางมือถือเลยครับ เหมือนคนเปิดโทรทัศน์เจอละครสนุกๆเลยครับ

 

ในที่สุดก็มีผู้กล้า

 

“คุณกฤติครับ ช่วยดูพรีเซนท์ให้ผมหน่อยครับ”

 

คุณโน๊ตพูดขึ้นมาแล้วลุกขึ้นไปยืนข้างๆคุณกฤติ ที่ยอมลุกขึ้นแล้วเดินออกไป หลังจากสองคนนั้นออกไป คุณเมฆนั่งอยู่อีกแป๊ปนึงก็ลุกเดินไปทำงานเช่นกัน เหลือทิ้งไว้แต่ผมกับซุกซนที่นั่งแช่กันอยู่ตรงนั้น แต่ผมว่าจะไปแล้วแหละครับ กินต่อไม่ลงแล้วแหะ แต่เมื่อกำลังจะลุกเห็นซุกซนมองเลยเลิกคิ้วถาม มันไม่ตอบแต่กลับถอนหายใจใส่ผมแทน

 

“เฮ้อ”

“...”

“มึงแม่งโคตรอ๊อง เคยรู้อะไรกับเขาบ้างมั้ยเนี่ย”

“อะไร??”

“อ๊องเอ๊ย คุยกับมึงแล้วเหนื่อยจริงๆ”

“เอ้า!”

 

 

เพื่อนร่วมแผนกพูดแค่นั้นแล้วลุกหนี ผมส่ายหัว วันนี้มีแต่อะไรแปลกๆ ไม่ต้องหาเหตุผลครับ เพราะวันนี้เป็นวันจันทร์แน่นอน

 

แต่อย่างน้อย วันนี้ก็ไม่แย่เหมือนจันทร์อื่นๆ… ละมั้ง?

 

 

------- TBC -------







 

ลากเลือดมากค่ะ สารภาพ


ที่ไม่ได้มาอัพเมื่อวานเพราะมันคือวันจันทร์ค่ะ
วันต้องคำสาป วันผีบ้า

วันที่ก้นแตะเก้าอี้ปุ๊ปงานก็ถาโถมปั๊ปค่า เร็วกว่าสี่จี

ชีวิตมนุษย์เงินเดือนนี่มันท้อแท้มาก

 

ฝาก #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ด้วยนะคะ

เราอ่านทุกทวีตและทุกคอมเมนท์ค่ะ ถ้าไม่ได้รีคือไม้่เห็นจริงๆค่ะ TT

ขอบคุณมากนะคะ ;D
หัวข้อ: Re: ♡ Monday in Love ♡ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ [up! ตอน4] (22/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 23-02-2018 20:31:25
5th Monday #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์





เรารักวันจันทร์ เพราะวันจันทร์มีกาแฟฟรี

   

 

“ทำไมคุณชอบชวนผมลงมาทานกาแฟวันจันทร์ทุกที”   

“เพราะผมเข้าออฟฟิศแค่วันจันทร์วันเดียวไง”



 

คุณเมฆตอบสบายๆ เรานั่งกันอยู่ที่ร้านกาแฟร้านเดิม โดยมีลาเต้เย็นของผม และคาปูชิโนของเขาเป็นพยานในการโดดงานในเวลาที่คนอื่นหัวหมุนกันเหมือนอย่างเคย ซึ่งถามว่าผมแคร์มั้ย? ก็แคร์นิดนึงนะ แต่ว่าเมื่อกี้ตอนผมจะลงมาผมเดินเข้าไปคุยงานกับคุณกฤติในห้อง เขาฝากซื้ออเมริกาโน่แก้วนึงด้วย (ความจริงตอนแรกพอผมบอกว่าจะลงมากับคุณเมฆเขาบอกว่าจะลงมาด้วย แต่คุณโน๊ตเดินเข้ามาเคาะประตูหน้าเครียดพอดี คุณกฤติก็เลยจำเป็นต้องคุยงานก่อน)



 

อันที่จริง คุณเมฆเขาโทรมาหาผมที่โต๊ะตั้งแต่เช้าๆแล้วแหละครับ แต่วันนี้ด้วยความที่ผมมาสาย หน้าม้าเปิดโล่งมาทำงานเหมือนเดิม แล้ววันจันทร์งานเข้าแบบเข้ามาเหมือนกับว่าชีวิตของคุณลูกค้าผู้น่ารักไม่มีอะไรนอกเหนือจากการตามของจากผม ถึงแม้จะพยายามเร่งแค่ไหนก็กินเวลาเสียเยอะอยู่ดี เพราะงั้นวันนี้ตอนแรกผมเลยบอกเขาไปว่าไม่สะดวก พ่อคุณก็เหมือนเข้าใจ เข้าใจอยู่ไม่กี่ชั่วโมง

 



พอตอนบ่ายก็มาหิ้วผมลงข้างล่างอยู่ดี

 



“แล้ววันอื่นคุณอยู่ไหนอะ บ้านเหรอครับ หรือลาออกแล้ววันจันทร์สมัครเข้ามาทำงานใหม่?”

“กวนนะคุณเนี่ย”

“เขาเรียกขี้สงสัย ตกลงคุณอยู่ไหนกัน”

“ผมอยู่หน้าไซต์งาน”

 



ผมพยักหน้าเข้าใจ เอาตามตรงผมไม่เคยออกไซต์เหมือนคนอื่นๆเลยครับ คุณกฤติมีไปบ้างแต่ไม่บ่อยเท่าไหร่ แต่อย่างพวกผมกับซุกซนไม่ต้องไป ก็ไม่จำเป็นไหม พวกมีความรู้ก็ออกไป งานผมถ้าไปเจอลูกค้ายังพอจะเข้าใจได้มากกว่า ซึ่งนั่นก็หน้าที่เซลล์อีก สรุปคือเซลล์โคฯเราไม่ต้องออกไปไหนครับ ถ้าจะออกคงออกจากงานอะ วุ่นวายเหลือเกิน

 



แต่ตอนนี้ออกจากงานไม่ได้ครับ หนี้คือแรงผลักดัน

 



“เดี๋ยววันศุกร์นี้ก็ต้องเข้าออฟฟิศอีกรอบแล้วแหละ”

 



คุณเมฆยังคงพูดเรื่อยๆ เขาควรให้สัญญาณอะไรบ้าง ผมที่กำลังไถหน้าเฟสบุ๊คกดไลค์สเตเตัสคนอื่นเล่นไปเรื่อยอย่างที่คนโดดงานเขาทำกัน เลยไม่ได้สนใจฟังเท่าไหร่ เพิ่งจะรู้ตัวว่ามันคงเป็นอะไรสำคัญก็ตอนที่บทสนทนามันจบลงตรงนั้น โดยไม่มีอะไรต่อมานั่นแหละครับ

 



“อะไรนะครับ?”

“วันศุกร์ไงคุณ เราต้องไป Outing กันนะ”

 



เหมือนท่องอยู่ในโลกแห่งความฝันแล้วโดนกระชากออกมา ขนาดอู้มานั่งกินกาแฟ outing บ้านี่ยังตามมาหลอกจนได้ ความรู้สึกตอนที่ผมโดนน้องกายบ่น แล้วผมต้องมาคอยตามง้อ แว๊บกลับมาทันที จนตอนนี้ยังชาไม่หายเลยเนี่ย น้องยังตัดพ้อผมอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันผ่านสติกเกอร์ไลน์ที่ใช้ตังพี่ชายน้องซื้อนั่นแหละ พี่ที่หล่อๆหน่อยอะครับ ที่ชื่อแทนใจน่ะ มีพี่อย่างผมนี่ดีมาก

 



“คุณดูไม่ตื่นเต้นเลยนะ”

 



คุณเมฆดูเหมือนไม่รู้ว่าต้องทำหน้าอย่างไร จะขำแต่ก็สงสารประมาณนั้น เมื่อมองสภาพผมที่ยับยู่ยี่เป็นผ้าที่เพิ่งออกจากเครื่องหลังซักทันทีโดยไม่คลี่ออก ตอนที่ใส่ลงเครื่องแบบยัดๆด้วย! ผมถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งแล้วค่อยไถลตัวลงโต๊ะ

 



“ความจริง ผมไม่อยากไปเท่าไหร่“

“ทำไมล่ะ?”

 



เขาถามพร้อมเลิกคิ้ว เออ หล่ออะ ยอมรับครับ แค่เลิกคิ้วก็หล่อได้ เข้าใจอยู่ที่หมิวผู้ช่วยเลขาจะชอบเดินมาคุยกับคุณเมฆตอนที่คุณเมฆลงมาหาผม ซึ่งลงมาทุกวันจันทร์ นอกจากนั้นในวันอังคารถึงศุกร์ผมแทบจะไม่เห็นปลายผมหมิวเลยครับ มีแต่ชมพูทวีปที่รายล้อมผมกับซุกซนเท่านั้น

 



“ก็แบบ!... ”

 



นานๆทีจะมีคนให้พูดด้วยนอกจากซุกซน ผมก็ต้องจัดซักหน่อยครับ ฟ้องเลยครับ แบบนี้ต้องฟ้อง!

 



“แผนกผมมีประชุมต่อที่นู่นอีกอะ ไหนจะต้องมานั่งสรุปของตัวเองไปพรีเซนท์อีก ผมมีนัดกับน้องแล้วด้วย นี่ก็ต้องเลื่อนออกไปอะ น้องงอนผมใหญ่เลย กว่าผมจะง้อได้ตั้งนาน ผมอยากอยู่กับน้อง อยากนอน อยากดูหนัง ไม่อยากไปปปปปปป”

 



พูดพร้อมกับไถหน้าลงบนแขนอีกที ฮืออออ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นน้องกายตอนสามขวบที่ติดผมอย่างกับตังเมแล้วน้องต้องเข้าโรงเรียนเลยแฮะ แต่ก็คนมันไม่อยากไปอะ ไม่อยากไป ไม่อยากไป ไม่อยากไป

 

ไม่อยากไป!

 



“หัวหน้าคุณรู้มั้ยเนี่ย?”

 



เฮ้ย!! ผมตัวชาวาบ ตาเบิกกว้างทันที ที่ได้ยินประโยคนั้นออกมาจากคุณเมฆด้วยเสียงนิ่งๆ แย่ละ!!! เขาดูรู้จักกันด้วยนี่หว่า!!!

 



“คุณเมฆ ไม่เอานะครับ อย่าบอกคุณกฤตินะครับ”

 



ผมเงยหน้ามองเขาตาโต อีกคนทำหน้าขรึมจนผมใจแป้ว ลืมไปเลยอะ คุณเมฆยังไงเขาก็เข้าทำงานมาก่อนผมอยู่แล้ว (เพราะพวกสาวๆในแผนกดูรู้จักเขาหมด) เขาต้องรู้จักคุณกฤติดีกว่าผมชัวร์ ถ้าเขาเอาไปบอกคุณกฤติผมคงต้องโดนดุแน่เลย



“...”

 



ผมคงทำหน้าแย่มากๆ เพราะคุณเมฆหันหน้าหนีไปอีกทางเลยอะ เห้ยย ไม่ได้นะคุณเมฆ แกล้งผมเรื่องอะไรก็ได้นะ ดึงแก้มก็ได้ ดีดเหม่งก็ไม่โกรธ แต่ห้ามไปฟ้องหัวหน้าผมเด็ดขาดเลยนะ ผมยอมไม่ได้จริงๆ เดี๋ยวหัวผมขาด

 



“คุณเมฆครับ คุณเมฆที่ทั้งหล่อทั้งใจดี เท่ที่หนึ่งเลย หล่อกว่าทุกคนในบริษัทเลย คนอะไรทำไมถึงได้เพอร์เฟ็คระดับนี้ โหย อย่าบอกคุณกฤติเลยนะครับ”

 



ผมคว้ามืออีกคนเอาไว้ โอ้ย จับแรงไปอะโดนนาฬิกาเลย เจ็บ! ยืมใครมา เอาไปคืนเพื่อนเลยนะ! 

 

“...”



 

เงียบ สงสัยเตรียมปิดตลาดอยู่



 

ผมเขย่ามือคู่นั้นต่อ ใช้เสียงที่พี่รักเรียกว่าเสียงแทนใจไม่ยอมโต เสียงที่ผมเอาไว้ใช้อ้อนแม่ตอนที่ผมอยากกินขนมเค้กหลังกินข้าวเกินหนึ่งชิ้น (แม่ผมไม่ชอบให้ผมทานหวานมากครับ เพราะไม่ดีกับร่างกาย แม่ผมสายสุขภาพครับ ในขณะที่ผมเป็นสายทำลายสุขภาพ)

 



“นะครับนะ คุณเมฆไม่ทำแบบนั้นหรอกนะครับ คุณเมฆคนหล่อที่สุดในออฟฟิศไม่ใจร้ายกับผมนะครับ”

“...”



 

เหลือบตามามองแว๊บนึงแล้วหันหนีอีกแล้วอะ สงสัยผมต้องแย่แน่นอน …  เอ๊ะ หรือนี่เป็นโอกาสดีที่คุณกฤติจะได้ไม่ชอบผม แล้วเตะโด่งผมไปแผนกอื่น จะไม่ต้องเจอคิมๆป้ากๆอีกต่อไป ลาก่อน ASAP ทุกอีเมล ลาก่อนสมาคมแม่บ้านด้านหลังที่ใส่ใจทุกเรื่องในบริษัท ผมจะไปแตะขอบฟ้า

 

เออ ความจริงก็เข้าท่าแฮะ



ในขณะที่กำลังคิดถึงแผนการหนีลูกค้าเพลินๆ หน้าผากผมก็โดนเคาะดังเป๊าะ!



 

“โอ๊ย!”



 

ผมรีบเอามือลูบหน้าผากใต้ผมหน้าม้าทันที อย่าบวมนะ เดี๋ยวหัวโนทะลุหน้าม้า นี่กว่าจะเอาหน้าม้าลงได้ใช้ความพยามยามมากเลยนะเฮ่ย! ถ้าน้องแทนกายจำหน้าผมไม่ได้ขึ้นมาจะทำยังไง! หน่วยงานไหนจะรับผิดชอบ!



 

“หึๆ”

“คุณเมฆ!” ผมบึนปากใส่คนที่ยังทำหน้าตาอารมณ์ดี นั่นไง มียิ้มอีก สนุกอะไรเนี่ย เจ็บนะรู้ไหม!

“ผมแค่เรียกสติคุณเองนะ คิดไปถึงไหนต่อไหนแล้วล่ะ ใจเย็นนะแทนใจนะ”



 

ผมตวัดตามองเขาอย่างเข้มมาก ขีดเส้นใต้เลยว่าเข้มมากๆ นี่คือการเรียกสติอะไร มันคือการทำร้ายร่างกาย! ผมจะฟ้อง … ใครอะ ใครสักคน!! ใครก็ได้!!! ถ้าไม่มีใครทำอะไรได้ผมจะเอารถไปปิดหน้าบ้านคุณเมฆ คอยดู!



 

“ก็เรียกดีๆสิครับ” 

“กลัวคุณไม่หัน”

“นี่แรงเอ็นจิเนียร์เป็นแบบนี้หมดเหรอครับ? แบบคุณนี่ เวลาไปหน้าไซต์งานคงไม่ต้องใช้กล่องเครื่องมือแล้วมั้งผมว่า คุณเอานิ้วก้อยสะกิดทีเดียวเดี๋ยวน็อตมันก็หลุดออกมาเองแหละครับ แรงฆ่าหมีตายด้วยมือเปล่าขนาดนี้”



 

ผมลูบหัวตัวเองป้อยๆ อูยยย มือหนักชะมัด ยังเจ็บอยู่เลยอะ โหย แดงแน่ๆ



 

“เฮ้ยคุณ เวอร์ไปหน่อยมั้งนั่น” คนที่โดนว่ามีแรงมากกว่าคนดูไม่ทุกข์ร้อนเลยสักนิด กลับหัวเราะอีก “ฆ่าหมีอะไม่แน่ แต่ฆ่ากระต่ายนี่น่าจะได้ อีกอย่าง มันไม่ได้แรงขนาดนั้นสักหน่อย”

“ลองมาโดนเองมั้ยครับ?”

“ผมให้คุณเคาะคืนก็ได้”

“เฮ้ย!”

 

ผมผงะถอยทันทีเมื่ออีกฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาจนใกล้ คือหล่อนะ หน้านี่เนียนเหมือนสิวไม่กล้าขึ้นมาก่อน แต่ทำไมคนเราต้องการเห็นคนที่หล่อในระยะประชิดด้วยล่ะ เมื่อคิดได้แบบนั้นผมก็หันหน้าออกไปอีกทาง

 



“ไม่ครับ ผมไม่นิยมความรุนแรงแบบคุณ”



 

กอดอกแล้วมองคุณเมฆแรงๆ ผมว่าคุณนั่นแหละ! นั่นไง ยิ้มอะไร ไม่ยิ้ม ห้ามยิ้ม แทนใจจริงจัง! เมื่อเห็นผมหน้าบูดอีกฝ่ายดูยิ่งอารมณ์ดีเข้าไปใหญ่ คุณเมฆไม่หล่อแล้ว หล่อน้อยที่สุดในบริษัทเลยด้วย เอาสิ!!! 



 

“โอเคๆ ไม่แกล้งแล้วครับ” เมื่อหัวเราะจนพอใจเขาก็ยกมือเป็นปางห้ามญาติ แล้วพูดต่อ

“ปกติผมเบื่อนะการออกเอาท์ติ้งน่ะ ไม่สิ ไม่เชิงเบื่อแต่ไม่ได้รู้สึกอะไร คิดซะว่าไปเที่ยวแบบทำงาน”

 



คุณเมฆยังคงพูดยิ้มๆ ผมชอบฟังเวลาเขาพูดนะ เสียงเขาจะดูทุ้มนุ่ม ฟังแล้วสบายดี เหมือนกำลังเป็นเด็กอนุบาลที่ฟังครูเล่านิทานเรื่องลูกหมีสามตัว ความจริงแล้วพี่ผมเกือบได้ชื่อน้องลูกหมีแล้วครับ เพราะคุณแม่ชอบชื่อลูกหมีมากๆ และชอบนิทานเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน แต่ดีที่พอเกิดมารู้สึกเหมือนพี่เป็นสายใยแทนรักของทั้งคู่เลยเปลี่ยนให้ชื่อแทนรักครับ ไม่อย่างนั้นพวกผมคงเป็น ลูกหมี ลูกกวาง ลูกเสือดำ สามพี่น้องอะไรแบบนี้ แล้วน้องผมก็จะโดนล่า น่ากลัวมากครับ แค่คิดก็ขนลุกแล้ว เป็นแทนรัก แทนใจ แทนกายแบบทุกวันนี้ดีกว่าเยอะมากๆ



 

“แต่ปีนี้ดู... “

 





ผู้ชายที่เหมือนจะเล่านิทานอยู่ดีๆก็มองผม ตาเขาดูเป็นประกาย ทำไมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเหมือนกระต่ายโง่ที่กำลังจะโดนหมีป่าขยำแล้วไม่รู้จะทำยังไงเลยแกล้งตาย … เดี๋ยว เมื่อกี้ผมเพิ่งยอมรับว่าตัวเองโง่เหรอ?

 





 

“น่าสนุก”

 

 

บอกทีสิว่าเรื่องสนุกของคุณไม่เกี่ยวอะไรกับผมน่ะ!

 

 

 

 

 













-------- 30% ------





 

ผมเพิ่งรู้ว่าผมไม่ได้เบื่อแค่วันจันทร์  ความจริงผมเบื่อทุกวันที่ต้องมาออฟฟิศต่างหาก



 

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ผมควรจะได้ไปหาน้องแทนกายเพื่อขนของจากบ้านพ่อมาที่คอนโดน้องให้หมด (ของที่น้องใช้อยู่ส่วนใหญ่พ่อซื้อให้น้องใหม่ แต่มันจะมีพวกเสื้อผ้าข้าวของส่วนตัวของน้องบางส่วนที่ยังอยู่ที่บ้าน) แต่ผมกลับต้องมาอยู่บนรถบัสของบริษัทเนี่ย!



 

เอาท์ติ้งของบริษัทไงครับ

การประชุมนอกสถานที่คุณหัวหน้าของผมห้ามขาดไงครับ

นอกจากการต้องมาบริษัทจะทำให้ผมเซ็งแล้ว คนที่นั่งข้างๆ ผมอย่างซุกซนก็ไม่ช่วยให้บรรยากาศดีขึ้นเลยสักนิด



ซุกซนที่หรี่ตามองผมแล้วถอนหายใจส่ายหัว แล้วก็มองใหม่เหมือนรู้ตอนจบหนังแล้วอยากสปอยล์แต่สปอยล์ไม่ได้เพราะโดนสาปไว้ว่าใครสปอยล์บ้านบึ้ม เลยทำได้แค่นั่งยิ้มแต่เพียงลำพัง หัวเราะแต่เพียงลำพัง แต่ที่ไม่ลำพังแต่น่ารำคาญกว่าการรถติดอยู่ลำลูกกา คือมันคอยมองหน้าผมเหมือนรอให้ผมคายอะไรบางอย่างออกมานี่แหละ



“ซุกซนง่วงก็นอนนะ อย่าเป็นภาระเราเลย”

“มึง ช่วงนี้มีความลับกับกูป่าววะ?”

“สำหรับซุกซนทุกเรื่องในชีวิตเราเป็นความลับหมดเลย— โอ๊ย เอ็บบบบบบบบ อ่อยยยยยย” (โอ๊ย เจ็บบบบบบ ปล่อยยยยย)



ผมโวยวายตบตีซุกซนที่เอามือมาดึงแก้มอีกแล้ว ทำไมช่วงนี้คนชอบวุ่นวายกับแก้มกับเหม่งผมจัง เออ เนี่ยพวกนิยมความรุนแรงเกิดมาถึงได้ขาสั้นแรงหมี ต้องแบบน้องแทนกายของผมนี่ น่ารักกกก น้องชายผมเอง เรียนเก่งมากเลยครับ เป็นเด็กดีมากครับ นี่แหละน้องผม น้องผมที่ดีกว่าซุกซนมากๆ อยากให้ซุกซนไปเรียนงานกับน้องผมบ้าง เผื่อจะเป็นคนดีกับโลกใบนี้ขึ้นมาสักนิด



“อิ๊อั๋ยอั่ยอี!!!!” (“นิสัยไม่ดี”)

“กวนนะ กวนตีนนะเดี๋ยวนี้”

“อ่อยยยยยยยยย” (‘ปล่อยยยยยยยย’)

 



ซุกซนคงทนแรงทุบตีของผมไม่ไหวเลยยอมปล่อยมือ ไอ้นี่ก็มือหนัก วันๆ ไม่ได้เจอแฟนหงุดหงิดหัวหน้าหุ้นตกรถติดโลกร้อนช้อนกลางล้างจานตลาดปิดคิดถึงเสือดำ อะไรก็มาลงที่ผมหมด ดูดิ ควรมีมั้ยอะเพื่อนแบบนี้ 

 

“เอ็บ” (‘เจ็บ’)

 

หน้าแดงแน่ๆเลยอะ ยังเจ็บอยู่เลย นี่นิ้วหรือคีมกันแน่

 

“ไม่ต้องมาทำหน้าตูด ตอบกูมาว่ามึงเป็นอะไรกับไอ้พี่เมฆ”

“เป็นไรอะ? เพื่อนร่วมงานที่อยู่กันคนละชั้นไง คำถามนี้ถามไปนานแล้วนะ ทำไมไม่ได้ฟังเวลาคนอื่นพูดเลย ซุกซนนี่ใช้ไม่ได้เลย”

“อย่ากวนตีน”

 

ซุกซนคนโหดยกมือขึ้นมาทำท่าจะบีบแก้ม ผมเลยรีบเอามือจับหน้าตัวเองไว้ป้องกันไว้ดีกว่ามาเจ็บตัวทีหลัง ผมควรจะได้นอนไม่ใช่มานั่งให้มันซักไซ้แบบนี้หรือเปล่าเนี่ย

 

“ทำไมอยู่ๆเขาถึงสนิทกับมึงจัง”

“ไม่รู้อะ อยู่ดีๆก็มาชวนกินกาแฟ นี่ยังติดเลี้ยงเขาอยู่หลายแก้วเลยเนี่ย ไม่ได้จ่ายคืนสักที เจอกันทีไรก็เลี้ยงแล้วนับทบตลอด ว่าจะไม่จ่ายคืนแล้วเนี่ย เยอะเกินไปเราไม่นับ”

 

 พูดถึงกาแฟ ผมนึกขึ้นได้ว่าผมติดกาแฟเขาอยู่หลายแก้วเลยเนี่ย ไม่รู้ถ้าวันทวงหนี้มาถึงผมจะต้องเอาเงินครึ่งเดือนมาเลี้ยงกาแฟคืน หรือไม่ก็อาจจะต้องซื้อร้านกาแฟคืนไปเลย สร้างงานสร้างอาชีพกันไป ถ้ารัฐบาลไม่เดี๋ยวแทนใจทำเอง


“ตลอด? แสดงว่าเจอกันบ่อย?”

“ก็ไม่ได้บ่อยขนาดนั้น เจอกันไม่กี่ครั้งเอง”

“อูหู ดิสกว่าที่คีย์”

“ซุกซน พ็อยต์ของอันนี้คืออะไรอะ? ผวนทำไม? งง มันทำให้ดูเหมือนคนสิ้นคิดอะ”

“มึงกวนตีนอีกแล้ว แดกเข้าไป!!”

 



ผมส่ายหน้าปฏิเสธเยลลี่ซองที่อีกคนยื่นมาให้ ซึ่งซุกซนใจทรามก็ยัดเข้าปากผมเลยแบบไม่ดูตาม้าตาเรือใดๆ ทั้งนั้น ซึ่งผมทำได้แค่อู้อี้ๆเพราะสู้แรงมันไม่ได้ นี่ขนาดไม่ได้อยู่ที่ทำงานก็ยังจะกินเยลลี่หมีอยู่ได้ พอเห็นแบบนี้แล้วก็อดนึกไปถึงอีกคนที่มีความหมีเหมือนกันไม่ได้ ถ้าซุกซนเป็นหมากระเป๋าติดเยลลี่หมีขี้หงุดหงิด อีกคนก็หมีกรีซลีย์ติดกาแฟน่ะนะ



 

“นี่มึงไม่รู้หรือมึงอ๊องเนี่ย?”

“อะไร อ๊องอะไรอีก?”

“อ๊องเก่งนะเดี๋ยวนี้ ตกลงมีอะไรมีอะไรที่ยังไม่บอกอีก”

“ซุกซนจะใส่ใจเรื่องของเราทำไมนักหนาเนี่ย เราไม่รู้เรื่อง บอกแล้วไง”

“เหรอๆๆๆ”

 



บทสนทนาจบลงตรงที่ซุกซนเพื่อนรักรอวันเลิกคบทำเสียงเหมือนไม่เชื่อเท่าไหร่แต่เยลลี่ในมือคงสำคัญกว่าการต่อความที่ไม่ได้มีสาระใดใดเพิ่ม ผมก็นั่งเล่นมือถือของตัวเองไป ได้ยินเสียงวี๊ดว๊ายของพวกสาวๆ ที่จับกลุ่มเม้าขึ้นมาเป็นครั้งคราว เท่าที่จับได้คร่าวๆคือการรับบทของดาราผู้หญิงคนหนึ่งในละครย้อนยุค แล้วก็เรื่องผู้ชายที่เหมือนจะเป็นเกย์ในแผนกเรา แต่ผมไม่รู้ว่าใคร ความจริงผู้ชายในแผนกเราก็ไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ผมขี้เกียจใส่ใจ มันไม่ไใช่เรื่องของผมสักหน่อย



ผมสลับมาไถหน้าโซเชียลที่ทุกคนเล่นกันอย่างเฟสบุ๊ค ตัวเฟสบุ๊คผมอะไม่ค่อยโพสอะไรเท่าไหร่ ได้แต่กดไลค์ไปเรื่อย ซึ่งแบบนี้สนุกดีครับได้เห็นชีวิตและการโวยวายของหลายๆคน รวมถึงได้อัพเดทเรื่องของเพื่อนตั้งแต่ประถมยันมหาลัยที่ไม่ค่อยได้เจอกันแล้วผ่านสเตตัสด้วย

 

 

โล้งเล้ง แม่ขายของเจ๊งเลยต้องมาสอนพิเศษ -- 1 hour ago

ใกล้เปิดคอร์สใหม่แล้วนะครับ ภาษาอังกฤษกับครูพี่โล้งเล้ง เพียงชั่วโมงละ 300.- เท่านั้น!!! พิเศษ!!! สำหรับน้องๆ ที่สมัครเข้ามาตอนนี้ พี่ลดให้เลย เหลือเพียงชั่วโมงละ 250.- เท่านั้น!!! ส่วนน้องๆที่เป็นนักเรียนใหม่ เพียงชวนเพื่อนมาเรียนด้วยกันในแคมเปญ ‘ติดมหาลัยไป F ด้วยกันทั้งฉันและเธอ’ สมัครคอร์สวันนี้ฟรีแม็คฟิช!!! Inbox เข้ามาเลยครับ!!

Liked by You, ซุกซน ใจทราม, and 178 others    4 comments

 

พ่อชื่อองแม่ชื่ออุ๋ม แต่ทำไมกูชื่อกึกก้อง : หยั่กเรียนจังเรยคร่าาาาาาา

     โล้งเล้ง แม่ขายของเจ๊งเลยต้องมาสอนพิเศษ : เสือก!!! กลับเซคมึงไป รอด F สมศักดิ์หรือยังมึงอะ

     พ่อชื่อองแม่ชื่ออุ๋ม แต่ทำไมกูชื่อกึกก้อง : กูลงใหม่เทอมนี้  คิดว่าน่าจะเรียน D ขึ้น

   Tanjai Kraikiratikulchai : สู้ๆน้า

 

โล้งเล้ง แม่ขายของเจ๊งเลยต้องมาสอนพิเศษ  อันนี้เฟสบุ๊ครุ่นน้องผมเองครับ น้องเคยมาค่ายที่ผมจัดแล้วตอนนี้ก็ติดมหาลัยเดียวกัน ชื่อโล้งเล้ง ไม่รู้แม่มันขายของเจ๊งจริงหรือเปล่า แต่สอนพิเศษเนี่ยเรื่องจริง เคยเห็นน้องมันโฟสรูปตอนสอนกับพวกเด็กนักเรียนของมันอยู่ ผมก็ทำได้แค่ ‘สู้ๆน้า’ เท่านั้น ยังเอาตัวเองจากลูกค้าไม่รอดเลยครับ





ซุกซน ใจทราม shared BNK48’ post -- 2 hours ago

ทำไมเอาสาวๆมาขายอาหารญี่ปุ่น อุตส่าห์ลั่นไว้ว่าจะไม่กินซูชิเพราะเบื่อลูกค้าญี่ปุ่น ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก สงสัยต้องไปกินราเม็ง แต่ลดความอ้วนอยู่ พุงเยอะกว่าแก้มแทนใจแล้วแม่งเอ้ย แทนหส่เยนห่เยนห่ยเ่หยนเ่หยน่เยนห่ยเ

89 Likes       27 comments

Tanjai Kraikiratikulchai : แก้มเราเกี่ยวอะไรกับพุงซุกซน เราเห็นนะ -_-



 เนี่ย! ซุกซนก็ใจทรามสมชื่อจริงๆ เห็นแบบนี้ผมก็ต้องปกป้องแก้มตัวเองนะ ฮึ่มๆ





เรื่องของคนที่ดูหนังวันพฤหัส -- 2 hours ago

รีวิว Shape of Water ****ไม่สปอยล์ครับ จะอ่านหรือไม่อ่านก็ได้แล้วแต่****

สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมารีวิวหนังที่โดนทั้งด่าทั้งชมเยอะกว่าโรงที่ฉายในประเทศ Shape of Water  นั่นเอง หนังคนกับปลาอย่างที่หลายๆคนเห็นในโปสเตอร์นั่นแหละ บอกก่อนเลยว่าสำหรับตัวผมชอบหนังของผู้กำกับคนนี้อยู่แล้ว Guillermo del Toro  เรื่องนี้ก็ยังคง…

671 Likes    27 comments    129 Shares





เพจ เรื่องของคนที่ดูหนังในวันพฤหัส เป็นเพจรีวิวหนังที่ผมกดไลค์ไว้ครับ แต่เขามาอัพตามอารมณ์มากๆ อยากรีวิวเรื่องไหนก็รีวิว บางทีมาบอกว่าดูเรื่องนี้มาแต่ขี้เกียจรีวิวก็เคย หรือมาแค่รูปตั๋วหนังพร้อมข้อความสั้นๆว่า ‘เหี้ย’ ก็เคยผ่านตาผมอยู่ แต่ผมเข้าใจว่าโลกมันร้อนครับ คนเราก็เป็นแบบนี้แหละ

ที่ผมชอบเพราะเขาไม่ดราม่า คือไม่สนใจดราม่าน่ะครับ เหมือนเปิดมารีวิวหนังก็รีวิวไปเรื่อยๆ ยกเว้นว่าช่วงนึงที่เพจร้างๆ ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆก็เงียบหายไปนานเลย แต่ช่วงนี้กลับมาแล้วครับ ดีนะ ผมชอบอ่านที่เขาเขียน บางครั้งมันก็ออกจะห้วน แต่มันตรงกับความรู้สึกของผมหลังจากดูเสมอ อย่างเรื่องที่เขาเขียนแค่ ‘เปลืองเงิน’ ผมไปดูพร้อมน้องกายก็รู้สึกแบบนั้นจริงๆ





Mek Sitthikorn -- 6 hours ago -- feeling exciting

พรุ่งนี้เอาอะไรให้กระต่ายกินดีนะ ;D

1.3K Likes    501 comments    27 Shares

Pingpong kidteungtertookwan : พี่เมฆเลี้ยงกระต่ายด้วย มึงมาดูพ่อของลูกกู โคตรอ่อนโยน @Vorawan T

          Vorawan T.: อีดอก เลิกมโน เขาอ่อนโยนกับกระต่าย ไม่ใช่มึง

          Pingpong kidteungtertookwan : กูก็แบ๊วๆได้อยู่นะ

          Vorawan T.: กระต่ายตัวเท่านิ้วโป้งเท้ามึงเอง ใจเย็นๆนะเพื่อนนะ

ซุกซน ใจทราม : กระต่ายนี่ใช่ตัวที่ซื่อๆหรือเปล่าอะะะะะ ให้กาแฟเสี่ยงทายกัน

          Mek Sitthikorn : ชงเก่ง ลาออกไปเปิดร้านกาแฟเถอะ

          ซุกซน ใจทราม : อันนี้ชมหรือด่า ไม่ค่อยแน่ใจ

Krit Jarujarunwan : เหรอครับ?

          Mek Sitthikorn : อิจฉาเก่งนะครับ

          Krit Jarujarunwan  : ครับ คุณเองก็แซะเก่งเหมือนที่นกเก่งหรือเปล่าครับ

MewMew’ Mew: พี่เมฆเลี้ยงกระต่ายด้วยเหรอคะ เหมือนหมิวหมิวเลยค่าาาาา

Bubu Bewithyouforever : นั่นแน่

Ball Natthakrit :  นั่นแน่

ปีโป้ ปะปะปีปีโป้ : นั่นแน่

Alexander T. : นั่นแน่

Mek Sitthikorn : พวกมึงนั่นแน่เหี้ยอะไรกันครับเพื่อนๆ 5555555



 

โอโห ผมเพิ่งรู้ว่าคุณเมฆดังขนาดที่ว่าสเตตัสอะไรก็ไม่รู้ มีคนไลค์เยอะกว่าเพจรีวิวหนังที่ผมชอบอีก ไม่แฟร์เลยอะ เพจ เรื่องของคนที่ดูหนังในวันพฤหัส ของผมนี่เขาเขียนตั้งนาน มีการคิดอะไรเยอะแยะกว่าจะออกมาเป็นสเตตัสหนึ่ง แล้วคุณเมฆนี่อะไรเนี่ย ทำไมคนไลค์เยอะจังเลย ไม่เข้าใจพวกคนดังๆจริงๆ



คนแซวคุณเมฆเยอะมากเลย ผมไปแซวด้วยละกัน เห็นแล้วตลกดี มีทะเลาะกับคุณกฤติด้วย ครึกครื้นจัง ผมควรไปเม้นบ้างดีกว่า

 



Tanjai Kraikiratikulchai : นั่นแน่ XD

               Mek Sitthikorn : …

                              Tanjai Kraikiratikulchai : โกรธผมหรือเปล่า ผมเล่นไม่ดูเอง TT”

                           Mek Sitthikorn : ใครจะโกรธคุณลงครับ 5555 ว่าแต่วันนี้กินข้าวเช้าหรือยังเนี่ย?

                              Tanjai Kraikiratikulchai : ยังไม่ได้ทานเลยครับเมื่อเช้าผมสาย คิดถึงโจ๊กหม้อดินจังเลย ฮือ

                           Mek Sitthikorn : โถ่คุณ ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวกลับมาผมซื้อให้ทานนะ







“อ่อยเก่ง”



ซุกซนพูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้ผมละจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่กำลังคุยกับคุณเมฆมามองหน้าเพื่อนที่หน้าทิ่มกับมือถือเหมือนกัน ผมยักไหล่เมื่อไม่มีคำอธิบายอะไรจากซุกซนใจทรามมากกว่านั้น มันอาจจะดูคลิปอะไรสักอย่างแล้วละเมอพูเขึ้นมาเองก็ได้ อย่างงี้แหละครับ เมื่อเรามีเพื่อนสติไม่ค่อยเต็มเต่ง เราต้องใจกว้างเข้าไว้



 

เมื่อเล่นมือถือไปสักพักผมเริ่มเคลิ้มละ กะจะนอนพักสายตาสักหน่อยแต่คนข้างๆดันเอาศอกมาถองเฉย



 

“แทน มึงอย่าพึ่งหลับ กลับมาอ่อยเขาต่อก่อน เฟสบุ๊คแตกไปแล้วเนี่ย!”

“งืม”



 

ผมหันไปทำตาปรือใส่มัน วุ่นวายอะไรง่ะคนจะนอน เฟสบุ๊คจะเป็นยังไงก็ปล่อยมันไป ผมง่วงเกินจะใส่ใจเรื่องชีวิตของคนอื่นแล้ว ความจริงผมเป็นคนที่ขึ้นรถแล้วหลับครับ แบบขี้ง่วงน่ะ นั่งไปสักพักก็จะเคลิ้มแล้วหลับปุ๋ยไปเลยในเวลาไม่นาน เพราะเป็นแบบนี้ผมเลยไม่เอารถมาขับไปทำงานครับ แล้วก็ไม่เอารถขับไปไหนเลยด้วยครับ คุณแม่กับน้องกายไม่อยากให้ขับ ผมก็เลยไม่ขับ ถึงแม้คุณพ่อกับพี่แทนรักจะอยากให้ผมลองขับดูบ้างก็ตาม แต่ฝั่งแม่กับน้องกลัวอุบัติเหตุ ผมยังไงก็ได้ ตามใจทุกคนครับ



 

“มึงว่าถ้าเขา—“

“ม่ายยย” เริ่มยานละครับ สติเริ่มไม่มี เอาไว้ค่อยคุยได้มั้ย ใครจะทำอะไรผมไม่สนใจแล้วแหละตอนนี้ ง่วงง

“เดี๋ยวมึงกูยังพูดไม่จบ ลุกก่อน ล้างหน้าล้างตา ลุกเว้ยลุก!!”



 

ซุกซนเคาะหัวผมเบาๆ มีดึงแก้มด้วย ซึ่งผมไม่สนใจ มากๆเข้าผมก็ขมวดคิ้วขู่ด้วยความน่ากลัวมากๆ แล้วก็หลับใส่มันไปเลยละกัน เราใช้วิธีประท้วงแบบอหิงสา ได้ยินเสียงถอนหายใจงึมงำโง่ๆอ๊องๆ ไอ้คนไม่รู้เรื่อง สงสารพี่เมฆ อะไรของมันไม่รู้ ตอนนี้ผมไม่สนแล้วครับ ง่วงมากจริงๆ หนังตาหนักกว่าน้ำหนักตัวอีก 

 





ช่างเถอะ ตื่นแล้วค่อยฉลาดก็ได้มั้ง

 

 



------- 60% -------





 

ไม่ถึงที่หมายสักที ตอนแรกว่าจะไม่อัพแล้ว แต่พรุ่งนี้เราไม่อยู่ คงอัพไม่ได้ ฮือ เอาอันนี้ไปก่อนละกันนะคะ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์

   เพราะว่าเราเบลอว่ารักแถบ แบบว่าแต่งเสร็จอัพเลย เพราะงั้นถ้าเจอคำผิดหรือสะกดตกอะไรสามารถบอกได้เลยนะคะ ได้ทุกทางยกเว้นบอกผ่านหัวหน้า อันนี้น่าจะโดนฆ่าทิ้ง(?) เอาไว้เราพอหาช่องว่างได้บ้างเราจะมาตรวจเช็คอีกครั้ง ขอบคุณมากๆสำหรับคนที่สะกิดเรามานะคะ

ปล. เราขอบคุณทุกคอมเมนต์ แล้วก็แท็ก #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์มากๆนะคะ สามารถคุยกับเราได้ที่ @babybapho นะคะ ถ้าเราไม่ตอบ สามารถหาศพได้จากใต้โต๊ะหัวหน้าค่ะ น่าจะเสียชีวิตไป ไม่ก็โดนจับแล้วเรียบร้อย 55555

 


ขอบคุณที่ชอบน้องแทนใจกันนะคะ XD 











 

ต่อจากนี้คือการ outing แล้วนะคะ อิ___อิ
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡ Monday in Love ♡ [up! ch 5] (23/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 23-02-2018 21:21:27
 :L2: :pig4:

รออ่านตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡ Monday in Love ♡ [up! ch 5] (23/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 24-02-2018 01:08:46
เชื่อซุกซนค่ะ ว่าอ่อยเก่งจริงๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡ Monday in Love ♡ [up! ch 5] (23/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: gemgems ที่ 24-02-2018 03:30:27
แทนใจ หนูลู๊กกก ตื่นมาตอบพี่เค้าก่อนเร็ววว
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡ Monday in Love ♡ [up! ch 5] (23/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 24-02-2018 05:52:24
แทนใจนี่ไม่รู้อะไรบ้างเล้ยยยยย
สงสารพี่เมฆ แต่ทีมพี่เมฆนะ555555
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡ Monday in Love ♡ [up! ch 5] (23/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: marisa9397 ที่ 24-02-2018 10:48:54
สนุกมาก แทนใจน่ารักมากเลยค่ะ อ่านไปขำไป 5555
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡ Monday in Love ♡ [up! ch 5] (23/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 24-02-2018 11:12:21
น่ารัก :ling1: น้องแทนใจนี่ซื่อจริงๆใช่มั๊ยอะ สงสารคุณเมฆ ว่าแต่คุณหัวหน้านี่ชอบน้องเหมือนใช่มั้ย  :o8:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡ Monday in Love ♡ [up! ch 5] (23/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 24-02-2018 12:18:47
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡ Monday in Love ♡ [up! ch 5] (23/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: janehh ที่ 24-02-2018 23:01:20
อ๊องมากๆ อะรูกกกก 555555555555555555
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡ Monday in Love ♡ [up! ch 5] (23/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 24-02-2018 23:30:48
 :mc4: จุกปะทัดให้น้องตื่น
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡ Monday in Love ♡ [up! ch 5] (23/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 25-02-2018 00:01:18
แทนใจอ๊องมากๆ แต่ก็อ่อย(แบบอ๊องๆ)เก่งมากด้วย

เนี่ย สงสารคุณเมฆเขานะคะ (เอ๊ะหรือว่าคุณหัวหน้าด้วยนะ?)
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡ Monday in Love ♡ [up! ch 5] (23/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 25-02-2018 18:35:38
ต่อนะคะ
[/b]

----------------------------------------

กว่าจะมาถึงที่หมายก็ได้เวลาทานข้าวพอดี เที่ยงกว่าครับเวลากำลังสวย แต่อย่าถามผมนะว่าสวยยังไงอธิบายไม่ได้เหมือนกัน เหมือนภาพถ่ายที่สวยๆสดใส เหมือนไม่มีอยู่จริงอะครับ ซึ่ง outing ครั้งนี้เรามาที่เขาใหญ่กัน แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารการกินนะครับ ทางโรงแรมของกินเยอะ เขาไม่ปล่อยให้เราวิ่งขึ้นเขาเข้าป่าไปล่าเสือมาทำกินเองแน่นอน
 

สารภาพตามตรงว่าผมเพิ่งรู้ว่าเราจะมาเขาใหญ่กันก็ตอนถึงนี่แหละ ทุกคนเขารู้กันหมดนะ เพราะเหมือนจะไม่มีใครตื่นเต้นตกใจ มีแต่ผมนี่แหละที่ลงรถมาแล้วตื่นตาตื่นใจจนโดนซุกซนดีดเหม่งไปทีข้อหาวุ่นวายเกินหน้าเกินตา พร้อมเหน็บมาว่า นี่เคยอ่านอีเมลอะไรบ้างมั้ย? เขาเมลมาสามร้อยรอบแล้วว่าเราจะมาเขาใหญ่ อย่าบอกนะว่าคลิ๊กขวา Ctrl+A เลือกทั้งหมด แล้ว delete ทิ้งหมดทั้ง inbox น่ะ
 

สารภาพเลยก็ได้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมแทบไม่ได้อ่านอีเมลอะไรจาก HR เลยครับ เพราะบรรดาลูกค้าผู้น่ารักของผมงอแงงเนื่องจากใกล้วันหยุดประจำชาติเขา ASAP จะเอาของวันนี้แต่ใช้จริงไตรมาสหน้ากันหมดเลยครับ เหมือนสั่งซื้อไปสะสมกันหมดครับ สน่ารัก
 

แต่ถึงไม่มีเมลลูกค้าผมก็ไม่ค่อยอ่านเมลอื่นอยู่ดีครับ โดยเฉพาะเมลจาก HR ที่ชอบส่งพวกอะไรสำคัญแต่ยากต่อการเข้าใจมาอะ อย่างเช่นพพวกเอกสารยื่นภาษีที่ผผมยังงงๆ ชีวิตยันทุกวันนี้ มันน่าปวดหัวมากจริงๆนะครับ แทนที่เราจะต้องยื่นภาษี ทำไมไม่ให้ภาษีลองยื่นเราดูบ้างครับ เรื่องอาจจะง่ายขึ้นนะ ผมว่าตัวผมเข้าใจไม่ยากหรอก หรืออย่างน้อยก็ง่ายกว่าเอกสารการบัญชีแน่นอน
 

โรงแรมที่มาพักค่อนข้างใหญ่ ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันชื่ออะไร โบนันซ่าปาทังก้าเซ็กซี่อะไรสักอย่าง ที่มันมีเครื่องเล่นด้วย อันนี้ก็รู้เพราะซุกซนคนใจทรามไลน์มาบังคับให้ผมเอากางเกงว่ายน้ำกับชุดพร้อมลุยมาครับ มันบอกว่าผมจะป่วยก็ได้แต่ต้องเล่นกับมันก่อน ครับ ย้่ำอีกทีว่าการคบซุกซนคนบ้าพาไปลำบาก

 
หลังจากที่ลงจากรถทัวร์ พวกเราโดนต้อนมาที่ล็อบบี้โรงแรมครับ. มีเวลาพักกลิ้งไปกลิ้งมาในห้อง (หรือจะกลิ้งหน้าห้องก็ได้ถ้าสบายใจ) จัดแจงเช็คอินเพื่ออาบน้ำอาบท่าชั่วโมงหนึ่ งก่อนที่การประชุมจะเริ่มต้นขึ้น หลายคนดูสนุกสนาน ทางฝั่งสาวๆ ในแผนกเริ่มออกถ่ายรูปกันแล้วครับ นำทีมด้วยชมพูทวีปที่เริ่มจะเซลฟี่ทั้งมือและไม้และเม้าไปเซลฟี่ไปด้วย พูดๆอยู่แล้วหยุดยิ้มตอนที่มีคนจะกดชัตเตอร์งี้ multitask เก่งมากจริงๆ นับถือครับ
 

“มึงรออยู่ตรงนี้ เดี๋ยวกูมา”

 
ซุกซนโยนทั้งผมที่ยังไม่ตื่นดีและกระเป๋าของเราสองคนไปแปะไว้ที่โซฟา ส่วนตัวเองไปจัดการเซ็นชื่อเช็คอิน การมาเป็นกรุ๊ปข้อดีคือเร็วครับ แค่บอกชื่อ แล้วเซ็นชื่อตัวเองเพื่อรับกุญแจแป๊ปเดียวเดี๋ยวก็เรียบร้อย เพราะเรามีกลุ่มแอดมินมาช่วยด้วยแหละครับ เร็วมาก ที่ผมเคยไปติดต่อเองตอนไปเที่ยวบางโรงแรมถามประวัติซะเหมือนจะเอาไปทำพ็อกเก็ตบุ๊ค ชีวะประวัติแทนใจผู้พักห้อง 801 สองคืนในเดือนธันวาคม ที่คุณไม่เคยรู้ อะไรประมาณนี้
 

ผมยืดตัวเป็นแผ่นเหมือนชีสที่ถูกยืดออกมาจากขอบพิซซ่า แล้วพาดตัวเองไว้บนโซฟานุ่มๆ การทำงานติดต่อกันตั้งแต่วันจันทร์จนถึงเมื่อวานแล้วตื่นเช้ามาวันนี้ทำให้แบตหมดครับ เหนื่อยจัง อยากนอนเฉยๆบนเตียงจนวันกลับ นอนกลิ้งบนเตียงดูหนังกับน้องกายไปเรื่อย

ฮือ คิดถึงน้องกาย
 
 

“แทนใจ”
 

ในขณะที่ผมกำลังอยู่ในโหมดระหยัดพลังงาน เสียงทักคุ้นๆที่ดังอยู่ไม่ไกลเรียกให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง ผู้ชายที่มักจะโผล่มาในวันจันทร์ดันมาให้เห็นหน้าในวันศุกร์ พร้อมส่งยิ้มใจดีเหมือนปกติที่เคยเห็นมาให้ ใช่ครับ ผู้ชายที่มีคนไลค์สเตตัสสัตว์เลี้ยงเยอะกว่าเพจหนังคนนั้นนั่นแหละ
 

“คุณเมฆ?”
 

ผมฉีกยิ้มง่วงๆ ส่งให้ผู้ชายที่ใส่เพียงเสื้อยืดกางเกงขาสามส่วน ดูสบายกว่าทุกครั้งที่เห็น แต่ยังเซ็ตผมมานะครับ เหมือนตื่นมาเอาเจลแปะๆห้านาทีแล้วหล่อเลย โห น่าอิจฉาพวกเบ้าดีหุ่นเพอร์เฟ็ค ผมนี่แค่พยายามให้หน้าม้าไม่เปิดในเช้าวันจันทร์ได้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จกับตัวเองในกระจกแล้วครับ
 

“ยังไม่ตื่นดีเหรอเรา”
 

เขาทำท่าเหมือนอยากจะเข้ามานั่งด้วย แต่ที่นั่งข้างๆมีกองกระเป๋าที่ซุกซนมันโยนไว้ (พร้อมกับที่โยนเพื่อนมันนั่นแหละครับ) ผมพยายามจะกวาดของมาไว้บนตักคุณโปรเจคฯจะได้นั่งได้ แต่มันมึนอะ หยิบกระเป๋าใบที่หนึ่งขึ้นมาแล้วกลายเป็นผมไกลไปกองบนโซฟาตรงนั้นแทนกระเป๋า อย่างนี้แหละครับ มนุษย์ที่ง่วงงุน มักมีสภาพเป็นของเหลว ไหลลงไปแปะกับทุกอย่างที่แปะได้อยู่แล้ว
 

“ยังงงงงง”
 

ผมตอบพร้อมเอากระเป๋ามาไว้บนตักใบหนึ่งสำเร็จ ซึ่งนั่นเป็นที่ว่างมากพอให้คุณเมฆแทรกตัวมานั่งข้าง ฮือ เขาเอามือมาลูบหัวผมอีกแล้ว ซึ่งผมสู้นะ สู้โดยการทำหน้าง่วงใส่เขา สงสัยคงต้องจัดแถลงข่าวแล้วมั้งว่านี่แทนใจไม่ใช่ไซบีเรียน ทำไมชอบลูบหัวดึงแก้มกันจังเลย หรือผมควรกัดแบบไซบีเรียนบ้าง … ไปกันใหญ่แล้ว ความง่วงทำให้คนเป็นบ้า
 

“เมื่อกี้ผมไม่เห็นคุณบนรถเลย คุณมายังไงครับ?”

 
ผมพยายามตื่นเพื่อที่จะคุยกับเขามากกว่านี้ เผื่อคุณเมฆจะได้เลิกลูบหัวผมด้วย ลูบมากนี่จะเคลิ้มอีกแล้วนะ คนยิ่งงง่วงๆอยู่ ไม่รู้เรื่องเลย
 

“ผมขับรถมาเองน่ะ”

 
ผมพยักหน้ารับรู้ เออเนอะ เขาใหญ่ก็ไม่ไกลจากกรุงเทพฯเท่าไหร่ หลายคนที่ไม่อยากนั่งเบียดเสียดรอคนอื่น หรือแม้แต่พวกที่เอาครอบครัวมาเอาท์ติ้งด้วยก็เลือกขับรถมากันเอง (อย่างเช่นคุณเชนที่อยู่แผนกผมน่ะครับ แต่คนนั้นดีแล้วที่ขับรถมาเอง ไม่งั้นผมคงได้ยินเสียงแกบ่นรัฐบาลบ่นทุกอย่างตลอดทั้งทางเลยครับ คือผมคุยได้นะ แต่เวลาเขาพูดกับเราเขาไม่ได้ต้องการการตอบรับน่ะครับ เหมือนแท็กซี่บางคันที่ต้องการคนฟัง แต่ไม่ได้ต้องการคนคุยด้วยอะ จะหลับก็ไม่ได้ คอยปลุกมานั่งฟังกาพย์แห่ของแกครับ ผมเคยติดรถแกกลับบ้านครั้งหนึ่งและอาจจะเป็นครั้งเดียวในชีวิต ทรมานมาก)
 

ตอนแรกซุกซนมันก็จะขับรถมาเหมือนกัน แต่พ่อยืมรถไปใช้เลยอด ต้องนั่งรถทัวร์มาด้วยกันแบบนี้ ซึ่งมันก็แก้ปัญหาของมันโดยการเอาแผ่น BNK ไปให้รถเปิดครับ แต่รถมีอยู่แล้วครับ การเดินทางของผมมีเพลงคุ้กกี้เสี่ยงทายจังหวะสามช่าบ้าง เวอร์ชั่นหมอลำบ้างเป็นเพื่อนร่วมทาง
 

“ดีจัง ผมนอนหลับไม่สบายเลย บนรถทัวร์เปิดแต่คุ้กกี้เสี่ยงทาย ง่วงมากเลยครับ”
 

เขาหัวเราะนิดหน่อย ผมเพิ่งสังเกตว่าวันนี้คุณโปรเจคเมเนเจอร์ดูผ่อนคลายกว่าปกติที่ผมเจอ ทั้งการแต่งกายและบรรยากาศรอบตัว อาจจะเพราะว่าวันนี้เขาไม่ต้องนั่งมองโทรศัพท์เพื่อเช็คอีเมลจากลูกค้าก็ได้ละมั้ง ก็จัดว่าเป็นเรื่องที่ดี ผมเข้าใจดีเลยครับว่าการต้องคุยกับลูกค้าสร้างความเหนื่อยได้แค่ไหน
 

“งั้นขากลับแทนใจกลับกับผมไหม?”
“หือ? คุณเมฆว่าไงนะครับ?”
“ยังไงผมก็รู้แล้วว่าคุณอยู่ตรงไหน กลับด้วยกันก็ได้เดี๋ยวผมไปส่ง” 

 
“อ้าว พี่เมฆ หวัดดีครับ”
 

ยังไม่ทันที่สมองผมจะประมวลผลเมื่อกี้ของคุณโปรเจคฯ รูมเมทที่ไปเช็คอินก็เดินควงกุญแจห้องกลับมา ยกมือไหว้คนอายุมากกว่าที่รีบรับไหว้แทบไม่ทัน วันนี้ซุกซนมันมาในเสื้อฮาวายครับ ลายดอกพร้อยเลย ดอกอะไรก็ไม่รู้ครับ ผมแยกดอกไม้ไม่ออก รู้แต่มันลายพร้อยมากจนผมไม่แน่ใจว่าซุกซนเดินออกจากปากซอยบ้านโดยปลอดภัยหมาไม่เห่าไล่หรือเปล่า

คนอายุมากกว่ารับไหว้ขำๆ ก็น่าขำอยู่หรอกครับ หน้าซุกซนในเสื้อลายดอกมันก็ตลกใช่เล่น แต่คุณเมฆมีมารยาทพอที่จะไม่ถามว่า ใช้ความมั่นใจไหนใส่เสื้อแบบนี้ออกมาวะ?
 
 
“ไงเรา วันนี้หล่อนะเนี่ย”

 
ผมบอกแล้วว่าคุณเมฆเป็นคนมีมารยาท
 

“นิดนึงพี่ ความจริงผมก็หล่อทุกวันอยู่แล้วนะ แต่เห็นว่าเป็นพี่อะเลยจะยอมถ่อมตัวหน่อยก็ได้”
 

ซุกซนขาสั้นหัวเราะพร้อมยักคิ้วกวนประสาท ในมือข้างหนึ่งมีกุญแจห้อง อีกข้างมีถุงเยลลี่ มองจากดวงจันทร์ยังรู้เลยว่าติ๊งต๊อง ไม่ได้คิดเลยว่าเขาอาจจะชมเพราะไม่รู้ว่าจะพูดกอะไรด้วยก็ได้ ซุกซนนี่ใช้ไม่ได้เลย อย่าบอกใครนะว่าผมรู้จักมัน
 

“เด็กยังรู้เลยนะว่าคุณเมฆเขาพูดตามมารยาท ซุกซนไม่ต้องดีใจจริงก็ได้”
“มึงนะ ตื่นมาแล้วก็กวนตีนกูเลยนะ”
“เอ็บบบบบบบบบ อุ๊กอน อก-อะ-อ๊กกกกกกกกกกก” (เจ็บบบบบบบบบ อุ๊กอน สกปรกกกกกกกกกกก”

 
มันเอามือที่ถือเยลลี่มาดึงแก้มผมอะ ดึงเหมือนหน้าผมเป็นขอบพิซซ่าชีสเยิ้มๆแล้วตัวมันยืดดูว่าชีสนี่เยิ้มได้ถึงไหน ดึงแรงไป จะดึงให้แก้มผมหลุดติดมือไปเลยหรือไง! โหดร้าย!! ผมจะบอกให้คุณกฤติย้ายมันไปนั่งทำงานในกล่อง!! คุยกับตัวเองไปเลยนะ ไม่คุยด้วยแล้ว!!
 

“อุน … อุ๊ก-อน แอ้ง อ๋ม” (คุณ… ซุกซนแกล้งผม)
 

 ผมกระตุกเสื้อคุณเมฆฟ้องเลยว่าโดนแกล้ง ฟ้องครับ! มันต้องมีคนได้รับโทษ คอยดูวันหลังถ้าซุกซนล้มนะ เราจะไม่ทำแค่ข้าม แต่จะกระโดดไปมาหัวเราะฮ่าๆแล้วเอาใบบัวมาปิด แน่นอนว่าปิดมิดเพราะว่าซุกซนขาสั้น ไม่รู้ว่ากางเกงที่ใส่ตอนซื้อมาตัดขาไปกี่นิ้ว แต่เท่าที่ดูน่าจะตัดออกไปเป็นเมตร!    

“...”
อ้าว คุณเมฆไม่ด่าซุกซนอะ

สิ่งที่ผมคิดไว้คือคุณเมฆหัวเราะแล้วก็แซวซุกซนกลับหรืออะไรประมาณนี้ ไม่ได้คิดว่าเขาจะมองหน้าผมแล้วนิ่งไปเลย นิ่งแบบ จังงังอะ จังงังแบบที่ตอนแรกผมก็ไม่รู้ว่าแปลว่าอะไร เคยเห็นในโรงหนังครับ คิดว่าน่าจะเป็นแบบคุณเมฆตอนนี้แหละ

“อ๊องเก่ง แล้วยังอ่อยเก่งอีก” ซุกซนกลอกตา “มึงออกมาจากทุ่งลาเวนเดอร์บ้างเถอะ” 
“อะไรของซุกซน พูดให้มันรู้เรื่องหน่อย งง”

ผมว่ามันกลับไป โหย แก้มตอนนี้แก้มต้องแดงแน่เลยอะ คนบ้าอะไรไม่เคยออมมือเลย คิดว่าผมเป็นมาชเมลโล่เผาที่ยืดๆได้หรือไง ผมไม่ไหม้นะ! ยืดไม่ได้ด้วย หยุดยืด!

“อ่า… พวกเรานอนห้องไหนกัน”
“นี่ก็เปลี่ยนเรื่องเก่ง”
 

ซุกซนพูดแล้วทำหน้าเหมือนเหม็นขี้หมา ผมเข้าใจดีเลยครับ เมื่อก่อนตอนเลี้ยงหมานี่ถ้าผมเจอว่าหมาผมอึเมื่อไหร่นี่ต้องปิดจมูกเลย ทำหน้าเหมือนซุกซนตอนนี้แหละ มันเหม็นมากครับ แต่ตอนนี้ผมก็ว่าตรงนี้มันไม่ได้มีหมาหรืออะไรมาอึไว้นะ หรือคุณเมฆเหยียบขี้หมามาแล้วไม่รู้ตัว แย่เลย ต้องล้างนะ
 

“พวกเรานอนตึกไหนกัน?”
 

คุณเมฆเมินเหมือนใบหน้าเหม็นอึกับประโยคของซุกซนไม่เคยมีอยู่บนโลก ซึ่งซุกซนก็ให้ความร่วมมือในการตอบครับ
 

“ตึก A ครับ พวกผมอยู่ห้อง A617 เป็นรูมเมทกัน”
 

คุณเมฆหรี่ตา แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา นอกจากเอากุญแจของตัวขึ้นมาโชว์ให้พวกผมดู ซึ่งคนที่ดูคือซุกซนเพราะผมกำลังพยายามตบแก้มแปะๆ เผื่อมันจะช่วยให้ความเจ็บจากการโดนดึงเมื่อกี้หายไป ซึ่งไร้ประโยชน์ครับ บอกไว้ตรงนี้เลย
 

“ตึกเดียวกันเลยนี่ พี่อยู่ห้องใกล้ๆพวกผมเลย A620”
“เฮ้ยดี ไว้เดี๋ยวดึกๆชวนมานั่งที่ห้องพี่ พี่ขนมาหมด ทั้งเบียร์ทั้งบลูฯ*มา” (*บลูเลเบอร์)
“เยี่ยม! พวกผมไปแน่!!”
 

ซุกซนหมายมั่นปั้นมือ ซึ่งผมเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการนั่งดื่มอยู่แล้ว เรื่องปกติครับ สมัยเรียนนี่ก็มีบ้าง บางทีถ้าไม่ไปเองก็จะมีซากเพื่อนมาแปะอยู่ที่ห้องบ้างตอนเมา ซึ่งผมขี้เกียจดูแลเพื่อนตอนเมา วิธีตัดปัญหาเลยเมาก่อนเพื่อนเลยครับ หรือไม่ที่ทำบ่อยสุดคือเมาดิบแล้วแกล้งหลับไปเลยสบาย เพื่อนโตแล้ว อนาคตของชาติ สามารถดูแลตัวเองได้อยู่แล้วครับผมมั่นใจ
 

“โอเค ดีล ไว้เดี๋ยวถ้ายังไงจะเดินไปเคาะเรียกที่ห้อง”
 

บทสนทนาทำท่าเหมือนจะจบตรงนั้น ผมเองก็ยกกระเป๋าเตรียมแบกขึ้นห้อง ตอนนี้ตื่นแล้วครับ ตื่นตั้งแต่ซุกซนใช้มือเลอะเยลลี่มาดึงหน้าผมแล้วอันที่จริง ในขณะที่ผมกำลังคิดว่าจะแกล้งเอาคืนผลักมันลงไปอยู่บนพื้นตอนที่หลับนั้น คุณเมฆที่ตอนแรกเหมือนจะเดินนำไปก่อน ก็หันหน้ามาเหมือนลืมอะไร
 

“พี่ขอไลน์พวกนายไว้หน่อย เผื่อมีอะไรจะได้คุยกันง่ายๆ แบบ… อย่างเช่นเรียกกินเหล้าน่ะ เผื่อเคาะห้องไม่ได้ยิน ทำนองนั้นแหละ”
 

คิดไปเองหรือเปล่าวะว่าโฟกัสสายตาคุณเมฆมาอยู่ที่ผมนานกว่ามองซุกซน ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ครับ หน้าผมแดงข้างหนึ่งนี่นา คิดแล้วยังเซ็ง เมื่อกี้ซุกซนยืดผมเป็นพิซซ่าฮาวายเอี้ยนขอบชีสเพิ่มชีสจริงๆนะเนี่ย แหม่ พูดแล้วก็อยากกิน กลับกรุงเทพฯผมชวนน้องกายกินพิซซ่าดีกว่า ผมเลี้ยงเอง เพราะแทนใจหล่อและเป็นพี่ที่ดีมาก


คุณเมฆยื่นโทรศัพท์มาที่ผม ไอโฟนที่หน้าจอเป็นรูปกระต่ายสีขาวตัวเล็กๆท่าทางน่ารักถูกยื่นมาให้
 


“ผมขอไลน์ของทั้งคู่เลยนะครับ”
 
 
 
 
 
 
------- 100% -------
 
 
 
ความจริงมันจะยาวกว่านี้ แต่ถ้าไม่ลงคงอีกนานเลย พรุ่งนี้วันจันทร์ด้วย มองจากทุ่งลาเวนเดอร์ก็รู้นะคะว่ายุ่งหัวบานแน่นอนค่ะ ขอบคุณทุกคนที่ชอบน้องแทนใจนะคะ แล้วจะรีบมาต่อนะคะ ขอบคณมากค่า
สามารถสกรีมได้ที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์
หรือทักเรามาได้ที่ @banybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡ Monday in Love ♡ [up! ch 5] (23/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: marisa9397 ที่ 25-02-2018 19:18:08
พี่เมฆคนเนียน 555
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡ Monday in Love ♡ [up! ch 5] (23/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 25-02-2018 19:21:19
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡ Monday in Love ♡ [up! ch 5] (25/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: janehh ที่ 26-02-2018 22:57:34
แทนใจอ่อยเก่ง ส่วนคุณเมฆก็เนียนเก่ง
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡ Monday in Love ♡ [up! ch 5] (25/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 27-02-2018 14:40:01
แทนใจอ่อยเก่งงง อ่อยแบบอ๊องๆนั่นแหละค่ะ
คุณเมฆก้ไหลลลเลย เนียนกริ๊ปปปป
ปรับตัวไปกับสิ่งแวดล้อมสุดด555555 ได้ทุกสภาพสถานการณ์
ซุกซนและคนทั้งแผนกที่รู้ทุกอย่าง
ภาพตัดไปที่เจ้าตัวอ๊องที่ไม่รู้อะไรเลยแต่อ่อยเก่งมาก
สงสารคุณเมฆจริงๆค่ะ555
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡ Monday in Love ♡ [up! ch 5] (25/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: StarPasO ที่ 27-02-2018 21:59:15
โอ้ยยย แทนใจ ทำไมหนูอ๊องขนาดนี้ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡Monday in Love♡ [up! ch.6] (28/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 28-02-2018 10:57:29
6th Monday #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์


ถึงวันนี้จะไม่ใช่วันจันทร์ แต่เราก็ยังต้องประชุมกันเหมือนเดิม



“ประชุม ประชุม ประชุม ประชุม ประชุม ประชุม ประชุม ประชุม”

“แทนใจ มึงติดบั๊กเหรอ? เงียบก่อน”



ผมเงียบตามที่ซุกซนสั่ง ตอนนี้พวกเรานั่งอยู่ในห้องเตรียมตัวออกไปเผชิญโลกกว้างด้วยการประชุมรวมทั้งเอเชียแฟซิฟิกครับ ซึ่งขนาดแค่ประชุมแผนกขำๆทุกเช้าวันจันทร์ยังทำผมเป็นบ้าได้ นับประสาอะไรกับการประชุมใหญ่ขนาดนี้ล่ะ ยิ่งครั้งนี้จะมีคนจากประเทศอื่นมานี่แค่คิดก็ง่วงแล้วครับ



“ออกเถอะมึง ไปนั่งสงบสติอารมณ์ข้างนอกเถอะ”

“เราไม่อยากไป”

“งอแงอะไรของมึงเนี่ย กูไม่ง้อนะ ไม่ใช่แฟนกู”

“ซุกซน เห็นแบบนี้เราก็เลือกนะ”

“หยุดพูดแล้วออกไปสักที ก่อนที่กูจะตีหัวมึง”

“ตีเลย เราจะได้ไม่ต้องไปประชุม”

“หยุดเป็นมึงสักนาที แล้วออกไปเดี๋ยวนี้!”



 

บทสนทนาจบลงตรงนั้น เพราะมีเสียงเคาะประตูตอนที่พวกผมกำลังจะออกพอดี ซึ่งคนร้ายก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คุณโปรเจคฯนั่นเองครับ ด้วยความที่มันใกล้เวลาประชุมแล้ว ทางที่ต้องเดินไป Hall ที่จัดการประชุมมันต้องผ่านห้องผม เขาเลยมาเคาะถาม เผื่อจะได้ไปด้วยกันเลย ซึ่งไม่ดีเลยสักนิด ผมไม่อยากไปประชุมอะ ถ้าไลน์ไปขอคุณกฤติลาป่วย ด้วยเหตุลขี้เกียจลงกระเพาะ จะโดนว่าแรงไหมนะ?

 
“หิวเหรอ ทำหน้าบูดเชียว”

 
คุณโปรเจคฯหันมาถามผม ตอนนี้พวกเราเดินเรื่อยๆครับ มันไม่ไกลหรอกแต่ก็ไม่ได้ใกล้ ต้องมีการสับขากันเล็กน้อย ระหว่างทางเจอคนในบริษัทบ้างประปรายแต่ไม่เยอะเท่าไหร่ คิดว่าอาจจะยังไม่ไปกัน พวกที่ต้องมีพรีเซ็นท์หรือตำแหน่งสำคัญคงอยู่ที่นั่นแล้วแหละครับ แต่ผมไม่รีบไง ประชุมกันไปก่อนเลยก็ได้ไม่ต้องรอ
 

“ไม่ใช่ครับ ผมไม่ได้หิว ผมแค่ไม่อยากประชุมอะคุณ” 

 
ผมทำหน้าเมื่อยใส่เขา ซึ่งเขาทำเพียงแค่ยิ้มเหมือนกับทุกทีที่เขาจะคุยกับผม ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้ชอบยิ้มแบบที่ผมไม่รู้ความหมายแต่มั่นใจว่ามันแปลกๆ ผมหรี่ตาใส่เขานิดหน่อย ซึ่งเขายิ้มกว้างกว่าเดิมอีก ยิ้มไรอะ! ถ้าอยากเข้าประชุมก็ไม่ต้องมาอารมณ์ดีแถวนี้! 



“ขี้เกียจนะเนี่ยเรา”

“เท่าที่ผมจำได้ ในใบสมัครงานไม่ได้เขียนว่าต้องขยันประชุมนะคุณ ”

“ความจำดีนะเนี่ย”

“แน่สิ นี่ใคร แทนใจนะครับ”


ผมตอบคุณเมฆพร้อมยักคิ้วให้ทีนึงอย่างเท่ๆ คุณเมฆยิ้มเลย ยิ้มอะไรอีกเนี่ย ยิ้มแบบเหมือนวันนี้เป็นวันเงินเดือนออก ผมเข้าใจความรู้สึกนั้นนะ สิ้นเดือนที่ทำให้เรานี้มีแรงจ่ายหนี้กันต่อไป พอหลังจากนั้นผมหันขวาไปเห็นซุกซน คนใจทรามที่ตอนนี้มองมาทางผมด้วยสีหน้าเหม็นขี้หมาเหมือนเมื่อเช้า ทั้งที่ตอนอยู่ในห้องยังไม่เป็นเลย
 

ต้นเหตุการทำหน้าเหม็นของซุกซนต้องอยู่แถวนี้แน่นอน ผมรีบตวัดตามองคุณเมฆผู้
ต้องสงสัยหมายเลขหนึ่ง(และหมายเลขเดียว)ทันที ซึ่งฝั่งนั้นก็ยังยิ้มอยู่ เออเนอะคนเรา ขี้หมาติดรองเท้าก็ยังไม่ยอมเช็ดอีก



“ขมวดคิ้วทำไมอีกเนี่ย ไม่อยากไปขนาดนั้นเลย?”


พอพูดเรื่องประชุมแล้วก็ เฮ้อออออออออออ เบื่อออออ อุตส่าห์ได้มาต่างจังหวัดทั้งที แทนที่จะได้กลิ้งหลุนๆไปมาบนเตียง กลับต้องมาอุดอู้นี่มันน่าเบื่อมากเลย คนที่ทนได้นี่โคตรเก่ง อย่างพวกคุณกฤติอะ เข้าประชุมเยอะพอๆ กับงาน ผมเห็นเขาถือแล็ปท็อปเดินไปเดินมาในบริษัทแล้วปวดหัวแทน เนี่ยหล่อแล้วยังเก่ง หัวหน้าผมเองครับ


“เบื่ออะคุณ ทำไมเราต้องเข้าด้วยอะ ผมไม่มีประโยชน์กับห่วงโซ่บริษัทเท่าไหร่หรอกจริงๆ คิมๆป้ากๆที่ผมคอยดูอยู่ เราทำเป็นไปสดไม่ทันมั้ยคุณ แล้วรอไปลงห้อง DVD แทน  เหมือนตอนเรียนพิเศษสมัยมอปลายงี้อะคุณ ผมนี่จองสดไม่เคยทันสักคอร์ส รู้สึกแพ้มาก”


“มอปลายนี่กี่ปีที่ผ่านมาแล้วคุณ รู้ว่าหน้าเด็กแต่แบบนี้ก็ย้อนวัยไกลไปนะ”

“หัวเราะอะไรเล่า!”


ผมขมวดคิ้วใส่คนข้างๆที่ยิ้มเหมือนล้อ แถมปัดมือที่จะมาลูบแก้มออกด้วย ต้องใช้กำลังให้เกรงกลัวบ้างครับไม่งั้นเดี๋ยวลามปาม ถึงจะแก่กว่าก็ห้ามลามปามแทนใจ! แค่นี้ผมก็โดนลูบหัวดึงแก้มเยอะแยะไปหมดแล้ว เกรงใจกันบ้าง! นี่ลูกชายคนโตสุดของบ้านเลยนะ แค่มีพี่สาวอีกคนเท่านั้น!
 


ตอนนี้พวกผมเดินมาถึงหน้าห้องจัดประชุมแล้วครับ หลายคนเดินเข้าไปจับจองที่นั่ง แต่พวกผมสามคนยังยืนอยู่หนย้าห้อง หมายถึงผม คุณเมฆ แล้วก็ซุกซนใจทรามที่ตอนนี้มันผละไปเข้าห้องน้ำครับ ทิ้งเพื่อนอย่างผมไว้กับคนติดกาแฟจากอีกแผนก กินเนสบุ๊คมีจัดสถิติคนโดนเพื่อนทิ้งดีเด่นมั้ย ผมว่าผมจะเสนอชื่อนายแทนใจเข้าไปให้เขาพิจารณา

 
“หน้าคุณเหมือนติ๊กต่อกตอนหิว”

“ติ๊กต่อก?”

“กระต่ายผมน่ะ เวลามันหิวมันชอบทำหน้ายุ่งแล้วก็ไม่ยอมให้เล่น แบบนี้เลย”


พูดเฉยๆไม่ต้องเอามือมาดึงแก้มได้มั้ย!


ผมเป็นคนแก้มเยอะครับ ตอนอนุบาลนี่โคตรเป็นปมด้อย ตัวเป็นก้อนๆแขนปล้องๆมีแก้มย้วยๆกับพุงกลมๆตั้งแต่เด็ก (จนตอนนี้พี่รักยังเอามาล้อเรื่องผมเป็นเด็กก้อนอยู่เลย อย่างอาย) พอโตมาส่วนอื่นไม่ก้อนแล้วครับ สูงชะลูดดูดีมากๆ เหลือแค่แก้มนี่แหละที่ไม่ยอมยุบสักที ขนาดน้องแทนกายที่ตอนเด็กๆดูคล้ายผมตอนยังเล็กมาก โตมาแก้มน้องก็หายอะ แล้วผมคือไร? ชาติที่แล้วตายตอนอมข้าวอยู่แน่เลย ถึงจะดูไม่เท่แต่น่าจะอร่อย ปล่อยไปก่อนก็ได้


“นี่แทนใจไงคุณ ไม่ใช่กระต่าย”

“เหรอ?”

“อะไรเนี่ยคุณ!”

ผมถอยหลังเมื่อคนที่กำลังเดินอยู่ข้างๆหยุดแล้วมองลงมาที่ผมด้วยสายตาขบขัน นี่ก็ตลกจังเลย ไปเปิดขำกลิ้งลิงกับเมฆเลยมั้ย อารมณ์ดีมาจากไหนนักหนา  ถูกรางวัลที่หนึ่งได้โดยไม่มีใครมาแย่งใช่มั้ยถึงได้ดูอารมณ์ดีจัง ผิดกับผมที่คิ้วขมวดตั้งแต่เขาเริ่มกวนผมเนี่ย จนตอนนี้ยังไม่หยุดเลย เนี่ยหน้าผมยับแล้วยับอีก ถ้าน้องกายจำผมไม่ได้ ใครจะรับผิดชอบ! ผมมีน้องคนเดียวนะ! 


“ไม่ใช่กระต่ายจริงเหรอ?”

“เฮ้ย!!!!!!”



 

ผมสะดุ้งเหมือนกุ้งโดนโยนเข้าหม้อสุกี้ ตกใจ!!!!! อยู่ดีๆยื่นหน้าเข้ามาทำไม!!!!! ใกล้จนจะเห็นขี้ตาผมอยู่แล้วมั้ง!!! ถ้าเสาร์อาทิตย์ว่างๆ ก็ไปเป็นพร็อบประกอบบ้านผีสิงดรีมเวิลด์เถอะจริงๆ นี่ยังตกใจอยู่เลยครับ อกสั่น ขวัญ อุษามณี!

 
ซึ่งตัวต้นเหตุก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลย ยังมายิ้มอีก!


“เนี่ย ตอนตกใจติ๊กต่อกก็ถอยหลังตาโตแบบนี้เด๊ะเลย”

“ผมไม่คุยกับคุณดีกว่า เขาจะประชุมกันแล้ว”

 
“เขินแล้วเปลี่ยนเรื่องเก่ง”


เพื่อนที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าผมกำลังโดนแกล้งเดินกลับมาจากห้องน้ำ ตอนที่ผมกำลังจะถามว่ามันพูดอะไรเพราะผมไม่แน่ใจว่ามันจะสื่ออะไร แต่ซุกซนก็ยังคงเป็นหมีขี้โมโห มาถึงไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร สะบัดน้ำใส่หน้าผมทันที!


“ซุกซน!!”

 
ผมพยายามเช็ดหน้าแต่มันสะบัดใส่อีก โอ๊ย แพร่เชื้อขาสั้นใส่มาหรือเปล่าเนี่ย! อยากด่าอะ! คนแบบนี้มันต้องโดนสักที!!!

 

“ไอ้บ้า!”



หงุดหงิดจริงๆนะเนี่ย แล้วไอ้คุณเมฆขำอีก ซุกซนก็เหมือนสนุกใหญ่ เอามือขยี้หัวผมจนยุ่งแล้วเดินหนี ทิ้งไว้กับหมีติดกาแฟอารมณ์ดีเนี่ย! หงุดหงิดง่ะ เมื่อกี้หงิดซุกซนนะ แต่ตอนนี้เริ่มหงิดคุณเมฆแทนแล้ว ชีวิตจะดี๊ดีมากอะไรขนาดนี้ รอยยิ้มมันต้องมีหรือไง สบายใจแบบนี้เหรอ! หงุดหงิด!!!


“โอ๋ๆ นี่ๆ ผมให้นี่”


ผู้ชายอีกคนยื่นสิ่งที่หยิบออกมาจากกระเป๋า (ผมเพิ่งสังเกตว่าเขาเอากระเป๋ามาด้วย เอามาทำไมอะ ผมกับซุกซนนี่มาตัวเปล่าแบบแยกกันตายแน่นอน เพราะกุญแจอยู่กับซุกซน … อ้าว คนตายมันผมคนเดียวนี่หว่า ไม่น่าล่ะ มันไม่ปล่อยกุญแจเลย กลับไปนี่ผมต้องทบทวนแล้วว่ายังคิดจะเป็นเพื่อนกับมันดีมั้ย)

 
“คุ้กกี้?”

“รสกาแฟด้วยนะ… อ่า พอดีผมมีติดกระเป๋าไว้น่ะ คุณเอาไปช่วยกินหน่อยละกัน ผมกลัวกินไม่หมด”

 
ผมกระพริบตาปริบๆ … การที่ผมมีแก้มมันทำให้ดูหิวขนาดนั้นเลยเหรอ หรือผมดูเป็นคนง่วง 2018 ที่ต้องมีกาแฟในการดำรงชีวิตตลอดเวลา

 

ดูถูก! ...ถูกแล้วนี่นา!!!

 

“เงียบเลยนะคุณ ไม่ต้องซึ้งขนาดนั้นก็ได้ครับ ผมให้ด้วยใจไม่ต้องการของรางวัลอะไรตอบแทน”

“...”

“แต่ถ้าซึ้งมากขอกาแฟสักแก้วก็ได้ อย่าเพิ่งร้องไห้นะคุณ”

 
คือผมยังไม่ได้คิดอะไรมั้ยอะ แค่ประมวลผลอยู่ แล้วทำไมจะต้องซึ้งขนาดนั้นครับ แต่ถ้าหล่อแล้วจะคิดเองเออเองยังไงก็ได้ก็เอาเลยครับ สบายใจก็ทำเลย จินตนาการสำคัญกว่าความรู้อยู่แล้ว

 
“กินนี่แล้วจะอารมณ์ดี เชื่อสิ ผมทำบ่อย”


ถึงแม้จะยังจับต้นชนปลายไม่ถูกแต่ก็ยอมรับว่าความหงุดหงิดหายไปเยอะมาก กลายเป็นความงุนงงแทน เอาเถอะ นี่ก็ถือเป็นเรื่องดี...ล่ะมั้ง?

 
“ขอบคุณครับ”



เขาลูบหัวผมอีกสองสามครั้งแล้วผละออกไปเข้าห้องประชุมบ้าง ก่อนเข้าผมเห็นเขาเดินไปทักใครไม่รู้แล้วพากันเดินเฮฮาเช้าไปด้วยกัน ถึงแม้เขาจะไปแล้วแต่เหมือนยังรู้สึกว่ามือคุณเมฆยังอยู่บนหัวเลยแหะ มันยังอุ่นๆอยู่เลย


ผมยักไหล่ อย่างน้อยถ้าเข้าห้องประชุมแล้วง่วง ก็มีอะไรเคี้ยวให้หายมึนแล้วล่ะ


เดี๋ยวนะ?!

 
ไม่ใช่ว่านี่เขานับเป็นกาแฟที่ผมติดเขาเพิ่มอีกแก้วแล้วหรือเปล่า!!!

ไม่เลี้ยงคืนทั้งหมดนะ ไม่มีเงินแล้ว!



———- 50%———-

อยากอัพเยอะกว่านี้ แต่วี๊คสิ้นเดือนแบบนี้งานถล่มเหมือนเขื่อนแตกเลยค่ะ น่ารักหมดทั้งหัวหน้าทั้งลูกค้า แง้้้้้้

 

ขอบคุณทุกคนทั้งคนเฟ๊บ คนอ่าน คนเมนต์ คนที่ติดแท็ก #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ นะคะ ขอบคุณที่ร่วมผ่านวันจันทร์ไปด้วยกันนะคะ ยิ้มเหมือนอีบ้าตอนที่นั่งอ่านคอมเมนต์กับแท็กจนพี่ที่ทำงานงง ขอบคุณจริงๆค่ะ :)

จะพยายามมาอัพให้เร็วที่สุดนะคะ

ป.ล. สามารถทักเราได้ที่ @babybapho และสกรีมผ่านทางคอมเมนต์หรือแท็ก #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ได้นะคะเราอ่านทุกอันค่ะ ในแท็กทวิตเตอร์ถ้าเราไม่ตอบคือไม่เห็นจริงๆ ขอบคุณมากค่า :D
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡Monday in Love♡ [up! ch.6] (28/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 28-02-2018 12:14:37
แทนใจน่ารักมากกก
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡Monday in Love♡ [up! ch.6] (28/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 28-02-2018 13:15:20
 :L2: :L1: :pig4:

น้องก็มึนงงสงสัยต่อไป
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡Monday in Love♡ [up! ch.6] (28/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 28-02-2018 16:33:33
แทนใจน่ารักกกก
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡Monday in Love♡ [up! ch.6] (28/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 28-02-2018 16:52:16
แทนใจคนเอ๋อ2018
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡Monday in Love♡ [up! ch.6] (28/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 28-02-2018 20:34:04
เห็นชื่อเรื่องแล้วโดนใจ เหมือนกับนัทสึเลย เกลียดวันจันทร์มากๆ เรียกแกร็บแท็ก มันก็ไม่ไป  ไปเลทจนโดนมอง โอ๊ย ยิ่งอ่านยิ่งโดน  อ่านรวดเดียว 6 ตอนเลยค่า   แทนใจน่ารักจัง
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡Monday in Love♡ [up! ch.6] (28/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 28-02-2018 23:07:26
ยังคงเป็นแทนใจผู้ไม่เคยตามอะไรทัน 5555
มีอ้อนพี่เมฆแกบ่อยนะคะ พี่เขาเลยได้โอกาสหยอก หยอดไปอีก หุหุ
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡Monday in Love♡ [up! ch.6] (28/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 28-02-2018 23:38:52
แทนใจคนเอ๋อ เมื่อไรจะเลิกอ๊องเนี่ย ฮาาา
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡Monday in Love♡ [up! ch.6] (28/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 01-03-2018 00:56:49
แทนใจ น่ารัก
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡Monday in Love♡ [up! ch.6] (28/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 01-03-2018 08:50:07
อ่านเพลินเลย ยาวสะใจมากๆ  น้องนี่อ๊องมากๆๆๆๆๆ สมแล้วที่ซุกซนว่า 5555
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡Monday in Love♡ [up! ch.6] (28/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 01-03-2018 23:14:42
น้องแทนใจอ๊องจิง อ่อยจิงด้วย น่าร๊ากกกกกก 555555
พี่เมธก้อขยันหยอด ขยันทำคะแนนนะคะเนี่ย!!
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡Monday in Love♡ [up! ch.6] (28/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: janehh ที่ 02-03-2018 00:48:48
น้องยังคงไม่รู้เรื่องใดๆ ฮือลูกกกก
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡Monday in Love♡ [up! ch.6] (28/02/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 02-03-2018 20:57:14
ยาวเกิน อัพกระทู้เดิมไม่ได้ค่ะ ฮือ ;__;

-------

6th Monday (2)

“ทำไมเข้ามาช้า?”


คุณเพื่อนขาสั้นถามทันทีที่ผมหย่อนก้นลงข้างมัน ความจริงอยากลองนั่งข้างคนอื่นบ้าง แต่เห็นใจคนอื่นถ้าจะต้องมานั่งข้างยอดชายนายซุกซนครับ เผื่อความดีนี้จะทำให้คุณกฤติเห็น แล้วงดประชุมวันจันทร์ครับ หรืออย่างน้อย ช่วยซัพพอร์ตเจลใส่ผมหน่อยก็ดี ผมไม่ขออะไรมาก ขอแค่
เจลสำหรับทุกวันจันทร์ก็พอครับ แกร๊บไบค์ทำหน้าม้าผมนี่เปิดข้างหน้าทะลุถึงหัวใจแล้วครับ เปิดอยู่กรุงเทพฯ เหม่งเห็นไกลไปถึงเชียงใหม่แล้วครับ


“เราคุยกับคุณเมฆอยู่ไง ซุกซนนั่นแหละหนีออกมาก่อน”

“กูเหม็น”

“...” ผมจะเตือนตัวเอง ว่าต้องบอกคุณเมฆเรื่องเหยียบขี้หมาจริงๆ

“เหม็นขิง”

“ซุกซนจมูกดีเหมือนไม่ใช่คนเลยนะเนี่ย”


เพื่อนทำหน้าเหมือนไม่รู้จะหัวเราะ ร้องไห้ โกรธหรือว่าควรจะลาออกจากงานไปตามหาดราก้อนบอลดี แต่ช่างมันครับ ซุกซนใจทรามจะทำอะไรก็ไม่มีสาระอยู่แล้ว ผมไม่ถือ มันเป็นบ้า ผมรู้ครับ ว่าเราไม่ควรถือสาคนบ้า ไม่ควรว่าซุกซน


“Hello. Good afternoon everyone.Thank you all for coming and joining us here. I’m very pleased to …”


เสียงของพิธีกรต่างชาติพูดดึงความสนใจของทั้งผมและซุกซน ผมพยายามนั่งตัวตรงเมื่อรู้สึกว่าการประชุมได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว เท่าที่ฟังหลักๆก็ไม่มีอะไรมากครับ แนะนำถึงนวัตกรรมใหม่ของบริษัท การเปิดสาขาในประเทศต่างๆ ความก้าวหน้าในการหาลูกค้ารายใหม่ การช่วยเหลือลูกค้าเวลามีปัญหา และพวกปัญหาที่เกิดขึ้น นั่นนู่นนี่ที่ผมไม่สนใจ เนี่ยแหละครับ พนักงานดีเด่น


 ผมถอนหายใจแล้วเลื้อยไปบนเก้าอี้ เบื่อมาก ซุกซนที่นั่งอยู่ข้างๆนั่งทำหน้าตั้งใจผมก็ไม่อยากกวน เมื่อไม่รู้จะทำอะไรผมก็เลยกินครับ กินเสบียงเดียวที่มีในตอนนี้ คุกกี้รสกาแฟฟรีที่คุณโปรเจคฯแกให้มานั่งแหละครับ ผมแกะคุกกี้กินเงียบๆ ค่อยๆงับเพราะกลัวจะเสียงดังรบกวนคนอื่น


เฮ้ย อร่อยว่ะ! มันเป็นคุกกี้ธรรมดาเลยครับแบรนด์ที่เคยเห็นในห้าง แต่พอได้ฟรีแล้วโคตรอร่อยเลยครับ สวรรค์ที่แท้ เพราะไม่งั้นผมคงไหลลงไปกองบนพื้นแล้ว นี่รอคุกกี้หมดห่อก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยไหล


“คุกกี้?” มาแล้วครับคนใส่ใจเรื่องชาวบ้าน 2018 ซุกซนที่นั่งอยู่ข้างผมชะเง้อหน้ามาใส่ใจเต็มที่ ออกไปนะ อย่ามาแย่ง! “มึงได้จากไหนมาวะ? ตอนออกจากห้องไม่เห็นเอามาด้วย หรือเขาแจกหน้างานเหรอ?”

“นอกจากซุกซนใส่ใจเรื่องคนอื่นเก่งแล้ว ยังเห็นแก่กินด้วยนะเนี่ย”

“กวนตีนนะมึงอะ แย่งแดกแม่ง!”

“ซุกซน!”



ผมรีบหันหนีเอาตัวบัง เมื่อซุกซนใจทรามพยายามเอามือมาแย่งคุกกี้ของผม ไม่ให้ อันนี้ไม่ให้นะ! อย่ามายุ่ง!

 
“เป็นไรวะ? ปกติไม่ใช่คนขี้หวงนี่มึงง่ะ”

“ไม่รู้อะ แต่อันนี้เราหวง เราไม่ให้อะ”

“อะไรของมึงวะ? เอามาแดก!”

“ก็ไปกินอันอื่นสิ อันนี้เราหวง”

“เอามาแดก!!!”

“ไม่ให้!!!!”


ผมหันหลังให้คนที่ทำเหมือนได้คุกกี้ผมแล้วจะได้เงินเดือนขึ้น ปากก็แง้วๆว่ามันไปด้วย พยายามเตือนสติเพื่อนว่าการขโมยของกินเพื่อนมันไม่ดี โดยเฉพาะคุกกี้อันนี้ มันไม่ดีมากๆ!!

 

“หวงเหรอ มึงหวงเหรอ เอามาให้กูแดก!”

“ซุกซน อย่าใจทราม”

“เอามาแดกก่อน เดี๋ยวกูใจดีเลยทันที”

“อย่ามายุ่งนะ อันนี้ไม่ได้”

“หวงจังนะ ใครให้มาป้ะเนี่ย?”

“ไม่บอก!”



โชคดีที่ต่อจากนั้นมีเสียงปรบมือดังมาก ใครสักคนที่หน้าตาเอเชียที่ผมเคยเห็นหน้าในเว็บไซต์บริษัทเดินลงเวทีไป แล้วให้ใครอีกคนหน้าตาฝรั่งหน่อยที่อยู่บนหน้าเว็บบริษัทเหมือนกันเดินขึ้นเวทีต่อ ความสนใจของทั้งผมและซุกซน มันผละออกจากเป้าหมาย แล้วไปนั่งสนใจสปีกเกอร์คนใหม่ที่เพิ่งขึ้นเวทีมาแทน ผมเลยใช้โอกาสนี้กินคุกกี้คุณเมฆให้หมด จะได้ไม่ต้องโดนแย่ง



ไม่ได้ยัดทั้งหมดทีเดียวนะ แค่ใช้สกิลกินเร็วมากๆเท่านั้น เป็นสกิลที่มีมาตั้งแต่สมัยเรียนครับ เพื่อนทั้งกลุ่มมีหมด ตอนที่แอบก้มไปกินขนมใต้โต๊ะในเวลาเสี้ยววินาที ตอนที่ครูหันหลังเขียนกระดาน ซึ่งผมทำมาตั้งแต่ประถมครับ ตอนเด็กเลยโดนเพื่อนล้อว่าเอาของกินเก็บตรงถุงแก้มตลอดเวลา เครียดมากครับ มันไม่หล่ออะ



ซึ่งตรงจุดนี้ผมอิจฉาน้องกายมากที่น้องแก้มยุบตอนโต มีแต่ผมเนี่ยที่แก้มย้วย! พ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน! ทำไมผมไม่ได้ส่วนสูงมาแทนแก้ม ยื่นเรื่องขอเอาแก้มไปแลกส่วนสูงได้ที่ไหน


พอคุกกี้หมด ชีวิตก็ไม่เหลือเรื่องน่าสนใจอีกต่อไป


เบื่อจัง เบื่อมาก เบื่อจริงๆนะ


หลังจากสปีกเกอร์คนสุดท้ายพูดจบ ความเบื่อของผมก็ผ่านไปสักที การประชุมราบรื่นยาวเลยไปยังตอนทำ workshop ที่ผมไม่ค่อยจะมีสติสมาธิเท่าไหร่ หลังจากนั้นก็มาประชุม wrap up นิดหน่อย  ซึ่งผมไม่รู้เรื่องแล้ว หลุดไปนานแล้ว ผมเลยนั่งวัดสายตาตัวเองครับ ทดลองปิดตาข้างซ้ายแล้วมอง เสร็จแล้วก็ทดลองปิดตาขวา สรุปสิ่งที่ผมได้จากเวิร์คช็อปวันนี้คือตาสองข้างผมมองเห็นไม่เหมือนกันครับ ตาขวามันจะพร่าหน่อยๆ แต่ตาซ้ายชัดแจ๋วเลย


“มึงว่า คนเราเกิดมาทำไมวะ?”


อยู่ดีๆในระหว่างที่เขากำลังพูดกัน คนใจทรามมันก็ถามขึ้นมา ตายังจ้องจอโปรเจคเตอร์ เมื่อสามารถรู้สึกได้ว่าผมไม่เข้าใจ เพื่อนร่วมงานของผมก็ใจดีพูดต่ออีกนิดหน่อย ทั้งที่ผมไม่ได้อยากจะรับรู้อะไรด้วยเลย 

 

“ถ้าเราจะต้องเกิดมานั่งเสียเวลาชีวิตเป็นชั่วโมงฟังในสิ่งที่มึงไม่แม้่แต่จะเข้าใจด้วยซ้ำว่าหัวข้อมันคืออะไร ลืมเนื้อหาข้างในไปเลย กูหลุดนานมากแล้ว เหมือนนั่งฟังบรรยายอยู่ในน้ำ … แล้วกูก็คิดขึ้นมาได้ว่า เราควรเอาเวลาไปตามหาคำตอบของชีวิต”

 

“...”

“ตอนกูปีหนึ่ง กูแอดฯเข้าไปเรียนบัญชี แต่พอเรียนไปกูรู้ว่ามันไม่ใช่ แต่พี่รหัสกูสวยสัด เป็นดาวคณะ กูเลยไม่ซิ่ว”

“...”

ผมต้องรับรู้เรื่องนี้จริงๆเหรอ? พี่รหัสผมเป็นใครก็ไม่รู้อะ เคยได้ยินชื่อแล้วก็หายไปในกองเปเปอร์ ซึ่งผมเข้าใจ ผมก็ปล่อยเขาไปตามทาง เพราะแค่นี้พี่แทนรักก็เลี้ยงผมไม่รู้จะเลี้ยงยังไงแล้วครับ


“จนตอนนี้จบมา กูถึงได้มานั่งคิดว่า คนเราถ้าเกิดมาไม่ได้ไปตามหาความฝัน แล้วเราจะเกิดมาทำไมวะ?”

“... เราขออะไรที่มันไม่ค่อย complex ได้มั้ย? แบบอะไรที่ทุกคนเขาก็พูดกันน่ะ”

“แต่กูแมสกว่านี้ไม่ได้แล้วมึง”

“ก็เรื่องของซุกซน”

“กูว่า” มันยังไม่จบ “กูจะลองไปตามหาความหมายของชีวิต”

 


ครับ เพื่อนผมบ้าไปแล้ว

 

“ตามหาที่ไหนอะ? Google จะมีมั้ย ลองเสิร์ชดูหรือยัง?”

“แทนใจ มึงอย่าเพิ่งกวนตีน กูจริงจัง”

“...” ก็แล้วแต่เลยครับ โบราณว่าไว้คนบ้าอย่าห้าม

“กูจะไปตามหาความหมายของชีวิต... ในวงเหล้าคืนนี้กับพวกเฮียเมฆ”

 

นี่ผมเสียเวลาชีวิตหลายวินาทีเพื่อฟังอะไรแบบนี้เหรอ?

รายการคืนความแฮปปี้ให้ประเทศหนึ่งยังดูมีสาระกว่านี้… อันนี้ชมนะ ชมจริงๆ

 

ผมพยายามเมินมันแล้วไปวัดสายตาตัวเองต่อ ในขณะที่ซุกซนใจทรามเริ่มตามหาความหมายของชีวิตในเฟสบุ๊ค

 


โอ๊ะ



แรงสั่นจากโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงทำให้ผมเอามือถือขึ้นมาดู มันเป็นห้องประชุมใหญ่คล้ายกับการอบรมสัมนามากกว่ามี้ตติ้ง แต่อย่าถามผมว่าทำไมเขาไม่เรียกสัมนาไปเลย ผมละสายตาจากคุณกฤติบนเวที (หัวหน้าผมเอง หล่อสุดแล้ว เชื่อเถอะ) คิ้วขมวดหันไปมองคนใจทรามที่หันมายักคิ้วให้อย่างกวนประสาท

 

ซุกซน ใจทราม ได้แท็กคุณในโพสต์



“นั่งข้างกัน จะแท็กทำไม?”


ผมบ่นใส่ซุกซนที่ไม่ได้สนใจอะไรเบาๆ ก่อนจะกดเข้าไปดู เห็นเมนต์ที่อ่านแล้วงง อะไร ไม่เข้าใจ เลยเลื่อนขึ้นไปอ่านโพสต์ก่อนละกัน อ๋อ คุณโปรเจคฯนี่เอง
 

นี่พวกพีเอม* (PM = Project Manager หรือโปรเจคฯที่ผมเรียกปกติ ผมเพิ่งรู้ว่าเขาเรียกกันแบบนี้ตอนที่มีชาวต่างชาติอยู่ด้วย นี่ตำแหน่งหรือฉายาดารารายการดาวกระจาย เยอะเหลือเกิน) เขาว่างกันขนาดมานั่งเล่นเฟสบุ๊คตลอดเวลาเลยเหรอ? แต่นั่นไม่น่าสนใจเท่าสเตตัสของเขาครับ



‘Mek Sitthikorn — feeling accomplished’ 
-- 45 minutes ago

 
กระต่ายกินแล้วนะครับ ;)

 
Liked by ซุกซน ใจทราม, and 687 others    54 comments     29 Shares


ลงพร้อมด้วยรูปคุกกี้ที่เขาเอาให้ผมเมื่อเช้า ท่าทางจะถ่ายก่อนที่เขาจะเอามาให้ เพราะพื้นหลังของรูปเหมือนห้องพักในโรงแรม รูปมันไม่มีอะไรมากกว่านี้เลย แต่ทำให้ผมตกใจจนสะดุ้ง ผมขยี้ตาก่อนจะดูรูปพร้อมอ่านแค็ปชั่นอีกครั้ง อะไรเนี่ย?!



Pingpong kidteungtertookwan : กรี๊ดๆๆๆๆๆๆ มึงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พี่เมฆเขาให้กระต่ายกินคุกกี้ว่ะ มึง โคตรอบอุ่นเลย ผัวกู @Vorawan T.

   Vorawan T.: อีดอก เลิกมโน เขาอ่อนโยนกับกระต่าย ไม่ใช่มึง

   Pingpong kidteungtertookwan : มึงจะก๊อปวางแบบนี้ทุกสเตตัสที่กูหวีดพี่เขาไม่ได้

MewMew’ Mew: มีอีกมั้ยคะ หนูอยากกินบ้างอ่าาาาา

Beauty Kadkeng: หยั่กกินบ้างจุงเรอคร่าาาาา

Bubu Bewithyouforever : เลี้ยงกระต่ายด้วยกาแฟนะค่ะเพื่อนกู

   Mek Sitthikorn : ถ้าใช้ ค่ะ ยาก กูแนะนำให้ใช้ ครับ

   Bubu Bewithyouforever : กูรู้ว่ามึงไม่ชอบ กูเลยกวนตีนเล่น

   Mek Sitthikorn : เหี้ยจริงๆ มึงถึงไม่มีแฟนไง

   Bubu Bewithyouforever : แล้วมึงล่ะ ได้กระต่ายหรือยัง เขารู้หรือยังเนี่ยว่ามึงชอบ

   Ball Natthakrit : ไอ้สัด จัดว่าเจ็บ “เขารู้หรือยังเนี่ยว่ามึงชอบ” @Mek Sitthikorn

   ปีโป้ ปะปะปีปีโป้ : ไอ้สัด จัดว่าเจ็บ “เขารู้หรือยังเนี่ยว่ามึงชอบ” @Mek Sitthikorn

   Alexander T. : ไอ้สัด จัดว่าเจ็บ “เขารู้หรือยังเนี่ยว่ามึงชอบ” @Mek Sitthikorn

   Mek Sitthikorn : พวกเหี้ย กูจะบล็อกแม่งให้หมด สัดดดดดดดดดด

Wanjai Walaiporn : เมฆเลี้ยงกระต่ายด้วยเหรอ? โห เราไม่เคยรู้เลยนะเนี่ย

   Mek Sitthikorn : เราชอบนะ น่ารักดี ^^


 
นอกจากนั้นส่วนใหญ่ก็เป็นคอมเมนต์อวยคุยเมฆว่าอบอุ่นดั่งใช้ดาวนี่อาบน้ำทุกวัน ซึ่งผมไม่ได้สนใจเท่าไหร่ ผมเลื่อนลงมาอ่านคอมเมนต์ที่ซุกซนแท็กผมอีกครั้ง
 


ซุกซน ใจทราม : กระต่ายพี่แม่งโคตรขี้หวง ผมจะขอกินชิ้นเดียวขู่แง้วๆใส่หูแถมยังกอดไว้แน่น ไม่ยอมให้แย่งด้วยนะ ไม่รู้ว่าเพราะคุกกี้หรือเพราะคนให้… เล่นกินคนเดียวหมด จนแก้มย้วยจะแตก เฮ้อ อ๊องไม่พอนะ ตะกละเอ้ย @Tanjai Kraikiratikulchai




เดี๋ยวนะ?

 
ไอ้สเตตัส ‘พรุ่งนี้เอาอะไรให้กระต่ายกินดีนะ ;D’ ของคุณเมฆที่อัพถึงกระต่ายเมื่อเช้า ที่ผมเข้าไปแซ็ว นั่นแน่ นี่ไม่ได้หมายถึงกระต่ายจริงๆเหรอ

 
ความจริงแล้วสเตตัสนั้น ...หมายถึงผมเหรอ?



เริ่มจะเข้าใจแล้วว่าทำไมซุกซนถึงเรียกผมว่าอ่องอ๊องแอ๊ โอ๊ย อายอะ อาย อายมาก อายกว่าตอนที่ไปเติมบัตรบีทีเอสแล้วบอกว่าขอซาลาเปาหมูแดงเพราะกำลังอยากกินมากๆเลยเผลอพูดไปแบบนั้นอีก เมื่อเช้าโป๊ะหมดเลยอะ แล้วผมจะมองหน้าคุณเมฆยังไงเนี่ย โหย โป๊ะมาก อายมาก นี่ผมทำอะไรลงไปเนี่ย?!



“เป็นไรมึง ทำไมทำหน้าเหมือนเห็นผี”

“ซุกซน… เรา….”

“อะไรมึง เวลาของกูเป็นเงินเป็นทอง”



คนที่พูดไปหาวไปทำหน้าเมื่อยไปตอบผมกลับมา ถ้าเป็นปกติผมคงจะพูดอะไรกลับไปให้เหมาะสมกับความซุกซนนั้น แต่ครั้งนี้ผมทำได้แค่เงียบ เพราะกำลังเรียบเรียงคำพูดในหัวอยู่ เรียบเรียงคำถามยังไงดีอะ ยากกว่าการสอบวิชาเรียนรวมของปีหนึ่งให้ผ่านอีก

 

“เรามีอะไรจะถามอะ คือเราสงสัยเรื่อง--”

 
“เรื่องที่พี่เมฆเขาจีบมึงอะเหรอ”
 

“...”

 

อ้าว นั่นคือเขาจีบผมเหรอ?



พอมานั่งนึกดูมันก็แปลกนิดหน่อย ที่คนที่เจอกันแค่ในร้านกาแฟวันจันทร์จะมาซื้อโจ๊กหม้อดินให้ผม ซื้อคุกกี้ให้ผมทำไม ยิ่งคิดยิ่งแปลก ไหนจะเรื่องการติดกาแฟแล้วติดกาแฟอีกที่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ให้จ่ายคืนสักที คิดแล้วก็รู้สึกแปลกๆแหะ เออ มันแปลกจริงด้วยอะ ไม่รู้ว่าแปลกอะไร แค่เพื่อนที่ทำงานไม่น่าเป็นแบบนี้นีนา

 

“ซุกซน เขาจีบเราจริงๆเหรอ?”

“คิดว่าไงล่ะ?”

“...”



ไม่ตอบละกัน ไม่รู้แล้วๆ ไม่รู้ คิดไม่ออก สมอง Error404 ไปแล้ว ตายแล้ว ไม่ต้องช่วยนะ ขอพักหายใจแป๊ปหนึ่ง ไม่ไหว ใครมียาดมบ้าง ขออันนึง ไม่ได้จะใช้นะ จะเอามาหมุนเล่น เอามาตั้งเฉยๆแล้วผมหมุนตัวเองก็ได้ ไม่รู้อะ ฮือ ไม่รู้อะไรแล้ว

 

“ไม่ต้องตอบกูก็ได้ แต่มึงควรเอามือออกจากแก้มย้วยๆของมึงก่อน มันดูเหมือนหมูมากกว่ากระต่ายเข้าไปทุกวัน”


ผมผละมือออกจากหน้าอย่างทันที อ้าว เฮ้ย นี่เอามือจับหน้าตอนไหนเนี่ย ไม่รู้แล้ว สมองไม่ทำงานแล้ว เอ๊ะ เดี๋ยวนะ เมื่อกี้มันบอกว่าผมเป็นตัวอะไรนะ?
 

แต่ช่างมัน เรื่องนี้ไม่สำคัญเท่าคุณเมฆ

 



“ซุกซน…”

 

“ไม่ต้องตอบกู รู้ว่าสำหรับมึง อะไรที่ไม่ใช่ 2+2=4 นะ มึงเปิดโหมดอ๊องทันที”


อันนี้คือไม่ได้ช่วย แต่กำลังด่าผมแล้ว ถูกมั้ย? 

 

“แล้วถ้าเฮียเมฆเขาจีบมึงล่ะ…” 

 

“...”

 

“มึงจะรังเกียจมั้ย?”


 


นั่นสิ …

 

ผมลองนั่งไตร่ตรองสิ่งที่เกิดขึ้นมาเดือนกว่าระหว่างผมกับคุณโปรเจคฯ (ผมยังไม่ลืมนะว่าเรากำลังประชุมกันอยู่ แต่ท่าทางจะใกล้จบแล้วแหละ ไม่ใช่ประชุมนะ ชีวิตผมเนี่ยแหละ) ถามว่าคิดกับเขาแบบไหน แน่นอนว่าตอบไม่ได้ ผมไม่รู้จริงๆว่ามันจะใช้นิยามว่าอะไร ผมไม่เคยรู้ ไม่รู้จริงๆ ผมไม่เคยมีคนที่ชอบ แฟน คนคุย หรืออะไรเลย


ชีวิตผมมีแค่ครอบครัว แล้วก็เพื่อนเท่านั้น ไม่เคยมีความสัมพันธ์รูปแบบอื่นที่นอกเหนือจากกรอบพวกนี้เลยสักนิด ผมควรจะทำยังไง? ผมควรจะคิดอะไร? ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ความรู้สึกมันคืออะไร แต่ถ้าถามว่ารังเกียจมั้ย…



“แทนใจ…” 



เอ๊ะ?



ผมกระพริบตา เมื่อกี้ตกในภวังค์ของตัวเองนานเกิน เพิ่งรู้ว่าคนอื่นเขาเริ่มลุกเดินออกไปทางประตูกันหมด เมื่อหันไปข้างๆที่ควรจะมีซุกซนก็กลายเป็นความว่างเปล่า คิดเรื่องเมื่อกี้ยังไม่ออกเลย เพื่อนก็ทิ้งอีก การเป็นแทนใจมันยากครับ เพื่อน… ไม่ได้หากันง่ายๆป่าววะ? อย่างตอนนี้ ไม่รู้ว่าเพื่อนหายไปไหนแล้ว จะหายังไงเนี่ย ท่าทางจะหายากแน่นอน เพื่อนยิ่งเตี้ยๆอยู่

 

“แทนใจๆ ได้ยินผมมั้ยเนี่ย?”

 

เมื่อหันหลังไปผมสะดุ้งสุดตัว เมื่อคนที่อยู่ในห้วงความคิดมาปรากฏตัวเป็นๆนั่งส่งยิ้มประหลาดแบบที่เขาชอบทำมาให้จากข้างหลัง แย่แล้ว แย่จริงๆแล้ว ผมยังคิดคำตอบของคำถามนั้นไม่ออกเลย ทำไมโลกส่งตัวกระตุ้นมาตอนนี้เนี่ย! ช่วยด้วย



“อ่า…”


ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี!

 

“ว่าแต่... คุกกี้อร่อยมั้ยครับ?”
 

มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่ตอบคำถามคุณเมฆ ผมก้มหน้าที่เริ่มร้อนถึงใบหูจนต้องเอามือมาจับแล้วถูๆให้มันหายร้อน โอ๊ย ขอพรีออร์เดอร์ เอลซ่า สักคนจากดิสนีย์ได้มั้ย หน้ามันร้อนหูมันร้อนไปหมดเลย! ขออะไรมาดับร้อนที!

 

“แล้วถ้าเฮียเมฆเขาจีบมึงล่ะ…มึงจะรังเกียจมั้ย?”



คำถามของซุกซนดังขึ้นในหัวอีกครั้ง ผมค่อยๆเหลือบตาขึ้นมองหน้าคุณเมฆ ที่กำลังมองหน้าผมอยู่อย่างตั้งใจเหมือนผมเป็นละครที่สนุกมากๆ ไม่รู้หรอกนะว่าเขาจะจีบ จะแกล้ง จะอยากเลี้ยงกาแฟหรือขุนผมด้วยของกิน หรืออะไร แต่ถ้าถามว่ารังเกียจไหม …

 
คำตอบคือ ‘ไม่’ เลยสักนิด

 
 

 

------- 100% -------

 

มาแล้ว มาช้าแต่มาแล้วนะคะ ฮือออออ

อ๊องเริ่มจะถูกกระเทาะเปลือกแล้วนะคะ

ต่อไปจะเป็นยังไง (และมาตอนไหน) ให้ซุกซนทำนายนะคะ  อิ___อิ


สามารถคอมเมนต์ที่นี่ หรือสกรีมได้ที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ เหมือนเดิมนะคะ หรือยังไงทักเรามาได้ที่ @banybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD
[/b]
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡Monday in Love♡ [up! ch.6.2 หน้า2] (02/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 02-03-2018 21:23:45
 :L2: :L1: :pig4:

แทนใจพัฒนาแล้ว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡Monday in Love♡ [up! ch.6.2 หน้า2] (02/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 02-03-2018 22:06:50
อยากจะอุ้มแแทนใจหนีคุณเมฆ แล้วเอากลับไปเลี้ยงดููเสื่อเป็นอย่างดี ทำไมถึงได้เป็นคนที่มีส่วนประกอบจากความน่ารักมากกว่า80% แบบนี้เนี่ยยยย แทนใจ!
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡Monday in Love♡ [up! ch.6.2 หน้า2] (02/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: dradareal ที่ 02-03-2018 22:36:28
โง้ยยยย ฟหกกดดเสว
เป็นเรื่องที่เราขออนุญาตใช้คำว่า ค่ดน่ารักกกกก <3
ฮืออออ

แทนใจน่ารักแบบน่ารักมากๆๆๆ
อยากอุ้มน้องแทนใจไปเลี้ยงดูที่บ้าน แล้วฟัดแก้มให้หนำใจแทนคุณเมฆจริงๆ
ตอนนี้น้องแทนใจก็รู้ความในใจของคุณเมฆแล้ว ยังไงต่อดีๆ
ติดตามค่ะๆ
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡Monday in Love♡ [up! ch.6.2 หน้า2] (02/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 02-03-2018 22:59:32
ในที่สุดแทนใจก็รู้ตัวแล้ววววว
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡Monday in Love♡ [up! ch.6.2 หน้า2] (02/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 03-03-2018 11:48:01
กระต่ายรู้ตัวแล้ว 5555555
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡Monday in Love♡ [up! ch.6.2 หน้า2] (02/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: ppseiei ที่ 03-03-2018 14:00:41
ฮื้อออออออ น่ารักมากเลยค่ะ
แทนใจรู้ตัวซะทีนะลูกกกกกก
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡Monday in Love♡ [up! ch.6 100%] (02/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 04-03-2018 19:31:26
7th Monday #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์
 
 
 
   ไม่รังเกียจ ไม่ได้แปลว่าจะไม่ตกใจ
 
   เมื่อสักครู่ที่คุณเมฆเดินมาแงะผมออกจากภวังค์ และพามาส่งห้อง สารภาพว่าจิตใจผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยครับ เหมือนตอนทำงานเย็นวันศุกร์ที่เอาแต่มองนาฬิกาว่าเมื่อไหร่จะ 6 โมง ในหัวมีแต่แผนนอนดูหนังวันเสาร์ ไม่รู้เรื่องแล้วว่าลูกค้าโทรมาทำไม หรือเมื่อกี้ตอบอะไรลูกค้าไปบ้าง
 
   “แทนใจ”
 
   อย่ามาเรียกนะ!
 

   “แทนใจ เป็นอะไรครับ เงียบเชียวนะเรา”
 

   ผมหันหน้าหนีคนข้างๆที่พยายามจะยื่นหน้ามาทางผมเพื่ออะไรก็ไม่รู้แหละ ตอนนี้พวกเรากำลังเดินกลับจากห้องประชุมครับ ซึ่งคุณเมฆบอกผมว่าซุกซนมันหนีกลับไปตั้งนานแล้ว แถมยังฝากให้คุณเมฆหิ้วผมกลับไปห้องด้วยอีก ฝากเหมือนผมเป็นก๋วยเตี๋ยวต้มยำแยกน้ำชามละสี่สิบห้าเลย นี่เพื่อนไง เพื่อนเอง
 

   “เปล่าครับ” ข้ออ้างโคตรไม่เนียน ไม่รู้เว้ย ไม่ได้ต้องการความเนียน ต้องการเอาตัวรอด

   “งั้นเปลี่ยนคำถามละกัน”
 
   ผมเหลือบตาไปมองเขานิดหน่อย พอเห็นว่าเขาไม่ได้มองผมก็ค่อยๆหันหน้าไปทั้งหน้า
 

   “คุกกี้อร่อยมั้ยครับ?”

   “ไม่รู้อะ ปุ่มรับรสไม่ทำงาน”

   “ขนาดไม่รู้รสยังกินหมดถุงคนเดียวเลยนะครับเนี่ย”

   “ก็ผมหิว”
 
   ตอบแค่นั้นแล้วทำเป็นไม่ได้ยินเสียงหัวเราะคุณโปรเจคฯที่ดังอยู่ข้างๆเหมือนกับมีความสุขอะไรในชีวิตมากมายไม่รู้ ไม่เคยเจอป้ากๆคิมๆ ASAP ใส่ละสิ ชีวิตถึงมีความสุขขนาดนี้!!!!
 
   “อร่อยพูดแบบนี้นะ”

   “บอกว่าแค่หิวไงคุณ!

   “โหย ทำไมต้องเกรี้ยวกราดด้วยเนี่ย”
 
   เถียงกันมาสักพักจนถึงหน้าลิฟท์ คนส่วนใหญ่เขาไปนอนพักบนห้องกันหมดแล้วแหละครับ เพราะเดี๋ยวอีกสักพักจะต้องไปทานข้าวเย็นกันข้างนอก อันนี้ผมได้ยินว่าเขาเหมาร้านอาหารเอาไว้ให้ครับ แหล่งข่าวก็ไม่ได้ลึกลับอะไรครับ ชมพูทวีปทีมเอง
 
   “เมฆ ว่าไงเรา”

   “พี่ภูมิ สวัสดีครับ”
 
   ในตอนที่เรากำลังรอลิฟท์ขึ้นไปที่ชั้น 6 ที่พวกเราพักอยู่นั้น ผู้ชายท่าทางภูมิฐานก็มายืนข้างๆคุณเมฆ ที่ยกมือไหว้อีกคน ผมพยายามมองหน้าเขานะแต่คุณเมฆเอาตัวบังผมไว้ บังทำไม! แล้วตัวเองก็สูงแถมไหล่ใหญ่อย่างกะหมี แบบนี้ไม่ใช่ Cute boy แล้ว น่าจะ Cute Bear มากกว่า
 

   “ได้ข่าวว่าย้ายเข้ามาออฟฟิศหรือไง”
   “ครับ”
 

   ผมยกมือไหว้เมื่อเห็นเขาเลิกคิ้วมองมา เขาเลิกคิ้วแต่ก็ยอมรับไหว้ (ดูยังไงก็แก่กว่าครับ ถ้าเป็นพี่คุณเมฆไม่ว่ายังงไงก็ต้องอายุมากกว่าผม คือคุณเมฆเขาแก่กว่าผมน่ะ ถึงแม้จะทำตัวไม่น่าเคารพก็ตาม) รอไม่นานลิฟท์ก็มา พวกเราสามคนก้าวเข้าลิฟท์ครับ คุณเมฆกดชั้น 6 ให้พวกผม ส่วนคุณภูมิฐานที่มาด้วยกันกดชั้น 4 ครับ
 

   “อยู่ไซต์งานไม่ดีเหรอ?”
   “ผมแค่เบื่อๆ อยากมานั่งออฟฟิศบ้างน่ะพี่”
   “เบื่อหรือแอบซุกแฟนไว้กันแน่ พวกเข้าออฟฟิศส่วนใหญ่เข้ากันเพราะแต่งงานมีเมียกันทั้งนั้น”
 

   ผมเลิกสนใจคู่สนทนาเมื่อเห็นว่าวิวข้างนอกน่าสนใจกว่าผู้ชายสองคนที่คุยเรื่องที่ผมไม่เกี่ยวข้อง ลิฟท์ที่นี่มันเป็นลิฟท์แก้วครับ ผมสามารถมองเห็นทุกชั้นเลย แถมที่นีระเบียงเขาจะมีต้นไม้ปลูกไว้ครับ ทุกห้องทุกชั้นเลย พออยู่บนลิฟท์ที่เห็นหมดทุกอย่างนี่รู้สึกดีมาก โปร่งมาก เขียวมาก เหมือนได้รีเฟร็ชเลยครับ
 
   เดี๋ยวกลับไปจะมอบรางวัลขวัญใจผมให้ใครก็ตามที่เลือกโรงแรมนี้ เลือกได้ถูกใจผมมาก มาเอารางวัลไปเลย ผมยกเพื่อนร่วมงานให้คนนึง รางวัลใหญ่แต่สั้นนิดหน่อย ชื่อนายซุกซนครับ เอาไปเลย
 
   “ผมจะมีแฟนได้ยังไงครับพี่”

   คุณเมฆพูดพร้อมหัวเราะแห้งๆ เหมือนกับเรื่องนี้ไม่ได้ตลกขนาดนั้น  อีกฝ่ายก็คงคิดแบบเดียวกับผม บทสนทนาเลยเปลี่ยนไปเป็นเรื่องอื่นแทน เช่นเรื่องงาน
 
   “ว่าแต่เหมือนผมได้ยินว่าเขาประสบอุบัติเหตุใช่มั้ย? หาคนใหม่หรือยัง?” 
   “กลับมาทำงานแล้วนะ วันนี้ก็มา”
   “โห พักฟื้นไปหลายเดือนขนาดนี้ตามงานทันเหรอพี่”
   “ก็ได้อยู่ เขาเก่งน่ะ”
 
   คุณภูมิๆอะไรสักอย่างพูดแค่นั้น ก่อนจะตบบ่าคุณเมฆอีกครั้งแล้วเดินออกไปเมื่อลิฟท์จอดที่ชั้น 4 ทิ้งผมเอาไว้กับผู้ชายติดกาแฟอีกครั้ง ผมมองมือมองเท้ามองซ้ายไม่มองขวาเพราะคุณเมฆยืนอยู่ แหงะ ขอคุณภูมิๆเมื่อกี้เข้ามาใหม่ไม่ได้เหรอ  มันอึดอัดแปลกๆอะ ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไงดี
 

   “เหนียวตัวเหรอคุณ ขยับไปขยับมา”
   “เปล่าสักหน่อย”
   “หรือว่าอยากกินกาแฟ?”
 
   ผมสะดุ้งเมื่อรู้สึกว่าอีกคนขยับเข้ามาใกล้อีกนิดหน่อย เข้ามาทำไม ยังตั้งตัวไม่ทัน ไม่ได้รังเกียจนะ แค่แบบ มันแปลกๆอะ มันร้อนไปหมดเลย ทำตัวไม่ถูก เขยิบออกไปหน่อยได้มั้ยอะ ขอร้องละนะ เอาสินบนมั้ย? ยกซุกซนให้ก็ได้ หรือจะเอาชมพูทวีปทีมดี?
 
   “ไม่ๆ”

   ผมสั่นหัวปฏิเสธ คุณเมฆเงียบเลยอะ ผมเม้มปาก ทำไมลิฟท์มันช้าขนาดนี้เนี่ย! ผมหันซ้าย (ไม่หันขวานะ เพราะคุณเมฆยังอยู่ข้างขวาผมอะ) หันหน้า หันหลัง อึดอัดอะ ปกติเวลาเป็นแบบนี้ต้องมีเสียงโทรศัพท์ดังไม่ใช่เหรอ หรือไม่ก็สัตว์ประหลาดจากต่างดาวสักตัวเข้ามายึดโลกก็ได้ ไม่รู้คิวเลย
 
   “...”

   เงียบอะ เงียบทำไม รอผมพูดเหรอ? เป็นคนอายุมากกว่าต้องพูดก่อนสิ หรือเอาไงอะ ให้ก่อนเหรอ? ผมพูดก่อนก็ได้ เพราะผมใจดีมากๆ
 
   “ก็… ใครเขากินกาแฟกันตอนนี้เล่าคุณนี่ มันจะเย็นแล้วนะ เดี๋ยวก็นอนไม่หลับกันพอดี”
 
   “คิดมากเรื่องในเฟสบุ๊ค?”
 

   ตึ้ง!
 

   เป็นโชคดีของผมที่ลิฟท์มาถึงชั้น 6 สักที หลังจากเดินทางไปรอบโลกมารอบหนึ่งได้มั้ง ลิฟท์นี่ก็ช้าเหลือเกิน วันหลังผมจะเดินขึ้นมาข้างบนเอง ยิ่งถ้ามีคุณเมฆอยู่ใกล้ๆผมยิ่งจะเดินขึ้นเองเลย คอยดู!
 
   “เขินแล้วหนีเหรอคุณ”
 
   “ไม่ได้เขิน แล้วก็ไม่ได้หนีด้วย!”

   ผมหันหน้าไปหาคุณเมฆที่อยู่ทางด้านขวาทันที ขมวดคิ้วใส่ให้อีกฝ่ายเกรงกลัว! อย่ามาแหยมกับแทนใจนะบอกเลย! นี่ใคร! ผมมีน้องต้องเลี้ยงนะ ผมไม่หนีหรอก ไม่เขินด้วย!
 
   “งั้นแสดงว่าคุณคิดเรื่องในเฟสบุ๊คสินะ”
 
   “อะไรของคุณ! คิดอะไรกัน เฟสบุ๊คอะไร ไม่ได้คิดมากเลยคุณ”
 
   ทำไงดี ทำไงดี ผมหันซ้ายหันขวา เฮ้ย! หน้าคุณเมฆอีกแล้ว ยิ้มทำไมอีกกกกกก พอแล้ว ยิ้มแล้วตีนกาจะคลืบคลานขึ้นหน้าเร็วมากเลยนะ มันจะกระโดดขึ้นหน้าเลย รู้ตัวอีกทีเป็นป็นปู่ชิวแล้วนะ ไม่รู้หรือไง! หรืออยากเป็นดัมเบิลดอร์ตั้งแต่ผมยังไม่ขาว!
 
   ห้ามยิ้ม! บอกว่าห้ามยิ้มไง! หยุด!! ฟังกันบ้าง ที่นี่ประเทศที่มีประชาธิปไตยนะ! ฟังเสียงผมบ้าง!
 
   “คุณใจเย็นๆ คุณจะเดี๋ยวสะดุ้งเดี๋ยวกระโดดแบบนี้ไม่ได้ ผมไม่ใช่หมาป่า ไม่จับกระต่ายกินหรอก”
 
   “แต่ผมไม่ใช่กระต่าย!”
 
   ทีเขาว่าพวกเก่งวิทย์เก่งเลขจะไม่เก่งภาษานี่เรื่องจริงแน่นอน  คุณเมฆที่หน้าเฟสบุ๊คเขียนว่าจบวิศวกรรมศาสตร์ ต้องไม่เก่งภาษาไทยชัวร์ บอกว่านี่แทนใจ ไม่ใช่กระต่าย สงสัยตกภาษาไทยตั้งแต่ยังไม่ขึ้นอนุบาลสามแน่นอน
 
   “ครับๆ ไม่ใช่กระต่ายก็ได้ ไม่เป็นไร แล้วแต่แทนใจเลยครับ”
 
   คุณเมฆยกมือขึ้นมาข้างหน้าสองข้างเป็นปางห้ามมหาสมุทธ ผมยักคิ้วใส่ ต้องแบบนี้ ผมนี่เกรดสี่ภาษาไทยมาตลอดนะบอกเลย แถมยังเคยเป็นตัวแทนโรงเรียนไปแข่งขันด้วยนะ! แต่ตกรอบแรก … เออ พูดทำไมเนี่ย
 
   “ใช่ เพราะงั้นไม่คิดอะไรเลยสักนิด!”
 
   “เรื่องกาแฟหรือคุกกี้?”
 
   “ทุกเรื่องเลย ไม่คิดอะไรเลยนะ ไม่คิดอะไรเลยจริงๆด้วย!”
 
   “ครับๆ ผมเข้าใจแล้ว”
 
   คุณเมฆเดินมาส่งผมที่หน้าห้อง คือจะบอกว่าเดินมาส่งก็ไม่ถูกขนาดนั้นเพราะห้องผมเป็นทางผ่านที่จะไปห้องเขาอยู่แล้ว ผมกดกริ่งหน้าประตู ได้ยินเสียงตุ๊บตั๊บแล้วการอุทาน ‘เหี้ย ก็ว่าทำไมห้องโล่งๆ’ ดังมาจากข้างใน เห็นมั้ยครับ ว่าถ้าจะคบเพื่อนก็ไม่ควรเลือกที่มันจะเทเราเอาไว้แล้วหนีกลับห้องนะครับ ผมบอกเลย
 
   ก่อนที่เขาจะยอมกลับห้องไป เขาลูบหัวผมพร้อมพูดเบาๆ
 
 
   “แต่… ผมอยากให้คุณคิดนะ”
 
 
 
 
------- Monday In Love -------

 


   สมองตายครับ ไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว


   ในขณะที่วิญญาณผมได้หลุดออกจากร่างไปตั้งแต่เมื่อกี้ ซุกซนก็เปิดประตูมาพอดี (เนี่ย! ไม่รู้คิวอีกคนแล้ว ต้องเปิดมาขวางตอนที่คุณเมฆกำลังพูดสิ ไม่ใช่ตอนที่สติผมไปแล้ว) หลังจากนั้นผมก็รีบมุดเข้าห้องเลยครับ แล้วอาบน้ำ เผื่อจะดึงสติกลับมาได้บ้าง
 

   ในขณะที่กำลังเป่าผมอยู่ผมก็คิดนั่นนี่ไปด้วย คือความจริงแล้วตอนแรกผมก็ไม่เป่าผมหรอกครับ แต่น้องกายบอกว่าผมควรจะเป่านะ เพราะผมเป็นหวัดง่าย น้องกายเป็นห่วง ด้วยความตื้นตันนั้นผมเลยเป่ามาตั้งแต่มัธยมจนตอนนี้ก็ยังเป่าอยู่
 

   ฮือ พูดแล้วก็คิดถึงน้องกาย โทรหาดีกว่า รอสายไม่นานน้องกายก็รับ นี่แหละนะน้องชายของผม ไม่ค่อยปล่อยให้ผมรอนานหรอก เด็กดีใช่มั้ยล่ะ น้องชายผมเองครับ เลี้ยงมากับมือ
 

   “น้องกายยยยยยยย”
 
   “พี่แทนใจ เป็นไงมั่ง หนีผมไปเที่ยวสนุกมั้ย?”

 
   ถึงแม้คำพูดจะทำให้ผมรู้สึกผิดนิดหน่อยที่เบี้ยวนัดน้องมาเอาท์ติ้ง แต่น้ำเสียงที่ไม่ได้ถือสาเอาความอะไรแล้วทำให้ผมยิ้มออกมา นี่แหละน้องชายผม พวกเราแทบไม่เคยโกรธกันนานเลยครับ เพราะสุดท้ายไม่ผมก็น้องใครสักคนต้องง้อก่อนอยู่ดี แต่ส่วนใหญ่ก็ผมนะ พี่ที่ดีไม่ควรโกรธน้องนานนี่ครับ
 

   “อากาศดีมากเลยนะน้องกาย พี่อยากให้น้องกายมาเที่ยวจังเลย พี่ไม่น้องกายแล้วพี่เหงา คิดถึงจังเลย อยากเจอหน้า”
 

   เสียงหัวเราะของน้องกายดังมาตามสาย น้องขำอะไรผมเนี่ย ไม่รู้แหละผมเหงา ความจริงวันเสาร์แบบนี้ผมควรจะได้อยู่ห้องกับน้อง ใช้เวลาดูหนังด้วยกัน นี่บริษัทกำลังแทรกแซงเวลาครอบครัวอันอบอุ่นอยู่นะ ผมฟ้องกรมแรงงานได้ไหม หรือฟ้องศาลไคฟงก็ได้

 
   “ผม… ก็คิดถึงพี่ครับ”
 
   “ใช่มะๆ เราสองคนนี่ใจตรงกันมากเลย เนอะๆ”
 

   ผมกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง เพราะผมเริ่มใกล้จะแห้งแล้วเลยไม่ต้องแคร์ว่าจะไม่สบายเท่าไหร่ และเพราะซุกซนใจทรามนั่งเล่นโทรศัพท์คุยกับใครก็ไม่รู้ แต่ท่าทางจะคุยอยู่เพราะมีการพิมพ์ไปขำไป แบบนี้คงไม่ใช่ตามงานกับลูกค้าแน่นอน มั่นใจครับ
 

   “ตอนนี้น้องกายอยู่ไหน? วีดีโอคอลกันมั้ยครับ? พี่คิดถึงน้องกาย”
 
   “ผมทำรายงานอยู่บ้านเพื่อนครับ ตอนนี้คงไม่สะดวก”
 
   “โหย…”
 
   “อย่าหงอยสิครับ อยู่ตรงนั้นผมง้อพี่ไม่ได้นะ”
 

   เพราะสนิทกันน้องคงรู้ว่าตอนนี้ผมทำหูลู่หางตกอยู่ เสียใจครับ ไม่ได้เห็นหน้าน้อง ผมกับน้องกายเราสนิทกันมากจริงๆนะครับ ผมนึกตอนที่ไม่มีน้องกายไม่ออกเลยครับ ผมต้องร้องไห้กลายเป็นขี้เถ้าแน่นอนถ้าใครมาจับผมแยกกับน้องผมเนี่ย ผมเลี้ยงมาผมรักของผมนะ
 

   โอเค ไม่ได้เลี้ยงก็ได้ พ่อกับพี่รักเลี้ยงน้อง ส่วนผมอยู่บ้านแม่ แต่ผมก็รักน้องนะ!

 
   ผมนอนกลิ้งคุยกับน้องไปเรื่อยๆครับ ตอนแรกก็กลัวจะกวนเพราะน้องบอกว่าน้องทำงานอยู่ แต่พอถามย้ำกลับไปน้องบอกว่าไม่เป็นไรคุยได้ แต่ไม่อยากวีดีโอคอลแค่นั้นเอง ผมก็โอเค ถ้าน้องคุยได้ผมก็คุยได้ครับ จนผมกลิ้งไปเห็นกาแฟซองที่โรงแรมเตรียมเอาไว้ให้ ทั้งที่ไม่มีอะไรเลย เป็นแค่กาแฟใส่น้ำร้อน แต่ผมกลับนึกถึงคนที่คอยเลี้ยงกาแฟมาหลายแก้วไม่ได้
 

   ขนาดล่าสุดไม่ได้เลี้ยงกาแฟเป็นแก้ว ก็ยังสรรหาขนมรสกาแฟมาให้อีกนะ
 
   คิดแล้วมันก็รู้สึกร้อนๆอีกแล้วอะ

 
   “พี่แทนใจครับ พี่ครับ!"
 
   “ห๊ะ! อ๋อ ว่าไงนะเมื่อกี้ พี่เหม่อไปหน่อย”
 
   “ผมจะถามว่า--”
 
   “แทนใจ แดกข้าว!!!!!”
 

   ยังไม่ทันที่จะได้คุยเพิ่ม ซุกซนใจทรามที่ชีวิตไม่น่าจะเป็นคนดีได้อีกแล้วก็แทรกเสียงตัวเองเข้ามาในสายโทรศัพท์ดังมากจนน้องกายหลุดอุทาน ผมเองก็เหมือนกัน เจอแล้วครับตัวทำลายเวลาครอบครัวที่แท้จริง ซุกซน! นายนี่เอง!!!
 

   “ขอคุยกับน้องแป๊ปนึงได้มั้ยล่ะ?”
 
   “แป๊ปห่าอะไร ดูเวลาสิ๊ นี่มันทุ่มแล้ว เขาเรียกรวมทุ่มครึ่ง” 
 
   “เราไม่ไปก็ได้นะ เดี๋ยวเราสั่ง Room Service มาทานเองก็ได้!”
 

   ผมจะคุยกับน้องกาย น้องชายผมเลยนะ เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอมหรอก ผมเลี้ยงมากับมือ … โอเค พ่อแม่พี่แทนรักก็น้องด้วยก็ได้ ผมให้เครดิตครับ 
 
   “มึงจะไม่กินใช่มั้ย บุฟเฟ่ต์น่ะ บุฟเฟ่ต์!!!!”
 
   ไม่เห็นมีใครบอกเลยว่าจะพาไปเลี้ยงบุฟเฟ่ต์ อะไรก็ได้นะ แต่นายแทนใจซื้อได้ด้วยบุฟเฟ่ต์ครับ เป็นมาตั้งแต่สมัยเด็กแล้ว ผมชอบการเดินงงในดงของกินมากที่สุดแล้ว ฮือ บุฟเฟ่ต์จ๋า เดี๋ยวพี่แทนใจไปหานะ รอแป๊ป พี่กำลังจะไปแล้ว ขอวางโทรศัพท์ก่อน
 
   “น้องกายครับ” ผมกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ ที่ได้ยินเสียงหัวเราะตามสายกลับมา “พี่ต้องไปทานข้าวแล้ว เดี๋ยวกลับมาแล้วพี่โทรหาอีกทีนะ ตั้งใจทำงานนะ พี่คิดถึงมากเลย”
 
   “คิดถึงพี่เหมือนกัน ไปทานข้าวเถอะครับ เดี๋ยวอีกแป๊ปผมก็จะกลับห้องแล้ว”
 
   “กลับดีๆนะ แล้วคุยกันครับ”
 
   ผมวางโทรศัพท์แล้วกวาดของบนโต๊ะลงกระเป๋าที่เตรียมเอาไว้ลวก ก่อนจะเดินตามซุกซนที่บ่นเป็นหมีขาสั้นไม่ได้กินเยลลี่ตรงเวลา ซึ่งผมไม่สนใจมัน เพราะคนที่รออยู่หน้าห้องดึงความสนใจทั้งหมดของผมไปเรียบร้อยแล้ว ผมอ้าปากค้างเมื่อเห็นว่าใครมายืนเก๊กอยู่หน้าห้อง
 
 
   “ไงเรา”
 
 
   ไอ้คุณเมฆ คุณอีกแล้วเหรอ โผล่มาบ่อยไปมั้ยเนี่ย ไม่ได้รังเกียจแต่ใช่ว่าจะทำใจได้ทันทีนะเว้ย?!!!
 
 
 
------- 50% -------

มาลง 50% เลยค่ะ เพราะว่าพรุ่งนี้วันจันทร์ 5555555 (ในเลข 5 มีแต่น้ำตาล้วนๆ) ยุ่งแน่นอน ไม่ได้แตะเรื่องนี้แน่นอนค่ะ ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะมีอะไรรอเราอยู่ ฮืออออออออออออออ
 
ในส่นของเนื้อเรื่อง เวลาแทนใจนางบ่นอะไรไม่ต้องเชื่อมากนะคะ เรื่องราวถูกถ่ายทอดออกมาในมุมมองของแทนใจ มีฟิลเตอร์น้องแทนใจติดเอาไว้ในทุกอย่าง 5555  ก่อนจะเชื่อน้องแทนใจกรุณาใช้จักรยาน และสมุทรปราการนะคะ เพราะงั้นถ้าเป็นมุมของคุณเมฆหรือคนอื่นเรื่องอาจจะเปลี่ยนไปเลยก็ได้ค่ะ ;D
 
ป.ล. สามารถคอมเมนทต์ที่นี่ หรือสกรีมได้ที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ เหมือนเดิมนะคะ หรือยังไงทักเรามาได้ที่ @banybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD
 
ป.ล.ล. ถ้าเห็นคำผิด หรือภาษาอังกฤษผิดตรงไหน บอกเราได้ทุกช่องทางนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡Monday in Love♡ [up! ch.6 100%] (02/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 04-03-2018 19:40:59
 :L2: :L1: :pig4:

เครื่องน้อง error
ปล กระต่ายตัวนี้ซื้อได้ด้วยบัฟเฟ่
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡Monday in Love♡ [up! ch.6 100%] (02/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 04-03-2018 19:41:21
โอ้ยน้องงงง อ๊องมาตั้งนาน เขารู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้วรูกกกกกก  :hao7:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡Monday in Love♡ [up! ch.7 50%] (04/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 05-03-2018 00:55:52
ชอบความแทนใจ บ่นบ้าในใจคนเดียวได้ตลกมาก 5555
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡Monday in Love♡ [up! ch.7 50%] (04/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: StarPasO ที่ 05-03-2018 02:24:27
แทนใจไม่อ๊องแล้ว ตื้นตัน :hao5:

คนเขียนครับ คุกกี้ ไม่มีไม้โทนะครับ
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡Monday in Love♡ [up! ch.7 50%] (04/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 05-03-2018 10:13:01
เป็นน้องก้อนที่แท้ทรู น่ารักจังเลยเจ้าแทนใจ
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡Monday in Love♡ [up! ch.7 50%] (04/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 05-03-2018 18:17:07
แทนคือกระต่ายตื่นตูมที่แท้จิง
แล้วระแวงได้น่าเอ็นดูมากๆๆๆๆ 55555555555
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡Monday in Love♡ [up! ch.7 50%] (04/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 07-03-2018 14:20:40
7th Monday (2)


“เฮียเมฆมาพอดีเลย ฝากแทนใจมันไว้กับเฮียหน่อย เดี๋ยวผมไปคุยกับย่ารหัสแป๊ป”
 

ซุกซนคนใจทรามตบไหล่ผมปั่กๆ หันไปพูดกับอีกคนดิบดี มันหันมามองหน้าผมเล็กน้อย แล้วพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่ผมจะได้แสดงความเห็นใดๆ
 
“ถ้าดูแลมันลำบาก เอาเชือกผูกไว้ก็ได้นะพี่ หรือไม่ก็ยัดใส่กระเป๋าหิ้วไปก็ได้ แต่อาจจะหนักหน่อย แก้มย้อยขนาดนี้”
“นี่เราเป็นคนไง ถ้าขาเราสั้นเท่าหมากระเป๋าแบบซุกซนก็อาจจะพอพับเก็บได้อยู่นะ”
“กวนตีนนะมึงอะ”
 
ซุกซนยืดแก้มผมอีกรอบ เจ็บ! ไว้วันหลังผมจะทำสแตนดี้มาตั้งแล้วให้มันดึงแก้มเล่น มีอะไรก็ถามสแตนดี้ผมเอา อยากเล่นแก้มก็เล่นกับสแตนดี้เอา ไม่รู้ไม่ตอบไม่คุยด้วย!
 
“ซุกซน แทนใจเจ็บแล้วนั่น”
 
คุณเมฆพูดทีเล่นทีจริง ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่แววตาดูวาววับแปลกๆ เมื่อเพื่อนผมเห็นแบบนั้นก็รีบปล่อยเลย อะไรเนี่ย ทำไมไม่กลัวผมบ้างวะ พูดปากเปียกปากแฉะว่าเจ็บไม่เคยสนใจ นี่แทนใจไง นี่เพื่อนเอง เพื่อนที่ไม่ได้หากันง่ายๆอะ
 
“นั่นแหละพี่ ฝากดูมันหน่อย ผมไปล่ะ”
 
ซุกซนพูดครั้งสุดท้าย ก่อนจะดันไหล่ผมให้อีกคนที่ยืนหล่ออยู่หน้าห้อง (ไม่อยากจะยอมรับ แต่คุณเมฆเหมือนพ่อแม่ตั้งใจปั้นจริงๆนะ หล่อในเสื้อฮาวายย้วยๆ ทำได้ไง?) เพื่อนผมทำตัวขาสั้นแต่ฉันวิ่งเร็วหายไปไหนแล้วไม่รู้ เหลือผมกับคุณโปรเจคฯที่ยิ่งเห็นหน้ายิ่งรู้สึกแปลกๆอะ

คนโคตรหล่อโคตรเก่งแบบนี้อะนะ จะมาชอบผม?
 
ไม่ม้างงงงง เขาอาจจะอยากเล่นด้วยไรงี้ ผมเข้าใจนะ ผมอาจจะหน้าแป้นๆ ดูยืดได้คล้ายดินน้ำมัน เวลาขึ้นรถไฟฟ้านี่อย่างเป็นที่ชื่นชอบของเด็กครับ กี่คนต่อกี่คนดูชอบผมหมด แต่คุณเมฆเขาก็โตแล้วนี่ หรือเมื่อก่อนตอนเด็กๆไม่มีใครซื้อเรือดำน้ำให้เล่นกัน แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมานั่งเล่นกับผมหรือเปล่า … เดี๋ยว ผมเริ่มงงแล้ว เริ่มไม่เข้าใจตัวเอง
 
อะไรเนี่ย ทะเลาะกับคนอื่นไม่พอต้องมาทะเลาะกับตัวเองอีกเหรอ ทำไมชีวิตมันต้องยากขนาดนี้ด้วย
 
“เปลี่ยนชุดเหรอคุณ?”
“ผมอาบน้ำใหม่อะครับ ชุดที่ใส่มาตอนเช้ามันเค็มแล้วอะ”
 
ผมพูดพลางย่นจมูกเมื่อนึกถึงเสื้อเค็ม มันไม่ได้เค็มขนาดนั้นแต่มันเหม็นๆอะ ไม่หอม ซึ่งผมก็เหนอะหนะตัวเองด้วย แล้วก็มีเรื่องที่ต้องคิด พองฟูเต็มหัวเหมือนลูกบอลในบ้านบอลเด็กน้อยด้วย เลยอาบน้ำสระผมให้หัวโล่งๆ ตัวเย็นๆ ดีกว่า
 
“ตัวคุณมีแต่เกลือใช่มั้ย หรือคุณเป็นน้ำปลา?”
 เขาพูดยิ้มๆ นี่ก็ยิ้มจังเลย เมืองไทยสมายคลับมากมั้ง
“เหงื่อก็พอครับคุณเมฆ”
“จริงเหรอครับ?..”

เขาทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ แถมเสียงก็ดูเหมือนจะกังขากับสิ่งที่ผมเพิ่งจะพูดไป (เรื่องใหญ่มากครับสุขอนามัยของแทนใจวันนี้) ในขณะที่ผมจะเปิดปากเถียงแง้งๆกับเขาเหมือนกับทุกที คุณเมฆก็ทำในสิ่งที่ผมยังไม่ได้คิดแผนตั้งรับเลยสักนิด

เฮ้ย!!!!!!!!
 
 เขาโน้มหน้าลงมาใกล้คอผม ใกล้จนผมสะดุ้ง ใกล้จนผมรู้สึกถึงไอร้อนเล็กน้อยจากตัวของเขา เขา-ลง-มา-ใกล้-มาก-เกิน-ไป!! ลงมาทำไม! นี่คอแทนใจไม่ใช่คอหมูย่าง!
 
“เฮ้ยคุณ!”
 
สติ สมาธิ ทั้งหลายที่อุตส่าห์รวบรวมมาได้ตอนที่อาบน้ำ กลับกระจายอีกครั้ง เหมือนลูกบอลนับล้านในบ้านบอลเลย กระจายแบบดาวกระจายเลย นี่มันอะไรกัน ผมรู้สึกหูร้อนอีกแล้ว โลกมันร้อน หรือเราจะตายแล้ว ไม่ตายสิ บ้าเอ้ย
 
“จริงด้วย กลิ่นน้ำหอมฟุ้งเลย” 
 
ในขณะที่ผมกำลังพะงาบๆ สมองไม่ประมวลผลอยู่นั้น ไอ้คุณเมฆก็ถอยหน้ากลับไป พร้อมกับทำหน้าเหมือนเพิ่งดมขนมปังอบจากเตาใหม่ๆ ทำไมทำหน้าฟินขนาดนั้น ถ้ามันหอมขนาดนั้นก็มาขอชื่อน้ำหอมกันดีๆ ผมแบ่งให้ก็ได้ เอาไปเลยก็ได้ อย่าทำแบบนี้นะ หัวใจจะวาย คนไทยด้วยกัน
 
“กะ...ก็ไม่ได้โกหกไง”
 
ผมหันหน้าหนีเขาออกมา หน้ารู้สึกร้อนๆ โอ้ย อะไรเนี่ย ไม่เอาดิ ไม่เอาแบบนี้ อาบน้ำมาแล้ว ไม่เอาไม่ร้อนแล้ว ตอนนี้ลูกบอลในหัวผมประมาณล้านลูกได้ เด้งไปเด้งมา คำพูดอะไรตีกันมั่วไปหมดแล้ว ผมไม่แน่ใจในอะไรทั้งนั้นนอกจากเรื่องที่ว่าผมเจอต้นตอที่ทำให้ประเทศไทยร้อนขึ้นแล้ว
 
ไอ้คุณเมฆ ที่โลกร้อนขนาดนี้ก็เพราะคุณนั่นแหละ!
 
เริ่มร้อนจากผมก่อนเลย ร้อนหน้า ร้อนหูด้วย ร้อนไปหมดเลยเนี่ย ยิ่งพอนึกถึงเรื่องเมื่อกี้ก็เหมือนร่างกายร้อนจนทำตัวไม่ถูกเลยอะ แบบมือมันอยู่ๆก็ขยับไปเอง จะเอามือไปวางไว้ตรงไหนก็เทอะทะไปหมด อาการแบบนี้หายไปแล้วนะ เพิ่งกลับมาเมื่อกี้เลย ตอนที่เจอคุณโปรเจคฯเนี่ย 
 
“อ้าว พี่เมฆ อยู่ชั้นนี้เหมือนกันเหรอคะเนี่ย”
 
หมิวผู้ช่วยเลขาแผนกผมกับผู้หญิงอีกคนที่น่าจะเป็นเพื่อนกันแต่อยู่คนละแผนกเพราะผมไม่มีความคุ้นหน้าใดๆ เดินมาทางนี้พอดี ผมเลยได้โอกาสผละออกไปลิฟท์ แล้วทิ้งคุณเมฆเอาไว้ตรงนั้น
 
ไม่ได้รังเกียจจริงๆนะ แค่มันยังทำตัวไม่ถูกอะ เดี๋ยวจะคุยด้วยนะสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน
 
ผมไหลตามฝูงชนไปเรื่อยๆครับ เห็นใครหน้าคุ้นๆก็เดินตามเขาไปหมด มันต้องมีสักคนสองคนแหละที่เป็นคนในบริษัทแล้วจะต้องเดินไปจุดนัดพบเหมือนกัน (ผมถือคติ ‘การเดินตามคนข้างหน้า จะพาเราไปถึงจุดหมาย’ ไม่ว่าเขาจะไปไหน เขาก็ไปที่เดียวกับเรานั่นแหละ) ผมแอบเห็นคุณเชนแผนกผมเดินนำหน้าคุยกับใครไม่รู้อยู่ไม่ไกล เห็นไหมหลักการ เดินตามคนข้างหน้าไป ใช้ได้เสมอครับ
 
 ส่วนซุกซนเพื่อนผมนั้น ได้หายไปจากห่วงโซ่อาหารแล้วครับ ซุกซนมันเพื่อนเยอะ รู้จักไปทั่วแหละครับ ไม่น่าเป็นห่วงหรอก แต่มันควรจะห่วงผมบ้างไหมนะ
 
“พี่แอบไปได้ยินพวกแอดมินคุยกันว่าเดี๋ยวจะไปกินกันที่ร้านดังแถวๆนี้ เห็นว่าอาหารอร่อยมากกกกกกกก นักร้องก็ดีมากกกกกกก บรยากาศเลิศมากกกกกกกกกกกกกกกกกก สิบเต็มร้อยเลย อร่อยไปแดกงี้”
“โหย ดีมากจริงๆ พี่เคยกินแล้วเหรอ?”
“ยังอะ แต่ฟังเขาพูดมา”
“แล้วก็เล่นใหญ่เหมือนกินมาตั้งแต่เกิด”
 
ผมโล่งใจเมื่อได้ยินเสียงคุณฝนอินเดีย กับคุณนุ่นบังกลาเทศ คุยกันอยู่ข้างหลัง ถ้ามีชมพูทวีปอยู่แบบนี้ก็ค่อนข้างวางใจครับ เหมือนเราเดินเที่ยวต่างประเทศกับเพื่อน แวะดูอะไรทางซ้ายนิดหน่อยหันหลับมาถูกทิ้งเอาไว้แล้ว ใกล้จะหลงเกือบร้องไห้ละ แต่ในที่สุดก็ได้ยินเสียงเพื่อนตัวเองโหวกเหวกภาษาไทยอยู่ไม่ไกล ประมาณนั้นครับ
 
“ว่าแต่ ที่บอกว่าคุณ P มาร์เก็ตติ้งที่เป็นเกย์นี่จริงมั้ยแก?”
 
นอกจากชมพูทวีปทีมในแผนกผม ผู้หญิงสองคนข้างหน้าที่มาจากชั้น 28 แผนกอะไรไม่รู้ก็กำลังเม้าท์กันอย่างสนุกสนานเลยครับ บางทีก็เริ่มตีกันแล้ว ระหว่างเสียงพูดเรื่องร้านอาหารข้างหลัง กับข้อมูลของคนในบริษัทข้างหน้าเนี่ย
 
“พูดเบาๆสิ เดี๋ยวเขาก็รู้กันหมดหรอกแก”
 
 ถึงพี่จะพูดแบบนั้นแต่ระดับสียงไม่ได้กลัวคนอื่นได้ยินเลยครับ อันนี้จากใจ ตอนนี้เปลี่ยนท่าไปกระซิบอีกคนแล้วครับ กระซิบเบาๆแบบที่ผมที่อยู่ข้างหลังก็ได้ยินชัดทุกคำ
 
“เขาว่าคุณ P เลี้ยงเด็กเอาไว้ ในบริษัทนี่แหละ แต่เอาจริง เงินเดือนเป็นแสนๆขนาดนั้นจะเลี้ยงกี่คนก็ได้ใช่มั้ยล่ะ?”
 
ไปรู้เงินเดือนเขาด้วย? ไม่ธรรมดา เอาออสการ์สาขาการใส่ใจข่าวสารชาวออฟฟิศยอดเยี่ยมไปเลยครับ แต่สาขาใจป๋าดีเด่นนี่ผมขอเก็บไว้ให้คุณเมฆนะ เลี้ยงอะไรผมบ้างแล้วก็ไม่รู้เนี่ย กาแฟที่ติดๆเขาไว้ยังไม่ได้จ่ายคืนเลยสักแก้ว อีกนิดจะไปออกรายการคนปลดหนี้แล้ว
 
บทสนทนาเรื่องคนอื่นจบไปเมื่อผู้หญิงต่างแผนกสองคนข้างหน้าผมเดินขึ้นรถทัวร์ข้างหน้าไปครับ ซึ่งมันเต็มตรงผมพอดี ข่าวเลยขาดตอน ใส่ใจได้ไม่สุด ต้องเปลี่ยนไปขึ้นรถคันที่สองแทน (แต่ถึงจะใส่ใจได้ทั้งหมดผมก็ไม่รู้อยู่ดีครับว่าเขาพูดถึงใคร เศร้าไม่เศร้า)
 
“ที่นั่งเต็มแล้วค่ะ เราไปคันหลังนะ”
 
พี่ผู้หญิงผมสั้นที่ผมคุ้นๆว่าเคยเห็นในบริษัทส่งยิ้มใจดีมาให้ พี่เขาเป็นคนจัดรถครับ น่าจะอยู่แอดมิน ตำแหน่งที่คอยประสานงานแล้วก็ซัพพอร์ตคนในบริษัท (เป็นงานที่เหนื่อยนะครับ ผมเห็นพี่คนนี้เดินขึ้นเดินลงวิ่งไปวิ่งมาประจำ ซึ่งผมก็ทำได้แค่ให้กำลังใจ เพราะตัวเองก็กำลังตีกับลูกค้าอยู่) ผมยิ้มรับแล้วเดินต่อไปรถสีสว่างอีกคันหนึ่งแทน
 
พอไม่มีซุกซนแล้วมันก็เหงาหน่อยๆแหะ 
 
ที่มันบอกว่า จะไปอยู่กับย่ารหัส คือมันไปจริงๆนะครับ คนที่เอาซุกซนเข้ามาทำงานที่นี่คือย่ารหัสมันสมัยเรียนมหาลัยนั่นแหละ ชื่อพี่กิ๊กก๊อกแก๊กกุ๊กกั๊กกิ๊งก๊องอะไรสักอย่าง อยู่แผนกบัญชีครับ ผมเคยได้ยินมันเล่าให้ฟังตอนเจอกันครั้งแรกๆ แบบที่คนปกติเขาจะไม่ถามเรื่องส่วนตัวกันน่ะครับ สำหรับยอดชายนายซุกซน ไม่ต้องรอให้ผมถาม มันก็พร้อมจะเล่าทุกอย่างออกมาก่อนเลย โดยที่ไม่ถามความเห็นผมสักนิดว่าอยากรับรู้ด้วยมั้ย
 
“ทิ้งเพื่อนเหรอคุณ”
“คุณเมฆ?”
 
ผมสะดุ้งเมื่อกำลังเหม่อๆแล้วก็มีคนมานั่งแปะอยู่ด้านข้าง นี่คุณอีกแล้วเหรอ? ได้ค่าตัวเท่าไหร่ทำไมแอร์ไทม์เยอะขนาดนี้! อุตส่าห์หลบออกมาทำใจแล้วนะ ทำไมตามมาวอแวด้วยเรื่อยเลย ผู้ชายคนนี้ไม่มีคนรู้จักคนอื่นแล้วหรือไงกัน
 
“เมื่อกี้ผมหันไปคุยแว๊บเดียว พอหันกลับมาคุณหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ”
“ก็ผมเห็นคุณคุยอยู่ เลยเดินออกมาก่อน”
“รีบกระโดดหนีทำไม ไม่รอกันบ้างเลย ผมคุยแป๊ปเดียวเอง”
“ผมเดิน!” นี่คนไม่ใช่จิงโจ้นะ! ผมหันไปถลึงตาใส่เขา เกรงกลัวกันบ้างสิเว้ย!
“ไม่ได้กระโดด!”
“ครับๆ เดินก็เดิน ไม่กระโดดก็ได้เนอะ”
 
คุณเมฆยกมือสองข้างเป็นปางห้ามทัพ เหมือนสัญลักษณ์ว่ายอมแล้วจ้า เมื่อเห็นผมไม่เถียงอะไรเพิ่ม เขาเลยพูดต่อ
 
“งั้นเพื่อเป็นการไถ่โทษ—“
“คุณห้ามพูดว่าจะเลี้ยงกาแฟนะ!!!”
 
ผมรีบดักเขาก่อนที่เขาจะพูดสิ่งที่ผมคิด ผมชี้หน้าทำหน้าตาน่ากลัวไปด้วยเพื่อแสดงความจริงจังในคำพูดตัวเอง ไม่เอากาแฟแล้วนะ แค่นี้ผมก็ติดหนี้เขาหลายแก้วจนไม่รู้จะติดอย่างไร ผมชอบกาแฟนะ แต่นี่มันมากไปแล้ว กินจนน้ำตาจะไหลเป็นเมล็ดกาแฟแล้ว
 
“ผมจะบอกว่า ขอเลี้ยงเหล้าคุณต่างหาก ลืมแล้วเหรอที่คุยกันเมื่อบ่ายอะ ที่ผมบอกว่าจะไปเคาะห้องเรียกน่ะ”
 
แหงะ
 
ผมค่อยๆลดมือที่เมื่อกี้ชี้หน้าเขาเอาไว้ มาเกาแก้มแทน ก็ไม่รู้ว่าจะเอามือไว้ตรงไหนง่ะ ทุกอย่างมันดูเกาะแกะเกะกะไปหมดเลย ดีแล้วที่มีแค่สองมือ เพราะถ้าผมมีสิบมือแบบทศกัณฐ์ ตอนนี้คงใช้ชีวิตยากมากอะเพราะทุกมือต้องพันกันเป็นเปียหมดแน่นอน
 
“เรื่องแบบนี้ใครเขาขอกันครับ”
 
“แล้วเรื่องแบบไหนที่ต้องขอกันล่ะ?”
 

“ก็… เอ่อ …เรื่องแบบพวกยืมเงิน เฮ้ย! แต่ผมไม่มีให้คุณยืมนะถ้าเยอะอะ ถ้าไม่กี่บาทพอได้ แต่มากๆนี่ไม่ได้แล้วนะ ผมจะเก็บไว้ซื้อของให้น้องกาย ผมมีน้องมีนุ้งต้องเลี้ยงนะ ห้ามยืม!”
 
ผมพูดดักคอไว้ก่อน ไม่ได้หรอกครับเรื่องเงินๆทองๆ นี่ผมโดนน้องกายระวังภัยในกระเป๋าตังให้ตลอด พี่รักอีกคน นั่นไม่ยอมเลยนะครับถ้าเห็นผมเสียเพื่อนเพราะเรื่องแบบนี้น่ะ
 
สมัยมัธยมผมเคยโดนเพื่อนสนิทขอยืมเงินทีละเล็กละน้อยแล้วแล้วเนียนไม่คืน พอผมไปถามก็กลายเป็นเหมือนความผิดผมที่ไปทวง เลยเถียงกันเล็กน้อย สุดท้ายจบที่ผมเสียเพื่อนไปคนนึงแลกกับเงินไม่กี่พัน  หลังจากนั้นมาทั้งพี่รักทั้งน้องกายไม่ยอมให้ใครยืมเงินผมเลย เพราะผมหงอยเป็นกระต่ายโดนงดข้าวอยู่เป็นเดือนเลยครับ
 
“ไม่ยืมหรอกคุณ ผมรวยนะ” ยักคิ้วที่ดูกวนประสาทแถมมาให้อีกทีด้วย ฮึ่ย “เลี้ยงกระต่ายได้สบายมาก”
 
“กระต่ายคุณตัวแค่นั้นจะกินเยอะแยะแค่ไหนกัน”
 
ผมพูดถึงติ้กต่อก จำได้นะครับติ้กต่อกที่คุณเมฆเอามาตั้งเป็นหน้าจอน่ะ สัตว์เลี้ยงเขาไง กระต่ายขาวตัวป้อมๆขนปุยๆ
 
“ก็จริงของคุณนะ กระต่ายที่ผมอยากเลี้ยงทานไม่เยอะหรอก แค่ค่ากาแฟน่ะชิวๆ”
 
ผมเม้มปากหันหน้าหนีสายตาที่เหมือนจะสื่อความหมายอะไรบางอย่าง ไม่ต้องพูดถึงรอยยิ้มแปลกๆที่ผมเห็นประจำแต่ไม่เคยชินสักทีที่ส่งมานั่นอีก จุดนี้ไม่ว่าจะอ๊องเลเวลไหนก็ต้องรู้แล้วแหละครับ ว่าไอ้  ‘กระต่าย’ ที่กินกาแฟน่ะ ไม่ใช่ติ้กต่อกขนปุยแน่ๆ
 
ฮือ มือไม้เกะกะเกาะแกะอีกแล้วอะ แถมความคิดยุ่งเหยิงเหมือนไหมพรมที่ถูกแมวเอามาเล่นเลย มันคิดอะไรไม่ออก ร้อนไปหมด เทอะทะไปหมด ผมนั่งแข็งมากๆเลย เพราะไม่รู้ว่าตัวเองควรตอบอะไรไม่ให้เข้าตัว ยากอะ ยากมากๆเลย ไม่ตอบมันเลยละกัน
 
ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี
 
ถ้าเป็นปกติผมอาจจะไม่เกร็งขนาดนี้ แต่ไอ้ที่คุณเมฆเขาพูดเมื่อกี้ยังทำให้เกิดรู้สึกแปลกๆอยู่เล็กน้อยถึงปานกลาง เพราะงั้นต่อให้รถจะออกมาสักพักผมเลยยังไม่กล้าหันไปทางนั้นอยู่ดี ตามองหน้าต่างอย่างเดียวเลยครับตอนนี้ โอโห สะพาน! นั่นป่าไม้! ก้อนหินก็มี! ทุกอย่างน่าสนใจหมดครับ เพราะผมไม่กล้าสนใจคนข้างๆ ผมไปมากกว่านี้

กลัวว่าถ้าหันไปแล้วเจอเขากำลังมองมา ด้วยสายตาแบบนั้น และก้วยรอยยิ้มแบบนั้น...
 
ไม่คิดๆ หันไปดูก้อนเมฆดีกว่า เฮ้ยยยย ไม่เอาอะ นี่ก็เมฆนั่นก็เมฆ ทำไมเมฆเต็มไปหมด ไม่เอาๆ เอาอย่างอื่น!
 
ในขณะที่ผมกำลังสติแตก เงาในกระจกที่สะท้อนว่าฝั่งนั้นเองก็เหมือนจะวุ่นวายยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่กับมือถือ ทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาหน่อยนึง นี๊ดเดียวเท่านั้นแหละ ผมนี่ไม่กล้าหยิบมือถือตัวเองเลยครับ กลัวโดนแท็กอะไรแปลกๆในเฟสบุ๊คอีก

สรุปตลอดทางเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันไปมากกว่านั้นครับ นิ่งเงียบกันมา จนกระทั่งถึงร้านอาหาร ที่เป็นอาหารบรรยากาศดี มีดนตรีสด พร้อมแอลกอฮอล์ไม่อั้น โต๊ะของผมมีสี่คนครับ คุณเมฆ ผม ซุกซน และคุณกุ๊กกิ๊ก ย่ารหัสซุกซนที่นั่งตรงข้ามเพื่อนผม และคุณเมฆที่นั่งตรงข้ามผมพอดี

------- Monday in Love -------

ต่อด้านล่างนะคะ
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡Monday in Love♡ [up! ch.7 50%] (04/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 07-03-2018 14:24:31
ต่อนะคะ

—————————

“รับเครื่องดื่มอะไรดีครับ?”

บริกรเดินเข้ามารับออร์เดอร์เครื่องดื่ม เพราะซุกซนแทบจะลุกขึ้นเต้นบนโต๊ะเพื่อสั่งเบียร์ ไม่รู้โดนตัวไหนมาครับ ดีดมากจริงๆเพื่อนผม

“เบียร์สดหนึ่งทาวเวอร์ พอมั้ย? ไม่น่าพอ น้องพี่ขอ​… “
 
ในขณะที่เขากำลังสั่งเครื่องดื่มกัน ผมเททุกคนแล้วพุ่งเข้าไปหาอาหารแล้วครับ ผมชอบการเห็นของกินเยอะๆ วางเรียงกันครับ ฮือ บุฟเฟ่ต์ของพี่แทนใจ อันนั้นผมก็จะกิน อันนี้ผมก็จะเอา โอ๊ย ถ้าน้องกายมาด้วยนะ ผมจะตักซุปกับสลัดใส่ข้าวโพดเยอะๆ ให้น้องชายผม น้องผมชอบกินข้าวโพดครับ ซึ่งไม่รู้อร่อยยังไงเพราะผมไม่ชอบเลย
 
ในขณะที่ผมกำลังต่อสู้กับตัวเองว่าจะกินสปาเก็ตตี้หรือซูชิก่อนดี หรือจะไปตักซุปกินเล่น เอ๊ะ แต่พวกของทอดก็ดูน่าสนใจ

“แทนใจ?”

 เสียงเรียกด้านหลังก็ทำให้ผมหันไปสนใจเขาแทนอาหารไม่ยาก ผู้ชายท่าทางสุภาพสะอาดสะอ้าน พร้อมใบหน้าที่ดูเป็นคนฉลาด คนที่ยืนยิ้มให้ผมตรงนั้นทำให้ผมอดยิ้มกว้างตามไม่ได้
 
“พี่ปกป้อง!”
 
โดยไม่ทันรู้ตัวผมพุ่งไปกอดพี่เขาทันที โดยที่เขาเซนิดหน่อย (ผมไม่ได้อ้วนนะ แต่พี่เขาผอมมากๆเลย) แต่พี่ปกป้องของผมก็ยังทรงตัวรับผมเอาไว้ได้ แข็งแกร่งมากจริงๆครับพี่ผม ล้มหมีได้ด้วยมือเปล่าแน่นอน
 
ผมรู้จักกับพี่ปกป้องมานานแล้วครับ ตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยเพราะเป็นรุ่นพี่ที่เจอตอนเข้ากิจกรรมคณะ พี่เขาเก่งมากๆ ผมชอบพี่ปกป้องมากเลยครับ คนอะไรไม่รู้เก่งเหมือนไม่ใช่คนอะ เก่งทั้งกิจกรรม ทั้งเรื่องเรียน ผมจำได้ว่าเขาได้โล่ห์เรียนดีกิจกรรมเด่นด้วย แถมยังได้เกียรตินิยมเหรียญทองอีก เก่งกว่าพี่ปกป้อง ก็พี่ปกป้องชุบแป้งทอดแล้วแหละครับ
 
แล้วพี่เขาก็สนิทกับพี่แทนรักด้วย (ไม่รู้ว่าไปรู้จักกันได้อย่างไรเหมือนกัน แต่บังเอิญมากๆเลย) เราเลยคุยกันบ่อยๆ ผมเข้ามาสมัครงานที่นี่ได้เพราะพี่ปกป้องนี่แหละครับแนะนำให้มาครับ แต่พี่แกเข้ามาเองนะ ด้วยเกรดและผลงานตัวเอง เก่งใช่มั้ยล่ะ พี่ผมเองครับ พี่โผ้มมมมมมมมมม
 
“ไม่เจอพี่นานเลยอะ พี่ป้องเป็นไงมั่ง?”
“ก็อย่างที่เห็นเนี่ยแหละ ฮ่าๆ”
“โหย ไม่ใช่ดิ ที่พี่เข้าโรงพยาบาลง่ะ”
 
พี่ปกป้องเขาประสบอุบัติเหตุครับ แอดมิทโรงพยาบาลเลยแหละ ผมเป็นห่วงมาก พี่เขาเพิ่งกลับมาทำงานไม่นานเอง
 
“ก็โอเคแล้วล่ะ ว่าแต่พี่รักเป็นไงมั่ง?”
“พี่รักสบายดีมากเลยพี่ ตอนนี้ฟิตหุ่นจนมีกล้ามหน้าท้องแล้วนะ!”
 
ผมยืนคุยอยู่นานมากกกกกกกกกก คุยจนคอแห้ง เลยเดินกวาดอาหารตามพี่ป้องต้อยๆ มานั่งที่โต๊ะของพี่เขา ซึ่งว่างพอดีเพราะคนส่วนใหญ่ย้ายไปนั่งคุยกันอีกโต๊ะ ดีแล้วไม่อย่างนั้นผมคงต้องเกร็งมากแน่ๆ โต๊ะนี้คงมีแต่คนตำแหน่งสูงส่งทั้งนั้น เอาตามตรงผมกลัวครับ พวกคนใหญ่คนโตมักจะมีรัศมีน่าเกรงขามบางอย่างแผ่ออกมา แบบที่คนอย่างผมเทียบไม่ติดเลย ซึ่งพอเจอผมก็จะทำตัวลีบๆเป็นหมูแผ่นเนียนๆไปกับเขาเท่านั้น 
 
 
พวกเราคุยเรื่องดินฟ้าอากาศกันไปเรื่อย และก็จะคุยฟุ้งอยู่แบบนั้นถ้าไม่ใช่ว่ามีแรงสะกิดหัวไหล่ไม่เบานัก ผมหันไปทั้งที่ยังยิ้มค้าง รอยยิ้มกว้างค่อยๆเปลี่ยนเป็นยิ้มแห้งๆปนความไม่เข้าใจเมื่อเห็นว่าผู้มาใหม่เป็นใคร คุณเมฆครับ ไอ้คุณโปรเจคฯติดกาแฟที่วันนี้คิดกินเบียร์ ยืนส่งยิ้มเย็นอยู่ข้างหลังผม
 
 
เอ๊ะ …
 
เพิ่งนึกได้ว่าผมเทเพื่อนทั้งโต๊ะเอาไว้ แล้วหอบของกินหนีมาอยู่กับพี่ปกป้องนี่หว่า ผมคงจะรู้สึกผิดน้อยกว่านี้ถ้าคุณเมฆเขาไม่ได้ทำหน้าขรึมเหมือนกับอาจารย์ที่ปรึกษาธีสิทที่มองลอดแว่นฟังผมอธิบายหัวข้อแบบแทบจะร้องไห้อยู่แล้ว
 
“เมื่อกี้ลุกไปตักอาหารไม่ใช่เหรอครับ?”
 
ผมหน้าหดเหลือสองนิ้ว (ที่เป็นพื้นที่ของแก้มไปแล้วนิ้วครึ่ง) รอยยิ้มบนหน้าคุณเมฆเขาดูใจดีนะ แต่น้ำเสียงคุณเมฆมื่อครู่ไม่ได้มีแววขี้เล่นเลยสักนิด แถมสายตาที่มองไปทางพี่ป้องก็คมกริบ คมเหมือนกระดาษเอสี่ที่ปกติก็บางๆดูกากๆธรรมดา แต่อยู่มาวันหนึ่งมันดันบาดนิ้วแล้วเลือดออกน่ะ
 
“ทำไมถึงมาอยู่กับ… คุณปกป้อง”  คุณเมฆเว้นช่วงเล็กน้อย แล้วมองไปทางพี่ปกป้อง โดยมีผมที่ก้มหน้าชิดแก้วไวน์หนีสายตาเขาอยู่ อย่ามองมาทางนี้สิ ไม่รู้ไม่เกี่ยว มองทางอื่น!
 
“…” ถือคติไม่ตอบคำถามหมีครับ เงียบไว้เดี๋ยวก็ชนะเอง
 
“ผมตักแซลม่อนเบิร์นมาให้คุณด้วย อยู่ที่โต๊ะน่ะ”​
 
เมื่อไม่มีใครตอบอะไร คุณเมฆจึงพูดต่อ โดยที่ผมยอมเอาสายตาขึ้นมาจากแก้วไวน์นิดนึง ไม่รู้ว่าเพราะผมเริ่มมึนไวน์ที่นั่งดื่มกับพี่ปกป้องหรือเปล่า แต่ผมว่าวันนี้คุณเมฆนี่โคตรหล่อเลย ขนาดหน้าตึงยังหล่อ เป็นความสามารถพิเศษหรือเปล่า หล่อได้ทุกเวลาเนี่ย เอาไปใส่เรซูเม่ได้เลยนะผมว่า
 
“ขอบคุณครับ ...แต่ผมอิ่มแล้วครับ” 
 
รอยยิ้มคุณเมฆหดลงเล็กน้อย แหงะ ผมรู้สึกผิดเลยอะ แต่บุฟเฟ่ตปกติก็ต่างคนต่างตักป่าว หรืออันนี้มันไม่ปกติ หรือเขาอาจจะอยากขยับร่างฃกายด้วยการเดินตักแซลม่อนก็ได้นะ แบบแค่ขยับเท่ากับออกกำลังกายงี้ ผมสรุปกับตัวเอง แล้วจึงพูดต่อ

“ผมทานกับพี่ปกป้องแล้วครับ ขอบคุณมากนะครับคุณเมฆ คุณทานแทนผมได้เลย ยกให้ๆ อร่อยมากเลยนะ อย่างสด ผมทานแล้วการันตีโดยผมเลย”  ​
 
“พี่ป้อง?”​

คุณเมฆดูไม่สนใจการโฆษณาแซลม่อนของผมเท่าไหร่ แต่กลับมาถามเรื่องพี่ป้องซ้ำ ซึ่งผมแอบเสียใจเล็กๆที่แซลม่อนไม่ได้รับความสนใจ ปกติหมีชอบกินปลาไม่ใช่เหรอ หรือหมีพันธ์เมฆไม่กินป่า ล่าเนื้อเสือดาวเป็นอาหารงี้ น่ากลัวมากๆ
 
“อือ พี่ป้องไง ทำไมเหรอครับคุณเมฆ?”
 
ผมหันซ้ายหันขวามองระหว่างคุณเมฆกับพี่ป้อง อ่าว พูดอะไรผิดอีกอะ หน้าหล่อที่เคร่งขรึมเมื่อครู่ ได้กลายเป็นหน้าหล่อที่ดูดุดันกว่าเดิมไปแล้ว โอ๊ย ทำไมอะ ไม่เข้าใจมาก น่ากลัวมากด้วยเช่นกัน ไม่เอาอะ ไม่สู้แล้ว ผมลุกไปนั่งเก้าอี้ข้างพี่ปกป้องเพื่อหลบหมีขี้โมโห คือคุณเมฆเขายังยิ้มนะ แต่เป็นรอยยิ้มที่มองจากดวงจันทร์ก็รู้ว่าอารมณ์เสียอะ โคตรน่ากลัว เหมือนนักฆ่าหน้ายิ้มประมาณนั้น 
 
ฮือ พี่ปกป้อง ช่วยผมด้วย หมีนี่จะฆ่าผมแล้ว ไม่รู้ใครขโมยของเล่นไป หมีตกมัน ช่วยด้วย ช่วยผม ผมมีน้องกายต้องเลี้ยงนะ ผมตายตอนนี้ไม่ได้
 
“แทนใจ​​ ...”
 
ผมโผล่หัวออกมาจากไหล่พี่ป้องนิดหน่อย เมื่อรุ่นพี่ที่รู้จักมานานเรียกเสียงเบาๆ แต่ด้วยความยังไม่กล้าโผล่ออกไปเยอะเลยซ่อนแก้มส่วนใหญ่ไว้หลังพี่ป้อง โผล่ออกมาแค่ลูกตาพอครับในสถานการณ์อันตรายแบบนี้ ถึงจะไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไร แต่รังสีอาฆาตคุณเมฆนี่คือของจริง
 
ซุกซนช่วยด้วย เราจะโดนฆ่าแล้วนะ โดนฆ่าด้วยหมีหน้ายิ้มน่ะ
 
“เราทานเสร็จแล้วใช่มั้ย? พี่อิ่มแล้วล่ะ”​
 
“อือ เสร็จแล้วๆ พี่ป้องอิ่มเหรอ กินไปนิดเดียวเองนะ อิ่มจริงๆเหรอครับ ผมไปตักให้อีกมั้ย?” ​ผมยอมออกจากที่ซ่อน มามองหน้ารุ่นพี่ดีๆ พี่เขากินน้อยมากจริงๆนะ เหมือนเป็นคนกินน้อยอยู่แล้ว ตัวเลยผอมแบบบางกว่ากระดาษไขที่ใช้รองปาท่องโก๋อีก “
 
“พี่ป้องเป็นอะไร ทำไมหน้าซีด? พี่กินน้อยไปหรือเปล่า?”​
 
“ไม่ๆ พี่อิ่มแล้วจริงๆ พี่แค่คิดว่า …”  พี่ป้องเหลือบมองทางผมนิดหน่อย แล้วยิ้มแหยๆ “พี่จะไปเดินเล่นสักหน่อย เดินย่อยน่ะ พอดีพี่แน่นมากเลยเนี่ย อย่างอิ่มเลย”
 
“ผมไปด้วย!” ผมเองก็ควรขยับบ้าง เผื่อจะหุ่นดีๆแบบคุณเมฆงี้ อย่างเท่
 “ไม่ต้อง !!!!!!! —  พี่หมายถึง เอ่อ เดี่ยวพี่จะไปหาหัวหน้านิดหน่อยด้วยน่ะ เมื่อกี้เขาส่งเมลมา พี่ว่าจะไปถามรายละเอียดเพิ่ม”
“เอ๊ะ แต่ผมไม่ได้ยินเสียงอีเมลเด้ง —“
“คือพี่ตั้งสั่นไว้ๆ เราอยู่นี่กับคุณโปรเจคฯเถอะ”
“ผมได้คุยกับพี่นิดเดียวเองง่ะ ผมคิดถึงพี่มากนะ” ​
 
ผมทำหน้าหมาหงอยใส่เขา หน้าแบบที่น้องกายจะหายโกรธทันทีเมื่อเห็น แต่เหมือนจะใช้กับคนนอกครอบครัวไม่ได้ผล เพราะพี่ปกป้องยังคงมีรอยยิ้มแหยๆไว้บนใบหน้า ไม่ได้มีทีท่าจะตามใจผมเลยสักนิด
   
“พี่ก็คิดถึง —-  เอ่อ พี่ต้องไปแล้ว ไว้เจอกันนะ”​
 
 
แล้วพี่ป้องก็วิ่งหนีไปเหมือนกับเจอผีเลย ผมมองตามหลังพี่ที่สนิทด้วยสภาพหางลู่หูตก ในร้านมีคนโน้นคนนี้นั่งคุยนั่งกินกันอยู่เยอะเลยครับ บางโต๊ะก็เต้นด้วย เอ๊ะ นั่นคุณกฤตินี่ ผมสบตากับคุณกฤติที่เหมือนกับจะหัวเราะอยู่ เขาส่งยิ้มมาให้ผม ซึ่งผมยกมือไหว้ไป ไม่อยากจะบอกเลยว่าตอนที่คุณกฤติพรีเซนท์นั้น ผมไม่ได้ฟังเลยครับ แหะๆ อย่าบอกหัวหน้าผมนะ
 
“ไหนครับ”

 งานเข้าแล้ว ...

 เลือดที่หน้าผมลาป่วยกะทันหัน เมื่อเสียงเย็นๆของคนที่ผมทำเนียนลืมว่าเขายืนเป็นตัวประกอบอยู่ตรงนี้ กำลังอยู่ในโหมดเกรี้ยวกราด
 
 
ทั้งๆที่เขายิ้มดูเหมือนจะใจดีแล้วพูดประโยคธรรมดา ทำไมผมถึงได้รู้สึกเหมือนชะตาจะขาดเลยล่ะ
 
 
“แซลม่อนอร่อยมั้ยครับ... แทนใจ?”


 
———- 100% ———-

 
 
 เป็นอะไรที่ลากเลือดมากค่ะ แต่งไปคุยกับเพื่อนไปค่ะ ว่าพรรคนี้เราค่อนข้างจะเหนื่อยนิดหน่อย พรรคดีมั้ย พรรคไม่ได้เพราะงานรออยู่ ​​​ล้องไห้ได้มั้ย ​ ;A;
 
 ถ้าอัพช้า โทษหัวหน้าเราเลยนะคะ เต็มที่ 55555555 
 
ในส่วนของพาร์ทคุณเมฆ มีนะคะ แต่ขอเวลาอีกสักพัก สัญญาจะมานะ ใจเย็นก่อนนะคะ 5555

ป.ล. สามารถคอมเมนทต์ที่นี่ หรือสกรีมได้ที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ เหมือนเดิมนะคะ หรือยังไงทักเรามาได้ที่ @banybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD
 
ป.ล.ล. ถ้าเห็นคำผิด หรือภาษาอังกฤษผิดตรงไหน บอกเราได้ทุกช่องทางนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH7: "เรื่องไหนที่ต้องขอ?" [up! 100%] (07/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 07-03-2018 14:44:44
 :L2: :L1: :pig4:

เย้เย้
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH7: "เรื่องไหนที่ต้องขอ?" [up! 100%] (07/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 07-03-2018 17:14:14
กระต่ายท้าทายอำนาจของคุณเมฆเข้าแล้ว!!!!
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH7: "เรื่องไหนที่ต้องขอ?" [up! 100%] (07/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 07-03-2018 22:49:50
แย่แล้วเจ้ากระต่าย ดูเหมือนจะทำให้คุณหมาป่าโกรธเข้าให้แล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH7: "เรื่องไหนที่ต้องขอ?" [up! 100%] (07/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 08-03-2018 01:05:07
น้องต่ายยยยยย
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH7: "เรื่องไหนที่ต้องขอ?" [up! 100%] (07/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: nekodollzz ที่ 09-03-2018 22:04:26
มุกเสี่ยงตายทั้งนั้น 555555
ปล.แทนใจคนอ๊องงงงง
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH7: "เรื่องไหนที่ต้องขอ?" [up! 100%] (07/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 11-03-2018 03:03:26
งานเข้าแล้วแทนใจ :katai1:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH7: "เรื่องไหนที่ต้องขอ?" [up! 100%] (07/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 11-03-2018 16:08:37
ฮ่าๆๆๆๆๆ โดนกินแน่ๆ  พ่อหมีเค้าเกรี้ยวกราดแล้วนุ่งต่าย  โชคดีนะลูก
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH7: "เรื่องไหนที่ต้องขอ?" [up! 100%] (07/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 11-03-2018 19:43:53
8th Monday #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์


ผมยังคงเกลียดวันจันทร์เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเกลียดเพื่อนร่วมงานด้วย

“เอาละทุกคน นั่งเลยๆ ไม่ต้องเกรงใจ”

ให้ทายครับ ว่าใครเป็นคนพูด ใบ้ให้ครับว่าคนพูดชื่อขึ้นต้นด้วย ซ โซ่ … ไม่ครับ ไม่ใช่ ซงจุงกิ หรือ ซีอุย และไม่ใช่เซอร์ ไอแซค นิวตั้น แต่คนพูดก็คือ ซุกซน ใจทรามครับ พูดกับคนที่กำลังเดินเข้ามาในห้องเป็นกลุ่มครับ คล้ายกับกลุ่มทัวร์อาม่าที่ค่อยๆเยื้องย่างเข้ามาในห้องครับ แต่เป็นทัวร์ที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี

“ซุกซน?”

ผมเรียกชื่อคนที่น่าจะรู้เรื่องนี้ดีที่สุดอย่างซุกซนครับ คือผมเพิ่งออกจากห้องน้ำมาเมื่อกี้ หลังจากที่พวกเราทานข้าวกลับห้องกันใช่มั้ยครับ แล้วพอแยกย้ายห้องใครห้องมัน ทันทีที่ผมกับซุกซนกลับห้อง เมทขาสั้นผู้น่ารักก็ไล่ผมไปอาบน้ำเพราะมันบอกเหม็นไวน์ กลิ่นเบียร์จากตัวซุกซนนั้นตัวอยู่เขาใหญ่ดมจากบรูไนยังได้กลิ่นเลยครับ แต่เพราะสู้แรงผลักเข้าห้องน้ำของมันไม่ได้เลยปล่อยเลยตามเลย

ซึ่งเพิ่งจะมารู้ตอนนี้แหละ ว่ามันไล่ผมไปอาบน้ำ แล้วออกมาจะเจอคนเต็มห้องแบบที่ไม่ถามความสมัครใจผมครับ สุดยอดเพื่อนรักวันนี้ พรุ่งนี้เลิกคบแล้วครับ บายบายบาย

“โอโห อบอุ่นนะเนี่ย”

เสียงนั้นไม่ใช่เสียงซุกซนหรือผมที่เป็นเจ้าของห้องครับ แต่ว่าเป็นเสียงของคุณกุ๊กกิ๊กย่ารหัสซุกซนคนเดิมที่เมื่อครู่มันทิ้งผมไปหาเขานั่นแหละครับ

คุณกุ๊กกิ๊กเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆครับ เตี้ยกว่าซุกซนอีก กะจากสายตาน่าจะสูงไม่ถึง 160 เซ็นติเมตรด้วยซ้ำ ผมสั้นๆที่ย้อมสีแดงเป็นปอยเล็กๆดูเท่ดีครับ ถ้าไม่บอกผมจะไม่รู้ว่าคนมาดแบบนี้ทำบัญชีครับ คือในแผนกบัญชีเนี่ยคนที่ผมเคยไปคุยด้วยเขาค่อนข้างจะเป็นเหมือนคุณครูคณิตศาสตร์ที่เป็นบรรณารักษ์มาก่อนน่ะครับ ใส่แว่น มีอายุมากเล็กน้อย ถึงมากๆ (อายุเขาอาจจะมากกว่าเงินเดือนผมอีก พูดแล้วก็เศร้า) แล้วก็จะดูแบบ คล้ายๆ โบราณบุคคลนิดนึง

แต่คุณกุ๊กกิ๊กจะให้ความรู้สึกต่างออกไปครับ ดูทันสมัยและคุยง่าย ซึ่งดีแล้ว ผมว่าคุณกุ๊กกิ๊กเขาเท่ดีครับ เวลามาทำงานนี่ผมไม่เคยเห็นนะ แต่อย่างเมื่อเย็นเขามาในชุดเสื้อสั้นๆกับกางเกงตัวใหญ่แบบสมัยนิยมครับ ตรงข้ามกับพี่แทนรัก พี่สาวผมเลย รายนั้นใส่กางเกงไปทำงานบ้างเหมือนกัน แต่จะเป็นกางเกงสแล็คสีดำที่ดูเป็นทางการครับ

“น้องแทนใจ เมื่อกี้ไม่ได้คุยกันเลยยยยย”

“คุณกุ๊กกิ๊ก สวัสดีครับ”

ผมยกมือไหว้คนอายุมากกว่าอีกครั้ง ยังงงๆอยู่ว่าคุณกุ๊กกิ๊กเขารู้จักผมด้วยเหรอ แล้วก็งงด้วยว่าผมต้องคุยอะไรกับเขา คือยังไงดี ผมเป็นเพื่อนซุกซนก็จริงนะครับ แต่ไม่ได้กว้างขวางสักครึ่งของซุกซนเลยจริงๆ ชีวิตวันๆ ผมมีแต่ คิมๆป้ากๆ ประชุมๆ น้องแทนกาย ไปแฮงค์เอ้าท์หลังเลิกงานก็มีบ้างครับ แต่ไม่ค่อยบ่อยหรอก เพราะปกติบ่ายสามผมก็นั่งไร้สติรอเวลาเลิกงานแล้วครับ การอยู่แก๊งสายบาร์เบียร์กับเพื่อนร่วมงานนี่ไม่ใช่แนวผมเท่าไหร่

“จ้า สวัสดีลูก เมื่อกี้แทนใจอาบน้ำเหรอ? อาบน้ำเร็วมากกกกก นี่ยังไม่ห้าทุ่มเลยนะลูก”

แล้วคนเราต้องรอห้าทุ่มก่อนถึงจะอาบน้ำได้เหรอ? ถึงแม้จะไม่ค่อยเข้าใจตรรกะพี่เค้าเท่าไหร่ แต่ผมก็ตอบกลับไปอยู่ดี
 
“ใช่ครับ”

 ผมพยักหน้าหงึกหงัก แล้วก็ขมวดคิ้วเมื่อคิ้วเมื่อเห็นคุณกุ๊กกิ๊กเขานิ่งไป เลยโบกมือหน้าเขาสองสามครั้ง เพื่อเช็คว่าเขายังอยู่ตรงนี้แน่ๆ ไม่ใช่ว่าถอดจิตกลับกรุงเทพฯไปแล้ว

“น่ารักจังเลย”
“…”

คุณกิ๊กทำหน้าเหมือนกำลังมันเขี้ยวอะไรสักอย่างมากครับ เหมือนสายตาของเด็กเวลามองตุ๊กตาอะไรประมาณนี้ คือนึกออกใช่มั้ยครับ ว่ามันไม่ควรมาอยู่ในห้องที่มีชายฉกรรจ์ครอบครองอยู่สองคนอย่างผมกับซุกซนนะ พี่เขาน่าจะเมาอยู่ เห็นซุกซนเคยเล่าให้ฟังแบบที่ผมไม่ได้ถามว่า สายรหัสมันเป็นสายเมาครับ กินเบียร์กินเหล้ากันดุมากๆ แบบนั่งติววิชาสถิติอะไรสักอย่างที่ร้านเหล้างี้ ซึ่งตอนนั้นผมก็พยักหน้าหงึกหงัก เพราะเพื่อนผมก็คุยงานกันในวงเหล้าเหมือนกันครับ

“น้องแทนใจน่าร๊ากกกกกกกกกกกกก”

 เดี๋ยวนะ? ที่ทำหน้าตาแบบนี้คือพูดถึงผมเหรอ?

“น่ารักจริงๆนะ เหมือนสัตว์ตัวเล็กๆเลย”

 แล้วที่บอกว่าเหมือนสัตว์เล็กนี่คืออะไรวะ? คุณกิ๊กเขาเตี้ยกว่าผมเป็นสิบกว่าเช็นต์เลยนะ งงใจ ผมเป็นสัตว์เล็กสำหรับผู้หญิงสูงไม่ถึง 160 ได้ด้วยเหรอ? นี่ผมชักจะกลัวแล้วนะ สายรหัสซุกซนนี่มีใครปกติบ้างมั้ย?

“น้องแทนใจน่าร้ากกกกกกกกกกก”

เดี๋ยว ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ? นอกจากยกมือไหว้ในชุดนอนลายทางสีน้ำเงินที่ซื้อคู่กับน้องกายแค่นั้นครับ
ผมกระพริบตางงๆเมื่ออีกคนเดินเข้ามาแล้วดึงผมไปจับมือแล้วเขย่าเหมือนผมเป็นแก้วชาไข่มุกก่อนจะเจาะ เห็นตัวสั้นๆแต่พละกำลังล้นเหลือมากครับ โอ่ย ผมเบลอไปหมดแล้วง่ะ

“เงอะ”
“พี่ เบาๆหน่อย เดี๋ยวมันตาย”

ซุกซนในกางเกงบอลเดินเกาพุงเข้ามาในห้อง พร้อมกับเหล้าสองขวดที่ถือด้วยมือข้างเดียว ไม่รู้มันเปลี่ยนเสื้อผ้าตอนไหน เมื่อกี้ที่เข้ามาในห้องด้วยกันยังเป็นชุดที่ไปทานข้าวข้างนอกอยู่เลย ดูทรงแล้วเพื่อนผมน่าจะใส่ชุดนี้นอนแบบไม่เสียเวลาอาบน้ำใหม่แน่ๆ

ผมย่นจมูก ซุกซน ซนมกอะ ไล่มันไปนอนหน้าประตูแทนละกัน

“มึงไม่เข้าใจกูหรอกซน กูตามหาน้องชายแบบนี้มาทั้งชีวิต”

คุณกุ๊กกิ๊กที่ยังคงจับมือผมไม่ปล่อยพูดครับ แล้วนี่คือเรื่องอะไรอะ ผมเริ่มงงแล้วครับ

อย่างที่บอกไปว่าในห้องเหมือนมีทัวร์ขนาดย่อมๆเดินเข้ามาเที่ยว นอกจากคุณกุ๊กกิ๊ก ซุกซนแล้ว ก็ยังมีคุณกฤติที่มาด้วยเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสแล็คตัวที่ผมเห็นเขาใส่ตอนขึ้นพรีเซ้นท์ครับ เหมือนจะกำลังเช็คเมลหรืออะไรในโทรศัพท์อยู่สักอย่างครับ โดยนั่งไขว่ห้างอยู่ที่โซฟา ตามองมือถือครับ ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ดูเหมือนอยู่ห้องตัวเองขนาดนี้ แต่ดูภูมิฐานมากแม้จะไม่อาบน้ำก็ตาม

“ตายแล้วแทนใจ ชุดนอนน่ารักมากเลยค่ะลูก”
“จริงด้วย ดูมีสกุลรุณชาติ แต่แทนใจก็ดูเป็นแบบนี้อยู่แล้วนะ แค่นึกไม่ถึงว่าจะเป็นแม้กระทั่งเวลาจะนอนด้วย”
“โหย น้องเขาเป็นลูกคุณหนูนีนา ดูก็รู้”

อันนี้เป็นเสียงของชมพูทวีปทีมและแปซิฟิกที่เม้ากันอยู่อีกมุมครับ ไม่รู้เหมือนกันว่ายกโขยงมาที่ห้องผมได้ยังไง และมาทำไม มาตามหาเสือดำเหรอ ห้องผมไม่มีนะ มีแต่ยอดชายนายซุกซน เอาไปได้เลยครับไม่ต้องล่าให้เหนื่อย ผมยกให้ อ้าว ไม่มีใครเสียเวลาเอาไปเลยเหรอ แย่จริงๆ

ก๊อกๆ!


เสียงเคาะประตูเรียกความสนใจจากสาวสาวสาวสามคนในห้อง แต่คนที่ลุกไปเปิดประตูคือคุณกฤติครับ ซึ่งประตูเปิดช้าๆ ก่อนที่คนมาใหม่จะค่อยๆโผล่หน้าเข้ามาเหมือนไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่ามาถูกห้องหรือเปล่า จนกระทั่ง คุณกฤติ พยักเพยิดให้เข้ามา เขาเลยค่อยๆเดินเข้ามาครับ

“พี่ป้อง!”
“น้องแทนใจ?”

ขนาดพี่ปกป้องยังมาอยู่ร่วมกันเป็นทัวร์นักท่องเที่ยวชมวิถีห้องชายฉกรรจ์อย่างผมกับซุกซน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบนโลก แต่ตอนนี้ซุกซนก็เดินไปหาพี่ป้องแล้วคุยกันเหมือนกับรู้จักกันมาแล้ว ซึ่งไม่ใช่แค่ซุกซน พี่ปกป้องทักทายทุกคน หน้าตาดูเหนื่อยเหมือนเมื่อกี้แต่ยังดูสะอาดอยู่ ไม่เหมือนซุกซนครับ น้ำท่าไม่เคยอาบ

“ซุกซน?”
“ว่า?” ในขณะที่ผมกำลังจะถามสิ่งที่สงสัย ซุกซนมันก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน “เอ้าๆๆ เวลากูเป็นเงินเป็นทองนะครับ จะถามอะไรก็รีบถามมา ชักช้าคิดนาทีละห้าร้อย”
“น้องแทนใจ อย่าไปยุ่งกับมันค่ะ นี่มันเอาเปรียบผู้บริโภค สงสัยอะไรในโลกนี้ถามพี่ได้หมด”
อันนี้เป็นเสียงของคุณกุ๊กกิ๊กที่ยังอยู่ข้างๆผม เหมือนโดนทากาวเอาไว้ แต่ไม่รู้สึกแปลกๆ เหมือนตอนที่หมิวพยายามคุยเลยครับ อาจจะเพราะพี่เขาทำเหมือนผมเป็นตุ๊กตาหรืออะไรสักอย่าง ก็แปลกดี    

“ว่าแต่… ทำไมทุกคนถึงมาอยู่ห้องผมกันล่ะครับ?”

อ่าว ทำอะไรผิดอีกอะ ทำไมห้องตกอยู่ในเดธแอร์ประมาณห้าวินาที ก็น่าสงสัยมั้ยล่ะ เข้าไปอาบน้ำแป๊ปนึงคนเต็มห้องเลย งงไปหมด ผมว่าผมได้ยินเสียงคุณกุ๊กกิ๊กพึมพำ น่ารักเหี้ยๆเลยเว๊ย ทำไมน้องชายกูไม่ได้ครึ่งนี้เลยวะ โลกแม่งไม่ยุติธรรมเลย ก่อนที่ซุกซนจะถอนหายใจ แล้วเป็นคนตอบผม

“แดกเหล้าไงมึง แดกเหล้า ออกจากอ๊องโหมดสักแป๊ป”
“ทำไมไม่บอกเราอะ?”
“ก็มึงต้องแดกด้วยไง กูมัดมือชก”

เพื่อนไม่ได้หากันง่ายๆนะครับ แต่ถ้าใครสนใจเพื่อนแบบซุกซนนะ ผมยกให้เลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลาหา เดี๋ยวแถมลาเต้ให้แก้วนึงด้วยครับ ไม่ต้องเลี้ยงคืนด้วยนะ น่าสนใจมั้ย? เอามันไปเถอะ ผมกราบ

“ว่าแต่มีใครหิวมั้ย? ฝนเอาบราวน์นี่มาจากร้านที่เราไปกินข้าวเย็นกันเมื่อกี้” คุณฝนอินเดียเป็นคนเปลี่ยนเรื่องครับ ซึ่งผมขอบคุณมาก วีรสตรีของโลกใบนี้จริงๆ
“นี่เจ๊ขโมยมาเหรอ? โหพี่กฤติ ในฐานะที่เป็นคนที่หล่อสุดในแผนก ผมขอให้พี่พิจารณาเรื่องการเอาโต๊ะทำงานเจ๊แกออกแล้วให้แกเดินทำงานแทน”

“ซุกซน กวนตีนนะ เดี๋ยวแม่ถีบ”

ไปหมดแล้วครับภาพลักษณ์ที่สร้างมา เจ๊ฝนแกคงหงุดหงิดไอ้เตี้ยนี่ เพราะแกขมวดคิ้วเสียหน้ายับยู่ยี่เหมือนกระดาษที่ติดเครื่องปริ้นท์ทำให้ผมปริ้นไม่ได้ต้องเสียเวลาไปแงะออกจากเครื่องใส่ใหม่แล้วปริ้นใหม่ แต่ดูเหมือนคนหงุดหงิดจะมีแค่เจ๊ฝน เพราะคนอื่นก็ดูขำๆกัน ผมเองก็ขำไปกับเขาด้วยครับ

“พี่จัดการมันเลยค่ะ ไอ้เตี้ยนี่กวนตีนกิ๊กมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว”
“ทำไมมึงยังอยู่รอดมาถึงตอนนี้เนี่ย”
“เพราะผมหล่อไง เรื่องแค่นี้ไม่เห็นต้องถาม แบบนี้พี่กิ๊กเลยยังไม่มีสามีสักที”

ก๊อกๆ!

เสียงเคาะประตูเรียกความสนใจจากทุกคนประมาณวินาทีเดียวเท่านั้น คุณกฤติเป็นคนไปเปิดประตูด้วยความที่อยู่ใกล้สุด ส่วนซุกซนกับสาวสาวสาวก็ยังคงเถียงแบบที่ผมฟังแล้วยังมึนอยู่เหมือนเดิม ไม่แน่ใจว่าตัวเองควรจะผสมโรงด้วยดีมั้ย

 การที่ซุกซนโดนคนอื่นดุบ้างเนี่ย เป็นวินาทีชีวิตผมเลยครับผมรอมานานแล้ว อยากจะถือพู่เชียร์ แต่ติดที่ว่าไม่มีพู่สิ ถ้ารู้แบบนี้ผมจะพกพู่มาจากบ้านด้วยเลยครับ เพื่อเชียร์ตอนเพื่อนผมโดนด่าโดยเฉพาะ กับการประชุมยังไม่ใส่ใจขนาดนี้ ซุกซนควรดีใจนะ

“หล่อแต่ปากหมา สาวเขาก็ด่าป้ะวะ?”

เสียงคนที่มาใหม่ไม่ใช่เสียงของสาวๆครับเพราะมันเป็นเสียงผู้ชาย แล้วก็ไม่ใช่คุณกฤติด้วยครับ เพราะพี่แกยังนั่งคิ้วขมวดอยู่บนโซฟาท่าเดิมเลยครับ โหย สงสัยคนที่คุณกฤติเขาคุยด้วยต้องเป็นคนที่ใหญ่โตมากแน่ๆครับ แต่ผมเชื่อว่าหัวหน้าผมเอาอยู่ครับ นี่คุณกฤติของผมเองครับ เก่งที่สุดในบริษัทแล้วครับ ไม่เชื่อถามผมได้เลย ถ้าไม่นับพี่ปกป้องนะ คนนั้นเอามาเทียบกันไม่ได้ครับ สำหรับผมเก่งทั้งคู่เลย พี่ผมกับหัวหน้าผมเอง

ในส่วนของคนที่มาใหม่ นั่นคือคุณเมฆครับ

คุณโปรเจคเมเนเจอร์ตัวเป็นๆ เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับถือเหล้ามาด้วย ไหนจะถุงเซเว่นป่องๆ สองสามถุงคือเต็มสองมือ แบบเยอะมากๆ แต่คนถือมาดูเหมือนไม่หนักเลย เพราะยังคงทำหน้ายิ้มๆ ตอนก้าวขาเข้ามาในห้องแบบไม่สะทกสะท้าน คล้ายกับว่าที่ถือมาคือถุงเลย์ครับ เบาๆอากาศเยอะๆงี้ ถุงสิบบาทมีสามชิ้น

“ซุกซน ทำไมแกไม่บอกชั้นว่าน้องเมฆโปรเจคฯจะมาด้วย จะได้โบกคอนซีลเลอร์มาอีกรอบ ไหลหมดแล้วเนี่ย”

อันนี้คือคุณฝนอินเดียที่อยู่ข้างหน้าผมพูดขึ้นมาครับ อย่าว่าแต่คุณฝนอินเดียเลยครับ แทนใจเกาหลีใต้ที่นอนห้องเดียวกับซุกซนญี่ปุ่นเนี่ยยังไม่รู้ว่าจะมีคนมาอยู่ในห้องเลยด้วยซ้ำ น่าน้อยใจยิ่งนัก เพราะแบบนี้สินะสงครามระหว่างประเทศเลยเกิดขึ้น ผมเริ่มเข้าใจประวัติศาสตร์มากขึ้นแล้วครับ จะร้องไห้ ทีตอนนี้ละไม่มีเกรดแล้ว

“เจ๊อะ ไม่ติดตามข่าวสารเอง”
“ข่าวสารอะไร? ไปคุยกันที่ไหนล่ะ?”
“ไลน์ คุยกันสองคน”
“มึงมาให้กูตบเดี๋ยวนี้ ไอ้ซุกซน!”

ในระหว่างที่คนอื่นกำลังวุ่นวายกับความกวนตีนของซุกซน มีเพียงผมที่สายตาไปหยุดอยู่ที่คนมาใหม่ เหตุการณ์เมื่อสักครู่ทำให้ผมไม่รู้ว่าควรจะต้องพูดอะไร ซึ่งตอนนี้เกร็งมากๆเลย รู้สึกเหมือนร่างกายถูกไหมพรมมัดไว้อยู่ติดพื้น ได้แต่มองหน้าเขาอยู่แบบนั้น จนกระทั่งเขาหันมา

“คะ… คุณเมฆ”

ผมเรียกออกไปโดยไม่รู้ตัว ซึ่งคนตรงหน้าแค่ยิ้มรับเหมือนทุกที แต่บรรยากาศมันไม่เหมือนเดิมอะ หมายถึงไม่เหมือนทุกๆวันที่เขาชวนผมคุย ตอนนี้มันเหมือนบนรถทัวร์ขากลับจากร้านอาหารเมื่อกี้เลย ซึ่งผมไม่ค่อยชินกับมันเท่าไหร่นัก

เมื่อกี้หลังจากที่คุณเมฆไปตามผมที่โต๊ะของพี่ป้องแล้ว เราก็ขึ้นรถกลับกันครับ ซึ่งตลอดทางถึงแม้ว่าเราจะนั่งข้างกันเหมือนขามา แต่กลับรู้สึกเหมือนนั่งรถกันคนละคัน คุณเมฆไม่ยอมชวนผมคุยเหมือนทุกที เวลาผมพูดอะไรเขาก็ยิ้มนะครับ แต่เป็นยิ้มที่ไม่ได้ชวนให้ชีวิตเบิกบานเลยสักนิด

สุดท้าย ความเงียบบนรถและรอยยิ้มเย็นชืดของคุณเมฆ ก็รบกวนจิตใจจนซุกซนไล่ไปอาบน้ำหลังจากที่ผมนั่งหน้ามุ่ยอยู่บนเตียงนานสองนานเหมือนแบตหมด (ถึงแม้มันจะอ้างว่ากลิ่นไวน์ติดตัวผมก็เถอะ) ซึ่งพอออกมาจากห้องน้ำ แล้วก็มาเจอทัวร์นักท่องเที่ยวเต็มห้องนั่นแหละ ชีวิตดีๆ เริ่มต้นที่นี่ครับ

“อ้าว แทนใจ”

คุณเมฆพูดแค่นั้น แล้วก็หันหนีไปคุยกับคนอื่น ผมทำหน้าไม่ถูก นี่เป็นครั้งแรกที่ถูกคุณเมฆทำตัวแบบนี้ใส่ เขาเมินผมเหรอ? เมินผมทำไม?

“ว๊าย นก” เวลาเรารู้สึกแย่ ก็จะมีเพื่อนที่ดีคอยซ้ำเติมแบบนี้ครับ น่ารัก
“นกอะไร ซุกซนเป็นบ้าเหรอ?”
“จิ๊บจิ๊บจิ๊บจิ๊บ” เพื่อนรักของผมไม่พูดเปล่า ดัดเสียงสองแล้วทำมือเป็นนกน้อยคล้อยบินสู่เวหา คิดว่าอยู่บนสแตนกีฬาสีหรือไง หยุดส่วนสูงและสติไว้ตอนอายุสิบห้าเหรอ ผมเมินมันและหันหน้าหนีมือมันที่จะมายืดแก้ม ไม่ให้ยืดนะวันนี้  ไม่ยอมอาบน้ำ สกปรก!

“ซุกซน ไอ้หลานนิสัยเสีย อย่าทำน้องแทนใจของกู!”

คุณกุ๊กกิ๊กที่เมื่อกี้หายไปไหนไม่รู้ กระโดดมาจากอีกมุมห้องครับ เร็วมาก กระโดดเข้ามาเพื่อแยกซุกซนออกจากผม แล้วฟาดหลังน้องรหัสตัวเองดังมาก แต่ผมไม่สงสารนะ เพราะซุกซนกวนผมก่อน สมควรโดนแล้ว อันนี้แทนใจร้าย ฮึ่มๆ

“พวกผมไม่ได้มาช้าใช่มั้ย? ยังไม่มีใครเริ่มนะ?”

อ้าว คุณโน๊ตก็มาพร้อมกับคุณเมฆด้วยเหรอเนี่ย? สงสัยเมื่อกี้ผมถูกคุณเมฆดึงความสนใจไปหมดแน่ๆ ถึงได้มองไม่เห็นคุณโน๊ตมาเลเซียเลยทั้งที่ยืนอยู่ใกล้กับคุณเมฆแท้ๆ

“ ยังพี่ มาๆๆๆ จ๋อๆๆๆๆ*”
 
ซุกซนทรุดตัวลงนั่งพลางตบแปะๆข้างตัว ผมเพิ่งสังเกตว่าพื้นที่ในห้องถูกเคลียร์ให้เป็นแอเรียกว้างๆ แบบที่นั่งกันได้สบายครับ เพราะงั้นคนส่วนใหญ่เลยลงไปนั่งกันบนพื้นเป็นวงกลมเบี้ยวๆ โดยมีแก้วและขวดเหล้าเป็นพร๊อพ ยกเว้นคุณกฤติที่ยังคงนั่งอยู่บนโซฟา ส่วนผมข้างซ้ายเป็นพี่ปกป้องที่คุยกับคุณใหม่แปซิฟิก ข้างขวาเป็นพี่กิ๊กที่กระชากซุกซนออกไปจากผมแล้วนั่งแทน แต่สุดท้าย ซุกซนก็กลับมานั่งข้างผมจนได้

“มึงเอาไร ผสมโค้กหรือโซดา? หรือว่าจะเอาเบียร์”

   เพื่อนร่วมห้องหันมาถามผม ในมือมีแก้วพร้อมชงเหล้า มันหันมาถามผมคนแรกคงกะให้ผมเปิดมั้ง ผมมองไปที่ซุกซน แล้วมองเลยไปที่คุณเมฆที่มองมาทางผมเช่นเดียวกัน เขายังคงมีรอยยิ้มแบบเดิม แล้วหันไปหัวเราะกับมุกที่คุณกิ๊กเล่น แล้วรู้สึกแปลกๆ ไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่ไม่ชอบแบบนี้เลยสักนิด

“ของเราขอเพียว”
“น่ออออออออออออว์”

ผมรับแก้วมาจากเพื่อนสนิท ตอนนี้ทั้งวงเหมือนจะหยุดคุยกันแล้วดูผมครับ ยกเว้นคุณโน๊ตที่คว้าเบียร์มาขวดหนึ่งแล้วนั่งเล่นเอ็มวีอยู่คนเดียว แม้กระทั่งคุณกฤติก็ยังมองเหมือนกับสนใจ เขาถือโทรศัพท์ไว้ด้วย เฮ้ย ไม่ได้ถ่ายคลิปใช่มั้ย? แต่เจ้านายผมคงไม่ใช่คนแบบนี้หรอกมั้ง ถ้าเป็นซุกซนว่าไปอย่าง

แม้แต่คุณเมฆก็มอง รอยยิ้มยังอยู่ ตอนนี้ผมเริ่มไม่ชอบรอยยิ้มของเขาเท่าไหร่แล้ว ไม่ชอบ ไม่ชอบ ไม่ชอบ

“มึงแดกเหล้าได้ด้วยเหรอ?”

“ได้ไม่ได้ก็ดูเอา”

ผมยกแก้วกระดกรวด รสขมในคอไม่ได้ทำร้ายผมเท่าไหร่นัก ถึงแม้หน้าผมจะยับเหมือนผ้าที่เฟิ่งออกจากเครื่องโดยที่ยังไม่ได้สะบัดก็ตาม ผมยื่นแก้วให้ซุกซนมันเติมเพิ่ม ตาก็มองคนฝั่งตรงข้ามไปด้วย รอดูว่ารอยยิ้มนั้นจะกลายเป็นอย่างอื่นได้มั้ยในคืนนี้


“เราเกิดมาจนขนาดนี้ ถ้าไม่กินเหล้าก็ไม่ใช่คนแล้วป้ะ?”


------- 50%-------

เป็นเรื่องที่แต่งสนุกมากและเหนื่อยมากเช่นเดียวกันค่ะ
เพราะไม่รู้มันจะไปทางไหน อย่าว่าแต่คนอ่าน แม้แต่เรากับเพื่อนเราที่ตอนนี้สถาปนาตัวเองเป็นบ.ก.ก็ยังไม่รู้ว่าเรื่องมันจะไปทางไหนได้อีก แต่งไปแต่งมาเปลี่ยนอีก มีนั่นมีนี่เพิ่มตลอดค่ะ อย่าเพิ่งเบื่อกันนะคะ 5555

ในส่วนของเนื้อเรื่อง … ตามนั้นแหละเนอะ ไม่พูดไม่พูด ไม่เอาไม่เอาไม่บอก เพราะยังไม่ได้แต่งต่อค่ะ ไม่สามารถสปอยล์ได้ เพราะว่าเราก็ไม่รู้เหมือนกัน 55555

มาเกลียดวันจันทร์ไปด้วยกันนะคะ XD

สามารถคอมเมนทต์ที่นี่ หรือสกรีมได้ที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ เหมือนเดิมนะคะ หรือยังไงทักเรามาได้ที่ @banybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH8: "ว๊าย นก จิ๊บๆๆๆ" [up! 50%] (11/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 11-03-2018 20:47:18
แทนจ๊ายยยยย เข้าใจพี่กิ๊กอ่ะ เวลาเห็นอะไรน่ารักๆ
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH8: "ว๊าย นก จิ๊บๆๆๆ" [up! 50%] (11/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 11-03-2018 22:46:49
 :hao4:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH8: "ว๊าย นก จิ๊บๆๆๆ" [up! 50%] (11/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 11-03-2018 23:15:50
น้องแทนใจ เมาแล้วก็อย่าไปถามพี่เมฆเขาล่ะว่าเมินแทนใจทำไม ยิ้มแบบนี้หมายความว่ายังไง 55
คนอ๊องยังไงก็อ๊องเนอะ แต่น่ารัก
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH8: "ว๊าย นก จิ๊บๆๆๆ" [up! 50%] (11/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 11-03-2018 23:21:56
มุขแต่ละอันคือส่อมากค่ะ ต้องรอดนะ!!เรารออ่านน้องอยู่!!!
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH8: "ว๊าย นก จิ๊บๆๆๆ" [up! 50%] (11/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 11-03-2018 23:43:42
เดี๋ยวพอน้องเมาคำถามสารพัดจะตามมา :pig4:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH8: "ว๊าย นก จิ๊บๆๆๆ" [up! 50%] (11/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: StarPasO ที่ 20-03-2018 01:12:38
แทนใจ โอ้ย เอ็นดู เหมือนเห็นกระต่ายก้อนกลมๆหน้าบีบมาซ้อนทับ
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH8: "ว๊าย นก จิ๊บๆๆๆ" [up! 50%] (11/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 20-03-2018 10:23:17
ต่อนะคะ

-------Monday In Love -------


8th Monday (100%)
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์


“อะแฮ่มๆ เลดี้ แอนด์ เจ้นเทิ้ลเมน”




ซุกซนใจทราม ทำท่าเหมือนตัวเองเป็นพิธีการรายการหน้ากากแก้ว โดยการเอาขวดเบียร์เปล่ามาถือเป็นไมค์ ดูสร้างสรรค์เหมือนวิชาศิลปะระดับชั้นอนุบาลสาม สถาปนาตัวเองเป็นผู้เปิดเกมในวงเหล้านี้ โดยไม่มีใครร้องขอ


“ทางเราขอขอบคุณผู้มีเกียรติทุกท่าน ที่มาร่วมงานในวันนี้ กระผม ยอดชายนายซุกซน ใจทราม ขอต้อนรับทุกท่าน เข้าสู่ช่วง เกมที่ทุกคนรอคอย นั่นก็คือ!! นั่นก็คือ!!! เกมคิงส์ คัพพพพพพพพพพพพพพ!”


“ลากเสียงให้พ่อเขามาด่ามึงเหรอ!!!!”


ผมยกแก้วเหล้าที่ซุกซนรินให้เมื่อสักครู่ขึ้นจิบ ทำเป็นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับไอ้ตัวโหวกเหวกโวยวายที่ตอนนี้โดนคุณกุ๊กกิ๊กตบหัวแล้วดึงลงมานั่งเหมือนเดิม ในขณะที่คนอื่นหัวเราะกับมุกแป้กที่มันเล่น ตอนนี้ทุกคนตกลงกันว่าจะเล่นเกมคิงส์คัพ (King’s Cup) ซึ่งเป็นเกมที่โชคในชีวิตอยู่ที่ไพ่ที่จับได้เลยครับ


“ซุกซน ว่าแต่เกมนี้มันเหมือนพระราชาป้ะ?”


คุณฝนอินเดียเป็นคนถามขึ้นมาครับ โอ๊ะ แก้วผมหมดแล้ว ผมยื่นให้ซุกซนซึ่งทำตัวเป็นผู้ครอบครองเหล้าไว้เกือบทั้งหมด แค่เฉพาะขวดที่เปิดแล้ว ส่วนเบียร์อยู่ฝั่งคุณโน๊ตครับ (ที่หายไปเกินครึ่ง ซึ่งเป็นฝีมือผมนิดหน่อย แต่ผมก็แบ่งคนอื่นนะ ที่บ้านสอนให้รู้จักแบ่งปัน)


“ม่ายยยย” ซุกซนพูดพร้อมส่ายหัวดุ๊กดิ๊กอย่างตั้งใจกวนประสาท “มันเป็นเกมที่ซับซ้อนกว่านั้นเย๊อะเยอะนะพี่ อัพเดทฐานข้อมูลบ้าง


“เดี๋ยวกูได้ถีบมันจริงๆ”


หลังจากที่ซุกซนโดนด่าจนพอใจ ถึงจะยอมคายข้อมูลออกมาครับ


“เกมนี้ในตอนเริ่มเกมจะวางแก้วไว้ตรงกลาง แล้ววางไพ่คว่ำไว้ วนกันจั่วไพ่คนละใบ ได้ไพ่ใบไหนก็ทำตามคำสั่งวนไปอะ เดี๋ยวผมลากเข้ากรุ๊ปไลน์ วันนี้ที่รอคอย นะพี่ แล้วไปอ่านเอาในนั้นนะ ผมขี้เกียจพูด ง่ายกว่าทำใบเสนอราคาอีก เชื่อผม”


ไอ้กรุ๊ป วันนี้ที่รอคอย คือกรุ๊ปกินเหล้าครับ นำทีมโดยซุกซน ปกติผมปิดโนติฯ กรุ๊ปนี้ไว้ นึกออกมั้ยครับเหมือนเราถูกลากเข้ากรุ๊ปรุ่นที่เขาชวนไปทำกิจกรรมตลอดเวลา แล้วเราไม่เคยไปเลย จะออกก็ไม่ได้ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตัวเองอยู่ในนั้นทำไม ถามว่าผมเคยไปกินกับ วันนี้ที่รอคอย มั้ยก็เคยอยู่ แต่ไปเพราะซุกซนลากไปตอนที่สมองยังประมวลผลอยู่ครับ


แล้วเกมก็เริ่มขึ้น ทั้งที่ผมยังมึนๆ อยู่นี่แหละ


“ให้เกียรติพี่กฤติเริ่มก่อนเลยละกันครับ โบนัสรอบนี้ขอสัก 4 เดือนนะพี่”



ซุกซนพูดแล้วทำท่าเชิญคุณกฤติลงมาหยิบไพ่ครับ ซึ่งหัวหน้าผมก็ยิ้มๆ เอานิ้วชี้หน้าซุกซนแต่ไม่ได้พูดอะไร โห คนอะไรโคตรเท่เลย ใส่เสื้อเชิร์ต มือถือแก้วที่น่าจะมีเหล้าแล้วยังดูดี ในขณะที่ซุกซนเหมือนทาสเลยครับ หัวหน้าผมเอง ออร่าแบบนี้หัวหน้าผม


“เบอร์ 6”


คุณกฤติชูไพ่ 6 ดอกจิกขึ้นมาให้เห็นทั้งวงแล้วโยนทิ้งไปอีกฝั่ง ซึ่งตามกฏแล้ว ถ้ามีใครจั่วได้ไพ่หมายเลข 6 ผู้หญิงทุกคนในวงต้องดื่มครับ ซึ่งผมก็นั่งปรบมือเชียร์ด้วย เฮ้ เรารอด เฮ้


“เอาแล่วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ใครรู้ตัวว่าเป็นผู้หญิงกระดกเลยครับบบบ น้องซุกซนขอหมดแก้ววว”
“เฮ้!!!!!”


วงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเมื่อสาวสาวสาวสามคนในวงยกซดรวดเดียว ไวมากโดยเฉพาะคุณกุ๊กกิ๊ก ท่าทางคอแข็งอยู่ เจ๋งมาก เท่อะผมชอบ อิจฉาซุกซนจังมีย่ารหัสเท่ๆ ต้องปกป้องสายรหัสด้วยความเท่แน่นอน


“ต่อไปตาพี่ฝนแล้ว หยิบๆๆๆ”


เสียงซุกซนที่ทำหน้าที่เป็นพิธีกรอย่างไม่มีใครขอแต่สามารถทำให้บรรยากาศดูตื่นเต้นขึ้นมาได้ครับ ผมที่ตอนนี้เหล้าหมดคนชงไม่ยอมชงให้ เลยได้แต่นั่งทำหน้ามุ่ย


“ฉันได้ A โพดำ”
“ถ้าได้ A ทุกคนกินคร้าบบบบบบ”


ผมเบะปากเมื่อทุกคนกระดกแล้วแต่แก้วผมว่าง ซึ่งคุณเมฆที่นั่งตรงข้ามเหมือนจะเห็น เขาเลิกคิ้วมองนิดหน่อยเหมือนกับจะถามว่าทำไมผมถึงขมวดคิ้วเป็นเงื่อนตาย ซึ่งมันโคตรน่าหงุดหงิด แล้วยิ่งทำแค่นั้นแต่ดันหันไปยิ้มกับคุณกฤติที่นั่งอีกข้างของเขายิ่งน่าหงุดหงิดมากๆ


ยิ้มอะไร?! เป็นบ้าเหรอ?? อารมณ์ดีขนาดนี้ทำแคมเปญคืนรอยยิ้มก็ได้มั้งไม่ต้องทำงานแล้ว!


“อ้าวแทน มึงกินยังเนี่ย กินสิครับ อย่าเบี้ยวๆ ถึงเป็นมึงกูก็ไม่ปล่อยผ่านนะครับ?”
“จะกินได้ไง แก้วเราว่างอะไม่เห็นเหรอ?” ผมว่าผมก็พูดธรรมดานะ แค่หางเสียงสะบัดนิดหน่อยเพราะหงุดหงิดง่ะ ร้อนด้วย ไม่ใช่แค่วันจันทร์ที่แย่นะ วันนี้ก็แย่ หงุดหงิดอะ
“เลเวลหนึ่งแม่งมาแล้ว”
“เลเวลหนึ่งอะไร คิดว่าอยู่ในมาริโอ้หรือไง เติมเหล้าสิซุกซน!”


ผมเมินเสียง กูว่าแล้ว ของซุกซนที่กำลังเติมเหล้าให้ผมอยู่ครับ ตอนแรกบอกมันว่าจะเอาเพียว แต่ผมเดาว่ามันเสียดายถ้าเหล้าจะมาหมดตรงนี้เลยจับผสมโซดาให้โดยไม่ถามความสมัครใจอีกแล้ว แต่ช่างมันเถอะ อะไรผมก็กินได้ทั้งนั้น ขอเอามาดับความหงุดหงิดตรงนี้ก่อน


หงุดหงิด หงุดหงิด หงุดหงิด หงุดหงิด หงุดหงิด!


เกมดำเนินต่อไปเรื่อยๆ โดยที่คนนั้นคนนี้รอบวงก็จับโดนไพ่ที่มันตลกๆไปเรื่อยๆ แต่ผมไม่ตลกขนาดนั้นอะ ผมหงุดหงิด ยิ่งเห็นคุณเมฆเหมือนจะมองมาแล้วก็ไม่สนใจผมยิ่งหงุดหงิด ไม่เห็นจะสนุกเลย ถ้ามาแล้วจะมานั่งยิ้มให้คนนั้นหัวเราะให้คนนี้ แต่ไม่ยอมพูดกับผมอะไม่ต้องมา ที่นี่ห้องผมนะ ต้องคุยกับผมสิ!


“เบอร์ 4 จ้าาาา”


อันนี้คุณใหม่จับได้ครับ ทุกคนต้องเอาหัวแตะพื้นให้เร็วที่สุด ซึ่งผมที่กำลังนั่งคิดว่ามันจะต้องลงพื้นท่าไหนไม่ให้แก้วหกเลยโดนจับหมวดช้าหนึ่งนายครับ ดูดิ ขนาดคุณฝนอินเดียที่เขารู้กติกาที่หลังผมยังไวกว่าผมเลย อะไรอะ ทำไมไม่มีใครมาคิดว่าจะต้องทำยังไงไม่ให้แก้วหกบ้างอะ มีผมคนเดียวเหรอที่กลัวพื้นเลอะ


“ทุกคนทำไงไม่ให้มันหกอะ?”
“ก็วางแก้วไง โอ๊ย แทนใจโว๊ยยยยยบยยย อ๊องเอ๊ยยยยยย”
“ฮ่าๆๆๆ โถ่ แทนใจลูก”


ซุกซนเจ้าเก่าครับ พร้อมด้วยเสียงหัวเราะในวงเป็นแบ็คกราวด์ ซึ่งทำให้ผมรู้สึกร้อนๆหน้า แล้วยิ่งร้อนไปใหญ่เมื่อทุกคนหัวเราะจริงๆ นั่นรวมถึงคุณกฤติหัวหน้าผม และไอ้คุณเมฆด้วย ผมหน้าตึงเหมือนผ้าปูที่นอนที่ถูกปูใหม่ๆ… เออ จำไว้เลยนะ คุยก็ไม่คุยด้วยแต่มาหัวเราะผมอะ ได้!


“มึงจะรีบแดกไปไหน” 

ซุกซนพูดเมื่อผมรีบกระดกเบียร์ที่มันเทมาให้ ไม่รู้อะไรซะแล้ว มาเร็วเคลมเร็วนี่แหละสโลแกนพี่แทนใจเอง



“จะได้รีบๆ เล่นต่อไง ว่าแต่ตานี้ใครจับไพ่อะ?”

ผมเปลี่ยนเรื่องพร้อมละสายตาออกจากสิ่งที่ทำให้หงุดหงิดด้วย มองหน้าซุกซนดีกว่า ถึงแม้จะไม่รู้ว่าดีกว่ายังไง แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าหงุดหงิดเท่าไอ้คุณโปรเจคหมีแล้วครับ


“ต่อไปข้างๆ พี่ใหม่ ก็พี่ปกป้องเลยยยย”


ซุกซนพูดทั้งถือขวดเบียร์ทำเป็นไมค์ไม่ยอมวางเลยครับ เวลาปกติล้งเล้งขนาดไหน ซุกซนเมานี่คูณสิบความบ้งเบ้งเข้าไปเลย เหมือนขนทัวร์สามสิบทัวร์มาไว้ในตัวมันครับ  เห็นบอกตอนอยู่มหาลัยเคยรับบทเป็นพี่ว้าก ไม่รู้ว้ากยังไง คงจะทำเสียงดังไปมาแน่นอนครับ


“ได้ 9 แฮะ”

พี่ปกป้องวางไพ่ที่จั่วได้เอาไว้กับกองไพ่จั่วทิ้งอีกฝั่งอย่างผู้ดี แหม่ ผู้ชายคนนี้ทำอะไรก็ดูสะอาดสะอ้าน พี่ผมเองครับ พี่เขาวางเสร็จแล้วมองซ้ายมองขวาเหมือนหาอะไรสักอย่าง ก่อนจะส่งยิ้มให้ทั่ววงแล้วพูดต่อ


“ผมเริ่มได้เลยใช่มั้ย?”


ทุกคน (อาจจะยกเว้นคุณกฤติที่ดูสนุกสนาน และคุณโน๊ตที่เหมือนกำลังเล่นเอ็มวีสวัสดีวันจันทร์นั้นฉันทะเลาะกับลูกค้า) นั่งหลังตรงเพื่อเตรียมตัวเล่นต่อครับ คือตามกฏของเกมนี้ หากมีใครจั่วได้  9 คนนั้นจะต้องเริ่มพูดคำว่าอะไรก็ได้ขึ้นมา 1คำ แล้วคนที่เหลือจะต้องพูดพยางค์ต่อไปให้คล้องจองกันภายใน 3 วินาทีครับ


ผมเตรียมพร้อมมากกว่าปกติครับ เพราะไอ้ไพ่เลขมรณะนี่แหละ ฆ่าผมมาแล้วนัดต่อนัด


“ปูนา”


พี่ปกป้องเริ่มแล้วครับ เมื่อเริ่มแบบนี้คนต่อไปต้องพูดอะไรก็ได้ ที่มีความหมายและคล้องจองกันภายในสามวินาทีครับ ไม่งั้นก็แพ้ต้องดื่มหมดแก้ว ผมมองซ้ายมองขวาเลียนแบบพี่ปกป้องบ้าง เพื่อพบว่าทุกคนมองมาทางนี้เป็นตาเดียว


อ้าว เอาแล้วไง ตาผมต้องพูดต่อนี่!


“หนึ่ง!!!!”
ซุกซน! อย่านับเร็วสิ! ตอนทำใบเสนอราคาเร็วเท่านี้มั้ยถามจริง?


“ฮาเฮ”
ตาผม! ไม่พลาดครับ!! แทบอยากโทรหาน้องกายแล้วร้องไห้ พี่เองผู้ที่ได้เดอะเฟซ
 
“เทข้าว”
ซุกซนต่อแล้วครับ เออเร็วจริง ยอมรับก็ได้


“สาวสวย”
ตามด้วยคุณกิ๊ก


“รวยทรัพย์”
คุณโน๊ตตามมาติดๆครับ


“หลับลึก”
ไอ้คุณเมฆ มาทำไม


“คึกคัก”
คุณกฤติ ที่มีมุมน่ารักเหมือนกันครับ คนนี้หัวหน้าผมเอง


“รักนะ”
คุณฝนอินเดียครับ พูดเสร็จหัวเราะด้วย ไม่รู้บอกรักใคร


“ปะแป้ง”
คุณ ใหม่แปซิฟิกตามมาด้วยความน่ารักกุ๊กกิ๊ก


“แกงถุง”
พี่ปกป้องมาในธีมหิวข้าวครับ


ต่อไปตาผมครับ ผมเองที่นั่งข้างพี่เขา อะไรอะ อะไรดี ผมหันซ้ายหันขวาไปก็ไม่มีตัวช่วย อะไรอะ แง้ เอาวะ อันนี้ละกัน


“ลุงตู่” 


 “น้องแทนใจรู้กกกกกกกก อย่าเล่นรู้กกกกกกกก แม่ยังไม่อยากโดนโพเดี้ยมทุ่มนะลูกกกกกกกก”


“นี่ก็จะปลิวไปด้วยกันเลยใช่ไหมเนี่ย”


คุณกฤติพูดพร้อมทั้งยกแก้วขึ้นดื่ม ก็คนมันนึกไม่ออกอะ ใครมันจะใช้เวลาสามวิคิดสระอุงได้ละ อย่างกับรายการปริศนาสายฟ้าแล็บแป๊ปๆก็วันจันทร์แล้วยังไม่ทันพักเลยอะไรวะเนี่ยแบบนี้ ออกมาคำไหนคำแรกก็อันนั้นแหละ สระอุงลุงๆ มันได้


“คิดคำใหม่เร็วๆเลย”


พิธีกรซุกซนจับไมค์ทองอีกแล้วครับ ความหายนะกลับมาเยือนผมอีกแล้ว แง้ อะไรดี คิดสิแทนใจ โอ๊ย ยากอะ ตายแล้ว ตายแน่ๆ อะไรดี ทำไมสระอุงมันมีจำกัดขนาดนี้ ผมโกรธพี่ปกป้องได้มั้ย ทำไมต้องพูดคำว่าแกงถุง ทำไมไม่พูดแกงป่า หรือแกงกะทิ หรือแกงไก่ใส่พริกไทยร้อยเม็ดแกง คุณป้าบอกว่าเผ็ดใส่พริกเม็ดเดียว คุณยายบอกว่า---


“หนึ่ง!!!!!!!!”
“เอ่อ อ่า … อุ๋งอุ๋ง”
“พ่อมึงเป็นแมวน้ำเหรอ นั่นไม่มีความหมายเว้ย สอง!!!!!!”
“อะไรอะๆๆๆๆ เอ่อ อะ เอ่อ--”
“สาม!!!!!!”



ในขณะที่ผมยังประมวลผมไม่เสร็จ ซุกซนได้นับสามไปเรียบร้อยแล้ว แหงะ เร็วไปหรือเปล่า นาฬิกาไม่ได้คุณภาพหรือเปล่า ยืมใครก็คืนเขาไป ฮือ



ตอนนี้ผมเลยได้แต่นั่งรอชะตากรรมครับ รอบนี้มันเอาเบียร์มาเทให้ผม เพราะคุณเมฆเกิดเสียดายเหล้าหรืออะไรสักอย่างเลยเก็บบลูไปไว้ข้างหลังครับ เอาให้แต่เบียร์ โอ่ย แต่กินผสมๆ กันแบบนี้ ถึงผมไม่ใช่คนเมาง่ายแต่ก็เริ่มหนักๆ หัวแล้วครับ




คืนนี้ท่าทาง ผมจะไม่รอดซะแล้ว


ขอแค่ไม่เมามากจนพรุ่งนีั้ทำกิจกรรมไม่ไหวก็แล้วกัน






“เทให้เพื่อนครึ่งแก้วก็พอมั้งซุกซน”


คุณโปรเจคพูดขึ้นมาด้วยเสียงที่ดูเหมือนจะหงุดหงิดนิดหน่อยครับ บอกแล้วว่าไอ้คุณเมฆดูเหมือนจะเสียดายเหล้าเหลือเกิน งกนะเนี่ยคนเราอะ ขนาดจะให้เทให้ผมเต็มแก้วยังห้ามซุกซนเลย ซึ่งผมนี่แทบจะหันไปถามว่ายุ่งอะไรกับผมด้วย จ่ายเงินเดือนให้หรือไง?

แต่ทำได้แค่คิดครับ ไม่ได้กลัวนะแค่หน้ามืดนิดหน่อยเลยไม่อยากพูด  รู้สึกเหมือนไฟตกนิดๆ ด้วย แต่เมื่อมองซ้ายมองขวาไม่เห็นมีใครรู้สึกอะไร เลยคิดว่าผมคงมึนๆ แล้วจริงๆ


“ขอหมดนะมึง”


ซุกซนท้าทายมา นี่ใคร พี่แทนใจของน้องกายเลยครับ พี่แทนใจเก่งจะตาย น้องกายเคยบอกผมไว้ แล้วผมก็เชื่อมาตลอด เพราะน้องผมไม่โกหกอยู่แล้ว
 


“ให้กินมากกว่านี้ยังได้เลย”


ผมพูดแล้วยกซดทันทีที่ได้แก้วเลยครับ เสียง เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ พร้อมด้วยเสียงปรบมือเป่าปากคลอมาให้ได้ยินแต่ผมไม่ได้สนใจเท่าไหร่ ความขมนิดๆ ตามสไตล์แอลกอฮอล์ไหลผ่านคอแล้วลงไปร้อนๆ ที่ท้อง แต่มันก็ดีแบบแปลกๆ นะครับ ผมไม่ได้ชอบดื่มหรือดื่มบ่อยขนาดนั้น แต่เมื่อต้องดื่มกายพร้อมใจพร้อมแทนใจทำได้เสมอ


“ปากเก่ง”


คุณเมฆที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรในระบบนิเวศน์พูดขึ้นมาทันทีครับ เมื่อผมหันไปมองหน้าเห็นเขาขมวดคิ้วนิดหน่อยทั้งที่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มส่งให้อยู่ ไม่เกี่ยวทำไมถึงได้---


“ยุ่งเก่ง”


ผมพูดแค่นั้นแล้วทั้งวงก็ตกอยู่ในความเงียบครับ ผมเห็นเหมือนคนนั้นคนนี้มองตากัน แต่มันพอดีกับที่ผมเหมือนได้ยินเสียงคนฮัมเพลงอะไรสักอย่างแบบที่ไม่รู้เรื่องมาจากข้างหลังครับ แต่พอหันไปก็ไม่มีอะไรนอกจากพวกขวดเบียร์ตั้งระเกะระกะอยู่ โหย ใครเป็นต้นคิดการมานั่งกินเหล้าที่นี่นะผมจะโกรธคอยดู เนี่ย แล้วห้องผมก็รกเหมือนผมคุณเจนบัญชีเลย ยุ่งทุกวัน


หลังจากนั้นเคราะห์กรรมก็ยังไม่หมดไปครับ เราเริ่มเล่นกันต่อซึ่งคุณโน๊ตคุยโทรศัพท์แล้วออกจากห้องไปตั้งแต่ผมเริ่มจั่ว (จั่วได้ 2 ซึ่งต้องเลือกคนกินให้ แน่นอนครับว่าซุกซนได้สิทธินี้ ผมนี่แทบจะเอาขวดเบียร์ยัดปากเพื่อน เรารักกันดีครับ ดูก็รู้) คุณกิ๊กจั่วได้ 8 คือเลือกคนที่จะกินสับกันครับ ซึ่งคุณกิ๊กเลือกซุกซนหลานรัก ไพ่ใบนี้คือถ้าคุณกิ๊กต้องดื่ม ซุกซนต้องดื่มแทนตัวเอง แล้วคุณกิ๊กก็ต้องดื่มแทนในกรณีที่ซุกซนต้องดื่มครับ คือสลับกันดื่มนั่นเอง ถ้าลืมต้องดื่มเบิ้ลครับ


“คนคิดเกมนี้โคตรขี้เหล้าเลยอะ ฮ่าๆ”


ผมพูดแล้วไหลไปทางซุกซนอีกครั้ง ตอนนี้ผมไหลไปพิงซุกซนที่ชอบเอาศอกกระทุ้งให้นั่งตัวตรงอยู่เรื่อย จนโดนผมด่า ‘ไอ้บ้า!’  ไปหลายทีจนตอนนี้เริ่มกลายเป็น ‘ซุกซนไอ้นิสัยโคตรแย่เลย บ้าเอ้ย’  ไปแล้ว มันก็ยังไม่เจ็บครับ หนังหนาถึกทนจริงๆ



“แต่กูว่าคนเล่นขี้เหล้ากว่า” อันนี้เป็นเจ๊ใหม่แปซิฟิกที่ตอบกลับ
“คุณโน๊ตตตต ไปไหนมาครับบบบ แทนใจคิดถึง”    


ผมพูดตอนที่ประตูห้องเปิดแล้วร่างของคุณโน๊ตสวัสดีวันจันทร์แทรกตัวกลับเข้ามาในห้อง พี่แกมาถูกเวลามากครับ เข้ามาตอนที่จะถึงตาแกจั่วไพ่พอดี


“ผมไปเอาลูกนอนมาน่ะ” นี่แหละนะคุณพ่อลูกหนึ่ง คนเอาครอบครัวมาด้วยก็จะประมาณนี้

“โอโห เป็นครอบครัวที่ดีนะครับ มีคุณพ่อตัวอย่างขนาดนี้”

“เป็นสามีที่ดีด้วยเหมือนกันครับ”

“ผมก็เป็นพี่ที่ดีของน้องแทนกายเหมือนกันเลยครับ ฮ่าๆ”    ผมพูดแทรกบทสนทนาของคุณโน๊ตกับหัวหน้าที่คุยถึงครอบครัวครับ เรื่องนี้ขอให้บอกแทนใจครับ มาแน่นอน


“ผมชอบคุยเรื่องครอบครัวมากๆ นั่งคุยกับผมได้นะ ผมจะอวดน้อง น้องผมชื่อแทนกาย ตอนนี้เรียนอยู่เกรด 12 น้องผมเรียนเก่งมากกกกก พี่สาวผมชื่อแทนรัก อายุบอกไม่ได้แต่สวยมากเลยนะครับ พี่ปกป้องก็รู้จัก”


“...”

“อ่าว ทำไมเงียบกันอะ คุยสิ คุยต่อ ไม่คุยก็กินไพ่จั่วเหล้าได้แล้ว!”

“เลเวลสองแม่งมาแล้วเพื่อนกู ไอ้เหี้ยรั่วสัด”


เป็นซุกซนที่พูดครับ หลังจากนั้นเกมก็ดำเนินต่อไป ปรากฏคุณโน๊ตจั่วได้ Jack ซึ่งหมายถึงคนที่จั่วได้จะต้องตั้งกฏอะไรก็ได้ขึ้นมา แล้วทุกคนในวงจะต้องทำตามครับ คุณโน๊ตเลือกให้คนที่ใส่แว่นต้องพูดคำว่าเมี๊ยวลงท้ายไม่ว่าจะพูดอะไรไป 2 ตาครับ คือจนกว่าคุณโน๊ตจะต้องได้จั่วไพ่อีกสองรอบ ซึ่งในวงมีคุณใหม่ พี่ป้อง แล้วก็คุณกฤติที่โดนครับ


ผมก็อือๆ ออๆไปตามเรื่องตามราวครับ ใครให้ทำอะไรก็ทำ ถ้าจั่วมาโดนผมต้องกินก็กินครับ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว นี่พี่แทนใจเลยนะ พี่ชายคนโตของบ้านที่มีน้องชายน่ารักหนึ่งคนเลยนะ!


“กูถามแล้วนะว่ามึงกินเหล้าได้เหรอ …กูเตือนมึงแล้วนะ…. กินตรงหน้าเจ้าของด้วยนะเนี่ย เปรี้ยวนะเราอะ”


ซุกซนหันมากระซิบกับผมครับ กระซิบอะไรไตอนที่มีคนจับได้ไพ่เบอร์อะไรไม่รู้อะ แต่ผมไม่ต้องทำอะไรเลยครับ เพราะถ้าต้องทำอะไรสักอย่างมันต้องมีคนมาบอกให้ผมดื่มแล้วครับ อย่างน้อยก็คนที่พูดอะไรไม่รู้เรื่องอยู่ข้างผมเนี่ย ใครเมาไม่รู้ แล้วใครเป็นเจ้าของอะไรพูดไม่รู้เรื่องอะ นี่ปกครองด้วยระบบแทนใจไม่รู้หรือไง วู้ว


“เปรี้ยวอะไร เราไม่ใช่ส้มเด็กเชียร์เบียร์นมใหญ่ๆที่ซุกซนเคย--- อื้อออออ อ่าเอาอือเอ็มๆอาอิ่ดอ่ากอนอื่นอิ่” (อย่าเอามือเค็มๆมาปิดปากคนอื่นดิ)


“ไอ้เหี้ย!!!! มึงไปล้างหน้าล้างตาเลย เมาแล้วพูดไม่รู้เรื่อง!!!!!”

“เราจำได้นะ น้องส้มอะ ที่ซุกซนบอกว่านมเท่าหัวววววววววว”


ผมทำมืออ้ากว้างๆไปด้วยให้รู้ขนาด ทำไมคนอื่นขำอะไรกันผมขำด้วยละกัน ฮ่าๆ เพราะแทนใจอารมณ์ดีครับ แต่มีคนนึงที่เหมือนจะไม่ค่อยขำเท่าไหร่ แต่ก็ยังยิ้ม ใช่ครับ ไอ้โปรเจคหุ่นหมีนั่นแหละ


“ซุกซนพาเพื่อนออกไปก่อนดีกว่า เฮียว่าเมามากแล้วมั้งนั่น”


ผมถลึงตาใส่ไอ้คุณเมฆตัวหมี หน้าก็หมี ไม่ยอมคุยกับผมแต่ดันมาพูดแบบนี้กับเพื่อนผมเนี่ย ทีเมื่อกี้ยังเหมือนไม่อยากคุยกับผมอยู่เลยนี่ เป็นอะไรอะ อีกอย่างผมอะ


“ไม่ได้เมา”
“แต่เนื้อตัวนี่แดงหมดแล้ว”
“แดงไม่แดงก็ไม่ใช่เรื่องของคุณป้ะ? จะยุ่งเก่งไปถึงไหนเนี่ย เรื่องอื่นได้อย่างงี้มั้ยถามจริงๆ?”


“อูยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”


เสียง อูยยยยยยยยยยย ดังมาจากรอบวง นำทีมด้วยไอ้เพื่อนไม่รักดีของผมเองครับ อูยอะไร? นั่งทับหมามุ่ยหรือไง เนี่ยกำลังอารมณ์ดีๆก็ต้องมีเรื่องไอ้คุณเมฆมาให้หงุดหงิดอยู่เรื่อย บ้าบอ! บ้าบอ! บ้าบอมากๆ! 


“เป็นอะไรกันอะ? จะเล่นไหมไพ่ ไม่เล่นก็กลับห้องก็ได้นะ แต่ทิ้งเหล้าไว้ผมจะกินต่อเอง”
“กูนับถือมันว่ะ เมาหน้าแดงตัวแดงไปหมด ยังพูดชัดอยู่เลย”
“ก็ลิ้นไก่ไม่ได้สั้นป้ะครับ?”


ผมตอบคุณโน๊ตที่พูดเมื่อกี้ ซึ่งตามมาด้วยเสียง ‘เก่งมากแทนใจเมี้ยว!’ ของคุณกฤติหัวหน้าผมที่โดนคำสาปจากไพ่เมื่อกี้ เหมือนเจ้าตัวจะอารมณ์ดีครับ แต่คุณกฤติหล่อผมจะไม่ว่าอะไร เล่นต่อไปสักพักผมก็ต้องไปห้องน้ำจริงๆ แต่ไม่ได้เพราะล้างหน้านะ แต่เพราะผมดื่มน้ำไปเยอะเกินครับ




แหงะ แดงจริงด้วย


ผมมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกอย่างเซ็งๆ เวลากินเหล้าผมไม่ได้เมาง่ายหรืออะไร แต่ตัวจะแดงมากๆ ครับ แดงแจ๊ดแจ๋เลย เหมือนลูกอมโอเล่เลยครับ เพราะเป็นแบบนี้คนเลยชอบเข้าใจผิดคิดว่าผมเมาเร็ว บางครั้งมันก็ดีในกรณีที่ผมไม่อยากกิน แต่บางครั้งมันก็สร้างความน่ารำคาญให้ผมพอตัว


อย่างเช่นตอนนี้


“แทนใจ เมาแล้วก็เลิกเถอะ”


คุณโปรเจคที่มายืนอยู่หน้าประตูได้ไงไม่รู้พูดทันทีที่เห็นหน้าผม ใบหน้าที่ดูใจดีตอนนี้ขมวดคิ้วนิดๆ ไม่ได้ทำให้ผมกลัวเลย ถึงแม้เขาจะดูเหมือนหมีที่โดนแย่งปลาแซลม่อนหมดโลกจนไม่เหลืออาหารจะกินเลยเกิดอาหารหมีมีปัญหาเวลาหิวก็ตาม



“เป็นพ่อเหรอมาสั่ง?”


เขาดูจะอึ้งไปเล็กน้อยตอนผมสวนเขากลับไปทันทีแบบไม่คิด แต่แค่พริบตาเดียวเท่านั้น เขาก็ดึงสติกลับมาได้รวดเร็ว



“ดื้อ”
“ไม่ได้ดื้อ!”
“แบบนี้แหละที่เรียกดื้อ”


ผมสะบัดมือที่เขาจะเอามาจับตัว ไม่ต้องมายุ่งเลยนะ บอกว่าไม่ต้องยุ่งไง ไม่ยุ่งหมายความว่าไม่ต้องมาจับแก้มด้วย ห้ามจับนะ! ถึงจะแค่ลูบไม่ได้ยืดก็ห้าม!


ในที่สุดผมก็หนีจากคุณเมฆและมือมหันตภัยของเขาได้ เมื่อกลับเข้ามาในวงไพ่แล้ว ผมเพิ่งเห็นว่าคุณใหม่กับคุณนุ่นหายไปแล้ว น่าจะขอตัวกลับไปนอนก่อน เนี่ย ตัวอย่างที่ดี แล้วทำไมพวกนี้ถึงไม่นอนบ้าง เริ่มจากไอ้คุณเมฆก่อนเลย


ทำไมต้องมานั่งตรงข้ามด้วยเนี่ย!


“ตามึงแล้วไอ้อ๊องมีเจ้าของ”

“อะไรของซุกซน เราปกครองตัวเองนะ เมาแล้วพูดไม่รู้เรื่องว่ะ”


ผมเอื้อมมือไปหยิบไพ่เมื่อซุกซนบอกว่ามันเป็นตาผมแล้ว เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นก่อนหน้าผมก็รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ในวงตอนนี้เหลือไพ่อยู่ค่อนข้างบางตา แต่ก็ยังจัดว่าหนาอยู่ ผมสุ่มๆหยิบมั่วขึ้นมาใบนึง อืม ไม่เคยจับได้อะไรดีๆเลยเว้ย



“คิงโพแดง แดงเหมือนหน้ามึงตอนนี้เลย” 


ซุกซนแม่งหัวเราะสะใจอัดใส่หูผมที่มีหมื่นล้านคำด่าอยู่ในใจ แต่ตอนนี้ต้องทำตามกฏวงเหล้าก่อน คือไอ้ไพ่คิงเนี่ย เมื่อจับได้แล้วจะต้องให้ทุกคนที่อยู่ในวงเทเครื่องดื่มของตัวเองใส่แก้วเปล่าใบหนึ่ง คนละนิดละหน่อยหรือจะเทหมดก็ได้ ใส่ผสมลงไปเลยครับ ซึ่งคนรับกรรมที่ต้องกำจัดเครื่องดื่มนั้นให้หมดคือคนที่จับได้ไพ่คิงครับ … ผมเอง


“... สีเลวมาก”


ผมมองแก้วที่ซุกซนไปเรี่ยรายน้ำในแก้วจากรอบวงมาครับ ดีนะมีแค่เหล้า เบียร์ โค้ก ในวงก่อนที่ผมเคยเล่นมีคนดันกินน้ำผลไม้ด้วย เป็นบ้ากันไปหมดแล้ว แต่ตานั้นผมไม่โดนครับ เพราะคนที่ไพ่เลือกคือยอดชายนายซุกซนนั่นเอง


“แทนใจ ไม่ต้องกินก็ได้นะ” อันนี้เป็นเสียงพี่ป้องที่พูดอย่างเป็นห่วงครับ โคตรซึ้งเลย นี่แหละพี่ผมเอง
“จริง น้องดูเมามากแล้วนะ ตัวแดงเชียว” อันนี้เสียงคุณกุ๊กกิ๊กครับ เหมือนผมจะได้ยินเสียงโอดครวญว่า ‘น้องแทนใจลูกแม่ตัวแดงแจ๊ดแจ๋แด๊ดแด๋น่ารักน่าแกล้งน่าเลี้ยงมาก โอ๊ย ทำไมน้องกูไม่เป็นแบบนี้มั่งวะ’


นอกนั้นก็มีคุณโน๊ตที่ดูสนุกสนาน แล้วก็คุณกฤติที่มือถือโทรศัพท์เหมือนกับว่ากำลังถ่ายวีดีโอดูสนุกสนานมากครับ ผมเริ่มสงสัยแล้วว่าหัวหน้าผมเล่นยาตัวเดียวกับไอ้คุณโปรเจคหมีช่วงแฮปปี้กับชีวิตหรือเปล่า ยิ้มตลอดเลย เนี่ย แล้วไอ้คุณเมฆก็เข้ามาในความคิดอีกแล้ว ออกไป


ผมตั้งใจมองรอบวงแต่ไม่หันไปทางไอ้คุณเมฆครับ ไม่อยากเห็นหน้า ตอนนี้น้ำสีเหลืองที่ดูไม่มีความน่ากินเลยสักนิดอยู่ตรงหน้า


เอาวะ อึกเดียวเอาให้หมดนี่แหละ!!!!




“อย่า… เพิ่ง!”




ผมว่าผมได้ยินเสียงคุณเมฆร้องห้ามมาจากที่ไกลๆ แล้วก็เสียงโหวกแหวกใกล้ๆ ผมว่าผมได้ยินเสียงสบถของซุกซน กับเสียงกรี๊ดของคุณกุ๊กกิ๊ก ผมกระพริบตาอย่างเหนื่อยอ่อน ไม่รู้ทำไมหน้าคุณเมฆถึงมาอยู่ตรงนี้ แต่ผมไม่สนใจหรอก เขาไม่สนใจผมนิ ถึงแม้หน้าคุณเมฆที่ลอยอยู่ตรงนี้จะเบี้ยวแปลกๆ แต่ก็ยังหล่อ แต่ผมไม่สนใจหรอกนะ






แล้วก็… ผมว่าผมเริ่มเมานิดๆ แล้วล่ะ








------- TBC -------



เพิ่งเมาก็เพิ่งเมาค่ะน้องแทนใจ หนูว่าไงแม่ก็ว่างั้นค่ะลูก
ช้าช้าเพราะงานถาโถมค่ะ แง้

อัพอีกครั้งน่าจะสัปดาห์หน้าเลย จะพยายามมาก่อนถ้ามาได้นะคะ
แต่อาจจะไม่ 100% ตอนหน้านี่ของยาก แล้วช่วงนี้งานเยอะอย่างกะพายุ กี๊ด ฮือ

สามารถคอมเมนทต์ที่นี่ หรือสกรีมได้ที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ เหมือนเดิมนะคะ หรือยังไงทักเรามาได้ที่ @banybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH8: "แบบนี้เรียกดื้อ!" [up! 100%] (20/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 20-03-2018 13:17:27
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH8: "แบบนี้เรียกดื้อ!" [up! 100%] (20/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 20-03-2018 14:57:46
พบคนขี้เมาที่กำลังงอน 1 อัตราค่ะ
ง้อพี่เมฆไม่ได้ เราก้องอนใส่ไปเลยเนอะแทนใจเนอะ 555555
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH8: "แบบนี้เรียกดื้อ!" [up! 100%] (20/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 20-03-2018 15:01:54
แทนใจหนูเมาแล้วรั่วหนักมาก

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH8: "แบบนี้เรียกดื้อ!" [up! 100%] (20/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 20-03-2018 19:25:13
ปกครองด้วยระบบแทนใจด้วยล่ะ 555555 ทำไมเมาแล้วรั่วขนาดนี้อ่ะลูกกกกก
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH8: "แบบนี้เรียกดื้อ!" [up! 100%] (20/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 21-03-2018 03:11:41
น้องแทนใจทำอะไรก็น่าเอ็นดู
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH8: "แบบนี้เรียกดื้อ!" [up! 100%] (20/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-03-2018 07:13:34
 :katai1:

 
ไม่อยากนึกถึงตอนตื่นเลย !!
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH8: "แบบนี้เรียกดื้อ!" [up! 100%] (20/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 21-03-2018 21:48:16
 o13
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH8: "แบบนี้เรียกดื้อ!" [up! 100%] (20/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 22-03-2018 18:43:58
สนุกมากแทนใจน่ารัก
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH8: "แบบนี้เรียกดื้อ!" [up! 100%] (20/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 22-03-2018 22:14:24
น้องแทนน่ารักมาก อารมณ์เดียวกับพี่กุ๊กกิ๊กอ่ะ อยากกอดอยากฟัดแต่เจ้าของท่าทางจะหวงเหลือเกิน พี่เมฆคงอยากฟัดเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ อย่าเพิ่งหายอ๊องนะแทนใจ ปล่อยพี่เมฆจดๆจ้องๆจะงับแบบนี้ไปนานๆเลย
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH8: "แบบนี้เรียกดื้อ!" [up! 100%] (20/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 27-03-2018 20:33:08
9th Monday : มุมมองของคนที่รักวันจันทร์ (คุณเมฆเล่าบ้าง)

#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์





ในหนึ่งสัปดาห์ ผมชอบวันจันทร์มากที่สุด

เพราะกาแฟในเช้าวันจันทร์มักจะอร่อยกว่าวันอื่น







และคนที่นั่งดื่มกาแฟด้วย ก็พิเศษกว่าวันอื่นเช่นเดียวกัน









แต่เพราะวันนี้ไม่ใช่วันจันทร์ และคนที่ทำให้คาปูชิโน่ของผมอร่อยขึ้นมานั้นก็เพิ่งจะทำตัวห้าวเป้งกระดกเหล้าเข้าไปทั้งแก้ว เพราะดันดวงไม่ดีจับได้ไพ่คิงในเกมแล้วโดนให้ดื่มนั่นแหละ ทั้งที่ผมกำลังจะห้ามแล้ว แต่เจ้าตัวที่มักจะคิดช้า รอบนี้ดันกลับคว้าแก้วขึ้นดื่มไปเรียบร้อย



ยังอีก ยังมีมาทำแก้มกลมหน้าแดงอีก มันน่านัก





“เฮีย ผมใส่น้อยแล้วนะ เฮียก็เห็นไม่ใช่อ๋อวะ โหเฮีย เชื่อดิ แต่ละคนเทกันนิดเดียวทั้งนั้น”




ผมมองตามไอ้เด็กซุกซนที่พูดพร้อมยกมือไหว้ปลกๆ  หน้าผมคงดุพอตัวเพราะตอนนี้ผมหงุดหงิดนิดหน่อย เมื่อแทนใจที่ปกติแล้วจะเป็นกระต่ายบ้านอ้วนกลมเชื่อฟัง ตอนนี้พอเหล้าเข้าปากแล้วดื้อเหมือนกระต่ายป่าขี้หงุดหงิดเวลาโดนแย่งอาหาร




ความจริงผมแค่ไม่ชอบใจนิดหน่อยที่น้องดูจะสนิทกับคุณปกป้องเหลือเกิน ทั้งที่ทำงานอยู่กันคนละแผนกคนละชั้นด้วยซ้ำ แล้วผมก็ไม่เห็นเคยรู้มาก่อนว่าน้องจะสนิทกับคนอื่นในบริษัทนอกจากซุกซนด้วย พอคิดได้แบบนั้นเลยลอง ทำ อะไรบางอย่างที่ไม่เคยทำดู บวกกับการที่อีกคนนึงดื่มเอาๆโดยที่ผมห้ามก็ไม่ฟัง




ซึ่งผลลัพธ์ก็ค่อนข้างน่าสนใจเสียด้วย




“มาหล่อตรงนี้ทำไมเนี่ย อย่ามายุ่งนะ!”



ผมดันตัวไอ้ซุกซน (ถ้าให้พูดจริงๆคือผลัก) ออกไปแล้วนั่งข้างกระต่ายที่เมาแทนไอ้เด็กกวนตีนเมื่อกี้ที่ร้องโอดโอยเหมือนผมกระทืบ ทำเป็นเล่นใหญ่ แค่ผลักเบาๆ ด้วยความรำคาญใจนิดหน่อยเท่านั้น ใครใช้มึงมาเป็นไหล่ให้กระต่ายกูซบตอนเมาล่ะ ไม่เอาตีนเขี่ยก็บุญแล้วมึง สำนึกซะ




“ดื้อ”

“ไม่ดื้อ!”



เก่งแฮะ เมาแล้วยังพูดชัดถ้อยชัดคำ ถึงจะหน้าแดงคอแดงไปหมดแล้วก็เถอะนะ




 ผมจับหัวคนไม่ดื้อให้เอนมาซบไหล่แทนที่ขอนไม้เดิมของซุกซนใจทราม (ว่าจะถามนานแล้วว่าอะไรคือแรงบันดาลใจในการตั้งชื่อเฟสบุ๊คแบบนี้) ผมยิ้มเมื่อได้ยินเสียงบ่นแง้วๆไม่ได้ศัพท์ของกระต่ายที่ซบอยู่ และรอยยิ้มยิ่งกว้างมากขึ้น ยิ่งมองปากตุ่ยๆนั่นขมุบขมิบบ่นผมแล้วมันเขี้ยวอยากจะฟัดแรงๆ แต่ผมยังไม่ทำหรอกครับ มันยังไม่ถึงเวลา 




“เนี่ย” ผมบิดจมูกไปที เห็นแล้วมันน่ามันเขี้ยวจนอดไม่ได้จริงๆ ยิ่งอีกคนยู่หน้าเหมือนกับว่าผมไปรบกวนเขายิ่งดูน่ามันเขี้ยว

“แบบนี้เนี่ย เขาเรียกว่าดื้อ”

“คนที่ไม่ยอมพูดด้วยไม่มีสิทธิ์มาว่าคนอื่นนะ! ถ้าเป็นซุกซนจะดุว่าเหี้ย!”

 



ทั้งที่ด่าเพื่อนแล้วหันมามองหน้าผมทำตาโตเหมือนโกรธเนี่ย มันน่าดีดปากมั้ยล่ะ ดูสิ พองขนใหญ่แล้ว เหมือนกระต่ายตัวเล็กๆ เลย อยากจะกลัวเหมือนกัน แต่มันทำไม่ลงจริงๆ ทำไมถึงได้พูดเหี้ยได้น่ารักขนาดนี้วะ พ่อแม่เอานมยี่ห้ออะไรให้กินเนี่ย



“เมาจริงด้วยว่ะ นี่แหละเลเวลสามของมัน”



เด็กซุกซนเพื่อนกระต่ายแทนใจพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเหมือนปลงตก ผมดูคนที่แดงไปทั้งตัวแบบที่มองอยู่ตลอด น้องดูเหมือนกระต่ายจริงๆ ไม่ใช่แค่ที่หน้าตา (แน่นอนว่า ตาโตๆ ที่คอยมองทุกอย่างไปมาแบบสนอกสนใจนั่นเหมือนกระต่ายตัวเล็กๆ ที่ได้บ้านใหม่ไม่มีผิดเพี้ยน โคตรน่ารัก) แต่นิสัยของแทนใจที่ทำให้ผมนึกกระต่ายที่ผมเลี้ยงเอาไว้ราวกับเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันอย่างไรอย่างนั้นด้วยเช่นกัน



ซึ่งผมชอบกระต่าย เพราะกระต่ายน่ารัก และแทนใจน่ารักกว่าน่ารักอีก 



“เลเวลอะไรซุกซน เล่นเกมไม่แบ่งเหรอ นิสัยเสียยยยยยยย พูดมากว่ะ ปากเหม็นด้วย เหม็นนนนนนนนนนนนน”

“มึงรู้ได้ไงว่าปากกูเหม็น เคยดมเหรอ?”



ผมคิ้วกระตุก ในหัวมีแต่ความคิดว่าถ้าเคยดม มันไปดมกันตอนไหนเหรอ ผมเริ่มอยากรู้แล้ว




“ไม่รู้ไม่รู้ อย่าถามเยอะดิเมาอยู่ ซุกซนนี่เหี้ยยยยยยยยยยย จริงๆเลย ได้ยินมั้ยว่าตัวเองเหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”




กระต่ายประถมวัยของผมพูดพร้อมทั้งเอามือชี้โบ๊ชี้เบ๊ทางที่เพื่อนนั่งอยู่ไปด้วย ผมเลิกคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดแปลกหูจากปากจากคนที่นั่งหน้าแดงน่ารักอยู่ข้างๆ




“แทนใจ พูดคำหยาบด้วยเหรอ?”




กระต่ายขาวที่โดนย้อมแดงมองผมแล้วส่ายหน้าบนไหล่ คล้ายกับแมวที่ซุกหน้าในอุ้งมือเจ้าของตอนที่ต้องการอ้อนขออาหารไม่มีผิด จนถึงตอนนี้แต่เจ้าตัวที่แปะหัวอยู่ตรงไหล่ผม ยังคอยพูดนั่นนี่เหมือนกับแทนใจของผมเวลาปกตินั่นแหละ เพียงแต่เวอร์ชันนี้จะเสียงแหบกว่านิดพูดมากกว่าหน่อยเท่านั้น




ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ผมก็มองว่าน่าเอ็นดูหมดนั่นแหละ 




“ไม่พูดๆ ผมไม่พูดคำหยาบเพราะว่าเดี๋ยวเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้น้องกาย คุณพ่อคุณแม่ไม่ชอบให้เราสามคนพูดคำหยาบคาย ผมเลยไม่พูด เพราะ.. เพราะว่าผมเป็นพี่แทนใจ”




ในขณะที่พี่แทนใจคนเก่งก็พูดไป ไอ้คุณกฤตินี่ยกมือถือขึ้นถ่ายคลิปพลางหัวเราะสนุกเลยครับ พี่โน้ตที่ตอนนี้นั่งข้างไอ้คุณกฤตินี่ก็ไม่ห้ามเลย มัวแต่มองอยู่นั่น เห็นแล้วน่ารำคาญจนอยากปาน้ำแข็งใส่ ไม่ได้ปาแค่ก้อนเดียวนะ ผมจะปาให้มันทั้งถัง




“พี่แทนใจไม่พูดคำหยาบ แต่เมื่อกี้ที่เรียกกูเหี้ยนี่นุ่มนิ่มเหมือนกับกระดาษทรายเลยนะครับ ไม่หยาบสักนิดเลยนะครับแหม่”




ซุกซนแย้งขึ้นมา ตอนนี้เจ้าตัวที่โดนไล่ที่ไปนั่งแทนที่เก่าผมซึ่งอยู่ตรงข้ามกับแทนใจ ตอนนั้นผมตั้งใจเลือกตรงนี้เพราะมันเป็นที่ที่ผมจะสามารถมองกระต่ายขาวของผมได้ชัดเจนที่สุด ผมคอยมองน้องอยู่ตลอดตั้งแต่ที่น้องนั่งดื่มแก้วแรก จนกระทั่งตัวแดงเถือกเหมือนเมื่อกี้ น้องอยู่ในสายตาผมตลอดอยู่แล้ว




เหมือนที่อยู่ในความคิดของผมตลอดมา แม้น้องแทบจะไม่เคยรู้ตัวเลยก็ตาม




“ก็มึงมัน… เหี้ยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!”




กระต่ายอ้วนของผมลุกขึ้นมานั่งตรงแล้วตะโกนครับ ตะโกนเหมือนประทับองค์พี่ว้ากประจำห้องเชียร์คณะ สองคนนี้ขนาดเมาก็ยังกัดกันได้ ผมละนับถือใจจริงๆ เห็นสองคนนี้สนิทกันดีแล้วผมก็อดคิดถึงพวกเหี้ยเพื่อนผมไม่ได้ ถ้าอยู่ด้วยกันป่านนี้ต้องเรื้อนแน่นอน




“มึงก็ไม่ได้เหี้ยยยยยยยยยยยยย ต่างจากกูเล๊ย ไอ้อ๊องเอ๊ย!” เพื่อนมันตอบกลับมา


“หืม ใครเหี้ยนะครับ?”




ผมแทรกขึ้นมาเมื่อเริ่มเห็นว่าไอ้เด็กนี่เริ่มว่าคนของผมแล้ว ผมไม่ค่อยแทรกหรอกเวลาเด็กเล่นกันน่ะ แต่ครั้งนี้แทนใจเขาไม่รู้ตัว มันไม่แฟร์กับเด็กผมหรือเปล่า เดี๋ยวซุกซนไปว่ามากๆลุกขึ้นมาตะโกนเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เจ็บคอแน่นอน ขนาดแค่นี้เสียงยังแหบกว่าเดิมแล้ว ผมไม่รู้ว่าน้องตะโกนมากแล้วจะไม่สบายหรือเปล่า เพราะผมเคยรู้จักคนที่เป็นแบบนี้




ผมเวอร์ไปเหรอ? ก็ไม่นะครับ




“โหยเฮีย อย่าสองมาตรฐานดิ”




แม่งพูดพร้อมทำหน้าตาเหมือนจะน่ารักเลียนแบบหน้าอ๊องของแทนใจ ซึ่งมันทำให้ผมแทบจะยกเท้าขึ้นไปลูบหน้าด้วยความรักใคร่ มึงน่ารักตายห่าละ แล้วอีกอย่าง ผมแค่ไม่อยากให้แทนใจไม่สบายเท่านั้นเอง ผิดอะไรเหรอ? ผมว่าไม่นะครับ 




“มึงอยู่ต่ำสุดของมาตรฐานโลกอะซุกซน เพราะขนาดกูเป็นยายมึง ถ้าน้องแทนใจลูกแม่ด่ามึง กูก็ว่ามึงผิด”




 กุ๊กกิ๊กเขาพูดขึ้นมาบ้างครับ เมื่อก่อนผมเคยคุยกับเขาผ่านๆ แบบเหมือนคนรู้จักในบริษัทน่ะครับ เจอกันก็ยิ้มให้บ้างทักกันบ้าง แต่ไม่ได้คุยกันมากเท่าไหร่ครับ ไม่ใช่แค่กิ๊กนะ ส่วนใหญ่ผมไม่ค่อยเจอพวกโซนที่นั่งออฟฟิศฯหรอกครับ เพราะว่าเมื่อก่อนส่วนใหญ่เวลาในการทำงานของผมอยู่หน้าไซต์ฯทั้งนั้น คนที่เจอกันจะเป็นพวกวิศวกร ไซต์เมเนเจอร์ เลขาประจำไซต์ พนักงานเซฟตี้ แล้วก็อีกทีก็ลูกค้ากับพวกผู้รับเหมาเลยครับ




หนึ่งในเหตุผลที่ผมย้ายมาอยู่ออฟฟิศ เพราะชีวิตการทำงานที่ไซต์สำหรับผมค่อนข้างอิ่มตัวแล้วครับ ถึงบริษัทฯจะจัดให้นอนโรงแรมทุกครั้งและทุกคืนที่ต้องทำงาน แต่การไปไหนมาไหนไม่สะดวกเพราะที่ทำงานไม่ได้อยู่เป็นหลักแหล่ง



แรกๆมันก็ตื่นเต้นดี แต่พักหลังๆ ผมเริ่มรู้สึกว่ามันทำให้ผมจัดการชีวิตตัวเองค่อนข้างยากครับ บางวันได้หยุด  ผมมีนัดกับเพื่อนบางทีก็ต้องเข้าไซต์ด่วน หรือแค่อยากจะนอนเล่นกับกระต่ายต้องไปทำงานก็มี น่าเบื่อมากครับ




นอกจากนั้น มันก็มีเหตุผลอย่างอื่นอีก ผมอยากใช้วันจันทร์เหมือนคนอื่นเขาบ้าง … อย่างเช่นทานโจ๊ก หรือดื่มกาแฟในตอนเช้ากับคนที่เราอยากอยู่ด้วย




“ใครใครก็ไม่รักซุกซน ขนาดมีคนว่ายังไม่มีใครเข้าข้างเลย”



“ก็มึงเหี้ยยยยยยยยยย”




คนที่นั่งพิงไหล่ผมตะโกนด่าเพื่อนอีกครั้ง ซึ่งหน้าที่แดงอยู่แล้วก็แดงขึ้นไปอีก ดูแล้วทั้งน่ารักน่าแกล้งแล้วก็น่าสงสารไปพร้อมๆกัน แต่ตอนนี้น่าเอามือปิดปากไม่ให้ตะโกนก่อน เพราะผมเริ่มกลัวว่าห้องข้างๆจะมาเคาะด่าแล้วครับ อีกเหตุผลคือผมอยากบีบปากอีกคน มันดูชมพูๆดี




“เหี้ยของหนูยาวมากลูกเอ๊ย ยาวกว่าขาพี่อีก”




ไอ้คุณกฤติมันหลุดขำมาครับเมื่อกุ๊กกิ๊กเขาพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจะร้องไห้ปนขำ คือขำด้วยจะร้องไห้ไปด้วย ตอนที่นั่งกินข้าวเมื่อกี้กุ๊กกิ๊กเอาแต่ชมแทนใจเพราะเธออยากได้น้องชายแบบนี้ ก็พอเข้าใจครับ ผมเองก็อยากได้แทนใจเช่นกัน




“พี่กฤติ ดูลูกรักพี่แม่งว่าผมเนี่ย”

“ฮ่าๆ คุณสมควรโดนนะผมว่า”




 ตอนนี้ไอ้คุณกฤติที่ถูกลูกน้องฟ้องนั่งอัดคลิปไม่สนใจอะไรครับ ก็ไม่แปลก นิสัยมันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมแทนใจถึงได้นับถืออะไรมันขนาดนั้น เออ แต่ว่าไม่ได้ แทนใจน่ารักไงครับ หรือไม่จริง? ผมว่าจริงนะ



“ไงล่ะมึง หัวหน้าไม่ได้เรื่องเป็นแบบนี้”



ได้ทีต้องรีบด่าครับกับไอ้คุณกฤติเนี่ย ช่วงนี้ผมค่อนข้างจะเหม็นหน้ามัน ตั้งแต่มันมาเยอะแยะใส่แทนใจนั่นแหละ ความจริงก็ค่อนข้างรำคาญหน้ามันอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ออกจะหนักขึ้นหน่อย



“ว่าแต่ผม คุณเมฆนี่ได้อะไรนอกจากนั่งข้างๆหรือยังครับเนี่ย”

“กวนตีนครับ”

“ฮ่าๆ”



ไอ้แว่นยังหัวเราะอารมณ์ดีเหมือนเป็นบ้า ซึ่งทำให้กระต่ายประถมวัยของผมหัวเราะตามไปด้วยทั้งที่ผมมั่นใจว่าเขาน่าจะเข้าใจเรื่องที่ผมกับกฤติคุยกันไม่ถึงครึ่งเลยด้วยซ้ำ น่ารักว่ะ แม่งเอ๊ย

   

“ขำไรมึง” ผมมองตามซุกซนพร้อมเลิกคิ้ว แต่มันไม่ได้สนใจเท่าไหร่ เอาจริงผมก็สงสัยเหมือนซุกซนมันนั่นแหละ

“ไม่รู้อะ แต่ตลกดี ฮ่าๆ”

“เฮ้อ อ๊องเอ้ย”



อันนี้ผมเห็นด้วยกับซุกซนมาก ในขณะที่ผมกำลังสงสัยว่าสองคนนี้จะกัดกันไปถึงไหน แทนใจข้างผมก็ลุกขึ้นมาชี้หน้าเพื่อน ดิ้นใหญ่อย่างกลมๆตามสไตล์น้องครับ แต่น่ารักโคตรเลย หรือไม่จริง? ผมว่าน่ารักอะครับ ใครจะทำไม




“กูไม่อ๊อง มึงนะไอ้ซุกซนใจทราม มึงมันเหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”




รอบนี้น้องตะโกนดังมากจนคอแดงไปหมดเลยครับ แดงขึ้นมากกว่าเดิม ตอนนี้ผมเริ่มไม่สนุกด้วยแล้ว คิ้วขมวดก่อนที่ผมจะรู้ตัวด้วยซ้ำ ในเมื่อห้ามตัวยุไม่ได้ (ที่เดี๋ยวหลังจากนี้ผมจัดการมันทีหลังแน่นอน) ไปห้ามคนของเราน่าจะง่ายกว่า




“จะตะโกนทำไมเนี่ยเรา มันรบกวนคนอื่นเขานะครับ”



หนวกหูผมด้วยอันที่จริงแล้ว




การดึงความสนใจออกจากซุกซนได้ผล กระต่ายเปลี่ยนเป้าหมายจากเพื่อนกวนตีนของน้องมาเป็นหน้าผมแทน แก้มอูมๆที่ตอนนี้แดงระเรื่อนั้นเหมือนจะย้อมเป็นสีแดงถาวรไปแล้ว แถมหูคอแดงจัดไปหมด มีเพียงเนื้อตัวเท่านั้นที่เป็นสีชมพู น่าจะเพราะไม่ได้ดื่มเพิ่มแล้ว ความจริงน้องเองก็พยายามแหละครับ แต่ตราบใดที่ผมนั่งข้างผมให้ได้แค่โค้กกับน้ำเปล่าเท่านั้น  ก็ผมให้กินแค่นี้ เหมือนพ่อเหรอ? ผมว่าก็ไม่นะครับ




“คนยิ่งหงุดหงิดอยู่ อย่ากวนตีนเหมือนไอ้คุณเมฆได้ป้ะ?! รำคาญ!!!!”



เงียบ



หลังจากจบประโยคนั้นปุ๊บ ทั้งวงก็เงียบกริบราวทันที (โอเค ไม่ได้เงียบขนาดนั้นเพราะไอ้เชี่ยคุณกฤติมันก็นั่งกลั้นหัวเราะอยู่ สนุกเหลือเกิน) ผมเลิกคิ้ว ไม่ใช่เมฆแล้วจะให้เป็นใคร นี่น้องคิดว่าผมเป็นพี่มาก ไมเคิล แองเจโล หรือ ไมค์ ที่เป็นนักร้องเหรอ?




“กระต่ายๆ คุณเมฆทำอะไรอะ บอกหน่อยๆ”




ไอ้คุณกฤติ ไอ้เชี่ยนี่ สนุกมากมั้งถือมือถืออัดคลิปแทนใจแล้วไปสะกิดถามเจ้าตัวเนี่ย กระต่ายก็ยังเป็นกระต่ายวันยังค่ำครับ ตามใครเขาไม่ทันทั้งนั้น ซึ่งบางทีผมก็หงุดหงิดนะครับเห็นแบบนี้ เพราะมันเป็นความรู้สึกว่าปล่อยเอาไว้แล้วเขาจะอยู่ได้ยังไงตัวคนเดียว แบบนี้ไงถึงควรจะมีผมอยู่ด้วย




“ก็คุณเมฆอะ แม่งกวนส้นตีน!”

“...”




หรือควรห่วงตัวเองก่อนวะ  น้องมันจะไม่เอาผมแล้วเนี่ย



“ไหนๆ กวนตีนยังไง พูดมาอีกสิคะลูก” คุณกิ๊กบัญชี นี่ก็ขยี้เก่ง



“ก็แบบ.. กวนตีนไงครับ กวนตีนแบบไม่ยอมพูดอะ ทำไมเป็นอะไรไม่พูด! ที่นี่ประเทศประชาธิปไตยนะมีอะไรพูดได้ พูดสิ!! ไม่พูดด้วยไม่พอ ยังจะมาทำหน้าบึ้งใส่อีก! ใครแม่งจะไปรู้เรื่องด้วยวะ! แทนใจไม่ใช่ Google Translate นะ จะได้แปลได้ทุกอย่างที่คิดอะ!”



“หืม? จริงเหรอครับ?”

   

ผมถามน้องบ้าง เพราะเหมือนตอนนี้น้องจะพูดทุกอย่างที่คิดออกมา ปกติน้องไม่พูดยาวขนาดนี้ ถึงจะพูดมากก็ตาม อันที่จริงการได้รู้ความคิดของแทนใจโดยที่ฟังจากเจ้าตัวตรงๆมันก็น่าสนใจดี แถมตอนแทนใจพูดนั่นพูดนี่มันก็น่ามองด้วยครับ น่ารัก



“จริงสิ!”


น้องหันหน้ากลมๆมาทางนี้ (แก้มน่าบีบชะมัด เย็นไว้เมฆ เย็นไว้) ตอนนี้น้องเอามือยันพื้นข้างหนึ่ง แล้วหันมามองหน้าผม ด้วยใบหน้าแดงๆที่ตอนนี้สีค่อยๆจางลงกว่าเมื่อกี้ที่ตะโกนเยอะๆแล้ว รอยยิ้มของผมกว้างขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อเห็นว่านัยน์ตากลมโตนั่นเริ่มจะสั่นไหว คล้ายกับมีหลากหลายอารมณ์ไหลวนอยู่ในนั้น



แม่ง โคตรน่าแกล้ง โคตรน่ารัก น่าฟัด น่ารักสัดๆ



“ว้า พี่คิดว่าเราอึดอัดซะอีก เห็นว่าทำหน้าบึ้ง”



“ไม่ได้อึดอัดนะ!! … คือ โอเค ก็อึดอัดนิดหน่อย! แต่ก็ไม่ได้อึดอัดเยอะอะไรขนาดนั้นนะ แบบแค่นิดเดียวอะ อึดอัดนิดเดียวจริงๆนะ น้อยเหมือนคะแนนวิชาปรัชญาที่โดนบังคับให้เรียนตอนปีหนึ่งเลย ตอนนั้นเพื่อนถามเลยว่าผมได้อ่านหนังสือไปสอบหรือเปล่า ทำไมอะ! อ่านหนังสือแล้วได้ 7 เต็ม 30 ตอนมิดเทอมไม่ได้หรือไง!!”



“...”

น้องแม่งไปโลกไหนแล้ววะ



“เอ่อ… น่าจะอึดอัดละมั้ง?”



“ใช่มั้ยล่ะ! เนี่ยไม่พูดไม่จา คุยด้วยแล้วก็เงียบ! แม่งโคตรเหมือนเพลโตกับอลิสโตเติ้ลเลย เป็นบ้าอะไรวันๆมานั่งคุยกันเรื่องความดีคืออะไร! ความดีคือการที่มึงได้มาแล้วอดเกียรตินิยมไง!!”



“...”


“ฮ่าๆๆๆๆ เห็นมั้ยว่าแทนใจเป็นคนตลก รู้มั้ยว่าพี่แทนรักเคยบอกว่าผมฟุ้งซ่านไปหน่อย แต่น้องแทนกายบอกว่าอันนี้เรียกว่ามีจินตนาการ พอตอนสอบนะ อีวิชานี้แหละ ที่ถามว่าความดีคืออะไร ผมตอบว่าคือพี่แทนใจ ที่เอาน้องไปส่งโรงเรียน แล้วคอยดูแลอย่างดี ยกตัวอย่างคือตัวผมเอง เพราะน้องบอกว่าพี่แทนใจเก่งมากๆ เป็นพี่ที่ดีที่สุดเลย แล้วน้องผมไม่โกหก! แล้วทำไมอาจารย์ให้คะแนนแค่นี้วะ อาจารย์อะโกหก!!”



“...” 

ผมคิดว่าน้องน่าจะอึดอัดจริงๆนั่นแหละ


“ก็เนี่ย!!! คือความดี!!! ทำไมอาจารย์ไม่เข้าใจ! เออ แต่ช่างแม่งเถอะ! ที่เรียนมาทั้งเทอมกูก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน! ทำไมไม่เอา อะลาดินกับตะเกียงวิเศษ หรือ อลิซ อิน วันเดอร์แลนด์มาสอน! ทำไม!!!!”



“...” 

แล้ว… การ์ตูนพวกนี้มันเกี่ยวกับผมตรงไหนวะ?



“โอเค พี่เข้าใจแล้วว่าเราอึดอัด”


ผมยกมือจะไปกุมมือน้องที่ทุบขาตัวเองปั้กๆเหมือนอัดอั้นในใจมาตั้งแต่ปีหนึ่งเอาไว้ ซึ่งโดนสะบัดทิ้ง ผมแอบเลิกคิ้วนิดหน่อยเมื่อกระต่ายบ้านของผมดูเหมือนจะสติหลุดไปแล้วครับ นี่อาจจะเป็นเลเวลสี่ของน้อง ไม่ว่ามีกี่เลเวลผมก็ยังอยากจะเห็นนะ อยากเห็นมากกว่านี้ แต่ไม่เอาที่ทุบขาแล้วนะ แดงเป็นปื้นเลยเนี่ย



“เดี๋ยว!!!!!! อย่าเพิ่งขัดสิวะไอ้คุณเมฆ คนกำลังพูด ฟังสิฟัง!”

“ครับๆ ฟังก็ฟังครับ”



น้องตบพื้นปั้กๆ ซึ่งดีกว่าตบขาครับ เพราะถ้าน้องตีขาตัวเองอีกครั้งผมคงได้เอามือไปดึงออกแน่นอน ถึงอาจจะเสี่ยงโดนสะบัดออกก็เถอะ แต่แรงแค่นั้นไม่ได้ทำให้ผมเจ็บเท่าไหร่ ไม่ใช่เพราะน้องแรงน้อยหรืออะไรเพราะน้องเองก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง แต่กระดูกเราคนละเบอร์กัน น้องสู้ผมไม่ได้อยู่แล้ว



“ผมนะ พยายามจะชวนคุณคุยตั้งหลายครั้งบนรถ แต่คุณน่ะ! คุณเมฆ!! คุณเอาแต่ถามคำตอบคำ ไม่ยอมคุยกับผมเลย โกรธอะไรทำไมไม่พูดวะ แถมยังมาทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก คนอื่นเขาอึดอัดมากเลยนะ! ทำตัวไม่ถูกด้วย!”



“...”

“มาทำให้คนอื่นเขาคิดอะไรเยอะแยะ แล้วตัวเองทำแบบนี้มันใช้ได้หรือไงกัน ไม่ได้ไง ไม่ได้!”



แบบนี้แม่งไม่ใช่แล้วว่ะ



หัวใจผมกระตุกทันทีเมื่อใบนัยน์ตาที่จ้องผมอย่างแข็งกร้าวเมื่อครู่ตอนนี้ระรื่นไปด้วยน้ำ ถึงแม้ว่าผมจะอยากเห็นน้องในหลากหลายแง่มุมแค่ไหน แต่การที่แทนใจร้องไห้ออกมาแบบนี้ ไม่ว่าจะด้วยอารมณ์โกรธหรือเพราะอะไร ผมว่านี่มันออกจะเกินกว่าที่ผมคิดไปสักนิด



“ครับ พี่เข้าใจแล้ว”



ผมลุกขึ้นยืน แล้วฉุดให้อีกคนลุกตามขึ้นมา ซึ่งคนงอแงก็คือคนงอแงครับ แทนใจทั้งสะบัดแล้วก็โวยวายตัดพ้อผม(ด้วยคำว่าเหี้ยที่น่ารักที่สุดในโลก) ตอนนี้จากที่น้ำตาคลอน้องร้องไห้แล้ว ถึงแม้จะเป็นแค่การสะอื้นเบาๆ เหมือนเด็กที่โดนคุณครูดุก็ตาม



“ฮึก! ยังไม่จบเว้ยคุณเมฆ ฟะ.. ฟัง! ฮึก ฟังดิ! อึดอัดจะตายเมื่อกี้! ไอ้หล่อเอ้ย! ปล่อยดิ! ปล่อยย”



ใจยวบยาบหมดเลย คนอะไรร้องไห้ได้น่ารัก น่าสงสาร และน่าแกล้งขนาดนี้




“ไม่ครับ ไปกับพี่”

“ไม่ไป! ไม่ไป! ไม่ไปปปปปปปปปปปปปปปปปปปป”




ผมถอนหายใจ หนวกหูด้วยอันที่จริง จะจำไว้ว่าแทนใจไม่ใช่คนเสียงเบาเลยสักนิด ผมพยายามจะอุ้มแทนใจขึ้นหลัง ซึ่งน้องให้ความร่วมมือน้อยมากจนผมต้องขอกำลังเสริม



“ซุกซน” คนโดนเรียกพยักหน้าแล้วลุกขึ้นมา เห็นแบบนี้มันเป็นเด็กฉลาดครับ สบตาครั้งเดียวก็รู้ว่าผมต้องการอะไร แต่ย้ำอีกทีละกัน

“ช่วยเฮียหน่อย”

“ไม่บอกก็มาอยู่แล้ว”




ซุกซนกับพี่โน้ตมาช่วย (อย่าหวังอะไรกับไอ้คุณกฤติครับ มันยังอัดคลิปอยู่เลย อยากรู้เหมือนกันว่าโทรศัพท์นี่เมมเท่าไหร่ กี่ร้อย GB ถ่ายทุกช็อต ส่วนกุ๊กกิ๊กผมไม่หวังอะไรแล้ว เป็นอีกคนที่ถ่ายรูปแทนใจครับ เอาเถอะ) จนในที่สุดกระต่ายประถมวัยก็ขึ้นมาแปะอยู่บนหลังผมสำเร็จ




“ฮะ .. ฮือ … เหี้ย”

“ครับๆ เหี้ยครับ”




พยายามที่จะทุบๆ และเอาแต่พึมพัมบ่นด่าผมทำนองว่า ‘ไอ้คุณเมฆคนเหี้ย เหี้ยกว่าซุกซนอีก’ ‘นิสัยไม่ดีเหมือนหน้าตาเลย’ ‘โกรธอะ ไม่ชอบ ไม่ชอบแบบนี้มากๆเลย’ จนเหมือนกับเหนื่อยจะด่าแล้ว น้องเลยนอนแปะอยู่บนหลังผมในที่สุด ยังมีสะอื้นให้ได้ยินนิดหน่อย



เมื่อมั่นใจว่าคนที่อยู่บนหลังผมอยู่ในท่าที่ไม่น่าจะหล่นแล้ว ผมจับขาพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูง โดยมีพยานในห้องส่งสายตาล้อเลียน (และไอ้คุณกฤติยังถ่ายอยู่เลย แม่งเอ้ย) ถอนหายใจอีกครั้ง ไม่ได้คิดว่าแค่หงุดหงิดนิดหน่อยจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ได้



“มีอะไรไปคุยกันที่ห้องพี่ละกัน”




ถ้าคืนนี้เคลียร์ไม่รู้เรื่อง ก็อย่าหวังว่าจะมีคนได้ออกจากห้องเลย!







------- 50% -------






เหนื่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก

แทนใจไปเอ้าท์ติ้งได้หมีกลับบ้าน แต่นี่ได้งานเพิ่มกลับมาค่ะ จัลล้อง

ครึ่งหลังเขาเข้าห้องนะ จะเกิดอะไรขึ้นในนั้นนะ อิ___อิ


ด้วยรักและจะรีบเคลียร์งานรีบมาต่อนะคะ

Babybaphomet


สามารถคอมเมนต์ที่นี่ หรือที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ เหมือนเดิมนะคะ หรือยังไงทักเรามาได้ที่ @banybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH9: ตอนของคนรักวันจันทร์ [up! 50%] (27/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 27-03-2018 21:21:27
แทนใจจะเข้าห้องหอแล้ววววว
ใช่มั้ยน๊าาาาาาา

 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH9: ตอนของคนรักวันจันทร์ [up! 50%] (27/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 27-03-2018 21:44:57
หมั่นไส้คนพี่ที่เอาแต่ชมน้องน่ารักๆๆๆๆๆ ทำอะไรก็น่ารักไปหมด (น้องก็น่ารักจริงๆนั่นแหละ แต่หมั่นไส้ไอ้พี่เมฆเฉยๆ ฮาาา)

ชอบความเมาแล้วรั่วของแทนใจ แต่ก็ยังมีความเป็นพี่แทนใจคนดีของน้องแทนกาย โถ ลูกกกกก
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH9: ตอนของคนรักวันจันทร์ [up! 50%] (27/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 28-03-2018 08:32:25
55555555555555555555555555
เจอฤทธิ์แทนใจเว่อร์ชั่นเมาเข้าไป พี่เมฆคือเ_ี้ยเลย 555555555
แต่แทนใจโดนลากเข้าห้องแบบนี้ จะเสร็จพี่เมฆรึเปล่าน๊า~~~
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH9: ตอนของคนรักวันจันทร์ [up! 50%] (27/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 28-03-2018 10:05:53
คุณเมฆคนเห้- 555555555555555
น้องแทนใจถ้าเห็นคลิปตัวเองเวลาเมาแล้วจะเป็นไงน้า
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH9: ตอนของคนรักวันจันทร์ [up! 50%] (27/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 28-03-2018 10:50:57
แทนใจรั่วเวอร์  55555
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH9: ตอนของคนรักวันจันทร์ [up! 50%] (27/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: nekodollzz ที่ 28-03-2018 20:29:33
เมาไปห้าเลเวลเลยไอ้แทนใจเอ๊ยยยยยย //หมั่นเขี้ยวน้องต่าย
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH9:ตอนของคนรักวันจันทร์ [up! 0%] (31/3/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 31-03-2018 15:36:39
9th Monday : มุมมองของคนที่รักวันจันทร์ (คุณเมฆเล่าบ้าง) - 100%

#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์


------- Monday In Love -------



นอกจากผมจะรักวันจันทร์แล้ว
ผมรักใครก็ตามที่จัดให้ห้องของผมกับน้องไม่ห่างกันมากด้วย

 
เพราะถ้าห้องเราสองคนอยู่กันคนละชั้น หลังผมหักแน่นอนครับ


“หนักอะไรเนี่ย แก้มหรือไงเรา”


ผมเดินแบกแทนใจยังคงตัดพ้ออะไรไร้สาระ (ครึ่งหนึ่งมีคำว่าเหี้ย อีกครึ่งหนึ่งคือชื่อผม รวมกันก็ประมาณไอ้คุณเมฆคนเหี้ย แต่ไม่โกรธหรอก เพราะน้องด่าได้โคตรของโคตรน่ารัก จะเปิดสวนสัตว์มาด่าผมก็ได้ถ้าจะงุ้งงิ้งงุ้งงิ้งแบบนี้) เห็นตัวดูผอมๆความจริงไม่ได้เบาเลยนะ ยิ่งเห็นแบบนี้ผมยิ่งนึกถึงติ้กต่อก กระต่ายอ้วนที่เลี้ยงไว้ เห็นตัวกลมๆเล็กๆพอจับอุ้มนี่หนักใช่เล่นเลยครับ หนักกว่ารูปลักษณ์มันในความคิดผมน่ะนะ


“โอเค ถึงแล้ว”

ผมวางกระต่ายแปะไว้บนโซฟา เจ้าตัวเมื่อลงจากหลังผมก็ไปแปะน้องไว้บนโซฟา ถึงจะน่ารักน่าฟัดแค่ไหนผมยังไม่ทำหรอก ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องเนี่ย


“ฮือ... “


กระต่ายยังไม่หยุดร้องไห้เลยครับ เหมือนกดปุ่มเปิดน้ำครับ ไหลแล้วไหลเลย หาที่ปิดไม่เจอด้วยเนี่ย จิ้มแก้มแล้วจะหยุดร้องมั้ย กลัวจะร้องหนักกว่าเดิมนี่สิ ใจบางเลยครับ หน้าแดงตาแดงจมูกแดงหมดแล้ว ร้องไห้ได้น่ารักเกินไป ไม่จริงเหรอ? แต่ผมว่าจริงนะครับ


ก่อนอื่นผมต้องทำให้น้องหยุดร้องไห้แล้วมาคุยกันดีๆก่อน


“เหนื่อยมั้ยเนี่ยเรา?”
“... เหนื่อย...”
 “งั้นหยุดร้องมั้ย?”
“หยุด… ไม่ได้ … ”


แก้มขาวๆมีแต่น้ำตานอง ดูเปียกแฉะเหมือนกับกระต่ายกินน้ำเลอะไปทั่วทั้งหน้า ตอนนี้แยกไม่ออกแล้วว่าควรรู้สึกยังไง โคตรน่าแกล้งน่าสงสารและน่าขยำไปพร้อมๆกัน

แต่ยังหรอก มันยังไม่ถึงเวลา


“อย่าขยี้ตา”


ผมจับมือน้องออกเมื่ออีกคนเอามือไปขยี้ตาเหมือนเด็กสามขวบ นี่ผมชักจะสงสัยแล้วว่าแทนใจมันโตมาจนทำงานอย่างไรให้เหมือนเด็กอนุบาลเข้าปอหนึ่งได้ขนาดนี้ มันน่าหงุดหงิดนะเนี่ย ถ้าไม่มีผมหรือซุกซนแล้วน้องมันจะอยู่บนโลกที่แอร์พอร์ตลิ้งก์มีไม่ให้ขึ้น บีทีเอสเสียทุกเช้าแบบนี้ได้ยังไง?


“ห้ามสั่งนะ! เป็นแค่คุณเมฆห้ามสั่ง คุณไม่ใช่น้องกายนะ แถมไม่หัวหน้าผมด้วย ไม่ใช่ลูกค้าผมอีกต่างหาก เพราะงั้นห้าม!”


พูดไปร้องไปนะ มีมองหน้าด้วย ทำตาดุใส่ด้วย ทำเสียงเข้มด้วย ท่าทางเหมือนไม่พอใจด้วย โคตรน่ากลัวเลยครับ เหมือนติ้กต่อกมากๆ ดุจริงๆ อยากป้อนนมผงเลยเนี่ย 


“ครับๆ รู้แล้วครับ” ผมยกมือห้ามทัพ วันนี้จะคุยรู้เรื่องใช่มั้ยวะ น้องแม่งยิ่งฟุ้งซ่านอยู่ “หยุดร้องได้แล้ว ขี้แงนะเนี่ยเรา”
“ไม่ได้ขี้แง! แทนใจเป็นพี่ชายคนโตนะ แทนใจไม่ขี้แง!”
“งั้นบอกพี่หน่อย คนไม่ขี้แงร้องไห้ทำไมครับ”
“ผม… ผมอึดอัด อึดอัดมากด้วย”
“ทำไมถึงอึดอัด?”
“ก็เพราะคุณนั่นแหละ!”
“โอเคๆ งั้นอึดอัดอะไร?”
“ไม่รู้อะ แต่ไม่ชอบเลย ไม่ชอบแบบนี้เลยสักนิด ทำไมอยู่ดีๆก็ต้องทำตัวเปลี่ยนไปด้วย ทำไมต้องเมิน ขนาดลูกค้าเรื่องมากผมยังไม่เมินเลยนะ รับโทรศัพท์ทุกสาย ขนาดคุยกันไม่รู้เรื่องผมก็คุยทุกคนนะ ตอบทุกเมลเลยด้วย ตอบดีมากๆด้วย!”


น้องมันทำเอาซะผมที่เคยที่ทุบโต๊ะใส่ลูกค้าตอนประชุมกันแล้วทะเลาะกันดูสารเลวไปะเลยครับ


“คุณเมินผมทำไม แกล้งผมเหรอ? แกล้งผมไม่ได้นะ! ผมมีน้องชายต้องดูแลนะ ห้ามแกล้งแทนใจ ไม่งั้นผมจะฟ้องคุณกฤติ!”

ไอ้เชี่ยคุณกฤติ มึงอีกแล้ว! ขนาดกูอุ้มกระต่ายกลับมาขังที่ห้องแล้วมึงยังตามมาราวี!

“จะฟ้องพี่ป้องด้วย!”


ไอ้คุณปกป้องด้วย?????


“เนี่ย ก็เป็นซะแบบนี้ สนิทกับเขาหรือไงไปเรียกเขาว่าพี่เนี่ย หืม?”


ผมถามอีกคนไปนิ่งๆ ไม่ได้ตั้งใจจะนิ่งหรอกแต่มันหงุดหงิดนิดหน่อย กระต่ายที่ไม่เคยเรียกผมอย่างอื่นนอกจากคุณ ไปเรียกคนอื่นว่าพี่! พี่!! ทีผมละเอาแต่เรียกคุณเมฆๆ ทำไมวะ จะเรียกผมว่าพี่เมฆบ้างมันยากกว่าเรียกไอ้เชี่ยพี่ป้องอะไรนั่นหรือไงกัน


“ก็สนิทนะครับ ความจริงแล้วผมรู้จักกับพี่ปกป้องมาหลายปีมากๆเลย พี่เขาเรียนเก่งมากเลยครับคุณเมฆ แบบโอโหๆเลยอะ ไม่ต้องนั่งท่องทั้งนิราศภูเขาทองหรือจินดามณีเลยครับ ผมเรียนที่เดียวกับพี่เขา โคตรของโคตรเก่ง ได้โล่เรียนดีกิจกรรมเด่นสองปีซ้อนแน่ะ เก่งมากๆเลยเนอะ พี่ปกป้องของผมเนี่ย น่าอิจฉามากๆเลยเนอะคุณเมฆเนอะ”


แทนใจเหมือนลืมเรื่องเศร้าไปแล้วครับ น้องไม่ร้องแล้ว แต่มาอวยไอ้คุณปกป้องแทน เออ ดี


“เหรอครับ”
“อือ ใช่ๆ แทนใจนะ ชะ--”


ไม่ได้ ผมต้องรีบขวางก่อนที่น้องจะพูดอะไรที่ผมไม่อยากได้ยินออกมา


“ไปล้างหน้าล้างตาเถอะ เนี่ยขี้มูกยืดหมดแล้ว”
“ขี้มูกไม่ยืด! ฮือ อ่าอาอับแอ๊มอิ” (อย่ามาจับแก้มดิ)


น้องโวยวายโบกไม้โบกมือตอนผมดึงแก้ม การดึงความสนใจแทนใจออกจากเรื่องอะไรบางเรื่องมันไม่ยากเลยครับ แค่ดึงแก้มก็เหมือนกดเปลี่ยนช่องทีวีแล้ว ยิ่งถ้าชวนพูดเรื่องอื่นแป๊บเดียวเดี๋ยวน้องก็ปล่อยเรื่องเดิมไป น้องไม่ใช่คนที่จะเก็บเรื่องอะไรมาคิดนาน ถึงบางครั้งจะดูเหมือนคนไม่ค่อยจริงจัง แต่ผมว่ามันถือเป็นข้อดี


เพราะมันแสดงว่า น้องไม่ได้เก็บเรื่องของทุกคนมา ‘คิด’ แบบเรื่องของผม


“เนี่ยดูดิ เลอะคราบน้ำตาหมดเลย ไม่หล่อแล้วเนี่ย”
“ใครจะไปหล่อเหมือนคุณเมฆล่ะ กวนตีนแล้วยังหล่อเลย เป็นบ้าเหรอครับ หล่อบ้าหล่อบออะไร ถ้ามีโรงเรียนสอนห้ามหล่อนี่คุณเมฆต้องไปเข้าคอร์สเลยนะรู้มั้ย เชื่อผมสิผมเป็นพี่ชายคนโตที่เลี้ยงน้องแทนกายมากีับมือนะ เชื่อผมนะ แล้วคุณจะหล่อขึ้นอีก จากที่หล่ออยู่แล้วอะ”


ผมยิ้มกว้างแบบรักษามาดไม่อยู่ ไม่เคยนึกดีใจในหน้าตาที่มีเท่านี้มาก่อน ขอบคุณพ่อแม่มา ณ ที่นี้ครับ


“แต่ๆ คุณเมฆนิสัยไม่ดีอะ หล่อแต่นิสัยไม่ดีไม่ได้นะ! ห้ามนะไม่อย่างงั้นผมไม่ชอบนะ! คุกกี้คุณผมก็จะไม่กินแล้ว กาแฟก็ไม่เลี้ยงด้วย!”

“ครับ น่ากลัวมากๆครับ”

“ใช่ๆ ผมน่ากลัวนะ คุณเมฆก็คิดแบบนั้นใช้มั้ย? ต้องใช่สิเพราะมันคือความจริง แล้วคุณเมฆก็ไม่เถียงผมหรอกใช่มั้ย ใช่แน่นอน ผมรู้ ผมเองก็เริ่มคิดแล้วว่าจะเอาความน่ากลัวนี้ไปข่มขู่พวกลูกค้าเกาหลีบ้าง เดี๋ยวป้ากเดี๋ยวคิมอะไรไม่รู้ นี่เดี๋ยววันจันทร์นี้นะ พอไปถึงที่ทำงานเปิดคอมเสร็จผมจะคลิกขวาแล้วลบเมลทิ้งให้หมดเลย ไม่เอาไม่อ่านอะไรทั้งนั้น กลัวผมบ้างเถอะ ไม่กลัวเดี๋ยวเรากลัวแทนก็ได้”

“แทนใจ พี่ว่าเราเริ่มออกนอกทะเลแล้ว”

“ทะเลที่ไหน นี่เขาใหญ่ไม่ใช่ชลบุรี”


เอาเข้าไป กระต่ายกู กินเหล้าเท่ากับฟุ้งซ่านหรือไงเนี่ย


“ครับๆ เขาใหญ่ก็ได้ พี่ตามใจเราอยู่แล้ว”


ผมลูบหัวกระต่ายอีกครั้งอย่างที่ชอบทำ ตามปกติแล้วแทนใจเขาจะทำหน้าเฉยๆ หรือไม่ก็ทำหน้าอ๊องแอ๊งตามปกติ แต่ครั้งนี้แทนใจกลับพยายามดันผมเข้าใกล้ฝ่ามือผมมากขึ้น คล้ายสัตว์เล็กเวลาที่ต้องการจะอ้อนขอให้เกาพุงหรือขออาหาร


อ้อน!!!
แทน-ใจ-อ้อน!!!! 
น่ารัก! น่ารัก! น่ารัก! น่ารัก! น่ารัก!!!!!!
น่ารักเหี้ยๆเลยเว้ย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! 


ถึงแม้ในใจผมจะอยากไปยืนบนดาดฟ้าตึกใบหยกแล้วตะโกนว่า ‘แทนใจของกูน่ารักฉิบหายเลยเว้ยยยยยยยย’ แต่สิ่งที่แสดงออกไปมีแค่หน้านิ่งๆเท่านั้น คงนิ่งมากไปหน่อยเพราะน้องเงยหน้าขึ้นมามองผมงงๆ สายตาเหมือนจะทั้งออดอ้อนแล้วก็เรียกร้องให้ทำตามความต้องการด้วยในที


ใจเย็นนะ สิทธิกร ใจเย็นๆ ก่อนเมฆ ใจเย็นๆ เว้ย 


“ไปห้องน้ำกันครับ”
“ฮื่อ ไปทำไม”
“ล้างหน้าไง ขี้มูกขี้ตาเลอะหมดแล้วเนี่ย เดี๋ยวพี่พาไป”
“แทนใจไปเอง”
“ครับๆ ไปล้างหน้าเองก็ได้ครับ”


ผมคีพลุคเป็นผู้ใหญ่แล้วไล่คนไม่ขี้แงไปอาบน้ำ ซึ่งรอบนี้น้องก็ยอมลุกครับ ถึงแม้จะมีบ่นกระปอดกระแปดบ้างก็ตาม (หลักๆ ก็บ่นไปเรื่อยแบบหาแก่นสารอะไรไม่ได้ แล้วก็บ่นซุกซน กับบ่นผม แล้วก็อวยน้องครับ)


ห้องน้ำโรงแรมถือว่าไม่ใหญ่ไม่เล็กครับ มีเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้าอยู่ตรงกลาง ฝั่งขวามือคือชักโครกแบบโล่งเลยครับ ด้านซ้ายห่างไปอีกฝั่งของห้องเลยคืออ่างอาบน้ำ ยังดีที่มีม่านให้หน่อย ถึงประตูห้องน้ำจะเป็นกระจกก็เถอะไม่รู้ว่าคนดีไซน์เขาคิดว่าการใช้ห้องน้ำมันต้องเปิดโล่งกันขนาดไปเพื่ออะไรเหมือนกัน


 ระหว่างที่สิ่งน่ารักของผมเข้าห้องน้ำไป ผมก็หยิบมือถือตัวเองขึ้นมาเช็กครับ เข้าเฟสบุ๊คไปให้โนติฯหายก่อน ส่วนแอพอื่นผมไม่ค่อยมีอะไร เกมก็ไม่ได้เล่น โทรศัพท์สำหรับผมคือเครื่องมือสื่อสารอย่างแท้จริง มีไว้คุยครับ ทั้งโทร คุยทางโซเชี่ยลต่างๆ ซึ่งไลน์ที่เด้งรัวนี่ก็คือทางหนึ่งครับ


วันนี้ที่รอคอย (9)
ซุกซน ใจทราม : *สร้างอัลบั้ม ‘ให้เหล้าเท่ากับช่วย’



ชื่อคนสร้างอัลบั้มก็บอกหมดแล้วครับว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องที่สร้างสรรค์ ในขณะที่ผมยืนฟังเสียงบ่นงุ้งงิ้ง (‘แล้วตกลงความดีคืออะไร ป้ากๆคิมๆจะรู้มั้ย รู้อะไรเองบ้างก็ได้ เลิกส่งเมลมาเถอะ เบื่อจะอ่านแล้ว ส่งไปให้ซุกซนบ้างก็ได้’) เมื่อเห็นทางสะดวกว่าน้องยังไม่น่าจะออกมา ผมก็กดเข้าไปดูในอัลบั้มครับ


รูปที่น้องนั่งซบผม หลายรูปมากครับ ความชัดระดับ HD คิดถูกแล้วที่เตะมันออกไปนั่งอีกฝั่ง ถ่ายได้เป๊ะมาก เยี่ยมมากไอ้ซุกซนเพื่อนยาก ในขณะที่ผมกำลังนั่งไล่ดูรูปในอัลบั้ม (และเมินคำแซวของพวกซุกซนในไลน์กรุ๊ป) ก็มีเสียงดังจากฝั่งห้องน้ำ!


โครม!


‘โอ๊ย!’


นั่นไง ปล่อยแทนใจมาจับโทรศัพท์ได้ไม่เกินสามนาที กระต่ายประถมของผมเป็นอะไรอีกแล้ว!


“เจ็บ!!!!”


ผมผุดลุกขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงของหล่นกระทบพื้น พร้อมกับเสียงอุทานของคนที่เพิ่งโดนไล่เข้าห้องน้ำไป ยิ่งเมื่อน้องบอกว่าเจ็บนี่ในใจนึกด่าตัวเอง ไม่น่าปล่อยให้แทนใจไปล้างหน้าคนเดียวเลย รู้ก็รู้ว่าน้องเมาอยู่


 “พื้นเหี้ยยยยยยยยยยยยยยย พื้นไม่มีมีความเป็นไทย ไปเลยนะ! ไปท่องสุนทรภู่เลยนะแล้วห้ามท่องผิดด้วย!”


ตอนที่ผมไปถึงห้องน้ำ แทนใจนั่งจุ้มปุ๊กอยู่บนพื้น มือก็ชี้ไปทางอ่างล้างหน้าพลางด่าไปด้วย ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเจ้าตัวคงเดินไม่ดูไปชนเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้าแล้วกลิ้งลงไปกองที่พื้นด้วยตัวเองแน่นอน


“แล้วก็ห้ามจำสลับกับจินดามณีด้วยนะ ห้าม!”


ถ้าเป็นเพื่อนผมจะถ่ายคลิปแล้วเก็บเอาไว้แบล็กเมล์มัน แต่พอเป็นแทนใจผมกลับรู้สึกขำ ขนาดไม่รู้ตัวยังทำให้คนอื่นยิ้มได้ น่ารักมากครับ เป็นการด่าก๊อกน้ำที่น่ารักที่สุดแล้ว แล้วการคุยกับอ่างล้างหน้าอยู่คนเดียวนี่ ก็อนาถที่สุดด้วยเช่นกัน


“แทนใจ มานี่มา”
“คุณเมฆฆฆ ดูดิ พื้นเหี้ยอะ พื้นเหี้ยยยยยยยยยยย”
“ครับๆ พื้นเหี้ยครับ”


ผมเออออห่อหมกตามน้องเขาไปก่อนครับ ตอนนี้มิชชั่นแรกคือการหลอกล่อให้น้องทำตามครับ ผมเอาผ้าเช็ดผมผืนใหม่ที่แม่บ้านวางไว้ให้ขึ้นมาชุบน้ำแล้วเช็ดหน้าน้อง (แม่บ้านเขาเตรียมให้สองผืน สำหรับผมกับไอ้เบิร์ด ตอนนี้เป็นของผมทั้งคู่เพราะผมไล่ไอ้เบิร์ดไปนอนห้องอื่นตั้งแต่ได้กุญแจแล้วครับ) คนเมาบึนปากแต่ไม่ได้ขยับหน้าหนีมือผมครับ มีแค่หลับตาปี๋เฉยๆ


เป็นภาพที่น่ารัก จนผมอดยิ้มตามไม่ได้


“เด็กดี”
“ฮื่อ”   
“เช็ดยังไงถึงจะหายแดงเนี่ย ตรงเนี้ย”


ผมแกล้งเอาผ้าเช็ดย้ำๆไปตรงแก้มแดงของเจ้าตัว คนอะไรทำไมเหมือนกระต่ายขนาดนี้ น้องมันดูดีขึ้นหน่อย แต่ตายังปรือๆอยู่ ยิ่งการที่แทนใจช้อนตามองผมเหมือนกับจะอ้อนขออะไรสักอย่างนั่นยิ่งทำให้ผมมันเขี้ยวเจ้าตัว อยากจะจับเข้าปากเคี้ยวไม่ให้ใครได้เห็นอีกต่อไป


“คุณเมฆ…”
“ครับ?”


ผมเอาผ้าวางไว้ตรงเคาท์เตอร์ข้างตัว ในห้องเงียบเพียงแค่กระซิบก็ได้ยิน เพราะอย่างนั้นน้ำเสียงแผ่วเบาที่เรียกชื่อผมของตัวแก้มกลมนี่ก็ไม่เกินความสามารถการได้ยินของผมครับ


“ผมไม่ได้รังเกียจนะ”
“ครับ?”


ในห้องน้ำเงียบๆ ที่มีแทนใจกับผมสองคน พวกเรามองหน้ากัน ผมไม่ได้เอ่ยอะไรต่อพอๆกับที่น้องไม่ได้ขยายความคำพูดเพิ่มเติม ในใจผมมีคำถามโง่ๆอย่าง ‘รังเกียจห้องน้ำที่ห้องผมเหรอ?’ ใบหน้าแดงๆของน้องที่ใกล้เข้ามาไม่ได้ตอบข้อสงสัย แถมยังทำให้ความคิดของผมขาวโพลน


เราใกล้กันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?


ไม่รู้ว่าเพราะน้องยื่นหน้าเข้ามา หรือผมเป็นคนเขยิบเข้าไป แต่ก่อนที่จะรู้ตัว ใบหน้าของเราสองคนใกล้กันจนผมได้ยินเสียงลมหายใจของน้อง รวมถึงเสียงหัวใจของตัวเอง นัยน์ตาค่อยๆหลุบลงต่ำ ตอนนี้ผมเห็นแพขนตาเรียงกันชัดเจน ผมประหม่าเล็กน้อย เกือบจะเอามือขึ้นไปเซตผมกับลูบคางว่าโกนหนวดเกลี้ยงมั้ย


ผมอยากจะเพอร์เฟคที่สุดในสายตาของแทนใจ


ทั้งที่อยากจะจ้องมองให้มากกว่านี้แต่โอกาสไม่ได้มีมาบ่อยๆ น้องค่อยๆหลับตาพร้อมทั้งเผยอปากออกมาเล็กน้อย ริมฝีปากสีสดนั่นทำให้สัญชาตญาณไปก่อนที่สมองจะสั่งการ


 ริมฝีปากของพวกเราก็บรรจบกัน


“อืม-“


ผมค่อยๆบดริมฝีปากช้าๆ ตื่นเต้นอย่างกับเด็กสาวมอต้นเพิ่งจูบครั้งแรก มันดีมาก ท่าทางเงอะงะเหมือนกับไม่รู้จะต้องจูบตอบอย่างไรทำให้ผมนึกเอ็นดูอยู่ในใจ การนำจังหวะไม่ได้ยากมากนักแม้นักเรียนจะเป็นแทนใจก็ตาม และเพราะเป็นแทนใจ ผมถึงได้ต้องต่อสู้กับตัวเองอย่างหนักไม่ให้จับน้องกลืนเข้าไปทั้งตัว


“อื้อ!”


ต้องยอมละปากออกมาเพราะอีกคนเหมือนจะจูบต่อไม่ไหว ไม่ถือว่าแปลกสำหรับครั้งแรก ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองแต่ท่าทางเก้ๆกังๆนั่นยังไงก็คงไม่ได้เชี่ยวชาญการจูบกับคนอื่นมากนัก  ยิ่งใบหน้าของน้องที่แดงเหมือนโดนสาดสีกับสายตาแบบนั้นมันโคตรอันตรายเลย อันตรายมาก!


“...”
“…”


พวกเราเงียบใส่กัน น้องคงรอให้ผมพูดอะไร(หรือทำอะไร)สักอย่าง ในขณะที่ผมเองก็จ้องมองใบหน้าอีกคนเงียบๆ กระต่ายของผมโคตรน่ารัก น่ารักจนไม่รู้จะใช้คำไหนมาบรรยายแล้ว อยากจะลุกไปหยิบโทรศัพท์มาถ่ายวิดีโอเก็บไว้  แต่ไม่อยากให้เสียบรรยากาศ


“หยุดทำไม?”
“จะต่อเหรอ?”


ถึงแม้ผมจะตอบคำถามด้วยการถามกลับ แต่น้องก็พยักหน้า เด็กสบตาผมแป๊บเดียวก็ผลุบลงต่ำเหมือนกับไม่กล้าสู้สายตา เพราะผมจ้องน้อง มองทุกกิริยา อยากจะเก็บทุกภาพตอนนี้เข้าสมองให้หมด


โคตรน่าขยำ! น่ารัก น่าขยำ น่ารัก น่าขยำ!!


“ก็… มันดี”
“...”
“ ขออีกครั้งนะ”


อันตราย! แทนใจ เป็นความน่ารักที่โคตรอันตราย!


“เฮ้ย!!”


น้องร้องอย่างตกใจเมื่อผมดันน้องให้ไปติดผนังห้องน้ำ ตอนนี้ไม่ว่ากระเบื้องลายดอกกล้วยไม้จะสวยแค่ไหนก็ไม่น่าสนใจเท่าเด็กตัวแดงตรงหน้า พวกเราจูบกันอีกครั้ง กระต่ายของผมก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ตอนนี้ทุกอย่างหายไปจากสมองผมหมดแล้ว เหลือแค่สัญชาตญาณที่ถูกความต้องการครอบงำ


“น่ารัก”


ผมกระซิบข้างหูน้อง อีกคนตัวสั่นแต่คู่นั้นที่เมื่อครู่จับแก้วเหล้ากระดกอย่างลำยองตอนนี้ลูบต้นคอผมแบบเก้ๆกังๆ ทั้งที่น้องก็ไม่ได้อาบน้ำ กลิ่นสุราจางๆผสมกับกลิ่นน้ำหอมของน้องมอมเมาผมได้ดีกว่าเบียร์ทั้งโรงงานเสียอีก แถมส่วนที่โผล่พ้นเสื้อผ้าออกมายังดูชมพูไปหมด


แม่งเอ๊ย จะน่ารักไปถึงไหนกันวะ!


“อย่ากัดแรงสิ เจ็บนะ”


ผมเผลอกัดผิวเนื้อตรงหน้าอย่างที่ใจคิด ด้วยแรงมันเขี้ยวและเมาความน่ารักเลยหน้ามืดตามัวลงน้ำหนักมากเกินไปนิด น้องเลยประท้วงด้วยการส่งเสียงร้องออกมาเบาๆ แต่ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น


“ขอโทษๆ พี่ขอโทษนะครับ”


ผมจูบหลังคอน้องเบาๆ พยายามจะทดแทนความเผลอลงแรงไปเมื่อครู่ แทนใจคือตัวน่ารักที่อันตรายมากเกินไป ซึ่งน้องดูเหมือนจะไม่ถือสาเอาความ ผมบอกแล้วว่าเด็กคนนี้น่ารัก


“อืม…”


พวกเราจูบกันอีกครั้ง และอีกครั้ง มือของผมสำรวจไปทั่วร่างกายก่อนที่จะได้ทันคิด พยายามจะจดจำทุกวินาที ผมอยากทำมากกว่านั้นแต่ก็อยากจูบกับน้อง อยากมีสิบมือเพื่อที่จะจับน้องให้ได้ทุกส่วนพร้อมกัน ซึ่งน้องเองก็เรียนรู้เร็วใช้ได้ ตอนนี้กระต่ายคัดฟันเริ่มเลียนแบบการ ‘กัด’ ผมบ้างแล้ว


“ฮื่อ มือคุณเมฆเย็น”


ผมชะงักมือที่กำลังปลดเสื้อน้อง (ตอนไหนไม่เห็นรู้เลย) ชั่วขณะที่กำลังคิดว่าจะหยุดดีหรือจะไปต่อดี น้องก็สานต่องานที่กำลังทำอยู่เมื่อครู่ นั่นคือการพยายามที่จะถอดกางเกงผม ถือว่าเรียนรู้ได้เร็วใช้ได้


“เย็นแป๊บเดียว”
“ไม่ชอบเย็นๆ เวลาที่กินอะไรเย็นๆแล้วชอบปวดจี๊ดๆขึ้นไปบนหัวเลย”


น้องบ่นงุ้งงิ้งไร้แก่นสารเหมือนทุกที จนผมอดจูบปิดปากน้องอีกครั้งไม่ได้ ผละออกมาเมื่อได้ยินเสียงลมหายใจขาดห้วงแล้วประกบลงไปใหม่ทันที ให้ตาย รู้สึกว่าตัวเองเป็นพวกโจรห้าร้อยล่อลวงเด็กประถมอย่างไรชอบกล ผมหยุดอีกครั้ง เมื่อคิดถึงความจริงว่านี่ผมกำลังล่อลวงน้องอยู่มั้ย


“ทำต่อสิ”
“…”
“มันเย็น แต่ทำอีกได้นะทนได้”
“เรารู้ตัวใช่มั้ยว่ากำลังทำอะไรอยู่กับพี่?”


นี่คือสิ่งที่ผมต้องการจะมั่นใจ ถ้าหากจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ ต้องมาจากความตั้งใจของอีกคน


ทันทีที่จบประโยค ปีศาจความเงียบโรยตัวปกคลุมระหว่างเราทันที ชั่วเสี้ยววินาทีผมรู้สึกเหมือนกับทำพลาดครั้งใหญ่ แต่เมื่อคิดอีกครั้งมันถูกต้องแล้ว เพราะผมจะยอมไม่ได้หากทั้งหมดนี้คือความผิดพลาด


น้องเงียบกัดปากเหมือนกำลังใช้ความคิด (แม่งเอ๊ย โคตรน่าจูบ เย็นไว้นายสิทธิกร เย็นไว้ก่อน น้องแม่งไม่ได้ยั่ว อย่าเพิ่งตื่น ใจเย็นๆ) คนที่ตัวแดงไปหมดยิ่งแดงมากขึ้นเมื่อทำท่าจะเค้นสิ่งที่ติดอยู่ในใจออกมา แต่ถ้าวันนี้ไม่รู้เรื่องผมก็ไม่ไปต่อหรอก

“ไม่พูดได้มั้ยอะ ผมเขิน”

น้องก้มหน้า เหมือนพยายามจะหลบสายตา แม่งเอ๊ย น่ารักจนอยากจะเอาใส่พานแห่รอบกรุงเทพฯ แต่ไม่ทำหรอก หวง แผ่รอบห้องเอาไว้ดูคนเดียวก็พอ

“ไม่ได้ครับ”
“ผมไม่ได้รังเกียจพี่”
 “…”

ในที่สุดแทนใจก็ยอมเงยหน้าขึ้นมา น้องสบตาผม หน้าแดงตัวแดงจนผมชักสงสัยแล้วว่าน้องจะหยุดแดงเมื่อไหร่ ทั้งที่ตัวเราสูงไม่ต่างกันมากมายแต่ไม่รู้ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าแทนใจเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารักน่าเอ็นดูได้มากขนาดนี้กัน

“มันรู้สึกดี… อยากทำแบบเมื่อกี้ต่อ อยากทำกับพี่เมฆ”


ความตั้งใจของผมที่จะพาน้องมาล้างหน้าล้างตา และกล่อมนอนให้หยุดร้องไห้ พังราบเป็นหน้ากลองทันที



------- TBC -------







ตอนหน้าแทนใจบรรยายแล้วค่ะ 555555
ในตอนหน้าเราจะมาตอบคำถามที่คนถามไว้นะคะ ใครมีคำถามตรงไหน หรืออยากรู้อยากได้อะไรถามไว้ได้ทุกช่องทางนะคะ เราจะเขย่าๆรวมกันแล้วมาตอบทั้งหมดเท่าที่จะตอบได้แบบไม่สปอยล์เนื้อเรื่องในตอนหน้าค่ะ XD


สามารถคอมเมนต์ที่นี่ หรือที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ เหมือนเดิมนะคะ หรือยังไงทักเรามาได้ที่ @babybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH9: ตอนของคนรักวันจันทร์ [up! 50%] (27/03/18)
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 31-03-2018 22:47:20
คราวนี้น้องเรียกพี่เมฆสมใจแล้ว ละลายไปหรือยังคะเนี่ย? ฮาาาา

และยังคงหมั่นไส้กับความเพ้อคำว่าน่ารักของพี่เมฆอยู่...แหมมมมมม ก็รู้ว่าน้องน่ารักอยู่แล้ว แต่เราจะหมั่นไส้นี่นา
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH10: ตอนของคนรักวันจันทร์ [up! 100%] (4/01/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 01-04-2018 19:59:51
 :L2: :L1: :pig4:

ทำอะไรแทนใจจจจจจจ :m25:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH10: ตอนของคนรักวันจันทร์ [up! 100%] (4/01/18)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 01-04-2018 20:31:48
....ปิ๊ป—^—....
เส้นศีลธรรมของพี่เมฆขาดกรพจุยไปแล้วจร้า 555555
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH10: ตอนของคนรักวันจันทร์ [up! 100%] (4/01/18)
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 01-04-2018 21:33:53
พี่เมฆใจเย้นนนน เด็กมันยั่ว :katai1: :z3: :-[
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH10: ตอนของคนรักวันจันทร์ [up! 100%] (4/01/18)
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 01-04-2018 23:24:56
 :z1:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH10: ตอนของคนรักวันจันทร์ [up! 100%] (4/01/18)
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 02-04-2018 00:38:00
พี่เมฆอย่าพึ่งกินน้องต่ายน้าาาาาา
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH10: ตอนของคนรักวันจันทร์ [up! 100%] (4/01/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 06-04-2018 18:32:19
10th Monday

#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์

 
 



นอกจากจะเกลียดวันจันทร์ ผมยังเกลียดการตื่นมาแล้วปวดหัวด้วย





ผมลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหัวแบบที่เหมือนโดนโพเดี้ยมทุ่ม โลกมันหนักมากครับ ไม่ต้องส่องกระจกก็รู้ว่าตัวยังต้องแดงอยู่แน่เลย หรือไม่ก็ตาแดง เพราะตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนกระดาษทิชชู่เปียกน้ำที่ถูกผึ่งให้แห้งแล้วโบกไปโบกมา เปื่อยประมาณนั้นเลย





บางทีถ้าได้กาแฟสักแก้วอาจจะดีขึ้นก็ได้



“ฮื่อ…”



ผมซุกตัวเข้าผ้าห่มหนาๆ ของโรงแรมอีกครั้ง เสียงคนใช้ห้องน้ำที่ดังมาจากที่ไกลๆ ทำให้รู้ว่ารูมเมทของผมคงกำลังทำธุระส่วนตัวอยู่ ซึ่งขอบคุณมากที่มันยังไม่ออกมาจากห้องน้ำครับ จากประสบการณ์ที่ผมอยู่กับซุกซนมา ถ้าประตูห้องน้ำเปิดออกเมื่อไหร่ ต้องตามมาด้วยเสียงโวยวาย หรือไม่ก็การกระโดดทับตัวผมบนเตียงของมันแน่นอน

 



ว่าแต่เมื่อคืนผมหลับไปตอนไหน?



เอ๊ะ?



เอ๊ะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะ




ตาผมเบิกโพลงทันทีเมื่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไหลเข้ามาในหัวอย่างรุนแรง เหมือนฝนที่ตกในกรุงเทพฯ แล้วทำให้น้ำท่วมสูงจนต้องรอระบายแล้วทำให้ผมเกือบประชุมสาย หน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีเหมือนอุณหภูมิช่วงสงกรานต์ไม่มีผิด






โอ้ยตาย พี่แทนใจของน้องกาย ทำอะไรลงไปปปปปป


.

.

.

.




*** 6 ชั่วโมงก่อนหน้า ***




“ผมไม่ได้รังเกียจพี่”

 “…”

“มันรู้สึกดี… อยากทำแบบเมื่อกี้ต่อ อยากทำกับพี่เมฆ”




หลังจากผมพูดจับคุณเมฆก็ดึงตัวผมเข้าไปจูบอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้รุนแรงกว่าที่ผ่านมามาก ซึ่งยิ่งเขาต้องการมากเท่าไหร่ผมก็พยายามจะตอบรับให้ได้มากกว่านั้น เสียงจากเราสองคนดังก้องไปทั่วห้องน้ำ ทั้งที่ดูในหนังมันออกจะน่าอาย แต่ตอนนั้นผมกลับรู้สึกตื่นเต้น





“อือ… ”



ผมเอียงคอขึ้นอีกครั้งเมื่ออีกคนเปลี่ยนเป้าหมายมาที่ต้นคอแทน ผมเอามือโอบรอบคอของอีกคนไว้ แผ่นหลังและไหล่กว้างอย่างคนออกกำลังกายเป็นประจำทำให้ผมนึกอิจฉา แต่ในขณะเดียวกันมันก็ยิ่งช่วยให้ความรู้สึกร้อนทั่วร่างกายมันร้อนขึ้นอีก



ไม่เหมือนกับร้อนเวลาแอร์เสีย ถ้าอันนั้นแค่เปิดพัดลมก็หาย แต่อันนี้เมันเหมือนเป็นแค่ความรู้สึกข้างใน ร้อนแต่ขนลุกด้วยความตื่นเต้นตลอดทุกการสัมผัสจากมืออีกคน




“ตัวแดงหมดเลยนะเนี่ย”

“อย่าล้อสิ”




ผมยู่หน้าเมื่ออีกคนผละออกจากคอแล้วยิ้มเหมือนที่คุ้นเคย ผมรู้แหละว่าตัวเองหน้าแดงง่ายเวลากินเหล้า ตัวก็แดงด้วย ซึ่งก็เห็นกันมาค่อนคืนแล้วขออย่างอื่นได้มั้ย อย่ามัวแต่มองสิ! ห้ามล้อด้วย! ถ้าจะล้อนะมาจูบต่อยังดีกว่าเลย ห้ามล้อ!




“ไม่ได้ล้อครับ”



คนแก่กว่าพูดแล้วจุ๊บปากผมเบาๆ แบบนี้ก็ดีไปอีกอย่างแฮะ ไม่เหมือนจูบแต่รู้สึกกะยุ๊กกะยิ๊กในใจอะ แต่ไม่ใช่ไม่ดีนะ มันก็แบบ ก็ดีนิดนึงอะ โอเค ดีมากๆเลยก็ได้



“ไม่เชื่อ พี่เมฆเหี้ยยยยย”




พอผมพูดจบอีกคนก็ก้มลงมาจุ๊บ จุ๊บอีกแล้ว! แล้วก็รู้สึกกะยุ๊กกะยิ๊กในใจอีกแล้ว




 “เราน่ารักจะตาย น่ารักจนพี่จะบ้าอยู่แล้ว”

“ห้ามบ้านะ ทุกวันนี้แค่ลูกค้าเป็นบ้าผมก็ไม่ไหวแล้ว พี่ห้ามบ้าด้วยคนนะ ห้ามเลย”

“ครับๆ พี่ตามใจเราอยู่แล้ว”




โจรปล้นจูบประกบปากลงมาอีกครั้ง ปากผมเปื่อยหมดแล้วมั้งไม่รู้จะวุ่นวายอะไรกับตรงนี้นักหนา ไปเล่นกับอย่างอื่นบ้าง ที่โกรธเมื่อกี้หายไปไหนก็ไม่รู้อะ หัวผมขาวไปหมดตั้งแต่ปากเราแตะกันครั้งแรกแล้ว



“พี่เมฆ ทำไมจูบเก่งจัง”




ผมถามในสิ่งที่สงสัย เมื่อเขายอมละออกไปสักที ซึ่งเขาทำแค่เลิกคิ้วเหมือนไม่แน่ใจ ท่าทางเหมือนไม่เก็ตเรื่องง่ายๆ ทำให้ผมขมวดคิ้ว



“ทำไมถึงได้จูบเก่งอะ ไปเรียนมาจากไหน? ฝึกหนักเลยมั้ย? เคยโดนซ่อมมาก่อนแต่ไม่ตายหรือเปล่า? ฮือ ยิ้มอีกแล้ว นี่ก็อารมณ์ดีอะไรนักหนาเนี่ย”




“พี่เมา”




“ถ้างั้นโอเคเลย เพราะผมก็เมา กินเหล้าก็ต้องเมาสิ ใช่มั้ยล่ะ? เนี่ยเป็นเรื่องปกติมาก เหมือนว่าถ้าเราส่งใบลาว่าไปธุระ HR ก็ควรเข้าใจว่าธุระคือธุระ ไม่ใช่ถามว่าไปธุระนี่ไปไหนธุระอะไร คือจะไปด้วยกันเหรอหรือยังไง ผมงงมากเลย พี่เข้าใจมั้ย? เงียบ สงสัยเตรียมเขียนใบลาใช่มั้ย ผมเข้าใจ เรามันคนกันเอง มีอะไรคุยกันได้นะพี่--- อื้อออออออออออ อย่าขยำก้นนนนนนนนนนน”




ผมสะดุ้งเมื่ออีกคนไม่พูดอะไรนอกจากยิ้มแล้วขยำก้นดึงสติผมแรงมาก แรงแบบกัปตันอเมริกามาแข่งงัดข้อก็คงแพ้ แถมยังมีมาลูบๆ คลำๆ ที่อื่นอีก




 “ฮื่อ บอกว่าอย่ากัดดด ชาติก่อนพี่เป็นหมาเหรอ คนเหี้ย อื้ออออออออออ”




คุณเมฆกัดผมอีกแล้วอะ! บีบก้นแล้วยังกัดอีก ไม่ใช่ไม่ดีนะ มันก็ดีแหละ แต่มันเหมือนมีผีเสื้อบินอยู่ในท้องอะ ไม่ได้บินตัวเดียวนะ บินทุกตัวบนโลกเลย มันแบบ ดีนะ แต่แบบ อื้อออออออออออ แปลกๆ




“หมาก็ได้ครับ” คุณเมฆพูดแล้วหอมแก้มผมแรงมาก จนผมเอียงคอหนี

“พี่จะกินแก้มผมไปเลยเหรอ เหี้ยว่ะ”

“เหี้ยก็ได้ครับ” คราวนี้ดูดคอผมแล้ว ดูดจนผมเจ็บเลย ไม่เท่าเทียม! ใช้กำลัง! ไอ้คนเผด็จการ! เดี๋ยวเอากล่องเลือกตั้งทุ่มเลยนะ!!




“โหย อะไรอะ ไม่เห็นนุ่มเลย”




เมื่อเขาบีบก้นผม ผมเลยบีบกลับครับ คุณเมฆเอามือผมออกแทบไม่ทัน รู้สึกผีเสื้อบินเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ ไม่ได้หรอกครับผมเป็นคนชอบความเท่าเทียม ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองผู้ล่าเลยครับ พอเราทำให้คนอื่นรู้สึกเสียวได้บ้างนี่มันดีจริงๆ




“ซนเหรอเรา”

“ไม่ใช่ซน นี่แทนใจ”




คุณเมฆไม่ตอบแต่บีบขาอ่อนผมจนผมส่งเสียงครางแบบแปลกๆ ผมเลยบีบขาอีกคนกลับบ้าง ขาโคตรแน่น พอไล่ไปหน้าอก แม่งก็แน่น แน่นไปหมดคนอะไร



“พี่เมฆจะมีกล้ามเยอะไปไหนเนี่ย”



ผมบ่นเบาๆ เมื่อจับตรงไหนก็เจอแต่กล้าม หน้าท้องก็มีกล้าม บ้าไปแล้ว กล้ามคุณเมฆไม่ได้ใหญ่เท่าหัวเด็กอะไร แต่เหมือนคนเฟิร์มมีซิกซ์แพ็คอะ  ผมนี่ซิทอัพตอนเรียนร.ด.คือครั้งสุดท้ายของชีวิตที่จะขยับเท่ากับออกกำลังกายแล้วครับ ไม่เอาอีกแล้ว




“ทำไมถามไม่ตอบอะ พี่เมฆนิสัยไม่ดีเหมือนหน้าตาเลย”

“อันนี้จะชมหรือว่าพี่เนี่ย?”

“ว่าสิ กำลังว่าอยู่ จะให้ว่าอีกมั้ย ผมโหดมากเลยนะ”




คุณเมฆหัวเราะตอนผมถามกลับไป ตอนนี้มือพี่เมฆถึงแทนใจน้อย ซึ่งผมถึงคุณเมฆน้อยแล้ว …แต่มันไม่ใช่เมฆน้อยอะ




“ทำไมมันไม่น้อย?”

“ครับ?”

“คุณเมฆน้อย มันไม่น้อย”

“...”

“นี่มันไซส์จัมโบ้”

“...”

“ไม่อ่อนโยนเลย”




ผมพูดพร้อมลูบไปด้วย คือเราเป็นผู้ชายเหมือนกัน มันไม่ยากเลยครับที่จะรู้ว่าตรงไหนจะทำให้อีกคนทำหน้าเหยเก หรือทำเสียงแบบที่ได้ยินแล้วหน้าร้อนๆน่ะ แต่ผมชอบฟังแฮะ รู้สึกดีมากๆ นี่สินะ ความรู้สึกของผู้ล่า หูยๆ ตื่นเต้น




“เด็กดี”




คุณเมฆครางต่ำ ทำไมสถานการณ์มันแปลกๆ ผมไม่รู้อะแต่รู้สึกดี ยิ่งคุณเมฆที่เหมือนจะพลิกเกมกลับตอนที่ลงน้ำหนักมือมาที่แทนใจมินินี่แบบ หสาเหาเนหาเยหายเาหบยาเหยาเนหาเยนหา ฮืออออออออออออออออออออออออ มันนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน




“ฮื้ออออออออออ”

“แดงหมดทั้งตัว” อย่ามองดิ ห้ามมองต่ำดิ อย่ามองนะ! มองข้างล่างแล้วก็ห้ามทำตาเยิ้มแล้วมองมาดิ ไม่รู้เหรอว่าคนอื่นเห็นแล้วมันเขินน่ะ วูบๆ ตรงท้องด้วย




“น่ารัก”



 

ตอนนี้ไม่ใช่ผีเสื้อบินอยู่ในห้องธรรมดาแล้ว นี่มันพายุ! มันมีพายุอยู่ในท้อง!!



“พี่มะ--- ฮื่อ”




ความกะยุ๊กกะยิ๊กเมื่อครู่ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกร้อนๆ อีกครั้งเมื่อมือของอีกคนขยำเนื้อตัวผมด้วยมือข้างหนึ่ง แล้วใช้มืออีกข้างชูวับชูวับให้ผมครับ ชูวับชูวับมันคือการที่เรารู้สึกร้อนๆ คนอื่นที่มีแฟนเขาคงมีคนช่วย แต่ผมใช้มือในการชูวับชูวับ เน้นการเริ่มที่ตัวเองและจบที่ตัวเองครับ



บางทีมีคนอื่นมันก็ดีเหมือนกัน ดีมากๆเลยด้วย



และนี่เป็นครั้งแรกที่มีคนมาช่วยชูวับชูวับครับ แล้วมันดีอะ ดีมาก ผมหลับตาขยับมืออย่างเดียวเลยครับตอนนี้ ยิ่งได้ยิน feedback เป็นเสียงในลำคอของอีกคนผมยิ่งเร่งกว่าเดิม ซึ่งอีกคนก็เช่นกัน คุณเมฆนี่จะเก่งไปทุกอย่างเลยหรือไงวะ บ้าไปแล้ว ไม่เท่าเทียมเลย




“พี่เมฆ…”

“ครับ?”

“เหี้ย”




คนเหี้ยที่ชอบทำให้คนอื่นรู้สึกแปลกๆ




“เหี้ยก็ได้ครับ” 

“พี่เร็วๆหน่อย … ละแล้ว ตอนนั้นอะ-- อื้ออออออ”




มือคุณเมฆเร็วกว่าเน็ตที่ทำงานอีกครับ ไปรับจ้างเป็นสี่จีดีมั้ยเนี่ย ขณะที่สมองผมกำลังคิดว่าอยากจะรู้สาเหตุที่เขาเมิน แต่อารมณ์ผมพุ่งไปเพดานแล้วครับ



สรุปจบสงครามประลองมือ … เราก็ต่อมือรอบสอง และรอบสาม




มันดีมากเลยนะ มันดีจริงๆนะ รู้สึกดีกว่าการใช้มืออีกนะ ความรู้สึกมัน าหเบหาบเยาหบายหาบยหาเยบหายเบาหบาเบยหาเยหาเบยหาเยบหาเาบยหาเหบา … มันไม่สามารถประมวลผลออกมาเป็นภาษาไหนในโลกได้เลยครับ ฮือ มันดี๊ดี




ดีจนผมหมดแรงเปื่อยคาเคาท์เตอร์เลย




ผมพยายามแสดงความกล้าหาญด้วยการทำทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่แข้งขามันโดนดูดแรงไปหมด จนอีกคนทนไม่ไหวเลยยื่นมาเข้ามาช่วย ทั้งเรื่องทำความสะอาด และการพาผมมาที่เตียง




ไม่ไหวแล้ว แต่ยังหลับไม่ได้




“พี่เมฆ”

“ครับ?”

“พี่เมฆเก่งจัง”




ผมต้องพูดให้ได้ ผมต้องรู้ให้ได้



“คนเก่งโกรธอะไรแทนใจ บอกหน่อย แทนใจไม่รู้จริงๆ”





.

.

.





ใครก็ได้ ช่วยกดผมลงชักโครกที!





โคตรอาย โคตรของความอับอาย ครั้งล่าสุดที่ผมอายขนาดนี้คือตอนที่ขึ้นบีทีเอสช่วงเช้าแล้วง่วงมากจนเดินหลับแล้วดันชนยามจนเขาล้มเลยตื่นน่ะครับ อายอะ อายมาก ทำไงดี โอ้ย ไม่กล้ามองหน้าคุณเมฆแล้ว ไปล่อลวงเขาก่อนด้วย แถมยังไปให้เขาช่วยชูวับชูวับให้





‘เมื่อไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ผมกูเกิลเลยครับ!




‘เมื่อเราเผลอชูวับชูวับกับเพื่อนร่วมงาน’




ในขณะที่ผมกำลังไล่อ่านผลค้นหาอย่างจริงจังว่าควรจะทำยังไงต่อไปหลังจากเหตุการณ์นี้ดี เสียงจากห้องน้ำก็หยุดลง พร้อมกับความอับอายที่โคตรหล่อเดินเท้าเข้ามาใกล้เตียงเข้ามาเรื่อยๆ ผมเบิกตามองอีกฝ่ายอย่างตกใจ ซึ่งคุณเมฆเพียงแค่ส่งยิ้มใจดีมาให้แล้วเอ่ยทัก




“ตื่นแล้วเหรอ?”

“คะ… ครับ”




ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี!




ผมเอาหน้ามุดผ้าห่ม จนรู้สึกเหมือนอีกคนหัวเราะเบาๆ เลยยอมโผล่ตาขึ้นมานิดหน่อย เห็นคุณเมฆในชุดเสื้อโปโลกับกางเกงขาสามส่วนที่เมื่อกี้ยืนอยู่ข้างเตียง ตอนนี้ย้ายมานั่งข้างผมที่ทำตัวเป็นก้อนอยู่บนเตียงแล้ว ไม่นะ! นี่มันใกล้ไป! ถ้าหัวใจวายตายจะทำยังไง ประกันสังคมกว่าจะได้เจอหมอผมต้องตายก่อนแน่ๆ เพราะรอคิวนานมาก ทำยังไงดี น้องกายช่วยพี่ด้วย!!




“พี่ให้ซุกซนเอาพวกเสื้อผ้าเรามาให้แล้ว ความจริงให้มันเอามาให้ทั้งกระเป๋าแหละ เผื่อเราจะเอาของใช้ส่วนตัวอะไรด้วย”




ผมพยักหน้ารับ ตรงโซฟาที่อยู่ในห้องมีกระเป๋าผมวางไว้จริงๆ ครับ ผมทดเอาไว้ในใจว่าเดี๋ยวจะไปขอบคุณที่เอากระเป๋ามาให้พร้อมกับข่วนหน้าซุกซนมันที่เอาเหล้าให้ผมกินขนาดนี้ด้วย ถึงแม้ว่าที่ผมเมาแล้วชวนเขาชูวับชูวับจะมาจากผมคนเดียวเลยก็ตาม ไม่รู้อะ ผมจะข่วนหน้ามันถึงแม้มันจะไม่ผิดก็เถอะ



 

“ผ้าเช็ดตัวอีกชุดอยู่ในห้องน้ำแล้วนะ พอดีคนที่ต้องนอนกับพี่เขาขอไปนอนกับเพื่อนอีกคนแทน เราใช้ชุดนั้นไปเลยละกันนะ”

“ครับ”




ผมเอาตัวซุกผ้าห่มอีกครั้งตอนที่สบตากับคุณเมฆ อายอะ จนตอนนี้ยังรู้สึกร้อนๆ ที่หน้าอยู่เลย แต่คุณเมฆที่ทำตัวธรรมดาผิดคาด ทำให้ความกระดากอาย อายมาก และอายมากๆ ของผมลดลงนิดหน่อย




“หิวหรือยัง?”

“ก็… นิดหน่อยครับ”

“ไปอาบน้ำไป เดี๋ยวเสร็จแล้วไปกินเบรคฟาสต์กัน”




 คุณเมฆแงะผมออกจากเตียงแล้วหิ้วไปทิ้งไว้ที่ห้องน้ำสำเร็จ ซึ่งมันเป็นที่เดียวกับที่เกิดความสนุกสนานรื่นเริงบันเทิงใจเมื่อคืนนี่เองครับ ไอ้พื้นบ้า ถ้าไม่ทำผมล้มนะ ก็ไม่เกิดเรื่องอะไรแล้ว!

           

ไม่เคยคิดเลยว่าการมีคนอื่นมาช่วย มันจะทำให้การชูวับชูวับด้วยตัวเอง มันดีมาก มันยิ่งกว่าชูวับชูวับด้วยสองมือที่ทำมาตลอดตั้งแต่เริ่มรู้ตัวว่าพี่แทนใจถึงวัยที่ต้องเติบโต คุณเมฆทำให้ชูวับชูวับธรรมดา กลายเป็นชูวับชูวับ ชูวับชูวับ ชูวับชูวับ โว้ว  โวโวโว



ผมสนุกสนานไปกับความฝันที่เป็นความจริง คุณเมฆไม่ใช่ผู้หญิงแต่เขาก็สามารถทำให้ผมรู้สึก โว้ว โวโวโว มันดีมากจริงๆ นะครับ ถึงแม้ภาพจะขาดๆ หายๆ ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ (หรืออาจจะความจำในสมองผมเต็ม ไม่รู้อะ ไม่รู้ๆ) ทุกอย่างดูเบลอๆ เหมือนสีไม้ระบายน้ำเยอะเกินไป มองอะไรไม่ค่อยชัด




ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่มันรู้สึกดีมาก เป็นประสบการณ์ชูวับชูวับที่ดีที่สุดที่เคยมีมาเลยอะ โว้ว โวโวโว

 

ผมเองก็เป็นผู้ชายคนนึง เรื่องแบบนี้ถึงแม้จะเป็นครั้งแรก แต่มันไม่ได้ให้ความรู้สึกอะไรนอกจาก อาย และ มันดี ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าคนเมื่อคืนไม่ใช่คุณเมฆแล้วผมจะยังรู้สึกแบบนี้อีกมั้ย แต่ถ้าเป็นซุกซนมันต้องแย่แน่ๆ แค่คิดถึงหน้ากวนประสาทพร้อมถุงเยลลี่ผมก็อยากจะเอาไม้กวาดเขี่ยๆ ให้ออกไปนอกห้องแล้วครับ




ที่แบบมันดีนะ เขินอะ แต่มันไม่แย่เลยจริงๆ ดีจนผมแอบรู้สึกเสียดายเล็กๆ ที่ดันทำแค่นั้น 



               
ถ้าได้ชูวับชูวับกับคุณเมฆอีกก็… น่าจะ โว้ว โวโวโว ดีละมั้ง



 

           

------- 50% -------



ชูวับชูวับ ชูวับชูวับ โว้ว โวโวโว

คำถามที่ถามไว้จะทยอยตอบนะคะ



สามารถคอมเมนต์ที่นี่ หรือที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ เหมือนเดิมนะคะ

หรือยังไงทักเรามาได้ที่ @babybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH10: คนเก่งโกรธอะไรแทนใจ [up! 50%] (06/04/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 06-04-2018 19:45:02
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH10: คนเก่งโกรธอะไรแทนใจ [up! 50%] (06/04/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Christa ที่ 06-04-2018 22:00:05
โอ้ยยยย  น้องแทนใจ!!!!
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH10: คนเก่งโกรธอะไรแทนใจ [up! 50%] (06/04/18)
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 07-04-2018 00:43:47
โอ้ยยยยยย น้องแทนใจจะใจแตกแล้วววว 55555
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH10: คนเก่งโกรธอะไรแทนใจ [up! 50%] (06/04/18)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 07-04-2018 07:38:22
ชูวับชูวับ 555555555555555
แทนใจคือน่าเอ็นดูมากๆอ่ะ -.,-
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH10: คนเก่งโกรธอะไรแทนใจ [up! 50%] (06/04/18)
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 07-04-2018 10:54:40
ไมีรู้จะเขิลหรือจะขำดี :z1:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH10: คนเก่งโกรธอะไรแทนใจ [up! 50%] (06/04/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 14-04-2018 13:02:26
10th Monday #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ : 70%




22.10 น.
 
ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่า

 
เมื่อเช้าหลังจากอาบน้ำอาบท่าไปทานข้าวแล้ว กิจกรรมต่อมาคือ Team Building ที่ทีม HR คิดกันมาอย่างดีแล้ว ซึ่งผมก็เห็นความสำคัญของกิจกรรมนี้นะ แต่ผมขี้เกียจอะ ปวดหัวด้วย คงเพราะเมื่อคืนดื่มเยอะไปหน่อยเลยไม่อยากทำอะไรนอกจากนอนอย่างเดียวเลย ก็เลยโดดยาวกินข้าวกินปลาแล้วก็ลุกขึ้นมาใช้ชีวิตตอนนี้แหละครับ
 

ตอนนี้ผมและสมาชิก วันนี้ที่รอคอย เกือบทุกคนนั่งกันอยู่ที่ห้องของพี่ปกป้องครับ ถ้าให้ไล่ชื่อก็มีพี่ป้อง ผม ซุกซน คุณกฤติ คุณโน้ต คุณกุ๊กกิ๊กที่ตอนแรกจะไม่มาแต่เจ้าตัวบอกรำคาญรูมเมทชื่อน้ำปลาน้ำหวานอะไรสักอย่างที่คอลคุยกับแฟนเลยมาตี้ด้วย
 
วันนี้ผู้หญิงมีคนเดียวครับ เพราะชมพูทวีปทีมกับคุณใหม่แปซิฟิกที่ติดละคร วันนี้ละครเรื่องสนุกมาเลยไม่ยอมมาตี้กับพวกผม เขาบอกว่าไก่ในเรื่องยังหล่อกว่าซุกซนเลย ซึ่งเรื่องนี้ผมไม่เถียงครับ ส่วนสมาชิกอีกคนของตี้อย่างคุณเมฆนั้นเหมือนที่ไซต์งานลูกค้ามีปัญหา โปรเจคฯ คนเก่งเลยคุยโทรศัพท์กับลูกค้าที่ระเบียงมาสักพักแล้วครับ ท่าทางเครียดอยู่ เป็นโปรเจคฯ นี่ลำบากจริงๆ เลย
 
และเพราะวันนี้คนมันโล่ง ซุกซนเลยไปลากผู้ชายต่างแผนกอีกคนหนึ่งมาจากไหนก็ไม่รู้ที่ผมไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ผมยกมือไหว้ตอนที่เขาเดินยิ้มเข้ามาในห้อง หน้าเขาทำให้ผมนึกถึงพระเลยครับ คือดูใจดีมีเมตตาแล้วก็ยิ้มแล้วตาขีดๆ
 
“พี่คงรู้จักหมดทุกคนแล้วยกเว้นไอ้อ๊องนี่” ซุกซนชี้มือมาที่ผม ซึ่งแน่นอนว่าผมขมวดคิ้ว ยังไม่ได้ทันได้พูดอะไร “แทนใจ แผนกผมเอง”

“อ๋อ น้องแทนใจนี่เอง ได้ยินชื่อเราบ่อยเลย น่ารักนะเนี่ยเราน่ะ” คุณคนใหม่ยิ้มตาปิดให้ผม ผมเลยส่งยิ้มกลับไปบ้าง ทั้งที่ยังไม่แน่ใจว่าผู้ชายคนนี้แม่งเป็นใครบนโลก แล้วได้ยินชื่อผมได้ยังไง ได้ยินบ่อยแค่ไหน น่ากลัวมาก


“พี่ชื่อเบิร์ดนะ เป็น--”
“เชี่ยเบิร์ด”

 
ถึงผมจะไม่เคยเห็น แต่เหมือนคุณเมฆจะรู้จักเขาแฮะ


“ไงครับเพื่อนเมฆที่รัก ถีบกูออกจากห้องไปมึงรู้บ้างมั้ยว่าชีวิตกูลำบากแค่ไหน ต้องไปขอนอนกับไอ้พวกช่างไฟ พวกพี่เปี๊ยกอะ แล้วพวกพี่แม่งนั่งเล่นไพ่กันทั้งคืน กูหมดไปกี่หมื่นมึงรู้บ้างมั้ย!”
 

“เรื่องของมึง”
“ไอัเหี้ยเมฆ นั่นก็ห้องกูครึ่งนึงนะ”
“มึงก็มีที่นอนแล้วไง”
“ใส่ใจกันบ้างได้มั้ย กูเพื่อนมึงนะ เจ็บปวดว่ะ เพื่อนแม่งเห็นกระต่ายดีกว่ากู”
 

คุณเมฆเมินคุณเบิร์ดตาขีดแล้วมานั่งข้างคุณกุ๊กกิ๊กที่นั่งอยู่ข้างซุกซนครับ ส่วนอีกข้างของผมคือพี่ป้องที่นั่งกดมือถืออยู่เงียบๆ ครับ ตอนแรกวันนี้ก็จะล้อมวงกินเบียร์กันนี่แหละครับ ไปๆ มาๆ คนสมองบรรเจิดอย่างซุกซนใจทรามก็เลยคิดกิจกรรมใหม่ที่สร้างสรรค์สุดๆ นั่นคือการเล่าเรื่องผีครับ

 
“อันนี้เป็นเรื่องตอนที่ผมอยู่ปีหนึ่ง ตอนนั้นผมอยู่หอในกับเมทอีกคน คนละคณะกัน แล้วหอในที่ผมอยู่มันจะมี 8 ตึก หันหน้าเข้าหาสระบัวตรงกลาง ห้องผมอยู่ฝั่งที่หันหน้าเข้าสระบัวพอดี ซึ่งปกติมันจะร้อนมากเวลากลางวัน ไม่ค่อยมีใครเปิดม่านเพราะแดดมันส่องเต็มๆ แต่ผมกับเมทชอบแอบทำสุกี้กินกันตอนเย็น เลยมักจะเปิดม่านระบายอากาศก่อนที่กลิ่นมันจะหอมจนโดนยามจับได้”

 
ซุกซนพูดเรื่องของกินด้วยเสียงต่ำอย่างจริงจัง อยากจะแซวก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่เวลา ผมโคตรจะไม่ชิน ปกติจะเจอแต่ซุกซนเวอร์ชั่นใจทรามครับ ไม่รู้ทำไมบรรยากาศห้องมันดูเย็นลงแปลกๆ ผมขยับอย่างไม่ค่อยสบายตัวนัก

 
“วันนั้นเป็นบ่ายวันที่อาจารย์ยกคลาส ผมเลยไปนั่งขลุกอยู่ห้องเพื่อนอีกคน หอในเหมือนกัน ตึกที่มันอยู่จะอยู่ตรงข้ามกับหอผม ตอนนั้นผมออกไปยืนที่ระเบียง มองไปฝั่งตรงข้ามแบบไม่คิดอะไร ก็เห็นห้องนึงมีประตูกระจกเปิดแล้วก็ปิด เหมือนมีคนเปิดปิดจากข้างใน พอมานับๆดู เออ นั่นห้องผมนี่หว่า เพราะชั้นเดียวกัน แถมเป็นห้องที่เปิดม่านอีก ห้องเดียวจากทั้งตึกอะที่เปิดม่าน”


รู้สึกเย็นตรงหลังคอจริงๆ นะเนี่ย ผมไม่ถูกโฉลกกับเรื่องผีเลยจริงๆ แต่เคารพเสียงส่วนใหญ่ครับ เพราะนี่เป็นประเทศประชาธิปไตย

 
“ในใจคิดละว่ากลับไปจะไปแซวเมทแน่นอนว่ามันคงเมาค้างเลยไปเปิดปิดประตูเล่น พอกลับเข้าไปในห้องสักพักอะ ไม่ถึงชั่วโมงเมทผมแม่งโทรมาบอกว่าวันนี้ไม่กลับไปนอนห้องนะ ตอนนี้อยู่กับเพื่อน ติวแคลฯกันตั้งแต่เช้าไม่ได้กลับห้องเลยแล้วจะติวต่ออีก”

 
“...”
 

“แล้วคนที่เปิดปิดประตูกระจกในห้องผมตอนนั้น… คือใคร?”
 

ผมขนขึ้นมาลุกทันที เรื่องพวกนี้เคยอ่านเป็นการ์ตูนมาก็เยอะ แต่พอมารับรู้จากปากคนใกล้ตัวแล้วมันน่ากลัวอะ น่ากลัวมากๆ โอ๊ย แค่คิดก็แย่แล้วอะ

 
“ผมขอกลับห้องแล้วได้มั้ย” ผมเอ่ยขอขึ้นมาเสียงแผ่ว ไม่อยากอยู่แล้วง่ะ ไม่อยากทนแล้ว
“ยังเล่าไม่ครบเลยอ๊อง มึงจะรีบไปไหน”

 
ผมสะดุ้งเมื่อรู้สึกเหมือนมีอะไรมจิ้มหลังอีกแล้ว ยังไม่ทันจะหันไปก็สะดุ้งอีกครั้งเพราะรู้สึกเหมือนมีคนจับขา ซึ่งคนนั้นคือซุกซน!!! ไอ้บ้าซุกซน คนใจทราม อย่ามาดึงขาดิ ปล่อยนะเว้ย เพื่อนนิสัยแย่ ไม่คบแล้ว ผมจะขอให้วันจันทร์ซุกซนเจอลูกค้าส่งเมลมา 5 นาที 20 เมลเลย คอยดู!!

 
“ซุกซน มึงอะทำน้องแทนใจกูกลัวหมด ดูสิ สั่นเป็นกระต่ายใกล้บ้าเลย”

 
พี่กิ๊กที่นั่งอีกฝั่งเอาตัวดันๆ ไอ้ซุกซนที่นั่งข้างๆ ผมออกแล้วกอดผมเอาไว้แทน ผมเล่าหรือยังว่าพี่กุ๊กกิ๊กแกเอ็นดูผมมากๆ เขาบอกอยากมีน้องชายแบบผม เคยถามว่าถ้าพี่สาวผมอยากได้น้องชายใหม่ให้บอก พี่เขาพร้อมเอาน้องชายเขามาแลกกับผม ซึ่งเอาจริง ผมว่าบางทีพี่กุ๊กกิ๊กเขาควรจะปล่อยวาง แต่งงาน และมีลูกน่ารักแทนตามหาน้องชายใหม่ดีกว่า

 
“เอาจริงๆ พี่ก็เคยได้ยินเรื่องประมาณนี้มาเหมือนกันนะ มอเราหอในเรื่องผีงี้เยอะพอๆ กับจำนวนนักศึกษา ไหนจะหอในอีก แถมแต่ละเรื่องนี่ โหดๆ ทั้งนั้น”

 
คุณกิ๊กพูดต่อ ตอนนี้พี่แกปล่อยผมแล้วครับเพราะคุณเมฆยื่นแก้วเบียร์ไปให้ คุณพี่ผู้หญิงขาสั้นเลยไปสนใจเบียร์แทนผม แล้วก็เล่าเรื่องผีต่อเองโดยไม่ต้องรอให้มีใครบอก เหมือนวงนี้ใครเคยเจออะไรหรือได้ยินอะไรมาก็เล่าอะครับ
 

“ไหนๆ ซุกซนก็เล่าเรื่องผีที่มหาลัยแล้ว กิ๊กเอาบ้างละกัน”

 
ผมเริ่มขยับหนีคุณกิ๊กที่กำลังจะพูดเรื่องน่ากลัว ตอนนี้ผมไปแปะอยู่กับพี่ป้องแล้วครับ ซึ่งพี่ปกป้องนิ่งมาก เหมือนไม่กลัวเลย โคตรเท่อะพี่ผมเอง

 
ถามว่าทำไมถึงได้ตั้งใจกันขนาดนี้? คนชนะจากโหวตจะได้บัตรทานกาแฟ 1,000 ของร้านกาแฟดังตรานางเงือกเขียวครับ ความจริงมันเป็นรางวัล lucky draw ที่คุณกฤติได้จากปาร์ตี้เมื่อวานครับ (เขามีจับรางวัลกัน ตอนที่ผมกับพี่ปกป้องคุยกันแบบไม่สนโลกนั่นแหละ ไม่ได้รางวัลอะไรเลยด้วย ไม่เป็นไรครับ ขอโบนัสสิ้นปีก็พอ) แต่คุณกฤติเขาไม่เอาครับ นี่แหละหัวหน้าผม โคตรใจดี  หล่อด้วย
 
 
 หือ?
 

ผมหันไปเมื่อรู้สึกเหมือนว่าเมื่อกี้มีใครมาสะกิดหลังผม แต่มันก็ไม่มีอะไร ผมว่าผมเริ่มประสาทเสียเพราะเรื่องผีของซุกซนนั่นแหละ คอยดูนะ ผมจะกินเยลลี่มันให้หมดเลย ถ้าหมดแล้วผมจะไปเหมาจากเซเว่นมากินโชว์มันด้วย จะกัดหัวโดยไม่แบ่งมันสักตัวเลยด้วย คอยดู

 
“อันนี้เป็นเรื่องของเพื่อนสนิทกิ๊กที่อยู่สินสาดนะ มันเรียนที่วิทยาเขตท่าพระจันทร์”

 
ตอนนี้ผมขยับไปหาพี่ปกป้องใกล้กว่าเดิมแล้วครับ ไม่อยากฟังอะไรที่โลเคชั่นใกล้ตัวเลยจริงๆ ตึกสินสาดที่ท่าพระจันทร์นี่ผมเคยไปเรียนบ่อยอยู่ … อ่อ แต่ผมเรียนจบแล้วนี่หว่า ก็คงไม่ได้เจอแล้วละมั้ง ขอบคุณโลกใบนี้ที่เรียนจบมาอย่างปลอดภัยไร้เรื่องน่ากลัว

 
“มีวันนึงมันก็ขึ้นไปเรียนตามปกตินี่แหละ ขึ้นลิฟต์จะไปเรียนที่ชั้น 7 ตอนที่กำลังขึ้นอยู่ดีๆ ลิฟต์ก็หยุดที่ชั้น 3 แล้วก็เปิดออก มันเหมือนมีแผ่นไม้อัดปิดอยู่ข้างหน้า  มืดไปหมดมองไม่เห็นอะไรเลย แม้แต่แสงสักนิดก็ไม่มี เพื่อนพยายามปิดลิฟต์แต่ประตูไม่ยอมปิด กดปุ่มอะไรก็ไม่ไป ปุ่มฉุกเฉินใช้ไม่ได้ เรียกให้คนช่วยก็ไม่มีเสียงอะไรกลับมา ไม่มีอะไรเลย”

 
ทั้งห้องเงียบลงเหลือเพียงแค่เสียงหายใจ ผมเองก็เผลอลุ้นไปด้วย

 
“จนผ่านไปสักพักลิฟต์ก็เลื่อนขึ้นไปชั้น 7 เหมือนเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอมาวันรุ่งขึ้นมันกลับไปดูตรงชั้น 3 ที่ลิฟต์หยุดเพราะสงสัยว่าตรงนั้นมันคืออะไร…  สรุปตรงนั้นคือห้องพักครู ซึ่งเป็นกำแพงปิดทึบ ไม่มีที่ให้กด ไม่มีทางที่ลิฟต์จะจอดได้อยู่แล้ว”
 

ผมเผลอกลั้นหายใจ แล้วผมยังรู้สึกเหมือนใครมาแกล้งจิ้มหลังอยู่เลยครับ อาจจะเป็นอะไรของใครมาโดนหลังผม โอ๊ย  ไม่กล้าหันไปดูอะช่างมันละกัน
 

“สุดท้าย ก็ไม่รู้ว่าลิฟต์เปิดได้ยังไง เปิดทำไม แล้วใครเป็นคนกดลิฟต์ให้เปิด”


 
ผมนี่หน้าซีดเป็นไก่ต้มไหว้ตรุษจีนแบบจืดๆ เหมือนลืมใส่น้ำปลากับก้อนคนอร์ซุปไก่แล้วครับ ตอนที่ต้องเรียนท่าพระจันทร์ผมก็เคยขึ้นลิฟต์ตึกนั้นนะ แถมตำนานยังเยอะอีก ฮือ
 

“บอกไม่ให้แกล้งๆ พี่นี่ตัวดี ดูสิเพื่อนผมกลัวฉี่จะราดแล้ว”

 
ซุกซนมันแกล้งโวยวายแล้วชี้มือมาทางผม ตอนนี้ไม่มีแรงเถียงครับ ภาพมันมาเป็นฉากๆเลย กลัวอะ ไม่เอาแล้วไม่อยากฟังแล้ว ถึงในหัวผมจะมีแค่ภาพของตัวลิฟต์กับเสียงเจี๊ยวจ๊าวของพวกเพื่อนๆ ที่ขนโขยงกันไปเรียนก็ตาม แต่ก็กลัวอะ ตอนนี้ลาเต้ร้อนยังกลัวเลย
 

“มันอาจจะเป็นไฟฟ้าขัดข้องหรือเปล่า? ดูอย่างลิฟต์ตึกบริษัทดิ สามวันดีสี่วันพัง”

 
เสียงคุณเมฆพูดขัดขึ้นมาครับ ท่าทางพี่แกไม่อะไรกับเรื่องนี้ตั้งแต่แรก โคตรเท่เลยไม่กลัวด้วย เก่งมากอะ ผมยอมเลย

 
“กิ๊กก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็เพื่อนมันเจอมางี้” คุณกิ๊กยกเบียร์ขึ้นดื่ม แล้วก็หันมาบีบแก้มผม บีบทำไมอะ! หน้าผมยู่ยี่เลยเนี่ย


“หายเหนื่อยละ ขอบคุณมากนะแทนใจของเจ๊”
 
อะไรของเขาวะ ผู้หญิงนี่เข้าใจยากจริงๆ
 

“คุณกฤติเคยเจออะไรบ้างมั้ยครับ?”

 
เสียงของคุณโน้ตมาเลเซียที่นั่งเงียบมานานเพราะน่าจะมัวหารูปมาสวัสดีวันพระอยู่พูดขึ้น ฝั่งของหัวหน้าผมเลิกคิ้ว ก่อนจะยักไหล่คล้ายบอกว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ

 
“ก็เคยมีครั้งนึงงานมีปัญหาเลยต้องเคลียร์อยู่ห้องทำงาน มันดึกมากเลยนอนออฟฟิศ ตอนจะนอนรู้สึกเหมือนมีคนพูดอะไรพึมพำฟังไม่รู้เรื่อง ตอนนั้นง่วงมากมีประชุมเช้าด้วยเลยบ่นๆ นิดหน่อย พอเสียงเงียบไปผมเลยหลับได้หน่อย วุ่นวายคนจะนอน”

 
หัวหน้าผม หัวหน้าแผนกที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี หัวหน้าที่หล่อที่สุดในโลกใบนี้

 
“แล้วเขายอมไปเหรอพี่?” พี่ปกป้องเป็นคนถามครับ หน้าตาดูตั้งใจมาก ผมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าพี่ป้องเองก็ชอบเรื่องผีเหมือนกันพี่เขาไม่เคยบอกผมเลยแฮะ
 

“ก็คอมเพลนฯไปน่ะ เหมือนเวลาที่ผมคอมเมนต์งานพวกคุณที่ทำมาห่วยๆ นั่นแหละ”
“...”
“คอมเพลนฯยังไงครับ?”
 

พี่ปกป้องถามต่อ หน้าตาเขาตั้งใจฟังจริงๆ นะครับ

 
“ก็ถามไปว่าทำไมถึงไม่ทำตาม process จะพูดอะไรก็ส่งเป็น email มา นี่มันนอกเวลางานแล้ว ใครจะมาฟัง แล้วก็บ่นเรื่องคุณภาพเสียงนิดหน่อยน่ะครับ เพราะถ้าใครในแผนกพูดรายงานกับผมแบบนี้ ผมเอาตายแน่”

 
แค่พูดก็ไล่ผีได้ คุณกฤตินี่สุดยอดเลยครับ หัวหน้าผมเองครับทุกคน คิดไม่ผิดเลยที่ได้มาทำงานกับคุณกฤติเนี่ย

 
“คุณเมาหรือเปล่า แล้วเห็นภาพหลอนน่ะ” คุณเมฆพูดขึ้นบ้าง ท่าทางไม่ค่อยเชื่อเรื่องที่คุณกฤติพูดเท่าไหร่ อีกคนถอนหายใจเหมือนรำคาญ
 

“ผมไม่ใช่คุณนะที่จะกินเหล้าทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ แถมยังหลอกทำอะไรคนอื่นตอนไม่มีสติอีกน่ะ”

 
ผมมองไปมองมาระหว่างทั้งสองคนงงๆ ทำไมคุณกฤติกับคุณเมฆถึงได้ชอบทะเลาะกันจังเลยเนี่ย ผมเลือกข้างไม่ได้นะ ขออยู่ข้างน้องกายละกัน

 
“ตามึงแล้วไอ้อ๊อง”
“เฮ้ย เราไม่มีนะ”

 
ผมสะดุ้งเมื่อหวยมาออกตรงนี้พอดี แล้วรีบโบกมือปัดให้ไปทางอื่น ซึ่งตอนแรกซุกซนเหมือนจะไม่ยอม จะให้ผมเล่าให้ได้ ก็คนมันไม่เคยเจอผีอะ ไม่อยากเจอด้วย จะให้เอาอะไรมาเล่า ถ้าจะให้เล่าก็จะเล่าเรื่องของผีเยลลี่ที่คอยกวนประสาทตลอดการทำงานจันทร์ถึงศุกร์ชื่อซุกซนน่ะ

 
“น้องแทนใจไม่มีเหรอ?”

 
ผมส่ายหน้าแรงมากจนหน้าม้ากระเด็นกระดอน

 
“งั้นเดี๋ยวพี่เบิร์ดขอต่อละกันนะครับ ยังไงถ้าน้องแทนใจชอบใจกดโหวตให้พี่ด้วยนะครับ หรือถ้าไม่โหวตให้พี่ก็ให้ไลน์พี่มาละกันนะคนดี---“

 
ปั่ก!!!


คุณเบิร์ดร้องโอดโอยเพราะเมื่อกี้คุณเมฆตบหัวเขาแรงมากครับ คิดว่าน่าจะเบลอได้เลย เหมือนหมีจริงๆ แฮะ แรงเย้อเยอะ


“โอ๊ย!!! อย่าทำเบิร์ด” ผมหัวเราะเมื่อคุณเบิร์ดแกล้งดัดเสียงสอง ตลกอะ ทั้งคุณเมฆคุณเบิร์ดเลย
“ถ้ามึงไม่พูดภายในสองวิ กูจะถีบหน้ามึงแล้วนะ”
“อะล้อเล่งงงงง”
“ล้อเล่งที่หน้า ลิ้นไก่ขาดเหรอไอ้สัด ถ้าไม่เล่าตอนนี้มึงก็ไปเล่าในนรก” หน้าคุณเมฆเครียดมากครับ ขมวดคิ้วใหญ่เลย ผมเข้าใจนะ เพราะตอนนี้ผมก็กลัวผีเหมือนกัน 

 
“โอ๊ะๆ ใจเย็นๆ น้า เล่าแล้วๆ”

 
บรรยากาศเปลี่ยนเมื่อคุณเบิร์ดเริ่มเปลี่ยนเป็นโหมดจริงจัง แล้วเข้าร่วมการแข่งขันเล่าเรื่องหลอนไปพร้อมกับดื่มเบียร์ครับ ผมเองก็อยากจะเอาเบียร์มาเทดื่มเหมือนคนอื่นเขานะ แต่ประสบการณ์เมาครั้งล่าสุดนี่ยังทำให้อายไม่หาย ของดเหล้าสักพักละกัน
 

“ตอนที่ผมเข้ามาเคลียร์งานที่ออฟฟิศวันอาทิตย์ช่วงสี่ทุ่มกว่า ผมรีบเข้ามาเอาเอกสารที่จะต้องไปใช้ประชุมกับลูกค้าวันจันทร์ ตอนนั่งทำงานอยู่ก็เหลือบไปเห็นเหมือนเงาคนผ่านหางตาไป แต่มันมืดมากไม่แน่ใจ เลยถ่ายรูปไปให้เพื่อนดู ตอนนั้นตั้งใจจะถ่ายรูปแค่ภาพในออฟฟิศอธิบายเพิ่มเฉยๆ”
 

“เพื่อนแม่งเสือกเอาไปให้พี่สาวมันที่ค่อนข้างมีเซนส์ดู เขาบอกว่ามึงรีบออกมาเลย รูปที่มึงถ่ายมาน่ะเขาอยู่ตรงนั้น ไม่ได้มาดี เขาไม่อยากให้ใครไปยุ่ง”
 

“...”
 

“แล้วตอนที่อ่านจบ ก็ได้ยินเสียงผู้ชายหัวเราะดังมาก… ก็เลยคิดว่าแฟนน่าจะรอแล้ว กลับบ้านเถอะ ลูกค้าก็ลูกค้า ช่างแม่งเว้ย กูต้องเอาชีวิตตัวเองก่อนครับจุดนี้”

 
คุณเบิร์ดเอาโทรศัพท์ออกมาให้ดูแชทกับเพื่อน ที่เป็นแบบนั้นจริงๆ แถมด้วยรูปประกอบ … เฮ้ย ผมว่าสถานที่แบบนี้มันคล้ายมากอะ
 

“ตรงนี้คล้ายบริษัทเราเลยเนอะ”

 
ผมหันไปพูดกับซุกซน ที่มองหน้าผมนิ่งๆ  ทุกคนเงียบ ผมงงไม่รู้เงียบอะไรแต่ผมก็เงียบนะ กลัวอะ บริษัทไหนอะ ดีนะที่นี่ไม่มีแบบนี้ ไม่งั้นผมไม่กล้านั่งทำงานแน่นอน

 
“ก็… เอ่อ,... คล้ายๆ ครับบริษัทเรานั่นแหละครับน้องแทนใจ”
“แล้วคุณเบิร์ดก็เลยเปลี่ยนงานใช่มั้ย?”
“ก็เลยไปอยู่ไซต์น่ะครับ”
 

ผมเข้าใจนะครับ ถ้าเป็นผมนี่ผมก็กลัว ฮือ บ้าไปแล้ว

 
“แทนใจ มึงไม่รู้เหรอว่า อันนั้นมัน---"
“หือ? รู้อะไรอะ?”

 
ผมหันไปเห็นคุณกิ๊กปากล่องกระดาษทิชชูใส่หน้าหลานรหัสตัวเอง ทำให้ไม่ได้พูดต่อ รู้อะไรเล่า มีอะไรที่ผมยังไม่รู้อะ

 
“เปล่าๆๆๆๆ ซุกซนมันจะบอกว่าเมนส์มาอะ มันจะไปเปลี่ยนผ้าอนามัย ไปสิมึง เร็ว!”
“พี่ ผมเป็นผู้ชายนะเว้ย”
“รีบหุบปากก่อนเลือดหัวมึงจะออก”
               

อะไรกันอะ? งง??


ผมมองซ้ายทีขวาทีที่ทั้งวงนั่งเงียบ แล้วซุกซนก็เดินหยิบทิชชูไปวางแล้วลุกไปครับ แต่ไม่ได้ไปเข้าห้องน้ำนะมันหยิบเยลลี่มานั่งกิน งงอะ เพื่อนผมจะเป็นผู้หญิงได้ไง มันคือยอดชายนายซุกซนเลยนะครับ หรืออาจจะเคยเป็นผู้หญิงมาก่อน ไม่เป็นไรผมเข้าใจถ้าเพื่อนผมจะเป็นผู้ชายยุค 4.0

 
“น้องแทนใจครับ ถ้ากลัวสามารถมาซุกอกพี่ได้ตลอด 24 ชั่วโมงนะครับ”
“มาซุกตีนกูนี่”

 
ผมขำเมื่อคุณเบิร์ดกับคุณเมฆล้อเล่นกันอีกแล้ว ตลกจัง แต่ก็ดี บรรยากาศน่ากลัวงงๆ เมื่อกี้หายไปหน่อยครับ แบบนี้ผมค่อยผ่อนคลายขึ้นมานิดนึง
 

“งั้นต่อไปเป็นตาพี่โน้ตนะ”

 
ซุกซนพูดเปลี่ยนเรื่องขึ้นมา ต่อมาคือคุณโน้ตที่เล่าเรื่องผีที่ทำงานเหมือนกัน น่ากลัวมาก แบบว่าอยู่เคลียร์งานดึกๆ แล้วได้ยินเสียงคนหัวเราะข้างหู โคตรโหด พอเจอเสร็จพี่แกเลยพูดดังๆ ว่า กลับแล้วครับ แล้วก็ออกมาเลย โหดจริงๆ ผมคิดว่าน่าจะเป็นที่ทำงานเก่าครับ

 
ต่อจากคุณโน้ตก็เป็นคุณเมฆที่เล่าเรื่องได้ยินเสียงคนโทรเข้าที่โต๊ะตอนเข้าไปทำงานอยู่ออฟฟิศคนเดียวในวันหยุดยาวครับ ตอนแรกเขาคิดว่าคนอื่นโทรเข้ามาแกล้ง แต่มันต้องกดรหัสภายใน 5 ตัวเพื่อต่อไปที่โต๊ะนั้นๆ ครับ จนตอนนี้ยังไม่รู้ว่าทำไมมีสายโทรไปที่โต๊ะได้ แล้วจากหมายเลขที่โชว์บนหน้าจอโทรศัพท์ คือหมายเลขจากโต๊ะที่ไม่มีใครนั่งครับ โหดมาก น่าจะที่ทำงานเก่าแหละครับ ทุกที่ก็ต้องกดรหัสห้าตัวหมดแหละครับ

 
“น่ากลัวง่ะ ดีนะที่พี่ออกจากที่นั่นมาแล้ว”

ผมพูดหลังจากฟังจบครับ ฮือ รู้สึกเย็นๆ ต้นคอแบบต้องเอามือไปลูบๆ อะครับ เหมือนบรรยากาศจะเงียบไปนิดหน่อยตอนนี้ ผมหันซ้ายหันขวางงๆ เงียบทำไมอะ ออกจากที่นั่นมาแล้วนี่หว่า ไม่น่ามีอะไรน่ากลัวแล้วนะ กลัวจนอยากจะร้องไห้แต่ไม่ร้องหรอก ผมต้องมีชีวิตที่เข้มแข็งกลับไปหาน้องกายให้ได้
 

“...”
 

เงียบแล้วมองหน้ากันทำไม ผมพูดอะไรผิดไปอีกอะ เนี่ยนะที่เขาบอกว่าเพื่อนที่ทำงานจะน่ากลัวกว่าเพื่อนมหาลัยแล้วเพื่อนมหาลัยจะน่ากลัวกว่าเพื่อนมัธยมแล้วเพื่อนมัธยมก็จะไม่ดีเหมือนน้องแทนกาย ผมเชื่อวลีนี้แล้วครับ

 
“คนต่อไปๆๆ” ซุกซนเป็นคนเปลี่ยนเรื่องครับ มันยัดเยลลี่ทั้งถุงเข้าปาก แล้วชี้มือมาทางผม งานเข้าแล้วไง
“งั้นต่อไปมึงละกันไอ้อ๊อง”
“ได้ไงอะ! เราบอกไปแล้วไงว่าเราไม่มีอะไรจะเล่า!”

 
ผมสะดุ้งเมื่อหวยมาตกตรงนี้พอดี ตามด้วยการสั่นหัวปฏิเสธแรงแบบผมหน้าม้าถ้าจะหล่นมาทั้งแผงก็ไม่แปลกใจแล้วตอนนี้ อะไรทำไม ไม่มีเรื่องเล่า!!! ไม่เคยเจอผี!!! ไม่อยากเจอด้วย!!! ผมกะผีนี่ไม่ถูกกันจริงๆ อะ ไม่มีเรื่องเล่าด้วย ให้สู้ด้วยก็สู้ไม่ไหว ขอยอมแพ้เลยดีกว่า ตายเลยได้มั้ย เฮ้ยตายตอนนี้ไม่ได้ เงินเดือนยังไม่ออก เดี๋ยวรอเงินเดือนออกก่อนแล้วค่อยคิดใหม่ว่าจะแกล้งตายท่าไหนดี

 
“มึงอย่ามาลีลา เล่าเร็ว หามาสักเรื่อง! ผีทะเล ผีผ้าห่ม! ผีแดงก็ได้ถึงกูจะเป็นเด็กหงส์ก็เถอะ ผีอะไรก็ได้เอามาสักเรื่อง!!”
“ไม่มี!”
“ต้องมี!”
“’งั้นเราขอใช้สิทธิ์กลับห้องก่อนเลยได้มั้ย”
“กลับไปแล้วก็อยู่คนเดียวนะ”
“งั้นไม่กลับแล้วก็ได้”
“ถ้าจะอยู่ก็ต้องเล่าเว้ย!”

 
“คุณเมฆ ช่วยด้วย ซุกซนแกล้งผมมมม”

 
ผมหันไปกระตุกเสื้อคนเข้างๆ แทนเมื่อเห็นท่าว่าจะแพ้แน่ๆ แล้ว ฟ้องมันเลย ฟ้องเว้ย ซึ่งคุณเมฆคนใจดีตอนนี้เอามือลูบหัวผมเหมือนกับจะปลอบ ซึ่งเมื่อเห็นว่ามีคนเข้าข้างผมก็หันไปยักคิ้วให้ซุนซน ไงล่ะคนไม่มีพวก

 
“อ่อยเก่งแม้กระทั่งตอนกลัวมาก”
 

ซุกซนมันพูดขึ้นมา ใครอ่อยอะไร นี่แถวบ้านผมเรียกหาพวกครับ ไม่มีพวกก็แพ้ไป!

 
“พอๆ เดี๋ยวผมเล่าแทนน้องแทนใจเอง”
 

พี่ปกป้องผู้ใจดีของผมตลอดมาเอ่ยสงบศึก ความจริงพี่เขานั่งเงียบมาตลอดเลยครับวันนี้ ยกเว้นแค่ตอนที่ถามเคล็ดลับจากคุณกฤตินั่นแหละ ผมแอบรู้สึกผิดนิดหน่อยแฮะ ผมควรจะชวนพี่เขาคุยมากกว่านี้หน่อย พี่ปกป้องเป็นพี่ที่ผมสนิทมากและอาจจะรู้จักผมคนแรกเลยด้วย
 

“เอาเรื่องแบบไหนดี?”

 
พี่ปกป้องพูดแบบธรรมดามากเลยครับ เหมือนกับถามว่าวันนี้ข้าวเย็นกินอะไร แบบนั้นเลย ซึ่งในส่วนของผมนั้นนั่งตาโตเป็นไข่ห่านแล้วครับ
 

“เรื่องแบบไหนนี่มันหมายความว่ายังไงอะพี่ เจอบ่อยเหรอ?”
“ก็ทุกวันนะ”
               

เดี๋ยวดิ ...
 

ซุกซนทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็เงียบไป ตอนนี้กลายเป็นว่าทั้งวงเงียบรอพี่ปกป้องพูดครับ ซึ่งพี่แกก็มองมาทางผม แล้วถอนหายใจ ผมสะดุ้งแล้วซุกหาคุณเมฆหนักกว่าเดิม ผมไม่ได้ทำอะไรนะ

 
“เอางี้ละกัน เมื่อกี้เห็นน้องซุกซนพูดเรื่องผีผ้าห่ม เอาเรื่องที่โดนอำละกัน”
 

พี่เขาถอนหายใจแบบเหนื่อยใจ เหมือนคนกำลังรอบีทีเอสหายเสียในตอนเช้า มากกว่าคนที่กำลังจะเล่าเรื่องผีอะ
 

“เมื่อวันก่อนตื่นมาก็เจอวิญญาณอยู่ในผ้าห่ม โคตรน่ารำคาญ กว่าจะเอามันออกไปจากเตียงได้นี่อย่างเหนื่อย ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมชอบมานอนทับบนตัวอยู่เรื่อย อึดอัด”
 

“แล้วโดนแบบนี้บ่อยมั้ย?” คุณเบิร์ดถาม

 
“ประจำครับ มันจะกระดิกตัวไม่ได้ ร้องไม่ออก แต่พอหลุดแล้วก็ปกตินะ แต่วันนั้นอาจจะไปทำงานสายนิดหน่อย หงุดหงิดตลอด คนจะต้องรีบนอนรีบตื่นไปทำงาน ไม่ใช่ตื่นมาเจอหน้ามัน”

 
“มันนี่คือ ... ผีเหรอ?”

 
ผู้หญิงหนึ่งเดียวถามขึ้นมาครับ ถึงแม้จะไม่มีใครพูดอะไร แต่ผมว่าทุกคนอยากรู้เหมือนกัน

 
“มันบอกผมว่าตัวเองตายแล้วนะ ก็น่าจะผีล่ะมั้ง”

 
ผมหน้าซีด แต่ในใจนึดชมพี่ปกป้องครับ หน้าพี่เขานิ่งมากเหมือนกำลังพูดถึงเรื่องรายงานการประชุมอะ

 
“มีการสนทนากันด้วยเหรอพี่?” ซุกซนถามต่อ

 
“อือ อยู่ร่วมกันมันก็ต้องคุยกันอะ ถึงไม่คุยไอ้ผีนั่นก็คุยกับผมอยู่ดี เห็นมันอยู่ตัวเดียวนี่แหละ ไม่ได้เห็นอย่างอื่นนะ ไม่รู้ทำไม เห็นแต่ไอ้ตัวนี้ มาจากไหนไม่รู้ ป้วนเปี้ยนอยู่ในบ้าน ว่างๆ ก็ลอยไปลอยมา บางทีก็เปิดปิดน้ำเล่น ค่าเช่าก็ไม่จ่าย ไม่รู้ตายมายังไงทำไมขี้งก”
 

อันนี้โหดไปป้ะวะ …


พี่ปกป้องเล่าด้วยสีหน้าติดจะรำคาญมาก ผมพอจะรู้เนื่องจากหน้ายิ้มใจดีกลายเป็นใบหน้านิ่ง แต่ดูมีความหงุดหงิดเจือปนอยู่ครับ
 
ผมนั่งหน้าซีด ตัวผมอะตัวแข็งจนไม่กล้าจะขยับแล้ว แต่เหมือนทุกคนดูอยากรู้ รอบนี้เป็นคุณเมฆที่ถามขึ้นมาบ้าง
 

“นายเจออะไรที่ในหนังเขามีมั้ย เช่นพวกทีวีเปิดเองอะไรแบบนี้?”
“เคยแต่ดูบอลแล้วเปลี่ยนช่อง พอหงส์แพ้ทีวีดับเลย เป็นผีแทนที่จะเชียร์ผีดันเชียร์หงส์ โคตรเสียชาติเกิด”

 
“สนิทกันเหรอครับ กับเพื่อนร่วมห้องน่ะ” อันนี้คุณกฤติถามครับ
“เรียกว่าเจอบ่อยจนรำคาญดีกว่าครับ”

 
“แล้วมีอย่างอื่นมั้ย แบบเข้าฝันน่ะ?” อันนี้คุณโน้ต
“ทุกคืน เมื่อคืนมันก็มากวนตีนอยู่”

 
“ใบ้หวยล่ะ?” เสียงคุณเบิร์ดถามบ้างครับ
“ชอบโทรมาบอกเลขตอนตีสี่ตีห้าใครจะไปจำได้”

 
“อันนี้คือผีเจ้าที่เหรอพี่?” อันนี้ซุกซนครับ
“เรียกว่าเป็นผีประจำบ้านดีกว่า ลอยไปลอยมา ไม่มีประโยชน์”

 
เอาจริงๆ ผมว่าที่พี่เขาพูดมาทั้งหมด เหมือนเล่าเรื่องหลานอายุสามขวบซนๆ ไม่ใช่วิญญาณในบ้านตัวเอง ซึ่งตอนนี้ผมไม่รู้แล้วว่าผมควรจะกลัว ควรจะขำ ควรจะร้องไห้ หรือควรจะขอยืมแล็ปท็อปคุณเมฆหรือคุณกฤติมานั่งทำงานเลยดี

 
“นี่พูดถึงผีหรือทิชชู ดูตลกสัด” ซุกซนพูดพลางขำ ซึ่งคุณเบิร์ดเองก็หัวเราะไปด้วย ขนาดคุณกฤติยังยิ้มๆ เลย ตอนแรกผมคิดว่าเขาพูดเรื่องจริงนะเนี่ย สรุปเป็นจ้อจี้ใช่มั้ย เพราะทุกคนดูขำกันใหญ่ ผมผ่อนคลายลงเยอะครับ มองให้ตลกมันก็ตลกดี เหมือนหนังผีคอมเมดี้
 

“ไม่ใช่ก็คล้ายๆ อะ มันไร้ประโยชน์จริงๆ”

 
“ฮ่าๆ อย่าบอกนะว่าตอนนี้เขาลอยอยู่แถวนี้”
 

คุณเบิร์ดพูด พร้อมกับหัวเราะรอเลย เหมือนเปิดมาเพื่อให้พี่ปกป้องตบมุกหรืออะไรสักอย่าง ทุกคนเหมือนรอหัวเราะครับ ซึ่งพี่ปกป้องก็ยิ้มๆ ครับ ยิ้มแบบที่ทำให้เสียงหัวเราะค่อยๆ เงียบลงนิดหน่อย

 
“นี่พูดเล่นใช่มั้ย?” 

 
คุณกุ๊กกิ๊กถามขึ้นมาในสิ่งที่ทุกคนต่างสงสัยเหมือนกัน ผมนี่ภาวนาให้พี่เขาจ้อจี้ครับ เพียงแค่บอกว่าล้อเล่นตอนนี้ รับฟรีสิทธิ์ไม่โกรธไปเลยเต็มๆ
 

พี่ปกป้องถอนหายใจ พลางยักไหล่ก่อนจะตอบด้วยเสียงเซ็งๆ

 
“ไม่ได้ลอยอยู่หรอก”
 

... หมายความว่า?

 
“ถ้าจะเอาให้ชัด ไอ้ผีเด็กนั่นมันนั่งยิ้มอยู่หลังแทนใจมาสักพักแล้วล่ะ”
 
 

------- 70% -------

 
เป็นอะไรที่เขียนนานมากค่ะ เพราะเขียนแล้วต้องพัก เขียนต่อนานๆไม่ไหวจริงๆ เพราะเขียนเองหลอนเองค่ะ 55555
   
ปล. เรื่องที่เล่าๆ ในนี้มีเรื่องคุณปกป้องที่เป็นเรื่องแต่งค่ะ ส่วนที่เหลือก็… นั่นแหละค่ะ
เรื่องของซุกซน เราดัดแปลงจากประสบการณ์เมทเราสมัยมหาลัย เรื่องลิฟต์คุณกิ๊กนี่เพื่อนสนิทเราเจอเองค่ะ ขออนุญาติมาเล่าแล้วค่า
 ส่วนเรื่องอื่นในออฟฟิศนั้นประสบการณ์ตรงเป็นส่วนใหญ่ค่ะ ถ้าไม่ใช่ของเราก็ของพี่ๆ ในออฟฟิศ มีที่โหดกว่านี้แต่ตอนเขียนคือพิมพ์ในออฟฟิศ ไว้เดี๋ยวเราจะเล่าในแท็กนิยายแทนถ้ามีใครอยากฟังนะคะ 555555 #ในเลขห้านี่น้ำตาล้วนเลยค่ะ

สุขสันต์วันสงกรานต์นะคะ  XD

สามารถคอมเมนต์ที่นี่ หรือที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ เหมือนเดิมนะคะ หรือยังไงทักเรามาได้ที่ @babybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH10: ใครอยู่ข้างหลัง? [up! 70%] (14/04/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 14-04-2018 15:25:05
 :L2: :pig4:
แงงงงงง กลัว :ling1:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH10: ใครอยู่ข้างหลัง? [up! 70%] (14/04/18)
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 14-04-2018 17:11:07
หลังจากนั้นน้องแทนใจก็กระโดดขึ้นไปนั้งบนตักพี่เมฆ  :-[ :-[ :heaven :hao3:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH10: ใครอยู่ข้างหลัง? [up! 70%] (14/04/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 15-04-2018 09:08:43
โอ้ยยยน้องแทนใจจจจ  :hao7:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH10: ใครอยู่ข้างหลัง? [up! 70%] (14/04/18)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 15-04-2018 13:42:24
หืมมมมมม เปนแทนใจนี่เปนลมแล้วนะ
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH10: ใครอยู่ข้างหลัง? [up! 70%] (14/04/18)
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 15-04-2018 20:05:13
ฮืออออ ที่แทนใจรู้สึกเหมือนใครมาแตะ ก็คนนี้สินะ

คืนนี้แทนใจไม่ได้นอนแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH10: ใครอยู่ข้างหลัง? [up! 70%] (14/04/18)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 16-04-2018 01:56:38
 :katai1:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH10: ใครอยู่ข้างหลัง? [up! 70%] (14/04/18)
เริ่มหัวข้อโดย: nittanid33333 ที่ 21-04-2018 23:19:07
สงสารน้องงงงงงง แต่น้องเด๋อๆนะ น่ารักดี
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH10: ใครอยู่ข้างหลัง? [up! 70%] (14/04/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 23-04-2018 15:48:41
10th Monday  : 100%
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์



ทำยังไงดี



ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี

ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี

ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี!



ทำ-ยัง-ไง-ดี-วะ!!!



ผมเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องของตัวเองที่ตอนนี้ดูน่ากลัวมาก เก้าอี้ก็น่ากลัว เตียงก็น่ากลัว ตู้ไม้นั่นก็น่ากลัว ถุงเยลลี่ของซุกซนก็น่ากลัวครับตอนนี้



หลังจากที่ออกมาจากห้องพี่ป้อง พวกผมก็หนีตายกันกลับมาที่ห้องทันที (ผมไม่รู้ว่าใครเป็นไง คว้าซุกซนแล้วลากมันออกมาเลย ไม่สนด้วยว่าเพื่อนจะอยากฟังต่อมั้ย ผมไม่เอาแล้ว ไม่ไหวแล้ว) แล้วตอนกลับมาถึงรูมเมทผมก็ไล่ไปอาบน้ำล้างหน้า เพราะผมร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลเต็มหน้า ซึ่งซุกซนเพื่อนรักมันบอกหน้าทุเรศแล้วจับผมยัดเข้าห้องน้ำทันที




ความผิดพลาดที่สุด คือซุกซนหายไป!!




ผมแค่เข้าไปอาบน้ำแป๊บเดียว สามวิเสร็จออกมา กะจะมาเปลี่ยนกะกับซุกซน เพื่อนผมแม่งหายไปแล้ว! ตอนแรกผมแทบร้องไห้อีกแล้ว คิดว่าโดนผีกินไปแล้ว น้ำตาซึมแล้วอะ จนกระทั่งหยิบโทรศัพท์จะโทรหามัน แล้วเห็นไลน์ที่มันส่งไว้ว่าไปเล่นป๊อกเด้งห้องพวกไอทีกับคุณเบิร์ด เดี๋ยวกลับมา



ซึ่งผมจะตามไปด้วยก็ไม่ใช่ทาง ผมไม่รู้จักใครในไอทีเลย บอลก็ไม่ดู ไพ่ก็เล่นไม่เป็น เหล้าก็ไม่อยากกิน แต่จะอยู่ห้องคนเดียวยิ่งไม่ใช่เรื่องเข้าไปใหญ่



ขอเบิกตัวช่วย!




11.20 น.



Tanjai: ซุกซน

Tanjai: เห็นแก่ความเป็นเพื่อนของเรา

Tanjai: รีบๆ หมดตัว วางไพ่ แล้วขึ้นมานอนกับเราได้แล้ว




ซึ่งแน่นอนครับเพื่อนรักผมที่ป่านนี้น่าจะใช้เงินที่เก็บมาทั้งบัญชีไปกับวงไพ่คืนนี้ ไม่อ่านไม่ตอบผมเลยสักนิด ความเป็นเพื่อนมันวัดกันตรงนี้แหละ พึ่งไม่ได้อยู่แล้ว ในขณะที่กำลังคิดว่าจะทำไงให้เพื่อนอ่านไลน์ โทรศัพท์ผมก็สั่นครับ





ไลน์!



วันนี้ที่รอคอย (10)



พี่ปกป้อง: น้องแทนใจ

พี่ปกป้อง: พี่ขอโทษแทนไอ้เด็กผีเวรนั่นด้วยนะ มันฝากขอโทษเราด้วย

พี่ปกป้อง: มันบอกว่าน้องแทนใจน่ารักดี ดูตลกๆ เลยอยากเล่นด้วย แต่ไม่ต้องห่วงนะ พี่ด่ามันไปแล้ว

ซุกซน คนใจทราม : พี่ สงสัยมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ผีเด็กพี่นี่เด็กแค่ไหนเหรอ?





ซุกซน ไอ้เพื่อนบ้า ไม่อ่านไลน์เราแต่ตอบไลน์กลุ่มกินเหล้า ใช้ได้ที่ไหนวะเนี่ย!





พี่ปกป้อง: หมายถึงนิสัยหรือรูปร่าง? ถ้ารูปร่างประมาณมหาลัย

พี่ปกป้อง: ส่วนสันดานมันน่ะเหรอ? ทุเรศ ทะลึ่งตึงตัง นิสัยเสีย เด็กเปรต ไม่เคยฟัง หยาบคาย สามานย์ นี่หาวิธีทีไล่มันอยู่ ผมลองคอมเพลนฯแบบคุณกฤติแล้ว แต่มันร้องเพลงใส่ ร้องเกาหลีด้วย จะบ้าตาย เป็นผียังจะฟังเกาหลีอีก

คุณกฤติ: ลองส่งเรื่องไปที่หัวหน้าเขาดูมั้ย? เขามาจากนรกขุมไหน ผมว่าต้องมีคนคุมได้สักขุม

คุณโน้ต มาเลเซีย: *ส่งรูปสวัสดีวันพระ*

พี่ปกป้อง: เอาเป็นว่าพี่ขอโทษแทนผีนิสัยเสียนั่นอีกครั้งนะครับน้องแทนใจ




อะไรคือเพราะว่าผมน่าแกล้งวะ! คอยดูผมจะฟ้องน้องกาย! ฟ้องพี่รักด้วย!




วันนี้ที่รอคอย (10)

The Bird: อุ๊ยยยยยยยย มีไลน์น้องแทนใจแร้วววววววววววว @Tanjai

The Bird: น้องแทนใจครับบบบบบ พี่เบิร์ดเองนะ ที่หล่อในแบบตี๋ๆ

The Bird: *ส่งสติกเกอร์รูปหัวใจ*




Mek ได้ทำการลบ The Bird ออกจากกลุ่ม




ผมเพิ่งสังเกตว่าในกรุ๊ปนี้มีคุณเบิร์ดแล้วด้วย แล้วก็โดนคุณเมฆลบไปแล้วด้วย พวกโปรเจคฯเขาดูสนิทกันจังนะครับ



ตุบ!



อะไรวะ!!!



ผมสะดุ้งแล้วพุ่งตัวไปที่ที่นอนทันทีเมื่อได้ยินเสียงของหล่น มันคือขวดน้ำเปล่าที่ตกพื้นเพราะโดนลมแอร์ครับ ในใจแร็พด่าซุกซนไปแล้ว ฮือ ไอ้บ้า กินน้ำหมดแล้วก็ทิ้งสิ แต่ผมจะไม่อยู่รอมันกลับมาแน่ ผมต้องมีชีวิตรอดกลับไปหาน้องกาย อยู่คนเดียวไม่ได้แล้ว



และในขณะที่คิดว่าผมสามารถอพยพไปไหนได้บ้าง ชื่อแรกที่แว๊บขึ้นมาในหัวเลยคือ ...คุณเมฆ



เอาวะ! คุณเมฆเท่านั้นที่จะแข็งแกร่งพอที่จะช่วยเป็นที่พักพิงผมได้ในเวลานี้



ผมรีบเดินเร็วไปที่ห้องของคุณเมฆพร้อมหมอนหนึ่งใบเป็นเพื่อนร่วมทาง ซึ่งคุณโปรเจคฯ ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง หลังจากเคาะประตูได้ไม่นานคุณเมฆในสภาพชุดนอนก็เปิดประตูออกมา เจ้าตัวทำหน้างงนิดหน่อยที่เห็นผมยืนกอดหมอน ใส่ชุดนอนลายทาง อยู่หน้าประตูห้องเขาในยามวิกาล





“ขอซุกหน่อย”

“ครับ?”

“ผมซุกอยู่กับคุณหน่อยได้มั้ย ขออยู่ที่ห้องคุณแป๊บนึงนะครับ ผม… ผมกลัวผี”





ผมก้มหน้าซุกหมอนในมือพูดท้ายประโยคแผ่วๆ ก็มันกลัวจริงๆ อะ ตอนนี้ถ้ามีใครมาสะกิดหลังอีกที นี่ผมร้องไห้แน่นอน ร้องแบบน้องกายตอนที่หกล้มครั้งแรกเลยด้วย พูดแล้วก็คิดถึงน้อง อยากกลับไปหาน้องกายแล้ว



“แค่แป๊บเดียวก็พอครับ ซุกซนมันไปสิงเล่นไพ่อยู่ห้องพวกไอที เดี๋ยวถ้าซุกซนเล่นเสร็จกลับห้องผมจะรีบกลับเลย ไม่รบกวนคุณเมฆนาน ขออยู่ด้วยแป๊บเดียวจริงๆ ไม่กี่วินาทีจับเวลาเลยก็ได้ เดี๋ยวผมเลี้ยงกาแฟคุณเลยก็ได้ ให้ผมอยู่ด้วยนะครับ”



“ใจเย็นๆ ไม่ต้องทำหน้าจะร้องไห้ขนาดนั้นก็ได้ เข้ามาก่อนสิ”



คุณเมฆพูดหลังจากยืนนิ่งๆ สักพัก ก่อนจะเดินถอยเข้าไปในห้องแล้วพยักหน้าให้ผมเดินตามเข้าไป ซึ่งผมก็รีบสับเท้าตามเข้าไปอย่างไว ช้าไม่ได้ครับเรื่องแบบนี้ ผมจะไม่ยอมอยู่คนเดียวต่อจากนี้ไม่ว่าจะกี่วินาทีก็ตาม อะไรใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับผีนี่ผมไม่ขอเสี่ยงครับ แทนใจคนนี้ยอมอายไม่ยอมตาย!



ซึ่งในระหว่างนั้น ผมก็คอยส่งความรักให้เพื่อนที่ควรจะรักผมบ้างอยู่เป็นระยะ



00.05. น.

Tanjai: ซุกซน กลับมาห้องได้ ที่บ้านให้อภัยแล้ว



00.10 น.

Tanjai: ซุกซน BNK จะมาเปิดคอนเสิร์ตคืนนี้ที่ห้องเรานะ รีบกลับมาเร็ว



00.15 น.

Tanjai: ซุกซน เล่นไพ่ก่อนนอนโบราณว่าวันจันทร์นี้งานจะเยอะนะ เลิกเถอะ เพื่อคนที่คุณรัก



00.20 น.

Tanjai: ซุกซน มีซอมบี้บุกโลก แต่ห้องเรามียันต์กันซอมบี้ มันจะไล่กินคนขาสั้นก่อน รีบมาอยู่ที่ปลอดภัยเร็ว!




จนตอนนี้ 00.35 น. มือถือผมแบตหมดดับไปแล้ว โชคร้ายของผมที่ไม่หยิบอะไรติดตัวนอกจากหมอนมาเลยไม่มีที่ชาร์จแบต ผมเลยได้แต่นั่งบ่นกับตัวเองในใจว่ากลับกรุงเทพเมื่อไหร่จะไปซื้อแบตสำรองอีกสิบก้อน ห้อยหัวห้อยหางเลย เอาสิ ลองแบตลดลงเกิน 90% ผมจับชาร์จเลย เอา!



“แทนใจ”

“ครับ?”

“พี่ว่าเรานอนที่นี่เลยเถอะ อย่ารอซุกซนเลย วงนั้นดึกอยู่แล้ว”

“อ่า ครับ”



เงียบ



ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ผมนั่งขดตัวกอดหมอนของผมอยู่ที่โซฟา ส่วนคุณเมฆนั่งอยู่บนเตียง ตอนนี้มันทำตัวไม่ถูกอะ เมื่อคุณเมฆไม่พูด ผมไม่พูด ไม่มีใครพูด ผมก็ไม่รู้ว่าควรจะต้องทำอะไร



“คุณๆ”

“ว่าไงเรา เรียกพี่ทำไม”

“ชวนคุยหน่อย มันเงียบไป”

“เมื่อยมั้ยนั่นน่ะ”

“ฮะ?”



“ทำตัวกลมอยู่บนโซฟาน่ะ เมื่อยมั้ย?”



ผมจ้องเขาเขม็งเมื่อได้ยินคำว่าทำตัวกลม หยาบคายมาก นี่ไม่ได้เรียกว่าตัวกลม! นี่คือการระวังภัยขั้นที่หนึ่งต่างหาก!  คุณโปรเจคฯ ใจดีเมินสายตาอันน่ากลัวของผม พร้อมตบปุๆที่เตียงข้างตัว



“มานั่งนี่ดีกว่า”

“ไม่เอาอะ”

“กลัวเหรอ?”



ผมตาเหลือก ตบปาก! ตบปากตามจำนวนเส้นผมเดี๋ยวนี้ ตบปากเลย! ไอ้คุณเมฆไอ้บ้า ขนาดวันนี้ก็ยังจะแกล้ง เออ ตัวเองไม่กลัวนี่หว่า อย่าให้ถึงทีผมบ้างนะ





“กลัวดิ! พูดทำไมเนี่ยคุณ ยิ่งหลอนๆ อยู่”

“ไม่ได้หมายถึงผี หมายถึง… กลัวพี่เหรอ?”




ทั้งที่เป็นคุณเมฆเหมือนกับเมื่อครู่ น้ำเสียงนุ่มกับคำพูดที่ธรรมดา ตาคมกับหน้าหล่อที่มองผมแทบไม่แตกต่างจากตอนที่เจอกันครั้งแรก รอยยิ้มใจดีที่มีอยู่เกือบทุกครั้งก็ยังคงมีให้ผม แต่ผมกลับไม่รู้ว่าควรจะต้องตอบอะไร บรรยากาศที่มันเริ่มกระอักกระอ่วนแปลกๆ นี่ ทำให้ผมเลือกใช้ความเงียบตอบคำถาม



ผมนั่งมองมืออยู่แบบนั้น ไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไร คือมันตีกันในหัวเต็มไปหมด แต่ผมไม่รู้ว่าควรจะเอาอะไรออกมามันถึงจะดีที่สุด เลยอ้าปากกัดปากแล้วเม้มปาก ทำอยู่แค่นี้วนไปเหมือนตุ๊กตาถ่านหมด จนในที่สุด คุณเจ้าของห้องก็ทนไม่ไหว



“เฮ้อ”



น้ำเสียงเหมือนกับเหนื่อยใจ อาจจะเป็นแบบนั้นเพราะผมไม่เห็นหน้าเขา ผมไม่กล้ามองหน้า มันมีความรู้สึกแปลกๆ อัดแน่นอยู่ในใจเยอะเกินไป ไม่กล้ามอง ไม่เอา ไม่อยากเห็น เพราะถ้าเขาทำหน้าอย่างอื่นที่ไม่ใช่ยิ้ม ผมคงรู้สึกไม่ดีแน่นอน



“เอาจริง วันนั้นเราเมาพี่เองก็ดื่มไปเยอะ ถ้ายังไงพี่จะไม่พูดถึงมันอีกละกัน”

“…”

“เราเองก็คิดซะว่ามันเป็นฝันตอนเมาอะไรแบบนี้ ภาพหลอนทำนองนั้นละกัน ฮ่าๆ”

“…”

“เฮ้ย อย่าทำหน้าเครียดดิเรา เดี๋ยววันจันทร์พี่เลี้ยงกาแฟ”



ผมกัดริมฝีปาก เป็นครั้งแรกที่คุณเมฆชวนกินกาแฟแล้วผมไม่ได้อยากจะไปกินกับเขาด้วยเลยแม้แต่น้อย ความคิดมากมายอัดอยู่ในหัว ผมรู้สึกเหมือนตัวเองจะต้องพูดอะไรสักอย่าง แต่ผมควรจะพูดอะไรดี ผมควรจะแก้สถานการณ์แบบนี้ยังไง



“วันนี้ดึกแล้ว—”

“ผมไม่ได้กลัวพี่ ผมจำได้! แล้วผมก็จะไม่ลืมด้วย!”



ผมเงยหน้าขึ้นมา จ้องหน้าอีกคนที่นั่งอยู่ปลายเตียงในขณะที่ผมนั่งอยู่บนโซฟา เรานั่งตรงข้ามกัน มองหน้ากัน แล้วก็เป็นผมเองที่พูดต่อ



“ผมแค่… ผมไม่รู้ว่าควรจะต้องทำยังไง”

“…”



“ผมแค่ไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน ผมไม่เคยมีแฟน ไม่เคยอยู่ในความสัมพันธ์แบบคนรักหรือคู่นอนกับใคร ไม่เคยทำแบบนี้ ไม่เคยรู้สึกแบบนี้ เมื่อคืนเป็นครั้งแรกของผมที่ได้ชูวับชูวับกับคนอื่น”



ผมเอาหน้าซุกหมอน ตอนนี้ผมว่าหน้าผมมันต้องแดงแจ๋แม้ไม่ได้กินเหล้าสักแก้วแน่นอน มันรู้สึกกะยึกกะยักแล้วหูก็ร้อนจนแทบไหม้ ผมไม่รู้ไม่อยากมองแล้ว ไม่รู้อะไรทั้งนั้น



“โอเคผมเมา ดูตัวก็รู้ตัวแล้วว่าแดง แต่ถึงแม้ผมจะเมาและเมามาก แต่ผมก็ไม่ได้ภาพตัดนะ ผมรับรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ได้ยินทุกคำ รู้สึกทุกที่ที่ผมโดนตัวคุณ ผมรู้ว่าผมเป็นคนเริ่มก่อน และผมก็เป็นคนชวนคุณชูวับชูวับก่อนด้วย ซึ่งคุณแม่งโคตรจะเด็ดเลยผมจะไปลืมได้ยังไงบ้าไปแล้วเหรอ? ให้ผมลืมการชูวับที่ดีที่สุดที่เคยมีมาตลอดชีวิตน่ะเหรอ? ตลกเถอะ แล้วอีกอย่างถ้านอกจากผีกับน้องกายไม่รักผมไม่กลัวอะไรทั้งนั้น! นี่ใคร! แทนใจเลยนะ! ถ้าจะมีอะไรที่กลัวอีกอย่างก็กลัวจะอยู่ไม่ถึงเลือกตั้งนี่แหละ!”



“…”



“ถ้าเรื่องนี้จะมีใครผิดก็คงจะต้องเป็นผม! ผมที่ยื่นหน้าไปจูบคุณเองนะ อย่าลืมสิ นั่นจูบแรกของผมเลยนะ แล้วผมเป็นคนเริ่มก่อนด้วย! แล้วสำหรับผมคุณจูบเก่งมากด้วย มันดีจะตาย ผมจะไปลืมได้ยังไง! จูบคุณอร่อยกว่าซูกัสรสแอปเปิลอีก!”



“…”



“ผมเป็นพี่แทนใจนะ! ผมมีน้องชายและเพราะผมขโมยจูบคุณ และผมล่อลวงคุณมาชูวับชูวับกับผม! เพราะงั้นผมจะรับผิดชอบเอง ไม่รู้อะว่าจะต้องรับผิดชอบยังไงแต่ผมจะทำนะ ผมต้องเลี้ยงคุณมั้ย แต่เงินเดือนคุณมากกว่าผมนะ แถมผมมีน้องชายที่ต้องเลี้ยงอีกคนด้วย คุณกินเยอะมั้ย? ถ้าไม่เยอะอาจจะพอเลี้ยงดูได้บ้างนะ ขอเป็นผ่อนจ่ายได้มั้ย? คุณลองทำใบเสนอราคามานะ เดี๋ยวผมจะลองเอามาคิดดูหักกับรายจ่าย โอ๊ย ยังไม่ได้เงินคืนภาษีเลยนี่หว่า”



“เอ่อ… แทนใจ”



“พูดถึงภาษีแล้วเครียดเลย คุณเชื่อมั้ย ไอ้คุณป้ากน่ะ เมลล่าสุดที่ขอใบเสนอราคาไปผมนี่แก้ให้เขาสิบรอบได้ จนรอบล่าสุดเขาก็ยังไม่เอา แต่มาบอกว่าด่วน ด่วนที่ไหนอะ ด่วนแล้วทำไมไม่ approve สักที มีมาบอกว่าเป็นลูกค้า loyalty ขอ discount 20 เปอร์เซ็นต์ได้มั้ย? บ้าเหรอ บ้าไปแล้ว บ้าไปหมดแล้ว”



“…แทนใจครับ”



“ยังครับคุณเมฆ ยังไม่จบ! ฟังสิฟังผมก่อน! ยังมีไอ้คุณคังอีกครับ ผมนะอุตส่าห์สั่งของด่วน ยืมมาจากคุณโน้ตมาเลเซียให้ แกทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แต่ผมชิงร้องก่อนแล้วเพราะไอ้คุณคังนั่นมันบอกว่า asap!! พอส่งของไปแล้วนะ มันดันโทรมาบอกว่า ขอแคนเซิล พอดีเราไม่รีบแล้ว hope you have a happy day คือผมไม่ได้โกรธนะ แต่ถ้าเขามานั่งข้างๆ ผมวันนั้น น่าจะมีข่าวฆาตกรรมแน่นอน”



“…”



“ยังมีอีกนะเรื่องภาษี พวกของที่ไปส่งมันต้องมีการเคลียร์ภาษีสนามบินใช่มั้ยคุณเมฆ แล้วคุณต้องไม่เชื่อแน่ว่าไอ้คุณลีมันบอกว่า --- คุณเมฆทำอะไร-- เฮ้ย!! คุณ!!!!!”



ผมที่นั่งระวังภัยขั้นที่หนึ่งอยู่บนโซฟาโดนรุกรานโดยเจ้าของห้องครับ ผมกำลังพูดของผมอยู่ดีๆ เขาก็ลุกขึ้นมาจากปลายเตียง ก้าวฉับๆ มารวบผ้าห่มรอบผมไว้ แล้วยกผมและก้อนผ้าห่มที่เป็นฐานทัพระวังภัยขึ้นในทีเดียวครับ ที-เดียว แบบง่ายๆเลย หิ้วเหมือนผมเป็นผมเป็นเลย์ถุงเหลืองแผ่นเรียบ 10 บาทที่มีสามแผ่นอะ



“พี่ว่ามันดึกมากแล้ว มานอนกันเถอะครับ”

“คุณเมฆ ผมเดินเองได้”



“พี่แบกได้ครับ พี่แข็งแรง ถึงแก้มเราจะหนักก็เถอะ”



   เขาด่าผมว่ากากป้ะวะ แบบไม่มีแรงกล้ามไม่ใหญ่เท่าอะไรแบบนี้ ซึ่งเถียงไม่ได้ไง เอ๊ะ เมื่อกี้ไอ้คุณเมฆมันพูดอะไรแก้มๆ วะ คือว่าเหรอ? หรืออะไร? นี่แล้วก่อนหน้านั้นผมพูดถึงไหนแล้วอะ 

 

   “ปิดไฟครับ นอนกันเถอะ ดึกแล้ว”

   “แต่ผมยังไม่ง่วงเลยนะ”

   “งั้นพี่ปิดไฟนอนนะ แทนใจก็นั่งมืดๆ คนเดียวละกัน”



   “… ผมว่าผมนอนเลยก็ได้”



   ผมล้มตัวลงบนเตียง ตะแคงตัวหันหน้าเข้าหากำแพง แล้วหันหลังให้คุณเมฆที่นอนอยู่ข้างๆ ไม่กล้าหันไปดูว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่ กลัวผีก็กลัว เขินคุณเมฆก็เขิน ภาพเมื่อคืนตอนที่นอนอยู่บนเตียง และในห้องน้ำเล่นไม่หยุดเหมือนตั้ง auto play เอาไว้ ให้ตาย ผมไม่เคยนอนร่วมเตียงกับใครแล้วรู้สึกกะยึกกะยึกขนาดนี้มาก่อน



เกิดเป็นแทนใจมันก็จะมีชีวิตที่ยากๆ หน่อยอะ



“คุณเมฆ”

“พี่เมฆ” คุณเมฆแก้ให้ เมื่อผมเรียกนำหน้าอีกคนว่าคุณ “ว่าไงครับ?”

“ตกลง… คุณโกรธอะไรผมเหรอเมื่อวาน”



จนถึงตอนนี้นี่ยังเป็นเรื่องที่คาใจผมอยู่ครับ มันเป็นสิ่งที่ผมไม่เข้าใจและผมอยากจะรู้ กับน้องกายถ้าเราทะเลาะกันเราจะคุยกัน กับพี่แทนรักผมไม่เคยทะเลาะกับพี่เลยสักครั้งมีแค่งอนหรือน้อยใจเล็กๆ เท่านั้น กับคุณพ่อคุณแม่เราก็คุยกันตรงๆ ซึ่งพอมาเจอคุณเมฆผมไม่รู้จริงๆ ว่าจะต้องทำตัวอย่างไร ควรทำหรือไม่ควรทำอะไร ผมไม่รู้เหตุผล ไม่รู้ที่มาที่ไป ไม่รู้อะไรเลย





“พี่แค่อยากให้เราเรียกพี่ว่าพี่บ้าง”

“ครับ?”

“ก็… เอ่อ” คุณเมฆดูเหมือนไม่แน่ใจว่าควรจะพูดต่อดีมั้ย แต่ในที่สุดก็ยอมบอกออกมา “แทนใจเรียกปกป้องว่าพี่ ทำไมพี่ถึงไม่ได้เป็นพี่เราบ้าง”

“โถ่เรื่องแค่นี้ ผมรู้จักกับเขามาก่อนน่ะครับ พี่เขาเป็นเพื่อนของพี่สาวผม รู้จักมานานแล้วครับเลยติดเรียกแบบนั้น”



ผมหัวเราะออกมาเล็กน้อย ดูตัวคุณเมฆก็หนาๆ หมีๆ ทำไมถึงได้ขี้น้อยใจเรื่องเล็กแบบนี้ คิดไม่ถึงเลยจริงๆ แต่เหมือนผมจะหัวเราะดังไปหน่อย อีกคนที่ตอนแรกพลิกตัวมาทางผม พลิกหนีไปอีกฝั่งแล้วครับ



“มัน… โอเค พี่แค่อิจฉาปกป้องเขาน่ะ เราดูสนิทกับเขามาก ทั้งที่พี่พยายามสนิทกับเราขนาดนี้แต่เหมือนว่าเรายังไกลกันอยู่เลย พี่อยากเข้าไปอยู่ในโลกของเรามากกว่านี้ เราเข้าใจใช่มั้ยว่าพี่กำลังจะสื่ออะไร?”



“…ถ้าผมบอกว่าไม่แน่ใจว่าตัวเองเข้าใจ คุณจะโกรธมั้ย?”



ผมไม่แน่ใจว่าเข้าใจมันขนาดนั้น ผมไม่เคยมีแฟน ไม่เคยมีความสัมพันธ์ลักษณะนี้มาก่อน ปกติแล้วคนที่ผมอยู่ด้วยมีแค่น้องแทนกายกับครอบครัวเท่านั้น จนกระทั่งทำงานผมถึงได้สนิทกับซุกซน ไม่เคยมีใครมาพูดกับผมแบบนี้ และไม่เคยมีใครมาทำให้ผมรู้สึกแบบที่กำลังเป็น



“แทนใจ ฟังดีๆ นะ พี่จะพูดแค่รอบเดียว”



 ใต้ผ้าห่มผืนหนาของโรงแรม พวกเราสองคนนอนหันหลังให้กัน ผมนอนกอดหมอน ไม่กล้าหันไปดูว่าคุณเมฆเขาได้แอบหันหน้ามาดูผมมั้ย แต่ผมไม่กล้ามองหน้าเขาแน่นอน



“พี่ชอบแทนใจ ชอบแบบที่ไม่ใช่เพื่อนร่วมงาน”



ผมกอดหมอนแน่นขึ้น หวังว่าหมอนที่ผมถือติดมือมาด้วยมันจะหนาพอที่จะสามารถป้องกันไม่ให้อีกคนได้ยินเสียงหัวใจผม เพราะมันเต้นแรงมากๆ ถ้าเลือกได้คงเต้นแรงแบบที่สามารถออกไปนำเต้นหน้าโลตัสตอนเย็นได้แล้ว



“พี่ชอบเรา พี่อยากคบกับเรา อยากเป็นแฟน อยากเป็นคนรักของเรา”



ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี! อยากจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดกูเกิลแล้วเสิร์ชว่า ‘เผลอชูวับกับเพื่อนร่วมงาน แล้วเพื่อนร่วมงานคนนั้นมาบอกว่าชอบแบบที่ไม่ใช่เพื่อนร่วมงาน แล้วแบบนี้จะนับว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมงานเราได้อีกมั้ยครับ?’ แต่มันดูยาวไปไม่มีคำตอบแน่นอน



“ผม … อ่า … ผม”

“เราไม่ต้องตอบพี่ตอนนี้ ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น วันนี้ก็นอนไปก่อน แล้วเดี๋ยววันจันทร์ก็ไปกินกาแฟกันเหมือนเดิม โอเคมั้ย?”



ผมพยักหน้าเมื่อไม่มีอะไรที่จะต้องปฏิเสธ สักพักก็คิดได้ว่าเขาคงไม่เห็นเพราะน่าจะหันหลังให้  เลยงึมงำตอบรับอีกฝ่าย



“ครับ”

“เด็กดี”



พี่เมฆพลิกตัวมาเอามือมาลูบหัวผม ซึ่งมันรู้สึกดีจนผมเผลอดุนหัวเข้ามือเขาอีกครั้ง เหมือนเมื่อวันก่อนที่ผมเมา ผมหลับตาเมื่อความอบอุ่นของมือเขามันทำให้รู้สึกสบายจนไม่อยากจะคิดอะไร




การเป็นเด็กดีนี่มัน… กะยึกกะยักในหัวใจดีจังเลย






------- TBC -------
[/b]

เป็นเด็กดีนี่มันดีเนอะ ;D



ช่วงนี้อาจจะอัพช้า เนื่องด้วยงานเข้าค่ะ เข้ามาแบบว๊าว ;A;

อย่าเพิ่งลืมน้องแทนใจนะคะ


สามารถคอมเมนต์ที่นี่ หรือที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ เหมือนเดิมนะคะ หรือยังไงทักเรามาได้ที่ @babybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD

หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH10: คุณเมฆ ขอซุกหน่อย [up! 100%] (23/04/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Christa ที่ 23-04-2018 16:51:16
เรื่องของพี่ปกป้องนี่มีเรื่องแยกไหมคะ
ปล.ถ้าคุณคนเขียนเคยแจ้งไว้แล้วแต่เราไม่ทันอ่าน ขอโทษด้วยนะค้าาา
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH10: คุณเมฆ ขอซุกหน่อย [up! 100%] (23/04/18)
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 23-04-2018 19:18:42
ฮาาาาา จ้า เป็นเด็กดีนี่มันดีจริงๆเลยน๊าาาา
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH10: คุณเมฆ ขอซุกหน่อย [up! 100%] (23/04/18)
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 23-04-2018 19:58:33
ปั้นน้องตายเป็นก้อนนนนน แล้วกินเข้าไปปปป
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH10: คุณเมฆ ขอซุกหน่อย [up! 100%] (23/04/18)
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 23-04-2018 21:53:33
งื้ออออออ เห็นมานาน พึ่งจะมาได้อ่าน โดนน้องแทนใจตกไปแล้วค่าาาาา คนอะไรน่ารักมาก อ๊องน่ารักจริงๆ :-[
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH10: คุณเมฆ ขอซุกหน่อย [up! 100%] (23/04/18)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 23-04-2018 22:06:16
แทนใจนี่มันแทนใจจิงๆๆๆๆ
เอ๋อ จนพี่เมฆต้องสารภาพรักเลย 55555555
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH10: คุณเมฆ ขอซุกหน่อย [up! 100%] (23/04/18)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-04-2018 22:37:11
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH10: คุณเมฆ ขอซุกหน่อย [up! 100%] (23/04/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 24-04-2018 00:20:41
 เราไป google คำถามของแทนใจมา "เมื่อเราชูวับกับเพื่อนร่วมงาน บลาบลาบลา"
About 105,000 results (1.18 seconds)  คำตอบเยอะเลยนะเว้ยยย 55 ทำไมเราจริงจัง
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH10: คุณเมฆ ขอซุกหน่อย [up! 100%] (23/04/18)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 25-04-2018 10:11:29
 :pig4: :L1: :3123:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH10: คุณเมฆ ขอซุกหน่อย [up! 100%] (23/04/18)
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 25-04-2018 11:29:47
ทำไมแทนใจน่ารักอย่างนี้  :-[
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH10: คุณเมฆ ขอซุกหน่อย [up! 100%] (23/04/18)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 27-04-2018 22:16:22
บางทีก็ปวดหัวกับความรั่วของแทนใจ แต่ความน่ารักก็มากโข
พี่เมฆบอกชอบแล้วน้องแทนจะทำไง ลุ้นไปอีก
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH10: คุณเมฆ ขอซุกหน่อย [up! 100%] (23/04/18)
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 29-04-2018 08:54:40
แทนใจน่ารัก อ่านไปขำไป :laugh: :laugh: :laugh: แต่เมฆ คุณกฤต ปกป้อง สามคนนี้เป็นอะไรกันมาก่อนหรือเปล่าหรือเราคิดมากไปเอง
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH10: คุณเมฆ ขอซุกหน่อย [up! 100%] (23/04/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 01-05-2018 14:30:21
11th Monday: (30%)

#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์

 

ทั้งที่คิดว่าวันจันทร์นี้ จะไปนั่งกินกาแฟชิลๆ

แต่ผมดันป่วย ผม-ดัน-ป่วย!!!

 

 

“ซุกซนนนนนนนนนนนนนนน”

“ว่าไงมึง”

“เราปวดหัววววววววว”

“รู้แล้ว”

“เราปวดหัวมากๆเลยนะ โลกมันหนักกกกกกกกก”

“รู้แล้วๆ”

“ซุกซนนนนนนนนนนนนนน”

 

“โอ้ยไอ้เหี้ย! เลิกงอแงได้แล้วเว้ย! กูรู้แล้วว่ามึงปวดหัวมาก ตัวร้อนด้วย ตาลายไม่ไหวแล้ว ไม่สามารถขยับแม้แต่นิ้วโป้งเท้าได้เพราะงั้นมึงจะมาทำงานไม่ได้แน่ๆ เลยฝากกูลางานแล้วก็ดูออเดอร์ให้ด้วย เข้าประชุมแทนด้วย กูรู้แล้ว!!”

 

“ขอบคุณนะซุกซนนนนน”

“ไอ้อ๊องไปนอน! กูจะทำงาน”

“ซุกซนนนนนนนน อย่าทิ้ง—”

 

 

ติ๊ด!

 

ผมมองโทรศัพท์ที่เพื่อนตัดสายอย่างไม่ไยดีแล้วจะร้องไห้ ฮือ เพื่อนผมไม่รักผมเลย ท้อแท้ ปวดหัวด้วย จะร้องไห้ แต่แสบตาอะ ไม่ร้องก็ได้ ไม่อยากเสียน้ำตาให้ซุกซนใจทรามด้วย มันไม่คู่ควรครับ

 

sky: พี่ครับ

 

วันนี้ก็ไม่แย่ซะทีเดียวนะครับ เพราะน้องกายทักผมมาอะ อยากหายป่วยแล้วไปนอนดูหนังกับน้องกายจังเลย ผมคิดถึงน้องผม น้องกายของพี่แทนใจ น้องไม่ได้ชื่อสกายนะครับ น้องชื่อแทนกายนี่แหละ แต่น้องชอบท้องฟ้ามากครับ เลยตั้งชื่อไลน์ว่า sky รูปดิสก็เป็นรูปท้องฟ้าครับ

 

Tanjai: น้องกายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

Tanjai: ฮือออออออออออออออออออออออออออออออออออออ

Tanjai: พี่ปวดหัวมากเลยอะ ปวดตาด้วย ปวดตัวด้วย

Tanjai: TT_TT


 

เห็นน้องเป็นห่วงนี่ไข้ผมแทบปลิวเลยครับ น้องก็คือน้อง แล้วผมก็เป็นพี่แทนใจของน้องชายผม มีพี่แทนรักด้วย ความจริงเมื่อเช้าพี่รักก็ไลน์มาบอกคิดถึงครับ แต่ตอนนี้พี่ผมอยู่สิงคโปร์ ทริปสละโสดกับเพื่อนคนนึงที่กำลังจะแต่งงานครับ แน่นอนว่าผมฝากซื้อหมูแผ่นสิงคโปร์เรียบร้อย ชอบมากครับ แม้ตอนนี้จะกินไม่ลงก็ตาม

 

Sky: ตั้งแต่เมื่อคืนเหรอครับ?

Sky: ทำไมยังไม่ไปโรงพยาบาลอีก?

Tanjai: ทำไมต้องดุพี่ด้วย

Tanjai: *สติกเกอร์ร้องไห้*


 

ในขณะที่ผมกำลังจะพิมพ์ตัดพ้อน้องต่อนั้น น้องกายก็โทรมาพอดี ผมจะต้องโดนน้องดุแน่ๆเลย ถึงแม้น้องผมจะน่ารักแต่เวลาดุคือน้องผมดุมากเลยครับ น่ากลัวมาก พี่รักก็น่ากลัวครับ ผมว่าผมก็น่ากลัวด้วยเหมือนกัน ฮึมๆ

 

“พี่แทนใจ เป็นไงมั่งครับ ยังตัวร้อนอยู่มั้ยครับ?”

“ยังปวดหัวนิดหน่อย แต่เดี๋ยวก็ดีขึ้นแล้วแหละ ตัวไม่ร้อนแล้วด้วยน้า”

“แต่เมื่อกี้บอกปวดตัว?”

“นิดๆหน่อยๆเอง แค่ไข้รอระบาย เดี๋ยวก็หายไป” 

“ทำไมดื้อครับ ไปโรงพยาบาลสิ”

“เงินเดือนยังไม่ออกเลยน้า”

“พี่มีประกัน ไม่ต้องจ่ายก่อน ยื่นบัตรก็ฟรีเลย”

“อุ้ย ลืม”

“ผมปล่อยพี่ไว้ไม่ได้อะ ให้ผมไปหาดีกว่า”

“ไม่ต้องมานะ! ถ้ามาพี่จะโกรธ”

“แต่—”

“ถ้าน้องกายติดไข้พี่ขึ้นมาจะทำยังไง พี่จะต้องเสียใจนะ ไม่เอานะห้ามมาเด็ดขาดเลยนะ”

“ผมเป็นห่วงพี่”

“พี่ก็เป็นห่วงน้องกายไงเลยไม่อยากให้มา”

 

น้องกายเงียบไปเมื่อได้ยินแบบนั้น เพราะผมจะโกรธน้องแน่นอนถ้ามาหา เพราะน้องผมป่วยง่ายครับ แทนกายเป็นภูมิแพ้อากาศ แค่อะไรนิดหน่อยน้องก็จามกับมีน้ำมูกฟึดฟัดแล้ว นี่ผมเป็นไข้เลยนะ ไข้ที่ไม่รู้ว่าเป็นไข้เพราะกลัวเรื่องผีพี่ป้องจนขึ้นสมองหรือเปล่า แต่ผลสรุปคือปวดหัวมากๆ แบบที่พาราก็เอาไม่อยู่

 

“ถ้างั้นพี่ก็ไปโรงพยาบาลสิครับ”

“พี่จะหายแล้ว พี่ชายแทนกายแข็งแรงจะตาย”

 

ผมพูดแล้วหลับตา เอาจริงเริ่มไม่ค่อยอยากคุยต่อแล้วครับไม่ใช่ว่าผมไม่อยากคุยกับน้องกายนะ แต่ผมเริ่มรู้สึกหนักๆ ตาแล้วอะ หน้าร้อนจนรู้สึกรำคาญเลย หรือเพราะมีแก้มเลยรู้สึกว่าเนื้อที่กระจายความร้อนมันเยอะกว่าปกติ

 

“เอาแผ่นเจลลดไข้แปะหัวหรือยังครับ?”

“เรียบร้อยแล้วคร้าบ”

“ทานอะไรหรือยัง?”

“ทานโจ๊กแล้ว”

“ทานน้ำเต้าฮวยหรือยังครับ?”

“อยากกินมากเลย แต่แถวนี้ไม่มีขายเลย เดี๋ยวเอาไว้พี่ไปหาน้องกายเสาร์-อาทิตย์หน้า เรานอนดูหนังกินน้ำเต้าฮวย น้ำเต้าหู้กับป่าท่องโก๋กันนะครับ”

 

ตอนเด็กๆ ผมชอบทานเต้าฮวยมากเลยครับ สมัยอนุบาลนี่ต้องอ้อนคุณแม่ให้ซื้อให้ทานประจำ (ซึ่งเพื่อนร่วมห้องเคยบอกว่าเป็นน้ำอาม่า แต่ผมไม่สน ผมอร่อยของผม) พอโตขึ้นมาหน่อยก็เริ่มเฉยๆ แล้วครับ กินก็อร่อยดีแต่ไม่มีให้กินก็ไม่เป็นไร ซึ่งพอเวลาป่วยนั้นผมมักจะชอบเรียกหาน้ำเต้าฮวย เพราะผมอยากกิน มันอร่อย ผมอยากกินง่ะ

 

ส่วนน้องกายกับพี่รักเกลียดเต้าฮวยมากเลยครับ น้องชอบน้ำเต้าหู้ใส่ลูกเดือยแค่อย่างเดียว ส่วนพี่รักไปสายน้ำเต้าหู้งาดำ ไม่มีใครกินเหมือนผมสักคน เมื่อก่อนพี่รักกับน้องกายชอบแท็กทีมกันโจมตีเต้าฮวยที่น่ารักของผมตลอดมา น่าสงสารน้องเต้าฮวยของผมมากครับที่โดนรังแก โลกแค่ไม่เข้าใจเต้าฮวยเท่านั้นเอง

 

“น้องกายตอนนี้อยู่ไหนแล้วครับ?”

“บีทีเอสครับ กำลังจะลง”

“สถานีไหนครับ?”

“…”

“อย่ามาลงสถานีหอพี่นะ น้องกายต้องไปโรงเรียนนะครับ วันนี้มีสอบไม่ใช่เหรอ?”

 

ผมขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกว่าแสงในห้องมันสว่างมากเกินจนแยงตา ตอนนี้ปิดตาคุยแล้วครับ ไม่อยากพูด แต่ผมยังอยากคุยกับน้องกายนะ อยากคุยกับน้อง อยากคุย อยากคุย อยากคุยง่ะ ไข้นิสัยไม่ดีมาขึ้นคนอื่นเขา

 

“แต่ผมอยากเจอพี่แทนใจ”

“เอาไว้พี่หายก่อนนะ แล้วพี่จะเลี้ยงของชอบน้องกายเลย!”

 

น้องเงียบไปเลยครับ ผมพูดดักไว้ก่อนเพราะมีโอกาสสูงมากที่น้องจะโดดมาเฝ้าผมที่ห้อง ผมยอมไม่ได้เพราะน้องมีสอบวันนี้ คือถ้าเป็นวันปกตินี่ผมก็ไม่อยากให้น้องโดดเรียนอยู่แล้ว ทั้งเรื่องของการติดหวัด เรื่องเรียน ยิ่งวันนี้มีสอบอีก ใช้ได้ที่ไหน เหลวไหลใหญ่แล้วเนี่ย

 

“แต่พี่ต้องสัญญานะครับ ว่าจะไปหาหมอ”

“อ๊ะเค”

“งั้นก็ได้ครับ”

 

บทสนทนาจบลงแค่นั้น ผมขอวางสายเพราะรู้สึกว่าคุยไม่ไหวแล้วจริงๆ ผมพักสายตาแล้วเอาโทรศัพท์วางไว้ข้างหมอน แล้วหลับครับ หลับไปประมาณสองชั่วโมงกว่า รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเพราะว่าโทรศัพท์ผมสั่นแล้วก็ร้องดังมาก เลื่อนๆมาดู ส่วนใหญ่เป็นพวกไลน์โฆษณาต่างๆ แล้วก็มีซุกซนนี่แหละ

 

ไลน์!

 

ซุกซน ใจทราม: งานมึงกูไม่ทำ แต่กาแฟมึงกูกินแทนแล้วนะ

ซุกซน ใจทราม: ส่งรูปภาพ*


 

รูปนั้นเป็นรูปใบหน้าทรามเหมือนจิตใจของซุกซนกินไปครึ่งเฟรม ชูสองนิ้ว พร้อมกับแก้วกาแฟบนโต๊ะครับ ใกล้ๆกันมีโทรศัพท์เครื่องหนึ่งวางอยู่ ซึ่งผมจำเคสได้ นั่นเครื่องของคุณเมฆอะ ไม่แฟร์เลย กาแฟแก้วนั้นควรจะเป็นของผมอะ ผมไม่ได้ให้เขามากินแทนสักหน่อย

 

Tanjai: นิสัยเสีย   ; (

 

ซุกซน ใจทราม : ว้ายๆๆๆๆๆๆๆ ป่วยก็อดไปนะจ๊ะน้องอ๊อง กาแฟฟรีจากสิทธิ์ 1 แถม 1 ด้วยเอ่าะ ว้ายๆๆๆ

Tanjai : ขอให้วันนี้งานเข้า

ซุกซน ใจทราม: ไม่แคร์ เพราะพรุ่งนี้มึงยุ่งกว่ากูแน่

 

ยิ่งคุยกับซุกซนยิ่งหงุดหงิดอะ ผมไม่ชอบเลยเวลาที่ซุกซนมาได้ของที่คุณเมฆควรจะให้ผมอะ แล้วผมก็หงุดหงิดคุณเมฆด้วย ไหนบอกจะเลี้ยงผมไง

 

Tanjai: ไม่อิจฉาหรอกนะ เราอยู่นี่ก็มีกาแฟกินเถอะ

 

ผมพิมพ์ไปแค่นั้น แกะแผ่นเจลลดไข้ที่อยู่บนหัวมาตั้งแต่เมื่อคืนออก แล้วติดแผ่นใหม่เข้าไป นี่คือไอเท่มคู่คิดมิตรคู่บ้านยามป่วยของผมเอง สะดวกสบายที่สุด ซึ่งเมื่อกลับมาก็เห็นว่าไลน์มีข้อความใหม่จากโจรปล้นกาแฟ

 

ซุกซน ใจทราม: เราอยากทานเหรอครับ?

ซุกซน ใจทราม: เอาไว้วันหลังนะ ตอนนี้ป่วยอยู่อย่ากินเลย

 

Tanjai: ซุกซนก็พูดได้นิ ขโมยของเรากินไปแล้วนี่

Tanjai: *สติกเกอร์ร้องไห้*

 

ซุกซน ใจทราม: อย่าร้องเลยนะครับ

ซุกซน ใจทราม: เราอยากทานอย่างอื่นมั้ย? เดี๋ยวซื้อเข้าไปให้

 

Tanjai: ไม่อยากกินอะไรเลย แต่ถ้ามีแซลม่อนจะกินก็ได้นะ 

ซุกซน ใจทราม: กินของดิบตอนนี้ไม่ดีหรอก โจ๊กแทนมั้ย?

Tanjai: เบื่อโจ๊กแล้ว กินจนแก้มเหลวหมดแล้ว ; (

 

ซุกซน ใจทราม: แต่ที่จับล่าสุดก็นุ่มดีนะ

 

ทำไมผมอ่านแล้วมันรู้สึกร้อนแก้มแปลกๆ นี่มันเหมือนไม่ใช่ยอดชายนายซุกซนคนเดิม

 

Tanjai: ก็ซุกซนอะ ใจทรามตลอด ชอบบีบเราแรง นิสัยเสีย

ซุกซน ใจทราม: ก็แก้มเรานุ่ม ยืดได้ด้วย

Tanjai: *สติกเกอร์หมีโกรธ*

 

ผมวางโทรศัพท์แล้วหลับตาเมื่อรู้สึกว่าตาล้าอีกครั้ง ไม่ชอบเวลาป่วยเลยอะ ปวดตัวปวดหัว แบบที่ยืนมองท้องฟ้าไม่เป็นเช่นเคย ฤดูร้อนไม่สบายเหมือนเก่า เหมือนตอนก่อนจะขาดเธอ แต่ตอนนี้ผมจะขาดใจแล้วครับ ดีที่ตัวไม่ร้อนเท่าไหร่ แค่รู้สึกเมื่อยๆ ผมว่าผมนอนพักอีกหน่อยดีกว่า

 

.

.

.

 

15.32 น.

 

หลังจากที่นอนไร้ประโยชน์มาทั้งวัน ตอนนี้ผมตื่นขึ้นมาแบบมึนๆ อึนๆ แล้วครับ ยังคงงงๆนิดหน่อย แต่ไม่อยากนอนต่อแล้ว มันน่าเบื่อง่ะ ร้อนด้วย เจลลดไข้หายเย็นหมดแล้ว เหงื่อออกเต็มหลังเลยด้วย ทั้งที่เปิดแอร์นอนแล้วแท้ๆ แย่กว่าพระอาทิตย์ก็ไข้นี่แหละ

 

ซึ่งเมื่อไม่มีอะไรจะทำแล้ว สิ่งที่ช่วยบรรเทาความเบื่อได้ดีที่สุดคือไถโทรศัพท์เนี่ยแหละครับ

 

ล้งเล้ง แม่ขายของเจ๊งเลยต้องมาสอนพิเศษ -- 10 minutes ago -- feeling annoyed

 

ปกตินั่งที่แม็คฯ อาทิตย์ที่แล้วรำคาญบางคนเลยยอมไปนั่งเคเอฟซีก็ยังจะเจอ วันนี้ไปกิน มอส เบอร์เกอร์ ก็ยังจะเจออีก เบื่อคนขี้ลอก!! รำคาญหน้าเว้ย!

Liked by ซุกซน ใจทราม, พ่อชื่อองแม่ชื่ออุ๋ม แต่ทำไมกูชื่อกึกก้อง,  and 51 others   23 comments



พ่อชื่อองแม่ชื่ออุ๋ม แต่ทำไมกูชื่อกึกก้อง : คัยทัมอันดัยกับออเจ้ารือเจ้าคร้าาาาาาา
                        ล้งเล้ง แม่ขายของเจ๊งเลยต้องมาสอนพิเศษ : เสือก!!! ออเจ้าอะไรมึง! ละครจบนานแล้ว!

               พ่อชื่อองแม่ชื่ออุ๋ม แต่ทำไมกูชื่อกึกก้อง : เสียจัย ทัมมัยหยกทัมกับกึกก้องแบบนี้ล่ะคร้าาาา

            ล้งเล้ง แม่ขายของเจ๊งเลยต้องมาสอนพิเศษ : เสือก!!! นั่นชื่อแม่กู!


 

น้องล้งเล้งรุ่นน้องผมเอง น้องดูเจอคนไม่ดีแฮะ แล้วอาจจะโดนรังควานหรืออะไรอยู่ก็ได้แฮะ ผมเคยมีนะตอนอยู่มหาลัยฯ เจอใครไม่รู้น่ากลัวทักแชทมาว่า ‘ทักครับ วันนี้น่ารักจัง’ แล้วก็อะไรก็ไม่รู้ น่ากลัวมากเลย โชคดีที่ช่วงนั้นน้องกายปิดเทอมเลยมานอนหอผม น้องกายบอกว่าคนแบบนี้เขาเป็นบ้าครับ ไม่รู้น้องผมทำยังไงแต่เขาก็หายจากชีวิตแล้วก็ไลน์ผมไปเลย ดีเหมือนกันแฮะ

 

ผมว่าผมต้องให้กำลังใจน้อง จะต้องทำให้น้องเข้มแข็งและผ่านสถานการณ์นี้ไปให้ได้ บางทีน้องล้งเล้งอาจจะเจอแบบผมตอนนั้นก็ได้นะ! เพราะน้องเป็นคนตัวเล็กมากเลยครับ แบบน่ารักมากๆ แต่เสียอย่างเดียวคือน้องชอบมาจิ้มแก้มผมนี่แหละถ้าตัวเล็กๆแบบน้องเจอโรคจิตแล้วผมว่าน้องต้องลำบากมากแน่ๆ

 

 ผมคิดอยู่นานมากเพราะไม่รู้ว่าจะพิมพ์อะไร แต่ผมว่าน้องล้งเล้งคงต้องการกำลังใจแน่นอน

 

15.42 น.

 

Tanjai Kraikiratikulchai : สู้ๆน้า T_T

 

รอไม่นาน น้องก็ตอบสเตตัสผมเหมือนกับว่ากำลังเล่นอยู่พอดี ผมยิ้มออกมาเล็กน้อย บางทีแค่การคุยกับคนที่เรารู้สึกดีด้วยก็ทำให้วันป่วยๆกลายเป็นวันที่ป่วยเหมือนเดิม แต่มีคนให้คุยลืมความป่วยนั้นไปนะครับ … เอ๊ะ สรุปมันยังเป็นวันที่ป่วยอยู่มั้ยนะ? แต่ช่างมันก่อน ตอบน้องก่อน

 

               ล้งเล้ง แม่ขายของเจ๊งเลยต้องมาสอนพิเศษ : พี่แทนใจจจจจจจจจจ คิดถึงงงงงงงงง

               ล้งเล้ง แม่ขายของเจ๊งเลยต้องมาสอนพิเศษ : พี่แทนใจมาหาผมที่มหาลัยบ้างสิ ตอนนี้ผมได้เอกอังกฤษแล้วนะ เพราะพี่แทนใจเลยนะ

            Tanjai Kraikiratikulchai : เก่งจังงงง สู้ๆน้า ;D

              Talay Thanop:


 

ผมเลิกคิ้วเมื่อเห็นคนชื่อ Talay Thanop มาเม้นใต้ข้อความที่ผมคุยกับน้องล้งเล้ง คนนี้คือใครอะ? เพื่อนล้งเล้งเหรอ? แล้วมาพิมพ์ ‘…’ ใส่ผมทำไมวะ งง

 

ในขณะที่ผมกำลังสงสัยอยู่นั้น ช่องแชทแฟสบุ๊คก็เด้งพอดี

 

15.50 น.

 

Mek Sitthikorn

แทนใจ

ห้องเราห้องไหน พี่จะเอาของมาฝากไว้กับนิติล่างหอน่ะ


 

ผมกะพริบตาอ่านอีกครั้ง เมื่อไม่แน่ใจว่าเพราะพิษไข้ทำให้เห็นอะไรแปลกๆ หรือเปล่า แต่เมื่อเขย่าโทรศัพท์สองสามครั้งก็เห็นเหมือนเดิม คุณ… เอ๊ย พี่เมฆทักผมมา? พี่เมฆมาหาผมที่นี่เหรอ??

 

Mek Sitthikorn

ขึ้นว่าอ่านแล้วนี่ไม่ได้หลับอยู่ใช่ไหม?

เห็นซุกซนบอกว่าเป็นไข้ไม่สบายหนักมากๆ ตอนนี้ดีขึ้นแล้วสินะ ถึงมาอ่านแชทได้เนี่ย

นิตินั่งทำหน้าดุใส่พี่อยู่เนี่ย

พี่เหมือนโจรเหรอ?

 

Tanjai Kraikiratikulchai :

พี่รอแป๊บ

อยู่ตรงนั้นนะ แป๊บนึง

 

Mek Sitthikorn

?

 

ไวกว่าความคิด ผมรีบกระโดดลงจากเตียง หยิบคีย์การ์ดแล้วพุ่งตัวไปที่ลิฟต์ ผมไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่ากลัวว่าคุณ … เอ๊ย พี่เมฆเขาจะกลับไปก่อนที่ผมจะลงไปถึง แล้วระบบรักษาความปลอดภัยที่นี่มันจะดีไปถึงไหน สแกนหลายขั้นหลายตอน เสียเวลาอะ กว่าจะออกไปข้างนอกได้ คุณ…เอ๊ย พี่เมฆกลับไปก่อนแล้วมั้ง

 

 

ดีที่ความกลัวของผมไม่เกิดขึ้นจริง เพราะคนใส่เสื้อเชิร์ตหน้าตาคุ้นเคยยังยืนอยู่ที่หน้านิติเหมือนเดิมครับ

 

“แทนใจ?”

 

“คะ… คุณเมฆ” ผมหอบหายใจเพราะรีบวิ่งลงมา กลัวเขากลับไปก่อนอะ ถ้าเขากลับไปนี่ผมขยับเท่ากับออกกำลังกายฟรีเลยนะเนี่ย “คุณเมฆ เฮ้ยไม่ใช่ พี่เมฆ ไปกันครับ”

 

“ไปไหน? ไปโรงพยาบาล?” คุณ… เอ๊ย พี่เมฆดูงงเมื่อเห็นหน้าผม คล้ายกับผมตอนเปิดข้อสอบวิชาเอกสมัยเรียนมหาลัยครับ หน้าผมเบลอๆแบบหน้าคุณพี่เมฆตอนนี้เลย

 

“ไปทำไมโรงพยาบาล” ผมพูดตอบคุณเมฆที่ยังไม่หายทำหน้าคนเปิดข้อสอบมาแล้วอ่านคำสั่งไม่ออก ซึ่งเป็นหน้าที่ผมทำทุกอาทิตย์เพราะตอนเรียนมีควิซทุกวีคเลยเว้ย บ้าเอ๊ย ทุกวันนี้ยังไม่รู้เลยว่ามีชีวิตรอดกลับมาได้ยังไง

 

 

“ถ้างั้น?”

 

 

“ไปห้องผมกัน”




 

 

------- 30% -------

 

มาช้าเพราะน้องแทนใจป่วยค่า *ยัดพาราเข้าปากตัวเอง*
ครึ่งหลังจะพยายามาให้เร็วที่สุดนะคะ นี่อยากแต่งทุกวันถ้าทำได้ แต่นั่นแหละ หัวหน้าไม่เข้าใจเลา #ล้องไห้



ปลล. มีคนถามมาหลายเสียงมากจากตอนที่แล้ว ว่าคุณปกป้องกับเด็กผีนี่จะมีเรื่องแยกมั้ย เราอยากเขียนนะคะ แต่ขอส่งน้องแทนใจให้เป็นฝั่งเป็นฝาก่อนนะคะ ยากเหลือเกิน น้องไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเเลยค่ะ 555555


สามารถคอมเมนต์ที่นี่ หรือที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ เหมือนเดิมนะคะ หรือยังไงทักเรามาได้ที่ @babybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH10: คุณเมฆ ขอซุกหน่อย [up! 100%] (23/04/18)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 01-05-2018 15:08:16
ว๊ายยยยยยย แทนใจคนใจง่าย~~~~
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH11: ที่จับก็นุ่มนะ [up! 30%] (01/05/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 06-05-2018 22:25:27
11th Monday
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 




“ปกติโปรเจคฯเลิกเร็วเหรอครับ?”
“ไม่นะ ก็เลิกเท่าออฟฟิศปกติ”
“งั้นทำไมคุณพี่เมฆออกมาได้ล่ะ นี่ยังไม่ 5 โมงเลยนะ?”


ผมถามตามที่ผมสงสัย ในขณะที่พยายามจะแตะคีย์การ์ดเข้าห้อง นี่ยังไม่ใช่เวลาเลิกงาน แล้วคุณพี่เมฆมาตรงนี้ได้ไงอะ?


ตามปกติบริษัทเราเข้า 9 โมงเช้า เลิก 5 โมงเย็นครับ ซึ่งน่าเบื่อมากเพราะไม่ว่าจะแตะบัตรเข้างานหรือตอกบัตรออกงาน เป็นเวลาที่รถติดทั้งนั้น ลองผมเป็น HR นะ ผมจะเสนอให้เข้างานบ่ายสอง ออกงานบ่ายสาม นี่ไง ลดปัญหาคนมาทำงานสายได้ด้วย เพราะเราจะเข้าออฟฟิศกันบ่ายครับ


ยังไม่ทันที่ผมจะได้คำตอบอะไรสักพักประตูก็เปิดออก แล้วห้องที่ยังไม่ได้เก็บกวาดของผมก็ออกสู่สายตาประชาชนชาวออฟฟิศที่ชื่อคุณพี่เมฆ มันไม่ได้รกเหมือนบ้านบอลที่ฝูงเด็กไปทำรกหรือโต๊ะทำงานซุกซน แต่มันไม่ได้เป็นระเบียบเท่าไหร่ คือมันเรียบร้อยได้มากกว่านี้น่ะครับ


“โห นี่ซื้ออะไรมาเยอะแยะเนี่ย”


ถุงที่เขาอุตส่าห์โทรมาบอกว่าจะฝากนิติอาคารเอาไว้ปรากฏสู่สายตาของผม คือของมันเยอะมากๆเลยครับ สามถุงใหญ่ได้มั้ง เยอะในเลเวลที่ผมว่าผมไม่ได้แค่เป็นไข้หวัดธรรมดาแล้ว ผมน่าจะผ่าตัดดูดไขมันที่แก้มออกนอนพักฟื้นที่ห้องสองเดือนก็ยังกินของเยี่ยมคุณพี่เมฆไม่หมดน่ะครับ


ว่าแต่แค่ดูดไขมันแก้มมันพักฟื้นนานขนาดนั้นมั้ย? มีแบบดูดเย็นวันศุกร์เช้าวันจันทร์ทำงานต่อได้เลยหรือเปล่า ถ้าเป็นแบบนั้นผมแอบสนใจครับ อยากทำแต่ป้ากๆคิมๆทั้งหลายไม่ยอมให้ผมดองอีเมลนานๆแน่นอน


“อ๋อ พี่ซื้อมากินเองอะ”


อ่าว แล้วเขาจะแบกมาหาผมทำไมอะ? 


ผมเงยหน้าที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามมองคุณพี่เมฆ ซึ่งตอนนั้นเองที่ได้รู้ว่าเขาแกล้ง เพราะไอ้คุณพี่เมฆกำลังยิ้มขำอยู่ ตลกอะไรอะ คนป่วยยังแกล้งได้ ใจร้ายมากๆ



“หลอกผมอะ”
“ก็เราไม่ยอมนอน ถ้าเราไปนอนพี่ให้กินหมดเลยเนี่ย”
“ผมไม่ใช่เด็กนะ”
“แต่ก็ไม่ยอมนอน”


คุณพี่เมฆเอามือจับแก้ม ซึ่งมันรู้สึกดีแปลกๆ อาจจะเพราะถ้าวัดไข้ปกติต้องใช้หลังมือแตนี่คุณพี่เมฆเอาฝ่ามือกุมแก้มผมไว้ข้างหนึ่ง วิธีนี้แปลกดี เหมือนจะทำให้แก้มผมอุ่นขึ้นอีกหน่อย แต่มันเป็นความอุ่นที่ดีจังเลย


“เนี่ยยังร้อนๆอยู่เลย ไปนอนไปแทนใจ”
 

ผู้บุกรุกห้องพูดแทรกความคิดผม แถมยังใจร้ายไล่ผมไปนอนในขณะที่ตัวเองเดินหอบถุงใบใหญ่เข้าครัวไป เจ้าของห้องผู้ยิ่งใหญ่อย่างผมที่เป็นพี่ชายน้องกายเดินตามไปด้วย เบื่อจะนอนแล้ว วันนี้นอนมาทั้งวันแล้ว อยากทำอย่างอื่นนอกจากนอนหลับกับนอนส่องเฟซบุ๊คคนอื่นบ้าง แต่จะให้ไปแสดงความยินดีที่เกาหลีรวมประเทศก็ดูจะยิ่งใหญ่เกินไป เอาเป็นแค่นั่งรอเลือกตั้งอยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน


“พี่ไม่แน่ใจว่าเราชอบทานผลไม้อะไร เลยซื้อมาแบบกลางๆก่อน”
“...”

ผมดูผลไม้กลางๆของเขา แล้วอะไรคือผลไม้กลางๆวะ มันมีผลไม้ข้างๆ หรือผลไม้ขอบๆด้วยเหรอ? ผมคิดในใจแล้วส่ายหัวเมื่อรู้สึกเองว่าความคิดแบบนี้มันแว๊บเข้ามาในหัวได้ไง ไร้สาระมากอะ รู้สึกเหมือนตัวเองคิดเหมือนซุกซน ซึ่งนั่นไร้สาระมากเลยนะ
 
“แอปเปิล ส้ม กีวี่ องุ่น กล้วย แล้วก็มีพวกน้ำผลไม้ พี่ไม่รู้ว่าแทนใจปกติทานน้ำอะไร—“
“ลาเต้”
“นอกจากลาเต้สิครับ เราป่วยอยู่นะ”
“ป่วยกับไม่ป่วยก็ดื่มน้ำวิธีเดียวกันนะคะ--- โอ๊ย เอ่บบบบบบบบบบบบ”  (“โอ๊ย เจ็บบบบบบบบบบบบบ”)

คุณพี่เมฆพูดต่อ แล้วเอามือยืดแก้มผม เจ็บบบบบบบบบบ ผมพยายามเอามือตีๆแขนคุณพี่เมฆเพียะๆ ซึ่งได้ผลเพราะเขาปล่อย น่าภูมิใจนะครับ ขนาดป่วยแรงยังเยอะ นี่ใคร! แทนใจพี่ชายน้องแทนกายเลยนะ!


Rrrr

ตอนที่กำลังสู้ด้วยคุณธรรมทั้งหมดที่มีเพื่อให้แก้มผมเป็นอิสระนั้น โทรศัพท์คุณพี่เมฆก็ดังขึ้นพอดี ทำให้เขาผละออกจากแก้มผมแล้วไปวุ่นวายกับโทรศัพท์บริษัทแทน ทำไมถึงรู้ว่านีเครื่องบริษัทน่ะเหรอ? ผมจำได้ครับ คุณพี่เมฆพกโทรศัพท์สองเครื่อง เครื่องสีขาวเป็นของส่วนตัวส่วนอีกเครื่องไม่ใช่


“สวัสดีครับคุณจักรเกษตร… ครับ …คุยได้ครับ ผมอยู่ออฟฟิศครับ”


โกหก! คุณพี่เมฆขี้โกหก!

แต่ผมเข้าใจนะ เพราะผมทำบ่อยมากครับเวลาที่สายแล้วในไลน์กลุ่มที่ทำงานถามว่าแทนใจอยู่ไหนแล้ว ซึ่งผมก็มักจะตอบว่าอยู่ข้างล่างออฟฟิศครับรอลิฟต์อยู่ ตอบบนมอไซต์นี่แหละครับ หนักสุดก็บอกว่าท้องเสียอยู่ห้องน้ำ แต่ไม่ได้บอกเขานะว่าห้องน้ำที่บีทีเอสสยาม ขอยามเข้าครับ


“เครื่องมันอาการเป็นยังไงบ้างครับ ที่มีปัญหาคือแค่ส่วนที่บอกมาใช่มั้ยครับ? ตรงเครื่องอื่นในไลน์ผลิตมีปัญหาอะไรมั้ยครับ?”


คุณพี่เมฆขมวดคิ้วท่าทางจริงจัง ผมเลยเงียบแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นแทน ห้องที่ผมอยู่ก็คอนโดธรรมดานี่แหละครับ แต่มีแยกโซนเป็นห้องครัว กับโซนห้องนอน ออกจากพื้นทีรับแขกด้านนอก น้องกายเป็นคนช่วยเลือก ส่วนคุณพ่อคุณแม่แล้วก็พี่รักคอยดูเรื่องทำเล สัญญา แล้วก็อื่นๆ ส่วนผมอะไรที่ทุกคนว่าดีผมว่าดีทั้งหมดเลยครับ


ตอนที่ผมเปิดปิดตู้เย็นอย่างไร้ประโยชน์เป็นรอบที่สามแล้วนั้น เลยคิดได้ว่าห้องมันออกจะเงียบไปหน่อย เพราะแขกไม่ได้ให้ความสนใจผมขนาดนั้น เรื่องในโทรศัพท์ของเขาดูท่าทางจะเครียด เพราะเขาปอกแอปเปิลไปครางตอบรับลูกค้า “ครับ ครับๆ ครับๆพูดต่อเลยครับ” เสียงจริงจังไปด้วย


“คุณจักรเกษตรลองปรับการตั้งค่าของเครื่องดูนะครับ”
“...”


คุณพี่เมฆพูดพร้อมกับล้างกีวี่ อะไรวะเมื่อกี้ยังเห็นปอกแอปเปิลอยู่เลย ทำไมมันเสร็จไวจัง ? นี่เชฟเมฆเหรอ? ไปแข่งทำอาหารมั้ยหรือยังไง ไม่ต้องเป็นแล้วโปรเจคฯ ไม่ต้องดูแลเครื่องจักร ไปดูแลกระทะกะละมังหม้อไหดีกว่า ไปเป็นคุณพี่เมฆกระทะเหล็ก!

 
“ครับ โอเค ตรงหน้าจอมันขึ้น alarm อะไรบ้างครับ?”
“...”


ผมมองอีกคนอย่างทึ่งๆ เขาคุยเรื่องงานเครียดๆไปพร้อมกับปอกกีวี่ได้ไงวะ? ลองเป็นผมนะมีดบาดนิ้วตั้งแต่เริ่มคิดที่จะคุยโทรศัพท์แล้วครับ แถมถ้าเป็นเรื่องงานนี่อย่าว่าแต่คุยพร้อมกับปอกผลไม้ แค่นั่งคุยเฉยๆผมก็ขอบายแล้วครับ คิดแล้วจะร้องไห้ พรุ่งนี้ต้องไปทำงานอีกแล้ว
 

“มันยังสรุปยากครับว่าปัญหามันจะมาจากตัวเครื่องหรือว่าตัวซอฟต์แวร์ เพราะต้องลองเช็กลงไปอีกครับว่าที่มันเกิด alarm ขึ้นนี่เพราะตัวซอฟต์แวร์มันมีปัญหา หรือตัว part บางส่วนเกิดพังหรือชำรุด เครื่องมันเลยโชว์ alarm ขึ้นมาน่ะครับ”


ตอนนี้คุณพี่เมฆแกถลกแขนเสื้อจัดผลไม้ใส่จานแล้วครับ พอผมจะไปช่วยก็โดนดีดเหม่ง ไรอะ! นี่ห้องผมนะ ครัวก็ครัวผม ผลไม้ที่คุณซื้อมาก็มาเยี่ยมผมไม่ใช่เหรอ?! แล้วมาถือวิสาสะดีดเหม่งผมได้ไงเนี่ย


“นอกจากที่เป็นอยู่นี่ เครื่องเคยมี alarm แบบนี้เกิดขึ้นมั้ยครับ?”


เขายังมีสติอยู่ตรงนี้มั้ย?


ผมคิดแล้วก็ลองไปโบกมือหน้าคุณพี่เมฆที่เหมือนกับจะขมวดคิ้วเครียดอยู่ เพราะถึงกับวางผลไม้มาใช้สมาธิคุยโทรศัพท์อย่างเดียว ผลคือเขาก็ตอบคนในโทรศัพท์ไปด้วย แล้วเอามือยืดแก้มผมไปด้วย บ้าเอ๊ย! คุณครูสมัยอนุบาลไม่บอกเหรอว่าอย่ารังแกคนป่วยน่ะ ห้ามเลยนะ!


ผมก็สู้สุดใจด้วยแรงชายชาตรีครับ ตีคุณพี่เมฆเพียะๆอย่างไม่ย่อท้อ! ปล่อยสิวะ ปล่อยนะ ปล่อยผม!


“โอเคครับ”


เขาเลิกดึงแก้ม แล้วเปลี่ยนมาเป็นลูบหัวผมแทน ฮือ ดีจัง ชอบมากเลยครับเวลาที่คุณพี่เมฆลูบหัวผมเนี่ย


“ยังไงคุณจักรเกษตรลองส่งรูปมาทางอีเมลผมนะครับ เดี๋ยวผมจะไปถามกับทางทีมเซอร์วิสให้ แล้วผมจะใส่คุณเอาไว้ใน cc ด้วยนะครับ เผื่อว่าทางนั้นตอบอะไรกลับมาแล้วผมไม่เห็น ทางคุณจะได้เห็นเลย ผมอาจจะต้องขออนุญาตเอาเบอร์ของคนที่อยู่หน้างานให้เขาไป เผื่อจะติดต่อนะครับ ...”


ผมฟังถึงแค่นั้นแล้วเดินออกมาเมื่อถูกคุณพี่เมฆไล่ออกไปจากห้องครัว เลยหนีไปนั่งอยู่บนเตียงเหมือนเดิม คือนี่เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่ามันเป็นห้องผมจริงๆ หรือเปล่า แต่เพราะผมขี้เกียจหาคำตอบของปริศนาธรรมนี้ (และคิดว่าไม่น่าจะสู้คุณพี่เมฆชนะ) เลยยอมถอยไปนั่งกอดผ้านุ่มบนเตียงแล้วไถมือถือไปด้วย


เอาจริง ตั้งแต่คุณพี่เมฆมาที่ห้องนี่ผมยังไม่ได้แตะมือถือเลยนะเนี่ย


16.30 น.


sky: พี่แทนใจครับ
sky: ผมสอบเสร็จแล้ว
sky: พี่แทนใจไปโรงพยาบาลหรือยังครับ?



น้องกายตรงเวลามากครับ เลิกสอบปุ๊บทักผมมาปั๊บเลย แต่ผมเข้าใจน้องนะ เราสองคนห่วงกันแบบนี้มากๆตั้งแต่เด็กแล้ว มีพี่แทนรักอีกคนหนึ่งด้วย เมื่อก่อนนี้ใครป่วยอีกสองคนแทบจะไม่อยากไปโรงเรียนเลย เฮ้อ พูดแล้วก็คิดถึงน้องกาย อยากกอดน้องกาย อยากกินเต้าฮวยด้วย อยากกินแซลมอนด้วย อยากเลือกตั้งด้วย

Tanjai: พี่หายแล้วครับน้องกาย
Tanjai: พี่ชายของน้องกายแข็งแรงจะตาย
Tanjai: *สติกเกอร์หมีชูนิ้วโป้ง*

sky: ผมไม่เชื่อพี่แทนใจได้มั้ยครับเนี่ย
Tanjai: ไม่เอาไม่คุยเรื่องป่วยแล้ว
Tanjai: สอบวันนี้เป็นไงมั่งครับ? น้องกายของพี่ทำได้หรือเปล่า?



หลังจากนั้นบทสนทนาของผมกับน้องก็เป็นเรื่องของการสอบวันนี้ครับ น้องบอกว่าน้องทำได้หมดยกเว้นวิชาภาษาอังกฤษ ซึ่งปกติผมจะคอยสอนน้องครับ แต่น้องผมหัวไวมากๆ พูดอะไรแป๊บเดียวรู้เรื่องเลยครับ ผมนี่คิดถึงสมัยเด็กเลย ถ้าผมหัวไวแบบนี้ตอนแอดมิชชั่นนี่ผมคงจะติดมหาลัยได้ง่ายๆแน่นอนครับ


ซึ่งปกติผมจะสอนน้องเอง แต่ตั้งแต่ผมทำงานเต็มตัวนี่เวลาสอนผมน้อยลงเยอะครับ ผมเลยให้น้องเรียนพิเศษกับติวเตอร์แทน


‘ก๊อกๆ’


“เข้ามาได้เลยครับ”


คุณพี่เมฆที่วางโทรศัพท์แล้วเดินเข้ามาพร้อมกับจานผลไม้ แล้วก็ข้าวต้มในถาดเดียว ผมนี่ตาโตเลยครับ กลิ่นมันหอมมากๆ ผมมัวแต่ป่วยจนผมลืมไปเลยว่าวันนี้ยังไม่ได้กินอะไรนอกจากโจ๊กกระป๋องใส่น้ำร้อนโง่ๆ พอมีอาหารกลิ่นยั่วยวนผมก็อดน้ำลายสอไม่ได้


“เรายังไม่ได้ทานอะไรนอกจากโจ๊กเลยใช่มั้ยเนี่ย?”
“คุณพี่เมฆรู้ได้ไงอะ!?”
“คุณพี่เมฆ?” อีกฝ่ายทวนสรรพนามพร้อมเลิกคิ้ว แล้วพูดเรื่องที่ค้างไว้ต่อ “ก็ไม่เห็นมีจานวางในซิงก์ แถมไม่ได้มีอะไรในถังขยะนอกจากโจ๊กคัพไง พี่เลยเดาเอาว่าเรายังไม่ได้ทานอะไรน่ะสิ น่าตีจริงๆ”


เลิกทำงานออฟฟิศ ไปเป็นนักสืบกระทะเหล็กมั้ย แบบสืบไปด้วยทำอาหารไปด้วยอะไรแบบนี้น่ะครับ   


“หอมจังเลย”


ผมพูดเมื่อมองถาดอาหารทีคุณพี่เมฆวางไว้ที่โต๊ะญี่ปุ่น ดีมากที่มันไม่ใช่โจ๊ก คนที่ป่วยแต่เริ่มจะหายแล้วไม่อยากกินโจ๊กหรอกครับ ผมอยากกินโจ๊กแค่ตอนเมาแล้วต้องการอะไรมาทำให้สร่างเท่านั้นแหละครับ


“เห็นเราชอบทานแซลมอน พี่เลยซื้อข้าวต้มแซลมอนมาให้”
“คุณพี่เมฆไม่ต้องก็ได้นะ ผมเกรงใจง่ะ”

“พี่จีบเราอยู่นะ ให้พี่ทำคะแนนหน่อยสิครับ”


แค่พูดอย่างเดียวไม่ต้องมองตาก็ได้มั้ย พอมองตาแล้วอมยิ้มนิดหน่อย แค่ทำแบบนี้แล้วทำไมหัวใจผมมันต้องกะยึกกะยักขนาดนี้ก็ไม่รู้


ไอ้คุณพี่เมฆ! ผมป่วยอยู่นะ ห้ามทำคนป่วยให้รู้สึกกะยึกกะยักสิ ห้ามเลยนะ!



------- 50% -------




สามารถคอมเมนต์ที่นี่ หรือที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ เหมือนเดิมนะคะ หรือยังไงทักเรามาได้ที่ @babybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH11: ที่จับก็นุ่มนะ [up! 30%] (01/05/18)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-05-2018 22:35:44
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH11: ที่จับก็นุ่มนะ [up! 30%] (01/05/18)
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 07-05-2018 04:58:10
 :z1: :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH11: ที่จับก็นุ่มนะ [up! 30%] (01/05/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 13-05-2018 13:43:43
11th Monday - 100%
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 


“เราอยู่คนเดียวเหรอ?”

“ใช่ครับ”

“ไม่เหงาเหรอ?”

“ม่ายยย”



ผมกำลังนั่งจัดการข้าวต้มแซลมอนของคุณพี่เมฆอยู่บนพื้นอย่างเชื่องช้า เพราะต้องคอยตอบคำถามโปรเจคฯขี้สงสัยที่ตอนนี้นั่งอยู่บนเตียง เขาไม่ได้มองผมกินเหมือนพระเอกหนัง แต่ตอนนี้เจ้าตัวกำลังเล่นโทรศัพท์มือถือไปด้วยคุยกับผมไปด้วยครับ



ผมเข้าใจนะ เพราะผมเองก็เป็นเหมือนกัน สมัยนี้คนติดมือถือครับ บางคนติดโซเชียล บางคนติดแฟน บางคนเล่นมุกมากๆก็เสี่ยงติดคุกได้ครับ อันตรายมากจริงๆเทคโนโลยีสมัยนี้



“เวลาว่างทำไรเนี่ย?”

“ผมเหรอ? ส่วนใหญ่ผมก็ไปหาน้องอะ”



ผมพูดแล้วตัดเนื้อแซลมอนขึ้นมากิน ถ้าไม่มีคุณพี่เมฆวันนี้โปรตีนเดียวที่ผมได้กินคือวิญญาณไก่ที่คนอร์เจียดเอาไว้ในคัพโจ๊ก หายใจแรงหน่อยก็ปลิวแล้วครับจากใจ แค่เขียนข้างๆให้รู้ว่ามีผงโปรตีนรสอะไรอยู่ในโจ๊กถ้วยนี้



“น้องชายที่ชื่อแทนกายน่ะเหรอครับ?”

“ช่ายยยยยย”



ผมหันไปมองหน้าเขาที่เงยหน้าจากโทรศัพท์บริษัท เราสองคนจ้องตากันสักพักแล้วผมรู้สึกเหมือนไข้กลับ หรือความจริงไข้อาจจะยังอยู่ที่เดิม แต่มันเหมือนกับจะหายไปแล้วแค่เหงื่อออกนิดหน่อยกับหน้าร้อนๆเล็กน้อย แต่ตอนนี้น่าจะร้อนมากๆแล้วครับ เพราะคุณพี่เมฆจะจ้องทำไมก็ไม่รู้อะ



ฮือ ร้อนไปหมดเลย ร้อนไปทั้งแก้มเลย



“ละ… แล้วคุณพี่เมฆอยู่กับใครบ้างครับ?”



ผมเปลี่ยนเรื่องเมื่อในหัวมีแต่คำว่า ‘ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี’ วนไปวนมาแบบไม่สะดุดเหมือนบีทีเอสประเทศไทยที่ชอบเสียตอนเช้าวันรีบๆ อันนั้นสะดุดบ่อยมากพอๆกับแอร์พอร์ตลิ้ง ช่างรถไฟไทยก่อน ตอนนี้ผมคิดอะไรไม่ออกแล้ว หน้าก็ร้อนอยู่นั่นแหละ มันร้อนจนผมรู้สึกว่าถ้าเอาไข่มาตอกบนแก้มผมคงเป็นไข่ดาวไหม้เลยครับ เลยจุดไข่สุกไปแล้ว เพราะความร้อนมากเกินไป เกรียมเรียบร้อย




“ที่บ้านพี่มีพี่ ติ๊กต่อก … ถ้าเราจะนับเป็นคนน่ะนะ”



คุณพี่เมฆนับนิ้ว ตอนนี้ผมขึ้นมานั่งบนเตียงกับเขาเพราะหลังจากผมทานเสร็จ เขาก็ตบข้างเตียงปุๆ พร้อมกับสายตาแบบนั้น แบบที่ทำให้ผมยอมทำตามที่เขาต้องการ (ถ้าผมเข้าใจถูกต้องว่านั่นคือสิ่งที่เขา ต้องการ) โดยไม่สามารถประท้วงอะไร



“งั้นคุณพี่เมฆไม่เหงาเหรอครับ? ติ๊กต่อกก็พูดไม่ได้นี่นา?”

“พี่ชินแล้วน่ะ อยู่มาตั้งแต่เด็กๆแล้วบ้านนี้”

“โหย งั้นพี่ก็อยู่กับพ่อแม่พี่น้องใช่มั้ยครับ แบบครอบครัวใหญ่ใช่เปล่า?”



ผมนึกถึงตอนที่อยู่บ้านคุณพ่อด้วยกันทั้งห้าคนครับ ที่มีพ่อแม่แล้วก็พวกเราสามพี่น้อง คิดถึงจังเลย ตอนนั้นบ้านไม่เงียบเลยครับ เพราะคนเยอะมากๆ แถมตอนนั้นเรามีสวนในบริเวณบ้านด้วยครับ เล่นกันสนุกเลย ใช้พื้นที่คุ้มครับ ยิ่งพื้นที่เยอะ ยิ่งเลอะประสบการณ์



“พี่… เป็นลูกคนเดียวน่ะครับ”



ชั่วขณะหนึ่งผมเหมือนรู้สึกว่าคุณพี่เมฆนิ่งไป เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ซึ่งผมเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมรู้สึกแบบนั้น ทั้งที่รอยยิ้มยังอยู่ที่เดิม แต่เหมือนเขา…กำลังคิดอะไร



ถึงจะรู้สึกไม่ชิน แต่คุณพี่เมฆหล่อมากเลยอะ โคตรน่าอิจฉา ตอนที่ผมกำลังประมวลผลจะดูเท่แบบนี้บ้างมั้ย ทดไว้ในใจก่อนเดี๋ยวไปถามน้องกายทีหลัง



ไลน์!



ซุกซน ใจทราม: …

ซุกซน ใจทราม: เวนเอ๊ย

ซุกซน ใจทราม: สาบานเลยว่าจะไม่ให้เฮียแม่งจับมือถืออีก ไอ้สัด ใช้รูปคนหล่อขนาดนี้พิมพ์อะไรอย่างงี้ออกมาได้ไง

ซุกซน ใจทราม:  แทนใจ มึงลบแชท กูทนไม่ได้! กูทนเห็นสิ่งที่มันค้างอยู่ในแชทกูไม่ได้

ซุกซน ใจทราม: ตอนกูจีบแฟนกูก็ใช้โทรศัพท์ตัวเองนะ

ซุกซน ใจทราม: ใช้รูปกูพูดครับ? กับไอ้อ๊อง? ไม่โอเคเว๊ยยยยยยย

ซุกซน ใจทราม: ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก



ผมมองไลน์เพื่อนร่วมงานอย่างไม่เข้าใจ ซุกซนพูดอะไรวะ ทำงานจนเป็นบ้าก็ลองไปทำอย่างอื่นดูบ้างก็ได้ อย่างเช่นทำตัวมีสาระบ้าง หรือทำงานอย่างอื่นจะได้ไม่ต้องมาขโมยกินกาแฟของชาวบ้านเขา ใช่! กาแฟ!!



ผมยังเซ็งอยู่เลยนะที่ซุกซนถ่ายรูปกาแฟมาอวดง่ะ ฮึ่ย ขี้แย่ง!



“แทนใจเป็นอะไรทำไมอยู่ดีๆทำหน้างอ?”



ผมมองคุณพี่เมฆที่ทำหน้าหล่ออยู่ข้างๆ นี่ก็อีกคน เลี้ยงอะไรไม่ดูเลย นั่นไม่ใช่ผมนะ ไหนบอกชอบผมไง ชอบผมก็ห้ามเอากาแฟผมไปให้ซุกซนกินสิ! ห้ามนะ!



“ผม… ฮื่อ มันแค่แบบ” ถ้าพูดไปแล้วมันจะดูเห็นแก่กินมั้ยอะ แต่มันของผมอะ กาแฟแก้วนั้นคุณพี่เมฆสัญญาแล้วว่าจะให้ผมกินนี่



“แบบ?”



ผมก้มหน้าลงมองมือสองข้างทั้งที่ไม่ได้เกิดประโยชน์แล้วก็ไม่รู้ว่าจะมองมันทำไม แค่รู้สึกว่าถ้าบอกเหตุผลที่คิดไว้กับคุณพี่เมฆไปมันจะดูขี้งกมั้ยอะ ดูตะกละด้วย แต่ไม่ชอบจริงๆนะ มันควรจะเป็นกาแฟของผมสิ ไม่ใช่ของคนอื่น ถึงแม้คนนั้นจะเป็นซุกซนก็เถอะ



“พี่รอฟังอยู่นะครับแทนใจ”



คุณพี่เมฆขี้โกง เล่นมาใช้เสียงนุ่มๆพูดแบบนี้แล้วผมจะอมความลับนี่เก็บไว้คนเดียวได้ไงกันเล่า!



“ก็คุณพี่เมฆอะ เลี้ยงกาแฟซุกซนทำไมเล่า”

“หืม?”

“วันนี้้ไงที่คุณพี่เมฆเลี้ยงซุกซนอะ มันถ่ายรูปมาอวด”

“ครับ?”

“ทำไมถึงไม่รู้เรื่องเลยเล่า เป็นโปรเจคได้ยังไงกันเนี่ย?”



ผมพูดอย่างหงุดหงิดเมื่อคุณพี่เมฆทำหน้าสงสัย คือเขาไม่ได้ทำหน้างงเหมือนซุกซนตอนที่คุณกฤติเรียกถามในห้องประชุมนะครับ แต่มันเป็นหน้าแบบเหมือนรอให้ผมพูดต่อ ได้! ผมพูดต่อก็ได้



“ก็บอกไว้ตอนเอาท์ติ้งว่าจะเลี้ยงกาแฟผมไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่เลี้ยงผมล่ะ ไปเลี้ยงซุกซนทำไม”

“...”

“กาแฟของคุณพี่เมฆเป็นของผมนะ ห้ามเลี้ยงคนอื่นนะ ซุกซนก็ห้าม”



   ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบเมื่อผมพูดจบ คุณพี่เมฆนิ่งไปเลยครับเหมือนกับโทรศัพท์ที่ชาร์ตไว้แต่ไม่ได้เสียบปลั๊ก มันถูกหรือเปล่าวะที่พูดออกไปแบบนั้น ดูขี้งกเกินไปหรือเปล่า เขาจะเลิกเลี้ยงกาแฟผมมั้ย แล้วผมจะต้องจ่ายค่าผลไม้ที่เขาซื้อมาคืนหรือเปล่า ผมจ่ายได้นะแต่ต้องขอต่อรองเป็นสิ้นเดือน เงินเดือนของเดือนนี้หมดไปนานแล้วอะ



   “แทนใจ”

   “ครับ?”



   ผมมองหน้าคุณพี่เมฆที่ตอนนี้มองหน้าผมนิ่งๆ เขายังนิ่งอยู่เลย หรือคุณพี่เมฆแบตหมดไปแล้วจริงๆผมก็ไม่ค่อยแน่ใจ แต่ก่อนที่จะผมจะได้พูดอะไร คุณพี่เมฆก็เอื้อมมือมาบีบแก้มผม แบบยืดด้วย นี่แก้มคนป่วยนะ ไม่ใช่โมจิ! ห้ามยืด!!



“ทำไมแก้มเรานุ่มจังเลย”

“อะไรอะ--- อ่อยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” (ปล่อยยยยยยยยยยยยยยยยยยย)

“แต่แก้มยังอุ่นๆอยู่เลย แดงด้วยเนี่ย แสดงว่ายังไม่หายสินะ”

“อ่อยอิ่อุนอี้เอ้ก อ่อยอ๋มมมมมมมมมม” (“ปล่อยสิคุณพี่เมฆ ปล่อยผมมมมมมมมมม”)



อย่าให้ต้องใช้กำลังนะ! เตือนในใจแล้วด้วยนะ! ไม่ฟังกันใช่มั้ย!



ผมต่อสู้อีกครั้งด้วยพละกำลังที่มีด้วยการตีคุณพี่เมฆเพียะๆ ทำไมไม่ปล่อยสักที ปล่อยนะ ปล่อยแก้มผมสิ อย่าทำผมนะผมมีน้องต้องเลี้ยง ห้ามรังแกคนป่วย ปล่อยสิวะ!



“มาบีบแก้มผมทำไมเนี่ย!”



ผมลูบแก้มตัวเองพลางมองคุณพี่เมฆที่ยิ้มกว้างกว่าเดิมนิดหน่อย เขาไม่ตอบคำถามผม แต่กลับพูดเรื่องอื่นแทน

 

“แทนใจไม่ต้องอิจฉานะ กาแฟแก้วนั้นมันเป็นสิทธิ์ 1 แถม 1”

“ไม่ได้อิจฉานะ!! ผม…ผมแค่ไม่ชอบนิดหน่อยเอง”



เนี่ย! เพราะเขาชอบมองเหมือนกับเอ็นดูผมมากๆ เลยทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็กตัวเล็กตลอดเวลาที่อยู่กับเขา ทั้งที่ความจริงผมโตแล้วนะ เลี้ยงน้องได้แล้วด้วย เลือกตั้งได้อีกต่างหาก เก่งใช่มั้ยล่ะ



“ซุกซนได้แค่กาแฟ แต่เราได้คนเลี้ยงกาแฟเลยนะ”




ผมว่าผมเริ่มอยากไปหาหมอแล้วครับ ไข้กลับแน่ๆ ทั้งหน้าร้อน ทั้งหัวใจกะยึกกะยัก ทุกอย่างดูเมาไปหมดทั้งที่ผมกินแค่ข้าวต้มปลาแซลมอน หรือมันเป็นข้าวต้มปลาแซลมอนที่ต้มกับเหล้าขาว ต้องใช่แน่ๆ บ้าไปแล้ว บ้าไปหมดแล้ว ไอ้คุณพี่เมฆ ไอ้บ้า ฮือ



“เงยหน้าสิ เลือดตกหัวหมด ดูสิแก้มแดงกว่าเดิมแล้วน่ะ”

“ก็คุณพี่เมฆอะ! ดูพูดเข้าดิ!”



ในที่สุดผมก็ยอมเงยหน้าขึ้นไปสบตาเขาอีกครั้ง แล้วก็ค้นพบว่ามันเป็นความคิดที่ผิด ผิดมากๆ ผิดกว่าที่คิดว่าตัวเองอาจจะเรียนเลขได้เลยเลือกเข้าศิลป์คำนวณอีก อยากจะแก้ตัวด้วยการก้มหน้ากลับไปอีกครั้ง แต่สายตาคุณพี่เมฆทำให้ผมไม่กล้าที่จะก้มเลยครับ ได้แต่มองหน้าเขาอยู่แบบนั้น



หล่อจัง คนอะไรวะโคตรเท่เลย ถ้ามีภาษีคนหล่อนะ ผมว่าคุณพี่เมฆหมดตัวแน่ๆ



“อยากหายไข้ป่าว?”

“ครับ?”



ผมหลุดออกจากภวังค์การมองหน้าเขาเพราะคำถามอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยของผู้บุกรุกห้อง



“ผมว่าผมไม่ได้ป่วยมากแล้วนะครับ”

“แต่แก้มก็ยังแดงอยู่” เขาเอามือมาจับแก้มผมอีกแล้ว รอบนี้ประคองแก้มผมด้วยสองมือเลย ชักเริ่มสงสัยแล้วนะว่าแก้มผมมันนุ่มขนาดนั้นเลยเหรอ

“เนี่ยยังอุ่นๆอยู่เลยด้วย”

“คุณพี่เมฆเล่นพูดมาแบบนี้ แล้วผมจะปฏิเสธยังไงล่ะครับ”



อีกคนหัวเราะนิดหน่อย เหมือนกับว่าผมเล่นตลกหกฉาก หรือผมหน้าเหมือนโก๊ะตี๋วะ อาจจะโน้ตอุดมก็ได้ ผู้ชายที่ถือไมค์พูดคนเดียวเป็นชั่วโมง แต่ผมว่าผมไม่ได้พูดมากขนาดนั้นนะ ไม่มีไมค์ด้วย ไม่มีเงินด้วย ไม่สบายด้วย ชีวิตเศร้ามากๆ



“ถ้าอยากหาย เราก็ส่งต่อหวัดของเรามาให้พี่สิ”



“ผมไม่ได้โง่นะ คุณพี่เมฆจะหลอกจูบผมเหรอ?”

“...”

“ผมก็อยากจูบคุณนะ แต่ถ้าคุณติดหวัดขึ้นมาแล้วจะทำไงอะ? งานผมนั่งในออฟฟิศแต่ของคุณต้องไปหน้าไซต์งานลูกค้าไม่ใช่เหรอ? ถ้าไปเป็นลมเป็นแล้งใส่ลูกค้าขึ้นมา---”



ผมพูดได้แค่นั้นคุณพี่เมฆก็เชยคางผมขึ้นไปประกบปากด้วยเฉยเลย มันดีมากเลยอะ ทั้งที่เราจูบกันใช้แค่ปากแต่ผมกลับรู้สึกตึกตัก มันหนักกว่ากะยึกกะยักอีกนะ มันตึกตักตึกตัก แล้วก็ร้อนไปหมด ตั้งแต่ปลายผมสิบห้าเซ็นจรดปลายนิ้วที่แตะอยู่บนหน้าอกคุณพี่เมฆเลย



เพิ่งสังเกตเหมือนกันว่าตอนนี้มือผมวางอยู่บนหน้าอกเขา ในขณะที่มือคุณพี่เมฆมาอยู่ที่หลังผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้  ผมกับเขาจูบกันอยู่แบบนี้สักพัก จนผมเริ่มจะเมาคุณพี่เมฆนั่นแหละ เขาถึงได้ยอมละออกมา



“ฮื่อ ถ้าติดหวัดขึ้นมาจะทำยังไง”

“ไม่ติดหรอก”

“รู้ได้ไงอะ? ชาติที่แล้วเกิดเป็นไวรัสเหรอครับ”

“กวนนะเรา” เขากระซิบชิดริมฝีปากผม เราอยู่ใกล้กันมากจนผมนึกดีใจที่แค่เป็นไข้ ไม่ได้มีอาการจามร่วมด้วย ไม่งั้นระหว่างเราคงจบไม่สวยแน่ๆ

“พี่แข็งแรง”

“ไม่เชื่อ”

“งั้นก็คงต้องมาลองจูบไปเรื่อยๆแล้วแบบนี้”




เป็นคำพูดที่ไม่น่าเชื่อถือ ที่น่ารักที่สุดที่ผมเคยได้ยินมาเลยล่ะ




.
.
.




   “ปากเปื่อยแล้วคุณ”

“เรียกคุณได้ไง บอกให้เรียกพี่ มาทำโทษอีกที”

“ฮือ พอก่อน”




ตั้งแต่เมื่อกี้ ผมกับคุณพี่เมฆก็ยังจูบกันอยู่เลยครับ แต่เมื่อนั่งอยู่อย่างงั้นมันเริ่มเมื่อเขาเลยยกตัวผมขึ้นไปไว้ข้างบนตักแล้วเราก็จูบกัน จูบกันอยู่แบบนั้น ถ้ามีใครสักคนผละออกไปก่อนอีกคนก็จะเว้นจังหวะหายใจให้สักครู่แล้วก็ก้มลงไปจูบใหม่ นี่ถ้าคุณพี่เมฆเป็นผูคุมเวิญญาณนะ ผมคงจะตายไปนานมากแล้วแน่ๆเลย



“เราไม่ชอบจูบกับพี่แล้วเหรอครับ?”

“ไม่ใช่สักหน่อย มั่วแล้ว”



ผมเอียงคอเมื่อเขายึดเอวผมไว้แล้วก้มลงไปกัดคอผมแทนที่จะเป็นจูบเหมือนเมื่อครู่ มันเจ็บๆนิดหน่อยจนผมตีเพียะๆแบบนั้นเขาถึงได้เหลือแค่การจุ๊บเบาๆแทนการดูดการกัดเหมือนเมื่อครู่ นี่คุณพี่เมฆหิวหรือไงดูดเอาดูดเอา บ้าไปแล้ว



“งั้นแปลว่าเราชอบจูบกับพี่เหรอครับ?”

“จั๊กจี้อะ ไม่พูดตรงนั้นสิ”

“อย่างงี้เหรอครับ?”

“ไม่แกล้งงง”



ผมหัวเราะเมื่อคุณพี่เมฆเอาแต่แกล้งพูดกระซิบตรงไหปลาร้าผม มันทำให้ผมจั๊กจี้อะ แต่ถามว่าดีมันดีมั้ย มันดีสุดๆไปเลยล่ะ ดีจังแต่พอคิดว่าเขาแกล้งผมแล้วอาจจะติดหวัดมันก็ดีน้อยลงมานิดหน่อย แต่ก็ยังดีมากๆอยู่ดี



‘ตุ๊บ!’



เฮือก!



เราสองคนผละออกจากกันทันทีที่ได้ยินเสียงเหมือนของตกอยู่ข้างนอก ทั้งผมทั้งคุณพี่เมฆต่างเงียบกันหมด คนที่อายุมากกว่ามีรอยขมวดคิ้วบนใบหน้า พลางจ้องมองไปที่ประตู ส่วนผมก็ยังนั่งอยู่บนตักเขาอยู่ แต่มองหน้าคุณพี่เมฆแทนประตู



“นั่นเสียงอะไร?” 

“มาถามผมแล้วผมจะไปถามใครเนี่ย”

“ก็เราเป็นเจ้าของห้อง พี่ก็ต้องถามเราสิ” คุณพี่เมฆพูดกับผม เขานิ่งไปพักนึงแล้วก็พูกเรื่องต้องห้ามขึ้นมา “เราอยู่คนเดียวใช่มั้ย?”



“...คนเดียวครับ”




ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ฉิบหาย ใครอะ?! อะไรวะ? ผมเริ่มตัวสั่นเมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ล้านแปดแสนเก้าที่อาจจะเกิดขึ้นจากเสียงนั่น มันใกล้เกินกว่าที่จะเป็นเสียงของอาคารหรือแม้กระทั่งห้องข้างๆ เฮ้ย… แล้วห้องข้างๆผมมีคนอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้



ไม่เอาอะไรผีๆแล้วนะ แค่ตอนเอ้าท์ติ้งนี่ก็ไข้ขึ้นยังไม่ลงเลยเนี่ย



มือที่ตอนแรกวางบนอกเขาหลวมๆตอนนี้กำเสื้อคุณพี่เมฆแน่นเลยครับ กลัวอะ ไม่อยากรู้เลย แถมนี่คือห้องของผมไง ห้องผมเอง ห้องที่ผมอยู่ทั้งวันและจะอยู่ต่อไปอีกหลายปี แต่ความกลัวลดลงไปครึ่งหนึ่งเมื่ออยู่บนตักของคุณพี่เมฆ …



ฉิบหาย คุณพี่เมฆจะลุก!!!



“คุณพี่เมฆ! จะไปไหน?!”



ผมจะยึดพื้นที่คืนเมื่อคุณพี่เมฆทำการกวาดผมลงไปจากตักไปกองอยู่บนเตียง เฮ้ย ไม่เอาอะ ไม่ไป กลับมาก่อนดิเฮ้ย ห้ามเทกันสิ บอกจะจีบกันก็ห้ามทิ้งผมสิวะ!



“ไปดูข้างนอกไง เผื่อมีอะไร”

“ไม่ต้องไปหรอก อยู่กับผมเถอะนะ”

“แป๊บเดียวครับ ไม่ต้องกลัวนะ”

“ไม่ได้กลัว… แค่ไข้ผมยังไม่หมดเลย มาเอาไข้ผมไปอีกสิ นะครับนะ”

“...”

“อยู่กับแทนใจนะครับคุณพี่เมฆ อย่าออกไปนะ อย่าทิ้งแทนใจไว้คนเดียวเลยนะ”



“เรานี่ จริงๆเลย”



คุณพี่เมฆพูดแค่นั้นแล้วยอมนั่งลงบนปลายเตียงข้างผมที่ถูกเขากองเอาไว้ แล้วดึงเข้าไปกอด ซึ่งผมเองก็กอดกลับ เราอยู่กันแบบนั้นโดยไม่จำเป็นต้องมีคำพูดอะไรทั้งนั้น




ถ้าป่วยแล้วได้คุณพี่เมฆมาอยู่ด้วยแบบนี้ ป่วยบ่อยๆก็ดีเหมือนกันแฮะ



------- TBC -------


สามารถคอมเมนต์ที่นี่ หรือที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ เหมือนเดิมนะคะ หรือยังไงทักเรามาได้ที่ @babybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD
[/color]
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH11: อยากหายไข้ป่าว? [up! 100%] (13/05/18)
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 14-05-2018 09:06:37
 o18 o18 o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH11: อยากหายไข้ป่าว? [up! 100%] (13/05/18)
เริ่มหัวข้อโดย: nittanid33333 ที่ 14-05-2018 19:59:39
 :hao7: คุณพี่เมฆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH11: อยากหายไข้ป่าว? [up! 100%] (13/05/18)
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 14-05-2018 20:52:56
พี่เมฆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH11: อยากหายไข้ป่าว? [up! 100%] (13/05/18)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 14-05-2018 22:04:06
แทนใจอ้อนน่ารักน่าชังจริงๆ
แทนกายต้องมาเห็นแน่ๆ เป็นเรื่องชัวร์เลยพี่เขย
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH11: อยากหายไข้ป่าว? [up! 100%] (13/05/18)
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 14-05-2018 22:16:32
แทนใจสายอ้อ(ย)​น :laugh:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH11: อยากหายไข้ป่าว? [up! 100%] (13/05/18)
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 15-05-2018 00:47:18
แหมมมมมม แทนใจ ไม่อ้อนเท่าไรเลยเนอะ

ว่าแต่นั่นน้องแทนกายหรือเปล่านะ?
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH11: อยากหายไข้ป่าว? [up! 100%] (13/05/18)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-05-2018 00:58:54
 :katai2-1:

จ้าาาาาาาาราาาาาาราาาาา
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH11: อยากหายไข้ป่าว? [up! 100%] (13/05/18)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 15-05-2018 11:17:57
คุณพี่เมฆ กะยึกะยัก ตึกตักตึกตัก อะเน้ออออออออ
หมั่นไส้แทนใจขึ้นมา +1 เลยที่เดียว 555555
แต่ว่าคนข้างนอกคือแทนกายรึเปล่านะ??
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH11: อยากหายไข้ป่าว? [up! 100%] (13/05/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 20-05-2018 20:17:21
12th Monday - 50%
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 



วันจันทร์อีกแล้ว

วันนี้ชีวิตผมก็แบบเดิมครับ ตื่นเช้าอย่างขี้เกียจ พยายามจะรอรถเมล์ที่ไม่มาสักทีจนสาย เลยต้องนั่งแกร็บไบค์ ที่ขับเร็วจนหน้าชา แต่นั่นยังไม่เท่าที่คนขับแกร็บไบค์พยายามเล่าชีวิตของตัวเองให้ผมฟังตอนแปดโมงเช้าวันจันทร์
“น้องรู้มั้ย พี่ผ่านอะไร---บยหาเบหยาเบยหาเบยหา”
“ครับ?”
“ชีวิตพี่อะ มัน---หบเ่ฟบย่เฟยบาเบฟาบเฟ”

ผมไม่ได้ยินอะไรเลย แต่พี่เขาดูตั้งใจพูดมากครับ ขนาดว่าแทบจะหันมาทางผมทั้งหัว ผมนี่ต้องคอยดูทางให้เขาแทน เพราะพี่แกร็บไบค์มัวแต่คอยจะหันมาคุยกับผมครับ ก็พอเข้าใจว่าพี่เขาอาจจะเหงา เพราะเขาบอกผมว่าเขาขับแกร็บไบค์ทั้งวันเลย แต่เชื่อเถอะว่าการหันมาคุยกับผู้โดยสารที่มีลมตีอัดหน้านี่ไม่วิธีที่ดีเลยจริงๆนะ

ถ้าลมจะตีหน้าขนาดนี้ พี่เขียนเป็นรายงานแล้วเอามาให้ผมอ่านทีหลังก็ได้นะครับ

“เมื่อก่อนนะ พี่อะ ฟาเ่ฟยนเ่ยฟ่เนยฟ่เยนฟ่เยนฟ่เยนฟ่เนยฟ่ยนเ่ฟ”
“อ่า…”
“พี่ก็เลยมาขับแกร๊บ เมียเก่าพี่อะ ฟยฟ่เนยฟาเบยฟ่เยาฟบเาฟบเาฟเบฟสเบฟเฟ”
“ครับ”
“ถึงพี่จะเจอมาขนาดนั้น” รถมันติดไฟแดงพอดี ผมเลยยิ้มแหยๆให้พี่แกร๊บที่หันมามองหน้า “แต่ชีวิตพี่ก็ไม่ย่อท้อ! เพราะท้อมีไว้ให้ลิงกินแค่นั้น ไม่ใช่ให้เราเก็บ! ฮ่าๆ!!”
“...โอเคครับ”
“น้องอะยังเด็ก ชีวิตยังต้อง ยหบาเบยหาเบยฟหาเบยฟาเบยฟายบฟาบเฟย”
“...”
“ทุกอย่างที่น้องจำเป็นต้องมีในชีวิตคือ หเ่ฟสเ่ฟส่เฟยน่เยฟาเยฟาบฟาเยาบฟาเ”
“ครับ”

หลังจากนั้นคุณคนขับแกร็บไบค์เขาก็พูดแข่งกับลมมาตลอดทาง ส่วนผมก็พยายามสวดมนตร์อยู่ในใจขอให้เขามองทางบ้าง ไม่ใช่มองแค่หน้าผม คือผมเข้าใจว่าการสบตาคู่สนทนาเป็นมารยาทที่ดี แต่การมองหน้าผมพร้อมคำพูดขณะที่ขับมอเตอร์ไซค์ไปด้วยนี่ อย่างน่ากลัวครับ



8:40 น.

ผมเดินหน้าบึ้งมายืนรอลิฟต์ร่วมกับประชากรตึกอีกหลายสิบคน วันนี้แถวยาวอีกแล้ว ผมเบะปากหนักขึ้นเมื่อเห็นถึงความวุ่นวายที่เกิดในวันจันทร์ ไม่เข้าใจทำไมคนต้องเยอะอยู่วันเดียว ทำเหมือนว่าทั้งเดือนทำงานกันแค่วันจันทร์ พออังคารลาออก พุธสมัครใหม่ พฤหัสฯสัมภาษณ์ ศุกร์เซ็นสัญญา วันจันทร์หน้าก็มาทำงานใหม่วนลูปงี้เหรอ บ้าไปแล้ว



8:45 น.

ผมเริ่มมองซ้ายมองขวาเมื่อแถวรอลิฟต์มันดูเหมือนจะไม่ขยับเลย เกิดไรขึ้นอะ? นี่ผมมีประชุม 9 โมงเช้านะ ผมสามารถเรียกทนายได้มั้ย แล้วถ้าทนายผมเป็นผู้หญิงเรียกทะนางสาวได้หรือเปล่า อ่าว ออกนอกทะเลอีกแล้ว ตกลงวันนี้ผมจะได้ขึ้นไปประชุมมั้ยเนี่ย

“เมื่อกี้ฉันไปถามยามมา ลิฟต์เสียว่ะแก”

ในตอนที่ผมกำลังจะไลน์ไปฟ้องซุกซน ผู้หญิงข้างหน้าผมเดินมาคุยกับอีกคน ขอบคุณมากที่รายงานสถานการณ์บ้านเมืองให้ฟัง ไม่งั้นผมคงได้แต่มองซ้ายมองขวาหาตัวช่วยอยู่แบบนี้ หรือไม่อีกทีผมอาจจะลาป่วยแล้วกลับห้องนอนเลยครับ เฮ้ย ไม่ได้ เพิ่งจะลาป่วยจริงไปนี่นา ลาป่วยการเมืองตอนนี้ไม่ได้

“อีกแล้วเหรอ? เช้าวันจันทร์เนี่ยนะ?!”
“ใช่ ตอนนี้ลิฟต์ใช้ได้อยู่แค่ตัวเดียว”
“โอโหแล้วดูแถวลิฟต์ตัวเดียวกับคนไปทำงานหลายสิบในเวลาพร้อมกัน สายแน่ๆฉันวันนี้”

ครับ ผู้หญิงข้างหน้าพูดแทนใจผมไปหมดแล้ว

ไม่ต้องดูไพ่ยิปซีผมคนนี้ก็รู้ถึงลางร้าย สายแน่ๆครับแบบนี้ ขนาดปกติที่ลิฟต์ใช้งานได้ครบผมยังแทบเอาตัวไม่รอด นี่ดันเหลือใช้ได้แค่ตัวเดียว จบแล้วชีวิตผม คุณกฤติเด็ดหัวผมแน่ๆ เราเสียค่าแกร็บไบค์ทำไม ถ้าจะมาสายอยู่ใต้ตึกเนี่ย!
น่าเบื่ออะ วันจันทร์นี่ทุกอย่างน่าเบื่อไปหมดเลย

8:50 น.

Sale Co Team (18)
คุณกฤติ: ลิฟต์เสียใช่มั้ยครับ?
คุณกฤติ: วันนี้ผมให้สายได้
คุณโน้ต มาเลเซีย: *รูปภาพสวัสดีวันจันทร์*


น้ำตาแทบไหล ในที่สุดวันหนึ่งหัวหน้าก็รักเราบ้าง

Sale Co Team (18)
คุณกฤติ: สายได้มากสุด 5 นาทีนะครับ



ผมเกลียดวันจันทร์จริงๆเลย


------- Monday In Love -------


เมื่อกี้กว่าลิฟต์จะมาผมนี่ลุ้นจนแทบจะร้องไห้ ถ้าไม่ติดว่าทำงานอยู่ชั้นเกือบจะ 30 นี่คงเดินขึ้นมาเองแล้ว แต่สุดท้ายมันก็ทัน คิดว่าทันนะ ทันสิวะ ฮือ

9:02 น.

ทันเว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

ผมกู่ร้องกับตัวเองแล้วรีบสไลด์ตัวเข้าห้องประชุมทันทีด้วยสภาพหน้าม้ากระจาย ผงกหัวขอโทษคุณกฤติที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะรอเปิดประชุม ถึงแม้คุณกฤติจะเป็นหัวหน้าที่ดี (ผมคิดว่านะ เขาเป็นหัวหน้าคนแรกของผมอะ ไม่มีตัวเปรียบเทียบ แต่ก็คงดีแหละเพราะคุณกฤติเท่มากๆเลย เก่งด้วย) แต่กับเรื่องงานนี่เขาเป๊ะมากครับ 

“สวัสดีครับคุณโน้ต”
“ครับ”

ผมสวัสดีคนที่นั่งเก้าอี้ข้างๆเบาๆ คือตอนแรกผมไม่เห็นหรอกว่าเป็นใคร แต่พอหันไปก็เห็นหน้าคุณโน้ตมาเลเซียอยู่ข้างๆพอดี ผมหันซ้ายหันขวาเพื่อเช็กสมาชิก นอกจากผมแล้วก็มีหมิวผู้ช่วยเลขาที่ตามมา แล้วก็คุณเชนประเทศไทยที่เพิ่งจะวางโทรศัพท์แล้วเดินตามเข้ามา

“โอเค 9 โมง 5 นาทีพอดี ผมขอเริ่มเลยละกัน”

การประชุมในเช้าวันจันทร์เป็นไปอย่างน่าเบื่อเหมือนเคย แต่ดีหน่อยที่เงินเดือนออกแล้วครับ อย่างน้อยจะได้ใช้อย่างไม่ต้องมานั่งกลัวว่าบุฟเฟ่ต์มื้อนื้จะเป็นข้าวมื้อสุดท้ายของเดือนหรือเปล่า แต่เอาจริงหลังจากที่หักค่าห้องค่าน้ำไฟโทรศัพท์บัตรเครดิตประกันชีวิตต่างๆแล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีเงินเหลือเลยครับ ท้อแล้ว

ยังไม่ทันเลี้ยงน้องกายเลยนะ ผมจะซื้อของอร่อยๆให้น้องกายกิน ไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าให้น้องกายนานแล้วด้วย น้องไม่ค่อยขอหรอกครับเพราะเอาจริงก็มีเงินจากพ่อแม่แล้วก็พี่รักให้น้องอยู่แล้ว แต่ผมก็อยากให้นะ! ผมเป็นพี่ชายก็ต้องเลี้ยงน้องสิ ใช่มั้ยล่ะ!

“ครับ ทั้งหมดก็มีเท่านี้”

ผมกะพริบตาปริบๆเมื่อเพิ่งประมวลผลได้ว่าประชุมเลิกแล้ว มัวแต่คิดเรื่องน้องจนไม่ได้ตามอะไรกับเขาเลย สมุด (ที่ผมเอาขึ้นมาวางคู่กับปากกาจะได้ดูมีอะไร) ของผมว่างเปล่าเลย โบ๋เบ๋ ขาวสะอาดกว่าจิตใจซุกซน ในขณะที่คุณโน้ตมาเลเซียข้างๆมีอะไรจดอยู่เต็มไปหมดเลย

“โอ๊ย ไม่อยากจะเจอเมลของมิสเตอร์ป้ากเลย”

ผมบ่นกับซุกซนที่กำลังเปิดคอมอยู่ข้างกัน ซึ่งมันก็พยักหน้าเคี้ยวเยลลี่เต็มปาก ไม่รู้ว่าทำไมต้องรีบกินขนาดนั้น เหมือนเป็นพญาปลาหมึกที่เคี้ยวหนวดตัวเองดุ๊บๆน่ะครับ ดูตะกละตะกลามใช้ได้ พูดแล้วก็หิวปลาหมึกเลยครับ แถวหอเก่าของผมสมัยมหาลัยมีร้านปลาหมึกย่างที่อร่อยมาก อยากกินจัง แต่กุ้งกับปลาจะน้อยใจมั้ย งั้นเที่ยงนี้กินข้าวผัดซีฟู้ดดีกว่า

คิดเรื่องกินได้แค่แป๊บเดียว เพราะผ่านไปสิบนาทีสภาพออฟฟิศก็กลับสู่แบบเดิมครับ

“สวัสดีค่ะพี่ดา ของลูกค้าที่ออเดอร์ไว้เมื่อวันศุกร์อะค่ะ … ใช่ๆ เคสที่เรานั่งรอคอนเฟิร์มจนถึงสองทุ่มกว่าจะเรียบร้อย … ฮ่าๆ ใช่เลยค่ะพี่ ลูกค้าขอแคนเซิลค่ะ ใช่เลยค่ะเมื่อกี้เลยค่ะ ...ค่ะ… ฝนรบกวนพี่ดาอีกแล้ว ขอบคุณมากนะคะ”

คุณฝนอินเดีย คุยโทรศัพท์หน้ายิ้มเหมือนกับคนที่รอซื้อเค้กฝอยทองเจ้าดัง แล้วค้นพบว่ามันหมด เหลือเพียงฝอยทองสองเส้นให้ดูต่างหน้า

“ครับ… ใช่ครับ คือของมันอยู่ที่ Free Zone ตอนนี้ครับ … ให้ไม่ได้จริงๆครับ อันนี้เป็นพาร์ทด่วนครับ … เครื่องลูกค้าของคุณพัง ของผมก็พังครับ … ไม่ได้จริงๆครับ ให้ยืมไม่ได้ครับ แค่ยืมแป๊บเดียวก็ไม่ได้ครับ …. ผมว่าคุณลองไปดูกับสต๊อกของทางจีนดู….”

อันนี้เป็นคุณโน้ตมาเลเซียที่โดนยืมพาร์ทอีกแล้ว ผมก็ยืมเขาบ่อยครับ เพราะเขาไม่ค่อยมีปัญหาอะไรกับผมเท่าไหร่ ปกติผมก็โดนยืมบ้างเหมือนกัน

มันเป็นเรื่องธรรมดาที่บางทีเราจะต้องทำอะไรให้งานมันจบโดยที่ทั้งลูกค้าและเราไม่มีฝ่ายไหนรู้สึกว่าเสียผลประโยชน์ครับ ถึงแม้ผมจะเสียอารมณ์อยู่บ่อยๆ ประมาณวันละแปดชั่วโมง สัปดาห์ละห้าวัน ตลอดเวลาที่ทำงานมาก็ตามครับ

“Yes… ไม่ๆ I mean … no. We cannot send you… เอ่อ …. the product ใน เฮ้ย! on Sunday. Because DHL doesn’t work… ยูโน๊ว?... I don’t work too. OK?--”

อันนี้ซุกซนเพื่อนผม ที่ตอนนี้คุยกับลูกค้าญี่ปุ่นที่ไม่เข้าใจว่าทำไมสั่งของวันอาทิตย์แล้วเราส่งวันอาทิตย์ไม่ได้ ผมก็เคยเจอถามครับว่าเราจะมีวันหยุดประจำชาติทำไมเยอะแยะ ก็ได้แต่ตอบไปว่ามันมีไว้ให้เราได้มาตอบคำถามแบบนี้ที่ไม่ได้เบียดเบียนเวลาการทำงานค้างหลังวันหยุดเลยสักนิดครับ

RRrr

ผมกุมขมับ แซวซุกซนมากตอนนี้สายโทรศัพท์เข้าโต๊ะของผมเองเลยครับ เบอร์โทรขึ้นต้นด้วยรหัสประเทศเกาหลีนี่แน่นอนว่าลูกค้าสักคนตามใบเสนอราคาแน่ๆ ไอ้มิสเตอร์ป้ากแน่ๆ โอ๊ย อยากร้องไห้

“Hello. Yes. แทนใจ speaking ครับ”

อ่าว ไม่ใช่มิสเตอร์ปาร์คแฮะ แต่เป็นมิสเตอร์คิมโทรมาบอกว่าของยังไม่ถึง ซึ่งกว่าผมจะฟังรู้เรื่องคือนานมาก หนึ่งในปัญหาที่ผมมักจะเจอของการคุยโทรศัพท์กับชาวต่างชาตินอกจากสำเนียงคือ… หูผมไม่ดีครับ ชอบฟังเพี้ยน ยากกว่าสอบเข้ามหาลัยคือการพยายามฟังว่าลูกค้าพูดอะไรนี่แหละ

“%^$#^#%$&^**(W”

“เอ่อ... “ ฉิบหายแล้วไง ไม่มีปากให้อ่านอีก แถมวันนี้วันจันทร์เช้าอีก สมองผมไม่เปิดรับอะไรใดๆครับ “OK- But--”


เหมือนเขาเข้าใจว่า But ของผมไม่ได้แปลว่าแต่ มันแปลว่า ‘เชิญแร็ปต่อได้ รอให้กำลังใจอยู่ตรงนี้’ ผมพยายามดึงสติทั้งหมดมาจับใจความสิ่งที่เขาพูด จนในที่สุด ผมก็ตัดสินใจพูดออกไป


“The connection is not good. So, can you send an email instead?”


(ซึ่งหมายความง่ายๆว่า: ผมก็อยากคุยงุ้งงิ้งกับคุณต่อนะครับ แต่สัญญาณไม่ดีเลยเช้าวันนี้ ฝนตกรถติดขี้หมาไหลไกลปืนเที่ยงมากๆ ยังไงรบกวนส่งอีเมลมาจะสะดวกมั้ยครับ? ไม่สะดวกก็ต้องทำครับ เพราะผมฟังไม่รู้เรื่อง)


“เฮ้อ”


ดีที่มิสเตอร์คิมยอมยกทัพออกไป ผมถึงได้หายใจหายคอบ้าง หลังจากค้างอยู่ท่าเดิมรอฟื้นพลังงาน โทรศัพท์ก็เข้ามาอีกครั้ง

Rrrr


“Hello. แทนใจ Speaking”
“พึ่งเคยได้ยินเราพูดภาษาอังกฤษ สำเนียงใช้ได้นะเนี่ย”


เสียงคนเฝ้าไข้สัปดาห์ก่อนลอยมาให้ได้ยิน ยิ่งเมื่อมองไปที่โทรศัพท์เห็นว่าชื่อคนที่โทรเข้าคือ Sitthikorn จริงๆ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนหน้าทันที มันคงดูโง่มากเพราะซุกซนหันมาเบะปากใส่ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องคุณกฤติ เพราะผมเป็นเพื่อนที่ดี ตอนออกมาผมสัญญาว่าจะ ‘ว้ายยยยยยย หัวหน้าเรียก’ ใส่หน้ามันครับ


“ฮ่าๆ” ผมไม่รู้จะพูดอะไร เลยพูดสิ่งแรกที่คิดขึ้นมาในหัว “คุณพี่เมฆวันนี้งานยุ่งมั้ยครับ งานผมยุ่งมากเลย”
“งั้นก็ไปกินกาแฟกับพี่ไม่ได้แล้วสิเนี่ย”


“ไปได้นะ! ยุ่งแต่เคลียร์ได้ คุณพี่เมฆติดเลี้ยงผมนะ ผมต้องไปใช้สิทธิ์กินฟรีสิ”


“ครับๆ” อีกคนหนึ่งพูดพร้อมหัวเราะเบาๆ ผมนึกหน้าเขาออกเลยว่าเขาต้องยิ้มไปพูดไปแน่นอน ก็ไม่แปลก ผมเองก็ยังไม่หุบยิ้มเหมือนกัน เมืองไทยสไลม์คลับครับ ยิ้มรับกาแฟฟรี


“เก็บของรอเลยครับ อีกห้านาทีเจอกันที่หน้าลิฟต์ เดี๋ยวพี่ไปรอที่ชั้นของเรานะ”


ถึงเขาไม่พูด ผมก็กดพักหน้าจอคอมพิวเตอร์ของผมไปแล้วล่ะ


.
.
.
.
.



“ซุกซนไม่มาด้วยเหรอ?”
“ไม่มาครับ คุณกฤติเรียกไปคุย”
“ดีแล้ว จะได้ไม่มีใครแย่งพี่ดึงแก้มเรา”
“บ้าเหรอคุณ!”


ผมยืนอ้าปากในขณะที่คุณเมฆก็หันไปสั่งกาแฟกับน้องพนักงานผู้ชายคนเดิม ที่ยิ้มรับเหมือนวันแรกที่ผมเจอคุณพี่เมฆ พอมานั่งคิดๆดูแล้วผมกับเขารู้จักกันด้วยเรื่องแปลกๆ แล้วระยะเวลามันก็แค่แป๊บเดียว แต่กลับรู้สึกว่าน๊านนาน อาจจะเพราะมีการชูวับชูวับเข้ามาเกี่ยวด้วย


ฮือ พูดแล้วก็กะยึกกะยักอีกแล้ว


หลังจากสั่งกาแฟเสร็จพวกผมก็เดินไปนั่ง คราวนี้เป็นเก้าอี้ด้านนอกร้านเหมือนเดิมแบบไม่กลัวว่าคุณกฤติจะลงมาเห็นว่าลูกน้องโดดงาน แต่คิดอีกทีถ้าคุณกฤติลงมาคุณโน้ตมาเลเซียก็น่าจะลงมาด้วยเพราะเขาดูเหมือนจะสนิทกัน และซุกซนก็น่าจะลงมาด้วยเพราะไม่เหลือใครให้คุยด้วยแล้ว พอซุกซนลงมาทุกคนก็จะลงมาหมดเลยเพราะเหงา แล้วแผนกผมก็จะไม่มีใครนั่งทำงานอยู่เลย ซึ่งไม่ดี ผมจะกลายเป็นคนที่ทำให้แผนกไม่มีงาน เพราะอย่างนั้นคุณกฤติไม่ควรลงมาเจอผมตอนนี้ครับ


“ลาเต้กับคาปูชิโน่ที่สั่งได้แล้วครับ”


ผมสะดุ้งเมื่อพนักงานเสิร์ฟมาเรียกสติพร้อมกาแฟของผมและคุณพี่เมฆ ผมยิ้มรับพร้อมกับขอบคุณอีกฝ่ายไป ลาเต้ตอนเช้านี่ดีกับใจจริงๆครับ ถึงแม้จะไม่ได้ช่วยให้งานน้อยลงแต่กินแล้วก็สามารถมึนๆทำงานต่อไปได้ จนกว่าจะได้เบรกอีกครั้งนั่นแหละครับ


“เหม่ออีกแล้วเรา”
“ขอโทษครับคุณพี่เมฆ”


ผมก้มหน้าดูดกาแฟดึ๊บๆ เงยหน้าขึ้นมาพยักหน้าเป็นเชิงว่าอนุญาติเมื่ออีกคนหยิบบุหรี่ขึ้นมาแล้วเลิกคิ้วถามเป็นเชิงว่าเขาดูดมันได้หรือไม่ บอกแล้วว่าผมไม่มีปัญหาอะไรกับบุหรี่ … แต่ครั้งนี้อาจจะมีปัญหากับคนสูบบุหรี่


ทำไมคุณพี่เมฆดูดบุหรี่ถึงได้ดูดีขนาดนี้เนี่ย

“ว่าจะถามตั้งนานแล้ว ทำไมเราถึงได้เรียกพี่แบบนี้ล่ะ?”


เขาถามพร้อมคีบบุหรี่แล้วพ่นควันไปอีกทาง ขอบคุณที่ไม่พ่นมาทางนี้ ถึงจะพ่นมาผมอาจจะโกรธไม่ลงก็ได้ถ้าเขายิ้มขอโทษน่ะ เกินไปมากๆ ถ้าผมทำท่าเดียวกับเขาคงออกมาเหมือนหมูสำลักควันหม้อชาบูอะ


“เรียกอะไรครับ?”
“เราเรียกพี่ว่าไงล่ะ?”
“คุณพี่เมฆ?”
“นั่นแหละ”
“ก็… เอ่อ … คุณไม่ชอบให้เรียกแค่คุณเมฆ ผมก็เลยเติมพี่เข้ามาแล้วไงครับ ไม่ดีเหรอ?”
“เปล่าหรอก มันไม่ได้ไม่ดี”
“แล้ว?”


ผมสบตาคนพูด มันเป็นความคิดที่ผิดมากๆ คุณเมฆยิ้มใจดีอีกครั้ง แล้วมันทำให้ผมรู้สึกแก้มร้อนๆ หัวใจก็ยังไม่หยุดกะยึกกะยักจนน่ารำคาญ แต่ก็ละสายตาจากคุณเมฆไม่ได้เลย ให้ตาย นี่มันแย่แล้ว มันแย่มากๆ ผมจะต้องแก้มร้อนจนระเบิดได้ในสักวันแน่นอน


“เหมือนเราเป็นภรรยาที่เรียกสามีเลยเนอะ”


เนี่ย! ชอบพูดอะไรแบบนี้อะ แล้วผมจะมั่นใจได้ยังไงว่าหัวใจจะไม่กะยึกกะยักหนักไปจนต้องแอ็ดมิทเข้าโรงพยาบาลในสักวันน่ะ!


“พี่ยังไม่ได้กินอะไรเลย เราทานอะไรยัง?”


คุณพี่เมฆ (เฮ้ย! ต่อไปนี้จะเป็นแค่พี่เมฆ ผมจะต้องท่องพี่เมฆให้ขึ้นใจ พี่เมฆ พี่เมฆ!!) ถามขึ้นมาพลางกดบุหรี่ที่หมดแล้วลงที่เขี่ย ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบ สิ่งเดียวที่ได้ทานมาเมื่อเช้าคือลมครับ ลมพร้อมมลพิษในกรุงเทพฯพร้อมกับคุณแกร็บไบค์ที่เปิดหน้าม้าผมเมื่อเช้า


“งั้นเดี๋ยวพี่ไปดูขนมปังให้ เราเอาอะไร แซนด์วิชมั้ย เอาแฮมชีส ปูอัด หรือทูน่า?”
“แซนด์วิชทูน่าก็ได้ครับ”


คุณเมฆเดินไป แต่ความกะยึกกะยักในใจผมยังอยู่ ผมสะบัดหัวไล่ความฟุ้งซ่านก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาดูเพราะมันสั่นเรียกร้องความสนใจอยู่ในกระเป๋ากางเกงมาสักพัก


ไลน์!

ซุกซน ใจทราม: อ๊อง
ซุกซน ใจทราม: คนอื่นเขารู้กันหมดแล้วแหละ แต่กูเห็นหน้าอ๊องๆของมึงแล้วพูดไม่ลงว่ะ
ซุกซน ใจทราม: คือ…
ซุกซน ใจทราม: กูลาออกแล้วนะ




------- 50% -------



มาอัพเพราะพรุ่งนี้ก็วันจันทร์ที่เรารักอีกแล้ว T_______T

น้องกายค่าตัวแพงค่ะ ต้องใจเย็นๆนะคะ 555

สามารถคอมเมนต์ที่นี่ หรือที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ เหมือนเดิมนะคะ หรือยังไงทักเรามาได้ที่ @babybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH12: คุณพี่เมฆ คุณพี่เมฆ [up! 50%] (20/05/18)
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 20-05-2018 20:55:30
ทำไมซุกซนลาออก  แทนใจเหงาแย่ละทีนี้

พี่เมฆน่ารัก  :mew1:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH12: คุณพี่เมฆ คุณพี่เมฆ [up! 50%] (20/05/18)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 20-05-2018 22:00:15
 :katai1:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH12: คุณพี่เมฆ คุณพี่เมฆ [up! 50%] (20/05/18)
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 20-05-2018 23:26:17
อ้าวววว ทำไมอะซุกซนนนนนนน :hao5:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH12: คุณพี่เมฆ คุณพี่เมฆ [up! 50%] (20/05/18)
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 20-05-2018 23:54:49
ซุกซนนนนนนน
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH12: คุณพี่เมฆ คุณพี่เมฆ [up! 50%] (20/05/18)
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 21-05-2018 03:14:43
ซุกซนอย่าทิ้งแทนใจสิ
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH12: คุณพี่เมฆ คุณพี่เมฆ [up! 50%] (20/05/18)
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 21-05-2018 08:07:52
ซุกซนนนนน แล้วอ๊องจะอยู่ยังไง
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH12: คุณพี่เมฆ คุณพี่เมฆ [up! 50%] (20/05/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 30-05-2018 22:05:00
ทำไมทิ้งกันซุกซนนนนนนนนนนนนนนนนน  :hao5: :o12:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH12: คุณพี่เมฆ คุณพี่เมฆ [up! 50%] (20/05/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 31-05-2018 19:35:18
12th Monday - 70%
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 



ซุกซนไปแล้ว ...

ไปพร้อมกับทิ้งผมไว้กับงานที่มากมายก่ายกองของมันนี่แหละ!



“ครับ... อ่า ใช่ครับ ลงที่นาริตะ... อ๋อนี่แทนใจครับ วันนี้ซุกซนลาน่ะครับ—-“ ผมรีบกระซิบบอกว่าจะส่งอีเมลกลับไปเมื่อเห็นอีกสายเข้ามาที่โทรศัพท์ผมพอดี


Rrrr


“Hello. แทนใจ speaking”


ผมวางสายเก่าของซุกซน แล้วรับโทรศัพท์ของตัวเองครับ คือก่อนสายนี้ผมก็คุยโทรศัพท์ในขณะที่ตอบอีเมลไปด้วย ล้านแปดพันเก้ามากครับ


ตอนนี้สภาพผมเหมือนซอมบี้ที่ถูกปลุกขึ้นมาจากความตาย ตอนเพื่อนไปก็เศร้าอยู่หรอก คือซุกซนมันเอาใบลาออกไปยื่นให้คุณกฤติวันนี้แล้วกะจะออกจากบริษัทเท่ๆไปเลยครับ แต่มันไม่รู้ว่าชาวโลกเขาต้องแจ้งล่วงหน้าก่อนลาออกอย่างน้อยหนึ่งเดือน เจ้าตัวเลยเปลี่ยนเป็นขอลาครึ่งวันบ่ายแล้วก็ลาทั้งสัปดาห์แทน ส่วนที่เหลือก็คงจะเข้ามาทำงานจนกว่าจะครบเดือนพอดีก่อนแล้วค่อยออก


ซึ่งสาเหตุการลาออกของเจ้าตัวก็คือจะแต่งงานครับ เพราะเจ้าตัวมีแฟนสาวคนหนึ่งที่รักมากแล้วก็ไม่อยากรออะไรไปมากกว่านี้แล้ว


เพื่อนผมจะแต่งงาน


แต่งงานแบบไม่ลาออกจากงานไม่ได้หรือไง?!!! 


ซุกซน ใจทราม:  บ้านแฟนกูอยู่เชียงใหม่ กูจะเปิดร้านกาแฟให้แฟนกูแล้วกูจะมีลูกสาวน่ารักๆด้วยกัน
ซุกซน ใจทราม: ถ้าลูกกูอยากเป็นดารากูก็จะให้เป็น อยากเข้า bnk กูก็จะช่วยซื้อบั้มให้ แต่ถ้าลูกกูน่ารักมากๆตอนเด็กแล้วมีคนมาชวนเข้าวงการขึ้นมากูคงไม่ยอมแน่ กูจะไม่ยอมให้มดไรอะไรมาหยิกลูกกูแน่นอน


Tanjai: …


ซุกซน ใจทราม: นี่ที่รีบออกเพราะกูจองตั๋วไว้ตอนบ่ายสาม นี่จะตกเครื่องแล้ว ตอนแรกจะกินยาโยอิ เหลือแค่แลคตาซอยสองกล่อง ไม่อิ่มเลยแม่ง
ซุกซน ใจทราม: ตอนแรกกะจะไปแบบเท่ๆสักหน่อย แบบพูดปุ๊บไปปั๊บไรงี้ หล่อๆ
ซุกซน ใจทราม: แต่ดันอ่านสัญญาไม่ละเอียด ไม่รู้ว่ามันต้องแจ้งล่วงหน้าก่อนเดือนนึง
ซุกซน ใจทราม: เอาความจริงก็คือกูดูแค่ชื่อ ตำแหน่ง เงินเดือน แล้วเซ็นเลย
ซุกซน ใจทราม: ช่างเรื่องนั้นก่อน เดี๋ยวกูจะเข้าออฟฟิศอีกทีช่วงอาทิตย์หน้า อย่าพึ่งร้องนะมึง



จะร้องเพราะซุกซนทิ้งผมไว้กับกองงานนี่แหละ!


“แทนใจ กลับบ้านกันมั้ยครับ?”


ผมเงยหน้ามองตามเสียงเรียกที่ดังมาจากบนหัว เป็นคุณพี่เมฆที่ยืนอยู่ข้างๆพาร์ติชั่นของผมครับ ซึ่งผมทำได้แค่ส่งยิ้มเหนื่อยๆให้เขา ตั้งแต่บ่ายวันนี้ผมนั่งเคลียร์งานจนคนในแผนกกลับไปหมดแล้วครับ ไม่เหลือสักทีม ท้องฟ้าข้างนอกก็เริ่มเป็นสีทึมๆแล้วด้วย


“คุณพี่เมฆ?”
“เห็นไม่ตอบแชท พี่เลยลงมาดู”
“อ้าว คุณพี่เมฆทักมาเหรอครับ?”


ผมหยิบมือถือขึ้นมาดู แหงะแจ้งเตือนบานเบอะจริงด้วย


ตั้งแต่ที่ผมทั้งเศร้าทั้งนอยซุกซนเมื่อเช้าผมก็ไม่ได้แตะมือถือเลยครับ แถมวันนี้ก็ยุ่งมากๆจนไม่ได้ลงไปกินข้าวเลยครับ อาศัยฝากคุณโน้ตมาเลเซียซื้อขนมปังมาให้กิน แล้วก็นั่งทำงาน เข้าห้องน้ำ ทำงาน ทำงาน ทำงาน ทำงาน ทำงาน  เข้าห้องน้ำ ทำงาน ทำงาน ทำงาน ทำงาน ทำงาน ทำงาน เข้าห้องน้ำ ทำงาน ทำงาน ทำงาน ทำงาน จนถึงตอนนี้นี่แหละครับ


“ไว้คราวหน้าพี่จะส่งเป็นอีเมลมาละกัน เราน่าจะอ่านก่อนไลน์เนอะ”
“ไม่ขนาดนั้นสักหน่อยครับ”


ผมละสายตาจากคอมแล้วเอาสองมือขยี้ตา ก่อนที่จะมีมืออีกคนมาจับออกจากตาให้ ผมเบะปากใส่อีกคนทั้งที่ยังคงไม่ลืมตา สิ่งที่ตามมาคือเสียงหัวเราะในลำคอที่ผมเริ่มจะคุ้นเคยแล้วครับ


“บอกแล้วไงว่าอย่าขยี้ตา”
“ก็ผมปวดตาง่ะ”
“ปวดตาแล้วก็พอ พรุ่งนี้ค่อยมาทำใหม่”
“ไม่ได้ๆ มี PO รอเปิดเยอะเลย”


ตอนนี้ทุ่มกว่าๆเกือบจะสองทุ่มแล้ว ไม่น่าละออฟฟิศเงียบเลยครับ เฉพาะชั้นผมนะ พวกการตลาดน่าจะยังอยู่ หรือไม่อยู่แล้ว ผมไม่รู้หรอก  แต่คิดว่าบัญชี การตลาดอะไรพวกนี้น่าจะอยู่กันดึกๆหรือเปล่า เดาล้วนไม่มีความรู้จริงผสมมาเลยครับตรงนี้


“งั้นเดี๋ยวพี่นั่งรอเป็นเพื่อน”
“เฮ้ยพี่ ไม่ต้องเลยครับ”


ผมร้องห้ามอีกคน เมื่อเขาทำท่าจะมานั่งที่ซุกซนข้างๆผม แล้วหยิบแล็ปท็อปขึ้นมาเปิด ได้ไงอะ! ไม่ได้เลยนะแบบนี้ ทำไมชอบทำตัวแบบคุณพี่เมฆอะ ตอนดันทุรังจูบผมแบบไม่กลัวติดไข้นั่นก็ทีนึงนะ นิสัยไม่ดีเลยจริงๆ ถ้าเป็นน้องชายผมนะผมจะตีๆ


“พี่ก็มีเมลลูกค้าที่ยังไม่ได้ตอบนะ”
“แล้วทำไมไม่ไปตอบที่โต๊ะพี่เล่า”
“ก็อยากนั่งตอบตรงนี้ไม่ได้เหรอครับ? พี่ว่าน่าจะได้นะครับ”

“มันก็…” ผมมองซ้ายมองขวา กองกระดาษเต็มโต๊ะผมกับของรกๆของซุกซนที่แอบหนีกลับไปก่อน ตรงหน้าผมจอคอมฯดันมีอะไรเด้งขึ้นมาพอดี ผมเลยละสายตาจากคุณพี่เมฆไปดูคอม เขาเลยรวบรัดตัดตอนให้ผมเสร็จสรรพ

“นี่ไง เรานั่งทำงานของเราไป พี่ก็นั่งทำงานของพี่ไป ป้ะๆๆ ทำงานๆๆๆ”


ในขณะที่ผมกำลังประมวลผลอยู่ว่าอะไรเป็นอะไร คุณพี่เมฆแกก็เปิด outlook ดูอีเมลแล้วครับ ผมก็ต้องกดตัวเองลงบนเก้าอี้แล้วนั่งทำงานบ้าง เวลาผ่านไปโดยมีเสียงพิมพ์กับบ่นของผม กับเสียงฮัมเพลงของคุณพี่เมฆที่นั่งทำงานอยู่ข้างๆเท่านั้น


ข้อเสียที่ดีที่สุดของผมคือเวลาที่ผมจดจ่อกับอะไรแล้วจะอยู่แต่ในความคิดตัวเองเท่านั้น ผมคิดแล้วก็คิด อยู่แต่กับงานตรงหน้า จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นมานี่แหละ!


Rrrr

น้องกายโทรมานั่นเอง


“น้องกาย ว่าไงครับ”
“พี่แทนใจ อยู่ไหนเหรอครับ?” น้องเงียบไปพักหนึ่ง เหมือนกับกำลังเรียบเรียงคำพูด “ผมไปหาได้มั้ยครับ?”
“วันนี้ไม่ใช่วันศุกร์นะ พรุ่งนี้น้องกายมีเรียนนะครับ จะมาหาพี่ได้ไง”
“ผมคิดถึงพี่แทนใจ”


น้องผมมมมมมมมมมมมมมมมมม น้องแทนกายของพี่แทนใจ น้องชายผมเองงงงงงงงงงงง ทุกคนนนนนน น้องผมน่ารักมากเลย เวลาน้องพูดแบบนี้ผมอยากจะอุ้มน้องขึ้นมากอด ถึงแม้ความจริงน้องจะสูงกว่าผมเยอะอยู่ก็ตาม น้องชายผมเอง น้องรักของผม


“พี่ก็คิดถึงน้องกาย แต่ตอนนี้พี่ยังอยู่ที่ออฟฟิศอยู่เลยน่ะสิเนี่ย”
“ผมไปหาได้มั้ยครับ?”


น้องย้ำคำเดิมอีกครั้งด้วยเสียงที่แข็งขึ้นกว่าเดิม ผมเริ่มขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกได้ถึงกระแสความไม่พอใจในน้ำเสียงของน้องชาย


“หืม? อย่าเลย ไกลนะครับ”


แค่จากหอน้องกายมาหอผมโดยแกร็บก็เกิน 250 ไม่รวมค่าทางด่วนแล้วครับ ที่ทำงานผมไกลกว่าหอผมอีกนะ ถ้าน้องต้องมาหาผมนี่มันไกลมากเลย เรียนเหนื่อยๆก็ไม่ควรจะต้องนั่งรถไกลๆนะผมว่า อีกอย่างคือวันนี้ผมค่อนข้างเหนื่อยแล้วครับ การเจอน้องมันก็ดีแต่ผมไม่อยากต้องมากังวลว่าน้องจะปลอดภัยมั้ย จะมาถึงหอผมกี่โมงแล้วจะกลับถึงห้องกี่โมง


“แต่ผมไปได้นะ ผมนั่งแท็กซี่ไปได้ ผมอยากเจอพี่แทนใจ”
“แทนกาย นี่มันดึกแล้วนะ แทนกายไม่ควรออกจากบ้านดึกๆนะ--”
“แต่ผมอยากไปหาพี่!”


ผมถอนหายใจ น้องกายเอาแต่ใจเวลาอื่นผมอาจจะยังตามใจไหว แต่วันนี้ผมจ้องหน้าจอคอมฯมาร่วมสิบชั่วโมงแล้ว ไม่มีอารมณ์อยากจะง้อน้องอย่างที่ปกติเป็น แต่ด้วยความที่อีกคนคือน้องชาย ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพยายามพูดเหตุผลให้น้องฟัง


“น้องแทนกายครับ มันดึกแล้ว น้องเรียนมาเหนื่อยๆ พี่ชายเองก็ยังทำงานไม่เสร็จ--”
“ทำไมพี่ไม่ให้ผมไป พี่ไม่รักผมแล้วเหรอ?!”
“พี่รัก--”
“ทำไมพอเป็นผมพี่ถึงไม่ให้ไปหา เมื่อตอนพี่ป่วยผมก็ไม่ได้ไปหา วันนี้ผมก็ไปหาไม่ได้!”


น้องแทนกายที่ปกติมีเหตุผลเสมอไม่รู้ทำไมกลับกลายเป็นเด็กทารกตัวเล็กๆที่จะร้องเปลี่ยนผ้าอ้อมตอนตีสาม ผมไม่เข้าใจ และไม่พร้อมจะเข้าใจในตอนนี้ด้วยเช่นกัน


แต่เพราะอีกคนเป็นน้องชาย และผมเป็นพี่ชาย สิ่งเดียวที่ทำได้คือสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพยายามคุยกับน้องเหมือนกับที่ทำมาเมื่อสักครู่


“ไม่ใช่แบบ--”
“ผมกำลังจะขึ้นแท็กซี่แล้ว วันนี้ผมต้อง--”

“แทนกาย!!!! หยุดเอาแต่ใจได้แล้ว!!!!!”









ติ๊ด!









ผม … ตวาดน้อง


โทรศัพท์ที่อยู่ในมือสายตัดไปแล้วแต่ผมยังถืออยู่แบบนั้น ไม่รู้ว่าสายตัดเพราะน้องวางหรือเพราะผมเป็นคนทำ ผมไม่รู้อะไรเลย ในหัวมีเสียงอื้ออึงดังไปหมด ตอนนี้ผมควรจะทำอะไร ผมตวาดน้อง น้องชายของผมที่ผมแทบจะไม่เคยดุเลยสักนิด


น้องจะเสียใจมากมั้ยนะ?
น้องจะร้องไห้หรือเปล่า?


“แทนใจ กลับบ้านกัน”


เสียงกุกกักเหมือนกับกำลังเก็บของไม่ได้ทำให้ผมสนใจเท่าไหร่นัก  มากเท่ากับสัมผัสที่แตะที่ไหล่ข้างๆ พอหันไปถึงได้เห็นว่าคุณพี่เมฆอยู่ในสภาพเก็บของหมดเหมือนลบอีเมลลูกค้าทิ้งไปหมดเลย ไม่ต้องทำงานกลับบ้านได้แล้ว เขาพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมพยักหน้าแล้วเก็บของเนือยๆ ซึ่งคงจะไม่ทันใจคนอายุมากกว่า เพราะเขามาช่วยผมปิดคอมฯเก็บของอีกแรง


“... ใจ”
“ครับ?”
“พี่ถามว่าเราหิวมั้ย?”
“อ่า…” ผมเม้มปาก ความจริงก็ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ แต่ยังไม่ได้กินอะไรหลังจากเที่ยงเลยเนี่ยสิ ผมควรจะหิวใช่ไหมนะ น่าจะต้องเป็นแบบนั้น
“ผมยังไงก็ได้ คุณพี่เมฆละครับ?”
“เราเลือกที่จะหิวได้ด้วยหรือไง?”
“ครับ?” ผมถามซ้ำเมื่อไม่แน่ใจว่าอีกคนพูดอะไร แต่เอาจจะไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าไหร่ เพราะคุณพี่เมฆแค่โบกมือไปมาย้ำความเข้าใจเดิมของผม


“ปะๆ เราหาอะไรกินกันเถอะ”








ผมเดินมึนๆตามเขาที่จูงมือออกจากออฟฟิศมายืนรอลิฟต์ ระหว่างเราไม่ได้มีคำพูดอะไรเพิ่มขึ้นกว่าเดิม คุณพี่เมฆไม่ได้ถามถึงโทรศัพท์สายเมื่อครู่ เขาเพียงแค่เคาะนิ้วกับขาเป็นจังหวะ ส่วนตัวผมนั้นทำเพียงแค่ยืนจ้องเงาสะท้อนของตัวเองจากตัวลิฟต์


มีเพียงความเงียบที่ปกคลุมบรรยากาศรอบตัวของผมกับคุณพี่เมฆเอาไว้


“วันนี้ลิฟต์ช้าจังแฮะ”


คุณพี่เมฆบ่นขึ้นมาเมื่อกดลิฟต์สองครั้งแล้วก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมได้ยินเขาบ่นเบาๆถึงบริษัทที่รับเหมาลิฟต์ให้กับตึกนี้ (เอาจริงคือเขาด่าเลยแหละครับ) ซึ่งผมก็ยืนรออยู่ข้างๆเขาต่อไป


พรึบ!


ไฟดับ


ไฟตรงทางเดินดับพรึบพร้อมกันหมดครับ เหลือแค่พวกไฟฉุกเฉินเล็กๆที่ยังพอให้มองเห็นทางและใบหน้าของกันและกัน ผมกับคุณพี่เมฆสบตากันนิ่งๆ ก่อนที่เขาจะเดินไปดูตรงบันไดหนีไฟ ซึ่งผมยืนอยู่ที่เดิม โดยที่สายตาโฟกัสอยู่ตรงเท้า ในขณะที่จิตใจอยู่ที่เตียงนอนกับผ้านุ่มแล้ว



ทำไมวันจันทร์นี้ มันถึงไม่จบสิ้นสักทีนะ?



“เฮ้ย! แทนใจ! ร้องไห้ทำไม?”


ผมเอานิ้วแตะตรงแก้มที่มันเปียกๆแล้วรีบปาดออกจากหน้าอย่างรวดเร็ว แต่เหมือนยิ่งเช็ดมันยิ่งไหล ยิ่งปาดมันก็ยิ่งไม่หมด ผมแค่เหนื่อยนะ แค่เหนื่อยเอง น้ำตาไม่ควรไหลสิ หยุดไหลนะ ผมไม่อยากร้องไห้ที่ออฟฟิศนะ มันดูไม่เท่เลย ผมเป็นพี่ชายคนโตนะ ผมต้องหยุดร้อง


“... ฮะ...ฮึก”

“ไม่เอาๆ ไม่ร้องๆ”


เป็นอีกครั้งที่ผมถูกคุณพี่เมฆเอามือออกจากตา ได้ยินเขาบ่นทำนองว่าทำไมผมถึงได้ชอบเอามือมาขยี้ตาแบบนี้ ผมไม่ได้ขยี้นะ มันคือการเช็ด! แค่เช็ดแบบเร็วมากๆเอง


“จะนั่งอยู่ตรงนี้ก่อนมั้ย? รอจนไฟมาแล้วเราค่อยกลับบ้านกัน”
“มะ… ไม่เอา” ผมพยายามพูด แต่มันไม่ง่ายเลยที่ต้องพูดตอนที่พยายามจะหยุดสะอึกสะอื้นแบบนี้ไปด้วย “อยาก… กะ… กลับแล้ว”
“ครับๆ กลับกันนะ”


ผมเดินตามคุณพี่เมฆที่ตอนนี้เขาจูงมือไปที่บันไดหนีไฟ ผมเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าเขาจะทำอะไร คือผมทำงานอยู่ชั้น 27 นะครับ ย้ำอีกทีว่า 27! แค่เดิน 7 ชั้นผมยังเหนื่อยเลย แล้วนี่เกือบจะสามสิบชั้น บ้าไปแล้วแน่นอน


แค่คิดว่าจะต้องเดินลงไปข้างล่างน้ำตามันก็ไหลออกมาอีกแล้วครับ ผมกระตุกมือคุณพี่เมฆอีกครั้ง เขาหันมายิ้มอบอุ่นให้พร้อมกับลูบหัว แล้วใช้นิ้วโป้งเช็ดน้ำตาให้ด้วย ผมเลยหยุดร้องลงมาหน่อย ซึ่งเหมือนคุณพี่เมฆเขาจะตีความหมายผิดว่าผมอยากรีบๆลง คนมีกล้ามเลยผลักประตูบันไดหนีไฟแล้วเดินดุ่มๆลงไปเลยครับ ซึ่งผมที่โดนเขาจูงมืออยู่ก็ต้องลงมาด้วยไง


เทียบกับคุณพี่เมฆผมเป็นไอ้ขี้ก้างขี้เกียจออกกำลังกายเลยครับ เพราะเดินไปห้าหกชั้นผมก็หอบแฮกแล้ว


“คุณพี่เมฆ … ผะ.. ฮึก”
“ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็ถึงแล้วนะครับ”


พูดไม่พอยังหันมายิ้มหล่อให้อีก ผมที่กำลังจะแย้งว่าเราเดินไม่ไหวหรอกก็เลยยอมเม้มปากกลั้นสะอื้นแล้วเดินตามเขาลงไปเรื่อยๆ คนชอบออกกำลังกายอย่างคุณพี่เมฆอาจจะไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่ แต่ผมที่ผ่านวันเหนื่อยๆมาตั้งแต่เช้า แถมเดินเท้าลงบันไดด้วยกลั้นสะอื้นไปด้วยมันเหนื่อยมากเลยครับ


เหนื่อยจัง

อยากกลับบ้านแล้ว

ไม่อยากเดิน ไม่อยากทำอะไรอีกต่อไปแล้ว


ผมอยากกลับบ้านไปซุกผ้านุ่มของผมแล้ว


“ฮึก...ฮือ “
“เฮ้ย ทำไมร้องอีก เมื่อกี้เหมือนจะหยุดแล้วไม่ใช่เหรอเรา?”
“… เหนื่อย”


ตอนนี้เราอยู่กันที่ชั้น 9 ครับ แล้วผมไม่ไหวแล้วเลยร้องไห้ออกมาพร้อมนั่งลงตรงขั้นบันได ซึ่งคุณพี่เมฆหัวเราะออกมาครับ เออ! ผมมันไม่ได้เข้ายิมตีห้าออกมาห้าโมงเย็นแบบเขานี่ จะไปมีแรงแบบนี้ที่เดินตั้งหลายชั้นแล้วไม่เหนื่อยได้ไงเล่า!


“ฮ่าๆ ครับๆ”
“อย่า… ฮึก … หัวเราะสิ”
“ครับๆ”


เขายังหัวเราะอยู่ แต่เดินมาลูบหัวผมเหมือนที่เคยทำเป็นปกติ ซึ่งตอนแรกผมก็พยายามเบี่ยงหัวหนีครับ แต่เหนื่อยเลยหันหนีได้แค่ทีสองทีก็จอดให้เขาเอามือลูบได้สบายๆ


“เหนื่อยก็พักก่อน เดี๋ยวค่อยไปต่อก็ได้”
“...”
“พี่เดินไปกับเราอยู่แล้วแหละ ไม่ทิ้งเอาไว้ตรงนี้หรอก”
“จริง… นะ”
“จริงสิครับ”
“....ไม่เชื่อ”
“งั้นทิ้งเอาไว้เลยละกัน พี่ไปแล้ว”
“เฮ้ย!”


ผมร้องออกมาเมื่อคุณพี่เมฆที่ปลอบอยู่เมื่อกี้เดินหนีผมลงไปจริงๆ ทำเอาผมกระวีกระวาดลุกขึ้นแทบไม่ทัน แต่เพราะรีบลุกมากไปหน่อยเลยสะดุดล้มแปะพื้น


ปั่ก!


 แทนที่จะลุกขึ้นมาเดินต่อผมกลับเหนื่อยจนไม่อยากจะลุกแล้ว เลยแปะอยู่แบบนั้น เพราะแค่คิดว่าแม้แต่คุณพี่เมฆก็ยังทิ้งผมตอนนี้ มันก็…


“ฮึก … ฮือออออออ”
“แทนใจ ...เราจะร้องทำไมเนี่ย พี่แค่แกล้งเฉยๆ”


คุณพี่เมฆที่ไม่ได้ไปไหนจริงๆเข้ามาช่วยพยุงผมขึ้นมา ซึ่งตอนนี้ผมเอาแต่ร้องไห้อย่างเดียวแล้วครับ มันเหนื่อยไปหมด ทุกอย่างในวันนี้แย่ไปหมด ไม่เอาแล้ว อยากกลับบ้านแล้ว


“ไม่คิดว่าจะร้องออกมาอีก พี่ขอโทษนะครับ”


ผมสะอื้นใส่ให้เขานั่งเช็ดน้ำตาอีกครั้ง สองมือกำเสื้ออีกคนไว้แน่น ถ้าเกิดคุณพี่เมฆคิดจะหนีผมไปอีกยังไงผมก็จะเกาะเขาไปด้วยแน่นอน ผมจะไม่ปล่อย จะกำไว้แบบนี้



ปัง!


“มานั่งทำอะไรกันตรงนี้”


ผมกับคุณพี่เมฆหันไปมองตามที่มาของเสียง เป็นคุณลุงยามที่ผมจำได้ว่าเขาอยู่ที่ประตูหน้าของตึกนี้ ก่อนที่จะก้มหน้าลงแล้วเอามือข้างหนึ่งปาดน้ำตาลวกๆ ฟังคุณพี่เมฆเล่าให้คุณยามฟังว่าพวกผมเดินลงมาจากชั้น 27 เพราะไฟดับ ซึ่งคุณลุงเขาก็ทำเสียงเหมือนกับจะเข้าใจ


“ตอนแรกนึกว่ามีใครแกล้งกันเลยมาดู ไม่นึกว่าจะเจอคนเดินลงมา มาจากไหนนะ ชั้น27ใช่ไหม? เก่งกันนะเนี่ยเดินลงมา10กว่าชั้น”


“ขอบคุณครับ” คุณพี่เมฆเป็นคนตอบไป ตอนนี้ผมหยุดสะอื้นแล้วครับ แต่ยังไม่อยากปล่อยเสื้อคุณพี่เมฆ ถ้าปล่อยแล้วอีกคนทิ้งผมจริงๆนี่จะโกรธมากๆเลยนะ จะฟ้อง… ฟ้องใครดีอะ ซุกซนก็จะไม่อยู่แล้ว น้องกายก็โกรธผมแล้วแน่ๆเลย


“ไม่มีอะไรงั้นเดินกันดีๆล่ะ” คุณลุงยามที่บอกว่าได้ยินเสียงคนคุยกันเลยเข้ามาดูพูดต่อ “แต่ถ้าเหนื่อยก็ลงลิฟต์กันนะ ไฟมาแล้ว ลิฟต์ใช้ได้แล้ว”


“...”

 “ลุงไปล่ะ แข็งแรงกันจังเด็กสมัยนี้” 

“...”




ผมละเกลียดวันจันทร์จริงๆ เลย ให้ตาย





------- 70% -------



น้องกายมาแล้วนะคะ XD
ตอนนี้มาอัพช้าเพราะยาวมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกค่ะ

สามารถคอมเมนต์ที่นี่ หรือที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ เหมือนเดิมนะคะ หรือยังไงทักเรามาได้ที่ @babybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH12: กลับบ้านกันนะครับ [up! 70%] (31/05/18)
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 01-06-2018 09:01:49
ตายแล้วววว น้องแทนใจเลยยิ่งไมีขอบวันจันทร์เข้าไปใหญ่เลยเนี่ย
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH12: กลับบ้านกันนะครับ [up! 70%] (31/05/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 01-06-2018 09:35:54
มีความสงสารน้องงงง 555
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH12: กลับบ้านกันนะครับ [up! 70%] (31/05/18)
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 01-06-2018 11:04:44
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH12: กลับบ้านกันนะครับ [up! 70%] (31/05/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Chanik ที่ 05-06-2018 02:00:41
ตามทันแล้วเย้ๆ :o8:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH12: กลับบ้านกันนะครับ [up! 70%] (31/05/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 16-06-2018 20:26:25
12th Monday - 100%
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 



ทั้งที่คิดว่าอยากจะกลับบ้าน แต่จนถึงตอนนี้ผมยังไม่อยู่ในจุดที่ใกล้เคียงกับบ้านเลยครับ





หลังจากที่พวกเราออกมาจากตึกที่ทำงานแล้ว คุณพี่เมฆบอกว่ามันดึกแล้วเดี๋ยวเขาจะไปส่งผมที่ห้องเอง ตอนที่ผมคาดเข็มขัดเรียบร้อยนั้น เขาดันบอกว่าก่อนจะกลับบ้านเขาจะพาไปแวะทานข้าวก่อน เพราะเห็นผมยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เมื่อกี้ แถมมาบอกว่าเพราะผมเพิ่งร้องไห้ เขาจะไม่ปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวตอนนี้



มาด้วยเหตุผลแบบนี้แล้วผมจะปฏิเสธได้อย่างไรกัน



“อยากกินอะไรก็สั่งเลยนะ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง”



ผมมองเมนูอย่างงงๆ หันไปมองหน้าคนที่พามาอย่างงงๆยิ่งกว่า



“นี่มันที่ที่เขาจะพาคนเศร้ามาเลี้ยงปลอบใจกันเหรอครับ?” ผมกะพริบตามองหน้าคุณพี่เมฆ สลับกับมองป้ายร้านอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้มองผิดไป



“เบอร์เกอร์คิงเนี่ยนะครับ?”



ผมมองหน้าน้องพนักงานผู้หญิงที่มองมาหน้าทางผมแบบเริ่มหงุดหงิดที่ไม่สั่งสักที แล้วมองไปที่คุณพี่เมฆที่ยังยิ้มๆแบบเดิมอีกครั้ง นี่ก็ยิ้มตลอดเวลาอะไรขนาดนี้ ทำไมอารมณ์ดีเหลือเกิน นี่วันจันทร์นะทำไมถึงอารมณ์ดีล่ะ



“หรืออยากกินอย่างอื่น แม็ค? เคเอฟซี? หรือเอาพิซซะ---”

“ไม่ต้องครับคุณพี่เมฆ”



ผมรีบห้ามเมื่ออีกคนทำท่าจะดึงผมออกจากร้านจริงๆ โชคดีที่ร้านเบอร์เกอร์คิงที่เราอยู่ตอนนี้เป็นสาขาในปั๊มน้ำมัน (หนึ่งในปั๊มระหว่างทางกลับไปห้องผมจากที่ทำงานน่ะครับ) คนไม่ค่อยมีครับ พวกผมเป็นคิวเดียวที่ยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์ เลยมีเวลามายืนเถียงกันแบบนี้



“ผมทานที่นี่ได้ แค่ไม่แน่ใจเฉยๆ”



“คุณลูกค้าสามารถดูโปรโมชั่นก่อนได้ค่ะ”



พนักงานหน้าหงิกพูดขึ้นมาแล้วเอาใบโปรโมชั่นมาวาง ผมเลยจิ้มๆอะไรสักอย่างแล้วฝากคุณพี่เมฆดูก่อนเพราะผมจะไปเข้าห้องน้ำ มานึกๆดูแล้วความจริงผมแทบไม่ได้เข้าห้องน้ำเลยครับวันนี้ น้ำก็กินน้อยมาก นอกจากลาเต้เมื่อเช้าผมกินน้ำไม่ถึงสามแก้วเลยด้วยซ้ำ ห้องน้ำนี่ไม่ต้องพูดถึง แทบไม่ได้เข้าเลยครับ



ถ้าเป็นแบบนี้บ่อยๆร่างกายต้องแย่แน่เลยแฮะ



ถ้าเป็นนิ่วขึ้นมาทำยังไง เป็นนิ่วแล้วจะเลือกตั้งได้มั้ย? ถ้าเป็นนิ่วแล้วคุณพี่เมฆจะเลิกชอบผมหรือเปล่า?  ไม่ได้นะ! ผมจะต้องใส่ใจกับสุขภาพของตัวเองมากกว่านี้แล้ว



“คุณพี่เมฆสั่งเรียบร้อยแล้วใช่มั้ยครับ?”

“ใช่ครับ” เขายื่นแบงก์พันที่ผมยัดไว้ในมือเขาตอนที่สั่งอาหารเสร็จคืนมาให้ “อันนี้เงินเรา เก็บไปๆ”

“เฮ้ย ไม่เอา มื้อนี้ผมจะเลี้ยงคุณบ้าง”



ผมสั่นหัวหงึกหงักไม่รับเงินคืน



มันเป็นความตั้งใจของผมครับที่คิดว่ามื้อนี้จะเลี้ยงคุณพี่เมฆเขาคืนบ้าง ตั้งแต่รู้จักกันมาจนถึงขั้นชูวับชูวับไปแล้ว ผมไม่เคยจ่ายเงินเลี้ยงอะไรเขาเลย ทั้งที่ตัวเองก็ทำงานมีเงินเดือนเหมือนกัน มันรู้สึกไม่ค่อยแฟร์อย่างไรแปลกๆ อย่างเวลาผมไปไหนกับซุกซนเราหารกันตลอด



เฮ้อ ต่อไปนี้คงไม่มีคนให้หารค่าข้าวด้วยแล้ว



“เป็นอะไรครับแทนใจ ทำไมหางลู่หูตกอีกแล้วล่ะ”



ผมเหลือบตามองคุณพี่เมฆที่เท้าคางมองผมเหมือนกับวันที่ไปนั่งทานมื้อเที่ยงด้วยกันแล้วเขาเอาข้าวกะเพราแซลม่อนให้ผมทาน พอมาย้อนคิดแล้วก็กะยึกกะยักเล็กๆ วันนั้นผมเกือบตายเพราะข้าวกะปิของซุกซนแล้ว … พูดถึงซุกซน



“สมมุตินะครับ คุณพี่เมฆ”

“ครับ”



คุณพี่เมฆที่ทำท่าตั้งใจฟังประหนึ่งผมเป็นประธานผู้แทนการประชุมกลุ่มผู้นำด้านการต่อต้านวันจันทร์เพื่อสันติภาพ ท่าทางจริงจังของเขาทำให้ผมนั่งตัวตรง แล้วพยายามจริงจังไปด้วย



“สมมุติว่าคุณพี่เมฆเพิ่งเรียนจบ แล้วมาทำงาน แล้วคุณพี่เมฆมีเพื่อนในที่ทำงานที่สนิทกันมากๆ แบบมากๆเลยอะครับ มากกว่าค่าครองชีพขั้นต่ำอีก”

“...” คุณพี่เมฆพยักหน้าเหมือนกับว่ากำลังตั้งใจฟัง ให้ผมพูดต่อ

“ทีนี้อยู่มาวันหนึ่ง เพื่อนที่สนิทมากๆคนนั้นของคุณพี่เมฆเขาก็ลาออกน่ะครับ ออกแบบไม่บอกเลย ในขณะที่คนทั้งแผนกรู้กันหมดแล้วแต่คุณพี่เมฆกลับกลายเป็นคนที่รู้คนสุดท้าย เพื่อนจะไปไม่พอเพื่อนยังไม่บอกคุณพี่เมฆอีกต่างหาก มันแย่มากๆเลยเนอะ”

“...”

“ผมไม่อยากให้เขาออกเลย ผมเป็นคนไม่ค่อยสนิทกับใครเท่าไหร่ พอมีเพื่อนคนนี้มาผมก็รู้สึกดีมากๆที่จะมีคนหารค่าข้าวกลางวันด้วย มีคนเอาไว้บ่นลูกค้าด้วยกัน มีคนขี้เกียจเข้าประชุมเหมือนกัน”



“ตกลงว่าเรื่องสมมุตินี่จะเป็นของพี่หรือของแทนใจเนี่ย?”



ผมกะพริบตามองคุณพี่เมฆงงๆ ถึงได้เพิ่งรู้ตัวว่าเมื่อกี้ผมเผลอพูดเป็นเรื่องของตัวเอง แต่ยังไม่ทันทีผมจะแก้ตัวอะไร คุณพี่เมฆก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน



“แทนใจเสียใจที่ซุกซน--”

“คุณพี่เมฆรู้ได้ไงว่านี่คือเรื่องของผมกับซุกซน?”

“ก็ซุกซนมันลาออกแล้วนี่”

“แม้แต่คุณพี่เมฆก็ยังรู้อะ”



ผมไถลตัวลงไปบนโต๊ะอย่างเซ็งๆ ซึ่งคุณพี่เมฆเองยังคงทำหน้านิ่ง หรือตอนนี้ทำหน้าหล่อก็ไม่รู้เพราะผมหันหน้าไปทางกระจกข้างๆครับ ทำไมซุกซนถึงไม่บอกผมแต่บอกคนอื่นหมดเลยล่ะ



“แทนใจครับ ฟังพี่เมฆนะครับ”



คุณเมฆเรียกผมเลยหันหน้ากลับไปหาเขา ยิ่งมองหน้าเขาผมก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาหน้าตาดี อะไรวะเนี่ย 



“ในช่วงชีวิตของคนเราน่ะ เราจะต้องเจอคนเยอะแยะ บางคนเข้ามาแป๊บเดียวมาแค่ชื่อ บางคนมาอยู่นานๆ ทิ้งไว้ให้เราคิดถึง แต่สุดท้ายแล้วก็จากไป เดี๋ยวคนนั้นเข้ามาเดี๋ยวคนนี้ออกไปเป็นเรื่องปกติ”

“...”

“อยางเพื่อนสมัยอนุบาล หรือมัธยมน่ะ ยังอยู่ในชีวิตเราครบทั้งห้องหรือเปล่า?”



ผมส่ายหัวเป็นการปฏิเสธ คุณพี่เมฆเขายิ้ม ลูบหัวผมพร้อมกับพูดต่อ



“เห็นมั้ยล่ะ”



เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับพูดกับเด็ก มันดูต่างจากเวลาที่เขาคุยกับลูกค้า หรือเวลาที่คุยกับเคุณกฤติ คุณโน้ต หรือแม้กระทั่งซุกซนก็ตาม อยู่ดีๆก็คิดขึ้นมาว่า ถ้าคุณพี่เมฆมีลูกเขาต้องเป็นพ่อที่เท่ แบบที่พ่อผมทำให้รู้สึกเหมือนเป็นฮีโร่ของผมตอนเด็กแน่นอน



“เดี๋ยวคนเข้ามาก็ออกไป คนที่อยู่เดี๋ยวก็หายแล้วก็จะมีคนใหม่ๆเข้ามาเรื่อยๆแบบนี้แหละ”

“...”

“อย่าไปยึดติดกับความสัมพันธ์มากเกินไป”

“...”

“เข้าใจมั้ยครับ?”



เป็นช่วงเวลาพอดีกับที่อาหารมาเสิร์ฟ ผมเลยต้องแงะตัวเองขึ้นมาจากโต๊ะเพราะว่าไม่อย่างงั้นจะไม่มีที่วางถาดอาหารครับ ตอนนี้โต๊ะเลยเต็มไปด้วยอาหารเพิ่มแก้มครับ ทั้งเฟรนช์ฟรายส์ เบอร์เกอร์ โค้ก ต่างๆมาหมด ผมหยิบนักเก็ตชิ้นหนึ่งขึ้นมาทานในขณะที่คุณพี่เมฆเริ่มจัดการกับแฮมเบอร์เกอร์ชิ้นยักษ์ตรงหน้า



ผมทานนักเก็ตอย่างใจลอย คุณพี่เมฆนี่สามารถจัดการกับปัญหาได้ทุกอย่างเลยหรือเปล่านะ?



“คิดอะไรอยู่เนี่ยเรา ทำไมทำแก้มยืดอีกแล้ว คิดถึงเรื่องพี่อยู่เหรอครับ?”



รู้ได้ไงอะ!



คุณพี่เมฆที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพูดขึ้นทำเอาผมตกใจ ความคิดแรกที่พุ่งเข้ามาคือ เขารู้ได้ไงวะว่าผมกำลังคิดถึงเขา!!! คุณพี่เมฆมีตาทิพย์เหรอ



“อ้าว คิดถึงพี่อยู่จริงๆเหรอเนี่ย”



คนฝั่งตรงข้ามหัวเราะ แล้วก้มลงดูดน้ำ พลางส่งสายตาเป็นเชิงล้อเลียนมาทางผม ที่ตกใจจนเผลอทำนักเก็ตตกซอสกระจายเลย แล้วตัวต้นเหตุที่ทำก็นั่งขำครับ ผมทำได้แค่เอาทิชชูมาเช็ดๆส่วนที่เลอะ แล้วก็บ่นคุณพี่เมฆในใจเท่านั้น คอยดูนะ ถ้ามีชื่อคุณพี่เมฆในการเลือกตั้งบริษัท ผมจะไม่เลือกเลย!



ตอนนี้ยังเลือกตั้งนายกไม่ได้ ก็เลือกตั้งตัวแทนพนักงานไปก่อนครับ คล้ายๆกัน





“พี่แทนใจ?”





ทั้งโต๊ะหันไปมองตามเสียง เมื่อเห็นว่าเป็นใครเรียกผมก็ยิ้มกว้างเลยครับ ตัวเล็กๆหน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตาแบบนี้มีคนเดียว



“น้องล้งเล้ง”



ผมเช็ดมือแล้วลุกขึ้นไปกอดตอบน้องที่พุ่งเข้ามาหาครับ ล้งเล้งเป็นน้องคณะผมครับ ความจริงแล้วตัวผมไม่ใช่คนที่ชอบทำกิจกรรมเท่าไหร่ เลยไม่ค่อยรู้จักรุ่นน้องมากนัก (ความจริงรุ่นเดียวกันก็ไม่ค่อยรู้จักครับ รุ่นพี่ก็ไม่รู้จัก เป็นมนุษย์หลืบ) แต่ตอนที่ผมขายสัญญาหอเพราะจะเรียนจบ น้องเป็นคนที่มาซื้อต่อพอดี



น้องเป็นคนคุยเก่งครับ พอรู้ว่าผมอยู่คณะเดียวกับน้องเขาเลยคุยกันเยอะมากๆ จนสนิทกันแบบงงๆนี่แหละ



“พี่แทนใจเป็นไงมั่งครับ คิดถึงจังเลย พี่บอกจะไปหาผมที่มอฯก็ไม่ไป”

“คิดถึงเหมือนกัน”



ผมก็อยากเจอน้องนะ แต่พอเรียนจบมันนัดยากมากเลย ยิ่งน้องสอนพิเศษอีก เลยไม่ได้นัดสักที ก็ประหลาดดีเหมือนกันแค่กับคนที่คุยกันนิดหน่อยแต่ผมดันรู้สึกเอ็นดูน้องมากเลยครับ



“ผมได้เอกอังกฤษแล้วนะพี่แทนใจ”



น้องพูดพร้อมยิ่งแฉ่งมาให้ คณะผมเรียนภาษา แต่ตอนที่แอดฯเข้าไปจะยังไม่เลือกวิชาเอกครับ เราจะไปเลือกกันทีหลัง ซึ่งตอนนั้นน้องล้งเล้งอยากเรียนเอกอังกฤษแล้วก็กลัวเข้าไม่ได้ เลยถามผมค่อนข้างเยอะหน่อย ซึ่งผมก็ตอบไปเท่าที่ทำได้ครับ พอปีสี่มันก็ลืมๆไปแล้วว่าทำไมมอหกถึงได้อยากเรียนมหาลัยขนาดนี้ เข้ามาตายชัดๆ



“เก่งมากเลย พี่รู้แล้วว่าเราทำได้”

“ใช่มั้ยล่ะ! เพราะพี่แทนใจเลยนะเนี่ย”

“ก็เวอร์ไป” ผมหัวเราะ “ถ้าเราเข้าเอกอังกฤษไม่ได้อะนะ คนทั้งโลกก็เข้าไม่ได้แล้ว!”

“โหย นี่ก็เวอร์ไปเหมือนกันอะ ฮ่าๆ”



ผมกับน้องคุยงุ้งงิ้งกันอยู่สักพักจนมีเสียทักจากคนที่ขับรถพาผมมากินข้าวครับ



“แทนใจ เดี๋ยวพี่ไปห้องน้ำแป๊บนึงนะครับ”

“เออใช่ ลืมแนะนำเลย” ผมพูดสิ่งที่เพิ่งจะนึกขึ้นได้ เนี่ยอะนิสัยเสียของผม เวลาทำอะไรแล้วลืมอีกอย่างไปเลย ครั้งนี้ลืมคุณเมฆครับ

“คุณพี่เมฆครับ นี่น้องล้งเล้ง น้องคณะผม” ผมผายมือไปที่น้องที่กำลังยกมือไหว้อีกคนที่รับไหว้แบบเท่ๆ คือผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมแค่รับไหว้ต้องดูดีและดูใจดีขนาดนี้ด้วย

“ล้งเล้ง นี่คุณพะ… เอ่อ คุณเมฆ” ผมพยายามไม่สนใจสายตาที่มองมาตอนที่ผมเรียกเขาว่าคุณเมฆ โอ๊ย มองทำไมเล่า อย่ามองสิ “เป็นเพื่อนที่ทำงานของพี่เอง”



ทั้งสองคนทักทายกันพอเป็นพิธีก่อนที่คุณพี่เมฆจะเดินหายเข้าไปที่ห้องน้ำทางด้านหลังร้าน ทิ้งผมไว้กับน้องล้งเล้งที่ยังมองตามคุณพี่เมฆอย่างสนอกสนใจ



“โหยพี่แทนใจ พี่เมฆโคตรเท่เลยอะ”



น้องหันมาพูดกับผมครับ เหมือนน้องจะชอบคุณพี่เมฆมากเลย อาจจะเพราะคณะเราไม่ค่อยมีเพศชายเท่าไหร่ ยิ่งเป็นเพศชายที่หล่อด้วยนี่หายากกว่าลูกค้าที่ไม่เรื่องมากอีกครับ



“อิจฉาว่ะ ผมนะอยากสูงๆ ดูดีแบบนั้นบ้างจัง ทุกวันนี้เพื่อนแม่งทำเหมือนผมเป็นหมากระเป๋า ไม่คูลเลย”

“ล้งเล้งเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วนะ”



ผมพูดชมอีกคน ไม่ได้พูดไปเรื่อยนะครับ ผมชอบน้องที่เป็นแบบนี้ ดูสดใสดี สดใสจนผมอยากจะแบ่งความอารมณ์ดีของน้องมาใช้ตอนเช้าๆวันจันทร์บ้างเลยครับ



“ว่าแต่มาทำอะไรแถวนี้เนี่ย ไม่ได้ใกล้มหาลัยฯเลยนะ ไม่มีเรียนหรือไง”

“ผมมาหาน้องที่สอนพิเศษน่ะ”

“สอนพิเศษ?” ผมทวนคำ “สอนไกลไปป่าว คุ้มค่ารถเหรอเนี่ยถามจริง?”



ผมไม่ได้เวอร์นะ มหาลัยน้องผมอยู่แทบชานเมืองครับ แถวทุ่งรังสิต ส่วนตรงนี้คือเขตบางนา คนละซีกโลกเลยนะ บ้าไปแล้ว แค่คิดผมก็เหนื่อยแล้วครับ ถ้านั่งแกร็บนี่น่าจะ 500-600 บาทขึ้นแน่ๆ บ้าไปแล้วน้องผม



“ไม่ๆ คือผมสอนสยามพี่ แต่ตอนกำลังขึ้นรถตู้กลับเพิ่งรู้ว่ากุญแจหอติดมากับมัน โคตรซวย นี่ต้องขอเขาลงแล้วรีบขึ้นรถมาหามันที่นี่เนี่ย ยืนรอก็โคตรนานกว่าจะได้ขึ้นรถตู้ แถมแม่งต้องมาไกลถึงนี่”



น้องผมบ่นยาวเป็นปืนกลเลยครับ ซึ่งผมเข้าใจนะ ถ้าเป็นผมๆก็บ่น



“นี่เจอน้องยัง?”

“ยังเลยพี่ เนี่ยผมมารอมันทำงานบ้านเพื่อนอะไรก็ไม่รู้” น้องบ่นด้วยท่าทางหงุดหงิด มีเสียงฮึดฮัดให้รู้ด้วยครับว่ากำลังเหม็นเบื่อคนที่พูดถึงอยู่จริงๆ  “ไม่รู้มันจะทำงานถึงชาติหน้าหรือเปล่าเนี่ยพี่ เอาเถอะ ช่างแม่ง ผมยังไงก็ได้ขอให้ได้ของละกัน เพราะถ้าน้องมันทำกุญแจหายนะ ผมจะเอาดิกฯอังกฤษไทยฟาดหน้ามันไปมาจนกว่าปกจะหลุด คอยดู”



ผมหัวเราะกับท่าทางจริงจังของน้องครับ ล้งเล้งเป็นเด็กอารมณ์ดี เพราะแบบนี้ผมเลยสนิทกับน้องได้ทั้งที่ไม่ได้เรียนหรือทำกิจกรรมอะไรด้วยกันเหมือนกับคู่ซุกซนกับพี่กุ๊กกิ๊กด้วยซ้ำ



“พี่แทนใจ”

“ว่าไง?”

“ว่าแต่ พี่เมฆนี่แฟนพี่เหรอ?”

“เฮ้ย!!!”



ผมสะดุ้งเมื่ออยู่ๆน้องถามอะไรแบบนี้ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่อีกคนเดินถือถาดที่มีน้ำอัดลมวางอยู่มาทางนี้พอดี

ไอ้คุณพี่เมฆนี่ก็นะ ทีตอนที่พวกผมคุยเรื่องไร้สาระดันไปซื้อของกินเพิ่ม ทีอย่างงี้ล่ะดันเดินมาพอดี บ้าไปแล้วบ้าไปแล้ว ทำไงอะ ผมควรตอบยังไงดี



“ไม่ใช่ๆ พี่เขาเป็นเพื่อนร่วมงาน”

“ใช่ครับ เป็นเพื่อนร่วมงาน”



ขาเดินมาวางถาดเอาไว้บนโต๊ะ โชคดีที่โต๊ะของพวกผมเป็นแบบสองโต๊ะต่อกันครับ เพราะงั้นเลยมีที่พอวางของบนโต๊ะทั้งหมด



“ตอนนี้ยังเป็นเพื่อนร่วมงานอยู่ ไว้อีกสองเดือนค่อยมาถามใหม่นะ”



“ไอ้คุณพี่เมฆ!!!!”

“ฮ่าๆๆๆ”



ผมเหวออกมาทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น ส่วนน้องล้งเล้งก็น่ารักมากครับ มีการหัวเราะแล้วพูดทำนองว่า ‘โหย พี่เมฆแม่งโคตรได้ว่ะ’ ซึ่งสิ่งเดียวที่ผมทำได้คือพยายามทำให้แก้มหายร้อนด้วยการถูๆครับ ฮือ บ้าไปหมดแล้ว เมื่อไม่มีใครเข้าข้างผมก็เปลี่ยนเรื่องมันเลยแล้วกัน



“นี่คุณพี่เมฆยังไม่อิ่มเหรอครับ? ซื้ออะไรมาเพิ่มอีกเนี่ย”

“ไม่ใช่ๆ พี่ซื้อให้น้องเราน่ะ”



ผมขมวดคิ้วนิดหน่อยในขณะที่น้องผมพยายามปฏิเสธแต่สุดท้ายก็ต้องรับของ นี่ก็เลี้ยงคนอื่นเขาไปทั่วเลยนะ ไหนว่าจะพาผมมาเลี้ยงไง!



“พี่ล้งเล้ง”



เสียงเรียกของเด็กหนุ่มที่ท่าทางจะอยู่มัธยมปลายยืนโบกมือมาจากหน้าร้าน ล้งเล้งน้องผมเลยลาจากตรงนี้ไป พอดีกับที่คุณเพี่เมฆเหมือนจะมีโทรศัพท์เข้า ผมที่ไม่อยากฟังอะไรเกี่ยวข้องกับงานอีกแล้วถึงแม้จะไม่ใช่งานตัวเองก็ตาม เลยอาสาเดินไปส่งน้องเขาครับ



“พี่”



น้องเรียกให้ผมหยุดก่อนที่จะถึงประตูร้าน ผมหันมามองหน้าเขาพลางเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ล้งเล้งทำหน้าคิดนิดหน่อย ท่าทางน้องเหมือนไม่แน่ใจว่าควรจะพูดดีมั้ย แต่สุดท้ายแล้วยอมเปิดปาก



“พี่ได้คุยกับน้องกายบ้างมั้ย?”



แทนกาย



ชื่อน้องชายทำให้ผมนิ่งไปชั่วครู่  สีหน้าผมคงเปลี่ยนชัดเจนเพราะน้องล้งเล้งถอนหายใจเหมือนกับว่าตัวเองก็ลำบากใจเช่นกันที่ต้องพูดเรื่องนี้



น้องกายเป็นเด็กเก่ง น้องไม่มีปัญหาวิชาไหนเลยนอกจากอังกฤษ เพราะน้องมักจะมาให้ผมสอนเพิ่มเสมอ ซึ่งตั้งแต่ทำงานผมไม่ค่อยว่างเท่าไหร่ เลยฝากฝังน้องกับครูพี่ล้งเล้งแทน



“คุยสิ เมื่อเย็นยังคุยกันอยู่เลย”



ผมตอบน้องไปพลางส่งยิ้มให้อีกคน ซึ่งมันคงเป็นยิ้มเหนื่อยๆเพราะวันนี้ผมแทบจะหมดแรงแล้วครับ เรื่องนั้นเรื่องนี้เยอะเกินไป ตั้งแต่คนขับแกร็บไบค์ ลิฟต์เสีย เพื่อนลาออก ทะเลาะกับน้อง ไฟดับ และล่าสุดผมยังต้องมาคิดเมนูเบอร์เกอร์คิงเนี่ย วันบ้าอะไร



“พี่แทนใจดูแปลกๆนะ ปกติพี่ต้องพูดถึงน้องกายเยอะกว่านี้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ” ล้งเล้งพูดพร้อมกับมองอย่างเป็นห่วง เซนส์ดีชะมัด ทำไมถึงได้ฉลาดกว่าพี่ร่วมคณะอย่างผมเนี่ย



“พี่เผลอดุน้องไปน่ะ ไม่มีอะไรหรอก” 



ผมตัดสินใจตัดบทแค่นั้น เพราะว่ายังรู้สึกแย่ที่ตวาดน้องอยู่



“เดี๋ยววันพุธนี้ผมมีสอนน้อง ให้ผมช่วยพูดกับน้องมั้ย?”

“ไม่เป็นไรหรอกๆ พี่แค่… กลัวน้องจะโกรธน่ะ”



“น้องไม่โกรธพี่หรอกครับ น้องกายรักพี่จะตาย รักมากกว่าที่พี่สาวรักผมอีกมั้ง”



ผมหัวเราะออกมานิดหน่อยเมื่อล้งเล้งทำหน้าตาจริงจังกับสิ่งที่ตัวเองพูดออกมา บ้านน้องมีพี่สาวครับ จบมหาลัยเดียวกับพวกผมเนี่ยแหละแต่ว่าคนละคณะกัน



“ช่วงนี้น้องแทนกายค่อนข้างเครียดน่ะพี่...”



ล้งเล้งทำท่าเหมือนจะพูดอะไรต่อ แต่เพราะเด็กที่น้องเขามาเอาของด้วยเดินมาทางนี้ (คงเพราะเห็นพวกผมไม่เดินไปสักที)  เลยเหลือแค่พูดทิ้งท้าย



“พี่ไปหาน้องมันบ่อยๆหน่อย น้องไม่โกรธพี่หรอกจริงๆ เชื่อผม”



พวกเราคุยกันอีกนิดหน่อยก็แยกกันครับ พร้อมกับที่ผมสัญญาว่าจะหาเวลาเข้าไปเลี้ยงข้าว(และเหล้า)น้องที่มหาลัยเร็วๆนี้ ผมเดินกลับไปหาคุณพี่เมฆที่ตอนนี้เลิกคุยกับลูกค้าเปลี่ยนมาจิ้มมือถือแทนแล้วครับ



“ขอโทษทีนะครับ แค่เดินไปส่งน้องดันคุยซะนาน”

“ไม่เป็นไรหรอก พี่เข้าใจ”



ผมส่งยิ้มขอบคุณให้คนที่เลิกเล่นมือถือแล้วหันมาส่งยิ้มให้ผม ตอนนี้อาหารตรงหน้าพร่องลงไปมากเลยครับ เหลือแค่นักเก็ตของผมกับเฟรนช์ฟรายส์ครึ่งหนึ่งจากตอนแรก น้ำสองแก้ว และถาดที่เมื่อสักครู่พนักงานถืออาหารมาเสิร์ฟ



“คุณพี่เมฆครับ” อีกคนเลิกคิ้วส่งยิ้มมาให้เมื่อผมเรียก “สมมุตินะครับ ถ้า--”

“เรื่องสมมุติอีกแล้วเหรอครับ?”

“อื้อ ไม่ใช่เรื่องจริงนะ”

“เรื่องสมมุติเราเยอะนะเนี่ย”

“นี่คุณพี่เมฆจะฟังมั้ยครับ?” ผมขมวดคิ้วเมื่ออีกคนกวนประสาทเหลือเกิน นี่เรื่องสมมุติไง เชื่อกันบ้าง! ผมไม่น่าเชื่อถือตรงไหนกัน!



“ถ้าสมมุติคุณพี่เมฆมีน้องชายที่รักกันมากๆ สนิทกันมากๆ อยู่มาวันหนึ่งพี่เผลอตวาดน้องไป แบบไม่ได้ตั้งใจเลยนะพี่ แค่เผลอหลุดปากเพราะว่าเหนื่อยง่ะ…”



ผมถอนหายใจ ตอนนี้คุณพี่เมฆกลับมาเท้าคางมองผมเหมือนกับเมื่อตอนที่คุยกันเรื่องซุกซนแล้วครับ เขาเงียบแต่ส่งยิ้มบางๆเป็นสัญญาณให้พูดต่อไปครับ



“ผมรู้สึกผิดมากเลย… คุณว่าน้องจะโกรธผมมั้ย?”

“อันนี้ยังเรื่องสมมุติเหมือนเดิมเนอะ”

“คุณพี่เมฆ ทำไมวันนี้กวนประสาทจังเลย”

“เห็นเราทำหน้าบึ้งไงเลยอยากให้อารมณ์ดี ดูสิแก้มเบี้ยวแล้วเนี่ย”



ผมตกใจมาก รีบเอามือจับแก้มตัวเองทันที เอ๊ะ แต่แก้มคนเราเบี้ยวเพราะหน้าบึ้งได้ด้วยเหรอวะ? … โดนหลอกอีกแล้วแน่ๆ ยิ่งเห็นว่าอีกคนกำลังส่งยิ้มน้อยๆมาให้ผม ในขณะที่ผมกำลังจะอ้าปากบ่นเขาเหมือนเคย เสียงนุ่มๆของอีกคนก็ขัดขึ้นมาก่อน



“แทนใจ”

“ครับ?”

“เราตวาดน้องเพราะอะไร?”

“...ผมรู้สึกว่าน้องเอาแต่ใจ”

“แล้วน้องเอาแต่ใจจริงมั้ยครับ?”

“นิดนึงครับ” ผมตอบคำถาม “แต่วันนี้ผมเหนื่อยมากๆแล้วอะ น้องยังตื๊อจะมาหาอีก ทั้งที่มาดึกๆมันอันตรายจะตายไป น้องชายทั้งคนนะ น้องกายของผม ถ้าโดนแท็กซี่จับไปจะทำยังไง?”

“เราเป็นห่วงน้องใช่มั้ยล่ะ พี่ว่าถ้าพูดดีๆน้องก็น่าจะเข้าใจนะ”

“...”

“เรารักน้องอย่างไรน้องก็รักเราแบบนั้นแหละ รอใจเย็นๆก่อนแล้วก็โทรไปหาน้องซะ ดีไม่ดีน้องชายเราอาจจะรอสายจากเราอยู่ก็ได้นะ”



ผมปล่อยให้คำพูดสุดท้ายของคุณเมฆลอยวนอยู่รอบตัวโดยไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพราะมัวแต่พยายามห้ามไม่ให้หัวใจเต้นตึกตังตึกตัก แต่มันยากมากๆ ยากกว่าตื่นเช้าไปทำงานแบบไม่ให้สายอีก



ทั้งสายตา ทั้งคำพูด ทุกอย่างของคุณเมฆที่อยู่กับผมมาตั้งแต่เช้ายันเย็นมันดีมากจริง



“ขอบคุณนะครับ”



ผมพูดออกไปอย่างที่ใจคิด อีกฝ่ายยิ้มรับพร้อมกับเอามือมาลูบหัวผมอย่างที่ชอบทำ แย่มากๆ ตอนนี้มันร้อนหน้าไปหมดเลย แต่ถึงแม้หน้าจะร้อนแต่ผมก็ดีใจนะที่มีเขาอยู่ช้างๆในวันที่แย่มากแบบนี้ ถ้าหากเขาอยู่กับผมไปเรื่อยๆ ทุกๆวันจันทร์ได้ก็คงดี …



และวินาทีนั้น คำพูดเมื่อสักครู่ของผู้ชายฝั่งตรงข้ามก็ลอยเข้ามาในหัว




‘คนที่อยู่ในชีวิตเราเข้ามาแล้วก็ออกไป คนที่อยู่เดี๋ยวก็หาย อย่าไปยึดติดกับความสัมพันธ์มาก’




แล้วคุณพี่เมฆล่ะ ผมยึดติดกับเขาได้มั้ย?  เดี๋ยวเขาก็จะหายไปด้วยหรือเปล่า?







------- TBC -------





เราขอสัญญา จะขอเวลาอีกไม่นาน

แต่ตอนนี้งานทำร้ายมากค่ะ

แงงแงแงงแงแงแงแงแงแงงแงแงแงแงแงแง้



Babybaphomet
[/color]

หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH12: กระต่ายกินเบอร์เกอร์ [up! 100%] (16/06/18)
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 16-06-2018 21:23:08
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH12: กระต่ายกินเบอร์เกอร์ [up! 100%] (16/06/18)
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 16-06-2018 22:22:46
โถแทนใจ

ว่าแต่น้องกายมีเรื่องเครียดอะไรอยู่หรือเปล่าเนี่ย?
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH12: กระต่ายกินเบอร์เกอร์ [up! 100%] (16/06/18)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 17-06-2018 11:51:05
วันนรกแตกสำหรับแทนใจเลยนะเนี่ยะ ดีนะมีพี่เมฆอยู่ด้วย
แต่เสียใจอ่ะซุกซนไม่น่าลาออกเลย
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH12: กระต่ายกินเบอร์เกอร์ [up! 100%] (16/06/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 18-06-2018 11:40:01
 :L2: :L1: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡CH12: กระต่ายกินเบอร์เกอร์ [up! 100%] (16/06/18)
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 19-06-2018 03:38:31
คุณพี่แมฆจะไม่ไปไหนแน่ ถ้าไปจะลากหัวกลับมาให้55555555555
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡Special Monday - วันจันทร์ที่BTSเสีย! (29/06/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 29-06-2018 22:47:36
Special Monday

#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์





วันจันทร์วนมาเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือทำไมมันแปลกๆ?




ผมมองรอบตัวอย่างงงๆ วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ต้องมาทำงานแล้วรู้สึกแปลกๆครับ ความประหลาดนี่เริ่มต้นตั้งแต่ก้าวเท้าขวาออกจากห้องเลยครับ คนวันนี้ดูเยอะๆยั้วๆเยี้ยะๆ




ผมเป็นพวกไม่เช็กโซเชียลตอนเช้า คือกว่าจะมาทำงานได้ก็สายแล้วไง ไหนจะกลิ้งไปกลิ้งมาสองสามรอบ ลุกขึ้นมา รีบไปอาบน้ำ แล้วรีบวิ่งออกจากห้องเพื่อเอาตัวเองไปให้ทันประชุม ซึ่งผมเห็นคนคึกคักจอจ๊อกจอแจมาตั้งแต่ตรงฟุตบาทข้างถนนใกล้ๆรถไฟฟ้าแล้วครับ ตอนแรกก็นึกว่ามุงดูอะไรกัน พอมองหาที่มานี่แหละชัดเลย




BTS เสียอีกแล้ว มันเสียอีกแล้วแน่ๆ!




ผมเปิดทวิตเตอร์ที่มีไว้ตามข่าว ตามหาร้านอาหารน่าทาน แล้วก็หารีวิวหนังน่าดูใน Netflix แค่นั้น ตอนนี้ผมใช้ประโยชน์สูงสุดจากมันในการตามอ่านแอคออฟฟิศเชียลของรถไฟฟ้ามหานครที่มีไว้บอกว่าตัวเองเสียเมื่อไหร่ (แต่ไม่เคยคืนเงินให้)




BTS Skytrain

@BTS_Skytrain -- Jun 25

06.15 น. ระบบอาณัติสัญญาณสถานีสยามขัดข้อง ทำให้ขบวนรถเคลื่อนที่ได้ช้า
ทีมงานกำลังแก้ไขโดยเร็วที่สุด อาจมีผู้โดยสารสะสมมากบนชานชาลา โปรดระมัดระวังการเข้าออกขบวนรถ




BTS Skytrain

@BTS_Skytrain -- Jun 25

06.50 น. ระบบอาณัติสัญญาณในสายสีลมและสายสุขุมวิทขัดข้อง ทำให้ขบวนรถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วต่ำ ขบวนรถจะล่าช้า 15 นาที ขออภัยในความไม่สะดวก



BTS Skytrain

@BTS_Skytrain -- Jun 25

07.16น. ระบบอาณัติสัญญาณในสายสีลมและสายสุขุมวิทขัดข้อง ทำให้ขบวนรถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วต่ำ ขบวนรถจะล่าช้า 10 นาที ขออภัยในความไม่สะดวก



BTS Skytrain

@BTS_Skytrain -- Jun 25

08.12 น.ระบบอาณัติสัญญาณในสายสีลมและสายสุขุมวิทขัดข้อง ทำให้ขบวนรถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วต่ำ กำลังทำการแก้ไข ขออภัยในความไม่สะดวก




ผมไล่ทวีตของ BTS จากล่างขึ้นบนครับ ชัดเลย ตอนนี้ 8 โมงครึ่งแล้วครับ ยังซ่อมกันไม่เสร็จเลย ใจนึงก็อยากไปช่วยนะ แต่อีกใจคิดว่าผมไปทำงานทางอื่นดีกว่า




เมื่อคิดได้ดังนั้นเลยรีบเปิดอแอพ Grab เลยครับ ใช้จนตอนนี้เป็น Platinum แล้วครับ คิดดูละกันว่าชีวิตผมทุกวันนี้ต้องพึ่งพาแอพเรียกรถแท็กซี่ที่ไม่ปฏิเสธหรือปิดมิตเตอร์ใส่ (เรียกแท็กซี่สิบคัน ได้ขึ้นหนึ่งครั้งถือว่ามีบุญครับ) ทุกคนส่งรถกันหมดครับน่าเห็นใจ ผมเลยต้องใช้ Grab--- นี่มันอะไรวะ!!




JustGrab

THB 4xx

Fares are higher due to high demand 




เกินราคาปกติมาสองเท่า ฮือ บ้าไปแล้วนี่มันสิ้นเดือนนะเว้ย!!!!!!!




หันซ้ายหันขวาไม่รู้จะทำยังไง ผมเลยตัดสินใจยืนถอนหายใจอยู่ที่ป้ายรถเมล์ วันนี้ต้องไปทำงานสายอีกแน่ๆเลยครับ ตอนที่กำลังจะไลน์ไปบอกคุณกฤติในกลุ่ม Sale Co Team นั้น ไลน์ก็เด้งขึ้นมาพอดี




Mek: *ส่งสติกเกอร์*




นิ้วนี่เปลี่ยนทางเลยครับ ผมกดโทรหาคุณพี่เมฆทันที แล้วเขาก็รับสายผมทันทีด้วยเหมือนกัน ฮือ ผมจะร้องไห้




“ครับ? แทนใจ??”

“คุณพี่เมฆครับ อยากทานโจ๊กมั้ย?”

“... ห๊ะ?”

“มารับผมหน่อยนะ เดี๋ยวผมเลี้ยงโจ๊กหม้อดิน เอาไว้กินกับกาแฟไงครับ”




แล้วครึ่งชั่วโมงถัดมา ผมกับโจ๊กหม้อดินใส่ไข่เพิ่มหมูสับสองถุงก็มานั่งกันอยู่บนรถของผู้สนับสนุนคาเฟอีนหลักในชีวิตผมครับ คุณพี่เมฆคนเดียวคนเดิมนั่นเอง




“ขอบคุณนะครับที่มารับ”

“ไม่เป็นไร เรื่องเล็ก” คุณพี่เมฆหันมายิ้มให้ “มีอะไรโทรหาพี่ได้ตลอดเลยนะ”

“โทรไปยืมเงินก็ได้ใช่มั้ยครับ?”

“ถ้าไม่ใช่สิ้นเดือนก็โทรมาเถอะ”

“แต่นี่สิ้นเดือนนะ”

“งั้นเราโทรมาก็ได้ พี่มีแต่ใจ ให้เรากินแทนข้าวไปก่อนนะ”




ผมหัวเราะเมื่อเขาเล่นมุกอะไรก็ไม่รู้ไม่เข้ากับหน้าครับ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณพี่เมฆเล่นมุกหน้าตายก็จริง แต่วันนี้หน้าเขาแบบ เหมือนคนที่เศร้าสร้อยอะครับ หรือว่าเขาเสียใจที่วันนี้ BTS เสีย? ผมว่าไม่น่าใช่ หรือว่าเพราะวันนี้เป็นวันจันทร์? แต่เมื่อเจ็ดวันที่แล้วมันก็เป็นวันจันทร์นะ คุณพี่เมฆก็ไม่เห็นจะดูเหี่ยวขนาดนี้




หรือติ๊กต่อกลืมรดน้ำเจ้าของ? อันนี้ไม่ใช่แล้ว ผมว่าช่วงนี้น่าจะดูหนังเยอะเกินไปหน่อย แต่ไม่ให้ดูเลยก็ใช้ชีวิตไม่ได้อะครับ แค่รับมือกับงานก็แย่แล้ว ชีวิตต้องมีอะไรมาเอนเตอร์เทนบ้าง




“วันนี้คุณพี่เมฆดูเงียบๆนะครับ”




ผมพูดขึ้นมาเมื่อเรามาถึงที่ทำงานด้วยเวลาไม่นาน คิดถูกจริงๆที่ซื้อเวลาด้วยโจ๊กหม้อดิน (ถึงแม้จะรบกวนคุณพี่เมฆไปหน่อยก็เถอะ) เนี่ย ผมถึงที่ทำงานแล้ว มันก็ยังไม่หายขัดข้อง




BTS Skytrain

@BTS_Skytrain -- Jun 25

08.40 น. ระบบอาณัติสัญญาณในสายสีลมและสายสุขุมวิทขัดข้อง  กำลังทำการแก้ไข ขบวนรถจะล่าช้า 10 นาที ขออภัยในความไม่สะดวก



ผมเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าแล้วเดินตามคุณพี่เมฆเข้ามาที่แพนทรี่ เรามานั่งทานข้าวกันก่อนจะแยกย้ายไปทำงาน ผมเพิ่งรู้ตอนมาถึงที่ทำงานว่าคุณกฤติเลื่อนประชุมเป็นพรุ่งนี้แทน เพราะคนที่มาสายเยอะมาก พวกบ้านอยู่ติด BTS นี่ปั่นป่วนกันหมดครับ ผมด้วยเช่นกัน



พูดแล้วก็หันไปขอบคุณคุณพี่เมฆอีกที ถ้าไม่ได้เขานี่ผมลางานเช้าแล้วอะ ไม่มาแน่นอน บายครับ บายบ๊ายบาย




“สวัสดีครับคุณโน้ต คุณกฤติ”




ผมยกมือไหว้คุณกฤติกับคุณโน้ตมาเลเซียที่เดินเข้ามาในห้องอาหาร ทั้งสองคนรับไหว้ครับ คุณกฤติยิ้มให้ผมเหมือนปกติ ส่วนคุณโน้ตเองก็รับไหว้นิดหน่อย แล้วหันไปคุยกับคุณพี่เมฆแทน




“คุณได้ดูเมื่อคืนมั้ย?”

“ … อย่าพูดถึงมันพี่ ผมนี่โคตรเจ็บ”

“สองศูนย์เต็มๆ”

คุณโน้ตถอนหายใจ ผมมองซ้ายมองขวาทีอย่างไม่เข้าใจ พอหันไปหาคุณกฤติเขาก็ยักไหล่กลอกตาเหมือนกับว่าสองคนนั้นคุยเรื่องน่าเบื่อ

“แม่งเว้นไว้ทำไมไม่รู้ตรงนั้น โหแม่ง ถามจริงๆ”

“ก็มันไม่มีอะไรจะเสียแล้ว โกลเกาหลีเหนียวไป”

“ตกตั้งแต่รอบแรก ผมนี่แม่ง… “




จนทานข้าวเสร็จผมก็ไม่รู้อะไรครับ ไม่มีใครหันมาเฉลยผมเลย ขนาดคุณพี่เมฆที่หันมาเห็นผมมองหน้าเขาอยู่ก็แค่ลูบหัวเฉยๆอะ ไม่เอาลูบหัว เอาเลือกตั้ง!




ซึ่งวันนี้ก็ยังไม่หยุดแปลกครับ




From: Mr. Kim, Sub Jang

Thank you so much for your help. Have a nice day.




อันนี้เป็นเมลจากเพื่อนร่วมงานที่ประเทศเกาหลี (ผมต้องซัพพอร์ตทั้งลูกค้า กับเพื่อนร่วมงานต่างประเทศ ซึ่งประสาทพอๆกัน) วันนี้มาเหนือมากครับ งานไม่กดดันเลย ปกตินี่เร่งยิกๆๆๆๆ อะไรวะเนี่ย แปลกมาก หรือทุกอย่างเสียตาม BTS ไปตั้งแต่เช้าแล้ว




From: Park, Chan Cha-la

Dear Kraikiratikulchai Tanjai,

Good Morning. Please update this soon. Thank you for your help to us as always!




วันนี้มี thank you for your help to us as always ด้วย ปกติป๊ากๆนี่ไม่มีหรอกครับอะไรแบบนี้ มาถึงก็ใส่ตัวแดงตัวหนาขนาด 72 เร่งยิกๆๆ จะเอาตอนนี้ เดี๋ยวนี้ เวลานี้ หนทหนหนยหยนหยหยอหอนห่อย ตลอดเวลา มาแบบนิ่มนวลชวนงงแนี่เป็นครั้งแรกเลยครับ




ประหลาดจริงๆ ให้ตายเถอะ

ผมนั่งทำงานไปสลับกับเล่นมือถือไปด้วย ทุกคนยังคงด่า BTS อย่างเมามันครับ ซึ่งตอนนั้นผมเริ่มขมวดคิ้วแล้ว จนงานผมเริ่มซาแล้วนะ BTS มันควรจะใช้ได้แล้วสิ โอ๊ะ! มีทวีตใหม่!!




BTS Skytrain

@BTS_Skytrain -- Jun 25

10.03 น. ระบบอาณัติสัญญาณในสายสีลมและสายสุขุมวิทได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว การเดินรถกลับสู่สภาวะปกติ




นี่ก็ยังไม่หายเสียอีก เอาเข้าไป! ระหว่าง BTS หายเสียรายวันกับเราจะได้เลือกตั้งนี่ผมไม่รู้ว่าอะไรจะมาถึงก่อนกันเลยจริงๆนะ เลือกยากมากครับ ชีวิตทุกวันนี้




“แทนใจ ไปกันครับ”

“โอเคครับ”




ผมหันไปยิ้มให้คนที่เดินมาแตะไหล่เบาๆครับ วันนี้คุณพี่เมฆมาเงียบๆ ซึ่งผมก็ลุกตามเขาออกไปเงียบๆโดยไม่ต้องพูดอะไรเยอะแยะครับ ก็รู้อยู่แล้วว่ามาชวนกินกาแฟ วันนี้ผมว่างมากพอดี ไปพร้อมเขาเองได้โดยไม่ต้องเรียกหลายรอบครับ ของฟรีแทนใจไม่เคยเล่นตัว




เชื่อผมมั้ยล่ะ ว่าจนกินกาแฟเสร็จแล้ว BTS ก็ยังไม่หายเสีย




.

.

.




พูดเล่นๆ ไม่ต้องจริงขนาดนี้ก็ได้!




ผมถอนหายใจเมื่อไถทวิตเตอร์แล้วเจอทวิตอัปเดตสถานการณ์ปัจจุบันของหนูด่วนที่เดินเหมือนเต่าคลานในวันนี้




BTS Skytrain

@BTS_Skytrain -- Jun 25

15.40 เนื่องจากระบบอาณัติสัญญาณขัดข้อง ในสายสุขุมวิท และ สายสีลม ส่งผลกระทบให้การเดินทางถึงจุดหมายปลายทางล่าช้าประมาณ 10 นาที ขออภัยในความไม่สะดวก




เนี่ย!! จนผมลงมากินกาแฟแก้วที่สองกับคุณพี่เมฆในช่วงบ่ายแล้ว BTS ก็ยังไม่หายเสียอีก บ้าไปแล้วครับ 




“วันนี้คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ดูเงียบๆ”




ผมเปิดฉากขึ้นมาเมื่อเรานั่งกันอยู่ที่โต๊ะประจำตรงร้านกาแฟร้านเดิมที่ลงมานั่งกันทุกวันจนนเริ่มคิดว่าผมควรเก็บเงินซื้อที่ดินที่แรก คือโต๊ะตัวนี้แหละครับ เมตรคูณเมตรพอ ขอเอาไว้นั่งกินกาแฟได้เช้าสายบ่ายเย็นเป็นโอเค




“พี่แค่หงุดหงิดน่ะ เรื่องบอล”

“อ๋อ”




พอเข้าใจได้ ผมเห็นทั้งทวิตเตอร์ เฟสบุ๊ค พูดถึงเรื่องนี้เยอะมากเลยครับ นี่มันเป็นช่วงบอลโลก คนจะอินเยอะก็ไม่แปลก




“เราไม่ได้ดูเลยเหรอ?”

“ไม่อะ”

ผมส่ายหน้าปฏิเสธ บ้านผมนี่ไม่มีใครดูบอลเลยครับ ทั้งสามคนพี่น้อง พ่อกับแม่ก็ไม่ดูทั้งคู่ พ่อผมถ้าดูก็คงดูพวกกอล์ฟล่ะทั้ง ผมแยกกับพ่อตั้งแต่เด็กๆเลยไม่ค่อยรู้เท่าไหร่ ส่วนแม่ผมนี่กีฬาอย่างเดียวที่ดูคือกีฬาสีพวกผมสมัยประถม

“คุณพี่เมฆชอบดูเหรอครับ?”

“ดูสิ ดูตลอดอะ”

“เมื่อคืนมีบอลมั้ยครับ?”

“มีดิ” พี่เขาพูดขึ้น ท่าทางเหมือนถูกรดน้ำเล็กน้อย คุณพี่เมฆที่ห่อเหี่ยวเริ่มกลับมามีชีวิตชีวาเมื่อได้พูดสิ่งที่ชอบ  “ยิ่งเมื่อคืนยิ่งต้องดู เยอรมันพี่แข่งกับเกาหลี  สุดท้ายเป็นไง แพ้ยับ ทุเรศมาก พี่นี่ไม่รู้จะสงสารหรืออายแทนนอยเออร์ดี”



อะไรคือนอยเอ้อวะ?




“ดีจังเลยๆ ท่าทางจะแข่งกันมัน”

“... ก็ดีครับ ประตูนี่โล่งเลย”



คุณพี่เมฆพูดแค่นั้น แล้วพวกเราก็เปลี่ยนไปคุยเรื่องดินฟ้าอากาศแล้วก็เรื่องงานแทน เขาดูยิ้มแห้งๆเมื่อผมบอกว่าลูกค้าเกาหลีของผมส่งนั่นนี่มาให้เหมือนกับพวกนั้นอารมณ์ดีนึกคึกอะไรขึ้นมากัน



พวกผมนั่งกับพักเดียวก็กลับขึ้นออฟฟิศไปทำงานต่อครับ พอช่วงบ่ายผมลืมไปว่าตัวเองต้องมานั่งเคลียร์งานในส่วนของซุกซนด้วย ซึ่งวันนี้ญี่ปุ่นไม่ได้อารมณ์ดีเหมือนเกาหลี ดังนั้นผมนี่รับเละเลยครับ เหมือนเต้าหู้ไข่ที่ถูกสับด้วยครกหินยักษ์เลยครับ เละตุ้มเป๊ะ



“แทนใจ กลับด้วยกันมั้ยครับ? เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

“กลับก่อนเลยครับ ขอบคุณมากๆ ผมน่าจะอีกสักพักเลย”




ผมยิ้มรับคำอบของคุณพี่เมฆที่เดินมาถามเหมือนกับทุกครั้งในช่วงหลัง ส่วนใหญ่ผมปฏิเสธไปเพราะว่าเกรงใจเขาครับ และเกือบทุกครั้งคือไม่สำเร็จ คุณพี่เมฆเห้นแบบนี้ดื้อมากครับ




“เย็นนี้เราไปไหนมั้ย?”

“ไม่อะ แค่เคลียร์งานอย่างเดียวครับ”

“งั้นเดี๋ยวพี่รอจนเราเสร็จงาน”

“ได้ไง” ผมหันไปแย้งกับคนที่ถือวิสาสะลงมานั่งที่เก้าอี้ของซุกซนข้างๆผม “กลับไปก่อนเลยครับ ไม่ต้องรอผมๆ”

“แล้วเราจะกลับยังไง แกร๊บอีกเหรอ? ไม่ต้องเรียกแล้วครับ มากับพี่ก็ได้ พี่ก็มีรถนะ”

“ผมคงกลับ BTS อะ”




ถ้ามันหายเสียแล้วน่ะนะ


พูดแล้วก็ไม่แน่ใจชีวิต ผมเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็กทวิตเตอร์ ซึ่งก็ต้องถอนหายใจเมื่ออ่านจบ




BTS Skytrain

@BTS_Skytrain -- Jun 25

19.00 เนื่องจากระบบอาณัติสัญญาณขัดข้องในสายสุขุมวิท และสายสีลม กำลังทำการแก้ไข ส่งผลกระทบให้การเดินทางถึงจุดหมายปลายทางล่าช้าประมาณ 15 นาที ขออภัยในความไม่สะดวก



ซื้อหวยไม่เคยถูกแบบนี้เลย บ้าเอ๊ย ใช้เวลาซ่อมนานประมาณเดินจากเชียงใหม่ไปยะลาสามรอบแล้วแวะวิ่งวนรอบบางหว้า BTS ยังมาไม่ถึงเลยครับ



โอ๊ย จะได้กลับมั้ยเนี่ยบ้านเนี่ย!




“ทำไมหน้าหงิกล่ะ เปลี่ยนสีหน้าไวเกินไปป้ะเนี่ยเรา”

“BTS ยังซ่อมไม่เสร็จเลยครับ”

“ยังอีกเหรอ?”




คุณพี่เมฆทวนคำผมอย่างไม่เชื่อ พอผมเอาทวีตให้ดูเขาเลยเหมือนจะเริ่มเชื่อขึ้นมาบ้าง เข้าตัวถอนหายใจแล้วเอนตัวอยู่ในท่าสบาย




“งั้นเดี๋ยวพี่รออยู่เป็นเพื่อนจนกว่า BTS จะหายขัดข้อง โอเคมั้ยครับ?”

“เฮ้ย ไม่เป็นไรพี่--”

“ห้ามขัด”

“แต่---”

“ดื้อ พี่บอกจะอยู่ไง”

“พี่ก็ดื้ออะ”




พวกผมพูดกันแค่นั้น สุดท้ายแล้วผมก็ต้องก้มหน้ากลับไปทำงานต่ออยู่ดี ปฏิเสธผู้ชายคนนี้ไม่เคยชนะเลยครับ เก่งเกินไปในเรื่องอะไรแบบนี้


ให้ตาย แล้วแบบนี้เขาจะได้กลับบ้านกี่โมงกัน!




“เอ๊า ยังอยู่กันอีกเหรอเนี่ย?”



ผมสะดุ้งมองไปด้านหลัง เห็นกลุ่มชมพูทวีปทีมเดินเข้ามาพร้อมกับถุงเซเว่นใหญ่ๆสามสี่ถุงครับ พอถามไปถามมาเลยรู้ว่าพวกนั้นก็กลับไม่ได้เพราะบีทีเอสเสียครับ เลยมานั่งตั้งตี้พิซซ่ากันอยู่ที่นี่แทน (ซึ่งพิซซ่านั่นคุณกฤติสั่งให้ครับ เพราะเขาเองก็ยังไม่กลับเหมือนกัน ผมเพิ่งรู้วันนี้นี่แหละว่าคุณกฤติปกติกลับดึกมาก แกปิดห้องเงียบเลยครับ ผมเองก็ไม่ได้ไปส่องดูว่าเขายังนั่งทำงานอยู่ในนั้น… หรือเปล่านะ?)




“มาๆ น้องเมฆน้องแทนใจ มานั่งกินถั่วรอพิซซ่ากันก่อนดีกว่า”




คุณนุ่นฟิลิปปินส์เป็นคนชวนพร้อมแกะถุงโก๋แก่ครับ แกเล่าให้ฟังว่านอกจากพวกเราแล้ว ชั้นบนๆก็ยังไม่กลับกันเยอะ เพราะคนที่กลับไปก่อนอย่างคุณณีเลขาคุณกฤติไปติดแหง่กอยู่บนบีทีเอสครับ ออกไม่ได้ อยู่กองกับคนอีกหลายสิบเลยครับตอนนี้




สนับสนุนให้คนไทยได้ใช้เวลาร่วมกันมากๆ นี่แหละครับ ชีวิตดีๆที่กรุงเทพมหานคร




“ไหนๆๆๆๆ ใครมีอาหารบ้าง?”

“คุณเบิร์ด สวัสดีครับ”

“น้องแทนใจของพี่เบิร์ดดดดดดดด ขนาดไม่ได้เจอตั้งหลายวันยังน่ารักตะมุตะมิเหมือนเดิมเลยนะเนี่ย”




ผมหัวเราะขำเมื่อคุณเบิร์ดเพื่อนคุณพี่เมฆที่มั่นใจว่าตัวเองหล่อในแบบตี๋ๆ เดินมาจากไหนก็ไม่รู้แล้วทำท่าจะมากอดผม แต่โดนคุณพี่เมฆผลักออกแรงมากเลยครับ ที่ขำคือเพราะชมพูทวีปทีมเขาขำกัน ตลกดีครับ หน้าเขาฮามากเลย เหมือนกับพวกตัวตลกในหนังฮีโร่ที่มาเพื่อเล่นมุกอย่างเดียวเท่านั้น




“โอ๊ย เชี่ยเมฆ ถนอมกูมั่งก็ได้”

“มึงชื่อแทนใจหรือเปล่าล่ะ? กูว่าไม่ใช่นะ”

“น่อวววววววววววววว์”




เสียงโฮ่ดังขึ้นมารอบวงครับ ทั้งที่เป็นวงเล็กๆมีกันอยู่ไม่กี่คนแต่ทุกคนพร้อมใจกันโฮ่ แล้วในจุดนี้ผมทำอะไรได้นอกจากพยายามเอามือลูบแก้มตัวเองไม่ให้มันแดงมากครับ อะไรเนี่ย ฮื่อ



“เขินก็อย่าปิดแก้มครับ”

“นั่นไงครับ เมฆ สิทธิกรเบอร์ยี่สิบเก้า เลี้ยงลูกเข้ามาแล้วครับ!!! กองหน้าครับ!!! มาจังหวะนี้ครับ!!! บุกแหลกครับ ยิงหลุนๆมาเลยครับ มาแล้วครับมาแล้ว แล้วแทงทะลุยิงเข้าไปเลยครับ!!!! โอโห้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย กองเชียร์นี่เชียร์กันมันเลยครับ ตอนนี้เมฆ สิทธิกรทำประตูไปได้ 1 ประตูต่อ 0 เรียบร้อยแล้วนะครับ”



“นี่เมื่อคืนมึงดูบอลจนเป็นบ้าเหรอ?”




คุณเมฆถามเพื่อนคนหล่อในแบบตี๋ๆของตัวเองอย่างขำๆ หน้าเขายิ้มนะครับแต่เป็นยิ้มแบบขำอะ ไม่ใช่แค่คุณพี่เมฆนะผมก็ขำ คนอื่นก็ขำกัน ฮือ บ้าไปแล้ว ทำไมผมต้องมาเจออะไรแบบนี้เนี่ย




“จัดว่ายิงได้ดีนะครับ แหม่ อย่างว่าแหละนะครับ เมื่อคืนนี้แพ้ไปแล้วสองประตู”

“นั่นเยอรมันไม่ใช่กูมั้ย”

“ซึ่งผมขอบคุณมากนะครับ แม็กซิโกขอองผมได้เข้ารอบเพราะเยอรมันเลยจริงๆ แหม่”

“กูว่ามึงเริ่มอยากตายแล้ว”




ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วครับว่าสองคนนี้เขาเป็นเพื่อนรักกัน หรือที่จริงแล้วแอบเกลียดกันอยู่ลึกๆกันแน่ แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไงสุดท้ายแล้ว ทั้งผมแล้วก็กองคนที่เหลือทั้งหมดก็ล้อมวงกินพิซซ่าเพราะกลับบ้านไม่ได้กันอยู่ดีครับ




“มาร้องเพลงกันมั้ย? ไหนๆใครเล่นกีตาร์เป็นบ้าง?”




คุณฝนอินเดียหยิบกีตาร์จากโต๊ะคุณเชนประเทศไทยออกมาถือ ผมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าคุณเชนที่ดูวิ่งไปวิ่งมาทั้งวันจะมีกีตาร์โปร่งอยู่ใต้โต๊ะด้วย โลกนี้ยังมีอะไรให้สำรวจอีกเยอะจริงๆครับ




“มาๆ เดี๋ยวผมเล่นเอง”

“กรี๊ดดดด น้องเมฆ หล่อมากค่า”




คุณพี่เมฆยิ้มเมื่อตัวเองยกมืออาสาเล่นกีตาร์แล้วพวกผู้หญิงกรี๊ดกันครับ ผมนี่ยืนมองอย่างทึ่งๆ ผู้ชายคนนี้ทำอะไรไม่เป็นบ้างครับเนี่ย?




“เอาเพลงอะไรดี?”

“เอาเพลง เรื่องที่เธอแพ้เกาหลีใต้เมื่อคืนนั้น ฉันจะคิดว่าฝันไป”

“กูว่ามึงไม่ต้องกลับบ้านแล้วแหละเบิร์ด นอนตายอยู่ตรงนี้ก็ดีนะ”




พวกเขาล้อเล่นกันขำๆแล้วก็เริ่มร้องเพลงกันครับ ผมก็นั่งกินไปด้วยตบมือเปาะแปะตามไปด้วย เพราะบีทีเอสเสียในวันนี้ผมเลยรู้อะไรเกี่ยวกับคุณพี่เมฆเพิ่มขึ้นเยอะเลยครับ ถ้านับเป็นข้อดีก็คงได้ละมั้ง




ขอบคุณที่ BTS เสียในวันจันทร์นี้นะ แต่วันจันทร์หน้าไม่ต้องแล้วก็ได้นะ พอแล้วววววววว






------- Ending -------
[/b]









 เอาตอนพิเศษมาเซ่นเนื่องจากหายไปนานนะคะ ไม่มีอะไรจะแก้ตัวค่ะ



จบนี่คือแค่ตอนนี้นะคะ เรื่องหลักยังติดอยู่บนบีทีเอสค่ะ #ช่วยน้องด้วยนะคะ

เอามาเปลี่ยนบีทีเอสเสียให้เป็นโอกาสกันดีกว่า เสียนักใช่มั้ย ได้! แต่งนิยายเลยละกัน 55555


เจอกันเร็วๆนี้นะคะ



Babybaphomet
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡Special Monday - วันจันทร์ที่BTSเสีย! (29/06/18)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 30-06-2018 22:38:36
แทนใจไม่เคลียร์น้องกายเหรอ
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡Special Monday - วันจันทร์ที่BTSเสีย! (29/06/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 02-07-2018 17:09:37
แทนใจไม่เคลียร์น้องกายเหรอ

เคลียร์ค่า แต่ว่าอันนี้เป็นแค่ตอนพิเศษที่แยกมาเฉยๆ เลยยังไม่ได้เคลียร์น้า
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡Special Monday - วันจันทร์ที่BTSเสีย! (29/06/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 02-07-2018 17:12:11
13th Monday
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 

ผมรักวันจันทร์ เพราะวันจันทร์นี้ผมได้หยุด

10.14 น.

ผมมองนาฬิกาที่บอกเวลาสิบโมงกว่าอย่างเหนือๆ คือถ้าเป็นปกติป่านนี้ผมต้องออกจากห้องประชุมดด้วยสภาพสโหลสะเหล แต่วันนี้คือรอดครับ ขอบคุณประเทศไทยที่มีวันหยุดเยอะขนาดนี้ โดยเฉพาะที่หยุดตรงกับวันจันทร์เนี่ย ผมรักมากเลยจริงๆนะครับ

สำหรับผม การเริ่มทำงานวันอังคารไม่แย่เท่าวันจันทร์นะ ถึงมันจะงานเหมือนๆกัน (แถมบางทีหนักกว่าเพราะดับเบิ้ลของวันจันทร์มาด้วย) แต่ก็ยังไม่รู้สึกขี้เกียจเท่าเลยครับ

เพราะวันจันทร์ มันคือวันจันทร์นั่นแหละ!

ที่ผมตื่นสาย ขี้เกียจทำงาน ที่ซุกซนลาออกไปแต่งงาน ที่สายชาร์จโทรศัพท์ผมพังเร็ว ที่น้ำแข็งละลายทันทีที่ออกจากตู้เย็น ที่วินมอเตอร์ไซต์กับแกร็บไบค์ทะเลาะกัน ที่ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนเต่า

ที่โลกเราร้อน
ที่ BTS ก็เสียนะ ซ่อมแล้วด้วยนะ แต่ไม่หายสักที
ที่ประเทศใดประเทศหนึ่งของโลกใบนี้ไม่ได้เลือกตั้งสักที 

ทั้งหมดเป็นความผิดของวันจันทร์ทั้งนั้นแหละ!

กรุงโรมไม่ได้สร้างในคืนเดียว ความเกลียดวันจันทร์ของผมก็เช่นกัน ผมอัดอั้นมาตั้งแต่อนุบาลแล้วครับ ร้องไห้ทุกครั้งที่ต้องตื่นไปเรียน พอประถมก็ร้องไห้น้อยลงมาหน่อยเปลี่ยนเป็นงอแง(แล้วก็โดนพี่แทนรักดุ) พอมัธยมทำอะไรไม่ได้เพราะการบ้านเยอะครับ ขาดวันนึงหมายถึงตามงานจนชีวิตดับสิ้น

 พอมหาลัยฯ ผมสามารถจัดตารางเรียนเองได้ ก็พยายามเลือกวิชาที่มันไม่ต้องเรียนวันจันทร์ครับ ปีหนึ่งเทอมหนึ่งทุกคนลงวิชาดูหนังเก็บเกรด ผมไม่เรียนเพราะมันเรียนวันจันทร์ สรุปเพื่อนทั้งในคณะ นอกคณะ กับทุกคนบนโลก ได้ A หมดเลย ยกเว้นผม ไปลงจิตวิทยาเบื้องต้น จบด้วยการถอนทิ้งเพราะอ่านมิดเทอมไม่ไหวครับ

เนี่ยวันจันทร์ทั้งนั้น ความผิดวันจันทร์หมดเลย! คอยดูนะถ้าผมได้เป็นนายกที่มาจากการเลือกตั้ง อย่างแรกที่จะทำก็-----

‘ปิ้งป่อง’

หือ?

ใครอะ?

ผมกอดผ้านุ่มแล้วมองไปทางประตูอย่างไม่แน่ใจ ปกติแล้วถ้านิติฯหอผมนี่ไม่ค่อยเดินมาหาที่ห้องหรอกครับ ใบเสร็จต่างๆก็อยู่ในตู้ของแต่ละห้องด้านล่าง เอ๊ะ หรือว่าคนข้างห้องจะมาขอซื้อมาม่าวะ? แต่ว่าวันนี้เซเว่นก็ไม่ได้ปิดนี่นา หรือว่าเขาจะชวนไปประท้วงเรื่องมิตเตอร์ค่าไฟไม่เป็นธรรม

‘ปิ้งป่องๆ’

ผมสะดุ้งเมื่อมัวแต่ประมวลผลจนคนหน้าประตูกดกริ่งซ้ำอีกรอบ เลยรีบวิ่งไปเปิดประตูโดยไม่ได้คิดจะมองตาแมวก่อนว่าใครมา พูดก็พูดเถอะ ผมไม่เคยมองเลยครับ ติดมาจากสมัยอยู่หอ ตอนนั้นมีแค่เพื่อนที่มาห้องผม พอมาทำงานก็จะเป็นแค่ครอบครัวที่นานน๊านทีจะมาหาสักครั้ง กับน้องแทนกายนี่ผมมักจะไปห้องน้องมากกว่า

“คุณพี่เมฆ???”

เสียงอุทานอย่างตกใจของผมคงทำให้อีกคนตกใจเหมือนกัน คุณพี่เมฆที่ผมไม่รู้ว่าวาร์ปมาที่นี่ทำไมก็ทำหน้างงที่เจอผมเหมือนกัน เขางงอะไรวะ? นี่ห้องผมหรือเปล่า คิดว่าคนที่เปิดประตูมาจะเป็นญาญ่าหรือไง

“มาไมง่ะ?”
“เรายังไม่อาบน้ำอีกเหรอ?”

ผู้มาใหม่ตอบคำถามผมด้วยคำถาม ซึ่งผมก็ไม่น้อยหน้าครับ ถามเขากลับด้วยคำถามเหมือนกัน

“หา?” ผมกะพริบตามองหน้าเขางงๆ ในขณะที่ก็หลบให้เขาเข้ามาในห้องแบบงงๆเช่นเดียวกัน “แล้วทำไมผมต้องอาบน้ำด้วยอะ?”

มันคงเป็นคำถามที่ดูค่อนข้างสิ้นคิด เพราะคุณเมฆมองผมเหมือนกับว่าผมพูดอะไรผิดไปมากๆ

“นี่กี่โมงแล้วครับ?”
“ตอนนี้น่าจะยังไม่สิบเอ็ดโมงนะครับ”
“เรานัดกันกี่โมงครับ?”

“เรา… นัดกันด้วยเหรอครับ?”

เกิดเดดแอร์ขึ้นในห้องผมครับ

ในห้องมีผมในสภาพที่พึ่งตื่นกำลังนอนกลิ้งอยู่กับผ้านุ่มและเตียงเน่าอย่างสนุกสนาน หน้าม้าเปิดจนหน้าผากผมมองเห็นตั้งแต่เชียงใหม่ทั้งที่ยืนอยู่ในกรุงเทพฯ ยืนจ้องหน้ากับคุณพี่เมฆ ผู้ที่อยู่ในเสื้อเชิ้ตแขนสั้นกับกางเกงผ้าแล้วก็รองเท้าสนีกเกอร์

เอาจริงค่อนข้างแปลกตาครับ เพราะปกติอยู่ในออฟฟิศคุณพี่เมฆจะใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวกับกางเกงสแลครองเท้าหนังแบบเป็นทางการน่ะครับ แต่ตอนนี้ดูเด็กลงไปอีก แบบ เป็นผู้ใหญ่นะ แต่เป็นผู้ใหญ่ที่ดูไม่แก่อะครับ แถมยังเท่มาก ดูดีเหมือนมีสไตล์ลิตส์ช่วยดูให้ก่อนออกจากบ้าน 

พอหันกลับมามองตัวเองแล้วจะร้องไห้ โอ๊ย ขอเวลานอกไปล้างหน้าก่อนได้มั้ย ฟันยังไม่ได้แปรงเลยเนี่ย เจ้าชายกับยาจกที่แท้จริง

“แทนใจจะเทนัดพี่เหรอครับ?”

ผมรู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าคุณพี่เมฆดูมีความน่ากลัวแปลกๆ

“ไม่ๆ ผมไม่ได้จะเท” ผมตอบไปตามที่คิด พร้อมทั้งโบกไม้โบกมือปฏิเสธไปด้วย “ผมแค่งงว่าเรามีนัดกันด้วยเหรอครับ? วันนี้วันหยุดนะ”
“...”

เดดแอร์อีกแล้วอะ ไม่ชอบเลย แต่จะขอเวลานอกไปเปิด EDM ก็ดูเหมือนจะทำลายบรรยากาศไปหน่อย งั้นขอเปิด BNK48 ก็ได้

“เรานัดกันไว้ไงครับ ตอน 11 โมง”

เป็นคุณพี่เมฆที่พูดออกมาในที่สุด เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดหน้าจอแชทระหว่างผมกับเขาโชว์ให้ดู ตั้งแต่เหตุการณ์เศร้าสร้อยแต่เฟรนช์ฟรายอร่อยเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว คุณพี่เมฆก็ทักแชทกับคอล (หรือบางครั้งก็โทร วิดีโอคอล แล้วแต่ครับ) มาหาผมทุกวัน ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาไม่อยากให้ผมเหงา

มันก็… ช่วยได้ค่อนข้างเยอะจริงๆแหละนะ

บางครั้งแค่ข้อความเล็กๆน้อยๆที่แสดงความใส่ใจ หรือเวลาที่เขาแชร์เรื่องตลกที่เจอให้ผมได้รับรู้ในแต่ละวันมันทำให้รู้สึกอุ่นๆข้างใน ฮื่อ พูดไม่ถูก แต่มันดีมากๆเลย

แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น!

11:30 p.m.

Mek: แทนใจ พรุ่งนี้เราว่างมั้ย?
Tanjai: งืม
Mek: ไปดูหนังกันนะ พี่ไม่ได้ดูหนังมาตั้งนานแล้ว
Mek: อยู่แต่หน้าไซต์ เจอแต่ลูกค้า อยากเจอคนอื่นบ้าง
Tanjai: งืม
Mek: โอเค งั้นพี่ไปรับนะครับ สักที่โมงดี
Mek: สิบเอ็ดโมง? โอเคมั้ยครับ?
Tanjai: งืม
Mek: โอเค พรุ่งนี้เจอกันนะครับ
Tanjai: งืม

ผมเบิกตากว้างกว่าระยะห่างระหว่างไทยกับลอนดอน เฮ้ย! ใครพิมพ์!! ผมจำได้ว่าผมนอนกลิ้งดู ‘อั๊กเกรทซึโกะ’ การ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งจบถึงตอนที่ห้า แล้วผมก็ไม่รับรู้โลกอีกเลย ตอนตื่นมาคือทีวีปิดไปตอนไหนก็ไม่รู้ แล้วไฟปิดตอนไหนก็ไม่รู้

แล้วผมไลน์นัดไปดูหนังกับคุณพี่เมฆได้ไงอะ!!

ซึ่งพอผมกลับมาเช็กในมือถือตัวเองก็มีข้อความแบบเดียวกันปรากฏอยู่ อะไรอะ! ผมละเมอตอบตกลงไปดูหนังกับเขาได้ไงง่ะ

“ตอนแรกพี่นึกว่าเราจะเท” คุณพี่เมฆเป็นคนเปิดประเด็นขึ้นมา ในขณะที่ผมกำลังไล่มองไลน์อย่างงงๆ “แต่พอมาเห็นแบบนี้ พี่ว่าเราน่าจะอ๊องตามปกตินั่นแหละ”

ความอ๊องนี่เป็นปกติได้ด้วยเหรอ?

“เรารีบไปล้างหน้าล้างตาก่อนละกัน” คุณพี่เมฆพูดแล้วเอามือมาคว้าแก้มผม นี่ก็ชอบจับจังเลย ตัดเอาไปเล่นที่บ้านเลยมั้ย คิดค่าเช่านะ ขอมัดจำล่วงหน้าด้วยสามเดือน
“ดูสิเนี่ยหน้าบวมแก้มย้อยกว่าเดิมอีก”
“อ่าอึงอิ!” (อย่าดึงดิ)

เขาดึงแก้มผมไม่แรงแต่ก็ไม่ได้เบานัก เราเลยสู้กันนิดหน่อย ผมก็ตีเขาเพี๊ยะๆจนคุณพี่เมฆยอมแพ้ไปเอง แล้วก็รีบวิ่งไปอาบน้ำเมื่อเห็นว่าตอนนี้มันเกือบจะสิบเอ็ดโมงแล้ว ใกล้ถึงเวลานัดที่ผมละเมอตกลงแล้ว!

   ผมใช้เวลาแค่สิบนาทีในการอาบน้ำจัดการตัวเอง (รวมสระผมด้วย ตอนแรกว่าจะไม่สระแต่ความเคยชินในการเปิดน้ำราดหัวเลยต้องสระเฉยเลย ) ถือว่าทำเวลาได้ดีถึงแม้ผมจะรีบจนลื่นก้นจ้ำเบ้าในห้องน้ำกับทำแปรงสีฟันตกสองรอบก็ตาม ผมว่าผมเอาอยู่

ทั้งหมดโอเคดี จนมาถึงหน้าตู้เสื้อผ้า

แย่ละ แย่มากๆ

ผมใส่เสื้อตัวไหนดี!!!!

   นึกเกลียดนิสัยประมวลผลนานของตัวเองก็ตอนนี้ ผมพยายามทาบเสื้อตัวเก่งบนตัว แต่มันเก่าไปมั้ยผมใส่มาตั้งแต่สมัยเรียนปีสามปีสี่ หรือจะเอาตัวที่พี่รักให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อปีที่แล้ว แต่ว่ามันเป็นเสื้อเชิ้ตที่ดูเป็นทางการมาก ผมใช้ใส่สมัครงาน ไม่ควรๆๆๆ

โอ๊ย ควรจะแต่งตัวยังไงดี

หมุนตัวนั้นเลือกตัวนี้อยู่นาน แต่ไม่ได้อะไร สรุปผมเลยใช้วิธีสุดท้ายครับ

ในเมื่อคิดเองไม่ออกแล้ว ตอนนี้สมองผมมีแต่คำว่า ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี!!! วนอยู่จนไม่รู้จะทำอย่างไร เลยเลือกใช้คำตอบสุดท้ายของชีวิตนี้ครับ กูเกิ้ลมันเลยแล้วกัน!!!!!

‘วิธีแต่งตัวไปดูหนังกับเพื่อนที่ทำงานที่เคยชูวับชูวับด้วย’

ซึ่งแน่นอนครับ คำตอบล้านแปดในนั้นไม่ได้ช่วยอะไรผมมากขึ้นกว่าเดิม ผมเลยโยนโทรศัพท์ทิ้งไปบนเตียง แล้วเลือกเสื้อตัวที่น้องแทนกายเคยบอกว่าเขาชอบเวลาผมใส่แต่งตัวแบบนี้ มันไม่มีอะไรเลยครับ นอกจากเสื้อยืดสีเหลืองอ่อนกับกางเกงยีนสีอ่อนอีกตัวหนึ่งเท่านั้น

พูดถึงน้องกาย ตั้งแต่วันจันทร์ที่แล้วที่ทะเลาะกันพวกผมสองพี่น้องก็ไม่เหมือนเดิมครับ ผมขอโทษน้องที่ตวาด ส่วนน้องก็ขอโทษที่เอาแต่ใจกับผม เราคุยกันแค่ในไลน์เท่านั้น มันรู้สึกแปลกๆตั้งแต่ตอนนั้น ผมคิดว่าน้องอาจจะยังเคืองๆผมอยู่ เพราะไม่งั้นน้องกายน่าจะโทรหาผมแล้ว นี่ไม่มีเลยครับ ขนาดผมชวนมาดูหนังที่ห้องของผมวันนี้น้องยังไม่มาเลยครับ ผมก็ไม่อยากเซ้าซี้อะไร

ไปๆมาๆ จากนัดกับน้องแทนกาย กลายเป็นหาชุดไปดูหนังกับอีกคนได้ไงก็ไม่รู้

ผมยังเลือกอยู่ครับ ยืนเเลือกนานพอๆกับไปสัมภาษณ์งานครั้งแรกเลยครับ  ผมแค่อยากดูดีขึ้นมาบ้างตอนออกไปเที่ยวกับคุณพี่เมฆก็แค่นั้น ก็เขาดูดีอะ! ผมอยากหล่อๆกับเขาบ้างเหมือนกันนะ ถึงจะหุ่นดีไม่เท่าก็เถอะ อย่างน้อยเดินด้วยกันจะได้แบ่งราศีจากเขามาบ้างก็แค่นั้น

 “รอนานมั้ยครับ?”
“ไม่เลย”

ผมเปิดประตูห้องนอนแล้วแอบเอาหัวออกไปก่อนโดนซ่อนตัวไว้หลังประตู คุณพี่เมฆที่เหมือนกับจะเพิ่งวางโทรศัพท์หันมาส่ายหัวพร้อมกับยิ้มใจดีให้แบบทุกครั้ง ผมไม่กล้าดูนาฬิกาเลยครับ สายแล้วแน่ๆ แต่จะเทนัดก็ไม่ใช่เรื่อง เขาอาจจะจับผมเหวี่ยงซ้ายเหวี่ยงขวาแล้วทุ่มออกนอกห้องก็ได้นะครับ

คุณพี่เมฆเห็นดูใจดีแบบนั้น แต่น่าจะมีความน่ากลัวสองตัวสามบาทซ่อนอยู่แหละ ไม่งั้นเป็นโปรเจคเมเนเจอร์ไม่ได้หรอกครับ ไหนจะต้องคุยกับลูกค้า ดีลกับคนในบริษัทหลายแผนกมากๆ ทั้งคุมหน้างานอีก ตอนเขาเล่าให้ฟังช่วงที่คอลคุยกันผมยังปวดหัวเลย

ผมทำแบบเขาไม่ได้แน่ๆ แค่ป้ากๆคิมๆทุกวันนี้ก็ไม่เอาแล้วครับ ไม่อยากคุยกับคนแล้ว ลูกค้าผมน่าจะเป็นตู้เย็นเนอะ ปัญหาแค่มีน้ำแข็งเกาะตามช่องฟรีซเลยงอแงบ้างเท่านั้นเอง ไม่เยอะสิ่งดี ไม่มี PO ด้วย มีแค่ค่าไฟเท่านั้น

“แสดงว่าผมอาบน้ำไม่นาน”
“แล้วแต่เราเลยครับ”

ผมยิ้มเผล่ให้กับคำตอบของเขา ก่อนจะเอาตัวเองออกจากหลังประตูห้องนอน แล้วกระย่องกระแย่งไปใกล้ๆอีกคนที่ยังมองผมอยู่นั่น

“ไปกันเลยมั้ยครับ?”

เป็นผมที่ถามขึ้นมาก่อนเมื่อมั่นใจว่าตัวเองเสร็จเรียบร้อยพร้อมออก พอมาถึงรองเท้านี่ผมไม่เลือกมากแล้วครับ ปกติผมชอบใส่ผ้าใบ เพราะงั้นผมมีผ้าใบคู่ที่คิดจะใส่เรียบร้อยแล้ว

“แป๊บนึงๆ”
“อ่าว ทำไมอะ?”

‘ปิ้งป่อง’

ยังไม่ทันจะได้คำตอบ ผมสะดุ้งตัวโยนเมื่อได้ยินเสียงกริ่งประตูอีกครั้ง ผมรีบวิ่งไปเปิดพร้อมบ่นตัวเองในใจ ใครอีี๊กกกกกกกก ใครมันจะรักผมถึงขนาดอยากมาเยี่ยมอะไรกันขนาดนี้  นี่เมื่อคืนไปทำอะไรไว้วะเนี่ย เผลอไปนัดใครมาห้องอีกหรือเปล่าเนี่ย แค่คุณพี่เมฆนี่ก็เซอร์ไพรส์แล้วนะ

“ครับ?”

ผู้ชายที่ผมไม่รู้จักยืนอยู่หน้าห้อง คือนิติคอนโดก็ไม่ใช่ ใครวะเนี่ย?

“แกร็บครับ”
“แต่ผมไม่ได้--”
“อ้าว น้องที่ขาดแรงบันดาลใจในชีวิตนั่นเอง!!”

คุณแกร็บเขายิ้มครับ ผมจำได้แล้ว!! นี่มันคุณแกร็บไบค์ที่ปรัชญาชีวิตจัดเต็มใส่ผมเมื่อวันก่อนนี่หว่า! แกร็บไบค์ที่ไม่มองทางเพราะเอาแต่เล่าเรื่องชีวิตแถมยังเล่นมุกแป้กใส่ผมคนนั้น! จำแม่นเลย มุกท้อมีไว้ให้ลิงกิน เขากล้าเล่นได้ยังไง แม้แต่ซุกซนยังไม่กล้าเล่นเลยนะมุกแบบนี้

“สวัสดีครับ”

ผมทักทายแบบแห้งๆ ในใจกำลังคิดว่าเขาอาจจะมาเคาะผิดห้อง

“ตอนนี้น้องยังใช้ชีวิตเหี่ยวๆแบบมนุษย์เงินเดือนอยู่เหมือนวันจันทร์ที่แล้วมั้ย?”
“อ่า…”
เขาคิดว่าผมจะขึ้นแกร็บไบค์ไปที่ทำงานเพื่อลาออกเหรอ?
“เราเป็นคนเราห้ามเหี่ยวนะ เพราะเหี่ยวนั้นเอาไว้สำหรับใบไม้เท่านั้น ฮ่าๆ!”
“แหะๆ … ครับ”

ขณะที่ผมกำลังประมวลผลว่าจะบอกพี่เขายังไงดีอยู่นั้น มือที่แตะไหล่ทำให้ผมหันไปมองครับ คุณพี่เมฆกับรอยยิ้มที่คุ้นเคยยืนอยู่ข้างหลังครับ แต่เขาไม่ได้มองไปที่ผม

“พอดีเลย”

เขาพูดพร้อมกับแทรกตัวมาข้างหน้าผม แล้วหยิบถุงอาหารจากมือของพี่แกร็บมุกแป้กไป กลายเป็นว่าตอนนี้ผมยืนอยู่หลังเขาอีกทีครับ แล้วตัวคุณพี่เมฆก็ใหญ่ไง โห แผ่นหลังนี่กว้างเชียว สงสัยมากว่าประเทศจีนกับแผ่นหลังคุณพี่เมฆอะไรกว้างกว่ากัน

“ขอบคุณนะครับ กำลังหิวพอดี เงินตัดในบัญชีนะครับ”

‘ปัง’

เขาพูดแค่นั้น แล้วก็ปิดประตูครับ โดยที่ผมยังจับต้นชนปลายไม่ถูกเลย คือคุณพี่เมฆเป็นคนสั่งแกร็บมาที่นี่เหรอ? แล้วอะไร

“ความจริงตอนแรกว่าจะพาเราไปทานข้าวที่สยามเลย แต่ไหนๆก็จะเที่ยงแล้ว ทานที่นี่เลยดีกว่าเนอะ”
“ผมนึกว่าเขาส่งผิดซะอีก”

ผมพูดตอนที่เตรียมจัดจานใส่อาหารครับ พอได้กลิ่นหอมๆท้องมันก็เริ่มร้องค่อกๆคั่กๆแล้วครับ ผมยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เช้าเลยครับ ไม่ได้จะไดเอทนะ แต่ว่ามัวแต่กลิ้งอยู่บนเตียงกับผ้าเน่าครับ แต่ก็มันวันหยุดหรือเปล่า ผมจะกินมื้อแรกตอนสามทุ่มโดยที่ยังไม่อาบน้ำมันก็เรื่องของผม!

“พี่สั่งมาเองแหละ”

ผมมองถุงร้านอาหารชื่อดัง สลับกับมองหน้าคุณพี่เมฆที่ยังคงยิ้มอยู่ ดีจังเลยนะที่สามารถยิ้มได้ทั้งวันแบบนี้ มันไม่ใช่ยิ้มที่ดูอารมณ์ดีตลอดเวลาก็จริง แต่มันดูอบอุ่นแบบที่ผมเองก็อธิบายไม่ได้เหมือนกัน

ผมรู้แค่ว่าชอบรอยยิ้มนี้จังเลย ถ้าได้เห็นทุกวันก็คงดีเนอะ

“มีข้าวกะเพราแซลม่อน กับก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย เราทานอะไรดี?”
“คุณพี่เมฆทานอะไรครับ ผมเอาอีกอันได้”

ผมพูดกับคนที่หยิบอาหารทั้งสองกล่องออกมาจากถุงกระดาษที่มีชื่อร้านเด่นหราอยู่ข้างหน้า

“ความจริงพี่สั่งกะเพราแซลม่อนให้เรา ส่วนก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยของพี่ เพราะพี่ไม่แน่ใจว่าเราชอบทานก๋วยเตี๋ยวหรือเปล่า” คุณพี่เมฆเดินมาหยิบจานจากมือผม แล้วเทกะเพราจากกล่องลงไปในนั้น เขาพูดต่อทั้งที่ไม่ได้ละสายตาจากอาหาร
“แต่กะเพราแซลม่อนนี่เราชอบอยู่แล้ว ใช่มั้ยล่ะ?”

ชั่วแว๊บนึงผมดันไปคิดถึงตอนที่เขาเอาข้าวมาให้ผมทานแทนกะปิซุกซน แต่คุณพี่เมฆจะไปจำได้ยังไง นั่นมันเพิ่งจะเจอกันครั้งสองครั้งเองนะ ขนาดเพื่อนรักผมมันยังไม่รู้เลยว่าผมทานกะปิไม่ได้

“ใช่ครับ” ผมเทก๋วยเตี๋ยวใส่ชามให้เขา พร้อมกับหาตะเกียบไปด้วย (ที่ร้านไม่ได้ให้มาด้วย สงสัยเพราะเลือกแบบที่ไม่รับช้อนส้อมครับ) ไม่รู้ไปเก็บไว้ไหน ปกติผมเนี่ยใช้ส้อมทานก๋วยเต๊๋ยวครับเวลาอยู่บ้าน มันสะดวกกว่า ยกเว้นว่าถ้าทานอาหารกับคนอื่นถึงจะใช้ตะเกียบ “คุณพี่เมฆเป็นอับดุลเหรอ รู้ได้ไงเนี่ย เก่งจัง”
 
“พี่ไม่ได้เก่ง พี่ใส่ใจแค่เรื่องของเราเท่านั้นแหละ”

โอ้โห หมัดฮุก

   ทั้งที่กลิ่นกะเพราตลบอบอวลไปทั่วห้องแบบนี้ ผมยังมารู้สึกกะยึกกะยักอะไรอีกเนี่ย 

“คะ… คือ … เอ๊ย คุณพี่.. เอ๊ย”
“อ้าวๆ ใจเย็นครับ ลิ้นพันกันหมดแล้ว”
“ฮื่อ”

ผมพูดได้แค่นั้น ก่อนจะยัดตะเกียบใส่มือเขาแล้วเดินถือจานตัวเองออกมาจากห้องครัวไปนั่งในโต๊ะทานข้าวโดยที่ได้ยินเสียงคุณพี่เมฆหัวเราะไล่หลังตามมาให้ได้ยิน บ้าบอไปหมด คิดจะพูดออะไรแบบนี้ตอนไหนก็ได้เหรอ อย่างน้อยรอให้ผมอิ่มก่อนไม่ได้หรือไง จะได้รับมือได้ถูกอะ

“คุณพี่เมฆเอาน้ำอะไร?”
“หายเขินแล้วเหรอ?”

ผมถลึงตาใส่เขา นี่ไง! พอคนจะเปลี่ยนเรื่องก็มาแซวแบบนี้มันถูกที่ไหนเล่า น่าจับไปวางไว้บนพื้นแล้วขับรถถังทับให้แบนจริงๆเลย ให้ตาย คนบ้าอะไร!

“เรามีน้ำอะไรบ้างครับ?”
“มีน้ำเปล่าครับ”
“อย่างเดียว?”
“อือ” ผมพยักหน้า “ตอนแรกมันก็มีกาแฟติดอยู่บ้างแหละ แต่เพิ่งจะหมดไป แล้วผมก็ขี้เกียจซื้อเข้ามาใหม่ด้วย”
“แล้วจะถามทำไม”
“ก็ให้ทางเลือกไงครับ”

ผมยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าเขาทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ผม ซึ่งมันดูตลกแม้จะเป็นคนที่ผมถือว่าหล่อที่สุดแล้วในบริษัทก็เถอะ (อย่าบอกคุณกฤติ คุณโน้ตมาเลเซีย คุณเชนประเทศไทย แล้วก็ผู้ชายคนอื่นๆทั้งหมดนะครับ แต่ผมคิดแบบนี้จริงๆ เขาเป็นคนที่มีความดูดีแบบผู้ใหญ่ที่ผมชอบละมั้ง) 

“น้ำเปล่าก็ได้ครับ” ผมหยักหน้า ตอนที่กำลังจะเดินหันหลังไปหยิบให้ อีกคนก็เสริมขึ้นมาด้วยเสียงนุ่มทุ้มตามสไตล์

“น้ำอะไรจากเราพี่ก็ชอบทั้งนั้นแหละ”

เอ๊ะ?

ผมหันกลับไปมองคุณพี่เมฆที่เหมือนกับจะเพิ่งรู้ตัวว่าพูดอะไรออกมา เราสองคนมองหน้ากัน ซึ่งตอนนี้หน้าผมคงร้อนจนไหม้ไปหมดแล้ว มันคงไม่ขนาดนี้ถ้าคุณพี่เมฆเองก็ไม่ได้หลบตาผมแล้วหันไปมองข้างตัวพร้อมกับทำมือเก้ๆกังๆเหมือนกัน

ต่อให้เป็นเด็กปอสองก็มองออกว่าคุณพี่เมฆเองก็ เขิน

“… เอ่อ…คุณพี่ … พี่… อ่า...”
“...”

หูแดง! ผมกะพริบตามองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง ใบหูคุณพี่เมฆเป็นสีระเรื่อขึ้นมา ตอนนี้ผมเองก็เขินนะ แต่การมองเห็นคุณพี่เมฆเขินแบบนี้มันรู้สึกว่าเขาน่ารัก

คุณพี่เมฆ… น่ารักมาก

หัวใจผมกะตุกอีกแล้ว

ตั้งแต่รู้จักกัน หัวใจผมกะยึกกะยักเพราะเขาไปกี่ครั้งแล้วเนี่ย!




   
-------- 50% -------
[/b]


มาเร็ว งงมั้ยคะ 5555555555555555
หลังจากตอนนี้เราอาจจะหายไปสักพักนะคะ
อย่าเพิ่งลืมน้องแทนใจน้า ยังไม่ได้อ่านเลยส่าทำไมคุณเมฆถึงได้ชอบน้อง อิ___อิ

สามารถคอมเมนต์ที่นี่ หรือที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ เหมือนเดิมนะคะ หรือยังไงทักเรามาได้ที่ @babybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD

หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡Special Monday - วันจันทร์ที่BTSเสีย! (29/06/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 03-07-2018 09:52:18
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡Special Monday - วันจันทร์ที่BTSเสีย! (29/06/18)
เริ่มหัวข้อโดย: moonny07 ที่ 06-07-2018 17:44:18
รักแทนใจและคุณเมฆ มากคร่า  :-[
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡Special Monday - วันจันทร์ที่BTSเสีย! (29/06/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 08-07-2018 20:52:48
13th Monday - 70%
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 

ผมรักวันจันทร์ เพราะวันจันทร์นี้ผมได้หยุด

“จอดรถไว้ที่หอผมก็ได้นะครับ”

ผมพูดกับคนที่กำลังนั่งมองถนนอยู่ คุณพี่เมฆกำลังขับรถในขณะที่ผมนั่งไร้ประโยชน์อยู่ด้านข้าง หลังจากที่พวกเราทานอาหารเสร็จก็ได้ฤกดิ์ออกจากบ้านเสียที ตอนแรกผมไม่แน่ใจว่าเราจะเดินทางกันอย่างไรเลยได้แต่เดินตามคนเกิดก่อนต้อยๆ จนคุณพี่เมฆเขาต้อนผมไปขึ้นรถของเขานั่นแหละ

“แล้วเราจะไปสยามกันยังไงครับ? เดินไปเหรอ?” คุณ
พี่เมฆหันมามองหน้าผม พร้อมรอยยิ้มอบอุ่นเหมือนปกติ แต่ผมว่ามันดูออกจะกวนประสาทแปลกๆแล้วครับ
“กวนอะ”
ผมละสายตาจากกระโปรงรสสีแดงคันข้างหน้าที่ติดสติกเกอร์ว่า ‘รถคันนี้สีสันบันเทิง’ แล้วหันไปมองหน้าหล่อๆของคนด้านข้าง อะไรวะขับรถแล้วจะหล่อทำไมเนี่ย
“ประเทศเรามี BTS นะครับ”
“เราชอบขึ้น BTS เหรอ?”
“มันก็เป็นทางเลือกที่ดีนะครับ” ผมถอนหายใจ เมื่อนึกถึงรถไฟฟ้ามหานครตอนแปดโมงเช้าวันจันทร์
“ถึงแม้จะต่อคิวแลกเหรียญนาน แล้วเครื่องก็ไม่รับเหรียญสองบาท แบงค์ก็รับบางสถานีบางสถานีก็เหมือนว่าจะลดโลกร้อนด้วยการไม่รับแบงก์ครับ อ๋อ แล้วก็เสีย 7 ครั้งเป็นอย่างต่ำในหนึ่งเดือน ก็แค่นั้นเองนะครับ เราไม่เห็นจำเป็นต้องขับรถเลย”
“ก็เห็นเราดูง่วงๆ พี่เลยกะจะให้เรานอนเต็มที่ไงครับ”
“โหยคุณ ผมไปนอนบน BTS ก็ได้นะ”

ผมประท้วงออกมา อย่าดูถูกสกิลผมนะครับ เห็นแบบนี้สมัยที่เรียนอยู่มหาลัยแล้วกลับไปมหาลัยวันเรียนหรือวันสอบ ผมนี่ทำบ่อยครับ นั่ง BTS ไปช่วงเช้าๆ เบียดๆ คนเยอะๆ พอง่วงๆแล้วก็หลับไปเลย ยืนหลับก็เคย พอถึงสถานีที่คนลงเยอะๆก็ตื่นทีนึงครับ ถึงแม้จะงงๆไปบ้าง แต่ก็เข้าสอบทันทุกครั้งนะ ภูมิใจกว่าเรียนจบเกียรตินิยมอีกครับ

อย่าบอกพ่อผมนะว่าผมคิดแบบนี้

“หลับบนนั้นก็ไม่สบายเท่านอนบนรถหรอก”
“ก็จริง”
“เราจะไปยืนโหนทำไม คนเยอะอยู่แล้ววันนี้วันหยุด แถม BTS ก็เสียอีก”
“ได้ไง! เสียอีกแล้วเหรอ? เมื่อวันก่อนก็เพิ่งจะเสียไปเองไม่ใช่เหรอครับ? เดือนนี้เสียกี่รอบแล้วเนี่ย?”
“วันนี้ก็เสียอีกแล้วๆ เมื่อเช้าพี่เห็นเพื่อนมันมาโพสต์บ่นๆบนหน้าเฟสบุ๊คอยู่ แล้วลองคิดดูว่าถ้าเราต้องไปติดอยู่บนนั้นทั้งวัน ขอเงินคืนก็ไม่ได้ มันคุ้มแล้วถูกต้องไหมครับ?” 
“...” ผมรู้สึกตัวเล็กลงเรื่อยๆเมื่อคุณพี่เมฆเริ่มเลคเชอร์ครับ ให้ตาย เพิ่งรู้สึกว่าเขากับคุณกฤติหัวหน้าผมอายุใกล้ๆกันก็ครั้งนี้แหละ
“อีกอย่าง” เขาพูดพร้อมกับคว้ามือผมไปจับ “นั่งเป็นกระต่ายหน้ารถแบบนี้ พี่จะได้มีกำลังใจจ่ายค่าทางด่วนไง ไม่ต้องไปเบียดกับใครด้วย”

ผมหันหน้าหนี ทั้งที่เป็นแบบนั้นก็ยังรู้สึกได้ถึงสายตาของอีกคนที่มองมา แถมความอบอุ่นตรงฝ่ามือก็ยังอยู่ ผมว่าผมจะได้ใช้ประกันสุขภาพของบริษัทเร็วๆนี้แน่นอนครับ หัวใจชักจะกระเด้งกระโดดเยอะเกินจนผมว่าผมอาจจะหัวใจวายตายได้ถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่

ซึ่งเรื่องนี้คนผิดมีคนเดียวเลย

คนที่นั่งกุมมือผมแล้วฮัมเพลงอยู่ทั้งๆที่รถในถนนโคตรจะติดแบบนี้นี่แหละ!

.
.
.



“คุณพี่เมฆอยากดูเรื่องอะไรครับ?”

พวกเราสองคนยืนอยู่หน้าโรงหนังที่พารากอนครับ ผมหันไปมองคนข้างๆ ซึ่งกำลังมองหน้าผมอยู่ เฮ้ย คือคุณพี่เมฆต้องเข้าใจว่าหน้าผากผมไม่ได้มีรอบหนังบอกนะ เลิกจ้องได้แล้ว!

“แทนใจอยากดูอะไร?”
“ผมดูได้หมดครับ”
“งั้น…เรื่องนี้มั้ย?” คุณพี่เมฆชี้ไปที่เรื่องหนึ่ง โปสเตอร์นี่ทะมึนมาเลย มองแค่นี้ก็รู้แล้วว่ามันต้องมีคนตาย ผี และวิญญาณอาฆาตลอยเต็มไปหมดสองชั่วโมงที่หนังฉาย
“ผมบอกว่าดูได้หมด แต่ไม่ได้หมายความว่าจะรวมหนังผีเข้าไปด้วยนะครับ”
“พี่ล้อเล่นนะครับ”

เขายิ้มอีกแล้ว รอบนี้ยิ้มเห็นฟันตาปิด แต่มันดูเหมือนหมีรอตะครุบเหยื่อด้วยการแกล้งให้อีกฝ่ายตายใจก่อนน่ะครับ ท่าทางแบบนี้หลอกผมไม่ได้หรอก นี่ใคร! แทนใจเลยนะ! ผมรู้ผมดูการ์ตูนเยอะ ดูหมดแล้วครับทั้งช่องเก้าการ์ตูน ทั้งการ์ตูนเน็ตเวิร์ค ไหนจะยูบีซีคิดส์ ที่ตอนหลังเป็นชื่อเป็นยูบีซีสปาร์ค

หลอกผมไม่ได้หรอกครับ!

เอ๊ะ? นี่ผมเปรียบตัวเองเป็นเหยื่อคุณหมีพี่เมฆนี่เหรอ?

หรือว่าเขาจะหลอกผมได้วะ? ไม่ดิ ไม่ได้! ห้ามหลอกผมนะ เห็นแก่เงินค่าไฟที่ใช้เปิดทีวีในตอนเช้าเมื่อสมัยเด็กๆกันบ้าง

“ตกลงว่าไงครับ เหม่ออะไรอีกเนี่ยเรา คิดนานจัง”

ผมสะบัดหัวสองสามทีเมื่อรู้สึกว่าตัวเองชักจะประมวลผลไป มือชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปที่โปสเตอร์หนังไดโนเสาร์เรื่องดังภาคที่สิบล้าน ซึ่งคุณพี่เมฆก็หายไปพร้อมกับตั๋วหนังสองใบพร้อมกับบอกว่าหนังจะเข้าแล้ว ผมก็อือๆออๆเดินมึนๆตามแรงจูงของอีกคน

“เรากินป๊อปคอร์นรสอะไร”
“ผมเหรอ?” ผมชี้เข้าหาตัวเองอย่างโง่ๆ “เอ่อ… คาราเมล”
“คาราเมล?” คุณพี่เมฆเลิกคิ้ว เขาทำท่าคิดนิดนึงก่อนจะหันไปสั่งพนักงานที่ยืนรอรับออเดอร์อยู่ตรงเค้าเตอร์ป๊อปคอร์น “ขอคาราเมล ผสมกับรสชีสครับ ส่วนเครื่องดื่มเป็นโค้กละกันครับ”

พนักงานรับคำอย่างอารมณ์ดีทั้งที่ลูกค้าโคตรเยอะ ผมนี่อิจฉามากครับ อยากขอยืมอารมณ์ดีๆแบบนี้มาใช้ในเช้าวันจันทร์ที่ต้องดีลกับลูกค้ามากเรื่องในวันที่ยุ่งสุดๆบ้างจัง คิดไปก็เท่านั้นเพราะกว่าจะรู้ตัวพวกผมก็เดินเข้าโรงหนังแล้วครับ

ที่ที่พวกผมนั่งเป็นที่นั่งคู่ธรรมดา ไม่ใช่เก้าอี้ฮันนีมูนหรูหราอะไร ซึ่งผมโอเคมากๆ ตามปกติการดูหนังผมนั่งดูบนเตียงที่บ้านกับทีวีจอแบนแคนั้นเอง ไม่ได้มีอะไรหวือหวา เพราะงั้นนั่งไหนก็เหมือนกัน คุณพี่เมฆเองก็คงคิดเหมือนกันครับ

ตลอดการดูหนังเป็นไปด้วยความเงียบ พวกเราสองคนต่างคนต่างดูหนัง แทบจะไม่แตกต่างจากตอนที่ผมมาดูกับน้องแทนกายเลยสักนิด … ยกเว้นแต่ว่า ปกติน้องแทนกายไม่เอาที่เท้าแขนออกแล้วกุมมือผมไว้ตลอดเรื่องแบบที่คุณพี่เมฆทำครับ

อย่าถามผมนะว่าไดโนเสาร์ในหนังเป็นยังไง

ผมไม่รู้อะไรนอกจากว่ามือของคนข้างๆ ‘อุ่น’ มากๆเลย



.
.
.





“หิวยัง?”

ผมออกมาจากร้านเสื้อผ้าแบรนด์ที่สามคุณพี่เมฆก็ถามขึ้นครับ หลังจาากที่ดูหนังเสร็จพวกผมก็อารมณ์ไม่จบเลยเดินคุยกันมาเรื่อย พอมาเดินแบบนี้แล้วรู้เลยว่าทำไมคุณพี่เมฆเขาถึงได้แต่งตัวดี คุณโปรเจคฯเป็นผู้ชายประเภทที่เดินดูของแล้วก็เลือกเสื้อผ้าใส่เองน่ะครับ

ในขณะที่ผมนั้น ไม่น้องซื้อให้ ก็พี่สาวซื้อให้ ไม่ค่อยมีหรอกที่จะเลือกอะไรใส่เองจริงจังแบบนี้

เดินข้างๆเหมือนเขาจูงลูกมาเดินเล่นเลยครับ เขาเดินดูพวกแบรนด์กีฬา แล้วก็ไปเดินดูเสื้อผ้าแบบร้านที่ผมเห็นชื่ออยู่แต่ไม่ได้รู้จักมักจี่อะไร ตัวผมใส่อะไรก็ได้ ในขณะที่คุณพี่เมฆโคตรพิถีพิถันในการแต่งตัว เออ มากับเขาก็ดีเหมือนกัน เพราะเขาคอยบอกว่าผมน่าจะใส่ตัวไหนแล้วเหมาะ ซึ่งผมก็เชื่อครับ ของเต็มสองแขนเลยตอนนี้ มีทั้งเสื้อใส่ทำงาน แล้วก็เสื้อใส่เล่น

พูดก็พูด ผมเหมือนเป็นหนูทดลองให้เขาจับแต่งตัวอะ

“ตอนเด็กๆคุณพี่เมฆชอบเล่นตุ๊กตาเหรอครับ?”
“ห้ะ????”

ผมถามในสิ่งที่สงสัย เมื่อเขาหันมามองหน้าผม ได้คำตอบเป็นใบหน้างงงวยของอีกคนตอบกลับมา ผมเลยใจดีขยายความเพิ่มให้อีกหน่อย

“ก็ดูดิ คุณพี่เมฆจับผมลองนั่นลองนี่เต็มไปหมด”
“อ๋อออ”

เขาลากเสียงยาวดูอารมณ์ดี แม้ผมจะขาลากแล้วก็ตาม แถมยังหัวเราะอีก อะไรของเขาวะ ไม่เป็นไรนะ ผมรับได้ว่าใครจะชอบเล่นตุ๊กตาหรืออะไร ตอนเด็กๆผมยังชอบเล่นไพ่ยูกิเลย ถึงแม้จะแพ้ตลอดก็เถอะ

“ตอนเด็กๆไม่เล่นหรอกครับ” เขาหยุดแค่นั้นแล้วมองหน้าผม คิดไปเองหรือเปล่าว่าดูมีความเอ็นดูอยู่ในน้ำเสียง “แต่ตอนนี้เริ่มเข้าใจแล้วครับ พี่ว่าแต่งตัวกระต่ายมันก็สนุกดีนะ”

นี่ผมเป็นคนในสายตาใครมั่งวะ?


ยังไม่ทันที่จะได้เถียงหรืออะไร เสียงเรียกจากข้างหลังก็ดังขึ้นมา

“เมฆป้ะ?...”

ทั้งผมทั้งคนที่มาด้วยกัน (ที่กำลังเอามือลูบหัวผมอยู่) ก็หันไปตามเสียงนั้นครับ เป็นเสียงของผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่ง คือสวยเลยอะ แต่งตัวแบบคุณหนูนิดหน่อย ถ้าเทียบกับพี่แทนรักแล้วคงรุ่นราวคราวเดียวกันแต่เขาดูสดใสกว่า เหมือนพวกไอดอลในเน็ตที่มีคนตามเยอะๆอะไรแบบนี้

“บิว...”


------- 70% --------

สามารถคอมเมนต์ที่นี่ หรือที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ เหมือนเดิมนะคะ หรือยังไงทักเรามาได้ที่ @babybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡13th Monday - หลอกผมไม่ได้หรอกครับ! (8/07/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 10-07-2018 17:50:17
12th Monday - 100%



ผมมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้?



ผมยืนมองคนสองคนที่คุยกันอย่างออกรสครับ ผู้หญิงสวยๆที่เดินเข้ามาหาคุณพี่เมฆคือสวยจนผมมองหน้าเขาอย่างเดียวเลยครับ เขายืนยิ้มข้างกันโคตรเหมาะสมกันเลยอะ คล้ายๆกับผมเป็นต้นไม้ในขณะที่เจ้าหญิงกับเจ้าชายเขากำลังคุยกัน




ต้นไม้อาจจะดีไป ก้อนหินละกัน




“เหี้ยเมฆ”

“สัดบิว”

“หน้าหล่อแต่เลวเหมือนเดิม”

“มึงก็ยังปากแดงเหมือนเดิม ไปกินเลือดที่ไหนมา”

“ปากเสีย! นี่ MAC เลยนะ Ruby Woo น่ะมึง หยาบคายมากดูหมิ่นลิปกู มึงแม่งสายตาไม่ได้เรื่อง ตาต่ำจริงๆ พวกตาไม่มาราคา พวกสายตารากหญ้า”




โอเค เขาอาจจะไม่ใช่เจ้าชายเจ้าหญิงขนาดนั้นแล้วแหละครับผมว่า




“อุ้ยตาย! นี่มึงไปหลอกเด็กที่ไหนมาหิ้วด้วยคะเนี่ย”




ในที่สุดเจ้าหญิงกับปากสีแดง MAC อะไรบูๆวูดูสักอย่างหันมาเห็นผมแล้วครับ หลังจากที่ซ้อมเป็นก้อนหินประกอบฉากอยู่สักพัก




ผมยิ้มให้อีกฝ่ายที่ยิ้มกว้างให้ผมครับ ยิ่งมองก็ยิ่งสวย เหมือนกับเห็นพี่แทนรักเลย พูดแล้วก็คิดถึงพี่นะครับ เอาไว้สุดสัปดาห์นี้ผมแวะไปหาพี่แทนรักบ้างดีกว่า





“แทนใจครับ” เป็นคุณพี่เมฆที่พูดขึ้นมา แล้วผายมือไปทางหญิงสาวในส้นสูง ที่ดูสูงพอๆกับผมเลยครับ นี่ผมไม่ได้เตี้ยแต่เขาสูงใช่มั้ย

“นี่คือบิวครับ เพื่อนที่คณะพี่เอง”

“โอโหย มีพูดคงพูดครับ” คุณบิวพูดพร้อมกลอกตาทำหน้าเหม็นเบื่อ คล้ายกับว่าคุณเมฆไม่ได้พูดเพราะอะไร

“สวัสดีครับ”

“สวัสดีจ้าน้องแทนใจ”




พี่ผู้หญิงรับไหว้พอเป็นพิธีพร้อมยิ้มกว้าง ก่อนที่เขาจะไปคุยกับคุณพี่เมฆต่อครับ




“มึงเทนัดพวกกูเพราะมาเดทเหรอ?”




ผมสะดุ้งตาเหลือกเมื่อถูกพาดพิง เฮ้ย อะไรอะ?! นอกจากผมจะแอบชูวับชูวับกับเขาแล้ว ยังเป็นตัวการทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับเพื่อนมีรอยร้าวอีกเหรอ?




“นัดอะไรของมึง?”

“รียูเนียนไง รียูเนี่ยนน่ะ” คุณบิวพูดพร้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดแอพไลน์โชว์ใส่หน้าผู้ชายข้างๆผม “เนี่ย พวกกูนัดกันไปกินข้าวเย็นนี้เนี่ย ดูสิคะมึง”

“กูไม่เล่นไลน์”

“แล้วมึงสื่อสารกับชาวโลกยังไง โทรเลขเหรอ?”

“พ่อมึง---”

“แทนใจ”

อยู่ดีๆคุณบิวเขาก็หันมาถามผมครับ ซึ่งผมก็เบิกตากว้างเต็มที่เพราะไม่ทันตั้งตัว มันคงูตลกเพราะอีกคนยิ้มกว้างจนเห็นฟันเลย

“ครับ?”

“ไอ้เหี้ยเมฆมันติดต่อหนูยังไงลูก มันใช้โทรเลข หรือโทรจิต?”

“ครับ??????”




งง อะไรอะ? เดี๋ยวนะ แล้วผมควรจะตอบอะไร?




“แทนใจ อย่าไปยุ่งกับมันครับ”




คุณพี่เมฆพูดพร้อมกับเอาผมไปไว้ข้างหลัง เหมือนกับว่าตัวเองเป็นเจ้าชายปกป้องหมาคู่ใจจากมังกรร้ายที่ใช้ลิปบูๆวูๆ




“มึงอันตรายกว่ากูอีก แทนใจ มาหาแม่มา มานี่เร็วลูก โมะๆ”




ผู้หญิงสวยๆ นี่ต้องไม่มีสติเหรอครับ งงใจ ผมเริ่มคิดแล้วนะว่าเวลาพี่แทนรักอยู่กับเพื่อนเขาจะเป็นแบบนี้มั้ย …




“แล้วมึงมาทำอะไรที่สยามเนี่ย?”



คุณพี่เมฆเปลี่ยนเรื่องครับ ผมเลยได้รู้ว่าความจริงแล้ววันนี้เพื่อนสมัยมหาลัยของคุณพี่เมฆเขานัดทานข้าวกันตอนเย็นๆ แต่คุณบิวมาทำธุระที่สยามเลยบังเอิญเจอพวกผมครับ (ซึ่งพอจะรู้ว่าธุระคืออะไร ป้าย Mid Year Sale เต็มห้าง แถมถุงช็อปปิ้งยังเต็มมืออีกต่างหาก)




ผมไม่ได้จะแอบฟังนะ! แต่ก้อนหินประกอบฉากมันขยับไม่ได้ ข้อมูลเลยลอยเข้าหูมาเอง




“มึงเดทเสร็จยัง? ถ้าเสร็จแล้วก็ไปเร็วมึง ไปค่ะ กูบังคับ”

“ไม่ไปได้มั้ย ไม่อยากคุยกับมึง”

“น้องแทนใจคะ?”




คุณบิวหันมาถามผมอีกแล้ว ฮือ




“ครับ?”

“ไม่รำคาญไอ้เหี้ยนี่บ้างเหรอคะ? พี่นี่รำค๊าญรำคาญ คบมันแค่เพราะมันหล่อนี่แหละ แต่หล่อไม่มีประโยชน์เลยตลอดเวลาหลายปีที่รู้จักกันมา”

“...”

“เลิกเลยค่ะ พี่เชียร์”

“ไอ้เหี้ยนี่ กูจีบอยู่”

“ว๊ายยยย เพื่อนหล่อจีบคนเป็นด้วยว่ะ ปกติมีแต่คนมาอ่อยก่อน น้องแทนใจไม่ธรรมดาจริงๆ กูว่ากูต้องเอาไปบอกในกรุ๊ปไลน์รุ่นละ โลกต้องรับรู้เรื่องนี้”




แล้วพวกเขาก็คุยกัน (โอเค ด่ากัน) ต่อเหมือนผมไม่ได้อยู่ตรงนี้ ซึ่งก็ไม่เป็นอะไรเพราะผมไม่ได้รู้สึกเหมือนถูกทิ้งครับ แต่มีสะดุ้งบ้างหลายๆครั้งเมื่อมีชื่อผมผสมอยู่ในการด่ากันของพวกเขา




“แทนใจครับ”

“ครับ?”




ผมกะพริบตาเมื่อทั้งสองคนหันมามองทางผมเป็นตาเดียวครับ ทั้งที่ผมตัวพอๆกับคุณบิวนะ แต่พอมาอยู่แบนนี้แล้วรู้สึกเหมือนตัวเล็กกว่าอีกคนเยอะเลย หรือว่าเป็นเรื่องปกติที่เราจะตัวเท่าผุ้หญิงที่ใส่ส้นสูง? น่าจะแบบนั้นครับ เพราะถ้าซุกซนยืนอยู่ตรงนี้น่าจะเป็นหลุมไร้ก้นไปเลยแน่นอน




“เดี๋ยวพี่ว่าจะไปทานข้าวต่อกับเพื่อน พอดีไม่เจอกันมานานแล้ว…”




ผมรู้สึกเหมือนกับลูกบอลที่พองๆอยู่ในใจตลอดทั้งวันหล่นไปอยู่ตรงเท้า มันก็แปลกๆนิดหน่อยที่มาดูหนังกับคุณพี่เมฆ แต่ตอนกลับจะต้องโหน BTS กลับคนเดียว ผมกลับได้แหละครับไม่ใช่เรื่องแปลก




มันแค่… เหงาๆหน่อยละมั้ง




“แทนใจจะดูอะไรต่ออีกมั้ย?”




ผมส่ายหัวเป็นคำตอบ




“งั้นไปเลยแล้วกัน” เขาพูดกับผม แล้วก็หันไปพยักหน้ากับคุณบิวที่ยืนมองอยู่ โดยที่ฝ่ายนั้นไม่ได้สนใจเท่าไหร่เพราะกำลังเล่นมือถืออยู่ “เดี๋ยวไปเจอกันที่ร้านเลยนะ มึงขับรถมาใช่ป้ะ?”

“ไม่อะ รถกูทำสีอยู่อู่ เอากูไปด้วย”

“ไม่ หาทางไปเอง”

“ไอ้สัด”

“ป้ะครับแทนใจ เราไปกันเถอะ”




อะไรวะ?




สรุปคือผมถูกจูงมาที่รถของคุณพี่เมฆแบบยังงงๆ โดยที่เพื่อนของเขาถูกปล่อยทิ้งไว้ตรงนั้นเหมือนเดิม แต่ดูเพื่อนเขาก็ไม่ได้สนใจอะไร เป็นความสัมพันธ์ที่ต้องช่วยเหลือตัวเองครับเพราะเพื่อนไม่สนใจ ทั้งที่ปกติเขาดูเป็นคนมีน้ำใจมากเลยนะ




 ผมควรบอกคุณพี่เมฆให้เขาเอาคุณบิวมาด้วยมั้ยนะ? ความจริงที่ว่างก็ยังเหลืออยู่เยอะ เพราะว่าผมนั่งหน้ากับคุณพี่เมฆ ข้างหลังมันก็ยังว่างๆอยู่ คุณบิวสูงก็จริงแต่ไม่ใช่คนตัวใหญ่แบบต้นไทรสามคนโอบอะไร ยังไงก็ขนไปด้วยกันได้นะ




“คุณพี่เมฆครับ”

“ว่าไง?”

“เราไม่ให้คุณบิวไปด้วยกันเหรอครับ?”

“ไม่ล่ะ พี่รำคาญเสียงมัน”



คุณพี่เมฆตอบยิ้มๆ ซึ่งอันนี้เป็นยิ้มแบบที่เขาพูดเล่นครับ




น่าแปลกเหมือนกัน ผู้ชายคนนี้เป็นประเภทยิ้มตลอดเวลาครับ แต่รอยยิ้มไม่เหมือนกัน ทั้งที่ยิ้มแต่บางทีดูอบอุ่น  ดูน่ากลัว ดูใจดี ดูอารมณ์ดี ดูใจเย็น ดูมีอำนาจ ดูขี้แกล้ง และ… เอ่อ …




ดูโคตรเซ็กซี่เลย


ผมไม่ได้พูดนะว่าคิดถึงรอยยิ้มตอนไหนของเขา




“คิดอะไรอยู่เนี่ย”




คุณพี่เมฆทัก ผมถึงได้รู้ตัวว่าเขาอยู่ใกล้ขนาดนี้




เขาหันมามองหน้าผม  ผมตกใจจนเผลออุทาน ‘เฮ้ย!’ ออกมาเมื่อเห็นว่าหน้าเขาใกล้มากกกกกก ดีที่ยังขยับมือไม่ไปเพราะไม่งั้นคงโดนข้อหาทำร้ายร่างกายเจ้าของรถที่เคยชูวับชูวับด้วยแน่นอน แต่มันใกล้จริงๆนะ ตกใจหมดเลย




ผมเอาแต่คิดเรื่องนี้ตอนที่คุณพี่เมฆเขายื่นมือมาช่วยคาดเข็มขัดให้ เพราะเห็นว่ามือผมค้างอยู่ที่เดิมไม่ขยับเหมือนคอมพิวเตอร์ผมเวลารีบๆ เนี่ยสมองผมนี่หมุนติ้วๆ




“เราหิวเหรอ? เมื่อกี้ยังทันได้ทานอะไรเลยก็ดันเจอบิวมันก่อน โทษทีนะ”

“ไม่ครับๆ ไม่ได้หิว” ผมรีบปฏิเสธ เมื่อนึกออกลางๆว่าเขาก็ถามผมเรื่องของกินอยู่เหมือนกัน

“หรือเราอยากเข้าห้องน้ำก่อนมั้ย?”

“ไม่เป็นไรครับ” ผมรีบเบรกก่อนที่คุณพี่เมฆจะยกเรื่องอื่นขึ้นมาอีก

“โอเคๆ”

“คุณพี่เมฆจะให้ผมกลับเลยมั้ยครับ? ผมลงข้างหน้านี้ก็ได้นะ แล้วเดี๋ยวเดินไปขึ้น BTS”




ผมเลือกถามคนตัวสูงกว่าที่ยืนเอาตัวบังผมอยู่แทนครับ ก็เขานัดกับเพื่อนเขา ผมไม่รู้ว่าจะต้องไปด้วยมั้ย ว่ากันตามตรงที่นัดกันแค่ดูหนังไงครับ ซึ่งก็ดูหนังจบแล้ว ผมแยกกลับเลยก็ได้เผื่อเขาจะได้มีเวลากับเพื่อนเพิ่มอะไรแบบนี้ ผมเข้าใจนะ เพราะคนเราก็ต้องอยากคุยกับเพื่อนแบบแค่เฉพาะกลุ่มเหมือนกัน




“กลับไปไหน?” คุณพี่เมฆถามผมกลับ “เราไม่อยากไปกับพี่เหรอ?”

“ไม่ใช่ดิ ผมหมายถึง… พี่อยากจะใช้เวลากับเพื่อนหรือเปล่า?”

“ก็อยากนะ ไม่ได้เจอกันนานแล้ว”

“ใช่มั้ยล่ะ”



“แต่พี่อยากใช้เวลากับเราไปด้วยไม่ได้เหรอ?”




คิดว่าผมจะเขินเหรอ?

คิดถูกแล้วล่ะ ไอ้คุณพี่เมฆเว้ย ไอ้บ้าเอ้ย หยอดอยู่ได้!!!




“ตะ.. เอ่อ แต่แบบ--”

“แต่?”

“ตกลงคุณพี่เมฆจะให้ผมไปด้วยเหรอ?”

“ใช่ไงครับ หรือเราไม่อยากไปกับพี่?”

“งั้นหมายความว่าเราอยากไปกับพี่”

“ก็ใช่…” เอ๊ะ เขาไม่ได้หลอกให้ผมพูดอะไรใช่มั้ย เอาเถอะ ตอนนี้งงมากเลย เอาเรื่องคุณพี่เมฆก่อน งงอะ “คุณพี่เมฆนี่เข้าใจยากจัง”

“หือ?”

“เข้าใจยากมากเลยอะ เหมือนโจทย์เลขเลย งงไปหมด”




เขาเงียบไม่ได้ตอบอะไรเพิ่ม เหมือนที่กำลังคิดอะไรอยู่ ซึ่งผมเองก็คิดอยู่เหมือนกันครับ เห็นแบบนี้ผมก็ใช้ความคิดได้นะ!




คุณพี่เมฆเหมือนเป็นโจทย์เลข โจทย์งงๆที่ไม่รู้ว่าต้องใช้สูตรอะไรในการหาคำตอบ นั่งอ่าน นอนอ่าน ตีลังกาอ่านก็ไม่เข้าใจสักทีว่าเขาต้องการอะไร



ผมเหลือบมองคนข้างๆอีกครั้ง ภายใต้ใบหน้าโคตรหล่อที่ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่มันยากจะคาดเดาจริงๆ ให้ตาย ไม่เข้าใจเลยอะ ไม่เข้าใจมากๆ




คุณพี่เมฆคือโจทย์เลขที่ยากที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอเลยล่ะ


เอ๊ะ หรือว่าผมโง่เองวะ?





------- Monday In Love -------



.
   .


หลังจากที่จอดรถ ผมก็เดินตามคุณพี่เมฆต้อยๆเข้ามาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง

   .



ร้านนี่คือร้านนั่งชิวที่ผมไม่เคยมา บรรยากาศก็คคล้ายๆร้านนั่งชิวทั่วไปครับ มีเสียงดังๆจากดนตรีสด มีเสียงจ๊อกแจจอแจของบทสนทนาจากผู้คน แล้วก็มืดๆหน่อย  การที่ขับรถออกจากสยามตอนเย็นนี่เป็นความคิดที่ผิดมากครับ เพราะพวกผมเสียเวลาส่วนใหญ่บนถนน ออกจากสยามไม่ถึงทุ่ม เจอการจลาจลไทยแลนด์แดนแห่งรอยยิ้มเข้าไป มาถึงที่หมายก็เลยสองทุ่มไปแล้วทั้งที่ไม่ได้ไกลเลย




ยังดีที่คุณพี่เมฆเป็นคนใจเย็น หรืออาจจะไม่ใช่คนหัวร้อนเท่าไหร่ตอนขับรถ เพราะว่ารถมันกระดิ๊บๆ แต่เขาก็ยังหาเรื่องมาคุยกับผมได้ตลอดทางเลยครับ พอหมดเรื่องคุยเขาก็ฮัมเพลงไปเรื่อย มันเลยทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายไปด้วยทั้งที่ใช้เวลากระดึ๊บๆบนถนนโง่ๆอย่างนาน




“เฮ้ย เชี่่ยเมฆ แม่งมาจริงด้วยว่ะ!!”




ผมและคุณพี่เมฆหันตามเสียงทางขวามือ โต๊ะมุมที่ส่งเสียงโหวกเหวกได้ดังมากทั้งที่มีอยู่ไม่กี่คนครับ ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นโต๊ะของเพื่อนคุณพี่เมฆเพราะทางนั้นโบกไม้โบกมือให้เต็มที่มากครับ




“กูบอกแล้วว่ามันมาแน่ๆ”




ผู้ชายหน้าตี๋ที่ผมคุ้นหน้าคุ้นตาพูดขึ้นพร้อมกับปรบมือเหมือนถูกใจมากครับ ทำไมคุ้นตาน่ะเหรอ? ก็นี่มันคุณเบิร์ด! หนึ่งในโปรเจคฯเมเนเจอร์ที่คุณพี่เมฆเตะออกจากกรุ๊ปไลน์ วันนี้ที่รอคอย เขาตัดผมใหม่ แถมวันนี้ยังใส่แว่นอีก ดูเป็นผู้เป็นคนมากกว่าที่เจอครั้งที่แล้วเยอะเลย เพิ่งรู้ว่าพวกเขาเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันด้วย




“สวัสดีครับคุณเบิร์ด”




ผมยกมือไหว้เขาเป็นคนแรกตอนที่เข้าไปนั่ง แล้วก็ยกมือไหว้อีกคน แล้วก็คุณบิวเป็นคนสุดท้าย ลิปวูบูของเขายังแดงอยู่เลยครับ




 โชคดีที่ตรงนี้มันเป็นมุมชั้นลอยที่ถึงแม้จะมีเสียงรอบข้างดังรบกวนบ้าง แต่ยังถือว่าคุยกันรู้เรื่องอยู่ นอกจากเขาผมก็ยกมือไหว้รอบวง รวมถึงคุณบิวที่ยิ้มกว้างรับไหว้ผมด้วยครับ คิดไว้ก่อนว่าถ้าเขาเป็นรุ่นคุณพี่เมฆแสดงว่าต้องแก่กว่าผมแน่นอน




“น้องแทนใจของพี่ ยังน่ารักเหมือนเดิม ถึงแม้จะมีไอ้เหี้ยเมฆเพิ่มเติมเข้ามา”

“ช่างเครื่องเป่าขวดที่มึงขอยืมตัวจากไซต์กูไปนี่คงไม่เอาแล้วใช่มั้ย ได้นะ กูโทรบอกให้พี่เขากลับปทุมฯตอนนี้ได้นะ”

“ผมล้อเล่นครับคุณเมฆครับ อย่าทำผมเลย เครื่องมันหยุดอยู่นะเว้ย กูคุยกับลูกค้าจนหูจะหลอมติดกับโทรศัพท์แล้ว”




คุณเบิร์ดที่เมื่อกี้หัวเราะเอิ้กอ้ากหน้าหดเหลือสองนิ้ว แล้วยกมือไหว้คุณพี่เมฆปลกๆ เป็นภาพที่ตลกจนผมออดขำออกมาไม่ได้ครับ คือหากไซต์งานของลูกค้าเครื่องหยุดทำงานนั่นถือเป็นปัญหาที่ใหญ่มากๆสำหรับพวกเราทุกแผนก อย่างเช่นของผม ถ้าเกาหลีโทรหานั่นคือสุดๆแล้ว เครื่องจักรไม่หยุดทำงานก็ใกล้จะหยุดเต็มที ส่วนไอ้ที่ ASAP ในเมลธรรมดามันแค่เกิดปัญหานิดหน่อยแต่เกาหลีเล่นใหญ่ใส่ครับ




“ว๊ายยยยยยยยยยยย กากกกกกกกก”



คนเดิมที่เอ่ยทักคุณโปรเจคของผมว่า ‘เชี่ยเมฆ’ พูดขึ้น เขาเป็นผู้ชายที่ให้ลุคสบายๆ ผิวแทนหน่อยๆ ข้างๆเขาคือคุณบิวสวยที่เพิ่งเจอไป (ไหนเขาบอกไม่มีรถ แล้วมาถึงก่อนผมได้ไงวะ หรือว่าคุณพี่เมฆขับอ้อม? หรือว่าประเทศไทยรถติดจนเดินมาเร็วกว่าขับรถ?) ทั้งโต๊ะมีแค่นี้ รวมผมกับคุณพี่เมฆก็เป็นห้าคนครับ




 คนน้อยกว่าที่คิด แต่ก็ดี เพราะถ้าเยอะกว่านี้ผมคงทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน




“กากแต่ก็ได้แดกเบียร์ฟรีนะครับ อย่าลืม”

“เออแม่ง เชี่ยเมฆมึงมาทำไมวะเนี่ย?”

“คิดถึงมึงเหมือนกันนะโป้”

“ฮ่าๆ”




รอบนี้ผมหัวเราะออกมาจังๆเลยครับ คุณบิวเล่าให้ผมกับคุณโปรเจคฯฟังว่าสองคนนั้นเขาพนันกันว่าคุณพี่เมฆจะมาหรือไม่มา เพราะเขาเป็นคนที่แทบจะไม่มารียูเนียนกับเพื่อนฝูงเลยครับ ไลน์ก็ไม่อ่าน รู้แค่ว่ายังมีชีวิตอยู่จากเฟสบุ๊คที่นานๆอัพเดตทีนึงเท่านั้น




 “นี่เองเหรอเด็กมึงอะเมฆ” คนที่คุยกับคุณโปรเจคเมื่อสักครู่หันมาทางผม ที่รีบปิดปากเพราะหัวเราะดังเกินไป “พี่ชื่อโป้นะครับ เป็นเพื่อนสมัยเรียนของไอ้เมฆ--”

“เราเคยเป็นเพื่อนกันเหรอ? กูว่าไม่นะ” อันนี้เป็นเสียงคุณพี่เมฆที่พูดแทรกขึ้นมา ผมไม่ทันได้ยินว่าคุณโป้สวนอะไรกลับหรือเปล่า เพราะว่าคุณบิวลุกขึ้นยืนเรียกเด็กเสิร์ฟที่กำลังเดินถือแก้วผ่านดังมาก

“น้องคะ น้องเว๊ย น้องงงงงงงงงงงงงงงงง เมนูหน่อยยยยยยยยยย”

“เสียงดังจังวะ”

“ก็แม่งไม่ได้ยินอะ กูต้องขึ้นไปยืนบนโต๊ะมั้ย?”

“ไอ้สัดอย่า!”




พวกผู้ชายทั้งสามคนห้ามคุณบิวอย่างจริงจัง โดยที่ผมได้แต่นั่งขำ เพราะท่าทางคุณพี่แกทำจริงแน่




บทสนทนาต่อจากนั้นเป็นไปด้วยความสนุกครับ กลุ่มของคุณพี่เมฆดูสนิทกันแบบแปลกๆ ผมรู้เพิ่มว่าความจริงแล้วมีอีกสองคนที่สนิทกันครับ คนหนึ่งติดงาน อีกคนแต่งงานแล้วย้ายสำมโนครัวไปอยู่ต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว




ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แต่พวกเขาสามารถทำให้ผมไม่รู้สึกโดดเดี่ยวได้ครับ ไม่ถึงขนาดเข้าใจทุกอย่างที่เขาพูดกัน แต่ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินในวงนี้ขนาดนั้น (แม้ผมจะนั่งขำ กับนั่งแทะเฟรนช์ฟรายแค่นั้นก็ตาม) หรืออาจจะเพราะเบียร์สดในมือด้วยเลยทำให้ทุกอย่างมันดูสนุกไปหมด 


ผมไม่ได้เมานะ คุณพี่เมฆไม่ยอมให้ผมเติมเยอะ ตอนผมยกแก้วนี่มองดุเลยครับ ยิ้มนะแต่ยิ้มแบบดุอะ น่ากลัวมากผมไม่กล้าเสียงกินต่อเลย อีกอย่าง ผมยังเข็ดจากคราวที่แล้วอยู่เลย 




“มึงจะไปงานแต่งหวานมั้ย?”

“หวานไหนวะ?”

“หวานไง หวานคณะเราอะ”

“อ๋อ กูก็นึกว่าหวานอักษร”

“หวานนั้นยังไม่แต่งงาน”

“มีความตามข่าวคราวเขาเนอะมึงเนี่ยเชี่ยเมฆ”




ผมนั่งมองคนนั้นทีคนนี้ที ส่วนใหญ่เขาคุยกันเรื่องในอดีตกับอัปเดตข่าวคราวของชีวิตตามภาษาคนไม่ได้เจอกันนานแล้วนัดรียูเนียน ตอนนี้คุณพี่เมฆนั่งจิบเบียร์คุยกับเพื่อน เขาดูผ่อนคลายกว่าที่เห็นในออฟฟิศเยอะเลยครับ




ผมเพิ่งรู้ว่าเขามีมุมแบบนี้ด้วยเหมือนกัน ยังมีอีกกี่ด้านของเขาที่ผมไม่เคยเห็น




“วันก่อนกูเข้าไซต์ลูกค้าที่บางประกง เจอไอ่เล็กด้วย”

“เอ้า มันเปลี่ยนงานแล้วเหรอ? ตอนแรกเห็นอยู่บริษัท....”

“ย้ายไปเป็นผู้จัดการโรงงาน ลูกค้าจ่ายให้มันหนักอยู่ พวกมึงก็รู้มันเทพ”




เหมือนยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกว่าคุณพี่เมฆในตอนนี้ดูกลืนไปกับเพื่อนเขาครับ ดูเป็นกลุ่มเดียวกัน ดูเป็นธรรมชาติ รอยยิ้มของเขาในตอนนี้ก็เป็นยิ้มที่ดูผ่อนคลาย ที่ทำให้ผมเผลอยิ้มตามโดยไม่รู้ตัว ความคิดเดียวในหัวคือเขาดูเป็นตัวของตัวเอง




อีกนัยหนึงก็คือ เขาดูเป็นใครสักคนที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลย


หรือว่าการที่คนเราเจอกันแค่วันจันทร์ มันจะน้อยเกินไปสำหรับการทำความรู้จักใครสักคนกันนะ?





------- TBC -------


อากาศแย่มากเลยตอนนี้
ระวังอย่าป่วยกันนะคะ ไม่งั้นจะเปื่อยไปเลยแบบเรา ฮือ


สามารถคอมเมนต์ที่นี่ หรือที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ เหมือนเดิมนะคะ หรือยังไงทักเรามาได้ที่ @babybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD

 
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡13th Monday - หลอกผมไม่ได้หรอกครับ! (8/07/18)
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 11-07-2018 08:49:32
น้องแทนใจน่ารักจังงงงงงงงงงงง ดูตะมุตะมิ
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡13th Monday - หลอกผมไม่ได้หรอกครับ! (8/07/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 15-07-2018 21:42:18
14th Monday

#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 





วันนี้คือวันจันทร์ที่ผมแฮปปี้




เพราะวันนี้คุณพี่เมฆบอกว่าจะพาไปกินข้าวข้างนอก




8:30 น.




ผมมาถึงที่ทำงานโดยสวัสดิภาพครับ วันนี้รถไม่ติดมากเท่าไหร่ (คือติดนะ แต่ติดปกติ ไม่ได้มากมายจนอยากจะบ่น) พอมาถึงที่ทำงานผมก็เปิดคอมฯดูงาน เห็นแล้วยิ้มเลยครับ วันนี้อีเมลอย่างน้อย พวกงานค้างจากวีคที่แล้วก็ไม่ค่อยมีครับ  ออเดอร์อะไรก็ทำหมดแล้ว  เหลือแค่ต้องตามงานกับฝั่ง Logistics ครับ




วันจันทร์ชิลๆแบบนี้ หายากกว่าโอกาสที่จะได้เลือกตั้งอีกครับ 




“คุณกฤติ คุณณี สวัสดีครับ”

“น้องแทนใจ สวัสดีจ้ะ”



ผมยกมือไหว้คุณคุณกฤติ กับคุณณีเลขาคุณกฤติ ที่เดินตามกันออกมาจากทางห้องทานข้าวครับ ซึ่งทั้งสองก็ยกมือรับไหว้ผมพร้อมกับยิ้มให้ทั้งคู่ครับ คุณณีทักนิดหน่อยแล้วเดินออกไปอีกทาง ส่วนคุณกฤติเดินตรงมาทางโต๊ะผม แล้วดึงเก้าอี้เก่าของซุกซนมานั่งครับ




ตอนนี้ออเดอร์ของฝั่งญี่ปุ่นถูกโอนไปให้หมิ่วหมิวดูครึ่งหนึ่ง ส่วนผมดูอีกครึ่งหนึ่งครับ เพราะว่าจากที่ประชุมเมื่อวันก่อนหมิ่วหมิวอยากจะย้ายมาเป็นเซลล์โคฯ ซึ่งพอดีกับช่วงนี้ที่ซุกซนไม่อยู่ คุณกฤติเลยให้เขาลองทำดูก่อนโดยมีพวกแปซิฟิกทีมช่วยสอนงานเพราะนั่งใกล้กันครับ มีบางทีเหมือนกันที่เขาเดินมาถามผมบ้าง ซึ่งผมก็ยินดีช่วยนะ เพราะผมเคยนั่งกับซุกซนมาก่อน บางงานที่มันทำค้างไว้ผมก็พอรู้เรื่องบ้าง




“เป็นไงมั่งเรา วันนี้ดูอารมณ์ดี”

“นิดหน่อยน่ะครับ”

“มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นเหรอครับ?”

“ไม่มีอะไรสำคัญหรอกครับคุณกฤติ แค่วันนี้ตอนเที่ยงผมจะออกไปทานแซลม่อนน่ะครับ”




หลังจากนั้นบทสนทนาก็เป็นเรื่องปกติทั่วไปครับ ผมเพิ่งรู้ว่าตอนนี้คุณกฤติเขาหาคนมาทำแทนซุกซนได้แล้ว ส่วนหมิ่วหมิวจะกลับไปอยู่ในส่วนของเลขา เพราะลองทำไปแล้วไม่ชอบงานตรงนี้ ผมก็เข้าใจได้นะ แต่ละคนชอบไม่เหมือนกัน ผมก็ไม่ชอบงานนี้ครับ ไม่ชอบวันจันทร์ ไม่ชอบอะไรเลย ไม่ทำแล้วครับ ลาออกมันเลยแล้วกัน




“แล้วคนใหม่จะเข้ามาเมื่อไหร่ครับ?”

“น่าจะเข้ามาบ่ายนี้แหละ”

“ดีจังเลยนะครับ ถ้าเข้ากับพวกเราได้เหมือนซุกซนก็คงดี”




คุณกฤติยิ้มนิดหน่อยแล้วก็เดินไปคุยงานกับคุณนุ่นฟิลิปปินส์ที่เหมือนจะถามอะไรสักอย่าง ผมเลยนั่งจัดๆพวกไฟล์กับอีเมลที่ปล่อยให้รกในช่วงก่อนหน้านี้ที่ยุ่งๆครับ




“แทนใจ”

“คุณพี่เมฆ สวัสดีครับ”




ผมทักคนที่เดินมาท่าทางเหมือนเพิ่งจะวิ่งมา ไม่แน่ข้างนอกอาจจะร้อน เห็นเขาพูดตอนที่คอลกันเมื่อคืนว่าวันนี้ไม่ต้องรีบเข้าบริษัทนีนา ทำไมมาเร็ว




“ทำไมมาเช้าจัง?”

“ผมมีประชุมเก้าโมงนะครับ” ผมบอกในสิ่งที่เป็นเรื่องปกติของชีวิต “ถึงแม้จะมาไม่ค่อยทันก็เถอะ”

“เมื่อเช้าพี่ขับรถไปหาแทนใจมา กะจะเซอร์ไพรส์รับมาทำงานสักหน่อย นิติคอนโดฯดันทักว่าแทนใจออกไปแล้ว พี่เลยรีบออกมาเลยเนี่ย”

“อ้าว โธ่ คุณพี่เมฆน่าจะบอกก่อน”

“บอกก่อนก็ไม่เรียกเซอร์ไพรส์สิ”

“แล้วแบบนี้เซอร์ไพรส์เลยมั้ยล่ะครับ?”



ผมถามขำๆ ท่าทางยิ้มแบบอ่อยๆของเขาตลกดี พวกเราคุยกันอีกนิดหน่อย ก่อนที่ผมจะโดนคุณกฤติเดินมาลากเข้า weekly meeting เหมือนทุกเช้าวันจันทร์ครับ ซึ่งก่อนที่คุณพี่เมฆเขาจะขึ้นไปทำงานชั้น 28 (ใช่ครับ เขาทำงานชั้น 28 ในขณะที่ผมอยู่ชั้น 27 มาบ่อยจนน่าจะมีโต๊ะประจำชั้นนี้ได้แล้วผมว่า) เขาก็ทิ้งท้ายเอาไว้




“เดี๋ยวเลิกประชุมแล้ว ไปกินกาแฟกันนะ พี่เลี้ยงเอง”




ไม่ต้องชวนผมก็ไปตลอดอยู่แล้วนะ



“แทนจะ--”

“แป๊บนะครับ ผมงานเข้า”




ผมหันไปบอกคุณพี่เมฆที่ทำท่าจะเดินมาคุยด้วยพอดี ถ้าเดาไม่ผิดน่าจะมาชวนไปกินกาแฟ ตอนแรกมันก็เป็นวันจันทร์ที่ไม่ยุ่งดีอยู่หรอก พอออกจากห้องประชุมมาเท่านั้นแหละ งานก็โถมตู้มๆเข้ามาเหมือนกับว่าเมื่อเช้าที่ว่างๆนี่ไม่มีอยู่จริง




“โอเคๆ”




ผมหันไปส่งยิ้มเล็กๆให้คนที่โตกว่า ก่อนจะหันกลับมาสนใจออเดอร์ลูกค้าตรงหน้าตัวเองต่อ จนประมาณห้านาทีให้หลังที่ผมพอจะเคลียร์เรื่องวุ่นวายตรงหน้าได้ถึงหันกลับไปหาคุณพี่เมฆ เพื่อพบว่าเขายืนคุยกับหมิ่วหมิวที่เมื่อกี้เดินมาถามงานผม




“เสร็จแล้วเหรอ?”

“ครับ”

“งั้นเรา--”

“แทนใจ ออเดอร์นี้ลูกค้าด่วนแค่ไหน ถ้าไม่ขอยืมตัว product นี้ให้…”




พอคุณพี่เมฆอ้าปากจะพูด คุณเชนประเทศไทยก็แทรกขึ้นมาเลยครับ โดยทั้งคุณพี่เมฆกับผมได้แต่ทำตาปริบๆ ก็พอเข้าใจแกอยู่ เพราะลูกค้าที่คุณเชนประเทศไทยเขาดูบางเจ้าเป็น key customer แกค่อนข้างจะช่วยลูกค้าแกมากๆครับ




“ไม่ได้เลยครับ ของผมก็ด่วน ลูกค้าเร่งยิกๆเลยเนี่ย”

“งั้นขอยืมของ xxxx ที่ญี่ปุ่นมาก่อนได้มั้ย เราดูญี่ปุ่นใช่ป้ะแทนใจ?”

“ครับ แต่อันนี้ผมว่าน่าจะยาก พี่ก็รู้เนเจอร์คนญี่ปุ่น…”




หลังจากนั้นก็ยาวครับ จนพวกผมเสร็จกันแล้ว (สรุปว่าให้ยืมไม่ได้ครับ ให้เขายืมคอผมขาดแน่ๆ และคุณกฤติก็จะมาฆ่าผมอีกรอบครับ อาจจะเป็นการฆ่าล้างโคตรเลยก็ได้ น่ากลัวมากจริงๆ) คุณพี่เมฆก็ยังยืนระรั้งระรอเหมือนว่าธุระยังไม่เสร็จ




“แทนใจครับ เราไป--”

“แทนใจ ลูกค้าที่สั่งของด่วนไปส่งวันนี้ DN ออกหรือยัง?”




คุณกฤติที่มาจากไหนไม่รู้ อยู่ดีๆก็ป๊อปอัพขวางหน้าผมกับคุณพี่เมฆที่กำลังคุยกันครับ ซึ่งผมก็รีบหา DN ให้คุณกฤติก่อน โดยไม่ได้สนใจว่าคุณกฤติกับคุณพี่เมฆเขาคุยอะไรกัน ฟังได้คร่าวๆประมาณว่า “แทรกเก่ง” แล้วก็ “ตอนคุณนกนี่ตลกดีนะครับ” แต่ไม่รู้ว่าใครพูดอะไร เพราะ DN ผมหายไปไหนก็ไม่รู้




“นี่ครับคุณกฤติ ให้ผมจดหรือเมลให้ดีครับ?”

“ส่งมาในแชทบริษัทก็ได้”

“โอเคครับ”




หัวหน้ายิ้มให้แล้วก็เดินกลับไปในห้องทำงาน ผมเกาหัวนิดหน่อยว่าออเดอร์นี้มันมีปัญหาตรงไหน หรือผมอาจจะตกอะไรไป แต่เท่าที่เช็กดูใน SAP มันก็ถูกหมดนะ หรือว่าลืมอะไร หรือคุณกฤติจะต้องการ DN ไปเก็บสะสมไว้ เหมือนสะสมแสตมป์อะไรอย่างงี้




“ทะ---”




Rrrrrr




“แป๊บนึงนะครับคุณพี่เมฆ”




ตอนที่คุณพี่เมฆกำลังจะพูด โทรศัพท์ผมดันดังพอดี ผมเลยต้องไปรับโทรศัพท์ก่อน อันนี้ลูกค้าจากเกาหลีโทรมาครับ ขึ้นต้นเป็นรหัสประเทศมาเลย ผมนี่แทบจะคว้างหูทิ้ง แต่ไม่ได้ครับ เราต้องรับทุกสาย เพื่อ KPI ที่ดี และโบนัสที่หนาครับ



 

“Hello. แทนใจ Speaking”




.

.

.



11.58 น.




สรุปกว่าผมจะว่างลงไปกับคุณพี่เมฆได้ก็เกือบจะเที่ยงพอดี



“กินกาแฟตอนนี้เดี๋ยวเป็นกรดไหลย้อน ทานข้าวเลยละกันนะครับ”



คุณพี่เมฆพูด ซึ่งผมก็พยักหน้าเห็นด้วย คือตอนที่ผมทำงานคุณพี่เมฆเขาก็ไม่ได้ว่างนะ หลังจากที่ผมรับโทรศัพท์เขาก็ไลน์มาบอกว่าจะไปนั่งทำงานก่อน เสร็จแล้วให้ทักไป ซึ่งผมก็ยุ่งมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก จนเที่ยงนั่นแหละคุณพี่เมฆถึงมาเคาะป๊อกๆเรียกทานข้าวครับ



“กาแฟเอาไว้ตอนบ่ายเนอะ”

“เราอยากกินขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“ก็สัญญาแล้วนี่ ว่าคุณจะเลี้ยงกาแฟผมอะวันนี้”




ผมพูดพร้อมหัวเราะ เรากำลังเดินไปลานจอดรถครับ ด้วยความที่ตึกสำนักงานนี้ที่จอดรถเขาแบ่งเป็นล็อกของแต่ละบริษัท ซึ่งบริษัทผมได้อยู่ตึกใหม่ ที่ต้องเดินเท้าไปไกลหน่อยครับ




“แทนใจ…”

“ครับ?”




ผมหันมองหน้าคุณพี่เมฆที่ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง จนสุดท้ายเหมือนรวบรวมลมออกมาได้




“ปะ---”


“อ๊อง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! กูกลับมาหามึงแล้วววววววววววววววววววววววววววววววววว”




สั้นๆป้อมๆแบบนี้ มีคนเดียวครับ




“ซุกซน!!!!”




ซุกซนครับ ซุกซนตัวเป็นๆกลับมาหาผมแล้ว!!!!









------- 50%-------




อิ_________อิ


#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์
[/b]

หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡14th Monday - แทนใจ คือพี่อยากจะ- (15/07/18)
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 15-07-2018 22:15:42
สงสารคุณพี่เมฆเค้านะคะ คนแทรกตล๊อดดดดดด 555555555555
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡14th Monday - แทนใจ คือพี่อยากจะ- (15/07/18)
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 15-07-2018 22:17:20
 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡14th Monday - แทนใจ คือพี่อยากจะ- (15/07/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 15-07-2018 22:58:19
 :z3: :z3: พี่เมฆ เอ้ยยย
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡14th Monday - แทนใจ คือพี่อยากจะ- (15/07/18)
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 16-07-2018 00:19:29
ตลกพี่เมฆ 555555555555555555555 ไม่ร้องนะ  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡14th Monday - แทนใจ คือพี่อยากจะ- (15/07/18)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 17-07-2018 21:43:32
น่าสงสารคุณพี่เมฆ  :laugh:
ซุกซนกลับมาแล้ว ป่วนกันเต็มที่จากนี้ไป
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡14th Monday - แทนใจ คือพี่อยากจะ- (15/07/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 19-07-2018 16:08:03
14th Monday #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ : 100%


“ซุกซนนนนนนนนนนนน”
“อ๊อง พอแล้ว”
“ซุกซนนนน เราคิดถึงซุกซนนนน”
“เออ กูรู้ กูกลับมาแล้วนี่ไง”
“ซุกซนนนนนนนนน เงินที่ยืมเราไป 2,000 เดือนที่แล้ว---”
“กูคืนแล้ว ไอเหี้ย!”


ตอนนี้ผม คุณพี่เมฆ และซุกซนใจทราม กำลังนั่งรออาหารอยู่ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นในห้างใกล้บริษัทครับ ตอนนี้ผมเกาะซุกซนเป็นหมีโคอาล่าเกาะต้นยูคาลิปตัสเลยครับ ฮือ เพื่อนตัวสั้นของผมกลับมาแล้ว ตอนแรกผมคิดว่ามันจะกลับมาเก็บของเล็กๆน้อยๆที่ยังเหลืออยู่ (อย่างเช่น เยลลี่ในโถ) แต่กลายเป็นว่ากลับมาทำงานเลยครับ


วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ดีจริงๆด้วย


“ทำไมเพิ่งกลับมาตอนนี้อะ? เรานึกว่าซุกซนจะหายไปเหมือนดาวพลูโตที่โดนตัดออกจากวงโคจรโลกแล้ว”
“กูไปแค่เชียงใหม่ ไม่ใช่ดาวอังคาร”


ถึงแม้นาซ่าจะเอาซุกซนกลับมาไม่ได้
แต่นกแอร์ทำได้ครับ ถึงแม้เครื่องจะดีเลย์หลายชั่วโมงหน่อยก็ตาม


“สรุปคือ มึงไม่ได้ลาออก--”
คุณพี่เมฆที่นั่งฝั่งตรงข้ามผมถามซูกซนที่นั่งข้างๆผมครับ ซึ่งรายนั้นดูดชาเขียวอั่กๆ เหมือนกับว่าไม่เคยกินชาเขียวรีฟิลมาก่อนในชีวิต ก่อนจะตอบ
“ลาออกไปแล้ว แต่คุณกฤติยังไม่เซ็นอนุมัติ”
“เออ มึงลาออกไปแล้ว แต่ไอ้แว่นกฤตินั่นให้ลายาวแทนที่จะลาออก แบบนี้ป้ะ?”
“เยสสสสสสสสสส”
มันคว้าชาเขียวมาดื่มอีกครั้งตอนที่พนักงานมาเติมแก้วเดิมที่หมดไป แล้วยกขึ้นมาดื่มอั่กๆต่อ “ใช้วันลาพักร้อนกับลากิจไป ดีนะปีที่แล้วแทบไม่ได้ลาเลย มันมารวมๆกับของปีนี้ก็ได้ 20 กว่าวัน นี่หยุดไป 15 วันเป๊ะ”


   ก่อนที่จะได้พูดกันต่อ พนักงานก็เดินเข้ามาดับความหิวในท้องของพวกเราพอดีครับ


“ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารค่ะ”


ซูชิโรล ซาซึมิ และอื่นๆที่มีแซลม่อนเป็นส่วนประกอบถูกจัดวางไว้บนโต๊ะอย่างสวยงามครับ ผมน้ำลายสอ แต่ว่าอยากคุยกับซุกซนมากกว่า ตั้งแต่ตอนนั้นซุกซนก็ไม่ตอบไลน์ผมอีกเลย ตัวผมเองก็ไม่ใช่คนที่ทักทายคนอื่นเก่งอะไรเลยไม่ได้โทรไปครับ คิดว่ามันต้องกระอักกระอ่วนแน่ๆ เลยปล่อยให้เพื่อนไปใจทรามตามทางของเพื่อน


จนเพื่อนโคจรกลับมาหาผมครับ ดีใจมากจริงๆ ดีใจที่ได้กินแซลม่อนด้วย โส๊ดดดดสด เคี้ยวๆนี่ดึ๊บๆเลย สดเหมือนปลาในตลาดไทเลย ทำไมไม่ไปเปิดอยู่ข้างตึกสำนักงานที่ผมทำงานนะ … เอ๊ะ แต่ถ้ากินแบบนี้ทุกวันผมจะมีตังไว้ใช้จนถึงสิ้นเดือนหรือเปล่า


“เหม่ออีกละ เหม่อตลอดอะมึง”
“อุ๊กอนอ่อยอิ่” (ซุกซนปล่อยดิ)


ผมตีมือเพื่อนที่เอามาดึงแก้มอีกแล้ว เจ็บอะ ไม่ได้เจอตั้งหลายอาทิตย์ยังใจทรามเหมือนเดิม อะไรของมันเนี่ย!


“ทำไมกลับมากรุงเทพฯล่ะ นี่มาอยู่ถาวรเลยเหรอ?”


คุณพี่เมฆที่คีบแซลม่อนโรลมาวางไว้บนจานให้ผมพูดขึ้นครับ ท่าทางเขาดูไม่ตกใจเท่าไหร่ หรืออาจจะตกใจแต่เก็บอาการเอาไว้ข้างในลึกๆ หรือไม่ก็เป็นผมที่ตกใจเวอร์ไปเอง


“เมียไล่ลงมา” ซุกซนคีบยำสาหร่ายใส่ปาก เคี้ยวหงุบๆแล้วพูดต่อ “เมียถามว่าจะไปเปิดร้านกาแฟนี่ถามมันหรือยัง จะเปิดทำไม ร้านกาแฟรอบบ้านแล้ว พอเปิดร้านกาแฟไม่ได้ก็เลยไม่เปิดแม่งละ กลับมาทำงานที่เดิมต่อดีกว่า”


“ง่ายๆงี้เลย?”
“ทำอะไรให้ยาก ชีวิตมีแค่นี้  ใช้หนี้บัตรเครดิตอย่างเดียวก็ปวดหัวจะตายอยู่แล้ว ทำไมต้องคิดอะไรเยอะแยะ”
“แต่กูว่ามึงคิดบ้างก็ได้นะ”


คุณพี่เมฆพูดพร้อมทั้งหัวเราะไปด้วย คีบปลาใส่จานผมไปด้วย ผมเห็นด้วยกับซุกซนครึ่งนึงคุณพี่เมฆครึ่งนึงครับ อยู่ในส่วนของคนที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง แต่กาไม่ออกความเห็น เพราะอาหารเต็มปากครับ


“แล้วแฟนมึงทำไร?”
“ทำงานแถวบ้านนั่นแหละ ดีเพราะอยู่ตรงนั้นกับครอบครัวเลยหมดห่วงไปหน่อย กำลังคิดกันว่าอาจจะให้ย้ายเข้ามาอยู่กรุงเทพฯด้วยกัน…”


มื้ออาหารนี้กลายเป็นเรื่องของซุกซนและครอบครัวครับ ส่วนใหญ่เป็นคุณพี่เมฆที่คุยกับซุกซนมากกว่าผม อย่างแรกคือผมหายคิดถึงเพื่อนแล้ว ตั้งแต่มันมานี่โดนด่าอ๊องไปสามรอบ เจอกันก็อ๊อง คีบซูชิแล้วหล่นก็อ๊อง ทำน้ำหกก็อ๊อง เหม่อก็อ๊อง เออ! รู้แล้วเว้ย


อีกส่วนคือ ตอนที่กำลังฟังเขาพูดคุยกัน ผมรู้สึกว่าทั้งสองคนดูคุยกันเรื่องที่ผมแทรกไม่ได้ครับ เรื่องการสร้างครอบครัว เรื่องการเลี้ยงลูก เรื่องการวางแผนการศึกษาของเด็ก หรืออะไรทำนองนั้น ซึ่งผมไม่รู้เรื่องเลยครับ ให้ตาย รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กปอสี่ในชั้นเรียนแคลคูลัส 1 ของนักศึกษามหาลัยเลยแฮะ


.
.
.


13.01 น.


พวกเราอิ่มหมีพีมันจากร้านกันเรียบร้อย พร้อมกับหน้าบานๆที่แปะด้วยรอยยิ้มกว้างของผม เพื่อนผมกลับมาแล้ว ตอนมันไม่อยู่นี่ผมเหงามากจริงๆ


ตอนนี้พวกผมเดินกลับข้ามาในออฟฟิศแล้วครับ อยู่ในลิฟต์ที่กำลังรอจะขึ้นข้างบน อย่างที่บอกว่าตอนกลางวันคนนี่แน่นมากกกกกกก เหมือนคนทั้งโลกทำงานอยู่ตึกนี้อะ ต่อแถวกันไปสิ ขดเป็นงูแล้วเนี่ย


“แทนใจ”


คุณพี่เมฆที่ยืนอยู่ข้างหลังผมก้มลงมากระซิบครับ มีแค่ผมที่ได้ยินเพราะว่าตอนนี้ซุกซนที่อยู่ด้านหน้ากำลังคุยกับพวกชมพูทวีปทีมอย่างเมามัน เสียงหัวเราะอร่อยมากจนคนข้างหน้าหันมามองว่าพวกบ้านี่คุยอะไรกัน 


“ครับ?”
“เดี๋ยวบ่ายนี้พี่มารับไปกินกาแฟกันนะ”


เออ จริงด้วย!


“คุณพี่เมฆมีอะไรจะพูดกับผมหรือเปล่าครับ? เห็นเหมือนมีอะไรตั้งแต่เช้า”
“อ่า… ก็มี”


เขายอมรับสั้นๆ แต่เพราะแถวเลื่อนให้ไปขึ้นลิฟต์พอดีพวกผมเลยเดินต่อแถวเหมือนเด็กประถมที่กินข้าวเสร็จแล้วโดนต้อนเข้าแถวไปเก็บจาน


“ว่าไงครับ ทำไมดูลึกลับจัง”
“พี่อยากพูดกับเราเงียบๆสองคนน่ะ”
“เพื่ออะไรอะ?”


ผมกระซิบกับคุณพี่เมฆตอนที่อยู่ในลิฟต์ ซึ่งเมื่ออีกคนอ้าปากจะพูด โทรศัพท์คุณพี่เมฆก็เข้าพอดี เขาส่งสายตาขอโทษมาให้ผมเล็กน้อยก่อนจะรับแล้วคุยครับ ซึ่งผมก็ไม่ได้อะไร มันเข้าใจได้ งานน่ะ ผมเกลียดการตอบอีเมลจะตาย แต่ทุกวันนี้พิมพ์คล่องปรื๋อ โดยเฉพาะประโยคที่ว่า ‘ช่วยดูอีเมลก่อนหน้าที่ส่งใบเสนอราคาไปได้มั้ย มาขอทำไมบ่อยๆ ส่งไปแล้วเว้ย!’  ในภาษาสุภาพๆน่ะครับ


คุณพี่เมฆพูดโทรศัพท์ไป ในมือเขาหยิบโทรศัพท์เครื่องส่วนตัวขึ้นมาเล่นครับ ผมรู้ได้ไงอะเหรอ? ก็เพราะเขาเอามาส่งไลน์หาผมไง

Mek: บ่ายสามเจอกันหน้าลิฟต์นะ เดี๋ยวพี่มารับ


แค่เห็นข้อความกับรอยยิ้มของอีกคนที่ส่งมา ทั้งที่ตัวเองกำลังคุยงานซีเรียสกับลูกค้า ทำให้ผมอดอมยิ้มไม่ได้ ให้ตาย


Tanjai: จองคิวแล้วนะครับ
Tanjai: บ่ายสามโมง พี่เป็นของผมนะ



พิมพ์เสร็จแล้วก็รีบเก็บโทรศัพท์ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นครับ แต่มันยากจังแฮะ ห้ามตัวเองไม่ให้ยิ้มตอนเขากระซิบข้างหูว่า ‘โอเคครับ น้องแทนใจ’


ฮือ ผมจะห้ามตัวเองไม่ให้หูแดงได้ยังไง ในเมื่ออีกคนยังยืนหัวเราะอยู่ใกล้ๆ แบบนี้อะ



.
.
.


15.00 น.


“แทนใจ”


พอนาฬิกาบอกเวลาบ่ายสามโมงปุ๊บ คุณพี่เมฆก็โผล่มาอยู่ตรงโต๊ะผมปั๊บตามสัญญา ความจริงตอนแรกผมจะต้องดูงานให้หมิ่วหมิวอีก แต่พอดีว่าซุกซนกลับมา ทางนั้นเลยคุยกันไปครับ ฝั่งเพื่อนผมก็บ่นยับ เพราะต้องมาต่องานจากผมกับหมิ่วหมิว มันก็แอบน่ารำคาญใจอยู่ จุดนี้ผมเข้าใจนะ เพราะการที่เราทำเองทั้งหมด กับมาต่องานคนอื่นอะ ความน่ารำคาญใจมันต่างกัน


“ไปกันครับ”
“เฮ้ย! อ๊องมึงจะลงไปข้างล่างเหรอ?”
“อือ เราจะเบรกอะ”
“กูฝากซื้อโกโก้แก้วนึง”


ซุกซนพูดครับ ซึ่งผมก็พยักหน้ารับคำแป๊บนึง แล้วพยักพเยิดหน้ากับคุณพี่เมฆเพื่อที่จะได้ลงไปข้างล่างสักที เห็นแบบนี้ผมก็แอบอยากกาแฟเหมือนกันแฮะ อาจจะเป็นเพราะวันนี้อารมณ์ดีเลยไม่ได้รู้สึกง่วงอะไรมากมาย ลองเป็นวันอื่นสิ ขาดคาเฟอีนนานขนาดนี้ผมเป็นศพที่นั่งตอบเมลเรียบร้อยแล้ว


“อ้าว จะไปไหนกันครับ”


ผมเดินสวนกับคุุณโน้ตมาเลเซีย และคุณกฤติตรงหน้าประตู พวกเขาสองคนเหมือนเพิ่งจะลงไปข้างล่างแล้วขึ้นมาพอดี โหย ผมว่าคุณโน้ตต้องรีดเสื้อเองแน่ๆ เพราะมันยับมากเลยครับ ผมเคยต้องรีดเสื้อนักศึกษาเวลาที่ร้านซักรีดปิดครับ โหย ออกมายับยู่ยี่แบบนี้เลยอะ


“ทานกาแฟครับ” ผมตอบคุณโน้ต โดยไม่ได้สนใจคุณพี่เมฆกับคุณกฤติที่เหมือนจะสนทนากันทางสายตา “คุณโน้ตจะเอาอะไรมั้ยครับ?”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเพิ่งลงไปกับคุณกฤติเขามา”
“อ๋อ โอเคครับ”


พวกผมลากันตรงนั้นแล้วเดินลงลิฟต์ไป ระหว่างทางที่เดินไปร้านกาแฟทั้งที่แค่ไม่กี่เมตรแต่เจอคนในบริษัทเพียบครับ คือบางทีก็เริ่มคิดแล้วนะ ว่าที่พนักงานบริษัทเราบ่นเรื่องโบนัสน้อย เพราะเขาเสียค่ากาแฟกันเยอะหรือเปล่า เช้า สาย บ่าย เย็น ผมเห็นมีแต่บริษัทผมเนี่ย กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นที่เลย


“รับอะไรดีครับ?”


พนักงานผู้ชายที่ผมเจอประจำส่งยิ้มมาให้เหมือนทุกที ผมก็ส่งยิ้มกว้างกลับไป มากินบ่อยจนจำหน้าได้แล้วครับ บางครั้งเขาก็ทักผมนะ บริการทุกระดับประทับใจใส่วิปครีมจริงๆ


“อะ--”
“เอาคาปูชิโน่แก้วหนึ่งครับ”


คุณพี่เมฆพูดแทรกขึ้นมาตอนที่ผมกำลังจะพูด พร้อมทั้งยืนซ้อนหลังผมแบบที่หลังผมชนแผ่นอกเขาเลยอะ “ส่วนอีกแก้วขอเป็นลาเต้เย็น … เนอะแทนใจ”


“ใช่ครับ”
“อะ… เอ่อ คุณลูกค้าใช้ AIS หรือ---”
“ใช้ครับ” คุณพี่เมฆนี่ท่าทางจะพูดเร็วทำเร็วนะครับ สั่งก่อนพนักงานพูดจบตลอดเลย เป็นผมนี่น่าจะพรุ่งนี้ถึงได้สั่ง “กดสิทธิ์เรียบร้อยแล้ว 1 แถม 1 ใช่มั้ยครับ?”
“เอ่อ… คือตอนนี้ เป็นแก้วแรก---”
“เอามาครับ เท่านี้แหละ จะลดจะแถมหรือจะราคาเต็มผมได้หมดครับ อ่อ! ขอเค้กกาแฟชิ้นหนึ่งด้วย อันนี้แหละ ที่อยู่ข้างหน้าเนี่ย แทนใจชอบใช่มั้ยครับ? ใช่แหละเนอะ โอเค นี่เงินนะครับ”


คุณพี่เมฆพูดรวบรัดทุกอย่างด้วยเวลาโคตรเร็ว เหมือนกับว่าตัวเองเป็นญาติ Eminem หรืออาจจะเป็น Eminem เองเลยด้วยซ้ำ ถ้า Eminem สามารถกลับชาติมาเกิดใหม่ที่ประเทศไทยได้โดยที่ยังไม่ต้องตายก่อนอะนะ


“ไปแทนใจ เราไปหาโต๊ะนั่งก่อนนะ เดี๋ยวพี่รับตังทอนแล้วตามไป”


เสร็จจากตรงนั้นแล้ว เขาก็หันหน้ามาหาผม พร้อมกับเอามือดุนหลังให้ไปให้ไกลจากเค้าน์เตอร์ครับ ผมก็พยักหน้ามึนๆ แล้วเดินไปนั่งโต๊ะประจำของพวกผมทุกวันจันทร์ที่ได้เจอกัน


พูดแล้วก็คิดถึงครั้งแรกที่เจอเหมือนกันนะครับ
คนอะไรไม่รู้ เดินเข้ามาเลี้ยงกาแฟคนอื่นหน้าตาเฉยเลย ไม่รวยมาก ก็ต้องชอบกาแฟมากเลยนะครับ แบบอยากแชร์ให้คนอื่นได้ดื่มด้วยสิทธิ์ 1 แถม 1 อะไรแบบนี้


หรือ… เขาจะชอบผมตั้งแต่ตอนนั้นแล้วนะ?


“คิดอะไรอีกแล้วเรา ทำไมทำหน้าแบบนี้”
“แบบไหนอะ?”
“หน้าเหมือนติ๊กต่อก”


นี่ผมไม่เคยเป็นคนในสายตาคนอื่นจริงๆหรือใช่มั้ย? เดี๋ยวต้องหาเวลาไปเจอเจ้าติ๊กต่อกของคุณพี่เมฆหน่อยแล้ว มันน่าเหมือนผมจริงๆเหรอ หรือว่าผมหน้าเหมือนเจ้านั่นนะ


“อะไรคือหน้าติ๊กต่อก?”
“หน้ากระต่าย” คุณพี่เมฆดึงแก้มผมเบาๆ รอบนี้ผมไม่ได้ประท้วงอะไรเพราะมันไม่เจ็บครับ แค่เขินๆนิดหน่อยเท่านั้น “น่ารัก”


ไม่สิ ไม่ใช่นิดหน่อยแล้ว
เขินมากเลยต่างหากล่ะ!!!!!!


เมื่อเริ่มคิดปะติดปะต่อเอาเองว่าคุณพี่เมฆอาจจะชอบผมมานานแล้ว แต่เพิ่งเริ่มจีบตอนนั้นมันก็เขินอะ เขินแบบ ยนห่ยนห่เนยห่เหนยยหเนยหเาหาเยาหเยา ฮืออออออออออออออ ตอนนี้ผมฟุบหน้าลงกับโต๊ะแล้ว ไม่เอาแล้ว ไม่มองเว้ย หูนี่แดงแบบอยู่กรุงเทพฯมองจากกรุงโรมก็เห็นอะว่าแดง


“แทนใจครับ เอาหน้าขึ้นมาหน่อยเร็ว”
“ฮือ”
“ทำไมไม่เงยหน้าครับ เขินเหรอ?”
“อือๆๆๆ”
“เขินอะไร เราเขินลาเต้เหรอครับ?”
“อือๆๆๆ”
“หรือเขินคาปูชิโน่?”
“อือๆๆๆๆ”


ตอนนี้พูดอะไรก็ไม่รู้เรื่องแล้วครับ ผมอือๆๆๆ อย่างเดียวอะ


“งั้นเขินพี่เหรอ?”
“อือๆๆๆๆ”
“งั้นเป็นแฟนกันนะ”
“อือๆๆๆๆ”


เอ๊ะ?


ผมเงยหน้าขึ้นมาเพื่อเจอกับรอยยิ้มแบบขี้แกล้งปกติของคุณพี่เมฆครับ แต่แววตาพี่เขาดูจริงจังกับสิ่งที่พูดมากเลยอะ


“เงยหน้าแล้วใช่มั้ย งั้นฟังอีกครั้งชัดๆนะครับ”


พูดก็พูดเฉยๆสิ! จะมาทำสายตาแบบนั้นทำไม หัวใจเต้นดังจนไม่ได้ยินอะไรแล้วเนี่ย!


“แทนใจครับ เป็นแฟนกับพี่เมฆนะครับ”


ผมก้มหน้าหูแดงหมดแล้ว แถมเม้มปากเพราะไม่กล้าพูดอะไร คือมันแบบ มัน อื้ออออออออออออออ ตอนที่ซุกซนโดนแฟนขอคบ หรือตอนที่พี่แทนรักขอคบแฟนพี่เขานี่ทุกคนตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูกแบบผมหรือเปล่านะ?


“เราจะปฏิเสธพี่เหรอ?”

“ไม่นะ!!!”

“งั้นเป็นแฟนพี่นะ”


“อือ…” ผมพยักหน้ายอมในที่สุด รอยยิ้มกว้างของคุณพี่เมฆเป็นเหมือนกับสิ่งที่ยืนยันว่าผมพูดถูกต้อง “คือ เอ่อ ก่อนที่จะ… ฮือ เป็นแฟนกันอะ ผมแบบ เรา … คือ … แต่… อ่า ผมมีเรื่องสงสัยอยู่นิดหน่อย”


“ว่าไงครับ?”


“เราเป็นแฟนกันแล้ว” ผมพูดรัวเร็ว พยายามหยุดอาการหัวสมองเบลอลิ้นรัวจนไม่รู้เรื่อง ฮึ้บกับตัวเองแรงมากครับ พอคุยกับตัวเองรู้เรื่องแล้วเหลือบตาขึ้นไปมองหน้าเขา โอ๊ย อย่ายิ้มหล่อดิ เดี๋ยวลืมหมด!


“อันนี้หมายความว่าผมเป็นสามีพี่ หรือพี่เป็นภรรยาผมอะครับ?”


เอ้า ขำทำไมอะ? นี่เรื่องซีเรียสนะ!!



------- TBC -------


ซีเรียสกับแทนใจเขาหน่อยนะคะ น้องเขาจริงจัง
ปล. ยังไม่ใกล้จบนะคะ นี่ยังมีอีกเยอะเลยเตง อิ____อิ

สามารถคอมเมนต์ที่นี่ หรือที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ เหมือนเดิมนะคะ หรือยังไงทักเรามาได้ที่ @babybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡14th Monday - แทนใจ คือพี่อยากจะ- (19/07/18)
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 19-07-2018 19:51:02
น้องแทนใจลูกกกกก หนูถามอะไรแบบน้านน เอ็นดูน้องง น่าร้ากกก
ให้พี่เมฆตอบเองละกันเนอะะ
ชอบที่เวลาพี่เมฆมองน้องละเห็นเหมือนกระต่ายขนฟูๆ ตัลล้ากกกกก
รักน้องแทนใจจ น้องน่ารักกกก :mew1:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡14th Monday - แทนใจ คือพี่อยากจะ- (19/07/18)
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 19-07-2018 20:53:38
 :z1: :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡14th Monday - แทนใจ คือพี่อยากจะ- (19/07/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 19-07-2018 21:35:49
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡14th Monday - แทนใจ คือพี่อยากจะ- (19/07/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 26-07-2018 20:56:06
15th Monday -- 50%

#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์



เรารักวันจันทร์ เพราะวันจันทร์ผมจะได้เจอหน้าแฟนครับ



พอเป็นแฟนกันปุ๊บ คุณพี่เมฆก็ต้องไปขลุกอยู่ไซต์ลูกค้าถึงสองสัปดาห์เพราะมีเรื่องด่วน ได้คุยกันแค่บางๆ เท่านั้น ส่วนใหญ่ก็ถามสารทุกข์สุกดิบธรรมดา จะคุยนานก็เกรงใจคุณพี่เมฆเขาครับ ไหนจะต้องเฝ้าโรงงาน กลับเที่ยงคืนบ้างตีสองบ้าง แต่ต้องตื่นเจ็ดโมงเช้าเข้าไซต์งาน แค่ฟังเขาพูดยังเหนื่อยเลยครับ



จนวันนี้แหละที่เขากลับมากรุงเทพ เลยมารับผมที่หอเพื่อจะได้ไปทำงานพร้อมกัน



“คิดถึง”



นั่นคือคำทักทายแรกทันทีที่ผมก้าวขาขึ้นรถก่อนที่จะถูกอีกคนคว้ามือไปจับ ผมมองหน้าเขาเต็มตา คุณพี่เมฆโกนหนวดเกลี้ยงมาก ดูดีจนไม่น่าเชื่อว่าจะใช้ชีวิตตรากตรำปลุกปล้ำกับเครื่องจักรอยู่หน้าไซต์งานเมื่อสองสัปดาห์ก่อน แต่มันก็แค่สองอาทิตย์อะเนอะ ถึงแม้จะเหมือนนานมากๆ เลยก็เถอะ



นานมาก … นานมากจริงๆ



“คิดถึงเหมือนกัน”



ผมไม่ได้ถอยหนีเมื่อคนขับรถยื่นหน้าเข้ามา ริมฝีปากของคุณพี่เมฆไม่ได้ทำให้ผมตื่นเต้นน้อยลงจากครั้งแรกที่เราจูบกัน มือของคุณพี่เมฆที่เอื้อมมาแตะตรงแก้มยิ่งทำให้ผมรู้สึกร้อนวูบวาบ ขอบคุณตัวเองมากที่ยังไม่ได้ทานอะไรหลังจากแปรงฟันแล้ว ผมไม่อยากให้คุณพี่เมฆได้กลิ่นขิงตอนจูบกับผมนะ



มันต้องเป็นฝันร้ายแน่นอน เพราะคุณพี่เมฆเขาไม่ทานขิงครับ



เรื่องนี้คุณพี่เมฆไม่ได้บอก แต่ผมเห็นตั้งแต่ตอนที่ทานอาหารกันรอบก่อนๆ ครับ เขามักจะเขี่ยขิงออกจากจาน เอากระดาษทิชชู่ห่อ แล้ววางไว้มุมโต๊ะให้พ้นสายตา ตอนแรกผมกะจะถามแล้วแต่ลืม ไปๆ มาๆ เลยไม่ต้องทำอีกต่อไป ผมเข้าใจนะ เพราะอะไรที่เป็นกะปิผมก็ทานไม่ได้เหมือนกัน มันไม่อร่อยเลยสักนิด



“น่ารัก”

“อือ”



ผมครางรับเมื่อเขากระซิบคำว่า น่ารัก ติดริมฝีปากผมตอนที่ผละออกมา เราจูบกันต่อ มันเหมือนจะลอยได้เลยครับ วูบๆ ตรงท้อง แล้วก็ร้อนๆ ที่ร่างกาย มือของคุณพี่เมฆที่ประคองแก้มผมเอาไว้ทำให้ยิ่งรู้สึกดีมากเลยครับ ในหัวตอนนี้ไม่มีอะไรเลยนอกจากความต้องการคุณพี่เมฆ และผมต้องการมากกว่านี้



คุณพี่เมฆก็คงคิดเหมือนกัน เพราะเขาเล่นดึงผมไปหาตัวเขามากกว่าเดิม



“อื้อ!”



ผมประท้วงนิดหน่อยเมื่อเขาดึงผมเข้าไปแล้วแขนผมไปโดนเข็มขัดนิรภัยฝั่งเขา ตัดทิ้งไปได้มั้ยเนี่ย ทำผมเจ็บตัวอะ อยากฟ้องคุณพี่เมฆนะแต่เดี๋ยวอารมณ์เราจะหายกันทั้งคู่ ผมจัดการเองได้เรื่องนี้



“ซนนะเนี่ย”

“ก็มันเกะกะ”



พวกผมกระซิบกันเบาๆ เมื่อผมถอนเข็มขัดนิรภัยฝั่งคนขับ ดีที่ผมยังไม่ได้คาดของตัวเอง ไม่งั้นต้องเสียเวลามาถอดอีก เมื่อเรียบร้อยแล้วผมก็ย้ายตัวเองไปวางอยู่บนตักอีกคน (ปีนครับ ใช่ครับปีนไปฝั่งคนขับเหมือนกับว่าตัวเองเป็นเด็กห้าขวบทั้งที่เลยวัยอนุบาลมายี่สิบปีแล้ว) โดยคุณพี่เมฆก็ปรับเบาะเอนจนสุดทันที ถึงแม้หน้าเขาจะดูตกใจนิดๆ แต่ไม่ได้ห้ามอะไร



แบบนี้จูบถนัดกว่าเยอะ ไม่เจ็บแล้วด้วย



ผมคิดขณะที่เอามือคล้องคออีกคนไว้ แล้วก็เริ่มต้นจูบไปด้วย มือคุณพี่เมฆที่ไล้วนอยู่แถวสะโพกยิ่งทำให้ผมอยากนั่งขยับตัวบนตักเขามากขึ้น ผมพยายามจะลืมตาตอนที่จูบไปด้วยเพราะอยากมองหน้าเขา แต่การจินตนาการหน้าคุณพี่เมฆตอนหลับตาก็ไม่ได้แย่สักเท่าไหร่





Rrrr

เฮือก!



พวกเราผละออกจากกันทันทีที่เสียงโทรศัพท์คุณพี่เมฆดัง ผมปีนกลับมานั่งที่ของตัวเองดีๆ เมื่ออีกคนปรับเบาะขึ้นแล้วจัดแจงเสื้อผ้าตอนคุยไปด้วย พอสติกลับมาแล้วเพิ่งจะสำนึกครับ เมื่อกี้ผมปีนไปได้ยังไงวะ ที่นั่งมันไม่ได้แคบก็จริงแต่การที่ผู้ชายสองคนนั่งตักกันมันไม่ปกติหรือเปล่าวะ



“ว่าไงพี่… เอ้า เมื่อวันเสาร์เพิ่งจะปรับเครื่องไปเองไม่ใช่เหรอวะ ใครแม่งไปทำอะไรอีก ทำไมมันกลับมามีปัญหาอีกแล้ว”



คุณพี่เมฆคุยโทรศัพท์ไปด้วยสตาร์ทรถไปด้วย น่าจะเป็นปัญหาจากไซต์ที่ทำให้เขาไม่ได้กลับมาที่กรุงเทพฯ นั่นแหละ ท่าทางหงุดหงิดของเขาทำให้ผมไม่กล้าทำอะไรมากนอกจากนั่งนิ่งๆ พลางเหลือบมองคนที่กำลังเลี้ยวรถออกจากลานจอดรถหอผมครับ



โคตรเท่

ท่าทางขมวดคิ้วพร้อมกับทำหน้าดุแต่เมื่อสบตากับผมก็ส่งยิ้มอ่อนๆ มาให้นี่มันเท่มากเลยนะ ให้ตาย แฟนผมนี่หล่อจัง



“ผมฝากด้วยนะพี่ ถ้ามีอะไรก็โทรมาได้ เดี๋ยวจะรีบเข้าไปดู”



ผมมองหน้าเขาจนกดวางโทรศัพท์ ถอนหายใจเหมือนหงุดหงิด แล้วก็หลุดปากพูดสิ่งที่กำลังคิดอยู่ออกมา



“คุณหล่อจังเลย”

“อะไรของเราเนี่ย อยู่ดีๆ นึกจะชมก็ชมหรือไง ฮ่าๆ”



เขาหัวเราะนิดหน่อย ดูท่าทางเหมือนจะหายหงุดหงิดจากงานไปได้เยอะ เพราะบรรยากาศบนรถกลับมาเป็นปกติแล้ว เหมือนก้อนเมฆเครียดๆ เมื่อกี้ละลายไปพร้อมเสียงหัวเราะของคุณพี่เมฆ ขำอะไรไม่รู้แต่ผมก็รู้สึกดีที่ทำให้เขาหายเครียดนะครับ



ก็นะ แฟนทั้งคนที่นา



ระหว่างทางนั่งรถเราก็คุยเรื่องนั้นเรื่องนี้กันเรื่อยๆ (ผมเพิ่งรู้นี่แหละว่าเมื่อเช้าก่อนมารับผม คุณพี่เมฆเขาเอาติ๊กต่อกไปไว้ที่โรงพยาบาลสัตว์ใกล้บ้าน เพราะว่ามันป่วยแบบไม่รู้สาเหตุครับ คุณพี่เมฆบอกว่ามันไม่ยอมกินอะไรมาเป็นวันเลย น่าสงสารมากครับ ผมเคยเห็นหน้าบ่อยมากเพราะคุณโปรเจคชอบส่งมาให้ดูตลอด ตัวปุยๆ ขาวๆ น่าเอ็นดูมากครับ)



แปลกดีที่การคุยกันธรรมดาแต่ว่ามันกลับพิเศษ แค่นั่งคุยกันเฉยๆ นี่แหละ แปลกแต่ว่าดี ผมชอบจังเลย การได้เป็นแฟนคุณพี่เมฆเนี่ย

ครับ และผมจะย้ำอีกครั้ง เราเป็นแฟนกันแล้ว



ว่าแต่ เป็นแฟนแล้วต้องทำอะไรบ้าง?



หลังจากเป็นแฟนกับคุณพี่เมฆแล้ว ผมก็พยายามทำรีเสิร์ชด้วยกูเกิ้ลครับว่าเป็นแฟนกันมันต้องทำอะไรบ้าง การกูเกิ้ลว่า เป็นแฟนกับคนที่เคยชูวับชูวับกันต้องทำอะไรบ้าง นั้นไม่ช่วยอะไรเลยสักนิดครับ มีแต่เนื้อเพลงกับนิยายอะไรก็ไม่รู้ขึ้นมา ไม่ช่วยเลย ผมเลยลองเสิร์ชๆ ด้วยคีย์เวิร์ดสั้นๆ พบว่าคำตอบเกือบทั้งหมดก็คือ



คุยกัน ไปดูหนังด้วยกัน ไปกินข้าวด้วยกัน โทรศัพท์หากัน ไม่รู้สึกเบื่อเวลาที่คุยกันทั้งคืน ผมก็ทำทั้งหมดนั่นมาตั้งแต่ก่อนเป็นแฟนแล้วนี่หน่า เหลือแค่อย่างเดียวเท่านั้นที่ยังไม่ได้ทำ … มีอะไรกัน



ผมมองหน้าคุณพี่เมฆที่กำลังบ่นเรื่องว่าควรจะเอารถไปเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องได้แล้วให้ผมฟังพร้อมบรรยายสรรพคุณของการดูแลรักษารถ (ซึ่งมันกระเด้งออกจากหัวผมทั้งหมด) ในหัวคิดเรื่องที่ยังหาคำตอบไม่ได้มาตลอดเวลาที่มีคู่แล้ว จนเมื่อหาจังหวะได้ ผมเลยถามออกไป





“เราจะมีอะไรกันเมื่อไหร่เหรอครับ?”




เอี๊ยด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!



“โอ๊ะ!”



ทันทีที่ผมถามจบ คุณพี่เมฆที่คงกำลังจะวนรถเข้าลานจอดรถเบรคกะทันหัน ทำให้รถคันข้างหลังที่เลี้ยวตามมาเบรคตามแล้วทุบแตรดังมาก



ปริ๊น!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!



“พ่อมึงยึดอำนาจกรมการขนส่งไว้เองเหรอ?!!!!! ใบขับขี่เขาต้องเรียนถึงจะได้มา ไม่ใช่โดนซ้อม ไม่ตาย แล้วค่อยได้มาเว้ย กากหมูเอ๊ย บอกจะคืนความสุขอะไรอยู่ได้ไอ้บ้าประชาธิปไตยยังไม่รู้จัก จะได้เลือกตั้งมั้ยวะชาตินี้ กรุงเทพฯ ก็เหมือนกัน อ่อนแอฉิบหายฝนตกคืนนึงก็ตายแล้ว รถติดไปหมดเลย ปัดโถ่เว๊ย!!!!”





ท่าทางคันนั้นจะอัดอั้นมาก นอกจากกระทืบแตรแล้วยังสาดคำด่ามาเป็นชุด ซึ่งฝั่งผมได้แต่ขอโทษขอโพยครับ เถียงไม่ได้ เราผิดจริง



“เรา.. อ่า” คุณพี่เมฆที่กำลังจอดรถเหมือนไม่รู้จะพูดอะไร “เราไปจำจากไหนมาเนี่ย”

“พันทิปอะ”

“พี่ว่าพันทิปต้องกำหนดเรตอายุคนเล่นให้ชัดกว่านี้แล้วแหละ”

“ทำไมอะ ผมว่า 24 ก็ไม่ได้แก่เกินอ่านพันทิปนะครับ”



พูดไปพูดมาไม่รู้ว่าทำไมถึงได้มาเรื่องพันทิปครับ ผมว่าผมยังมีเรื่องสงสัยอีกเยอะเลยนะ แล้วผมถามคุณพี่เมฆได้หรือเปล่า? ต้องได้สิ เขาเป็นแฟนผมนี่



“เราไม่ไปขึ้นลิฟต์เหรอครับ?”

“ทานข้าวเช้าก่อนสิ เราต้องทานอะไรก่อนนะ นี่ถ้าพี่ไม่เตือนเราก็จะไม่ทานอะไรเลยใช่มั้ยเนี่ย”

“ก็ปกติผมชอบสายอะ”



ผมเดินตามคุณพี่เมฆไปที่โรงอาหารในตึกสำนักงานครับ คนบางตาแบบแปลกๆ คือส่วนใหญ่ผมมักจะมาตอนเที่ยงที่คนล้นหลามน่ะครับ ล้นจนบางทีแค่เห็นคนความหิวก็หายแล้วเราไม่กินก็ได้ เชิญทุกคนตามสบายเลย ไม่เป็นไรเราโอเค



ตามปกติคนทานข้าวกับแฟนเขาทานกันอย่างไรผมไม่รู้ แต่มื้อนี้คู่ผมนี่จ้วงเอาๆ เลยครับ ถึงแม้เราจะมาไม่สายแต่เวลาผ่านไปเร็วมากครับ จากนั่งกินชิลๆ กลายเป็นจุดที่แข่งกันสวาปามครับ



“เดี๋ยวสิบเอ็ดโมงพี่ไปหานะ”

“ครับ ผมรอนะ”



ผมพูดแล้วเดินเข้าประตูไปครับ โหยทำเวลาดีเหมือนเดิม 8.54 น. แหม่ เดือนนี้มาเช้าทุกวันเลยครับ โบนัสสามเดือนแน่ๆ แม่จะต้องภูมิใจ



“เอ้าอ๊อง ทำไมมึงมาเช้า”

“เรามาก่อนซุกซนอะ ดีใจจัง”

“ไอ้สัด กูจะบอกให้เฮียจัดหนักมึง”



เพื่อนผมบ่นงึมงำอะไรไม่รู้แล้วค่อยนั่งลงครับ ตั้งแต่เมื่อก่อนคือผมจะมาช้ากว่าซุกซนตลอด พอวันไหนมาเร็วกว่าหน่อยถือเป็นเรื่องที่อวดได้สามซอยแปดร้อยหลังคาเรือน



“จัดหนักอะไร ทำไมเป็นคนคิดแต่เรื่องใต้สะดืออะซุกซน ใจทรามเหมือนชื่อไลน์”

“อย่าบอกว่ามึงไม่คิด”

“คิด แต่เราไม่ได้ใจทรามเหมือนซุกซน”

“เพราะมึงอ๊อง”



พวกผมตบตีกันอยู่สักพักจนคุณกฤติเดินนำไปที่ห้องประชุมนั่นแหละครับ เลยได้สติว่าจะต้องเดินตามไปด้วย ประชุมก็เดิมๆ ครับ ผมพยักหน้าทำเหมือนตั้งใจฟัง ออกห้องมาก็ยังไม่รู้โลกรู้ราวอะไรกับเขาเหมือนเคย นอกจากเรื่องงานที่ไม่เข้าหัวแล้ว ตอนนี้ยังมีเรื่องที่รบกวนจิตใจมากๆ ด้วยครับ



“ซุกซน”

“หือ?”

“คือ--”



“แทนใจครับ เข้ามานี่หน่อย”



ทั้งผมทั้งซุกซนสะดุ้งเมื่อคุณกฤติเปิดประตูห้องออกมาเรียกผมครับ ผมเดินถือแล็ปท็อปเข้าไปในห้องคุณกฤติแบบงงๆ แล้วก็งงหนักตรงพวกออเดอร์ที่ผมคีย์เมื่อกี้หลุดอยู่เหมือนกัน นับพาร์ทผิดบ้าง ใส่วิธีการขนส่งผิดบ้าง ดีที่คุณกฤติละเอียด (ฉิบหาย) ครับเลยเจอว่าผมหลุด



“ปกติเราไม่เบลอขนาดนี้นี่ เมื่อคืนนอนดึกหรือไง?”

“ไม่ครับ… คือไม่ดึกเท่าไหร่ เอ๊ะ แต่ก็ดึก”

“...”

“ไม่ดึกดีกว่า ไม่ดึกครับ”



คุณกฤติถอนหายใจนวดขมับเหมือนกำลังเจอเรื่องปวดหัวแล้วแก้ไม่ได้ ท่าทางคล้ายๆ ผมตอนเจอว่าลูกค้าอยากให้ของถึงทันทีทั้งที่เพิ่งสั่งของไปเมื่อห้านาทีที่แล้ว



“แทนใจ มีเรื่องกลุ้มใจอะไร บอกผมได้นะ”

“อันที่จริงก็มีครับ”

“...”

“เรื่องส่วนตัวนะครับ”



เมื่อเห็นคุณกฤติพยักหน้าเชิงว่าให้พูดออกมา ผมเลยพูดสิ่งที่คิดอยู่ในหัวออกไป



“ต้องเป็นแฟนกันนานแค่ไหนถึงจะมีอะไรกันได้เหรอครับ?”





------- Monday In Love -------
[/b]







“เมื่อกี้คุยอะไรกันอยู่เหรอ?”



คุณพี่เมฆเปิดฉากถามเมื่อผมกับเขานั่งกันอยู่ที่ร้านกาแฟเหมือนอย่างเคย แต่เมื่อกี้ผมกำลังคุยกับคุณกฤติอยู่ตอนที่คุณพี่เมฆเดินมาเรียกครับ บรรยากาศระหว่างคุณพี่เมฆกับคุณกฤติแปลกมากเลย เหมือนสองคนนี้จะสามารถสื่อสารกันทางสายตาแล้วรู้เรื่องกันทั้งคู่โดยที่ยังไม่ต้องพูดอะไรเลยครับ



โคตรเท่ นี่ความสามารถของผู้ชายที่เป็นหัวหน้าคนแน่ๆ เลยครับ



“ผมถามเขาเรื่องที่ถามคุณพี่เมฆเมื่อเช้าอะครับ”



พูดแล้วก็ดูดลาเต้ไปด้วย งืม คาเฟอีนตอนเช้านี่ช่วยชีวิตผมได้เสมอเลย เมื่อกี้ทำใบเสนอราคาไปก็คิดแต่เรื่องนี้ไป ให้ตาย จิตใจหมกมุ่น บางทีผมอาจจะทรามกว่าซุกซนก็ได้ แล้วนั่นแย่มากๆ เลยนะ



“ถามอะไรครับ เรื่องข้าวเช้าเหรอ?”

“บ้าเหรอคุณ!” ผมหันไปเหวคุณพี่เมฆที่ยิ้มขำ เอาเข้าไป นี่ก็ขี้แกล้งขึ้นทุกวัน “หมายถึงเรื่องมีอะไรกันต่างหากเล่า”

“ถามอะไรครับ?”

“เราจะมีอะไรกับแฟนได้ต้องคบกันนานเท่าไหร่”

“พี่ว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องเวลาหรอก ถ้ารักกันก็ทำได้นะครับ”

“แต่คุณกฤติบอกว่าไม่ต้องรักกันก็ทำได้นะครับ” ผมแย้งคุณพี่เมฆตามสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ “คุณกฤติเขาบอกว่า อย่างเช่นผมไม่ต้องคบกับเขา แต่ก็มีอะไรกันได้นะ---”

“ไม่ได้!!”



คุณโปรเจคเมเนเจอร์ค้านขึ้นมาเสียงดังมาก ระดับที่โต๊ะอื่นหันมาทางนี้หมดเลยครับ เขาถอนหายใจใส่ผมที่กะพริบตาปริบๆ



“อย่าไปเชื่อมันมาก ไอ้แว่นนั่นน่ะ มันกวนตีน”

“แต่คุณพี่เมฆก็กวนนะครับ”

“พี่เริ่มคิดว่าเรากวนตีนตามไอ้แว่นนั่นแล้ว ย้ายมาแผนกพี่มั้ย?”

“ถ้าย้ายไปอยู่กับคุณพี่เมฆ ผมไม่ได้ทำงานแน่เลยอะ”

“น้องแทนใจไม่ทำงาน แล้วจะทำอะไรกับพี่ครับ?”



Rrrrr



ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไรไป โทรศัพท์ของบริษัทก็เสียงดังขึ้นครับ คุณพี่เมฆยกขึ้นมารับแล้วลุกขึ้นไปคุยที่อื่น ทำให้ผมไม่ได้ยินอะไร แต่ท่าทางจะเครียดอยู่เพราะเขาเล่าให้ผมฟังเหมือนกันว่าช่วงนี้งานมีปัญหา แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดอะไร



ไลน์!



ไลน์จากโทรศัพท์ส่วนตัวของผู้ชายที่เพิ่งจะลุกไปคุยงาน แอบทดไว้ในใจว่าคุณพี่เมฆเขาก็ขี้ลืมพอตัวนะเนี่ย เพราะทั้งโทรศัพท์ส่วนตัว ทั้งกระเป๋าเงิน กุญแจรถ อะไรอยู่ตรงนี้หมดเลย ถ้าเกิดผมโดนไล่ออกจากงานโทษฐานลงมากินกาแฟนานเกินไป ก็จะขโมยพวกนี้ไปขายแล้วบล็อกเฟสบล็อกไลน์หนีไปเลย ง่ายดี น่าจะอยู่ได้อีกหลายปีครับ



ไลน์!



เด้งอีกแล้ว แต่ผมจะไม่อยากรู้ครับ จะไม่หยิบมาดู



ไลน์!



ไม่ครับ เราจะมีมารยาท ถึงแม้ผมจะแอบอยากรู้เล็กๆ ว่าใครไลน์มา



ไลน์!

ไลน์!

ไลน์!



ใครวะ!!!



ผมหยิบโทรศัพท์ที่เด้งดึ๋งๆ พร้อมกับเสียงเตือนไลน์ต่อเนื่อง อะไรเนี่ย ใครจะไลน์อะไรมาถี่ๆ ขนาดนี้ คุณพี่เมฆเป็นแฟนผมนะ ห้ามใครไลน์หาเขาเยอะกว่าผมสิ!



หวาน อักษร: เมฆนะ ไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ

หวาน อักษร: *ส่งสติกเกอร์*




ใครคือ หวาน อักษร?



ผมว่าผมเคยได้ยินชื่อนี้นะ แต่นึกไม่ออกว่าได้ยินมาตอนไหน อาจจะเป็นตอนที่ไปรียูเนียนกับพวกคุณพี่เมฆ เพราะตอนนั้นเขาก็พูดถึงเพื่อนอยู่นะ เอ๊ะ หรือว่าเป็นคนที่บริษัทนะ อาจจะมีคนชื่อหวานที่เรียนอักษรก็ได้ แต่ถ้าแบบนั้นเขาน่าจะเมมฯ เป็นชื่อตำแหน่ง หรือชื่อแผนกมากกว่า



ว่าแล้วก็สงสัย เขาเมมชื่อผมว่าอะไรนะ?



เมื่อก่อนผมไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้เลยเอาจริงๆ เพราะใครจะเมมชื่อใครว่าอะไรก็แล้วแต่เลยครับ ปกติผมก็เมมตามที่เขาเป็น อย่างเช่นซุกซนเมื่อก่อนก็เป็น ซุกซน ใจทราม หรือว่า พี่แทนรัก น้องแทนกาย อะไรปกติเลยครับ



แต่พอเป็นคุณพี่เมฆ ผมกลับอยากรู้แฮะ

ทดลองง่ายๆ ด้วยการกดสติกเกอร์โง่ๆ ส่งไปหาคุณพี่เมฆครับ เป็นตัวโคนี่กอดกับหมีบราวน์ครับ



แฟน: *ส่งสติกเกอร์*



โอเค ได้คำตอบแล้ว ไอ้บ้าเอ๊ย ตัวไม่อยู่ก็ยังทำให้ผมหน้าร้อนได้ตลอดเลย อะไรเนี่ย



“แหน่ะ เดี๋ยวนี้หัดเช็กโทรศัพท์เหรอเรา”



ผมสะดุ้งปล่อยโทรศัพท์หลุดมือเมื่ออีกคนมาใกล้ๆ แล้วพูดอยู่ข้างหลัง ไอ้คุณโปรเจคหัวเราะอารมณ์ดีเมื่อแกล้งผมได้ เออ ดี มีเพื่อนเพื่อนก็ดึงแก้ม มีแฟนแฟนก็แกล้ง





“ไม่ได้ตั้งใจจะเช็กนะครับ ผมแค่เห็นว่ามีคนไลน์มา--”

“เลยหยิบมาดู”

“เลยจะหยิบให้คุณ”

“ไม่เนียนนะครับ”



ผมย่นจมูกทำหน้าบี้ใส่คนที่มานั่งข้างๆ แทนที่ฝั่งตรงข้ามผมเหมือนตอนแรก ใบหน้าที่ดูเหนื่อยล้าส่งยิ้มหล่อมาให้ แฟนใครเนี่ยทำไมหล่อจัง





“ที่ไซต์ยังมีปัญหาเหรอครับ”

“อืม” คุณพี่เมฆรับคำสั้นๆ พร้อมหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด ท่าทางเครียดจริงแฮะ เท่าที่สังเกตมาเขาจะสูบบุหรี่ก็เพราะเรื่องงานนี่แหละ

“อยากเล่าให้ผมฟังมั้ย?”

“...”

“ผมไม่ได้อยากจะยุ่งนะ แต่แบบ คือเผื่อผมช่วยอะไรได้ไง ถึงแม้ว่าผมจะตกคณิตตลอดหกปีมอปลาย แต่ๆ แบบ อย่างน้อยอาจจะช่วยแนะนำร้านอาหารอร่อยอะไรอย่างงี้ หรือว่า--”



ผมยังพูดอะไรไม่ทันจบ คุณพี่เมฆก็เอาหัวพิงกับไหล่ผมครับ ซึ่งผมก็คว้ามือเขาไปจับครับ มือคุณพี่เมฆไม่ได้นุ่มอะไร แต่ผมไม่ได้อยากได้แฟนมือนุ่มอยู่แล้ว จะแบบไหนผมก็โอเคทั้งนั้น



“แค่อยู่กับเรา พี่ก็หายเหนื่อยแล้ว”





การมีแฟนนี่มันทำให้หัวใจพองฟูจนเหมือนจะลอย หรือเพราะว่าเป็นคุณพี่เมฆเลยทำให้ผมรู้สึกได้ขนาดนี้กันนะ







------- 50% -------





อย่างที่บอกนะคะ เหลืออีกเยอะ ใจเย็นๆ 5555555

สุขสันต์วันหยุดยาวค่ะ ไหนใครเอางานกลับมาทำบ้านแบบเราบ้าง TT_TT

ใครไปเที่ยวก็เที่ยวเผื่อด้วยนะคะ เดี๋ยวเราทำงานแทนเอง ไม่ต้องห่วง ฮือ TTTTTTTTTTTTTTTT



สามารถคอมเมนต์ที่นี่ หรือที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ เหมือนเดิมนะคะ หรือยังไงทักเรามาได้ที่ @babybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡15th Monday - เราจะมีอะไรกันเมื่อไหร่ (26/07/18)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 26-07-2018 22:03:50
แทนใจ คนใสๆใช่มั้ยนะ พพี่เมฆอดใจไม่จับฟัดไหวได้ไงเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡15th Monday - เราจะมีอะไรกันเมื่อไหร่ (26/07/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 26-07-2018 23:21:03
สงสารรรรรรร


 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡15th Monday - เราจะมีอะไรกันเมื่อไหร่ (26/07/18)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 28-07-2018 10:29:34
น้องแทนใจตัลล๊าคคคค
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡15th Monday - เราจะมีอะไรกันเมื่อไหร่ (26/07/18)
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 28-07-2018 17:26:14
น้องแทนใจลูกกก หนูถามอะไรแบบน้านน พี่เมฆช็อคเลย 5555
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡15th Monday - เราจะมีอะไรกันเมื่อไหร่ (26/07/18)
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 29-07-2018 12:26:47
น้องแทนใจน่ารักจังเลยหนู อ๊อง ๆ ดีแท้
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡15th Monday - เราจะมีอะไรกันเมื่อไหร่ (26/07/18)
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 29-07-2018 19:13:58
ผญ.คนน้านนนจะมีอะไรมั้ยยน้า ระแวงไว้ก่อน 555
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡15th Monday - เราจะมีอะไรกันเมื่อไหร่ (26/07/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 29-07-2018 22:12:15
แทนใจหวาย ๆ หวายแทนใจ
… อิอิ สงสารคุณพี่เมฆจริง ๆ เลยนะเนี่ย

เอาว่า ขอให้พี่เมฆมีคำตอบให้ในเร็ววันนะจ๊ะ สาธุ!
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡15th Monday - เราจะมีอะไรกันเมื่อไหร่ (26/07/18)
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 30-07-2018 01:29:55
น่ารักก
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡15th Monday - เราจะมีอะไรกันเมื่อไหร่ (26/07/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 01-08-2018 17:40:08
15th Monday -- 100%

#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์




“เรื่องงานอีกแล้วเหรอครับ?”





ผมถามคุณพี่เมฆที่ถอนหายใจทันทีที่ขึ้นมาบนรถ เมื่อสักครู่เขาออกไปคุยโทรศัพท์ พวกผมมีแผนที่จะไปทานข้าวกันหลังเลิกงาน น่าจะดูหนังต่อด้วย แต่คงไม่ดึกมากเพราะว่าพรุ่งนี้คุณพี่เมฆจะต้องไปไซต์งาน ขับรถนานครับ กลับดึกนอนน้อยเดี๋ยวพรุ่งนี้จะเหนื่อยเกินไป





“นิดหน่อยน่ะ”

“เล่าได้นะ เล่าได้จริงๆนะครับ”

“...”

“คุณสมมุติเหมือนที่ผมเคยสมมุติก็ได้นะ… เฮ้ย แต่รอบนั้นเรื่องสมมุติจริงๆนะ”

“น่ารัก”





คุณพี่เมฆพูดพร้อมกับหันมายิ้มให้ หน้าตาเขาคลายกังวลลงไปเล็กน้อย ก่อนจะยอมเล่าปัญหาให้ฟัง





“เรื่องที่พี่ต้องเข้าไปแก้นั่นแหละ ปัญหาเก่าเพิ่งแก้ก็เจอเรื่องใหม่เพิ่มอีกน่ะ” คุณพี่เมฆเล่าขณะที่วนรถออกจากลานจอดรถ เพื่อไปติดอยู่ตรงถนนหน้าบริษัท เอาเข้าไปประเทศกรุงเทพฯ รถจะติดมันทุกที่เลยหรือไง



“เอาแค่เมื่อเช้าละกัน เครื่องจักรหยุดเดิน ช่างก็แก้กันจนมันผลิตต่อได้ พอเสร็จแล้วดันเจอปัญหาเพิ่มอีกจุด ช่างหน้างานก็ไม่กล้าทำ พี่เลยขอคนจากไซต์ไอ้เบิร์ดมาช่วย เพราะพี่คนนั้นเขาเป็นงาน...”





ผมนั่งฟังปัญหาเรื่องงานของคุณพี่เมฆเงียบๆ เพราะไม่รู้ว่าจะออกความเห็นอะไร มานั่งคิดดูนี่ผมเป็นแฟนที่ดีพอหรือยังนะ ทำไมตอนที่เขามีปัญหาผมดูไม่สามารถช่วยเขาได้เหมือนที่เขาพูดเตือนสติผมเลย ผมน่าจะช่วยอะไรเขาได้บ้างนะ





“... แทนใจ?”

“ครับ?”

“เหม่อบ่อยนะเราเนี่ย” คุณพี่เมฆพูดขำๆ ซึ่งผมได้แน่ยิ้มแหยเพราะไม่รู้ว่าจะปฏิเสธอะไร เรื่องจริงทั้งนั้น

“เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะครับ?”

“พี่ถามว่าทานข้าวเสร็จแล้วเรารีบไปไหนหรือเปล่า พี่จะชวนไปรับติ๊กต่อกที่โรงพยาบาลด้วยกัน”

“ไม่รีบนะครับ ไปได้นะ ผมก็อยากเจอติ๊กต่อก”





ไม่บอกเขาหรอก ว่าผมอยากจะรู้ว่ามันหน้าเหมือนผมขนาดนั้นเลยหรือไง ติดลิขสิทธิ์นะ แทนใจมีแค่คนเดียวเท่านั้น แม้แต่ติ๊กต่อกถ้าจะเหมือนผมต้องมาเช็นสัญญาขอใช้ลิขสิทธิ์ก่อน!... เอ๊ะ หรือผมจะเกิดหลังติ๊กต่อกนะ? บ้าแล้ว อันนี้ไม่น่าใช่





พวกเราแวะทานข้าวกันนิดหน่อย ก่อนจะไปรับติ๊กต่อกซึ่งกว่าจะถึงก็มืดแล้ว เพราะโรงพยาบาลค่อนข้างไกลจากที่ทำงานเราครับ พอถามคุณพี่เมฆเขาก็บอกว่าเจ้าของไข้ติ๊กต่อกอยู่ที่นี่ เขารู้จักกับหมอที่อยู่กับน้องมาตั้งแต่ต้น ถ้าไม่จำเป็นเลยไม่ค่อยอยากพาไปหาที่อื่นเท่าไหร่





ยังดีที่โรงพยาบาลยังเปิดอยู่ เราใช้เวลากันที่โรงพยาบาลพักใหญ่ๆเลย เพราะว่าคิวเยอะมากเลยครับ อาจจะเพราะช่วงนี้อากาศเปลี่ยน มั้งนะ ผมเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องสุขภาพสัตว์เท่าไหร่ สุขภาพตัวเองยังเอาไม่ค่อยรอดเลย





 ซึ่งเมื่อรับติ๊กต่อกกลับมาแล้ว เจอเรื่องที่ยากกว่านั้นอีก





‘ซ่า’





ฝนตก … ผมมองฝนตกปรอยๆที่ตั้งเค้าตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลอย่างเซ็งๆ ถ้ามันหยุดเร็วๆนี้ก็คงดี





“ซ่า!!!!!!!!!!!!!’





ยิ่งคิดเหมือนยิ่งยุ ทีงี้ล่ะตกแบบฟ้ารั่วเลยครับ ลมเอยอะไรเอย พัดจนที่ปัดน้ำฝนปัดแทบจะหักแล้วฝนก็ไม่หายไป รถก็ติด ถนนตายไปเลย แถมยังต้องกลัวว่าถ้าน้ำท่วมอีกจะขับรถไปได้มั้ย ชีวิตดีๆที่กรุงเทพฯจริงๆให้ตาย





“ฝนตกแบบนี้อากาศชอบเย็นอะ เนอะติ๊กต่อกเนอะ ติ๊กต่อกหนาวมั้ยครับ?”





ผมก้มลงไปคุยกับกระต่ายอ้วนบนตัก น้องนอนกินหญ้าแห้งอยู่ในกรงของเจ้าตัวครับ ตอนนี้กลับมากินเก่งเหมือนเคยแล้วครับ ต่างจากคำบอกเล่าของคุณพี่เมฆเมื่อเช้ามากๆ เคี้ยวหญ้าแก้มตุ่ยไม่สนใจผมเลยเนี่ย





“คุณพี่เมฆลดแอร์หน่อยมั้ย เดี๋ยวติ๊กต่อกหนาว”

“ติ๊กต่อกหนาว หรือเพื่อนติ๊กต่อกหนาวครับ?”

“บอกว่าติ๊กต่อกหนาวไงคุณ”





ไอ้คุณพี่เมฆที่มีความสุขกับการกวนประสาทผมหัวเราะ ก่อนที่จะยอมปรับแอร์ให้ ผมเลิกสนใจคุณพี่เมฆแล้วไปดูติ๊กต่อกต่อครับ น้องน่ารักมากเลย เข้าใจแล้วทำไมคุณพี่เมฆถึงได้ชอบเลี้ยง นิ่งมากไม่ดื้อไม่ซนเลย แถมยังเคี้ยวหญ้าแห้งตุ้ยๆตลอดเวลา ตัวปุยๆสีขาว ก้อนๆ น่ารัก





“สรุปทำไมน้องไม่กินข้าวอะ?”

“น้อง?”

“ติ๊กต่อกไง ติ๊กต่อกเป็นน้องผมแล้ว คุณห้ามแกล้งน้องผมนะ”





ผมพูดแล้วกอดกรงติ๊กต่อกเอาไว้ ซึ่งน้องก็ดีมากเลยครับ ไม่สนใจเลย ก้มหน้าก้มตากินหญ้าแห้งอย่างเดียว หัวใจพี่ช่างเจ็บช้ำ แต่กินก็ดีครับ น่ารักดี เคี้ยวตุ้ยๆ





“นับญาติได้ดีจริงๆ หน้าเหมือนกันเลยเนี่ย”

“คุณพี่เมฆว่าผมมีหางเหรอ? หรือว่าผมมีขน หรือว่าว่าผมกินหญ้า? เฮ้ ซิสเลอร์เขาเรียกสลัดนะไม่ใช่หญ้า เผื่อคุณไม่รู้”

“เถียงเก่งจังเลยนะครับ”

“อ่อยยยย อิ๊กอ่อกอ้วยอ้วยยยยยยยย” (“ปล่อย ติ๊กต่อกช่วยด้วย”)





ถึงแม้จะเป็นแฟนกันแล้วเขาก็ไม่ได้เลิกดึงแก้มผมครับ อะไรเนี่ยถ้ามันยืดขึ้นกว่าเดิมจะทำไงอะ แค่นี้ก็เยอะจะตายอยู่แล้ว ทุุกวันนี้แก้มผมเยอะกว่าเงินเดือนอีกเนี่ย ปล่อยนะ ปล่อยสิ!





“มันเขี้ยว”

“คอยดูนะ ผมจะฟ้องคุณกฤติ คุณแกล้งผมอะ จะฟ้องซุกซนด้วย”

“มันเขี้ยว”





ฝนก็ตก รถก็ติด แต่ผมกับคุณเมฆก็สามารถตีกันไปได้เรื่อยๆ (โอเค อาจจะเป็นผมเองที่ตีกับเขาอยู่คนเดียว เพราะเขาเอาแต่เดี๋ยวดึงแก้มเดี๋ยวลูบหัว เขาเล่นกับผมเหมือนที่เล่นกับกระต่ายตัวเองจริงๆนะเนี่ย) ที่มันนานส่วนหนึ่งเพราะว่าเรามากันไกลมากครับ ผมนี่ไม่อยากจะคิดค่าแกร๊บเลยหากวา่จะต้องนั่งจากตรงนี้กลับไปที่หอเนี่ย





ผมนั่งร้องเพลงในรถครับ คุณพี่เมฆบอกว่าปกติตัวเขาชอบฟังเพลงไทยมากกว่า แต่วันนี้เขาให้ผมเลือกเพลง ผมก็จัดเพลงที่ชอบเลย





“I'm not looking for somebody with some superhuman gifts. Some superhero, Some fairy tale bliss. Just something I can turn to. Somebody I can miss. I want something just like--”





“แทนใจ”

“ครับ…”





ผมเลิกร้องเพลงหันไปมองคนข้างๆ คุณพี่เมฆเวลาใช้ความคิดบนรถเขาชอบเคาะพวงมาลัยครับ แล้วตอนนี้พี่แกก็กำลังทำแบบนั้นอยู่





“ไปนอนบ้านพี่มั้ย”

“ได้นะ”





เขาหันมามองผมท่าทางประหลาดใจนิดๆ คงไม่คิดว่าผมจะตอบตกลงเร็วขนาดนี้ หรืออาจจะตกใจที่ถนนประเทศไทยสามารถติดไม่ขยับแบบนี้ก็ได้ อันนี้อาจจะไม่น่าตกใจมากเท่าไหร่ เพราะมันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ผมเกิดแล้วครับ ยิ่งช่วงหลังๆนี่บ้าไปแล้ว ฝนตกทีรถติดแบบกรุงเทพฯพังไปเลย





“ทำไมง่ายจัง”

“ก็รถมันติดเลวร้ายขนาดนี้ แถมถ้าคุณต้องขับวนไปส่งผมที่ห้องแล้วค่อยขับกลับคอนโดอีกรอบมันต้องดึกมากแน่ๆ ผมไม่อยากให้คุณขับรถนานๆอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องออกไปไซต์เกิดป่วยขึ้นมาจะทำยังไงเล่า”





ผมพูดในสิ่งที่คิด ขณะที่เลือกเพลงในโทรศัพท์มือถือไปด้วย อ๊ะ ได้แล้ว





“อีกอย่าง เป็นแฟนกันแล้วนี่ ยังต้องกลัวอะไรอีกเหรอครับ?”





คุณพี่เมฆไม่ได้ตอบอะไรเพิ่ม เพียงแค่หันมายิ้มให้พร้อมคว้ามือผมไปจับไว้เท่านั้น ซึ่งผมเองก็ประสานมือกลับไป

ถ้าเราจับมือกันแบบนี้ตลอดไปก็คงดีเนอะ





.
.
.




“ผมนึกว่าคุณจะพาไปคอนโดฯคุณซะอีก”





ผมพูดเมื่อเรามาถึงบ้านเดี่ยวหลังหนึ่งในหมู่บ้านจัดสรรที่อยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลสัตว์ของติ๊กต่อกเท่าไหร่ ที่ผมพูดแบบนั้นเพราะปกติเขาอยู่คอนโดฯใกล้ที่ทำงานครับ เพิ่งรู้ตอนนี้แหละว่าที่เขาบอกจะพาผมมาบ้าน คือบ้านจริงๆ แบบบ้านเป็นหลังๆอะ ไม่ใช่ห้องที่เรียกว่าบ้านเหมือนของผม





หรือคนอื่นเขาเรียกคอนโดฯกับหอเป็นห้อง ผมนี่เรียกทุกอย่าที่นอนว่าบ้านครับ





บ้านของคุณพี่เมฆเป็นบ้านเดี่ยวในหมู่บ้านจัดสรรปกติครับ บ้านหลังไม่ได้เล็กเลยจริงๆ ผมมองนั่นมองนี่อย่างสนใจ นี่เขาอยู่คนเดียวในบ้านใหญ่ขนาดนี้ไม่เหงาหรือไงนะ? ถ้าเป็นผมนะ ผมคงต้องเหงามากแน่ๆเลย คุณพี่เมฆนี่เก่งจริงๆ





คนอะไรทั้งหล่อทั้งเก่ง อ๋อ แฟนผมเองแหละ





“มันไกล กลับมาที่นี่ใกล้กว่า”





ผมพยักหน้าเห็นด้วย ไกลจริง คนละเส้นเลย เป็นผมถ้าได้ทำงานที่นั่งผมก็อยู่คอนโดนะ ขับไปขับมาแบบระยะทางเกือบยี่สิบกิโลทุกวันล้าพอดี





“นี่ คุณยังไม่บอกผมเลยนะว่าติ๊กต่อกป่วยเป็นอะไร”

“ยังไม่ลืมอีกเหรอเนี่ย?”





เขาพูดขำตอนที่เอาน้ำมาให้ผมอย่างที่เจ้าบ้านที่ดีควรทำ ตอนนี้พวกเรานั่งกันอยู่บนโซฟาห้องรับแขก ทีวีจอแบนตรงหน้าผมนี่ใหญ่มากเลยครับ น่าเอาหนังมาเปิดดูมากเลย โหยถ้าที่ห้องผมมีทีวีใหญ่ขนาดนี้นะ ผมต้องฟินมากแน่ตอนเปิด netflix ดูอะ





“ติ๊กต่อกเครียดน่ะ”

“เครียด?” ผมทวนคำเขางงๆ “กระต่ายมีเรื่องเครียดอะไรอะครับ? หญ้าไม่อร่อยเหรอ?”

“เรานี่นะ”





เขาดึงผมไปหอมหัว ก่อนที่จะปล่อยออกอย่างรวดเร็ว ก็ลองเขาไม่ปล่อยสิ เราน่าจะได้จูบกันต่อแน่นอน แล้วอาจจะไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้นเลยก็ได้





ผมมองบ้านคุณพี่เมฆอย่างสนใจ ทุกอย่างดูเหมือนได้รับการดูแลเป็นอย่างดีมาตลอด ทั้งเฟอร์นิเจอร์และของประดับตบแต่ง ดูไม่เก่าเลยครับ แถมฝุ่นก็ไม่มีเลย น่าจะเข้ามาทำความสะอาดเป็นประจำ





“ไม่ได้อยู่กับเจ้าของนานเลยเหงา พอเหงาก็เลยเครียดไม่ทานข้าวน่ะ”





เขาตอบยิ้มๆ แล้วลุกขึ้นหยิบกรงไปวางไว้ตรงโต๊ะใกล้ๆ พลางลูบหัวกระต่ายอ้วนที่ตอนนี้ยังไม่หยุดกินเลยครับ ท้องจะแตกมั้ยนั่น





“เป็นความเครียดที่ทั้งน่าสงสาร แล้วก็น่าเอ็นดูในเวลาเดียวกันเลยอะ”

“ใช่มั้ยล่ะ แบบนี้พี่จะกล้าไปไหนนานๆเนี่ย”





ผมมองคุณพี่เมฆที่ก้มลงไปเล่นกับติ๊กต่อกในกรง เจ้าตัวอ้วนดูไม่ใช่ก้อนอะไรที่จะเหงาเวลาคุณพี่เมฆไม่อยู่เลยครับ เพราะมันดูไม่สนใจเลย เอาแต่กินอย่างเดียว เล่นด้วยก็ไม่เล่นด้วย มันอาจจะรักของมันแบบเงียบๆล่ะมั้ง อยู่ด้วยกันทุกวันอะเนอะ





ขนาดผม ไมเ่จอเขาแค่สองอาทิตย์ยังคิดถึงเขามากๆเลย





“ถ้าวันไหนคุณพี่เมฆต้องไปไซต์นานๆ เอามาฝากไว้ที่ผมก็ได้นะ เดี๋ยวผมช่วยดูแลให้”





เขาละออกจากกระต่ายมามองหน้าผม สายตาเขาดูมีอะไรมากมายอยู่ในนั้นแต่ผมไม่สามารถแปลออก ขนาดเป็นแฟนกันแล้วคุณพี่เมฆก็ยังคงคอนเส็ปความเข้าใจยากสำหรับผมไว้เหมือนก่อนที่จะคบกัน ในที่สุดเขาก็ยิ้มขึ้นมาพร้อมกับเอ่ยเบาๆ





“ขอบคุณนะครับ”

“ไม่เป็นไรครับ เรื่องแค่นี้เอง”





ผมส่งยิ้มให้เขา เรานั่งกันอยู่แบบนั้นครับ เขาเล่นกับกระต่ายที่เอาแต่กินโดยมีผมนั่งมอง ถ้าวันหนึ่งผมเกิดไม่ได้อยู่กับเขานานๆแล้วจะเครียดแบบที่ติ๊กต่อกเป็นมั้ยนะ นึกภาพไม่ออกเลยแฮะ ไม่อยากนึกด้วย ขอจินตนาการน้อยสักวันละกัน





“ทำไมถึงได้ตั้งชื่อน้องว่าติ๊กต่อกอะครับ?”

“อ๋อ เพราะมันชอบมองนาฬิกาไง เจ้าตัวอ้วนนี่มองนาฬิการอเวลาอาหารตลอด พอกินเสร็จแล้วนาฬิกาดังมันก็จะมาตะล่อมขอกินอีก สนใจอยู่เรื่องเดียวเนี่ยคือเวลาที่จะได้กินข้าว เลยชื่อติ๊กต่อกไปแล้วกัน”

“ฮ่าๆ เหมาะจังเลย”





ดูจากตัวมันก็ไม่แปลกใจอะ ตอนที่เห็นในรูปครั้งแรกดูเหมือนจะตัวกลมๆเล็กๆ พอมาเจอของจริงตัวใหญ่มากครับ อุ้มแล้วหนักมาก แขนผมแทบหักแหน่ะ (ไม่แฟร์เลย คุณพี่เมฆอุ้มมันแบบสบายๆ ในขณะที่ผมเหมือนยกกระสอบทรายและความหวังของคนทั้งประเทศเอาไว้ นี่สินะสิ่งที่ได้มาจากการเข้ายิมเป็นประจำ) แต่น่ารักให้อภัยได้





หืม? เสียงรถ?





“คุณพี่เมฆครับ มีใครมาหาหรือเปล่า? ผมเหมือนได้ยินเสียงรถจอดหน้าบ้านนะ ออกไปดูหน่อยมั้ย?”

“ไม่มีอะไรหรอก บ้านนี้พี่อยู่คนเดียว เขาอาจจะจอดผิดบ้าน”





ตอนนี้คุณพี่เมฆวางกระต่ายไว้ในกรงเหมือนเดิม ล้างมือ แล้วมานั่งข้างผมบนโซฟาเรียบร้อย  โหย ขนาดหน้าที่ทำงานมาทั้งวันแล้วยังหล่อเลย แฟนผมเองครับทุกคน อยากจับใส่หิ้วอวดคนทั่วโลกเลย นี่แฟนผมครับ แฟนผมมมมมมม





“แล้วทำไมแทนใจ ถึงได้ชื่อแทนใจล่ะ?”

“ก็ตอนนั้นพ่อแม่มีพี่แทนรัก … ตามชื่อนั่นแหละครับ แทนความรักของพ่อกับแม่ พอมีผมก็เลยชื่อแทนใจ แทนใจพ่อแม่นั่นแหละตรงๆตัวเลย ส่วนน้องกายก็เหมือนกัน แทนร่างกาย เพราะงั้นเราสามคนเลย--”





‘กริ๊ก’





เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับร่างของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินเข้ามาในบ้าน น้องท่าทางตกใจนิดหน่อยเหมือนไม่คิดว่าจะเจอพวกผมกำลังนั่งคุยกันอยู่บนโซฟา แต่สักพักใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้าง มาสังเกตดีๆน้องน่ารักมากเลยครับ หน้าตาเหมือนตุ๊กตาเลย ยิ่งเวลายิ้มดูใจดีเหมือนคุณพี่เมฆเลยครับ





“พี่เมฆสวัสดีค่ะ” น้องไหว้แฟนผมด้วยท่าทางน่ารักครับ เมื่อหันมาเห็นผมน้องก็ยิ้มแล้วยกมือไหว้ผมด้วย





“เพื่อนพี่เมฆสวัสดีค่ะ”

“สวัสดีครับ”





ดูจากขนาดตัวแล้วก็ชุดนักเรียนน้องน่าจะไม่เกินชั้นประถมครับ น่ารักอะ ฮือ ผมชอบเด็กมากเลย น่าร้ากกกกกกก





“หนูชื่ออะไรเอ่ย พี่ชื่อแทนใจนะครับ”





ผมลุกขึ้นไปหาเด็กน้อยที่ยังยืนยิ้มอยู่ น้องถักเปียสองข้างด้วย นึกถึงพี่แทนรักสมัยเด็กๆเลยครับ โรงเรียนเราบังคับให้เด็กผู้หญิงถักเปียผูกโบว์ ตอนนั้นพี่แทนรักบ่นทุกวันเพราะต้องตื่นก่อนพวกผมมาให้คุณแม่ถักเปียให้ ตอนนี้มาเห็นเด็กหญิงถักเปียแล้วเข้าใจเลยทำไมโรงเรียนถึงได้บังคับ มันน่ารักมากๆ ระบงระเบียบอะไรชั่งมันก่อน ความน่ารักมาเหนือทุกอย่าง





“หนูชื่อสายฝนค่ะ พี่ชื่ออะไรคะ?”

“พี่ชื่อแทนใจครับ”





ยิ่งมองยิ่งชอบครับ ผมชอบเด็กน่ารัก น้องเข้าข่ายมากๆ ตอนเล็กๆผมเคยคิดว่าถ้าโตขึ้นมีครอบครัวแล้วมีลูกสาวน่ารักๆสักคนน่าจะดี แต่ตอนนี้มีลูกเองอาจจะยากแล้ว เพราะคุณพี่เมฆไม่น่าจะตั้งท้องได้ แต่ก็ไม่แน่ อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่ไม่นอนครับ โลกนี้อาจจะมีวิธีการให้ผู้ชายตั้งท้องได้





คุณพี่เมฆต้องอุ้มท้องลูกของผมสบายๆแน่นอน กล้ามขนาดนั้น ให้โหนบาร์ไปอุ้มท้องไปยังไม่เหนือบากกว่าแรงแน่นอนครับ แฟนผมนี่แข็งแรงที่หนึ่งเลย





“หนูเป็นน้องสาวของพี่เมฆค่ะ พี่แทนใจเป็นเพื่อนของพี่เมฆเหรอคะ?”





จะตอบว่าเป็นสามีของพี่เมฆแล้วน้องจะตกใจมั้ยนะ ผมมั่นใจมากๆว่าตัวเองเป็นสามีแน่นอน ถึงแม้ว่าตอนถามแฟนผมจะหัวเราะแล้วไม่ตอบก็เถอะ





“นั่นสินะครับ คุณพี่เมฆครับ เราเป็นอะไรกะ--”





ผมไม่แน่ใจว่าคุณพี่เมฆอยากจะให้ผมบอกน้องว่าอะไรเลยจะหันไปถามความเห็นของคนที่นั่งอยู่บนโซฟา



สีหน้าของคุณพี่เมฆทำให้ผมชะงัก คำพูดทั้งหมดถูกกลืนกลับลงไปในลำคอ





คุณพี่เมฆนั่งอยู่บนโซฟา ใบหน้าคมที่มักจะมีรอยยิ้มอยู่เสมอเรียบตึงเหมือนกำลังซ่อนความไม่พอใจเอาไว้อย่างเต็มที่ สายตาของเขาที่มองน้องสายฝนเหมือนกับคนที่มองสิ่งปฏิกูล ท่าทางเย็นชาที่แฝงไปด้วยความรังเกียจนั่นทำให้ผมขนลุกอย่างประหลาด 





ผมกลัว





ความเงียบโรยตัวเข้าปกคลุมทั้งห้อง แม้แต่น้องสายฝนเองก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มอีก น้องหน้าเสียเหมือนกับทำความผิดมหันต์ มือที่เมื่อครู่ไหว้ผมตอนนี้กำกระโปรงแน่นเหมือนกำลังกลัวมากๆ





นี่มันอะไรกัน?





“เธอมาทำอะไรที่นี่?”





คุณพี่เมฆพูดเบาๆแต่กลับดังมากในความรู้สึกของผม เด็กหญิงถอยกลับไปที่ประตูเมื่อคุณเมฆมองไปทางน้อง ผมมองหน้าเรียบนิ่งของอีกคน ผมคิดว่าคุณพี่เมฆเข้าใจยากผมเลยอยากทำความเข้าใจเขาให้เยอะๆ อยากเห็นสีหน้าท่าทางทุกแบบอยากรู้จักเขาเพิ่มขึ้น อยากเรียนรู้มากขึ้น





ตอนนี้ผมเริ่มไม่มั่นใจว่าอยากจะเห็นเขาในมุมแบบนี้ด้วยหรือเปล่า





 เขาเหมือนคลื่นใต้ท้องทะเล ที่น่ากลัวและเป็นปริศนา ผมไม่เคยรู้ว่าเขามีน้องสาว ผมไม่เคยรู้ว่าเขาไม่ได้อยู่บ้านคนเดียว ผมไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย





ผมหันกลับไปมองคุณพี่เมฆอีกรอบ ความคิดหลากหลายประเดประดังเข้ามาในหัว แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุดกลับเป็นคำถามที่วนอยู่ในสมองซ้ำๆ





ผู้ชายคนนี้เป็นใคร?



ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนกับว่าไม่เคยรู้จักเขามาก่อนเลย ไม่รู้จักเลยจริงๆ





------- TBC -------





สิงหาสุขสันต์ค่า อิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิ

สามารถคอมเมนต์ที่นี่ หรือที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ เหมือนเดิมนะคะ หรือยังไงทักเรามาได้ที่ @babybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡15th Monday - เขาเป็นใครกัน? (01/08/18)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 01-08-2018 23:47:43
ประถมมมมมมม
แสดงว่าไม่น่าจะใช่แม่เดียวกันแน่ ๆ
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡15th Monday - เขาเป็นใครกัน? (01/08/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 02-08-2018 12:18:02
 o22
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡15th Monday - เขาเป็นใครกัน? (01/08/18)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 05-08-2018 21:08:40
คุณเมฆมุมดาร์ค มีความหลังฝังใจอะไรละนี่
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡15th Monday - เขาเป็นใครกัน? (01/08/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 08-08-2018 18:10:28
16th Monday
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 




นี่มันคือเรื่องอะไรกัน?




ผมยืนอยู่ใกล้ๆน้องสายฝนที่ทำท่าว่าจะร้องไห้อยู่รอมร่อ ตอนนี้น้องก้มหน้ามองพื้น ถึงแม้ผมจะไม่รู้สาเหตุแท้จริงแต่สามารถรับรู้ได้ ขนาดผมที่ยืนอยู่ตรงนี้ยังกลัวคุณพี่เมฆ แล้วเด็กประถมตัวเล็กๆจะไปเหลืออะไร



‘กริ๊ก!’



เสียงประตูที่ดังขึ้นอีกครั้งเรียกสายตาของทุกคนให้หันไปมอง ผู้มาใหม่คือผู้หญิงค่อนข้างสวยคนหนึ่ง  เธอเดินถือของพะรุงพะรังเข้ามา ซึ่งหนึ่งในนั้นคือกระเป๋าเป้เด็ก




“น้องฝนคะ… ทำไมหนูถึงถอดรองเท้าไม่เป็นที่เลย คุณแม่บอกว่า--” 




เสียงเธอหายไปเมื่อสังเกตว่าที่นี่ไม่ได้มีเพียงเด็กหญิงเท่านั้น ผู้มาใหม่หันมองมาทางผมด้วยสายตางงงงวย แล้วเปลี่ยนเป็นเบิกกว้างเมื่อหันไปสบตากับ…




“เมฆ...”




บรรยากาศในห้องกดดันขึ้นอีกเท่าตัว ผมพยายามจะหายใจเบาๆเพราะเกร็งไปหมด น้องฝนก้มหน้ามองพื้น ผู้หญิงที่เพิ่งเข้ามาใหม่หยุดนิ่ง ของที่เธอถืออยู่ตกกระจัดกระจายเต็มพื้น




‘ตุบ’




“อ่า… เดี๋ยวผมเก็บให้นะครับ”




ผมพยายามจะหนีจากสถานการณ์อึดอัดด้วยการอาสาเก็บของให้ แต่คุณพี่เมฆจับแขนผมเอาไว้ แรงบีบที่ไม่ธรรมดานั่นทำให้ผมรู้สึกเจ็บ แต่ท่าทางของเขาทำให้ผมไม่กล้าแม้แต่จะสะกิดบอกว่าเจ็บ ตอนนี้ผมเองก็กลัวเขาเหมือนกัน



“มาทำไม”




เสียงต่ำคล้ายกับกำลังสะกดอารมณ์ของคุณพี่เมฆดังขึ้นมา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้คำหยาบคายอะไร แต่ประโยคคำถามคล้ายกับไม่ต้อนรับนั่นก็เหมือนกับการไล่ดีๆนี่เอง



“คือ… น้าไม่รู้ว่าเราอยู่ เห็นว่าฝนมันตก พี่สิทธิ์เขาให้กุญแจที่บ้านนี้เอาไว้--”

“ถามว่า มาทำไม” 



คุณพี่เมฆพูดแทรกนิ่งๆ สายตาที่จ้องไปที่หญิงสาวแข็งกร้าวจนผมเผลอคิดว่าถ้าวันหนึ่งผมโดนเขามองแบบนี้บ้าง คงจะร้องไห้ออกมาแน่นอน



“ยังกล้ามาเหยียบที่นี่ได้อีกเหรอ?”

“น้าไม่รู้ว่าเมฆอยู่--”


“อย่ามาเรียกผมแบบนั้น ผมไม่เคยนับญาติกับพวกคุณ”




พอคุณพี่เมฆพูดจบ หญิงสาวก็หน้าเจื่อน พอมองดีๆท่าทางเขาดูอายุไม่ได้เยอะขนาดนั้น หน้าตาดูสะสวยถึงแม้ว่าจะกำลังทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ก็ตาม




“น้าขอโทษนะ---”

“ออกไป”




คุณพี่เมฆพูดเสียงนิ่งๆ แต่สายตาเขาดุจนผมตัวสั่น หญิงสาวคนที่น่าจะเป็นแม่ของเด็กหญิงตอนนี้เม้มปากแน่น สีหน้าเธอแสดงความเสียใจอย่างปิดไม่มิด แต่ที่น่าสงสารที่สุดคงเป็นเด็กหญิงตัวน้อย น้องทำท่าเหมือนเต็มกลั้นแล้ว เสียงสะอื้นเล็กๆเริ่มดังออกมา



“ฮะ… ฮึก”

“น้องฝนครับ อย่าร้องนะครับ ”




ผมเดินเข้าไปหาเด็กหญิงที่กำลังสะอึกสะอื้น ผมเป็นโรคแพ้เด็ก ยิ่งเด็กน่าสงสารแบบนี้ด้วยแล้ว ผมถือโอกาสที่คุณพี่เมฆกอดอกเดินเข้าไปหาน้องสายฝน แล้วพยายามคุยกับน้อง ซึ่งเด็กก็เด็กน่ะนะ น้องยังไม่รู้เรื่องอะไรด้วยหรอกครับว่าผู้ใหญ่เขาทะเลาะอะไรกันไว้ ผมเองก็ไม่รู้เนี่ย



“พี่แทนจะ---”

“อย่ามายุ่งกับแทนใจ”




คุณพี่เมฆพูดเสียงเรียบ เด็กหญิงที่เมื่อกี้ทำท่าจะเข้ามากอดผมถอยหลังกรูไปหลบอยู่หลังคุณแม่ โดยที่ยังคงมีเสียงสะอื้นให้ได้ยินเป็นระยะ



“งะ… งั้นเดี๋ยวน้ากับน้องกลับเลยแล้วกันนะคะ”

“แล้วยังยืนอยู่ทำไมอีก? ออกไป”



สายฝนด้านนอกยังคงตกหนัก แต่หญิงสาวก็ยังอุ้มเด็กน้อยออกไป ผมมองหน้าคุณพี่เมฆสลับกับคู่แม่ลูกที่เดินออกไปข้างนอก ผมอยากห้ามแต่ทำไม่ได้ ผมไม่รู้เรื่องครอบครัวของพวกเขา ไม่รู้ว่าพวกเขามีปัญหาอะไรกัน ผมไม่รู้อะไรเลย



ไม่รู้อะไรจริงๆ




------- Monday In Love -------





สองแม่ลูกไปพร้อมรถที่จอดอยู่ ทิ้งบรรยากาศอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกเอาไว้ให้ผมกับคุณพี่เมฆ



อึดอัด


อึดอัดมาก




ผมหันซ้ายหันขวาไม่รู้ว่าควรจะต้องทำตัวอย่างไรในสถานการณ์แบบนี้ คุณพี่เมฆไม่พูดอะไรเพิ่มเติม เขานั่งอยู่บนโซฟาท่าเดิม สายตามองไปทางประตูที่สองแม่ลูกเพิ่งออกไป ผมนั่งกำมืออยู่บนโซฟา ผมต้องแก้สถานการณ์ตอนนี้ แต่จะทำอย่างไร?



“แทนใจ”

“ครับ!”




ผมสะดุ้งตัวเมื่อคุณพี่เมฆหันมาทางผมพร้อมเรียกชื่อ ตอนที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ เขาพยายามยิ้มนิดหน่อย แต่เป็นรอยยิ้มที่ดูฝืนแล้วก็หายไปเร็วเหลือเกิน



“ถ้าเราอยากอาบน้ำขึ้นไปชั้นบนได้เลยนะ ห้องซ้ายสุดคือห้องพี่เอง มีห้องน้ำข้างใน เสื้อผ้าอยู่ในตู้ หยิบได้เลยนะ”

“แล้วคุณพี่เมฆล่ะ?”

“พี่อยากดูทีวีน่ะ”



เขาพูดแล้วหยิบรีโมทขึ้นมาเปิดทีวี รายการข่าวเรื่องรถติดเพราะน้ำท่วมทั่วกรุงเทพฯเพราะว่าฝนตกไม่สามารถทดแทนเรื่องอึดอัดที่ยังพองฟูในหัวผมตอนนี้ได้



อึดอัดมาก ทำไงดี



คุณพี่เมฆที่บอกว่าจะดูโทรทัศน์ความจริงแล้วเหมือนให้โทรทัศน์ดูเขาเสียมากกว่า เขามองจ้องทีวีด้วยท่าทางเหมือนกับกำลังคิดอะไรอยู่ เอาซุกซนพนันได้เลยว่าเนื้อหาข่าวอะไรนั่นเข้าหัวเขาไม่ได้สิบเปอร์เซ็นต์แน่นอน



ผมคิดว่าผมต้องทำอะไรสักอย่าง



เอ๊ะ?



ผมเหลือบมองที่หน้าประตู โบว์สีขาวอันเล็กๆหล่นแอ้งแม้งอยู่บนพื้น ผมคิดว่าเป็นของน้องฝน เพราะว่าเป็นโบว์ที่อยู่ตรงผมเปียของน้อง




“คุณพี่เมฆครับ อันนี้ของน้องฝนเขาทำหล่นไว้ เอาเก็บไว้ไหนดีครับ?”




คุณพี่เมฆหันมามองทันที ก่อนที่จะพูดออกมานิ่งๆ




“เอาทิ้งไปเลยก็ได้นะ เด็กนั่นไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้วแหละ”




อ่าว ทำไมพูดงั้นอะ?

ในขณะที่ผมกำลังงงๆ จับต้นชนปลายอะไรไม่ถูก คุณพี่เมฆเขาก็พูดต่อขึ้นมาทันที ด้วยหน้านิ่งๆเหมือนเดิมนี่แหละ




“เอ้า มันไม่ใช่ของพี่นะ มันเป็นของน้องฝน พี่จะทิ้งของเขาได้ยังไง”




ผมเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองพูดอะไรโง่เง่าที่สุดในชีวิตเมื่อใบหน้าของคุณพี่เมฆเปลี่ยนเป็นน่ากลัว เขาหันมาทางผม สายตาเขาดูเหมือนหงุดหงิดแบบไม่เก็บอารมณ์ ผมเข้าใจเลยว่าเมื่อกี้ทำไมเด็กน้อยถึงได้ร้องไห้



“พี่บอกให้ทำอะไรก็ทำสิ ไม่ต้องถามได้มั้ยอะ?”

“...”

“เราก็เหมือนกัน จะไปยุ่งกับพวกมันทำไมอะ”




ผมตัวเล็กลงเหมือนกับเด็กที่โดนผู้ใหญ่ว่าเรื่องทำจานแตกทั้งที่ตัวเองไม่ได้ยุ่งกับมันเลยสักนิด ถึงแม้จะไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองผิดเท่าไหร่ แต่ด้วยนิสัย ทำให้ผมเถียงออกไป



“แต่นี่มันเป็นของน้องเขานะ จะให้ผมทิ้งไปเลยโดยไม่ถามเจ้าของอะ ผมว่ามัน--”

“มันจะเป็นยังไงก็เรื่องของมันดิ”

“แต่--”

“เด็กนั่นไม่ใช่ครอบครัวพี่ โบอันเดียวหายมันไม่ตายหรอก หรือถ้ามันจะตายพี่ก็ไม่แคร์ ตายไปเลยก็ดี--”

“คุณพี่เมฆ!!!!!!!!!!!!!”




ผมเหวออกมาเสียงดังด้วยความตกใจและไม่พอใจ เขาพูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง! ชีวิตคนไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ! ต่อให้คนเราเกลียดกันแค่ไหน แต่การที่จะไม่ดูดำดูดีแม้อีกฝั่งตายไปนี่มันไม่ใช่ความคิดที่มนุษยชนคนหนึ่งควรจะมี แล้วนั่นคือครอบครัวเลยนะ!!



“เราขึ้นเสียงใส่พี่!?”

“ใช่!” ผมยืนกรานเสียงแข็ง ผมไม่รู้หรอกว่ามีเรื่องอะไรกัน แต่ความคิดแบบนี้ผมไม่ชอบเลยสักนิด “ผมไม่คิดว่าคนเราจะสามารถทำแบบนั้นกับญาติตัวเองได้หรอกนะ หรือไม่ว่ากับใครก็ตาม”

“มันไม่ใช่ครอบครัวพี่”

“ทำไมล่ะ? ก็น้องสายฝนเขาเรียกพี่ว่าพี่--”

“พี่บอกว่ามันไม่ใช่ไง”

“แล้วมันคืออะไรล่ะ?!”




เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ พวกผมจ้องหน้ากันสักพัก จนกระทั่งคุณพี่เมฆถอนหายใจเสยผมขึ้นเหมือนไม่อยากที่จะคุยกับผมต่อ เออ เจ็บดี



“เราจะมารู้อะไร” คุณพี่เมฆเค้นเสียง แววตาเขาวาวโรจจนน่ากลัว “นี่มันเป็นเรื่องในบ้านพี่ คนนอกอย่างเราจะมาเข้าใจอะไร”

“เออ ใช่! ผมไม่เข้าใจ”

“ไม่เข้าใจก็เงียบไปสิครับ”

“แต่--”

“เมื่อไหร่จะหยุดเถียงสักที พี่ปวดหัวแล้วนะ เราก็อีกคนเหรอ? พอเถอะ”

“...”



โอเค

กลายเป็นผมโดนเหวี่ยงใส่แทนทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิดเนี่ยนะ?



ดี!




“งั้นก็แล้วแต่คุณแล้วกัน เชิญใช้เวลาอยู่คนเดียวไปให้พอ คนไม่เข้าใจแบบผมจะไปอาบน้ำแล้ว”




ผมพูดแค่นั้นแล้วหยิบกระเป๋า พร้อมกรงติ๊กต่อก เดินขึ้นไปที่ชั้นสองตามคำบอกเมื่อครู่ ห้องนอนคุณพี่เมฆคือห้องใหญ่ที่สุดทางซ้ายมือ หน้าห้องมีป้าย ‘Leave Me Alone’ แขวนอยู่ ผมเคยคิดว่าจะมีแต่ในหนังซะอีกนะเนี่ย อะไรแบบนี้อะ




ห้องคุณพี่เมฆเป็นโทนสีฟ้าครับ ถ้าบอกว่าเขาใช้มาตั้งแต่เป็นเด็กชายเมฆตัวโตนี่ผมก็เชื่อ ของบางอย่างเหมือนกับจะอยู่มาตั้งแต่เป็นเด็ก อย่างเช่นพวกแผ่นหนังเก่าๆ กับพวกเทปคาสเซ็ทที่อยู่ตรงมุมห้อง แล้วก็รูปที่วางอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือ




ผมมองแค่นั้นแล้วหยิบเสื้อผ้าในตู้เขาพร้อมผ้าเช็ดตัวชุดหนึ่งถือเข้าไปในห้องน้ำ ตอนนี้ผมรู้ตัวว่าผมหงุดหงิดเพราะโดนเหวี่ยง แล้วก็ไม่เข้าใจด้วยว่าทำไมเขาถึงต้องเกลียดน้องขนาดนั้น ลองเป็นบ้านผมนะ เราต้องโอ๋น้องมากแน่ๆ ผมคนนึงอะ เพราะผมชอบเด็กมาก



ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ หงุดหงิดด้วย

พี่แทนรักกับน้องแทนกายยังไม่เคยเหวี่ยงใส่ผมเลยนะ



ผมไม่เข้าใจอะไรก็อธิบายดีๆไม่ได้หรือไงกันนะ ทำไมต้องมาพูดเหมือนกับสองคนนั้นผิดมากมายอะไรแบบนั้น แถมพอผมแย้งกลับไปก็ว่ามาอีก น่าหงุดหงิดจริงๆ ให้ตายสิ




หงุดหงิด หงุดหงิด หงุดหงิด!




แบบนี้ต้องสระผม! สระผมนวดผมนานๆเลย แช่น้ำเลย จะได้อารมณ์เย็นลง พอคุณพี่เมฆดูทีวีเสร็จขึ้นมาเขาก็คงเย็นลงเหมือนกัน แล้วก็จะได้นอนๆ ให้คืนนี้ผ่านไปสักที



.

.

.




อ่าว ยังไม่มาแฮะ




จนผมอาบน้ำหัวเปียกๆออกมา อารมณ์เย็นลงจนถึงจุดเกือบปกติ เหลือไว้เพียงแค่ความไม่เข้าใจที่ยังตกค้างเท่านั้น และจนถึงตอนนี้ คุณพี่เมฆก็ยังไม่ขึ้นมาบนห้องนอนครับ ผมยักไหล่กับตัวเอง โอเค ไม่เป็นไร ผมอยู่คนเดียวก็ได้




‘ตุบ!’



คุณพี่เมฆ?




ผมหันไปตามเสียงเพราะคิดว่าแฟนผมขึ้นมาแล้ว แต่ก็แป่วเพราะเป็นแค่ติ๊กต่อกตัวอ้วนที่กลิ้งตกที่นอนไปอยู่บนพื้นกรงเท่านั้น โถ ไอ้อ้วนเอ๊ย




“มานี่ๆ มาเล่นเป็นเพื่อนพี่แทนใจหน่อยเร็ว”




ผมโกยเจ้าก้อนกระต่ายอ้วนเข้ามาไว้บนมือ โดยที่มันก็มาแต่โดยดี ปากยังคาบหญ้าอยู่เลยครับ สมแล้วที่ชื่อติ๊กต่อก ฮือ กลมๆป้อมๆ น่ารัก



“เราจะหยุดกินตอนไหนครับเนี่ย”

‘งั่มๆ’

“แน่ะ เมินอีก คุยด้วยก็ไม่คุยด้วยนะ เอาแต่กินเนี่ย”

‘งั่มๆ’

“เฮ้อ งอนได้มั้ยเนี่ยครับ ไม่สนใจพี่เลย”



 ผมลูบขนกระต่ายบนมือ ติ๊กต่อกไม่กลัวคนเลย ความจริงเหมือนไม่สนใจอะไรเลยนอกจากอาหาร ผมเข้าใจคุณพี่เมฆที่พามันไปหาหมอตอนมันไม่ทานข้าวนะ น่าจะผิดสังเกตมากๆ หากเจ้าตัวอ้วนนี่เลิกคาบอาหารไว้ในปากน่ะ



“เราเคยโดนคุณพี่เมฆเหวี่ยงใส่มั่งมั้ย?”

‘งั่มๆ’

“ตอนไม่มีหญ้าแห้ง ตอนที่น้ำไม่อร่อย เคยเหวี่ยงใส่เขาบ้างหรือเปล่า”

‘...’




ผมวางกระต่ายคืนในกรงเมื่อเห็นว่าคุยไปก็ไร้ประโยชน์ มันไม่สนใจอะไรนอกจากของกินเลย พอหญ้าหมดก็มาแทะๆมือผมแทน เรากินไม่ได้นะ กระต่าย หยุด!



ผ่านไปชั่วโมงกว่าคุณพี่เมฆก็ยังไม่ขึ้นมา



เป็นการมานอนบ้านแฟนครั้งแรก ที่รู้สึกแย่จนกลัวว่าครั้งหน้าผมจะต้องเจอความรู้สึกแบบนี้อีกหรือเปล่า ไม่อยากรู้สึกว่าตัวเองคิดผิด แต่มันก็อดไม่ได้



ผมรู้สึกอึดอัดอึดอัด แย่อะ มันแย่จริงๆ




ผมเล่นกับติ๊กต่อกรอ รอจนกระทั่งติ๊กต่อกหลับไป ผมมองกระต่ายอ้วนที่นอนหลับบนกองอาหารของตัวเองอย่างอ่อนใจ ถ้าผมเกิดเป็นกระต่ายแบบติ๊กต่อกจริงๆก็คงดี วันๆกินข้าว นอน กินข้าว แล้วก็น่ารักไปเรื่อยๆ แค่นั้นพอ ไม่ต้องคิดอะไรเยอะเลย ไม่ต้องทำงานด้วย



ให้ตาย


ผมไถลตัวลงไปนอนฟุบอยู่ข้างๆกระต่ายที่นอนหายใจสม่ำเสมอ หวังว่าตอนที่ผมตื่นมาคุณพี่เมฆคงจะขึ้นมา แล้วเขาจะไม่ทะเลาะกันแล้วนะ


ผมไม่ชอบแบบนี้เลยจริงๆ …



Rrrr




เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นจากที่ไกลๆปลุกผมขึ้นมาจากการหลับใหล ผมมองซ้ายมองขวาอย่างงงๆ ตอนนี้ผมยังอยู่ที่เดิม แต่ต้นตอเสียงเดินออกไปนอกระเบียงห้องแล้วครับ




คุณพี่เมฆ?



ผมคิดในใจ แสดงว่าเมื่อกี้เขาเพิ่งอยู่ตรงนี้ แล้วเดินออกไปนอกระเบียงพร้อมกับโทรศัพท์ที่ดังเมื่อครู่ ผมเอาข้อมูลทั้งหมดมารวมยำๆในหัวแล้วสรุปออกมาเอง



“โทรมาทำไม?”




อาจจะเพราะเขาไม่ได้ปิดประตูกระจก ผมเลยมองเห็นร่างของคุณพี่เมฆที่ยืนหันหลังอยู่ด้านนอก เงาของเขาจากทางด้านหลังดูอ้างว้างเมื่อมองจากตรงนี้ อาจจะเป็นเพราะห้องของคุณพี่เมฆเขาเงียบมาก ผมเลยได้ยินเสียงที่ลอดออกมาจากโทรศัพท์ของเขาด้วย



(“แกทำแบบนี้ทำไม?”)

“ถ้าจะโทรมาด่าผมวางนะ ขี้เกียจฟัง”

(“ถามว่าแกไล่ใหม่กับน้องฝนเขาทำไม!!”)




เสียงที่ดังลอดออกมาจากโทรศัพท์ทำให้ผมตกใจ เขาตะคอกคุณพี่เมฆผ่านโทรศัพท์ น้ำเสียงเกรี้ยวกราดนั่นน่ากลัวมาก แต่คุณพี่เมฆยังไม่ขยับเลยสักนิด



“แล้วทำไมผมจะไล่ไม่ได้ นี่มันบ้านผม”

(“บ้านฉัน มันมีเงินของฉันครึ่งหนึ่ง ฉันซื้อมากับแม่แก สำนึกซะบ้าง”)

“บ้านที่คุณซื้อมาแล้วไม่เคยกลับมาน่ะเหรอ? เหอะ สุดท้ายแล้วแม่ก็ดูแลคนเดียวอยู่ดี”




คุณพี่เมฆกำลังคุยโทรศัพท์กับคุณพ่ออย่างงั้นหรือ? ผมคิดกับตัวเองเงียบๆ เมื่อเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวจากบทสนทนาของเขาได้




(“อย่าลืมว่าแกโตมาเพราะฉัน บ้านหลังนี้ก็ของฉัน”)

“มันจะสักเท่าไหร่เชียว บอกตัวเลขมาเลย เดี๋ยวผมโอนให้ตอนนี้เลย แล้วเลิกยุ่งกับผมแล้วก็บ้านหลังนี้สักที!”




เสียงปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง จนสุดท้ายแล้ว คู่สนทนาของคุณพี่เมฆก็ตอบกลับมา




(“เนรคุณ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันมีลูกชายสันดานแบบนี้”)




ผมตัวชา คำนี้มันแรงสำหรับผมมาก บ้านของผมไม่เคยมีเรื่องแบบนี้ แล้วผมก็ไม่เคยคิดว่าจะสามารถมีบุพการีที่ไหนพูดกับลูกในไส้แบบนี้ได้มาก่อน



“ผมก็ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีพ่อสันดานแบบนี้เหมือนกัน!”




บทสนทนาจบลงไปแล้ว แต่คุณพี่เมฆยังคงยืนอยู่ที่เดิม เขายืนอยู่ที่ระเบียง ผมยังคงมองเห็นแค่แผ่นหลังกว้าง ตอนนี้ความคิดในหัวผมผสมปนเปกับอารมณ์มั่วไปหมด



ครอบครัวของคุณพี่เมฆเขาเป็นแบบนี้กันเหรอ? คนเป็นพ่อสามารถทิ้งแม่ได้ด้วยเหรอ? แล้วลูกสามารถรู้สึกแบบนี้กับบุพการีได้จริงๆเหรอ?



เรื่องไกลตัวที่เคยเห็นแต่ในละครเกิดขึ้นใกล้ตัวมากจนรับมือไม่ทัน ผมจมอยู่กับความคิดตัวเอง ไม่รู้ว่าผ่านไปเท่าไหร่ จนกระทั่งเจ้าของห้องถอนหายใจครั้งสุดท้าย แล้วเดินกลับเข้ามา 




“แทนใจ ไม่ได้หลับเหรอ?”




ผมไม่ได้ตอบอะไรออกไป เพราะไม่แน่ใจว่าควรจะพูดอะไรดี ไม่รู้ว่าคุณพี่เมฆยังโมโหผมอยู่หรือเปล่า แล้วไม่รู้ว่าเขายังอารมณ์เสียจากสายโทรศัพท์ หรือแม่ลูกคู่เมื่อกี้ค้างอยู่ไหม ผมไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวอย่างไรในสถานการณ์แบบนี้




คุณพี่เมฆเดินเข้ามาใกล้ เขาทรุดตัวลงนั่งอยู่ด้านข้าง มือที่ประคองอยู่ข้างแก้มของผมให้ความรู้สึกเย็นเล็กน้อย น่าจะเพราะว่าเมื่อครู่เขายืนตากลมอยู่ข้างนอกนั่น



“แทนใจ…”




เสียงของเขาดูสั่น กลิ่นบุหรี่จางๆทำให้รับรู้ได้ไม่ยากว่าเขาคงผ่านการสูบบุหรี่มา ผมครางรับเบาๆ ไม่ได้ปฏิเสธอะไรเมื่ออีกคนเขยิบเข้ามาใกล้มากขึ้น จนกระทั่งเขาโอบผมเอาไว้ นึกขอบคุณที่คุณพี่เมฆมีโซฟาที่นั่งสบายอยู่ในห้องนอน ไม่อย่างนั้นเขาคงจะปวดหลังแน่ๆ




ผมเอื้อมมือลูบผมเขาแผ่วเบา ความเงียบปกคลุมเราทั้งคู่เพียงชั่วครู่ ก่อนที่เจ้าของห้องจะเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา




“กลัวพี่มั้ย?” 




คุณพี่เมฆกระซิบเบาๆ ด้วยความเงียบของห้อง ทำให้คำพูดของเขาดังก้องในหัวผมโดยที่เขาไม่ต้องเพิ่มเสียงเลยสักนิด ผมเริ่มเข้าใจเขาขึ้นมาเล็กน้อย ลองคิดว่าหากพ่อที่เป็นฮีโร่ตั้งแต่เด็กของผมมาทำแบบนี้ ผมเองก็คงจะโมโหเหมือนที่คุณพี่เมฆเขาเป็น หรืออาจจะแย่กว่า




“เมื่อกี้ แทนใจกลัวพี่มั้ย?”




เขาถามย้ำ พลางกระชับอ้อมกอดให้แน่นมากขึ้น ผมลังเลเล็กน้อย ก่อนจะตอบความจริงออกไป




“ครับ”




หากถามมาตรงๆ ผมเองก็จะตอบความรู้สึกของผมตามตรงเช่นเดียวกัน




“ผมกลัวนะ แต่ผมรับได้”

“...”

“ผมรับทุกอย่างของคุณได้”

‘“...”

“ให้ผมได้รู้จักคุณมากกว่านี้นะ”



------- 70% --------





อิอิอิอิอิอิอิอิ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡16th Monday - กลัวมั้ย? (70%) (08/08/18)
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 08-08-2018 21:32:05
งือออคุณพี่เมฆ กอดๆนะ
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡16th Monday - กลัวมั้ย? (70%) (08/08/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 08-08-2018 21:37:09
มาม่าชามโต เอิ่มมมม

 :ling1:

 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡16th Monday - กลัวมั้ย? (70%) (08/08/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 09-08-2018 22:54:03
อยากให้แทนใจแกล้งงอนคุณพี่เมฆบ้างงง มาตวาดน้องทำไมมม  :hao5:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡16th Monday - กลัวมั้ย? (70%) (08/08/18)
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 11-08-2018 20:51:15
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡16th Monday - กลัวมั้ย? (70%) (08/08/18)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 11-08-2018 22:26:13
แทนใจเก่งอ่ะ ที่ถึงแม้จะไม่เข้าใจ แต่ก็รับมือได้ดี
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡16th Monday - กลัวมั้ย? (70%) (08/08/18)
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 14-08-2018 08:27:09
น่าสงสาร แต่พี่เมฆก็ไม่ควรพูดป้ะ ว่าแทนใจ้ป็นคนนอก
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡16th Monday - กลัวมั้ย? (70%) (08/08/18)
เริ่มหัวข้อโดย: J2K2411 ที่ 14-08-2018 20:18:35
:katai2-1: :katai2-1: แทนใจน่ารักกกกกก
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡16th Monday - กลัวมั้ย? (70%) (08/08/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 15-08-2018 16:02:34
ตั้งแต่อ่านมาเจอพี่เมฆในมุมอบอุ่น น่ารัก กวนทีนนิด ๆ มาตลอดอ่ะ เจอมุมนี้เข้าไปก็แอบกลัวพี่เหมือนกันนะ อย่าอารมณ์เสียใส่น้องแทนนะพี่เมฆ / ตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนล่าสุดเราใช้ว่าน้องงงงงงงงงงงงงกับน้องแทนใจเยอะมากจริง ๆ ทำไมน่ารักขนาดนี้อ่ะ และก็ซุกซนชอบอ่ะกวนทีนตลกเอ็นดูนาง
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡16th Monday - กลัวมั้ย? (100%) (08/08/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 16-08-2018 19:16:21
16th Monday -- 100%
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 





ผมพูดออกไปแล้ว พูดในสิ่งที่คิด คุณพี่เมฆที่อยู่ตรงหน้าผมมองหน้าผม เราสบตากันแบบนั้น ผมไม่สามารถรู้ได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ เขาเหมือนห้วงทะเลลึกที่ยากต่อการคาดเดา และตอนนี้ ผมเองก็ไม่กล้าเดาเช่นกัน เพราะผมแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยจริงๆ


“ผู้หญิงคนนั้น คือเมียน้อยของพ่อพี่”



ห๊ะ?


ผมตกใจจนแทบจะลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิ แต่เพราะว่ามีหมีนอนทับตักอยู่ จึงทำอะไรไม่ได้มากกว่าที่เป็นอยู่นัก คุณพี่เมฆดูนิ่ง เขาพูดต่อไป


“เขาแอบคบกันตั้งแต่พี่ยังเรียนอยู่มัธยม…”


แววตาของเขาแข็งกร้าวขึ้นมา ผมรู้สึกว่าท่าทางของเขาดูโกรธและเสียใจในเวลาเดียวกัน เป็นความรู้สึกที่ผมไม่เคยสัมผัส และสีหน้าตอนนี้ของเขา ก็เป็นสิ่งที่ผมไม่เคยเห็นเช่นเดียวกัน


“ผู้หญิงคนนั้น คือเพื่อนสนิทของแม่พี่ เขาสนิทกันจนเราเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน เป็นเพื่อนเจ้าสาวของแม่  เขาเคยเรียกพี่ว่าลูก และพี่ก็นับถือเขาเหมือนเป็นแม่คนที่สองเลยด้วยซ้ำ”


“...”
“พี่ยังจำได้ตอนที่พี่เด็กๆ เขาบอกว่าอยากมีลูกชายแบบพี่ เขาอยากมีครอบครัวแบบที่แม่พี่มี แบบที่ครอบครัวพี่เป็น”
“...”
“แล้วสุดท้าย เขาก็ทำมันได้”
“...”
“ในขณะที่แม่พี่ประสบอุบัติเหตุต้องนอนโรงพยาบาล ผู้หญิงคนนั้นก็โผล่มาพร้อมกับเด็กในท้อง … แล้วก็อ้างตัวว่านี่คือน้องของพี่”


นี่มันเรื่องอะไรกัน??

ในหัวผมมีแต่คำถามเต็มไปหมด แต่กลับไม่มีเสียงที่จะพูดอะไร ทำได้เพียงแค่รอฟังสิ่งที่เขาจะพูดต่อไป


“พ่อกับแม่พี่เริ่มทะเลาะกันหนักมากตั้งแต่ตอนนั้น จนในที่สุด ผู้ชายคนนั้น ก็เลือกสร้างครอบครัวใหม่กับเมียน้อยทันทีที่เด็กผู้หญิงคนนั้นเกิด ”
“...”
“แม่พี่นั่งรอให้พ่อกลับมา นี่โซฟาตัวเมื่อกี้ นั่งรอทุกวัน แต่ผู้ชายคนนั้นเลือกจะไปอยู่ที่อื่นกับสองแม่ลูกนั่น ทั้งที่บ้านนี้พวกเขาเก็บเงินซื้อมาด้วยกัน เป็นของขวัญแต่งงาน เป็นเรือนหอ…”
“...”
“สองแม่ลูกนั่นขโมยทุกอย่างไปจากพี่ ทั้งครอบครัว ทั้งพ่อ และชีวิตของแม่พี่”
“...”
“เขามีความสุขกันในขณะที่แม่พี่นั่งร้องไห้และหมดกำลังใจที่จะใช้ชีวิตต่อ ขนาดวันที่แม่พี่ตาย ผู้ชายคนนั้นยังไม่สนใจเลย ”


ผมไม่เคยรู้เลยว่าคุณพี่เมฆที่ยิ้มตลอดเวลาจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในบ้าน ความจริงแล้วเรื่องพวกนี้ไกลตัวผมมาก ไม่เคยคิดว่าสิ่งที่อยู่ในหนังจะเกิดขึ้นในชีวิตจริงของบางคน ทั้งที่รู้ก็รู้ว่าภาพยนตร์บางเรื่องมันสร้างจากเรื่องจริงก็ตาม


“เวลาที่เห็นหน้าเด็กคนนั้น พี่คิดถึง… ตอนที่แม่เสีย”


ผมกระชับอ้อมกอดของคนที่อยู่บนตัวเอาไว้แน่นๆ ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร ผมอยากที่จะเป็นความสบายใจของเขา เหมือนกับที่เขาเป็นความสบายใจของผม


ผมอยากจะช่วยเขา

ผมอยากให้ความรักของผม ทดแทนกับสิ่งที่เขาเคยได้รับ


คุณพี่เมฆสมควรได้มากกว่านั้น


“คุณพี่เมฆครับ”
“ว่าไง? เราเมื่อยหรือเปล่า พี่--”


ผมก้มลงไปจูบอีกคนเอาไว้ ไม่ได้คิดอะไรมากกว่าอยากให้เขารู้สึกดีขึ้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่มันถูกหรือผิด ผมแค่อยากบอกเขาว่าผมอยู่ตรงนี้


เขายังมีผมอยู่ข้างๆ ในเวลาแบบนี้


ผมกับเขามองหน้ากันท่ามกลางแสงไฟ ผมส่งยิ้มให้เขา ตอนที่คุณพี่เมฆอยู่ด้านบน สัมผัสของเขาที่แตะไปทุกส่วนนั้นทำให้หัวใจเต้น และในขณะเดียวกันทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น เขาเหมือนเตาผิงในวันที่อากาศหนาว หรือต่อให้ไม่หนาวผมก็จะเขาอยู่ดี


เราจูบกันอีกครั้ง


ผมน่าจะเริ่มเสพติดการจูบของคุณพี่เมฆแล้วล่ะ


“แทนใจครับ … ให้พี่รักแทนใจนะครับ”


แล้วตอนนี้คุณพี่ไม่ได้รักผมอยู่เหรอ?


นี่คือความคิดที่ขึ้นมาในหัว แต่เพียงชั่วครู่ก็ถูกลบไปด้วยจูบของคุณพี่เมฆอีกครั้ง คราวนี้มันทั้งร้อนแรงแล้วก็อ่อนโยนอยู่ในที ผมไม่รู้ว่าควรจะอธิบายจูบของคุณพี่เมฆว่าอย่างไร มันเหมือนคุณพี่เมฆเมื่อครู่มากๆ


เป็นจูบที่ดุดัน เกรี้ยวกราด และร้อนแรงในเวลาเดียวกัน


“ฮื่อ…”


ผมครางฮือเมื่อชุดนอนสีน้ำเงินที่เพิ่งสวมเมื่อครู่ถูกปลดออก ความเย็นของเครื่องปรับอากาศปะทะผิวให้รู้สึกหนาว และอาจจะเป็นแบบนั้นต่อไป หากคุณพี่เมฆไม่กดจูบเบาๆบนหัวไหล่


‘จุ๊บ’


ทั้งที่แค่เป็นจุมพิตเบาๆ แต่มันกลับอุ่นไปทั้งหัวใจ


ผมว่าผมเป็นเอามากแล้ว


“เคยมีเซ็กส์มั้ย?”


คุณพี่เมฆถามในขณะที่กำลังปลดเสื้อผมออก ผมปรือตามองเขา รอยยิ้มบนหน้าคมปรากฏขึ้นเมื่อผมส่ายหัวเป็นเชิงปฏิเสธ เมื่อเห็นรอยยิ้มเขาผมก็หันหน้าหนี มันอายเหมือนกันนะที่ต้องมาคุยกันเรื่องนี้ ถึงแม้จะเป็นเวลาที่ควรจะพูดที่สุดแล้วก็ตาม


“พี่จะไม่รุนแรงกับเรา”
“...”
“เชื่อใจพี่นะครับ”


คำตอบของผมคือการพยักหน้าเบาๆ


เพราะเราไม่ได้ปิดไฟ ทำให้คุณพี่เมฆเห็นสีหน้าของผมชัดเจน เช่นเดียวกับที่ผมมองเห็นสีหน้าของเขา ใบหน้าที่เหมือนกับว่าตัวเองคือผู้ชนะหนึ่งเดียวในสงคราม หรืออาจจะเป็นนักเตะที่ทำประตูได้ในนาทีสุดท้าย ผมไม่รู้เรื่องกีฬามากนัก แต่ใบหน้าของคุณเมฆดูเหมือนเขากำชัยชนะคนทั้งโลกเอาไว้


นั่นรวมถึงเขาชนะผมด้วยหรือเปล่านะ?


“ตรงนั้น... “


ความคิดถูกดึงกลับมาด้วยสัมผัสของอีกคน มือของคุณพี่เมฆที่เล่นกับทั้งหน้าอกและส่วนล่างทำให้ผมเหมือนรู้สึกว่าตัวเองกำลังขึ้นสวรรค์ ถ้อยคำปลอบโยนและรอยจูบแผ่วเบาคอยย้ำเตือนว่าเขาอยู่ตรงนี้ อยู่กับผม


แม้กระทั่งตอนที่เขาเริ่มต้นเบิกทาง


“เจ็บมั้ยครับ?”
“เจ็บ”


ผมกระซิบตอบกลับไปทันที เขาเพียงแค่หัวเราะเล็กน้อยเหมือนกับว่ากำลังเอ็นดู ตามมาด้วยจูบปลอบประโลม ที่ได้ผลมาก มันทำให้ผมคลายกังวลลงได้เยอะ หัวสมองโล่งไปหมด ซึ่งในขณะนั้นคุณพี่เมฆเองก็เริ่มสอดนิ้วที่สองเข้ามา


อึดอัด
อึดอัดไปหมด


ผมหลับตาปี๋ พยายามผ่อนคลายเหมือนดั่งคำที่คุณพี่เมฆคอยพูดอยู่ข้างหู ผมไม่คิดว่าจะต้องอึดอัดขนาดนี้ ผมไม่เคยคิดอะไรถึงจุดนี้เลย ในหัวผมมีแค่เราสองคนรวมกันเป็นหนึ่ง และนี่คือเหตุผลที่ผมยังคงทนอึดอัดอยู่ต่อไป


เพราะอยากเป็นหนึ่งเดียวกับเขา


“ฮึก…”


นิ้วที่สามถูกสอดตามเข้ามาด้วยระยะเวลาไม่ห่างกันเท่าไหร่ ผมพยักหน้าหลับตาปี๋เมื่อคุณพี่เมฆถามว่าไหวมั้ย ยังทนได้หรือเปล่า ผมยังไหว ถึงแม้ว่าจะรู้สึกเหมือนกับกำลังจะโดนทรมานจนอาจจะตายไปก็ตาม


ไม่ ไม่ใช่เลย ความทรมานที่สุดไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น


มันเกิดขึ้นตอนที่เราสองคน เป็น หนึ่งเดียวกันโดยสมบูรณ์ต่างหาก


“ผะ… ผมเจ็บ”
“ชู่ว… แทนใจไม่ร้องนะครับ”


ผมไม่สามารถห้ามความทรมานตอนที่ตัวตนของคุณพี่เมฆเข้ามาจนสุดได้ มันเจ็บเหมือนกับว่าร่างกายแทบจะฉีกขาด อึดอัดแบบที่ผมอยากจะหายไปจากตรงนี้ ไม่อยากทำแล้ว ไม่เอาแล้วได้มั้ย มันเจ็บมาก เจ็บกว่าที่เคยเจ็บมาทั้งหมด


“อยากหยุดมั้ย?”


ทุกสิ่งเงียบงันเมื่อคำถามนี้หลุดออกมาให้ได้ยิน ผมพยายามลืมตามองหน้าคุณพี่เมฆ คนที่อยู่ด้านบนของผมทำหน้าจริงจัง หากผมเอ่ยปากขอ เขาก็คงหยุดทุกอย่างแล้วกลับไปที่จุดเริ่มต้น


“มะ… ไม่ต้อง”
“...”
“ทำต่อนะ ทำแทนใจต่อนะครับพี่เมฆ”


ทุกอย่างผมทนได้ ต่อให้เจ็บกว่านี้อีกสิบเท่าผมก็ทนได้
ทั้งหมดเพื่อเหตุผลเดียว … เพราะผมอยากที่จะเป็นหนึ่งเดียวกับเขา


“ครับ”


รอยยิ้มชัยชนะบนหน้าเขาทำให้ผมตาพร่า หัวใจเต้นรัวเร็วเหมือนจะหลุดออกมาข้างนอกเสียให้ได้ มันตื่นเต้นกว่าตอนที่แอดมิชชั่นติดหรือได้งานครั้งแรก ความเจ็บปวดทางร่างกายถูกเอาชนะด้วยความต้องการทางจิตใจ ไม่ใช่กามารมณ์ แต่เป็นความต้องการที่จะให้คุณพี่เมฆมีความสุข


ผมอยากเป็นความสุขของเขา


จังหวะเนิบนาบในช่วงแรกถูกเร่งขึ้นเมื่อผมเริ่มปรับตัวได้ ถ้อยคำหวานหูและสัมผัสเล้าโลมในทุกจุดของร่างกายช่วยเบี่ยงเบนความสนใจจากความทรมานไปได้เยอะ มือของเขาที่แตะประสาน รอยจูบ ทุกอย่างของคุณพี่เมฆเหมือนเชื้อเพลิงที่แผดเผาผมให้จมไปในความเร่าร้อนนี้


“พร้อมกันนะครับ”
“อื้อ…”


จังหวะถูกเร่งขึ้นอีกครั้งเมื่อสมควรแก่เวลา เราสองคนสอดประสานร่างกาย เขาส่งมาผมรับต่อ เราจ้องหน้ากัน ผมอยากมองหน้าเขา อยากจดจำวินาทีที่เราอยู่ด้วยกันตรงนี้เอาไว้ให้ได้มากที่สุด


“อ๊ะ…”


ผมยอมแพ้หลับตาเมื่อร่างกายเกร็งไปทุกส่วน แทนใจน้อยร้องไห้ออกมามากมาย คุณพี่เมฆเร่งจังหวะอีกไม่นานก็ส่งเสียงครางหนักๆแล้วปลดปล่อยตามมา พวกเรานอนหอบกันอยู่บนเตียงกว้าง ข้างกันและกัน

เราจูบกันอีกครั้ง และอีกครั้ง


เซ็กส์ครั้งแรกไม่เหมือนกับที่ผมเคยจินตนาการเลยสักนิด
มันร้อนแรง มันเจ็บปวดและอึดอัด และมัน… เต็มไปด้วยกลิ่นอายของคุณพี่เมฆ


เป็นประสบการณ์ที่มีความหมายกับผมมากจริงๆ



.
.
.



เมื่อเสร็จสมอารมณ์หมาย แฟนผมเขาก็หิ้วผมเข้าห้องน้ำแล้วไปอาบน้ำให้ครับ เขาทำความสะอาดให้ทุกซอกทุกมุมจนผมอายจนไม่รู้จะต้องอายยังไง แต่เขาก็ยังบอกว่าไม่เป็นไร เขาทำผมเลอะแล้วก็ทำผมเหนื่อย ก็ต้องทำความสะอาดให้นั่นแหละถูกแล้ว

“แทนใจ”
“อือ”
“พี่ยังไม่พอเลย พี่ยังรักเราไม่พอ”
“อือ…”

ผมรับคำเขาในลำคอ มือที่ไล้ไปตามร่างกายชวนให้รู้สึกใจเต้น แต่ผมขอเขาเอาไว้ว่าไม่ให้เอาเข้ามาแล้ว เพราะคุณพี่เมฆทำท่าจะต่ออีกรอบตั้งแต่วางผมลงในอ่าง แต่เพราะว่าผม … บวมมาก … และหากมากกว่านี้มันต้องอักเสบแน่ๆ คุณพี่เมฆเลยยอมหยุดอยู่แค่นี้


แค่ชูวับชูวับกันอีกครั้ง


ซึ่งเป็นการชูวับชูวับ ที่ไม่เหมือนกับครั้งแรกของเราเลยสักนิด


เพราะตอนนั้นสติของผมมีอยู่ประมาณกึ่งหนึ่งเท่านั้น ทุกอย่างเป็นไปตามสัญชาตญาณ แต่ครั้งนี้ผมรู้สึกตัวดีทุกการสัมผัส ตอนที่เรามองหน้ากัน ตอนที่น้องชายของพวกเราร้องไห้ออกมาพร้อมกัน ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในความรับรู้และสติเต็มร้อยของผมทั้งหมด



“แทนใจ”
“หือ?”


คุณพี่เมฆพเรียกผมเบาๆ ตอนนี้เรานอนกอดกันอยู่บนเตียงสีฟ้าหลังเดิม ผมเริ่มจะเบลอๆแล้วครับ เพราะเมื่อกี้คุณพี่เมฆหายาแก้อักเสบกับยาแก้ปวดมาให้กิน ซึ่งไอ้ยานั่นมันทำให้ง่วงมากจริงๆ ตอนนี้ตาผมหนักมากเลยครับ


“ขอบคุณนะครับ”
“งืม”
“พี่รักเรามากนะ เราเป็นของพี่แล้วนะ”
“งืม”


ผมก็รักพี่มากเหมือนกัน

มากจนไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถรักเขาขนาดนี้ได้ในระยะเวลาเพียงสั้นๆ

เสียงของผมตอบรับเขาในความคิด ซึ่งสิ่งที่ออกไปจริงๆคือการรับคำสั้นๆเท่านั้น ก่อนจะค่อยๆหลับไป รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงแว่วๆมาจากที่ไกลๆ แต่ผมไม่สนใจอะไรแล้ว ไม่สนว่าเขาจะน่ากลัวแค่ไหน หรือความสัมพันธ์ของเรามันจะยั่งยืนได้อีกนานเท่าไหร่


ในวันนี้ … ผมเป็นของเขาโดยสมบูรณ์


ทั้งตัวและหัวใจ



------- TBC -------


ยังไม่จบนะทุกคน ปมยังเหลืออีกบานเลยค่ะ 5555555555

ในที่สุด เขาก็ได้กันอย่างเป็นทางการแล้วนะคะ *จุดพลุ*
ขนาดมาถึงตอนนี้แล้ว ลาสบอสก็ยังไม่ออกค่ะ 55555


ขอบคุณทุกๆคนที่อ่านนะคะ แคอ่านเราก็ดีใจมากๆแล้ว และคนที่ feedback กลับมาในช่องทางต่างๆ ทั้งที่นี่ และที่ทวิตเตอร์ เราเห็นทั้งหมด แล้วก็อ่านทั้งหมด ขอบคุณจริงๆค่ะ ทุกอย่างทำให้ชีวิตวันทำงานของเราไม่น่าเบื่อค่ะ เพราะเราจะจำ แล้วก็เอามาเขียนนิยาย 55555

ขอบคุณมากจริงๆค่ะ แล้วเราจะรีบมาต่อเร็วๆนี้นะ (แต่เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณงานในมือด้วยค่ะ นี่ยังไม่เคลียร์งานวันนี้เลย ล้องแล้ว)

เหมือนเดิมนะคะ ใครมีอะไร ไม่ว่าจะติจะชม เรารับหมดเลย ได้ทุกช่องทาง ทั้งคอมเมนต์ และแท็กนิยาย #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ขอบคุณอีกครั้งค่า XD

@Babybaphomet

หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡16th Monday - เชื่อใจพี่นะครับ (100%) (16/08/18)
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 16-08-2018 19:33:30
 :z1: :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡16th Monday - เชื่อใจพี่นะครับ (100%) (16/08/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 16-08-2018 19:44:37
คริคริคริ

ในที่สุดน้องก็เสร็จพี่เมฆ

แต่หนูไม่ค่อยอ่อยเค้าเท่าไหร่เลยนะลูก
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡16th Monday - เชื่อใจพี่นะครับ (100%) (16/08/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 16-08-2018 19:53:43
คุณพี่เมฆคนชั่วววว รังแกน้องงงงงง  :hao7:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡16th Monday - เชื่อใจพี่นะครับ (100%) (16/08/18)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 16-08-2018 19:59:48
อย่างงี้นี่เอง
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡16th Monday - เชื่อใจพี่นะครับ (100%) (16/08/18)
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 16-08-2018 22:11:09
น้องแทนใจจ โดนพี่เมฆกินซะแล้วว
ยังเหลือปมอีกเยอะะ โหห ผ่านไปด้วยกันนะทั้งสองคนน
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡16th Monday - เชื่อใจพี่นะครับ (100%) (16/08/18)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 16-08-2018 22:36:54
แทนใจโดนกินซะแล้ว มันไม่ใช่สถานการณ์ที่ควรจะถูกกินเลยอ่ะ มันหย่วงอยู่แป้บๆ พี่เมฆโหมดหื่นมายังไง
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡16th Monday - เชื่อใจพี่นะครับ (100%) (16/08/18)
เริ่มหัวข้อโดย: EunJin ที่ 16-08-2018 22:59:35
สนุกมากกกก ชอบความตรงไปตรงมาของแทนใจ ไม่ยืดเยื้อเวิ้นเว้อ
พี่เมฆดูอบอุ่นจัง โอ้ยยยยฟิน
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡16th Monday - เชื่อใจพี่นะครับ (100%) (16/08/18)
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 17-08-2018 07:41:13
แทนใจน่ารักกก 555 ใสซื่ออออ
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡16th Monday - เชื่อใจพี่นะครับ (100%) (16/08/18)
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 19-08-2018 22:19:17
เสร็จพี่เมฆไปแล้ว
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡16th Monday - เชื่อใจพี่นะครับ (100%) (16/08/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 24-08-2018 20:51:51
17th Monday : มุมมองของคนที่รักวันจันทร์ (คุณเมฆเล่าบ้าง)
#เรื่องของคนที่รักวันจันทร์




ทำไมน่ารักจังวะ?


ผมนอนมองแฟนที่หลับเป็นตายหลังจากที่เราเพิ่งกอดกันเสร็จ ผมลูบหน้าม้าของแฟนเล่น ตามปกติหลังจากที่มีเซ็กส์จบผมจะเหนื่อยมาก แต่ครั้งนี้ผมยังไม่อยากหลับ ผมยังอยากนอนมองหน้าคนของผมก่อน


แทนใจเป็นของผมแล้ว เป็นของผมคนแรก และจะเป็นของผมคนเดียว


รอยยิ้มผุดขึ้นมาบนใบหน้าทันทีเมื่อคิดถึงความจริงข้อนี้ ตั้งแต่วันแรกที่เห็นใบหน้ากลมๆนี่จนถึงตอนนี้ ผมชอบเขามากขึ้นทุกวัน จนกลายเป็นความรักตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ โคตรเลี่ยนแบบที่ถ้าไอ้แว่นกฤติได้ยินคงทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ผม  แต่มันคือความรู้สึกที่ผมมีต่อแทนใจ


ผมรักเขา


อยากจะปลุกเจ้าแก้มกลมขึ้นมากระซิบบอกรักซ้ำๆ แต่ถ้าทำแบบนั้นผมคงต้องชกตัวเองข้อหาแกล้งแฟนที่กำลังเหนื่อยโดยไม่จำเป็น ถึงแม้ตอนแทนใจงอแงจะโคตรน่ารักน่าแกล้งให้ร้องไห้เลยก็เถอะ


ยิ่งคิดยิ่งดูโรคจิต แต่โรคจิตกับแฟนไม่เป็นไรหรอกมั้ง? เป็นเหรอ? ผมว่าไม่นะ


‘ฟี่…’


ผมยิ้มเหมือนพี้ยาเมื่อแทนใจพลิกตัวแล้วกรนเบาๆ บ่งบอกว่าเจ้าตัวหลับสนิทมาก (แถมท่าทางจะเหนื่อยมากด้วย ก็ไม่แปลก บ่นงุ้งงิ้งมาตั้งแต่รอบแรก แต่ผมอดใจไม่ไหวจริงๆ) แทนใจตอนหลับไม่ต่างจากตอนตื่นเท่าไหร่นัก แก้มกลมๆนั่นยังดูน่ารักน่าบีบเหมือนเคย ไม่แปลกใจทำไมทุกคนโอ๋แทนใจกันขนาดนี้


กว่าผมจะได้จีบแทนใจตรงๆนี่ผ่านหลายด่านมากครับ ทั้งซุกซน ทั้งไอ้แว่นกฤติ นี่ยังไม่รู้ว่าถ้าเจอน้องแทนกายอะไรนั่นของเจ้าตัวจะขนาดไหน เด็กอะไรโคตรหวงพี่ เอาเถอะ อยากหวงแค่ไหนผมก็ไม่แคร์อยู่แล้ว อย่ามาทำให้พวกผมเลิกกันก็พอ


หลังจากนอนเล่นผมแฟน (ผมละชอบคำนี้จริงๆ) มาสักพัก ผมก็คิดว่าผมลางานให้ทั้งตัวเองแล้วก็แทนใจเลยละกัน คิดได้ดังนั้นก็หยิบโทรศัพท์ที่ปิดเสียงไว้บนหัวเตียงขึ้นมาถ่ายรูปแทนใจที่นอนแก้มแนบหมอน


‘แชะ’


น่ารัก น่ารักฉิบหาย แฟนใครวะแม่งเอ๊ย


3.10 a.m.


mek: คุณ ยังไม่นอนใช่มั้ย?
ไอ้แว่นกฤติ: ที่บ้านไม่สอนเหรอครับ ว่าทักคนอื่นตอนนี้ไม่ใช่มารยาทที่ดี
mek: พรุ่งนี้แทนใจลางานนะ ป่วย
ไอ้แว่นกฤติ: ป่วย?
ไอ้แว่นกฤติ: ขอความจริง
ไอ้แว่นกฤติ: คุณทำอะไรกระต่ายผม



กระต่ายผมต่างหาก!


อยากจะตอบกลับแบบนี้มาก แต่ผมจะไม่หัวร้อน วันนี้วันดีที่แทนใจเป็นของผมแล้ว ผมจะไม่หัวร้อนใส่ไอ้แว่นที่ชอบมาเกาะแกะแทนใจของผมหรอก ทำได้แค่มองก็เงียบไปครับ คนจริงเขาจะเดินกัน


mek: โอเค ลาแล้วนะ พรุ่งนี้แทนใจไม่ไปทำงาน ถ้าไม่ดีขึ้นก็อาจจะลามะรืนด้วย
mek: ถ้าไม่ติดว่าน้องน่าจะห่วงงานก็จะให้ลาทั้งอาทิตย์หรอก
ไอ้แว่นกฤติ: …
ไอ้แว่นกฤติ: ให้กินยาแก้อักเสบ ยาแก้ไข้ แล้วก็ยาแก้ปวดให้กระต่ายด้วย



ผมไม่ตอบอะไรเพราะป้อนน้องไปหมดแล้ว ผมไม่เคยมีความคิดที่จะปล่อยให้แฟนทรมานอยู่แล้ว แต่ถ้าทรมานเพราะผมนี่ก็อีกเรื่องนึงนะ เอาไว้ค่อยมาคุยกันใหม่


คุยกับไอ้แว่นแล้วก็นึกถึงตอนที่เจอแทนใจครั้งแรกไม่ได้


สักเมื่อประมาณเกือบปีที่แล้ว วันนั้นผมเข้ามาออฟฟิศหลังจากไปอยู่ไซต์งานต่างประเทศมาสามเดือน มาคุยกับพี่ก้องเพราะเขาอยากได้ผมกับไอ้เบิร์ดมาเป็นโปรเจคเมเนเจอร์ แทนตำแหน่ง Senior engineer ที่ทำอยู่ตอนนี้ พอคุยเสร็จเจอไอ้แว่นกฤติพอดีเลยไปนั่งกินกาแฟกัน


แล้วผมก็เจอเขา


“คุณกฤติ ลงมาทานกาแฟเหรอครับ?”


ผมที่กำลังเล่นมือถืออยู่เงยหน้าขึ้นเมื่อมีคนมาทักไอ้แว่นกฤติในร้านกาแฟ เด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักที่ผมรู้สึกเอ็นดูตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นส่งยิ้มให้ไอ้แว่นกฤติ ซึ่งมันก็รับไหว้พร้อมกับคุยกันนิดหน่อย


“เป็นไงมั่งครับ ปรับตัวได้หรือยัง?”
“งานก็ดีครับ” น้องเขาพูดยิ้มๆ ใบหน้าน่ารักเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วนิดหน่อยเหมือนมีเรื่องอะไรในใจ “แต่…”
“แต่?”
“แต่ลูกค้ากวนประสาทมากครับ”
“...”


ผมกะพริบตางงๆ ส่วนไอ้แว่นกฤตินี่นิ่งไปนิดหน่อย น้องเขาคงไม่ทันได้สังเกตเลยพูดต่อ


“ผมได้ดูเกาหลีใช่มั้ยครับ ไม่เคยคิดว่าเลยว่าคนเกาหลีจะเรื่องมากขนาดนี้ คุณกฤติรู้มั้ยครับเมื่อวานลูกค้าที่บริษัท xxx เขาติดต่อมาก Park Chan-cha-la อะครับ บอกว่าจะเอาของด่วนมาก ด่วนที่สุดในโลก อะผมก็เร่งให้ ไปขอยืมอะไหล่จากทั้งออเดอร์ของคุณโน้ต ออเดอร์คุณเชน ขอซุกกซนมันก็ไม่ให้ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นครับ คือผมขอของคนอื่นมาเยอะมาก แต่ว่าสุดท้ายแล้วเขาแคนเซิลออเดอร์อะคุณกฤติ!! แคนเซิล แบบ last minute cancellation เลยอะ ผมนี่แทบจะยืนขึ้นมาบนโต๊ะ บ้าไปแล้ว ผมหัวหมุนทั้งวันเพื่อเจอว่าเขาแคนเซิลอะครับ เศร้ามาก”


“...”


“ยังมีอีกนะครับ อีกเคสนึง ที่ผมไปขอให้คุณช่วยดูเมื่อสัปดาห์ที่แล้วอะครับ ที่เขาบอกว่าเราส่งของไปไม่ครบ คุณ Kimๆ อะไรสักอย่างอะครับ คิมทรัพย์จาง อะไรไม่รู้อะครับ ที่ผมเอา packing list ไปยันแล้วอะไรก็แล้ว เมลหาทุกคนให้ช่วยหา  สรุปว่าของครบนะครับ แต่เขาเอาออกจากกล่องไม่ครบเอง ผมนี่ปวดหัวมากเลย แทบร้องไห้แต่ร้องไม่ได้เดี๋ยวดูไม่เท่ เดี๋ยวซุกซนล้อด้วย แค่นี้ซุกซนเขาก็ชอบแกล้งผมอยู่แล้วอะ”


“...”


น้องเขาพูดเรื่องแบบนี้กับหัวหน้าได้ด้วยเหรอวะ?


“อุ่ย!” เหมือนเด็กน้อยจะเริ่มรู้ตัวแล้วว่าตัวเองพูดมากไปหน่อย เพราะทำหน้าเหมือนกระต่ายตื่นตอนที่เห็นผมกับไอ้แว่นนั่งมองน้องเงียบๆ

 “พอดีเลย กาแฟได้แล้ว … ผมบ่นอะไรเยอะแยะเลย ขอโทษทีนะครับ ผมไปแล้วนะครับ สวัสดีครับ เจอกันข้างบนนะครับ อย่าเพิ่งไล่ผมออกเลยนะผมเพิ่งทำบัตรเครดิตไป”





น้องเขาขอตัวกลับขึ้นไปทำงานหลังจากที่กาแฟที่ตัวเองสั่งได้แล้ว และพร้อมด้วยทิ้งความประทับใจเอาไว้ด้วย มองตามจนลับสายตา


เด็กอะไรหน้าตาน่ารักแต่บ่นเก่งชะมัด ตลกดี


“เมื่อกี้คุณได้ฟังที่น้องเขาพูดหรือเปล่า เขาเป็นแบบนี้ตลอดเลยเหรอ?” ผมถามออกไปด้วยความสงสัย ไม่บ่อยหรอกครับที่เราจะเจอลูกน้องด่าลูกค้าให้หัวหน้างานฟัง


“ไม่ครับ ผมมองหน้าเขาอย่างเดียว ไม่ได้ฟังว่าเขาพูดอะไร”
“...”
“เราต้องมี function การตัดเรื่องไร้สาระออกจากหัวบ้างครับ เก็บแต่สิ่งน่ารักน่ามองไว้ก็พอ”


แผนกนั้นแม่งมีแต่คนแปลกๆว่ะ ผมเริ่มสงสัยแล้วว่าคุณโน้ตที่ดูเหมือนจะปกติจะมีอะไรซ่อนอยู่อีกคนหรือเปล่า ขนาดเด็กหน้าตาน่ารักยังบ่นเก่งเลย แปลกคนจริง


“แทนใจ เด็กใหม่แผนก เพิ่งมาทำงานได้ไม่กี่เดือนเอง”


ไอ้แว่นกฤติพูดขึ้นมาเหมือนรู้ว่าผมกำลังคิดเรื่องน้องเขาอยู่  ผมยักไหล่เหมือนไม่สนทั้งที่ในใจจดชื่อน้องเขาเอาไว้แม่น แทนใจ… ชื่อน่ารักแฮะ


“อย่ายุ่งกับน้องเลยนะ ให้เขาไปเจอคนดีๆเถอะ”
“รู้ได้ไงว่าผมจะยุ่ง”
“สายตาคุณมันฟ้อง”


ไอ้แว่นกฤติยกชาร้อนตัวเองขึ้นมาดื่ม เห็นแบบนี้ผมสนิทกับมันนะครับ ถึงแม้จะเป็นมิตรภาพที่ดูแปลกไปสักหน่อย เพราะผมเกลียดมัน และมันก็เกลียดผมเช่นเดียวกัน


เรารู้จักกันหลายปีแล้วครับผมกับไอ้แว่นนี่น่ะ แล้วก็เกลียดกันมาตั้งแต่ตอนนั้น มันไม่ได้ทำให้อะไรให้ผม เช่นเดียวกับที่ผมไม่ได้ทำให้อะไรให้มัน แค่คนสองคนที่เหมือนกันจนเกินไปเลยอยู่ด้วยกันไม่ได้น่ะครับ ความเลวเลเวลเดียวกันเลย


“สายตาอะไร คุณแก่แล้วเลยสายตายาวหรือเปล่า?”
“ผมว่าคุณอาจจะไม่อยากแก่ตาย”
“แล้วยังไง? คุณจะเอาชาราดหัวผมเหรอ?”
“เปล่า ผมสนิทกับแทนใจ อยากดูแย่ในสายตาน้องมั้ยล่ะ? เอาเลยครับ ผมจะไม่ห้ามหรอกนะ”


ผมมองหน้ากวนประสาทของไอ้แว่นแล้วยกกาแฟขึ้นตัวเองขึ้นมาดื่มแทน ผมไม่เสี่ยงกับมันอยู่แล้ว ซึ่งไอ้แว่นมันก็รู้ครับ แน่นอน เพราะเราเกลียดกันไง


ผมยักไหล่ให้คำขู่นั้น ทำอะไรผมไม่ได้หรอก ผมไม่ได้จะยุ่งกับน้องเขาสักหน่อย แค่รู้สึกว่าดูแล้วตลกดีเฉยๆ


“น้องเขาอายุเท่าไหร่?”
“ยี่สิบสี่ เพิ่งเรียนจบมาเลย” ไอ้แว่นตอบแบบที่ไม่ได้มองหน้าผม เพราะเจ้าตัวกำลังอ่านเมลในมือถืออยู่ เดาว่าคงเป็นเรื่องเครียดพอสมควรเพราะนั่งขมวดคิ้ว
“น้องยังมีอนาคต ไม่ควรอยู่ใกล้กับคนแบบคุณ”
“ปากว่ะคุณ” อันนี้ด่าที่มันว่าผมครับ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการที่จะได้เป็นหรือไม่เป็นแฟนกับน้องเขา
“ขอบคุณครับ”
“ว่าแต่ น้องเขามีแฟนหรือยัง?”


ผมถามสิ่งที่อยู่ในหัวเพราะเมื่อครู่ไอ้แว่นมันว่าผมเอาไว้ ไม่ได้อยากรู้อะไรขนาดนั้น ไม่เชื่อเหรอ? อ๋อ แล้วแต่อะ


“ตอนสัมภาษณ์บอกไม่มีนะ แต่ผมก็ไม่รู้หรอก เขาอาจจะโกหกก็ได้”
“เดี๋ยวๆ คุณถามเรื่องนี้ตอนรับพนักงานด้วยเหรอ?”


ผมรีบถามกลับพร้อมหันไปมองหน้าคนที่ยังจ้องมือถือแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว ผมคาดว่าคำตอบจะประมาณว่าตัวเขาไปนั่งคุยกันตอนกินข้าวกลางวัน หรือสถานการณ์คล้ายๆกันซะอีก


“ไม่ถามทุกคนหรอก คนนี้ผมอยากรู้เลยถาม”
“สมเป็นคุณเลย”
“ขอบคุณที่ชม”


ผมเลิกคุยกับไอ้แว่นที่ตอนนี้นั่งพิมพ์ยุกยิกในโทรศัพท์ คงนั่งตอบเมลลูกค้าหรืออะไรสักอย่าง เรื่องของมันไม่ได้น่าสนใจสำหรับผมเท่ากับเด็กหนุ่มที่เพิ่งจะเดินจากไปเมื่อกี้ ใบหน้ากลมที่ตกอกตกใจตอนที่รู้ตัวว่าตัวเองพูดมากเกินไปแล้วนั่น …


 น่ารักดี


.
.
.


หลังจากวันนั้นมา ผมก็เฝ้ามองเขามาเรื่อย เด็กแก้มกลมที่มักจะนั่งเงียบๆอยู่ที่แผนก ถ้าไม่เงียบก็นั่งคุยกับเพื่อนข้างๆ ผมหาเรื่องเข้าออฟฟิศบ่อยๆเพื่อจะได้ไปเจอเขา ถึงขั้นตอบรับข้อเสนอพี่ก้องที่จะให้เป็นโปรเจคเมเนเจอร์เพราะงานมันนั่งออฟฟิศบ่อยกว่าออกไซต์เหมือนเอ็นจิเนียร์ก็เพราะอยากเจอกับแทนใจบ่อยๆ แต่เหมือนเขาจะไม่รู้เลยสักนิดว่าบนโลกนี้มีผมอยู่ด้วย


ผมคิดว่า ผมควรจะสร้างโอกาสให้ตัวเองดูบ้าง


แต่จะทำยังไง?


ผมคิดอยู่คนเดียวว่าอาจจะเดินเข้าไปขอทำความรู้จักโต้งๆมันคงดูไม่เหมาะ ผมไม่เคยจีบใคร แล้วก็ไม่ได้คิดจะจีบด้วย แค่รู้สึกว่าน้องเขาตลกดีเลยอยากรู้จักไว้เป็นสีสันชีวิตเฉยๆ ไม่เชื่อเหรอ? แล้วแต่คุณละกัน แต่ผมจะคิดแบบนี้  ช่างเรื่องนั่นก่อน เอาเรื่องน้องแก้มเยอะก่อน


เริ่มเข้าหาเขาวันนี้แหละวะ!


ผมหมายมั่นปั้นมือกับตัวเองเมื่อลงมาสูบบุหรี่ข้างล่างแล้วเจอแทนใจกำลังเดินมึนๆเข้าร้านกาแฟพอดี เท้าไปไวกว่าสมอง วันนี้แหละผมจะต้องสร้างโอกาสให้ตัวเองให้ได้


ผมมองแทนใจจากข้างหลัง นี่เป็นครั้งแรกที่ได้อยู่ใกล้น้องแบบไม่มีคนอื่น (พนักงานหน้าจืดนั่นไม่นับเป็นคนครับ ผมมองเป็นต้นไม้ประดับฉาก) ในหัวคิดแต่ว่าจะสร้างโอกาสให้ตัวเองยังไงดี


“พี่ใช้ AIS หรือเปล่าครับ ตอนนี้มีโปรซื้อ 1 แถม 1 อยู่นะครับ ถ้าพี่สนใจสามารถกดรหัสตามป้ายนี้ได้เลยครับ คุ้มมากเลยนะ”
“วันนี้มาคนเดียวน่ะครับ...ไว้คราวหน้า—“
“ผมใช้ครับ!”


ไอ้สัตว์ กูจะหาโอกาส ไม่ใช่ตั้งใจจะหลุดปาก!


ผมทำหน้านิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ข้างในความคิดตีกันยับเลยครับ วุ่นวายเหมือนตอนนักเตะจะต่อยกันในสนามแล้วกรรมการพยายามจะแยก ฉิบหายมาก ทั้งพนักงานหน้าจืด ทั้งแทนใจมองเหมือนผมจะไปแซงคิวน้องเขาเลย ความประทับใจแรกติดลบแบบได้ไงวะ
 

“ขะ... ของคุณลูกค้ารอคิวหน้านะครับ”
“ไม่ๆ ผมจะเอา 2 แก้ว ของผมกับคุณคนนี้”


ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เลี้ยงน้องไปเลยแล้วกัน การหลุดปากโดยไม่ตั้งใจครั้งนี้ใช้มันเป็นโอกาสไปเลยก็ได้วะ ผมส่งยิ้มให้กับพนักงาน แล้วก็ยิ้มให้กับแทนใจ เพิ่งรู้ว่าน้องเขามีมุมตลกแบบนี้ด้วย เจ้าตัวแก้มกลมทำเหมือนกับว่าผมจะมาแซงคิว ลุกลี้ลุกลนเหมือนกระต่ายตอนตื่นเต้นตกใจ


เหมือนติ๊กต่อกชะมัด คนอะไรทำไมเหมือนกระต่าย ตลกดี … น่ารักดีด้วย 


“เอ่อ…”



พนักงานหน้าจืดที่ดูจะใส่ใจลำดับคิวมากๆเอ่ยขัดขึ้นมาเหมือนไม่แน่ใจ ผมตวัดตาไปมองเขาเล็กน้อย อย่าพูดอะไรมากได้มั้ย ช่วยยืนประกอบฉากเฉยๆจะขอบคุณมาก ผมขี้เกียจคุยด้วย


“เราทำงานที่เดียวกัน”
“...”
“ใช่มั้ยครับ… คุณแทนใจชั้น 27”


ผมทำให้เขาเถียงไม่ออกด้วยการมัดมือชก พูดเรียบร้อยแล้วก็กดสิทธิ์เสร็จสรรพ พร้อมทั้งแย่งจ่ายเงินด้วย แค่กาแฟแก้วเดียวขนหน้าแข้งผมไม่ร่วงหรอกนะ ให้ซื้อร้านกาแฟทั้งร้านยังได้เลย …  ไม่ได้หรอกอันที่จริงแล้ว  อันนี้เวอร์ไปหน่อย คงต้องขอกู้ธนาคารกันอีกยาว


“ปกติคุณชอบดื่มลาเต้เหรอ?”


ผมชวนน้องเขาคุยเมื่อกาแฟของเราได้ทั้งคู่ ท่าทางเขาจะไม่ชินกับการคุยกับคนแปลกหน้าเท่าไหร่ เพราะพูดอะไรนิดหน่อยก็สะดุ้งทำตาโตตลอดเวลา เหมือนกระต่ายตอนตกใจเวลาเจอคนไม่คุ้น


ยิ่งดูยิ่งตลก อยากเห็นอีก


“ใช่ครับ… ว่าแต่คุณรู้จักผมด้วยเหรอ?
“แน่นอนสิ ทำงานที่เดียวกันนี่”


ผมตอบไปแบบชิลๆ ทั้งที่ความจริงอยากจะบอกว่า ในบริษัทมีกระต่ายอยู่คนเดียวคือเรานี่แหละไม่รู้จักก็แย่แล้ว แต่ก็หยุดปากเอาไว้ เพราะมันดูโรคจิตไปหน่อย ถึงแม้ผมจะคิดแบบนี้จริงๆก็ตาม


“คงงั้นมั้งครับ แหะๆ... เอ่อ คุณ...”
“เมฆ”
“เมฆ? คุณเป็นโปรเจคเมเนเจอร์คนใหม่เหรอครับ?”
“ข่าวไปไวเหมือนกันนะเนี่ย ขนาดคุณยังรู้เลย”


เขารู้จักผมเหมือนกัน ไม่เสียแรงที่เดินไปแผนกไอ้แว่นกฤติบ่อยๆ ทนเสียงแซวจากพวกพี่ๆผู้หญิงแถวนั้นจนตัวพรุน เพื่อให้แทนใจจำผมได้บ้าง มันได้ผล ถึงแม้จะเป็นวิธีการที่โคตรอนาถก็เถอะ ผมแค่อยากเล่นกับน้องด้วยก็แค่นั้น


อีกอย่าง ผมว่าน้องตลกดี อยากเห็นหน้าตลกแบบนั้นอีกเยอะๆ


จบวันนั้นด้วยการที่ผมพยายามให้เขาเรียกว่า ‘พี่เมฆ’ แกล้งหลอกก็แล้ว พูดหว่านล้อมก็แล้ว แต่เจ้าตัวก็ยังไม่ยอมเรียกอยู่ดี แย่ชะมัด น่าจะตลกดีนะ


น่าจะน่ารักดีด้วย   







.
.
.

------- 50% -------



สำหรับคนที่ขอตอนของพี่เมฆนะคะ เราเอามาให้แล้ว เย้ะ
ดด้วยรักและติดบนบีทีเอสสองวันแล้วค่ะ เยี่ยมไปเลย ประเทศกรุงเทพฯ

Babybaphomet



หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡17th Monday - ความในใจของพี่เมฆ(50%) (24/08/18)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 25-08-2018 00:23:33
น้องแทนใจตลกอ่ะ บ่นลูกค้าเบอร์แรงมาก 555
ว่าแต่ หนูรอดคุณแว่นมาได้ไงคะลูก
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡17th Monday - ความในใจของพี่เมฆ(50%) (24/08/18)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 25-08-2018 00:48:37
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡17th Monday - ความในใจของพี่เมฆ(50%) (24/08/18)
เริ่มหัวข้อโดย: J2K2411 ที่ 28-08-2018 18:37:51
พี่แว่นมีคู่มั้ย แอบfc.พี่แว่น
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡17th Monday - ความในใจของพี่เมฆ(50%) (24/08/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 30-08-2018 19:03:39
17th Monday : มุมมองของคนที่รักวันจันทร์ (คุณเมฆเล่าบ้าง) -- 100%
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 




วันจันทร์นี้ผมเข้าออฟฟิศครับ เมื่อเคลียร์เอกสารตัวเองเสร็จก็จะหาเรื่องมาหาไอ้แว่นกฤติเพื่อเจอกับน้องแก้มกลมอีกครั้ง ตอนที่กำลังจะเดินเข้าออฟฟิศดันป๊ะกับน้องแทนใจที่เดินถือกระเป๋าตังกับโทรศัพท์ออกมาพอดี โชคดีแฮะ



“แทนใจ”    

“อ้าว คุณเมฆ สวัสดีครับ”



น้องผมยกมือไหว้ผมแบบงงๆ ซึ่งผมก็รับไหว้ด้วยความเต็มใจ หน้าตาน้องดูง่วงมากเลยครับ เหมือนถูกปลุกมาทำงานตั้งแต่ตีสี่ ซึ่งตรงข้ามกับผม ความจริงก็ง่วงนะ แต่กำลังทำหน้าตาสดชื่นอยู่ครับ



“นี่จะไปไหนน่ะเรา?”

“ซื้อกาแฟครับ”

“พอดีเลย ผมก็จะซื้อกาแฟ”



น้องถือกระเป๋าเงินออกมาด้วยนี่ผมก็หมดสิทธิ์เลี้ยงแล้วดิ … แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยหาเรื่องเลี้ยงทีหลัง น้องไม่ค่อยทันคนเท่าไหร่หรอกครับผมรู้



ตอนนี้เด็กแก้มกลมของผมมองผมด้วยสายตาชื่นชมอยู่ครับ เหมือนกับมองไอดอลอะไรทำนองนั้น อยากรู้จังว่าน้องคิดอะไรอยู่ จะคิดว่าผมหล่อหรือเปล่านะ---



“ก่อนเป็นโปรเจคฯ คุณเมฆเป็นช่างอะไรมาก่อนเหรอครับ?”



อ่าว ไม่ใช่แฮะ



หน้าแตกเล็กน้อย แต่ความสามารถในการคีพคูลยังคงอยู่



“บอกให้เลิกเรียกคุณไง”

“แต่ผม--”

“ถ้าคุณไม่เลิกเรียกแบบนี้ ไว้ผมจะเรียกคุณว่าพี่แทนใจบ้างนะ”

“แต่คุณไม่ได้เป็นพี่ผมนี่”

“แล้วคุณรู้ได้ไง”

“ก็หน้าคุณ…ดูมีวุฒิภาวะอะครับ”

“แล้วแทนใจไม่มีเหรอครับ?”

“หือ? ครับ??”

“วุฒิภาวะน่ะ”

 “คุณ?!”



ยืนยันอีกครั้ง ว่าเด็กผู้ชายยิ่งชอบยิ่งแกล้งคือเรื่องจริง หน้าตาน้องเขาตอนที่กำลังงงแล้วอยู่ๆก็เปลี่ยนเป็นเหมือนกับจะโมโห แต่ก็ยังงงอยู่มันตลกดี ผมอยากเห็นอะไรแบบนี้อีกอย่างที่บอก เลยแกล้งเดินหนีออกมาก่อนให้อีกคนเดินตามเพื่อจะดูปฏิกิริยา



“คุณว่าผมทำไม”

“หน้าคุณตลกดี”



ผมพูดเรื่องจริง หน้าน้องเขาตลกจริงๆ … แล้วก็น่ารักด้วยเหมือนกัน





แล้วผมก็หาเรื่องเลี้ยงกาแฟเขาด้วยความสามารถเดียวกับการมัดมือชกลูกค้าและพวกช่างเข้าใหม่หลายๆคนที่ไม่ยอมทำตามที่ผมต้องการ ซึ่งน้องยังงงๆอยู่ผมเลยตะล่อมหาทางชวนไปกินข้าวเย็นด้วยกัน ถ้าเป็นคนปกติน่าจะรู้ได้แล้วแหละว่าผมกำลังเข้าหา แต่นี่คือน้องแก้มกลมไง





“คุณเลิกงานแล้วไปเลี้ยงกาแฟผมไหม? ที่ห้างแถวนี้เป็นไง?

“แล้วคุณไม่ต้องกลับบ้านกลับช่องเหรอครับ?”





ดีนะมากันสองคน ถ้ามีไอ้แว่นกฤติ หรือไอ้เชี่ยเบิร์ดอยู่แถวนี้ผมโดนหัวเราะสมน้ำหน้าใส่แน่นอน



เอาวะวันนี้ไม่สำเร็จ เดี๋ยวครั้งหน้าลองใหม่ก็ได้ ผมชอบน้องเขาและอยากรู้จักมากขึ้นกว่านี้



เกมนี้ผมต้องชนะ

.

.

.






“พี่เมฆ ว่าไงคะ?”



ผมโทรไปที่ operator ของบริษัทซึ่งแทบจะไม่เคยโทรเลยครับเพราะผมไม่มีเรื่องต้องติดต่อด้วยหนึ่ง สองคือน้องเขาชอบชวนคุยอะไรก็ไม่รู้ ผมขี้เกียจคุยด้วย



“สวัสดีครับ ขอเบอร์ต่อของคุณแทนใจหน่อยครับ”

“ให้แนนโอนสายให้---”

“รบกวนขอเบอร์ด้วยครับ”

“อ่าค่ะ” น้อง operator เงียบไปสักพัก ก่อนจะกลับมาพร้อมเบอร์ต่อโต๊ะน้อง “56517 ค่ะ”

“โอเค ขอบคุณมากครับ”





ผมวางสายทันทีโดยไม่รอให้เขาพูดต่อ เมื่อได้เบอร์แล้วผมก็จัดการโทรไปขอยืม USB โง่ๆเพราะอยากได้ยินเสียงน้องเขาตามสายโทรศัพท์แค่นั้นแหละ ซึ่งแน่นอนว่าผมจดเบอร์ต่อน้องเอาไว้เรียบร้อย เผื่อมีอะไรจะได้โทรหาได้ง่ายๆ





แล้วโอกาสก็มาถึงในสัปดาห์ถัดไป วันจันทร์ในตอนเช้าหลังจากที่ผมเคลียร์ธุระปะปังของตัวเองเสร็จ ผมไม่รอช้าที่จะโทรไปหาเด็กแก้มกลมของผมทันที





“นี่ผมเอง”

“ผมไหนครับ?”

“ผมเมฆไง ทำไมไม่รู้ชื่อผมเนี่ยคุณ ผมจะเอา USB ไปคืนน่ะ”





จะบอกว่าโทรไปจีบก็ดูเสี่ยวไปหน่อย วิธีแบบนี้แหละที่เหมาะกับการตะล่อมกระต่ายมาไว้ที่บ้านที่สุดแล้ว





“นี่คุณอยู่ที่โต๊ะใช่มั้ย?”

“คุณเมฆโทรเข้ามาเบอร์โต๊ะนะครับ ผมว่าก็น่าจะเดาได้ไม่ยาก”

“กวนผมอีกแล้วนะคุณ แป๊บนึง เดี๋ยวผมจะลงไปดีดหน้าผาก ห้ามหนี ”





เมื่อลงไปก็เห็นว่าน้องกำลังเล่นกับคนที่แผนกอย่างสนิทสนม ความจริงผมไม่ค่อยชอบหรอกครับที่มีคนอื่นมาดึงแก้มลูบหัวแทนใจแบบนี้ คนที่ทำแบบนี้ควรจะเป็นผมไม่ใช่หรือไง





ตอนนี้ยังไม่มีสิทธิ์หวงอะไร เอาไว้รอผมได้แทนใจมาเป็นของตัวเองก่อน จะไล่ตัดมือทิ้งให้หมด เริ่มต้นที่เพื่อนเตี้ยๆของน้องก่อนเลย ดึงแก้มแทนใจแรงขนาดนั้นได้ไง แก้มน้องแดงเลยเนี่ย





แต่แม่งเอ๊ย น้องแก้มแดงแล้วน่ารักฉิบหาย จะดีแค่ไหนถ้าเขาทำแก้มแดงๆแบบนี้ตอนที่อยู่ด้วยกันสองคนวะ?





.

.

.




“ผมจริงจังกับแทนใจนะ”





ผมพูดกับไอ้แว่นกฤติตอนที่เรามาทานข้าวเย็นด้วยกัน ตอนแรกมันก็จะไม่มาหรอก แต่พอเอาเรื่องแทนใจมาอ้าง เท่านั้นแหละรีบเคลียร์งานมากับผมเลย นี่แหละคือพลังของลูกรักแผนก





เท่าที่สังเกตมาแทนใจดูเหมือนเป็นลูกของแผนกจริงๆ ทุกคนโอ๋เจ้าตัวแบบที่น้องเขาก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร อ๊องไปอ๊องมาวันๆ ยิ่งแบบนี้ผมคิดว่าคนอื่นเลยยิ่งโอ๋





รวมถึงผมด้วยเช่นกัน





“แล้วมาบอกผมทำไม?”

“ขอแม่ของน้องก่อนไง”

“คุณเคยตายมั้ย?”





ผมหัวเราะเมื่อไอ้แว่นมันด่าแบบไม่จริงจัง แต่สุดท้ายก็ยอมช่วยให้ข้อมูลสำคัญๆของน้องอย่างเช่นพวก Facebook เบอร์ แล้วก็ที่อยู่น้องกับผมอยู่ดี



ตอนแรกมันก็จะไม่ให้หรอก แต่ผมจริงจังไง อีกอย่างคือ ผมเองก็กุมความลับมันไว้หลายเรื่องเหมือนกัน เป็นเพื่อนกับไอ้แว่นนี่คือเหมือนเราทำสัญญาซาตานกันครับ






------- Monday In Love --------








วันนี้แหละโอกาสของผม!





ผมหมายมั่นปั้นมือกับตัวเองอีกครั้งเมื่อไปเค้นคอเอาที่อยู่แทนใจจากไอ้แว่นกฤติมาได้ วันนี้ผมว่าผมจะไปรับน้องครับ ทำเนียนๆแบบบังเอิญมาเจออะไรอย่างงี้แล้วให้ติดรถไปด้วยกัน เผื่อจะได้รู้จักน้องมากขึ้นด้วย





ว่าแต่เอาอะไรไปเป็นข้ออ้างดี?





ผมรู้มาจากการคุยกันว่าน้องนั่งรถเมล์มาทำงานเอง เลยไปจอดรถไว้ในโครงการ Community mall ใกล้ๆกับป้ายรถเมล์แล้วก็ BTS แล้วเดินไปซื้อโจ๊กหม้อดินเจ้าดังมาสองถุง เพราะเดาว่าแทนใจคงยังไม่ได้กินอะไรแน่นอน





นี่ผมดีขนาดนี้แล้วนะ เมื่อไหร่น้องจะชอบผมสักทีวะเนี่ย



เอาจริงมานี่คือวัดดวงล้วนๆ ถ้าไม่เจอน้องก็ถือว่าครั้งนี้เฟลไป ไม่เป็นไรเดี๋ยวค่อยไปหาเรื่องเลี้ยงกาแฟตอนสายๆเอาก็ได้



วันนี้โชคน่าจะเข้าข้างผม





ผมยิ้มเมื่อเห็นเป้าหมายเดินรีบๆมายืนหน้าบึ้งอยู่ที่ป้ายรถเมล์ น้องสะดุ้งตกใจเหมือนเห็นผีเมื่อผมเดินไปทัก แล้วทำทีว่ามาซื้อโจ๊ก ถ้าเป็นคนปกติต้องคิดแล้วแหละครับว่ามันแปลกๆ แต่นี่คือแทนใจ น้องดูไม่สงสัยอะไรแล้วขึ้นรถไปกับผมง่ายๆ





โห หลอกไปขายท่าจะได้หลายตัง แก้มเยอะแบบนี้ชั่งแล้วน่าจะหลายโลฯอยู่





น่าแปลกใจที่น้องสามารถอยู่มาบนโลกจนโตขนาดนี้ด้วยความคิดเด็กๆแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเขาเป็นเด็กนะครับ แต่เขาเหมือนเด็ก ในด้านความคิดหลายๆเรื่อง คล้ายกับว่าที่บ้านเลี้ยงมาอย่างดี เลี้ยงเพาะในเรือนกระจก ไม่ให้เจอกับไรฝุ่นหรือมลภาวะทางความคิดและความรู้สึกเลยแม้แต่น้อย แทนใจถึงได้โตมาเป็นเด็กที่น่ารักแล้วก็มองโลกในแง่ดีขนาดนี้





ถึงแม้จะน่าเหนื่อยใจไปหน่อยในบางทีที่น้องเหมือนกับจะสื่อสารไม่รู้เรื่องก็ตาม





เอาเถอะ น่ารักทำอะไรก็ไม่ผิด คุณจะเถียงเหรอ? เถียงสิ ผมก็ปล่อยคุณไว้แบบนั้นแหละ ไม่ได้ชื่อแทนใจผมไม่เสียเวลาสนใจนะ











.

.

.







.

ผ่านมาเป็นเดือนแล้วยังไม่มีอะไรคืบหน้า





ความมองโลกในแง่ดีของน้องเริ่มทำให้ผมไม่มั่นใจว่าจะชนะเกมนี้อย่างที่หมายมั่นปั้นมือไว้จริงๆหรือเปล่า

แต่ก็แค่ไม่แน่ใจนะ เลิกจีบเหรอ? ไม่หรอกครับ ปล่อยไปก็แย่แล้ว น่ารักขนาดนั้น




ตั้งแต่ผมออกตัวจีบแทนใจ (แบบที่เจ้าตัวยังไม่รู้เรื่องจนถึงทุกวันนี้) สรรหาสารพัดเรื่องเพื่อที่จะลงไปเจอหน้าเขาในวันจันทร์ ทั้งยืม USB (ที่มีอยู่เต็มลิ้นชัก) ทำเป็นติดกาแฟ ทำบ้าบออะไรแบบที่ไอ้เบิร์ดมันแซวแล้วแซวอีกผมก็ไม่สนใจ แซวกับผมอะได้ ถ้าไปแซวต่อหน้าแทนใจเมื่อไหร่ผมเอามันตายแน่




ยิ่งพอรู้ว่าผมชอบน้องแทนใจ ไอ้แว่นนี่มาเลยครับ เริ่มต้นกวนโมโหผมอย่างง่ายๆด้วยการเข้าไปเกาะแกะแทนใจต่อหน้าผม บอกเลยว่าวิธีเด็กๆ (แต่มันก็ทำให้ผมหงุดหงิดนั่นแหละ) แต่ยังดีที่มันยอมบอกข้อมูลน้องที่ผมอยากรู้ อย่างพวก Facebook หรือที่อยู่คอนโดฯ ผมเลยไปรับน้องได้ในวันที่รถติด




ที่บอกว่าเด็กผู้ชายยิ่งชอบยิ่งแกล้งคือเรื่องจริง





กับแทนใจผมชอบแกล้งเขา น้องเป็นคนที่ฟังอะไรแล้วเหมือนจะเชื่อทันทีแม้ว่าสิ่งนั้นจะดูไม่น่าเชื่อขนาดไหนก็ตาม ซึ่งนั่นทำให้ผมสนุกมากเวลาที่ได้พูดอะไรตลกๆ แล้วเขาทำหน้าเออออห่อหมกแป๊บนึง แล้วเปลี่ยนเป็นตาโตตกใจ เหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าโดนหลอก



น่ารัก

น่ารัก จนอยากจะจับยัดเข้าปาก เอาใส่กรงไว้ที่บ้าน อยากเลี้ยงเอาไว้ในห้องนอน





ผมอยากเห็นสีหน้าท่าทางหลากหลายจากเขา ยิ่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งอดใจไม่ไหวที่จะได้รู้จัก แทนใจเป็นคนน่ารัก น่ารักจนผมอยากจะกว้านซื้อพจนานุกรมทุกเล่มมาเปลี่ยนคำว่าน่ารักเป็นคำว่าแทนใจให้หมด





น่ารัก น่ารักเกินไป



โดยเฉพาะตอนที่ Company Outing มาถึง ผมนี่ตั้งตาคอยตั้งแต่ได้คุยกับแทนใจแล้วครับ เพราะว่าเขาต้องไปแน่นอน (แผนกไอ้แว่นมีประชุม ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องดีของผม) ความจริงผมไม่เคยสนุกกับมันเท่าไหร่หรอก ออกแนวไปก็ได้ไม่ไปก็ดี แต่เพราะปีนี้มีกระต่ายไปด้วยนี่แหละ ผมเลยหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องไปให้ได้





“ปกติผมเบื่อนะการออกเอาท์ติ้งน่ะ ไม่สิ ไม่เชิงเบื่อแต่ไม่ได้รู้สึกอะไร คิดซะว่าไปเที่ยวแบบทำงาน… แต่ปีนี้ดู น่าสนุก”



ใช่ครับ น่าสนุก ยิ่งเห็นอีกคนทำหน้าซีดเหมือนสัมผัสได้ว่าเรื่องสนุกของผมมีเขารวมอยู่ในนั้นผมยิ่งรู้สึก… ดี



ถึงแม้ผมจะน้อยใจเขาเล็กน้อยที่เขาเรียกไอ้ปกป้องอะไรนั่นว่าพี่ทั้งที่เรียกไอ้คุณปกป้องอะไรนั่นว่าพี่ป้องๆ มันน่าหงุดหงิด แต่ทุกอย่างทดแทนได้ด้วยการง้อของน้องแทนใจครับ



น่ารัก น่ารักมาก น่ารักอย่างสิ้นเปลืองมากๆ



ตอนที่เราดีกันแล้ว แล้วน้องเขาอ้อนผมนี่ผมแทบจะไปยืนตะโกนว่าแทนใจน่ารักบนตึกใบหยกเลยครับ ถึงแม้มันจะเป็นแค่การฟ้องแบบเด็กๆตอนที่โดนซุกซนแกล้งก็เถอะ



“คุณเมฆ ช่วยด้วย ซุกซนแกล้งผมมมม”



พูดธรรมดาก็ไม่ได้นะต้องดึงเสื้อผมไปด้วย โคตรของโคตรแห่งความน่ารัก ในใจผมนี่กู่ร้องดังมาก แต่สุดท้ายแล้วผมทำแค่ลูบหัวปลอบน้องเขาเฉยๆครับ



ผมคิดว่าทริปนี้คงไม่มีอะไรแล้วจนกระทั่งน้องมาเคาะห้องผมเพราะกลัวผี



แค่มาเคาะห้องคนเราต้องน่ารักขนาดนี้เลยเหรอ?



น้องมาในชุดนอนลายทางของตัวเอง พร้อมกับกอดหมอนมาด้วยหนึ่งใบ เอาหน้าซุกหมอนใบใหญ่ของตัวเองแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนจะร้องไห้ พลางช้อนตามองผมอ้อนๆ



“ขอซุกหน่อย”

“ครับ?”

“ผมซุกอยู่กับคุณหน่อยได้มั้ย ขออยู่ที่ห้องคุณแป๊บนึงนะครับ ผม… ผมกลัวผี”



แม่งโคตรน่ารัก



น่ารักเว๊ย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!



ผมคงนิ่งไปนานน้องเลยเหลือบตาขึ้นมามองอีกครั้ง พร้อมอธิบายอู้อี้ๆกับหมอนใบใหญ่ที่แบกมาด้วยอีกรอบ




“แค่แป๊บเดียวก็พอครับ ซุกซนมันไปสิงเล่นไพ่อยู่ห้องพวกไอที เดี๋ยวถ้าซุกซนเล่นเสร็จกลับห้องผมจะรีบกลับเลย ไม่รบกวนคุณเมฆนาน ขออยู่ด้วยแป๊บเดียวจริงๆ ไม่กี่วินาทีจับเวลาเลยก็ได้ เดี๋ยวผมเลี้ยงกาแฟคุณเลยก็ได้ ให้ผมอยู่ด้วยนะครับ”



“ใจเย็นๆ ไม่ต้องทำหน้าจะร้องไห้ขนาดนั้นก็ได้ เข้ามาก่อนสิ”



ผมเปิดประตูท้องที่กวาดล้างไอ้เบิร์ดไปแล้ว ผมพร้อมที่จะให้แทนใจอยู่ที่นี่จนถึงพรุ่งนี้เลยครับ ถ้าน้องยอมน่ะนะ แต่แทนใจเหมือนจะยังเกร็งๆ น้องมาถึงก็จุ้มปุ๊กบนโซฟา แล้วกดโทรศัพท์ยิกๆ ไม่ขยับเลย จนผมกลัวว่าน้องจะเกร็งจนปวดตัว เลยชวนน้องลงมานั่งบนเตียง



บริสุทธิ์ใจนะครับ ฝากไว้เผื่อใครคิดมาก




“ทำตัวกลมอยู่บนโซฟาน่ะ เมื่อยมั้ย?” ผมตบที่เตียงข้างตัวเพราะมันน่าจะนั่งสบายกว่า



“มานั่งนี่ดีกว่า”

“ไม่เอาอะ”

“กลัวเหรอ?”




ผมหมายถึง น้องเขากลัวผมจะทำอะไรเหรอ? แต่เหมือนเขาจะตีความหมายผิดเป็นกลัวผี โอ๊ย เอาตามตรงผมลืมเรื่องผีสางอะไรนั่นตั้งแต่ออกจากห้องซุกซนแล้ว แต่เหมือนน้องจะยังไม่ลืม ก็ขอบคุณผีเด็กอะไรนั่นที่ทำให้แทนใจกลัวจนมาขอซุกผมอะนะ





ยกความดีความชอบให้ อยากกินอะไรกระซิบไว้ได้เดี๋ยวทำบุญไปให้ถ้าผีพุทธ ถ้าไม่พุทธก็เรื่องของผีแล้วครับ หากินเอาเองละกัน ไม่ได้ชื่อแทนใจไม่มีบริการเลี้ยงอาหารนะบอกก่อน




“ไม่ได้หมายถึงผี หมายถึง… กลัวพี่เหรอ?”



น้องเหมือนจะนิ่งไปเมื่อผมถาม แต่สักพักเหมือนจะรู้สึกตัว แล้วก็แย้งขึ้นมาอย่างน่ารัก



“ผมไม่ได้กลัวพี่ ผมจำได้! แล้วผมก็จะไม่ลืมด้วย!”

“...”

“ผมแค่… ผมไม่รู้ว่าควรจะต้องทำยังไง”

“…”



“ผมแค่ไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน ผมไม่เคยมีแฟน ไม่เคยอยู่ในความสัมพันธ์แบบคนรักหรือคู่นอนกับใคร ไม่เคยทำแบบนี้ ไม่เคยรู้สึกแบบนี้ เมื่อคืนเป็นครั้งแรกของผมที่ได้ชูวับชูวับกับคนอื่น”



ชูวับแปลว่าอะไรวะ? น้องร้องเพลงเหรอ? แล้วผมไปร้องอะไรกับน้องเขาตอนไหน?




ผมเลือกที่จะไม่สนใจแทนใจกับภาษาไทยของน้อง เพราะมัวแต่มองเด็กที่ก้มหน้าก้มตาพูดนั่นนี่งุ้งงิ้งอยู่ครับ น้องเอาหน้าซุกหมอนไปด้วย น่าจะเพราะกำลังซ่อนหน้าแดงแจ๋ของตัวเอง น่ารัก!!!! น่ารักจนอยากกลืนเข้าไปทั้งตัวเลย




   หลังจากนั้นแทนใจก็พูดอะไรงุ้งงิ้งยืดยาวจนผมฟังไม่ทัน น้องพูดจนผมกลัวว่าจะเหนื่อยก่อนเลยช้อนแทนใจมาทั้งก้อนเลยครับ พอดีมือเลยแฮะ หิ้วสบายมาก



“คุณเมฆ ผมเดินเองได้”

“พี่แบกได้ครับ พี่แข็งแรง ถึงแก้มเราจะหนักก็เถอะ”



น้องไม่ได้พูดอะไรอาจจะเพราะกำลังงงอยู่ เมื่อกี้ท่าทางจะปล่อยออกมาหมดแม็กแล้วครับ มาหมดทุกอย่าง ลูกค้า ภาษี อะไรที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผีก็มา แต่น่ารักครับ คนน่ารักจะพูดอะไรผมก็ว่าน่ารักทั้งนั้น จะด่าการเมืองแค่ไหนผมก็มองว่าน่าเอ็นดูอยู่ดี



“ตกลง… คุณโกรธอะไรผมเหรอเมื่อวาน”



ผมเงียบเมื่อคำถามแบบนี้วนกลับมาอีกครั้งจนได้ ไม่ใช่ว่าผมตั้งใจจะปิดน้องหรืออะไร แต่ผมเป็นคนพูดเรื่องปัญหาของตัวเองไม่เก่งเลย ไม่เลยสักนิด อีกอย่างคือ ผมคิดว่ามันออกจะงี่เง่าเล็กน้อยเมื่อน้อยใจอะไรไร้สาระอย่างการที่เขาเรียกคนอื่นว่าพี่ แต่ไม่ยอมเรียกผมแบบนั้น



น้องจะล้อผมมั้ยวะ?



แต่แทนใจก็ยังคงเป็นแทนใจ น้องไม่ได้ว่าอะไร แต่พูดด้วยความน่ารักจนผมรู้สึกว่าผมอยากที่จะเป็นเจ้าของน้องเขา ให้แทนใจเป็นแค่ของผมเท่านั้น ไม่อยากรออะไรอีกแล้ว



“พี่ชอบเรา พี่อยากคบกับเรา อยากเป็นแฟน อยากเป็นคนรักของเรา”



พูดออกไปแล้ว



ผลตอบรับไม่ต่างจากที่คิดเท่าไหร่นัก น้องทำหน้างง แก้มกลมๆคงต้องแดงแปร๊ดแน่นอน เพราะเจ้าตัวเล่นติดอ่างเหมือนกับไม่รู้ว่าควรจะต้องตอบอะไร ผมว่านี่อาจจะเกินลิมิตแทนใจในวันนี้ไปแล้วก็ได้ละมั้ง





“ผม … อ่า … ผม”

“เราไม่ต้องตอบพี่ตอนนี้ ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น วันนี้ก็นอนไปก่อน แล้วเดี๋ยววันจันทร์ก็ไปกินกาแฟกันเหมือนเดิม โอเคมั้ย?”

“ครับ”

“เด็กดี”





เป็นเด็กดีของพี่คนเดียวนะครับ



เพราะถึงแม้น้องอยากจะไปเป็นเด็กดีของคนอื่น ผมก็ไม่ยอมแน่นอน



บอกแล้วว่าในเกมนี้ ผมจะต้องชนะเท่านั้น



.

.

.




ถึงแม้ว่าน้องไม่ได้ตอบรับความรู้สึกผมในทันที แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด




ผมพยายามแทรกซึมตัวเองเข้าไปอยู่ในชีวิตแทนใจ ซึ่งทำสำเร็จ เพราะหลังจากกลับจาก Company Outing แล้ว ผมกับแทนใจสนิทกันขึ้นไปอีกขั้น การที่น้องเขายอมโอนอ่อนแล้วก็ไม่ได้รังเกียจสัมผัสของผมนั้นทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองมีหวัง



และผมคิดว่าผมน่าจะชนะในเกมนี้



ผมมั่นใจขึ้นอีกครั้งเมื่อแทนใจเขินผม คนไม่รู้สึกอะไรจะเขินกันทำไมล่ะจริงไหม? ไม่จริงเหรอ? เรื่องของคุณ ผมว่ามันจริงก็คือมันจริงสำหรับผม



“ทำไมคุณชอบชวนผมลงมาทานกาแฟวันจันทร์ทุกที”

 

ผมนึกเรื่องที่แทนใจเคยถามในวันจันทร์หนึ่งที่พวกเราลงมาทานกาแฟด้านล่างกันสองคนเหมือนปกติ ตอนนั้นผมตอบแทนใจไปอย่างหล่อๆว่า

 

“เพราะผมเข้าออฟฟิศแค่วันจันทร์วันเดียวไง”



นั่นเป็นความจริงครับ ผมเข้าออฟฟิศแค่วันเดียว มีโอกาสทำคะแนนแค่วันเดียวเท่านั้น ใช้มุกเด็กน้อยขอเลี้ยงกาแฟอีกคนเพื่อให้ได้เจอกันบ่อยๆ แล้วมันก็สำเร็จ ต้องขอบคุณวันจันทร์และร้านกาแฟที่ทำให้ผมมีโอกาสได้เข้าใกล้แทนใจจนเขามาเป็นของผมเหมือนอย่างตอนนี้



ผมโคตรรักวันจันทร์เลยว่ะ



แต่รักแทนใจมากกว่านะ ไม่อยากรู้เหรอ? อ๋อ เรื่องของคุณ




.

.

.





Rrrr



โทรศัพท์มือถือแฟนผมดังขึ้นมาขัดความคิดของผมที่มีต่อคนข้างๆ



ผมเหลือบมองหน้าจอนิดหน่อย ชื่อที่ขึ้นมาทำให้ผมขมวดคิ้ว แต่เรื่องส่วนตัวน้อง ผมจะไม่ถือวิสาสะรับสายแทน



 ตอนแรกผมกะจะกดตัดสายเพราะว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของอีกคน แต่การงึมงำอ้อนๆว่า ‘คุณพี่เมฆรับให้หน่อย รับโทรศัพท์ผมให้หน่อยนะครับ รับให้หน่อยน้า’ ของอีกฝ่ายน่าเอ็นดูจนปฏิเสธไม่ได้ ถึงแม้ว่าผมจะไม่อยากยุ่งกับไอ้เด็กติดพี่นี่เท่าไหร่ก็ตาม



“สวัสดีครับ แทนใจนอนอยู่ มีอะไรก็ฝากไว้ก่อนละกันนะครับ”



“...” ปลายสายเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามสั้นๆ “นั่นใคร?”




“เมฆ แฟนแทนใจ”




บอกแล้วว่าในเกมนี้ ผมต้องชนะเท่านั้น





-------- TBC --------










ขอโทษที่มาแค่นิดๆนะคะ ไม่มีอะไรแก้ตัว

ช่วงนี้ชีวิตพังมาก งานรุมเร้า เงินควรรุมรักเราแบบนี้บ้าง ;_________;


ใครอยากได้แทนใจเป็นเล่มเริ่มหยอดกระปุกกันได้แล้วนะคะ เร็วๆนี้น่าจะมีข่าวดี แฮ่ XD





Babybaphomet


ปล เสียดายลุงป้--- โฆษณาช้าไปหน่อย ไม่งั้นจะให้ตอนนี้ชื่อว่า #มุมน่ารักของลุงเมฆ

ปลล ถ้าติดคุกกี้ขอแค่ wifi เราก็ต่อนิยายได้ค่ะ
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡17th Monday-มุมน่ารักของลุงเมฆ (100%) (30/08/18)
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 30-08-2018 19:44:25
 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡17th Monday-มุมน่ารักของลุงเมฆ (100%) (30/08/18)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 30-08-2018 22:25:38
ใครโทรมาน่ะ พี่เมฆถึงได้แนะนำซะเต็มขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡17th Monday-มุมน่ารักของลุงเมฆ (100%) (30/08/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 30-08-2018 23:09:44
น้องแทนกายโทรมาแน่ๆ  :hao7:
ปล อยากอ่านมุมคุณพี่เมฆตอนน้องถามว่าจะมีอะไรกันเมื่อไหร่จังเลยค่ะ 555555555555555
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡17th Monday-มุมน่ารักของลุงเมฆ (100%) (30/08/18)
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 30-08-2018 23:41:39
คุณพี่เมฆฆ มีความแนะนำตัวเต็มยศน้า ขี้แสดงความเป็นเจ้าของ
น้องน่ารักจริงๆ  :mew1: กระต่ายน้อยแทนใจ
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡17th Monday-มุมน่ารักของลุงเมฆ (100%) (30/08/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 31-08-2018 11:38:11
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡17th Monday-มุมน่ารักของลุงเมฆ (100%) (30/08/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 02-09-2018 11:59:12
เล่าเรื่องน้องแทนใจในมุมพี่เมฆนี่น่ารักจัง ทุก ๆ อย่างที่เป็นน้องคือน่ารักมาก ๆ :-[
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡17th Monday-มุมน่ารักของลุงเมฆ (100%) (30/08/18)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 02-09-2018 16:11:55
เกิดศึกแย่งแทนใจแน่ๆ
แต่ยิ่งอ่านที่พี่เมฆบอกนี่ยิ่งหลงรักแทนใจไปอีก
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡17th Monday-มุมน่ารักของลุงเมฆ (100%) (30/08/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 07-09-2018 14:34:56
18th Monday
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 




การตื่นมาแล้วอยู่ในอ้อมกอดแฟนมันดีขนาดนี้เลยเหรอ?


นี่คือความคิดของผมตอนที่ตื่นมาแล้วค้นพบว่าตัวเองนอนเปลือยอกอยู่ในอ้อมกอดของพี่เมฆ แล้วยิ่งรู้สึกแก้มร้อนกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าอีกคนเขานอนมองผมอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าต้องทำสายตาเจ้าชู้ขนาดนี้ตอนที่มองผมด้วยนะ หรือเขาทำสายตาแบบนี้อยู่แล้ว


มันทำให้ใจผมกะยึกกะยักแรงมากจริงๆ


“หิวมั้ย?”


คุณพี่เมฆถามครับ เขานอนยิ้มๆเหมือนมีความสุขมาก ซึ่งผมเข้าใจ … เพราะผมเองก็มีความสุขเหมือนกัน


“นิดหน่อยครับ” ผมตอบกลับไป เฮ้ย เสียงผมแย่มาก เหมือนกับหลอดเสียงถูกเอาไปขูดกับปูนซีเมนต์มาเลยครับ หยาบกระด้างเบอร์แรงมากจริงๆ


 “คุณพี่เมฆ เสียง--”

“ไม่ต้องพูดแล้วๆ เมื่อคืนเราเล่นครางขนาดนั้น คงจะมีเสียงพูดอีกหรอก”


เขาตอบพร้อมทั้งลูบหัวผมเบาๆ ฮือ พอเป็นแฟนกันแล้ว ที่ผ่านการมีอะไรกันแล้ว แม้แต่เขาลูบหัวผมก็กะยึกกะยักอะ โคตรโกงเลย สกิลแบบนี้ไปเป็นโจรเถอะ เหมาะมากเลยอะ 


คุณพี่เมฆยังยิ้มอบอุ่นเหมือนเดิม ก่อนที่จะลุกขึ้นไป ผมหันหน้าหนีเมื่อเขาใส่แค่บ๊อกเซอร์ตัวเล็กๆ ซึ่งมันเล็กมากจริงๆ แม้ว่าผมจะเคยเห็นคุณเมฆน้อยที่ไม่น้อยมาแล้ว แต่ใช่ว่าผมจะไม่เขินนะ ให้ตาย อายบ้างก็ได้ ผมอายแทนแล้วเนี่ย


“พี่ลางานให้แล้วนะ เรานอนพักเถอะ เดี๋ยวพี่ไปหาอะไรมาให้ทาน”


แฟนผมเองครับทุกคนนนน แฟนดีเด่นของโลกใบนี้ ฮือ รักกกกกกก อยากบอกรักเขาแต่ไม่มีเสียงแล้ว โหย คนทั้งโลกจะต้องอิจฉาผม ฮือ ถ้าเขาเป็นโจรผมก็จะเสียสละเป็นแฟนโจรเอง แทนใจ Volunteer!


ถึงแม้ในใจจะคิดอะไรเยอะแยะมากมาย แต่สิ่งที่ผมทำคือส่งยิ้มให้เขาแล้วล้มตัวลงนอน อยากอวยแฟนแค่ไหนก็ทำไม่ไหวครับ สังขารไม่อำนวย ปวดตัวไปหมดโดยเฉพาะสะโพก เจ็บมาก เหมือนกับเอาก้นไปขูดกับทางลูกรัง แต่เป็นลูกรังที่หล่อมากๆเลยนะ


การมีอะไรกับแฟนครั้งแรกมันดีมากจริงๆนะ

แล้วก็เจ็บมากเช่นเดียวกัน


ผมจะไม่ปฏิเสธว่ามันไม่เจ็บ เพราะมันทรมานมาก ไม่เคยคิดว่าครั้งแรกจะต้องขนาดนี้ ขนาดตอนที่ไปเข้าห้องน้ำผมยังแสบมาก แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ก็เลือกแบบเดิมครับ … เอ๊ะ แต่ถ้าได้อยู่ข้างบนอาจจะดีกว่าก็ได้นะ แทนใจน้อยนั้นเล็กๆกว่าคุณพี่เมฆน้อยเยอะอยู่ คุณพี่เขาน่าจะไม่เจ็บ


ครั้งหน้าผมควรต่อรองขออยู่บนบ้างดีกว่ามั้ยนะ?


ไลน์!



ในขณะที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ ไลน์ในโทรศัพท์คุณพี่เมฆก็ดังขึ้นมา ครั้งนี้ไม่มีการลังเลแบบรอบที่แล้วครับ ผมรีบกลิ้งไปอีกฝั่งของเตียงอย่างปวดๆ เพื่อคว้าโทรศัพท์ของคุณพี่เมฆขึ้นมา ผมตั้งใจที่จะปิดเสียงแล้ววางมันไว้ที่เดิมก่อนจะไปนอนต่อ 

แต่ชื่อที่ขึ้นมาทำให้ผมสะดุดครับ

หวาน อักษร: *ส่งสติกเกอร์*


หวาน อักษร อะไรนี่อีกแล้วเหรอ?


คุณพี่เมฆจบวิศวะไม่ใช่หรือไง จบมาเป็นสิบๆปีแล้วด้วยมั้ง ทำไมถึงได้ต้องมี หวาน อักษร ส่งสติกเกอร์มาหาตลอดเลยล่ะ? ผมว่าผมจะเห็นชื่อนี้บ่อยเกินไปแล้วนะ แล้วผมก็ไม่ชอบเลยจริงๆ


ในขณะที่กำลังคิ้วขมวดเพราะหงุดหงิดอยู่นั้น ไลน์คุณพี่เมฆเขาก็เด้งขึ้นมาอีกรอบ


หวาน อักษร: มีอะไรก็ทักมาได้
หวาน อักษร: เราว่างตอบได้ตลอดแหละ ไม่ต้องเกรงใจๆ



ลูกโป่งฟูๆเมื่อครู่ตอนที่เพิ่งตื่นนอนถูกเจาะแล้วครับ ผมค่อยๆวางโทรศัพท์คุณพี่เมฆไว้ที่เดิมพร้อมด้วยคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบตั้งแต่เมื่อวันก่อน … หวานอักษรนี่ใครอะ? สนิทกันขนาดไหน? แล้วอะไรคือต้องไลน์หากันบ่อยขนาดนี้เลยเหรอ?


อาจจะเป็นคนที่ไซต์งานคุณพี่เมฆก็ได้นี่นา


หรืออาจจะเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียน เหมือนคุณบิวไง คุณบิวที่สวยๆใช้ลิปบูๆวูๆที่เป็นเพื่อนสมัยเรียนของคุณพี่เมฆ เขาอยู่บนโลกมาเกือบสามสิบปีขนาดนี้ ก็ต้องมีเพื่อนผู้หญิงมั่งแหละ ผมยังมีพี่สาวเลย


พูดถึงพี่สาว


เพิ่งรู้ว่าคุณพี่เมฆเขาต้องผ่านอะไรมาเยอะขนาดนั้น ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่าถ้าเกิดขึ้นกับตัวเองแล้วผมจะจัดการกับมันได้ดีเหมือนที่เขาทำหรือเปล่า ผมจะเสียใจจนไม่ทำอะไรเลยมั้ย ผมจะยังมีกำลังใจเลี้ยงน้องกายแบบนี้อยู่หรือเปล่านะ?


คิดแล้วปวดหัว นอนดีกว่า


.
.
.



“... ใจ … แทนใจ”
“งืม”
“ตื่นขึ้นมาทานอะไรหน่อย”
“งืม”


ผมสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกเหมือนว่ามีคนมายุกยิกที่หัวไหล่ ลืมตาขึ้นมาถึงได้เห็นว่าเป็นแฟนผมมาสะกิดๆปลุกผม ซึ่งผมก็ตื่นแต่โดยดีครับ ถึงแม้จะง่วงๆหน่อยก็เถอะ คุณพี่เมฆมาพร้อมกับอาการกลิ่นหน้าทานครับ ผมยังไม่เห็นว่าเป็นอะไรเพราะแค่ได้กลิ่นเฉยๆ หอมจัง ถึงแม้จะไม่อยากกินแค่ไหนแต่กลิ่นมันหอมยั่วยวนมากจริงๆ


“ข้าวต้มแซลม่อน เรายังไม่เบื่อใช่มั้ย?”


แซลม่อน! น้องแซลม่อนของผม


“ม่ายยยยย ผมไม่มีทางเบื่อแซลม่อน”

“ครับๆ พี่รู้แล้ว”


เขาพูดยิ้มๆ เออเว้ย คนเราที่อยู่ในเสื้อยืดสบายๆกับกางเกงอยู่บ้านจำเป็นต้องดูดีขนาดนี้มั้ยอะ ไม่ยุติธรรมเลย ถ้ามีการเลือกตั้งนะ ผมจะไม่เลือกเขา คอยดู


“ลุกขึ้นมานั่งทานดีๆมา”

“แล้วพี่ทานอะไรหรือยังครับ?” 

“ทานแล้วครับ เลยไปหาอะไรให้เรากินเนี่ย มานี่เร็ว กินข้าวได้แล้ว”


ผมถูกจับให้นั่งแล้วป้อนข้าวอย่างกับเด็กสามขวบ หนักกว่าตอนที่ผมไข้ขึ้นคราวนี้อีก แต่แบบนี้ก็ดีครับ สบายดี คุณพี่เมฆประคบประหงมผมดีมาก แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ผมก็จะไม่ลุกจากเตียงอะ ไม่เอาไม่ลุก ปวดไปหมดทั้งตัวเลย ร้าวมาก


“นี่กี่โมงแล้วอะ เจ็ดโมงหรือยัง?”


ผมถามเบลอๆ ตอนนี้รู้แค่ว่าแซลม่อนหอมมากครับ ความจริงผมก็กินเองได้นะ แต่อยากให้เขาป้อนอะ ดูเป็นง่อยแต่แค่อยากอ้อนบ้าง


“จะเที่ยงแล้วครับ”

“วันนี้วันอะไร ผมมีประชุมมั้ย?”

“วันอังคาร ไม่ต้องห่วงนะพี่ลางานให้แล้ว ลาของพี่ด้วย”


ผมพยักหน้ารับพร้อมกับรับข้าวต้มที่อีกฝ่ายป้อนให้มาเคี้ยวงั่มๆ ตอนนี้ถึงอยากจะทำงานก็ไปไม่ไหวแหละครับ แค่ขยับออกจากเตียงยังไม่อยากเลย ยืนไม่ได้แน่นอน ไม่ลองด้วย เพราะเรามีคนคอยบริการแล้ว เกิดเป็นแทนใจมันก็ดีแบบนี้แหละน้า


เอ๊ะ จะลุกไปไหนอะ!


“คุณพี่เมฆฆฆฆฆฆฆ”

“ครับๆ”

“คุณพี่เมฆจะไปไหนอะ ไม่เอาไม่ให้ไป”


ผมหน้าบึ้งใส่เขาเมื่ออีกคนทำท่าจะลุกไปจากเตียง แถมแต่งตัวด้วยอะ ใส่กางเกงดีๆไม่ใช่กางเกงที่เขาใส่ชิลๆแบบเมื่อกี้ เฮ้ย จะไปไหนไม่ให้ไปนะ อยากอยู่ด้วยจะไปไหน ห้ามลุกห้ามหายไปนะ ผมไม่ยอม


“ใจเย็นๆนะ พี่แค่จะไปเซเว่น”

“ไปทำไม ไปด้วย”

“ซื้อน้ำยาล้างจาน มันหมด”

“โอเค มาเร็วๆนะ”

“ครับๆ ขี้อ้อนเหมือนกันนะเนี่ยเราน่ะ”


ผมยิ้มเมื่อคุณพี่เมฆรับปากว่าจะกลับมาเร็วๆ อาจจะเพราะผมป่วยด้วยเลยงอแงเหมือนเด็กแบบนี้ แต่ไม่ชอบเลยนะถ้าจะต้องอยู่คนเดียวตอนนี้อะ เขาควรจะนอนกอดผมอยู่ข้างๆสิ ผมเจ็บไปทั้งตัวเพราะคุณพี่เมฆเลยนะ บ้าไปแล้ว คิดแล้วก็เจ็บใจ คนอะไรไม่อ่อนโยนเลย


รอผมเป็นฝ่ายอยู่ข้างบนก่อนนะ แล้วผมจะอ่อนโยนกว่าเขาให้ดู!
ว่าแต่จะตะล่อมคุณพี่เมฆยังไงดีให้เขายอม แต่เราไม่ต้องตะล่อมก็ได้หรือเปล่า เราควรจะแบ่งๆกันทำสิ ผมก็อยากให้เขามีความสุขเหมือนกันนะ ถึงแม้มันจะเจ็บเหมือนโดนฉีกเลยก็เถอะ แต่เพราะคุณพี่เมฆทำไงผมเลยโอเค ถ้าผมทำเขาจะโอเคมั้ยนะ--


ไลน์!


ผมเห็นเขาถือโทรศัพท์พร้อมเสียงไลน์ที่แจ้งเตือน (แล้วก็ชามข้าวของผมที่ทานเสร็จแล้ว) ออกไปจากห้องนอน เฮ้ย คือ ยิ้มด้วย? ยิ้มทำไม! ไลน์จากใครทำไมมันน่าสนใจกว่าผมที่นอนอยู่บนเตียงเหรอ?


หรือว่า … หวาน อักษร?


ตกลงคนนั้นเป็นใครกัน ทำไมถึงได้ไลน์หาคุณพี่เมฆบ่อยจังเลยอะ ผมไม่ชอบเลยนะ การที่มีคนอื่นมาไลน์หาแฟนผมบ่อยๆแบบนี้อะ แถมเป็นใครก็ไม่รู้ อาจจะเป็นมิจฉาชีพก็ได้ หรือว่าเพื่อน? โอ๊ย ไม่ชอบเลยอะ


แค่คิดเรื่องนี้ขึ้นมาอีกผมก็หงุดหงิดแล้ว


ผมกลิ้งไปอีกฝั่งของเตียงเพื่อเอาโทรศัพท์ของตัวเองมาเล่นบ้าง ซึ่งตอนนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจเลยครับ ไลน์ก็มีแต่ซุกซนรัวมาด่าว่าเพราะผมป่วย มันเลยต้องมาตามออเดอร์เกาหลีแทนผม (รับรู้หรือยังล่ะว่าตอนที่หายไปผมต้องมาตอบคุณยาโยอิ ยามาซากิ คุโนะคุกิมิยะ แทนมันนั้นลำบากยังไง) แล้วก็เป็นไลน์กลุ่มเซลล์โคทีมที่ส่งกำลังใจมาให้ ขอให้หายไวๆ เริ่มจากคุณกฤติครับ ซึ่งผมไม่รู้ว่าเขารู้ได้ไงว่าผมป่วย แต่ก็ขอบคุณทุกคนไป


ไม่ดูไลน์ละ เฟซบุ๊คมีอะไรบ้างนะ


ผมไถๆโซเชียลอย่างเบื่อๆ ไม่มีอะไรน่าสนใจเลยครับ เพจรีวิวหนังก็รีวิวเรื่องที่ผมยังไม่ได้ดู หน้าไทม์ไลน์ก็น่าเบื่อ ไม่มีอะไรเลยจริงๆ


ถ้าได้ดู Netflix น่าจะดีนะ ผมมีหนังที่อยากดูอยู่เยอะเลย


แฟนผมจะมีแล็ปท็อปที่บ้านมั้ยนะ? ผมว่าจะขอยืมมานั่งดูหนังหน่อย ไม่อยากนอนแล้วแต่ก็ไม่อยากทำอะไรอยู่ดี เขาต้องมีแหละ ขนาดผมยังแล็ปท็อปมีเอาไว้ดูหนังเลย คุณพี่เมฆเขาต้องมีเอาไว้ทำงานมั่งแหละ


อ๊ะ พูดถึงแล้วก็มาพอดี


“พี่นึกว่าเราอนอนอยู่”


แฟนผมเดินเข้ามาพร้อมมือถือครับ ซึ่งผมส่ายหน้าเขาก็เลยยิ้มแล้วมานั่งข้างๆ เอามือวัดไข้ที่หน้าผากไปด้วย เหมือนอยู่ในอนุบาลหมีน้อยเลย เพียงแต่หมีที่ดูแลผมอยู่นี่ไม่ใช่หมีน้อยนั่นแหละครับ


“ยังมีไข้อยู่เลยนะ หัวอุ่นๆ”

“แต่ผมเบื่อแล้วอะ ไม่อยากนอนแล้ว”

“งั้นอยากทำอะไร ไปห้างมั้ย? อ่านหนังสือป่าว?”
 
“ไม่อะ” ผมส่ายหัว “อยากดูหนัง ผมขอยืมแล็ปท็อปคุณหน่อยได้มั้ย ผมขอดู Netflix หน่อย”

“เอาสิ”


เขาพูดแล้วหายไปพักนึงทิ้งผมนั่งยิ้มกับตัวเอง วันนี้ดูเรื่องอะไรดีนะ


ความจริงผมเป็นคนชอบดูหนังมากเลยครับ ถึงขนาดสมัคร Netflix เอาไว้ด้วย แต่ไม่ค่อยมีเวลาจะได้ดูเท่าไหร่ บางทีทำงานเหนื่อยๆกลับห้องไปก็ขี้เกียจดูแล้วครับ จะได้ดูแค่ก็วันเสาร์-อาทิตย์ที่ผมไปนอนกับน้องแค่นั้นแหละ


พูดถึงน้อง รอยยิ้มผมก็หายไปนิดหน่อย


ถึงแม้ตอนนั้นจะเคลียร์กันไปแล้วแต่ผมกับน้องก็ไม่ได้คุยกันเยอะเหมือนเดิม แย่จังเลย ทั้งที่ผมเลี้ยงน้องมากับมือแท้ๆ ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆเราถึงไม่ค่อยได้คุยกัน เหมือนกับมันห่างๆกันไปเอง พูดแล้วก็ทักน้องไปหน่อยดีกว่า


Tanjai: น้องกายครับ
Tanjai: พี่คิดถึงนะ


ผมไลน์ทิ้งไว้เหงาๆ ตอนนี้น้องกายน่าจะยังเรียนอยู่เลยไม่ได้ตอบผม ไม่เป็นไรหรอก ว้เดี๋ยวพอน้องเลิกเรียนน้องก็มาตอบผมเอง ถึงแม่จะรู้สึกแปลกๆหน่อยก็ตาม ผมกับน้องไม่เคยห่างกันขนาดนี้มาก่อนเลย


คิดไปก็ปวดหัว ดูหนังดีกว่า


“มาแล้วๆ”


คิดถึงหนัง หนังก็มา เย้ะ


คุณพี่เมฆเปิดประตูมาพร้อมกับแล็ปท็อปเครื่องหนึ่ง ไม่ใช่แล็ปท็อปของบริษัทแน่นอน เพราะพวกเราใช้คอมพ์ยี่ห้อเดียวกันหมดทั้งบริษัทครับ แต่เครื่องนี้ไม่ใช่ ผมเลยเดาว่าน่าจะเป็นของส่วนตัวของเขาเองครับ


“พี่เอาน้ำส้มมาให้ เผื่ออยากกิน กินแต่น้ำเปล่าทั้งวันอาจจะเบื่อ”


ขอยืมคอมพ์แล้วมีน้ำผลไม้แถมให้ด้วย โหย น่ารักอะ มาเป็นเมียผมเถอะนะ เดี๋ยวผมจะเลี้ยงอย่างดี แต่ขอผ่อนนะ ผมรายได้น้อยรายจ่ายเยอะมากๆ ค่าบัตรเครดิตยังไม่ได้จ่ายเลยเนี่ย คิดแล้วก็เครียดๆอยู่ 


“ขอบคุณครับ”


น่ารักจริงๆนะเนี่ย แฟนผมเองครับทุกคนบนโลก ผู้ชายคนนี้คือแฟนผม อยากได้ผมก็ไม่ให้นะ ผมไม่ยอม!


“เดี๋ยวพี่ไปนั่งทำงานข้างล่างนะ เราอยากได้อะไรทักไลน์มาก็ได้ เดี๋ยวพี่ขึ้นมา”

“แล้วพี่ไม่ทำกับผมเหรอ?”


คุณพี่เมฆชะงัก

ตอนนั้นแหละผมถึงได้รู้ตัวว่าผมพูดอะไรออกไป พอรู้ตัวปุ๊บทั้งหูทั้งหน้าก็ร้อนไปหมดเลยทันที ฮือ เขินอะ พูดบ้าอะไรวะ ผมดูเหมือนลุงแก่ที่ชอบล่อลวงเด็กหนุ่มน่ารักเลยอะ ไม่เอานะ


“ฮ่าๆ พี่ก็อยากทำกับเราครับ แต่รอเราหายก่อนนะ”


ไอ้บ้า!


สรุปกว่าเขาจะยอมลงไปทำงานอะไรนั่นของเขาคือเขามานั่งฟัดผมก่อน ทั้งหอมแก้มหอมหัวอะไรก็ไม่รู้วุ่นวายไปหมด เป็นนาทีๆแหน่ะกว่าจะยอมผละไปสักที … บ่นนี่ไม่ใช่ว่าไม่ชอบนะ ชอบ! ชอบมากด้วย!  แต่มันเขินๆอะ ยิ่งเป็นแฟนกันแล้วยิ่งเขิน


พอๆ ชีวิตผมควรทำอย่างอื่นนอกจากอวยแฟนบ้าง


ผมเปิดเว็บ Netflix ขึ้นมาแล้วเลือกหนังที่จะดู เรื่องนี้เป็น Series อังกฤษที่ผมไปเจอรีวิวมาว่าดีครับ เป็นเรื่องของผู้ชายคนหนึ่งที่แอบไปติดโปรแกรมดักแชทในเครื่องของลูกสาว แล้วพอวันที่ลูกสาวหายไป เขาก็เลยเปิดแชทลูกสาว แอบดูว่าลูกคุยกับใคร แล้วไปเจอว่าคุยกับแฟน มีการนัดกันแล้วหายไปด้วยกันครับ น่าสนใจดี ผมจะดูวันนี้แหละ


ติ๊ง!


ในตอนที่หนังเริ่มไปได้สักพัก เสียงไลน์ก็เด้งขึ้นมาอีกแล้ว และคราวนี้ไม่ได้มาจากโทรศัพท์เครื่องไหน เพราะมันเด้งมาจากหน้าจอคอมของแฟนผมครับ


หวาน อักษร: แหน่ะๆ
หวาน อักษร: รู้นะว่ายิ้มอยู่อะ


ห๊ะ?


หนังที่ผมดูหมดความน่าสนใจไปเลยทันทีเมื่อเห็นข้อความที่เด้งขึ้นมาที่มุมขวาของจอคอมพ์ เฮ้ย คือตกลงนี่แฟนผมเขาคุยกับ หวาน อักษร อะไรนี่เยอะขนาดนี้เลยเหรอ? ไม่ใช่เพื่อนร่วมงานแล้วหรือเปล่า? แล้วดูจากที่เขาเคยคุยกับคุณบิวบูๆวูๆนั่นคือเขาก็ไม่ได้คุยกับแบบนี้ด้วยอะ


โอเค เขาอาจจะมีเพื่อนคนอื่น ผมจะไม่สนใจ


ผมพยายามไม่สนใจอย่างที่บอก ขนาดตอนดูหนังนี่ที่พ่อเขาแอบดูแชทลูกสาวผมยังไม่โอเคเลย เฮ้ย คือคนเราอะ ควรมีความเป็นส่วนตัวบ้าง การแอบดูแชทไม่ใช่การเคารพพื้นที่ส่วนตัวของคนอื่นเลยครับ


หวาน อักษร: จ้าๆ รู้แล้วจ้า


แต่ผมเริ่มอยากดูแชทคุณพี่เมฆบ้างแล้วครับ คุยอะไรกัน! รู้อะไรกันเหรอ? บอกผมบ้างสิว่าคุยเรื่องอะไรกัน


หวาน อักษร: *ส่งสติกเกอร์*


ผมดูหนังไม่รู้เรื่องแล้วครับ ตอนนี้ในหัวมีแต่เรื่อง หวาน อักษร กับไลน์ที่เด้งถี่ๆอยู่ตรงมุมจอเนี่ย ผมพยายามระงับความหงุดหงิดแล้วตั้งใจดูหนังต่อ โอเค มีคนตายแล้ว ขอบคุณมาก ตายตอนไหนวะ ช่างมันเถอะ เดี๋ยวค่อยย้อนๆเอาก็ได้มั้ง--


หวาน อักษร: *ส่งสติกเกอร์*


โอเค พอ


ผมเลิกดูหนังแล้วคลิกไปที่ข้อความล่าสุดที่เพิ่งเด้งขึ้นมาที่มุมขวาของจอทันทีด้วยอารมณ์หงุดหงิด มากวนการดูหนังของผมยังไม่เท่ากับแอบคุยเรื่องอะไรก็ไม่รู้ที่ดูสนุกสนานมากเลยครับ คุยกันทั้งวันแบบนี้ได้เหรอ? หลายครั้งแล้วนะ


Enter Passcode
Enter your passcode to unlock Line!


จุดจบสายสอดส่อง คือการพยายามสนใจแล้วดันติดพาสเวิร์ดเนี่ย!!





------- 50%--------




ลงด้วยวความเร็วแสง
ลงก้อนฝนตก รู้สึกชนะค่ะ อิ___อิ

เจอกันเร็วๆนี้ค่ะ บอกใบ้ว่าเข้าช่วงระทึกตึกตักกกะยึกกะยักของ #เรื่องของคนที่เกลีบยดวันจันทร์ แล้วนะคะ แ
ฮ่

Babybaphomet
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡18th Monday- จุดจบสายสอดส่อง (50%) (07/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 07-09-2018 21:31:36
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡18th Monday- จุดจบสายสอดส่อง (50%) (07/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 08-09-2018 00:33:24
จุดจบสายส่องจริงๆ 55555
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡18th Monday- จุดจบสายสอดส่อง (50%) (07/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-09-2018 00:53:44
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡18th Monday- จุดจบสายสอดส่อง (50%) (07/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 10-09-2018 08:44:36
ขอบคุณครับ กด +1 ให้นะครับ :a9:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡18th Monday- จุดจบสายสอดส่อง (50%) (07/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 10-09-2018 09:05:48
โถน้องแทนใจลูกกก อดส่อง ถามพี่เมฆเลย
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡18th Monday- จุดจบสายสอดส่อง (50%) (07/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 11-09-2018 05:26:06
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡18th Monday- จุดจบสายสอดส่อง (50%) (07/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 11-09-2018 13:10:42
ส่องแล้วก็อย่าลืมถามแฟนให้รู้เรื่องไปเลยนะจ๊ะ จะได้ไม่คาใจ
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡18th Monday- จุดจบสายสอดส่อง (50%) (07/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 19-09-2018 20:46:23
18th Monday -- 50%
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 




หวานอักษรคือใคร? 


ผมเหลือบมองผู้ชายที่นั่งหน้าเครียดจ้องโทรศัพท์อยู่ฝั่งตรงข้าม หลังจากที่ทานข้าวดูหนังจบแล้วผมหลับไปตื่นนึง พอลืมตาขึ้นมาคุณพี่เมฆก็มานั่งอยู่ใกล้ๆแล้วครับ เราใช้เวลาด้วยกันจนกระทั่งถึงตอนเย็น พวกเรานั่งกินข้าวกันอยู่ ซึ่งเมื่อกี้เสียงไลน์ดังขึ้น พร้อมกับความคิดในหัวผมที่ไปหยุดอยู่ที่สิ่งที่กวนใจผมมาทั้งวัน


หวาน อักษร


ชื่อของเขาติดอยู่ในหัวผมจนกระทั่งดู Sereies จบไปทั้งเรื่องแล้ว คนร้ายก็เจอแล้ว ปมก็เฉลยหมดแล้ว แต่ชื่อของผู้หญิงคนนี้ก็ยังไม่หลุดออกไปจากหัว


ถามดีมั้ยนะ?


ผมนั่งเขี่ยกะเพราหมูสับในจานข้าวตัวเองเล่นๆ ตอนนี้ผมไม่ปวดหัวแล้วก็ไม่ได้ปวดตัวอะไรมากมายแล้วครับ แต่ตอนเดินยังต้องระวังๆนิดหน่อย แต่เรื่องนั้นไม่ใช่ประเด็น ความสงสัยของผมต่างหากคือสิ่งที่รบกวนจิตใจอยู่ตอนนี้


“เอ่อ... “


ผมเกริ่นขึ้นมา ซึ่งคุณพี่เมฆเขาละสายตาออกจากหน้าจอโทรศัพท์ขึ้นมายิ้มให้ แฟนผมยังคงหล่อเหมือนเดิมถึงแม้บนหน้าจะมีร่องรอยของความเหนื่อยล้าปรากฏอยู่ จานข้าวตรงหน้าของเขาว่างเปล่า มือถือโทรศัพท์ที่ทำงาน เพราะวันนี้ความจริงเขาต้องไปไซต์งาน แต่เพราะหยุดมาดูแลผมเลยต้องนั่งตอบอีเมลกับคุยโทรศัพท์ทั้งวันเลย


“คุณพี่เมฆอิ่มแล้วเหรอครับ?”
“ครับ” เขาตอบสั้นๆ “เราล่ะ? นั่งเขี่ยข้าวเป็นเด็กๆเลยนะเนี่ย”
“ไม่เด็กก็เขี่ยข้าวได้นะ อย่ากล่าวหาสิ”
“ครับๆ ไม่เด็กก็ไม่เด็ก”


เขาหัวเราะหึเหมือนกับพอใจในคำตอบ ก่อนที่จะไปนั่งหน้าเครียดใส่โทรศัพท์ต่อพร้อมถอนหายใจ ความเงียบปกคลุมลงมาเหมือนเดิม พร้อมกับความเคลือบแคลงใจของผมที่ยังคงอยู่


ผู้หญิงคนนั้นคือใคร?


ไลน์!


 อีกแล้วเหรอ?


ทุกอากัปกิริยาของผู้ชายคนนี้อยู่ในสายตาผมทั้งสิ้น ผมมองตามมือของคุณพี่เมฆที่วางโทรศัพท์บริษัท แล้วหยิบโทรศัพท์ส่วนตัวขึ้นมาแทน เจ้าตัวยิ้มมุมปากส่ายหัวเหมือนตลกอะไรสักอย่าง สักพักก็ขมวดคิ้วเหมือนข้อความที่ขึ้นมาต่อจากนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องคิด ก่อนที่จะสไลด์โทรศัพท์พิมพ์ตอบข้อความอย่างเร็ว แล้วกลับไปสนใจโทรศัพท์บริษัทเหมือนเดิม


สำคัญขนาดว่าต้องละจากงานมาตอบเลยเหรอ?


ตอนนี้ผมหยุดเขี่ยข้าวแล้วนั่งมองจานตัวเองเฉยๆ อยากถามให้รู้แล้วรู้รอด แต่อีกใจก็กังวลว่าคำตอบมันจะไม่ได้เป็นอย่างที่คิด แล้วถ้าแบบนั้น ผมจะตั้งรับกับมันไหวมั้ย


ถ้าไม่มีอะไรมันต้องไหวสิ!


“คุณพี่เมฆครับ?”


หลังจากตบตีกับตัวเองมาสักพัก ผมเลยตัดสินใจเงยหน้าขึ้นไปเรียกคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม คนที่กำลังทำงานอยู่เงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้เหมือนเคย


“ว่าไงครับ?”
“คะ---”


Rrrrr


เสียงโทรศัพท์ที่ทำงานดังขึ้นมา ข้อสงสัยและคำถามทั้งหมดถูกกลืนกลับเข้าไปในคอ คุณพี่เมฆมองโทรศัพท์แล้วหันมาส่งสายตาขอโทษผมแล้วก็รับสายนั้น


“ครับคุณจักรเกษตร … ไม่ครับๆ คุยได้ครับ สะดวกครับ...”


แผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มค่อยๆเดินหายไปทางหน้าบ้าน  ผมมองตามหลังเขาแล้วถอนหายใจกับตัวเอง คุณพี่เมฆกำลังทำงาน เขาคงมีเรื่องเครียดในงานเยอะอยู่แล้ว หากผมเอาเรื่องแบบนี้ไปถามมันจะดูไร้สาระหรือเปล่านะ? ในขณะที่กำลังนั่งคิดอยู่นั้น เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ก็ดึงความสนใจของผม


ไลน์!

sky: ผมก็คิดถึงพี่แทนใจนะ
sky: คิดถึงมากๆ
sky: พี่เป็นยังไงมั่งครับ สบายดีใช่มั้ย



ผมสบายดีมั้ยนะ?


มันก็สบายดี แต่รู้สึกเหมือนกับว่ามึนๆ เมื่อ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีเรื่องของคุณพี่เมฆเข้ามาอัดเต็มหัวสมองของผมจนไม่สามารถไปสนใจเรื่องอื่นได้เลย ผมได้รู้เรื่องครอบครัวของเขา ได้เห็นมุมอ่อนแอ และยังเจอว่าเขากำลังคุยกับหวานอักษรอะไรก็ไม่รู้เนี่ย


ถ้าเป็นผมคนปกติคงเอ่ยปากถามเรื่องที่สงสัยไปแล้ว


แต่นี่… ผมกลับกลัวไปหมด กลัวว่าจะรบกวน กลัวคำตอบที่ได้ กลัวอะไรก็ไม่รู้ แบบที่ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเหมือนกัน


ไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้เลยแฮะ


ไลน์!


sky: พี่แทนใจอยู่ห้องหรือเปล่าครับ?
sky: ผมไปหาได้มั้ย
sky: ผมอยากเจอพี่



ผมยิ้มให้กับข้อความของน้องที่ขึ้นมาที่โนติฯหน้าจอ แต่ตอนนี้ผมยังไม่อยากพิมพ์ตอบอะไรไปเพราะยังมีแต่เรื่องของคุณพี่เมฆที่คิดไม่ตกอยู่


แย่จังเลย


“เฮ้อ”


ล้างจานน่าจะหายฟุ้งซ่านได้บ้าง ผมลุกขึ้นแล้วค่อยๆเดินไปทางห้องครัว ถึงแม้จะดีขึ้นมากแล้วแต่ยังเดินด้วยความเร็วปกติไม่ได้ขนาดนั้นครับ


ล้างจานก็ไม่ช่วย จนล้างมือ อาบน้ำอีกครั้ง กลับขึ้นมาบนห้องนอนเพราะไม่รู้จะทำอะไรอยู่ด้านล่างแล้ว ก็ยังไม่ช่วยให้หยุดคิดเรื่องที่เกิดขึ้นเลย


นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่?


ผมถามตัวเองเมื่อนั่งรอคุณพี่เมฆอยู่บนเตียง ทั้งที่ท่าทางเหมือนกับตอนที่เพิ่งตื่น แต่ความรู้สึกกลับต่างไปจากเมื่อเช้ามากโข ผมคิดวนไปวนมาอยู่แต่เรื่องเดิมๆ คุณพี่เมฆเป็นโจทย์ที่เข้าใจยากที่สุด และจนถึงตอนนี้ก็ยังคงเป็นแบบนั้น ความเป็นเขาทำให้ผมกลัว ผมไม่รู้ว่าตัวเองรู้จักเขามากแค่ไหน


ขนาดมีอะไรกันแล้ว เขาบอกรักผมแล้ว แต่เหมือนกับว่าเขายิ่งไกลออกไป
ไกลกว่าตอนก่อนที่เราจะคบกันอีก


เมื่อความคิดบ้าบอในหัวทำให้ผมหงุดหงิด ผมจึงเลือกแก้ปัญหาด้วยการดูหนังเหมือนเคย ผมหยิบคอมคุณพี่เมฆที่ใช้ดู Series เรื่องเมื่อกี้ขึ้นมาเปิดอีกครั้ง ในขณะที่กำลังไล่หาหนังดูอยู่นั่นเอง ตรงมุมจอก็มีข้อความเด้งขึ้นมาจากไลน์เหมือนเดิม


ไลน์!

หวาน อักษร: จ้าๆ
หวาน อักษร: 5555555

มันต้องคุยกันทั้งวันเลยจริงๆเหรอ?


ผมเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่เพิ่งจะทำอารมณ์ตัวเองให้เย็นลงได้ ในขณะที่ผมจะเดินก็เจ็บก้นอยู่แบบนี้ ทำไมคุณพี่เมฆถึงได้ไปคุยกับคนอื่นล่ะ?


มันเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ผมไม่รู้พาสเวิร์ดไลน์เขา ไม่งั้นผมคงเข้าไปอ่านทั้งแชทให้รู้แล้วรู้รอด … แต่ก็ได้แค่คิด เพราะถ้าหากได้มาจริง ผมอาจจะไม่อยากเห็นก็ได้ว่าเขาคุยกันสนุกขนาดไหน แต่คงสนุกแหละ เพราะตอนที่คุณพี่เมฆไลน์คุยกับผมทั้งวันนั้น ผมยังชอบคุยกับเขาเลย


ไลน์!

หวาน อักษร: ก็เป็นเหมือนตอนที่เราคบกันไง



เหมือนตอนที่เราคบกัน?


 ผมตัวชา ความคิดที่จะหาหนังดูเลือนหายไปจากหัวทันที นี่มันคืออะไรกัน? เหมือนกับช่วงที่คบกันคืออะไร? ตกลงแล้วหวานอักษรที่เขาคุยด้วยตั้งแต่วันนั้น ตอนที่เราเพิ่งจะคบกัน นั่นคือแฟนเก่าเหรอ?


คนเราคุยกับแฟนเก่าได้ด้วยเหรอ? ตอนที่แฟนคนปัจจุบันนอนอยู่บนเตียงเนี่ย เราทำได้จริงๆเหรอ?


ตอนนี้หัวสมองผมตื้อไปหมด ในหัวมีแต่คำถามแล้วก็ความไม่เข้าใจ อยากไลน์ไปถามซุกซนว่านี่คืออะไร แต่ผมไม่อยากโดนด่ากลับมาว่าอ๊องเหมือนอย่างเคย หรือจะไลน์ไปหาน้องกาย น้องก็คงไม่เข้าใจเพราะน้องไม่เคยบอกผมว่ามีความรักอะไร ผมควรถามใคร


ผมควรทำยังไง?

“อ้าว มาแอบอยู่นี่เอง”


คนที่ผมกำลังคิดถึงอยู่สักพักเปิดประตูเข้ามาในห้องด้วยท่าทีปกติเหมือนเมื่อครู่ ผมพยายามกางยิ้มที่เหมือนกับการยกกล้ามเนื้อแปลกๆไปให้เขา ซึ่งเหมือนคุณพี่เมฆจะไม่ทันได้สังเกต เขาเข้ามาหอมแก้มเหมือนเคย ซึ่งตัวผมเองก็ชอบสัมผัสนี้ของเขา


“คุยงานเหรอครับ” ผมถามออกไปด้วยน้ำเสียงปกติจนตัวเองแปลกใจ
“อืม” คุณพี่เมฆรับคำสั้นๆ เขานั่งพิงหัวเตียงในท่าเดียวกับผม “ปัญหาเดิมๆ แก้ไม่จบสักที”
“มีเรื่องอะไร เล่าให้ผมฟังได้มั้ยครับ?”


ผมเอ่ยปากถามออกไปพร้อมมองหน้าเขาด้วย อีกคนยิ้มเหมือนเคย เป็นรอยยิ้มอบอุ่นที่ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ ผมไม่เคยรู้เลยว่าภายใต้รอยยิ้มนี้มีอะไรซ่อนอยู่บ้าง


“เรื่องเล็กน้อยน่ะ ปัญหาเดิมๆ… ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอกครับ”
“แต่ผมอยากรู้นะ คุณบอกผมได้นะ”
“ขอบคุณมากนะครับ เด็กดี”


บอกไม่ได้สินะ


คุณพี่เมฆพูดพร้อมกับลูบหัวผมเบาๆเหมือนอย่างเคย บทสนทนาของเราเปลี่ยนไปเรื่องที่ว่าเดี๋ยวคืนนี้ผมจะนอนที่นี่แล้วเขาจะเอาไปส่งที่ทำงานตอนเช้า ส่วนตัวเขาค่อยไปไซต์งานต่อ ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นแผนของคุณพี่เมฆที่ผมเออออตามไปด้วยเพราะหัวสมองกำลังคิดอย่างอื่นอยู่


ไหนบอกว่าผมเป็น เด็กดี ไง
ทำไมเขาไม่ยอมเล่าอะไรให้ผมฟังเลยล่ะ


ผมเป็นเด็กดีไม่พอเหรอ ผมต้องเป็นเด็กดีกว่านี้หรือเปล่า?
หรือเพราะผมเป็นเด็กดี เลยไม่ควรที่จะรับรู้อะไรเลยอย่างนั้นเหรอ?


“เป็นอะไรหรือเปล่า?”


ผมหันไปมองหน้าอีกคนที่กำลังมองมาที่ผม เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองขมวดคิ้วอยู่ ผมค่อยๆคลายสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติ ตอนนี้กลายเป็นว่าแม้แต่การที่เขาออกไปคุยงาน ผมก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาจะคุยกับ หวาน อักษร อะไรนั่นไปด้วยพร้อมกันหรือเปล่า


โคตรแย่ และผมไม่ชอบแบบนี้เลย


“ว่าไงเรา ไข้กลับเหรอครับ หรือว่า--”
“คุณพี่เมฆครับ”


หวาน อักษร ที่คุณคุยไลน์ด้วยทั้งวัน คือใครเหรอครับ?


ผมนิ่งอยู่พักหนึ่ง สบตาเขาที่ส่งมา ใบหน้าหล่อยังคงประดับด้วยรอยยิ้ม ซึ่งนั่นทำให้ผมเลือกที่จะพูดออกไป ซึ่งคำถามของผมทำให้เขานิ่งเช่นเดียวกัน


“คุณพี่เมฆคุยกับใครอยู่เหรอครับ?”


เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ซึ่งมันเหมือนชั่วโมงสำหรับผม


สุดท้ายคุณพี่เมฆก็เผยรอยยิ้มออกมา น้ำเสียงนุ่มที่ผมชอบฟังพูดออกมาอย่างสบายๆ คล้ายกับว่ากำลังพูดคุยเรื่องดินฟ้าอากาศอยู่


“เพื่อนครับ”


เพื่อนงั้นเหรอ?


ผมทวนคำตอบของเขากับตัวเองในใจ เพื่อนที่ไหนเขาเคยคบกันด้วยเหรอ? แล้วเพื่อนแบบที่ไหนที่ต้องคุยกันตลอดเวลาในขณะที่ผมก็ยังป่วยอยู่เหรอ?


ความสงสัยทั้งหมดอัดแน่นอยู่ในใจ ผมไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงต้องโกหก แต่ผมไม่ชอบแบบนี้เลยสักนิด


-------- TBC -------



ก็ยืนยันคำเดิมนะคะว่าเป้นนิยายใสใส ._.
เรารวมเล่มแล้วนะคะ ปกน่ารักมาก ฮือ เดี๋ยวเอาไว้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจะเอาปกมาให้ดูนะคะ
ป.ล. อาจจะเจอเรางานหนังสือนะคะ แฮ่

ขอให้มีความสุขกับวันจันทร์นะคะ
@Babybaphomet
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡18th Monday- จุดจบสายสอดส่อง (100%) (19/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 19-09-2018 21:03:36
พี่เมฆทำไรน้อนนนน
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡18th Monday- จุดจบสายสอดส่อง (100%) (19/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 19-09-2018 21:16:59
อิพี่ทำไมพี่ไม่ชัดเจน ทำน้องแทนกลุ้มใจได้ยังไง ส่งน้องแทนมาจัดการด่วน
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡18th Monday- จุดจบสายสอดส่อง (100%) (19/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 19-09-2018 21:59:12
ไม่น่ามาอ่านก่อนเลยค้างงง น้องแทนใจคิดมากเลย ไม่ว่าคุยอะไรคุณะี่เมฆก็ไม่ควรคุยกับแฟนเก่าทั้งวันไหมคะ ไม่เหมาะไม่ควร ตีตายเลย
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡18th Monday- จุดจบสายสอดส่อง (100%) (19/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 20-09-2018 18:36:04
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡18th Monday- จุดจบสายสอดส่อง (100%) (19/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 20-09-2018 21:29:55
น้องชอบชัดเจน สงสัยต้องเคลียร์
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡18th Monday- จุดจบสายสอดส่อง (100%) (19/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 22-09-2018 00:04:44
น้องแทนใจอย่าเพิ่งคิดไกลล
พี่เมฆอธิบายชัดๆสิ
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡18th Monday- จุดจบสายสอดส่อง (100%) (19/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: por_pla4u ที่ 23-09-2018 19:50:45
เรื่องนี้ควรเคลียร์กันให้จบๆ ไป อย่าให้มีอะไรค้างคาใจกัน เดี๋ยวจะเป็นเรื่องกันซะเปล่าๆ  :hao4:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡18th Monday- จุดจบสายสอดส่อง (100%) (19/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 27-09-2018 21:29:17
19th Monday
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 




เป็นวันพุธที่เริ่มต้นด้วยการโกหก


ผมค้างบ้านคุณพี่เมฆเขาสองคืน ตั้งแต่คืนวันจันทร์ที่เรามีอะไรกัน และคืนวันอังคารที่ผมไม่สบายแล้วเขาไม่ยอมพาผมไปส่งบ้าน บอกจะนอนกอดอะไรก็ไม่รู้ ตัวผมก็ไม่อยากจะเถียง เพราะส่วนลึกๆข้างในก็อยากอยู่กับเขาต่อครับ

แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น จนตอนนี้คุณพี่เมฆยังตอบไลน์ไม่หยุดเลย คนเดิม หวาน อักษร คนนั้นนั่นแหละ มันมีอะไรที่ต้องคุยขนาดนั้นเลยเหรอ?


ผมคิดไปถึงตอนที่ผมถามเขาว่าเขากำลังคุยไลน์กับใคร


คำตอบของคุณพี่เมฆคือรอยยิ้มเบาๆ พร้อมกับบอกว่าเพื่อน โอเค ผมจะเชื่อนะ ผมพร้อมเชื่ออยู่แล้วถ้าไม่บังเอิญไปเห็นแชทในคอมเขาว่าเขาเป็นแฟนเก่ากัน เขาอาจจะเห็นผมอ๊องเลยไม่ยอมพูดเรื่องจริงเหรอ หรือว่าอยากจะคุยกับแฟนเก่าอยู่ ผมไม่รู้อะไรเลย


คืนวันอังคารผ่านไปอย่างกระอักกระอ่วนสำหรับผม จนตอนเช้าวันนี้ที่คุณพี่เมฆเอาผมมาแปะไว้ที่ออฟฟิศก่อนที่ตัวเองมาเคลียร์งานแล้วค่อยไปไซต์ตอนบ่าย ผมก็ยังรู้สึกแย่อยู่นิดหน่อย


มีเหตุผลอะไรที่จะต้องโกหกคนที่เป็นแฟนกัน เราไม่ควรพูดความจริงต่อกันเหรอ?


“แทนใจ เหม่อบ่อยนะวันนี้ ตั้งแต่เช้าแล้ว”


ผมส่งยิ้มข้ามแก้วลาเต้ไปให้คุณพี่เมฆที่นั่งหล่อๆคีบบุหรี่อยู่ฝั่งตรงข้าม วันนี้ผมทำงานด้วยความเบลอมากเลยครับ แผลมันทุเลาลงแล้ว แต่ในใจยังมีเรื่องมากมายให้คิด ก็เรื่องที่เขาโกหกนั่นแหละ


“มีสามีแล้วผีเข้าเหรอ อ๊องเว๊ย สติเว๊ยสติ!”


ครับ เราไม่ได้มากันแค่สองคน


“ซุกซน อย่ากระแทกแก้วสิ มันดูไร้อารยธรรมนะ”
“เป็นแค่ก้อนเต้าหู้ อย่ามาชูคอสอนพี่”
“เราจะสอนใครก็ได้ที่เราสูงกว่า--- โอ๊ยยยยย”


ผมเอามือกุมแก้มที่เพื่อนนิสัยไม่ดีดึงแรงมากครับ มือก็ตีๆมันไปด้วย ซึ่งไร้ประโยชน์มากเพราะมันไม่รู้สึกรู้สาอะไรด้วยเลย แถมยังหัวเราะเอิ้กอ้ากเมื่อผมทำท่าเจ็บอีก เสียแรงจริงๆที่เอามันลงมาด้วย แต่ถ้าย้อนไปก็คงขอให้มันมาด้วยเหมือนเดิมนั่นแหละ ผมไม่อยากอยู่กับคุณพี่เมฆแค่สองคนนี่ มันกระอักกระอ่วนอะ


ผมไม่รู้ว่าตัวเองควรทำตัวยังไง ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าอีกฝ่ายโกหก


“มึงปล่อยเลยนะ ทำอะไรแฟนเฮีย”
“แตะต้องไม่ได้เล๊ยยยยยยยยยย”


พอคุณพี่เมฆพูดแบบนั้นซุกซนเลยยอมปล่อยนิ้วที่จับแก้มผมออก นี่สงสัยจะต้องคิดค่าบีบจริงๆแล้ว อะไรมันทำให้คนบนโลกติดใจแก้มผมมากมายขนาดนี้กัน บ้าบอไปหมด


“ถ้าแก้มแฟนเฮียบุบไป แล้วเฮียจะหอมอะไรล่ะวะ”
“น่อววววววววววววว์ มาว่ะเฮ้ย!!”


ผมก้มหน้าแดงๆของตัวเองลงเมื่อซุกซนแซวแบบชอบใจ ถึงจะเป็นแฟนกันแล้ว (มีอะไรกันแล้วด้วยนะ!) แต่ผมก็อดเขินไม่ได้นี่หว่าเวลาที่มีคนมาแซว ยิ่งพูดแบบกระชั้นชิดแบบนี้ด้วย จะไม่ให้เขินก็ทำไม่ไหวอะ เกินไปมากๆ เขินนะ ถึงแม้จะยังอึนๆมึนๆอยู่ก็เถอะ


ไม่ชอบตัวเองเวลาเป็นแบบนี้เลย พอเขาพูดอะไรผมก็คิดว่าเขาอาจจะโกหกผมอยู่หรือเปล่า

แบบนี้มันแย่ชะมัด


“แทนใจ”
“ห๊ะ? ครับ?”


ผมสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงคุ้นเคยเรียกชื่อตัวเอง คุณพี่เมฆมองหน้าผมเหมือนกับไม่แน่ใจอะไรบางอย่าง ในขณะที่ซุกซนไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว แต่ได้ยินเสียงแว่วๆมาจากเค้าน์เตอร์ น่าจะไปสั่งอะไรมาทานเพิ่ม ตั้งใจจะอยู่ยาวเลยละมั้งเนี่ย วันพุธช่วงสายแบบนี้งานไม่ค่อยเร่งหรอกครับ พวกผมเคลียร์ส่วนด่วนๆไปหมดแล้วด้วย มันจะไปเยอะแยะอีกทีก็วันศุกร์นี่แหละ


“เรายังปวดหัวอยู่หรือเปล่า?”
“ไม่แล้วครับ”
“มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าเนี่ย เห็นเงียบๆตั้งแต่เช้าแล้ว”


ที่เขาพูดมันก็ไม่ผิดนักหรอก เมื่อเช้าตอนนั่งรถมาผมเอาแต่คิดเรื่องนี้แล้วก็พูดน้อยลงจนคุณพี่เมฆเองก็คงสังเกตได้ ผมไม่รู้ว่าจะตอบอะไรนี่ พยายามทำตัวปกติแล้วนะ แต่มันคงยังปกติไม่พอมั้ง


“อ๋อ…”


ผมเงียบไป อยากพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา อยากพูดว่า ผมรู้เรื่องที่คุณโกหกนะ คุยกับแฟนเก่าทำไม เขาเป็นใคร คุยเรื่องอะไรกัน สำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ?


คุณโกหกผมทำไม


“ไม่มีอะไรครับ”


ผมเลือกตอบอีกแบบแล้วส่งยิ้มให้เขาแทน คุณพี่เมฆทำท่าเหมือนไม่เชื่อแต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรเรื่องนี้ต่อ ไม่รู้ว่าเพราะไลน์เด้งพอดีด้วยหรือเปล่า แต่เขาก้มลงดูโทรศัพท์พร้อมพิมพ์ยุกยิกอะไรสักอย่างหน้าเครียด


อาจจะเป็นเรื่องงาน

ขอให้เป็นเรื่องงาน


“ว่าแต่ วันจันทร์นี้เรามีนัดอะไรสำคัญมั้ย?”
“ไม่มีนะครับ”


ผมส่ายหน้าปฏิเสธ ชั่วขณะเห็นคุณพี่เมฆเหมือนจะยิ้มเหมือนดีใจอะไรสักอย่าง ก่อนที่จะพูดต่อ


“ดีเลย เราไปดูหนังกันนะ พี่เห็นมันมีหนังเข้าใหม่อยู่ เราน่าจะชอบ ท่าทางสนุกดี”
“ที่ไหนเหรอครับ?”
“สยามมั้ย เผื่อเราจะซื้ออะไรด้วย เดี๋ยวพี่พาไปทานซูชิร้านนึงตอนเย็นแถวๆอโศก เพื่อนพี่มันแนะนำมาว่าแซลม่อนสดมาก”
“โอเคครับ ไปสิๆ”
“ดีมาก นัดกันแล้วนะ”

ผมส่งยิ้มให้เขา ยิ่งเมื่อได้รับรอยยิ้มกว้างตอบกลับมามันก็อบอุ่นหัวใจดี

“เผลอเป็นไม่ได้ จีบกันอีกแล้ว!”

มารตัวสั้นเพื่อนผมมาพร้อมกับโกโก้ปั่นแก้วใหญ่ นี่ยังไม่อิ่มอีกเหรอ? ผมนะกินแค่ลาเต้แก้วแรกยังไม่หมดเลยเนี่ย กินเยอะแยะทำไมถึงไม่สูงขึ้นบ้างนะ ไม่เข้าใจเลย


“ก็เฮียรักของเฮีย มึงทำไม”


นี่ก็ไปเล่นกับมันอีก ฮืออออออออออออออ


ผมไม่รู้หรอกว่าคราวนี้เขายังโกหกผมเหมือนเรื่องของหวานอักษรอะไรนั่นหรือเปล่า แต่ลึกๆก็ยังอยากเชื่อนะ แล้วตื้นๆคือก็เขินจริงๆ

แย่อะ จะกะยึกกะยักกับทุกอย่างไม่ได้นะ!

“รักมากมั้ย”
“รักมาก”
“เหมาร้านกาแฟให้เลยมั้ย?”
“เวอร์แล้ว จะเหมาทำไม” คุณพี่เมฆหันไปคุยกับซุกซน สักพักก็หันมาหาผมครับ สายตาแพรวพราวที่ชวนให้หน้าร้อนเหมือนเดิม “ว่าแต่เราอยากได้หรือเปล่าครับ? ถ้าอยากได้พี่อาจจะลองคิดดูเรื่องขอกู้ธนาคารนะครับ”

เกินไปแล้ว!

“ผะ… ผม--”
“อ่าวๆ ใจเย็นๆ ให้เวลาสมองมันทำงานหน่อยเฮีย” ซุกซนก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย นั่งดูดโกโก้ปั่นแล้วก็ชงนั่นชงนี่ไปเรื่อย เอาเข้าไป
“ครับ?”
“ผมไปเข้าห้องน้ำนะ!”


ผมพูดแค่นั้นแล้วลุกหนีออกมาเลย อยู่ไม่ได้แล้วอะไม่งั้นหน้าต้องไหม้แน่ๆ ขนาดเขาพูดอะไรแบบนี้ตอนอยู่กันสองคนหรืออยู่ในแชท ผมยังไม่เขินเท่ามีคนนั่งอยู่ด้วยเลยนะ โดยเฉพาะคนนั้นเป็นซุกซนด้วย ผมเลยยิ่งเขิน ฮือ


เขินทั้งที่ไม่รู้ว่าพูดจริงหรือโกหกนี่แหละ


ผมหนีออกมาอยู่ที่ห้องน้ำของตึก ขอบคุณแม่บ้านทุกคนที่ทำงานอย่างหนัก เพราะห้องน้ำตึกที่นี่ไม่ได้เหม็นหรือมีอะไรที่ทำให้รู้สึกว่าการมาเข้าห้องน้ำเหมือนเข้าถังขยะ ผมยืนอยู่ที่อ่างล้างหน้า กำลังมองหน้าแดงๆของตัวเองอย่างไร้หนทางที่จะทำให้มันกลับมาเป็นสีเดิม


“--กูโคตรโกรธ”


ผมหันไปตามเสียง ผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาในห้องน้ำขณะที่คุยโทรศัพท์ไปด้วย โชคดีที่ไม่ใช่คนในบริษัทผม ไม่งั้นคงต้องหาคำทักทายอีก


“มันมีชู้แน่ๆ กูเห็นในเฟสบุ๊คมัน หึ แอบคุยไลน์กันตั้งนานคิดว่ากูไม่รู้เหรอ! กูไม่ได้โง่เว๊ย”
“…”
“รู้เพราะส่องเฟสไง แม่งเเพื่อนที่ไหนแท็กรูปคู่กันบ่อยฉิบหาย พ่อเป็นรองเท้าเหรอ แท็กคู่กันจัง เมียกู ไอ้เหี้ย”


ผมค่อยๆกระเถิบตัวออกจากห้องน้ำช้าๆ ปล่อยให้อีกคนเขาระบายความฉุนเฉียวกับกระดาษทิชชู่ในห้องน้ำไปละกัน แต่ถึงแม้จะออกมาแล้วบทสนทนาของคนนั้นก็ยังติดอยู่ในหัว


แอบส่องเฟสบุ๊คแฟนงั้นเหรอ?


ในชั่วขณะ ความสงสัยเรื่อง หวาน อักษร อะไรนั่นกลับมาในหัว ผมเม้มปาก ตัดสินใจชั่ววินาทีในการกดเข้าเฟสบุ๊คของคนที่เคยทักแชทมาเมื่อนานมาแล้ว ก่อนที่เราจะย้ายไปคุยกันในไลน์แทน ใบหน้าของคนที่เพิ่งจะหยอดผมปรากฏขึ้นมาทันทีที่ 4G ผมไปไหว


Mek Sitthikorn


หน้าเฟสบุ๊คเขาไม่ได้มีอะไรมาก ส่วนใหญ่เป็นโพสต์ของคนอื่นที่แท็กมามากกว่า ผมกวาดสายตาไล่ไปตามสเตตัสต่างๆ รูปแท็กเวลาที่เขาไปเที่ยวกับพวกคุณเบิร์ด หรือไปทำงานบางที่ที่มีคนแท็กมา หรือแม้กระทั่งถ่ายคู่กับใครไม่รู้แล้วบอกว่าดีใจที่ได้เจออีกครั้ง


อะไรเนี่ย ไปเจอใครอะไรเยอะแยะขนาดนี้


ผมเก็บความสงสัยเอาไว้แล้วค่อยๆไล่เฟสบุ๊คเขาไปเรื่อยๆ เมื่อไม่พบอะไรน่าสนใจอีกก็เปลี่ยนไปดูรูปที่ถูกแท็กแทน ไล่อย่างละเอียด … โอเค ไล่รูปที่ถ่ายกับผู้หญิงอย่างละเอียด


จนกระทั่งเจอรูปหนึ่ง


เป็นรูปเหมือนกับงานอะไรสักอย่าง อาจจะเป็นงานแต่งงานหรืองานเลี้ยงกลางคืนคล้ายพวกงานพรอม คุณพี่เมฆดูคล้ายกับปัจจุบัน ต่างกันแค่สีผมน้ำตาลอ่อนที่ทำให้ดูเด็กลงเล็กน้อย ถึงแม้ปัจจุบันจะไม่ได้ดูแก่อะไรแถมยังหล่อก็ตาม


ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้น


ผู้หญิงที่ยืนอยู่เขาดูเป็นผู้หญิงหวานๆเรียบร้อย เธอสวมเดรสสีฟ้าอ่อนที่ทำให้ดูเหมือนคุณหนู บวกกับการแต่งตัวที่ทำให้ผมนึกชมรสนิยมอยู่ในใจ ผมไม่รู้เรื่องแฟชั่นอะไรพวกนี้มากนัก แต่คนที่แต่งอะไรแล้วเข้ากับตัวเองผมว่าเขาดูดีหมด เคสนี้ก็เหมือนกัน


ดูเหมาะสมกันจังแฮะ

ความคิดแรกที่ขึ้นมาในหัวผมเป็นแบบนั้น ซึ่งพอผมดูด้านล่าง คนแท็กรูปน่าจะเป็นเพื่อนของคุณพี่เมฆหรืออะไรสักอย่าง เขาเขียนแค็ปชั่นสั้นๆ


Aeoy Araya --  with Mek Sitthikorn and Wanjai Walaiporn
ชอบคู่นี้เหมือนเดิม เมฆก็หล่อขึ้น หวานก็สวยขึ้น มีแววจะกลับมารีเทิร์นมั้ย ลุ้นๆ

ผมมองรูปอีกครั้ง จิ๊กซอว์ในหัวประกอบกันอย่างรวดเร็ว
คนนี้เหรอ … หวาน อักษร

พวกคอมเมนต์ข้างล่างส่วนใหญ่ก็มาชงคู่นี้ทั้งนั้น ชอบตั้งแต่สมัยเรียนบ้าง เข้ากันดีบ้าง ตอนนั้นเป็นคู่รักขวัญใจอะไรก็ไม่รู้บ้าง นอกจากนั้นจะเป็นพวกคอมเมนต์แซวๆไม่คุณพี่เมฆก็ฝั่งคุณหวานแค่นั้น

แย่แฮะ

ผมเม้มปาก สมองสั่งให้ปิดโพสต์แล้วกลับไปนั่งที่ร้านกาแฟเหมือนเดิม แต่ความอยากรู้ของผมทำงานโดยปราศจากความเห็นชอบของสมอง มือรีบกดเข้าไปดูโปรไฟล์ของคนที่ถูกแท็กกับคุณพี่เมฆทันที

Wanjai Walaiporn

รูปผู้หญิงใส่ชุดเดรสสบายๆเหมือนกับถ่ายที่ทะเลที่เขาเลือกมาเป็นโปรไฟล์นั้นจัดว่าน่ามอง ผมยอมรับกับตัวเอง ประวัติการทำงานที่บริษัทที่มีชื่อเสียง อายุ แล้วก็การศึกษาที่อยู่ด้านหน้ายิ่งยืนความเหมาะสมของเธอที่มีกับคุณพี่เมฆได้เป็นอย่างดี

จะเพอร์เฟคไปไหน…

ตรงเพื่อนที่มีร่วมกันนั้นมีคนที่ผมรู้จักอยู่สองสามคน Mek Sitthikorn ซึ่งเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้วครับ คุยกันทุกวันขนาดนั้น หึ อีกคนที่มางงๆคือ ซุกซน ใจทราม ผมไม่รู้ว่าเขาไปเป็นเพื่อนกันในเฟสบุ๊คได้อย่างไร แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่ผมสนใจเท่าเพื่อนที่มีร่วมกันอีกคน

Tanrak Kraikiratikulchai

หวาน อักษร เขารู้จักกับพี่แทนรักด้วยเหรอ?

ผมเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจแล้วไล่ส่องไปเรื่อยๆ พวกข้อมูลที่เป็นส่วนตัวของเขาดูได้นิดหน่อยเพราะไม่ได้เป็นเพื่อนกัน ซึ่งไม่เจออะไรไม่ดีเลยครับ เรียนดี งานเด่น ภาษาได้ ดูดีด้วย 

เหมาะสมจนน่าหงุดหงิด
 
เขาดูเหมาสมกัน มากกว่าผมกับแฟนผมด้วยซ้ำ



------- 30% -------




เพิ่งจะว่างค่า ฮืออออออออออ
ช่วงที่ผ่านมาคือเรางานเยอะม๊ากมาก เพราะง้นถ้าเราหายไปให้รู้ไว้ว่าเราจมกองงานอยู่ค่า T____T

ด้วยรักและเงินเดือนออกแล้ว เย้
@Babybaphomet


ป.ล. สามารถคอมเมนต์ที่นี่ หรือที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ เหมือนเดิมนะคะ หรือยังไงทักเรามาได้ที่ @babybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD


หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡19th: วันที่เริ่มต้นด้วยการโกหก (30%) (27/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 27-09-2018 22:14:59
โมโหอย่างรุนแรงเลยน้องแทนใจรูก แม่จะสอนหนูเอง //ทำหน้าขึงขัง
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡19th: วันที่เริ่มต้นด้วยการโกหก (30%) (27/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 27-09-2018 23:12:13
 :o12:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡19th: วันที่เริ่มต้นด้วยการโกหก (30%) (27/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 03-10-2018 20:44:14
19th Monday  -- 70%--
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 




วันศุกร์นี้ค่อนข้างหมองหม่น



ผมตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดแข็งแรงที่โอบผมไว้ทั้งคืน คุณพี่เมฆเขากลับมาจากไซต์งานในวันพฤหัสฯเพราะเขาบอกว่าเขาอยากอยู่กับผม คิดถึงผม อะไรสักอย่าง ซึ่งเพราะไซต์งานนั่นอยู่ในเขตปริมณฑล ไม่ได้ไกลจากกรุงเทพเท่าไหร่ ผมจึงไม่ได้มีปัญหาที่จะนั่งรอเขาที่ออฟฟิศ เพื่อไปนอนกันที่คอนโดฯเขาอีกครั้ง


เราใช้เวลาเหมือนคู่รักทั่วไปในวันนั้น เราทานข้าว เราเดินเที่ยว เราดูหนัง และเราก็จบลงบนเตียง


ครั้งนี้ไม่ได้เจ็บหรือทรมานเท่าครั้งที่แล้ว เพราะคุณพี่เมฆเตรียมพร้อมมากจนผมรู้สึกดี ตอนที่เขาอยู่ด้านบน ทุกคำว่ารักที่เขากระซิบในหูผม ใบหน้าของเขาตอนที่กำลังจะถึงฝั่งฝัน ทุกอย่างมันย้ำเตือนกับผมชัดเจนมาก


ผมรักเขา

ผมรักเขามาก ทั้งที่ไม่รู้ว่าคำว่า “พี่รักแทนใจ” ที่เขาพูดออกมานั้นมีความจริงอยู่มากแค่ไหนก็ตาม


“เราตื่นแล้วเหรอครับ?” 


เสียงงัวเงียด้านหลังผมดังขึ้นมาให้ได้ยิน รอบแขนตวัดแน่นขึ้นทำให้ผมรู้ว่าคุณพี่เมฆเองก็ตื่นแล้วเช่นกัน ไม่อยากจะบอกเลยว่าผมนอนไม่หลับ


ตั้งแต่วันที่รู้ว่า หวาน อักษร เป็นใคร หน้าตาแบบไหน ผมนอนไม่ค่อยหลับเลย มันเอาแต่คิดตลอดว่าเขากำลังคุยกันอยู่ เขาเหมาสมกัน คุณพี่เมฆโกหกผมเพื่อคุยกับเขา พอคิดวนไปวนมาแบบนี้มันก็หลับไปค่อยสนิทเท่าไหร่ มีเมื่อคืนนี่แหละที่หลับไปเลยหลังจากที่มีอะไรกันเพราะผมเหนื่อย


“ใช่ครับ”
“หิวมั้ย หืม?”


คุณพี่เมฆกระซิบเบาๆที่หลังหู ผมหดคอหนีเมื่อรู้สึกจักจี้เล็กน้อยตอนที่เขากระซิบอยู่ข้างหลังผม พร้อมด้วยการจูบเบาๆตามมา แค่การกระทำเล็กๆน้อยๆแบบนี้ยังทำให้ผมใจเต้นเลย เป็นเอามากแล้วจริงๆ


“ยังเลยครับ คุณหิวหรือเปล่า”
“หิวครับ หิวเนื้อกระต่าย”


ผมพลิกตัวไปหาเขา ใบหน้าหล่อส่งยิ้มให้ เป็นยิ้มบางๆกับสายตาอบอุ่น เหมือนกับว่าเขาชอบทุกวินาทีที่กำลังใช้ร่วมกับผมอยู่ตอนนี้  รอยยิ้มของผมปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าอัตโนมัติ เพราะผมก็ชอบทุกวินาทีที่ได้ใช้กับเขาเหมือนกัน


“คุณจะกินติ๊กต่อกเหรอ นี่คุณเป็นโรคจิตใช่มั้ย ไม่ได้แล้ว อันตรายมาก”
“จะกินเรานี่แหละ กินไม่ให้เหลือเนื้อเหลือกระดูกเลย”
“น่ากลัวมาก ฆาตกรอยู่ตรงนี้ครับคุณตำรวจ”
“กวนใหญ่แล้วนะเราเนี่ย”


เขาหัวเราะพร้อมกับเข้ามาฟัดแก้มผมเหมือนมันเขี้ยวอยู่แล้ว ซึ่งนั่นทำให้ผมหัวเราะคิกคัก รอยยิ้มกว้างยังปรากฏอยู่บนใบหน้าและไม่มีทีท่าว่าจะหายไปง่ายๆ ซึ่งผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ใบหน้าพวกเราค่อยๆขยับเข้าหากัน จูบแรกของวันเริ่มต้นขึ้นอย่างช้าๆ


“อืม…”


คุณพี่เมฆค่อยๆงับริมฝีปากผม ใบหน้าผมร้อนเหมือนกับว่ามีใครเอาไปผิงที่เตา หัวใจเต้นเร็วและแรงเพียงแค่รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆของอีกคน


มือไปก่อนความคิด ผมลูบกลุ่มผมของคุณพี่เมฆ ในขณะที่รู้สึกถึงฝ่ามือของเขาที่กำลังลูบแก้มผมอยู่ เหมือนกับว่าอยากจะถนอมเอาไว้ และความคิดนี้ยิ่งทำให้ผมใจเต้น


“อื้อ--”


พวกเราจูบกันอยู่สักพักก่อนที่คุณพี่เมฆจะยอมละออกไปเพราะผมประท้วงเนื่องจากเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก ให้ตายสิ เขาเหมือนกับจะดูดวิญญาณผมได้เพราะแค่การจูบกัน แบบนี้มันน่ากลัวชะมัด


ยังไม่พอ


สายตาที่เขามองผมมันแปลได้แบบนั้น ทั้งที่ผมหอบหายใจทางปากเพราะตัวเองหายใจไม่ทัน ผมก็คงจะยุ่งๆเพราะเพิ่งตื่นนอนแถมยังกลิ้งไปกลิ้งมาบนหมอนตลอดคืน หน้าก็ร้อนๆเพราะมัวแต่เขินกับใจเต้น ยิ่งมาเห็นสายตาที่แสดงความต้องการอย่างไม่ปิดมัดของคุณพี่เมฆนั่น มันยิ่งทวีความรู้สึกนี้เข้าไปอีก


“น่ารัก”
“ฮื่อ”


เขาพูดเบาๆแล้วกดจูบบนแก้มผม ไม่รู้หรอกว่าน่ารักอะไร แต่มันก็ดีนะที่รู้สึกว่าตัวเองน่ารักสำหรับคุณพี่เมฆ ขอบคุณพ่อแม่ที่ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่แต่ผมออกมาหน้าตาแบบนี้ แบบที่คุณพี่เมฆชมบ่อยๆว่าน่ารัก


จุ๊บ


“พอแล้วครับ...”


ผมห้ามเสียงเบาเมื่ออีกคนเปลี่ยนจากฟัดแก้มไปเป็นจูบไล้เบาๆตรงข้างสันกราม เขาจับผมพลิกตัวมาอยู่ด้านล่างแล้วใช้มือลูบไปทั่วขาอ่อน ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกร้อนๆ และผมไม่ใช่เด็กเกินกว่าจะไม่รู้ว่านี่มันหมายความว่าอะไร เพราะผมรู้สึกถึงความต้องการของคุณพี่เมฆเช่นเดียวกัน


“เราต้องไปทำงะ--- ฮือ อย่ากัดสิ”
“ก็ผิวเรานุ่ม” เขากดจูบอีกครั้ง นั่นไง ทำรอยแน่นอนเพราะมันแรงกว่าจูบเฉยๆ “ตรงไหนก็นุ่ม”


เขาครางตอบรับเบาๆตอนที่ผมห้ามนิดหน่อย โอเค ในเมื่อห้ามไม่ได้ผมก็ไม่ห้ามแล้ว เพราะตอนนี้ความต้องการของผมเองก็มากกว่ากองอีเมลที่จะต้องไปเคลียร์ในเช้าวันนี้เหมือนกัน


“ผิวคุณไม่นุ่มเองนี่”


ผมพูดพร้อมกับลูบไล้ที่กล้ามหน้าท้องเขาเบาๆ สาบานเลยว่าไม่ได้ทำอะไรมากกว่าลูบไปลูบมา ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้เหมือนจะมีอารมณ์กว่าเดิมกันเล่า


“ซนใหญ่แล้ว กระต่ายตัวนี้”
“ฮ่าๆ”


ผมหัวเราะเมื่ออีกคนทำโทษด้วยการมาฟัดแก้มผมแรงๆ แล้วเปลี่ยนเป็นจูบในเวลาถัดมา พอผละออกมองหน้ากันผมรู้แล้วว่าเราควรจะต้องทำอะไร


ทำอย่างที่คนเป็นแฟนกันทำครับ 


รอบแรกของเช้าวันนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาอยู่ด้านบนผมอยู่ด้านล่าง ถุงยางกล่องใหม่ถูกแกะและสวมอย่างรวดเร็ว ผมนึกขอบคุณที่เขาเหมามาหลายกล่องพอสมควร เราเลยมีมากพอที่จะใช้ในเช้าวันนี้ด้วย


ทุกอย่างเป็นไปด้วยความรวดเร็วและอ่อนโยน เราจ้องหน้ากันตลอดเวลาที่เขาอยู่บนตัวผม จังหวะหนักแน่นและร้อนแรงแทบจะทำให้ผมละลายคาเตียง พวกเราจูบกันจนเหมือนกับว่าวันพรุ่งนี้จะไม่ได้จูบกันอีกแล้ว จนสุดท้าย ตอนที่ผมกำลังจะไปสวรรค์ เสียงกระซิบข้างหูเบาๆจากคนด้านบนที่กำลังเร่งจังหวะอยู่ก็ดังขึ้น


“พี่รักแทนใจ รักมากที่สุด”
“ผะ--- อื้อ”


ผมแตะขอบสวรรค์เป็นคนแรก โดยที่คุณพี่เมฆก้มลงจูบผมและตามมาไม่นานหลังจากนั้น เราจูบกันอีกครั้ง เสียงหัวใจผมเต้นแผ่วเบาหลังจากผ่านเหตุการณ์เสียเหงื่อ ร่างกายต้องการการพักผ่อนแต่ผมลางานอีกวันไม่ได้แล้ว และมันคงเป็นเหตุผลใบในลาที่ทุเรศมากหากผมจะลางานเพราะเหนื่อยจากเซ็กส์จนไม่อยากทำใบเสนอราคาให้ลูกค้า


“เหงื่อเพียบเลย”


พูดพร้อมกับเอื้อมมือไปเช็ดเหงื่อบนใบหน้าคม เขาส่งยิ้มเหนื่อยๆมาให้ เขาทำท่าเหมือนจะก้มลงมาจูบผมอีกครั้งแต่ผมเอามือปิดปากเขาเอาไว้


“เอามือปิดปากพี่ทำไมครับคนดี”


คนดี … จักจี้หัวใจจังเลย


เขาพูดพร้อมกับกุมมือผมเอาไว้ การที่นอนมองหน้ากันทั้งที่เพิ่งจะไปทัวร์สวรรค์ด้วยกันมาไม่ใช่ความคิดที่ปลอดภัยเลยสักนิด


“ผมชอบจูบคุณพี่เมฆมากเกินไป”
“...” เขาเหมือนยังไม่แน่ใจว่าผมพูดอะไร
“กะ… ก็คุณจูบเก่ง”
“...” โอเค อธิบายเพิ่มอีกนิดก็ได้
“ถ้าจูบกันเราต้องต่อแน่ๆ ผมต้องอยากจูบกับคุณพี่เมฆอีก แล้วก็อยากทำกับคุณพี่เมฆด้วย แล้วเราก็จะทำกันอีกรอบ แล้วเราก็จะวนอยู่แบบนี้ทั้งวันไม่ได้ไปทำงานแน่นอน ผมยังไม่อยากให้วันลาหยุดหมดตั้งแต่ตอนนี้นะครับ”


เขายิ้มกว้างเหมือนกับเพิ่งจะถูกรางวัลที่หนึ่งพร้อมรางวัลที่สองทั้งที่มีคนให้ลอตเตอรี่มาฟรีสองใบ


“เราจะน่ารักไปถึงไหนกัน”
“น่ารักอะไรเนี่ย”
“น่ารักมาก น่ารักจนพี่จะบ้าอยู่แล้ว”


กว่าผมจะรู้ตัวว่าอะไรเป็นอะไร คุณพี่เมฆก็จก้มลงมาจูบผมอีกครั้ง และอีกครั้ง ซึ่งผมก็ยอมทั้งที่เพิ่งจะบอกไปเมื่อกี้ว่าไม่อยากจูบแล้วเพราะว่าชอบมากเกินไป เหตุผลมันก็ไม่มีอะไรซับซ้อนเลยครับ


ผมรักเขา
รักแบบยอมให้เขาได้ทุกอย่าง
รักเหมือนกับว่าเขาพังคูหาเลือกตั้งผมก็คงไม่โกรธ…

...เหรอวะ ไม่ใช่แล้วอะอันนี้


ไม่หรอกผมคงโกรธ แต่อาจจะโกรธไม่นาน ผมโกรธแฟนตัวเองนานไม่ได้หรอก ก็ผมรักเขานี่นา ความคิดตอนนี้ของผมดูอ๊องเหมือนที่ซุกซนชอบพูดเลยจริงๆ มันคงว่าผมโง่แน่นอน ซึ่งผมก็คงโง่มั้ง พอเป็นเรื่องคุณพี่เมฆแล้วผมไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่เลยแฮะ


หล่อ


ความคิดแรกผุดขึ้นมาในหัวตอนที่กำลังนอนมองหน้าแฟนอยู่ คุณพี่เมฆกำลังดูโทรศัพท์ส่วนตัวของเขาอยู่ จากมุมที่ผมนอนมันทำให้ผมไม่เห็นว่าเขากำลังทำอะไร แต่หน้าจริงจังทำให้รู้ได้ว่ามันต้องเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะเครียดแน่นอน พอเลื่อนสายตาลงมาหน่อยก็เจอหุ่นดีๆที่ผมสัมผัสมาหมดแล้วทั้งนั้น


จะสมบูรณ์แบบไปทุกส่วนเลยหรือไงนะ?


“แทนใจครับ”


เสียงนุ่มดึงผมออกจากภวังค์ของตัวเองเบาๆ ผมครางรับในลำคอทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากหน้าท้องสมบูรณ์แบบที่ผมอยากมีบ้าง นี่ถ้าผมสมัครฟิตเนสจะได้แบบนี้มั้ยนะ?


“เราเป็นของพี่นะ”
“ครับ?”
“เป็นของพี่แล้ว เป็นของพี่แค่คนเดียว”
“เดี๋ยว--- อื้อ”


จูบแบบไม่ทันตั้งตัวถูกป้อนให้ผมอีกครั้ง ซึ่งผมเองก็เปิดปากรับแต่โดยดี บอกแล้วว่าผมชอบจูบของเขา และนั่นไม่ใช่คำโกหกเลยแม้แต่น้อย


เนื้อตัวของผมเต็มไปด้วยรอยจูบจากอีกคน คุณเมฆเหมือนกับคนติดป่าที่โหยกิว เขาสัมผัสไปทุกส่วน พรมจูบทั่วทุกที่ จนผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นของเขาแบบที่เขาพูดจริงๆ


“ผมเหนื่อยแล้วนะคุณ”


ผมพูดเบาๆเมื่อเขาทำท่าจะต่ออีกรอบ คำตอบรับมีเพียงแค่รอยยิ้มใจดีเหมือนกับทุกครั้ง ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น ร่างกายเราก็บรรเลงเพลงจังหวะเดียวกันอีกครั้งอยู่ดี


“ครับ พี่รู้”
“รู้แล้วก็หยุดสิครับ”


ผมเอียงหน้าให้เมื่อเขาก้มลงมาจูบตรงแถวๆหน้าอก นี่ถ้าต้องใส่ชุดว่ายน้ำไปทำงานผมคงต้องมองตั้งแต่ชั้น 1 จนถึงดาดฟ้าแน่นอน ตัวลายไปหมดแล้ว


“หยุดไม่ได้ครับ แทนใจเป็นของพี่” เขาพูดพร้อมกับเน้นย้ำจังหวะเข้ามาอีกครั้ง “เป็นของพี่เท่านั้น”
“รู้แแล้วครับ”


ผมตอบรับเขาไปพร้อมกับเชิดหน้าเมื่อจังหวะเพลงค่อยๆเร็วขึ้นตามธรรมชาติ ใช้เวลาไม่นานเพลงรักของพวกเราก็จบลงงไปอีกหนึ่งครั้ง พร้อมด้วยพลังงานของผมที่ถูกดูดออกไปเกือบหมดเหมือนกับทุกที คุณพี่เมฆที่กำลังพยายามโกยอากาศเข้าปอดส่งยิ้มกว้างมาให้


“พี่เองก็เป็นของแทนใจเหมือนกัน”


บ้าเอ๊ย คนเราลางานเพราะว่ามีความสุขเกินไปได้มั้ยนะ?

น่าจะไม่ได้


ผมคิดเมื่อเหลือบไปเห็นนาฬิกาที่ผนังห้องของเขา ตอนนี้้พวกเราสายกันมากแล้ว แม้ว่าจะอยากนอนอยู่แบบนี้ทั้งวัน แต่อีเมลลูกค้าก็สำคัญกับโบนัสสิ้นปีของผมเช่นเดียวกัน


“ไปอาบน้ำเถอะครับ”
“ไปต่อกันในห้องน้ำเหรอ? ได้นะ ป้ะ”
“เอ๊ะ?”


ผมไม่แน่ใจว่าเขาพูดอะไร แต่มันไม่ใช่แค่การอาบน้ำ มันคือการที่ทำให้ผมทั้งเขานั้นเหนื่อยและเปื้อนกันอีกรอบ (โดยเฉพาะผม ทั้งยืนทั้งเกร็ง แถมผนังห้องน้ำมันก็แข็งมาก ไม่เหมือนเตียงเลยสักนิด) กว่าจะได้อาบน้ำผมแทบจะทรุด แต่ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ เขาไม่ได้บังคับอะไรผมเลยสักนิด และผมเองก็มีส่วนที่ทำให้มันเป็นแบบนี้ด้วย


ผมอยากมีอะไรกับเขา อยากอยู่ด้วยกัน อยากจูบ อยากกอด อยากทำทุกอย่างที่ทำได้
และผมจะย้ำอีกครั้ง... ผมรักเขา


ผมรักคุณพี่เมฆแบบที่ไม่เคยรักใครมาก่อนเลย



.
.
.




------- 70% -------


แจ้งเตือนครั้งที่ 1 !

ผู้ดูแล ลบข้อความประชาสัมพันธ์ ออกนะคะ

จากกฎข้อที่ 17  เนื้อหายังลงไม่จบ
ห้ามประชาสัมพันธ์ เปิดจอง ใดๆ ทั้งสิ้นในกระทู้
ไม่ว่าในรูปแบบหนังสือหรือ e-book

ผู้ดูแลห้อง Boy's love story



อ้างถึง
17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน 

ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)

ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡19th: ผมรักเขามากจริงๆ (70%) (27/09/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 07-10-2018 00:14:47
19th Monday -- 50%
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 





“เดี๋ยวพี่เอาเราไปส่งก่อนนะ ขอโทษทีที่ไม่ได้พาไปทานข้าวด้วย”



เขาพูดขอโทษขอโพยตอนที่เราอยู่บนถนน เพราะมัวแต่ต่อรอบสามกันนั่นแหละเราเลยอยู่บนถนนทั้งที่ตอนนี้เกือบจะเก้าโมงแล้ว ความจริงผมอยากให้เขาไปทำงานของเขาแล้วเดี๋ยวผมไปทำงานเอง จะได้ไม่ต้องวนไปวนมาแบบนี้



“ไม่เป็นไรเลยครับ” ผมย้ำอีกครั้งทั้งที่พูดเรื่องนี้กันแล้ว “ไม่ต้องไปส่งผมก็ได้ คุณรีบไปไซต์เถอะ”

“ไซต์มันไม่ไกล”

“นี่เราพูดถึงปทุมธานีนะครับ ไม่ใช่ 7-11 ใต้ตึก มันไม่ได้อยู่ใกล้แถวนี้เลยนะ”

“ไม่เป็นไรพี่ขึ้นไปเหยียบบนทางด่วนได้”

“แต่--”

“ไม่มีแต่ครับ ตอนนี้ก็กินขนมปังที่พี่ซื้อมาให้ได้แล้วครับ รู้นะว่าหิวน่ะ”



พอเขามาขนาดนี้ผมเลยต้องจำยอมกัดแซนด์วิชแฮมชีสที่คุณพี่เมฆเขาแวะซื้อมาให้แล้วยอมนั่งเงียบๆ

ไม่ใช่ว่ารู้สึกแย่นะ แต่ผมแค่ไม่อยากเป็นภาระของเขานี่นา



“ดีมาก ว่าง่ายๆโตไวๆนะ”

“ผมไม่ใช่เด็กนะคุณ!”



ผมเถียง ก็ผมไม่ใช่เด็กนี่ เด็กที่ไหนอายุเลยยี่สิบมาสามสี่ปีแบบผมบ้างล่ะ นี่โตแล้วนะ มีน้องชายด้วย เรียนจบแล้วมีงานทำ มีบัตรเครดิต มี netfilx และมีบิลต้องจ่ายเพียบเลยด้วย



“สำหรับพี่ เรายังไม่โตนะ”

“ยังไงอะ?”

“ก็เราเป็นเด็กดีของพี่ไงครับ”



เด็กดีงั้นเหรอ?



เขาละมือข้างหนึ่งออกมาจากพวงมาลัยเพื่อมาลูบหัวผม ก่อนที่จะไปสนใจถนนข้างหน้าต่อ มันก็รู้สึกดีนะที่ถูกเขาลูบหัว แต่ไม่รู้ทำไมครั้งนี้มันไม่ได้กะยึกกะยักมากเหมือนกับเมื่อตอนเอ้าท์ติ้งที่เขาเรียกผมว่าเด็กดีเป็นครั้งแรกเลย



ตอนนั้นมันใจกะยึกกะยักจนผมเขินแทบไปไม่เเป็น แต่ครั้งนี้มันก็ยังทำให้ใจเต้นอยู่ เพียงแต่ผมกลับคิดขึ้นมาว่า เพราะผมเป็นเด็กดีเลยจะต้องเชื่อทุกคำโกหกของเขาหรือเปล่านะ



ไลน์!



ไลน์อีกแล้ว



ผมหันหน้าหนีเมื่อเห็นอีกคนเหลือมองโทรศัพท์ตัวเองแล้วขมวดคิ้ว ท่าทางเหมือนเจออะไรไม่สบอารมณ์นิดหน่อย ผมอยากจะดูว่าใครเป็นคนไลน์มา ถึงลึกๆจะกลัวว่าเป็นแฟนเก่าคนเดิมของเขาก็ตาม



ไลน์!



พอดีเป็นช่วงรถติด ก่อนที่ผมจะได้ทำอะไร คุณพี่เมฆก็คว้าโทรศัพท์ของเขาไปตอบไลน์ด้วยใบหน้านิ่งๆ ท่าทางจะเป็นเรื่องสำคัญ เรื่องงานเหรอ? ไม่ใช่หรอก ถ้าเป็นเรื่องงานเขาจะไม่ใช้โทรศัพท์ส่วนตัวแบบนี้แน่นอน หรือเขาจะใช้? ตอนนี้ผมไม่มั่นอะไรเกี่ยวกับเขาเลย



ไลน์!

ไลน์

ไลน์



ผมควรจะถามมั้ยว่าเขาคุยกับใคร ผมถามได้มั้ยว่าเขาคุยเรื่องอะไร



เงาสะท้อนของรถคันข้างๆที่คนขับกำลังนั่งกินขนมปังสะท้อนเข้ามาให้เห็น เขาทานไปด้วยแล้วโยกหัวไปด้วยท่าทางเหมือนกำลังฟังเพลง ผมเลยเอาโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาเปิดเพลงในรถของคุณพี่เมฆแทน เขาเคยบอกว่าผมทำได้ตามใจชอบ 




Is the only reason you're holding me tonight

'Cause we're scared to be lonely?



ทำไมมันดราม่าล่ะ เปลี่ยนๆ



ผมกดปุ่มแรนดอมในไอโฟนเพื่อให้มันไปโดนเพลงอื่น ตอนนี้คุณพี่เมฆเขาขับรถต่อแล้วครับ แต่เขาเงียบมากเลย ผมยิ่งไม่กล้าถามเลยว่าเมื่อกี้คุยกับใคร ท่าทางไลน์เมื่อครู่คงไม่ได้ดีเท่าไหร่



Just gonna stand there and hear me cry

But that's alright because I love the way you lie.

I love the way you lie



ผมเลิกคิ้วเมื่อเพลงล่าสุดที่ขึ้นมามันดันเป็นเพลง I Love The Way You Lie ผมนั่งฟังไปเรื่อยๆ ถึงแม้เพลงมันจะเก่าแต่ผมชอบมากเลยนะ ฟังมาตลอดเลย มีตอนนี้เนี่ยแหละที่เริ่มจะไม่ค่อยเข้าใจมันเท่าไหร่นัก คนเราจะททั้งรักทั้งเกลียดกันไปด้วยได้เหรอ?



Next time? There won't be no next time!

I apologize even though I know it's lies



มันจะมีคนชอบอะไรแบบนี้จริงๆงั้นเหรอ? ไม่หรอก ไม่มีใครชอบเวลาที่ตัวเองโดนหลอกหรอก ผมคิดว่านะ … หรือมันจะมี?



“มันจะมีจริงๆเหรอ? คนที่ชอบอะไรแบบนี้เนี่ย”

“หืม มีอะไร”



ผมเผลอคิดดังไป!



ผมสะดุ้งเมื่อคุณพี่เมฆหันมาถาม เมื่อไม่รู้จะตอบอะไรเลยปิดเพลงหนีความผิดไปเลย ง่ายดี



“อ้าว ปิดทำไมล่ะ?”



เสียงคนข้างๆถามขึ้นมาเกือบจะทันทีที่ผมปิดเพลง ใบหน้าด้านข้างของคุณพี่เมฆยังนิ่งเหมือนกับว่าเขาเองก็กำลังมีเรื่องให้คิด ซึ่งผมเองก็มีเช่นเดียวกัน 



“เพลงมันเก่าแล้วอะ ไม่รู้สุ่มไปโดนได้ไง” ผมพูดแก้ตัว เลี่ยงคำถามแรกที่เขาถาม

“งั้นเมื่อกี้เราพูดอะไรนะ มันจะมีคนชอบอะไร?” คุณพี่เมฆพยักหน้าเหมือนกับเขาเข้าใจในคำแถแรก แต่ไม่ยอมปล่อยให้สิ่งที่เขาสงสัยหลุดไป

“อ๋อ” ผมยอมในที่สุด “ก็เนื้อเพลงอะครับ ผมแค่สงสัยว่ามันจะมีอะไรแบบนี้จริงๆเหรอ?” 



“หืม…”  คุณพี่เมฆครางในลำคอเหมือนกำลังใช้ความคิดตอนที่เขาแตะเบรก เขาถอนหายใจนิดหน่อยเพราะรถติดกว่าที่คิดไว้ “แบบไหนครับ บอกพี่หน่อยสิ”



บอกได้เหรอ?



ผมกัดริมฝีปาก แต่เมื่อมองหน้าคุณพี่เมฆ พบว่าเขากำลังมองผมอยู่เหมือนกัน



“ที่มันร้องทำนองว่าชอบการที่คนรักโกหก มันจะมีคนแบบนั้นจริงๆเหรอครับ? ไม่สิ ไม่ต้องถึงขนาดชอบที่คนรักโกหกหรอก”

“...”

“คุณคิดว่า คนที่เป็นแฟนกันเขาจะต้องโกหกกันด้วยเหรอครับ?”



บรรยากาศในรถตกอยู่ในความเงียบทันที คุณพี่เมฆอ้าปากเหมือนกับจะพูดอะไรสักอย่าง ซึ่งผมก็ตั้งใจฟังเป็นอย่างดี--



ปริ้น!!!



รถที่เคยติดเมื่อครู่กลับโล่ง คุณพี่เมฆเหมือนกับจะได้สติ เขาออกรถโดยที่ไม่ได้หันมามองหน้าผม ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนจากการมองถนนข้างหน้ามามองหน้าเขาแทนเรียบร้อย



“บนโลกนี้มันไม่ได้มีแค่ความจริงกับคำโกหก มันมีอะไรเยอะกว่านั้น”

“มันมีอะไรล่ะครับ? สำคัญกว่าความจริงอีกเหรอ?”

“ความรู้สึกของอีกฝ่ายไง”



ผมเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ตอนนี้คุณพี่เมฆเลี้ยวเข้าลานจอดรถของอาคารแล้วครับ ในใจผมตีกันระหว่างอยากออกไปจากรถคันนี้กับอยากอยู่กับคุณพี่เมฆทั้งวัน



“หมายความว่า ถ้าพี่คิดว่ามันดีกับผม พี่ก็จะโกหกผมอย่างนั้นเหรอครับ?”

“ใช่”



คำตอบทันทีของเขาไม่ได้ชัดถ้อยชัดคำเหมือนหลายๆครั้งที่ผมได้ยินเขาคุยเรื่องงาน แต่มันกลับดังก้องในใจของผม



“พี่ไม่รู้สำหรับคู่อื่น แต่สำหรับพี่ เรื่องอื่นพี่อาจจะสัญญาไม่ได้ว่าจะไม่โกหก”



ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจ แต่ผมก็อดกลั้นหายใจเพื่อที่จะฟังคำตอบของผู้ชายที่จดอรถแล้วหันมามองหน้าผม นัยน์ตาของเขามีความมุ่งมั่นและจริงจัง แบบที่ทำให้ผมแอบใจเต้นอีกครั้ง มันเหมือนกับเขาบอกรักตลอดเวลาที่เราสบตากัน นี่มันโคตรจะบ้าเลย ผมจะตกหลุมรักเขาซ้ำๆอะไรได้ขนาดนี้วะเนี่ย



“เรามั่นใจได้เลย ไม่ว่าพี่จะพูดอะไร สิ่งเดียวที่พี่จะไม่โกหกเราแน่ๆน่ะ…”

 

ผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์เกินไป ชั่วขณะหนึ่งผมดันคิดว่า ตัวเองเริ่มเข้าใจความรู้สึกของคนที่เต็มใจให้คนรักหลอกเลย ถ้าคนที่หลอกผมเป็นคุณพี่เมฆ ผมคง…



“คือเราอ้วนขึ้นนะ”



ห๊ะ?



คุณพี่เมฆทำลายบรรยากาศตึงเครียดทั้งหมดด้วยการบีบแก้มผมเพื่อยืนยันคำพูดตัวเอง ในขณะที่ผมกำลังประมวลผลอยู่นั้น เขาก็ก้มลงมาหอมแก้มผมอีกด้วย



นี่มันบ้าอะไร?



“พี่ว่าพี่ยืดแก้มเราได้มากขึ้นนะ กินเยอะนะเนี่ยช่วงนี้”

“อ่อยยยยยยยยยย” (“ปล่อยยยยยยยยยย”)



เรื่องอื่นช่วยพูดความจริง แต่เรื่องความอ้วนอะไรนี่โกหกบ้างก็ได้ ผมมไม่ถือ



“คุณนี่เอะอะก็ดึงแก้มผมจริงๆ บ้าบอ”



ผมพูดขึ้นมาทันทีหลังจากที่เขายอมปล่อยให้แก้มผมเป็นอิสระ ไม่รู้ว่าทุกคนเป็นอะไรกับแก้มผมนักหนา จับกันบ่อยจังเลย ถ้าผมจะเข้ายิมนะ ผมจะฟิตกล้ามที่แก้ม เอาให้ซิกแพคขึ้นเลย คอยดู



“ก็แก้มเราน่าดึง”

“อูดเอ๋ยๆไอ้อ้องอึงอิ่!” (พูดเฉยๆ ไม่ต้องดึงสิ!)

“เรานี่น่ารักจัง”



น่ารักอะไรอีกเนี่ย



ผมหุบยิ้มโง่ๆของตัวเองไม่ได้ เมื่อเขาชมแล้วหอมหัวเหมือนกับเขาเอ็นดูผม หัวใจพองฟูมากจนผมเหมือนกับจะลอยได้เลย



“พี่ไปแล้วนะครับ”

“ครับ ขับรถดีๆนะ”

“แล้วเจอกันนะครับ”



ผมยิ้มแล้วปิดประตู มือถือกระเป๋าเตรียมตัวไปทำงานที่รักเหมือนกับทุกวัน ถึงแม้วันนนี้จะรักมากหน่อยเพราะไม่มีประชุม อีกอย่างผมก็กินอะไรมาบ้างแล้ว--



เฮ้ย ถุงแซนด์วิช! 



ผมนึกได้ว่าตัวเองยังไม่ได้เอาถุงขยะลงมาทิ้งข้างนอก เลยหันหลังกลับไปที่รถ โชคดีที่ยังเดินออกมาไม่ไกลแถมคุณพี่เมฆเองก็ยังไม่ได้ขับรถออกไปไหน ผมเลยจะเดินกลับไปเอาขยะมาทิ้ง



ว่าแต่ทำไมเขาถึงยังไม่รีบไปอีก?



ความสงสัยในใจของผมได้รับคำตอบเมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ คนขับรถคนเก่งของผมยืนอยู่ข้างรถ ในมือมีบุหรี่เหมือนเตรียมจะสูบบุหรี่ ผมเห็นเขาเอาโทรศัพท์แนบหูแล้วยืนหันหลังให้รถ หรือว่าเป็นเรื่องงาน? อาจจะเรื่องงานแน่ๆ เพราะผมไม่ค่อยเห็นเขาสูบบุหรี่เท่าไหร่ถ้าไม่เครียด



ท่าทางจริงจังเหมือนคนละคนกับที่ดึงแก้มผมเล่นเมื่อครู่ลิบลับ



และในตอนที่ผมกำลังจะเดินเข้าไปหาเขานั่นเอง อีกคนก็พูดขึ้นมาเสียก่อน



“หวาน เราว่าเราไม่ไหวแล้วว่ะ”



หวาน? งั้นเหรอ? หวาน อักษร คนนั้นอีกแล้วเหรอ?



ผมชาตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนมีคนเอาน้ำเย็นสาดใส่หน้า ขาถูกตรึงอยู่กับพื้น รู้สึกร้อนตรงจมูกเหมือนกับว่ากำลังจะไม่สบาย ใช่ ผมไม่สบาย หัวใจผมอึดอัดจนไม่สบายไปหมดเลย

“ไม่เว้ย เราทนมาเยอะแล้ว หวานก็รู้ว่าเราเจออะไรบ้าง”

“...”

“เราทนมากแล้วนะหวาน ทนได้ขนาดนี้ก็เก่งแค่ไหนแล้ว อีกนิดนึงเราหลุดปากแล้วแน่ๆ”

“...”

“หวานรู้จักเราดีจังวะ รู้จักเราดีเกินไปจริงๆ” 

“...”

“เมื่อก่อนเราเป็นยังไง ตอนนี้เราก็ยังเป็นอย่างเดิมนั่นแหละ”







 

เจ็บ







หูผมอื้ออึง ก่อนที่จะรู้ตัวผมก็หันหลังกลับเพื่อเดินเข้าตึกไปทำงาน ในหัวผมเต็มไปด้วยคำถาม สมองผมอัดแน่นด้วยความไม่เข้าใจ ส่วนหัวใจกำลังเจ็บ ทันใดนั้น คำพูดคุณพี่เมฆเมื่อสักครู่ก็แล่นเข้ามาในหัว



“บนโลกนี้มันไม่ได้มีแค่ความจริงกับคำโกหก มันมีอะไรเยอะกว่านั้น”



นั่นสินะ



ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณพี่เมฆถึงได้พูดแบบนั้น เพราะบนโลกนี้ มันไม่ได้มีแค่ความจริงกับคำโกหก

แต่มันยังมีความเจ็บปวดอยู่ด้วย  และถึงแม้จะเข้าใจแล้วก็ตาม แต่ผมก็ยังคิดไม่ถึงอยู่ดี ว่ามันจะสามารถทรมานได้ขนาดนี้



ให้ตาย



วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ไม่สุขเลยสักนิด






------- TBC -------



ตามที่สัญญาในทวิตเตอร์นะคะว่าวันนี้จะอัพ ก็อัพแหล่ว เย่ะ XD


ยังยืนยันในอุดมการณ์เดิมนะคะว่าเรื่องนี้เป็นนิยายสำหรับเด็ก
ผู้ที่อายุมากกว่า 18 ปีควรยืดๆแก้มน้องแทนใจในขณะที่อ่านค่า แฮ่


หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡19th: ผมรักเขามากจริงๆ (100%) (7/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 07-10-2018 07:44:18
คลุมเครือเข้าไปอิพี่เมฆ รอลุ้นนึกว่าจะสารภาพ ที่ไหนได้หักมุมซะงั้น แงงงง
น้องแทนใจกลุ้มใจมาหลายวันแล้วนะ แต่ว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับแทนรักแน่ๆ เดา
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡19th: ผมรักเขามากจริงๆ (100%) (7/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 07-10-2018 13:28:39
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡19th: ผมรักเขามากจริงๆ (100%) (7/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 07-10-2018 19:13:19
ตีนังพี่เมฆ ทำน้องแทนใจเสียใจ !
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡19th: ผมรักเขามากจริงๆ (100%) (7/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 07-10-2018 23:39:39
พี่เมฆทำอะไรทำไมไม่บอกน้อง สงสารน้อง  :o12:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡19th: ผมรักเขามากจริงๆ (100%) (7/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 08-10-2018 20:55:36
20th Monday -- 50%
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 





เราสามารถมีความสุขได้ในวันจันทร์จริงๆเหรอ?



ผมถามตัวเองในเช้าวันจันทร์ เงาสะท้อนของกระจกที่ห้องเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ผมเห็นหน้ามาตั้งแต่จำความได้ เขายืนกลัดกระดุมเสื้อเชิ้ตอย่างที่เคยทำทุกวัน แต่ท่าทางนั้นดูไร้ชีวิตและเฉยเสียจนผมไม่แน่ใจว่าผมรู้จักเขาหรือเปล่า




นี่คือใบหน้าของคนที่มีความรักอย่างนั้นเหรอ?




เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา แฟนผมมาหา เราอยู่ด้วยกันคืนหนึ่ง ก่อนที่เขาจะกลับไปอยู่ที่ไซต์เหมือนเดิมเพราะงานยังมีปัญหาอยู่ มันก็ดี ผมไม่เถียงหรอกว่าการอยู่กับคุณพี่เมฆมันไม่มีความสุข ตรงกันข้ามเลยด้วยซ้ำ แต่เหมือนกับว่ามันยังไม่ใช่ที่สุด ผมรู้สึกว่าเขาปิดบังอะไรผมอยู่




มันยิ่งชัดเจนเมื่อผมได้ยินเขาคุยโทรศัพท์กับหวานอักษรคนนั้น




นอกจากเรื่องหวานอักษรแล้ว ผมมั่นใจว่าจะต้องมีเรื่องอื่นอีก หรืออาจจะไม่มี ผมไม่รู้ แต่ตอนนี้ผมระแวงมาก แล้วก็อึดอัดมากเช่นเดียวกัน




หลังจากที่เกิดเรื่องเราไม่ได้พูดอะไรถึงมันอีก ผมคิดว่าเขาไม่รู้ว่าผมได้ยิน ซึ่งผมเองก็ไม่ได้ถามอะไรออกไปเช่นเดียวกัน




เขาเหมือนเดิมจนผมกลัว ยังไลน์มาหา แต่ไม่ได้คอลมาเพราะเขาต้องนอนเฝ้าหน้าไซต์งานตลอดทั้งคืน ไม่สะดวกคุยโทรศัพท์เพราะเสียงมันดัง ถ้ามันเป็นเรื่องจริง ก็ถือว่าเข้าใจได้ เพราะเขาเคยโทรมาตอนที่อยู่ไซต์งาน เสียงเครื่องจักรดังมากจนคุยไม่รู้เรื่องเลย ต้องออกมาคุยข้างนอก




ถ้ามันเป็นเรื่องจริง




ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าอะไรคือความจริงบ้าง ทุกครั้งที่ไลน์มาผมเผลอคิดว่านอกจากผมแล้วเขากำลังคุยกับคนอื่นอยู่อีกหรือเปล่า เขาอาจจะกำลังมีความสุขกับอีกคนลับหลังผม เขากำลังคุยกับแฟนเก่าในเรื่องที่ผมไม่รู้ 




 เขาอาจจะกำลังนอกใจผมอยู่

 

และผมไม่แน่ใจว่าตัวเองพร้อมที่จะรับรู้เรื่องจริงนี้หรือไม่




ไลน์!




เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์หยุดความคิดได้ทันที ผมลังเลนิดหน่อยก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ไม่ผิดจากที่คิดไว้เท่าไหร่นัก คนที่ไลน์มาคือคุณพี่เมฆเหมือนอย่างเคย




Mek Sitthikorn: แทนใจครับ

Mek Sitthikorn: นี่พี่ยังอยู่ไซต์อยู่เลย

Mek Sitthikorn: พอดีงานมันเรื้อรังไม่จบไม่สิ้น ตั้งแต่วันศุกร์แล้วเนี่ย

Mek Sitthikorn: ผมพี่จะเป็นสายไฟอยู่แล้ว

Mek Sitthikorn: วันนี้พี่คงไปหาเราเย็นหน่อยนะ

Mek Sitthikorn: ขอโทษนะครับ

 


ผมมองข้อความตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า เข้าใจว่าอีกคนมีงาน แถมงานของคุณพี่เมฆก็งี่เง่าอย่างที่เขาบอก และผมไม่อยากเป็นตัวเพิ่มความงี่เง่าให้เขาเท่าไหร่ ถึงแม้จะอยากพิมพ์ถามว่า ‘คุณบอกผมว่าจะมาหาตอนเที่ยงไม่ใช่เหรอ? ที่มาช้าเพราะจะไปหาใครก่อนหรือเปล่า?’ แต่สิ่งที่พิมพ์ออกไปมีเพียงแค่ข้อความตอบรับสั้นๆ




Tanjai: ครับ

Tanjai: คุณพี่เมฆเสร็จเมื่อไหร่ค่อยมาก็ได้




ข้อความขึ้น read ทันทีเหมือนกับว่าเขาเปิดหน้าจอเฝ้าแชทของผมอยู่แล้ว เพียงพริบตาเดียว ข้อความตอบกลับจากอีกฝั่งก็มีมาให้เห็น



Mek Sitthikorn: ขอบคุณครับ พี่จะรีบไป

Mek Sitthikorn: แล้วเจอกันนะ

Mek Sitthikorn: เด็กดี




ผมมองข้อความข้างไว้ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่งสติกเกอร์โง่ๆให้อีกฝ่ายเพื่อบอกว่าผมรับรู้ข้อความที่เขาส่งมาแล้ว ก่อนจะปิดแอพแชทแล้ววางมือถือไว้บนโต๊ะ




เด็กดี

เด็กดีอีกแล้ว




เพราะผมเป็นเด็กดีที่เชื่อฟัง เลยไม่มีสิทธิ์จะรู้ว่าตอนนี้เขามีเรื่องอะไรที่บอกผมไม่ได้อย่างงั้นน่ะเหรอ?




ไม่มีคำตอบสำหรับคำถาม หลังจากกระดุมเม็ดสุดท้ายถูกกลัดเรียบร้อย ผมก็หยิบกระเป๋าสะพายที่วางอยู่บนเตียงขึ้นมา ตรวจเช็กของในนั้นว่าครบตามที่ต้องการ แล้วจึงออกจากห้องเหมือนกับทุกครั้งที่ต้องไปทำงาน




ผมเดินไปเรื่อยๆไม่รีบร้อนทั้งที่ทุกคนดูรีบรุดออกไปเรียนไปทำงานเหมือนกับทุกๆวันจันทร์ที่ผมเจอ มีเพียงผมเท่านั้นที่เดินใช้ความคิดไปเรื่อยๆ โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ป้ายรถเมล์ พอเห็นคนอื่นเขาขับรถไปโดยไม่ต้องมายืนดมควันอยู่ที่ป้ายแล้วก็แอบนึกถึงตัวเองตอนที่มีคุณพี่เมฆมารับไปทำงาน




แต่ตอนนี้เขาอยู่ที่อื่น


เขาทำงาน เขาบอกว่าเขากำลังทำงานอยู่


ผมผู้ตัวว่ากำลังมีความคิดที่โคตรงี่เง่า แล้วผมก็ไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้เลยสักนิด





.

.

.




“อ้าว อ๊อง วันนี้มาไม่สาย ผัวมาส่งเหรอจ๊ะน้องสาว”

“ป่าว เรามาเองอะ” ผมตอบสั้นๆ “มอนิ่งนะซุกซน”

“...”




ผมเดินผ่านเพื่อนตัวเตี้ยที่เพิ่งจะทักเมื่อสักครู่ แล้วไปวางของที่โต๊ะ เปิดแล็ปท็อปขึ้นมาเตรียมตัวทำงานเหมือนปกติ วันนี้ผมมาถึงที่ทำงานตอน 8.30 น. มีเวลามากพอที่จะทานอาหารเช้า แต่เมื่ออยู่ในอารมณ์แบบนี้แล้วผมไม่รู้สึกอยากกินอะไรเลยจริงๆ




มันไม่ได้เศร้าเหมือนตอนที่รู้ว่าสอบได้คะแนนน้อย มันเป็นความรู้สึกอึดอัด




ผมไม่ชอบที่ตัวเองคิดวนไปวนมาแล้วก็ถอนหายใจ ไม่ชอบที่หาคำตอบไม่ได้ ไม่ชอบที่คุณพี่เมฆมีเรื่องปิดบัง ไม่ชอบที่ตัวเองไม่กล้าถามเขาตรงๆเหมือนเมื่อก่อน ไม่ชอบที่ตัวเองกลัวคำตอบ




ถ้าผมถามออกไป เขาจะบอกเลิกผมเลยมั้ย?




“เฮ้อ”




ผมสะบัดหัวไล่ความคิดงี่เง่าที่ดันโผล่ขึ้นมาอีกครั้ง เป็นรอบที่ร้อยในช่วงสองสามวันนี้ บังคับให้สายตาตัวเองจรดอยู่กับจอคอมพ์ที่เพิ่งเปิดขึ้นมา ผมเลื่อนเม้าส์ดูอีเมลค้างเหมือนกับทุกเช้าที่ทำงานมาตลอดหลายเดือน กองอีเมลมีทั้งเรื่องที่เกี่ยวกับผมและไม่มี




อาจจะเป็นครั้งแรก ที่ผมรู้สึกดีตอนที่เห็นชื่อลูกค้า มากกว่าชื่อแฟนของตัวเอง




“โอเค ประชุมครับ”




คุณกฤติเดินออกจากห้องทำงานส่วนตัวของเขาพร้อมกับโน้ตบุ๊ค โดยมีคุณณีและมิ่วหมิวเลขาเดินตามไปก่อนเหมือนกับทุกครั้ง เสียงพูดคุยจ้อกแจ้กจอแจของเพื่อนร่วมแผนกรอบๆตัวไม่ได้เข้าหัวผมเลยแม้แต่น้อย ผมพยายามโกยตัวเองขึ้นมาจากเก้าอี้ แล้วมุ่งตรงไปที่ห้องประชุมเหมือนกับทุกคน




ถ้าวันนี้ผ่านไปเร็วๆ ก็คงจะดี




“โอเคครับ ขอสรุปของควอเตอร์นี้จากทุกคนด้วย เคสที่มีปัญหาเรื่องภาษีอย่างของเวียดนามนี่เดี๋ยวมาคุยกับผมก่อนนะ”




ผมกะพริบตาเมื่อเห็นว่าเวลาผ่านไปร่วมชั่วโมง โชคดีที่ของผมไม่มีอะไรมากเลยไม่ได้เร่งต้องฟังอะไรเท่าไหร่ ไม่อย่างงั้นผมคงแย่เหมือนกัน สมาธิไม่มีเลยวันนี้




“อย่าลืมว่าวันศุกร์บ่ายสามนี้ฝ่ายโลจิสติกเขาจะ freeze ระบบ SAP ทุก transaction ไม่ให้ใครเข้าไปยุ่งกับส่วนโกดังเพราะจะเช็กสต๊อกนะครับ อันไหนที่คิดว่าน่าจะมีปัญหารีบส่งก่อนเลย แจ้งลูกค้าไว้ล่วงหน้าด้วย ด่วนแค่ไหนเราก็เอาของออกให้ไม่ได้นะครับ”




คุณกฤติพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกจากห้องประชุมไป เพราะมีอีกแผนกจะใช้ห้องประชุมต่อ ผมว่าผมเห็นพี่ป้องแวบๆ ห้องประชุมชั้นบนน่าจะเต็ม ทุกคนต้องมีประชุมวันจันทร์กันหมด จองกันไม่หวาดไม่ไหว ซึ่งผมเชื่อว่าถ้าหากไม่มีใครต่อคุณกฤติอาจจะคุยเคสเวียดนามต่อตรงนี้เลยก็ได้




“มึง”

“ว่าไงซุกซน”




ผมหันไปหาเพื่อนที่นั่งข้างๆ ในมือเขามีโถเยลลี่อยู่ มือสั้นๆนั่นยื่นโถมาให้ผมเหมือนกับจะแบ่งขนมให้กินด้วย ไม่สิ ออกแนวยัดเยียดให้กินมากกว่า




“แดกมั้ย เมื่อเช้ากินอะไรมายัง?”

“ไม่อะ ซุกซนกินเถอะ”

“อย่าเล่นตัว! กินเข้าไป!”




ผมแบมือรับเยลลี่ที่อีกคนควักๆมาใส่มือไม่ได้ ปากพึมพำขอบคุณอีกคนเบาๆ ความจริงแล้วผมไม่ได้อยากกินมันหรอก ไม่ได้อยากอาหารอะไรขนาดนั้น แต่ถ้ามีอะไรให้เคี้ยวบ้างระหว่างที่กำลังทำงานก็ดีกว่าไม่มีล่ะนะ




“แต้งกิ้ว”




ซุกซนพยักหน้ารับคำขอบคุณ คนใจทรามทำท่าจะพูดอะไรสักอย่างแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเพิ่ม ซึ่งผมก็เลิกสนใจแล้วกลับไปทำงานของตัวเองตรงหน้าต่อ อีเมลที่เข้ามารัวๆ




วันจันทร์ก็ยังเป็นวันจันทร์ 




ต่อให้ชีวิตจะมีเรื่องให้หนักใจมากแค่ไหน แต่งานก็ไม่เคยน้อยลงให้รู้สึกดีขึ้นเลย




ผมนั่งจัดการออเดอร์ ใบเสนอราคา ใบสั่งซื้อ และเอกสารอื่นๆเหมือนกับที่ทำอยู่เป็นประจำทุกวัน เพิ่งจะมารู้สึกจริงๆตอนนี้ว่างานที่ทำอยู่มันน่าเบื่อมากแค่ไหน เหมือนเดิมทุกวัน ไม่มีอะไรใหม่ ถ้าได้ออกไซต์งานเหมือนกับคุณพี่เมฆชีวิตอาจจะมีเรื่องอะไรมากกว่านี้ก็ได้




ขนาดนี้ยังจะวกไปคิดถึงเขา




“อ๊อง” เสียงซุกซนที่นั่งอยู่ข้างๆดึงผมออกจากภวังค์ “เมื่อคืนมึงนอนกี่โมง”

“ก็ปกตินะ เที่ยงคืนกว่าๆ ทำไมเหรอ?”

“งั้นมึงก็ควรจะรู้ว่าหัวหน้าเราชื่อกฤติ … กฤติเฉยๆน่ะมึง ไม่ใช่สิทธิกร”

“ห๊ะ?”



ซุกซนคงรู้ว่าพูดไปก็ป่วยการ เจ้าตัวไถเก้าอี้มาที่โต๊ะผมเพื่อแย่งเมาส์แล้วเปิดเมลล่าสุดที่ผมส่งรีพอร์ตให้คุณกฤติทางอีเมล แล้วใส่ซุกซนกับเลขาของคุณกฤติเอาไว้ใน CC ขึ้นมาให้ดูในจอใหญ่






Dear Khun Sitthikorn,




อ่า…




ผมปั้นหน้าไม่ถูก รู้สึกเหมือนตัวเองโง่ๆ แค่คิดถึงคุณพี่เมฆก็เผลอพิมพ์ชื่อเขาลงไปเฉยเลยเหรอ อะไรของผมเนี่ย ไม่มีสมาธิไม่พอ ยังทำอะไรก็ไม่รู้อีก ท่ามกลางความมึนงงของผม เสียงไม่สบอารมณ์ของหัวหน้าก็ดังขึ้นใกล้ๆ




“แทนใจ เราส่งรีพอร์ตอะไรมา ทำไมข้อมูลมันผิดไปหมดแบบนี้”

“ครับ?”




อ่าว ไม่ใช่เรื่องชื่อเหรอ?




ผมเปิดไฟล์เมลที่เพิ่งส่งให้เขาขึ้นมาดูอีกรอบ พอมานั่งไล่ดูอีกที ผมกรอกข้อมูลที่ดึงออกมาจากระบบผิดที่ผิดทางไปหมด ซึ่งผิดแบบแม้กระทั่งตอนที่เพิ่งเริ่มทำงานยังไม่รวนขนาดนี้




“ขอโทษครับ”

“ทำไมถึงได้ทำอะไรแบบนี้” คุณกฤติพูดไม่ดังมาก แล้วพวกชมพูทวีปก็กำลังคุยกันเรื่องละครอยู่ข้างหลัง ไม่น่าจะมีใครได้ยินนอกจากผมกับซุกซนที่ตอนนี้นั่งอยู่ข้างๆ

“ดีนะที่ในนี้ไม่มีลูกค้า”

“ครับ ขอโทษครับ”

“แก้แล้วส่งมาให้ผมใหม่นะ อย่าทำงานแบบนี้อีก”

“ครับ” 




อยู่ดีๆเสียงคุณกฤติที่เหมือนกับจะพูดอะไรต่อก็ขาดหายไป ซึ่งผมไม่รู้ว่าทำไม ตอนนี้ผมนั่งจ้องไฟล์งานที่เปิดค้างอยู่ ในหัวสมองกำลังคิดว่าทำไมตัวเองถึงไม่ได้เรื่องแบบนี้ ไม่ได้เรื่องกับทุกอย่างเลย




“เชี่ย อ๊อง มึงไหวมั้ยวะ?”




ไหวมั้ยเหรอ? … 




“ไหวสิ ทำไมเหรอ?”




ผมวางมือบนคีย์บอร์ด ตั้งใจจะแก้งานใหม่ทั้งหมด สายตามองไปที่ตัวเลขยุบยับบนหน้าจอ แต่ในหัวมีแค่ก้อนความคิดแย่ๆเต็มไปหมด ทุกอย่างตอนนี้มันไม่โอเคเลยสักนิด ทั้งงานที่พัง ความสัมพันธ์ที่ไม่โอเค




ไหวมั้ยเหรอ?

ไม่หรอก ผมไม่ไหวเลยสักนิด



“อ๊อง---”

“ซุกซน” คุณกฤติพูดขัดซุกซนที่ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง ผมรู้สึกเหมือนสองคนนั้นพูดจากที่ไกลๆ หรือพวกเขายังอยู่ที่เดิมก็ไม่รู้ 

“พาแทนใจออกไปข้างนอกก่อนละกัน ไปร้านกาแฟข้างล่าง เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง”




ผมเดินตามซุกซนที่จับผมลุกแล้วลากออกมา เราเดินไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าทำไมทั้งสองคนถึงได้มีท่าทีแบบนั้น เพราะว่าตอนนี้ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน รู้แค่ว่าข้างในมันอึดอัดไปหมด ไม่รู้อะไรเลย




หืม?




ผมยกมือจับหน้าตัวเองเมื่อรู้สึกถึงความเปียกชื้นเล็กน้อยที่บริเวณปรางแก้ม อ่า … ผมร้องไห้เหรอ? น่าจะใช่ล่ะมั้ง หรืออาจจะแค่น้ำตาไหลเพราะความอึดอัดเฉยๆ ถ้างั้นผมคงอึดอัดมากไปหน่อย เพราะน้ำตามันไหลไม่หยุดเลย




เปียกไปหมดเลย หยุดไม่ได้ด้วย



แบบนี้นี่มันแย่จริงๆ







------- 50% -------






หลังจากที่อ่านเมนต์ในหลายๆที่ พบว่าเราอัพช้าจริง เลยจะมาอัพให้ไวขึ้นนะคะ

ขอบคุณทุกๆคนที่ feedback มาด้วยนะคะ XDD


อีกครึ่งตอนจะมาวันที่ 10 นะ
ถ้าเราช้าไปทวงได้เลยนะคะ @babybapho ในทวิตเตอร์ค่ะ

แฮ่ แล้วเจอกันวันพุธนะคะ XD


แจ้งเตือนครั้งที่ 1 !

ผู้ดูแล ลบข้อความประชาสัมพันธ์ ออกนะคะ

จากกฎข้อที่ 17  เนื้อหายังลงไม่จบ
ห้ามประชาสัมพันธ์ เปิดจอง ใดๆ ทั้งสิ้นในกระทู้
ไม่ว่าในรูปแบบหนังสือหรือ e-book



อ้างถึง
17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน 

ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)

ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡20th: ผมไม่ไหวเลยสักนิด (50%) (7/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 08-10-2018 21:41:32
มันทำให้เราหัวร้อน  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡20th: ผมไม่ไหวเลยสักนิด (50%) (7/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 10-10-2018 18:52:33
20th Monday -- 100%
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 









พวกผมเดินกันมาที่ร้านกาแฟเจ้าประจำ พนักงานชายที่รับออเดอร์ยังส่งยิ้มสดใสเหมือนเดิม ผมส่งยิ้มฝืนๆให้เขาไปตอนที่น้องเขาพยายามจะมองสบตาผม ตอนนี้ผมแค่ไม่อยากคุยอะไรกับใครเท่าไหร่นัก




“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าจะรับอะไรดีครับวันนี้?”

“เอาลาเต้เย็นแก้วนึง โกโก้เย็น เดี๋ยวเก็บตังกับผู้ชายใส่แว่นที่กำลังจะเดินมา--- อ้ะ นั่นไง เก็บเงินที่เขาเลยครับ”




ซุกซนสั่งกาแฟปาวๆ แล้วลากผมเดินออกมาจากหน้าเค้าน์เตอร์โดยที่ไม่ได้จ่ายเงินเมื่อคุณกฤติเดินเข้าร้านมาพอดี เพื่อนพาผมไปปล่อยไว้ที่เก้าอี้ก่อนจะเดินกลับไปเค้าน์เตอร์ที่มีคุณกฤติยืนสั่งกาแฟอยู่




ถ้าคุณพี่เมฆมาด้วย ตอนนี้เขาคงจะเลือกออกไปนั่งด้านนอกแน่ๆ ถ้าผมไม่รับรู้อะไรเลย ตอนนี้เราอาจจะนั่งหัวเราะคุยกันเหมือนปกติอยู่ตรงนี้ก็ได้




เป็นแบบนี้ ไม่ดีเลยจริงๆ รู้สึกร้อนขอบตาอีกแล้วแฮะ 




“โอเค เล่ามา พวกมึงทะเลาะอะไรกัน”




ผมนั่งกะพริบตาแล้วส่งยิ้มเจื่อนๆให้ซุกซนกับคุณกฤติที่เดินมานั่งฝั่งตรงข้าม พวกเขาสองคนมองเหมือนกับว่ารู้ว่าผมกับคุณพี่เมฆกำลังไม่โอเคในความสัมพันธ์อยู่ตอนนี้ ในขณะที่ฝั่งคุณกฤติก็ถือโทรศัพท์เหมือนเตรียมพร้อมหากมีงานเร่งด้วยไปด้วย




“ไม่ได้ทะเลาะ”

“งั้นมีเรื่องอะไรหรือเปล่า รู้ตัวมั้ยว่าช่วงนี้เราไม่สดใสเลย”




ก็พอรู้อยู่ครับ




ผมคิดอยู่ในใจ แต่สิ่งที่ตอบออกไปกลับมีเพียงแค่ความเงียบและการก้มหน้ามองมือตัวเองเท่านั้น




“หรือถ้าคุณไม่อยากเล่า ผมจะไปถามเอาจากฝั่งนั้นเอง”

“ไม่ครับ”




ผมตอบสั้นๆ ความเงียบที่น่ากดดันปกคลุมไปทั่วบริเวณ เป็นเวลานับนาทีกว่าผมจะเรียบเรียงคำพูดในหัวออกมาเป็นภาษามนุษย์ได้อีกครั้ง




“ผมแค่… รู้สึกว่าคุณเมฆกำลังมีคนอื่น”

“...”

“ผมรู้สึกว่าผมเด็กเกินไปจนเขาต้องฝืนทนคบกับผม เขาไม่ยอมบอกอะไรผมเลย แต่ตัวเขากลับไปคุยกับ… แฟนเก่า”




ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบทันทีที่ผมพูดจบ ผมพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียบเรียงคำพูดและพยายามจับความคิดของตัวเองให้เป็นภาษามนุษย์อีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆเล่าเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ที่เห็นพฤติกรรมแชทแปลกๆของคุณพี่เมฆ เรื่องที่บังเอิญไปเห็นว่าเพื่อนที่เขาบอกคือแฟนเก่า จนไปจบที่ตอนบังเอิญได้ยินเขาคุยโทรศัพท์กับแฟนเก่าคนนั้น




คำพูดของเขาทุกคำที่ผมจำได้ถูกถ่ายทอดออกมาเรื่อยๆราวกับไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ซึ่งผู้ฟังทั้งสองคนก็เงียบและตั้งใจฟังเป็นอย่างดี




“เหี้ย! เฮียเมฆแม่งเป็นเหี้ยอะไรวะ!!!”




ซุกซนเป็นคนแรกที่พูดขึ้นมา ใบหน้าของเพื่อนสนิทแดงเถือกเหมือนกับคนที่หงุดหงิดมาก ในส่วนของคุณกฤตินั้น นอกจากใบหน้าที่นิ่งเหมือนเดิมแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนเท่าไหร่ เขาเพียงแค่ลุกขึ้นพร้อมกาแฟของเขา ขยับแว่นนิดหน่อย




“ซุกซน ผมฝากแทนใจด้วยนะ ผมมีเคสเวียดนามต้องไปตามต่อ”

“ได้พี่”

“ส่วนแทนใจ” ผมเงยหน้ามองหัวหน้างาน เขามองผมด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะยื่นผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อมาให้

 “เช็ดหน้าเช็ดตานะ ผืนนี้ผมไม่ได้ใช้แค่พกไว้เฉยๆ เราพร้อมแล้วค่อยขึ้นไปทำงานละกัน”




คุณกฤติพูดแค่นั้น ก่อนจะเดินเร็วๆไปทางลิฟต์ในขณะที่มือก็กดโทรศัพท์ไปด้วย ผมเดาว่าน่าจะเป็นเรื่องงาน เขาตอบเมลตลอดเวลาเหมือนกับว่าไม่ปล่อยให้โทรศัพท์อยู่ห่างจากตัวแม้แต่ตอนอาบน้ำ ตอนนี้เลยมีเพียงผมกับซุกซนและกาแฟสองแก้วของเราเท่านั้น




“เชี่ยแม่ง”




ซุกซนยังคงไม่หยุดสบถ ท่าทางหงุดหงิดที่เห็นจนชินตาของเพื่อนทุกวันไม่ได้ต่างไปจากเดิมเท่าไหร่นัก เพื่อนผมเอาหลอดกระแทกแก้วอย่างหงุดหงิด




“กูไม่เข้าใจเลยว่ะ มึงใจเย็นก่อนนะแทนใจ แต่กูแม่งก็โมโหเหมือนกัน เชี่ยแม่งเฮียแม่งเป็นเหี้ยอะไรวะ!!”




ผมเงียบ ในขณะที่ซุกซนยังคงหัวฟัดหัวเหวี่ยง เอาตามความจริง ผมว่าผมก็รู้จักซุกซนดีในระดับหนึ่ง คนที่นั่งข้างๆผมโมโหลูกค้าด่างานทุกวัน แต่ครั้งนี้ซุกซนดูหงุดหงิดมากกว่าโมโหลูกค้าที่ไม่ได้ดั่งใจ เหมือนกับว่าเจ้าตัวอึดอัดมากกว่า




เพื่อนผมหยุดไปครู่หนึ่งเหมือนกับกำลังคิดอะไรกับตัวเอง แล้วจึงกันมาหาผม ใบหน้ายังคงแสดงความเดือดดาลปนความไม่เข้าใจ สุดท้ายแล้ว อีกคนก็ถามขึ้นมาสั้นๆ




“กูแม่งอึดอัด มึงทนกับอะไรแบบนี้ได้ไงวะ?”




ผมพยายามค้นหาคำตอบของคำถามนั่น สุดท้ายแล้ว ผมก็พูดในสิ่งที่ตรงกับความรู้สึกข้างในแวบแรกที่ขึ้นมาให้รู้สึก




“เพราะเรารักเขามากเกินไป แค่นั้นจริงๆ”




------- 100% -------
[/b]







เจอกันพรุ่งนี้ค่า XD
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡20th: ผมไม่ไหวเลยสักนิด (100%) (10/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 10-10-2018 19:10:10
มันคือ.......?
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡20th: ผมไม่ไหวเลยสักนิด (100%) (10/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 10-10-2018 20:40:38
ค้างอ่ะ ฮือๆ สงสารน้องแทนใจ
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡20th: ผมไม่ไหวเลยสักนิด (100%) (10/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 11-10-2018 19:18:09
20th Monday: Last part

#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 




เพิ่งจะสี่โมงเองเหรอ?





ผมถามตัวเองเมื่อละสายตาออกจากการตามออเดอร์มาดูนาฬิกาที่โต๊ะ วันนี้มันยาวนานมากจนผมไม่รู้ว่ามันจะไปสิ้นสุดที่เที่ยงคืนเมื่อไหร่ แล้วผมจะสามารถพาตัวเองไปถึงตรงนั้นได้หรือไม่




เพราะผมขอร้องเอาไว้ ซุกซนที่ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะไปต่อยคุณพี่เมฆตลอดจึงยอมอยู่นิ่งๆ แล้วไม่ทักไปด่าแฟนผม หรือทำอะไรที่บ้ากว่านั้น ส่วนฝั่งคุณกฤติผมไม่รู้ว่าเขาเป็นอย่างไร อาจจะแค่ฟังแล้วผ่านไปเหมือนกับเรื่องอื่นๆ ถึงแม้จะแบบนั้น ผมก็ยังรู้สึกขอบคุณที่เขาเป็นห่วงลูกน้องแบบผม แม้จะเป็นเรื่องส่วนตัวก็ตาม




นับว่าเป็นเรื่องที่ดีในวันที่แย่




เวลาไหลผ่านไปช้าๆ ผมนั่งทำงานต่อไปเรื่อยๆ พยายามไม่คิดอะไรถึงแม้มันจะไม่ได้ง่ายขนาดนั้นก็ตามที ทุกครั้งที่หน้าจอโทรศัพท์ที่วางไว้ข้างตัวสว่างผมก็ต้องเหลือบสายตาไปดูทุกครั้ง และไม่มีครั้งไหนเลยที่คุณพี่เมฆจะทักมา




เขาคงกำลังทำงาน เหมือนกับผมที่กำลังทำ 




ไลน์!



คุณพี่เมฆ?




ชื่อแรกที่ปรากฏขึ้นในหัวเมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ แต่พอหยิบขึ้นมาดู หน้าจอกลับไม่ใช่คนรักอย่างที่คิดไว้




sky: พี่แทนใจครับ

sky: ใกล้เลิกงานหรือยัง




ผมวางโทรศัพท์เอาไว้ที่เดิม ทำใบเสนอราคาที่ลูกค้าจะซื้อของอย่างรวดเร็วกว่าที่ทำไปเมื่อครู่ เมื่อส่งให้ลูกค้าทางอีเมลไปเรียบร้อยแล้ว ผมก็พักทุกอย่างที่หน้าคอม แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ตอบน้องชาย




Tanjai: ยังเลยครับ

Tanaji: พี่เลิกงานหกโมง




พอพิมพ์เสร็จ ผมก็วางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมแล้วนั่งทำงานต่อ โชคดีที่วันนี้ไม่ค่อยมีอะไรมาก ไม่มีงานเร่งอะไร พอแก้รีพอร์ตของคุณกฤติแล้ว ตัวผมก็เหลือแค่พวกงานประจำวันที่ต้องเจอตลอดอยู่แล้ว รีบๆเคลียร์ของวันนี้ให้มันจบไป




ความจริงช่วงนี้ผมกลับมาคุยกับน้องบ่อยมากเลยครับ เผลอๆจะบ่อยกว่าเมื่อก่อนอีก น้องกายไลน์มาหาตลอดเลย อย่างน้อยยังดีที่น้องคอยทักมา ผมเลยมีคนให้คุยด้วยในแบบที่เป็นตัวของผมเองบ้าง แบบที่ไม่ต้องพยายามเป็นเด็กดีน่ะ




sky: ถ้าเลิกงานแล้ว พี่มาหาผมหน่อยนะครับ




 ข้อความของน้องขึ้นมาแค่นั้น ตอนแรกผมกำลังจะพิมพ์กลับไปว่าผมมีนัดกับแฟนแล้ว แต่ข้อความต่อไปของน้องทำให้ผมชะงัก




sky: ผมปวดหัว

sky: ไข้ขึ้นเมื่อเช้า วันนี้ไม่ได้ไปเรียน ไปไม่ไหว

sky: ผมอยากเจอพี่แทนใจ 

sky: มาหาผมหน่อยนะ




ผมนิ่งไปชั่วครู่กับข้อมูลใหม่ที่เพิ่งได้รับ ตัดสินใจเพียงเสี้ยววินาที ผมพิมพ์ตอบน้องไปอย่างรวดเร็ว




Tanjai: รอแป๊บนึงนะครับ

Tanjai: เดี๋ยวพี่รีบไป




ผมนั่งทำงานจนกระทั่งถึงเวลาที่เลิก ถึงแม้จะยังกลับไม่ได้ทันทีเพราะมีเรื่องที่จำเป็นจะต้องจัดการต่อ แต่ผมพยายามทำทุกอย่างไม่ให้ยืดเยื้อ เพื่อที่จะได้รีบออกจากที่ทำงานให้เร็วที่สุด จากตรงนี้ไปหอน้องกายไม่ใช่ใกล้ๆเลย




โอเค เสร็จ!




ผมรีบปิดเครื่องทันทีเมื่อเมลสุดท้ายได้ถูกส่งออกไป เมื่อกี้หลังจากที่บอกน้องแล้วผมก็คุยถามอาการเบื้องต้นจากน้องไป พอรู้ว่าอีกคนกินยาไปแล้วก็โอเค เบาใจได้ในระดับหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็คิดว่าผมควรจะไปหาน้องอยู่ดี




ใช้เวลาไม่นานก็ไปถึงสถานีรถไฟฟ้า โชคดีที่วันนี้ที่บีทีเอสไม่เสียหรือว่าเกิดอะไรงอแงขึ้นมาอีก นั่งจากสถานีที่ทำงานผมไปหอน้องกายใช้เวลามากอยู่เหมือนกัน  ผมยืนรอไม่นานรถก็เทียบชานชาลาพร้อมกับคลื่นมหาชนของมมนุษย์เงินเดือนและนักเรียนนักศึกษาที่อัดแน่นกันอยู่ในนั้น




ไลน์!




Mek Sitthikorn: แทนใจ

Mek Sitthikorn: ตรงนี้ยังติดพันอีกนิด แต่พี่จะรีบเคลียร์แล้วรีบไปนะ

Mek Sitthikorn: พี่น่าจะถึงเราประมาณสองทุ่มกว่าๆถ้ารถไม่ติด

Mek Sitthikorn: จะรอที่บริษัทมั้ย เดียวพี่ไปรับ




ผมมองข้อความขณะที่กำลังหาช่องหายใจอยู่ในรถที่อัดแน่นเสียจนรู้สึกคล้ายตัวเองเป็นปลากระป๋อง ขบเม้มริมฝีปากเมื่อเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าผมมัวแต่รีบเคลียร์งานจนไม่ได้บอกคุณพี่เมฆเอาไว้ ผมมองจ้องข้อความอยู่สักพัก




ถึงสถานีหอน้องกายแล้ว




ด้วยคลื่นคนมหาศาลและความอยากรีบไปหาน้องของผม ทุกอย่างถูกปัดตกจากความสนใจในทันที รวมถึงแชทของคุณพี่เมฆด้วยเช่นกัน




ไว้ก่อนละกัน ไหนๆเขาก็จะมาเย็นอยู่แล้ว ให้ผมไปเจอน้องก่อนแล้วค่อยคุยกันแล้วกัน




------- Monday In Love -------




20.40 น.





 ตอนนี้ผมกำลังจะลงลิฟต์เพื่อไปขึ้น BTS กลับหอตัวเองครับ ตอนแรกกะจะออกมาตั้งแต่ทุ่มกว่าแล้ว แต่น้องกายลุกไม่ไหว ผมเลยอยู่ดูแลน้องก่อน ความจริงถ้าไม่มีนัดต่อกับคุณพี่เมฆผมก็คงจะอยู่นานกว่านี้เหมือนกัน





วันจันทร์สีหม่นๆของผมสดใสขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้เจอกับน้องกาย

 



อารมณ์อึดอัดมันยังคงอยู่ แต่พอผมได้มาเจอหน้าน้องชาย รอยยิ้มบางๆของน้องที่ส่งมาทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น ถึงแม้ว่าน้องกายจะป่วยมากกว่าที่ผมคิดไว้ก็ตาม ไม่รู้ไปทำอะไรมา ท่าทางน้องดูเหนื่อยมาก แถมไข้ขึ้นอีกต่างหาก จะพาไปโรงพยาบาลก็ไม่ยอมไป เอาแต่อ้อนผมอยู่นั่น ซึ่งผมไม่เคยชนะลูกอ้อนน้องได้เลยจริงๆ





พูดแล้วก็คิดถึง ไลน์ไปหาน้องอีกทีดีกว่า



หืม?





ผมขมวดคิ้วอย่างงงๆเมื่อเห็นว่ามีมิสคอลหลายสิบสายจากคนรัก ผมอาจจะเผลอไปปิดเสียงเลยไม่ได้ยินอะไรเลย ว่าแต่ปิดตั้งแต่ตอนไหนกัน ปกติผมออกจากที่ทำงานมาแล้วจะเปิดเสียงตลอดนะ ผมส่ายหัวเมื่อเริ่มจะคิดอะไรไร้สาระ ก็คงจะลืมเหมือนกับหลายๆครั้งนั่นล่ะ





เอาเถอะ เดี๋ยวค่อยโทรกลับ คุณพี่เมฆปกติดี แต่น้องผมป่วยอยู่ ผมต้องให้ความสำคัญกับคนป่วยก่อนเป็นอันดับแรก



Tanjai: น้องกายครับ

Tanjai: ดูแลตัวเองดีๆนะครับ

Tanjai: เดี๋ยววันเสาร์พี่ไปหา อย่าป่วยอีกนะ





ผมกดส่งข้อความทั้งหมดในไลน์แล้วเปลี่ยนเป็นโทรหาคุณพี่เมฆต่อแทน ไม่รู้ทำไมผมไม่ค่อยชอบคอลไลน์เท่าไหร่ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ถึงมันจะฟรีแต่สัญญาณมันชอบหาย เคยคุยๆอยู่แล้วเสียงขาดตีหมู่หายอะไรแบบนี้บ่อยมากเลยครับ ถ้าโทรได้ผมเลือกโทรดีกว่า





“คุณพี่มะ---”

(“อยู่ไหน!”)





น้ำเสียงหงุดหงิดของปลายสายทำให้ผมขมวดคิ้ว สงสัยเขาอาจจะหงุดหงิดที่รถติดหรืองานไม่เสร็จ หรืออาจจะเพราะโทรหาหลายสายแต่ผมดันไม่ได้ยิน โอเค ไม่เป็นไร ผมเข้าใจได้





“อยู่ที่หอน้องกายครับ น้องไม่สบาย ผมเลยมาดู ขอโทษนะครับที่ไม่ได้รับโทรศัพท์ ผมไม่ได้ยินเลย”

(“ส่งโลเคชั่นมา รออยู่ตรงนั้น สิบนาที ห้ามหายไปไหน”)





สิ้นคำพูดนั้นสายก็ตัดไป ผมมองโทรศัพท์ด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย ก้อนความรู้สึกอึดอัดที่สั่งสมมาหลายวันออกมาทักทายผมอีกครั้ง แม้จะไม่เข้าใจอะไรแฟนตัวเองเท่าไหร่ แต่ในเมื่อเขาบอกให้รอ ผมก็จะรอ



ผมแค่ยังอยากเป็นเด็กดีของเขาอยู่





ในระหว่างนี้ผมเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อเช็กนั่นนี่ตามประสา ใต้หอของน้องกายก็เป็นเหมือนคอนโดฯในเมืองทั่วไป มีเล้านจ์ไว้ให้แขกนั่งพักผ่อน ซึ่งผมเองก็นั่งอยู่ตรงนั้น อาจจะเพราะมันเป็นวันจันทร์ ถึงแม้จะยังไม่ดึกเท่าไหร่ แต่ตรงนี้ไม่ค่อยมีคนอยู่แล้วครับ นอกจากผมก็มีผู้หญิงอีกคนที่นั่งอยู่คนละมุมกัน แค่นั้นเองครับ





ผมเลื่อนมือถือเช็กนั่นนี่ไปเรื่อยๆ ตอนที่กำลังจะเปิดไลน์ ผมสะดุดกับแจ้งเตือนเยอะมากที่มาจากคุณพี่เมฆ โดยที่ไม่ทันได้ตัดสินใจอะไรเพิ่ม ผมกดเข้าไปดูข้อความพวกนั้นทันที





Mek Sitthikorn: แทนใจ

Mek Sitthikorn: อยู่ไหน

Mek Sitthikorn: รับโทรศัพท์พี่

Mek Sitthikorn: แทนใจ

Mek Sitthikorn: ตอบหน่อยสิ

Mek Sitthikorn: ติดต่อกลับมาหน่อย

Mek Sitthikorn: เราไปไหน ตอนนี้เราอยู่ไหน

Mek Sitthikorn: ทำไมหายไปเลย

Mek Sitthikorn: แทนใจ

Mek Sitthikorn: ทำไมเงียบแบบนี้

Mek Sitthikorn: รับโทรศัพท์หน่อย





และอีกมากมายเกินกว่าที่ผมจะอ่านหมด





ความรู้สึกผิดแล่นเข้ามาในหัวใจทันทีที่เห็นข้อความพวกนี้ ถึงแม้ผมจะตึงๆกับสิ่งที่เขาทำ แต่พอคิดว่าถ้าเป็นผมติดต่อเขาไม่ได้เลย ก็คงจะเป็นห่วงแบบนี้เหมือนกัน





กึก!





ผมเงยหน้าขึ้นเมื่อรู้สึกถึงฝีเท้าคนที่ใกล้เข้ามา ร่างสูงของแฟนหนุ่มที่ปรากฏให้เห็นเรียกรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของผมทันที ก่อนที่จะค่อยๆเจื่อนลงเมื่อเห็นว่าสีหน้าของอีกฝ่ายเรียบนิ่งเหมือนกับคนที่สะกดอารมณ์หงุดหงิดเอาไว้ และนี่เป็นอีกครั้งที่บนหน้าของคุณพี่เมฆปราศจากรอยยิ้มใจดีที่ผมชอบมอง





ถึงจะเป็นอย่างนั้นผม ก็ยังปั้นยิ้มขึ้นมาใหม่ เพื่อคุณพี่เมฆ



“คะ--”

“ทำไมถึงไม่รอพี่ที่ทำงาน?”





น้ำเสียงเย็นของเขาที่เอ่ยแทรกขึ้นมาทำให้ผมกลืนถ้อยคำทักทายทั้งหมดลงกลับไปในคอ ผมขมวดคิ้วนิดหน่อยเมื่อไม่เข้าใจว่าทำไมอีกคนถึงยังโมโห หากเป็นผมติดต่อแฟนไม่ได้ ถ้าเจอแล้วผมก็ดีใจแล้วว่าเขาไม่เป็นไร สงสัยรถอาจจะติด เลยยังหงุดหงิดอยู่





“น้องผมไม่สบาย” ผมตอบไปตามความจริง หวังว่ามันจะทำให้เขาใจเย็นลงบ้าง “ผมเห็นว่าคุณติดงาน เลยกะว่าจะไปหาคุณเองหลังจากดูน้องเสร็จ ขอโทษที่ไม่ได้บอกก่อนนะครับ”





“เรานัดกันแล้วนี่ ทำไมถึงได้มาที่นี่แบบนี้ แล้วพี่ล่ะ?”





คุณพี่เมฆยิงคำถามถัดมาทันที ตอนนี้ผมเริ่มหงุดหงิดบ้างแล้ว นี่ตกลงเป็นความผิดผมเหรอที่น้องผมป่วยแล้วผมมาหาก่อนที่จะกลับไปหาเขาน่ะ? นอกจากนั้นมันยังมีความไม่เข้าใจด้วย ทำไมเขาถึงต้องทำท่าทีแบบนี้ใส่ผม? ถ้าไม่พอใจเรื่องที่ไม่บอกก่อน มันก็ควรจะหายได้แล้วมั้ย? 





“น้องผมไม่สบายไงครับ” ผมพูดซ้ำอีกครั้ง “แล้วตอนนี้ผมก็ออกมาแล้ว กำลังจะไปหาคุณนี่ไง”



“แล้วทำไมไม่บอกพี่ก่อน ติดต่อไม่ได้แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน แค่งานก็เหนื่อยแล้ว ทำไมต้องทำตัวเป็นเด็กให้พี่เหนื่อยกว่าเดิมด้วย?”





คุณพี่เมฆถามกลับด้วยน้ำเสียงเย็น ซึ่งมันทำให้ตัวของผมชาวาบ นี่คือสิ่งที่เขาคิดอย่างนั้นเหรอ? เขาเหนื่อยกับผมมากขนาดนี้เลยอย่างนั้นเหรอ?





“ถ้าเหนื่อยก็เลื่อนไปก่อนก็ได้นี่ครับ”

“พี่คิดถึงเราไง อยากเจอไง อยากเห็นหน้า ทำไมเรื่องแค่นี้ถึงต้องให้บอก”

 

ทำไมถึงต้องให้บอกงั้นเหรอ?

เหมือนถูกน้ำเย็นสาดใส่หน้า แค่ผมไม่รู้ว่าเขาทำงานเหนื่อยแค่ไหนเพราะเขาไม่บอกนี่กลายเป็นว่าผมควรจะต้องรู้เองอย่างนั้นเหรอ?





“ถ้าคุณไม่บอกแล้วผมจะรู้ได้ยังไง? คุณบอกแค่ว่าจะมาเย็นๆหน่อย ผมก็ไม่มีปัญหาแล้วไง นี่ผมจะมาหาน้องบ้าง ทำไมคุณถึงมีปัญหาด้วย?”

“ใครกันแน่ที่มีปัญหา?”

“ผมเหรอ? คุณจะบอกว่าปัญหามาจากผมเหรอ?”





ผมตวัดเสียงถาม ใบหน้าของเราสองคนเต็มไปด้วยอารมณ์ทั้งคู่ แต่ผมไม่สนใจแล้ว หลายวันที่ผ่านมาผมพยายามจะเป็นเด็กดี ผมไม่อยากมีปัญหา ไม่อยากทะเลาะกับเขา แต่ผมเองก็ไม่ได้อยากมารองรับอารมณ์อะไรไม่รู้ของเขาแบบนี้เหมือนกัน





“แทนใจครับ พอเถอะ ไปคุยกันที่ห้องนะ” 

“ตรงนี้แหละครับ เอาให้รู้เรื่องไปเลยเถอะ”

“แทนใจ ไปคุยที่บ้าน”

“ไม่!”

“แทนใจ พี่เหนื่อยมาทั้งวันแล้วนะ เราไปคุยกันที่บ้านเถอะ”





ผู้ชายตรงหน้าผมพูดด้วยน้ำเสียงเหน็ดเหนื่อยเหมือนกับที่เขากล่าวอ้าง ความเหนื่อยล้าจากการทำงานติดต่อกันหลายวันและการขับรถไกลๆน่าจะทำให้เขายิ่งล้ากว่าเดิม แต่ตอนนี้ผมรู้สึกแย่เกินกว่าที่จะใส่ใจมัน





ผมเข้าใจทั้งหมดแล้ว ที่คุณพี่เมฆทนไม่ไหว ที่เขากลับไปคุยกับแฟนเก่า ทุกอย่างเป็นเพราะเขาเหนื่อยกับผม ถ้าจะเป็นแบบนี้ แล้วมาทำให้ผมรู้สึกทำไม?





มาทำให้ผมรักขนาดนี้ไปเพื่ออะไร





“ถ้าผมเป็นปัญหาแบบนี้คุณฝืนมากใช่มั้ย มันทรมานมากจนต้องกลับไปคุยกับ คุณหวาน อักษร อะไรนั่นของคุณเลยใช่มั้ยครับ?”

“เอาชื่อหวานมาจากไหน ใครบอกเรามา!”

“มันไม่ได้อยู่ที่ใครบอกหรือเปล่าครับ มันอยู่ที่ว่าคุณไปคุยกับเขาทำไม”

“เรากำลังพูดเรื่องอะไรเนี่ย? นี่มันไม่เกี่ยวแล้วนะ”

“เกี่ยวสิ! เกี่ยวมากด้วย”

“...”

“คุณโกหกผม”





ผมพูดพร้อมยิ้มน่าเกลียดแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน ไม่ได้ยิ้มให้เขา แต่ยิ้มให้กับความน่าสมเพชของตัวเอง ผมอาจจะเป็นเด็กดีอย่างที่เขาต้องการไม่ได้ และถ้าทำไม่ได้ ผมก็ไม่ทำแล้ว




“งั้นผมขอถามตรงนี้เลยละกัน”

“…”

“หวานอักษรที่คุณเอาแต่คุยด้วยเป็นใคร?”




ความเงียบปกคลุมรอบตัวเราสองคนอยู่ชั่วขณะ คุณพี่เมฆเบิกตากว้างเหมือนไม่คิดว่าผมจะรู้ นั่นยิ่งทำให้ผมไม่รู้ว่าควรจะต้องทำหน้าอย่างไรดี นอกจากตีหน้านิ่งต่อไป




สุดท้ายคนรักของผมก็ถอนหายใจ ก่อนที่จะตอบกลับมา 




“หวานเป็นแฟนเก่าพี่ แต่ตอนนี้เป็นเพื่อน”

“เหรอครับ แล้วคุณคุยเรื่องอะไรกับเพื่อนคนนี้ของคุณบ้าง? ขอผมดูด้วยได้มั้ย?”




รอบนี้คุณพี่เมฆเงียบไปนานเลยครับ ท่าทางเขาเหมือนกับกำลังไม่สบอารมณ์อย่างมาก แต่ไม่ได้ตอบอะไรผมเพิ่ม ซึ่งตัวผมเองก็คิดไว้อยู่แล้วว่าจะเป็นแบบนี้




“มันไม่ใช่เรื่องสำคัญ”

“ถ้าไม่สำคัญ ผมขอดูได้มั้ยล่ะ”

“... “

“ให้ดูไม่ได้สินะ”





ผมสรุปกับตัวเอง และกับเรื่องราวทั้งหมดนี้ด้วย




“คุณคงเหนื่อยกับผมมากจริงๆใช่มั้ย ฝืนมากหรือเปล่าที่ต้องมาคบกับเด็กแบบผมน่ะ คุณต้องทนอะไรเยอะแยะเลยใช่มั้ยที่จะต้องมาคบกับผม?”

“...”

“เพราะผมเด็กเหรอเลยไม่เข้าใจคุณมากพอ เพราะผมไม่ใช่หวานอักษรของคุณหรือเปล่าเลยไม่ได้รู้จักคุณดีเท่าเขา เพราะผมมาทีหลังเหรอ เพราะผม---”

“แทนใจ อย่าพาล เราไม่ใช่เด็กแล้วนะ”




เสียงของคุณพี่เมฆมีน้ำโหเล็กน้อยแบบที่ผมสัมผัสได้ แต่ผมไม่สนใจ เพราะตอนนี้เองเสียงผมก็เริ่มไม่ปกติเพราะอารมณ์โทสะเช่นเดียวกัน




“ถ้าผมเด็กขนาดนั้นแล้วคุณจะมาคบกับผมตั้งแต่แรกทำไม!”

“แทนใจ--”

“ผมพยายามแล้ว พยายามมาทั้งอาทิตย์ เพื่อที่จะเป็นเด็กดีของเขา เพื่อประคับประคองความสัมพันธ์ในแบบของผม แล้วนี่คือสิ่งที่คุณตอบแทนผมอย่างนั้นเหรอ? ห๊ะ??”

“...”

“ผมเห็นแชทคุณ”




ผมตัดสินใจพูดสิ่งที่ทำให้อึดอัดมาตลอดทั้งสัปดาห์ โดยที่คุณพี่เมฆทำท่าเหมือนกับตกใจ แล้วกำลังจะแก้ตัวอะไรสักอย่าง แต่ผมไม่ปล่อยให้เขาพูด




“ผมเห็นที่คุณคุยกับหวานอักษรอะไรของคุณ ถึงแม้ว่าผมจะไม่เข้าใจว่าคุณคุยอะไรกัน ไม่ได้เห็นข้อความในนั้นมากมาย แต่ก็รู้ว่าพวกคุณเข้ากันดีแค่ไหน รู้มาตลอดว่าคุณคุยกันบ่อยเท่าไหร่ แต่ผมไม่อยากพูด เพราะผมรอว่าสุดท้าย เดี๋ยวคุณจะมาเล่าให้ผมฟังเอง”

“...”

“แต่ก็ไม่ ผมรอแล้วก็รอ แต่ไม่มีอะไรจากปากคุณเลย”

“...”

“คุณทำเหมือนกับว่าเราเป็นเหมือนเดิม ทั้งๆที่คุณคุยโทรศัพท์กับแฟนเก่าคุณแบบนั้น” ผมพยายามกลั้นความรู้สึกอยากร้องไห้ที่กำลังจะขึ้นมา ไม่ได้ ผมจะต้องพูดให้หมด ผมไม่ต้องการให้มีอะไรค้างคาอีกต่อไป

“วันที่คุณคุยโทรศัพท์กับแฟนเก่า ผมได้ยินทั้งหมด ผมได้ยินว่าคุณอดทนมามากแล้ว ทนมานาน แล้วตอนนี้กำลังจะทนไม่ไหว แฟนเก่ารู้จักคุณดีเหมือนเดิม”

“แทนใจ มันไม่ใช่แบบนั้น--”

“งั้นแบบไหน มันเป็นยังไง พูดออกมาสิ!”




คุณพี่เมฆตอบผมด้วยความเงียบ



ซึ่งนั่นทำให้ผมเข้าใจ ว่าทุกสิ่งที่ผมพูดมันถูกต้องแล้ว




“แทนใจ” คนรักของผมพูดขึ้นมาในที่สุด น้ำเสียงเขาอ่อนลงนิดหน่อย ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์เขาเย็นลง หรือเพราะน้ำตาที่ไหลออกมาบนใบหน้าผม “เราค่อยๆคุยกันได้มั้ย มันไม่มีอะไรเลย เราอย่าเอาเรื่องของคนอื่นมาทะเลาะกันเลยนะ”




“นี่มันไม่ใช่เรื่องของคนอื่นเลยครับ เรื่องของเราทั้งนั้น”




ผมถอยหลังออกไปก้าวหนึ่งเมื่อเขาทำท่าจะเข้ามาใกล้ คุณพี่เมฆหยุดอยู่กับที่ เราจ้องหน้าเหมือนกับต้องการจะสาดอารมณ์ทั้งหมดใส่กัน อย่างน้อยผมก็คิดว่าคุณพี่เมฆต้องการทำแบบนั้น




“ผมจะถามเป็นครั้งสุดท้าย คุณคุยอะไรกับแฟนเก่าคุณ?”

“...”




ริมฝีปากผมสั่นระริกผมหัวเราะหึกับตัวเอง หัวเราะทั้งที่น้ำตานองหน้า แม้กระทั่งในตอนนี้ คุณพี่เมฆก็ยังไม่ยอมพูดความจริงออกมา




การเป็นเด็กดี ไม่ได้ทำให้ผมสมควรได้รับความจริงใจเลยสินะ




“แทนใจ--”

“พอเถอะครับ”




ผมพูดออกมาในที่สุด น้ำเสียงปกติจนเหมือนกับว่าไม่ได้กำลังร้องไห้ ทั้งที่ตอนนี้ผมมองหน้าคุณพี่เมฆไม่ชัดด้วยซ้ำ






“แทนใจ เรากลับไป--”

“จะยังไม่มีคำว่า ‘เรา’ ในตอนนี้”






ผมมองสบตาเขาเป็นครั้งสุดท้าย วันนี้จะเป็นวันจันทร์ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตผม และผมน่าจะรู้อยู่แล้วแท้ๆ ว่าเรื่องมันจะจบแบบนี้ บางทีผมอาจจะเหมาะที่จะอยู่ในโลกอ๊องๆของผมต่อไปแบบเดิมคนเดียวอยู่แล้ว






ผมไม่เหมาะกับโจทย์คณิตศาสตร์อะไรเลย แม้กระทั่งโจทย์ที่อยากจะเข้าใจที่สุดแบบคุณพี่เมฆก็ตาม






“ผมว่า… อย่าเพิ่งมาเจอกันสักพักดีกว่า”







------- TBC -------





อัพครบแล้วนะคะ ขอโทษที่ทำให้ค้างค่า TT"



เจอกันอีกทีวันหลังนะคะ ยังไม่แน่ใจจริงๆว่าจะวันไหน

เพราะช่วงนี้ชีวิตเราค่อข้างหนักหน่วงมากๆเลย 555

ขอให้มีความสุขกับการอ่าน และขอให้วันพรุ่งนี้เป็นวันดีๆของทุกคนค่ะ

Babybaphomet
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡20th: ผมไม่ไหวเลยสักนิด (100%) (10/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 11-10-2018 22:58:07
หนีไปเลยแทนใจ ถ้ามันสำคัญมากแล้วพูดไม่ได้เลยก็ปล่อยไป จะตีให้ยับ มาทำน้องเราเสียน้ำตา โมโห ! น้องแทนกายมาต่อยมันเลยค่ะะะ ทำพี่แทนใจเสียน้ำตาเยอะมากกก ตีๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡20th: ผมไม่ไหวเลยสักนิด (100%) (10/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 11-10-2018 23:50:35
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡20th: ผมไม่ไหวเลยสักนิด (100%) (10/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 12-10-2018 14:46:50
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡20th: ผมไม่ไหวเลยสักนิด (100%) (10/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 12-10-2018 19:46:48
น้องเด็ดขาดมาก ณ จุดนี้  :13223:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡20th: ผมไม่ไหวเลยสักนิด (100%) (10/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 13-10-2018 23:25:08
แงๆน้อง เสียใจอึดอัดไปกับแทนใจมากเลย คุณพี่เมฆทำแบบนี้ไม่ดีเลยจริงๆ  :z6:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡20th: ผมไม่ไหวเลยสักนิด (100%) (10/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 14-10-2018 23:08:02
21st Monday : First Half

#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 






ทำไมเรื่องมันถึงได้กลายเป็นแบบนี้? 





ทุกอย่างพังหมด ทุกอย่างที่เขาพยายามสร้างมาหลายเดือนพังทั้งที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมาถึงจุดนี้ได้ยังไง ผมนั่งหงุดหงิดอยู่ในรถ โดยที่น้องแทนใจขอตัวกลับไปเองแล้ว โดยที่ผมขอไปส่งน้องก็ไม่ยอม ตอนนี้พูดอะไรก็ดูฟังไม่ขึ้นทั้งนั้น




ผมกดโทรออกหาคนเดียวที่นึกถึงในเวลานี้




“หวาน ยุ่งอยู่ป้ะ?”

“เราทำงานอะ แต่คุยได้ มีไรป่าว?”

“น้องโกรธเราว่ะ”

“เอ๊า! ทำไมวะเมฆ?”




ผมถอนหายใจออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ยอมเล่าเรื่องให้เพื่อนฟังตั้งแต่ตอนที่ผมโทรหาน้องแล้วติดต่อไม่ได้ ไลน์ไปว่ายังไง ไปจนสุดที่ว่า น้องพูดอะไรกับผมบ้าง




“โห เมฆ เอาตามตรงป้ะ ถ้าเป็นเราๆก็โกรธว่ะ”

“อ่าวหวาน ไหนบอกว่าทีมเราไง”

“ก็ทีมเมฆ”



เสียงผู้หญิงปลายสายถอนหายใจออกมา นอกจากนั้นผมยังได้ยินเสียงคีย์บอร์ดที่เหมือนกับเจ้าตัวกำลังทำงานอยู่อย่างที่ได้บอกไว้จริงๆ



“แต่เมฆจะไปพาลใส่น้องแทนใจไม่ได้ เขาไม่รู้เรื่องนะ” 

“แล้วจะให้เราทำไงวะ? ให้บอกว่าน้องชายเขากำลังจะวางแผนให้เรากับน้องเลิกกันงี้เหรอ?”





ผมสบถเมื่อนึกถึงเด็กนั่น ถ้าแฟนผมไม่บอกว่าน้องชายนี่ผมจะคิดว่ามันเป็นกุมารที่น้องเลี้ยงไว้แล้วนะ เด็กเปรตเอ๊ย!



ตอนแรกผมก็คิดแล้ว น่ารักอย่างแทนใจน่ะเหรอจะไม่เคยมีแฟนมาก่อน ซึ่งพอผมรับโทรศัพท์แทนเขาในวันนั้น สายที่โทรมาเป็นน้องแทนกาย ผมเลยเข้าใจว่าทำไมแทนใจถึงไม่เคยมีความรักมาก่อน




ไม่ใช่เพราะแทนใจไม่น่ารัก แต่เป็นเพราะมีตัวขัดขวางอยู่ต่างหาก






ผมยังจำได้ดี ต้นเรื่องทั้งหมดมันเริ่มตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตอนที่ผมกำลังนอนมองแทนใจของผมที่เหนื่อยหลังจากการนอนด้วยกันรอบสุดท้ายของเรา แทนใจหลับโดยที่ละเมอให้ผมรับโทรศัพท์ให้ ซึ่งผมก็รับอย่างไม่อิดออด




“เมฆ แฟนแทนใจ”




ปลายสายเงียบไปพักหนึ่งก่อนที่จะค่อยๆพูดตอบกลับมา




“พี่แทนใจไปไหนเหรอครับ?”




เสียงแทนใจ?




ผมพลิกโทรศัพท์กลับมาดูอีกรอบ หน้าจอที่เมมไว้ว่า น้องแทนกาย ทำให้เข้าใจได้ทันที พี่น้องบ้านนี้เขาอาจจะพิมพ์เดียวกันหมดก็ได้ เพราะอย่างน้องกายนี่คือเสียงเหมือนกับแฟนผมมาก ชนิดที่ว่าหากให้ฟังแค่เสียงอาจจะแยกไม่ออกเลยก็ได้




“แทนใจหลับแล้วครับ มีอะไรจะฝากไว้มั้ย?”

“ทำไมพี่แทนใจหลับ นี่ยังไม่ดึกสักหน่อย ปกติพี่แทนใจไม่นอนเร็วขนาดนี้นะ”

“แทนใจหลับแล้วจริงๆ ครับ พอดีแทนใจเหนื่อยเลยหลับไปแล้ว”

“...”



น้องชายแฟนผมเงียบไปนิดหน่อย แล้วค่อยพูดต่อ ซึ่งน้ำเสียงสั่นเหมือนคนกำลังสะกดอารมณ์อยู่




“ขอบคุณนะครับที่มารับโทรศัพท์พี่แทนใจให้ ถ้างั้นผมรบกวนคุณให้ช่วยเตรียมข้าวต้มให้พี่เขาตอนเช้าด้วยนะครับ ปกติถ้าเขาไม่ได้กินข้าวต้มตอนเช้าแล้วจะงอแง ผมหมายถึง ตอนที่อยู่กับคนที่สนิทมากๆน่ะครับ กับคนอื่นเขาไม่ค่อยเป็นเท่าไหร่ เพราะพี่เขาน่ารัก”




คงไม่ใช่แค่เด็กนี่แล้วแหละที่จะอารมณ์ขึ้น




“ขอบคุณนะครับ เดี๋ยวไว้แทนใจตื่นแล้วพี่จะเตรียมไว้ให้ แต่ตอนนี้พี่ขอไปเช็ดตัวก่อนดีกว่าเนอะ เรามีอะไรจะฝากให้บอกแทนใจมั้ย?”

“งั้น… บอกพี่เขาหน่อยละกันนะครับว่าถ้าวันจันทร์พี่แทนใจว่าง เดี๋ยวเราไปดูหนังกัน”

“... ครับ แล้วพี่จะบอกให้”

“อ่อ แล้วไหนๆก็ไหนๆ ผมขอเบอร์คุณไว้หน่อยได้มั้ยครับ เผื่อบางทีถ้าผมติดต่อพี่แทนใจไม่ได้ ผมจะได้ติดต่อคุณแทนนะครับ”




พอผมบอกเบอร์ติดต่อของตัวเองเสร็จสรรพเด็กนั่นก็วางสายใส่ทันทีโดยไม่รอคำบอกลาใดๆ ตอนแรกผมแค่คิดว่าพี่น้องสองคนนี้เขาตัวติดกันธรรมดา




บางทีมันอาจจะเป็นอะไรที่มากกว่านั้น





ผมลุกขึ้นมายืนสูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียง โดยต่อสายหาซุกซนไปด้วย ผมคิดว่าผมสามารถคุยเรื่องนี้กับมันได้ บางทีซุกซนที่รู้จักกับแทนใจมาก่อน อาจจะเคยเจออะไรที่ผมไม่รู้




“มึงเคยเจอน้องชายแทนใจป่าววะ?”

“น้องชายอ๊อง? แทนกายน่ะเหรอ?”

“นั่นแหละ” ผมพ่นควันออกจากปากอีกครั้ง “เด็กนั่นน่ะ มึงเคยเจอมะ?”

“เคยดิเฮีย แม่งแทบจะแดกหัวผม”

“เล่าให้กูฟังหน่อย”



“ก็ตอนนั้นผมไปห้องแทนใจ แล้วน้องมันมาหา ทีนี้ผมก็ยืดแก้มลูบหัวอ๊องมันเป็นปกตินั่นแหละ ตอนแรกเด็กนั่นก็นิ่งๆนะ แต่พอผมกลับบ้านมาเท่านั้นแหละเฮีย น้องแม่งแอดเฟซบุ๊คมากวนตีนผมเฉย มันคงคิดว่าผมจะจีบแทนใจทำเมีย บ้าเหรอวะ แค่คิดก็ขนลุกแล้ว เอาก้อนเต้าหู้มาเป็นแฟนนี่วันๆผมจะต้องทำอะไรมั่งวะ ป้อนข้าวป้อนน้ำอ่านนิทานเหรอ ปัญญาอ่อน!”



“...” กูว่าบางทีมึงก็อินไปนะซุกซน เต้าหู้นั่นน่ะ เมียกูไง



“เออนั่นแหละ พอผมบอกไปว่ามันเป็นแค่เต้าหู้เน่าที่นั่งข้างๆ น้องมันถึงได้เงียบๆไป แต่ก็ยังกวนส้นตีนทุกครั้งที่เจอหน้าเหมือนเดิม”

“กวนตีนยังไง?”

“กวนตีนอะ หน้าตาท่าทาง ทุกอย่าง หน้าโง่เหมือนพี่มัน แต่กวนตีนคูณร้อยไปเลยแม่ง”

“อันนั้นกูรู้”

“มันหวงพี่มันมากเลยนะเฮีย หวงแบบ ถ้าไม่รู้ว่าเป็นพี่น้องคลานตามกันมา ผมคิดว่ามันคงกะเคลมไอ้อ๊องมันน่ะ”

“...”

“แทนใจมันไม่รู้อะไรหรอกเฮีย แต่น้องมันน่ะดูไม่ได้คิดพี่จ๋าน้องจ๋าแบบที่ไอ้อ๊องมันมองน้องแน่นอน สายตาอะไรหลายอย่างมันฟ้องมากเลยนะ มองแบบรักแทบแดก”

“...”

“แต่ก็ไม่มีไรหรอกมั้งเฮีย เด็กมันหวงพี่ แค่นั้นแหละมั้ง”



ผมไม่ได้ตอบอะไรซุกซนกลับไป นอกจากการพ่นควันบุหรี่ออกจากปากอีกครั้งหนึ่งเท่านั้น




.

.

.



แทนใจยังคงน่ารักเหมือนเดิมในเช้าวันถัดมา




น้องตื่นมาแล้วเรียกหาผม อ้อนผม ทำตัวน่ารักแบบที่ผมอยากจะรักน้องทั้งวัน ขังไว้ที่บ้านไม่ให้ไปไหน ให้อยู่กับผมเท่านั้น แต่ผมยังมีเรื่องให้ต้องจัดการอีก




หากแทนกายรักแทนใจมากกว่าพี่น้องจริง ผมควรจะทำอย่างไร?




ลองเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงคนอื่น ผมคงประกาศตัวเป็นเจ้าของน้องชัดเจน แบบที่เอาให้เข้าหน้ากันไม่ติดเลยก็ได้ แต่จากที่รู้มา แฟนผมเขาก็รักน้องชายมาก รักจนผมรู้สึกว่า ถ้าหากให้แทนใจเลือกระหว่างผมกับน้องชายเขา เขาต้องเลือกน้องแน่นอน



ผม… ต้องปรึกษาใครสักคน



Mek Sitthikorn: หวาน

Mek Sitthikorn: ยุ่งอยู่ป้ะ เรามีเรื่องปรึกษาอีกแล้วว่ะ



ผมทักไลน์หวานไป หวานคือแฟนเก่าของผมที่เรายังคงคุยกันอยู่แบบเพื่อน ซึ่งตอนที่คบกันมันก็ดีแต่มันจบไปห้าหกปีแล้วครับ ตอนนี้ทั้งผมทั้งหวานไม่มีอะไรต่อกันแล้ว แบบเพื่อนอะ เวลาเขามีแฟนเขาก็ทักมาขอคำปรึกษาจากผมเหมือนกัน 



ไลน์ล่าสุดที่คุยกันเป็นช่วงสองสามเดือนก่อน ผมทักหวานไปถามเรื่องแทนใจ เพราะกระต่ายของผมชอบพูดบ่อยๆว่าผมเข้าใจยาก ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่หวานขอเลิกกับผม ตอนนั้นหวานเองบอกว่าผมเข้าใจยากเกินไปจนไม่รู้ว่าผมกำลังต้องการอะไรจากเขา




ซึ่งตอนนั้นผมไม่ได้สนใจเท่าไหร่ รู้สึกว่าตัวเองก็เป็นแบบนี้ เข้ากันไม่ได้ก็จบไป แต่กับแทนใจไม่ใช่ ผมอยากที่จะเปลี่ยนตัวเองให้เข้าใจง่ายขึ้น … เพื่อเขา




เพื่อความสัมพันธ์ของเรา




แล้วครั้งนี้ผมก็ทักหวานไปด้วยเรื่องแทนใจเหมือนเคยครับ ในระหว่างที่รอหวานตอบนั้น ตัวผมเองก็นั่งทำงานอยู่ชั้นล่าง ในขณะที่แทนใจดูหนังในแล็ปท็อปผมอยู่บนห้อง ความจริงแล้วผมก็อยากนอนกอดแฟน ฟัดแก้มนุ่มๆกับผิวขาวๆนั่นเหมือนกัน แต่กลัวว่างานจะไม่เดิน แถมเรื่องที่กำลังจะคุยกับหวานตอนนี้ แทนใจไม่ควรจะต้องมารู้ด้วยเด็ดขาด




หวาน อักษร: ว่ามาเลยยยยยยย

หวาน อักษร: *ส่งสติกเกอร์*




ผมไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงชอบเสียเงินซื้อสติกเกอร์อะไรไม่รู้ ซึ่งสำหรับผมแล้ว แม่งโคตรไร้สาระ แต่ถ้าแทนใจอยากได้ ผมกวาดหมดเลยก็ได้นะ เงินในบัญชีมีพอสำหรับทุกลายที่น้องอยากได้แน่นอน




Mek Sitthikorn: เราไม่ได้กวนหวานใช่ป้ะ?




ข้อความขึ้นว่าอ่านแล้วทันที หวานเองก็เป็นเหมือนพวกไอ้บิว ที่เหมือนกับมือขวาจับโทรศัพท์ไว้ตลอดเวลาแม้กระทั่งตอนอาบน้ำ ตอบแชทเร็วตลอด




หวาน อักษร: มีอะไรก็ทักมาได้

หวาน อักษร: เราว่างตอบได้ตลอดแหละ ไม่ต้องเกรงใจๆ




โอเค ทางสะดวก!



 แต่ลูกค้าแม่งไม่สะดวกกับผมด้วย




ผมเอามือกุมขมับเมื่อเสียงโทรศัพท์เครื่องของบริษัทดังขึ้น เลยผละไปคุยงานแล้วปล่อยแชทเพื่อนไว้แบบนั้น ความจริงผมชอบการเป็นเอ็นจิเนียร์ธรรมดาแบบเดิมมากกว่า งานนี้โคตรปวดหัว แต่เพราะผมอยากก้าวหน้า และอยากเข้าออฟฟิศมากขึ้น เลยยอมมาทำตรงนี้




เพราะผมอยากใช้เวลากับเด็กชอบกาแฟที่นอนดูหนังอยู่บนห้อง




หวาน อักษร: ทำไมหายไปเลย

หวาน อักษร: ตกลงมีไรอะ?

หวาน อักษร: *ส่งสติกเกอร์*




ผมแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ลูกค้า แล้วกลับมาจัดการปัญหาในครัวเรือนต่อ




Mek Sitthikorn: แฟนเราโคตรน่ารัก




หวาน อักษร: คือนี่จะทักมาขิงเหรอ?

หวาน อักษร: เราบล็อกเมฆได้ป้ะ?

หวาน อักษร: 55555555




Mek Sitthikorn: ใจเย็นดิ

Mek Sitthikorn: แฟนเราน่ารัก จนน้องชายของแฟนเราแม่งเกลียดเราอะ

Mek Sitthikorn: งงป้ะวะ?




หวาน อักษร: …

หวาน อักษร: งง




คอลแม่งเลยละกัน!




ผมตัดสินใจคอลหาอีกคน ซึ่งเจ้าตัวก็รับแทบจะทันทีเหมือนกัน พอคุยไปแล้วถึงได้รู้ว่าตอนนี้หวานทำงานอยู่บ้านเลยนั่งเล่นได้ โอเค ดีมาก เพราะผมแม่งพิมพ์ไม่รู้เรื่องแน่นอน




“ห๊ะ? เดี๋ยวนะ? ...สรุปคือ น้องชายของแทนใจ เหมือนจะไม่ชอบเมฆ และอยากให้เมฆเลิกกับแทนใจ?”

“ใช่-- คือเหมือนกับแบบ เขาโตมาด้วยกัน เขาหวงพี่อะหวาน”

“มัน พูดยากแฮะ--”

“เด็กนั่นหวงแทนใจมากเลยนะหวาน แล้วเขาเกลียดเราแน่นอน อันนี้เรามั่นใจ”

“ยากแฮะ… เฮ้ย แค่นี้ก่อนนะเมฆ ลูกค้าเมลมา”




สัญญาณตัดไปทันที แต่ผมไม่ได้ถือสาอะไร เข้าใจว่าตัวเองก็ไปรบกวนเขาเหมือนกัน ถ้าเป็นผมเหรอ? น้องผมไม่ชอบแฟนผมก็เรื่องของแม่งเลยครับ ผมเลือกแทนใจ




แต่สำหรับแทนใจ โลกไม่น่าง่ายกับน้องขนาดนั้น




แทนใจถูกเลี้ยงมาแบบที่ศูนย์กลางของจิตใจอยู่ที่ครอบครัว ผมเหมือนเป็นสิ่งแปลกปลอมในโลกของเขา ซึ่งเป็นโชคดีที่น้องเองก็รู้สึกกับผมเหมือนกัน




ไลน์!

หวาน อักษร: เรื่องน้อง เมฆลองคุยกับน้องชายดูมั้ย

หวาน อักษร: แบบลองไปเจองี้

หวาน อักษร: อาจจะดีขึ้นป้ะ?




ผมทิ้งไลน์หวานเอาไว้แบบนั้นเมื่อคิดได้ว่าแทนใจอาจจะอยากได้อะไรไว้ทานระหว่างดูหนัง พอขึ้นไปแล้วเห็นหน้าตาน่ารักของน้อง ท่าทางออดอ้อนเหมือนปกติโดยที่เจ้าตัวไม่ตั้งใจของน้อง ทุกอย่างของแทนใจมีแต่คำว่าน่ารัก น่ารักเต็มไปหมด




“เดี๋ยวพี่ไปนั่งทำงานข้างล่างนะ เราอยากได้อะไรทักไลน์มาก็ได้ เดี๋ยวพี่ขึ้นมา”



“แล้วพี่ไม่ทำกับผมเหรอ?”




เป็นการพูดผิดที่น่ารักน่าเลี้ยงมากเลยครับ แทนใจหน้าแดงที่ตัวเองพูดอะไรสองแง่สองง่ามออกมาโดยไม่ตั้งใจไปหมดทั้งหน้าเลยครับ แก้มขึ้นสีระเรื่อดูน่าฟัดจนผมก็อยากจะนั่งทำกับน้องแบบที่น้องเขาชวนเหมือนกัน โคตรน่ารักเลยเว้ยคนอะไร




“ฮ่าๆ พี่ก็อยากทำกับเราครับ แต่รอเราหายก่อนนะ”




แทนใจทำหน้าเหมือนกับกึ่งเขินกึ่งจะร้องไห้ ซึ่งผมอดใจไม่ไหว ลูกค้าไลน์ผลิตเสียผมไม่สนแล้วตอนนี้ ถ้าไม่ได้ฟัดแก้มแทนใจตอนนี้อย่ามาเรียกผมว่าสิทธิกร!




พอผมตักตวงจนพอใจก็ลงไปทำงานแล้วก็คุยกับลูกค้าต่อ ตอนนี้เขาจะด่าพ่อผมก็ยังยิ้มสู้ครับ คนมันอารมณ์ดี อยากอยู่บ้านแล้วนั่งเล่นกับแทนใจทั้งวันทั้งคืน




น่ารักจังเลยวะ แฟนใครเนี่ย




Mek Sitthikorn: หวาน

Mek Sitthikorn: แทนใจโคตรน่ารักเลยว่ะ



มันเป็นอารมณ์อยากอวดแฟนครับ แต่ไม่รู้จะอวดกับใคร จะเมลไปหาลูกค้าแล้วบอกว่าผมรู้ว่าเครื่องคุณกำลังเสีย ที่หน้างานวุ่นวายมาก แต่ผมจะนอนกกแฟนเพราะแฟนผมน่ารักมาก ก็เสี่ยงโดนไล่ออก ไลน์หาเพื่อนละกัน ปลอดภัยดี



หวาน อักษร: แน่ะๆ

หวาน อักษร: รู้นะว่ายิ้มอยู่อะ



ผมก็ยิ้มอยู่จริงๆนั่นแหละ เหมือนคนบ้าเลยครับ แบบที่ถ้าไอ้แว่นกฤติเห็นมันต้องทำหน้าตาประหลาดหรือไม่ก็เอาส้อมแทงตาเพราะทนดูไม่ได้แน่นอน



Mek Sitthikorn: น่ารักมากเลยว่ะ

Mek Sitthikorn: เราแม่งโคตรแพ้เลยคนนี้

หวาน อักษร: จ้าๆ รู้แล้วจ้า



หลังจากนั้นหวานก็ส่งสติกเกอร์เบะปากรำคาญอะไรไม่รู้มาให้ ซึ่งผมไม่สนใจ ขนาดสติกเกอร์ยังน่ารักน้อยกว่าแฟนผมเลยครับ โลกใบนี้ไม่ได้ปกครองด้วยประชาธิปไตยนะ แต่ปกครองด้วยระบอบแทนใจธิปไตย



Mek Sitthiskorn: น่ารักเนอะ ไม่เชื่อดูรูปดิ

Mek Sitthikorn: *ส่งรูปภาพ*



ผมส่งรูปที่ไปเซฟจากเฟสบุ๊คน้องมา มันเป็นรูปแทนใจที่ยืนยิ้มกว้างจนแก้มฟูขึ้นมาในชุดไปรเวทสีเหลือง ท่าทางเหมือนกำลังอารมณ์ดีของน้องที่ทำให้ผมยิ้มตามตั้งแต่ที่เห็นครั้งแรก ส่วนมือนั้นกดเซฟแบบไม่คิดเลยครับ น่ารักจริงๆ



Rrrrr



อวดแฟนได้ไม่ถึงสองนาที ลูกค้าโทรมาอีกแล้ว ขัดขวางการหวีดแทนใจนี่บาปนะ แต่จำเป็นต้องรับโทรศัพท์ เพราะอีกฝั่งคือลูกค้า ผมแก้ปัญหาหน้างานไปพร้อมกับซื้อข้าวเย็นสำหรับสองคน แวะเซเว่นนิดหน่อย แล้วกลับมาทานข้าวเย็นกับแฟน แต่เรื่องไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพราะช่างหน้างานตอนนี้คือรัวไลน์แถมจะฆ่าผมได้แล้ว




ไลน์!



ไม่มีคนคบแล้ว (5)

เหี้ยเบิร์ด วิศวะ: อุ๊ย รูปหล่น 

เหี้ยเบิร์ด วิศวะ: *ส่งรูปภาพ*




ผมรีบสไลด์เข้าไปดูกรุ๊ปเพื่อนสมัยมหาลัยที่ยังเหลือๆคบกันอยู่ ความจริงแล้วผมไม่ได้มิ้วท์หรืออะไรกรุ๊ปนี้ทั้งนั้นครับ แต่ไม่เข้าไปอ่าน เพราะรำคาญ ขี้เกียจคุย แต่วันนี้เหมือนต้องเข้า เพราะความอยากดูรูปแท้ๆ




แล้วก็ไม่ผิดหวัง




มันเป็นรูปแอบถ่ายผมกับแทนใจในวันที่นัดรียูเนียนกับพวกมันแล้วผมหนีบน้องไปด้วย ในรูปคือตอนที่ผมกำลังหัวเราะอะไรสักอย่างอยู่ ซึ่งแทนใจมองหน้าผมแล้วยิ้มเต็มแก้มในแบบของเจ้าตัว ถึงแม้รูปจะไม่ชัดเพราะคนถ่ายมันกาก แต่สายตาและรอยยิ้มของแทนใจในรูปนั้น น่ารักจนทำให้ผมเผลอยิ้มตามไม่ได้




alex: เชี่ย ใครวะ

alex: น่ารักสัด

alex: มึงมีเบอร์มั้ยเบิ้ด




ไอ้เหี้ยเล็ก เพื่อนคนหนึ่งของกลุ่มที่วันนั้นเบี้ยวนัดพูดขึ้นมา แถมเป็นคำน่าชื่นชมด้วยรองเท้าเบอร์สี่สิบสี่ ผมรีบพิมพ์ตอบมันกลับอย่างรวดเร็วแล้วจึงวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมเพื่อมาสนใจงานที่กำลังยุ่งเหยิง




Mek Sitthikorn: เมียกู ไอ้สัด




หลังจากนั้นผมก็ปล่อยเบลอโทรศัพท์ส่วนตัวเลยครับเพราะลูกค้าผู้น่ารักโทรมาพอดี กว่าจะคุยเสร็จกลับมาแทนใจก็หายไปแล้ว ผมคิดว่าเขาน่าจะอยู่ในห้องนอน ผมอยากจะขึ้นไปฟัดน้องต่อเหมือนกัน ติดที่ว่าต้องเปิดคอมดูผัง drawing ของเครื่องจักรให้ช่างหน้างานนี่สิ




หวาน อักษร: จ้าๆ

หวาน อักษร: 5555555




ข้อความจากหวานที่เหมือนเพิ่งจะว่างมาจับโทรศัพท์อีกครั้งเด้งขึ้นมาหลังจากที่ผมส่งรูปแทนใจไป บางคนอาจจะมองว่าแปลกที่ผมส่งรูปแฟนใหม่ให้แฟนเก่าแบบนี้ แต่ระหว่างผมกับหวานมันไม่มีอะไรแล้วไง เป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ การมีเพื่อนเป็นแฟนเก่ามันก็ดีอย่าง เราสามารถปรึกษาเรื่องที่คิดว่าน่าอายโดยที่ไม่ได้ต้องอายขนาดนั้น เพราะตัวหวานเองก็เคยเอาเรื่องแฟนมาถามผมเหมือนกัน




เพราะงั้น การที่ผมจะปรึกษาเรื่องน้องชายของแฟนใหม่กับเขาก็ไม่แปลก




พูดถึงน้องชาย ผมเริ่มยิงคำถามหาหวานอีกครั้ง หลังจากอ่านไม่ตอบมาหลายชั่วโมง




Mek Sitthikorn: หวานว่าเราควรพูดกับแฟนเรามั้ยวะ

Mek Sitthikorn:ว่าเราไม่ชอบน้องเขา

Mek Sitthikorn: ถึงต่อให้ไม่ได้เกลียดเรา เราก็ยังว่าเด็กนี่ก็ยังน่ารำคาญอยู่ดี




พอถามทิ้งไว้เสร็จผมก็มาติดตามงานหน้าไซต์ต่อครับ ตอนนี้ปัญหาอีนุงตุงนังกว่าเดิมอีก จากที่มันควรจะแก้ได้แล้ว แต่มันกลับยุ่งเหยิงไปกันใหญ่




ไลน์!

หวาน อักษร: ก็เป็นเหมือนตอนที่เราคบกันไง



ผมปล่อยให้ไลน์มันขึ้นไปแบบนั้นก่อนเพราะปัญหาจากหน้างานรุงรังผมไม่หยุดเลยครับ ผมต้องติดต่อไปทางบริษัทแม่ที่ยุโรป คุยกับหัวหน้าแผนกเรื่องเคส ติดต่อหาคนว่างที่มีฝีมือให้เข้าไปช่วยแก้ไขปัญหา ซึ่งก็ไม่มีสักคนผมเลยต้องไปเองวันพรุ่งนี้



ปวดหัวชะมัด



ผมเปิดโทรศัพท์ส่วนตัวขึ้นมาเช็กอย่างอื่นนอกจากงานบ้าง อย่างแรกที่เห็นคือข้อความต่อมาของหวานที่เขาส่งมาไว้เมื่อกี้



หวาน อักษร: ก็เป็นเหมือนตอนที่เราคบกันไง

หวาน อักษร: เมฆก็จะทะเลาะกับแฟนเพราะเขาไม่เข้าใจ แล้วเมฆก็ไม่อธิบาย

หวาน อักษร:น้องเขาก็จะไม่รู้เรื่องอะไรเลย

หวาน อักษร: ถ้าไม่อยากเลิกกับน้องก็อย่าทำ ไม่รู้หรือไงว่าเวลาเมฆโมโหอะโคตรน่ากลัว



เรื่องงานว่าปวดหัวแล้ว เรื่องความรักก็ไม่ต่างกันเลยครับ




“เฮ้อ”




ผมยกมือนวดขมับ ถ้าเลือกได้ผมก็ไม่อยากเอาเรื่องนี้ไปหนักหัวน้องเหมือนกัน ใครจะอยากให้คนรักไม่สบายใจ แถมยังเป็นแทนใจ น้องเขาบริสุทธิ์เกินไปจนผมไม่อยากให้เขาต้องเจออะไรไม่ดีในชีวิตเลยสักนิด




พูดแล้วผมก็อยากเจอน้องจัง คิดถึงแล้ว




ผมเดินเข้าไปหาเขาในห้อง แทนใจที่ดูเหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่างอยู่ไม่ได้ปัดป้องเมื่อผมก้มลงไปหอมแก้มน้องชื่นใจเหมือนกับทุกที




การมีแทนใจในชีวิตเป็นสิ่งมหัศจรรย์มากจริงๆ แค่มีเขาอยู่ข้างๆ เห็นหน้าตาน่ารักกับรอยยิ้มที่ผมชอบ ผมก็หายเหนื่อยได้อย่างน่าประหลาดแล้ว




“คุยงานเหรอครับ” แทนใจถามผม

“อืม...ปัญหาเดิมๆ แก้ไม่จบสักที”

“มีเรื่องอะไร เล่าให้ผมฟังได้มั้ยครับ?”

“เรื่องเล็กน้อยน่ะ ปัญหาเดิมๆ… ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอกครับ”

“แต่ผมอยากรู้นะ คุณบอกผมได้นะ”





ผมมองตาน้อง การที่เขาอยากเข้ามามีส่วนร่วมในโลกของผมทำให้ผมรู้สึกดีมากขึ้นไปอีก คิดไม่ผิดเลยจริงๆที่เลือกชอบคนๆนี้



ไม่เคยรู้สึกว่าดีใจที่มีใครสักคนในชีวิต จนกระทั่งถึงตอนนี้





“ขอบคุณมากนะครับ เด็กดี”





น้องเงียบไปพักหนึ่ง จนผมแปลกใจ พอหันไปมองหน้าถึงได้เห็นว่าเขาไม่ได้ยิ้มอยู่ น้องเขาขมวดคิ้วเหมือนกับกำลังใช้ความคิด และไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่





หรือว่าเขาจะรู้ว่าผมไม่ชอบแทนกาย?





“เป็นอะไรหรือเปล่า?”

“...” ยิ่งน้องเงียบ ผมยิ่งแพนิค

“ว่าไงเรา ไข้กลับเหรอครับ หรือว่า--”

“คุณพี่เมฆครับ คุณพี่เมฆคุยกับใครอยู่เหรอครับ?”



โถ่เอ๊ย ผมก็นึกว่าเรื่องอะไร



“เพื่อนครับ”



พูดถึงหวานแล้ว คำพูดของหวานยังคงอยู่ในความคิดผม … ถ้าหากพูดเรื่องน้องชายเขาไป แล้วเรามีโอกาสเลิกกันล่ะก็ ผมยอมเก็บเรื่องนี้ไว้กับตัวเองจนวันตายดีกว่า



อ่อ แล้วผมก็ไม่ยอมแพ้เด็กเปรตนั่นด้วย



มาลองเจอกันสักหน่อย มา!





------- Monday In Love -------








แทนใจน่ารักมากขึ้นทุกวัน



พอได้ครอบครองแล้วผมหยุดเอาแต่ใจกับเขาไม่ได้ ยิ่งพอเขาอ้อนแล้วผมก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลก ซึ่งพอเป็นแบบนั้น ผมก็ไม่อยากให้มีแปลงที่ไหนมาตอมไต่คนของผมทั้งนั้น 



โดยเฉพาะแมลงที่ชื่อแทนกาย



หลังจากที่พวกผมเมคเลิฟกันเสร็จ ผมกะว่าจะพาน้องไปอาบน้ำ แต่ข้อความกวนโมโหจากน้องชายของอีกฝ่ายกลับทำให้ผมรู้สึกฉุนขึ้นมาทันที



sky: พี่แทนใจอยู่กับคุณเมฆหรือเปล่าครับ?

sky: ฝากบอกพี่แทนใจทีว่าผมอยากกินสเต๊กร้านที่เคยไปด้วยกันสองคน

sky: อ๋อ ใช่ๆ

sky: แล้วก็บอกพี่ให้ด้วยนะครับ ว่าผมอยากดูหนังกับเขาอีก

sky: อยากให้วันจันทร์มาถึงเร็วๆจัง จะได้เจอกันแล้ว

sky: หนังหมีพูห์ที่พี่แทนใจอยากดูเข้าแล้วนะครับ ผมอยากไปดูกับพี่อีกจัง

sky: แต่ผมก็ชอบดูที่บ้านกับพี่นะ

sky: ตักพี่นุ่มมากเลย

sky: :D



ผมเกลียดการพ่ายแพ้ และในเกมนี้ ผมจะต้องชนะเท่านั้น



“แทนใจครับ”

“เราเป็นของพี่นะ”

“ครับ?”

“เป็นของพี่แล้ว เป็นของพี่แค่คนเดียว”

“เดี๋ยว--- อื้อ”



ผมไล่จูบผิวน้องไปทุกส่วน อยากจะแสดงความเป็นเจ้าของให้ทุกคนได้รับรู้ ผมอยากบอกโลกว่าแทนใจเป็นของผม ผู้ชายที่นอนอ่อนระทวยรับจูบอยู่ตรงนี้เขาเป็นของผม



“ผมเหนื่อยแล้วนะคุณ”

“ครับ พี่รู้”

“รู้แล้วก็หยุดสิครับ”



แทนใจประท้วงเสียงอ่อยเมื่อผมแสดงความรักย้ำๆ ผมต้องการให้ความรู้สึกของผมติดตัวน้องอย่างเป็นรูปธรรม ผมอยากกลืนแทนใจเข้าไป อยากบอกรักตลอดเวลา เขาเป็นของผม



เป็นของผมแค่คนเดียวเท่านั้น



“หยุดไม่ได้ครับ แทนใจเป็นของพี่..เป็นของพี่เท่านั้น”



แฟนผมตอบรับในลำคอ น้องเชิดหน้าขึ้นเมื่อกำลังจะถึงฝั่งฝัน ตัวผมเองก็เช่นกัน  แต่ผมต้องการจดจำเวลานี้เอาไว้ สีหน้าที่เขาถึงสรวงสววรค์เพราะผม เสียงครางที่เกิดขึ้นเพราะผม ทุกความรู้สึกของแทนใจเป็นชื่อผม



มีแค่เราสองคนเท่านั้น



“พี่เองก็เป็นของแทนใจเหมือนกัน”



ผมจะไม่ยอมแบ่งเขาให้ใครแม้จะเป็นน้องชายของเขาก็ตาม



.

.

.



------- TBC ------




ขอแบ่งนะคะ มันยาวมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  ;A;

ขอบคุณทุกเม้นทุกแท็กนะคะ อ่านหมดเลย XD
ทั้งที่ให้กำลังใจนน้องแทนใจ จะตีๆคุณพี่เมฆ แล้วก็ให้กำลังใจนี่ ฮือ
ขอบคุณมากจริงๆคะ

แล้วเจอกันพรุ่งนี้ถ้าเป็นไปได้นะคะ  XD

Babybaphomet





แจ้งเตือนครั้งที่ 1 !

ผู้ดูแล ลบข้อความประชาสัมพันธ์ ออกนะคะ

จากกฎข้อที่ 17  เนื้อหายังลงไม่จบ
ห้ามประชาสัมพันธ์ เปิดจอง ใดๆ ทั้งสิ้นในกระทู้
ไม่ว่าในรูปแบบหนังสือหรือ e-book



อ้างถึง
17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน 

ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)

ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡21st: นี่มันเรื่องอะไรกัน? (100%) (14/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 14-10-2018 23:25:52
ก็ยังตีๆคุณพี่เมฆเหมือนเดิม เรื่องคุยกับหวานเราไม่เท่าไหร่ โมโหที่เหนื่อยแล้วมาพาลใส่น้อง ตีๆ  :m16:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡21st: นี่มันเรื่องอะไรกัน? (100%) (14/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 15-10-2018 00:47:15
ไม่สงสารคุณพี่เมฆบอกเลย เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ไม่ได้เรื่องเลย แทนใจรักน้องมากแล้วยังใงใช่ว่าแทนใจเป็นคนไม่มีเหตุผลซักหน่อย
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡21st: นี่มันเรื่องอะไรกัน? (100%) (14/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 15-10-2018 08:05:40
ฟังพี่เมฆแล้วก็ไม่รุ้สึกสงสารอยู่ดีอ่ะ วิธีการแก้ปัญหาแย่มาก มันเลยเถิดมาจนแทนใจทนไม่ไหวก็สมควร  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡21st: นี่มันเรื่องอะไรกัน? (100%) (14/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 15-10-2018 13:07:35
 :m16: พี่เมฆจะจัดการกับปัญหายังงัยไม่รู้ ที่รู้ๆ ตอนนี้น้องแทนใจโกรธจริงแล้ววว
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡21st: นี่มันเรื่องอะไรกัน? (100%) (14/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 15-10-2018 20:00:47
นี่มันความรักนะไม่ใช่เกม

เห้อออออ สมควรแล้วนะเมฆ
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡21st: นี่มันเรื่องอะไรกัน? (100%) (14/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 15-10-2018 20:08:29
21st Monday : Second Half

#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 







ผมเกลียดไอ้เด็กเปรตนั่น

 

 

ความรู้สึกนี้ยิ่งชัดเจนเมื่อเห็นว่าไลน์ในโทรศัพท์ที่เข้ามาถี่ๆในตอนที่ผมกำลังจะขับรถไปส่งแทนใจที่ทำงานเป็นของใคร

 

sky: คุณเมฆครับ ตอนนี้อยู่กับพี่แทนใจใช่มั้ยครับ?

sky: พอดีผมทำการบ้านอังกฤษไม่ได้

sky: พี่ล้งเล้งก็ไม่ว่างสอนเพราะต้องสอบมิดเทอม

sky: อยากให้พี่แทนใจสอนจังเลย

sky: ถ้าผมทำคะแนนได้รอบนี้ ผมขอรางวัลนะ

sky: เราไม่ได้หอมแก้มกันนานแล้วเนอะ

sky: คิดถึงแก้มพี่แทนใจจังเลย

sky: :D

 

 

มึงมาบอกกูทำไมวะ!

 

 

ถ้าอยากจะคุยกับแทนใจจริงๆทักไปหาแทนใจตรงๆเลยก็ได้ ทำมาเป็นทักผมความจริงเรื่องพวกนี้ดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายแค่ต้องการจะปั่นให้ผมหัวหมุน เหมือนพวกแอคเห็บในโซเชียลต่างๆ ทำเหมือนกับว่าติดต่อแทนใจไม่ได้ ทั้งที่แทนใจไม่ได้รับโทรศัพท์เด็กนี่แค่วันนั้นวันเดียวนั่นแหละ แต่วันอื่นยังไงแทนใจก็เป็นคนดีเกินกว่าที่จะไม่ตอบน้องอยู่แล้วครับ

 

 

ลองเป็นผมสิ มีน้องชายกวนตีนแบบนี้นะจะเอารถของเล่นทับมันตั้งแต่อ้าปากพูดคำแรก

 

 

ผมไม่สบอารมณ์มากจนอยากจะชนรถทุกคันที่ขวางหน้า อยากจะส่งวิดีโอตอนที่แทนใจเป็นของผมไปให้เขาดู แต่มันไม่ดีทั้งกับตัวผมและกับน้อง ตัวผมน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ถ้ามันหลุดออกไป แทนใจมีแต่เสียกับเสีย ซึ่งผมยอมไม่ได้

 

 

ถ้าเลือกครอบครัวใหม่ให้แทนใจได้นะ ผมจะสร้างแบบที่ไม่ให้มีไอ้เด็กแทนกายนั่นอยู่ในสาระบบชีวิตแทนใจเลยคอยดู

 

หรือพาน้องหนีไปอยู่ต่างประเทศดีวะ? ไปไหนก็ได้ ที่น้องชายเขาตามไปไม่ถึง

 

 

“มันจะมีจริงๆเหรอ? คนที่ชอบอะไรแบบนี้เนี่ย”

“หืม มีอะไร”

 

 

ผมถามทันทีเมื่อเสียงของแทนใจพูดอะไรสักอย่างขึ้นมา เมื่อหันไปมองหน้าน้อง ถึงได้เห็นว่าเจ้าตัวดูหน้าตาแตกตื่นตกใจ เหมือนกับไม่คิดว่าผมจะได้ยินสิ่งที่เขาพูด

 

 

ทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้วะ? ผมขโมยเขาเก็บไว้ดูคนเดียวไม่ได้จริงๆเหรอ?

 

 

“อ๋อ ก็เนื้อเพลงอะครับ ผมแค่สงสัยว่ามันจะมีอะไรแบบนี้จริงๆเหรอ?” 

“หืม…แบบไหนครับ บอกพี่หน่อยสิ”

 

 

ผมถามเพราะตัวเองมัวแต่คิดเรื่องน้องชายแฟน จนไม่ได้สนใจฟังเลยว่าแฟนผมเปิดเพลงอะไรอยู่

 

 

“ที่มันร้องทำนองว่าชอบการที่คนรักโกหก มันจะมีคนแบบนั้นจริงๆเหรอครับ? ไม่สิ ไม่ต้องถึงขนาดชอบที่คนรักโกหกหรอก”

“...”

“คุณคิดว่า คนที่เป็นแฟนกันเขาจะต้องโกหกกันด้วยเหรอครับ?”

 

ใครบอกอะไรแทนใจหรือเปล่าวะ?

หรือว่าเด็กนั่นไปพูดอะไรกับน้อง ให้เขาสงสัยในตัวผม?

 

 

ปริ้น!!!

 

 

ผมเผลอนิ่งไปชั่วครู่ เพิ่งได้สติตอนคันหลังบีนแตรแรงเหมือนตั้งใจจะด่าพ่อ แม่งเอ๊ย ไม่รู้หรือไงวะว่าคนเขากำลังคุยกับแฟนเด็กอยู่ อย่ารีบได้มั้ย? ถึงแม้มันจะเป็นเช้าวันทำงานก็อย่ารีบสิวะ

 

 

ผมกลับมาสนใจถนนตรงหน้า พร้อมทั้งตอบแทนใจที่กำลังมองหน้าผมเหมือนกับรอคอยสิ่งที่ผมกำลังจะพูด

 

 

“บนโลกนี้มันไม่ได้มีแค่ความจริงกับคำโกหก มันมีอะไรเยอะกว่านั้น”

“มันมีอะไรล่ะครับ? สำคัญกว่าความจริงอีกเหรอ?”

“ความรู้สึกของอีกฝ่ายไง”

 

 

ผมเลี้ยวรถเข้าไปในอาคารจอดรถของบริษัท ชั้นที่บริษัทผมได้จอดมีที่น้อยมาก แทบจะเกยกันอยู่แล้ว ดีที่วันนี้ผมไม่ได้มาออฟฟิศ แค่แวะมาส่งแทนใจเฉยๆ เลยไม่ต้องวนไปชั้นสูงๆ อยู่แค่ชั้นสองก็พอ

 

 

“หมายความว่า ถ้าพี่คิดว่ามันดีกับผม พี่ก็จะโกหกผมอย่างนั้นเหรอครับ?”

“ใช่”

 

 

ผมตอบโดยไม่ต้องคิด เพราะทุกอย่างที่พูดออกไปมาจากใจทั้งนั้น ถ้าหากจะต้องโกหกเพื่อรักษาความรู้สึกของแทนใจไว้ ทำไมผมถึงจะไม่ทำกันล่ะ? ไม่มีใครอยากเห็นคนที่ตัวเองรักเจ็บปวดหรอก

 

 

“พี่ไม่รู้สำหรับคู่อื่น แต่สำหรับพี่ เรื่องอื่นพี่อาจจะสัญญาไม่ได้ว่าจะไม่โกหก”

 

 

ผมจอดรถแล้วหันไปหาน้องที่กำลังมองผมอยู่เหมือนกัน ผมไม่เคยเชื่อว่านัยน์ตาจะสามารถบ่งบอกความรู้สึกอะไรได้มากมายขนาดนั้น แต่มีครั้งนี้ที่ผมอยากจะบอกรักเขาผ่านสายตา อยากให้เขามั่นใจว่าถ้าหากผมยังอยู่ตรงนี้ จะไม่มีใครสามารถทำร้ายอะไรเขาได้ทั้งนั้น

 

 

 

“เรามั่นใจได้เลย ไม่ว่าพี่จะพูดอะไร สิ่งเดียวที่พี่จะไม่โกหกเราแน่ๆน่ะ…”

 

 

แม้กระทั่งน้องชายของเขาก็ตาม

 

 

“คือเราอ้วนขึ้นนะ”

 

 

ผมพูดติดตลกเมื่อน้องแทนใจทำหน้าตาจริงจัง ผมไม่อยากให้เขาเครียดอะไรก็ตาม โอเค เข้าใจว่าเรื่องงานมันห้ามไม่ได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่นที่ทำได้ ผมก็จะทำ

 

 

“พี่ว่าพี่ยืดแก้มเราได้มากขึ้นนะ กินเยอะนะเนี่ยช่วงนี้”

“อ่อยยยยยยยยยย” (“ปล่อยยยยยยยยยย”)

 

 

หลังจากมั่นใจว่าน้องแทนใจจะไม่เครียดแล้วผมก็ปล่อยแก้มนุ่มๆของน้องอย่างอิดออด ถ้างานที่ไซต์ไม่เดือดขนาดนี้ผมอาจจะทำตัวติดน้องทั้งวันเลยก็ได้ โคตรงี่เง่าเลยให้ตาย เหมือนกับเด็กมัธยมเพิ่งมีความรักครั้งแรกทั้งที่ตอนนี้ทำงานมาหลาย

 

 

“คุณนี่เอะอะก็ดึงแก้มผมจริงๆ บ้าบอ”

“ก็แก้มเราน่าดึง”

“อูดเอ๋ยๆไอ้อ้องอึงอิ่!” (พูดเฉยๆ ไม่ต้องดึงสิ!)

“เรานี่น่ารักจัง”

 

 

น่ารักจนอยากจะให้เป็นของผมคนเดียว

 

 

แทนใจส่งยิ้มกว้างมาให้ ซึ่งมันน่ารักผมอดที่จะก้มลงไปหอมหัวเขาอย่างเอ็นดูไม่ได้ อยากจะอยู่กับเขาทั้งวัน อยากบอกรักซ้ำ อยากให้ทุกวันทุกเวลาของเขามีแต่ผม เหมือนกับที่ผมมีแต่เขาเท่านั้น

 

 

“พี่ไปแล้วนะครับ”

“ครับ ขับรถดีๆนะ”

“แล้วเจอกันนะครับ”

 

 

ผมยิ้มส่งน้อง จนเมื่อมั่นใจว่าแทนใจหันหลังไปแล้ว ผมจึงหยิบโทรศัพท์ที่สั่นเป็นเจ้าเข้าหลังจากที่ผมปิดเสียงไปเมื่อกี้ขึ้นมาดู ข้อความที่ขึ้นมาตรงโนติฯไม่ได้ทำให้อารมณ์ที่คุกรุ่นครั้งสุดท้ายที่ดูลดลงไปเลยสักนิด

 

 

sky: คุณเมฆครับ อยู่กับพี่แทนใจใช่มั้ยครับ?

sky: ผมลืมไปเลยว่าพวกชุดของผมที่อยู่ห้องพี่แทนใจอะ มันมีเสื้อตัวโปรดผมดด้วย

sky: ไว้เดี๋ยวผมจะเข้าไปเอานะครับ

sky: แล้วเดี๋ยวจะเอาเสื้อพี่แทนใจไปคืนด้วย

sky: ชอบมาทิ้งเสื้อไว้ที่ห้องผม แล้วมาบ่นงุ้งงิ้งว่าไม่มีเสื้อใส่ไปทำงาน

sky: พี่เขาขี้ลืมครับ ต้องให้ผมเตือนบ่อยๆ

sky: :D

 

 

คือเด็กนี่จะขิงใส่ผมจนประเทศไทยพัฒนาเลยถูกมั้ย?

 

 

Mek Sitthikorn: ครับ

 

 

ผมตอบกลับไปแค่นั้น อย่างน้อยอีกฝ่ายก็เป็นน้องชายแฟน ถึงแม้ในใจผมจะอยากขับรถไปเสยหน้ามันก็ตาม บุหรี่ที่เก็บไว้ในกระเป๋าถูกหยิบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ผมต้องระบายกับอะไรสักอย่าง ไม่งั้นผมต้องโมโหไปทำงานแน่นอน

 

 

คิดได้แล้วก็ต่อสายคนที่รู้เรื่องทุกอย่างดีที่สุด ตอนนี้ผมจะไม่เสียเวลาไลน์ทิ้งไปแล้ว ขี้เกียจรอคำตอบมันต้องมีคุยกับผมตอนนี้ เดี๋ยวนี้!

 

 

“เมฆ ว่าไง?”

“หวาน เราว่าเราไม่ไหวแล้วว่ะ”

 

 

ผมไม่แม้แต่จะรอให้หวานพูดจบ ตอนนี้ผมไม่ดับเครื่องด้วยซ้ำ แต่ออกมายืนนอกรถเพราะจะจุดบุหรี่ ขอบคุณลานจอดรถที่ไม่ห้ามสูบบุหรี่ ไม่งั้นผมก็จะไปยืนสูบในสำนักงานมันนั่นแหละ

 

 

“เมฆอย่าเพิ่งไปอารมณ์ร้อนแบบนี้ใส่น้องนะ เมฆห้ามเด็ดขาดเลยนะ”

“ไม่เว้ย เราทนมาเยอะแล้ว หวานก็รู้ว่าเราเจออะไรบ้าง”

“เรารู้เมฆ แต่น้องแทนใจไม่รู้ไง” หวานถอนหายใจ พลางบ่นพึมพำทำนองว่างานก็ยังไม่เสร็จเพื่อนก็ยังมาหัวร้อนเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งผมไม่ได้เก็บมาใส่ใจ แทนกายน่าโมโหกว่าเยอะ “นั่นน้องชายเขานะเมฆ เรารู้ว่าเมฆทนมาเยอะ แล้วเมฆจะทำยังไงได้นอกจากทนไปอีกสักนิด”   

 

“เราทนมากแล้วนะหวาน ทนได้ขนาดนี้ก็เก่งแค่ไหนแล้ว อีกนิดนึงเราหลุดปากแล้วแน่ๆ”

“ก็ถ้าเมฆหลุดปากในแบบของเมฆ ก็เลิกกับน้องเขา จะเอามั้ยล่ะ?”

“...”

“หัดสงบสติอารมณ์บ้างสิ หายใจเข้าหายใจออกดั่งดอกไม้บานน่ะ เพราะถ้าเมฆโมโหมันพังแน่ๆ เมฆรู้ใช่มั้ยว่าเวลาตัวเองโมโหมันพังแค่ไหน”

“หวานรู้จักเราดีจังวะ รู้จักเราดีเกินไปจริงๆ” 

“ก็เมฆไม่เปลี่ยนเลย โมโหเป็นหมาบ้ามากเมื่อก่อนน่ะ ใครก็เอาไม่อยู่”

“เมื่อก่อนเราเป็นยังไง ตอนนี้เราก็ยังเป็นอย่างเดิมนั่นแหละ”

 

หวานเงียบไปพักหนึ่ง เหมือนกำลังคิดว่าควรที่จะพูดอะไรดีในสถานการณ์ที่ผมพร้อมจะระเบิดแบบนี้

 

 

“แต่เรื่องนี้มันใช้อารมณ์ไม่ได้ อีกฝ่ายคือน้องชายของเขานะเมฆ ถ้าเมฆเกินไปหัวร้อนหาเรื่องแล้วเขาจะรู้สึกยังไง”

“เราต้องสนคนอื่นมากกว่าแฟนเราเหรอวะหวาน?”

 

 

ผมทิ้งบุหรี่ลงพื้นแล้วเอาเท้าเหยียบให้มันดับ ก่อนจะขึ้นไปนั่งบนรถเพราะนี่ได้เวลาที่จะต้องออกไปไซต์แล้ว โชคดีที่วันนี้ผมเข้าไซต์แถวปทุมธานี มันไม่ได้ไกลจากกรุงเทพมากนัก ขับรถไม่ไกลเท่าไหร่ ลองเป็นระยองหรืออะไรแบบนั้น วันนี้ได้ถึงตอนค่ำแน่นอน

 

 

“แต่คนอื่นที่พูดถึงนี่คือครอบครัวเขาไง”

“...”

“เรารู้ว่าเมฆโมโห เมฆอยากพูด อยากให้แทนใจเข้าใจ แต่น้องเขาไม่รู้นะเมฆ แถมเมฆอะเข้าใจยากจะตาย”

“แล้วเราต้องทำไงวะ?”

 

 

ผมถามเพื่อนอย่างจนปัญญาจริงๆ

 

 

“สงบสติอารมณ์เลยอย่างแรก แล้วลองคุยกับน้องชายแฟนดู มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้นะ”

 

 

หลังจากที่พูดจบหวานก็ขอตัวไปทำงานต่อ ส่วนผมเองก็โยนโทรศัพท์ไปไว้เบาะหลัง ช่างแม่งก่อนละกัน ถ้าป่วนแค่ผมไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าคิดจะทำให้แทนใจเลิกกับผมจริงๆละก็ ผมไม่ปล่อยเอาไว้แน่!

 

.

.

..

 

เป็นวันจันทร์ที่งานเดือดไปไหนวะ!

 

 

ผมบ่นกับตัวเอง วันนี้แม่งปัญหาเยอะจนปวดหัว ทั้งฝั่งบริษัทผมฝั่งลูกค้า ช่างหน้างาน อะไหล่ ทุกยอ่าง ปัญหาเยอะจนอยากจะลาออก!

 

 

แต่ออกไม่ได้ ถ้าออกแล้วจะเอาอะไรกิน!

 

 

ผมนอนหน้าไซต์ตั้งแต่วันศุกร์ครับ เฝ้าไลน์ผลิตคอยดูช่าง ทั้งทีมคือผลัดกันไปนอนถ้านอนได้ โรงแรมที่บริษัทจองไว้ให้มีไว้แค่ส่งผ้าซักเท่านั้น งานมันเดือดจนผมแทบไม่ได้จับโทรศัพท์ส่วนตัว

 

 

คิดถึงแฟนชะมัด

 

 

ผมทำได้แค่ไลน์หาแทนใจทิ้งไว้ครับ มันผละจากหน้างานออกไปไม่ได้จริงๆ แผนตอนแรกที่คิดว่าจะรีบขมวดงานให้เสร็จแล้วไปรับแทนใจมาทานข้าวกันต้องเลื่อนออกไปเป็นดึกกว่าเดิมแบบที่ผมไม่อยากเลยสักนิด ซึ่งจะโทรบอกก็โทรไม่ได้ เครื่องจักรเสียงดัง ถ้าจะออกไปคุยข้างนอกผมก็ต้องคุยยาวแน่นอน ตัดปัญหาด้วยการไลน์ไปหาน้องทิ้งไว้ วันนี้น้องก็คงหัวร้อนกับงานเหมือนเดิม

 

 

พูดแล้วก็คิดถึง อยากกลับไปกอดแทนใจแล้ว

 

 

“เฮียเมฆ มาดูตรงนี้หน่อยดิ”

“แป๊บนึงมึง”

 

 

ผมบอกน้องในทีมเมื่อรู้สึกว่าโทรศัพท์ส่วนตัวสั่น พอหยิบขึ้นมาดูก็ยิ้มออกมาทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นไลน์ของน้องที่ตอบกลับมา

 

 

Tanjai: คุณพี่เมฆเสร็จเมื่อไหร่ค่อยมาก็ได้

 

 

ผมพิมพ์ข้อความตอบกลับไปนิดหน่อย ก่อนที่จะไปลุยหน้างานต่อ เอาวะ วันนี้แหละไลน์มันต้องเดินได้ ถ้าไม่งั้นผมจะทุบเรียงตัว ทุบลูกค้าด้วย แม่งเอ๊ย ปรับเครื่องบ้าอะไรของมันจนรวนขนาดนี้

 

 

จากที่คิดว่าจะเสร็จมันก็ไม่เสร็จ

 

 

กลายเป็นว่าช่างที่อยู่ตรงนี้ทำอะไรไม่ได้ ต้องให้ทางฝั่งยุโรปรีโมทเข้ามาเช็กปัญหาให้อีกที แต่อย่างน้อยตอนนี้เครื่องมันก็เดินได้แล้ว ถึงจะต้องเดินแบบ manual ไปก่อนเพื่อรอคนจากทางนั้นมาช่วยก็เถอะ แต่วันนี้ผมไม่ทำอะไรแล้ว จะกลับไปหาแทนใจ

 

 

ผมไลน์ไปถามน้องว่าจะให้เข้าไปรับที่บริษัทมั้ย แต่อาจจะถึงดึกหน่อยเพราะรถติดแบบบ้าไปแล้ว ทำไมไม่นอนที่ทำงานกันครับ ขับรถกันให้มันติดทำไม คนเขารีบไปหาแฟนรู้มั่งมั้ยว่ามันสาหัส!

 

 

น้องไม่ตอบนานจนผมเริ่มเป็นห่วง แต่ผมคิดว่าอีกฝ่ายอาจจะกำลังเคลียร์งานอยู่ ตอนที่แทนใจกำลังมีสมาธิเขาไม่ค่อยจะสนใจอย่างอื่นหรอกครับ ซึ่งผมก็ชอบนะ น่ารักดี

 

 

ไลน์!

 

sky: คุณเมฆครับ

sky: เย็นนี้คุณเมฆจะไปกับพี่แทนใจใช่มั้ยครับ 

sky: ผมขอโทษนะครับ พอดีผมปวดหัว เลยให้พี่มาหา

sky: พี่แทนใจเลยไปหาคุณช้าเลยเนอะ 

sky: ยังไงก็อย่าโกรธพี่เลยนะครับ ผมบังเอิญป่วยพอดีเลย

sky: แย่จังเนอะ

sky: TT

sky: *ส่งรูปภาพ*

 

 

แว๊บแรกที่ผมเห็นว่าใครเป็นคนไลน์มา ผมกลอกตาด้วยความเบื่ออย่างเปิดเผย แต่ด้วยความอยากรู้ ผมรอจังหวะที่รถติดแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู

 

 

แทนกายส่งรูปผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังหันหลังมาให้ ซึ่งผู้ชายคนนั้นนั่งอยู่บนเตียง รอบข้างเขามีกระเป๋าใบหนึ่งวางอยู่ซึ่งผมจำได้แม่นว่านั่นคือกระเป๋าแฟนผม ใกล้ๆกันมีแผงยา ไม่ต้องดูอีกครั้งก็รู้ว่านั่นคือแทนใจ

 

 

sky: อ่านเร็วจังนะครับ

sky: คุณเมฆนี่ต้องใส่ใจคนอื่นมากแน่ๆเลย

sky: :D

 

 

ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะโมโหได้เท่านี้มาก่อน

 

 

ที่ผมนัดแทนใจวันจันทร์ก็เพราะว่าไม่ต้องการให้เด็กนี่ได้ไปเจอแทนใจนี่หละ แต่สุดท้ายมันก็ใช้มุกนี้มาหลอกล่อให้แทนใจไปหาตัวเองอย่างนั้นเหรอ? แม่งเอ๊ย เด็กเปรต

 

ผมกระหน่ำโทร โทรแล้วก็โทรหาแทนใจ แต่น้องเขาไม่รับ จากรูปที่ส่งมานั้นผมไม่เชื่อว่าเด็กนั่นป่วย คนป่วยบ้าอะไรจะมีหน้ามาถ่ายรูปยั่วโมโหคนอื่นแบบที่กำลังทำอยู่

 

 

“รับสิวะ”

 

 

ผมบ่นพร้อมสบถ แต่แทนใจก็ยังไม่รับโทรศัพท์ ผมไลน์ไปหาเขาหลายสิบข้อความ แต่น้องไม่แม้แต่เปิดอ่าน ในใจผมร้อนรุ่มด้วยความโทสะ ถ้าหากเด็กนั่นทำอะไรแทนใจล่ะ? ถ้าเขาไปพูดอะไรที่ทำให้แทนใจเลิกกับผมล่ะ ถ้าแทนใจยอมน้องจนคิดว่าชีวิตเขาไม่ต้องมีผมก็ได้ล่ะ

 

 

ผมไม่ยอม!

 

 

แต่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากรอให้แทนใจติดต่อมา และในที่สุด น้องก็โทรหาผม บทสนทนาของเร็วเป็นไปด้วยความรีบ ผมถามเขาว่าอยู่ไหน ให้ส่งโลเคชั่นมา แล้วผมก็รีบเหยียบตาม GPS ไป 

 

ใช้เวลาแหกโค้งปาดซ้ายปาดขวาไม่นานก็ถึงที่หมาย ตามโลเคชั่นที่น้องส่งมาคือคอนโดที่หนึ่ง ซึ่งต้องเป็นที่อยู่ของน้องกายแน่นอน

 

ผมเดินเข้าไปหาแทนใจที่นั่งอยู่ตรงโซฟาในเล้านจ์คนเดียว น้องเงยหน้าขึ้นมามองผมครับ เห็นใบหน้ายิ้มของอีกคนแล้วมันทำให้ผมยิ่งหงุดหงิด

 

ในขณะที่ผมห่วงเขาจนแทบบ้า รีบทำงานจนแทบจะอ้วกออกมา แต่เขากลับมาเล่นโทรศัพท์สบายใจอยู่ที่ห้องน้องชายที่คิดจะเคลมตัวเองแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน!

 

 

“คะ--”

“ทำไมถึงไม่รอพี่ที่ทำงาน?”

 

 

ผมยิงคำถามทันทีโดยที่ไม่รอให้แทนใจพูดจบ ผมโมโหมาก พร้อมจะระเบิดได้ตลอดเวลา แต่ตอนนี้ผมพยายามที่จะไม่เหวี่ยงใส่แทนใจ ถึงแม้ไม่รู้ว่าจะทนได้แค่ไหนก็ตาม

 

 

“น้องผมไม่สบาย ผมเห็นว่าคุณติดงาน เลยกะว่าจะไปหาคุณเองหลังจากดูน้องเสร็จ ขอโทษที่ไม่ได้บอกก่อนนะครับ”

“เรานัดกันแล้วนี่ ทำไมถึงได้มาที่นี่แบบนี้ แล้วพี่ล่ะ?”

“น้องผมไม่สบายไงครับ ...แล้วตอนนี้ผมก็ออกมาแล้ว กำลังจะไปหาคุณนี่ไง”

“แล้วทำไมไม่บอกพี่ก่อน ติดต่อไม่ได้แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน แค่งานก็เหนื่อยแล้ว ทำไมต้องทำตัวเป็นเด็กให้พี่เหนื่อยกว่าเดิมด้วย?”

 

 

ผมพูดออกไปอย่างหงุดหงิด ในหัวคือโมโหคนของเราด้วยที่ไปทำตามที่เด็กแทนกายมันต้องการ ผมอยากจะบอกทุกอย่าง ผมไม่เชื่อว่าเด็กนั่นจะป่วยจริง ผมว่ามันต้องหาเรื่องให้แทนใจไปหา มันอยากจะยั่วโมโหผม

 

 

ทำไมแทนใจถึงต้องไปทำตามมันด้วยวะ

 

 

“ถ้าเหนื่อยก็เลื่อนไปก่อนก็ได้นี่ครับ”

 

 

แทนใจพูดเหมือนกับเบื่อ เฮ้ย นี่คือผมอดหลับอดนอน เถียงกับทั้งลูกค้า ลงมือไปดูเครื่องเองเพราะช่างแม่งไม่ได้เรื่อง ทำทุกอย่างเพราะอยากเจอเขา แต่เขากลับทำเหมือนว่าไม่อยากเจอผมอย่างนั้นเหรอ?

 

 

หรือว่าแทนกายไปพูดอะไรให้แทนใจฟัง? ทำไมอยู่ดีๆแทนใจถึงได้ไม่อยากเจอผมขึ้นมาแบบนี้

 

 

“พี่คิดถึงเราไง อยากเจอไง อยากเห็นหน้า ทำไมเรื่องแค่นี้ถึงต้องให้บอก”

“ถ้าคุณไม่บอกแล้วผมจะรู้ได้ยังไง? คุณบอกแค่ว่าจะมาเย็นๆหน่อย ผมก็ไม่มีปัญหาแล้วไง นี่ผมจะมาหาน้องบ้าง ทำไมคุณถึงมีปัญหาด้วย?”

“ใครกันแน่ที่มีปัญหา?”

“ผมเเหรอ? คุณจะบอกว่าปัญหามาจากผมเหรอ?”

 

 

แทนใจตวัดเสียงถามผม นั่นทำให้ผมตกใจนิดหน่อย ตั้งแต่รู้จักกันมาอีกฝ่ายไม่เคยอารมณ์ขึ้นขนาดนี้มาก่อน ตอนนี้ผมเองก็หงุดหงิดมากเหมือนกัน แต่ผมไม่อยากทะเลาะกันมากกว่านี้เลยพยายามจะให้เราไปคุยกันที่บ้าน แต่อีกฝ่ายไม่ยอม

 

 

“ถ้าผมเป็นปัญหาแบบนี้คุณฝืนมากใช่มั้ย มันทรมานมากจนต้องกลับไปคุยกับ คุณหวาน อักษร อะไรนั่นของคุณเลยใช่มั้ยครับ?”

 

“เอาชื่อหวานมาจากไหน ใครบอกเรามา!”

 

 

ผมถามอย่างไม่เข้าใจ แทนใจรู้จักหวานได้ยังไง? ผมมีเพื่อนในเฟซบุ๊คเยอะมาก แต่ทำไมต้องเป็นหวาน?

 

 

“หวานอักษรที่คุณเอาแต่คุยด้วยเป็นใคร?”

“หวานเป็นแฟนเก่าพี่ แต่ตอนนี้เป็นเพื่อน”

 

 

ในขณะที่ผมกำลังคุยกับเขาว่าผมโกหกเรื่องอะไร แทนใจกลับไปโฟกัสตรงที่ผมคุยกับหวาน ซึ่งผมไม่เข้าใจว่าเขาจะมาคาดคั้นเรื่องนี้ทำไม ผมบอกว่าคุยกับเพื่อนก็คือเพื่อน หวานเป็นเพื่อนแล้ว เพื่อนเหมือนบิว เบิร์ด แล้วก็คนอื่น

 

 

“เหรอครับ แล้วคุณคุยเรื่องอะไรกับเพื่อนคนนี้ของคุณบ้าง? ขอผมดูด้วยได้มั้ย?”

“มันไม่ใช่เรื่องสำคัญ”

“ถ้าไม่สำคัญ ผมขอดูได้มั้ยล่ะ”

 

 

ใครจะให้ดูแชทของคนที่กำลังนินทาน้องชายของเขาได้กันเล่า!

 

เพราะผมไม่ให้เขาดูแชท แทนใจเลยพาลไปเรื่องที่ว่าเขาเด็กเกินไปไม่ได้รู้จักผมดีเหมือนกับหวานที่อายุเท่ากัน ซึ่งมันออกนอกประเด็นไปเยอะมากแล้ว ผมว่าแทนใจกำลังพาลเหมือนเด็กที่ไม่ยอมกินข้าวเพราะแม่สนใจน้องชายแบเบาะมากกว่า

 

 

“ผมเห็นแชทคุณ”

 

 

เชี่ย! 

 

 

ผมตัวชาวาบ แทนใจรู้เหรอว่าผมคุยกับหวานเรื่องน้องชายของเขา โดนจับได้คาหนังคาเขาแบบนี้คนเราควรจะแก้ตัวว่าอะไรดีวะ?

 

“ผมเห็นที่คุณคุยกับหวานอักษรอะไรของคุณ ถึงแม้ว่าผมจะไม่เข้าใจว่าคุณคุยอะไรกัน ไม่ได้เห็นข้อความในนั้นมากมาย...”

 

 

ผมแอบถอนหายใจข้างในด้วยความโล่งอก ถ้าแทนใจเห็นทั้งหมดว่าตัวผมคุยกับหวานขนาดไหนนี่ผมคงไม่รู้จะแก้ตัวยังไงเลย ผมว่าผมด่าเด็กเปรตนั่นในแชทหวานไปเยอะอยู่

 

 

“วันที่คุณคุยโทรศัพท์กับแฟนเก่า ผมได้ยินทั้งหมด ผมได้ยินว่าคุณอดทนมามากแล้ว ทนมานาน แล้วตอนนี้กำลังจะทนไม่ไหว แฟนเก่ารู้จักคุณดีเหมือนเดิม”

“แทนใจ มันไม่ใช่แบบนั้น--”

“งั้นแบบไหน มันเป็นยังไง พูดออกมาสิ!”

 

 

ในหัวคิดหาทางออกไปจากสถานการณ์นี้อย่างเร่งด่วน ผมควรจะพูดอะไรไม่ให้แทนใจโกรธผมไปมากกว่านี้ ถ้าหากแทนใจรู้แล้วว่าผมเกลียดน้องชายเขา ถ้าเขาเลือกแทนกายล่ะ?

 

 

“แทนใจ” ผมครางออกมาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายร้องไห้ “เราค่อยๆคุยกันได้มั้ย มันไม่มีอะไรเลย เราอย่าเอาเรื่องของคนอื่นมาทะเลาะกันเลยนะ”

 

 

“นี่มันไม่ใช่เรื่องของคนอื่นเลยครับ เรื่องของเราทั้งนั้น”

 

 

แทนใจถอยหลังเมื่อผมจะเดินหน้าไปหาเขา มันชาเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ต้องการความหวังดีที่ผมกำลังจะยื่นให้

 

 

“ผมจะถามเป็นครั้งสุดท้าย คุณคุยอะไรกับแฟนเก่าคุณ?”

“...”

 

ผมบอกเขาไม่ได้

 

 

โลกนี้มันไม่ได้มีแค่ความจริงกับเรื่องโกหก ถ้าหากเขารู้ว่าน้องชายเขาไม่ได้บริสุทธิ์ใจกับเขาแบบที่เขาคิด แทนใจจะรู้สึกยังไง? น้ำตาของแทนใจที่อยู่บนใบหน้าน้องทำให้ผมสงสาร อยากจะคว้าตัวมากอด หากแต่ผมคิดว่าน้องคงไม่ได้ต้องการในตอนนี้

 

“พอเถอะครับ”

“แทนใจ เรากลับไป--”

“จะยังไม่มีคำว่า ‘เรา’  ในตอนนี้”

 

 

ผมมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา ในหัวพยายามคิดหาคำอื่นมาพูด แต่ก่อนที่ผมจะได้แก้ตัวอะไร น้องก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

 

 

“ผมว่า… อย่าเพิ่งมาเจอกันสักพักดีกว่า”

 

 

------- Monday In Love -------
[/b]


ต่อด้านล่างนะคะ




หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡21st: นี่มันเรื่องอะไรกัน? (100%) (14/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 15-10-2018 20:09:42

ห่างกันสักพัก มันนานแค่ไหนกัน

 

 

ผมถามตัวเองอยู่แบบนั้น รอบข้างเป็นเสียงจ้อกแจ้กจอแจของร้านนั่งชิลที่ผมกำลังนั่งอยู่ หลังจากที่แทนใจบอกแบบนั้น หัวสมองผมก็ว้าวุ่นไปด้วยอารมณ์โมโห มันทั้งหงุดหงิด ทั้งเสียใจ และโกรธ

 

 

ในวันที่ผมคิดว่าตัวเองกำลังทำเพื่อความสัมพันธ์ กลายเป็นว่าผมดันพังมันเองกับมือ

 

 

“เมฆมึง กูว่ามึงพอแล้วมั้ย”

 

 

เสียงนี้เป็นเสียงของไอ้เบิร์ดเพื่อนผม ตอนแรกเคว้งมากจนไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องไปไหน ทำอะไร เลยโทรไปบอกไอ้เบิร์ดว่าอยากกินเหล้า เพื่อนผมเลยยกโขยงกันมาด้วย รวมถึงคนที่คอยช่วยเหลือผมมาตลอดอย่างหวานเช่นเดียวกัน

 

 

“เมฆมึง กูว่าพอเถอะว่ะ พรุ่งนี้มึงขับรถออกไซต์ไม่ใช่หรือไง”

 

 

บิวที่ตอนนี้นั่งอยู่ข้างๆหวานปรามผมเบาๆ แต่ผมไม่ได้สนใจอะไรขนาดนั้น นอกจากบิวกับหวานแล้ว ในโต๊ะตอนนี้ก็ยังมีไอ้เบิร์ด แล้วก็เพื่อนในกลุ่มอีกคนที่ชื่อเล็กนั่งอยู่ด้วย

 

 

“กูไม่คิดว่าจะมีวันที่คู่มึงทะเลาะกันนะเนี่ย”

 

 

เบิร์ดเป็นคนพูดออกมาคนแรก ผมมองหน้ามันนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ดนตรีสดที่ผมชอบฟังตอนนี้ก็ไม่ได้เพราะเหมือนเคย แถมยิ่งฟังยิ่งรู้สึกเหมือนกับโดนด่าซ้ำอีก

 

 

รู้แล้วว่าโง่ รักษาคนรักไม่ได้ ไม่เคยทำอะไรได้เลยทั้งนั้นล่ะ

 

 

“ก่อนจะได้ง้อน้องกูว่ามึงต้องเป็นมะเร็งตายก่อน” บิวเป็นคนพูดขึ้นมา ผมเลือกนั่งกันที่ฝั่งนอกร้านเพราะจะได้สูบบุหรี่ได้สบายๆสักหน่อย ตอนนี้ผมต้องการบุหรี่มากกว่าที่เคย ผมสูบ และสูบหนักมากด้วยถ้าไม่สบายใจ อย่างเช่นตอนนี้

 

 

“กูจะไม่โกรธเลยถ้าทั้งหมดนี่เป็นเพราะกู แต่นี่มันเป็นเพราะ ไอ้เด็กเหี้ยนั่น”

 

 

ผมสบถต่ออีกสองสามคำแล้วยกมือขอเบียร์เพิ่มอีกทาวเวอร์ เพราะที่มีอยู่บนโต๊ะจะหมดแล้ว ความจริงผมไม่ใช่คนที่ดื่มทุกวันทุกคืนขนาดนั้น แค่เพราะตอนนี้ผมโมโห ต้องการระบายอารมณ์กับอะไรสักอย่าง

 

 

ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้วะ

 

 

“พนันกับกูมั้ย กูว่าเชี่ยเมฆเจอด่านแน่นอนคืนนี้”

“กูวางสองพันเลยว่ามันโดน”

“ผู้ชายพวกนี้ มึงจะเอาเงินไปทำอย่างอื่นนอกจากเหล้ากับพนันได้มั่งมั้ยวะ ห๊ะ!”

 

 

บิวพูดขึ้นมาเมื่อไอ้เบิร์ดกับเล็กเริ่มจะวางเงินกันแล้วครับ แต่ผมไม่ได้สนใจอะไรขนาดนั้น พวกนี้ติดนิสัยพนันเรื่องไร้สาระตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ตอนนี้ก็ยังคงเป็นอยู่

 

 

“ให้กูใช้เงินมั่งเถ๊อะ ทุกวันนี้เมียเก็บเรียบหมดแล้ว ให้กูมาวันละห้าสิบบาทเนี่ย”

 

 

ผู้ชายแต่งงานแล้วอย่างเล็กพูดติดตลก ความจริงมันเป็นคนตลกมาก ไอ้เบิร์ด ไอ้บิว หรือแม้กระทั่งเชี่ยโป้ที่ตอนนี้ไม่ได้อยู่กรุงเทพเพราะทำงานเองก็เหมือนกัน ปกติแล้วกินเหล้ากันคือตลกโปกฮาตลอด แต่วันนี้ผมทำได้แค่ฟังแล้วปล่อยให้ทุกคำพูดลอยผ่านหูออกไป

 

 

ในหัวผมมีแต่ใบหน้าเปื้อนน้ำตาของแทนใจ

 

 

“เชี่ยแม่ง!”

 

 

ผมสบถอย่างหงุดหงิด โมโหทุกอย่าง เบียร์สดไม่สามารถทำให้ผมใจเย็นลงได้เลย ผมอยากจะโทรหาแทนใจแต่เขาปิดเครื่องหนีไปแล้ว โทรไปก็ติดแต่ระบบฝากข้อความ ทำได้แค่ไลน์ไปหาเท่านั้น และน้องไม่แม้แต่อ่านเลยสักนิด

 

 

ต้องทำยังไง ต้องเป็นแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่

 

 

“เฮ้ยเมฆมึง พอก่อนมั้ยวะ มึงเอารถมานะ”

“รถชนก็ดี เผื่อแทนใจจะยอมคุยกับกูบ้าง”

 

 

ทั้งวงเงียบเมื่อผมพูดแบบนั้นออกไป แต่ผมไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ผมหมายความแบบนั้นจริงๆ ผมอยากคุยกับแทนใจ อยากเจอหน้าน้อง อยากให้น้องยกโทษให้ อยากกอด อยากเช็ดน้ำตา

 

 

อยากเป็นคุณพี่เมฆคนที่แทนใจยิ้มให้ด้วยความรัก

 

 

“เชี่ยเมฆ มึงมานั่งแบบนี้มันไม่มีอะไรดีขึ้นป่าววะ ตอนนี้น้องเขายังไม่คุยด้วยเพราะมึงทำเชี่ยไว้ไง รอเขาอารมณ์เย็นก่อนแล้วค่อยทักไปมั้ย?”

 

 

บิวเป็นคนพูดขึ้นมา หน้าตาของเธอดูเป็นห่วง แต่ก็ดูเครียดด้วยเหมือนกัน เห็นแบบนี้สมัยกินเหล้ากันบิวคอแข็งที่สุดแล้ว

 

 

“นั่นดิ แถมมึงเป็นหมาแบบนี้ ถ้ากูเป็นน้องกูก็ไม่คุยด้วยนะ กูเหม็นเหล้า” เชี่ยเล็กพูดเสริมพร้อมทำหน้าเหม็นเบื่อ แต่ในมือถือแก้วเบียร์ เสร็จแล้วเรียกเด็กเสิร์ฟเพื่อสั่งกุ้งแช่น้ำปลากับยำหอยแครงเพิ่ม

 

 

“ไอ้ห่า ด่าแต่เมฆมึงก็แดกเหล้า ใช่มั้ยหวาน” เบิร์ดด่าเพื่อนพร้อมทั้งหันไปถามความเห็นจากเด็กต่างคณะเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่ตรงนี้ นั่นคือหวาน ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวเพิ่งละออกจากโทรศัพท์ ไม่รู้คุยกับแฟนหรือดูงาน แต่ขมวดคิ้ว น่าจะเป็นงานมากกว่า

 

 

“เราขอไม่ออกความเห็นนะ เด็กอักษรไม่เกี่ยวค่ะ อย่ารวมเราเข้าไป”

 

 

หวานพูดแล้วหัวเราะพร้อมยกแก้วขึ้นจิบ คนที่เหลือในวงหัวเราะตามกันหมดยกเว้นผม มันก็ตลกดี แต่ตอนนี้ผมไม่อยู่ในอารมณ์

 

 

“พูดก็พูด กูเข้าใจที่น้องจะหึงมึงกับหวานนะ ลองเป็นกู แฟนกูไปคุยกับแฟนเก่ากูก็โกรธวะ ถึงแม้จะรู้ว่าเลิกกันแล้วก็เถอะ”

 

 บิวเป็นคนพูดต่อ ผมไม่รู้ว่าทำไมมันถึงได้ว่างมานั่งก๊งกับพวกผมเพราะเท่าที่รู้มันยุ่งจะตายชัก แต่ถ้าเป็นเรื่องเหล้าขอให้บอก ถึงไหนถึงกัน

 

 

“แต่สองคนนี้แม่งไม่มีทางอ่ะ ไม่มีทางแน่ๆ เป็นไปไม่ได้”

“น้องมันไม่รู้ไหมล่ะ เชี่ยเบิร์ด มึงนี่เสนอความเห็นกากๆตลอดเลยนะ”

“เชี่ยบิว อย่าบุลลี่กู๊ว”

 

 

บิวกับเบิร์ดเถียงกันอยู่ครับ อย่างที่พวกมันพูดแหละ ผมกับหวานไม่ได้ใกล้กับคำว่า ‘ถ่านไฟเก่า’ ที่ดูเหมือนจะจุดติดเลยด้วยซ้ำ พวกผมสองคนเหมือนเพื่อนกันมานานมากแล้ว หวานแทบจะเป็นส่วนหนึ่งของเพื่อนผม ทั้งที่เราเลิกกันไปแล้วแต่ยังคุยกันได้ เพื่อนผมหวานก็มานั่งกินเหล้าด้วยได้แบบนี้ คือมันไม่มีอะไรในกอไพ่เลยสักนิด

 

 

ไม่เหมือน… ไอ้เด็กนั่น

 

 

“คิดอะไรอีกล่ะ หน้าเป็นตูดอีกแล้ว” 

 

 

บิวเป็นคนแรกที่พูดขึ้น หลังจากที่ไอ้เล็กขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์เพราะเมียโทรตาม ส่วนไอ้เบิร์ดนั่งละเลียดพวกของทอดที่สั่งมาแล้วทานไม่หมดที่วางอยู่บนโต๊ะ ที่เบิร์ดมันมาไม่ใช่เพราะว่าผมเศร้าหรอก มาเพราะเหล้ากับกับแกล้มเท่านั้น

 

 

“เมฆลองคุยกับเพื่อนน้องก่อนก็ได้ ลองถามดูสิว่าน้องพูดอะไรบ้างมั้ย เพื่อนน้องที่เมฆบอกว่าเขาเคยเล่าเรื่องน้องให้ฟังไง ก็ไปคุยก่อนมั้ย”

“มันจะได้เรื่องอะไรเหรอวะหวาน? เราจะโดนต่อยกลับมาป้ะเถอะ ทำแทนใจร้องไห้”

“แล้วมึงสมควรโดนต่อยมั้ยล่ะ? ถ้าสมควรก็โดนๆไป หมัดสองหมัด ขำๆ”

 

 บิวพูดแล้วยักไหล่ไม่สนใจ ในขณะที่หวานเองก็พูดต่อ 

 

“เราเข้าใจว่าน้องจะรู้สึกไม่มั่นใจนะ ก็เพิ่งจะคบกันเอง แถมจากที่น้องเล่าแล้วก็ประสบการณ์เรา คือเราไม่โทษน้อง เมฆรู้ตัวมั้ยว่าเป็นผู้ชายที่เข้าใจยากที่สุดในโลกเลย น้องเขาไม่รู้หรอกว่าเมฆกำลังทำอะไรหรือกำลังกังวลอะไรอยู่ถ้าเมฆไม่บอกเขาน่ะ”

“...”

“อันนี้กูเห็นด้วยกับหวาน” บิวพูดเสริมพร้อมพยักหน้า ผมละเกลียดลิปแดงๆของมันจริงๆ

“ตอนพวกมึงคบกันหวานปรึกษากูบ่อยมาก คือมึงแม่ง ยากอ่ะเมฆ ยากฉิบหาย”

“เออเมฆ ทำไมมึงไม่เอาแชทให้น้องดูเลยวะ จะได้จบๆไป” 

“ไม่ได้ๆ กูจะบอกน้องเขาว่ากูนินทาน้องชายเขางี้เหรอ? โหแม่ง แย่ฉิบหายเลยบิว คิดอะไรของมึงวะ”

“เชี่ยเมฆ กูแค่อยากช่วย มึงแม่งไม่อ่อนโยนกับสุภาพสตรีเลย” บิวพูดแล้วยกเบียร์ขึ้นกระดกด้วยท่าทางที่ห่างไกลจากคำว่าสุภาพสตรีมาก ซึ่งแน่นอนว่าผมเมินมันครับ

 

“แล้วเราควรเอาไงต่อไปวะ?”

 

ผมถามทั้งสองคน สามก็ได้ เพราะตอนนี้เบิร์ดที่จัดการทอดมันกุ้งหมดแล้วหันกลับมาสนใจประเด็นสนทนาบนโต๊ะอีกครั้ง

 

“วันนี้ก็กินเหล้าให้พอ”

ท่ามกลางใบหน้าตกใจของเบิร์ดกับไอ้เล็กที่เพิ่งเดินกลับมา หวานยกมือสั่งเบียร์เพิ่มอีกทาวเวอร์

“เนี่ย กินให้หมดเลย ทาวเวอร์ที่เพิ่งสั่งไปเมื่อกี้ไม่ต้องหาร เดี๋ยวเราจ่ายเอง กินๆเข้าไป เมาให้พอ วันนี้เป็นหมาแล้วพรุ่งนี้ก็เลิก โอเคมั้ย?”

 

“...”

 

“กินเสร็จแล้วพรุ่งนี้ก็ลุก พอ ไปคุยกับเพื่อนน้อง คนรู้จักน้อง ตัวช่วยอื่นที่ดีกว่าเราหรือพวกบิวเบิร์ดเล็กอ่ะ”

 

ผมว่าผมไม่ได้ตาฝาดที่เห็นพวกนั้นสะดุ้งกันเป็นแถวๆ

 

 

“ถ้าเมามากโดนด่านตรวจก็เสียค่าปรับไป เรียกรถยกมาลากก็ได้ เอาชีวิตให้มันรอดไปง้อน้องอะ”

 

 

หวานบ่นๆอะไรกับตัวเองสักอย่างเป็นภาษาอังกฤษที่ผมจับใจความอะไรไม่ได้มากนัก อาจจะเพราะว่าตอนนี้สติผมไม่เต็มร้อยแล้วก็ได้ เจอไปอีกทาวเวอร์นึงไม่น่าเหลือขีวิตไว้สำหรับวันพรุ่งนี้แล้วแน่นอน

 

 

“เมฆนะเมฆ เราอุตส่าห์ชอบน้องแทนใจ มาทำให้น้องเขาเกลียดเราเฉยเลย กลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดแบบไม่รู้ตัว โคตรจะแย่เลย เรารู้สึกผิดไปด้วยเลยเนี่ย”

 

 

หวานยังคงบ่นต่อไปแต่ผมไม่ได้สนใจฟังเท่าไหร่ คำพูดเมื่อครู่ของอดีตแฟนยังคงอยู่ในหัว วันนี้ผมจะเมาให้เละ แล้วหลังจากพรุ่งนี้จะไม่มีไอ้เมฆที่ทำให้แทนใจร้องไห้อีกต่อไป

 

 

------- TBC -------
[/b]

 

 

 

เรื่องยังไม่จบ อย่าเพิ่งเก็บศพคุณพี่เมฆนะคะ 55555555

หลังจากนี้จะเป็นบทสัมภาษณ์ตัวละคร
ตอนที่เราอ่านแท็กกับคอมเม้นต์ รู้สึกว่าทุกคนดูอยากคุยกับคุณพี่เมฆแล้วก็น้องแทนใจ
ดังนั้นตอนหน้าเราจะรวบรวมทุกความอยากรู้มาถามตัวละครกันนะคะ XD

อยากรู้อะไร พิมพ์ไว้ เดี๋ยวเราจะคัดเลือกมาถามตัวละครกันนะคะ XD

 

แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ อาจจะไม่ใช่พรุ่งนี้เพราะเราเข้าบริษัทยาววววววววววววววววววววววววววววถึงเย็นเลย ;A;



------- Monday In Love -------




แจ้งเตือนครั้งที่ 1 !

ผู้ดูแล ลบข้อความประชาสัมพันธ์ ออกนะคะ

จากกฎข้อที่ 17  เนื้อหายังลงไม่จบ
ห้ามประชาสัมพันธ์ เปิดจอง ใดๆ ทั้งสิ้นในกระทู้
ไม่ว่าในรูปแบบหนังสือหรือ e-book



อ้างถึง
17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน 

ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)

ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡21st: ห่างกันสักพัก นานแค่ไหน? (100%) (15/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 15-10-2018 21:07:26
ซุกซนต่อยสักทีก่อนนะคะ ค่อยไปช่วยง้อ น้องแทนกายก็หวงพี่รุนแรงเกิน อยากให้น้องเห็นว่าพี่แทนใจเขารักคุณพี่เมฆแล้วก็เสียใจอ่ะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡21st: ห่างกันสักพัก นานแค่ไหน? (100%) (15/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 15-10-2018 21:12:56
ก็ยังสมน้ำหน้าคุณพี่เมฆอีกเหมือนเดิม  o18 คือพี่มึงไม่มีใครตรัสรู้อะไรเองได้หรอกนะถ้าไม่บอกกล่าวกันนะ  :m16:
ป.ล.แนะนำให้ไปปรึกษาคุณกฤต  o18
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡21st: ห่างกันสักพัก นานแค่ไหน? (100%) (15/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 15-10-2018 21:34:55
 :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡21st: ห่างกันสักพัก นานแค่ไหน? (100%) (15/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 15-10-2018 22:23:21
ทีมน้องแทนใจ มีไรควรพูดกัน ไม่ควรปิดบัง
กอดน้องแน่นๆ
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡21st: ห่างกันสักพัก นานแค่ไหน? (100%) (15/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 18-10-2018 18:43:47
22nd Monday

#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 

 

“คุณทะเลาะกับแทนใจ ง้อไม่สำเร็จ เพราะงั้นคุณก็เลยจนปัญญาจนต้องมาหาผม?”

“บอกว่าอยากเลี้ยงกาแฟไง”

“ใครมันจะโง่ซื้อได้ด้วยกาแฟกันครับ?”

 

 

ไอ้แว่นกฤติพูดนิ่งๆ ซึ่งผมคิ้วกระตุกนิดหน่อย นี่มันไม่ได้พาดพิงอะไรถึงแทนใจของผมใช่มั้ยวะ? รายนั้นถูกตกด้วยกาแฟฟรีหลายแก้วอยู่นะ

 

 

“ผมไงครับ ผมมาเพราะมาเอากาแฟฟรี”

 

 

ในความกวนประสาทของไอ้แว่น ยังมีพี่โน้ตในแผนกเดียวกันกับพวกแทนใจพูดแทรกขึ้นมาพร้อมด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแบบที่ต้องการกวนประสาทไอ้แว่นชัดเจน

 

 

ตอนนี้พวกผมอยู่กันที่ร้านกาแฟร้านเดิม วันนี้คือวันศุกร์ที่ผมควรจะอยู่ไซต์ แต่ช่วงนี้ส่งไลน์ไปแล้ว ถ้าปัญหามันไม่มาจ่อคอหอยผมก็จะอยู่มันแต่ออฟฟิศนี่แหละครับ ต่อให้ไม่ได้เงินค่าเดินทางก็ช่างมัน แทนใจสำคัญกว่าเงินไม่กี่พันอยู่แล้ว … ถ้าวันละเป็นหมื่นค่อยทำงานก่อนง้อแฟนทีหลัง

 

 

หลังจากที่แทนใจบอกว่าขอห่าง ผมก็ตัดสินใจว่าไม่อยากที่จะให้เราห่างกันโดยที่ไม่เข้าใจกันแบบนี้ ผมทักไปหาแทนใจทุกวัน สิ่งที่น้องทำคือกดอ่านไลน์ผม แค่นั้นครับ โทรไปก็ตัดสาย ทักไปก็ไม่ตอบ ห่างคือห่างจริงๆ

 

 

ผมโคตรคิดถึงน้อง

 

 

“จริงๆผมก็เห็นใจคุณนิดหน่อยนะ” ไอ้แว่นกฤติเป็นคนพูดขึ้นมาก่อน หลังจากที่หันไปค้อนใส่พี่โน้ตที่กวนประสาทตัวเองไปแล้ว “เรื่องแทนใจกับคุณน่ะ ผมก็พอฟังมาบ้าง และบอกเลยว่าผมไม่เข้าข้างคุณ”

 

“...” อ้าว ไหนเมื่อกี้บอกเห็นใจกูไง

“ถ้าถามผม ผมว่ามันมีวิธีที่ดีกว่าไปคุยกับแฟนเก่า”

“ก็แค่แฟนเก่าหรือเปล่า ตอนนี้ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วไง”

“เหรอ? ถ้างั้นวันหลังแทนใจมีอะไรไม่คุยกับคุณ แต่ไลน์หาผมยิกๆทั้งวัน เป็นคุณแล้วคุณจะชอบมั้ยล่ะ?”

“...”

 

 

เมื่อเห็นว่าผมเงียบ ไอ้แว่นกฤติที่ใส่ชุดสูทนั่งจิบมะนาวแดงโซดาแล้วค่อยพูดต่อ (นี่เป็นถึงไดเรคเตอร์ ดันสั่งมะนาวโซดาเนี่ยนะ? ถามจริง?)

 

“คุณบอกว่าแทนใจเขาน่ารัก เขาเหมือนเด็ก แต่คุณกลับทำให้เขารู้สึกความเป็นเด็กของตัวเองมันเป็นสิ่งไม่ดีไปแล้ว เนี่ยมันเป็นสิ่งที่คนเป็นแฟนกันควรทำเหรอครับ?”

 

“คุณ พอแล้ว” เฮียโน้ตพูดห้ามทัพขึ้นมา แต่ไอ้แว่นกฤติไม่สนใจ เขายังคงพูดต่อ

“คุณรู้ไหมว่าเมื่อวันจันทร์ แทนใจเขาระบายให้ผมกับซุกซนฟังว่าตัวเองเป็นเด็กคุณเลยไม่ยอมบอกอะไรเขา ไปคุยกับแฟนเก่า คุณกำลังฝืนคบกับเขาและจะทิ้งเขาไปในสักวัน … เนี่ยครับ สิ่งที่คุณปกป้องเขา มันกำลังทำร้ายเขาอยู่”

 

 

น้ำเสียงเรียบๆของไอ้แว่นนั้นบาดลึกเข้าไปในจิตใจของผม สิ่งที่ผมคิดมาตลอดว่าเป็นผลดีกับแทนใจ ตั้งใจสารพัดว่าไม่อยากให้เขามารับรู้เรื่องบัดซบที่จะทำให้เขารู้สึกไม่ดี กลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เขาเสียใจซะเอง

 

ทั้งที่แทนใจบอกเสมอว่ามีอะไรให้คุยกัน แต่กลับเป็นผมที่หันหลังให้เขาเสียเอง

 

 

“ทีนี้ก็รู้แล้วใช่มั้ยว่าใครผิด?”

 

 

ไอ้แว่นกฤติทิ้งท้ายเอาไว้ แล้วหิ้วพี่โน้ตขึ้นไปพร้อมกับทิ้งผมและแก้วคาปูชิโน่เอาไว้ในร้านกาแฟเพียงลำพัง ผมตัดสินใจดูดกาแฟให้หมดแล้วโยนแก้วทิ้งไป ในใจคิดว่าจะขอออกไปสูบบุหรี่สงบสติอารมณ์สักหน่อย แล้วค่อยไปทำงานต่อ แต่ร่างเตี้ยๆที่กำลังเดินกดโทรศัพท์อยู่ใกล้ๆสะกดสายตาผมเอาไว้

 

 

 

 

“ซุกซน”

“อ้าว เฮีย” ไอ้ตัวติดเยลลี่ลดโทรศัพท์ลง แล้วมองหน้าผม “ไอ้เฮีย มึงเป็นเหี้ยอะไรวะครับ! ทำเพื่อนกูร้องไห้ทำไมครับ!!”

 

ซุกซนมองหน้าผม ด้วยท่าทางหาเรื่องแบบกากๆตามสไตล์ของเจ้าตัว ใบหน้าเขามีความหงุดหงิดอยู่ แต่ไม่ได้ดูพร้อมบวกอย่างที่ผมคิดว่าเขาน่าจะเป็น

 

“มึงเป็นอะไรวะเฮีย ทำอย่างนั้นกับอ๊องมันทำไม? ไปคุยกับแฟนเก่าทำไมวะ รู้มั้ยว่าอ๊องมันเครียดมากจากหน้าบานเป็นหน้าอ้วนแล้วเนี่ยตอนนี้อะ”

“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด”

 

 

ผมเริ่มต้นเล่าเรื่องทั้งหมดให้ซุกซนฟังอีกครั้ง เจ้าตัวนั่งฟังเงียบๆ ผมเพิ่งสังเกตว่าในมือของซุกซนมีกาแฟในถุงกระดาษอยู่สองแก้ว ถ้าผมเดาไม่ผิด อีกแก้วคงเป็นของแทนใจเหมือนเคย เด็กสองคนนี้สนิทกันมากจนถ้าไม่บอกผมคงไม่เชื่อว่าเพิ่งมารู้จักกันตอนทำงานนี่เอง

 

 

“เฮียมึงเป็นบ้าเหรอ? กลับไปคุยกับแฟนเก่าด้วยเรื่องไอ้เด็กแทนกายเนี่ยนะ สติมีมั้ย?”

“...”

“ผมเข้าใจเฮียนะ เพราะผมว่ามันไม่อยู่เฉยแน่ๆถ้าใครมายุ่งกับแทนใจ ยิ่งคบกันเปิดเผยขนาดนี้ไม่ต้องสงสัยเลยที่มันจะกวนตีนเฮียแบบนี้”

“ก็นั่นไง”

 

“แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่กลับไปคุยกับแฟนเก่าอยู่ดี” เด็กซุกซนสรุป พร้อมหยิบโกโก้ขึ้นมาดูด “เฮียแม่งทำให้ผมโคตรโมโห ผมเลี้ยงแทนใจมันของผมมาตั้งนาน ที่กลับมาทำงานที่เดิมนี่ก็เพราะห่วงแทนใจมันแทบตาย กลัวมันอยู่ไม่ได้มันไม่มีเพื่อน เหมือนเลี้ยงเด็กทารกกวนส้นตีนเอาไว้แหย่เล่น แล้วเฮียกล้าดียังไงมาทำให้มันเสียใจ ห๊ะ!”

 

“...” เงียบครับ เถียงอะไรไม่ได้ คนไม่ใช่ทำอะไรก็ผิด

“ถ้าง้อมันไม่ได้ก็เลิกไปเถอะ ตอนที่มันยังไม่ได้คบกับเฮีย ผมว่าเพื่อนผมมีความสุขกว่านี้อะ”

“อ่าว เชี่ย มึงต้องอยู่ข้างกูดิ”

“สองพัน บัญชีเดิม”

“อ้ะ ให้เลยสามพัน มึงต้องช่วยกูนะ คิดถึงแทนใจจะตายห่าอยู่แล้วเนี่ย” ผมหยิบมือถือขึ้นมาทันที แล้วกดโอนให้มันเสร็จสรรพ ซุกซนมันหยิบมือถือขึ้นมาเช็กแล้วยิ้มกว้างตอนที่ข้อความเงินเข้าเด้งขึ้นมา

 

“ไว้ใจได้เลยเฮีย ไม่เกินอาทิตย์หน้า รับรองว่าถ้าเฮียไม่กาก เฮียจะได้แฟนคืนแน่นอน”

 

 

 

------- Monday In Lovve -------

 

 

 

วันจันทร์วนมาถึงอีกครั้ง

 

 

ผมหักห้ามใจตัวเองไม่ให้ไลน์หรือทักไปหาแทนใจเลยสักนิด ไม่ใช่ว่าผมลืมแทนใจหรือเงินในโทรศัพท์หมดแล้วนะครับ แต่ว่างานเข้าผมจังๆเลย ทำให้ต้องบินไปต่างประเทศด่วนตั้งแต่วันหลังจากที่คุยกับซุกซนเสร็จ อยู่ที่นั่นสามวัน จนงานที่ต้องดูแลเรียบร้อย เลยเพิ่งบินกลับมาถึงไทยเมื่อวานนี้ตอนตีสามกว่าๆนี่แหละครับ

 

 

เสร็จแล้วก็ต้องเข้าบริษัทไปส่งรีพอร์ตอีก เข้าประชุม เบิกเงินที่ออกไปก่อนคืน ตามเรื่องต่างๆมากมาย จนกระทั่งเสร็จสรรพทั้งหมดแล้ว เลยได้เวลาง้อแทนใจครับ

 

 

แฟนสำคัญนะ แต่สำหรับมนุษย์เงินเดือน งานก็ทิ้งไปไม่ได้พอกันนั่นแหละครับ

 

 

จากคำบอกเล่าของซุกซนที่ถูกซื้อได้ด้วยเงินสามพันนั้น แทนใจเองก็ยุ่งวุ่นวายทั้งวันเหมือนเคย อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้ใกล้สิ้นเดือน ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเงินต่างหัวหมุนกันหมด ขนาดผมที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรยังต้องรีบส่งพวกเอกสารที่ต้องเบิกให้เลขาเลย ก่อนที่จะโดนบัญชีมาแหกอกกันทั้งกอง (เคยลืมส่งใบเสร็จค่าเช่ารถที่ต่างประเทศครั้งหนึ่ง ดันเป็นช่วงสิ้นปีบัญชีอะไรไม่รู้พอดี โดนจิกยิกเลยครับ เช้ายันค่ำ แทบจะต้องไปซื้อพวงมาลัยมาขอขมาให้เลิกโทรมาสักที)

 

 

ตอนนี้ผมนั่งอยู่บนรถ กำลังรออย่างใจเย็น

 

 

ที่ที่ผมอยู่นั้นคือหมู่บ้านจัดสรรชื่อคุ้นหูแห่งหนึ่งใกล้ๆเลียบทางด่วน จากปากคำของซุกซนที่ขายเพื่อนกินนั้น แทนใจช่วงนี้กลับมาอยู่ที่นี่ครับ บ้านแม่ของแทนใจเอง (อาจจะเพราะว่าเขากลัวเจอผม เลยยอมตื่นตีห้าเพื่อนั่งรถมาทำงานทุกวัน เด็กน้อยของพี่ น่าสงสารจังเลย) เท่าที่ผมรู้คือพี่สาวกับไอ้เด็กแทนกายนั่นอยู่ที่อื่น ตอนนี้ที่บ้านน่าจะมีแค่แทนใจเท่านั้น 

 

 

บ้านของน้องนั้นเป็นบ้านเดี่ยวที่มีบริเวณเป็นสวนเล็กๆที่มากพอจะให้ปลูกต้นไม้ มีไว้ให้เด็กวิ่งเล่น หรือเล่นกับสัตว์เลี้ยง ตัวบ้านเป็นสีอ่อนสวยงาม ซึ่งเพียงแค่เห็นก็รู้สึกร่มรื่นแล้ว ไม่แปลกใจที่แทนใจเติบโตมาแบบเต็มไปด้วยความน่ารักขนาดนี้ ขนาดบ้านของเจ้าตัวยังให้ความรู้สึกอบอุ่นเลย

 

 

ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว ผมยังคงรออยู่

 

 

รอแทนใจเหรอ? เปล่าครับ ไม่ใช่เลย ผมกำลังรอให้ตัวเองพร้อมทำใจที่จะง้อน้องต่างหากล่ะ โดนหลอกเหรอ? อ๋อ ก็เรื่องของคุณ

 

 

20.30 น.

 

 

โอเค ได้เวลาแล้ว

 

 

ผมดับเครื่องแล้วลงจากรถ สูดลมหายใจเรียกกำลังใจให้ตัวเองเล็กน้อย ก่อนที่จะกดออด… ผมยืนรอเมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้น เวลาร่วมนาทีผ่านไปอย่างช้าๆ จนกระทั่งในที่สุด ผมได้ยินเสียงดังมาจากในบ้าน แล้วประตูบ้านก็เปิดออก

 

 

แทนใจ!

 

 

รอยยิ้มยินดีโง่ๆปรากฏขึ้นมาบนหน้าทันทีเมื่อเห็นร่างโปร่งเดินเข้ามาใกล้ ก่อนที่มันจะค่อยๆเลือนหายไปเมื่อเห็นชัดๆ ผู้ชายที่เดินเข้ามานี้เป็นเด็กที่มีใบหน้าเหมือนกับแทนใจ เพียงแต่ว่าเจ้าตัวมีผมสีดำสนิท แล้วก็ดวงตากลมโตที่ดูเหมือนกับอมความเศร้าเอาไว้มากมาย แก้มของเจ้าตัวก็ดูเหมือนจะน้อยกว่าแทนใจอยู่หน่อย

 

 

นี่ไม่ใช่แทนใจ ทั้งที่หน้าคล้ายกันมาก แต่บรรยากาศรอบตัวของเด็กผู้ชายคนนี้กลับต่างจากแทนใจชนิดฟ้ากับเหว

 

 

คนที่มาใหม่เบิกตากว้างคล้ายตกใจเมื่อเห็นหน้าผม ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว เหมือนเขาพยายามจะเก็บความรู้สึกที่ปะทุขึ้นมา เหลือเพียงแค่สายตาคมกริบที่ส่งมาให้ ก่อนที่มุมปากจะค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมา มันเป็นรอยยิ้มบางๆที่ให้ความรู้สึกว่าเด็กผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์

 

 

ทั้งที่ใบหน้ายังคงฉาบด้วยรอยยิ้มหวานเหมือนกับเด็กดีทั่วไปที่ไม่กวนประสาท แต่ผมรู้ว่าลึกๆมันไม่ใช่แบบนั้น เจ้าตัวเข้ามาใกล้ประตูรั้ว มองจากตรงนี้แล้วเขาไม่เหมือนแทนใจเลยสักนิด ทั้งรูปร่างที่เหมือนจะสูงโปร่งกว่า แก้มที่มีน้อยกว่า ดวงตาที่ดูเศร้ากว่า

 

 

สรุปแล้ว แทนใจของผมน่ารักกว่าเด็กนี่เยอะ

 

เด็กหนุ่มเปิดปาก เสียงที่เหมือนคนรักของผมลอยออกมาให้ได้ยิน

 

“คุณพี่เมฆใช่มั้ยครับ… ผมแทนกาย น้องชายพี่แทนใจครับ” 

 

 

 

------- TBC-------

 

 

พรุ่งนี้จะมาต่อนะคะ  XD

ส่วนบทสัมภาษณ์ ขอแปะเอาไว้ก่อน ไม่ว่างเลยค่ะ วุ่นวายมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เพราะงั้นยังสามารถถามมาได้นะคะ

3 คำถามที่เราเห็นแล้วชื่นชอบ จะได้รางวัลจากเรานะคะ
ขออุบไว้ก่อนนะว่ารางวัลอะไร 55555555

 

Babybaphomet


------------------------------------

แจ้งเตือนครั้งที่ 1 !

ผู้ดูแล ลบข้อความประชาสัมพันธ์ ออกนะคะ

จากกฎข้อที่ 17  เนื้อหายังลงไม่จบ
ห้ามประชาสัมพันธ์ เปิดจอง ใดๆ ทั้งสิ้นในกระทู้
ไม่ว่าในรูปแบบหนังสือหรือ e-book



อ้างถึง
17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน 

ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)

ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡22nd: ผมแทนกายครับ (100%) (18/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 18-10-2018 22:44:16
แทนกายมีอะไรในใจแน่ๆ
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡22nd: ผมแทนกายครับ (100%) (18/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 18-10-2018 22:57:15
เคลียร์กันให้จบไปเลยค่าาาา

ไม่รู้จะถามอะไรดี ขอไปนึกก่อนอีกตอนนึงได้ไหมคะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡22nd: ผมแทนกายครับ (100%) (18/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 19-10-2018 20:22:32
22nd Monday: Second Half

#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 





 

แทนกายสบตากับผมด้วยใบหน้าที่แสดงออกถึงชัยชนะ

 

 

รั้วบ้านเหล็กดัดที่อยู่ตรงหน้าผมไม่ได้ขวางสายตากวนประสาทของอีกฝ่ายที่ส่งผ่านมาได้ เด็กนี่มองผมเหมือนกับว่าผมเป็นคนที่เขาเกลียดขี้หน้า (ซึ่งนั่นก็คงไม่ต่างจากสายตาของผมเท่าไหร่นัก เพราะผมเองก็เกลียดเด็กนี่ไม่ต่างกัน) และเขากำลังอยู่เหนือผมไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

 

 

“… แทนกาย”

 

 

ถ้าเจอข้างนอก ผมคงไม่คิดว่าเด็กที่หน้าตาน่ารักแบบแทนใจ จะกวนโมโหได้ขนาดนี้

 

 

“คุณมาที่นี่ได้ยังไงกันครับ? เก่งเหมือนที่พี่แทนใจบอกเลย ท่าทางจะเป็น Google Map มาก่อน”

“...” ผมเริ่มคิดแล้วว่าแทนใจกวนประสาทมาจากสายเลือด ตัวน้องชายสองคนยังขนาดนี้ ตัวพี่สาวจะขนาดไหน

“แต่ตอนนี้พี่แทนใจน่าจะไม่อยากเจอคุณนะครับ กลับไปเถอะ---”

 

 

ปิ้น!

 

 

เสียงแตรรถหยุดทั้งผมและแทนกายที่กำลังยืนคุยกันอยู่ได้ทันทีครับ ผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเปิดกระจกออกมา ใบหน้าของเธอมีร่องรอยของความใจดีปรากฏให้เห็นชัดเจน

 

 

“เด็กๆมายืนคุยอะไรกันตรงนี้คะ เข้าไปคุยกันในบ้านดีกว่าเนอะ น้องแทนกายคะ ช่วยเปิดประตูให้คุณแม่หน่อยค่ะ เดี๋ยวแม่จะเอารถเข้าไปจอดนะคะ”

 

 

คุณแม่อย่างนั้นหรือ?

 

ท่าทางข้อมูลของซุกซนที่บอกว่าแทนใจอยู่บ้านคนเดียวน่าจะผิดแน่ๆ รอเจอหน้าเมื่อไหร่นะ ผมจะทวงเงินมันคืน




.

.

.




“น้องเมฆเป็นเพื่อนน้องแทนใจเหรอลูก?”

“ครับ”

 

 

ตอนนี้ผมอยู่ในบ้านของสองพี่น้องแทนและคุณแม่ของน้อง รู้เลยครับว่าแทนใจแทนกายหน้าตาเหมือนใคร บ้านนี้ยีนชัดมากเลยครับ แม่ของสองคนนี้เป็นผู้หญิงที่ดูใจดีและกระฉับกระเฉง ตอนที่ขับรถมาเจอผมคือคุณแม่เพิ่งจะกลับจากห้างสรรพสินค้าครับ

 

 

“พี่เขาเป็นแค่คนในที่ทำงานของพี่แทนครับคุณแม่”

 

 

เด็กแทนกายรีบพูดแทรกขึ้นมาตอนที่กำลังช่วยแม่เอาของออกมาจากถุง ถ้าผมเจอเด็กนี่เฉยๆก็อาจจะเอ็นดูก็ได้ เพราะหน้าตาเขาคล้ายแฟนผม แต่พอตอนนี้ บอกได้เต็มปากเต็มคำเลยว่ามันคือเด็กเปรต

 

 

“อย่าพูดแบบนี้สิคะ ไม่น่ารักเลยนะ” คุณแม่… ว่าแต่พี่แทนใจกลับมาหรือยังคะน้องกาย?”

“กลับมาแล้วครับ แต่ว่าพี่อยู่บนห้อง”

 

 

ผมอยากจะช่วยสองคนนี้นะครับ แต่คุณแม่บอกว่าให้ผมนั่งเฉยๆ ทำตัวเหมือนบ้านตัวเอง แล้วผมก็ยังมีความผิดติดหลังอยู่ แฟนก็โกรธ น้องชายแฟนก็เกลียด ผมยังไม่อยากทำให้แม่แฟนไม่ชอบไปด้วยอีกคนครับ เดี๋ยวโดยห้ามเข้าบ้านไกรกีรติกุลชัยกันพอดี

 

 

“ช่วงนี้พี่แทนใจเขาเครียดน่ะครับ”

“น่าสงสารจังเลย แม่ไม่เคยเห็นพี่แทนใจเขาเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะ”

“ใช่ครับ คนที่ทำให้พี่เศร้าแบบนี้นี่… นิสัยเสียมากเลย”

 

 

พูดเฉยๆไม่ต้องหันมามองทางนี้ก็ได้มั้ยวะ?

 

 

ผมเริ่มนั่งไม่ติดเก้าอี้เมื่อรู้สึกเหมือนโดนพาดพิง เลยขอตัวออกมาเข้าห้องน้ำก่อน ปล่อยให้สองแม่ลูกเขาใช้เวลาอยู่ด้วยกันครับ

 

 

บ้านของแทนใจเป็นบ้านเดี่ยวที่ตบแต่งสวย แต่ให้ความรู้สึกอบอุ่นอยู่ในทุกตารางนิ้ว ในหลายๆจุดของบ้านจะมีรูปเด็กสามคนอยู่ตลอด น่าจะเป็นสามพี่น้องลูกของบ้านนี้ ทั้งตอนที่ดูตัวเล็กๆเหมือนเป็นเด็กอนุบาล ประถม มัธยม หรือแม้แต่รูปรับปริญญาของพี่สาวแทนใจก็มี

 

 

แถมในบ้านยังมีพวกเกียรติบัตรต่างๆเต็มไปหมด ท่าทางบ้านนี้จะเป็นคนเรียนเก่งกัน ถึงแม้ส่วนใหญ่จะเป็นชื่อเด็กผู้หญิง ที่น่าจะเป็นชื่อของพี่สาวคนโตสุดก็ตาม

 

 

เป็นครอบครัวที่อบอุ่น จนผมที่สัมผัสแค่บรรยากาศบ้านก็รู้แล้วว่าทำไมแทนใจถึงได้โตมาอย่างสดใสและมีพลังบวกมากมายขนาดนี้

 

 

“ทำไมพี่แทนใจไม่ลงมาสักทีเนี่ย น้องกายครับ แม่ว่าน้องกายไปตามพี่แทน--”

“เอ่อ .. ผมไปตามน้องให้มั้ยครับ?”

 

 

ผมเสนอขึ้นมาเมื่อเห็นว่านี่เป็นโอกาสที่จะได้เข้าห้องแทนใจ และเป็นทางที่จะได้เจอหน้าน้องอีกครั้ง แค่คิดแค่นี้ก็รู้สึกดีจนเกือบจะห้ามรอยยิ้มเอาไว้ไม่ได้แล้ว

 

 

“ไม่เป็นไรครับ---”

“ดีเลยค่ะน้องเมฆ ขอบคุณมากเลยนะคะ ห้องแทนใจอยู่ชั้นสองห้องทางซ้ายนะคะ” คุณแม่พูดแล้วกวักมือเรียกเด็กแทนกาย “น้องกายคะ เรื่องเข้ามหาลัยของหนูไปถึงไหนแล้วคะ? เห็นแทนใจบอกว่าเรียนพิเศษภาษาอังกฤษเพิ่มอยู่ใช่มั้ย?”

 

 

ผมหันไปยักคิ้วให้เด็กแทนกายที่มองมาอย่างไม่สบอารมณ์ตอนที่แม่เขาหันหลัง ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าวันนี้มันกวนประสาทผมน้อยกว่าที่เคย อาจจะเป็นเพราะอยู่ต่อหน้าแม่เลยแผลงฤทธิ์มากไม่ได้ ดีแล้ว เงียบๆมั่งก็ดี

 

 

ผมเดินขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงห้องที่คุณแม่บอก

 

 

‘ก๊อกๆ’

 

 

เสียงตึงตังจากในห้องเหมือนกับคนที่กำลังขยับตัวลุกขึ้นมานั่นค่อยๆเข้ามาใกล้ จนในที่สุดเสียงนั่นก็เงียบลง แล้วประตูก็เปิดออก

 

 

“น้องกายครับ วันนี้พี่ไม่--”

 

 

ใบหน้ากลมที่ผมไม่ได้เห็นมาหลายวันปรากฏขึ้นมา ดวงตาของอีกฝ่ายเบิกกว้างเหมือนกับตกใจ ตากลมๆที่ชอบมองผมอย่างสงสัยตอนนี้ดูเหมือนกับว่าจะบวมเล็กน้อย แทนใจดูโทรมลงนิดหน่อย แต่ยังคงน่ารักอยู่

 

 

“แทนใจ”

“... คุณพี่เมฆ”

 

 

เสียงครางชื่อผมที่ออกมาจากปากของน้องทำให้หัวใจผมเต้นรัวเร็วด้วยความคิดถึง ตอนนั้นเองที่ผมเพิ่งรู้ตัวว่าความจริงแล้วผมคิดถึงแทนใจมากแค่ไหน

 

 

“เฮ้ย! เดี๋ยว!!!”

 

 

ผมร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อแทนใจทำท่าจะปิดประตูใส่ทันทีที่เห็น แต่ผมเอามือยันเอาไว้ได้น้องเลยปิดไม่ลง ซึ่งน้องก็พยายามที่จะงับประตูเข้ามา แต่ว่าทำไม่ได้ อีกฝ่ายมองหน้าผมอย่างไม่สบอารมณ์

 

 

เฮ้ย ทำแบบนี้ได้ไงเนี่ย นี่แฟนเลยนะ แฟนที่ขับรถพาไปกินเบอร์เกอร์คิงเลยนะ

 

 

“กลับไป!”

 

 

แทนใจพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง เหมือนกับการเห็นหน้าผมทำให้เขารู้สึกไม่ดี โห หัวใจนี่เจ็บเหมือนโดนน้องกระชากออกมาขยี้ด้วยปลายเท้า

 

 

“เดี๋ยวก่อนสิแทนใจ เรามาคุยกัน--”

“ผมไม่อยากคุยกับคุณ”

“ฟังพี่ก่อนนะ นิดนึงนะครับ”

“ไม่!”

“ให้พี่ได้--- โอ๊ย!”

 

 

ปัง!

 

 

ในตอนที่ผมพยายามขอให้แทนใจฟังผมนั้น น้องใช้แรงเฮือกสุดท้ายของตัวเองดึงประตูปิดทันที! ซึ่งมันเป็นแรงเฮือกสุดท้ายมากๆ เพราะมันทับนิ้วผม! ชาไปทั้งแถบเลย น้ำตาเล็ดเลยครับ

 

 

“โอ่ย...”

 

 

เจ็บฉิบหาย มือจะพังก่อนจะได้แฟนคืนมั้ยวะเนี่ย

 

 

“คุณพี่เมฆ!”

 

 

แต่ก็คุ้มแฮะ เพราะแทนใจที่เพิ่งจะปิดประตูใส่หน้าผมเมื่อกี้ เปิดประตูออกมาทันทีด้วยหน้าตาตื่นตระหนกในแบบของตัวเอง เหมือนน้องลืมไปเลยว่าเมื่อกี้ไม่ได้ตั้งใจจะออกมาหาผม ตอนนี้น้องคว้ามือผมไปดูใหญ่เลยครับ

 

 

น่ารักจริงๆ แฟนใครวะ

 

 

“เจ็บมากมั้ยครับ? ผมขอโทษนะ ผมไม่ได้ตั้งใจจะปิดทับมือคุณเลยนะครับ คือผมแค่ตั้งใจจะปิดประตูไปอยู่คนเดียวเฉยๆ แค่คิดว่าผมน่าจะยังไม่พร้อมคุยกับคุณเฉยๆ ผมเห็นหน้าคุณแล้วผมจะร้องไห้แค่นั้นเอง ไม่ได้อยากทำให้คุณเจ็บเลยสักนิด--”

 

 

“แทนใจ--”

 

 

“วันนั้นผมโกรธมากก็จริงแต่ผมไม่ได้อยากทำให้คุณเลือดตกยางออกเลยนะ ไม่ได้อยากทำให้คุณพิการมือด้วย ถ้าคุณซ่อมเครื่องไม่ได้แล้วจะทำยังไง นี่ยังดีนะโดนมือซ้ายคุณยังเขียนหนังสือมือขวาได้ ถ้าคุณต้องเขียนอะนะ โอ๊ย แต่คุณใช้สองมือพิมพ์ในคอมพ์นี่นาผมเคยเห็น ทำยังไงดี ถ้านิ้วคุณกุดขึ้นมาคุณต้องโดนไล่ออกแน่ๆเลย”

 

 

“...” นี่น้องเขาออกทะเลไปโลกไหนอีกแล้ววะ จินตนาการล้ำเลิศจริงๆ

 

 

“คุณพี่เมฆอย่าโกรธผมเลยนะ ผมขอโทษ”

 

 

น้องแทนใจกุมมือพร้อมทั้งพูดด้วยเสียงอ่อย ราวกับเด็กที่กำลังรู้สึกผิดเพราะแย่งขนมน้องแล้วน้องร้องไห้ ซึ่งมันน่าสงสารมากเลยครับ

 

 

ทั้งที่ตอนแรกผมมาง้อแท้ๆ แต่แทนใจก็ยังเป็นแทนใจ ที่ทำให้ผมรู้สึกใจเต้นได้ด้วยการเป็นตัวของตัวเองแค่นั้นเอง

 

 

“พี่ไม่โกรธแทนใจเลยครับ” ผมค่อยๆพูด ก่อนจะเอาอีกมือขึ้นไปเนียนลูบหัวกลมๆที่ผมคิดถึงทุกวัน “แต่ตอนนี้ให้พี่เข้าไปในห้องก่อนนะ แบบนี้มันแอบเมื่อยนิดหน่อยน่ะ”

 

 

ผมไม่ได้โกหกเลยนะครับ ท่าตอนนี้คือเมื่อยจริงๆ ผมกับแทนใจนั่งยองๆกันอยู่หน้าห้อง ตัวผมนี่แค่ทรุดเพราะเจ็บมือ ส่วนแทนใจเองก็ทรุดนั่งกับพื้นเพราะมาดูแผลให้ผม

 

 

“...” น้องเหมือนคิดเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยอมเปิดทางให้ผมเดินเข้าไปข้างในห้องน้อง โดยที่ผมเป็นคนปิดประตู … และไม่ลืมที่จะล็อกกลอนตามหลังด้วยเช่นกัน

 

 

‘กริ๊ก’

 

 

 

------- Monday In Love -------






“คุณมาที่บ้านผมทำไม?”

 

 

แทนใจยิงคำถามใส่ทันทีที่ผมก้าวเข้ามาในห้อง เจ้าตัวเดินไปหยิบแอลกอฮอล์มา แล้วหยิบสำลีมา แล้วก็เดินกลับไปเพื่อหยิบกรรไกรมา เฮ้ย หยิบมาทำไม จะตัดนิ้วผมหรือไง!

 

 

“โอ๊ย มันต้องไม่ใช่อันนี้สิ” แทนใจบ่นงึมงำกับตัวเอง ซึ่งปมอยากไปร่วมวงสนทนาด้วยเพราะไม่รู้ว่าอีกคนจะนึกคึกหยิบอะไรออกมาอีก “แป๊บนึงนะคุณพี่เมฆ ผมไม่แน่ใจว่าควรจะต้องเอาอะไร”

 

 

“...มันแค่ช้ำ พี่ว่าปล่อยไว้ก็ได้มั้ง”

 

 

ผมไม่ได้เวอร์นะ เมื่อกี้เจ็บจริง เจ็บแบบไม่ใช่แสตนอิน แต่มันไม่ได้มีแผลถลอกหรืออะไร เป็นแค่การโดนของแข็งทับมือธรรมดา แค่มันดันเจ็บฉิบหายเลย แค่นั้นเองครับ

 

 

“น้ำแข็งๆ ใช่ๆต้องใช้น้ำแข็งประคบ” แทนใจที่ยังตกใจเหมือนกระต่ายยังคงพูดรัวๆกับตัวเอง เจ้าตัววิ่งปรู๊ดออกจากห้อง (พร้อมบ่นว่าทำไมประตูถึงได้ล็อก แต่ผมก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้) แล้วสักพักก็กลับมาพร้อมกับน้ำแข็งในผ้าขนหนูยัดใส่มือผมไว้

 

 

 “ขอบคุณนะครับ”

 

 

ผมพูดแล้วยิ้มให้อีกคนที่มองมาเหมือนกับไม่แน่ใจ สักพักเจ้าตัวเดินไปคว้าหมอนมากอดแล้วทรุดลงนั่งบนเตียง โดยที่ผมเองก็นั่งอยู่ตรงเก้าอี้บีนแบ็กสีอ่อนที่วางเป็นก้อนอยู่ใกล้ๆเตียงน้อง

 

 

ภาพแทนใจกอดหมอนนั้นเหมือนกับวันที่ผมเจอเขามาเคาะห้องตอนที่กลัวผีช่วงเอ้าท์ติ้งเลยครับ ตอนนั้นน่ารักยังไง ตอนนี้น่ารักยิ่งกว่านั้นอีกสามเท่าตัวเลย

 

 

“คุณยังไม่ตอบผมเลยนะว่าคุณมาทำไม”

“มาง้อแฟน”

 

 

 

ผมตอบทันทีแบบไม่ต้องคิค ก็มาง้อแฟนจริงๆ ไม่ได้มีเหตุผลอื่นประกอบเลยสักนิด ถ้าไม่นับว่าการอยากเจอหน้าแทนใจเป็นเหตุผลด้วยอะนะ

 

 

“...”

 

 

แทนใจที่กำลังปั้นหน้านิ่งหลุดทำตาถลนออกมา แก้มกลมที่ผมชอบเล่นตอนนี้กลายเป็นสีชมพูอ่อนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว คนที่โดนผมหยอดแล้วเขินทันทีให้เห็นแบบแทนใจนี่น่ารักจนอยากจะลุกขึ้นไปอุ้มมาฟัดจริงๆเลย

 

 

“ไม่ได้สิคุณ ตอนนี้เราห่างกันอยู่นะ ...คุณเมฆ”

 

 

ผมมองน้องที่สบตาผมได้แป๊บเดียวแล้วหันหน้าหนี โห นี่โกรธมากจนถึงขนาดที่เปลี่ยนสรรพนามจากคุณพี่เมฆเป็นคุณเมฆเฉยๆเลยงั้นเหรอ … เจ็บจังแฮะ เจ็บกว่าที่ประตูหนีบนิ้วเมื่อกี้อีก

 

 

เสียใจ แต่ไม่สิ้นหวัง

 

 

“ห่างกันอาทิตย์นึงยังไม่พออีกเหรอครับ? ความจริงพี่จะไปหาเราตั้งแต่อาทิตย์แรกก็ได้ แต่แทนใจต้องการเวลา พี่เข้าใจ พี่เคารพเราตรงนั้น พี่ให้ระยะห่างกับเราเพราะเราต้องการ ถึงแม้พี่จะโคตรทรมานเลยก็เถอะ มันนานมากเลยนะแทนใจ”

 

 

ผมพูดพร้อมทั้งมองหน้าน้องไปด้วย แทนใจทำท่าเหมือนกำลังคิด น้องกัดริมฝีปาก หน้าตาของน้องเปลี่ยนจากตกใจกลายเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์

 

 

“นานเหรอ? คุณคิดว่าที่ห่างมาทั้งหมดมันพองั้นเหรอครับ?”

“...”

“คุณกลับไปคุยกับแฟนเก่า ทำให้ผมรู้สึกเหมือนโดนกันออกจากเรื่องราวอะไรบางอย่างในชีวิตคู่ คุณโมโหใส่ผม แล้วอยู่ดีๆจะมาง้อง่ายๆ ทำเหมือนทุกอย่างไม่เคยเกิดขึ้นอย่างนั้นเหรอครับ?”

“...”

“มันยากกับผมมากแค่ไหนคุณเข้าใจบ้างมั้ย…” แทนใจพูดด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูก เหมือนน้องกำลังพยายามไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา ผมเริ่มสังเกตแทนใจจริงจังเป็นครั้งแรกตั้งแต่เห็นหน้าน้อง แทนใจของผมตอนนี้ต่างจากครั้งแรกที่ผมเห็นเขา

 

 

แทนใจในตอนนั้นดูสดใส แต่ตอนนี้น้องดู… เศร้าโศก

 

 

แก้มแทนใจตอบลงนิดหน่อย แถมขอบตาน้องเองก็ล้าเหมือนกับไม่ได้นอนอย่างเต็มอิ่มมาหลายวัน แถมตากลมที่ผมชอบมองก็ดูช้ำแดงเหมือนเพิ่งจะหยุดร้องไห้มาไม่นาน

 

 

เขามีสภาพแบบนี้ … เพราะผมอย่างนั้นเหรอ?

 

 

“แทนใจ…” ผมกลืนก้อนความรู้สึกผิดที่พุ่งขึ้นมาจุกอยู่ในคอลงไป “พี่ขออธิบายได้มั้ยครับ แทนใจยังไม่ต้องรับคำขอโทษของพี่ก็ได้ แต่ฟังพี่พูดหน่อยนะ”

 

 

น้องนิ่งเหมือนกำลังตัดสินใจ ดวงตากลมเหลือบมามองผมเล็กน้อย น้ำตาที่ไหลออกมานั้นทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวด และยิ่งเจ็บมากขึ้นเมื่อตระหนักได้ว่าคนที่ทำให้น้องเป็นแบบนี้ก็คือผม

 

 

 สุดท้ายแล้วน้องก็พยักหน้าช้าๆ ซึ่งเรียกรอยยิ้มของผมได้ในทันที แทนใจก็ยังคงเป็นแทนใจที่น่ารักที่สุดของผมเสมอ

 

 

“ความจริงมันไม่มีอะไรเลยครับ พี่กับหวานแค่คุยกันเรื่อง---”

 

 

‘ก๊อกๆ’

 

 

ทั้งผมและแทนใจต่างละทิ้งบทสนทนาแล้วหันไปตามเสียงเคาะประตูทันที ซึ่งยังไม่ทันทีแทนใจจะพุ่งไปเปิดประตูนั้น เสียงจากด้านนอกก็ลอยเข้ามาให้ได้ยินเสียก่อน

 

 

 

 “พี่แทนใจ กับคุณพี่เมฆครับ อาหารเย็นเสร็จแล้ว คุณแม่ให้ตามลงไปทานข้าวครับ”

 

 

 

คุยกันเรื่องอะไรน่ะเหรอ? ก็ไอ้เด็กเปรตแทนกายนี่ไงล่ะ!!

 

 

 

 

------- Monday In Love -------

 

 

 

“พี่แทนใจทานอันนี้สิครับ ผมจำได้ว่าพี่ชอบมากเลยนะ”

 

 

 

เด็กเปรตที่นั่งตรงข้ามผมเอื้อมมือตักปูผังกะหรี่ให้แฟนผม ข้ามหน้าข้ามตาผมมาก แถมมีการหันมายิ้มตาปิดให้อีก ไม่ใช่แทนใจไม่ต้องมาส่งยิ้มแถวนี้! ไม่ชมเว้ย!

 

 

ตอนนี้พวกผมนั่งกันอยู่ในห้องทานอาหาร โดยที่คุณแม่นั่งอยู่ข้างไอ้เด็กแทนกาย แทนใจนั่งตรงข้ามคุณแม่ และผมนั่งข้างแทนใจ โดยที่ต้องหันหน้าไปเจอเด็กเปรตนั่นพอเหมาะพอดี ซึ่งแทนใจก็ไม่ค่อยคุยกับผมเลยครับ น้องตักกับข้าวทานเงียบๆงุบงับเท่านั้น

 

 

“ขอบคุณมากนะครับน้องกาย น้องกายก็ทานเยอะๆนะ เพิ่งจะหายป่วยเองนะ ต้องทานเพิ่มแล้วนะครับ พี่ว่าน้องกายผอมเกินไปแล้วนะ”

 

“ครับพี่แทนใจ”

 

 

คุณแม่มองฉากพี่น้องแสดงความรักใส่กันด้วยสายตาอบอุ่น ในขณะที่ผมเหมือนใส่หน้ากากคนดีแต่ในใจนี่เบ้หน้า ไอ้เด็กนี่อะนะป่วย? ขนาดมันป่วยยังกวนตีนขนาดนี้ ไม่รู้ว่าถ้าปกติดีแล้วนี่จะทำขนาดไหน

 

 

“อาหารถูกปากมั้ยคะน้องเมฆ” ผมหันไปยิ้มให้คุณแม่ที่ถามขึ้นมา ซึ่งถ้าตอบตรงๆผมว่ามันจืดไปหน่อย แต่ทานกับแทนใจอร่อยมากครับคุณแม่

 

“ถูกปากครับ”

“ดีจัง งั้นทานเยอะๆเลยนะคะ”

“ครับ ขอบคุณมากนะครับ”

“ตามสบายเลยนะคะ ไม่ต้องเกรงใจ” คุณแม่พูดแล้วส่งยิ้มใจดีมาให้อีกครั้ง “เนี่ยพี่แทนใจเขาไม่ค่อยพาเพื่อนมาบ้านกันเท่าไหร่หรอกค่ะ เนี่ยแทบนับคนได้เลย คุณแม่เลยไม่ค่อยได้ลองฝีมือเท่าไหร่”

 

 

ผมไม่ค่อยได้ทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัวเลยครับตั้งแต่แม่เสีย พูดให้ถูกก็คือ ผมกับพ่อทนนั่งโต๊ะอาหารด้วยกันนานๆไม่ได้ไม่ ไม่ใครก็ใครสักคนจะต้องลุกขึ้นไปก่อน

 

 

“ว่าแต่น้องเมฆสนิทกับพี่แทนใจนานหรือยังคะ?”

“ก็หลายเดือนแล้วครับ ความจริงพวกเราเป็น--”

“เป็นแค่เพื่อนร่วมงาน ใช่มั้ยครับคุณเมฆ?”

 

 

เด็กแทนกายขัดขึ้นมากลางวงสนทนานิ่มๆ พร้อมทั้งส่งยิ้มให้ผมแล้วก็แทนใจ เหมือนกับว่าโลกนี้สดใสสีชมพู แต่ผมรู้สึกว่าภายใต้ใบหน้ายิ้มๆนั่นเด็กนี่กำลังไม่สบอารมณ์อยู่

 

 

“คือ---” แทนใจพยายามจะพูดขึ้นมา แต่ผมไวกว่า

 

“ครับ เป็นเพื่อนร่วมงานที่สนิทกันมากเลยครับ ไปต่างจังหวัดด้วยกันมาแล้วด้วย”

 

“อันนั้นงานของบริษัทไง ใช่มั้ยครับพี่แทนใจ” เด็กแทนกายหันไปขอความเห็นจากคนข้างๆผม แล้วกลับมาส่งสายตาให้ผมอีกครั้ง จะเอาแบบนี้ใช่มั้ย!

 

“เอ่อ--” แทนใจที่กำลังจะตอบน้องต้องเงียบอีกครั้ง เมื่อผมงัดสกิลเถียงลูกค้าหน้างานมาใช้

 

“ใช่ครับ ครั้งนั้นไปเพราะงาน แต่นอกจากพวกเราก็ไปเที่ยวข้างนอกมาด้วยกันบ่อยครับ แทนใจเขาน่ารักมาก เคยไปนอนข้างบ้านผมด้วยครับ แทนใจชอบด้วย ใช่มั้ยครับแทนใจ”

 

ตอนนี้ผมตอบพร้อมทั้งมองหน้าเด็กแทนกายไปด้วย บนใบหน้าของเด็กมัธยมมีรอยยิ้มแปะไว้ เช่นเดียวกันกับใบหน้าผมที่ประดับรอยยิ้มการค้าเอาไว้เหมือนกัน

 

 

“ผม--”

 

“พี่แทนใจ คืนนี้เดี๋ยวผมไปนอนด้วยนะครับ ผมนะตอนอยู่ที่หอเหงามากเลย ไม่ได้กอดพี่แทนใจตั้งหลายวัน”

 

“พี่--”

 

“แทนใจวันนี้กลับไปกับพี่เถอะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ไปส่งที่ทำงานเนอะ เราจะได้ไม่สาย เกิดฝันว่าถูกปลาหมึกรัดแล้วหายใจไม่ออกจะทำไงละเนี่ย”

 

 

‘’กิ๊งก่อง!’

 

 

เสียงออดหน้าบ้านเรียกความสนใจของทุกคนบนโต๊ะ ผมและไอ้เด็กเปรตหยุดตีกัน เป็นจังหวะเดียวกับที่คุณแม่เช็ดปากแล้วพูดขึ้น

 

 

“เหมือนจะมีคนมา เดี๋ยวแม่ไปดูก่อนนะคะ เด็กๆทานกันตามสบายเลยนะ”

 

 

พอทุกอย่างเงียบผมก็ได้สติอีกครั้ง นี่ผมตีกับเด็กที่อายุห่างกันสิบปีด้วยเรื่องไร้สาระฉิบหาย อยากจะเอามือกุมหน้าแต่คิดว่ามันคงดูไม่คูลเลยนั่งนิ่งๆ ยังดีนะที่ตรงนี้เป็นแทนใจ ลองเป็นไอ้เบิร์ดหรือบิวเพื่อนผมนี่คงโดนล้อยันแต่งงานกับแทนใจแล้วสามปีชัวร์

 

 

 

------- TBC -------

 

 

 

นั่นแหละค่ะ อิ___อิ

มันเป็นนิยาย comedy อ่ะนะคะ ก็จะประมาณนี้แหละแก

 

 



 พรุ่งนี้จะมาต่อนะคะ  XD

บทสัมภาษณ์ ขอแปะเอาไว้ก่อน ไม่ว่างเลยค่ะ วุ่นวายมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เพราะงั้นยังสามารถถามมาได้นะคะ

3 คำถามที่เราเห็นแล้วชื่นชอบ จะได้รางวัลจากเรานะคะ


 

Babybaphomet





แจ้งเตือนครั้งที่ 1 !

ผู้ดูแล ลบข้อความประชาสัมพันธ์ ออกนะคะ

จากกฎข้อที่ 17  เนื้อหายังลงไม่จบ
ห้ามประชาสัมพันธ์ เปิดจอง ใดๆ ทั้งสิ้นในกระทู้
ไม่ว่าในรูปแบบหนังสือหรือ e-book



อ้างถึง
17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน 

ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)

ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡22nd: “ผมไม่อยากคุยกับคุณ” (100%) (19/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 19-10-2018 23:43:43
คนมาใหม่จะมาช่วยคุณพี่เมฆหรือช่วยแทนกายล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡22nd: “ผมไม่อยากคุยกับคุณ” (100%) (19/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 20-10-2018 20:33:28
กง่าจะได้ง้อแฟน ตีกะน้องแฟนตายก่อนมั้ย
แทนใจลูกงอนนานๆ อย่าให้ง้อง่ายๆ นะ
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡22nd: “ผมไม่อยากคุยกับคุณ” (100%) (19/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 20-10-2018 20:49:32
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡22nd: “ผมไม่อยากคุยกับคุณ” (100%) (19/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 21-10-2018 20:00:45
23rd Monday

#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 





ปูผัดผงกะหรี่ ต้มยำกุ้ง ยำมาม่า และไอ้น้องชายบ้าของแฟนผม





ทุกอย่างที่อยู่ตรงข้ามผมดีหมดเลย ยกเว้นไอ้เด็กแทนกายนั่น ที่จนถึงตอนที่คุณแม่ลุกไปข้างนอก มันก็ยังกวนตีนผมไม่หยุด น้องแม่งหยามหน้าผมมาก แล้วผมก็จะไม่ยอมด้วย





จะให้เลิกกับแทนใจน่ะเหรอ? ข้ามต้มยำกุ้งตรงหน้าไปก่อนเถอะ ไอ้เด็กเมื่อวานซืน!





“พี่แทนใจครับ” ผมกลอกตาเมื่อไอ้เด็กแทนกายเริ่มเปิดปากอีกครั้ง “ช่วงนี้พี่แทนใจนอนไม่พอใช่มั้ยครับ ผมเห็นเหมือนพี่แทนใจโทรมลงกว่าช่วงที่แล้วเยอะเลย”





ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบทันที





แทนใจที่อยู่ข้างๆผมลดมือที่กำลังตักอาหารลงเล็กน้อย ก่อนที่จะตอบน้องชายออกไปด้วยน้ำเสียงปกติ





“ก็… อืม มีเรื่องให้คิดน่ะครับ”

“แย่จังเลยนะครับ คนที่ทำให้พี่แทนใจเสียใจเนี่ย” เด็กแทนกายมันยังคงพูดต่อ โดยที่เอาชามแยกของแทนใจมาถือไว้แล้วตักต้มยำกุ้งให้พี่ ทั้งที่ข้าวของตัวเองแทบไม่พร่องเลยสักนิด “ผมว่าพี่ไม่ต้องไปยุ่งมากก็ดีนะครับ”





“เรื่องของผู้ใหญ่ ให้ผู้ใหญ่เขาจัดการกันเองมั้ย?”





ผมพูดแทรกขึ้นมา ในขณะที่ตักผัดผักให้แทนใจ ไม่รู้เว้ย ผัดผักอร่อยกว่าต้มยำ แทนใจไม่ต้องไปกินนะครับ มาทานของพี่ดีกว่า เด็กแทนกายนั่นเงียบไปชั่วครู่ ก่อนที่จะหันมายิ้มให้ผม แล้วพูดตอบกลับมา





“ถ้าผู้ใหญ่ทำให้เสียใจ ก็ลองคิดแบบเด็กๆดูบ้าง ผมว่าน่าจะดีกว่านะครับ เนอะพี่แทนใจเนอะ”

“...” อย่ามาทำให้แฟนคนอื่นไขว้เขวสิวะ ไอ้เด็กนี่!

“ผมว่านะ ถ้าอยู่ตรงไหนไม่มีความสุข เราก็ควรจะออกมาดีกว่า”

“...”

“คนที่ทำให้พี่ของผมที่ปกติยิ้มตลอดเวลาแม้แต่ตอนที่หกล้ม ต้องเป็นคนที่เลวมากแน่นอน ต่อให้ผมจะไม่รู้ว่าเป็นใคร” ถ้าไม่รู้ก็ไม่เห็นต้องเน้นเสียง แล้วก็มองหน้าผมเลยก็ได้มั้ยวะ ไอ้เด็กเปรตนี่ “แล้วก็ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ผมว่าก็ไม่ควรอยู่ในชีวิตพี่อยู่ดี”




บรรยากาศกลับมาอึดอัดอีกครั้ง ผมเองก็เงียบ ทำได้แค่มองหน้าเด็กแทนกายที่ยังคงมองจ้องหน้าผมอยู่ ที่ผมไม่เถียงอะไรไปทั้งที่ปกติแล้วผมไม่ใช่คนยอมถอย เพราะว่าผมเถียงอะไรเขาไม่ได้เลย



จริงอย่างที่เด็กนี่พูด เท่าที่รู้จักกับแทนใจมา น้องในตอนนี้ดูไม่สดใสเหมือนที่เคย นัยน์ตาที่ช้ำ และใบหน้าที่อมความเศร้าเหมือนกำลังคิดอะไรตลอดเวลาไม่เหมือนกับแทนใจที่สดใสในร้านกาแฟวันนั้น





หรือว่าผมไม่ควรที่จะทำให้น้องเสียใจไปมากกว่านี้?





ผมเองก็เป็นคนธรรมดา ในความสัมพันธ์นี้มันเพิ่งเริ่มต้น ผมไม่สามารถรับประกันกับใครได้ว่าจะไม่ทำให้น้องเสียน้ำตาอีก




“แทนกายครับ วันนี้กินน้อยจังเลย กินอีกๆ”





ในขณะที่บรรยากาศเงียบนั้น แทนใจก็ตักกับข้าวไปให้น้องชายที่เหมือนกับจะโฟกัสเรื่องการด่าคนที่ทำให้พี่ชายเสียน้ำตาจนไม่สนว่าที่นี่คือโต๊ะอาหารค่ำ ผมมองน้องที่กำลังตักนั่นตักนี่ให้น้องชายอย่างมีความสุข ยิ่งเห็นแล้วยิ่งรู้สึกแย่กับตัวเอง เขามีความสุขกับชีวิต แต่ผมทำให้เขาต้องหม่นหมองขนาดนั้นได้เลยเหรอ?

 


“ขอบคุณครับ พี่ตักให้ผมมาตั้งแต่อนุบาลแบบนี้ไม่เบื่อเหรอ?”

“ใครจะเบื่อล่ะ แทนกายของพี่เป็นน้องชายของพี่นะ พี่ไม่เบื่อหรอก”

“ขอบคุณมากนะครับ ผมรักพี่แทนใจนะ”

“พี่ก็รักน้องกายครับ”





คล้ายกับทุกอย่างรอบตัวอยู่ไกลออกไป ผมมองพี่น้องสองคนบอกรักกันด้วยความรู้สึกประหลาด โลกของแทนใจกับแทนกายมันดูเหมือนไม่มีที่ให้ผมสามารถแทรกตัวเข้าไปได้เลยแม้แต่น้อย ทั้งที่ทั้งสองคนเพียงแค่ตักอาหารให้กัน ซึ่งน่าจะทำแบบนี้กันเป็นปกติ แต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็น… คนนอก





เพราะแทนใจรักน้องชายมาก จนลึกๆแล้วผมแอบกลัว ว่าเขาจะรักแทนกายมากกว่าผม





“เออใช่ พูดถึงตอนอนุบาล” เด็กแทนกายทำเสียงตื่นเต้นเหมือนกับว่ากำลังจะเล่านิทานที่น่าฟังที่สุดในโลก “คุณเมฆรู้มั้ยครับ ตอนที่ผมอยู่อนุบาลสองหรือสามนี่แหละ ผมกับพี่ๆเล่นกันที่สวนท้ายหมู่บ้าน แล้วมีหมาวิ่งไล่ ผมกับพี่ๆวิ่งหนีสุดชีวิตเลย แต่ผมดันล้ม ตอนหมามันจะมากัดผมนะ พี่แทนใจเขาเอาอะไรไม่รู้ปาหมา มันเลยโมโหไปกัดพี่แทนใจ”

“...”

“ตอนนั้นพี่ไม่ร้องเลยสักนิดทั้งที่พึ่งจะปอสี่เอง เก่งมากเลย ขนาดหลังจากนั้นต้องไปฉีดยากันพิษสุนัขบ้าตั้งยี่สิบกว่าเข็ม พี่ก็ไม่ร้องไห้เลยสักแอะ”

“...”



ทั้งที่เด็กนั่นพูดด้วยใบหน้ายิ้มๆแต่ดวงตาไม่ได้ยิ้มตามไปด้วยเลยครับ สีหน้าที่ส่งมาทางผมนั้นมีความเป็นปรปักษ์อย่างชัดเจน ผมคิดว่าถ้าหากในมือของเด็กแทนกายมีมีดอยู่ละก็ หมอนั่นคงไม่ลังเลที่จะเอามันมาฟันผมแน่นอน



“น้องกาย น่ารักจังเลย จำได้ด้วยเหรอครับ?”



แทนใจที่ไม่รู้ว่าน้องชายตัวเองกำลังขู่ฆ่าผมผ่านเรื่องเล่าน่ารักของตัวเอง ยังคงชมน้องชายออกหน้าออกตา โดยมีเสียงงิ้งๆทำนองว่าน้องกายเก่งที่สุดเลย พี่รักน้องกายมากนะครับ อะไรก็ไม่รู้ดังเป็นแบ็กกราวนด์ให้ผมได้ยินอีก ซึ่งตอนนั้นความสนใจของผมไม่ได้อยู่ตรงการอวยน้องของแทนใจอีกแล้วครับ





ตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเอง… แพ้





เมื่อเป็นเรื่องของแทนกายแล้ว ผมแพ้เด็กแทนกายอย่างหมดรูป มันรู้สึกชาแปลกๆและยากที่จะยอมรับว่าบางทีผมอาจจะไม่ใช่คนที่สร้างรอยยิ้มให้กับแทนใจได้เหมือนกับที่คนรอบตัวเขาสร้างให้





ภาพแทนใจที่พูดนั่นนี่กับน้องชายตัวเองอย่างมีความสุขนั้นทำให้ผมเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่าตกลงแล้ว ผมสามารถทำให้แทนใจเขายิ้มได้ เหมือนกับที่เขาทำให้ผมยิ้มหรือเปล่า?





แทนใจเป็นความสุขของผม แล้วสำหรับแทนใจ นอกจากความเสียใจแล้ว ผมให้อะไรน้องอีกหรือเปล่า?





“พี่เขาเข้มแข็งมากเลยเนอะ” เด็กแทนกายพูดต่อ “เพราะงั้น ผมเลยโกรธมากๆตอนที่เห็นพี่เขาร้องไห้จนตาบวม คนที่มาทำให้พี่แทนใจเสียใจขนาดนี้เนี่ย ถ้าตายไปได้ก็คงจะดีเนอะ”

“...” มันกะเอาผมตายจริงๆด้วยว่ะ แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะเถียงยังไงเลยครับ มันแบบ … เออ แย่อะ

“เอ่อ…” แทนใจพูดขึ้นมา น้องมองซ้ายมองขวาเหมือนไม่แน่ใจเท่าไหร่



“...”



“แต่พี่ว่าพี่ฟังเขาได้นะ”





เงียบครับ


เงียบกันทั้งผมทั้งเด็กเปรต โดยเฉพาะฝั่งนั้น หน้าหงายไปแล้ว





“คนเราผิดพลาดกันได้ พี่เข้าใจนะ ถึงแม้พี่จะเสียใจจริงๆอย่างที่น้องกายบอกนั่นแหละ แต่มันไม่นานหรอก แต่เดี๋ยวพี่ก็ดีขึ้นแล้วแหละ พี่ไม่โกรธใครนานอยู่แล้ว”

“ตะ… แต่--”

“ยิ่งถ้าคนที่ทำให้พี่เสียใจคือคนที่พี่รัก พี่คงโกรธ แต่พี่ก็พร้อมที่จะให้อภัยถ้ามันมีเหตุผลมากพอ เพราะงั้นน้องกายไม่ต้องคิดมากนะ”

“ครับ...”



หลังจากที่เด็กนั่นรับคำสั้นๆแล้ว ทุกอย่างก็ตกอยู่ในความสงบสุขอีกครั้ง โดยเฉพาะผมครับ มีความสุขใหญ่มาก หน้าบานเลย กับข้าวมื้อนี้อร่อยมาก แล้วแฟนผมก็น่ารักมากเช่นเดียวกัน





ผมอยากจะดึงแทนใจเข้ามากอดแน่นๆให้น้องตีๆในแบบของเจ้าตัว แต่ผมน่าจะโดนน้องโกรธเพิ่มอีก คดีเก่ายังไม่เคลียร์ ยังไม่พร้อมสร้างคดีใหม่ใดๆตอนนี้





แต่ในวินาทีที่ผมรู้สึกเหมือนกำลังจะกลายเป็นผู้แพ้ แต่พอแทนใจพูดแบบนั้นขึ้นมา มันเหมือนกับแสงสว่างที่จุดขึ้นมาเลยครับ ถ้าแทนใจพร้อมจะให้อภัย ผมก็จะทำทุกวิถีทางให้เขายอมผมให้ได้





ผมไม่แพ้แน่นอน!





“เด็กๆอิ่มกันหรือยังคะ? วันนี้มีผลไม้ให้ทานด้วยนะ”





ความคิดของผมถูกขัดขึ้นเมื่อคุณแม่เดินกลับเข้ามาพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้ม แทนใจกับแทนกายส่งยิ้มกว้างให้มารดา ในขณะที่ผมพยายามเกร็งริมฝีปากให้เหมือนกับที่ตัวเองยิ้มอยู่ทุกวัน ถ้าไม่สังเกตดีๆก็คงไม่ดูประหลาดละมั้ง หรือประหลาด? ช่างมันเถอะ





“มะละกอของชอบพี่แทนใจไงคะ แล้วก็มีสับปะรดกับแคนตาลูปด้วย เสียดายถ้าพี่แทนรักอยู่พี่แทนรักจะได้ทานด้วย” คุณแม่เดินมาตัวเปล่า ผมคิดว่าน่าจะมีคนยกตามมาให้ทีหลัง





“ดีจังเลย ผมไม่ได้กินมะละกอมาหลายวันแล้ว” แทนใจพูดพร้อมรอยยิ้มเต็มแก้ม ที่ทำให้ผมยิ้มตามได้ง่ายๆ “ว่าแต่คุณแม่มีมะเขือเทศมั้ยครับ? มะเขือเทศจิ๋วๆน่ะครับ”

“มะเขือเทศเหรอคะ? ไม่มีค่ะ พี่แทนใจจะทานเหรอ? ไม่ใช่ว่าหนูไม่ชอบมะเขือเทศเหรอคะ?”

“ผมไม่ชอบ แต่น้องแทนกายชอบครับ”

“อ๋อ… วันนี้ไม่มีครับ น้องแทนกายทานพวกนี้ไปก่อนนะคะ”

“...ได้ครับ ผมไม่มีปัญหา”





ทั้งที่คุณแม่พูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมทั้งมองไปที่เด็กทั้งสองคน แต่บรรยากาศมันกลับต่างออกไป ถึงแม้จะเป็นแบบนั้นแต่คนในครอบครัวก็ยังคงทานข้าวกันต่อ โดยที่หลังจากนั้นไม่นาน ผลไม้หน้าตาน่าทานก็ตามมา ครอบครัวเขาก็นั่งทานกันไปโดยที่ผมก็ร่วมวงสนทนาบ้างตามมารยาท แต่สุดท้ายแล้วก็จมอยู่กับความคิดของตัวเองเสียมากกว่า





.

.

.





เวลาอาหารเย็นจบลงหลังจากนั้นไม่นาน ผมกำลังจะขอตัวกลับหลังจากที่มาอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้ว แต่พายุเข้าพอดี ถนนช่วงซอยบ้านแทนใจกำลังทำทาง คุณแม่เลยชวนให้นอนค้างก่อนเพราะมันอันตรายถ้าจะกลับมืดๆ ถ้าเป็นวันปกติผมอาจจะปฏิเสธไปแล้ว แต่นี่ผมกับแทนใจที่ยังอยู่ในสภาวะแบบนี้ ผมที่อยากใช้เวลากับน้องเลยตกปากรับคำทันทีโดยไม่เสียเวลาคิดสักนิด





“เราจะให้พี่นอนเตียงด้วยใช่มั้ย?”





ผมถามอย่างไม่แน่ใจเมื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย (ขอบคุณที่ตัวเองมีชุดสำรองติดไว้ในรถตลอดเวลา ถ้าหากให้แย่งชุดนอนแทนใจใส่นี่มันคงเต่อและตึงแบบไม่น่าดูเลยทีเดียว) ผมยืนหันรีหันขวางอยู่บนพรมเช็ดเท้าในห้องของน้องอย่างไม่แน่ใจ





ยังดีที่แทนใจกับแทนกายแยกห้องกันนอน เพราะถ้าต้องนอนรวมกันสามคนผมคงอึดอัดจนเผลอเตะน้องชายแฟนแน่นอน





“ใช่สิครับ” เด็กน้อยในชุดนอนลายทางคล้ายวันไปเอ้าท์ติ้งแต่คนละสีกันตอบ “หรือว่าคุณจะนอนบนพรม ผมก็ไม่ถือสาอะไรนะ”

“ให้พี่นอนกับเราสิ ตอนเราไปนอนบ้านพี่ เรายังนอนเตียงเดียวกันเลย”

“ทวงบุญคุณกันเหรอครับ?”

“แล้วได้ผลมั้ยล่ะ?”





ผมมองตาอีกคนที่ตอนนี้หันหน้าไปอีกฝั่ง ท่าทางของแทนใจที่อ่อนลงจากตอนแรกเป็นสัญญาณที่ดี แม้ว่าอีกฝ่ายจะยังไม่ได้ตอบรับผมด้วยความน่ารักเหมือนกับทุกครั้งที่หยอด หากแต่ไม่ได้ปฏิเสธหรือร้องไห้แบบตอนแรก ผมก็นับว่าดีแล้วครับ





“พี่จะถือว่าได้ละกันนะ”





ผมทรุดตัวนั่งลงบนอีกฝั่งหนึ่งของเตียง โดยที่เด็กแทนใจนั้นก็รีบหันหลังให้ผมทันที ผมเดาว่าเขาคงยังไม่พร้อมที่จะเห็นหน้าผมตอนนี้ ไม่เป็นไร ผมบอกแล้วว่าผมรอได้





“ผมง่วงแล้ว เรานอนกันเลยได้มั้ยครับ?”

“พี่ตามใจเราอยู่แล้วนะ”

“โอเค งั้นผมปิดไฟเลยนะ”

“ครับ”



พวกเรานอนกันทั้งที่ยังไม่เที่ยงคืนเลยด้วยซ้ำ ถึงแม้จะปิดไฟแล้วแต่ผมไม่ได้ง่วงเลยแม้แต่น้อย ในหัวกำลังคิดเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด



“พวกเรานอนแบบนี้ เหมือนกับตอนวันเอ้าท์ติ้งเลยเนอะ”

“วันไหนอะ?” แทนใจส่งเสียงถาม ทั้งที่ยังคงหันหลังให้ผม “วันที่ผมเมาแล้วชูวับชูวับกับคุณน่ะเหรอ?”

“ไม่ใช่สิเด็กทะลึ่ง” ผมหัวเราะเอ็นดูอีกคน นึกหน้าเขาออกเลย แทนใจคงต้องทำตาโตๆแก้มแดงๆอยู่แน่นอน อยากดึงมากอดแต่มันไม่ใช่เวลา “คืนที่สองต่างหาก ที่เราเปิดใจคุยกันครั้งแรกน่ะ”

“อ๋อ... “




ถึงแม้จะปิดไฟ แต่ผมรู้สึกได้ว่าอีกคนคลายตัวที่ม้วนเป็นก้อนออก แล้วขยับตัวพลิกมานอนหงาย



“ตอนนั้นเรากลัวผีเลยขอมานอนกับพี่จำได้มั้ย?”



“ฮื่อ” แทนใจส่งเสียงครางกลับมา “คุณงอนเพราะผมเรียกพี่ป้องว่าพี่”



“ก็มันน่าน้อยใจมั้ยล่ะ เห็นคนที่ตัวเองชอบดูสนิทกับอื่นขนาดนั้น” ผมพูดแล้วมองแทนใจ ตอนนี้น้องหันหน้ามาทางผมแล้ว ถึงแม้เจ้าตัวจะนอนหงายอยู่เหมือนเดิมก็ตาม ใบหน้าของแทนใจยังคงนิ่งเรียบ แต่สายตาไม่ได้แสดงความโกรธหรือเสียใจออกมามากมายเหมือนเมื่อหลายชั่วโมงก่อนแล้ว เหลือเพียงสายตาที่มีความคิดมากมายไหลวนอยู่เท่านั้น





“แต่น้อยใจแล้วไม่คุยกับผมนี่ผมจะรู้ได้ไงว่าคุณโกรธอะไร ผมไม่ใช่หมอดูนะ ผมไม่รู้หรอกว่าคุณคิดอะไร แถมคุณน่ะ...” น้ำเสียงแทนใจอู้อี้เหมือนกับว่าเจ้าตัวเอาผ้าห่มห่อหน้าไปครึ่งหนึ่งตอนพูด “เข้าใจยากจะตาย”




ผมนิ่งนิดหน่อยเมื่อน้องย้ำในประเด็นที่เป็นปัญหาของผมตลอดมา ซึ่งแทนใจพูดต่อ





“ผมพยายามที่จะเข้าใจคุณนะ บางทีผมก็รู้สึกเหมือนกับว่าผมทำได้ แต่บางครั้งคุณก็ทำให้ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองคิดถูกมั้ย บางทีมันรู้สึกเหมือนคุณคิดว่าผมเด็กเกินไปที่จะเข้าใจว่าคุณคุยอะไร หรือเข้าใจปัญหาของคุณ”





“แทนใจ…” ถึงแม้จะฟังมาจากพวกไอ้แว่นกฤติกับซุกซนบ้าง แต่พอน้องพูดออกมาจริงๆแล้ว ผมคิดไม่ถึงว่าจะสร้างความไม่มั่นใจให้น้องถึงขนาดนี้





ครั้งนี้ผมตัดสินใจแล้วว่าจะทำให้ทุกอย่างกระจ่าง เพื่อเขา





“แทนใจจำได้มั้ยครับ ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราบอกว่าพี่เข้าใจยาก”

“...เอ๋?”

“จำวันที่พวกเราไปดูหนังด้วยกันได้มั้ย ตอนที่เรานั่งกันอยู่บนรถ แทนใจบอกว่าพี่เข้าใจยาก วันนั้นแหละที่ทำให้พี่ทักหวานไป เพราะว่านี่คือเหตุผลที่หวานใช้บอกเลิกพี่เหมือนกัน”

“...” แทนใจเหมือนจะงงไปแล้ว แต่ผมพูดต่อ

“พี่ไปปรึกษาเขาว่าพี่ควรจะต้องทำยังไงบ้างให้ตัวเองเข้าใจง่ายขึ้นสำหรับคนรัก เพราะพี่ไม่อยากให้เรื่องของเราซ้ำรอยเดิมแบบตอนนั้น พี่ไม่อยากเลิกกับเรา ไม่เคยอยากเลย”

“... ผมก็ไม่อยาก”



ผมกลั้นรอยยิ้มโง่ๆของตัวเองไม่ได้เมื่อน้องพูดต่อมาเบาๆเหมือนหลุดปากออกมามากกว่าที่จะทำให้ผมได้ยิน แต่ยังดีใจมากตอนนี้ไม่ได้ครับ ต้องง้อแฟนต่อก่อน



“พี่คิดน้อยไปจนเผลอทำร้ายความรู้สึกเรา พี่แค่ไปคุยกับหวานเพราะเรื่องนี้ แล้วก็...”




ผมกัดริมฝีปาก ถ้ามีอะไรสักอย่างที่จะตรงข้ามกับแทนใจมากๆ ก็คงเป็นเรื่องการบรรยายความคิดกับความรู้สึกของตัวเองออกมาอย่างกล้าหาญแบบที่น้องทำนี่แหละ




“...” แทนใจเงียบราวกับว่ารอคอยให้ผมพูดต่อ ถึงแม้จะปิดไฟมืด แต่ผมรู้สึกได้ว่าอีกคนจ้องผมตาแป๋วอยู่



“พี่… อิจฉาเรากับน้องน่ะ”



“ฮ๊ะ?” แทนใจถามเสียงหลง นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังพลาดที่พูดอะไรแบบนี้ออกมา แต่เอาแล้วก็ไปให้สุด มันไม่มีอะไรน่าอายกว่านี้แล้วแหละ



“พี่เห็นเราดูให้ความสนใจกับแทนกายมาก… จนพี่หึง”



“...”



“ขนาดอยู่ด้วยกันเราก็สนใจแต่แทนกาย พี่ไม่ชอบเวลาที่เห็นเราสนิทกับคนอื่นมากกว่า ขนาดตอนปกป้องอะไรนั่นพี่ยังไม่ชอบที่เราเรียกเขาว่าพี่เลย มันดูเหมือนสนิทกับเขามากกว่าพี่ คือมัน… ประมาณนั้นแหละ”



“แต่นั่นน้องชายผมนะ”

แทนใจพูดต่อ ท่าทางเขายังคงไม่เข้าใจเท่าไหร่

“แบบน้องที่คลานตามกันมาอะพี่ ผมเลี้ยงน้องมากับมือเลย ป้อนข้าวป้อนน้ำมาตลอดตั้งแต่อนุบาล ผมก็ต้องสนใจน้องสิ”



“งี่เง่าใช่มั้ยล่ะ …”

ผมถามน้องกลับ

“พี่เลยไปคุยกับหวานเพราะไม่อยากให้เราคิดมากเรื่องนี้ แค่พี่เองพี่ยังรู้สึกเลยว่ามันออกจะไร้สาระ ไม่อยากให้เราเสียความรู้สึก แล้วก็ไม่อยากให้เรามองพี่ว่าไร้สาระ … จนเลิกกัน”



“...”

“แทนใจ”

“ครับ”

“พี่ขอโทษนะ”




ผมหันหลังไปอีกทาง อายว่ะเอาจริงๆ ไม่กล้ามองหน้าน้องเลย ผมคิดว่าแทนใจจะหัวเราะหรืออะไรแบบนั้น แต่สัมผัสที่หัวไหล่กับแผ่นหลังทำให้ผมรู้ได้ว่าอีกคนกำลังกอดเอวแล้วเอาหน้าแนบแผ่นหลังผมอยู่




“คุณ…”

“ครับ”

“ตอนนั้นผมโกรธนะ เสียใจด้วย”

แทนใจกระชับอ้อมกอดเข้ามาอีก ผมรู้สึกว่าน้องเอาหน้าผากแนบกับต้นคอผมคล้ายกับจะออดอ้อนแบบไม่ได้ตั้งใจ

“แต่ตอนนี้ผมไม่โกรธแล้วนะ …”




ผมพลิกตัวกลับไปหาน้อง คนที่นอนอยู่ข้างๆทำตาแป๋วมองผมเหมือนกับเด็กน้อย ใบหน้าของอีกคนดูน่ารักจนผมอดเอามือไปแตะเบาๆที่ปรางแก้มนุ่มนั่นไม่ได้




คิดถึง





“คุณพี่เมฆครับ” น้องเรียกผมมเบาๆ ตอนนี้ใบหน้าเราห่างกันแค่เพียงฝ่ามือกั้นเท่านั้น “ผมคิดถึงคุณนะ”

“พี่ก็คิดถึงแทนใจครับ”




แรงดึงดูดของน้องทำให้ผมเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้อีกคนโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้ผมอยู่ใกล้กับเขาจนผมมองใบหน้าน่ารักนั่นไม่ชัดแล้ว ใจหนึ่งผมก็อยากจะถอยกลับไปเพื่อมองหน้าอีกคน แต่ลมหายใจอุ่นๆที่กำลังรดใบหน้าผมอยู่มันรู้สึกดีเกินกว่าที่จะถอนตัวออกไป




“พี่ขอจูบนะครับ”

“ยังจะมาถามอีก”





เสียงกระซิบของเราสองคนเงียบหายเพราะจูบแรกในรอบหลายวันของเรา ทั้งที่ผมคิดถึงน้องมากจนรู้สึกว่าตัวเองน่าจะต้องตะกละตะกลามกว่านี้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว มพอริมฝีปากเราแตะกัน มันเป็นแค่จุมพิตธรรมดา เราสองคนแค่ต้องการซึมซับความรู้สึกของการจูบกันเอาไว้




มือทั้งสองสอดประสาน ความร้อนจากร่างกายของแทนใจทำให้ผมรู้ว่าตัวเองไม่ได้กำลังฝัน




“อื้อ--”





ผมละออกมาอย่างเสียดายเมื่อแทนใจประท้วงในลำคอเหมือนกับว่าเจ้าตัวหายใจไม่ทัน หน้ามุ่ยๆที่กำลังพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดตรงหน้าน่ารักมากจนผมอดที่จะจุ๊บปลายจมูกอีกคนด้วยความเอ็นดูไม่ได้





“เราดีกันแล้วใช่มั้ยครับ?”




แทนใจเงียบไปตอนที่ผมถาม แต่สุดท้ายแล้ว อีกคนก็ตอบกลับมาเบาๆ




“ผมยังโกรธคุณอยู่นะ ตะ…  แต่คำสารภาพของคุณน่ารักดี ผมโอเคก็ได้”




ผมดีใจจนแทบจะไปปลุกไอ้เด็กแทนกายมาหัวเราะใส่หน้า แต่ยังไม่ทำครับ เดี๋ยวแทนใจโกรธอีก ไม่เอาดีกว่า เก็บไว้หัวเราะใส่หน้าเด็กนั่นพรุ่งนี้เช้าก็ยังทัน






ทั้งที่พอเป็นแฟนกันแล้วผมกับแทนใจเรานัวเนียกันจนแทบไม่ได้นอนก็บ่อย แต่ครั้งนี้เราสองคนแค่นอนหลับไปในอ้อมกอดของกันและกันเท่านั้น






แล้วหลังจากนี้ … ผมจะไม่ยอมให้เขานอนคนเดียวอีกต่อไปแล้ว








------- TBC -------




เมื่อวานขอบคุณทุกคนมากนะคะที่มา XD

จะมาต่อพรุ่งนี้นะคะ
สุขสันต์วันจันทร์นะคะ XD


แจ้งเตือนครั้งที่ 1 !

ผู้ดูแล ลบข้อความประชาสัมพันธ์ ออกนะคะ

จากกฎข้อที่ 17  เนื้อหายังลงไม่จบ
ห้ามประชาสัมพันธ์ เปิดจอง ใดๆ ทั้งสิ้นในกระทู้
ไม่ว่าในรูปแบบหนังสือหรือ e-book



อ้างถึง
17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน 

ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)

ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡23rd: ผม... แพ้ (100%) (21/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 22-10-2018 20:31:46
23rd Monday: Second Half

#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 





“ขอบคุณมากเลยนะครับที่ยอมให้ผมกับน้องติดรถมาด้วย”




แทนใจพูดตอนที่พวกเรากำลังอยู่บนรถครับ หลังจากที่ผมนอนบ้านน้องแทนใจเมื่อคืน วันนี้ก็ได้เวลาออกมาทำงาน โดยที่หิ้วสองพี่น้องแทนใจแทนกายออกมาด้วยครับ ยังดีหน่อยที่แทนใจมานั่งข้างหน้าข้างๆผม ถึงแม้ตอนแรกไอ้เด็กที่นั่งหน้าบูดอยู่ด้านหลังจะพยายามอ้อนให้แฟนผมนั่งกับมันก็เถอะ




“เรื่องเล็กน้อยครับ”




ผมขับวนไปส่งแทนใจที่บริษัทก่อนเพราะมันขึ้นทางด่วนไปแป๊บเดียว แล้วค่อยวนไปส่งแทนกายทีหลัง ความจริงผมอยากจะอ้อมไปส่งแทนกายก่อนจะได้อยู่กับแทนใจนานๆ แต่ถ้าทำแบบนั้นน้องสายแน่นอน แล้วตัวผมเองก็จะสายกว่าด้วย พอถึงไซต์ก็รู้ได้เลยว่าโดนลูกค้าเด็ดหัวแน่นอน




“ขอบคุณนะครับคุณพี่เมฆ” น้องแทนใจหันมาพูดกับผม ก่อนที่เจ้าตัวจะลงรถ “ขอบคุณที่ไปส่งแทนกายด้วยนะครับ ส่วนน้องกายตั้งใจเรียนนะครับ เดี๋ยวเลิกงานแล้วพี่โทรหานะ”

“ครับ”




เด็กแทนกายรับคำแล้วเปลี่ยนที่มานั่งข้างหน้า ซึ่งผมยังคงสวมมาดคุณพี่เมฆคนดีของน้องแทนใจอยู่ครับ ถึงแม้ว่าอยากจะบอกน้องชายแฟนให้ไปนั่งข้างหลังแบบเดิมนั่นแหละ ดีกว่านะ พี่รำคาญหน้าน้องครับ



แต่ทำได้แค่คิด เพราะเด็กนั่นแทรกตัวขึ้นมาบนรถพร้อมคาดเข็มขัดเสียดิบดี ยังไม่พอ หันมาทำหน้ากวนประสาทใส่อีก




“เมื่อไหร่คุณจะออกรถครับ รอให้พี่แทนใจรักคุณมากกว่าผมเหรอ? น่าจะชาติหน้านะ”




ไอ้เด็กเปรตเว๊ย! ผมเกลียดมัน!!!




.

.

.



ตุ๊กตาหน้ารถหน้าตาน่ารักของผมเปลี่ยนเป็นเด็กบ้าหน้ารถตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?



ผมคิดอย่างเซ็งๆตอนที่กำลังเลี้ยวรถออกจากหน้าบริษัท ซึ่งประเทศไทยที่น่ารักนี่ติดมันตั้งแต่ถนนเมนหน้าบริษัทผมเลยครับ นี่ขนาดยังไม่เข้าถนนเส้นหลักเลยนะ ไม่ต้องพูดถึงการขับวนไปที่ปลายถนนสุขุมวิทเพื่อทิ้งเด็กนี่ที่สถานีบีทีเอสเลยครับ




“นี่”

“...”

“รู้ใช่มั้ยว่าเราเกลียดกันน่ะ”

“...”

“แล้วก็รู้ใช่มั้ยว่าทำไมผมถึงเกลียดคุณ?”

“...”

“ทำไมไม่ตอบล่ะ? ไม่มีหูหรือไงครับ?”

“ชื่อแทนใจป้ะล่ะ? ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ค่อยอยากคุยด้วย”




 ผมพูดด้วยเสียงเนือยๆ ภาพที่เห็นผ่านกระจกคือเด็กแทนกายนั่งกอดอกหันหน้ามาทางผมด้วยสีหน้ากวนประสาท แต่อย่างน้อยผมก็ทำให้คิ้วมันพันกันได้ล่ะวะ ชนะ!




“เรื่องพี่แทนใจนะ จะไม่คุยเหรอ?”

“แทนใจทำไม”




ผมตอบเด็กนี่กลับไปทันทีโดยที่ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ เพิ่งสังเกตว่าเด็กแทนกายนี่มันก็ไม่ได้แอ๊บอะไรแล้ว อย่างน้อยก็ไม่ได้ทำท่าทางเหมือนกับเคารพผมมากมายแบบตอนที่อยู่ต่อหน้าแทนใจกับคุณแม่ล่ะครับ




“ผมรักพี่แทนใจ”

“เรื่องนั้นรู้แล้ว ขออะไรใหม่ๆหน่อย”

“คุณเข้าใจคำว่ารักของผมใช่มั้ย?”




ผมนิ่งไปเล็กน้อย ถึงแม้จะคิดไว้อยู่แล้ว แต่พอมาได้ยินอีกครั้งมันก็ออกจะแปลกๆนิดหน่อย




“... ฉันไม่ได้โง่เหมือนนาย”

“ไม่ตกใจเลยเหรอ?”

“...ก็คิดไว้อยู่แล้วล่ะ”

“ขยะแขยงมั้ย?” 

“...”

“ขยะแขยงสินะ ไม่แปลกหรอก ใครที่รู้ก็ขยะแขยงหมดแหละ เนอะ”




ผมไม่รู้ว่าตัวเองควรจะตอบอะไรดี เมื่อสมมุติฐานที่คิดไว้ดันได้รับการคอนเฟิร์มโดยปากของเจ้าตัวเอง แต่สุดท้ายแล้ว ผมก็ตอบตามสิ่งที่คิด




“ไม่อะ นอกจากความเกลียดแล้ว ก็ไม่มีอะไรนะ”

“สมเป็นคุณพี่เมฆของพี่แทนใจดีจัง”




เด็กนั่นพูดพร้อมกับบิดขี้เกียจ เหมือนกำลังพูดธรรมดา ตามองไปที่ถนนข้างหน้า นอกจากหน้าตาแล้ว เด็กแทนกายไม่มีอะไรเหมือนกับแทนใจเลยจริงๆ




“ผมไม่รู้ว่าพี่แทนได้เล่าเรื่องครอบครัวเราให้คุณฟังมากแค่ไหน แต่ที่คุณเห็นว่าเหมือนจะดีน่ะ มันไม่ได้ดีแบบนั้น อย่างน้อยก็สำหรับผม บ้านไม่เคยเป็นบ้านเลยถ้าไม่มีพี่แทนใจ”

“...”

“จนถึงตอนนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าตัวเองทำอะไรผิด แค่เกิดมาแค่นั้นแหละ เหมือนทุกอย่างมันผิดไปหมดเพราะผมดันเกิดมาบนโลกแล้ว”

“...”

คุณรู้มั้ย ตอนที่ไม่มีใครสนใจผม ไม่มีใครต้องการผม พี่แทนใจเป็นคนเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองควรมีชีวิตอยู่”

“...”

“เขาทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองมีค่า ตัวเองคือน้องชายที่พี่เขาภูมิใจที่ได้เลี้ยงมา เป็นเหมือนแสงสว่างเดียวที่อยู่ในชีวิต เป็นคนที่ทำให้ผมรู้จักความรักจริงๆ ทั้งที่พี่เขาไม่ได้ทำอะไรเลย แค่เป็นพระอาทิตย์ในชีวิตผมแค่นั้นเอง”

“...”

“ตอนที่เห็นคุณอยู่กับพี่ผมอยากจะฆ่าคุณให้ตาย ยิ่งเห็นรอยบนตัวพี่ที่ผมไม่เคยมีโอกาสได้ทำผมยิ่งเกลียดคุณ เกลียดที่พี่รักคุณมาก และกลัวว่าวันหนึ่งพี่เขาอาจจะลืมไปว่าเคยมีผมอยู่ตรงนี้”

“... นี่นายไม่ได้เมาข้าวต้มเมื่อเช้าใช่มั้ย”

“คุณเมาข้าวต้มได้เหรอ?” เด็กแทนกายหันมาถาม เมื่อเราพูดถึงอาหารที่คุณแม่เตรียมไว้ให้เมื่อเช้า ก่อนพวกเราจะออกมาจากบ้านกัน  “อาจจะได้ เขาว่าคนบ้ามันจะเมาอะไรง่ายกว่าชาวบ้าน”

“...” ปากดีจนสงสารไม่ลง

“แต่คุณดันทำให้พี่แทนใจพี่แทนใจมีความสุขได้เพราะแค่เห็นหน้าเท่านั้น ทั้งที่คุณทำให้พี่เขาร้องไห้แทบเป็นแทบตาย แต่พอเห็นหน้าคุณ กินข้าวกับคุณ พี่เขากลับดูมีความสุขขึ้นมา ทั้งที่ผมพยายามมาทั้งอาทิตย์พี่เขาไม่ยิ้มออกมาจากใจเลยสักครั้ง”

“...” พูดดี เพิ่มคะแนนสงสารให้สองแต้มละกัน




ผมอาศัยจังหวะที่รถติด (ซึ่งความจริงมันไม่ขยับเลยตั้งแต่เมื่อกี้) หันไปมองหน้าอีกคน แทนกายมีดวงตากลมโตเหมือนแทนใจ แต่เหมือนจะตาสีอ่อนกว่า ริมฝีปากเหมือนจะอิ่มกว่าแทนใจด้วยซ้ำ แก้มที่มีไม่เยอะเหมือนกับพี่ชายแต่ก็ดูคล้ายกันไม่น้อย ผมสีดำสนิทที่ถูกตัดเป็นผมหน้าม้าคล้ายกับแทนใจ ต่างกันแค่ฝั่งแทนใจนั้นผมหน้าม้ามักจะวุ่นวายไม่เป็นทรงแม้แต่ในตอนเช้าวันทำงานก็ตาม ในขณะที่เด็กนี่ดูเรียบร้อยเหมือนกับถูกจัดทรงไว้อย่างดี




ดูเผินๆเหมือนกับเป็นเด็กไร้เดียงสาไม่มีพิษภัย




ใบหน้าที่มีเสน่ห์พูดเรื่อยๆทั้งที่ตายังคงมองถนน พอมองมุมนี้แล้วแทนกายดูโอบล้อมไปด้วยความเศร้าจนผมนึกเห็นใจ เด็กคนนี้ต้องผ่านอะไรมามากแค่ไหนถึงได้มองโลกมืดมนได้ตรงข้ามกับแทนใจอย่างสิ้นเชิงแบบนี้



ยิ่งประโยคที่พูดว่า แค่เพราะเกิดมาก็ผิดแล้ว นี่ทำให้ผมถึงกับกำพวงมาลัยแน่นทั้งที่ไม่จำเป็น มันทำให้ผมนึกถึงเด็กสายฝนนั่น ผมสาดความเกลียดชังใส่เด็กนั่นโดยที่เขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วยหรือเปล่า?



ตัวพ่อผมมีบ้านเล็กก็จริง แต่เด็กที่เกิดมาไม่ได้ทำอะไรผิดเหมือนเด็กแทนกายนี่ ถ้าหากว่าวันหนึ่งเด็กคนนั้นจะเปลี่ยนสีจากผ้าขาวไปเพราะผมมีส่วน


ผมคง… รู้สึกผิดมาก




“ฉันไม่รู้ว่านายเจออะไรมา คนนอกก็คงพูดอะไรเยอะมากไม่ได้”

“...”

“แต่เท่าที่รู้จักแทนใจมา เขารักนายมากเกินกว่าที่จะเลิกสนใจนายเพราะแค่มีฉันเข้ามาในชีวิตแน่ๆ ฉันมั่นใจ”

“...ขอบคุณ”

“อืม”




ทั้งรถตกอยู่ในความเงียบหลังจากนั้น ทั้งผมและแทนกายต่างใช้เวลาในห้วงความคิดของตนเอง ผมไม่รู้ว่าเด็กนั่นกำลังคิดถึงอะไรอยู่ เขามองทางข้างหน้าสลับกับหน้าต่างด้านข้าง พอมาดูแบบนี้แล้ว แทนกายที่ทำให้ผมโมโหจนพาลแฟนนั้นเป็นแค่เด็กมัธยมธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น




ผมแม่ง… งี่เง่าวู่วามเหมือนที่หวานบอกจริงๆนั่นแหละ




“ผมยอมแพ้”




อยู่ดีๆเด็กนั่นก็พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ซึ่งเรียกผมออกมาจากความคิดของตัวเองได้ทันทีเช่นเดียวกัน




“เรื่องของคุณกับพี่แทนใจ ผมยอมแพ้” แทนกายยังคงพูดสบายๆ แต่ครั้งนี้หมอนั่นหันหน้ามามองผม “จะทำอะไรก็ทำเถอะ อย่าทำให้พี่แทนใจเสียอีกก็พอ ไม่งั้นผมก็ไม่รับประกันว่าอะไรจะเกิดขึ้น”

“...ตกลงนี่ฉันต้องดีใจใช่มั้ย?”

“ใช่สิ” เด็กนั่นพูดต่อ ท่าทางอวดดีจนน่าตีกลับมาอีกครั้ง พึ่งสังเกตว่าจมูกเด็กนี่รั้นเหมือนกับเด็กดื้อ ตรงข้ามกับแทนใจ “คุณเป็นคนแรกที่ผมยอมให้เข้าใกล้พี่ขนาดนี้นะ รู้ไว้ด้วย”

“...” นี่สรุปแทนใจเป็นน้องหรือพี่กันแน่วะ ผมเริ่มงงแล้ว




ความจริงแล้วบริษัทผมไม่ได้ไกลจากรถไฟฟ้าขนาดนั้น แต่เพราะรถมันดันตั้งอยู่บนถนนเส้นที่รถติดตลอดเวลา แถมเมื่อคืนฝนก็เพิ่งจะตกไป ยังมีน้ำขังหลายส่วน เลยได้แต่กระดิ๊บกระดิ๊บอยู่บนถนนเสียนาน จนกระทั่งหลุดโซนนรกออกมาได้ ใช้เวลาไม่นานผมก็ถึงสถานีบีทีเอส




“ขอบคุณนะครับที่มาส่ง”

“อืม” ผมพยักหน้า ความจริงถ้าเด็กนี่ทำตัวน่ารักผมคิดว่าผมคงเอ็นดูอีกคนจริงๆ เด็กมัธยมในชุดนักเรียนโรงเรียนเอกชนที่มีกระเป๋าถือยืนมองผม แถมตอนเขายิ้มจนเห็นลักยิ้มข้างแก้ม มันก็น่าเอ็นดูดีเหมือนกัน

“แต่ผมก็ยังเกลียดคุณอยู่ดีนะ”   




ปั่ง!




เด็กแทนกายทิ้งท้ายพร้อมกับปิดประตูรถดังจนเหมือนกับต้องการให้ผมเข้าอู่ในวันนี้แน่ๆ ผมสบถไล่หลังเสียงดัง  ขนาดจะทิ้งท้ายมันยังกวนส้นตีน ไม่น่ามีช่วงเวลาที่คิดว่ามันน่าสงสารเลยจริงๆ ไอ้เด็กเปรตเอ๊ย!





-------- Monday In Love -------





เป็นเวลาร่วมอาทิตย์หลังจากที่ไปเจอกับแทนใจวันนั้น




ระหว่างเรายังตึงๆแต่ก็ดีขึ้นกว่าเดิม น้องไม่โกรธผมแล้ว (ตามที่น้องเล่าอะนะ) เรากลับมาคุยกันเหมือนเดิม  เรื่องหวานนั้น ผมอธิบายน้องไปหมดแล้ว แต่น้องเหมือนกับจะยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ ส่วนตัวผมเองก็ไม่ได้มีเวลาไปง้อน้องตลอดขนาดนั้น อย่าว่าแต่ง้อน้อง เท้านี่ไม่ได้แตะออฟฟิศเลยครับ ผมเพิ่งกลับมาถึงกรุงเทพฯเมื่อกี้เอง เพราะว่าไซต์ที่ระยองดันมีปัญหา แถมแก้ไม่เสร็จสักที โปรเจคไปเองอีกแล้ว




ผมโคตรอยากจะทุบลูกค้าเรียงคน ทุบหมายหน้าไซต์งานด้วย เวลาตั้งเยอะตั้งแยะมีไม่เจ๊ง พอทะเลาะกับแฟนนะ แข่งกันมีปัญหารัวๆ




เอาเถอะ งานจบผมก็จบแล้ว ผมจบตั้งแต่ออกจากไซต์งานแล้วครับ บายทุกอย่าง ตอนนี้เป็นเวลาของแทนใจและกระต่ายติ๊กต่อกแล้วครับ แต่ตอนนี้กระต่ายในกรงไม่ได้งอนอะไร ต่กระต่ายในใจยังไม่หายโกรธเลย ต้องง้อก่อนครับ




17:30 น.

Mek Sitthikorn: เลิกงานแล้วทักมาหน่อยนะครับ

Mek Sitthikorn: พี่นั่งรออยู่ข้างล่าง ในรถ

Mek Sitthikorn: ไปกินข้าวกัน ห้ามเทนะ พี่จองร้านไว้แล้ว




กดส่งไปแบบมัดมือชกเลยครับ กลัวนัดแล้ววืด ต้องแบบนี้แหละ มารอใต้ตึกแล้วหนีบไปด้วยกันเลยทีเดียว ช่วยไม่ให้เปลืองรถบนถนนด้วย แค่นี้ก็ติดจนไม่รู้ว่าผังเมืองประเทศนี้เป็นยังไง อ๋อ ลืมไป ไม่มีผัง




ถึงแม้จะมั่นหน้ามัดมือชกไปแค่ไหน แต่พอรอแล้วรอเล่า แทนใจก็ไม่ตอบกลับมานี่มันก็ทำให้หน้าสั่นเล็กๆเหมือนกันนะครับ




18.04 น.

Tanjai: เอ้า ผมเพิ่งเห็น

Tanjai: วันนี้ผมงานเยอะมากเลยอะ

Tanjai: แบบมากกกกกกกกกกกกกกก

Tanjai: น่าจะอีกครึ่งชั่วโมงนะครับ

Tanjai: ขอโทษนะ

Tanjai: *ส่งสติกเกอร์*




น้องตอบมาแล้ว แค่เห็นตัวอักษร ผมก็รู้สึกเหมือนมีแทนใจมาบ่นแง๊วๆให้ฟังอยู่ข้างๆเลยครับ ผมพลิกข้อมือดูนาฬิกาของตัวเองที่ไม่ได้ไปยืมเพื่อนที่ไหนมา เวลาครึ่งชั่วโมงมันไม่ได้นานขนาดนั้น ผมเลยตอบอีกฝ่ายไปว่ารอได้ก่อนที่จะกดดับจอ ตั้งใจว่าจะหอบคอมไปนั่งที่ร้านกาแฟ อย่างน้อยก็ขอเคลียร์งานหน่อย ครึ่งชั่วโมงก็มีค่าครับ ผมมี onsite รีพอร์ต ต้องส่งหลังจากกลับมาจากหน้างาน ไหนจะพวกบิลอะไรต่างๆนานาที่ต้องส่งให้เลขาไปเบิกบัญชีอีก




ผมกดล็อกรถแล้วเดินไปร้านกาแฟ ชามะนาวสักแก้วน่าจะช่วยให้สดชื่นได้บ้าง ช่วงนี้งานชักจะปวดหัวมากขึ้นทุกวัน




“รับอะไรดีครับ?”




เด็กที่ชอบยิ้มให้แทนใจ ทำหน้าเหมือนโดนบังคับให้ดูรายการเดินหน้าธรรมกายติดกันสิบชั่วโมง คิดว่าผมสนใจเหรอ?




“ชามะนาวสองแก้ว กับพุดดิ้งช็อกโกแลตครับ”




ผมสั่งเครื่องดื่มไว้ให้แทนใจแบบไม่ถามความเห็นน้อง ถ้าเป็นช่วงเช้าๆเที่ยงๆผมก็คงจะสั่งกาแฟให้เขานะครับ แต่นี่มันเย็นแล้ว กินกาแฟเดี๋ยวดีดกันพอดี แฟนผมยิ่งจินตนาการกว้างไกลอยู่ด้วย




เมื่อจ่ายเงินเสร็จแล้ว ผมก็หาโต๊ะนั่งเพื่อจะกางคอมขึ้นมาทำงาน แต่ยังไม่ทันที่จะเริ่มเข้าระบบ เสียงเรียกชื่อคุ้นเคยก็ดึงสายตาผมออกจากจอตรงหน้า




“คุณพี่เมฆ!”

“อ้าว แทนใจ ไหนบอกว่าขออีกครึ่งชั่วโมงไง” ผมทักอีกคนด้วยความยินดีผสมกับไม่แน่ใจ ตอนนี้เวลาเพิ่งจะผ่านไปประมาณสิบกว่านาทีเองครับ

“ผมรีบปั่น แล้วก็รีบวิ่งลงมา” น้องพูดทั้งที่ยังหอบอยู่ ท่าทางรีบเหมือนกับที่เจ้าตัวบอกจริงๆ ผมหน้าม้าของน้องไม่เป็นทรงอีกแล้ว “คุณจะได้ไม่ต้องรอนานไง”




มาถึงตอนนี้ผมพยายามคีพลุคคุณพี่เมฆคนคูลๆ ทั้งที่ในใจกรีดร้องว่าแทนใจน่ารักดังมาก แฟนใครวะ น่ารักที่สุดในโลกแล้วเนี่ย




“โอเคครับ งั้นเราไปกันเลยละกันนะ พี่จองเอาไว้ทุ่มครึ่ง” ผมปิดคอมโดยที่ส่งชามะนาวกับพุดดิ้งให้น้อง แฟนผมส่งสายตาสงสัยมาให้ ผมเลยอธิบายต่อ “พี่ซื้อเอาไว้ให้ ทำงานมาทั้งวัน ทานอะไรหวานๆน่าจะรู้สึกดีขึ้นนะ”




ผมเดินถือของกลับไปที่รถ โดยที่น้องแทนใจเดินตามต้อยๆมาด้วย ผมชอบความรู้สึกแบบนี้จังครับ อยากจะมารับน้องทุกวันเลย เลิกไปไซต์แล้วได้มั้ย รอไอ้แว่นเกษียณแล้วผมมา take over ตำแหน่งมันได้หรือเปล่า จะได้อยู่กับแทนใจตลอดเวลา




ไร้สาระได้ขนาดนี้ เพราะมีแฟนเด็กครับ




“ทำไมวันนี้เรามากันไกลจังเลยครับ?”




น้องถามเมื่อผมวนรถเข้ามาในเมืองที่ปกติไม่ค่อยมา ผมยิ้มไม่ตอบอะไร เพียงแต่เดินพาเขาตามเข้ามาในร้านด้วย ร้านนี้เป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยนฟิวชั่นที่ผมชอบครับ ค่อนข้างไกลจากที่ทำงานของเราสองคน แต่อาหารอร่อยบรรยากาศดี ซึ่งที่เลือกมาที่นี่เพราะว่ามีเหตุผลน่ะ




“สั่งเลยๆ เราอยากทานอะไรก็สั่งนะ”




ผมทรุดตัวนั่งข้างๆน้องเมื่อพนักงานนำเราสองคนมาที่โต๊ะสำหรับสี่ท่าน ผมสั่งอาหารไปสองสามชนิดที่คิดว่าแทนใจน่าจะชอบ และที่ตัวเองทานได้ด้วย บรรยากาศติดจะทึบเล็กน้อยของร้านไม่ได้ทำให้ลูกค้าอึดอัด แต่มันกลับเข้ากับสไตล์ที่ดูน่าค้นหาของร้านยิ่งกว่าเดิม




“ร้านนี้โอเคมั้ย?”

“ดีครับ” แทนใจที่กำลังโยกหัวไปตามจังหวะดนตรีสดที่นักร้องเวทีกำลังร้องอยู่ น้องตักสลัดที่เพิ่งมาเสิร์ฟขึ้นมาทาน “โอเคเลย ผมชอบนะ ขอบคุณมากนะครับ”

“ด้วยความยินดี”

“ว่าแต่” เด็กที่เคี้ยวสลัดแซลม่อนตุ้ยๆแล้วกลืนเรียบร้อยแล้วเปิดประโยคขึ้นมา “คุณยังไม่ตอบผมเลยนะ ว่าพามาทานไกลขนาดนี้ทำไม?”

 


ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไร คำตอบของผมก็เรียกขึ้นมาจากด้านหลัง ผมหันไปเห็นหญิงสาวที่คุ้นเคยดี เจ้าตัวอยู่ในชุดเดรสสีสว่างในแบบที่ชอบใส่ถ่ายรูป ผมส่งยิ้มให้อีกคนในขณะที่แทนใจข้างๆผมเบิกตากว้างเหมือนกับเห็นนางเงือกตัวเป็นๆกำลังเต้นบีบอยอยู่ตรงหน้า






“รอนานมั้ยเมฆ?”

“ไม่เลยหวาน นั่งก่อนสิ”


นี่แหละครับคำตอบของผม หวาน… แฟนเก่าผมเอง





.

.

.




เกิดมาหลายสิบปี เพิ่งจะเคยมีโมเมนท์แฟนใหม่กับแฟนเก่าปะทะหน้ากันเป็นครั้งแรก




หากเป็นตามละครช่องหลากสี ไม่แฟนใหม่ก็แฟนเก่าคงจะตบกันแย่งผม (แหม่ หล่อเลย) หรืออย่างน้อยก็พูดเสียดสีกันบ้าง แต่การที่แฟนใหม่ผมเอาแต่นั่งจ้องหน้าแทนใจตาไม่กะพริบอยู่ร่วมนาที จนน้องนั่งไม่ติดเก้าอี้เหมือนกับทำตัวไม่ถูก สุดท้ายแล้วเจ้าตัวก็ส่งยิ้มกว้างออกมา




“แทนใจ น่ารักจังเลย เหมือนกระต่ายจริงๆด้วย”

“ครับ?”



เจ้าตัวคงงงน่าดู เพราะแทนใจหันซ้ายหันขวากะพริบตาหน้าแบบไม่เข้าใจว่าผู้หญิงอีกคนกำลังพูดอะไรอยู่ เห็นแบบนี้ผมก็ยืดหน่อยๆ ไงล่ะ บอกแล้วว่าแฟนผมน่ารัก




“น่ารักกว่าในรูปอีกนะตัวจริงเนี่ย”

“เอ่อ…”




น้องแทนใจดูจะไม่แน่ใจเล็กน้อยว่าตัวเองกำลังอยู่ในสถานการณ์แบบไหน เห็นได้จากตาที่เบิกกว้างแล้วก็ท่าทางเหมือนกึ่งเขินกึ่งไม่แน่ใจ พฤติกรรมแบบนี้ทำให้ผมนึกถึงกุ๊กกิ๊กบัญชีเลยนะครับ แต่ฝั่งนั้นดูจะถวายตัวเป็นแม่ยกแฟนผมไปแล้ว




“พี่ชื่อหวานนะคะ เป็นเพื่อนเมฆ” หวานเริ่มต้นพูดก่อนตามแบบฉบับของเจ้าตัว “พี่มาวันนี้จะมาขอโทษที่ทำให้น้องแทนใจทะเลาะกับเมฆนะคะ พี่เคยเป็นแฟนเมฆจริง แต่นั่นมันหลายปีมาแล้ว เราเป็นเพื่อนกันแล้วค่ะตอนนี้ ไม่ต้องหึงแล้วนะ”




“...ครับ”




น้องแทนใจยังคงงงเป็นไก่ตาแตกอยู่ แต่เจ้าตัวก็รับคำแล้วพยักหน้าเหมือนกับว่าเข้าใจข้อความของหวานทั้งหมด ถึงแม้ผมจะไม่รู้ว่าหัวทุยๆใต้หน้าม้านั่นจะคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ตาม




“พี่กับเมฆไม่มีทางกลับไปคบกันแน่นอนค่ะ สงสารพี่ด้วยนะคะน้อง”

“อ้าว หวาน”




ผมหันไปโวยอีกคนอย่างไม่จริงจังนัก ซึ่งที่ได้กลับมาคือเสียงหัวเราะใสๆของหญิงสาวคนเดียวบนโต๊ะ ซึ่งนั่นทำให้แทนใจที่ดูจะเกร็งๆในตอนแรก เริ่มผ่อนคลายลงบ้าง




“เมฆรักน้องแทนใจมากนะคะ ที่คุยกันมีแต่เรื่องน้องทั้งนั้น”




กลายเป็นผมเองที่เริ่มนั่งไม่ติดเก้าอี้เมื่อเพื่อนเริ่มจะแฉผมกลับด้วยความสนุกสนาน ผมพยายามเก๊กหน้านิ่งเมื่อตากลมๆของแทนใจมองมาอย่างไม่เชื่อสายตา




“อีกอย่าง”  หวานเปิดกระเป๋าถือของเจ้าตัว เพื่อหยิบซองจดหมายสีครีมออกมา “พี่กำลังจะแต่งงานค่ะ ขอเซิญทั้งเมฆแล้วก็น้องแทนใจที่งานด้วยนะคะ อีกสามเดือนข้างหน้านะ”




ผมรับซองมาเปิดดู ชื่อในการ์ดคือแฟนหนุ่มคนปัจจุบันของเจ้าตัวที่คบกันมาสองสามปีแล้ว อย่างที่บอกว่าผมกับหวานติดต่อกันตลอด ก่อนที่ผมจะไปปรึกษาเรื่องแทนใจ ก็เป็นหวานนี่แหละที่มักจะทักมาขอความเห็นหรือระบายเวลาที่มีปัญหากับแฟนเสมอ




“น้องแทนใจไม่ต้องกังวลเรื่องพี่นะคะ พี่มีคนที่พร้อมจะอยู่ด้วยทั้งชีวิตแล้วนะ”

“ครับ…” น้องเหมือนกับยังไม่แน่ใจ เจ้าตัวรับคำทั้งที่ดูเหมือนสติยังไม่กลับมา แต่เอาจริง ผมไม่ค่อยแน่ใจว่าน้องเขาเคยมีสติอยู่กับตัวหรือเปล่า




“เมฆเองก็คงเจอคนที่อยากจะใช้ชีวิตร่วมด้วยแล้วเหมือนกัน เนอะเมฆ”




ผมมองใบหน้าแทนใจที่ขึ้นสีระเรื่ออย่างน่ารัก เห็นแล้วอยากจับมาฟัดแบบที่ชอบทำ แต่ผมเกรงใจทั้งเพื่อนและแฟน เลยได้แต่กระชับมืออีกคนเอาไว้ เพราะผมอยากให้เขามั่นใจว่าเขาเลือกคนไม่ผิด เพราะผมไม่เคยคิดว่าตัวเองคิดผิดเลยที่มีแทนใจอยู่ในชีวิต




“ใช่ เราเจอคนนั้นของเราแล้วเหมือนกัน”




มื้ออาหารผ่านไปอย่างกระอั่กกระอ่วนน้อยกว่าตอนแรกมากโข แทนใจเหมือนกับจะเข้าใจร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วว่าผมไม่ได้มีอะไรเกินเลยกับหวานจริงๆ ส่วนตัวหวานเองก็ดูเหมือนจะชอบแทนใจมาก มากจนผมต้องกันไม่ให้อีกคนเอาแทนใจกลับบ้านไปด้วย (คือแบบ หวานเว๊ย แฟนเราไม่ใช่ตุ๊กตาหรือหมากระเป๋า)




แถมผมเพิ่งจะรู้วันนี้เองว่าพี่สาวแทนใจรู้จักกับหวานด้วย เหมือนเคยลงเรียนด้วยกันหรืออะไรสักอย่าง ตอนนั้นผมไม่ได้สนใจแล้วครับ การนั่งมองแทนใจเคี้ยวตุ้ยๆนั้นน่าสนใจกว่าเยอะ




น่ารักจริงๆ




“คุณหวานเขานิสัยดีจังเลย”




แทนใจพูดขึ้นมาเมื่อพวกเราทานเสร็จแล้วอยู่บนรถ วันนี้ผมพาแทนใจไปนอนด้วยกันที่คอนโด เพราะพรุ่งนี้ผมต้องออกไซต์อีกแล้ว เวลาที่จะได้อยู่ด้วยกันมันไม่เยอะเลย ขอเอาตัวมากอดสักคืนสองคืนละกัน




“เราชอบหวานเหรอ? พี่ไม่ยอมเลิกนะบอกไว้ก่อน”

“คุณจะบ้าเหรอ?” ผมหัวเราะเมื่อแทนใจหันมามองหน้าผมตาเหลือก “ผมหมายถึง… ถ้าผมเป็นผู้ชาย ผมก็คงอยากได้แฟนแบบนี้น่ะครับ เข้าใจเลยว่าทำไมคุณพี่เมฆถึงได้ชอบเขา”

“เคยชอบเขาครับ” ผมพูด “ตอนนี้พี่ชอบแทนใจ….” 

“ฮื่อ”

“ชอบมากๆ”

“ฮื่อ”

“รักมากเลยด้วย”

“พอแล้ว! คุณพี่เมฆจะทำให้ผมเขินจนละลายคาเบาะเลยเหรอ? ผมรู้แล้วครับ ฮื่อ โคตรขี้โกงเลยอะไรวะ ทำไมต้องทั้งหล่อ ทั้งดี ทั้งอบอุ่น โครตโกงเลย ทำไมถึงไม่ทำตามแคมเปญโตไปไม่โตนะ ทำไมต้องดีหมดเลย บ้าไปแล้วเหรอ? แล้วแบบนี้ผมจะเลี้ยงคุณไหวได้ไงเล่า ปัดโถ่เอ๊ย”




ผมยิ้มเมื่อมองแทนใจบ่นงุ้งงิ้งอะไรไม่รู้ของเจ้าตัว




แทนใจไม่รู้หรอกว่าตัวเองก็ขี้โกง มีที่ไหนมาทำให้คนอื่นเขาตกหลุมรักซ้ำๆกันแบบนี้ ใช้ได้ที่ไหนกัน





ผมกำมือของคนที่ตอนนี้บ่นเรื่องการเมืองเอาไว้ ไม่ว่าแทนใจจะเป็นยังไง จะบ่นเรื่องไหน ในอนาคตเราจะทะเลาะกันอีกกี่ครั้ง แต่ผมสัญญากับตัวเองไว้ในใจ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมจะไม่มีวันปล่อยมือคู่นี้… ตลอดไป








 
------- TBC -------






แล้วเจอกันจ้า



ขอแปะๆ คำถามไว้ก่อนนะคะ





Babybaphomet

หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡23rd: ผมยอมแล้ว (100%) (22/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 22-10-2018 21:31:23
ทำไมเกมพลิกมาสงสารน้องแทนกาย แง  :hao5:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡23rd: ผมยอมแล้ว (100%) (22/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 22-10-2018 22:28:07
 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡23rd: ผมยอมแล้ว (100%) (22/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 23-10-2018 16:59:36
น้องงงงงงง บ่นงุ้งงิ๊งน่าเอ็นดูไปอี๊กกกก  :m3:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡23rd: ผมยอมแล้ว (100%) (22/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 24-10-2018 01:24:31
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡23rd: ผมยอมแล้ว (100%) (22/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: babybaphomet ที่ 29-10-2018 19:32:17
24th Monday

#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 





เช้าวันจันทร์วนกลับมาอีกครั้ง




รถก็ยังติดเหมือนเดิม รถเมล์ก็ยังไม่มาจนผมแทบจะไปทำงานไม่ทัน พอจะขึ้นแท็กซี่ก็ดันไม่ไป สุดท้ายเลยต้องพึ่งแกร๊บไบค์ไปทำงานเหมือนเดิม (เจอคนเดิมอีกแล้วครับ รอบนี้เขาพยายามเล่าว่าอดีตแฟนเขาโกงธุรกิจเขายังไง ซึ่งผมไม่ได้ยินอะไรเลยเพราะลมตีหน้า แต่พยายามรับคำไปเพราะไม่อยากให้เขาเสียใจ ถึงแม้ว่ามันเหมือนกับเขากำลังพูดกับตัวเองก็เถอะ)




จัดว่าทำเวลาได้ดี เพิ่งจะ 8.40 น. ยังไงก็ไปทันประชุมแน่นอน




ผมคิดอย่างอารมณ์ดีเมื่อถอดหมวกกันน็อกคืนคนขับแกร๊บไบค์ วันนี้ที่ผมไม่ได้มากับคุณพี่เมฆเพราะว่าวันนี้เราต่างคนต่างนอน ยังครับ บ้านเรายังไม่แตกกัน แค่คุณพี่เมฆมีงานต้องทำเฉยๆ




ปกติแล้วเราจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันเท่าที่ทำได้ แต่เมื่อคืนคุณพี่เมฆเขาเพิ่งกลับมาจากไซต์ครับ กว่าจะถึงที่ห้องเขาก็ตีสองตีสามแล้วครับ ผมหลับไปแล้วเพิ่งมาเห็นข้อความในตอนเช้าที่เขาไลน์ทิ้งไว้ ช่วงนี้งานแฟนผมหนักมากเลย ผมไม่อยากกวนเขาเลย นั่นรวมถึงการตื่นมาส่งผมในตอนเช้าด้วยเหมือนกัน ให้เขาได้นอนพักเต็มที่ ส่วนตัวผมก็หน้าม้าเปิดมาทำงานเหมือนเดิม




พูดแล้วก็คิดถึง ไลน์ไปหาหน่อยดีกว่า




Tanjai: คุณพี่เมฆครับ

Tanjai: ตื่นแล้วทักมาหน่อยนะ

Tanjai: คิดถึง




ผมกดส่งด้วยรอยยิ้มโง่ๆ แค่คิดว่าถ้าเขาตื่นมาหัวยุ่งๆหน้าหล่อๆแล้วอ่านข้อความผมแล้วยิ้มผมก็ยิ้มกว้างกว่าเดิมแล้วอะ ผมคิดพร้อมกับเดินเข้าไปในตึกไปด้วย เฮ้อ การมีความรักนี่ทำให้วันที่น่าเบื่ออย่างวันจันทร์นั้น ….ลิฟต์เสียอีกแล้ว!!!! เว๊ย จะเสียอะไรนักหนา บ้าไปแล้วเหรอ?! นี่ค่าเช่าเก็บไปทำอะไรถ้าไม่ปรับปรุงบริการเนี่ย ภาษงภาษีเก็บทำไมถ้าฝนตกแล้วถนนจะพังยับเยินขนาดนี้น่ะ!! 




ยังบ่นไม่ทันสะใจ เสียงแจ้งเตือนของแชทไลน์กรุ๊ปที่ทำงานก็ดังขึ้นครับ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นกรุ๊ปที่ทำงานแน่นอนครับ




Sale Co Team (18)

คุณกฤติ: เห็นว่าลิฟต์เสีย

คุณฝน อินเดีย: .วันนี้ฝนรอดดด

ซุกซน ใจทราม: *ส่งสติกเกอร์หน้าตากวนประสาท*

คุณกฤติ: ผมให้สายได้ 5 นาทีนะครับ

คุณโน้ต มาเลเซีย: *ส่งรูปสวัสดีวันจันทร์*




โอโห หางแถวแทบจะทะลุออกหน้าตึก ผมไม่รู้เลยว่าเที่ยงนี่จะได้ขึ้นไปทันประชุมหรือเปล่า ผมโดนตัดเงินเดือนแน่ๆ ถ้า HR เช็กเวลาเข้าทำงานแบบจริงจังมากๆ เขาต้องเห็นว่าผมนี่สายเสมอเมื่อเจอวันจันทร์แน่นอน แล้วถ้าตัดเงินเดือนผมจะเอาที่ไหนไปเลี้ยงแฟนเล่า ตัวยิ่งโตๆอยู่




9.03 น.




ผมขึ้นมาถึงที่ทำงานได้ด้วยลิฟต์ส่งของ แล้วก็รีบสไลด์ตัวเข้าห้องประชุมทันที ทั้งที่หน้าม้ายังเปิดโชว์เหม่งแบบที่เป็นอยู่เป็นประจำ ผมยกมือไหว้ทุกคนที่หันมาสบตา รวมถถึงเผลอไหว้ซุกซนไปด้วย เสียมือมากเลย ให้ตายสิ กลับบ้านไปนะผมจะเอาแอลกอฮอล์ล้างมือเลยด้วย คอยดู




“โอเคครับ แทนใจมาแล้ว ครบแล้วนะครับ” คุณกฤติพูดขึ้น พร้อมทั้งขยับแว่นนิดหน่อย “วันนี้เราจะมาดู….”




คุณกฤติเริ่มพูดถึงเรื่องที่น่าจะสำคัญในขณะที่ผมทำท่าทางเหมือนกำลังตั้งใจฟังแต่ไม่ได้อะไรเข้าหัวเหมือนเดิม จนกระทั่งการประชุมผ่านไปแบบเบลอๆ ผมก็เดินมึนๆกลับโต๊ะไปเพื่อเจอว่าโทรศัพท์จากลูกค้าเข้ามาพอดี




เหนื่อยแต่เช้าเลย ร่างกายต้องการกาแฟ ฮือ




“ซุกซนเดี๋ยวเรามานะ ไปซื้อกาแฟ เอาไรมั้ย?”

“ไม่ๆ มึงไปเลย ไอ้มิซูบิชิโคกิคุมินิยะแม่งเล่นกูอีกแล้ว อีเหี้ย ASAP อะไรนักหนา ของจะใช้อาทิตย์หน้าทำไมต้องส่งตั้งแต่วันนี้ก่อนเที่ยงวะ แม่งเอ๊ย”




ผมปล่อยให้มันหัวร้อนอยู่ในหน้าคอมในขณะที่ตัวเองไหลออกนอกออฟฟิศไปแล้วครับ ไม่ไหวแล้ว ผมไม่สามารถรับอะไรเพิ่มในเช้าวันนี้อีกแล้ว



“สวัสดีครับ วันนี้รับอะไรดีครับ?”




น้องพนักงานผู้ชายคนเดิมยืนส่งยิ้มให้ผมเหมือนกับทุกๆครั้งที่ผมลงมาซื้อกาแฟที่นี่ ซึ่งผมก็ส่งยิ้มเหนื่อยๆกลับไป เบลอมาก ตัวเลขอะไรไม่รู้เต็มไปหมด มึนหัวไปหมดแล้ว ชีวิตคนเราจะต้องมารับรู้เรื่องของคนอื่นเยอะขนาดนี้เลยเหรอ? ขนาดภาษีของตัวเองเรายังคำนวณงงๆเลย นี่ต้องมาคำนวณภาษีให้คนอื่น เบลอไปหมดแล้ว




“ขอ--”

“ลาเต้เย็น กับคาปูชิโน่เย็น อย่างละแก้ว ใช้สิทธิ์ AIS ครับ”




ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบน้องเขากลับไป เสียงผู้ชายคุ้นหูก็ดังมาจากข้างหลัง ซึ่งเรียกรอยยิ้มของผมทันทีที่ได้เห็น

คุณโปรเจคเมเนเจอร์คนเดิมที่ผมคุ้นเคยมาตลอดหลายเดือนยืนอยู่ด้านหลังผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ (เอาจริงๆ เขาตื่นตั้งแต่ตอนไหนผมยังไม่รู้เลยครับ เงียบเลยนะ ไลน์เลยอะไรไม่ตอบ น่าทุบชะมัด) 




คุณพี่เมฆส่งยิ้มอบอุ่นในแบบของเจ้าตัวมาให้ ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกแก้มร้อนเหมือนกับทุกครั้งที่เห็นรอยยิ้มเขาในระยะประชิด มันมีใครหัวใจวายตายเพราะแฟนหล่อเกินไปมั้ยอะ? โอ๊ย สกิลโกงคุณพี่เมฆอัพขึ้นมาอีกแล้ว ยิ่งเห็นหน้ายิ่งละลาย ไม่ชินสักทีเลย ขนาดชูวับชูวับกันไปหลายครั้งแล้วแท้ๆ




“ทั้งหมดสองแก้วใช้สิทธิ์ AIS นะครับ 150 บาทครับ”




เสียงของพนักงานร้านกาแฟเจาะมโนผมแตกดังโป๊ะ ซึ่งคุณพี่เมฆที่ควบคุมสติได้ดีกว่าหันไปพูดกับน้องพนักงานคนนั้น เขาหันไปทางนั้นพร้อมกับเปิดกระเป๋าเงินของตัวเองออกมาเพื่อยื่นเงินให้

 



“นี่ครับ”




เฮ้ย!!! ไม่ได้นะ!!!!




“ไม่ครับ!!!!”




ผมรีบพูดแทรกขึ้นมา แต่ท่าทางมันจะดังไปหน่อย นอกจากคุณพี่เมฆกับน้องขายกาแฟจะชะงักแล้ว คนที่อยู่หลังร้านก็ชะโงกหน้าออกมามองด้วยเหมือนกัน




“เอ่อ… น้องครับ มาเก็บกับพี่ครับ เอาเงินพี่ดีกว่าของพี่แบงก์ใหม่กว่า มันหอมกว่านะ นี่เงินๆ”




ผมเอาไหล่และความแข็งแกร่งของตัวเองดุนๆคุณพี่เมฆที่กำลังจะยื่นแบงก์พันให้พนักงานออกไป แล้วหยิบเงินของตัวเองจ่ายแทน ซึ่งไม่ใช่แค่คุณพี่เมฆที่มองผมเหมือนไม่เข้าใจว่าสิ่งมีชีวิตที่ชื่อแทนใจกำลังทำอะไร แต่น้องพนักงานเองก็ทำหน้าเหมือนว่าผมเป็นสิ่งมีชีวิตจากต่างดาว มองอะไร รับไปสิ นี่เงินไง เงินนะ แบงก์ใหม่ๆ หอมมากเลยนะ หอมเหมือนกลิ่นใบลาเลย




“อ่า… ครับ”



น้องเขางง และแฟนผมก็งงเหมือนกัน แต่ผมไม่สนใจ ลอยหน้าลอยตารับใบเสร็จกับเงินทอนแล้วไปนั่งที่โต๊ะตัวเดิมที่พวกเราชอบมานั่งทานกาแฟด้วยกัน ไม่รู้แหละ มาก่อนเลือกได้ก่อนเว๊ย! ฮ่าๆ




“แทนใจ เมื่อกี้--” คุณพี่เมฆพยายามจับต้นชนปลายหาเหตุผลของสิ่งที่ผมทำ ซึ่งผมมีอยู่แล้วเหตุผลน่ะ

“ผมเลี้ยงกาแฟคุณแล้วนะ!”



ผมพูดด้วยใบหน้าจริงจัง นี่เป็นมิชชั่นที่ผมตั้งใจจะทำตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแล้วครับ เขามาเลี้ยงกาแฟผมอะ ผมไม่ยอมนะ ผมเองก็อยากเลี้ยงเขาบ้างเหมือนกัน กินของเขามาแล้วตั้งแต่เท่าไหร่แล้ว กินจนแทบจะเปิดร้านกาแฟเองได้แล้วมั้งเนี่ย




คุณพี่เมฆดูอึ้งไปเล็กน้อยกับคำตอบผม ความจริงมันไม่มีอะไรหรอก แค่ผมอยากเลี้ยงเขาบ้าง มันเป็นเหมือนอะไรที่ติดอยู่ในใจว่าผมยังไม่เคยได้เลี้ยงคืนเขาเลย ไม่ได้สิ ผมต้องเลี้ยงเขานะ! ผมเป็นพี่แทนใจของน้องแทนกายเลยนะ แค่เลี้ยงกาแฟแฟนแค่นี้บอกเลยว่าจิ๊บๆ




“พี่เลี้ยงเราได้สบายมาก แค่นี้เอง”

“มันไม่แค่นี้นะ” ผมขมวดคิ้ว คุยกับอีกคนด้วยใบหน้าจริงจัง ตอนนี้หน้าม้าลงมาอยู่เป็นที่เป็นทางแล้วครับ จริงจังได้ไม่เด๋อด๋า

“ผมไม่อยากเอาเปรียบคุณ เราคบกันเราต้องเลี้ยงกันและกันสิ”

“...”




ผมจะทำเป็นไม่เห็นรอยยิ้มกว้างแบบไม่รักษามาดโปรเจคเมเนเจอร์ของเขาแล้วกันนะครับ เบลอๆไปเหมือนกับสติกเกอร์โปรโมชั่นใหม่ของร้านกาแฟที่มันไม่อร่อยเลยอะ




“อีกอย่าง นี่เป็นแก้วขอบคุณด้วย”

“ขอบคุณ?”




ผมเอามือที่เกะกะเกาแก้มเกาต้นคอเกามันทุกส่วนเพื่อจะหนีสายตาที่มองมาแบบคาดหวังปนสงสัยของคนรักที่อยู่ตรงหน้า ฮื่อ เขินอะ แต่ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบให้เขามองนะ เขินแต่มองได้ มองผมคนเดียวด้วย ถ้ามองคนอื่นนะจะโกรธมาก แล้วจะ… จะไม่รู้อะ คิดออกแค่นี้ แปะโป้งไว้ก่อนละกัน




“ที่พี่เข้ามาในชีวิตผมไง… ขอบคุณนะครับ” 



ผมพูดแล้วขอบคุณน้องพนักงานที่เอากาแฟมาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะ ร้านนี้บางทีก็ให้ออกไปเอากาแฟเอง บางทีก็มาเสิร์ฟให้เหมือนอยากก้าวคนละก้าวบ้าง ผมก็ไม่รู้อะไรเหมือนกัน  เดาใจไม่ถูกเลย



“มันไม่เป็นไรเลยจริงๆนะ พี่เลี้ยงเราไปทั้งชีวิตยังได้เลย”

“เลี่ยนจัง”

“เอ๊า พูดเรื่องจริง”

“ไม่เอื้อออออออออ” (ไม่เชื่ออออออออออ) คุณพี่เมฆดึงแก้มผมตอนที่กำลังเถียงเขาอยู่พอดี มันเลยออกมาเป็นภาษาประหลาดแบบนี้อีกแล้ว บ้าเอ๊ย ทั้งที่ผมควรจะโกรธ แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนโลกเป็นสีชมพูแบบนี้ ไม่ใช่ชมพูธรรมดานะครับ เป็นชมพูแบบซูกัสสีชมพูเลย



“ไม่ต้องเชื่อก็ได้ เดี๋ยวพี่จะทำให้ดูเอง”




ผมยิ้มจนปวดแก้มเมื่ออีกคนพูดพร้อมกับมองหน้าไปด้วย สายตาจริงจังของเขาทำให้ผมรู้สึกโชคดีมากๆที่คุณพี่เมฆเลือกจีบผม ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ตาม แต่การที่เราสองคนได้มาอยู่ด้วยกันตรงนี้ นั่งทานกาแฟด้วยกัน ใช้ชีวิตด้วยกัน พร้อมจะเรียนรู้กันต่อไปในแต่ละวันนี้มันดีมากเลยจริงๆ




เขายังช่วยผมชูวับชูวับด้วย บางทีก็มากกว่านั้น เหนื่อยนิดหน่อยแต่ก็โอเคดีนะ


แถมที่สุดแล้ว คุณพี่เมฆคือคนที่ทำให้ผมรู้สึกกะยึกกะยักทุกทีที่เข้าใกล้



“คุณพี่เมฆ”




ผมเรียกอีกคนที่ก้มลงไปสนใจโทรศัพท์มือถือออฟฟิศ ซึ่งเขาก็หันขึ้นมาส่งยิ้มให้ผมทันที รอยยิ้มแบบที่ทำให้รู้สึกเหมือนกับตัวเองเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก … ถึงแม้จะยังไม่ได้เลือกตั้งก็ตาม




“ครับ?” 

“ผม…” ในหัวมีร้อยแปดพันหมื่นแสนล้านคำที่อยากบอก แต่มันเอาออกมาไม่ได้




ตั้งแต่วันแรกจนถึงตอนนี้ พวกเราอยู่ด้วยกันมาหลายเดือนแล้วครับ หลังจากคราวนั้นพวกเราก็พูดคุยกันบ่อยขึ้น คุณพี่เมฆพยายามที่จะเข้าใจผมมากขึ้น ในขณะที่ผมเองก็เรียนรู้ตัวเขาเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าครั้งหนึ่งเราจะเคยเข้าใจผิดกันจนตึงเครียดกันไปทั้งคู่ แต่ตอนนี้พวกผมแฮปปี้ดีมากครับ ขอบคุณเหตุการณ์ครั้งนั้นที่ทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้น



ทำให้เราเข้าใกล้กันมากขึ้น



ตอนนี้คุณพี่เมฆกับครอบครัวของเขาก็เหมือนกับว่าจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นเล็กน้อย เพราะคุณพี่เมฆกับน้องฝนมีเฟซบุ๊คกันและกันแล้วครับ แถมผมเองก็มีไลน์น้องด้วย! ดีแล้วผมชอบน้อง พวกเราคุยกันว่าสักวันอาจจะไปเล่นกับน้องบ้าง ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจุดเปลี่ยนของเขาคืออะไร ตอนที่ถามคุณพี่เมฆเขาก็แค่ยิ้มๆแล้วบอกเพราะผมนั่นแหละ (คือผมทำอะไรวะ งง)



แต่ก็แค่กับน้องฝนนะครับ กับคุณน้าอีกคนและก็คุณพ่อเขา คุณพี่เมฆก็ยังคงตึงๆใส่กันเหมือนเดิม ซึ่งตรงนี้ผมไม่โทษเขาหรอกครับ แค่เขาไม่ใจร้ายกับเด็กผมก็ดีใจมากแล้ว



ล่าสุดซุกซนก็แต่งงานไปแล้วครับ เพิ่งจัดไปเมื่อเดือนก่อน ตอนนี้กลับมาทำงานเหมือนเดิม เป็นครั้งแรกที่ผมได้ไปต่างจังหวัดกับคุณพี่เมฆด้วย สนุกดี ครั้งหน้าถ้าหากว่าได้ไปเที่ยวด้วยกันกับเขาบ่อยๆมันก็คงดีมากแน่ๆเลย ผมยังมีที่ๆอยากไปกับเขาอีกเยอะแยะเลย



อยากไปด้วยทั้งชีวิตเลยด้วยซ้ำ



“เรียกพี่แล้วเงียบไปเลย แถมยังหน้าแดงอีกเนี่ย คิดเรื่องทะลึ่งอยู่เหรอครับ?”




คุณพี่เมฆถามพร้อมกับส่งสายตาล้อเลียน ซึ่งได้รับสายตาโหดมากๆจากผมเป็นการตอบแทน มันต้องโหดมากแน่นอนครับ เพราะคุณพี่เมฆขำออกมาอย่างเปิดเผย อะไรเนี่ย! ผมว่าผมควรพาแฟนไปหาหมอแล้วครับ น่าจะเป็นบ้าไปแล้ว




“เปล่าครับ” ผมส่ายหัวปฏิเสธ ก่อนที่คุณพี่เมฆจะพูดอะไรให้ผมไขว้เขวอีกครั้ง ผมรีบพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดก่อน

“คุณพี่เมฆครับ”

“ว่าไงคะ--”

“ผมรักคุณพี่เมฆนะ”

“...”

 “ผมแค่อยากจะบอกคุณเอาไว้เฉยๆ เพราะเพิ่งคิดได้ว่ายังไม่เคยบอกคุณเลย” ผมพูดแล้วก้มหน้าลงไปดูดกาแฟ หนีสายตาตะลึงค้างของเขาที่ส่งตรงมาทางนี้ มาจ้องกันเหมือนกะจะเอาให้ผมพรุนนี่ผมก็เขินเหมือนกันนะ ถึงแม้ว่าเราจะเคยชูวับชูวับกันไปแล้วก็เถอะ

“แทนใจ…”

“อย่าทักนะ ไม่เอาๆ มันเขินอะ เมื่อกี้ยังไม่เขินเลย แต่ตอนนี้เขินแล้ว ห้ามทักเด็ดขาดเลยนะ! ไม่งั้นผมจะขอให้คุณ… อะไรดีอะ ชีวิตคุณมีทุกอย่างหมดแล้วยกเว้นสิทธิ์เลือกตั้ง แต่จะขอให้คุณไม่ได้เลือกตั้งมันก็ไม่เป็นธรรมกับคุณเลยอะ ยังไงดี เฮ้ย อะไรเนี่ย ไม่นะคุณพี่เมฆ ห้ามล้อเลยนะ”



ผมพูดทุกอย่างที่คิดออกเพราะกลัวว่าเขาจะเอาคำบอกรักเมื่อครู่กลับมาล้อผมครับ มันออกไปเองอะ เห็นหน้าเขาทำงานมาหนักๆแล้วยังตื่นมาหาผมที่บริษัทมันรู้สึกตื้นตันอะ อยากบอกเอาไว้ ผมอยากให้เขารู้ว่าไม่ใช่แค่เขาที่รักผมเท่านั้น



ผมเองก็รักเขาไม่ต่างกัน




“พี่ไม่ได้จะล้อสักหน่อย” ตรงกันข้ามกับที่ผมคิด คุณพี่เมฆมองหน้าผมด้วยสายตาอ่อนโยน ที่แฝงความจริงจังเอาไว้อย่างชัดเจนจนผมรู้สึกได้ “พี่แค่จะบอกว่า พี่เองก็รักแทนใจมากเหมือนกันนะครับ”

“รู้แล้ววว”

“เหรอ? รู้แล้วเหรอ? ไหนขอดูหน้าคนรู้แล้วหน่อยครับ”




คุณพี่เมฆพยายามแงะผมขึ้นมาจากมือตัวเองที่ปิดหน้าเอาไว้ตอนที่เขาบอกรัก ก็มัน… เขินอะ ได้ยินกี่ครั้งก็ไม่ชินสักที หัวใจเต้นดังมากจนผมกลัวว่าตายเอาตอนนี้วันนี้ ถึงแม้จะยังตายไม่ได้เพราะยังไม่ได้ออกอินวอยซ์ราคาให้ลูกค้าก็ตาม



“แทนใจ”

“ครับ” ผมแง้มหน้าออกมาจากมือเล็กน้อย

“น่ารักเกินไปแล้ว รู้ตัวมั้ยครับ”

“ฮื่อออ หยุดพูดก่อนสิ”

“ฮ่าๆ ยังไม่หายเขินเหรอ? หลายเดือนแล้วนะเนี่ย”

“ผมจะเขินคุณไปทั้งชีวิตนั่นแหละ!”



บทสนทนาของพวกเราดำเนินต่อไป ผมยิ้มให้คนที่นั่งมองหน้าผมอยู่ โลกของผมเปลี่ยนไปตั้งแต่ที่มีคุณพี่เมฆเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง ผมรู้สึกว่าตัวเองเติบโตมากขึ้นไปอีกขั้น เขาสอนให้ผมรู้จักความรักในแบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน และที่สำคัญที่สุด



เขา… ทำให้ผมรู้สึกว่าวันจันทร์เป็นวันพิเศษ



เพราะการที่ได้เจอหน้าเขาที่บริษัทแค่วันจันทร์เท่านั้น ถึงแม้วันจันทร์จะรถติดวุ่นวายมาทำงานสายบีทีเอสเสียฝนตกถนนพังยังไม่ได้เลือกตั้งรถไฟใต้ดินสร้างไม่เสร็จสักทีก็ตาม ผมก็ชอบครับ… ชอบแค่ช่วงที่ได้เจอหน้าแฟนนะ ตอนที่งานเข้าเยอะๆ ก็เกลียดเหมือนเดิม




เอาเถอะ เพราะว่าคุณพี่เมฆคือเรื่องดีๆในวันจันทร์ของผมนี่นะ







------- THE END -------



จบแล้วค่า *จุดพลุ*
ขอบคุณทุกคนที่อยู่กันมาจนถึงตอนนี้นะคะ
ถ้าคุณพี่เมฆ น้องแทนใจ แล้วก็ทุกๆ ตัวละครในเรื่องนี้ทำให้ทุกคนยิ้มได้เราก็จะดีใจมากๆ เลยนะคะ XD

 

รออีกหน่อยนะ เดี๋ยวมีของมาแจกแหละ

 

ด้วยรักและขอบคุณมากๆ ค่ะ

 

เบบี้ @babybapho

 

ป.ล เรื่องต่อไปกำลังแต่งอยู่ค่ะ ขออุบหน่อยนะ มีอยู่ในโพลที่ถามไปทางทวิตเตอร์แหละ แต่ไม่บอกนะคะว่าคู่ไหนจะได้ไปก่อน 5555555
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 29-10-2018 21:33:38
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: EunJin ที่ 29-10-2018 22:39:52
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ สนุกมากๆเลย ฟีลกูด
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: love-boy ที่ 30-10-2018 12:20:28
น่ารัก
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 30-10-2018 23:02:43
จบซะแล้วแทนใจน่ารักน่าฟัดมากๆๆ แอบสงสารน้องแทนกายนิดหน่อย
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 02-11-2018 18:10:37
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ  o13
อ่านแล้วมีความสุข
ขอบคุณค่ะ  :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 04-11-2018 20:58:19
จบไปยังเปรมปรีดาาาาาา  :pig4: :o8: ตกหลุมรักหนูน้อยแทนในเข้าอย่างจัง แต่พี่เมฆนี่เหมือนฉลาดตอนแก้ปัญหาเรื่องน้องกายกลับดูโง่ดีนะรีบง้อแทนใจไม่งั้นเราจะโกรธมาก แอบสงสารแทนกายเบาๆดูแบบรักพี่มากพี่คือทุกสิ่งในชีวิตแล้วจริงๆเราเข้าใจแทนกายมากกกกกกกกก ว่าแต่จะมีตอนพิเศษเคลียเรื่องครอบครัวพี่เมฆไหมเอ่ยเรายังแบบรู้สึกค้างคาน้าคนนั้นดูใจดีนะเสียดายไม่น่ามาเป็นเมียน้อยพ่อเมฆเลยอยากรู้ปมตรงนี้มากหรือเพราะพ่อเมฆเลวโดยสันดานก็อยากจะให้รับกรรมมากจริงๆเราเกงียดพฤติกรรมนี้มาก งงตัวเงอมีเมียน้อยแต่ด่าเมฆได้แบบน่าตบมากพ่อสารเลววว #เดี๋ยวเธอเนี่ยเกินเบอร์ยิ่งกว่าเมฆ555555  ส่วนยังงงๆอีกจุดคือแทนกายไม่เป็นที่ต้องการตั้งแต่เกิดมา เรานี่หือออออออเลยครอบครัวแม่ก็ดูอยอุ่นหรือมีอะไรที่เราอ่านข้ามไปมันดูแบบยังมีหลายปมที่เคลียไม่สุดเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 09-11-2018 21:15:02
เรื่องน่ารักมากเลยค่า
ชอบการพูดกับตัวเองของแทนใจ 5555
ตลกดีค่ะ ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 15-11-2018 11:08:38
โอ้ยยยย หนูรูกกกกกกกก จะน่ารักไปไหนเนี่ย

สนุก และน่ารักมากก  :กอด1:

ขอบคุณคนเขียนน้าาาา
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-11-2018 01:25:24
 :pig4:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 16-11-2018 17:15:17
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 16-11-2018 23:02:28
น้องแทนใจอ๊องได้น่ารักมากกก ขอบคุณมากค่า  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: NYpat ที่ 17-11-2018 19:27:46
ชอบนิสัยนายเอก  มีความภาคภูมิใจในครอบครัวมาก ๆ  ชอบความซื่อ ๆ นิสัยเด็ก ๆ  ชอบพระเอกที่รักนายเอก  เป็นผู้ชายที่อบอุ่น  ไม่ชอบความรักของน้องชายนายเอกเลย
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 18-11-2018 09:00:48
อ่านจบแย้ว ชอบซุกซนกะคุณกฤติมากเลย 555555
ส่วนน้องแทนใจิบางทีน้องก็ซื้อไปง่ะ รู้สึกอึดอัดนิดๆ  :ling3:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Monnee ที่ 20-11-2018 09:23:14
 :impress2:  ปกติไม่ค่อยได้อ่านเคะงุ้งงิ้งนถะเนี่ย... แต่เรื่องนี้น้อวแทนใจ.. น่ารักน่าหยิกอ่ะ... ดูซึนๆเอ๋อๆ.... น่ารักดี55555 :hao6:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Morgen ที่ 09-12-2018 22:17:13
 :mew1: น่ารักๆๆๆ
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: duckka ที่ 09-12-2018 23:21:01
เกือบไปแล้วคุณพี่เมฆ ทำน้องแทนใจเข้าใจผิด
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: zzcors ที่ 13-12-2018 18:03:02
อ่านถึงตอนที่6นี่แบบบ ถ้าเราเป็นคุณกฤตนะ เราจะไล่ซุกซนออก มีอย่างที่ไหน เชียร์แต่คุณเมฆ ไม่เชียร์กฤตเลย หรือเราเดาผิดว่สกฤตชอบน้องอ๊องเรา
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: zzcors ที่ 14-12-2018 00:27:43
หลังอ่านตอนที่10/1จบนี่อยากไปเอาไม้เรียวมาฟาดน้องแทนใจเลย ทำไมหนุเป็นคนแบบนี้ ตอนแรกนี่ก็ระแวงว่าคุณกฤตจะชอบน้อง แต่ตอนนี้สบายใจล่ะ นี่คุณกฤตไม่ติดบ่วงน้อง
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: zzcors ที่ 14-12-2018 14:13:38
อ่านจบตอนที่11นี้อยากจับแทนใจมาฟาดสักหลายที ทำไมหนุเป้นคนแบบนี้ลู๊กกกกก หนูทำแบบนี้ทีหลังห้ามป่วยนะ ห้ามจริงๆ
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: tixjubz ที่ 05-02-2019 11:13:11
น้องแทนใจจจจจจจจจจจจจ พี่รักหนูวววววววววววว
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: FeRnChOi ที่ 07-02-2019 19:21:51
น้องแทนใจคือน่ารักมากกกกก ลูกแม่~~~

เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ สนุกมากเลย รอติดตามเรื่องต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Parapoyfaii ที่ 26-03-2019 20:32:48
จบแล้วววว สนุกมากเลยยยยย
เราก็เกลียดวันจันทร์เหมือนกัน555555
แทนใจน่ารักมากเลยแงงง อยากบีบแก้มน้องบ้าง
คนอะไร มีแต่คนว่าน่ารัก น่ารัก น่ารักไปหมดด
คุณพี่เมฆก็คือเพอร์เฟคไปหมด
ตอนดราม่านี่ใจหายไปเลย สงสารน้อง
เกือบไปแล้วนะคุณพี่เมฆ
ขอให้แทนกายได้เจอคนนั้นเร็วๆ สงสารน้องงง
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านนะคะ ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Gardenia ที่ 20-04-2019 12:11:47
ตอนที่1 น้องแทนนี่อ้องๆน่าเอ็นดูอะ ส่วนเมฆนี่ตั้งใจเขาหาน้องแน่ๆแต่มาจีบหรือมาอะไรต้องลุ้นต่อ ปล.เราชอบวิธีบรรยายมากเลยค่ะ รู้สึกอิ่มไงบอกไม่ถูก เพราะหลายๆเรื่องไม่ค่อยบรรยายเน้นคำพูดเยอะกว่าแบบนั้นเราอ่านไม่เก็ท

Sent from my SM-A710F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Gardenia ที่ 20-04-2019 12:48:57
ตอนที่2 อะไรอะคุณเมฆเนียนๆเลี้ยงเขาละมาทวงเฉย จีบน้องอยู่ใช่มั้ยๆ แต่แทนใจนี่ขี้บ่นจังสงสัยอัดอั้นตันใจจากงานจนทำให้น้องอ้อง55555555

Sent from my SM-A710F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Gardenia ที่ 20-04-2019 13:43:46
ตอนที่3 ตลกน้องอะ น้องแบบงงๆที่คุณเมฆมาหาแต่ก็ไม่อะไร มีสาวมาคุยกับคุณเมฆน้องแค่ถามว่าไม่มีงานทำรึไง ทำแบบนี้ฝ่ายชมพูทวิปคิดไปไกลแล้วน้องแทนใจนี่น่าาาาอ๊องจริงๆ คุณเมฆมาจีบน้องแน่ๆฟันธง

Sent from my SM-A710F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: StarPasO ที่ 17-07-2019 23:28:19
น่ารักมากๆฮื้อคิดไม่ผิดจริงๆที่กดเข้ามานอ่านนิยายเรื่องนี้ แทนใจยัยตัวก้อน นังกระตุ่ย น่ารักกก :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: littlepink ที่ 13-11-2019 18:40:14
นายเอกของเราอ๋องตั้งแต่ต้นจนจบ น่ารักกกกกก ชอบซุกซนด้วย แสบมากๆ แต่ก็รักเพื่อนมาก
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Wut_Sv ที่ 23-11-2019 17:31:58
ฮาดี
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: abc_b ที่ 04-12-2019 22:43:32
น้องอ๊องของแม่~~~~  :impress2:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: สิงหา ที่ 25-12-2019 08:31:59
น้องแทนใจนี่คือ ถูกเลี้ยงไว้ในโหลแก้วรึเปล่า
ทำไมโตมาใสซื่อได้ขนาดนี้ อีกนิดนึงก็ผ้าขาวแล้วหนูลูกกก~

ส่วนอิพี่เมฆนี่ก็นะถือว่าเป็นมนุษย์กลมๆมีทั่งดีเลวแบบปุถุชนอ่ะนะ แต่พี่ทำบุญด้วยอะไรทำไมได้น้องไปครอบครอง!

ยังอยากรู้ปมน้องกายนะคะ
แถมคู่คุณกฤษณ์คุณโน๊ตก็ดูมีซัมติงวร์องไม่น้อยเลย(หรือจะคิดมากไปเอง)

ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ น่ารักและเต็มไปด้วยบรรยากาศชาวออฟฟิตได้แบบเห็นภาพจนน้ำตาไหลเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 08-01-2020 21:44:26
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 15-04-2020 14:35:58
 :pig4: