#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ♡24th: เรื่องดีๆในวันจันทร์ของผม(จบ) (29/10/18)  (อ่าน 90368 ครั้ง)

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
คุณพี่เมฆฆ มีความแนะนำตัวเต็มยศน้า ขี้แสดงความเป็นเจ้าของ
น้องน่ารักจริงๆ  :mew1: กระต่ายน้อยแทนใจ

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เล่าเรื่องน้องแทนใจในมุมพี่เมฆนี่น่ารักจัง ทุก ๆ อย่างที่เป็นน้องคือน่ารักมาก ๆ :-[

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เกิดศึกแย่งแทนใจแน่ๆ
แต่ยิ่งอ่านที่พี่เมฆบอกนี่ยิ่งหลงรักแทนใจไปอีก

ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
18th Monday
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 




การตื่นมาแล้วอยู่ในอ้อมกอดแฟนมันดีขนาดนี้เลยเหรอ?


นี่คือความคิดของผมตอนที่ตื่นมาแล้วค้นพบว่าตัวเองนอนเปลือยอกอยู่ในอ้อมกอดของพี่เมฆ แล้วยิ่งรู้สึกแก้มร้อนกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าอีกคนเขานอนมองผมอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าต้องทำสายตาเจ้าชู้ขนาดนี้ตอนที่มองผมด้วยนะ หรือเขาทำสายตาแบบนี้อยู่แล้ว


มันทำให้ใจผมกะยึกกะยักแรงมากจริงๆ


“หิวมั้ย?”


คุณพี่เมฆถามครับ เขานอนยิ้มๆเหมือนมีความสุขมาก ซึ่งผมเข้าใจ … เพราะผมเองก็มีความสุขเหมือนกัน


“นิดหน่อยครับ” ผมตอบกลับไป เฮ้ย เสียงผมแย่มาก เหมือนกับหลอดเสียงถูกเอาไปขูดกับปูนซีเมนต์มาเลยครับ หยาบกระด้างเบอร์แรงมากจริงๆ


 “คุณพี่เมฆ เสียง--”

“ไม่ต้องพูดแล้วๆ เมื่อคืนเราเล่นครางขนาดนั้น คงจะมีเสียงพูดอีกหรอก”


เขาตอบพร้อมทั้งลูบหัวผมเบาๆ ฮือ พอเป็นแฟนกันแล้ว ที่ผ่านการมีอะไรกันแล้ว แม้แต่เขาลูบหัวผมก็กะยึกกะยักอะ โคตรโกงเลย สกิลแบบนี้ไปเป็นโจรเถอะ เหมาะมากเลยอะ 


คุณพี่เมฆยังยิ้มอบอุ่นเหมือนเดิม ก่อนที่จะลุกขึ้นไป ผมหันหน้าหนีเมื่อเขาใส่แค่บ๊อกเซอร์ตัวเล็กๆ ซึ่งมันเล็กมากจริงๆ แม้ว่าผมจะเคยเห็นคุณเมฆน้อยที่ไม่น้อยมาแล้ว แต่ใช่ว่าผมจะไม่เขินนะ ให้ตาย อายบ้างก็ได้ ผมอายแทนแล้วเนี่ย


“พี่ลางานให้แล้วนะ เรานอนพักเถอะ เดี๋ยวพี่ไปหาอะไรมาให้ทาน”


แฟนผมเองครับทุกคนนนน แฟนดีเด่นของโลกใบนี้ ฮือ รักกกกกกก อยากบอกรักเขาแต่ไม่มีเสียงแล้ว โหย คนทั้งโลกจะต้องอิจฉาผม ฮือ ถ้าเขาเป็นโจรผมก็จะเสียสละเป็นแฟนโจรเอง แทนใจ Volunteer!


ถึงแม้ในใจจะคิดอะไรเยอะแยะมากมาย แต่สิ่งที่ผมทำคือส่งยิ้มให้เขาแล้วล้มตัวลงนอน อยากอวยแฟนแค่ไหนก็ทำไม่ไหวครับ สังขารไม่อำนวย ปวดตัวไปหมดโดยเฉพาะสะโพก เจ็บมาก เหมือนกับเอาก้นไปขูดกับทางลูกรัง แต่เป็นลูกรังที่หล่อมากๆเลยนะ


การมีอะไรกับแฟนครั้งแรกมันดีมากจริงๆนะ

แล้วก็เจ็บมากเช่นเดียวกัน


ผมจะไม่ปฏิเสธว่ามันไม่เจ็บ เพราะมันทรมานมาก ไม่เคยคิดว่าครั้งแรกจะต้องขนาดนี้ ขนาดตอนที่ไปเข้าห้องน้ำผมยังแสบมาก แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ก็เลือกแบบเดิมครับ … เอ๊ะ แต่ถ้าได้อยู่ข้างบนอาจจะดีกว่าก็ได้นะ แทนใจน้อยนั้นเล็กๆกว่าคุณพี่เมฆน้อยเยอะอยู่ คุณพี่เขาน่าจะไม่เจ็บ


ครั้งหน้าผมควรต่อรองขออยู่บนบ้างดีกว่ามั้ยนะ?


ไลน์!



ในขณะที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ ไลน์ในโทรศัพท์คุณพี่เมฆก็ดังขึ้นมา ครั้งนี้ไม่มีการลังเลแบบรอบที่แล้วครับ ผมรีบกลิ้งไปอีกฝั่งของเตียงอย่างปวดๆ เพื่อคว้าโทรศัพท์ของคุณพี่เมฆขึ้นมา ผมตั้งใจที่จะปิดเสียงแล้ววางมันไว้ที่เดิมก่อนจะไปนอนต่อ 

แต่ชื่อที่ขึ้นมาทำให้ผมสะดุดครับ

หวาน อักษร: *ส่งสติกเกอร์*


หวาน อักษร อะไรนี่อีกแล้วเหรอ?


คุณพี่เมฆจบวิศวะไม่ใช่หรือไง จบมาเป็นสิบๆปีแล้วด้วยมั้ง ทำไมถึงได้ต้องมี หวาน อักษร ส่งสติกเกอร์มาหาตลอดเลยล่ะ? ผมว่าผมจะเห็นชื่อนี้บ่อยเกินไปแล้วนะ แล้วผมก็ไม่ชอบเลยจริงๆ


ในขณะที่กำลังคิ้วขมวดเพราะหงุดหงิดอยู่นั้น ไลน์คุณพี่เมฆเขาก็เด้งขึ้นมาอีกรอบ


หวาน อักษร: มีอะไรก็ทักมาได้
หวาน อักษร: เราว่างตอบได้ตลอดแหละ ไม่ต้องเกรงใจๆ



ลูกโป่งฟูๆเมื่อครู่ตอนที่เพิ่งตื่นนอนถูกเจาะแล้วครับ ผมค่อยๆวางโทรศัพท์คุณพี่เมฆไว้ที่เดิมพร้อมด้วยคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบตั้งแต่เมื่อวันก่อน … หวานอักษรนี่ใครอะ? สนิทกันขนาดไหน? แล้วอะไรคือต้องไลน์หากันบ่อยขนาดนี้เลยเหรอ?


อาจจะเป็นคนที่ไซต์งานคุณพี่เมฆก็ได้นี่นา


หรืออาจจะเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียน เหมือนคุณบิวไง คุณบิวที่สวยๆใช้ลิปบูๆวูๆที่เป็นเพื่อนสมัยเรียนของคุณพี่เมฆ เขาอยู่บนโลกมาเกือบสามสิบปีขนาดนี้ ก็ต้องมีเพื่อนผู้หญิงมั่งแหละ ผมยังมีพี่สาวเลย


พูดถึงพี่สาว


เพิ่งรู้ว่าคุณพี่เมฆเขาต้องผ่านอะไรมาเยอะขนาดนั้น ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่าถ้าเกิดขึ้นกับตัวเองแล้วผมจะจัดการกับมันได้ดีเหมือนที่เขาทำหรือเปล่า ผมจะเสียใจจนไม่ทำอะไรเลยมั้ย ผมจะยังมีกำลังใจเลี้ยงน้องกายแบบนี้อยู่หรือเปล่านะ?


คิดแล้วปวดหัว นอนดีกว่า


.
.
.



“... ใจ … แทนใจ”
“งืม”
“ตื่นขึ้นมาทานอะไรหน่อย”
“งืม”


ผมสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกเหมือนว่ามีคนมายุกยิกที่หัวไหล่ ลืมตาขึ้นมาถึงได้เห็นว่าเป็นแฟนผมมาสะกิดๆปลุกผม ซึ่งผมก็ตื่นแต่โดยดีครับ ถึงแม้จะง่วงๆหน่อยก็เถอะ คุณพี่เมฆมาพร้อมกับอาการกลิ่นหน้าทานครับ ผมยังไม่เห็นว่าเป็นอะไรเพราะแค่ได้กลิ่นเฉยๆ หอมจัง ถึงแม้จะไม่อยากกินแค่ไหนแต่กลิ่นมันหอมยั่วยวนมากจริงๆ


“ข้าวต้มแซลม่อน เรายังไม่เบื่อใช่มั้ย?”


แซลม่อน! น้องแซลม่อนของผม


“ม่ายยยยย ผมไม่มีทางเบื่อแซลม่อน”

“ครับๆ พี่รู้แล้ว”


เขาพูดยิ้มๆ เออเว้ย คนเราที่อยู่ในเสื้อยืดสบายๆกับกางเกงอยู่บ้านจำเป็นต้องดูดีขนาดนี้มั้ยอะ ไม่ยุติธรรมเลย ถ้ามีการเลือกตั้งนะ ผมจะไม่เลือกเขา คอยดู


“ลุกขึ้นมานั่งทานดีๆมา”

“แล้วพี่ทานอะไรหรือยังครับ?” 

“ทานแล้วครับ เลยไปหาอะไรให้เรากินเนี่ย มานี่เร็ว กินข้าวได้แล้ว”


ผมถูกจับให้นั่งแล้วป้อนข้าวอย่างกับเด็กสามขวบ หนักกว่าตอนที่ผมไข้ขึ้นคราวนี้อีก แต่แบบนี้ก็ดีครับ สบายดี คุณพี่เมฆประคบประหงมผมดีมาก แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ผมก็จะไม่ลุกจากเตียงอะ ไม่เอาไม่ลุก ปวดไปหมดทั้งตัวเลย ร้าวมาก


“นี่กี่โมงแล้วอะ เจ็ดโมงหรือยัง?”


ผมถามเบลอๆ ตอนนี้รู้แค่ว่าแซลม่อนหอมมากครับ ความจริงผมก็กินเองได้นะ แต่อยากให้เขาป้อนอะ ดูเป็นง่อยแต่แค่อยากอ้อนบ้าง


“จะเที่ยงแล้วครับ”

“วันนี้วันอะไร ผมมีประชุมมั้ย?”

“วันอังคาร ไม่ต้องห่วงนะพี่ลางานให้แล้ว ลาของพี่ด้วย”


ผมพยักหน้ารับพร้อมกับรับข้าวต้มที่อีกฝ่ายป้อนให้มาเคี้ยวงั่มๆ ตอนนี้ถึงอยากจะทำงานก็ไปไม่ไหวแหละครับ แค่ขยับออกจากเตียงยังไม่อยากเลย ยืนไม่ได้แน่นอน ไม่ลองด้วย เพราะเรามีคนคอยบริการแล้ว เกิดเป็นแทนใจมันก็ดีแบบนี้แหละน้า


เอ๊ะ จะลุกไปไหนอะ!


“คุณพี่เมฆฆฆฆฆฆฆ”

“ครับๆ”

“คุณพี่เมฆจะไปไหนอะ ไม่เอาไม่ให้ไป”


ผมหน้าบึ้งใส่เขาเมื่ออีกคนทำท่าจะลุกไปจากเตียง แถมแต่งตัวด้วยอะ ใส่กางเกงดีๆไม่ใช่กางเกงที่เขาใส่ชิลๆแบบเมื่อกี้ เฮ้ย จะไปไหนไม่ให้ไปนะ อยากอยู่ด้วยจะไปไหน ห้ามลุกห้ามหายไปนะ ผมไม่ยอม


“ใจเย็นๆนะ พี่แค่จะไปเซเว่น”

“ไปทำไม ไปด้วย”

“ซื้อน้ำยาล้างจาน มันหมด”

“โอเค มาเร็วๆนะ”

“ครับๆ ขี้อ้อนเหมือนกันนะเนี่ยเราน่ะ”


ผมยิ้มเมื่อคุณพี่เมฆรับปากว่าจะกลับมาเร็วๆ อาจจะเพราะผมป่วยด้วยเลยงอแงเหมือนเด็กแบบนี้ แต่ไม่ชอบเลยนะถ้าจะต้องอยู่คนเดียวตอนนี้อะ เขาควรจะนอนกอดผมอยู่ข้างๆสิ ผมเจ็บไปทั้งตัวเพราะคุณพี่เมฆเลยนะ บ้าไปแล้ว คิดแล้วก็เจ็บใจ คนอะไรไม่อ่อนโยนเลย


รอผมเป็นฝ่ายอยู่ข้างบนก่อนนะ แล้วผมจะอ่อนโยนกว่าเขาให้ดู!
ว่าแต่จะตะล่อมคุณพี่เมฆยังไงดีให้เขายอม แต่เราไม่ต้องตะล่อมก็ได้หรือเปล่า เราควรจะแบ่งๆกันทำสิ ผมก็อยากให้เขามีความสุขเหมือนกันนะ ถึงแม้มันจะเจ็บเหมือนโดนฉีกเลยก็เถอะ แต่เพราะคุณพี่เมฆทำไงผมเลยโอเค ถ้าผมทำเขาจะโอเคมั้ยนะ--


ไลน์!


ผมเห็นเขาถือโทรศัพท์พร้อมเสียงไลน์ที่แจ้งเตือน (แล้วก็ชามข้าวของผมที่ทานเสร็จแล้ว) ออกไปจากห้องนอน เฮ้ย คือ ยิ้มด้วย? ยิ้มทำไม! ไลน์จากใครทำไมมันน่าสนใจกว่าผมที่นอนอยู่บนเตียงเหรอ?


หรือว่า … หวาน อักษร?


ตกลงคนนั้นเป็นใครกัน ทำไมถึงได้ไลน์หาคุณพี่เมฆบ่อยจังเลยอะ ผมไม่ชอบเลยนะ การที่มีคนอื่นมาไลน์หาแฟนผมบ่อยๆแบบนี้อะ แถมเป็นใครก็ไม่รู้ อาจจะเป็นมิจฉาชีพก็ได้ หรือว่าเพื่อน? โอ๊ย ไม่ชอบเลยอะ


แค่คิดเรื่องนี้ขึ้นมาอีกผมก็หงุดหงิดแล้ว


ผมกลิ้งไปอีกฝั่งของเตียงเพื่อเอาโทรศัพท์ของตัวเองมาเล่นบ้าง ซึ่งตอนนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจเลยครับ ไลน์ก็มีแต่ซุกซนรัวมาด่าว่าเพราะผมป่วย มันเลยต้องมาตามออเดอร์เกาหลีแทนผม (รับรู้หรือยังล่ะว่าตอนที่หายไปผมต้องมาตอบคุณยาโยอิ ยามาซากิ คุโนะคุกิมิยะ แทนมันนั้นลำบากยังไง) แล้วก็เป็นไลน์กลุ่มเซลล์โคทีมที่ส่งกำลังใจมาให้ ขอให้หายไวๆ เริ่มจากคุณกฤติครับ ซึ่งผมไม่รู้ว่าเขารู้ได้ไงว่าผมป่วย แต่ก็ขอบคุณทุกคนไป


ไม่ดูไลน์ละ เฟซบุ๊คมีอะไรบ้างนะ


ผมไถๆโซเชียลอย่างเบื่อๆ ไม่มีอะไรน่าสนใจเลยครับ เพจรีวิวหนังก็รีวิวเรื่องที่ผมยังไม่ได้ดู หน้าไทม์ไลน์ก็น่าเบื่อ ไม่มีอะไรเลยจริงๆ


ถ้าได้ดู Netflix น่าจะดีนะ ผมมีหนังที่อยากดูอยู่เยอะเลย


แฟนผมจะมีแล็ปท็อปที่บ้านมั้ยนะ? ผมว่าจะขอยืมมานั่งดูหนังหน่อย ไม่อยากนอนแล้วแต่ก็ไม่อยากทำอะไรอยู่ดี เขาต้องมีแหละ ขนาดผมยังแล็ปท็อปมีเอาไว้ดูหนังเลย คุณพี่เมฆเขาต้องมีเอาไว้ทำงานมั่งแหละ


อ๊ะ พูดถึงแล้วก็มาพอดี


“พี่นึกว่าเราอนอนอยู่”


แฟนผมเดินเข้ามาพร้อมมือถือครับ ซึ่งผมส่ายหน้าเขาก็เลยยิ้มแล้วมานั่งข้างๆ เอามือวัดไข้ที่หน้าผากไปด้วย เหมือนอยู่ในอนุบาลหมีน้อยเลย เพียงแต่หมีที่ดูแลผมอยู่นี่ไม่ใช่หมีน้อยนั่นแหละครับ


“ยังมีไข้อยู่เลยนะ หัวอุ่นๆ”

“แต่ผมเบื่อแล้วอะ ไม่อยากนอนแล้ว”

“งั้นอยากทำอะไร ไปห้างมั้ย? อ่านหนังสือป่าว?”
 
“ไม่อะ” ผมส่ายหัว “อยากดูหนัง ผมขอยืมแล็ปท็อปคุณหน่อยได้มั้ย ผมขอดู Netflix หน่อย”

“เอาสิ”


เขาพูดแล้วหายไปพักนึงทิ้งผมนั่งยิ้มกับตัวเอง วันนี้ดูเรื่องอะไรดีนะ


ความจริงผมเป็นคนชอบดูหนังมากเลยครับ ถึงขนาดสมัคร Netflix เอาไว้ด้วย แต่ไม่ค่อยมีเวลาจะได้ดูเท่าไหร่ บางทีทำงานเหนื่อยๆกลับห้องไปก็ขี้เกียจดูแล้วครับ จะได้ดูแค่ก็วันเสาร์-อาทิตย์ที่ผมไปนอนกับน้องแค่นั้นแหละ


พูดถึงน้อง รอยยิ้มผมก็หายไปนิดหน่อย


ถึงแม้ตอนนั้นจะเคลียร์กันไปแล้วแต่ผมกับน้องก็ไม่ได้คุยกันเยอะเหมือนเดิม แย่จังเลย ทั้งที่ผมเลี้ยงน้องมากับมือแท้ๆ ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆเราถึงไม่ค่อยได้คุยกัน เหมือนกับมันห่างๆกันไปเอง พูดแล้วก็ทักน้องไปหน่อยดีกว่า


Tanjai: น้องกายครับ
Tanjai: พี่คิดถึงนะ


ผมไลน์ทิ้งไว้เหงาๆ ตอนนี้น้องกายน่าจะยังเรียนอยู่เลยไม่ได้ตอบผม ไม่เป็นไรหรอก ว้เดี๋ยวพอน้องเลิกเรียนน้องก็มาตอบผมเอง ถึงแม่จะรู้สึกแปลกๆหน่อยก็ตาม ผมกับน้องไม่เคยห่างกันขนาดนี้มาก่อนเลย


คิดไปก็ปวดหัว ดูหนังดีกว่า


“มาแล้วๆ”


คิดถึงหนัง หนังก็มา เย้ะ


คุณพี่เมฆเปิดประตูมาพร้อมกับแล็ปท็อปเครื่องหนึ่ง ไม่ใช่แล็ปท็อปของบริษัทแน่นอน เพราะพวกเราใช้คอมพ์ยี่ห้อเดียวกันหมดทั้งบริษัทครับ แต่เครื่องนี้ไม่ใช่ ผมเลยเดาว่าน่าจะเป็นของส่วนตัวของเขาเองครับ


“พี่เอาน้ำส้มมาให้ เผื่ออยากกิน กินแต่น้ำเปล่าทั้งวันอาจจะเบื่อ”


ขอยืมคอมพ์แล้วมีน้ำผลไม้แถมให้ด้วย โหย น่ารักอะ มาเป็นเมียผมเถอะนะ เดี๋ยวผมจะเลี้ยงอย่างดี แต่ขอผ่อนนะ ผมรายได้น้อยรายจ่ายเยอะมากๆ ค่าบัตรเครดิตยังไม่ได้จ่ายเลยเนี่ย คิดแล้วก็เครียดๆอยู่ 


“ขอบคุณครับ”


น่ารักจริงๆนะเนี่ย แฟนผมเองครับทุกคนบนโลก ผู้ชายคนนี้คือแฟนผม อยากได้ผมก็ไม่ให้นะ ผมไม่ยอม!


“เดี๋ยวพี่ไปนั่งทำงานข้างล่างนะ เราอยากได้อะไรทักไลน์มาก็ได้ เดี๋ยวพี่ขึ้นมา”

“แล้วพี่ไม่ทำกับผมเหรอ?”


คุณพี่เมฆชะงัก

ตอนนั้นแหละผมถึงได้รู้ตัวว่าผมพูดอะไรออกไป พอรู้ตัวปุ๊บทั้งหูทั้งหน้าก็ร้อนไปหมดเลยทันที ฮือ เขินอะ พูดบ้าอะไรวะ ผมดูเหมือนลุงแก่ที่ชอบล่อลวงเด็กหนุ่มน่ารักเลยอะ ไม่เอานะ


“ฮ่าๆ พี่ก็อยากทำกับเราครับ แต่รอเราหายก่อนนะ”


ไอ้บ้า!


สรุปกว่าเขาจะยอมลงไปทำงานอะไรนั่นของเขาคือเขามานั่งฟัดผมก่อน ทั้งหอมแก้มหอมหัวอะไรก็ไม่รู้วุ่นวายไปหมด เป็นนาทีๆแหน่ะกว่าจะยอมผละไปสักที … บ่นนี่ไม่ใช่ว่าไม่ชอบนะ ชอบ! ชอบมากด้วย!  แต่มันเขินๆอะ ยิ่งเป็นแฟนกันแล้วยิ่งเขิน


พอๆ ชีวิตผมควรทำอย่างอื่นนอกจากอวยแฟนบ้าง


ผมเปิดเว็บ Netflix ขึ้นมาแล้วเลือกหนังที่จะดู เรื่องนี้เป็น Series อังกฤษที่ผมไปเจอรีวิวมาว่าดีครับ เป็นเรื่องของผู้ชายคนหนึ่งที่แอบไปติดโปรแกรมดักแชทในเครื่องของลูกสาว แล้วพอวันที่ลูกสาวหายไป เขาก็เลยเปิดแชทลูกสาว แอบดูว่าลูกคุยกับใคร แล้วไปเจอว่าคุยกับแฟน มีการนัดกันแล้วหายไปด้วยกันครับ น่าสนใจดี ผมจะดูวันนี้แหละ


ติ๊ง!


ในตอนที่หนังเริ่มไปได้สักพัก เสียงไลน์ก็เด้งขึ้นมาอีกแล้ว และคราวนี้ไม่ได้มาจากโทรศัพท์เครื่องไหน เพราะมันเด้งมาจากหน้าจอคอมของแฟนผมครับ


หวาน อักษร: แหน่ะๆ
หวาน อักษร: รู้นะว่ายิ้มอยู่อะ


ห๊ะ?


หนังที่ผมดูหมดความน่าสนใจไปเลยทันทีเมื่อเห็นข้อความที่เด้งขึ้นมาที่มุมขวาของจอคอมพ์ เฮ้ย คือตกลงนี่แฟนผมเขาคุยกับ หวาน อักษร อะไรนี่เยอะขนาดนี้เลยเหรอ? ไม่ใช่เพื่อนร่วมงานแล้วหรือเปล่า? แล้วดูจากที่เขาเคยคุยกับคุณบิวบูๆวูๆนั่นคือเขาก็ไม่ได้คุยกับแบบนี้ด้วยอะ


โอเค เขาอาจจะมีเพื่อนคนอื่น ผมจะไม่สนใจ


ผมพยายามไม่สนใจอย่างที่บอก ขนาดตอนดูหนังนี่ที่พ่อเขาแอบดูแชทลูกสาวผมยังไม่โอเคเลย เฮ้ย คือคนเราอะ ควรมีความเป็นส่วนตัวบ้าง การแอบดูแชทไม่ใช่การเคารพพื้นที่ส่วนตัวของคนอื่นเลยครับ


หวาน อักษร: จ้าๆ รู้แล้วจ้า


แต่ผมเริ่มอยากดูแชทคุณพี่เมฆบ้างแล้วครับ คุยอะไรกัน! รู้อะไรกันเหรอ? บอกผมบ้างสิว่าคุยเรื่องอะไรกัน


หวาน อักษร: *ส่งสติกเกอร์*


ผมดูหนังไม่รู้เรื่องแล้วครับ ตอนนี้ในหัวมีแต่เรื่อง หวาน อักษร กับไลน์ที่เด้งถี่ๆอยู่ตรงมุมจอเนี่ย ผมพยายามระงับความหงุดหงิดแล้วตั้งใจดูหนังต่อ โอเค มีคนตายแล้ว ขอบคุณมาก ตายตอนไหนวะ ช่างมันเถอะ เดี๋ยวค่อยย้อนๆเอาก็ได้มั้ง--


หวาน อักษร: *ส่งสติกเกอร์*


โอเค พอ


ผมเลิกดูหนังแล้วคลิกไปที่ข้อความล่าสุดที่เพิ่งเด้งขึ้นมาที่มุมขวาของจอทันทีด้วยอารมณ์หงุดหงิด มากวนการดูหนังของผมยังไม่เท่ากับแอบคุยเรื่องอะไรก็ไม่รู้ที่ดูสนุกสนานมากเลยครับ คุยกันทั้งวันแบบนี้ได้เหรอ? หลายครั้งแล้วนะ


Enter Passcode
Enter your passcode to unlock Line!


จุดจบสายสอดส่อง คือการพยายามสนใจแล้วดันติดพาสเวิร์ดเนี่ย!!





------- 50%--------




ลงด้วยวความเร็วแสง
ลงก้อนฝนตก รู้สึกชนะค่ะ อิ___อิ

เจอกันเร็วๆนี้ค่ะ บอกใบ้ว่าเข้าช่วงระทึกตึกตักกกะยึกกะยักของ #เรื่องของคนที่เกลีบยดวันจันทร์ แล้วนะคะ แ
ฮ่

Babybaphomet


ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
จุดจบสายส่องจริงๆ 55555

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ กด +1 ให้นะครับ :a9:

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
โถน้องแทนใจลูกกก อดส่อง ถามพี่เมฆเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ส่องแล้วก็อย่าลืมถามแฟนให้รู้เรื่องไปเลยนะจ๊ะ จะได้ไม่คาใจ

ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
18th Monday -- 50%
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 




หวานอักษรคือใคร? 


ผมเหลือบมองผู้ชายที่นั่งหน้าเครียดจ้องโทรศัพท์อยู่ฝั่งตรงข้าม หลังจากที่ทานข้าวดูหนังจบแล้วผมหลับไปตื่นนึง พอลืมตาขึ้นมาคุณพี่เมฆก็มานั่งอยู่ใกล้ๆแล้วครับ เราใช้เวลาด้วยกันจนกระทั่งถึงตอนเย็น พวกเรานั่งกินข้าวกันอยู่ ซึ่งเมื่อกี้เสียงไลน์ดังขึ้น พร้อมกับความคิดในหัวผมที่ไปหยุดอยู่ที่สิ่งที่กวนใจผมมาทั้งวัน


หวาน อักษร


ชื่อของเขาติดอยู่ในหัวผมจนกระทั่งดู Sereies จบไปทั้งเรื่องแล้ว คนร้ายก็เจอแล้ว ปมก็เฉลยหมดแล้ว แต่ชื่อของผู้หญิงคนนี้ก็ยังไม่หลุดออกไปจากหัว


ถามดีมั้ยนะ?


ผมนั่งเขี่ยกะเพราหมูสับในจานข้าวตัวเองเล่นๆ ตอนนี้ผมไม่ปวดหัวแล้วก็ไม่ได้ปวดตัวอะไรมากมายแล้วครับ แต่ตอนเดินยังต้องระวังๆนิดหน่อย แต่เรื่องนั้นไม่ใช่ประเด็น ความสงสัยของผมต่างหากคือสิ่งที่รบกวนจิตใจอยู่ตอนนี้


“เอ่อ... “


ผมเกริ่นขึ้นมา ซึ่งคุณพี่เมฆเขาละสายตาออกจากหน้าจอโทรศัพท์ขึ้นมายิ้มให้ แฟนผมยังคงหล่อเหมือนเดิมถึงแม้บนหน้าจะมีร่องรอยของความเหนื่อยล้าปรากฏอยู่ จานข้าวตรงหน้าของเขาว่างเปล่า มือถือโทรศัพท์ที่ทำงาน เพราะวันนี้ความจริงเขาต้องไปไซต์งาน แต่เพราะหยุดมาดูแลผมเลยต้องนั่งตอบอีเมลกับคุยโทรศัพท์ทั้งวันเลย


“คุณพี่เมฆอิ่มแล้วเหรอครับ?”
“ครับ” เขาตอบสั้นๆ “เราล่ะ? นั่งเขี่ยข้าวเป็นเด็กๆเลยนะเนี่ย”
“ไม่เด็กก็เขี่ยข้าวได้นะ อย่ากล่าวหาสิ”
“ครับๆ ไม่เด็กก็ไม่เด็ก”


เขาหัวเราะหึเหมือนกับพอใจในคำตอบ ก่อนที่จะไปนั่งหน้าเครียดใส่โทรศัพท์ต่อพร้อมถอนหายใจ ความเงียบปกคลุมลงมาเหมือนเดิม พร้อมกับความเคลือบแคลงใจของผมที่ยังคงอยู่


ผู้หญิงคนนั้นคือใคร?


ไลน์!


 อีกแล้วเหรอ?


ทุกอากัปกิริยาของผู้ชายคนนี้อยู่ในสายตาผมทั้งสิ้น ผมมองตามมือของคุณพี่เมฆที่วางโทรศัพท์บริษัท แล้วหยิบโทรศัพท์ส่วนตัวขึ้นมาแทน เจ้าตัวยิ้มมุมปากส่ายหัวเหมือนตลกอะไรสักอย่าง สักพักก็ขมวดคิ้วเหมือนข้อความที่ขึ้นมาต่อจากนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องคิด ก่อนที่จะสไลด์โทรศัพท์พิมพ์ตอบข้อความอย่างเร็ว แล้วกลับไปสนใจโทรศัพท์บริษัทเหมือนเดิม


สำคัญขนาดว่าต้องละจากงานมาตอบเลยเหรอ?


ตอนนี้ผมหยุดเขี่ยข้าวแล้วนั่งมองจานตัวเองเฉยๆ อยากถามให้รู้แล้วรู้รอด แต่อีกใจก็กังวลว่าคำตอบมันจะไม่ได้เป็นอย่างที่คิด แล้วถ้าแบบนั้น ผมจะตั้งรับกับมันไหวมั้ย


ถ้าไม่มีอะไรมันต้องไหวสิ!


“คุณพี่เมฆครับ?”


หลังจากตบตีกับตัวเองมาสักพัก ผมเลยตัดสินใจเงยหน้าขึ้นไปเรียกคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม คนที่กำลังทำงานอยู่เงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้เหมือนเคย


“ว่าไงครับ?”
“คะ---”


Rrrrr


เสียงโทรศัพท์ที่ทำงานดังขึ้นมา ข้อสงสัยและคำถามทั้งหมดถูกกลืนกลับเข้าไปในคอ คุณพี่เมฆมองโทรศัพท์แล้วหันมาส่งสายตาขอโทษผมแล้วก็รับสายนั้น


“ครับคุณจักรเกษตร … ไม่ครับๆ คุยได้ครับ สะดวกครับ...”


แผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มค่อยๆเดินหายไปทางหน้าบ้าน  ผมมองตามหลังเขาแล้วถอนหายใจกับตัวเอง คุณพี่เมฆกำลังทำงาน เขาคงมีเรื่องเครียดในงานเยอะอยู่แล้ว หากผมเอาเรื่องแบบนี้ไปถามมันจะดูไร้สาระหรือเปล่านะ? ในขณะที่กำลังนั่งคิดอยู่นั้น เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ก็ดึงความสนใจของผม


ไลน์!

sky: ผมก็คิดถึงพี่แทนใจนะ
sky: คิดถึงมากๆ
sky: พี่เป็นยังไงมั่งครับ สบายดีใช่มั้ย



ผมสบายดีมั้ยนะ?


มันก็สบายดี แต่รู้สึกเหมือนกับว่ามึนๆ เมื่อ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีเรื่องของคุณพี่เมฆเข้ามาอัดเต็มหัวสมองของผมจนไม่สามารถไปสนใจเรื่องอื่นได้เลย ผมได้รู้เรื่องครอบครัวของเขา ได้เห็นมุมอ่อนแอ และยังเจอว่าเขากำลังคุยกับหวานอักษรอะไรก็ไม่รู้เนี่ย


ถ้าเป็นผมคนปกติคงเอ่ยปากถามเรื่องที่สงสัยไปแล้ว


แต่นี่… ผมกลับกลัวไปหมด กลัวว่าจะรบกวน กลัวคำตอบที่ได้ กลัวอะไรก็ไม่รู้ แบบที่ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเหมือนกัน


ไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้เลยแฮะ


ไลน์!


sky: พี่แทนใจอยู่ห้องหรือเปล่าครับ?
sky: ผมไปหาได้มั้ย
sky: ผมอยากเจอพี่



ผมยิ้มให้กับข้อความของน้องที่ขึ้นมาที่โนติฯหน้าจอ แต่ตอนนี้ผมยังไม่อยากพิมพ์ตอบอะไรไปเพราะยังมีแต่เรื่องของคุณพี่เมฆที่คิดไม่ตกอยู่


แย่จังเลย


“เฮ้อ”


ล้างจานน่าจะหายฟุ้งซ่านได้บ้าง ผมลุกขึ้นแล้วค่อยๆเดินไปทางห้องครัว ถึงแม้จะดีขึ้นมากแล้วแต่ยังเดินด้วยความเร็วปกติไม่ได้ขนาดนั้นครับ


ล้างจานก็ไม่ช่วย จนล้างมือ อาบน้ำอีกครั้ง กลับขึ้นมาบนห้องนอนเพราะไม่รู้จะทำอะไรอยู่ด้านล่างแล้ว ก็ยังไม่ช่วยให้หยุดคิดเรื่องที่เกิดขึ้นเลย


นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่?


ผมถามตัวเองเมื่อนั่งรอคุณพี่เมฆอยู่บนเตียง ทั้งที่ท่าทางเหมือนกับตอนที่เพิ่งตื่น แต่ความรู้สึกกลับต่างไปจากเมื่อเช้ามากโข ผมคิดวนไปวนมาอยู่แต่เรื่องเดิมๆ คุณพี่เมฆเป็นโจทย์ที่เข้าใจยากที่สุด และจนถึงตอนนี้ก็ยังคงเป็นแบบนั้น ความเป็นเขาทำให้ผมกลัว ผมไม่รู้ว่าตัวเองรู้จักเขามากแค่ไหน


ขนาดมีอะไรกันแล้ว เขาบอกรักผมแล้ว แต่เหมือนกับว่าเขายิ่งไกลออกไป
ไกลกว่าตอนก่อนที่เราจะคบกันอีก


เมื่อความคิดบ้าบอในหัวทำให้ผมหงุดหงิด ผมจึงเลือกแก้ปัญหาด้วยการดูหนังเหมือนเคย ผมหยิบคอมคุณพี่เมฆที่ใช้ดู Series เรื่องเมื่อกี้ขึ้นมาเปิดอีกครั้ง ในขณะที่กำลังไล่หาหนังดูอยู่นั่นเอง ตรงมุมจอก็มีข้อความเด้งขึ้นมาจากไลน์เหมือนเดิม


ไลน์!

หวาน อักษร: จ้าๆ
หวาน อักษร: 5555555

มันต้องคุยกันทั้งวันเลยจริงๆเหรอ?


ผมเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่เพิ่งจะทำอารมณ์ตัวเองให้เย็นลงได้ ในขณะที่ผมจะเดินก็เจ็บก้นอยู่แบบนี้ ทำไมคุณพี่เมฆถึงได้ไปคุยกับคนอื่นล่ะ?


มันเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ผมไม่รู้พาสเวิร์ดไลน์เขา ไม่งั้นผมคงเข้าไปอ่านทั้งแชทให้รู้แล้วรู้รอด … แต่ก็ได้แค่คิด เพราะถ้าหากได้มาจริง ผมอาจจะไม่อยากเห็นก็ได้ว่าเขาคุยกันสนุกขนาดไหน แต่คงสนุกแหละ เพราะตอนที่คุณพี่เมฆไลน์คุยกับผมทั้งวันนั้น ผมยังชอบคุยกับเขาเลย


ไลน์!

หวาน อักษร: ก็เป็นเหมือนตอนที่เราคบกันไง



เหมือนตอนที่เราคบกัน?


 ผมตัวชา ความคิดที่จะหาหนังดูเลือนหายไปจากหัวทันที นี่มันคืออะไรกัน? เหมือนกับช่วงที่คบกันคืออะไร? ตกลงแล้วหวานอักษรที่เขาคุยด้วยตั้งแต่วันนั้น ตอนที่เราเพิ่งจะคบกัน นั่นคือแฟนเก่าเหรอ?


คนเราคุยกับแฟนเก่าได้ด้วยเหรอ? ตอนที่แฟนคนปัจจุบันนอนอยู่บนเตียงเนี่ย เราทำได้จริงๆเหรอ?


ตอนนี้หัวสมองผมตื้อไปหมด ในหัวมีแต่คำถามแล้วก็ความไม่เข้าใจ อยากไลน์ไปถามซุกซนว่านี่คืออะไร แต่ผมไม่อยากโดนด่ากลับมาว่าอ๊องเหมือนอย่างเคย หรือจะไลน์ไปหาน้องกาย น้องก็คงไม่เข้าใจเพราะน้องไม่เคยบอกผมว่ามีความรักอะไร ผมควรถามใคร


ผมควรทำยังไง?

“อ้าว มาแอบอยู่นี่เอง”


คนที่ผมกำลังคิดถึงอยู่สักพักเปิดประตูเข้ามาในห้องด้วยท่าทีปกติเหมือนเมื่อครู่ ผมพยายามกางยิ้มที่เหมือนกับการยกกล้ามเนื้อแปลกๆไปให้เขา ซึ่งเหมือนคุณพี่เมฆจะไม่ทันได้สังเกต เขาเข้ามาหอมแก้มเหมือนเคย ซึ่งตัวผมเองก็ชอบสัมผัสนี้ของเขา


“คุยงานเหรอครับ” ผมถามออกไปด้วยน้ำเสียงปกติจนตัวเองแปลกใจ
“อืม” คุณพี่เมฆรับคำสั้นๆ เขานั่งพิงหัวเตียงในท่าเดียวกับผม “ปัญหาเดิมๆ แก้ไม่จบสักที”
“มีเรื่องอะไร เล่าให้ผมฟังได้มั้ยครับ?”


ผมเอ่ยปากถามออกไปพร้อมมองหน้าเขาด้วย อีกคนยิ้มเหมือนเคย เป็นรอยยิ้มอบอุ่นที่ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ ผมไม่เคยรู้เลยว่าภายใต้รอยยิ้มนี้มีอะไรซ่อนอยู่บ้าง


“เรื่องเล็กน้อยน่ะ ปัญหาเดิมๆ… ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอกครับ”
“แต่ผมอยากรู้นะ คุณบอกผมได้นะ”
“ขอบคุณมากนะครับ เด็กดี”


บอกไม่ได้สินะ


คุณพี่เมฆพูดพร้อมกับลูบหัวผมเบาๆเหมือนอย่างเคย บทสนทนาของเราเปลี่ยนไปเรื่องที่ว่าเดี๋ยวคืนนี้ผมจะนอนที่นี่แล้วเขาจะเอาไปส่งที่ทำงานตอนเช้า ส่วนตัวเขาค่อยไปไซต์งานต่อ ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นแผนของคุณพี่เมฆที่ผมเออออตามไปด้วยเพราะหัวสมองกำลังคิดอย่างอื่นอยู่


ไหนบอกว่าผมเป็น เด็กดี ไง
ทำไมเขาไม่ยอมเล่าอะไรให้ผมฟังเลยล่ะ


ผมเป็นเด็กดีไม่พอเหรอ ผมต้องเป็นเด็กดีกว่านี้หรือเปล่า?
หรือเพราะผมเป็นเด็กดี เลยไม่ควรที่จะรับรู้อะไรเลยอย่างนั้นเหรอ?


“เป็นอะไรหรือเปล่า?”


ผมหันไปมองหน้าอีกคนที่กำลังมองมาที่ผม เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองขมวดคิ้วอยู่ ผมค่อยๆคลายสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติ ตอนนี้กลายเป็นว่าแม้แต่การที่เขาออกไปคุยงาน ผมก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาจะคุยกับ หวาน อักษร อะไรนั่นไปด้วยพร้อมกันหรือเปล่า


โคตรแย่ และผมไม่ชอบแบบนี้เลย


“ว่าไงเรา ไข้กลับเหรอครับ หรือว่า--”
“คุณพี่เมฆครับ”


หวาน อักษร ที่คุณคุยไลน์ด้วยทั้งวัน คือใครเหรอครับ?


ผมนิ่งอยู่พักหนึ่ง สบตาเขาที่ส่งมา ใบหน้าหล่อยังคงประดับด้วยรอยยิ้ม ซึ่งนั่นทำให้ผมเลือกที่จะพูดออกไป ซึ่งคำถามของผมทำให้เขานิ่งเช่นเดียวกัน


“คุณพี่เมฆคุยกับใครอยู่เหรอครับ?”


เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ซึ่งมันเหมือนชั่วโมงสำหรับผม


สุดท้ายคุณพี่เมฆก็เผยรอยยิ้มออกมา น้ำเสียงนุ่มที่ผมชอบฟังพูดออกมาอย่างสบายๆ คล้ายกับว่ากำลังพูดคุยเรื่องดินฟ้าอากาศอยู่


“เพื่อนครับ”


เพื่อนงั้นเหรอ?


ผมทวนคำตอบของเขากับตัวเองในใจ เพื่อนที่ไหนเขาเคยคบกันด้วยเหรอ? แล้วเพื่อนแบบที่ไหนที่ต้องคุยกันตลอดเวลาในขณะที่ผมก็ยังป่วยอยู่เหรอ?


ความสงสัยทั้งหมดอัดแน่นอยู่ในใจ ผมไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงต้องโกหก แต่ผมไม่ชอบแบบนี้เลยสักนิด


-------- TBC -------



ก็ยืนยันคำเดิมนะคะว่าเป้นนิยายใสใส ._.
เรารวมเล่มแล้วนะคะ ปกน่ารักมาก ฮือ เดี๋ยวเอาไว้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจะเอาปกมาให้ดูนะคะ
ป.ล. อาจจะเจอเรางานหนังสือนะคะ แฮ่

ขอให้มีความสุขกับวันจันทร์นะคะ
@Babybaphomet

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
อิพี่ทำไมพี่ไม่ชัดเจน ทำน้องแทนกลุ้มใจได้ยังไง ส่งน้องแทนมาจัดการด่วน

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ไม่น่ามาอ่านก่อนเลยค้างงง น้องแทนใจคิดมากเลย ไม่ว่าคุยอะไรคุณะี่เมฆก็ไม่ควรคุยกับแฟนเก่าทั้งวันไหมคะ ไม่เหมาะไม่ควร ตีตายเลย

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
น้องชอบชัดเจน สงสัยต้องเคลียร์

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
น้องแทนใจอย่าเพิ่งคิดไกลล
พี่เมฆอธิบายชัดๆสิ

ออฟไลน์ por_pla4u

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เรื่องนี้ควรเคลียร์กันให้จบๆ ไป อย่าให้มีอะไรค้างคาใจกัน เดี๋ยวจะเป็นเรื่องกันซะเปล่าๆ  :hao4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
19th Monday
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 




เป็นวันพุธที่เริ่มต้นด้วยการโกหก


ผมค้างบ้านคุณพี่เมฆเขาสองคืน ตั้งแต่คืนวันจันทร์ที่เรามีอะไรกัน และคืนวันอังคารที่ผมไม่สบายแล้วเขาไม่ยอมพาผมไปส่งบ้าน บอกจะนอนกอดอะไรก็ไม่รู้ ตัวผมก็ไม่อยากจะเถียง เพราะส่วนลึกๆข้างในก็อยากอยู่กับเขาต่อครับ

แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น จนตอนนี้คุณพี่เมฆยังตอบไลน์ไม่หยุดเลย คนเดิม หวาน อักษร คนนั้นนั่นแหละ มันมีอะไรที่ต้องคุยขนาดนั้นเลยเหรอ?


ผมคิดไปถึงตอนที่ผมถามเขาว่าเขากำลังคุยไลน์กับใคร


คำตอบของคุณพี่เมฆคือรอยยิ้มเบาๆ พร้อมกับบอกว่าเพื่อน โอเค ผมจะเชื่อนะ ผมพร้อมเชื่ออยู่แล้วถ้าไม่บังเอิญไปเห็นแชทในคอมเขาว่าเขาเป็นแฟนเก่ากัน เขาอาจจะเห็นผมอ๊องเลยไม่ยอมพูดเรื่องจริงเหรอ หรือว่าอยากจะคุยกับแฟนเก่าอยู่ ผมไม่รู้อะไรเลย


คืนวันอังคารผ่านไปอย่างกระอักกระอ่วนสำหรับผม จนตอนเช้าวันนี้ที่คุณพี่เมฆเอาผมมาแปะไว้ที่ออฟฟิศก่อนที่ตัวเองมาเคลียร์งานแล้วค่อยไปไซต์ตอนบ่าย ผมก็ยังรู้สึกแย่อยู่นิดหน่อย


มีเหตุผลอะไรที่จะต้องโกหกคนที่เป็นแฟนกัน เราไม่ควรพูดความจริงต่อกันเหรอ?


“แทนใจ เหม่อบ่อยนะวันนี้ ตั้งแต่เช้าแล้ว”


ผมส่งยิ้มข้ามแก้วลาเต้ไปให้คุณพี่เมฆที่นั่งหล่อๆคีบบุหรี่อยู่ฝั่งตรงข้าม วันนี้ผมทำงานด้วยความเบลอมากเลยครับ แผลมันทุเลาลงแล้ว แต่ในใจยังมีเรื่องมากมายให้คิด ก็เรื่องที่เขาโกหกนั่นแหละ


“มีสามีแล้วผีเข้าเหรอ อ๊องเว๊ย สติเว๊ยสติ!”


ครับ เราไม่ได้มากันแค่สองคน


“ซุกซน อย่ากระแทกแก้วสิ มันดูไร้อารยธรรมนะ”
“เป็นแค่ก้อนเต้าหู้ อย่ามาชูคอสอนพี่”
“เราจะสอนใครก็ได้ที่เราสูงกว่า--- โอ๊ยยยยย”


ผมเอามือกุมแก้มที่เพื่อนนิสัยไม่ดีดึงแรงมากครับ มือก็ตีๆมันไปด้วย ซึ่งไร้ประโยชน์มากเพราะมันไม่รู้สึกรู้สาอะไรด้วยเลย แถมยังหัวเราะเอิ้กอ้ากเมื่อผมทำท่าเจ็บอีก เสียแรงจริงๆที่เอามันลงมาด้วย แต่ถ้าย้อนไปก็คงขอให้มันมาด้วยเหมือนเดิมนั่นแหละ ผมไม่อยากอยู่กับคุณพี่เมฆแค่สองคนนี่ มันกระอักกระอ่วนอะ


ผมไม่รู้ว่าตัวเองควรทำตัวยังไง ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าอีกฝ่ายโกหก


“มึงปล่อยเลยนะ ทำอะไรแฟนเฮีย”
“แตะต้องไม่ได้เล๊ยยยยยยยยยย”


พอคุณพี่เมฆพูดแบบนั้นซุกซนเลยยอมปล่อยนิ้วที่จับแก้มผมออก นี่สงสัยจะต้องคิดค่าบีบจริงๆแล้ว อะไรมันทำให้คนบนโลกติดใจแก้มผมมากมายขนาดนี้กัน บ้าบอไปหมด


“ถ้าแก้มแฟนเฮียบุบไป แล้วเฮียจะหอมอะไรล่ะวะ”
“น่อววววววววววววว์ มาว่ะเฮ้ย!!”


ผมก้มหน้าแดงๆของตัวเองลงเมื่อซุกซนแซวแบบชอบใจ ถึงจะเป็นแฟนกันแล้ว (มีอะไรกันแล้วด้วยนะ!) แต่ผมก็อดเขินไม่ได้นี่หว่าเวลาที่มีคนมาแซว ยิ่งพูดแบบกระชั้นชิดแบบนี้ด้วย จะไม่ให้เขินก็ทำไม่ไหวอะ เกินไปมากๆ เขินนะ ถึงแม้จะยังอึนๆมึนๆอยู่ก็เถอะ


ไม่ชอบตัวเองเวลาเป็นแบบนี้เลย พอเขาพูดอะไรผมก็คิดว่าเขาอาจจะโกหกผมอยู่หรือเปล่า

แบบนี้มันแย่ชะมัด


“แทนใจ”
“ห๊ะ? ครับ?”


ผมสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงคุ้นเคยเรียกชื่อตัวเอง คุณพี่เมฆมองหน้าผมเหมือนกับไม่แน่ใจอะไรบางอย่าง ในขณะที่ซุกซนไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว แต่ได้ยินเสียงแว่วๆมาจากเค้าน์เตอร์ น่าจะไปสั่งอะไรมาทานเพิ่ม ตั้งใจจะอยู่ยาวเลยละมั้งเนี่ย วันพุธช่วงสายแบบนี้งานไม่ค่อยเร่งหรอกครับ พวกผมเคลียร์ส่วนด่วนๆไปหมดแล้วด้วย มันจะไปเยอะแยะอีกทีก็วันศุกร์นี่แหละ


“เรายังปวดหัวอยู่หรือเปล่า?”
“ไม่แล้วครับ”
“มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าเนี่ย เห็นเงียบๆตั้งแต่เช้าแล้ว”


ที่เขาพูดมันก็ไม่ผิดนักหรอก เมื่อเช้าตอนนั่งรถมาผมเอาแต่คิดเรื่องนี้แล้วก็พูดน้อยลงจนคุณพี่เมฆเองก็คงสังเกตได้ ผมไม่รู้ว่าจะตอบอะไรนี่ พยายามทำตัวปกติแล้วนะ แต่มันคงยังปกติไม่พอมั้ง


“อ๋อ…”


ผมเงียบไป อยากพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา อยากพูดว่า ผมรู้เรื่องที่คุณโกหกนะ คุยกับแฟนเก่าทำไม เขาเป็นใคร คุยเรื่องอะไรกัน สำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ?


คุณโกหกผมทำไม


“ไม่มีอะไรครับ”


ผมเลือกตอบอีกแบบแล้วส่งยิ้มให้เขาแทน คุณพี่เมฆทำท่าเหมือนไม่เชื่อแต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรเรื่องนี้ต่อ ไม่รู้ว่าเพราะไลน์เด้งพอดีด้วยหรือเปล่า แต่เขาก้มลงดูโทรศัพท์พร้อมพิมพ์ยุกยิกอะไรสักอย่างหน้าเครียด


อาจจะเป็นเรื่องงาน

ขอให้เป็นเรื่องงาน


“ว่าแต่ วันจันทร์นี้เรามีนัดอะไรสำคัญมั้ย?”
“ไม่มีนะครับ”


ผมส่ายหน้าปฏิเสธ ชั่วขณะเห็นคุณพี่เมฆเหมือนจะยิ้มเหมือนดีใจอะไรสักอย่าง ก่อนที่จะพูดต่อ


“ดีเลย เราไปดูหนังกันนะ พี่เห็นมันมีหนังเข้าใหม่อยู่ เราน่าจะชอบ ท่าทางสนุกดี”
“ที่ไหนเหรอครับ?”
“สยามมั้ย เผื่อเราจะซื้ออะไรด้วย เดี๋ยวพี่พาไปทานซูชิร้านนึงตอนเย็นแถวๆอโศก เพื่อนพี่มันแนะนำมาว่าแซลม่อนสดมาก”
“โอเคครับ ไปสิๆ”
“ดีมาก นัดกันแล้วนะ”

ผมส่งยิ้มให้เขา ยิ่งเมื่อได้รับรอยยิ้มกว้างตอบกลับมามันก็อบอุ่นหัวใจดี

“เผลอเป็นไม่ได้ จีบกันอีกแล้ว!”

มารตัวสั้นเพื่อนผมมาพร้อมกับโกโก้ปั่นแก้วใหญ่ นี่ยังไม่อิ่มอีกเหรอ? ผมนะกินแค่ลาเต้แก้วแรกยังไม่หมดเลยเนี่ย กินเยอะแยะทำไมถึงไม่สูงขึ้นบ้างนะ ไม่เข้าใจเลย


“ก็เฮียรักของเฮีย มึงทำไม”


นี่ก็ไปเล่นกับมันอีก ฮืออออออออออออออ


ผมไม่รู้หรอกว่าคราวนี้เขายังโกหกผมเหมือนเรื่องของหวานอักษรอะไรนั่นหรือเปล่า แต่ลึกๆก็ยังอยากเชื่อนะ แล้วตื้นๆคือก็เขินจริงๆ

แย่อะ จะกะยึกกะยักกับทุกอย่างไม่ได้นะ!

“รักมากมั้ย”
“รักมาก”
“เหมาร้านกาแฟให้เลยมั้ย?”
“เวอร์แล้ว จะเหมาทำไม” คุณพี่เมฆหันไปคุยกับซุกซน สักพักก็หันมาหาผมครับ สายตาแพรวพราวที่ชวนให้หน้าร้อนเหมือนเดิม “ว่าแต่เราอยากได้หรือเปล่าครับ? ถ้าอยากได้พี่อาจจะลองคิดดูเรื่องขอกู้ธนาคารนะครับ”

เกินไปแล้ว!

“ผะ… ผม--”
“อ่าวๆ ใจเย็นๆ ให้เวลาสมองมันทำงานหน่อยเฮีย” ซุกซนก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย นั่งดูดโกโก้ปั่นแล้วก็ชงนั่นชงนี่ไปเรื่อย เอาเข้าไป
“ครับ?”
“ผมไปเข้าห้องน้ำนะ!”


ผมพูดแค่นั้นแล้วลุกหนีออกมาเลย อยู่ไม่ได้แล้วอะไม่งั้นหน้าต้องไหม้แน่ๆ ขนาดเขาพูดอะไรแบบนี้ตอนอยู่กันสองคนหรืออยู่ในแชท ผมยังไม่เขินเท่ามีคนนั่งอยู่ด้วยเลยนะ โดยเฉพาะคนนั้นเป็นซุกซนด้วย ผมเลยยิ่งเขิน ฮือ


เขินทั้งที่ไม่รู้ว่าพูดจริงหรือโกหกนี่แหละ


ผมหนีออกมาอยู่ที่ห้องน้ำของตึก ขอบคุณแม่บ้านทุกคนที่ทำงานอย่างหนัก เพราะห้องน้ำตึกที่นี่ไม่ได้เหม็นหรือมีอะไรที่ทำให้รู้สึกว่าการมาเข้าห้องน้ำเหมือนเข้าถังขยะ ผมยืนอยู่ที่อ่างล้างหน้า กำลังมองหน้าแดงๆของตัวเองอย่างไร้หนทางที่จะทำให้มันกลับมาเป็นสีเดิม


“--กูโคตรโกรธ”


ผมหันไปตามเสียง ผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาในห้องน้ำขณะที่คุยโทรศัพท์ไปด้วย โชคดีที่ไม่ใช่คนในบริษัทผม ไม่งั้นคงต้องหาคำทักทายอีก


“มันมีชู้แน่ๆ กูเห็นในเฟสบุ๊คมัน หึ แอบคุยไลน์กันตั้งนานคิดว่ากูไม่รู้เหรอ! กูไม่ได้โง่เว๊ย”
“…”
“รู้เพราะส่องเฟสไง แม่งเเพื่อนที่ไหนแท็กรูปคู่กันบ่อยฉิบหาย พ่อเป็นรองเท้าเหรอ แท็กคู่กันจัง เมียกู ไอ้เหี้ย”


ผมค่อยๆกระเถิบตัวออกจากห้องน้ำช้าๆ ปล่อยให้อีกคนเขาระบายความฉุนเฉียวกับกระดาษทิชชู่ในห้องน้ำไปละกัน แต่ถึงแม้จะออกมาแล้วบทสนทนาของคนนั้นก็ยังติดอยู่ในหัว


แอบส่องเฟสบุ๊คแฟนงั้นเหรอ?


ในชั่วขณะ ความสงสัยเรื่อง หวาน อักษร อะไรนั่นกลับมาในหัว ผมเม้มปาก ตัดสินใจชั่ววินาทีในการกดเข้าเฟสบุ๊คของคนที่เคยทักแชทมาเมื่อนานมาแล้ว ก่อนที่เราจะย้ายไปคุยกันในไลน์แทน ใบหน้าของคนที่เพิ่งจะหยอดผมปรากฏขึ้นมาทันทีที่ 4G ผมไปไหว


Mek Sitthikorn


หน้าเฟสบุ๊คเขาไม่ได้มีอะไรมาก ส่วนใหญ่เป็นโพสต์ของคนอื่นที่แท็กมามากกว่า ผมกวาดสายตาไล่ไปตามสเตตัสต่างๆ รูปแท็กเวลาที่เขาไปเที่ยวกับพวกคุณเบิร์ด หรือไปทำงานบางที่ที่มีคนแท็กมา หรือแม้กระทั่งถ่ายคู่กับใครไม่รู้แล้วบอกว่าดีใจที่ได้เจออีกครั้ง


อะไรเนี่ย ไปเจอใครอะไรเยอะแยะขนาดนี้


ผมเก็บความสงสัยเอาไว้แล้วค่อยๆไล่เฟสบุ๊คเขาไปเรื่อยๆ เมื่อไม่พบอะไรน่าสนใจอีกก็เปลี่ยนไปดูรูปที่ถูกแท็กแทน ไล่อย่างละเอียด … โอเค ไล่รูปที่ถ่ายกับผู้หญิงอย่างละเอียด


จนกระทั่งเจอรูปหนึ่ง


เป็นรูปเหมือนกับงานอะไรสักอย่าง อาจจะเป็นงานแต่งงานหรืองานเลี้ยงกลางคืนคล้ายพวกงานพรอม คุณพี่เมฆดูคล้ายกับปัจจุบัน ต่างกันแค่สีผมน้ำตาลอ่อนที่ทำให้ดูเด็กลงเล็กน้อย ถึงแม้ปัจจุบันจะไม่ได้ดูแก่อะไรแถมยังหล่อก็ตาม


ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้น


ผู้หญิงที่ยืนอยู่เขาดูเป็นผู้หญิงหวานๆเรียบร้อย เธอสวมเดรสสีฟ้าอ่อนที่ทำให้ดูเหมือนคุณหนู บวกกับการแต่งตัวที่ทำให้ผมนึกชมรสนิยมอยู่ในใจ ผมไม่รู้เรื่องแฟชั่นอะไรพวกนี้มากนัก แต่คนที่แต่งอะไรแล้วเข้ากับตัวเองผมว่าเขาดูดีหมด เคสนี้ก็เหมือนกัน


ดูเหมาะสมกันจังแฮะ

ความคิดแรกที่ขึ้นมาในหัวผมเป็นแบบนั้น ซึ่งพอผมดูด้านล่าง คนแท็กรูปน่าจะเป็นเพื่อนของคุณพี่เมฆหรืออะไรสักอย่าง เขาเขียนแค็ปชั่นสั้นๆ


Aeoy Araya --  with Mek Sitthikorn and Wanjai Walaiporn
ชอบคู่นี้เหมือนเดิม เมฆก็หล่อขึ้น หวานก็สวยขึ้น มีแววจะกลับมารีเทิร์นมั้ย ลุ้นๆ

ผมมองรูปอีกครั้ง จิ๊กซอว์ในหัวประกอบกันอย่างรวดเร็ว
คนนี้เหรอ … หวาน อักษร

พวกคอมเมนต์ข้างล่างส่วนใหญ่ก็มาชงคู่นี้ทั้งนั้น ชอบตั้งแต่สมัยเรียนบ้าง เข้ากันดีบ้าง ตอนนั้นเป็นคู่รักขวัญใจอะไรก็ไม่รู้บ้าง นอกจากนั้นจะเป็นพวกคอมเมนต์แซวๆไม่คุณพี่เมฆก็ฝั่งคุณหวานแค่นั้น

แย่แฮะ

ผมเม้มปาก สมองสั่งให้ปิดโพสต์แล้วกลับไปนั่งที่ร้านกาแฟเหมือนเดิม แต่ความอยากรู้ของผมทำงานโดยปราศจากความเห็นชอบของสมอง มือรีบกดเข้าไปดูโปรไฟล์ของคนที่ถูกแท็กกับคุณพี่เมฆทันที

Wanjai Walaiporn

รูปผู้หญิงใส่ชุดเดรสสบายๆเหมือนกับถ่ายที่ทะเลที่เขาเลือกมาเป็นโปรไฟล์นั้นจัดว่าน่ามอง ผมยอมรับกับตัวเอง ประวัติการทำงานที่บริษัทที่มีชื่อเสียง อายุ แล้วก็การศึกษาที่อยู่ด้านหน้ายิ่งยืนความเหมาะสมของเธอที่มีกับคุณพี่เมฆได้เป็นอย่างดี

จะเพอร์เฟคไปไหน…

ตรงเพื่อนที่มีร่วมกันนั้นมีคนที่ผมรู้จักอยู่สองสามคน Mek Sitthikorn ซึ่งเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้วครับ คุยกันทุกวันขนาดนั้น หึ อีกคนที่มางงๆคือ ซุกซน ใจทราม ผมไม่รู้ว่าเขาไปเป็นเพื่อนกันในเฟสบุ๊คได้อย่างไร แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่ผมสนใจเท่าเพื่อนที่มีร่วมกันอีกคน

Tanrak Kraikiratikulchai

หวาน อักษร เขารู้จักกับพี่แทนรักด้วยเหรอ?

ผมเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจแล้วไล่ส่องไปเรื่อยๆ พวกข้อมูลที่เป็นส่วนตัวของเขาดูได้นิดหน่อยเพราะไม่ได้เป็นเพื่อนกัน ซึ่งไม่เจออะไรไม่ดีเลยครับ เรียนดี งานเด่น ภาษาได้ ดูดีด้วย 

เหมาะสมจนน่าหงุดหงิด
 
เขาดูเหมาสมกัน มากกว่าผมกับแฟนผมด้วยซ้ำ



------- 30% -------




เพิ่งจะว่างค่า ฮืออออออออออ
ช่วงที่ผ่านมาคือเรางานเยอะม๊ากมาก เพราะง้นถ้าเราหายไปให้รู้ไว้ว่าเราจมกองงานอยู่ค่า T____T

ด้วยรักและเงินเดือนออกแล้ว เย้
@Babybaphomet


ป.ล. สามารถคอมเมนต์ที่นี่ หรือที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ เหมือนเดิมนะคะ หรือยังไงทักเรามาได้ที่ @babybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-10-2018 20:43:43 โดย babybaphomet »

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
โมโหอย่างรุนแรงเลยน้องแทนใจรูก แม่จะสอนหนูเอง //ทำหน้าขึงขัง

ออฟไลน์ Mayana

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2

ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
19th Monday  -- 70%--
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 




วันศุกร์นี้ค่อนข้างหมองหม่น



ผมตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดแข็งแรงที่โอบผมไว้ทั้งคืน คุณพี่เมฆเขากลับมาจากไซต์งานในวันพฤหัสฯเพราะเขาบอกว่าเขาอยากอยู่กับผม คิดถึงผม อะไรสักอย่าง ซึ่งเพราะไซต์งานนั่นอยู่ในเขตปริมณฑล ไม่ได้ไกลจากกรุงเทพเท่าไหร่ ผมจึงไม่ได้มีปัญหาที่จะนั่งรอเขาที่ออฟฟิศ เพื่อไปนอนกันที่คอนโดฯเขาอีกครั้ง


เราใช้เวลาเหมือนคู่รักทั่วไปในวันนั้น เราทานข้าว เราเดินเที่ยว เราดูหนัง และเราก็จบลงบนเตียง


ครั้งนี้ไม่ได้เจ็บหรือทรมานเท่าครั้งที่แล้ว เพราะคุณพี่เมฆเตรียมพร้อมมากจนผมรู้สึกดี ตอนที่เขาอยู่ด้านบน ทุกคำว่ารักที่เขากระซิบในหูผม ใบหน้าของเขาตอนที่กำลังจะถึงฝั่งฝัน ทุกอย่างมันย้ำเตือนกับผมชัดเจนมาก


ผมรักเขา

ผมรักเขามาก ทั้งที่ไม่รู้ว่าคำว่า “พี่รักแทนใจ” ที่เขาพูดออกมานั้นมีความจริงอยู่มากแค่ไหนก็ตาม


“เราตื่นแล้วเหรอครับ?” 


เสียงงัวเงียด้านหลังผมดังขึ้นมาให้ได้ยิน รอบแขนตวัดแน่นขึ้นทำให้ผมรู้ว่าคุณพี่เมฆเองก็ตื่นแล้วเช่นกัน ไม่อยากจะบอกเลยว่าผมนอนไม่หลับ


ตั้งแต่วันที่รู้ว่า หวาน อักษร เป็นใคร หน้าตาแบบไหน ผมนอนไม่ค่อยหลับเลย มันเอาแต่คิดตลอดว่าเขากำลังคุยกันอยู่ เขาเหมาสมกัน คุณพี่เมฆโกหกผมเพื่อคุยกับเขา พอคิดวนไปวนมาแบบนี้มันก็หลับไปค่อยสนิทเท่าไหร่ มีเมื่อคืนนี่แหละที่หลับไปเลยหลังจากที่มีอะไรกันเพราะผมเหนื่อย


“ใช่ครับ”
“หิวมั้ย หืม?”


คุณพี่เมฆกระซิบเบาๆที่หลังหู ผมหดคอหนีเมื่อรู้สึกจักจี้เล็กน้อยตอนที่เขากระซิบอยู่ข้างหลังผม พร้อมด้วยการจูบเบาๆตามมา แค่การกระทำเล็กๆน้อยๆแบบนี้ยังทำให้ผมใจเต้นเลย เป็นเอามากแล้วจริงๆ


“ยังเลยครับ คุณหิวหรือเปล่า”
“หิวครับ หิวเนื้อกระต่าย”


ผมพลิกตัวไปหาเขา ใบหน้าหล่อส่งยิ้มให้ เป็นยิ้มบางๆกับสายตาอบอุ่น เหมือนกับว่าเขาชอบทุกวินาทีที่กำลังใช้ร่วมกับผมอยู่ตอนนี้  รอยยิ้มของผมปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าอัตโนมัติ เพราะผมก็ชอบทุกวินาทีที่ได้ใช้กับเขาเหมือนกัน


“คุณจะกินติ๊กต่อกเหรอ นี่คุณเป็นโรคจิตใช่มั้ย ไม่ได้แล้ว อันตรายมาก”
“จะกินเรานี่แหละ กินไม่ให้เหลือเนื้อเหลือกระดูกเลย”
“น่ากลัวมาก ฆาตกรอยู่ตรงนี้ครับคุณตำรวจ”
“กวนใหญ่แล้วนะเราเนี่ย”


เขาหัวเราะพร้อมกับเข้ามาฟัดแก้มผมเหมือนมันเขี้ยวอยู่แล้ว ซึ่งนั่นทำให้ผมหัวเราะคิกคัก รอยยิ้มกว้างยังปรากฏอยู่บนใบหน้าและไม่มีทีท่าว่าจะหายไปง่ายๆ ซึ่งผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ใบหน้าพวกเราค่อยๆขยับเข้าหากัน จูบแรกของวันเริ่มต้นขึ้นอย่างช้าๆ


“อืม…”


คุณพี่เมฆค่อยๆงับริมฝีปากผม ใบหน้าผมร้อนเหมือนกับว่ามีใครเอาไปผิงที่เตา หัวใจเต้นเร็วและแรงเพียงแค่รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆของอีกคน


มือไปก่อนความคิด ผมลูบกลุ่มผมของคุณพี่เมฆ ในขณะที่รู้สึกถึงฝ่ามือของเขาที่กำลังลูบแก้มผมอยู่ เหมือนกับว่าอยากจะถนอมเอาไว้ และความคิดนี้ยิ่งทำให้ผมใจเต้น


“อื้อ--”


พวกเราจูบกันอยู่สักพักก่อนที่คุณพี่เมฆจะยอมละออกไปเพราะผมประท้วงเนื่องจากเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก ให้ตายสิ เขาเหมือนกับจะดูดวิญญาณผมได้เพราะแค่การจูบกัน แบบนี้มันน่ากลัวชะมัด


ยังไม่พอ


สายตาที่เขามองผมมันแปลได้แบบนั้น ทั้งที่ผมหอบหายใจทางปากเพราะตัวเองหายใจไม่ทัน ผมก็คงจะยุ่งๆเพราะเพิ่งตื่นนอนแถมยังกลิ้งไปกลิ้งมาบนหมอนตลอดคืน หน้าก็ร้อนๆเพราะมัวแต่เขินกับใจเต้น ยิ่งมาเห็นสายตาที่แสดงความต้องการอย่างไม่ปิดมัดของคุณพี่เมฆนั่น มันยิ่งทวีความรู้สึกนี้เข้าไปอีก


“น่ารัก”
“ฮื่อ”


เขาพูดเบาๆแล้วกดจูบบนแก้มผม ไม่รู้หรอกว่าน่ารักอะไร แต่มันก็ดีนะที่รู้สึกว่าตัวเองน่ารักสำหรับคุณพี่เมฆ ขอบคุณพ่อแม่ที่ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่แต่ผมออกมาหน้าตาแบบนี้ แบบที่คุณพี่เมฆชมบ่อยๆว่าน่ารัก


จุ๊บ


“พอแล้วครับ...”


ผมห้ามเสียงเบาเมื่ออีกคนเปลี่ยนจากฟัดแก้มไปเป็นจูบไล้เบาๆตรงข้างสันกราม เขาจับผมพลิกตัวมาอยู่ด้านล่างแล้วใช้มือลูบไปทั่วขาอ่อน ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกร้อนๆ และผมไม่ใช่เด็กเกินกว่าจะไม่รู้ว่านี่มันหมายความว่าอะไร เพราะผมรู้สึกถึงความต้องการของคุณพี่เมฆเช่นเดียวกัน


“เราต้องไปทำงะ--- ฮือ อย่ากัดสิ”
“ก็ผิวเรานุ่ม” เขากดจูบอีกครั้ง นั่นไง ทำรอยแน่นอนเพราะมันแรงกว่าจูบเฉยๆ “ตรงไหนก็นุ่ม”


เขาครางตอบรับเบาๆตอนที่ผมห้ามนิดหน่อย โอเค ในเมื่อห้ามไม่ได้ผมก็ไม่ห้ามแล้ว เพราะตอนนี้ความต้องการของผมเองก็มากกว่ากองอีเมลที่จะต้องไปเคลียร์ในเช้าวันนี้เหมือนกัน


“ผิวคุณไม่นุ่มเองนี่”


ผมพูดพร้อมกับลูบไล้ที่กล้ามหน้าท้องเขาเบาๆ สาบานเลยว่าไม่ได้ทำอะไรมากกว่าลูบไปลูบมา ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้เหมือนจะมีอารมณ์กว่าเดิมกันเล่า


“ซนใหญ่แล้ว กระต่ายตัวนี้”
“ฮ่าๆ”


ผมหัวเราะเมื่ออีกคนทำโทษด้วยการมาฟัดแก้มผมแรงๆ แล้วเปลี่ยนเป็นจูบในเวลาถัดมา พอผละออกมองหน้ากันผมรู้แล้วว่าเราควรจะต้องทำอะไร


ทำอย่างที่คนเป็นแฟนกันทำครับ 


รอบแรกของเช้าวันนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาอยู่ด้านบนผมอยู่ด้านล่าง ถุงยางกล่องใหม่ถูกแกะและสวมอย่างรวดเร็ว ผมนึกขอบคุณที่เขาเหมามาหลายกล่องพอสมควร เราเลยมีมากพอที่จะใช้ในเช้าวันนี้ด้วย


ทุกอย่างเป็นไปด้วยความรวดเร็วและอ่อนโยน เราจ้องหน้ากันตลอดเวลาที่เขาอยู่บนตัวผม จังหวะหนักแน่นและร้อนแรงแทบจะทำให้ผมละลายคาเตียง พวกเราจูบกันจนเหมือนกับว่าวันพรุ่งนี้จะไม่ได้จูบกันอีกแล้ว จนสุดท้าย ตอนที่ผมกำลังจะไปสวรรค์ เสียงกระซิบข้างหูเบาๆจากคนด้านบนที่กำลังเร่งจังหวะอยู่ก็ดังขึ้น


“พี่รักแทนใจ รักมากที่สุด”
“ผะ--- อื้อ”


ผมแตะขอบสวรรค์เป็นคนแรก โดยที่คุณพี่เมฆก้มลงจูบผมและตามมาไม่นานหลังจากนั้น เราจูบกันอีกครั้ง เสียงหัวใจผมเต้นแผ่วเบาหลังจากผ่านเหตุการณ์เสียเหงื่อ ร่างกายต้องการการพักผ่อนแต่ผมลางานอีกวันไม่ได้แล้ว และมันคงเป็นเหตุผลใบในลาที่ทุเรศมากหากผมจะลางานเพราะเหนื่อยจากเซ็กส์จนไม่อยากทำใบเสนอราคาให้ลูกค้า


“เหงื่อเพียบเลย”


พูดพร้อมกับเอื้อมมือไปเช็ดเหงื่อบนใบหน้าคม เขาส่งยิ้มเหนื่อยๆมาให้ เขาทำท่าเหมือนจะก้มลงมาจูบผมอีกครั้งแต่ผมเอามือปิดปากเขาเอาไว้


“เอามือปิดปากพี่ทำไมครับคนดี”


คนดี … จักจี้หัวใจจังเลย


เขาพูดพร้อมกับกุมมือผมเอาไว้ การที่นอนมองหน้ากันทั้งที่เพิ่งจะไปทัวร์สวรรค์ด้วยกันมาไม่ใช่ความคิดที่ปลอดภัยเลยสักนิด


“ผมชอบจูบคุณพี่เมฆมากเกินไป”
“...” เขาเหมือนยังไม่แน่ใจว่าผมพูดอะไร
“กะ… ก็คุณจูบเก่ง”
“...” โอเค อธิบายเพิ่มอีกนิดก็ได้
“ถ้าจูบกันเราต้องต่อแน่ๆ ผมต้องอยากจูบกับคุณพี่เมฆอีก แล้วก็อยากทำกับคุณพี่เมฆด้วย แล้วเราก็จะทำกันอีกรอบ แล้วเราก็จะวนอยู่แบบนี้ทั้งวันไม่ได้ไปทำงานแน่นอน ผมยังไม่อยากให้วันลาหยุดหมดตั้งแต่ตอนนี้นะครับ”


เขายิ้มกว้างเหมือนกับเพิ่งจะถูกรางวัลที่หนึ่งพร้อมรางวัลที่สองทั้งที่มีคนให้ลอตเตอรี่มาฟรีสองใบ


“เราจะน่ารักไปถึงไหนกัน”
“น่ารักอะไรเนี่ย”
“น่ารักมาก น่ารักจนพี่จะบ้าอยู่แล้ว”


กว่าผมจะรู้ตัวว่าอะไรเป็นอะไร คุณพี่เมฆก็จก้มลงมาจูบผมอีกครั้ง และอีกครั้ง ซึ่งผมก็ยอมทั้งที่เพิ่งจะบอกไปเมื่อกี้ว่าไม่อยากจูบแล้วเพราะว่าชอบมากเกินไป เหตุผลมันก็ไม่มีอะไรซับซ้อนเลยครับ


ผมรักเขา
รักแบบยอมให้เขาได้ทุกอย่าง
รักเหมือนกับว่าเขาพังคูหาเลือกตั้งผมก็คงไม่โกรธ…

...เหรอวะ ไม่ใช่แล้วอะอันนี้


ไม่หรอกผมคงโกรธ แต่อาจจะโกรธไม่นาน ผมโกรธแฟนตัวเองนานไม่ได้หรอก ก็ผมรักเขานี่นา ความคิดตอนนี้ของผมดูอ๊องเหมือนที่ซุกซนชอบพูดเลยจริงๆ มันคงว่าผมโง่แน่นอน ซึ่งผมก็คงโง่มั้ง พอเป็นเรื่องคุณพี่เมฆแล้วผมไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่เลยแฮะ


หล่อ


ความคิดแรกผุดขึ้นมาในหัวตอนที่กำลังนอนมองหน้าแฟนอยู่ คุณพี่เมฆกำลังดูโทรศัพท์ส่วนตัวของเขาอยู่ จากมุมที่ผมนอนมันทำให้ผมไม่เห็นว่าเขากำลังทำอะไร แต่หน้าจริงจังทำให้รู้ได้ว่ามันต้องเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะเครียดแน่นอน พอเลื่อนสายตาลงมาหน่อยก็เจอหุ่นดีๆที่ผมสัมผัสมาหมดแล้วทั้งนั้น


จะสมบูรณ์แบบไปทุกส่วนเลยหรือไงนะ?


“แทนใจครับ”


เสียงนุ่มดึงผมออกจากภวังค์ของตัวเองเบาๆ ผมครางรับในลำคอทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากหน้าท้องสมบูรณ์แบบที่ผมอยากมีบ้าง นี่ถ้าผมสมัครฟิตเนสจะได้แบบนี้มั้ยนะ?


“เราเป็นของพี่นะ”
“ครับ?”
“เป็นของพี่แล้ว เป็นของพี่แค่คนเดียว”
“เดี๋ยว--- อื้อ”


จูบแบบไม่ทันตั้งตัวถูกป้อนให้ผมอีกครั้ง ซึ่งผมเองก็เปิดปากรับแต่โดยดี บอกแล้วว่าผมชอบจูบของเขา และนั่นไม่ใช่คำโกหกเลยแม้แต่น้อย


เนื้อตัวของผมเต็มไปด้วยรอยจูบจากอีกคน คุณเมฆเหมือนกับคนติดป่าที่โหยกิว เขาสัมผัสไปทุกส่วน พรมจูบทั่วทุกที่ จนผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นของเขาแบบที่เขาพูดจริงๆ


“ผมเหนื่อยแล้วนะคุณ”


ผมพูดเบาๆเมื่อเขาทำท่าจะต่ออีกรอบ คำตอบรับมีเพียงแค่รอยยิ้มใจดีเหมือนกับทุกครั้ง ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น ร่างกายเราก็บรรเลงเพลงจังหวะเดียวกันอีกครั้งอยู่ดี


“ครับ พี่รู้”
“รู้แล้วก็หยุดสิครับ”


ผมเอียงหน้าให้เมื่อเขาก้มลงมาจูบตรงแถวๆหน้าอก นี่ถ้าต้องใส่ชุดว่ายน้ำไปทำงานผมคงต้องมองตั้งแต่ชั้น 1 จนถึงดาดฟ้าแน่นอน ตัวลายไปหมดแล้ว


“หยุดไม่ได้ครับ แทนใจเป็นของพี่” เขาพูดพร้อมกับเน้นย้ำจังหวะเข้ามาอีกครั้ง “เป็นของพี่เท่านั้น”
“รู้แแล้วครับ”


ผมตอบรับเขาไปพร้อมกับเชิดหน้าเมื่อจังหวะเพลงค่อยๆเร็วขึ้นตามธรรมชาติ ใช้เวลาไม่นานเพลงรักของพวกเราก็จบลงงไปอีกหนึ่งครั้ง พร้อมด้วยพลังงานของผมที่ถูกดูดออกไปเกือบหมดเหมือนกับทุกที คุณพี่เมฆที่กำลังพยายามโกยอากาศเข้าปอดส่งยิ้มกว้างมาให้


“พี่เองก็เป็นของแทนใจเหมือนกัน”


บ้าเอ๊ย คนเราลางานเพราะว่ามีความสุขเกินไปได้มั้ยนะ?

น่าจะไม่ได้


ผมคิดเมื่อเหลือบไปเห็นนาฬิกาที่ผนังห้องของเขา ตอนนี้้พวกเราสายกันมากแล้ว แม้ว่าจะอยากนอนอยู่แบบนี้ทั้งวัน แต่อีเมลลูกค้าก็สำคัญกับโบนัสสิ้นปีของผมเช่นเดียวกัน


“ไปอาบน้ำเถอะครับ”
“ไปต่อกันในห้องน้ำเหรอ? ได้นะ ป้ะ”
“เอ๊ะ?”


ผมไม่แน่ใจว่าเขาพูดอะไร แต่มันไม่ใช่แค่การอาบน้ำ มันคือการที่ทำให้ผมทั้งเขานั้นเหนื่อยและเปื้อนกันอีกรอบ (โดยเฉพาะผม ทั้งยืนทั้งเกร็ง แถมผนังห้องน้ำมันก็แข็งมาก ไม่เหมือนเตียงเลยสักนิด) กว่าจะได้อาบน้ำผมแทบจะทรุด แต่ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ เขาไม่ได้บังคับอะไรผมเลยสักนิด และผมเองก็มีส่วนที่ทำให้มันเป็นแบบนี้ด้วย


ผมอยากมีอะไรกับเขา อยากอยู่ด้วยกัน อยากจูบ อยากกอด อยากทำทุกอย่างที่ทำได้
และผมจะย้ำอีกครั้ง... ผมรักเขา


ผมรักคุณพี่เมฆแบบที่ไม่เคยรักใครมาก่อนเลย



.
.
.




------- 70% -------


แจ้งเตือนครั้งที่ 1 !

ผู้ดูแล ลบข้อความประชาสัมพันธ์ ออกนะคะ

จากกฎข้อที่ 17  เนื้อหายังลงไม่จบ
ห้ามประชาสัมพันธ์ เปิดจอง ใดๆ ทั้งสิ้นในกระทู้
ไม่ว่าในรูปแบบหนังสือหรือ e-book

ผู้ดูแลห้อง Boy's love story



อ้างถึง
17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน 

ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)

ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-10-2018 23:40:41 โดย BaoBao »

ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
19th Monday -- 50%
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 





“เดี๋ยวพี่เอาเราไปส่งก่อนนะ ขอโทษทีที่ไม่ได้พาไปทานข้าวด้วย”



เขาพูดขอโทษขอโพยตอนที่เราอยู่บนถนน เพราะมัวแต่ต่อรอบสามกันนั่นแหละเราเลยอยู่บนถนนทั้งที่ตอนนี้เกือบจะเก้าโมงแล้ว ความจริงผมอยากให้เขาไปทำงานของเขาแล้วเดี๋ยวผมไปทำงานเอง จะได้ไม่ต้องวนไปวนมาแบบนี้



“ไม่เป็นไรเลยครับ” ผมย้ำอีกครั้งทั้งที่พูดเรื่องนี้กันแล้ว “ไม่ต้องไปส่งผมก็ได้ คุณรีบไปไซต์เถอะ”

“ไซต์มันไม่ไกล”

“นี่เราพูดถึงปทุมธานีนะครับ ไม่ใช่ 7-11 ใต้ตึก มันไม่ได้อยู่ใกล้แถวนี้เลยนะ”

“ไม่เป็นไรพี่ขึ้นไปเหยียบบนทางด่วนได้”

“แต่--”

“ไม่มีแต่ครับ ตอนนี้ก็กินขนมปังที่พี่ซื้อมาให้ได้แล้วครับ รู้นะว่าหิวน่ะ”



พอเขามาขนาดนี้ผมเลยต้องจำยอมกัดแซนด์วิชแฮมชีสที่คุณพี่เมฆเขาแวะซื้อมาให้แล้วยอมนั่งเงียบๆ

ไม่ใช่ว่ารู้สึกแย่นะ แต่ผมแค่ไม่อยากเป็นภาระของเขานี่นา



“ดีมาก ว่าง่ายๆโตไวๆนะ”

“ผมไม่ใช่เด็กนะคุณ!”



ผมเถียง ก็ผมไม่ใช่เด็กนี่ เด็กที่ไหนอายุเลยยี่สิบมาสามสี่ปีแบบผมบ้างล่ะ นี่โตแล้วนะ มีน้องชายด้วย เรียนจบแล้วมีงานทำ มีบัตรเครดิต มี netfilx และมีบิลต้องจ่ายเพียบเลยด้วย



“สำหรับพี่ เรายังไม่โตนะ”

“ยังไงอะ?”

“ก็เราเป็นเด็กดีของพี่ไงครับ”



เด็กดีงั้นเหรอ?



เขาละมือข้างหนึ่งออกมาจากพวงมาลัยเพื่อมาลูบหัวผม ก่อนที่จะไปสนใจถนนข้างหน้าต่อ มันก็รู้สึกดีนะที่ถูกเขาลูบหัว แต่ไม่รู้ทำไมครั้งนี้มันไม่ได้กะยึกกะยักมากเหมือนกับเมื่อตอนเอ้าท์ติ้งที่เขาเรียกผมว่าเด็กดีเป็นครั้งแรกเลย



ตอนนั้นมันใจกะยึกกะยักจนผมเขินแทบไปไม่เเป็น แต่ครั้งนี้มันก็ยังทำให้ใจเต้นอยู่ เพียงแต่ผมกลับคิดขึ้นมาว่า เพราะผมเป็นเด็กดีเลยจะต้องเชื่อทุกคำโกหกของเขาหรือเปล่านะ



ไลน์!



ไลน์อีกแล้ว



ผมหันหน้าหนีเมื่อเห็นอีกคนเหลือมองโทรศัพท์ตัวเองแล้วขมวดคิ้ว ท่าทางเหมือนเจออะไรไม่สบอารมณ์นิดหน่อย ผมอยากจะดูว่าใครเป็นคนไลน์มา ถึงลึกๆจะกลัวว่าเป็นแฟนเก่าคนเดิมของเขาก็ตาม



ไลน์!



พอดีเป็นช่วงรถติด ก่อนที่ผมจะได้ทำอะไร คุณพี่เมฆก็คว้าโทรศัพท์ของเขาไปตอบไลน์ด้วยใบหน้านิ่งๆ ท่าทางจะเป็นเรื่องสำคัญ เรื่องงานเหรอ? ไม่ใช่หรอก ถ้าเป็นเรื่องงานเขาจะไม่ใช้โทรศัพท์ส่วนตัวแบบนี้แน่นอน หรือเขาจะใช้? ตอนนี้ผมไม่มั่นอะไรเกี่ยวกับเขาเลย



ไลน์!

ไลน์

ไลน์



ผมควรจะถามมั้ยว่าเขาคุยกับใคร ผมถามได้มั้ยว่าเขาคุยเรื่องอะไร



เงาสะท้อนของรถคันข้างๆที่คนขับกำลังนั่งกินขนมปังสะท้อนเข้ามาให้เห็น เขาทานไปด้วยแล้วโยกหัวไปด้วยท่าทางเหมือนกำลังฟังเพลง ผมเลยเอาโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาเปิดเพลงในรถของคุณพี่เมฆแทน เขาเคยบอกว่าผมทำได้ตามใจชอบ 




Is the only reason you're holding me tonight

'Cause we're scared to be lonely?



ทำไมมันดราม่าล่ะ เปลี่ยนๆ



ผมกดปุ่มแรนดอมในไอโฟนเพื่อให้มันไปโดนเพลงอื่น ตอนนี้คุณพี่เมฆเขาขับรถต่อแล้วครับ แต่เขาเงียบมากเลย ผมยิ่งไม่กล้าถามเลยว่าเมื่อกี้คุยกับใคร ท่าทางไลน์เมื่อครู่คงไม่ได้ดีเท่าไหร่



Just gonna stand there and hear me cry

But that's alright because I love the way you lie.

I love the way you lie



ผมเลิกคิ้วเมื่อเพลงล่าสุดที่ขึ้นมามันดันเป็นเพลง I Love The Way You Lie ผมนั่งฟังไปเรื่อยๆ ถึงแม้เพลงมันจะเก่าแต่ผมชอบมากเลยนะ ฟังมาตลอดเลย มีตอนนี้เนี่ยแหละที่เริ่มจะไม่ค่อยเข้าใจมันเท่าไหร่นัก คนเราจะททั้งรักทั้งเกลียดกันไปด้วยได้เหรอ?



Next time? There won't be no next time!

I apologize even though I know it's lies



มันจะมีคนชอบอะไรแบบนี้จริงๆงั้นเหรอ? ไม่หรอก ไม่มีใครชอบเวลาที่ตัวเองโดนหลอกหรอก ผมคิดว่านะ … หรือมันจะมี?



“มันจะมีจริงๆเหรอ? คนที่ชอบอะไรแบบนี้เนี่ย”

“หืม มีอะไร”



ผมเผลอคิดดังไป!



ผมสะดุ้งเมื่อคุณพี่เมฆหันมาถาม เมื่อไม่รู้จะตอบอะไรเลยปิดเพลงหนีความผิดไปเลย ง่ายดี



“อ้าว ปิดทำไมล่ะ?”



เสียงคนข้างๆถามขึ้นมาเกือบจะทันทีที่ผมปิดเพลง ใบหน้าด้านข้างของคุณพี่เมฆยังนิ่งเหมือนกับว่าเขาเองก็กำลังมีเรื่องให้คิด ซึ่งผมเองก็มีเช่นเดียวกัน 



“เพลงมันเก่าแล้วอะ ไม่รู้สุ่มไปโดนได้ไง” ผมพูดแก้ตัว เลี่ยงคำถามแรกที่เขาถาม

“งั้นเมื่อกี้เราพูดอะไรนะ มันจะมีคนชอบอะไร?” คุณพี่เมฆพยักหน้าเหมือนกับเขาเข้าใจในคำแถแรก แต่ไม่ยอมปล่อยให้สิ่งที่เขาสงสัยหลุดไป

“อ๋อ” ผมยอมในที่สุด “ก็เนื้อเพลงอะครับ ผมแค่สงสัยว่ามันจะมีอะไรแบบนี้จริงๆเหรอ?” 



“หืม…”  คุณพี่เมฆครางในลำคอเหมือนกำลังใช้ความคิดตอนที่เขาแตะเบรก เขาถอนหายใจนิดหน่อยเพราะรถติดกว่าที่คิดไว้ “แบบไหนครับ บอกพี่หน่อยสิ”



บอกได้เหรอ?



ผมกัดริมฝีปาก แต่เมื่อมองหน้าคุณพี่เมฆ พบว่าเขากำลังมองผมอยู่เหมือนกัน



“ที่มันร้องทำนองว่าชอบการที่คนรักโกหก มันจะมีคนแบบนั้นจริงๆเหรอครับ? ไม่สิ ไม่ต้องถึงขนาดชอบที่คนรักโกหกหรอก”

“...”

“คุณคิดว่า คนที่เป็นแฟนกันเขาจะต้องโกหกกันด้วยเหรอครับ?”



บรรยากาศในรถตกอยู่ในความเงียบทันที คุณพี่เมฆอ้าปากเหมือนกับจะพูดอะไรสักอย่าง ซึ่งผมก็ตั้งใจฟังเป็นอย่างดี--



ปริ้น!!!



รถที่เคยติดเมื่อครู่กลับโล่ง คุณพี่เมฆเหมือนกับจะได้สติ เขาออกรถโดยที่ไม่ได้หันมามองหน้าผม ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนจากการมองถนนข้างหน้ามามองหน้าเขาแทนเรียบร้อย



“บนโลกนี้มันไม่ได้มีแค่ความจริงกับคำโกหก มันมีอะไรเยอะกว่านั้น”

“มันมีอะไรล่ะครับ? สำคัญกว่าความจริงอีกเหรอ?”

“ความรู้สึกของอีกฝ่ายไง”



ผมเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ตอนนี้คุณพี่เมฆเลี้ยวเข้าลานจอดรถของอาคารแล้วครับ ในใจผมตีกันระหว่างอยากออกไปจากรถคันนี้กับอยากอยู่กับคุณพี่เมฆทั้งวัน



“หมายความว่า ถ้าพี่คิดว่ามันดีกับผม พี่ก็จะโกหกผมอย่างนั้นเหรอครับ?”

“ใช่”



คำตอบทันทีของเขาไม่ได้ชัดถ้อยชัดคำเหมือนหลายๆครั้งที่ผมได้ยินเขาคุยเรื่องงาน แต่มันกลับดังก้องในใจของผม



“พี่ไม่รู้สำหรับคู่อื่น แต่สำหรับพี่ เรื่องอื่นพี่อาจจะสัญญาไม่ได้ว่าจะไม่โกหก”



ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจ แต่ผมก็อดกลั้นหายใจเพื่อที่จะฟังคำตอบของผู้ชายที่จดอรถแล้วหันมามองหน้าผม นัยน์ตาของเขามีความมุ่งมั่นและจริงจัง แบบที่ทำให้ผมแอบใจเต้นอีกครั้ง มันเหมือนกับเขาบอกรักตลอดเวลาที่เราสบตากัน นี่มันโคตรจะบ้าเลย ผมจะตกหลุมรักเขาซ้ำๆอะไรได้ขนาดนี้วะเนี่ย



“เรามั่นใจได้เลย ไม่ว่าพี่จะพูดอะไร สิ่งเดียวที่พี่จะไม่โกหกเราแน่ๆน่ะ…”

 

ผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์เกินไป ชั่วขณะหนึ่งผมดันคิดว่า ตัวเองเริ่มเข้าใจความรู้สึกของคนที่เต็มใจให้คนรักหลอกเลย ถ้าคนที่หลอกผมเป็นคุณพี่เมฆ ผมคง…



“คือเราอ้วนขึ้นนะ”



ห๊ะ?



คุณพี่เมฆทำลายบรรยากาศตึงเครียดทั้งหมดด้วยการบีบแก้มผมเพื่อยืนยันคำพูดตัวเอง ในขณะที่ผมกำลังประมวลผลอยู่นั้น เขาก็ก้มลงมาหอมแก้มผมอีกด้วย



นี่มันบ้าอะไร?



“พี่ว่าพี่ยืดแก้มเราได้มากขึ้นนะ กินเยอะนะเนี่ยช่วงนี้”

“อ่อยยยยยยยยยย” (“ปล่อยยยยยยยยยย”)



เรื่องอื่นช่วยพูดความจริง แต่เรื่องความอ้วนอะไรนี่โกหกบ้างก็ได้ ผมมไม่ถือ



“คุณนี่เอะอะก็ดึงแก้มผมจริงๆ บ้าบอ”



ผมพูดขึ้นมาทันทีหลังจากที่เขายอมปล่อยให้แก้มผมเป็นอิสระ ไม่รู้ว่าทุกคนเป็นอะไรกับแก้มผมนักหนา จับกันบ่อยจังเลย ถ้าผมจะเข้ายิมนะ ผมจะฟิตกล้ามที่แก้ม เอาให้ซิกแพคขึ้นเลย คอยดู



“ก็แก้มเราน่าดึง”

“อูดเอ๋ยๆไอ้อ้องอึงอิ่!” (พูดเฉยๆ ไม่ต้องดึงสิ!)

“เรานี่น่ารักจัง”



น่ารักอะไรอีกเนี่ย



ผมหุบยิ้มโง่ๆของตัวเองไม่ได้ เมื่อเขาชมแล้วหอมหัวเหมือนกับเขาเอ็นดูผม หัวใจพองฟูมากจนผมเหมือนกับจะลอยได้เลย



“พี่ไปแล้วนะครับ”

“ครับ ขับรถดีๆนะ”

“แล้วเจอกันนะครับ”



ผมยิ้มแล้วปิดประตู มือถือกระเป๋าเตรียมตัวไปทำงานที่รักเหมือนกับทุกวัน ถึงแม้วันนนี้จะรักมากหน่อยเพราะไม่มีประชุม อีกอย่างผมก็กินอะไรมาบ้างแล้ว--



เฮ้ย ถุงแซนด์วิช! 



ผมนึกได้ว่าตัวเองยังไม่ได้เอาถุงขยะลงมาทิ้งข้างนอก เลยหันหลังกลับไปที่รถ โชคดีที่ยังเดินออกมาไม่ไกลแถมคุณพี่เมฆเองก็ยังไม่ได้ขับรถออกไปไหน ผมเลยจะเดินกลับไปเอาขยะมาทิ้ง



ว่าแต่ทำไมเขาถึงยังไม่รีบไปอีก?



ความสงสัยในใจของผมได้รับคำตอบเมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ คนขับรถคนเก่งของผมยืนอยู่ข้างรถ ในมือมีบุหรี่เหมือนเตรียมจะสูบบุหรี่ ผมเห็นเขาเอาโทรศัพท์แนบหูแล้วยืนหันหลังให้รถ หรือว่าเป็นเรื่องงาน? อาจจะเรื่องงานแน่ๆ เพราะผมไม่ค่อยเห็นเขาสูบบุหรี่เท่าไหร่ถ้าไม่เครียด



ท่าทางจริงจังเหมือนคนละคนกับที่ดึงแก้มผมเล่นเมื่อครู่ลิบลับ



และในตอนที่ผมกำลังจะเดินเข้าไปหาเขานั่นเอง อีกคนก็พูดขึ้นมาเสียก่อน



“หวาน เราว่าเราไม่ไหวแล้วว่ะ”



หวาน? งั้นเหรอ? หวาน อักษร คนนั้นอีกแล้วเหรอ?



ผมชาตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนมีคนเอาน้ำเย็นสาดใส่หน้า ขาถูกตรึงอยู่กับพื้น รู้สึกร้อนตรงจมูกเหมือนกับว่ากำลังจะไม่สบาย ใช่ ผมไม่สบาย หัวใจผมอึดอัดจนไม่สบายไปหมดเลย

“ไม่เว้ย เราทนมาเยอะแล้ว หวานก็รู้ว่าเราเจออะไรบ้าง”

“...”

“เราทนมากแล้วนะหวาน ทนได้ขนาดนี้ก็เก่งแค่ไหนแล้ว อีกนิดนึงเราหลุดปากแล้วแน่ๆ”

“...”

“หวานรู้จักเราดีจังวะ รู้จักเราดีเกินไปจริงๆ” 

“...”

“เมื่อก่อนเราเป็นยังไง ตอนนี้เราก็ยังเป็นอย่างเดิมนั่นแหละ”







 

เจ็บ







หูผมอื้ออึง ก่อนที่จะรู้ตัวผมก็หันหลังกลับเพื่อเดินเข้าตึกไปทำงาน ในหัวผมเต็มไปด้วยคำถาม สมองผมอัดแน่นด้วยความไม่เข้าใจ ส่วนหัวใจกำลังเจ็บ ทันใดนั้น คำพูดคุณพี่เมฆเมื่อสักครู่ก็แล่นเข้ามาในหัว



“บนโลกนี้มันไม่ได้มีแค่ความจริงกับคำโกหก มันมีอะไรเยอะกว่านั้น”



นั่นสินะ



ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณพี่เมฆถึงได้พูดแบบนั้น เพราะบนโลกนี้ มันไม่ได้มีแค่ความจริงกับคำโกหก

แต่มันยังมีความเจ็บปวดอยู่ด้วย  และถึงแม้จะเข้าใจแล้วก็ตาม แต่ผมก็ยังคิดไม่ถึงอยู่ดี ว่ามันจะสามารถทรมานได้ขนาดนี้



ให้ตาย



วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ไม่สุขเลยสักนิด






------- TBC -------



ตามที่สัญญาในทวิตเตอร์นะคะว่าวันนี้จะอัพ ก็อัพแหล่ว เย่ะ XD


ยังยืนยันในอุดมการณ์เดิมนะคะว่าเรื่องนี้เป็นนิยายสำหรับเด็ก
ผู้ที่อายุมากกว่า 18 ปีควรยืดๆแก้มน้องแทนใจในขณะที่อ่านค่า แฮ่



ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
คลุมเครือเข้าไปอิพี่เมฆ รอลุ้นนึกว่าจะสารภาพ ที่ไหนได้หักมุมซะงั้น แงงงง
น้องแทนใจกลุ้มใจมาหลายวันแล้วนะ แต่ว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับแทนรักแน่ๆ เดา

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ตีนังพี่เมฆ ทำน้องแทนใจเสียใจ !

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
พี่เมฆทำอะไรทำไมไม่บอกน้อง สงสารน้อง  :o12:

ออฟไลน์ babybaphomet

  • Baby Baphomet
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
    • Twitter
20th Monday -- 50%
#เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ 





เราสามารถมีความสุขได้ในวันจันทร์จริงๆเหรอ?



ผมถามตัวเองในเช้าวันจันทร์ เงาสะท้อนของกระจกที่ห้องเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ผมเห็นหน้ามาตั้งแต่จำความได้ เขายืนกลัดกระดุมเสื้อเชิ้ตอย่างที่เคยทำทุกวัน แต่ท่าทางนั้นดูไร้ชีวิตและเฉยเสียจนผมไม่แน่ใจว่าผมรู้จักเขาหรือเปล่า




นี่คือใบหน้าของคนที่มีความรักอย่างนั้นเหรอ?




เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา แฟนผมมาหา เราอยู่ด้วยกันคืนหนึ่ง ก่อนที่เขาจะกลับไปอยู่ที่ไซต์เหมือนเดิมเพราะงานยังมีปัญหาอยู่ มันก็ดี ผมไม่เถียงหรอกว่าการอยู่กับคุณพี่เมฆมันไม่มีความสุข ตรงกันข้ามเลยด้วยซ้ำ แต่เหมือนกับว่ามันยังไม่ใช่ที่สุด ผมรู้สึกว่าเขาปิดบังอะไรผมอยู่




มันยิ่งชัดเจนเมื่อผมได้ยินเขาคุยโทรศัพท์กับหวานอักษรคนนั้น




นอกจากเรื่องหวานอักษรแล้ว ผมมั่นใจว่าจะต้องมีเรื่องอื่นอีก หรืออาจจะไม่มี ผมไม่รู้ แต่ตอนนี้ผมระแวงมาก แล้วก็อึดอัดมากเช่นเดียวกัน




หลังจากที่เกิดเรื่องเราไม่ได้พูดอะไรถึงมันอีก ผมคิดว่าเขาไม่รู้ว่าผมได้ยิน ซึ่งผมเองก็ไม่ได้ถามอะไรออกไปเช่นเดียวกัน




เขาเหมือนเดิมจนผมกลัว ยังไลน์มาหา แต่ไม่ได้คอลมาเพราะเขาต้องนอนเฝ้าหน้าไซต์งานตลอดทั้งคืน ไม่สะดวกคุยโทรศัพท์เพราะเสียงมันดัง ถ้ามันเป็นเรื่องจริง ก็ถือว่าเข้าใจได้ เพราะเขาเคยโทรมาตอนที่อยู่ไซต์งาน เสียงเครื่องจักรดังมากจนคุยไม่รู้เรื่องเลย ต้องออกมาคุยข้างนอก




ถ้ามันเป็นเรื่องจริง




ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าอะไรคือความจริงบ้าง ทุกครั้งที่ไลน์มาผมเผลอคิดว่านอกจากผมแล้วเขากำลังคุยกับคนอื่นอยู่อีกหรือเปล่า เขาอาจจะกำลังมีความสุขกับอีกคนลับหลังผม เขากำลังคุยกับแฟนเก่าในเรื่องที่ผมไม่รู้ 




 เขาอาจจะกำลังนอกใจผมอยู่

 

และผมไม่แน่ใจว่าตัวเองพร้อมที่จะรับรู้เรื่องจริงนี้หรือไม่




ไลน์!




เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์หยุดความคิดได้ทันที ผมลังเลนิดหน่อยก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ไม่ผิดจากที่คิดไว้เท่าไหร่นัก คนที่ไลน์มาคือคุณพี่เมฆเหมือนอย่างเคย




Mek Sitthikorn: แทนใจครับ

Mek Sitthikorn: นี่พี่ยังอยู่ไซต์อยู่เลย

Mek Sitthikorn: พอดีงานมันเรื้อรังไม่จบไม่สิ้น ตั้งแต่วันศุกร์แล้วเนี่ย

Mek Sitthikorn: ผมพี่จะเป็นสายไฟอยู่แล้ว

Mek Sitthikorn: วันนี้พี่คงไปหาเราเย็นหน่อยนะ

Mek Sitthikorn: ขอโทษนะครับ

 


ผมมองข้อความตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า เข้าใจว่าอีกคนมีงาน แถมงานของคุณพี่เมฆก็งี่เง่าอย่างที่เขาบอก และผมไม่อยากเป็นตัวเพิ่มความงี่เง่าให้เขาเท่าไหร่ ถึงแม้จะอยากพิมพ์ถามว่า ‘คุณบอกผมว่าจะมาหาตอนเที่ยงไม่ใช่เหรอ? ที่มาช้าเพราะจะไปหาใครก่อนหรือเปล่า?’ แต่สิ่งที่พิมพ์ออกไปมีเพียงแค่ข้อความตอบรับสั้นๆ




Tanjai: ครับ

Tanjai: คุณพี่เมฆเสร็จเมื่อไหร่ค่อยมาก็ได้




ข้อความขึ้น read ทันทีเหมือนกับว่าเขาเปิดหน้าจอเฝ้าแชทของผมอยู่แล้ว เพียงพริบตาเดียว ข้อความตอบกลับจากอีกฝั่งก็มีมาให้เห็น



Mek Sitthikorn: ขอบคุณครับ พี่จะรีบไป

Mek Sitthikorn: แล้วเจอกันนะ

Mek Sitthikorn: เด็กดี




ผมมองข้อความข้างไว้ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่งสติกเกอร์โง่ๆให้อีกฝ่ายเพื่อบอกว่าผมรับรู้ข้อความที่เขาส่งมาแล้ว ก่อนจะปิดแอพแชทแล้ววางมือถือไว้บนโต๊ะ




เด็กดี

เด็กดีอีกแล้ว




เพราะผมเป็นเด็กดีที่เชื่อฟัง เลยไม่มีสิทธิ์จะรู้ว่าตอนนี้เขามีเรื่องอะไรที่บอกผมไม่ได้อย่างงั้นน่ะเหรอ?




ไม่มีคำตอบสำหรับคำถาม หลังจากกระดุมเม็ดสุดท้ายถูกกลัดเรียบร้อย ผมก็หยิบกระเป๋าสะพายที่วางอยู่บนเตียงขึ้นมา ตรวจเช็กของในนั้นว่าครบตามที่ต้องการ แล้วจึงออกจากห้องเหมือนกับทุกครั้งที่ต้องไปทำงาน




ผมเดินไปเรื่อยๆไม่รีบร้อนทั้งที่ทุกคนดูรีบรุดออกไปเรียนไปทำงานเหมือนกับทุกๆวันจันทร์ที่ผมเจอ มีเพียงผมเท่านั้นที่เดินใช้ความคิดไปเรื่อยๆ โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ป้ายรถเมล์ พอเห็นคนอื่นเขาขับรถไปโดยไม่ต้องมายืนดมควันอยู่ที่ป้ายแล้วก็แอบนึกถึงตัวเองตอนที่มีคุณพี่เมฆมารับไปทำงาน




แต่ตอนนี้เขาอยู่ที่อื่น


เขาทำงาน เขาบอกว่าเขากำลังทำงานอยู่


ผมผู้ตัวว่ากำลังมีความคิดที่โคตรงี่เง่า แล้วผมก็ไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้เลยสักนิด





.

.

.




“อ้าว อ๊อง วันนี้มาไม่สาย ผัวมาส่งเหรอจ๊ะน้องสาว”

“ป่าว เรามาเองอะ” ผมตอบสั้นๆ “มอนิ่งนะซุกซน”

“...”




ผมเดินผ่านเพื่อนตัวเตี้ยที่เพิ่งจะทักเมื่อสักครู่ แล้วไปวางของที่โต๊ะ เปิดแล็ปท็อปขึ้นมาเตรียมตัวทำงานเหมือนปกติ วันนี้ผมมาถึงที่ทำงานตอน 8.30 น. มีเวลามากพอที่จะทานอาหารเช้า แต่เมื่ออยู่ในอารมณ์แบบนี้แล้วผมไม่รู้สึกอยากกินอะไรเลยจริงๆ




มันไม่ได้เศร้าเหมือนตอนที่รู้ว่าสอบได้คะแนนน้อย มันเป็นความรู้สึกอึดอัด




ผมไม่ชอบที่ตัวเองคิดวนไปวนมาแล้วก็ถอนหายใจ ไม่ชอบที่หาคำตอบไม่ได้ ไม่ชอบที่คุณพี่เมฆมีเรื่องปิดบัง ไม่ชอบที่ตัวเองไม่กล้าถามเขาตรงๆเหมือนเมื่อก่อน ไม่ชอบที่ตัวเองกลัวคำตอบ




ถ้าผมถามออกไป เขาจะบอกเลิกผมเลยมั้ย?




“เฮ้อ”




ผมสะบัดหัวไล่ความคิดงี่เง่าที่ดันโผล่ขึ้นมาอีกครั้ง เป็นรอบที่ร้อยในช่วงสองสามวันนี้ บังคับให้สายตาตัวเองจรดอยู่กับจอคอมพ์ที่เพิ่งเปิดขึ้นมา ผมเลื่อนเม้าส์ดูอีเมลค้างเหมือนกับทุกเช้าที่ทำงานมาตลอดหลายเดือน กองอีเมลมีทั้งเรื่องที่เกี่ยวกับผมและไม่มี




อาจจะเป็นครั้งแรก ที่ผมรู้สึกดีตอนที่เห็นชื่อลูกค้า มากกว่าชื่อแฟนของตัวเอง




“โอเค ประชุมครับ”




คุณกฤติเดินออกจากห้องทำงานส่วนตัวของเขาพร้อมกับโน้ตบุ๊ค โดยมีคุณณีและมิ่วหมิวเลขาเดินตามไปก่อนเหมือนกับทุกครั้ง เสียงพูดคุยจ้อกแจ้กจอแจของเพื่อนร่วมแผนกรอบๆตัวไม่ได้เข้าหัวผมเลยแม้แต่น้อย ผมพยายามโกยตัวเองขึ้นมาจากเก้าอี้ แล้วมุ่งตรงไปที่ห้องประชุมเหมือนกับทุกคน




ถ้าวันนี้ผ่านไปเร็วๆ ก็คงจะดี




“โอเคครับ ขอสรุปของควอเตอร์นี้จากทุกคนด้วย เคสที่มีปัญหาเรื่องภาษีอย่างของเวียดนามนี่เดี๋ยวมาคุยกับผมก่อนนะ”




ผมกะพริบตาเมื่อเห็นว่าเวลาผ่านไปร่วมชั่วโมง โชคดีที่ของผมไม่มีอะไรมากเลยไม่ได้เร่งต้องฟังอะไรเท่าไหร่ ไม่อย่างงั้นผมคงแย่เหมือนกัน สมาธิไม่มีเลยวันนี้




“อย่าลืมว่าวันศุกร์บ่ายสามนี้ฝ่ายโลจิสติกเขาจะ freeze ระบบ SAP ทุก transaction ไม่ให้ใครเข้าไปยุ่งกับส่วนโกดังเพราะจะเช็กสต๊อกนะครับ อันไหนที่คิดว่าน่าจะมีปัญหารีบส่งก่อนเลย แจ้งลูกค้าไว้ล่วงหน้าด้วย ด่วนแค่ไหนเราก็เอาของออกให้ไม่ได้นะครับ”




คุณกฤติพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกจากห้องประชุมไป เพราะมีอีกแผนกจะใช้ห้องประชุมต่อ ผมว่าผมเห็นพี่ป้องแวบๆ ห้องประชุมชั้นบนน่าจะเต็ม ทุกคนต้องมีประชุมวันจันทร์กันหมด จองกันไม่หวาดไม่ไหว ซึ่งผมเชื่อว่าถ้าหากไม่มีใครต่อคุณกฤติอาจจะคุยเคสเวียดนามต่อตรงนี้เลยก็ได้




“มึง”

“ว่าไงซุกซน”




ผมหันไปหาเพื่อนที่นั่งข้างๆ ในมือเขามีโถเยลลี่อยู่ มือสั้นๆนั่นยื่นโถมาให้ผมเหมือนกับจะแบ่งขนมให้กินด้วย ไม่สิ ออกแนวยัดเยียดให้กินมากกว่า




“แดกมั้ย เมื่อเช้ากินอะไรมายัง?”

“ไม่อะ ซุกซนกินเถอะ”

“อย่าเล่นตัว! กินเข้าไป!”




ผมแบมือรับเยลลี่ที่อีกคนควักๆมาใส่มือไม่ได้ ปากพึมพำขอบคุณอีกคนเบาๆ ความจริงแล้วผมไม่ได้อยากกินมันหรอก ไม่ได้อยากอาหารอะไรขนาดนั้น แต่ถ้ามีอะไรให้เคี้ยวบ้างระหว่างที่กำลังทำงานก็ดีกว่าไม่มีล่ะนะ




“แต้งกิ้ว”




ซุกซนพยักหน้ารับคำขอบคุณ คนใจทรามทำท่าจะพูดอะไรสักอย่างแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเพิ่ม ซึ่งผมก็เลิกสนใจแล้วกลับไปทำงานของตัวเองตรงหน้าต่อ อีเมลที่เข้ามารัวๆ




วันจันทร์ก็ยังเป็นวันจันทร์ 




ต่อให้ชีวิตจะมีเรื่องให้หนักใจมากแค่ไหน แต่งานก็ไม่เคยน้อยลงให้รู้สึกดีขึ้นเลย




ผมนั่งจัดการออเดอร์ ใบเสนอราคา ใบสั่งซื้อ และเอกสารอื่นๆเหมือนกับที่ทำอยู่เป็นประจำทุกวัน เพิ่งจะมารู้สึกจริงๆตอนนี้ว่างานที่ทำอยู่มันน่าเบื่อมากแค่ไหน เหมือนเดิมทุกวัน ไม่มีอะไรใหม่ ถ้าได้ออกไซต์งานเหมือนกับคุณพี่เมฆชีวิตอาจจะมีเรื่องอะไรมากกว่านี้ก็ได้




ขนาดนี้ยังจะวกไปคิดถึงเขา




“อ๊อง” เสียงซุกซนที่นั่งอยู่ข้างๆดึงผมออกจากภวังค์ “เมื่อคืนมึงนอนกี่โมง”

“ก็ปกตินะ เที่ยงคืนกว่าๆ ทำไมเหรอ?”

“งั้นมึงก็ควรจะรู้ว่าหัวหน้าเราชื่อกฤติ … กฤติเฉยๆน่ะมึง ไม่ใช่สิทธิกร”

“ห๊ะ?”



ซุกซนคงรู้ว่าพูดไปก็ป่วยการ เจ้าตัวไถเก้าอี้มาที่โต๊ะผมเพื่อแย่งเมาส์แล้วเปิดเมลล่าสุดที่ผมส่งรีพอร์ตให้คุณกฤติทางอีเมล แล้วใส่ซุกซนกับเลขาของคุณกฤติเอาไว้ใน CC ขึ้นมาให้ดูในจอใหญ่






Dear Khun Sitthikorn,




อ่า…




ผมปั้นหน้าไม่ถูก รู้สึกเหมือนตัวเองโง่ๆ แค่คิดถึงคุณพี่เมฆก็เผลอพิมพ์ชื่อเขาลงไปเฉยเลยเหรอ อะไรของผมเนี่ย ไม่มีสมาธิไม่พอ ยังทำอะไรก็ไม่รู้อีก ท่ามกลางความมึนงงของผม เสียงไม่สบอารมณ์ของหัวหน้าก็ดังขึ้นใกล้ๆ




“แทนใจ เราส่งรีพอร์ตอะไรมา ทำไมข้อมูลมันผิดไปหมดแบบนี้”

“ครับ?”




อ่าว ไม่ใช่เรื่องชื่อเหรอ?




ผมเปิดไฟล์เมลที่เพิ่งส่งให้เขาขึ้นมาดูอีกรอบ พอมานั่งไล่ดูอีกที ผมกรอกข้อมูลที่ดึงออกมาจากระบบผิดที่ผิดทางไปหมด ซึ่งผิดแบบแม้กระทั่งตอนที่เพิ่งเริ่มทำงานยังไม่รวนขนาดนี้




“ขอโทษครับ”

“ทำไมถึงได้ทำอะไรแบบนี้” คุณกฤติพูดไม่ดังมาก แล้วพวกชมพูทวีปก็กำลังคุยกันเรื่องละครอยู่ข้างหลัง ไม่น่าจะมีใครได้ยินนอกจากผมกับซุกซนที่ตอนนี้นั่งอยู่ข้างๆ

“ดีนะที่ในนี้ไม่มีลูกค้า”

“ครับ ขอโทษครับ”

“แก้แล้วส่งมาให้ผมใหม่นะ อย่าทำงานแบบนี้อีก”

“ครับ” 




อยู่ดีๆเสียงคุณกฤติที่เหมือนกับจะพูดอะไรต่อก็ขาดหายไป ซึ่งผมไม่รู้ว่าทำไม ตอนนี้ผมนั่งจ้องไฟล์งานที่เปิดค้างอยู่ ในหัวสมองกำลังคิดว่าทำไมตัวเองถึงไม่ได้เรื่องแบบนี้ ไม่ได้เรื่องกับทุกอย่างเลย




“เชี่ย อ๊อง มึงไหวมั้ยวะ?”




ไหวมั้ยเหรอ? … 




“ไหวสิ ทำไมเหรอ?”




ผมวางมือบนคีย์บอร์ด ตั้งใจจะแก้งานใหม่ทั้งหมด สายตามองไปที่ตัวเลขยุบยับบนหน้าจอ แต่ในหัวมีแค่ก้อนความคิดแย่ๆเต็มไปหมด ทุกอย่างตอนนี้มันไม่โอเคเลยสักนิด ทั้งงานที่พัง ความสัมพันธ์ที่ไม่โอเค




ไหวมั้ยเหรอ?

ไม่หรอก ผมไม่ไหวเลยสักนิด



“อ๊อง---”

“ซุกซน” คุณกฤติพูดขัดซุกซนที่ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง ผมรู้สึกเหมือนสองคนนั้นพูดจากที่ไกลๆ หรือพวกเขายังอยู่ที่เดิมก็ไม่รู้ 

“พาแทนใจออกไปข้างนอกก่อนละกัน ไปร้านกาแฟข้างล่าง เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง”




ผมเดินตามซุกซนที่จับผมลุกแล้วลากออกมา เราเดินไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าทำไมทั้งสองคนถึงได้มีท่าทีแบบนั้น เพราะว่าตอนนี้ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน รู้แค่ว่าข้างในมันอึดอัดไปหมด ไม่รู้อะไรเลย




หืม?




ผมยกมือจับหน้าตัวเองเมื่อรู้สึกถึงความเปียกชื้นเล็กน้อยที่บริเวณปรางแก้ม อ่า … ผมร้องไห้เหรอ? น่าจะใช่ล่ะมั้ง หรืออาจจะแค่น้ำตาไหลเพราะความอึดอัดเฉยๆ ถ้างั้นผมคงอึดอัดมากไปหน่อย เพราะน้ำตามันไหลไม่หยุดเลย




เปียกไปหมดเลย หยุดไม่ได้ด้วย



แบบนี้นี่มันแย่จริงๆ







------- 50% -------






หลังจากที่อ่านเมนต์ในหลายๆที่ พบว่าเราอัพช้าจริง เลยจะมาอัพให้ไวขึ้นนะคะ

ขอบคุณทุกๆคนที่ feedback มาด้วยนะคะ XDD


อีกครึ่งตอนจะมาวันที่ 10 นะ
ถ้าเราช้าไปทวงได้เลยนะคะ @babybapho ในทวิตเตอร์ค่ะ

แฮ่ แล้วเจอกันวันพุธนะคะ XD


แจ้งเตือนครั้งที่ 1 !

ผู้ดูแล ลบข้อความประชาสัมพันธ์ ออกนะคะ

จากกฎข้อที่ 17  เนื้อหายังลงไม่จบ
ห้ามประชาสัมพันธ์ เปิดจอง ใดๆ ทั้งสิ้นในกระทู้
ไม่ว่าในรูปแบบหนังสือหรือ e-book



อ้างถึง
17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน 

ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)

ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-10-2018 23:43:01 โดย BaoBao »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด