Chapter 46: หน้าที่ของใจ
มธุวันไม่ได้พ่นไฟใส่เขาที่มาสายอย่างที่ธีรเชษฐ์คิด
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าจะขอบคุณหรือรู้สึกสมเพชพเวทนาลูกชายคนโตที่กลายเป็นสนามอารมณ์ให้มธุวันลงทัณฑ์บัญชาจนสาแก่ใจ เพราะจากสีหน้าลอยละล่องของเมฆา ลูกชายของเขาดูมีความสุขที่สุดที่เขาเคยเห็นในรอบหลายปี
โฮ่…เจ้าเมฆมีรสนิยมแบบนี้เองเหรอ
“คุณเชษฐ์ครับ…มือ…”
“ทำไม? มือฉันทำไมเหรอ?” ร่างสูงถามย้อนด้วยสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ หนำซ้ำยังโอบกอดร่างบางเข้ามาแนบชิดยิ่งว่าเก่า ราวกับจะท้าทายให้มีนาทักท้วงอีกครั้ง
เด็กหนุ่มก้มหน้างุดอย่างเขินอาย ถึงอย่างนั้นยังคงรู้สึกถึงสายตาของคุณมธุวันที่เดินลิ่วๆนำพวกเขาไปเหลือบมองมาทางพวกเขาเป็นระยะ
โชคดีของเขาที่คุณเมฆาดูจะเป็นเดือดเป็นร้อนทุกครั้งที่คุณมธุวันละสายตาไปจากตัวเอง สีหน้าของมธุวันในตอนนี้ หากไม่ได้อยู่ในที่สาธารณะ คนที่เรียกร้องความสนใจอยู่ทุกย่างก้าวนั้นคงจะโดนฟาดไปหลังครั้งแล้ว
จะว่าไป…ตั้งแต่รู้จักสองคนนั้นมา มีนาก็รู้สึกมาโดยตลอดว่ามีอะไรแปลกๆระหว่างลูกชายคนโตของธีรเชษฐ์และเลขาคนงาม
โดยเฉพาะเมื่อมีนาก็โดนลูกหลงความเจิดจ้าจากรอยยิ้มของเมฆาจากระยะไกลทุกครั้งที่มธุวันยอมหันไปพยักหน้าหรือส่ายหน้ากับคำถามของตนไปจนเข่าแทบทรุด เขาไม่คิดว่ารอยยิ้มของเมฆาเป็นสิ่งที่หาดูได้ง่าย แต่มธุวันที่โดนอานุภาพการทำลายล้างเข้าไปโดยตรงกลับไม่ผงะสักนิด
“มองอะไร?” และเดาจากน้ำเสียงขุ่นเคืองของธีรเชษฐ์ คนข้างๆตระหนักดีถึงพลังทำลายล้างนั้น “ชอบ?”
มีนารีบส่ายหน้าพรืด ถึงเขาจะปฏิเสธเสน่ห์ของลูกชายคนโตที่ถอดแบบมาจากธีรเชษฐ์ทุกกระเบียดนิ้วไม่ได้ แต่สิ่งที่อยู่ในหัวของมีนาเมื่อครู่มีเพียงคำถามว่าหากธีรเชษฐ์ยิ้มให้เขาด้วยรอยยิ้มแบบนั้นบ้าง ร่างเล็กคงกลายสภาพเป็นของไหลอย่างไม่ต้องสงสัย
ยิ้มที่บ่งบอกว่าคนตรงหน้าคือโลกทั้งใบของตน
เด็กหนุ่มสลัดความคิดงี่เง่านั้นออกไปจากหัวอย่างรวดเร็ว ต่อให้ธีรเชษฐ์ชอบเขาแค่ไหน ผู้ชายที่ผ่านอะไรมามากมายอย่างร่างสูงไม่มีทางที่จะหลุดมาดเสียอาการขนาดนั้นกับคนอย่างเขาแน่ๆ โดยเฉพาะในที่ที่คนนอกมองเห็นได้เช่นนี้
“มีน หยุดก่อน” มือใหญ่รั้งให้เขาหยุดเดิน มีนาเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างงุนงง ธีรเชษฐ์ไม่ได้พูดอะไร แต่ทรุดลงคุกเข่าหนึ่งข้างในชุดสูทราคาแพงของตนต่อหน้าร่างเล็ก
“คุณเชษฐ์ ทะ…ทำอะไรครับ?” มีนาร้องอย่างตกใจ ก้มมองร่างสูงที่หยิบเชือกรองเท้าที่เริ่มหลุดรุ่ยของตนขึ้นมาบรรจงผูกอย่างตั้งใจ เงยหน้าขึ้นมองเด็กน้อยของตนด้วยสายตาที่ทำให้หัวใจของมีนาเต้นผิดจังหวะ
“เชือกรองเท้าหลุดหมดแล้ว เดี๋ยวเดินสะดุดขึ้นมาจะลำบาก”
“ขอบคุณครับ…” มีนาหลุดยิ้มออกมาอย่างขัดเขิน ก่อนจะนุนึกขึ้นได้ว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ในที่ลับตาคน “คุณเชษฐ์รีบลุกขึ้นเถอะครับ เดี๋ยวคนมอง…”
“ก็ปล่อยเขามองไปสิ” ชายหนุ่มตอบอย่างไม่หยี่ระ ลุกขึ้นปัดเศษฝุ่นออกจากกางเกงราคาสี่หลักของตน “ผูกเชือกรองเท้าให้แฟนมันผิดมากรึไง?”
มีนาขอถอนคำพูด…
กับธีรเชษฐ์ ต่อให้ไม่มีรอยยิ้มอะไรก็ยังมีพลังทำลายล้างได้มากพอที่จะทำให้มีนาเข่าอ่อนจนแทบยืนไม่อยู่
เด็กหนุ่มสังเกตเห็นหญิงสาวร่างเล็กหน้าตาสะสวยที่น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับมธุวันยืนพูดคุยกับเลขาหนุ่มและเมฆาอยู่นาน
สองนานจึงชะลอฝีเท้าเพื่อให้ความเป็นส่วนตัวแก่อีกฝ่าย
“บ่ายๆเย็นๆเดี๋ยวพาไปเล่นน้ำ” ธีรเชษฐ์หันมาบอกคนรัก มีนาพยักหน้าให้อีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้ม เขาค้นพบว่าหลังจากที่เขาเริ่มยอมรับความหวังดีหลายๆอย่างของอีกฝ่ายโดยไม่อิดออด เขารู้สึกว่าธีรเชษฐ์อารมณ์ดีขึ้นมาก
“ว่ายน้ำเป็นรึเปล่า?”
“ก็ไม่ค่อยแข็งนะครับ” ตั้งแต่เล็กมีนาเคยเรียนว่ายน้ำตามหลักสูตรของโรงเรียนอยู่แค่ไม่กี่ปี และไม่ใช่วิชาที่เขาทำได้ดีนัก แต่หากให้ลอยคอหรือว่ายไปมาในที่ตื้นๆน่าจะไม่มีปัญหาอะไร
“ไม่เป็นไร ฉันแข็ง” ร่างสูงกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นใบหน้าแดงก่ำของคนรัก “คิดอะไรอยู่?”
“ผม…ผมไม่พูดกับคุณเชษฐ์แล้ว”
มีนาเบือนหน้าหนีแววตาสนุกสนานของคนอายุมากกว่า รีบเดินดุ่มๆไปสมทบกับเพื่อนร่วมทางอีกสองคนเมื่อเห็นว่าหญิงสาวคนนั้นกำลังกล่าวลามธุวันแล้วเดินไปกับชายหนุ่มชาวต่างชาติคนหนึ่งโดยมีธีรเชษฐ์เดินทอดน่องตามมาไม่ห่าง
“มายืนจีบกันอะไรตรงนี้? รถยังไม่มาเหรอ?”
มธุวันนิ่งไปเมื่อได้ยินเสียงของธีรเชษฐ์ แววตาของคนที่หันกลับมาคล้ายจะบอกว่าลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเจ้านายของตนมีตัวตนอยู่
“ยังครับ น่าจะอีกซักพัก รถค่อนข้างติด” เลขาร่างโปร่งเอ่ยเสียงเรียบ
“เหรอ งั้นจีบกันต่อไปก็ได้ เดี๋ยวดูรถให้ ฉันไม่มีอะไรทำพอดี”
ธีรเชษฐ์ขยับยิ้มมุมปากกวนเลขาคนสนิท มีนาลอบกลืนน้ำลายเมื่อรู้สึกได้ถึงจิตสังหารที่แผ่ออกมาจากดวงตาสีฟ้าอมเทาเป็นเอกลักษณ์นั้น ผิดกับคนรักของเขาที่ดูจะไม่ได้รับรู้ถึงสัญญาณอันตรายใดๆ
“ไม่มีอะไรทำใช่มั้ยครับ? งั้นอ่านเอกสารรายละเอียดความคืบหน้าที่เราต้องไปคุยกับคุณนิโคไลให้ครบทั้งสามร้อยหกสิบแปดหน้านะครับ...” ร่างโปร่งยื่นแทบเล็ตของตัวเองให้กับเจ้านายที่อ้าปากค้างกับจำนวนหน้าในไฟล์ มีนาได้แต่ลอบมองคนแกว่งเท้าหาเสี้ยนอย่างสมเพชเวทนา
“แต่ว่านั่นมันงานของเม....”
“ของใครครับ?”
เลขาหนุ่มเลิกคิ้ว ดวงตาภายใต้แว่นไร้กรอบสื่อความหมายชัดเจนว่าหากธีรเชษฐ์ตอบผิด งานของชายหนุ่มจะไม่จบอยู่เพียงแค่นี้
“ของผมครับบอส...”
ประธานบริษัทหนุ่มเอ่ยเสียงอ่อยอย่างไม่กล้าหือ แม้เขาจะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรู้รายละเอียดของโครงการทุกตัวอักษรและย่อหน้าอย่างลูกชายคนโตที่เป็นหัวหน้าโครงการ แต่หากรู้รายละเอียดเพิ่มก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไรนัก ถึงแม้จำนวนสามร้อยกว่าหน้าจะทำให้เขาแอบปาดเหงื่อก็ตาม
มีนาไม่ได้รู้เรื่องงานของร่างสูงมากนัก แต่ในเวลานี้เด็กหนุ่มที่เห็นคนรักมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับงานกองโตนั้นก็นึกสงสารขึ้นมาแม้ไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง
“คุณเชษฐ์ครับ ผม...”
“คุณมีนาอยากช่วยเหรอครับ?” มีนาหุบปากฉับ ส่ายหน้าพรืดทันทีที่ได้ยินคำถามของเลขาหนุ่ม ไม่กล้าแม้แต่จะหลบหลังคนรักด้วยกลัวว่านั่นจะไปสะกิดต่อมโมโหของคนที่มองมาเข้าให้อีก
มธุวันเปิดประตูรถตู้ที่เพิ่งมาถึงออกโดยไม่รอให้คนขับวิ่งลงมา ดันที่นั่งให้เคลื่อนไปข้างหน้าเพื่อให้คนที่จะเข้าไปนั่งด้านหลังเข้าไปได้สะดวก แล้วผายมือให้กับเจ้านายทั้งสองด้วยสีหน้าเย็นเยียบ
“เชิญครับ ท่านประธาน คุณมีนา คุณเมฆา”
“นี่ยังเห็นฉันเป็นประธานบริษัทอยู่จริงๆเหรอ”
ธีรเชษฐ์บ่นอุบ มีนาเหลือบมองคนไม่สำนึกอย่างเป็นกังวลระคนอิดหนาระอาใจ ส่วนชเจ้าของบริษัทนั้นเมื่อโดนสายตาเย็นเยียบเข้าไปอีกดอกก็หุบปากฉับเข้าไปนั่งที่เบาะหลังกับคนรัดตัวเล็กอย่างว่านอนสอนง่าย
มีนาพยายามที่จะไม่มองแล้วจริงๆนะ
เขาพยายามที่จะไม่มองเมฆาที่เอื้อมมาจับประตูเลื่อนเพื่อให้มธุวันขึ้นไปก่อนไม่สังเกตใบหน้าคมที่เคลื่อนเข้าไปใกล้ดวงหน้างดงามแต่บึ้งตึงของเลขาหนุ่ม พยายามที่จะไม่จับผิดตำแหน่งที่นั่งแนบชิดจนแทบจะสิงร่างกันราวกับรถตู้คันนี้มีที่เพียงแค่นั้น
แต่มันอดไม่ได้จริงๆ
“คุณเชษฐ์ครับ คุณเมฆากับคุณมธุวัน…” ธีรเชษฐ์ยกนิ้วขึ้นทาบริมฝีปากของตนพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ทว่านั่นก็เป็นคำตอบที่มากพอให้กับมีนาแล้ว
พูดถึงระยะห่าง ในตอนนี้มีนาถูกเบียดแนบชิดจนแทบจะนั่งเกยตักของร่างสูงบนเบาะนั่งตัวยาวด้านหลังสุดของรถตู้ แขนแกร่งโอบรัดรอบเอวบางแทนเข็มขัดนิรภัย ธีรเชษฐ์เกยคางบนไหล่มน ทาบทับริมฝีปากลงบนลำคอขาวกรุ่นกลิ่นน้ำอบหอมจางของคนรัก แม้จะแช่ค้างอยู่อย่างนั้น ทว่าความร้อนซ่านที่นาบผิวกายขาวกลับทำให้มีนาคันยุบยิบในอกได้ไม่ต่างจากยามที่ริมฝีปากร้อนชื้นดูดดุนสร้างรอยสีกุหลาบ
“มองออกไปนอกหน้าต่างสิ เห็นทะเลรึยัง?” เสียงทุ้มกระซิบถามแนบชิดผิวกายเนียน มีนาที่ยังไม่เคยเห็นทะเลจริงๆมาก่อนตาลุกวาวอย่างตื่นเต้น โน้มกายคร่อมทับหน้าตักแกร่งเพื่อชะเง้อมองหน้าต่างฝั่งของธีรเชษฐ์
“คุณเชษฐ์ครับ ทะเลๆ!”
แม้จะเห็นเพียงต้นมะพร้าวและหาดทรายที่เต็มไปด้วยเก้าอี้ผ้าใบ ร่มชายหาด และผู้คนที่มาพักผ่อนหย่อนใจบดบังทัศนียภาพไปกว่าครึ่ง แต่มีนายังคงร้องออกมาอย่างตื่นเต้นที่ได้เห็นทะเลของจริง หากธีรเชษฐ์พาเด็กหนุ่มมาเที่ยวทะเลก่อนหน้าที่พวกเขาจะคบกัน ชายหนุ่มคงจะไม่เห็นท่าทีแบบนี้ของอีกฝ่าย
“ชอบขนาดนั้นเลยเหรอ?” ร่างสูงถามเสียงกลั้วหัวเราะ มีนาพยักหน้าหงึกหงัก ดวงตากลมโตเป็นประกายสุกใส ก่อนจะสลดลงแทบจะในทันทีจนคนที่ยังเสพความน่ารักไม่อิ่มขมวดคิ้วอย่างเป็นกังวล “เป็นอะไร?”
“ผม…อยากพาแม่กับยายมาบ้าง…”
“ไว้แม่เธอออกจากโรงพยาบาลแล้วค่อยมากัน”
ทั้งที่เป็นประโยคแสนธรรมดาสามัญทว่ากลับแฝงไปด้วยความหมายที่ทำให้หัวใจดวงน้องเต้นถี่รัวด้วยความยินดีและ
ประหม่าสับสนระคนกันไป
“คุณเชษฐ์…”
“ไว้กลับไปแล้ว…เราไปเยี่ยมคุณแม่เธอด้วยกันนะ”
มีนากัดริมฝีปากสะกดกลั้นรอยยิ้มและก้อนสะอื้นที่จุกในลำคอ พยักหน้าให้ร่างสูงที่โน้มมาช่วงชิงริมฝีปากรูปกระจับนุ่มหยุ่นอย่างอ่อนโยน มีนาโอบแขนรอบลำคอของคนรัก กดศีรษะของธีรเชษฐ์ให้องศาหวานล้ำลึกซึ้งยิ่งขึ้น โหยหาสัมผัสร้อนหวานละมุนจากคนอายุมากกว่าอย่างไม่รู้จักพอ
จนลืมเรื่องแปลกประหลาดระหว่างเลขาหนุ่มและบุตรชายคนโตของธีรเชษฐ์ที่นั่งข้างหน้าไปจนหมดสิ้น
------------