Chapter 41: ส่งตัวเข้าหอ
“เหม็นชิบ…”
“บ่นอะไรเนี่ยยุ ขัดเบาๆสิ นี่จะขัดผิวหรือถลกหนังเพื่อน?!” เจนวิทย์แหว ควักสมุนไพรขัดผิวสีน้ำตาลโปะลงบนแผ่นหลังขาว
ของร่างเล็กในอ่างอาบน้ำ แม้จะแสบจนน้ำตาเล็ด แต่มีนายังคงเม้มปากแน่นอย่างอดทน
เขาแค่ปรึกษาเจนวิทย์ว่าอยากบำรุงผิวพรรณให้สดใสขึ้นสักหน่อยก่อนแฟนจะกลับมาจากต่างจังหวัด คนรักของพายุเมื่อได้ยินว่าเด็กหนุ่มขี้อายอยากทำเซอร์ไพร์สแฟนก็ตื่นเต้นดีใจเสียอย่างกับเป็นคนถูกเซอร์ไพร์สเสียเอง
ด้วยเหตุนี้ มีนาจึงมาจบอยู่ที่คอนโดของพายุ นั่งในอ่างอาบน้ำของร่างสูงที่เละเทะด้วยสมุนไพรบำรุงผิวพรรณกลิ่นฉุนตลบ
อบอวลไปทั่วห้องโดยมีเพียงกางเกงขาสั้นปกปิด เจนวิทย์ขัดซ้าย พายุขัดขวา ทินกรที่โดนลากมาอย่างงุนงงกำลังเฝ้าลูกประคบสมุนไพรในครัว
ขัดสีฉวีวรรณ…
สุดท้ายเขาก็ทำตามคำแนะนำอย่างประชดประชันของธารธาราจนได้
“นี่มึงจะเซอร์ไพร์สผัวหรือขัดตัวประกวดนางงามวะ ทำไมขึ้นตอนมันวุ่นวายขนาดนี้” พายุบ่น แต่ก็ช่วยขัดผิวให้เพื่อนตัวเล็กอย่างตั้งอกตั้งใจ
“มันต่างกันตรงไหน ใครก็อยากสวยที่สุดในสายตาแฟนอยู่แล้ว เนอะมีนเนอะ” เจนวิทย์หันไปขอความเห็น มีนายิ้มแห้ง เกรงว่าหากพูดอะไรออกไปเสียงร้องจากความเจ็บปวดที่กลั้นไว้จะหลุดตามออกมาด้วย
“ถ้าเจนเจ็บขนาดนี้ไม่ต้องสวยให้ยุก็ได้ครับ ยังไงเจนก็สวยที่สุดสำหรับยุอยู่แล้ว” พายุก็ยังคงเป็นพายุ หยอดคำหวานข้ามหัวเพื่อนหน้าเป็นอย่างไม่มียางอาย คำเรียกตัวเองที่เปลี่ยนไปของคนทั้งคู่บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ที่กำลังก้าวไปในทางที่ดี มีนายิ้มอย่างยินดีให้เพื่อน ก่อนจะนิ่วหน้ากับแรงขัดที่คนเขินอายบิดไปมาใช้เขาเป็นตัวระบาย
กว่าจะจบครบกระบวนความ คนที่ผ่าน’คอร์สเจ้าสาวฉบับเร่งรัด’ ทิ้งตัวนอนแผ่หลาบนเตียงกว้างของเจ้าของคอนโดอย่างหมดแรง ร่างทั่งร่างเหมือนโดนรถสิบล้อทับร่วมกับการถูกย่างไฟเหมือนไก่ย่างเสียบไม้หมุน ไม่มีเรี่ยวแรงจะคลานลงจากเตียงด้วยซ้ำ
“กูนอนด้วย”
เจ้าของเตียงทิ้งตัวลงบนเตียงของตัวเองด้วยแรงที่ทำให้มีนาแทบจะลอยเด้งลงไปกองกับพื้น สภาพของคนตามใจแฟนที่ช่วยขัดสีฉวีวรรณให้มีนาตั้งแต่ต้นจนจบนั้นดูไม่จืดเลยสักนิด เด็กหนุ่มร่างเล็กแอบรู้สึกผิดขึ้นมาเมื่อเห็นดังนั้น
“นอนด้วย!”
ยังไมทันได้ตั้งตัว ทินกรก็กระโดดขึ้นมาบนเตียงราวกับลูกหมาตัวยักษ์ที่โดดขึ้นมานอนกับเจ้าของ แรงปะทะนั้นทำให้ร่างของมีนาลอยหวือขึ้นจากเตียงจริงๆ ร่างเล็กหลุดร้องโอดโอยออกมาเบาๆ
นี่เขาจะช้ำในตายก่อนมั้ยเนี่ย
”นอนอะไร ไปเลย มึงทำไรบ้างวะ? เห็นแต่เฝ้าเตา” พายุเอื้อมไปผลักหัวทินกรที่นอนทิ้งตัวสบายใจเฉิบอยู่อีกข้างของมีนา ไม่สนใจคนตัวเล็กที่ร้องอู้อี้ประท้วงจากการโดนทับ
“เฝ้าเตาก็เหนื่อยป่ะวะ ร้อนก็ร้อน มึงแหละ ไปเก็บของช่วยแฟนดิ อู้เหรอ” ทินกรผลักเพื่อนกลับอย่างไม่ยอมแพ้ กลายเป็นสงครามขนาดย่อมอย่างไม่มีใครยอมใคร และไม่ไม่มีใครสนใจเสียงร้องขอความช่วยเหลือของคนตัวเล็กที่ติดแหง็กอยู่ตรงกลางด้วย
“ซัน พี่ภัทรมารับ…มีน!” เจนวิทย์กับภรัณยูที่มาพบสภาพเหตุการณ์รีบช่วยกันดึงคนตัวเล็กที่กำลังจะขาดอากาศหายใจออกมาจากเพื่อนทั้งสองที่เริ่มเอาหมอนมาตีใส่กันอย่างไม่มีใครยอมใคร “โอเคมั้ย?”
มีนาพยักหน้า เกาะเจนวิทย์ไว้แน่นเพื่อพยุงไม่ให้ตัวเองล้มลงไปกองกับพื้น
“อะไรวะ โดนเพื่อนทับแค่นี้เข่าอ่อน ผัวกลับมาไม่ลมจับเลยเหรอ” พายุแซวเสียงกลั้วหัวเราะ ภรัณยูเลิกคิ้ว เหลือบมองมีนาด้วยหางตา เด็กหนุ่มหลบหลังเจนวิทย์ แก้มขาวขึ้นสีเรื่ออย่างอับอาย
”ซัน กลับบ้านกันได้แล้ว ป้าแต้วทำข้าวเย็นไว้รอนานแล้ว” ภรัณยูหันไปสนใจคนรัก ทินกรพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มกว้างโดดลงจะเตียงวิ่งตื๋อมาหาภรัณยูเหมือนเด็กเล็กๆเวลาคุณแม่มารับที่โรงเรียน
“ถ้าอย่างนั้นเราไม่รบกวนแล้วล่ะ ขอบใจมากนะเจน พายุ” มีนาเอ่ยกับเพื่อนทั้งสองบ้าง เจนวิทย์พยักหน้ายิ้มๆ แต่พายุกลับเรียกเขาไว้ก่อน
“เดี๋ยวมีน เอานี่ไปด้วย”
มีนาหันไปรับวัตถุที่เพื่อนโยนมาให้ ก้มอ่านฉลากบนขวดพาสติกก่อนใบหน้าหวานจะขึ้นสีแดงสดเมื่อเห็นว่าเจ้าขวดที่ว่านี่คือ
อะไร
“รุ่นนี้นอกจากหล่อลื่นดีแล้วยังมีกลิตเตอร์ด้วยนะเว้ย ของนอกนะเนี่ย กูไม่รักมึงนี่ไม่ซื้อมาเผื่อนะ”
“ให้ของเพื่อนแต่ละอย่าง ดูซิ” เจนวิทย์ส่ายหน้าอย่างจนใจ แก้มแดงเรื่อไม่ต่างจากร่างเล็กข้างกาย “รีบกลับได้แล้วมีน พักผ่อนเยอะๆผิวจะได้สวยๆ”
มีนาพยักหน้ารับ เอ่ยลาเพื่อนทั้งสอง นึกอิจฉาความสัมพันธ์ที่ดูเรียบง่ายและมั่นคงของคนทั้งคู่
แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะยอมแลกความสัมพันธ์ที่มีกับธีรเชษฐ์ในตอนนี้กับอะไรก็ตาม
สองวันผ่านไป ธีรเชษฐ์กลับรู้สึกเหมือนรอมาสองปี
ชายหนุ่มแทบจะเหาะผ่านเครื่องตรวจวัดความเร็วหลังจากเสร็จสิ้นการประชุม ตัวอยู่ในรถแต่ใจพุ่งแซงไปดีดดิ้นรอที่คอนโดแล้ว
ช่อดอกไม้ช่อโตและตุ๊กตาตัวใหญ่ที่อยู่หลังรถกลิ้งขลุกขลักไปมาราวกับจะส่งเสียงประท้วง แต่สิ่งเดียวที่ธีรเชษฐ์สนใจคือคนที่เขาซื้อมันมาให้มากกว่า
วันนี้เป็นวันเกิดของมีนา วันเกิดครบรอบสิบแปดปี วันในปฏิทินที่ธีรเชษฐ์วงกลมซ้ำไปซ้ำมาจนกระดาษแทบทะลุ แน่นอนว่าเขาเตรียมของขวัญ เค้กวันเกิดของอีกฝ่ายเขาก็สั่งให้คนรับไว้ที่ล็อบบี้คอนโดแล้ว ร่างสูงหอบของขวัญเต็มไม้เต็มมือ ประคองกล่องเค้กมะพร้าวใบเตยที่เจ้าตัวชอบเปิดประตูเข้าไปในห้องด้วยหัวใจที่เต้นระรัว
ก่อนจะคว้ากล่องเค้กไว้แทบไม่ทันหลังจากมือไม้อ่อนแรงเฉียบพลันจากภาพตรงหน้า
“กะ…กลับมาแล้วเหรอครับคุณเชษฐ์”
ตาย…เมื่อกี้เขาขับรถแหกโค้งตายแล้วขึ้นสวรรค์ใช่มั้ย?
มีนาซุกหน้ากับกระต่ายสีชมพูที่เขาซื้อให้ซ่อนความเขินอาย ร่างบางอยู่ในชุดสโนว์ไวท์ที่เขาจำได้ว่าอีกฝ่ายถูกบังคับให้ซื้อในงานคณะ และจำได้ว่าเขานึกภาพอีกฝ่ายในชุดนี้ในเวลาเปล่าเปลี่ยวในห้องน้ำไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
เมื่อได้มาเห็นของจริงนั้น บอกได้เลยว่าจินตนาการของเขาเทียบไม่ติด
“มีน…” เสียงทุ้มแหบพร่า ธีรเชษฐ์ค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองสูญเสียความสามารถในการพูดไปเรียบร้อยแล้ว
“อยะ…อย่านิ่งแบบนั้นสิครับ”
มีนาเริ่มใจไม่ดี ความกล้าที่อุตส่าห์รวบรวมมาอย่างยากลำบากเริ่มลดลงไปเรื่อยๆตามระยะเวลาที่ร่างสูงยืนตะลึงค้างอยู่หน้า
ประตู
“ทำไม…”
“ก็…ก็คุณเชษฐ์บอกเองนี่ครับ…”
‘เอาไว้อีกซักสองอาทิตย์ค่อยว่ากัน’ คำพูดของตัวเองตอนที้ชุดนี้ส่งมาที่คอนโดย้อนกลับเข้ามาในหัว ธีรเชษฐ์เริ่มเห็นข้อดีของการมีคนรักความจำดีก็วันนี้
“แล้ว…ถืออะไรมาเยอะแยะเหรอครับ?”
มีนาเปลี่ยนเรื่องก่อนจะทนความอับอาย ธีรเชษฐ์ก้มมองข้าวของในมือด้วยสีหน้าว่างเปล่า เลือดที่ไหลไปเลี้ยงส่วนอื่นชั่วคราวทำให้สมองของเขาหยุดทำงานเพื่อรักษาสมดุลร่างกาย
“เอ่อ…เธอ…เอ่อ…ของขวัญ…”
“ให้ผมเหรอครับ?” รอยยิ้มสดใสกลับคืนสู่ใบหน้าน่ารัก มีนาเอื้อมมือไปรับช่อดอกไม้ช่อโต รับเจ้าหมีตัวขนาดพอฟัดพอเหวี่ยงกับกระต่ายสีชมพูของตนมากอดไว้ในมืออีกข้างโดยไม่ยอมปล่อยอะไรไปสักอย่าง “ขอบคุณครับคุณเชษฐ์ ผมเอาไปเก็บในห้องนอนนะครับ”
“…อือ…” ธีรเชษฐ์มองตามร่างเล็กในกระโปรงฟูฟ่องแทบปิดต้นขาไม่มิดชวนน้ำลายหก ก่อนจะเดินสโลเสลตามไปเฉกเช่นร่างไร้วิญญาณ
มีนาวางตุ๊กตาทั้งสองตัวลงบนเตียง เสียบช่อดอกไม้ลงในแจกันแล้วหันกลับมาหาธีรเชษฐ์ที่กำลังใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำลายตัวเองอย่างแรง สีหน้าขัดเขินกลับมาอีกครั้ง ดวงตากลมโตช้อนมองคนอายุมากกว่าอย่างเอียงอายราวกับรอว่าธีรเชษฐ์จะทำ
อย่างไรต่อ
หากจะให้พูดกันตามตรง ธีรเชษฐ์ก็ไม่รู้เช่นกันว่าเขาจะทำอย่างไรต่อ
ไม่รู้ว่าทำไม แต่ทุกครั้งที่ธีรเชษฐ์วาดฝันถึงวันนี้ เขาชอบคิดว่ามันจะเป็นเหมือนพิธีกรรมบางอย่าง เหมือนการเข้าหอเชื่อมสัมพันธ์หลังประตูวิวาห์ของคู่บ่าวสาวในครั้งแรก นุ่มนวล เนิบช้า เบสิค ไร้สิ่งโลดโผน
ในมโนภาพของเขา สิ่งที่เกิดขึ้นคือเขาช่วยมีนาถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้น รอให้อีกฝ่ายพับเก็บเสื้อผ้าวางไว้บนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบ ก่อนจะหรี่ไฟในห้องเพื่อให้ร่างเล็กที่เปลือยเปล่าล้มตัวลงบนเตียงอย่างไม่ขัดเขินมากนัก
แน่นอน สิ่งแรกที่เขาจะทำคือครอบครองริมฝีปากรูปกระจับอย่างอ่อนโยน ลูบไล้ไปตามผิวกายขาวเนียน ฟ่อนเฟ้นเค้นคลึงสะโพกกลมกลึงจนคนข้างใต้ร้องครางออกมาอย่างสุขสม ก่อนจะค่อยๆใช้นิ้วที่ชโลมไปด้วยเจลหล่อลื่นแทรกผ่านช่องทางสีหวานที่ได้ลิ้มลองเท่าใดก็ไม่เคยพอ ปรนเปรอจุดไวสัมผัสต่างๆไปพลางให้คนตัวเล็กโอนอ่อนตามสัมผัสของเขาโดยง่าย ในขณะที่เอ่ยปลอบขวัญและจูบซับน้ำตาจากความเจ็บปวดระคนวาบหวามของคนรัก คลอเคลียพวงแก้มใสขณะที่ค่อยๆชำแรกความใหญ่โตของตนเข้าไปในช่องทางอ่อนนุ่มอย่างนิ่มนวล…
มันควรจะเป็นอย่างนั้น…
“ถะ…ถ้าอย่างนั้น… ผมขออนุญาตนะครับ”
มีนาทรุดตัวลงคุกเข่าตรงหน้าร่างสูงที่ยังยืนอึ้งอยู่หน้าประตูห้องนอน มือเรียวเอื้อมมาปลดเข็มขัดหนังที่ตนเป็นคนซื้อให้อีกฝ่ายออก ก่อนจะจัดการกับซิปกางเกงของธีรเชษฐ์เป็นลำดับถัดไป
ความต้องการของร่างสูงเด่นชัดแม้มองผ่านเนื้อผ้าของปราการด่านสุดท้ายสีเข้ม ร่างเล็กที่มักจะหน้าร้อนเห่ออย่างอับอายบัดนี้กลับแฝงไปด้วยความภาคภูมิใจที่อีกฝ่ายเป็นแบบนี้เพราะตน
ร่างกายของธีรเชษฐ์มีปฏิกิริยาขนาดนี้แค่เห็นเขา
ริมฝีปากรูปกระจับจุมพิตลงบนความเป็นชายผ่านเนื้อผ้า ไล่จุมพิตไปตามความยาว แผ่วเบาราวแมลงปอแตะผิวน้ำ แต่กลับ
มากพอที่จะทำให้คนมากประสบการณ์เกร็งตามสัมผัสหวานล้ำ ดวงตากลมโตช้อนมองเขาอย่างคาดหวัง ราวกับจะถามว่าตัวเองทำได้ตามมาตรฐานที่ธีรเชษฐ์พึงพอใจหรือไม่
ไม่ได้รู้เลยว่าตนทะลุมาตรฐานทุกอย่างของชายหนุ่มตั้งแต่รอยยิ้มเอียงอายที่หน้าประตูแล้ว
มือใหญ่ลูบกลุ่มผมนิ่มเป็นเชิงสนับสนุน ปล่อยให้คนตัวเล็กได้ทำตามใจตัวเองอย่างเต็มที่ในวันเกิด มีนาขยับยิ้มอย่างกระตือรือร้น ก่อนจะจัดการกับปราการด่านสุดท้าย ทักทายสิ่งที่โผล่มากล่าวสวัสดีตัวเองอย่างกระตือรือร้นไม่แพ้กัน
ริมฝีปากเล็กรูปกระจับอ้ารับความเป็นชายของร่างสูงเข้าไปอย่างไม่นึกรังเกียจ ความอ่อนนุ่มของโพรงปากอุ่นที่ดูจะตั้งอกตั้งใจกว่าทุกวันทำเอาคนท่าเยอะถึงกับกัดริมฝีปาก กระหายอยากให้อีกฝ่ายกลืนกินตัวตนของเขาเข้าไปอีกทีละนิด
“…อุ่ก!”
เสียงร้องเบาๆของคนที่ถูกสะโพกสอบขยับสวนอย่างลืมตัวทำให้ธีรเชษฐ์รีบหยุดขยับ น้ำใสๆเอ่อไหลตามพวงแก้มพองโตที่แดงระเรื่อ แต่นอกจากนั้นแล้ว มีนายังคงไม่ลดละความพยายาม
“มีน…อึ่ก…พอก่อน…” ธีรเชษฐ์ปราม หากร่างเล็กยังดื้อดึงเขาคงได้เรือล่มก่อนถอนสมอแน่ๆ
เด็กดีของเขายอมผละออกมาอย่างง่ายดาย แม้ว่าแววตาอาลัยอาวรณ์นั้นจะทำให้ธีรเชษฐ์นึกอยากจะขยุ้มกลุ่มผมนุ่มดึงให้อีกฝ่ายกลับมาอย่างเอาอกเอาใจคนตัวเล็ก
ดูท่ามีนาจะชอบมากจริงๆถึงได้ลืมอายขนาดนี้
ก่อนที่มีนาจะได้ถามอะไร ร่างสูงก็ช้อนแขนใต้ข้อพับขาแล้วตวัดแขนเรียวให้โอบรอบคอของตนก่อนจะอุ้มไปที่เตียงของพวกเขา กำจัดชุดคอสตูมสีสดใสแทบจะในพริบตาโดยเหลือไว้เพียงถุงน่องขาวยาวเหนือเข่าที่ทำให้เขาลมปราณแตกซ่านแค่ได้เห็นเท่านั้น
”เอ่อ…คุณเชษฐ์ครับ…”
เสียงหวานเอียงอายดังเบาๆข้างหูของคนที่ซุกไซร้ซอกคอขาวอย่างโหยหา ธีรเชษฐ์ดูดเม้มฝากรอยไว้บนแอ่งชีพจรของร่างเล็กก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนเรียกเป็นเชิงถาม
มีนามีสีหน้าประหม่าระคนขัดเขิน มือเรียวยื่นสิ่งที่ธีรเชษฐ์คิดว่าวางกองอยู่บนพื้นพร้อมกับเสื้อผ้าของเขาให้ ธีรเชษฐ์เลิกคิ้ว ก่อนจะจำได้ว่าตัวเองเคยพูดไว้ว่าจะทำอะไรกับเข็มขัดเส้นนี้
“เธอนี่มัน…” ธีรเชษฐ์ลูบหน้าตัวเองแรงๆ พยายามตั้งสติแต่คนใต้ร่างที่ยื่นข้อมือทั้งสองให้เขาอย่างจำยอมไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย
แน่นนอน โอกาสดีๆมีหรือร่างสูงจะปฏิเสธ แต่ธีรเชษฐ์ไม่ลืมที่จะสอดผ้าเช็ดหน้าผืนนิ่มไว้ใต้เข็มขัดเพื่อป้องกันการเสียดสี
แม้เขาจะชอบทิ้งร่องรอยไว้บนร่างขาว แต่ก็ไม่คิดจะทำให้อีกฝ่ายเจ็บขึ้นมาจริงๆหรอกนะ
เข็มขัดหนังราคาแพงมัดรอบข้อมือทั้งสองข้างของมีนาไว้ ไม่หลวมและไม่เน่นจนเกินไป แถมสายตาที่มองมายังอ่อนโยนเสียจนเด็กหนุ่มรู้สึกว่าผิดจุดประสงค์ของการถูกมัดอย่างไรชอบกล
“เอื้อมไปจับหัวเตียงถึงมั้ย?” มีนารอบทำตามที่ร่างสูงว่า แม้จะลำบากไปสักนิดแต่เด็กหนุ่มก็สามารถทำได้อย่างไม่ยากเย็น
นัก “ดี ต่อจากนี้ห้ามปล่อยมือ เข้าใจมั้ย?”
“อะ…” คนโดนสั่งอ้าปากค้าง เขามีแต่ถูกมัดกับหัวเตียงไม่ใช่รึไง มีที่ไหนใช้แรงงานคนอื่นแบบนี้
แต่ก่อนจะได้ทักท้วงอะไร ริมฝีปากของอีกฝ่ายก็กระกบลงมาปิดปากของเขาไว้เสียก่อน มือใหญ่ลูบไล้ลงมาตามแผ่นอกแบนราบก่อนจะมาหยุดที่ตุ่มไตสีชมพูหวาน สะกิดวนรอบจุดไวสัมผัสนั้นอย่างเบามือ แต่ก็มากพอที่จะทำให้มีนาแอ่นกายรับสัมผัสอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ ริมฝีปากร้อนเลื่อนลงมาครอบครองเม็ดทับทิมสีหวาน ดูดดุนมอบสัมผัสวาบหวามให้กับเด็กหนุ่มที่แม้จะบิดเร่าอยู่ใต้ร่างแต่กลับไม่ยอมปล่อยมือจากหัวเตียง เห็นแล้วยิ่งรู้สึกว่าน่ากินไปทุกอิริยาบถ
“เด็กดี…” ธีรเชษฐ์ไล่ประทับริมฝีปากลงมาตามหน้าท้องแบนราบขาวเนียนของร่างเล็กอย่างหลงใหล “…ฉันหลงเธอจนแทบบ้าอยู่แล้วรู้บ้างมั้ย?”
มีนาไม่ตอบ แต่ดวงตากลมโตฉ่ำเยิ้มที่ช้อนมองเขาอย่างออดอ้อนทำให้ธีรเชษฐ์คำรามออกมาราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะจัดการกับเหยื่อ แต่ในตอนนี้ เขากลับรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหยื่อของผู้ล่าตัวน้อยใต้ร่างเสียมากกว่า
“คุณเชษฐ์…ลิ้นชัก…”
ชายหนุ่มเปิดลิ้นชักหัวเตียงอย่างไม่รีรอ หยิบขวดสารหล่อลื่นยี่ห้อดังที่วางนิ่งอยู่ก้นลิ้นชักมาบีบใส่นิ้วของตัวเองอย่างเร่งรีบ…
…ก่อนจะสังเกตเห็นกากเพชรระยิบระยับบนมือของตัวเอง
“มีน…”
“คือ…เพื่อนให้มาน่ะครับ” มีนารีบแก้ตัวอย่างร้อนรน
“เพื่อนเธอแต่ละคนมีใครปกติบ้างมั้ย…” เขาจะมาคิดบัญชีเรื่องนี้กับเด็กหนุ่มทีหลัง แต่ตอนนี้คงต้องรับความหวังดีจาก ‘เพื่อน’ ของมีนาไว้ก่อน
“อะ…อ๊ะ…” ร่างเล็กเกร็งขึ้นมาทันทีที่มือใหญ่แหวกก้อนเนื้อกลมกลึงออกจากกัน
“อย่าเกร็ง…” ธีรเชษฐ์จุมพิตลงบนแก้มเนียนใสเบาๆ “ฉันไม่อยากให้เธอเจ็บ”
แม้จะพูดอย่างนั้น แต่การผ่อนคลายไม่เคยเป็นจุดแข็งของมีนา ร่างสูงมองคนรักตัวเล็กที่พยายามหยุดเกร็งจนน้ำตาคลอหน่วยก่อนจะถอนหายใจ ทำไมเขาถึงได้ทำให้มีนาร้องไห้ได้ทุกสถานการณ์เลยนะ
“ไม่ต้องร้อง ฉันไม่ได้ดุ…”
ร่างสูงจูบซับน้ำตา คลอเคลียข้างพวงแก้มใสอย่างเอาอกเอาใจ นิ้วเรียวยาวที่ไล้วนสร้างความคุ้นเคยค่อยๆชำแรกเข้าไปในช่องทางอ่อนนุ่มอย่างใจเย็น ไม่นานนัก ร่างที่เริ่มปรับตัวให้คุ้นชินกับจังหวะเนิบช้าส่งเสียงครางหวานหูออกมาก่อนจะรีบหุบปากฉับอย่างอับอาย ร่างเล็กกระตุกเฮือกเมื่อนิ้วเรียวยาวจงใจลากผ่านจุดอ่อนไหวภายในช้าๆ ก่อนที่นิ้วที่สองจะเข้ามาช่วยทำความคุ้นเคยให้กับเด็กหนุ่มที่เคยผ่านศึกจริงจังมาเพียงครั้งเดียว ธีรเชษฐ์ยังคงนึกเสียใจที่ไม่ได้อ่อนโยนกับอีกฝ่ายมากกว่าในตอนนั้น
“อย่าเก็บเสียงไว้สิ…” ร่างเล็กส่ายหน้าทั้งน้ำตาคลอหน่วย เบือนหน้าหนีภาพที่ร่างกายของเขากำลังตอบสนองทุกสัมผัสของธีรเชษฐ์อย่างโหยหา รู้สึกว่าตัวเองดูไร้ยางอายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
แม้จะต้องตะล่อมหว่านล้อมไปทุกฝีก้าว แต่ชายหนุ่มกลับไม่นึกรำคาญใจแต่อย่างใด ตรงกันข้าม ในอกกลับรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมาที่เห็นคนขี้กลัวที่มักจะปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอกอย่างมีนายอมโอนอ่อนตามเขามากขนาดนี้
“เสียงของเธอ…ร่างกายของเธอ… ฉันชอบทุกอย่างที่เธอเป็น…” เสียงทุ้มพร่ากระซิบหว่านล้อม ในขณะที่นิ้วเรียวหมุนคว้าน
เรียกให้สะโพกมนขยับตามอย่างควบคุมไม่ได้ “ว่าไงมีน…ลองเชื่อคำพูดของผู้ชายของเธอดูสักครั้งได้มั้ย…”
“อะ…ฮะ…คะ…คุณเชษฐ์…อ๊ะ…” แทนคำตอบ เสียงครางแว่วหวานเรียกชื่อเขาข้างหู มีนาขยับตัวเล็กน้อยโดยที่มือยังคงยึดเกาะหัวเตียงไว้อย่างเหนียวแน่น ธีรเชษฐ์ผ่อนความเร็วลงแต่ไม่ยอมหยุดด้วยกลัวว่าคนที่กำลังเคลิบเคลิ้มจะเสียอารมณ์ ร่างเล็กค่อยๆพลิกกายคว่ำ ขยับสวนทุกการกระทำของร่างสูงไปในที แอ่นกายโก้งโค้งให้สะโพกกลมกลึงลอยเด่นอยู่ตรงหน้าราวกับจะทดสอบความอดทนของคนมอง
“มีน ทำอะไร…”
“ผม…อ๊ะ…อ่านเจอว่า…ฮะ…ท่านี้…ขะ…เข้า…ง่ายสุด…”
ร่างเล็กสารภาพหน้าร้อนผ่าว ธีรเชษฐ์หัวเราะในลำคอกับความไร้เดียงสานั้น ถอนนิ้วของตัวเองออกอย่างช้าๆ ก่อนที่อะไรบางอย่างที่ขยับจ่อช่องทางอุ่นเตรียมเข้ามาแทนที่จะทำให้มีนาตัวสั่นระริก
“มีน…ระหว่างเธอกับฉัน…ท่าไหนก็ไม่ง่ายทั้งนั้นแหละ”
ทั้งที่พูดแบบนั้นแต่ความเจ็บปวดที่มีนาคาดไว้กลับเบาบาง มือใหญ่ที่เอื้อมมาสะกิดเขี่ยเม็ดทับทิมสีหวานช่วยเบนความสนใจของมีนาไปจนกระทั่งความรู้สึกคับแน่นที่จงใจเสียดสีจุดอ่อนไหวภายในทำให้มีนารับรู้ความเป็นไปของเหตุการณ์อีกครั้ง
“อ๊ะ…อะ…”
มือเล็กที่ถูกมัดไว้กำหัวเตียงแน่น ร่างทั้งร่างโยกคลอนไปตามจังหวะรักที่มีแต่จะรุนแรงขึ้นของร่างสูง มือใหญ่ประคองหน้าท้องแบนราบไว้อย่างทะนุถนอม ส่วนมืออีกข้างขยับปรนเปรอทางด้านหน้าให้กับเด็กหนุ่มอย่างไม่ละเลย การถูกกระตุ้น
พร้อมกันหลายๆจุดยิ่งทำให้คนประสบการณ์น้อยแทบสะอื้นกับคลื่นความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาหลายระลอกใหญ่ ภาพในหัวของมีนาขาวโพลนไปชั่วขณะเมื่อความรู้สึกที่รุนแรงกว่าครั้งแรกของพวกเขาหลายเท่าตัวทำให้ร่างเล็กอ่อนยวบลงไปกับมือที่ประคองเขาไว้ตั้งแต่ต้น หอบหายใจเอาอากาศเข้าปอดในอ้อมกอดของธีรเชษฐ์
“เก่งมาก สนุกมั้ยครับ?”
ธีรเชษฐ์ถามเสียงหยอกเย้า ปลดสายเข็มขัดที่รัดรอบข้อมือขาวออก สิ่งหนึ่งที่เขาเรียนรู้เกี่ยวกับมีนาคือ แม้อีกฝ่ายจะเป็นคนพูดเสียงเบา แต่ยามที่เสียงหวานครางระงมไปทั่วห้องอย่างไร้การสะกดกลั้นเมื่อครู่นั้น เขาคิดว่าต่อให้ห้องเก็บเสียงก็เอา
มีนาไม่อยู่
และเขาก็รู้สึกชอบมันมากเสียด้วย
“คุณ…คุณเชษฐ์ครับ…” เสียงหวานกระซิบแผ่ว ธีรเชษฐ์ขยับเข้าไปใกล้ร่างบาง คลอเคลียใบหน้ากับพวงแก้มใสอย่างรักใคร่
“ครับ…”
“คะ…คือว่า…” มีนาตะกุกตะกัก ใบหน้าขาวแดงซ่าน ร่างบอบบางที่สั่นระริกในอ้อมกอดของเขาทำให้ธีรเชษฐ์นึกอยากดูแลให้อีกฝ่ายได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม แต่คำถามที่มาพร้อมกับสีหน้าขัดเขินนั้นปักความตั้งใจเขาตกแตกกระจายบนพื้นอย่างไม่ใยดี “อีกรอบ…ได้มั้ยครับ…”
ตาย…ธีรเชษฐ์ยังคงยืนยันว่าอายุขัยของเขาถูกบั่นทอนลงทุกวันด้วยท่าทีของเด็กคนนี้
“ฉันไม่ใช่รถไฟเหาะนะ…” ชายหนุ่มแกล้ง นึกย้อนไปถึงคำขอขึ้นเครื่องเล่นอีกครั้งของมีนาในสวนสนุก มีนามีสีหน้าเสียดายอย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งไม่เป็นผลดีกับหัวใจคนแก่สักนิด “จะอีกกี่รอบก็ได้ทั้งนั้นแหละ”
มีนายิ้ม เงยหน้าขึ้นแระทับจุมพิตลงบนมุมปากของคนอายุมากกว่าเบาๆ
“ขอบคุณนะครับคุณเชษฐ์…” เด็กหนุ่มยิ้ม แม้จะไม่ยอมสบตากับเขาก็ตาม “ผม…ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลยจริงๆนะครับ”
ธีรเชษฐ์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองขย้ำลูกกระต่ายน้อยตรงหน้าจนช้ำในไปเสียก่อน
ดูท่าเขาต้องแวะไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลสักหน่อยเสียแล้ว
------------
ฉลองเล้าด้วยตอนใจบาป5555