Chapter 39: กินเปรี้ยว
หากจะถามว่ามีนาได้ตอบตกลงคำขอของธีรเชษฐ์หรือไม่
สัมผัสชื้นแฉะที่ลากไล้ลงมาตามผิวกายขาวเนียนและความรู้สึกวาบหวิวในท้องน้อยทุกครั้งที่แรงดูดดุนทิ้งรอยไว้บนร่างเปลือยเปล่าของมีนาคงจะเป็นคำตอบได้เป็นอย่างดี
“อ๊ะ..คะ..คุณเชษฐ์...”
ร่างเล็กแอ่นรับสัมผัสจากริมฝีปากร้อนที่ทาบทับลงมาบนแผ่นอกบางอย่างเผลอไผล เรียกเสียงหัวเราะทุ้มต่ำในลำคออย่างพึงพอใจจากธีรเชษฐ์ได้เป็นอย่างดี
บอกตามตรง มีนารู้สึกประทับใจร่างสูงมากที่ไม่ได้ฉีกเสื้อผ้าเขาออกเป็นชิ้นๆทันทีที่รถที่อีกฝ่ายเรียกวนมารับพวกเขา เขายิ่งรู้สึกประทับใจมากขึ้นไปอีกที่ร่างสูงมีสติพอจะแขวนป้ายห้ามรบกวน ปิดประตูคล้องโซ่ห้องพัก วางสัมภาระของพวกเขาลงบนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ก่อนจะพุ่งเข้ามาหาร่างเล็กด้วยความเร็วของเสือชีต้าร์ที่ออกล่าเหยื่อ
ใช่...พวกเขายังคงอยู่บนพื้นห้องโดยมีเสื้อผ้าที่แทบจะไม่เหลือชิ้นดีรองใต้เรือนกายขาวเนียนของมีนาไว้ลวกๆด้วยฝีมือของคนที่เห็นได้ชัดว่าอยากจะอ่อนโยนแต่กำลังจะทนความต้องการของตัวเองไม่ไหว
ร่างเล็กสะท้านเฮือกเมื่อริมฝีปากช่ำชองคู่นั้นครอบครองเม็ดทับทิมสีหวานอย่างหิวกระหาย ดูดเน้นย้ำราวกับตุ่มไตที่แข็งขืนสู้การหยอกเย้านั้นจะมีน้ำนมไหลออกมา นิ้วเรียวยาวสะกิดเขี่ยตุ่มไตอีกข้างไม่ให้ได้อยู่อย่างสงบ มีนานึกอยากจะค้อนคนตรงหน้าแต่ความปั่นป่วนที่อีกฝ่ายมอบให้ทำให้สมองเขาไม่สามารถสั่งงานอะไรได้นอกจากการโอนอ่อนตามทุกสัมผัสของคนประสบการณ์มากกว่า
“ฮะ…มะ…ไม่ไหว…”
มันมากเกินไป การปลุกเร้าจากธีรเชษฐ์มันมากเกินกว่าที่มีนาจะรับไหว ลิ้นร้อนตวัดดูดเลียเม็ดทับทิมสีหวานจนเกิดเสียงหยาบโลนระคายหู ก่อนที่ร่างเล็กจะถูกพลิกให้คลานเข่าอยู่บนผ้าผืนบางที่เคยเป็นเสื้อของตัวเอง ผิวกายเนียนถูกแสดงความเป็นเจ้าของจนแดงเป็นจ้ำกุหลาบกระจายทั่วร่าง
“คุณเชษฐ์…อ๊ะ…เตียง…”
“หึๆ…กลัวเจ็บเข่าเหรอ?”เสียงทุ้มเย้าข้างหู
มีนาพยักหน้า เพราะเหตุผลที่แท้จริงที่เขากล้าเอ่ยปากขอให้อีกฝ่ายย้ายสถานที่ทำกิจกรรมก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปมากกว่านี้น่าอายกว่าข้อสันนิษฐานของธีรเชษฐ์หลายเท่า
เขากลัวเข่ากับข้อศอกของตัวเองจะเสียดสีจนดำด้าน ดูไม่สวยงามสำหรับร่างสูง
ก่อนหน้านี้มีนามักจะนั่งถูพื้น คุกเข่ากับพื้น ทำอะไรไม่สนใจความสวยงามไร้ค่าพวกนั้นเป็นอาจิณ แต่หลังจากได้พูดคุยกับเจนวิทย์ มีนาค้นพบว่ามีหลายสิ่งที่เขาปล่อยปะละเลยโดยไม่คำนึงว่าจะทำให้ธีรเชษฐ์พอใจเรือนร่างของเขาลดลง
โชคดีที่เขาไหวตัวทันก่อนหน้าที่ข้อศอกขาวจะมีอะไรมากกว่ารอยแดง มีนาจึงหมั่นทาครีมบำรุงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ร่างเล็กร้องออกมาเบาๆอย่างไม่ทันตั้งตัวเมื่อร่างทั้งร่างถูกอุ้มขึ้นจากพื้นตรงไปยังเตียงใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล แต่ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะได้จัดที่จัดทางของตนให้ดี สัมผัสของมือใหญ่ที่แหวกก้อนเนื้อกลมกลึงออกและริมฝีปากที่งับลงบนก้อนเนื้อนุ่มนิ่มอย่างมันเขี้ยวก็มากพอที่จะทำให้คนประสบการณ์น้อยแทบประคองตัวเองไม่อยู่
“ไม่ต้องห่วง ฉันยังไม่ลืมสัญญาของเราหรอกน่า” ร่างสูงเอ่ยขึ้นขณะที่นิ้วเรียวยาวซึ่งชุ่มไปด้วยของเหลวที่มีนาไม่อยากรู้ว่าคืออะไรไล้วนรอบช่องทางอ่อนนุ่มอย่างหยอกเอิน ไม่ได้รู้เลยว่าฝ่ายคนโดนกระทำนั้นปาสัญญาทิ้งลงมารีน่าเบย์ไปตั้งแต่คำว่า ’ฉันชอบเธอ’ที่สวนสนุกแล้ว
“มะ…อึ่ก!” ร่างเล็กเกร็งตัวตามสัญชาตญาณเมื่อรู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอมที่แทรกเข้ามา ธีรเชษฐ์โน้มตัวลงทาบทับแผ่นหลังขาวเนียน กระซิบถามข้างหูของเด็กหนุ่ม
“อะไรนะ?”
“มะ…ไม่…“
“ไม่ชอบเหรอมีน?” นิ้วเรียวยาวหมุนควงภายในช่องทางอ่อนนุ่มที่ตอบรับสัมผัสของเขาอย่างกระตือรือร้น ไม่อยากจะนึกเลยว่าหากเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นจะสุขล้นเพียงใด “แต่ร่างกายเธอมันไม่ได้พูดแบบนั้นนะ”
“มะ…อื้อ!…ช้าลง…อ๊ะ…”
นิ้วเรียวที่ขยับเข้าออกเป็นจังหวะเนิบช้ายอมหยุดให้คนที่พยายามจะพูดอะไรบางอย่างกับตัวเอง แม้ว่าการรับรู้สถานะปัจจุบันของจัวเองหลังจากสติเริ่มกลับเข้าร่างจะทำให้มีนาอับอายจนพูดไม่ออกก็ตาม
“ว่าไง…ไม่อะไร?”ชายหนุ่มถามย้ำ ขยับนิ้วครูดผนังอ่อนนุ่มให้คนใต้ร่างบิดเร่าเป็นเชิงขู่ “ถ้าไม่ตอบฉันจะขยับแล้วนะ”
“ไม่…ไม่ต้องสนเรื่องสัญญาก็ได้ครับ”
ธีรเชษฐ์มั่นใจว่าเขาได้ยินเสียงเส้นสติของตัวเองขาดผึงอย่างชัดเจน เด็กนี่ตั้งใจจะไม่ปล่อยเขาให้หลุดมือไปเลยใช่มั้ย
แต่ธีรเชษฐ์เชื่อว่าเขาต้องอดเปรี้ยวไว้กินหวาน แม้ว่าใจจริงจะอยากกินทั้งตอนหวานและตอนเปรี้ยวมากแค่ไหนก็ตาม
“ฉันรอได้”
แต่ผมรอไม่ได้…
มีนาดีใจที่ตัวเองมียางอายมากพอที่จะไม่หลุดประโยคนั้นออกมา
เขาอยากเป็นของธีรเชษฐ์ อยากให้อีกฝ่ายทำให้เขาเป็นของตัวเอง ให้เขาได้รับการยืนยันอีกครั้งว่าทุกสิ่งทุกอย่างของมีนาเป็นของธีรเชษฐ์ ให้ร่องรอยของร่างสูงบนตัวเขาเป็นหลักฐานว่ามีนาไม่ได้คิดเรื่องทั้งหมดขึ้นมา ความต้องการแสนน่าอับอายนี้กำลังทำให้เด็กหนุ่มทุรนทุรายเหมือนถูกเปลวเพลิงแผดเผาจากภายใน
“คุณเชษฐ์…”
ร่างสูงผละออกจากเด็กหนุ่มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพยายามพลิกตัวกลับมาหาตน
มีนาคว้ามือของคนอายุมากกว่าไว้อย่างร้อนรน กลัวการแยกจากแม้เพียงเสี้ยววินาที เสียงหวานอ้อนวอน
“ขะ…เข้ามานะครับ”
“มีน…”
“เข้ามา…ได้มั้ยครับ?”
ถ้าธีรเชษฐ์ตายคาอกเด็กนี่ เขาจะกลายเป็นผีร้ายอาฆาตมาหลอกหลอนมีนาทุกค่ำคืนไม่ไปผุดไปเกิด
“รอก่อนนะครับคนเก่ง…” ชายหนุ่มดึงมือเรียวเล็กที่ยึดมือของเขาไว้แน่นขึ้นมาประทับจุมพิตที่หลังมือขาวอย่างอ่อนโยน เรียกสีเลือดฝาดบนแก้มใสได้เป็นอย่างดี “อีกแค่ไม่กี่วัน แล้วฉันสัญญาว่าเธอจะไม่มีแรงร้องขอฉันแบบนี้อีก”
มีนาหลบสายตาที่มองมาที่เขาด้วยความต้องการอย่างไม่ปิดบัง มันไม่เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา แววตาของธีรเชษฐ์ไม่ได้มีเพียงความปรารถนาดิบและสัญชาตญาณของสัตว์ป่า ความอ่อนโยนที่มีนาเคยเฝ้าฝันถึงฉายชัดในแววตาจนคนถูกมองอายม้วนไปทั้งตัว
“ตะ…แต่ว่า…”
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ปล่อยให้เธอนอนทั้งอย่างนี้หรอก” ธีรเชษฐ์ยิ้มขำ “เดี๋ยวใครจะพูดเอาได้ว่าผู้ชายของเธอไม่ดูแล”
คะ…ใครจะไปพูดเรื่องแบบนั้นกันครับ?!
มีนายังไม่ทันจะได้เถียง มือใหญ่ที่ขยับลงมาตามหน้าท้องแบนราบก็กุมจุดอ่อนไหวที่เรียกร้องหาสัมผัสอย่างน่าอายของตนไว้ ก่อนที่ริมฝีปากได้รูปจะครอบครองทำหน้าที่แทนมือใหญ่อย่างชำนาญ
“อ๊ะ…คุ…อ๊า…” สะโพกมนขยับตามจังหวะที่ร่างสูงเป็นผู้ควบคุม อย่างห้ามไม่อยู่ มีนาพยายามดันศีรษะของอีกฝ่ายออก แต่นอกจากธีรเชษฐ์จะไม่ยอมทำตามคำขอแล้ว นิ้วเรียวที่แทรกเข้ามาในช่องทางด้านหลังยังทำให้มือที่พยายามดันอีกฝ่ายออกเปลี่ยนเป็นขยุ้มเส้นผมสีรัตติกาลแน่น ร่างเล็กกระตุกเฮือกหนีสัมผัสรุกเร้านั้นเข้าไปในโพรงปากอุ่นที่อ้ารับอย่างเต็มใจ
มีนาไม่มีแรงแม้แต่จะกัดริมฝีปากกลั้นเสียงครางแว่วหวาน ขยับตามจังหวะรักของนักรบเจนสนามอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ใบหน้าเรียวหวานสะบัดเชิดขึ้นอย่างเสียวซ่าน ร่างทั้งร่างบิดเร่าจากสัมผัสที่ปรนเปรอจากทั้งด้านหน้าและด้านหลังพร้อมกัน
“อ๊ะ…อ๊า…คุณ…อึ่ก…อะ…ออกไป…”
แน่นอนว่าธีรเชษฐ์ไม่คิดจะใส่ใจคำเตือนนั้น ร่างเปลือยเปล่าเกร็งกระตุกไปทั้งร่างกับสัมผัสที่ทำให้เขาทนไม่ไหวในที่สุด ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่ม หอบหายใจเอาอากาศเข้าปอดอย่างเหนื่อยอ่อน
ธีรเชษฐ์ยืดตัวลุกขึ้น ลิ้นสากแลบเลียริมฝีปากเอาน้ำหวานของคนตัวน้อยอย่างอ้อยอิ่ง จ้องมองผลงานของตัวเองที่นอนหอบร่างเปลือยเปล่าผมเผ้ายุ่งเหยิงอยู่บนเตียงอย่างพึงพอใจ
“น่าจะพอแก้ขัดได้ล่ะนะ”
“ละ…แล้วคุณเชษฐ์…” แม้ขาเรียวจะยังสั่นระริก แต่มีนายังคงไม่วายนึกเป็นห่วงคนที่ยังไม่ได้รับการปลดปล่อย เด็กหนุ่มค่อยๆขยับชันตัวจากเตียง ดวงตากลมโตเบิกกว้าง รีบเสตามองไปทางอื่นเมื่อเห็นความต้องการเด่นชัดภายในกางเกงยีนส์ราคาแพงของร่างสูง
“ไม่ต้องห่วงฉันหรอก”
มือใหญ่วางลงบนกลุ่มผมนุ่มอย่างปลอบประโลม แต่มีนากลับส่ายหน้าเบาๆ ดวงตาสีน้ำตาลช้อนมองคนตรงหน้าด้วยสายตาอ้อนวอนที่ทำให้คนแก่ใจกระตุก
“ผม…ผมขอทำให้นะครับ”
อยากกินเปรี้ยว อยากกินเปรี้ยวว้อย!!!
“อย่าฝืนล่ะ” ปากพูดไปอย่างนั้นแต่ในใจระริกระรี้จนเขายังหมั่นไส้ตัวเอง
ร่างเล็กเอื้อมไปปลดเข็มขัดหนังสีดำใหม่เอี่ยมที่มีนาเป็นคนซื้อให้เขาด้วยมือที่สั่นเทา แต่นั่นเป็นครั้งแรกที่ธีรเชษฐ์สังเกตว่าอาการสั่นนั้นไม่ได้มาจากความกลัว
มือเล็กจัดการอาภรณ์ชิ้นอื่นของธีรเชษฐ์อย่างเชื่องช้า มีนาผงะเล็กน้อยเมื่อเห็นความเกรี้ยวกราของร่างสูงเต็มตา มือเรียวขาวเนียนกอบกุมความเป็นชายของอีกฝ่ายอย่างประหม่า ก่อนจะเริ่มขยับข้อมือด้วยจังหวะที่เนิบช้าเสียจนธีรเชษฐ์แทบคลั่ง
แต่ที่ทำให้ร่างสูงคลั่งขึ้นมาจริงๆในตอนนั้นคือลิ้นเรียวเล็กที่เลียริมฝีปากของตัวเองเบาๆโดยไม่รู้ตัว
และสมองของเขาเลือกเวลานั้นในการปะติดปะต่อภาพเหตุการณ์ทั้งหมดในหัวของจำนวนครั้งที่ร่างเล็กเสนอตัวให้เขา
“นี่เธอ…ชอบใช้ปากให้ฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?”
หลังจากหลุดถามออกไปธีรเชษฐ์คิดว่าอีกฝ่ายจะอายม้วนลุกหนีไปกลางคันเสียแล้ว แต่แทนคำตอบ ริมฝีปากอวบอิ่มรูปกระจับสีหวานกลับเผยออ้าครอบครองความเป็นชายที่กำลังพองโตจนปวดหนึบอย่างทุลักทุเลพร้อมกับช้อนตามองปฏิกิริยาของร่างสูงตาแป๋ว
ตาย…เขาได้ตายคาอกเด็กจริงๆก็คราวนี้แหละ
ธีรเชษฐ์เลือกที่จะใช้ไหล่บางเป็นแหล่งยึดเกาะเพื่อไม่ให้ตัวเองเผลอขยับเร่งคนที่ยังไม่พร้อม แต่จังหวะที่ริมฝีปากอิ่มและลิ้นเรียวเล็กกำลังปรนเปรอให้เขานั้นพอดีเสียจนคนสอนครางเสียงต่ำอย่างพึงพอใจ สะโพกสอบขยับสวนจังหวะของริมฝีปากนุ่มนิ่มที่การฝึกฝนหลายสิบครั้งจนเริ่มทำให้เด็กหนุ่มมีความมั่นใจมากขึ้นจากเมื่อก่อน มีนาถอนริมฝีปากออกมาช้าๆ ลิ้นเรียวเล็กจะลากไล้ไปตามความยาวจนร่างสูงกระตุกเกร็งหน้าท้อง แตะของฝั่งอย่างรวดเร็วยิ่งกว่านักว่ายน้ำเหรียญทองมืออาชีพ
หากนี่เป็นแผนของมีนาที่จะทำให้เขาหัวใจวายตายก่อนวัยอันควรเพื่อปลดหนี้ของตัวเอง ธีรเชษฐ์คิดว่าเด็กหนุ่มกำลังปฏิบัติตามแผนการของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพเกินไปแล้ว
ในเช้าวันแรก มีนาเคยกลัวว่าหากเขาลืมตาตื่นขึ้นมาจริงๆ พวกเขาจะกลับไปอยู่ในคอนโดของธีรเชษฐ์ เรื่องทั้งหมดจะเป็นเพียงแค่ความฝันที่สมองของเด็กหนุ่มสร้างขึ้นเพื่อหนีจากความเป็นจริง
แต่หลังจากวันที่สามที่เขาถูกปลุกด้วยเสียงทุ้มของคนที่คร่อมอยู่เหนือร่างกล่าวอรุณสวัสดิ์ข้างหูและริมฝีปากร้อนที่จุมพิตบนหน้าผากอย่างแผ่วเบา ไล่ลงมาแตะจมูกรั้นและประทับบนแก้มใสทั้งสองข้าง รอให้มีนาลืมตาตื่นขึ้นมาแตะริมฝีปากนุ่มกับริมฝีปากที่รออยู่เบาๆพร้อมรอยยิ้มเขินอาย เขาก็เริ่มจะเชื่อแล้วว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความจริง
มีนาไม่เคยเป็นเจ้าของนาฬิกาปลุกนอกจากฟังก์ชั่นในโทรศัพท์ แต่เขาเชื่อว่าธีรเชษฐ์น่าจะเป็นนาฬิกาปลุกที่ราคาแพงและ
มีประสิทธิภาพที่สุดในโลก
ตื่นทีตื่นไปหมดทั้งตัว
“รีบอาบน้ำเร็ว เดี๋ยวถึงสนามบินสาย” ธีรเชษฐ์ว่า ขโมยหอมฟอดใหญ่จากแก้มนิ่มไปอีกหนึ่งฟอดก่อนจะลุกให้คนตัวเล็กไปอาบน้ำ มีนายิ้มขอบคุณร่างสูง เปิดประตูตู้เสื้อผ้าหยิบชุดของตัวเองออกมา แอบเหลือบมองคนบนเตียงเพื่อดูว่าอีกฝ่ายจะเดินตามมาหรือไม่
“อาบไปเถอะน่า วันนี้ฉันไม่แกล้งหรอก” ธีรเชษฐ์ที่เช็คอีเมลล์ในโทรศัพท์ของตัวเองตอบเสียงกลั้วหัวเราะราวกับอ่านใจมีนาได้ทั้งที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา เด็กหนุ่มพยักหน้าแล้วผลุบหายเข้าไปในห้องน้ำ รู้สึกโชคดีที่พลังการอ่านใจของอีกฝ่ายไม่ได้หยั่งลึกไปถึงส่วนลึกในจิตใจของเขาที่นึกอยากให้ร่างสูงเดินตามเข้ามา
โลภ…มีนาตระหนักแล้วว่าตัวเองเป็นคนโลภมากจริงๆ
เด็กหนุ่มก้าวออกมาจากห้องน้ำ แล้วพบกับภาพของธีรเชษฐ์ที่นั่งพับเสื้อผ้าใช้แล้วของพวกเขาลงกระเป๋าเดินทาง ข้าวของเครื่องใช้ของคนทั้งสองถูกแพ็คอย่างเป็นระเบียบในกระเป๋าชนิดที่มีนาไม่เคยคิดมาก่อนว่าอีกฝ่ายจะสามารถทำได้
เด็กหนุ่มทรุดตัวลงข้างคนที่นั่งอยู่บนพื้น
“คุณเชษฐ์ไม่ต้อง…”
“เธอหมดสิทธิ์ใช้ข้ออ้างนั้นกับฉันแล้ว มีนา”ธีรเชษฐ์เอ่ยขัด คนข้างกายเอียงคออย่างไม่เข้าใจ ข้ออ้างอะไรกัน?
“ต่อไปนี้ เธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธความช่วยเหลือจากฉัน เพราะเธอไม่ใช่ลูกหนี้ของฉันอีกต่อไปแล้ว เข้าใจมั้ย?” ธีรเชษฐ์บีบจมูกคนทำหน้าใสซื่อเบาๆ มีนายังคงรู้สึกไม่คุ้นชินกับการกระทำที่แสดงออกถึงความเอ็นดูอย่างชัดเจนของอีกฝ่าย แต่
ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันทำให้รอยยิ้มเขินอายไม่เคยจางหายไปจากริมฝีปากของเด็กหนุ่ม
เเต่ถึงอย่างนั้น เรื่องน่ากังวลสำหรับมีนาก็ยังคงไม่หมดแต่เพียงเท่านี้
“เงินมากมายขนาดนั้น ผมทำเป็นเหมือนไม่ได้ติดค้างอะไรคุณเชษฐ์ไม่ได้หรอกนะครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็จ่ายคืนฉันมา จะห้าปีสิบปี หรือจะใช้หนี้ฉันไปตลอดชีวิตได้ยิ่งดี อย่างน้อยมันก็เป็นเครื่องการันตีว่าเธอจะไม่ไปไหน” ธีรเชษฐ์ถอนหายใจ เขารู้อยู่แล้วว่านิสัยของมีนาไม่มีทางปล่อยให้ชีวิตตัวเองง่ายดายขนาดนั้น “แต่อย่าเอามันมาปน กับเรื่องของเรา อายุฉันปูนนี้แล้ว ถ้าฉันคิดจะเริ่มใหม่กับใคร ฉันไม่คิดจะคบเล่นๆรอเธอขัดดอกเสร็จแล้วทิ้งฉันนอน
พะงาบอยู่บนเตียงโรงพยาบาลหรอกนะ”
ธีรเชษฐ์ไม่มีทางรู้เลยว่ามีนาใจเต้นไปกี่ครั้งกับสิ่งที่ชายหนุ่มพูดออกมาภายในหนึ่งลมหายใจ แต่เขาคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะพอเดาได้จากร่างกายทรยศที่แดงเถือกไปทุกสัดส่วนในตอนนี้
“คุณเชษฐ์...ไม่ได้แก่ขนาดนั้นซักหน่อยครับ...” เด็กหนุ่มแย้งเสียงเบา
“ไม่แก่ขนาดนั้น?” ธีรเชษฐ์เลิกคิ้ว “มีน ตอนที่เธอเกิด ฉันมีลูกสามคนกับบริษัทอีกหนึ่งบริษัท เธอคิดว่าฉันไม่แก่ขนาดนั้นจริงๆเหรอ?”
“…ผมไม่เคยคิดว่าคุณเชษฐ์แก่เลยนะครับ” มีนาพึมพำตอบ คนฟังหัวเราะเสียงต่ำ ลูบหัวเด็กหนุ่มเบาๆอย่างมันเขี้ยว
“ก็แน่ล่ะสิ แค่ตอนนี้เธอยังจับไข้ตั้งแต่ครั้งแรก ถ้าเจอฉันสมัยหนุ่มๆคงได้หามเข้าโรงพยาบาล”
“ผะ…ผมไม่ได้หมายความถึงเรื่องนั้นซักหน่อยครับ!”คนโดนแกล้งรีบแก้ตัวเสียงสูง แม้จะรู้ว่ามันสายไปเสียแล้ว
“เธอเนี่ยนะ จะให้ฉันหยุดแกล้งก็ทำตัวให้มันน่าแกล้งน้อยกว่านี้หน่อยสิ” คนอายุมากกว่าขโมยหอมฟอดใหญ่ไปจากแก้มนิ่มอีกครั้ง ก่อนจะลุกไปสำรวจว่ามีของที่ลืมไว้หรือไม่เป็นครั้งสุดท้าย มีนายกมือขึ้นแตะแก้มของตัวเองเบาๆ รอยยิ้มเอียงอายประดับมุมปากไม่จางหาย
แล้วใครบอกคุณเชษฐ์ล่ะครับว่าผมอยากให้หยุดแกล้ง...
“มาเที่ยวต่างประเทศทั้งที จะไม่ซื้ออะไรไปฝากเพื่อนหน่อยเหรอ?”
ธีรเชษฐ์เอ่ยทักเมื่อเห็นมีนาไม่มีท่าทีจะสนใจอะไรในเขตปลอดภาษี ร่างเล็กที่อยู่ในชุดคลุมที่ธีรเชษฐ์เลือกให้หันกลับมามองเขา ดวงตากลมโตเป็นประกายอย่างดีใจระคนประหลาดใจ
“เอ๊ะ...ได้เหรอครับ?”
ทำหน้าแบบนั้นมาจะขอดาวขอเดือนขอพระอาทิตย์ก็ได้หมดนั่นแหละ
ธีรเชษฐ์อยากจะกุมขมับกับความหลงเด็กของตัวเอง ถ้ามีนาเป็นพวกสิบแปดมงกุฎจ้องจะสูบเงินเขาแล้วหนีไปล่ะก็ ธีรเชษฐ์คงสิ้นเนื้อประดาตัวไม่เหลือเงินสักบาทเดียว
“บัตรเครดิตที่ฉันให้ไปถือว่าเป็นของของเธอ” มือใหญ่ยกขึ้นห้ามคนที่กำลังจะเถียง “ฉันไม่ชอบให้คนของฉันลำบาก ถ้าเธอจะคบกับฉัน เธอต้องทนของราคาแพงที่ฉันซื้อให้ ทนกับร้านอาหารหรูๆที่ฉันจะพาไป ทนกับบัตรเครดิตไม่จำกัดวงเงินที่ฉันให้ เธอทนเพื่อฉันได้ใช่มั้ย?”
เล่นพูดดักกันแบบนี้ เด็กดีอย่างมีนาจะกล้าตอบว่าทนไม่ได้ได้อย่างไรกัน
คนใจร้าย ยังไงก็ใจร้ายอยู่วันยังค่ำ
มีนาเดินดูสินค้าฆ่าเวลาไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย แม้จะอยากซื้อของฝากให้มารดาและยาย แต่ราคาสินค้าที่คนอย่างเขาไม่ควรมีเงินจ่ายทำให้ตัวเลือกของเด็กหนุ่มมีจำกัด
ร่างสูงข้างๆเดินตามเขาโดยไม่ปริปากบ่น บนหลังสะพายเป้ใบน้อยของมีนาที่อีกฝ่ายดึงดันจะถือให้จนร่างเล็กยอมแพ้
“คุณเชษฐ์ มีอะไรรึเปล่าครับ?” เด็กหนุ่มถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนมองอะไรบางอย่างบนชั้นวางอยู่นานสองนาน ธีรเชษฐ์ส่ายหน้า ดวงตาสีควันบุหรี่สลดลงอย่างที่มีนาไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก
“สมัยก่อน เจ้าซันชอบขอให้ฉันซื้อช็อกโกแลตยี่ห้อนี้มาฝากเวลามาทำงานต่างประเทศ” ร่างสูงว่า หยิบกล่องช็อกโกแลตขนาดพอๆกับหนังสือหนึ่งเล่มออกมา ภายในบรรจุช็อกโกแลตขนาดเล็กหลากรสคละกันตามสีห่อ ดูจากป้ายราคาแล้วขนมกล่องนี้ไม่ได้มีราคาแพงนัก “ช่วงที่เกศป่วยหนัก เขาไม่เคยพูดเรื่องช็อกโกแลตนี่ เขาไม่เคยขออะไรจากฉัน ปกติเขาก็เป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว แต่ช่วงที่แม่เขาป่วย เด็กคนนั้นไม่เคยพูดกับใครอีก”
มีนานึกภาพทินกรเป็นเด็กเงียบๆไม่ออก ในความคิดของเขา นิสัยของทินกรตรงตามความหมาย เด็กหนุ่มคือพระอาทิตย์ คือความเจิดจ้าที่ทำให้มีนายิ้มได้เสมอ
“…ซื้อไปฝากสิครับ”
“…?” ธีรเชษฐ์หันมามองหน้าเขาด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ มีนาเงยหน้าขึ้นยิ้มจให้อีกฝ่ายอย่างให้กำลังใจ
“ผมว่าคุณทินกรต้องดีใจแน่ๆเลยครับ”
“ลูกชายฉันไม่ใช่เด็กๆแล้ว คงไม่ได้ชอบอะไรแบบนี้แล้วล่ะ” ชายหนุ่มทำท่าจะนำสินค้ากลับไปวางที่ชั้น แต่มีนาไวกว่ายื้อ
ข้อมือของคนข้างๆไว้
“ถ้าอย่างนั้นผมซื้อเองก็ได้ครับ” เด็กหนุ่มดึงดัน “ผมซื้อฝากคุณเชษฐ์ไปให้คุณทินกรได้มั้ยครับ”
คนฟังหลุดขำพรืดออกมากับคำถามนั้น จากสีหน้างุนงงของมีนา ร่างเล็กคงไม่ได้รู้เลยว่าสิ่งที่ตัวเองพูดนั้นสื่อความหมายเช่นไร
“ได้สิ” ธีรเชษฐ์หยิบขนมกล่องนั้นใส่ตะกร้าพลาสติก “ซันคงดีใจที่แม่เลี้ยงซื้อขนมมาฝาก”
“ผมไม่ได้…” ใบหน้าขาวขึ้นสีเลือดฝาดทันทีที่เข้าใจ ร่างสูงหัวเราะ ไม่ยอมให้เด็กหนุ่มปฏิเสธ
“อย่าอายไปเลยน่า จะช้าจะเร็วเธอก็ต้องเจอกับลูกชายฉัน เจ้าเมฆกับเจ้าธารนี่คงไม่ต้องแนะนำกันแล้ว ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าเคยเจอกับซันไม่ใช่เหรอ?”
“แค่เคยคุยงานกันบ้างน่ะครับ” มีนาโกหก ความหวาดกลัวในตัวเขาบอกให้เด็กหนุ่มยืดเวลาการเผชิญหน้ากับทินกรในฐานะ...อะไรก็ตามในตอนนี้ให้นานที่สุด
“ถ้าจะมีลูกคนไหนของฉันที่น่าจะเป็นมิตรกับเธอ ก็คงจะเป็นซัน” ธีรเชษฐ์คาด ซึ่งไม่ผิดจากความเป็นจริงเสียเท่าไหร่ “ฉันว่านะ ดีไม่ดีเด็กนั่นจะดีใจด้วยซ้ำที่ได้คนรุ่นราวคราวเดียวกันมาเป็นเพื่อน”
มีนานึกย้อนไปถึงทุกครั้งที่ทินกรพูดถึงเด็กในสต็อกของธีรเชษฐ์ แม้จะไม่ได้มีความรังเกียจเจือปนอยู่ในน้ำเสียง แต่มีนาไม่คิว่าเพื่อนของเขาจะพิสมัยความคิดนั้นเสียเท่าไหร่
“แต่คุณทินกรก็มีคุณธารธาราไม่ใช่เหรอครับ?”
แม้จะมีอายุห่างกันสามสี่ปี แต่มีนาก็ยังคิดว่าพี่น้องทั้งสองน่าจะยังอยู่ในวัยที่สามารถพูดคุยกันได้
ธีรเชษฐ์นิ่งไปกับคำถามนั้น ยกมือขึ้นเกาหลังคอด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ
“ธาร...ไม่ค่อยชอบซันเท่าไหร่”
“เอ๊ะ?”
สิ่งที่ธีรเชษฐ์พูดออกมานั้น คนที่เคยเห็นสองพี่น้องอยู่ด้วยกันอย่างเขาแทบจะเดาไม่ออกเลยว่าจะเป็นเรื่องจริงไปได้อย่างไร แต่หากนึกย้อนดูแล้ว เขาก็ไม่ได้เห็นสองพี่น้องอยู่ด้วยกันบ่อยสักเท่าไหร่
“เกศอาการทรุดลงทันทีที่ซันเกิด ตอนนั้นธารยังเด็ก ไม่เข้าใจว่ามันไม่ใช่ความผิดของน้อง ตอนเด็กๆธารเลยไม่เล่นกับซันเท่าไหร่ สองคนนั้นพอโตขึ้นก็รักกันดีอยู่หรอก แต่เรื่องในอดีตมันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ สองคนนั้นเลยไม่ค่อยสนิทกันมาตั้งแต่แรก” ธีรเชษฐ์อธิบาย “ส่วนเมฆมีโลกส่วนตัวของเขาอยู่แล้ว ไม่ค่อยสุงสิงกับน้องแต่แรกอยู่แล้ว ช่วงมหาวิทยาลัยก็ดูจะเริ่มมีสังคมขึ้นบ้างนะ แต่หลังจากรถคว่ำตอนก่อนขึ้นปีสี่ ก็กลับมาเป็นเด็กเงียบๆเหมือนเดิม”
มีนาไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในชีวิตของเพื่อนที่เขาค่อนข้างสนิท เด็กหนุ่มตัดสินใจว่าหลังจากนี้จะใส่ใจเพื่อน
ร่างสูงให้มาก ถึงแม้ว่าทินกรจะมีคนดูแลเป็นอย่างดีอยู่แล้วในตอนนี้ก็ตาม
“แล้วก็นะ” ร่างสูงปรายตามองเด็กหนุ่มข้างกาย “เลิกเรียกลูกชายฉันว่าคุณซักที ตอนนี้เธอเป็นแฟนของฉัน ยังไงเธอก็มีสิทธิเรียกพวกเขาด้วยชื่อเล่น”
การเรียกทินกรว่าซันเป็นเรื่องปกติในชีวิตของมีนา แต่แค่ความคิดของการเรียกธาราว่าพี่น้ำอุ่นหรือคุณเมฆาว่าพี่เมฆก็ทำให้ขนอ่อนทั่วร่างของเด็กหนุ่มลุกชันโดยง่าย
“มะ...ไม่ดีกว่าครับ”
ธีรเชษฐ์เพียงแค่ยิ้มกับน้ำเสียงตะกุกตะกัก ไม่ได้หงุดหงิดอะไรกับคำตอบของคนรัก เรื่องแบบนี้มันต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป
ว่าแต่ เมื่อกี้เขาเรียกมีนว่าอะไรนะ?
-------------