Intro:
”Attention please, this is the final announcement for flight XX000 to Narita international airport."
เสียงประกาศเรียกขึ้นเครื่องครั้งสุดท้ายเร่งให้ขาเรียวยาวในกางเกงผ้าแสลคสีดำรีบจ้ำอ้าวไปยังเกทของตน ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนเช่นเดียวกับดวงตารีบมากจนไม่ทันได้สังเกตเห็นชายหนุ่มที่ลากกระเป๋าวิ่งมาจากอีกทางด้วยความเร่งรีบไม่แพ้กัน ร่างสูงโปร่งถูกชนจนล้มกระแทกพื้น บัตรโดยสารและพาสปอร์ตในมือตกกระจายไปคนละทาง
"ขอโทษครับ เมื่อกี้ผมไม่ทันมอง" ร่างสูงที่แม้จะชนกับผู้ชายโตเต็มวัยแต่กลับไม่แม้แต่จะเซเอ่ยขึ้นขณะก้มลงช่วยเขาเก็บเอกสาร
"ครับ ผมก็เหมือนกัน" ร่างโปร่งตอบเสียงเรียบๆแม้ในใจจะร้อนรนด้วยกลัวขึ้นเครื่องไม่ทัน
"ยังไงก็เดินทางปลอดภัยนะครับ คุณ...ภรัณยู" ร่างสูงอ่านชื่อบนบัตรของคนที่ทำตกก่อนจะยื่นให้พร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก เจ้าของชื่อรับบัตรโดยสารมาพร้อมคำขอบคุณเบาๆ เพิ่งสังเกตเห็นใบหน้าของคนที่ตนชนแบบเต็มตา
หล่อ...
หล่อมาก...
ชายหนุ่มที่ดูจากหน้าตาน่าจะอายุราวๆยี่สิบกลางๆ น้อยกว่าเขาร่วมสิบปี ร่างที่สูงจนแม้กระทั่งผู้ชายตัวสูงอย่างภรัณยูยังยอมแพ้บวกกับไหล่กว้างและช่วงตัวที่แม้จะอยู่ในโค้ทยาวสีครีมก็ยังดูออกไม่ยากว่าอุดมไปด้วยมัดกล้ามผิดกับเขาที่ตัวบางจนโดนทักว่าไม่สบายอยู่บ่อยครั้ง เส้นผมสีดำสนิทตัดซอยตามสมัยนิยม คิ้วเข้มรับกับจมูกโด่งเป็นสันและนัยน์ตาคมสีควันบุหรี่ บวกกับรอยยิ้มที่แม้จะเป็นเพียงการยิ้มมุมปากแต่กลับทำให้คนมองหน้าแดงอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ทั้งที่ปกติไม่เคยสนใจคนอายุน้อยกว่าแท้ๆ
"เกทจะปิดแล้วนะครับ"
เสียงทุ้มน่าฟังเอ่ยเตือน จนคนที่เกือบลืมไปแล้วว่าตัวเองอยู่ในสภาวะสุ่มเสี่ยงจะตกเครื่องรีบลากกระเป๋าไปยังจุดหมายปลายทางทันที
แม้จะเสียดายที่ไม่ได้ถามแม้แต่ชื่อ แต่ร่างโปร่งก็ไม่ได้ติดใจอะไรมากนัก
ช่างเถอะ....
คงไม่ได้เจอกันอีกแล้วล่ะ...
จากวันนั้นก็ผ่านมาสามเดือนแล้ว ภรัณยูที่ยุ่งกับงานบริษัทแม้จะไม่ได้ลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสนามบินวันนั้นแต่ก็ไม่ได้นำมาใส่ใจอะไร จนกระทั่งเช้าวันหยุดวันหนึ่ง
"เอาคาปูชิโน่ร้อนแก้วใหญ่ครับ"
ร่างโปร่งบอกพนักงานร้านกาแฟที่เปิดใหม่ใกล้ๆกับคอนโดที่เขาอยู่ ขณะที่กำลังจะจ่ายเงิน มือใหญ่ของคนที่ยื่นต่อคิวอยู่ด้านหลังก็ยื่นแบงค์สีม่วงให้พนักงานสาว
"สวัสดีครับคุณภรัณยู"
"คุณ..."
ภรัณยูแอบตกใจเล็กน้อยเมื่อหันไปเห็นคนที่คิดว่าจะไม่มีโอกาสเจอกันอีกแล้วยืนอยู่ด้านหลัง
"ซันครับ"
ร่างสูงว่า วันนี้ชายหนุ่มอยู่ในชุดกางเกงยาวสีดำกับเสื้อยืดสีเทาสบายๆแต่กลับดูเหมือนนายแบบหลุดออกมาจากนิตยาสารอย่างไรอย่างนั้น หน้าตาดีจนน่าหมั่นไส้จริงๆ
"ของผมเอาอเมริกาโน่แก้วกลางแล้วกันครับ"
"ค่ะ ทั่งหมดสี่ร้อยสิบแปดบาท รับเครื่องดื่มด้านข้างเลยค่ะ"
ทั้งสองเดินไปรับเครื่องดื่ม เดินนำ'คุณซัน'มาที่โต๊ะมุมในของร้าน เนื่องจากร้านเพิ่งเปิดใหม่ ยังไม่เป็นที่รู้จัก ทำให้บรรยากาศรอบกายค่อนข้างเงียบพอสมควร
"คุณมาเลี้ยงผมทำไม"
พูดจบก็แทบกัดลิ้นตัวเอง ทำไมเขาถึงเริ่มบทสนทนาด้วยประโยคขวานผ่าซากแบบนั้นกัน
ชายหนุ่มเป็นคนเข้าสังคมไม่เก่ง เขาเป็นคนนิ่งๆ ไม่ใช่เพราะหยิ่ง แต่เป็นเพราะเขาเป็นคนที่มีปฎิกิริยาตอบสนองช้ากว่าคนอื่น ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเขาเฉยชาต่อโลก อีกทั้งวิธีการพูดที่เรียกได้ว่ามะนาวไม่มีน้ำยิ่งทำให้คนที่ไม่สนิทกันไม่อยากพูดคุย
กับเขาเท่าไหร่นัก
"ก็เลี้ยงขอโทษที่ผมชนคุณวันนั้นไงครับ"
ตอบด้วยท่าทางสบายๆและรอยยิ้มมุมปากอันเป็นเอกลักษณ์ ภรัณยูยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มอย่างไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
"บ้านคุณภรัณยูอยู่แถวนี้เหรอครับถึงได้มากินกาแฟร้านนี้" ชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามถามทำลายความเงียบ
"เรียกภัทรก็ได้ครับ คอนโดผมอยู่แถวๆนี้แหละ คุณซันล่ะครับ?"
“ไม่ต้องมีคุณก็ได้ครับคุณภัทร ผมแค่มาทำธุระแถวนี้ บังเอิญจังนะครับที่ได้เจอคุณอีก" คนอายุน้อยกว่าตอบ
"จริงสิ... คืนนี้คุณภัทรว่างมั้ยครับ สนใจจะไปหาอะไรทานกับผมมั้ย? ผมเพิ่งกลับมาเมืองไทยได้ไม่นาน ยังไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าไหร่ นะครับคุณภัทร ผมเลี้ยงเอง”
ภรัณยูนิ่งไปเมื่อได้ยินคำชวนที่ไม่มีปี่มีขลุ่ย นี่ผู้ชายคนนี้แค่เฟรนด์ลี่จนน่ากลัว หรือเขาเองที่มนุษย์สัมพันธ์น้อยเกินไปกันแน่
"เอ่อ...." แม้ในหัวสมองจะรู้สึกว่ามันมีอะไรทะแม่งๆ แต่หากไม่นับความสัมพันธ์ที่เขาคิดไปเองว่าเป็นความสัมพันธ์ที่จริงจังกับพนักงานรุ่นพี่ที่ตอนนี้แต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว เขาใช้ชีวิตอยู่ในวังวนของการยุ่งวุ่นวายกับงาน กลับคอนโดนอน ทำงานบ้าน และกลับไปทำงานอย่างนี้มาจนเรียกได้ว่าลืมไปแล้วว่าการมีสังคมคืออะไร จะหาเพื่อนใหม่บ้างก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง "ก็ว่างนะครับ"
“งั้นคืนนี้เจอกันที่โรงแรมXXXนะครับ”
กว่าจะรู้ตัว ในมือถือของเขาก็มีทั้งไลน์และเบอร์ของผู้ชายตรงหน้าเสียแล้ว ภรัณยูก้มมองอุปกรณ์สื่อสารในมือตัวเองงงๆ
“ผมต้องไปแล้ว เจอกันเย็นนี้นะครับ” ร่างสูงว่ายิ้มๆ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากร้านไป ทิ้งให้ชายอายุมากกว่านั่งประมวลผลเหตุการณ์เมื่อครู่อยู่คนเดียว
“....กลับทันมั้ยเนี่ย”
ร่างโปร่งในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าแขนยาวกับกางเกงทำงานขายาวสีดำขยับเนคไทค์ มองตัวเองในกระจกหน้าต่างของโรงแรมอย่างประหม่า พอได้ยินว่าอีกฝ่ายชวนมาทานอาหารที่โรงแรมก็พยายามหาชุดดีๆให้เข้ากับสถานที่แล้วนะ แต่พอมาเห็นสภาพโรงแรมห้าดาวตรงหน้าแล้วภรัณยูแทบอยากม้วนตัวกลับอย่างไม่สนนัดเลยทีเดียว
“สวัสดีครับคุณลูกค้า ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ช่วยมั้ยครับ” พนักงานต้อนรับหน้าโรงแรมที่เห็นเค้ายึกยักไม่ยอมเข้าไปซักที่อยู่นานสองนานถามพร้อมรอยยิ้มพร้อมให้บริการสุดๆ ภรัณยูกำลังคิดว่าจะบอกไปว่าตนมาผิดที่แต่พนักงานอีกคนที่ดูจากเครื่องแบบแล้วน่าจะเป็นผู้จัดการเดินออกมาเสียก่อน
“คุณภรัณยูใช่มั้ยครับ เชิญทางนี้เลยครับ”
เจ้าของชื่อเดินตามอีกฝ่ายเข้าไปในลิฟต์แก้วอย่างงงๆ เมื่อเข้ามาถึงโซนภัตรคารของโรงแรมร่างโปร่งที่มักจะไม่มีปฎิกิริยาอะไรถึงกับตาค้างมองไปรอบๆอย่างตื่นตะลึง
ทุกสิ่งทุกอย่างดูราวกับเขาหลุดเข้ามาในห้องจัดเลี้ยงของพระราชวังอะไรซักอย่าง ห้องอาหารตกแต่งสไตล์ยุโรปเน้นโทนสีครีมเหลือบทองพร้อมทั้งแสงไฟสีเหลืองนวลจากแชนเดอเลียคริสตัลขนาดยักษ์ทำให้บรรยากาศดูฟุ้งเหมือนอยู่ในความฝัน สิ่งที่ดูจะผิดที่ผิดทางสิ่งเดียวในนี้คงจะเป็นเขานี่ล่ะ
“คุณภัทรครับ”
เสียงทุ้มที่ดังขึ้นจากข้างหลังเรียกความสนใจเจ้าของชื่อไปจากห้องที่ดูราวกับเทพนิยายไปหาเจ้าชายในชุดสูทสามชิ้นที่ด้านนอกสีดำสนิทและเสื้อตัวในสีควันบุหรี่รับกับดวงตาที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“ขอโทษนะครับที่มาช้า รอนานมั้ยครับ”
“ไม่ครับ ผมก็เพิ่งมาถึง” ร่างโปร่งส่ายหน้า พยายามไล่ความรู้สึกร้อนๆบริเวณแก้มทั้งสองข้างออกไป
“งั้นไปนั่งกันเถอะครับ คุณภัทรอยากนั่งตรงไหน”
“หืม?”
คนฟังทำหน้างง ไม่ใช่ว่าที่แบบนี้ก็ต้องล็อกที่นั่งไว้แล้วหรอกเหรอ แต่พอมองไปรอบๆคนความรู้สึกช้าก็เริ่มจับสังเกตอะไรบางอย่างได้
“ทุกคน...หายไปไหนหมด”
ไม่มีลูกค้านั่งอยู่แม้แต่โต๊ะเดียว แม้แต่บริกรก็มีเพียงคนเดียวยืนอยู่ตรงประตูทางเข้า ซึ่งผิดวิสัยภัตรคารหรูในช่วงอาหารค่ำแบบนี้ ร่างสูงที่เมื่อรู้ว่าโดนจับได้ทำหน้าเจื่อนเล็กน้อย เอามือลูบท้ายทอยอย่างเก้อๆ
“ผมแค่คิดว่าคุณภัทรน่าจะไม่ชอบคนเยอะๆน่ะครับ..ก็เลย...จองทั้งร้าน”
สามคำสุดท้ายแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยินแต่ก็ยังทำให้คนฟังอ้าปากค้างได้
นับว่าเป็นเรื่องดีที่ภรัณยูไม่ได้กำลังดื่มอะไรอยู่ ไม่อย่างนั้นคงพ่นน้ำใส่หน้าคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆนี้เป็นแน่
นี่เรา...มายุ่งกับคนที่ไม่ควรยุ่งรึเปล่านะ
“งั้นนั่งตรงนี้ดีกว่าครับ เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของร้าน”
จู่ๆคนตรงหน้าก็คว้ามือเขาไว้แล้วจูงไปยังโต๊ะริมหน้าต่าง ร่างโปร่งจึงได้แต่เลยตามเลย
ช่างเถอะ...ไหนๆก็มาแล้ว
“คุณภัทรอยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ยครับ”
“คุณซันสั่งเถอะครับ ผมทานได้หมด”
“บอกว่าให้เรียกซันไงครับ” ร่างสุงยิ้ม กุมมือเขาไว้หลวมๆ นิ้วโป้งลูบหลังมือของเขาไปมาสร้างความรู้สึกประหลาดจนร่างโปร่งพยายามดึงมืออกอย่างไม่ให้เสียมารยาท แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่รับรู้ถึงความพยายามของเขา
“งั้นคุ... ซันก็เรียกผมภัทรเฉยๆก็ได้ครับ”
แม้จะมั่นใจว่าอีกฝ่ายอายุน้อยกว่า แต่ท่าทางของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกว่ากำลังคุยอยู่กับคนรุ่นเดียวกัน
“ครับ...ภัทร”
ไวน์แดงชื่อประหลาดที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนถูกรินใส่แก้วทรงสูงสองใบ ภรัณยูรีบส่ายหน้าปฎิเสธ
“พรุ่งนี้ผมมีงาน คงไม่..”
“ดื่มเป็นเพื่อนผมหน่อยนะครับภัทร แก้วเดียวก็ยังดี”
“คือ...”
“นะครับภัทร...”
เสียงทุ้มออดอ้อนจนภรัณยูยอมรับแก้วไวน์มาไว้ในมืออย่างเสียไม่ได้ มือเรียวยกแก้วขึ้นจรดริมฝีปากบางก่อนจะยกขึ้นจิบ
อร่อย...
กว่าจะรู้ตัวแก้วในมือก็ถูกเต็มไปสี่ห้ารอบจนคนดื่มเริ่มมึนๆ
“ผมว่าผมกลับดีกว่า...”
“เมาอย่างนี้กลับคนเดียวมันอันตรายนะครับภัทร ผมเปิดห้องไว้แล้ว ไปนั่งพักให้สร่างก่อนดีกว่า”
“อะ...อืม..” แม้จะไม่ได้รู้สึกเมามากแต่ร่างโปร่งก็คิดว่าเป็นความคิดที่ดีที่จะรอให้สติสัมปะชัญญะเข้าที่เข้าทางกว่านี้ โดยไม่เฉลียวใจเลยว่าเหตุใดร่างสูงถึงได้ ‘เปิดห้อง’ เตรียมไว้
“ถึงแล้วครับ”
เมื่อเปิดประตูเข้าไป คนเมาก็ต้องตะลึงอีกรอบกับความเว่อร์วังอลังกาลของห้อง ในห้องมีห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องนอนแยกกันเป็นสัดส่วนเหมือนคอนโดของเขา ผิดแค่ใหญ่กว่าประมาณห้าเท่าได้
“นี่ซันคงไม่ใช่นักต้มตุ๋นมาหลอกเงินผมหรอกใช่มั้ยครับ”
ภรัณยูเอ่ยติดตลกแต่ในใจก็เริ่มกังวลถึงความเป็นไปได้
ร่างสูงหัวเราะในลำคอเบาๆ “วางใจเถอะครับ ถ้าผมจะปล้นเงินคุณ ผมไม่รอถึงตอนนี้หรอก”
ฉับพลัน เสียงทุ้มน่าฟังก็ดังอยู่ข้างๆหูพร้อมกับลมหายใจอุ่นๆที่รินรดต้นคอ
“แต่ถ้าขโมยอย่างอื่น...ก็ไม่แน่”
“ซัน..คือ..ผมไม่...”
“ทำไมเหรอครับ หรือว่าภัทรมีแฟนแล้ว”
เสียงที่ดังอยู่ข้างหูฟังดูเเข็งกร้าวขึ้นเล็กน้อย คนฟังรีบปฎิเสธ
“เปล่าครับ คือ...ผมแค่ยุ่งกับงานมาก...ไม่อยากมี...พันธะ...”
....ภาระ จะพูดคำนี้ก็ดูจะแทงใจอีกฝ่ายเกินไป เขาไม่ชอบการผูกสัมพันธ์กับคนอื่น ไม่ชอบที่จะต้องคอยสนใจตลอดเวลาว่าใครทำอะไรที่ไหน ไม่ชอบที่จะต้องมานั่งเดาใจว่าเขาทำอะไรไม่ถูกใจคนรัก หลังจากถูกทิ้งในความสัมพันธ์ครั้งล่าสุดที่อุตส่าห์ประคับประคองมาร่วมปี เขาจึงเลือกที่จะเป็นโสดจนถึงทุกวันนี้
“ถ้างั้น...” ร่างสูงดึงข้อมือบางอย่างไม่ทันให้ตั้งตัวทำให้อีกฝ่ายเซไปปะทะกับแผงอกแกร่ง “ให้ผมช่วยคลายเครียดให้นะครับ”
“เดี๋ยว...!!” มือหนาสอดเข้ามาในเสื้อลูบไล้แผ่นหลังเนียนไปตามแนวกระดูกสันหลัง ร่างโปร่งที่กำลังจะประท้วงกัดปากกั้นเสียงร้องแทบไม่ทัน
“ว่าไงครับภัทร... ให้ซันช่วยนะครับ...”
ลิ้นร้อนๆตวัดเลียไปตามใบหูไล้ลงมาขบเม้มที่ติ่งหูเย็น ดูดดุนติ่งเนื้อนิ่มจนเกิดเสียงชื้นแฉะข้างหูปลุกเร้าอารมณืคนที่เมาอยู่แล้วให้รู้สึกมึนมากขึ้นไปอีก
“ขะ...ขนาดนี้แล้วจะขออีกทำไม...อึก”
นิ้วเย็นๆสะกิดที่ยอดอกสีสวยอย่างหยอกเย้า ปกติแล้วร่างโปร่งไม่เคยone night standกับใคร แต่ด้วยอารมณ์ที่โหมกระพือขึ้นจากฤทธิ์แอลกอฮอล์และการปลุกเร้าทำให้ภรัณยูยอมให้อีกฝ่ายแต่โดยดี “อ๊ะ...คืน..คืนเดียวนะ..."
“ฮะๆ...ครับคนสวย” อีกฝ่ายรับคำอย่างอารมณ์ดีจนน่าหมั่นไส้ “งั้นขอกินให้คุ้มเลยนะครับ”
“อะ...ไอ้เด็กบ้า อ๊ะ...อ๊าาาา....”
“อือ..."
ร่างเปลือยเปล่าที่มีเพียงผ้าห่มสีขาวสะอาดปกคลุมช่วงล่างสะลึมสะลืมตื่นขึ้น ภรัณยูพยายามลุกขึ้นจากเตียงแต่ความเจ็บที่แล่นปราดจากช่วงล่างขึ้นมาทำเอาร่วงลงไปนอนอยู่บนเตียงอีกรอบ
“โอย...นี่แรงคนแน่เหรอ”
ชายหนุ่มลูบสะโพกเบาๆ ก่อนจะหน้าแดงวาบขึ้นมาเมื่อนึกถึงตัวต้นเหตุที่พาเขาทัวร์ห้องทุกซอกทุกมุมตั้งแต่โซฟา เคาท์เตอร์ครัว โต๊ะทานข้าว ริมระเบียง บนพื้น ก่อนมาจบที่เตียง
จำได้ว่าตัวเองสลบไปตอนอยู่บนเตียงนี่แหละ
“ทำอะไรไม่ดูสังขารคนแก่เลย...” ร่างโปร่งบ่นอุบ จริงอยู่ที่ด้วยความเป็นคนสูงโปร่งผิวขาวแถมยังไม่มีริ้วรอยที่ผู้คนพึงมีตามกาลเวลาทำให้ใครๆมักจะคิดว่าเขาอายุยี่สิบปลายๆ ยิ่งผมสีน้ำตาลรับกับดวงตายิ่งทำให้ดูเด็กกว่าวัย แต่เขาก็อายุอานามจะสามสิบสองอยู่แล้ว ไม่ใช่เด็กแรกรุ่นที่พร้อมออกรบตลอด มาเจอศึกหนักหลังไม่ได้ออกรบมานานทำเอาเอวเคล็ดเหมือนกัน
ร่างโปร่งมองไปรอบห้องหาตัวการหวังจะคาดโทษ แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า พลันสายตาเหลือบไปเห็นยาแก้ปวดกับขวดน้ำดื่มที่โต๊ะหัวเตียงพร้อมกับกระดาษโน๊ตเล็กๆที่เขียนว่า
‘ขอบคุณสำหรับของหวานนะครับ’ แค่นั้น
“เฮ้อ...คืนเดียวจริงๆสินะ"
ร่างโปร่งส่ายหัวขำๆ แม้จะเสียใจเล็กน้อย แต่ก็เตรียมใจไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้
ช่างเถอะ...คงไม่ได้เจอกันอีกแล้วล่ะ
--------

:L1:HAPPY VALENTINE'S DAY
เรื่องนี้มีอยู่สองคู่หลักด้วยกันนะคะ คือน้องซัน น้องคนสุดท้องของบ้านกับพี่ภัทร
ส่วนอีกคู่ คือคู่ที่ทุกคนรอคอย(?) เชษฐ์มีนนั่นเอง5555
นิยายเรื่องนี้ลงที่เล้าเป็ดครั้งแรกเดือน กันยายน 2016 นะคะ เคยลงไว้สามสี่ตอน มีชื่อว่า พี่ครับรับผมได้มั้ย แต่ตอนนี้รีไรท์ใหม่หมดแล้วเน้อ ถ้าใครอ่านแล้ว เอ๊ะ คุ้นๆ จงอย่าตกใจ5555
นิยายเรื่องนี้จริงๆเป็นเรื่องแรกในซีรีย์นีี้ แต่กว่าจะได้เข็นออกมา กลายเป็นเรื่องสุดท้ายซะงั้น5555
ขอบคุณที่รอนะคะ แฟนคลับเชษฐ์มีนอดใจอีกนิดเน้อ
