เสียงปรบมือดังก้องไปทั่วห้องจากผู้ชมจำนวนหลายร้อยคน แสงแฟลชจากกล้องนับสิบนับร้อยฉายวาบไปยังเหล่านางแบบนายแบบและดีไซเนอร์ชื่อดังบนเวทีที่ถือดอกไม้ช่อใหญ่โค้งรับคำชม ไม่มีผู้ใดสังเกตว่าชายฉกรรจ์หลายสัญชาติที่อยู่ในกลุ่มผู้ชมนั้นดูมากหน้าหลายตาขึ้นกว่าก่อนหน้า ธีรเชษฐ์เหลือบมองนิโคไลที่กระตุกยิ้มมุมปากให้เขา ไฮไลท์ของงานที่แท้จริงกำลังจะเริ่มนับจากนี้ต่างหาก
ตู้ม!!
เสียงกรีดร้องของผู้คนแตกตื่นจากเสียงระเบิดดังระงมปะปนไปกับเสียงฝีเท้าของผู้คนที่กรูกันหนีตายออกไปจากตัวอาคาร ธีรเชษฐ์เบี่ยงออกมาจากทิศทางที่ฝูงชนกำลังหลั่งไหลออกไป ปืนพกกึ่งอัตโนมัติในมือเตรียมพร้อมปิดฉากละครองค์นี้ของชีวิตเสียที ชายหนุ่มสังเกตเห็นเมฆาและมธุวันที่ออกไปนอกตัวอาคารทันก่อนระเบิดลูกที่สองที่ถูกติดตั้งไว้ในครัวของโรงแรมจะระเบิดขึ้นมา
ในแผนการณ์ล่อเสือออกจากถ้ำเช่นนี้ หากยิ่งเคลื่อนย้ายคนใกล้ตัวออกไปในที่ปลอดภัยมากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นเท่านั้น แม้จะไม่รู้เหตุผล แต่นิโคไลกำชับอย่างหนักแน่นว่ามธุวันไม่อยู่ในตัวเลือก และธีรเชษฐ์มั่นใจว่าลูกชายของตัวเองไม่มีปัญหาในการหาทางหนีทีไล่ในสถานการณ์คับขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนร้ายพวกนี้ตั้งใจแค่จะกำจัดคนไม่เกี่ยวข้องออกไปอยู่แล้ว จึงเหลือเพียงมีนาที่เขาไม่สามารถแบกรับความเสี่ยงให้เกิดเรื่องกับร่างเล็กได้ไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม
“เห็นคุณถือปืนแบบนี้แล้วนึกถึงคุณพ่อคุณเหมือนกันนะครับ” นิโคไลชวนคุยพร้อมรอยยิ้มสบายๆ อาวุธสงครามในมือเตรียมพร้อมปลิดชีพศัตรูได้ทุกเมื่อ
“ไม่รู้สิครับ ผมไม่ค่อยสนิทกับพ่อเท่าไหร่”
ธีรเชษฐ์สอดส่ายสายตาหาความผิดปกติในฝุ่นควัน ลูกน้องจำนวนเพียงหยิบมือของนิโคไลที่ร่างสูงจดจำได้ดีจากการติดต่อกับมาเฟียหนุ่มตลอดเวลาที่ผ่านมายิงสวนฝ่าม่านฝุ่นควันไปยังเงาร่างของชายฉกรรจ์อาวุธครบมือหลายสิบชีวิต ธีรเชษฐ์หาที่กำบังให้กับตัวเอง เช่นเดียวกับมาเฟียหนุ่มที่ยังคงมีท่าทีเหมือนตัวเองอยู่ในงานปาร์ตี้น้ำชาอย่างไรอย่างนั้น
“พ่อของคุณช่วยเหลือผมมาตลอดตั้งแต่ช่วงที่ผมเริ่มรับช่วงต่อกิจการใหม่ๆ เรียกได้ว่าเป็นพ่ออีคนของผมเลยล่ะ” นิโคไลยังคงชวนคุย แม้ว่าจำนวนร่างที่ล้มลงไปจากปลายกระบอกปืนของชายหนุ่มจะมีมากพอๆกับคนที่ไม่ได้พูดอะไรอย่างเฟิ่งหยางหมิงที่อยู่ข้างๆพวกเขา
อา...ถึงว่าทำไมถึงได้รู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ
“พาคนมาแค่นี้ นี่แกอยากกลับไปอยู่กับพ่อมากขนาดนั้นเลยรึไง อัลฟอนโซ่” เสียงตะโกนของคนหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางความโหลาหล ธีรเชษฐ์พยายามหรี่ตามองผ่านควันพอจะจับเค้าได้ลางๆว่าเป็นคนที่มีลูกน้องอีกหลายคนคุ้มกันหน้าหลังแน่นหนา
“ฉันว่าก่อนที่แกจะทำปากดี ลองแหกตาดูก่อนดีมั้ยว่าศพบนพื้นเป็นลูกน้องใคร” นิโคไลไหวไหล่ เก็บชายที่คุ้มกันทางซ้ายของคนคนนั้นอย่างไม่รีบร้อน ธีรเชษฐ์ที่เห็นคนล้มลงไปต่อหน้าต่อตายังคงรู้สึกผะอืดพะอมอยู่มาก ดูท่าพ่อของเขาจะคิดถูกแล้วที่ไม่ให้เขาเดินในเส้นทางนี้
ข้างกายของเขา เฟิ่งหยางหมิงหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“นิโคไล แก!!”
ปัง!
ตัวประกอบที่ธีรเชษฐ์คิดว่าเป็นบอสเฉพาะกิจในวันนี้ร่วงลงไปกองกับพื้นก่อนจะได้ขยับปากไปมากกว่านั้น นิโคไลหาวหวอด ก่อนจะเริ่มจัดการกับผึ้งแตกรังทั้งหลายทีละคนสองคนเพื่อแบ่งเบาภาระงานให้ลูกน้องตามประสาบอสที่ดี ดูเหมือนว่าพวกกาวิโน่จะติดกับนิโคไลเข้าอย่างจัง เพราะจำนวนคนที่กรูกันมารุมล้อมพวกเขามากพอที่จะตีได้ว่ายกกันมาทั้งแก๊ง
ล่อเสือออกจากถ้ำ? ล่อง่ายขนาดนี้เห็นทีจะไม่ใช่เสือเสียล่ะมั้ง?
“อย่าเพิ่งได้ใจไปครับ บอสของพวกมันจริงๆจนถึงตอนนี้ยังไม่โผล่หัวออกมาด้วยซ้ำ” นิโคไลกล่าวราวกับอ่านความคิดของธีรเชษฐ์ออก “แต่ก็นะ เจ้าเด็กใหม่นั่นยังไม่ค่อยได้รับความเชื่อจจากคนในตระกูลเท่าไหร่ ที่กรูกันมาขนาดนี้คงจะเพราะใครๆก็อยากอวดอ้างว่าตัวเองได้เป็นคนกำจัดยักษ์ใหญ่อย่างอัลฟอนโซ่ด้วยตัวเองมากกว่า”
ต่อให้สมองดีแค่ไหนถ้าร่างกายไม่ยอมทำตามก็เปล่าประโยชน์ ธีรเชษฐ์ส่ายหน้า ปัญหานี้ต่อให้อยู่ในวงการไหนก็ต้องเจอสินะ
ร่างสูงขมวดคิ้วเมื่อเห็นร่างที่ล้มลงทับกันเป็นผักปลาของเหล่าลูกสมุนของตระกูลกาวิโน่ เงยหน้ามองจุดที่เขาคิดว่าวิถีกระสุนน่าจะมาจากตรงนั้น
“สไนเปอร์?”
“ผมไม่ชอบทำอะไรยืดเยื้อน่ะครับ” คนที่ปิดปากหัวโจกฝ่ายศัตรูโดยไม่คิดจะรอให้ตัวร้ายพูดบทสูตรสำเร็จของตัวโกงระดับล่างของตนให้เสร็จให้เหตุผล ไม่ลืมจัดการกับคนที่หันกระบอกปืนมาทางพวกเขา“หลังจากนี้ผมมีธุระต่อพอดี ให้ตายสิ คน
กำลังคุยกัน พวกกาวิโน่นี่ไร้มารยาทชะมัด”
“….” นี่มันฆ่าล้างบางตระกูลหรือนัดคุยงานลูกค้าที่ร้านกาแฟ
ธีรเชษฐ์ชักจะเริ่มคิดแล้วว่าในโลกของนิโคไล สองสิ่งนี้ไม่มีความแตกต่างกัน
ร่างสูงหันปลายกระบอกปืนไปยังความเคลื่อนไหวข้างกายทันทีตามสัญชาตญาณ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าคนที่โผล่มาอย่างไม่ให้สุ่มให้เสียง คือบิดาแท้ๆที่ตนบากหน้าไปขอความช่วยเหลือหลังจากขาดการติดต่อกันไปหลายปี
ธีรเชษฐ์บอกตัวเองไม่ให้คาดหวัง แต่เมื่อได้เห็นชายชาวรัสเซียผมแซมสีดอกเลาร่างสูงใหญ่ที่เปลี่ยนตลับกระสุนอยู่ข้างกาย ความปลอดภัยที่เขาไม่ได้รู้สึกมานานกลับแผ่ซ่านไปทั่วร่างของของชายหนุ่มอย่างไร้สาเหตุ
“ช้านะตาแก่...” ถึงอย่างนั้นคนปากแข็งยังคงเลือกที่จะค่อนแคะผู้เป็นบิดากลบเกลื่อนความรู้สึก ดวงตาสีควันบุหรี่เบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าข้างกายของคาร์ซิเมียร์นั้นมีใครติดสอยห้อยตามมาด้วย “เมฆ?”
“พ่อครับ นี่มันเรื่องอะไรกัน?” เมฆาถามด้วยสีหน้าสับสน การปรากฏตัวของลูกชายคนโตที่เขาเห็นว่าวิ่งออกไปจากตัวอาคารแล้วเรียกความหวาดกลัวให้เกาะกุมจิตใจของผู้เป็นบิดา เขาไม่คิดว่าเมฆาจะย้อนกลับมาข้างในอีก
“ไว้ค่อยปรึกษาปัญหาครอบครัวกันทีหลังดีมั้ยครับทุกคน” นิโคไลหันมาเอ่ยพร้อมรอยยิ้มที่ไม่เข้ากับสถานการณ์ คาซีเมียร์ขมวดคิ้ว ถามด้วยน้ำเสียงที่เหมือนคุณปู่ที่พาหลานตัวน้อยออกไปซื้อขนมโดยที่พ่อแม่เด็กไม่ได้ยินยอม แต่ไม่เข้าใจว่าตัวเองกำลังทำอะไรผิด
“ถ้าจะแก้แค้นตระกูลที่สั่งฆ่าเมียแก ทำไมลูกแกจะตามมาแก้แค้นให้แม่มันไม่ได้?”
ดวงตาที่เบิกกว้างของเมฆาเมื่อได้ยินความจริงนั้นทำให้ธีรเชษฐ์ตวัดสายตามองผู้เป็นบิดาอย่างขุ่นเคือง เดิมทีเขาไม่ได้คิดจะบอกความจริงกับลูกชายทั้งสาม ไม่เคยคิดอยากให้ร่างไร้ลมหายใจฝังรอยกระสุนปืนของผู้เป็นภรรยากลายเป็นบาดแผลลึกในใจของเด็กทั้งสามเช่นที่เขาต้องแบกรับมาตลอดหลายปี และถึงแม้ว่าจะมีความจำเป็นใดที่ทำให้เขาต้องเปิดเผยความ
จริงนั้น นี่คงเรียกได้ว่าเป็นวิธีที่เลวร้ายที่สุดที่เมฆาจะได้รับรู้เหตุการตายของมารดา
ถึงอย่างนั้น นอกจากแววตาสับสนของลูกชายแล้ว เมฆากลับไม่ได้ดูประหลาดใจกับความจริงที่น่าตกใจนี้มากเท่าที่ควร
คำอธิบายหรือคำปลอบโยนที่ธีรเชษฐ์พยายามสรรหาถูกขัดจังหวะด้วยเสียงระเบิดอีกลูก เรียกความสนใจของทุกคนให้กลับมาสู่สนามรบขนาดย่อมรอบกาย ธีรเชษฐ์สังเกตเห็นว่านอกจากลูกน้องของนิโคไลในตอนต้น ชายแปลกหน้าที่เพิ่มจำนวนขึ้นจนในตอนนี้มีมากกว่าพวกกาวิโน่ทั้งฝูงตามมาสบทบตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่อาจทราบ ทำให้ธีรเชษฐ์นึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง
“Left wing’s cleared! (ปีกซ้ายปลอดภัยแล้วครับ)”
เสียงตะโกนของใครบางคนทำให้นิโคไลยิ้มออก แม้ว่าพวกเขาจะยังอยู่ในระหว่างการดวลปืน แต่ฝ่ายตรงข้ามนั้นเหลือจำนวนน้อยเสียจนแทบไม่น่าจะเป็นปัญหา ธีรเชษฐ์เองก็เริ่มปล่อยให้คนอื่นๆจัดการเก็บกวาดฝ่ายตรงข้ามที่เหลือเพียงหยิบมือ ก้มมองฝ่ามือที่สั่นเทาของตัวเองก่อนจะถอนหายใจ
เขาก็ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อโลกแบบนี้จริงๆนั่นแหละ
“Right wing’s cleared! (ปีกขวาปลอดภัยแล้วครับ)”
นิโคไลลุกขึ้นยืนเต็มความสูง กระสุนนัดสุดท้ายทะลุเข้ากลางหน้าผากของตระกูลกาวิโน่คนเดียวในที่นี้ที่ยังหลงเหลืออยู่ ก่อนลูกน้องคนหนึ่งของนิโคไลจะประกาศเสียงก้องดังไปทั่วโถงอาคารที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง
“All clear! (ปลอดภัยหมดครับ!)”
ก้อนความรู้สึกที่แบกไว้ในอกมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่ได้สลายหายไปหลังจากบรรลุจุดมุ่งหมายอย่างที่เขาเคยคาดหวัง กลับกัน สิ่งเดียวที่ธีรเชษฐ์รู้สึกเมื่อมองไปรอบๆซากปรักหักพังและร่างไร้ลมหายใจที่นอนเกลื่อนอยู่บนพื้นมีเพียงความว่างเปล่า ราวกับว่าตัวเองกำลังดูภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่เขาไม่มีส่วนได้ส่วนเสียใดๆกับเรื่องราวเหล่านี้ หนี้แค้นที่ได้รับการสะสางให้ความรู้สึกเหมือนธุระที่รับฝากฝังมาจากคนอื่นเสียมากกว่า
ราวกับว่าในช่วงชีวิตที่ผ่านมา เขาได้เปิดฉากละครบทใหม่กับใครอีกคน ที่ทำให้บาดแผลนั้นตกสะเก็ดกลายเป็นแผลเป็นที่ด้านชามาได้ระยะหนึ่งแล้ว
แค่คิดถึงคนที่ว่าซึ่งกำลังรอเขาอยู่ในรีสอร์ทริมหาดที่อีกฟากของตัวเมือง ธีรเชษฐ์ก็รู้สึกถึงรอยยิ้มที่ยกขึ้นเองอย่างไร้แรงต้านทานที่มุมปาก
ซื้ออะไรกลับไปให้ดีนะ…
“Boss! Look out!!(บอสครับ ระวัง!)”
ปัง!
ธีรเชษฐ์หันกลับไปทางต้นเสียง เตรียมลั่นไกใส่ความเคลื่อนไหวใดๆก็ตามที่เกิดขึ้น
แต่ภาพที่ร่างสูงเห็นเห็นคือร่างของมือปืนที่ยังมีสติอยู่ซึ่งหวังจะลอบยิงนิโคไลทีเผลอทรุดลงไปบนพื้น เผยให้เห็นนายแบบหนุ่มในชุดเจ้าสาว ที่ถือปืนพกกระบอกเล็กซึ่งมีควันกรุ่นจากปากกระบอกปืนอยู่ด้านหลัง
ปัง!ปัง!ปัง!
วรินทร์ฝังกระสุนลงในร่างของมือปืนที่นอนเรียงรายอยู่บนพื้นอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ ดวงตาสีม่วงสดเย็นเยียบและว่างเปล่า ราวกับว่ามันเป็นเพียงกิจวัตรประจำวันหนึ่งในชีวิตของตน
นิโคไลขยับยิ้มมุมปากแล้วกางแขนออกกว้าง วรินทร์โผเข้าไปในอ้อมกอดของร่างสูงอย่างรู้งาน ที่ด้านหลังของนายแบบหนุ่ม เฟิ่งหยางหมิงกัดฟันกรอดมองดูคนทั้งคู่ด้วยแววตาที่สามารถปลิดชีพคนที่ถูกมองได้ในพริบตาเดียว
เขาควรจะแปลกใจที่อดีตคู่ควงของตนแลดูสนิทสนมกับนิโคไลเสียจนแทบจะสิงร่างมาเฟียหนุ่มในตอนนี้ แต่ธีรเชษฐ์ค้นพบว่าเขาไม่ประหลาดใจสักนิดหากคนรอบคอบอย่างนิโคไลจะส่งสายสืบมาเพื่อจับตาดูเขาไว้
ฉับ!
ดวงตาสีม่วงเบิกกว้างอย่างตกใจ ในมือของนิโคไลมีมีดพกขนาดเล็กซึ่งเป็นสาเหตุให้เส้นผมเนียนละเอียดสีดำสนิทที่เคยยาวระสะโพกถูกตัดลงไปกระจายกับพื้น มาเฟียหนุ่มชาวอิตาลียิ้มอย่างอ่อนโยน นิ้วยาวเชยคางมนให้ใบหน้าเกลี้ยงเกลาเงยขึ้นมองเขา
“ไปเถอะริน...”
“นิค…” ดวงตาสีม่วงสดไหวระริก ไม่เข้าใจว่าคนตรงหน้าหมายความว่าอย่างไร
“เงาน่ะ..ต้องเป็นของอัลฟอนโซ่ทั้งตัวและหัวใจ” นิโคไลเลิกคิ้วมองเลยไปยังชายหนุ่มชาวเอเชียที่ยืนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ด้านหลังของวรินทร์ “เงาที่เลี้ยงไม่เชื่องอย่างรินน่ะ ฉันไม่ต้องการหรอกนะ”
แม้คำพูดของชายหนุ่มจะดูไร้เยื่อใย แต่แววตาของนิโคไลนั้นฉายแววอ่อนโยนอย่างที่วรินทร์แทบไม่เคยเห็นมันมองมาที่เขามาก่อน นิโคไลดึงให้เงาของตัวเองที่ยังคงนิ่งอึ้งจากความตกใจให้เริ่มเดินไปหาเฟิ่งหยางหมิงที่ยืนกอดอยู่ ดูคล้ายพ่อเจ้าสาวที่กำลังจะส่งตัวลูกให้เจ้าบ่าวในพิธีแต่งงานอย่างน่าประหลาด
“ของตอบแทนเล็กน้อยจากผม หวังว่าเราจะได้ร่วมงานกันอีกครั้งนะครับ คุณเฟิ่ง”
“อย่าเจอกันอีกจะดีกว่าครับ” เจ้าของชื่อดึงร่างของวรินทร์ที่แม้จะเป็นคนตัวสูงแต่ก็ยังเซเข้าไปซบกับอกกว้างของชายหนุ่มราวกับเด็กสาวตัวน้อยมากอดไว้แนบออก ท่าทีแสดงความเป็นเจ้าของแทบจะในวินาทีแรกที่ได้สัมผัสร่างของวรินทร์ทำให้นิโคไลยิ้มขำ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“回去! (กลับ!)”
เพียงแค่นั้นชายเกือบครึ่งหนึ่งในห้องก็เดินตามชายหนุ่มชาวฮ่องกงไปอย่างว่าง่าย ส่วนนิโคไลก็หันไปหากลุ่มลูกน้องที่กำลังจัดการเก็บกวาดหลักฐานของการต่อสู้เมื่อครู่อย่างขยันขันแข็ง ชี้ไปที่ศพของชายคนหนึ่งบนพื้นแล้วพูดอะไรสักอย่างเป็นภาษาอิตาลี ไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนกลับเปลวเพลิงที่แผดเผาลามเลียทุกสิ่งรอบกายพวกเขา
“ผมว่าเราออกไปจากที่นี่กันเถอะครับ”
เมฆาหันไปบอกบิดาและปู่ของตัวเองด้วยสีหน้าไม่สู้ดี ธีรเชษฐ์พยักหน้า นึกเป็นห่วงลูกชายที่มีสีหน้าซีดเซียวจนคล้ายจะเป็นลมล้มพับไปในตอนนี้
“Team A down. Cannot locate Star at the moment. (ทีมAถูกโจมตี ตอนนี้ไม่สามารถระบุตำแหน่งของดวงดาวได้ครับ)”
สีหน้าของนิโคไลที่กระหยิ่มยิ้มย่องมาโดยตลอดถอดสีซีดเผือดไม่ต่างจากเมฆา ธีรเชษฐ์ขมวดคิ้ว ทว่ายังไม่ทันที่จะได้ขอคำขยายความของรหัสลับนั้น เงาของชิ้นส่วนปูนขนาดยักษ์ที่ร่วงหล่นลวมาจากเพดานในจุดที่เมฆาซึ่งกุมศีรษะด้วยสีหน้าเจ็บปวด ร่างกายโซเซไปมาอย่างไม่รับรู้สภาพรอบกายทำให้ธีรเชษฐ์พุ่งตัวเข้าไปหาลูกชายคนโตโดยไม่ต้องคิด
“เมฆ!!”
ร่างของเมฆาถูกผลักจนเซล้มลงไปกองกับพื้น แต่ยังไม่ทันที่จะได้โล่งใจ แรงกระแทกหนักๆของชิ้นส่วนปูนขนาดใหญ่ที่ทับลงมากลางหลังก็ทำให้ธีรเชษฐ์ล้มลงไปกับพื้น
เขาไม่รู้สึกเจ็บ
ไม่สิ คงต้องบอกว่าเขาไม่รู้สึกอะไรเลยตั้งแต่ช่วงเอวลงไปมากกว่า
ภาพสุดท้ายที่เขาเห็นคือเมฆาที่นอนนิ่งอยู่บนพื้น แม้จะนึกเป็นห่วงลูกชาย แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงปลอดภัยดี
ดีแล้วล่ะ…
ธีรเชษฐ์คิด เปลือกตาที่หนักอึ้งปรือปรอยลงอย่างอ่อนล้า
อย่างน้อยก่อนตาย เขาก็ได้ทำหน้าที่ของพ่อกับคนอื่นเขาบ้างเสียที
เขาได้แต่กระซิบคำขอโทษไปตามสายลมแผ่ว หวังให้มันถูกส่งไปถึงร่างเล็กที่ยังรอคอยเขาพร้อมรอยยิ้มหวานประดับดวงหน้าใส
ขอโทษนะมีน…
ขอโทษนะ ที่ทำให้รอยยิ้มของเธอหายไปอีกแล้ว…
-------------