Chapter 35: ผู้ชายของเธอ
มีนาสะดุ้้งโหยงทันทีที่เครื่องบินลำยักษ์ค่อยๆเคลื่อนตัว ธีรเชษฐ์เลิกคิ้วมองคนข้างกายที่นั่งไม่นิ่งมาตั้งแต่ก้าวขึ้นเครื่องมธุวันจองที่นั่งชั้นธุรกิจให้เขากับมีนาแม้ว่าจะเป็นเที่ยวบินระยะใกล้ ซึ่งแม้ธีรเชษฐ์จะไม่ถือการนั่งชั้นประหยัดแต่เขารู้ว่าด้วยภาพลักษณ์ของบริษัทการนั่งชั้นธุรกิจก็เป็นหนึ่งในข้อดีของการเป็นผู้บริหาร
ที่เขารู้สึกขอบคุณเลขาของตัวเองเป็นเพราะอีกฝ่ายเลือกที่จะจองที่นั่งให้มีนาเช่นกัน เลขาของเขามีประวัติศาสตร์อันยาวนานกับคนที่ธีรเชษฐ์ควงแทบทุกคน และชายหนุ่มก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารสนิยมการเลือกคู่นอนของเขาไม่ได้มีเรื่องของอุปนิสัยและมารยาทเข้ามาเกี่ยวข้องเท่าไหร่ แม้ว่ามธุวันจะทำตามคำสั่ง...ไม่สิ คำขอของธีรเชษฐ์ทุกครั้ง แต่เลขาหนุ่มมัก
จะอดไม่ได้ที่จะเอาคืนคนของเขาสำหรับความยุ่งยากที่ตนต้องพบเผชิญทุกครั้ง ทั้งดอกไม้ที่จงใจเขียนชื่อคนรับผิด กระเป๋าและรองเท้าที่ผิดไซส์ผิดแบบจากที่เจ้าหล่อนต้องการ และที่น่าปวดหัวที่สุดคือการจองที่นั่งบนเครื่องบินคนละส่วนหรือคนละไฟล์ทกับเขา ซึ่งส่วนใหญ่แล้วธีรเชษฐ์มักจะปล่อยให้เลขาของตนได้เล่นสนุกโดยไม่ห้าม เพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็สำคัญกับเขามากกว่าคู่นอนคนไหนๆ
อย่างน้อยก็ก่อนที่เขาจะมาเจอกับมีนา
ในความเป็นจริงแล้วธีรเชษฐ์จะใช้เครื่องบินส่วนตัวของตัวเองก็ย่อมได้ แต่เขาอยากให้คนตัวเล็กฝึกขึ้นเครื่องบินพานิชย์ให้เป็นก่อน เผื่อว่าในวันหนึ่งที่อีกฝ่ายต้องเดินทางโดยไม่มีเขา ธีรเชษฐ์จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมากนัก
ในวันที่ไม่มีเขา...
ธีรเชษฐ์รู้ว่าถึงแม้จะมีปาฏิหาริย์ทำให้มีนายอมทนอยู่เคียงข้างเขาไปตลอดอย่างที่หวัง แต่ด้วยอายุและความเสี่ยงในภารกิจที่ร่างสูงกำลังแบกรับ ธีรเชษฐ์มีความมั่นใจเกือบเต็มเปี่ยมว่าไม่ว่าอย่างไรมีนาก็จะต้องมีช่วงชีวิตที่ไม่มีเขาอยู่ตรงนั้นในอนาคต
เขาได้แต่หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้รู้สึกโล่งใจกับความคิดนั้นมากนัก
“คุณเชษฐ์ครับ...”
“หืม? มีอะไรเหรอ?” คนที่นั่งเหม่ออยู่นานหันมาหาคนข้างกายที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด มีนาพยักเพยิดไปทางพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่กำลังสาธิตวิธีการเอาตัวรอดหากเกิดเหตุฉุกเฉินด้านหน้าของตัวเครื่อง
“ผมมองไม่เห็น...”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า อ่านแผ่นพับเอาก็ได้” ร่างสูงหยิบแผ่นพับยื่นให้เด็กหนุ่ม แต่มีนายังคงมีสีหน้าไม่สบายใจ “โอเคๆ ฉันจะตั้งใจดูให้ โอเคมั้ย ถ้ามีอะไรฉันจะดูแลเธอเอง”
ชายหนุ่มเสนอทางเลือกใหม่ให้แม้ว่าตนจะเห็นการสาธิตนี้มานับไม่ถ้วนแทบจะท่องบทได้แล้ว คนฟังมีสีหน้าผ่อนคลายลงเล็กน้อย พยักหน้าให้เขาพร้อมรอยยิ้มน่ารักที่แต่งแต้มมุมปาก
เจอแบบนี้ธีรเชษฐ์รู้สึกว่าการหันกลับไปดูการสาธิตของพนักงานสาวเป็นเวลาไม่กี่นาทีนั้นช่างคุ้มค่าเสียยิ่งกว่าคุ้ม
ดวงตากลมโตของเด็กหนุ่มจดจ้องอยู่ที่ถุงกระดาษสำหรับการเมาเครื่องบินตรงหน้าของตัวเองไม่วางตา มือเรียวเล็กกำที่เท้าแขนไว้แน่นราวกับเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวเพียงหนึ่งเดียวของตน
ธีรเชษฐ์ไม่ได้คิดว่าตัวเองจำเป็นจะต้องเป็นผู้ชนะตลอดเวลา แต่การพ่ายแพ้ให้กับเก้าอี้โดยสารก็ยังคงเจ็บปวดอยู่ดี
ชายหนุ่มเอื้อมไปแย่งมือของมีนาจากที่เท้าแขนนั้นมาเกาะกุมไว้เอง มีนาเหลือบมองเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจ ก่อนจะรีบ
บีบมือเขาไว้แน่นอย่างลืมตัวเมื่อนกเหล็กขนาดยักษ์พุ่งทะยานขึ้นสู่ฟ้าในที่สุด
“ไม่ต้องกลัว...ฉันอยู่ตรงนี้” ชายหนุ่มกระซิบข้างหูของคนที่หลับตาปี๋อย่างหวาดกลัว มีนาซุกกายเข้าใกล้ร่างสูงเท่าที่เข็มขัดนิรภัยของตนจะเอื้ออำนวย ร่างเล็กสั่นงกๆเหมือนลูกนกตากฝนทำให้ธีรเชษฐ์โอบแขนอีกข้างรอบไหล่บาง ลูบต้น
แขนเรียวเล็กขึ้นลงอย่างปลอบประโลม
ชายหนุ่มเอื้อมมือมาปลดเข็มขัดนิรภัยให้ร่างเล็กทันทีที่สัญญาณแจ้งรัดเข็มขัดดับลง กลัวว่ามีนาจะอึดอัดจนทนไม่ไหวเสียก่อน แม้มีนาจะยังคงตัวสั่นอยู่บ้าง แต่สีหน้าของเด็กหนุ่มดูดีขึ้นมากหลังจากที่เครื่องบินรักษาระดับอยู่บนอากาศได้แล้ว
“เห็นมั้ย...ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัวเลย” ธีรเชษฐ์อ่ยด้วยน้ำเสียงเดียวกับที่ใช้ปลอบประโลมเด็กน้อยที่กำลังหลงทาง ดึงผนังคั่นระหว่างพวกเขาออกเพื่อให้อีกฝ่ายมีที่ขยับร่างกาย มีนาพยักหน้า แม้ว่าเด็กหนุ่มจะยังขมวดคิ้วเหมือนมีเรื่องอะไรในใจ กัดริมฝีปากอิ่มของตัวเองจนธีรเชษฐ์กลัวว่าอีกฝ่ายจะได้เลือด “เป็นอะไรรึเปล่า?”
“ผม…ขอโทษนะครับ ทั้งที่คุณเชษฐ์ตั้งใจจะมาพักผ่อนแท้ๆ แต่ผมกลับมีแต่เป็นภาระให้คุณ” เด็กหนุ่มเอ่ยอย่างขอโทษขอโพย ธีรเชษฐ์ถอนหายใจ ตัวสั่นขนาดนี้ยังมีกะจิตกะใจมาห่วงเขาอีก
“แล้วนี่โอเคแล้วรึยัง? กินอะไรหน่อยมั้ยเผื่อจะดีขึ้น?”
“ไม่เป็นไรครับ...” มีนาชะงักก่อนจะเอ่ยต่อด้วยสีหน้าเกรงใจ “...คือ...ผมหูอื้อมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”
“ฉันไม่มีหมากฝรั่งซะด้วยสิ” ร่างสูงขมวดคิ้ว “ลองอ้าปากหาวดู เผื่อจะปรับความดันในหูได้”
มีนาทำตามอย่างว่าง่าย ริมฝีปากสีสดเผยออ้าเล็กน้อยพร้อมกับเสียง’ฮ้าว...’เบาๆ ธีรเชษฐ์ส่ายหน้า
“อ้ากว้างอีก” มีนาทำตามอีกครั้ง แต่ยังคงไม่รู้สึกอยากหาวขึ้นมา ร่างสูงเลิกคิ้ว ก้มลงกระซิบข้างหูเด็กหนุ่มด้วยน้ำเสียง
ขบขัน “อ้าปากแบบที่เธอทำให้ฉันเมื่อคืนก่อน ทำได้มั้ยมีน?”
“คุณเชษฐ์!” คนโดนแกล้งรีบหุบปากฉับ ใบหน้าเรียวแดงก่ำกับคำพูดไม่อายผีสางเทวดาของอีกฝ่าย
“หรือว่าต้องมีตัวช่วย?” ชายหนุ่มถามด้วยสีหน้าใสซื่อ “ห้องน้ำข้างหน้าว่างนะ สนใจมั้ย?”
“ผม…ผมง่วงแล้วครับ ราตรีสวัสดิ์” มีนาไม่สนแสงจากพระอาทิตย์ที่ลอดหน้าต่างมา ปรับที่นั่งของตัวเองให้กลายเป็นเตียงนอนแล้วแกะหมอนกับผ้าห่มออกจากซองพลาสติก แม้ใจจะนึกอย่างแกล้งอีกฝ่ายต่อ แต่ธีรเชษฐ์ก็ปล่อยให้คนขี้อายมุดตัว
หนีลงใต้ผ้าห่มไป
อย่างน้อยแบบนี้มีนาก็คงลืมความกลัวของตัวเองไปได้สักพักล่ะนะ
“โห…”
ดวงตากลมโตสีน้ำตาลกวาดมองไปทั่วสนามบินอย่างตื่นตาตื่นใจ เขาไม่อยากเชื่อว่าในตอนนี้ตัวเองอยู่ในอีกประเทศหนึ่ง ได้ออกนอกประเทศอย่างที่เขาไม่เคยคิดฝันว่าจะได้มา เด็กหนุ่มนึกอยากจะวีดีโอคอลหามารดาของตัวเองแล้วถ่ายทอดทุกอย่างให้อีกฝ่ายได้เห็นจากห้องพักผู้ป่วย แต่รู้ดีว่านั่นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
เขาบอกแม่ว่าเป็นโครงการของคณะให้นักศึกษามาแลกเปลี่ยนระยะสั้นโดยไม่มีค่าใช้จ่าย มารดาของเขาเพียงแต่พยักหน้ารับทราบคำอธิบายนั้น ไม่คิดทวงถามหาเอกสารหรือแผนการเดินทางอย่างที่มีนานึกกังวล แต่เด็กหนุ่มไม่รู้จริงๆว่าเขาจะสามารถโกหกผู้หญิงที่ให้กำเนิดเขามาไปได้อีกสักกี่น้ำ
“ดิวตี้ฟรีขาเข้าไม่ค่อยมีอะไรหรอก เดี๋ยวหาอะไรกินกันที่นี่แล้วค่อยไปที่โรงแรมก็แล้วกัน”
ธีรเชษฐ์หันไปพูดกับคนข้างกายที่ยังคงหันซ้ายแลขวาอย่างตื่นตาตื่นใจกับสิ่งแวดล้อมรอบกาย มีนาหันมาพยักหน้าให้เขา เอื้อมมือไปจับมือของธีรเชษฐ์โดยอัตโนมัติทันทีที่ร่างสูงเริ่มออกก้าว ร่างสูงแสร้งทำเป็นไม่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงนั้น ด้วยกลัวว่าเด็กขี้อายข้างๆจะปล่อยมือหายไปจากเขา
ตัวยิ่งเล็กๆอยู่ ปลิวไปนี่ท่าจะหายแล้วหายเลย
“อ๊ะ…” เสียงร้องเบาๆของเด็กหนุ่มเรียกให้ธีรเชษฐ์หันไปมองตาม บูธความงามที่เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในสนามบินไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนของท่าอากาศยานมีเคาท์เตอร์แบรนด์เครื่องสำอางแบรนด์หนึ่งตั้งอยู่ และที่ด้านหน้าของบูธนั้น คือลิปกลอสหลอดสีทองวาวหลายเฉดสีนับสิบแท่งที่วางเรียงรายเด่นหรา บ่งบอกว่าเป็นสินค้าขายดีอันดับหนึ่งของแบนชรนด์ ธีรเชษฐ์ไม่ได้สันทัดอะไรเรื่องเครื่องสำอาง แต่เขาจำได้ดีว่ามันคือลิปกลอสที่มีนาขยันทาเหลือเกินหลังจากได้มาจากเพื่อนที่เป็นช่างแต่งหน้า
และเขาก็ชอบมันมากพอๆกับเด็กหนุ่มเสียด้วยสิ
“‘Made for your man.’…หืม ไม่ยักรู้นะว่าฉันเป็นผู้ชายของเธอ”
ธีรเชษฐ์ยักคิ้วหลิ่วตาให้เด็กหนุ่มที่อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ก่อนจะดึงข้อมือผอมให้อีกฝ่ายเดินตามเข้าไปในร้าน
“คุณเชษฐ์...จะ...จะทำอะไรครับ?”
“ซื้อไปตุนเพิ่มไง” ร่างสูงตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง กวาดตามองลิปกลอสหลากสีตรงหน้าอย่างสนใจ “ว่าไง เธอชอบสีไหน?”
“ผมไม่ได้อยากได้...”
“แต่ฉันอยากได้ ยังไงซะ...มันก็ทำมาเพื่อฉันไม่ใช่เหรอ?” ชายหนุ่มหันไปหาร่างเล็กที่ยังคงก้มหน้างุดไม่ยอมสบตาเขาลูกเดียว “ฉันให้เวลาสิบวินาที บอกฉันมาว่าชอบสีไหนบ้าง”
มีนาเม้มปากแน่นอย่างดื้อดึง ไม่ยอมให้ธีรเชษฐ์ได้คำตอบโดยง่าย
แต่นั่นไม่เคยเป็นปัญหาสำหรับร่างสูง
“สาม..สอง...หนึ่ง...หมดเวลา” ชายหนุ่มก้มลงให้ใบหหน้าของตนอยู่ในระดับเดียวกับคนที่ยังคงสนใจขี้ฝุ่นบนพื้นมากกว่าเขา “ว่าไงมีนา โอกาสสุดท้ายแล้วนะ ไม่อยากเลือกลิปกลอสให้ผู้ชายของเธอหน่อยเหรอ?”
มีนาปฏิเสธที่จะเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย ความอับอายที่มีในตอนนี้ไม่สามารถแบกรับอะไรเพิ่มได้อีกแล้ว
“ตามใจ” ธีรเชษฐ์ไหวไหล่ ก่อนจะหันไปหาพนักงานสาวที่ยืนมองพวกเขาอยู่ไม่ไกล “Can we have one of each color, please?(พวกเราเอาทุกสีอย่างละแท่งแล้วกันครับ)”
“Certainly! Right this way, sir. (แน่นอนค่ะ! เชิญทางนี้เลยค่ะ)” พนักงานสาวตาลุกวาว รีบเชื้อเชิญให้ลูกค้าทั้งสองเดินไปที่เคาท์เตอร์แล้วกุลีกุจอหยิบสินค้าทั้งหมดตามมา
“เยอะไปแล้วครับคุณเชษฐ์...” มีนาท้วงเสียงเบา
“ไม่เยอะหรอกน่า” ธีรเชษฐ์ปัดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ถ้าทาใหม่ทุกครั้งที่ชิม แป๊บเดียวก็หมดแล้ว”
มีนาไม่รู้ว่าอะไรที่ดลใจให้ร่างสูงชอบแกล้งให้เขาทำตัวไม่ถูกอยู่เรื่อยๆในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เขาอยากจะให้สิ่งนั้นเมตตาหัวใจดวงน้อยๆแล้วปล่อยให้เขาได้อยู่อย่างสงบสุขบ้างสักพักก็ยังดี
มีนาไม่สนด้วยซ้ำว่าตัวเองเหมือนสุนัขตัวน้อยที่กระดิกหางเกาะขอบหน้าต่างรถลีมูซีนของโรงแรมมองทิวทัศน์ภายนอกอย่างตื่นตาตื่นใจ ริมฝีปากรูปกระจับพึมพำอย่างตื่นเต้นกับตัวเอง ดวงตากลมโตวาววับไม่ละไปจากนอกหน้าต่างตั้งแต่ขึ้นรถมา
“นี่ ไม่คิดจะสนใจฉันหน่อยเหรอ?”
คนโดนเมินถามขึ้นอย่างอดรนทนไม่ไหว มีนาชะงักก่อนจะหันกลับมายิ้มเจื่อนๆให้เขา
“ขอโทษครับ ผมแค่กลัวคุณเชษฐ์จะรำคาญ”
“ถ้ารำคาญแล้วฉันจะบอก” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงห้วน ทำเอาคนตัวเล็กใจเสีย แต่มีนานั้นพัฒนามาไกลจากเด็กน้อยขี้กลัวในวันวาน แม้จะยังตื่นกลัวสีหน้าไม่สบอารมณ์ของธีรเชษฐ์อยู่บ้าง แต่มีนาเริ่มเรียนรู้ที่จะเชื่อสัญชาตญาณของตัวเองแล้วเขยิบเข้าไปใกล้ร่างสูง ร่างเล็กๆเอนซบกับต้นแขนหนาภายใต้เสื้อสูทราคาแพงแล้วสอดแขนคล้องกับอีกฝ่ายเงียบๆ
เด็กหนุ่มลอบยิ้มกับตัวเองเมื่อเริ่มรู้สึกว่าร่างสูงเริ่มผ่อนคลายลงแม้จะยังไม่ยอมหันมาพูดกับเขาก็ตาม
พวกเขามาถึงโรงแรมไม่นานหลังจากนั้น มีนายังคงเกาะชายเสื้อของร่างสูงไว้อย่าางเหนียวแน่นแม้ว่าผู้คนรอบกายจะบางตาลงกว่าที่สนามบินมากก็ตาม
ร่างเล็กเงยหน้ามองเพดานโค้งสูงลวดลายสวยงามของโรงแรม ตัวโรงแรมสร้างขึ้นเลียนแบบสถาปัตยกรรมยุโรปซึ่งยิ่งทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดูมีมนต์ขลัง ข้างน้ำพุขนนาดยักษ์ที่ตั้งอยู่กลางลอบบี้มีชายหนุ่มในชุดโค้ทยาวบรรเลงเพลงคลาสสิคบนแกรนดืเปียโนสีดำตัวใหญ่ขับกล่อมแขกที่มาเข้าพัก
“มองอะไร?” ธีรเชษฐ์ขมวดคิ้วเมื่อเห็นมีนาหยุดมองนักดนตรีหนุ่มตาแป๋ว ร่างเล็กเกาแก้มเขินๆ สารภาพด้วยสีหน้าเอียงอาย
“ผมแค่คิดว่าคนที่เล่นเปียโนเป็นนี่...เท่มากๆเลยน่ะครับ”
“…แค่เปียโน ฉันก็เล่นเป็น”
มีนาเงยหน้ามองคนอายุมากกว่าที่พึมพำออกมาอย่างหงุดหงิดด้วยสีหน้าประหลาดใจ เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าอีกฝ่ายเล่นเปียโนได้
“คุณเชษฐ์เก่งจังเลยครับ”
คนโดนชมอย่างไม่ทันตั้งตัวเบือนหน้าหนี ไม่อยากเสียเชิงให้เด็กรู้ว่าตัวเองกำลังหน้าร้อนเห่อกับคำชมของอีกฝ่าย
“กีต้าร์ กลอง ไวโอลิน ขิม ระนาด ฆ้องวง กู่เจิ้ง โคโตะ ฉันเล่นได้หมดนั่นแหละ”
มีนาเงยหน้ามองคนข้างกายตาโตด้วยสีหน้าประทับใจ ธีรเชษฐ์ยกหลังมือขึ้นถูจมูกแก้เขินแล้วรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนที่จะถูกคนตัวเล็กจับได้
พนักงานยกกระเป๋านำทางพวกเขาขึ้นไปยังห้องพักของตัวเองหลังจากเช็คอันเสร็จ ทันทีประตูห้องเปิดออก มีนารู้สึกเหมือนตัวเองหลุดเข้ามาอยู่ในเทพนิยายที่เขาเคยนั่งดูภาพประกอบกับมารดาในห้องสมุดเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก ห้องนอนของพวกเขามีขนาดพอๆกับคอนโดของธีรเชษฐ์ ตกแต่งด้วยโทนสีทองอมชมพูตัดกับสีขาวสะอาดตาของผ้าปูเตียง แสงไฟสีส้มสบายตาทำให้ห้องทั้งห้องดูเหมาะสมกับการพักผ่อน แต่สิ่งที่ทำให้มีนาอ้าปากค้างคือห้องน้ำที่ผนังด้านที่ติดกับห้องนอนกลับเป็นกระจกใส มีเพียงม่านผืนบางที่สามารถรูดปิดให้คนข้างนอกพอจะมองเข้ามาไม่เห็น
“ตกใจอะไร?” ธีรเชษฐ์เลิกคิ้ว
“ห้องมันดู....”
“ฮันนีมูนสวีทก็แบบนี้แหละ” ร่างสูงไหวไหล่ กระตุกยิ้มมุมปากเมื่อคนที่ได้ยินชื่อห้องหันขวับมามองเขาด้วยสีหน้าตกใจ
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ หมอกเขาเป็นคนจอง ไม่ใช่ฉัน”
และธีรเชษฐ์ก็ตอบแทนความหวังดีของเลขาตัวเองด้วยการจองห้องแบบเดียวกันที่สำหรับทริปไปญี่ปุ่นของอีกฝ่ายกับลูกชายคนโตของตนเป็นที่เรียบร้อย
“…ผมจัดของก่อนนะครับ” มีนาเปลี่ยนเรื่อง เดินไปลากกระเป๋าเดินทางใบโตไปยังตู้เสื้อผ้าบิวท์อินกินพื้นที่ส่วนใหญ่ของผนังฟากที่ติดกับห้องน้ำ
จะให้เขาทำอย่างไร ในเมื่อขนาดตัวอยู่ห่างกันเป็นประเทศ แต่ธีรเชษฐ์ยังคงไม่หยุดหยิบยกชื่อเลขาคนสนิทขึ้นมาพูดในบทสนทนา
เมื่อเห็นคนอย่างมธุวันที่ทั้งที่ไม่ได้คิดจะพยายามแต่ยังเป็นที่รักของธีรเชษฐ์ขนาดนี้ คนที่กำลังพยายามแค่ให้อีกฝ่ายเอ็นดูก็อดรู้สึกท้อไม่ได้
“ฉันช่วย”
“เอ๊ะ? ไม่ต้องก็ดะ....” ริมฝีปากที่กำลังขยับพูดถูกคนเอาแต่ใจช่วงชิงไปด้วยริมฝีปากของตัวเอง ธีรเชษฐ์ดันร่างเล็กติดประตูตู้เสื้อผ้า แขนทั้งสองข้างเท้ากับบานประตูปิดทางหนีทีไล่ของเด็กหนุ่ม มีนาหลับตาพริ้ม เผยอริมฝีปากให้ลิ้นร้อนสอดแทรกตักตวงความหวานเท่าที่ใจปรารถนา เสียงครางแว่วหวานที่เล็ดลอดออกจากริมฝีปากของมีนายิ่งทำให้คนอายุมากกว่าเบียดกายแนบชิดกับร่างเล็ก สัมผัสรุกเร้าจากคมเขี้ยวที่ขบดึงริมฝีปากของเด็กหนุ่มอย่างหยอกเย้าสลับกับลิ้นร้อนที่ไล้ปลอบประโลมประกอบกับเนื้อผ้าของเสื้อสูทสั่งตัดและอุณหภูมิกายที่ส่งผ่านมาถึงเขาทำให้มีนาเริ่มยืนไม่อยู่ แต่ธีรเชษฐ์กลับผละไปจากเด็กหนุ่มเพียงเท่านั้น ร่างสูงยกยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นคนโดนกระทำแทบจะไหลลงไปกองกับพื้นเพียงแค่เพราะจูบของตน
“ค่าช่วยจัดของ”
มีนานึกอยากจะประท้วงออกไปว่าตนไม่ได้ขอให้อีกฝ่ายช่วยเสียหน่อย แต่เขารู้ดีว่าพูดอะไรไปตอนนี้ก็มีแต่เสียกับเสีย ธีรเชษฐ์ก้มลงช้อนร่างที่อ่อนปวกเปียกอยู่บนพื้นขึ้นอุ้มแล้ววางเด็กหนุ่มลงบนเตียงขนาดยักษ์อย่างเบามือ
“คุณเชษฐ์...”
“เก็บค่าจ้างแล้ว เดี๋ยวฉันทำเอง” เสียงทุ้มเอ่ยแกมหยอกเย้า มีนาทำท่าจะเอ่ยเถียง แต่มือใหญ่กดไหล่บางไว้ไม่ให้ลุกกลับขึ้นมาอีกครั้ง “นอนพักซักงีบไป ตั้งแต่บนเครื่องก็ไม่ได้นอนไม่ใช่เหรอ?”
เขาเห็นอีกฝ่ายนอนพลิกไปพลิกมาอยู่ข้างกายตลอดทางบนเครื่องบิน มีนาขมวดคิ้วอย่างไม่สบายใจ แต่ก็ยอมนอนลงไปตามคำสั่งของร่างสูงแต่โดยดี
พอไม่ดื้อแล้วน่ารักชะมัด
กระต่ายน้อยของเขาดูจะไม่ได้รู้เลยว่าตัวเองทำคนแก่ใจบางไปแค่ไหน ธีรเชษฐ์ผละจากเด็กหนุ่มบนเตียงเล็กน้อยเพื่อจะกลับไปยังกระเป๋าเดินทางของพวกเขา แต่มือเรียวเล็กที่เอื้อมมาคว้ามือของเขาเอาไว้อย่างกล้าๆกลัวๆทำให้ธีรเชษฐ์หันกลับไปหาอีกฝ่ายอย่างงุนงง
“คือ…คุณเชษฐ์....” มีนากัดริมฝีปาก ดวงหน้าขาวขึ้นสีแดงระเรื่อน่ามอง “นอนข้างๆผมก่อนได้มั้ยครับ...พอไม่มีคุณเชษฐ์แล้วผม...นอนไม่หลับ”
ถามแบบนี้คิดว่าจะมีคนปฏิเสธได้มั้ย?
“ใครสั่งใครสอนให้อ้อนแบบนี้?” ธีรเชษฐ์นวดขมับตัวเองที่ปวดตุบขึ้นมา มีนามีสีหน้าสลดลง ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างโล่งใจเมื่อร่างสูงทรุดตัวลงข้างตัวเองบนเตียงนุ่ม ธีรเชษฐ์ถอดเสื้อนอกของตัวเองโยนไปบนเก้าอี้อย่างไม่ใส่ใจแล้วเอนตัวลงข้างร่างเล็กอย่างที่อีกฝ่ายขอ “นอนได้แล้ว ตื่นแล้วจะพาไปหาอะไรกิน”
มีนาพยักหน้าอย่างว่าง่าย สอดตัวลงใต้ผ้าห่มผืนหนาแล้วข่มเปลือกตาให้ปิดลง ไม่นานนัก เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของเด็กหนุ่มก็บ่งบอกว่าอีกฝ่ายเข้าสู่ห้วงนิทราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ภาพตรงหน้าทำให้ธีรเชษฐ์ยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู เอื้อมมือไปปัดเส้นผมสีน้ำตาลที่ปรกหน้าใบหน้าของอีกฝ่ายให้พ้นทางแล้วโน้มลงมาประทับริมฝีปากบนหน้าผากใส
เด็กคนนี้จะรู้บ้างมั้ยนะว่าตัวเองทำอะไรกับหัวใจเขาไว้บ้าง
--------
ใจบางกันไปข้าง วะฮ่าๆๆๆๆ