[จบแล้ว] Sugar Daddy เล่น||ของ||สูง(อายุ) 4 years later [6-2-63] คห.951
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว] Sugar Daddy เล่น||ของ||สูง(อายุ) 4 years later [6-2-63] คห.951  (อ่าน 180516 ครั้ง)

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอตอนต่อไป~

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
สงสารมีน คุณเชษฐ์ดูแลให้เยอะๆ นะ
แค่กลับมายิ้มให้กันได้บ้าง มีนก็ลอยไปไกลแล้ว

ซันภัทร ต่างคนต่างคิด อย่านอยด์เยอะเลย
ไปให้สุดแล้วหยุดที่มีกัน แค่นั้นพอ

ลุ้นเรื่องเกศรามากค่ะ ปกปิดได้มิดมาก
ขนาดสามียังไม่รู้ คุณเชษฐ์ก็เจอนิคแล้ว


ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14
รอน้องงมีนนนนนนน

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
Chapter 25: ใจร้าว

ว่ากันว่าเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ



“อะ…อะไรนะครับ?”



“ฉันจะให้เธอไปพบลูกค้ากับซัน ได้ข่าวว่าเธอเคยทำงานที่นั่นไม่ใช่เหรอ” ธีรเชษฐ์เลิกคิ้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องธรรมดา
แบบนี้ถึงดูจะเป็นปัญหากับลูกน้องของตนขึ้นมาเสียอย่างนั้น



“ครับ...”



ใช่ ภรัณยูเคยทำงานที่นั่น เขาเคยทำงานที่นั่นจนกระทั่งสามปีที่แล้ว และเขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้กลับไปเหยียบสถานที่แห่งนั้นอีกตราบเท่าที่เขายังมีลมหายใจ



“มีอะไรรึเปล่า?” ธีรเชษฐ์ขมวดคิ้วกับท่าทีประหลาดของลูกน้อง ดวงตาสีควันบุหรี่ที่ทินกรได้รับสืบทอดมาเต็มๆฉายแววกังวลเล็กน้อย “ถ้าเธอไม่สะดวกใจ ฉันให้ซันไปคนเดียวก็ได้”



“ไม่เป็นไรครับ ผมไปได้” ภรัณยูรีบตอบ ไม่อยากให้อีกฝ่ายผิดสังเกตไปมากกว่านี้



แน่นอน...สายตาฉงนสงสัยของธีรเชษฐ์บ่งบอกว่ามันได้ผลตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง









“อาหารไม่อร่อยรึเปล่าครับ”



 เอาเข้าไป…นอกจากจะทำให้เจ้านายของตัวเองเป็นกังวลแล้ว ภรัณยูยังทำให้คนรักเป็นห่วงเรื่องเขาไปอีกคน



“เปล่า พี่แค่ไม่ค่อยหิวน่ะ” ภรัณยูยิ้มให้คนรัก



พวกเขาอยู่ในคาเฟ่เล็กๆใต้ตึกบริษัทที่ภรัณยูเคยทำงานอยู่ตั้งแต่ก้าวออกจากรั้วมหาวิทยาลัยจนถึงเมื่อสามปีก่อน ชายหนุ่มตัดขนมเค้กในจานของตนแล้วนำไปจ่อที่ริมฝีปากของคนรักที่ยังคงขมวดคิ้วอย่างไม่วางใจ




“ชิมดูสิ อร่อยดีนะ”



ทินกรอ้าปากรับอย่างว่าง่าย เด็กหนุ่มอยู่กับภรัณยูมานานพอที่จะรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของเขา และไม่ว่าเขาจะซักไซ้แค่ไหน หากภรัณยูไม่ต้องการพูด สุดท้ายแล้วผลลัพธ์ที่ออกมาคงมีแค่เขาถูกอีกฝ่ายโกรธเข้าให้อีก




“ไว้เสร็จแล้ว เราแวะซื้อผ้าใบที่ร้านอุปกรณ์ศิลปะได้มั้ยครับ ที่บ้านใกล้หมดแล้ว”



ทินกรตัดสินใจเป็นฝ่ายเปลี่ยนประเด็นด้วยตัวเอง ภรัณยูมีสีหน้าประหลาดใจ แต่ก็พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม



“ได้สิ พี่ว่าจะแวะดูหนังสือที่ร้านแถวนั้นพอดี”



“ถ้าอย่างนั้นเราไปกันดีกว่านะครับ งานเสร็จเร็วจะได้มีเวลาเยอะๆ”




ร่างสูงใช้กระดาษทิชชู่ซับมุมปากแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ภรัณยูมองตามการเคลื่อนไหวของคนรัก เวลาที่เห็นทินกรในสูทแบบนี้ เขามักจะลืมเสมอว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง




ชายหนุ่มได้แต่หวังว่าความเป็นผู้ใหญ่ของทินกรจะมากพอสำหรับพวกเขาสองคนในวันนี้




เมื่อพวกเขาก้าวเข้าไปในลิฟต์ ภรัณยูสังเกตว่าเด็กหนุ่มในชุดสูทที่มักจะคงมาดสุขุมเวลาทำงานเขย่าขามองตัวเลขดิจิตัลแสดงชั้นที่ลิฟต์กำลังเคลื่อนผ่านอย่างผิดวิสัย




“เป็นอะไรรึเปล่า?”



“ผมแค่…ตื่นเต้นน่ะครับ” ทินกรยอมรับ ใบหน้าคมขึ้นสีเรื่อ “ที่จะได้เห็นช่วงชีวิตของพี่ภัทรที่ผมไม่เคยเห็น”



“ไม่มีอะไรน่าดูหรอก”ชายหนุ่มขัดเสียงเรียบ




ชีวิตของเขาก่อนที่จะพบทินกร ไม่มีอะไรโดดเด่นน่าจดจำมากนัก



 แต่สิ่งที่ไม่อยากจำนี่…มีเยอะเกินกว่าจะนับไหวจริงๆ



“ไม่จริงหรอกครับ…” ทินกรแย้งด้วยแววตาอ่อนโยน “เพราะเป็นพี่ภัทรนี่ครับ…”



“พี่ภัทร? สวัสดีค่ะ ไม่ได้เจอกันนานเลย”



ประตูลิฟต์เปิดออกพร้อมกับหญิงสาวในชุดเครื่องแบบพนักงานที่ก้าวเข้ามาข้างใน ภรัณยูจำได้ว่าเคยทักทายอีกฝ่ายบ้างตามมารยาทในช่วงที่เขายังทำงานอยู่ที่นี่แม้จะไม่ได้รู้จักกันจริงๆ




“พี่ภัทรสบายดีมั้ยคะ? สามปีก่อนจู่ๆพี่ก็หายไปเลย ขนาดคนในแผนกบางคนยังไม่รู้ว่าพี่ภัทรลาออกจนผ่านไปเป็นอาทิตย์ เลยไม่ได้เลี้ยงส่งเลย” หญิงสาวทำหน้าเสียดาย ภรัณยูรู้สึกถึงสายตาของทินกรที่เหลือบมองเขา แต่แสร้งทำเป็นไม่สนใจ




“อุ๊ย…แล้วนี่ใครเหรอคะพี่ภัทร” พนักงานสาวกระซิบถามเมื่อเห็นหนุ่มหล่ออีกคนในลิฟต์ ภรัณยูลอบถอนหายใจ ก่อนจะแนะนำทินกรให้อีกฝ่ายรู้จัก



“คุณทินกร เจ้านายพี่”



จากสีหน้าของเด็กหนุ่มข้างกาย ภรัณยูพอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายไม่ชอบสถานะนั้นสักนิด



“สวัสดีค่ะคุณทินกร”หญิงสาวทักทายตามมารยาท ทินกรยิ้มรับ



“รู้จักกับคุณภรัณยูด้วยเหรอครับ?”



เจ้าของชื่อเกร็งขึ้นมาอย่างหวาดระแวง ทำให้จู่ๆทินกรถึงได้เป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาขึ้นมาเองแบบนี้



“ค่ะ เคยทำงานด้วยกันบ้าง” พนักงานสาวตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้เมื่อรู้ว่ากำลังคุยกับเจ้านายใหม่ของอดีตเพื่อนร่วมงาน




“ตอนอยู่ที่นี่…เขาเป็นคนแบบไหนเหรอครับ?” ทินกรถามเสียงใคร่รู้ ในสายตาคนนอก คำถามของทินกรไม่ได้ดูเป็นอะไรที่ผิดแปลกไปจากบทสนทนาปกติมากนัก แต่สำหรับภรัณยู คำถามนั้นทำให้เขาแทบจะกระโดดตะครุบปากคนพูดไม่ให้ถามอะไรมากกว่านี้



“ก็…เป็นพี่ที่ดีค่ะ พี่ภัทรเป็นคนใจเย็น ชอบสอนงานให้น้องๆ ทุกคนเลยชอบมาถามนู่นถามนี่พี่ภัทรกันใหญ่เลยคะ”



คนถูกถามได้ทีช่วยชมพนักงานรุ่นพี่ให้เจ้านายใหม่ฟัง หารู้ไม่ว่าตัวตนของภรัณยูในบรัษัทใหม่นั้นแทบไม่มีอะไรเหมือนกับคนที่เดินจากไปเมื่อสามปีก่อน



การลาออกของเขาแม้จะไม่ใช่เรื่องผลีผลาม แต่นอกจากคนที่จำเป็นต้องรู้ ภรัณยูไม่เคยบอกใคร หลังจากจัดการทุกอย่างที่จำเป็นต้องทำ เขาเก็บข้าวของของตัวเองในวันหยุดสุดท้ายและไม่เคยก้าวเท้ากลับเข้ามาในบริษัทนี้อีก



…จนกระทั่งวันนี้



หัวใจของชายหนุ่มเต้นแรงขึ้นเมื่อลิฟต์เคลื่อนตัวมาหยุดในชั้นที่คุ้นเคย แม้ในใจจะบอกว่าเขากำลังคิดมากไปเอง ผู้ชายคนนั้นแต่งงานกับลูกสาวเจ้าของบริษัทและเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้บริหารระดับสูงตั้งแต่เขาออกมาใหม่ๆ การจะได้เจอกับอีกฝ่ายที่ห้องทำงานของผู้จัดการฝ่ายการตลาดไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ



แต่เขาประเมินความโชคร้ายของตัวเองต่ำไป



ทินกรเปิดประตูให้ร่างโปร่ง ภรัณยูยิ้มให้อีกฝ่ายเล็กน้อยก้อนจะก้าวเข้าไปในห้องทำงานของคนที่พวกเขานัดพบในวันนี้ ภาพของชายหนุ่มข้างในทำให้ภรัณยูชะงักค้าง ไม่ใช่แค่เขา แม้แต่ทินกรและเลขาสาวที่นำทางพวกเขามายังหยุดนิ่งอยู่กับที่ไม่ต่างกัน



ภาพตรงหน้าของพวกเขาคือชายหนุ่มในชุดสูทยับยู่ยี่กำลังกระดกเหล้าดีกรีแรงจากขวดโดยตรงอย่างไม่เกรงใจแสงตะวันภายนอกหน้าต่าง ใบหน้าของชายหนุ่มรุ่นพี่ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นคนรักของภรัณยูแดงก่ำด้วยความเมามาย กลิ่นแอลกอฮอล์เหม็นหึ่งตลบอบอวลไปทั่วห้องจนเขาต้องยกมือขึ้นปิดจมูก



“ภัทร…ภัทรกลับมาหาพี่แล้ว…”



ปภพลุกพรวดขึ้นจากโต๊ะ โซเซไปมาด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์แต่ยังคงพยายามก้าวมาหาเขา ภรัณยูก้าวถอยหลังอย่างตกใจ แต่ก่อนที่ปภพจะได้เข้าถึงตัวเขา ร่างสูงของเด็กหนุ่มข้างๆก็ก้าวเข้ามาขวางไว้เสียก่อน



“มีเรื่องอะไรกับคนของผมรึเปล่าครับ?”



ปภพชะงักเมื่อเห็นเงาร่างที่สูงท่วมศีรษะของตน ชายหนุ่มพยายามยืดตัวตรงและจัดเสื้อผ้าของตนให้เข้าที่เข้าทาง




“เชิญทางนี้ครับ คุณทินกร”



ถึงแม้ปภพจะแสร้งทำเหมือนเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่ได้เกิดขึ้น แต่สภาพของอีกฝ่ายและกลิ่นแอลกอฮอล์ที่ตลบอบอวลไปทั่วห้องนั้นยากจะเพิกเฉย ภรัณยูนึกชื่นชมคนรักที่วางตัวได้อย่างเป็นมืออาชีพและไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมา




แต่จะดีกว่านี้ถ้ามือของอีกฝ่ายไม่วางนิ่งใต้โต๊ะอยู่บนต้นขาของเขาอย่างแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของแบบนี้



“คุณภรัณยู ในเรื่องของงบประมาณ…”



“ทั้งหมดอยู่ในเอกสารที่ทางเราส่งมาล่วงหน้า คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะครับ”




ทินกรชิงตอบ คงต้องบอกว่าเด็กหนุ่มไม่เปิดโอกาสให้ภรัณยูได้มีโอกาสตอบคำถามใดๆของปภพตลอดบทสนทนา หากเป็นเวลาอื่น ภรัณยูอาจจะรู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของอีกฝ่าย แต่เขาในตอนนี้มีเพียงความรู้สึกขอบคุณกับความห่วงใยที่อีกฝ่ายมีให้เขาถึงแม้จะไม่เคยได้รับคำอธิบายใดๆ




หลังจากหนึ่งชั่วโมงที่อึดอัดที่สุดในชีวิตของเขา ภรัณยูแทบจะก้มลงกราบกรานฟ้าดินที่ทำให้การพูดคุยครั้งนี้ผ่านไปอย่างราบรื่น



เขาน่าจะรู้ตัวว่าดีใจเร็วเกินไป




“คุณภรัณยู รบกวนอยู่ก่อนได้มั้ยครับ? ผมมีเรื่องอยากปรึกษาเกี่ยวกับตัวงาน…” ปภพเอ่ยทักเมื่อเห็นเขาเริ่มเก็บข้าวของ แต่ก่อนที่ภรัณยูจะได้พูดอะไร คนข้างกายของเขาก็ชิงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง




“ขอโทษด้วยนะครับ คุณภรัณยูกับผมมีธุระด่วนต่อจากนี้ คงต้องเป็นวันหลัง”



ทินกรกดเสียงต่ำ แววตาของร่างสูงบ่งบอกว่าไม่เปิดช่องให้ปภพต่อรอง และดูเหมือนปภพจะรับรู้สารจากดวงตาสีควันบุหรี่ได้เป็นอย่างดี เพราะชายหนุ่มเพียงแค่ปล่อยให้พวกเขาเดินออกมาจากห้องโดยไม่ทักท้วง แม้ภรัณยูจะรู้สึกถึงสายตาที่จับ
จ้องแผ่นหลังของตนไปตลอดทาง











“ซัน…ไม่มีอะไรจะถามพี่เหรอ”




หลังจากความเงียบในรถตลอดระยะทางที่กลับมาถึงบ้านของทินกร ภรัณยูที่ทนไม่ไหวเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ ทินกรที่เดินนำเขาเข้ามาในบ้านชะงักฝีเท้า เอ่ยตอบโดยไม่หันกลับมา



“ถ้าพี่ภัทรไม่อยากเล่า ถึงผมถามไปพี่ภัทรก็ไม่ตอบอยู่ดี จริงมั้ยครับ?”



ทินกรตอบเสียงเรียบ ไร้ซึ่งความน้อยอกน้อยใจในน้ำเสียง แต่นั่นกลับยิ่งทำให้ภรัณยูรู้สึกเจ็บแปลบในอกกว่าที่เป็นอยู่ ร่างโปร่งขยับเข้าใกล้คนรัก โอบแขนรอบเอวสอบ ซุกหน้าลงบนแผ่นหลังกว้างอย่างรู้สึกผิด



“เขาเป็นแฟนเก่า…ก่อนที่พี่จะลาออกจากบริษัทนั้น”



แม้ในสายตาของปภพ ความสัมพันธ์ของพวกเขาอาจจะไม่ได้อยู่ในสถานะดังกล่าว แต่ภรัณยูไม่เคยคิดสงสัย การตั้งคำถามไม่อยู่ในธรรมชาติของเขา เช่นเดียวกับการเผชิญหน้ากับปัญหาตรงๆ



เขาไม่เคยสงสัยว่าทำไมพวกเขาไปเคยออกไปทานอาหารนอกห้อง ไม่เคยไปดูหนัง ไม่เคยทำตัวเหมือนคนรักเวลาที่อยู่ในที่ที่มีคนอื่นนอกจากพวกเขา ชายหนุ่มเพียงแต่บอกตัวเองว่าการให้คนอื่นรู้ถึงความสัมพันธ์ของพวกเขาจะทำให้พวกเขาดูไม่เป็นมืออาชีพในสายตาของคนนอก



ด้วยเหตุนั้นเขาถึงถูกหลอกให้อยู่ในความสัมพันธ์แบบ’เด็กเก็บ’ของปภพซึ่งมีตำแหน่งเป็นเจ้านายของเขาในตอนนั้น โดยไม่ได้รู้เลยว่านอกจากเขา อีกฝ่ายยังคงคอยตามเทียวไล้เทียวขื่อลูกสาวคนเดียวของประธานบริษัทอยู่ตลอด




จนกระทั่งวันที่หญิงสาวยอมตกลงปลงใจกับปภพ ภรัณยูถึงได้เข้าใจสถานะของตัวเอง




หรือหากจะพูดให้ถูก…สถานะที่เคยเป็นของเขา




ตลอดเวลาที่ภรัณยูเล่าเรื่องในอดีตให้ทินกรฟัง เด็กหนุ่มไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ และนั่นยิ่งทำให้หัวใจของร่างโปร่งตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม




“ซัน…พูดอะไรหน่อยสิ”




“พี่ภัทร…คิดว่าผมจะเป็นแบบผู้ชายคนนั้นจริงๆเหรอครับ?”




เสียงทุ้มสั่นเครือ และภรัณยูรู้ว่านั่นไม่ได้มาจากความโกรธ มือเรียวรั้งให้อีกฝ่ายหันกลับมาหาเขา และสีหน้าที่ราวกับจะร้องไห้ของคนรักทำให้ภรัณยูนึกอยากให้อีกฝ่ายตะโกนโวยวายใส่เขาอย่างที่เขานึกกลัวก่อนหน้า




“ซัน…”



“ผม…ดูเลวขนาดนั้นในสายตาพี่ภัทรจริงๆเหรอครับ”



“…”



เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรตอบคำถามนั้นอย่างไร เขารู้ดีว่าทินกรไม่ใช่ปภพ แต่ในขณะเดียวกัน ภรัณยูก็ไม่เคยคิดว่าปภพจะเป็นคนที่สามารถทำเรื่องแบบนั้นกับเขาได้เช่นกัน




แต่ทินกรถือเอาความเงียบของเขาเป็นคำตอบไปเสียแล้ว ร่างสูงก้าวถอยห่างจากภรัณยู แม้ในตอนที่เขาทำร้ายจิตใจจนอีกฝ่ายไม่อยากมองหน้า ทินกรยังคงแกะมือเขาออกจากแขนของตัวเองอย่างนุ่มนวล




“ผมขอ…อยู่คนเดียวสักพักได้มั้ยครับ”




แม้ในใจจะกรีดร้องให้เขาดึงดันจะอยู่ แต่ภรัณยูเลือกที่จะพยักหน้า ชายหนุ่มมองตามร่างที่ก้าวขึ้นบันไดอย่างเชื่องช้า
รวบรวมความกล้าเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ



“พี่…มาหาซันพรุ่งนี้ได้มั้ย”



“พรุ่งนี้ผมมีเรียนทั้งวัน…ขอโทษนะครับ” เด็กหนุ่มตอบโดยไม่หันกลับมา ภรัณยูกัดริมฝีปาก แม้หัวใจจะหนักอึ้ง แต่เขารู้ว่าตัวเองต้องเคารพการตัดสินใจของคนรัก




อย่างน้อย…นั่นก็เป็นสิ่งเดียวที่เขาจะทำให้ทินกรได้ในตอนนี้


ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
เห็นใจแฟนเด็กนี๊สสนึงงง น้องต้องการเวลา

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
คิดถึงจังเลยยย

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
น้องเสียใจอย่างแรง พี่ภัทรต้องรีบง้อด่วนๆ เลย

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ดราม่า...

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ความนิ่งช่างน่ากลัว  :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
เฮ้อ คอนเซปต์ของทั้ง2คู่ในเรื่องนี้คือไม่ยอมพูดออกมาว่าคิดยังไง ชอบตีความกันไปเองจริงๆเลย กินมาม่าแปบ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ก็เพราะกลัวอีกฝ่ายคิดมากไง มันถึงได้เป็นแบบนี้  :katai1:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ดราม่าสาหัสเลย

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
อ้าว คู่นี้ขยันมีเรื่องให้นอยด์กันตลอด
ต้องเข้าใจกัน พูดคุยกันให้มากนะ
ด้วยความต่างวัย และความคิดมากไปเองของทั้งคู่เลย

เอาใจช่วยซันภัทรนะคะ

สงสารมีน ที่ต้องเจอความร้ายของธาร
แต่ยังมีความใจดีของคุณเชษฐ์กอบกู้ได้บ้าง

ออฟไลน์ memozy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
รีบเคลียร์เลย ไม่เอาดราม่านานนะ
รอติดตามอยู่นะ

ออฟไลน์ jagkree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 204
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
    • Facebook

ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14
สงสารน้องอ่ะ

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
อ่านมาถึงตอนนี้แล้ว ความสงสารต่าง ๆ ยังคงให้น้องมีนอยู่นะครับ หวังว่าน้องจะผ่านไปได้ด้วยดี

ออฟไลน์ nofsnof

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
น้องซันนน ฮึบๆน้าา

กลับมาปรับความเข้าใจกันดีๆเถอะะ
 :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 415
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
หื้มมมม นี่ดราม่าหนักทั้งสองคู่เลย  :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Rach

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อยากอยู่คนเดียวสักพัก กี่วัน กี่เดือน กี่ปี ถ้ารับอดีต เขาไม่ได้ หรือไม่ไว้ใจเขาก็ปล่อยเขาไปเถอะ :z10:

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
เนื่องจากปัญหาทางเนื้อเรื่องบางประการ ขออนุญาตหยุดอัพเรื่องนี้อย่างไม่มีกำหนดนะคะ ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เนื่องจากปัญหาทางเนื้อเรื่องบางประการ ขออนุญาตหยุดอัพเรื่องนี้อย่างไม่มีกำหนดนะคะ ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

จะรอน๊าไรท์   :sad11:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
Chapter 26: วันครบรอบ



มีนารู้สึกว่าธีรเชษฐ์มีบางอย่างในใจตั้งแต่วันที่อีกฝ่ายออกไปทำธุระ แต่วันนี้ท่าทีของธีรเชษฐ์ยิ่งดูเหม่อลอยจนน่ากังวลกว่าปกติ ร่างสูงขังตัวเองอยู่ห้องนอนมาตั้งแต่เช้า ไม่ได้ออกไปทำงานแม้จะแต่งกายด้วยชุดสูทสีดำสนิทตั้งแต่หัวจรดเท้า


“คุณเชษฐ์ครับ อาหารเช้าเสร็จแล้วนะครับ…”  เมื่อเคาะประตูไม่มีเสียงตอบรับ มีนาจึงกลั้นใจหมุนลูกบิดประตูด้วยแรงที่ทำให้เกิดเสียงน้อยที่สุด “ขออนุญาตนะครับ…”



เห็นได้ชัดว่าคนในห้องไม่ได้ยินเสียงเขาเข้ามา ธีรเชษฐ์ยังคงนั่งก้มหน้าอยู่บนเตียง ในมือมีกรอบรูปที่มีนาจำได้ว่าเคยเห็นวางคว่ำอยู่ภายในลิ้นชักหัวเตียงของร่างสูงตอนทำความสะอาด แม้จะไม่เคยกล้าหงายขึ้นดูว่าเป็นรูปอะไรก็ตาม



ร่างเล็กค่อยๆทรุดตัวลงบนพื้นข้างกายธีรเชษฐ์ มือเรียวเอื้อมไปแตะที่แขนของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา คนที่จมอยู่ในโลกส่วนตัวขยับเล็กน้อย หันมามองมีนาด้วยสีหน้าราวกับเพิ่งเห็นเด็กหนุ่มเป็นครั้งแรก


“อาหารเช้าเสร็จแล้วครับ” มีนาเอ่ยเสียงเบา “ทานซักหน่อยนะครับ”



“อืม เดี๋ยวฉันออกไป”



เสียงทุ้มแหบพร่า มีนาลอบสังเกตว่าดวงตาสีควันบุหรี่ที่มักจะไม่ค่อยแสดงอารมณ์ออกมามากนักแดงระเรื่อ แต่ไม่กล้าถาม
หลังจากมีนากลับออกมาจากห้องนอนได้สักพัก ร่างสูงก็เปิดประตูออกมา ใบหน้าคมเรียบนิ่งไม่แสดงความรู้สึก เด็กหนุ่มขยับตัวอย่างอึดอัดกับบรรยากาศตึงเครียดในห้อง ทั้งที่เขาคิดว่าเรื่องระหว่างพวกเขากำลังเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นแล้วแท้ๆ…



“ไม่มีเรียนเหรอ?” ธีรเชษฐ์ถามด้วยน้ำเสียงอิดโรยหลังรวบช้อนส้อมของตัวเอง



“มีเรียนตอนบ่ายครับ” ร่างเล็กตอบ แม้เขาจะไม่อยากทิ้งให้อีกฝ่ายอยู่ในสภาพแบบนี้คนเดียวก็ตาม



ธีรเชษฐ์เพียงแต่พยักหน้ารับรู้ เด็กหนุ่มลอบมองร่างสูงที่นิ่งไปอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มเก็บจานชาม ใช้การล้างจานเป็นข้ออ้างเอาตัวเองออกจากสถานการณ์น่าอึดอัดนี้



ครืดดดด


ร่างเล็กขมวดคิ้ว วางกองจานชามขนาดย่อมลงในอ่างล้างจานแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมารับสาย


“มีอะไรรึเปล่าซัน?”



“มีน วันนี้รบกวนส่งเลคเชอร์บ่ายมาให้หน่อยได้มั้ย ฉันคงไม่ได้เข้า” เสียงไม่สู้ดีของลูกชายคนเล็กของบ้านทรัพย์ดำรงทำให้มีนารู้สึกไม่สบายใจ เด็กหนุ่มเหลือบมองคนพ่อที่นั่งเหม่ออยู่ที่โต๊ะทานอาหาร แล้วถามคนปลายสายอย่างสงสัย



“มีอะไรรึเปล่าซัน เสียงไม่ดีเลย”


“พอดี…วันนี้เป็นวันครบรอบวันที่แม่ฉันเสียน่ะ ฉันจะไปทำความสะอาดสุสานกับพี่ๆ คงกลับไปไม่ทันเรียน”



มีนารู้สึกเหมือนเลือดในร่างกายเย็นเฉียบ ท่าทีประหลาดของธีรเชษฐ์ดูมีเหตุผลขึ้นมาในสายตาของเด็กหนุ่ม


“เรา…ก็ไม่น่าจะได้ไปเรียนวันนี้ มีธุระนิดหน่อย ขอโทษนะ”



ร่างเล็กประหลาดใจที่การตัดสินใจนั้นง่ายมากสำหรับเขาทั้งที่เด็กหนุ่มไม่เคยขาดเรียนเองหากไม่มีทางเลือก



”อ๋อ ไม่เป็นไร เดี๋ยวขอพายุเอา” ทินกรวางสายไปหลังจากนั้น มีนาเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋ากางเกง ดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยความกังวลยังคงไม่ละไปจากร่างสูง



“คุณเชษฐ์ครับ…วันนี้จะออกไปไหนรึเปล่าครับ”



เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของมือเล็กที่แตะลงบนไหล่ของตนอย่างแผ่วเบา แววตาของร่างสูงว่างเปล่าเหม่อลอย บีบหัวใจคนมองจนมีนานึกอยากดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดไว้ให้แน่น




“ไม่มี” คำตอบนั้นทำให้เด็กหนุ่มเอียงคออย่างประหลาดใจ และท่าทีนั้นกระตุ้นความสงสัยของคนเหม่อลอยมาตลอดทั้งเช้า



“ทำไม? คิดว่าฉันจะต้องไปไหนเหรอ?”



“คือ…” มีนาก้มหน้าหลบสายตาจ้องจับผิด รู้สึกเหมือนตัวเองล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัวของธีรเชษฐ์โดยไม่ได้รับอนุญาต



“คุณทินกรบอกว่าวันนี้เป็นวันครบรอบวันเสียชีวิตของคุณเกศรา ผมเลยคิดว่า…”


“ไม่หรอก เด็กพวกนั้นคงโกรธถ้าฉันเข้าไปยุ่งในวันครอบครัวของพวกเขา”



“แต่ว่า…” คุณเชษฐ์ก็เป็นครอบครัวของพวกเขาไม่ใช่เหรอครับ?


“เชื่อเถอะ ไม่มีฉันพวกเขาจะมีความสุขกว่า” ธีรเชษฐ์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “ตอนบ่ายฉันคงไม่ได้ไปส่งนะ ไปเรียนเองได้ใช่
มั้ย?”



“พอดีวันนี้อาจารย์เขายกเลิกคลาสน่ะครับ” มีนาโกหก หากเป็นเวลาปกติน้ำเสียงสั่นๆและแววตาล่อกแล่กของเด็กหนุ่มคงจะทำให้ถูกจับได้อย่างง่ายดาย แต่ธีรเชษฐ์ในตอนนี้เพียงพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจแล้วกลับเข้าห้องนอนไป


มีนามองตามร่างสูงไปด้วยสายตาเป็นกังวล แต่ไม่กล้ารบกวนความเป็นส่วนตัวของธีรเชษฐ์ในตอนนี้



การไม่สามารถแม้แต่จะไปเยี่ยมหลุมศพของคนที่รักในวันครบรอบวันเสียชีวิตเป็นเรื่องที่เขาคิดว่าเป็นบทลงโทษที่รุนแรงเกินไปแม้ว่าความผิดของธีรเชษฐ์จะเป็นอะไรก็ตาม



เด็กหนุ่มตัดสินใจใช้เวลาว่างทำความสะอาดห้องไปเรื่อยๆโดยหวังว่าคนข้างในจะส่งสัญญาณบางอย่างให้เขารับรู้ว่าสามารถเข้าไปได้



แต่เวลาผ่านไปจนถึงช่วงบ่ายก็ยังคงไม่มีวี่แววของสัญญาณดังกล่าว




มีนาประคองถาดอาหารกลางวันไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง เคาะประตูเบาๆเพื่อขออนุญาตแต่ไม่มีเสียงตอบรับจากภายใน เด็กหนุ่มชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจแง้มประตูเปิดเข้าไป



ร่างสูงที่เขาเป็นห่วงนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ยังคงอยู่ในชุดสูทสีดำสนิทที่ใส่ออกมาก่อนหน้านี้ ในมือมีกรอบรูปที่มีนาคาดว่าคงไม่พ้นเป็นรูปภรรยาที่ล่วงลับ เวลาเพียงไม่กี่วินาทีในห้องนั้นกลับทำให้มีนารู้สึกเหมือนตนได้เห็นสิ่งที่ตนไม่ควรไปเห็นเข้า เด็กหนุ่มตั้งใจจะปิดประตูกลับออกไป แต่สีหน้าเจ็บปวดของคนที่ยังคงจมอยู่ในฝันร้ายทำให้เขาตัดใจทิ้งคนตรงหน้าไม่ลง



“คุณเชษฐ์ ได้เวลาอาหารเที่ยงแล้วครับ”



มีนาเขย่าไหล่กว้างเบาๆ ธีรเชษฐ์ขยับเล็กน้อย เปลือกตาหนาปรือขึ้นอย่างง่วงงุนก่อนที่ร่างสูงจะยันตัวขึ้นนั่งบนเตียง



“ฉันไม่ค่อยหิว…เธอกินไปก่อนเถอะ”



มีนาวางถาดอาหารกลางวันลงบนชั้นข้างหัวเตียงแล้วนั่งลงข้างชายหนุ่ม เขาไม่อยากล่วงล้ำพื้นที่ส่วนตัวของธีรเชษฐ์ แต่เด็กหนุ่มก็ไม่อยากปล่อยให้คนตรงหน้าจมอยู่กับความเศร้าเพียงลำพัง



สุดท้าย ร่างเล็กจึงเลือกที่จะลุกขึ้นจัดเก็บห้องนอนของอีกฝ่ายเงียบๆ แม้ว่าห้องของธีรเชษฐ์จะไม่ค่อยมีอะไรให้จัดเก็บมากนักก็ตาม



มีนาเก็บชั้นหนังสือไปได้สองชั้นเมื่อแขนแข็งแรงโอบเอวบางรั้งเข้ามาในอ้อมกอด



“ชั้นนั้นเพิ่งเก็บไปเมื่อวานไม่ใช่เหรอ?” เสียงทุ้มกระซิบถามชิดริมหู มีนายิ้มเจื่อนเมื่อถูกจับได้ แต่ไม่คิดจะแก้ตัวอะไรกับร่างสูง
ธีรเชษฐ์ยิ้มขำ แม้รอยยิ้มนั้นจะส่งไปไม่ถึงดวงตาแต่มีนาก็ยังดีใจที่เห็นอีกฝ่ายยิ้มได้



“เป็นห่วงฉันรึไง?”



“ครับ” มีนาพยักหน้ารับอย่างไม่คิดแก้ตัว แต่สีหน้าประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัดของคนอายุมากกว่าทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนตนเพิ่งพูดอะไรผิดไป “มะ…ไม่ได้เหรอครับ?”



ธีรเชษฐ์ยกมือขึ้นลูบใบหน้าของตัวเองอย่างอ่อนเพลียหัวใจ นี่คือจุดจบของพวกเสี่ยใหญ่ที่คิดว่าตัวเองรับมือเด็กน้อยตาใสพวกนี้ได้สินะ



โลหะเย็นที่สัมผัสกับใบหน้าคมทำให้ร่างสูงชะงัก ธีรเชษฐ์พิจารณาแหวนเงินเกลี้ยงเกลาบนนิ้วนางข้างซ้ายที่ปกติมักจะถูกเก็บไว้บนลิ้นชักหัวเตียงของตน มีนามองตาการกระทำนั้นอย่างฉงนสงสัย ร่างเล็กสะดุ้งก่อนจะรีบหลบสายตาของธีรเชษฐ์เมื่ออีกฝ่ายละสายตาจากแหวนแต่งงานของตนมายังเด็กหนุ่มตรงหน้า



“เย็นนี้ไม่ต้องทำอาหารเย็นนะ” มีนาพยักหน้ารับคำ ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายถอดแหวนแต่งงาน
ของตัวเองออกและวางมันกลับลงไปในลิ้นชักพร้อมกับกรอบรูปที่นอนกอดมาตลอดทั้งวัน “ฉันจะพาออกไปกินข้างนอก”



ธีรเชษฐ์ดันลิ้นชักหัวเตียงกลับเข้าไปแล้วไขกุญแจปิด ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยังคงมองตามการกระทำของเขาพร้อมแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม ก่อนจะยื่นกุญแจดอกนั้นให้กับมีนา



“ฝากเก็บไว้หน่อยได้มั้ย?”



“ครับ…” มีนาพยักหน้ารับ ก้มมองกุญแจในมือด้วยสีหน้างุนงง แต่เมื่อเห็นว่าธีรเชษฐ์ดูจะอารมณ์ดีขึ้นมากหลังจากนั้น เด็กหนุ่มจึงเลือกที่จะไม่คิดมากให้ปวดหัว







ถ้าหากการกระทำทั้งหมดก่อนหน้านี้ของภรัณยูยังไม่ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนรักที่เฮงซวยที่สุดในโลก สิ่งที่เจนจิรากำลังพูดอยู่ตอนนี้ก็ทำให้เขามั่นใจถึงสถานะนั้นอย่างไม่มีข้อกังขา


“ภัทร? เป็นอะไรไปอีกล่ะ ทำงานหนักไปรึเปล่าช่วงนี้ ชักจะเหม่อบ่อยขึ้นทุกวันแล้วนะ” เจนจิราติงลูกน้องของตนอย่างเป็นห่วง ภรัณยูกล่าวขอโทษหญิงสาวในชุดกระโปรงสอบสีดำสนิทตั้งแต่หัวจรดเท้าหลังจากแวะทำบุญให้กับภรรยาที่ล่วงลับของท่านประธาน ยังคงไม่เข้าใจว่าในบรรดาวันเกิดและวันครบรอบต่างๆในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งหมด วันที่เขาเลือกที่จะปล่อยให้ทินกรอยู่คนเดียวตามคำขอคือวันครบรอบวันเสียชีวิตของมารดาของเด็กหนุ่ม


เขาไม่รู้ว่าคำว่า ‘อยากอยู่คนเดียวซักพัก’ ของทินกรหลังจากวันนั้นมันนานแค่ไหน แต่การปล่อยให้ทินกรต้องอยู่คนเดียวในวันที่เป็นเครื่องย้ำเตือนถึงการสูญเสียของอีกฝ่ายเป็นสิ่งที่ภรัณยูรู้ว่าไม่มีคนรักดีๆที่ไหนทำ


แต่จะให้เขาทะเล่อทะล่าเดินเข้าไปในสุสานในตอนนี้ก็คงจะไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก



“พี่แจนครับ แล้วปกติทุกปีใครเป็นคนไปทำความสะอาดสุสานเหรอครับ?”



“คุณธาร ลูกชายคนรองของท่านประธานน่ะจ้ะ แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่ทั้งคุณทินทั้งคุณเมฆากลับมา คงจะไปช่วยกันทั้งสามพี่น้องนั่นแหละ” เจนจิราอธิบายด้วยรอยยิ้มเอ็นดู



“แล้วท่านประธาน…”



“คงไม่ได้ไปด้วยหรอก เรื่องทางบ้านน่ะ” หญิงสาวรุ่นพี่ตอบกว้างๆ ก่อนจะยิ้มอย่างรู้ทัน “ฮั่นแน่ เป็นห่วงคุณทินล่ะสิ”


“เอ๊ะ? ผม…” เมื่อถูกทักอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้คำปฏิเสธติดอยู่ที่ริมฝีปากแต่ไม่สามารถออกมาเป็นคำได้ เจนจิราส่ายศีรษะยิ้มๆ


“ไม่ต้องปฏิเสธหรอกภัทร คุณทินเธอเป็นเด็กดี อยู่กับใครใครก็รัก ภัทรอยู่กับคุณทินบ่อยขนาดนั้นจะเป็นห่วงบ้างก็ไม่แปลกหรอก”


“…”ภรัณยูพยักหน้าตามน้ำ ไม่คิดแก้ไขความเข้าใจผิดของหญิงสาวรุ่นพี่



หากในระหว่างการประชุมเขาเหม่อลอยกว่าปกติ ภรัณยูก็เก็บความรู้สึกได้มากพอที่จะไม่เป็นที่สังเกตของผู้เข้าร่วมการประชุม ร่างโปร่งคิดไปว่าตัวเองรอดพ้นจากการถูกตำหนิไปได้ด้วยดีเมื่อเลขาของท่านประธานที่วันนี้เข้าประชุมแทนทั้งธีรเชษฐ์และเมฆาเอ่ยปากขอให้เขารออยู่ก่อน


“ขอโทษครับคุณมธุวัน…”



“ขอโทษ? เรื่องอะไรเหรอครับ?” มธุวันเลิกคิ้ว คนที่คิดว่าตัวเองถูกเรียกมาด่าชะงัก ไม่มั่นใจว่าถ้าอย่างนั้นตนถูกเรียกมาด้วยเรื่องอะไร



“เอ่อ…คุณมธุวันมีอะไรให้ผมทำรึเปล่าครับ?”



“…” ถึงคราวมธุวันที่เป็นฝ่ายนิ่งไป ภรัณยูยืนรอฟังชายหนุ่มอายุน้อยกว่าอย่างใจเย็น เพราะไม่บ่อยนักที่ใครจะได้เห็นคุณมธุวันอ้ำอึ้งแบบนี้



“วันนี้…เป็นวันที่หนักสำหรับทุกคนในบ้านนั้น ไม่ใช่แค่คุณทินกร…” เลขาหนุ่มเอ่ยขึ้นในที่สุด “ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงจนเกินไป ผมรบกวนคุณช่วยดูคุณเมฆาด้วยจะได้มั้ยครับ?”



“เอ๊ะ…”



ภรัณยูกระพริบตาปริบๆ ทั้งที่เขาเคยเห็นมธุวันกับเมฆานอกเวลางาน เห็นมธุวันกับเมฆาด้วยกันที่คฤหาสน์ทรัพย์ดำรง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงไม่เคยคิดถึงความเป็นไปได้ที่ลูกชายคนโตของท่านประธานกับเลขาหนุ่มจะมีอะไรในกอไผ่มากกว่าที่ตาเห็น



“ผมแค่เป็นห่วงเขาในฐานะมนุษย์ร่วมโลกคนนึง” มธุวันเอ่ยเสียงเรียบ ดวงตาสีเทาอมฟ้าไม่เผยความรู้สึก “อย่างน้อยคุณทินกรกับท่านประธานยังมีคนอยู่ด้วยในเวลาแบบนี้”



“ถ้าอย่างนั้น…ทำไมคุณมธุวันถึงไม่ไปหาคุณเมฆาล่ะครับ?”



ภรัณยูหวังว่าน้ำเสียงของตัวเองจะฟังดูบริสุทธิ์ใจพอที่คนตรงหน้าจะรู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจกวน มธุวันส่ายหน้า เก็บเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะประชุมแล้วเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มอายุมากกว่าด้วยแววตาที่ทำให้ภรัณยูรู้สึกว่าร่างกายของตนลีบเล็กลง



“ผมไม่ใช่เพื่อนของเขา เราเรียกกันว่าคนรู้จักไม่ได้ด้วยซ้ำ…” ภรัณยูลอบกลืนน้ำลาย รู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวพวกเขาหนักอึ้งขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ “ถือว่าผมขอร้องแล้วกัน“



เขาอยากจะบอกเลขาหนุ่มที่เดินออกจากห้องไปหลังจากนั้นเหลือเกินว่าไม่ว่าใครที่สอนวิธีการขอร้องกับมธุวันสอนอีกฝ่ายมาผิดอย่างไม่น่าให้อภัย



แต่ภรัณยูรู้ดีว่าตอนนี้เขามีปัญหาใหญ่กว่านั้นมาก








”คุณเชษฐ์ เรากำลังจะไปไหนกันเหรอครับ?”



มีนาถามขึ้นหลังจากพวกเขาออกมาจากคอนโดได้ระยะหนึ่ง ธีรเชษฐ์เพียงแค่บอกให้เขาแต่งตัวน่ารักๆสำหรับมื้อเย็นแต่ไม่ได้บอกจุดหมายปลายทางของพวกเขา หากเป็นวันปกติ มีนาอาจจะแต่งกายด้วยเสื้อยืดกางเกงขายาวเหมือนทุกครั้งที่ร่างสูงไม่ได้จำเพาะเจาะจงการแต่งกายของเขา แต่วันนี้เด็กหนุ่มเลือกที่จะใส่เสื้อแขนกุดมีฮู้ดสีเข้มกับกางเกงขาสั้นที่แม้จะไม่ได้สั้นกุดจนหนาวขาแต่ก็ไม่ยาวคลุมเข่าให้เขาสบายใจเหมือนตัวอื่น



แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เสื้อผ้าที่มีนารู้สึกสบายใจที่จะสวมใส่ที่สุด แต่แววตาพึงพอใจของธีรเชษฐ์ที่ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกหน้าแดงวาบนั้นคุ้มค่ากับความไม่สบายกายของเขาอย่างมาก


แทนคำตอบ คนขับเลี้ยวเข้าไปในร้านจอดรถของร้านอาหารอิตาเลี่ยนขนาดไปเล็กไม่ใหญ่ร้านหนึ่ง ตัวร้านตกแต่งด้วยสีขาวและต้นไม้เถาวัลย์ปลอมที่ช่วยให้ทุกอย่างไม่ดูสว่างจ้าจนเกินไปในแสงไฟสีส้มนวล แม้ว่านี่จะไม่ใช่ร้านอาหารริมทางราคาย่อมเยาว์ แต่มีนาก็ดูออกว่ามันไม่ใช่ภัตราคารหรูที่แต่ละจานสามารถซื้อข้าวในโรงอาหารมหาวิทยาลัยได้เป็นเดือนอย่างที่ธีรเชษฐ์ชอบพาเขาไป



ร้านนี้เป็นร้านอาหารบรรยากาศดีที่ราคาอยู่ในหลักร้อยต้นๆ ทำให้มีทั้งคนวัยทำงานและครอบครัวมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก



“คุณธีรเชษฐ์ สวัสดีครับ ทางร้านจัดโต๊ะเดิมไว้ให้....” บริกรหนุ่มชะงักเมื่อเห็นร่างเล็กที่เกาะอยู่ข้างกายชายหนุ่มในชุดสูทสีดำสนิท “หรือว่าจะคุณธีรเชษฐ์สนใจจะนั่งที่อื่น...”



“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก” ธีรเชษฐ์เอ่ยพร้อมรอยยิ้มตามมารยาท ทำให้มีนาที่ไม่เคยเห็นร่างสูงทำตัวแบบนี้กับพนักงานเงยหน้ามองชายหนุ่มอย่างประหลาดใจ บริกรหนุ่มเดินนำพวกเขาไปยังโซนที่ถูกจัดให้โต๊ะแต่ละตัวกระจายกันอยู่มากกว่าส่วนอื่นของร้าน และถูกกั้นจากส่วนอื่นด้วยกำแพงพุ่มไม้ปลอมสูงระดับเอว  แม้จะไม่ได้เป็นส่วนตัวมาก แต่ก็ไม่ได้อยู่ท่ามกลางผู้คนเช่นกัน



มีนานั่งลงฝั่งตรงข้ามกับร่างสูง ธีรเชษฐ์ยื่นเมนูให้เด็กหนุ่มสั่งอาหาร กิจกรรมเล็กๆที่ร่างสูงเริ่มให้เขาทำบ่อยขึ้นเรื่อยๆก่อนหน้าที่เขาจะทำให้ธีรเชษฐ์โกรธในวันนั้น



มีนาหันไปสั่งอาหารกับบริกร แม้จะไม่ได้ลนลานเหมือนครั้งแรกๆ แต่สายตาของเด็กหนุ่มยังคงเหลือบมองธีรเชษฐ์เป็ฯระยะอย่างของความเห็นชอบ ซึ่งอีกฝ่ายเพียงแค่นั่งนิ่งไม่คิดจะเสนอความคิดเห็นอะไร



“คุณเชษฐ์มาร้านนี้บ่อยเหรอครับ” มีนาเอ่ยขึ้นหลังจากพับเมนูส่งกลับไปให้บริกร ธีรเชษฐ์ส่ายหน้า



“เปล่าหรอก แค่ปีละครั้งเท่านั้นแหละ”



“เอ๊ะ...ถ้าอย่างนั้นทำไม...” ทำไมบริกรคนนั้นถึงทักเหมือนกับชายหนุ่มเป็นลูกค้าประจำแบบนั้น



“ฉันมาที่นี่ทุกวันนี้ของปีหลังเกศเสีย” ธีรเชษฐ์ตอบ ยกแก้วไวน์ที่มีนามั่นใจว่าตนไม่ได้สั่งขึ้นจิบ “ฉันขอเขาแต่งงานที่นี่ ที่โต๊ะนี้”



มีนารู้ว่าเขาควรจะดีใจที่อีกฝ่ายยอมเผยตัวตนของตัวเองให้เขารู้ด้วยความสมัครใจ แต่เขากลับรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังก้าวล้ำพื้นที่ส่วนตัวของธีรเชษฐ์และภรรยาที่ล่วงลับ



เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อจากนั้น ทุกอย่างในหัวดูเป็นหัวข้อที่ไม่เหมาะสมจะพูดหลังประเด็นการสูญเสียคนรักนั้น มีนาก้มหน้างุดตามความเคยชิน หวังว่าอาหารที่สั่งจะมาเสิร์ฟโดยเร็วเพื่อช่วยให้เขามีอะไรเปลี่ยนประเด็น



ทว่าเมื่อจานอาหารถูกวางลงตรงหน้า มีนาพบว่าตัวเองยังคงไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไร



“พื้นร้านอาหารมันมีอะไรน่าสนใจขนาดนั้นเลยรึไง?” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด



เขาเกลียดเวลาที่มีนาไม่ยอมมองหน้าเขา แม้จะรู้เหตุผลดีแต่เขาก็ยังเกลียดทุกครั้งที่เด็กหนุ่มมีท่าทีเหมือนอยากจะอยู่ที่ไหนก็ได้ที่ไม่มีเขาอยู่ด้วย


“ขะ…ขอโทษครับ” มีนรีบเงยหน้าขึ้น แต่ก็ก้มลงไปอีกแทบจะในทันที ธีรเชษฐ์หลับตาข่มอารมณ์ที่คุกรุ่น ทานอาหารของตัวเองไปอย่างไม่สบอารมณ์่



“เอ่อ...คุณเชษฐ์ครับ..” มีนาเอ่ยด้วยน้ำเสียงกล้าๆกลัวๆ ไม่รู้ว่าทำไมความคิดบางอย่างถึงได้โผล่เข้ามาในหัวของเขาใน
ตอนนี้ แต่เขาคิดว่าในวันครบรอบวันที่ธีรเชษฐ์สูญเสียคนในครอบครัวไปอย่างวันนี้จะทำให้ชายหนุ่มต้องการคนในครอบครัวกลับมา



เจ้าของชื่อไม่ตอบ แต่วางส้อมกับมีดลงเป็นเชิงอนุญาตให้เด็กหนุ่มตรงหน้าพูดต่อ



“คือ…วันเสาร์หน้าจะมีงานออกซุ้มของคณะ...”



“ไม่อนุญาต” ชายหนุ่มตอบทันทีอย่างไม่ให้เสียเวลา



เขารู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีทางยอมให้เขาไป แต่จุดประสงค์ของมีนาที่เอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาไม่ได้อยู่ตรงนั้น



“ผมไม่ไปอยู่แล้วครับ เขาไม่ได้บังคับ” มีนตอบเสียงแผ่ว “แต่...คือ...”



“…”ชายหนุ่มกอดอกรอคำพูดที่หลุดออกมาจากปากอีกฝ่ายทีละคำอย่างอดทน



“งานวันเสาร์นี้ คุณธารก็จะไปช่วย...”



ธีรเชษฐ์ชะงักมือที่กำลังเอื้อมไปหยิบแก้วไวน์ของตน สีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดของอีกฝ่ายทำให้มีนาห่อไหล่ด้วยความหวาดกลัว



“เธอต้องการจะสื่ออะไร มีนา?”



“ผมแค่คิดว่า คุณธารน่าจะดีใจ....” เด็กหนุ่มก้มหน้างุด แต่ถูกมือใหญ่เชยคางมนขึ้นให้มองมาที่ตน ธีรเชษฐ์โน้มตัวเข้าไปใกล้ร่างบางจนใบหน้าของพวกเขาแทบไม่เหลือช่องว่างระหว่างกัน ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น



“ฉันเอ็นดูเธอมากนะมีน ถ้าเป็นคนของฉันคนอื่น เธอได้หายตัวไปตั้งแต่วันแรกที่ธารรับรู้การมีตัวตนอยู่ของเธอแล้ว”



“ครับ...ผมทราบ” มีนตอบเสียงสั่น



เขารู้ เขารู้ตัวดีว่าโชคดีแค่ไหนที่ตนอยู่นอกกฏเกณฑ์ที่ร่างสูงตั้งไว้ให้คู่นอนของตัวเอง



“อย่าเอาเรื่องที่เหนือการควบคุมของเธอมาคิดให้รกสมองเลย ยิ่งเธออยากจะซ่อมแก้วที่แตกมากเท่าไหร่ ผลลัพธ์ที่ออกมาก็จะทำให้เธอผิดหวังมากขึ้นเท่านั้น” ธีรเชษฐ์ละมือจากใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เรื่องของลูกชายฉัน ให้ฉันจัดการเอง”



“แต่คนเป็นลูก อยากจะตัดยังไงก็ตัดพ่อแท้ๆของตัวเองไม่ขาดหรอกนะครับ” มีนยังคงดึงดันแม้น้ำเสียงจะสั่นด้วยความหวาดกลัว



“เชื่อเถอะ คนอย่างธาร อยากทำอะไรก็ทำได้ทั้งนั้นนั่นแหละ”น้ำเสียงของธีรเชษฐ์ฟังดูภาคภูมิใจอย่างน่าประหลาด และนั่นทำให้มีนารู้ว่าความรักที่ชายหนุ่มมีต่อบุตรชายคนรองยังคงไม่จางหาย“เรื่องนั้นเขาได้ฉันมาเต็มๆ"


“แต่ว่า...”



“มีน ถ้าเธอยังไม่หยุด ฉันจะทำให้สมองเธอคิดอะไรไม่ออกนอกจากชื่อของฉัน..” ธีรเชษฐ์เอื้อมมือไปกุมมือเล็กที่วางอยู่บนโต๊ะ ดวงตาสีควันบุหรี่ที่เจือไปด้วยแววข่นมัวก่อนหน้านี้ถูกแทนที่ด้วยประกายหยอกเย้า “...ที่นี่ ตรงนี้ ตอนนี้ เอามั้ย?”
เด็กหนุ่มส่ายหน้าพรืด หยิบขนมปังเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆอย่างว่าง่ายด้วยสีหน้าแดงก่ำ



“เด็กดี...” มีนาไม่คิดว่าเขาจะสามารถได้ยินคำนั้นได้โดยไม่รู้สึกถึงความปั่นป่วนในอกได้อีกตลอดชีวิต“คืนนี้ฉันจะให้รางวัล...”



มีนาก้มหน้าก้มตาจัดการกับอาหารของตนอย่างขยันขันแข็ง ไม่อยากขุดหลุมฝังตัวเองให้ลึกลงไปกว่านี้



ธีรเชษฐ์ยกแก้วไวน์ของตัวเองขึ้นจิบด้วยสีหน้าขบขัน แต่แววตาของชายหนุ่มหม่นลงเล็กน้อยเมื่อนึกถึงคนที่จู่ๆก็โผล่ขึ้นมาในบทสนทนาหลังจากที่อีกฝ่ายเดินออกไปจากชีวิตเขามานานถึงสี่ปี



‘พ่อครับ...พ่ออยู่ที่ไหน พี่เมฆแย่แล้ว...’



ในวันที่นิโคไล อัลฟอนโซ่ เจ้าพ่อมาเฟียใหญ่ของอิตาลีเรียกเขาไปพบ วันที่ธีรเชษฐ์รับรู้ความจริงว่าภรรยาของตนเป็นส่วนหนึ่งของโลกมืด หญิงสาวที่เป็นเหมือนเสาต้นใหญ่ในตระกูลที่รับใช้ตระกูลอัลฟอนโซ่หันหลังให้กับทุกสิ่งที่เธอรู้จักแต่งงานกับธีรเชษฐ์เพียงเพราะบิดาของเขาเป็นมาเฟียรัสเซียที่มีอำนาจมากพอให้คนที่คิดจะตามล่าเธอเคารพยำเกรง แน่นอนว่าธีรเชษฐ์ไม่เคยรู้เรื่องนี้ เขามักจะคิดเอาเองว่าคาซีเมียร์ เจเลซนอฟ พ่อของเขาเป็นเพียงชายแก่ที่ชอบสะสมปืนเป็นชีวิตจิตใจ วันที่ความจริงกระจ่าง ธีรเชษฐ์เลือกที่จะปิดกั้นตัวเองจากความเป็นจริงแล้วย้อมใจด้วยเหล้าดีกรีแรงในคอนโดของตัวเอง ไม่ได้ใส่ใจจะชาร์จโทรศัพท์ที่แบตหมดเกลี้ยงของตน



จนกระทั่งวันรุ่งขึ้นที่เขาได้สติมากพอที่จะเอาตัวเองกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง ธีรเชษฐ์ค้นพบว่าลูกชายคนโตของตนประสบอุบัติเหตุรถคว่ำอาการสาหัสตั้งแต่กลางดึกของเมื่อคืน



เมื่อเขามาถึงโรงพยาบาล ภาพของธารธารา ลูกชายคนรองที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ข้างเตียงของลูกชายคนโตที่ยังคงหลับใหลทำให้ธีรเชษฐ์รู้สึกเหมือนตนกลับไปในวันที่เห็นร่างไร้ลมหายไร้ของเกศรานอนนิ่งอยู่บนเตียงโลหะอีกครั้ง



“ธาร…”



“พ่อหายไปไหนมา” เด็กหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงโกรธขึง ลุกขึ้นยืนคั่นระหว่างบิดาและพี่ชายคนโตของตน ดวงตาสีอัลมอนด์ถอดแบบมาจากมารดาแดงก่ำจากการร้องไห้มาเป็นเวลานาน “เวลาที่พวกผมต้องการที่สุด พ่อหายไปไหน”



เขารู้ว่าเขาบอกความจริงกับลูกชายไม่ได้



และต่อให้เขาทำได้ ธีรเชษฐ์ก็ไม่คิดที่จะเอาชีวิตของลูกชายเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องอันตรายแบบนี้




เขารู้ว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังจะทำต่อจากนี้จะทำให้ธารธาราหายไปจากชีวิตของเขา แต่นั่นก็หมายความว่าเด็กหนุ่มจะปลอดภัยจากเกมอะไรก็ตามที่นิโคไลคิดจะใช้เขาเป็นหมากหลังจากนี้



เขาส่งทินกรไปอเมริกาก่อนหน้านี้ และหลังจากเมฆาหายดี ธีรเชษฐ์เชื่อว่าเขาจะสามารถเกลี้ยกล่อมให้ลูกชายช่วยดูแลบริษัทสาขาของเขาที่ต่างประเทศได้สักพัก คนคนเดียวที่ยังคงอยู่ในรัศมีของอันตรายคือลูกชายคนรองของเขาที่เพิ่งสอบติดคณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยไม่ไกลจากตัวเมือง



“เมื่อคืนปาร์ตี้หนักไปหน่อย สงสัยพ่อคงเมาหลับไปน่ะ” ธีรเชษฐ์ไหวไหล่ ก่อนที่ใบหน้าของเขาจะหันไปตามแรงที่ส่งความเจ็บแปลบให้แล่นไปทั่วบริเวณที่กระทบกับฝ่ามือเรียว



“ออกไป” ธารธาราเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ แววตาของเด็กหนุ่มไร้ซึ่งหลักฐานว่าพวกเขาเคยแม้แต่รู้จักกันมาก่อน “แล้วอย่ากลับมาให้ผมเห็นหน้าอีก”



ธีรเชษฐ์ไม่เคยพูดว่าเขาเป็นคนดี แต่จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่เคยมีอะไรที่ทำให้ร่างสูงรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนเลวได้เท่ากับดวงตาเรียวที่มองตรงมาที่เขาด้วยความผิดหวังและโกรธเคืองในวันนั้น



เขาไม่หวังว่าจะได้รับการให้อภัยจากธารธาราในชีวิตนี้ สิ่งที่เขาทำได้มีเพียงแอบส่งเงินให้กับวีรภัทรและคเชนทร์ เพื่อนสนิทที่เขารู้ว่าให้การช่วยเหลือลูกชายของเขา และหวังว่าธารธาราจะมีความสุขกับชีวิตที่ไม่มีเขาอยู่ในนั้น

 
-----------

มาแล้วววววว ฮว้ากกกกกกกกก :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ตอนนี้ไรท์เปิดเรื่องใหม่สองเรื่องในเล้าเป็ดนะคะ

Soulmate from hell ด้วยรักจากนรก https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70320.0

#newyou #สามสิบวันรับประกันคุณคนใหม่ https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70468.msg3979838#msg3979838

ฝากนิยายน้องใหม่ทั้งสองด้วยนะคะ


ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
แวบแรกนึกว่าตาฝาด 555

ออฟไลน์ Hoya

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :hao5: :hao5: ดีใจ ขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
วันแห่งความระทมของทุกคนในครอบครัวจริง ๆ เลย  :hao5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด