“อือ…รู้แล้วน่าหมอก”
มีนาที่นั่งร้อยมาลัยอยู่บนพื้นเงี่ยหูฟังอย่างห้ามตัวเองไม่ได้เมื่อได้ยินเสียงทุ้มคุยโทรศัพท์กับเลขา ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ น้ำเสียงของธีรเชษฐ์มักจะอ่อนโยนน่าฟังเสมอเมื่อคุยกับมธุวัน
บางครั้ง ในช่วงเวลาที่เขารู้สึกอ่อนแอเป็นพิเศษ มีนาชอบที่จะจินตนาการว่านั่นเป็นน้ำเสียงที่ธีรเชษฐ์ใช้กับเขา
“ก็ฉันอยากจัดงานวันเกิดเหมือนคนอื่นเขาบ้างนี่” เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว แม้จะยังไม่เงยหน้าจากมาลัยของตน “สักวันที่14 อืม ที่บ้านนั่นแหละ ฝากด้วยนะ”
สิบสี่?
มีนายังคงขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ งานวันเกิดที่ธีรเชษฐ์อยากจัดให้ตัวเองย้อนหลังนั้นจะถูกจัดขึ้นหลังวันเกิดของมีนาหนึ่งวัน ถึงแม้เขาจะไม่คิดว่านั่นเป็นเรื่องบังเอิญ แต่มีนาก็นึกไม่ออกเช่นกันว่าสาเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายนึกอยากจัดงานวันเกิดขึ้นมาเป็นเพราะอะไร
“หึ…เธอรู้จักฉันดีเกินไปแล้ว”
มีนารีบก้มหน้าก้มตามองพวงมาลัยของตัวเองเมื่อร่างสูงที่วางสายจากเลขาก้าวเข้ามาในห้องนั่งเล่น ไม่อยากทำตัวมีพิรุธให้อีกฝ่ายจับได้ว่าเขาแอบฟังบทสนทนาเมื่อครู่
เด็กหนุ่มคาดว่าเจ้าของห้องจะเดินผ่านเขาไปอย่างที่ทำเป็นปกติ แต่วันนี้ ธีรเชษฐ์กลับเลือกที่จะทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิบนพื้นตรงหน้าเขา ดวงตาสีควันบุหรี่มองพวงมาลัยในมือของเด็กหนุ่มอย่างสนอกสนใจ
“สอนร้อยหน่อยสิ”
“ครับ?” มีนาจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่มั่นใจว่าคนตรงหน้ากำลังล้อเขาเล่นหรือไม่
“ฉันอยากรู้ว่ามันสนุกนักเหรอ? ถึงได้ร้อยเช้าร้อยเย็นอยู่ได้ทุกวัน” ธีรเชษฐ์ประคองมาลัยในกล่องโฟมออกมาพินิจพิจารณา มีนาอมยิ้มเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายประคองพวงมาลัยไว้บนฝ่ามืออย่างมั่นคงไม่ให้กลับช้ำอย่างที่เขาเคยสอน
“ไม่สนุกหรอกครับ แต่มันเป็นความเคยชิน” มีนาตอบ วางพวงมาลัยพวงล่าสุดที่ทำเสร็จลงในกล่อง “เวลาร้อยมาลัย ผมจะรู้สึกมีสมาธิ ไม่ฟุ้งซ่านเรื่องอื่น…”
“แล้วเธอฟุ้งซ่านเรื่องอะไร?” ธีรเชษฐ์ถามขึ้น คิ้วเข้มขมวดมุ่นเมื่อได้ยินคำพูดของเด็กหนุ่ม
“ก็เรื่องเรียน เรื่องแม่กับยาย...ผมก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยนั่นแหละครับ” มีนาโกหก โชคดีที่ธีรเชษฐ์ดูจะไม่ติดใจสงสัยอะไรคำตอบของเขา “ยังอยากลองร้อยอยู่มั้ยครับ?”
“สอน” ชายหนุ่มขยับเข้ามาใกล้ มองดูเข็มแท่งยาวในมือของมีนาด้วยสีหน้าใคร่รู้
“วันนี้วันเกิดคุณเชษฐ์นะครับ…คุณเชษฐ์ไม่อยากทำอย่างอื่นเหรอครับ?”
มีนาถามอย่างสงสัย รู้สึกยากที่จะเชื่อว่าอีกฝ่ายอยากใช้เวลาในวันเกิดของตัวเองเรียนร้อยมาลัยกับเขา ธีรเชษฐ์ยิ้มกริ่ม ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ด้วยแววตาพราวระยับ
“จริงๆก็อยาก แต่เก็บไว้วันเกิดเธอจะดีกว่า”
มีนาหน้าแดงก่ำ กระวีกระวาดจัดเตรียมอุปกรณ์ร้อยมาลัยเพื่อเบี่ยงประเด็นไปจากประโยคเมื่อครู่ของร่างสูง
“…หลังจากคัดกลีบดอกก้านดอกขนาดเท่าๆกันแล้ว ชั้นแรกที่ร้อย เราจะต้องให้ระยะห่างพอๆกันนะครับ แถวต่อไปจะได้ไม่เบี้ยว” มีนาอธิบายอย่างตั้งอกตั้งใจ ทีแรก เขาคิดว่านี่เป็นอีกหนึ่งข้ออ้างของร่างสูงที่จะดึงความสนใจของเขากลับไปหาตัวเอง แต่ธีรเชษฐ์กลับดูจะสนใจการสอนของเขาจริงๆ ขนาดมีนาเป็นฝ่ายขยับเข้าไปใกล้และช่วยจับมือของร่างสูงร้อยทีละกลีบ เขายังไม่ถูกสายตาหรือมือใหญ่จับลูบเค้นคลึงอย่างที่โดนเป็นประจำสักครั้ง ซึ่งนั่นยิ่งทำให้เด็กหนุ่มปั้นหน้าไม่ถูก
ไม่นานนัก ร่างสูงก็เริ่มร้อยมาลัยของตัวเองได้อย่างคล่องแคล่วราวกับฝึกฝนมานาน มีนาเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ แต่ก็กลับมาสนใจเข็มร้อยในมือของของตัวเองเป็นส่วนใหญ่ พรุ่งนี้ต้องไปขายมาลัยที่ตลาดแต่เช้า ถ้ามัวแต่ชักช้าคงจะได้นอนตีสองตีสามเป็นแน่
มีนาวางมาลัยของตัวเองลงในกล่อง ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นพวงมาลัยที่ร่างสูงเพิ่งร้อยเสร็จอยู่ในนั้น และคุณภาพของมันแม้จะไม่เทียบเท่าของที่มีนาทำ แต่ก็จัดว่าอยู่ในเกณฑ์สวยงามวางขายได้
และเจ้าของผลงานกำลังขึ้นมาลัยพวงใหม่ต่ออย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง แม้จะประหลาดใจ แต่เด็กหนุ่มก็ตัดสินใจปล่อยให้ธีรเชษฐ์ทำต่อไปและหันไปสนใจงานของตัวเองจนกระทั่งวัสดุที่เขาซื้อมาไม่เหลืออยู่ในถุงแล้วนั่นแหละที่มีนาหันไปมองในกล่องอย่างประหลาดใจ
พวงมาลัยที่เขาไม่ได้เป็นคนร้อยวางเรียงกันนับสิบพวง ธีรเชษฐ์วางเข็มร้อยกลับลงไปในกล่องเครื่องมือแล้วยันตัวลุกขึ้นจากพื้น
“ไปนอนได้แล้ว”
มีนาเงยหน้ามองนาฬิกาที่บอกเวลาสี่ทุ่มตรง เด็กหนุ่มหยิบพวงมาลัยของธีรเชษฐ์มาตรวจสอบคุณภาพ ก่อนจะพบว่าทุกพวงที่ร้อยมานั้นสามารถขายได้ทั้งหมด ซึ่งไม่ใช่อะไรที่เขาคิดว่ามือใหม่จะสามารถทำได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
คุณเชษฐ์นี่ อัจฉริยะจริงๆเลยแฮะ
“ขอบคุณนะครับคุณเชษฐ์ที่มาส่ง” มีนาเอ่ยกับคนที่อุตส่าห์ตื่นมาตั้งแต่เข้ามืดเพื่อมาส่งเขาที่ตลาดด้วยน้ำเสียงเกรงใจ อีกฝ่ายเพียงแต่โบกมืออย่างไม่ใส่ใจ
“ฉันแค่อยากกินโจ๊กหม้อดิน ร้านนี้ขายเร็วหมดเร็ว” ร่างสูงว่า ดับเครื่องยนต์แล้วก้าวออกมาจากรถ “ไปกินข้าวเช้าก่อนแล้วค่อยมาเปิดแผงก็ได้มั้ง วันนี้เธอมาเร็วไม่ใช่เหรอ?”
มีนากระพริบตาปริบๆ เขาคิดว่าอีกฝ่ายจะแค่มาส่งแล้วขับรถกลับคอนโด แต่เมื่อเห็นธีรเชษฐ์ที่กอดอกอย่างเริ่มหมดความอดทน เด็กหนุ่มจึงไม่มีโอกาสคิดอะไรไปมากกว่าการวางของกลับไปในรถแล้วรีบเดินตามอีกฝ่ายไป
“โจ๊กหมูใส่ไข่พิเศษสองครับ” ธีรเชษฐ์สั่งอาหารกับแม่ค้าแล้วนั่งลงที่โต๊ะว่าง หันไปหาเด็กหนุ่มร่างเล็กที่นั่งลงฝั่งตรงข้ามเขาเงียบๆ “อยากเอาอะไรเพิ่มมั้ย? กาแฟ? โอวัลติน?”
“…ไม่เป็นไรครับ”
“เอากาแฟร้อนกับโอวัลตินอย่างละหนึ่งครับ” ธีรเชษฐ์หันไปสั่ง มีนาถอนหายใจ บางทีเขาก็คิดว่าตัวเองจะปฏิเสธไปทำไมในเมื่อไม่ว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็ทำตามใจตัวเองอยู่ดี
เด็กหนุ่มชะงัก เริ่มรู้สึกตัวเองว่าเขาเริ่มทำตัวเอาแต่ใจมากขึ้นเรื่อยๆในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นในความคิดของตัวเองก็ตาม และส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะธีรเชษฐ์ที่จู่ๆก็ชอบทำอะไรให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนสำคัญขึ้นมาเสียอย่างนั้น
ตั้งสติหน่อยสิมีนา
“มาแล้วจ้า” โจ๊กร้อนๆสองถ้วยถูกวางลงตรงหน้าของคนทั้งสอง พวงแก้มใสขึ้นสีเรื่อเมื่อท้องของตนร้องโครกครากขึ้นมาเสียงดังขานรับกลิ่นหอมของอาหารตรงหน้า ธีรเชษฐ์ยิ้มมุมปาก ก่อนจะตักหมูก้อนส่วนของตัวเองใส่ถ้วยของคนตรงหน้า
“คุณเชษฐ์ ไม่เป็นไรครับ…”
“กินเข้าไปเถอะน่า ขายของทั้งวันไม่ใช่รึไง เป็นลมขึ้นมาฉันไม่กลับมารับหรอกนะ” ชายหนุ่มดุ คนตัวเล็กที่รู้ว่าขัดใจอีกฝ่ายไม่ได้เพียงแต่พยักหน้า หยิบช้อนของตัวเองขึ้นมาตักโจ๊กในถ้วยขึ้นมาเป่าแล้วงับช้อนเข้าปากอย่างว่าง่าย
เมนูขึ้นชื่อนี้อร่อยสมเป็นร้านขายดีเจ้าดังของตลาด มีนาแทบจะเลียก้นถ้วยก่อนจะดื่มโอวัลตินร้อนที่ธีรเชษฐ์สั่งจนหมด ตามด้วยน้ำเปล่าแล้วผุดลุกจากเก้าอี้เมื่อเห็นว่าดวงอาทิตย์เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมาแล้ว
”ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับคุณเชษฐ์”
“เดี๋ยว…” ชายหนุ่มรั้งข้อมือเล็กไว้ มีนาหันไปมองอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจ “ข้าวเลอะ”
ธีรเชษฐ์ใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดคราบที่เลอะบนริมฝีปากอิ่มเบาๆ ดวงตาสีควันบุหรี่เข้มขึ้นเมื่อเห็นว่ามีนายังคงใช้ลิปกลอสสีวาวระเรื่อที่ได้มาจากเจนวิทย์ เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากอย่างประหม่า แต่นั่นดูเหมือนจะยิ่งทำให้แววตาของร่างสูงที่ยังคงจดจ้องอยู่กับริมฝีปากของเขายิ่งเข้มขึ้นไปอีก
“เห็นว่าอยู่กลางตลาดหรอกนะ” ธีรเชษฐ์พึมพำ หันไปขอคิดเงินกับแม่ค้า ทำให้ไม่เห็นสีหน้าน่าอายที่มีนารู้ว่าตนกำลังทำในตอนนี้
คุณเชษฐ์มาเล่นอะไรกับหัวใจเขาตั้งแต่เช้าเนี่ย?!
ร่างสูงเดินกลับไปที่รถพร้อมกับเขา มีนารู้สึกโล่งใจขึ้นเมื่ออีกฝ่ายปล่อยให้เขาเอากล่องข้าวของออกมากองไว้ข้างรถโดยไม่ได้ขออยู่ด้วยเหมือนครั้งก่อนหน้า
เขาไม่คิดว่าหัวใจตัวเองจะสามารถรับธีรเชษฐ์คนใหม่ได้มากกว่านี้แล้ว
เด็กหนุ่มหอบข้าวของไปยังแผงของตนที่ท้ายตลาด แต่แผงเล็กๆของเขากลับถูกแทนที่ด้วยร้านขายข้าวเหนียวหมูปิ้งที่เขาไม่คุ้นตา
“น้องมีน แผงหนูย้ายไปหน้าตลาดแล้วนี่ลูก” คุณป้าร้านข้าวแกงเอ่ยทัก มีนาหันไปหาหญิงชราอย่างประหลาดใจ
“แต่หนูไม่ได้ขอย้ายนะจ๊ะ”
“ป้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เจ้าของตลาดเขามาเองเลยนะเมื่อวาน บอกว่าให้ย้ายน้องมีนไปข้างหน้า”
“แบบนี้ก็แย่เลยสิจ๊ะ ขนาดอยู่ตรงนี้หนูยังไม่มีเงินจ่ายเลย” มีนาเอ่ยอย่างกังวลใจ คุณป้าร้านขายข้าวแกงยิ้มอย่างเอ็นดู
“เขาฝากบอกน้องมีนว่าค่าแผงเท่าเดิมจ้า”
แปลก…
ร้อยวันพันปีเจ้าของตลาดไม่เคยเมตตาเขาไปมากกว่าการอนุญาตให้ค้างค่าเช่าแผง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการย้ายแผงไปยังทำเลที่ดีที่สุดของตลาดแบบนี้ แต่จะให้มีนาไปไล่ที่แม่ค้าหมูปิ้งก็ใช่ที่ เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจเดินกลับไปยังแผงว่างส่วนหน้าของตลาดที่ตนเดินผ่านมาเมื่อครู่ แล้วค่อยไปคุยกับเจ้าของแผงหลังขายของเสร็จ
โชคดีของเด็กหนุ่มที่แผงเปล่านี้มีร่มคันใหญ่กางไว้ช่วยบังความร้อนจากแสงแดด มีเก้าอี้พลาสติกแบบมีพนักพิงทิ้งไว้ให้เขาอีกตัว มีนาจึงไม่จำเป็นต้องยืนขายให้เมื่อยตุ้ม เด็กหนุ่มหยิบชีทเรียนออกมาอ่านหลังจากตั้งแผงเสร็จ รอให้ลูกค้ามาซื้อดอกไม้ธูปเทียนและพวงมาลัยอย่างเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา
แต่ในวันนี้ ร่างเล็กแทบไม่ได้แตะต้องชีทเรียนของตัวเองด้วยซ้ำ ด้วยทำเลที่เปลี่ยนไปทำให้เด็กหนุ่มมีลูกค้าแวะเวียนมาเสมอทำให้เขานั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ ทั้งลูกค้าประจำและลูกค้าหน้าใหม่แวะเวียนกันมาไม่ขาดสาย จนของที่เตรียมมาขายพร่องลงไปมากในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง
“น้องมีน ข้าวกลางวันจ้า วันนี้มีพะแนงหมูไข่พะโล้นะ”
เด็กหนุ่มรีบยกมือไหว้ขอบคุณคุณป้าร้านขายข้าวแกงที่แม้จะขายของอยู่ท้ายตลาดยังจะอุตส่าห์มีน้ำใจตักกับข้าวใส่ถ้วยกระดาษเอามาให้เขาจนพูนจาน ท้องของเด็กหนุ่มเริ่มครางประท้วงให้รู้ว่าถึงเวลาอาหารทำให้มีนารู้ว่าเริ่มเข้าสู่ช่วงเที่ยงวันแล้ว
“ขอบคุณมากเลยนะจ๊ะป้า ลำบากป้าแย่เลยเดินมาถึงตรงนี้” มีนาเอ่ยอย่างเกรงใจ
“โอ๊ย มาขอบคงขอบคุณอะไรกันล่ะน้องมีน พ่อรูปหล่อแฟนหนูน่ะ เขามาผูกปิ่นโตป้าไว้ก่อนหน้านี้ เขาบอกว่ากลัวหนูทำงานหนักจนลืมกินข้าวกินปลา เลยจ่ายไว้ล่วงหน้าให้ป้าเอามาให้” หญิงชราหัวเราะ “นี่ทิปหนักด้วยนะ เล่นซะป้าเกรงใจเลย”
คำตอบที่ไม่คาดคิดของอีกฝ่ายทำให้มีนานิ่งไป คนมองยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มขึ้นสีเรื่อพร้อมรอยยิ้มที่พยายามสะกดกลั้นไว้อย่างเต็มที่
“เด็กดีอย่างมีนได้แฟนที่เขารักเขาเอาใจใส่เราแบบนี้ ฟ้ามีตาจริงๆ”
“คือ…เขา....” มีนาพยายามแก้ไขความเข้าใจผิดนั้น ก่อนจะพบว่าทุกคำแก้ตัวมีแต่จะทำให้เรื่องราวซับซ้อนมากขึ้นไปอีก “ขอบคุณนะจ๊ะป้า”
“จ้า รักกันนานๆนะ”
มีนายิ้มรับคำอวยพรด้วยรอยยิ้มที่แม้แต่ตัวเขาเองยังรู้สึกว่าฝืน
ถ้าคุณเชษฐ์ทำดีกับเขามากไปกว่านี้ มีนาไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถปีนกลับขึ้นมาจากปากเหวที่เขาร่วงหล่นลงไปได้อีกแล้วในชีวิตนี้
และธีรเชษฐ์ก็ตอกปิดฝาโลงเขาด้วยสิ่งที่ทำให้มีนารู้สึกถึงก้อนสะอื้นที่จุกอยู่ในลำคอ
“ทั้งหมด...เลยเหรอครับ?”
“ใช่จ้า คุณธีรเชษฐ์เขาจ่ายค่าเช่าแผงที่ค้างไว้ทั้งหมดแล้ว ส่วนค่าเช่าแผงงวดต่อๆไปถ้าไม่อยากจ่ายก็ไม่ต้องจ่าย คุณเขาให้ส่งบิลไปเก็บกับเขาเอา” หญิงร่างอวบเจ้าของแผงตลาดที่มีนาเช่าเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ “แหม่ ดีจริงๆ มีแฟนทีปลดนี่หมด
เลยนะน้องมีน”
เด็กหนุ่มรู้สึกว่าหัวสมองของตัวเองมึนเบลอไปหมดตลอดทางที่กลับมาคอนโด จากรองเท้าของอีกฝ่ายที่ถอดระเกะระกะหน้าห้องธีรเชษฐ์คงกลับมาถึงก่อนเขา มีนาก้มลงเก็บรองเท้าคู่นั่งกลับเข้าชั้นวางให้เป็นระเบียบ เปิดประตูห้องนอนของอีกฝ่ายแล้วชะเง้อเข้าไป ดังคาด คนที่เขาตามหากำลังอ่านอะไรสักอย่างในแท็บเล็ตของตนอยู่บนเตียง
“ก่อนเธอจะพูดอะไร เรื่องทั้งหมดนั่นฉันให้เป็นของขวัญวันเกิดล่วงหน้า ไม่เกี่ยวอะไรกับหนี้ที่เธอ...” เสียงทุ้มถูกกลืนหายไปในลำคอเมื่อเด็กหนุ่มร่างเล็กทรุดตัวลงบนพื้น กอดเอวของเขาไว้แน่นโดยไม่พูดอะไรกับเขาแม้แต่คำเดียว ธีรเชษฐ์ชะงักอย่างไม่รู้จะโต้ตอบอย่างไร สุดท้าย ร่างสูงจึงจบลงที่การลูบกลุ่มผมนุ่มไปมาอย่างเบามือ “ชอบมั้ย?”
“ชอบครับ..” เสียงอู้อี้จากใบหน้าที่ซบอยู่กับตักของเขาตอบกลับมา “ขอบคุณครับคุณเชษฐ์”
“ไม่ดื้อแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย” ชายหนุ่มยิ้ม ดึงให้อีกฝ่ายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ดวงตากลมโตของมีนารื้นไปด้วยหยาดน้ำตาที่เอ่อคลอเต็มหน่วย “ไหน...ฉันติดอะไรไว้เมื่อเช้า”
“ติด?…อื้อ…”
เด็กหนุ่มหลับตาพริ้มรับสัมผัสอ่อนโยนจากริมฝีปากได้รูปอย่างว่าง่าย ริมฝีปากรูปกระจับเผยออ้าให้อีกฝ่ายแทรกลิ้นร้อนเข้ามาอย่างเต็มใจโดยไม่ต้องรอให้สั่ง ลิ้นเรียวเล็กขยับโต้ตอบอย่างกระตือรือร้น แม้จะไม่ได้ไม่ประสีประสาอย่างครั้งแรกที่ถูกจูบ แต่มีนาเรียนรู้จากธีรเชษฐ์มามากพอที่จะรู้ว่าอะไรทำให้อีกฝ่ายครางเสียงต่ำในลำคออย่างสะกดกลั้นอารมณ์ และอะไรที่ทำให้ความเป็นชายที่กำลังบดเบียดต้นขาของเขาแข็งขืนอย่างเรียกร้องเอาแต่ใจ
และอะไร ที่ทำให้ธีรเชษฐ์คำรามออกมาอย่างสุขสมในแบบที่ทำให้ร่างทั้งร่างของมีนาตอบรับเสียงนั้นอย่างโหยหา
“อึก…มีน...”
ชื่อของมีนาที่ออกมาจากริมฝีปากได้รูปช่วยให้มีนารู้สึกดีขึ้น แม้ว่าริมฝีปากสีหวานที่ปรนเปรอความสุขให้ร่างสูงอยู่นั้นจะเริ่มเจ็บระบมจากการเสียดสีที่คับแน่นอยู่ภายใน เด็กหนุ่มรู้สึกถึงน้ำตาคลออยู่หางตาและสิ่งแปลกปลอมที่แทบจะมาจุกอยู่ที่หลังคอ แต่เสียงที่หลุดออกมาจากคนเจนสนามที่ดูเหมือนควบคุมตัวเองไม่อยู่ในตอนนี้ทำให้สิ่งเล็กน้อยนั้นไม่อยู่ในความคิดของมีนาสักนิด
“อึก…อื้อ อือ...” สะโพกสอบขยับสวนพร้อมกับมือใหญ่ที่ขยุ้มกลุ่มผมนุ่มลื่นไม่ให้ขยับหนี แม้สิ่งนี้จะเคยเป็นบทลงโทษในวันที่เขาทำให้อีกฝ่ายโกรธ แต่ในตอนนี้มีนากลับรู้สึกอุ่นวาบในอกกับปฏิกิริยาของร่างสูงที่มีต่อเขา
“มีน…ออก...ออกไป” ธีรเชษฐ์กัดฟันกรอด รีบปล่อยมือจากศีรษะกลมเมื่อรู้สึกถึงการปลดปล่อยที่ใกล้เข้ามา แต่มีนาที่ตัดสินใจจะเป็นเด็กดื้อขึ้นมาในตอนนั้นไม่ยอมถอย และนั่นส่งผลให้เด็กอวดดีไอโขลกหน้าดำหน้าแดงกับสิ่งที่ตนรับไม่ไหว
“หึๆ ซ่าดีนัก” ธีรเชษฐ์หัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปหยิบทิชชู่มาให้อีกฝ่ายปิดปากไอและหยิบอีกแผ่นมาช่วยทำความสะอาดใบหน้าที่แดงก่ำ
ทั้งที่มีนาเคยทำแบบนี้ให้ธีรเชษฐ์มาหลายครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่ทำให้เขารู้สึกขัดเขินกับสายตาโลมเลียอย่างไม่ปิดบังของร่างสูงได้มากขนาดนี้
“คุณเชษฐ์...ชอบมั้ยครับ?” มีนาแทบจะกัดลิ้นตัวเองกับคำถามที่เลยคำว่าน่าอายไปหลายขุมนั้น ขนาดคนถูกถามยังดูประหลาดใจกับคำพูดของมีนา ก่อนจะยิ้มอวดเขี้ยวคมที่มีนาไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักแต่เคยสัมผัสกับผิวกายเนียนหลายครั้งหลายครา
“ถ้าฉันบอกว่าชอบ...จะทำให้อีกรึไง?”
“คะ..คือ...ผม...คือ...”
“แค่นี้ ฉันไม่อิ่มหรอกนะ” ร่างสูงว่า ดวงตาคมสีควันบุหรี่ไล่สำรวจเรือนร่างบอบบางจนมีนารู้สึกเหมือนตัวเองถูกจับถอดเสื้อผ้าด้วยสายตาของอีกฝ่ายเท่านั้น
“อีก…ไม่กี่วันเองครับ...” เด็กหนุ่มพึมพำ เบือนหน้าหนีดวงตาของธีรเชษฐ์ที่เบิกกว้างกับคำตอบของเขา “ผม...ผมไปทำอาหารเย็นนะครับ”
มีนาไม่รอให้อีกฝ่ายอนุญาต แทบจะพุ่งตัวออกไปจากห้องนอนด้วยคาวมเร็วเหนือแสง นึกขอบคุณที่ธีรเชษฐ์ไม่ตามเขาเข้ามาในห้องครัว ร่างเล็กทรุดตัวลงบนเก้าอี้ในห้องครัวแล้วซุกหน้าลงกับฝ่ามือของตัวเอง
ไม่ทันแล้วมีนา
ต่อให้มีเฮลิคอปเตอร์โรยเชือกลงมาช่วย เขาก็ไม่รอดแล้ว
------------
คนแก่ก็อยากทำแต้มบ้างไรบ้าง