[จบแล้ว] Sugar Daddy เล่น||ของ||สูง(อายุ) 4 years later [6-2-63] คห.951
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว] Sugar Daddy เล่น||ของ||สูง(อายุ) 4 years later [6-2-63] คห.951  (อ่าน 199196 ครั้ง)

ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14
โอ้ยยยยย น้องมีนน่ารักที่สุดในโลกเลยลู๊กกกกกก
ทาลิปอีกๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
จัดไปน้องมีน ให้อีตาคุณเชษฐ์หลงหัวปักหัวปำไปเลย  :laugh:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ซัน มีน พอฟังเจนวิทย์ เลยดูแลหน้าตาผิวพรรณกันใหญ่
แถมได้แง่คิดในการดูแลคนรักจากพายุอีก  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
มีน ปกติก็โดนจัดหนักอยู่แล้ว
พอทาลิปมันเพิ่มเท่านั้นเลยยิ่งน่าจูบเข้าไปอีก  :impress2:
รอยที่คอนี่หายไม่ได้เลยนะ คุณเชษฐ์ ชอบตีตราแสดงความเป็นเจ้าของจริงๆ  :impress2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
หน้าที่ลูกที่ดีของซันเป็นไงน่ะ  :hao4:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
น้องมีนลูกกก
อิแม่ใจบาปไปหมดแล้ววว

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3066
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
สามคนนี้นี่เหมาะที่จะเป็นเพื่อนกันจริงๆอ่ะ
แค่เสริมความมั่นใจให้ตัวเองนิดหน่อยเองเนอะน้องมีน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
น้องมีนหนูต้องเรียนรู้อีกเยอะ :katai5: :hao7:

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
Chapter 32: ตอกฝาโลง

สิ่งแรกที่มีนารู้สึกหลังจากสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาในเข้าวันรุ่งขึ้นคือริมฝีปากของคนข้างกายที่ทาบทับลงมาบนหน้าผากใส เด็กหนุ่มที่ยังคงไม่ยอมลืมตาพลิกกายซุกหน้ากับหมอนใบนิ่มหนีริมฝีปากร้อนที่ยังคงไล่จุมพิตใบหูขาวไล่ลงมาถึงหลังคออันเป็นที่สิงสถิตประจำของรอยรักในยามเช้า ไม่ต้องการให้ธีรเชษฐ์เห็นใบหน้าที่แดงก่ำแม้จะรู้ตัวว่าตอนนี้ตัวเองคงแดงไปทั้งร่าง



ครืด…ครืด…




สิ่งที่สองที่มีนารู้สึกคือเสียงโทรศัพท์มือถือของร่างสูงที่สั่นครืดๆอย่างไม่หยุดหย่อน พยายามเรียกร้องความสนใจจากเจ้าของของมันไปจากร่างเล็กที่ธีรเชษฐ์กำลังสำรวจอยู่นี้



“คุณเชษฐ์…โทรศัพท์ครับ…”



คนที่ลืมตัวไปว่าจะต้องแกล้งหลับเอ่ยเตือน เรียกเสียงหัวเราะในลำคอข้างหูได้เป็นอย่างดี



“แค่ข้อความน่า…”



“อาจจะสำคัญก็ได้นะครั…อือ…” มีนาหันหน้ากลับมาหาอีกฝ่าย ก่อนที่ริมฝีปากอิ่มจะถูกปิดด้วยริมฝีปากของคนที่รอจังหวะมานาน




“แค่อวยพรไร้สาระน่า” ธีรเชษฐ์ตอบหลังจากยอมปล่อยมีนาเป็นอิสระ ร่างเล็กที่นอนหอบอยู่บนเตียงช้อนตามองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ ก่อนที่นัยน์ตาหวานเชื่อมและริมฝีปากที่เผยออ้าเล็กน้อยนั้นจะทำให้คนมองทนไม่ไหวอีกครั้ง




เรียกได้ว่ากว่ามีนาจะรู้เรื่องว่าร่างสูงหมายความว่าอย่างไร เล่นเขาเด็กหนุ่มเปลืองตัวไปหลายครั้ง



“วันนี้…วันเกิดคุณเชษฐ์เหรอครับ?”




“อืม…” ธีรเชษฐ์พยักหน้าขณะพิมพ์ตอบข้อความของลูกชายคนเล็ก ถึงแม้จะเป็นเพียงคำว่า ‘อ่านเเล้ว’ ก็ตาม ก่อนจะหันมาถามมีนา “อยากไปไหนล่ะ”




“เอ๊ะ? คุณเชษฐ์…ไม่ออกไปฉลองกับคนอื่นเหรอครับ…” มีหลายคนที่มีนาคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะอยากใช้เวลาด้วยในวันพิเศษของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวคู่นอน…หรือเลขาคนพิเศษที่เขาไม่เห็นชื่อในทะเลของข้อความที่ส่งมาอวยพรชายหนุ่ม




“ปกติก็ไปกินข้าวกับไอ้ครามไอ้วี แต่ปีนี้ไม่มีใครว่าง”ร่างสูงไหวไหล่ มีนาไม่รู้จักคนชื่อที่อีกฝ่ายว่า แต่เขาเดาว่าคงเป็น
เพื่อนสนิทของอีกฝ่ายเช่นเดียวกับคเชนทร์



“คือผม…”



“ถ้าไม่อยากไปไหนฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ” มือใหญ่วางลงบนกลุ่มผมนุ่มราวกับอ่านใจเด็กหนุ่มออก “นานๆจะหยุดจริงๆซักที อยู่ห้องก็ดีเหมือนกัน”



วันนี้เป็นวันหยุดของพวกเขาทั้งคู่แม้ว่าจะไม่ใช่วันเสาร์อาทิตย์ มีนาไม่มีเรียนและธีรเชษฐ์ไม่มีงานด่วนอะไรให้เข้าบริษัท ร่างสูงจึงไม่มีท่าทีที่จะลุกจากเตียงโดยง่าย มีนาเหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์ของอีกฝ่ายที่ไล่อ่านข้อความซึ่งนอกจากคนที่มีนารู้จักแล้ว ยังมีข้อความที่เด็กหนุ่มมั่นใจว่าเหมาะสมจะอยู่ในห้องนอนมากว่าคำอวยพรวันเกิดจากหนุ่มสาวหน้าตาดีมากหน้าหลายตา ก่อนจะรีบหันหน้าหนีเมื่อดวงตาคมหันมามองเขา แต่นอกจากธีรเชษฐ์จะไม่ได้ดูไม่พอใจแล้ว ร่างสูงยังขยับยิ้มมุมปากราวกับกำลังสนุกสนานกับท่าทีของเขาเสียเต็มประดา



“เป็นอะไร?”




“ปะ…เปล่าครับ” เด็กหนุ่มส่ายหน้าพรืด ธีรเชษฐ์ที่ยังไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆยื่นหน้าเข้ามาใกล้ด้วยสีหน้าไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด




“ไม่ชอบให้ฉันคุยกับคนอื่น?”



หากบอกว่าชอบ เขาก็ดูจะเป็นพวกโรคจิต แต่หากบอกว่าไม่ชอบ ก็เท่ากับเป็นการยอมรับความรู้สึกของตัวเองที่มีต่ออีกฝ่ายกลายๆ ไม่ว่าจะตอบอย่างไร มีนาก็รู้สึกว่าตัวเองมีแต่เสียกับเสีย



“ผมจะชอบหรือไม่ชอบ…ก็ไม่มีสิทธิ์ห้ามคุณเชษฐ์อยู่แล้วนี่ครับ” มีนาก้มหน้าพึมพำ



ใช่ ต่อให้อีกฝ่ายใจดีกับเขาแค่ไหน มีนายังคงไม่ลืมสถานะของตัวเอง



“ฉันถาม” ลมหายใจอุ่นที่ปะทะข้าวแก้มและเสียงทุ้มที่กระข้างหูทำให้มีนารู้สึกว่าขนอ่อนทั่วร่างลุกชันขึ้นพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย “เธอในตอนนี้ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไม่ตอบเหมือนกัน”



“…ก็…ก็ต้องไม่ชอบ…ไม่ใช่เหรอครับ”มีนายังคงพึมพำเสียงเบา พวงแก้มใสขึ้นสีเรื่อด้วยความอับอาย



“งั้นก็เอาไปลบสิ”




“เอ๊ะ?” มีนาหันไปมองคนพูดอย่างประหลาดใจ ก่อนจะรู้สึกถึงวัตถุสี่เหลี่ยมที่ถูกยัดเข้ามาในมือ “แต่ว่า…”




“อยากลบใครก็ลบไป” ธีรเชษฐ์ตวัดขาก้าวลงจากเตียงแล้วยืดแขนบิดไล่กล้ามเนื้อที่เมื่อยขบ “แค่ดูรูปก็น่าจะรู้แล้วมั้งว่าใครที่ฉันไม่ได้ติดต่อเรื่องงานด้วย”




มีนาก้มลงมองโทรศัพท์ในมือ จริงอย่างที่อีกฝ่ายว่า รูปโปรไฟล์ของแต่ละแชทแทบจะคุมโทนสีเนื้อกันทั้งสิ้น




แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆอีกฝ่ายถึงได้ทำแบบนี้ แต่ร่างเล็กเลือกที่จะไม่เข้าข้างตัวเองให้หัวใจที่อ่อนแออยู่แล้วรู้สึกอะไรไปมากกว่านี้




เด็กหนุ่มไล่กดลบรายชื่อของคู่นอนในอดีตของธีรเชษฐ์ทีละคน เข้าไปดูข้อความแชทของแต่ละคนก่อนหน้าที่จะลบเพื่อความมั่นใจ ถึงแม้ว่าข้อความล่อแหลมและภาพที่เกินเลยคำว่าไม่เหมาะสมไปไกลที่ถูกส่งมาจะทำให้มีนารู้สึกเสียความมั่นใจขึ้นทุกทีที่เห็น





สายตาของเด็กหนุ่มมาสะดุดอยู่ที่แชทของชายหนุ่มผมยาวที่ในแวบแรก เขาคิดว่าเป็นหญิงสาวร่างสูงคนหนึ่ง เขาจำได้ว่าเคยเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายตามโทรทัศน์ นิตยาสาร และป้ายโฆษณาตามท้องถนน แต่ถึงแม้ว่ารูปของชายหนุ่มหน้าสวยจะใส่เสื้อผ้าปกปิดมิดชิดผิดกับคนอื่นๆที่ผ่านมา แต่เมื่อมีนากดเข้าไปดูข้อความระหว่างคนทั้งคู่ นิ้วเรียวรีบกดบล็อคคนคนนั้นโดยไม่ต้องผ่านสมองส่วนใดทั้งสิ้น



ไม่ต้องอ่านอะไรมาก แค่ภาพของชายหนุ่มที่งดงามราวกับนางฟ้าคนนั้นในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำผ้าลื่นสีม่วงเช่นเดียวกับดวงตา เส้นผมสีดำสนิทเปียกลู่แนบติดกรอบหน้าเรียวลงไปถึงบางส่วนของแผ่นอกขาวที่โผล่พ้นการปกคลุมของเสื้อมาแทบทั้งหมด ลิ้นสีแดงสดลากยาวไปตามนิ้วกลางเรียวยาวของตัวเองด้วยแววตาที่ทำให้มีนาหน้าร้อนเห่อก็เพียงพอแล้วต่อการบล็อคและลบแชทนั้นทิ้งไป 




ถึงอย่างนั้น แชทเดียวที่มีนารู้สึกอยากจะลบมากที่สุดซึ่งถูกติดดาวไว้บนสุดเหนือทุกแชท คือคนที่เขารู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ลบออกไป




ราวกับรับรู้ความคิดของเขา หน้าจอแอพถูกขัดจังหวะด้วยสายเรียกเข้าจากเลขาคนดังกล่าว มีนาแทบจะทำโทรศัพท์หลุด
มือเมื่อเห็นชื่อของมธุวันเด้งขึ้นมาบนหน้าจอ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆแล้วลุกจากเตียงไปหาร่างสูงที่ยังคงอาบน้ำอยู่



“คุณเชษฐ์ คุณมธุวันโทรมาครับ”



“อือ รับเลย” เสียงในห้องน้ำดังตอบกลับมา มีนานิ่งอึ้งไปกับคำตอบนั้น ก้มลงมองโทรศัพท์มือถือในมืออย่างชั่งใจว่าจะปล่อยให้อีกฝั่งถอดใจและตัดสายไปเองดีหรือไม่ ก่อนจะตัดสินใจกดรับตามคำสั่งของร่างสูง



“คุณเชษฐ์อาบน้ำอยู่ครับ” 



ความเงียบที่ปลายสายราวกับไม่คิดว่าจะได้ยินเสียงของเขาทำให้หัวใจดวงน้อยพองโตขึ้นเล็กน้อยในแบบที่มีนารู้สึกรังเกียจตัวเอง ก่อนที่ปลายสายจะเอ่ยขึ้น



“ถ้าอย่างนั้นฝากเรียนท่านประธานด้วยนะครับคุณมีนา ว่าธุระที่ท่านให้ผมจัดการเรียบร้อยแล้ว”




อีกฝ่ายตัดสายไปแต่เพียงเท่านั้น มีนาเอ่ยทวนคำพูดของมธุวันให้คนในห้องน้ำฟัง ได้รับคำตอบเป็นเพียงเสียงทุ้มที่ตอบรับว่ารู้แล้วเท่านั้น



มีนารู้ว่าเรื่องที่คนทั้งคู่คุยกันไว้คงจะหนีไม่พ้นเรื่องงาน แต่เด็กหนุ่มยังคงห้ามตัวเองไม่ให้รู้สึกอะไรก็ตามที่ตัวเองกำลังรู้สึกทุกครั้งที่ชื่อของมธุวันโผล่ขึ้นมาในบทสนทนาและบนหน้าจอโทรศัพท์ไม่ได้




ไม่นานนัก ธีรเชษฐ์ก็ก้าวออกมาจากห้องน้ำโดยมีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเล็กที่แทบจะปิดอะไรไม่มิดพันรอบเอว มีนายังคงไม่เข้าใจว่าผู้ชายอายุสี่สิบสองปีที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนั่งทำงานในบริษัทมีกล้ามเนื้อแบบนั้นได้อย่างไร แม้ว่าเด็กหนุ่มจะเคยเห็นธีรเชษฐ์ในฟิตเนสอยู่บ้างก็ตาม แต่เวลาของธีรเชษฐ์นอกบริษัทใช้ไปกับการอยู่ในห้องหรือพามีนาออกไปไหนมาไหนแทบทั้งหมด ทำไมกล้ามเนื้อของอีกฝ่ายยิ่งดูแน่นขึ้นทุกครั้งที่เขาเห็นกันนะ



“แต่งชุดสุภาพนะ ฉันจะพาไปข้างนอก” ธีรเชษฐ์ออกคำสั่งขณะที่เปิดตู้เสื้อผ้าหาชุดใส่ มีนาขมวดคิ้ว




“ไปไหนเหรอครับ?”




“เอาน่า ไปอาบน้ำได้แล้ว” อีกฝ่ายเฉไฉ ซึ่งเด็กดีว่าง่ายก็ไม่คิดจะซักไซ้อะไรให้ร่างสูงรำคาญใจไปมากกว่านั้นและลุกไปอาบน้ำตามคำสั่ง ในใจนึกเดาไปเรื่อยว่าในวันนี้ธีรเชษฐ์จะนึกอยากพาเขาออกไปที่ไหนอีก











แน่นอน ในทุกที่ที่มีนาคิดไว้ในหัว เขาไม่คิดว่าร่างสูงจะพาเขามาทำพาสปอร์ต ร่างสูงที่ถือซองเอกสารซึ่งไม่บอกก็รู้ว่าเป็นสำเนาบัตรประชาชนและเอกสารอื่นของมีนาพาเขาไปต่อคิวโดยไม่อธิบายอะไรกับร่างเล็ก แต่เด็กหนุ่มที่เก็บความสงสัยไว้กับตัวต่อไปอีกไม่ไหวเอ่ยถามขึ้นในที่สุด




“คุณเชษฐ์...ให้ผมมาทำพาสปอร์ตไปทำไมเหรอครับ?”




“อาทิตย์หน้าฉันจะไปประชุมที่สิงคโปร์” ร่างสูงตอบเสียงเรียบ “มันตรงกับวันหยุดเธอพอดี”





“แต่…คุณเชษฐ์จะพาผมไปด้วยเหรอครับ?” มีนาถามอย่างไม่เข้าใจ อีกฝ่ายยังคิดว่าเขาจะหนีไปอีกอย่างนั้นหรือ “ผมไม่หนีไปไหนแล้วจริงๆนะครับ ทิ้งผมไว้ที่ห้องก็ได้”




ธีรเชษฐ์หันมามองเขา คิ้วเข้มเลิกสูงอย่างประหลาดใจ ราวกับไม่ได้นึกถึงความเป็นไปได้ที่คนข้างๆจะหนีไปจนถึงตอนที่มีนาพูดขึ้นมา




“ทำไม? ไม่อยากไปเที่ยวต่างประเทศเหมือนคนอื่นเขาบ้างรึไง?”




“ผม…ผมไม่เคยออกจากตัวจังหวัดด้วยซ้ำครับ” มีนาตอบเสียงเบา เขาไม่เคยคิดฝันเรื่องการเดินทางออกนอกประเทศ ใช่ว่าเขาจะไม่รู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่อีกฝ่ายเสนอ แต่แค่คิดถึงว่าเขาต้องจากมารดาไปตลอดช่วงวันหยุดยาว และการไปในบ้านเมืองที่ไม่ใช่ประเทศของตน ไม่ได้พูดภาษาเดียวกับตน ก็ทำให้เด็กหนุ่มเริ่มเป็นกังวลขึ้นมา




“รู้ว่าจะคิดเยอะแบบนี้ไง ฉันถึงไม่บอกล่วงหน้านาน” ธีรเชษฐ์ถอนหายใจ “ถ้าเรื่องแม่เธอ จากที่นั่นก็โทรกลับมาคุยกันได้ อาการเขาดีขึ้นมากแล้วไม่ใช่เหรอ? ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอกน่า”




มีนาช้อนตามองคนที่เหมือนอ่านใจเขาออกอย่างทะลุประโปร่งอย่างประหลาดใจ ก่อนจะพยักหน้าให้ธีรเชษฐ์แล้วเดินตามหลังอีกฝ่ายไปเงียบๆ หลังจากการกรอกเอกสาร พิมพ์ลายนิ้วมือ วัดส่วนสูงและถ่ายรูปติดพาสปอร์ต ไม่นานนักพวกเขาก็กลับมาอยู่ในรถของธีรเชษฐ์ซึ่งเคลื่อนตัวออกมาจากลานจอดรถของตึกเข้าสู่ถนนใหญ่







-------มีต่อ-----------




ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
“อือ…รู้แล้วน่าหมอก”




มีนาที่นั่งร้อยมาลัยอยู่บนพื้นเงี่ยหูฟังอย่างห้ามตัวเองไม่ได้เมื่อได้ยินเสียงทุ้มคุยโทรศัพท์กับเลขา ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ น้ำเสียงของธีรเชษฐ์มักจะอ่อนโยนน่าฟังเสมอเมื่อคุยกับมธุวัน




บางครั้ง ในช่วงเวลาที่เขารู้สึกอ่อนแอเป็นพิเศษ มีนาชอบที่จะจินตนาการว่านั่นเป็นน้ำเสียงที่ธีรเชษฐ์ใช้กับเขา




“ก็ฉันอยากจัดงานวันเกิดเหมือนคนอื่นเขาบ้างนี่” เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว แม้จะยังไม่เงยหน้าจากมาลัยของตน “สักวันที่14 อืม ที่บ้านนั่นแหละ ฝากด้วยนะ”



สิบสี่?



มีนายังคงขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ งานวันเกิดที่ธีรเชษฐ์อยากจัดให้ตัวเองย้อนหลังนั้นจะถูกจัดขึ้นหลังวันเกิดของมีนาหนึ่งวัน ถึงแม้เขาจะไม่คิดว่านั่นเป็นเรื่องบังเอิญ แต่มีนาก็นึกไม่ออกเช่นกันว่าสาเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายนึกอยากจัดงานวันเกิดขึ้นมาเป็นเพราะอะไร



“หึ…เธอรู้จักฉันดีเกินไปแล้ว”



มีนารีบก้มหน้าก้มตามองพวงมาลัยของตัวเองเมื่อร่างสูงที่วางสายจากเลขาก้าวเข้ามาในห้องนั่งเล่น ไม่อยากทำตัวมีพิรุธให้อีกฝ่ายจับได้ว่าเขาแอบฟังบทสนทนาเมื่อครู่



เด็กหนุ่มคาดว่าเจ้าของห้องจะเดินผ่านเขาไปอย่างที่ทำเป็นปกติ แต่วันนี้ ธีรเชษฐ์กลับเลือกที่จะทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิบนพื้นตรงหน้าเขา ดวงตาสีควันบุหรี่มองพวงมาลัยในมือของเด็กหนุ่มอย่างสนอกสนใจ



“สอนร้อยหน่อยสิ”




“ครับ?” มีนาจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่มั่นใจว่าคนตรงหน้ากำลังล้อเขาเล่นหรือไม่



“ฉันอยากรู้ว่ามันสนุกนักเหรอ? ถึงได้ร้อยเช้าร้อยเย็นอยู่ได้ทุกวัน” ธีรเชษฐ์ประคองมาลัยในกล่องโฟมออกมาพินิจพิจารณา มีนาอมยิ้มเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายประคองพวงมาลัยไว้บนฝ่ามืออย่างมั่นคงไม่ให้กลับช้ำอย่างที่เขาเคยสอน



“ไม่สนุกหรอกครับ แต่มันเป็นความเคยชิน” มีนาตอบ วางพวงมาลัยพวงล่าสุดที่ทำเสร็จลงในกล่อง “เวลาร้อยมาลัย ผมจะรู้สึกมีสมาธิ ไม่ฟุ้งซ่านเรื่องอื่น…”



“แล้วเธอฟุ้งซ่านเรื่องอะไร?” ธีรเชษฐ์ถามขึ้น คิ้วเข้มขมวดมุ่นเมื่อได้ยินคำพูดของเด็กหนุ่ม



“ก็เรื่องเรียน เรื่องแม่กับยาย...ผมก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยนั่นแหละครับ” มีนาโกหก โชคดีที่ธีรเชษฐ์ดูจะไม่ติดใจสงสัยอะไรคำตอบของเขา “ยังอยากลองร้อยอยู่มั้ยครับ?”




“สอน” ชายหนุ่มขยับเข้ามาใกล้ มองดูเข็มแท่งยาวในมือของมีนาด้วยสีหน้าใคร่รู้



“วันนี้วันเกิดคุณเชษฐ์นะครับ…คุณเชษฐ์ไม่อยากทำอย่างอื่นเหรอครับ?”



มีนาถามอย่างสงสัย รู้สึกยากที่จะเชื่อว่าอีกฝ่ายอยากใช้เวลาในวันเกิดของตัวเองเรียนร้อยมาลัยกับเขา ธีรเชษฐ์ยิ้มกริ่ม ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ด้วยแววตาพราวระยับ



“จริงๆก็อยาก แต่เก็บไว้วันเกิดเธอจะดีกว่า”



มีนาหน้าแดงก่ำ กระวีกระวาดจัดเตรียมอุปกรณ์ร้อยมาลัยเพื่อเบี่ยงประเด็นไปจากประโยคเมื่อครู่ของร่างสูง



“…หลังจากคัดกลีบดอกก้านดอกขนาดเท่าๆกันแล้ว ชั้นแรกที่ร้อย เราจะต้องให้ระยะห่างพอๆกันนะครับ แถวต่อไปจะได้ไม่เบี้ยว” มีนาอธิบายอย่างตั้งอกตั้งใจ ทีแรก เขาคิดว่านี่เป็นอีกหนึ่งข้ออ้างของร่างสูงที่จะดึงความสนใจของเขากลับไปหาตัวเอง แต่ธีรเชษฐ์กลับดูจะสนใจการสอนของเขาจริงๆ ขนาดมีนาเป็นฝ่ายขยับเข้าไปใกล้และช่วยจับมือของร่างสูงร้อยทีละกลีบ เขายังไม่ถูกสายตาหรือมือใหญ่จับลูบเค้นคลึงอย่างที่โดนเป็นประจำสักครั้ง ซึ่งนั่นยิ่งทำให้เด็กหนุ่มปั้นหน้าไม่ถูก
ไม่นานนัก ร่างสูงก็เริ่มร้อยมาลัยของตัวเองได้อย่างคล่องแคล่วราวกับฝึกฝนมานาน มีนาเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ แต่ก็กลับมาสนใจเข็มร้อยในมือของของตัวเองเป็นส่วนใหญ่ พรุ่งนี้ต้องไปขายมาลัยที่ตลาดแต่เช้า ถ้ามัวแต่ชักช้าคงจะได้นอนตีสองตีสามเป็นแน่




มีนาวางมาลัยของตัวเองลงในกล่อง ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นพวงมาลัยที่ร่างสูงเพิ่งร้อยเสร็จอยู่ในนั้น และคุณภาพของมันแม้จะไม่เทียบเท่าของที่มีนาทำ แต่ก็จัดว่าอยู่ในเกณฑ์สวยงามวางขายได้



และเจ้าของผลงานกำลังขึ้นมาลัยพวงใหม่ต่ออย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง แม้จะประหลาดใจ แต่เด็กหนุ่มก็ตัดสินใจปล่อยให้ธีรเชษฐ์ทำต่อไปและหันไปสนใจงานของตัวเองจนกระทั่งวัสดุที่เขาซื้อมาไม่เหลืออยู่ในถุงแล้วนั่นแหละที่มีนาหันไปมองในกล่องอย่างประหลาดใจ



พวงมาลัยที่เขาไม่ได้เป็นคนร้อยวางเรียงกันนับสิบพวง ธีรเชษฐ์วางเข็มร้อยกลับลงไปในกล่องเครื่องมือแล้วยันตัวลุกขึ้นจากพื้น



“ไปนอนได้แล้ว”



มีนาเงยหน้ามองนาฬิกาที่บอกเวลาสี่ทุ่มตรง เด็กหนุ่มหยิบพวงมาลัยของธีรเชษฐ์มาตรวจสอบคุณภาพ ก่อนจะพบว่าทุกพวงที่ร้อยมานั้นสามารถขายได้ทั้งหมด ซึ่งไม่ใช่อะไรที่เขาคิดว่ามือใหม่จะสามารถทำได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง




คุณเชษฐ์นี่ อัจฉริยะจริงๆเลยแฮะ










“ขอบคุณนะครับคุณเชษฐ์ที่มาส่ง” มีนาเอ่ยกับคนที่อุตส่าห์ตื่นมาตั้งแต่เข้ามืดเพื่อมาส่งเขาที่ตลาดด้วยน้ำเสียงเกรงใจ อีกฝ่ายเพียงแต่โบกมืออย่างไม่ใส่ใจ



“ฉันแค่อยากกินโจ๊กหม้อดิน ร้านนี้ขายเร็วหมดเร็ว” ร่างสูงว่า ดับเครื่องยนต์แล้วก้าวออกมาจากรถ “ไปกินข้าวเช้าก่อนแล้วค่อยมาเปิดแผงก็ได้มั้ง วันนี้เธอมาเร็วไม่ใช่เหรอ?”



มีนากระพริบตาปริบๆ เขาคิดว่าอีกฝ่ายจะแค่มาส่งแล้วขับรถกลับคอนโด แต่เมื่อเห็นธีรเชษฐ์ที่กอดอกอย่างเริ่มหมดความอดทน เด็กหนุ่มจึงไม่มีโอกาสคิดอะไรไปมากกว่าการวางของกลับไปในรถแล้วรีบเดินตามอีกฝ่ายไป




“โจ๊กหมูใส่ไข่พิเศษสองครับ” ธีรเชษฐ์สั่งอาหารกับแม่ค้าแล้วนั่งลงที่โต๊ะว่าง หันไปหาเด็กหนุ่มร่างเล็กที่นั่งลงฝั่งตรงข้ามเขาเงียบๆ “อยากเอาอะไรเพิ่มมั้ย? กาแฟ? โอวัลติน?”



“…ไม่เป็นไรครับ”



“เอากาแฟร้อนกับโอวัลตินอย่างละหนึ่งครับ” ธีรเชษฐ์หันไปสั่ง มีนาถอนหายใจ บางทีเขาก็คิดว่าตัวเองจะปฏิเสธไปทำไมในเมื่อไม่ว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็ทำตามใจตัวเองอยู่ดี



เด็กหนุ่มชะงัก เริ่มรู้สึกตัวเองว่าเขาเริ่มทำตัวเอาแต่ใจมากขึ้นเรื่อยๆในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นในความคิดของตัวเองก็ตาม และส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะธีรเชษฐ์ที่จู่ๆก็ชอบทำอะไรให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนสำคัญขึ้นมาเสียอย่างนั้น



ตั้งสติหน่อยสิมีนา



“มาแล้วจ้า” โจ๊กร้อนๆสองถ้วยถูกวางลงตรงหน้าของคนทั้งสอง พวงแก้มใสขึ้นสีเรื่อเมื่อท้องของตนร้องโครกครากขึ้นมาเสียงดังขานรับกลิ่นหอมของอาหารตรงหน้า ธีรเชษฐ์ยิ้มมุมปาก ก่อนจะตักหมูก้อนส่วนของตัวเองใส่ถ้วยของคนตรงหน้า



“คุณเชษฐ์ ไม่เป็นไรครับ…”



“กินเข้าไปเถอะน่า ขายของทั้งวันไม่ใช่รึไง เป็นลมขึ้นมาฉันไม่กลับมารับหรอกนะ” ชายหนุ่มดุ คนตัวเล็กที่รู้ว่าขัดใจอีกฝ่ายไม่ได้เพียงแต่พยักหน้า หยิบช้อนของตัวเองขึ้นมาตักโจ๊กในถ้วยขึ้นมาเป่าแล้วงับช้อนเข้าปากอย่างว่าง่าย



เมนูขึ้นชื่อนี้อร่อยสมเป็นร้านขายดีเจ้าดังของตลาด มีนาแทบจะเลียก้นถ้วยก่อนจะดื่มโอวัลตินร้อนที่ธีรเชษฐ์สั่งจนหมด ตามด้วยน้ำเปล่าแล้วผุดลุกจากเก้าอี้เมื่อเห็นว่าดวงอาทิตย์เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมาแล้ว




”ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับคุณเชษฐ์”



“เดี๋ยว…” ชายหนุ่มรั้งข้อมือเล็กไว้ มีนาหันไปมองอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจ “ข้าวเลอะ”




ธีรเชษฐ์ใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดคราบที่เลอะบนริมฝีปากอิ่มเบาๆ ดวงตาสีควันบุหรี่เข้มขึ้นเมื่อเห็นว่ามีนายังคงใช้ลิปกลอสสีวาวระเรื่อที่ได้มาจากเจนวิทย์ เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากอย่างประหม่า แต่นั่นดูเหมือนจะยิ่งทำให้แววตาของร่างสูงที่ยังคงจดจ้องอยู่กับริมฝีปากของเขายิ่งเข้มขึ้นไปอีก



“เห็นว่าอยู่กลางตลาดหรอกนะ” ธีรเชษฐ์พึมพำ หันไปขอคิดเงินกับแม่ค้า ทำให้ไม่เห็นสีหน้าน่าอายที่มีนารู้ว่าตนกำลังทำในตอนนี้



คุณเชษฐ์มาเล่นอะไรกับหัวใจเขาตั้งแต่เช้าเนี่ย?!



ร่างสูงเดินกลับไปที่รถพร้อมกับเขา มีนารู้สึกโล่งใจขึ้นเมื่ออีกฝ่ายปล่อยให้เขาเอากล่องข้าวของออกมากองไว้ข้างรถโดยไม่ได้ขออยู่ด้วยเหมือนครั้งก่อนหน้า



เขาไม่คิดว่าหัวใจตัวเองจะสามารถรับธีรเชษฐ์คนใหม่ได้มากกว่านี้แล้ว



เด็กหนุ่มหอบข้าวของไปยังแผงของตนที่ท้ายตลาด แต่แผงเล็กๆของเขากลับถูกแทนที่ด้วยร้านขายข้าวเหนียวหมูปิ้งที่เขาไม่คุ้นตา




“น้องมีน แผงหนูย้ายไปหน้าตลาดแล้วนี่ลูก” คุณป้าร้านข้าวแกงเอ่ยทัก มีนาหันไปหาหญิงชราอย่างประหลาดใจ




“แต่หนูไม่ได้ขอย้ายนะจ๊ะ”




“ป้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เจ้าของตลาดเขามาเองเลยนะเมื่อวาน บอกว่าให้ย้ายน้องมีนไปข้างหน้า”




“แบบนี้ก็แย่เลยสิจ๊ะ ขนาดอยู่ตรงนี้หนูยังไม่มีเงินจ่ายเลย” มีนาเอ่ยอย่างกังวลใจ คุณป้าร้านขายข้าวแกงยิ้มอย่างเอ็นดู



“เขาฝากบอกน้องมีนว่าค่าแผงเท่าเดิมจ้า”



แปลก…




ร้อยวันพันปีเจ้าของตลาดไม่เคยเมตตาเขาไปมากกว่าการอนุญาตให้ค้างค่าเช่าแผง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการย้ายแผงไปยังทำเลที่ดีที่สุดของตลาดแบบนี้ แต่จะให้มีนาไปไล่ที่แม่ค้าหมูปิ้งก็ใช่ที่ เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจเดินกลับไปยังแผงว่างส่วนหน้าของตลาดที่ตนเดินผ่านมาเมื่อครู่ แล้วค่อยไปคุยกับเจ้าของแผงหลังขายของเสร็จ




โชคดีของเด็กหนุ่มที่แผงเปล่านี้มีร่มคันใหญ่กางไว้ช่วยบังความร้อนจากแสงแดด มีเก้าอี้พลาสติกแบบมีพนักพิงทิ้งไว้ให้เขาอีกตัว มีนาจึงไม่จำเป็นต้องยืนขายให้เมื่อยตุ้ม เด็กหนุ่มหยิบชีทเรียนออกมาอ่านหลังจากตั้งแผงเสร็จ รอให้ลูกค้ามาซื้อดอกไม้ธูปเทียนและพวงมาลัยอย่างเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา




แต่ในวันนี้ ร่างเล็กแทบไม่ได้แตะต้องชีทเรียนของตัวเองด้วยซ้ำ ด้วยทำเลที่เปลี่ยนไปทำให้เด็กหนุ่มมีลูกค้าแวะเวียนมาเสมอทำให้เขานั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ ทั้งลูกค้าประจำและลูกค้าหน้าใหม่แวะเวียนกันมาไม่ขาดสาย จนของที่เตรียมมาขายพร่องลงไปมากในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง



“น้องมีน ข้าวกลางวันจ้า วันนี้มีพะแนงหมูไข่พะโล้นะ”




เด็กหนุ่มรีบยกมือไหว้ขอบคุณคุณป้าร้านขายข้าวแกงที่แม้จะขายของอยู่ท้ายตลาดยังจะอุตส่าห์มีน้ำใจตักกับข้าวใส่ถ้วยกระดาษเอามาให้เขาจนพูนจาน ท้องของเด็กหนุ่มเริ่มครางประท้วงให้รู้ว่าถึงเวลาอาหารทำให้มีนารู้ว่าเริ่มเข้าสู่ช่วงเที่ยงวันแล้ว



“ขอบคุณมากเลยนะจ๊ะป้า ลำบากป้าแย่เลยเดินมาถึงตรงนี้” มีนาเอ่ยอย่างเกรงใจ



“โอ๊ย มาขอบคงขอบคุณอะไรกันล่ะน้องมีน พ่อรูปหล่อแฟนหนูน่ะ เขามาผูกปิ่นโตป้าไว้ก่อนหน้านี้ เขาบอกว่ากลัวหนูทำงานหนักจนลืมกินข้าวกินปลา เลยจ่ายไว้ล่วงหน้าให้ป้าเอามาให้” หญิงชราหัวเราะ “นี่ทิปหนักด้วยนะ เล่นซะป้าเกรงใจเลย”



คำตอบที่ไม่คาดคิดของอีกฝ่ายทำให้มีนานิ่งไป คนมองยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มขึ้นสีเรื่อพร้อมรอยยิ้มที่พยายามสะกดกลั้นไว้อย่างเต็มที่



“เด็กดีอย่างมีนได้แฟนที่เขารักเขาเอาใจใส่เราแบบนี้ ฟ้ามีตาจริงๆ”




“คือ…เขา....” มีนาพยายามแก้ไขความเข้าใจผิดนั้น ก่อนจะพบว่าทุกคำแก้ตัวมีแต่จะทำให้เรื่องราวซับซ้อนมากขึ้นไปอีก “ขอบคุณนะจ๊ะป้า”




“จ้า รักกันนานๆนะ”




มีนายิ้มรับคำอวยพรด้วยรอยยิ้มที่แม้แต่ตัวเขาเองยังรู้สึกว่าฝืน




ถ้าคุณเชษฐ์ทำดีกับเขามากไปกว่านี้ มีนาไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถปีนกลับขึ้นมาจากปากเหวที่เขาร่วงหล่นลงไปได้อีกแล้วในชีวิตนี้









และธีรเชษฐ์ก็ตอกปิดฝาโลงเขาด้วยสิ่งที่ทำให้มีนารู้สึกถึงก้อนสะอื้นที่จุกอยู่ในลำคอ



“ทั้งหมด...เลยเหรอครับ?”



“ใช่จ้า คุณธีรเชษฐ์เขาจ่ายค่าเช่าแผงที่ค้างไว้ทั้งหมดแล้ว ส่วนค่าเช่าแผงงวดต่อๆไปถ้าไม่อยากจ่ายก็ไม่ต้องจ่าย คุณเขาให้ส่งบิลไปเก็บกับเขาเอา” หญิงร่างอวบเจ้าของแผงตลาดที่มีนาเช่าเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ “แหม่ ดีจริงๆ มีแฟนทีปลดนี่หมด
เลยนะน้องมีน”



เด็กหนุ่มรู้สึกว่าหัวสมองของตัวเองมึนเบลอไปหมดตลอดทางที่กลับมาคอนโด จากรองเท้าของอีกฝ่ายที่ถอดระเกะระกะหน้าห้องธีรเชษฐ์คงกลับมาถึงก่อนเขา มีนาก้มลงเก็บรองเท้าคู่นั่งกลับเข้าชั้นวางให้เป็นระเบียบ เปิดประตูห้องนอนของอีกฝ่ายแล้วชะเง้อเข้าไป ดังคาด คนที่เขาตามหากำลังอ่านอะไรสักอย่างในแท็บเล็ตของตนอยู่บนเตียง



“ก่อนเธอจะพูดอะไร เรื่องทั้งหมดนั่นฉันให้เป็นของขวัญวันเกิดล่วงหน้า ไม่เกี่ยวอะไรกับหนี้ที่เธอ...” เสียงทุ้มถูกกลืนหายไปในลำคอเมื่อเด็กหนุ่มร่างเล็กทรุดตัวลงบนพื้น กอดเอวของเขาไว้แน่นโดยไม่พูดอะไรกับเขาแม้แต่คำเดียว ธีรเชษฐ์ชะงักอย่างไม่รู้จะโต้ตอบอย่างไร สุดท้าย ร่างสูงจึงจบลงที่การลูบกลุ่มผมนุ่มไปมาอย่างเบามือ “ชอบมั้ย?”



“ชอบครับ..” เสียงอู้อี้จากใบหน้าที่ซบอยู่กับตักของเขาตอบกลับมา “ขอบคุณครับคุณเชษฐ์”




“ไม่ดื้อแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย” ชายหนุ่มยิ้ม ดึงให้อีกฝ่ายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ดวงตากลมโตของมีนารื้นไปด้วยหยาดน้ำตาที่เอ่อคลอเต็มหน่วย “ไหน...ฉันติดอะไรไว้เมื่อเช้า”




“ติด?…อื้อ…”




เด็กหนุ่มหลับตาพริ้มรับสัมผัสอ่อนโยนจากริมฝีปากได้รูปอย่างว่าง่าย ริมฝีปากรูปกระจับเผยออ้าให้อีกฝ่ายแทรกลิ้นร้อนเข้ามาอย่างเต็มใจโดยไม่ต้องรอให้สั่ง ลิ้นเรียวเล็กขยับโต้ตอบอย่างกระตือรือร้น แม้จะไม่ได้ไม่ประสีประสาอย่างครั้งแรกที่ถูกจูบ แต่มีนาเรียนรู้จากธีรเชษฐ์มามากพอที่จะรู้ว่าอะไรทำให้อีกฝ่ายครางเสียงต่ำในลำคออย่างสะกดกลั้นอารมณ์ และอะไรที่ทำให้ความเป็นชายที่กำลังบดเบียดต้นขาของเขาแข็งขืนอย่างเรียกร้องเอาแต่ใจ




และอะไร ที่ทำให้ธีรเชษฐ์คำรามออกมาอย่างสุขสมในแบบที่ทำให้ร่างทั้งร่างของมีนาตอบรับเสียงนั้นอย่างโหยหา



“อึก…มีน...”



ชื่อของมีนาที่ออกมาจากริมฝีปากได้รูปช่วยให้มีนารู้สึกดีขึ้น แม้ว่าริมฝีปากสีหวานที่ปรนเปรอความสุขให้ร่างสูงอยู่นั้นจะเริ่มเจ็บระบมจากการเสียดสีที่คับแน่นอยู่ภายใน เด็กหนุ่มรู้สึกถึงน้ำตาคลออยู่หางตาและสิ่งแปลกปลอมที่แทบจะมาจุกอยู่ที่หลังคอ แต่เสียงที่หลุดออกมาจากคนเจนสนามที่ดูเหมือนควบคุมตัวเองไม่อยู่ในตอนนี้ทำให้สิ่งเล็กน้อยนั้นไม่อยู่ในความคิดของมีนาสักนิด



“อึก…อื้อ อือ...” สะโพกสอบขยับสวนพร้อมกับมือใหญ่ที่ขยุ้มกลุ่มผมนุ่มลื่นไม่ให้ขยับหนี แม้สิ่งนี้จะเคยเป็นบทลงโทษในวันที่เขาทำให้อีกฝ่ายโกรธ แต่ในตอนนี้มีนากลับรู้สึกอุ่นวาบในอกกับปฏิกิริยาของร่างสูงที่มีต่อเขา




“มีน…ออก...ออกไป” ธีรเชษฐ์กัดฟันกรอด รีบปล่อยมือจากศีรษะกลมเมื่อรู้สึกถึงการปลดปล่อยที่ใกล้เข้ามา แต่มีนาที่ตัดสินใจจะเป็นเด็กดื้อขึ้นมาในตอนนั้นไม่ยอมถอย และนั่นส่งผลให้เด็กอวดดีไอโขลกหน้าดำหน้าแดงกับสิ่งที่ตนรับไม่ไหว



“หึๆ ซ่าดีนัก” ธีรเชษฐ์หัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปหยิบทิชชู่มาให้อีกฝ่ายปิดปากไอและหยิบอีกแผ่นมาช่วยทำความสะอาดใบหน้าที่แดงก่ำ



ทั้งที่มีนาเคยทำแบบนี้ให้ธีรเชษฐ์มาหลายครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่ทำให้เขารู้สึกขัดเขินกับสายตาโลมเลียอย่างไม่ปิดบังของร่างสูงได้มากขนาดนี้



“คุณเชษฐ์...ชอบมั้ยครับ?” มีนาแทบจะกัดลิ้นตัวเองกับคำถามที่เลยคำว่าน่าอายไปหลายขุมนั้น ขนาดคนถูกถามยังดูประหลาดใจกับคำพูดของมีนา ก่อนจะยิ้มอวดเขี้ยวคมที่มีนาไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักแต่เคยสัมผัสกับผิวกายเนียนหลายครั้งหลายครา



“ถ้าฉันบอกว่าชอบ...จะทำให้อีกรึไง?”



“คะ..คือ...ผม...คือ...”



“แค่นี้ ฉันไม่อิ่มหรอกนะ” ร่างสูงว่า ดวงตาคมสีควันบุหรี่ไล่สำรวจเรือนร่างบอบบางจนมีนารู้สึกเหมือนตัวเองถูกจับถอดเสื้อผ้าด้วยสายตาของอีกฝ่ายเท่านั้น



“อีก…ไม่กี่วันเองครับ...” เด็กหนุ่มพึมพำ เบือนหน้าหนีดวงตาของธีรเชษฐ์ที่เบิกกว้างกับคำตอบของเขา “ผม...ผมไปทำอาหารเย็นนะครับ”



มีนาไม่รอให้อีกฝ่ายอนุญาต แทบจะพุ่งตัวออกไปจากห้องนอนด้วยคาวมเร็วเหนือแสง นึกขอบคุณที่ธีรเชษฐ์ไม่ตามเขาเข้ามาในห้องครัว ร่างเล็กทรุดตัวลงบนเก้าอี้ในห้องครัวแล้วซุกหน้าลงกับฝ่ามือของตัวเอง



ไม่ทันแล้วมีนา




ต่อให้มีเฮลิคอปเตอร์โรยเชือกลงมาช่วย เขาก็ไม่รอดแล้ว

------------

คนแก่ก็อยากทำแต้มบ้างไรบ้าง :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
นี่คนแก่ทำดีรอเวลากินน้อง หรือดีจริง เพราะตกหลุมเด็กล่ะเนี่ย

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
       ในเวลาที่คุณเชษฐ์น่ารักนางก็น่ารักจนน่าอิจฉาแต่พอนางจะไม่น่ารักก็น่าเรียกเทศบาลมาเก็บจริงๆ
ในที่สุดน้องมีนก็ได้เจอความสุขบ้างละถึงจะมีความทุกข์รออยู่ก็ตามสู้ๆนะน้องมีน
       รออ่านตอนต่อไปนะค่ะ

ออฟไลน์ Hoya

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :o12: :o12:  มีนา หนีปายยยยย  .... ทันไหม

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
คนแก่อ่อนโยนจ้าาา
ถึงวันเกิดน้องมีนของแม่ไม่เหลือแน่จ้าา

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1555
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
หนูมีนติดเชื้อมาจากคุณเชษฐ์แล้ว 5555

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
คุณเชษฐ์ ชอบๆ หุหุ ถูกใจแทน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3066
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
จะเปิดตัวแล้วอ่ะดิ

ออฟไลน์ จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า

  • I LOVE MY SMILE
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1892
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-4
คุณเชษน่ารักอะไรขนาดนั้นนนนนนน นี่ใจรอถึงวันเกิดน้องมีนแล้วนะคะ555

ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14
ฮือออออ น่ารักที่สุดดดด เปนกำลังใจให้น้องมีนเสมอๆ

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
Chapter 33: ลูกเลี้ยง

“หา? นี่มันอีกไม่กี่วันเองไม่ใช่เหรอ?”
ทินกรร้องออกมาเมื่อกดดูข้อความในโทรศัพท์ มีนาเงยหน้าขึ้นจากหนังสืออย่างสบสัย เช่นเดียวกับพายุที่เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม



“อะไรของมึงวะซัน?”




“พ่ออ่ะดิ ร้อยวันพันปีไม่เคยจัดวันเกิด อยู่ๆอารมณ์ไหนมาร่อนการ์ดเชิญ แถมยังจัดที่บ้านอีก” เด็กหนุ่มร่างสูงกุมขมับ “กูจะหาของขวัญทันมั้ยเนี่ย”



“คิดมากไมวะ พ่อมึงอายุเท่าไหร่แล้ว เขาคงไม่มานั่งรอของขวัญมึงเป็นเด็กๆหรอก” พายุให้เหตุผล ทินกรส่ายหน้า คิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างกังวลใจ



“มึงไม่เข้าใจ มันไม่เกี่ยวกับพ่อจะอยากได้หรือไม่อยากได้ มันเกี่ยวกับกูไม่มีปัญญาหาของขวัญดีๆให้พ่อ”




ทินกรมักจะเป็นแบบนี้ ในช่วงเวลาไม่นานที่มีนารู้จักอีกฝ่ายมา ร่างสูงมักจะคิดถึงคนอื่นก่อนตัวเองเสมอ เด็กหนุ่มใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อยที่ใครหลายคนมองข้ามไป และมักจะกดดันตัวเองให้หาสิ่งที่ดีที่สุดให้คนรอบข้าง



“ไอ้มีน ดูแลลูกมึงดิ๊ ฟุ้งซ่านอีกละ”



มีนาสะดุ้งกับคำพูดของพายุ พยายามปรับสีหน้าดูมีพิรุธน้อยที่สุดก่อนจะหันไปหาเด็กหนุ่มลูกครึ่งที่ตอนนี้เริ่มแปรสภาพกลายเป็นของไหลยวบลงไปกองบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว



จึ้ก…จึ้ก…



นิ้วเรียวเล็กจิ้มสสารตรงหน้าเพื่อทดสอบว่าทินกรยังอยู่กับพวกเขาหรือไม่ ใบหน้าคมหล่อเหลาละม้ายคล้ายคลึงบิดาที่ฟุบอยู่กับโต๊ะหันมาหาเขา แต่ยังคงไม่ยอมยกศีรษะขึ้นมาจากผิวโต๊ะหินอ่อน



“อีกตั้งหลายวันนี่ซัน ยังมีเวลานะ” แม้ว่าในใจจะร้อนรนไม่ต่างกัน แต่เขาต้องเก็บซ่อนสีหน้าวิตกกังวลของตัวเองไว้ก่อนที่คนตาดีทั้งคู่จะสังเกตเห็น “คุณพ่อซันท่านชอบอะไรเหรอ?”



มีนาบอกตัวเองว่าเขาแค่อยากช่วยเพื่อนหาของขวัญวันเกิดให้พ่อ และไม่ได้มีความคิดที่จะใช้ประโยชน์จากทินกรในการหาของขวัญให้ธีรเชษฐ์เลยสักนิด



ทินกรจ้องเขาตาแป๋ว ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะที่คางของคนที่รอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อแล้วบิดให้อีกฝ่ายหันซ้ายขวา เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่มีนาเดาไม่ออกว่ากำลังล้อเล่นหรือไม่



“แบบนายพ่อก็น่าจะชอบนะ”



“เหอะ ฝันไปเถอะ ไอ้เสี่ยฝรั่งมันเอาตาย” พายุแค่นเสียงหึในลำคอ



“แต่กูว่ากูมาถูกทางแล้วล่ะ” ทินกรผงกหัวขึ้นจากโต๊ะพร้อมดวงตาเป็นประกาย



“เดี๋ยวครับไอ้คุณเพื่อน มึงจะออฟเด็กให้พ่อมึงเป็นของขวัญวันเกิดไม่ได้นะ” พายุรีบเบรกเพื่อนที่มีสีหน้าจริงจังจนคนมองเริ่มหวั่นใจ มีนารีบพยักหน้าสมทบจนคอแทบหลุด



“ทำไมอ่ะ ก็กูไม่รู้แล้วนี่นาว่าพ่อชอบอะไรอีก” ทินกรทำหน้าหงอยลงไปทันทีที่ได้ยิน พายุเกาศีรษะแกรกๆอย่างไม่รู้จะอธิบายความผิดพลาดของตรรกะนั้นอย่างไร



“มีน จัดการลูกมึงดิ๊”



“เพราะ…ของขวัญที่เราจะให้ญาติผู้ใหญ่ควรเป็นของที่เขาเก็บไว้ได้นานๆไง” มีนาแถ ที่หางตา เขาเห็นพายุหลุดขำพรืดออกมากับเหตุผลประหลาดนั้น “แบบ ของใช้ เสื้อผ้า หรือของทำมืออะไรแบบนี้…”



“รู้แล้ว! งั้นเราร้อยพวงมาลัยให้พ่อดีกว่า!” ทินกรเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้น มีนาชะงัก ส่วนพายุนั้นขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจเท่าไหร่




“ทำไมวะ? มึงจะเอาไปกราบตีนขอขมาพ่อมึงเหรอ”




“…” ทินกรดูเหมือนจะไม่เข้าใจคำศัพท์ของเพื่อนสนิท แต่ยังคงพยายามอธิบาย “เปล่า ช่วงนี้พ่อกูชอบร้อยมาลัย ไม่รู้อารมณ์ไหนช่วงเย็นชอบกลับบ้านมาขอให้ป้าแต้วสอน เห็นร้อยมาหลายวันแล้ว ตอนร้อยก็ยิ้มอยู่คนเดียว คงเป็นฮอบบี้ใหม่
คนแก่”



มีนารู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองในตอนนี้ร้อนฉ่าไปถึงใบหู หัวใจดวงน้อยที่ถูกทารุณกรรมอย่างต่อเนื่องมาหลายวันตอนนี้แทบจะกรีดร้องของความเมตตา



“เอาอย่างอื่นดีมั้ย พวงมาลัยแป๊บๆก็เหี่ยวป่ะวะ” พายุว่า “อีกอย่าง มึงมาฝึกตอนนี้กูว่าอย่าว่าแต่ได้พวงมาลัยเลย เข็มจะทำมือแม่ง เป็นบาดทะยักตายห่าไปก่อน”



“ซันชอบวาดรูปไม่ใช่เหรอ?” ร่างเล็กเสนอขึ้นหลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก “ไม่วาดให้คุณพ่อล่ะ”



“จริงด้วย! มีนฉลาดอ่ะ” ทินกรพยักหน้าเห็นด้วย



“หมอมั้ยล่ะมึง” พายุตบหัวเพื่อนตัวสูงเบาๆ แต่คนโดนตบนี่แทบจะหน้าทิ่มไปกับโต๊ะอีกรอบ



“งั้นเย็นนี้ชวนพี่ภัทรไปซื้อสีเพิ่มดีกว่า” เมื่อได้ของขวัญให้บิดา ทินกรควักโทรศัพท์ออกมาพิมพ์หาคนรักอย่างสบายใจ ส่วนมีนานั้นคงมืดแปดด้านด้วยไม่รู้ว่าจะให้อะไรผู้ชายที่เป็นเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเขาและมีพร้อมในทุกด้านๆ




เว้นอยู่อย่างเดียวเขารู้ว่าธีรเชษฐ์โหยหามากกว่าสิ่งใดในโลก และจำนวนเงินเท่าไหร่ก็ไม่สามารถซื้อมันมาได้…










มีนารู้ว่าเขากำลังทำภารกิจฆ่าตัวตายตั้งแต่ก่อนที่จะก้าวเข้ามาในโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย แต่เขาก็รู้เช่นกัน ว่าหากเขาไม่ลองพยายามดูอีกสักครั้ง เด็กหนุ่มคงจะรู้สึกผิดกับตัวเองไปตลอดชีวิต



เด็กหนุ่มพยายามมองหาคนที่ตนมาดักรอท่ามกลางทะเลของชุดกาวน์สีขาว ทุกๆครั้งที่เขาพยายามจะเข้าหาธารธารา อีกฝ่ายมักจะถูกรายล้อมด้วยเพื่อนร่วมชั้นเสมอ แม้ว่าคุณชายคนรองของบ้านทรัพย์ดำรงจะเห็นเขาทุกครั้ง แต่อีกฝ่ายเลือกที่เมินเฉยการมีตัวตนของมีนาแล้วเดินผ่านเขาไป



ครั้งนี้ มีนาไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายของตัวเองที่ในครั้งนี้ ร่างโปร่งของ’นางฟ้า’ของปีสี่กำลังเดินผ่านทางเดินเปลี่ยวนี้โดยไม่มีเพื่อนขนาบข้างเช่นทุกวัน  ไม่มีแม้แต่ติณณ์ภพ เพื่อนสนิทที่ไม่เคยห่างกายชายหนุ่มตั้งแต่ที่มีนารู้จักคนทั้งคู่มา
สมองของเขาร้องเตือนเป็นครั้งสุดท้ายว่าอย่าทำอะไรโง่ๆ แต่มีนายังคงดื้อรั้นไม่ยอมฟัง เขารู้ว่าเขาจะต้องเสียใจทีหลัง แต่ตอนนี้เขามาไกลเกินกว่าจะถอยแล้ว



“คุณธาร…คุณธารธาราครับ”



ฝีเท้าของธารธาราหยุดลงเมื่อได้ยินเสียงของเขา แต่ร่างโปร่งในชุดกาวน์ยาวสีขาวบริสุทธิ์ยังคงไม่คิดจะหากลับมา มีนากลืนน้ำลายอย่างยากลำบก ก่อนจะเป็นฝ่ายก้าวเข้าไปหาคนอายุมากกว่า



“วันที่สิบสี่ คุณเชษฐ์จะจัดงานวันเกิด…”



“แล้วมันกงการอะไรของผมไม่ทราบ?” อีกฝ่ายหมุนตัวกลับมาหาเขา สีหน้าไม่พอใจที่คนอื่นแทบไม่เคยได้เห็นเริ่มกลายเป็นสิ่งที่มีนาคุ้นชิน ถึงแม้ว่านั่นจะไม่ได้ทำให้ความน่ากลัวของอีกฝ่ายลดน้อยลง



ในบางมุม เขารู้สึกว่าการวางตัวของคนตรงหน้านั้นดูคล้ายคลึงเลขาหน้าสวยของธีรเชษฐ์อยู่มาก



“คุณเชษฐ์เขาคิดถึงคุณธารมากนะครับ” มีนาเอ่ยเสียงแผ่ว อีกฝ่ายแค่นเสียงหึ กอดอกส่ายหน้าไปอย่างขบขันราวกับกำลังได้ยินเรื่องตลกที่มีนาไม่เข้าใจ



“ผมจำได้ว่าวันเกิดของผู้ชายคนนั้นไม่ใช่วันที่สิบสี่…”



“คุณเชษฐ์เลื่อนไปจัดหลังกลับจากต่างประเทศ…”



“ผมถามอะไรหน่อยได้มั้ย?” ธารธาราเอ่ยขัด มีนานิ่งไป ก่อนจะพยักหน้าอย่างประหลาดใจ “คุณจะครบสิบแปดปีวันที่สิบสามรึเปล่า?”



มีนาพยักหน้าอีกครั้ง ยังคงไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่ออะไร ธารธาราหัวเราะออกมากับคำตอบนั้น เสียงหัวเราะขมขื่นที่บ่งบอกว่าอีกฝ่ายรับรู้ถึงเจตนาของบิดาเป็นอย่างดี



“หึ ร้อยวันพันปีไม่เคยคิดจะจัดงานวันเกิด พออยากอวดของเล่นก็ทำให้คนอื่นวุ่นวายไปทั่ว” ธารธาราส่ายหัว “เอาเวลานี้ไปนวดตัวเข้าสปาอัพราคาตัวเองจะดีกว่านะ วันจริงผู้ชายคนนั้นจะได้ไม่รู้สึกว่าคุณไม่คุ้มค่าการลงทุน”



มีนารู้สึกเหมือนถูกตบหน้าฉาดใหญ่กับเหตุผลของอีกฝ่าย ใจหนึ่งเขาไม่อยากเชื่อสิ่งที่ธารธาราพูด แต่มีนาต้องยอมรับว่านั่นดูจะเป็นเหตุผลที่สมเหตุสมผลที่สุดสำหรับการกระทำของร่างสูง



แค่คนเอาแต่ใจ ที่อยากอวดสัตว์เลี้ยงของตัวเองให้ทุกคนดู



เขาควรจะไม่รู้สึกเจ็บปวดกับสิ่งนั้น แต่มีนารู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ ธารธาราเอียงคอพินิจพิจารณาเด็กหนุ่มรุ่นน้องด้วยแววตาที่มีนาอ่านไม่ออก เอ่ยเสียงเรียบทิ้งท้ายก่อนเดินจากไป



“คุณไม่ใช่คนแรกหรอกนะที่คิดว่าจะเปลี่ยนคนแบบนั้นได้”



แม้จะรู้สึกเหมือนถูกอีกฝ่ายตีแสกหน้าด้วยไม้หน้าสาม แต่มีนายังคงเลือกที่จะก้าวตามอีกฝ่ายไปตามทางเดินของโงพยาบาลแม้ว่าขาจะรู้สึกไร้เรี่ยวแรงเพียงใด



เขามาที่นี่เพื่อธีรเชษฐ์...เรื่องของเขาสามารถเอาไว้ร้องไห้คนเดียวในห้องน้ำหลังจากนี้ก็ยังไม่สาย



“ขอร้องล่ะครับคุณธาร...”



“ผมต้องบอกคุณกี่ครั้งถึงจะพอ เลิกตามรังควานผมซะที” เจ้าของชื่อเอ่ยขึ้นเสียงติดรำคาญ เห็นได้ชัดว่าความอดทนที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดของอีกฝ่ายได้หมดลงแล้ว



“คุณธารครับ ผมขอร้อง อย่างน้อยวันเกิดคุณเชษฐ์...”



“ถ้าผู้ชายคนนั้นประสบอุบัติเหตุ เป็นโรคร้ายแรง หรืออะไรก็ตาม อะไรที่ผมช่วยยื้อชีวิตเขาได้ ผมยินดีจะช่วย อย่างน้อยที่สุดก็ในฐานะบุคลากรทางการแพทย์คนนึง แต่นอกจากนั้น ก็ทางใครทางมัน” เสียงหวานขัด ดวงตาสีน้ำตาลเย็นยะเยือกจนมีนารู้สึกเสียววาบไปถึงกระดูกสันหลัง



“ได้โปรดเถอะครับคุณธาร ถ้ามันเป็นเพราะผม ผมจะไม่ยุ่งกับคุณเชษฐ์อีก” ถึงแม้น้ำเสียงจะสั่นเครือราวกับจะร้องไห้ แต่ร่างเล็กก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ



ถ้าหากมันทำให้ธีรเชษฐ์ได้ลูกชายคนรองกลับมา ถ้าหากมันทำให้ครอบครัวของร่างสูงได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง มีนาก็ยินดีที่จะไป ถึงแม้ว่าหนทางข้างหน้าจะลำบากแค่ไหนก็ตาม



“อย่าสำคัญผิด มีนา” เสียงเย็นของธารธาราเจือแววขบขัน ราวกับอีกฝ่ายกำลังเล่าตลกร้ายบางอย่างให้เขาฟัง “ผมไม่เคยเกลียดคุณ ถามว่าในฐานะเพื่อนร่วมโลก ผมรังเกียจสิ่งที่คุณกำลังทำมั้ย? ก็มีบ้าง แต่มันก็ไม่ใช่กงการอะไรของผม”



ร่างโปร่งก้าวเข้าไปใกล้เด็กหนุ่มที่ยืนตัวสั่นอย่างหวาดกลัว เชยคางมนให้เงยขึ้นสบตาเขาด้วยแรงที่ไม่เบานัก มีนาสะดุ้ง แต่ยังคงไม่ยอมขยับไปไหน ความตั้งใจแน่วแน่ที่ฉ่ยชัดในดวงตากลมโตไม่ได้ช่วยให้ธารธาราใจอ่อนลงสักนิด



“คนที่ผมเกลียด คือผู้ชายคนนั้น ความเกลียดของผมมันหยั่งรากลึกมานานกว่าที่คุณจะก้าวเขามาในชีวิตเขาเสียอีก” ธารธาราปล่อยมือจากใบหน้าของอีกฝ่าย “ถ้าคุณยังไม่เลิกยุ่งวุ่นวาย พยายามให้ผมไปเจอกับเขาอีก ทั้งซัน ทั้งแว่น ทั้งแทนไทย จะได้รู้ ว่าเพื่อนที่แสนเรียบร้อยของตัวเองทำอาชีพเสริมอะไรในเวลาว่าง”



ชายหนุ่มกอดอก  ขยับยิ้มเมื่อเห็นว่าคำพูดของตัวเองจี้ใจดำร่างเล็กเข้าให้อย่างจัง



“ถูกเชิญออกด้วยข้อหาค้าประเวณี ศพคงไม่สวยเท่าไหร่ คุณว่าไหม”




มีนาก้มหน้านิ่ง ไหล่บางสั่นระริกอย่างห้ามไม่อยู่



เขากลัว...



มีนายอมรับว่าตัวเองกลัวคำขู่ของคนตรงหน้า ที่ดูจากแววตาที่มองเขาราวกับมองซากสัตว์เน่าเฟะตามท้องถนนนั้นแล้ว คงไม่ใช่แค่คำขู่เปล่าๆ ต่อให้คเชนทร์ยอมเอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับสิ่งที่เขาทำเพราะเห็นแก่ความเป็นเพื่อนของตนกับธีรเชษฐ์ แต่อาจารย์ที่ปรึกษาของเขาไม่เคยปิดบังความรักความเอ็นดูของตนที่มีต่อธารธาราดุจลูกในไส้แม้จะเป็นในคณะ จนใครหลายคนต่างพากันเข้าใจผิดว่าธารธาราเป็นลูกชายแท้ๆของคเชนทร์ เพราะฉะนั้นคงไม่ต้องสงสัยว่าอาจารย์ของเขาจะเลือกใคร



ธารธาราขยับยิ้มอย่างผู้ชนะที่คล้ายคลึงกับบิดาของตนมากแม้จากไม่ได้โครงหน้าของธีรเชษฐ์มา เห็นได้ชัดว่าร่างโปร่งรู้ดีว่าคำพูดของตนบรรลุจุดประสงค์ที่ต้องการ



“อย่ามายุ่งกับผม ถ้ายังอยากมีชีวิตที่สงบสุข จำไว้”



ครั้งนี้ มีนาเลือกที่จะยืนอยู่ที่เดิม มองร่างสูงโปร่งในชุดกาวน์ยาวสีขาวหมุนตัวเดินเข้าไปในโรงพยาบาลอย่างเสียขวัญ แม้จะยังไม่อยากยอมแพ้ แต่มีนายังไม่อยากเสี่ยงทำอะไรไปมากกว่านี้ในตอนนี้



เด็กหนุ่มเดินกลับไปในทางที่ตนจากมา ขาเรียวชะงักเมื่อเห็นเงาตะคุ่มของร่างสองร่างคุดคู้อยู่ข้างถังขยะใบโต หัวใจของมี
นาตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อเห็นกลุ่มผมสีบลอนด์ทรายของแทนไทยโผล่พ้นขอบถังขยะออกมา แต่ร่างเล็กเลือกที่จะเดินต่อไป แสร้งทำเป็นไม่เห็นเพื่อนเพียงสองคนในคณะของตน ที่ในตอนนี้น่าจะรับรู้เรื่องของเขามากพอที่จะประติดประต่ออะไรได้หลายๆอย่างแล้ว



หากแว่นกับแทนไทยเดินเข้ามาถามเขา มีนาก็ไม่คิดที่จะโกหกในสิ่งที่คนทั้งสองน่าจะเดาออกได้ไม่ยาก แต่ในตอนนี้ มีนาเลือกที่จะไม่รับรู้การมีอยู่ของคนทั้งคู่



เขามีเรื่องให้ลำบากใจมากพออยู่แล้ว












“สีนั้นก็หมดอีกแล้วเหรอ? วาดรูปบ่อยขนาดนั้นเลยเหรอเรา?” ภรัณยูเลิกคิ้วเมื่อเห็นทินกรกหยิบหลอดสีขนาดใหญ่ที่สุดที่ร้านมีลงในตะกร้า เด็กหนุ่มหันมายิ้มให้คนรักอย่างมีความสุข



“ครับ แค่รูปพี่ภัทรคนเดียวก็เป็นอัลบั้มแล้ว”



“….” ภรัณยูเลือกที่จะยิ้มตอบคนรักโดยไม่พูดอะไร เขารู้ว่าในบางครั้งสิ่งที่ตัวเองพูดออกไป แม้จะเป็นเพียงแค่ปฏิกิริยา
โต้ตอบเพื่อกลบเกลื่อนความอายก็สามารถทำร้ายความรู้สึกของคนคิดเยอะอย่างทินกรได้ ดังนั้นอะไรที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรง
ภรัณยูก็อยากจะทำให้คนรัก



ถึงเขาจะยังอ่านใจคนไม่เก่ง แต่ในบางครั้ง ภรัณยูรู้สึกว่าเขากับเด็กหนุ่มสามารถสื่อสารกันได้แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไรออกมา



ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่มากกว่าที่เขาเคยรู้สึกกับใคร



“แล้วซันจะวาดรูปอะไรให้ท่านประธานเหรอ?”



“เรียกพ่อสิครับพี่ภัทร” ทินกรแย้ง “เรียกท่านประธานแล้วฟังดูห่างเหินจัง”



“หยุดเลย ตอนพี่เกิดท่านประธานยังไม่ขึ้นมัธยมเลยซัน จะให้เรียกพ่อนี่สงสารเขาบ้างเถอะ” ภรัณยูเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ แต่ทินกรกลับทำหน้ามุ่ย



“ก็พ่อแฟนก็ต้องเรียกพ่อสิครับ”



“เลือกสีต่อเลย พี่ไม่คุยด้วยแล้ว” ภรัณยูเปลี่ยนหัวข้อสนทนาก่อนเรื่องจะบานปลายใหญ่โตไปมากกว่านี้ ทินกรมมีสีหน้าเหมือนอยากจะพูดอะไรต่อแต่เปลี่ยนใจ ก่อนจะหันไปเลือกสีต่อตามที่คนรักบอก



พวกเขาใช้เวลาอยู่ในร้านขายอุปกรณ์วาดรูปนานพอสมควร สังเกตได้จากท้องที่เริ่มร้องโครกครากของเด็กหนุ่มร่างสูง ทินกรหันมายิ้มแห้งๆให้เขา ภรัณยูส่ายหน้ายิ้มๆแล้วหันไปมองหาร้านอาหารในละแวกนั้น



ดวงตาสีน้ำตาลกวาดไปทั่วบริเวณก่อนจะรีบหันขวับไปมองด้านหลังอีกครั้งด้วยสีหน้าแตกตื่น



“พี่ภัทร? เป็นอะไรรึเปล่าครับ?” ทินกรถามเมื่อเห็นท่าทีประหลาดของคนรัก ภรัณยูยังคงไม่ละสายตาจากฝูงชนด้านหลัง คิ้ว
เรียวขมวดมุ่นอย่างเป็นกังวล



“พี่คิดว่าพี่เห็นปภพ....” ร่างของทินกรเกร็งขึ้นอย่างระแวดระวังทันทีที่ได้ยินดังนั้น “...พี่คงเครียดมากไปน่ะ ไปหาอะไรกินกันดีกว่า”



“ผมว่าเรากลับกันดีกว่าครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล



“ไม่มีอะไรหรอกซัน พี่หลอนไปเองแหละ ในห้างคนเยอะแยะ เขาไม่โง่ขนาดนั้นหรอก” ภรัณยูปลอบคนรัก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาคิดไปเองว่าเห็นแฟนเก่าที่ตำรวจยังคงตามจับไม่พบอยู่ในทุกที่ที่เขาไป และชายหนุ่มรู้ว่าหากเขายังอยู่ในห้วงความคิดจิตตกแบบนี้ เขาคงไม่ได้เป็นอันทำอะไรพอดี



“ผมอยากกลับแล้วครับพี่ภัทร เราสั่งอะไรมากินที่บ้านก็ได้”



ทินกรยืนยัน เมื่อเป็นอย่างนั้น ภรัณยูจึงยอมทำตามคำขอของคนรักแต่โดยดี



ท้องฟ้าภายนอกเริ่มมืดสลัวตอนที่พวกเขาเดินมาถึงลานจอดรถ ทินกรเปิดฝากระโปรงรถขึ้นแล้วยัดข้าวของที่ซื้อมาทั้งหมด
เข้าไปในนั้น ภรัณยูยืนรอคนรักเงียบๆ ก่อนจะร้องออกมาเมื่อแรงกระชากจากด้านหลังทำให้เขาเซถลาไปตามแรงดึง สัมผัสเย็นๆที่จ่อยู่ที่คอหอยและกลิ่นเหล้าเหม็นคละคลุ้งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงกระดูกสันหลัง



“พี่ภัทร!!!”



“อย่าเข้ามานะเว้ย!!”



เสียงตะโกนอย่างคลุ้มคลั่งของปภพดังขึ้นพร้อมกับมีดที่แนบชิดเข้ามาใกล้คอของภรัณยูมากขึ้น ชายหนุ่มชาไปหมดทั้งร่างด้วยความหวาดกลัว แต่แววตาหวาดผวาของทินกรที่มองตรงมาที่เขาทำให้คนอายุมากกว่าต้องฝืนทำเป็นเข้มแข็ง



“ซัน หนีไป…”



“หุบปาก!!” ภรัณยูรู้สึกถึงปลายมีดที่กรีดลงบนผิวกายขาว ความรู้สึกเจ็บแปลบที่คอทำให้ร่างโปร่งเริ่มมีตื่นตระหนกมากขึ้น



“แกต้องการอะไร?” ทินกรถาม แววตาของร่างสูงผสมผสานปนเปไปด้วยความหวาดกลัวและโทสะที่ภรัณยูไม่เคยเห็นมาก่อน “เงินเหรอ? แกอยากได้เท่าไหร่บอกมา แค่ปล่อยพี่ภัทรมาให้ฉัน…”



“ฮ่าๆๆๆ มึงคิดว่ากูโง่เหรอ?!” น้ำเสียงคลุ้มคลั่งของปภพทำให้ภรัณยูเริ่มสงสัยแล้วว่าสิ่งที่อยู่ในร่างกายของชายหนุ่มคงไม่ได้มีแค่แอลกอฮอล์ “ถึงกูได้เงินไป มึงก็ไม่ปล่อยกูหรอกเว้ย!!”



“แล้วแกอยากได้อะไร” ทินกรพยายามข่มเสียงของตัวเองให้ฟังดูใจเย็นที่สุด “แค่ปล่อยพี่ภัทรแล้วแกจะได้ทุกอย่างที่ต้องการ”



“ของที่กูอยากได้เหรอ…” ภรัณยูนิ่วหน้าด้วยความเจ็บเมื่อมือสากบีบเข้าที่คาง พยายามเบือนหน้าหนีอย่างขยะแขยงเมื่อลิ้นของอดีตคนรักเลียเข้าที่ข้างแก้มอย่างหื่นกระหาย “กูอยากให้มึงพังพินาศ ให้มึงไม่เหลืออะไรเหมือนกู! คิดว่าผัวเด็กของมึงจะยังเอามึงลงมั้ยถ้ากูเอามึงตรงนี้ต่อหน้ามัน ฮึ? คิดว่ามึงสูงส่งกว่ากูเหรอ? ดี กูจะย่ำยีให้มึงไม่เหลือค่า ต่อหน้าคนที่บอกว่ารักมึงนักหนา…อุ่ก!”



แรงกระแทกจากด้านหลังอย่างรุนแรงส่งให้ปภพล้มกลิ้งลงไปกับพื้น ร่างสูงใหญ่ของพายุนั่งทับอีกฝ่ายไว้ ดึงมีดออกจากมือของชายหนุ่มที่ดิ้นพล่านไปมาบนพื้นแล้วโยนมันไปให้ห่างจากมือของปภพ ภรัณยูทรุดตัวลงกับพื้น หัวใจเต้นรัวในอกจนเขารู้สึกเหมือนจะเป็นลมไปตรงนี้



“ทางนี้ครับ!” เสียงของเจนวิทย์ดังขึ้นไม่ไกล พายุที่ใช้ร่างกายของตัวเองกดทับตัวคนร้ายไว้หันไปหาทินกร



“ยืนบื้ออะไรอยู่ล่ะ? ไปดูพี่ภัทรดิวะ!”



ทินกรที่ยังคงตกอยู่ในสภาวะช็อกรีบเรียกสติของตัวเองกลับมาแล้ววิ่งไปหาคนรักที่ยังคงนั่งอยู่บนพื้น



“พี่ภัทร…พี่ภัทรเป็นไงบ้างครับ?”



“พี่ไม่เป็นไร…” ภรัณยูพยายามยิ้มให้เด็กหนุ่มทั้งที่ยังคงเสียขวัญกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากเหตุการณ์ระทึกขวัญเมื่อครู่จบลงความรู้สึกเจ็บแปลบบริเวณแผลเริ่มกลับคืนมาอีกครั้ง ทินกรถอกเสื้อของตัวเองออกแล้วใช้มันกดไว้ที่ปากแผลเพื่อห้ามเลือด แม้ว่าภรัณยูจะรู้สึกว่าตนไม่ได้ถูกบาดลึกอะไรนัก หันไปหาพายุที่กำลังส่งมอบหน้าที่ต่อให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้าง



“กู…กูพาพี่ภัทรไปหาหมอนะ”


“หน้าซีดเป็นไก่ต้มแบบนั้นเดี๋ยวก็รถคว่ำตายห่าก่อนถึงโรงบาลอ่ะ” เพื่อนผิวเข้มว่า “เดี๋ยวกูไปส่ง ขอโทษนะครับเจน เราขอแวะไปส่งเพื่อนเราก่อนกลับได้มั้ย?”



ประโยคหลังนั้นหันไปพูดกับแฟนของตัวเองที่วันนี้อยู่ในชุดกระโปรงสีหวาน เด็กหนุ่มร่างโปร่งรีบพยักหน้า



“รีบไปกันดีกว่า ทางนี้เดี๋ยวให้พี่ๆเขาจัดการ”



พายุรับกุญแจรถมาจากทินกรและเปิดประตูหลังให้เพื่อนประคองคนรักเข้าไป เปิดประตูให้แฟนของตัวเองแล้ววิ่งอ้อมรถมาเพื่อสตาร์ทรถ



ทินกรรู้ดีว่าเพื่อนของเขาเหยียบคันเร่งมิดเท้าเท่าที่กฎหมายจะเอื้ออำนวยแล้ว แต่ระยะทางจากห้างสรรพสินค้าไปโรงพยาบาลนั้นยังรู้สึกยาวนานชั่วกัปชั่วกัลป์ในหัวของเขาเมื่อมีภรัณยูที่นอนซบไหล่เขาด้วยสีหน้าอ่อนเพลีย เลือดอุ่นๆซึมผ่านเนื้อผ้าที่เขาใช้กดปากแผลไว้ออกมาเป็นระยะ



“อดทนหน่อยนะครับพี่ภัทร” ทินกรประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากชื้นเหงื่อของคนรักอย่างปลอบโยน ภรัณยูขยับยิ้มอย่างอ่อนเพลีย กุมมือที่สั่นระริกของเด็กหนุ่มที่พยายามปั้นสีหน้าเข้มแข็งเพื่อเขาไว้แน่น



“อื้อ มีซันอยู่พี่ก็ไม่เจ็บแล้ว”



‘แค่มีซันอยู่ แม่ก็ไม่เจ็บแล้วล่ะ’



ทินกรเม้มริมฝีปากแน่นกับคำพูดของคนรักที่ซ้อนทับกับมารดาเมื่อครั้งวัยเยาว์ เขาสลัดความคิดนั้นออกไปจากหัว บอกตัวเองว่าเรื่องนี้จะไม่จบแบบเดียวกับเรื่องของเกศรา

--------มีต่อ------------------

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
“โชคดีจังนะครับที่ไม่เป็นไร” เจนวิทย์เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าโล่งอกหลังจากพบแพทย์แล้ว พวกเขานั่งอยู่ที่แผนกการเงินของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังเพื่อรอรับยา ภรัณยูยกมือขึ้นแตะที่ผ้าก็อซปิดแผลสีขาวบนคอของตัวเองเบาๆอย่างเห็นด้วย พายุที่เดินไปซื้อน้ำจากตู้กดให้ทุกคนแจกจ่ายขวดน้ำเปล่าให้กับพวกเขาแล้วนั่งลงข้างคนรักของตัวเอง




“เออ เมื่อกี้กูบอกไอ้มีน มันบอกมันอยู่แถวนี้พอดี เดี๋ยวมาหา”



“มึงไปบอกมีนทำไม แค่นี้เพื่อนก็มีเรื่องเครียดเยอะอยู่แล้ว” ทินกรขมวดคิ้ว เขาเจอมีนาแต่ละครั้งเด็กหนุ่มมีแต่จะโทรมลงเรื่อยๆ เขาจำได้ว่ามารดาของเพื่อนป่วยหนักต้องนอนโรงพยาบาลอย่างไม่มีกำหนดออก และนั่นทำให้ทินกรนึกถึงภาพของตัวเองซ้อนทับกับเพื่อนตัวจิ๋ว



เขาในตอนนั้นไม่สามารถแบกรับอะไรได้มากกว่าอาการของมารดา และเขาไม่อยากให้มีนาต้องมากังวลใจกับเรื่องของเขา



“ถ้ามึงเป็นมีน แล้วมีนเป็นคนที่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น มึงจะไม่อยากรู้เหรอวะ?” พายุเลิกคิ้ว “เพื่อนน่ะ เขามีไว้เวลาแบบนี้แหละ มึงไม่รู้เหรอ?”



คำพูดนั้นทำให้ทินกรเงียบไป ร่างสูงพยักหน้าให้เพื่อนผิวเข้ม



“ขอบใจมึงมากนะ ที่ช่วยพี่ภัทร”



“ไม่เท่าไหร่หรอกน่า มึงโชคดีนะที่กูพาเจนไปกินข้าวห้างนั้นพอดี” พายุตบบ่าเพื่อนแรงๆ แม้จะเจ็บระบมไปทั่วทั้งไหล่ แต่ทินกรรู้ดีว่านั่นเป็นวิธีแสดงความรักของคนหัวรุนแรงอย่างพายุ



“ซัน พี่ภัทร เป็นอะไรมากมั้ยครับ?”



ทั้งสี่ชีวิตหันไปหามีนาที่ก้าวออกมาจากลิฟต์ด้วยสีหน้าเป็นห่วง ภรัณยูส่ายหน้าเบาๆ นอกจากแผลที่ค่อนข้างลึกแต่ไม่ได้ตัดโดนเส้นเลือดใหญ่และขวัญที่เสียไปแล้ว ชายหนุ่มคิดว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไรมาก



“แค่รับยาแล้วก็กลับได้แล้วล่ะ” ทินกรตอบยิ้มๆ



“ดีจัง” คนตัวเล็กถอนหายใจอย่างโล่งอก



“เออ มึงโทรให้พ่อมึงมารับมั้ย หน้าซีดขนาดนี้มึงขับกลับเองไม่ไหวหรอก เดี๋ยวกูเรียกแท็กซี่กลับไปเอารถที่ห้าง” พายุถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเพื่อนยังคงไม่อยู่ในสภาพที่จะขับรถ มีนาตัวแข็งทื่อ แม้เขาจะเคยบอกธีรเชษฐ์ว่าเคยเจอกับทินกรแล้ว แต่การเจอสองพ่อลูกในเวลาเดียวกันไม่ใช่สิ่งที่เขานึกอยากให้เกิดขึ้นสักเท่าไหร่



ทินกรส่ายหน้า



“เวลาแบบนี้ถ้าพ่อไม่ติดประชุมก็กกเด็กในสต็อกอยู่ จะทางไหนกูก็ไม่อยากกวนเขาทั้งนั้นแหละ”



‘เด็กในสต็อก’ คนที่ว่าสะดุ้งเล็กน้อยอย่างคนมีชนักติดหลัง เขารู้ดีว่าในตอนนี้ธีรเชษฐ์น่าจะประชุมใกล้เสร็จแล้ว แต่ร่างเล็กไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะสามารถบอกเพื่อนได้



“เออ ดีเนอะ มีลูกประเสริฐอย่างมึงเนี่ย” พายุเอ่ยเสียงประชดประชัน “ต้องให้มึงโดนแทงซักสิบแผลมั้ยเขาถึงจะสนใจ”



“พ่อกูรักกู” ทินกรแย้ง แม้ว่าน้ำเสียงของเด็กหนุ่มจะเจือไปด้วยความไม่มั่นใจอย่างเห็นได้ชัด ลึกๆแล้วเขารู้ดีว่าธีรเชษฐ์รักเขา แต่การเติบโตมาหลายต่อหลายปีโดยไม่มีอีกฝ่ายทำให้การร้องขอความช่วยเหลือจากบิดาแท้ๆรู้สึกไม่ต่างอะไรกับการร้องขอคนแปลกหน้า “กูรู้ว่าเขารักกู…”



“รักสิซัน” มีนาเอ่ยขึ้น ทนเก็บความรู้สึกอึดอัดในใจไว้ไม่ไหว “คุณพ่อซันน่ะ ต้องรักซันมากแน่ๆเลย”



“…ขอบใจนะมีน” ทินกรยิ้ม ไม่คิดอะไรจากคำพูดของเพื่อนตัวเล็กไปมากกว่าคำปลอบโยนจากคนใจดีอย่างมีนา “ว่าแต่มีนมาทำอะไรที่นี่เหรอ?”



“แม่เราอยู่ที่นี่น่ะ” มีนาตอบอย่างไม่ได้คิดอะไรมาก ก่อนจะนิ่งไปเมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของคนสามคนที่รู้ถึงสถานะทางการเงินของเขาดี



“มึงเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่ารักษาวะ?” พายุถามด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ



“…” แม้จะไม่อยากตอบ แต่มีนารู้ดีว่าตนไม่มีทางเลือก เมื่อสายตาของเพื่อนอีกคนที่ไม่เคยพูดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องของมีนามองมาที่เขาด้วยสีหน้าเป็นกังวล “คุ…แฟนเรา…แฟนเราเป็นคนจ่ายให้น่ะ”


”มีน…”



ทินกรมีสีหน้ากระอักกระอ่วนใจที่จะเปิดบทสนทนาในประเด็นนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาพยายามที่จะไม่ก้าวก่าย แต่ในฐานะของคนที่เคยนอนเฝ้ามารดาที่โรงพยาบาลนี้อยู่นาน เขารู้ดีถึงค่าใช้จ่ายที่เพื่อนจะต้องเผชิญ



มันเป็นเรื่องหนึ่งที่คนรักของมีนาจะซื้อเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ให้อีกฝ่าย แต่มันเป็นอีกเรื่องที่คนคนนั้นจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลหลักล้านให้เด็กหนุ่มโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ ต่อให้ทินกรอยากจะเชื่อว่ามีนาฉลาดพอที่จะไม่ถูกหลอก แต่จากสิ่งที่เขาเห็นมาทั้งหมดทำให้เขาเริ่มจะเป็นห่วงสวัสดิภาพของเพื่อนตัวเล็ก



“…เราไม่เป็นไร” มีนาพึมพำเสียงเบา พยายามยิ้มให้เพื่อนที่ยังคงมองมาที่เขาด้วยสายตาเป็นกังวลทั้งที่ตัวเองเพิ่งผ่านเหตุการณ์สะเทือนขวัญมา



“มีน กูยังยืนยันคำเดิมนะ บ้านกูมีเงินพอจะจ่ายค่ารักษาให้แม่มึงโดยที่ขนหน้าแข้งกูไม่ร่วงด้วยซ้ำ มึงไม่ต้องทนทำอะไรที่มึงไม่อยากทำ กูกับไอ้ซันอยู่ตรงนี้ มึงเข้าใจมั้ย?” พายุเอ่ยย้ำด้วยสีหน้าจริงจัง “มึงจะมีเพื่อนรวยไว้ทำไมถ้ามึงไม่ขอความช่วยเหลือจากพวกกูวะ?”



คราวนี้ทินกรไม่ได้ปรามเพื่อนตัวโตอย่างที่ทำประจำ หนำซ้ำยังพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของอีกฝ่ายด้วย



มีนาก้มหน้ากัดริมฝีปาก เทคนิคประจำของเด็กหนุ่มทุกครั้งที่ร่างเล็กกำลังลำบากใจ ทินกรอ้าปาก แต่ภรัณยูที่นั่งอยู่ข้างๆเขากลับเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน



”พี่ว่าเขาเรียกชื่อพี่แล้วนะซัน”



“งั้นผมไปเอายาให้นะครับ พี่ภัทรนั่งอยู่นี่แหละ”



ความสนใจของทินกรกลับมาอยู่ที่คนรักของตัวเองทันทีที่ได้ยินดังนั้น เด็กหนุ่มส่งสายตาให้มีนาว่าเรื่องนี้ยังไม่จบและเดินไปที่ช่องรับยา พายุหันกลับมาหาเพื่อนตัวเล็ก แต่ภรัณยูเอ่ยขัดขึ้นมาอีกครั้ง



“พายุ พี่รบกวนไปซื้อแซนด์วิชที่ร้านสะดวกซื้อตรงนั้นให้หน่อยได้มั้ย พี่อยากกินยาเลยน่ะ”




“อ๋อ ได้ครับพี่ภัทร” พายุพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย เจนวิทย์รีบเดินตามคนรักไป ไม่อยากถูกทิ้งอยู่ในวงสนทนาที่บรรยากาศยังคงน่าอึดอัด มีนาเงยหน้ามองชายหนุ่มด้วยสีหน้าขอบคุณ แต่ภรัณยูเพียงแค่เอ่ยขัดเสียงเรียบ



“ซันเขาจะเข้าบริษัททุกวันอาทิตย์ แล้วก็เย็นวันพุธหลังจากนี้ไป ถ้ายังไงเวลาอยู่ที่บริษัทก็ออกประตูหลังจะดีกว่านะ”
เขาไม่คิดอยากให้ข้อสันนิษฐานของตัวเองถูกต้อง แต่ใบหน้าซีดเผือดของมีนานั้นเป็นสิ่งยืนยันได้อย่างดี




ภรัณยูไม่ใช่คนติดตามข่าวซุบซิบในบริษัท แต่เรื่องของเด็กคนใหม่ของธีรเชษฐ์ที่ดูจะมีอภิสิทธิ์พิเศษเหนือดารานางแบบที่ชายหนุ่มเคยควงนั้นก็ยังอุตส่าห์มาถึงหูเขาจนได้ ประกอบกับท่าทีประหลาดของมีนาเมื่อครู่ทำให้เขายิ่งกว่ามั่นใจ



“พี่ภัทรครับ…ผม…”


“ไม่ต้องห่วง พี่ไม่บอกซันหรอก” ชายหนุ่มเอ่ยขัดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนที่สุดที่เขาจะสามารถทำได้ “พี่ดูออกว่ามีนเป็นเด็กดี แล้วพี่ก็ไม่อยากให้ซันคิดมากด้วย”




ดวงตากลมโตมีน้ำใสๆเอ่อคลอหน่วยตา มีนากัดริมฝีปาก ยกมือไหว้ขอบคุณคนตรงหน้าด้วยแววตาสำนึกผิด




“รีบไปเถอะ เดี๋ยวพี่บอกทุกคนเองว่ามีนมีธุระ” ภรัณยูเสนอพร้อมรอยยิ้ม มีนาขอบคุณร่างโปร่งอีกครั้ง ก่อนจะรีบออกไปจากที่ตรงนั้นก่อนที่เพื่อนทั้งสองจะกลับมา









“พี่ภัทรครับ…”



“หืม?”



ภรัณยูเงยหน้าขึ้นจากไหล่กว้างที่เขาเอนซบอยู่อย่างงุนงง สุดท้ายแล้วทินกรตัดสินใจโทรขอร้องคนขับรถของบริษัทให้นำรถของเขามาจากห้างเพื่อมารับทั้งสองคนที่โรงพยาบาล ภรัณยูต้องใช้คำว่า ‘ขอร้อง’ กับการกระทำของร่างสูง เพราะความเดรงใจอย่างท่วมท้นของทินกรที่มีต่อพนักงานของตัวเอง รวมถึงคำขอโทษขอโพยไม่ขาดปากตั้งแต่ก้าวขึ้นรถมา



“พี่ภัทรว่ามีนจะโอเคมั้ยครับ?” ทินกรถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล ภรัณยูนึกสงสารคนรัก แต่เขาคิดว่านี่ยังไม่ใช่เวลาอันสมควรที่อีกฝ่ายจะรู้เรื่องของเพื่อนตัวเล็กกับบิดาของตน



”โอเคสิ” ภรัณยูตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เอื้อมมือไปกุมมือใหญ่ที่วางอยู่บนตักของเด็กหนุ่ม “ก็มีนเขามีซันกับพายุอยู่นี่นา”
ร่างสูงมีสีหน้าไม่เชื่อเขาเท่าไหร่นัก แต่เด็กหนุ่มเพียงแค่บีบมือเขาตอบเบาๆเท่านั้น



พวกเขามาถึงคฤหาสน์ทรัพย์ดำรงหลังจากนั้นไม่นาน ทินกรจ่ายค่าล่วงเวลารวมถึงทิปแบงค์สีเทาที่ทำให้ภรัณยูแทบจะคว้ามันกลับมาอย่างตกใจพร้อมกับกล่าวขอบคุณคนขับรถด้วยสีหน้าจริงใจ หยิบข้าวของของพวกเขาและถุงใส่ยาของภรัณยูออกมาจากรถแล้วเอื้อมมือไปจับมือของคนรัก



“ถึงบ้านแล้วนะครับพี่ภัทร”



ภรัณยูพยักหน้า ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาเริ่มคิดถึงคำว่าบ้านเวลานึกถึงที่นี่ มากกว่าห้องที่เขาอาศัยอยู่มาตลอดสามปี และนั่นทำให้การที่จะต้องย้ายกลับไปที่ห้องของตัวเองหลังจากเรื่องวุ่นวายนี้จบลง




เขาน่าจะรู้ว่าเมื่ออ้อยเข้าปากช้าง โดยเฉพาะช้างที่ดื้อด้านไม่ฟังใครอย่างทินกรแล้ว ย่อมไม่มีทางถูกคายออกมาโดยง่าย



“พี่ภัทร...ย้ายมาอยู่ที่นี่เลยได้มั้ยครับ”



“อะ..อะไรนะ?” ภรัณยูที่กำลังติดกระดุมชุดนอนหันขวับไปหาคนข้างกายที่เพิ่งแปรงฟันเสร็จ ร่างสูงช่วยภรัณยูติดกระดุมเม็ดที่เหลือแล้วจัดปกเสื้อนอนให้คนรัก



“ผมไม่อยากห่างจากพี่ภัทรอีกแล้ว” ทินกรเอ่ยเสียงจริงจัง “ก่อนจะเกิดเรื่องวันนี้ ผมก็รู้แล้วว่าผมไม่อยากห่างจากพี่ภัทรซักวินาที ผมแค่ไม่อยากทำให้พี่ภัทรลำบากใจ แต่ตอนนี้…ผมกลัวที่ตื่นขึ้นมาแล้วไม่เห็นหน้าพี่ภัทรอยู่ข้างๆผมมากกว่า”




“ซัน…เรื่องมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ…” แม้จะไม่ได้ปฏิเสธ แต่คำตอบของภรัณยูก็ไกลจากที่เด็กหนุ่มหวังไว้มาก “ไหนจะเรื่องห้องพี่ เรื่องท่านประธาน เขาจะยอมให้พี่มาเป็นกาฝากที่นี่เหรอ?”



“กา…” ทินกรขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ



“เขาจะยอมให้พี่เข้ามาอยู่ในบ้านของเขาฟรีๆเหรอ” ภรัณยูแก้




“ถ้าเรื่องนั้นพี่ภัทรไม่ต้องเป็นห่วงครับ พ่อเขาเต็มใจอยู่แล้ว เขาบอกเหมือนได้พี่เลี้ยงเด็กมาฟรีๆ” เด็กหนุ่มส่ายหน้าอย่างเอือมระอา “แต่ถ้าพี่ภัทรไม่สบายใจ ผมมีคอนโดอยู่ใกล้ๆบริษัท พ่อซื้อให้ลูกๆทุกคนเป็นของขวัญ แต่ผมไม่เคยใช้ ถ้าพี่ภัทรคิดว่าบ้านหลังนี้มันมากเกินไป เราย้ายไปอยู่ที่นั่นก็ได้นะครับ พี่ภัทรไม่ต้องเสียค่าเช่า  แถมระยะทางก็ใกล้กว่าด้วย”
“มันไม่ใช่อยากนั้น…” ภรัณยูเกาศีรษะอย่างลำบากใจ เขาจะพูดยังไงให้คนขี้น้อยใจไม่ตีโพยตีพายไปเองอีก “ถ้าเราเลิกกันล่ะ? พี่ก็ไม่มีห้องให้กลับไปอยู่ จะเช่าห้องใหม่ก็ต้องซื้อของเข้าห้องใหม่หมด…”



“พี่ภัทรคิดว่าเราจะเลิกกันจริงๆเหรอครับ…”



นั่นไง เขายังพูดไม่ทันจบประโยคคนฟังก็ทำหน้าหงอยเหมือนลูกหมาโดนเตะเสียแล้ว



“ซัน พี่รู้ว่าตอนนี้ซันคิดว่าเราจะคบกันแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งพี่ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ในฐานะคนที่โตกว่า พี่ต้องใช้สมองคิดถึงทุกความเป็นไปได้ ไม่ใช่หัวใจ”



ภรัณยูอธิบายด้วยน้ำเสียงที่ใจเย็นที่สุดที่ตนจะสามารถทำได้ เขาอยากที่จะใช้หัวใจตัวเองพุ่งชนทุกปัญหาอย่างที่ทินกรทำ แต่ใครสักคนในความสัมพันธ์ต้องเป็นเสียงแห่งเหตุผล เพื่อที่พวกเขาทั้งสองคนจะอยู่ด้วยกันได้นานที่สุด



และทินกรพิสูจน์ให้เขาเห็นว่าตัวเองคือคนคนนั้นด้วยการหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลบนโต๊ะยื่นให้เขา



“ผมโอนคอนโดของผมเป็นชื่อพี่ภัทรแล้ว ถ้าเราเลิกกัน พี่ภัทรจะอยู่ที่นี่ หรือจะขายแล้วหาที่อยู่ใหม่ ก็เป็นสิทธิ์ของพี่”




“จะบ้าเหรอซัน?! ของแบบนี้จะให้พี่รับไว้ได้ยังไง?!” ภรัณยูร้องอย่างตกใจ คอนโดหรูใจกลางเมืองที่ธีรเชษฐ์ซื้อให้ลูกชายย่อมไม่มีคำว่าราคาย่อมเยาว์อยู่ในนั้น และมูลค่าของมันมีแต่จะเพิ่มขึ้นไปตามกาลเวลา



“พี่ภัทรมองหาปัญหา ผมเลือกที่มองหาทางแก้” ทินกรตอบเสียงเรียบ ดวงตาสีควันบุหรี่ฉายแววเศร้าหมอง “แต่ไม่ว่าผมจะพยายามแก้ปัญหาแค่ไหน มันก็เหมือนกับว่าพี่ภัทรพยายามจะมองหาปัญหาในทางแก้นั้นให้ผมอยู่เรื่อยๆ”



“ซัน…”



“พี่ภัทร…จริงๆแล้วแค่อยากหาข้ออ้างให้ผมไม่เข้าใกล้พี่ไปมากกว่านี้รึเปล่าครับ?” ทินกรเอ่ยขัด



ภรัณยูสะอึกกับคำถามนั้น แววตาเจ็บปวดของร่างสูงที่เขารู้ดีว่าตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้ชายหนุ่มหายใจไม่ออก




นี่เขา…กำลังทำอย่างที่ทินกรว่าจริงรึเปล่า?



ทั้งที่คำตอบของทุกปัญหาของเขา ทินกรมักจะเสนอทางเลือกให้อยู่เสมอ แต่ภรัณยูกลับดึงดันที่จะหาข้อบกพร่องในคำตอบนั้นอยู่ร่ำไป เหมือนกับข้ออ้างอย่างที่อีกฝ่ายได้กล่าวไว้จริงๆ



ตอนนี้…คนคนเดียวที่กำลังขัดขวางเขากับความสุขของพวกเขา ก็คือตัวของภรัณยูเอง



“ซัน…”



คนขี้ขลาดอย่างเขา จะมีความกล้าที่จะรักใครสักคนได้เท่ากับที่เด็กคนนี้รักเขามั้ยนะ?



มือเรียวเอื้อมไปหยิบซองเอกสารในมือของคนรัก แล้วโยนมันลงบนพื้นห้อง



“พี่ไม่ต้องการห้องของซัน”



เด็กหนุ่มมีสีหน้าสลดลงเมื่อได้ยิน ก่อนที่ใบหน้าคมจะสดใสขึ้นทันทีที่ได้ยินประโยคถัดมา



“พี่จะย้ายมาอยู่ที่นี่กับซัน พี่…พี่อยากอยู่กับปัจจุบัน อยู่กับคนที่พี่ไม่ต้องนึกถึงเรื่องในอดีต และไม่จำเป็นต้องคิดถึงอนาคต…”





เพราะซันคือปัจจุบันของพี่




ความคิดที่เขาไม่ได้เอื้อนเอ่ยถูกส่งไปยังอีกฝ่ายทางสายตา คนที่ปกติมักมีอุปสรรคทางภาษากลับเข้าใจมันอย่างง่ายดาย ทินกรดึงเขาเข้ามาในอ้อมกอดแน่น ใบหน้าคมซุกกับซอกคอขาว พึมพำข้างหูของภรัณยูอย่างมีความสุข



“ผมรักพี่ภัทรนะครับ”



คำพูดที่ไม่ว่าจะกี่ครั้ง ชายหนุ่มก็ยังรู้สึกว่าตนไม่คู่ควรกับมัน



“พี่ก็รักซันนะ” ร่างโปร่งกระซิบตอบ “ขอโทษนะที่ทำให้เสียใจ…”



ทินกรหัวเราะเบาๆ ผละออกมาจากคนในอ้อมกอดเล็กน้อย สีหน้าของเด็กหนุ่มดูป่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด



“ถ้าเป็นพี่ภัทร จะเสียใจกี่ครั้งผมก็ยอมครับ”



“เด็กบ้า” คนอายุมากกว่าเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ ก่อนที่เสียงหัวเราะนั้นจะถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอของร่างสูงที่ประทับริม
ฝีปากลงมา



หมดแล้ว…




ทั้งหัวใจ…ภรัณยูไม่เหลือเผื่อไว้ให้ใครอีกแล้ว

---------


จุใจมั้ยฮะ5555



เนื่องด้วยหบังจากนี้หมูน้อยจะอยู่เวรแบบใช้กรรม น่าจะไม่ได้ลงอีกสองเรื่อง เลยส่งนุ้งมีนนำทีมมาพบปะก่อน55555

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
       เป็นกำลังใจให้นะค่ะคุณนักเขียน
รออ่านตอนต่อไปค่ะ :mew1:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
หมดเคราะห์จากอิพี่ภพแล้วชิมิ
นุ้งมีนของแม่

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :katai2-1: ปรบมือให้กับความรักของนุ้งซัน

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
มีนเอ่ย เมื่อไหร่หนูจะมีความสุขกับเขาเสียทีนะ  :เฮ้อ: :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด