[จบแล้ว] Sugar Daddy เล่น||ของ||สูง(อายุ) 4 years later [6-2-63] คห.951
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว] Sugar Daddy เล่น||ของ||สูง(อายุ) 4 years later [6-2-63] คห.951  (อ่าน 181131 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ Hananijinji

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :sad4:8 สงสารมีนสุดหัวไต

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
Chapter 12: เพื่อนสนิท





พอไม่มีสาเหตุที่ทำให้เขาแต่งตัวแบบนี้อย่างทินกรอยู่ข้างๆแล้ว ภรัณยูก็รู้สึกว่าเสื้อคอกว้างตัวนี้มันหนาวไหล่อย่างบอกไม่ถูก




ร่างโปร่งก้าวลงมาจากรถพร้อมกับถุงกระดาษใส่แก้วเซรามิกสีแดงรูปครึ่งหัวใจสองแก้วที่นำมาต่อกันเป็นรูปหัวใจเต็มดวงสำหรับโตมรและคนรักของชายหนุ่มซึ่งเป็นเชฟขนมหวานชื่อดัง แก้วเซรามิกหน้าตาประหลาดเป็นมุกตลกสำหรับเขาและโตมรมาตั้งแต่สมัยเด็ก เริ่มจากแก้วกาแฟรูปทรงหัวกระโหลกที่ไม่ควรจะเป็นของขวัญวันเกิดของเด็กอายุสามขวบที่โตมรให้เขาไปจนถึงแก้วรูปอ่างอาบน้ำที่ภรัณยูให้อีกฝ่ายตอนจบมัธยมปลาย





แต่อีกเหตุผลที่เขาเลือกแก้วเซรามิกเป็นของขวัญให้เพื่อนเป็นเพราะภรัณยูไม่มีเวลาหาซื้ออะไรที่ดีกว่านี้แล้ว




“เฮ้ย ภัทร แต่งแบบนี้แล้วเหมือนนักร้องเกาหลีีเลยว่ะ”




เจ้าของร้านร่างสูงกำยำในชุดหัวหน้าพ่อครัวสีขาวสะอาดที่กำลังทักทายแขกร้องทักอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นเพื่อนสมัยเด็กในชุดที่เขาไม่คิดว่าจะมีวันได้เห็นอีกฝ่ายใส่ ขนาดตอนที่ภรัณยูมีแฟนเขายังไม่เห็นร่างโปร่งลุกขึ้นมาแต่งตัวแบบนี้เลย
งานในวันนี้มีแค่เพื่อนและครอบครัวที่ได้รับเชิญ ‘เรือนละมุนรัก’เป็นร้านอาหารไทยสไตล์ครอบครัวที่ดูอบอุ่นไม่เหมือนภัตราคารหรูที่ภรัณยูคุ้นเคยเวลาอ่านคอลลัมน์ในนิตยาสารแนะนำร้านอาหาร ภายในร้านตกแต่งด้วยกรอบรูปสีสันสดใสแขวนเรียงรายประดับผนังไม้สีน้ำตาลเข้ม ในกรอบรูปแต่ละรูปมีภาพถ่ายทั้งภาพในวัยเด็กของโตมรและครอบครัว วัยเด็กของณัฐภาส คนรักของชายหนุ่ม และรูปของชายหนุ่มทั้งสองที่กอดคนกันถ่ายรูปหน้าภัตราคารและโรงเรียนสอนทำอาหารมากมาย ราวกับว่าภรัณยูกำลังก้าวเข้ามาเป็นแขกในบ้านของเพื่อนแทนที่จะเป็นร้านอาหาร





“ตาภัทร ทำไมวันนี้น่ารักแบบนี้ เสียดายนะแม่เราไม่มาเห็น”





มารดาของโตมรทักทายเขาอย่างสนิทสนม ภรัณยูยกมือไหว้หญิงชราอย่างนอบน้อม ทั้งมารดาและบิดาของเขาไปเที่ยวชมวัดที่ต่างประเทศสัปดาห์นี้ ไม่อย่างนั้นคงจะได้มาแสดงความยินดีกับโตมร





“ไปนั่งโต๊ะริมหน้าต่างนั่นก็ได้ เดี๋ยวกูขอไปดูนัทในครัวแป๊บ”





โตมรชี้ไปที่โต๊ะที่ยังไม่มีใครนั่ง ภรัณยูพยักหน้า ปล่อยให้เพื่อนที่ยุ่งจนหัวหมุนกลับไปช่วยคนรักในครัว ร่างโปร่งนั่งลงบนโซฟาตัวยาวสีเลือดหมูแล้วขยับนั่งชิดหน้าต่างเพื่อเว้นที่ให้คนที่จะมานั่งร่วมโต๊ะกับตน ชายหนุ่มเท้าคางเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง ใจลอยไปถึงคนที่ตอนนี้ไม่รู้ไปทำอะไรที่ไหนกับเพื่อน





“เชิญเลยจ้ะสองหนุ่ม นั่งที่โต๊ะริมหน้าต่างกับพี่ชุดขาวตรงนั้นก็ได้”





ภรัณยูขยับนั่งตัวตรงเมื่อเห็นร่างสองร่างทรุดตัวลงบนโซฟาฝั่งตรงข้ามจากหางตา ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้างเมื่อเห็นเพื่อนร่วมโต๊ะทั้งสองเต็มตา




“ซัน?”




“พี่ภัทร?”





“อ้าว มาแล้วเหรอเด็กๆ รอแป๊บนะ อาหารเสร็จละ”





เสียงที่สามมาจากโตมรที่เพิ่งกลับออกมาจากในครัว ร่างสูงใหญ่ที่ถึงแม้จะเป็นหนุ่มไทยเต็มร้อยแต่กลับทำให้ลูกเสี้ยว
รัสเซียอย่างทินกรดูตัวเล็กกว่าปกติทิ้งตัวลงข้างภรัณยู แขนยาวที่อุดมไปด้วยมัดกล้ามวางพาดบนไหล่เปลือยเปล่าของเพื่อนสมัยเด็ก ภรัณยูไม่รู้ว่าตนคิดไปเองหรือไม่ แต่แววตาของทินกรที่มองมาที่มือของเชฟหนุ่มดูราวกับอยากจะหักกระดูกของโตมรทีละท่อนด้วยมือเปล่า





“ภัทร นี่น้องเวย์ลูกเจ้านายกู แล้วก็นี่น้องซันเพื่อนน้องเวย์ เด็กๆ นี่พี่ภัทร เพื่อนร้ากกกกของพี่ รู้จักกันไว้นะ” โตมรแนะนำคนในโต๊ะโดยไม่รู้ว่าสองในสามรู้จักกันเกินกว่าขั้นตอนการแนะนำตัวไปหลายขุมแล้ว





“….”





ทั้งโต๊ะตกอยู่ในความเงียบหลังจากสิ้นเสียงของร่างสูง ภรัณยูขยับตัวอย่างอึดอัดกับสายตาทิ่มแทงของเด็กหนุ่มที่นั่งฝั่งตรงข้าม





“รูปพี่ใหญ่ตอนเด็กๆนี่หล่อดีนะครับ” วศินเอ่ยขึ้นท่ามกลายความกระอักกระอ่วน โตมรยิ้มรับคำชมอย่างอารมณ์ดี ไม่ได้รับรู้ถึงสายตาประทุษร้ายของทินกรแม้แต่น้อย ภรัณยูนึกละเหี่ยใจกับความใสซื่อไม่รับรู้ถึงอันตรายของเพื่อนสมัยเด็ก





“เอ้อ มีรูปมึงด้วยนะภัทร น่ะ เห็นมะ? กูต้องกลับไปเอาที่บ้านมึงเลยนะ”





โตมรชี้ไปยังรูปที่ผนังด้านหลังศีรษะของทินกร ทุกคนในโต๊ะหันไปตามนิ้วของร่างสูง ร่างโปร่งเบิกตากว้างเมื่อเห็นรูปของตนในวัยสองขวบแก้ผ้านั่งอยู่ในกะละมังเดียวกับโตมร มืออ้วนป้อมของภรัณยูแปะฟองลงบนหัวของเพื่อนตัวใหญ่กว่าพร้อมรอยยิ้มกว้าง




“ชอบอ่ะเด้ พูดไม่ออกเลย” โตมรยืดอกอย่างภูมิใจ





“เออๆ ชอบก็ชอบ” ภรัณยูกลอกตาอย่างเหนื่อยจะเถียง ทินกรเบือนหน้าหันไปมองนอกหน้าต่าง ขบกรามแน่นจนกรามนูนขึ้นเป็นสัน





“แล้วนี่อะไร ของขวัญกู?”





เมื่อภรัณยูพยักหน้า โตมรจึงหยิบเอาแก้วเซรามิกรูปหัวใจสองแก้วออกมาจากถุงกระดาษ หัวเราะในลำคออย่างพึงพอใจ มือใหญ่หยาบกร้านตบลงบนไหล่เปลือยเปล่าของเพื่อนแล้วลุกขึ้น




“ตามสบายเว้ย”





“อือ ขอบใจ”





ภรัณยูพยักหน้าให้เพื่อนที่เดินไปพูดคุยกับแขกโต๊ะอื่นต่อ แล้วหันกลับมาหาทินกรที่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จาผิดวิสัย





เขาทำอะไรอีกล่ะ?





“อ่า…ซัน ให้กูไปนั่งที่อื่น...”




“ไม่ต้อง”




วศินที่กำลังจะลุกหนีจากบรรยากาศอันมาคุทรุดกลับลงมาที่เดิมเมื่อได้ยินน้ำเสียงเฉียบขาดของเพื่อน ปกติแล้วนอกจากความคล้ายคลึงทางพันธุกรรม ภรัณยูไม่เคยเห็นว่าเด็กหนุ่มจะเหมือนธีรเชษฐ์ผู้เป็นบิดาตรงไหน แต่เสียงของทินกรเมื่อครู่แทบจะถอดแบบน้ำเสียงของท่านประธานเวลาไม่สบอารมณ์เลยทีเดียว





อาหารหน้าตาน่าทานหลายจานถูกวางลงตรงหน้าของพวกเขา วศินจ้วงตักอย่างขยันขันแข็ง ถึงแม้อาหารจะอร่อยสมกับเป็นฝีมือของเชฟชื่อดังอย่างโตมร แต่ภรัณยูค่อนข้างแน่ใจว่าสาเหตุที่เด็กหนุ่มไม่ยอมหยุดพักน่าจะเป็นเพราะกลัวว่าหากปากว่างจะไม่มีข้ออ้างให้ไม่เริ่มบทสนทนาเสียมากกว่า





ส่วนทินกร แม้อาหารจะรสเลิศเพียงใด สีหน้าของเด็กหนุ่มก็สามารถทำให้คนที่กำลังหิวอย่างภรัณยูหมดความอยากอาหารได้ง่ายๆ





“เป็นอะไร?” ภรัณยูพยายามไม่ให้เสียงของตัวเองฟังดูเป็นห่วงเป็นใยคนอายุน้อยกว่าจนออกนอกหน้า แต่นั่นกลับกลายเป็น
ว่าน้ำเสียงของเขากลับฟังดูเหมือนโกรธเคืองอีกฝ่ายมาชาติเศษเสียอย่างนั้น





“…เปล่าครับ”





“เปล่าก็กินเข้าไปสิ” ภรัณยูอยากจะกัดลิ้นตัวเองให้หยุดพูดมันตอนนี้ เขาอยากให้อีกฝ่ายทานเพราะกลัวเด็กหนุ่มจะปวดท้องเอา แต่คำพูดที่ออกมาแม้แต่เขายังรู้สึกว่ามันฟังดูไม่น่าฟังเอาเสียเลย




“ครับ...”





ความเงียบที่น่าอึดอัดเข้าปกคลุมบรรยากาศรอบโต๊ะอีกครั้ง ภรัณยูรู้สึกถึงสายตาของทินกรที่จับจ้องที่ตัวเองทุกครั้งที่ร่างโปร่งก้มลงทาน แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น ดวงตาคมสีควันบุหรี่ก็หลุบลงมองที่ตักของตัวเองอยู่ร่ำไป





“อ่า…กลับกันเลยมั้ย” วศินเสนออย่างกล้าๆกลัวๆ ราวกับไม่มั่นใจว่าเพื่อนจะกินหัวตัวเองหรือไม่




“กลับไปก่อนเลยก็ได้ เดี๋ยวพี่ไปส่งซันเอง”




ภรัณยูขัดขึ้นก่อนที่คนตรงข้ามเขาจะได้ตอบ วศินเหลือบมองเพื่อนอย่างขอความเห็น ทินกรพยักหน้าอย่างลังเล เดือนคณะร่างสูงจึงยอมทิ้งเพื่อนกลับแต่โดยดีด้วยทนกับบรรยากาศอึมครึมที่คนทั้งสองสร้างไม่ไหว





“เป็นอะไร?”





ภรัณยูถามอีกครั้ง คราวนี้ทินกรเพียงแต่ส่ายหน้า ไม่ยอมแม้แต่จะสบตาภรัณยูที่ตอนนี้เริ่มรู้สึกของขึ้นกับเด็กตรงหน้าอย่างไม่มีสาเหตุ ชายหนุ่มวางช้อนส้อมของตัวเองลงอย่างไม่เบานักหลังจากเห็นว่าทินกรเพียงแต่นั่งจ้องโดยไม่แตะต้องอาหารมาได้สักพัก ร่างสูงสะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงนั้น ทินกรรีบลุกตามเมื่อเห็นภรัณยูลุกออกจากโต๊ะไปยังโตมรที่ยืนอยู่กับชายหนุ่มสูงโปร่งในชุดเชฟที่เขาจำได้ว่าเป็นคนรักของร่างสูง




“ใหญ่ กูกลับนะ” ภรัณยูว่า โตมรเอียงคออย่างงุนงง





“รีบจังวะ ไม่อยู่กินเหล้ากับกูก่อนอ่ะ”





ภรัณยูเพียงแต่ส่ายหน้าโดยไม่มีคำอธิบาย สิ่งหนึ่งที่เขาชอบในตัวโตมรคือร่างสูงไม่ใช่คนเซ้าซี้ เชฟหนุ่มเพียงแต่พยักหน้ารับรู้ ก่อนจะทำหน้าหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้





“เออ อาทิตย์หน้ากูกลับบ้าน กูนอนห้องมึงนะ”




ทินกรเงยหน้าขึ้นขวับเมื่อได้ยินดังนั้น แต่ภรัณยูกลับพยักหน้าอย่างง่ายดาย




“ได้ แม่บอกไว้แล้วว่าห้องมึงซ่อมฝ้าอยู่ กุญแจ...”





“ไม่เป็นไร กูมีอยู่” เชฟโตมรชูพวงกุญแจพวงเล็กให้ดู ภรัณยูเลิกคิ้ว





“ตั้งแต่สมัยม.ปลาย มึงยังไม่คืนกูอีกเหรอ?”




“น่า ยังไงกูก็ใช้ห้องมึงบ่อยกว่ามึงอยู่ละ เก็บกุญแจไว้กับกูนี่แหละดีสุด”




มารดาของโตมรไม่ชอบให้ลูกชายอ่านหนังสือการ์ตูนหรือนิยายกำลังภายในที่เชฟหนุ่มติดนักติดหนา หนังสือที่กองพะเนินอยู่ในห้องของภรัณยูมาตั้งแต่เด็กจึงมีแต่ของโตมรแทบจะทั้งหมด ปัจจุบัน เชฟหนุ่มในวัยย่างสามสิบสองปียังคงไม่กล้าเอาหนังสือการ์ตูนเข้าบ้านของมารดา ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงกองอยู่ในสภาพเดิมกับที่โตมรไปนอนค้างบ้านเขาครั้งล่าสุดตอนที่แอร์ห้องของชายหนุ่มเสีย





“เออ ทำอะไรก็ทำ”




ภรัณยูเอ่ยตัดรำคาญ กล่าวลามารดาของเจ้าของร้านและคนรักตามมารยาท แล้วเดินนำเด็กหนุ่มร่างสูงที่นอกจากเสียงพึมพำกล่าวลาเจ้าของร้านยังคงไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้นออกมาที่รถของตัวเอง




“พี่ภัทรครับ...”




“อะไร?”




ภรัณยูถามเสียงเรียบ ไม่สนใจจะหันไปมองคนที่เขายังอารมณ์เสียด้วยอยู่ เขารู้ว่าเด็กหนุ่มไม่ผิดที่นอกจากจะไม่ยินดียินร้ายกับความพยายามของเขาแล้วยังดูจะไม่ค่อยพอใจที่เห็นเขาแต่งตัวแบบนี้ แต่วันนี้ภรัณยูรู้สึกว่าอารมณ์ของเขาอยู่เหนือเหตุผลมาตั้งแต่ที่รู้ว่าทินกรเพียงแค่อยากให้เขาไปช่วยตนทำงานในวันหยุดเท่านั้น




“…ชุดแบบนี้ พี่ใหญ่ชอบเหรอครับ?”




คำถามประหลาดที่หลุดออกมาจากปากเด็กหนุ่มทำให้ภรัณยูคิดตามอย่างลืมความโกรธไปชั่วคราว จริงๆแล้วเสื้อผ้าแบบนี้เขาเห็นณัฐภาส คนรักของโตมรใส่อยู่บ่อยครั้ง รสนิยมของเชฟขนมหวานร่างโปร่งกับเหนือฟ้าญาติของเขาดูจะคล้ายคลึงกันพอสมควร




“ชอบมั้ง”




อันนี้จริงจากแววตาที่โตมรมองคนรัก ภรัณยูคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะชอบให้ณัฐภาสไม่ใส่อะไรเสียมากกว่า





“….”





เด็กหนุ่มเบือนหน้ามองไปนอกหน้าต่างรถ ไม่คิดจะต่อบทสนทนาที่ตนเป็นคนเริ่ม ทำให้ภรัณยูทำได้เพียงขับรถต่อไปในความเงียบที่น่าอึดอัดนั้น




หรือว่า...ทินกรจะหมดความอดทนกับเขาแล้ว?





-----------

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
หึงเด้ หึงเด้ โยโย้ว  :z2:

ออฟไลน์ Hananijinji

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
งอนอะไรกันนนนน ทำไมไม่บอกเหตุผลกันเล่า คนอื่นงงเด้อ ึึึึึึึึ. รอเชษฐ์มีนค่าา :mew1:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว~

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
อ่ะจ่ะ โกรธกันไป งอนกันมา
ดีจ่ะ ไม่คุยกัน
ก็เข้าไปผิดกันต่อไปแบบนี้สิน่า

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ใครจะง้อใครก่อนกะนน้า

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
เหอะๆๆๆ คนนึงก็หึง อีกคนก็ไม่ได้รู้อะไรกับเขาเลย
ต้องคุยกันนะ ไม่อย่างนั้นก็ไม่เข้าใจกันสักทีสิ

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
เอาเข้าไป  อึมครึมสุดๆ
คนแก่ปากหนัก เด็กก็กลัวว่าเขาจะรำคาญตัวเอง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
เป็นการคุยกันคนละเรื่องเดียวกันมากเลย

ออฟไลน์ meyj4ever

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
โว๊ะ!! น้องซันนนนนน
เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว
คุยกันเรื่องเดียวกันหรือเปล่านี่พี่ภัทรน้องซัน เฮ้ออออ

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
ต่างฝ่ายต่างเข้าใจผิดกัน

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
อึดอัดเนาะ

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
คิดเองเออเองตลอด :hao3:

ออฟไลน์ netich

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14
คิดถึงน้องมีนนนนนน

ออฟไลน์ Hananijinji

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :z13: รอนะค้าาาา

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5


“เดี๋ยว”




ภรัณยูดับเครื่องยนต์แล้วก้าวออกมาจากรถเมื่อเด็กหนุ่มที่เขาขับรถมาส่งเดินดุ่มๆเข้าบ้านโดยมีเพียงการยกมือไหว้และคำพึมพำขอบคุณเท่านั้นเป็นการทิ้งท้าย ทินกรชะงัก แต่ร่างสูงยังคงไม่หันมาหาเขา




“ครับ?”




“อยู่คนเดียวเหรอ?”




“ครับ ป้าแต้วไปตลาด..!”





คนอายุมากกว่าคว้าข้อมือของทินกรแล้วลากเด็กหนุ่มให้ตามเข้าไปในบ้านโดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ เมื่อมาถึงในตัวบ้านที่ปราศจากสายตาของคนนอก ร่างโปร่งหันกลับมาหาทินกรด้วยสีหน้าที่ทำให้คนมองแตกตื่น




สีหน้าที่เหมือนกับอีกฝ่ายกำลังจะร้องไห้




“ถ้าเบื่อพี่แล้ว...บอกกันตรงๆไม่ได้เหรอ?”




“อะ…อะไรนะครับ?” ทินกรเบิกตากว้าง ราวกับไม่อยากเชื่อว่าคนตรงหน้าจะพูดแบบนั้นออกมา





“ซันไม่ใช่คนแรกหรอกนะที่ทนพี่ไม่ได้...” ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นคนแรกที่ทำให้ภรัณยูรู้สึกใจหายกับความคิดนั้น “พี่จะหาครูสอนพิเศษคนใหม่ให้ ระหว่างนี้ก็ทบทวนบทเรียนไปก่อนแล้วกัน”




“พี่ภัทร...”





“ขอโทษนะที่ทำให้เสียเว...อื้อ!”




ริมฝีปากได้รูปฉกฉวยจุมพิตจากริมฝีปากนุ่มก่อนที่ภรัณยูจะได้พูดจบ ทินกรบดขยี้กลีบปากของร่างโปร่งอย่างไม่ปราณี ประคองใบหน้าเรียวให้เงยขึ้นรับลิ้นร้อนที่แทรกเข้าไปในโพรงปากอุ่นอย่างกระหาย





ภรัณยูขยุ้มเสื้อของเด็กหนุ่มไว้เพื่อพยุงตัวเองไม่ให้ล้มลงไปกองกับพื้น ลิ้นเรียวเกี่ยวกระหวัดตอบรับสัมผัสดูดดื่มจากร่างสูงอย่างเผลอไผล กว่าทินกรจะยอมปล่อยริมฝีปากอันบวมเจ่อของเขาให้เป็นอิสระ ภรัณยูที่ขาดอากาศหายใจเป็นเวลานานถึงกับต้องเอนซบไหล่ของตัวต้นเหตุเพื่อหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอด





“ซั...อะ..”




ร่างโปร่งถูกผลักลงบนโซฟาตัวยาวพร้อมกับร่างของทินกรที่ทาบทับลงมา




“ถ้าผมเบื่อพี่...ผมจะทำแบบนี้เหรอครับ?”




ริมฝีปากร้อนไล้ลงมาตามซอกคอขาว ดูดเม้มที่แอ่งชีพจรอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ ภรัณยูครางเสียงแผ่วเมื่อร่างสูงฝากรอยประทับเพิ่มตามลำคอระหงส์




“ที่ผมโกรธ...เพราะพี่ภัทรใส่เสื้อผ้าแบบนี้เพื่อคนอื่น...”




หัวไหล่เปลือยเปล่าเป็นเป้าหมายถัดไปของทินกร ร่างสูงขบเบาๆที่ผิวเนื้อขาวเนียนซึ่งโผล่พ้นเสื้อผ้าของอีกฝ่ายออกมา ภรัณยูตัวสั่นเทาอย่างประหม่าเมื่อมือใหญ่เลิกเสื้อตัวบางของตนขึ้น เผยให้เห็นหน้าท้องแบนราบและเม็ดทับทิมสีหวานบนแผ่นอกของร่างโปร่งที่ทินกรเคยครอบครองไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งในคืนแรกของพวกเขา ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือกเมื่อลิ้นร้อนหยอกล้อกับตุ่มไตสีหวานหนึ่งข้าง ขณะที่นิ้วเรียวสะกิดเขี่ยอีกข้างอย่างไม่น้อยหน้ากัน เมื่อริมฝีปากร้อนครอบครองดูดดุนยอดอกของภรัณยูอย่างกระหาย ร่างโปร่งต้องยกมือขึ้นปิดปากเพื่อไม่ให้เสียงครางแว่วหวานนั้นหลุดออกมาจากปาก




“ผมโกรธ...เพราะผมรู้ตัวว่าผมไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวพี่”




“ซะ…ซัน…พอเถอะ” คำขอร้องเสียงสั่นเครือหายไปในลำคอเมื่อทินกรจุมพิตไล่ลงมาตามหน้าท้องแบนราบ นิ้วเรียวเกี่ยวดึงเข็มขัดกางเกงของภรัณยูออกอย่างชำนาญ กว่าคนที่ยังมัวเมากับความรู้สึกที่ถูกปรนเปรอจะรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เสื้อผ้าท่อนล่างของเขาก็ถูกโยนลงไปกองกับพื้นเสียแล้ว





“ผมโกรธ...ที่ทั้งที่รู้อย่างนั้นผมก็ยังอยากดึงพี่ออกมาจากพี่ใหญ่ อยากบอกคนทั้งร้านว่าพี่เป็นของผม”





“อ๊ะ…อะ…ซัน...”




แผ่นหลังขาวเนียนแอ่นโค้งอย่างเสียวซ่านเมื่อริมฝีปากร้อนเข้าครอบครองที่จุดกึ่งกลางของตนอย่างไม่นึกรังเกียจ แม้ภรัณยูจะไม่ใช่เด็กวัยรุ่นที่ยังไม่เคยผ่านเรื่องอย่างว่ามา แต่เขาไม่เคยถูกใครทำแบบนี้ให้มาก่อน ร่างโปร่งยกมือข้างหนึ่งปิดเสียงครางลั่นไม่เป็นภาษาที่หลุดออกมาจากในลำคออีกครั้ง สะโพกมนขยับสวนจังหวะการขยับของเด็กหนุ่มอายุน้อยกว่าอย่างควบคุมไม่อยู่ มืออีกข้างขยุ้มกลุ่มผมนุ่มแน่น




“อ๊ะ..ซัน...พะ...พอแล้ว...ไม่เอา....”




ภรัณยูเอ่ยขอร้องด้วยน้ำเสียงที่แม้แต่ตนก็รู้ว่าน่าอายแค่ไหน แต่ทินกรดูจะชื่นชอบเสียงแหบพร่าที่เต็มไปด้วยราคะซึ่งเกิดจากฝีมือของตนเสียเหลือเกิน




“ไม่ต้องห่วงครับพี่ภัทร...” ร่างสูงผละออกมาจากร่างที่ตนให้ความสนใจจนสั่นระริกอย่างน่าเอ็นดู เลียริมฝีปากช้าๆขณะดื่มด่ำกับภาพผลงานชิ้นโบว์แดงของตนที่พยายามไขว้ขาเรียวยาวของตนเพื่อลดความอับอายจากสายตาที่ทำให้หน้าร้อนฉ่า “ผมสัญญาแล้วว่าตราบใดที่ผมยังไม่ถึงสิบแปด เรื่องแบบคืนนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีก ผมน่ะ...รักษาสัญญาเสมอครับ”




“ซะ..อ๊าาา!!!”




ร่างของภรัณยูกระตุกเกร็งอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อรู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอมที่ค่อยๆแทรกเข้ามาในร่างของตนอย่างช้าๆ แต่ความรู้สึกอึดอัดหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อทินกรขบเม้มเม็ดทับทิมสีหวานที่เริ่มบวมแดงจากการถูกครอบครองเพื่อเบีี่ยงเบนความสนใจคนที่สติเริ่มเลือนราง นิ้วเรียวยาวขยับควงจนสะโพกมนยกลอยแทบไม่ติดโซฟา แม้จะอยากด่าแต่สิ่งที่ออกมาจากริมฝีปากเรียวตอนนี้มีเพียงเสียงครางแว่วหวานที่ฟังไม่ได้ศัพท์เท่านั้น




“ถึงตอนนี้ผมจะยังไม่มีหวัง...แต่อย่างน้อย ให้ผมทำให้พี่ภัทรมีความสุขได้มั้ยครับ?”




น้ำเสียงออดอ้อนพร้อมริมฝีปากที่ทาบลงบนขมับชื้นเหงื่อทำให้ภรัณยูนึกอยากจะค้อนคนที่ชอบทำอะไรแล้วมาขอทีหลัง แต่สิ่งที่ทำได้ขณะที่อารมณ์วาบหวามถูกกระตุ้นให้พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆมีเพียงการพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต ก่อนจะสะดุ้งเฮือกอีกครั้งเมื่อนิ้วเรียวครูดผ่านจุดไวต่อสัมผัสภายในที่ทำให้ร่างโปร่งถึงกับเห็นดาวระยับ




“จะเอาจริงแล้วนะครับ”




เสียงทุ้มกระซิบอย่างเจ้าเล่ห์พร้อมเร่งจังหวะนิ้วเรีวยาวของตน เล่นเอาคนที่กำลังจะถามว่านี่ยังไม่เอาจริงอีกหรือซุกหน้าเข้ากับไหล่กว้างเพื่อช่วยอำพรางเสียงอันน่าอายที่ดังขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่หยุดหย่อน ร่างโปร่งกระตุกเฮือกพร้อมกับภาพเบื้องหน้าที่กลายเป็นสีขาวโพลน ก่อนจะทิ้งตัวลงในอ้อมกอดของตัวต้นเหตุขณะหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอดอย่างอ่อนเพลีย
“ผมน่ะ ไม่ใช่คนที่เบื่ออะไรง่ายๆหรอกนะครับ” เด็กหนุ่มประทับจุมพิตลงบนหน้าผากชื้นเหงื่อของภรัณยูอีกครั้งอย่างอ่อนโยน “แค่ได้ไล่ตามพี่ภัทรแบบนี้ ผมก็มีความสุขจนเหมือนตัวจะระเบิดอยู่แล้ว”




“…เด็กบ้า...”




นั่นคือสิ่งเดียวที่ภรัณยูสามารถพึมพำออกมาได้ ทินกรช้อนร่างที่อ่อนปวกเปียกขึ้นอุ้ม เรียกเสียงครางในลำคออย่างไม่พอใจจากภรัณยูได้เป็นอย่างดี




“ผมพาขึ้นไปนอนข้างบนดีกว่านะครับ”




เด็กหนุ่มยิ้มร่าราวกับไม่ได้รู้เลยว่าที่ตนเพิ่งทำลงไปนั้นเป็นเรื่องน่าอายมากแค่ไหน ทินกรอุ้มร่างของคนอายุมากกว่าขึ้นไปบนห้องนอนของตน หลังจากวางร่างของภรัณยูลงบนเตียง ทินกรเอ่ยกับคนที่นอนหลับตาหน้าแดงก่ำบนเตียงทั้งที่ไม่ได้หลับ ดูก็รู้ว่าพยายามหาข้ออ้างที่จะไม่ต้องพูดกับเขา




“เดี๋ยวผมไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้นะครับ”





“เอ๊ะ...ดะ...เดี๋ยวสิ...” ภรัณยูชันตัวขึ้นนั่งอย่างสับสนเมื่อเห็นร่างสูงหันหลังตรงไปยังห้องน้ำจริงๆ ทินกรหันกลับมาด้วยสีหน้างุนงง



“ครับ?”



“แล้ว...ซันจะไม่...” คนอายุมากกว่าพยักเพยิดไปยังปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขของเด็กหนุ่มด้วยใบหน้าแดงก่ำ




“อ๋อ…เดี๋ยวผมค่อยจัดการทีหลังครับ” ทินกรไหวไหล่เป็นเชิงว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร




“เดี๋ยวสิ คือพี่...” ภรัณยูเอื้อมมือคว้าข้อมือของเด็กหนุ่มไว้ก่อนที่สมองจะได้สั่งการอะไรมากกว่านั้น “คือว่า...”




“พี่ภัทรครับ...” ทินกรคุกเข่าลงตรงหน้าคนที่ยังนั่งอยู่บนเตียงพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน “พี่ภัทรไม่ต้องรู้สึกติดค้างอะไรผมหรอกนะครับ แค่พี่ภัทรยอมให้ผมเอาแต่ใจกับพี่ขนาดนี้ ผมก็ดีใจมากแล้วครับ”




“….”




ภรัณยูอยากจะบอกให้อีกฝ่ายเอาแต่ใจให้มากกว่านี้ ดึงดันให้มากกว่านี้ แต่เขารู้ดีว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะพูดอะไรแบบนั้น ในเมื่อคนที่ไม่ยอมแสดงความชัดเจนในสถานะความสัมพันธ์ของพวกเขาแต่แรกคือตัวเขาเอง




“ที่พี่แต่งตัวแบบนี้...เพราะพี่ไม่อยากให้ซันอายคนในมหาลัย...” ร่างโปร่งหลบสายตาของเด็กหนุ่มที่มองตรงมาที่เขาอย่างสับสนระคนแตกตื่น “พี่แค่...อยากดูดีกับคนอื่นเขาบ้าง อื้อ..”




ริมฝีปากได้รูปบดจูบลงบนริมฝีปากของภรัณยูทันทีที่ร่างโปร่งพูดจบ ใบหน้าของทินกรในตอนนี้ดูเจิดจ้าเสียงยิ่งกว่าพระอาทิตย์ยามกลางวัน




“จริงเหรอครับพี่ภัทร?”




คนอายุมากกว่าพยักหน้าอย่างเขินอาย เขายังคงไม่ชินกับแววตาที่มองเขาเหมือนเขาเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของอีกฝ่ายเสียที




“ถึงพี่จะบอกว่าเรื่องอย่างนั้นห้ามทำจนกว่าจะสิบแปด...” ร่างโปร่งยังคงไม่สามารถทำใจมองหน้าอีกฝ่ายขณะพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้ “แต่ถ้าแค่แบบเมื่อกี้...พี่ทำให้ได้นะ...”




หากก่อนหน้านี้อีกฝ่ายดูเหมือนดวงอาทิตย์ ตอนนี้ทินกรคงจะเหมือนซุปเปอร์โนวาระเบิดพลังแสงไปทั่วทุกทิศ




ภรัณยูรู้ว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้าเขาอาจจะเสียใจกับการตัดสินใจนี้เมื่อกรามของเขาเริ่มส่งเสียงประท้วงด้วยความเมื่อยขบ แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มเหมือนเด็กเล็กๆบนใบหน้าของทินกร เขากลับรู้สึกว่ามันช่างคุ้มค่าเสียเหลือเกิน





ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่ความรู้สึกของเขาที่มีต่อคนตรงหน้าเปลี่ยนไปขนาดนี้?




--------

สไลด์ตัวมากราบขอโทษรัวๆ เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ+ท้องเสียหนักที่สุดในชีวิตตั้งแต่เกิดมา+ พรุ่งนี้เปิดเทอม เมฆหมอกสัปดาห์นี้อาจจะไม่ได้ลงน้า เดี๋ยวจะลงเรื่องนนี้ชดเชยความผิด ฮือออออ
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Itachishang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คู่คุณพ่อจะมีแบบนี้มั้งไมอ่ะ 55 อยากเห็นมีนโดนรังแก อิอิ

ออฟไลน์ Itachishang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ไรท์หายเร็วนะ สู้ๆ

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
เป็นการปรับความเข้าใจทีีฟินจริงๆ

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
ดีจังปรับความเข้าใจกันเร็วมาก ชอบวิธีการที่ใช้จังเลย ฟินมาก

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ใจไม่แข็งพอนี่ภัทร แพ้ซันจนได้  o18

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอตอนต่อไป~

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ไรท์หายไวๆนะ  :mew1:

ซัน  ภัทร     :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
Chapter 13: รู้สึกผิด




“ซัน…”




ผิวกายเนียนนุ่มที่ยอมให้เขาเชยชม ฝากรอยประทับไว้บนหัวไหล่มนและซอกคอขาว




“ซัน….”




ความรู้สึกของริมฝีปากเรียวฉ่ำน้ำที่ทำให้เขาแทบจะแตะขอบสวรรค์ทันทีที่ได้สัมผัส




“ไอ้เชี่ยซัน!!!”




พายุแทบจะต้องแหกปากใส่หูของคนที่เหม่อไปถึงดาวพลูโตเพื่อดึงความสนใจของอีกฝ่าย กระนั้นทินกรก็ยังหันมาอย่างเหม่อลอยราวกับไม่ได้ยินอะไรที่เขาพูดก่อนหน้าแม้แต่น้อย




“มีอะไรเหรอ?”




“กูถามว่า เดี๋ยวนี้มึงเห็นมีนบ้างมั้ย หายไปไหนของมัน ไม่มากินข้าวกับพวกเราเลย”




เดือนคณะถามเพื่อนด้วยสีหน้าติดรำคาญ ในเวลาว่าง ทินกรมักจะนั่งฝันหวานหาชายหนุ่มอายุมากกว่าที่พายุยังไม่ค่อยมั่นใจสถานะของคนทั้งคู่เท่าไหร่โดยไม่สนใจคนรอบข้างเสมอ




“อ๋อ คงเรียนหนักมั้ง พวกหมอนี่นา”




ทินกรไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจ เขาเดินสวนกับมีนาอยู่บ้างทำให้รู้ว่าร่างเล็กยังคงมาเรียนหนังสือ แต่เวลาที่เขาโบกมือหรือส่งเสียงเรียก อีกฝ่ายมักจะไม่ได้ยินเขาเสมอ




“เหรอ...”




น้ำเสียงของพายุฟังดูไม่เชื่อคำพูดนั้น แต่เมื่อหางตาเหลือบไปเห็นใครบางคนเดินผ่านไป เพื่อนตัวเล็กก็ถูกลืมหายไปจากสมองทันที




“พายุ ถ้าไม่เอาจริง ก็อย่าไปแกล้งเขาแบบนี้เลยนะ”




ทินกรดักคอเพื่อนที่กำลังจะลุกตามกลุ่มเด็กสาวที่มีนักศึกษาหนุ่มเป็นสิ่งแปลกปลอมพูดคุยหัวเราะกันเดินผ่านไป เพื่อนผิวเข้มตวัดสายตาค้อนเพื่อนตาเขียวปั้ด




“อะไรทำให้มึงคิดว่ากูไม่เอาจริง?”




“ก็…อ่า…” ทินกรอึกอักเมื่อพบว่าตัวเองไม่มีเหตุผลใดๆที่จะทำให้มีความคิดเช่นนั้น แต่พายุเป็นคนโผงผาง พูดจาอะไรก็ดูเหมือนเป็นเรื่องเล่นๆ เป็นอะไรง่ายๆไปเสียหมด ครั้งนี้เขาเลยดูไม่ออกจริงๆว่าไอ้ความคิดที่จู่ๆจะอุตริไปจีบช่างแต่งหน้าของตัวเองนั้นเพื่อนรักได้แต่ใดมา“แล้วทำไมจู่ๆถึงได้นึกชอบเขาขึ้นมาล่ะ?”




“ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอวะ?” พายุเลิกคิ้ว




“ต้องสิ”ทินกรดันพาซื่อพยักหน้าหงึกหงักใส่เสียอย่างนั้น พายุถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายกับเพื่อน




“ก็เคยเห็นตอนเขาประกวดดาวเทียมของคณะเรา กูแค่รู้สึกว่าเขาน่ารักดี บางทีก็ดูเอ๋อๆมึนๆไปหน่อย แต่แม่งจี้ดี กูชอบ”ร่างสูงไหวไหล่ “พอเจอกันอีกครั้งเลยอยากลองคุยดู แปลกตรงไหนวะ?”




หากจะว่ากันตามตรง ความสัมพันธ์อันพิลึกพิลั่นของเพื่อนทั้งสองคนของเขายังดูน่าเป็นห่วงมากกว่าเขาเสียอีก




“อ๋อ…”




ทินกรพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะรีบชี้เป้าให้เพื่อนเมื่อคนที่เดินผ่านไปซื้อน้ำกับเพื่อนเมื่อครู่เดินกลับมาทางเดิมอีกครั้งพร้อมน้ำหวานในมือ คราวนี้พายุไม่พลาดโอกาส รีบตีเนียนเขาไปทักทายเด็กหนุ่มคนเดียวในกลุ่มที่ดูจะตกใจเล็กน้อยกับการปรากฎตัวของร่างสูง





ฝ่ายทินกรทำได้เพียงแอบส่งกำลังใจให้เพื่อนอยู่ห่างๆ แต่เมื่อโทรศัพท์ของตนที่วางอยู่บนโต๊ะสั่นครืดพร้อมกับชื่อและรูปแอบถ่ายยามนอนของภรัณยูเด่นหราบนหน้าจอ เด็กหนุ่มก็โดดแผล็วขึ้นจากโต๊ะหินอ่อนที่นั่งอยู่ทันที




“ครับพี่ภัทร จะไปเดี๋ยวนี้แหละครับ”











ธีรเชษฐ์เป็นพ่อของทินกร...




ทินกรเป็นน้องชายของธารธารา...




แต่หากธีรเชษฐ์เป็นบิดาของธารธารา...ทำไมสายตาของรุ่นพี่ร่างโปร่งที่มองไปที่รถของชายหนุ่มถึงได้ดูไม่เป็นมิตรได้
ขนาดนั้น?




“โอ๊ย!”




มีนาร้องออกมาเบาๆเมื่อความใจลอยทำให้เข็มปักผ้าที่ตนใช้ซ่อมสายกระเป๋าเป้ตำนิ้วเข้าให้




“มีน ทำไมวันนี้ใจลอยจังลูก”




มารดาของเขาเอ่ยทััก จากคำพูดของแพทย์เจ้าของไข้ ผลการทำเคมีบำบัดออกเป็นที่น่าพึงพอใจในขณะนี้ อันที่จริง มะเร็งที่มารดาของเขาเป็นอยู่นั้นไม่ใช่โรคชนิดที่รุนแรงมากนัก แต่ด้วยความยากจนทำให้พวกเขาไม่มีแม้แต่ทางเลือกที่จะเข้ารับการรักษา โชคดีของพวกเขาที่ก้อนเนื้อร้ายยังไม่ได้ลุกลามไปที่อื่นๆ มีเพียงโรคแทรกซ้อนจากภูมิคุ้มกันที่ต่ำลงเท่านั้นที่ทีมแพทย์แนะนำให้ญาติสังเกตอาการ




มีนาแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เมื่อได้ยินคำว่า ‘มีความเป็นไปได้ในการหายขาด’ ออกจากปากของนายแพทย์เจ้าของไข้ ถึงแม้เขาจะไม่กล้าแม้แต่จะตั้งความหวังกับสิ่งที่ดูเหมือนจะดีเกินจริงที่เกิดขึ้นกับเขา



“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะแม่ แค่คิดเรื่องเรียนน่ะจ้ะ” มีนาตอบด้วยคำโกหกเดิมๆ หันไปยิ้มให้มารดาคลายกังวล




“อย่าเครียดมากนะลูก...จริงสิ ว่างๆ มีนร้อยพวงมาลัยเอาไปกราบขอบคุณอาจารย์ของลูก แล้วก็คุณธีรเชษฐ์ด้วยนะ อุตส่าห์รับลูกเข้าทำงานพิเศษในบริษัทของเขา แถมยังช่วยออกเงินค่ารักษาแม่” หญิงสาวบนเตียงหันไปมองกระเช้าของเยี่ยมข้างเตียงที่มีนาไม่ได้สั่งเกตตอนเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม “ดูสิ ส่งกระเช้าผลไม้ให้คุณพยาบาลเอามาให้อีก เป็นคนที่มีจิตใจโอบอ้อมอารีจริงๆ”




มีนาถึงกับพูดไม่ออกกับคำชมของผู้เป็นมารดา ร่างเล็กเหลือบมองกระเช้าผลไม้ที่จัดเรียงอย่างสวยงามนั้นด้วยสีหน้าเคลือบแคลงใจ




ทำไมคุณเชษฐ์ถึงได้...




ก็อกๆๆ




เสียงเคาะประตูเรียกให้มีนาหลุดออกจากความคิดของตัวเอง นายแพทย์เจ้าของไข้เข้ามาในห้องด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ยกมือรับไหว้ทั้งมีนาและคนไข้ของตน หลังจากสอบถามอาการของหญิงสาวไปได้ครู่หนึ่ง นายแพทย์หนุ่มก็เอ่ยขึ้น




“เดี๋ยววันนี้หมอจะขอปรับขนาดยานะครับ คนไข้อาจจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนศีรษะ หรือปวดเมื่อยตามตัวนะครับ...”




มีนากุมมือมารดาอย่างเป็นกังวล แต่หญิงสาวเพียงแต่ส่งยิ้มให้กับลูกชาย หลังจากที่คุณหมอกลับออกไป มีนาก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง




“แม่จ๋า คืนนี้ให้หนูนอนด้วยมั้ยจ๊ะ...”




“ไม่ต้องหรอกลูก วันนี้มีงานต่อไม่ใช่เหรอ? แม่มีคุณพยาบาลคอยดูแลอยู่แล้ว ยายเราก็อยู่ ไม่ต้องห่วงแม่หรอกจ้ะ”
แม้จะไม่อยาก แต่มีนารู้ว่าหากเขาไม่กลับให้ถึงคอนโดในเวลาที่ธีรเชษฐ์กำหนด เจ้าชีิวิตของเขาจะต้องไม่พอใจเป็นแน่
แค่ที่อีกฝ่ายให้เขาตอนนี้ก็มากเกินกว่ามีนาจะกล้าต่อรองขอเวลาอยู่กับมารดาต่ออีกสักนิดแล้ว









เด็กหนุ่มวางจานผัดผักลงบนโต๊ะทานข้าวพอดีกับที่ธีรเชษฐ์เปิดประตูเข้ามาในห้อง




“จะทานข้าวเย็นเลยมั้ยครับคุณเชษฐ์”




มีนาตรงเข้าไปช่วยเจ้าของห้องจัดเก็บรองเท้าหนังสีดำมันเงาที่เขาเพิ่งขัดเมื่อเช้าเข้าตู้เก็บรองเท้า ธีรเชษฐ์พยักหน้า ดึงเนคไทค์ออกจากคอแล้วโยนลงพื้นให้ร่างเล็กกุลีกุจอตามเก็บ อันที่จริงเขาไม่ใช่คนไร้ระเบียบขนาดนั้น แต่การได้เห็นเด็กหนุ่มตามเก็บข้าวของให้เขาด้วยสีหน้าจริงจังราวกับเป็นงานที่สำคัญที่สุดในชีวิตทำให้ธีรเชษฐ์รู้สึกอยากแกล้งขึ้นมาเสมอ
มีนาคดข้าวจากหม้อหุงใส่จานสองจานแล้ววางลงบนโต๊ะ ธีรเชษฐ์มักจะบังคับให้ร่างเล็กทานอาหารด้วยเสมอจนร่างกายที่เคยชินกับการอดมื้อกินมื้อเริ่มปรับตัวให้รู้สึกอยากอาหารวันละสามมื้อเหมือนคนปกติ




“วันนี้แต่งตัวน่ารักดีนี่”




แขนแกร่งตวัดรวบเอวบางดึงให้มีนาเซลงมานั่งบนตักของตน อีกเรื่องที่ถึงแม้จะยังมีท่าทีขัดเขิน แต่มีนาเริ่มรู้สึกชินมากขึ้นเรือยๆ ซึ่งเขาไม่รู้ว่าควรดีใจหรือเสียใจกับความเรียนรู้ไวของร่างกายตัวเอง



“ผม..ผมก็แต่งแบบนี้ทุกวันนี้ครับ...”




ร่างเล็กแย้งเสียงแผ่ว วันนี้เขาก็อยู่ในเสื้อยืดกางเกงขาสั้นที่ร่างสูงซื้อมาให้ จะมีอะไรแปลกไปก็คงจะเป็นความสั้นของกางเกงที่มากกว่ากางเกงตัวอื่นอยู่มากโข แต่มีนาใช้เวลาตลอดทั้งเย็นคุกเข่าคลานเช็ดพื้นจนเงาวับ จะให้ใส่กางเกงตัวอื่นเขาก็กลัวจะเลอะเทอะเสียเปล่าๆ




“หืม? จริงเหรอ?” นิ้วเรียวยาวไล่กรีดเบาๆขึ้นมาตามผิวขาวเนียนที่ไร้อาภรณ์บดบัง ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มอย่างพึงพอใจกับร่างที่สั่นเป็นลูกนกกับสัมผัสของเขา “ฉันว่าฉันน่าจะจำได้นะถ้าเธอเคยใส่เสื้อผ้าแบบนี้”




“….”




ร่างเล็กก้มหน้างุดไม่พูดไม่จา แสร้งหันไปดึงจานข้าวทั้งสองจานเข้ามาใกล้ตัวเองมากขึ้นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจอีกฝ่ายกลับมาที่อาหารบนโต๊ะ แต่เสียงหัวเราะทุ้มต่ำในลำคอข้างหูของเขาทำให้มีนารู้ว่าธีรเชษฐ์ไม่ตกหลุมพรางของเขาเลยแม้แต่น้อย แต่ชายหนุ่มยังพอมีเมตตาปล่อยให้เขาได้ทานอาหารเย็นในความสงบ ถึงแม้ธีรเชษฐ์จะไม่เคยเอ่ยปากชมฝีมือการทำอาหารของเขา แต่จะปริมาณอาหารที่พร่องลงมากโขผิดกับเวลาออกไปทานข้างนอกทำให้มีนาอดรู้สึกภูมิใจลึกๆไม่ได้ ถึงแม้บ้านของเขาจะไม่ได้มีอะไรที่พอจะประกอบเป็นสำรับอาหารได้ในแต่ละมื้อ แต่เขาและมารดาเคยเป็นลูกมือป้าร้านขายข้าวแกงสมัยที่เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษา ป้าเจ้าของร้านถึงกับไว้ใจให้เขาช่วยทำอาหารในวันที่มารดาของเขาไม่สบายด้วยซ้ำ




มีนาอยากจะหาโอกาสคุยกับธีรเชษฐ์เรื่องของธารธาราและทินกร แต่ความกังวลต่างๆนานาในหัวทำให้เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเริ่มบทสนทนาอย่างไร



หากธีรเชษฐ์ปล่อยเขาไปด้วยเหตุผลที่ว่าลูกชายคนรองรู้เรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขา มีนาไม่อยากจะคิดว่าจะเกิดอะไรกับมารดาและยายของตนต่อจากนี้




แต่อีกใจหนึ่ง ร่างเล็กก็อยากเชื่อว่าร่างสูงจะมีเมตตาพอที่จะไม่ทำอย่างนั้น



“คิดอะไรอยู่?”




ธีรเชษฐ์กระซิบถามคนที่นั่งเหม่ออยู่บนตักของเขา ไม่รับรู้ถึงมือปากหมึกที่นวดคลึงสะโพกแน่นอย่างหยอกเย้าด้วยซ้ำ มีนาส่ายหน้า ขยับตัวลุกจากตักของอีกฝ่ายเพื่อเก็บจานชามไปล้าง




“เปล่าครับ...แค่เพลียนิดหน่อย”



ธรรมชาติของมีนาไม่ใช่คนที่ร้องขอความช่วยเหลือจากใคร




ไม่สิ...คงต้องบอกว่าทั้งชีวิตของเขา เด็กหนุ่มไม่เคยได้รับโอกาสที่จะร้องขอความเมตตาไม่ว่าจะจากใครก็ตาม









ในความคิดของธีรเชษฐ์ เขารู้สึกว่ามีนาดูเครียดกว่าทุกวัน




ใช่ว่าปกติร่างเล็กจะไม่เครียด เขาไม่รู้ว่าเด็กตัวแค่นี้จะมีเรื่องที่ต้องคิดอะไรนักหนา ถึงแม้ว่าสภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวมีนาจะเรียกได้ว่าหลุดออกมาจากนางเอกละครน้ำเน่า แต่ตอนที่เขาอายุไล่เลี่ยกับเด็กหนุ่ม เขาก็เพิ่งได้รู้ข่าวว่าตัวเองกำลังจะได้เป็นพ่อคน ทั้งเรียนไปทำงานไปหามรุ่งหามค่ำเพื่อหาเงินมาดูแลเกศราหลังจากค่าเลี้ยงดูก้อนสุดท้ายจากบิดาที่หายหัวไปจากชีวิตเขามานมนาน ธีรเชษฐ์ยังไม่คิดว่าเขาจะหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ตลอดเวลาแบบนี้





อาจเป็นเพราะเขามีคนที่คอยยืนเคียงข้างเขาในตอนนั้น ไม่ว่าจะเป็นเกศรา เพื่อนสนิททั้งสองของเขา คเชนทร์กับวีรภัทร หรือแม้แต่มารดาที่แม่จะเป็นแค่เจ้าของร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าเล็กๆแต่ก็ยังเชื่อใจเขาที่ยังไม่มีประสบการณ์อะไรมากมายพอที่จะให้ธีรเชษฐ์ลงทุนกับมัน




เพราะตัวเขาในตอนนั้นไม่ได้อ้างว้างอย่างเด็กคนนี้




“อ๊ะ…”




มีนาร้องออกมาเบาๆเมื่อถูกคนบนเตียงรวบเข้าไปกอด กักขังร่างของเขาไว้ด้วยร่างสูงใหญ่นั้นหลังจากที่มีนานอนตาค้างอยู่ในความมืดมาระยะหนึ่ง แม้จะเริ่มเคยชินกับความปากว่ามือถึงของธีรเชษฐ์แล้วแต่มีนาก็ยังอดหน้าแดงวาบทุกครั้งที่ใกล้ชิดกันไม่ได้




เขาได้แต่บอกตัวเองว่ามันเป็นปฏิกิริยาปกติของร่างกายมนุษย์ แม้ว่าจะทำใจให้เชื่อเหตุผลนั้นยากขึ้นทุกวัน




“นอนไม่หลับเหรอ? ทำไมวันนี้ถึงได้ยุกยิกจัง?”




น้ำเสียงของอีกฝ่ายไม่มีแววโกรธขึง มีแต่ความสงสัยใคร่รู้ถึงสาเหตุที่ทำให้คนที่มักเหนื่อยจนหลับปุ๋ยทันทีที่หัวถึงหมอนนอนพลิกไปมาในคืนนี้




“ขะ…ขอโทษครับ”




มีนารีบพึมพำขอโทษอย่างรู้สึกผิด ทั้งที่ธีรเชษฐ์มีประชุมเช้าพรุ่งนี้แท้ๆ แต่อีกฝ่ายกลับต้องมาตื่นเพราะเขา




“นั่นไม่ใช่คำตอบที่ฉันอยากรู้” ชายหนุ่มกดเสียงต่ำ บ่งบอกว่าเริ่มไม่สบอารมณ์กับการเบี่ยงประเด็นของมีนาแล้ว ร่างเล็กชั่งใจอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจตอบความจริงออกไป...แม้จะเพียงแค่ครึ่งเดียวก็ตาม




“ผมห่วงเรื่องแม่น่ะครับ วันนี้หมอเพิ่มยาให้ ผมกลัวว่าจะมีผลข้างเคียงอะไรให้อาการไม่ดีรึเปล่า...”




“งั้นเหรอ...”




ธีรเชษฐ์ปรับเสียงให้อ่อนลงเมื่อได้ยินเหตุผลของเด็กหนุ่ม มือใหญ่เอื้อมขึ้นลูบกลุ่มผมนิ่ม นิ้วเรียวเกี่ยวพันเส้นผมสีน้ำตาลนุ่มเล่น มีนาตัวแข็งอย่างตกใจกับสัมผัสอ่อนโยนของอีกฝ่าย การแตะเนื้อต้องตัวของธีรเชษฐ์ตามปกตินั้น แม้จะไม่ใช่อย่างที่อีกฝ่ายทำกับเขาในวันแรกที่เจอกัน ได้แต่มีนาสามารถบอกได้ว่าทุกสัมผัสของร่างสูงมีความต้องการแฝงอยู่ไม่มากก็น้อย
แต่ครั้งนี้ สิ่งที่เขาสัมผัสได้มีเพียงมือใหญ่ที่ลูบศีรษะของเขาราวกับเขาเป็นเด็กน้อยน่าเอ็นดู




ซึ่งมีนาไม่รู้ว่าทำไมความคิดนั้นถึงทำให้เขารู้สึกแย่ขึ้นมาเสียอย่างนั้น




“คราวหลัง โทรมาบอกฉันก็ได้นะว่าจะนอนกับแม่”




“เอ๊ะ?”




เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองธีรเชษฐ์อย่างประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าชายหนุ่มจะเป็นฝ่ายเอ่ยปากอนุญาตเขาแบบนี้ ธีรเชษฐ์เลิกคิ้วกับสีหน้าของร่างเล็ก




“ทำไม? เห็นฉันใจร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ?”




“ปะ…เปล่าครับ!” มีนารีบปฏิเสธด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ ธีรเชษฐ์หัวเราะเสียงต่ำ




“ไม่ต้องห่วง...เดี๋ยวลงบัญชีไว้ให้”





มีนารีบซุกหน้ากับแผงอกแกร่งตามสัญชาตญาณเมื่อจมูกโด่งเป็นสันโฉบมาที่แก้มนิ่ม แม้เขาจะรู้ว่าธีรเชษฐ์ไม่ชอบ แต่มีนาก็ไม่สามารถห้ามตัวเองได้เสียที เด็กหนุ่มได้ยินเสียงธีรเชษฐ์เดาะลิ้นอย่างไม่พอใจ แต่เช่นเคย ชายหนุ่มไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น




“แล้วคืนนี้ต้องทำยังไงเธอถึงจะหลับ?”




“ผม..ผมไปนอนโซฟา...”




“อย่าเรื่องมาก มีนา” เสียงเข้มที่กลับมาดุอีกครั้งทำให้มีนาหุบปากเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพึมพำออกมา




“ตบก้น..”




“หืม?” ใบหน้าคมเคลื่อนเข้ามาใกล้เพื่อฟังให้ชัดขึ้น




“ตอนเด็กๆ เวลาผมนอนไม่หลับ ยายจะตบก้นให้...”




มีนาไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะพูดแบบนั้นออกไปจริงๆ เด็กหนุ่มหลับตาปี๋อย่างอับอาย สะดุ้งเฮือกเมื่อมือใหญ่ตบลงที่บั้นท้ายของเขาเบาๆเป็นจังหวะจริงๆ




“นอนซะ แม่เธอไม่เป็นอะไรหรอก”เสียงทุ้มกระซิบ แต่ถึงอย่างนั้น สัมผัสของมือใหญ่กลับทำให้มีนารู้สึกวูบวาบไปทั้งตัวจนหลับไม่ลง ร่างเล็กพยายามนอนหลับตานิ่งไม่กระดุกกระดิกเพื่อให้เจ้าของห้องได้พักผ่อนเสียที แต่ธีรเชษฐ์กลับลุกออกไปจากเตียงหลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาที





เมื่อไม่มีใครมากวนให้ชีพจรเต้นรัวตลอดเวลาแล้ว มีนาเริ่มรู้สึกถึงความง่วงงุนที่เข้าครอบงำ ก่อนจะจมสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว





ค่อยบอกเรื่องของธารธารากับทินกรให้ธีรเชษฐ์รู้พรุ่งนี้ก็แล้วกัน









หลังจากง้องอนให้เลขาของตนกลับมาทำงานได้สำเร็จ มธุวันดูเหมือนจะไม่สาแก่ใจกับคำขอโทษของเขาเรื่องวันที่ร่างสูงทิ้งงานเพื่อไปรับมีนาที่มหาวิทยาลัยก่อนหน้านี้ เพราะหลังจากนั้นงานของธีรเชษฐ์ยังคงพอกพูนขึ้นชนิดที่ไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน แต่ถึงอย่างนั้น ร่างสูงก็ยังพบว่าเวลาว่างที่มีอยู่น้อยนิดของเขาถูกใช้ไปกับการนั่งมองมีนาทำงานบ้าน และพาเด็กหนุ่มไปไหนมาไหน มากกว่าการคว้าเอาคนที่ใกล้ที่สุดที่สนใจขึ้นเตียงแล้วระบายความเครียดออกไปให้หมดอย่างที่เขาเคยทำก่อนหน้านี้




อีกอย่าง ประสบการณ์จากครั้งแรกที่พามีนาไปทานอาหารข้างนอกครั้งแรกบอกเขาว่าเขาไม่สามารถละสายตาจากเด็กหนุ่มได้แม้แต่วินาทีเดียว




แต่ในตอนนี้ แค่คิดถึงภาพของร่างเล็กที่นอนอยู่บนเตียงขณะที่จัดการตัวเองให้เรียบร้อยในห้องน้ำก็เพียงพอที่จะลดความหงุดหงิดใจของเขาออกไปได้บ้างถึงแม้จะไม่ทั้งหมด ทว่าธีรเชษฐ์กลับไม่ได้รู้สึกถึงความ’จำเป็น’ที่จะต้องหาใครมาบำบัดความต้องการที่เขามีต่อมีนาในเร็ววันนี้ ซึ่งเขาไม่รู้ว่าถือเป็นเรื่องดีสำหรับตนได้หรือไม่




สงสัยเขาคงจะเริ่มแก่แล้วจริงๆ


---------

เอามาเสิร์ฟทดแทนความผิดที่ปั่นอีกเรื่องไม่ทัน55555

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ Minty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ตบก้น โถถถถ เอ็นดูเด็กน้อยมีนา :hao7:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด