Chapter 6: หึง
ถึงแม้จะรู้สึกหงุดหงิดที่ถูกอีกฝ่ายขยับหนีราวกับรังเกียจเขาเสียเต็มประดา แต่ธีรเชษฐ์ต้องยอมรับว่าเขาได้ความบันเทิงเล็กๆจากการเห็นสีหน้าแตกตื่นของคนข้างๆเมื่อพวกเขาก้าวเข้ามาในห้องอาหารขนาดใหญ่ของโรงแรมห้าดาวที่ธีรเชษฐ์ให้เลขาจองไว้ให้ก่อนหน้านี้
“เป็นอะไร?” ชายหนุ่มแสร้งถามคนที่ตัวลีบติดกับเขาทุกฝีก้าวทั้งที่รู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร
“คือ…”
มีนาอึกอัก เขาไม่อยากทำให้ร่างสูงรู้สึกรำคาญใจ แต่เขาไม่เคยชินกับร้านอาหารหรูหราราคาแพงที่แม้แต่บริกรยังแต่งตัวดีกว่าเขาแบบนี้
ไม่สิ คงต้องบอกว่านอกจากร้านอาหารในมหาวิทยาลัย มีนาไม่เคยเข้ามานั่งทานอาหารในร้านเลยสักที่
“เชิญครับคุณธีรเชษฐ์”
บริกรหนุ่มร่างสูงหน้าตาดีเดินนำพวกเขาไปยังห้องวีไอพีขนาดกลางที่มีประตูปิดกั้นพวกเขาจากโลกภายนอก ดูท่าร่างสูงจะมาใช้บริการที่นี่อยู่บ่อยครั้ง ดูจากท่าทีสนิทสนมของบริกรหนุ่มกับลูกค้าระดับวีไอพีที่มีหลุดออกมาบ้างถึงแม้การบริการจะคงไว้เป็นมืออาชีพอยู่ตลอด
แต่ที่เด่นชัดที่สุดเห็นจะเป็นสายตาดูถูกที่บริกรคนนั้นมียามเหลือบมองมาที่ร่างเล็ก
มีนาทำได้เพียงก้มหน้างุด ปล่อยให้ธีรเชษฐ์โอบเอวพาตนไปยังโต๊ะอาหารโดยไม่กล้าแม้แต่จะสบตาบริกรคนนั้น
“มานี่”
ก่อนที่เด็กหนุ่มจะได้นั่งลงบนเก้าอี้ แขนแกร่งที่โอบรอบเอวของเขาอยู่นั้นก็ดึงรั้งให้ร่างเล็กเซถลาลงไปนั่งบนตักแข็งของอีกฝ่ายอย่างพอดิบพอดี
”คุณเชษฐ์ครับ คือ…”
มีนาขยับตัวอย่างอึดอัด ก้มหน้ามองมือของตัวเองบนตักอย่างไม่รู้จะพูดอะไร เขาได้ยินเสียงเดาะลิ้นอย่างหงุดหงิดก่อนที่นิ้วเรียวยาวจะเชยคางมนขึ้นให้ดวงตากลมโตสบนัยน์ตาคมสีควันบุหรี่ของตน
“อะไร?”
“คือ…แบบนี้…คนอื่นจะ…”
“ห้องนี้เป็นห้องส่วนตัว ไม่มีใครเห็นเธอในสภาพนี้หรอกน่า”
ร่างสูงเอ่ยเสียงห้วน แต่เด็กหนุ่มยังคงไม่สบายใจกับคำตอบนั้น มีนายุกยิกไปมาบนตักของร่างสูงจนคนตบะไม่ได้แก่กล้าต้องยึดสะโพกมนไว้ให้อยู่นิ่ง
“แต่…คุณบริกร…”
“ทำไม? เห็นมองมันตาไม่กระพริบตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว…” มีนาย่นคอหนีใบหน้าคมเข้มที่ยื่นเข้ามาใกล้ใบหน้าของตนอย่างกระทันหัน แต่นั่นยิ่งไปกระตุกต่อมโมโหของคนอารมณ์ร้อนมากขึ้นไปอีก “หึ จะบอกให้นะ เด็กนั่นไม่ได้เด็ดอย่างที่เธอคิดหรอก ถึงจะลีลาดีกว่าก็เถอะ”
มีนากัดริมฝีปาก เบือนหน้าหนีคนที่พูดเรื่องแบบนั้นได้อย่างไม่อายด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเพียงแค่คำพูดที่สื่อเป็นนัยว่าธีรเชษฐ์เคยมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งอย่างน้อยก็ทางร่างกายกับบริกรคนนั้น ในใจก็รู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“ผม…ไม่ได้คิดเรื่องแบบนั้น…”
“ดี” เสียงทุ้มเอ่ยสั้นๆ “ฉันไม่ชอบแบ่งของกับใคร เข้าใจใช่มั้ย?”
“ครับ”
ร่างเล็กพนักหน้าอย่างว่าง่าย ดวงตากลมโตที่หม่นลงทำให้จิตใจของธีรเชษฐ์รู้สึกไม่สงบขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ แต่บริกรที่เดินเข้ามาพร้อมอาหารเรียกน้ำย่อยขัดจังหวะคนที่กำลังจะถามหาสาเหตุของดวงตาเศร้าสลดนั้น
บริกรหนุ่มชะงักเมื่อเห็นมีนาอยู่บนตักของธีรเชษฐ์ สายตาไม่พอใจที่ถูกส่งตรงมาทำให้มีนาก้มหน้างุดอย่างหวาดกลัว แต่บริกรหนุ่มยังคงรักษาความเป็นมืออาชีพไว้ วางถ้วยใส่ซุปครีมข้นสีขาวที่มีเห็ฝานบางและผงเครื่องเทศโรยประดับอย่าง
สวยงามสองถ้วยลงบนโต๊ะ
“ออเดิรฟของวันนี้เป็นซุปครีมเห็ดทรัฟเฟิล…”
แต่ธีรเชษฐ์ไม่ได้สนใจเสียงของคนที่กำลังแนะนำเมนูอยู่ ชายหนุ่มใช้ช้อนตักซุปร้อนๆที่ส่งกลิ่นหอมและมีควันลอยออกมาขึ้นมาเป่าให้หายร้อน ก่อนจะนำมาจ่อที่ริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูที่เผยอเล็กน้อยด้วยความงุนงง
“ชิมสิ”
ริมฝีปากของมีนาอ้าออกโดยอัตโนมัตเมื่อช้อนโลหะแตะที่ริมฝีปากของตน รับเอาซุปหวานหอมกลมกล่อมกลืนลงลำคอไปอย่างว่าง่าย ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกายเมื่อรับรู้ได้ถึงรสชาติที่ยังคงหลงเลืออยู่ในปาก มีนาไม่เคยคิดว่าตนเคยรับประทานอะไรที่มีรสชาติแบบนี้มาก่อนในชีวิต
“ชอบมั้ย?”
คนป้อนถามพร้อมกระตุกยิ้มมุมปากอย่างถูกใจกับปฎิกิริยาที่ได้รับ มีนาพยักห้นาหงึกหงัก ท่าทีใสซื่อของเด็กหนุ่มยิ่งทำให้ธีเรชษฐ์นึกอยากจับเด็กน้อยขึ้นนั่งบนโต๊ะทานข้าวแล้วสวาปามกระต่ายตัวน้อยให้ไม่เหลือแม้แต่เนื้อติดกระดูก
“เด็กดี…”
คำชมหวานหูที่อยู่ห่างจากใบหน้าของมีนาเพียงลมหายใจคั่นทำเอาร่างเล็กหน้าขึ้นสี มีนาสะดุ้งอย่างตกใจเมื่อลิ้นร้อนของอีกฝ่ายตวัดเลียเอาซุปสีขาวข้นที่เลอะอยู่ตรงมุมปากของตน ก่อนที่ริมฝีปากได้รูปจะประทับตามลงมาอย่างอ่อนโยน
“อืม…อร่อยดี”
“คะ…คุณเชษฐ์…”
ที่ปลายหางตา มีนาเห็นบริกรหนุ่มหมุนตัวออกไปจากห้องด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างถึงที่สุด แต่ธีรเชษฐ์ยังคงไม่หยุดแค่นั้น มือใหญ่ประคองใบหน้ารูปไข่ให้เชิดขึ้นรับริมฝีปากที่บดขยี้ลงมาอย่างรุนแรง ร่างเล็กร้องออกมาด้วยความเจ็บ ร่างสูงใช้โอกาสนั้นสอดลิ้นเข้ามาในโพรงปากนุ่มหยอกเย้าลิ้นเล็กที่ไม่ประสีประสาจนมีนาหัวหมุนกับความรู้สึกวาบหวามที่ได้รับ
“อึ่ก!”
เด็กหนุ่มหลุดครางออกมาอย่างเจ็บปวดเมื่อรับรู้ถึงความเจ็บแปลบบริเวณริมฝีปากล่างที่ถูกฟันคมกัด แต่ธีรเชษฐ์ดูราวกับมัวเมากับรสชาติของขนมหวานขนาดพกพาบนตักไม่ได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดของมีนา ลากลิ้นเลียลงมาตามลำคอขาว ฝากรอยเขียวคมฝังไว้แสดงความเป็นเจ้าของจนร่างเล็กร้องออกมาด้วยความเจ็บ
“โอ๊ย! คุณเชษฐ์ครับ ผมเจ็บ…”
เสียงของมีนาทำให้ร่างสูงหยุดการกระทำของตนทันทีราวกับถูกกระชากออกจากห้วงภวังค์ ธีรเชษฐ์สบถในลำคอแล้วลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เล่นเอาคนบนตักแทบร่วงลงไปกองกับพื้น
“สำหรับเมนคอร์สในวันนี้เรามี…” บริกรหนุ่มที่เดินเข้ามาวางจานบนโต๊ะยังไม่ได้ทันจะได้พูดเมนูจบก็ถูกธีรเชษฐ์กระชากแขน
ให้เดินตามออกไป มีนายืนอึ้งอย่างตกใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนจะรีบเดินตามร่างทั้งสองที่หายไปจากทางเดินแล้วหลังจากที่ได้สติ
“อะ…คุณเชษฐ์…รีบจัง อื้อ…”
เสียงของบริกรคนนั้นดังลอดออกมาจากห้องอาหารข้างๆ มีนารู้สึกบิดมวนในช่องท้องอย่างไม่ทราบสาเหตุขณะที่ผลักประตูห้องอาหารเปิด
“อ๊ะ…อะ…”
เสียงครางแว่วหวานอย่างมีจริตจกร้านดังลอดออกมาจากริมฝีปากของคนที่ถูกธีรเชษฐ์ไซร้ซอกคออยู่บนโต๊ะอาหาร บริกรหนุ่มเหลือบเห็นมีนาที่ยืนอึ้งอยู่หน้าประตู ริมฝีปากของชายหนุ่มเหยียดยิ้ม ยกมือขึ้นแทรกนิ้วผ่านเส้นผมของธีรเชษฐ์แล้วครางออกมาอย่างสุขสม
“ขะ…ขอโทษครับ”
มีนาสามารถตะกุกตะกักออกมาได้เพียงแค่นั้นก่อนจะรีบปิดประตู ก้าวหนีออกมาจากที่ตรงนั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่ขาสั้นๆของตนจะอำนวย
ผลั่ก!
เด็กหนุ่มชนเข้าอย่างจังกับร่างในชุดสูทที่เดินเลี้ยวมาจากมุมทางเดิน มีนาเซหงายไปด้านหลัง และคงล้มกระแทกพื้นไปแล้วหากไม่มีวงแขนแกร่งดึงตนเข้าไปในอ้อมกอดอย่างทันท่วงที
“เป็นอะไร…อ้าว มีน? มาทำอะไรที่นี่เนี่ย?”
เสียงของเพื่อนจากคณะบริหารทำให้มีนาที่หลับตาปี๋เตรียมรับแรงกระแทกเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างงุนงง
“พายุ?”
“นี่เจอกันแต่ละครั้งมึงจะไม่เจ็บตัวซักครั้งได้มั้ยเนี่ย?”
พายุส่ายหน้าอย่างละเหี่ยใจ ครั้งแรกที่พวกเขาเจอกันในวันรายงานตัวมีนาก็โดนฝูงชนเบียดจนเซมาชนเขา เรียกได้ว่าเป็นมนุษย์ที่ใครชนก็ปลิว
“ขะ…ขอโทษ…”
ร่างเล็กก้มหน้าเอ่ยเสียงสั่น เมื่อเห็นท่าทีของเพื่อน พายุจึงปรับเสียงให้นุ่มนวลลงด้วยกลัวว่าบุคลิกโผงผางของตนจะทำให้คนตรงหน้าขวัญเสียมากไปกว่าเดิม
“เป็นไรไป? ใครทำอะไรมึง?”
“มีนา!”
ร่างของมีนาถูกกระชากออกจากอ้อมแขนของพายุอย่างแรงจนเซไปปะทะกับอกของธีรเชษฐ์ที่มีสีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างถึงที่สุด ฝ่ายพายุเมื่อเห็นเพื่อนโดนกระชากแบบนั้นก็มองคนอายุมากกว่าตาขวางทันที
“ทำอะไรวะ?!”
“เรื่องของผัวเมีย อย่ามายุ่งจะดีกว่า” ธีรเชษฐ์ตอบเสียงห้วน ดึงข้อมือของร่างเล็กจนแทบปลิวติดมือตามมา พายุตั้งท่าจะเข้ามาช่วยแต่มีนาหันไปส่ายหน้าให้พร้อมกับขมุบขมิบปากไร้เสียง
‘เราไม่เป็นไร’
แต่ท่าทีนั้นยิ่งทำให้ธีรเชษฐ์ยิ่งโมโหขึ้นไปอีก มีนานิ่วหน้ากับความเจ็บปวดที่ข้อมือขณะที่ถูกลากกลับไปที่รถแล้วเปิดประตู ดึงมีนาให้เข้าไปนั่งประจำที่นั่งคนขับแล้วปิดประตูเสียงดังปังจนมีนาสะดุ้งเฮือก ร่างเล็กได้แต่ก้มหน้างุดเมื่อเจ้าชีวิตของตนก้าวเข้ามาในรถแล้วกระแทกประตูปิดด้วยเสียงที่ดังไม่แพ้กัน
มีนารวบรวมความกล้าทั้งหมดเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อลอบมองสีหน้าร่างสูงเมื่อรถสปอร์ตคันหรูเลี้ยวเข้ามาจอดในลานจอดรถของคอนโด อารมณ์คุกรุ่นที่ฉายชัดบนใบหน้าทำให้เด็กหนุ่มรีบก้มหน้ากลับลงไปอีกคราด้วยกลัวจะเหยียบกับระเบิดที่เตรียมปะทุได้ทุกเมื่อลูกนี้เข้า
ธีรเชษฐ์คว้าข้อมือที่เจ็บระบมของมีนาให้ลงมาจากรถ ร่างเล็กปล่อยให้อีกฝ่ายลากไปโดยไม่ขัดขืนเพื่อลดอาการบาดเจ็บของตนให้น้อยที่สุด แต่ก็ยังเผลอร้องออกมาเบาๆเมื่อถูกธีรเชษฐ์ผลักลงบนเตียงโดยมีร่างของอีกฝ่ายตรึงข้อมือของเขาทั้ง
สองข้างไว้เหนือศีรษะประหนึ่งกรงขัง
“ทีฉันจับทำเป็นสำออย ทีกับไอ้เด็กนั่นยอมให้มันกอดหน้าตาเฉย นี่ฉันดูเธอผิดไปรึเปล่า มีนา?”
ร่างสูงเอ่ยเสียงเย็น มีนาส่ายหน้าพรืดอย่างหวาดกลัว น้ำตาที่ที่ไม่รู้ว่าเอ่อคลอหน่วยตาขึ้นมาเมื่อไหร่ไหลอาบแก้มอย่างห้ามไม่อยู่
“ปะ…เปล่านะครับ เขาแค่ช่วยผมไว้…”…ตอนที่ผมวิ่งออกมาจากห้องนั้น
มีนาเม้มริมฝีปากแน่น ไม่อยากที่จะต้องอธิบายความรู้สึกที่ตนก็ยังไม่เข้าใจว่าคืออะไรในตอนนั้นให้คนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดฟัง
“หึ พอเห็นคนที่จะเกาะได้ก็โผเข้าใส่” นิ้วเรียวยาวไล้ตามกรอบหน้ารูปไข่ของคนที่นอนตัวสั่นอย่างไร้ทางสู้ แต่แววตาของอีกฝ่ายนั้นไร้ซึ่งความอ่อนโยนตามการกระทำของตน “แต่ก็นะ ฉันจะหวังความซื่อสัตย์อะไรกับเด็กขายอย่างเธอได้”
แม้จะรู้ว่าสถานะของตนในตอนนี้ไม่ต่างจากขายร่างกายของตัวเองให้กับธีรเชษฐ์ล่วงหน้า แต่การได้ยินอีกฝ่ายพูดออกมาแบบนี้หลังจากที่ปฎิบัติกับเขาอย่างอ่อนโยนมาตลอดหลายวันทำให้ร่างเล็กสะอึกพูดไม่ออก
ดูเหมือนธีรเชษฐ์จะถือเอาความเงียบของเขาเป็นการยอมรับไปในตัว ร่างสูงผละจากร่างที่นอนนิ่งน้ำตาไหลอาบแก้มอยู่บนเตียง แม้ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านอยู่ในอกซึ่งยังไม่ได้รับการระบายจะทำให้เขาอยากแสดงให้คนตรงหน้าได้รับรู้ว่าตัวเองเป็นของใคร แต่เขาสัญญากับเพื่อนสนิทไว้แล้วว่าลูกศิษย์ตัวน้อยจะปลอดภัยอย่างน้อยก็ถึงวันเกิดอายุครบรอบสิบแปดปีของเด็กหนุ่ม
“ฉันจะกลับไปนอนที่บ้าน” ร่างสูงเอ่ยโดยไม่มองหน้ามีนา “จะทำอะไรก็ทำ แต่คงรู้นะ ว่ามูลค่าของเธอจะตกต่ำตามพฤติกรรมของเธอ มีนา”
ร่างเล็กชันตัวลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า มองเจ้าชีวิตที่กระแทกประตูห้องปิดตามหลังตัวเองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด มีนาไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเจ็บที่ถูกอีกฝ่ายดูถูกด้วยคำพูดว่าร้ายที่ไม่เป็นจริง หรือเจ็บที่เห็นธีรเชษฐ์เดินจากไปในตอนนี้มากกว่ากัน
ฝ่ายธีรเชษฐ์ ชายหนุ่มทุบพวงมาลัยอย่างเจ็บใจกับอารมณ์ที่ควบคุมไม่ได้ของตัวเอง ตอนที่มีนานั่งอยู่ตักของเขา ร่างสูงรู้สึกมึนเมาไปกับริมฝีปากนุ่มที่อ้ารับช้อนซุปที่เขาป้อนอย่างว่าง่าย รสชาติของร่างเล็กที่ติดมากับซุปที่เลอะอยู่ตรงมุมปาก และใบหน้าเขินอายกับกลิ่นน้ำอบอ่อนๆที่แตะจมูกของเขายามซุกไซร้ซอกคอขาว เขาไม่ได้ยินอะไรนอกจากเสียงครางแว่วหวานที่ปราศจากการเสแสร้งเช่นคู่นอนคนอื่น ก่อนที่เสียงร้องด้วยความเจ็บและความหวาดกลัวที่ตัดผ่านห้วงราคะที่ปกคลุมจิตใจจะทำให้เขาผละออกมาจากร่างเล็กทันทีด้วยกลัวว่าตนจะเผลอทำให้มีนาเจ็บตัว
เด็กคนนี้ไม่ใช่คู่นอนตามปกติที่ยอมอ้าขาให้เพียงแค่ธีรเชษฐ์ชายตามอง ร่างสูงเตือนตัวเอง
อารมณ์ที่คั่งค้างมาหลายวันทำให้ชายหนุ่มดึงตัวบริกรร่างโปร่งที่เคยเป็นคู่ขาชั่วคืนเมื่อนานมาแล้วของตนไปที่ห้องข้างๆเพื่อระบาย ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมเอียงคอให้เขาฝากรอยอย่างรู้หน้าที่ด้วยรู้ว่าวันรุ่งขึ้นธีรเชษฐ์จะตบรางวัลให้มากกว่าที่ตนจะสามารถหาได้ในหนึ่งเดือนเสียอีก
“ขะ…ขอโทษ…”
แต่เป็นอีกครั้งเสียงที่สั่นเครือของมีนาที่สามารถหาทางวาดผ่านอารมณ์ที่พุ่งพล่านของธีรเชษฐ์อย่างที่ไม่มีใครที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ทำได้เข้าสู่โสตประสาทของร่างสูง แต่เมื่อเขาผละออกมาจากบริกรหนุ่ม ร่างเล็กของกระต่ายน้อยของเขาก็หายไปเสียแล้ว
“คุณเชษฐ์…อย่าไปสนใจเด็กแบบนั้นเลยครับ…”ร่างโปร่งคว้าแขนของเขาไว้เมื่อธีรเชษฐ์ตั้งท่าจะตามเด็กหนุ่มไป มืออีกข้างเกี่ยวหัวเข็มขัดของชายหนุ่มให้ขยับเข้ามาหาแล้วทรุดตัวลงคุกเข่าบนพื้นอย่างชำนาญ “ให้ผมบริการดีกว่า”
หากเป็นยามปกติ ธีรเชษฐ์คงจะยอมให้อีกฝ่ายบริการอย่างไม่อิดออด แต่ร่างสูงที่กระวนกระวายใจกับการหายตัวไปของมีนาเพียงแต่ปัดมือของบริกรหนุ่มออกอย่างไม่ใยดีแล้วหมุนตัวเดินออกจากห้องไปทันที
การได้เห็นอีกฝ่ายในอ้อมกอดของเด็กหนุ่มอายุไล่เลี่ยกันที่มองมีนาด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใยจนออกนอกหน้าทำให้โทสะของร่างสูงพุ่งพล่านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ธีรเชษฐ์ไม่เคยรู้สึกไม่มั่นใจในรูปลักษณ์ของตัวเอง แต่แม้แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าตนไม่สามารถแข่งกับเวลาได้ การที่มีนาจะเผลอไผลไปกับเด็กหนุ่มหน้าตาดีที่อายุน้อยกว่าเขาในภายภาคหน้าย่อมไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
แต่แค่คิดเขาก็อยากจะล่ามโซ่มีนาไว้ในห้องจนกว่าอีกฝ่ายจะอายุสิบแปด แล้วตีตราประทับไม่ให้ร่างเล็กสามารถอยู่อ้อมกอดของใครนอกจากเขาได้ไปตลอดชีวิต
ธีรเชษฐ์รู้ว่านั่นเป็นความคิดที่เห็นแก่ตัว
แต่เขาก็รู้เช่นกัน ว่าตัวเองไม่ใช่คนดีอะไร
----------
มีนเชษฐ์ก็เป็นคู่หลักน้า ก็จะมีความมีพล็อตกับชาวบ้านเขา อย่าได้ตกใจ55555
