“ไปไหนต่อ?”
ธีรเชษฐ์ก้มถามร่างเล็กที่ดูเหม่อลอยมาตั้งแต่ตอนที่อยู่ในร้านอาหาร มีนาสะดุ้ง เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก
“เอ่อ...คุณเชษฐ์ว่ายังไงนะครับ?”
“ฉันถามว่าอยากไปไหนต่อ”
ธีรเชษฐ์ขมวดคิ้ว เขาถามแค่นี้ทำไมต้องทำท่าตกอกตกใจอะไรขนาดนั้นด้วย
แต่หลังจากที่ได้ยินคำถามอย่างชัดเจน สีหน้าของมีนาก็ไม่ได้ดีขึ้นมากนัก ริมฝีปากอิ่มขยับอ้าแล้วหุบอยู่สองสามสามครั้งก่อนจะเม้มแน่นเป็นเส้นตรง เหมือนจะไม่รู้ว่าควรจะตอบคำถามของชายหนุ่มอย่างไร
ทำไมแค่เอาใจเด็กคนเดียวมันถึงยากขนาดนี้...
ธีรเชษฐ์ลูบใบหน้าของตนอย่างหงุดหงิด ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นป้ายโฆษณาภาพยนตร์เข้าใหม่ที่แปะอยู่หน้าโรงภาพยนตร์
“ไปดูหนังกันมั้ย?”
“ดู…หนัง? อ๊ะ!” มีนาทวนคำอย่างงุนงง แต่ก่อนจะได้ตอบรับหรือปฏิเสธข้อมือเล็กก็ถูกคนอายุมากกว่าลากไปยังทิศทางที่
ตั้งของโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่นั้นเสียแล้ว
“อยากดูเรื่องอะไร?”
เป็นอีกครั้งที่ธีรเชษฐ์หันไปถามความเห็นคนข้างๆ และเป็นอีกครั้งที่มีนายืนใบ้รับประทานอย่างไม่รู้ว่าควรจะตอบว่าอย่างไร แต่คราวนี้ร่างสูงไม่คิดจะปล่อยให้กระต่ายน้อยของตนหลุดจากการตอบคำถามไปง่ายนัก
“มีนา...พูดกับฉัน”
เด็กหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อร่างสูงย่อตัวลงให้อยู่ในระดับเดียวกับตน ท่าทีเก้ๆกังๆของชายหนุ่มตัวใหญ่ยักษ์นั้นทำให้คนที่เดินผ่านไปมาแอบเหลือบมองอย่างขบขัน แต่เด็กหนุ่มตัวเล็กนั้นยังคงนิ่งอึ้งเกินกว่าจะประมวลผลถึงความน่าขันในท่าทางของคนตรงหน้า
“คือ...ผม...ผมไม่เคย...”
“ไม่เคย? ไม่เคยมาดูหนังเลย?” ธีรเชษฐ์เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ แม้ว่ามีนาจะรู้ว่าคนตรงหน้าเพียงแค่ถามโดยไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไร แต่ดวงหน้าขาวยังคงร้อนเห่อด้วยความอับอาย ชายหนุ่มเห็นว่าร่างเล็กมีท่าทีอึดอัด จึงรีบดึงความสนใจของมีนาไปจากบทสนทนาก่อนหน้า “ถ้าอย่างนั้นลองดูที่โปสเตอร์สิ คิดว่าอันไหนน่าสนใจ?”
เด็กหนุ่มหันไปทางโปสเตอร์ภาพยนตร์ที่เรียงรายบนผนัง ก่อนจะตัดสินใจชี้ไปที่โปสเตอร์รูปการ์ตูนสีสันสดใส เขาได้ยินเสียงชายหนุ่มหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ธีรเชษฐ์คว้ามือของเขาไว้อีกครั้ง แล้วดึงให้เด็กหนุ่มออกเดินไปยังตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ
ด้วยรอยยิ้มมุมปากที่ทำให้มีนารู้สึกขัดเขินขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ธีรเชษฐ์เหลือบมองร่างเล็กที่ซุกตัวอยู่ข้างเขา ชายหนุ่มจองที่นั่งแบบโซฟาคู่ขนาดใหญ่ที่แทบจะเรียกได้ว่าเลื้อยลงไปนอนได้ แน่นอนว่าที่นั่งที่แพงที่สุดนี้มาพร้อมกับผ้าห่มผืนหนาและบริการเสิร์ฟน้ำและขนมจากทางโรงภาพยนตร์ เขาคิดว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้มีนารู้สึกผ่อนคลายในสภาพแวดล้อมร่างเล็กไม่เคยพบเจอ แต่กระต่ายน้อยของเขากลับขดตัวเป็นก้อนกลมใต้ผ้าห่มโดยมีเพียงส่วนเหนือคางขึ้นไปที่โผล่ออกมาจากผ้าผืนหนา แถมยังซุกกายแนบชิดเขาเสียจนธีรเชษฐ์รู้สึกถึงอุณหภูมิร่างกายของอีกฝ่าย
ใช่ว่าเขาจะไม่ชอบ...เขาเพียงแต่สงสัยเท่านั้น
“เป็นอะไร?” ชายหนุ่มก้มลงกระซิบถาม ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นเด็กหนุ่มส่ายหน้า “แล้วที่เกาะฉันอยู่นี่คือจะยั่วฉันเฉยๆ?”
“ปะ..เปล่าครับ!” มีนากระซิบตอบเสียงแตกตื่นกับคำกล่าวหา เขยิบออกห่างจากธีรเชษฐ์เล็กน้อย
“แล้วเป็นอะไร?” ร่างสูงถามย้ำ มีนากัดริมฝีปาก แม้ในแสงไฟสลัวธีรเชษฐ์ยังคงพบว่าริมฝีปากอิ่มรูปกระจับนั้นยังคงน่า
บดขยี้ให้บวมเจ่อและแดงก่ำไม่ว่าจะมองจากมุมใด
“มัน…มืด...หนาว...”
เขาไม่คิดมาก่อนว่ามีนาจะไม่ชอบความมืด แต่เรื่องขี้หนาวนี้ชายหนุ่มพอจะเดาได้อยู่บ้างจากการอยู่ด้วยกันทุกวัน ธีรเชษฐ์เป็นคนขี้ร้อนอย่างหาตัวจับยาก เรียกได้ว่าต่อให้แก้ผ้านอนก็ยังไม่จำเป็นต้องใช้ผ้าห่ม แต่สำหรับมีนานั้น นอกจากจะม้วนเอาผ้าห่มไปจากเขาทั้งหมดตอนกลางดึกแล้ว บางคืนที่หนาวเป็นพิเศษ เด็กหนุ่มยังเผลอขยับเข้ามาแนบชิดร่างเขาโดยไม่รู้ตัวอยู่บ่อยครั้ง
เขาจะไม่ยอมรับหรอกนะว่านั่นเป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขาจงใจเปิดเครื่องปรับอากาศอุณหภูมิต่ำกว่าปกติแทบทุกคืน
แขนใหญ่ยกขึ้นโอบรอบไหล่เล็กผ่านผ้าห่ม กอดอีกฝ่ายไว้หลวมๆด้วยแขนข้างเดียว
“อุ่นขึ้นมั้ย?”
มีนาเพียงแต่พยักหน้าหงึกหงัก ปฏิเสธที่จะสบตาเครื่องทำความร้อนขนาดยักษ์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ถึงอย่างนั้นสีหน้าขัดเขินใต้แสงไฟสลัวก็ไม่อาจเล็ดรอดสายตาธีรเชษฐ์ไปได้
เขาจะถือว่าวันนี้เขาประสบความสำเร็จตามเป้าหมายก็แล้วกัน
มีนากัดกระพุ้งแก้มของตัวเองอย่างสุดความสามารถเพื่อไม่ให้หลุดยิ้มออกมา อุณหภูมิร่างกายที่ถ่ายทอดผ่านมืออุ่นของธีรเชษฐ์ขณะที่พวกเขาออกมาจากโรงภาพยนตร์ส่งกระแสไฟฟ้าแล่นไปถึงหัวใจของเด็กหนุ่ม
มีความสุขจัง...
จู่ๆความคิดนั้นก็แล่นเข้ามาในหัวของมีนา เด็กหนุ่มเมินเสียงหัวใจที่เต้นระรัวอย่างบ้าคลั่งในอก พยายามกล่อมตัวเองไม่ให้คิดไปไกล
“อ้าว มีน...อุ๊ย!”
เลือดในกายของเด็กหนุ่มเย็นเฉียบทันทีได้ยินเสียงของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเรียกชื่อของตน มีนารีบดึงมือออกจากการเกาะกุมของร่างสูงข้างกาย ภาวนาให้ตนหูฝาดไป แต่ภาพของเด็กสาวกลุ่มหนึ่งที่เรียนคณะเดียวกับเขาซึ่งกำลังเบิกตากว้างมองร่างเล็กกับธีรเชษฐ์สลับกันไปมานั้นยากจะจินตนาการให้เป็นภาพหลอนได้
เด็กสาวทั้งหลายที่เห็นเขาก็ทำตัวไม่ถูกไม่แพ้กัน เพียงแค่โบกมือให้เขาอย่างเงอะงะ ก้มศีรษะให้ธีรเชษฐ์แล้วรีบดึงกันให้เดินต่อไป
“ขะ..ขอโทษครับ”
มีนาพึมพำ ลอบชำเลืองมองคนข้างๆจากหางตา เขาไม่รู้ว่าตัวเองขอโทษที่ดึงมือออกมา หรือเพราะว่าไม่ทันระวังตัวจนถูกคนรู้จักเห็นเข้า
“…ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่”
ร่างสูงตอบเสียงเรียบ ขยับก้าวต่อไปยังทางออกของห้าง คนขาสั้นรีบเดินตามด้วยกลัวโดนอีกฝ่ายทิ้ง มีนาเริ่มกังวลมากขึ้นเรื่อยๆว่าอีกฝ่ายจะไม่พอใจกับท่าทีของตนเมื่อครู่ แต่เมื่อชายหนุ่มผ่อนฝีเท้าลงและยื่นมือให้เขาเมื่อมาถึงลานจอดรถที่ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่นัก มีนาก็หลุดยิ้มออกมาอย่างโล่งอกแล้วจับมือคนปากหนักไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ
ฝ่ายธีรเชษฐ์ แม้จะเข้าใจเหตุผลในการกระทำของมีนา หนำซ้ำยังเป็นคนสั่งเองด้วยว่าไม่ให้แพร่งพรายเรื่องของพวกเขา แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ท่าทีของเด็กหนุ่มเมื่อครู่น่าหงุดหงิดน้อยลงเลย
เขาไม่ได้โกรธ...
แต่เมื่อตระหนักได้ว่าอารมณ์ของตัวเองเมื่อครู่ใกล้เคียงกับคำว่า’งอน’มากกว่าแล้ว ชายหนุ่มวัยสี่สิบกว่าจึงเลือกที่จะลืมเรื่องเมื่อครู่ไปก่อนที่ตัวเองจะรู้สึกอับอายไปมากกว่าที่เป็นอยู่
เมื่อไหร่กันนะที่เด็กคนนี้เข้ามามีอิทธิพลกับความคิดของเขาขนาดนี้
----------
มีข่าวร้ายจิมาแจ้ง
คือตอนนี้ไรท์เรียนยุ่งมากกกกกก(ก ไก่ล้านตัว) ยุ่งแบบที่ว่าจะนอนยังไม่มีเวลา5555
จึงอยากจะขอเรียนนักอ่านที่รักว่าอาจจะหายหน้าหายตาไป(อีกแล้ว)บ้างเน้อ
แต่ละเรื่องจะพยายามมาอัพทุกสองอาทิตย์นะคะ ไม่ดองแน่นอนนนนน แต่จะได้เขียนเมื่อไหร่นี่สิ
จึงกราบขออภัยมา ณ ที่นี้