[จบแล้ว] Sugar Daddy เล่น||ของ||สูง(อายุ) 4 years later [6-2-63] คห.951
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว] Sugar Daddy เล่น||ของ||สูง(อายุ) 4 years later [6-2-63] คห.951  (อ่าน 181137 ครั้ง)

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
Chapter 17: คนอ่อนโยน

ณ ร้านอาหารบรรยากาศกึ่งผับในย่านของผู้มีอันจะกินใจกลางเมืองแห่งแสงสี ธีรเชษฐ์นั่งลงที่โต๊ะประจำของเขาและเพื่อนสนิททั้งสองด้วยสีหน้าบูดบึ้ง วีนภัทร เพื่อนรุ่นน้องที่คบกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมยิ้มขำ ปัจจุบันชายหนุ่มเป็นเจ้าของโรงแรม ‘ธารา’ ที่มีสาขาอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ และกำลังขยายพื้นที่ออกไปเรื่อยๆอย่างไม่คิดจะหยุดพัก



“ไปกินรังแตนที่ไหนมาวะเชษฐ์?ทำไมหน้าเป็นแบบนั้น?”



หากฟังจากคำทักทาย คงไม่มีใครคิดว่าอีกฝ่ายอายุน้อยว่าเขาถึงสองปี



“มีเวลาไหนที่หน้ามันไม่เป็นแบบนี้ด้วยเหรอ?” คเชนทร์เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ แม้แววตาภายใต้กรอบแว่นจะซ่อนรอยยิ้มไว้อย่างแนบเนียน วีรภัทรพยักหน้าเห็นด้วยอย่างว่าง่าย



“จริงด้วยครับพี่คราม”



ธีรเชษฐ์ไม่ถือสาอะไรกับการไม่เป็นหัวเขาที่เป็นรุ่นพี่ของวีรภัทร แต่เขามักจะรู้สึกขากระตุกอยากถีบชายหนุ่มรุ่นน้องทุกครั้งที่อีกฝ่ายกลับทำตัวเคารพนอบน้อมคเชนทร์ที่อายุอ่อนกว่าเขาไม่กี่เดือน



“มึงยังจะอ้อนไอ้ครามอีกเหรอวะ? มึงไม่ได้ต้องติดรถมันกลับบ้านแล้วไม่ใช่รึไง?” ธีรเชษฐ์เลิกคิ้ว สมัยที่พวกเขาเรียนอยู่มัธยม หลังจากซ้อมบาสเก็ตบอลเสร็จ วีรภัทรมักจะเกาะคเชนทร์แจเพื่อขอติดรถกลับบ้าน จนคนชอบล้ออยู่บ่อยๆว่าเหมือนลูกลิงเกาะแม่



“ต้องดิ”



วีรภัทรชูแก้วทรงเตี้ยที่บรรจุของเหลวสีอำพันไว้ให้อีกฝ่ายดู ส่วนทางด้านคเชนทร์ นายแพทย์หนุ่มยังคงดื่มน้ำเปล่าเช่นเดียวกับทุกครั้ง ไม่ใช่ว่าคเชนทร์ไม่ดื่ม แต่ชายหนุ่มเลือกที่จะดื่มในโอกาสพิเศษที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คเชนทร์ไม่ได้พิศมัยรสชาติของเครื่องดื่มมึนเมาพวกนี้เท่าไหร่ และเขาก็ไม่มีอะไรให้ต้องดื่มย้อมใจเหมือนกับเพื่อนทั้งสอง



ก็ทำตัวเองทั้งนั้น



อาจารย์แพทย์ไม่อยากจะซ้ำเติมให้อาการของเพื่อนหนักไปกว่าที่เป็นอยู่



“แล้วพี่ครามไม่คิดจะมีข่าวดีบ้างเหรอครับ? ผมว่าตั้งแต่รู้จักกันมาผมไม่เคยเห็นพี่ครามมีแฟนเลยนะ”




วีรภัทรถามเมื่อนึกขึ้นได้ คนถูกถามกลอกตาอย่างเหนื่อยใจ ใช่ว่าเขาจะไม่เคยคบกับใครมาก่อน แต่ด้วยงานที่รัดตัวและตารางชีวิตที่ไม่แน่นอนทำให้ความสัมพันธ์ของเขาไม่เคยยืดยาวพอที่ชายหนุ่มจะพาใครมาแนะนำให้เพื่อนทั้งสองรู้จัก


“ใครจะเอามัน ดุอย่างกับหมา” ธีรเชษฐ์แทรกขึ้นอย่างไม่ได้ดูตัวเอง คเชนทร์แค่นเสียงในลำคอ



“หึ หมาบ้าอย่างมึงยังมีคนทนได้เลยนี่” ดวงตาสีควันบุหรี่หรี่ลงอย่างไม่พอใจ คเชนทร์ที่รู้ว่าจี้ใจดำเพื่อนเข้ายอมล่าถอย
ด้วยไม่อยากให้อีกฝ่ายโกรธขึ้นมาจริงๆ “แค่ตามล้างตามเช็ดให้พวกมึงกูก็ไม่มีเวลาไปเจอใครแล้ว”



“โห…ทำไมพวกผมฟังดูเลวขึ้นมาเลยอ่ะ” วีรภัทรเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ ไม่ได้สำนึกถึงความผิดที่ก่อ



“เออ อย่างน้อยมึงก็ยังไม่พรากผู้เยาว์ล่ะวะ” คเชนทร์ปรายตามองคนมีชนักติดหลังที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แต่วีรภัทรกลับรู้ทันทีว่าคเชนทร์กำลังด่าอีกฝ่าย



“คนบรรลุนิติภาวะเสร็จมึงหมดแล้วเหรอวะถึงได้ข้ามรุ่นไปไกลแบบนั้น?”



“ทำอย่างกับมึงไม่มีนักศึกษาในคลาสซุกไว้” ธีรเชษฐ์เลิกคิ้ว เล่นเอาคนโดนกล่าวหาส่ายหน้าพรืด



“ไม่มีว้อย!!”



“ให้มันจริงเถอะ” คเชนทร์บ่นอุบ แค่ปัญหาของธีรเชษฐ์กับลูกศิษย์ของเขาก็วุ่นวายอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงการยื่นมือไปช่วย
อาจารย์พิเศษภาคภาษาอังกฤษอย่างวีรภัทรข้ามคณะเลย “แล้วที่คอนโดเป็นยังไงบ้าง?”



“ยังไม่ตาย” แม้จะปากคอเราะร้าย แต่คเชนทร์ก็รู้ได้จากน้ำเสียงของธีรเชษฐ์ว่าเด็กหนุ่มยังคงมีความเป็นอยู่ที่ดี



“ปากแบบนี้ระวังเด็กหนีไปซบอกป๋าคนอื่นนะ” วีรภัทรแซว ทั้งที่ปกติธีรเชษฐ์ไม่เคยสนใจว่าใครจะเดินจากไป แต่เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ชายหนุ่มกลับแสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ออกมาอย่างชัดเจนเสียจนคนแกล้งประหลาดใจ



“กล้าก็ลองดู”



“เชษฐ์ ถามจริงๆเถอะ จะทำตัวเย็นชากับเด็กคนนั้นไปทำไม? แค่นี้เขาก็กลัวมึงจนตัวสั่นแล้ว” คเชนทร์ถามเพื่อนอย่างเหลืออดธีรเชษฐ์นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่มั่นใจในความคิดของตัวเองเท่าไหร่เช่นกัน



“กูไม่จำเป็นต้องทำตัวดีให้เด็กนั่นชอบ”



“แต่มึงก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวให้เด็กเกลียดเหมือนกัน” คเชนทร์สวน ซึ่งได้คำตอบเป็นเพียงความเงียบจากเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยมัธยม อาจารย์หมอถอนหายใจ ก่อนจะหันไปหาชายหนุ่มรุ่นน้องที่นั่งเอ๋อเหมือนไม่รู้จะพูดอะไรในสถานการณ์นี้ด้วยสีหน้าติดรำคาญ “มีอะไรจะช่วยมันมั้ย? เก่งไม่ใช่เหรอ?”




“อ่า…” วีรภัทรที่จู่ๆก็กลายเป็นกรรมการห้ามมวยจำเป็นระหว่างเพื่อนทั้งสองถึงกับเหงื่อตก ก่อนจะตัดสินใจว่าเขามีสิทธิ์รอดชีวิตมากกว่าหากไม่ขัดแข้งขัดขาคเชนทร์ “เชษฐ์ กูว่าบางทีทำตัวน่าคบหาบางทีมันก็ไม่เสียหายป่ะวะ เด็กคนอื่นของมึงมึงยังสปอยล์เลย ถ้าเด็กคนนี้ไม่ได้มีอะไรพิเศษ ทำไมต้องทำกับเขาต่างไปจากคนอื่นล่ะ?”




ธีรเชษฐ์นิ่งไป ราวกับกำลังไตร่ตรองคำพูดของเพื่อน



“มึงชอบเชื่องๆไม่ใช่เหรอ แค่ทำตัวอ่อนโยนใจดีซักสองสามวัน ดีไม่ดีเด็กเขาจะอ้าขารอ...โอ๊ย! พี่ครามตีผมทำไมอ่ะ” คนพยายามช่วยร้องโอดโอยเมื่อโดนสันมือของเพื่อนรุ่นพี่ คเชนทร์ไม่ตอบ เพียงแค่เหลือบมองธีรเชษฐ์ด้วยหางตา ร่างสูงยกมืออย่างยอมแพ้ ด้วยรู้ว่าหากเขาไม่ทำตาม คงได้โดนเพื่อนสนิทตามมาแหกอกถึงคอนโดเป็นแน่



 และอีกเหตุผลที่ธีรเชษฐ์ไม่คิดจะยอมรับออกมาตรงๆ คือความรู้สึกที่ว่าหากรอยยิ้มของร่างเล็กอยู่บนใบหน้าขาวได้นานกว่านี้ ห้องของพวกเขาคงจะสว่างขึ้นไม่น้อย



ห้องของพวกเขา...งั้นเหรอ?



ธีรเชษฐ์สลัดความคิดประหลาดที่โผล่ขึ้นมาจากจิตใต้สำนึกออกไป ยกเครื่องดื่มในมือขึ้นกระดกเข้าคอรวดเดียวหมดเพื่อดับความคิดฟุ้งซ่านพวกนั้น



ลองดู...ก็คงไม่ใช่เรื่องเสียหายเท่าไหร่หรอกมั้ง?










มีนาไม่มั่นใจว่าธีรเชษฐ์พาเขามาที่ศูนย์การค้าขนาดใหญ่แถวคอนโดของร่างสูงทำไม




นอกจากร้านอาหาร ธีรเชษฐ์ไม่เคยพาเขาออกไปไหนมาไหนข้างนอกโดยไม่มีเหตุผลแบบนี้มาก่อน มีนาจึงรู้สึกแตกตื่นเป็นพิเศษกับความพลุกพล่านที่ตนไม่ได้เตรียมใจจะเผชิญ และตัดสินใจเกาะติดชายหนุ่มอายุมากกว่าไว้ราวกับอีกฝ่ายเป็นห่วงยางในทะเล




“เป็นอะไร?”




ธีรเชษฐ์ขมวดคิ้วก้มมองร่างเล็กที่เกาะเขาแจเหมือนลูกสุนัขตื่นฝูงชน มีนาส่ายหน้า รีบปล่อยมือจากชายเสื้อของชายหนุ่มร่างสูงด้วยกลัวว่าจะโดนดุ แต่นั่นกลับยิ่งทำให้คิ้วเข้มขมวดเพิ่มขึ้นไปอีก




ชายหนุ่มคว้ามือเล็กมาจับไว้ ดึงให้คนตัวเล็กเดินตามก่อนมีนาจะได้ทันทักท้วงอะไร เด็กหนุ่มหน้าร้อนผ่าว พยายามก้มหน้าก้มตาไม่มองคนรอบข้างด้วยกลัวสายตาของคนภายนอกที่กำลังมองมา แม้จะมีสีหน้าไม่สบอารมณ์ แต่ธีรเชษฐ์ก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรกับท่าทีนั้นของอีกฝ่าย จนกระทั่งขายาวๆนั้นพามีนามาหยุดลงที่ร้านร้านหนึ่ง




“เงยหน้าขึ้นสิ แบบนี้จะเลือกของได้ยังไง?”




เลือกของ?




มีนาเงยหน้าขึ้นตามคำสั่งอย่างงุนงง ร้านที่พวกเขายืนอยู่ข้างหน้าคือร้านขายเสื้อผ้าวัยรุ่นตามสมัยนิยมชื่อดังที่แม้จะไม่ได้มีราคาแพงโขกสับหูฉี่ แต่ก็ไม่ได้อยู่ในช่วงราคาที่มีนาจะเดินเข้าไปจับจ่ายใช้สอย




“คุณเชษฐ์...ให้ผมมาทำอะไรเหรอครับ?” ร่างเล็กถามเสียงเบาอย่างไม่เข้าใจ




“ซื้อชุด ชอบแบบไหนก็หยิบมา เดี๋ยวฉันจ่ายให้”




แม้จะบอกตัวเองให้ลดระดับความแข็งกระด้างของน้ำเสียงลง แต่การกระทำมันไม่ได้ง่ายเท่าความคิด มีนาชะเง้อหน้ามองเข้าไปในร้านด้วยแววตาแตกตื่น ก่อนจะรีบส่ายหน้า




“มะ…ไม่ไหวหรอกครับ ของแพงขนาดนี้...”




“ฉันบอกว่าจะจ่ายให้ ไม่ได้บวกหนี้เพิ่มให้เธอหรอกน่า” ร่างสูงว่าอย่างหงุดหงิด แค่เขาอยากจะทำดีด้วยมันทำใจให้เชื่อยากขนาดนั้นเลยรึไง?




“ถึงอย่างนั้นก็เถอะครับ...เสื้อผ้าที่คุณเชษฐ์ซื้อให้ผมยังใช้ได้อยู่เลยนี่ครับ...” มีนาแย้งอย่างกล้าๆกลัวๆ ธีรเชษฐ์สูดหายใจเข้าลึกๆ




ได้...ทำตัวดีๆด้วยแล้วเล่นตัวนักใช่มั้ย?




“แปลว่าเธอชอบชุดที่ฉันซื้อให้งั้นเหรอ?”




“เอ๊ะ?” มีนาเอียงคออย่างไม่ค่อยเข้าใจคำถาม ธีรเชษฐ์ก้าวเข้ามาใกล้ ส่งผลให้ร่างเล็กถอยหลังหนีอย่างตกใจ ใบหน้าคมโน้มลงมาพร้อมรอยยิ้มมุมปาก แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า




“เสื้อผ้าสั้นๆ โชว์นู่นโชว์นี่ยั่วฉันทุกวัน...ชอบแบบนั้นใช่มั้ย?”




“ปะ…เปล่านะครับ! ก็...ก็ผมไม่มีชุดอื่นใส่นี่ครับ...” มีนารีบเอ่ยแก้ตัวด้วยไปหน้าแดงก่ำ แต่นั่นดูเหมือนจะเข้าทางคนขี้แกล้งเข้าอย่างจัง เพราะธีรเชษฐ์ยิ่งขยับเข้ามาใกล้ด้วยรอยยิ้มของหมาป่าเจ้าเล่ห์ ไม่ได้สนใจเลยว่าตัวเองกำลังอยู่ในที่สาธารณะ




“ฉันให้โอกาสเธอมาเลือกชุดเองแล้วไง แต่ถ้าเธอชอบชุดที่ฉันเลือกให้อยู่แล้วฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ”



“ครับๆ เลือกครับ” มีนารีบเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน มุดตัวลอดใต้วงแขนที่กักขังตัวเองไว้กับผนังแล้วผลุบหายเข้าไปในตัวร้านทันที ธีรเชษฐ์มองตามร่างเล็กไปด้วยแววตายิ้มๆ หัวเราะในลำคอกับท่าทีของอีกฝ่ายเมื่อครู่ก่อนจะเดินตามเข้าไปในร้าน




ใครใช้ให้เด็กนี่น่าแกล้งขนาดนี้กันล่ะ?










“คุณเชษฐ์ครับ...ผมใส่ชุดพวกนี้ได้จริงๆเหรอครับ?”





มีนาที่ถูกดึงมือไปเกาะกุมไว้อีกครั้งหลังจากเดินออกมาจากร้านเสื้อผ้าถามอย่างไม่ค่อยมั่นใจ เสื้อผ้าที่เขาเลือกนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเสื้อแขนยาวกางเกงขายาว ถึงแม้จะไม่มีเรื่องความสั้นของชุดที่ธีรเชษฐ์ซื้อให้ก่อนหน้านี้เข้ามาเกี่ยว แต่ห้องของร่างสูงที่เปิดแอร์อุณหภูมิเย็นเฉียบอยู่ตลอดเวลาจนมีนารู้สึกว่าตัวเองกำลังจะกลายร่างเป็นเพนกวินขั้วโลกเข้าไปทุกวัน เสื้อแขนยาวขายาวจึงดึงดูดใจมีนาเป็นพิเศษในวันนี้




“ไม่อยากใส่อะไรเลยก็ได้นะ”




คำตอบแกมหยอกล้อของคนที่ปกติมักจะชอบทำเสียงและหน้าดุๆใส่เขาทำให้มีนารู้สึกสับสนระคนเขินอาย เขาไม่อยากให้คุณเชษฐ์เป็นแบบนี้ แค่ตอนที่อีกฝ่ายทำเหมือนรำคาญเขาอยู่ตลอดเวลา มีนาก็จัดการกับความรู้สึกของตัวเองยากมากอยู่แล้ว แต่ชายหนุ่มที่เป็นแบบนี้ยิ่งทำให้มีนาหวั่นไหวมากขึ้นไปอีก




นอกเหนือจากเสื้อผ้า ธีรเชษฐ์ยังพาร่างเล็กไปร้านเฟอร์นิเจอร์ขนาดยักษ์ที่กินพื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของห้าง มีนาพบว่าตัวเองถูกอีกฝ่ายถามความเห็นกับเฟอร์นิเจอร์แทบทุกชิ้นที่ชายหนุ่มตั้งใจจะซื้อไปตกแต่งห้อง แม้จะไม่รู้เรื่องอะไรด้านการตกแต่งมากนัก แต่มีนาก็พยายามเลือกสิ่งที่คิดว่าเข้าได้กับห้องของธีรเชษฐ์มากที่สุด ส่วนตัวเจ้าของห้องนั้นเพียงแต่พยักหน้าตามความเห็นเขา แล้วหันไปสั่งสินค้าจากพนักงานโดยไม่ออกความเห็นส่วนตัวแม้แต่ครั้งเดียว




“คุณเชษฐ์ครับ ทำไมถึงพาผมมาเลือกของด้วยล่ะครับ?” มีนาถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ คนถูกถามไหวไหล่ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ





“เธออยู่ห้องบ่อยกว่าฉัน จะมีสิทธิ์เลือกของเข้าห้องก็ไม่เห็นแปลก”




คำตอบง่ายๆแต่กลับทำให้มีนาหน้าร้อนเห่ออย่างควบคุมไม่ได้ เด็กหนุ่มได้แต่บอกตัวเองว่าประโยคเมื่อครู่ไม่ได้มีความหมายลึกซึ้งใดๆแอบแฝงอยู่ เป็นเพียงสมองไม่รักดีของเขาเท่านั้นที่ตีความหมายผิดเพี้ยนไปจากเดิม





“ไปหาอะไรกินกัน”




คำพูดของธีรเชษฐ์ทำให้มีนาเริ่มตระหนักว่าท้องของตัวเองกำลังส่งเสียงประท้วง ดูท่าเขาจะเผลอปล่อยให้ตัวเองเคยชินกับการมีอาหารให้ทานสามมื้อเข้าแล้วจริงๆ ร่างกายถึงไม่ยอมให้เขาอดทนได้มากเท่าแต่ก่อน




“ครับ”




“อยากกินอะไร?”




“เอ๊ะ? ผมเหรอครับ?” มีนาเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงอย่างประหลาดใจเป็นครั้งที่สองของวัน ทำไมจู่ๆธีรเชษฐ์ถึงได้อยากให้เขาตัดสินใจเรื่องพวกนี้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น?




“เลือกสิ วันนี้ฉันตามใจเธอ” รอมยิ้มอบอุ่นที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนปรากฏบนริมฝีปากได้รูปเพียงเสี้ยวินาทีก่อนจะอันตรธานหายไป แต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นผิดจังหวะ




“เอ่อ...ผม ผมไม่รู้...”




“ไม่รู้ก็เลือกร้านที่เธออยากเข้าสิ...” ธีรเชษฐ์ก้มลงมาพูดกับเขาอีกครั้ง ระยะห่างที่ใกล้เกินไปแบบนี้ทำให้สมองของมีนารู้สึกขาดออกซิเจนจนคิดอะไรไม่ออก “...แล้วถ้าเลือกเพราะคิดว่าร้านนั้นถูกที่สุด...ฉันจะลากเธอไปภัตรคารห้าดาว เข้าใจมั้ย?”




“คะ…ครับ...”




มีนาจำใจต้องคิดอย่างจริงจังถึงตัวเลือกทั้งหลายที่อยู่รอบตัวของพวกเขา เด็กหนุ่มไม่เคยมีโอกาสได้เข้ามาทานอาหารในที่แบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงโอกาสที่จะได้เลือกร้านเองอย่างอิสระ ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบๆด้วยความวิตก เขาไม่อยากให้ร้านที่เขาเลือกไม่ถูกปากคุณเชษฐ์หรอกนะ




“เอ่อ..ร้านนั้นก็ได้ครับ” มีนาชี้ไปยังร้านพิซซ่าร้านหนึ่งที่เขาจำได้ว่าตอนเลี้ยงสายรหัสพี่ๆเคยซื้อมาให้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ชอบอาหารชนิดนี้เป็นพิเศษ แต่ก็ไม่ได้เกลียดอะไร




อีกอย่าง เขาจำได้ว่าธีรเชษฐ์มักจะพาเขาไปทานอาหารที่ภัตรคารอีตาเลียนเสมอ ทำให้เขาใช้การอนุมานเอาว่าอาหารอิตาลีอย่างพิซซ่าจะถูกปากชายหนุ่ม





พนักงานเสิร์ฟพาพวกเขามานั่งที่โต๊ะริมหน้าต่าง ภายในร้านไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่นักทำให้บรรยากาศรอบตัวพวกเขาค่อนข้างเงียบสงบพวกสมควร เป็นอีกครั้งที่ธีรเชษฐ์ปล่อยให้มีนาสั่งอาหารด้วยตัวเอง ร่างเล็กที่ไม่รู้จะสั่งอะไรเลยทำได้เพียงพยักหน้าตามเมนูแนะนำของทางร้าน ได้แต่หวังว่าร่างสูงที่ทานแต่ของดีหรูหราในภัตรคารราคาแพงจะสามารถทานอะไรก็ตามที่มีนาเพิ่งสั่งไปได้




ร่างเล็กลอบมองคนที่นั่งเท้าคางกับโต๊ะเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ความรู้สึกผิดที่จุดอยู่ในอกตั้งแต่วันที่คเชนทร์มาทานอาหารเย็นยิ่งทำให้เขารู้สึกเข้าหน้าอีกฝ่ายไม่ติด





“มีน…เริ่มชอบไอ้เชษฐ์มันแล้วรึเปล่า?”





คำถามของอาจารย์ที่ปรึกษายังคงตามหลอกหลอนมีนา เขาไม่อยากยอมรับความรู้สึกที่ตัวเองมีต่อธีรเชษฐ์ แต่นับวัน การเพิกเฉยต่อหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำอยู่ในอกยิ่งทำได้ยากขึ้นทุกที มีนานึกโกรธตัวเองอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ทั้งที่คุณเชษฐ์เมตตาเขามากขนาดนี้ ทุกสิ่งที่ร่างสูงให้มากกว่าที่ในช่วงชชีวิตนี้มีนาจะกล้านึกฝัน ทั้งที่เป็นอย่างนั้น ทำไมเขาถึงได้เป็นคนโลภไม่รู้จักพอแบบนี้ไปได้





ทำไมเขาถึงยังอยากให้อีกฝ่ายมองเขาด้วยแววตาเอ็นดู ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับเขาเหมือนยามที่พูดคุยกับเลขา




ทำไมเขาถึงเป็นเด็กไม่ดีแบบนี้...




“หน้าฉันมีอะไรติดอยู่เหรอ?” ธีรเชษฐ์ที่หันกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เลิกคิ้วถามเมื่อเห็นดวงตากลมโตที่จ้องตัวเองตาไม่กระพริบ มีนาที่เพิ่งรู้สึกตัวรีบส่ายหน้า




“…เปล่าครับ”




“นี่…อยู่กับฉันมันไม่มีความสุขขนาดนั้นเลยเหรอ?”




คำถามที่ไม่มีที่มาที่ไปจากปากของร่างสูงทำให้มีนาทำสีหน้างุนงง




“ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะครับ?”




“ถ้าไม่ได้ไม่มีความสุขอะไรก็ยิ้มบ้างสิ” ไม่ว่าเปล่า มือใหญ่เอื้อมมาหาใบหน้าของมีนา จิ้มที่มุมปากของร่างเล็กเบาๆให้หยักขึ้นเล็กน้อย สัมผัสที่ได้รับอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้มีนาร้อนวูบไปทั้งหัว “ยิ้มแล้วก็น่ารักดีนี่”




มีนาไม่รู้ว่าจะโต้ตอบอย่างไรกับคำพูดนั้น โชคดีของเด็กหนุ่มที่พนักงานเสิร์ฟสาวนำอาหารที่สั่งมาวางที่โต๊ะอย่างประจวบเหมาะพอดีเวลา ทำให้มีนาใช้สิ่งนั้นเป็นข้ออ้างในการขยับหนีจากมือของธีรเชษฐ์




“เซทคู่รักอิ่มคุ้ม หน้าฮาวายเอี้ยนมาแล้วค่ะ”




เซท...อะไรนะ?



มีนาเหลือบมองเมนูโปรโมชั่นที่บริกรคนก่อนแนะนำ เด็กหนุ่มเพิ่งสังเกตเป็นครั้งแรกว่ามันเป็นโปรโมชั่นสำหรับคู่รักที่ประกอบไปด้วยพิซซ่ารูปหัวใจ แก้วใส่น้ำอัดลมขนาดใหญ่ที่มีหลอดรูปหัวใจสีชมพูสองแฉกเสียบอยู่ และปีกไก่ย่างหกชิ้นที่ยังอุตส่าห์วางเป็นคู่สามคู่ให้เข้ากับโปรโมชั่น เรียกได้ว่าถ้าไม่มีคนมาทานด้วยคงจะถูกโต๊ะข้างๆมองแปลกๆเป็นแน่





เขารู้แล้วว่ารอยยิ้มขบขันของธีรเชษฐ์ก่อนหน้านี้มีสาเหตุมากจากอะไร




“คุณเชษฐ์...ทำไมไม่เตือนผมล่ะครับ?”




“เตือน?” คนอายุมากกว่าเลิกคิ้ว




“ก็…มันเป็นโปรโมชั่นคู่รัก...” มีนาก้มหน้างุด พึมพำในลำคอทั้งที่ไม่รู้ว่าตนจะรู้สึกเขินอายกับเรื่องแค่นี้ทำไม




“แล้ว?” คนขี้แกล้งแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจความหมายที่เด็กหนุ่มต้องการจะสื่อ มีนายังคงก้มหน้างุด เลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อให้ตัวเองตกเป็นเป้าให้อีกฝ่ายกลั่นแกล้ง “ว่ายังไงมีนา...”




“เรา…ไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบนั้นนี่ครับ”




มีนาตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เขาไม่รู้ว่าที่น้ำเสียงของเขาเป็นแบบนั้นเพราะกลัวว่าจะคำตอบที่ตนให้จะไม่เป็นที่พอใจของอีกฝ่าย หรือเพราะคำพูดนั้นทำให้เขาระลึกถึงสถานะของตัวเองในตอนนี้ได้กันแน่




“คิดมาก”




มือใหญ่ขยี้ผมสีน้ำตาลอ่อนนุ่มเบาๆอย่างเอ็นดู แต่ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น




ไม่มีคำตอบรับ แต่ก็ไม่มีคำปฏิเสธ....




มีนาปัดความหวังที่วาบขึ้นมาในหัวอย่างไม่รู้กาละเทศะทิ้งไปแทบจะในทันที ไม่ยอมให้ความคิดเกินตัวแบบนั้นได้มีพื้นที่เติบโตในจิตสำนึกของตน





มื้ออาหารของพวกเขาดำเนินต่อไปด้วยความเงียบ ทั้งที่ตามปกติแล้วมีนาไม่ใช่คนที่รู้สึกอึดอัดกับความเงียบรอบกาย แต่ครั้งนี้เด็กหนุ่มกลับเลือกที่จะเป็นคนเริ่มบทสนทนาขึ้นมาอีกครั้งอย่างกล้าๆกลัวๆ





“ทำไมคุณเชษฐ์ถึงชอบทานอาหารอิตาลีเหรอครับ?”




เขาอยากรู้เรื่องของคนตรงหน้าให้มากขึ้น...ถึงแม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยอย่างของที่ชอบหรือของที่เกลียดก็ตาม





“ภรรยาของฉันเกิดที่อิตาลี อาหารที่เขาทำเป็นเลยมีแค่ของพวกนี้...” ธีรเชษฐ์ก้มมองจานอาหารตรงหน้าของเขาด้วยรอยยิ้มจางที่ผุดขึ้นมาโดยที่ชายหนุ่มไม่รู้ตัว “เวลากินเลยรู้สึกเหมือนมีเขาอยู่ข้างๆล่ะมั้ง”




เมื่อคำถามที่ไม่ได้หวังคำตอบจริงจังอะไรถูกตอบด้วยความจริงอันแสนหนักอึ้ง มีนารู้สึกถึงก้อนบางอย่างที่ถ่วงอยู่ในอก ทั้งที่รู้ว่าไม่ควร แต่รอยยิ้มที่ธีรเชษฐ์มีให้ภรรยาผู้ล่วงลับทำให้เขาอดรู้สึกอิจฉาหญิงสาวที่เป็นเจ้าของหัวใจของคนตรงหน้าขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5












“ไปไหนต่อ?”




ธีรเชษฐ์ก้มถามร่างเล็กที่ดูเหม่อลอยมาตั้งแต่ตอนที่อยู่ในร้านอาหาร มีนาสะดุ้ง เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก




“เอ่อ...คุณเชษฐ์ว่ายังไงนะครับ?”




“ฉันถามว่าอยากไปไหนต่อ”




ธีรเชษฐ์ขมวดคิ้ว เขาถามแค่นี้ทำไมต้องทำท่าตกอกตกใจอะไรขนาดนั้นด้วย




แต่หลังจากที่ได้ยินคำถามอย่างชัดเจน สีหน้าของมีนาก็ไม่ได้ดีขึ้นมากนัก ริมฝีปากอิ่มขยับอ้าแล้วหุบอยู่สองสามสามครั้งก่อนจะเม้มแน่นเป็นเส้นตรง เหมือนจะไม่รู้ว่าควรจะตอบคำถามของชายหนุ่มอย่างไร




ทำไมแค่เอาใจเด็กคนเดียวมันถึงยากขนาดนี้...



ธีรเชษฐ์ลูบใบหน้าของตนอย่างหงุดหงิด ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นป้ายโฆษณาภาพยนตร์เข้าใหม่ที่แปะอยู่หน้าโรงภาพยนตร์




“ไปดูหนังกันมั้ย?”




“ดู…หนัง? อ๊ะ!” มีนาทวนคำอย่างงุนงง แต่ก่อนจะได้ตอบรับหรือปฏิเสธข้อมือเล็กก็ถูกคนอายุมากกว่าลากไปยังทิศทางที่
ตั้งของโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่นั้นเสียแล้ว




“อยากดูเรื่องอะไร?”



เป็นอีกครั้งที่ธีรเชษฐ์หันไปถามความเห็นคนข้างๆ และเป็นอีกครั้งที่มีนายืนใบ้รับประทานอย่างไม่รู้ว่าควรจะตอบว่าอย่างไร แต่คราวนี้ร่างสูงไม่คิดจะปล่อยให้กระต่ายน้อยของตนหลุดจากการตอบคำถามไปง่ายนัก




“มีนา...พูดกับฉัน”




เด็กหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อร่างสูงย่อตัวลงให้อยู่ในระดับเดียวกับตน ท่าทีเก้ๆกังๆของชายหนุ่มตัวใหญ่ยักษ์นั้นทำให้คนที่เดินผ่านไปมาแอบเหลือบมองอย่างขบขัน แต่เด็กหนุ่มตัวเล็กนั้นยังคงนิ่งอึ้งเกินกว่าจะประมวลผลถึงความน่าขันในท่าทางของคนตรงหน้า




“คือ...ผม...ผมไม่เคย...”




“ไม่เคย? ไม่เคยมาดูหนังเลย?” ธีรเชษฐ์เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ แม้ว่ามีนาจะรู้ว่าคนตรงหน้าเพียงแค่ถามโดยไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไร แต่ดวงหน้าขาวยังคงร้อนเห่อด้วยความอับอาย ชายหนุ่มเห็นว่าร่างเล็กมีท่าทีอึดอัด จึงรีบดึงความสนใจของมีนาไปจากบทสนทนาก่อนหน้า “ถ้าอย่างนั้นลองดูที่โปสเตอร์สิ คิดว่าอันไหนน่าสนใจ?”




เด็กหนุ่มหันไปทางโปสเตอร์ภาพยนตร์ที่เรียงรายบนผนัง ก่อนจะตัดสินใจชี้ไปที่โปสเตอร์รูปการ์ตูนสีสันสดใส เขาได้ยินเสียงชายหนุ่มหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ธีรเชษฐ์คว้ามือของเขาไว้อีกครั้ง แล้วดึงให้เด็กหนุ่มออกเดินไปยังตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ
ด้วยรอยยิ้มมุมปากที่ทำให้มีนารู้สึกขัดเขินขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ











ธีรเชษฐ์เหลือบมองร่างเล็กที่ซุกตัวอยู่ข้างเขา ชายหนุ่มจองที่นั่งแบบโซฟาคู่ขนาดใหญ่ที่แทบจะเรียกได้ว่าเลื้อยลงไปนอนได้ แน่นอนว่าที่นั่งที่แพงที่สุดนี้มาพร้อมกับผ้าห่มผืนหนาและบริการเสิร์ฟน้ำและขนมจากทางโรงภาพยนตร์ เขาคิดว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้มีนารู้สึกผ่อนคลายในสภาพแวดล้อมร่างเล็กไม่เคยพบเจอ แต่กระต่ายน้อยของเขากลับขดตัวเป็นก้อนกลมใต้ผ้าห่มโดยมีเพียงส่วนเหนือคางขึ้นไปที่โผล่ออกมาจากผ้าผืนหนา แถมยังซุกกายแนบชิดเขาเสียจนธีรเชษฐ์รู้สึกถึงอุณหภูมิร่างกายของอีกฝ่าย




ใช่ว่าเขาจะไม่ชอบ...เขาเพียงแต่สงสัยเท่านั้น




“เป็นอะไร?” ชายหนุ่มก้มลงกระซิบถาม ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นเด็กหนุ่มส่ายหน้า “แล้วที่เกาะฉันอยู่นี่คือจะยั่วฉันเฉยๆ?”




“ปะ..เปล่าครับ!” มีนากระซิบตอบเสียงแตกตื่นกับคำกล่าวหา เขยิบออกห่างจากธีรเชษฐ์เล็กน้อย




“แล้วเป็นอะไร?” ร่างสูงถามย้ำ มีนากัดริมฝีปาก แม้ในแสงไฟสลัวธีรเชษฐ์ยังคงพบว่าริมฝีปากอิ่มรูปกระจับนั้นยังคงน่า
บดขยี้ให้บวมเจ่อและแดงก่ำไม่ว่าจะมองจากมุมใด




“มัน…มืด...หนาว...”




เขาไม่คิดมาก่อนว่ามีนาจะไม่ชอบความมืด แต่เรื่องขี้หนาวนี้ชายหนุ่มพอจะเดาได้อยู่บ้างจากการอยู่ด้วยกันทุกวัน ธีรเชษฐ์เป็นคนขี้ร้อนอย่างหาตัวจับยาก เรียกได้ว่าต่อให้แก้ผ้านอนก็ยังไม่จำเป็นต้องใช้ผ้าห่ม แต่สำหรับมีนานั้น นอกจากจะม้วนเอาผ้าห่มไปจากเขาทั้งหมดตอนกลางดึกแล้ว บางคืนที่หนาวเป็นพิเศษ เด็กหนุ่มยังเผลอขยับเข้ามาแนบชิดร่างเขาโดยไม่รู้ตัวอยู่บ่อยครั้ง




เขาจะไม่ยอมรับหรอกนะว่านั่นเป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขาจงใจเปิดเครื่องปรับอากาศอุณหภูมิต่ำกว่าปกติแทบทุกคืน




แขนใหญ่ยกขึ้นโอบรอบไหล่เล็กผ่านผ้าห่ม กอดอีกฝ่ายไว้หลวมๆด้วยแขนข้างเดียว




“อุ่นขึ้นมั้ย?”




มีนาเพียงแต่พยักหน้าหงึกหงัก ปฏิเสธที่จะสบตาเครื่องทำความร้อนขนาดยักษ์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ถึงอย่างนั้นสีหน้าขัดเขินใต้แสงไฟสลัวก็ไม่อาจเล็ดรอดสายตาธีรเชษฐ์ไปได้




เขาจะถือว่าวันนี้เขาประสบความสำเร็จตามเป้าหมายก็แล้วกัน








มีนากัดกระพุ้งแก้มของตัวเองอย่างสุดความสามารถเพื่อไม่ให้หลุดยิ้มออกมา อุณหภูมิร่างกายที่ถ่ายทอดผ่านมืออุ่นของธีรเชษฐ์ขณะที่พวกเขาออกมาจากโรงภาพยนตร์ส่งกระแสไฟฟ้าแล่นไปถึงหัวใจของเด็กหนุ่ม




มีความสุขจัง...




จู่ๆความคิดนั้นก็แล่นเข้ามาในหัวของมีนา เด็กหนุ่มเมินเสียงหัวใจที่เต้นระรัวอย่างบ้าคลั่งในอก พยายามกล่อมตัวเองไม่ให้คิดไปไกล




“อ้าว มีน...อุ๊ย!”




เลือดในกายของเด็กหนุ่มเย็นเฉียบทันทีได้ยินเสียงของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเรียกชื่อของตน มีนารีบดึงมือออกจากการเกาะกุมของร่างสูงข้างกาย ภาวนาให้ตนหูฝาดไป แต่ภาพของเด็กสาวกลุ่มหนึ่งที่เรียนคณะเดียวกับเขาซึ่งกำลังเบิกตากว้างมองร่างเล็กกับธีรเชษฐ์สลับกันไปมานั้นยากจะจินตนาการให้เป็นภาพหลอนได้





เด็กสาวทั้งหลายที่เห็นเขาก็ทำตัวไม่ถูกไม่แพ้กัน เพียงแค่โบกมือให้เขาอย่างเงอะงะ ก้มศีรษะให้ธีรเชษฐ์แล้วรีบดึงกันให้เดินต่อไป




“ขะ..ขอโทษครับ”




มีนาพึมพำ ลอบชำเลืองมองคนข้างๆจากหางตา เขาไม่รู้ว่าตัวเองขอโทษที่ดึงมือออกมา หรือเพราะว่าไม่ทันระวังตัวจนถูกคนรู้จักเห็นเข้า




“…ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่”




ร่างสูงตอบเสียงเรียบ ขยับก้าวต่อไปยังทางออกของห้าง คนขาสั้นรีบเดินตามด้วยกลัวโดนอีกฝ่ายทิ้ง มีนาเริ่มกังวลมากขึ้นเรื่อยๆว่าอีกฝ่ายจะไม่พอใจกับท่าทีของตนเมื่อครู่ แต่เมื่อชายหนุ่มผ่อนฝีเท้าลงและยื่นมือให้เขาเมื่อมาถึงลานจอดรถที่ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่นัก มีนาก็หลุดยิ้มออกมาอย่างโล่งอกแล้วจับมือคนปากหนักไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ




 ฝ่ายธีรเชษฐ์ แม้จะเข้าใจเหตุผลในการกระทำของมีนา หนำซ้ำยังเป็นคนสั่งเองด้วยว่าไม่ให้แพร่งพรายเรื่องของพวกเขา แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ท่าทีของเด็กหนุ่มเมื่อครู่น่าหงุดหงิดน้อยลงเลย




เขาไม่ได้โกรธ...




แต่เมื่อตระหนักได้ว่าอารมณ์ของตัวเองเมื่อครู่ใกล้เคียงกับคำว่า’งอน’มากกว่าแล้ว ชายหนุ่มวัยสี่สิบกว่าจึงเลือกที่จะลืมเรื่องเมื่อครู่ไปก่อนที่ตัวเองจะรู้สึกอับอายไปมากกว่าที่เป็นอยู่




เมื่อไหร่กันนะที่เด็กคนนี้เข้ามามีอิทธิพลกับความคิดของเขาขนาดนี้



----------

มีข่าวร้ายจิมาแจ้ง :hao5: :hao5:
คือตอนนี้ไรท์เรียนยุ่งมากกกกกก(ก ไก่ล้านตัว) ยุ่งแบบที่ว่าจะนอนยังไม่มีเวลา5555
จึงอยากจะขอเรียนนักอ่านที่รักว่าอาจจะหายหน้าหายตาไป(อีกแล้ว)บ้างเน้อ
แต่ละเรื่องจะพยายามมาอัพทุกสองอาทิตย์นะคะ ไม่ดองแน่นอนนนนน แต่จะได้เขียนเมื่อไหร่นี่สิ  :o12: :o12:

จึงกราบขออภัยมา ณ ที่นี้

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
หลงเด็กแล้วละสิ อิอิ

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
สู้ สู้ ค่ะไรท์
เป็นกำลังใจให้นะคะ   :กอด1:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
จะมีข่าวลือในมหาลัยเรื่องมีนหรือเปล่านะ

ออฟไลน์ rmlab

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1679
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-2
มีนาสู้ ๆ

ออฟไลน์ W2P5

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
น้องมีนสู้ๆ   :katai2-1:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
สงสารมีนาอ่ะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
คนแก่เอาใจเด็กแบบน้องมีนไม่ถูกเท่าไรนะเนี่ย 5555

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
สงสารน้องมีน เข้าใจน้องอ่ะ ว่าไม่ได้อยู่สถานะที่จะเรียกร้องอะไรได้ แล้วน้องก็เจียมตัวตลอด :m15:
ถ้าอิคุณเชษฐ์ไม่พูด น้องก็คงไม่เข้าใจอ่ะ สงสารน้อง

ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14
น้องมีนน่ารักกกก แต่สงสารน้องจัง
ดีใจตอนนี้เปนตอนน้องมีนคุณเชษฐ์จริงๆ ไม่มีคนอื่นมาขัด

ออฟไลน์ Itachishang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เมื่อไหร่นุ้งมีนจะ 18เน้อออออ

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
Chapter 18: บ้านในฝัน

ภรัณยูขมวดคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อไม่เห็นลูกชายคนสุดท้องของบ้านวิ่งกระดิกหางออกมาต้อนรับเขาเช่นทุกวัน ยิ่งไปกว่านั้นคฤหาสน์ทั้งหลังยังไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตชนิดใดอยู่ ทำเอาอาจารย์พิเศษจำเป็นต้องรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาตรวจดูว่าทินกรได้ส่งข้อความมายกเลิกการเรียนในวันนี้หรือไม่



เสียงดนตรีคลาสสิคแผ่วเบาลอยมากระทบหูของร่างโปร่งทำให้ภรัณยูตัดสินใจเดินตามไปทางด้านหลังของคฤหาสน์ ยิ่งเข้าไปใกล้ ชายหนุ่มยิ่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคยของคนที่ควรจะเตรียมตัวรอเรียนพิเศษกับเขาฮัมเพลงเบาๆอย่างอารมณ์ดี และเสียงปลายพู่กันที่ตวัดปาดไปตามผืนผ้าใบกว้าง




ภาพของทินกรที่นั่งหันหลังให้กับเขา ข้างกายมีโทรศัพท์ต่อกับลำโพงขนาดเล็กที่ทำหน้าที่ขยายเสียงเพลงไปทั่วบริเวณ เบื้องหน้าของร่างสูงคือขาตั้งรูปวาดที่มีผืนผ้าใบขนาดใหญ่วาดอยู่



วาดรูปอยู่นี่เอง..




ชายหนุ่มส่ายหน้าขำๆ เด็กคนนี้มักจะหลุดหายเข้าไปในโลกส่วนตัวทุกครั้งที่ได้หยิบจับอุปกรณ์ศิลปะ แม้ว่าจะเป็นเวลาเรียน แต่อาจารย์สอนพิเศษจำเป็นก็รู้สึกโกรธไม่ลงที่ได้เห็นอีกมุมของเด็กหนุ่มแสนจริงจังที่กำลังจับพู่กันด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข



“วาดอะไรอยู่?”



ทินกรหันขวับกลับมาตามเสียงของเขา ดวงตาสีควันบุหรี่เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยอย่างประหลาดใจ



“พี่ภัทร? ขอโทษนะครับ ผมลืมดูเวลา...”




“ไม่เป็นไรหรอก วันนี้เราเริ่มเลทหน่อยก็ได้ พี่ไม่รีบ”




ความรู้สึกผิดเรื่องที่หงุดหงิดใส่อีกฝ่ายเมื่อคราวก่อนยังคงหลงเหลืออยู่ในจิตใจทำให้ร่างโปร่งดีใจกับคนตรงหน้าเป็นพิเศษ
ภรัณยูรู้ดีว่าทินกรหวังดีกับเขา แต่เขายังไม่พร้อมที่จะคุยเรื่องนี้กับคนตรงหน้า...และไม่คิดว่าเขาจะมีวันพร้อม




สิ่งที่เขาทำได้ มีเพียงแสร้งทำเป็นว่าทุกอย่างยังคงเป็นปกติ อย่างที่เขาทำประจำมาตลอดไม่ว่ากับเรื่องอะไร





“ถ้าอย่างนั้นพี่ภัทรมานั่งกับผมหน่อยสิครับ”




ทินกรขยับเว้นที่ว่างให้กับภรัณยูบนม้านั่งตัวยาว คนอายุมากกว่านั่งลงข้างๆเด็กหนุ่ม รู้สึกถึงไออุ่นที่แผ่ออกมาจากร่างสูงใหญ่ทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้สัมผัสตัวเขาแม้แต่ปลายนิ้ว




“ตกลงวาดอะไรอยู่?”




ภรัณยูถาม พยายามไม่สนใจเสียงหัวใจที่เต้นแรงอย่างน่าอับอายของตน ภาพร่างบนผืนผ้าใบขนาดใหญ่นั้นเป็นภาพบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งจากขนาดที่เล็กกว่ากันแบบครึ่งต่อครึ่งแล้ว เขามั่นใจว่าไม่ใช่คฤหาสน์แห่งนี้




ตัวบ้านในรูปวาดนั้นเป็นแบบที่เรียบง่าย เรียกได้ว่าสามารถพบเห็นได้ทั่วไปในสมุดนิทานก่อนนอนในฉากสุดท้ายที่จบด้วยคำว่า ‘แล้วทั้งสองก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข’ ในโรงจอดรถหน้าบ้านมีรถยนต์จอดอยู่สองคัน พร้อมกับจักรยานคันเล็กที่เป็นของเด็กที่ยังต้องใช้ล้อพยุงปั่น รอบตัวบ้านเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม ที่หน้าบ้านมีศาลาไม้หลังเล็กและน้ำตกจำลองประดับประดาให้ความรู้สึกสดชื่นทั้งที่ยังไม่ได้ลงสี




“บ้านในฝันครับ” ทินกรตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง “ผมเคยบอกพี่ภัทรแล้วใช่มั้ยครับ ว่าผมอยากสร้างครอบครัวขอองตัวเอง ซักวัน ผมจะสร้างบ้านหลังนี้ให้ครอบครัวของผม...ให้คนที่ผมรัก”




คำพูดของอีกฝ่ายเปรียบเสมือนรอยมีดที่กรีดย้ำลงบนรอยแผลของคนฟัง




เขาไม่เข้าใจ ทินกรจะยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดให้มันได้อะไรขึ้นมา..




จะตอกย้ำถึงอนาคตที่อีกฝ่ายจะใช้ร่วมกับผู้หญิงที่เพียบพร้อม?




อยากให้เขาเป็นฝ่ายทนไม่ไหวแล้วจากไปเองรึยังไงกัน?




“พี่ภัทรชอบบ้านสีอะไรเหรอครับ? ผมชอบสีม่วงอ่อนนะ มันดูสบายตาดี แต่ผมเคยถามพี่ที่เป็นสถาปนิกเขาบอกว่ามันจะอึมครึมถ้าไปทาในบ้าน งั้นสีสว่างๆอย่างสีครีมเป็นไงครับ?”




ภรัณยูไม่ตอบ ยังคงจมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง ความรู้สึกขุ่นมัวที่พยายามกดเอาไว้ก่อตัวขึ้นในอกกับทุกคำที่อีกฝ่ายพูด แต่ทินกรที่เสนอไอเดียต่างๆด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นยังคงคุยเจื้อยแจ้วต่อไปอย่างกระตือรือร้นโดยไม่ได้รับรู้ถึงความอึดอัดใจของคนข้างกาย




“ผมอยากได้ลูกหมาล่ะ พี่ภัทรชอบหมามั้ยครับ? หรือว่าชอบแมว? จริงสิ พี่ภัทรมีดอกไม้ที่ชอบมั้ยครับ? อยากปลูกไว้ตรงไหน....”




“จะมาถามพี่ทำไม”




น้ำเสียงหงุดหงิดจากความขุ่นเคืองที่อัดอั้นอยู่ภายในหลุดออกไปจากริมฝีปากก่อนที่ภรัณยูจะสามารถยั้งตัวเองไว้ทัน




จะมาถามเขาทำไม?



จะพูดเรื่องพวกนี้ให้มันได้อะไรขึ้นมา?





“อ้าว...” ทินกรทำสีหน้างุนงง เด็กหนุ่มเอียงคออย่างสับสนราวกับไม่เข้าใจว่าตัวเองกำลังทำอะไรผิด “ถ้าไม่ถามคนที่ผมจะสร้างครอบครัวด้วย แล้วจะให้ผมถามใครล่ะครับ?”




….




…..




……




ภรัณยูไม่เคยรู้สึกอายขนาดนี้มาก่อนในชีวิต




“พี่..พี่...” เสียงหวานตะกุกตะกัก เลือดที่สูบฉีดไวเกินไปทำให้เขารู้สึกร้อนวาบไปทั้งตัว “พี่รู้สึกมึนๆ...เดี๋ยวไปรอที่ห้องนะ”




“ไม่สบายเหรอครับพี่ภัทร? ถ้าอย่างนั้นวันนี้ไม่ต้องสอนหรอกครับ พักผ่อนเถอะ”





ทินกรที่ได้ยินว่าคนข้างๆรู้สึกไม่สบายรีบประคองร่างโปร่งไว้ด้วยสีหน้าเป็นห่วง คิ้วหนาที่ขมวดมุ่นอย่างเป็นกังวลยิ่งทำให้ภรัณยูรู้สึกผิดกับคำโกหกของตัวเอง




“ไม่ต้องหรอก...”




“นะครับ...ผมอยากดูแลพี่ภัทร...”




ดวงตาคมสีควันบุหรี่ช้อนมองเขาอย่างออดอ้อน ซึ่งแค่ปกติเด็กคนนี้ก็ทำให้ภรัณยูอ่อนยวบเป็นขี้ผึ้งลนไฟได้ดั่งใจนึกอยู่แล้ว ร่างโปร่งจึงทำได้เพียงพยักหน้าอย่างเหนื่อยใจกับตัวเอง




ยิ่งได้เห็นอีกฝ่ายเข้ามาในห้องนอนพร้อมกับกล่องยาปฐมพยาบาลขนาดยักษ์ยิ่งทำให้เขารู้สึกผิด ทินกรกรีดนิ้วผ่านซองยาที่อัดแน่นอย่างเป็นระเบียบอย่างคล่องแคล่ว เงยหน้าขึ้นถามอาการของคนแกล้งป่วยอย่างเป็นมืออาชีพจนภรัณยูอดถามไม่ได้



“ดูแลคนป่วยบ่อยเหรอ?”




ทินกรชะงัก คำถามง่ายๆของภรัณยูกับทำให้แววตาของคนตอบหม่นลง แม้ว่ารอยยิ้มจะยังคงแต่งแต้มอยู่ที่มุมปากของเด็กหนุ่มไม่หายไปไหน



“ครับ ตอนที่แม่ป่วย”




คำตอบนั้นทำให้หัวใจของคนฟังบีบตัวอย่างเจ็บปวดกับสีหน้าของเด็กหนุ่มยามเอ่ยถึงมารดา




ร่างโปร่งชันตัวขึ้นกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง ตบลงบนที่ว่างข้างกายของตัวเองเบาๆ




“ซัน พี่หายมึนหัวแล้ว...มานี่หน่อยสิ”




เด็กหนุ่มทำตามคำขอของคนอายุมากกว่าอย่างงุนงง ร่างสูงนั่งลงบนเตียงของตัวเอง ภรัณยูเอื้อมไปดึงแขนของอีกฝ่ายให้เอนลงมานอนข้างๆตัวเอง




“นอนข้างๆพี่แบบนี้...ได้มั้ย?”




ดวงตาสีควันบุหรี่เป็นประกายระยับ ก่อนที่คิ้วเข้มจะขมวดมุ่นอย่างไม่สบายใจ




“เป็นอะไรรึเปล่าครับพี่ภัทร...”




ปกติภรัณยูเคยเป็นฝ่ายขอให้เขานอนข้างๆก่อนแบบนี้ที่ไหนกัน




“ชอบนอนแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?”




ภรัณยูลูบศีรษะของเด็กหนุ่มอย่างอ่อนโยน นิ้วเรียวแทรกไปตามกลุ่มผมนุ่มลื่นดุจผ้าไหมสีรัตติกาลอย่างเบามือ แม้จะไม่ได้รู้สึกเร่าร้อนเหมือนคราแรกที่มือเรียวจิกทึ้งกลุ่มผมหนาไว้เพื่อระบายความเสียวซ่านจากสะโพกสอบที่โรมรันกระแทกกระทั้นจนขาสั่นระริก แต่ทินกรพบว่าความสุขที่ได้จากการถูกลูบศีรษะอย่างเอ็นดูนี้ก็ล้นในอกไม่ต่างกัน




“กับพี่ภัทร..นอนแบบไหนก็ชอบทั้งนั้นแหละครับ”




เด็กแก่แดดยังไม่วายหยอดคนตรงหน้าไปอีกประโยค ก่อนจะร้องโอดโอยเกินจริงเมื่อได้มะเหงกกลางหน้าผากเป็นของที่ระลึกไปหนึ่งรอย




ภรัณยูซุกหน้ากับกลุ่มผมนิ่มของร่างสูง รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นของทินกรบนซอกคอขณะที่มือเรียวกลับมาลูบศีรษะของเด็กหนุ่มอย่างเบามือ




ทั้งที่บอกตัวเองไม่ให้ถลำลึก แต่ยิ่งนับวัน เขายิ่งรู้สึกว่าเขากำลังขุดหลุมฝังตัวเองมากขึ้นทุกที




“มีความสุขจัง..” เสียงทุ้มพึมพำข้างลำคอของเขา




ฝังตัวเองในหลุมไร้ก้นที่มีชื่อว่าทินกรหลุมนี้....








เมื่อมีนาปรือตาขึ้นจากห้วงนิทราแสนสุข อ้อมกอดอุ่นที่โอบรัดรอบเอวบางของเขาไว้ก็หายไปเสียแล้ว




ร่างเล็กชันตัวขึ้นจากที่นอนอย่างง่วงงุน เสียงสายน้ำกระทบกับพื้นห้องน้ำบ่งบอกให้เขารู้ว่าร่างที่หายไปกำลังชำระร่างกายอยู่ในห้องน้ำ และนั่นทำให้มีนาที่มักจะตื่นก่อนธีรเชษฐ์เป็นส่วนใหญ่หันไปมองนาฬิกาหัวเตียงอย่างงุนงง ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าขณะนี้ใกล้เวลาทำงานของร่างสูงเข้าไปทุกทีแล้ว




เด็กหนุ่มนึกโกรธตัวเองที่จำไม่ได้่ว่าวันนี้เจ้าของห้องมีประชุมทั้งวัน ทั้งที่เขาเพิ่งถามธีรเชษฐ์ไปตอนก่อนนอนแท้ๆ




มีนาตวัดขาลงจากเตียง ตรงไปยังห้องครัวอย่างรีบร้อนด้วยกลัวว่าความสะเพร่าของตนจะทำให้คนที่อยู่ในห้องน้ำต้องไปทำงานสาย ถึงแม้เขาจะรู้ว่าธีรเชษฐ์ไม่ได้จะว่าอะไรเขาก็ตาม




หลายวันที่ผ่านมา มีนารู้สึกว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาดำเนินไปในทางที่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก ถึงแม้ว่าธีรเชษฐ์จะไม่ได้แสดงท่าทีอะไรที่ทำให้มีนารู้สึกว่าอีกฝ่ายรู้สึกกับเขาเหมือนกับที่เขารู้สึกแม้เพียงเศษเสี้ยว แต่เขารับรู้ได้ว่าบางอย่างระหว่างพวกเขากำลังเปลี่ยนไป




และมีนาก็รู้สึกชอบทิศทางของการเปลี่ยนแปลงนี้เสียด้วย




“ตื่นแล้วเหรอ?”




อ้อมแขนแกร่งที่โอบรัดรอบเอวบางกับใบหน้าคมที่เพิ่งผ่านการโกนหนวดมาหมาดๆที่ซุกไซร้ซอกคอขาวอย่างมัวเมาเป็นสิ่งที่มีนาเริ่มปรับตัวให้ชินได้แล้ว แต่ถึงกระนั้นใบหน้าขาวยังคงขึ้นสีเรื่ออย่างควบคุมไม่อยู่




“เอ่อ...อาหารเช้า รอแป๊บนึงนะครับ...”




“ไหนว่าวันนี้เรียนบ่าย ตื่นมาทำไมแต่เช้า หืม?”




มีนาสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกถึงริมฝีปากอุ่นชื้นที่งับเบาๆลงบนใบหูของตน พฤติกรรมแทะโลมของธีรเชษฐ์นั้นมักจะทำหัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำจนเด็กหนุ่มกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยินเสียงหัวใจของตน




“ก็...อาหารเช้าคุณเชษฐ์...”





“บอกแล้วไงว่าถ้าเรียนบ่ายก็ไม่ต้อง” เสียงทุ้มแฝงแววตำหนิ แม้ว่าในระยะเผาขนขนาดนี้สิ่งเดียวที่มีนาได้ยินจะเป็นเสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นรัวอย่างบ้าคลั่งก็ตาม




นั่นเป็นหนึ่งในคำสั่งใหม่ของธีรเชษฐ์ นอกเหนือไปจากการจำกัดสิ่งที่เขาต้องใส่และสิ่งที่เขาสามารถทำได้ในแต่ละวัน ชายหนุ่มอ้างว่าเป็นเพราะตนไม่อยากให้สัตว์เลี้ยงตัวโปรดต้องเฉาตาย แต่แววตาของอีกฝ่ายทำให้มีนาอดคิดเข้าข้างตัวเองอย่างมีความหวังไม่ได้




“ดูซิ...ตาบวมหมดแล้ว”




มือใหญ่เชยคางมนขึ้นให้เงยหน้ามองตน นิ้วหัวแม่มือนวดคลึงขอบตาที่เด็กหนุ่มไม่คิดว่าบวมขึ้นเท่าไหร่นัก




“ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใ...อือ...”




ริมฝีปากหยักได้รูปทาบทับลงมาอย่างอ่อนโยน ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดส่งเสียงน่าอายที่ทำให้พวงแก้มนิ่มขึ้นสีฝาด แต่ยังคงพยายามตอบรับรสจูบหวานล้ำที่ชายหนุ่มมอบให้อย่างไม่ประสา




“ไว้มื้อเย็นแล้วกัน” ธีรเชษฐ์เอ่ยขึ้นกับร่างเล็กที่หายใจหอบเอนพิงอกของเขาหลังจากถูกแย่งอากาศหายใจไปจนหมดยิ้มรอยยิ้มมุมปากที่ทำให้คนที่แดงไปทั้งตัวแล้วรู้สึกขัดเขินขึ้นมาอย่างที่ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ “มื้อเช้าแค่นี้พอ”




“แค่นี้? แต่คุณเชษฐ์ยังไม่ได้ทาน....” เสียงหวานถูกกลืนหายไปในลำคอเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังสื่อถึงจุมพิตเมื่อครู่ ธีรเชษฐ์ฉวยโอกาสที่มีนาไม่ทันตั้งตัวขโมยหอมแก้มขาวเนียนไปหนึ่งฟอดแล้วคว้ากระเป๋าของตัวเองจากโต๊ะอาหาร มีนานึกอยากจะทักท้วง แต่รู้ว่าแค่ตอนนี้ร่างสูงก็สายมากแล้ว จึงทำได้เพียงปิดไฟเตาไฟฟ้าแล้วเดินตามออกไปส่งธีรเชษฐ์ที่หน้าห้อง
ขณะที่มองส่งแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มไปจนลับสายตา มีนาอดคิดไม่ได้ว่าท่าทางของเขามันช่างดูคล้ายภรรยาที่ออกมาส่งสามี....



หยุด!หยุดคิดเดี๋ยวนี้เลยมีน!




เด็กหนุ่มตบแก้มตัวเองเบาๆเพื่อเรียกสติแล้วหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง หลังจากจัดการกับอาหารเช้าและถ้วยชามทั้งหมดแล้ว เด็กหนุ่มหมุนตัวกลับไปยังห้องนอนเพื่ออาบน้ำชำระร่างกายก่อนไปเรียนเมื่อดวงตากลมโตสะดุดกับแฟ้มเอกสารฉบับหนา




“เอกสาร...อ๊ะ เอกสารที่คุณเชษฐ์ต้องใช้ประชุมช่วงบ่ายนี่”




มีนาเงยหน้ามองนาฬิกาแล้วตัดสินใจผลึบหายเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว




ดูท่าวันนี้เขาคงจะต้องออกจาากห้องเร็วหน่อยเสียแล้ว




---------


ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เหมือนอะไรจะเริ่มดีขึ้น? :impress2: คงไม่มีมาม่านะจ๊ะ  :call:

ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14
เด๋วน้องมีนเอาของไปให้ ต้องไปยัยเลขาแน่ๆ
เซงล่วงหน้า เบื่อไม่ชอบเลขาเลย

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
จะเกิดอะไรกับมีนาอีกหรือเปล่านะ

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
รู้สึกว่าต้องมีเรื่องไรตามมาแน่ๆ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ตอนหน้าจะเจอกับอะไรอีกละเนี่ย หนูมีน  :hao4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
เดี๋ยวน้องมีนจะได้เจอกับหมอกแล้ว มีนต้องเข้าใจผิดมากขึ้นแน่เลย

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
คุณเชษฐ์เค้าพัฒนาแล้ว
มีนน่ารักดีค่ะ แต่ก็น่าสงสารไปพร้อมกัน
ก็เป็นคนคิดมาก และคิดว่าตัวเองไม่สำคัญอะเนาะ

เอิ่มมม บางทีก็เบื่อภัทร ชอบทำซันเสียใจ
ชอบคิดไปเอง แล้วมาทำมึนใส่กัน
ซันวางแผนไปซะเยอะแล้ว ชัดเจนไปอีก

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
มีนจะไบนิษัท... มีนจะเจออะไร.. เอาใจช่วยมีน

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
รอจ้าาา

ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14
รอน้องมีนนนนนนน

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
บริษัททรัพย์ดำรงดูใหญ่กว่ามากเมื่อมองจากมุมเงย มีนาแหงนหน้ามองตึกสูงตระหง่านอย่างประหม่า ในมือกอดแฟ้มเอกสารฉบับหนาไว้แนบอก



โทรศัพท์ของธีรเชษฐ์ถูกปิดทำให้เขาไม่สามารถติดต่อชายหนุ่มได้ โชคดีที่มีนาพอจะจำได้รางๆว่าธีรเชษฐ์เคยบอกว่าตนอยู่ชั้นบนสุดของตึก ทำให้เขาเลือกที่จะเดินเข้าลิฟต์ไปโดยไม่จำเป็นต้องถามทางกับประชาสัมพันธ์




แม้จะเป็นเหตุสุดวิสัย แต่เด็กหนุ่มก็อดรู้สึกดีใจไม่ได้ที่จะได้เห็นหน้าอีกฝ่ายอีกครั้งแม้จะแค่ในระยะเวลาสั้นๆ




แต่เมื่อก้าวผ่านประตูลิฟต์ที่กำลังเปิดออก เผยให้เห็นห้องทำงานของธีรเชษฐ์ซึี่งสังเกตได้ง่ายจากการเป็นเพียงห้องเดียวในชั้นที่ไม่ใช่ห้องกระจกใส ร่างโปร่งของชายหนุ่มในชุดสูทสีครีมที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเลขาหน้าห้องของประธานบริษัททำให้มีนานึกอยากหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในลิฟต์




มีนาส่ายหน้า




ไม่!เราต้องไม่ทำตัวไร้สาระแบบนี้




ความหึงหวงไม่ใช่สิทธิ์ของเขา เขาไม่มีสิทธิ์ในตัวของธีรเชษฐ์ นั่นเป็นสิ่งที่มีนาท่องย้ำในหัวขณะก้าวอย่างเชื่องช้าไปยังโต๊ะของเลขาหนุ่มที่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นจากเอกสารตรงหน้าของตนแม้แต่วินาทีเดียว




“เอ่อ...”




ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นจากเอกสารที่กำลังตรวจสอบตามเสียงเรียกของเขา ดวงตาสีเทาอมฟ้าที่ทอประกายสีเขียวแปลกตาภายใต้กรอบแว่นดึงดูดให้คนมองรู้สึกเหมือนถูกตรึงอยู่กับที่ ยิ่งได้เห็นดวงหน้าหมดจดของเลขาหนุ่มในระยะประชิดยิ่งทำให้มีนารู้สึกด้อยกว่าอย่างห้ามไม่ได้





ร่างโปร่งสูงเพรียวแต่กลับไม่ได้บอบบางอ้อนแอ้น ดวงหน้างดงามหมดจดแต่กลับไม่ได้ดูหวานเหมือนเด็กผู้หญิง บรรยากาศรอบกายที่ทำให้คนรอบข้างรู้สึกถึงกลิ่ยอายอันตรายแต่ยิ่งมีเสน่ห์น่าค้นหา





คนคนนี้มีทุกสิ่งที่เขาไม่มี




“ผม..ผมมาหาคุณธีรเชษฐ์ครับ”




มีนานึกโมโหตัวเองที่ไม่สามารถคุมเสียงไม่ให้สั่น ดวงตาสีแปลกของคนตรงหน้าฉายแววประหลาดที่เขาไม่รู้ว่าคืออะไรเพียงวูบเดียวก่อนจะหายไป มธุวันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่กลับทำให้มีนารู้สึกอึดอัดขึ้นมา




“นัดไว้รึเปล่าครับ?”




เด็กหนุ่มส่ายหน้า กอดแฟ้มในมือไว้แน่นราวกับจะใช้มันเป็นอาวุธป้องกันตัว มธุวันแสร้งทำเป็นเหลือบมองตารางนัดของธีรเชษฐ์บนโต๊ะ แต่มีนารู้ดีว่าถึงอย่างไรคนตรงหน้าก็คงไม่ให้คนแบบเขาเข้าพบเจ้านายของตัวเองอยู่แล้ว




"ถ้าอย่างนั้นผมคงให้คุณเข้าพบท่านประธานไม่ได้ ต้องขอโทษด้วยครับ" อีกฝ่ายเอ่ยขึ้นในที่สุดด้วยคำตอบที่มีนาคาดการณ์ไว้อย่างไม่ผิดเพี้ยน "มีธุระอะไรจะฝากไว้มั้ยครับ?"




“เอ่อ...ถ้างั้นผมฝากแฟ้มไว้ได้มั้ยครับ" มีนายื่นแฟ้มปึกใหญ่นั้นให้มธุวัน “เมื่อคืนผมได้ยินคุณเชษฐ์บอกว่าต้องใช้วันนี้”`




เด็กหนุ่มรู้ว่าเขาไม่จำเป็นจะต้องบอกให้คนตรงหน้ารู้ว่าธีรเชษฐ์อยู่กับเขาเมื่อคืน แต่ประโยคนั้นหลุดออกไปจากปากเขาก่อนที่มีนาจะสามารถห้ามตัวเองได้ทัน ร่างเล็กพยายามหลอกตัวเองว่าความรู้สึกลึกๆในอกตอนที่เห็นเลือดฝาดที่มีอยู่น้อยนิดบนใบหน้าของมธุวันหายไปกับคำพูดของเขาไม่ใช่ความพึงพอใจในชัยชนะเล็กๆของตน




ร่างโปร่งพยักหน้า รับแฟ้มปึกนั้นมาวางรวมกับเอกสารบนโต๊ะ มีนาพนมมือไหว้ลาเลขาหนุ่มตามมารยาท นึกแปลกใจที่อีกฝ่ายยกมือรับไว้เขาโดยไม่ได้มีท่าทีรังเกียจอะไร ถึงแม้จะไม่ได้มีส่วนไหนของใบหน้ามธุวันที่บอกว่าอยากให้มีนาอยู่ที่นี่
ก็ตาม




ร่างเล็กหันกลับไปยังลิฟต์ที่ตัวเองขึ้นมา แต่ร่างของประธานบริษัทหนุ่มที่ก้าวออกมาจากลิฟต์ทำให้เด็กหนุ่มชะงัก ธีรเชษฐ์เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นคนตรงหน้า เขาเพิ่งประชุมเช้าเสร็จ และความหงุดหงิดจากการต่อล้อต่อเถียงกับบอร์ดบริหารเป็นเวลาหลายชั่วโมงแม้จะไม่สามารถหายไปได้ในทันทีที่เห็นหน้ามีนา แต่ธีรเชษฐ์ก็ยอมรับว่าเขารู้สึกใจเย็นลงพอสมควรเพียงแค่ได้เห็นดวงตากลมโตคู่นั้น




"มาทำอะไรที่นี่?"




"คุณ...คุณลืมเอกสารไว้ที่ห้องน่ะครับ"




เด็กหนุ่มตอบเสียงเบา ก้มหน้างุดราวกับกลัวว่าจะถูกชายหนุ่มดุ ธีรเชษฐ์เพียงแต่ก้มมองร่างเล็กนั้นด้วยความหงุดหงิดที่ตีตื้นกลับขึ้นมา




เอาอีกแล้ว ทำไมพออยู่ในที่สาธารณะถึงต้องทำท่าเหมือนกลืนยาขมทุกครั้งที่อยู่กับเขาด้วย?




ดึงแขนเรียวให้เดินตามมา ร่างบอบบางที่ไม่มีเรี่ยวแรงอยู่แล้วแทบจะลอยหวือตามแรงกระชาก




“ท่านประธาน...." มีนาได้ยินเสียงมธุวันร้องเรียกชายหนุ่ม




“ทีหลังถ้าเด็กคนนี้มาให้เขาเข้าไปรอในห้อง" นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ธีรเชษฐ์พูดก่อนจะกระแทกประตูห้องทำงานปิดตามหลังพวกเขา




ก่อนที่มีนาจะได้เอ่ยอะไร ริมฝีปากได้รูปก็บดขยี้ลงบนกลีบปากนุ่มที่เผยออ้าอยู่นั้นเสียก่อน แม้จะเป็นจูบที่เร่าร้อนดูดดื่มต่างจากในตอนเช้า แต่มีนาที่เริ่มปรับตัวได้บ้างแล้วกับวิธการ’บำบัดความเครียด’ของอีกฝ่ายหลับตาลงรับสัมผัสจาบจ้วงของคนตรงหน้าแต่โดยดี




“แฮ่ก...แฮ่ก...”




 แน่นอนว่ากว่าที่คนตัวใหญ่กว่าจะยอมผละออกจากเขา มีนารู้สึกว่าตัวเองแทบจะเป็นลมจากการขาดอากาศหายใจ ริม
ฝีปากรูปกระจับบวมเจ่อขึ้นสีแดงสดจากการดูขบดูดเม้มย้ำอย่างไม่ปราณี




มีนาไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือไม่ แต่ทุกครั้งที่เขาถูกรุกเร้าจนต้องหอบหายใจเพื่อเติมอากาศเข้าปอดแบบนี้ แววตาที่ธีรเชษฐ์มองมาที่เขามักจะดูเข้มขึ้นจากปกติเสมอ




“อยู่ที่นี่ก่อน” นิ้วหัวแม่มือของชายหนุ่มเช็ดริมฝีปากบวมเจ่อที่ถูกเคลือบด้วยของเหลวสีใสเบาๆ




“... ผมมีเรียนต่อ” มีนาเอ่ยท้วงเสียงแผ่ว รู้สึกถึงระยะห่างระหว่างใบหน้าของพวกเขาที่ใกล้จนริมฝีปากแทบจะแนบชิดกันและกัน




“ฉันไม่ได้ขอร้อง”




และนั่นเป็นการจบบทสนทาของพวกเขา มีนาเลือกที่จะนั่งลงบนโซฟารับแขกแล้วหยิบชีทออกมาอ่านทบทวนบทเรียนอย่างว่าง่าย รู้ดีว่าตัวเองยังมีเวลาเหลือเฟือก่อนจะถึงคาบบ่ายของวันนี้




เขารู้สึกถึงสายตาของธีรเชษฐ์ที่เหลือบมองมาที่เขาเป็นระยะ ดวงตาคมหรี่ลงเมื่อเห็นร่างเล็กแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่ยังคงบวมเจ่อของตัวเองอย่างประหม่า




กระต่ายน้อยก้มหน้างุดอ่านชีทของตัวเอง แสร้งทำเป็นไม่เห็นสายตาของราชสีห์ผู้หิวโหย




มีนาจมอยู่กับโลกของตัวเองมากเสียจนเสียงเปิดประตูที่ดังขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำเอาเขาสะดุ้งโหยง มธุวันเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับถาดใส่ของว่างในมือ คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อยราวกับกำลังประหลาดใจกับอะไรบางอย่างในห้อง




"ของว่างครับ"



"อ๊ะ ขอบคุณครับ"




มีนารีบกุลีกุจอลุกไปช่วยมธุวันจัดของว่างให้กับธีรเชษฐ์ ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นว่ามีส่วนของตัวเอง เขาไม่คิดว่ามธุวันจะเอาอะไรมาเผื่อเขาด้วยซ้ำ




“ขอบคุณครับ” มีนาเอ่ยพร้อมรอยยิ้มดีใจที่ตนจะมีอะไรตกถึงท้องเสียที เขามัวแต่รีบมาที่นี่จนลืมทานอาหารเช้าไปทั้งที่ทำไว้แล้วที่คอนโด




"มีนา กินข้าวรึยัง?"




ธีรเชษฐ์ที่ลอบสังเกตท่าทีของเด็กหนุ่มอยู่ตลอดถามขึ้น เจ้าของชื่อชะงักเมื่อรู้ตัวว่าเผลอทำตัวมีพิรุธกับคนที่กำชับเขาหนักหนาว่าให้ทานข้าวทุกมื้อ ก่อนจะตอบเสียงตะกุกตะกักอย่างลุกลี้ลุกลน




"ผะ...ผม...ไม่หิว..."




"ฉันไม่ได้ถามความเห็น" ธีรเชษฐ์ขัดเสียงเย็น "ฉันถามว่าเธอกินข้าวรึยัง?"




เด็กหนุ่มกัดริมฝีปาก ก่อนจะส่ายหัวน้อยๆ เตรียมใจรับบทลงโทษที่ขัดคำสั่งของเจ้าชีวิต




ทั้งที่พวกเขาเริ่มจะเข้ากันได้ดีขึ้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้แท้ๆ




ธีรเชษฐ์ปิดแฟ้มเสียงดังอย่างหัวเสีย เล่นเอามีนาสะดุ้งเฮือก ก่อนที่ชายหนุ่มจะหันไปหาเลขาของตนด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์




"หมอก พาเด็กคนนี้ไปกินข้าว ถ้ายังดื้ออีกวันนี้ไม่ต้องไปเรียน"




"...ครับ"



มธุวันที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ได้แต่รับคำอย่างงุนงง เดินนำมีนาไปยังลิฟท์เพื่อพาไปที่หาอะไรทานตามคำสั่งของเจ้านาย ตลอดทางเด็กหนุ่มเพียงแต่เดินจับสายกระเป๋าเป้เก่าเปื่อยรุ่ยของตัวเอง ก้มหน้าเดินตามเลขาร่างโปร่งที่ไม่ว่าจะเลี้ยวไปทางไหนพนักงานที่เดินสวนทางก็พร้อมใจกันแหวกทางให้อย่างเกรงกลัว สายตาที่หลายคนมองมาที่มีนาเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ไม่มีใครกล้าพอจะเอื้อนเอ่ยอะไรออกมา




นี่เลขาหรือว่าเจ้าของบริษัทอีกคนกันแน่



มธุวันพาเด็กหนุ่มไปยังร้านอาหารอิตาเลี่ยนเล็กๆที่อยู่ชั้นล่างสุดของบริษัท มีนามองไปรอบๆร้านที่เป็นอิฐสีนำตาลเข้มตกแต่งด้วยตู้ไวน์เรียงรายตามผนัง ประกอบกับเถาวัลย์ปลอมรอบร้านและแสงสีส้มสลัวอย่างตื่นตาตื่นใจ แต่ด้วยความหรูหราของการตกแต่ง ย่อมไม่แปลกที่เขาจะเริ่มมีลางสังหรณ์ไม่ดีเกี่ยวกับป้ายราคาท้ายเมนูที่บริกรหยิบยื่นมาให้




“สั่งอะไรก็ได้ครับ" มธุวันเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นท่าทีของเขา “ท่านประธานไม่คิดเงินคุณย้อนหลังหรอก"




คำพูดนั้นแม้จะไม่ได้แฝงไปด้วยน้ำเสียงดูถูกดูแคลน แต่มีนาก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่ตัดสินเขาไปแล้วของคนตรงหน้า ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ของมีนากับธีรเชษฐ์จะไม่ได้ต่างไปจากที่มธุวันคิดเท่าไหร่ แต่เด็กหนุ่มก็ยังอดรู้สึกถึงความไม่พอใจเล็กๆที่ก่อตัวขึ้นในก้นบึ้งของจิตใจ




“ถึงจะเป็นเงินของเขา ผมก็ไม่อยากสิ้นเปลืองอยู่ดีนั่นแหละครับ”



สุดท้าย มีนาเลือกสั่งเมนูที่ถูกที่สุดในร้านซึ่งเป็นแค่ของทานเล่นเพียงแค่ให้ธีรเชษฐ์รู้สึกว่าเขาไม่ได้ขัดคำสั่ง ทว่าขณะนั้นเองหางตาของเขาก็บังเอิญเหลือบไปเห็นร่างร่างหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาในร้าน




“เอ๊ะ?”



มีนาเผลอจ้องหน้าของชายหนุ่มที่ดูเหมือนกับธีรเชษฐ์ราวกับเคาะออกมาจากพิมพ์เดียวกันด้วยสีหน้าสับสน แม้ว่าชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังเดินตรงมาทางพวกเขาจะดูอายุน้อยกว่าธีรเชษฐ์พอสมควรก็ตาม




ครืด...




ชายหนุ่มร่างสูงเลื่อนเก้าอี้แล้วผลุบนั่งลงข้างมธุวันโดยไม่คิดเอ่ยขออนุญาต ส่วนเลขาหนุ่มนั้นกลับเบือนหน้าหนีราวกับรังเกียจคนข้างๆเสียเต็มประดา



“….”




มีนาหันไปหามธุวัน รอให้ร่างโปร่งแนะนำผู้มาใหม่ แต่เลขาหนุ่มเพียงแค่ปิดเมนูแล้วส่งคืนให้บริกร




“ไม่คิดจะทักทายกันหน่อยเหรอ?”



ร่างสูงเปิดประเด็นถามขึ้นท่ามกลางความเงียบ มธุวันกลอกตา แต่ก็ยอมทำตามด้วยสีหน้าไม่เต็มใจนัก





“คุณมีนาครับ นี่คุณเมฆา ลูกชายคนโตของคุณธีรเชษฐ์”




ดวงตาสีน้ำตาลกลมคู่สวยเบิกกว้างอย่างตกใจ ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าธีรเชษฐ์มีลูกชายวัยทำงาน แต่เขาไม่คิดว่าจะมีวันที่ต้องพบกับชีวิตอีกด้านของธีรเชษฐ์ที่เขาไม่มีส่วนร่วม ร่างเล็กสั่นระริกอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้ที่เมฆาจะ...ไม่
พอใจเท่าไหร่หากรู้ว่าเขาเป็นใคร และจากรูปร่างที่สูงใหญ่พอๆกับบิดามีนาไม่คิดว่าเขาจะสามารถป้องกันตัวเองได้
แต่คำแรกที่หลุดออกมาจากปากเมฆาคือ




“ทนาย?”



“เรียบร้อยครับ” มธุวันตอบเสียงเรียบแทบจะในทันที แม้จะเป็นเพียงการแลกเปลี่ยนคำศัพท์สองสามคำ แต่มีนากลับรู้สึกว่าคนทั้งสองสามารถสื่อความหมายถึงกันได้มากกว่านั้นหลายเท่าตัวนัก




มีนาเริ่มอยู่ไม่สุขเมื่อรู้สึกว่าหัวข้อสนทนาที่คนทั้งคู่กำลังส่งจิตถึงกันนั้นคงหนีไม่พ้นเรื่องของเขา




“ฉันไม่กัดหรอกน่า” เมฆาเอ่ยกับร่างเล็กที่สะดุ้งเมื่อรู้ตัวว่าเมฆากำลังพูดกับตัวเอง ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยอย่างขบขัน“แต่ถ้าพ่อฉันล่ะก็ไม่แน่”




“ไม่พูดก็ไม่มีใครว่าเป็นใบ้นะครับ” มธุวันกระซิบเสียงลอดไรฟัน แต่ถึงกระนั้นมีนาก็ยังคงได้ยินอยู่ดี




เมฆาก้มหน้าดูเมนู ดูเหมือนจะตัดสินใจที่จะไม่พูดตามที่โดนเลขาหนุ่มดุ




มีนาสังเกตว่ามธุวันสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆสองสามครั้งราวกับกำลังประหม่า ก่อนที่คนตรงหน้าจะทำสิ่งที่ทำให้เขารู้สึก
แตกตื่นขึ้นมา




มธุวันถอดแว่นไร้กรอบของตัวเองออก แล้วยิ้มให้มีนาอย่างอ่อนโยน




“มีน…พี่เรียกน้องมีนได้มั้ยครับ?”




มีนานั้นเงยหน้าขึ้นสบตาคนเรียกอย่างกล้าๆกลัวๆ ดวงตากลมโตฉายแววไม่ไว้ใจคนที่จู่ๆก็ฉีกยิ้มพูดจาเสียงอ่อนเสียงหวานกับเขาขึ้นมา




“คะ..ครับ?”




“อายุเท่าไหร่แล้ว?”




มธุวันถามราวกับกำลังพูดกับเด็กเล็กๆ ท่าทางที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือของเลขาหนุ่มทำให้มีนารู้สึกสับสนมากกว่าเดิม



“สะ..สิบเจ็ดครับ”




รอยยิ้มหวานที่อีกฝ่ายดูจะเรียกขึ้นมาอย่างยากลำบากแข็งค้างไปครู่หนึ่ง มีนาสังเกตว่าเมฆาที่แอบลอบสังเกตการณ์อยู่เงียบๆนั้นส่ายหน้าเบาๆเมื่อได้ยินคำตอบของเขา




“เหรอ พี่จะยี่สิบห้าแล้ว เรียกพี่หมอกก็ได้” มธุวันเอ่ยต่อ รอยยิ้มที่สะดุดก่อนหน้านี้กลับมาหวานอ่อนโยนราวน้ำผึ้งเดือนหน้า




“เอ่อ..มะ...ไม่เป็นไรครับ”มีนายังคงตั้งการ์ดอย่างเหนียวแน่น หากมีอะไรที่ชีวิตปากกัดตีนถีบได้สอนเขาไว้ นั่นคือการไม่ประมาทให้ตัวเองถูกเป็นเบี้ยล่าง




“สิบเจ็ดนี่...เพิ่งสิบเจ็ดไปหรือว่าย่างสิบแปดปีนี้เหรอ?”




ร่างโปร่งทำเสียงใสเหมือนกับแค่จะชวนคุยเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไป แต่มีนารู้ดีว่าจุดประสงค์ของคำถามนั้นคืออะไร




“จะสิบแปดแล้วครับ” มีนาตอบตามความเป็นจริง แต่ไม่คิดจะพูดอะไรมากกว่านั้น




“มีน พี่น่ะ ดูแลคุณเชษฐ์มานาน แล้วพี่ก็เจอของเล่...คนของคุณเชษฐ์มาบ่อยพอที่จะรู้ว่ามีนไม่ใช่พวกกระสือหิวเงินพวกนั้น” มธุวันย่นจมูกราวกับได้กลิ่นเหม็นเน่าเมื่อนึกถึงเหล่านางแร้งนางกาที่ชอบรุมจิกรุมทึ้งกระเป๋าเงินธีรเชษฐ์แลกกับความสุข
ทางกายเพียงชั่วคราว “แต่พี่ก็ไม่ได้โง่ถึงขั้นดูไม่ออกหรอกนะ ว่าเราเป็นอะไรกับเขา”




“มะ…ไม่ใช่นะครับ ผมกับคุณเชษฐ์ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดนะครับ”




มีนารีบโบกมือปฎิเสธพัลวัน แน่นอน มธุวันไม่เชื่อสิ่งที่ออกมาจากปากของร่างเล็กแม้แต่คำเดียว




“แปลว่ามีนไม่เคยทำอะไรกับเขาเลย?”




เด็กหนุ่มสะอึก ดวงตาสีน้ำตาลหลุบต่ำอย่างมีพิรุธด้วยรู้ว่าไม่สามารถปฏิเสธข้อกล่าวหานั้นได้อย่างเต็มปากเต็มคำ ซึ่งความเงียบของร่างเล็กแทนคำตอบให้กับมธุวันได้เป็นอย่างดี




“มีน รู้ใช่มั้ยว่าเรื่องนี้มันมากกว่าเรื่องความเหมาะสม ถ้ามีใครรู้เข้าทั้งมีนทั้งคุณเชษฐ์จะเสียหายทั้งคู่”




มีนาพยักหน้าอย่างเซื่องซึม แม้ว่าชื่อเสียงของเขาไม่ใช่สิ่งที่เขาเป็นห่วง แต่เด็กหนุ่มก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขากลัวธีรเชษฐ์จะถูกสังคมประณามไปมากกว่าที่เป็นอยู่




 อาหารที่สั่งเริ่มทยอยมาวางตรงหน้า แต่ทุกคนไม่มีใครมีความอยากอาหารพอที่จะกระเดือกมันลงไปในตอนนี้




“พอจะเล่าให้พี่ฟังได้มั้ย อย่างน้อยถ้าพี่รู้ว่าสถานการณ์เป็นยังไง เรื่องจะได้ไม่บานปลายใหญ่โต”




มธุวันว่า สีหน้าของชายหนุ่มดูเป็นกังวลอย่างที่ว่า ถึงแม้มีนาจะไม่ไว้ใจคนตรงหน้า แต่เขาดูออกว่าคนอย่างมธุวัน แม้จะไม่ได้คำตอบจริงๆจากปากเขา ก็ต้องหาวิธีง้างปากเขาให้พูดได้อยู่ดี




ในที่สุด ร่างเล็กจึงตัดสินใจเล่าความจริงให้ชายหนุ่มฟัง




“คุณเชษฐ์เคย...แค่ครั้งเดียว แต่ตอนนั้นผมหลอกเขาว่าผมอายุสิบแปดแล้ว คุณเชษฐ์ไม่ผิดอะไรเลยนะครับ!”มีนารีบเสริม ไม่อยากให้มธุวันเข้าใจผิดว่าธีรเชษฐ์ทำไปทั้งที่รู้ “หลังจากที่รู้คุณเชษฐ์ก็ไม่เคยทำอะไรผม เขาให้ผมอยู่ต่อ ช่วยทำงานบ้าน ทำกับข้าว...แค่นั้นจริงๆครับ”




แม้ว่ามีนาจะจงใจละส่วนสุดท้ายของสัญญาว่าจะให้เขาชดใช้ด้วยร่างกายตอนอายุครบสิบแปดหากไม่อยากจ่ายเงิน แต่ถึงอย่างนั้นมธุวันยังคงจับทางเรื่องราวได้จากคำพูดของเขา




“ถ้าให้พี่เดา...จนกว่ามีนจะสิบแปดใช่มั้ย?”




ร่างเล็กชะงัก ก่อนจะพยักหน้าอย่างเชื่องช้า




“มีน พี่เข้าใจนะว่าเราอยู่ในวัยที่ต้องใช้เงิน แต่มันคุ้มกันเหรอกับการต้องเอาศักดิ์ศรีของตัวเองมาแลกกับเงินแบบนี้” มธุวันสั่งสอนด้วยน้ำเสียงที่...แทบจะเรียกได้ว่าผิดหวังในตัวของเขา และนั่นทำให้ความโกรธที่มีนามีอยู่เพียงเล็กน้อยจากความหึงหวงและน้อยใจที่เด็กหนุ่มพยายามมองข้ามเริ่มปะทุแทรกความละอายใจต่อการกระทำของตัวเองทีละนิด




“พี่เข้าใจนะ เรื่องเงินมันไม่ใช่เรื่องเล็ก...”



“ไม่ครับ ผมไม่คิดว่าคุณเข้าใจ” เด็กหนุ่มเอ่ยขัดคำพูดของร่างโปร่งเสียงเบาแต่มีความแข็งกร้าวอยู่ในที ดวงตากลมโตกวาดมองเสื้อผ้าและนาฬิกาเรือนแพงของร่างโปร่ง




คนแบบนี้เหรอที่บอกว่าเข้าใจเขา?



“มีน…”




“ศักดิ์ศรีของผมในตอนนี้ไม่ได้จ่ายค่ารักษาพยาบาล ค่ายา ค่าคีโม ค่าห้องพักให้แม่ของผม ไม่ได้จ่ายค่าข้าวค่าน้ำให้กับยายของผม ไม่ได้จ่ายค่าเทอม ค่าที่ซุกหัวนอน ค่าเช่าที่ในตลาดที่ผมค้างมาเป็นปี...” เสียงหวานสั่นเครือเช่นเดียวกับแววตาที่ไหวระริก แต่มีนายังคงจ้องเขาตาไม่กระพริบ “ผมไม่คิดว่าสิ่งที่ผมทำในตอนนี้เป็นเรื่องถูก ผมขอโทษที่ทำให้ทุกคนต้องวุ่นวาย ผมขอโทษด้วยที่ต้องปฎิเสธสิ่งที่ผมรู้ว่าคุณกำลังจะขอให้ผมทำ ผมขอโทษ...”




เด็กหนุ่มพนมมือ ก้มศีรษะไหว้คนทั้งสองที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาด้วยความรู้สึกผิดจากใจจริง




“…แต่คุณไม่เข้าใจ”




คราวนี้เป็นมธุวันที่เป็นฝ่ายสะอึก มีนารู้สึกเกลียดตัวเองที่ท่าทีเหมือนโดนตบหน้าของเลขาหนุ่มทำให้หัวใจที่ขุ่นมัวของเขารู้สึกดีขึ้นบ้าง




“ห้าแสน”




ขณะที่มธุวันมีสีหน้าเหมือนกำลังจะยอมแพ้ จู่ๆเมฆาที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในบทสนทนาก็เอ่ยตัวเลขปริศนาขึ้นมา เรียกความสนใจของคนทั้งสองไปหาชายหนุ่มร่างสูง



“ครับ?”มีนาเอียงคออย่างสับสน




“ฉันจะให้เธอห้าแสน ไม่รวมค่ารักษาพยาบาลของแม่เธอ แลกกับการที่เธอเลิกยุ่งกับพ่อของฉันจนกว่าจะอายุครบสิบแปด”




เมฆาว่า หยิบสมุดเช็คออกมาจากกระเป๋าในของสูทตัวนอกแล้วใช้ปากกาเขียนตัวเลขลงไปอย่างคล่องแคล่วโดยไม่แม้แต่จะกระพริบตากับจำนวนเงินที่กำลังจะมอบให้เด็กหนุ่ม มีนานิ่งอึ้ง ก้มมองตัวเลขที่เขาไม่เคยนึกฝันว่าจะได้เห็นในชีวิตอย่างไม่เข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น




“ว่าไง?” เมฆาถาม




“ผม…”




“ถ้าคุณเชษฐ์รู้เรื่องนี้ต้องไม่ยอมแน่” มธุวันเอ่ยแทรกขึ้นมาก่อนที่มีนาจะได้ตอบอะไร




“เพราะอย่างนั้นเราถึงให้เขารู้ไม่ได้ไงล่ะ” เมฆาว่า เลิกคิ้วมองเด็กหนุ่มที่ยังคงมีสีหน้าลังเล “ว่าไง? หน้าตาอย่างเธอต่อให้หายไปซักเดือนสองเดือน กลับมาราคาก็ไม่ตกหรอกจริงมั้ย?”




ข้อเสนอของเมฆานั้นแก้ปัญหาเกือบทุกอย่างที่ีมีนาเพิ่งร่ายออกไป หากจะว่ากันตามจริงแล้วเขาไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม้ยอมรับเงินของร่างสูงด้วยซ้ำ




แต่ที่มีนายังคงลังเล เป็นเพราะความเป็นไปได้ที่ตัวเองจะไม่ได้เจอธีรเชษฐ์อีกนานทำให้เขารู้สึกไม่อยากตอบรับข้อเสนอที่เหมือนฝันนี้




นี่เขา...เห็นแก่ตัวขนาดนี้เลยเหรอ?





“ถือซะว่าเห็นแก่คุณเชษฐ์เถอะนะ ถ้าเรื่องนี้มีคนรู้เข้า ต่อให้ไม่ได้ทำอะไรกัน คุณเชษฐ์ก็เดือดร้อนอยู่ดี” มธุวันขอร้องอีกแรง





ในที่สุด มีนาพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ เขารู้ว่า้รื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ส่งผลเสียกับแค่เขาหรือธีรเชษฐ์ เขาไม่อยากให้ใครต้แงเดือดร้อยกับความเห็นแก่ตัวของเขาไปมากกว่านี้




 ร่างเล็กกัดริมฝีปากก่อนจะหยิบเช็คใบนั้นเข้ากระเป๋าโดยไม่พูดอะไร




มื้ออาหารดำเนินไปอย่างเงียบเชียบ ความอยากอาหารของมีนาหายไปตั้งแต่ก่อนที่อาหารจะมาถึงเสียด้วยซ้ำ ร่างเล็กจึงตัดสินใจขอตัวกลับไปที่คอนโด เพราะของทุกอย่างของมีนาล้วนแล้วแต่อยู่ในห้องของธีเชษฐ์ทั้งสิ้น





“เอาไงต่อดี...”




ร่างเล็กพึมพำหลังเก็บเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นลงกระเป๋าของตน ดวงตากลมโตกวาดมองรอบห้องที่ตนอาศัยอยู่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาอย่างรู้สึกใจหาย




เขาไม่อยากไป...




แต่มีนารู้ดีว่าคนอย่างตัวเองไม่สามารถร้องขอทุกอย่างที่ต้องการได้




เขารู้ว่านี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับธีรเชษฐ์ แต่นั่นไม่ได้ทำให้ความรู้สึกเจ็บแปลบในอกนั้นลดน้อยลงไปสักวินาที





“ผมขอโทษนะครับ...”




มีนาเอ่ยกับห้องที่ว่างเปล่าเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะก้าวออกไปด้วยแววตาเจ็บปวด เขาได้แต่หวังว่าเมื่อรู้เรื่องทั้งหมด ธีรเชษฐ์จะยอมให้อภัยเขาที่เดินจากมาในครั้งนี้





ว่าแต่...เขาจะไปอยู่ที่ไหน....




---------

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
คู่หลักค่าตัวแพงแน่ๆ นานๆมาที555

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
โถ่ น้องมีนลูกกกกกก :mew6:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด