[จบแล้ว] Sugar Daddy เล่น||ของ||สูง(อายุ) 4 years later [6-2-63] คห.951
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว] Sugar Daddy เล่น||ของ||สูง(อายุ) 4 years later [6-2-63] คห.951  (อ่าน 181127 ครั้ง)

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
พี่ภัทรขึ้หึงนะเนี่่ย
น้องมีนโดนคนแก่ฉกชิมแล้ว อิอิ

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
ตามมม น้องมีนมาแร้วววว

ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เจอคุณเชษฐ์โหมดอ่อนโยนแบบนี้ใจบางไปหมดเลยค่ะ

ออฟไลน์ Hananijinji

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ทำไมภัทรใจร้ายกับซันนน น้องทำอะไรผิดอ่า ดุน้องจนหงอยเลย สงสาร แต่คิดว่าอีกไม่นานภัทรจะรู้สึกผิดเอง แล้วกลับบมาง้อซันเหมือนเดิม 5555 บางทีเราก็รู้สึกว่าเชษฐ์ กับภัทรนิสัยคล้ายกันตรงที่อารมณ์แปรปรวนเหมือนกัน ทำให้ซันกับมีนต้องเป็นที่รองรับอารมณ์บ่อยๆ  :katai1:

ออฟไลน์ Kkfu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
น้องมีน พี่น้ำอุ่นนี่มาจากเรื่องน้องแว่นใช่ไหมมมมมมมมมมมคะ :katai1: :katai1: แงงงง ถ้าใช่นี่สงสารน้องมีนล่วงหน้าเลยยยยย

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5


ผ่านมาห้าวันแล้วที่ทินกรไม่ติดต่อมาหาเขา




หลังจากคืนที่ภรัณยูขับรถไปส่งอีกฝ่ายที่คฤหาสน์ เด็กหนุ่มก็เงียบหายไปราวกับไม่เคยมีตัวตนอยู่ในชีวิตเขา คืนแรกที่ทินกรไม่โทรมาบอกราตรีสวัสดิ์ ภรัณยูรู้ว่าสิ่งที่เขาว่าไปคงทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายพอดู แต่เขาคิดเอาเองว่าเด็กหัวรั้นอย่างทินกร เดี๋ยวพอหายซึมก็คงจะโทรมาเอง




ทว่าคืนต่อมา ยังคงไร้วี่แววของทินกร ถึงแม้ภรัณยูจะนั่งจ้องโทรศัพท์ของตนจนถึงตีสองก็ตาม




เช่นเดียวกับคืนถัดไป




และคืนถัดไปจากนั้น...




“เป็นอะไรภัทร? หน้านิ่วคิ้วขมวดเชียว น้องๆเขากลัวหมดแล้ว”




เจนจิราทักพนักงานหนุ่มอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นชายหนุ่มรุ่นน้องนั่งทำหน้าเหมือนจะกินหัวคนที่เดินผ่านไปมา ภรัณยูยังคงไม่เข้าใจว่าหัวหน้าของเขาสามารถแยกสีหน้าของเขาออกได้อย่างไรทั้งที่พนักงานส่วนใหญ่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสีหน้าของเขาไม่ว่าจะเป็นเวลาดีใจ เสียใจ โกรธ หรือมีความสุข ล้วนแล้วแต่เป็นสีหน้าเดียวกันทั้งสิ้น




“ขอโทษครับ”





ภรัณยูพยายามสลัดเรื่องของทินกรออกไปจากสมอง เขาไม่่ควรให้เรื่องส่วนตัวมาทำให้บรรยากาศในที่ทำงานของเขาเสีย เจนจิราเอียงคอ ก่อนจะดึงเก้าอี้ที่ว่างอยู่มานั่งลงตรงข้ามกับเขา ขณะนี้เป็นเวลาพักเที่ยง ทำให้พนักงานรอบๆทยอยกันออกไปทานอาหารกลางวัน เหลือเพียงพวกเขาสองคนในแผนก




“มีอะไรปรึกษาพี่ได้นะภัทร”




“ไม่มีอะไรจริงๆครับพี่แจน แค่โหมงานหนักไปหน่อย ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะครับ”




ภรัณยูยังคงยืนยันคำเดิม แม้เจนจิราจะดูไม่เชื่อคำพูดของพนักงานรุ่นน้อง แต่ก็ไม่ได้ซักต่อ




“งั้นก็แล้วไป เห็นทำหน้าแบบนี้แล้วเหมือนคุณทินตอนเด็กๆไม่มีผิด”




ชื่อของคนที่อยู่ในห้วงความคิดมาตลอดหลายวันทำเอาภรัณยูหูผึ่งขึ้นมาทันที แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมขยายความ ชายหนุ่มจึงจำเป็นต้องถาม




“ที่ว่าเหมือนคุณทินตอนเด็กๆนี่...”




“อ๋อ พี่ก็ลืมไปว่าภัทรยังไม่มาทำงานตอนนั้น” เจนจิราเอ่ยอย่างนึกขึ้นได้ “คุณทินน่ะ แกเป็นเด็กคิดมากมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เวลาเพื่อนพูดจาอะไรไม่ดีใส่นิดๆหน่อยๆ ก็จะเก็บมานั่งหน้าเครียดแบบนี้แหละ กว่าพี่จะปลอบให้หายกังวลได้ เล่นเอาเหนื่อย”




“….”ภรัณยูทำได้เพียงนั่งฟังเงียบๆ ไม่รู้ว่าตนควรจะพูดอะไร




“จริงสิ พูดถึงคุณทินแล้ว ไม่รู้เป็นอะไรนะ คืนที่เราประชุมดึกกันเห็นหอบขนมนมเนยมาให้ทุกคนเยอะแยะเลย บอกว่ากลัวพวกเราหิวกัน แล้วก็จะกลับไปซะอย่างนั้น” เจนจิรานึกย้อนไปถึงวันนั้น “พี่เลยบอกว่าให้รอพี่ประชุมเสร็จอีกแป๊บเดียว เดี๋ยวจะพาไปกินขนมร้านโปรด ก็เห็นรับปากนั่งรอซะดิบดี พอพี่ลงมาก็หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้”



ภรัณยูรู้สึกว่าใบหน้าของตนชาวาบ




“พี่แจน...บอกให้เขารอเหรอครับ?”



“อื้ม ทีแรกเห็นบอกว่าจะกลับเลย ไม่อยากเกะกะคนอื่นที่ทำงานกันอยู่” หญิงสาวรุ่นพี่ส่ายศีรษะยิ้มๆ “เด็กอะไรก็ไม่รู้ ขี้เกรงใจจนไม่เหมือนเด็ก พี่ต้องย้ำตั้งหลายรอบว่าไม่มีใครรำคาญเขาหรอก เขาถึงยอมรับปากจะรอพี่”




ความรู้สึกผิดถ่วงอยู่ในท้องของภรัณยูเหมือนก้อนหินหนัก นี่เขาด่วนตัดสินอีกฝ่ายอีกแล้วงั้นเหรอ...




“จริงสิ วันนี้ภัทรมีสอนพิเศษคุณทินใช่มั้ย? เดี๋ยวไปเอาขนมในออฟฟิศพี่ไปฝากคุณทินหน่อยนะ พี่ขับผ่านร้านคุ้กกี้ร้านโปรดเขาพอดี” เจนจิราทิ้งท้าย ภรัณยูพยักหน้ารับอย่างไร้เรี่ยวแรง ก้มมองโทรศัพท์ที่อยู่ในมืออย่างลังเล ก่อนจะตัดสินใจวางอุปกรณ์สื่อสารขนาดเท่าฝ่ามือลงบนโต๊ะทำงาน




บอกแล้วไง...เขาไม่เก่งเรื่องขอโทษคนสักนิด













ทินกรเปิดประตูให้เขาด้วยสีหน้าเซื่องซึม ร่างสูงอยู่ในชุดเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นที่ดูเหมือนชุดนอนมากกว่าชุดอยู่บ้านทั่วไป ทว่าดวงตาของเด็กหนุ่มกลับดูเหมือนคนอดหลับอดนอนมาหลายคืน




“ซัน เป็นอะไร? ไม่สบายเหรอ?” ภรัณยูลืมเรื่องที่ตนอยากมาคุยกับอีกฝ่ายจนหมดเมื่อเห็นสภาพของเด็กหนุ่ม มือเรียวยกขึ้นทาบบนหน้าผากของทินกรอย่างเป็นห่วง แต่ร่างสูงกลับก้าวถอยห่างแทบจะในทันทีราวกับสัมผัสถูกของร้อน




ภรัณยูนิ่วหน้ากับความรู้สึกปวดแปลบในอกของตน




ซัน...คงโกรธเขาอยู่สินะ




“พี่ภัทร?”




“วันนี้มีเรียน จำไม่ได้เหรอ?”




ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่านั่นไม่ใช่สาเหตุที่ตนมาหาทินกรในวันนี้ แต่ร่างกายกลับไม่ฟังสิ่งที่เขาต้องการจะพูดเลยสักนิด



“จริงสิครับ...ผมลืมไปสนิทเลย”




แววตาของเด็กหนุ่มไหววูบ ทินกรขยับเปิดทางให้ร่างโปร่งในชุดทำงานเข้ามาในบ้าน แต่เมื่อภรัณยูจะขึ้นไปที่ชั้นบนของบ้านเช่นทุกครั้ง ร่างสูงกลับเรียกเขาไว้ด้วยน้ำเสียงอึกอัก




“พี่ภัทร..สอนข้างล่างได้มั้ยครับ?”



“…ได้สิ”




แม้จะไม่เข้าใจ แต่ภรัณยูเลือกที่จะเก็บความสงสัยไว้ในใจแล้วเดินไปนั่งที่โซฟาตัวยาวของบ้าน โดยมีทินกรนั่งลงที่โซฟาเดี่ยวตัวเล็กไม่ห่างจากเขามากนัก




ถึงกระนั้นระยะห่างที่ภรัณยูรู้สึกได้กลับไกลเกินกว่าร่างโปร่งจะรู้สึกชอบใจ




“มานั่งข้างพี่สิ แบบนี้จะมองเห็นได้ยังไง?”




“…ครับ”




ทินกรขยับลุกมานั่งข้างภรัณยูอย่างว่าง่าย แม้ดวงตาสีควันบุหรี่คู่นั้นจะไม่เคยเหลือบมองเขาตั้งแต่เข้ามาก็ตาม





“วันนี้ก็อยู่คนเดียวเหรอ?” คนอายุมากกว่าพยายามทำลายความเงียบ ซึ่งไม่ใช่เรื่องถนัดของเขาเท่าไหร่





“ครับ ป้าแต้วพาพี่ๆไปซื้อของที่ตลาด” ทินกรตอบ ก่อนที่ทั้งห้องจะตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง





“จริงสิ พี่แจนฝากคุ้กกี้มาให้” ภรัณยูเปลี่ยนเรื่อง หันไปเปิดกระเป๋าเป้ข้างกายแล้วหยิบเอากล่องคุ้กกี้ขนาดกลางออกมาให้อีกฝ่าย “พี่เขาบอกว่าขับรถผ่านแล้วคิดถึงซัน”




“ขอบคุณนะครับ” ทินกรเอื้อมมือมารับกล่อง แต่ภรัณยูที่เพิ่งนึกอะไรออกชักมือกลับก่อนที่อีกฝ่ายจะได้หยิบกล่องคุ้กกี้ไปจากตน ทินกรมีสีหน้างุนงงกับการกระทำของคนอายุมากกว่า “มีอะไรรึเปล่าครับ?”




“พี่ป้อน”




ภรัณยูไม่เคยทำแบบนี้กับใคร เขาไม่เคยเข้าใจหลักการของการ’อ่อย’ที่ใครหลายคนบอกนักบอกหนาว่าเป็นศาสตร์ที่จำเป็นเสียยิ่งกว่าวิชาในโรงเรียน แต่ในตอนนี้ เขานึกโกรธตัวเองที่ไม่ตั้งใจฟังน้องๆในออฟฟิศเม้าท์ให้มากกว่านี้




“….”





ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายของเขาที่ทินกรนั่งนิ่งเหมือนโดนคาถานะจังงังเข้าไป ทำให้ภรัณยูมีเวลามากพอที่จะแกะกล่องคุ้กกี้แล้วหยิบคุ้กกี้ช็อกโกแลตชิพขนาดพอดีคำขึ้นมา ภรัณยูนำขนมหน้าตาน่าทานไปจ่อที่ริมฝีปากของคนที่ยังคงนั่งอ้าปากค้างอยู่ ร่างโปร่งกลั้นหายใจ ลุ้นจนตัวโก่งว่าอีกฝ่ายจะรังเกียจการกระทำของตนหรือไม่ แต่ทินกรเพียงแค่อ้าปากงับคุ้กกี้ชิ้นนั้นไว้ ดวงตาสีควันบุหรี่ยังคงเบิกกว้างเหมือนเด็กหลงทาง




ภรัณยูนึกอยากถอยกลับไปตั้งหลักเมื่อเห็นท่าทีไม่ตอบสนองนั้น แต่มาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่รู้ว่าชาตินี้เขาจะรวบรวมความกล้าได้มากเท่านี้อีกครั้งเมื่อไหร่




“ชิมด้วยสิ”




ก่อนที่ทินกรจะได้ประมวลผลว่าคำพูดของอีกฝ่ายหมายความว่าอย่างไร ริมฝีปากเรียวก็งับลงบนอีกด้านของคุ้กกี้ชิ้นนั้น ใบหน้าของคนทั้งคู่อยู่ใกล้เพียงลมหายใจกั้น แต่ภรัณยูไม่คิดว่าตนจะมีความกล้าที่จะทำอะไรมากกว่านี้




โชคดีของเขาที่ในที่สุดทินกรก็ดึงขนมชิ้ินเล็กออกจากปากแล้วบดขยี้ริมฝีปากของตนลงบนเรียวปากของภรัณยูราวกับเขาเป็นคุ้กกี้เจ้าโปรดของตน ภรัณยูถูกร่างสูงรุกเร้าจนต้องนอนราบไปกับโซฟาโดยมีร่างของทินกรทาบทับอยู่ด้านบน แขนเรียวยกขึ้นโอบรอบคอของเด็กหนุ่มขณะที่ริมฝีปากเผยอให้ลิ้นร้อนสอดเข้ามาตักตวงความหวานอย่างไม่ขัดขืน ภรัณยูหลับตา ดื่มด่ำกับสัมผัสที่ตนปฏิเสธว่าโหยหา



“อือ…”






เสียงครางในลำคอของภรัณยูปลุกร่างสูงให้ตื่นจากมนต์สะกดของริมฝีปากอ่อนนุ่มที่เขาหลงใหล ทินกรผละออกจากร่างข้างใต้ราวกับโดนของร้อน แววตาของเด็กหนุ่มมีทั้งความสับสนและหวาดกลัวปนเปกันไป



“ซัน…”




“พี่ภัทรต้องการอะไรกันแน่ครับ” คำถามของทินกรไม่มีความโกรธแค้นใดๆแอบแฝง มีเพียงความสับสนและไม่เข้าใจ แต่นั่นกลับยิ่งทำให้ภรัณยูรู้สึกเจ็บแปลบในอกมากกว่าเดิม




“ซัน…พี่...”




“พี่บอกผมว่าพี่ไม่อยากเห็นผมที่บริษัท พี่ทำเหมือนสิ่งที่ผมพยายามอยู่เป็นแค่ความหวังลมๆแล้งๆ แต่พอไม่มีสายตาของคนอื่น พี่ทำเหมือนผมมีโอกาส...” เสียงของร่างสูงสั่นเครือ ทินกรยกมือขึ้นนวดขมับ พยายามสงบสติอารมณ์ที่เป็นดั่งพายุที่กำลังก่อตัว “ผม...วันนี้ผมไม่ไหวจริงๆ...ขอโทษนะครับ”




“ซัน..เดี๋ยว...”





ภรัณยูมองคนที่หมุนตัวกลับขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเองที่อยู่ชั้นบนด้วยความว้าวุ่นใจ หากเป็นคนอื่น ร่างโปร่งคงกลับไปตั้งหลักที่ห้อง ปล่อยให้อีกฝ่ายได้มีเวลาส่วนตัว




แต่ทินกรไม่เหมือนคนอื่น




ทินกร...ไม่เหมือนใครที่เขาเคยพบเจอ




“ซัน…พี่เองนะ...”




รู้ตัวอีกที ภรัณยูก็มายืนอยู่หน้าห้องนอนของเด็กหนุ่มเสียแล้ว





ภายในห้องไม่มีเสียงตอบกลับมา ภรัณยูเม้มปากแน่น สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเอ่ยจุดประสงค์หลักที่ตนมาหาอีกฝ่ายในวันนี้




“เรื่องที่บริษัท พี่ขอโทษ”




“…” ยังคงไม่มีสัญญาณตอบรับจากคนที่เขาต้องการจะขอโทษ แต่เสียงฝีเท้าที่มาหยุดอยู่อีกฟากของประตูทำให้เชายหนุ่มรู้สึกใจชื้นขึ้น




“พี่…กลับก่อนนะ”




“กลับดีๆนะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นในที่สุด ภรัณยูอมยิ้ม เด็กอะไร โกรธเขาอยู่แท้ๆยังจะเป็นห่วงเขาอีก




คืนนั้น ภรัณยูนั่งมองหน้าจอโทรศัพท์ของตนสลับกับนาฬิกาที่อยู่มุมบนของจอ ปกติทินกรจะโทรมาช่วงสี่ทุ่มกว่าๆ ขณะนี้เพิ่งเลยสามทุ่มครึ่งมาเล็กน้อย อีกฝ่ายจะยังไม่โทรมาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก



ชายหนุ่มกดเข้าไปที่รายชื่อสมุดโทรศัพท์ ชื่อของทินกรที่เจ้าตัวเป็นคนบันทึกเองเด่นหราอยู่ในรายชื่อที่เขาโทรบ่อย แต่ไม่มีซักครั้งที่ภรัณยูจะโทรไปหาอีกฝ่ายหากไม่มีธุระอะไร




ร่างโปร่งจ้องมองตัวเลขทั้งสิบตัวภายใต้ชื่อนั้นจนสามารถท่องได้ขึ้นใจ แววตาของภรัณยูเต็มไปด้วยความลังเล แต่นิ้วเรียวก็ตัดสินใจกดโทรออกในที่สุด




“พี่ภัทร?มีอะไรรึเปล่าครับ?พี่ภัทรเป็นอะไรรึเปล่า?”




เสียงปลายสายฟังดูดีขึ้นกว่าที่เขาได้ยินล่าสุดแม้จะเจือไปด้วยความกังวลที่ภรัณยูโทรมาในเวลาแบบนี้




“เปล่า...” ชายหนุ่มกัดริมฝีปากอย่างชั่งใจ ทำให้เขาถึงไม่สามารถพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติอย่างทินกรบ้างนะ “...พี่แค่โทรมาราตรีสวัสดิ์”




“….”




ปลายสายนิ่งไปอีกครั้ง ภรัณยูไม่รู้ว่าทินกรช็อกตาค้างกับคำพูดเมื่อครู่ของเขาไปหรือยัง




“ฝันดีนะครับพี่ภัทร” เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใสในที่สุด




แน่นอน...คืนนั้นเขานอนหลับฝันดีเช่นเดียวกับทุกคืนที่เด็กหนุ่มโทรมากล่าวราตรีสวัสดิ์





------



กำลังจะตายในดงข้อสอบ :z6: :z6: :z6: :z6:

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
บางทีก็อยากถามภัทรว่า เป็นบ้าหรอ? ถ้านี่เป็นซันก็ไม่ไหวเหมือนกันอะ ถึงจะชอบมากให้ตาย เจอคนแบบภัทรเข้าไปก็ไม่ไหวนะ ไม่เข้าใจอะ :katai4:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
สงสารเด็กน้อยย คนแก่ก็อารมณ์แปรปรวนแบบนี้แหละ อิอิ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ซันสับสนในชีวิตเพราะภัทรเนี่ยแหล่ะ  :hao7:

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
ดีจริงภัทรมาง้อซันแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai1:


คุ้กกี้ !!!

ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ซันน้อยยยยยยยย

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
เด็กหนอเด็ก พอผู้ใหญ่กลับมาใส่ใจก็ดีใจเอาง่ายๆ

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
หลอกให้อยากแล้วจากไป ภัทรจะรักเด็กก็จริง
แต่ซันความคิดโตแล้วนะ แต่แค่อายุน้อยกว่าเอง
ซันถึงกับหงอยไปเลย พี่ก็พูดทำร้ายจิตใจจัง

ตลกมีน ซ้อมนอนหรือซ้อมเป็นหิน
เวลาคุณเชษฐ์อยู่ด้วย แล้วอารมณ์ดี ก็น่ารักจังเลยน้า

ออฟไลน์ Minty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ซันเล่นตัวอีกหน่อย ให้พี่ภัทรได้ตามง้อ :hao7:

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
โถ่ ซัน พอพี่ภัทรง้อหน่อย
ดีใจใหญ่เลยหล่ะสิ
 :impress2:

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
อารมณ์คนแก่เรื่องนี้ขึ้นๆลงๆซินะ
สงสารเด็กๆแต่เวลาง้อก็น่ารักจนลืมอายุไปเลยนะนี่อิอิยกโทษให้ค่ะ

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ความต่างของอายุ ความคิด หน้าที่การงานและฐานะมันเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งที่ต้องก้าวข้ามไปให้ได้

ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14
น้องมีนนนนนน
น่ารักจังเลยลูก

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ไม่แปลกใจทำไมภัทรถึงโสด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
Chapter 10: พายุพัด




“จะประกวดอะไรนักหนาวะเนี่ย เขาไม่กะให้กูเรียนหนังสือหนังหาบ้างเลยรึไง?”




พายุบ่นเป็นหมีกินผึ้งในห้องแต่งตัว แต่มีนาค่อนข้างมั่นใจว่าอารมณ์หงุดหงิดของร่างสูงน่าจะมาจากโมโหหิวมากกว่าโกรธเรื่องตารางการประกวดเดือนมหาวิทยาลัย เพราะใจจริงแล้วเขารู้ว่าร่างสูงก็สนุกกับชื่อเสียงที่ตามมาในฐานะเดือนคณะอยู่ไม่น้อย แค่ดูจากสาวน้อยสาวใหญ่ที่ตามกรี๊ดเชียร์ติดขอบสนามทุกครั้งก็พอจะเดาได้ไม่ยาก




“จะกินอะไรมั้ย?เดี๋ยวเราออกไปซื้อให้” มีนาเสนอ




“เออ เอาข้าวไข่เจียวหมูสับ ซัน มึงเอาอะไรป่ะ?”




พายุหันไปหาเพื่อนทีี่ก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารซึ่งมีนาค่อนข้างมั่นใจว่าไม่ใช่เอกสารประกอบการเรียน ทินกรส่ายหน้า ดึงปากกาไฮไลท์ที่คาบไว้มาขีดเน้นข้อความด้วยท่าทีจริงจัง มีนาเคยได้ยินว่าอีกฝ่ายเป็นลูกชายเจ้าของบริษัทใหญ่โตที่ไหนสักที่ ร่างเล็กรู้สึกชื่นชมเด็กหนุ่มวัยเดียวกันที่แม้จะคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด แต่ยังคงจริงจังกับการเรียนและการทำงานมากกว่าเด็กคนอื่นในรุ่นเสียอีก




พ่อแม่ของทินกรคงจะภูมิใจในตัวลูกชายมาก




“ข้าวไข่เจียวหมูสับนะ เอาน้ำอะไรด้วยรึ...อ๊ะ...”




“หลบค่ะชะนี” ชายร่างใหญ่แต่งหน้าหนาเตอะในชุดนักศึกษาแน่นเปรี๊ยะสะพายกระเป๋าเครื่องสำอางค์ครบชุดเดินชนมีนาที่กำลังลุกขึ้นจากเก้าอี้จนเซถลา โชคดีที่เดือนของซักคณะเดินผ่านมาแล้วคว้าตัวเขาไว้ได้ทันก่อนที่จะล้มจ้ำเบ้าลงไปกับพื้น




“เป็นอะไรมั้ย?”เด็กหนุ่มร่างสูงถาม มีนาส่ายหน้า




“เฮ้ย! ทำอะไรของมึงวะ?!”พายุลุกพรวดขึ้นมาจากเก้าอี้ทันทีที่เห็นว่าเพื่อนของตนโดนทำร้าย ด้วยความที่เด็กหนุ่มเป็นคนพูดจาโผงผางเสียงดังเป็นทุนเดิมแม้ไม่ได้โกรธใคร ทำให้คนรอบข้างเริ่มหันมามอง แต่นอกจากจะไม่ขอโทษแล้ว



สาว(?)อาวุโสยังหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ




“ว้าย ไม่ใช่ชะนีเหรอจ๊ะ เป็นลูกสาวก็ไม่บอก โมหน้าที่ไหนมาอ่ะ งานดีเว่อร์ค่ะลูก”




“อ้าวไอ้เชี่ยนี่...”




ทินกรรั้งตัวเพื่อนที่กำลังโมโหจนเลือดขึ้นหน้าไว้ อย่างหนึ่งที่มีนาเรียนรู้หลังจากเป็นเพื่อนกับพายุ คืออีกฝ่ายเป็นคนที่ปกป้องพวกพ้องของตัวเองมาก ถึงแม้จะเป็นคนปากเสียอย่างหาตัวจับยาก แต่เนื้อแท้แล้วอีกฝ่ายเป็นคนดีคนหนึ่ง




“คุณน้องนั่งสิคะ ยืนอยู่แบบนี้พี่ก็แต่งหน้าให้ไม่ได้พอดี” ช่างแต่งหน้าเฉพาะกิจที่ดูแล้วน่าจะเป็นนักศึกษาปีสูงในคณะเอ่ยราวกับไม่ได้ยินคำด่าของพายุ เพิกเฉยต่อท่าทีที่เหมือนกับจะกินหัวตนได้ทุกเมื่อของร่างสูงโดยสิ้นเชิง




“เจ๊แนนนี่คะ คนนี้พี่ชมพู่บอกให้หนูแต่ง พี่ไปแต่งหน้าดาวนะคะ”




มีนาถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับตนในชุดนักศึกษาพร้อมกระเป๋าเครื่องสำอางค์หน้าตาคล้ายกับของ’เจ๊แนนนี่’เข้ามาแทรกก่อนที่สถานการณ์จะเลวร้ายไปมากกว่านี้ มีนาคิดว่าเขาเคยเห็นเด็กหนุ่มร่างโปร่งคนนี้ในงานรับน้องร่วมกับคณะบริหารธุรกิจ อาจเป็นเพราะเครื่องสำอางค์อ่อนๆที่แต่งแต้มเสริมความสดใสให้ใบหน้าขาวเนียนที่ค่อนไปทางน่ารักมากกว่าหล่อและเส้นผมสีดำสนิทยาวประบ่าที่รวบไว้เป็นหางม้าดูแปลกตาทำให้อีกฝ่ายดูโดดเด่นในความทรงจำของเขา





“อ้าว ทำไมน้องเจนนี่แย่งสามีพี่ไปแบบนี้ล่ะคะ...”





“โอ๊ย อย่าอาลัยอาวรณ์ให้มันมากนัก น้องมันจะต่อยหน้าแกแหกอยู่แล้วไม่เห็นเหรอยะ?”




หญิงสาวรุ่นพี่อีกคนล็อกแขนลากเจ๊แนนนี่ไปยังดาวคณะที่ยังนั่งรออยู่ แม้พายุจะยังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันมองตามอีกฝ่ายไป แต่ก็ดูจะสงบลงเล็กน้อย มีนาหันไปทาง’เจนนี่’ที่ตอนนี้เขาจำได้แล้วว่าชื่อเจนวิทย์ เด็กคณะบริหารเช่นเดียวกับเพื่อนทั้งสอง เด็กหนุ่มเหลือบมองพายุอย่างกล้าๆกลัวๆเหมือนไม่มั่นใจว่าตนควรจะเข้าใกล้อีกฝ่ายในตอนนี้หรือไม่ พายุทิ้งตัวกลับลงไปบนเก้าอี้ ส่งเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ




“กูถึงได้เกลียดนักไง ไอ้พวกแม่งนี่...”




มีนาสังเกตว่าเจนวิทย์สะดุ้งกับคำพูดนั้น พายุส่ายหัวอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะสังเกตเห็นช่างแต่งหน้าของตนที่ยังยืนนิ่งอยู่กับที่




“อ้าว? ไม่แต่งล่ะ”




“คะ..ครับๆ แต่งครับ” เจนวิทย์ลุกลี้ลุกลนวางกระเป๋าลงบนโต๊ะด้านหลังของพายุแล้วเริ่มลงมีทำงานของตน สีหน้าของช่าง
แต่งหน้าจำเป็นดูประหม่าอย่างเห็นได้ชัด คาดว่าคำพูดของพายุจะไปแทงใจอีกฝ่ายเข้าให้ไม่มากก็น้อย




“เวย์ ปล่อยเพื่อนได้แล้วมั้ง” เสียงของทินกรทำให้มีนาเพิ่งตระหนักว่าตนยังคงอยู่ในอ้อมกอดของคนแปลกหน้า เด็กหนุ่มร่างสูงรีบปล่อยมีนาเป็นอิสระทันทีที่ถูกทัก




“เอ้อ โทษทีๆ มัวแต่ดูคนทะเลาะกัน” คนที่ชื่อเวย์เอ่ยพร้อมรอยยิ้มแห้ง ดูจากเสื้อช็อป อีกฝ่ายน่าจะเป็นตัวแทนของคณะวิศวกรรม และเป็นตัวเต็งในการประกวดครั้งนี้




แต่หากจะให้พูดตามความคิด มีนาคิดว่าทินกรดูดีกว่าผู้เข้าประกวดทุกคนที่เขาเห็นอยู่หลายขุม หากอีกฝ่ายลงเข้าประกวด ดีไม่ดีอาจจะชนะไปเลยโดยไม่ต้องแข่งก็เป็นได้




“แล้วนี่มึงรอดเงื้อมือกองประกวดมาได้ไง?” เวย์ หรือที่ชื่อที่ปักอยู่บนเสื้อช็อปเขียนไว้ว่า วศิน พิพัฒน์ธาราถามอย่างสงสัย




“โดดรับน้อง”ทินกรตอบตามความเป็นจริง




“อะไรวะ ทำไมมึงถึงรอดงานแบบนี้ทุกที” วศินบ่นอุบ




สองคนนี้รู้จักกันมาก่อนด้วยงั้นหรือ?




“เอ่อ งั้นเราไปซื้อข้าวให้พายุก่อนนะ”




มีนาเอ่ยขอตัวกับคนทั้งสอง เหลือบมองไปทางเดือนคณะบริหารที่ตอนนี้นั่งหน้าบูดให้เพื่อนร่วมคณะแต่งหน้าให้อยู่ในตอนนี้
เดี๋ยวถ้าโมโหหิวไปมากกว่านี้จะยุ่งไปกันใหญ่










เมื่อมีนากลับมาถึง เจนวิทย์ก็หายไปเสียแล้ว เหลือเพียงเพื่อนทั้งสองที่คนหนึ่งนั่งก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสาร กับพ่อเดือนคณะรูปหล่อที่ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ไม่สนใจใคร




“พายุ ข้าวมาแล้ว”



“เอ้อ แทงกิ้ว หิวไส้จะขาดแล้วเนี่ย”




พายุบ่นอุบ พอเปิดฝากล่องโฟมได้ก็พุ้ยข้าวเข้าปากอย่างหิวโหยสมกับที่รอ มีนานั่งลงข้างๆร่างสูง เขารู้ว่ามันไม่ใช่ที่ของเขาที่จะตักเตือนอีกฝ่าย แต่มีนาไม่อาจปล่อยให้คนที่ตนเรียกว่าเพื่อนมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อคนเพียงเพราะการแต่งกายหรือการแสดงออกของคนกลุ่มนั้น




“พายุ ทำไมพายุถึงเกลียด...พี่ที่เขาเป็นสาวประเภทสองเหรอ?” ร่างเล็กพยายามสรรหาคำที่ฟังดูเป็นกลางมากที่สุด พายุ
ชะงัก กลืนข้าวในปากลงคอพร้อมกับตอบด้วยสีหน้างุนงง




“ใครบอก? กูไม่ได้เกลียดตุ๊ดซะหน่อย เพื่อนกูที่เป็นตุ๊ดก็มีเยอะแยะ”




“อ้าว...แล้วที่บอกว่าเกลียดคนพวกนี้...”




“กูหมายถึงพวกที่คิดว่าตัวเองไม่เคยทำอะไรผิด ทำคนอื่นเจ็บยังทู่ซี้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กูไม่ชอบ”




ร่างสูงไขข้อข้องใจ มีนาพยักหน้าเมื่อถึงบางอ้อ นี่เขาเข้าใจอีกฝ่ายผิดไปเองสินะ




“ถ้าอย่างนั้นก็แล้วไป...”



“ว่าแต่ช่างแต่งหน้าคนเมื่อกี้หายไปไหนแล้ววะ?” เดือนคณะบริหารธุรกิจมองไปรอบๆ ทว่าไร้วี่แววของช่างแต่งหน้าที่เอาแต่ละเลงสีลงบนใบหน้าของเขาไม่พูดไม่จาก่อนหน้านี้



“หือ? ทำไมเหรอ?” มีนาถาม เงยหน้าขึ้นมาฟังคำตอบของเพื่อนข้างๆด้วยสีหน้าสนใจ



“เปล่า น่ารักดี” พายุตอบด้วยสีหน้าเป็นธรรมชาติราวกับกำลังคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ ผิดกับมีนาที่อ้าปากค้างจนคางแทบจะติดพื้นอยู่แล้ว



“เอ๊ะ...แต่ว่า...”...พายุไม่ได้ชอบผู้หญิงหรอกเหรอ?




“มึงมีปัญหา?” ดวงเนตรสีรัตติกาลหรี่ลงเมื่อเห็นท่าทีของเพื่อน มีนาส่ายหน้าพรืด




“ปะ…เปล่า เราแค่ตกใจน่ะ”




“แล้วไป เข้ากันไม่ได้เดี๋ยวจะลำบากกูทีหลัง” พายุเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายใจราวกับว่าเพียงแค่มีนายอมรับ เจนวิทย์ก็ตกเป็นสมบัติของเดือนคณะรูปหล่อโดยไม่จำเป็นต้องถามความยินยอมสมัครใจใดๆจากเจ้าตัว ทินกรที่นั่งฟังอยู่เงียบๆมาตลอดอดย้อนถามเพื่อนด้วยคำถามที่อีกฝ่ายเคยถามตนก่อนหน้านี้ไม่ได้




“แน่ใจนะว่าเขาจะเอา?”




“อย่างกูใครจะไม่เอา” พายุตอบอย่างไร้ซึ่งความกังวลใดๆ




มีนาได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆกับความมั่นใจเกินร้อยของเพื่อน ก่อนจะเปิดกระเป๋าหยิบเอาชีทเรียนออกมาอ่านทบทวนรอเวลาที่ธีรเชษฐ์จะมารับกลับไปที่คอนโดเช่นเคย







“ให้นักศึกษาแบ่งกลุ่มละสามคน วิเคราะห์วรรณกรรมที่ให้ไปอ่านนะคะ ส่งสัปดาห์หน้านะ”




วิชาที่ทินกรมีปัญหามากที่สุดยังคงเป็นวิชาภาษาไทย ซึ่งเป็นวิชาบังคับของเด็กปีหนึ่งทุกคณะ โชคดีของเขาที่การแบ่งเซคเรียนในวิชานี้ใช้การลำดับการลงทะเบียนรายวิชาเป็นตัวตัดกลุ่ม ทำให้เขา มีนา และพายุ ได้อยู่ในเซคเดียวกัน




“มีน มึงจะอยู่กับเพื่อนในคณะมึงป่ะ?” พายุหันไปถามเพื่อนตัวเล็ก มีนาส่ายหน้า จะว่าไป ทินกรก็ไม่เคยเห็นอีกฝ่ายอยู่กับเพื่อนในคณะของตัวเองเท่าไหร่ “งั้นไปทำรายงานห้องกูมะ? อ่านกันจบแล้วใช่ป่ะ?”




“ยังอ่ะ”




ทินกรส่ายหน้า เขายังอ่านได้ไม่ถึงครึ่งเรื่องด้วยซ้ำ นอกจากความซับซ้อนในตัวของเนื้อเรื่องเองแล้ว ภาษาที่ใช้ก็สละสลวยเสียจนคนที่มีความสามารถในการอ่านเทียบเท่าเด็กประถมต้นอย่างเขาถึงกับเหงื่อตกเวลาหยิบขึ้นมาอ่านแต่ละครั้ง




“ให้เราเล่าเรื่องย่อให้ฟังมั้ย?” มีนาเสนออย่างมีน้ำใจ




“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ตกลงจะไปทำรายงานกันที่ไหน?”




พายุขัดขึ้น ด้วยตาสีนิลเหลือบมองกลับไปมาระหว่างพวกเขากับร่างของเด็กหนุ่มที่แม้จะอยู่ในชุดนักศึกษาชายแต่ก็ยังคงแต่งหน้าทาปากอ่อนๆที่นั่งจับกลุ่มปรึกษางานกับเพื่อนผู้หญิงอีกสองคนที่อีกฟากของห้อง




“ยังไงก็ได้ มีนว่าไง?” ทินกรหันมาหาเพื่อนตัวเล็กด้วยรู้ว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นคนที่มีปัญหาที่สุด มีนาอึกอัก




“เอ่อ...เรา..เราขอโทรถาม...ที่บ้านก่อนได้มั้ย?”




“ทำอะไรก็ทำ จะเอาไงก็บอก เดี๋ยวกูมา”




พายุลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมเหวี่ยงกระเป๋าเป้ขึ้นสะพายที่ไหล่ซ้าย วางมาดเก๊กหล่อเต็มที่ขณะเดินทอดน่องล้วงกระเป๋าไปหาคนที่ยังหันหลังคุยกับเพื่อนๆเสียงดังอย่างออกรส




มีนาหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาจากกระเป๋าเป้แล้วเดินออกไปที่ระเบียงทางเดิน เวลาพักเที่ยงแบบนี้อีกฝ่ายน่าจะมีเวลารับโทรศัพท์เขาละมั้ง




“เป็นอะไรรึเปล่า?”




เสียงที่ดังขึ้นจากปลายสายแม้จะไม่ได้ฟังร้อนรน แต่ก็ยังห่างไกลจากคำว่าสงบเยือกเย็นอยู่มาก




จริงสิ...คุณเชษฐ์บอกให้เขาโทรหาแค่ในเวลาฉุกเฉินนี่นา




“เปล่าครับ..ขอโทษนะครับที่โทรมารบกวน...” เด็กหนุ่มตอบเสียงเบา




“มีอะไร?” ปลายสายผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงติดรำคาญเล็กน้อย




“ผมขออนุญาตไปทำรายงานที่ห้องของเพื่อนวันเสาร์นี้ได้มั้ยครั...”




“ไม่อนุญาต” ธีรเชษฐ์เอ่ยตัดบทก่อนที่เขาจะพูดจบ “ไปหาร้านกาแฟหรือห้องสมุดทำซะ”




ติ๊ด!




อีกฝ่ายตัดสายไปก่อนที่มีนาจะได้อ้าปากเถียง ร่างเล็กคอตกกับคำสั่งของเจ้าชีวิต ก่อนจะเดินกลับไปหาทินกรและพายุที่ตอนนี้ดูจะอารมณ์ดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มาก




“คือ…เราว่าพวกเราไปทำงานที่ห้องสมุดกันดีมั้ย?” มีนาเสนอ พายุแค่นเสียงเหอะ เอ่ยด้วยสีหน้าไม่เชื่อ




“มึงว่า...หรือใครว่ามึงมา?”




“คะ..คือ....”




“น่าๆ เพื่อนเขาไม่สะดวกก็อย่าไปบังคับเลย ไปห้องสมุดก็ได้ เนอะ” ทินกรเจรจาขอประณีประณอม เด็กหนุ่มผิวเข้มกลอกตาอย่างเหลืออด เอนตัวพิงพนักเก้าอี้พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด




“ผัวหรือพ่อวะ? สั่งได้แม่งทุกอย่าง”




“….” มีนาทำได้เพียงก้มหน้ามองมือของตัวเองอย่างอับอาย เขารู้ว่าที่เพื่อนพูดเพราะเป็นห่วง แต่เขาไม่อยู่ในสถานะที่
สามารถจะขัดคำสั่งของธีรเชษฐ์ได้ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเรียกร้องอะไรจากเขา




ที่เป็นอยู่ตอนนี้มีนาก็สำนึกในความเมตตาของธีรเชษฐ์มากพออยู่แล้ว




“ถ้างั้นเจอกันที่ห้องสมุดพรุ่งนี้นะ”






ทินกรเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ มีนาพยักหน้า คว้ากระเป๋าของตัวเองมากอดไว้แนบอกแล้วเดินก้มหน้าก้มตาออกไปจากห้องเรียนอย่างที่ทำเป็นประจำจนเป็นภาพชินตาของเพื่อนทั้งสอง








ภรัณยูยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า ดวงตาสีน้ำตาลไล่หาชุดที่ไม่ใช่ชุดทำงานและเสื้อคอปกแขนยาวที่ตนใส่ประจำ เมื่อคืนทินกรโทรมาดึกกว่าทุกคืนด้วยน้ำเสียงสะลืมสะลือเหมือนเป็นฝ่ายที่งัวเงียรอโทรศัพท์เสียเอง แถมยังไม่ได้โทรมาเพียงเพื่อจะบอกราตรีสวัสดิ์เขาเช่นทุกคืนอีกด้วย




“พี่ภัทร พรุ่งนี้ว่างมั้ยครับ...ฮ้าว...”




คำพูดของทินกรถูกคั่นด้วยเสียงหาว ภรัณยูขมวดคิ้วเมื่อไปยินความเหนื่อยล้าในน้ำเสียงที่มักจะสดใสอยู่เสมอ



“เป็นอะไรไป? ทำไมเสียงเพลียขนาดนั้น?”




“อ่านหนังสืออยู่ครับ...” ทินกรหาวอีกรอบ “พรุ่งนี้ไปห้องสมุดที่มอกับผมนะ”




“ห้องสมุด?” ภรัณยูทวนคำอย่างงุนงง




“อื้อ...อยากให้ไป...” เสียงของอีกฝ่ายเหมือนจะหลับคาโทรศัพท์ได้ทุกเมื่อ




“โอเคๆ เดี๋ยวพี่ไปรับแปดโมงนะ” ชายหนุ่มรับปาก ถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว



“Okay, It’s a date.”



อีกฝ่ายเอ่ยเสียงงึมงำฟังแทบไม่ได้ศัพท์ก่อนจะตัดสายไป ทิ้งให้ภรัณยูนั่งตาสว่างอยู่กับโทรศัพท์มือถือของตน



เดท?



เมื่อกี้ทินกรบอกว่าเป็นเดทงั้นเหรอ?



นอกจากที่อีกฝ่ายพาเขาไปที่ร้านหรูเพื่อหวังมอมเหล้าเขาในครั้งนั้น ภรัณยูก็ไม่เคยคิดถึงการไปทานข้าว ไปไหนมาไหนกับทินกรเป็นการเดทเลยสักครั้ง ความตื่นเต้นที่ไม่เคยได้รู้สึกมานานทำให้ภรัณยูรู้สึกร้อนรนเป็นพิเศษ




และคำพูดทิ้งท้ายของเด็กหนุ่มก็ทำให้ภรัณยูที่เพิ่งตระหนักได้ว่าตัวเองไม่มีชุดอะไรใส่นอกจากชุดทำงานและชุดสูทสำหรับงานเลี้ยงบริษัทมายืนงงเป็นไก่ตาแตกอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าของตัวเองแบบนี้




เขารู้ว่าอายุอานามตัวเองก็ขึ้นเลขสามไปแล้ว ถึงแม้หน้าจะดูเด็กแค่ไหนแต่ภรัณยูก็รู้ว่าเขาไม่สามารถหลอกใครได้ว่าเป็นเด็กหนุ่มรุ่นเดียวกับทินกร ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นร่างโปร่งก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจที่จะแต่งตัวตามปกติออกไปพบกับนักศึกษาหนุ่มอยู่ดี




เอายังไงดีล่ะเนี่ย?









“เฮียภัทร? มาทำอะไรแต่เช้าครับเนี่ย?”




ญาติผู้น้องของเขาเปิดประตูบ้านออกมาด้วยสีหน้าประหลาดใจ แต่ภรัณยูรู้ดีจากการที่เคยมาอาศัยอยู่ที่นี่สมัยที่ยังเป็นนักเรียนเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยว่าเลยเวลาตื่นนอนของอีกฝ่ายก่อนที่เขาจะมากดออดหน้าบ้านนานแล้ว



“พี่ยืมเสื้อผ้าหน่อยสิ”




“หือ? อารมณ์ไหนเนี่ย” ร่างโปร่งที่สูงน้อยกว่าเขาเพียงไม่กี่เซนติเมตรถามอย่างงุนงง “เห็นปกติผมจะพาไปซื้อเสื้อผ้าทีแทบจะกอดเสาบ้านไม่ยอมไป”




“เถอะน่า ยืมตัวที่มันไม่...ฉูดฉาดซักตัวสิ” ภรัณยูบ่ายเบี่ยง แต่ญาติผู้น้องไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ




“ฮั่นแน่~ ลงทุนขนาดนี้นัดใครไว้ครับ”



“พอเลยไอ้เหนือ ไม่ต้องมาซักพี่เลย พี่รีบ”




ภรัณยูผลักญาติผู้น้องเบาๆ ถึงกระนั้นเรียวปากบางยังไม่สามารถสะกดกลั้นรอยยิ้มไว้ได้ ถึงแม้จะมีอายุห่างกันถึงสิบสองปีและไม่ได้เจอกันบ่อยนัก แต่เขากับเหนือฟ้ายังคงสามารถพูดคุยกันอย่างสนิทสนมเหมือนไม่เคยจากกันไปมากกว่าหนึ่งวัน




“ครับๆ เดี๋ยวจะแต่งให้คนเหลียวหลังมองทั้งซอยเลย” ชายหนุ่มอายุน้อยกว่า เจ้าของผมย้อมสีทองสว่างดึงญาติผู้พี่เข้าไปในบ้านพร้อมรอยยิ้มกว้าง




ภรัณยูได้แต่ทอดถอนใจ นี่แค่เพื่อไปเดทกับทินกร เขาต้องยอมขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย


---------

ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14
ชอบน้องมีนมากกกกกก
ฮืออออออ น่ารักที่สุดดดด
เมื่อไหร่พ่อลูกจะได้เจอกัลลลล

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
มีนเอยมีน  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ถ้าพ่อลูกมาป๊ะกันคงช็อกทั้งสองฝ่าย555

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
อุ๊ย คนแก่ออกเดต อิอิ

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
พี่ภัทรเตรียมตัวไปเดทไว้ดีมาก
หวังว่าซันคงไม่ทำพี่ผิดหวังนะ

มีนน่ารักและน่าสงสารในเวลาเดียวกัน
คุณเชษฐ์ก็ชอบทำเข้มจนน้องคิดมากว่าไม่ชอบกัน

พายุมีความรุกนะ เจนจะรับไหวไหม คงไม่นอยด์ไปก่อนแล้ว




ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
พี่ภัทรแต่งออกมานี้จะลดอายุไปได้กี่ปี ที่แน่ ๆ คงมีเด็กหลงจนหัวปักหัวปำ ถอนตัวไม่ขึ้นแน่

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
พ่อยังไม่ห้ามเท่าผัวเลยจ้า :hao3: หวงจริงจัง ดุมาก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด