ภรัณยูก้มลงมองเค้กก้อนเล็กที่ยังคงวางอยู่ระหว่างพวกเขาทั้งคู่ ก่อนจะตักเอาเค้กคำโตเข้าปากไปอีกคำ
เขาเชื่อว่าดีกรีของวอดก้าในเค้กจะมากพอที่จะเพิ่มความกล้าให้เขาแม้จะเพียงแค่เล็กน้อย
“พี่ภัทรครับ?” ทินกรเอียงคออย่างงุนงงกับการกระทำของเขา ภรัณยูหยิบเค้กที่เหลืออยู่ไม่ถึงครึ่งก้อนไว้บนโต๊ะหัวเตียง ก่อนจะหันกลับมาหาเจ้าของวันเกิด
ทินกรเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อภรัณยูทรุดตัวลงคุกเข่าอยู่บนพื้นตรงหน้าของตน มือเรียวแยกขายาวของเด็กหนุ่มออกก่อนจะปลดซิปกางเกงของร่างสูงออก ดวงตาสีน้ำตาลจดจ้องอยู่กับการกระทำของตน ปฏิเสธที่จะเงยหน้ามองทินกรด้วยไม่อย่างให้ความกล้าที่เรียกออกมาอย่างยากลำบากสลายไป
แม้ว่าสิ่งนี้จะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับภรัณยู แต่หากเทียบกับจำนวนครั้งที่ทินกรปรนเปรอความสุขให้กับเขา ชายหนุ่มยังคงขาดการฝึกฝนอยู่มาก
เขาได้แต่หวังว่าความตั้งใจของตัวเองจะช่วยทดแทนความอ่อนประสบการณ์นี้
“อึ่ก…พี่ภัทร…”
เสียงของทินกรพร้อมกับสะโพกสอบที่ขยับเข้าหาโพรงปากอุ่นตามสัญชาตญาณทำให้ภรัณยูรู้สึกมั่นใจมากขึ้น ลิ้นเรียวหยอกล้อกับส่วนปลายก่อนจะขยับศีรษะอย่างเชื่องช้า พยายามปรับตามความต้องการที่ขยายตัวจนคับแน่นไปหมดนั้น
“พี่…พี่ภัทร…” ภรัณยูรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อมือใหญ่ขยุ้มกลุ่มผมนุ่มเพื่อระบายอารมณ์ แต่ก็อดรู้สึกดีใจไม่ได้ที่ตนสามารถทำให้ทินกรเสียการควบคุมจนเผลอทำเรื่องที่ไม่เคยทำแบบนี้ “พี่ภัทร…ผมจะ…”
ภรัณยูผละจากร่างสูงตรงหน้าก่อนที่ทินกรจะได้พูดจบ เด็กหนุ่มปรือตาขึ้นอย่างประหลาดใจ ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อร่างโปร่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าตวัดขาคร่อมหน้าตักของตนพร้อมยกแขนโอบรอบคอของร่างสูงไว้
“พี่ภัทร…จะทำอะไร…”
“ของขวัญเกิดไงครับ…” ภรัณยูตอบยิ้มๆ ขยับสะโพกมนบดเบียดกับความต้องการที่ยังคงไม่ได้รับการปลดปล่อยของทินกร การเสียดสีผ่านเนื้อผ้านั้นทำเอาเด็กหนุ่มขบกรามแน่น แต่ยังคงพยายามควบคุมสติของตัวเองไว้อย่างเต็มที่
“พี่ภัทร หยุดก่อนครับ!”
น้ำเสียงเฉียบขาดของเด็กหนุ่มทำให้ภรัณยูชะงัก ความมั่นใจที่เรียกขึ้นมาได้อย่างยากลำบากหายไปแทบจะในทันที เขาไม่รู้ว่าทำไม แต่ความคิดที่ว่าทินกรจะไม่ต้องการเขาไม่เคยแวบเข้ามาในหัวของร่างโปร่ง ภรัณยูผุดลุกขึ้นจากตักของอีกฝ่าย ใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความอับอาย
“พี่ขอโทษ พี่…พี่ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ซันลำบากใจ…”
“ผมต่างหากที่กำลังทำให้พี่ภัทรลำบากใจ” ทินกรเอ่ยขัดขึ้น ดวงตาสีควันบุหรี่เศร้าหมองจนภรัณยูรู้สึกเจ็บแปลบในอก “ผมเคยคิดว่าต่อให้พี่ภัทรแค่ยอมเพราะความสงสาร ผมก็มีความสุขกับทุกอย่างที่พี่ภัทรให้ แต่ตอนนี้…ผมไม่อยากได้แค่ความสงสารของพี่ภัทรแล้ว”
“ซันคิดว่าพี่จะยอมนอนกับใครแค่เพราะความสงสารเหรอ?” ภรัณยูถามย้อนด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ “ ซันคิดว่าพี่ง่ายขนาดนั้นเลยรึไง?”
“…ถ้าไม่ใช่เพราะความสงสาร แล้วเป็นเพราะอะไรล่ะครับ?”
ภรัณยูเห็นประกายความหวังผุดขึ้นมาในดวงตาสีควันบุหรี่ ร่างโปร่งเบือนหน้าหนีอย่างหงุดหงิด
“เรื่องแค่นี้คิดเองไม่ได้เหรอ?”
“ผมคิดเองได้ แต่ผมไม่รู้ว่าสิ่งผมคิด มันใช่สิ่งที่พี่ภัทรคิดรึเปล่า” ทินกรตอบ ดวงตาคมเว้าวอนขอคำตอบจากปากของคนตรงหน้า
ภรัณยูถอนหายใจ
เขาไม่ใช่คนพูดเก่ง ถึงแม้เขาจะมีความคิดมากมายในหัว แต่น้อยครั้งที่ความคิดพวกนั้นจะได้เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากบาง ร่างโปร่งไม่ค่อยเอื้อนเอ่ยความคิดของตนให้ใครรู้หากไม่จำเป็นจริงๆ
แต่ดูเหมือนว่านี่จะเป็นหนึ่งในสถานการณ์ที่ ‘จำเป็นจริงๆ’นั้น
“ถ้าพี่ไม่รู้สึกดีกับซัน พี่คงไม่มายืนอยู่ตรงนี้…พอใจรึ…อ๊ะ!!”
ร่างโปร่งถูกเด็กหนุ่มตรงหน้าดึงกลับลงไปบนเตียงโดยมีร่างสูงใหญ่ทาบทับลงมา แม้จะไม่ถึงกับรุนแรงอถไร แต่แรงของทินกรที่มากกว่าปกติบ่งบอกว่าครั้งนี้ของพวกเขาจะแตกต่างไปจากทุกครั้งที่ร่างสูงมอบความสุขให้เขาผ่านมือใหญ่และริมฝีปากได้รูป
“หมดโอกาสเปลี่ยนใจแล้วนะครับ”
ดวงตาสีควันบุหรี่เข้มขึ้นจากความต้องการที่ไม่ได้รับการปลดปล่อย มือใหญ่กระชากชุดทำงานของเขาออกจากร่างขาวราวกับไม่สามารถรอได้มากกว่านี้แม้แต่วินาทีเดียว
น่าแปลกที่ภรัณยูไม่ได้รู้สึกอยากห้ามการกระทำของเด็กหนุ่ม หนำซ้ำยังอดรู้สึกตื่นเต้นกับด้านที่เขาไม่เคยเห็นนี้ของทินกรไม่ได้
“ซัน…ปิดไฟก่อน…อ๊ะ…”
ขาเรียวเปลือยเปล่าถูกจับแยกออกกว้าง ภายใต้แสงไฟสว่างจ้า ภรัณยูสามารถเห็นแววตาของอีกฝ่ายที่ไล้โลมไปตามเรือนร่างไร้อาภรณ์ของเขาอย่างหื่นกระหายอย่างชัดเจน ร่างโปร่งพยายามหุบขาของตนกลับเข้ามา แต่ทินกรไม่ยอมปล่อยให้เขาทำอย่างที่คิด
“ทำไมล่ะครับ?” ทินกรเลียริมฝีปากด้วยท่วงท่าที่ทำให้ภรัณยูกลืนน้ำลายฝืดคอ “พี่ภัทรไม่อยากรู้เหรอครับ…ว่าผมจะทำอะไรกับของขวัญวันเกิดที่พี่ภัทรให้”
“มะ…ไม่เห็นจะอยากรู้เลย” คนถูกแกล้งเถียง ยกมือปิดหน้าตัวเองอย่างอับอาย แต่เป็นอีกครั้งที่ทินกรไม่ยอมให้ชายหนุ่มได้ทำตามใจปรารถนา มือใหญ่รวบข้อมือทั้งสองข้างของภรัณยูตรึงไว้เหนือศีรษะด้วยมือข้างเดียว
“ไม่เป็นไรครับ ยังไงผมก็จะเปิดไฟ” ทินกรฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ “เพราะผมอยากเห็นพี่ภัทรชัดๆตอนที่พี่ภัทรเป็นของผม…”
“ไอ้เด็กบ้า…อ๊ะ…อะ…”ภรัณยูไม่รู้ว่าตัวเองเผลอใจอ่อนกับเจ้าเด็กกะล่อนนี่ได้อย่างไร
คืนนั้น ร่างโปร่งไม่รู้ว่าตัวเองเพลียจนหลับไปตอนไหน แต่เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า อุณภูมิผิวกายของทินกรที่แนบสนิทกับแผ่นหลังของเขาทำให้ภรัณยูอดยิ้มออกมาไม่ได้
วงแขนหนากระชับอ้อมกอดขึ้นเมื่อรู้สึกถึงการขยับตัวของเขา คนที่ภรัณยูเข้าใจว่าหลับอยู่ขโมยหอมที่แก้มของเขาไปฟอด
ใหญ่พร้อมเสียงพร่าที่กระซิบข้างหู
“Good morning ครับพี่ภัทร”
ริมฝีปากได้รูปไล่ประทับจุมพิตจากหัวไหล่มนลงมาตามแผ่นหลังขาวเนียน ภรัณยูพลิกตัวหันกลับเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มเมื่อทนความรู้สึกวาบหวามจากสัมผัสของริมฝีปากนั้นไม่ไหว แต่หน้าท้องแบนราบกลับกลายเป็นเป้าหมายต่อไปของคนที่ยังคงมัวเมากับผิวกายของเนียนของคนอายุมากกว่า
“พะ…พอแล้วซัน… พี่ต้องไปทำงาน…” ภรัณยูเอ่ยปราม แม้ว่าร่างกายของตนจะขยับเข้าหาสัมผัสของอีกฝ่ายอย่างห้ามไม่อยู่ก็ตาม
ทินกรหัวเราะในลำคอ
“จะไปทำงาน เดินได้เหรอครับพี่ภัทร”
คนถูกแซวค้อนขวับกลบเกลื่อนความอาย ตวัดขาลงจากเตียง ก่อนจะทรุดฮวบลงไปกับพื้นในก้าวแรก เล่นเอาคนขี้แกล้งรีบคว้าอีกฝ่ายเอาไว้แทบไม่ทัน
“พี่ภัทร…ผมว่าวันนี้พี่ภัทรนอนพักก่อนดีมั้ยครับ?” ทินกรถามด้วยความเป็นห่วง ภรัณยูส่ายหน้า
“พี่ไหว”
“แต่ว่า…”
”เชื่อพี่สิ” ภรัณยูตัดบท หันไปหาเด็กหนุ่มข้างกายพร้อมกับเลิกคิ้ว “ไม่อย่างนั้นหลังจากนี้พี่ไม่ต้องลางานทุกวันเลยเหรอ?”
คนที่กลั่นแกล้งเขาจนไม่ได้นอนตลอดทั้งคืนเกาแก้มอย่างขัดเขินกับคำพูดนั้น แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าเหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก ซึ่งภรัณยูก็รู้ดีอยู่แล้วจึงไม่ได้รู้สึกอยากเขกกะโหลกอีกฝ่ายเท่าที่ควร
“ถ้าอย่างนั่นให้ผมไปส่งนะครับ”ทินกรเสนอตัว เมื่อเห็นภรัณยูขมวดคิ้วอย่างลำบากใจร่างสูงจึงรีบเอ่ยเสริม “ผมสัญญาว่าจะไม่ให้ใครเห็นผม”
ทั้งที่นั่นควรจะทำให้ภรัณยูโล่งอกที่อีกฝ่ายเข้าใจ แต่ชายหนุ่มกลับรู้สึกผิดขึ้นมาเมื่อเห็นว่าทินกรดูจะคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าเขาอยากให้มีคนรู้เรื่องของพวกเขาน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
คงเป็นเพราะในความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ คนที่เขาคบด้วยมักจะเป็นฝ่ายตั้งกฏและกะเกณฑ์ชีวิตคู่ของพวกเขาทุกอย่าง ภรัณยูจึงรู้สึกผิดที่ครั้งนี้เขากลายเป็นฝ่ายเรื่องมากขึ้นมา…
เดี๋ยวนะ…
ร่างโปร่งหน้าแดงวาบเมื่อคิดได้ว่าตัวเองเผลอให้คำจำกัดความสถานะของพวกเขาไปในความคิดโดยไม่รู้ตัว
“นะครับพี่ภัทร…” ทินกรออดอ้อนเมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งไปนาน เหมือนว่าอีกฝ่ายแปลความหมายความเงียบของเขาเป็นคำปฏิเสธไปเสียแล้ว“ผมเป็นห่วง”
แน่นอน…คนอย่างเขาเคยปฏิเสธสายตาออดอ้อนของลูกหมาตัวโตตัวนี้ได้ที่ไหน
“ซัน ลานจอดรถพนักงานมันสูงสุดแค่ชั้นนี้นะ” ภรัณยูเตือนเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มยังคงวนรถขึ้นไปชั้นบนอย่างต่อเนื่อง
“ผมไม่อยากให้พี่ภัทรเดินไกลนี่ครับ” ทินกรที่อยู่ในชุดสูททำงานเต็มยศตอบพร้อมรอยยิ้ม หยิบบัตรสีขาวจากกระเป๋าเสื้อนอกของตนขึ้นมาแตะที่เซ็นเซอร์ของรั้วกั้นแล้วขับเข้าไปในลานจอดรถผู้บริหารซึ่งแยกชั้นอยู่กับพนักงานอย่างพวกเขาอีกที
“แต่นี่มันรถพี่นะ ที่จอดรถผู้บริหารเขาล็อคทะเบียนไว้ไม่ใช่…” เสียงของภรัณยูกลืนหายลงไปในลำคอเมื่อเขาเห็นป้ายที่แปะอยู่บนกำแพงของช่องจอดรถ
‘ทินกร ทรัพย์ดำรง ประธานกรรมการ’ และป้ายทะเบียนของภรัณยูเด่นหราบนป้ายเหล็ก ร่างโปร่งหันขวับไปหาคนขับที่ยิ้มเจื่อนๆราวกับเด็กน้อยที่รู้ว่าตัวเองทำผิดแต่หวังว่าความน่ารักของตนจะทำให้คนอื่นให้อภัย
“ผมแค่ทำไว้เผื่อวันที่พี่ภัทรไม่มีที่จอดรถ…”
“แบบนี้คือไม่เป็นจุดสนใจของซันเหรอ?” ภรัณยูถามเสียงดุ เล่นเอาคนมีชะนักติดหลังรีบแก้ตัว
“ไม่ต้องห่วงครับพี่ภัทร ส่วนนี้ของลานมีแค่ผม พ่อ กับพี่เมฆที่เข้าได้ เดี๋ยวนี้พ่อจอดรถไว้ข้างหน้าบริษัทจะได้หนีพี่หมอกง่ายๆ ส่วนพี่เมฆก็เลิกขับรถมาหลายปีแล้ว ลานจอดรถนี้มีผมใช้แค่คนเดียว”
ภรัณยูไม่ได้ซักไซร้อะไรต่อ ทินกรลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าเหตุผลของตัวเองดูจะเป็นที่พึงพอใจของร่างโปร่ง
“พี่ภัทรลงไปก่อนก็ได้นะครับ ลิฟต์อยู่หน้าประตู เดี๋ยวซักสิบนาทีผมค่อยเข้าไป จะได้ไม่ผิดสังเกต” เด็กหนุ่มเสนอ ภรัณยูกัดริมฝีปาก แววตาของชายหนุ่มดูราวกับกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายร่างโปร่งเพียงแต่พยักหน้า แล้วเปิดประตูก้าวลงไปจากรถ
ทินกรดับเครื่องยนต์พร้อมกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เอนศีรษะพิงเบาะอย่างอ่อนเพลียแล้วหลับตาลงเพื่อหลบหนีจากโลกแห่งความเป็นจริงสักพัก
คำถามที่ยังคงค้างคาอยู่ในใจตั้งแต่วินาทีที่ภรัณยูก้าวเข้ามาในห้องของเขาเมื่อคืนกลับเข้ามาในหัวของเด็กหนุ่มอีกครั้ง
‘ตอนนี้…พวกเราเป็นอะไรกันเหรอครับ?’
ทินกรเกลียดการจมอยู่กับความไม่รู้ เขาเกลียดสถานะที่ไม่ชัดเจนของพวกเขาในตอนนี้ แต่การที่ภรัณยูเพียงแค่ยอมรับเป็นนัยว่าเริ่มรู้สึกดีๆกับเขาก็มากเกินกว่าที่ทินกรจะคิดฝัน เขาไม่อยาก…พี่ภัทรเคยสอนเขาว่ายังไงนะ? ได้คืบจะเอา…
เสียงประตูรถฝั่งของเขาที่เปิดออกทำให้ทินกรเด้งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ทินกรหันไปพบกับภรัณยูที่ยืนอยู่ข้างตัวรถด้วยสีหน้าที่เขาอ่านไม่ออก แต่ก่อนจะได้ซักถามอะไร ริมฝีปากเรียวที่เขาหลงใหลก็ทาบทับลงมาบนริมฝีปากของเขา แม้จะไม่เข้าใจ แต่ทินกรเลือกที่จะตักตวงความสุขนั้นไว้ตอนที่ยังมีโอกาส จนกระทั่งภรัณยูเป็นฝ่ายถอนริมฝีปากไปเอง
“…พี่ภัทร?” ทินกรกระพริบตาปริบๆอย่างงุนงง
“พี่ไม่อยากให้ซันเป็นความลับของพี่…” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงปนหอบเล็กน้อย “พี่ไม่อยากให้ซันต้องโกหกเพื่อพี่”
“…” ทินกรไม่รู้ว่าตัวเองต้องมีปฏิกิริยาโต้ตอบอย่างไร นอกจากรอยยิ้มกว้างที่ค่อยๆปรากฏขึ้นบนริมฝีปาก
ระหว่างทางจากลานจอดรถไปจนถึงประตู พวกเขาไม่ได้จับมือกัน พวกเขาไม่ได้ยืนข้างกัน พวกเขาไม่แม้แต่จะมองหน้ากันในลิฟต์ที่มีเพียงพวกเขาสองคนกับความเงียบในยามเช้า แต่ทินกรกลับรู้สึกว่าตัวเองเข้าใกล้อีกฝ่ายมากกว่าตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมามาก
เขาได้แต่หวังว่าซักวัน ภรัณยูจะยอมให้เขาเป็นคนคนนั้นที่คู่ควรจะเดินข้างชายหนุ่มไปในเส้นทางชีวิตจากนี้ไป
--------------
ปั่นกว่านี้ก็รายงานแล้วค่ะ
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ยังอดทนรอหมูน้อยที่หายไป