เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์
{29}
“เข้าไปดูมันหน่อย” โซ่บอกกับพอร์ชในขณะที่กำลังจะเดินผ่านหน้าห้องของออดี้พี่ชายเจ้าตัว
หลังจากที่กลับมาถึงบ้านได้สักพักแล้ว แต่ต้องอยู่เป็นเพื่อนพอร์ชคุยงานกับพ่อก่อน ตนจึงอาศัยจังหวะ
นั้นแอบเลียบๆ เคียงๆ ถามคุณนายปลื้มจิตดูว่ามีใครเข้าไปวุ่นวายกับออดี้หรือไม่ เพราะก่อนออกไปตนเอง
ได้บอกเอาไว้แล้วว่าอย่าให้ใครเข้าไปกวนเพราะออดี้ต้องการพักผ่อน หลังจากที่ตนเองนำอาหารกลางวัน
ไปทิ้งไว้ให้เจ้าตัวแล้ว แต่อย่าคิดว่าเขาจะหลงเสน่ห์อะไรมันหรอกนะ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ทำเพื่อความสบายใจ
ของทุกคนในครอบครัวทั้งนั้น โดยเฉพาะแม่กับป๋า เขาจะรู้สึกอย่างไร ถ้าหากต้องมารับรู้ว่าลูกชายตัวเอง
โดนขืนใจมาสาหัสเช่นนี้ แต่กลับพอร์ช เขาคงต้องบอกให้เจ้าตัวรู้ เพราะไม่อยากให้เป็นปัญหาทีหลัง
“ออดี้? ทำไม? มันอยู่หรอ?” ในหัวของพอร์ชตอนนี้มีแต่เครื่องหมายคำถาม เพราะครั้งสุดท้ายที่
ได้รับรู้เรื่องของพี่ชายคนกลางคือตอนที่ทะเลาะกันในวันนั้น ก่อนที่ออดี้จะหายออกจากบ้านไป และไม่กลับมาอีกเลย
“เออ…เข้าไปคุยกับมันหน่อย เดี๋ยวกูขึ้นไปรอข้างบน” พูดจบก็ชิงเดินหนีขึ้นบันไดไปชั้นบนซึ่ง
เป็นที่ตั้งของห้องนอนของตนเองพร้อมกับพี่มณีลูกรักที่นั่งหน้าเชิดอยู่บนบ่า ทิ้งให้คนรักอย่างพอร์ชยืน
งงอยู่ที่เดิม ก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจเปิดประตูห้องพี่ชายเข้าไปในที่สุด
“ขอบคุณครับ” เสียงกระซิบแผ่วเบาที่ดังมาพร้อมกับความอบอุ่นจากอ้อมกอดของคนข้างหลัง
ทำให้โซ่ที่เผลอเคลิ้มหลับไปพักใหญ่หลุดยิ้มออกมาได้อย่างง่ายดาย แล้วใช้สองมือของตนเองวาง
ทาบทับสองแขนอันแข็งแรงของคนรักที่สอดเข้ามากอดรัดตนเองไว้ ก่อนที่จะพากันนอนหลับลึกลงไปอีกครั้ง
..
..
..
“เอาจริง?” พอร์ชถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เมื่อโซ่บอกว่าจะเอาเงินไปให้ตากับยาย
ที่บ้านด้วยตัวเอง ก่อนที่จะต้องไปเข้าค่ายในวันพุธที่จะถึงนี้
“อือ…ซื้อของใช้เสร็จแล้วค่อยเข้าไป” เพราะต้องเตรียมของใช้ส่วนตัวไปเข้าค่ายด้วย
โซ่จึงชวนพอร์ชมาซื้อของด้วยกันในห้างสรรพสินค้าที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม และตั้งใจที่จะซื้อของ
ใช้ภายในบ้านเข้าไปให้ตากับยายที่ตนรักอย่างที่เคยทำมาตลอดด้วย หลังจากที่ไม่ได้เข้าไป
หาเลยตั้งแต่ผู้หญิงคนนั้นกลับมา จะมีก็แต่ฝากยศเอาเงินเข้าไปให้ทุกอาทิตย์
“วันนี้หมอนัดให้ไปเอาผลตรวจเลือดนี่หว่า” พอร์ชพูดบอกออกมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่า
ตอนกลับบ้านหลังเลิกเรียนตนกับโซ่พากันแวะไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง
และหมอนัดให้ไปฟังผลวันนี้ เพราะตอนที่เข้าไปตรวจมันเย็นมากแล้ว
“ทำไม? กลัวเจอเลือดบวกหรอ” โซ่อดไม่ได้ที่จะแซะคนรักด้วยถ้อยคำแสบๆคันๆ
ด้วยความหมั่นไส้ เพราะดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะตื่นเต้นกับผลตรวจเลือดนี้เหลือเกิน
“เปล่า แค่นับวันรอ…ทิ้งถุงยาง” แต่มีหรือที่เจ้าตัวจะสลด ฉีกยิ้มกว้าง บอกถึง
สาเหตุที่ทำให้ตนตื่นเต้นมากถึงเพียงนี้ เพราะก่อนหน้าที่จะพากันไปตรวจเลือด พอร์ช
พยายามที่จะขอรักโซ่แบบเนื้อแนบเนื้อ แต่โซ่ไม่ยอม ทั้งยังบอกว่า ถ้ายังไม่ได้ตรวจ
คัดกรอง HIV ก็อย่าหวังว่าจะได้สัมผัสกันแบบไร้เครื่องป้องกัน เพื่อความปลอดภัย
และความสบายใจของตนเองและคนรักอย่างพอร์ชทั้งนั้น
“หึๆ อีกนาน วันนี้จัดของ พรุ่งนี้เข้าค่าย วันศุกร์กลับมามึงก็นอนตายแล้วพอร์ช”
โซ่พูดบอกไปตามที่คิด เพราะทุกครั้งที่มีการเข้าค่าย ร่างกายก็จะได้รับผลกระทบเป็น
ความอ่อนเพลียติดตามกลับมาบ้านด้วยเสียทุกครั้งไป โดยเฉพาะครั้งนี้ที่น่าจะหนักหน่วง
กว่าที่แล้วมา ตามสไตล์เทคนิคเด็กช่างเขานั่นแหละ
..
..
..
“อันนี้ของพ่อกับแม่นะ ส่วนอันนี้ฝากให้เขาด้วย แล้วเดี๋ยวอาทิตย์หน้าผมเอาเข้า
มาให้อีก แต่ถ้าไม่ว่างก็จะฝากไอ้ยศมาให้เหมือนเดิม” โซ่บอกพร้อมกับส่งเงินจำนวนหนึ่ง
เท่ากับที่เคยฝากให้เพื่อนสนิทอย่างยศเอาเข้ามาส่งให้ตากับยายหลังจากที่นั่งคุยกันมาได้สักพักแล้ว
“ไปเข้าค่ายก็ดูแลตัวเองดีๆ อันไหนเล่นไม่ได้ทำไม่ได้ก็บอกเขาไป ไม่ต้องไปฝืน…
ฝากดูมันด้วยนะพอร์ช เจ้าโซ่มันชอบดื้อเงียบ” ยายของโซ่พูดเตือนหลานชายด้วยความเป็นห่วง
เหมือนอย่างที่เคยบอกมาตลอดเวลาที่โซ่จำเป็นต้องออกไปเข้าค่ายหรือทำกิจกรรมกับโรงเรียน
ก่อนที่จะหันมาพูดฝากฝังกับพอร์ชอีกที เพราะรู้ดีว่านิสัยของหลานรักดี
ก่อนหน้านี้สองตายายรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากที่หลานชายแนะนำเด็กหนุ่มอีกคนว่าเป็น
คนรักของเจ้าตัว เพราะปกติแล้วโซ่ไม่เคยมีเรื่องแฟนมาให้ตนเองเป็นกังวลสักนิด อย่าว่าแต่
ผู้ชายเลย ผู้หญิงสักคนยังไม่มีผ่านเข้ามาให้เห็น จนกระทั่งพาพอร์ชเข้ามาแนะนำให้รู้จักวันนี้
นี่แหละ แต่ก็ใช่ว่าจะรับไม่ได้หรอกนะ จะลูกใคร เพศไหน พวกเขาไม่เคยเกี่ยง ขอแค่รักและ
ดูแลโซ่ให้ดีกว่าที่พวกเขาพยายามทำมาตลอดชีวิตก็พอ เพราะหลังจากนี้พวกเขาคงจะปกป้อง
โซ่ได้ไม่ดีนัก ถ้าหากว่าโซ่กับแม่ผู้ให้กำเนิดของโซ่ยังคงตั้งแง่ใส่กันแบบนี้ เพราะนี่ก็หลาน
อีกฝ่ายก็ลูกพวกเขาเลยทำได้แค่เพียงมองและรอลุ้นให้ทั้งสองคนเข้าใจกันในเร็ววัน
“อือๆ มีใครเข้าไปในห้องผมรึเปล่า?” ตอบรับในความห่วงใยของยายแล้วก็เอ่ยถามถึงสถานะ
ห้องนอนของตนเองที่อยู่มาตั้งแต่เด็กจนโต เพราะยังเหลือสมบัติส่วนตัวอีกเยอะมากที่ตนยังไม่ได้ขนไป
“ใครเขาจะเข้าไปยุ่งของเอ็ง” ตาของโซ่พูดบอกพร้อมกับส่งกุญแจสำรองของห้องโซ่
ให้เจ้าตัว เพราะตั้งแต่ที่โซ่ออกไป เขาก็ล็อกปิดตายเอาไว้ เพราะไม่อยากให้ใครเข้าไปยุ่มย่าม
ในอาณาจักรส่วนตัวของหลานชาย เพราะใจก็ยังแอบหวังไว้ว่าหลานชายจะกลับมาอยู่ด้วยกัน
“’งั้นผมขึ้นไปเอาของก่อนนะ ใกล้จะปิดเทอมแล้ว” พูดบอกเป็นนัยๆ ให้ตากับยายรับรู้
“จะไปอีกแล้วหรอ” คุณยายเอ่ยถามขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะรู้ดี
ว่ากิจกรรมยามปิดเทอมของหลานชายคืออะไร หลังจากที่เจ้าตัวไปมาแล้วสองปีสี่ครั้ง
“เอาน่า เดี๋ยวก่อนไป ผมจะแวะมาหาอีกที” พูดจบก็หันหลังเดินหนีขึ้นบันไดไป ทิ้งให้
พอร์ชต้องวเดินตามไปติดๆ หลังจากที่หันไปขออนุญาตตากับยายของโซ่เรียบร้อยแล้ว
“ปิดเทอมนี้จะไปไหนอ่ะ ไม่เห็นบอกกันเลย” พอเข้ามาถึงในห้องแล้ว พอร์ชก็ยิงคำถาม
ใส่คนรักทันที เพราะคำพูดของคุณยายที่เอ่ยถามโซ่เมื่อครู่นั้นมันยังติดอยู่ในใจ
“ถึงเวลาแล้วจะบอก…กลับบ้านกันเถอะ ป่านนี้พี่มณีรอแย่แล้ว” พอได้ของที่ต้องการครบ
หมดแล้ว ก็ชวนพอร์ชกลับทันที เพราะเป็นห่วงพี่มณีลูกรักที่ยังคงนอนหลับอุตุอยู่บนห้อง หลังจาก
ที่พากันแอบย่องออกมากันสองคนโดยที่ไม่ได้บอกเจ้าตัว ใครว่าแมวพูดไม่รู้เรื่อง โซ่ขอเถียงขาดใจ
เพราะพี่มณีลูกรักของโซ่นั้น ทุกวันนี้มันทำตัวเหมือนเด็ก พูดรู้เรื่องยิ่งกว่าคนเสียอีก
“มีความลับตลอด” ถึงปากจะบ่น แต่ก็ยอมทำตามที่โซ่บอก แล้วเอื้อมมือไปคว้าเอากล่อง
ใส่ของในมือคนรักมาถือไว้เอง ก่อนที่จะพากันออกมาจากห้องในที่สุด
“กลับมาทำไม!” ยังไม่ทันได้ออกไปไหนไกล เสียงตวาดแว้ดของหญิงสาวก็ดังขึ้นมาจาก
ทางด้านหลัง ในขณะที่โซ่กำลังจดจ่ออยู่กับการล็อกประตูห้อง
“ที่นี่บ้านมันบ้านกู…จะกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้ เป็นแค่คนอาศัย อย่าแผงฤทธิ์มากนัก
ไม่อย่างนั้น แม้แต่ที่ซุกหัวนอนก็จะไม่เหลือ” ถ้าเป็นคนอื่นโซ่คงจะคิดว่ามันเป็นแค่เสียงนก
เสียงกา เสียงหมาเห่าหอน ปล่อยผ่านอย่างที่แล้วมา แต่พอมาเป็นเด็กสาวคนนี้ เขาก็พร้อม
ที่จะสู้รบตบมือได้ทุกเมื่อ ด้วยความชังที่มีอยู่ล้นหัวใจ เด็กอะไร ไร้จิตสำนึก ทั้งที่เขาคอย
ป้อนข้าวป้อนน้ำ ดูแลมันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก เพราะแม่มันไม่ค่อยสนใจ แต่พอโตมามันกลับ
ยกตนข่มท่าน ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขา ถ้าไม่อกตัญญูจริงๆคงทำไม่ได้ ฉะนั้นอย่าหวังเลยว่าเขา
จะกลับไปเอ็นดูมันอีกครั้ง เพราะมาถึงตอนนี้แล้วความเป็นพี่น้องเขาก็ไม่มีให้ ต่อให้มานอน
ดีดดิ้นจะเป็นจะตายอยู่ตรงหน้าเขาก็จะไม่แล
“ไปเถอะ ลูกรอกินข้าว” พอเห็นท่าไม่ดี พอร์ชเลยหยิบยกพี่มณีลูกรักขึ้นมาเป็นข้ออ้าง
เมื่อมองดูนาฬิกาข้อมือแล้วเห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาอาหารเย็นของพี่มณีแล้ว อีกทั้งเขาเองก็ยังไม่รู้
ต้นสายปลายเหตุอันแท้จริงที่ทำให้โซ่กับน้องสาวผิดใจกันจนถึงกับต้องปะทะกันทุกครั้งที่หน้า
อย่างนี้ด้วยก็ไม่รู้ และคงจะไม่ใช่เรื่องดีนัก ถ้าหากโซ่มามีเรื่องกับน้องสาวในวันที่พาเขาเข้ามา
แนะนำตัวกับที่บ้านเป็นครั้งแรกอย่างนี้
เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้ว โซ่ก็เลือกที่จะเลิกต่อปากต่อคำกับน้องสาวต่างพ่อ ก่อนที่จะหัน
หลังเตรียมตัวเดินหนีทันที เพราะไม่อยากสร้างความลำบากใจให้คนรักมากนัก ลำพังแค่พามา
ทำความรู้จักกับตายายที่บ้านโดยที่ไม่ได้บอกให้เจ้าตัวได้รับรู้ล่วงหน้าก็มากพอแล้ว
“เป็นผู้ชายดีๆไม่ชอบ เสือกไปเป็นตุ๊ดเป็นกระเทย” ยังไม่ทันที่จะได้ไปไหนไกล ถ้อย
คำดูถูกเหยียดหยามของปากเด็กสาวก็ดังแหวกอากาศพุ่งเข้ามากระทบที่ข้างหูเข้าอย่างจัง
โซ่ตวัดสายตามอง เตรียมพร้อมที่จะพุ่งใส่ทันที เมื่อได้ยิน แต่โชคดีที่พอร์ชไว คว้าตัว
คนรักไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นละก็…ไม่อยากจะนึกถึงสภาพของเด็กสาวตอนที่ถูกโซ่ตีเลย เพราะมัน
ทำให้เขาหวนนึกไปถึงน้ำหนักฝ่ามือฝ่าเท้าของโซ่ตอนที่เจอกันช่วงแรกๆ
บอกเลยงานนี้…ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต เพราะเขามั่นใจว่าโซ่กล้าที่จะตีน้อง แม้ว่าอีกฝ่าย
จะเป็นผู้หญิง ทั้งที่ปกติแล้วเจ้าตัวจะเป็นคนที่ให้เกียรติสุภาพสตรีมากก็ตาม
“ทำไม? โกรธหรอ? จะโกรธทำไมละในเมื่อมันเป็นความจริง” ยิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายมีคน
คอยห้าม เธอก็ยิ่งได้ใจ
“อย่าไปสนใจเลยนิ่ง ก็แค่เด็กน้อย…ไม่รู้จักโต” ถึงเอ่ยห้ามคนรัก แต่พอร์ชอดไม่ได้จริงๆ
ที่จะเหน็บแหนมหญิงสาวกลับไปบ้าง ให้พอแสบๆ คันๆ แต่เหมือนว่าเธอจะไม่รู้ตัวเลย เพราหลัง
จากที่จบคำพูดเขา เธอก็พูดบอกออกมาอีกว่า…
“มึงกับพ่อมึงมันกัน…ชอบนอนอ้าขาให้ผู้ชาย…ว๊าย!” ยังไม่ทันได้พูดจบดี โซ่ก็พุ่งเข้า
ใส่หญิงสาวทันที พร้อมฝ่ามือเรียวของเจ้าตัวที่กระทบตบลงบนใบหน้าของหญิงสาว แบบไม่มี
ออมแรง นอกจากรอยแดงที่ข้างแก้มแล้ว มุมปากของหญิงสาวก็ยังมีเลือดซึมออกมาอีกด้วย
“ก็ยังดีกว่าพ่อมึงที่ชอบทำตัวเป็นแมงดา เกาะผู้หญิงกินไปวันๆ” เขาออกห่างจากหญิง
สาวพร้อมๆกับที่พอร์ชตามมารั้งตัวไว้ เพราะไม่อยากให้โซ่ทำร้ายหญิงสาวอีก
“…..”
“จำใส่กะโหลกหนาๆ ของมึงไว้ด้วยนะว่า ที่กูยอมให้มึงเห่าหอนมาได้จนถึงทุกวันนี้ได้
ก็เพราะกูขยะแขยงสายเลือดโสโครกของมึงจนไม่อยากแตะต้อง ไม่ใช่เป็นเพราะกูกลัวแม่มึง”
เขาสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของคนรัก ก่อนที่จะโน้มตัว พูดบอกกับหญิงสาวที่นั่งหมดสภาพ
กองอยู่บนพื้นด้วยเสียงราบเรียบ แล้วใช้นิ้วชี้ของตัวเองกดจิ้มแรงๆ ตรงกลางหน้าผากของ
หญิงสาวซ้ำๆ เพราะต้องการให้เธอได้จำคำพูดของตนเองไว้
“…..”
“พอแล้วโซ่ กลับบ้านกันเถอะ” พอร์ชพยายามที่จะดึงตัวคนรักให้ออกห่างจากหญิงสาว
แต่เจ้าตัวก็ยังขืนตัวไว้ จ้องหน้าหญิงสาวด้วยสายตาอาฆาต ต่างจากคนน้องที่นั่งตัวสั่นน้ำตาคลอ
อยู่ที่พื้น สิ้นสภาพคนเก่งปากกล้าเมื่อครู่ไปเลย
“อย่าลำพองให้มากนัก…ครั้งหน้ามึงอาจจะไม่ได้โดนแค่มือ แต่จะโดนส้นตีนกูด้วย
เพราะกูยอมให้คนตราหน้าว่าเป็นพวกหน้าตัวเมีย ขอแค่ได้สั่งสอนเด็กปากดีอย่างมึงก็พอ”
พูดจบก็สะบัดตัวหันหลัง เดินหนีลงบันไดไปในทันที ทิ้งให้พอร์ชยืนเอ๋ออยู่ที่เดิม เพราะปรับ
ตัวตามอารมณ์คนรักไม่ทัน
“ขอโทษแทนมันด้วยนะ แต่จะดีกว่านี้ ถ้าน้องหัดใช้สมองในหัวให้เป็นประโยชน์
ช่างน้ำหนักความคิดดูว่าอะไรควรไม่ควร” พอร์ชพูดทิ้งท้ายไว้ให้เด็กสาวได้คิด เผื่อว่าเธอ
จะกลับตัวกลับใจ ก่อนที่จะรีบเดินตามโซ่ไปอีกคน
..
..
..
“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ขอถามอะไรอีกสักอย่างได้ไหม” พอร์ชเอ่ยในขณะที่กำลัง
นอนกออดกันอยู่บนเตียง เตรียมตัวเข้านอน เพราะหลังจากที่กลับมาจากบ้านของโซ่ พวก
เขาทั้งสองคนก็ยังไม่มีโอกาสได้คุยอะไรกันเลย เพราะโซ่ก็มัวแต่ยุ่งกับเรื่องของพี่มณีลูกรัก
และจัดอุปกรณ์ของใช้ของตนเองกับคนรัก ส่วนพอร์ชก็ลงไปดูพี่ชายอย่างออดี้พร้อมทั้ง
เคลียร์งานในส่วนของตัวเองที่ทำค้างไว้ให้เสร็จสิ้น
“เรื่อง?”
“เรื่องของน้องสาว…เด็กคนนั้นไง” เขาจำต้องรีบเปลี่ยนคำเรียกขานเด็กสาว
คนนั้นทันที เมื่อโซ่หันมามองหน้าด้วยสายตาเอาเรื่อง
“ทำไม?”
“ก็มึงบอกว่าได้อยู่พร้อมหน้าพ่อแม่ถึงตอนหกขวบใช่ไหมล่ะ กูก็เลยสงสัยว่า
เด็กคนนั้นมาได้ไง เพราะดูท่าแล้วเด็กคนนั้นน่าจะอ่อนกว่าเราแค่ปีหรือสองปีเองนะ”
พอร์ชพูดถามออกไปตามตรง เพราะสงสัยมาตั้งแต่ที่เจอกันครั้งก่อนแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้ถาม
“ก่อนหน้านั้นกูจำไม่ได้หรอก รู้ตัวอีกทีกูก็ต้องไปนั่งเป็นตัวตลกอยู่กลางศาลให้พวกเขา
แสดงละครฉากใหญ่เพื่อแย่งชิง เพียงเพราะอยากจะเอาชนะหลังจากยื่นเรื่องฟ้องหย่ากันด้วย
เหตุผลที่ว่า ต่างคนต่างก็มีชู้ แต่ติดที่ว่าชู้ของพ่อกูเป็นเด็กผู้ชาย ผู้หญิงคนนั้นเลยชนะคดี แถม
พ่อกูยังโดนเพิ่มข้อหาพรากผู้เยาว์เพราะมีชู้เป็นเด็กชายที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ จากนั้นพวกเขาก็
แบ่งสินสมรสกัน ก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะได้ตัวกูมาพร้อมกับค่าเลี้ยงดูทุกเดือนจนกว่ากูจะมีอายุครบสิบแปด”
“…..” พอร์ชกระชับอ้อมแขน ดึงคนรักเข้ามากอดให้แน่นขึ้น แล้วหยุดฟังอย่างเงียบๆ
โดยที่ไม่พูดแทรกใดๆทั้งสิ้น
“ตอนนั้นกูโคตรดีใจเลยที่ศาลตัดสินแบบนั้น เพราะกูรักแม่ และก็อยากอยู่กับแม่มาก
เพราะตอนนั้นกูเกลียดพ่อมาก…พ่อที่ร่วมหลับนอนกับพี่ชายที่กูไว้ใจ แต่ความคิดกูก็เปลี่ยนไป
หลังจากที่กูโดนผัวใหม่ของผู้หญิงคนนั้นตบปากแตก เพียงเพราะเรื่องลูกอมเม็ดเดียวที่ลูกสาว
เขาให้กู แต่มันเสือกไปฟ้องพ่อมันว่ากูขโมย แต่ที่หน้าเจ็บใจไปกว่านั้นคืออะไรรู้ไหม?”
เขาเริ่มเอ่ยปากเล่าเรื่องราวในอดีตที่พยายามจะลบเลือนมานานแสนนาน แต่ก็ไม่อาจ
ชำระล้างรอยแผลเป็นที่ติดอยู่ในใจออกไปได้เลย เพราะหญิงชายผู้ที่สร้างรอยแผลนี้ไว้คือพ่อแม่
ผู้ให้กำเนิดที่ไม่อาจละเลยหรือทำเมินเฉยใส่ได้
พอร์ชหลับตาลงแนบนิ่ง นอนฟังคนรักเล่าเรื่องราวด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย แต่สิ่งที่
ทำให้พอร์ชรู้สึกแย่ที่สุดก็ตอนที่ได้เห็นความว่างเปล่าในแววตาของคนรักในยามที่เจ้าตัวพูดถึง
อดีตอันขื่นขมของตัวเองนั่นแหละ เพราะมันสื่อความหมายได้ถึงสองแบบ อย่างแรกคือ เจ้าตัวไม่
ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องราวเหล่านี้มาตั้งแต่แรกแล้ว หรือไม่ก็…ความทุกข์ระทมมันสะสมจนกลายเป็นความชินชา
“แม่…แม่ที่กูโคตรรักคว้าด้ามไม้กวาดมาตีซ้ำ ตอนที่กูยื่นมือออกไป หวังจะให้เขาช่วย”
พอร์ชยกมือขึ้นลูบศีรษะคนรักเบาๆ เพื่อปลอบประโลม เมื่อรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงที่เริ่มสั่น
คลอนของโซ่ แต่เจ้าตัวก็ยังคงเล่าต่อไป
“หลังจากนั้นชีวิตกูก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังตีน เพราะเสือกไปได้ยินพวกเขาหัวเราะ
คิกคัก ด่าพ่อกูอย่างสนุกสนานว่าเป็นไอ้โง่ ที่ช่วยส่งเสียค่าเลี้ยงดูลูกสาวของพวกเขาให้ได้อยู่อย่าง
สุขสบาย ทั้งที่มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพ่อกู แต่เป็นลูกชู้อย่างมัน”
“…..”
“ผู้หญิงคนนั้น เป็นฝ่ายนอกใจพ่อกูก่อน ส่วนกูก็เป็นแค่หมาโง่ๆ ตัวหนึ่ง ที่จงรักภักดีต่อ
เจ้านายที่เรียกว่าแม่มาก จนเผลอทำร้ายจิตใจของพ่อไปแบบไม่รู้ตัว”
สุดท้ายแล้วโซ่ก็ไม่อาจสะกดกลั้นหยดน้ำตาเอาไว้ได้ จนพอร์ชต้องจับพลิกตัวหันหน้า
มาหากัน เมื่อรับรู้ถึงอาการสั่นเทาของคนรัก ก่อนจะค่อยๆ บรรจงใช้นิ้วหัวแม่มือของตัวเองเช็ด
น้ำตาออกเบาๆ แล้วดึงตัวคนรักให้กลับเข้ามานอนในอ้อมกอดดังเดิม
“พอแล้วโซ่ ขอโทษที่ถาม แต่หลังจากนี้เรามาช่วยกันสร้างครอบครัวของเราด้วยกันดี
กว่าเนอะ…มีลูกเป็นอีมณีจอมเจ้าเรื่องก็ไม่ได้เลวร้ายสักเท่าไหร่หรอก”
“หึ! หลอกด่าลูกกูอีกแล้วนะมึง” ในที่สุดพอร์ชก็ทำให้โซ่กลับมามีรอยยิ้มได้อีกครั้ง
แม้ว่าจะต้องดึงพี่มณีลูกรักของเจ้าตัวมาเป็นตัวช่วยก็เถอะ ดีกว่าปล่อยให้โซ่ต้องเสียน้ำตา
เพราะความทุกข์ เพราะเขาเองก็รู้สึกเจ็บปวดไม่น้อยที่ต้องมาเห็นคนรักเป็นแบบนั้น ที่สำคัญ
เลยคือ…แววตาของโซ่กลับมาทอประกายอีกครั้ง ไม่ได้เลื่อนลอยไร้จุดหมายเมื่อก่อนหน้า
TBC.