{End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {End} ▶▷ เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์ ◀◁ Up. #50 {15/03/2562}  (อ่าน 85627 ครั้ง)

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1622
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5
คถ.แล้วววววว ///ทวงงงงง

ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ


เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์

{44}







            หลังจากที่ทานอาหารเสร็จแล้วเสี่ยใหญ่ก็พาลูกหลานและภรรยามาแวะเดินย่อยอาหารที่ห้างขนาดใหญ่ที่เพิ่งจะสร้างเสร็จไม่นาน เพราะอยู่ระหว่างทางกลับบ้านพอดี



            “เอากลิ่นนี้ด้วยฮะ น้องซนชอบ พี่มณีก็ต้องชอบ” จอมซนยื่นแชมพูอาบน้ำแมวขวดสีม่วงให้โซ่ดูหลังจากที่แอบดมกลิ่นดูแล้วชอบ…หอมสดชื่น



            ‘ไว้พรุ่งนี้น้องซนชวนพี่ม**ณีไปลองแชมพูอาบน้ำใหม่ในอ่างอีกดีกว่า…คึคึ’



            เด็กแสบยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะคิกคักให้กับความคิดแสบๆ ซนๆ ของตนเองเงียบๆ คนเดียวโดยไม่ได้รู้เลยว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของพ่อจ๋าที่ยืนอยู่ไม่ไกล



            “คงไม่ได้คิดที่จะแอบพ่อไปเล่นน้ำกับพี่มณีอีกใช่ไหมน้องซน” โซ่หรี่ตาถามอย่างจับผิดทำเอาเด็กแสบที่แอบวางแผนทำเรื่องซนๆ ถึงกับสะดุ้งหน้าตาตื่น เพราะก่อนหน้านี้ก็โดนโซ่เตือนมาแล้วว่าไม่ควรจะใช้ครีมอาบน้ำคนอาบน้ำให้พี่มณีถึงแม้ว่าจะมีแชมพูอาบน้ำแมวผสมอยู่อีกครึ่งก็ตาม เพราะมันไม่ดีต่อขนและผิวหนังของแมวอย่างพี่มณี



            “เปล๊า…น้องซนเปล่าคิดนะฮะ” รีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธเสียงสูง



            “ปากบอกไม่คิดแต่สายตาเอ็งสารภาพออกมาหมดแล้วไอ้แสบเอ้ย”



            “เง้อ…”



            ทิ้งระเบิดเสร็จแล้วพอร์ชก็เดินจากไป เหลือไว้แต่จอมซนคนแสบกระพริบตาปริบๆ ส่งยิ้มแหยให้พ่อจ๋าอย่างออดอ้อน



            “ไม่ต้องมาเง้อง้าเลยไอ้ตัวแสบ บอกไว้ก่อนเลยว่าพ่อไม่ใจอ่อนให้หรอก เห็นขัดคำสั่งเมื่อไหร่โดนตีเมื่อนั้น”



            “รับทราบฮะ!”



            โซ่พูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนที่จะพากันกอดคอลากจอมซนไปเลือกซื้อของต่อ โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าไอ้เด็กแสบที่ตกปากรับคำตนเองอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะไม่ซนนั้นกำลังวางแผนป่วนทั้งคนทั้งแมวอยู่ในใจอย่างนึกสนุกแบบสุดๆ



            ‘อืม…พ่อจ๋าเห็นน้องซนจะโดนตี แต่…ถ้าพ่อจ๋าไม่เห็นน้องซนก็สบาย…ลั้ลลา~’



            “ป๋ากับแม่ล่ะ” โซ่เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าพอร์ชเดินมาคนเดียวโดยไร้เงาพ่อแม่ของเจ้าตัวอย่างก่อนหน้าที่เขากับจอมซนจะแยกตัวออกมาเพราะเจ้าตัวแสบเกิดอาการอยากได้อุปกรณ์วาดรูประบายสีขึ้นมา ซึ่งแน่นอนว่าคนอาร์ตสุดขั้วอย่างโซ่ไม่มีทางปฏิเสธแน่นอนเพราะตัวเขาเองก็กำลังอยากได้กระดาษวาดรูปเพิ่มเหมือนกัน



            “ได้ของครบรึยัง เขาไปข้างในกันหมดแล้ว” พอร์ชหมายถึงโซนที่เป็นซุปเปอร์มาเก็ตเพราะเขาสามคนยังอยู่ตรงรอบนอกที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้า สินค้าไอทีและของหลอกเด็กมากมาย



            “ครบแล้ว ไปสิ” โซ่เลือกที่จะฝากของเอาไว้ที่ร้านก่อนที่จะพากันเดินเข้าไปสมทบกับสองสามีภรรยาที่กำลังเดินเลือกซื้อของอยู่ในโซนของสด



            “น้องซนอยากกินสเต็ก” หันไปกระพริบตาปริบๆ บอกพ่อจ๋าอย่างมีความหวังเมื่อหันไปเห็นปลาแซลมอนของโปรดวางเรียงอยู่ตรงหน้า



            “เดี๋ยวพรุ่งนี้พาไปกิน” พอร์ชเป็นฝ่ายพูดบอกออกมาเมื่อเห็นว่าคนรักยังคงนิ่งเฉย ส่วนไอ้ตัวเล็กก็กำลังทำท่าจะเบะปากพร้อมงอแง



            จะให้เขาทำให้จอมซนกินเหมือนอย่างที่โซ่กินก็คงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะเขาไม่สันทัดกับอาหารฝรั่งจริงๆ กินได้ แต่ทำไม่เป็น ถ้าอาหารไทยก็ว่าไปอย่าง แบบนั้นไอ้พอร์ชสู้ไม่ถอยเพราะมั่นใจในรสมือที่ได้รับสืบทอดมาจากคนเป็นพ่ออีกที



            “น้องซนอยากกินแบบที่พ่อจ๋าทำ” เด็กน้อยส่ายหน้าปฏิเสธในทันที ซึ่งเป็นอะไรที่โซ่คิดไว้อยู่แล้วว่าจะได้คำตอบจะออกมาอีหรอบนี้



            “แต่…” พอร์ชกำลังจะช่วยอธิบายกับจอมซนว่าคนรักทำอาหารไม่เป็น แต่ถูกโซ่พูดขัดขึ้นมาเสียก่อน



            “เฮ้อ…ก็ได้ๆ น้องซนไปเลือกเลยอยากได้ชิ้นไหนก็ไปเลือกเลย แต่อย่าลืมหยิบให้ครบคนด้วยล่ะ”



            โซ่ปล่อยให้จอมซนได้มีอิสระในการเลือกปลาแซลมอนตามที่ต้องการโดยไม่ลืมที่จะย้ำเตือนให้หยิบไปให้ครบจำนวนคน ก่อนที่จะหันหลังกลับมาหาคนรักช้า ซึ่งพอร์เองก็ยืนกอดอกจ้องมองมาอยู่ก่อนแล้ว



            “หมายความว่ายังไง? ไหนบอกว่าทำอาหารไม่เป็น” พอร์ชเอ่ยถามเสียงเรียบ



            “ก็ไม่ยังไง ไม่ได้ตั้งใจจะโกหก แค่อยากอ้อนมึงทำให้กินเท่านั้นเอง” มาถึงตรงนี้แล้วผู้ร้ายอย่างเขาจะทำอะไรได้นอกจากสารภาพไปตามตรง ถึงมันจะหน้าอายไปหน่อยก็ตามที่ต้องเปิดปากยอมรับว่าที่โกหกไปทั้งหมดนั้นก็แค่อยากจะ ‘อ้อน’ คนรักเท่านั้นเอง



            “กูว่ามันถึงเวลาที่เราจะต้องเปิดอกคุยกันแบบจริงๆ จังๆ แล้วล่ะโซ่ ไม่อย่างนั้นก็จะเหมือนเดิม จมอยู่ที่เดิม ไปไม่ถึงไหนสักทีทั้งที่เราก็คบกันมาจะสองปีแล้วแท้ๆ”



            พอร์ชไม่ได้ตั้งใจจะกดดันหรืออยากจะรื้อฟื้นอดีตที่ไม่น่าจดจำของคนรักหรอกนะ แต่ถ้าไม่พูดไม่คุยไม่เปิดใจถามกันสักทีมันก็จะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ตัวเขาเองก็ต้องติดอยู่ในวังวนของคนไม่รู้เรื่อง จึงไม่เข้าใจและไม่สามารถปกป้องความรู้สึกของคนรักได้แบบเต็มร้อยสักที



            “อืม” พยักหน้าตอบตกลงอย่างไม่มีเงื่อนไขแม้จะรู้สึกหนักใจอยู่มากก็ตามที



            “ไม่ต้องคิดมาก ไม่ได้ว่าอะไร กูแค่อยากรักมึงให้เต็มร้อยอย่างที่ควรจะเป็นเท่านั้นเอง”

            พอร์ชพูดบอกให้คนรักคลายกังวลเมื่อเห็นว่าโซ่เริ่มจมไปกับความคิดของตัวเองจนนิ่งไปเหมือนกับช่วงแรกๆ ที่ได้รู้จักกัน เฉยชาเสียจนเขาต้องตั้งฉายาให้ว่า ‘ไอ้นิ่ง’



            “น้องซนนอนกับพี่มณีก่อนนะ ป๋ากับพ่อจ๋าจะไปทำงานข้างล่าง” พูดบอกพร้อมกับส่งตัวพี่มณีให้เป็นตัวประกัน ก่อนจะรีบชิ่งหนีออกมาดักคนรักอยู่หน้าห้องเมื่อเจ้าเด็กแสบยอมรับปากและลากพี่มณีไปฟัดแต่โดยดี



            หมับ!



            โซ่สะดุ้งตกใจจนเกือบจะฟันศอกใส่พอร์ชที่ยืนกอดอยู่ด้านหลัง แต่ดีที่พอร์ชรู้ทันคว้าแขนคนรักไว้ก่อนที่ศอกจะเสียบเข้าที่เป้าตา



            “อะไร?” โซ่ขมวดคิ้วถามหลังจากถูกพอร์ชแบกลงมาชั้นสามก่อนที่จะปล่อยลงเมื่อเขาทั้งคู่เข้ามาอยู่ในห้องของออดี้ที่โซ่มีโอกาสได้เข้ามาครั้งเดียวเมื่อครั้งที่ต้องมาดูอาการเจ็บป่วยของเจ้าของห้องในคราวนั้น



            “อยากกอดเมีย แต่มีลูกอยู่ในห้อง จะให้เข้าไปทำในห้องน้ำเหมือนครั้งที่แล้วก็ไม่สุดเพราะไม่ได้ยินเสียงมึง” สารภาพบาปออกมาตามตรงอย่างไม่อายปากตามสไตล์เด็กช่างโคตรแมนหลังจากที่ต้องอึดอัดมานาน



            เพราะก่อนที่จอมซนจะมาพวกเขาก็ ‘กอด’ กันอยู่ทุกคืน แต่พอมีจอมซนเข้ามาอยู่ด้วยอะไรมันก็ขัดไปหมด จากที่มีบ่อยก็เปลี่ยนเป็นนานๆ ถี่ แถมยังได้ไม่เต็มที่เพราะโซ่ชอบกลั้นเสียงคราง กลัวว่าหลานจะได้ยิน แต่จะไปโทษหลานก็ไม่ได้ ต้องโทษ ‘ไอ้ลูกชาย’ ที่โคตรจะรักดีของเขานี่สิที่มันเอาแต่ตั้งตรงเคารพธงชาติร้องเรียกหาถ้ำอุ่นๆ ของแม่มันอยู่ทุกวัน



            “ไหนบอกว่ามีเรื่องจะคุย” เอ่ยถามพลางเหลือบสายตามองต่ำลงเมื่อรู้สึกถึงตัวตนของคนรักยามที่อีกคนบดเบียดร่างกายเข้าสัมผัสกันอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ทำเอาโซ่ถึงกับสั่น แต่ก็หาใช่เรื่องที่พอร์ชจะต้องกังวลเพราะไอ้อาการสั่นที่ว่าของโซ่นี้มันไม่ได้เกิดจากความหวาดกลัว



            เพราะแววตาวาววับเป็นประกายของคนรักมันบอกกับพอร์ชออกมาอย่างหมดเปลือกว่าเขากำลังทำให้เจ้าตัวเจ้าตัวกำลัง ‘สนุก’ และ ‘ถูกใจ’ แบบอย่างถึงที่สุดเลยล่ะ



            “ก็คุยไง”



            “อะ!”



            “คุยกันไปกอดกันไปเพลินดีออก”



            โซ่หลุดร้องออกมาเมื่อถูกคนรักอุ้มลงไปฟาดกับเตียงอย่างแรงแบบไม่ทันให้ตั้งตัว ก่อนที่จะทิ้งตัวทาบทับลงมา



            สายตาคมจ้องมองลงมาอย่างเจ้าเล่ห์ทำเหมือนเสือหิวที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อ แต่ขอโทษเถอะ พอดีโซ่ไม่ใช่กระต่ายน้อยที่จะหวาดกลัวเสียจนตัวสั่นหรือจะนอนนิ่งอย่างสิ้นหวังรอให้เสือร้ายขย้ำอยู่ฝ่ายเดียว



            “เริ่มจากเรื่องไหนก่อนดีล่ะ?” โซ่พลิกตัวกลับขึ้นบนกลายมาเป็นฝ่ายคุมเกมแทน



            มือเรียวไร้ไปตามสาบเสื้อของคนรักเหมือนจะใจเย็น เพียงชั่วพริบตาทุกอย่างก็เปลี่ยนไป สาบเสื้อถูกฉีกขาด กระดุมหลุดกระเด็นไปคนละทิศละทาง แต่เจ้าของเสื้อก็หาได้ใส่ใจที่เสื้อตัวโปรดพังยับเยิน เพราะใบหน้าโน้มลงมาหานั้นน่าสนใจกว่าทุกสิ่ง



            “อา…เอาตั้งแต่เกิดเลยเป็นไง” พอร์ชถึงกับหลุดครางออกมาอย่างถูกใจเมื่อคนรักที่อยู่ด้านบนกำลังบดคลึงลูกชายคนแรกของเขาด้วยก้นแน่นๆ ของเจ้าตัวในขณะเรากำลังต่อสู้กันด้วยริมฝีปากและลิ้นร้อนอย่างดุเดือดเลือดสาด



            “ก็ไม่มีอะไรมาก…อือ..กูก็แค่เกิดมาในครอบครัวที่คิดว่าสมบูรณ์แบบ แต่ก็ไม่ใช่ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่แม่มีผัวใหม่ แล้วก็เสือกไปเห็นตอนพ่ออึบอยู่กับลูกบุญธรรมตัวเอง คนที่กูคิดว่าจะเป็นที่พึ่งสุดท้ายได้ หลังจากที่เราสัญญาว่าจะเป็นพี่น้องกันตลอดไป…อา กดลึกๆ อืม~”



            ร้องบอกให้คนรักที่ทำตัวเป็นปลาหมึกเลื้อยมือเข้าไปคลึงเล่นอยู่ตรงปากทางช่องรักของตนเองอย่างเพลิดเพลิน รู้ตัวอีกทีทั้งเขาและพอร์ชก็ร่างกายเปลือยเปล่าอยู่ในชุดวันเกิดทั้งคู่



            มือไวสมเป็นไอ้หมาพอร์ชจริงๆ



            “แล้ว?” พยักหน้าตอบรับเป็นเชิงบอกให้คนรักพูดต่อ ก่อนที่จะขยับตัวไปนั่งพิงหัวเตียงโดยที่มีโซ่เลื้อยอยู่บนร่างกายไม่ห่าง



            “หลังจากนั้นแม่ก็ลากกูไปทิ้งที่บ้านตา ยื่นฟ้องหย่า กดดันให้พ่อกูส่งเสียค่าเลี้ยงดูตามที่ลูกอย่างกูมีสิทธิ์ เพราะรู้ตัวว่าสู้เรื่องพ่อกูมีชู้ไม่ได้ ในเมื่อแสนดีมันไม่ใช่ลูกน้องกู แต่เสือกหลอกให้พ่อกูเลี้ยงมาได้ตั้งหลายปี ส่วนตัวเองกับลูกก็ไปอยู่กับผัวใหม่ที่กรุงเทพฯ เพิ่งจะกลับมาได้ไม่ถึงสองปีหรอก อ่า…เอาเข้าเลยเถอะ ไม่ต้องขยายแม่งแล้ว! อื้อ!”



            คนใจร้อนถึงกับสะดุ้งเมื่อจู่ๆ ไอ้คนข้างล่างก็เสือกใจดียัดลูกชายมันเข้ามาตามคำของอย่างที่ไม่บอกไม่กล่าวไม่รอให้เข้าตั้งตัว แทนที่จะดื้อเตรียมพร้อมขยายช่องทางให้เขาด้วยนิ้วที่มาพร้อมกับเจลหล่อลื่นอย่างทุกที ด้วยเหตุผลข้ออ้างโง่ๆ ที่ว่าไม่อยากให้เจ็บตัว



            แต่ของโทษเถอะครับ ถ้าป๋าจะรักมึงมากจนให้มาอลังการขนาดนี้มึงไม่ต้องกลัวกูเจ็บหรอก เพราะระบมจนชินแล้ว!



            “สมน้ำหน้าอยากดื้อดีนัก อา...อยากสู้ก็สู้ไป…อือ...สู้แบบนี้กูชอบอยู่แล้ว อืม~” จับอีกฝ่ายหมุนตัวหันหลังเกาะหัวเตียงแล้วฟาดฝ่ามือลงไปที่ก้นกลมจนขึ้นลอยด้วยความหมั่นเขี้ยวที่อีกฝ่ายต่อต้านเขาด้วยการขมิบสู้ ซึ่งเป็นอะไรที่ไอ้พอร์ชชอบมากถึงมากที่สุด



            “แล้วหลังจากนั้นล่ะ” เปิดปากเอ่ยถามอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่ก้มหน้ากัดหมอนกลั้นเสียงครางหลังจากที่ลื่นไถลลงมาจากของเถียง



            “ไม่มีไร อื้อ! ตอนทวดยังอยู่ก็แค่ฝึกมวย ทวดตายก็เริ่มช่วยตาทำงานในค่ายดูแลนักมวย ช่วยยายเลี้ยงไอ้จุก พอขึ้นมัธยมก็ออกไปหาพาร์ทไทมทำ อะ…อะ…จะร้านไก่ทอด ร้านพิซซ่า ร้านไอศกรีมหรือร้านชาบูกูก็เก็บเวลมาหมดแล้ว อื้ออ…พอร์ช!” ดวงตาฉ่ำเยิ้มเอี้ยวหน้าหันกลับไปมองตาคนรักว่าจะรู้สึกอย่างไรในยามที่ได้ฟังเรื่องราวในอดีตของตนเอง จนเผลอขยับตัวหมุนสะโพกตอบรับเข้าหากายแกร่งของคนรักอย่างลืมตัวเมื่ออีกฝ่ายส่งยิ้มหวานกลับมาให้จนสายตาของโซ่เริ่มพร่ามัว



รอยยิ้มหวานเยิ้มหยดย้อยที่มาพร้อมสายตาอบอุ่นซึ่งมีเพียงเขาคนเดียวที่จะได้รับมัน



            “ได้ข่าวว่าสาวเยอะ!” ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลใดระหว่างความหึงกับแค่หงุดหงิดเมื่อเผลอจินตนาการคิดภาพคนรักกำลังร่วมรักกับใครหลายคนในอดีตพอร์ชถึงรุนแรงขึ้นมา



            จับโซ่หมุนหน้ากับมาหาตนเองทั้งที่ส่วนร่างยังเชื่อมต่อติดกัน กระแทกกระทั้นสะโพกระรัวจนทำให้เตียงสั่นสะเทือนกระแทกกับผนังห้องจนได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดตึงตังดังลั่นห้อง



            “ฮะ…อึก…แค่อยากรู้ก็เลยลอง แต่ตอนนี้กูมีแค่มึงนะพอร์ช อ๊ะ อ๊ะ อื้อ~” ความจริงแล้วโซ่ไม่ใช่คนกลัวแฟน ยิ่งกับพอร์ชที่เป็นฝ่ายยอมเขามาตลอดตั้งแต่แรกเริ่มยิ่งแล้วใหญ่ แต่ที่รีบตอบออกไปอย่างแก้ตัวเหมือนกลัวความผิดทั้งที่ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นก็ได้ นอกเสียจากว่าเขาจะเป็นห่วงความรู้สึกของพอร์ชมากหรือบางทีเขาอาจจะเริ่มเกรงใจคนรักอย่างที่เจ้าตัว ‘เกรงใจ’ เขามาตลอดก็เท่านั้นเอง



ไม่ได้เกิดอาการ ‘กลัวผัวเฉียบพลัน’ อย่างที่ใครเข้าใจหรอกนะ!



            “อือ…เข้าใจก็ได้ แต่…”



            “…..”



            “ออนท็อปให้พี่อีกรอบนะ แล้วพี่จะเป็นผัวที่ดีของเมียตลอดไป”



            พอร์ชทิ้งตัวลงให้คนรักเป็นฝ่ายคุมเกมอีกครั้งหลังจากตนเองเริ่มล้าจากการโหมทำรักสิบกระบวนท่ารอบแรกกับคนรักอย่างหนักหนวง แต่ไอ้ลูกชายคนกลางตัวเสือกทำตัวคึกคักไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน ผงกหัวงึกงักร้องหาถ้ำแม่มันยิกๆ



            “อืม…อย่างนั้นแหละ แม่อีมณีเก่งที่สุด อ่า…”



            อย่าคิดว่านั้นคือเสียงครางแห่งความสุขครั้งสุดท้ายของคืนนี้ เพราะหลังจากที่ได้รับการปรนนิบัติพร้อมนอนพักชมวิววาบหวิวอันเย้ายวนยามคนรักกัดปากกลั้นเสียงครางจนหายเหนื่อยแล้ว หลังจากนั้นโซ่ก็ไม่จำเป็นต้องกลั้นเสียงครางอีกเลย เพราะพอร์ชลุกขึ้นมาจัดหนักจัดเต็มจนโซ่ต้องหายใจทางปาก รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงร้องไห้ของจอมซนที่กำลังเดินผ่านหน้าห้องของออดี้ลงไปข้างล่าง เพราะตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอใคร



ล่อกูยันเช้าเลยนะไอ้พอร์ช...ไอ้หมาหื่น!





TBC.

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
พี่มณีกับน้องซน กำลังทำอะไรกันนะ  :hao4:

ออฟไลน์ tiger2006

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
น้องซนหนูน่ารักมากไปแล้วววว

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
หื่นตลอด~

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ลูกนอนอยู่ข้างบนหนาาาาา

ระวังกันหน่อยสิ

อิอิ

ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ

เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์
{45}




            “เลิกงอนได้แล้ว เดี๋ยวตอนเย็นพาไปดูจระเข้ยักษ์ เอ้า…อ้ำ!”

            อย่าเข้าใจผิดคิดว่าประโยคข้างต้นนั้นคือการง้อคนรัก เพราะความจริงแล้วคนที่พอร์ชกำลัง ‘ป้อนข้าว’ อยู่นั้นคือคุณลูกชายอย่างจอมซนที่ยังคงงอนยิงยาวตั้งแต่ตีสี่มาจนถึงตอนนี้ที่เพลงชาติไทยแว่วดังผ่านเสียงตามสายหน้าบ้านมาให้ได้ยิน แต่เด็กช่างที่มีเรียนแปดโมงตรงอย่างพอร์ชกับโซ่ยังไม่ได้ก้าวขาออกจากบ้านเลย เพราะมัวแต่กล่อมเด็กแสบให้หายงอน

            “น้องซนอยากไปโรงเรียนด้วย” หันหน้าหนีช้อนข้าวที่พอร์ชกำลังป้อนไปช้อนตาออดอ้อนโซ่ที่กำลังยืนมัดผมทรงจุกน้ำพุให้อยู่ทางด้านหลัง

            “ไม่อยากอยู่เล่นกับพี่มณีหรอ”

            “อยากฮะ แต่…อยากอยู่กับคุณป๋ากับพ่อจ๋ามากกว่า”

            คุณพ่อคุณป๋าจ้องหน้าสบตากันอย่างไม่ได้นัดหมาย เมื่อได้ยินคำตอบของลูกชาย บรรยากาศที่กำลังจะสดใสหม่นหมองลงในชั่วพริบตา

            พอร์ชคิดหนักเรื่องที่กำลังจะตัดสินใจเพราะสังคมเด็กช่างห่ามๆ เถื่อนๆ อย่างเขาดูไม่ค่อยจะเหมาะกับเด็กกำลังโตอย่างจอมซนที่กำลังน่ารักน่าฟัดน่าขยี้ให้แหลกคามือตามประสาวัยรุ่นกัดมันอย่างพวกเขาเพราะไม่ใช่แค่เขาที่มีแฟนเป็นผู้ชาย หรือจะให้พูดตามตรงเลยก็คือไอ้ลูกหมาพวกนั้นมันเอาได้หมดแหละถ้าถูกใจ พอร์ชล่ะกลัวเหลือเกินว่าถ้าคาดสายตาไปแล้วจะไม่ได้ลูกชายที่แสนน่ารักอย่างจอมซนกลับมา เพราะใช่ว่าเขาจะมีแต่พวกพ้องที่พร้อมรัก คู่อริก็มีไม่น้อยไปกว่ากัน แถมยังเป็นพวกลิ้นสองแฉกชอบแทงข้างหลังอีกต่างหาก

            ขณะที่โซ่เองก็มัวแต่จมอยู่ในอดีตของตัวเองเมื่อเผลอนึกไปถึงตอนที่ตนเองมีอายุเท่ากับหลานชายว่าตอนนั้นตนเองกำลังอยู่ที่ไหน ทำอะไร หรือคิดอะไรอยู่ ซึ่งก็ได้คำตอบในทันทีว่าตอนนั้นเขาเองก็ต้องการให้ใครสักคนอยู่เคียงข้างเขาเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นพ่อหรือแม่ก็ตาม แต่ก็เป็นเพียงแค่ความฝันเพราะท้ายที่สุดแล้วก็มีแค่ ‘เงาของตัวเอง’ อยู่เคียงข้างกัน

            “เอาสิ อยากไปก็ไป” เมื่อตัดสินใจได้แล้วโซ่ก็หันไปบอกกับลูกชาย ซึ่งแน่นอนว่าพอได้คำตอบที่ถูกใจแล้วเจ้าตัวแสบก็กระโดดกอดพ่อจ๋าสุดที่รักของตัวเองทันทีด้วยความดีใจสุดขีด ต่างจากพอร์ชที่กำลังทำหน้ายุ่งเพราะเขายังไม่ได้บอกกับคนรักเรื่องที่มีปัญหากับพวกหัวโจกแผนกช่างเชื่อมเลย

            “โซ่…”

            “แต่พ่อกับป๋าไม่ได้เรียนห้องเดียวกันนะ น้องซนอยากอยู่กับใครล่ะ” โซ่ส่ายหน้าช้าๆ พร้อมทั้งปรามคนรักด้วยสายตาว่าไม่ให้พูดอะไรออกมาอีก แม้ว่าจะมองเห็นความกังวลในสายตาของคนรักก็ตาม แต่ไม่ว่าพอร์ชจะมีปัญหาอะไร โซ่ก็ไม่กล้าที่จะถอนคำพูดกลับคืนได้หลังจากที่ได้เห็นแววตาเป็นประกายของหลานชายที่เลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นลูกชายอย่างจอมซน

            “อือ…น้องซนอยากอยู่ด้วยสองคนเลยฮะ” เจ้าตัวแสบกรอกตามองคนนั้นทีคนนี้ทีเพราะคิดไม่ตก อยู่กับคุณป๋าก็สนุกอยู่กับพ่อจ๋าก็อุ่นใจ…น้องซนเลือกไม่ถูกเลยฮะ

            “ไปอยู่กับพ่อนั่นแหละ วันนี้ป๋าลงช็อปทั้งวัน…อันตราย” พอร์ชเอ่ยแทรกขึ้นมาก่อนที่เด็กแสบจะคิดตัดสินใจ เพราะว่าวันนี้เขามีสอบเก็บคะแนนภาคปฏิบัติจริงๆ ถึงแม้ว่าจะแค่ครึ่งวันตอนเช้าก็ตาม เพราะเขาไม่พร้อมที่จะให้จอมซนไปเสี่ยงตีนด้วยจริงๆ

            “ทั้งวัน?” โซ่เลิกคิ้วถามอย่างจับผิด เพราะทั้งสองคนต่างจำตารางเรียนของกันและกันได้

            “อืม” เพราะยังไม่สามารถอธิบายให้คนรักฟังได้ในตอนนี้พอร์ชจึงทำแค่พยักหน้าตอบรับไปคำในลำคอ

ยอมรับอย่างแมนๆ เลยว่าไม่อยากโกหก ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่*…กลัวเมียโกรธ*

            “น้องซนรีบกินข้าวให้หมด พ่อจ๋าจะไปจัดกระเป๋าให้” โซ่จ้องตาขอคำตอบจากคนรักอยู่พักใหญ่แต่เจ้าตัวกลับหลบสาย เขาเลยต้องปล่อยผ่านไปก่อนแล้วหันมาสนใจลูกชายแทน

            เพราะอุณหภูมิที่ลงแบบปุบปับบวกกับมีเด็กแสบพ่วงมาอีกหนึ่งคนพอร์ชจึงต้องเปลี่ยนมาใช้น้องมิสีแดงสดของโซ่แทนที่จะนั่งซ้อนกอดเอวแว้นไอ้แมนมาเรียนอย่างทุกที

            เขาวนรถเข้าไปส่งคนรักกับลูกชายที่แผนกช่างไฟก่อนเป็นอันดับแรก เพราะยังไม่อยากให้ลูกฝรั่งดองผมสีทองของตนเองเป็นจุดเด่นแต่เช้า ถึงแม้ว่าจะเลี่ยงไม่ได้ก็ตาม แต่อย่างน้อยเขาก็อยากจะยืดเวลาออกไปอีกหน่อยสักเที่ยงก็ยังดี เพราะเขามีเรียนแค่ตอนเช้า(ตามที่โซ่รู้) จะได้มีเวลาไปเป็นบอดี้การ์ดนั่งเฝ้าสองพ่อลูกเรียนตอนภาคบ่าย เพราะวันนี้โซ่มีเรียนยาวถึงห้าโมงเย็น

            “โกรธหรอ?” พอร์ชรีบคว้าแขนคนรักไว้ก่อนที่เจ้าตัวจะลงจากรถตามจอมซนไปอีกคน ส่วนเจ้าเด็กแสบพอเห็นเพื่อนใหม่อย่างพี่มหาคนดีที่เพิ่งจะเปิดศึกปะทะฝีมือแข่งเกมออนไลน์ด้วยกันเมื่อคืนก็ลืมคุณพ่อกับป๋าจ๋าไปทันที

            “ไม่ได้โกรธ” แค่เสียความรู้สึก

            “นี่ขนาดไม่โกรธนะเนี่ย” หัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นหน้าบึ้งตึงของคนรัก

            “อย่ากวนตีน” พยายามจะชักมือออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายที่กำลังกวนประสาทเขาด้วยการกดจูบที่หลังมือ
อะไรคือการทำให้กูเขินตอนโกรธครับไอ้หมาพอร์ช? แพ้ทางมันอีกแล้วนะซอโซ่*!*


            “ไม่กวนแล้วๆ วันนี้สอบเก็บคะแนนจริงๆ” ยกมือสอง ปากบอกยอมแพ้ แต่หน้าระรื่น!

            “แต่มึงมีเรียนแค่ครึ่งวัน” โซ่สวนกลับทันควัน

            “อือ มีเรียนแค่ครึ่งวันก็จริง แต่ที่ไม่อยากเอาลูกไปด้วยเพราะเพิ่งไปมีเรื่องกับพวกไอ้โจ๊กช่างกลมา พี่เลยอยากไม่อยากให้ลูกมาด้วย แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ให้อยู่กับหนูแทน บอกตรงๆ โคตรห่วงเลย” สรรพนามคำว่า ‘พี่’ กับ ‘หนู’ ถูกหยิบยกขึ้นมาใช้ทุกครั้งเมื่อต้องการให้คนรักฟังในคำอธิบายของตน ซึ่งดูเหมือนว่าโซ่เองก็จะแพ้คำว่า ‘พี่’ ของพอร์ชอยู่ไม่น้อยถึงได้เย็นลงในทันทีทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังเดือดเป็นลาวาในปล่องภูเขาไฟพร้อมปะทุ

            “ตั้งแต่เมื่อไหร่”

            “อาทิตย์ก่อน แล้ววันนี้พวกมันก็ต้องมาเรียนเขียนแบบกับ อ.วินัยอีกพี่เลยไม่อยากเอาน้องซนไปด้วย โซ่ก็รู้ว่าเด็กช่างอย่างเรา คนดีก็ดีใจหาย คนเหี้ยก็เหี้ยสุดตีน ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ใช่ไหมว่าพวกไอ้เหี้ยโจ๊กมันจัดอยู่ในประเภทไหน” เพราะห้องเขียนแบบอยู่ตรงข้ามกับช็อปช่างยนต์ จะห่างกันก็แค่ไม่กี่เมตรมีหรือพวกลิ้นสองแฉกจะไม่เลื้อยข้ามมากวนส้นตีนเขาอย่างทุกที

            “อืม”

            “เอาน่า…อย่าทำหน้าเครียดสิ เดี๋ยวสาวไม่มองแล้วจะหาว่าผัวไม่เตือน”

            “กวนตีน”

            “ไปๆ ลงไปดูไอ้แสบได้แล้ว โดนใครแกล้งมาอีกนั่น เบะปากพร้อมเป่าปี่ขนาดนั้น” ชี้ไปทางจุดที่จอมซนคนแสบยืนอยู่ท่ามกลางวงล้อมเพื่อนร่วมห้องของโซ่

            “คุณป๋า~” เพียงแค่เห็นว่าพอร์ชเดินลงมาจากรถจอมซนก็ร้องเรียกเตรียมพร้อมที่จะฟ้องทันทีว่าเมื่อครู่นี้โดนใครแกล้งอะไรบ้าง เพราะคุณป๋าตัวใหญ่ต้องสู้คนพวกนั้นได้แน่

            “เอ้า! เอาไป แล้วอย่าดื้อ อย่าซน อย่าอยู่ห่างพ่อจ๋านะไอ้ตัวแสบ” พูดพลางส่งช็อกโกแลตทรงสามเหลี่ยมแท่งสีเหลืองยี่ห้อโปรดที่พอร์ชตั้งใจหยิบมาติดสินบนเด็กโดยเฉพาะให้เจ้าตัวไป

            “งื้อ~ คุณป๋าใจดีที่สุด!” เจ้าเด็กแสบกระโดดกอดทันทีที่ได้ของถูกใจ

            “เออๆ ป๋าต้องไปสอบแล้ว อย่าลืมที่สั่งไว้นะจอมซน ห้ามอยู่ห่างพ่อจ๋า…เข้าใจนะ?” พูดกับคนลูกแต่สายตาเหลือบมองไปยังคนพ่อที่จ้องเขม็งมองมาอยู่แล้ว ดูจากสายตาแล้ว เหมือนว่าไอ้พอร์ชงานจะเข้า

            เพราะพ่อจ๋ามีกฎเหล็กว่าให้ลูกกินช็อกโกแลตได้วันละไม่เกินหนึ่งแท่ง แต่พอร์ชดันหยิบมาให้เจ้าตัวแสบถึงสอง
เฮ้อ*! งานง้อเมียต้องมาอีกแล้วสินะตัวกู!*

            “รับทราบฮะ!”

            “ไงมึง…มาสายไม่พอเสือกมาเด่น”

            “เออโคตรเด่น โคตรหล่อ แต่รถเมีย…กูมันก็แค่คนขับรถ” พอร์ชยกมือกำหมัดชกทักทายกับเพื่อนรักอย่างเป้ แวนและเพื่อนร่วมชั้นอีกสองสามคนที่ยืนรออยู่หน้าแผนก

            คำบอกเล่าเรื่องรถของพอร์ชทำเอาเด็กช่างต่างแผนกหลายคนที่ยังคงวนเวียนอยู่ในโรงจอดรถที่อยู่หน้าแผนกช่างยนต์ถึงกับหูผึ่งเกิดอาการอยากสอดรู้สอดเห็นขึ้นมาทันที เพราะรถที่พอร์ชขับมานั้นเป็นรถยุโรปคันเล็กที่ราคาไม่ได้น่ารักเหมือนรูปทรงเลย อีกทั้งไอ้โซ่ช่างไฟที่ใครหลายคนรู้จักก็ไม่ได้ใช้ชีวิตหรือแสดงตัวว่าเป็นลูกคุณหนูมีกะตังเหมือนอย่างพอร์ชที่ขี่ดูคาติมาเรียนตั้งแต่เปิดเทอมวันแรกเลยสักครั้ง แถมยังสนิทชิดเชื้อกับเด็กวัดอย่างไอ้มหาที่ขี่ชาลีคันเก่าสนิมเขลอะมาเรียนอีก ก็น่าจะมีลากฐานทางบ้านที่ขัดสนไม่ต่างกันไม่ใช่หรือ ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะผิวพรรณดีดูมีออร่ามากกว่าเด็กช่างตัวด่างหน้าดำอย่างพวกเขาก็เถอะ

            “พ่อจ๋าน้องซนปวดฉี่” เด็กแสบแอบกระซิบข้างหูพ่อจ๋าของตัวเองเบาๆ หลังจากนั่งอั้นมานานจนเริ่มทนไม่ไหว

            “เดี๋ยวพี่พาไป” บุญล้อมที่นั่งอยู่อีกข้างของจอมซนเอ่ยแทรกขึ้นมาก่อนที่โซ่จะอ้าปากตอบเพราะเป็นห่วงสังขารของเพื่อนรักที่ทำตัวปกติทั้งที่แทบจะเดินไม่ไหว ไหนจะรอยรักสีกุหลาบตรงรอบคอและเนินอกทั้งข้างหน้าข้างหลังที่โผล่พ้นสาบเสื้อออกมาให้เห็นเป็นระยะๆ

            “ไม่เป็นไร” ตอบปฏิเสธเพื่อนไปเตรียมพร้อมที่จะลุกยืน

            “ไหว?” ถามกลับพร้อมหรี่ตาส่งสัญญาณเป็นเชิงบอกว่า ‘ไม่ไหวอย่าฝืน’

            “แต่…” เพราะนึกถึงคำพูดของคนรักก่อนแยกย้ายโซ่จึงไม่อยากอยู่ห่างลูกชาย แต่พอเห็นสีหน้าและแววตาที่แสดงความห่วงใยออกมาจริงจังของบุญล้อมแล้วก็ไม่กล้าที่จะปฏิเสธ

            “กูไม่หน้ามืดปล้ำลูกมึงให้พ่อมันฆ่ากูหรอก รออยู่นี่แหละ…ป่ะ!” พูดจบก็คว้าข้อมือเด็กปวดฉี่ที่ยืนบิดตัวไปมาด้วยความทรมานออกจากห้องเรียนทันที ไม่อยู่รอฟังคำโต้แย้งใดๆ จากเพื่อนรักให้เสียเวลาอีกต่อไป

            “โอ๊ะ! คุณป๋า! คุณป๋าจ๋า! น้องซนจะไปหาคนป๋า”

            “มึงอยากตายนัก…นะ…น้องซน!” พอร์ชที่กำลังกระชากคอเสื้อของใครสักคนอยู่ ตกใจอ้าปากค้าง รีบผละจากคู่กรณีออกมากางแขนกว้างรอรับตัวลูกชายที่กำลังพุ่งเข้ามาหา

            “คุณป๋าจ๋า~ น้องซนคิดถึงคุณป๋า” เด็กแสบเจ้าของผมสีสว่างร้องบอกอยู่ในอกกว้างของพอร์ชที่กำลังจ้องหน้าคู่กรณีไม่วางตา

            “บอกเลยว่าไม่เชื่อ หน้าอย่างเอ็งหรอจะคิดถึงข้า คิดถึงค่าขนมในกระเป๋าข้ามากกว่ามั้ง…กูฝากเคลียร์ทางนี้หน่อยนะเป้ เดี๋ยวพาลูกลิงไปส่งแม่มันก่อน” จิ้มหัวไอ้เด็กแสบอย่างคนรู้ทัน ก่อนที่จะหันไปฝากปัญหาตรงหน้าไว้เพื่อนรักก่อน ว่างเมื่อไหร่จะสะสางให้หมด

            “จะเอาอะไรก็ไปเลือกเลย แต่อย่าซื้อเยอะนะเดี๋ยวแม่มึงด่ากูอีก” พาเด็กแสบเข้ามาหาซื้อขนมในสหกรณ์โรงเรียนที่ตั้งอยู่ในตำแหน่งปากทางเข้าไปยังแผนกช่างไฟของคนรัก

            “โทษที่ว่ะ ไอ้ตัวนี้วิ่งไวพอๆ กับคุณโซ่เลย” ไม่รู้ว่ามันเริ่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่ที่บุญล้อมโยนคำสุภาพทิ้งไปในยามที่พูดคุยกับพอร์ช เอ่ยขอโทษด้วยความจริงใจ เพราะพอจะมองออกว่าสถานการณ์ก่อนหน้าที่จอมซนจะพรวดพราดวิ่งเข้าไปมันตึงเครียดแค่ไหน แต่ก็อย่างที่บอกไปว่าเขาจับเจ้าตัวแสบไว้ไม่ทันจริงๆ

            “ช่างมันเถอะ แค่หมามันเห่า” ตอบปัดเหมือนไม่คิดอะไร แต่ในอกกำลังร้อนเป็นไฟ เมื่อหวนนึกไปถึงคำดูถูกเหยียดหยามที่คู่อริทิ้งไว้ให้ ซึ่งไม่ต่างอะไรไปจากระเบิดเวลาๆ ดีๆ นี่เอง

            “อันนี้ของน้องซน อันนี้ของคุณป๋า อันนี้เอาไปฝากหม่ามี้” เด็กแสบวางขนมในอ้อมแขนของตนวางลงตรงหน้าเคาน์เตอร์คิดเงิน แจกแจงเสร็จสรรพว่าอันไหนของใคร แต่เท่าที่พอร์ชลองมองดูแล้วก็มีแต่ของชอบเจ้าตัวทั้งหมด ไอ้ที่พูดมาว่าของคนนั้นคนนี้น่ะข้ออ้างทั้งนั้น

กลัวโดนดุเหมือนกันสินะ

            “ถ้าไม่อยากกำพร้าพ่อ อย่าไปหลุดเรียกต่อหน้าแม่มึงเชียวไอ้คำว่าหม่ามี้เนี่ย” ควักเงินออกมาจ่ายค่าขนมกองโตให้เด็กแสบโดยไม่ลืมที่จะย้ำเตือนเรื่องสรรพนามการเรียกขานของอีกคนอย่างอารมณ์ดีต่างจากก่อนหน้าลิบลับ

            ก็ได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้ความลับระหว่างเขากับจอมซนหลุดไปถึงหูคนรัก เพราะถ้าเป็นแบบนั้นไม่เขาก็จอมซนต้องมีใครสักคนโดนโซ่ซ้อมจนน่วมแน่ที่บังอาจไปเรียกเจ้าตัวว่า หม่ามี้ แต่ดูท่าแล้วก็คงไม่พ้นตัวเขานี่แหละที่จะกลายเป็นกระสอบทรายให้คนรักซ้อมมือ เพราะฉะนั้นเอ็งอย่าได้หลุดปากไปเชียวไอ้แสบเอ้ย…ป๋ายังไม่อยากตาย



TBC.

ออฟไลน์ tiger2006

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
น้องซนน่ารัก

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เหมือนจอมซนจะชอบรั้นนะ ต้องเห็นป๋ามีเรื่องเพราะตัวเองก่อนใช่ป่ะ ถึงจะเข็ดจะจำ  :katai1:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อาจจะตายด้วยน้ำมือเมีย555

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1622
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5
สวัสดีปีใหม่นะคะ มีความสุขมากๆ สุขภาพแข็งแรงนะคะ :กอด1:

ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ
เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์
{46}




            “จระเข้..จระเข้..จระเข้.. Yay ye~”



            เด็กแสบโยกหัวขยับปากพึมพำร้องเพลงที่แต่งขึ้นมาเองอย่างอารมณ์ดี เพราะคุณป๋ากับพ่อจ๋าสุดที่รักพามาเดินเล่นและดู(รูปปั้น)จระเข้ยักษ์หลังเลิกเรียนตามคำสัญญาที่ให้ไว้เมื่อเช้า



            “พี่พอร์ช!”



            “เฮียโซ่!”



            โซ่กับพอร์ที่เดินจูงมือลูกชายคนละข้างหันไปด้านหลังอย่างอัตโนมัติเมื่อได้ยินเสียงใครหลายคนร้องเรียกชื่อตนเองและคนรักดังมาแต่ไกล



            “เออ! กูเอง ทำไมยังไม่รีบไหว้พ่อมึงอีกวะไอ้ลูกหมา!” พอร์ชหันไปยักคิ้วตอบรับด้วยรอยยิ้มกวนประสาทในแบบฉบับของตนที่พอได้เห็นทีไรโซ่ละต้องเบ้ปากพึมพำด่าว่ากวนส้นตีนเบาๆ ตามหลังทุกที



            เพียงเท่านั้น…กว่าครึ่งของเด็กหัวเกรียนที่กำลังเล่นฟุตบอลอยู่ก็รีบวิ่งเข้ามาทักทายกับพอร์ชทันที ส่วนอีกครึ่งที่เหลือก็ค่อยๆ เดินตามหลังมาช้าๆ แต่ไม่ได้มาหาพอร์ชเหมือนกลุ่มแรก พวกเขาแยกเข้าไปยกมือไหว้ทักทายทำความเคารพโซ่ยืนกอดคอจอมซนอยู่ไม่ไกล



            “เล่นด้วยกันสักเกมสิพี่” หนึ่งในกลุ่มรุ่นน้องของพอร์ชเอ่ยชวน



            พอร์ชหันไปถามความเห็นจากคนรักทายสายตา โซ่พยักหน้าตอบรับ ก่อนที่จะพากันยกโขยงกลับไปตรงบริเวณหาดทรายจำลองที่ทางจังหวัดจัดไว้ให้ประชาชนเดินเล่น ออกกำลังกาย หรือไม่ก็นั่งชมวิวพระอาทิตย์ตกดินยามเย็น



            “ได้ข่าวว่าเฮียมีผัว” รุ่นน้องคนสนิทที่เคยเป็นมือขวาของโซ่เอ่ยแซวอย่างไม่เกรงกลัวกับอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ในอดีตของลูกพี่ตนเองสักนิด ต่างจากคนอื่นๆ ที่เริ่มตีวงกว้างออกไป



ก็แหม*…กิตติศัพท์เฮียโซ่ที่ได้ยินและเคยได้เห็นมากับสองตามามันน้อยซะที่ไหน*



            แต่ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว…ไอ้โซ่คนเดิมมันตายไปตั้งแต่ที่ได้เจอกับเจ้าของหัวใจคนใหม่อย่างพอร์ช ไอ้เรื่องที่จะมาให้วิ่งไล่กระทืบใครเพราะพูดจาไม่ถูกหูเหมือนเมื่อก่อนคงไม่มี(ถ้าไม่เหลืออดจริงๆ)เพราะไม่อยากจะให้เกิดเรื่องเสื่อมเสียไปถึงเสี่ยใหญ่และคุณนายปลื้มจิตที่รัก ดูแล และให้ความสำคัญกับโซ่ไม่ต่างไปจากลูกแท้ๆ อย่างพอร์ช จึงไม่ใช่เรื่องแปลกนักที่โซ่จะเคารพ รักและให้เกียรติพ่อแม่คนรักไม่ต่างไปจากตายายของตน

            โซ่รู้ดีว่าไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอดีตที่ผ่านมาได้ เขาจึงพยายามที่จะทำปัจจุบันและอนาคตให้ดีที่สุด แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะทำเรื่องเลวร้ายลงไปมากแล้วก็ตาม



            “ก็มันนั่นแหละ” พยักเพยิดหน้าไปทางพอร์ชที่กำลังถอดเสื้อปัดเศษทรายออกจากตัว หลังจากที่โดนชนล้มลงกลิ้งไปกับพื้น แต่ยังคงมีรอยยิ้มกว้างติดอยู่บนใบหน้า…สนุกเขาละ



            “ผมดีใจนะที่เฮียมีความสุข ถึงเราจะไม่ได้เดินทางเดียวกันแล้วก็เถอะ” เขาพูดบอกออกมาด้วยความเสียดาย

            ใช่…ในสายตาคนอื่นโซ่อาจจะเป็นแค่เด็กเหลือขอที่ชอบทำผิดกฎระเบียบโรงเรียนและมีเรื่องต่อยตีกับคนอื่นไปทั่ว แต่สำหรับพี่น้องร่วมสาบานอย่างเขาแล้วโซ่เปรียบเสมือนต้นแบบที่ยากจะเจริญรอยตาม เพราะในขณะที่ไล่ตีรันฟันแทงกับใครต่อใครอยู่นั้นเจ้าตัวก็ไม่เคยทิ้งเรื่องเรียน เกรดของโซ่อยู่ในระดับที่ดีมาก จนเด็กห้องคิงอิจฉาตาร้อนหาเรื่องใส่ร้ายสารพัด แต่โซ่ก็รอดออกมาได้ แม้ว่าจะสะบักสะบอมเต็มทีก็ตาม



            แก๊งเด็กเดนของโซ่ที่คนอื่นเรียกขาน เป็นการรวมตัวของเด็กหัวกะทิที่ซื่อตรงต่อความต้องการของตนเอง รู้สึกอย่างไรก็แสดงออกไปอย่างนั้นไม่ได้คิดสลับสับซ้อนอะไร เพียงแต่…ผู้ใหญ่หูเบาส่วนใหญ่มักจะถูกจริตกับพวกปากหวานก้นเปรี้ยวมากกว่าคนจริงใจเท่านั้นเอง อดีตเด็กห้องคิงอย่างโซ่เลยโดนถีบหัวส่งไปอยู่ในห้องธรรมดาท้ายแถว แต่ก็แค่นั้น เพราะเพชรก็คือเพชร ต่อให้ตกลงไปจมปักอยู่ในบ่อโคลนก็ยังคงความเป็นเพชรที่พร้อมจะเปล่งประกาย



            หลังจากนั้นมาทุกอย่างก็เปลี่ยนไป โซ่ที่เป็นพวกซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเองบวกกับความหัวร้อนตามประสาเด็กเอาแต่ใจที่มีติดตัวมาตั้งแต่เกิด เริ่มสนุกที่ได้ทำตามใจตนเอง สนุกที่ได้ทดลองในสิ่งแปลกใหม่ เปิดใจรับในสิ่งที่ไม่ควรเข้าใกล้ สะสมประสบการณ์ในทางที่ไม่ดี บุหรี่ เหล้า และสารเสพติด ไม่สนคำเตือนของใคร หลงระเริงไปกับความอำนาจที่ไม่ควรจะมีจนกระทั่งได้เจอกับแฟนคนแรกอย่างแยมโรลทั้งที่ไม่เคยคิดว่าจะจริงจังกับใคร แม้ว่าจะเคยมีสัมพันธ์ทางกายกับผู้หญิงและผู้ชายไปหลายต่อหลายคน เรียกได้ว่าไอ้โซ่คนนั้นในอดีตได้ใช้ชีวิตเกินคุ้มไปไกลแล้ว



            แต่มีหนึ่งเรื่องที่เขาไม่เคยทิ้งคือการเรียน เพราะต่อให้ตอนที่อยู่ข้างนอกจะเลวแค่ไหน แต่เมื่อไหร่ที่ได้กลับบ้านโซ่ก็จะกลายเป็นเด็กดีของพ่อและแม่เหมือนเดิม



            ส่วนเงินที่ได้มาจากการทำผิดในวันวาน โซ่ก็ได้เอาไปบริจาคให้กับมูลนิธิเพื่อนมนุษย์และสัตว์ร่วมโลกตามปณิธานที่เคยให้ไว้กับตัวเองหมดแล้ว เพราะว่าหลังจากนี้เขาคงไม่ได้เป็นหมอหมา เช่นเดียวกับที่แยมโรลเองก็ไม่มีโอกาสที่จะได้เป็นหมอคนตามฝัน แต่ยังดีที่พี่น้องคนอื่นไม่เคยทิ้งฝัน



            ใครจะเป็นคนเดินเข้าเส้นชัยก็ได้ ขอแค่จุดหมายปลายทางยังคงเดิม…คลินิกพอเพียงทั้งของหมาและของคนจะต้องเกิดขึ้นจริง!



            “น้องซนอยากเล่นฟุตบอลกับคุณป๋า” เพราะมัวแต่คุยเรื่องอดีตกับรุ่นน้องคนสนิท รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เด็กแสบงอแงออกมานั่นแหละ



            “เอาสิ เดี๋ยวพี่พาไป” ยังไม่ทันที่โซ่จะได้พูดอะไร เด็กตัวสูงคนข้างๆ ก็เสนอตัวขึ้นมา



            “พ่อจ๋า~” เด็กแสบช้อนตามองอ้อนเมื่อเห็นว่าโซ่ยังคงตีสีหน้าเรียบนิ่งเพราะมัวแค่คิดเป็นห่วงกลัวว่าจอมซนจะสู้แรงทโมนของแก๊งหมาบ้าในสนามไม่ได้ แต่พอหันไปเห็นอะไรบางอย่างในสายตารุ่นน้องคนสนิทแล้ว



เออ*…กูยอม*



            “ไปสิ” เอ่ยอนุญาตออกไปอย่างอ่อนใจ จะชอบแค่ไหนก็ชอบได้ แต่อย่าหวังว่าจะได้เคลมลูกชายลูกเลยครับน้องรัก เพราะนอกจากกูจะหวงแล้ว ป๋ามันยิ่งกว่าหมาบ้าอีก



            “งื้อ…เหนื่อย!”



            โซ่หยิบขวดน้ำที่แอบออกไปซื้อตอนที่สองพ่อลูกกำลังเพลิดเพลินกับการเล่นฟุตบอลส่งให้คู่ซี้ต่างไซส์ที่กำลังนอนแผ่หลากลางพื้นทรายคนละขวด



            “เป็นเด็กเป็นเล็กนั่งค้ำหัวผัวได้ไง” ไม่เพียงแค่พูดเปล่าแต่พอร์ชยังดึงให้โซ่ลงมานั่งข้างกันบนพื้นทราย



            “เล่นกันไม่สงสารคนซักเสื้อผ้าเลย” ก็รู้ว่าสนุกหรอกนะ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดบ่นออกมาเมื่อเห็นสภาพสองพ่อลูกที่ตัวเปื้อนทรายไปตั้งแต่หัวจรดเท้า ยิ่งเสื้อผ้านี่ไม่ต้องพูดถึง โดยเฉพาะพอร์ชที่ยังคงอยู่ในชุดนักศึกษาเสื้อสีขาว…งานหนักป้าแม่บ้านอีกแล้ว



            “มาถ่ายรูปกัน” พอร์ชทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้จับโซ่หมุนตัวกลับหันหลังมานั่งคู่กัน เอื้อมแขนออกไปดึงรั้งให้จอมซนมานั่งทับลงบนตักของพวกเขาคนละข้าง แล้วกดซัตเตอร์ถ่ายรูปทันที ก่อนฉากหลังอย่างพระอาทิตย์จะตกกระทบกับผืนน้ำในบึงและจมหายไป

..

..

..

            วันนี้เป็นวันดีเป็นวันที่ไอ้พอร์ชจะได้ลองลิ้มชิมรสชาติอาหารของคุณชายเมียสุดที่รักหลังจากที่โดนหลอกให้ทำอาหารขึ้นหิ้งบูชามันมาเกือบสองปีด้วยคำว่า ‘ทำอาหารไม่เป็น’



            มื้อเย็นของบ้านวันนี้จึงค่อนข้างคึกคักเป็นพิเศษเพราะนอกจากอาหารจะไม่ใช่ฝีมือของป้าแม่บ้านหรือคุณนายปลื้มจิตอย่างทุกทีแล้วก็ยังมีเสียงเจื้อยแจ้วของลูกมือจอมแสบที่เอาแต่คุยโวโอ้อวดถึงรสชาติอาหารของพ่อจ๋าสุดที่รักว่าดีอย่างนั้นอร่อยอย่างนี้จนผู้ใหญ่ที่เหลืออีกสามคนได้แต่เออออไปตามน้ำเพื่อเอาใจเด็กขี้งอน



            “ผมทำแค่สเต็ก สลัดกับมันบดนะครับ หรือแม่กับป๋าอยากกินอย่างอื่นด้วย?”



            “โอ้ย…ลูกสะใภ้คนโปรดเข้าครัวทั้งทีแม่กับป๋าคงจะอยากกินอย่างอื่นหรอก”



            “เอ๊ะ! เจ้าพอร์ชนี่! เท่าที่หนูทำก็พอแล้วลูก” คุณนายปลื้มจิตที่กำลังช่วยหั่นผักสลัดตีตุบลงไปที่ต้นแขนของลูกชายเต็มแรง ก่อนที่จะหันไปคุยกับลูกสะใภ้ต่อ



หม๊าว หม๊าว



            “เลิกพูดมาก แล้วมาเอาพี่มณีไปก่อนสิ เห็นไหมว่ามันอันตราย” โซ่ยกทัพพีที่กำลังลังคนซอสส้มในหม้อขึ้นชี้หน้าคนรักที่เอาแต่จิกกัดทำตัวไร้สาระในขณะที่ตนเองโดนเด็กแสบป่วนคนเดียวไม่พอยังจะมีแมวอ้วนมาพันแข้งพันขาให้วุ่นวายไปเพิ่มขึ้นไปอีก



            “ซึมซับนิสัยขี้บ่นจากแม่ผัวไปเยอะสินะ” ขมุบขมิบปากบ่นในขณะที่เดินเข้าไปอุ้มลูกชายคนโตออกจากการวิ่งพันแข่งพันขาแม่มันตรงเตาแก๊ส



            “กูได้ยินนะพอร์ช” เอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงราบเรียบ



            “ของแม่กับป๋าเป็นซอสมะนาวนะครับ อายุเยอะแล้วกินซอสไข่เป็นมื้อเย็นแบบจอมซนไม่ดีเท่าไหร่” โซ่พูดบอกระหว่างที่วางจานอาหารลงตรงหน้าของพ่อแม่คนรัก เช่นเดียวกับที่พอร์ชเองก็นั่งเตรียมพร้อมรออยู่ตรงที่ประจำแล้ว



หม๊าว*~ หม๊าว~*



            “ขอมื้อเย็นให้พี่มณีด้วยครับน้องซน” โซ่หันไปเอิ้นบอกกับลูกชายคนเล็กที่กำลังวุ่นอยู่กับจากจัดปลานึ่งใส่ถาดอาหารให้พี่ชายขนปุยของตนเองอยู่ไม่ไกล



            “ได้แล้วฮะ” จัดจานอาหาร(ความจริงก็แค่หยิบปลาจากจานอาหารคนใส่ถาดอาหารแมว)ที่มีเพียงแค่แซลมอนนึ่งหนึ่งชิ้นเสร็จเรียบร้อยแล้วก็รีบวิ่งดุกดิกเอามาเสิร์ฟให้พี่ชายขนปุยที่กำลังแหกปากร้องหม๊าวหม๊าวด้วยความหิวโหยอยู่ข้างขาของคุณป๋าที่กำลังจะยกเท้าเหยียบด้วยความรำคาญ



หม๊าว*~*



            ว่าแล้วก็กางเล็บสะบัดอุ้งเท้าตบหลังมือขาวของน้องชายตัวโตไปสองทีถ้วนเป็นการขอบคุณ…เดี๋ยวจะหาว่าพี่เป็นแมวเถื่อนไร้การอบรม ทั้งที่ตัวพี่นั้นเป็น…แมวไฮโซ



            “งื้อ…น้องซนเจ็บนะฮะ”



            ตุบ!



            “เกเรนักนะมึง”



            สมแล้วที่โซ่เรียกว่า ‘พ่อน้องซน’ เพราะทันทีที่ได้ยินและได้เห็นจอมซนร้องเพราะโดนพี่มณีข่วนพอร์ชก็ตีตุบลงไปที่ก้นกลมๆ ของพี่มณีเป็นการลงโทษเสียเดี๋ยวนั้น



หม๊าว*!*



            นี่แหกปากร้องเพื่อฟ้องพ่อจ๋าของตัวเองทันทีที่โดนตีเช่นกัน



            “เดี๋ยวกูกระทืบให้”



            “มึงนั่นแหละจะโดน มาตีลูกกูได้ไง” โซ่เองก็ทำหน้าที่ ‘แม่อีมณี’ ได้ดีเช่นกัน ทรุดตัวนั่งลงบนพื้น ชี้หน้าว่าคนรักก่อนจะอุ้มลูกรักอย่างพี่มณีมาปลอบ

            “ก็ลูกมึงมันดื้อ กูไม่กระทืบให้ก็บุญแล้ว กวนตีนขึ้นทุกวัน”



            “พอๆ หยุดทะเลาะกันได้แล้ว น้องซนตกใจใหญ่แล้ว” แล้วก็เป็นคุณนายปลื้มจิตที่พูดแทรกขึ้นมาก่อนที่ลูกชายและลูกสะใภ้จะเปลี่ยนจากการถกเถียงมาเป็นทะเลาะกันจริงๆ



            “น้องซนโกรธพี่มณีรึเปล่า” โซ่เอ่ยถามลูกชายที่กำลังนั่งต่อประกอบหุ่นยนต์อยู่บนพื้นข้างเตียงระหว่างที่พอร์ชหายไปในห้องน้ำได้สักพักแล้ว



            ตั้งแต่จบมื้ออาหารเย็นที่ควรจะมีแต่ความสุขโซ่ก็ไม่สนใจใยดีคนรักอีกเลย แม้ว่าอีกฝ่ายจะพยายามเข้ามาคุยด้วยแล้วก็ตาม แต่ก็โซ่เลือกที่จะเดินหนีออกมาก่อน เพราะไม่อยากคุยในตอนที่สภาวะอารมณ์ไม่ปกติ เดี๋ยวจะกลายเป็นทะเลาะกันไปจริงๆ



            ถ้าจะถามว่าโกรธที่พอร์ชตีพี่มณีไหม? ก็ไม่เชิงว่าโกรธหรอก แค่ไม่ชอบที่พอร์ชลงไม้ลงมือกับพี่มณีมากกว่า เพราะอย่างที่รู้กันว่าพี่มณีนั้นไม่ใช่แมวแข็งแรง อวัยวะภายในของพี่มณีไม่ดีมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว โดยเฉพาะขับถ่าย ถึงแม้ว่าจะดูบึกบึนเพราะร่างกายอันอ้วนกลมของเจ้าตัวก็ตาม โซ่เลยรู้สึกหงุดหงิดมากเป็นพิเศษที่เห็นพอร์ชตีก้นพี่มณีตอนกำลังกิน



            “ไม่ฮะ พี่มณีแค่จะขอบคุณน้องซน น้องซนรักพี่มณี” คำตอบจากเด็กน้อยตรงหน้าทำให้โซ่ยิ้มกว้างออกมาด้วยความพอใจ



            เออ…น้องมันยังรู้ว่าพี่มันอยากขอบคุณ แต่เป็นเพราะลืมเก็บเล็บและกะแรงไม่ถูกถึงได้ทำให้จอมซนได้เลือด แต่ไอ้ห่าป๋าที่เลี้ยงมันมาตั้งแต่ตัวเล็กกว่าฝ่ามือเสือกไม่รู้…โง่ฉิบหาย!



            “เจ็บรึเปล่า พ่อจ๋าขอโทษแทนพี่มณีด้วยนะ พี่เขาไม่ได้ตั้งใจหรอก” โซ่ใช้นิ้วไล้ไปตามที่ปิดแผลลายการ์ตูนบนหลังมือเล็กของลูกชายอย่างแผ่วเบาอย่างรู้สึกผิดที่ทำให้ผิวขาวๆ เป็นรอย



หม๊าว*~ หม๊าว~*



            เจ้าเหมียวตัวอ้วนที่เพิ่งจะเสร็จกิจจากห้องน้ำแมวของตัวเองเดินเข้ามาคลอเคลียอยู่บนตักของจอมซน ก่อนที่จะแลบลิ้นเลียไปบนหลังมือของน้องชายต่างสายพันธุ์ของตัวเองเหมือนกับว่าต้องการจะขอโทษที่ทำให้เจ็บตัว



            “คิก..คิก..จั๊กจี้จังเลยฮะ”



            โซ่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเมื่อได้เห็นพี่น้องต่างพันธุ์เขาเล่นกัน มันน่ารักเสียจนเขาต้องลุกไปหยิบกล้องตัวโปรดขึ้นมากดบันทึกภาพความทรงจำนี้เอาไว้ซะหลายรูป จนกระทั่งพอร์ชในสภาพเปียกปอนใส่กางเกงนอนตัวเดียวเดินออกมาจากห้องน้ำนั่นแหละรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของโซ่จึงหายไป



            “น้องซนเล่นกับพี่มณีไปก่อนนะพ่อจะไปอาบน้ำ” โซ่มองเมินทำเป็นไม่เห็นว่าคนรักกำลังเดินตรงเข้ามาหา



            หมับ!



            แต่ยังไม่ทันได้ไปไหนไกลก็ถูกรั้งไว้ด้วยอ้อมแขนอันแข็งแกร่งของคนรักเสียก่อน



            “ปล่อย” พูดบอกเสียงเรียบไม่มีการดีดดิ้นขัดขืนอะไรอย่างที่ควรจะเป็นทั้งสิ้น



            “ขอโทษครับ ดีกันนะ” ยกมือที่ว่างอีกข้างขึ้นมากระดิกนิ้วก้อยไปมาเพื่องอนง้อขอคืนดีกับคนรักที่เผลอทำให้เจ้าตัวโกรธ



            “ไม่ได้โกรธและคนที่ควรขอโทษก็ไม่ใช่กู” สะบัดเสียงตอบพร้อมส่งสายตาไปยังพี่มณีที่กำลังเล่นต่อสู้อยู่กับจอมซนบนเตียง



            “กับลูกไว้ทีหลัง ของ้อแม่ของลูกก่อน”



            “…..”



            “น่านะ…มัวแต่งอนอยู่อย่างนี้แล้วพรุ่งนี้ใครจะจัดของไปทะเลล่ะ มีลูกตั้งสองตัวกูดูแลคนเดียวไม่ไหวหรอกนะ ทั้งคนทั้งแมวซนอย่างกับลูกลิง”



            “พูดจริง?” ก็อยากจะเล่นตัวต่อหรอกนะ แต่คำว่า ‘ทะเล’ มันล่อตาล่อใจเหลือเกิน



            “จะโกหกทำไม จองที่พักไวแล้ว ไม่ไปได้ไง”



            เพียงเท่านั้นคนขี้งอน(งอน?..เออ! ยอมรับแบบแมนๆ ก็ได้ว่างอนจริง!)ก็กลับหลังหันโผเข้ากอดพอร์ชทันทีด้วยความดีใจ



            แหม…ก็เคยบอกแล้วไง(ในใบประวัติส่วนตัวที่ให้พอร์ช)ว่าอยากไปทะเลย เพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยได้เห็นทะเลของจริงเลยสักที ถึงจะไปลุยป่าปืนขึ้นยอดดอยทั้งทางภาคเหนือและภาคอีสานมาแล้วหลายลูกก็เถอะ



พรรคพวกเอ๋ย*…ไอ้โซ่จะได้ไปทะเลแล้วโว้ย!*







TBC.


ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
5555หายงอนเร็วจัง

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
โซ่สุดยอดอ่ะ อบรมสามีได้ดีมาก ๆ  o13

ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ

เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์
{47}







            “ประจวบฯ ใช่ไหม?”



            “ถ้าเอาแบบเจาะจงก็ปราณบุรี” พอร์ชที่กำลังนั่งแต่งหล่อให้ไอ้แมนลูกรักอยู่ตรงส่วนอู่กับทีมช่างในร้านเงยขึ้นมาตอบคนรักที่ชะโงกหน้าออกมาจากห้องนั่งเล่น หลังจากที่เจ้าตัวพาลูกชายหนึ่งคนกับอีกหนึ่งตัวเข้าไปนอนกลางวันเพราะเล่นกันจนหมดแรงเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว วันพฤหัสฯอย่างนี้พวกเขามีเรียนแค่ช่วงเช้า บ่ายนี้โซ่เลยมีเวลาว่างพอที่จะจัดของเตรียมไปทะเลในวันพรุ่งนี้ที่ทั้งสองคนพร้อมใจพากันโดดเรียนเป็นครั้งแรก



            “ออกไปซื้อของนะ” บอกกล่าวพร้อมทั้งขออนุญาตไปในตัวเพื่อความสงบสุขของครอบครัว เพราะโซ่รู้สึกว่าช่วงนี้คนรักจะออกอาการหวงแหนตนเองเป็นพิเศษ ชนิดที่ว่าตามติดยิ่งกว่าเงา จะเป็นเพราะว่าเจ้าตัวมีเรื่องกับเด็กต่างแผนกก็ไม่ใช่เพราะพอร์ชเป็นมาก่อนหน้านั้น



สำคัญคือ*…ออร่าความผัวมันแรงเกินไป*



น้องโซ่เลยรู้สึกเกรงใจไอ้พี่พอร์ชเป็นพิเศษ



            “ที่ไหน?” ไม่ได้จับผิดแค่อยากรู้ทุกความเคลื่อนไหวของคนรักเท่านั้น



            “ห้าง…” บอกถึงปลายทางที่อยู่ไม่ไกล สามารถเดินไปได้อย่างง่ายดาย



            “ไอ้สองแสบล่ะ?”



            “หลับสนิททั้งสองตัวเลย”



            “นั่งรอก่อน เสร็จตรงนี้แล้วจะพาไป”



            เมื่อคนรักว่าอย่างนั้นโซ่เองก็พร้อมที่จะทำตาม ทิ้งตัวลงนั่งลงบนเก้าอี้เหล็กตัวเล็กที่อยู่ใกล้กันกับพอร์ช เพราะว่าวันนี้โซ่อารมณ์ดีเกินกว่าที่จะเก็บเอาความจู้จี้ของคนรักมาใส่ใจ



            “จะไปซื้ออะไร” นั่งไปได้สักพักพอร์ชก็เอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้งเพราะทั้งอู่ตอนนี้เหลือเพียงแค่เขาสองคน ส่วนช่างคนอื่นออกไปช่วยกันยกรถข้างนอกเพื่อเตรียมขนส่ง



            “อยากได้ครีมกันแดดให้น้องซน” ความจริงของเขากับพอร์ชก็ยังมีอยู่ แถมเยอะด้วยเพราะเพิ่งจะซื้อมาใหม่ แต่โซ่ก็อยากจะได้กันแดดสูตรอ่อนโยนสำหรับเด็กให้จอมซนมากกว่าถึงเจ้าแสบเล็กของเขาจะตัวใหญ่โตเกินเด็กแปดขวบทั่วไปเยอะก็เถอะ



            “มึงจะเสียใจไหมถ้าลูกไม่ได้อยู่กับเรา” คราวนี้ไม่ใช่แค่ทิ้งประแจในมือ แต่พอร์ชหมุนตัวหันมาจ้องหน้าสบตากับคนรักอย่างจริงจัง



            “เรื่องที่ต้องพาจอมซนไปส่งคืนเฮียเซนรึเปล่า?” เอ่ยถามกลับไปด้วยเสียงแผ่วเบา



            “รู้หรอ?” พอร์ชหลุบตาถามด้วยความรู้สึกผิดเพราะความลับที่อยู่ในใจ ความจริงแล้วเขาก็ตั้งใจจะบอกกับคนรักอยู่เหมือนกัน แต่คิดว่ายังไม่ถึงเวลาก็เลยเลือกที่จะเก็บไว้กับตัวก่อน



            ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมามันเป็นอะไรที่แย่มากสำหรับพอร์ชกับการที่ต้องปิดบังและฝืนทำตัวปกติกับคนรักและลูกชายที่ยังคงส่งยิ้มสดใสกลับมาให้เขาทุกครั้งที่เราเล่นสนุกและความสุขด้วยกันตามประสาพ่อๆ ลูกๆ จอมปลอมที่จอมซนอยากให้เป็น



            “อือ...ได้ยินตอนมึงคุยโทรศัพท์ เอาจริงๆ ก็เสียใจ…เสียใจมากจนอยากจะโทรไปขอร้องให้เฮียเซนยกลูกให้ แต่พอลองมาคิดดูอีกที กว่าจะมาถึงวันนี้เฮียเองก็รอมานานเหมือนกันกว่าที่จะได้กอดลูก มันคงจะดีกว่าถ้าจอมซนได้กลับไปอยู่กับพ่อและครอบครัวที่แท้จริงของตัวเอง”



            โซ่เองก็อยากเป็นคนเห็นแก่ตัวเก็บลูกไว้กับตัวเอง แต่ก็ทำไม่ได้เพราะตนเองเป็นแค่อาและจอมซนเองก็เป็นแค่หลานไม่ใช่ลูกอย่างที่เขาและเจ้าตัวอยากให้เป็น กลับกันพอลองคิดถึงในแง่มุมความเป็นพ่อของพี่ชายที่นั่งนับวันรอเจอลูกมาตลอดชีวิตแล้วก็ต้องยกธงขาวยอมแพ้ให้กับโชคชะตา…เป็นห่าอะไรถึงได้ชอบเล่นกับความรู้สึกคน



            “คิดได้อย่างนี้ก็ดีแล้ว ไอ้แสบมันแค่กลับไปอยู่กับพ่อมัน คิดถึงเมื่อไหร่เดี๋ยวกูจะไปขโมยกลับมาให้ ว่าแต่…ไม่คิดจะร้องไห้เสียใจหน่อยหรอ? กูละอุตส่าห์เตรียมผ้าเช็ดหน้าไว้กะได้เช็ดน้ำตาเมียเต็มที่” นั่นแหละ…ไอ้พอร์ชก็คือไอ้พอร์ช ยังคงเป็นคนห่ามที่โคตรเกรียนไม่มีหรอกคำสวยหรูไว้ปลอบโยนจะมีก็แต่ความกวนประสาทนี่แหละที่คอยเคียงข้างไม่ไปไหน



            “โทษทีนะน้อง พอดีพี่ไม่อ่อน…เหมือนหมาแถวนี้” โซ่เองก็คงซึมซับความกากเกรียนของคนรักไปพอสมควร ถึงได้หันมายักคิ้วลิ่วตาเกทับกลับไป



            “โด่! พูดงี้ขึ้นเลย…ขึ้นเลย! ถ้าคนอย่างพี่อ่อนน้องมึงคงไม่นอนร้องครางทั้งคืนหรอกครับเมีย!” ลูกผู้ชายต่อให้อยู่ในฐานะคน ‘เกลียมัว’ ก็ฆ่าได้หยามไม่ได้นะเว้ยเฮ้ย!



            “เสื่อมว่ะ! ไม่ไปไหนแล้ว หาซื้อแม่งหน้าบ้านนี่แหละ” ความจริงแล้วห้างที่อยู่หน้าบ้านก็ใช่ว่าจะเล็ก มีข้าวของเครื่องใช้ขายครบทุกอย่าง จะไม่มีก็แค่ร้านอาหารปรุงสุกเพราะอยู่ติดตลาด แถมยังเป็นห้างเจ้าแรกในจังหวัดอีกต่างหาก แต่ที่โซ่เลือกจะไปห้างโน้นก็เพราะอยากเดินทอดน่องดูคนเสียมากกว่า



ก็นะ*…เวลาโรงเรียนเลิกแบบนี้นักเรียนกำลังคึกคัก ถ้าได้ไปเดินเช็คเรตติ้งคงดีไม่น้อย*



            แหม่…คนฮอตอย่างพี่โซ่น่ะถึงจะป่าวประกาศว่ามีสามีเป็นตัวเป็นตนก็ใช่ว่าความนิยมจะลดลง ทุกวันนี้ก็มีสาวน้อยหนุ่มเล็กมากมายพากันส่งข้อความเข้ามาทักทายผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ส่วนตัว เพียงแต่เขาไม่คิดจะเล่นด้วย เพราะพี่โซ่เป็นคนจริง รักใครแล้วรักจริง ไม่มีลับหลัง ไม่มีทิ้งขว้างอย่างแน่นอน…เอาหัวเป็นประกันเลย!



            “พ่อจ๋า~”



            ยังไม่ทันที่โซ่จะได้ออกจากบ้านก็โดนเจ้าเด็กแสบที่คิดว่ากำลังนอนหลับเรียกรั้งไว้ซะก่อน เช่นเดียวกับที่พอร์ชเองก็เดินตามมาสมทบพร้อมกับโทรศัพท์กระเป๋าเงินในมือ



            งานนี้คงไม่พ้นไอ้ตัวพ่อเข้าไป(กวน)ปลุกลูกหรอกนะ โอ้ย*…พี่โซ่ละเพลียเกินจะด่า*



            “ว่า?”



            “พ่อจ๋าจะไปไหน” เอาล่ะ…ใครไม่เคยเจอเด็กแสบตอนงี่เง่าก็จะได้เห็นกันในวันนี้ล่ะ บอกเลยว่าจากประสบการณ์ที่อยู่ด้วยกันมานานนับเดือน ช่วงเวลาที่นรกแตกที่สุดสำหรับโซ่ก็ตอนที่จอมซนงอแงเพราะนอนไม่พอนี่แหละ…ไอ้ห่าพอร์ชหางานให้กูอีกแล้ว!



            “ไปซื้อของหน้าบ้านนี่เอง” ชี้ไม้ชี้มือผ่านกระจกหน้าร้านไปยังห้างที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามเป็นเชิงบอกว่าตนเองไม่ได้ไปไหนไกลเลย…ห่างกันแค่เอื้อม!



            “ทำไมไม่รอน้อง ฮึก! พ่อจ๋าจะทิ้งน้องหรอ?” ดราม่าก็มา น้ำตาก็มี…เต็มที่เลยครับลูก!



            “หยุดร้องได้แล้วมาหาพ่อ…เพราะน้องหลับ พ่อเลยไม่ปลุก” คว้าตัวเด็กแสบที่ยืนโงนเงนเพราะกำลังงัวเงียเข้ามากอดปลอบ บอกตรงว่าเจอบ่อย แต่ไม่เคยเบื่อ เพราะอาการงี่เง่าของจอมซนมันดูน่ารักมากกว่าที่จะน่ารำคาญ อีกทั้งท่าทางคำพูดคำจาน่าเอ็นดูนี่มีมาให้ได้เห็นตลอด



            “แต่…น้อง…น้องเสียใจ”



            ฟอด!



            “ไม่เสียใจแล้วครับ รักขนาดนี้ ตื่นแล้วก็ดี จะได้ไปเลือกชุดว่ายน้ำด้วยกันเลย” โอ้ย! โซ่ละอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปหอมแก้มลูกลิงในอ้อมแขนที่ยังนัวเนียเนียนกอดไม่ยอมปล่อย



            “เฮ้ย! ตื่นแล้วก็ไปล้างหน้ากอดเมียกูอยู่ได้ไอ้ห่าเด็กนี่” พอร์ชที่ยืนดูฉากรักระหว่างพ่อลูกอยู่นานก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้ามาแทรกกลางพร้อมกับผลักหัวลูกชายสุดที่รักไปอีกหนึ่งทีแรงๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว เรื่องอ้อนนี่ขอให้บอกไอ้แสบนี่ถนัดนัก



            “น้องซนจะงอนคุณป๋าสามนาที…ฮึ่ย!” เด็กแสบเงยหน้าจากแผ่นอกขึ้นมาสบสายตาอันอบอุ่นของพ่อจ๋าสุดที่รัก ก่อนจะหันไปทำแก้มป่องใส่คุณป๋าอย่างงอนๆ



คุณป๋านิสัยไม่ดีชอบแกล้งลูก*…ลูกจะโป้ง!*



            “มึงก็ไปแกล้งมัน” โซ่หันมาบ่นคนรักที่ยืนอยู่ข้างกัน หลังจากที่มองตามเด็กแสบไปจนลับตา



            “แกล้งอะไร กูจริงจังเหอะ เห็นมาหลายคืนแล้ว ตื่นมาทีไรแม่งหันไปกอดกันอยู่สามตัว ปล่อยกูนอนหนาวอยู่คนเดียว…ใช้ได้ที่ไหน” ความจริงแล้วก็ไม่ได้โกรธอย่างที่พูดหรอก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะน้อยใจเบาๆ ตื่นมาเข้าห้องน้ำทีไร ทั้งลูกทั้งเมียหันไปกกกอดกันอยู่สามตัวปล่อยให้เขานอนหง่าวอยู่คนเดียว



            “ไร้สาระ” ไม่ได้ด่านะอุทานพร้อมกับกรอกตาขึ้นฟ้าเฉยๆ



            “ตรงไหน?”



            “ตรงนี้แหละ” ว่าแล้วก็เดินออกจากบ้านไปพร้อมกับจอมซนที่เดินเข้ามาสมทบหลังจากล้างหน้าล้างตาจนกลับมาสดชื่นสดใสเหมือนเดิม ปล่อยให้พอร์ชยืนหูลู่หางตกอยู่ที่เดิมคนเดียว



            จะให้บอกได้ไงว่าหลังจากที่พอร์ชกลับมาจากห้องน้ำและหลับลึกลงไปอีกครั้งนั้นเขาก็หันกลับไปนอนซุกอกเจ้าตัวเหมือนเดิมจนถึงเช้า



ถ้าไอ้หมามันรู้โดนล้ออายตายห่าเลย…เพราะฉะนั้นจงเงียบไว้!



            สุดท้ายพอร์ชก็พามาห้างใหญ่อยู่ดี แต่เป็นคนละสาขากับที่โซ่จะไปในตอนแรก เพราะห้างนั้นอยู่ไม่ไกลจากบ้านสามารถเดินไปได้แบบสบายๆ ส่วนห้างนี้เป็นห้างใหม่ที่อยู่ห่างออกมาแต่มีของให้เลือกเยอะกว่า



            “น้องซนอยากได้ซื้ออันนี้ให้พี่มณี” ยังไม่ทันได้ไปไหนไกลเด็กแสบก็ลากคุณพ่อโดยมีคุณป๋าเดินตามหลัง เข้าไปในเพ็ทช็อปที่อยู่ติดประตูทางเข้าทันทีเมื่อหันไปเห็นกระเป๋าเป้แมวสีสันสดใสตั้งโชว์อยู่ในตู้กระจกหน้าร้านคอยดึงดูดสายตาลูกค้าที่เดินผ่านไปมา



            “มีเงินหรา?” และก็เป็นพอร์ชคนเดิมเพิ่มเติมคือการกวนตีนลูกเอ่ยถามขึ้นมาก่อนเป็นคนแรกด้วยสีหน้าและแววตาที่เต็มไปด้วยการล้อเลียน



            “คุณพ่อจ๋า~” เมื่อถูกอริ(ชั่วคราว)ของตนเองทักขึ้นมาอย่างนั้นจอมซนคนแสบก็หันกลับมาช้อนตามองอ้อนพ่อจ๋าสุดที่รักทางด้านทันที



            มาจนถึงป่านนี้แล้วคุณลูกกับคุณป๋าก็ยังไม่ยอมคืนดีกันทำให้คนกลางอย่างโซ่รู้สึกเซ็งเพราะนอกจากจะงอนกันแล้วไอ้สองตัวนี้ก็ยังตีกันมาตลอดทาง แถมยังแหย่กันไม่หยุด คือดูก็รู้ว่าอยากเล่นกันจนใจจะขาดเพราะไม่ได้โกรธกันจริงจังอย่างที่ปากพูด แต่ก็อยากจะเล่นตัว



โซ่เลยอยากจะถามว่า*…คุณมึงจะเล่นตัวกันเพื่อ?*



            “น้องซนอยากแก้แค้นป๋าไหม?” โซ่กระซิบเบาๆที่ข้างหูของเด็กแสบเพื่อให้เจ้าตัวได้ยินแค่คนเดียว ส่วนพอร์ชเองก็ไม่ได้สนใจเพราะกำลังดูเบาะนอนกลางวันอันใหม่ให้พี่มณี ส่วนกลางวันก็อย่างที่รู้ๆ กันว่าพี่เขาต้องได้นอนกอดกับพ่อจ๋าบนเตียงเท่านั้นถึงจะหลับสนิท



            “ฮะ” พยักหน้าตอบรับในทันที เรื่องแกล้งคุณป๋าขอให้บอกน้องซนไม่พลาดอยู่แล้ว



            “หายงอนป๋าก่อนสิ” พอได้ยินสิ่งที่พ่อจ๋าบอกเด็กแสบก็เบ้ปากทันที เรื่องอะไรที่น้องซนจะต้องง้อด้วยล่ะ? ไม่เอาหรอก…เชอะ!



            “….”



            “น้องซนรู้ใช่ไหมว่าคุณป๋ารัก?” ก็รู้แหละว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้ แต่เชื่อเถอะว่าไม่เกินความสามารถของโซ่หรอก



            “อือฮึ!” ตอบห้วนไร้ออดอ้อนที่มักจะมาพร้อมกับคำหวานจ้ะจ๋าอย่างทุกทีแบบนี้คืออาการดื้อเงียบของจอมซน



            “รู้ใช่ไหมว่าคุณป๋าชอบให้อ้อน”



            “อือฮึ!”



            “ถ้ารู้แล้วจะมัวรออะไรอีก?” ไม่ได้กดดันนะแค่เผลอทำเสียงเข้มไปนิด



            “…..”



            “เอาน่า…ฝืนใจง้อไปเถอะ”



            “…..”



            “เสียเวลาอ้อนนิดอ้อนหน่อย”



            “…..”



            “ไม่เห็นต้องอายเลย”



            “…..”



            “เงินในกระเป๋าสตางค์ป๋าน่าสนใจกว่าเยอะ”



            “จะซื้ออะไรก็ได้”



            “จะใช้เท่าไหร่ก็ได้”



            “พ่อเองอยากได้กางเกงว่ายน้ำใหม่” มาถึงตรงนี้โซ่ก็ได้แต่แอบยิ้มเบาๆที่มุมปากเมื่อได้เห็นสายตาลังเลของเด็กน้อยที่ดูเหมือนว่ากำลังจะตกหลุมพรางของตนเอง



            “ของน้องซนก็ต้องซื้อใหม่หมดครบชุด”



            “ไหนจะครีมกันแดด ไหนค่าจะขนม ไหนจะแพยางพี่มณี ไหนจะเรือบังคับที่น้องซนอยากได้ไปเล่นที่ทะเลอีกล่ะ? ซื้อหมดนั้นต้องใช้เงินเยอะมากเลยนะ พ่อจ๋าก็ไม่ได้ทำงาน แต่คุณป๋ามีเงินเดือน...เยอะด้วยนะ” หยอดทิ้งท้ายไว้ให้คิดเล่นๆ



            ก่อนจะปิดจ๊อบไซโครได้อย่างสวยงามด้วยประโยคที่ว่า…



            “สำคัญเลยคือ…เงินทั้งหมดในกระเป๋าสตางค์ป๋าต้องเป็นของเรา…โอเคม้ะ?”



            คุณคิดว่าเด็กหัวอ่อน(?)ที่มีพ่อจ๋าเป็นไอดอลอย่างจอมซนนั้นจะทำอย่างไร?



ระหว่าง ‘งอนต่อ’ หรือ ‘ง้อป๋า’



            ถ้าคุณคิดว่าเด็กแสบอย่างจะยอม ‘ง้อป๋า’ ละก็…คุณคิดถูกแล้ว!



            เพราะหลังจากจบสิ้นกระบวนการเกลี้ยกล่อมของโซ่แล้วจอมซนก็…



            “คุณป๋าจ๋า ~”









TBC.

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
คำสอนแบบนี้ ช่างน่าจำเสียจริงๆ  o18

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอตอนต่อไป~

ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ

เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์
{48}

                                     
“กรี๊ด~~~~~ ทะเล๊~~~~~~~~”

            อย่าคิดว่าพี่โซ่จะเสียจริตหลุดกรี๊ดออกมาเชียว เพราะเจ้าของเสียงกรีดร้องที่แท้จริงคือเด็กแสบจอมซนลูกชายคุณป๋าโน่นที่อุ้มพี่มณีวิ่งลงรถไปทันทีที่ได้เห็นผืนน้ำสีครามเบื้องหน้า

            “กลับมาก่อนน้องซน เดี๋ยวพี่มณีวิ่งหนี” โซ่พยายามที่จะร้องเรียกให้ลูกชายทั้งสองกลับขึ้นฝั่งมาเพราะกลัวจะเป็นอันตราย ถึงแม้ว่าจอมซนจะว่ายน้ำเป็นก็ตาม แต่ยังไงพี่มณีก็ยังเป็นแมว สำคัญเลยคือ…แมว(ทั่วไป)มักกลัวน้ำ

            แต่เหมือนโซ่จะหลงลืมไปว่าแท้จริงแล้วพี่มณีไม่ใช่แมวธรรมดาที่หาได้ทั่วไป หลังจากที่พี่เขากลายเป็นแมวเซเลปขึ้นแท่นแมวไฮโซติดลมบนของสังคมโซเซียลไปแล้ว

            ก็นะ…พอพ่อมันยกกล้องขอถ่ายรูปไอ้ตัวลูกมันก็เต๊ะท่าเชิดหน้าให้ถ่ายแบบไม่มีอิดออดจนกว่าพ่อมันจะพอใจโน่นแหละ สุดท้ายก็ไปจบที่การอวดลูกลง Facebook และ IG อย่างทุกที

            “ไม่หนีฮะ! พี่มณีชอบเล่นน้ำกับน้อง”

            อาห้ะ! เข้าใจตรงกันนะครับพ่อจ๋าว่านอกจากพี่มณีจะไม่หนีเพราะกลัวน้ำแล้วพี่ท่านก็ยังลอยคอว่ายน้ำท่าลูก(แมว)หมาตกน้ำกับน้องชายแบบจอมซนอย่างหน้าตาเฉย

            “ไปลากพวกมันขึ้นมาก่อน เล่นน้ำตอนพระอาทิตย์ตรงหัวแบบนี้เดี๋ยวพากันป่วยอีก กูจะไปเช็คอินห้อง” พอร์ชเดินแยกออกไปพร้อมกับทิ้งภาระอันยิ่งใหญ่ไว้เบื้องหลังปล่อยให้โซ่เป็นคนจัดการเพราะความดื้อไอ้สองแสบในเลเวลนี้นั้นมีแค่พ่อจ๋าของมันเท่านั้นแหละที่เอาอยู่

            “เรื่องปวดประสาทนี่ยกให้กูตลอด” บ่นไปก็เท่านั้น สุดท้ายแล้วโซ่ก็วางเป้บนบ่าลงไปลากพี่น้องสองแสบขึ้นจากน้ำอยู่ดี ถึงจะเต็มไปด้วยความยากลำบากก็ตาม เพราะกว่าไอ้สองแสบจะยอมอยู่เฉยตามคำขู่ทำเอาโซ่แทบคลั่ง แบกหนึ่งคนอุ้มหนึ่งแมวขึ้นฝั่งด้วยความอ่อนแรง

            “ไม่เหนื่อยรึไงทำไมไม่นอนพัก” พอร์ชเดินเข้ามาสวมกอดโซ่ที่ยืนชื่นชมธรรมชาติรอบกายอยู่หน้าบ้านพักติดกับชายหาด

            “มึงหรือเปล่าที่ต้องพัก” เพราะพอร์ชเป็นคนขับรถส่วนโซ่ก็นอนหลับๆ ตื่นๆ มาตลอดทางเลยไม่รู้สึกเหนื่อยในการเดินทางไกลอย่างที่ควรจะเป็น

            “ไม่อยากนอน แต่…อยากกอดมึงมากกว่า” โซ่ได้บอกหรือยังว่านอกจากความหึงโหดที่โคตรจะหวงของพอร์ชเพิ่มขึ้นแล้วก็มีอีกอาการที่เรียกว่าออดอ้อนนี่แหละตีคู่กันมาอย่างสูสี

            “ทำเป็นพูดดีว่าแต่…ทริปนี้ทุ่มทุนดีนะ” เหลียวหน้ามาหรี่ตาถามอย่างจับผิด เพราะครั้งนี้พอร์ชเลือกจองที่พักเป็นแบบ pool villa ติดชายทะเลหาใช่ห้องพักทั่วไปเหมือนทริปที่แล้วมา

            “ก็…เพราะต้องพาอีมณีมาด้วยไงก็เลยเลือกแบบส่วนตัว ขืนไปพักรวมบนตึกใหญ่กับครอบครัวอื่นไปเจอหมาแมวคนอื่นลูกมึงได้คลั่งแน่…ยิ่งไม่เหมือนใครอยู่” อ้ำอึ้งอยู่พักหนึ่งก่อนที่พูดบอกออกมาถึงเหตุผลที่คิดขึ้นได้แบบสดๆ ร้อนๆ ทั้งที่ความจริงมันมีอะไรที่สำคัญกว่านั้นซ่อนอยู่…เหตุผลที่พอร์ชลงทุนเสี่ยงตายเม้มเงินเมียมาเป็นปี

            “เหรอ” พยักหน้าลากเสียงยาวตอบรับคำสารภาพหลอกลวงของคนรัก ถามว่าเชื่อไหม? บอกเลยว่าเชื่อ…แต่ไม่ทั้งหมด เพราะข้อเสียของพอร์ชคือโกหกไม่เนียน โดยเฉพาะสายตาอันซื่อตรงของเจ้าตัวที่มักจะทรยศเจ้าของร่างกายทำหน้าที่สารภาพบาปออกมาก่อนทุกครั้งที่พอร์ชโกหกหรือมีเรื่องปิดบังโดยที่โซ่ไม่ต้องเสียเวลาหาทางจับผิดเลยคนรักเลยสักนิด

            ครืด~

            “พ่อจ๋า~ คุณป๋า~”

            เสียงเรียกที่ดังมาพร้อมกับเสียงเปิดประตูของลูกชายที่ดังมาจากทางด้านหลังทำให้พอร์ชโซ่ที่ยืนกอดกันอยู่ข้างสระน้ำผละออกจากกัน

            “ทำไมตื่นเร็ว”

            พอร์ชก้มดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาที่ข้อมือทันทีเมื่อได้ยินทำอุทานของคนรักที่เดินเข้าไปหาลูกชายคนเล็กที่ยืนขยี้ตางัวเงียอยู่ตรงประตู

            ครึ่งชั่วโมงไม่ขาดไม่เกินแต่เป็นเวลาที่น้อยเกินไปสำหรับการพักผ่อนของเด็กขี้เซาอย่างจอมซนที่ชอบนอนกลางวันมากกว่าหนึ่งหรือสองชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ

            “น้องซนฝันร้าย…พ่อจ๋ากับคุณป๋าอย่าทิ้งน้องซนนะฮะ” ผวาเข้ากอดผู้ปกครองชั่วคราวของตนเองทันทีที่พอร์ชและโซ่ดินเข้ามาหาเพราะฝันร้ายที่ต้องเผชิญมาก่อนหน้านี้นั้นมันน่ากลัวเหลือเกิน…กลัวว่าจะต้องกลับไปอยู่โดดเดี่ยวเดียวดายแบบไม่มีใครเหมือนอย่างที่ผ่านมา

            เป็นครั้งแรกเลยที่พอร์ชได้เห็นมุมอ่อนแอของจอมซนเด็กแสบที่มักจะทำตัวกล้าแกร่งเกินเด็กวัยเดียวกันไปมาก แต่ไม่ใช่สำหรับโซ่ที่เคยได้สัมผัสกับมุมนี้ของจอมซนมาตั้งแต่เจอกันครั้งแรกเมื่อสี่ปีที่แล้ว

            โซ่ยังจำได้ดีตอนที่โดนอาม่าเรียกตัวกลับบ้านใหญ่หลังจากที่สูญเสียบิดาผู้ให้กำเนิดไปได้ไม่นาน บรรยากาศภายในบ้านเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเคล้าความสุขใจเล็กๆ ของกลุ่มญาติห่างๆ ปลายสายหลายคนที่ได้สมดั่งใจหวังเพราะเสียตัวหารสมบัติโดยเฉพาะทายาทคนโตสายตรงอย่างพ่อของโซ่ที่มีแนวโน้มว่าจะกลับมาสานต่อกิจการที่บ้านในอีกไม่ช้าเพราะเบื่ออาชีพหมอที่อุตส่าห์ดันด้นไปเรียนไกลถึงต่างประเทศโดยที่ไม่ฟังเสียงคัดค้านจากครอบครัว แต่โซ่ก็หาได้สนใจความวุ่นวายหรือสายตาหยามเหยียดเหล่านั้นไม่ เพราะสิ่งเดียวที่สะกดสายตาของเขาได้คือเด็กฝรั่งหัวทองที่กำลังนั่งกอดเข่าสะอึกสะอื้นอยู่ใต้ซุ้มต้นเล็บมือนางสีชมพูขาวที่อาม่าทำไว้นั่งรับลมเล่นยามเช้าและตอนเย็น

            เด็กชายจอมซนในวัยสี่ขวบที่เพิ่งจะมีโอกาสได้มาเยือนบ้านเกิดเมืองนอนของบิดาผู้ให้กำเนิดเป็นครั้งแรกด้วยความหวังเต็มเปี่ยมว่าจะได้พบเจอกับคนเป็นพ่อ หลังจากที่ต้องแยกจากกันมานานกว่าสองปี แต่ก็ต้องผิดหวังที่อีกฝ่ายไม่สามารถมาหาได้เพราะคำสั่งห้ามจากศาล

            โซ่ยืนจ้องเด็กชายอยู่นานหลายนาทีจนกระทั่งอีกฝ่ายตกใจกลัวเพราะสายตาของโซ่ในตอนนั้นไม่ได้เป็นมิตรอย่างในวันนี้ มีเพียงแววตาแข็งกร้าวเย็นชาที่ทำให้คนหวาดผวาได้เพียงแค่พบสบตา หลังจากที่เจ้าตัวสะสมความรู้สึกด้านลบติดกันมาหลายเหตุการณ์ยาวนานหลายปี

            “มาจากไหน?” เอ่ยถามพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้ด้วยท่าทางที่คิดว่าเป็นมิตรที่สุดแล้วแต่สิ่งที่ได้กลับมาคือสายตาแห่งความหวาดกลัวของเด็กน้อยที่ถัดตัวถอยห่างออกไปไกลกว่าเดิม

            “!#^*I%(#^#@(^&%#” พอโดนความหวาดกลัวเข้าครอบงำภาษาไทยที่พยายามฝึกฝนมาด้วยความยากลำบากก็ไร้ความหมาย รัวภาษาบ้านเกิดใส่คนแปลกหน้าจนแทบลืมหายใจ

            “ไม่ต้องกลัว พี่ชื่อโซ่ เราชื่ออะไร?” เปลี่ยนการสื่อสารเป็นภาษาสากลเพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้นก่อนที่จะค่อยๆ ตีเนียนขยับเข้าไปใกล้กับเด็กน้อยอีกนิด

            “เจเรมี่ ฮึก…น้องซนชื่อเจเรมี่ฮะ” โซ่ถามด้วยภาษาอังกฤษแต่น้อยฝรั่งน้อยกับตอบกลับด้วยภาษาไทยแบบลุ่มๆ ดอนๆ ที่พอจะนึกได้ แต่ที่น่าเอ็นดูยิ่งกว่านั้นคือใบหน้าจิ้มลิ้มที่เปื้อนเปรอะคราบน้ำตาไปทั่วทั้งใบหน้า ไหนจะดวงตากลมที่ฉายแววหวาดกลัวอยู่ตลอดเวลานั้นอีก คิดดูสิว่าจอมซนในตอนนั้นน่าขย้ำสักแค่ไหน

            หึ! นานแค่ไหนแล้วนะที่โซ่ไม่ได้ยิ้มเต็มปากอย่างนี้ เด็กอะไรนอกจากหน้าตาจะน่ารักน่าเอ็นดูแล้วยังมีเสน่ห์เหลือล้นแบบไม่ต้องเสียเวลาประดิดประดอยอย่างที่ใครหลายคนพยายามฝืนความเป็นตัวเองเพื่อที่จะได้มันมา

            “คุณน้องซน! คุณน้องซนอยู่ไหนคะ? คุณย่าเรียกแล้วนะคะ…น้องซน!”

            ยังไม่ทันที่โซ่จะได้ถามอะไรต่อเสียงเรียกชื่อเด็กน้อยตรงหน้านี่ก็ดังไปทั่วทั้งบริเวณเพราะสาวใช้คนสนิทของคุณย่าเจ้าตัวเล็กนี่กำลังตามหาอยู่

            “นะ..น้องซนอยู่ตุงนี้ฮะพี่ชู” ส่งเสียงรับตอบกลับไป ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นยืน แต่ก็ต้องเสียหลักเกือบหน้าทิ่มเพราะเส้นยึดจากการนั่งท่าเดิมเป็นเวลานาน แต่ดีที่ว่าโซ่รับไว้ทัน

            “คุณโซ่จะทำอะไรน้องซนคะ!” สาวใช้ที่มาเห็นภาพชวนเข้าใจผิดแหวใส่โซ่ทันทีอย่างไม่มีความเกรงใจว่านั่นคือลูกเจ้านายเพราะรู้กันดีอยู่ว่านิสัยโซ่เป็นยังไงทำไมใครต่อใครต่อถึงมองว่าเป็นอันธพาล หลังจากที่เจ้าตัวคว่ำโต๊ะอาหารและขว้างปาถ้วยจานข้าวใส่อาสะใภ้ของตนเองหรือก็คือภรรยาของทายาทสายตรงคนสุดท้องของตระกูล

            โซ่กรอกตาขึ้นฟ้าด้วยความเบื่อหน่าย นานแค่ไหนแล้วนะที่คนในบ้านนี้มองว่าเขาพวกหน้าตัวเมียเพราะทำร้ายผู้หญิง และมีใครบ้างที่คิดจะถามไถ่หาความว่าแท้จริงแล้วเรื่องนั้นมันเกิดขึ้นได้อย่างไรนอกเสียจากก๋งและอาม่าที่บุกเข้ามาปลอบโยนเขาถึงในห้องนอนโดยที่ไม่มีการดุด่าหรือถามหาความจริงอันใดเพราะท่านทั้งสองรู้ดีว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นคนเช่นไร ต่างจากคนอื่นที่เอาแต่ตั้งท่ารังเกียจ ใส่ร้าย และกลั่นแกล้งตลอดเท่าที่เวลาและสถานการณ์เอื้ออำนวย ซึ่งดูจากหน้าแหยๆของไอ้เด็กนี่แล้วก็คงจะไม่ต่างจากลูกหลานคนอื่นสักเท่าไหร่หรอก…มั้ง?

            “เปล่าฮะ! พี่โซ่ไม่ได้แกล้งน้องซน พี่โซ่ช่วยโอ๋เอ๋น้องซน”

            หือ? เป็นอีกครั้งที่ฝรั่งน้อยตรงหน้าทำให้โซ่รู้สึกดีด้วยเพราะเจ้าตัวทำใจกล้ากางแขนเล็กๆ ปกป้องเขาจากการโดนสาวใช้ตำหนิทั้งที่ก่อนหน้ายังตัวอ่อนปวกเปียกเหมือนกับจะแตกสลายได้ในทันทีถ้าหากโดนใครจับแรงๆ

            “จริงหรอคะ?” เธอถามเหมือนไม่แน่ใจ แต่ก็ไม่กล้าจะพูดอะไรไปมากกว่านั้นเพราะว่ายังไงโซ่เองก็อยู่ในฐานะเจ้านาย ถึงแม้ว่าจะเป็นเจ้านายที่ไม่มีใครนับถือก็ตาม

            “จริงฮะ” ฝรั่งน้อยพยักหน้าตอบรับด้วยความแข็งขัน

            “ถ้าอย่างนั้นก็เข้าบ้านกันดีกว่าค่ะ คุณย่าเรียกนานแล้ว” เธอพูดบอกกับเจ้านายตัวน้อยของเธอโดยที่ไม่แม้แต่จะบอกลาเจ้านายน้อยอีกคนทำเหมือนโซ่เป็นหัวหลักหัวต่อไม่มีค่าพอที่จะให้ความสำคัญ

            “เดี๋ยว” แต่ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวไปไหนไกลถูกโซ่เรียกรั้งไว้ก่อน

            “คุณโซ่มีอะไรหรือเปล่าคะ?” เธอเลิกคิ้วถามอย่างไร้มารยาท แต่โซ่ก็หาได้สนใจ

            “เด็กนี่ใคร?” กลั้นใจถามออกไปอย่างลุ้นๆ แม้ว่าจะมีคำตอบให้ตัวเองอยู่แล้วก็ตาม แต่โซ่ก็อยากจะให้แน่ใจอีกนิดว่ามันจะตรงกับสิ่งที่ตนเองคิดไว้หรือไม่

            “ลูกคุณเซนค่ะ”

            “เฮียกลับมาแล้วหรอ?” เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปิดความดีใจไว้ไม่มิดเพราะตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้วคนที่ให้ยอมนับญาติและให้เกียรติเขาที่สุดก็คือเฮียเซน พี่ชายคนเดียวที่คอยปลอบโยนและช่วยเหลือในยามที่เขามีช่วงเวลาที่ยากลำบากในบ้านนี้

            “น้องซนกลับมาคนเดียวค่ะ” เธอตอบกลับสั้นๆ ก่อนที่จะสะบัดหน้าหนีและกึ่งลากกึ่งจูงจอมซนเดินออกไป

            “พี่พลก็ไม่อยู่แล้วเฮียยังจะทิ้งโซ่ไปอีกคนหรอ” สุดท้ายแล้วเด็กที่ซื่อโซ่ก็เหลือเพียงแค่ตัวคนเดียวอยู่ในดงสัตว์มีพิษที่จ้องจะทำลายเพราะความแกร่งแย่งชิงดีโดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ไม่มีเหลือแม้แต่คำว่าครอบครัว

            “#&(*&%$#!#$_)(*@!$#%((*@#%$%^@#!$@%^$*$”

            มื้อเย็นคือช่วงเวลาที่โซ่เบื่อมากเป็นพิเศษเพราะทุกคนในบ้านจะมารวมตัวกันที่โต๊ะอาหารประหนึ่งว่าจะพากันไปเดินประท้วง แต่เป้าหมายในกลายทำลายมีหนึ่งเดียวก็คือโซ่

            “น้องซนให้พี่โซ่ฮะ” ฝรั่งน้อยผู้ซึ่งไม่รู้ถึงสงครามประสาทในโต๊ะอาหารอันอบอุ่นทำใจกล้าเอื้อมมือไปตักปีกไก่ทอดตรงหน้ามาวางบนจานพี่ชายแปลกหน้าที่นั่งข้างกัน เมื่อสังเกตเห็นว่าโซ่เอาแต่เขี่ยข้าวในจานไปมาไม่ยอมตักหารสักทีแม้ว่ามื้ออาหารจะเริ่มมาได้สักพักแล้วก็ตาม

            “ขอบใจ” โซ่ตอบรับความหวังดีของเด็กน้อยด้วยรอยยิ้มจางๆ แต่ก็ยังไม่ยอมทานอะไร

            “หม่ำๆกันฮะ! คุณไก่อร่อยน้องซนชอบ” ทำตัวเจ้ากี้เจ้าการจับปีกไก่ทอดยัดใส่มือพี่ชายก่อนที่จะคว้าน้องไก่ทอดในจานตัวเองขึ้นมาชนกันแล้วจัดการส่งเข้าปากงับเข้าเต็มคำเคี้ยวแก้มตุ่ยด้วยท่าทางเอร็ดอร่อยยิ่งนักทำเอาโซ่หลุดยิ้มออกมาได้

            “อาโซ่เป็นน้องชายของอาเซนน้องซนต้องเรียกอาโซ่ว่าอาโซ่…เรียกพี่โซ่ไม่ได้” อาม่าที่เฝ้าดูความสัมพันธ์อันดีของสองอาหลานมาเงียบๆ อยู่นานก็พูดขึ้นมาบ้าง

            “ก็แค่ลูกพี่ลูกน้อง จะยุ่งยากทำไม เรียกอะไรก็เรียกไปเถอะ…ไม่สำคัญหรอก” ยังไม่ทันที่ใครจะได้พูดอะไรลูกชายคนเล็กหรือก็คืออาแท้ๆของโซ่พูดแทรกขึ้นมาทำนองว่าโซ่ไม่ได้มีความสำคัญอะไรในบ้านหลังนี้ ก่อนที่อีกหลายๆ คนจะพากันหัวเราะเยาะออกมาอย่างสนุกสนาน ก่อนที่ทุกอย่างจะหยุดชะงักลง

            เมื่อนายใหญ่ของบ้านหรือก๋งของโซ่พูดขึ้นมาว่า…

            “หัวเราะกันเข้าไป สนุกกันให้ถึงที่สุด เหยียบกันให้จมดิน ฉันอนุญาต แต่จงจำไว้นะว่าอาโซ่คือคนที่ถือหุ้นมากที่สุดในกงสี ถ้าฉันเป็นอะไรไปอาโซ่ก็เข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้แทน หลังจากนั้นใครจะตกนรกจะขึ้นสวรรค์ก็อยู่ที่อาโซ่จะชี้นำเพราะคนแก่อย่างฉันจะหลับหูหลับตาเชื่อหลานอย่างเดียว!”

            โมโห! บอกเลยว่าโมโหมากที่ลูกหลานเหยียบย่ำกันต่อหน้าผู้นำตระกูลอย่างเขาแบบไม่มีความเกรงใจ เพราะที่ผ่านมาเขาหลับหูหลับตาทำเป็นไม่สนใจ ด้วยเพราะไม่อยากจะทำตัวลำเอียงเข้าข้างใคร แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ใส่ใจเพราะทุกครั้งที่เกิดเรื่องแบบนี้เขากับภรรยาจะแอบเข้าไปพูดปลอบและให้กำลังใจกับโซ่ในห้องนอนของเจ้าตัวอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้หลานทุกข์ใจไปมากกว่าที่เป็นอยู่ ลำพังแค่เสียพ่อ ขาดแม่ไปมันก็มากพอแล้ว จะมาตรอกย้ำอะไรกันหนักหนา แต่ที่ต้องกางปีกปกป้องโซ่ในครั้งนี้ก็เพราะว่าถ้อยคำการกลั่นแกล้งที่โซ่โดนทั้งต่อหน้าและลับหลังของเขามันทวีความรุนแรงขึ้นทุกที

            ส่วนที่บอกว่าโซ่คือผู้ที่ถือหุ้นมากที่สุดในกงสีก็เป็นความจริงเพราะหนึ่งส่วนเป็นของโซ่เองที่ลูกหลานทุกคนจะได้รับเป็นขวัญถุงตอนแรกเกิด อีกหนึ่งส่วนคือสิ่งที่โซ่ได้รับการถ่ายโอนมรดกมาหลังจากที่พ่อตาย และส่วนสุดท้ายที่มีค่ามากที่สุดคือหุ้นของผู้นำตระกูลอย่างเขาที่คิดดีแล้วว่าจะยกให้โซ่แต่เพียงผู้เดียว หลังจากที่ได้ทดสอบและเฝ้าดูพฤติกรรมทั้งดีและร้ายของลูก หลาน และเหลนทุกคนในตระกูลมาหลายสิบปี 

            “อากง! ก๋ง! อาป๊า! เตี่ยล้อผมเล่นใช่ไหม!” ลูกหลานหลายคนที่ตั้งท่าเป็นปรปักษ์ต่อโซ่หวีดร้องเสียงหลง แต่หนักสุดคงจะไม่พ้นทายาทคนเล็กของก๋ง

            “ฉันพูดจริง…ป่านนี้อาทนายอีคงร่างพินัยกรรมฉบับใหม่เสร็จแล้วล่ะ”

            ไม่หรอกความจริงแล้วพินัยกรรมฉบับเก่ายังคงเดิมเพิ่มเติมคือมีชื่อของโซ่ถูกสลักลงไปในส่วนของผู้รับหุ้นแต่เพียงผู้เดียวจากที่เคยเป็นของลูกชายหญิงทั้งแปดคนของตนเอง หลังจากที่เฝ้าดูพฤติกรรมของลูกหลานคนอื่นจนตกตะกอนทางความคิดแล้ว ถ้าผู้นำรุ่นต่อไปไม่ใช่โซ่ที่เขาพร่ำสั่งสอนมากับมือกงสีแห่งนี้คงเหลือไว้แค่ความทรงจำ

            หลังจากประกาศข่าวเรื่องผู้ถือหุ้นได้เพียงไม่นานก๋งของโซ่ก็ประสบอุบัติเหตุลื่นล้มในโรงสีข้าวจนเป็นอัมพาตครึ่งซีกจนพูดและช่วยเหลือตนเองไม่ได้มาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนต้นสายปลายเหตุที่ทำให้ก๋งล้มคืออะไรก็ไม่มีใครพูดถึงเพราะตอนที่เกิดเหตุคือช่วงเย็นหลังเลิกงานอีกทั้งกล้องวงจรปิดก็ไม่มีบวกกับที่ก๋งเองก็อายุมากแล้วคนในบ้านจึงไม่คิดสงสัยหรือจงใจปล่อยปะละเลยก็ไม่รู้ที่ทำให้เรื่องอุบัติเหตุของก๋งหายเงียบไปกับสายลม แต่ไม่ใช่คู่ชีวิตอย่างอาม่าหรือหลานชายสายตรงอย่างโซ่ที่พยายามสืบหาตัวต้นเหตุมาตั้งแต่เกิดเรื่อง เพราะทั่งคู่มั่นใจมากว่าคนแข็งแรงที่มีความรอบคอบสูงอย่างก๋งไม่มีทางลื่นล้มเองอย่างแน่นอน

            แต่คนร้ายจะเป็นใครก็ต้องรอดูอีกที…รอให้กล้องวงจรปิดและเครื่องดักฟังที่โซ่ใช้อำนาจครั้งแรกในการเป็นประธานใหญ่ที่อายุน้อยที่สุดในกงสีอาศัยช่วงที่ทุกคนในบ้านไปเที่ยวพักร้อนประจำปีทางภาคเหนือเหลือไว้แค่ก๋ง อาม่า แม่บ้านคนสนิทอาม่า พยาบาลพิเศษที่โซ่เป็นฝ่ายจัดหาเข้ามาดูแลก๋งกับยามหน้าโรงสีอีกหนึ่งคนแอบเข้าไปติดตั้งตรงมุมอับลับสายตาทั้งในส่วนของโรงสีและสำนักงานทำหน้าที่จับสายลับจับโจรของมันไปอย่างใจเย็น

            ถึงวันนั้นเมื่อไหร่โซ่จะทำให้รู้ทั่วกันว่าเศษดินที่ทุกคนเคยเหยียบย่ำก็เป็นสายเลือดมังกรคนหนึ่งเหมือนกันและไม่ได้ด้อยไปกว่าลูกหลานคนไหนเลย แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ประจำที่นี่ก็ตาม แต่การคายตะขาบทางธุรกิจหรือความผูกพันระหว่างครอบครัวสมัยนี้ไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้ชิดกันมากก็ได้ในยามที่ยุคสมัยเปลี่ยนไปเช่นนี้เพราะเราโทรทางไกลหากันได้ตลอดเวลา

            ระหว่างโซ่กับก๋งและอาม่าเองก็มอบความรักความห่วงใยตามประสาครอบครัวผูกพันผ่านช่องทางการสื่อสารพวกนี้มาตั้งแต่เด็กเหมือนกัน

            ฉะนั้นแล้วใครก็ตามอย่าได้มากล่าวหาว่าโซ่เป็นหลานนอกคอกอีกเป็นอันขาด เพราะเขาคือทายาทสายมังกรตัวจริงที่ถูกวางตัวไว้ตั้งแต่แรกที่จะไม่ยอมให้ธุรกิจที่ก๋งกับอาม่าช่วยกันวางรากฐานมาด้วยความลำบากจากเสื่อผืนหมอนใบมาเป็นโรงสีใหญ่โตอย่างทุกวันนี้ล้มลงเพียงเพราะความเห็นแก่ตัวของคนโลภมากเป็นเด็ดขาด…จำไว้!



TBC.
ตอนหน้าเรามาเล่นน้ำกัน ตอนนี้ขอย้อนอดีตน้องซนกับพ่อจ๋านิดนึง! จะได้รู้ความเป็นมาเป็นไป
อ่านนิยายเราต้องทำใจนึดหนึ่งว่าเราจะค่อยๆ เฉลยปมไปเรื่อยๆ ไม่ได้มาโครมครามในตอนเดียว
ซึ่งปมบางอย่างในภาคนี้อาจจะไปคลี่คลายในภาคหน้าก็เป็นได้...#ด้วยรัก
ปล.ที่หายหัวไม่ได้ไปไหนไกล แต่เป็นเพราะมีหน้าที่หลายอย่างที่ต้องทำ อย่างเช่นครั้งนี้ที่หายไปถึงสองอาทิตย์ก็เพราะว่ามัวหมกมุ่นแต่กับการเป็นนางมารพิทักษ์แมวอยู่...#เป็นเรื่องที่น่าเศร้า
ปล2. ปกติมีแต่นางฟ้า แต่ที่เราต้องเป็นนางมารพิทักษ์หมาแมวก็เพราะว่าเราไม่ใช่คนดี แต่เราพร้อมที่จะช่วยเหลือทุกคนที่มีเดือดร้อนโดยมีข้อแม้ว่าไม่ใช่เรื่องเงิน และเรื่องนั้นจะต้องไม่มีผลกระทบต่อตนเอง...รักน้า~

ออฟไลน์ tiger2006

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ใครฟ่ะ ทำได้ลงคอ  o12

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
โหดร้ายมาก

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ AmPnie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
รอต่อนะจ๊ะ

ออฟไลน์ เขียนสือ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
    • เขียน'สือ

เขยช่างไฟสะใภ้ช่างยนต์
{49}


            “พ่อจ๋าจะไปไหน” มือเล็กของเด็กแสบคว้าหมับเข้าที่ชายเสื้อด้านหลังทันทีที่โซ่ลุกออกจากเตียงริมสระที่ทั้งสามคนหนึ่งแมวนอนกอดเกยกันอยู่และดีว่าเตียงนั้นทำมาจากไม้ไม่ใช่พลาสติกเหมือนโรงแรมอื่นจึงไม่หักลงไปเพราะลำพังแค่พอร์ชคนเดียวก็หนักกว่าโซ่กับจอมซนบวกพี่มณีเพิ่มอีกหนึ่งตัวไปแล้ว

            ที่ครอบครัวสุขสันต์มาติดหนึบกันอย่างนี้ก็เพราะว่าโซ่ตัดสินใจบอกกับจอมซนไปตามตรงว่าเจ้าตัวจะต้องกลับไปอยู่กับพ่อที่แท้จริงอย่างเซน ซึ่งแน่นอนว่าหลังจากที่ได้ยินเช่นนั้นเด็กแสบก็ร้องไห้โวยวายเสียงดังออกมาด้วยความอกน้อยใจหลุดตะโกนใส่หน้าโซ่อย่างลืมตัวว่าทำไมต้องไล่กัน…หรือไม่รักลูกชายคนนี้แล้ว?

            จนกระทั่งโซ่พาเจ้าตัวเข้าไปสงบสติอารมณ์ในห้องนอนตามลำพังนั่นแหละน้องซนจอมแสบที่แสนซนของพ่อจ๋าและคุณป๋าเลยกลับมาสดใสดังเดิม แต่ด้วยวิธีใดพอร์ชก็ไม่อาจคาดเดาได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปในทันทีเลยคือ จอมซนทำตัวติดหนึบกับพวกเขาตลอดเวลาไม่เว้นแม้แต่พี่มณีที่กำลังนอนหลับอุตุอยู่ในบ้านพักก็ต้องออกมานอนรับลมทะเลด้วยกันตามคำขอร้องอ้อนวอนทั้งน้ำตาของจอมซน

            “จะไปเข้าห้องน้ำ” พูดพรางปลดมือจอมซนออกจากชายเสื้อแต่เด็กแสบก็ยังทำตัวติดหนึบไม่ยอมปล่อย

            “น้องซนอยากไปด้วย” พึมพำบอกเสียงเบาอย่างลังเล แต่น้ำเสียงเล็กๆ นั้นแฝงไปด้วยความเอาแต่ใจ จนโซ่เริ่มที่จะหงุดหงิดเพราะก่อนหน้านี้คุยกันรู้เรื่องแล้ว

            “จอมซน” เอ่ยเรียกเสียงราบเรียบเป็นการเตือน จนเดือดร้อนคนกลางอย่างพอร์ชที่ทนมองไม่ได้พูดแทรกขึ้นมาบ้าง เมื่อเห็นดวงตากลมของลูกชายคลอไปด้วยน้ำตา

            “นั้นก็ไปเปลี่ยนชุดพร้อมกันเลย แดดร่มแล้ว เดี๋ยวจะพาไปเล่นน้ำ” ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่พอร์ชแพ้สายตาอ้อนวอนของจอมซน เพราะรู้ตัวอีกทีเขาก็เผลอใจอ่อนยอมตามใจเจ้าตัวทุกที

            คราวนี้ก็เช่นกันที่พอร์ชต้องลุกขึ้นมาเป็นผู้นำต้านทานอำนาจเมียอุ้มพี่มณีที่นอนหลับอุตุอยู่บนแผ่นอกเดินนำเข้าบ้านไปทำให้เด็กแสบยิ้มร่าจูงมือพ่อจ๋าของตัวเองเดินตามไปอย่างได้ใจ

            “ให้ท้ายกันเข้าไป เดี๋ยวจะปล่อยให้อยู่กันสองคน…ดื้อดีนัก!” ขมุบขมิบปากเหมือนพูดกับตัวเอง แต่ความจริงแล้วคืออยากให้ได้ยินกันทั่วถึงและตั้งใจที่จะทำแบบนั้นด้วยถ้าหากว่าคุณลูกกับคุณป๋ายังผนึกกำลังกันต่อต้านเขาอยู่เช่นนี้

            ก่อนที่สองพ่อลูกจะแหวออกมาพร้อมกันเสียงดังว่า…

            “ไม่เอา!/ไม่เอา!”

            นั่นแหละพอได้คำตอบที่ชัดเจนจากคุณป๋าและคุณลูกชายแล้วก็ต่างแยกย้ายกันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องใครห้องมันเพราะบ้านพักหลังนี้มีสองห้อง พอร์ชกับโซ่แยกไปห้องใหญ่ จอมซนเดินตรงไปยังห้องเล็กที่ต้องนอนกับพี่มณี ส่วนพี่มณีก็นอนกลิ้งเกลือกอยู่บนพื้นแถวนั้นแหละรอเวลาให้พ่อจ๋าสุดที่รักมาแต่งตัวให้อย่างทุกที

            “มาทากันแดดก่อน” พอร์ชเอ่ยทักขึ้นในขณะที่โซ่กำลังจะใส่เสื้อหลังจากที่เปลี่ยนจากยีนขายาวมาเป็นกางเกงว่ายน้ำขาสั้นเรียบร้อยแล้ว

            โซ่เองก็ยอมเดินเปลือยท่อนบนมาหา ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนตักพอร์ชตามคำขออย่างง่ายดายไม่มีอิดออดอย่างที่แล้วมา

            “วันนี้พูดง่าย?” พูดพรางทาครีมกันให้คนบนตักอย่างเบามือ

            “อยาก…อ่อย” คำตอบของโซ่ทำเอาพอร์ชหัวเราะลั่นจนเผลอทำหลอดครีมกันแดดในมือหล่น ก่อนจะตั้งสติได้และพูดบอกออกมาว่า…

            “โอ้ย…รุ่นนี้ไม่ต้องเสียเวลาอ่อยแล้ว ถ้า ‘อยาก’ ก็แก้ผ้ากระโดดลงเตียงเลย พี่พร้อมทำหน้าที่ผัวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงอยู่แล้วครับเมีย!” ว่าแล้วก็หอมแก้มโซ่เข้าฟอดใหญ่ด้วยความหมั่นเขี้ยวเสียจนอยากจะกัดให้ช้ำ ไม่รู้ว่าพอร์ชคิดไปเองหรือโซ่อ้วนขึ้นจริงๆ ถึงได้แก้มป่องขนาดนี้ จะจับตรงไหนของร่างกายก็เต็มไม้เต็มมือไปหมดโดยเฉพาะสะโพกแน่นๆ ที่พอร์ชชอบ

            “ถ้ามึงชอบ ‘ล่อ’ มึงก็ควรจะเรียนรู้คำว่า ‘ป้อ’ ไว้บ้างนะพอร์ช เผื่อชีวิตจะมีสีสันกว่านี้ไม่ใช่เอะอะจะล่อกูอย่างเดียว คนนะไม่ใช่ตุ๊กตายาง…ห่า” พูดจบก็ลุกหนีออกไปนอกห้องเพื่อที่จะไปดูจอมซนและพี่มณีที่นอนรออยู่ในห้องนั่งเล่น

            “องค์ไหนลงประทับเมียกูอีกวะนั่น พอหวานก็บอกว่าเลี่ยน พอตลกก็บอกให้จริงจัง พอกูจะหื่นก็เกิดอยากจะถามหาความหวานขึ้นมาอีก?” ก็อย่างที่บอกแหละว่าพอร์ชอยากจะเข้าใจคนรักมากกว่านี้ แต่ที่ทำไม่ได้ก็เพราะว่าโซ่เป็นคนที่มีความคิดซับซ้อนเกินมนุษย์ปกติไปมาก ความพยายามที่แล้วมาของพอร์ชจึงไม่เกิดผล

            แต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว เพราะคนขี้เบื่ออย่างพอร์ชไม่เหมาะกับคนหนึ่งหรือสองมิติที่มักจะมีสภาวะอารมณ์คงที่ แต่คนแปดมิติแปรปรวนอย่างโซ่นี่แหละถึงจะเอาพอร์ชอยู่ เช่นนั้นแล้วคงไม่แคล้วจะโดนเจ้าตัวเขี่ยทิ้งหรือบอกเลิกอย่างคนที่แล้วมา อย่าลืมสิว่าก่อนหน้าที่จะมาเจอกับโซ่พอร์ชคบกับใครได้ไม่เกินสองอาทิตย์เลยด้วยซ้ำ จนมาแพ้ให้กับคนที่มีทั้งศาสตร์และศิลป์ในการมัดใจคนอย่างโซ่นี้แหละเสืออย่างพอร์ชถึงได้สิ้นลายเพราะโซ่ไม่ได้มีดีแค่การข่มหรือเอาแต่ใจกับคนรักเหมือนอย่างวัยรุ่นทั่วไป แต่เขายังรู้จักยอม รู้จักถอย รวมถึงการให้เกียรติซึ่งกันและกัน โดยที่ไม่ต้องรอให้ใครเอ่ยปากสอน เพราะเขาเรียนรู้มาจากครอบครัวที่ล้มเหลวของตนเอง

            “โว้ย…ใครก็ได้ทำวุ้นแปลสภาวะอารมณ์ไอ้โซ่ให้กูที!” นั่นแหละ สุดท้ายแล้วพอร์ชก็ได้แต่ปลงตกกับตัวเองเพราะโดนความจริงตอกหน้า ความจริงที่ว่าเขาไม่สามารถที่จะตามอารมณ์ของคนรักทัน จนกว่าจะได้เรียนรู้กันและกันไป*…ตลอดชีวิต*

            “ขยับซ้ายหน่อยน้องซน ไม่ๆ วางพี่มณีไว้ที่เดิมนั่นแหละ”

            พอร์ชยืนไว้อาลัยให้กับความบ้าถ่ายรูปของคนรักมาสักพักแล้ว ตั้งแต่เปลี่ยนชุดเสร็จ เดินออกจากบ้านพักลงมาถึงชายหาดพวกเขายังไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรกันเลยนอกจากถ่ายรูป เพราะโซ่อยากจะเก็บภาพความประทับใจในทริปนี้ไว้ในความทรงจำ แต่นอกจากจอมซนกับนายแบบกิตติมาศักดิ์อย่างพี่มณีแล้วโซ่ก็ไม่สนใจอะไรอีกเลย ปล่อยให้เบ้อย่างเขาถือของเดินตามหลังต้อยๆ ไม่พูดอะไรด้วยสักคำ

…โคตรน้อยใจเลย…

            คนขี้ใจน้อยที่มัวแต่เหม่อมองผืนน้ำกว้างไม่ได้รู้เลยว่าตนเองตกเป็นเป้าสายตาคนรักมาสักพักแล้ว หลังจากที่โซ่ปล่อยให้เด็กๆ ไปเตรียมตัวเล่นน้ำ

จนกระทั่ง…

แชะ! แชะ!

            “หน้ามุ่ยทำไม? ไม่สนุกหรอ? ยิ้มกว้างๆ หน่อยสิครับ…ที่รัก!” เสียงชัตเตอร์ที่ดังมาพร้อมกับคำสั่งน่ารักของคนรักที่ยืนเล็งกล้องถ่ายรูปมาทางตนเองทำเอาพอร์ชยิ้มกว้างออกมาอย่างลืมตัว อาการน้อยอกน้อยใจก่อนหน้านั้นหายเป็นปลิดทิ้ง

ก็แหม…ใครให้แม่อีมณีมาหยอดคำหวานใส่พี่ท่ามกลางสาธารณชนอย่างนี้ล่ะ? พี่เขินนะ

            “ขออีกสองรูป...ขอค่าจ้างอีกสองที…ฟอด! เรียบร้อย…ไปเล่นน้ำได้!” โซ่เดินเข้ามากอดพอร์ชจัดท่าทางที่ต้องการ หันกล้องเข้าหาตัวเอง ก่อนที่จะกดชัตเตอร์รัวๆ โดยไม่ลืมที่จะทวงค่าจ้างถ่ายภาพจากคนรักด้วยการหอมแก้มซ้ายขวาไปสองทีถ้วน

            “คุณป๋าแก้มแดง…คึคึ…คุณป๋าแก้มแดงแด๊ง…แดงเหมือนคุณมะเขือเทศที่พ่อจ๋าบังคับให้น้องซนกินเลย” พอแซวคนเป็นพ่อเสร็จเจ้าเด็กแสบก็ลากพี่มณีในชุดทหารเรือเต็มยศที่กำลังนั่งอยู่บนแพยางลงไปเล่นน้ำลอยคอในทะเลด้วยกันทันที

            “พูดมาก! เดี๋ยววันนี้ป๋าจะให้น้องซนกินมะเขือเทศอีกสิบลูก” ส่วนคนพ่อที่ยืนเหวออยู่หลายนาทีพอได้สติขึ้นมาก็ไล่จัดการเด็กแสบก่อนเป็นคนแรก ส่วนตัวต้นเหตุอย่างพ่อจ๋าของมันนั้นปล่อยไปก่อน ไว้คิดบัญชีกันทีหลังในคืนนี้ก็ยังไม่สาย…มาทำพี่เขินแก้มแดงได้ไง!

            “กรี๊ด~ น้องซนไม่ให้คุณป๋าจับหรอก! พ่อจ๋าช่วยน้องด้วย คุณป๋ากลายเป็นยักษ์ไปแล้วฮะ คุณยักษ์จะกินน้องซนแล้วฮะ! ซุปเปอร์พ่อจ๋าช่วยน้องด้วย…”

            สนุกเขาละ…วิ่งหนีพ่ออีกคนไปหาพ่ออีกคนให้ช่วย ซึ่งโซ่เองก็เตรียมพร้อมรออยู่แล้ว จะมีก็แต่พี่มณีนั่นแหละที่ยังโต้คลื่นนอนชิวผึ่งขนอาบแดดบนแพยางอย่างสบายใจโดยที่ไม่สนใจมนุษย์ที่เรียกว่าครอบครัวเลยสักนิด…งานนี้พี่มณีจะไม่ยุง!

            “งื้อ…คุณป๋าอย่าพังบ้านน้องซนสิ!” เด็กแสบบู้ปากใส่พอร์ชอย่างงอนๆ เมื่อโดนคู่กรณีแกล้งถมทรายใส่บ้านที่เจ้าตัวตั้งใจสร้างขึ้นมา

            “อะไรๆ บ้านตัวเองไม่แข็งแรงเองจะมาโทษคนอื่นได้ไง” แต่มีหรือที่ผู้ร้ายปากแข็งอย่างพอร์ชจะยอมง่ายๆ แกล้งทำที่ตักทรายในมือหล่นไปใส่บ้านอีกหลังที่จอมซนยังสร้างไม่เสร็จ

            “คุณป๋า!” พอโดนแกล้งมากๆ เข้าเด็กแสบก็พร้อมที่จะเป่าปี่ หันไปมองตัวช่วยอย่างโซ่ด้วยแววตาอ้อนวอน

            “เล่นดีๆ เดี๋ยวจะโดนทั้งคู่นั่นแหละ” โซ่ที่กำลังถ่ายรูปพี่มณีอยู่หันมาปรามสองพ่อลูกที่เริ่มจะเกเรกัน มีอย่างที่ไหนไอ้คนพ่อแกล้ง ไอ้คนลูกฟ้อง แต่ในขณะที่ฟ้องนั้นก็เอื้อมมือไปทุบปราสาททรายที่คนพ่อสร้างขึ้นมาเป็นการแก้แค้นไปในตัว เพียงแต่พอร์ชไม่ได้แหกปากฟ้องเหมือนเจ้าตัวแสบก็เท่านั้นเอง แต่ก็ใช่ว่าโซ่จะไม่เห็นซะเมื่อไหร่…อยู่ใกล้กันแค่นี้

            “น้องซนจะโป้งคุณป๋า” เบะปากยกนิ้วโป้งใส่พอร์ชอย่างงอนๆ

            “โป้งก็ดีจะได้ไม่มีคนมาแย่งไอติมที่เพิ่งสั่งไป” แต่คนถือไพ่เหนือกว่าก็ยังคงเป็นพอร์ชที่เพิ่งจะเดินไปสั่งไอศกรีมมาให้เด็กแสบก่อนหน้าที่จะกลับมานั่งแกล้งเจ้าตัวเล่นอย่างนี้

            “งื้อ~ น้องซนอยากหม่ำคุณติม” ออกอาการงอแงทันทีที่รู้ว่าจะชวดของหวานอันแสนโปรดปราน ยิ่งเพิ่งจะเล่นน้ำมาด้วยแล้ว ถ้าได้ไอศกรีมวนิลาราดช็อกโกแลตเย็นๆสักถ้วยก็คงดี

            “อะไร? ไม่ถูกกันจะมากินของเค้าได้ไง…ไอ้เด็กดื้อ!” นานๆ จะได้ถือไพ่เหนือเด็กแสบจะให้ยอมง่ายๆ ก็คงไม่ใช่พอร์ช

            “ดีกันนะๆ คุณป๋าดีกับน้องซนนะฮะ น้องซนจะไม่ดื้อแล้วให้น้องซนหม่ำคุณติมนะฮะ” ประสานสองมือระหว่างอกทำตาปริบๆ ออดอ้อนด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่สุดแสนจะน่ารัก ต่างจากปกติที่ดึงดันจะเอาชนะพอร์ชให้ได้

            “เอ…จะให้กินด้วยดีไหมน้า~” ความจริงแล้วใจอ่อนไปมากกว่าครึ่งแต่ก็ยังอยากจะแกล้งต่อนิด ก็ท่าทางของจอมซนในตอนนี้มันน่ารักน่าหยิกน้อยเสียที่ไหน

            “ดีฮะดี! น้องซนหม่ำๆ คุณติมด้วยน้า~” พยักหน้าตอบรับในทันที

            “ก็ได้! แต่…” ขอมีข้อแม้นิดนึงก็แล้วกัน

            “…..”

            “มากอดก่อนแล้วจะให้กิน” ได้ยินดังนั้นเด็กแสบก็รีบวิ่งดุกดิกเข้ามาตักพอร์ชหอมแก้มซ้ายขวาตามคำสั่ง แต่ก็ไม่วายที่จะบี้หน้าเล่นกับอกพอร์ชแล้วบ่นงุ้งงิ้งไปตามประสาเด็กขี้อ้อนของเจ้าตัวก่อนจะคว้าโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่วางอยู่แถวนั้นขึ้นมากดเล่นเกมเพื่อเป็นการคั่นเวลาในการรอไอศกรีมแสนอร่อยอยู่บนตักของพอร์ช จนพี่มณีที่ไม่รู้ว่าตื่นตั้งแต่เมื่อเดินเข้ามานั่งแทรกกลางระหว่างพอร์ชกับจอมซน

โธ่…แมวอ้วนเอ้ย…หวงป๋าก็บอก…ทำเก๊กไปได้!

            แชะ!

            “แน่ะ! แอบถ่ายเค้าหรอตัวเอง?” เงยหน้าขึ้นมองคนรักที่นั่งพิงต้นมะพร้าวอยู่ทันทีที่ได้ยินเสียงชัตเตอร์และก็เป็นไปตามคาด…เมียแอบถ่าย!

            “แล้วไง?” เอียงคอถามกลับด้วยน้ำเสียงยียวนพร้อมทั้งกดชัตเตอร์รัวๆ อีกหนึ่งชุดใหญ่

            นานทีปีหนจะได้เห็นภาพบรรยากาศน่ารักที่สุดแสนจะระทึกระหว่างไอ้สองสามตัวนี้สักที ถ้าไม่เก็บภาพความทรงจำอันดีนี้ไว้คงเสียดายแย่ ปกติพวกมันเคยเล่นเคยคุยกันดีๆ แบบคนปกติได้เกินสามนาทีซะที่ไหน มีแต่จ้องจะหาเรื่องตีกันให้เขาปวดหัวเล่นเสียมากกว่า

            พอร์ชไม่ตอบ ก้มลงกระซิบอะไรบางอย่างกับเด็กแสบที่นั่งอยู่บนตัก ก่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของสองจะปรากฏขึ้น แต่โซ่หาได้สนใจเพราะมัวแต่เช็คภาพในกล้อง

            พรึ่บ!

            “เฮ้ย! ไอ้พอร์ชกล้องกู!” โซ่ผวาร้องโวยวายด้วยความตกใจเมื่อจู่ก็ถูกอุ้มขึ้นจากพื้นจนตัวลอย ตกใจจนเผลอทำกล้องถ่ายรูปตัวโปรดล่วงหลุดมือ แต่ดีที่พอร์ชนัดแนะกับจอมซนไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว เด็กแสบจึงคว้ากล้องเอาไว้ได้ทันท่วงทีก่อนที่จะหล่นลงพื้นไปจริงๆ

            “น้องซนจะเก็บกล้องไว้ให้เองฮะ พ่อจ๋าไปเล่นน้ำกับคุณป๋าให้สนุกน้า~ น้องซนกับพี่มณีจะเป็นเด็กดี จะหม่ำขนมกับคุณติมรอเงียบๆนะฮะ..บ๊าย..บาย~”

            ยืนโบกมือลาพ่อจ๋าสุดที่รักไปด้วยท่าทางร่าเริงเกินเหตุเมื่อเห็นว่าพอร์ชแบกโซ่วิ่งลงทะเลไป ส่วนตัวเองก็เดินกลับมาหาพี่มณีที่กำลังนอนแผ่หลาอยู่บนเปลผ้าใบเพื่อรอขนมและไอศกรีมของพอร์ชอย่างสบายใจ



TBC.
ขออภัยที่ปล่อยให้รอนาน แต่แนะนำให้กดติดตาม เพจ เขียน'สือ ของคนเขียนไว้จะได้ไม่ตกข่าวสารใดๆ #ด้วยรัก

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด