♥ Fall in you ♥
ตอน 1ุ7
แพ้ครับ!
ผมแพ้อย่างราบคาบจริงๆ กับผู้ชายที่ชื่อ
‘อาคเนย์’“กูนึกว่ามึงจะไม่กลับหอแล้วนะนั่น” ทันทีที่เปิดประตูและเดินเข้ามาในห้อง ไอ้หมอกก็ปรามาสใส่อย่างรวดเร็ว ผมเลยชูนิ้วกลางใส่แม่งซะ
“ทำไมถึงกลับเร็ววะ?” ไอ้คินถามอย่างแปลกใจ เพราะตอนแรกผมไลน์ไปบอกมันว่าจะกลับสักสามทุ่ม เพราะพี่เขาจะช่วยอัดคลิปสำหรับทำแคมเปญของสาขาให้เลย
‘กูเปลี่ยนใจ วันนี้ขี้เกียจ’ ผมแก้ตัวข้างๆคูๆ จากนั้นก็เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อเตรียมไว้ใส่หลังอาบน้ำ
เรื่องของเรื่องที่ผมเกเรไม่ยอมกลับหอพี่เนย์เพื่อไปอัดคลิปในวันนี้ มันเป็นเพราะคำพูดสุดท้ายของพี่เนย์นั่นแหละ อยู่ๆก็มายกให้ผมเป็นแม่ไอ้เขี้ยวกุดเฉย โคตรกวนประสาท ทำเอาหน้าร้อนเห่อไปหมด
แล้วผมก็เป็นผู้ชายด้วย จะให้เป็นแม่ได้ไงวะ!ติ้ง!
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมก็จัดการตากผ้าเช็ดตัวให้เรียบร้อย ก่อนจะโยนเสื้อผ้าที่ใส่แล้วลงในตระกร้า ระหว่างนั้นโทรศัพท์ของผมก็มีการแจ้งเตือน แต่ผมไม่คิดจะเปิดหรอก เพราะเดาได้เลยว่าพี่อาคเนย์ต้องหาเรื่องมาล้อผมแน่ๆ เพราะตลอดทางที่มาส่งผม สารถีตัวดีเอาแต่พูดอยู่นั่นแหละว่า ไอ้เขี้ยวกุดน่ารักอย่างนั้น น่ารักอย่างนี้ สงสัยจะได้เชื้อแม่มันมา!
ดูสิ.. ดูพูดเข้าสิ!นี่ถ้าผมกล้าลงไม้ลงมือกับพี่อาคเนย์นะ ผมต่อยคว่ำไปแล้ว!Akane Akarawin sent you a friend request
ผมพยายามข่มตานอน แต่สุดท้ายก็นอนไม่หลับ เลยต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น และเมื่อหน้าจอสว่างวาบขึ้น แจ้งเตือนต่างๆก็เด้งขึ้นมาเป็นทิวแถว ด้วยความที่แจ้งเตือนจากเฟซบุ๊กคือแจ้งเตือนล่าสุด ผมจึงเลือกกดไปที่แอปพลิเคชันนั้น และกดรับคุณ
‘อาคเนย์ อัครวินท์’ ตามที่ขอมา จากนั้นผมก็เลื่อนดูทามไลน์ของอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ เพราะผมเองก็เพิ่งจะทราบว่าพี่เขามีเฟซบุ๊กด้วย
ที่สำคัญคนไม่ค่อยเล่นโซเชียลทำไมถึงลงทุนมาขุดหาเฟซบุ๊กของผมได้ พ่อไอ้เขี้ยวกุดนี่ขี้เห่อมากจริงๆครับ ภายในวันเดียวพี่เขาอวดลูกชายตัวโปรดไปแล้วห้าครั้ง ทั้งๆที่เจ้าตัวดูเหมือนจะไม่ชอบเล่นโซเชียลสักเท่าไหร่ และที่แปลกคือมีคนมากดถูกใจเยอะซะด้วย ผมจึงเลื่อนไปดูจำนวนเพื่อนของอีกฝ่าย แต่ปรากฏว่ามีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น พอหมดจากช่วงอวดลูกชาย ส่วนใหญ่ก็เป็นรูปที่พี่ๆเพื่อนๆของเจ้าตัวแท็กมา แล้วพอเลื่อนลงมาอีก ผมก็เจอกับรูปของพี่อาคเนย์กับใครสักคนที่ถ้าหากผมจำไม่ผิด ก็น่าจะเป็น ‘พี่เบส’ แฟนเก่าของพี่เขาที่ถ่ายคู่กันอย่างอิงแอบแนบชิด โดยฝ่ายพี่เนย์กำลังทำหน้าบึ้งบ่งบอกว่าเจ้าตัวไม่ชอบถ่ายรูป ส่วนพี่เบสก็กำลังยิ้มแป้นให้กล้องอย่างน่ามอง สายตาของผมจึงเลื่อนมาดูที่จำนวนคนกดถูกใจ ก็ถึงกับแปลกใจมากที่มีคนให้ความสนใจกันเยอะและเมื่ออ่านคอมเมนต์ก็รู้สึกได้ว่าทั้งสองคนในภาพน่าจะเป็นที่ชื่นชอบของคนจำนวนหนึ่งและพวกเขาต่างก็ยินดีในความรักของคนทั้งคู่ สายตาของผมจึงเลื่อนขึ้นมาดูวันเวลาของสถานการณ์นั้น เพราะคนโพสต์อย่างพี่เบสเขาไม่ได้ใส่แคปชั่นอะไร
ตั้งแต่ปลายปี 2015แสดงว่าก็น่าเลิกกันได้ปีกว่าๆแล้วสินะ เพราะรูปนั้นเป็นรูปสุดท้ายในหน้าเฟซของพี่เนย์Akane Akarawin tagged you in a post
ผมหยุดส่องไทม์ไลน์เก่าๆของพี่เนย์ทันที เมื่อจู่ๆอีกฝ่ายก็โพสต์เฟซและแท็กมาถึงผมในยามวิกาล ซึ่งเมื่อผมเลื่อนขึ้นไปดูการเคลื่อนไหวครั้งล่าสุด ก็พบว่าพี่เนย์อัพคลิปวีดิโอ ผมจึงกดคลิปนั้นดู ปรากฏว่าคนขี้เห่อก็ยังเป็นคนขี้เห่ออยู่ดี เพราะสิ่งที่พี่เขาถ่ายอยู่นั้นก็คือเจ้าเขี้ยวกุด
“เขี้ยวกุด” พี่เนย์จับเจ้าเขี้ยวกุดออกมาจากตู้ พลางเรียกเจ้าลูกชายตัวโปรดด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มสุดจะเอ็นดู
“เขี้ยวกุดหันไปบอกฝันดีแม่แกก่อน
เร็วๆ” พี่เนย์เรียกเจ้าเขี้ยวกุดอยู่หลายครั้ง แต่มันก็ไม่ยอมหันมามองกล้อง จนพี่เขาต้องพูดแกมบังคับ พร้อมใช้มืออีกข้างดันหน้าเจ้าเขี้ยวกุดให้ยอมหันมามองกล้อง
“ฝันดีครับแม่” ผมกลั้นขำจนปวดท้องไปหมด ให้ตายสิ ทำไมพี่เนย์ทำตัวน่าจั๊กจี้ขนาดนี้
‘ผมไม่ใช่แม่ของไอ้เขี้ยวกุดนะเว้ยพี่เนย์ มาแท็กผมทำไม’ ผมทักไลน์อีกฝ่ายไปทันที เพราะมั่นใจเป็นอย่างมาก ว่าพี่เนย์คงยังไม่นอน
‘นั่นก็เรื่องของมึงครับ ส่วนกูจะให้มึงเป็นและจะแท็กมึงด้วย มันก็เรื่องของกูอีก’
‘กวนประสาท’
‘ไม่บอกไม่รู้เลยนะเนี่ยว่ากูก็มีสกิลการกวนประสาทชาวบ้านเขาด้วย ความรู้ใหม่มากๆเลยมึง’
‘ไหนว่าไม่ชอบโพสต์นู่นโพสต์นี่ไงครับ แล้วนึกยังไงมานั่งขุดหาเฟซผมได้’ ผมย้อนกลับเข้าเรื่องที่จะไม่ทำให้ตัวเองต้องเสียเปรียบก่อนดีกว่า
‘กูบอกตอนไหนว่ากูไม่ชอบโพสต์’
‘ที่ตลาดนัดเครื่องบินไงครับ พี่เคยบอกว่า ‘กูไม่ถ่ายรูป แล้วก็ไม่เช็คอินด้วย’ ก็น่าจะไม่ชอบโพสต์ ไม่ชอบเล่นโซเชียล ไม่ใช่เหรอ?’
‘แล้วไงวะ กูไม่ชอบถ่ายรูป ไม่ชอบเช็คอิน ไม่ชอบโพสต์ ก็ไม่ได้แปลว่ากูจะไม่เล่นโซเชียลนี่หว่า’
‘แล้วนึกยังไงถึงแอดมาครับ ดูท่าทางน่าจะแอบส่องเฟซผมมานานแล้วด้วยมั้ง’
‘ก็มึงไม่อ่านไลน์กูหนิ ทีหลังถ้าไม่อ่านไลน์ กูจะมาตามมึงในนี้’
‘งั้นถ้าพี่อยากบอกผมให้ฝันดี ก็ไม่เห็นต้องใช้เจ้าเขี้ยวกุดมาอ้างเลย’ ผมเถียง เพราะคลิปวีดิโอจากทางเฟซและไลน์ก็เหมือนกันเด๊ะ
Rrrrrr
“อะไรวะ กูอุตส่าห์ใช้วิธีซอฟท์ๆเพราะกลัวว่ามึงจะเขินจนตัวแตกเลยนะเว้ย มึงไม่เห็นความดีของกูเลยเหรอ ฮึ
แม่ไอ้เขี้ยวกุด” ดูเอาเถอะ ไม่รู้จะชอบอะไรหนักหนากับสถานะนี้ของผมเนี่ย!
ถ้าจะเห่อลูกชายก็อย่าเอาผมเข้าไปเอี่ยวสิ!
“รัน”
“หลับยัง?”
“ยะ..อัง” ผมเผลอตอบอีกฝ่ายแบบไม่เป็นคำพูด แต่ดูเหมือนคนขี้เห่อเขาจะเข้าใจคำที่ผมต้องการจะสื่อ
“ฝันดี”“ฝะ..ฝาน..ด..อิ” หัวใจผมเต้นแรงมาก เมื่อพยายามจะพูดคุยสื่อสารกับอีกฝ่าย โดยที่ใครคนนั้นก็ตั้งใจฟังอยู่เงียบๆ และเมื่อผมพูดจบพี่เนย์ก็หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ แต่ผมก็รู้สึกได้ว่าพี่เขาไม่ได้หัวเราะในเชิงที่ไม่ดี
เพราะเสียงหัวเราะของพี่เนย์ มันฟังแล้วให้อารมณ์อบอุ่นในใจ ผมนอนฟังเสียงลมหายใจของพี่เนย์อยู่นานสองนาน เพราะผมไม่กล้าวางสายจากอีกฝ่ายก่อน จึงได้แต่รอว่าเมื่อไหร่ฮีตเตอร์ส่วนตัวเครื่องนี้จะถึงเวลาหยุดทำงานเสียที
มือของเธอนั้นจะอุ่นไหม
ฝนแถวนั้นจะยังตกไหม
มืดสว่างอากาศก็ร้อนตั้งมากมาย
ใจดวงนี้คิดถึงเธอ
เธอคงยังมีความสุขนะ
ถ้าลดไปฉันพร้อมแบ่งนะ
ยื่นให้เธอส่งใจของฉันที่มีค่า
ฝากไปให้พร้อมความห่วงใยจู่ๆ พี่เนย์ก็เปิดเพลงกล่อมผมเข้านอนซะแล้ว ผมก็ได้แต่ฟังไปแล้วก็อมยิ้มไป เพราะเพลงที่พี่เขาเลือกใช้ มันแฝงความอบอุ่นไว้ทุกอณูของเนื้อเพลง ราวกับพี่เขารู้ว่าการพูดคุยออกเสียงของผมเมื่อครู่ มันต้องผ่านการเค้นเสียงมากถึงมากที่สุด จนพี่เขาอาจกลัวว่าผมจะคิดมากกับข้อบกพร่องของตัวเอง
หอบเอาความรักที่มีในใจ
ที่เต็มด้วยความรู้สึก
ความคิดถึงไม่เหงา มีแต่อุ่นหัวใจ
ไปให้เธอนะคนดี ได้อุ่นเอนข้างกาย
ขอให้เธอเก็บเอาไว้
และต่อจากนั้น
ลองเอาดวงใจของเธอที่มีความสุข
หมดความทุกข์ เลิกเหงามีแต่อุ่นหัวใจ
ยื่นให้คนที่เดินเคียง ได้อุ่นเอนข้างกาย
ชีวิตช่างดูมีความหมาย ที่มากกว่านั้น(Forward – วัชราวลี)
ไม่สิ ผมคิดว่าพี่เนย์อาจต้องการบอกผมผ่านทางเสียงเพลงว่า พี่เขาจะอยู่ข้างๆผม ถ้าหากผมอยากจะลองฝึกพูด หรืออยากจะลองทำอะไรใหม่ๆ ที่ผมไม่มีความกล้า โดยที่พี่เขาจะใช้ความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อผม ส่งผ่านเป็นกำลังใจให้กัน เพื่อที่ผมจะได้ส่งผ่านความต้องการเหล่านั้นให้กลายเป็นความสำเร็จ
หรือเปล่านะ?“นอนได้แล้ว แค่นี้” ผมนอนอมยิ้มมองหน้าจอโทรศัพท์ที่ค่อยๆหม่นแสงลง เมื่อพี่อาคเนย์คนที่เคยทำตัวเหมือนกับฮีตเตอร์ให้ความอบอุ่น เขาได้กลับมาเป็นพี่อาคเนย์คนที่พูดความรู้สึกไม่ค่อยเก่ง และนานๆครั้งถึงจะยอมพูดความรู้สึกออกมาตรงๆ
ไม่น่าเชื่อว่าคนแบบพี่เนย์ จะครองตัวเป็นโสดจนกระทั่งมาเจอผมได้เลย เพราะพี่เขาทั้งหน้าตาก็ดี เรียนก็น่าจะเก่ง เพราะเพื่อนๆ ชอบยืมช็อตโน้ตของพี่เนย์ไปอ่านก่อนสอบ แถมความคิดความอ่านของพี่เขาก็ดีมากๆด้วย
แล้วทำไมพี่เบสถึงกล้าปล่อยมือจากพี่เนย์ได้ล่ะ เพราะถ้าหากเป็นผม ผมคงไม่มีทางปล่อยมือจากพี่เนย์แน่ๆวันนี้ผมไม่มีเรียนก็เลยตกลงกับไอ้หมอกไอ้คินว่าจะให้มันช่วยอัดคลิปวีดิโอให้ ซึ่งแน่นอนว่าประโยคที่ผมจับฉลากได้ ผมไม่รู้หรอกว่าภาษามือเขาใช้กันแบบไหน จึงต้องให้ไอ้หมอกมันช่วยทำให้ดูสักรอบสองรอบ ผมก็จำได้แล้ว เพราะว่ามันไม่ยากเลย
“อัดเลยเหรอมึง ?” ไอ้คินมันถาม ผมจึงพยักหน้าตอบ
“หมอกมึงไปปิดแอร์ดิ เดี๋ยวเสียงมันเข้า”
“จำเป็นต้องจริงจังขนาดนี้เลย อัดเร็วๆนะมึง กูร้อน” ไอ้หมอกมันบ่น แต่ก็ยอมเดินไปปิดแอร์ ส่วนไอ้คินมันก็ส่งสัญญาณความพร้อมโดยชูนิ้วเพื่อนับหนึ่ง สอง และสาม จากนั้นผมก็ใช้มือขวาชี้ไปที่หน้ากล้องของโทรศัพท์มือถือ และชี้กลับมาที่ตัวเอง แล้วก็ยื่นนิ้วชี้กับนิ้วกลางออกมา ก่อนจะขยับมาชิดกันสองครั้งเหมือนท่าทางของกรรไกรที่กำลังตัดกระดาษ ขณะที่ใบหน้าก็ทำอ้อนๆเข้าไว้และต้องพยักหน้าขึ้นลงด้วย
“คัท!” ไอ้หมอกมันยื่นมือออกมาตบกันตรงหน้ากล้อง พร้อมส่งเสียงราวกับผู้กำกับหนัง
เห็นไหมล่ะ ผมบอกแล้วว่าไอ้นี่มันควรไปเรียนนิเทศ‘พี่ทีมครับ ผมส่งคลิปภาษามือให้ทางอีเมลแล้วนะครับ’ หลังจากจัดการส่งอีเมลเรียบร้อยแล้ว ผมก็ไลน์ไปบอกพี่ทีม จากนั้นผมก็หันมานั่งทบทวนภาษามือตั้งแต่บทแรกเหมือนที่ทำเป็นประจำ
กระทั่งใกล้เวลาเลิกเรียนพี่เนย์ก็ไลน์มาหา เพื่อนัดให้ไปเจอกันที่คาเฟ่ใกล้หอพัก เพราะวันนี้พี่เขาจะทานมื้อเย็นเร็วกว่าปกติ เนื่องจากต้องรีบกลับไปให้อาหารเจ้าลูกชายตัวโปรด และคงต้องนั่งประคบประหงมอีกนาน นาฬิกาชีวิตก็เลยต้องปรับเปลี่ยน
‘พี่เนย์ชวนไปคาเฟ่ข้างหอ พวกมึงจะไปด้วยกันมั้ย?’ ผมพิมพ์ลงในกรุ๊ปแชท
“เอาดีๆ พี่เขาชวนมึงคนเดียว หรือชวนพวกกูไปด้วยไม่ทราบ” ไอ้หมอกมันย้อนถาม
‘ชวนกูคนเดียว’
“เออไง แล้วมึงจะชวนพวกกูทำเพื่อ ไปไหนก็ไปไป๊” ไอ้หมอกมันพูดพร้อมกับโบกมือไล่
ติ้ง!
ผมเดินออกมาจากหอได้สักพัก พี่เนย์ก็ส่งข้อความเสียงมาให้ และเมื่อกดฟังก็พบว่าอีกฝ่ายน่าจะถึงสถานที่นัดหมายแล้ว เพราะว่าตอนที่พี่เขาบอกให้ผมเตรียมตัวก็เกือบจะสี่โมงแล้ว ผมจึงอัดเสียงรอบข้างส่งกลับไปบอกคนที่กำลังรออยู่ที่คาเฟ่บ้าง
‘ให้กูสั่งบลูเลม่อนเลยมั้ย?’
‘ครับ ยำแซลม่อนด้วยนะ’
‘อืม รีบๆมา เดี๋ยวน้ำจะละลายก่อน’
‘จะถึงแล้วครับ ไม่ต้องห่วงสั่งได้เลย’
พอผมเดินเข้ามาในร้านและทิ้งตัวนั่งลงบนโต๊ะ อาหารละลานตาก็วางเสิร์ฟไว้รออยู่ก่อนแล้ว ผมจึงเหลือบไปมองแก้วบลูเลม่อน จึงเห็นว่าน้ำแข็งยังไม่ละลาย แสดงว่าพี่เขาน่าจะเพิ่งสั่ง หลังจากที่พวกเราเลิกพูดคุยสนทนากันทางแชทไลน์
“เมื่อเช้ากูลองเอาจิ้งหรีดให้เขี้ยวกุดกิน มึงดูลูกกู เป็นนักล่าที่โคตรเท่” พี่เนย์เปิดคลิปวีดิโอในโทรศัพท์ตัวเองพลางยื่นมาให้ผมดูเจ้าเขี้ยวกุดที่กำลังล่าจิ้งหรีดกินเป็นอาหาร
‘ผมว่าเหมือนคลิปทรมานสัตว์มากกว่า’ ผมหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาแล้วก็พิมพ์ส่งกลับไปให้อีกฝ่ายอ่าน
“มันคือห่วงโซ่อาหารเว้ยมึง ธรรมชาติเขากำหนดมาแล้ว” พี่เนย์ว่าอย่างนั้น พลางเปิดอีกคลิปให้ผมดูต่อ ซึ่งคลิปดังกล่าวเป็นคลิปที่เจ้าเขี้ยวกุดกำลังมุดตัวอยู่ใต้โพรงไม้เล็กๆ โผล่ออกมาแค่ดวงตาสีแดงอมส้มที่โดดเด่นเท่านั้น
“ลูกกูนอกจากจะมีมุมเท่ๆแล้วยังมีมุมน่ารักด้วยเห็นมั้ยล่ะ”
“…” ผมส่ายหัวเถียง เพราะยังไงผมก็ยังมองไม่ออกว่าไอ้เขี้ยวกุดมันน่ารักตรงไหน
ในเมื่อนิยามคำว่า ‘น่ารัก’ ในแบบของผม มันคือแมวทุกชนิด“ถ้างั้นแบบไหน ถึงจะเรียกว่าน่ารักสำหรับมึง?” พี่เนย์ถามพลางตักซีซาร์สลัดเข้าปาก
“…” ผมเปิดวีดิโอของเจ้าแชมเปญแมวของตัวเองให้พี่เนย์ดู โดยเลือกคลิปที่คิดว่าน่ารักที่สุดเท่าที่ผมจะมี จำได้ว่าตอนนั้นหลังจากหยุดถ่ายคลิปแล้ว ผมก็เข้าไปฟัดมันยกใหญ่ ก็ใครใช้ให้เจ้าอ้วนมันเอียงคอไปมา ขณะที่กำลังใช้สายตาอ้อนๆมองผมล่ะ
“น่ารักในแบบของมึงนี่ โคตรน่ารำคาญสำหรับกูเลย”
‘เหมือนกันครับ น่ารักในแบบของพี่ก็ไม่ได้น่ารักสำหรับผม เพราะเราสองคนชอบอะไรไม่เหมือนกันนี่ครับ’ ผมพิมพ์ข้อความส่งไปในห้องแชทของอีกฝ่าย ก่อนจะวางโทรศัพท์เอาไว้ข้างๆตัว และเริ่มลงมือกินยำแซลม่อน พร้อมกับดูดบลูเลม่อนแก้ฝืดคอ
“เข้าใจพูด” พี่เนย์ว่าอย่างนั้นพลางท้าวคางมองผม ก่อนจะยิ้มออกมา
“อ้าวรัน” ผมละความสนใจจากพี่เนย์ หันไปมองยังทิศทางของต้นเสียงที่ร้องเรียกผม พอเห็นว่าเป็นพวกแอ้มสามสาวจากคณะบัญชี ผมเลยโบกมือกลับไป
“ไม่ได้มากับคินเหรอ?” แอ้มเดินเข้ามาถามผมพลางยกมือไหว้พี่เนย์ ขณะที่อีกสองสาวหลังจากที่โบกมือทักทายผมแล้วก็เดินไปหาที่นั่งในมุมสงบของตัวเอง
“…” ผมส่ายหน้าตอบ
“เสียดายจัง งั้นเราไปก่อนนะ ไม่กวนแล้วจ๊ะ” แอ้มยกยิ้มพลางโบกมือให้ ก่อนจะหันไปไหว้พี่เนย์ที่กำลังนั่งเงียบๆอยู่ตรงข้ามผม
“…” พอหันหน้ากลับเข้ามาที่โต๊ะ ก็เห็นพี่เนย์นั่งท้าวคางพร้อมกับอมยิ้มอะไรก็ไม่รู้ ผมเลยเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“ไม่มีอะไรหรอก กินเถอะ” พี่เนย์ว่าอย่างนั้น พลางชี้ไปที่อาหารละลานตาที่วางอยู่บนโต๊ะ ผมก็เลยพยักหน้าและหันมาใส่ใจกับมื้อเย็นของตัวเองตามที่อีกฝ่ายชักนำ ขณะที่ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่า อีกฝ่ายน่ะออกอาการมากเกินไปหรือเปล่า
แล้วตกลงนี่พี่เนย์มีเพื่อนใหม่ หรือเป็นผมที่มีเพื่อนใหม่กันแน่!เช้าวันนี้ผมไม่ได้เจอพี่เนย์ เพราะว่าพี่เขาไม่มีเรียน ได้เจออีกทีก็ช่วงเย็น เพราะพี่เนย์ให้ผมซื้อข้าวเข้ามากินด้วยกันที่ห้อง ซึ่งผมก็ต้องวานให้ไอ้หมอกช่วยขี่จักรยานไปส่งตรงหน้ามหาลัย จากนั้นผมก็ต้องเดินหิ้วข้าวกล่องจำนวนสองกล่อง ข้ามสะพานลอยเพื่อไปยังหอพักของพี่เนย์
‘บลูเลม่อนครับ’ ผมยื่นกระดาษโน้ตไปให้พนักงานเพื่อสั่งเครื่องดื่ม จากนั้นผมก็เดินมานั่งตรงโต๊ะติดกระจกที่เป็นที่นั่งแบบเคาน์เตอร์บาร์ แล้วผมก็ไลน์ไปถามพี่เนย์ว่าจะเอาอะไรหรือเปล่า แต่ปรากฏว่าพี่เขาไม่สั่งอะไร เพราะเอาแต่บ่นผมลูกเดียวว่าจะเดินตากแดดมาให้เสียเวลาทำไม ปล่อยให้พี่เขาไปรับเสียก็จบ
‘เดินแค่นี้เองครับ สบายมาก’ หลังจากได้รับเครื่องดื่มแล้ว ผมก็เดินเลี้ยวเข้าซอยข้างๆระหว่างร้านปิ้งย่างและข้าวต้มรอบดึก กระทั่งมาถึงรั้วบริเวณของหอพักพี่เนย์ ผมก็เดินตรงไปที่บันได และขึ้นไปยังชั้นที่อีกฝ่ายพักอยู่
“…” ขณะที่ผมกำลังจะเดินเลี้ยวออกจากบันไดมายังชั้นที่หมายตา ผมก็เดินสวนกับพี่เบสที่ก็หยุดชะงักการก้าวเดิน เมื่อเห็นผมอยู่ตรงหน้าในระยะประชิด แต่จากนั้นไม่นาน อีกฝ่ายก็รีบวิ่งลงบันไดไป ผมจึงได้แต่มองตามแผ่นหลังบางๆของรุ่นพี่ต่างคณะ ที่หน้าตาน่ารักเหมาะกับซีรีส์ที่เจ้าตัวเล่น แถมผิวก็ยังขาวพอๆกับผมด้วย ช่วงขาของพี่เขาก็ยาวพอๆกัน รวมๆแล้วเราน่าจะสูงไม่มากไปกว่ากันสักเท่าไหร่ ต่างกันที่ความโดดเด่นล้วนๆ เพราะพี่เบสมีดีกรีเป็นถึงดาราที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่น ที่ขนาดเพื่อนใหม่ที่เป็นสาวคณะบัญชียังรู้จัก แล้วไหนจะสาวๆจากคณะอื่นอีก กิจกรรมของเจ้าตัวคงจะโดดเด่นน่าดู
โปรไฟล์ของพี่เบสออกจะดีเลิศขนาดนั้น ถ้าหากเขาอยากจะทวงคืนพี่เนย์ขึ้นมา ผมคงไม่มีอะไรจะไปสู้พี่เขาแน่ผมสะบัดหัวไล่ความคิดไม่เข้าท่าที่เริ่มประเดประดังเข้ามา เพียงเพราะผมแค่ได้ยินเรื่องราวความสัมพันธ์ของพี่เนย์กับพี่เบสโดยบังเอิญ ซึ่งตอนนั้นผมยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร มารู้ก็ตอนที่พี่เนย์แอดเฟซบุ๊กมาหา และผมขุดไปเจอรูปถ่ายคู่กันของทั้งสองคนที่มีอยู่มากมาย กระทั่งวันนี้ผมได้บังเอิญเดินสวนทางกับพี่เบสที่หอพี่เนย์
แต่บางทีพี่เบสอาจจะพักอยู่ที่หอนี้อยู่แล้วก็ได้ “เห้อ~” ผมเผลอถอนหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัว เพราะคำพูดปลอบใจของตัวเองมันไม่ได้ช่วยให้เลิกคิดอะไรไม่เข้าท่าเลย
ก๊อก ก๊อก
“ตกลง”ผมยืนงงอยู่หน้าประตู เมื่อเจ้าของห้องเขาเปิดประตูต้อนรับด้วยคำว่า ‘ตกลง’ ที่ผมไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร
“นี่ไง ตกลง” พี่เขาเบี่ยงตัวให้ผมเข้ามาในห้อง และขณะที่ผมปิดประตูและกำลังถอดรองเท้า พี่เนย์ก็ยื่นโทรศัพท์มาให้ผมดู ซึ่งภายในหน้าจอสี่เหลี่ยมนั้น เป็นคลิปวีดิโอที่ผมกำลังสอนภาษามือเป็นคำว่า
‘เป็นแฟนกันนะ’‘แต่เราก็คบกันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ?’ ผมเดินเข้าไปในห้อง พลางวางข้าวกล่องเอาไว้บนหลังตู้ใส่หนังสือ จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาพิมพ์ลงในหน้าต่างแชทของอีกฝ่าย
“ซื้ออะไรมา” พี่เขายักไหล่ จากนั้นก็เดินเข้ามายืนข้างๆผม พร้อมกับหยิบข้าวกล่องออกมา
“อะไร? ซื้อมาเหมือนกันเลยเหรอ?” พี่เขาหันมาถาม เมื่อผมรั้งข้อมือของอีกฝ่ายเอาไว้ ไม่ให้รื้อข้าวอีกกล่องออกมาดู
“อ..อือ” ผมพยักหน้าพลางเค้นเสียงออกมาด้วย
ปึก!
ผมเบิกตาโตอย่างตกใจ เมื่อจู่ๆคนข้างๆ ก็พลิกตัวผมให้หันหลังเพื่อยืนพิงกับตู้หนังสือ จากนั้นอีกฝ่ายก็ขยับตัวเข้ามาคล่อมทับผมไว้ โดยใช้วงแขนเป็นกรงขัง และใช้ฝ่ามือจับยืดข้อมือทั้งสองข้างของผม ส่วนริมฝีปากหนาคู่นั้นก็ประทับลงบนริมฝีปากของผม พลางขบเม้มอย่างเร่าร้อน จนสติของผมกระเจิดกระเจิง หากแต่สายตาของผมก็ยังไม่อาจหลบเลี่ยงพี่เขาได้ เพราะผมกำลังวางตัวไม่ถูก และไม่รู้ว่าในสถานการณ์อย่างนี้ผมควรต้องทำอย่างไร
อาจต้องกำจัดผีเสื้อนับร้อยที่บินว่อนอยู่ในอกก่อนดี หรือว่าจะไปตามหาสติที่มันหลุดลอยหายไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แทน “ต่อไปเวลาที่เราจูบกัน มึงต้องอ้าปากด้วย”-----------------------------------------------------------------
แก้คำผิด 27/01/2018 แอพพลิเคชั่น > แอปพลิเคชัน
ตอนนี้น่าจะเรียกได้ว่าผสมผสานทุกอารมณ์เนอะ ทั้งหวาน อบอุ่น แล้วก็หม่นๆ
เขามีจูบแรกต่อกันแล้วค่า 555 ไม่ได้เขียนเลิฟซีนมานาน ก็เลยเขียนได้ประมาณนี้แหละค่ะ 5555
ส่วนพี่เนย์ก็จะขี้อวดและมีมุมเด็กๆออกมาบ้าง เพราะถึงเจ้าตัวจะโตแล้วแต่ยังจูบปากพ่อแม่อยู่นะคะ อิอิ
ภาษามือสำหรับตอนนี้สามารถดูได้ที่สารบัญรวมภาษามือที่เราทำเอาไว้ในเด็กดีค่ะ >
จิ้มและหากใครชื่นชอบเรื่องนี้ สามารถติดแท็กในทวิตเตอร์ได้เลยค่ะ เราไปสิงอยู่ที่นั่นบ่อย #ฟอลอินยู