29
พยัคฆ์แปลกใจที่เห็นน้องหยกเดินเข้ามาหาเขาในห้องนอน เขาย้ำทุกคนแม้กระทั่งหงส์และโบตั๋น ไม่ให้บอกเรื่องที่เขาป่วยกับหยก เขาไม่แน่ใจว่าเมื่อคืนนี้หยกมีสติและจดจำเรื่องราวได้มากแค่ไหน แต่ถ้าเป็นไปได้ เขาไม่อยากให้หยกจำอะไรได้เลย
เขาเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้าง ๆ ถาดอาหารที่เขาเพิ่งทานเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะโบกมันไปมาเบา ๆ เพื่อบอกหยก ว่าเราสื่อสารกันเหมือนเดิมก็ได้ แต่น้องหยกกลับส่ายหน้าปฏิเสธแล้วเดินมานั่งข้าง ๆ เขา
น้องหยกแตะเบา ๆ ลงที่ผ้าพันแผลบนแขนของเขา ที่โดนกระจกประตูบาดเมื่อวาน เขาไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าโดนบาดเอาตอนไหน ยังดีที่แผลไม่ลึกมาก ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ต่างอะไรจากคนที่คิดฆ่าตัวตายโดยการไปนอนแช่ในอ่างอย่างนั้น
“น้องหยกยังไม่ได้รับเมฆาขาวคืนจากโบตั๋นหรอครับ” พยัคฆ์ถามในสิ่งที่สงสัย
“...” น้องหยกที่ยังคงก้มหน้ามองแขนของเขาอยู่ ส่ายหน้าน้อย ๆ
“เป็นอะไรรึป่าวครับ” น้องหยกเงียบเหมือนตอนที่เขาโทรไปคุยด้วยไม่มีผิด
น้องหยกเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา น้ำตาหยดลงมาที่แก้มข้างหนึ่ง ทำให้ตัวน้องเองตกใจไม่น้อย จนต้องเบือนหน้าหนีเขา มันเป็นภาพที่ทำให้หัวใจของพยัคฆ์กระตุกอย่างแรง เขาไม่อยากเห็นน้องหยกเป็นแบบนี้ น้องหยกกลัวเขาแต่ยังคงพยายามฝืนมันไว้เพื่อที่จะเข้ามาเยี่ยมเขา...
“ถ้าหยกยังกลัวพี่อยู่ ก็ออกไปพักก่อนเถอะครับ พี่ไม่เป็นอะไรแล้ว” พยัคฆ์กัดฟันพูดออกมาในที่สุด เมื่อน้องหยกเช็ดน้ำตาเสร็จก็หันมาสบตาเขาอีกครั้ง สายตานั้นถ่ายถอดออกมาถึงความมุ่งมั่น
“หยก...ไม่กลัวพี่เสือแล้ว”
“โกหกไม่ดีนะครับ ผิดศีล แล้วก็บาปนะ” เขาหยอกเล็กน้อย หวังว่าน้องจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง
“หยกไม่ได้โกหกนะ หยกไม่กลัวพี่เสือแล้วจริง ๆ”
“แล้วน้องหยกร้องไห้ทำไมครับ...ถ้าไม่ได้กลัวพี่”
“หยก...สงสารพี่เสือ แล้วก็...โล่งใจ...ที่พี่เสือไม่ได้เป็นอะไรมาก” คำพูดที่เหมือนจะเขินๆ ของน้องหยก ทำให้เขายิ้มออกมา
“พี่ดีใจ ที่หยกเป็นห่วงพี่”
“...” เขาเห็นน้องหยกแก้มแดงจมูกแดงแบบนี้ มันยิ่ง...เฮ้อ...น้องหยกคงรู้แล้วว่าเขาคิดอะไรอยู่ เผลอตัวอีกแล้ว
“พี่ขอโทษ ที่คิดลามกกับน้องหยก”
“พี่เสือไม่ต้องพูดออกมาก็ได้” น้องหลบตาเขาตอนนี้แดงถึงหูไปแล้ว เขารู้สึกว่าน้องหยกน่ารักมาก ๆ เวลาที่เขินแบบนี้
“พี่ไม่พูดแล้วครับ แล้วน้องหยกไม่เหนื่อยหรอครับ ไปพักผ่อนก่อนก็ได้นะ พี่ไม่เป็นอะไรแล้ว” พยัคฆ์พยายามเปลี่ยนเรื่อง เพื่อลดความขัดเขินของน้องหยก
“หยกไม่เหนื่อยหรอกครับ งานไม่ได้หนักอะไร สอนเทควันโดยังเหนื่อยกว่าอีก”
“พี่ถามหยกหน่อยได้ไหมครับ” น้องหยกจ้องเขาตาแป๋ว นี่เป็นการคุยกันตัวต่อตัวที่เขาต้องข่มความรู้สึกตัวเองมากที่สุดตั้งแต่รู้จักกับน้องหยกมา เขาคงต้องยอมรับว่าเขาคงจะอันตรายสำหรับน้องหยกจริง ๆ อย่างที่โบตั๋นว่า
“อะไรครับ” น้องหยกถามเรียกสติเขา
“นอกจากเทควันโด มวยไทย น้องหยกยังเป็นศิลปะป้องกันตัวอย่างอื่นอีกไหมครับ” เขาแค่อยากรู้ว่าหยกมีความสามารถมากขนาดไหน แล้วเขาคู่ควรกับน้องหยกรึป่าว?
“ก็เป็นทุกอย่าง ที่สถาบันของพี่ศักดิ์มีสอนน่ะครับ พี่เสือถามทำไมหรอครับ”
“ไม่มีอะไรหรอก แล้วก็ไม่ต้องสุภาพกับพี่ขนาดนี้ก็ได้ครับ”
“ทีพี่เสือยังสุภาพกับหยกเลยนี่” ดูปากกระจุ๋มกระจิ๋มนั่นเฉิดนิด ๆ ราวกับน้องหยกกำลังงอนเขาอยู่ จะน่ารักไปไหนนะ
“งั้นถ้าพี่ลดความสุภาพลง...ก็ได้ใช่ไหม?” พยัคฆ์พูดพร้อมทั้งเอื้อมมืออีกข้าง ที่ไม่มีผ้าพันแผลไปกุมมือน้องหยกไว้ มือเล็กนิดเดียวแต่รับมือผู้ชายตัวโต ๆ ได้พร้อมกัน 3 คนเลยหรอ
“พี่เสือ...” น้องหยกไม่ได้สลัดมือจากเขา แต่กลับใช้สองมือสอดประคองมือของเขาไว้ “ยังมีไข้อยู่เลย” น้องหยกพูดพร้อมมองไปยังถาดอาหารข้าง ๆ หัวเตียง “นอนพักก่อนนะครับ จะได้หายไวไว”
“พี่เพิ่งจะได้เห็นหน้าน้องหยกใกล้ ๆ เพิ่งจะได้คุยกันยาว ๆ แบบนี้ พี่ยังไม่อยากนอนเลย”
“นอนพักเถอะครับ หยกจะเฝ้าจนกว่าพี่เสือจะหลับแล้วกันนะครับ”
“อืม ก็ได้ครับ” พยักฆ์ตกลงอย่างว่าง่ายก่อนจะค่อย ๆ ขยับตัวลงนอน โดยมีน้องหยกกุลีกุจอเข้ามาช่วยเขาขยับหมอนให้ จังหวะที่น้องปรับวางหมอนให้เข้าที่นั้น เขายันข้อศอกค้างไว้ ก่อนยื่นหน้าไปหอมแก้มคนที่ไม้ทันระวังตัว น้องหยกมองเขาตาโต หน้าแดงก่ำ “ก็หยกอยากให้พี่ลดความสุภาพลงไม่ใช่หรอ?”
“พี่เสือ!!...” พยัคฆ์ลดตัวลงนอน เขาหลับตาลงพร้อมกับคว้ามือบางมากุมไว้
.........................................................................
ขณะนี้ทุกคนอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันภายในบ้านพักของหงส์ เจ็กลู่นั่งอยู่บนเก้าอี้หวายเดี่ยว แบบเดียวกันกับที่บ้านพักของเขา หงส์ โบตั๋น เพ็ญนภา นั่งรวมกันอยู่ที่โซฟายาว คีนั่งเก้าอี้หวายอีกตัวโดยมีเก่งนั่งอยู่บนท้าวแขนข้างหนึ่ง เต้และต้น ยกเก้าอี้แต่งตัวในห้องนอนออกมานั่ง ส่วนเอยืนพิงผนังอยู่ด้านหนึ่ง
“โหย...พี่ชาติจะแกล้งบอสกับคุณพยัคฆ์ก็น่าจะกระซิบบอกพวกเราหน่อยสิครับ ผมนี่คอยหลบคุณภาเธอแทบแย่” ต้นร้องโอดครวญ
“นี่พวกเธอแอบสงสัยฉันอย่างนั้นเร๊อะ” เพ็ญนภาแว๊ดใส่อย่างไม่จริงจังนัก
“ขอโทษครับคุณภา คุณพยัคฆ์สั่งมา พวกผมก็ต้องคอยระวัง” เก่งรีบขอโทษ
“แล้วเรื่องนี้คุณพยัคฆ์รู้รึยังครับ” เอถามขึ้นมาบ้าง
“จะรู้ได้ไง คุณพยัคฆ์ยังนอนอยู่บ้านโน้นเลย แต่ป่านนี้คงฝันดีเพราะมีคุณหยกดูแลอยู่” เต้พูดแซวขึ้นบ้าง
“โบตั๋นไม่รังเกียจรังงอนคุณเสือเขาแล้วใช่ไหม?” หงส์หันมาถามโบตั๋นที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กัน
“พี่เสือเขาพิสูจน์ตัวเขาเองแล้วค่ะเจ่เจ้ ตั๋นเชื่อว่าเขาจริงใจกับหยกจริง ๆ”
“หมายความว่ายังไงค่ะ” เพ็ญนภาร้องถามเสียงหลง มองหน้าหงส์กับโบตั๋น ก่อนกวาดตามองไปรอบ ๆ ห้อง เหมือนทุกคนจะรู้เรื่องระหว่างพยัคฆ์กับหยก ยกเว้นเธอ “ต๊าย...ฉันตกข่าวอยู่คนเดียวหรอเนี๊ยะ!”
“ไม่เป็นไรหรอกน่ายัยภา ตัวแค่เข้าใจผิดเท่านั้นเอง” หงส์ปลอบใจ เพ็ญนภาได้แต่พยักหน้ารับอย่างเหว๋อๆ
“ถ้าอย่างงั้นเรามาเข้าเรื่องกันต่อ” หลิ่วลู่เปรยขึ้น
“พี่ภาได้ฟังแล้วอย่างเพิ่งเป็นลมนะคะ” โบตั๋นรีบบอกให้เพ็ญนภาทำใจ เธอก็ได้แต่พยักหน้ารับ
“นายเกรียงไกรเช็คเอ้าท์ออกไปเมื่อเช้านี้ครับ ทั้งที่จริงแล้วจองบ้านพักไว้ 5 วัน แต่พักได้แค่ 2 คืนเท่านั้น ส่วนนายเมฆกลับออกไปพร้อมกับทีมงานทางรถบัสเมื่อตอน 4 โมงเย็นวันนี้” คีรายงาน
“ส่วนไอ้ 4 คนที่โรงพักถูกปล่อยตัวไปเมื่อตอนเที่ยงแล้วครับ มันพักอยู่โรงแรม 3 ดาวแระแวกนี้ พอผมตามมันไป มันก็เช็คเอ้าท์หนีไปเรียบร้อยแล้ว” เอรายงาน
“ อืม...ตอนนี้เรายังหาความเชื่อมโยงระหว่างนายเกรียงไกรกับนายเมฆไม่ได้ ก็เท่ากับไม่มีหลักฐาน”
“คุณเกรียงไกร กับคุณเมฆทำไมหรอค่ะ?” เพ็ญนภาถามขึ้นทั้ง ๆ ที่ยังจับใจความอะไรไม่ค่อยจะได้”
“เมื่อคืนก่อน ตั๋นกับหยกโดนดักทำร้านแถว ๆ ร้านอาหารค่ะ คนที่ทำร้ายก็คือ 4 คนที่พี่เอตามไปที่โรงพักกับโรงแรม คนพวกนั้นเป็นคนของนายเกรียงไกร แล้วเมื่อคืนนี้หยกถูกพี่เมฆวางยา พี่คีเห็นเข้าตอนที่นายเกรียงไกรกำลังจะลากหยกไปที่ห้องของตัวเอง ก็โดนใครไม่รู้ตีหัวสลบไปซะก่อน ยังดีที่พี่เสือไปช่วยหยกไว้ทัน”
“คุณพระ!!” เพ็ญนภาตกใจจนหน้าซีด
“ครับ ที่เหลือคงต้องไปสืบเรื่องของนายเมฆต่อที่กรุงเทพ ที่นี่มีข้อมูลไม่มาก แหล่งข้อมูลที่มีก็เดินทางกลับไปกันหมดแล้ว” คีสารภาพออกมา
“ใครว่า ฉันนี่แหละแหล่งข้อมูลชั้นดีที่พวกเธอมองข้าม” เพ็ญนภาว่าพร้อมชี้หน้ารายตัว
“พี่ภามีข้อมูลอะไรหรอค่ะ?” โบตั๋นถามขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
“ฉันขอถามพวกเธอคำนึง นายเกรียงไกรมันต้องการอะไรจากน้องชายของฉัน” เพ็ญนภาพูดเสียงเย็น แววตาแข็งกร้าวอย่างที่โบตั๋น หรือคนของวรากรไม่เคยเห็นมาก่อน
“ยัยภา ตัวใจเย็น ๆ ยังไงๆ หยกก็ปลอดภัยแล้ว” หงส์พูดพร้อมเอามือลูบต้นแขนเพื่อนเบา ๆ
“งั้นตัวก็ตอบภามา นายนั่นมันจะทำอะไรหยก” หงส์มีสีหน้าหนักใจก่อนจะตอบ
“ข่มขืน...” พอสิ้นคำพูดของหงส์เพ็ญนภาก็ลุกพรวดขึ้น เดินเข้าห้องไปก่อนเดินออกมาพร้อมโทรศัพท์มือถือของตนที่ยังคงแนบหูอยู่
“ยัยจิ๊ก ฉันจะไปทนกันไอ้แมงดานั่นแล้ว ถ้าเธอพร้อม คนอื่น ๆ พร้อม ฉันจะจัดการมันขั้นเด็ดขาด” เพ็ญนภาเงียบเพื่อฟังบทสนทนาของปลายสายสักครู่ “ดี ถ้าอย่างนั้น เธอรวบรวมข้อมูลไว้ แล้วส่งเมลมาให้ฉันเร็วที่สุด ฉันถึงกรุงเทพเมื่อไร ฉันจะลงมือทันที”
“พี่ภา” โบตั๋นเรียกเพ็ญนภาเสียงอ่อย เธอไม่เคยเห็นเพ็ญนภาโกรธจนตัวสั่นขนาดนี้
“นายเกรียงไกร...” เพ็ญนภาพยายามระงับอารมณ์โกรธของเธอ ก่อนจะเล่าต่อ “เป็นหนี่งในลูกค้าของนายเมฆ และนายเมฆมันจะใช้ความที่มันเป็นช่างกล้องมืออาชีพ หลอกเด็กหน้าใหม่ ๆ ที่เพิ่งเข้าวงการไปปู้ยี่ปู้ยำก่อนที่จะเอามาแบล็คเมล์ ให้เด็กรับแขกให้มัน”
“คุณภาทราบเรื่องนี้ได้ยังไงครับ” คีถามอย่างสงสัย
“ฉันทำห้องเสื้อ นางแบบหลายคนที่ฉันจ้างมา เป็นเด็กในสังกัดนายเมฆหลายคน ทั้งที่สมัครใจและไม่สมัครใจ อย่างยัยจิ๊กก็เป็นหนึ่งในหลาย ๆ คนที่ไม่สมัครใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ คนที่ยอมทน ก็จะอยู่ในวงการได้ คนที่รับไม่ไว้ก็ต้องออกจากวงการไปอย่างยัยจิ๊ก แต่มันไม่จบเท่านั้น มันยังตามไปรีดไถ่เงินยัยจิ๊กอยู่เป็นประจำ”
“ถ้าอย่างนั้นเราก็จัดการนายเมฆได้ไม่ยาก ถ้ามีพยานยืนยัน” ต้าเอ่ยขึ้น “แล้วเรื่องนายเกรียงไกรล่ะครับ พี่ชาติ จะจัดการไปพร้อมกันเลยไหม?”
“ไม่ รอไปก่อน คนไม่เป็นโล้เป็นพายอย่างนายเกรียงไกรจัดการง่าย แต่เส้นสายของคุณสุพรรณษาก็ใช่ว่าจะน้อย เรื่องนายเกรียงไกรค่อยคุยกันทีหลัง พวกนายไปพักเถอะ”
“ครับพี่ชาติ” ทุกคนค่อย ๆ ทยอยออกไปกันจนหมด
“ที่เจ็กยังไม่จัดการเกรียงไกรเพราะเจ้าสัวเซียงใช่ไหมค่ะ?” หงส์หันมาถามเมื่อทุกคนออกไปกันหมดแล้ว
“อืม”
“เจ้าสัวเซียง ผีพนันนั่นน่ะหรอ?” เพ้ญนภาถามขึ้น “เขามาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย”
“ตระกูลเจ้าสัวมาจากฮ่องกงน่ะ” หงส์ตอบ
“ตัวอย่างบอกนะว่า...”หงส์พยักหน้า “โอเค ถ้าตัวจะให้ภาช่วยอะไรก็บอกนะ ตัวก็รู้ว่าห้องเสื้อน่ะ เป็นแหล่งรวมผู้หญิงขาเม้าท์ชั้นดีเชียวล่ะ”
“อืม หงส์จะบอกนะถ้าจะให้ตัวช่วยน่ะ แต่ตอนนี้หงส์ยังคิดไม่ออกว่าจะให้ตัวช่วยอะไร”
“ภาว่าภารู้ ภาจะช่วยสืบเรื่องเส้นสายของคุณสุพรรณษาให้”
“อืม ก็ดี แต่ผมมีเรื่องจะขอคุณภาสักเรื่อง” หลิ่วลู่พูดขึ้น
“อะไรค่ะเจ็ก”
“เรื่องนายเมฆ ผมอยากให้คุณภาชะลอไว้ก่อน ผมไม่ได้จะปล่อยมันไป แต่ผมอยากจะจัดการถอนรากถอนโคนมัน ซึ่งเรื่องพวกนี้ต้องวางแผนให้รัดกุม ให้มันดิ้นไม่หลุด”
“เจ็กมีแผนอะไรหรอค่ะ?” เพ็ญนภาถาม
“เอาไว้ถ้าคุณภาได้ข้อมูลมา ผมรบกวนขอดูหน่อยแล้วกันครับ จะได้ดูว่าแผนการของผมใช้ได้ไหม?”
“เจ็กยังเจ้าแผนการเหมือนเดิมเลยนะคะ” หงส์เย้า เจ็กลู่ได้แต่ยิ้ม
“ฉันไม่เคยเห็นเจ็กคนนี้ของตัวเลย เจ็กเขาไปอยู่ไหนมาหรอ?” เพ็ญนภากระซิบถาม
“ถ้าหน้าตาตัวอาจจะไม่เคยเห็น แต่ถ้าจิตใจน่ะ ตัวน่าจะคุ้นเคยดีนะ”
“ถ้าใจ ภาน่าจะคุ้นเคยดี” เพ็ญนภาทวนคำ พร้อมกับนึกภาพอากัปกิริยาที่ผ่านมาของคนตรงหน้า ถึงแม้จะคุ้น แต่เธอก็นึกไม่ออก
“ไม่แปลกหรอกที่หนูภาจะนึกไม่ออก”
หลิวลู่เปรยยิ้ม ๆ แต่ก็เป็นเหมือนกุญแจปลดล็อคความทรงจำของเธอได้อย่างดี เพ็ญนภาลุกจากที่นั่งเดินเข้าไปใกล้ ๆ หลิวลู่ ก่อนก้มลงกราบบนตัก เป็นภาพที่โบตั๋นต้องตกตะลึงเป็นครั้งที่ 2 จากการกระทำของเพ็ญนภาในวันนี้
“ลุงหลิวของหนูภา มีลุงหลิวคนเดียวเท่านั้นที่เรียกภาแบบนี้” เพ็ญนภาพูดไปก็ร้องไห้ไป
“ไม่เอา หนูภาของลุงโตเป็นสาวแล้ว ไม่ร้องไห้นะ”
“ภาคิดว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอลุงหลิวแล้ว ภายังไม่ได้ตอบแทนบุญคุณลุงหลิวเลย”
“ไม่เอา ไม่ร้องนะ แล้วตอนนี้ไม่มีลุงหลิวแล้วนะ มีแต่เจ็กลู่” หลิวลู่พูดพร้อมบีบไหล่เพ็ญนภาเบา ๆ ปลอบใจ
“ค่ะ ภาเข้าใจ ภาจะช่วยหงส์ จะช่วยเจ็กลู่เอง เจ็กลู่ยอมให้ภาช่วยนะคะ”
“อืม เจ็กยอมก็ได้ ถ้าหนูภาหยุดร้องไห้”
“ตั๋นงงไปหมดแล้ว เจ็กลู่กับพี่ภารู้จักกันมาก่อนหรอค่ะ?” เพ็ญนภาเช็คน้ำตาก่อนเล่าสั้นๆ
“เจ็กลู่เคยช่วยชีวิตพี่ไว้ ตอนพี่ยังเป็นเด็กน่ะ ตอนนั้นพี่เลยติดเจ็กลู่มาก”
“โบตั๋นยังเด็กมากน่ะตอนนั้น คงจำไม่ได้ว่ายัยภาเคยช่วยเจ็กเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ด้วยเรานะ” หงส์ตอบยิ้ม ๆ เมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีต
.........................................................................
พยัคฆ์หายไข้กลับมาเป็นปกติแล้ว เหลือเพียงบาดแผลที่แขนที่ยังต้องคอยล้างและเปลี่ยนผ้าพันแผลอีกหลายวัน เรื่องเพ็ญนภา เก่งมาเล่าให้ฟังแล้ว ทำให้พวกเขาไม่จำเป็นต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ อีกต่อไป จนตอนนี้พวกเขาเองเหมือนจะเป็นกรุ๊ปทัวร์ขนาดย่อม ๆ เวลาจะไปเที่ยวไหนกันแต่ละที
จะมีที่ผิดสังเกตไปบ้างก็ตรงที่ เพ็ญนภาดูเหมือนจะเกาะติดอาชาติ คอยตามเทคแคร์จนเขานึกห่วงว่าอากรของเขาจะมีคู่แข่งที่เป็นผู้หญิงซะแล้ว
“พี่เสือเป็นอะไรไปค่ะ?” โบตั๋นเข้ามาชวนคุย ขณะที่ทุกคนกำลังเล่นน้ำทะเลกันอยู่ มีเพียงเขา โบตั๋น หงส์ เจ็กลู่ และเพ็ญนภาที่นั่งเล่นอยู่ริมหาด
“ไม่มีอะไรครับ พี่ว่าจะถามตั๋นสักหน่อย”
“เรื่องที่ตั๋นยอมรับพี่เสือนะหรอค่ะ” เขาไม่เคยชินกับโบตั๋นสักที ทั้งที่รู้ว่ามันเป็นเพราะเมฆาขาว เธอคงถนัดเป็นฝ่ายเริ่มก่อนจริง ๆ
“ครับ”
“เฮ้อ...ตั๋นน่ะ ห่วงหยกเพราะเราโตมาด้วยวัยใกล้เคียงกัน เป็นทั้งพี่น้อง เป็นทั้งเพื่อน ตั๋นเคยวาดฝันไว้ว่าอาซ้อของตั๋นจะเป็นคนยังไง จะทำให้หยกมีความสุขได้ไหม พอพี่เสือเข้าหาหยก ตั๋นรู้ว่าตอนนั้นพี่เสือเข้าใจผิด คิดว่าหยกเป็นผู้หญิง ตั๋นพยายามจะไล่พี่ไปแต่โดนเจ่เจ้ห้ามไว้ซะก่อน ตั๋นไม่เคยเชื่อมั่นในตัวพี่เสือเลย...จนกระทั้งคืนนั้น”
“ตั๋นกังวล เพราะทั้งพี่กับหยก ต่างก็เป็นผู้ชาย”
“อืม...ตอนนั้น ความรู้สึกพี่เสือที่มีต่อหยกมันรุ่นแรงมากเลย จนขนาดตั๋นเองก็ยังรับรู้ถึงมันได้เลยนะ”
“ทำไม ปกติตั๋นควรจะรับความรู้สึกพี่ไม่ได้อย่างนั้นหรอ?”
“ใช่ ก็พี่เสือคิดถึงหยก หยกก็จะรับรู้ได้คนเดียว ตั๋นกับพี่หงส์ไม่รู้หรอก แต่ตอนนั้นพวกเรารับรู้ได้หมดเลย”
“แล้วตอนนี้ล่ะ”
“ตอนนี้ไม่เป็นแบบนั้นแล้ว มันเลยทำให้ตั๋นยิ่งระแวง”
“พี่ไม่รู้ตัวเลย”
“ความรู้สึกของพี่เสือที่มีต่อหยกมันเปลี่ยนไปน่ะ”
“เปลี่ยนไป เปลี่ยนยังไง พี่รู้สึกกับหยกเหมือนเดิมนะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น ตั๋นไม่ได้ว่าพี่เสือ เออ...จะอธิบายยังไงดีล่ะ”
“หืม...มันอธิบายยากขนาดนั้นเลยหรอ ไม่สมกับเป็นโบตั๋นเลย ถ้าเป็นหยกก็ว่าไปอย่าง”
“งั้นตั๋นพูดตรง ๆ แล้วกันนะ ตอนแรกความรู้สึกพี่เสือมันมีแต่ความอยากได้ อยากเป็นเจ้าของ ต้องได้อะไรแบบนั้นจนตั๋นเรียกพี่เสือลับหลังว่าแมวหง่าว เหมือนแมวตัวผู้ที่ติดสัสร้องหาตัวเมียอยู่ตลอดเวลาน่ะ”
“ฮ่า ๆๆๆ พี่เป็นอย่างนั้นหรอ”
“ใช่ แต่ตอนนี้ที่ตั๋นว่ามันเปลี่ยนไปก็คือ มันมีแต่ความเสียสละ ความปรารถนาดี อยากปกป้อง ไม่ได้เรียกร้องเอาแต่ได้อย่างแต่ก่อน”
“...” ใช่ เขาไม่อยากเห็นสายตาหวาดกลัว หรือแม้กระทั่งน้ำตาของหยก เขาไม่อยากให้หยกเสียใจ เขายอมทำทุกอย่างถ้าจะได้เห็นแต่รอยยิ้มของหยก
“พี่เสือรู้ไหม ว่าความรู้สึกแบบนี้นั่นแหละ ที่ทำให้หยกสามารถเข้าใกล้พี่เสือได้ เพราะมันไม่ได้น่ากลัวไง”
“แล้วตอนนี้ พี่ได้ได้นึกถึงตั๋น แล้วตั๋นรู้ได้ยังไงว่าพี่กำลังนึกคิดอะไรอยู่”
“ตั๋นก็แอบสัมผัสจิตพี่เสือไง ตั๋นก็แค่อยากรู้ว่าพี่เสือคิดยังไงกับหยก”
“หืม...อันตรายเหมือนกันนะเรา”
“ตั๋นพอจะรู้ว่าพี่เสือกังวลเรื่องความรู้สึกหยก หยกแสดงออกไม่เก่งกับคนอื่น เพราะชินกับการสื่อสารผ่านเมฆาขาวกับตั๋นและเจ่เจ้ ถ้าสักวันหนึ่งหยกเปิดใจกับพี่เสือแล้ว หยกเขาก็จะแสดงออกมาให้พี่เสือเห็นเองแหละ”
“ตั๋นไม่รังเกียจพี่หรอ ที่พี่ชอบพี่ชายตั๋น”
“เรื่องความรัก ไม่มีคำว่าน่ารังเกีบจหรอกค่ะ และตั๋นก็เชื่อแล้ว ว่าพี่เสือจริงใจกับหยกแค่ไหน ตั๋นพอจะรู้นะ ว่าพี่เสือไม่ได้แค่ชอบหยก”
“...” เขายังไม่กล้ายอมรับความรู้สึกของตัวเอง เพราะเขากลัวว่า หากหยกคิดกับเขาแค่พี่ชายคนนึง ถึงตอนนั้น เขาจะสามารถดึงหัวใจตัวเองกลับมาได้ไหม ในเมื่อเขารักหยกไปแล้วหมดหัวใจ
“หยกรู้จักความรัก รักพี่ รักน้อง รักเพื่อนๆ แต่หยกไม่เคยมีแฟนที่เป็นผู้หญิง หรือแม้แต่ผู้ชาย พี่เสือต้องให้เวลาหยกเขาหน่อย เห็นหยกเป็นแบบนี้ แต่จริง ๆ หยกเขาขี้อายมากเลยนะ พี่เสือรู้ไหม?”
“ขี้อายหรอ?”
“ใช่ค่ะ สังเกตง่ายจะตาย ถ้าหน้าแดงถึงจมูกถึงหูนั่นแหละ”
พยัคฆ์ยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงแก้มนุ่มๆ ที่เขาได้หอมไปเมื่อวาน
To Be Continue