[แจ้งข่าวหนังสือ] 8.03.63「โรคประจำใจ」Follow up ครั้งที่ 24 [END] P.8 [25/01/62]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [แจ้งข่าวหนังสือ] 8.03.63「โรคประจำใจ」Follow up ครั้งที่ 24 [END] P.8 [25/01/62]  (อ่าน 105417 ครั้ง)

ออฟไลน์ ธัญญ์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-4
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

****************************************************************************************


ผลงานเรื่องอื่นนะคะ

ห า กั น จ น เ จ อ [END] http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58675.150

แรมเดือนสิบสอง [on air] https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67032.msg3822903#msg3822903
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-03-2020 19:26:46 โดย ธัญญ์ »

ออฟไลน์ ธัญญ์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-4

Underlying diseases.

「โรคประจำใจ」

อาการโรค










หึงหวง เป็นอาการปกติที่พบได้ในคนที่เป็นแฟนกัน แต่โคตรหึงโคตรหวงนี่ ธรรมศรคิดว่ามันออกจะเกินไปสักหน่อย


มนุษยสัมพันธ์ดี เป็นสิ่งที่สัตว์สังคมอย่างมนุษย์ทุกคนควรจะมี แต่ไอ้ประเภทที่ชอบหว่านเสน่ห์เรี่ยราดนี่ โอมอินคิดว่ามันไม่ใช่สิ่งที่คนมีแฟนแล้วเขาจะทำกัน!








“ตื่นเต้นเหรอวะพี่สัม”


เจ้าของชื่อเป็นชายหุ่นหมี หมีแบบที่หลายคนเรียกว่าหมีแทนชื่อเจ้าตัวเสียแล้ว ตัวสูงแค่มาตรฐานชายไทยแต่โครงร่างใหญ่และตัวหนาเดินวนไปมาอยู่หน้าโต๊ะลงทะเบียนเข้าชมหนังสั้นซึ่งเป็นสารนิพนธ์ของนักศึกษาเอกภาพยนตร์ปีสี่ของมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่ง ซึ่งก็มีผลงานการกำกับของเขาเป็นหนึ่งในสิบสองเรื่องนั้นด้วย


“เออสิวะ”


“ตื่นเต้นทำไม พี่ดูมากี่รอบละ”


สัมตีหน้ายุ่ง มองรุ่นน้องที่มีส่วนช่วยในผลงานของตัวเองแล้วก็ได้แต่หมั่นไส้ มันไม่มาเป็นเขามันไม่เข้าใจหรอก “บ๊ะ! ไอ้โอม มันเหมือนกันที่ไหนละวะ อีกไม่กี่นาทีผลงานกูก็จะถูกฉายให้คนทั่วไปได้ดูนะเว้ย”


ใบหน้าเรียบตึงเป็นเอกลักษณ์ของโอมอินแต่ค่อนข้างแตกต่างจากนิสัยของเด็กนิเทศฯทั่วไปกำลังทำให้สัมยิ่งหงุดหงิดพอ ๆ กับคำพูดของมัน “ผมก็เห็นมีแต่คนคณะเรามาดู ไม่ดิ เอกเราล้วน ๆ เลยต่างหาก”


สัมหมดปัญญาจะเถียง เพราะเห็นกันอยู่ว่าใบลงทะเบียนมีแต่รายชื่อรุ่นน้องในเอกตัวเองทั้งนั้น ไอ้ชื่อแปลก ๆ นั่นก็ยังอยู่ในคณะเดียวกันอีกอยู่ดี แม้งานนี้จะโปรโมทในพื้นที่สาธารณะ เชิญชวนคนทั่วไปมาเข้าชมสักแค่ไหน แต่ก็ต้องยอมรับว่าเกือบร้อยละเก้าสิบแปดเป็นคนกันเองทั้งนั้น


“มึงลืมรึไงว่ามีคอมเมนเตเตอร์ด้วย”


“นั่นก็รุ่นพี่อีกอยู่ดี” จริงของมัน ถึงจะเชิญผู้กำกับจากค่ายหนังดัง แต่พื้นเดิมก็เป็นศิษย์เก่าจากที่เดียวกับเขาทั้งนั้น


“แบบนั้นยิ่งกดดันไง เขาต้องคาดหวังกับผลงานของรุ่นน้องอย่างเรา ๆ อยู่แล้ว”


“กลัวอะไร คนตัดสินให้คะแนนใช่ว่าจะเป็นคนเดียวกับเมื่อยี่สิบสามสิบปีก่อนซะหน่อย…อย่างน้อยก็ไม่ทั้งหมดละวะ ไม่ถูกใจเขาก็ใช่ว่าจะไม่ถูกใจอาจารย์นี่หว่า”


“เออ! ไว้ถึงทีมึงก่อนเถอะไอ้โอม อย่ามาตื่นเต้นให้กูเห็นเชียวนะ”


โอมอินไหวไหล่ ใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์เสียจนสัมหัวร้อนทุกทีที่พูดคุยด้วย


“แล้วพระเอกกูจะมาไหมเนี่ย”


“มาดิ มันบอกว่าจะมา”


สัมแทบจะหัวเราะออกมาตอนที่ทันเห็นแวววูบไหวในหน่วยตาคู่นั้นของรุ่นน้องตอนที่พูดถึง ‘พระเอก’ ของเขา ไอ้โอมอินที่ทุกคนในคณะรู้จักเป็นผู้ชายที่แม่งโคตรเย็นชา หน้าหล่อ ๆ ของมันเรียบตึงไร้อารมณ์ตลอดเวลาไม่เว้นแม้กระทั่งตอนกำลังเต้นสันทนาการอยู่ นัยน์ตาดำขลับก็ไม่เคยฉายแววอะไรนอกจากความหงุดหงิดใจที่ชวนให้คนมองหัวร้อนเพราะรู้สึกว่ามันกวนเบื้องล่างเสียเหลือเกิน แต่นับตั้งแต่วันที่เขาชวนมันมาเป็นตากล้องช่วยถ่ายทำหนังสั้นให้ วันนั้นไอ้โอมอินก็เปลี่ยนไป


“มันบอกมึง?” แกล้งย้อนถามด้วยความหมั่นไส้


“เมื่อคืน” ไอ้เด็กนี่ทำหน้าทำตาเหมือนเย้ยทั้งที่หน้ายังนิ่งอยู่แบบนั้น “ต้องให้บอกด้วยไหมว่าที่ไหน”


“หึ เข้าไปข้างในเลยไป กูชักเหม็นขี้หน้ามึงละ” สัมโบกมือไล่รุ่นน้องตัวดี


“พี่หาที่ให้มันนั่งด้วยละกัน” เอ๊ะไอ้นี่! เข้าไปก่อนแท้ ๆ ไม่หาวะ


“เออ กูต้องจัดที่วีไอพีให้มันอยู่แล้วเว้ย ไอ้ศรมันเป็นพระเอกของกู”


โอมอินที่เดินห่างออกไปสามก้าวแล้วถึงกับหันมาแสยะยิ้ม “แต่ผมเป็นพระเอกของมัน”


“ไอ้เหี้ย!”

.

.

.

ห้องฉายหนังสั้นครั้งนี้เป็นห้องสโลปของหอศิลป์ในรั้วมหาวิทยาลัย ในตอนที่โอมอินเข้ามาเก้าอี้กว่าร้อยห้าสิบที่นั่งถูกจับจองเกือบหมดแล้ว ใบหน้าหล่อไร้อารมณ์ส่ายหน้าระอา ใครหันมามองตอนนี้คงเห็นสีหน้าเหนื่อยหน่ายของเขา โอมอินนึกไปถึงสิ่งที่รุ่นพี่รับปากตนเมื่อครู่ สภาพอย่างนี้น่ะหรือจะมีที่นั่งวีไอพีให้ ‘พระเอก’ ของตัวเองนั่ง วีไอพีแบบบนพื้นตรงทางเดินระหว่างชั้นหนึ่งกับสองละสิไม่ว่า


งานใกล้เริ่มขึ้นทุกที พิธีกรสองคนที่ยืนพูดอยู่หน้าสุดก็กำลังบอกเล่าถึงเรื่องราวคร่าว ๆ ของการจัดงานในวันนี้ โอมอินนั่งพิงผนังตรงพื้นขั้นบันไดเหมือนรุ่นพี่ปีสี่คนอื่น ๆ ใกล้กับส่วนหน้าสุดที่พิธีกรยืนอยู่ มือหนากำสมาร์ทโฟนเครื่องบางแน่น ข้อความล่าสุดจากพ่อพระเอกกิตติมศักดิ์ของสัมบอกว่าอยู่หน้างานแล้ว นี่ก็ผ่านมาจะสิบนาทีอยู่รอมร่อ แต่เขาก็ยังไม่เห็นเงาหัวมัน โอมอินหมายมั่นในใจ ว่าถ้าครบสิบนาทีแล้วยังไม่เห็นอีกฝ่ายเข้ามาในห้องนี้ เขาจะออกไปตามด้วยตัวเอง


สิบนาที


กรี๊ดดดดดดด


ไม่ทันที่โอมอินจะลุกขึ้นยืน เสียงกรี๊ดของพวกผู้หญิงก็ดังก้องไปทั่วห้องพร้อมการปรากฎตัวของใครบางคนที่เจิดจรัสอย่างกับมีสปอร์ตไลท์ประจำตัว แม้ภายในห้องจะเริ่มมีแสงสลัวเพราะใกล้เวลาฉายหนังเต็มที แต่มันก็ยังโดดเด่นอยู่ตรงทางเข้าอยู่ดี


ธรรมศร


“พี่ศร~~~~~~”



“กรี๊ดดดดดดด”




“เงียบ!!”


สิ้นเสียงตวาดดังขึ้นจากที่ไหนสักแห่งก็ทำให้ทุกสรรพเสียงเงียบลงทันที ทว่าถึงจะหาต้นตอของเสียงไม่เจอ แต่ทุกคนที่เรียนคณะนี้ต่างรู้ในทันทีว่าใครคือเจ้าของเสียงดุดันนี้


“มาช้าก็หาที่นั่งสิวะ จะยืนหล่ออยู่อีกนานไหมไอ้คุณชาย” โอมอินหงุดหงิดตั้งแต่ที่รอจนสิบนาทีกว่าจะได้เห็นหน้าอีกฝ่ายแล้ว ยิ่งพอเข้ามาถึงแค่ยืนเป็นเป้านิ่งให้สาวกรี๊ดก็กวนอารมณ์เขาพอแล้ว ไอ้คุณชายมันยังยืนยิ้มเขินให้ทุกคนอีก ใครมันจะไปทนได้!


“เอาละครับ หาที่นั่งโดยด่วนครับพี่ศร ก่อนที่องค์โอมอินจะลง” พิธีกรที่เป็นรุ่นน้องในคณะเอ่ยแซวขำ ๆ ขณะที่พิธีกรอีกคนซึ่งเป็นรุ่นพี่จบไปนานแล้วกำลังงงกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นถามออกมาว่าไอ้คนที่เพิ่งเรียกเสียงกรี๊ดจากสาว ๆ ได้ถล่มทลายเมื่อครู่คือใคร


“นั่นพี่ศรครับ หนุ่มวิศวะหล่อบอกต่อด้วยยยยยยย” ท้ายประโยคลากเสียงยาวเอาใจสาว ๆ ในห้องนี้จนโอมอินอยากจะเดินไปตบกบาลมันซักฉาด

“แต่เมื่อเทอมที่แล้วก็เพิ่งได้มาอีกตำแหน่งนะครับ”


“ตำแหน่งอะไรครับ”


“พี่ว้ากหล่อบอกต่อด้วยยยยยยยยย”


“กรี๊ดดดดดดดดด”


“หนังอ่ะจะดูไหมวะ!!”


เงียบกริบ


ก็ถ้าจะไม่ดูหนังกันเขาจะได้บอกว่าอีกตำแหน่งหนึ่งที่ธรรมศรเพิ่งได้มาหมาด ๆ เมื่อไม่กี่เดือนคืออะไร


แฟนกูนี่ไงสัด!!
.
.
.
หนังสั้นจะถูกแบ่งฉายเป็นสี่เซต เซตละสามเรื่อง ช่วงเช้าจะมีแค่หนึ่งเซตเท่านั้น เพราะหนังเริ่มฉายตอนสิบโมงแล้ว และหนังของสัมก็เป็นหนังเรื่องที่สองในเซตแรกนี้ด้วย

 
โอมอินหันไปมองหาตำแหน่งที่นั่งของธรรมศรก็พบว่าอีกฝ่ายนั่งไม่ไกลจากจุดที่เคยยืนโชว์ตัวนัก และก็นั่งลงบนพื้นจริงอย่างที่เขาคิดไว้ ธรรมศรเป็นคนหล่อ หล่อแบบไร้ที่ติราวกับเทพช่างปั้น ส่วนสูงที่พอกันกับเขาก็ช่างน่าอิจฉาสำหรับใครหลายคน หุ่นไม่หนา แต่ก็ไม่ถึงกับบาง มัดกล้ามเนื้อก็มีให้เห็นตามประสาคนออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เป็นหุ่นที่ยิ่งใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมสองเม็ดบนอย่างวันนี้ก็ยิ่งเป็นเหมือนชายในฝันของสาว ๆ คิดแล้วโอมอินก็หงุดหงิด หึงจนเหนื่อย หวงจนหน่าย มันก็ยังไม่เลิกทำตัวฮอต


โอมอินหงุดหงิดกับความคิดตัวเองเงียบ ๆ คนเดียวจนกระทั่งผลงานของสัมกำลังจะถูกฉายขึ้นบนจอใหญ่ ใบหน้ายุ่งเหยิงก็ค่อย ๆ ราบเรียบแล้วคลี่ยิ้มบางออกมาในที่สุด


“ไงมึง” คำทักทายที่มาพร้อมแรงสะกิดที่ไหล่ทำให้คนที่ตั้งหน้าตั้งตารอดูหนังหรือจะพูดให้ถูกก็คือรอดู ‘แฟน’ ตัวเองบนจอยักษ์หันไปมองคนมาใหม่


“กว่าจะมานะพวกมึง” คนที่สะกิดเขาคือพีท ส่วนอีกสองคนที่ยืนข้างหลังคือเต๋ากับโจ สามคนนี้เป็นเพื่อนสนิทของเขา แต่เพราะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโปรเจคจบของรุ่นพี่คนไหน พวกเขาจึงไม่ได้รีบมาเหมือนโอมอิน


“ยังดีที่มาทัน พวกกูอยากมาดูผลงานมึงจะแย่” โจพูดเสียงเจ้าเล่ห์


“อยากเห็นว่ามึงถ่ายไอ้ศรออกมายังไง จากที่อยู่ในกล้องถึงได้เข้ามาอยู่ในใจมึงได้” เต๋าเสริมทัพราวกับเตี๊ยมกันมา คงคิดว่าจะทำให้เขาเขินได้ แต่พวกนั้นคงลืมไปว่าเขาเก็บสีหน้าเก่งขนาดไหน


หนังเรื่องนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการโคจรมาเจอกันของโอมอินกับธรรมศร มันไม่ใช่หนังรัก เรื่องนี้ไม่มีนางเอก เป็นหนัง Sci-fi ที่มีเพียงตัวเอกสู้กับจินตนาการในหัวซึ่งก็คือตัวเอง โอมอินเป็นตากล้องที่จ้องมองพระเอกของเรื่องผ่านเลนส์กล้องจนนานวันเข้าก็กลายเป็นว่ามีแต่ใบหน้าแบบนี้ลอยวนเวียนอยู่ในหัว ธรรมศรเป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนของสัม สัมเขียนบทเสร็จแล้วก็ชวนอีกฝ่ายมาร่วมงานด้วย แม้ธรรมศรจะค่อนข้างโด่งดังในรั้วมหาวิทยาลัย แต่โอมอินก็ไม่ได้สนใจที่จะรู้จัก ทว่าระยะเวลากว่าหนึ่งเดือนเต็มที่สัมเวิร์คชอปผู้ชายคนนั้นให้กลายเป็นตัวละครที่สัมสร้างขึ้นมาและเขาต้องคอยโฟกัสแต่ใบหน้าไร้ที่ตินั่น ถ่ายมุมนั้นมุมนี้ โคลสอัพบ่อยครั้งเข้าก็ต้องยอมรับกับหัวใจตัวเองว่าหลงรักเจ้าของใบหน้าราวเทพช่างปั้นนั่นเข้าให้แล้ว


หนึ่งเดือนที่เวิร์คชอป สองเดือนที่ถ่ายทำ นั่นคือช่วงเวลาที่ทำให้ใบหน้าเรียบเฉยเริ่มเปลี่ยนไป


หนังสั้นระยะเวลายี่สิบห้านาทีจบลงที่รอยยิ้มสดใสของพระเอกในมุมกล้องที่โคลสอัพจนเมื่อฉายขึ้นจอใหญ่อาจทำให้ใครหลายคนเผลอกลั้นหายใจด้วยความเคลิบเคลิ้มได้


รอยยิ้มที่ทำให้ตากล้องหลงรักจนไม่อาจละสายตาได้จนมาถึงทุกวันนี้


มันทั้งสว่างเจิดจ้าและก็มากเสน่ห์จนไม่อาจปฏิเสธได้


รู้สึกหวงจนอยากจะเก็บไว้ดูคนเดียว ไม่ต้องพูดถึงการยอมให้สัมเอามาเผยแพร่ให้คนดูกันเป็นร้อย ๆ คนแบบนี้ เพราะแค่สัมดูคนเดียวอยู่หลายสิบรอบช่วงตัดต่อ เขาก็รู้สึกหงุดหงิดใจจนอยากจะตัดฉากนั้นทิ้งเสียให้รู้แล้วรู้รอด


หนังขึ้นเอ็นเครดิตแล้วเสียงโอดด้วยความเสียดายก็ดังขึ้นคล้ายว่าทุกคนจะเพิ่งรู้สึกตัวว่าหนังจบแล้ว แค่คิดว่าที่ทุกคนสติหลุดลอยกันแบบนี้เพราะรอยยิ้มของไอ้คุณชายธรรมศร โอมอินก็แทบอยากจะเก็บตัวการไว้ที่ห้องไม่ให้ใครหน้าไหนมันได้เห็นอีกเลย


หนังเรื่องสุดท้ายกำลังเริ่มฉายต่อ ตัดฉับอารมณ์เคลิ้มที่มีต่อธรรมศรไปเสียหมด โอมอินหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมากดเข้าโปรแกรมแชทพิมพ์บางอย่างไปถึงใครอีกคนที่นั่งอยู่อีกฟากของห้อง และก็ได้รับการตอบกลับมาภายในไม่กี่นาที


OMIN : อย่ายิ้มแบบเมื่อกี๊ให้ใครเห็นอีก อย่าหาว่ากูไม่เตือน
DharmaSORN : มึงจะทำอะไรกู
OMIN : ขังมึงให้อยู่แต่ในห้อง
OMIN : หรือบางทีอาจจะขึงมึงไว้กับเตียงเลย
DharmaSORN : สัด
DharmaSORN : โรคจิต


หลังหนังฉายจบครบทั้งสามเรื่องก็ถึงเวลาของคอมเมนเตเตอร์ พิธีกรเชิญเจ้าของผลงานทั้งสามเรื่องซึ่งส่วนใหญ่ก็ส่งผลงานในฐานะผู้กำกับกันทั้งนั้นให้ออกไปยืนในส่วนหน้าด้วยกัน พิธีกรรุ่นน้องเดินถือไมค์ไปตามแถวที่นั่งเพื่อรอส่งไมค์ให้ผู้ชมได้สอบถามหรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับหนังก่อนที่จะให้คอมเมนต์เตเตอร์กิตติมศักดิ์ที่ได้รับเชิญมาสองคนได้วิจารณ์หนังอย่างตรงไปตรงมาต่อ


ความคิดเห็นจากผู้ชมมาจากกลุ่มคนจำนวนน้อยในห้องอย่างคนนอกที่สนใจหนังสั้นของนักศึกษา หลังจากนั้นจึงปล่อยให้เป็นแอร์ไทม์ของผู้กำกับคนดังต่อไป


“เราจะพูดถึงกันทีละเรื่องนะ เริ่มจากเรื่องแรกก่อนเลย…” ผู้กำกับชื่อดังแสดงความเห็นหมดทุกส่วนประกอบของหนังหนึ่งเรื่องที่ได้ชมจริง ๆ ตั้งแต่ใช้กล้องอะไรถ่าย ใครเป็นคนถ่ายให้ จนตากล้องอย่างโอมอินก็ต้องออกไปยืนโชว์ตัวคู่กับผู้กำกับด้วย หลังจากนั้นก็เริ่มวิจารณ์ในแง่อื่น ๆ ด้วย ทั้งเรื่องเทคนิกการถ่าย มุมกล้อง การวัดแสง องค์ประกอบฉาก บท ไดอะล็อก ซาวน์ประกอบ แรงบันดาลใจในการทำเรื่องนี้ การแสดงของตัวละคร การโค้ชแอคติ้ง ระยะเวลาการทำในแต่ละขั้นตอน และจำนวนเงินที่หมดไปกับโปรเจคนี้ แต่ที่กลายเป็นเรื่องน่าสนใจอีกหนึ่งอย่างคือนักแสดงหลักของหนังเรื่องที่สอง


“พระเอกมาด้วยรึเปล่าครับ แสดงดีมากเลย” ผู้กำกับหนังดังท่านหนึ่งถามขึ้นมา ตั้งแต่ยืนอยู่ตรงนี้โอมอินก็ได้ยินเขากล่าวชมธรรมศรไม่ขาดปาก


เบื่อ…


“มาครับ แฟนตากล้องของผมเอง” สัมพูดขึ้นอย่างตั้งใจล้อเสือหน้านิ่งที่ยืนข้างตนเอง


สิ้นคำตอบนั้นเสียงกรี๊ดก็ดังระงมไปทั่วห้องอีกครั้งของวัน ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยัง ‘พระเอก’ ของเรื่องที่เริ่มขัดเขินจนคนถามระบุตำแหน่งของนักแสดงหนุ่มได้โดยที่ไม่ต้องให้มีใครบอก


เสี้ยววินาทีต่อมาเหมือนว่าเสียงกรี๊ดจะดังขึ้นอีกหนึ่งระดับพร้อมคำกระซิบปนเสียงกรี๊ดกร๊าดว่า “พี่โอมยิ้มอ่ะแก พี่โอมยิ้ม” เพราะไม่บ่อยนักที่คนยิ้มยากอย่างโอมอินจะยิ้มให้ใครเห็น ตอนโดนแซวก็ตั้งใจจะปั้นหน้านิ่งไว้เหมือนทุกที แต่มันอดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมาเมื่อเห็น ‘แฟน’ ยิ้มเขินได้น่าเอ็นดูขนาดนั้น และยิ่งเมื่ออีกฝ่ายมองมาแล้วเข้าใจว่าเขากำลังยิ้มล้อ ใบหน้าไร้ที่ติที่มองมาอย่างคาดโทษก็ยิ่งทำให้โอมอินฉีกยิ้มกว้างขึ้นไปอีก


“มีเสน่ห์มาก สนใจเข้าวงการป่ะเนี่ย”


“ไม่ครับ ผมไม่ชอบงานแสดง” ไม่ต้องเดือดร้อนให้โอมอินออกโรงแทน ธรรมศรก็ชิงตอบปัดยิ้ม ๆ ตามมารยาทเสียก่อน เห็นอัธยาศัยดีแบบนั้นใช่ว่าจะชอบเป็นจุดสนใจ หมอนั่นเขินอายเสียทุกครั้งที่ถูกจ้องมองอย่างโจ่งแจ้ง และมีอุดมการณ์ที่ค่อนข้างแน่วแน่ การเรียนวิศวะของเขาไม่ใช่เรียนเอาเท่  แต่เขาวางแผนอนาคตไว้หมดแล้ว


“ที่รับเล่นเรื่องนี้เพราะแฟนเป็นตากล้องสินะ” คำถามของคอมเมนต์เตเตอร์คนเดิมเรียกเสียงกรี๊ดชอบใจของสาว ๆ และเสียงโห่แซวจากพวกผู้ชายได้เป็นอย่างดี แม้โอมอินจะหวงท่าทางประหม่าของธรรมศรที่กำลังตกเป็นเป้าสายตาของทุกคน แต่เพราะว่าเสียงล้อเหล่านั้นทำให้เขาได้เห็นริ้วแดงบนแก้มคร้ามใส เขาก็จะยอมเสียดุลตรงจุดนี้


“เปล่าครับ เพราะพี่สัมขอร้อง”


“ใช่ครับ ผมเป็นพ่อสื่อให้พวกมันเอง”


โอมอินหันมองรุ่นพี่ข้างกายตาเขียว กระซิบแผ่วเบาให้ได้ยินกันสองคน “ชอบเหรอวะที่คนสนใจมันมากกว่าหนังของพี่อ่ะ”


“ถ้าได้แกล้งมึงกูก็ว่าคุ้มว่ะ” หน้าเรียบตึงหงิกงอขัดใจที่ไม่อาจแก้สถานการณ์ได้ทำให้สัมสนุกน้อยเสียเมื่อไหร่ นานทีหมอนี่จะเผยจุดอ่อนออกมา ไม่เอาคืนเสียหน่อยคงไม่ใช่สัม


หลังจากนั้นผู้กำกับคนดังก็ถามคำถามจิปาถะกับเจ้าของผลงานทั้งสามอีกเล็กน้อยก่อนที่งานในช่วงเช้าจะสิ้นสุด หลายคนทะยอยกันออกไปพักกลางวันตามอัธยาศัย มีแค่เพื่อนและรุ่นน้องที่สนิทกันเท่านั้นที่เดินเข้าไปมอบช่อดอกไม้แสดงความยินดีเล็ก ๆ และถ่ายรูปคู่กับเจ้าของผลงานทั้งสาม ซึ่งคนที่ทำหน้าที่อำนวยความสะดวก ถ่ายรูปให้สัมก็หนีไม่พ้นโอมอินคนเดิมจนเขาคิดว่าปีหน้าเขาจะส่งโปรเจคจบในฐานะลำดับภาพแล้วให้สัมมากำกับให้บ้างคงจะดี


ฟากธรรมศรก็ยืนเป็นหุ่นให้สาว ๆ เข้ามาขอถ่ายรูปตั้งแต่งานเลิกอยู่ในห้องฉายหนัง สองขายังไม่ทันได้ก้าวไปไหนก็ต้องยืนยิ้มจนเหงือกแทบแห้ง แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ไม่ขัดศรัทธา ถ้าเป็นเวลาปกติเขาไม่เคยยอมให้ทำแบบนี้ด้วย แต่เพราะวันนี้มาในฐานะนักแสดงหนังสั้น ธรรมศรคิดว่าเขาก็ควรจะเซอร์วิสนิดหน่อยตามความเหมาะสม แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็แค่ยืนนิ่ง ๆ ไม่ได้โอบกอดหรือสัมผัสอะไรพวกเธอเหล่านั้น เพราะแค่รอยยิ้มกว้าง ๆ ก็ทำให้พวกเธอพอใจมากแล้ว


“หิวแล้ว”


ประโยคที่ไม่มีประธานดังขึ้นมาโดด ๆ แต่เนื้อเสียงคล้ายเป็นการออกคำสั่งนั้นก็ทำให้ใบหน้าไร้ที่ติที่เคยฉาบรอยยิ้มไว้เรียบตึงไม่แพ้เจ้าของเสียงเลยทีเดียว


“ไปดิ” ธรรมศรตอบกลับด้วยท่าทีเรียบนิ่งไม่แพ้กันก่อนจะหันไปบอกลาสาว ๆ ด้วยรอยยิ้ม “ขอตัวก่อนนะครับ” พวกเธอแค่ตอบรับเสียงแผ่ว ไม่ต้องรอให้ธรรมศรบอกลา พวกเธอก็พร้อมจะเป็นฝ่ายปลีกตัวไปตั้งแต่ที่ได้ยินเสียงของโอมอินแล้ว 


“ยังไม่ได้ถ่ายรูปกับพี่สัมเลย”


“ไม่ต้อง!” ไม่พูดเปล่า โอมอินยังฉวยเอาข้อมืออีกฝ่ายแล้วออกแรงดึงให้เดินตามกันออกไปจากห้อง


“อะไรของมึงวะ อย่าไร้สาระหน่าไอ้โอม”


ไร้สาระ?


โอมอินหันกลับมามองตาขวาง ธรรมศรก็มองนิ่ง ไม่คิดจะละสายตาอยู่แล้ว คนที่กำลังฉุนเฉียวถอนหายใจก่อนเอ่ยบอกเสียงอ่อนลง “ค่อยกลับมาถ่ายก็ได้ กูหิวข้าว”


โอเค ยอมรับว่าแพ้สายตาของมัน


นอกจากรอยยิ้มแล้วก็มีเงาตัวเองที่ฉายในแววตาของธรรมศรนี่แหละที่โอมอินยอมรับว่าแพ้ราบคาบ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมองมาด้วยสายตาแบบไหน ขอแค่มันมองตรงมาที่เขาไม่หลบหลีก ขอแค่ในนั้นฉายแต่ภาพของเขา เขาก็พร้อมจะยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไข
.
.
.
“เพื่อนมึงล่ะ” เพราะออกจากห้องสโลปมาเป็นกลุ่มคนท้าย ๆ แล้ว แต่ธรรมศรก็ยังไม่เห็นเพื่อนของโอมอินเลยสักคน เขาจึงถามขึ้นในตอนที่นั่งรออาหารอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่นแล้ว ธรรมศรมองคนที่บ่นว่าหิวแต่กลับพามาร้านอาหารญี่ปุ่นเพียงเพราะว่าเขาชอบ อีกฝ่ายตามใจเขาเสมอแม้ว่าจะเป็นผู้ชายเหมือนกันจนบางครั้งเขาก็ชักจะทำตัวไม่ถูก


“กลับไปแล้ว”


“ไม่ชวนมากินด้วยกันวะ”


“อยากมากับแฟนสองคน”


เหมือนจะพูดหยอดแต่สายตากลับหันไปมองทางอื่น สีหน้าท่าทางก็เรียบเฉยเหมือนภาวะปกติราวกับพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ นี่คือภาพที่ธรรมศรเริ่มชินเสียแล้ว หมอนี่พูดตรงตามความรู้สึกได้แข็งทื่อที่สุดในโลก


…ก็ยังดีที่มันไม่ใช้คำว่าเมีย…


“บอกว่าหิวข้าวแต่พามาร้านนี้เนี่ยนะ”


“ที่นี่ก็มีข้าว”


“ตามใจมึง”


“ตามใจมึงต่างหาก”


ธรรมศรโบกมือให้รู้ว่า ‘เอาที่มึงสบายใจเลย’ เพราะอาหารเริ่มทะยอยมาเสิร์ฟแล้ว เขาพร้อมจะสนใจอาหารมากกว่าคนเข้าใจยากตรงหน้าเสียอีก “กูกินละนะ”


โอมอินยกยิ้มเอ็นดู ธรรมศรเป็นคนที่มีบุคลิกแบบผู้ใหญ่ ดูสง่างามไปหมด จะกลายเป็นเด็กน้อยก็ตอนที่อาหารญี่ปุ่นสารพัดชนิดวางอยู่ตรงหน้าเท่านั้นแหละ “เชิญเลยครับคุณชาย”


คนถูกเรียกว่า ‘คุณชาย’ เงยหน้าขึ้นมาทำตาขวางใส่ก่อนจะกลับไปสนใจอาหารต่อ โอมอินชอบเรียกอีกฝ่ายว่าคุณชาย เพราะนอกจากบุคลิกและหน้าตาจะดูดีไร้ที่ติแล้ว ธรรมศรยังเรียนวิศวะชีวการแพทย์ ซึ่งเป็นที่หมั่นไส้และเหน็บแนมของคณะวิศวะอีกด้วยว่าเป็นมันสมองของคณะ แล้วไหนจะรสนิยมเรื่องอาหาร เสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่าง เรียกได้ว่าดูดีมีรสนิยมดีตั้งแต่หัวจรดเท้า จนโอมอิมเคยคิดว่าความสถุนของมันคงมีแค่คำพูดหยาบคายเท่านั้น


ธรรมศรเหมือนจะอิ่มก่อน อีกฝ่ายละเลียดซาซิมิเนิบช้าคล้ายจะกินเป็นเพื่อนโอมอินเสียมากกว่าจะยังอยากกินต่อ ทว่าท่าทีเหมือนมีเรื่องบางอย่างอยากจะพูดอยู่ตลอดเวลาของธรรมศรกลับทำให้เขาเริ่มไม่เจริญอาหารขึ้นมาเสียดื้อ ๆ


“มึงอิ่มแล้วเหรอ” ธรรมศรถามขึ้นด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นโอมอินรวบตะเกียบทั้งที่กินไปได้นิดเดียวเมื่อเทียบกับคำว่า ‘หิว’ เห็นพูดแบบนี้ทีไรกินอย่างกับมีหลุมดำอยู่ในร่างทุกที


“มีอะไรจะพูดก็ว่ามา”


ธรรมศรตาโต ไม่คิดว่าอีกคนจะล่วงรู้ถึงความคิดตนได้ “เอ่อ คืนนี้กูไม่กลับห้องนะ”


โอมอินไม่พูดอะไร แต่ใช้สายตาสื่อแทนคำถามว่า ‘ไปไหน’


“จะกลับบ้าน”


“…”


“แล้วไอ้พวกนั้นก็นัดเที่ยวด้วย”


เหตุผลหลังนั่นแหละคือสาเหตุที่แท้จริง


“ไปด้วย” นี่ไม่ใช่คำขอ


“กูไม่ใช่ผู้หญิงไอ้สัด จะตามไปเฝ้าทำไม”


“ไม่ได้เฝ้า ก็เที่ยวด้วยเหมือนเพื่อนมึงไง” เชื่อตายล่ะ


“พวกกูจะไปกันตามประสาหนุ่มโสด” พอได้ยินคำว่า ‘หนุ่มโสด’ คนเป็นเจ้าของก็ตาเขียวปั๊ดจนเขาต้องรีบชี้แจงก่อนอีกฝ่ายจะฟาดงวงฟาดงาจนร้านพัง “หมายถึงว่าเที่ยวกันตามประสาเพื่อน ไม่มีแฟนไปด้วยอ่ะ”


“ถ้ามึงโสดกูก็โสดไง กูก็เที่ยวด้วยได้ดิ”


“เพื่อนกูอยากเที่ยวกันแค่ในกลุ่ม”


“ใครบ้าง ไอ้กอล์ฟ ไอ้ฟา ไอ้หนึ่ง ไอ้เมฆ แล้วมีใครอีก” รายชื่อที่โอมอินไล่มาคือเพื่อนสนิทในภาควิชาเดียวกันกับธรรมศรที่เขารู้จักดีอยู่แล้ว


“มีเพื่อนภาคอื่นด้วย”


หางคิ้วคนฟังกระตุก “สนิทกัน?”


“ไม่สนิทจะเที่ยวด้วยกันเหรอวะ”


เขารู้ ถึงธรรมศรจะมนุษยสัมพันธ์ดีแต่ก็ใช่ว่าจะชอบการเที่ยวกับคนที่ไม่สนิทด้วย เว้นเสียแต่จะรู้จักแล้วสนิทกันที่ร้าน นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง “ไปไหนกัน”


“อย่าตามไปนะเว้ย” ธรรมศรโวยวาย


“ก็แค่อยากรู้ ทำไม? ไม่บริสุทธิ์ใจ?”


“เกลียดมึงฉิบหาย”


“ไม่ต้องบอกรักกูตอนนี้ อาหารแพง เสียดายของ”


ธรรมศรร้องเหอะ โอมอินจึงเร่งเอาคำตอบที่ค้างไว้ก่อนหน้านี้ “ทองหล่อ ยังไม่แน่ใจร้าน ที่ไหนไม่เต็มก็ที่นั่น”


“แล้วทำไมไม่กลับมานอนห้อง” พวกเขาไม่ได้พักห้องเดียวกัน ถึงแม้โอมอินจะมาอยู่ห้องธรรมศรบ่อยครั้งแต่ก็ไม่ได้ย้ายเข้าไปอยู่อย่างถาวร เพราะแค่อยู่คอนโดเดียวกันก็สะดวกแก่การไปมาหาสู่แล้ว


“ก็บอกแล้วว่าจะกลับบ้าน”


“แต่พรุ่งนี้วันจันทร์” แค่ออกไปดื่มคืนวันอาทิตย์ก็ว่าแปลกแล้ว นี่ยังกลับไปนอนที่บ้านทั้งที่พรุ่งนี้มีเรียนเช้า บ้านอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยหรือก็ไม่ใช่ ไกลกันคนละฟากของกรุงเทพฯเสียด้วยซ้ำ


“คาบเช้า’จารย์แคนเซิล”


โอมอินพยักหน้ารับรู้ ตารางเรียนของอีกฝ่ายเขาจำได้หมด ถ้าพรุ่งนี้เช้ายกคลาสก็หมายความว่าธรรมศรมีเรียนอีกทีตอนบ่ายสอง


โอมอินถอนหายใจอีกครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน ดูเอาเถอะ นี่คือผู้ชายที่ชื่อว่าธรรมศร ถ้าไม่มีอาหารโปรดวางอยู่ตรงหน้าหรือมีเรื่องกวนใจแล้ว สิ่งต่อไปที่ธรรมศรจะให้ความสนใจคือบรรดาผู้หญิงที่เดินผ่านไปมาข้างนอกร้านนั่นแหละ โอมอินเกลียดจริง ๆ ไอ้นิสัยหูตาแพรวพราวแจกยิ้มเรี่ยราดไปทั่วเหมือนเชื้อเชิญให้เขาเข้าหาแล้วยังเหมือนให้ความหวังพวกหล่อนอีก


“ผัวมึงอยู่ตรงนี้”


“ไอ้สัด!”




ก็เป็นเสียอย่างนี้ แล้วคืนนี้เขาจะปล่อยให้มันคลาดสายตาได้หรือ?














พบกันใหม่ตามใบนัดหมอ
----------------------------------------------------------------------
ขอฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยนะคะ

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-05-2018 08:42:05 โดย ธัญญ์ »

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
มาตามเรื่องนี้ด้วยยยยยย โอมอินดูเกรี้ยวกราด กร๊าวใจพี่เหลือเกิน
แต่ไรท์คะ อย่าลืมคุณดีนกับน้องรณณ์นะ :ling1:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ปัญหาหนึ่งของคนมีคู่ (หัวเราะ) ก็เป็นเรื่องที่ต้องปรับน่ะนะ (แต่ถ้าปรับเข้าหากันไม่ได้งานนี้าอาจจะมีแยกทาง)
การเอาใจเขามาใส่ใจเราและพยายามเข้าใจอีกคนน่าจะดีสำหรับทั้งคู่ ถ้ามัวแต่โทษกันเอาตัวเองเป็นหลักความสัมพันธ์นี้คงแย่

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เข้าใจความหวงนั้นเลยค่ะ แฟนก็เฟรนด์ลี่กับทุกคน โอ้ยยยย  :hao5:

ออฟไลน์ Bradly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ชอบพระเอกดูมีความเกรี้ยวกราดตลอดเวลา  :mew5:

ออฟไลน์ P_Methayot

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-0
แวะมาอ่าน มาเจิมเรื่องใหม่คราบบบ :katai2-1:

ออฟไลน์ Minoru88

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตามๆๆๆ

น่าสนใจมากกกกก โอมอินพระเอกคนเกรี้ยวกราด
แต่หึงเกิ้น คบกันก็ไว้ใจกันนะ

ศร จะอึดอัดเสียเปล่าๆ

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ชอบค่ะ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ธัญญ์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-4

Underlying diseases.

「โรคประจำใจ」



Follow up ครั้งที่ 1

---OMIN---







ไม่มีใครจินตนาการออกหรอกว่าตัวเองจะขี้หึงขนาดไหน


…จนกว่าจะมีความรัก…





ไอ้พี่สัมเคยบอกผมอย่างนั้นในวันที่ผมยังคิดภาพตัวเองมีความรักไม่ออกเลยด้วยซ้ำ จำได้ว่าตอนนั้นส่ายหน้าระอาเอือมใส่พี่มันด้วย ยอมรับเลยว่าค่อนข้างแอนตี้ความรักงี่เง่าแบบนี้


แล้วดูกูตอนนี้สิ


ตามมาเฝ้าเมียเที่ยวผับ ไอ้สัด!


แสงสีชวนเวียนหัวกับเสียงบีสท์หนัก ๆ เป็นหนึ่งในไม่กี่สิ่งที่ผมไม่ชอบเอาซะเลย ปกติก๊วนของผมอันประกอบไปด้วยไอ้พีท ไอ้เต๋า และไอ้โจ ชอบเที่ยวกึ่งผับกึ่งบาร์ไม่ก็พวกร้านอาหารซะมากกว่า นั่งดื่มไปด้วยฟังเพลงชิล ๆ ไปด้วย ไอเดียบันเจิดดีแท้ แต่ช่วงหกเดือนให้หลังมานี้ นับตั้งแต่ช่วงสามเดือนที่รู้จักไอ้ศร และอีกสามเดือนที่คบมันเป็นแฟน ผมกับพวกแม่งก็มาที่แบบนี้กันบ่อยขึ้น แรก ๆ ก็ปรับตัวกันไม่ค่อยได้ แต่บ่อยเข้าพวกมันที่ถูกบังคับให้มาเป็นเพื่อนตลอดก็ดูจะชอบที่แบบนี้เข้าให้เสียแล้ว


ร้านนี้เป็นร้านเหล้าชื่อดังในหมู่วัยรุ่น ตั้งแต่วัยนักศึกษาจนถึงวัยต้น ๆ ของกลุ่มคนทำงาน ชั้นล่างติดเวทีที่ยกสูงขึ้นมาแค่สองฟุต เรียกได้ว่าใกล้ชิดกับโซนหน้าเวทีจนเหมือนยืนอยู่ด้วยกันมากกว่ามาร้องเพลง บริเวณนั้นมีโต๊ะตัวใหญ่สองสามตัวไว้รองรับคนที่มากันกลุ่มใหญ่ ถัดออกไปรอบนอกหน่อยก็มีทั้งโต๊ะกลมตัวเล็กที่คนจับจองต้องยืนเท่านั้น และมีโต๊ะพูลตัวใหญ่ จะกี่กลุ่มกี่คนก็เลือกจับจองกันคนละมุม ยืนหันหน้าเข้าหากัน โต๊ะแบบนี้แหละสร้างความสัมพันธ์ให้คนมานักต่อนักแล้ว จะฉาบฉวยแค่ข้ามคืนหรือนานกว่านั้นก็ว่ากันไปตามแต่ละคู่ ส่วนพวกผมสี่คนนั่งอยู่ชั้นสองครับ โต๊ะกลมตัวเล็กแต่มีที่นั่งติดริมราวกั้นซึ่งสามารถมองลงไปข้างล่างได้ชัดคือทำเลที่ไอ้โจรีบโทรมาจองให้ทันทีที่ผมเอ่ยปากชวนออกมา


“มึงก็ปล่อยมันบ้างสิวะ สเปซอ่ะรู้จักไหม” ไอ้เต๋าพูดขึ้น มันคงเห็นว่าผมเอาแต่มองลงไปข้างล่างตรงจุดที่ไอ้ศรมันยืนอยู่


“สัด ขนาดกูอยู่ด้วยมันยังหว่านสเน่ห์สาว ๆ ขนาดนั้น มึงยังคิดว่ากูจะปล่อยให้มันห่างสายตาได้อีกเหรอวะ”


นี่กูนั่งกำแก้วมาเกือบสามชั่วโมงแล้วครับ ห่าเอ้ย! ไม่เคยต้องอดทนขนาดนี้มาก่อน สามชั่วโมงที่ผมนั่งกำแก้วแน่นมาก มันชนแก้วกับสาว ๆ ไปเกือบครบทั้งร้านแล้วมั้งครับ


เกลียดแม่งฉิบหาย !


“เดี๋ยวแก้วแตกไอ้สัด” ไอ้โจพูดขึ้นมา มันไม่ได้หวังดีอะไรหรอกครับ ไอ้เหี้ยนี่มันโรคจิต พูดเหมือนห่วงว่าจะเกิดความเสียหาย แต่เชื่อเถอะว่าหน้าและรอยยิ้มของมันต้องเหมือนคนที่รอเห็นแก้วแตกคามือผมอย่างใจจดใจจ่อมากกว่า ผมเลยละสายตาจากไอ้ศรตวัดมามองมันแทนคำว่า ‘เสือก’ ซึ่งนั่นก็ยิ่งสร้างความพอใจให้มันจนถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา


“เหี้ยโจแม่งเลว อยากเห็นเพื่อนเป็นทุกข์” เสียงไอ้เต๋าดังขึ้นตำหนิอย่างไม่จริงจังนัก หรือจะพูดง่าย ๆ ก็คือพวกแม่งมีความสุขกับการเห็นผมเป็นแบบนี้ พวกเราเป็นเพื่อนกันมานานเกือบทั้งชีวิตแล้วครับ กระเตงตามไปเรียนกันทุกที่ จนล่าสุดกลายมาเป็นเด็กฟิล์มด้วยกันมาสามปีแล้ว ไม่รู้ด้วยว่าจุดสิ้นสุดจะอยู่ตรงไหน ตลอดทั้งชีวิตพวกมันคงเบื่อจะเห็นหน้าเรียบเฉยของผมและท่าทีนิ่ง ๆ ไม่สะทกสะท้านกับทุกสิ่งบนโลกเต็มแก่ พอมีตัวกระตุ้นอย่างไอ้ศรเข้ามา พวกแม่งก็คงรู้สึกสนุกเป็นธรรมดา


ผมไม่ได้ให้ความสนใจอะไรพวกมันอีก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ไอ้พีทมันไม่ได้นั่งดื่มอยู่ข้างผมอีกแล้ว รู้ตัวอีกทีก็เห็นไอ้เพื่อนทรยศลงไปเต้นอยู่ใกล้แฟนของผมแล้ว


“เชี่ยพีท” ผมเผลอสบถออกมาอย่างหัวเสีย ได้ยินเสียงหัวเราะหึจากไอ้โจดังแว่วมาแต่ก็ไม่คิดจะสนใจ กลัวตัวเองจะยิ่งหงุดหงิดไปกันใหญ่


“กลัวไอ้ศรรู้เหรอว่ามึงมา” ไอ้เต๋าถาม ผมไม่รู้ว่ามันจะถามทำไม เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันมาเฝ้าไอ้ศรเป็นเพื่อนผม และมันก็เคยได้รับคำตอบไปตั้งแต่ครั้งแรกแล้วด้วยซ้ำ


“ไอ้ศรมันไม่โง่” นั่นแหละครับคำตอบของผม แต่ครั้งนี้ผมไม่ได้ตอบนะ เป็นไอ้โจที่สะเออะตอบแทน แต่จะบอกว่ามันตอบแทนก็คงไม่ถูก พวกแม่งแค่กำลังล้อเลียนผมอยู่เท่านั้นเอง


“เล่นอะไรดูหน้ากูด้วย…แล้วมึงก็ลงไปลากไอ้เหี้ยพีทกลับมาเดี๋ยวนี้ ห่านั่นแม่งโจ่งแจ้งเกินไป”


คราวนี้เต๋าหัวเราะ “ไหนมึงบอกว่ามันรู้อยู่แล้วไงว่ามึงจะมา แล้วจะกลัวไรวะ”


“มันรู้ว่ายังไงกูก็ต้องมา แต่ถ้ายังไม่เห็นกันก็ถือว่าไม่ได้มา มึงเข้าใจไหม”


“นี่กูงงหรือกูเมาวะ” ไอ้โจหันไปขอความเห็นจากเต๋า


“อาจจะเมาว่ะ เพราะกูก็เป็น”


ผมเลิกสนใจพวกมันสองคนแล้วหันกลับไปมองไอ้ศรเหมือนเดิม ตอนนี้มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาเต้นด้วย ในมือเธอมีแก้วเหล้าติดมืออยู่ ตอนนี้คงกำลังทำความรู้จักกันหลังชนแก้วทักทาย


เป็นไปตามสเต็ป


ผมกดโทรศัพท์หาไอ้พีททันที โชคดีที่มันรู้สึกตัวแล้วไม่บ่ายเบี่ยงจะรับสายผม ผมเลิกสนใจแล้วว่าศรจะรับรู้ถึงตัวตนของผมเพราะผมได้สั่งให้ไอ้พีทเข้าไปกันท่าเธอออกจากไอ้ศรเรียบร้อย เพื่อนผมคนนี้แม้ไม่หล่อดูดีทุกกระเบียดนิ้วอย่างไอ้ศรแต่มันก็มีเสน่ห์พอตัว สาว ๆ เห็นก็พาลจะหลงมันกันได้ง่าย ๆ และมันก็ไม่ทำให้ผมผิดหวัง ไอ้พีทเนียนเข้าไปเต้นใกล้ ๆ แทรกแซงสองคนนั้นอย่างชัดเจนแล้วฉกเธอออกจากตัวไอ้ศรได้ในเวลาไม่นาน มองจากข้างบนยังเห็นเลยว่าไอ้ศรหน้าเหวอเล็กน้อยก่อนจะยิ้มมุมปากให้เพื่อนผม


แต่หลังจากนั้นคนที่ต้องเหวอกลับกลายเป็นผมเสียเอง เพราะมันแม่งเงยหน้าขึ้นมามองได้ตรงตำแหน่งโดยไม่ต้องเสียเวลามองหาราวกับรู้อยู่ก่อนแล้วว่าผมอยู่ส่วนไหนของร้าน มิหนำซ้ำมันยังส่งยิ้มล้อผมมาอีกด้วย


น่ารักสัด!


บ้าจริง! ใครสั่งใครสอนให้มันทำตัวแบบนี้วะ แทนที่จะโกรธที่ผมตามมาคุม มันกลับมีหน้ามาล้อเลียนอาการหวงของผมอีก แม่งจะทำให้ผมหลงไปถึงไหนวะ แค่นี้เพื่อนกูก็ล้อกันฉิบหายแล้ว


OMIN : หันมายิ้มให้แบบนี้คืออะไร ไม่อยากกลับบ้านแล้วสินะ
OMIN : กลับห้องไปกับกูเลยดีไหมล่ะ
DharmaSORN : *สติ๊กเกอร์หมาแลบลิ้น


หึหึ


“ยิ้ม ไอ้สัดยิ้ม” เสียงไอ้โจดังแซวขึ้นมาก่อนจะเสริมทัพด้วยไอ้เต๋า “เดี๋ยวนี้สีหน้ามึงเปลี่ยนเร็วนะ เมื่อกี๊ยังทำหน้าเหมือนจะฆ่าใครตายเลย ตอนนี้ละยิ้มหน้าบาน นี่มึงเป็นไบฯป่ะเนี่ย”


“กูกลายเป็นเกย์แล้ว”


“ไบโพลาร์ไอ้สัด”


อารมณ์ดีครับเลยกวนตีนมันไปนิดหน่อย ผมยอมละสายตาจากไอ้ศรมานั่งดื่มกับเพื่อนเพื่อให้รางวัลกับความน่ารักของแฟน ไม่นานไอ้พีทมันก็กลับขึ้นมา ไอ้ห่านี่ปากบวมเจ่อมาเชียว นี่มันไปดูดปากเขาหรือโดนเขาดูดปากมาวะ รุนแรงสัด


“สาวที่มาเจ๊าะแจ๊ะไอ้ศรแม่งแซ่บสัด ไม่อยากจะคิดว่าถ้าไอ้ศรได้ลองแม่งจะสลัดหลุดไหม”


ผมเริ่มหน้าตึง


“เด็ดขนาดนั้นเลยเหรอวะ” เชื่อเถอะว่าโจมันไม่ได้อยากรู้เรื่องเธอคนนั้นหรอก มันแค่ต้องการขยี้ให้ผมขุ่นเคืองในใจเล่น


“ไม่ธรรมดากว่านั้นเว้ย ไม่ใช่แค่ลีลา แต่เธอเกาะไอ้ศรไม่ปล่อยแน่ มึงระวังเหอะไอ้โอม เมื่อกี๊กว่ากูจะแยกออกมาได้ไม่ง่ายนะเว้ย เผลอ ๆ เธออาจจะไม่หยุดแค่นี้ กูบอกเลย”


ผมพึมพำขอบใจมันไปก่อนจะหันกลับไปมองแฟนสุดน่ารักของผมต่อ ตอนนี้มันกลับไปสนใจวงดนตรีต่อแล้ว ไม่มีใครเข้ามายุ่งกับมันอีกนอกจากเพื่อนต่างสาขาที่ล้อมหน้าล้อมหลังมันอยู่ ใช่ว่าไม่มีผู้หญิงมาเกี่ยวพันแล้วผมจะสบายใจ ไอ้พวกผู้ชายนี่ก็ตัวดี


ไอ้ศรแมนมาโดยตลอด มนุษยสัมพันธ์ดีกับผู้หญิงเป็นเลิศ แต่มันไม่เคยเผื่อแผ่ให้ผู้ชายคนไหน จนพอเปิดตัวว่าคบกับผู้ชายด้วยกันเท่านั้นแหละ แม่งเอ้ยยยยย ผู้ชายเดินตามตูดกันเป็นพรวน มันไม่รู้หรอกว่านับตั้งแต่ที่คบกับผม ตัวมันเองดึงดูดเพศเดียวกันมากขนาดไหน


หลายคนรู้ว่าเราคบกัน แต่ไม่มีใครรู้ว่าระหว่างเราใครอยู่โพสิชั่นไหน ก็ทั้งผมทั้งมันต่างก็แมน ๆ ทั้งคู่ ใครเห็นก็เดายากว่าใครจะเป็นฝ่ายยอมเสียความแมนที่สั่งสมมาทั้งชีวิต มีแต่ไอ้พวกเพื่อนผมเนี่ยแหละที่รู้ว่ายังไงผมก็ไม่ยอมถูกเสียบแน่ เพราะฉะนั้นพวกมันจะรับรู้ได้เองว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับไอ้ศรเกิดขึ้นเพราะมัน ‘เสร็จ’ ผม


และเพราะแบบนี้แหละ ทั้งฝ่ายรุกฝ่ายรับถึงได้เข้าหามันกันนัก คบกูได้ ก็ต้องคบผู้ชายคนอื่นได้เหมือนกันว่างั้นเถอะ


ฝันไปเหอะไอ้สัด ! 


ยิ่งดึกเพลงที่วงดนตรีเล่นก็ยิ่งเร็ว ถึงจะไม่เร็วเท่าเพลงที่เปิดจากดีเจแต่ก็จัดเป็นท่วงทำนองที่ปรับแต่งใหม่จนเร็วกว่าต้นฉบับอีกหนึ่งเท่า ผมมองดูร่างสมส่วนของคนรักโยกย้ายไปมาตามจังหวะอย่างเพลิดเพลิน ไม่ว่าจะท่วงท่าไหนมันก็ดึงดูดสายตาผมได้เสมอ ไม่แปลกใจเลยสักนิดที่ใครหลายคนก็จ้องมองมันเหมือนกัน


และค่ำคืนนั้นผมก็ได้รับสายตาจากมันอีกครั้งในตอนที่เพลงหนึ่งดังขึ้น


...โดนเธอเฝ้ามองจับตาตลอดเวลา
ว่าฉันจะทำอะไรเหมือนเป็น…ผู้ชายเจ้าชู้...


ริมฝีปากได้รูปร้องคลอตามเนื้อร้องราวกับกำลังส่งเพลงนี้ให้ผม นัยน์ตาคู่นั้นซุกซนอย่างที่ไม่เคยเป็นจนผมเริ่มนั่งไม่ติดเก้าอี้


...เฮ้ วัน ทรู ทรี ไม่ได้เป็นคนที่เกเร แค่อยากจะบอกไม่ได้เจ้าชู้ ถ้าเธอเข้าใจก็โอเค…


มันเมา !!!












OMIN : มาเรียนรึยัง


ผมไลน์ไปหามันตอนช่วงบ่ายโมงครึ่งเพราะศรมีเรียนตอนบ่ายสอง รอไม่นานเกินสองนาทีผมก็ได้รับข้อความตอบกลับมา


DharmaSORN : มาแล้วครับพ่อ
OMIN : ผัว
DharmaSORN : สัด


ผมยิ้มเหมือนคนบ้าได้ครั้งแรกของวัน เชื่อไหมว่าทุกวันนี้รอยยิ้มของผมขึ้นอยู่กับมันเกือบทั้งหมด รองจากแม่ก็มีแต่มันนี่แหละที่ทำให้ผมยิ้มได้เพียงแค่คุยกัน หรือแค่มันด่ากลับมาก็ทำให้ผมยิ้มออกมาได้ง่าย ๆ แล้ว ผมคิดว่าช่วงหลังมานี่ตัวเองค่อนข้างอ่อนไหวง่ายทีเดียว แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีความสุขมากเหลือเกิน


OMIN : สร่างเมารึยัง
DharmaSORN : สร่างตั้งแต่เมื่อคืนแล้วเหอะ


ผมส่ายหน้าทั้งที่ระบายยิ้ม เมื่อคืนยังไม่ทันได้จบเพลงนั้นดี ผมก็ลากตัวมันออกจากกลุ่มเพื่อนไปทำให้สร่างเมาได้แล้ว เดิมทีตั้งใจว่าจะพากลับคอนโดไปด้วยกันเสียเลย แต่พอมันยืนกรานว่าจะกลับไปนอนบ้าน ผมก็ทำได้แค่ช่วยให้มันสร่างเมาเร็วที่สุดเพื่อให้ขับรถไหว


OMIN : ตั้งใจเรียนล่ะ
DharmaSORN : นี่ธรรมศรนะครับ


มันตั้งใจเรียนมากจริง ๆ อันนี้ผมนับถือเลย


OMIN : คิดถึง
DharmaSORN : *สติ๊กเกอร์คนอ้วก


เป็นการจบบทสนทนาก่อนมันเข้าเรียนที่ทำให้ผมอารมณ์ดีเสียจริง














วันนี้ผมเลิกเรียนเร็วจึงกลับมานั่งรอไอ้ศรที่ห้องของมัน ปกติหลังเลิกเรียนผมก็แทบจะตรงดิ่งกลับห้องตัวเองนอนพักเอาแรงก่อนออกไปดูหนังรอบดึกตามอารมณ์เด็กฟิล์มที่อยากหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ แต่นับตั้งแต่มีไอ้ศรเข้ามาในชีวิต จากที่ออกไปดูหนังข้างนอกดึก ๆ ดื่น ๆ ก็กลายเป็นว่าผมมีเพื่อนดูหนังเพิ่มมาอีกหนึ่งคน แทนที่จะออกไปดูข้างนอก ก็นอนดูกับมันในห้องนี่แหละครับ


นอนกกกันดูหนัง มีความสุขกว่าไปนั่งดูคนเดียวเป็นไหน ๆ


ผมเป็นคนที่ไม่มีประเภทของหนังที่ชอบหรือไม่ชอบดู ขึ้นอยู่กับว่าผมอยากได้อะไรจากมันมากกว่า ขณะที่ไอ้ศรเกลียดหนังรักทุกชนิดไม่ว่าจะสมหวังหรือผิดหวัง รักกันดูดดื่มปานจะกลืนกินหรือดราม่าน้ำตานองให้ตายกันไปข้างมันก็ไม่ชอบ พอถามถึงเหตุผล มันก็ตอบหน้าตายแค่ว่า ‘ผู้ชายแมน ๆ เขาไม่ดูหนังรักกันหรอก’


ตรรกะแม่งพังว่ะ


ผมรื้อแผ่นหนังรักเรื่องหนึ่งออกมาเปิดดู How to lose a guy in 10 days. เป็นเรื่องที่ผมดูบ่อยพอสมควร ฉากเริ่มเรื่องคุ้นตาเริ่มต้นขึ้นในจังหวะที่ผมเหลือบดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาแขวนผนัง อีกหนึ่งชั่วโมงไอ้ศรถึงจะเลิกเรียน ถึงตอนนั้นมันก็คงจะหิวมากจนไม่หิ้วท้องกลับมากินข้าวกับผมที่ห้องแน่ ๆ ผมจึงทำอาหารง่าย ๆ อย่างบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแล้วมานั่งกินขณะดูหนัง





ติ๊ด


เสียงปลดล็อคประตูดังขึ้นในสามชั่วโมงหลังจากนั้น หนังเรื่องเดิมฉายซ้ำรอบที่สองของวันแล้วแต่ผมก็ยังเอาแต่จ้องมองราวกับลุ้นฉากต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ ทั้งที่ความจริงผมดูจนจะท่องได้ทุกไดอะล็อกอยู่แล้ว แต่ที่ยังเปิดวนซ้ำเพราะแค่ไม่ต้องการให้ห้องชุดหรูนี่เงียบเกินไปก็เท่านั้น


ผมไม่ได้หันไปมองคนมาใหม่ ได้ยินมันส่งเสียงคล้ายรำคาญหนังเรื่องที่ผมดูเสียเต็มประดา แต่ถึงอย่างนั้นเสียงฝีเท้าที่สืบใกล้เข้ามาก็บอกได้ดีว่าแม้จะไม่ชอบหนังเรื่องนี้ แต่ก็ยังเลือกที่จะเดินเข้ามาหาผม


“มานานรึยังวะ”


“เพิ่งถึง”


“เหรอ” เจ้าของห้องตัวจริงเดินเข้ามาใกล้ ทิ้งตัวลงนั่งบนพนักของโซฟาหันหน้าเข้าหาผมที่เอาแต่จ้องโทรทัศน์ราวกับกำลังแข่งจ้องตากับนางเอกของเรื่อง “โกหกไม่ได้รางวัลนะมึง”


แม่ง


“ตั้งแต่ห้าโมง”


“หึ”


ฟอดดดดดดดดดด


“พูดง่ายนะมึงเนี่ย”


เชี่ยยยยย กูถูกขโมยหอมแก้ม!!


ผมนั่งหน้าร้อนผ่าวขณะที่มันหายลิ่วเข้าห้องนอนไปแล้ว ไม่ปฏิเสธหรอกว่าชอบเวลาที่ไอ้ศรมันทำอะไรแบบนี้ก่อน มันทำให้ผมใจเต้นแรงได้ดีเสมอ แต่ที่น่าเจ็บใจคือผมมักจะเสียสมดุลจนตอบโต้มันได้ไม่ทันควัน ทุกครั้งที่ถูกจู่โจมก่อน ผมต้องกลายเป็นสาวน้อยเสียทุกที!


หนังรอบที่สองจบลงแล้ว ผมปิดโทรทัศน์เก็บกวาดของและปิดไฟเรียบร้อยเมื่อเห็นว่าศรหายเข้าไปในห้องนอนนานจนคงไม่ออกมาในส่วนของห้องนั่งเล่นแล้ว


ไอ้ศรยืนหันหลังอยู่ตรงระเบียงในชุดนอนที่มีเพียงกางเกงผ้าแพรขายาวสีเลือดนก แผ่นหลังเปลือยเหยียดตรงเสริมบุคลิกให้ดูดีได้อย่างน่ามอง ควันขาวหม่นที่พวยพุ่งจากจมูกและปากของมันทำให้ผมต้องหยิบบุหรี่ติดมือออกไปด้วยหนึ่งมวน


มันเหลือบมองผมเล็กน้อยตอนที่ผมเปิดประตูออกไปก่อนจะคาบบุหรี่เข้าที่ริมฝีปากตัวเองอีกครั้ง ผมรีบคว้าหมับเข้าที่ท้ายทอยมันแล้วล็อคให้หันมาหากันก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้เหมือนจะจูบ แต่เปล่าเลย มีเพียงแค่ปลายมวนบุหรี่เท่านั้นที่เชื่อมสองเราไว้ด้วยกันและสายตาของผมที่มองสำรวจใบหน้ามันอย่างถ้วนถี่ในระยะใกล้ ตอนเมคเลิฟกันไม่ค่อยได้มองอย่างพินิจหรอกครับ สีหน้าเย้ายวนของมันแม่งน่าสนใจกว่า


เรายืนอยู่อย่างนั้นไม่นานปลายมวนบุหรี่ของผมก็ติดประกายไฟเหมือนกับมัน ต่างคนต่างสูบบุหรี่เงียบ ๆ ต่างคนต่างมองวิวเมืองที่สว่างไสวเสียจนกลบความโรแมนติกจากธรรมชาติอย่างดวงดาวบนท้องฟ้าเสียหมด


“เลิกบุหรี่กันเถอะว่ะ”


ผมพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบก่อนที่ไฟจะเผาบุหรี่ของมันจนหมดมวน มือข้างที่ว่างอยู่ก็จับมันให้หันมามองหน้ากัน ผมมองมันอย่างจริงจัง ไอ้ศรรู้ดีว่าผมพูดจริงเพราะไม่เคยเลยสักครั้งที่ผมจะฉายแววล้อเล่นให้มันเห็น แต่เพราะผมคงไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน มันจึงยังมีท่าทีลังเล


“กูอยากอยู่กับมึงนานๆ”


ผมพูดจริง ๆ


นัยน์ตาของผมไม่โกหก ผมไม่เคยล้อเล่นในทุกคำพูด ได้แต่หวังว่าสามเดือนที่คบกันจะทำให้มันรู้จักผมมากพอ


ไอ้ศรหลบตาหันกลับไปมองวิวเมืองอีกครั้ง “นานแค่ไหน”


“ไม่รู้สิ รู้แต่อยากอยู่กับมึงไปเรื่อย ๆ” …นาน ๆ


ผมรู้ว่าผมกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงที่อันตราย แต่ทำอย่างไรได้ ผมเผลอจริงจังกับความสัมพันธ์ครั้งนี้มากเกินไปซะแล้ว


“กูไม่ได้อยากอยู่บนโลกนี้นานนักหรอก มึงก็รู้ว่ากูขี้เบื่อ”


...แล้วเบื่อกูรึยัง…


ไม่กล้าถามเลยจริง ๆ


ศรหันกลับมามอง “แต่ถ้ากูยังไม่เบื่อมึง กูก็อาจจะอยากอยู่บนโลกนี้นานขึ้นก็ได้”


สิ้นคำตอบนั้นเราต่างก็นิ่งเงียบกันไป ผมไม่แน่ใจว่ามันสั้นแค่ไม่กี่วินาทีหรือนานอยู่หลายนาที รู้แค่ว่าระหว่างเรายังไม่มีใครละสายตาไปจากกันและกัน ผมไม่เข้าใจความหมายที่มันพูดสักเท่าไหร่ ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองนักว่าผมได้กลายเป็นเหตุผลของการมีชีวิตอยู่ของมัน ศรเป็นฝ่ายขยับตัวก่อน ความเคลื่อนไหวนั้นคือการคาบมวนบุหรี่เกือบสั้นกุดเข้าที่ปาก ไม่ต้องคิดอะไรต่อให้เสียเวลา ผมรีบดึงบุหรี่ในมือคนรักออกก่อนที่มันจะถึงริมฝีปากอีกครั้งแล้วประกบปากตัวเองลงไปแทนที่ จูบรุนแรงเร่าร้อนตามสภาวะอารมณ์ขุ่นมัวถูกป้อนซ้ำแล้วซ้ำอีกโดยที่อีกฝ่ายก็ไม่ขัดขืน นอกจากจะเปิดทางให้เรียวลิ้นร้อนแทรกเข้าไปอย่างง่ายดายแล้ว มันยังตอบสนองกลับมาอย่างช่ำชองอีกด้วย รสเฝื่อนและกลิ่นของบุหรี่ยิ่งเสริมให้เรามอมเมาในรสจูบของกันและกันมากยิ่งขึ้นจนรู้สึกว่าจูบเท่าไหร่ก็ไม่พอเอาเสียเลย


ผมยื่นมือข้างที่ถือบุหรี่ไปขยี้บนที่เขี่ยซึ่งถูกวางไว้ไม่ไกลกันนัก ขณะที่มืออีกข้างก็เริ่มไล้ไปตามแผ่นหลังเรียบเนียนที่ไม่ได้ลื่นมือสักนิดเพราะมันก็เป็นผู้ชายห่าม ๆ แต่ความสากเล็กน้อยนั่นก็ให้ความรู้สึกว่าเซ็กซี่สุด ๆ ยิ่งในส่วนของเอวสอบนั่นก็ยิ่งเร้าอารมณ์เสียจนทนไม่ไหว


ไอ้ศรส่งเสียงอื้ออึงพร้อมดันตัวผมออกเพื่อกอบโกยอากาศก่อนที่ผมจะดึงมือข้างหนึ่งกลับมาจากที่เขี่ยบุหรี่เสียอีก ผมส่งสายตาแทนคำชวนให้ไปต่อกันที่เตียงแต่มันกลับปฏิเสธทางสายตาอย่างจริงจังไม่ต่างกัน


…และผมก็แพ้มันอีกเช่นเคย


เราต่างก็หันไปสนใจวิวตรงหน้าอีกครั้งแต่ครั้งนี้ไม่มีบุหรี่มาเสริมให้บรรยากาศขมุกขมัวอีกแล้ว วันนี้เจ้าของใบหน้าไร้ที่ติข้างผมแปลกไป ไม่สิ แปลกตั้งแต่ยืนกรานจะกลับบ้านเมื่อวานนี้แล้ว


ตั้งแต่รู้จักกันมาธรรมศรกลับบ้านน้อยครั้งมาก แทบจะเดือนละครั้งแล้วยังอิดออดเสียด้วยซ้ำ ผมไม่รู้เรื่องครอบครัวมันนัก รู้แค่เท่าที่ออกสื่อและจากที่ไอ้เต๋าเล่าให้ฟังตอนคิดจะจีบมัน อย่างเช่นว่าปู่มันเป็นนายพลทหารเก่า พ่อมันเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์พันล้าน ทำให้ครอบครัวมันมีทั้งเงินและอำนาจ แม่มาจากตระกูลผู้ดีเก่า ซึ่งนี่คงเป็นส่วนสำคัญให้เด็กชายธรรมศรโตขึ้นมาเป็นคุณชายธรรมศรที่ดูดีทุกกระเบียดนิ้ว ส่วนเรื่องที่ลึกกว่านั้นผมยังไม่ได้รับอนุญาตให้รับรู้ และผมเองก็ไม่ใช่พวกชอบเซ้าซี้แม้จะอยากรู้เรื่องของมันบ้างก็ตาม


“ถ้ารู้ว่ามึงกลับบ้านแล้วเอาความไม่สบายใจกลับมาด้วย กูคงพามึงกลับห้องด้วยกันตั้งแต่เมื่อคืน”


“หื้ม?”


“ไม่รู้ตัวเหรอว่ามึงชอบมายืนดูวิวเวลามีเรื่องไม่สบายใจ”


ไอ้ศรเป็นคนยิ้มเก่งเวลาเจอสาว ๆ แต่ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้วมันเป็นคนที่หน้านิ่งเรียบตึงยิ่งกว่ารูปปั้น ผมว่าผมหน้านิ่งมากแล้ว แต่กลายเป็นคนยิ้มเก่งไปเลยเมื่อมาเจอคนอย่างมัน ว่ากันตามตรงแล้วผมก็ไม่ใช่คนยิ้มยาก ติดแค่หน้านิ่งแล้วดูดุเท่านั้นเอง ยิ้มแต่ละทีก็มาจากใจจริง แต่กับไอ้ศร ผมไม่แน่ใจว่ามีสักครั้งไหมที่ใจของมันจะระรื่นเหมือนอย่างที่หน้ามันเป็น


เพราะมองอยู่ตลอดจึงรู้


และเพราะอย่างนั้น…ผมถึงได้หลงรักรอยยิ้มจอมปลอมนั่นจนอยากทำให้มันออกมาจากใจจริง ๆ บ้าง


ไม่อยากจะอวดหรอกว่าผลงานของผมน่ะเป็นที่น่าพอใจขนาดไหน


“มึงนี่รู้จักกูดีกว่าตัวกูเองซะอีกนะ”


“เพราะมึงอยู่ในสายตาของกูตลอดไง”


ผมไม่ได้หมายความว่าตัวเองตามหึงตามหวงมันไปทุกที่ แต่หมายถึงการเป็นห่วงและสนใจมันอยู่ตลอดต่างหาก


“งั้นมึงก็คงรู้ว่ากูยิ้มง่ายขึ้นเวลาที่มึงอยู่ด้วย”


นี่ไงครับ ผลงานของผม


คงเป็นภาพที่ไม่น่ารักเท่าไหร่ในสายตาคนอื่นถ้าผมจะขยี้ผมคนที่ตัวสูงเท่า ๆ กัน แต่ผมก็มักจะทำแบบนี้เวลาที่เอ็นดูมัน ยิ่งทำมันก็ยิ่งหน้างอแต่ไม่ยักปัดมือผมทิ้งหรือหลบหลีกเลยสักครั้ง


น่ารักจัง เมียใครวะ








ผมปล่อยให้คนรักยืนอยู่อย่างนั้นนานเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วขณะที่ตัวเองปลีกตัวออกมาอาบน้ำ แม้จะอยากอยู่ด้วยในตอนที่อีกฝ่ายไม่สบายใจแต่ก็ต้องเว้นพื้นที่ให้มันได้อยู่ตามลำพังบ้าง มองแค่ภายนอกคนอาจคิดว่ามันไม่ใช่คนเก็บกด แต่ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้วมันเป็นคนที่คิดมากมากกว่าผมเสียอีก บางเรื่องมันก็ระบายให้ฟัง แต่ถ้าลองได้นิ่งเงียบแบบนี้ก็เดาไว้ได้เลยว่าเรื่องที่กำลังกวนใจมันในตอนนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องของครอบครัว


ผมยืนมองแผ่นหลังมันผ่านกระจกใสบานใหญ่ที่กั้นเราไว้ให้เหมือนอยู่กันคนละซีกโลก แผ่นหลังกว้างที่เคยเหยียดตรงอย่างสง่างามเสมองุ้มงอลงเล็กน้อย เห็นอย่างนั้นแล้วอยากเดินเข้าไปกอดปลอบแล้วกระซิบซ้ำ ๆ ที่ข้างหูมันว่ายังมีผมอยู่ตรงนี้เสมอ แต่ก็ได้แค่คิด ผมไม่เคยทำอะไรหวาน ๆ แบบนั้นหรอก อย่างดีที่เคยทำก็แค่สวมกอดมันดื้อ ๆ รัดแน่น ๆ ไม่ให้มันหลุดไปไหนได้พร้อมขู่ว่าถ้ามันดิ้นมากนักผมจะเอามันทั้งคืน


กูทำได้แค่นั้นแหละ


ไอ้ศรเริ่มขยับตัว ผมเบี่ยงสายตาหลบเพราะคิดว่ามันจะหันมา แต่เปล่าเลยมันแค่ขยี้ตาเท่านั้น ซึ่งเมื่อเห็นมันทำอย่างนั้นผมก็ไม่รอช้ารีบรุดเข้าไปหาทันที


“ทำไมชอบขยี้ตาจังวะ ช้ำหมดแล้วเนี่ย” ผมเอามือไอ้ศรออกแล้วจับหน้ามันไว้พร้อมยื่นหน้าเข้าไปดูใกล้ ๆ ตามันช้ำแดงไปหมดแต่ผมก็ยังไม่หาสาเหตุที่ทำให้มันต้องขยี้ตาไม่ได้เลยคิดเอาเองว่าน่าจะเป็นฝุ่น


แต่คิดอีกที…


มองสบตามันตรง ๆ เพื่อจะถามว่าไม่ได้ร้องไห้ใช่ไหม แต่เมื่อได้เห็นแววตาที่มองมาผมก็แทบจะเข่าอ่อน “อย่ามองกูด้วยสายตาแบบนี้”


“แบบไหน”


“แบบที่จะทำให้มึงลุกไปเรียนไม่ไหว”


“หึ”


เมียกูโคตรร้าย


เรื่องยั่วให้อยากแล้วจากไปไว้ใจธรรมศร เมื่อกี๊มองผมซะตาเยิ้มอย่างที่ผมชอบ บอกเลยว่าเห็นแล้วมีอารมณ์สุด ๆ แต่แล้วก็มาดับฝันผมด้วยการหัวเราะในลำคอแล้วส่ายหน้าพร้อมยิ้มเย้ย!


คนที่แพ้ทุกทางอย่างผมมีหรือจะยอม ในเมื่อไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการผมก็เล่นสงครามประสาทด้วยการยืนจ้องหน้ามันแม่งเลย ไอ้ศรเองก็ไม่ยอมแพ้อยู่แล้ว จริง ๆ ต้องบอกว่านอกจากเรื่องบนเตียงแล้วมันก็ไม่เคยแพ้ผมเลย มันไม่เคยเขินเวลาผมมองหน้า เวลาสบตา หรือแม้แต่สัมผัสกอดจูบ อย่างมากที่เห็นก็แค่ริ้วแดงจาง ๆ บนแก้มเวลาเอ่ยขอบคุณ ซึ่งจุดนี้บอกตามตรงว่างงนิดหน่อย แต่ไม่เข้าใจมาก ๆ


“มึงแม่งโคตรหล่อ”


“แหงสิ อย่างกูเรียกว่าโคตรของโคตรหล่อ”


“ไม่มีหรอกที่จะถ่อมตัว”


“ก็เรื่องจริง”


ผมส่ายหัว ส่วนมันหัวเราะร่วน เราจบสงครามประสาทกันในตอนนั้น ปกติไอ้ศรไม่ใช่คนหลงตัวเอง แต่ช่วงหลัง ๆ มานี่มันเป็นเอามากจริง ๆ ไอ้เต๋าเคยบอกผมว่าที่มันหลงตัวเองแบบนี้เพราะผมเอาแต่กรอกหูมันว่ามันมีใบหน้าที่สมบูรณ์แบบงดงามราวกับเทพช่างปั้น


เออ กูยอมรับ!


“หายปวดตารึยัง ตามึงแดงนะ แต่ไม่มีอะไรอยู่ในนั้น คงจะแดงเพราะฝุ่นเข้าหรือไม่ก็จากที่มึงขยี้”


“จะมีอะไรได้ไงอ่ะ ในเมื่อกูปวดตาเพราะตากลม” เออว่ะ อันนี้ผมลืม ไอ้คุณชายมันเป็นคนตาแห้งง่ายและปวดล้าเร็วเวลาตากลมแบบนี้ ตอนนั่งทำงานหน้าจอคอมพ์มันก็ใส่แว่นกรองแสงยูวีเหมือนกัน


“รู้ตัวว่าตาล้าง่ายก็ยังมายืนตากลมอีกนะ”


“อ้าว ก็จะมาสูบบุหรี่นี่หว่า”


ผมเงียบไปหลายอึดใจ ยืนจ้องหน้ามันอยู่แบบนั้นโดยไม่พูดอะไร และมันเองก็ยอมยืนนิ่ง ๆ ให้มองด้วย


“ศร กูพูดจริงนะ เรื่องเลิกบุหรี่”


ไอ้ศรมองสบตาผมนิ่ง


“อืม จะพยายาม…แต่คงไม่เท่ามึง”


ผมยิ้ม


อย่างน้อยมันก็พยายามที่จะยืดเวลาอยู่กับผมไปอีกหน่อย


จะเพิ่มขึ่นอีกหนึ่งปี สองปี สามปี หรือมากกว่านั้น






“ขอแค่อย่าชิงตายไปก่อนกูก็พอ”















พบกันใหม่ตามใบนัดหมอในครั้งที่ 2
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
Follow up คือการติดตามอาการค่ะ ครั้งนี้หมอนัดโอมอินมาดูอาการ
โอมอินก็คือโอมอิน เขาไม่พูดหรอกว่า “อยู่ไปด้วยกันนานๆนะ”
ตัวละครแต่ละตัวมีเหตุผลของทุกการกระทำและทุกการแสดงออกค่ะ
ขอบคุณทุกแรงสนับสนุนและทุกกำลังใจนะคะ
ฝากเรื่องนี้ด้วยค่ะ #โรคประจำใจ

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ JellyKei

  • ✧٩(の❛ᴗ❛ の)۶
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
มาขอเฝ้าติดตามอาการคนไข้ด้วยคนค่ะ :katai2-1:
ชอบคาแรคเตอร์ของทั้งคู่ ดูนิ่งแมนๆคุยกันดี ดูเชื่อมโยงและรักกันในแบบของตัวเองดี ไม่หวือหวาแต่ก็มีความละมุนผ่านคำพูดนิ่งๆและการกระทำต่างๆ ขอบอกว่าชอบอะไรแบบนี้มากเลยค่ะ รอติดตามตอนต่อไปนะ :L1:

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2

ออฟไลน์ nevergoodbye

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
สนุกค่ะ แม้จะไม่ใช่แนวที่ชอบเท่าไร
อารมณ์ตอนแรกกับตอนที่สองต่างกันลิบลับทีเดียว

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เหมือนจะดราม่า  :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ aiLime13

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1146/-11
    • twitter

ไม่ได้อ่านนิยายวายแนวมหาลัยมานานแล้ว
เผลอกดเข้ามาอ่านเรื่องนี้นึกว่าจะเป็นแนวหมอๆ
ปรากฏว่า อ้าว เป็นหนุ่มนิเทศน์กับหนุ่มวิศวะซะงั้น
แต่โอเค ไม่เป็นไร เดี๋ยวลองอ่าน และๆๆๆ

ฮือออออออออออออออออ คุณทำเราติดหนึบตั้งแต่ตอนแรกเลยค่ะ!! TvT
ชอบอะะะะะ ไม่ค่อยได้อ่านนิยายที่พระเอกกับนายเอกเป็นแฟนกันแต่แรกอยู่แล้ว
น่ารักมากกกกกกกกกกกกก ชอบมากกกก ชอบความขี้หึงของโอมอิน ชอบความช่างยั่วโปรยเสน่ห์ของศร
นี่อ่านไปยิ้มไปทั้งตอนเลยค่ะ 555555555555 ชอบมากก เขินน เขินมากโดยเฉพาะเวลาโอมอินบอกว่า
ตัวเองเป็นผัว และศรเป็นเมีย แหม! มีเมียหล่อละย้ำจังโว้ยยยยยยยย >_<

แต่สังหรณ์ใจว่าจะต้องมีดราม่าในอนาคต เพราะดูจากนิสัยของศรแล้วคงมีเรื่องราว
เก็บกดอยู่ในใจพอสมควร ;w;; แต่คิดว่าโอมอิมชายหนุ่มผู้รักเมียหลงเมียจะช่วยให้ผ่านมันไปได้

เราก็ทำใจพร้อมรับกับทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นค่ะ!!

ีจะรอตอนต่อไปนะคะ


 :กอด1:


ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
น่ารักมาก คนหึงเมีย มีเมียหล่อต้องทำใจ

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โอมอินนี่ทาสเมียชัดๆ โอ้ยยยย แมนๆทาสเมียค่าาาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
กลิ่นดราม่าดูรุนแรงมากค่ะ  :hao5:

ออฟไลน์ blue colour

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เรื่องนี้ให้ความรู้สึกแตกต่างจากคุณดีนกับน้องรณณ์ไปเลย และมีทีท่าว่าจะดราม่า5555
ปกติจะพยายามเลี่ยงแนวดราม่าเพราะนี่จะจิตตกตามไปด้วยแงงงง แต่เรื่องนี่คงจิเลี่ยงไม่ได้แล้ว
ตามต่อไปค่ะ บุคลิกของทั้งสองคนนี่น่าสนใจมากจนอยากทำให้รู้ว่ามารักกันได้ยังไงแล้วอนาคตของคู่นี้จะเป็นแบบไหน

ออฟไลน์ Senase9496

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
งื้อออออออออออ เขินแรงมาก  :katai4:  :katai4:  :z3:
ไม่ไหวแล้วทำไมเขินขนาดนี้ เป็นกำลังใจให้ไรท์นะคะ


ออฟไลน์ MoMoRin

  • I am Fujoshi! (・∀≦)ゞ
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-2
แหมมมมมม คือแบบ ก็สวีทหวานกะนแนวห่ามๆแมนๆเลยเนาะ แต่ก็เขินอ่ะค่ะ  :mew3:

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
มีความเขินนน น่ารักมาก แต่จะฟินก็ยังไม่สุด แววดราม่ามันส่อมาชั๊ดชัด กลัวไปหมด เข้าขั้นหวาดระแวง55555555 หวังว่าจะไม่หนักกน่วงนะ เอิ้กๆ

ขอบคุณค่า

ออฟไลน์ Bradly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ขอบคุณนะคะ  o13

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
น่ารักดีนะะ

ออฟไลน์ pktherabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 207
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น่ารักดี แต่มีคำถามเรื่องศัพท์ที่ใช้ค่ะ

คำว่า คอมเมนต์ไตเตอร์ มาจาก commentator หรือเปล่า ถ้าใช่ ควรจะเป็น คอมเมนเตเตอร์ หรือเปล่าคะ

ส่วนคำว่า แซ็ว = แซว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-10-2017 12:06:17 โดย pktherabbit »

ออฟไลน์ ธัญญ์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-4
น่ารักดี แต่มีคำถามเรื่องศัพท์ที่ใช้ค่ะ

คำว่า คอมเมนต์ไตเตอร์ มาจาก commentator หรือเปล่า ถ้าใช่ ควรจะเป็น คอมเมนเตเตอร์ หรือเปล่าคะ

ส่วนคำว่า แซ็ว = แซว


ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ
สำหรับคำว่า คอมเมนเตเตอร์ เดี๋ยวจะแก้ไขนะคะ
ส่วนคำว่า "แซ็ว"
การพูดจาเย้าแหย่ ที่เราเขียนกันว่า "แซว" ปัจจุบันราชบัณฑิตยสถานได้เปลี่ยนการสะกดให้เป็น"แซ็ว" เรียบร้อยแล้ว
ดังนั้น ถึงจะขัดๆหน่อยแต่ก็อยากพยายามใช้ให้ถูกค่ะ
#ขอบคุณที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้นะคะ :L1:

ออฟไลน์ 。Atlas

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
อ่านไปด้วยใจตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ กลัวดราม่าหนักจังเลย ฮืออ
เอ็นดูโอมอิน เข้าใจที่หึงศรนะ ก็แฟนฮ็อตแถมทำตัวโปรยเสน่ห์เรี่ยราดขนาดน้าน 55555+
ส่วนศรนี่ ถึงแม้ดูเฟรนด์ลี่ โปรยเสน่ห์ นี่บางทีก็เพื่อที่จะกลบอะไรสักอย่างในใจเปล่าหว่า


 ติดตามจ้า

ปล.รอคุณดีนกับน้องรณณ์อยู่เสมอนะ ❤️

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด