บทที่40.3
“จะเอาแบบนี้จริงๆหรอคะพี่รบ”
“เออสิ....ไม่ดีหรอวะ”
“ก็ไม่ใช่แบบนั้น แต่แค่คิดว่า ทำไมอิฝาถึงได้ผัวดีอะไรเบอร์นี้อ่ะ หมั่นไส้นะและอยากจะแสดงออก”
“หึ ถ้ามันชอบก็คงจะดี”
“โอ๊ยย ไม่ชอบก็ไม่รู้จะพูดอะไรแล้วล่ะค่ะ อิอิ เนอะไอ้หมอกเนอะ”
“แค่เป็นพี่ทำให้ ไอ้ฝาแม่งก็ชอบหมดแหล่ะ”
“จริงค่า เป็นคนหลงผัวที่แท้จริง”
ผมยิ้มตอนที่น้องเซียร์พูดออกมาแบบนั้น ได้แต่คิดภาพต่างๆไว้ในหัว หวังว่ามันจะชอบ เพราะนี่เป็นครั้งแรกของผมที่จะได้ทำให้มัน
“แล้วจะให้พวกเซียร์ทำแบบนี้จริงๆหรอคะ”
“อืม เซียร์คิดว่าจะทำได้ไหมล่ะ”
“แหม สบ๊ายมากค่ะ”
“ก็พูดออกไปสิว่าเรื่องตอแหลนั้นถนัดอยู่แล้ว”
“อิหมอก ตั้งแต่มีผัวก็กัดกูเก่งเลยนะ”
“ไม่เอาไม่ว่าเพื่อนนะ”
น้องเซียร์ที่เบะปากใส่ไอ้หมอกมันทันที แต่สักพักก็เห็นไปนั่งกอดคอกันเฉย มองเห็นเด็กกลุ่มนี้แล้วก็คิดว่าค่อนข้างน่าอิจฉา น่าอิจฉาตรงที่ชีวิตนี้พวกมันได้เจอคนที่เรียกได้ว่าเพื่อนแท้ และอีกอย่างก็ดีใจแทนไอ้ฝา ที่คนซื่อๆแบบมันได้เจอเพื่อนดีๆ ผมคิดนะว่าเพื่อนที่ดีถือเป็นของขวัญที่มีค่าที่สุดและก็หาได้ยากที่สุดเช่นกัน น้อยนักที่เราจะได้เจอ
“แล้วไอ้ธารจะต้องรู้เรื่องนี้ไหมอ่า”
น้องเซียร์ที่ถามออกมาแบบกล้าๆกลัวๆ ก่อนจะลากสายตาไปมองทางไอ้หมอกและไอ้เทียน คิดว่าคงเป็นเรื่องราวที่พูดยากสักหน่อยระหว่างธาร หมอก เทียน .... เพราะเห็นไอ้ฝามันค่อนข้างที่จะเป็นห่วงเรื่องนี้มากอยู่ จริงๆก็ไม่รู้ว่ามันเป็นห่วงหรืออยากเสือกกันแน่
“ก็ต้องบอกสิ เพื่อนกันไม่ใช่หรอพวกมึงน่ะ...ใช่ไหม?” ไอ้เทียนที่พูดออกมาแบบนั้นและหันไปถามไอ้หมอก เห็นหมอกมันยิ้มตอบกลับมาให้ไอ้เทียน มองจากตรงนี้แล้วก็ได้แต่คิดว่า ที่จริงๆหมอกมันก็ถือเป็นคนหน้าตาน่ารักคนนึงเลยนะ ติดแต่ว่าเมื่อก่อนมันชอบทำหน้านิ่งๆอมทุกข์หน่อยๆ แต่พอมาตอนนี้ มันดูสดใสขึ้นเยอะเลย คงจะสดใสเหมือนกับ....
“ไอ้พวกเหี้ยยยยย พวกคนหนักแผ่นดิ๊น ทำแบบนี้กับพี่ฝาได้ยังไง ไม่คูลเลยแม่ง”
แค่คิดถึง มันก็โผล่หน้ามา คนที่เมื่อก่อนไม่เคยได้อยู่ในสายตาของผมเลย นั่นแหล่ะ มันเลย....
“เอาไป!แดกกันยันแก้วให้สมกับความเหนื่อยและความร้อนของกูเลยนะ”
ว่าแบบนั้นพร้อมกับกระแทกแก้วน้ำแบรนด์ดังลงตรงหน้าพวกผม
“ก็มึงเล่นเกมส์แพ้อ่ะอิฝา จะงอแงไม่ได้นะคะ ไหนGreentea frappuccino grande double whip add caramel.ของกูอยู่ไหนคะ”
“อยู่นี่! เอาไปแล้วแดกยันแก้วเลยนะ เมนูห่าไรกูต้องนั่งท่องยิ่งกว่าสูตรเคมี ส้นตีนมาก”
ไอ้ฝาที่ยังบ่นๆอยู่แบบนั้น ปากเล็กๆของมันที่ยื่นออกมานิดๆตอนเถียงกับเพื่อน น่ารัก แต่ก็น่าตีชิพหาย
“มองไร”
“มองคนหน้าเหี้ย เพราะมึงเลยที่ทำให้กูแพ้ นี่แน่ะ” หันมาหาผมมองหน้าตาขวาง และจบท้ายด้วยการฟาดมือมาใส่แขนผม
“เจ็บนะมึง เดี๋ยวกูดีดเลยดีไหมเนี่ย” ด่ามันไป อีกฝ่ายก็ยิ่งหน้างอ เลยเอื้อมมือไปคว้าคอมันเข้ามาใกล้ หยิบกระดาษทิชชู่บนโต๊ะมาซับเหงื่อให้มัน สงสัยจะร้อนจริงๆแบบมันว่า
“มึงอ่อนเองต่างหาก อย่ามาทำเป็นว่ากู”
“ก็มึงอ่ะสั่งให้กูทำอะไรไม่รู้ ส้นตีน”
ทำหน้างอๆเถียงผม แต่สุดท้ายก็หลบตา หยิบโกโก้ปั่นของมันขึ้นมาดูดแก้เขิน คือก่อนหน้านี้เราเล่นเกมส์หมุนขวดกัน ถ้าไปหยุดที่ใครก็จะโดนอีกคนสั่งให้ทำอะไรก็ได้ และไอ้ฝาที่โดนผมสั่งให้มาจูบ แน่นอนล่ะมันไม่กล้าทำหรอก เวลาเที่ยงๆกลางโรงอาหารแบบนี้ และผมเองก็รู้ว่ามันไม่ทำแน่ๆไงเลยสั่ง ก็เป็นแผนเพื่อให้มันลากสังขารตัวเองไปซื้อกาแฟร้านดังที่อยู่ไกลออกไป เพื่อผมจะได้มีเวลาวางแผนกับเพื่อนของมัน...และเพราะแบบนี้ ตอนนี้เจ้าตัวมันเลยได้แต่นั่งหน้างอกระพือเสื้อนักศึกษาอยู่ข้างๆผม คงจะร้อนเอาเรื่อง
“เลิกกระพือเสื้อสักทีได้ไหมวะ”
“จะทำไมกูอ่ะ ก็กูร้อนอ่ะ ไอ้พี่กูร้อนนนน” โวยวายใส่ผมไปอีกตอนที่จับมือมันไว้ มันตั้งท่าจะอ้าปากเถียง แต่ก็ต้องหยุดตอนที่ผมเลื่อนหน้าเข้าไปหา
“เสื้อนักศึกษามึงมันตัวใหญ่ กระพือทีมองเห็นไปถึงหัวนม กูหวง” ยักคิ้วให้ตอนที่มันหันหน้ามาหา
“สัด ไม่รู้พูดอะไรอ่ะ ไม่เห็นจะเข้าใจเลย” มันที่บ่นอุบอิบเบาๆไปตามเรื่องแต่ก็ดูเหมือนว่าหน้าจะแดงหน่อยๆ และที่สำคัญคือมันที่นั่งดีๆกับเขาได้แล้ว ผมเอียงตัวหันไปมองโต๊ะที่นั่งอยู่ข้างๆโต๊ะของพวกเรา ก่อนจะยกยิ้มมุมปากส่งไปให้ไอ้ผู้ชายโต๊ะนั้น เอื้อมมือไปโอบเอวของไอ้ฝาอีกทีเป็นของแถม เหอะ รับรู้ไว้ซะว่าไอ้นี่น่ะของใคร
“ขี้หวงว่ะ”
“พูดเชี่ยไรไอ้เทียน”
“ก็เปล่านะ กูก็แค่ว่าลอยๆไปงั้น” ส้นตีน ตาดีนัก
“นี่ๆ วันเสาร์นี้ไปเที่ยวกันพวกมึง”
“ไปเที่ยว...เที่ยวไรของมึงวะ ว่างมากหรอ?”
“อิฝา อย่าขัด! กูอยากไปเล่นเครื่องเล่น แบบสวนน้ำ ขี่ม้าหมุนงี้”
“ปัญญาอ่อน มึงสามขวบหรอ?” ไอ้ฝาที่ว่าแบบนั้นแล้วก็เบ้หน้า สัดเอ๊ย....หน้าแบบมึงกล้าว่าคนอื่นด้วยคำพูดแบบนี้ด้วยหรอวะ
“เอ๊ะ...พี่รบบบ ไปนะคะๆๆ”
“อู้ววว มึงชวนผิดคนแล่ว แบบไอ้....”
“เอาสิ พี่ก็อยากไปอยู่พอดี” ผมที่ตอบตกลงไปทันที ไอ้ฝาก็รีบหันมามองตาเหลือก กระพริบตามองผมปริบๆ
“แบบมึงเนี่ยนะ”
“ก็แบบกูนี่ไง” ก็ใช่...แบบกูนี่แหล่ะ ถ้าไม่ตกลงไปก็เสียเรื่องกันพอดีสิวะ
“กูขนลุกเลยนะเนี่ย แต่ก็อยากว่า คนบ้าสีเหลืองจะชอบอะไรแบบนี้ก็ไม่แปลกอ่ะเนอะ พี่ฝาเข้าใจๆ” กวนตีน
“ว่าแต่ แล้วไม่ชวนไอ้ธารหรอวะ?” ไอ้ฝาที่ถามออกไปแบบนั้น ผมเห็นว่ามันกำลังมองหน้าไอ้หมอกอยู่ในตอนนี้
“ชวน เดี๋ยวกูชวนมันเอง”
ไอ้หมอกที่ตอบออกมาแบบนั้น แต่ก็แอบเห็นว่ามือของมันก็จับกับมือไอ้เทียนเอาไว้แน่น คิดเอาเองว่า ต่างฝ่ายต่างอยากให้เชื่อใจกันมากที่สุดล่ะมั้ง ... แต่นั่นก็ถือว่าดีแล้ว
“โอเคๆ งั้นเจอกันพรุ่งนี้” สรุปกันว่าแบบนั้น ก่อนจะนัดแนะเวลากันให้เรียบร้อย ... ก็หวังว่า วันพรุ่งนี้มันจะไม่มีอะไรผิดพลาดก็พอ
....
“มึง มึงโอเคใช่ไหม”
“เรื่องอะไรวะ”
“ก็เรื่องที่กูจะไปชวนไอ้ธาร” ผมหันไปหาอีกคน มันที่กำลังขับรถไปส่งผมที่คอนโด ไอ้เทียนที่ชะงักนิดหน่อย แต่สุดท้ายมันก็พยักหน้า
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น”
“กูทำหน้าแบบไหน”
“ก็ทำหน้าไม่สบายใจ มึงยังไม่สบายใจเรื่องอะไรอีก กูก็บอกแล้วไงว่าเข้าใจที่มึงจะไปชวนไอ้ธาร”
“ก็มึงดูไม่โอเคอ่ะ”
บอกมันแบบนั้น จริงๆผมว่าผมเข้าใจมันนะ คงไม่มีใครชอบหรอก ถ้าแฟนตัวเองต้องกลับไปวุ่นวายกับคนที่เคยประกาศว่าชอบแฟนเรา ผมว่าเทียนมันก็แค่พูดว่ามันเข้าใจไปงั้นอ่ะ ที่จริงๆมันก็คงไม่เข้าใจหรอก
“เฮ้อ...จริงๆกูก็ไม่โอเคหรอกหมอก” กูว่าแล้ว
“แต่กูก็เข้าใจนะ มึงกับมันเป็นเพื่อนกันมานาน”
“จริงๆก็พึ่งจะเป็นเพื่อนสนิทกันเมื่อปีก่อนเอง”
“อย่าขัดกู”
“ก็ได้...”
“เพื่อนกัน อย่าให้มันมามีปัญหาเพราเรื่องแบบนี้เลย มันไม่โอเคหรอก แต่มึงก็อย่าใกล้ชิดมันมากไป กูไม่ชอบ...และที่สำคัญ กูยังไม่ลืมวันนั้นที่มันจะปล้ำมึง”
“อื้ม กูรู้”
“งั้นก็ดี” เทียนที่พูดออกมาแบบนั้น มันเข้าเกียร์อีกรอบ ก่อนจะขับรถออกไปหลังที่มันเลิกติดไฟแดง
“เทียน”
“ว่าไง”
“จริงกูก็เป็นห่วงไอ้ธารนะ ตั้งแต่วันนั้น มันไม่มาเรียนเป็นอาทิตย์แล้ว มึงว่าพรุ่งนี้มันจะมาหรอ”
“ถ้ามึงชวน ก็น่าจะมานะ”
“อื้ม”
“อย่าห่วงเลย กูคิดว่ามันไม่เป็นไรหรอก”
“กูก็หวังว่าแบบนั้น” ไอ้เทียนที่แค่ยิ้มให้ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบผมของผมหน่อยๆ ก็รู้สึกดีขึ้นมานิดนึง
“ที่ธารมันหายไปไม่ใช่เพราะมึงหรอก อย่าคิดมาก”
“จริงหรอวะ” อีกฝ่ายไม่ตอบ มันก็แค่เงียบ แล้วเอื้อมมือมากุมมือผมไว้ ... จริงๆก็แค่ปลอบใจกู เวรเอ๊ย นึกว่ารู้อะไรมาซะอีก
“ทำไมมึงพากูมานี่วะ”
“กูรู้ว่ามึงยังไม่สบายใจ ยังไม่เชื่อใจกับเรื่องของเราหรอกหมอก”
ไอ้เทียนที่พูดแบบนั้นแล้วดับเครื่อง มันที่พาผมมาที่คอนโดแห่งนึง ไม่คุ้นเคย เพราะอยู่คนละฝั่งกับคอนโดผมมาไกลมาก ... แต่มันก็พูดถูก ผมเป็นแบบนั้น สิ่งที่ไอ้เทียนพูดมันก็น่าเชื่อถือ แต่อีกใจ มันก็ยังไม่ใช่ทั้งหมด
“แล้วที่นี่คือ?”
“ขึ้นไปเดี๋ยวมึงก็รู้เอง” มันที่บอกแบบนั้นแล้วเดินนำผมลงจากรถ เดินตามมันไป จนขึ้นลิฟท์มาสุดอยู่ที่ชั้น14
“ห้องใครวะ” ถามมันอีกที แต่มันก็ยังเงียบไม่พูดอะไร แค่ยกมือขึ้นกดอ๊อดหน้าห้อง รอเวลาสักพัก บานประตูก็ถูกเปิดออก
‘แอ๊ด’
0.0
“เอ๊ะ...” เป็นผมที่อุทานออกมาแบบนั้น ตอนที่ได้เห็นหน้าของคนที่เปิดประตูมา
“คุณ...”
“น้องหมอก?”
“เออ... มึงจะทักทายตรงนี้หรอไอ้สัด เร็วๆอย่าเสียเวลา ถอย กูกับหมอกจะได้เข้าไป” ไอ้เทียนที่พูดแบบนั้นก่อนจะดันอกของคนตรงหน้า แล้วจูงมือผมเข้าไปในห้อง
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะน้องหมอก น่ารักขึ้นนะเรา”
“เอ่อ...”
“ฮ่าๆ คงจะจำกูไม่ได้ จำพี่ที่หน้าหล่อๆ หล่อกว่าไอ้สัดเทียนไม่ได้หรอครับ”
“พี่...พี่วาฬ?”
“นั่นไง คิดแล้วว่าต้องจำพี่ได้ แต่เอ๊ ... เราอาจจะจำพี่ได้ในคืนนั้นมากกว่าสินะ”
“ครับ เป็นพี่จริงๆ เอ่อ...ตอนนั้น...”
“ตอนนั้นตอนไหน พูดอะไรกันวะ?”
ไอ้เทียนที่หันหน้าสลับไปซ้ายขวามองผมกับพี่วาฬไปมาอย่างไม่เข้าใจ ... พี่วาฬที่รูปร่างหน้าตาคล้ายพี่เทียน แต่ตอนนี้ก็ต่างกันมากเลย เหมือนพี่วาฬจะตัดผมใหม่ และดูมีเนื้อมีหนังมากกว่าเก่าแบบคนเล่นกีฬา
“ไม่เสือกครับเพื่อนเทียน”
“ไอ้สัด แล้วไง ไม่คิดจะเล่าให้พี่ฟังหรอหมอก”
“สักเรื่องน่า ว่าแต่...พามาหาพี่วาฬนี่คืออะไร?”
“หึ จะพามาดูอะไร”
“อะไร?”
“เดี๋ยวน้องหมอกก็รู้ ... มึงพาน้องเข้าไปในห้องนั้นก่อนไป”
“เค”
พยักหน้าสบตารับรู้กันอยู่สองคน มีแต่กูเนี่ยที่ไม่เข้าใจอะไรเลย แต่ก็ยอมเดินตามไอ้เทียนไปในห้องอีกห้องนึง ดูๆแล้วเป็นห้องพักแขก เหมือนไม่ค่อยได้ใช้งานเท่าไหร่ เข้ามาสักพักก็ได้ยินเสียงกดออดมาจากหน้าห้อง ไอ้เทียนที่แอบไปแง้มประตูนิดๆ แล้วกวักมือเรียกผมให้เข้าไปใกล้
“นั่น...”
“ชู่วว”
“มึงเรียกกูมาทำไม เมื่อไหร่จะพอไอ้สัด”
“แหม่ ทำไมปากดีจังวะไอ้ฟิวส์ พูดกับผัวมึงให้ดีๆหน่อยไม่ได้รึไง”
“เหอะ ผัวมโน” ไอ้ฟิวส์กับพี่วาฬ....
“มโนไหมไม่รู้ แต่ก็ได้มึงตั้งแต่ม.5นะจำได้”
“เหอะ ก็แค่จำเป็น”
“นี่กูถามหน่อย มึงใช้กูเป็นเครื่องมือจริงๆหรอวะ”
พี่วาฬที่ถามมันออกไปแบบนั้น มองจากมุมนี้มองเห็นสายตาของพี่วาฬที่มองมัน แล้วรู้สึกแปลกๆ แต่คิดว่าไอ้ฟิวส์คงจะไม่สนใจ ในเมื่อมันก็เลือกที่จะพูดต่อไป
“เออ! มึงคิดว่ากูจะชอบมึงหรอ กูเอากับมึงวันนั้นก็เพื่อเอาไปหลอกไอ้หมอกก็แค่นั้นแหล่ะ แล้วก็ไม่น่าเชื่อว่ามันจะโง่เชื่อ โง่ชิพหาย แค่เห็นแผ่นหลังกับเสียงครางของกูที่เรียกชื่อพี่เทียนก็เป็นฟืนเป็นไฟ โคตรง่าย”
“เหอะ มึงนี่แม่งโคตร...”
“โคตรอะไร โคตรชั่วหรอ แล้วต่างอะไรจากมึงล่ะ เลิกยุ่งกับกูสักทีได้ไหม! เอาคลิปกูมา!”
“อายหรอวะ กลัวคลิปมึงหลุดไปรึไง...หรือกลัวว่าไอ้เทียนจะมาเห็น มึงยังไม่เลิกหวังอีกรึไง ไอ้เทียนมันเกลียดมึงเหมือนขี้”
“แต่กูรักเค้า และไม่ว่าเมื่อไหร่กูก็รัก!”
“แต่กูไม่เคยรักมึง!”
ไอ้เทียนที่โพร่งออกไปแบบนั้นพร้อมเปิดประตูห้องออกไป รวมถึงผมด้วย ไอ้ฟิวส์ที่หันมามองเราตาค้าง มันที่กำหมัดแน่น มองเห็นแววตาสั่นๆของมันจากตรงนี้
“มึงหลอกกูมาหรอไอ้วาฬ”
“กูแค่เรียกมึงมา แต่ที่เหลือมึงพูดของมึงเองนะ”
พี่วาฬที่พูดแบบนั้นแล้วยักไหล่แบบไม่ใส่ใจ ไอ้ฟิวส์ที่กำลังตัวสั่น ผมรู้ว่ามันคงทั้งโกรธทั้งอาย
“กูไม่เคยคิดเลยนะ ว่ามึงจะต้องพยายามทำขนาดนั้น แค่เพราะต้องการให้กูเลิกกับเทียนเนี่ยนะ”
“มึงมันจะไปเข้าใจอะไร คนที่ไม่เคยต้องพยายามแบบมึงน่ะ จะไปเข้าใจอะไร ทุกอย่างที่มึงอยากได้มึงก็ได้ ขนาดคนที่กูรักมึงยังได้เลย!” มันที่เริ่มร้องไห้ และมองหน้าผมแบบเกลียดๆ เป็นไอ้เทียนที่เดินมาบังตัวผมไว้
“กูจะบอกอะไรมึงให้นะฟิวส์ ต่อให้ไม่มีไอ้หมอก กูก็จะไม่รักมึง สิ่งที่มึงทำ มันไม่ได้รักกูหรอก มึงแค่รักตัวเอง และมึงที่เป็นแบบนี้ ทำร้ายได้แม้กระทั่งความรู้สึกของเพื่อนมึง มึงคิดหรอ ว่าชีวิตนี้มึงจะได้ความรักจริงๆจากใครบ้าง สุดท้ายมึงจะไม่เหลือใครเลย”
“ฮึก ทำไมวะพี่ แค่ผมรักพี่ แค่เป็นผมทำไมไม่ได้”
“ก็เพราะว่าความรักมันไม่ต้องใช้ความพยายาม มันจะเป็นใครก็ได้บนโลกนี้ที่ไม่ต้องพยายามรัก แค่เห็นก็แค่รัก...และสำหรับกู คนๆนั้นมันไม่ใช่มึง”
“ไปกันเหอะหมอก”
ไอ้เทียนที่จับมือผมไว้ และตั้งท่าจะเดินออกจากห้อง แต่เป็นผมที่ยื้อไว้ ผมหันไปมองไอ้ฟิวส์ ตอนนี้มันแค่ยืนร้องไห้แบบเงียบๆ คิดเอาเองว่าหลายครั้งมันก็คงเสียใจเงียบๆอยู่คนเดียว
“สิ่งที่กูอยากจะบอกกับมึงในตอนนี้ก็คือ ที่ผ่านมากูขอโทษ ถ้าทำให้มึงต้องเสียใจนะ”
“................................”
“เสียใจที่ไม่เคยรับรู้ว่าเพื่อนกูรักใคร และเหมือนแย้งของรักมึงไป กูขอโทษ ... และสิ่งสุดท้ายที่กูจะทำให้มึงได้ในฐานะเพื่อน ก็คืออวยพรให้มึงไปเจอคนที่ดีสำหรับมึง โดยที่มึงไม่ต้องพยายาม และขอให้มึงมีเพื่อนที่ดีกับมึงและมึงก็อย่าไปทำร้ายเค้าเหมือนที่เคยทำกับกู ... เพื่อนน่ะ ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็พร้อมจะอยู่ข้างๆมึงเสมอแหล่ะ แต่ตอนนี้ กูกับมึง เราไม่ใช่เพื่อนกันอีกแล้ว”
ผมพูดแค่นั้น ก่อนจะจับมือของไอ้เทียนเดินออกมา สิ่งสุดท้ายที่เห็นคือไอ้ฟิวส์ที่ทรุดตัวร้องไห้ ผมเสียใจที่ครั้งนึงเคยทำเพื่อนเสียใจ แต่ผมไม่เสียใจที่เราต้องเลิกเป็นเพื่อนกัน....เพราะเพื่อนกัน เค้าจะไม่ทำร้ายเพื่อน แบบที่มันทำ
.
.
.
เราสองคนที่เดินเข้ามานั่งบนรถด้วยกันเงียบๆ ไอ้เทียนที่แค่สตาร์ทรถและยังไม่ยอมขับออกไป มันกำพวงมาลัยรถนิ่งๆ เราสองคนเงียบไม่มีใครพูดอะไรมาประมาณห้านาที ... และคิดว่าเป็นไอ้เทียนที่เริ่มจะอดทนไม่ไหว
“หมอก ... อื้อ”
แต่เป็นผมเองที่ปิดปากของมันด้วยปากของผมเอง อีกฝ่ายที่ดูจะตกตะลึงมากพอตัว เอียงหน้ากดริมฝีปากเข้าหา ไอ้เทียนที่ตกใจในตอนแรกเปลี่ยนจากรับมาเป็นรุกในพริบตา ริมฝีปากของมันที่เคล้าคลึงไปทั่วกลีบปาก มันที่ดูดหนักๆอยู่ที่ริมฝีปากล่าง ผมที่อ้าริมฝีปากรับลิ้นร้อนที่แทรกเข้ามาเกาะเกี่ยว ผมที่เอื้อมมือไปกอดลำคอหนาไว้
“อื้ออ”
“อื้มม”
ไม่รู้ว่าตอนไหนที่ขยับตัวขึ้นไปนั่งเบียดลงบนตักของมัน อีกฝ่ายที่สอดมือเข้ามาในเสื้อ รู้สึกขนลุกวาบไปทั้งตัว แต่ก็เลือกที่จะขยับตัวเข้าไปหา
“ห...หมอก”
มันที่ผละหน้าออกมา สายตาที่มองตรงมาที่ผมในตอนนี้มันทั้งเว้าวอน และไม่กล้า ... ผมรู้ดีว่ามันกำลังอดทน และที่ไม่กล้า ก็เพราะคงกลัวว่าผมจะไม่พร้อม ... และเพราะแบบนั้น ผมที่ทำแค่ยิ้มออกมาให้มันและเลื่อนหน้าเข้าไปหา
“ไม่ต้องทนแล้วก็ได้นะ”
“มึงพูดเองนะ”
“อื้ม แน่นอน” ยกยิ้มมุมปากตอบมันออกไป และก็เป็นอีกฝ่ายที่ตรงเข้ามาประกบจูบผมอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง
.
.
.
“กรี๊ดดๆๆ เลิกเรียนแล้วจ้า ว่าแต่ วันนี้มีเพื่อนเราบางคนเดินแปลกๆนะมึงว่าไหมๆ”
“ใครวะ กูเดินปกติดีนะ ไม่ได้ทำไรเลย เมื่อคืนไอ้พี่รบแม่งนอนหันหลังให้กูด้วย ไม่รู้เป็นไร”
ผมที่พูดออกไปแบบนั้น คือความจริงมาก กลัวเพื่อนมันหาว่าพี่ฝาโกหก บอกออกไปแบบนั้นไอ้เซียร์ก็ทำปากอู้ววววใส่
“ผัวไม่เอาแล้วงอแงหรอลูกแม่ เอ็นดูๆๆ”
“พ่องสิ”
“พ่องของลูกหรอจ๊ะ ฮ่าๆ น่ารักนะมึงเนี่ยๆ” ว่าแบบนั้นแล้วเอื้อมมาหยิกแก้มกู เป็นอะไรกับแก้มกูมากไหมวะ
“มึงก็ชอบไปแกล้งมัน”
“งั้นกูไม่แกล้งมัน กูแกล้งมึงก็ได้อิหมอก เดินขาถ่างมามากเว่อร์”
“มึงขาถ่างหรอวะหมอก กูไม่สังเกตเลย”
ถามออกไปแบบบนั้น มันก็ถลึงตามมาใส่ แถมแก้มสุขภาพดีแบบฉบับของมันก็แดงระเรื่อขึ้นมา เหมือนเพื่อนหมอกจะอาย ไม่คูลเลยว่ะ หมอกไม่คูลเลยนะครับพี่ฝาว่า อิอิ
“เด็ดไหมจ๊ะ ไหนกระซิบๆหน่อยสิๆ”
“มันใช่เรื่องที่ผู้หญิงแบบมึงจะต้องเสือกไหม”
“ต้องสิ ก็กูอยากรู้” นับถือในความอยากรู้อยากเห็นของมันครับ
“พอๆเลยพวกมึง มึงด้วยไอ้ฝา กวนนักนะ”
“นิดหน่อย เอ๊ะ ไอ้ธารๆยู้ฮู้เพื่อนทางนี้ๆ”
ไอ้ธารที่เดินเข้ามา เหมือนไม่เห็นหน้ามันมาอาทิตย์นึงแล้ว อาทิตย์นึงแล้วที่มันไม่ยอมมาเรียน สภาพมันดูไม่ดีเท่าไหร่ พูดตรงๆธารมันเป็นคนหล่อครับ แต่สภาพตอนนี้ก็ต่างจากคำว่าหล่อไปไกลโขล มันที่เสื้อนักศึกษดูแล้วคงจะทะเลาะกับเตารีดมา หัวก็คงทะเลาะกับหวี และใต้ตาก็คงจะทะเลาะกับเปลือกตา มันถึงดำขนาดนั้น
“ไอ้ธาร มึงเป็นไรวะ หายไปไหนมาหลายวัน โทรหาก็ไม่ติด”
“กู.... มีปัญหานิดหน่อย” มันก้มหน้าลงแล้วพูดเบาๆ
“เป็นไรวะมึง” ไอ้เซียร์ที่ขยับตัวเข้ามาใกล้ ลากโต๊ะแลคเช่อร์เข้ามาใกล้ๆไอ้ธารไปอีก
“กู...”
“ธาร” ไอ้หมอกที่เรียกชื่อมันออกมาแบบนั้น ไอ้ธารก็เงยหน้าขึ้นมามองมัน บรรยากาศแปลกๆที่ดูจะอึดอัดหน่อยๆ เอาไงดี กูควรหนีไปไหมจากตรงนี้
“กูขอโทษนะหมอก เรื่องคืนนั้น....”
คืนนั้นคืนไหนวะ ผมกับไอ้เซียร์หันหน้ามามองกันทันที คิดว่าคงสงสัยเรื่องเดียวกัน แต่คิดว่าไม่ควรจะถามออกไปในตอนนี้
“มึง ช่างมันเหอะนะ มึงลืมมันไปได้ไหม”
“มึงลืมได้หรอวะ ทั้งๆที่กูทำเหี้ยแบบนั้น” มันหันไปมองไอ้หมอก สายตาของมันที่กำลังแสดงออกว่ารู้สึกผิดมากๆ แต่ไอ้หมอกแค่ยิ้ม ยิ้มอ่อนๆส่งไปให้ไอ้ธารแค่นั้น
“กูลืมได้...มึงเองก็ควรจะลืมนะ แล้ว....แล้วช่วยกลับมาเป็นเพื่อนกูได้ไหมวะ” ไอ้หมอกที่ว่าออกไปแบบนั้นก่อนจะเอื้อมมือไปตบไหล่ไอ้ธารเบาๆ ไอ้ธารที่นิ่งเงียบไป ก่อนจะยิ้มออกมานิดๆ รู้สึกเหมือนเป็นยิ้มแรกของมันในรอบหนึ่งอาทิตย์ล่ะมั้ง
“ขอบคุณนะมึง”
“ขอบคุณทำไมวะ กูสิที่ต้องขอบคุณ”
ไอ้หมอกที่พูดออกไปแบบนั้น ก่อนที่พวกมันจะกอดกันกลมอยู่ตรงนั้น ... เป็นภาพอุ่นๆที่รู้สึกดี ก่อนที่ผมกับไอ้เซียร์จะตรงเข้าไปกอดพวกมันสองคนไว้อีกที
“ร๊ากกกก รักพวกมึงนะอิลูกของกู”
“รักพวกมึงนะ พี่ฝารักทู๊กโค้นนนน”
“จ๊ะ แต่ดูเหมือนว่าจะรักผัวมากที่สุด”
“ฮิ้วววว”
และพวกแม่งก็โห่ฮิ้วใส่กันแบบไม่ยั้ง ทำเหมือนว่ากูไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้ ล้อกูกันเหมือนว่าหนังหน้ากูด้านเป็นที่สุด ฮึ่ย...ได้ เดี๋ยวมึงเจอพี่ฝาคนคูลเลยครับ
“ก็นะ ไม่ได้ชื่อนักรบก็ลำบากหน่อยนะพวกมึง”
เสียงที่เงียบลงไปพักนึง ก่อนจะเสียงดังยิ่งกว่ามีงานบวช ฮิ้ววว โหวววว ดังไปจนถึงหน้ามหาลัย’ ดังแค่ไหนถามใจเธอดู ...
“สาแก่ใจพวกมึงแล้วสินะๆ”
“กรี๊ดๆๆ คูลมากเว่อร์ลูกแม่”
“จำไว้ อย่ามาท้าทายอำนาจความคูลของพี่ฝานะเออ” ว่าออกไปแบบนั้นแล้วเต๊ะท่าภูมิใจ พวกมันก็รีบตรงมาผลักหัวผมกันใหญ่ รักใคร่กูมากในจุดๆนี้ ... แต่พวกเราที่เป็นแบบนี้ พี่ฝาก็ว่ามันดีที่สุดแล้ว รอยยิ้มที่มีให้กัน ก็ดีกว่าเวลาที่เพื่อนต้องเศร้าเยอะเลยล่ะครับ
“นี่พวกมึง”
“หื้ม?”
“ว่า”
“มีรายยยยยจ๊ะ”
พวกเราสามคนที่หันไปตอบรับคำเรียกของไอ้ธาร มันที่เงยหน้าขึ้นมามองพวกเราอย่างมีความหวัง ก่อนจะเปิดปากออกถามคำถามนึง ... คำถามนึงที่ว่า...
“ถ้ากูเผลอไปปล้ำใครเข้า พวกมึงว่า...เค้าจะลืมได้ไหมวะ?”
0.0
ก็เหี้ยแล้วไอ้สาดดดดดดดดดดดดดด เหยดแหม่!!!
--------------------------------
กรี๊ดๆๆมาแล้วจ้าาา .... ตอนนี้เป็นบทสรุปของเรื่องนั้นเรื่องนี้ โดยเฉพาะเรื่องของ หมอก เทียนและพี่ธาร บางคนอาจจะบอกว่าไม่ชอบคู่นี้ แต่แคทก็อยากให้อ่านนะ คุณอาจจะได้รับรู้ถึงความรู้สึกของเพื่อนมากขึ้น โดยส่วนตัวแล้วแคทชอบน้องหมอก ชอบความคิดของน้อง และก็ชอบกลุ่มเพื่อนกลุ่มนี้ที่คอยช่วยกันเสมอ จริงๆตั้งใจจะเขียนในจบวันนี้เลย แต่ไม่เสร็จค่ะ เลยถามคนอ่านในเพจ มีคนอ่านใจดีว่ามา10หน้าก็อ่าน เพราะงั้นเลยมาก่อนน้า ตอนหน้า...จะเป็นตอนจบของเรื่องนี้แล้ว ตอนหน้า มาพบกับความน่ารักของพี่รบและน้องฝากันแบบเต็มๆได้เลย
และหลังจากจบรบฝา แคทจะต่อธารจอมให้อีกประมาณ5ตอน ไม่อ่านก็ได้ เพราะจะเอาไปไว้ในเล่มแถม ผ่าม!
ส่วนที่คนอ่านขอเข้ามาว่า ขอสเปเทียนหมอก อย่าลืมคู่นี้ บอกเลยว่าไม่ลืมๆ มีแน่นอนน้าา
และพี่รบน้องฝา มีคนอ่านบอกว่า ทำไมNCน้อย ... ก็มีคนมาว่า ว่าเราขายแต่ฉากแบบนั้น เพราะงั้น จ๊ะ...ในตอนพิเศษก็จะมีฉากที่ทุกคนรอคอย อยากอ่านหึงหรอ อิอิ อยากอ่านโยนลงเตียงหรอ อะ...จัดไป!
ส่วนพี่ธารไปปล้ำใคร ... ก็ไม่รู้สิน้าาาาา
ถ้าทำทัน ตอนหน้าอาจมาพรุ่งนี้ หรือไม่ก็วันอังคารเด้ออออ
ขอกำลังใจหน่อย ห่อเหี่ยวมากช่วงนี้ ขอบคุณค่าาาาาาา
