บทที่9
[/color][/b]
“ป้าเอากระเพราหมูสับไข่เจียวสีเหลือง กับน้ำเก๊กฮวยครับ”
เมนูง่ายๆที่ออกจากปากของคนตรงหน้าทำเอาผมกระพริบตาปริบๆ ไข่เจียวสีเหลือง เน้นให้เหลืองแม้กระทั่งอาหาร
“มองอะไร จะแดกไร สั่งเดะ หรือมึงแดกร้านแบบนี้ไม่ได้?”
“บ้าเดะ แดกได้หมดแหล่ะพี่ ป้าผมขอข้าวเปล่าต้มเลือดหมูครับ”
หันไปบอกเมนูกับป้าคนขาย ที่ก็ส่งยิ้มมาให้อย่างใจดี ร้านที่พี่มันพามา เป็นร้านอาหารธรรมดาๆแต่มีที่จอดรถครับ
“พี่ กูขอถามหน่อยสิ สังเกตมานานละ มึงชอบสีเหลืองหรอ” อีกฝ่ายที่จ้องหน้าผมนิ่งๆ นานหลายนาที กูนี่ลุ้นขี้จะแตกเอาจริงๆ
“อืม” และพอแม่งตอบ คำเดียวเลย โอ้ยเพื่อออออ กูลุ้นเพื่ออออออ
“นี่พี่....”
“ได้แล้วจ้า” ในจังหวะที่กูก็อยากจะอ้าปากถามต่อ ข้าวหมูสับไข่เจียวสีเหลืองของไอ้พี่มันก็มาวางตรงหน้า พร้อมๆกับต้มเลือดหมูของผมพอดี ขัดกูไปอีก
“แดก” แค่ทำท่าว่าจะถามต่อ ไอ้พี่นี่ก็ขัดกูขึ้นมาอีก เอาเข้าไป ขัดกูให้สะอาดไปเลยสิแหม วันขัดแห่งชาติ ขัดใจเว้ย!
“นี่ กูถามบ้างสิ”
“ถ้าตอบมีไรแลกอ่ะ” ขยิบตาใส่พี่มัน พร้อมซดต้มเลือดหมูเข้าปากไปอีกคำ ซู๊ดดดด น้ำแกงนี้คือสุดยอด
“งั้นกูไม่ถาม”
“เห้ยๆ แหมมม หัวก็ไม่ล้านก็ขี้ใจน้อยจังว้า สรุปว่าจะถามไรอ่ะ” ไอ้เหลืองตรงหน้าถอนหายใจนิดนึง อะไร เล่นตัวหรา
“ทำไมมึงชื่อฝาวะ พ่อแม่มึงคิดอะไร คนเชี่ยไรชื่อฝา ทำไมไม่ชื่อขวด แก้ว ถาด กะละมัง”
“พอๆไอ้เชี่ยพี่ แหม อีกนิดกูจะกลายเป็นเครื่องครัวละ”
“อ้าว ก็จริงไหมวะ ชื่อแปลกชิพหาย”
“แล้วมาวิจารณ์ชื่อกูทำไมล่ะครับพี่ เอ๊อ...เอาจริงๆ ชื่อนี้อาม่าเป็นคนตั้งอ่ะ ผมอ่ะมีพี่สาวนะเว่ย ชื่อพี่ผอผึ้ง พอผมเกิดมาก็เลยให้ชื่อฝอฝา แต่เอาจริงๆอาม่าบอกว่าตอนเกิดอ่ะผมตัวขาวๆซีดๆ หน้าตาดูเบลอๆจืดๆไร้รสชาต อาม่าเลยตั้งชื่อจีนให้ว่า ‘ฝาเว่ย’ 乏味 มันแปลว่าไร้รสชาต ... บางทีผมก็คิดนะ อาม่าก็รู้อนาคตไป๊ โตมายิ่งจืด”
เล่าให้พี่มันฟังพร้อมยกมือขึ้นเกาหัวตัวเอง อายความจืดของตัวเอง
“หึ ไอ้ฝาเว่ย! ชื่อจีนมึงแม่งเหมือนชื่อเรียกเลยว่ะ”
“พอเหอะ ช่วยหยุดวิจารณ์ชื่อกูสักทีครับ”
บอกมันที่มองมาแล้วยิ้มมุมปาก พอมองมันตรงๆแบบนี้แล้วใจสั่นเลย กูก้มหน้าซดน้ำแกงอย่างไวเลย ไม่ไหว ใจมันสั่น ไอ้ใจเชี่ยนี่ก็สั่นจัง
“ทำไมมึงถึงคิดว่ามึงจืดวะ”
“เอ้า ใครๆก็คิดทั้งนั้นล่ะ หรือไม่จริง...ขนาดมึงยังคิดเลยไอ้พี่”
“หึ”
หัวเราะแบบประหยัดถ้อยคำใส่กูไปอี๊ก คือระ ... กำลังจะอ้าปากถามว่าหัวเราะอะไรของพี่มัน แต่กลับต้องหยุดชะงักและเม้มปากตัวเองแน่น เมื่อมือแกร่งที่ยื่นมายีหัวของผม ริมฝีปากหยักที่ยกยิ้มนิดๆ ดวงตาคมๆที่จ้องตรงมาแต่มีประกายบางอย่างที่ผมไม่อยากคิดไปเอง ผมกลัว ... กับอิแค่มองก็ทำเอาใจผมสั่น รู้สึกร้อนหน้าแปลกๆ ความรู้สึกคล้ายๆจะเขินเลยแหะแบบนี้
…
“ไปไหนมาวะ”
เสียงเข้มๆของคนข้างห้อง ที่พอหันไปมองก็เจอเข้ากับรอยยิ้มสว่างๆที่ต้องยิ้มตามเขาไปอีก เฮ้อ คนอะไรสว่างชิพหายเลยคุณ
“อ้าวพี่โซล แต่งตัวซะหล่อ จะออกไปหม้อสาวที่ไหนครับพี่”
“ฮ่าๆ ออกไปมหาลัยว่ะ นัดเพื่อนไว้”
“ใช่หราๆๆ”
แซวพี่แกสักหน่อย พี่โซลในชุดผู้ดีที่ไม่คุ้นเคย กางเกงยีนส์กับเสื้อแบรนด์ดังแถมคลุมทับด้วยแจ๊คเก็ตดำ กูนี่นึกว่าพุ่งออกมาจากนิตยสารนะคุณเอ๊ย ทำไมไอ้ฝาไม่เกิดมาดูดีแบบนี้บ้างวะ
“นิดนึง ใช้หนาตาให้คุ้ม”
“อิจฉาจังเว้ยยย”
“ฮ่าๆ อิจฉากูทำไมวะ”
คนที่พูดด้วยรอยยิ้มเดินเข้ามาใกล้ เอนตัวพิงลงข้างกำแพง พ้อยขาเล็กน้อย นี่ถ้ากูเป็นผู้หญิงคงอยากฉุดพี่แกลากเข้าห้องครับ ไอ้เหี้ย หล่อสาดดดด
“พี่ หล่อมากเลยว่ะ พูดตรงๆถ้าเป็นผู้หญิงคงอยากลากพี่เข้าห้องครับ”
“เป็นผู้ชายแบบมึงไม่ต้องลากกูหล่ะ”
“เออ ไม่ลากหรอกเว่ย”
ว่าแบบนั้นพร้อมขำๆ รอยยิ้มสว่างๆที่กดตัวลงเป็นยิ้มมุมปากเล็กๆ ใบหน้าหล่อที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ข้างแก้มจนต้องผงะถอยตัวไปหน่อยๆ มือหนาที่คว้าแขนผมไว้ได้ทัน ก่อนที่พี่แกจะกระซิบออกมาเบาๆ
“กูแค่จะหมายถึง กับมึง...กูสมยอม”
“อ่ะ....”
“กูไปก่อนนะ เย็นนี้มีแข่งรถ”
ผละหน้าออกมาก่อนจะพูดประโยคสุดท้าย ยักคิ้วให้ผมหน่อยๆก่อนจะเอื้อมมือมาตบบ่าและเดินจากไป มือผมที่จับลูกบิดค้างไว้ตั้งแต่ตอนแรก กำมันแน่นๆอยู่แบบนั้น ... ก็แค่คิดว่า ...
“ช่างแม่งเถอะ!”
.
.
.
“ขอโทษนะไอ้เหี้ยน้องฝา วันหยุดของกู จำเป็นเบอร์ไหนที่ต้องลากกูออกมาจากบ้านวะ”
ไอ้หมอกในชุดแบนเนมด์ทั้งตัว น้ำหอมกลิ่นchanalของมันหอมฟุ้งจนอยากเอาหน้าไปซุกที่ซอกคอ เป็นน้ำหอมที่ให้กลิ่นหวานเย็นๆ ดูเหมาะกบมันมากๆ
“ก็กูมีปัญหา”
“ปัญหา? ไหนถามมาเผื่อกูทายถูก อะไรเอ่ย...”
“ไอ้หมอก ทำไมกวนตีนวะ”
หยุดเดินและเงยหน้าไปถามมัน ไอ้หมอกสูงกว่าผมครับ แต่ตัวมันบางกว่า ดูดีทุกองศานั่นแหล่ะครับ ... มันที่ก้มหน้าลงมามอง อมยิ้มมองผมและยื่นมือมาบีบจมูกและหัวเราะดังๆ ไอ้เชี่ย!
“ฮ่าๆ...น่ารักจังสัดเอ๊ย”
“เป็นเหี้ยไรเนี่ย น่ามคานนนนน” ด่ามันออกไปก็เอามือลูบจมูกไปด้วย ไม่ได้บีบแบบเอ็นดูใดๆ คล้ายๆกับหมั่นไส้แปลกๆ จมูกกูคงแดงเป็นกวางเรนเดียร์แล้วในจุดๆนี้ มันที่มองอยู่แค่คว้าคอกูไปกอดแล้วออกเดินไปพร้อมๆกัน
“ไหนว่าไงครับฝา อยากให้ช่วยอะไรก็พูดมาไอ้สัด แกล้งแค่นี้ทำหน้าบึ้ง”
“ก็กูเจ็บอ่ะ แบบว่าพี่ฝาบอกบาง”
“อยากจะถีบให้ตัวมึงปลิวออกไปจากห้างเอ็มโพเลี่ยมจริงๆ”
“คนดุดัน พอ!เลิกเล่น”
“เออๆ สรุปคือ”
“คือ...คือพรุ่งนี้วันเกิดไอ้เชี่ยพี่รบ แล้วแบบ...”
“อยากหาของขวัญ?”
“เหยดดดดด เพื่อนหมอก มึงฉลาด”
“ดูหน้าพี่ด้วยครับน้อง มึงจะหาของนี่เค้าเชิญหรอ?” เหยียบใจกูมากไอ้เหี้ย กูนี่ยืดเลย เชิดมาก
“พี่รุกฆาตเชิญกูเถอะ” ว่าแบบนั้นไอ้หมอกก็หลุดขำออกมาหน่อยนึง กูนี่หน้าตึงเลย เชี่ย...เซ็ง มึงคิดว่าคนแบบไอ้พี่จะชวนกูรึไง กูนี่ยิ่งกว่าวิญญาณที่ตามหลอกหลอนเต๊าะมัน มันจะสนใจอะไรกูล่ะครับ
“ว่าแต่มึงมีงบเท่าไหร่”
“ไม่เกิน1000นึงอ่ะ”
“ไอ้สัด! พันนึง ปะ...ออกจากที่นี่ เดี่ยวกูพามึงไปเดินตลาดรถไฟ”
“เดี๋ยวดิมึงงงงง”
ดึงแขนไอ้หมอกไว้ มันที่เตรียมตัวคว้ากุญแจรถมาถือไว้ กะลากกูไปลานจอดรถและขับรถไปที่ตลาดรถไฟชัวร์ ไอ้สัดนี่รีบ นอกจากตีนผี แล้วยังใจร้อนอีก
“อะไรอีกไอ้เหี้ยยยย ไม่มีของพันนึงที่นี่ เคนะครับเพื่อน”
“ของขวัญก็ไม่จำเป็นต้องแพงนี่หว่า มันอยู่ที่มูลค่าหรือน้ำใจอ่ะไอ้สัด”
“โอเค...กูเข้าใจมึงครับเพื่อน กูไม่ได้ดูถูกมึงนะ”
ก็ถ้าจะเริ่มมาแบบนี้ กูว่ามึงต้องดูถูกแล้วล่ะ ไม่รู้ว่าทำหน้าแบบไหนออกไป แต่ไอ้หมอกแค่ถอนหายใจและเดินมากอดคอกูไว้
“กูแค่จะบอกว่า ที่นี่มันห้างของแพงไอ้สัด ของขวัญวันเกิดอ่ะ ไม่จำเป็นต้องซื้อที่ห้างเหี้ยนี่หรอก”
“สัดหมอก! เดี๋ยวยามก็ลากออกไปหรอกไอ้เหี้ย ปากมึง”
“เอ้า! ลองมาลากกูดิ เดี๋ยวรู้เรื่องเลย...กูไม่ได้หมายถึงห้างไม่ดีสักหน่อย แต่แค่ มันไม่ถูกกับรสนิยมเราเว่ย ของขวัญวันเกิดในความคิดของมึงอ่ะถูกแล้ว มันไม่จำเป็นต้องแพงหรอก”
“แต่...”
“อะไร?” เลิกคิ้วถามกู ในจังหวะที่ผมก็เม้มริมฝีปากแน่น
“จากที่ช่วงเช้าวันนี้ได้มีบุญได้ไปนั่งรถพี่มัน หรูมาก เป็นคนรวยที่หรูมาก….”
“สัด โอเวอร์ละ กูก็รวย มึงเองก็รวยเถอะ มึงเคยขอข้าวใครกินรึไง ถ้าไม่เคยก็คือรวยหมดล่ะไอ้เหี้ย เลิกพูดเรื่องจนรวยเหอะ ไร้สาระสัดๆ”
มันที่ดูอารมณ์เสีย ไอ้หมอกที่เป็นลูกผู้ดี แต่ก็คบกับผมที่เป็นเด็กครอบครัวฐานะปานกลางได้แบบลงตัว ก็เพราะมันไม่เคยดูถูกใคร เป็นคนมีเงินที่จริงใจ มันไม่ดูถูกเงินไม่ดูถูกใคร ของที่มันใส่และใช้อยู่ ก็แค่มันชอบมันเลยใช้ มันไม่เคยคิดว่าซื้อมาตามเทรนเพื่ออวดใครหรือถ่ายรูปลงเฟซโชว์ เพราะมันที่เป็นแบบนั้น ผมเลยชอบมัน และคบกับมันเป็นเพื่อนได้สนิทใจ
“ก็ไม่เห็นต้องขึ้นเบอร์นี้”
“กูขึ้นแน่ล่ะ จะบอกให้นะ รวยอ่ะก็แค่กินเงินเก่าพ่อแม่เท่านั้นล่ะ จริงๆแล้ว จะมีความสุขเท่ามึงหรือเปล่าใครจะรู้”
“หือ”
“ไปเหอะ ข้ามไปเอ็มควอเทียร์ดูไหม มันอาจจะดีกว่าที่นี่ กูว่ามันน่าจะมีของชิคๆมากกว่าน้ำหอมคนแก่ กระเป๋าหลุยคุณแม่นะเว้ย”
“พูดดี ไปดิ”
“จัดไปครับเพื่อน คูลๆหน่อยไอ้สัด”
.
.
.
“เชี่ยหมอกกกกก กูถูกใจอันนี้”
หยิบขึ้นมาชูให้มัน ไอ้หมอกที่ทำปากเป็นรูปตัวโอ ตาเบิกกว้างนิดๆ และเป็นกูที่ชูของขึ้นสองมือและยิ้มกว้างทั้งหูทั้งตา กูภูมิใจมากในของขวัญอันนี้
“เอ่อ...”
“กูว่ากูอยากได้ด้วยว่ะ แบบซื้อคู่งี้ ดีมะ”
“แล้วแต่เลยมึง เอาที่มึงสบายใจเลยครับ”
“จริงดิ...แต่มึงว่าพี่มันจะชอบเปล่าวะ มันจะดีมะ” หันหน้าไปถามมัน ไอ้หมอกที่ยิ้มแหยๆส่งมาให้
“ก็ถ้ามึงชอบขนาดนี้ กูจะกล้าบอกว่าไม่ดีหรอวะ”
“อะไรนะ มึงว่าอะไรนะกูไม่ค่อยได้ยินเลย”
“เปล่าๆเว่ย เลือกเอาเลยมึง”
โบกมือปัดๆแล้วบอกให้ผมมาเลือกต่อ โถ่ เพื่อนหมอก คนดีของพี่ฝา น่ารักจริงๆ พี่ล่ะอยากจะหยิกแก้มน้องสักหนึ่งที
สุดท้าย ก็เดินออกจากห้างแล้วยิ้มแฉ่ง แฮปปี้กับของที่ตัวเองเลือกแบบสุดๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าคนที่ได้รับไป มันจะชอบของขวัญของผมหรือเปล่าน่ะสิ
.
.
.
ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มกว่าๆ ผมที่กำลังนั่งกอดของขวัญ นั่งทำหน้าจืดๆอยู่บนรถของไอ้เชี่ยหมอก พร้อมก้มลงมองโลเคชั่นที่เลิฟส่งมาให้ในไลน์ไปด้วย สุดท้ายก็ได้แต่กรอกตาหลุกหลิกมองภาพตรงหน้า ก่อนจะอ้าปากค้าง
“เชรดดดดด บ้านหลังใหญ่หลังโต กูนึกว่าบ้านมาเฟียเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้”
ไอ้หมอกที่พูดออกมาแบบนั้น ผมที่ได้แต่กระพริบตาปริบๆ พร้อมพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของมัน บ้านสไตล์โมเดิลที่ผสมกลิ่นไอของความเป็นจีนเข้าไปได้อย่างลงตัว กำแพงบ้านที่สูงตระหง่าน ทางเข้าประตูบ้านสลักด้วยลวดลายมังกร หน้าประตูบ้านที่แผ่นป้ายหินอ่อนที่ถูกสลักเป็นรูปแกะสลักมังกรคู่และดอกโบตั๋นเกาะเกี่ยวกันไว้พร้อมชื่อสกุล
‘เตชะณรงกรค์’ …. รถของไอ้หมอกถูกจอดไว้ที่โรงจอดรถ เอาจริงๆกูนึกว่าที่จอดรถห้าง ก้มมองสภาพตัวเอง กางเกงยีนส์เสื้อยืด ทำไมไม่บอกว่ากูต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้วะ หันไปมองไอ้หมอก มันที่มาในเสื้อแจ๊คเก็ตแบนดัง ทั้งตัวแม่งแบรนด์เนม กระชับของขวัญในมือตัวเองแน่นๆ ได้แต่กลืนน้ำลาย เหมือนกูมาอยู่ผิดที่ผิดทาง
“ปะมึง นั่งมึนไรอยู่วะไอ้ฝา”
“มึง...กูไม่กล้าเข้าไปว่ะ”
“ไม่กล้าเชี่ยไร มาถึงนี่แล้ว ไป ลงๆ”
มันที่ว่าแบบนั้นพร้อมดับเครื่องจอดรถ กดดันให้กูลงไปอีก สุดท้ายก็เปิดประตูลงจากรถมาจนได้ หันซ้ายมองขวา รถหรูจอดเรียงรายเต็มไปหมด น่าจะเป็นแขกที่มาวันนี้ เห็นแล้วอยากจะพุ่งเข้าไปลูบๆคลำๆ แต่ก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เลิฟเดินออกมาจากทางด้านหน้าของบ้าน รอยยิ้มน่ารักๆที่ส่งมาให้ ทำให้อดชมไม่ได้ว่าเลิฟน่ารักมากจริงๆ
“โย่วๆ สวัสดี”
“อ่าหะ”
“เข้าไปข้างในกันเถอะ เอ๋...แล้วนี่ถืออะไรมาอ่ะ” เลิฟที่ทำหน้างงๆ มองของขวัญที่ผมอุ้มมาด้วย
“อ๋อ ของขวัญ” ผมที่บอกออกไปแบบนั้น ไอ้หมอกที่ยืนอยู่ข้างๆยิ้มแหยๆนิดหน่อย ... อะไรของมึงวะ เลิฟมองอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มกว้างๆออกมาอย่างใจดี
“คิดว่าเฮียรบจะต้องชอบล่ะ...เอาล่ะมาเถอะ เข้าไปในงานกัน”
เดินตามเลิฟเข้าไป ผ่านโถงทางเข้าที่เป็นทางเดินทอดยาว เท้าเหยียบลงไปบนพื้นหินอ่อนสีสวย ทำเอาต้องกลืนน้ำลาย คือต้องรวยเบอร์ไหน
“วันนี้คุณป๊ามีแขกมาด้วยเยอะ งานช่วงแรกก็คงจะเป็นของผู้ใหญ่ๆ แต่หลังจากเป่าเค้กเสร็จ เฮียรบจะจัดปาร์ตี้ที่สระว่ายน้ำ มีแต่เพื่อนๆกัน ยังไงช่วงนี้ก็ทนๆไปก่อนนะ จริงๆกูก็โคตรจะเบื่อล่ะ”
เลิฟที่กระซิบบอกผมแบบนั้น เดินตามคนร่างเล็กเข้าไปจนสุดโถง ประตูตรงหน้าที่ทำจากไม้โอ๊คหนา แกะสลักรูปมังกร ที่หน้าประตูมีสิงโตที่ทำจากหินอ่อน วางโชว์ไว้ทั้งสองข้าง
“ไอ้เหี้ย เจ้าพ่อสัดๆ”
ไอ้หมอกกระซิบบอกผมแบบนั้น ได้แต่กระชับของขวัญไว้ในมือ และเดินเข้าไป ภายในห้องกว้าง ยังกับห้องบอลลูมของโรงแรมห้าดาว มีแขกเหลือมากมาย รวมทั้งคุณหญิงคุณนายเต็มไปหมด ที่คิดแบบนั้นเพราะเห็นเหล่าคนที่มีอายุแล้ว พร้อมแต่งชุดราตรีรวมถึงประโคมเครื่องเพชรกันมายังกับตูเพชรเคลื่อนที่ ทางด้านขวาตรงมุมห้อง มีของขวัญจากบรรดาแขกในงานที่เอามาให้ไอ้พี่ตั้งอยู่ ผมที่ถอนหายใจออกมาในวินาทีนั้น ของขวัญของกู เทียบไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เรียกได้ว่าอ่อนด๋อยมากๆในจุดๆนี้
“หายไปไหนตั้งนาน”
“เชี่ย อุ้ย พี่รุก ตกใจหมดเลย” เสียงของเลิฟทำให้พวกเราต้องหันไปมอง พี่รุกในชุดเสื้อลายจีนสีเลือดหมู ลายมังกรสีทอง มองจากมุมนี้ยิ่งทำให้พี่เขาดูหล่อและหน้าเกรงขรามขึ้นไปอีก แขนแกร่งโอบรอบเอวบางของเลิฟไว้อย่างแสดงความเป็นเจ้าของ
“มึงช้า”
“ก็ไปรับฝาไง”
“อ่อ”
ตอบรับกับเลิฟแล้วค่อยหันมามองพวกกู แล้วพยักหน้าให้แบบส่งๆ ผมกับไอ้หมอกที่รีบยกมือไหว้พี่แกไปที สังเกตหลายทีแล้วว่า พี่รุกนี่เหมือนในสายตาเฮียแกไม่เคยมีใครเลยนอกจากเลิฟ ชาวบ้านชาวช่องอยู่เยอะแค่ไหนมันจะกลายเป็นอากาศธาตุไปซะทุกที
“ตายห่า กว่าจะมา กูรอรากงอก ไอ้ธารไปรับกูมาค่ะสวยไหมมึง”
เสียงจีบปากจีบคอของไอ้เซียร์ที่ดังมาพร้อมๆกับเจ้าตัว ร่างสวยในชุดเดรสกระโปรงสีชมพูโอรสผ่าหน้ามาแบบแหวกอีกนิดนึงก็จะเห็นไปถึงไหนต่อไหน ไอ้ธารที่แต่งตัวด้วยชุดเสื้อเชิ้ตหล่อๆสีดำ กูเหมือนเป็นเด็กป.1ที่เป็นลูกคนใช้มายืนอยู่ในหมู่ลูกหลานมหาเศรษฐีเลยว่ะ และก่อนที่จะมีใครพูดอะไรขึ้นมา เสียงดังของช้อนกระทบกับแก้วไวน์ก็ดังให้เราต้องหันไปมอง ผู้ชายอาวุโสที่สุด แต่ดูสง่ามากที่สุดก็ลุกขึ้นยืน
“นั่นคุณป๊าล่ะ” เลิฟหันมากระซิบบอกผม คุณป๊าที่ถึงแม้จะอายุมากแล้ว แต่ยังคงมีท่าทีที่น่าเกรงขาม ดวงตาคมของชายชรามองไปรอบๆงาน ก่อนจะผายมือไปที่ประตูอีกฝั่งของห้องที่ถูกปิดอยู่ ก่อนที่มันจะเปิดออกมาช้าๆ ร่างสูงที่โด่ดเด่นและสง่า ในชุดเสื้อคอจีนแขนยาวไม่ต่างจากพี่รุกฆาต ต่างกันแค่พี่รบอยู่ในเสื้อสีดำขลิบลายมังกรสีทอง หน้าตานิ่งๆที่ดูไม่แยแสคนรอบข้างหรือใครอะไรมากมายที่เดินเข้ามาในงาน
ก่อนที่เสียงเปียโนจะค่อยๆดังขึ้นมาในจังหวะของเพลงHappy birthday
‘พรึบ’
ไฟในงานที่ดับลง พร้อมๆกับไฟสปอตไลต์ที่ยังคงฉายให้เห็นพี่รุก และแสงไฟจากเทียนดอกเล็กๆที่ประอยู่บนหน้าเค้กในมือของ....หญิงสาวคนนึง สาวสวยผมยาวที่อยู่ในชุดเดรสเกาะอกรัดรูปสีเงิน มองดูจากตรงนี้แล้วทำไมมันดูเหมาะสมกันจัง
เสียงเพลงที่หยุดลง
“สุขสันต์วันเกิดนะคะรบ”
“ขอบคุณครับ”
คำพูดดีๆที่ออกมาจากปากของพี่รบ ใบหน้าคมที่ยื่นเข้าไปเป่าเทียน ทั้งห้องตกอยู่ในความมืด ก่อนที่สักครู่ แสงไฟจะค่อยๆกลับมาอีกครั้ง ภาพที่ปรากฏตรงหน้าสร้างเสียงฮือฮาของแขกเหลื่อภาย ใบหน้าคมที่ผมคุ้นเคย ริมฝีปากหนาที่ผมเคยสัมผัสผม ตอนนี้มันกำลังประกบจูบลงบนริมฝีปากบางของหญิงสาวที่เป็นคนถือเค้กมาให้ ก่อนที่จะผละออกมา
“อุ๊ยตายว๊ายกรี๊ดมากค่ะเอดอก”
“เชี่ยเซียร์เบาๆ”
“อะไรกันวะเนี่ยวะไอ้พี่รุก นั่นมัน....”
“หึ น่าเบื่อชิพหาย ช่างเหอะ”
เสียงหลายๆเสียงจากคนรอบข้างไม่ได้เข้าหูผมเท่าไหร่ ตอนนี้ภาพตรงหน้ายังติดตา ผมรู้สึกหน้าชาแปลกๆ ใจผมสั่น ทั้งๆที่พยายามไม่คิดไปเอง ตลอดเวลาที่ผ่านมาพยายามไม่คิดไปเอง ขนาดไม่คิดไปเองกูก็ยังเจ็บขนาดนี้
จริงๆแล้ว มึงจะจูบกับใครก็ได้สินะ... .
ใบหน้าคมที่ยังคงทำหน้านิ่งๆ มองผ่านๆทุกคนในงาน ก่อนที่ตาคู่นั่นจะเผลอสบตากับดวงตาใสที่กำลังสั่นไหว คนร่างสูงที่เบิกตากว้างขึ้นอย่างตกใจ กับการที่ได้เห็นหน้าใสของใครบางคน
.
.
.
“ทำไมไอ้จืดมันถึงมาได้!”
เดินดุ่มๆเข้ามาหาร่างสูงของคนเป็นน้องที่ยืนยกยิ้มมุมปาก พร้อมจิบไวน์อย่างกวนตีนในสายตา มุมปากหยักของรุกฆาตกระตุกยิ้ม ก่อนจะมองจ้องคนเป็นพี่ที่ยืนเท้าสะเอวอยู่อย่างเกรี้ยวกราด
“ทำไมวะ กูเชิญมาเอง”
“ไอ้สัดรุกฆาต!”
“จุ๊ๆพี่ชาย อย่าเสียงดังสิครับ คนตกใจทั้งงานแล้วมั้ง”
“เชี่ยเอ๊ย!”
“หึ...ดูร้อนออกร้อนใจแปลกๆเนอะ”
“ไอ้รุก พอแล้วน่า เลิกกวนตีนเฮียบรบเถอะน่า”
ร่างเล็กของเลิฟที่คอยสะกิดแขนแฟนตัวเองไม่ให้อีกคนกวนตีนพี่ชาย แต่รุกฆาตเพียงแค่ดึงคนตัวเล็กมาโอบเอวแล้วหอมแก้มใสนั้นลงไปแบบเน้นๆ
“เมียกูก็เป็นผู้ชาย...แต่กูไม่เคยอายที่จะรัก หรือพยายามทำทุกทางที่จะได้มันมา หึ”
“..........”
“อะ แล้วนี่เอาไป ของขวัญวันเกิดมึง”
หมอนรูปกล้วยสีเหลืองที่ถูกยัดเข้ามาไว้ในอ้อมอก ได้แต่ก้มมองมันอยู่แบบนั้น โดยที่ตอนนี้...ก็ไร้วี่แววของเจ้าของที่น่าจะเป็นคนให้เอง
-TBC-
--------------------------------------------
ตอนนี้ยกให้พระเอกคือพี่รุกฆาตของบ่าว เชี่ยพี่นักรบบบบบบ พี่จูบใครว้าาา คืออะไร สงสารน้องงงง
ยกน้องให้พี่โซลลลลลล เเง่งงงงงง
