.(ต่อ)
.
.
ผมเตะความเครียดทิ้งไปทันทีเมื่อเจอแสงสีและสิ่งมีชีวิตที่พร้อมจะอวดหน้าอกหน้าใจบี้ไถหลังคุณไปมาขณะเต้น ผมออกสเต็ปไม่คิดชีวิตเหมือนเป็นวันสุดท้ายที่จะได้โยก มุมไหนสาวชุกผมก็พยายามแถเข้าไปหา เมื่อเห็นเขามากับผัวผมก็แถออกมา ผมเต้นแบบไม่สนใจเพื่อนร่วมโต๊ะและเจ้าภาพที่นั่งดื่มกันเงียบๆ ไอ้โป้ยคงจะบอกเล่าเก้าสิบถึงความรันทดชีวิตของผมให้เพื่อนอีกสองคนฟังแล้ว พวกมันถึงได้ไม่ถามหรือพูดเรื่องอะไรให้ผมระคายใจ มันทำเพียงแค่ปล่อยผมออกไปสู่แสงสีเสียงและยกขวดเบียร์ให้เมื่อผมหมดแรงกลับมา
“เหนื่อย~” ผมบ่นได้คำเดียวก่อนจะกระดกเบียร์รวดเดียวค่อนขวด ความขมปนหวานแผ่ซ่านในลำคอจนต้องกระดกซ้ำหลังจากพักหายใจ “พวกมึงไม่ออกไปเต้นกันวะ หญิงแจ่มๆทั้งนั้น”
“ที่เข้าตากูล้วนมากับผัวทั้งสิ้น” ไอ้อ่ำรำพึง สเปคของคุณชายอ่ำล้วนเลเวลสูงและส่วนมากนางในระดับนั้นมักไม่ค่อยรอดมาถึงมืออ่ำสักเท่าไหร่
“ที่จริงกูอยากย้ายโต๊ะมาก ใครมองมาแม่งรู้เลยว่ากูเป็นเพื่อนมึง” เป๋หันมองรอบตัวทั้งที่เหตุการณ์ก็ปกติดี “เต้นท่าเหี้ยอะไรของมึงมากมาย กูเห็นละอายแทน”
“มันเป็นฟิลลิ่งเว่ย เพลงมันขนาดนี้จะให้กูเต้นลีลาศเหรอไง” ผมแย้งพลางหยิบเบียร์ขวดใหม่ขึ้นมาเปิด แล้วเทเข้าปากเป็นขวดที่หก
“มึงจะไปเอาไรกับมันนักวะเป๋” ผมรีบพยักหน้าเห็นด้วยกับเพื่อนโป้ยที่ออกตัวสนับสนุน ก่อนที่ประโยคต่อไปทำให้อยากจะตบหัวมันให้ทิ่ม “มันหน้าด้านมึงก็รู้”
“ปล่อยกูสักวันเหอะวะ ช่วงนี้กูต้องดวงตกแน่ๆ” ผมเถียงให้ตัวเอง
“อย่าเข้าข้างตัวเอง มึงโดนทิ้งอย่างนี้ตลอดอยู่แล้ว” ผมหันขวับไปมองเพื่อนอ่ำที่กล่าววาจาทำร้ายจิตใจกันได้อย่างเลือดเย็น. “อีกอย่างนะ มึงกับเจ้านายก็เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานานแล้วไม่ใช่รึไง”
“แต่มันโดนหนักว่ะคราวนี้ เอ้า! แดกๆเข้าไป ไม่เมาไม่กลับ”
“เย้!” มีผมคนเดียวที่ตอบรับความใจป้ำของเพื่อนโป้ย เพราะนอกนั้นได้แต่ส่ายหน้าไปมาแบบไม่เห็นด้วยเต็มที่ เพราะเป๋ต้องกลายสภาพเป็นพนักงานออฟฟิศในเช้าวันรุ่งขึ้น ส่วนอ่ำก็ต้องไปเฝ้าร้านวัสดุก่อสร้างให้เตี่ยมันแต่เช้าเหมือนกัน มีแค่ผมที่รื่นเริงเหมือนพวกไม่มีงานทำ
ผมดื่มไปเยอะจนนับขวดไม่ทัน แอลกอฮอล์มันเข้าไปอยู่ในร่างกายมากจนผมควบคุมสติไม่ได้อีกต่อไป เพราะงั้นเพียงแค่เสียงของใครสักคนที่บอกว่าเห็นพี่ปูนกำลังอ้อล้อกับสาวในมุมหนึ่งของผับก็ทำเอาผมสติพัง ความน้อยเนื้อต่ำใจ ความรันทดชีวิต มันประดังประเดออกมาเหมือนเขื่อนแตก
“มันแม่งเชี่ย” เสียงผมอ้อแอ้จนจับใจความแทบไม่ได้ “ชอบว่ากู อึก! แม่งหล่อ อึก! แม่งรวย อึก! แล้วไงวะ เอิ๊ก! ถึงพี่ไม่รวยแต่ก็มีหนี้สินนะน้อง!!”
“ไอ้เหี้ยนี่! ตะโกนหาป้ามึงเรอะไง” เหมือนจะเป็นเสียงไอ้เป๋หน้าบาง แล้วเค็มๆที่อุดปากกูอยู่เนี่ยก็มือมึงใช่มั้ย?
“ปล่อยกู อึก! แม่งทิ้งกู~ เชี่ยแพร อิแพท อิแนน เชี่ยหมิง เชี่ย...ใครอีกวะแม่งกูลืม! เอิ๊ก! กูเป็นคนดีตรงไหนวะ กูมันไม่ดี ฮึก! เจ้านายยังด่ากูอยู่เลย ถ้าอยากได้เหี้ยๆ ทำไมไม่บอกกันวะ แม่ง~ ไอ้ปูน! มึงมันตัวมารอะ กล้ามอกมึงแน่นมาก อึก! กูเห็นแล้วยังสยิวแทนเลย เอิ๊ก!!”
“กูว่าเอาแม่งกลับเหอะ ไอ้สัดนี่เอามาปนกันมั่วไปหมดแล้ว” เสียงของใครสักคนดังขึ้น ผมได้แต่อ้อแอ้ปฏิเสธแต่ไม่นานก็รู้สึกว่าตัวเองถูกหิ้วปีกสองข้างจนตัวแทบลอย
“ไอ้สูง!! เห็นใจกูบ้าง เอิ๊ก! กูเตี้ย” ผมสะบัดตัวไปมา “ปล่อยกู! กูจะไปเยี่ยว!”
“มึงเมาตายห่าแล้วไอ้ลุง”
“เออกูเมา เอิ๊ก! แต่กูปวดเยี่ยว”
“ไอ้โป้ยมึงไปสตาร์ทรถรอเลย กูจะลากมันไปห้องน้ำเอง” เหมือนจะเป็นเสียงไอ้อ่ำ แต่ผมยังไม่ทันจะตกลงอะไรมันก็ฉุดลากผมไปแล้ว
“บ๊ายบายนะพวกมึง” ผมหันไปโบกมือลาไอ้สองตัวที่ยังยืนมองอยู่
“บายหาป้ามึงเรอะ!!” เลยเจอไอ้อ่ำโบกหัวไปหนึ่งที
มันลากผมผ่านคนมากมายมาได้ จนผมปรือตาเห็นได้ว่าข้างหน้าคือห้องน้ำ “มึงรอนี่ โอเค๊”
“ไปเองได้นะมึง กูรออยู่เนี่ยแหละ”
“โอเคครับพ้ม!” ผมตบไหล่มันเปาะแปะ แล้วเดินไถกำแพงผลุบหายเข้าไปในห้องน้ำ ในหัวมันวิ้งๆ จนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ แต่ผมก็พาตัวเองไปจนถึงโถฉี่ได้สำเร็จ กว่าจะงัด กว่าจะตั้งวิถีการยิง น้ำมันก็ปริ่มจนหกกระเซ็นแล้ว ผมว่าโลกแม่งหมุนเร็วจนผมเอียงไปมา ฉี่กระฉอกไร้ทิศทางควบคุมลำบากจนผมต้องแอ่นตัวติดโถ ตาผมจะปิดอยู่รอมร่อขณะเก็บลูกชายเข้าคอก ผมเดินโซเซออกมาชนคนนั้นคนนี้ไปตามทาง จนกระทั่งไปชนกับเสาต้นเบ้อเริ่มถึงกับทรุดตัวลงไปกองพื้น ผมพยายามหรี่ตามองไอ้เสาเวรตะไลที่มาตั้งไม่รู้ทิศรู้ทาง
“พัทลุง?”
“เอิ๊ก! ครายอ่ะ”
“ทำไมเมาอย่างนี้ แล้วมีเพื่อนมาด้วยรึเปล่า”
เสียงแม่งคุ้นหูโคตรๆ ฟังแล้วเท้ามันกระตุกยิกๆ “เพื่อนที่ไหน? ไม่มี้!! มาคนเดียว เมาคนเดียว เอิ๊ก!!”
“เห้ย ลุกขึ้นยืนดีๆ”
“ไม่ลุก!! ง่วงแล้ว อึก! จะนอน”
“พัทลุง!”
“รำคาญโว้ย!!” และนั่นเป็นคำสุดท้ายที่ผมจำได้ในหัวสมอง
ภาพทุกอย่างตัดฉับเหมือนใครมาปิดทีวี และหลังจากความมืดเข้าครอบคลุมจนมิดสมองผมก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย
TBC.