◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| *แจ้งข่าวหนังสือ* || 5-3-63 หน้า 54 ||
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| *แจ้งข่าวหนังสือ* || 5-3-63 หน้า 54 ||  (อ่าน 302401 ครั้ง)

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ taku_kimu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

ลุงน่ารักอะ..รักลุงมากๆ นะปุริม อย่าปล่อยมือเป็นอันขาด  :mew1:

อย่าหายไปนานนะคะไรท์ฯ คนอ่านใจจิขาด  :hao5:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ปราจีน เชื่อเพื่อนจนไม่ฟังความสองข้าง   :hao3:
ธรรมดาผู้ชายก็เปย์ข้าวของให้ เวลาจีบ
แต่ถ้าหญิงงกขอมากกว่าที่เขาอยากให้ก็มี
แสดงว่าปุริมไม่ได้ขอคบนางเลย
แต่นางประทับใจทั้งรูปร่าง  ทั้งเสน่หาเรื่องอย่างว่า
เลยโมเมว่าเป็นแฟนและไปเล่าให้ปราจีนตามความคิดของตัวเอง

“แล้วรู้มั้ยแฟนแกทำยังไง มันผลักฝ้ายออกจนล้มลงไปกองกับพื้นโดยที่ไม่เหลียวมามองเลย
แต่กลับหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเสื้อตัวเองที่เปื้อน ผู้ชายดีๆ เขาทำกันแบบนั้นเหรอแม่
ชอบที่คุณดาหลา บอกว่า  “เอ่อ...ก็ไม่รู้สิลูก แม่ไม่เคยวิ่งไปร้องไห้กับอกใครมาก่อน
ผู้หญิงดีๆ เขาก็ไม่กินเหล้าเมา  แล้วไปร้องไห้กับอกผู้ชายหรอก เหอะ.....ส์...
ปุริม  ลุง   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-08-2018 04:53:19 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
อูยสองสาวนั้นเป็นคุณป้ากับเพื่อนหรือเนี่ย
ตายๆๆๆ พี่ปูน ยังมีประเด็นกิ๊กเก่าอีก
เสร็จแน่ปุริม

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ได้แฟนแบบลุงนี่ดีต่อใจมากๆ อยากไ้ด้แบบนี้บ้าง อิจฉาปุริมอ่ะ

ออฟไลน์ เจ้าหญิงขี้ลืม

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
ที่แท้ผู้หญิง2คนนั้นก็คือพี่สาวลุงกะเพื่อนนี่เอง
สู้ๆแล้วกันนะคุณปูน

ออฟไลน์ mkooo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เราว่าถ้าเราเป็นป้า เราก็จะเตือนน้องชายแบบเดียวกัน
พี่ปูนอดีตไม่ดีเลย เราได้แต่หวังว่าปัจจุบันที่อยู่กับลุงจะเปลี่ยนแปลงนะ
ขอบคุณสำหรับนิยายมากๆค่า เป็นกำลังใจให้ค่า ขอให้เที่ยวให้สนุกค่า
 o13

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เรื่องกินสำคัญเสมอ
หิ้วข้าว หิ้วปลาไปด้วยจ้า ดีงามจริง ๆ ลุงเอ้ย

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
ลุงเป็นคนมรลีเหตุผลแล้วก็เข้มแข็งมากๆ รู้สึกกลัวแทนพี่ปูน คนๆ นี้ถ้าโกรธจะใจแข็งมากๆ
พี่ปูนรักน้องมาก มากจนจะเป็รโลกทั้งใบแล้ว ความหลงเมียมีเมียเป็นที่พึ่งทางใจนี้

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14
มีพี่สาวแบบนี้ก็ไม่ไหวน่ะ
รอพี่กรโป้ยค๊า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
ลุงสุดยอดรู้จักคิดมาก ว่าแล้วว่าผู้หญิงที่มาทักพี่ปูนต้องสร้างปัญหา พี่ปูนเตรียมหาคำตอบได้เลย 5555

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
เราแนะนำว่าให้ถามพี่ปูนไปเลย เรื่องเจน่า

เพราะตอนที่เห็นเจน่าโผล่มาในฉาก ยอมรับว่าตกใจเหมือนกัน

ก็เชื่อพี่ปูนนะ เรื่องไม่มีการเกินเลยแล้ว แต่มันก็อดหึงหวงไม่ได้



เดี๋ยววววว  ตกใจเหมือนเป้นเรื่องของตัวเอง 555

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
อดีตเรากลับไปแก้ไขไม่ได้ แต่ปัจจุบันสนับสนุนให้ลุงจัดการกับพี่ปูนขั้นเด็ดขาดไปเลย

ออฟไลน์ masochism2018

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
เข้าใจป้านะจ๊ะ
จากสถานการณ์ที่เห็นวันนั้นคือพี่ปูนไม่โอเคเลย
ถ้าคนแบบนี้เข้ามายุ่งกับพี่น้องเรา เราก็ไม่ไว้ใจแน่ๆ
แต่อีกมุมนึง ก็ต้องคิดด้วยว่าที่เพื่อนพูด มีความจริงขนาดไหน55555
แต่ก็นะ มายุ่งกับน้องชายก็ต้องหมายหัวไว้ก่อน

ออฟไลน์ ppnplg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เข้าใจป้านะเป็นห่วงมาเตือนน้องชาย อดีตคุณปุริมแกไม่ดีไง
แต่ก็เหมือนเพื่อนป้าโมเมเอาฝ่ายเดียวว่าเป็นแฟนกันอะ
ลุงงงงงมีเรื่องแค่ไหนปากท้องก็สำคัญยังหอบข้าวหอบปลาไปกิน

ออฟไลน์ may27

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 297
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
 o18  เอาใจช่วยให้ผ่านทุกอุปสรรคเลยนะคะ ทั้งคุณลุงและคุณปุริม คุณลุงอย่าปล่อยมือจากปุริมนะะะะะะะะะ

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
โอ้โหหหหหไม่คิดเลยว่านักเขียนจะวางเรื่องไว้แบบนี้คือตอนที่พี่ปูนปะทะกับผู้หญิงในผับนี่เราก็คิดแค่ว่าคงเป็นกิ๊กเก่าพี่ปูนธรรมดาที่นักเขียนเขียนขึ้นมาเพื่อให้เห็นว่าพี่ปูนเลิกกับคนอื่นหมดแล้วจริงๆ ใครจะคิดละว่าเพื่อนกิ๊กเก่าพี่ปูนจะเป็นคุณป้าน่ะ งานนี้คงไม่ใช่ปัญหาแม่ยายลูกเขยแล้วแหละแต่เป็นปัญหาพี่เมียแทนตะหาก

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
ลุงเป็นคนมีเหตุผลทำให้รักยืนยาว

ออฟไลน์ ous_p

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ลุงแบบมีความคิดมากอ่ะ คนดีขอปุริมโดยแท้

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
อยากได้แฟนแบบลุงอ่ะ เป้นทุกอย่างให้เธอแล้วจริงๆ เป้นคนดีมีเหตุผลอีกต่างหาก ปุริมโชคดีมากๆๆๆ
แต่หวังว่าจะเคลียร์กัยป้าได้นะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
นี่ถ้าไม่ใช่ลุง น่าจะเลิกกันไปแล้วล่ะเจอแบบนี้ เป็นชะนีคงแว๊ดๆๆๆใส่พี่ปูนแล้วล่ะ

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ลุงโคตรดีมีเหตุผล แฟร์ๆกันทุกฝ่าย เชื่อใจและไว้ใจ โอ๊ยยยยยดีใจกับปุริมจริงๆที่ได้ลุงเป็นแฟน //เพิ่งอ่านสองตอนหลังที่อัพนี้ จากที่หยุดอ่านไปนานเลย จนลืมเนื้อเรื่องบางส่วนไป ลืมความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้น //ตอนก่อนหน้า ชอบความรู้สึกที่ว่าลุงเมื่อก่อนนอนคนเดียวได้ แต่เดี๋ยวนี้เหมือนขาดบางอย่างไป เพิ่งจะรู้ตัวว่าคิดถึงพี่ปูนมากขนาดนี้ เนี้ยยชอบตรงนี้จริง ชอบความรู้สึกรักและคิดถึงของลุงที่มีให้พี่ปูน คอยอยู่เคียงข้าง แต่นี้กลับจำความรู้สึกที่ว่าลุงเริ่มชอบเริ่มมีความรู้สึกกับพี่ปูนตอนไหน เพราะตอนแรกไม่ถูกกัน เลยอยากกลับไปอ่านตอนที่ลุงเริ่มมีความรู้สึก จากวันนั้นจนมาถึงวันนี้ คือแบบ โอ๊ยยยยยยย มาไกล 555  จำได้ว่าชีวิตพี่ปูนนี้มืดมนและอยู่ตัวคนเดียว อยากให้มีคนเคียงข้าง สิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวมันดราม่าจริง อ่านไว้นานจนลืม จะกลับไปอ่านอีกรอบแน่นอน 55555 อ่านมาตลอดแต่ไม่เคยเม้นท์มั้ง(น่าจะ)555 แต่อยากจะบอกว่านิยายเรื่องนี้มันดีต่อใจมากจริงๆ ครบทุกอารมณ์เลย ควรค่าแก่การอ่าน ดีที่ไม่พลาด ตามๆรอๆตอนต่อไป แต่ละตอนก็ยาวดีจริงๆ อ่านจุใจ ชอบปุริมมองลุง เขินแทนอ่ะ สายตาพี่แก โอ๊ยยยยยยยยยย ลุงเองยังประหม่าอ่ะ 55555 เรานี้ตายไปเลย ชอบความหื่นของปุริม แต่ชอบสุดชอบความอยากรักษาความฟิตของลุง 5555555 รีบๆเคลียร์กันนะ ยัยเจน่านั่นอ่ะ แต่ว่านะคุณดาหลาตลกและน่ารักจริง พอกันอ่ะแม่ลูก 555 ส่วนป้าก็รอดูลุงกับพี่ปูนนะ เดี๋ยวจะได้เห็นรักแท้เป็นยังไง จะแสดงให้ดู คึคึ!! //ขอบคุณมากๆสำหรับนิยายดีๆค่ะ รอเม้นท์ตอนต่อไป คึคึ!!  :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-07-2018 13:29:18 โดย blove »

ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สงสารพี่ปูนนะกับเรื่องที่บ้าน แถมตอนล่าสุดยังโดนป้าเหม็นขี้หน้าอี๊ก
ซงซานนนจริง ๆ

ออฟไลน์ RinNam

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
พี่ปูนโชคดีมากๆๆๆ ที่ได้ลุงเป็นแฟน เป็นคนที่มีเหตุมีผลมากๆๆๆๆๆๆๆ

โอ้ยยย ดีงามมมม

ค่อยๆทำให้ป้าเห็นนะ ว่าพี่ปูนจริงๆแล้วไม่ได้แย่เหมือนที่เพื่อนป้าบอก

ชอบเรื่องนี้จัง  :-[

 :pig4:

ออฟไลน์ konnarak

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-0

ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook
ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ [โป้ย]






อากาศเย็นวูบที่พัดเข้าร่างทำให้ผมกระพริบตาตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล จากมุมมองที่ยังพร่ามัวอยู่นั้นมองเห็นแผ่นหลังในชุดเสื้อยืดพอดีตัว เจ้าของร่างนั่งอยู่ท่านั้นนิ่งๆ นานนับนาทีก่อนที่จะเริ่มบิดเอี้ยวตัวเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ผมพลิกตัวเพื่อหวังจะดูนาฬิกาข้างเตียงแต่กลับทำให้คนตื่นก่อนรู้สึกตัวว่ามีคนตื่นมาเป็นเพื่อนเพิ่ม

“นอนต่อเถอะโป้ย เพิ่งตีห้าเอง”  พี่กรส่งเสียงปราม แต่ผมเองก็ตื่นขึ้นมาเต็มตาเสียแล้ว

“ทำไมตื่นเช้าจัง วันนี้ไม่ใช่วันถ่ายนี่”

“ผู้จัดเขาขอคิวพิเศษน่ะ คงอยากรีบปิดกล้องให้ทันกำหนดออนแอร์”  ร่างสูงของดาราหนุ่มเหยียดยืนขึ้นเต็มที่ แม้น้ำเสียงจะยังติดงัวเงียอยู่สักเล็กน้อย แต่ก็ยังเดินตรงไปยังห้องน้ำด้วยฝีเท้ามั่นคง กระนั้นการสนทนาก็ใช่ว่าจะขาดตอนไปเสียทีเดียว

“เพราะงั้นพี่คงไม่ได้เข้าออฟฟิศสักสองวันนะ ถ้ามีอะไรด่วนก็คุยกับปูนไปเลย”  เสียงก้องดังออกมาจากในห้องน้ำที่เปิดประตูแง้มไว้ ผมขยับตัวลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง หยิบจัดหมอนให้รองแผ่นหลังอย่างสบายที่สุด แต่การสั่งความนั้นไม่ได้ทำให้ผมสบายใจเท่าไหร่

มันคล้ายจะบอกว่าถ้าไม่จำเป็น ไม่ต้องโทรหา

“แล้วถ้าไม่ใช่เรื่องงานล่ะ?”  ผมแสร้งตะโกนถามออกไป แล้วก็จริงดังที่คาด เพราะคนในห้องน้ำนิ่งเงียบไป ไม่กี่วินาทีต่อมาเสียงน้ำจากก๊อกก็ดังขึ้นคล้ายจะเป็นการสร้างข้ออ้างของการไม่โต้ตอบ

ผมได้แต่ถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด จะว่าขัดเคืองก็ใช่ จะว่าชาชินแล้วก็ไม่ผิด หลังจากการบอกรักที่เบาที่สุดเท่าที่หูคนจะสามารถรับรู้ได้นั้น ก็ใช่ว่าความสัมพันธ์มันจะเปลี่ยนไปสักเท่าไหร่ พี่กรก็ยังเป็นพี่กรที่เอาแต่สร้างกำแพงขึ้นมาระหว่างเรา ถึงผมจะรู้สึกว่ากำแพงนั้นมันบางลงมากแล้วก็ตาม

แม้ว่าผมจะหมั่นไส้พวกที่แสดงความรักกันไม่เกรงใครหน้าไหนแบบเพื่อนงี่เง่ากับผัวสมภารของมัน แต่ผมก็ขอยอมรับอย่างหน้าชื่นอกตรมเลยว่าตัวเองอิจฉา พี่ปูนดูแม่งไม่แคร์เลยสักนิดว่าใครจะมองยังไง เดาว่าถ้าป้องปากตะโกนบอกทุกคนได้เขาคงทำแน่ ดูอย่างไอ้ลุงเถอะ เห็นทำเป็นอายแบบนั้นแต่มันก็ดีใจจะตายห่าที่พี่ปูนให้ความสำคัญ


ก็การได้รู้ว่าตัวเองเป็นที่รักแค่ไหน มันจะไม่รู้สึกดีได้ยังไง


ผมสะบัดหัวไล่ความคิดไร้สาระออกไป การที่คนสองคนไม่ได้แสดงความหวานออกนอกหน้าก็ใช่ว่าจะรักกันน้อยกว่าซะเมื่อไหร่ อีกอย่างผมคงขนลุกไม่น้อยถ้าต้องทรีตพี่กรแบบหวานฉ่ำน้ำตาลเรียกพี่เหมือนคู่อื่นๆ ถึงจะชื่อว่าคนรักกันแต่เราก็เป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่
เสียงประตูห้องน้ำปิดเบาๆ จากนั้นเสียงน้ำก็แว่วตามมา คราวนี้ถึงตาผมบิดขี้เกียจและต้องลุกออกจากเตียงบ้างแล้ว ผมนวดคอตัวเองไปมาขณะเดินออกจากห้องนอนไปยังลิฟวิ่งรูม ตรงไปส่วนครัวเพื่อเตรียมกาแฟรับเช้าวันใหม่ ตั้งเครื่องเสร็จก็แวะเข้าห้องน้ำด้านนอกเพื่อล้างหน้าบ้วนปากแบบลวกๆ เพื่อรอเวลา

เมื่อเปิดม่านออกก็เจอเพียงความมืดของท้องฟ้าและแสงไฟจากรอบบริเวณ กลิ่นหอมเข้มข้นของกาแฟสดใหม่ลอยเเตะจมูกยามผมสำรวจท้องถนนเบื้องล่างที่นับว่าเป็นทัศนียภาพเดียวที่ห้องนี้มี แสงไฟจากรถยนต์เคลื่อนไหวเร็วแทบจะเห็นเป็นเส้นสายคงเพราะท้องถนนนั้นโล่งเพียงพอที่จะไม่ต้องออมแรงขับเคลื่อน

ผมเดินตรงไปยังกระเป๋าตัวเองเพื่อหยิบบุหรี่กับอุปกรณ์แล้วเดินตรงออกไปเลื่อนประตูกระจกออกและไม่ลืมที่จะปิดมันกลับให้สนิท ผมเริ่มก่อกวนอากาศบริสุทธิ์ที่มีอยู่น้อยนิดในยามเช้าด้วยการพ่นควันสีเทาออกมาระรอกแล้วระรอกเล่า มันไม่ดีหรอกผมรู้ แต่ระยะหลายปีมานี้ผมก็พยายามทีจะไม่สูบมากจนเกินไปนัก ทั้งกลุ่มก็เหลือแค่ผมเท่านั้นที่ยังทำร้ายตัวเองไม่เลิกแบบนี้ และพวกบรรลุแจ้งในสิ่งไม่ดีเหล่านั้นก็ออกปากห้ามผมอยู่เรื่อยถ้าเห็นผมทำท่าจะอดไม่ไหว ส่วนหนึ่งที่ผมลดได้ก็ต้องขอบคุณพวกมันนี่แหละ

ไม่นานนัก ก้นบุหรี่สุดท้ายก็ถูกทิ้งลงที่เขี่ยพกพา ผมเดินกลับเข้าห้องอีกครั้งและพบว่าพี่กรนั่งดื่มกาแฟเงียบๆ คนเดียวไปแล้ว คุณดาราแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยพร้อมออกจากบ้าน เป็นเสื้อยืดกางเกงยีนง่ายๆ ที่มีอยู่เกลื่อนตู้เสื้อผ้า พอเห็นผมเดินใกล้เข้ามาก็ส่งยิ้มให้อย่างเคย มือขาวเนียนชูแก้วกาแฟในมือขึ้น

“พี่เอามากินแล้วล่ะ”  สีหน้ามีแววขออภัยเล็กน้อย  “นั่งก่อนสิ เดี๋ยวพี่ไปทำให้ใหม่”

“ไม่ต้องๆ”  ผมรีบร้องห้ามเมื่อเห็นหัวขโมยกาแฟตั้งท่าจะลุกขึ้นจากที่นั่ง บางทีไอ้การไม่เข้าข้างตัวเองของพี่กรก็ทำให้คนหงุดหงิดได้เกินคาด ผมเลื่อนเก้าอี้ลงนั่งตรงข้าม สายตาของผมตอนนี้คงเต็มไปด้วยความอ่อนใจอย่างที่สุดเป็นแน่

“ผมทำไว้ให้พี่นั่นแหละ”  สิ้นคำเฉลย เราสองคนกลับตกอยู่ในความเงียบแบบที่ผมไม่คิดว่ามันจะมาในรูปแบบนี้ ก็ไม่ได้หวังว่าพี่กรจะส่งยิ้มกว้างให้แล้วจูบขอบคุณหรอกนะ แต่อย่างน้อยมันก็ควรจะมีปฏิกิริยาตอบสนองบ้างสิ

“เอ่อ...”  เสียงอึกอักดังขึ้นอย่างลังเล สองตาหลุบต่ำมองถ้วยกาแฟในมือ  “ขอบใจนะ”

มันเป็นคำขอบคุณที่แสนจะเบาหวิว แต่วินาทีถัดมานั้นต่างหากที่มีค่ามากมายยิ่งกว่านั้นเมื่อริมฝีปากที่ขบเม้มค่อยๆ แย้มรอยยิ้มประดับมุมปากทั้งสองข้าง เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นแต่มันกลับเปล่งประกายลุกลามไปถึงนัยน์ตาสีน้ำตาล ผมนั่งนิ่งราวถูกหยุดเวลาไว้ ทั้งสมองและร่างกายเต็มไปด้วยไฟปรารถนาที่ถูกจุดขึ้นอย่างฉับพลัน ความดีใจที่ถูกซุกซ่อนในอาการขัดเขินนี้มันช่างทำให้คนมองใจเต้นแทบเป็นบ้าได้เลย 


ถ้าไม่กลัวว่าไก่จะตื่นล่ะก็ ผมจับกดมันเสียบนโต๊ะนี่แหละ!


ตอนนี้ผมอดอยากปากแห้งแทบบ้า พี่กรยินยอมให้ผมเพียงแค่จูบเท่านั้น ถ้าผมทำซุกซนแม้เพียงสักนิดทุกอย่างก็จะถูกหยุดชะงักในทันที ใช่ว่าผมเป็นพ่อพระไม่อยากฝืนใจคนรัก แต่พอลองดึงดันรุกหนักเท่านั้นแหละ...ความรู้สึกว่ากำลังข่มขืนแฟนตัวเองมันผุดขึ้นมาจนทำต่อไม่ได้เลย

ตอนนี้ผมได้แต่รอ รอจนเมื่อยมือไปหมดแล้วโว้ย!!

ผมขบฟันแน่น เก็บไม้เก็บมือให้อยู่เป็นที่เป็นทาง กลายร่างเป็นหมาที่เห็นเนื้อชิ้นโตแสนอร่อยตรงหน้าแต่เจ้าของไม่ให้กิน อาการมันก็คงจะหิวโหยจนน้ำลายสอไม่น่ามองเลยสักนิด เพราะอย่างนี้หรือเปล่าในตอนที่พี่กรเงยหน้าขึ้นมองผมถึงได้สะดุ้งออกมา

“เอ่อ...พี่ไปทำงานก่อนนะ”

แล้วก็ชิ่งหนีเหมือนเคย

“ไปเหอะ เดี๋ยวผมเก็บล้างให้เอง”  ผมไม่ปิดบังเสียงถอนหายใจของตัวเองเลยสักนิด แต่พี่กรก็ไม่สนเหมือนกันเพราะร่างสูงโปร่งตรงหน้าผมลุกขึ้นปรี่ไปยังประตูห้องเสียแล้ว จะกลัวอะไรขนาดนั้นก็ไม่รู้ ผมไม่จับปล้ำให้เสียงานเสียการเหมือนใครบางคนหรอก

“เดี๋ยวสิ”  พี่กรชะงักเท้าทันทีที่ผมเอ่ยรั้ง หมุนร่างกลับมามองผมที่เดินตามมาหยุดตรงหน้าด้วยความสงสัย ผมเองก็หรี่ตาโต้ตอบความไม่รู้กาละเทสะของพ่อดาราเขม็ง  “ลืมอะไรรึเปล่า?”

สิ้นคำถาม พี่กรตบเนื้อตบตัวเองให้วุ่น  “ไม่นะ กระเป๋าเงินกับมือถือก็อยู่ครบ”

เฮ้อ~ ผมละหน่ายจริงๆ

“ไม่เจอกันตั้งหลายวัน จะไม่จูบลากันหน่อยรึไง”  ผมมองคนตรงหน้าที่สีหน้าค่อยๆ เปลี่ยนไป ตอนนี้เค้าความสงสัยหมดสิ้นไปเหลือเพียงแค่ความเขินอายที่ฉาบอยู่ในแววตา นี่ถ้าผมไม่รู้มาก่อนว่าพี่กรไม่ซิงแล้วล่ะก็ ไม่ว่ามองยังไงพี่กรก็มักจะทำราวกับว่าตัวเองเป็นหนุ่มบริสุทธิ์เวลาผมอ้อล้อไปซะทุกที

“คือ...พี่ต้องไปแล้วนะ”

“เร็วๆ น่า”  ผมรีบคว้ามือคนเฉไฉที่กำลังจะหมุนตัวหนีเอาไว้ ออกแรงกระตุกให้อีกฝ่ายเข้ามาใกล้ตัวมากขึ้น พี่กรเม้มปากแน่นคล้ายไม่ยินยอม นั่นทำให้ความอดทนผมถึงขีดสุดแล้ว

“อื้อ!”  พี่กรครางในลำคอเสียงเบาเมื่อถูกผมจับหน้าด้วยสองมือและประทับจูบลงบนริมฝีปาก ผมบดขยี้กลีบปากนิ่มนวลหนักๆ จนความชุ่มฉ่ำเปิดเผยออกมา และนั่นทำให้ผมไม่รีรอที่จะฉกลิ้นร้อนลงไปลิ้มลองความหวานล้ำภายใน แน่นอนว่ามันไม่ได้ราบรื่นดั่งใจ พี่กรดิ้นขลุกขลักซ้ำยังผลักดันผมออกเยี่ยงสาวบริสุทธ์ในละคร ต่อเมื่อผ่านช่วงขัดขืนไปได้แล้วนั่นแหละ ฝ่ามือที่เคยขับไสไล่ส่งก็กลายมาเป็นเหนี่ยวรั้งให้ช่วงเวลานี้หวานล้ำยิ่งขึ้น

“ชื่นใจ”  ผมยอมผละริมฝีปากออกมาก่อนเมื่อเห็นว่าสมควรแก่เวลา มองคนในอ้อมกอดกระพือแพรขนตาคล้ายพยายามก้าวออกมาจากห้วงหฤหรรษ์ มันทำให้คนมองอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปหอมผิวแก้มเนียนอีกครั้ง

“เดินทางปลอดภัยนะครับ”

“...อื้ม”  พี่กรรับคำเสียงแผ่ว เรียวลิ้นสีสดแลบเลียริมฝีปากยั่วสายตาคนมองอย่างไม่ตั้งใจ ผมมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกแรงกล้า อยากจะคว้าอีกฝ่ายเข้ามากอดรัด จูบหนักๆ แล้วกัดกลีบปากอิ่มนั้นระหว่างที่ฟอนเฟ้นฝ่ามือไปตามร่างกายสมส่วน ปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกแล้วโลมเลียให้ทั่วร่างกายขาวผ่องนั่น กัดทึ้งยอดอกสีอ่อนด้วยฟันแล้วดูดรั้งมันด้วยริมฝีปากและลิ้นร้อน สอดแทรกนิ้วเข้าไปยังร่องหลืบทะลุทะลวงจนกว่ามันจะเบ่งบานพอที่จะรับแท่งอารมณ์อันร้อนระอุของผมเข้าไป

อา~ นี่ผมต้องเข้าห้องน้ำไปทำร้ายตัวเองอีกแล้วสิเนี่ย!

“ไปเถอะพี่”  ผมรีบจับอีกฝ่ายหันหลังให้ไว ด้วยกลัวจะขายหน้าเพราะลูกชายที่หิวโซนั้นผงาดขึ้นมา

“อื้ม พี่ไปนะ”  พี่กรก็ไม่รีรอที่จะบอกลาแล้วจากไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน

สิ้นเสียงประตูปิดลง เป้าสายตาของผมเบนลงล่างในทันใด ลูกชายจอมตะกระโป่งดันกางเกงผ้าจนเห็นเป็นเค้าร่าง ช่างน่าสมเพชจริงๆ ที่อายุปูนนี้แล้วยังต้องมาเก็บกดถึงเพียงนี้

ลมหายใจถูกพ่นออกมายาวเหยียด ภายในห้องที่เงียบกริบ เหลือเพียงผมที่เดินคอตกเกาหัวแกรกๆ เข้าห้องน้ำไปด้วยความสมเพชเวทนาตัวเอง

สิ่งแรกที่ผมรับรู้ระหว่างอาบน้ำคือเสียงเพลงจากโทรศัพท์ดังวนไปมาไม่หยุดหย่อน นั่นทำให้ผมต้องรีบร้อนนุ่งผ้าเช็ดตัวทั้งที่เนื้อตัวยังเปียกปอนออกมารับสาย ทีแรกก็คิดว่าคงมีใครเจ็บใครตายกันบ้างล่ะ แต่พอเห็นชื่อที่โชว์หลาอยู่บนหน้าจอ ความสงสัยก็เกิดขึ้นมาทันที

“สวัสดีครับพี่จีน”  ผมกรอกเสียงลงไป

“โป้ย! แย่แล้วล่ะ”

เสียงจากปลายสายเต็มไปด้วยความไม่พอใจ สร้างความงุนงงระคนแปลกใจให้ผมได้อย่างชะงัด เพราะเท่าที่รู้จักกันมาพี่จีนนั้นเป็นสาวแกร่ง ชนิดที่ว่ามีคาราเต้สายดำประดับติดตัว เพราะงั้นไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็แล้วแต่ พี่สาวคนโตคนนี้น่าห่วงน้อยกว่าน้องชายแยะ ดังนั้นการที่จะโทรมาหาผมถี่ยิบพร้อมกับบอกว่า ‘แย่แล้ว’ นั่นย่อมไม่ธรรมดา

“มีใครเป็นอะไร?”  เสียงผมร้อนรนในทันที 

“ลุง!!”  ผมอ้าปากค้างกับคำตอบ แต่ยังไม่ทันจะได้ซักถาม ปลายสายก็ตอบกลับมาด้วยเสียงที่เรียกได้ว่ารอดไรฟันเลยทีเดียว

“ลุงหนีไปนอนข้างนอก! ไอ้เด็กนั่นละเมิดเคอร์ฟิว แล้วแม่ก็ดันเห็นชอบ!” 

ผมยกเครื่องออกจากหูแทบไม่ทัน ฟังจากเสียงแล้วนั้นลุงคงทำให้คุณนายแกโกรธเคืองไม่น้อย

“เชื่อคนอื่นมากกว่าพี่ตัวเอง ทำอย่างนี้ได้ยังไง! พี่รักมันแค่ไหนโป้ยรู้ใช่มั้ย แล้วดูไอ้น้องคนนี้ทำกับพี่ซี่!!”


ผมว่าตัวเองชักจะไม่เข้าใจแล้วล่ะ


“ใจเย็นๆ นะพี่จีน ตอนนี้ผมงงไปหมดแล้ว”

“พี่ก็งง โว้ย!!!”

อืม...สมเป็นพี่สาวไอ้ลุงจริงๆ

“เอางี้นะโป้ย ตอนเย็นออกไปกินข้าวกัน เลือกร้านแล้วโทรมานะ พี่เลี้ยง!!”

“.........”

ตรู๊ดๆๆๆ

“.........”

แล้วเจ๊แกก็วางหูไปแบบไม่ได้ใจความอะไรเลย นอกจากการสั่งความที่ไม่เหลือทางให้ผมปฏิเสธสักนิด 

ตั้งแต่คบพัทลุงเป็นเพื่อนจนถึงอายุปูนนี้ เข้านอก-ออกในบ้านมันจนเรียกว่าสนิทสนมกับทุกคนเป็นอย่างดี มีเบอร์ มีไลน์คุยกัน กับน้าดาก็แทบจะรับผมเป็นลูกอีกคน กับพี่จีนนี่ก็คุยกันตลอดเหมือนพี่สาวในไส้ แต่ไม่บ่อยนักหรอกที่พี่จีนจะโทรมาโวยวายเรื่องลุงกับผม

สงสัยว่าเด็กน้อยในโอวาทจะแผลงฤทธิ์เข้าให้แล้วล่ะมั้ง

นี่ได้กลิ่นเรื่องสืบสวนสอบสวนลอยมาเลยนะเนี่ย! ไหนๆ ก็ไม่ได้เจอพี่กรหลายวัน ถือว่ายุ่งเรื่องเพื่อนฆ่าเวลาไปก่อนแล้วกัน คิดได้ดังนั้นผมก็รีบแต่งตัว แล้วมุ่งหน้าไปยังที่ทำงานด้วยความระทึกใจของนักสืบมือสมัครเล่น

แต่ถ้ารู้ว่าเรื่องมันจะไปทางหนังดราม่าล่ะก็ ผมจะตอแหลพี่จีนว่าไม่สบายไปแล้ว


.

.

.


พัทลุงนั่งหน้าแป้นแล๊นมองมาเมื่อผมเดินมานั่งลงที่โต๊ะทำงาน นับครั้งได้ที่ผมจะมาสายกว่ามัน เพราะงั้นสายตาสอดรู้สอดเห็นถึงได้ส่องประกายวิบวับอยู่ในแววตาเพื่อนสนิทของผมคนนี้ มันเอาแต่ว่าผมว่าชอบจุ้นเรื่องของมัน แต่ไอ้ลุงมันคงลืมนึกไปว่าถ้าเรานิสัยไม่เหมือนกันคงคบกันไม่ได้นานนาดนี้

“เมื่อคืนหนักไปเหรอครับคุณวีรภาพ” 

ผมหรี่ตามองเจ้าของเสียงแซว ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงห้วยสั้นเรียกรอยยิ้มขำขัน  “มาก!”

หึ! ถ้าไอ้ลุงมันรู้ว่า ‘มาก’ ของผมน่ะเป็นแบบไหนล่ะก็ มันคงได้หัวเราะงอหายป่าวประกาศในหมู่เพื่อนไปทั่วเลยล่ะ แต่จะเรียกว่าไอ้ ‘มาก’ ของผมมันไม่มีประโยชน์เลยก็ไม่ใช่ เพราะการ ‘นอนเต็มอิ่มมาก’ นั้นนับว่าทำให้สมองผมปลอดโปร่งอย่างที่ไม่ได้มีมานาน รู้สึกได้เลยว่าการปฏิบัติตัวตามสุขอนามัยนี่มันให้ผลดีจริง กินข้าวเย็นก่อนหนึ่งทุ่ม อาบน้ำ แล้วก็เข้านอนก่อนสี่ทุ่ม


พระเจ้า!! ผมอยากได้แบบนี้ซะที่ไหนกัน


“แต่มึงไม่โทรมเลยอ่ะโป้ย วันนี้หน้ามึงผ่องมาก”

ก็กูนอนเยอะไงเพื่อน

“ว่าแต่มึงไปนอนไหนมา ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง”  กฎของการเสือก คืออย่าให้ใครเสือกเรื่องเรามากไปกว่าเราเสือกเรื่องคนอื่น ผมเลยรีบเปลี่ยนประเด็นโยนหินให้เพื่อนรับไว้แทน

“...มึงรู้ได้ไงอ่ะ”  ไอ้ลุงหน้าตาตื่นขึ้นมาทันที

“ป้ามึงโทรมาหากูถี่ยิบเลยไง”  ผมคิดว่ะได้เห็นการแถแบบสีข้างถลอกเหมือนอย่างเคย แต่ลุงมันกลับชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเงียบไปอย่างเห็นได้ชัด ...เรื่องนี้ไม่ธรรมดาอย่างที่ผมคิดไว้ซะแล้ว

“มีอะไรกันวะ ทะเลาะกันเหรอ?”

“เปล่า”  ลุงตอบเสียงค่อย สีหน้ายุ่งเหยิงเหมือนคิดไม่ตก  “หรืออาจจะนิดหน่อยก็ได้”

“เล่ามา”

ความอยากรู้กระตุ้นสมองที่ได้รับการพักผ่อนมาอย่างดีเยี่ยมทันที สีหน้ากระตือรือร้นมากเสียจนไอ้ลุงหันมามองแล้วยังต้องถอนหายใจปลง ผมอดทนรอให้สีหน้าเคร่งเครียดของเพื่อนเปลี่ยนแปลง แต่จนแล้วจนรอดก็ยังคงเป็นเช่นเดิม ดูท่าว่าปัญหานี้มันคงหนักสำหรับมันเอาเรื่อง

“...เรื่องมันยาวอ่ะโป้ย”  พัทลุงตอบในที่สุด

“แล้วมีครั้งไหนที่กูไม่ตั้งใจฟังจนจบมั้ย?”

“ก็เพราะวีรภาพขี้เสือกไง”

“พูดอีกก็ถูกอีกครับพัทลุง”  ผมยอมรับอย่างแมนๆ

ในเมื่อเป็นเรื่องยาวเคล้าดราม่า เราเลยตกลงกันว่าจะตั้งทำงานกันให้อย่างเต็มที่แล้วใช้เวลาช่วงพักเที่ยงสนทนากัน เพราะงั้นเราเลยต่างคนต่างทำงานไปเงียบๆ แทบไม่ได้คุยอะไรกันอีก จะมีก็ช่วงสายหน่อยที่พี่ปูนเดินออกมาจากห้องทำงานเพื่อไปพบลูกค้า คุณเจ้านายก็แอบมองมาทางลุงเหมือนเคย แต่คราวนี้สุดที่รักดันตั้งใจทำงานมากไปหน่อยเลยไม่ได้สังเกต ผมในฐานะคนสนิทเลยจำยอมกระพริบตาโต้ตอบให้แทนเล่นเอาพี่ปูนจ้องตาเขียวปั๊ด ไม่เดินเข้ามาบีบคอผมให้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว

เที่ยงปุ๊บ ผมก็ลากลุงออกจากออฟฟิศปั๊บ เป้าหมายคือร้านส้มตำที่แอบอยู่ในซอยใกล้ๆ แต่อย่าคิดว่าจะขายไม่ดีหรืออย่างไร ขึ้นชื่อว่าเป็นส้มตำจะไปอยู่ตรงไหนก็มีลูกค้าตามไปกิน คนไทยเราขาดอะไรตำๆ แบบนี้ได้ที่ไหน

อีกเช่นเคยที่ผมลากลุงเข้าไปนั่งยังโต๊ะตัวสุดท้ายที่ว่างตัดหน้ากลุ่มพนักงานบริษัทข้างๆ ที่เหมือนจะเคยเห็นหน้ากัน ไอ้ลุงก็กวนตีนมีหันกลับไปยกยิ้มให้เขาอีก นี่ถ้าแม่ค้าไม่หาโต๊ะเสริมมาให้พวกผมอาจปากแตกก่อนได้อิ่มท้องก็ได้ เมื่อได้ที่นั่ง สั่งของเสร็จสรรพ ก็ถึงช่วงบรรเทาทุกข์เพื่อนที่ผมชื่นชอบเสียที

“เมื่อวานคุณดาหลาชวนพี่ปูนไปกินข้าวเย็นที่บ้าน เรื่องมันเกิดตอนที่ป้ากลับมาเจอ...”  ลุงเล่าด้วยน้ำเสียงปกติ อาจจะมีเค้าความไม่สบายใจอยู่บ้างที่ต้องเรื่องฝ่าย แต่นี่ต้องไม่ใช่เรื่องที่ทำให้มันเป็นกังวลแน่

ผมยังปล่อยให้ลุงพูดไปเรื่อยๆ ไม่มีขาดตอนแม้กระทั่งจะมีเด็กเอาน้ำมาวางไว้บนโต๊ะ จนกระทั่งส้มตำปลาร้าจานแรกมาเสิร์ฟลุงก็เล่าจบพอดี ผมแจกอุปกรณ์การกินส่งให้ก่อนจะตักส้มตำเข้าปากพลางใช้ความคิดไปด้วย ต่อเมื่อเคี้ยวหมดไปหนึ่งคำถึงได้เงยหน้ามองเพื่อน ลุงเคี้ยวข้าวเหนียวตุ้ยๆ อย่างเอร็ดอร่อย

“แล้วแฟนมึงเขามีปฏิกิริยายังไงล่ะ”

“พี่ปูนก็ไม่ได้พูดอะไรอีกนะ”  ลุงหยิบชิ้นกะหล่ำเค้าปาก เคี้ยวหยับๆ แล้วค่อยพูดต่อ  “แต่กูว่าเขาต้องคิดบ้างแหละ ไม่งั้นคงไม่ถามกูซ้ำไปซ้ำมาหรอกว่าเชื่อเขารึเปล่า”

“แล้วมึงจะทำให้ป้าเข้าใจได้ไงล่ะ”  พูดจบ ลาบหมูจานสุดท้ายก็มาส่งพอดี กลิ่นหอมโชยยั่วน้ำลายอย่างนี้ ผมก็จัดเข้าปากไปคำโต

“ไม่รู้ว่ะ ก็คงคบๆ ไปอย่างนี้แหละ กูไม่ได้เป็นผู้หญิงสักหน่อย ไม่จำเป็นต้องเข้าหาผู้ใหญ่ก็ได้”  ลุงยักไหล่คล้ายไม่ใส่ใจ แต่จากแววตานั้นผมบอกได้เลยว่ามันแคร์ ลุงมันรักครอบครัวจะตายห่า แค่ที่มันยอมเถียงกับพี่สาวเพื่อแฟนนี่ผมก็ทึ่งแล้ว

“มึงคิดดีๆ ถ้าพี่ปูนเขาไม่จริงจังกับมึง เขาคงไม่เสนอตัวให้มึงพาไปบ้านหรอก”

“อย่าทำกูเครียดน่า”  ว่าแล้วมันก็ตักลาบเข้าปากบ้าง

“เฮ้อ~ ใครใช้ให้ผัวมึงประวัติไม่ดีล่ะวะ” 

ลุงสบตาผมเหมือนจะแก้ตัวแทนแต่แล้วก็เงียบไป มันก็รู้ดีพอๆ กับผมนั่นแหละว่าพี่ปูนคาสโนว่าขนาดไหน แค่กระดิกนิ้วผู้หญิงก็วิ่งเข้าหา ทั้งหล่อ ทั้งมีเงิน ไม่เคยขาดแคลนคนมานอนอุ่นเตียงหรอก แต่ผมก็เข้าใจว่ามันเป็นอดีต ถึงลุงมันจะไม่คิดอะไรแต่ตอนนี้นี้อดีตมันดันส่งผลมาถึงปัจจุบันแล้วน่ะสิ แถมคู่กรณียังเป็นคนใกล้ตัวอีกด้วย

“ที่จริงยังมีอีกเรื่องว่ะ” 

“เรื่อง?”  ผมมองคนถาม ลุงวางช้อนลงด้วยท่าทีไม่ค่อยอยากอาหารเท่าไหร่ คิ้วขมวดเล็กน้อย สีหน้าจริงจังมากขึ้น ผมเดาได้จากท่าทางการขยับก้นไปมาของอีกฝ่ายได้เลยว่า เรื่องที่มันกำลังจะพูดต่อไปนี้ต่างหากคือเรื่องที่มันกังวลจริงๆ

“สมมุตินะ...”  ลุงอ้ำอึ้งสักพัก  “สมมุติว่ามึงมีคู่นอนสักคนที่ยุติความสัมพันธ์กันไปแล้ว มึงจะยังกลับมากินเหล้าหรือคุยกันอะไรแบบนี้อีกป่ะ”

ช้อนที่กำลังจะตักซุปหน่อไม้ชะงักไปเล็กน้อย ผมเงยหน้ามองเพื่อนสนิทที่ไม่เคยถามเรื่องแบบนี้กับผมเลยสักครั้ง แว่บหนึ่งนั้นผมอยากจะตอบตามจริงว่า ‘ไม่มี’ นอกเสียจากว่าความสัมพันธ์นั้นยังไม่จบอย่างแท้จริง คู่นอนคือคนที่เรามีความสัมพันธ์ทางกายเท่านั้น ไม่ใช่คู่รักที่ใช้เวลาพูดคุยอยู่ด้วยกัน เพราะฉะนั้นส่วนตัวผมล้วนไม่กลับไปพบปะคู่ขาที่เลิกร้างกันไปเด็ดขาด

“ก็ถ้าคุยกันถูกคอก็คงมีนั่นแหละ”  ผมตอบให้ลุงสบายใจไปก่อน แต่จะให้ปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปง่ายๆ ผมก็ทำไม่ได้    “มึงเปิดอกกับกูมาเลยดีกว่า พี่ปูนใช่มั้ย?”

“..........”

“อย่าปิดกูนะลุง”

ลุงชั่งใจชั่วครู่ก่อนจะเริ่มเปิดปากออกมา  “มึงจำวันที่นางแบบมาหาพี่ปูนได้มั้ย?”

“เจน่า ครอส?” 

“อืม...แล้วเขาก็ออกไปด้วยกันใช่มั้ย ทีนี้...”  ความกังวลเริ่มแผ่ออกมาจากลุงช้าๆ ผมรับรู้ได้จากท่าทาง และมันก็ทำให้ความอยากอาหารของผมเริ่มหมดลงตามไปด้วย ช้อนถูกวางลง จ้องหน้าลุงเพื่อคาดคั้นความจริง  “แล้ววันต่อมาที่มึงเจอพี่ปูนในสภาพโทรมๆ อ่ะ ที่มึงลงไปรอกูข้างล่าง”

“ยังไง”

“เราเกือบเลิกกัน...เขา...เขาบอกกูว่าไปนอนกับผู้หญิงคนนั้นมา”

“ไอ้!!--”  ผมกลั้นเสียงตวาดที่หลุดออกมาไว้ได้ทัน ผมต้องพ่นลมหายใจออกแรงๆ ถึงจะสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้ได้  “ตอนนั้นพวกมึงคบกันแล้ว?”  ลุงพยักหน้าเชื่องช้าให้กับคำถาม และนั้นทำให้ผมต้องพยายามสงบสติอารมณ์มากกว่าเดิม นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นที่สาธารณะผมคงลุกขึ้นเดินไปตบหัวเพื่อนแรงๆ สักที

“แล้วมึงก็ยังจะคบกับคนแบบนี้ต่อเนี่ยเหรอ! มึงมีเขาบนหัวเหรอลุง”

“อย่าโมโหดิวะ เรื่องมันมีที่มาที่ไป”  ลุงรีบร้อนพูดต่อ  “คือตอนนั้นกูเข้าใจว่าตัวเองปล้ำเขาไง กูต้องรับผิดชอบเขา แล้วกูก็ยังไม่ได้รักเขา...ที่กูยอมเพราะเข้าใจว่าพี่ปูนต้องการเวลาปรับตัว”

“งี่เง่า!”  ผมไม่รู้จะว่ามันด้วยคำไหนแล้วจริงๆ

“เขาบอกกับกูว่าเลิกกับเจน่าเด็ดขาดแล้ว”  ลุงพูดต่อ สีหน้ามันสลดลงเรื่อยๆ  “แต่วันที่ป้าไปมีปัญหากับพี่ปูนน่ะ ป้าเห็นว่าพี่ปูนนั่งดื่มกับเจน่าอยู่”

“..........”

“คือ...กูฟังแล้วมันจี๊ดในอกแปลกๆ ว่ะ กูไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย ตอนนั้นในหัวมันเอาแต่คิดว่าถ้านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาเจอกันล่ะ? ถ้ามันไม่ได้จบแค่การดื่มล่ะ? กูคิดแต่เรื่องไม่ดีอ่ะ มันไม่สบายใจแล้วกูก็ไม่ชอบตัวเองแบบนี้เลย”  สีหน้าลุงย่ำแย่ลงเรื่อยๆ ระหว่างการพรั่งพรูความรู้สึกออกมา  “ตอนนั้นที่ไม่เลิกกันเพราะกูใช้สติกับเหตุผลตัดสินปัญหา พอคราวนี้มันก็เป็นอย่างนั้นนะ แต่ทำไมกูยังรู้สึกไม่ดีอยู่วะ”


ผมไม่เคยเห็นลุงเป็นแบบนี้


ตลอดเวลาที่เป็นเพื่อนกันมาลุงไม่เคยปิดปังอะไรผมได้นาน ไม่ผมซักไซ้ก็เป็นมันสารภาพออกมาเอง เพราะฉะนั้นผมถึงได้แน่ใจว่าไม่เคยมีใครมาสร้างความคับข้องใจในรูปแบบนี้ให้มันมาก่อน คงเป็นเพราะที่ผ่านมาลุงไม่เคยเอาตัวเองไปผู้ติดกับใครจนเกินไป ไม่เคยใกล้ชิดกับแฟนคนไหนมากจนเสียความเป็นตัวเอง แต่กับพี่ปูนนั้นต่างออกไป... ผมรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าคราวนี้จะไม่เหมือนที่ผ่านมา คนที่แอบมอง แอบชอบมานแบบนั้นไม่มีทางที่จะมีความสัมพันธ์แบบผิวเผินได้ คนที่รอโอกาสมานานอย่างนั้นไม่ยอมปล่อยให้ลุงดิ้นหลุดมือไปได้หรอก

พี่ปูนเองก็มีชีวิตซับซ้อนมาแต่ไหนแต่ไร ผมเองก็ไม่ได้รู้ลึกพอที่จะไปตัดสินอะไรได้ แต่กับคนที่เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก เติบโตมาด้วยกัน ผมรู้ดีว่าลุงเดินมาถึงขั้นใดของความสัมพันธ์แล้ว

“ที่มึงรู้สึกแย่กับมัน เพราะมึงรักพี่ปูนแล้ว”  ผมบอกในสิ่งที่มันคงรู้ดีอยู่แก่ใจ  “มึงหึง มึงไม่ชอบใจ มันเป็นเรื่องปกติของการคบกัน แต่มึงก็ยังเชื่อใจเขาอยู่ใช่มั้ย?”

ลุงพยักหน้าอีกครั้ง 

“งั้นกูก็เชื่อใจเพื่อนตัวเองเหมือนกัน ว่ามันจะไม่ยอมโง่ให้กับเรื่องเดิมๆ”

ดูตามนิสัยแล้ว ไม่ว่ายังไงลุงมันคงจะถามพี่ปูนเรื่องแม่นางแบบนั่นแน่ๆ เพียงแต่มันยังลังเลอยู่ก็เท่านั้น แล้วถ้าพี่ปูนไม่ทำให้เรื่องชัดเจนล่ะก็ บอกได้เต็มปากเลยว่าลุงมันก็คงไม่ทนกับความรู้สึกนี้แน่ๆ

“เอาล่ะ! จบเรื่องก็แดกซะ ตำปลาร้ากูเซ็งไปหมดแล้ว”

“ขอบใจนะมึง”  ลุงบอกเบาๆ สีหน้าปลอดโปร่งอย่างเห็นได้ชัด  “ว่าแต่สั่งลาบเพิ่มดีมั้ยมึง อร่อยอ่ะ”

“ได้ครับคุณพัทลุง”  ผมตอบอย่างเอาใจแล้วหันไปมาแม่ค้าร่างอวบเหงื่อท่วมทันที  “ป้าครับ! ลาบหมูจานหนึ่ง!!”

เป็นมื้อเที่ยงที่พวกเราซัดกันเต็มคราบชนิดที่เดินตัวงอกันกลับออฟฟิศ ทุกอย่างมันอร่อยอยู่หรอกแต่ก็มีผลเสียเยอะเหมือนกัน เพราะหลังจากช่วงบ่ายคล้อยไป แอร์เย็นๆ ก็เริ่มทำปฏิกิริยากับข้าวเหนียวทำให้เกิดอาการมึนๆ งงๆ ครองสติไม่ค่อยจะอยู่ ผมน่ะยังจิตแข็งพอ แต่ไอ้ลุงนี่แอบสัปหงกไปแล้ว! เรื่องกิน เรื่องนอน นี่ขอให้บอกมันเลยเชียว

“อะแฮ่ม!! พัทลุง”

ผมทำเพียงแค่เหลือบตามองเจ้าของเสียง แต่ไอ้ลุงนี่สะดุ้งเฮือกจนน่าขำ มันกระพริบตาปริบๆ ดูยังงงกับเสียงที่ดังขึ้นกะทันหัน เมื่อตั้งสติได้สองตาถึงได้จับทิศทางเจ้าของเสียงถูก สายตาลุแก่โทษปะปนกับความอับอายทันที

“พี่ต้องเอาหมอนกับผ้าห่มมาให้รึเปล่า?”  พี่ปูนกัดลุงให้หนึ่งคำโต

“ขอโทษครับ” 

เรื่องสนุกนี่มันมีมาให้ดูตลอดเลยสิน่า! ผมอมยิ้มกับตัวเองขณะแอบมองเพื่อนแก้มยุ้ยของตัวเองตีสีหน้าสลด จากนั้นจึงเบนสายตาไปยังคนตัวสูงที่ยืนค้ำเหนือโต๊ะ ใบหน้าคมตีสีหน้าเข้ม สมกับเป็นเจ้านายที่จับความผิดพลาดของลูกน้องได้อยู่หมัด ผมอยากจะรู้นักว่าพี่ปูนจะตีหน้าถมึงทึงใส่ลุงไปได้สักกี่น้ำ

...และก็เป็นอย่างที่คิด

ริมฝีปากที่เสแสร้งเข่นเขี้ยวค่อยๆ เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอบอุ่นจนน่าขนลุก โธ่เอ๊ย!! ผมก็นึกว่าจะแน่ได้สักกี่น้ำ เผลอๆ ถ้าไม่มีคนอยู่ พี่แกคงได้หาหมอน หาผ้าห่มมาให้ลุงอย่างที่พูดด้วยซ้ำ

“ตามพี่เข้าไปในห้องด้วย”  เสียงที่สั่งความยังเครียดขรึม ไอ้ลุงทำหน้าอย่างกับว่าจะถูกเรียกไปโบยตีก่อนจะเดินตามเจ้านายควบสถานะผัวเข้าไปในห้อง

แล้วก็ตามสไตล์คนชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านน่ะนะ ผมพยายามมองเข้าผ่านลวดลายกระจกฝ้าเข้าไป แต่นอกจากจะไม่สำเร็จแล้ว เจ้าของห้องยังกล้าหาญชาญชัยปิดมู่ลี่ป้องกันความเป็นส่วนตัวอีกชั้น นี่กะจะกล่อมเมียนอนกลางวันรึไงกันหึ๊! 

ผมอาศัยจังหวะที่ลุงไม่อยู่ส่งข้อความหาพี่จีนเพื่อนัดแนะเรื่องสถานที่ และไม่ลืมที่จะส่งหาพี่กร ถามไถ่เรื่องทั่วไป ซึ่งไม่ว่าจะรอนานขนาดไหนข้อความที่อยู่บนหน้าจอก็ยังไม่ถูกอ่าน ในที่สุดผมจึงวางมือถือลงแล้วเริ่มทำงานต่อด้วยความผิดหวังเล็กน้อย


------------------------->>>

ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook
เกือบยี่สิบนาทีต่อมาประตูห้องพี่ปูนก็เปิดออกอีกครั้ง หนึ่งคนที่เดินออกมาคือพนักงานที่น่าจะถูกเจ้านายเรียกไปตักเตือนเรื่องแอบงีบ แต่กลายเป็นว่าไอ้ลุงกลับเดินออกมานั่งที่โต๊ะด้วยรอยยิ้มแช่มชื่นพร้อมกับริมฝีปากที่คล้ายจะเจ่อขึ้นเล็กน้อย

“ยิ้มแป้นเกินไปมั้ย?”  ผมอดแซวเพื่อนไม่ได้ ในขณะที่ชีวิตรักของผมยังแห้งแล้ง แต่ลุงกับพี่ปูนกลับชื่นมื่นไปด้วยน้ำหล่อเลี้ยง แล้วจะไม่ให้ผมหมั่นไส้คนพวกนี้ได้ยังไง

“ฮิฮิ พี่ปูนจะพาไปเที่ยวแหละ”  เห็นรอยยิ้มของลุงตอนนี้ เล่นเอาผมคิดว่าสีหน้าสุดกังวลของมันเมื่อตอนเที่ยงเป็นการแสดงไปเลย  “เพราะงั้นกูต้องตั้งใจทำงานให้เสร็จนะโป้ย ห้ามชวนกูขี้เกียจ”

กูชวน?

“ได้~ อย่าให้เห็นว่าอู้นะ กูจะตบให้สมองกระเด็นเลย” 

“มึงก็โหดไปนะบางที”

ผมมองท่าเบะปากพึมพำของลุงแล้วให้อยากซัดสักที แค่ผัวชวนไปเที่ยวหน่อยเท่านั้นก็ลืมเรื่องเครียดเป็นปลิดทิ้ง ให้ตายเถอะ! ผมจำสีหน้ามันสมัยยังเขม่นพี่ปูนไม่ได้แล้ว


.

.

.


กว่าจะฝ่ารถติดมาถึงสถานที่นัดหมายก็เลยเวลามาเกือบสิบนาที ผมรีบหาที่จอดรถแล้วเดินเข้าไปในร้านไทยที่ตกแต่งแบบร่วมสมัยมีการใช้ไม้ร่วมกับโครงสร้างสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว ที่สำคัญรสชาติของอาหารที่นี่ก็อร่อยไม่ธรรมดา เพราะฉะนั้นราคาจึงสูงตามไปด้วย

ผมเปิดประตูเข้าไป ภายในร้านกว้างขวางมีมุมอับสายตาอยู่บ้าง ผมจึงหยุดยืนเพื่อมองหาคู่นัดหมายก่อนเป็นอันดับแรก ยังดีที่ลูกค้ายังไม่เยอะมากพอให้กวาดสายตามองไปได้ครึ่งรอบก็เจอ ผมเดินตรงไปยังทิศทางที่ต้องการในทันที เมื่อใกล้จะถึง สาวสวยที่นั่งเหม่อออกไปนอกหน้าต่างก็รู้สึกตัวถึงการมาของผม ใบหน้าคมเฉี่ยวอันเป็นที่หลงใหลของผู้ชายหลายคนหันมาทางผม พร้อมกับถลึงตาที่แสนมีเสน่ห์มาให้เสียจนน่ากลัว

“ช้า!!”

“รถมันติดนี่ป้า”  ผมหยอก เลื่อนก้าวอี้ออกเพื่อลงนั่งแล้วหันมายิ้มกริ่มให้คนที่หน้าง้ำยิ่งกว่าเดิม

“เดี๋ยวจะโดน”

“แหม~ อันที่จริงผมก็น้องพี่คนหนึ่งนะ จะเรียกป้าก็ไม่แปลกรึเปล่า?”  สองพี่น้องคู่นี้มีปัญหากับชื่อตัวเองมาตั้งแต่เด็ก แต่อย่างลุงมันเป็นผู้ชายสบายๆ ก็เลยชาชินกับชื่อไปนานมากแล้ว แต่กับพี่จีนที่เป็นสาวสังคม แถมหน้าตายังสะสวย ผมก็เข้าใจนะว่าต้องทำหน้าให้หนาขนาดไหนถึงจะยอมให้ใครต่อใครเรียกชื่อเล่น เพราะงั้นพี่จีนจึงบอกกับทุกคนว่าตัวเองชื่อ ‘จีน’ ที่มาจากปราจีนเท่านั้น แม้แต่ผมก็ยังรู้จักพี่จีนด้วยชื่อนี้เหมือนกัน 

“ไม่อยากพูดกับแกแล้ว หน้าตาดีซะเปล่าทำไมไม่รู้จักทำตัวน่ารักบ้างนะ”  พี่จีนบ่นพลางถอนหายใจ มือบางหยิบเมนูอาหารเล่มโตส่งให้ผมไปเปิดเลือก  “พี่สั่งอาหารว่างมาแล้ว โป้ยสั่งจานหลักแล้วกัน”

ผมไม่ปฏิเสธให้เสียเวลารับเมนูมาเปิดไปเปิดมา ยังไม่ทันได้ส่งเสียงเรียกพนักงาน เพียงแค่ปิดเมนูหนังเล่มใหญ่แล้วเงยหน้ามองเท่านั้นพนักงานก็เยื้องย่างเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม ผมสั่งอาหารไปสามอย่าง พนักงานรับเมนูคืนแล้วเดินจากไปสวนกับพนักงานเสิร์ฟ ตะกร้าสานที่บรรจุขนมปังหน้าหมูหอมๆ กับน้ำจิ้มและอาจาดถูกวางลงตรงหน้า ตามมาด้วยกระทงทองในจานทรงรี 

“เอาล่ะ! เข้าเรื่องกันดีกว่า”  ผมว่าพลางหยิบกระทงทองเข้าปากก่อนเป็นคำแรก

“โป้ยรู้เรื่องที่ลุงมีแฟนมั้ย?”  พี่จีนเริ่มเรื่องเป็นประโยคคำถาม ดีนะที่ผมคุยกับลุงมาก่อน ไม่อย่างนั้นก็คงจะตอบปัดเป็นว่าไม่แน่ใจ หรือแสร้งทำไม่รู้ไปเลยเพื่อป้องกันปัญหา

“พี่ปูนเป็นเจ้านายผมด้วยทำไมจะไม่รู้”  สิ้นคำบอก พี่จีนทำหน้าเข่นเขี้ยวขึ้นมาทันที เห็นทีป้าแกจะตั้งอคติไว้มากกว่าที่ผมคิดไว้ซะอีก  “ผมฟังเรื่องมาจากลุงบ้างแล้ว พี่จีนบอกความคับข้องใจของพี่มาเลยดีกว่า ผมจะได้ตอบคำถามพี่ได้ถูก”

เสียงเดาะลิ้นอย่างขัดใจดังมาจากสาวสวยตรงหน้า แม้ใบหน้าท่าทางจะสวยงามแค่ไหน แต่พี่จีนคือผู้หญิงที่สามารถเดินไปหาเรื่องคนที่ไม่ถูกชะตาได้แบบไร้เหตุผล เดชะบุญที่นั่นเป็นเรื่องเมื่อสมัยวัยใส พออายุมากขึ้นพี่จีนก็มีสติมากขึ้น ดูได้จากที่ไม่กระโดดต่อยพี่ปูนเพราะโมโหแทนเพื่อน เพราะเจ๊แกถือคติว่าถึงสู้ไม่ได้แต่อย่าให้อีกฝ่ายเดินสบาย

“ลุงปล้ำผู้ชายคนนั้นจริงรึเปล่า!?”

พรูด!!

“ไอ้โป้ย!! สกปรก”

“ขอโทษพี่”  ผมรับทิชชู่จากพี่จีนมาเช็ดคราบขนมปังที่เผลอพ่นออกไป ยังดีที่ไม่กระเด็นไปโดนป้าแก ไม่งั้นผมคงโดนด่ายับแน่  “ผมตกใจนี่ จู่ๆ มาถามอะไรแบบนั้น”

“ก็แม่บอกว่าลุงมันไปปล้ำเขา ฉันก็เลยอยากรู้ว่าเพราะงี้เหรอเลยคบกันน่ะ”

เดาว่าต้นเรื่องต้องมาจากไอ้ลุงแน่! แต่ผมก็อยากจะสแกนสมองผู้หญิงบ้านนี้จริงๆ ว่าข้างในมีอะไรถึงได้มีความคิดว่าลูกชาย น้องชายตัวเองจะไปปล้ำใครเขาได้ ขนาดผู้หญิงอ่อยมันขึ้นเตียงมันยังไม่รู้เลย

“ว่าไงล่ะ!”

“...คิดตามหลักกายภาพนะพี่จีน”  จะให้ผมชี้ชัดลงไปเลยก็กลัวจะสะเทือนใจคนในครอบครัว ผมถึงได้เลือกบอกอ้อมๆ ให้คิดเอาเอง  “ด้วยส่วนสูง รูปร่าง และขนาดร่างกายที่เห็นๆ กันอยู่น่ะ อ้อ! รวมอ่อนด๋อยเข้าไปด้วยนะ”

“ฉันว่าแล้ว!”  สาวสวยตบโต๊ะฉาด เรียกสายตาคนรอบข้างจนผมหน้าม้านไปเล็กน้อย แต่คุณคนสวยเธอไม่ใส่ใจหรอก เพราะแม้แต่จังหวะที่พนักงานเดินเข้ามาอาหารจานหลักกับเสิร์ฟข้าวใส่จานให้ก็ยังพูดต่อด้วยอารมณ์ครุกรุ่น

“แม่ก็ซื่อไปเชื่อคำพูดลุง ไม่ต้องสังเกตก็เห็นกันอยู่ว่าคนของเราโดนเอาเปรียบชัดๆ เผลอๆ ลุงต้องโดนผู้ชายคนนั้นจับปล้ำแน่ น้องฉันมันน่ารักขนาดนั้น”

ผมนับถือพนักงานร้านนี้จริงๆ ที่ทำงานด้วยความรวดเร็วและสีหน้าก็สงบนิ่งมาก ผมรอจนบุคคลที่สามเดินจากไปถึงได้เริ่มโต้ตอบการคาดเดาแบบคิดเองเออเองของพี่จีน  “ลุงไม่ได้โดนปล้ำโอเคนะพี่ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน -- อย่าถาม ผมก็ไม่รู้รายละเอียดขนาดนั้น”  ผมรีบยกมือห้ามทันทีที่ปากป้าแกเผยอขึ้น  “สรุปแค่ว่าตอนนี้สองคนนั้นก็รักกันดี ย้ำเลยนะว่า รักกันดีจนผมหมั่นไส้เลยล่ะ”

“แต่ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนดี”

“แต่เขาดีกับลุงนะพี่”  ผมสวนกลับ พี่จีนชักสีหน้าใส่ทันทีผมเลยต้องรีบชิงพูดต่อ  “มันไม่มีใครดีไปทั้งหมดหรอกนะพี่ ชีวิตคนเรามันก็เทาๆ กันทั้งนั้นแหละ จริงอยู่ที่ว่าเรากลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่เราทำปัจจุบันให้ดีได้นี่”

“ใครจะรับประกันว่าเขาจะไม่ทำแบบเดิมล่ะ” 

“พี่ต้องปล่อยให้ลุงมันไปเผชิญชีวิตสิ ให้มันไปรู้ว่าเขาไม่ดีมันจะได้เลิก”  แต่ไอ้เรื่องที่เขาจะยอมเลิกรึเปล่าน่ะสิที่น่าห่วง  “แต่ผมบอกได้เลยนะพี่ว่าพี่ปูนไม่หลอกคบลุงเล่นๆ หรอก ถึงจะไม่ได้ออกมาจากปากเจ้าตัว แต่ผมก็พอรู้ว่าเขาแอบชอบลุงมาหลายปีแล้ว”

“ถ้าเป็นงั้นจะไปหลอกฟันคนอื่นอีกทำไม”

“ก็ยังไม่ได้คบกันเป็นแฟนรึเปล่า? พี่เขาจะไปนอนกับใครก็ได้”

“เพราะงี้ไงถึงเป็นคนไม่ดี!”

โว้ย!!!! ผมอยากจะยกมือขึ้นไปยีหัวตัวเองให้สมกับความหงุดหงิดที่เกิด พูดไปพูดมาป้าก็วกเข้าเรื่องเดิมแบบไม่ผ่อนผันใดๆ ผมว่าประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่อาการห่วงน้องอย่างเดียวแล้ว เหตุผลหลักคงเพราะพี่ปูนดันไปนอนกับเพื่อนแกแล้วเททิ้งมากกว่า

“พูดไปพูดมาพี่ก็ยังไม่ปล่อยวาง เอางี้ดีกว่า!”  ผมตีหน้าเข้มขึ้นสามระดับ  “นัดมาเจอกันให้หมดเลย!”

“ใคร?”

“เพื่อนพี่ ไอ้ลุง พี่ปูน”

“บ้า!”  พี่จีนทำหน้าเหมือนตอนผมเผลอพ่นเศษขนมปังหน้าหมูออกมา

“พี่จะได้รู้ไปเลยไงว่าใครเป็นยังไง พี่เห็นตอนเขาปฏิบัติกับผู้หญิงคนอื่นแล้ว พี่ต้องมาเห็นด้วยตาตัวเองด้วยว่าเขาปฏิบัติกับคนของเรายังไง น้าดาเคยเจอเขาแล้วไม่ใช่เหรอ? ถ้ามันไม่โอเคเลยน้าดาคงเห็นด้วยกับพี่ไปแล้วล่ะ ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจไงพี่ พี่ยังไม่เคยจ้องตาเขาเลย พี่จะไปรู้หัวใจจริงๆ เขาได้ไง ลองวางอคติลงแล้วตั้งใจมองผู้ชายที่ลุงมันเลือกก่อนสิ ถึงเพื่อนผมมันจะบ้าๆ บอๆ แต่มันก็รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรนะพี่”

“..........”

“แต่ขอบอกไว้อย่างนะ ว่าผลลัพธ์ของการที่พาให้รถไฟมาชนกันจะเป็นไงก็ไม่รู้นะ ลุงมันอาจจะโกรธพี่ก็ได้”

พี่จีนเงียบไป สีหน้าครุ่นคิดไปตามคำพูดของผมแล้วในที่สุด ถึงพี่จีนจะอยากทำตามคำเสนอแค่ไหนก็คงไม่กล้าเสี่ยงหรอก อย่างน้อยถ้ารู้ว่านั่นอาจจะทำให้ลุงโกรธขึ้นมายิ่งไม่มีทางทำแน่ ส่วนผู้หญิงคนนั้นถ้านอนกับพี่ปูนแบบได้ของตอบแทนจริง ถ้าเป็นคนดีหน่อยก็คงไม่กล้ามาเรียกร้องอะไรแน่

ผมปล่อยให้คนคิดมากคิดไปคนเดียว ผมแค่แนะแนวเท่านั้น อะไรที่ควรพูดก็พูดไปแล้ว ตอนนี้ผมจะลงมือกินอาหารบนโต๊ะนี่ให้อิ่มแปล้ล่ะ!


.

.

.


สองวันมันผ่านไปแป๊บเดียวเท่านั้นแหละ แค่สำหรับคนรอนั้นมันนานพอที่จะทำให้ความคิดถึงมันสุมอกน่าดูชมเหมือนกัน แม้การยุ่งเรื่องของคนอื่นนั้นจะเป็นการใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ แต่เรื่องของลุงในครั้งนี้กลับน่าปวดหัวจนไม่ก่อให้เกิดความสนุกแต่อย่างใด พี่จีนเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้นซึ่งผมเองก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ ส่วนไอ้ตัวต้นเรื่อง วันรุ่งขึ้นก็มาทำงานแบบแฮปปี้หน้าบาน คาดว่าคงได้น้ำเพราะเห็นหลังคอมีรอยตีตราสีเข้มปึ้ด

พี่ปูนคงจะโหมกันหนักมากล่ะสิท่า ลุงถึงได้ค่อยๆ ลุก ค่อยๆ นั่งเป็นคนแก่วัยเกษียรไปตั้งครึ่งค่อนวัน

ผมเองก็อยากมีช่วงเวลานั้นบ้างเหมือนกัน... อยากเป็นคนที่กัดหลังคอแล้วสร้างร่องรอยเอาไว้ อยากเป็นคนที่ทำให้อีกฝ่ายหมดเรี่ยวหมดแรง... บ้าชะมัด!! ผมโคตรอิจฉาพี่ปูนจริงๆ

“เป็นอะไรรึเปล่า?”

ถ้อยคำห่วงใยดังออกมาจากปากคนข้างตัว ผมหันไปมองพี่กรที่นั่งอยู่บนโซฟาข้างกันด้วยความคิดฟุ้งซ่านในสมอง แต่แล้วเมื่อคิดถึงว่าคนๆ นี้เพิ่งกลับจากทำงานมาทั้งวันผมก็จำต้องสะบัดหัวไล่ความคิดในเชิงเร่าร้อนออกไป

ช่วงบ่าย พี่กรส่งข้อความมาว่าวันนี้จะเป็นฝ่ายมาหาผมที่ห้องเอง คงเพราะความเป็นดาราล่ะมั้งเลยไม่เหมาะหากว่าผมจะเป็นฝ่ายไปหาอยู่บ่อยๆ แถมยังนอนค้างทุกครั้ง เกิดมีคนคิดอยากสร้างข่าวอาจจะทำให้เจ้าตัวลำบาก ดังนั้นในช่วงหัวค่ำผมถึงได้เปิดรับดาราเบอร์รองหน้าตาดีที่มาพร้อมกระเป๋าเป้บนไหล่

“ที่กองเป็นไงบ้าง?”  ผมเปลี่ยนเรื่องพูด พยายามปรับสีหน้าให้ยิ้มแย้ม

“เก็บฉากของพี่เกือบครบแล้วล่ะ พรุ่งนี้เลยได้พักสบายๆ พี่เลยบอกปูนว่าจะขอเกเรอีกสักวัน”  พี่กรพรั่งพรูลมหายใจออกมาทั้งรอยยิ้ม ดูท่าจะพอใจกับการพักผ่อนเอามากๆ  “ที่ออฟฟิศไม่มีเรื่องอะไรใช่มั้ย?”

“ไม่มีหรอก”  สองตาผมไม่สามารถละสายตาจากคนข้างกายได้เลย ทั้งรอยยิ้ม ทั้งการบิดโยกเรือนร่างเพื่อคลายความอ่อนล้า ผมเอื้อมมือไปเกลี่ยปอยผมที่ตกระเหนือดวงตาให้พ้นออกไป และอดไม่ได้ที่จะยื่นริมฝีปากตามจูบประทับที่ข้างแก้ม แม้อีกฝ่ายจะสะดุ้งเล็กน้อยแต่วินาทีต่อมาก็ยอมเอียงใบหน้าให้ผมสูดหอมอย่างเต็มใจ

“ไม่เหม็นรึไง พี่ยังไม่ได้อาบน้ำเลย”  เสียงกระเซ้าดังขึ้นอย่างเอียงอาย แต่กระนั้นก็ไม่ได้ปัดป้องยามผมฝังหน้าลงกับซอกคอ พี่กรเพียงแค่บิดตัวเล็กน้อยหากยอมเอียงคอรับอย่างว่าง่าย

“หอมจะตาย”  ผมไม่ได้ปดเลยสักนิด ร่างกายพี่กรหอมกรุ่นน่าหลงใหล มันเป็นกลิ่นของน้ำหอมหวานๆ เย็นๆ ผสมกับกลิ่นกายที่เข้ากันได้ชนิดที่ผมไม่อยากผละตัวเองออกไป  “ข้าวก็กินแล้ว ที่เหลือก็อาบน้ำสินะ”

“ก็ปล่อยพี่สักทีสิ พี่จะได้ไปอาบน้ำ”  พี่กรหัวเราะคิก ฝ่ามือเรียวกุมท่อนแขนผมหมายจะผลักดันออกไป แต่คงไม่ได้คาดคิดสินะว่าการที่ปลายนิ้วบีบเบาๆ ลงที่กล้ามเนื้อของผู้ชายมันสร้างความยั่วยวนขนาดไหน

“เรามาอาบน้ำพร้อมกันดีกว่า”

พี่กรชะงักนิ่งไปหลังจากฟังการพูดโพล่งแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยของผม นัยน์ตาสีน้ำตาลมองสบผมด้วยความรู้สึกหลากหลาย หากสีหน้านั้นมีเพียงความอายที่เด่นชัดออกมา เมื่อไม่ได้รับการปฏิเสธในทันทีผมจึงเริ่มรุกหนักขึ้น วงแขนยื่นโอบรัดร่างเพรียวมาแนบตัวมากขึ้น ครานี้พี่กรมีท่าทางดึงดันเล็กน้อยแต่ก็ยังยอมเข้ามาอยู่ในวงแขนผมแต่โดยดี

“สองวันนี้ผมอุตส่าห์เป็นเด็กดีไม่ไปกวนพี่ที่ห้อง พี่ต้องให้รางวัลผมบ้างสิ”  ผมโอดพลางไล้ลิ้นชิมรสชาติของผิวเนื้ออุ่นๆ  “นะ ไปอาบน้ำกัน”   

 พี่กรตัวเกร็งขึ้นมาทันที ผมรู้ได้เลยว่าเรื่องนี้ยังเป็นขีดจำกัดความอายของหนุ่มขี้อายคนนี้ ผมลอบถอนหายใจเมื่อรู้แน่ว่าการตะล่อมไม่น่าจะเกิดผลในครั้งนี้ เอาวะ! ตอนนี้ยังไม่ได้แต่มันต้องได้สักวันล่ะน่า ผมหมายมาดในใจทั้งที่ยังไม่อาจเอาปากกับจมูกตัวเองออกมาจากผิวเนื้อหอมนวลได้

“เอ่อ...พี่ว่า”  แต่พี่กรมีหรือจะยอมให้ผมสุขสมได้นาน ผมคลายแรงรัดเมื่อร่างในวงแขนดิ้นรนมากกว่าเดิม  “โป้ยปล่อยพี่ดีกว่า พี่ชักเหนียวตัวแล้วล่ะ”

“ก็พี่ยังไม่ตอบคำถามผมเลย”

“พี่ว่า...”  พี่กรยังอิดออดอยู่ในวงล้อมของอ้อมกอดผม สีหน้าทั้งเขินอายทั้งลำบากใจอย่างที่สุด หมดสภาพดาราผู้เงียบขรึมได้อย่างสาแก่ใจคนมองนัก ผมกระหยิ่มในใจเมื่อคิดว่าคงมีเพียงแค่ผมเท่านั้นที่จะทำให้พี่กรแสดงสีหน้าเช่นนี้ออกมา สีหน้าที่มาจากความรู้สึกแท้จริงที่ไม่ใช่การแสดง สีหน้าที่ไม่ว่าผู้กำกับหรือเพื่อนสนิทคนไหนคงไม่มีวันได้เห็น

ในหัวใจมันคันยุบยิบไปหมด เมื่อคิดว่าผู้ชายคนนี้คือคนของผม

“พี่ว่า...”  ผมทวนคำล้อเลียนเรียกสายตาเขม่นจากคนในอ้อมกอด อดไม่ได้ที่จะกดจมูกลงกับแก้มพี่กรแรงๆ แล้วยอมปล่อยมือในที่สด  “ไม่แกล้งแล้วก็ได้!”

ผมอมยิ้มมองอีกฝ่ายปล่อยลมหายใจอย่างโล่งอก สีหน้าผ่อนคลายขึ้น  “แต่พี่ต้องให้รางวัลผมเป็นอย่างอื่นโอเค๊?”

พี่กรเปลี่ยนสีหน้าฉับพลัน แววตาวูบไหวด้วยความหวาดระแวง -- มันน่าฟัดจริงๆ โว้ย!!!

 “อย่างเช่น ใช่มือนุ่มๆ ของพี่...”  ผมจับมือพี่กรมากุมไว้ แล้วยกมาวางแนบลงกับเป้ากางเกง  “ให้ความสุขกับตรงนี้ของผม”

ใบหูพี่กรแดงก่ำเสียจนน่าขบ ผมกลืนน้ำลายก้อนโตเก็บกดความต้องการเอาไว้ แล้วกดน้ำหนักลงมือพี่กรให้แนบคลึงกับส่วนที่ต้องการให้เอ็นดู ถูวนซ้ำๆ พลางยื่นหน้าเข้าหาเจ้าของมือที่นิ่งค้างไปแล้ว ทำไมถึงได้มีปฏิกิริยาอย่างกับหนุ่มบริสุทธิ์แบบนี้นะ ไม่รู้รึไงว่ามันยั่วใจคนมองแค่ไหน...

ริมฝีปากประทับลงกับความนุ่มในที่สุด พี่กรแย้มกลีบปากรับลิ้นผมเข้าไปอย่างง่ายดายเช่นเดียวกับที่ยังยินยอมให้ฝ่ามือของตัวถูไถกับเป้ากางเกงไปเรื่อยๆ เพียงแต่รสจูบยังคงอวลกลิ่นความขัดเขินเหมือนที่ฝ่ามือแข็งค้างไปตามทิศทางที่ผมนำพา

ในตอนนี้คงจะเป็นการสัมผัสที่พี่กรพอจะยินยอมได้

ผมไม่ฝืนดึงดันไปมากกว่านี้หรอก พี่กรไม่ใช่คนหัวอ่อนเหมือนลุง ผู้ชายคนนี้มีความเป็นผู้ชายเต็มขั้นเพียงแต่ความรู้สึกว่าด้อยกว่าทำให้ไม่กล้าเปิดการรุกกับผมเท่านั้น และเดาว่าเขาคงรู้อยู่แก่ใจว่าผมจะไม่มีทางเป็นฝ่ายโดนกอดเด็ดขาด เพราะงั้น...

“แค่มือตกลงมั้ย?”  ผมกระซิบเสียงพร่า เมื่อแรงปรารถนามาถึงจุดที่ร่างกายจำต้องแสดงอาการออกมา ลมหายใจของเราขาดห้วง มึนเมาไปกับรสจูบที่ลึกล้ำไม่ต่างจากวิสกี้ชั้นดี ผมเฝ้ามองจังหวะที่พี่กรปรือตาขึ้นสบ ความหวามไหวปรากฏในแววตาคู่สวยอย่างยากจะปิดบัง

พี่กรพยักหน้าน้อยๆ แล้วเป็นฝ่ายยื่นริมฝีปากมาหาผมด้วยตัวเอง


ผมยิ้มรับด้วยความอิ่มเอิบใจ



ผมจะอดทนรอ... นี่เป็นเรื่องที่ผมถนัดมานานแสนนาน



เพราะงั้น...ผมจะทำให้พี่กรตระหนักอย่างช้าๆ ว่าการถูกโอบกอดไว้ใต้ร่างผมนั้นมันวิเศษแค่ไหน





-------------------------------------------------------TBC.


นังนุ้งโป้ยคงต้องอดทนไปก่อนนะจ๊ะ พี่กรคงไม่ยอมง่ายๆ
 :hao7:
เจอกันสัปดาห์หน้าจ้า

ออฟไลน์ naplatoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
โป้ยสุดยอดมาก เป็นเพื่อนลุงจริงๆป่าวเนี้ย ทำไมดูฉลาดร้ายลึกข้ามหน้าข้ามตาเพื่อนสนิทแบบนี้ 55555555

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด