พิมพ์หน้านี้ - ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| *แจ้งข่าวหนังสือ* || 5-3-63 หน้า 54 ||

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: L@DYMELLOW ที่ 08-06-2017 23:47:16

หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| *แจ้งข่าวหนังสือ* || 5-3-63 หน้า 54 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 08-06-2017 23:47:16
(http://postto.me/1k/24t.png)



===============================================================

 ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ

เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0)

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0)


ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


============================================================



อะแฮ่ม อะแฮ่ม! กราบสวัสดีพ่อแม่พี่น้องทุกท่าน...

เดี๋ยวนะ! ที่นี่ที่ไหนเนี่ย?
แต่ช่างเถอะ -- เอาเป็นว่าเรื่องนี้มันคือประวัติชีวิตของผมฉบับรวบยอด เป็นเรื่องราวของชายหนุ่ม(หล่อมาก)คนหนึ่งที่หลงเดินทางเข้าไปในโพรงกระต่าย เข้าไปสู่โลกอันเวิ้งว้างกว้างใหญ่ของดินแดนอันลึกลับซับซ้อนซ่อนเงี่ยน

แต่จะว่าไปมันก็ไม่ต่างจากอีกเรื่องราวของชายหนุ่มหน้าตาดี(มาก)ที่ต้องทนทุกกับแม่และพี่สาวใจร้าย ต้องทำงานบ้านหลังขดหลังแข็งเพื่อรอวันจะได้พบกับเจ้าหญิงแสนงามที่เก็บรองเท้าแตะซ้างดาวของเขาได้  แต่ดันกลายเป็นว่าได้พบกับอสูรร้ายซาดิสท์วิปริตขั้นสุดไปเสียนี่

ผมจะรอดพ้นคมเขี้ยวของมันได้อย่างไร หรือว่าในที่สุดผมต้องตกเป็นอาหารอันโอชะของมัน
เดี๋ยวนะ! นี่ผมยังสติดีอยู่รึเปล่าวะเนี่ย?

อะไรนะ?? เอาสั้นๆ ง่ายๆ

โอเชเลย!!

เรื่องนี้คือการเดินทางของผู้ชาย(หน้าตาดีมาก)คนหนึ่ง ที่ดันไป xxx กับผู้ชาย(หน้าตางั้นๆ)คนหนึ่งแล้วดันรู้สึกว่าฟินมาก จนไม่สามารถถอนตัวถอนใจได้

.

สั้นพอมั้ย?

.

ไม่มีปมซ่อนเงื่อน ไม่มีการหักเหลี่ยมเฉือนคม ไม่มีเล่ห์กลให้ลุ้นระทึก โอเคนะ

งงมั้ย? ตามผมทันรึเปล่า?

ถ้าไม่เข้าใจ - ผมยินดีกับคุณด้วย แสดงว่าคุณปกติมาก ผมแนะนำให้หันหลังกลับแล้วรีบโกยไปให้ไว

แต่ถ้าคุณเข้าใจผม - เชิญรับยาที่ช่องสอง แล้วนั่งรอเลยจ้ะ



================================================================


สารบัญ


ตอนที่ 1  ::  คนดีที่ไม่มีใครเอา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60425.msg3650206#msg3650206)
ตอนที่ 2  ::  เมาแล้วหลับ ตื่นปั๊บได้...? (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60425.msg3651425#msg3651425)
ตอนที่ 3  ::  สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60425.msg3653040#msg3653040)
ตอนที่ 4  ::  โลกสวยด้วยมือเรา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60425.msg3654290#msg3654290)
ตอนที่ 5  ::  คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60425.msg3656318#msg3656318)
ตอนที่ 6  ::  ทูนหัวของไก่ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60425.msg3658404#msg3658404)
ตอนที่ 7  ::  การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60425.msg3661780#msg3661780)
ตอนที่ 8  ::  กว่าจะเป็นสมภาร (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60425.msg3664352#msg3664352) [ปุริม]
ตอนที่ 9  ::  กาบหอยแครง(ที่รัก) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60425.msg3671468#msg3671468) [ปุริม]
ตอนที่ 10  ::  โลกทั้งใบ ของใครสักคน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60425.msg3679780#msg3679780)
ตอนที่ 11   ::  ไก่อ่อนสอนขัน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60425.msg3713185#msg3713185)
ตอนที่ 12  ::  ทำไมถึงทำกับฉันได้ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60425.msg3717414#msg3717414) [วีรภาพ]
ตอนที่ 13   ::  ห้ามแหย่เสือหลับ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60425.msg3754886#msg3754886)
ตอนที่ 14  ::  ความลับไม่มีในโลก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60425.msg3758475#msg3758475)
ตอนที่ 15  ::  ในความรักและความจริง มีความโรคจิตซ่อนอยู่ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60425.msg3764973#msg3764973)
ตอนที่ 16  ::  ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60425.msg3782130#msg3782130)[วีรภาพ]
ตอนที่ 17  ::  บทเรียนสอนไก่ (https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60425.msg3784239#msg3784239) [ปุริม]
ตอนที่ 18  ::  ไก่ตายทั้งตัว เอาใบบัวปิดไม่มิด? (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60425.msg3854560#msg3854560)
ตอนที่ 19  ::  เหรียญย่อมมีสองด้าน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60425.msg3856129#msg3856129) [ปุริม]
ตอนที่ 20  ::  ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60425.msg3860762#msg3860762)
ตอนที่ 21  ::   ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60425.msg3871414#msg3871414)[วีรภาพ]
ตอนที่ 22  ::  เขาใหญ่บันเทิง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60425.msg3921617#msg3921617)
ตอนที่ 23  ::  จะรักกันทั้งที ต้องมีสักขีพยาน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60425.msg3921622#msg3921622)
ตอนที่ 24  ::  เส้นผมบังภูเขา (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60425.msg3927229#msg3927229) [ปุริม]
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| _INTRO_ || 8-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 08-06-2017 23:58:07
ไม่อยากจะเชื่อเลย เรื่องใหม่ด้วยยยยย :hao5:
ตาไม่ฝาดใช่ไหม
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| _INTRO_ || 8-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 09-06-2017 02:06:08
หืมม เปิดเรื่องใหม่แบบนี้จะรออะไรละคะ นั่งรอรับยาเลยค่ะ ฮาา
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| _INTRO_ || 8-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-06-2017 05:36:19
มารอเพราะชื่อนะเนี่ย ทั้งชื่อเรื่อง กับชื่อคนแต่งเลย  :mew1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| _INTRO_ || 8-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: worry ที่ 09-06-2017 09:50:23
มารอครับบบบ :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| _INTRO_ || 8-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 09-06-2017 10:07:18
ปูเสื่อรอเลย
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 1 _คนดีที่ไม่มีใครเอา || 9-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 09-06-2017 12:44:31
ตอนที่ 1 ...คนดีที่ไม่มีใครเอา


ในโลกที่พัฒนาความสวย ความหล่อไปอย่างก้าวกระโดด แต่บนจุดเล็กๆ บนโลกที่เรียกว่า ‘สะพานควาย’ ก็ยังมีผู้ชายหน้าตาธรรมดาคนนี้เหลือรอดอยู่ ผมรักโลก รักสัตว์ รักเด็กและสตรี เป็นมิตรกับบุรุษ แถมยังเข้ากับผู้สูงวัยได้ไม่ขัดเขิน แม้จะเป็นสโลแกนที่บรรดาเพื่อนฝูงทุกคนอ้วกแตกใส่หน้าทุกครั้งที่ได้ยิน แต่การจะเป็นพระเอกที่ดีได้นั้น ย่อมต้องมีตัวอิจฉาเป็นมารผจญอยู่แล้ว

พัทลุงคือชื่ออย่างเป็นทางการของพระเอกมากความสามารถคนนี้ อายุอานามก็ 25 หยกๆ 26 หย่อนๆ กำลังเคี้ยวเพลินไม่เหนียวเกินไป ส่วนสูงแม้จะไม่มาก ท่ายากอาจจะไม่มี แต่ความเป็นสุภาพบุรุษผมบอกได้เลยว่ามีเต็มเปี่ยมอย่างที่ได้รับการอบรมมาอย่างดีจากหม่อมพ่อผู้ล่วงลับ นอกจากสโลแกนประจำตัวที่ได้เอ่ยถึงไปแล้วนั้น สิ่งนี้คือข้อเด่นชัดที่สุดที่คิดว่าจะทำให้ผู้หญิงหันมามอง แต่จากระยะเวลาที่ผ่านมาทั้งหมด...ผมสรุปได้ว่ามันยังไม่ใช่สิ่งที่สาวๆ ต้องการ

 “เลิกกันเถอะนะ”

บรรยากาศภายในร้านกาแฟดูให้ครึกครื้นมาก แต่น้ำตาผมตกข้างในดังเปาะๆ ณ.เวลานี้แม้ลุลาจะมาร้องเพลงอยู่ข้างหูก็คงกอบกู้เศษซากความเศร้าของผมไม่ได้ ทำไมกัน?...วันนี้เป็นวันครบรอบ100วันแท้ๆ มันควรจะเป็นวันที่เราเดินเกี่ยวก้อยหลั่นล้ากรีดกรายไปตามย่านร้านค้า แล้วลงท้ายด้วยการกินมาม่าท่ามกลางแสงเทียนต่างหาก

“ทำไม?...”   ผมถามออกไป เป็นคำถามที่คุ้นชินพอดูถ้าต้องนับว่าแพรไม่ใช่คนแรกที่ผมถาม

“ลุงดีเกินไป”   

“...........”

“แพรขอโทษนะลุง”

ทำไมผู้หญิงถึงคิดว่าการบอกเลิกด้วยคำพูดแบบนี้คือสิ่งที่ผู้ชายรับได้นะ มันเหมือนการตอบข้อสอบผิดแล้วไม่ได้รับการเฉลย เพราะงั้นต่อให้อยากปล่อยผ่านแค่ไหน แต่ความไม่รู้ก็ยังคงฝังอยู่ในสมองไม่คลี่คลายเสียที ทั้งที่ตัวเราเองก็รู้ว่าไม่ได้สั่งสมความดีมากมายอะไรนัก แต่แพรคือคนที่ 7 แล้วในชีวิตลูกผู้ชาย ที่ผ่านเข้ามาและจากไปอย่างรวดเร็ว แต่อย่างน้อยแพรก็ทำสถิติได้ยาวนานกว่าทุกคน

แพรแทบจะไม่กล้ามองหน้าผม อาจจะเพราะว่าเราเป็นเพื่อนกันมาเกือบสามปี และผมก็เป็นฝ่ายเล่นตัวในตอนแรกที่แพรมาขอคบ ผมบอกมันแล้วว่าให้เป็นเพื่อนกันไปแบบนั้นจะดีที่สุด แต่มันก็ไม่ยอมดึงดันจะเอาผมทำผัวให้ได้ แล้วไงล่ะ! สุดท้ายก็เสียเพื่อน แถมแม้แต่ผัวผมก็ยังไม่ทันได้เป็น

“ผู้หญิงชอบคนเหี้ยๆ เหรอ”  มันเป็นคำถามที่ข้องใจผมมานานแล้ว เป็นคำถามที่ผมไม่กล้าถามผู้หญิงเจ็ดคนก่อนหน้านี้ แต่ในเมื่อแพรมันเคยเป็นเพื่อนผมมาก่อนก็จะขอเปิดใจเลยแล้วกัน  “เราสงสัยว่ะ? ต้องเหี้ยแค่ไหนเหรอถึงจะคบกันยืด”

“เอ่อ...ไม่ใช่อย่างนั้นนะลุง แพรแค่...”  แพรเริ่มอึกอักด้วยความงุนงง มันคงไม่คิดว่าผมจะกล้าถามมันตรงๆ แบบนี้
 
“ก็แพรบอกว่าเราดีเกินไป เราก็เลยอยากรู้ว่าต้องเพิ่มความเหี้ยเข้าไปอีกมากมั้ย?”

“มันไม่เกี่ยวกันหรอกลุง”

“ทำไมจะไม่เกี่ยวล่ะในเมื่อเราโดนแพรบอกเลิกด้วยเรื่องนี้ ก็บอกเรามาสิว่าต้องการแค่ไหน ถ้าเหี้ยกว่านี้ได้เราก็จะทำ”  ผมยังต้อนแพรไม่เลิก จนมันทำท่าจะร้องไห้อยู่รอมร่อ

แต่แล้วผมก็จำต้องยอมสงบปาก เมื่อสติทำให้คิดได้ว่ามันไม่แฟร์กับแพร แพรก็เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นก่อนหน้านี้ที่มีสิทธิ์ที่จะเลือกคนที่ดีที่สุด แล้วผมก็ไม่เคยถูกสอนให้เมินเฉยต่อน้ำตาผู้หญิง... เพราะแค่เห็นน้ำตาที่เริ่มปริ่มๆ ของมันก็ทำใจผมอ่อนยวบยาบเหมือนฟองน้ำโดนเหยียบ ดังที่หม่อมพ่อบนสวรรค์ได้บอกไว้ว่าน้ำตาของลูกผู้หญิงมีอิทธิฤทธิ์มากเหลือเกินกับสุภาพบุรุษ 

“ช่างมันเถอะแพร...เราเข้าใจแล้ว”

“ลุง...”

“มันไม่ใช่เพราะเราดีเกินไปหรอกใช่มั้ย? แค่เพราะเราไม่ใช่ ต่อให้ดีหรือเหี้ยแค่ไหนมันก็ไม่ใช่อยู่ดี”  ผมพูดด้วยรอยยิ้มมุมปาก ก้มหน้าประมาณ 30 องศาก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมาช้าๆ แหม่~ พระเอกจนตัวเองยังตกใจ

“แพรขอโทษนะ แต่เรายังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมได้ใช่มั้ย”

“ก็อาจจะอะนะ แต่เพื่อนแพรก็เยอะแยะแล้ว ขาดเราไปสักคนคงไม่เป็นไรหรอก”

“ลุง...”  แพรเม้มปากแน่น อย่างน้อยมันก็คงรู้สึกผิดกับผมจริงๆ  “ขอให้ลุงเจอคนที่ใช่เร็วๆ นะ”

แพรเดินออกจากร้านไปโดยไม่ได้ทิ้งเงินค่าสมูทตี้ของตัวเองไว้ด้วย หมายความว่าผมต้องเลี้ยงสินะ... ไม่เป็นไร อย่างน้อยๆ ผมก็มองว่ามันเป็นสิ่งสุดท้ายที่แพรเหลือทิ้งไว้ให้ ผมมองน้ำสีชมพูบ้องแบ๊วตรงหน้าราวกับเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ต่อให้ผมถูกทิ้งแต่ผมก็ยังมีน้ำแก้วนี้เป็นเพื่อน มันยังคงวางอยู่ตรงนั้นและหันลูกเชอรี่มาสบตาผมเงียบๆ ผมเดาว่ามันคงจะอมเปรี้ยวอมหวาน มันน่าจะอร่อยหรืออย่างน้อยก็คงพอถูกปากบ้าง

 ซู้ดดด! ผมคว้าแก้วตรงหน้าขึ้นมาดูดด้วยความคาดหวังว่ารสชาติมันจะเป็นอย่างที่ใจคิด แต่พอลิ้นได้สัมผัสรับรู้รสแล้วก็พบว่า...อืม...มันอร่อยเหมือนกัน แต่มันไม่ถูกปากเรา ต่อให้เกิดเสียดายฝืนกินต่อจนหมดแต่ท้ายที่สุดมันก็ยังไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการอยู่ดี

ผมพอจะเข้าใจแล้วว่าตัวเองก็ไม่ได้พิเศษไปกว่าความจริงนั้นจะเอื้อมถึงเลย


ผมคิดว่าบางคนก็ยึดติดกับสิ่งที่ตัวเองคาดหวังไว้จนเกินจะไปเปิดใจให้ยอมรับสิ่งอื่น ไม่อย่างนั้นผมคงไม่โดนทิ้งบ่อยอย่างนี้หรอก ไอ้พวกเพื่อนๆ มันบอกว่าผมเหมือน ‘ปลาร้า’ ที่ถ้าใครไม่ชอบก็ทนไม่ได้แม้แต่กลิ่น แต่ถ้าใครชอบล่ะก็จะขาดไม่ได้อีกเลย ผมเองก็ตามหาคนประเภทหลังมาตลอดแต่ก็ไม่เจอสักที เพราะปลาร้ากลิ่นแรงไปเหรอ? หรือว่ากลัวจะไม่ถูกสุขอนามัย หรือว่าไฮโซเกินกว่าจะกินของดาดๆ แบบนี้ ผมแค่อยากจะเจอใครสักคนที่จะนั่งจกปลาร้าถ้วยนี้แล้วบอกอย่างตรงไปตรงมาว่ารสชาติมันเป็นยังไงกันแน่

“จะนั่งหงอยไปทำไมวะ เจ็ดครั้งแล้วนา ชินสักทีเหอะ”

วาจากกระทบกระเทียบข้างตัวทำให้ผมต้องหมุนเก้าอี้ที่นั่งอยู่เพื่อไปเผชิญหน้ากับมัน ไอ้โป้ยเพื่อนยากกำลังนั่งกระดิกตีนมองดูผมด้วยความหยามเหยียด ใช่สิ! มึงหล่อ มึงรวย แถมยังเหี้ยด้วย เลยมีสาวมาขอเป็นตัวเลือกไม่ขาดมือ ส่วนผมน่ะกว่าจะได้มาแต่ละคนแทบจะต้องบนบานศาลกล่าวกัน แล้วสุดท้ายเป็นไง...พวกมันก็ไม่เลือกกูกันสักคน

“เออ!”   ผมกระแทกเสียงใส่มันอย่างยอมจำนน ก็ไม่รู้จะปิดบังรักษาหน้าตากับมันไปทำไม ในเมื่อมันเป็นเพื่อนที่คอยอยู่สมน้ำหน้าผมมาตั้งแต่โดนทิ้งครั้งแรกสมัยยังนุ่งกางเกงขาสั้น   “กูดีเกินไป ถามจริงเหอะว่าแพรมันไม่รู้สันดานกูเลยเหรอ หรือว่ามันขอคบกูที่หน้าตาวะ”

“กูไม่คิดว่ามึงจะมั่นหน้าตัวเองได้ขนาดนี้นะ”

“เชี่ย!”   ผมสาดคำขอบคุณใส่มันแล้วตัดสินใจกลับมานั่งทำงานต่อ ไม่อยากจะใส่ใจมันให้มากนัก คนที่มักเป็นฝ่ายทิ้งอย่างมันจะมาเข้าใจหัวอกคนมีบาดแผลอย่างผมได้ยังไง

“มึงอ่ะเป็นคนทุ่มเทเพราะงั้นก็เลยไม่ชอบขัดใจแฟน แต่ผู้หญิงนะเว่ย ยังไงก็ต้องการช้างเท้าหน้าอยู่แล้ว”   ไอ้โป้ยเริ่มยกประเด็นที่ผมเห็นว่าโคตรธรรมดาขึ้นมา

มันผิดตรงไหนเหรอที่จะตามใจแฟน มันผิดด้วยเหรอที่จะไว้ใจจนไม่ตามไปหึงไปหวงให้รบกวนสมอง แค่อยากไปไหนก็บอกมา จะไปด้วยกันหรือจะไปกับใครผมก็ไม่เคยมีปัญหาอยู่แล้ว เพราะคนเป็นแฟนกันก็ควรจะต้องเชื่อใจกันไม่ใช่หรือไง แล้วอีกอย่าง--ผู้หญิงส่วนมากก็ชอบที่ถูกตามใจทั้งนั้นนี่นา

“แล้วมันไม่ดีตรงไหนวะ”   ผมเริ่มหันมาปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้วยความสนใจเต็มที่ โดยละทิ้งหน้าที่การออกแบบโบรชัวร์ของสมนึกเบเกอรี่ไว้ชั่วคราว   “กูก็แค่ให้เกียรติที่อุตส่าห์มาคว้ากูไปเป็นแฟน”

“มึงเยอะไปไง”   ไอ้โป้ยเล่นมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า   “ผู้หญิงเขาต้องการความพอดีนะครับ”

“ไม่จริงอ่ะ!”   ผมเถียงเสียงเข้มพร้อมกับเบ้หน้าประกอบ   “กูว่าผู้หญิงแม่งหาความพอดีไม่ได้ที่สุดในจักรวาลแล้ว เรื่องเงิน เรื่องกิน เรื่องสารรูป ยิ่งพอมาวกเข้าหาเรื่องความรักนะ กูไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนแม่งรู้จักคำว่าพอดีเลยสักคน”

“เด็กกูแต่ละคนไม่ยักกะมีปัญหาเรื่องนั้นนะ กูชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ตลอด”

“มึงได้หน้าตากับเงินในกระเป๋าไงโป้ย ถ้ามึงเอาเงินล้านมาโบกตรงหน้ากูตอนนี้นะ กูก็ยอมเห็นขี้เป็นขนมถ้วยฟูเหมือนกัน”

“สบประมาทกูมากไอ้ลุง หน้าตากับเงินมันสำคัญมากนะกูจะบอก”

“แล้วจิตใจล่ะวะ! มันไม่สำคัญงั้นสิ”   แม่ง~ พูดแล้วสะเทือนกรวยไต

“เอางี้นะ มึงว่าในออฟฟิศเราใครป๊อบที่สุด”

ผมส่งสายตาไปให้เพื่อนตั้งแต่หัวจรดเท้าบ้าง   “มึงคงไม่ได้อยากจะให้กูตอบว่ามึงใช่มั้ย?”

“ส้นเถอะ เอาที่มึงคิดว่าหญิงเยอะที่สุด หล่อที่สุดจนมึงไม่อาจทาบหนังหน้าได้ติดอ่ะ”

อืม...ผู้ชายคนไหนเหรอที่ผมคิดว่าหล่อ จะเป็นพี่กรหุ้นส่วนใหญ่ก็ใช่ รายนั้นเป็นดาราเล่นหนังเล่นละครด้วยนี่นา หรือว่าจะเป็นพี่ริช HRสารพัดประโยชน์ แต่เฮ้ย! เจ๊แกเป็นตุ๊ดนี่หว่า ผมได้แต่มองไปรอบออฟฟิศจนทั่ว บริษัทรับออกแบบเล็กๆ มันจะมีคนอยู่สักกี่คนวะ เจ้านายควบตำแหน่งเออีสอง ฝ่ายบุคคลหนึ่ง กราฟิกดีไซเนอร์สาม มือปืนรับจ้างอีกสอง ป้าแม่บ้านอีกหนึ่ง ออฟฟิศสองชั้นที่แออัดเท่ารังแมวดิ้นอย่างนี้จะให้ผมไปหาผู้ชายดูดีจากที่ไหนกัน แต่ถ้าผู้ชายที่ผมอยากจะเป็นล่ะก็...

“พี่เปี๊ยกไงมึง”   ผมหรี่เสียงตัวเองให้เบาลง พร้อมกับพยักพเยิดหน้าไปยังกราฟิกดีไซเนอร์ประจำคนสุดท้ายที่กำลังออกแบบยิกๆ อยู่ที่ฝั่งตรงข้าม   “มึงก็รู้ว่าคนทำงานแบบนี้ส่วนใหญ่แม่งหลงตัวเองแทบทั้งนั้น แต่พี่เปี๊ยกแม่งไม่มีเลยเว้ย ยินดีรับคำติโดยไม่บ่น งานเยอะก็ไม่บ่น ลูกค้าจะแก้งานเรื่องมากแค่ไหนก็ก้มหน้าก้มตาทำ กูจะขอคำแนะนำอะไรก็ยินดีตลอด กูเคยได้ยินเมียพี่แกโทรมาด่าๆ สั่งๆ แม่งยังไม่มีบ่นเลยนะมึง กูว่าพี่เปี๊ยกนี่ยอดสุดละ เดอะเบสต์ออฟเดอะแมน ในใจกูเลย”

จบการสรรเสริญของผม ไอ้โป้ยถึงกะหันไปมองพี่เปี๊ยกแบบสำรวจอีกครั้ง   “ตรงไหนของพี่เปี๊ยกที่มึงว่าหล่อวะ”

“ใจไงมึง ใจพี่เปี๊ยกแม่งหล่อมาก”   ผมเอามือทุบอกเบาๆ แล้วยื่นออกไปให้พี่เปี๊ยกที่เงยหน้าขึ้นมามองทางนี้พอดี พร้อมกับกระดกนิ้วโป้งยกย่องสื่อความนัย ผมปลื้มพี่ตรงไม่เคยนินทาเมียให้พวกผมได้ยินเนี่ยแหละ

“เฮ้อ~ กูผิดเองที่ถามคนแปลกๆ อย่างมึง”  โป้ยส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยใจ  “เอางี้นะมึง กูยกตัวอย่างเองเลยแล้วกัน ตัดกูซึ่งมึงรู้ว่าหล่อกับพี่กรที่เป็นดาราออกไป ที่เหลือก็จะได้เป็น”   ผมมองไอ้โป้ยที่กำลังชี้นิ้ววนไปมาลุ้นประหนึ่งคุณปัญญาในเกมส์ตอบคำถาม และเมื่อผมเองก็โง่เกินกว่าจะตอบได้ มันเลยชิงเฉลยซะเองพร้อมทำสีหน้าก่นด่าเซลล์สมองผมในใจ   “พี่ปูนไงมึง”

นั่นเป็นชื่อที่ทำให้ผมต้องเบ้หน้าออกมาอย่างที่ไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อได้เลย   “ไบโพล่าอย่างนั้นน่ะนะ หรือว่าเดี๋ยวนี้ผู้หญิงชอบแบบอารมณ์แปรปรวน”

 “พี่เขาแปรปรวนกับมึงคนเดียวน่ะสิ”  ไอ้โป้ยแย้ง  “สมมุติว่ามึงเป็นผู้หญิงมึงจะไม่หลงพี่เขารึไง หล่อ รวย ปากเก่งสมองเปรื่อง เวลาคุยกับลูกค้าก็เนี๊ยบ เวลาอยู่กับลูกน้องก็สบายๆ ขนาดกูเป็นผู้ชายดูดีกูยังยอมรับเลยว่าพี่ปูนแม่งเข้มสัด กูสังเกตผู้หญิงหลายคนแล้ว ร้อยละ 90 มองพี่ปูนแบบว่าอยากได้ทำผัวมาก”

“เหอะ ถ้ากูเป็นผู้หญิงคงไม่เอาผู้ชายอย่างนั้นทำผัวเด็ดขาด อารมณ์ขึ้นๆลงๆจนกูปีนกระไดตามไม่ทัน ล่าสุดคุยกับกูเรื่องงานก็ยังดีดีอยู่ ห้านาทีต่อมาด่ากูซะงั้น”   ผมส่ายหน้าพรืดขอปฏิเสธเสียงแข็ง แค่นึกถึงเรื่องเมื่อวันก่อนก็ยังแหยงไม่หาย ตอนบรีฟงานก็ยังสุ้มเสียงนุ่มหูอยู่แท้ๆ แต่พอหลังจากคำถามที่ว่า ‘เสร็จทันวันจันทร์ได้รึเปล่า?’ ผมก็แค่ตอบไปว่า ‘โหยอีกตั้งวันกว่าครับพี่ ผมแม่งเป็นเทวดากระดิกนิ้วแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว พี่ไม่ถามผมไปเลยล่ะครับว่าอีกชั่วโมงนึงเสร็จมั้ย?’ หลังจากนั้นหูผมก็ชาไปทั้งวัน แถมยังกวนตีนผมโดยการโทรมาถามทุกชั่วโมงเลยว่างานเสร็จรึยัง

“ก็มึงชอบไปกวนตีนพี่เขา อย่างน้อยก็สำเหนียกบ้างว่าเขาเป็นเจ้าของบริษัทครึ่งหนึ่ง ความเคารพก็เป็นส่วนหนึ่งของสมบัติผู้ดีนะครับมึง พี่สาวไม่เคยสอนเหรอ”

เหมือนโดนเพื่อนเอาฝ่าตีนแนบหน้า มันทั้งชาทั้งอุ่นจนอยากจะนึกขอบคุณที่มันอบรมสั่งสอน แต่การกล่าวอ้างถึงพี่สาวที่เคารพอย่างนั้นเป็นสิ่งที่ผมยอมไม่ได้เด็ดขาด   “มึงคิดว่าป้าแกรู้จักสมบัติผู้ดีด้วยเหรอวะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

“ปากมึงเนี่ยนะ เวลาอยู่ต่อหน้าก็เก่งให้ได้อย่างปากแล้วกัน”   ไอ้โป้ยทำมาพ่นลมเย้ยหยันผม  “แล้วมึงมองในทางกลับกันนะ ต่อให้พี่ปูนหล่อขนาดนั้น แต่จนฉิบหายวายป่วง กูยืนยันได้เลยว่าไม่มีสาวไหนเอาหรอกเว่ย! ยุคนี้มันหมดสมัยกัดก้อนเกลือกินแล้ว สันดานกับหน้าตาน่ะมันอุดได้ด้วยเงินหมดแล้วว่ะเพื่อน แต่ถ้ามึงทั้งหล่อและรวยล่ะก็แค่กระดิกนิ้วเรียก ผู้หญิงก็เดินตามเป็นพรวนแล้ว”

“หรือกูต้องคบกับผู้หญิงสวยและรวยมาก”  ผมคิดว่าน่าจะเป็นการดีนะ ผู้หญิงประเภทนี้ชอบให้คนเอาอกเอาใจ แล้วด้วยนิสัยผมแล้วน่าจะทำได้ง่ายมากๆ แต่...จริงเหรอวะที่โลกเรามันก้าวไปไกลจนความเข้ากันได้ทางจิตใจไม่ใช่เรื่องสำคัญ ให้ตายผมก็ยังไม่เชื่ออยู่ดีว่าในท้ายที่สุดแล้ว เงินจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้คนสองคนไปกันรอด

“ใครที่ไหนจะโง่อย่างนั้นวะ”  ไอ้โป้ยรีบขัดความคิดของผม แต่จู่ๆ สายตาเพื่อนก็พราววาววับขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ มันโน้มตัวเข้ามาใกล้ ยักคิ้วเข้มให้หนึ่งข้างอย่างดูดี

“แต่ถ้าเป็นผู้ชายหล่อรวยแถมกรวยใหญ่ก็ไม่แน่นะมึง”

แล้วเพื่อนโป้ยก็ส่งเสียงหัวเราะพลางหันหน้ากลับไปทำงานต่ออย่างอารมณ์ดี โดยทิ้งให้ผมต้องเผชิญหน้ากับอาการขนลุกไปทั่วทั้งร่าง ผมก็คันปากยิบได้แต่เถียงมันในใจไปเหมือนกัน ว่าใครที่ไหนจะโง่อย่างนั้นวะ! ถึงครอบครัวผมจะไม่ต่อต้านการคบหาในเพศเดียวกัน แต่ตลอดมาผมก็ไม่มีความคิดจะเปลี่ยนรสนิยมไปกินกล้วยแต่อย่างใด

ผมสะบัดหัวไล่เรื่องไร้สาระออกไปจากหัว แล้วกลับมาตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินตามเดิม

อันที่จริงแล้วบริษัทนี้ก็ไม่ได้เข้มงวดว่ากราฟิกดีไซเนอร์จะต้องเข้าทำงานทุกวันหรอกครับ ก็เหมือนกับบริษัทส่วนมากที่แค่ต้องมีงานส่งให้ทันกำหนด จะเข้าเช้าสายบ่ายแค่ไหนก็ไม่มีปัญหา เพียงแต่ว่าพนักงานประจำอย่างพวกผมก็มีปัญหาหลายอย่างที่ทำให้ต้องมาใช้คอมฯของบริษัทเพื่อดำรงชีวิต อย่างไอ้โป้ยมันค่อนข้างเป็นสัตว์สังคม เวลาอยู่ตัวคนเดียวเงียบๆ แล้วแถบความรื่นเริงมันจะลดลงเร็วมาก ส่วนพี่เปี๊ยกก็คงไม่อยากอยู่รบกวนลูกเมียตามสไตล์พ่อบ้านแสนดี แต่สำหรับผมนั้นก็แค่อยากจะอยู่ให้ไกลสองนางพญาประจำบ้านให้มากที่สุด

ถ้าผมต้องเปรียบเทียบชีวิตตัวเองกับเทพนิยายสักเรื่อง ผมคงเลือกที่จะเป็นนายพรานแสนดีที่ช่วยชีวิตสโนวไวท์ ให้รอดพ้นจากนางแม่เลี้ยงใจร้าย แต่บังเอิญให้ว่าชีวิตผมไม่ได้แลดูแมนทั้งแท่งแบบนั้น จุดที่ทำให้ชีวิตต้องหักเหครั้งใหญ่ มันคงเริ่มตั้งแต่พ่อผมด่วนจากโลกนี้ไปก่อนวัยอันควร หลังจากวันนั้นชีวิตผมก็มีเพียงแต่หมอกจางๆ และควัน ที่ไม่ได้เย็นสบายอะไรเลยซ้ำยังแสบตาอีกต่างหาก ไม่ต่างจากซินเดอเรลล่า ณ. บ้านทรายทอง เฮ้อ~ แค่คิดถึงน้ำตาก็เอ่อจนปวดใจแล้ว

“งานของสมนึกเบเกอรี่ไปถึงไหนแล้วลุง”   เสียงนุ่มๆ ของนักแสดงหนุ่มหล่อเจ้าของบริษัทดังขึ้นเบื้องหน้า ทำให้ผมต้องละสายตาจากการปรับโทนสีตัวอักษรเพื่อเงยหน้ารับรัศมีความหล่อของดารารูปงาม

พี่พันกรของสาวใหญ่สาวน้อยหลายๆ คนคือเจ้าชายที่มีชีวิตสำหรับผม เพราะไม่ว่าเจ้านายคนนี้จะทำอะไรก็ดูนุ่มนวล สุภาพเสมอแม้กับผู้ชายด้วยกัน แม้จะไม่ได้เล่นเป็นพระเอกเฉิดฉาย แต่บทพระรองก็ยังตกเป็นของแกอยู่สม่ำเสมอ ผมกล้าเอาหัวเป็นประกันเลยว่า ต่อให้อนาคตพี่กรรับบทเป็นคนบ้า ก็คงจะเป็นคนบ้าที่ออร่าจับสุดๆ

“กำลังทำอาร์ตเวิร์คครับพี่ ถ้าผมไม่ขี้เกียจพรุ่งนี้ก็น่าจะได้ส่งงานให้ลูกค้าดูเลย และถ้าคุณสมนึกแกไม่เรื่องมากมะรืนอาจจะได้ส่งทำพรู๊ฟกับโรงพิมพ์เลยก็ได้ครับ”

“ปากเรานี่มันเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ นะ”   พี่กรได้แต่ส่ายหัวไปมาด้วยริมฝีปากที่อมยิ้มนิดๆ พอให้ละลายใจป้าแม่บ้านที่เดินผ่านมา   “แต่เสร็จก่อนกำหนดแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน พี่มีงานอยากให้เราไปถ่ายรูปด้วย”

“ที่ไหนครับพี่”   ถึงจะเสียเวลาทำงานไปบ้างแต่อย่างน้อยผมก็ได้ค่าจ้างพิเศษเพิ่ม ผมก็ไม่ใช่คนถ่ายรูปเก่งพอจะเรียกตัวเองว่าโปรได้หรอก แต่เพราะทำได้และราคาเงินค่าจ้างพิเศษที่เพิ่มให้มันยังน้อยกว่าการไปจ้างช่างมืออาชีพเท่าตัว ดังนั้นงานถ่ายรูปเพื่อใช้ในการพิมพ์โปรโมทจึงเป็นของผมไป
 
“เป็นรีสอร์ทเปิดใหม่ที่เพชรบูรณ์น่ะ บังเอิญไปเจอกับเจ้าของที่งานถ่ายโฆษณาตัวล่าสุดที่เขาเป็นเจ้าของแบรนด์ด้วย พอลองยื่นเสนอราคาไปเขาก็ว่าจะลองใช้บริการดู”

“พี่นี่หางานเก่งนะครับ”   ผมชื่นชมด้วยใจจริงเลย

“นี่เอ็งแดกดันเจ้านายเหรอวะ”   แต่ไอ้โป้ยที่นั่งข้างๆ กลับชักใบให้เรือเสียซะนี่

“กูชมเหอะ”   ผมต้องรีบหันไปแก้ความเข้าใจผิดของมันอย่างไว ก่อนจะหันมาตีหน้าหมองกับพี่กรที่ยืนยิ้มอย่างไม่ถือสา   “ผมชื่นชมจริงๆ นะพี่ คือแบบว่าพี่โคตรมีวาทศิลป์ในการพูดเพราะงั้นลูกค้าเลยหลง เอ้ย!! ”

“เอาเถอะๆ เอาเป็นพี่คิดว่าลูกค้าอยากจะลองของเรานั่นแหละนะ ถึงให้เราไปถ่ายรูปด้วยตัวเองคงอยากจะรู้ว่าเราจะดึงภาพแบบไหนเพื่อมาเป็นหน้าเป็นตาในใบโฆษณา และถ้าทำได้ถูกใจนะ บริษัทเราคงได้ลูกค้ารายใหญ่เพิ่มอีกแน่ เพราะเท่าที่พี่ฟัง คงจะมีสินค้าอื่นๆ อีกเยอะล่ะ”

“กดดันว่ะพี่ งานนี้จ้างช่างนอกไม่ดีกว่าเหรอ”   

“พี่ปรึกษากับปุริมแล้ว พี่เขาเชื่อมือลุงนะ”

ทันทีที่พี่กรเสนอชื่อใครอีกคนเพิ่มเข้ามานั่นแหละ ไอ้โป้ยที่หูผึ่งแอบฟังอยู่อยู่ถึงกับหัวเราะในลำคอเบาๆ ปลุกความรู้สึกหลากหลายในอกผมให้พวยพุ่งออกมาจนกล้ามเนื้อใบหน้าไม่อาจแสดงมันได้ในคราวเดียว แม้ว่าจะเป็นเจ้านายก็ตามทีแต่ผมไม่ถูกโฉลกกับพี่ปูนเท่าไรนัก เรียกว่าผมเขม่นเขาอยู่ฝ่ายเดียวก็ได้

ถ้าสืบสาวต้นเหตุอาจนั้นสรุปด้วยสำนวนสั้นๆ ว่า ‘หมาคาบไปแดก’

เรื่องมันเริ่มจากน้องกิ๊บ... กิ๊บเป็นเด็กฝึกงานในช่วงที่ผมเพิ่งเข้ามาทำที่นี่ใหม่ๆ น้องน่ารักตามสไตล์เด็กมหาลัยวัยขบเผาะ ไอ้ผมก็ก้อร่อก้อติกน้องอยู่เป็นเดือนจนคิดว่ายังไงก็ได้ชัวร์ แต่พอน้องมันได้เห็นพี่ปูนเท่านั้นแหละ โลกแห่งความสุขของพัทลุงก็พังทลาย มันเป็นอะไรที่โคตรจะฝังหัวมากที่ได้เห็นสาวน้อยที่เราอ่อยมานานดันไปอ่อยผู้ชายคนอื่น เพราะงั้นตั้งแต่พี่ปูนมาทำงานที่บริษัทเต็มตัว ผมถึงเอาแต่เขม่นเจ้านายคนนี้อยู่เนืองๆ เดาว่าพี่แกคงรู้อยู่บ้างเพราะเล่นกวนตีนผมกลับอยู่บ่อยๆ ...แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็เถอะ พอคิดว่าฝีมือตัวเองถูกยอมรับมันก็เล่นเอาหัวใจพองดีเหมือนกัน

“ก็ได้ครับพี่ ถ้าพี่ปูนจะชื่นชมฝีมือผมมากขนาดนั้นล่ะก็”

“พี่พูดอย่างนั้นเมื่อไหร่?”   เสียงนี้ดังขึ้นในเสี้ยววินาทีที่ผมพูดจบประโยค ความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านประหนึ่งจอมมารก้าวเท้ามายังพื้นโลก ผมก็ไม่ได้เปรียบเทียบอลังการไปหรอกเพราะในความรู้สึกผมแล้วพี่ปูนแม่งเป็นตัวยักษ์ตัวมารจริงๆ ยิ่งพอมาหยุดยืนตีเสมอพี่กรด้วยแล้ว หึ! นรกกะสวรรค์ชัดๆ

“หวัดดีฮะพี่ปูน”   สุ้มเสียงผมก็แลดูเป็นลูกน้องที่น่ารักอยู่หรอกถ้าไม่นับปากจู๋ๆที่ผมพยายามยื่นให้มากที่สุดหวังกวนตีนเจ้าของชื่อ ซึ่งผลลัพธ์ทีได้น่ะหรือคือสายตาเฉียบคมที่คนมองคงอยากจะเปลี่ยนให้มันเป็นเข็มแล้วเย็บปากผมได้

“สวัสดีครับพี่”   ไอ้โป้ยยกมือยกไม้สวัสดีด้วยรอยยิ้ม เหมือนหมากระดิกหางเวลาเจอเจ้าของอย่างไรอย่างนั้น ก็แน่ล่ะสิพี่ปูนแม่งเป็นลูกพี่ในดวงใจมันนี่ เหล้ายาปลาปิ้งลิงข้างบ่างชะนีก็ควงกันไปลิ้มลองอยู่เรื่อย   “ออลีอัล ว่าไงบ้างครับพี่”

(ไอ้)พี่ปูนเบือนสายตาจากหน้าผมหันไปสบกับน้องรักแทน   “เขาขอแก้มาสองสามจุด โดยรวมแล้วเขาพอใจมากนะ บอกว่าเรียบง่ายแต่ดูแพงดี สมกับภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์มาก เดี๋ยวเข้าไปหาพี่ที่ห้องแล้วกันจะบรีฟงานให้ฟัง”

“ครับพี่” 
 
“พี่ก็ว่างานนี้ทำออกมาสวยจริงๆนะ ทั้งสีและองค์ประกอบดูแมตซ์กันมาก”

กว้างอีกสิมึง ยิ้มอีกสิ...เอาให้ปากฉีกถึงกกหูไปเลย เจอลูกพี่ชมไปไม่พอยังเจอพี่กรชมดับเบิ้ลเข้าไปอีก กูต้องหาโซ่มาล่ามมึงมั้ยโป้ยจะได้ไม่ตัวลอยติดเพดาน

ถึงผมจะเป็นเพื่อนกับมันมานานแต่ก็มีช่วงที่อิจฉามันเหมือนกัน อิจฉาที่มันหล่อ รวย ฉลาด ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูจะง่ายดายและประสบความสำเร็จไปทุกอย่าง แต่ผมก็เข้าใจอีกว่าต้นทุนชีวิตของแต่ละคนมันมีไม่เท่ากัน และผมก็ไม่ได้เกลียดหรือโทษฟ้าดินในสิ่งที่ผมมี เพราะฉะนั้นมันก็เป็นแค่ความอิจฉาเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่มีวันจะแปรเป็นริษยาได้ แต่ทว่าก็มีบางคนที่เอาจุดนี้มากระแทกกระทั้นจิตใจผมให้บอบช้ำระกำทรวง

“โป้ยเก่ง พี่เปี๊ยกก็เก่ง...ผิดกับบางคน...”   (ไอ้)พี่ปูนว่าขึ้นลอยๆ โดยไม่ได้หันสายตามามองผม อย่างที่ผมรู้ดีว่าเป็นข้อความกระทบกระเทียบถึงผมแน่ๆ แต่สายตาผมเนี่ยจ้องมันจนแทบจะกะซวกไส้มันออกมาอยู่แล้ว

“มึงก็ไปว่าน้อง”   เจ้าชายถองศอกเข้าสีข้างของไอ้ยักษ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ พร้อมกับหันมายิ้มอ่อนโปรยเสน่ห์ดาราใส่ผม   “งานลุงครีเอทมากนะ ลูกค้าหลายคนชอบความแปลกใหม่แบบนี้แหละ”

“แต่ถ้ามันไม่ตรงตามความต้องการของลูกค้าจะไปมีประโยชน์อะไร”

พี่ปูนสวนขึ้นมาด้วยเสียงราบเรียบ ไม่มีการใส่อารมณ์ในน้ำเสียงเลยสักนิด เหมือนเป็นแค่ประโยคบอกเล่าที่จริงจนผมหน้าชา... แม้ลูกค้าส่วนมากจะเป็นฝ่ายมากเรื่องเองแต่ก็มีบางส่วนเหมือนกันที่ให้กลับมาแก้เพราะไม่ตรงกับที่บรีฟไว้ ใช่ที่ว่ามันดูดี มันมีลูกเล่นเพิ่มเติมเข้าไปโดนใจผม แต่ก็เหมือนที่พี่ปูนพูด...มันไม่โดนใจลูกค้า

“จริงที่ว่าเราเป็นผู้สร้างงาน แต่ถ้าไม่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้ามันก็แค่ขยะดีดีนี่เอง การกลับมาแก้งานใหม่หลายครั้ง มันเสียทั้งเงิน ทั้งเวลาและความรู้สึก คุณทำงานเพื่อแลกเงินและชื่อเสียงของบริษัทนะ ไม่ใช่เพื่อสนองความพอใจส่วนบุคคล”
มันเป็นความจริงจนผมเถียงไม่ออกเพราะกราฟิกดีไซน์เนอร์บางส่วนเป็นแบบนั้น คิดว่างานข้าดี งานข้าเจ๋ง และคิดว่าลูกค้าที่ไม่ประทับใจคือพวกหัวเก่าไม่พัฒนา อีโก้สูงปรี๊ดจนทะเลาะกับเออีบ่อยๆ ผมเองก็เป็นหนึ่งในพวกนั้นแต่เออีที่นี่ร้ายถึงขั้นปราบเซียน ผมเลยได้แต่เก็บมาด่าลับหลัง แต่ไม่ใช่ครั้งนี้…

“ไหนมึงว่ามีนัดคุยกับลูกค้าอีกรายไง”

หลังจากที่ทุกคนอยู่ท่ามกลางความเงียบมาพักใหญ่ พี่กรจึงเริ่มพูดขึ้นเพื่อตัดบรรยากาศ แม้ว่าเสียงพี่กรจะดูเข้มแปลกๆ แต่ในตอนนี้พี่เหมือนเจ้าชายของผมจริงๆ ผมมองเจ้านายทั้งสองคนที่ส่งสายตาสื่อสารกันผ่านกระแสจิต และเป็นพี่ปูนที่ปรายสายตามามองผมแล้วเป็นฝ่ายปลีกตัวไปคนแรก

“ลุงมีฝีมือนะและปูนยอมรับในข้อนี้ ที่ทำงานกันมาได้ตั้งหลายปีก็พอพิสูจน์ได้แล้วล่ะ”

พี่กรตบบ่าผมหนักๆ พร้อมกับยิ้มให้กำลังใจก่อนจะเดินตามพี่ปูนเข้าไปในห้องทำงาน ทุกคนรู้ดีว่าพี่ปูนมีสิทธิ์ขาดในการจะรับหรือว่าจะให้พนักงานสักคนออก พวกผมสามคนคือพนักงานรุ่นแรกๆ แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยรับกราฟิกใหม่ๆเข้ามาเพียงแต่ว่าไม่มีใครอยู่ทนพอ อันที่จริงต้องพูดว่าพี่ปูนไม่พอใจใครมากกว่า นั่นอีโก้สูงไป นู่นโง่ไป นี่ความคิดสร้างสรรค์ไม่พอ แต่ละคนเลยไม่ผ่านโปรโดนเด้งกันไปเป็นแถว ผมคงมีดีอยู่บ้างถึงทำให้พี่ปูนยังเก็บเอาไว้หรืออย่างร้ายที่สุดก็เพราะสงสารพี่เปี๊ยกกับโป้ยที่ถ้าผมเด้งไปคงมีงานหนักขึ้น จะยังไงก็แล้วแต่…ผมเถียงพี่ปูนไม่ออกซ้ำยังรู้สึกย่ำแย่สุดๆ


ไหนจะโดนทิ้ง เจ้านายยังด่ากระทบต่อหน้าคนทั้งออฟฟิศ


“มึง…อย่าคิดมาก…”   ไอ้โป้ยตบไหล่ผมบ้าง สีหน้ามันเครียดจนผมสงสาร    “ไปแดกเหล้ากัน กูเลี้ยงเอง”

“ไม่ต้องหรอกมึงมีงาน”   ผมบอกปัดด้วยมารยาทที่พอมีอยู่บ้าง

“เฮ้ย! อย่าเกรงใจ มึงเครียดมากกูรู้ กูเลี้ยงเองชวนไอ้อ่ำกะไอ้เป๋ไปด้วย”

“โป้ย…มึงแม่งเพื่อนรักกูจริงๆ”

ผมแทบจะคว้าตัวมันมากอดให้ชื่นใจ แค่รู้ว่ามันจะเลี้ยงความเครียดผมก็หายไปกึ่งหนึ่งแล้ว

.
.
.

หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 1 _คนดีที่ไม่มีใครเอา || 9-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 09-06-2017 12:46:17
.(ต่อ)
.
.

ผมเตะความเครียดทิ้งไปทันทีเมื่อเจอแสงสีและสิ่งมีชีวิตที่พร้อมจะอวดหน้าอกหน้าใจบี้ไถหลังคุณไปมาขณะเต้น ผมออกสเต็ปไม่คิดชีวิตเหมือนเป็นวันสุดท้ายที่จะได้โยก มุมไหนสาวชุกผมก็พยายามแถเข้าไปหา เมื่อเห็นเขามากับผัวผมก็แถออกมา ผมเต้นแบบไม่สนใจเพื่อนร่วมโต๊ะและเจ้าภาพที่นั่งดื่มกันเงียบๆ ไอ้โป้ยคงจะบอกเล่าเก้าสิบถึงความรันทดชีวิตของผมให้เพื่อนอีกสองคนฟังแล้ว พวกมันถึงได้ไม่ถามหรือพูดเรื่องอะไรให้ผมระคายใจ มันทำเพียงแค่ปล่อยผมออกไปสู่แสงสีเสียงและยกขวดเบียร์ให้เมื่อผมหมดแรงกลับมา

“เหนื่อย~”   ผมบ่นได้คำเดียวก่อนจะกระดกเบียร์รวดเดียวค่อนขวด ความขมปนหวานแผ่ซ่านในลำคอจนต้องกระดกซ้ำหลังจากพักหายใจ   “พวกมึงไม่ออกไปเต้นกันวะ หญิงแจ่มๆทั้งนั้น”

“ที่เข้าตากูล้วนมากับผัวทั้งสิ้น”   ไอ้อ่ำรำพึง สเปคของคุณชายอ่ำล้วนเลเวลสูงและส่วนมากนางในระดับนั้นมักไม่ค่อยรอดมาถึงมืออ่ำสักเท่าไหร่

“ที่จริงกูอยากย้ายโต๊ะมาก ใครมองมาแม่งรู้เลยว่ากูเป็นเพื่อนมึง”   เป๋หันมองรอบตัวทั้งที่เหตุการณ์ก็ปกติดี  “เต้นท่าเหี้ยอะไรของมึงมากมาย กูเห็นละอายแทน”

“มันเป็นฟิลลิ่งเว่ย เพลงมันขนาดนี้จะให้กูเต้นลีลาศเหรอไง”   ผมแย้งพลางหยิบเบียร์ขวดใหม่ขึ้นมาเปิด แล้วเทเข้าปากเป็นขวดที่หก

“มึงจะไปเอาไรกับมันนักวะเป๋”   ผมรีบพยักหน้าเห็นด้วยกับเพื่อนโป้ยที่ออกตัวสนับสนุน ก่อนที่ประโยคต่อไปทำให้อยากจะตบหัวมันให้ทิ่ม   “มันหน้าด้านมึงก็รู้”

“ปล่อยกูสักวันเหอะวะ ช่วงนี้กูต้องดวงตกแน่ๆ”   ผมเถียงให้ตัวเอง

“อย่าเข้าข้างตัวเอง มึงโดนทิ้งอย่างนี้ตลอดอยู่แล้ว”   ผมหันขวับไปมองเพื่อนอ่ำที่กล่าววาจาทำร้ายจิตใจกันได้อย่างเลือดเย็น.  “อีกอย่างนะ มึงกับเจ้านายก็เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานานแล้วไม่ใช่รึไง”

“แต่มันโดนหนักว่ะคราวนี้ เอ้า! แดกๆเข้าไป ไม่เมาไม่กลับ”

“เย้!”   มีผมคนเดียวที่ตอบรับความใจป้ำของเพื่อนโป้ย เพราะนอกนั้นได้แต่ส่ายหน้าไปมาแบบไม่เห็นด้วยเต็มที่ เพราะเป๋ต้องกลายสภาพเป็นพนักงานออฟฟิศในเช้าวันรุ่งขึ้น ส่วนอ่ำก็ต้องไปเฝ้าร้านวัสดุก่อสร้างให้เตี่ยมันแต่เช้าเหมือนกัน มีแค่ผมที่รื่นเริงเหมือนพวกไม่มีงานทำ

ผมดื่มไปเยอะจนนับขวดไม่ทัน แอลกอฮอล์มันเข้าไปอยู่ในร่างกายมากจนผมควบคุมสติไม่ได้อีกต่อไป เพราะงั้นเพียงแค่เสียงของใครสักคนที่บอกว่าเห็นพี่ปูนกำลังอ้อล้อกับสาวในมุมหนึ่งของผับก็ทำเอาผมสติพัง ความน้อยเนื้อต่ำใจ ความรันทดชีวิต มันประดังประเดออกมาเหมือนเขื่อนแตก

“มันแม่งเชี่ย”   เสียงผมอ้อแอ้จนจับใจความแทบไม่ได้   “ชอบว่ากู อึก! แม่งหล่อ อึก! แม่งรวย อึก! แล้วไงวะ เอิ๊ก! ถึงพี่ไม่รวยแต่ก็มีหนี้สินนะน้อง!!”   

“ไอ้เหี้ยนี่! ตะโกนหาป้ามึงเรอะไง”   เหมือนจะเป็นเสียงไอ้เป๋หน้าบาง แล้วเค็มๆที่อุดปากกูอยู่เนี่ยก็มือมึงใช่มั้ย?

“ปล่อยกู อึก! แม่งทิ้งกู~ เชี่ยแพร อิแพท อิแนน เชี่ยหมิง เชี่ย...ใครอีกวะแม่งกูลืม! เอิ๊ก! กูเป็นคนดีตรงไหนวะ กูมันไม่ดี ฮึก! เจ้านายยังด่ากูอยู่เลย ถ้าอยากได้เหี้ยๆ ทำไมไม่บอกกันวะ แม่ง~ ไอ้ปูน! มึงมันตัวมารอะ  กล้ามอกมึงแน่นมาก อึก! กูเห็นแล้วยังสยิวแทนเลย เอิ๊ก!!”

“กูว่าเอาแม่งกลับเหอะ ไอ้สัดนี่เอามาปนกันมั่วไปหมดแล้ว”   เสียงของใครสักคนดังขึ้น ผมได้แต่อ้อแอ้ปฏิเสธแต่ไม่นานก็รู้สึกว่าตัวเองถูกหิ้วปีกสองข้างจนตัวแทบลอย

“ไอ้สูง!! เห็นใจกูบ้าง เอิ๊ก! กูเตี้ย”   ผมสะบัดตัวไปมา   “ปล่อยกู! กูจะไปเยี่ยว!”

“มึงเมาตายห่าแล้วไอ้ลุง”

“เออกูเมา เอิ๊ก! แต่กูปวดเยี่ยว”   

“ไอ้โป้ยมึงไปสตาร์ทรถรอเลย กูจะลากมันไปห้องน้ำเอง”   เหมือนจะเป็นเสียงไอ้อ่ำ แต่ผมยังไม่ทันจะตกลงอะไรมันก็ฉุดลากผมไปแล้ว

“บ๊ายบายนะพวกมึง”   ผมหันไปโบกมือลาไอ้สองตัวที่ยังยืนมองอยู่

“บายหาป้ามึงเรอะ!!”   เลยเจอไอ้อ่ำโบกหัวไปหนึ่งที

มันลากผมผ่านคนมากมายมาได้ จนผมปรือตาเห็นได้ว่าข้างหน้าคือห้องน้ำ   “มึงรอนี่ โอเค๊”

“ไปเองได้นะมึง กูรออยู่เนี่ยแหละ”

“โอเคครับพ้ม!”   ผมตบไหล่มันเปาะแปะ แล้วเดินไถกำแพงผลุบหายเข้าไปในห้องน้ำ ในหัวมันวิ้งๆ จนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ แต่ผมก็พาตัวเองไปจนถึงโถฉี่ได้สำเร็จ กว่าจะงัด กว่าจะตั้งวิถีการยิง น้ำมันก็ปริ่มจนหกกระเซ็นแล้ว ผมว่าโลกแม่งหมุนเร็วจนผมเอียงไปมา ฉี่กระฉอกไร้ทิศทางควบคุมลำบากจนผมต้องแอ่นตัวติดโถ ตาผมจะปิดอยู่รอมร่อขณะเก็บลูกชายเข้าคอก ผมเดินโซเซออกมาชนคนนั้นคนนี้ไปตามทาง จนกระทั่งไปชนกับเสาต้นเบ้อเริ่มถึงกับทรุดตัวลงไปกองพื้น ผมพยายามหรี่ตามองไอ้เสาเวรตะไลที่มาตั้งไม่รู้ทิศรู้ทาง

“พัทลุง?”

“เอิ๊ก! ครายอ่ะ”

“ทำไมเมาอย่างนี้ แล้วมีเพื่อนมาด้วยรึเปล่า”

เสียงแม่งคุ้นหูโคตรๆ ฟังแล้วเท้ามันกระตุกยิกๆ   “เพื่อนที่ไหน? ไม่มี้!! มาคนเดียว เมาคนเดียว เอิ๊ก!!”

“เห้ย ลุกขึ้นยืนดีๆ”

“ไม่ลุก!! ง่วงแล้ว อึก! จะนอน”

“พัทลุง!”

“รำคาญโว้ย!!”   และนั่นเป็นคำสุดท้ายที่ผมจำได้ในหัวสมอง

ภาพทุกอย่างตัดฉับเหมือนใครมาปิดทีวี และหลังจากความมืดเข้าครอบคลุมจนมิดสมองผมก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย



TBC.
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 1 _คนดีที่ไม่มีใครเอา || 9-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 09-06-2017 13:00:47
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 1 _คนดีที่ไม่มีใครเอา || 9-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 09-06-2017 13:12:31
 :mc4: :katai2-1: :mc4:

 :กอด1: :3123: :pig4: :3123: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 1 _คนดีที่ไม่มีใครเอา || 9-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 09-06-2017 13:20:30
 :katai2-1: :katai2-1: :beat:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 1 _คนดีที่ไม่มีใครเอา || 9-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 09-06-2017 13:23:50
วลีบอกเลิกก็มา ดีเกินไปปป.
จะเป็นไงต่อน้าา
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 1 _คนดีที่ไม่มีใครเอา || 9-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 09-06-2017 13:46:48
เรื่องใหม่ก็มา  :pig4: :กอด1: :L2:

ปล.คิดถึงแท่งเทียนกับเมียและผองเพื่อนมากๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 1 _คนดีที่ไม่มีใครเอา || 9-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 09-06-2017 15:15:08
ลุงลืมเพื่อนพ้องเลยนะ แล้วจะเสียใจเมื่อตื่น 555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 1 _คนดีที่ไม่มีใครเอา || 9-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 09-06-2017 17:11:50
เรื่องใหม่  :katai2-1:

ติดตามๆ อย่าหายไปนานอีกนะคนอ่านใจหาย  :m17: :m17:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 1 _คนดีที่ไม่มีใครเอา || 9-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 09-06-2017 17:43:17
เสร็จแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 1 _คนดีที่ไม่มีใครเอา || 9-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 09-06-2017 17:56:09
คู่กัดได้กันมักลูกดกนะ พี่ปูนน้องลุง 555

เรื่องใหม่มา แล้วพี่ปานกับน้องเทียนจะมาต่อด้วยไหมอ่าาาา~~~
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 1 _คนดีที่ไม่มีใครเอา || 9-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-06-2017 18:28:30
อยากต่อเร็วๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 1 _คนดีที่ไม่มีใครเอา || 9-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: คุณจัตวา ที่ 09-06-2017 19:09:07
 :z1:เสร็จแล้ว  พัทลุง เสร็จแล้วใช่ไหท
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 1 _คนดีที่ไม่มีใครเอา || 9-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 09-06-2017 19:52:17
เอาละสิ ยังไงกันต่อหนอ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 1 _คนดีที่ไม่มีใครเอา || 9-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-06-2017 20:05:53
พี่ปูนแน่ๆ
ว่าแค่จะเสร็จ หรือไม่เสร็จ  :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 1 _คนดีที่ไม่มีใครเอา || 9-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 10-06-2017 10:12:57
สงสารลุงโดนว่าแบบนี้เป็นใครก็จุกอะ เรื่องแบบนี้มันควรเรียกไปคุยส่วนตัวไหมอะว่าประจานกันแบบนี้เป็นใครก็แย่ มันรู้สึกเสียหน้านะเพื่อนร่วมงานนั่งกันเยอะแยะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 1 _คนดีที่ไม่มีใครเอา || 9-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 10-06-2017 10:43:38
 :mc4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 1 _คนดีที่ไม่มีใครเอา || 9-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: naplatoo ที่ 10-06-2017 16:40:01
รอดูสมภารจะกินไก่วัด 55555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 1 _คนดีที่ไม่มีใครเอา || 9-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 10-06-2017 21:07:48
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 1 _คนดีที่ไม่มีใครเอา || 9-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 10-06-2017 22:03:04
ลาก่อย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 1 _คนดีที่ไม่มีใครเอา || 9-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 11-06-2017 08:23:42
ติดตามค่าาามม
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 2 _เมาแล้วหลับ ตื่นปั๊บได้...? || 11-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 11-06-2017 10:18:36
ตอนที่2 _เมาแล้วหลับ ตื่นปั๊ปได้...?


อากาศเย็นๆ ที่ปะทะผิวทำให้รู้สึกสะท้านไปทั้งร่างแต่ดวงตาผมกลับลืมไม่ขึ้น แม้จะลุกขึ้นมาเพื่อควานหาสิ่งห่อหุ้มยังดูยากเหลือเกินในยามนี้ ถึงอย่างนั้นสมองผมก็เริ่มทำงานทีละน้อยโดยพยายามนึกถึงเรื่องราวเมื่อคืนคร่าวๆ ผมไปผับ เต้นเมามัน  ดื่มหนักมากกว่าปกติ และหลังจากนั้นเป็นยังไงต่อล่ะ? ผมกลับบ้านมาได้ยังไง ไอ้โป้ยมาส่งเหรอ หรือว่าผมเก่งกล้านั่งแท็กซี่กลับมาคนเดียว

“อืม…”

เสียงในลำคอของใครสักคนดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ มันทำให้ผมหยุดนิ่งละทิ้งทุกความคิดเพื่อพุ่งเป้าไปยังเสียงๆ นั้น ผมเก็บใครมาบ้านด้วยวะ? หรือว่าที่นี่จะเป็นม่านรูด นี่ผมพัฒนาไปไกลถึงขนาดตกผู้หญิงมาจุ๊กกรู้ได้แล้วเหรอเนี่ย มันยอดเยี่ยมที่สุด! มันจะต้องเป็นข่าวใหญ่ในหมู่เพื่อนฝูงแน่ถ้าผมบอกออกสื่อ ผมจะไม่ใช่ ‘ลุงไร่แห้ว’ อีกต่อไป ไอ้พวกหน้าหล่อทั้งหลายจะได้เลิกเกทับผมซะทีเรื่องผู้หญิง

หึหึ ชีวิตมันก็ไม่ได้ซวยเสมอไปหรอกนะ

“อืม…”   ผมแสร้งทำเสียงออกไปบ้างเผื่อหวังว่าสาวเจ้าจะรู้สึกตัว แต่เมื่อยังคงมีความเงียบเท่านั้นที่ส่งมาให้ ผมจึงเริ่มขั้นต่อไปคือการขยับตัวไปมา ผมพลิกตัวหันไปอีกด้านแล้วก็พบว่าคู่นอนผมนั้นออกจะคล้ำไปสักนิด ไหล่กว้างไปหน่อย แม้ไม่ตรงสเปคเท่าไหร่นักแต่ก็ผิวเนียนใช้ได้ แถมยัง…เอ่อ มีกล้ามเนื้อแน่นมาก แต่ไม่เป็นไรผมเข้าใจว่าผู้หญิงเดี๋ยวนี้ชอบเล่นกีฬาและรักษาสุขภาพ แต่…เอิ่ม…ไอ้ขนที่แพรมออกมาตรงจั๊กกูแร้นี่คือเทรนใหม่ที่เขาร่ำรือกันสินะ ช่างเป็นผู้หญิงที่ใจกล้าและทันสมัยมาก ผมซอยสั้นสีเข้มไถข้างเล็กน้อยแลดูห้าวหาญ เธออาจจะดูแมนกว่าผมก็ได้ถ้ายืนเทียบกัน แต่เมื่อพบประสบกันในแนวราบมันย่อมไม่ใช่ปัญหา

เมื่อสาวเจ้ายังคงนิ่งเฉยผมเลยแกล้งขยับตัวเข้าไปใกล้กว่าเดิมพร้อมกับวาดวงแขวนก่ายกอดเสมือนเผลอไผลไม่รู้ตัว สัมผัสที่ได้นั้นช่างแปลกประหลาดต่างจากที่เคยพบเจอกับสาวคนไหน มันมีความแน่นตึงจากผิวสัมผัสแต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่ได้หยาบกระด้างจนไร้ความนุ่ม  ผมว่าหน้าอกเธอเล็กนะถ้าเทียบกับความกว้างของช่วงบน อืม? ลูกองุ่นก็เล็กพิกล ด้วยความสงสัยผมจึงไต่นิ้วมือลงเรื่อยลงต่ำ ไหนๆ ก็ได้เสียกันแล้วนี่นะ คิดซะว่าผมหื่นยามเช้าแล้วกัน

“อืม~”   เสียงครางเสียงเดิมดังขึ้นเมื่อผมไล้นิ้วเล่นเซิร์ฟไปตามลอนคลื่นเนียนแน่น ผมแม่งไม่อยากลืมตาขึ้นมาแล้วในตอนนี้ ผู้หญิงอะไรจะมีซิกส์แพคแน่นขนาดนี้วะ นี่ผมเมาถึงขนาดชวนสาวนักกล้ามขึ้นเตียงเชียวหรือ?

โอ้ไม่นะ... 

“อื้ม~”   ถ้าฟังจากเสียงที่ทุ้มต่ำนี้กับขนาดตัวที่ผมโอบแทบไม่มิด ผมควรจะรีบชิ่งเสียตั้งแต่เจ้าหล่อนไม่ตื่นรึเปล่า? ถ้าทำแบบนั้นผมจะเลวไปมั้ย? แต่ร่างกายมโหฬารกับกล้ามแน่นๆก็ทำเอาผมหวาดกลัวไม่น้อย ถ้าผมรอให้เธอตื่นแล้วเธอเกิดติดใจในรสรักของผมหวังจะให้ผมเป็นแฟนเธอล่ะ?

“อื้อ~”   เสียงเธอเริ่มเคลิ้มกับปลายนิ้วของผมที่ยังไต่สำรวจร่างกายเธอไม่หยุด ร่างกายเธอขยุกขยิกไปมาเมื่อปลายนิ้วผมคลืบคลานผ่านเข้าสู่ป่าดงพงไพรของเธอ ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่กับความกล้าหาญชาญชัยที่ดูจะค้านกับเสียงในหัว ผมรวบรวมลมหายใจเฮือกสุดท้ายก่อนที่จะตะปบลงไปยังเป้าหมายที่มัน --

มัน...???

“ทำอะไรน่ะ?”

ผมลืมตาให้โตที่สุดเท่าที่ตาตี่ๆ อันเป็นมรดกจากบิดาจะอำนวย เจ้าของเสียงพลิกตัวมามองจ้องผมเขม็ง ตามองตา ผมอ้าปากค้าง มือยังคงจับสิ่งนั้นเอาไว้ราวกับว่ามันเป็นที่ยึดเหนี่ยวสุดท้ายก่อนที่สติผมจะค่อยๆ หลุดออกจากแก่น ผมมองเจ้าของร่างกายในอุ้งมือเหมือนมองเห็นสัตว์ประหลาด พยายามลูบๆ คลำๆ ของกลางหวังให้มันราบเรียบ แต่ไม่เลย -- แม่งขยายใหญ่กว่าเดิมอีก!!

“พ...พี่ปูน...”

“เออ!”

“พี่มาทำอะไรที่นี่?”   ผมสับสนจนหัวหมุนติ้ว ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังคลึงเคล้นสัตว์ประหลาดในอุ้งมือแก้กระดากอาย

“นี่ห้องพี่”   พี่ปูนตอบเสียงนิ่ง แต่หน้าพี่แกดูเหยเกแปลกๆ

“แล้วผมมาอยู่นี่ได้ไง”     

“พี่เก็บแกได้ที่ผับ เมาเหมือนหมา เหม็นเหมือนส้วม”

“ข...ขอบคุณครับพี่”  บรรยากาศมันน่าอึดอัดโคตรๆ นี่ถ้าไม่ติดว่าได้ขยำมือแก้เครียดป่านนี้ผมต้องคว้าผ้าห่มมากัดแก้เก้อแล้ว!

“อื้อ!...ล...ลุง”

“ครับพี่ปูน”   พี่ปูนแกมองผมตาเยิ้ม ตัวกระสับกระส่ายคล้ายไม่สบายตัวเท่าไหร่   “พี่ปูนไม่สบายรึเปล่า?”

“จะจับจนแตกเลยใช่มั้ย ถ้าใช่ก็ขยับมือให้มันไวไวหน่อย”

ผมนิ่งไปกับคำพูดแกที่ปนกับลมหายใจแรงเป็นห้วงๆ และเมื่อสติเริ่มเข้าตัวผมก็แทบจะสะบัดมือออกจากขีปนาวุธที่อเมริกาตามหาอย่างกับโดนของร้อนลวก ความอับอายแม่งแผ่ซ่านขึ้นหน้าจนไม่รู้จะเอาหัวไปซุกไว้ที่ไหน ผมรีบก้มหน้าเมื่อเจ้านายคู่กัดลุกขึ้นนั่งด้วยหน้าตาที่ยังคงหลงเหลือความร้อนที่ผมเป็นผู้ก่อ ก็ไม่ได้อยากจะเหลือบมองหรอกนะแต่มันก็ช่างตั้งตระหง่านเตะตาจนผมเกินจะทน

“เอ่อ...ห่มสักนิดนะครับพี่เดี๋ยวน้องเป็นหวัด”   ผมรีบทำตัวเป็นน้องที่ดี ดึงผ้าห่มคลุมลูกชายพี่ปูนจนมิดแต่กระนั้นก็ยังตั้งเด่เป็นเสากระโดงเรือให้ผมรู้สึกโทษโลกอันไร้ความยุติธรรม   “ผมกับพี่มานอนเตียงเดียวกันได้ไงล่ะครับ”

สิ้นคำถาม พี่ปูนจ้องหน้าผมนิ่งคล้ายกับมีกระแสโกรธเคืองแล่นผ่านจากสายตาพี่เขาออกมา และพี่ปูนก็ทำในสิ่งที่ผมไม่คิดว่าจะทำนั่นคือการเบี่ยงหน้าหลุบสายตาลงที่นอน มือใหญ่ที่กำหน้าผมมิดได้เพียงข้างเดียวรวบผ้าห่มขึ้นมาสูงจนปิดเม็ดองุ่นสีช็อกโกแลต ผมงี้ใจเต้นระรัวด้วยความกลัว ผมดูละครมาเยอะถ้าเทียบกับสารคดีมีสาระ นางเอกทุกคนหลังได้เสียกับพระเอกมักมีอาการแบบนี้ ใบหน้าทุกข์ระทมชอกช้ำหลังจากถูกพระเอกข่มแหงร่างกายและจิตใจ!

“ลุงจำไม่ได้เลยสินะว่าทำอะไรกับพี่ไปบ้าง”

ไอ้การเอามือปิดปากแล้วหลับตาแน่นนั่นคืออะไร แล้วทำไมต้องทำตัวสั่นขนาดนั้น ภาพลักษณ์เยี่ยงพญามารของพี่ไปซุกอยู่ที่ไหน ทำไมตอนนี้ผมเห็นแต่ลูกควายตัวน้อยๆ ที่ร่ำไห้เพราะโดนมนุษย์กระทำชำเรา มันไม่จริงใช่มั้ย? ผมไม่ได้มีอะไรกับผู้ชาย ผมไม่ได้จิ้มเจ้านายตัวเอง ผมไมได้เบิกเนตรเข้าสู่หนทางสายอื่นใดที่ไม่เคยเดิน โอ้ไม่นะ!! ทำไมแอลกอฮอล์ทำกับผมอย่างนี้ ผมจะไปเรียกร้องความยุติธรรมกับบริษัทไหนดีในเมื่อผมแดกปนกันมั่วไปหมด

“พี่ล้อผมเล่นใช่ป่ะ?”   ผมพยายามโยนหินถามทางเผื่อว่ามันเป็นการเข้าใจผิด เผื่อว่าพี่ปูนจะแกล้งผมเล่น

“ลุงทำพี่เจ็บขนาดนี้เชียวนะ”   พี่ปูนปรายตามองผม   “เอาเถอะ...พี่เข้าใจ ลุงไม่ต้องคิดมากหรอก”

ผมควรจะดีใจ แต่กลับรู้สึกผิดโคตรๆ

“ผมทำอย่างงั้นกับพี่จริงๆเหรอ ผม...ผมไม่รู้ตัวเลย”   

“หึ แกเมานี่นะ จะจำไม่ได้ก็ไม่แปลกหรอก”   ผมนั่งนิ่งยอมให้พี่ปูนฟาดคำพูดใส่หน้า ทั้งสายตา ทั้งสีหน้า และทักษะการสะบัดตัวหนี ทำเอาผมนิ่งงันเหมือนถูกชกใต้เข็มขัด ในหัวผมมึนงงไปหมดจะว่าทำอะไรไม่ถูกก็ไม่ใช่ จะบอกว่าไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อก็ไม่เชิง

“พี่ปูน...”   ผมครางเสียงแห้ง มองดูเจ้านายที่กำลังลุกออกจากที่นอนด้วยเนื้อตัวล่อนจ้อน และในนาทีที่เท้าเหยียบพื้น เสียงร้องอูยก็ดังขึ้นจากปากบิดเบี้ยวของพี่ปูน มือใหญ่จับสะโพกตัวเองราวกับว่ามันปวดร้าวเสียเต็มประดา   “พี่ปูนเป็นไงบ้าง?”

“ไม่ๆ มันก็แค่”   พี่ปูนทำเสียงซี๊ดซ๊าดพลางโบกมือปฏิเสธ   “แกทำพี่แรงมากน่ะ ตั้งสองรอบเลยนะ” 

แม่เจ้า!!!

ผมนั่งอ้าปากค้างขณะที่พี่ปูนเดินบ่นกระปอดกระแปดเข้าห้องน้ำไปทั้งเนื้อตัวเปลือยเปล่า ทั้งคำพูดและท่าทาง ทั้งหลายทั้งแหล่นั่นมันกลายเป็นความจริงโยนใส่หน้าผมจนอยากจะร้องออกมาให้ดังๆ พ่อบนสวรรค์คงน้ำตาตกดังเผาะที่เห็นลูกชายกลายเป็นชายเหนือชายได้สำเร็จ มันไม่ใช่ความรู้สึกที่อยากร้องว่า ‘เย้ กูทำได้แล้ว!’ แต่มันอยากจะร้องว่า ‘เหี้ย กูทำไปแล้ว!!’

กูทำไปแล้วจริงๆ...ใช่มั้ย...?

ผมนั่งซึมเศร้ากับตัวเอง คิดทบทวนถึงเรื่องราวต่อจากนี้ ผมมีอะไรกับผู้ชายด้วยกันซ้ำยังเป็นเจ้านายที่ไม่ค่อยจะกินเส้นกันอีก แล้วผมจะถูกไล่ออกมั้ย? ไม่หรอกน่า พี่ปูนคงไม่พาลพาโลขนาดนั้น แต่จะว่าไปแล้วพี่ปูนไม่เห็นจะตกใจเหมือนผมเลยนะ หรือว่า…

“ไปอาบน้ำไป”

ผมสะดุ้งโหยงกับวาจาห้วนๆที่ดังขึ้น ผมเงยหน้ามองผู้ชายตัวสูงที่อุดมไปด้วยกล้ามเนื้อและซิกส์แพค มีผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวหมิ่นเหม่อวดวีไลน์และขนสะดือสุดเซ็กซี่ที่ลากเลื้อยหายลับไปในขอบผ้า ผมเข้าใจแล้วที่ไอ้โป้ยพยามจะสื่อเพราะตอนนี้ถ้าผมเป็นผู้หญิงคงจะรีบโผเข้าไปกรุยขนสะดือแกแน่ๆ

“ลุง?”

ผมกระพริบตาปริบๆ เรียกสติให้เข้าสมองแต่ปากผมมันไวกว่าความคิด  “พี่เป็นเกย์เหรอ”

พี่ปูนแม่งนิ่งอึ้งมองผมเหมือนจะถามผ่านสายตาว่ามารยาทอยู่หนใด แต่เมื่อการด่าทอผ่านอากาศผ่านพ้นไปจึงเหลือไว้เพียงรอยยิ้มที่ผมคิดว่าโคตรเจ้าเล่ห์ หนุ่มน่าซบที่สุดในบริษัทเอียงหน้าเล็กน้อยพลางกอดอกหลวมๆ คิ้วเข้มเลิกขึ้นคล้ายไม่ยี่หระกับคำถาม

“พี่เป็นไบเซ็กส์ช่วลต่างหาก”   ผมเดาว่าตัวเองคงอ้าปากค้างมากไปหน่อยเพราะรู้สึกได้ถึงกรามที่ค้างเกินปกติ   “ไปอาบน้ำได้แล้ว”

“แต่พี่ปูน…เรื่องเมื่อคืนผม--” 

“แกจำไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรให้รื้อฟื้น แค่นี้พี่ก็เจ็บพอแล้ว”

ผมว่ากรามผมคงอักเสบไปแล้วจากการอ้าค้างบ่อยๆ และยิ่งจะค้างมากขึ้นเมื่อพี่ปูนเดินไปยังตู้เสื้อผ้าและเริ่มปลดผ้าเช็ดตัว ผมเขินอายอย่างไม่มีสาเหตุเมื่อผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่หล่นไปกองกับพื้น ในระยะเวลาโคตรสั้นผมรู้แน่ชัดแล้วว่าพี่ปูนแม่งหน้าด้านไร้ยางอายมาก วัดจากที่มันโป๊เปลือยต่อหน้าผมที่ไม่ได้สนิทสนมกันมาสองรอบติดๆ

ซึ่งถามว่าผมมองมันมั้ย?  ก็ตอบเลยว่ามาก หุ่นพี่แกน่ามองชนิดวัวตายควายล้ม พี่ปูนน่าจะชอบเล่นกีฬาหรือไม่ก็เข้าฟิตเนสบ่อยๆ ช่างเป็นหุ่นที่น่าแซ่บจนผมละสายตาได้ลำบากจริงๆ ผมไม่รู้ตัวว่ามองพี่แกนานแค่ไหนแต่เมื่อได้ยินเสียงเร่งด้วยประโยคเดิมๆ อีกครั้งผมก็รีบผลุบหายเข้าห้องน้ำไปด้วยใจระทึก

ผมยืนสังเวชใจหน้ากระจกห้องน้ำบานใหญ่เงียบๆ มองรูปร่างตัวเองแล้วก็ปลงชีวิตขึ้นมา ส่วนสูงของผมก็ตามมาตรฐานชายไทยทั่วไป สูงกว่าผู้หญิงส่วนมากแต่ก็เตี้ยกว่าผู้ชายส่วนมากเช่นกัน มีกล้ามเนื้อไม่มาก พุงไม่ห้อย ท้องแขนไม่ย้อย ไอ้หนูน้อยก็ขนาดกำลังดี เพราะงั้นผมเลยไม่คิดโทษตัวเองสักนิดที่เกิดมาเตี้ยและขี้เกียจฟิตกล้าม ไม่โทษพ่อที่แบ่งเศษเสี้ยวความเป็นชายให้ผมแค่พอมีพอกิน เดาว่าพ่อคงกลัวเวลาไปเกิดใหม่แล้วจะไม่โอฬารเท่าเดิม ...จะว่าไปผมก็นับว่าเป็นคนพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีพอควรล่ะนะ
แต่นั่นมันก่อนที่จะเห็นเต็มตาว่ารูปร่างของผู้ชายคนอื่นในวัยฉกรรจ์เป็นยังไง

ภาพในกระจกสะท้อนผู้ชายรูปร่างสันทัดกำลังยืนบิดตัวไปมาด้วยท่วงท่าโชว์กล้ามที่แขน แม้มันพอจะมีส่วนนูนของก้อนเนื้อให้ได้ชื่นใจบ้างก็เถอะ แต่สุดท้ายผมก็ต้องถอดใจเมื่อนึกถึงรูปร่างของผู้ชายอีกคนที่อยู่ข้างนอก จนถึงตอนนี้ เดอะ เบสต์ ออฟ เดอะ แมน ในใจผมยังคงเป็นพี่เปี๊ยกอยู่ แต่ตำแหน่ง เซ็กซี่กาย ผมยกให้พี่ปูนขึ้นครองตำแหน่งล่วงหน้าสิบปีซ้อนไปแล้ว ขนาดเป็นผู้ชายด้วยกันเห็นยังรู้สึกหน้าแดงขนาดนี้ ถ้าเป็นผู้หญิงผมคงไม่รอรีขอให้พี่ปูนเป็นพ่อของลูกแน่นอน

แต่จริงหรือที่ผู้ชายมาดแมนคนนั้น...เสร็จผมไปแล้ว

แม้ว่าผมจะดีใจไม่น้อยที่ก้นตัวเองไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไร นั่นหมายความว่ามีแค่ผมที่รุกพี่ปูนฝ่ายเดียวงั้นสินะ แต่ด้วยรูปร่างที่อย่างกะไม้ซี่งัดไม้ซุงอย่างนั้น ถ้าพี่เขาไม่ชอบก็คงจะเตะผมคว่ำไปแล้ว แต่นี่ถึงกับยอมให้ผมเสียบเข้าไปแสดงว่าพี่เขาเป็นฝ่ายรับงั้นสิ -- ตายห่า!! -- คนเรามันดูแค่รูปร่างไม่ได้จริงๆ แล้วงี้ผมต้องรับผิดชอบพี่เขามั้ย? หรือจะปล่อยเลยตามเลยดีวะ? แต่ถ้าเกิดผมเป็นคนแรกทางด้านหลังของเขาล่ะ? แล้วถ้าเกิดความจริงที่พี่เขายอมผมเพราะเขาแอบชอบผมอยู่ล่ะ?... นึกแล้วก็อยากจะเขกหัวตัวเองกับความคิดไม่เข้าท่าอันสุดท้าย ถ้าแม่งชอบผมจริงนะมันคงปกปิดเก่งม๊ากก เพราะตลอดเวลาหลายปีที่ทำงานร่วมกัน ผมไม่เห็นถึงความรู้สึกในด้านนั้นจากมันสักนิด

หลังจากการครุ่นคิดหน้ากระจกยุติลงผมก็เริ่มการชำระร่างกายด้วยความรวดเร็ว ไม่กี่นาทีต่อมาผมก็กลับมายืนเครียดหน้าประตูอีกครั้งเพราะไร้สิ่งห่อหุ้มร่างกายที่จะพาตัวเองออกไป ผมยืนลังเลอยู่สักครู่เดียวก่อนจะตัดสินใจแง้มประตูออกช้าๆ เพื่อส่งเสียงขอความช่วยเหลือ

“พี่ปูน?...เอ่อ...พี่ปูนครับผมยืมผ้าเช็ดตัวหน่อยพี่”   แต่สิ่งที่ได้รับกลับมีเพียงความเงียบ ผมจึงกลั้นใจเปิดประตูออกให้กว้างขึ้นเพื่อมุดหัวออกไป ภายในห้องเงียบสนิทไร้สิ่งมีชีวิตอื่นใด ผมรีบเดินออกไปยังเตียงนอนที่เห็นวอบแว๊บว่ามีเสื้อผ้าวางพาดอยู่ ผมรีบใช้ผ้าเช็ดตัวผืนสะอาดที่พับไว้พันรอบเอวด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะมองเสื้อผ้าที่ไม่ใช่ของตัวเอง มันเป็นเสื้อยืดกับกางเกงสามส่วนและข้างๆ กันยังมีโทรศัพท์มือถือกับกระเป๋าเงินของผมวางไว้ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูข้อความที่ยังไม่ได้อ่าน ซึ่งเป็นของเพื่อนแทบทั้งสิ้นและหนึ่งในนั้นมาจากพี่ปูน

[พี่ให้ยืมเสื้อผ้า ของลุงส่งไปซักอยู่ พี่ต้องไปธุระ กลับบ้านได้เลยไม่ต้องรอ]

ผมยืนอ่านข้อความทวนซ้ำสองรอบเพื่อมองหาสัญญาณแฝงหรือเยื่อใยบางๆ จากการซั่มกันเมื่อคืน แต่ผมไม่เห็นวี่แววสิ่งเหล่านั้นจากข้อความง่ายๆ นี้เลย ผมควรจะถอนหายใจอย่างดล่งอกสินะที่พี่เขาไม่ได้ต้องการความรับผิดชอบอะไรจากผม มันก็แค่เซ็กส์นี่นะ พี่ปูนอาจจะชินกับคู่นอนชั่วคืนก็ได้

[เรื่องเมือคืน...ผมขอโทษครับพี่]

ผมพิมพ์ตอบกลับไป ยืนจ้องข้อความตัวเองที่เด้งขึ้นไปยังหน้าจอ ไม่นานนักมันก็ถูกอ่านจากอีกฝ่าย

[ช่างเถอะ ลืมๆมันไปซะ]

พี่ปูนตอบกลับมาสั้นๆ แต่โคตรจิกหัวใจ ผมจะลืมมันไปได้ยังไงในเมื่อเรื่องทุกอย่างมันยังเหมือนเมฆหมอกบางๆ แบบนี้ พี่ปูนแม่งเป็นผู้ชายคนแรกของผมแน่ละ แต่ผมก็อาจจะเป็นคนที่เข้าด้านหลังพี่เป็นครั้งแรกก็ได้ เพราะงั้นถึงผมจะไม่ได้อยากเป็นแฟนพี่ปูน แต่ผมก็ควรจะรับผิดชอบอะไรบ้างรึเปล่า

ไม่ๆๆๆ

ในเมื่อพี่เขาเป็นคนบอกให้ผมลืมๆไปซะ ก็ไม่มีเหตุผมอันใดให้ต้องเก็บมาคิดมากอีก ผมจะถือซะว่ามันเป็นการล้างแค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตแล้วกัน

.
.
.

ผมเดินขึ้นมายังชั้นสองของออฟฟิศด้วยใจตุ้มๆต่อมๆท่ามกลางสายตาจับจ้องของไอ้โป้ยยอดรัก มันมองผมเหมือนอาจารย์มองนักเรียนมาสาย ผมก็รีบเดินมานั่งที่ประจำพลางกวาดสายตาไปรอบๆ กดปุ่มเพื่อเปิดคอมพิวเตอร์เร็วๆ และหันหน้ามาประจันกับไอ้โป้ยทันที

“มึงทิ้งกู”

“เดี๋ยวกูตบคว่ำ”   มันตอกกลับด้วยความรุนแรงไม่ต่างกัน ผมหรี่ตามองไอ้เพื่อนใจร้ายที่ปล่อยปละละเลยผมจนได้เมียมีงวงแล้วยังไม่ยอมรับผิด   “อย่ามาทำหน้าอย่างนี้ มึงรู้มั้ยว่าพวกกูตามหามึงกันแทบพลิกผับ โทรศัพท์ก็ไม่รับ เกือบจะไปแจ้งความอยู่แล้วถ้าพี่ปูนไม่โทรมาซะก่อน”

“แล้วทำไมมึงไม่ไปรับกูอ่ะ”   ผมอ้าปากค้าง มันไม่คิดเลยสินะว่าผมจะต้องเจอกับอะไร   

“ก็พี่เขาบอกว่าไม่เป็นไรถ้าจะให้มึงค้างด้วย เเละมันก็ดึกแล้วกูไม่อยากขับรถไปๆ มาๆ นี่หว่า”

“นั่นไง! มึงทิ้งกู”

“แล้วไอ้หมาตัวไหนที่บอกไปเข้าห้องน้ำแล้วหายไปเลย ไอ้เสี่ยโทรมาหากูเสียงสั่นเลยว่ามึงหายไปจากห้องน้ำ แล้วพวกกูก็วิ่งหากันไปสิ สติน่ะมึงหัดคบกับมันไว้บ้างนะ คิดว่ากี่ครั้งแล้วที่เป็นอย่างนี้ กูจะไม่แปลกใจเลยถ้าวันหนึ่งมึงจะบอกว่าเมาแล้วเสียตัว”

ผมสะอึก มันจุกแน่นในอก จะมีคำใดที่ทำผมเสียศูนย์ในตอนนี้มากเท่าคำสุดท้ายของมันไม่มีอีกแล้ว ผมควรจะปรึกษาไอ้โป้ยดีมั้ย การที่มันผ่านการเป็นผัวมามากอาจจะพอแนะนำอะไรผมได้บ้าง เรื่องนี้มันยากตรงที่พี่ปูนเป็นเจ้านาย จะทำเฉยๆ ไปเลยผมก็ว่าไม่ควร แต่อีกใจก็อยากทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนที่พี่ปูนว่า แต่เรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้วนี่หว่าจะทำเป็นว่ามันไม่เคยมีได้ไง

“ไม่ใช่ว่ามึงไปกวนตีนพี่เขาอีกแล้วนะ เขาอุตส่าห์หิ้วมึงกลับบ้านด้วย”

“เปล่าเหอะ…แต่ว่า”

“อะไรวะ? หน้ามึงเครียดๆ อ่ะ”   โป้ยเริ่มจับความผิดปกติได้ เอาไงดีวะ ผมควรจะปรึกษามันเลยดีมั้ย? แล้วมันจะมองผมแปลกๆ รึเปล่า? หรือผมควรจะคุยกับพี่ปูนอีกครั้งก่อนดี เพราะพี่เขาเป็นเจ้านายเกิดผมพูดไปเดี๋ยวจะเสียหายซะเปล่าๆ

 “…ไม่มีอะไรหรอก กูปวดขี้น่ะ”

“ไอ้เวร! กูก็นึกว่ามึงทะเลาะกับพี่ปูนซะอีก”

“เปล่าๆ กูไปขี้ล่ะนะ”   ผมรีบปลีกตัวออกมาจากโต๊ะทั้งที่เพิ่งหย่อนตูดนั่งลง ถึงไม่อยากจะยอมรับแต่ผมก็รู้ดีว่าไอ้โป้ยมันฉลาดกว่าที่เห็นกันภายนอก ต่อมการรับรู้เรื่องชาวบ้านของมันมักจะดีเป็นพิเศษ ระบบการประมวลข่าวสารและกลั่นกรองนั้นยิ่งดีเยี่ยม เพราะฉะนั้นแค่ผมทำกระอักกระอวลให้เห็นมันก็คงรู้สึกได้แล้วว่ามีเรื่องแปลกเกิดขึ้น

ระหว่างทางผมพยามสอดส่ายสายตาไปตามห้องของท่านหุ้นส่วนบริษัททั้งสอง พี่กรคงไปถ่ายละครตามปกติที่เคลียร์ไว้ประจำวันจันทร์ พุธ ศุกร์ แต่ระหว่างนั้นผมก็สุดจะเดาว่าพี่ท่านไปติดต่อกับลูกค้ารายใหม่ๆได้อย่างไร บางงานจากบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ผมคาดว่าเขาคงมีขาประจำกับบริษัทที่มีชื่อกว่านี้ แต่พี่กรก็ยังอุตส่าห์ไปสอยงานเขามาได้บ้างบางโปรเจค แต่หากพิจารณาคุณดาราขายได้คนนี้ให้ดีแล้วล่ะก็...ผมคิดว่าไม่มีอะไรที่พี่กรทำไม่ได้แน่

ส่วนห้องอีกห้องที่ว่างเปล่าเป็นปกตินั้น วันนี้กลับไม่ปกติสำหรับผม  ในหัวมันรู้สึกขัดแย้งกันจนสับสนไปหมด ทั้งที่รู้สึกโล่งอกเมื่อไม่ต้องเจอหน้าแต่กลับเป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูก ผมไม่รู้ว่าผู้ชายคนอื่นเป็นอย่างนี้หรือเปล่าแต่ผมไม่เคยเจอประสบการณ์แบบนี้มาก่อน ผมอาจจะเที่ยวแต่ก็ไม่เคย one night stand กับใคร ทุกคนที่ผมมีสัมพันธ์ด้วยล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ผมหวังว่าจะคบกันยั่งยืน ผมไม่ชอบกินไปทั่วอย่างไอ้โป้ยผมจึงทำใจให้เหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้จริงๆ

เพราะมายฟาเธอร์ได้สอนเอาไว้ว่าสุภาพบุรุษที่ดีเขาไม่ฟันใครแล้วทิ้ง

เมื่อคิดได้ดังนั้นพระเอกอย่างผมก็ไม่รอช้าที่จะติดต่อกับว่าที่ภรรเมียที่ได้เสียกันโดยไม่ตั้งใจ แต่จะให้โทรไปหาก็ดูจะกล้าไปนิด เพราะงั้นการส่งข้อความนำร่องไปก่อนจึงเป็นสิ่งที่ผมคิดว่าเข้าท่าที่สุด ผมยังเกรงการเผชิญหน้ากันเล็กน้อยเพราะไม่รู้จะปั้นหน้ายังไงที่อุตริปล้ำเจ้านายทำเมีย แถมยังเป็นคนที่ผมออกตัวเขม่นเสียอีก แต่ผมต้องลืมเรื่องบาดหมาง(ฝ่ายเดียว)ไปซะ เพราะตอนนี้พี่ปูนกำลังจะก้าวมาอีกขั้นด้วยการเป็นเมียของผม

[พี่ปูนครับ…ผมคุยกับพี่ได้มั้ยครับ]

ผมเกร็งนิ้วพิมพ์ข้อความลงไปบนหน้าจอสัมผัสในโปรแกรมรับส่งข้อความยอดฮิต และนั่งรอขณะที่ก้นกำลังปะทะขอบโถส้วมเย็นฉ่ำ อันที่จริงผมก็ไม่ได้คิดจะมาขี้ตามที่บอกไอ้โป้ยไว้หรอกเเต่พอเข้ามาปุ๊บเหมือนโดนพลังด้านลบอัดเข้าที่ท้องแม่งก็อยากขี้ปั๊บทันที ผมเลยใช้เวลานี้รอการตอบรับไปเรื่อยๆ และไม่นานเกินกว่ากระบวนการผลิตจะสิ้นสุด หน้าจอก็ขึ้นคำกำกับว่าพี่ปูนได้เห็นข้อความของผมแล้ว ผมรีบเบ่งให้สุดแล้วล้างตูดให้ไวเพื่อมายืนดมกลิ่นจางๆ ที่ผ่านการหมักมาอย่างดีของสุราและอาหารแกล้ม

[ผมอยากคุยกับพี่เรื่องเมื่อคืนจริงๆ]

ข้อความว่าอ่านแล้วขึ้นกำกับทันทีอีกครั้ง แต่หลังจากนั้นไม่ว่าผมจะรอเท่าไหร่ก็ไม่มีการโต้ตอบใดๆกลับมา มันทั้งวุ่นวายใจและน่าหงุดหงิดไปพร้อมกัน ผมงอนง้อปานนี้แล้วยังจะเล่นองค์ทรงเครื่องเพื่อ? ถึงผมจะจน หน้าตาไม่ค่อยหล่อ หนี้สินพอประมาณ แต่ผมก็มีใจใฝ่ดีพอจะรับดูแลพี่ให้สบายนะ

[พี่ปูน]   หน้าจอยังไร้การตอบโต้แม้ว่ามันจะบอกให้รู้ว่าพี่เขาได้เห็นข้อความผมแล้วก็ตาม 

ทำไมมันไม่ง่ายเหมือนตอนได้กันวะ!

[พี่ปูนครับ]   

ทุกอย่างยังเงียบ

[พี่ปุริมครับ]

อ่าน -- แต่เงียบ

[พี่ปูน]   

[พี่]

[ปุ]

[ริม]

ยอมรับว่าเริ่มกวนมันแล้ว ผมไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเงียบแบบนี้ หรือว่ามันจะไม่อยากให้ผมรับผิดชอบจริงๆ เอ๊ะ!? หรือว่าลีลาผมจะไม่เด็ดพอ แต่ถึงผมจะได้จากพ่อมาไม่เท่าไหร่แต่ผมก็มั่นใจว่าขยันซอยพอตัว เอ๊ะ!? หรือว่าพี่ปูนแกมีแฟนอยู่แล้ว! เวรกรรมจริงกู -- ผมไม่อยากเป็นมือที่สามของใครซะด้วย ในบรรดาศีลข้อห้านั้นศีลกาเมฯคือข้อที่ผมปฏิญาณว่าจะไม่แหกเด็ดขาด พอเดาอยู่หรอกว่าตายไปคงได้ลงไปทัวร์นรกแน่ แต่ผมไม่อยากปีนต้นงิ้วนี่หว่าเพราะความสูงมันไม่ค่อยถูกโรคกับผมสักเท่าไหร่ ...เอาไงดีวะไอ้ลุง

ฟ่อออ!!

เสียงข้อความเข้าทำเอาผมสะดุ้งจากความคิดจนเกือบทำโทรศัพท์หลุดมือ ท่ามกลางกลิ่นตุๆ ที่เริ่มจางผมยกมือถือขึ้นมาดูใกล้ๆ เป็นข้อความจากใครคนนั้นที่ผมส่งไปก่อนตั้งมากมาย พี่ปูนตอบกลับมาสั้นๆ แต่เป็นคำตอบที่ทำให้ผมเข้าใจและวางมือได้ง่ายๆ

[พี่อยู่กับลูกค้า]

แต่มันไม่ได้หมดแค่นั้น

[ลุง...]

[ครับพี่]   ผมรีบผมตอบมือไม้สั่นไปหมด




[อย่ากวนตีน]




[จบนะ]

...
...

แม่ง...จบก็จบครับ



__________________________________________________________________________ TBC.

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 2 _เมาแล้วหลับ ตื่นปั๊บได้...? || 11-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 11-06-2017 10:57:28
555 พี่ปูนแม่งปล่อยระบิดคาใจลุงลูกใหญ่เลย จงใจสินะพี่ปูน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 2 _เมาแล้วหลับ ตื่นปั๊บได้...? || 11-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 11-06-2017 11:19:44
 :m20:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 2 _เมาแล้วหลับ ตื่นปั๊บได้...? || 11-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 11-06-2017 12:07:27
 :m20: หลอก ให้ "ลุง" ดี ใจ ที่ ได้ เป็น ผ.
ต่อ ไป พี่ ปูน ค่อย มอบ ตำ แหน่ง เมีย ให้ สิ นะ หึ หึ  :z1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 2 _เมาแล้วหลับ ตื่นปั๊บได้...? || 11-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-06-2017 12:43:07
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

พี่ปูน เข้าใจเล่นนะ เสร็จลุง ไปสองยก  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 2 _เมาแล้วหลับ ตื่นปั๊บได้...? || 11-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 11-06-2017 12:57:24
 :pandalaugh: :pandalaugh: :pandalaugh:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 2 _เมาแล้วหลับ ตื่นปั๊บได้...? || 11-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 11-06-2017 13:04:48
เดี๋ยว ๆ ๆ

นี่ลุงได้เมียเร๊อะ!

สภาพร่างกายไม่ได้บ่งชี้ถึงกิจกรรมในแนวนอนสินะ....

หรือจะมีอะไรพลิกโผ? แบบพี่มันอำลุง

จบก็ได้
รอเฉลย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 2 _เมาแล้วหลับ ตื่นปั๊บได้...? || 11-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 11-06-2017 13:22:07
เรารู้ๆลุงคือนายเอกแน่ๆ ชัวร์ๆ บ้าบอมาก 555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 2 _เมาแล้วหลับ ตื่นปั๊บได้...? || 11-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-06-2017 14:03:24
แกล้งอย่างนี้มีโกรธ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 2 _เมาแล้วหลับ ตื่นปั๊บได้...? || 11-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 11-06-2017 21:31:31
ลุงตลกกก แต่แบบตกใจ... ไปกดพี่เขาเหรอ นึกว่าจะโดนซะอีก 55555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 2 _เมาแล้วหลับ ตื่นปั๊บได้...? || 11-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 11-06-2017 22:07:20
ขำแป็บบบบ555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 2 _เมาแล้วหลับ ตื่นปั๊บได้...? || 11-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 11-06-2017 22:20:05
พี่มันอำป่ะวะ ดูจากท่าทางอ่ะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 2 _เมาแล้วหลับ ตื่นปั๊บได้...? || 11-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 12-06-2017 01:04:01
เอาจริงๆ นะ
ทำไมลุงไม่ขยับต่ออ่ะ โถ่ พี่ปูนกำลังฟินเลยเชียว
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 2 _เมาแล้วหลับ ตื่นปั๊บได้...? || 11-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: naplatoo ที่ 12-06-2017 01:07:46
ทำไมพี่ปูนทำงี้
แกล้งน้องงงงงงงงงง 5555555 เอิ้กๆๆๆ
 :laugh:  :mew4: :pigha2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 2 _เมาแล้วหลับ ตื่นปั๊บได้...? || 11-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: krappom ที่ 12-06-2017 09:45:31
จะลุงปูนหรือปูนลุงน้าาาา
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 2 _เมาแล้วหลับ ตื่นปั๊บได้...? || 11-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 12-06-2017 10:07:35
ตอนแรกเห็นชืีอเรื่องก็ไม่ค่อยอะไรเท่าไหร่ พอเห็นชื่อคนแต่งกดเข้ามาอ่านทีนทีเลยจ้าาาา :katai2-1:



ว่าแต่  พี่ปูนคะ. มะ ไม่จริงใช่มั้ยคะ? :katai3:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 2 _เมาแล้วหลับ ตื่นปั๊บได้...? || 11-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 12-06-2017 11:52:51
ดีใจหน่อยเร็ววว ได้เสียบพี่ปูน :laugh:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 2 _เมาแล้วหลับ ตื่นปั๊บได้...? || 11-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 12-06-2017 12:37:35
 :z3: :z3: :z3: โอยยยกำลังสนุกกกมากกำลังติดตามและกำลังจะขาดใจตายค่ะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 2 _เมาแล้วหลับ ตื่นปั๊บได้...? || 11-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: นมชมพู ที่ 13-06-2017 07:32:59
รอนะคะ เรื่องน่าติดตามมาก :m20: :laugh:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 2 _เมาแล้วหลับ ตื่นปั๊บได้...? || 11-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 13-06-2017 13:44:52
ลุงมันกวนจริงๆ เราว่าพี่ปูนแกล้ง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 2 _เมาแล้วหลับ ตื่นปั๊บได้...? || 11-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 13-06-2017 16:05:22
อิพี่ปูนแกล้งแน่นิสัยไม่ดี ทำคนอื่นว้าวุ่นใจนี่เป็นบาปนะคะ ฮึ่ยย เดี๋ยวให้ลุงจับกดจริงๆซะเลยนี่  :impress2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 2 _เมาแล้วหลับ ตื่นปั๊บได้...? || 11-6-60 หน้า 1||
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 13-06-2017 16:23:29
ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเนี่ยลุง

นี่ก็แกล้งน้อง


หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 3 _สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ || 13-6-60 หน้า 2||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 13-06-2017 20:57:27
ตอนที่ 3 _สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ



เดาว่าพ่อแม่บ้านอื่นคงจะพยายามสรรหาชื่อจริงเพราะๆ ให้ลูก และคิดชื่อเล่นน่ารักๆ ที่จะไว้ใช้เรียกกันติดปากไปจนแก่ แต่นั่นไม่ใช่กับพ่อแม่ของพวกผม พวกท่าน...ไม่สิ...แค่แม่คนเดียวต่างหาก เพราะพ่อก็คงจะออเออตามใจแม่เหมือนที่ทำมาตลอด

คุณดาหลามักจะมีอารมณ์ขันมากมายเสมอ ชื่อของพวกผมสองพี่น้องก็เป็นหนึ่งในนั้น แม่อาจจะใช้หลักการเดียวกับบ้านอื่นๆ คือตั้งชื่อเล่นแล้วจบด้วยชื่อจริง ถ้าเป็นเด็กรุ่นใหม่ๆ ก็อาจจะมีชื่อว่า น้องเฟียส น้องเบลล่า น้องพอตเตอร์ ชื่อเล่นที่ดูไฮโซโก้เก๋ทั้งหลาย ถ้าเป็นเด็กรุ่นก่อนๆ ก็อาจจะเป็น น้องฟ้า น้องน้ำ น้องดิน น้องต้นไม้ ชื่อเล่นไทยๆ แต่ดูน่ารัก แต่มันเชยเกินกว่าที่แม่ผมจะเอาเยี่ยงอย่าง

พี่สาวผมชื่อ ‘ป้า’ จึงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่สำหรับน้องเล็กที่ตามตูดออกมาจะมีชื่อว่า ‘ลุง’

และแม่เห็นว่ามีการตั้งชื่อตามเมืองดังๆ ในต่างประเทศมาเยอะแล้ว อย่างน้องโรม น้องมิลาน น้องเวนิส น้องเอเธนส์ แลดูอินเตอร์มิใช่น้อย แต่มันไม่ถึงใจคุณแม่ท่าน อย่ากระนั้นเลยเราก็เอาชื่อจังหวัดของไทยสิ!...ผมนี่ชูป้ายไฟให้สุดแขนทีเดียว แม่ผมพยายามสรรหาชื่อจริงที่ดูเข้ากันจนมาจบที่ชื่อจังหวัดในประเทศที่ผมกับพี่ไม่เคยได้มีโอกาสไปเหยียบเลยสักครั้ง

‘พัทลุง’ กับ ‘ปราจีน’

ผมจำได้ว่าเคยเห็นพี่สาวโวยวายอยากจะเปลี่ยนทั้งชื่อเล่นชื่อจริง นางเคยบังคับให้ผมเรียกว่าพอลล่าอยู่หลายวัน แต่มันไม่สำเร็จเพราะชื่อกับหน้าตามันไม่ได้ไปทางเดียวกัน จนแม่อดรนทนไม่ไหวยื่นคำขาดว่า ‘อยากจะเปลี่ยนก็รอให้ฉันตายก่อนเถอะย่ะ’

พ่อตายไปนานแล้ว แต่หมอดูทักแม่ว่าจะอายุยืนไปถึงร้อยปี

พี่กับผมเลยต้องก้มหน้าก้มตาใช้ชื่อแสนโมเดิร์นนี้ไปตราบจนกว่าชีวิตจะหาไม่

ผมแค่อยากจะสาธยายให้ฟังเท่านั้นเองว่าชื่อผมนั้นก็มีที่มาที่ไปไม่ใช่ไก่กากะโหลกกะลาปาจิงโกะ และชื่อผมมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ตอนนี้หรอกครับ จะเรียกว่าการกระทำของผมในตอนนี้เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ ไม่สิ -- ต้องบอกว่าผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะมีวันนี้เหมือนกัน -- วันที่ต้องแอบมองผู้ชายที่ไม่ใช่พ่อของตัวเอง

ตอนนี้เป็นเวลา 11 นาฬิกา 23 นาที พี่ปูนกำลังเดินไปเดินมาขณะคุยโทรศัพท์ไปด้วย แม้ผมจะมองผ่านกระจกบานใหญ่ติดสติ๊กเกอร์ฝ้าเป็นเส้นเป็นชั้นเข้าไป แต่ก็พอจะรู้ได้ว่าพี่เขาเอื้อมมือไปเกาหลังเป็นครั้งที่ห้าแล้วเดาว่าขี้กลากน่าจะขึ้น บางทีผมอาจจะซื้อคาเนสเทนแล้วมายื่นให้พี่ปูนเพื่อเป็นข้ออ้างในการสนทนานะ อาจจะถามว่าพี่เป็นเกลื้อนหรือกลากกันครับ? หรืออาจจะมีไมตรีอาสาช่วยทายาให้แล้วตามด้วยสิ่งที่ผมต้องการจะพูดแต่ยังหาจังหวะเหมาะไม่ได้

ร่างสูงใหญ่ของคนในห้องลงนั่งเก้าอี้พลางเอนตัวเอนไปตามองศา ท่าทางกึ่งจะเคร่งเครียดกึ่งจะผ่อนคลาย คือเอาจริงๆ แล้วผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันรู้สึกอย่างไรเพราะมองหน้ามันแทบไม่เห็น แต่ถึงอย่างนั้นผมก็พยายามชะเง้อชะโงกเพื่อมองอากับกิริยาต่อไปอย่างไม่คิดสนใจงานที่ค้างอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์

“เพื่อนครับ? เพื่อนกูครับ...”

“อะไร”   ผมส่งเสียงห้วนสั้นตอบโต้คนข้างๆ พลางไหวไหล่หนีนิ้วไอ้โป้ยที่ส่งมาสะกิด

“มึงมองเชี่ยไรวะลุง มีเรื่องอยากคุยกับลูกพี่กูเหรอ”

“สาระแน”

“โหย!! ไอ้ลุง”   ไอ้โป้ยโอดครวญเสียงดัง และมันก็พยายามเรียกร้องความสนใจผมได้สำเร็จ   “กูสงสัยเฉยๆก็เลยถาม ไม่ได้คิดอยากเสือกเลยสักนิด อย่างงี้มึงมิด่าความอยากรู้ของคนทั่วประเทศว่าเป็นการสาระแนเหรอ ร้ายกาจนะมึง”

เอิ่ม...กูด่าแค่มึงเท่านั้นเองนะไอ้เพื่อนเวร นี่เล่นเอาคนทั้งประเทศมาข่มขวัญกูซะงั้น

“เยอะนะมึง”   ผมว่ามัน แล้วตัดสินใจว่าต้องล้มเลิกการแอบมองแต่เพียงเท่านี้   “งานไม่มีทำรึไง งานน้อยไปใช่มั้ยปากถึงได้ว่างน่ะ”

“กูทำงานด้วยมือเว่ย แต่มึงอ่ะทำอะไร”   ผมรู้ได้ทันทีว่าสวิชต์ช่างสงสัยมันเปิดแล้ว ก็เลยแกล้งทำเป็นหูทวนลมหันหน้ากลับเข้าจอทำทีเป็นจะเริ่มทำงานต่ออีกครั้ง   “อย่าๆ การเมินของมึงไม่ได้ผลกับกูมานานแล้ว”

ไอ้โป้ยคว้าไหล่ผมหมับเพื่อเป็นหลักยึดให้มันเลื่อนเก้าอี้เข้ามาใกล้ชนิดที่ว่าหายใจรดต้นคอ นี่ถ้าผมเผลอหันหน้าไปป๊ะมันล่ะก็ริมฝีปากของเราสองคงได้ประทับกันเป็นแน่ แค่คิดผมก็ฝืนคอแข็งเอาไว้ด้วยความเสียวไส้ แม้ว่าเราจะเคยเห็นตูดกันและกันเมื่อเข้าค่ายสมัยประถมยันมัธยมมาแล้ว แต่ตอนนี้แค่พี่ปูนคนเดียวผมก็เครียดจะแย่แล้วไม่ต้องมีมันมาร่วมวงอีกหรอก

“เอาหน้าไปห่างๆ ได้ป่ะวะ”   อย่าเรียกว่าดันหน้าเลย ผมนี่ไสหัวมันออกไปให้พ้นรัศมีอันตราย และในเมื่อรู้สันดานเพื่อนตัวเองดีผมก็ยอมหันไปเผชิญหน้าให้ความเสือกมันทิ่มแทงอย่างจำนน   “เอาล่ะวีรภาพ...มึงดูปากลุงนะครับ เรื่อง-ของ-กู”

“ก็ใช่ไง! ตั้งแต่กูเริ่มสงสัยมันก็กลายเป็นเรื่อง-ของ-กูไปเรียบร้อยแล้ว”

ไอ้ห่า! หน้าด้านโคตร

“และจิตสัมผัสของกูบอกว่ามันเกี่ยวโยงกับคืนที่มึงเมาเป็นหมาแล้วถูกพี่ปูนหิ้วกลับบ้านแน่ๆ”

แม่นสัด!!

“เดามั่วแล้วมึง”  ผมเฉไฉทันที 

“งั้นก็เฉลยสิครับ”   ไอ้โป้ยยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีกครั้ง สีหน้ามันยิ้มยั่วอย่างที่ผมรู้ว่ามันมั่นใจในจิตสัมผัสมาก    “เพราะปกติมึงแทบจะไม่มองหน้าพี่เขาด้วยซ้ำ แต่นี่มึงจ้องเอาๆ จนกระจกจะทะลุอยู่แล้ว”

“ไม่มีอะไรน่ามึง”   ผมรีบปฏิเสธ แต่ก็ต้องรีบเพิ่มเติมเหตุผลโดยด่วนเมื่อเจอคิ้วเข้มๆ ของเพื่อนเลิกขึ้นอย่างจับผิด   “คือกูแค่สงสัยไง ที่มึงพูดเมื่อวันก่อนอ่ะ ว่าพี่ปูนแม่งหล่อลากไส้ลากไตลากตับ กูก็แค่พยายามหามุมนั้นไง”

“จริงเร๊อ~”   น้ำเสียงมันไม่ได้มีความเชื่อถือผมเลยสักนิด ไอ้ลูกเจ้าของร้านทองมองหน้าผมด้วยรอยยิ้มน่าขนลุกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่มันจะตัดสินใจว่าจะยอมปล่อยลูกหมาตัวน้อยๆ อย่างผมไป   “เอาเถ๊อะ~ ถ้ามึงไม่อยากจะพูด กูจะไปง้างปากก็ใช่ที่”

แล้วไอ้โป้ยก็ดันเก้าอี้กลับเข้าที่ตัวเองแล้วเริ่มทำงานของมันต่อเป็นการสื่อว่าความอยากรู้อยากเห็นได้สิ้นสุดลงแล้ว ผมนั่งนิ่งๆ ซึมซับอิสระอยู่ซักราวๆ สองสามนาที ก่อนจะกลับมาเริ่มงานของตัวเองอีกครั้ง แต่ถึงกระนั้นหางตาของผมก็คอยแต่จะจ้องไปทางห้องนั้นทั้งที่มันมองไม่ค่อยจะเห็นอะไร

ผมพยายามสลัดความคิดเกี่ยวกับเรื่องผัวๆ เมียๆ ออกไปจากสมองเป็นรอบที่หนึ่งร้อยเจ็ดสิบเอ็ด แต่ให้ตายเหอะ! มันยากลำบากกว่าที่ผมคิดไว้มาก จะด้วยเพราะเหตุผลกลใดก็ไม่อาจทราบ แต่ผมไม่สามารถหยุดความคิดที่ว่าพี่ปูนเป็นเมียผมแล้วไปได้ อาจเพราะพี่ปูแมนมาก แถมยังเป็นผู้ชายคนแรกของผม แล้วคงเป็นเพราะสัมพันธภาพของเราสองคนไม่ค่อยจะกลมเกลียวกันสักเท่าไหร่ เพราะพี่ปูนเป็นเจ้านาย เพราะผมไม่คิดว่าจะต้องไปเข้าข้างหลังใคร นั่นแหละ! มันมีหลายเหตุขนาดนี้แน่เลยทำให้ผมหยุดคิดถึงมันไม่ได้สักที

สมนึกเบเกอรี่ควรจะเป็นสิ่งแรกที่ผมต้องให้ความสนใจที่สุดในตอนนี้สิ! ผมควรจะรีบส่งไฟล์งานไปให้พี่กรได้แล้ว เพื่อที่เจ้าของร้านขนมชื่อพิกลนี้จะได้เริ่มทำมาหากิน ทั้งที่ผมไม่มั่นใจว่าชื่อร้านพี่แกจะเรียกลูกค้าได้ก็ตาม แต่จากขนมเล็กๆ น้อยๆ ที่เจ้าของร้านฝากผ่านพี่กรมาให้ก็ต้องนับว่าอร่อยไม่แคร์ชื่อเหมือนกัน

ผมตรวจสอบความเรียบร้อยอีกเป็นครั้งสุดท้าย ตำแหน่งข้อความและการสะกดนั้นจะผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด เพราะถ้าหลุดรอดไปถึงกระบวนการพิมพ์นั่นหมายความถึงการขาดทุนหากลูกค้าตีกลับ จะไปหวังอะไรจากโรงพิมพ์ที่เป็นด่านสุดท้ายไม่ได้หรอก แค่พิมพ์ไม่ให้สีเพี้ยนกับส่งงานกลับมาให้ทันก็นับว่าบุญหัวแล้ว บางงานนี่ถึงขนาดต้องรับมาแบบดิบๆ แล้วนั่งช่วยกันพับเองด้วยซ้ำ เสียเวลาทำงานจนอยากจะร้องไห้ แต่พี่กรก็ให้เหตุผลที่ไม่อาจละทิ้งโรงพิมพ์แห่งนี้ได้เพราะการเสนอราคางานจากที่นี่นั้นถูกกว่าที่อื่นแบบเห็นกำไรนอนมาเต็มๆ แต่ก็ส่งให้ได้แต่งานพื้นๆ ที่ไม่ต้องใส่รายละเอียดมากเท่านั้น เพราะถ้าเป็นงานหินจากบริษัทดังๆ พี่กรกับพี่ปูนก็จะเลือกโรงพิมพ์ของเพื่อนที่คุณภาพดีกว่ามากมายเป็นตัวเลือกอันดับแรก

คงไม่ต้องบอกสินะว่าสมนึกจะถูกส่งไปที่ไหน   

“ลุง”

เสียงของบางคนทำให้ผมหูผึ่งถึงกับเงยหน้าจากหน้าจอประหนึ่งติดสปริง พี่ปูนที่กำลังเดินใกล้เข้ามาทำให้ผมใจเต้นตุบตับด้วยความตื่นเต้น จากหางตาผมเห็นไอ้โป้ยหันมามองผมแล้วส่งเสียง ‘เห๊อะ’ ใส่เบาๆ

“งานของสมนึกเสร็จรึยัง?”

“เสร็จแล้วพี่ กำลังจะส่งไฟล์ไปให้พี่กรครับ”

“อืม เสร็จแล้วเก็บของนะ มีงานด่วนเข้ามา”   

“ได้ครับพี่ อีกสิบนาทีครับ”

“ไปเจอพี่ที่รถนะ”

เป็นการนัดหมายสั้นๆ ที่ผมรู้ดีว่า ‘การเก็บของ’ นั้นหมายความว่าลูกค้าที่รักต้องการใช้บริการฟรีที่บริษัทนำเสนอโดยไม่ต้องลงมือทำเอง แต่ก็ไม่ใช่ว่าผมจะต้องไปถ่ายรูปสถานที่หรือผลิตภัณฑ์เสียทุกงานหรอกครับ ถ้าเป็นงานจากเจ้าใหญ่ๆ ที่ชำนาญการทางนั้นจะมีพร้อมทุกอย่างเพื่อให้เราเริ่มออกแบบได้ทันที แต่ก็จะโทษบริการเสริมของบริษัทไม่ได้ที่จะมีท่านเจ้าของงานขี้เกียจจะจับภาพสินค้าหรือสถานที่ด้วยตัวเอง

มันเป็นการแข่งขันทางการค้าน่ะนะ ราคาสมเหตุสมผลกับการบริการที่ดีก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว

“คราวนี้ก็นั่งมองซะให้พอนะมึง”   ไอ้โป้ยเห่า เอ้ย ส่งเสียงแซวขึ้นมาทั้งที่ตามันยังจับจ้องอยู่ที่งานบนหน้าจอ

“เสือกอีกแล้วนะครับ”   ไอ้เพื่อนเวรหัวเราะหึๆ ผมรีบส่งไฟล์งานไปให้พี่กรอย่างไว เซฟงานอีกครั้งแล้วปิดเครื่อง เมื่อปิดสวิตช์เรียบร้อยก็รีบคว้ากล้องจากตู้เก็บขึ้นมาขึ้นสะพายบ่า ตามด้วยกระเป๋าเงินเหี่ยวๆ กับโทรศัพท์ที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วน แล้วรีบออกไปยังสถานที่นัดพบ ณ. ลานจอดรถหน้าบริษัท

บุคคลที่สองตาผมมองเห็นได้ทันทีที่เปิดประตูออกมากำลังยืนสะท้านแสงแดดประหนึ่งพรีเซนเตอร์ครีมแก้ฝ้า พี่ปูนเหมือนจะวางสายโทรศัพท์ทันทีเมื่อเห็นผมเดินก้าวเข้าไปหา ใบหน้าพี่แกคล้ายจะหงุดหงิดจากสายที่เพิ่งจบการสนทนาไป ผมรีรอว่าควรจะเดินเข้าไปเลยดีหรือไม่ แต่จากสายตาที่มองสบมาก็จำต้องลากเท้าเดินต่อไป และเมื่อยืนเผชิญหน้ากันผมก็เกิดอาการใบ้รับประทานไปชั่วครู่ พี่ปูนทำเพียงแค่เร่งผมให้เข้าไปในรถโดยปราศจากร่องรอยความอึดอัดใจ

ทันทีที่ก้าวเข้ามานั่งในรถยนต์ราคาแพงที่ผมไม่มีปัญญาจะดาวน์ ผมก็กระชับกระเป๋ากล้องเข้าอ้อมกอดทันทีอย่างกับมันจะช่วยให้ผมผ่านพ้นความประดักประเดิดไปได้ และเมื่อพี่ปูนเริ่มขับเคลื่อนรถออกจากลานจอด...เดดแอร์ก็เริ่มขึ้น

ผมเดาว่ามันเป็นบรรยากาศปกติระหว่างผมกับพี่ปูนที่ไม่เคยคุยกันดีดีเกินสิบประโยค แต่วันนี้สมองส่วนรับรู้ของผมมันเห็นต่างออกไป มันเหมือนกับว่าความเหม็นขี้หน้าที่ทำเอาผมตั้งป้อมกับพี่ปูนมาตั้งนมนานกลายเป็นธาตุอากาศไปซะอย่างนั้น ค...แค่เพราะผมได้...เอ่อ...นั่นแหละ! มันเป็นสิ่งที่ผมเถียงกับตัวเองมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่ว่ายังไงการสั่งสอนของพ่อผมถึงการเป็นสุภาพบุรุษที่ดีมันฝังรากลึกเกินกว่าที่ผมจะใช้จอบกรุยออกไปจากจิตสำนึกได้

ผมต้องรับผิดชอบพี่ปูน 

แต่พี่ปูนนั้นคงไม่ได้มานั่งคิดมากเหมือนผมแน่ เพราะเห็นพี่แกสบายๆ ถ้าดูจากการเคาะนิ้วเป็นจังหวะเพลงลงกับพวงมาลัยรถ ริมฝีปากบางที่มักพ่นถ้อยคำเจ็บลึกใส่ผมก็กำลังพึมพำเนื้อเพลงภาษาอังกฤษแบบไม่มีสะดุดติดขัด  -- โอเค...ตอนนี้ผมได้เวลาในการแอบมองพี่ปูนแบบไม่มีตัวสอดได้เต็มที่อย่างที่ไอ้โป้ยบอกแล้ว

นอกจากกล้ามเนื้อที่ดูว่าคงสร้างมาจากฟิตเนตแล้วนั้น พี่ปูนแม่งโคตรสมบูรณ์แบบ! ส่วนสูงที่ทำเอาผมต้องตกเป็นรองทันทีเมื่อยืนเทียบกัน ไหล่กว้างผึ่งผาย แผ่นหลังตึงแน่นอย่างที่ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงใส่สูทได้ออกมาดูดีขนาดนั้น รูปหน้าคมเข้ม แนวคางเป็นสันแข็งแกร่ง ถ้าจะมีจุดตำหนิใดบนร่างกายนี้ก็คงจะเป็นไฝสีดำเม็ดเล็กๆ ที่จะเรียกแบบสามัญชนหน่อยก็คือขี้แมลงวันที่เห็นได้ประปรายตามผิวเนื้อ แม้แต่ใบหน้าหล่อขั้นเทพยังอุตส่าห์มีจุดสยบสองเม็ดเรียงกันที่แนวคางด้านซ้ายกับอีกหนึ่งเม็ดริมใบหูด้านเดียวกัน ผมคิดว่าเมื่อเปลื้องผ้าออกคงหาเจอได้อีกหลายสิบเม็ด เดาว่าพวกผู้หญิงคงดี๊ด๊าที่จะได้นับจำนวนไปทั่วร่างแน่


เสียดายที่เช้าเมื่อวานผมได้แต่ช็อค ไม่อย่างนั้นคงได้รู้แจ้งแล้วว่าเป็นอย่างที่คิดหรือเปล่า


“หน้าพี่มีอะไรติดรึไง?”  เสียงเรียบๆ ที่แฝงไปด้วยความสงสัยดังขึ้น ฉุดสติผมให้กลับเข้าสมอง

“เอ่อ...ผมแค่มองตามคำบอกของโป้ยน่ะพี่”   ผมพยายามปัดเรื่องให้พ้นตัวมากที่สุด จะไปบอกได้ยังไงว่ากำลังสงสัยเรื่องไฝในร่มผ้าของพี่

“คำบอกอะไร?”   พี่ปูนหันมามองผมเกือบสองวิ ก่อนจะกลับไปมองถนนเบื้องหน้าตามเดิม

“มันบอกว่าพวกผู้หญิงอยากได้พี่ไปเป็นพ่อของลูกกันทั้งนั้น”   สิ้นคำผม พี่ปูนถึงกับพ่นหัวเราะพรืดอย่างเห็นเป็นเรื่องไร้สาระมากมาย   “มันคิดว่าผมตาถั่วที่มองไม่เห็นความหล่อของพี่”

“หึหึ แล้วในสายตาลุงคิดว่าคนหล่อต้องเป็นแบบไหนล่ะ?”   พี่ปูนอมยิ้มพร้อมกับยิงคำถามเดียวกับไอ้โป้ย

“พี่เปี๊ยกอะพี่”

“พี่เปี๊ยกเนี่ยนะ! แฮ่ม! ก็ไม่ใช่ว่าอะไรหรอก แต่ก็โอเคถ้านั่นคือบรรทัดฐานของลุง”   พี่ปูนพยายามแถแก้ตัวที่เผลอหลุดปากเสียงดังออกมา เพราะหูผมมันประมวลคำใหม่ได้ประมาณว่า ‘หน้าอย่างพี่เปี๊ยกเนี่ยนะ!’    “แต่พี่อยากรู้ว่าลุงตัดสินจากอะไรวะ”

คำถามจากคนหน้าตาดีทำให้ผมต้องลอบถอนหายใจออกมา ผมเดาว่าพวกคนที่หน้าตาเหนือมนุษย์ธรรมดา มักไม่เข้าใจในมุมมองที่นอกเหนือไปจากความสวยหล่อเท่าไหร่ และมันทำให้ผมรู้สึกสลดทุกครั้งที่รู้ว่าแท้จริงแล้วโลกเรามันก็ไม่พ้นกับการตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอก ทำไมคนเราต้องจำกัดความสวยหล่อไว้แค่ที่ใบหน้าเท่านั้นล่ะ ในเมื่อมันมีส่วนประกอบอื่นที่สำคัญกว่านั้นมาก

แต่มันก็แค่ความคิดที่พยายามจรรโลงโลกเท่านั้น เพราะเอาจริงๆ แล้วไม่ว่าจะน้อยหรือมาก เราก็ตัดสินบางสิ่งบางอย่างแค่ภายนอกกันอยู่ดี แม้แต่คนโลกสวยอย่างผมก็ไม่มีข้อยกเว้น…

“ว่าไง?”   พี่ปูนรบเร้าหาคำตอบ ผมเลยต้องยกประโยคที่ร่ายให้ไอ้โป้ยฟังกลับมาทวนซ้ำอีกครั้ง

“ก็เพราะว่าพี่เปี๊ยกไม่เคยนินทาเมียให้พวกผมได้ยิน ไม่เคยทำหน้าป่วยใส่โทรศัพท์สักครั้งเวลาเมียโทรมาสั่งนั่นนี่ พี่เปี๊ยกพูดเพราะกับลูกเมียแม้แต่เวลาลับหลัง แล้วก็ไม่เคยเกี่ยงงานและการขอความช่วยเหลือใดใดจากเพื่อนร่วมงาน ให้คำปรึกษาโดยไม่มีการเหน็บแนม ผมก็รู้นะว่าพี่เปี๊ยกไม่ใช่คนหน้าตาดีอะไรแต่ทั้งหลายแหล่ที่ผมเห็นทั้งต่อหน้าและได้ยินมา มันสรุปได้ว่าพี่เปี๊ยกแม่งหล่อโคตรๆ อะพี่ หล่อแบบได้จิตได้ใจผมไปเลย”


พูดแล้วก็ของขึ้น! ผมต้องหาขนมมาตอบแทนความหล่อของพี่เปี๊ยกที่มันท่วมท้นอยู่ในอกผมซะหน่อยแล้ว


“หึหึ...”

เสียงขบขันขึ้นจมูกจากเจ้าของรถ เรียกสติที่กำลังเตลิดของผมอีกครั้ง มันราวกับเป็นเสียงสบประมาทต่อความคิดที่แสนบริสุทธิ์ของผมที่มีให้คนๆหนึ่ง แต่ในจังหวะที่ผมหันหน้าไปด้านข้างเพื่อที่จะปะทะด้วยถ้อยคำอย่างทุกที ก็มีบางสิ่งที่ส่องออร่าโชติช่วงหยุดผมเอาไว้ได้ทัน

“เด็กดี...”   

ผมควรจะโมโหกับคำครหาทั้งที่อายุเราก็ต่างกันไม่กี่ปี ผมไม่ใช่เด็กตัวเล็กที่จะต้องดีใจกับคำชมของคนอื่น แต่รอยยิ้มของพี่ปูนทำให้ผมโย้แย้งไม่ออก มันก้ำกึ่งระหว่างความเอ็นดูกับอารมณ์ประหลาดใจ แต่นั่นยังไม่ทำให้ผมอึ้งมากพอเท่ากับฝ่ามือใหญ่ๆ ที่เอื้อมมาโยกหัวผมไปมา ผมอยากจะปัดมือนั้นทิ้งแล้วตวาดไปด้วยเสียงแมนๆ ว่าผมไม่ใช่เด็ก

แต่...

หัวใจผมมันพองฟูอย่างประหลาดกับคำชมที่ไม่ควรมอบให้กับผู้ใหญ่วัย 25 ปี แต่ผมห้ามมันไม่ได้จริงๆ ที่จะรู้สึกย้อนวัยให้หัวใจอิ่มเอิบ ไม่เคยมีใครชมผมด้วยคำนี้อีกเลยนับตั้งแต่ผมรวมหัวกับไอ้โป้ยขโมยวิกผมของครูสอนเลขสมัยประถมแล้วถูกจับได้ พ่อเรียกผมว่าไอ้แสบและแม่ให้รางวัลผมด้วยไม้เรียวจนก้นขึ้นแนว


‘เด็กดี’  ผมชอบคำนี้ยังไงก็ไม่รู้


แต่ด้วยภาพพจน์พระเอกทำให้ผมไม่สามารถรับถ้อยคำนั้นได้อย่างเต็มใจ  “ผมไม่ใช่เด็กแล้วน่า”

“คำชมหรอกน่า อย่าคิดมาก”  พี่ปูนโยกหัวผมอีกครั้งด้วยรอยยิ้ม จากนั้นจึงละมือออกไปวางบนพวงมาลัยตามเดิม  “พี่ไม่คิดว่าลุงจะตอบแบบนั้น แต่ก็นะ...สมเป็นลุงดี”

“ได้ข่าวว่าที่ผ่านมาผมกับพี่ไม่กินเส้นกันนะ รู้ได้ยังไงว่าอันไหนถึงจะสมกับเป็นผม”  ปากของผมผลิตคำพูดเร็วกว่าสมองเสมอ แต่พี่ปูนก็แค่หันมาสบตาเร็วๆ ด้วยรอยยิ้มที่ยังไม่จางหาย 


“ถ้าไม่มองอยู่ตลอด พี่จะกล้าพูดได้ยังไง”

.
.
.
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 3 _สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ || 13-6-60 หน้า 2||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 13-06-2017 20:58:12
.
.
.

เกิดช่องว่างระหว่างการสนทนาครั้งมโหฬาร อะไรคือสิ่งที่ทำให้พี่พูดด้วยความมั่นใจขนาดนั้น มองอยู่ตลอดงั้นเหรอ? มองใครวะ? ไอ้โป้ย? พี่เปี๊ยก? หรือว่า...ผม? -- สายตาแบบไหนที่พี่ใช้มองผมกัน ทุกครั้งก็เห็นแต่สายตาเย่อหยิ่งจ้องจะงับหัวกันเท่านั้น แล้วมองในความหมายแบบไหนกัน ประเมินงานว่าควรจะไล่ออกดีหรือไม่งั้นเหรอ? หรือดูความประพฤติว่าสมควรเพิ่มเงินเดือนหรือไม่ใช่มั้ย?


แต่ให้ตายเหอะ!!


ก่อนจะมานั่งคิดเรื่องมองหรือไม่อย่างไร ผมควรจะประหลาดใจกับการสนทนาที่ไม่มีการกวนตีนใส่กันในครั้งนี้มากกว่า แถมยังมีการแจกยิ้มอันแสนหายากให้ผมอีกต่างหาก รอยยิ้มก็ช่างจะอ่อนโยนเหลือเกินจนน่าขนลุก! นี่มันวันอะไรกันเนี่ย -- ไม่สิ! ต้องเป็นผลพวงมาจากเมื่อวานแน่ๆ แค่โดนผมจิ้มไปทีสองทีทำให้พี่เปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้เลยรึ พระเจ้า! แสดงว่าพี่ปูนเป็นฝ่ายรับน่ะสิ พี่ชอบโดนยิ้มโดยหนอนน้อยน่ารักงั้นสิใช่มั้ย!!

ไม่ว่าจะทำยังไงผมก็นึกเรื่องเมื่อคืนวานไม่ออก เรียกว่าไม่มีหลงเหลืออยู่ในความทรงจำเลยจะดีกว่า ผมไปปลุกปล้ำพี่ปูนอีท่าไหน กระชากขาพี่ปูนอ้า หรือว่าพลิกร่างล่ำให้โก้งโค้ง แล้วผมใส่ถุงยางได้ยังไง... ฉิบหาย!! ถุงยาง -- ผมไม่เห็นของที่ว่าตกหล่นที่ไหนเลยด้วยซ้ำแม้แต่ในถังขยะ นี่ผมเล่นของสดกับพี่ปูนเลยรึเนี่ย บ้าจริงๆ พี่ปูนคงไม่ท้องหรอกนะ...ฮ่าๆๆ มึงบ้าแล้วไอ้ลุง

“ลุง!”

เสียงพี่ปูนเจาะลูกโป่งในหัวของผมแตกอีกครั้ง แต่คราวนี้ด้วยเสียงที่ห้วนเข้มกว่าเดิม ผมยืนตัวตรงแหน่วมองรอบตัวที่บรรยากาศเปลี่ยนไป เบื้องหน้าคือผู้หญิงสองคนที่กำลังมองมาด้วยความสงสัย กับหนึ่งหนุ่มร่างใหญ่ที่จ้องจะแดกหัวผมอยู่ในตอนนี้

 ซวยแล้วไง ผมมัวแต่เพ้อจนมาถึงนี่ได้ไงวะ

 “เดี๋ยวตามคุณหนิงไปถ่ายรูปนะ พี่จะอยู่คุยรายละเอียดกับคุณฝนที่นี่”

ผมพยักหน้าอย่างมึนๆ แต่ก็รับคำจากเจ้านายแล้วเดินตามพี่ผู้หญิงที่แลดูสุภาพเรียบร้อยไปตามทาง ผมมองไปรอบตัวที่ดูร่มรื่นด้วยต้นไม้ที่สวนกลาง ก็ดูเหมาะกับร้านนวดแผนไทยที่กำลังจะเปิดคอร์สบำรุงความงามด้วยธรรมชาติน่ะนะ เนื้อที่ขนาดพอเหมาะ โล่งโปร่งสบาย น่ามาลองใช้บริการดูสักครั้งแต่ติดที่ว่าราคานั้นคงเหมาะสมกับผู้มีอันจะกินมากกว่า

คุณหนิงแนะนำสถานที่สำคัญที่ต้องการให้เป็นจุดสนใจของแผ่นพับที่ใช้โปรโมทครั้งนี้ อีกทั้งยังมีป้ายแวนิลและป้ายตั้งโฆษณา ผมกระชับกล้องดิจิตอลดีเอสแอลอาร์คู่ใจที่ทุบกระปุกหมูซื้อมาไว้มั่น ก่อนจะถ่ายกราดไปยังจุดที่น่าสนใจไม่ยั้ง ผมหามุมที่ดึงดูดที่สุด วัดแสงให้พอเหมาะก่อนจะรัวชัตเตอร์ เปลี่ยนเป็นเลนส์ไวด์เพื่อถ่ายบรรยากาศได้กว้างขึ้นบ้างในบางมุม ต้องขอบคุณคุณหนิงเหลือเกินที่ไม่จ้ำจี้จ้ำไชเหมือนลูกค้าบางเจ้า เธอปล่อยให้ผมเลือกมุม เลือกสัดส่วนได้ตามต้องการ โดยเพียงแค่แนะนำว่าต้องการนำเสนอในส่วนไหนเท่านั้น

“คุณพัทลุงเป็นช่างภาพประจำบริษัทหรือคะ?”  ผมจะเหมาเอาว่าเป็นคำชมแล้วกันเมื่อเลื่อนภาพในจอให้คุณหนิงดูไปเรื่อยๆ มีสามสี่รูปที่ออกปากว่าชอบมากเป็นพิเศษ

“ผมเป็นกราฟิกดีไซน์เนอร์ครับ แต่เล่นกล้องเป็นบ้างก็เลยรับจ๊อบพิเศษบางครั้ง”   เมื่อครบหมดทุกรูป คุณหนิงก็แสดงสีหน้าพึงพอใจออกมา เป็นอันว่าการถ่ายรูปสิ้นสุดแต่เพียงเท่านี้   “ถ้ามีตรงไหนที่ต้องการนำเสนออีกก็บอกนะครับ แล้วทางเราจะส่งไฟล์รูปภาพให้ เผื่อทางร้านจะอัพขึ้นเว็บไซต์”

“ขอบคุณนะคะ ถ่ายออกมาได้สวยมากเลยค่ะ ที่จริงหนิงก็ลองถ่ายไว้บ้างแต่ออกมามันก็ดูไม่ดีพอ”

“มันอยู่ที่แสงแล้วก็องค์ประกอบด้วยครับ แต่ถ้าเป็นผมก็จะคำนวณไปถึงขั้นตอนออกแบบเลย บางครั้งเราก็ต้องใช้หลายรูปเพื่อมารวมกันให้เป็นรูปเดียวที่โดดเด่น”

“ถ้างั้นคุณฝนก็เลือกถูกบริษัทแล้วสินะคะ”   คุณหนิงเผยยิ้มน่ามอง

“ร้านการะบุหนิงจะไม่ผิดหวังแน่ครับ”   ผมให้คำมั่นพร้อมรอยยิ้มตอบ แล้วคุณหนิงก็ขอตัวเพื่อไปทำงานต่อปล่อยให้ผมยืนเช็คภาพอีกครั้งตามลำพัง

“ที่นี่ร่มรื่นนะครับ”   เสียงคุ้นหูดังแว่วมา ทำเอาผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นหมาน้อยน่ารักที่หูกระดิกเมื่อได้ยินเสียงเจ้านาย สองตาผมพุ่งตรงไปยังผู้ชายตัวสูงที่เดิมชมสถานที่พร้อมกับเจ้าของงาน

ผมไม่ได้เห็นมาดนี้ของพี่ปูนบ่อยๆ จะเรียกว่ามาดฉอเลาะก็คงได้ เพราะรอยยิ้มที่ผู้หญิงทั่วประเทศคงยกคะแนนให้เต็มร้อยนั้นดูหว่านเสน่ห์แบบเสแสร้งมากมายในสายตาผม แถมช่วงเวลาอยู่กับลูกค้าแบบนี้แหละที่พี่ปูนจะพูดจาดีจนน่าดึงลิ้นออกมาผ่า แต่ก็นั่นแหละ! ใช่ว่าคนอื่นจะมองพี่ปูนแบบที่ผมมอง



แชะ!



เพียงภาพเดียวที่ผมยกกล้องขึ้นถ่ายอย่างเผลอไผล ผมเบนสายตามาดูภาพที่ปรากฏที่จอ ผู้ชายคนนี้น่ะเหรอ? ผู้ชายคนนี้จริงๆใช่มั้ยที่ผมล่วงเกินไปด้วยความขาดสติ ทั้งรูปร่าง หน้าตาและฐานะ ไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่คนอย่างผมจะเอื้อมถึงได้เลยแม้แต่น้อย แต่ผมก็ไม่คิดว่าจะต้องถึงกับใช้คำว่าอาจเอื้อมหรอก เพราะมันไม่ได้อยู่ที่ผมตัดสินใจ...ผมเพียงอยากเสนอความรับผิดชอบ และการตัดสินใจว่าจะโน้มยอดสูงลงเกลี่ยดินอย่างผมหรือเปล่านั้นอยู่ที่พี่ปูนต่างหาก



“หิวข้าวรึเปล่า?”

“อะไรนะครับ?”   ผมหันหน้าจากหน้าต่างข้างเพื่อหันมามองคนที่ตั้งคำถามกับผมมากเกินกว่าปกติ พี่ปูนเหลือบมองผมเป็นระยะด้วยสีหน้าผ่อนคลาย

“พี่ถามว่าหิวข้าวรึเปล่า เห็นคิ้วขมวดเป็นปมเลย”   พี่ปูนถามซ้ำอีกครั้ง พร้อมกับใช้นิ้วจิ้มหว่างคิ้วตัวเองเพื่อเน้นย้ำไปด้วย   “แวะกินอะไรก่อนมั้ย?”

“...ผม”   

“กินอะไรล่ะ ข้างทางได้มั้ย?”   

“หนังหน้าผมเหมือนคุณชายที่ต้องกินของขึ้นห้างเหรอครับ”   ผมแทบจะตบปากตัวเองที่หลุดวาจายอกย้อนให้อีกฝ่ายตวัดสายตาฉับกลับมา   “เอ่อ...ผมหมายความว่าอะไรก็ได้ครับพี่”

“แกนี่มันจริงๆเลยนะ”   พี่ปูนส่ายหัวไปมาเหมือนไม่อยากจะถือโทษอะไร   “งั้นกินข้าวแกงแล้วกันนะ ถึงจะเป็นข้างทางแต่รสชาติเด็ดมาก”

การแนะนำของพี่ปูนทำให้ผมเผลอมองด้วยสายตาเคลือบแคลง และมันก็ดันไปผสานเข้ากับดวงตาคมของพี่ปูนเสียอย่างนั้น   “ทำไม? พี่ชอบกินร้านข้างทางนะบอกเลย”

“ก็ไม่ได้พูดอะไรซะหน่อย แค่คิดว่าพี่น่าจะชอบกินอะไรที่มันหรูหราไฮโซ”

“หน้าพี่เหมือนคุณชายที่ต้องกินแต่ของขึ้นห้างรึไง”

น่าน! โดนย้อนเข้าให้แล้วไงไอ้ลุง 

“อะครับ -- จะพาผมไปร้านไหนก็ตามสบายพี่เลย”   ผมยกมือยอมแพ้ จากหางตาผมเห็นพี่ปูนเหยียดยิ้มเล็กน้อย

แล้วเราก็มาจบลงที่ร้านข้าวแกงริมทางอย่างที่ว่า มีรถหลายคันหลายสภาพจอดเป็นแถวปิดหน้าร้านจนหาช่องเดินแทรกแทบไม่ได้ ด้านหน้าร้านมีป้ายข้อความที่โปรโมทร้านด้วยลายมือไก่เขี่ย สีที่ใช้นั้นนั้นซีดจางไปตามสภาพแผ่นไม้


‘ของดีริมทาง อร่อยสุดในสยามประเทศ ไม่ลองแล้วจะเสียใจไปสามชาติ’


ช่างเป็นการโอ้อวดสรรพคุณได้ทะลุทะลวงตับไตอย่างมาก ซึ่งดูจากสภาพร้านที่เป็นเพิงไม้โครง กับป้าที่คาดว่าจะเป็นเจ้าของร้านในรูปลักษณ์ชาวบ้านสุดๆ ที่มีจุดเด่นที่ริมฝีปากแดงแปร๊ด ผมไม่เข้าใจเลยว่าอิเจ๊นี่ไปเอาความมั่นใจขนาดนั้นมาจากไหน

ผมเดินตามพี่ปูนไปยังด้านหน้าโต๊ะยาวที่มีถาดอาหารกับหม้อแกงมากมายนับสิบ มีการเวียนเอาไปอุ่นเป็นระยะเพื่อให้ไม่เย็นชืด ดูจากปริมาณลูกค้าที่ยืนด้านหน้าแล้วคงพอบอกได้ว่าอิเจ๊ไม่ได้อวดอ้างเกินจริงไปสักเท่าไหร่ พี่ปูนชะโงกมองจนทั่วก่อนจะหันมาสั่งความกับผมที่ยังดูงงๆ

“พี่เอาพะแนงหมู กุนเชียงแล้วก็ไข่ดาวด้วยนะ เอ้านี่ พี่เลี้ยง”   พี่ปูนพูดจบก็ส่งเงินให้ผมหนึ่งร้อยบาท แล้วไอ้คุณชายก็เดินจากไปเพื่อหาที่นั่ง ทิ้งให้ผมผจญชะตากรรมคนเดียว

“คนต่อไป! เอ้า! ไอ้หนุ่มเอาอะไรอย่าชักช้า ป้าขายดีมากเห็นมั้ย”

ผมอยากจะส่งค้อนประหลับประเหลือกให้อิเจ๊มาก แต่จากคนที่ยืนรอกับทัพพีในมือเจ๊ทำให้ผมรีบสั่งออกไป เมื่อชำระเงินเสร็จผมก็เดินกลับไปหาพี่ปูนที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ เมื่อเห็นผมวางจานข้าวลงตรงหน้าพี่แกก็วางมือถือลงและเริ่มกินทันที ผมสอดส่ายสายตาไปรอบๆ เพื่อหาน้ำดื่มแล้วก็พบว่ามันอยู่ในคูลเลอร์ขนาดใหญ่ พร้อมกับแก้วน้ำพลาสติกสีสดใสจำนวนมากที่วางอยู่ด้านข้าง   

“น้ำครับพี่”   ผมยื่นแก้วน้ำวางให้ด้านหน้าพี่ปูนที่ผงกหัวรับรู้ พร้อมกับส่งเงินทอนและกระดาษเช็ดปากให้   “ทิชชู่ครับพี่”

“ขอบใจ”

แล้วเราก็เริ่มกินกัน และนั่นก็ทำให้ผมรู้ว่าอิเจ๊ไม่ได้โฆษณาเกินจริงแต่อย่างใด มันอร่อยจนผมนึกเสียดายจริงๆ ถ้าพลาดไป ผมไม่เคยเห็นข้าวแกงร้านไหนทำพะแนงได้สมกับที่เป็นพะแนงมานานแล้ว มันทั้งเข้มข้นและน้ำก็ขลุกขลิกกำลังดี กุนเชียงก็ไม่แห้งแข็ง ไข่ดาวก็เป็นน้ำตาลในนิดๆ ขนาดพริกน้ำปลายังรสชาติดีไม่จืดจางด้วย

“คือมันเด็ดมากอ่ะพี่ปูน!”   ทั้งที่ข้าวยังเต็มปากแต่ผมก็อดที่จะชื่นชมไม่ได้ ผมเชื่อแล้วครับเจ๊ว่าของเจ๊อร่อยสุดในสยามประเทศ   “พี่รู้จักร้านนี้ได้ไงอ่ะ”

“หลงทางผ่านมา”   พี่ปูนพูดง่ายๆ ข้าวยังเคี้ยวไม่หมดปากเหมือนผมนั่นแหละ แต่แลดูไม่อุบาทเหมือนกันเท่านั้น   “เห็นคนเยอะเลยลองแวะกิน”

“อร่อยมากอ่ะพี่ ราคาก็ไม่แพงด้วย”

พี่ปูนกินหมดก่อนตามด้วยการกระดกน้ำลงคอรวดเดียวหมดแก้ว ผมที่เห็นท่าว่าพี่แกคงจะกระหายน้ำพอดูจึงขอแก้วเปล่าจากพี่ปูนเพื่อลุกไปกดน้ำมาให้อีกครั้ง ผมส่งแก้วคืนพี่แกด้วยรอยยิ้มผิดกับพี่ปูนที่มองผมด้วยสีหน้าปั้นยาก

“เป็นอะไรของแกวะลุง?”

“เอ่อ...ก็ผมอยากบริการพี่บ้าง”   ผมอ้อมแอ้มตอบ และคิดถึงโอกาสที่ต้องการมาทั้งวัน ถ้าผมไม่พูดตอนนี้จะได้มีโอกาสอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้   “เอ่อ...แล้วตอนนี้...เอ่อ...ร่างกายพี่เป็นไงบ้างหลังจากที่ผม...เอ่อ....”

พี่ปูนตีหน้างงไปสักแป๊บก่อนที่จะลากเสียงยาวอย่างเข้าใจคำถามในที่สุด   “ก็ปกติดีแล้ว แกทำพี่ปวดสะโพกน่าดู”

“ผมทำพี่แรงขนาดนั้นเลยเหรอ”   ผมนี่อยากจะทิ้งช้อนแล้วซุกหน้าลงกับฝ่ามือเพื่อปกปิดความอาย ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตัวเองจะรุนแรงในเรื่องเซ็กส์ได้ขนาดนี้ ทั้งที่กับแฟนคนก่อนๆ ยังบอกราวกับนัดกันมาว่าผมออกจะอ่อนโยน ทะนุถนอมพวกเธอแค่ไหน

“สองรอบเลยนะคิดว่ามันขนาดไหนล่ะ พี่ไม่เตะคืนก็บุญแล้ว”

แม้พี่ปูนดูจะโมโหนิดๆ แต่มันกลับทำให้ผมอายหนักยิ่งกว่าเดิม ส...สองรอบเสียด้วย แสดงว่าผมคงติดใจร่างกายพี่ปูนอย่างหนักแน่ๆ ต่อไปนี้ผมคงต้องระวังตัวในการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้มากกว่าเดิมแล้ว ไม่อย่างนั้นอาจเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาอีกก็ได้ ผมวางช้อนส้อมในมือลง ความหิวหายไปจนเกลี้ยงทั้งที่ยังกินได้ไม่หมดจาน ผมยกมือไหว้พี่ปูนอย่างขออภัยจากใจจริง

“เฮ้ย! ไม่ต้องไหว้ พี่ไม่ถือสาหรอกเรื่องแค่นี้เอง อีกอย่างแกก็ไม่รู้ตัวดัวย”

คำพูดที่เหมือนอยากให้เรื่องมันผ่านเลยไปทำให้ผมรู้สึกผิดขึ้นมา พี่ปูนช่างใจกว้างเหลือเกิน มันทำให้ผมรู้สึกแย่ที่เคยคิดหมั่นไส้พี่เขาอยู่หลายปี แต่ในเมื่อผมเป็นลูกผู้ชาย พ่อสอนให้ผมกล้าทำกล้ารับ ถึงแม้จะบอกว่าผมไม่มีสติก็เถอะ แต่ผมก็ทำการปลุกปล้ำพี่ปูนไปแล้ว

“พี่ปูนครับ”   ผมแทบจะลุกขึ้นจากที่นั่งเพื่อเอื้อมมือไปฉุดรั้งมือพี่ปูนมากุมไว้   “ผมจะรับผิดชอบพี่เองครับ!!

ผมก็ไม่ได้หวังว่าพี่ปูนจะทำหน้าเอียงอายแล้วก็พยักหน้ายอมรับหรอกนะ แต่การชักมือกลับแล้วบรรจงฟาดลงมาเต็มกบาลผมนั้นก็ไม่ได้อยู่ในความคิดด้วยเหมือนกัน พี่ปูนโกรธจนแทบจะกินหัวผมได้อยู่แล้วตอนที่ผุดลุกขึ้นออกจากร้านไป มันเหมือนว่าทุกอย่างรอบตัวผมเงียบสงัด และเมื่อหันไปมองรอบร้านก็พบกับสายตาหลายคู่ที่จ้องตอบกลับมา เวรของกรรม!  ผมทำได้แค่หัวเราะแหะๆ แล้วรีบเก็บของวิ่งออกจากร้านตามพี่ปูนไปติดๆ

ผมยืนทำตัวไม่ถูกเล็กน้อยอยู่หน้ารถพี่ปูน แต่ก็ตัดสินใจโกออนต่อไปโดยการเปิดประตูรถเข้าไปนั่งอย่างกล้าหาญ พี่ปูนเงียบจนน่ากลัว ผมนี่ใจหดเหลือเท่าเมล็ดถั่วเมื่อพี่ปูนหันมาพร้อมแดกผมด้วยเสียงอันดังลั่นห้องโดยสาร

แกคิดว่าทำอะไรอยู่วะ รับผิดชอบบ้าบออะไร!!”       

ก็ผมปล้ำพี่ พี่เป็นเมียผมแล้วผมก็ต้องรับผิดชอบ!!”   ผมก็สวนออกไปด้วยเสียงดังดุจเดียวกัน

ความเงียบเข้าครอบงำ พี่ปูนอ้าปากค้าง หน้าเหวอจนหมดภาพลักษณ์เซ็กซี่กายในใจผมไปจนเกลี้ยง ดวงตาคมกระพริบปริบๆ คล้ายกับพยายามประมวลข้อความที่ผมได้โพล่งออกไป ผมจ้องนัยน์ตาดำขลับตรงหน้าแน่วแน่ มันสื่อออกหลากหลายอารมณ์จนผมไม่แน่ใจว่าพี่ปูนรู้สึกอะไรอยู่กันแน่ แต่เมื่อแววตาไหวระริกครั้งสุดท้ายพร้อมกับรอยยิ้มเหยียดน้อยๆ ที่แสนจะดูดีเผยออกมา พี่ปูนก็ดูสงบลงอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ

“เอาจริงเหรอวะพัทลุง”

“จริงสิพี่! ผมเป็นลูกผู้ชาย ผมทำอะไรไปผมรับผิดชอบ”   พี่ปูนดูคล้ายจะขบขันกับการยืดอกรับผิดชอบของผม   “พี่ขำทำไมอ่ะ? ไม่เชื่อใจผมเหรอ”

“เปล่าๆ”   คำปฏิเสธของพี่ปูนช่างขัดกับร่อยรอยที่มุมปากอย่างเห็นได้ชัด และก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรออกไปอีก ฝ่ามือใหญ่ก็ตบลงบนบ่าผมป้าบๆ ด้วยเรี่ยวแรงที่เกินมนุษย์มนา ทำเอาผมไหล่ลู่ตกอย่างช่วยไม่ได้

“ต่อไปนี้ก็ดูแลพี่อย่างดีนะน้องลุง”

คราวนี้ผมเป็นฝ่ายอ้าปากค้างบ้าง ใจมันเต้นตึกตักกับการปลดปล่อยความรู้สึกหนักอึ้งที่มีมาสองวัน ในที่สุดผมก็ไม่ต้องรู้สึกผิดกับการล่วงเกินพี่ปูนอีกต่อไป มันทำให้ผมยิ้มออกมาอย่างโล่งอกที่สุดที่ไม่ถูกปฏิเสธอีกครั้ง ผมยิ้มให้พี่ปูน เป็นรอยยิ้มที่กว้างอย่างที่ไม่เคยยิ้มให้มาก่อน

“หึหึ ...เด็กดี”

พี่ปูนยิ้มบ้างพร้อมกับโยกหัวผมไปมา ผมว่าผมชอบจริงๆ นะ เหมือนรู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็กที่กำลังถูกพี่ชายเอ็นดู มันจั๊กจี้ที่หัวใจยังไงก็บอกไม่ถูก...แต่ผมชอบจัง

พี่ปูนถอยรถออกจากที่จอดเพื่อมุ่งหน้ากลับบริษัท รอยยิ้มผมกับพี่ปูนยังติดอยู่ที่ริมฝีปาก แม้รอยยิ้มของพี่แกจะดูเจ้าเล่ห์จนน่าหวาดระแวงก็เถอะ แต่สำหรับยิ้มของผมในตอนนี้นั้นหาใช่ยิ้มปิติยินดีเหมือนเมื่อห้านาทีที่แล้วแต่อย่างใด แต่มันเป็นยิ้มกลบเกลื่อนความเจ็บต่างหาก

ผมแอบลูบไหล่ข้างที่โดนตบเบาๆ มันยังเจ็บยิบๆ เหมือนมีมดนับพันตัวผลัดกันกัดผมอยู่ข้างใน พี่ปูนแม่งมือหนักเกินกว่าที่คาดไว้มาก แต่ถ้าจะวิเคราะห์จากกล้ามเนื้อของมันก็นับว่าสมเหตุสมผล แล้วงี้ถ้าเกิดเหตุการณ์ทะเลาะเบาะแว้งกันขึ้นมา มันมิตบผมกระเด็นติดกำแพงเลยรึไง

แค่คิดผมก็ห่อตัวด้วยความหนาวจับขั้วหัวใจ...เห็นทีว่าผมคงต้องเริ่มออกกำลังกายเพื่อเตรียมพร้อมรับมือรับตีนพี่ปูนไว้บ้างแล้ว

 
TBC.
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 3 _สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ || 13-6-60 หน้า 2||
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 13-06-2017 21:39:03
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 3 _สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ || 13-6-60 หน้า 2||
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 13-06-2017 21:42:15
ยังไงล่ะยังไง.ช่างซับซ้อนยิ่งนัก :katai1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 3 _สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ || 13-6-60 หน้า 2||
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 13-06-2017 21:54:26
สรุปว่า จะเปลี่ยนรุกรับใช่ป่ะ 555ล้อเล่นน
พี่ปูนแอบชอบเขาก็บอกกก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 3 _สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ || 13-6-60 หน้า 2||
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 13-06-2017 22:16:01
 :katai1: รอตอนต่อไปอย่างตื่นเต้นค่ัะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 3 _สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ || 13-6-60 หน้า 2||
เริ่มหัวข้อโดย: thyme812 ที่ 13-06-2017 22:25:52
 o13
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 3 _สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ || 13-6-60 หน้า 2||
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 13-06-2017 22:31:35
อาจจะสันนิษฐานได้อีกอย่างว่าอิลุงมันเข้าใจผิด ไม่น่าเกี่ยวกับเสียตัวแต่อาจเป็นการถีบพี่ปูนตกเตียงก็ได้ แต่ก็ยังงงเรื่องแก้ผ้าคืออิลุงแก้น่ะอาจคิดได้ว่าอ้วกใส่ แต่อิพี่ปูนนี่สิแก้ด้วยทำไมฟร่า? แต่ก็หวังว่าอิพี่จะไม่แกล้งอะไรปูนนะเล่นกับความรุ้สึกคนอื่นมันไม่ดีนะพี่ปูน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 3 _สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ || 13-6-60 หน้า 2||
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 13-06-2017 22:33:45
ลุงช่างจินตนาการ = ลุงคิดไปเองว่าได้เสียบพี่ปูนสองรอบ

พี่ปูนน่าระแวงมาก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 3 _สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ || 13-6-60 หน้า 2||
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 13-06-2017 22:40:51
 :o8: :o8: :o8: น่ารัก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 3 _สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ || 13-6-60 หน้า 2||
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 13-06-2017 22:44:46
โถ เด็กดี ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมพี่ปูนหรอก ใสซื่อซะจริงๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 3 _สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ || 13-6-60 หน้า 2||
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 13-06-2017 23:20:57
 :katai5:


สงสารดีไหม คุณลุง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 3 _สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ || 13-6-60 หน้า 2||
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 14-06-2017 00:22:53
เราเดาทางพี่ปูนไม่ถูก แต่รู้ว่านางร้ายมาก5555555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 3 _สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ || 13-6-60 หน้า 2||
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-06-2017 00:32:10
ดูเหมือนจะติดกับดัก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 3 _สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ || 13-6-60 หน้า 2||
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 14-06-2017 00:52:47
 :z1:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 3 _สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ || 13-6-60 หน้า 2||
เริ่มหัวข้อโดย: Mokuchi ที่ 14-06-2017 01:42:47
นี่มัน 'ลูกไก่วัดในกำมือสมภาร' ชัดๆ :hao3:
ลุงคนซื่อ ตามพี่ปูนไม่ทันหรอก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 3 _สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ || 13-6-60 หน้า 2||
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 14-06-2017 02:41:09
น้องลุงมีเมียแล้วจ้าาาาา5555555  :mc4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 3 _สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ || 13-6-60 หน้า 2||
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 14-06-2017 07:40:42
ตอนแรกนึกว่าพี่ปูนต้องการแสดงให้ส่อไปในทางนั้น ไป ๆ มา ๆ ชักไม่แน่ใจ แต่พอเห็นลุงเชื่อแบบนั้นก็คงเลยตามเลย เพราะตัวเองได้ประโยชน์
ดูเหมือนตอนนี้จะมีคนแอบสารภาพว่ามองลุงอยู่หรือเปล่านะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 3 _สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ || 13-6-60 หน้า 2||
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงน้อยสุดเอ๋อ ที่ 14-06-2017 07:57:59
ใสเกินลุง ไม่ทันเล่ห์พี่มันหรอกบอกเลย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 3 _สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ || 13-6-60 หน้า 2||
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 14-06-2017 07:59:35
55555 ไอ้พี่ปูนไม่ได้แผนอะไร ำอ้สองรอบที่ว่สน่สจะเป็นนอนดิ้น ถีบ หรืออะไรทำนองนี้ แต่ทำไมแก้ผ้าอะ อ้วกหรอ น่าจะใช่ 555555 
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 3 _สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ || 13-6-60 หน้า 2||
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 14-06-2017 08:43:20
พี่ปูนน่าสงสัยมากๆๆ   o18 ตกลงว่าจริงอย่างที่น้องลุงคิดไหมน้อ
 :pig4: :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 3 _สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ || 13-6-60 หน้า 2||
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 14-06-2017 09:00:48
พี่ปูนแกล้งเด็กกก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 3 _สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ || 13-6-60 หน้า 2||
เริ่มหัวข้อโดย: naplatoo ที่ 14-06-2017 09:35:06
เด็กดีกับพี่ปูนคนฉวยโอกาส ตอนน้องเข้าใจผิด ร้านมากนะแกกกกก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 3 _สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ || 13-6-60 หน้า 2||
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 14-06-2017 13:00:49
 :ruready นี่พี่ปูนกำลังวางแผนหลอกล่อน้อง ให้ตกหลุม(รัก) ใช่ไหมเนี๊ย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 3 _สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ || 13-6-60 หน้า 2||
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 14-06-2017 16:47:02
555555 นี่พยายามจะไม่ขำน้องลุงนะ

แต่แบบ... เด็กดี .... กร๊ากกกกก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 3 _สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ || 13-6-60 หน้า 2||
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-06-2017 17:42:49
ขำ ก๊ากกก เลย
ต้องเป็นผลพวงมาจากเมื่อวานแน่ๆ
แค่โดนผมจิ้มไปทีสองทีทำให้พี่เปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้เลยรึ พระเจ้า!
แสดงว่าพี่ปูนเป็นฝ่ายรับน่ะสิ พี่ชอบโดนจิ้มโดยหนอนน้อยน่ารักงั้นสิใช่มั้ย!!

พอพี่ปูน ชมลุงว่าเด็กดี มันยิบๆ แหม่งๆ ในใจเลย
แถม “ถ้าไม่มองอยู่ตลอด พี่จะกล้าพูดได้ยังไง” อะจ๊ากกกกก มองยังไง เมื่อไหร่  :katai1: :katai1: :katai1:

 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:  เฮ่อ......ที่ว่าสองรอบ นี่ไม่ใช่ถีบพี่ปูนตกเตียงสองรอบนะ  :z3: :z3: :z3:

พัด-เถอะ-ลุง โดนป้าปูน หลอกชัดๆ
แรงตบที่ไหล่ยังไม่ทำให้ลุง รู้ตัวอีกเรอะ
ว่าน้ำหน้าลุง จะไปปล้ำพี่ปูนได้ยังง้ายยยยย
พี่ปูน ได้อัดเตะลุงขาดสองท่อนแน่  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:




หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 3 _สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ || 13-6-60 หน้า 2||
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 14-06-2017 19:10:24
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 3 _สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ || 13-6-60 หน้า 2||
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 14-06-2017 19:38:30
พี่ปูน :z3:  :z3: น้องลุงเป็นเด็กดีของพี่ปูนน้าาา   :mew1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 3 _สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ || 13-6-60 หน้า 2||
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 14-06-2017 19:40:55
พี่ปูนแกก็ไหลตามน้ำซะงั้น 555 ที่มองอยู่ตลอดอะคิดอะไรกับน้องมันนานแล้วรึป่าววว ยังไงก็เชียร์พี่ปูนเป็นผะอัวนะเออ 555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 3 _สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ || 13-6-60 หน้า 2||
เริ่มหัวข้อโดย: krayfanxing ที่ 14-06-2017 23:45:31
นายเสร็จพี่ปูนแน่ๆพัทลุง คุณปุริมช่างร้ายกาจ รอวันลุงโดนกดจะได้ตาสว่างากที ว่าเอ็งน่ะเมียแน่ๆ ลุงเอ๊ย #ทีมคุณปุริม
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 3 _สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ || 13-6-60 หน้า 2||
เริ่มหัวข้อโดย: dumpWINNY ที่ 15-06-2017 00:19:31
ว้ากกกก พี่ปูนนนนน จริงๆลุงแค่ถีบพี่ตกเตียง 2 ครั้งเองใช่มั้ย โถ่ ลุงเอ๊ย หลังจากนี้เจอฤทธิ์พี่ปูนบ้างละ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 3 _สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ || 13-6-60 หน้า 2||
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 15-06-2017 00:40:06
พี่ปูนมันร้ายยยยยยยยยยย :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 3 _สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ || 13-6-60 หน้า 2||
เริ่มหัวข้อโดย: nin@ ที่ 15-06-2017 12:14:55
อ่านแล้วหัวเราะก๊ากเลย อีตาพัทลุงก็ช่างคิดได้เป็นตุเป็นตะ งานนี้เสร็จพี่ปูนแน่นวลลลล....555+

รอติดตามตอนต่อไปนะคะ สนุกมากๆ   :3123:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 3 _สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ || 13-6-60 หน้า 2||
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 15-06-2017 22:14:36
 :haun4:
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 15-06-2017 22:23:24
ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_



ฟ่อววว  !!

เสียงไลน์ที่ทำเอาคุณดาหลาตกใจทุกครั้งเมื่อได้ยิน ดังขึ้นในเช้าที่ผมกำลังเพิ่งโผเผลลุกจากเตียง มันไม่ได้ดังขึ้นครั้งเดียว แต่หลังจากตั้งสติได้มันก็ดังถี่ๆ อีกสองสามครั้ง ไม่รู้ว่าจากใครหรอกนะ แต่สำหรับคนเพื่อนน้อยอย่างผมแล้วมันไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ ไอ้บรรดาเพื่อนที่ผมมีก็ไม่มีซะหรอกที่จะส่งมาอรุณสวัสดิ์ด้วยคำคมเก๋ไก๋ หรืออวยพรให้โชคดีในแต่ละวัน

ฟ่อวว!!


โอเค! กูเปิดอ่านก็ได้!


เป็นเช้าที่ทำเอาอารมณ์เสียเล็กน้อยเลยนะเนี่ย ใครวะแม่ง! ถ้าพ่อไม่ตายแม่ยายไม่ป่วยล่ะก็จะพิมพ์ด่าให้สักสามหน้ากระดาษ ผมปลดล็อกโทรศัพท์ด้วยความรวดเร็วเมื่อข้อความแจ้งเตือนแสดงให้เห็นว่าไม่ใช่เพื่อนเวรทั้งหลายแหล่ส่งมากลั่นแกล้ง

แต่เป็นข้อความจากเมียหมาดๆ ของผมต่างหาก

มือผมสั่นด้วยความระทึกขณะกดเปิดอ่านตัวอักษรทีละข้อความ ก็เหมือนเดิมล่ะครับ... พี่ปูนไม่ได้ส่งอะไรมาเวิ่นเว้อให้สมกับตำแหน่งเมียที่ผมมอบให้หรอก ข้อความสั้นๆ ห้วนกระชับและเข้าใจง่าย

[ตื่นได้แล้ว!!]
[มาหาพี่ที่นี่]
[ซื้อกาแฟให้ที]
[แซนด์วิชด้วย]

และข้อความสุดท้าย หลังจากการแชร์สถานที่ตั้งมาให้ ก็ทำเอาผมซึ้งจนน้ำตาไหล

[ให้ไว!!]


ครับเพ่!!!

ไอ้พี่ปูน ไอ้หน้าหนังจิ้งจก ไอ้ขนอกแพะ แม่ง! ผมไม่รู้ว่าจะด่ามันในใจว่ายังไงดีแล้วเนี่ย! มันเห็นว่าผมยกให้เป็นเมียใช่มั้ยถึงได้จิกหัวใช้ปานสนิทสนมกันมาสิบชาติแบบนี้ แค่ไม่กี่วันเองนะที่ตกลงปลงใจคบกันน่ะ พอหลังจากนั้นมันก็คิดว่าตัวเองมีสิทธิ์เหนืออธิปไตยของผมแล้วอย่างนั้นเหรอ! ได้! -- ถ้าไอ้พี่ปูนจะคิดอย่างนั้นล่ะก็...

[พี่อยากได้กาแฟกับแซนด์วิชแบบไหนครับ]

หึ ให้มันรู้ซะบ้าง! คราวหน้าคราวหลังจะได้สั่งให้มันละเอียดหน่อย




และผมก็มายืนตรงนี้...

ยืนมองเซ็กซี่กายแห่งปีเปิดประตูรถเก๋งคันงามออกมา แว่นสีชาสะท้อนสิ่งที่ตกกระทบจนบิดเบี้ยวช่างเข้ากับหนังหน้าคมเข้มและทรงผมเสยแสนยุ่งเหยิงนั้นได้อย่างที่ผู้หญิงแทบจะแดดิ้นตาย ส่วนผมนั้นมองด้วยความอิจฉาและเกือบถึงขั้นริษยากับความสมบูรณ์แบบนั้น ถ้าผมมีสารร่างและความสูงเยี่ยงพี่ปูน ผมคงไม่ถูกทิ้งบ่อยๆ แน่

“ขอบใจนะ”   สีหน้าเรียบตึงของคุณเมียหมาดๆ ของผมเอ่ยขึ้นพลางรับของในมือผมไปถือไว้เอง   “ขึ้นรถสิ”

“อะ!...”   เวรกรรม! ผมมัวแต่มองพี่ปูนจนลืมไปเลยว่าตรงนี้เป็นป้ายรถเมล์ในเวลาเร่งด่วน   “เอ่อ -- ผมขับให้ครับพี่”

พี่ปูนมองผมคล้ายชั่งใจไม่ถึงวินาทีก่อนจะเดินปลีกตัวไปเปิดประตูข้างคนขับโดยไม่พูดอะไร ผมเองเมื่อเห็นว่ารถเมล์ขับมาแต่ไกลก็รีบซอยเท้าไปเปิดประตูเพื่อเข้าไปนั่งในรถบ้าง และเมื่อคาดเข็มขัดนิรภัยแล้วก็ถึงคราวออกรถไปให้พ้นเสียงกร่นด่าด้วยสายตาจากผู้คนมากมายที่ป้ายรอรถ

รถหรูนี่มันขับลื่นสมกับราคาจริงๆ ให้ตาย แค่แตะคันเร่งเบาๆ ก็แล่นฉิวแถมยังไร้เสียงรบกวนจนห้องโดยสารเงียบสนิท ผมใช้หางตาเหล่มองคนนั่งข้างกันเป็นระยะ พี่ปูนเพียงแค่ดูดกาแฟจากหลอด นิ่งสงบจนผมเกร็ง หรือว่าพี่แกไม่ชอบให้ใครมาแตะรถตัวเองวะ อย่างนี้ผมก็ก้าวก่ายเข้าไปในเขตหวงห้ามของแกน่ะสิ

“คือผมไม่ได้ตั้งใจขับรถพี่นะครับ”   ผมรีบร้อนบอกให้พี่ปูนเข้าใจ ซึ่งผลคือพี่แกหันมามองแล้วเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย   “ผมแค่อยากให้พี่กินได้สบายๆ น่ะครับ เพราะเห็นว่าพี่ต้องไปเอาปรู๊ฟแล้วต้องไปพบลูกค้าเลย”

“ก็เลยอาสาขับแทน?”   

“ถ้าทำให้พี่ไม่พอใจผมก็ขอโทษด้วยนะครับ”   ผมหันไปมองหน้าพี่ปูนอีกครั้ง คราวนี้แม่งตาโตอย่างกับเห็นผมเป็นผีก็ไม่ปาน   “ไมอ่ะพี่?”

“แกไปกินอะไรผิดสำแดงมารึเปล่าวะพัทลุง”

“ก็ไม่นะพี่ เมื่อเช้ายังไม่ได้กินอะไรนะ”   ผมเน้นหนักตรงวรรคหลังอย่างให้มันรู้สึกสำนึกบ้างว่าตัวกรูนี่ต้องรีบออกมาแค่ไหน เพื่อที่จะมาเจอมันเนี่ยผมถึงกับอดข้าวเช้าเลยทีเดียว ไอ้จะให้ซื้อของกินจากร้านกาแฟเจ้าประจำของมันมาด้วยก็คงไม่ไหวด้วยราคาที่ไม่เหมาะกับสถานะทางทรัพย์ แค่สองอย่างของพี่แกก็สองร้อยกว่าบาทเข้าไปแล้ว

มาคิดๆ ดูแล้วผมจะเลี้ยงพี่ปูนไหวได้ยังไง? แค่ฐานะก็ต่างกันเหมือนรังนกกับรังปลวก พี่กินของดีราคาแพง ส่วนผมเอาถูกเข้าว่า ซื้อเสื้อตลาดนัดตัวละไม่ถึงสองร้อย แต่เครื่องทรงพี่แกเล่นแบรนด์เนมยกชุด แล้วอย่างนี้มันจะไปกันรอดสักกี่น้ำวะ ขนาดผู้หญิงบ้านๆ ธรรมดาผมยังรั้งไว้ไม่ได้เลย

“พี่รีบกินสิครับ พอถึงออฟฟิศแล้วต้องรีบไปต่อไม่ใช่เหรอ?”   พี่ปูนทำท่าขนลุกเล็กน้อยเมื่อผมพูดจบ แต่จากนั้นมันก็หยิบแซนด์วิชชิ้นใหญ่น่ากินสมราคาออกมาจากถุงกระดาษ ลอกพลาสติกใสติดโลโก้ร้านออกแล้วกัดซะคำโต ดูท่าไอ้พี่ปูนจะหิวน่าดู เพราะไม่ถึงห้านาทีทุกอย่างก็หมดเกลี้ยงแบบที่ไม่มีการเผื่อแผ่ร่วมชวนผมกินเลยสักนิด

“เหมือนหิวมากเลยนะ เอาอะไรเพิ่มอีกมั้ยพี่”  ผมเหลือบมองคนข้างตัวเป็นระยะ สลับกับมองหาร้านตามข้างทางเผื่อเอาไว้

“ไม่ต้องแล้ว”  พี่ปูนตอบพลางเก็บเศษพลาสติกยัดใส่ถุงกระดาษ

“ครับ”  แต่ผมยังไม่หมดความสงสัยได้ง่ายๆ  “แล้วคอนโดฯ นั่น...” 

เพื่อความรวดเร็วพี่ปูนจึงให้ผมยืนรอตรงป้ายรถเมล์ ใต้สถานีรถฟ้า ที่เบื้องหลังคืออาณาเขตของคอนโดสูงหลายสิบชั้น ดูไม่ได้หรูหราอะไรมากนักแต่น่าจะแพงได้ใจตรงการคมนาคมที่แสนสะดวก และที่สำคัญผมเห็นรถยนต์ของพี่ปูนเลี้ยวออกมาจากที่นั่น

“...ห้องของกร เบื่อๆ ก็เลยไปค้างเท่านั้นแหละ”  เสียงต่ำตอบเรียบๆ แต่จู่ความหยอกเย้าก็ปรากฏในน้ำเสียง  “ทำไมเหรอ? คิดว่าพี่ไปค้างห้องใครมา”

“เปล่าสักหน่อย”  ผมทำเสียงแข็งใส่ แต่ใจนี่หวิวไปแล้ว แม่งรู้ได้ไงวะว่าผมแอบคิดอะไร

“ถ้าไม่เชื่อไว้วันหลังจะพาขึ้นไป”

“แล้วผมจะต้องไปทำซากอะไรล่ะ นั่นมันห้องคนอื่นเขา” 

“ไม่คิดว่าพี่จะโกหกรึไง”

ผมเงียบไปชั่วอึดใจ ประกอบกับการจาราจรที่เริ่มติดขัดอีกครั้ง ผมอาศัยจังหวะนี้เพื่อหันไปมองคนข้างตัวแบบเต็มตา พี่ปูนเลิกคิ้วมองมาอย่างเร่งเร้าในคำตอบ เหยียดรอยยิ้มแปลกๆ

“พี่โกหกรึเปล่าล่ะ?”

“เปล่า”

“งั้นผมก็เชื่อพี่”  ผมตอบเสียงหนักแน่น พลางพยักหน้ายืนยันความมั่นใจ พี่ปูนมองผมด้วยใบหน้านิ่ง ก่อนที่ไม่ถึงสองวินาทีจากนั้นจะเผยยิ้มเต็มริมฝีปาก เล่นเอาคนมองอย่างผมต้องหยีตาให้กับแสงเจิดจ้าประหนึ่งอยู่ในโฆษณายาสีฟัน พี่ปูนยิ้มหนักมาก หล่อมากด้วย...

“ไหนว่าไม่คิดอะไรไง”  พระเอกโฆษณาเฉพาะกิจกระเซ้าเสียงรื่นเริง

พลาดแล้วไงกู!
 




ไม่นานรถยนต์คันแพงกับคนขับมือใหม่อย่างผมก็แล่นเข้ามาจอดยังที่ประจำยังลานจอดหน้าออฟฟิศ ผมเปิดประตูรถลงไปสมทบกับพี่ปูนที่คล้ายจะยืนรออยู่ ผมยื่นกุญแจรถส่งให้คุณภรรยาตัวสูงและอีกฝ่ายก็ตอบแทนความหวังดีของผมด้วยถุงกระดาษที่บรรจุพลาสติกห่อกับแก้วน้ำที่เหลือแต่น้ำแข็ง

“ทิ้งด้วย”

ซาบซึ้งตรึงใจอย่างที่ไม่มีผู้ใดทำให้มาก่อน

น้ำตาผมปริ่ม ความรู้สึกมันท่วมท้นใจจนพูดอะไรไม่ออก ผมได้เมียไม่เหมือนใครจริงๆ แต่ก็ไม่แน่ว่าอาจจะมีผู้ชายที่โดนกระทำย่ำยีแบบผมอยู่ก็ได้ ไม่อย่างนั้นจะมีเพจพ่อบ้าน ให้เหล่าราชสีห์ได้ฮึกเหิมกันแค่บนคีย์บอร์ดรึ เอาน่า... ผมปลอบใจตัวเอง อย่างน้อยผมต้องดีใจเสียอีกที่ได้มีโอกาสแสดงความเป็นสุภาพบุรุษโดยการไม่ขัดขืนคำสั่งเมีย


นอกจากเดินตามหลังพี่ปูนเข้าออฟฟิศไปเงียบๆ แล้ว ผมก็พบว่าตัวเองตกเป็นเป้าสายตาแค่ไหนในสถานที่ทำงานที่คนน้อยเหลือเกินแห่งนี้ มันเริ่มจากป้าแม่บ้านที่ยืนอึ้งมองผมกับพี่ปูนเดินผ่านไปอย่างตะลึงงัน เหมือนเห็นน้าเดชกับเจมส์จิ๊จูบกัน ไม้ถูพื้นถือคาอกไว้คอก็หันมองตามก้าวเดินของผมจนแทบจะหมุนรอบ

พอขึ้นมาชั้นบนก็เห็นพี่ริชที่กำลังเดินซดกาแฟอยู่ปรายตามามองแล้วถึงกับชะงักไป แก้วกาแฟถือค้างไม่ต่างจากไม้ถูพื้นของป้าข้างล่าง ส่วนผู้ชายในอุดมคติของผมนั้นไม่สนเรื่องราวของใครอยู่แล้ว และแน่นอนว่าจะพลาดไอ้โป้ยไปได้อย่างไร

ไอ้เพื่อนรักชะงักมือค้างกับคีย์บอร์ด จับจ้องพี่ปูนทีผมทีอย่างสับสนระคนงงงวย จนกระทั่งลูกพี่มันเดินอึนๆ หายเข้าไปในห้องทำงานนั่นแหละ เป้าสายตาจึงตกมาที่ผมแบบเต็มๆ ไอ้โป้ยใช้สายตาจิกผมชนิดที่ว่าพรุนได้ทั้งตัว มันออกคำสั่งให้ผมส่ายตูดไปหามันผ่านกระแสจิต ความอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนพุ่งขึ้นพรวดๆ จนผมรู้สึกได้

ผมพยายามทำตัวให้นิ่งเข้าไว้เพราะไม่อยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพี่ปูนถูกตีแผ่ มันจะดูไม่ดีกับพี่ปูนที่เป็นเจ้านาย และที่สำคัญคือการที่ผู้ชายแมนๆ อย่างพี่ปูนต้องตกเป็นเมียผม มันอาจจะทำให้พี่ปูนดูอ่อนด๋อยในสายตาผู้ชายคนอื่นได้ ถึงผมจะมั่นใจว่าถึงบอกไอ้โป้ยไปมันก็คงไม่ปูดให้ใครฟังแน่ แต่ผมก็ไม่ควรเสี่ยง


เพราะเมียผมอาจจะเขิน


“หมายความว่าไง?”   มันยิงคำถามเปิดประเด็นทันที แต่ผมแสร้งเลิกคิ้วใส่มันเหมือนว่าไม่เข้าใจ   “อย่ามาทำใสไอ้ลุง มันไม่เข้ากับหนังหน้ามึง”

สึด!! เหน็บกูซะงั้น   “ก็กูไม่เข้าใจ มึงสงสัยอะไร?”

“มึงกับพี่ปูนไปสงบศึกกันตอนไหนวะ?”   มันปัดการแถของผมตกท้องร่องในทันที   “กูนึกว่าฟ้าถล่มแผ่นดินทลายแต่เช้า มึงกับพี่ปูนแม่งอย่างกะทอมแอนด์เจอร์รี่ แต่วันนี้มึงดันเดินสงบเสงี่ยมตามเขาต้อยๆ”

“มึงมโนไปไกลแล้ว ก็แค่เจอกันโดยบังเอิญหน้าออฟฟิศ”

“จริงอ่ะ”

“ไม่เชื่อแล้วจะถามเพื่อ?”   ผมทำไม่สนใจ เลื่อนเก้าอี้กระแทกตูดนั่งไปตามเรื่อง

“แต่จิตสัมผัสของกูมันบอกว่ามีอะไรมากกว่านั้น”

“จิตสัมผัสมึงป่วยแล้ววีรภาพ พามันไปหาหมอซะ”  คอมพิวเตอร์เริ่มทำงานเมื่อถูกเปิด ผมพยายามใส่ใจใบหน้าไม่ไว้วางใจของไอ้โป้ยให้น้อยที่สุด เพราะไม่อย่างนั้นผมอาจจะหลุดอะไรออกมาให้เป็นที่จับผิดได้

“ก็ได้ถ้ามึงว่างั้น”   ไอ้โป้ยคล้ายจะยอมแพ้ แต่...   “แต่อย่าให้กูจับได้ทีหลังนะว่ามีอะไรในกอไผ่”

ผมไหวไหล่ให้คำขู่แบบเด็กๆ ของเพื่อนโป้ย และเริ่มต้นใช้ไฟฟ้าของบริษัททำงานต่อจากที่ค้าง งานในคราวนี้ก็เป็นงานที่ไปถ่ายรูปกับพี่ปูนเมื่อหลายวันก่อน ซึ่งดีอยู่อย่างตรงที่ทุกภาพประกอบนั้นเป็นฝีมือจากตัวเอง เพราะงั้นการเลือกภาพที่ต้องการจึงเป็นเรื่องง่าย แต่เรื่องที่ยากสำหรับผมผู้มีจินตนาการเป็นเลิศคือการตะล่อมตัวเองให้เข้าร่องเข้ารอยตามการบรีฟที่ได้ฟังมา ไม่อย่างนั้นผมคงได้ถูกพี่ปูนเหน็บแนมอีกรอบ

“มีนัดหรือครับลูกพี่”   เสียงไอ้โป้ยดังขึ้น แต่ผมต้องฝืนตัวเองไม่ให้หันไปมอง เพราะลูกพี่มันก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากพี่ปูน   “โชคดีครับพี่”

ผมไม่ได้ยินหรอกว่าพี่ปูนตอบมันว่าอะไร แต่ผมเดาว่าก็คงแค่พยักหน้างึกๆ ให้แล้วเดินจากไปมากกว่า  แล้วปกติไอ้โป้ยมันทักพี่มันอย่างนี้เมื่อไหร่วะ ผมเดาว่าที่มันร้องทักซะเสียงดังขนาดนี้คงเพราะอยากจะชมว่าผมมีปฏิกิริยายังไงต่างหาก เห๊อะ! ผมไม่ยอมให้มันสมหวังง่ายๆ หรอก

“พัทลุง...”   เสียงเรียกชื่อผมดังขึ้นไม่กี่วิหลังจากนั้น พี่ปูนทำเอาผมไม่อาจปรายตาไปมองไอ้โป้ยที่นั่งข้างๆได้

“ค...ครับพี่ปูน”

“ตอนเย็นเดี๋ยวพี่กลับมารับนะ -- รอด้วยล่ะ”

แล้วคุณเมียล่ำๆ ของผมก็เดินจากไป ทิ้งไว้แต่หยดเหงื่อซึมตรงขมับของผม กับสีหน้ามาดร้ายของไอ้โป้ย

“กูว่าจิตสัมผัสของกูก็ปกติดีนะ”   มันพูดขึ้นมาลอยๆ หลังจากพี่ปูนเดินลงบันไดไปแล้ว

“จิตสัมผัสหรือว่าความเสือก? มึงนิยามให้แน่”

ไอ้โป้ยไม่ตอกกลับหรือว่าถกเถียงอะไรต่อ มันแค่โปรยยิ้มร้ายๆ ใส่ผมก่อนจะหันกลับไปทำงานของตัวเองต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น


และมันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ


ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมต้องเข้าใจว่าไอ้พี่ปูนมันต้องการแกล้งผมให้ได้อายเป็นแน่ แต่ในเมื่อตอนนี้มันกลายมาเป็นยอดชู้ประตูดินของผมแล้ว การจะคิดแบบนั้นก็เหมือนการใส่ร้ายป้ายสีให้คนรัก ซึ่งสุภาพบุรุษที่ดีมิควรทำอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้นผมจึงเดาได้ว่าพี่ปูนต้องติดธุระด่วนขึ้นมา ทำให้ไม่อาจมาตามคำที่บอกต่อหน้าธารกำนันได้ แต่ก็นับว่าเป็นการดีที่ผมไม่ต้องมานั่งเครียดกับสายตาจับผิดของไอ้เพื่อนโป้ยที่ถึงขนาดทำตัวติดผมไม่ห่าง

แต่จะให้ผมเงียบเฉยไปเลยก็ดูจะไม่ใส่ใจเท่าที่ควร จากประสบการณ์ที่ผ่านมานั้นสอนให้ผมรู้ว่า ผู้ชายควรทำการติดต่อคนรักอย่างสม่ำเสมอถ้าไม่อยากมีปัญหาเรื่องการไม่ใส่ใจ -- เหมือนอย่างที่ผมโดนกล่าวหามาตลอด -- ผมก็ไม่เข้าใจว่าคนเราต้องการการสื่อสารอะไรมากมายนัก ทั้งที่เพิ่งแยกกันไปไม่ถึงสามชั่วโมงด้วยซ้ำ ทำไมจะต้องโทรหา ต้องส่งข้อความบอกว่าคิดถึง ทั้งที่ความรู้สึกมันยังเดินไปไม่ถึงตรงนั้นเลยแท้ๆ ผมอุตส่าห์เว้นพื้นที่ให้อีกฝ่ายรู้สึกเป็นส่วนตัวบ้าง แค่ไม่ติดต่อสามหรือสี่วันเท่านั้นแต่กลับโดนกล่าวหาว่าไม่ใส่ใจ

ดังนั้นผมต้องเอาความผิดพลาดจากคนก่อนๆ มาเป็นบทเรียน

[พี่ไม่มารับผมเหรอครับ?]

ข้อความถูกส่งออกไปด้วยปลายนิ้ว ผมมองหน้าจออยู่สักพักก่อนที่ข้อความล่าสุดนั้นจะถูกอีกฝ่ายอ่าน ผมเลยรีบพรมนิ้วชี้ลงบนหน้าจออีกครั้งเพื่อส่งข้อความต่อไป

[งั้นผมกลับบ้านแล้วนะพี่]

รอเกือบนาทีแต่ก็ไร้การตอบกลับ ผมจึงจัดแจงข้าวของเพื่อเตรียมตัวกลับบ้านอย่างจริงจัง แต่เมื่อสองเท้าก้าวพ้นประตูออฟฟิศเท่านั้นแหละ เสียงข้อความเข้าก็ดังขึ้น ผมหยุดยืนเพื่อเปิดดูข้อความที่ส่งมาจากเซ็กซี่กายคนเดิม มันเป็นแผนที่ที่ถูกแชร์มาให้ สถานที่ตั้งคอนโดบริเวณใกล้อนุสาวรีย์ชัย ไม่ไกลจากที่ทำงานมากนัก และถ้าผมจำไม่ผิดนี่คือสถานที่ตั้งคอนโดมีเนียมของพี่ปูน

[ชั้น18 ห้อง1802]

ผมนี่เบ้หน้าใส่มือถือจนผิดรูปไปเลย คืออะไรวะ? พี่ปูนแม่งต้องการอะไรจากผมถึงได้ส่งที่อยู่มาซะละเอียดแบบนี้
 
[จะให้ผมไปเหรอพี่?]   ความสงสัยผมที่กลั่นเป็นตัวหนังสือถูกส่งขึ้นไปบนหน้าจอ และไม่กี่วินาทีต่อมาข้อความจากอีกฝ่ายก็ตอบกลับมา

[ไม่อย่างนั้นจะส่งที่อยู่มาทำไม]
[จะซื่อก็ให้มันน้อยๆ หน่อย]

ไอ้หน้าหนังปลาดุก!!

นี่มันหลอกด่าว่าผมโง่ใช่มั้ย!? เอ๊ะ? หรือไม่ใช่? ไม่หรอกน่า...ผมไม่ควรคิดแง่ร้ายกับเมียตัวเอง มันบอกว่าผมซื่อนี่นา แลดูน่าเอ็นดูจะตาย พี่ปูนมันคงหวังดีไงเลยเตือนผม ก็คนซื่อๆแม่งอยู่ในสังคมลำบากนี่นะ

[ขอบคุณที่ตักเตือนครับพี่]

และในเสี้ยววินาทีต่อมา ข้อความสรรเสริญก็เด้งขึ้นหน้าจอพร้อมกับสติ๊กเกอร์สื่ออารมณ์ชัดเจน

[...กวนตีน]

เอาวะ...เมียด่าแปลว่าเมียรัก....





ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงเป็นอย่างต่ำกว่าที่รถเมล์จะฝ่าการจราจรที่แสนจะสะดวกสบายในยามเย็นเพื่อมาถึงที่หมาย สภาพผมตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากผู้ชายใช้แรงงาน ร่างกายไร้เรี่ยวแรง เหงื่อไหลโทรมกายตั้งแต่หน้าผากจรดร่องตูด กางเกงในผมนี่เหมือนเขื่อนร้าวใกล้แตกเข้าไปทุกทีเพราะอุ้มน้ำเอาไว้

อย่าไปสนใจเรื่องใต้ร่มผ้าผมเลยครับ

เอาเป็นว่าตอนนี้ผมเดินมาถึงคอนโดแห่งหนึ่งในเมืองกรุง มันไม่ได้ดูหรูหราอย่างที่ผมคิด เหมือนคอนโดทั่วๆ ไปที่แลดูแพงกว่าปกติเล็กน้อย เมื่อก่อนหน้าจะเกิดเรื่องมโนของผมนั้นมันวาดภาพไว้ประมาณว่าต้องเป็นอะไรที่หรูหรากว่านี้ อย่างมีการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดหรือมีลิฟต์สำหรับนำรถไปจอดได้ถึงบนห้อง อันที่จริงผมก็ไม่รู้ว่าพี่ปูนรวยขนาดไหนหรอกนะ แต่ก็ไม่คิดว่าสถานที่อยู่จะแลดูธรรมดาขนาดนี้

ผมสามารถเดินเข้าอาคารไปได้ง่ายๆ โดยมีแค่สายตายพี่ยามปรายตามองมาแบบคนง่วงนอน และเมื่อลิฟต์โดยสารขึ้นมาถึงชั้นที่ผมต้องการก็พบว่าทั้งชั้นนั้นมีเพียงแค่สี่ห้องเท่านั้น ผมไล่สายตาไปยังหมายเลขประตูแต่ละบานจนกระทั่งบานสุดท้ายสุดทางเดิน ไม่มีกริ่ง ไม่มีดอร์โฟน ผมเลยเคาะด้วยหลังมือล้วนๆ

“มาช้าจริง”   ประโยคต้อนรับแรกทันทีที่มันเปิดประตู เดาว่ามันคงส่องผมผ่านตาแมวมาแล้ว

“เอ่อ...รถมันติดครับพี่”

“เข้ามาก่อนสิ”   ว่าแล้วคุณชายก็กระตุกมือผมให้ตามเข้าไป

เสียงประตูปิดลงสลักเองอัตโนมัติทำผมเสียวสันหลังเบาๆ  แต่ทันทีที่พ้นทางเดินสั้นๆเข้ามาเท่านั้นแหละผมก็เจอสิ่งที่ทำให้ผมเสียวยิ่งกว่า พี่ปูนปล่อยมือผมแล้วเดินไปผายมือยังรอบห้องราวกับอวดบรรยากาศ แต่ไม่เลย...มันไม่ใช่เลย ครั้งสุดท้ายที่เห็นมันไม่ได้เป็นหนักถึงเพียงนี้!

“ทำไม...ทำไมมันโสโครกอย่างนี้ล่ะพี่!!”

ผมครางเสียงหลงรับกับเสียงหัวเราะขึ้นจมูกของคนโดนประณาม ไม่ว่าจะดูตรงไหนก็เหมือนกันไปหมด ทั้งลิฟวิ่งรูม เคาท์เตอร์ครัว มีทั้งเศษขยะจากอาหารสำเร็จรูปมากมาย ฝุ่นผง หรือแม้แต่ชามที่ยังไม่ได้ล้างในอ่าง นี่มันคืออะไรกันวะ! สถานที่อยู่อาศัยที่ถูกยึดครองด้วยความสกปรกนี่คืออะไร? ทำไมพี่ปูนถึงได้ไร้ความสะอาดถึงขนาดนี้

“พอดีว่าแม่บ้านประจำลาไปธุระ เลยไม่มีคนมาทำแทนน่ะ”

“แล้วเขาไม่ส่งคนอื่นมารึไงครับ”

“ส่งมา แต่พี่ให้กลับไป”   

เพื่อ!!??  ในเมื่อห้องมันเละเทะขนาดนี้แล้วยังจะไล่ไปเพื่ออะไร

“พี่ไม่ชอบให้คนแปลกหน้ามาวุ่นวายที่ส่วนตัว”

ถ้าหน้าผมมันขึ้นแสดงตัวอักษรได้คงหราไปด้วยคำว่า ‘ทำไม’  ผมหันมองทั่วห้องอีกครั้ง เอาจริงๆแล้วถึงเครื่องเรือนจะดูมีราคาขนาดไหน แต่มันก็ยากเกินกว่าจะหยิบฉวยไปได้ง่ายๆ และที่สำคัญมันยังโล่งแสนโล่งประหนึ่งห้องตัวอย่างก็ไม่ปาน อย่างกับว่าพี่แกไว้แค่ซุกหัวนอนเท่านั้น

“แล้วที่เรียกผมมา?”

“ก็นี่ไง”   พี่ปูนผายมืออีกครั้ง  “อย่างที่พี่บอกไงว่าให้ดูแลพี่อย่างดี”

เวรของกรรม!!! 
   


“เครื่องล้างจานพี่ก็มี! เสีย!! โอ๊ย...แล้วทำไมพี่ไม่ตามช่างมาซ่อม”

“อี๋~ พี่ปูนนี่มันซากตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย แหวะ!”

“ไอ้พี่ปูน!! ทำไมกางเกงในพี่ถึงมาอยู่ในตู้เก็บของ”

“ต...ตู้เย็นเหม็นเป็นบ้า!! โอ๊ย แหวะ! ผมจะอ้วก”

“แม่งเอ๊ย!! พี่ปูน!! มะเขือเทศพี่แม่งเละคามือผมเลยเนี่ย!!”



ทั้งห้องมีแต่เสียงผม

ผมบ่น แล้วก็บ่นจนรู้สึกว่าคอจะแตกเสียงจะแหบซะให้ได้ แต่ไอ้เจ้าของห้องก็ยังเฉยเมยไร้เสียงตอบรับหรือแสดงความละอายใจใดใด มันนั่งกางแขนกางขาบนโซฟาตัวใหญ่แล้วดูโทรทัศน์ไปเงียบๆ แม้จะได้ยินเสียงขบขันลอยมาในบางครั้งที่ผมโวยวายบ้างก็ตาม ผมไม่คิดเลยว่าผู้ชายที่ดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพี่ปูนจะเป็นโสมมแมนได้ขนาดนี้

“นึกว่าจะดีแต่บ่นซะอีก เก็บกวาดเก่งนี่หว่า”   เสียงชื่นชมดังลอยมาจากข้างหลัง

ผมปาดเหงื่อจากหน้าผากทิ้งด้วยความเหนื่อยหน่าย หลังจากปิดประตูติดผนังสำหรับเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดลง ร่างมอมแมมของผมจึงได้หันกลับไปมองคนที่กำลังกอดอกพิงกำแพง ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มราวกับสาแก่ใจนักหนาที่เห็นผมแทบล้มทั้งยืน ผมหมดแรงซ้ำยังเริ่มเจ็บคอจากการบ่นอย่างต่อเนื่อง และแม้ใจอยากจะตอกกลับไปแค่ไหนผมก็ทำเพียงยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา

“งั้นผมกลับนะพี่”   แม้แต่จะยกมือขึ้นหวัดดียังไร้เรี่ยวแรง ไม่คิดเลยว่าผมจะหลงมัวเมาอยู่ในวังวนความสกปรกมาหลายชั่วโมง จนตอนนี้ห้าทุ่มกว่าเข้าไปแล้วและเดาว่าผมคงไม่พ้นต้องเรียกแท็กซี่เพื่อกลับบ้าน

“ไปอาบน้ำก่อนสิ”   พี่ปูนเอ่ยชวนง่ายๆ อย่างกับบอกว่าให้ไปล้างมือ

“ไม่ล่ะพี่ มันดึกมากแล้ว”

“ไปอาบเหอะว่ะ ตัวเหม็นขนาดนี้แท็กซี่คงให้ขึ้นหรอก”

ผมยกจั๊กกูแร้ขึ้นดมอย่างไม่อายในทันที อืม...ก็มีกลิ่นเหงื่อพอดูอะนะ แต่ก็ยังไม่นับว่าถึงขั้นเหม็นเปรี้ยว แท็กซี่คงไม่เตะโด่งออกจากรถหรอกมั้ง

“ไปซะ พี่จะหาเสื้อให้เปลี่ยน”   

“เอ่อ...ไม่ต้องหรอกพี่”   ผมก็ยื้อแขนไว้สุดแรง แต่แทนที่มันจะยื้อกลับดันปล่อยข้อมือผมซะงั้น แล้วกูจะเป็นไงล่ะสึด?  ผมล้มก้นจ้ำเบ้าเต็มๆ ไอ้พี่ปูนหันมามองพร้อมกับรอยยิ้มที่พยายามข่มอมเอาไว้ในปาก สีหน้าแม่งขบขันสุดๆ

“ทำความสะอาดแค่นี้ถึงกับเข่าอ่อนเลยเหรอ?”

“ไอ้! -- ฮึ่ม! -- แค่เมื่อยอะพี่ นี่ก็ลงมานั่งเล่นๆ”   ผมกัดฟันตอบกลับไป ตูดนี่ปวดตุบๆ แม่งเลวจริงๆ จะขอโทษผมสักคำก็ไม่มี ไอ้พี่ปูนหัวเราะขึ้นจมูกใส่หน้าผมเสร็จก็ยื่นมือส่งให้ผมใช้ยึดเพื่อลุกขึ้น ใจอยากจะแกล้งฉุดแม่มลงมาด้วยกัน แต่กลัวจะโดนเอาคืนหนักกว่า เลยจำต้องลุกขึ้นมาแบบไร้พิษสง

พี่ปูนพาเดินอ้อมไปยังอีกด้านของห้องนั่งเล่น ขึ้นบันไดเล็กๆ ตรงไปยังชั้นลอย อันเป็นที่ตั้งของห้องนอน ซึ่งการตกแต่งนั้นเรียกได้ว่าเป็นห้องตัวอย่างดีดีนี่เอง พี่ปูนเดินไปยังมุมวอร์คอินโครเซต เลือกผ่านๆ ก็ได้ติดมือมาชุดหนึ่ง แล้วกลับมายื่นส่งให้ผม

“ใส่นี่แล้วกัน ไปอาบซะ-- สกปรก”

อ๊ากกก!! น้ำหน้าอย่างมันไม่มีสิทธิ์กล่าวหาใครว่าสกปรกได้หรอกนะ ไอ้โสมมแมน!

ทันทีที่ไอ้เจ้าของห้องเดินทอดน่องออกไปผมก็ลุกขึ้นยืนกระแทกส้นเท้าเดินเข้าห้องน้ำไปบ้าง ตอนแรกผมกะแค่อาบๆให้น้ำผ่านตัวเท่านั้น แต่พอมาเห็นห้องน้ำแบบที่ถอดมาจากแมกกาซีนทั้งดุ้นแบบนี้ความอยากลองก็ตีตื้นขึ้นมาตงิด เป็นครั้งที่สองแล้วที่ผมได้เห็นอ่างจากุชชี่ระยะประชิดขนาดนี้ อ่างสีขาวสะอาดเข้ามุมกว้างขวางขนาดที่ว่าผู้ชายตัวควายสองคนเข้าไปสิงสู่พร้อมกันได้ ในครั้งแรกรีบร้อนจนไม่ได้สนใจ แต่คราวนี้ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงอะไรหรอกครับในเมื่ออ่างน้ำวนมาให้ลองอยู่ตรงหน้าแล้ว เจ้าของเขาก็บังคับให้มาอาบเองก็คงไม่ต้องเกรงใจกันหรอกเนอะ ผมรีบตระเตรียมเปิดน้ำใส่อ่างแล้วไปอาบน้ำชำระคราบไคลเสียก่อน

“อา~”

และเมื่อถึงเวลาหย่อนก้นสัมผัสผิวน้ำอุ่นจัดๆ แล้วมันสบายตัวที่สุด ผมเหยียดตัวนอนแช่ให้คลื่นน้ำวนนวดตัวไปเรื่อยๆ ปิดตาลง ปล่อยใจผ่อนคลายไปกับความสบายที่ไม่เคยเจอมาก่อน  อา... หรือผมควรจะทุ่มเงินเก็บไปกับการปรับปรุงห้องน้ำแล้วถอยเจ้าอ่างสวรรค์นี้มาสักเครื่องนะ ไม่ๆ ผมไม่ควรใจเร็วด่วนได้ขนาดนั้น... แต่แม่งเอ๊ย!!! สบายชิบหายเลยว่ะ~


.
.
.
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 15-06-2017 22:26:07

.
.
.


“ลุง...”

ความเย็นสบายทำให้ผมไม่อยากจะลืมตาขึ้นมา และนั่นทำให้ผมหันหลังให้กับเสียงเรียกชื่อ ผ้าห่มผืนหนาถูกปลายเท้าผมตะกุยเป็นก้อนมากอดซุกหว่างขาเอาไว้ มันนุ่ม อุ่นแล้วก็หอม อากาศเย็นน่าขดตัวขนาดนี้ผมไม่ลุกให้โง่หรอก...


เดี๋ยวๆๆ


ทำไมมันเย็นล่ะ? แล้วผ้าห่มมาจากไหน? อ่างจากุชชี่รุ่นอะไรวะ?

พัทลุง!

ผมกระเด้งตัวลุกทันทีเหมือนโดนจิกหัวขึ้นมา สองตาผมยังมึนงงไม่ต่างจากหัวสมองที่งงงวย ผมมองรอบห้องด้วยสองตาที่รู้สึกได้ว่ามีขี้ตาเกาะอยู่ มันไม่ใช่ห้องน้ำแน่ล่ะ แต่ผมมาอยู่นี่ได้ยังไง? โอเค -- มันเป็นห้องนอน และผมกำลังนั่งอยู่บนเตียง อืม...เด้งดีเสียด้วย


เป้าะ!!


เสียงดีดนิ้วเรียกสองตาผมให้หันไปมองใครคนหนึ่ง ที่กำลังนั่งมองมาที่ผมด้วยหัวคิ้วขมวดมุ่น ผู้ชายคนนี้นั่งหันหลังให้ประตูกระจกที่ถูกแสงแดดผ่านลอดม่านบางๆ เข้ามาอาบร่างไว้ ช่างเป็นผู้ชายที่ดูดีแบบไม่ปรึกษาใครจริงๆ ตั้งแต่นี้ต่อไปผมจะไม่เถียงกับไอ้โป้ยเรื่องผู้ชายคนนี้อีกแล้ว ทั้งที่ดูก็รู้ว่าพึ่งตื่นมาเหมือนกันแล้วทำไมสวรรค์เสกสรรให้หนังหน้าผมกับเขาต่างกันเช่นนี้ หน้าผมคงบวมเปื่อย แต่กับเซ็กซี่กายคนนี้กลับ...

“พี่แม่งโคตรหล่อเลยรู้ตัวป่ะ...”

เดี๋ยวนะ? กูพูดเชี่ยอะไรออกไปเนี่ย

“หึหึ ก็ฟังมาจนเบื่อแล้วล่ะ”

นี่ก็ไม่มีถล่มตัวเอาซะเลย!

สติผมเริ่มเข้าร่างหลังจากฟังเสียงหัวเราะขึ้นจมูกของพี่ปูน ผมเริ่มประมวลสิ่งแวดล้อมรอบตัวอีกครั้ง พี่ปูนกำลังนั่งขัดสมาธิโชว์แผงอกล่ำสันกับหน้าท้องเป็นลอนคลื่นน่าลงไปเซิร์ฟเล่น ต่ำลงมาคือขอบกางเกงยางยืด ส่วนผมนั้น...เฮ้อ...เสื้อกางเกงครบชุด ขอบคุณสวรรค์

“เอ่อ ผมมาอยู่นี่ได้ไงอ่ะพี่”

“แกหลับในห้องน้ำ หัวห้อยคาอ่าง พี่เลย --”

“พี่เลยปลุกผมตื่นให้เดินมาแต่งตัวนอนเองใช่มั้ยครับ?”   ผมรีบพูดแทรกด้วยใจหวั่นระทึก

“พี่เลยอุ้มแกขึ้นมาเช็ดตัวให้ แต่งตัวให้ แล้วก็นอนกอดให้ด้วย”

สวรรค์ทำไมทำกับลุงอย่างนี้!

“อันที่จริงพี่ปลุกผมก็ได้”

“ถ้าปลุกแล้วตื่นจะต้องอุ้มขึ้นมามั้ย?”   

หมดกันศักดิ์ศรีของคนเป็นผัว... ผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนถ้าใครต่อใครรู้ว่าผมถูกเมียตัวเองอุ้ม แถมยังแต่งตัวให้อีก แม่เจ้า!! หนอนน้อยของผมคงแผ่หลาให้พี่ปูนเชยชมแล้วสินะ พี่ปูนจะรู้สึกอะไรรึเปล่าที่ฝ่ายรุกแบบผมกระบองเล็กกว่า แต่ของอย่างนี้มันอยู่ที่เทคนิคและลีลานี่นะ  ไม่ใช่สิ มันใช่เรื่องที่ผมต้องมาเครียดรึไง

“พี่ปูน...คือ...ผมไม่ได้ เอ่อ...ไม่ได้ทำอะไรพี่ใช่ป่ะ”

“จะทำอะไรได้วะ แกนอนหลับสนิทขนาดนั้น”   พี่ปูนพ่นลมหายใจที่คลับคล้ายจะสมเพชผม ก่อนที่รอยยิ้มจากริมฝีปากบางจะเด่นขึ้นอย่างน่ากลัว

ผมถอยกรูดโดยอัตโนมัติ ไม่เข้าใจว่าทำไมเหมือนกันแต่รอยยิ้มของพี่ปูนโคตรเจ้าเล่ห์ คนเป็นผัวอย่างผมกำลังสะพรึงกับเมียกล้ามแน่นที่กำลังคืบคลานมาใกล้จนถึงระยะได้เสีย หวั่นวิตกยังน้อยไปในหัวผมตอนนี้ เพราะความรู้สึกพรั่นพรึงมันฉาบไปทั้งร่างผมแล้ว พี่ปูนแม่งจะทำอะไรผมวะเนี่ย!

“เอ่อ...พี่ถอยไปหน่อยก็ได้ป่ะ มาคร่อมกันอย่างนี้มันคุยกันไม่สะดวกหรอก”   ปลายนิ้วผมสั่นระริกยามจิ้มไปกับผิวเนื้อตึกแน่นเพื่อผลักไสความคุกคามให้พ้นตัว แต่กลับถูกอีกฝ่ายรวบมือไว้ซะงั้น   “พี่ปูน!”

“ลุงถามเหมือนว่าอยากทำอะไรพี่”   

เสียงต่ำเอ่ยเนิบนาบติดใบหูผม -- อ่อยสินะ! มึงอ่อยกูแน่ๆ พี่ปูน แต่ทำไมผมถึงไม่ได้รู้สึกคึกคักเอาซะเลยแต่กลับเสียวสันหลังวาบๆ อย่างกับว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย ผมนิ่งค้างกับความใกล้ชิดที่เกินพอดี โอยยย...แม่งหล่อจริงอะไรจริง ยิ่งมันพามือผมลูบหน้าอกมันไปมา ขนทั้งตัวถึงกับลุกซู่ สองตาผมตะลึงงันอยู่ที่ฝ่ามือตัวเองที่กำลังถูกพาให้ลากเลื้อยไปบนกล้ามท้องแน่น ลูกที่หนึ่ง...ลูกที่สอง...

“วันนั้นที่ตื่นขึ้นมาลุงก็ลูบตัวพี่ใหญ่เลยนี่”

โอยยย...ลูกที่ห้า  ลูกที่หก -- ท...ทำไมหน้าผมร้อนอย่างงี้วะเนี่ย!!!

“แถมยังขยำตรงนี้”

แม่เจ้า!!! ไอ้พี่ปูนมันพามือผมลงไปกุมเป้ามันในที่สุด เต็มไม้เต็มมืออย่างที่ผมต้องกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก

“ปล่อยเหอะพี่ คือ...คือ...มันไม่ดีมั้งครับ”   ผมปากคอสั่นไปหมด แต่สองตาก็ไม่อาจละจากอุ้งมือตัวเองที่กำลังถูกทำให้กอบกุมพวงเครื่องปรุงของพี่ปูน คลึงมันแล้วคลึงมันอีกจนแตงกวากลายเป็นแตงร้าน

“ไหนว่าเราเป็นผัวเมียกันไง?”

เออ มันก็จริง   “ง...งั้นพี่จะให้ผมทำไงอ่ะ”

ทันทีที่ผมเงอะงะพูดออกไปสีหน้าไอ้พี่ปูนมันฉายแววเจ้าเล่ห์สุดขีด เหมือนผมเป็นหนูที่พร้อมใจกระโดดลงไปตายในรังงูด้วยตัวเองเลย

“ล้วงเข้าไปดิ”

“ล...ล้วง!!!”   

ยังไม่ทันได้เตรียมใจเลยด้วยซ้ำมันก็จับมือผมล้วงเข้าไปในกางเกงมันทันที ขนผมลุกซู่ทั้งตัวเมื่อนิ้วเลื้อยผ่านพงหญ้าแพรกของมันลงไปจนปะทะกับแตงร้านเกรดเอ และเมื่อมือกำเข้ากับเป้าหมายได้สำเร็จมันก็ปล่อยมือผมให้เป็นอิสระ มือผมกำหะหรำมันอยู่ในระหว่างที่สองตาก็มองจ้องกันเหมือนวัดใจ แต่ไม่เลย...กูสับสนมาก ผมควรจะทำยังไงต่อดี มันเป็นเช้าที่ต้องตื่นเพื่อไปทำงาน ไม่ใช่ตื่นเพื่อมากุมไข่ผู้ชายแบบนี้

“จะกุมมันไว้ทั้งวันก็ได้นะ”   เสียงพี่ปูนดูจะขบขันเล็กน้อย มันขยับตัวไปมาเพื่อให้อยู่ในท่วงท่าที่สบายโดยมีอุ้งมือผมประคองแตงของมันไปด้วย

“พี่จะให้ผมทำไงอ่ะ”   ผมถามปากคอสั่นเมื่อพี่ปูนเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้แล้วแนบริมฝีปากกับแก้มผม มันซุกไซ้จนรู้สึกสยิวปนสยอง

“ไม่เคยว่าวรึไง”

สั้นและได้ใจความมากครับเพ่!

“พ...พร้อมนะพี่”

มันจูบไซ้คอผมไปมาพลางตอบด้วยเสียงหื่นจนน่ากลัว   “พร้อมตั้งนานแล้ว”

นับว่าเป็นครั้งแรกที่มือขวาของผมต้องไปบรรเลงเพลงกระบี่กับชายอื่น มันก็เหมือนผมนั่นแหละที่ไม่เคยแตะต้องชายใดมาก่อนก็เลยมีขัดเขินกันบ้าง อย่างน้อยๆ ก็เท่าที่จำได้น่ะนะ ผมเลยเริ่มจากการคลึงเค้นของในมือก่อนเป็นอันดับแรก พอได้ยินเสียงฮึมฮัมอย่างพอใจจากพี่ปูนผมก็เริ่มสเตปสอยไข่มดแดงอย่างช้าๆ

จากนั้นแตงร้านมันก็กลายร่างเป็นหัวไชเท้า

ผมเริ่มสปีดเร็วขึ้นอีกนิด ไอ้พี่ปูนก็ไซ้ผมไปทั่วซ้ายบ้างขวาบ้างจนผมเริ่มจะเคลิ้มๆ ตามแล้ว ก็นะ...ผมเองก็เป็นผู้ชายที่ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ พอโดนแตะเนื้อต้องตัวในเชิงนั้นมากเข้ามันก็ปึ๋งปั๋งกันได้ และต้องบอกตรงนี้เลยว่าพี่ปูนมันคงโชกโชนมามากเพราะแค่มันเห็นผมโอนอ่อนผ่อนตามเท่านั้นมันก็ล้วงมือเข้ามาจกลูกรักผมทันที

“อื้อ!! พี่ปูนไม่ต้อง”   ปากเนี่ยปฏิเสธ แต่ตัวนี่แอ่นให้จับไปแล้ว

“เอาน่าผัวเมียกันอายอะไร”


เออ มันก็จริง...


แต่ผมเป็นผัวป่ะวะ! มันย่อมไม่ดีถ้าจะให้พี่ปูนมาทำเคลิ้มอยู่ฝ่ายเดียว เพราะงั้นผมเลยยื่นหน้าเข้าไปใกล้พี่ปูนบ้างเพื่อหอมแก้ม แม้จะรู้สึกว่ามันชะงักไปนิดหน่อยแต่ผมก็ไม่สนใจก้มหน้าก้มตาไซ้คอมันคืนบ้าง แล้วเหมือนมันตั้งสติได้เลยกลายเป็นว่าผมกับมันนัวเนียกันใหญ่ มันบี้นมผม ผมก็บี้มันคืนบ้าง มันกัดนมผม ผมก็แอ่นให้มันกัดบ้าง...เอิ่ม...อารมณ์มันพาไปอ่ะครับ...

จนกระทั่งเมื่อผมรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าขีปนาวุธที่อเมริกาเฝ้าตามหาที่แท้อยู่ในอุ้งมือของผมนี่เอง

เสียงหอบหายใจดังกระเส่า ในหัวมึนงงร้อนฉ่าจนคิดอะไรไม่ออก ไอ้พี่ปูนมันสบถเชี่ยๆ แม่งๆ ข้างหูผมได้อย่างไม่ขาดตอน ฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง แต่ส่วนมากถ้ามันอยากจะให้ผมรับรู้มันก็จะพูดกรอกหูซ้ำไปมาสลับกับจูบขมับผมไปด้วย

“เสียวว่ะ”

“อื้อ”   ผมก็ตอบรับมันไปมั่วซั่วเพราะสติมันเตลิดไปหมดแล้ว

“เมื่อวานตอนพี่อุ้มแกขึ้นมา อา... ก้นลุงแม่ง!”

“อื้อๆ”

“โคตรน่าฟัดชิบ! แต่พี่ก็รู้อยู่แล้วน่ะนะ”

“อื้อๆ”   

“ซี๊ดดด...เห็นแล้ว ซี๊ดดด... อยากว่ะ”

“พี่ปูนๆ ผมจะไปแล้ว”   อา...มือแม่งพลิ้วสุดๆ ผมเห็นสวรรค์ที่ปากทางอยู่รำไร

และด้วยความด๋อยกว่าผมก็เลยเกิดอาการแตะขอบฟ้าเป็นคนแรก มันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่อย่างบอกไม่ถูก ผมไม่เคยถูกไซ้อย่างนี้มาก่อน แฟนทุกคนที่ผ่านมาไม่เคยเขมือบนมผมอย่างเอร็ดอร่อยขนาดนี้ หรือเพราะว่าการเป็นผู้ชายด้วยกันมันเลยทำให้รู้จุดอ่อนไหวกันงั้นเหรอ แต่พี่ปูนแม่งเป็นไบนี่หว่า...หรืออาจจะเป็นแค่ความเชี่ยวชาญจากที่มันทำกับผู้ชายมาเยอะก็ได้มั้ง?

“แรงๆ...อา...ลุงขยับเร็ว”   เนื้อตัวมันเกร็งไปหมด ผมก็เลยเร่งจังหวะชนิดที่ว่าข้อมือแทบหัก จนกระทั่งเสียงครางยาวดังออกมาพร้อมการกระตุกหงึกหงักในอุ้งมือผม

เชี่ยเอ๊ย!

น้ำแม่งพุ่งปรี๊ดขึ้นมาถึงปลายคางกระเด็นโดนปากผมด้วย ทุกอย่างหยุดชะงักในทันทีเหมือนโดนกาว ไอ้พี่ปูนเหลือบตาขึ้นมองปากผมแล้วยิ้มชั่วๆ อีกครั้ง

“แลบลิ้นสิ”

ผมว่าง่ายอย่างกะโดนล้างสมอง มือผมก็ยังกำของมันอยู่ ปากก็เผยออ้าแลบลิ้นออกมาตามที่มันสั่งอีก พี่ปูนเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ มันแลบลิ้นออกมาตวัดเศษซากลูกๆ มันที่เปรอะเปื้อนบนหน้าผมเพื่อมาส่งให้ถึงลิ้นของผมที่ยื่นรอรับอยู่อย่างไม่ตั้งใจ มันเหมือนมีไฟฟ้าแล่นแปร๊บไปทั่วจนร่างสั่นไหวเบาๆ ผมไม่รู้ว่าไอ้พี่ปูนมันรู้สึกเหมือนกันรึเปล่า แต่ตอนที่ริมฝีปากของเราประกบกัน หัวไชเท้าในมือผมเหมือนจะกลายร่างเป็นขีปนาวุธอีกครั้งแล้ว

เมียผมนี่สุขภาพดีได้ใจเลย

.
.
.


และเป็นอีกวันที่ป้าแม่บ้านต้องยืนกำไม้กวาดตาค้าง และคราวนี้พี่เปี๊ยกต้องมองมาด้วยสายตาอึ้งกิมกี่ เมื่อผมเดินตามหลังพี่ปูนเข้าออฟฟิศพร้อมกัน ด้วยกางเกงยีนของตัวเองและเสื้อเชิ้ตเรียบหรูไฮโซตัวใหญ่อันไม่ใช่สไตล์ที่ผมใส่อยู่ทุกที แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นดันไปคล้ายคลึงกับเสื้อของคนตัวตัวสูงข้างหน้าที่เดินเอื่อยๆ อย่างกับจะอวดความเหมือนให้ผมได้อาย พี่ปูนแม่งจงใจแกล้งผมแน่ๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่เลือกเสื้อที่เหมือนกันมาให้ผมหรอก แล้วตัวเองเป็นไง! พอสาสมใจก็สะบัดตูดเข้าห้องไป ทิ้งให้ผมจมอยู่กับสายตาจับผิดของไอ้โป้ย

“จิตสัมผัสกูมันบอกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล”   ไอ้โป้ยพูดกับผม แต่เสแสร้งทำเป็นมองคอมฯ

“ฝากบอกจิตสัมผัสของมึงด้วยว่าอย่าเสือก”


สั้นๆ จบนะมึง...กูอาย!!                 

     

หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 16-06-2017 00:16:34
กรี๊ดดดดดดดดดดดด พัทลุ้งงงงงงงงงง ช่างเป็นผัวที่ประเสริฐอะไรเยี่ยงนี้5555555. เป็นที่แน่นอนละว่าตอนนั้นพี่ปูนไม่ได้เสร็จอิลุงแน่ๆ. มาเสร็จ?ตอนนี้แทน 555555 :katai3: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 16-06-2017 00:27:50
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 16-06-2017 00:35:50
 :hao6: :z1: :hao6:

 :กอด1: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 16-06-2017 00:51:29
พี่ปูนแกล้งผัว(?)แบบนี้ไม่ดีเลย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-06-2017 01:48:47
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 16-06-2017 01:57:57
ลุงๆกลัวนังคนพี่หน่อย นางร้ายอ่ะ นี่ควรไว้ใจได้ไหม555555555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAlone ที่ 16-06-2017 02:01:59
น้องลุงนี่ก็ร้ายนะ ทำเป้นใจดีสู้เสือ :hao3:
แถมยังเจอของสู้มืออีก อื้มหืม...แซ่บ!  :haun4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 16-06-2017 02:53:49
อีโรติคมากกก กรี๊สสสส :z1:
เกลียดทุกครั้งเวลาน้องลุงเรียกไอ้พี่ปูนว่าเมียอย่างนู้นเมียอย่างนี้ อะไร๊
อยากให้พี่แกรู้ความคิดน้องลุงจังเลย 5555555555555555
แล้วสรุปพี่ปูนจะเอาไง ถ้าคิดจะหลอกน้องนะ...  :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 16-06-2017 04:38:00
พี่ปูนหลอกเด็กรึป่าวเนี่ย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 16-06-2017 06:15:15
พี่ปูนโดนถีบ 2 รอบใช่ไหมวันนั้น
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 16-06-2017 06:50:19
 :z1: แหมๆพี่ปูน  ล่อลวงเค้ามาที่ห้องแล้วก็จัดเลยนะ
นี่แค่บทเรียนแรกสินะ...ช่วงทำความคุ้นเคยของผัว-เมีย
เชื่อว่า อีกไม่นาน...อิพี่ปูนได้แสดงภาคปฏิบัติจริงๆแน่นวลลล
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 16-06-2017 07:39:25
อิลุงเอ๊ยยย แค่โพซิชั่นก็ไม่ใช่แล้วแกไม่เอะใจอะไรเลยรึไง ฮึ นี่ไม่รู้จะเรียกซื่อเหรอเซ่อดี คอยดูเหอะจะโดนจับกินจริงๆสักวัน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 16-06-2017 07:46:30
ไม่รู้ตัวเหรอวะเขากำลังว่า เจ้าเป็นเมียย 55
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 16-06-2017 11:16:01
พี่ปูนจะทำแบบนี้กับผัวไม่ได้นะ

ผัวเคลิ้มม  555555



นายเอกเรายังคงมั่นหน้าต่อไป
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: mpp ที่ 16-06-2017 11:21:02
 :katai5: :katai5:

จะซื่อก็ให้มันน้อยๆหน่อยย!

ยืมคำพี่ปูนมา ทำไมลุงซื่อบื้อเบอร์นี้คะลูกกกกกกกกกกกกก
ถ้าโดนจับกินเข้าไปทั้งตัว โดนแตงล้านสายพันธุ์ไชเท้ายัดปากก็ยังคงไม่รู้สินะ!
ถถถถถถถถถถถ อิพี่ปูนเจ้าเล่ห์ได้ใจ หุ่นแซบแล้วยังคล่องแคล่วหัวไว
คบกันไม่ทันไรได้แอ้มน้องลุงตอนเช้าซะละ ยอม!
แต่อย่างว่า นังคนพี่มันคงมองตูดน้องมานานละเนอะ มีหลุดบอก ถึงจะรู้อยู่แล้วก็เถอะ
แต่พอเห็นตูดลุงเต็มๆตาก็ยังจี๊ดดดดดดดดดอยู่ดีสินะคะพี่ปูน55555555555555

ดีใจที่คุณเลดี้เมลโล่วกลับมานะค้า ยินดีๆ
รอพี่จันทร์น้องต่ายตอนใหม่โด้ยยยย <3
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 16-06-2017 11:25:10
ขำเรื่องนีิคืออารมณ์ผิดกัยเรื่องน้องต่ายมาก. เรื่องนี้แบบสงสารลุง คนบื้อที่เชื่อว่าตัวเองคือผัว คนซื้อที่น่ารัก 555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 16-06-2017 12:24:31
 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: nin@ ที่ 16-06-2017 12:52:42
 :o8: พี่ปูนหลอกล่ออิพัทลุงอีกแล้ว น้องมันก็ซื้อออ...ซื่อ  อ่านแล้วขำน้ำตาเล็ด


คำว่า " ยอดชู้ประตูดิน "  ไม่น่าจะใช่นะคะ เคยเจอแต่ " ยอดชู้ "  หรือ " เจ้าชู้ประตูดิน "

" เหงื่อโทรมกาย " ที่ถูก คือ " เหงื่อโซมกาย " ค่ะ ( จากเว็บ Royin คำว่า "โซม" หมายถึง ก. เปียกทั่ว เช่น เหงื่อโซมตัว  ส่วน " โทรม "  หมายถึง 1) ก. เสื่อมสภาพเดิม 2) ก. ทำให้ยอบลง)
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 16-06-2017 13:17:39
หูย...ลุงใส่เสื้อตัวใหญ่ แล้ววันนี้ก็คงได้ยินเสียงเพื่อนโป๊ยทั้งวันสินะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 16-06-2017 13:43:58
 :heaven มันช่างเป็นฉากลับดาบที่บันเทิงมาก ทั้งหื่นทั้งขำ โอย!!!ลุงก็ซื่อไปไหน ตายแล้วววโอ้ยย!! พี่ปูนก็ร้ายยยยหลอกลุงอะ มันจะเป็นไงต่อไปละเนียะ?กรี้ดดดๆๆๆตื่นเต้น :katai4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 16-06-2017 14:20:38
ลุงเอ้ยลุงงง555555  :m20: :m20: :z1:

หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 16-06-2017 15:15:06
ยังคงมีคนมั่นว่าตัวเองเป็นสามีอยู่นะคะ คืนนั้นแกอาจจะแค่ถีบพี่ปูนตกเตียงก็ได้ 5555555555555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 16-06-2017 16:32:40
ฮือออ  สนุกมากก ลุงเอ้ยยยย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: krayfanxing ที่ 16-06-2017 18:02:37
อย่าให้ความมโนของน้องลุงหายไป รับรู้ความจริงว่าเธอนั้นเป็นเพียงเมียคุณปุริมเท่านั้น หัวเราะแรงมากๆ ทำไมหนูไม่เชื่อสันชาตญาณของตัวเองล่ะลูก ไปเชื่อความมโนก็งี้ล่ะ รอวันเธอเสร็จอีพี่ปูนเร็วๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 16-06-2017 20:04:01
น้องลุงเอ้ยสักวันคงโดนจับกินแบบไม่รู้ตัว อิพี่ปูนโคตรร้าย o18

 :pig4: :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 16-06-2017 20:46:32
เมียคนนี้แซ่บได้ใจ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: naplatoo ที่ 16-06-2017 20:55:37
ทั้งแกล้งทั้งลวนลามน้อง ร้ายกาจ!!!

//นึกภาพซิกแพคพี่ปูนแล้วมันซี๊ด ร้อนแรงมาก :haun4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-06-2017 21:37:20
โอ๊ยๆ........สนุกโคตรๆ อ่านไปขำไป  :ling1: :ling1: :ling1:

ร่างกายไร้เรี่ยวแรง เหงื่อไหลโทรมกายตั้งแต่หน้าผากจรดร่องตูด กางเกงในผมนี่เหมือนเขื่อนร้าวใกล้แตกเข้าไปทุกทีเพราะอุ้มน้ำเอาไว้
อย่าไปสนใจเรื่องใต้ร่มผ้าผมเลยครับ / ตกลงลุงกวน หรือไรท์กวนกันแน่

แตงร้าน กลายเป็นหัวไชเท้า  อ้าวๆ....แตงร้านก็ไม่น้อยแล้วนะ
งั้นหนอนน้อยของลุง ก็ประมาณแตงกวา ลูกสั้นๆ เล็กๆ สินะ   :hao7: :hao7: :hao7:

รู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าขีปนาวุธที่อเมริกาเฝ้าตามหาที่แท้อยู่ในอุ้งมือของผมนี่เอง  :serius2: :serius2: :serius2:
อะจ๊ากกกกก เกินเลยหัวไชเท้าไปเป็นร้อยเท่าแล้ว

คนอ่านได้รู้เลยว่า  ก้นลุงโคตรน่าฟัด แล้วพี่ปูน ก็หื่นโคตรๆ  :sad4: :hao5: :heaven
พี่ปูน แกล้งลุง ให้ทุกคนรู้ว่าลุงเป็นเด็กพี่ปูน ฮึ่ยยยยยยย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 16-06-2017 21:54:36
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 16-06-2017 22:02:03
พี่ปูนร้ายมาก

ห้องสะอาด ตัวก็โล่ง

เอ๊ะ! หรือลุงมันซื่อเกินไปเอง?
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: choinudee ที่ 16-06-2017 22:22:21
งานดี มีคุณภาพ
 :katai2-1: o13
งานนี้ใครกินใครใครโดนกินตามลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 16-06-2017 22:58:02
เมีย(?)ลุงนี่ร้ายกาจเอาซะลุงเคลิ้มเลยยยย :z1: :haun4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 17-06-2017 04:05:52
บางที น้องลุงก็ซื่อไปนะ
ซื่อแอบแซ่บ ร้ายจิมๆ อิอิอิอิ  :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าเชียงชุน ที่ 17-06-2017 06:38:33
อิผัวจะโดนเมียเขมือบอยู่แล้วมันยังไม่รู้ตัวอีก55555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-06-2017 11:56:07
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 17-06-2017 16:56:58
 :o8: :o8: :o8: เขิลลลลลลลล
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 17-06-2017 18:32:49
 :m26: :m26: :m26:

อยากอ่านแท่งเทียนกับคนโปรดจัง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 17-06-2017 18:56:59
ช๊อบชอบบบบบ :haun4: :pighaun: :jul1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 17-06-2017 19:15:36
พี่ปูนเนียนใช้ความเซ่อของลุงเป็นเครื่องมือนี่หว่า 555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 18-06-2017 00:02:42
สถานะชัดยิ่งกว่าชัด
ลุงยังมโนได้อีก
จะซื่อไปไหนห้ะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: todiefor ที่ 18-06-2017 00:04:51
โค่ดดียยย์ ฮาาาาามาก หนุกมากกก ช๊อบชอบบบเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 18-06-2017 15:28:40
ชอบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 4 _โลกสวยด้วยมือเรา_ || 15-6-60 หน้า 3||
เริ่มหัวข้อโดย: chaweewong19841 ที่ 18-06-2017 16:46:19
อยากอ่านต่อแว้วว มาต่อเร็วๆนะคั
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 19-06-2017 12:39:42
ตอนที่ 5 _คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร_



“คุณลุง!!”

ผมลืมตาพรึบในทันทีที่เสียงเรียกชื่อตัวเองดังก้องไปทั่ว ผมประเมินตัวเองจนสรุปผลออกมาได้ตั้งแต่ม.ต้นแล้วว่า แม้แต่นาฬิกาปลุกยังไม่สามารถฉุดผมขึ้นจากการหลับได้ดีเยี่ยมเท่าเสียงของผู้หญิงคนนี้ เสียงแหลมบาดลึกเข้าไปในหัวปลุกทุกเซลล์ประสาทให้ตื่นตัวแม้ไม่ต้องการ

“ลุง!!!”

นี่ก็เป็นอีกเสียงที่มีระบบทำลายล้างไม่แพ้กัน เผลอๆ จะมีอานุภาพมากกว่าเสียด้วยซ้ำ ผมรีบลุกขึ้นจากที่นอนพลางถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะลากร่างที่ห่อหุ้มด้วยเสื้อยืดย้วยๆกับกางเกงขาสั้นเดินออกจากห้องนอนไป เมื่อคืนผมเอางานกลับมาเร่งทำที่บ้านเพราะลูกค้าขอเลื่อนกำหนดส่งเข้ามา ตีห้ากว่าผมถึงได้คลานขึ้นไปนอนบนเตียง ตอนนี้ยังเปลี้ย ยังเพลียอยู่เลยแท้ๆ เพราะงี้ไงล่ะ! ผมถึงไม่ชอบทำงานที่บ้าน

“คุณลุง!!”

“จะเรียกทำไมนักหนา”   ผมรีบสวนออกไปก่อนที่อีกฝ่ายจะโก่งคอเบ่งเสียงให้สะเทือนไปถึงคนข้างบ้าน ลากเท้าเดินลงบันไดมานั่งลงบนเก้าอี้โต๊ะอาหาร มองผู้หญิงสองคนตรงหน้าด้วยความขุ่นเคือง   “ลุงเอางานมาทำที่บ้านนะแม่ เพิ่งได้นอนตอนเกือบหกโมงนี่เอง”

“มันใช่ปัญหาของแม่มั้ย?”

ผู้หญิง(สาว)สวยตรงหน้ายักไหล่ตอบแบบไม่แยแสอะไรทั้งสิ้น... หึ...นี่แหละ แม่ของผม

ถ้าจะให้บรรยายแบบง่ายๆ ล่ะก็ ในอดีตคุณดาหลาเป็นคนสวยเริดเชิดหยิ่งที่ใจแตกท้องแรกตั้งแต่อายุ15  อีกสี่ปีต่อมาก็ท้องสองตามมาติดๆ แต่ถึงกระนั้นก็มุมานะเรียนจนจบมหาลัย และได้ทำงานพยาบาลสมใจปรารถนาแม้จะช้ากว่าเพื่อนๆ ไปอักโข ตอนนี้แม่ก็ยังสวยเริดเชิดหยิ่งเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ทำให้ผมรักแม่มากแม้จะเป็นผู้หญิงร้ายๆ แบบนี้คือ การที่แม่แอบนั่งดูรูปพ่อแล้วน้ำตาไหล และแม่ไม่เคยเปิดโอกาสให้ใครก้าวเข้ามาแทนที่พ่อได้เลย

ผมรู้ว่าชีวิตควรเดินไปข้างหน้า

ผมบอกแม่เสมอว่าต่อให้แม่เลือกใครเข้ามาเป็นคู่ชีวิตอีกครั้งผมก็ยังรักแม่เสมอ เพราะอย่างนั้นผมจึงมักเปิดทางให้ผู้ชายที่เข้ามาเกี้ยวภาราสีคนสวยคนนี้ ได้มีโอกาสแสดงความมุ่งมั่นให้แม่เห็น ส่วนพี่สาวผมมักจะเสาะหาผู้ชายดีดีมานำเสนอให้แม่ แต่มันก็จบลงด้วยคำปฏิเสธเสียทุกทีไป เพราะแม่ลืมผู้ชายคนแรกที่พรากเวอร์จิ้นในวัย 15 ปีของเธอไม่ลง

“ฉันหิวข้าวแล้วลุง”   

หันมาทางหญิงสาวเจ้าของเสียงนี้กันบ้าง เธอเหมือนแม่ทุกกระเบียดนิ้วตั้งแต่หน้าตาไปจนถึงนิสัยสวยเริดเชิดหยิ่ง อย่างที่ไม่รู้ว่าชาตินี้จะหาผู้ชายที่ตรงกับอุดมคติของคุณเธอได้ที่ไหนบ้าง ผมเดาว่าคงไม่พ้นขึ้นคานนอนเหี่ยวอยู่ที่บ้านนี้แน่

“วันนี้วันอาทิตย์นะ”   ผมตอบเสียงแห้ง ใจนี่โบยบินไปถึงที่นอนแล้ว

“ก็ใช่ไง”   คุณดาหลาแกยักไหล่อีกครั้งด้วยท่วงท่าไม่แยแสตามเดิม   “ไปทำข้าวเช้าหน่อยสิ เมื่อวานแม่ไปช้อปกับคุณป้ามาเลยซื้อของมาตุนไว้เพียบ”

“แม่ก็เวฟเอาเองไม่ได้เหรอ ลุงง่วงอะ”   ผมหันหน้ามองหานาฬิกาอย่างหงุดหงิด   “นี่เพิ่งเจ็ดโมงเองนะ”

“อย่างอแงนะคุณลุง อีกเดี๋ยวแม่ต้องออกไปธุระแล้วต้องขึ้นเวรบ่ายต่ออีก เหนื่อยมากเลยนะ”

“ส่วนฉันก็มีนัดสำคัญ และเพราะฉันไดเอตอยู่ทำให้กินมื้อเย็นเมื่อวานไปนิดเดียว ตอนนี้เลยหิวมาก”

ผมมองสองนางพญาประจำบ้านด้วยความคับแค้น เพราะพ่อต้องเจอแบบนี้อยู่ทุกวันใช่มั้ย ถึงได้ทนไม่ไหวชิงสิ้นใจไปซะก่อน ปล่อยให้ผมที่เหมือนพ่อทุกกระเบียดนิ้วต้องมารับกรรมต่อแบบนี้ โลกนี้มันไม่ยุติธรรม! ผมคนหนึ่งล่ะที่ไม่เห็นด้วยกับการเรียกร้องสิทธิสตรี เพราะแค่เท่าที่สิทธิ์ของสตรีในบ้านนี้มีก็เหยียบผมจมดินอยู่ทุกวันแล้ว

“แม่ขอเบคอนกรอบๆนะคุณลุง ไข่ดาวไม่สุกแล้วก็สลัดผักนะ อ้อ ขอน้ำส้มด้วยแล้วกัน”

“ฉันขอเป็นแฮมแทนนะ แล้วก็ขนมปังปิ้งสักแผ่นสองแผ่น กาแฟด้วย”

แล้วคิดว่าผมจะทำอะไรได้นอกจากเดินกระฟัดกระเฟียดเข้าครัว ในตู้เย็นมีของอัดแน่นพอให้กินได้เป็นเดือน ทั้งผลไม้ พืชผักและเนื้อสัตว์ ไหนจะพวกไส้กรอก แฮมเทือกๆ นี้อีกที่ขนซื้อมาจนแน่นชั้นวาง ทั้งที่มีถึงขนาดนี้แต่ผู้หญิงสองคนในบ้านกลับไม่คิดหยิบจับทำอะไรให้ตัวเองอิ่มท้อง

นับตั้งแต่พ่อเสียไป ชีวิตผมก็ไม่ต่างจากข้าทาสตัวน้อยๆ ที่นางพญาทั้งสองคอยจิกใช้ทุกสิ่งอย่าง ผมเลยตั้งปณิธานว่าหากเมื่อได้แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาเมื่อไหร่ ผมจะพาภรรยาแยกบ้านออกไปซะ ไม่อย่างนั้นเมียผมคงไม่แคล้วกลายเป็นนางแจ๋วจำเป็นแน่ เฮ้อ~ แต่นั่นก็เป็นเรื่องในอนาคตที่ราวกับฝันกลางวันอะนะ เพราะนอกจากจะเก็บเงินยังไม่ได้ตามเป้าแล้ว ผมกับพี่ปูนก็แต่งงานกันไม่ได้ ไอ้ครั้นจะให้พี่แกย้ายมาอยู่กับผมในอนาคตก็ไม่แน่ว่าจะสะดวกสบายเพียงพอสำหรับคุณชายอย่างพี่เขาหรือเปล่า

ปึก!

“ลุงไปนอนต่อแล้วนะ”   ผมกระแทกจานสุดท้ายลงบนโต๊ะ เบื่อเหลือเกินผู้หญิงบ้านนี้ ดีแล้วที่ตอนนี้ผมได้แฟนเป็นผู้ชาย เพราะนับวันผมยิ่งพาลเบื่อผู้หญิงมากขึ้นทุกที

“เดี๋ยวสิยะ ไหนๆก็ตื่นมาแล้ว ไม่ไปรดน้ำต้นไม้หน่อยล่ะ”   เท้าที่กำลังจะก้าวออกไปถึงกับชะงักค้างกับเสียงสั่งการของนางมารตัวน้อย

“นั่นสิ...แดดก็ดีนะคุณลุง แม่ว่าสักผ้าเลยแล้วกันเนาะ”   แล้วมีหรือที่มารตัวแม่จะไม่สำทับ

น้ำตาแห่งความช้ำใจมันตีตื้นขึ้นมาจนจุกอก เวรกรรมอะไรของผมนะถึงได้มาเกิดในบ้านที่ผู้หญิงเป็นใหญ่แบบนี้ หรือว่าชาติก่อนผมฆ่าข่มขืนผู้หญิงถึงต้องมาชดใช้กรรม ทำไม! ทำไม! ผมอิจฉาไอ้โป้ยจะตายอยู่แล้วที่มันเป็นลูกคนจีน บ้านมันรักเด็กผู้ชายชนิดยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม อึก! โลกแม่งไม่ยุติธรรม

“น่าน...เบะแล้วลูกฉัน”

“ตั้งแต่เด็กยันโตเลยนะแก น้อยใจทีไรปากนี่เบะซะคว่ำ”   

ผมได้แต่สะบัดหน้าพรืดกับคำวิจารณ์ ยังไงผมก็ต้องทำทั้งหมดนั่นอยู่ดีไม่ว่าจะเป็นตอนไหนก็เถอะ

“คุณป้าไปหยิบของกำนัลมาซิ”   ผมหันกลับไปมองหน้าแม่อีกครั้ง เป็นจังหวะที่ป้าส่ายหัวแล้วลุกจากเก้าอี้เพื่อเดินขึ้นไปชั้นบน   “แหมๆ คิดว่าแม่เป็นคนใจร้ายใจดำ ขนาดให้ลูกชายดูแลงานบ้านแล้วจะทำนิ่งๆสวยๆได้ลงคอเหรอ”

แม่อมยิ้มแล้วนั่งเชิดหน้ารอลูกสาว ไม่นานเสียงตึงตังก็พาร่างพี่สาวของผมมายืนอยู่ข้างหน้าพร้อมกับถุงใบใหญ่ในมือที่ชูหราแกว่งไปมาอยู่ข้างหน้า ใจผมงี้กระดี๊กระด๊าสุดติ่ง กับป้ายโลโก้ที่เห็นด้านข้าง ไม่ต้องถามหรอกครับว่าของในถุงเป็นของใคร เพราะคนที่ใส่รองเท้าผ้าใบยี่ห้อนี้มีผมคนเดียว

“นี่มัน...โอ้ไม่นะ...นี่ลุงฝันไปเหรอป้า”   แม้สมองจะไม่เชื่อแต่มือผมนี่คว้าถุงไปแล้ว ผมรู้ว่าแม่กับพี่กำลังอมยิ้มอยู่แต่ใครจะใส่ใจเล่าในเมื่อผมมีรองเท้าคู่นี้อยู่ในมือ ผมดึงกล่องออกเชื่องช้าแล้วปล่อยให้ถุงมันร่วงลงพื้น ฝากล่องค่อยๆถูกงัดออกจากรูปรอย สองตาผมเบิกโต เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน

“ช้างดาว!!!”

“ฮ่าๆๆ”   

เสียงหัวเราะดังกันให้ขรม ตอกย้ำความเจ็บใจให้กัดลึก โอเค! ผมก็ใส่ช้างดาวอยู่ แล้วไงอ่ะ? คู่เก่าที่ซื้อเมื่อสามปีก่อนยังไม่ขาดเลยจะซื้อมาให้ทำไม แล้วมีอย่างที่ไหนถึงเอามาใส่ในกล่อง VANS จะร้ายกาจเกินไปแล้วผู้หญิงบ้านนี้ มาล้อเล่นกับหัวใจดวงน้อยๆ ของผมได้ยังไง

“แม่กับคุณป้าหารเงินกันซื้อให้เลยนะ เห็นบ่นว่าอยากได้”   คุณดาหลาแกกลั้นขำไปจิบน้ำส้มไป

“งกจนเกลือเรียกพ่ออย่างแก รอให้ซื้อเองคงเป็นชาติหน้าแน่นอน”   อีกหนึ่งคำทับถมที่เกินไปนิด กะอีแค่เกิบหนีบผมมีปัญญาซื้อเองหรอกเฟ้ย! แต่หูมันยังไม่ขาดดอกยางยังไม่หมดแผงจะซื้อใหม่ไปทำไมวะ

ผมทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว!!!

“อ้าว? จะรีบไปไหนล่ะคุณลุง”

“เก็บผ้าซักไงเล่า!! บ้าเอ๊ย...”

ผมตามเก็บผ้าจากห้องนอนสองสาวด้วยความหงุดหงิด ยัดทุกชิ้นใส่ตระกร้าผ้าใบใหญ่ด้วยความรุนแรง จากนั้นก็เดินเข้าห้องส่วนตัวเพื่อไปเก็บตะกร้าผ้าของตัวเองบ้าง ผ้าขาว ผ้าสีถูกแยกลงตามตะกร้าด้วยความขุ่นเคืองเช่นเดิม หากเมื่อสายตายเหลือบไปยังหัวนอนเท่านั้นแหละ...โลกทั้งใบของผมก็เบิกบานอีกครั้ง

รองเท้าผ้าใบหนึ่งคู่ส่องประกายแวววับอยู่บนหมอน ผมควรจะโมโหที่มีรองเท้าถือดีแนบแผ่นยางลงกับหมอนหนุนหัว แต่ไม่หรอก...ผมไม่ถือสักนิด สองมือผมเข้าไปประคองรองเท้าสลิปออนยี่ห้อคู่ชีพมาใกล้ๆ สายตา สีดำกับเทาแบบนี้แหละที่ผมอยากได้ ถึงมันจะเป็นยี่ห้อที่ราคาไม่แพงมากแต่คู่นี้ก็ตั้งสามพันกว่าบาทเลยนะ ไม่ๆๆ...ผมฝันไปอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย...ไม่สิ...กลิ่นนี้มันกลิ่นรองเท้าใหม่ โอ๊ยๆ...ผมรักแม่กับป้าที่สุดอ่ะ

ผมรีบใส่รองเท้าแล้ววิ่งลงไปข้างล่าง สภาพในตอนนี้คือผมฟู ใส่เสื้อยืดเก่าๆ กับกางเกงขาสั้นขอบยางย้วยๆ นางฟ้าสองคนในบ้านเงยหน้ามองผมด้วยรอยยิ้ม

“นี่ๆๆ รองเท้าเท่ไปเลยเนอะ”   ผมเดินผ่านหน้า วนไปวนมาแล้วหยุดพอยต์เท้าให้เห็นกันชัดๆ   “ลุงชอบมากเลย ลุงใส่แล้วหล่อมั้ยแม่”

“คิก คิก เข้ากับหน้าคุณลุงมากเลย”   

“เนอะ ลุงใส่แล้วดูดีเนอะป้า”

“แน่นอนที่สุด ใส่แล้วเหมาะกับหน้าลุงมาก”

เดี๋ยวนะ...คำชมมันแปลกไปหน่อยมั้ย? แต่ช่างมันเถอะครับ   “กราบขอบพระคุณท่านผู้ใหญ่ใจดีทั้งสอง”

“อย่าลืมซักผ้าแล้วก็ขัดห้องน้ำนะ”

“รดน้ำต้นไม้ด้วยล่ะ อ้อ...หญ้าขึ้นสูงมาหน่อยแล้ว ตัดซะเลยก็ดีเหมือนกัน”

“รับทราบครับคุณผู้หญิง!”   ผมตะเบ๊ะมือด้วยความเริงร่า ณ.ตอนนี้ต่อให้ปีนกำแพงซ่อมหลังคาผมก็ไม่ยั่น

...
...

จนหลายชั่วโมงผ่านไป

...
...

กว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้นผมแทบจะล้มตัวลงบนพื้น ทั้งร้อนทั้งเหนื่อย เหงื่อก็เหนียวตัวไปหมด ถามว่าคุ้มมั้ย? เหมือนจะไม่คุ้มแต่ถ้าต้องรอให้ซื้อเองผมก็คงไม่ซื้อ บางทีก็สงสัยทำไมตัวเองงกได้ขนาดนี้ แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อความฝันและความสุขสบาย ผมยอมๆ

เมียว!  เมี่ยว!!  เมี้ยว!!!

เสียงแมวที่ไหนวะ? ผมพยายามตั้งสติอีกครั้งจึงเริ่มกระดึ๊บตัวไปหาโทรศัพท์มือถือที่กำลังส่งเสียงน่าเอ็นดูอยู่บนโต๊ะกินข้าว และเมื่อคว้ามันมาได้ผมก็แทบสะท้านเฮือกกับชื่อบนหน้าจอ ความทรงจำเมื่อเช้าวันก่อนมันตีแสกเข้าสมองจนหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อๆ การไปแตะขอบฟ้าด้วยมือคนอื่นนี่มันเล่นเอาเสียศูนย์ไปไม่ใช่น้อย

“...ครับพี่ปูน”

“.....”

“ฮัลโหล?...”   ผมต้องมองมือถืออีกครั้งเพราะคิดว่าสัญญาณตัดแต่ก็ไม่ใช่   “พี่ปูน...ยู้ฮู”

“มาหาหน่อย”   

“ไม่ไปได้มั้ย ผมเพิ่งทำความสะอาดบ้านเสร็จเหนื่อยมาก”

“มาหาหน่อย”

“พี่ฟังผมพูดอยู่ป่ะเนี่ย”   แม้การชักสีหน้าของผมจะไม่ส่งไปถึงมัน แต่ผมก็ทำด้วยอารมณ์ล้วนๆ   “หรือพี่มีธุระอะไรกับผมเหรอ?”

“ก็...ไม่มีอะไร”

“ไว้พรุ่งนี้ทันป่าว เดี๋ยวก็เจอที่ออฟฟิศแล้ว”

“ไม่ได้...ลุงต้องมาหาพี่ตอนนี้เลย”

ผมเงียบไปชั่วอึดใจ สะดุดใจกับน้ำเสียงพี่ปูนที่ราวกับคนอ่อนแรง มันแปลกประหลาดจนน่ากังวน

“มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?”  ก็รู้อยู่ว่ามันเป็นคำถามที่ค่อนข้างงี่เง่า ต่อให้มีปัญหาเกิดขึ้นจริงๆ คนแรกที่พี่ปูนจะโทรหาคงไม่ใช่ผมแน่

“...ไม่มีอะไร”  ปลายสายตอบปัด เงียบไปสักพักก็พูดต่อ  “ช่างมันเถอะ พี่ก็แค่...”

“ไปครับ”  ผมพูดสวนออกไปก่อนที่พี่ปูนจะพูดจบ

“อะไรนะ?”

“รอผมแป๊บนะพี่”

“............”  ปลายสายเงียบไปอีกครั้ง ผมรอฟังว่าพี่ปูนจะพูดอะไรกลับมาอีกหรือเปล่า แต่การสนทนากลับสิ้นสุดด้วยการตัดสายทิ้งจากอีกฝั่ง

ผมมองโทรศัพท์ด้วยความงุนงง มันเป็นความไม่ปกติอย่างที่สุด จากที่ตกลงคบกันมาไม่กี่สัปดาห์ ไม่สิ ตั้งแต่รู้จักพี่ปูนมาหลายปี ผมไม่เคยเห็นหรือได้ยินไอ้โป้ยพูดถึงพี่ปูนในมุมนี้มาก่อน แล้วทำไมจู่ๆ ...ไม่สิมันไม่ใช่จู่ๆ หรอก ทุกความรู้สึกที่มนุษย์เราแสดงออกมาย่อมต้องมีสาเหตุอยู่แล้ว

พี่ปูนทำให้ผมรู้สึกเป็นกังวลได้เป็นครั้งแรก




ผมยอมขึ้นแท็กซี่ทั้งที่กระเป๋าเงินกำลังร้องโอดครวญถึงความฟุ่มเฟือยเกินพอดี แต่ความสงสัยกับความเป็นห่วงมันมีค่ามากกว่านั้น กะอีแค่เงินเกือบสองร้อยเท่านั้นเองผมไม่ควรจะมานั่งเสียดาย

“ปล่อยเงินสิน้อง จะจ่ายค่าโดยสารรึเปล่า?”

ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ ขอโทษพี่โชเฟอร์กับความขี้เหนียวที่ยื้อยุดเงินไว้จนพี่เขารำคาญ ผมรีบออกมาจากรถด้วยความอับอายแต่สองเท้าก็ยังคงก้าวไปตามทางอย่างมั่นคงจนมาถึงหน้าห้องพี่ปูน ผมสูดลมหายใจเข้าปอดหลายเฮือก หวั่นใจกับปฏิกิริยาของคนที่จะเปิดประตูออกมาเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เริ่มเคาะประตูแล้วหยุดรอ

“ไง มาเร็วดีนี่....!!”   พี่ปูนเปิดประตูออกมาแล้วชะงักปากไปเมื่อมองผมเต็มตา   “ทำไมสภาพมอมแมมอย่างนี้วะลุง”   

“ก็ผมบอกพี่แล้วว่าทำความสะอาดบ้านเพิ่งเสร็จ”   ผมบอกพลางเดินผ่านประตูเข้าไปหลังจากพี่ปูนหลีกทางให้ด้วยสีหน้ายับย่น หน้าเดียวกับพี่แท็กซี่เป๊ะ แค่กลิ่นเหงื่อมันฟุ้งไปหน่อยเท่านั้นเองทำเป็นรังเกียจไปได้

“แล้วทำไมไม่รู้จักอาบน้ำก่อนออกมา”

“ก็พี่บอกให้ผมมาหา”   ผมสะบัดเสียงใส่เล็กๆ   “แล้วยังทำเสียงแบบนั้นอีกอะ ผมก็เป็นห่วงดิ”

พี่ปูนยืนนิ่งเงียบ รอยยิ้มจุดขึ้นบนริมฝีปากได้รูปขณะมองมาที่ผมด้วยแววตาหม่น คนตัวสูงทำท่าจะก้าวเดินเข้ามาแต่แล้วจู่ๆ ก็เกิดเปลี่ยนใจ พี่ปูนหยุดชะงักยกท่อนแขนหนายกขึ้นกอดอกไว้หลวมๆ สองตาคมมองจ้องผมจนรู้สึกเก้อกระดากพิกล มันอึดอัดจนผมต้องก้มมองสำรวจสารรูปตัวเองให้ถี่ถ้วนเป็นครั้งแรก เอิ่ม...จะว่าไปผมก็ยังไม่ได้อาบน้ำเลยนี่หว่า เอ...แล้วเมื่อคืนกูอาบรึเปล่าวะ? แต่อย่างน้อยฟันก็แปรงแล้วนาเฮ้ย หน้าก็ล้างแล้ว แค่ชุดที่ใส่มันดูบัดซบเกินกว่าจะออกไปไหนก็เถอะ ถึงเสื้อยืดนี่มันจะย้วยก็เหอะแต่ใส่สบายมากนะจะบอก ไอ้กางเกงเลที่อุตส่าห์คว้ามาใส่นี่ก็ผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกันหลายปีแล้ว ถือว่าเป็นหนึ่งในชุดนอนคู่บุญของผมเลยนะเนี่ย

“ไปอาบน้ำ!”   เสียงเข้ม ห้วนสั้น และแฝงไปด้วยพลังอำนาจลึกลับดังผ่านความเงียบเข้ามาตีแสกหน้าผมจนเงิบไปสามจุดสองวินาทีก่อนจะตั้งหลักโต้ตอบได้ด้วยเสียงอ้อมแอ้มจนหน้าสังเวช

“อะไรของพี่เนี่ย”   

“ตัวเหม็น! หัวนี่ก็ไม่ได้หวีเลยใช่มั้ย? แล้วเสื้อผ้านี่มันอะไร ใส่ออกมาข้างนอกแบบนี้ไม่อายคนอื่นเหรอ”

“ก็ผมรีบมานี่”   ผมยังคงเถียงต่อไปแม้หน้าจะเริ่มร้อนเพราะความอายที่จู่ๆ ก็รู้สึกขึ้นมาซะงั้น

“แต่ลุงเป็นผู้ใหญ่แล้วอย่างน้อยๆ ก็ต้องรู้จักรักษาภาพลักษณ์ตัวเองบ้าง”   แล้วพี่ปูนก็ถอนใจหนักออกมา ส่งสายตาจิกกัดมองตั้งแต่หัวจรดเท้าผมอีกรอบแล้วก็ถอนหายใจเพิ่มอีกดอก   “ไปอาบน้ำซะ”

“แต่ผมไม่มีชุดเปลี่ยนนะพี่ กางเกงในก็ไม่มี”

“ทำยังกะไม่เคยยืมของพี่”   มือใหญ่ยื่นมาจับข้อมือผมไว้แล้วพาเดินขึ้นบันได เมื่อเข้าห้องนอนมาได้ พี่แกก็ปล่อยมือผมแล้วเดินไปยังมุมตู้เสื้อผ้าติดผนังหลายบาน หยิบผ้าเช็ดตัวโยนมาให้พลางสั่งความเสียงเข้ม   “ไปอาบน้ำ”

“ครับๆ...”   ผมรับคำแล้วเดินกอดผ้าเช็ดตัวผืนนุ่มเข้าห้องน้ำไป

ผมล็อกประตูห้อง ถอดเสื้อผ้าจนล่อนจ้อนและเมื่อเตรียมพร้อมจะอาบสองตาผมก็ปะทะเข้ากับสิ่งนั้น ให้ตายสิพี่ล่ะคิดถึงเจ้าเหลือเกิน! ผมแทบอยากจะเปิดน้ำให้เต็มแล้วกระโจนลงไปนอนแช่ในอ่างจากุซชี่ให้น้ำวนตีนวดตัวไปมา แค่คิดก็สบายเหลือขนาด แต่มันติดที่น้ำเสียงแปลกๆ ของพี่ปูนตอนที่โทรมานั้นมันยังติดค้างอยู่ในสมอง แถมยังไม่ได้ถามไถ่อะไรก็โดนไล่มาอาบน้ำเสียอีก เพราะงั้นผมเลยทำได้แค่เดินก้มหน้าเข้าตู้อาบน้ำไป

ใช้เวลาไม่นานผมก็เดินออกมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ที่พันอยู่รอบเอว พี่ปูนยังนั่งอยู่ที่เตียง ข้างตัวมีถุงใส่ของขนาดย่อมวางอยู่ ผมพยายามมองหาเสื้อที่จะผลัดเปลี่ยนแต่ก็ไม่มี และเมื่อผมมองหน้าพี่ปูนอย่างข้องใจพี่แกก็ล้วงหยิบของจากในถุงยื่นให้ผม

“เฮ้ย!!”   ผมคลี่สิ่งที่อยู่ในมือผมออกมาแล้วต้องร้องเสียงดังด้วยความตกใจ   “อะไรอ่ะพี่”

“กางเกงในไง”   ไอ้พี่ปูนมันอมยิ้มชั่วร้ายกับปฏิกิริยาของผม   “ใส่ซะสิ พี่ซื้อให้ลุงเป็นพิเศษเลยนะ”

“จะบ้าเหรอพี่! ใครจะไปใส่ของแบบนี้กัน”   ผมจ้องมองของในมืออีกครั้ง มันเป็นกางเกงในสีดำทรงบิกินี่ธรรมดา แต่ข้างหลังดันเว้าขึ้นจนเผยก้น และแม้จะมีผ้าซีทรูสีดำโคตรบางมาปิดไว้อีกชั้นกันอนาถก็เหอะ แต่มันดันมีลูกเล่นตรงที่ขอบเชื่อมต่อตรงผ้าสองชนิดไม่ติดกิน ประมาณว่าแหวกออกพร้อมขี้แบบไม่ต้องถอดกางเกงในกันเลยทีเดียว

“พี่ซื้อมาเพราะคิดถึงลุงเชียวนะ มันไม่มีค่าเลยรึไง”   คำพูดน้อยใจมาแบบจัดเต็ม แต่สีหน้ามันแลดูสนุกสนานขัดแย้งกันพิกล

“คือ...เปล่าครับพี่ ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น”   ผมเริ่มไปไม่ถูกแล้วตอนนี้   “เอ่อ...แบบอื่นไม่มีเหรอพี่”

“อืม งั้นมาเลือกเอาสิ”   แล้วมันก็กวักมือเชิญชวนผมให้เข้าไปดูใกล้ๆ ก่อนที่มันจะล้วงสินค้าแต่ละชิ้นออกมาวางแผ่บนที่นอน กว่าที่ชิ้นสุดท้ายจะถูกโชว์เสร็จหัวสมองผมก็ตีกันให้วุ่นแต่ที่อยากจะรู้ฉิบหายคือมันไปกล้าซื้อของแบบนี้ได้ยังไง แล้วที่ไหนมันขายของแบบนี้ให้ผู้ชายกันวะ!

ชิ้นที่สองถ้านับรวมของในมือผมด้วยคือ กางเกงในบิกินี่แบบขาเว้าสูงสีแดงแรงฤทธิ์เนื้อผ้าซีทรูสุดๆ ชิ้นต่อมาคือกางเกงในจีสตริงสีดำเส้นสปาเก็ตตี้น่าดีดที่ไม่ต้องแหวกก็เห็นแก้มก้น ชิ้นสุดท้ายนี่แสบสุดๆ ด้วยกระจังหน้าอันเล็กบางเบาที่ไม่แน่ใจว่าจะห่อหนอนมิดรึเปล่าแถมข้างหลังยังเป็นเส้นเป็นสายเชี่ยไรไม่รู้แบบไม่มีผ้าปิดตูดสักผืน

“พ...พี่แกล้งผมใช่ป่ะ”

“พี่เปิดเว็บดูนั่นนี่แล้วพอเห็นไอ้พวกนี้ปั๊บก้นลุงก็ลอยมาเลย พี่คิดว่าลุงใส่แล้วต้องเจ๋งแน่ๆ”

“ห๊ะ!?”   เดี๋ยวก่อนนะ...ผมฟังผิดไปใช่มั้ย   “พี่จะบ้าเหรอ ผมไม่ใช่ผู้หญิงนะ จะไปใส่ของพวกนี้ได้ไง”

“นี่ของผู้ชายทั้งนั้น”   ไอ้โรคจิตมันยืนยันหนักแน่นก่อนจะเร่งเร้าให้ผมเลือกตัวที่ชอบ   “เร็วดิ พี่อยากเห็น”

“พี่แม่งต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ โรคจิตรึไง”

“ไหนว่าจะทำให้พี่มีความสุขไง...”   มันตอกกลับด้วยเสียงเรียบๆ แต่เล่นเอาผมขยุ้มกางเกงในมือแน่น   “เราเป็นผัวเมียกันใช่มั้ย หรือว่าไม่ได้เป็น”

.
.
.

หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 19-06-2017 12:40:44
.
.
.


เหมือนโดนขยี้จุดอ่อนด้วยตรีนยังไงก็ไม่รู้ ถึงมันจะเป็นแค่กางเกงในเท่านั้น แต่ศักดิ์ศรีของความเป็นสามีจะไปอยู่ที่ไหนกันถ้าผมเลือกหนึ่งในไอ้พวกนี้ขึ้นมาใส่ ถึงผมจะไม่ได้เปิดโลกทัศน์ในเรื่องนี้เท่าไหร่แต่มันควรจะเป็นของที่พวก ‘ฝ่ายรับ’ เขาใส่กันไม่ใช่เหรอวะ

“อันที่จริงแล้วพี่ปูนต้องใส่ให้ผมดูต่างหากนะ”   ผมรีบย้อนทันทีที่คิดออก   “พี่ปูนเป็นเมียผมอ่ะ พี่ต้องใส่ให้ผมดูดิถึงจะถูก”

พี่ปูนมันเบิกตามองผมไม่ถึงเสี้ยววินาทีก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมาดังลั่น แม่งขำอะไรนักหนาขนาดนั้น ผมก็ไม่ได้พูดอะไรผิดสักหน่อยนี่หว่า ถึงแม้ว่าถ้ามันใส่ขึ้นมาจริงๆแล้วผมคงสยองก็เถอะ ผมยืนรออย่างสงบจนไอ้บ้านี่จะเลิกขำ แล้วเมื่ออารมณ์กลับเข้าที่เข้าทางมันก็เริ่มทำสีหน้านิ่งขรึมเป็นงานเป็นการขึ้นมาทันที

“แค่นี้ลุงทำเพื่อพี่ไม่ได้เหรอ”

จุกสัด!

เพิ่งคบกันไม่เท่าไหร่แท้ๆ แต่มันกล้างัดประโยคนี้ขึ้นมาพูด จะให้ผมทำไงวะนอกจากยอมมันอ่ะ เราจ้องตากันอยู่สักพักแล้วเป็นผมที่ตัดสินใจหลบตายอมแพ้ ไม่ต้องวิเคราะห์ก็พอจะรู้ว่ากางเกงในตัวไหนทุเรศน้อยที่สุด เพราะงั้นทางที่ผมต้องเดินคือลงเท้าปึงปังเข้าไปห้องน้ำอีกรอบพร้อมกับกางเกงในในมือ

นี่แม่งคือจุดบัดซบในชีวิตจริงๆ ผมได้แต่คลี่กางเกงในแล้วถอนใจในชะตากรรม ใครแม่งช่างคิดออกแบบกางเกงแบบนี้ให้ผู้ชายวะ ไอ้สิ่งที่ใส่หุ้มไข่แล้วสบายที่สุดน่ะเขาถึงเรียกว่ากางเกงใน แต่ไอ้เชี่ยนี่มันคงจะทำให้อึดอัดทั้งกายอึดอัดทั้งใจจนลูกผมหายใจไม่ออกตายแน่

ผมเริ่มบรรจงสวมมันเข้ากับตัว จัดทรงให้พอดีก่อนจะมองผ่านกระจกบานใหญ่ในห้องน้ำเพื่อดูความอุบาทของตัวเอง เนื้อผ้าสีดำมันปลาบแนบไปกับก้นผมจนโคตรเด่น ถ้าส่วนไหนในร่างกายที่ไม่ชอบที่สุด ก็คงเป็นไอ้ก้นงอนๆ นี่แหละ ผมโดนล้อเลียน โดนเพื่อนแกล้งตีตูดมาตั้งแต่เด็ก นับว่าเป็นความต่ำตมที่สุดในร่างกายเลยจริงๆ แถมไอ้ตรงรอยผ้าที่เหลื่อมกันมันก็โดนแหวกซะเห็นร่องก้อนก่อนจะถูกปกปิดด้วยผ้าผืนบางสีดำที่ไม่ต้องจิตนาการก็เห็นด้วยตาว่ามันปกปิดอะไรอยู่

เวรของกรรม!

ผมเอาผ้าเช็ดตัวคลุมทับเหมือนเดิมอีกครั้งก่อนจะก้าวออกจากห้องน้ำ เพื่อไปเผชิญหน้ากับไอ้คนที่กำลังทำสีหน้าตื่นเต้นเกินพอดี ไอ้พี่ปูนแม่งดูลุ้นมากมายตอนที่ผมเดินตรงเข้าไปหา พอผมยืนตรงหน้าเท่านั้นยังไม่ได้ทันพูดอะไรมันก็กระตุกผ้าเช็ดตัวร่วงลงพื้น ผมนี่อ้าปากค้าง ส่วนไอ้โรคจิตนี่น่ะเหรอ...

หน้าตาแม่งหื่นได้อีกอ่ะ

“หันหลังหน่อยสิ”   มันขอแต่ไม่รอให้ผมอนุญาต เพราะแค่พูดจบไอ้พี่ปูนก็หมุนตัวผมจนตั้งตัวไม่ทัน ผมข่มความอายเอาไว้สุดๆ ไม่อยากจะรับรู้เลยว่าตอนนี้ไอ้บ้านี่มองตรงนั้นของผมด้วยสีหน้ายังไง

ผมสะดุ้งโหยงทันทีที่มีบางอย่างสัมผัสแก้มก้นทั้งสอง ความอุ่นของมือตัดกับความเย็นของอากาศทำเอาผมขนลุกเกรียว มันรู้สึกแปลกพิกลที่ต้องมายืนให้ผู้ชายลูบตูดเล่นแบบนี้ ผมกลั้นหายใจปิดตาแน่นเมื่อสองมือนั้นฮึกเหิมขึ้นเรื่อยๆ มันทั้งคลึง ทั้งบีบ ลูบคลำขยำขยี้ จนกระทั่งเรียวนิ้วยาวนั้นซอกซอนเข้าไปในรอยแหวกผ้าอย่างอุกอาจ

“ปุริม!!”   ผมลืมตัวเรียกชื่อจริงพี่ปูนออกมา บางครั้งผมก็ควบคุมนิสัยเสียตัวเองลำบากเหลือเกิน แต่ช่างแม่งเรื่องนิสัยเหอะ! เพราะตอนนี้ผมเด้งตัวออกห่างจากมือพี่ปูนอย่างไวพร้อมกับปกป้องอธิปไตยด้วยการนั่งลงกับพื้น

“พี่เคยคิดว่าจะเป็นยังไงเวลาลุงเรียกพี่แบบนั้นบ้าง”   พี่ปูนมันตีหน้านิ่งพลางหัวเราะขึ้นจมูก แต่น้ำเสียงมันดูไม่เครียดอะไรซึ่งพลอยให้ผมใจชื้นขึ้นบ้าง แต่จะดียิ่งกว่านี้ถ้ามันจะไม่ลุกเดินเข้ามาหา   “พี่ชอบว่ะ”

“พ...พี่หมายความว่าไง”   ถามไปก็ถัดตัวหนีไป ผมแม่งโคตรโง่ที่เลือกนั่งที่จริงแล้วผมควรจะวิ่งหนีออกนอกห้องมากกว่า   “อย่าเข้ามานะเว่ย ผ...ผมสู้นะเอ้อ!”

“พี่ได้ยินเราเรียกชื่อจริงของโป้ยเวลาคุยเล่นกันบ่อยๆ แต่ไม่ยักกะเห็นลุงเรียกใครอย่างนั้นบ้าง”   ไอ้พี่ปูนยิ้มชั่วมากถึงมากที่สุดเมื่อร่างทั้งร่างของมันคร่อมผมได้สำเร็จ  “ชื่อพี่ดูน่ารักขึ้นเป็นกองเลย ว่ามั้ย?”

“ขอโทษก็ได้พี่ ไม่ล้อเล่นอย่างงั้นแล้วแต่ช่วยลุกออกไปทีเท้อ”   สับสนวุ่นวายโคตร! ยิ่งมันเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ผมนี่แทบจะนอนเบี่ยงขดตัวเป็นกุ้งเพื่อหนีมัน แต่ถามว่าได้ผลมั้ย? ก็ไม่! เพราะตอนนี้ไหล่ของผมกำลังถูกลมหายใจอุ่นๆรินรดเป็นระรอก ขนเขินนี่ลุกจนขึ้นจุดเต็มไปหมด

“ลองเรียกอีกครั้งสิ”

“เรียกอะไร ไม่เรียกแล้ว! ลุกออกไปนะพี่ปูน”   

ผมไม่อยากจะเห็นสภาพตัวเองตอนนี้เลย ดิ้นกระแด่วๆใต้ร่างหนาบึ้กของเมียตัวเอง อารมณ์แม่งเหมือนหนูโดนแมวตะปบยังไงก็ไม่รู้ ที่มันจะแดกก็ไม่แดกแต่เอาตีนตะปบเล่น ปล่อยให้วิ่งหนีแล้วก็ตามไปจับจนหนูแม่งตรอมใจตายอ่ะ ผมนี่รู้สึกอย่างนั้นเด๊ะ! แต่ต่างกันตรงที่ไอ้แมววิตถารนี่มันไม่เปิดโอกาสให้ผมวิ่งหนีเนี่ยสิ

“หืม~ กลิ่นเหมือนพี่เลย”   ไอ้โรคจิตทำจมูดฟุดฟิดไปมาตรงซอกคอผม แม่งสะท้านเลย

“ก็มันมาจากขวดเดียวกันนี่หว่า อึ๋ย! อย่าจับก้นสิวะพี่”   ผมนี่ชักดิ้นชักงอได้ที่เลย จะเอาก้นนาบพื้นช่วงหน้าก็จะเปิดอ้าซ่า จะปกป้องช่วงหน้าข้างหลังก็โดนล้วง บัดซบได้ที่จริงๆ   “เลิกแกล้งผมเหอะนะ”

“นี่ไม่ได้แกล้งเลยนะ ใช้ความรู้สึกล้วนๆเลย”   ไม่ต้องมองผมก็พอเดาได้ว่ามันต้องยิ้มชั่วอยู่แน่ๆ มันก็ใช่ที่เมื่อก่อนเราสองคนไม่ค่อยถูกชะตากันเท่าไหร่ แต่ตอนนี้มันเป็นเมียผมแล้วมันต้องให้เกียรติผมบ้าง ไม่ใช่มาคุกคามคล้ายจะข่มขืนอย่างนี้

“พี่ปูน!”

“ก้นลุงแม่งเซ็กซี่จริงๆนะ พี่เพิ่งเคยเจอก้นที่แค่เห็นก็อยากเป็นครั้งแรกเนี่ยแหละ”   พูดก็พอ ไม่ต้องเอามือขยำด้วยก็ได้ไอ้โรคจิตนี่!   “พี่ยกให้เป็นที่หนึ่งเลย”

กู-ไม่-ต้อง-การ-โว้ย!!!

“ไอ้พวกที่มันบอกว่าพี่เพอร์เฟคมันต้องร้องไห้แน่ๆ ถ้ามาเห็นพี่ตอนนี้อ่ะ”

“มีใครบ้างสมบูรณ์แบบวะ ลุงเองก็เห็นต่างจากคนอื่นมาตั้งแต่แรกแล้วนี่”

“แต่ผมก็ไม่คิดว่าพี่จะเป็นถึงขนาดนี้!! เฮ้ย! อย่าๆๆๆ”   ไอ้เชี่ยพี่ปูนมันออกแรงแหกขาผมซะกว้างจนเซล้มหงายหลังกับพื้น ส่วนตัวมันก็รีบตามมาคร่อมไว้อย่างรวดเร็ว แนบชิดจนผมหน้าขึ้นสีกับบางอย่างที่เสียดสีกับหว่างขาผม มันตุงจนแทบจะดุนกางเกงออกมา

“แค่เล็กน้อยน่า ลุงยังรู้จักพี่ได้แค่ครึ่งเดียวเอง”   รอยยิ้มชั่วช้าลอยอยู่เบื้องหน้าผม มันใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนผมต้องปิดตาหนีมันซะ นี่ผมหมดหนทางแล้วเหรอวะเนี่ย? ผมควรจะเสี่ยงต่อยมันแล้ววิ่งหนีดีรึเปล่า แต่สภาพอย่างนี้ผมจะหนีไปไหนได้ แต่ถ้าไม่ขัดขืนเลยมันก็ต้องคิดเอาว่าผมง่ายอ่ะดิ แล้วอย่างนี้ศักดิ์ศรีความเป็นผัวจะไปอยู่ตรงไหน

“อย่านะปุริม! ไม่งั้นลุงชกนะ”   สิ้นคำผมเท่านั้นแหละ แขนทั้งสองข้างก็ถูกมันรวบขึ้นเหนือหัวแล้วโดนจับไว้ด้วยฝ่ามือใหญ่เพียงข้างเดียว หมดกัน...ขนจั๊กกะแร้ผงาดออกมารับลมเย็นกันให้ว่อน

มีเพียงเสียงหัวเราะขึ้นจมูกของพี่ปูนดังขึ้นมาเบาๆ จากนั้นผมก็ถูกทำให้เบลอด้วยริมฝีปากที่ทาบทับลงมา มันนุ่มเหมือนกับเช้าวันนั้นไม่มีผิด เรียวลิ้นชื้นลากผ่านกลีบปากอ้อยอิ่งจนสยิวแปลกๆ แต่พอมันเข้าไปในปากผมได้แล้วกลับเร่งเร้า ลุกไล่จนผมหายใจแทบไม่ทัน นี่สินะคือที่เรียกว่าจูบเก่ง มันทำเอาผมระทดระทวยได้ไม่ยากเย็น และอันนี้สินะที่เขาเรียกว่าเคลิ้มอ่ะ~

“อื้ม~ พี่ปูนปล่อยมือ”   ผมเอียงหน้าออกมาหอบอากาศเข้าปอด ส่วนพี่ปูนก็ไม่ได้ปล่อยให้ปากตัวเองเหงาโดยการเลาะเล็มเนื้อข้างคอผมไปพลางๆ   “ปล่อยมือก่อน อายจั๊กกูแร้”

“หึหึหึ มันก็ไม่ได้รุงรังน่าเกลียดสักหน่อย”   ไอ้โรคจิตมันหัวเราะเบาๆ และเพิ่มความวิตถารด้วยการซุกจมูกลงกับกอหญ้าอ่อนของผม ผมนี่จั๊กจี้ดิ้นให้พล่านแต่แม่งคงสนุกไงเลยเอาปลายจมูกไถไม่หยุด

“ฮ่ะๆ!! พี่ปูน ฮ่าๆ จะบ้าเรอะ!!”

“ก็ดมดู นุ่มออกนะ หอมด้วย หึหึ”

“มึงบ้าแล้วพี่ปูน โอ๊ยๆๆ อย่ากัด!! พี่เป็นหมาเหรอห๊ะ!!”

“ปากดีอย่านี้ต้องสำรวจดูหน่อยแล้ว ว่าข้างล่างจะนุ่มเหมือนกันรึเปล่า”

เดี๋ยวๆๆ ไอ้เชี่ย!! ไม่ได้เกี่ยวกันเลย

.
.
.

“ลุง”   

สมองผมเปิดทำงานรับเสียงเรียกในทันที ผมเด้งตัวลุกขึ้นด้วยความตกใจแรงเด้งจากการขยับตัวทำให้ผมรู้ว่าอยู่บนที่นอนไม่ผิดแน่ ผมมองหน้าเจ้าของเสียงที่นั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะก้มมองดูร่างกายตัวเอง และนั่นทำให้ความทรงจำสดใหม่ย้อนกลับเข้ามาในหัว ผมทนมองหน้าผู้ชายคนนี้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่สิ! ปากต่างหาก! ผมจะมองปากพี่ปูนอีกได้ยังไงในเมื่อมัน...มัน...

“อ๊าก!!!”   ผมร้องเสียงหลง จัดการคว้าผ้าห่มคลุมตัวจนมิดเพื่อหลักหนีความจริง มันเกิดขึ้นไปแล้ว มันเกิดขึ้นกับผมแล้ว แฟนทุกคนที่ผ่านมาไม่เคยมีใครทำกับผมแบบนี้ แต่พี่ปูนกลับทำมันลงไป   “ไปๆๆ ผมไม่อยากเห็นหน้าพี่อ่ะ”

“เป็นบ้าอะไร ยังไม่ตื่นดีรึไง”   พี่ปูนมันคงงงกับผมไม่น้อย สองมือมันเลยพยายามกระชากผ้าห่มออกจากตัวผมด้วยแรงมหาศาล ผ้านวมผืนใหญ่เลยปลิวหลุดออกไปอย่างง่ายดาย   “เป็นอะไร นี่พี่ไม่ได้ปล้ำลุงนะ”

“แต่พี่อมของผมอ่ะ!!”   

สิ้นคำประกาศก้อง ไอ้พี่ปูนถึงกับหัวเราะเสียงลั่น มันมองหน้าสลับกับหว่างขาผมแล้วก็หัวเราะไม่หยุดเหมือนคนบ้า ผมเริ่มเปลี่ยนจากอับอายเป็นเคืองมันทีละนิด มีตรงไหนที่มันน่าหัวเราะขนาดนั้นวะ ชีวิตจริงมันไม่ใช่หนังเอวีนี่หว่าที่จะได้หาแฟนแบบที่ยอมบ๊วบของเราง่ายๆ แถมแต่ละคนก็ไม่ได้คบกับผมยืดพอจะละความประเดิด ขนาดตัวผมเองยังไม่เคยลงไปละเลงลิ้นให้จิ๊มิใครสักครั้ง แต่พี่ปูนแม่งทำเหมือนเป็นเรื่องสบายๆ ที่จะดูดปุ๊นใครก็ได้ที่นอนด้วย แถมมันยังเก่งจนผมแตะขอบฟ้าตั้งหลายรอบ

“เรื่องปกติน่า ไม่มีอะไรน่าอายหรอก”   พี่ปูนตอบหลังจากสงบสติได้แล้ว

“แต่พี่เป็นผู้ชาย”

“พี่เป็นผู้ชายที่ทำกับผู้หญิงก็ได้ผู้ชายก็ดี แล้วไหนลุงบอกว่าเราเป็นผัวเมียกัน ลุงจะเขินไปทำไม”

“เออ...มันก็จริง”   สิ้นคำผมมันก็หัวเราะอีกรอบ ทำไมผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นตุ๊กตากระบอกที่กำลังถูกไอ้พี่ปูนชักใยอยู่เลยวะ   “ถ้าอย่างนั้นแล้ว ผมต้องทำให้พี่ด้วยรึเปล่า?”

“อืม~ ของอย่างนี้มันบังคับกันไม่ได้น่ะนะ ไว้ลุงอยากทำก็บอกพี่แล้วกัน พี่พร้อมเสมอ”

ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ เป็นคำตอบ จนปัญญาด้วยคำพูดทั้งสิ้นทั้งมวล ถ้ามันจะต้องเลือกได้ล่ะก็ผมก็ไม่ขอก้มหน้าซุกไข่มันเด็ดขาด แตงร้านเกรดเอบวกๆอย่างมันคงทำผมปากคอแหกแน่

“ตื่นแล้วก็ไปอาบน้ำล้างหน้าป่ะ แล้วออกไปกินข้าวกัน”   พี่ปูนอาศัยช่วงที่ผมกำลังสยดสยองเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาให้ แล้วกลับไปก้มๆเงยๆที่ตู้เสื้อผ้าคล้ายจะหาเสื้อให้ผมอีกชุด   “วันนี้นอนนี่เลยแล้วกันนะ”

“ไม่ได้อ่ะพี่ พรุ่งนี้ผมต้องเอางานของGNไปส่งพี่กรแต่เช้า ทางนั้นเขาเร่งงานอ่ะพี่”   ผมนี่ลอบถอนหายใจเลย ดีที่โหมทำงานโต้รุ่งจนเสร็จเรียบร้อย ไม่อย่างนั้นได้หัวบานแน่

“ทำเสร็จรึยัง”

“โหย~ ผมนี่โต้รุ่งจนเกือบหกโมงเช้า นอนไปได้ไม่ถึงสองชั่วโมงแม่ก็ปลุกมาทำความสะอาดอีก”   

“อื้อหือ มิน่าล่ะเสร็จปั๊บหลับป๊อกไปเลย”   ไอ้พี่ปูนมันอมยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำเอาผมหน้าแดงเถือกเมื่อรู้ว่ามันพูดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา   “แต่ไม่น่าเชื่อนะเนี่ยว่าจะเสร็จทัน ตรวจงานครบพร้อมส่งแล้วแน่นะ”

“เรียบร้อยแน่สำหรับผมอะนะ แต่จะถูกแก้อีกมั้ยนี่อีกเรื่อง”   ที่จริงแล้วผมไม่ค่อยชอบเร่งทำงานแบบนี้เท่าไหร่ มันเหนื่อยแถมเครียดกว่าเดิมเป็นเท่าตัว    “ชมผมบ้างสิ อย่าชมแต่ไอ้โป้ยกับพี่เปี๊ยก”

ไอ้พี่ปูนยิ้มเนือยให้ผม สีหน้ามันดูอ่อนใจเหลือเกินยามส่ายหน้าไปมา   “ยังฝังใจกับที่พี่พูดอยู่ล่ะสิ”

“ก็แน่สิ ...พี่พูดแบบนั้นกับผมต่อหน้าคนทั้งออฟฟิศ ถ้าพี่ไม่พอใจอยากให้ผมปรับปรุงตรงไหนก็ควรเรียกมาคุยกันตัวๆ ดิ ถึงผมจะดูหน้าด้าน แต่ก็ไม่ได้ด้านอย่างที่พี่คิดนะ”   ผมมุ่ยหน้าจนยับเมื่อคิดถึงอดีตอันเจ็บแปลบ เมื่อมาคิดดูให้ถี่ถ้วนแล้วคำพูดที่พี่ปูนพูดนั้นก็ไม่ได้ใส่ร้ายหรือเกินจริงเลยสักนิด มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมเป็นกราฟิกดีไซน์เนอร์ที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ทำงานออกมาให้อยู่ในขอบเขตที่ลูกค้าต้องการ เพราะมันเป็นงานของบริษัท ไม่ใช่การการทำเพื่อประกวดสร้างชื่อส่วนตัว แต่ที่ผมโกรธพี่ปูนเอามากๆคงเป็นเพราะผมอายมากกว่า

“อา...จุดนั้นพี่ขอโทษด้วยแล้วกัน”   พี่ปูนก้มหัวลงเล็กน้อยรับคำ แต่เพียงเสี้ยววินาทีต่อมามันก็ตวัดสายตาคมเหมือนมีดส่งมาให้ผม   “แต่พี่จะไม่ขอโทษเรื่องที่พูดออกไปตอนนั้นหรอกนะ เพราะพี่ไม่รู้สึกว่าพูดผิดไปเลยแม้แต่น้อย”

เหมือนโดนหมัดเสยคางเบาๆ อา...ยังไงซะ พี่ปูนก็คือพี่ปูนวันยังค่ำ

“ผมน้อมรับคำติของพี่ครับ และจากนี้ผมสัญญาว่าจะทำงานเพื่อรับเงินเดือนและโบนัสอย่างตั้งใจ”

สีหน้ามันเหนื่อยหน่ายกับผมอย่างชัดเจน หัวก็ส่ายไปมาจมูกก็พ่นลมแรงจนตีเข้าหน้าผม แต่มันกลับทำให้หัวใจผมฟูขึ้นนิดๆ กับฝ่ามือใหญ่ที่ยื่นออกมาขยี้หัวผมเบาๆ ผมนั่งนิ่งจดจ่ออยู่กับริมฝีปากของคนตรงหน้าที่บิดรอยยิ้มขึ้นช้าๆ พี่ปูนแม่งต้องเสกมนต์ใส่ผมอีกแล้วแน่ๆ หัวใจมันถึงได้ดังแปลกไปกว่าที่เคย

และเกินกว่าความเงียบจะปกปิดได้ เสียงหัวใจของผมมันดังระรัวจนกลัวว่าพี่ปูนจะได้ยิน มันดังขึ้นทุกทีๆ ยามที่พี่ปูนโน้มตัวลงมาใกล้มากขึ้น คนบ้าอะไรถึงได้ดูดีขนาดนี้นะ มันหล่อจนต้องบอกว่าสมกับที่เป็นเพื่อนสนิทดารา หรือว่าเบื้องหลังของความหล่อล้ำขนาดนี้คือการจับผู้ชายมาฆ่าแล้วดื่มเลือดกินเครื่องในใช่มั้ย หมายความว่าผมจะต้องถูกฆ่าเพื่อสนองความหล่อให้พี่ปูนสินะ

ผมซุกหน้าลงกับเข่า อมยิ้มกับความเพ้อเจ้อของตัวเอง แต่บางอย่างที่แว่บเข้ามาในหัวทำให้ผมต้องเงยหน้ามองคนข้างๆ อีกครั้ง  “ก่อนที่พี่จะโทรไป มีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า”

“ทำไมถามอย่างนั้น”  พี่ปูนนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะปรับสีหน้าเป็นปกติ

“ก็เสียงพี่มันฟังดูแปลกๆ”

“...แปลกยังไง?”

“ไม่รู้ดิ”  ผมตอบพลางส่ายหัวไปมา หวนคิดไปถึงเสียงที่ได้ยิน  “มันดูเหมือนคนหมดแรง ฟังดูเหงาๆ ...ล่ะมั้ง?”

“เป็นห่วง?”

“ก็ใช่ดิ”

“เลยรีบมาทั้งชุดนั้นเลยงั้นสินะ”  พี่ปูนว่าขำๆ แต่เมื่อผมพยักหน้าตอบด้วยความอาย เสียงขบขันนั้นก็เงียบไป

ผมเงยหน้ามองพี่ปูน ใบหน้าดุจเทพบุตรดูราวกับจะหล่อเหลายิ่งกว่าเดิม ดวงตายิบหยีลงเพราะรอยยิ้มที่คลี่กว้าง ผมไม่เคยเห็นใบหน้าแบบนี้ของพี่ปูน มันมีแรงดึงดูดมากพอที่จะทำให้ผมยิ้มตาม แม้จะไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด

เมื่อถูกดันลงจนแผ่นหลังติดที่นอนผมถึงได้รู้สึกตัวอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัวจากการคุกคาม ริมฝีปากบางก็ฉกเข้าที่แก้มผมหนึ่งทีด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะเลื่อนขึ้นไปแนบบนหน้าผาก อ้อยอิ่งจนลมหายใจของพี่ปูนสร้างความร้อนให้หน้าผมอย่างมากมาย

“เด็กดี...”

ผมได้แต่กระพริบตาปริบๆ กับน้ำเสียงอ่อนโยนแปลกๆ ผมไม่หลอกตัวเองหรอกนะว่าชอบเสียงแบบนี้ของพี่ปูนซ้ำยังชอบคำนี้มากด้วย แต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ปกติ ร่างกายมันเหมือนโดนตัวอะไรไต่ไปทั่ว ยุบยิบจนจั๊กจี้ ส่วนหัวใจก็ยวบยาบเหมือนโลกโป่งน้ำยังไงก็ไม่รู้

“มา...พี่จะให้รางวัล”

ว่าแล้วมันก็แทรกตัวเข้ามาหว่างขาผมบดเบียดไปมาจนบังเกิดความต้องการ ผมได้แต่ครางอยู่ในลำคอพร้อมกับรับจูบร้อนแรงไปด้วย ทำไมต้องเป็นผมที่ต้องอยู่ข้างล่างอีกแล้วล่ะ? ทำไมมันไม่เปิดโอกาสให้ผมรุกมันบ้าง ไอ้พี่ปูนเป็นเมียผมแท้ๆ แต่กลับจ้วงจกลิ้นผมแบบไม่มีผ่อนพัก ดูดจนลิ้นจะยืดติดเข้าปากมันไปอยู่แล้ว อากาศกำลังจะหมด หัวสมองกำลังจะเบลอ ผมเลยวาดขาเกี่ยวสะโพกมันไว้เพื่อเป็นหลักยึด สองมือก็โอบคอมันไว้หลวมๆ เอียงหน้าซ้ายทีขวาทีเพื่อแหวกทางให้ริมฝีปากมันไซ้ ปากก็ครางเบาๆ ยามหนอนน้อยถูกปลุกปั่น

นี่มันคือท่วงท่าของคนเป็นผัวอย่างผมเหรอวะเนี่ย!! ...อ๊ะ...อา~...   



TBC.
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 19-06-2017 13:22:17
ลุง ค่อยๆโดนกินในไม่ช้า ล่อหลอกเก่งเหลือเกินนะพี่ปูน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 19-06-2017 13:22:27
โธ่ลุง ทำไมใคร ๆ ก็รังแกลุง น่าสงสารเสียจริง อิอิ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 19-06-2017 13:25:11
พี่ปูนนี่ ขนาดแบบเนียนๆ ชิมนิดชิมหน่อย
ยังขนาดนี้เลย ถ้าได้เป็นแฟนจริงๆ คงเช้ายันค่ำแน่ๆ 5555.
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 19-06-2017 13:34:56
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 19-06-2017 14:09:47
สงสารลุงจังเลยเน๊อะ สามีตัวอย่างต้องอย่างนี้แหละ
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 19-06-2017 14:20:04
ชีวอฝิตของผัวอย่างลุงใกล้ถึงจุด"พลิกผัน" แล้วยังไม่รุ้ตัว :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-06-2017 14:40:41
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 19-06-2017 15:21:58
เมีย(?)ลุงนี่แซ่บจริงๆ เนียนเก่ง ตอดนิดตอดหน่อย :hao7: :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 19-06-2017 15:36:59
พี่ปูนเป็นเมียที่คุมเกมได้ทุกอย่าง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 19-06-2017 15:38:56
สงสารนู๋ลุงจริงๆๆเล้ย :z1:

 :pig4: :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 19-06-2017 15:51:41
เนียนกว่าคูชั่นก็อีพี่ปูนเนี่ยละว้อยยยยย  :laugh:
สนุกอะ ชอบๆๆๆๆ หื่นๆตลกๆ รอตอนต่อไปเด้อ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-06-2017 16:25:29
สนุกมากกกกก ชอบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
เหมือนไรท์ ลงน้อยเลย อ่านเท่าไร ก็ไม่พอ  :hao5: :hao5: :hao5:

เมียลุง นี่ไม่เบาจริงๆ มีตัดพ้อ น้อยใจ เนียนจริงๆ
หาซื้อกกน.จีสตริงขาเว้าเปิดก้นให้ลุงใส่
ขำหน้าพี่ปูนตอนบอกพี่ปูนต้องใส่สิ เพราะเป็นเมีย กร๊ากกกกก
แล้วพัทลุงคนซื่อเลยกลายเป็นเหยื่อของปุริมคนวิตถาร  :z3: :z3: :z3:

แม่ พี่สาว ก็ใช้ลุงซะ
พอมาอยู่กับพี่ปูนก็  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
ลุง นี่ต้องเอาใจใครไปหมดสินะ เอ้อ......คนในครอบครัว

แต่พี่ปูน เหมือนหวั่นไหวที่ลุงเป็นห่วงนะ
อยากอ่านพาร์ทพี่ปูนบ้างแล้ว  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 19-06-2017 16:40:47
คนเป็นเมียเขาไม่ทำกันแบบนี้หรอกลุง ไปคิดดูใหม่นะ 555555555555
เรากำลังตกเป็นเหยื่อของพี่ปูน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 19-06-2017 16:51:46
อ่าาาาาาาาาา :katai3:เมียลุงนี่ช่าง...... ผัวที่ไหนใส่กุงเกงในแบบนั้นล่ะลุ้งงงวววว. ก้นลุงนี่คงฮอตจริงๆ. ดูอิเมียอยากได้?จนตัวสั่น
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 19-06-2017 16:57:01
น้องลุงยังไม่รู้ตัว555555555
ตอนนี้อิพี่ปูนแอบจิตๆ กลัวล้าววว
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: zakimi ที่ 19-06-2017 17:03:07
จิตๆแบบนี้  พี่ชอบมากกกกก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 19-06-2017 17:14:27
อพี่ปูนเอาเปรียบเมียใหญ่เลยนะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 19-06-2017 17:21:06
อยากรู้ว่าพี่ปูนจะจริงจังกับน้องมันป่าวหว่า อยากอ่านตอนต่อไปแล้วว :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าเชียงชุน ที่ 19-06-2017 17:50:50
นี่ลุงคนซื่อหรือซื่อจริง5555 ไว้โดนเขมือบทั้งตัวเมื่อไหร่ จะหายซื่อมั้ยเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 19-06-2017 18:35:27
ลุงเหมาะกับคำนี้จริงๆ
อ่อนแอก็แพ้ไป
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 19-06-2017 18:45:17
ลุ๊งงงง  :pandalaugh: :pandalaugh: :pandalaugh:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 19-06-2017 18:45:24
ยัง...ยังจะคิดว่าตัวเองเป็น  ผัว อี๊กกกกกกก :serius2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 19-06-2017 19:11:00
 :z1:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 19-06-2017 19:36:53
เอาที่ลุงสบายจายยยย  :m20:

พี่ปูนร้ายมากกก  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 19-06-2017 20:06:58
ขำผัวในนามอย่างน้อวลุงมากๆ. พี่ปูนโดนจับกินทีละนิดทีละหน่อย อิอิ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 19-06-2017 20:13:10
ปุริมรังแกน้องตลอด
ลุงน่ารักจัง ขนาดเรายังชอบ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 19-06-2017 20:43:28
โธ่! เป็นเหยื่อทั้งที่บ้านทั้งกับเมียตัวโตเลยเนอะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 19-06-2017 20:54:13
คือมโนเก่งมากเลยลุง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 19-06-2017 22:08:43
เป็นตอนที่อ่านไปคิดภาพตามไปแล้วกำเดาจะไหล  :haun4: คือไม่คิดเลยว่าอิพี่ปูนมันจะหื่นและโรคจิตขนาดนี้ นี่แค่ชิมนิดชิมหน่อยนะไม่อยากคิดตอนเอาจริงน้องลุงคงได้นอนซมบนเตียงแน่ๆ อิพี่ปูนคงจัดหนักจัดเต็ม อิพี่ปูนหื่นจนเราเขินอะ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 19-06-2017 22:13:26
ฮาาาาาา ก็สงสารลุงนะ แต่มันขำไม่ไหวแล้วอ่ะ ใครๆก็เอ็นดูเนอะ

โถลูกกกกก อีกไม่นานหนูเสร็จพี่เขาแน่ๆเลยลูก 5555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 19-06-2017 22:19:48
โห พี่ปืนนี่แบบ หื่นมาก55555555555
ฮือ จินตนากรตอนบีบก้นลุงแล้วเขิน
แต่ชอบ555555 แหม กกน้องไม่ห่างเชียวนะพี่
ลุงนี่รู้ตัวบ้างเถอะ จะโดนเขาจับทำเมียนะไม่ใช่ผัว
5555555555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: krayfanxing ที่ 19-06-2017 23:12:40
รอนางโดนคุณปุริมกิน วะฮ่าๆๆๆๆๆ เป็นเคะน้อยคนแรกที่เราอย่างจะส่งเข้าให้เมะไปเลย แบบไม่มีลังเล นางควรจะรับรู้เสียทีว่าคุณปุริมเป็นผัวโอลี่นะจ๊ะน้องลุง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 19-06-2017 23:36:36
 :hao4:


ควาสงสารตาลุงไหม หรือ ยังไงดี ?


สะดวกแบบนี้เหรอ ?
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 19-06-2017 23:39:58
ลุงยังคิดจะเป็นผัวอีกเหรออออ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 19-06-2017 23:44:11
เลี้ยงง่าย เชื่อคนง่าย โดยหลกก็ง่าย
ตามเขาไม่ทันจริงๆนะ ลุง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 20-06-2017 00:41:23
คิดคำจะอธิบายไม่ออก ลุงนะลุง...คนดีมากเลย นี่ถ้าจะมีสามีจะหาแบบลุงนะ เลี้ยงง่ายหลอกง่าย(?)
ทีมลุงนะ เราไม่ไว้ใจคนพี่ คนฉลาดมักใจร้าย!
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: naplatoo ที่ 20-06-2017 07:05:54
ชื่อตอนได้บรรยายทุกอย่างไว้หมอแล้ว 5555555555
:laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 20-06-2017 12:54:10
เมียเอาเปรียบผัวใหญ่เลย เมื่อไรผัวจะรู้ตัวเนี่ย 55555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 20-06-2017 14:40:36
โถ่ ลุงเอ้ยยยยยย น่าเอ็นดู 5555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 20-06-2017 20:07:07
ลุง ทำไมถึงมั่นใจความผัวของตัวเองขนาดนั้นคะ
ปูนก็เนียนนะ ล่อลวงตลอด รู้ว่าซื่อก็ทำอยู่นั่น คนเรา 

ลุงก็ตลก ทั้งซื่อ ทั้งคิดบวก แถมตรงให้อีก สมควรโดนปูนลวง เด็กดี คำเดียว สยบลุง

หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 21-06-2017 00:45:04
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 21-06-2017 13:14:04
นี่มันแบ้วจริงๆใช่ไหม

ไม่ได้โง่แน่นะ


โตมายังไงลูก 55555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 21-06-2017 16:49:48
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 21-06-2017 20:06:20
พี่ปูนเจ้าเล่ห์ ใช้ความใสซื่อของมาใช้ประโยชน์
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 21-06-2017 21:31:29
 :jul1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 21-06-2017 23:49:21
ฮา  :jul3:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 22-06-2017 03:24:38
จะสงสารลุงหรือสงสารพี่ปูนดีอะ5555555555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่5 คนซื่อย่อมตกเป็นเหยื่อของคนวิตถาร||19-6-60หน้า5||
เริ่มหัวข้อโดย: tay028643904 ที่ 22-06-2017 14:16:23
อ๊ายยยยยยยส์ เพิ่งมาเจอเรื่องนี้ ติดตามม FCพัทลุง :katai2-1:
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 5 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 22-06-2017 22:38:49
ตอนที่ 6  ทูนหัวของไก่



รถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาจอดยังลานหน้าตึกสองชั้นที่ออกแบบมาได้อย่างทันสมัย ผมรู้ว่าแถวนี้ไม่ใช่ย่านธุรกิจแต่ถนนทั้งเส้นก็มีอาคารสำนักงานตั้งกันให้ว่อน ที่ทางก็ใช่ว่าจะถูกเพราะการคมนาคมก็แสนจะสะดวกสบาย แต่บริษัทนี้กลับมีรั้วรอบขอบชิดกั้นอาณาเขตที่มีไว้เป็นส่วนตัว นอกจากลานจอดรถบังแดดสำหรับผู้มาติดต่อแล้วยังแบ่งพื้นที่ใช้สำหรับจัดสวนขนาดย่อม ดูเนื้อที่น่าจะสนนราคาได้หลายสิบล้านบาท และที่ดินนี้เองที่ไอ้เพื่อนโป้ยกระซิบบอกว่าเป็นของพี่ปูน

ผมมองเจ้าของรถคันงามที่กำลังดับเครื่องยนต์ รัศมีของผู้มีอันจะกินมันสว่างวาบออกมาจนแสบตาไปหมด ผมไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังอะไรของพี่ปูนทั้งนั้นแหละ พื้นฐานนิสัยไม่ชอบสาระแนชีวิตส่วนตัวคนที่ไม่ชอบขี้หน้าเท่าไหร่ จะมีก็แต่เพื่อนโป้ยเท่านั้นที่ชูหัวชูหางลูกพี่มันให้ฟังอยู่เรื่อย อย่างเรื่องที่พี่ปูนเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัทนำเข้าเวชภัณฑ์รายใหญ่ หรืองานอดิเรกอย่างการเล่นหุ้นทำเงินให้พี่ปูนได้เยอะขนาดไหน ผมว่าโป้ยเสือกไปซะกับทุกคนนั่นแหละ แม้แต่ชีวิตของสุภาพบุรุษอย่างพี่เปี๊ยก

จะมีก็แต่เรื่องตัวเองเท่านั้นล่ะมั้งที่มันยกเว้นไว้

“ให้ผมลงไปก่อนนะ อีกพักนึงพี่ค่อยออกไป”  ผมรีบบอกขณะคว้าแขนคนที่กำลังจะเปิดประตูออกไป พี่ปูนทำหน้างงใส่ ผมเลยจำต้องอธิบายต่อ  “แบบว่า ก่อนหน้านี้ที่เคยเดินเข้าไปพร้อมกันมีแต่คนมอง”

“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย”  คนหน้าด้านก็พ่นลมหายใจออกมาแบบไม่ใส่ใจอะไร แต่ผมยังมียางที่หน้าอยู่ไง แล้วไม่อยากจะให้จิตสัมผัสของไอ้โป้ยออกมาทักทายด้วย

“เป็น!”  ผมเน้นเสียงเข้ม  “พี่เป็นเจ้านายอะ แล้วแต่ไหนแต่ไรผมกับพี่ก็ไม่ค่อยจะกินเส้นกันเท่าไหร่ด้วย”

“นั่นลุงเขม่นพี่ไปเองคนเดียวต่างหาก” 

“เรื่องนั้นช่างมันเหอะ แต่ผมไม่อยากให้คนอื่นรู้”  พูดจบ พี่ปูนก็นิ่งเงียบไป ระดับรอยยิ้มที่แตะแต้มริมฝีปากอยู่ลดลงเหลือครึ่งเดียว หน้ามันเย็นชาขึ้นจนผมต้องรีบแก้ไขความเข้าใจผิด  “พี่เป็นผู้ชายไง เป็นเจ้านายด้วย ทั้งหมดทั้งมวลที่พี่เป็นอะ คือผมเป็นพวกเก็บความลับไม่เก่ง ถ้าโดนต้อนถามมากๆ คงคายออกมาหมดแน่”

“เข้าเรื่องเถอะพัทลุง”

“ผมกลัวคนอื่นมองพี่ไม่ดี”  ถึงจะไม่ใช่ทั้งหมดแต่ก็ประมาณนั้นแหละ ถ้าไอ้โป้ยมันสะกิดใจต้อนถามมากเข้า ความเรื่องที่พี่ปูนเป็นเมียผมคงแตก ผมไม่รู้ว่าไอ้โป้ยจะคิดกับลูกพี่ที่มันชื่นชมยังไง แล้วพี่ปูนจะมองหน้าคนอื่นติดได้มั้ย? ถ้าผมหุ่นล่ำกว่านี้ หรือคุณเมียเป็นหนุ่มร่างบอบบางน่ารักก็ว่าไปอย่าง แต่นี่มัน...หมีควายชัดๆ

“ก็ได้”  เงียบไปสักพักกว่าอีกฝ่ายจะตอบตกลง ผมโล่งอกทันทีเมื่อระดับรอยยิ้มบนหน้าคุณหมีควายกลับมากระจ่างเท่าเดิมแล้ว เมื่อตกลงกันได้ด้วยดี ผมก็ขยับตัวเตรียมจะเปิดประตูรถ แต่ติดตรงที่คราวนี้พี่ปูนเป็นฝ่ายยื่นมือมารั้งผมไว้บ้าง

“ไมอะ?”

“มาจูบหน่อยดิ๊”  ไม่ว่าเปล่า พี่ปูนยังขยับตัวให้ถนัดพลางโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้

“บ้ารึไง นี่มันหน้าออฟฟิศ”  ผมก็ยันหน้าพี่แกไว้สิ เรื่องอะไรจะไปยอมง่ายๆ

“รถฟิล์มทึบ มองไม่เห็นหรอก”  แล้วมีหรือที่ไอ้บ้านี่จะยอม มันดึงมือผมออกแล้วแนบปากลงบนแก้มผมทันที ความกังวลทำให้ผมมองนอกกระจกเลิ่กลั่ก  “เร็วน่า อ้าปากเร็ว”

“ไม่อยากอะ ไว้ทำที่อื่นไม่ได้เหรอ”  ผมก็กระมิดกระเมี้ยนเต็มที่ พยายามปิดปากให้แน่นสนิทยามที่ผู้ชายหน้าด้านจูบลงมา

“ที่ไหนล่ะ? ห้องทำงานพี่ดีมั้ย”

“กวนตีน”  จังหวะที่อ้าปากด่า พี่ปูนก็ฉวยโอกาสประกบปากลงมาซะได้ ผมเลยต้องจำใจรับลิ้นร้อนที่แทรกตามเข้ามาอย่างช่วยไม่ได้ ริมฝีปากพี่ปูนนุ่มนิ่มแต่ลิ้นนั้นนุ่มยิ่งกว่า แถมยังชอบพบปะสังสรรค์กับลิ้นผมเหลือเกิน เกี่ยวกันไปมา เล่นไล่จับกันก็มี จนเมื่อเริ่มเปลี้ยนั่นแหละถึงได้แยกย้ายกัน

“วันนี้ค้างห้องพี่อีกนะ”  พี่ปูนว่า เสียงห้าวต่ำดูนุ่มนวลมากเมื่อมันดังใกล้ๆ หูผมแบบนี้

ผมนิ่งเงียบ พยายามปรับอารมณ์ที่เริ่มเตลิดให้กลับเข้าที่ และต้องหนักแน่นมากขึ้นไปอีกที่จะไม่สนใจริมฝีปากนิ่มที่ไล่งับใบหูอยู่ แต่ทักษะของผู้มีประสบการณ์นั้นมีมากจนเกินไป ผมเริ่มเคลิ้มไปกับลมหายใจอุ่นๆ ที่รินรดบริเวณซอกคอ ทุกตารางนิ้วที่กลีบปากเคลื่อนสัมผัสสร้างความวูบไหว ไม่ช้าไม่นานผมก็พิงศีรษะลงกับไหล่กว้าง เคลื่อนหัวขึ้นลงยอมรับคำชวนเงียบๆ

คิดไปคิดมาก็ว่าตัวเองชักจะเป็นผัวที่ใจง่ายเกินไป

ยังไม่ทันจะได้คบกันผมก็เมาเหล้าปล้ำพี่ปูนไปแล้ว แค่ไม่กี่วันหลังจากตกลงเป็นผัวเมียผมก็ยอมคัดแตงให้มัน และไม่กี่อาทิตย์จากนั้นผมก็ปล่อยให้มันเขมือบหนอนน้อยจนปางตายทั้งที่ยังใส่กางเกงในจังไรแบบนั้น รอบแรกก็ว่าตั้งตัวไม่ติดหรอกนะแต่รอบสองดันคล้อยเคลิ้มตามซะงั้น แถมยังปล่อยให้ไอ้โรคจิตลูบก้นง่ายๆ จะขยำจะบีบผมก็เปิดทางให้สะดวก เมื่อวานยิ่งแล้วใหญ่ เลิกงานปั๊มมันก็หิ้วผมกลับห้องให้ไปทำความสะอาด เสร็จปุ๊บมันก็ลากผมไปนัวในอ่างจากุซชี่ นั่งเคลิ้มพิงอกเมียตัวเองยังไม่พอ น้ำวนก็นวดตัวไป ส่วนมือใหญ่ๆ ก็นวดนมผมไม่หยุด มันใช่เหรอ!? มันใช่รึไง!

ผมคงต้องไปเปิดอ่านตำราว่าด้วยการเป็นฝ่ายรุกสักหน่อยแล้ว เพราะไอ้ที่เป็นอยู่ผมว่ามันไม่ใช่!   


   
หลังจากถูกปล่อยตัวเป็นอิสระ ผมก็พาร่างเบาหวิวของตัวเองเดินขึ้นออฟฟิศไปด้วยความรวดเร็ว นี่มันบ้าเอามากๆ ถึงจะอยู่ในรถฟิล์มทึบก็เถอะแต่ก็อยู่ในบริเวณบริษัทเลยนะ ทำไมตอนนั้นผมถึงไม่กลัวว่าจะมีใครมาแปะมือบนกระจกแล้วส่องสายตาเข้ามานะ อ้อ...คงเพราะกำลังกินลิ้นพี่ปูนอยู่ บ้าเอ๊ย! พัทลุงแกยังมียางอายเหลืออยู่บ้างมั้ยวะเนี่ย

“เป็นอะไรยะคุณลุง”  ผมชะงักความคิด ลดฝ่ามือที่ซุกหน้าด้านๆ ของตัวเองลง สองตาจับจ้องเจ้าของเสียงที่ยืนอยู่ไม่ไกล หนุ่มร่างสูงกว่าผมเล็กน้อยเดินสาวเท้าเข้ามาใกล้มากขึ้นก่อนจะหยุดยืนอยู่เบื้องหน้า ยกมือขาวผ่องขึ้นเท้าสะเอวบางๆ

“สวัสดีครับพี่ริช”  ผมยกมือไหว้พนักงานผู้ครอบครองหลายตำแหน่ง ตั้งแต่ฝ่ายบุคคลยันหัวหน้าฝ่ายบัญชี

“พี่เห็นเราเดินมาเดี๋ยวทำหน้าดำหน้าแดงเอามือซุกหน้าสั่นหัว ดูแล้วเวียนหัวแทน”

ผมหัวเราะแห้งๆ ไม่คิดอธิบายหรือขยายความอะไร แต่ชักนำอีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่องแทน  “แหม~ วันนี้เจ้ดูดีจังเลยนะฮะ มีนัดเที่ยวกับใครรึเปล่า?”

การพาพี่ริชเปลี่ยนเรื่องน่ะง่ายเหมือนเหวี่ยงเบ็ดนั่นแหละ  “อุ๊ยตาย! ดูรู้ด้วยเหรอยะคุณลุง”

“นอกจากเสื้อผ้าแล้ว หน้าก็ผ่องนะเนี่ย โห~ เนียนเหมือนตูดเด็กเลยอะ”

“ผลจากมาส์กหอยทากเกาหลีจ้ะ”  พี่ริชดูปลื้มปริ่มอย่างมาก ผมจึงอาศัยจังหวะพี่แกเผลอๆ เดินควงขึ้นบันไดไปก่อนเสียที่พี่ปูนจะเดินมาถึง 

“งั้นวันนี้ก็มีได้เสียอะดิ แจ่มไปเลยเจ้”

“ก็นิดนึง ไม่ได้เจอกันมาเกือบเดือนแล้ว”  พี่ริชยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ คงดีใจหนักที่แฟนกลับมาทำงานที่กรุงเทพฯ ตามเดิมแล้วหลังจากที่บริษัทส่งไปคุมงานที่ต่างจังหวัดนานถึงสามเดือน แฟนเจ้แกเป็นวิศวกรคุมเครื่องในโรงงาน เห็นว่าคบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย ถ้านับตามอายุพี่ริชก็น่าจะสักสิบปีกว่าได้แล้วมั้ง

“คึคึ ขอให้ได้ให้โดนนะฮะ แล้วจะมาทำงานไหวป่ะเนี่ย”  ผมอดแซวไม่ได้

“อาจลาป่วยฉุกเฉินนะ พี่บอกเอาไว้เลย” 

“เป็นอะไรล่ะเจ้ เข้าโรงบาลบ้าอะเหรอ”  เสียงไอ้โป้ยแทรกขึ้น ดูท่ามันจะได้ยินประโยคสุดท้ายที่พี่ริชพูดเมื่อเหยียบพื้นชั้นสองพอดี ร้อนให้คนโดนกล่าวหาตวัดสายตาฉับไปยังเพื่อนโป้ยที่นั่งยิ้มแป้นแล้นอยู่ที่โต๊ะตัวเอง คนทำเงินเดือนประจำบริษัทสะบัดมือผมทิ้ง เดินบิดก้นไปเกาะแขนพี่เปี๊ยกที่นั่งอยู่ที่โต๊ะฝั่งตรงข้าม

“เปี๊ยกอะ เปี๊ยกต้องดูแลน้องบ้างนะ จะปล่อยให้มาเห่าใครต่อใครแบบนี้ไม่ได้”  พี่ริชพูดเสียงอ้อน มีเขย่าแขนพี่เปี๊ยกที่กำลังอมยิ้มไปมาด้วย ผมนี่หัวเราะลั่นเลย อย่างไอ้โป้ยมันต้องเจอพี่ริชเนี่ยแหละถึงจะเหมาะสม ปากสูสีกันดี ฮ่ะๆๆ

“เราว่าโป้ยชอบริชน่ะก็เลยพูดเล่นด้วย”  แล้วดูสิว่าพ่อสุภาพบุรุษของผมบอกกับเพื่อนรุ่นเดียวกันว่าอย่างไร

“เปี๊ยกจะดีเกินไปแล้ว พ่อยอดขมองอิ่มของริช”  ผมกับโป้ยหัวเราะก๊ากเมื่อเห็นพี่ริชไถหน้ากับหัวไหล่เพื่อน ผมเห็นทางใกล้ชิดบุคคลที่ชื่นชมก็เลยรีบโผเข้ากอดแขนพี่เปี๊ยกอีกข้าง

“โป้ยก็ชอบว่าลุงด้วยนะพี่เปี๊ยก”

“เพราะโป้ยชอบลุงเหมือนกันไง”  พี้เปี๊ยกยิ้มหวานให้ผม แถมยังลูบหัวเบาๆ ให้ด้วย

“แอร๊ย~ ทูนหัวของลุง”  เสียงไอ้โป้ยกับพี่ริชขำก๊าก  “ลุงก็ชอบพี่เปี๊ยกนะ”

“พี่ก็ชอบลุงเหมือนกัน”  ผมปลื้มปริ่มกับคำพูดไอดอลมาก

“แล้วผมล่ะพี่เปี๊ยก”  ไอ้โป้ยทำทีเหมือนพวกขาดความอบอุ่น มันลุกขึ้นตรงมาทรุดตัวนั่งบนพื้น คว้าขาพี่เปี๊ยกเอาไว้แล้วซบหน้าลงกับตัก เล่นใหญ่จนพี่เปี๊ยกยังตกใจ  “ผมก็ชอบพี่เปี๊ยกเหมือนกันนะ”

“พี่ก็ชอบโป้ย”  พี่เปี๊ยกแจกยิ้มอ่อนหวานให้โป้ยด้วยอีกคน ไม่มีท่าทีรำคาญพวกผมที่กอดแกหนึบสักนิด

“อั๊ยย~ พี่เปี๊ยกของโป้ย”

เสียงตอแหลมากครับเพื่อน...

“สตอมาก”  พี่ริชดูจะหมั่นไส้พอกันกับผม มีการใช้นิ้วไสหัวโป้ยให้ออกไปจากตักพี่เปี๊ยกด้วย ผมได้ทีก็เลยผลักหัวไอ้เพื่อนดัดจริตบ้าง พอดีกับที่คำถามกลั้วเสียงหัวเราะจะดังขึ้นจากเบื้องหลัง พวกเราทั้งหมดหันไปมองก็เห็นพี่ปูนกับพี่กรยืนอยู่ตรงทางขึ้นลงบันได ดวงตาสองคู่จ้องมาอย่างขบขัน

“สวัสดีครับพี่ๆ”  เป็นโป้ยที่ส่งเสียงตอบฉะฉาน ส่วนผมที่ยังปั้นหน้ากับเจ้านายหนึ่งในสองคนนั้นไม่ได้ จึงทำแค่ยกมือไหว้เงียบๆ  “ทำไมมาพร้อมกันได้ล่ะพี่”

“วันนี้ที่กองถ่ายมีปัญหาเลยยกเลิก พี่เลยมาทำงานดีกว่า”  พี่กรบอกเสียงนุ่ม  “แล้วเมื่อกี้เล่นอะไรกัน เกาะพี่เปี๊ยกเป็นลูกลิงกันเลย”

“กำลังกอดบอกความในใจกันครับคุณกร”  พี่ริชบอกด้วยรอยยิ้มร่าเริง แอบหยิกแก้มพี่เปี๊ยกเบาๆ แล้วเดินจากไปก่อนคนแรก ผมว่าเพื่อนสองคนนี้น่ารักดี พี่ริชก็ชอบหยอกชอบอ่อย พี่เปี๊ยกก็ยิ้มซื่อๆ ยอมทุกทีไป นี่ถ้าพี่เปี๊ยกยังไม่ได้แต่งงานมีลูกเมีย แล้วพี่ริชยังไม่มีแฟนล่ะก็ ผมต้องแอบคิดว่าสองคนนี้ต้องมีซัมติงกันแน่ๆ

เมื่อเจ้านายมาวงก็แตกเป็นธรรมดา เพื่อนโป้ยลุกขึ้นเดินบิดขี้เกียจกลับไปนั่งที่โต๊ะตามเดิม ผมก็บีบๆ นวดๆ ไหล่ให้พี่เปี๊ยกสองสามทีแล้วเดินจากมาบ้าง พยายามมุ่งตรงไปยังโต๊ะทำงานตัวเองเต็มที่ ไม่วอกแวกไปกับสายตาคมๆ ที่จับจ้องมา

ผมทำเป็นเปิดเครื่องคอมฯ คุยเรื่องดินฝนลมฟ้ากับไอ้โป้ยค่าเวลา เมื่อหางตาเหลือบไปยังทิศทางเดิมอีกทีก็เหลือเพียงความว่างเปล่า คุณเจ้านายทั้งสองคงเข้าไปทำงานยังห้องใครห้องมันแล้ว นั่นทำให้ผมค่อยพ่นลมหายใจออกมาอย่างผ่อนคลาย ผมเคยคิดว่าปัญหาพวกสมภารกินไก่วัดนั้นมันวุ่นวาย แต่พอเปลี่ยนมาเป็นไก่เขมือบสมภารก็วุ่นใจไม่แพ้กันแฮะ โดยเฉพาะไก่ที่มีเพื่อนขี้เสือกเนี่ย...   

อากาศถูกสูดเข้าปอดยาวๆ เพื่อเป็นดั่งการเริ่มต้นการทำงานในวันนี้ ภายในออฟฟิศเข้าสู่โหมดเป็นงานเป็นการ มีเพียงเสียงกดแป้นพิมพ์ เสียงคลิกเมาส์เท่านั้นที่ดังคลอไปกับเสียงเครื่องปรับอากาศ พี่เปี๊ยกนั้นเข้าโหมดเซียนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เห็นว่างานคราวนี้พี่ปูนไปสอยมาได้จากแบรนด์ดัง หินมาก เรื่องเยอะมาก เหมาะสมกับพี่เปี๊ยกผู้เก่งกาจและใจเย็นเป็นน้ำแข็งที่สุด

หลังจากเรียนจบมาได้รอดปลอดภัย ด้วยเกรดและโปรไฟล์ที่ไม่ขี้เหร่นักก็ได้งานที่เอเจนซี่แห่งหนึ่ง แม้จะไม่ได้ใหญ่โตเหมือนบริษัทที่โป้ยได้งาน แต่ก็มีชื่อรองๆ กันมา ผมทำงานอยู่ได้เกือบปีแล้วเกิดมีปัญหากับหัวหน้าแผนกขึ้นมา ก็เลยลาออกมาทำฟรีแลนซ์ สบายใจแต่เหนื่อยกายมาก ต้องหาลูกค้าเอง ติดต่ออะไรเองทุกอย่าง และการต่อรองกับลูกค้าเป็นอะไรที่ผมไม่ถนัดที่สุด บางทีเจอลูกค้าเชี่ยๆ กลายเป็นต้องทำงานแถมฟรีไปก็มี

ระหว่างที่โลดแล่นอยู่ในวงการอิสระอยู่นั้น ผมก็ได้ยินชื่อเสียงพี่เปี๊ยกเข้าหูมาไม่น้อย แถมยังไม่ใช่ในทางเสียหายด้วยนะ ในวงการนี้น่ะแม่งเกทับ ทับถมกันจะตาย แต่พี่เปี๊ยกคนนั้นกลับบริสุทธิ์ผุดผ่องเยี่ยงเทวดา ตอนนั้นผมอยากจะรู้จักพี่เปี๊ยกมาก พอจังหวะที่โป้ยมันออกจากงานเดิมแล้วชวนผมมาทำที่นี่ ผมถึงได้เห็นว่าเทวดาในวงการนักออกเป็นแบบนี้นี่เอง

“กูชอบพี่เปี๊ยกโคตรๆ เลยว่ะ”  ผมพึมพำออกมา แม้จะเบาแค่ไหนแต่ไอ้เพื่อนหูตูบของผมก็ยังได้ยินชัดเจน

“พี่เขามีเมียแล้ว บาปนะมึง”  โป้ยมันก็ตอบโต้ผมแบบผ่านๆ สองตามันยังจ้องอยู่กับหน้าจออยู่เลย

“ตีนเถอะ กูชอบแบบไอดอลอะโป้ย กูอาจจะเป็นติ่งพี่เปี๊ยกก็ได้”  ไม่ต่างจากผมที่กำลังคร่ำเคร่งกับการตัดขอบรูปภาพ

“เพ้อแล้วพัทลุง”

“เกลียดวีรภาพว่ะ”

“อย่าพูดทำร้ายจิตใจกันสิ”  โป้ยว่าขำขำ

“นอกจากจะทำร้าย ลุงจะเหยียบให้แหลกด้วย”

“แต่โป้ยรักลุงนะ...”  จู่ๆ โป้ยมันก็พูดเสียงจริงจังขึ้นมา ผมชะงักมือที่กำลังละเลงเมาส์ปากกา หันไปมองเพื่อนสนิทที่ตอนนี้ก็วางมือจากงานเพื่อหันมาเผชิญหน้ากับผมเช่นกัน

“แล้วเสี่ยล่ะวีรภาพ”  ผมตีหน้าเศร้าพาดพิงถึงเพื่อนคู่เวร ไอ้โป้ยไม่รอช้าพุ่งตัวเข้ามาประชิดคว้าไหล่ของผมไปโอบไว้หลวมๆ

“ช่างมันสิ เสี่ยมันเป็นแค่ทางผ่านของโป้ยอยู่แล้ว”  จังหวะที่ผมซบหน้าลงกับไหล่เพื่อน หูก็แว่วเสียงเหมือนอะไรสักอย่างตกพื้นดังมาจากทางห้องพี่กร

“งื้อ~ วีรภาพของลุง”  ผมก็เล่นไปกับเพื่อนต่อแก้เบื่อ ทำตัวเอียงอายแบบที่คิดว่าน่ารักที่สุด โป้ยมันก็ขำอยู่ข้างๆ หูผม

“ไหนพัทลุงลองบอกโป้ยซิ ว่ามีใครนอกจากโป้ยรึเปล่า?”

“บ้าแล้ว ลุงมีแค่วีรภาพนะ”

“แล้วรอยจูบตรงนี้ใครทำเหรอ?”  แล้วผมก็รู้สึกได้ถึงปลายนิ้วที่เขี่ยเบาๆ ตรงต้นคอบริเวณที่ปลายผมละเรี่ยอยู่

เชี่ยแล้วมั้ยล่ะ!! 

ผมผลักเพื่อนออกแรงๆ เป็นจังหวะเดียวกับที่พี่กรเปิดประตูออกมาจากห้อง เดินจ้ำอ้าวมายืนเหนือหัวพวกผมสองคน ร่องรอยความไม่พอใจฉายวาบอยู่บนใบหน้าของดาราหนุ่มหล่อ

ผมงงเป็นไก่ตาแตกแต่ก็ไม่ลืมยกฝ่ามือขึ้นมาปกปิดร่องรอย ส่วนโป้ยนั้นนอกจากไม่ตกใจแล้วซ้ำยังยกยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งให้ท่านเจ้านายเสียด้วย ท่าทางผิดแปลกของพี่พันกรของสาวๆ คงสร้างความงุนงงให้คนที่เห็นเหตุการณ์พอดู ขนาดพี่ริชยังแอบมองลอดกระจกห้องมาดู ส่วนพี่ปูนเพื่อนสนิทนั้นถึงกับเปิดประตูออกมายืนกอดอกจังก้าข่มขันผมจนขนแขนลุก

“ทำอะไรกัน”  พระรองในจอเค้นเสียงรอดไรฟันออกมา สองตาพุ่งตรงไปยังวีรภาพอย่างขอคำตอบ

“ก็เล่นกันเฉยๆ”  โป้ยยักไหล่ตอบ ดูมันไม่ใส่ใจพี่กรเลยสักนิด  “พี่กรมีอะไรหรือเปล่าครับ?”

ก็ฟังดูสุภาพดีหรอกนะ แต่ไหงผมรู้สึกว่ามันกวนตีนอีกฝ่ายก็ไม่รู้

“ก็...แฮ่ม”  พี่กรกระแอมสองสามทีคล้ายคนเพิ่งรู้สึกตัว แล้วผมก็ได้เห็นทักษะการแสดงที่ผู้จัดหลายคนต้องการตัวใกล้ๆ เป็นครั้งแรก  “ไม่มีอะไรหรอก” 

ใบหน้าหล่อเหลาฉีกยิ้มหวานละไม ดวงตาที่กร้าวเมื่อเสี้ยววินาทีก่อนอ่อนแสงนุ่มนวลฉับพลัน ประหนึ่งเทพบุตรคนเดิมที่พวกผมเจอประจำ

เสแสร้งมาก แต่ดูดีโคตรๆ อะพี่

“อ้าวปูน”  พี่กรหันไปเจอพี่ปูนที่ยืนกอดอกอยู่ที่เดิม  “มีอะไรจะคุยด้วยใช่มั้ย?”

เอ๊ะ??

ไม่ใช่แค่ผมที่สงสัยหรอก ไอ้เจ้าของชื่อที่ยืนเก๊กอยู่เงียบๆ ก็ทำหน้าหมีงงเหมือนกัน

“ไปๆ เข้าไปคุยในห้องกัน”  ว่าแล้วพี่กรก็เดินปรี่เข้าไปรุนหลังพี่ปูนให้กลับเข้าห้องไปพร้อมกัน

รอบห้องตกอยู่ในความงุนงง ผมถึงกับอ้าปากค้าง ขนาดพี่เปี๊ยกยังมองไปยังประตูห้องที่ถูกปิดด้วยความสับสน พี่กรแกซ้อมบทในละครเรื่องใหม่ให้พวกผมดูรึเปล่าหว่า? เล่นเอง เออเอง แถเอง...

“พี่กรแกเป็นอะไรวะ”

ไอ้โป้ยเหยียดยิ้มไม่ตอบอะไร มันยักไหล่ให้ผมแล้วหันกลับไปทำงานต่อ

ผมชะโงกหน้าสอดสายตาผ่านช่องกระจกใสเข้าไปในห้องทำงานพี่ปูนด้วยความอยากรู้ ผมเห็นพี่กรนั่งฟุบหน้าลงกับโต๊ะโดยมีพี่ปูนนั่งอยู่อีกฝั่งทำหน้าเซ็งๆ 

.
.
.

เวลาทำงานอันยาวนานผ่านพ้นไป ผมปิดคอมพิวเตอร์แล้วลุกขึ้นยืนบิดตัวไปมาไล่อาการเมื่อยขบ ในที่สุดก็ปิดงานที่โดนแก้มาสี่รอบได้สักที

‘ขอว้าวกว่านี้’
‘ลูกค้าอยากได้สีฟ้าเข้มๆ ที่ไม่ใช่น้ำเงิน’
‘พี่ว่าก็ดีนะ แต่ลูกค้าจะเอาแบบแรกที่ส่งไป’

นี่แค่ยกตัวอย่างนะ ทำไปกัดฟันกรอดๆ ไปด้วย อยากรู้จักบ้านคุณลูกค้าท่านนี้มาก อยากเอาขี้ไปปาใส่ แต่มันผ่านไปแล้วครับ เป็นพระเอกต้องรู้จักให้อภัย จะเหลือก็แต่งานช้างของพี่เปี๊ยกกับการแก้งานรอบที่สามของโป้ยนั่นแหละ

“ไม่กลับบ้านเหรอมึง?”  ผมหันไปถามคนข้างตัวที่ยังนั่งแก้แบบยิกๆ

“กูกะเอาให้เสร็จคืนนี้เลย ถ้ามันแก้อีกนะ จะอมขี้ไปพ่นใส่หน้าแม่ง”  โป้ยมันตอบได้สมกับเป็นเพื่อนผมเหลือเกิน

“งั้นก็โชคดีนะมึง กูกลับก่อนล่ะ”  ผมบอกลามัน โป้ยก็ทำแค่พยักหน้าหงึกหงักเท่านั้น  “ผมไปก่อนนะพี่เปี๊ยก สวัสดีครับ”  แล้วเดินไปลาพี่ไอดอล พี่เปี๊ยกหยุดทำงานหันมายิ้มกริ่ม มีอวยพรให้ผมเดินทางปลอดภัยด้วยมารยาทดีกว่าเพื่อนโป้ยมากมายนัก

ก่อนจะเดินไปยังทางลงก็เหลือบสายตาไปยังห้องเล็กห้องน้อยเสียหน่อย พี่ริชน่ะเปิดตูดไปตั้งแต่สี่โมงครึ่งแล้ว คาดว่าพรุ่งนี้มีโทรมาลางานแน่ ส่วนพี่ปูนก็ส่งซิกให้ผมเดินตามลงไปตั้งแต่สิบห้านาทีที่แล้ว เหลือเพียงห้องพี่กรเท่านั้นที่ยังเปิดไฟสว่างอยู่ ผมเดินลงบันไดไปพลางโคลงศีรษะให้กับอาการแปลกๆ ของเจ้านายผู้แสนดีในวันนี้ แถมยังอาการแปลกๆ ของไอ้โป้ยอีก ไม่ได้แล้วๆ เรื่องนี้มันต้องมีเงื่อนงำแอบแฝง

“ช้าจริง”  เสียงเข้มๆ ทักทายทันทีที่เท้าผมเหยียบถึงพื้นด้านล่าง พี่ปูนนั่งไขว่ห้างอยู่ที่อาร์มแชร์ในส่วนต้อนรับ ในมือมีโทรศัพท์ที่คล้ายว่าเล่นไว้ค้างอยู่ เมื่อเห็นผมหยุดมอง ร่างของคุณภรรยาตัวใหญ่ก็ลุกพรวดขึ้น เดินตรงมาหาทันที

“ก็ผมต้องเซฟงาน ส่งอีเมล์ เก็บของ บอกลาเพื่อนนี่ครับ”  ผมร่ายยาว และเป็นฝ่ายเริ่มเดินออกไปก่อน พี่ปูนก็ส่งเสียงจะพูดตอบโต้ตามปกติ แต่มือถือผมดันส่งเสียงน่ารักๆ ขึ้นมาเสียก่อน

เมียว~ เมี้ยว~ เมี๊ยว~

“จ๋า~”  ผมกรอกเสียงหวานหยดทันทีที่กดรับสาย ทำให้คุณดาหลาที่อยู่ปลายสายหัวเราะคิกคัก

“แถวออฟฟิศคุณลุงมีร้านก๋วยจั๊บอร่อยๆ ใช่มั้ย?”

“ช่าย เครื่องเยอะแน่นชามเลยล่ะคุณ”  แหม แค่นึกก็เปรี้ยวปากแล้ว ชวนพี่ปูนไปกินสักคนละชามสองชามดีกว่า

“คือแม่อยากกิ๊น อยากกิน” 

ผมพอรู้แล้วว่าแม่ต้องการอะไร

“ของแม่เอาพิเศษหมูกรอบใช่มั้ย? ให้ลุงซื้อเข้าไปกี่ถุงอะ”  ผมพูดพลางมองพี่ปูนที่เดินขนาบข้างขึ้นมา มือใหญ่จับแขนที่ว่างของผมไว้ให้เดินตามไปยังรถที่จอดอยู่ข้างหน้า

“6 ถุงนะ พิเศษทั้งหมดเลย คนไข้เยอะมากๆ แม่หิวข้าวแล้วด้วย”  เสียงใสๆ โอดครวญ

“โอเค แม่หาอะไรรองท้องไปก่อนแล้วกัน”

“แต๊งกิ้วนะคุณลุง แม่วางล่ะนะ จะไปแทงเข็มคนไข้ซะหน่อย ตันได้ตันดีจริงๆ”

ผมขำทิ้งท้ายเสียงสัญญาณ เมื่อเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าก็รู้สึกถึงสายตาที่สบลงมา พี่ปูนยืนมองผมด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม

“ไมเหรอ?”

พี่ปูนส่ายหัวให้กับความสงสัย  “ลุงคุยกับแม่น่ารักดี เสียงอ้อนมากเลย”

“ติดจากแม่น่ะ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่พอคุยกับแม่ทีไรเสียงมันเปลี่ยนไปเอง ขนาดโมโหยังทำเสียงเข้มใส่ไม่ได้เลยไม่รู้ทำไม ฮ่าๆ”  แม่ผมเวลาพูดกับลูกจะง๊องแง๊งเนิบนาบ ยิ่งเวลาคุยกับพ่อนะ เสียงนี้ทั้งออดทั้งอ้อน  “พี่สาวผมก็เหมือนกัน ปกติแรงเป็นไฟเลยนะ แต่พอคุยกับแม่ก็งุ๊งงิ๊งน่ารักไปเลย”

“มันเป็นเรื่องของการหล่อหลอมพฤติกรรมล่ะมั้ง”  พี่ปูนออกความเห็น

“ก็คงจริงอ่ะ พูดกันแบบนั้นทั้งพ่อทั้งแม่เลยแหละ”  แม้ว่าแม่จะเคยเล่าให้ฟังว่าเมื่อสมัยวันรุ่นเป็นเด็กเกเรพอตัว แต่ผมก็ยังนึกภาพลักษณ์ของแม่ในวัยนั้นไม่ออกอยู่ดี

“ลุงถูกเลี้ยงมาดี”  พี่ปูนยกมือยีหัวผมเล่น ริมฝีปากบางฉาบรอยยิ้ม แต่เมื่อผมมองแล้ว...รอยยิ้มนั่นไม่ได้สื่อไปถึงนัยน์ตาดำขลับคู่นั้นเลย มันดูเวิ้งว้างแห้งแล้งพิกล

“พี่ปูนไปกินก๋วยจั๊บกันมั้ย”  ผมเปลี่ยนมาจับมือพี่ปูนบ้าง  “กินเสร็จก็กลับห้องไปก่อนนะ ผมแวะเอาของไปให้แม่ที่โรง’บาลแป๊บเดียวแล้วจะตามไป”

“ยุ่งยากน่า หรือลุงไม่อยากให้พี่เจอแม่”  พี่ปูนว่า

“ผมกลัวพี่เสียเวลาไง แต่ถ้าอยากไปก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว”  ผมเดินไปหยุดยืนรอที่ประตูรถ พี่ปูนปลดล็อกแล้วเดินอ้อมไปฝั่งคนขับ เมื่อเข้ามานั่งกันเรียบร้อยแล้วผมจึงพูดต่อในระหว่างที่พี่ปูนกดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์  “ที่บ้านผมน่ะนะ ไม่มีปัญหากับเรื่องรักร่วมเพศหรอก แม่บอกว่าอยากเป็นอะไรก็ตามใจ หรือถ้าอยากแต่งหญิงก็จะออกเงินทำนมให้ก่อน”

“แม่เขาพูดเล่นน่ะสิ”

“ไม่เชื่อเหรอ จะให้ผมแนะนำเลยหรือเปล่าล่ะว่าพี่เป็นเมียผมน่ะ”

พี่ปูน  “..............”

.
.
.
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 22-06-2017 22:47:43
.
.
.

หลังจากกินก๋วยจั๊บเจ้าอร่อยกันไปคนละสองชาม พี่ปูนก็ลุกขึ้นไปบอกเถ้าแก่ว่าเดี๋ยวจะกลับมาเอาสำหรับใส่ถุง แถมจ่ายเงินให้เสร็จสรรพแล้วก็ลากผมออกมา เป้าหมายคือร้านเบเกอรี่เจ้าดังที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ

“ผมตั้งใจจะเลี้ยงพี่ปูนนะ ให้แฟนเลี้ยงมันไม่ใช่สไตล์ผมอ่ะ”  ผมบ่นกระปอดกระแปดข้างๆ คนที่กำลังเล็งขนมมากมายบนชั้นวาง

“70 บาท”  พี่ปูนแบมือมาให้โดยยังไม่ละสายตากับสิ่งที่สนใจ ไอ้ผมที่กำลังงงๆ ก็เปิดกระเป๋าเน่าหยิบแบงก์ร้อยให้ พี่ปูนรับไปแล้วก็จัดการทอนเงินคืนผมมาอย่างรวดเร็ว  “คือ?”

“ค่าก๋วยจั๊บของพี่ที่ลุงอยากจะเลี้ยงไง สองชามเจ็ดสิบบาท”  คนตัวสูงยืดตัวขึ้นพร้อมอธิบายด้วยความรวดเร็ว  “สบายใจรึยัง?”

“ยังมีของแม่ผมอีก”  ผมรีบเปิดกระเป๋าจะหยิบเงินอีกรอบ แต่พี่ปูนยื่นมือมาฉกทั้งกระเป๋าไปเก็บไว้ในกางเกงของตัวเองเสียดื้อๆ

“ไมอะ?”

“ไม่ต้องจ่าย”

“ได้ไงล่ะพี่ปูน”  แถมคนก็ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อนจะมาเลี้ยงพยาบาลทั้งแก๊งได้ไง

“พี่สบายใจแบบนี้”

ผมเลยต้องหุบปากฉับ เดินถือถาดสีครีมตามพี่ปูนต้อยๆ อย่างว่าง่าย พี่ปูนหยิบนั่นหยิบนี่จนของล้นถาด เดือดร้อนให้พนักงานต้องรีบมารับไปถ่ายเทใส่กล่องก่อน และถาดที่สองในมือผมก็กำลังจะเต็มไม่ช้า พี่ปูนหยุดเดินเมื่อวางชิ้นสุดท้ายลงมา พี่แกแย่งถาดในมือไปส่งให้พนักงานก่อน จากนั้นก็คว้ามือผมแล้วเริ่มนับหนึ่งที่ต้นทางใหม่

“อยากกินอะไร”
 
“ห๊ะ? แล้วที่พี่ซื้อไปเมื่อกี้เอาไปเลี้ยงใคร”  ผมหันไปมองทางเคาน์เตอร์ ของเยอะมาก สองถุงเข้าไปแล้ว และยังมีที่ใส่ไม่หมดอีก

“เอาอะไร ซื้อกลับไปกินที่ห้อง”  เจ้าของมือไม่ตอบคำถามแต่กลับย้ำคำเดิม ผมเลยเดินเลือกๆ มาสองอย่าง เป็นพวกคุกกี้กับขนมปังแท่ง

“พี่ปูนเอาไรเพิ่มป่ะ”

คนตัวใหญ่ส่ายหน้าช้าๆ แล้วก็พากันเดินไปชำระเงินท่ามกลางสายตาของพนักงานที่มองมาทางพวกผมแปลกๆ คล้ายยิ้ม คล้ายพยายามจะกลั้น สงสัยคงถูกพิษเสน่ห์ของท่านพญามารเล่นงานเข้าให้แน่ๆ ผมไม่หวงหรอกนะ ของดีต้องแบ่งกันชม

“แวะร้านกาแฟหน่อย”  หลังออกมาจากร้าน พี่แกก็แวะเข้าร้านข้างๆ ทันที ทิ้งผมไว้ที่โต๊ะกับกองถุงขนมแล้วเดินไปสั่งของที่เคาน์เตอร์อย่างชำนาญ ผมไม่ค่อยได้ซื้อน้ำร้านมียี่ห้อพวกนี้หรอก แม้จะสั่งผมยังงงเลย ที่สำคัญคือมันแพงเกินไป

นั่งรอไปได้ไม่นานเท่าไหร่พี่ปูนก็เดินกลับมาพร้อมกับถุงในมือทั้งสองข้าง ผมมองดูด้วยความตะลึง ในมือข้างหนึ่งมีแก้วใส่น้ำแข็งเปล่าปิดฝาอย่างดีจำนวนหนึ่ง มืออีกข้างมีน้ำต่างๆ บรรจุขวดแบบที่ซื้อกลับบ้าน

“พี่ซื้อมาทำไมตั้งมากมายเนี่ย กินหมดเหรอ?”

“ไปกันได้แล้ว”

เมื่อเสร็จสิ้นการจับจ่าย ก็พากันเดินกลับไปเอาก๋วยจั๊บ จากนั้นก็บึ่งรถไปยังเป้าหมายทันที

ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่ในช่วงเวลาแบบนี้รถมักจะติดเป็นพิเศษ แม้ว่าโรงพยาบาลของแม่กับที่ทำงานของผมจะไม่ได้ไกลกันเท่าไหร่แต่มีสิทธิ์นั่งยาวเกินครึ่งชั่วโมงในรถแน่นอน ผมหันไปมองคนข้างๆ พี่ปูนดูจะอารมณ์ดีพอควร มีการฮัมเพลงโยกหัวตามไปด้วย อะไรจะเบิกบานกับรถติดขนาดนั้น

“เห็นโป้ยว่าแม่ลุงยังสวยเช้ง”

“มากกก!”  ผมลากเสียงยาวเหยียด  “เป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่แจ่มสุดๆ”

“ลุงเหมือนแม่มั้ย?”

“หน้าตาผมดูสวยหรือไง”  ผมย้อนเสียงหน่าย 

“ก็ไม่อะ”  พี่ปูนยอมรับ แล้วหันมายิ้มให้  “แต่น่ารักน่ะใช่แน่”

“เบื่อจะฟังแล้ว อยากได้คำว่าหล่อเท่ห์”

“มีคนบอกบ่อยขนาดนั้นเชียว”  ผมเบ้ปากให้กับสุ้มเสียแปลกใจของคนข้างๆ แค่นึกถึงก็เป็นเรื่องปวดร้าวไม่น้อย

“พ่อกับแม่ไง ชอบบิดแก้มผมแล้วบอกว่าคุณลุงน่ารักจังเลย”  แก้มเคยระบมเลยด้วยนะ แต่นั่นก็เป็นเรื่องตอนเด็กๆ ก่อนโป้ยจะชวนเกเร

“ฮ่ะๆ ไหนๆ แบบนี้เหรอ”  พี่ปูนหัวเราะเสียงใส เอี้ยวตัวมาทางผมแล้วบิดแก้มสองข้างไว้ด้วยสองมือ ยิ้มร่าสนุกสนานกับการแกล้งผมมาก  “คุณลุงน่ารักจังเลย”

“สนุกมากมั้ย เจ็บแก้มด้วยเนี่ย นี่ผัวนะ”

แทนที่จะสำนึกแม่งยิ่งหัวเราะหนักกว่าเดิม อยากจะทุบมันสักอักแต่ติดที่ว่าไฟเขียวพอดี ฝากไว้ก่อนเหอะจะถอนทั้งต้นทั้งดอกเลย



เมื่อตกค่ำ ไม่ว่าจะโรงพยาบาลใหญ่เล็กแค่ไหนก็มีความวังเวงเหมือนกันไปหมด โดยเฉพาะตึกนอนผู้ป่วยที่คนไม่ค่อยพลุกพล่านเหมือนตอนกลางวัน ผมกับพี่ปูนหอบของพะรุงพะรังขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นผู้ป่วยสามัญอายุรกรรม พี่ปูดูรื่นเริงปนตื่นเต้นนิดๆ แต่ผมเริ่มหงุดหงิดนิดหน่อย

“ถ้าผมเดาออกว่าพี่ซื้อของมาเพราะแบบนี้นะ ผมจะห้ามให้ตายกันไปข้างเลย”

“ทำไม? พี่ไม่ได้ซื้อให้ลุงสักหน่อย”

เงียบไปเลยมั้ยล่ะกู  “ก็มันไม่จำเป็นเลยพี่ ไม่ต้องเอาใจอะไรแม่ผมเลย คุณดาหลาแกเป็นคนง่ายๆ”

“ก็พี่สบายใจแบบนี้”

ครับพี่...

แล้วผมก็ปิดปากเงียบจนถึงชั้นที่หมาย ผมเปิดประตูเข้าไปในหอนอนผู้ป่วยปีกซ้าย มองผ่านๆ ก็เห็นเป็นจริงอย่างที่แม่ว่า เพราะทุกเตียงเต็มแน่น มีญาติคนไข้นั่งๆ นอนๆ กันตามสะดวก ผมเข้าใจว่ามันว่าง ไม่มีอะไรทำ แต่ไม่เห็นต้องพากันจับจ้องผมกับพี่ปูนขนาดนั้นเลยน้า

ผมพาพี่ปูนผลุบเข้าไปในห้องพยาบาลที่เปิดประตูอยู่ พี่ๆ น้าๆ ชุดขาวต่างพร้อมใจกันเมินผมไปมองบุคคลข้างหลังที่เดินตามมาเป็นจุดร่วมเดียว คงจะมีแต่คุณดาหลาคนเดียวเท่านั้นที่ยิ้มแย้มเดินเข้ามาหาผม

“ช้าจังเลยคุณลุง แม่หิวจะตายอยู่แล้ว”

ผมสวัสดีแม่ แล้วก็ยกมือไหว้ทุกคนในห้อง ผมสะกิดพี่ปูนให้เดินลึกเข้าไปเพื่อวางของทั้งหมดลงบนโต๊ะอาหาร นางฟ้าชุดขาวก็พากันเดินตามมาด้วยความหิวโหย พอเห็นเครื่องบรรณาการเท่านั้นแหละ เสียงหูยยยก็ดังประสานกัน

“ซื้ออะไรมาเยอะแยะเนี่ยลุง น้าฝากแค่ก๋วยจั๊บไปนะ” 

“มีคนเลี้ยงฮะน้าเปิ้ล”

ผมถอยหลังออกมาให้บรรดาคนหิวหยิบเลือกถุงก๋วยจั๊บกันอย่างสะดวก บางคนก็แหวกถุงขนมส่องข้างใน

“แม่ๆ”  ผมเรียกคุณดาหลาเสียงเบา นางฟ้าส่วนตัวของผมจึงเดินมาหาพร้อมรอยยิ้ม 

“พี่ปูนนี่คุณดาหลา แม่ผม”  เป็นมารยาทที่ผมต้องแนะนำคนอายุน้อยกว่าให้ทักทายก่อน พี่ปูนก็ยกมือไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่เสียสุภาพ  “แม่ นี่พี่ปูนเป็น...”

เป็นอะไรดีวะ? ไอ้ตอนเดินมาก็มัวแต่หงุดหงิดเลยลืมนึก ผมเหลือบมองใบหน้ายิ้มกริ่มของพี่ปูนเล็กน้อย แล้วก็ตัดสินใจตอบเป็นกลางไว้ก่อน คนก็เยอะแยะ พี่ปูนจะได้ไม่ขายหน้า ไว้ตกลงกันแน่นอนแล้วค่อยบอกแม่ก็ยังไม่สาย

“เป็นเจ้านายลุงอะ”

ดวงตาคู่สวยของแม่วาววับขึ้นมาแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากหันไปยิ้มหวานให้พี่ปูน  “ไม่น่าต้องลำบากซื้อของมาเยอะแยะอย่างนี้เลย”

“ผมอยากซื้อมาฝากน่ะครับ คุณดาหลาไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ”

“เรียกน้าดาก็ได้นะคะ คุณปูนใช่มั้ย”

“เรียกผมปูนเฉยๆ ก็ได้ครับ”

“น้าต้องให้เกียติความเป็นเจ้านายของคุณลุงสิ เรียกคุณปูนน่ะถูกแล้ว”  แม้ยิ้มแย้มน่ารัก บอกเสียงเนิบนาบตามปกติ

“พี่ไม่เห็นเหรอว่าแม่ก็เรียกผมว่าคุณลุง”  ผมยื่นหน้ากระซิบกระซาบให้พี่ปูนเข้าใจ

“แล้วนี่ทำไมมากับคุณลุงได้ล่ะ กินข้าวกันมารึยังจ๊ะ?”  แม่ถามต่อ เสียงจานกระทบกันโคล้งเคล้งอยู่ด้านใน คงเริ่มตั้งวงกันแล้วแน่

“กินมาแล้ว แม่เข้าไปกินเถอะ” 

“จ้า อ้อ! คุณป้าบอกว่าวันนี้จะค้างบ้านเพื่อนนะ แม่ก็จะนอนหอพักเลยเพราะพรุ่งนี้เวรเช้าต่อ”

“ป้าไม่เห็นไลน์มาบอกลุงเลย”

“ก็ไลน์มาบอกแม่แทนแล้วไง คุณลุงอย่าลืมล็อกบ้านให้สนิทนะ”  แม่กำชับด้วยความเป็นห่วง แต่ว่าผม...

“วันนี้ลุงก็จะค้างที่อื่นอะ”

“บ้านโป้ยเหรอ?”

พี่ปูนกระแอมเบาๆ เสมหะพันคอรึไงกัน  “บ้านพี่ปูนน่ะแม่”

นัยน์ตาของคุณพยาบาลคนสวยวาววับอีกครั้งยามเลื่อนไปจับจ้องคนตัวสูงข้างหลังผม นี่อย่าบอกนะว่าแม่ก็หลงเสน่ห์พี่ปูนอีกคน ไม่เอาน่า ผมไม่อยากโทรไปร้องไห้กับพี่อ้อยพี่ฉอดนะ

“งั้นแม่ไปกินข้าวก่อนนะ อย่าดื้อกับพี่เขานะคุณลุง”

“ลุงไม่ใช่เด็กนะคุณดาหลา!”  ผมโอด แต่แม่กลับหัวเราะใส่ ไอ้คนข้างหลังก็ขำพอกัน

“ขอบคุณนะคะคุณปูน ไว้วันหลังมาที่บ้านน้านะ จะให้คุณลุงทำอาหารเลี้ยงตอบแทน”

พี่ปูนยิ้มกริ่ม ยกมือไหว้ขอบคุณแม่ง่ายดายมาก ไม่มีปฏิเสธสักนิด ผมยกมือบ๊ายบายเป็นการลา แม่ยังไม่วายยื่นมือมาหยิกแก้มแรงๆ แล้วเดินเข้าไปด้านใน

“ลุงทำอาหารเป็นด้วย?”

“อ่ะแน่นอน! ผมเป็นลูกมือให้พ่อมาตั้งแต่ประถม”  นอกจากเรื่องทำความสะอาดแล้ว ก็มีเรื่องนี้แหละที่พอยืดได้ แม้ทำออกมาจะหน้าตาไม่สวยงามเท่าไหร่ แต่รสชาติสะเด็ดสะเด่ามากนะขอบอก

ผมเดินนำพี่ปูนออกมา ยืนรอลิฟต์ท่ามกลางความวังเวง

“ทำงานบ้านก็เก่งแถมยังทำอาหารได้อีก”  พี่ปูนออกปากชม เสียงนี่ยกยอมากเสียจนจมูกผมแทบยืด

“เจ๋งใช่ป่ะล่ะ”

“หน้าตาก็น่ารัก”

“แน่นอน”

คนชมยิ้มขำ ก้มหน้าลงมากระซิบเสียงเบา  “บั้นท้ายก็สวย”

“เอิ่ม...”

“ก้นก็งอนเด้ง”

“เอ่อคือ...”

“ให้พี่เป็นบ้างได้มั้ย?”

“อ...อะไร”  ผมชักจะหวั่นใจแปลกๆ แล้วสิ

“ทูนหัว” 

.
.
.

“อยากเป็นทูนหัวของลุง”

.
.
.

โอยย~ ทำไมโรงพยาบาลมันร้อนอย่างนี้นะ!
     


TBC.

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สวัสดีค่าาาาา ท่านักอ่านเจ้าใหม่และเก่า

เพิ่งจะได้มาทักทายกันก็ตอนที่ 6 ไปแล้ว 

ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ คุณ nin@ ที่ช่วยแก้คำผิดให้ เมื่อตอนที่ 4 นะคะ
ถ้ามีคำผิดอีกก็เตือนกันได้นะคะ

เป็นยังไงบ้างกับน้องลุง 555 ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนแบบนี้อยู่ในโลก ซื่อ(บื้อ) เถรตรง ขี้มโน แถมยังตามใครเขาไม่ทันอีก
นักเขียนไม่เคยเจอเหมือนกัน ก็โลกนี้มันอยู่ยากนี่หน่า คนใสใสมันเลยหาไม่ค่อยเจอ

ส่วนเรื่องอื่นก็ตามที่ได้บอกไว้ในเพจเลย กำลังหมักอยู่ในไห กลิ่นกำลังเปรี้ยวเลย กร๊ากกกก
แต่จะทยอยตามออกมาแน่นอนค่ะ

ยังไงก็ฝากคุณลุงกับปุริมไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ


ด้วยรัก
L@DY MELLOW
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 22-06-2017 23:14:55
เมือไหร่ลุงจะเข้าใจ ว่าบทบาทที่ได้รับคือ "เมีย" 555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 22-06-2017 23:26:38
โอ๊ยยย อ่านมาทั้งหมดมาตายตรงทูนหัวของลุงนี่แหละ
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 22-06-2017 23:29:17
อ๋อยยยยยยย. พี่ปูนอะ เขินนะเนี่ยยยยย. 
ตอนที่ลุงพูดว่า. นี่ผัวนะ. อิชั้นฮาก๊ากกกกกเลย โถลุงเอ๊ยยยย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 22-06-2017 23:41:21
คิดว่าคุณแม่คงจับอะไรได้แล้วใช่มั้ยคะ ดีใจด้วยนะคะได้ลูกสะใภ้(?)ที่หล่อขนาดนี้ อิพี่ปูนนี่หลงน้องมากอะและก็หื่นมากเช่นกัน คุณลุงเอ้ยยยยยย นี่ยังคิดว่าตัวเองเป็นผัวอยู่อีกเหรอ โพซิชั่นแต่ละครั้งมันยังไม่บอกอะไรอีกเหรอคะ รอวันคุณลุงโดนเมียกิน ฮาา แล้วคู่โป้ยกับคุณกรนี่คือยังไงคะมีซัมติงอะไรกัน หืมม อย่าบอกนะว่าวันที่กินเหล้ากันวันนั้นอะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 22-06-2017 23:55:31
นี่ผัวนะ :laugh: :m20: :jul3:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: naplatoo ที่ 23-06-2017 00:01:26
ได้คุณลุงเป็นผัวนี่มันดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 23-06-2017 00:03:38
 :laugh:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 23-06-2017 00:04:48
หลงเสน่ห์คุณลุงเข้าไปเต็มๆ เลยค่ะคนเขียน
ทำไมไก่ตัวนี้น่ารักแบบนี้เนี่ย อยากได้มาเลี้ยงที่บ้านเลยค่ะ
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-06-2017 00:11:01
พี่กร หลุดอาการที่เห็นลุงเล่นกับโป้ยถึงเนื้อถึงตัว
แสดงว่าพี่กรหึง แต่หึงใครล่ะ โป้ย ใช่ปะ อะจ๊ากกกก  :really2: :really2: :really2:
ว่าแต่โป้ย แปลกๆนะ ไม่ใช่อยูทำงานต่อเพื่อปรับความเข้าใจกับพี่กรนะ
หรือไม่ใช่แอบตามดูลุงนะ  o22 :a5:

เหมือนพี่ปูน มีครอบครัวไม่อบอุ่น นะ
พี่ปูน คงรับรู้ว่าลุงมีแต่ความหวังดีกับพี่ปูน แบบกลัวคนมองพี่ปูนไม่ดี
ดูท่าพี่ปูน ติดลุงมากขึ้นนะ

คุณดาหลา จับสังเกตพี่ปูนกับลุงได้ไวมากกกก  :hao3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-06-2017 00:13:59
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 23-06-2017 00:42:12
เอาเข้าไป เอาเข้าป๊ายยย ฮ่า ๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 23-06-2017 00:55:41
อ้ากกก เจอแม่แล้วอีกหน่อยคงมาสู่ขอ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 23-06-2017 00:58:22
ครบคุณสมบัติผัว(?)ที่ดี  :laugh:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 23-06-2017 01:05:56
ผัวที่ดีต้องเป็นแบบนี้แหละลุง ตามที่พี่สมภารแกพูดเลย หุหุหุ
โป้ยกรนี่ยังไง ยังไง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 23-06-2017 01:22:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 23-06-2017 01:25:10
คุณลุงน่ารักนะคะ คุณดาหลาก็น่าจะหลงลูกชายไม่น้อยหรอก
และคุณปุริมก็ท่าทางจะหลงหนักเช่นกัน เอ่ยปากชม ขยันหลอกล่อ อ่อยอยู่นั่น
อยากอ่านฝั่งพี่ปูนบ้างแล้ว

ว่าแต่คุณพันกรกับคุณวีรภาพนี่ยังไง ยังไง ยังไง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 23-06-2017 01:50:44
เมื่อไหร่ลุงจะรู้ตัวสักทีเนี่ย
 โดนรุกอยู่ฝ่ายเดียวตลอดขนาดนี้จะไปเป็นผัวเค้าไหวหรอ
 :katai3:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 23-06-2017 01:51:50
ตอนไหนคุณลุงจะรู้คะว่าตัวเองไม่ใช่ผัว 555555555555555555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-06-2017 02:08:01
คุณแม่รู้แล้ว~~~
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 23-06-2017 02:32:26
ทูลหัววววววว
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 23-06-2017 04:14:59
 o13 ชอบบบสุดๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 23-06-2017 06:30:28
พร่กรกับโป๊ยนี่มีอะไรในกอไผ่ป่ะะะะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: บูมพอส ที่ 23-06-2017 07:45:10
เจินพี่ปูนมากอะ งื้ออออออ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 23-06-2017 08:38:58
ใครก็ได้บอกคุณลุงที่ว่า ไม่ได้เป็น "ผัว"
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 23-06-2017 08:47:11
ขำลุง :mew4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 23-06-2017 09:23:55
เฮ้อ คุณลุงงงงง แบบนี้เสร็จยังไงก็เสร็จ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: todiefor ที่ 23-06-2017 09:34:48
หมั้นไส้สมภาร!!!!!!
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 23-06-2017 09:51:54
ลุงน่ารักมาก

โคตรน่าแกล้ง 5555


พี่ปูนดูขี้่แกล้งอยู่แล้วด้วย

ไม่น่ารอด 55555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 23-06-2017 10:04:16
พี่ปูนมีพลังทำลายล้างสูงมาก

หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 23-06-2017 10:24:27
คุณสมบัติภรรยาที่เลยใช่มั้ยล้าพี่ปูนน~
แม่คงจับสัมผัสได้แหละว่าไม่ใช่แค่เจ้านาย555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 23-06-2017 10:49:44
ลุงใสมาก น่ารักอ่ะ พี่ปูนดูมีปมเรื่องครอบครัว รอตามอ่านเรื่อยๆเลย
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: kingkongkaew ที่ 23-06-2017 10:55:39
คุณกรกับโป้ยคืออะไร ยังไง ดูน่าสงสัย
แต่ลุงนี่ไม่ไหว น่ารักจริงๆ คุณสมบัติความเป็นเมียนี่ครบถ้วนแต่เจ้าตัวยังไม่รู้ตัว
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 23-06-2017 11:09:21
โอ้ยยยย อ่อยยยย  โอ้ยยย อยากอ่านต่อ  งื้ออ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 23-06-2017 12:45:14
เขินนน ตอนประโยคสุดท้ายยย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 23-06-2017 13:22:00
เป็นผัวไม่รุ่ง เป็นเมียดีกว่าน้าา คุณลุง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 23-06-2017 13:33:20
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 23-06-2017 13:38:21
หนูยังมั่นในความผัวอีกนะน้องลุง   :laugh:  อิพี่ปุริมมีความทำลายล้างสูงมากๆๆ

  :pig4: :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 23-06-2017 16:06:31
 :-[ :-[ โอยยอยากอ่านต่อแล้ว!!! สนุกมากค่ะ รักลุงมากพี่ปูนนี้ร้ายไม่เลิกอะ  :ling1: :ling1: โอยไม่ไหวแร้ว
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 23-06-2017 17:26:25
 :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 23-06-2017 18:45:37
เขินด้วยคน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 23-06-2017 22:01:47
ทูนหัว คุณลุงเดียงสาจัง อยากฟัด
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 23-06-2017 22:09:14
โถถถ เจ้าไก่น้อยยยย  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 23-06-2017 22:48:51
นี่ก็อยากได้คนแบบลุงคือน่ารักกก แง่ง
จริงๆระหว่างพี่เปี๊ยกกับริชก็ดูสนิทกันม๊ากมากแต่ในกรณีมีเมียมีลูกก็ไม่อยากคิดแนวผิดหลักเท่าไหร่ สงสารลูก ฮือออ ยกเว้นแต่จะมีอะไรที่เมียไม่ดีงี้ แฟนมีชู้งี้
ลุงน่าร้ากกกกก รักมาก อยากเก็บไว้ข้างกาย คิดว่าพี่ปูนมีปมครอบครัวอ่ะ ดูจากแววตาที่เธอมองมา
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 24-06-2017 00:31:18
น่าย้ากกกก :mew1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 24-06-2017 08:06:07
 :impress2: ลุงน่ารัก  พี่ปูนคงหลงน้องมากขึ้นทุกวัน
ทั้งทำอาหาร-ทำงานบ้างเก่ง แถมยังก้นสวยอีก.. 5555
.

.

ว่าแต่..พี่กรกะโป้ย มีซัมติงกันรึป่าวน๊าา  :hao4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: naplatoo ที่ 24-06-2017 10:47:41
เมียคุณลุงทไให้เขินอีกแล้ว  พลังทำลายล้างสูงมาก อร้ายยยย :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 24-06-2017 13:44:44
ลุงงงง ทำไมซื่อ ทำไมเป็นคนแบบนี้ ยังคงมึนว่ามีความผัวมาก
แถมเล่นใหญ่ไฟกระพริบตลอด ลุงดูอาการปูนออกด้วย เหมือนปูนนอยด์เรื่องที่บ้านหรอ

ปูนเนียนนะ กะฝากตัวใช่ไหม ทำดีมาก แล้วเรื่องขอจูบน่ะ ดูดวิญญาณลุงหรอ ถึงเพ้อได้ขนาดนั้น

กรเป็นอะไรคะ แล้วโป้ยเล่นใหญ่ไปทำไม
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 25-06-2017 00:40:31
กรี้ดดดดดดดดดดดดด
พึ่งเข้ามาอ่านนนนนนนนน
มีความเอ็นดูน้องลุงงงงงง

คือน้องลุงนี่มาแบบพล็อตสามีตีตรามาก
(เข้าใจว่าตัวเองเป็น"สามี"แต่ความจริงโดนเขาตีตรา)
อะไรจะซื่อ(บื้อ) น่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้
(ขนาดพี่ปูนยังดูเอ็นไปแล้ว)
ชอบๆ น้องลุงดูไม่ค่อยมีสติ 555555
(ถ้ามีสติน้องจะรู้ว่าน้องไม่ได้เป็นผัวใคร)

โป้ยกับกรนี่ยังไง
เธอรักกันชอบกันด้วยใจใช่มั้ย
รอชมมมม
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: FaiiFay_Elle ที่ 25-06-2017 08:25:55
ถึงกับต้องมาคอมเม้นด้วยอาการแบบนี้  :a5: :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Aomoto ที่ 25-06-2017 12:35:04
คุณลุงเป็นผัวที่ใจง่ายมากเลยนะ ใจง่ายจนสบายตัวตลอดเลย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 25-06-2017 15:34:26
ปุริม ร้ายกาจจจจ
เนียนแบบไม่เนียน ฮ่าๆๆๆ คือรุกหนักมากแต่ปั๋วเด็กมันบื้อไง สงสารมัน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: yumenari ที่ 25-06-2017 17:33:36
 :really2:พอถึงประโยค นี่ผัวนะ
 
นี่ลั่นเลยยยยย

คุณลุงงง

อยากฟังคุณปุริม รายงายบ้าง บรรยายความเอ็กของอิลุง

เพราะอิลุงบรรยายทีไร นี่เบลอตัลหลอดดด

นี่ผัวนะ
ลั่นอีกรอบ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 25-06-2017 21:48:19
เพิ่งเข้ามาอ่าน คือฮาความมึนของลุงมาก5555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 27-06-2017 10:32:13
คุณลุงน่ารักเกินไปแล้ว กว่าจะรู้ว่าบทบาทตัวเองที่แท้จริงเป็นยังไงก็คงถูกสมภารจับกินจนไม่เหลือกระดูก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 27-06-2017 11:48:51
อิลุงงงงงน่ารักเว่อ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 6 ทูนหัวของไก่ || 22-6-60หน้า 6 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 27-06-2017 11:52:04
ทูนหัวจ๋า
เมื่อไหร่จะกระจ่างแจ้งในโพสซิชั่น ผ/ม จ๊ะ
บวกเป็ดน้อยๆ
fc พี่ปูน
หล่อร้ายชิหาย 555
 :hao7:
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 27-06-2017 23:30:42
ตอนที่ 7 _การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร_



เสียงรองเท้าดังกระทบพื้นดังก้องมาแต่ไกล เรียกสายตาของพนักงานหนุ่มทั้งสามคนให้ละสายตาจากงานที่ทำเพื่อมองไปยังทางบันไดขึ้นลงเป็นตาเดียว เสียงรองเท้าที่คาดว่าจะเป็นส้นสูงดังใกล้ขึ้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเสียงนั้นเผยให้เห็นเจ้าของที่เผยร่างให้คนชั้นบนเห็นทีละหน่อยตามจังหวะการก้าวเดิน

ผมได้ยินเสียงไอ้โป้ยผิวปากเบาๆ รับการมาเยือนของผู้หญิงสุดสวยนางหนึ่ง เป็นสตรีที่คุ้นหน้าค่าตาดีสำหรับพวกเราทุกคนแต่นับว่าเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นตัวเป็นๆ แบบนี้ ผมสีช็อกโกแลตเป็นลอนสยายเต็มแผ่นหลังพลิ้วไหวไปมารับฝีเท้าที่ก้าวเดินอย่างมาดมั่น รองเท้าแม่คุณคงจะส้นสูงเจ็ดแปดนิ้วได้แต่มันกลับทำให้คนสวยยิ่งดูสง่าขึ้นไปอีก ใบหน้านั้นเกลี้ยงเกลาตกแต่งสีสันมาอย่างดี สวยจนน่าตะลึงขนาดพี่เปี๊ยกยังมองตาค้าง

เจน่า ครอส นางแบบแสนจะเซ็กซี่ที่สุดในขณะนี้ของประเทศ

สาวลูกครึ่งสเปนที่คมเข้มเปี่ยมเสน่ห์คนนี้ ถ่ายแบบวาบหวิวอวดเรือนร่างมาแล้วแทบทุกหัวแมกกาซีน ที่ต้องบอกว่าแทบ เพราะยังไม่เคยเห็นเธอขึ้นปกบ้านและสวนกับนิตยสารครัวมาก่อน ทรวดทรงองค์เอวของแม่คุณนั้นปราบบรรดานางแบบทั้งหลายจนสิ้นซาก ผมเดาว่าผู้ชายหลายคนในประเทศคงต้องมองรูปหวิวเธอแล้วชักว่าวไปด้วยแน่ๆ อะแฮ่ม! นี่ผมไม่ได้พาดพิงถึงตัวเองนะ

เจน่าหยุดยืนเพื่อมองซ้ายขวา ปลายหัวคิ้วขมวดเล็กน้อยคล้ายจะไม่พอใจอะไรสักอย่าง ในบริษัทรับออกแบบเล็กๆ นี้ไปทำอะไรให้คุณนางแบบดังขุ่นเคืองถึงขนาดต้องบุกมานะ หรือว่าจะมาติดต่อเรื่องงาน? แต่น้อยครั้งมากๆ ที่ลูกค้าจะถ่อมาถึงที่นี่ เพราะบริษัทนี้มักจะเอาตัวเองไปประเคนให้ถึงตักลูกค้าอยู่เสมอ แค่โทรมากริ๊งเดียวสองท่านผู้นำก็วิ่งแจ้นออกไปหาแล้ว ง่ายดายยิ่งกว่าสั่งพิซซ่าซะอีก

“ฉันมาพบปูน”   เสียงทุ้มเล็กน้อยสำหรับผู้หญิงดังกังวาน แลดูมีมนต์ขลังมากขนาดที่ว่าพี่เปี๊ยกตาเยิ้มไปทั้งรอยยิ้ม   “ปูนอยู่รึเปล่า?”

“คุณปุริมไปโรงพิมพ์ครับ”   ถ้าไม่ใช่ไอ้โป้ยตอบกลับจะเป็นใครได้ มันกุรีกุจอเดินออกไปนอบน้อมตรงหน้านางแบบตัวสูงเกือบเท่ามันแทบจะทันที   “ใกล้แค่นี้เองครับ อีกเดี๋ยวคงกลับมา”

“งั้นฉันจะรอ”   เจน่าคนงามสะบัดเสียงห้วน เธอมองไปรอบๆ อีกครั้งก่อนจะหันกลับมาสบตาไอ้โป้ย   “ฉันจะนั่งตรงไหนได้บ้าง ไม่สิ...ห้องของคุณปูนอยู่ไหน”

“ทางด้านโน้นครับ”   ไอ้ตัวสาระแนผายมือไปทางห้องด้านในสุด ประหนึ่งข้าทาสคอยเชื้อเชิญเจ้านายไปที่พำนัก

“ฉันจะรอที่นั่น รบกวนเอาเครื่องดื่มมาให้ทีนะ ขอเป็นน้ำผลไม้แล้วกัน”

“เอ่อ...ครับ”   ผมแอบขำคิกกับหน้าปุเลี่ยนๆ ของเพื่อน

“อ้อ -- ถ้าหาแบบคั้นสดๆ ให้ฉันไม่ได้ก็ขอเป็นแบบกล่อง100%นะ ไอ้พวกที่ผสมน่ะรสชาติไม่ได้เรื่อง -- ขอบใจ”

ไม่ใช่นางแบบแล้ว นี่มันนางพญาชัดๆ

ผมต้องรอจนกระทั้งแม่คุณนางแบบดังเดินเข้าไปในห้องพี่ปูนก่อนถึงจะเบ้ปากออกมาให้สมอยากได้ แต่คงไม่ใช่แค่ผมหรอกที่หาจังหวะอยู่ เมื่อป้าจิ๋มแม่บ้านวัยกลางคนรีบพุ่งขึ้นมาจากทางบันได ปรี่เข้ามาเกาะของโต๊ะพวกผมไว้ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด

“ป้าบอกว่าจะให้รอที่มุมรับแขกข้างล่างเธอก็ไม่ฟัง ตวัดตามองซะป้าขนลุกเลย”

“คนดังก็อย่างนี้แหละป้าจิ๋ม”  ผมพยายามปลอบใจคุณป้าลูกสาม  “เรามีน้ำผลไม้สดมั้ยป้า?”

“จะมีได้ยังไงเล่าคะ พวกคุณดื่มแต่กาแฟกับนม อ้อ เครื่องดื่มชูกำลังด้วย”  ป้ารีบตอบ  “อ๊ะ แต่มีน้ำผลไม้ของคุณริชอยู่เหมือนกัน”

“ยี่ห้ออะไรครับป้า”  เพื่อนโป้ยรีบถาม มันคงกลัวว่าป้าจิ๋มจะต้องเดินตากแดดไปซื้อให้ตรงความต้องการของคุณนางแบบ แต่เมื่อป้าจิ๋มบอกชื่อยี่ห้อมาเท่านั้น พวกผมก็โล่งใจกันไป  "ป้าไปรินใส่แก้วมาเลยนะ แล้วเอาขึ้นมาที เดี๋ยวผมเข้าไปให้เอง”

“แต่นั่นของคุณริชนะคะ”  ป้าจิ๋มแย้ง คงกลัวจะถูกต่อว่าทีหลัง ป้าแกมักปกป้องทรัพย์สินในตู้เย็นส่วนรวมให้พวกผมเสมอแหละ แกรู้ว่าอันไหนของใคร กินได้หรือไม่ได้ แต่น้ำผลไม้ของพี่ริชเนี่ยไม่เคยมีใครไปแย่งของแกสักที ผมเหลือบมองไปยังห้องสารพัดหน้าที่ที่ยังเงียบกริบคล้ายไม่รับรู้เรื่องราวภายนอก

“เดี๋ยวผมซื้อมาคืนให้กล่องนึงเลย”  เมื่อได้คำรับปากจากผม คุณป้าแม่บ้านก็เดินตัวปลิวกลับลงไปที่ด้านล่าง

ผมหันสบตากับพี่เปี๊ยกที่หลุดจากการเคลิ้มไปนานแล้ว พี่เปี๊ยกคงคิดเหมือนกับผมเพราะพี่แกพึมพำบางอย่างแล้วส่ายหัวไปมาก่อนจะกลับไปก้มหน้าทำงานตามเดิม ผมได้ยินมาว่าปีๆ หนึ่งเจน่าทำเงินได้เยอะน่าดู เพราะนอกจากงานในประเทศแล้ว ต่างประเทศก็รุมจ้างเธอเหมือนกัน ก็นะ...จะเริดเชิดหยิ่งก็คงไม่แปลก

แต่มันทำให้ผมผิดหวังเล็กน้อย ผมอุตส่าห์เก็บหนังสือรวมภาพของเจน่าไว้อย่างดี เอาไว้ดูเวลา เอิ่ม...เวลาเบื่อๆ แต่หลังจากเห็นท่าทางแบบนั้นของเธอแล้วความประทับใจมันก็ลดลงวูบเลยทีเดียว ถึงอย่างไรผมก็จะไม่โยนหนังสือเล่มนั้นทิ้งหรอกนะเพราะว่ามันเด็ดดวงจริงๆ แค่คงจะไม่หยิบขึ้นมาดูแก้เบื่ออีกก็เท่านั้น

แป๊บเดียวเท่านั้น ป้าจิ๋มก็กลับขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับแก้วทรงสูงที่บรรจุน้ำสีส้มอมแดง โป้ยเองก็เดินไปรับไม้ต่ออย่างทันท่วงทีแล้วรีบสาวเท้าเข้าไปหาเส้นชัย แต่พอมันเปิดประตูออกมาอีกรอบเท่านั้นแหละ หน้างี้ผ่องอิ่มเอิบมาเชียว

“โอ้โหแม่คุณเอ๊ย! หุ่นนี่เด็ดยิ่งกว่าในนิตยาสารอีก”

“กูนึกว่ามึงจะบ่นเรื่องความเป็นคุณนายของเจน่าซะอีก”   ผมหันไปมองเพื่อนโป้ยอย่างเหลือเชื่อ ปกติแล้วมันไม่ค่อยชอบผู้หญิงแบบนี้เท่าไหร่   “ทั้งหยิ่ง ถือตัว แถมสั่งมึงอย่างกะเป็นพ่อบ้านอีก มึงไม่ชอบไม่ใช่เหรอ?”

“จิ๊ๆ เพื่อนลุงครับ”   มันส่ายหน้าไปมา   “มึงดูนะครับ หุ่นแบบนั้น หน้าอกเอย เอวเอย ไหนจะบั้นท้ายกลมกลึง มึงเห็นช่วงขาเรียวยาวนั่นมั้ย ต่อให้คุณเธอจับกูไปเฆี่ยนด้วยแซ่กูก็ยอม”

“หน้ามึงฟินเกินไปแล้ววีรภาพ”   ผมเบ้ปากใส่มัน   “ฝันให้ตายมึงก็ไม่ได้แอ้มเขาหรอก แต่ถ้ากลับบ้านไปขัดจรวดด้วยรูปเขาละก็มึงคงทำได้”

“แหมๆ พัทลุง มึงก็ซื้อเล่มนั้นพร้อมกูนั่นแหละ เปื่อยรึยังอะหรือว่ามันเหนียวจนหน้ากระดาษติดกันหมดแล้ว”

“ไอ้เชี่ย!”   ผมผลักหัวมันแรงๆ ไปหนึ่งที ไอ้เพื่อนเวร! เปิดเผยให้คนรู้ซะได้

“อย่ามาทำเขิน กูกับมึงเป็นเพื่อนกันมากี่ปีแล้ว ไส้มึงกี่ขดกูรู้หรอก”   แทนที่มันจะปล่อยผ่าน ไอ้โป้ยดันทะลึ่งตัวเข้าหาผม จับมือทั้งสองข้างผมไว้แน่นแล้วยื่นหน้าล้อเลียนผมซะใกล้

“อย่าๆ กูก็รู้เหมือนกันว่าความจัญไรมึงมีมากแค่ไหน”   ผมก็ยื่นหน้าเข้าสู้ ยักคิ้วหลิ่วตาสื่อความนัยให้บ้าง

“ทำไมพัทลุงถึงได้รู้จักโป้ยดีขนาดนั้นน้า~”   

“ก็มันเป็นสันดานของวีรภาพอ่ะ ลุงจะไม่รู้ได้ไง”   ผมหัวเราะหึหึ ไอ้โป้ยก็เกทับด้วยสามหึพร้อมฉีกยิ้มเลวๆ อย่างนี้เขาเรียกว่าอะไรนะ? ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่รึเปล่า? เพราะเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่ประถมเลยรู้จักนิสัยกันทุกซอกทุกมุมดี มันรู้ความลับของผมยิ่งกว่าใครในโลก ส่วนผมก็กุมวีรกรรมเลวๆ ของมันไว้เพียบ ถ้าเกิดเกลียดกันขึ้นมาเมื่อไหร่คงขุดเรื่องเก่ามาด่ากันได้สามวันไม่จบ

“เล่นอะไรกัน”

เสียงราบเรียบดังขึ้นใกล้ตัว ทำเอาผมกับโป้ยต้องเบือนหน้าไปหาต้นตอพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย เบื้องหน้าผมคือชายตัวสูงผู้ครองตำแหน่งเซ็กซี่กาย ยืนกอดอกตีหน้าเข้ม ขมวดคิ้วฉับส่งสายตาทิ่มแทงมาให้พวกผม

“กลับมาแล้วเหรอครับพี่ ทางโรงพิมพ์ว่าไงครับ”   ไอ้โป้ยปล่อยมือผมแล้วหันไปคุยกับลูกพี่มันทันที   

“สรุปว่าผิดที่ทางเขาน่ะ พอไปยืนยันกันสีมันเพี้ยนไปจากที่พรู้ฟมาให้จริงๆ นี่คงต้องเลื่อนส่งไปแต่พี่โทรหาลูกค้าแล้ว”   พี่ปูนพูดกับโป้ย แต่หางตานั้นยังส่งมามองผมเป็นระยะ ทำเอาผมหนาวสันหลังนิดๆ   “แล้วเมื่อกี้เล่นอะไรกัน”

“อ๋อ~”   ไอ้โป้ยลากเสียงยาวอย่างมีเลศนัย มันปรายตามองผมเล็กน้อย ก่อนจะโพล่งออกไปแบบไม่ไว้หน้าความสัมพันธ์สิบห้าปีของเราสักนิด   “แค่แซวกันเรื่องที่ไอ้ลุงชักว่าวไปพลางดูรูปนางแบบไปพลางอ่ะครับพี่”

“วีรภาพ!! มึงนี่มัน”   ผมยกตีนถีบหลังมันเต็มๆ จนหน้ามันทิ่มเข้าพุงพี่ปูน แต่มันก็หาได้วกกลับมาทำร้ายผม มีเพียงเสียงหัวเราะสะใจเท่านั้น

“นางแบบคนไหนล่ะ”   ไอ้พี่ปูนอมยิ้มชั่วพร้อมกับมองผมด้วยสายตาโคตรเจ้าเล่ห์

“ก็ --“

“พี่ปูน! มีคนมารอพี่ที่ห้องอ่ะครับ”   ผมพูดแทรกเสียงดังก่อนที่ไอ้โป้ยจะเผยชื่อนางแบบออกมา และมันก็ได้ผลเมื่อพี่ปูนเหลียวมองไปที่ห้องทำงาน สายตาคมเพ่งมองเข้าไปสักพักก็ขมวดคิ้วมุ่น

“...ทำงานต่อเถอะ”   มันเหลือบมองผมอีกครั้ง พูดสั้นๆแล้วเดินตรงเข้าไปยังห้องทำงาน

ผมมองตามแผ่นหลังกว้างนั้นจนกระทั่งหายเข้าไปในห้อง สองตาสอดรู้ของผมพยายามเพ่งมองผ่านกระจกฝ้า ผมเห็นเงาร่างสูงๆ ของพี่ปูนยืนอยู่ และเห็นอีกร่างที่เพิ่งลุกขึ้นยืน และไม่กี่วินาทีต่อมาร่างอ้อนแอ้นของเจน่าก็โถมเข้ากอดพี่ปูนเนิ่นนาน บางอย่างในตัวผมแล่นแปล๊บๆ ไปทั่วกับภาพนั้น มันเจ็บยิบๆ อย่างไม่สบายตัวที่สุด และผมก็ได้แต่อดทนเอาไว้

“มึงว่าเจน่าเป็นอะไรกับพี่ปูนวะ”   เสียงกระซิบถามของไอ้โป้ยคล้ายเสียงตะโกนก้องอยู่ในหูผม

“มึงถามกู แล้วจะให้กูไปถามใคร...”

นั่นดิ...แล้วถ้าผมอยากรู้ ผมควรจะถามใครดี

ผมพยายามสะบัดหัวไล่ความคิดแง่ลบออกไปจากหัวสมอง ผมไม่ควรคิดแง่ร้ายกับเมียตัวเอง และถึงมันจะเป็นจริง...ผม...ผมก็ควรให้เวลาพี่ปูนปรับตัวบ้าง พี่ปูนอาจจะไม่เคยเป็นเมียใครมาก่อนก็เลยยังไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไร หรือว่าเจน่าอาจจะเป็นแฟนคนเก่า -- เวรแล้วไง -- ก่อนที่ผมจะได้พี่ปูนแล้วรวบรัดเอามาเป็นเมีย ผมก็ไม่รู้ว่าพี่ปูนมีแฟนอยู่แล้วหรือเปล่า แต่พี่เขาก็ตอบรับผมง่ายๆ นี่หว่า บางทีอาจจะเป็นแค่คู่นอนกันก็ได้ ผู้ชายดูดีอย่างนั้นคงต้องมีกันบ้าง ขนาดเสี่ยกับโป้ยยังมีเลย ใช่ๆ...ผมต้องไม่เข้าไปก้าวก่าย ต้องให้เวลาพี่ปูนค่อยๆ เคลียร์ปัญหาส่วนตัว

สมัยที่แม่ยังสาวกว่านี้ก็มักจะโดนจีบสม่ำเสมอ เคยมีถึงขนาดแสดงตัวว่าชอบแม่ต่อหน้าพ่อก็มี ตอนนั้นพ่อทำยังไงนะ... ผมนึกย้อนไปยังอดีตที่จำได้ พ่อแค่นั่งยิ้มแล้วปล่อยให้แม่จัดการ ก็เพราะพ่อรู้ว่าแม่รักใครที่สุด พ่อเลยไม่เคยตามหึงหวงเหมือนผู้ชายคนอื่น พ่อเผื่อพื้นที่ว่างให้ความเป็นส่วนตัวแก่แม่เสมอ

ผมก็ควรจะทำอย่างนั้น ใช่มั้ย? แม้จะไม่รู้ว่าพี่ปูนรักใครที่สุดก็ตาม

แม้จะหาข้อสรุปให้ตัวเองได้แล้วแต่มันก็ยากเหลือเกินที่จะทำเป็นไม่สนใจ ในขณะที่มือก็ทำงานแต่หูของผมก็คอยรับฟังเสียงจากรอบข้าง และเมื่อเสียงประตูเปิดออกมาก็ทำเอาผมเป๋ไปเล็กน้อย เสียงรองเท้าส้นสูงผสานกับเสียงรองเท้าหนังดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนกระทั่งหยุดตรงบริเวณโต๊ะโป้ย ผมพยายามจับจ้องหน้าจอคอมฯ โดยไม่หันไปมอง

“เดี๋ยวพี่ออกไปธุระนะ คงไม่กลับเข้ามาอีก ถ้ามีเรื่องด่วนโทรหากรแล้วกัน”

เสียงพี่ปูนสั่งความกับไอ้โป้ย ผมรีบตวัดสายตาดูตัวเลขเล็กๆ ที่มุมหน้าจอ...มีธุระตอนสี่โมงเย็น แถมยังไม่คิดกลับเข้ามาอีก แล้วที่ให้โทรหาพี่กรนี่หมายความว่ายังไง พี่ไม่ว่างรับสายหรือพี่ตั้งใจจะปิดเครื่องเลย...แล้ววันนี้ผมไม่จำเป็นต้องไปหาพี่สินะ?  ความคิดแย่ๆ อัดแน่นอยู่ในหัวแต่ผมก็ยังฝืนตัวเองให้นิ่งเอาไว้ได้อย่างดี

ถึงอย่างนั้นผมก็หวังว่าพี่ปูนจะเรียกผม หรืออย่างน้อยก็ทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ผมหันไปมองเขา แต่เปล่าเลย...พี่ปูนก็แค่เดินจากไปง่ายๆ พร้อมกับนางแบบหุ่นดีที่ควงแขนกันอย่างสนิทชิดเชื้อ ผมเงยหน้าขึ้นมองแผ่นหลังของทั้งสองคนเงียบๆ ทั้งคู่ดูเข้ากันได้อย่างเหมาะเจาะ ความเซ็งเกิดขึ้นทันทีอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พอหุ้นส่วนบริษัทเดินลับสายตาไปผมก็แทบจะโยนอุปกรณ์ในมือลงกับโต๊ะ มันเซ็งจนไม่อยากจะทำอะไร ก็เลยยกนิ้วขึ้นมาดูขี้เล็บซะอย่างนั้น

“กูว่าต้องเป็นแฟนกันแน่ๆ แต่ทำไมแก้มพี่ปูนถึงแดงเหมือนรอยมือเลยวะ”

คำคาดเดาของไอ้โป้ยลอยมาตามลมอีกครั้ง ผมเลือกที่จะเงียบหากไม่กี่นาทีต่อมาเสียงข้อความจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ผมหยิบมันขึ้นมาดูเพื่อที่จะพบว่าชีวิตนั้นมันเซ็งซับ เซ็งซ้อน เซ็งซ่อนเงื่อนได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

[วันนี้ไม่ต้องไปหาพี่แล้วนะ ไว้พรุ่งนี้ค่อยนัดกันใหม่]

ง่ายๆ สั้นๆ แลดูไร้ความสำคัญนิดหน่อย อยากนัดก็นัด อยากเบี้ยวก็ยกเลิก

ผมนั่งจ้องข้อความของพี่ปูนอยู่พักหนึ่ง ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเงียบไปเลยหรือว่าจะถามถึงเหตุผลดี แต่พี่ปูนก็บอกไอ้โป้ยแล้วนี่ว่ามีธุระ บอกมันเพื่อหวังให้ผมได้ยินงั้นเหรอ เฮ้อ~ เอาไงดีวะลุง!

[OK]

สติ๊กเกอร์ร่าเริงตัวหนึ่งเด้งขึ้นไปบนหน้าจอพร้อมกับตัวหนังสือ มันดูเริงร่าผิดกับคนส่งอย่างผม นี่คงเป็นข้อดีของการสื่อสารแบบไม่เห็นหน้าสินะ เพราะไม่ว่าคนส่งจะห่อเหี่ยวขนาดไหนแต่คนรับก็คงไม่ได้รับรู้

ผมนั่งมองหน้าจออีกสักพัก แต่ไอ้ตัวร่าเริงที่ส่งไปนั้นก็ยังไม่ได้ถูกอ่าน พี่ปูนแม่งแค่ส่งมาบอกเท่านั้นจริงๆ มันไม่ได้อยากจะรู้คำตอบของผมอยู่แล้วงั้นสิ

“ไอ้โป้ย”   ผมเรียกเสียงยาน สายตายังคงจับจ้องหน้าจอที่ยังไร้การเปลี่ยนแปลง

“ว่า”

“คืนนี้ไปแดกเหล้ากัน”

“จัดไป”   

น้ำเสียงเพื่อนโป้ยดูบันเทิงใจมากนับว่าผมชวนคนไม่ผิดจริงๆ ผมมองหน้าจอเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะตามเดิม ในเมื่อคนทางโน้นไม่คิดจะอ่านหรือโต้ตอบกลับบ้างก็ป่วยการที่ผมจะนั่งจ้องต่อไป

.
.
.

“เอ้า ชน!!”

เสียงแก้วกระทบกันไปมา ก่อนต่างคนจะกรอกน้ำสีอำพันในแก้วของตัวเองเข้าปาก แม้ว่าวันนี้จะไม่ครบองค์ประชุมเพราะขาดเพื่อเป๋ที่เป็นมนุษย์เงินเดือนต้องอยู่ทำโอที แต่ก็พอจะชุ่มชื่นจิตใจกันบ้างด้วยเสี่ยอ่ำที่ถูกหวยหลายหมื่นบาทจะขอเป็นเจ้าภาพเลี้ยงเพื่อนในค่ำคืนนี้ด้วยงบไม่เกินห้าพันบาท นับว่าใจป้ำจริงๆ สำหรับเสี่ยอ่ำ

“วันนี้มึงเดาดิ๊ว่าใครมาที่ออฟฟิศกู”   ไอ้โป้ยเริ่มเปิดเรื่องด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น แต่มันกลับทำให้ผมที่รู้เรื่องดีอยู่แล้วถึงกับเซ็งขึ้นมาในทันที   “เจน่า! มึง เจน่ามาหาลูกพี่กูที่ออฟฟิศ”

“เจน่าไหนวะ”   ไอ้อ่ำตีหน้างง

“เจน่า ครอสไงไอ้เสี่ย”

“ไม่จริงน่า!!”   ไอ้เสี่ยอ่ำร้องเสียงหลง สีหน้าผิดหวังสุดฤทธิ์ประหนึ่งถูกหวยแล้วเจ้ามือตาย   “นางฟ้าของกู ทำไมๆๆ วันก่อนกูยังเพิ่งดูหนังสือของแม่เจ้าประคุณแก้เบื่ออยู่เลย”

 “มึงเอ๊ย~ อกเป็นอก เอวเป็นเอว ในหนังสือเป็นไงตัวจริงแม่งถอดแบบมาเด๊ะๆ สมแล้วที่กูทุ่มซื้อเก็บไว้ตั้งสองเล่ม”  หน้าโป้ยนี่ซาบซึ้งขั้นหนัก ระดับมันก็เอาไว้เก็บเล่มนึง ส่วนอีกเล่มก็คงเอาไว้แก้เบื่อเหมือนพวกผม

“ของมึงแค่สอง แต่ของกูนี่สาม กูแก้เบื่อหนักไปไงแม่ง เสือกเหนียวติดกันจนดูไม่ได้ต้องซื้อใหม่เลย”

“จัญไรมากอะไอ้อ่ำ”   ผมพ่นหัวเราะพรืดกับความหน้าด้านของเพื่อน มันใช่เรื่องที่ต้องเอามาบอกกันมั้ยมึง

เจน่ารู้คงดีใจตายห่าที่พวกผมใช้หนังสือรวมภาพเธออย่างคุ้มค่าขนาดนี้

“ว่าแต่เพื่อนลุงครับ”   ไอ้อ่ำมันส่งสายตากะลิ้มกะเหลี่ยใส่ผมก่อนจะพยักพเยิดไปอีกด้าน   “มีนางหนึ่งมองมึงใหญ่เลย”

เมื่อผมหันไปตามคำชี้ชวน ก็เจอกลุ่มสาวๆ กำลังเฮฮาปาร์ตี้กันอยู่ หนึ่งในนั้นพอเห็นผมก็ทำหน้าเอียงอายให้แต่ยังคงสบตาสื่อความนัยให้อยู่ ก็น่ารักดีนะ ตัวเล็กสมกันดี ผมประบ่าแถมยิ้มหวานเสียด้วย ถ้าเป็นเมื่อก่อนในยามโสดคงเข้าไปขอทำความรู้จักแล้ว แต่นี่ผมมีพันธะตัวเบ้อเริ่มจะให้เดินดุ่มๆ เข้าไปชวนคุยก็ใช่ที่

“ขอผ่านว่ะ ตอนนี้กูมีเมียแล้ว”

“ห๊ะ!!!”

สองเสียงประสานดัง สีหน้าอ่ำกับโป้ยนี่ตกใจกันอย่างเห็นได้ชัด พวกมันคงไม่ตกใจขนาดนี้ถ้าผมใช้คำว่า ‘แฟน’ เพราะเป็นอันรู้ว่ายังอยู่ในขั้นที่คบกันใสใส แต่ในเมื่อผมชี้ชัดลงไปแล้วว่าเป็น ‘เมีย’ นั่นหมายความว่าได้เสียกันเป็นที่เรียบร้อย ถ้าใช้คำว่า ‘คุยๆ กันอยู่’ คือแม่งมีอีกหลายคนเป็นตัวเลือกซึ่งเป็นคำที่ผมไม่เคยมีโอกาสได้ใช้มาก่อน กลุ่มผมมันแยกประเภทความสัมพันธ์กันแบบนี้แหละครับ

“ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ? ทำไมกูไม่รู้”   ไอ้โป้ยออกแนวฮึดฮัดเล็กน้อย มันยอมไม่ค่อยได้ที่จะรู้รายละเอียดชีวิตผมช้าไปกว่าตัวผมเอง   “มึงเพิ่งเลิกกับแพรมันเองนะ”

“ใช่!!”   ไอ้อ่ำรีบสำทับ   “ถึงขนาดได้กันแล้วนี่ยิ่งเป็นไปไม่ได้ มึงไม่ใช่คนไวไฟขนาดนั้น”

“ถูกของไอ้อ่ำ เพราะขนาดผู้หญิงนอนให้ท่าบนเตียงมึงยังคิดว่าเขาง่วงนอนเลย”

ประจารกูเข้าไปไอ้พวกเวร!

“ก็วันนั้นกูเมา ก็เลยเผลอได้กันอ่ะ”   ผมอ้อมแอ้มสารภาพ พยายามบอกกว้างๆ ไม่ชี้ชัดว่าวันไหน   “ตื่นมาก็เสร็จไปแล้ว แถมยังบอกว่ากูทำแรงด้วยนะ ตั้งสองรอบเลยนะมึง”

“เชี่ย~ ไม่น่าเชื่อ”   เพื่ออ่ำครางด้วยสีหน้าก้ำกึ่งจะยอมรับ แต่ไอ้โป้ยเนี่ยสิ...มันกอดอกเขม่นมองผมเหมือนเพิ่งคิดอะไรได้   “พัทลุงแม่งโตแล้วเพื่อนโป้ย จากหนูแฮมสเตอร์กลายเป็นหนูแกซบี้แล้ว”

แล้วหนูมันเกี่ยวอะไรกันวะเสี่ย?

“หมายความว่ามึงเมา พอตื่นขึ้นมาก็ได้เมีย”   โป้ยที่นิ่งเงียบเอ่ยเสียงเรียบไล่เรียงเหตุการณ์   “เมียมึงคงไม่ใช่คนที่กูรู้จักใช่มั้ย?”

อีเชี่ย! จิตสัมผัสแม่งแรงจริงๆ   “ไม่อ่ะโป้ย มึงไม่รู้จักหรอก”

“แล้วมึงเอาคนไม่รู้จักกันมาเป็นเมียเนี่ยนะ”   ไอ้อ่ำรีบเสริม   “กรณีแบบนี้กูเห็นว่าน้ำแตกแล้วแยกทางจะเหมาะสมกว่าป่ะ”

“พ่อกูไม่ได้สอนให้กูเป็นคนอย่างนั้น”

“อันนี้ไม่ได้หลอกด่าพวกกูใช่มั้ย?”

“เปล่า แค่กูอยากแสดงความรับผิดชอบ”   ผมชี้แจงเหตุผลโดยหลบเลี่ยงการกล่าวอ้างถึงเมียนักกล้ามที่ป่านนี้คงกำลังกินหอยอร่อยเหาะไปแล้ว   “แล้วพอกูบอก เขาก็ยอมรับ ก็เลยคบกันแค่นั้นแหละ”

“ง่ายไปป่าววะ? ไม่ใช่ว่ามึงโดนผู้หญิงคนนั้นหลอกนะ”   เพื่ออ่ำยังสงสัยไม่เลิก แต่การตอบคำถามมันยังไม่น่าอึดอัดเท่าสายตาไอ้โป้ยที่มองมาอย่างจับผิด คล้ายกับว่ามันเชื่อมโยงบางอย่างได้และรู้โดยไม่ต้องคาดคั้นว่าผมปิดบังมันอยู่   “มันหลอกให้มึงซื้อของบ้างรึเปล่า? หรือขอเงินมึงบ้างมั้ย?”

“ไม่อ่ะ ไม่มีอะไรแบบนั้นหรอก คือเขาเป็นคนมีเงินน่ะ”

“จริงนะมึง”   ผมเริ่มซาบซึ้งกับความห่วงใยของอ่ำ มีเพื่อนน้อยแต่คุณภาพคับแก้วนี่มันดีอย่างนี้นี่เอง   “มึงมันซื่ออ่ะลุง อย่าเพิ่งไปปักใจอะไรง่ายๆ นะเว่ย คนเพิ่งเจอกันมึงยังไม่รู้จักนิสัยเขาดีพอหรอก ขนาดอีแพรที่คบเป็นเพื่อนกันมาตั้งนานพอเป็นแฟนได้ไม่เท่าไหร่ยังทิ้งมึงไปหาผัวใหม่ง่ายๆ เลย”

เกือบ...เกือบจะซึ้งอยู่แล้วเชียวไอ้หะเรี่ย!!

“มึงไปกินเหล้ากับใครวะ”   ไอ้โป้ยเริ่มคำถามอีกครั้ง

“เอ่อ...คนเดียวอ่ะมึง”

“เหรอ~ มึงแดกเหล้าคนเดียวได้ด้วย อืมๆ”   แล้วมันก็พยักหน้าทำทีเข้าใจ แต่เปล่าเลย! สายตามันบอกว่าไม่เชื่อผมสักนิด   “กูอยากเห็นหน้าเมียมึงจัง มีรูปมั้ย?”

“เออๆ กูก็อยากเห็น” 

เหงื่อกาฬเริ่มแตกพลั่กกับการเรียกร้องของเพื่อนทั้งสอง ถ้าดูจากรูปการแล้ว ไอ้อ่ำมันคงไหลไปตามกระแสไม่ได้คิดอะไรเท่าไหร่ แต่ไอ้โป้ยเนี่ยสิมันต้องมีบางอย่างอยู่ในใจแล้วแน่ๆ เหมือนอย่างที่ตอนนี้มันขอดูรูปเมียผมแต่สีหน้ามันไม่ได้ต้องการอยากรู้อยากเห็นเท่าไอ้อ่ำ มันแค่ลองเชิงผมดูเท่านั้น

“มันขี้อาย ไม่ชอบถ่ายรูป”   ผมตอบเลี่ยงๆ แล้วกระดกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม เพื่อนโป้ยส่งเสียงหึขึ้นจมูกรับการแถของผมแล้วคงตัดสินใจปล่อยลูกหมาตาดำๆ ไปโดยการเปลี่ยนเรื่องคุย

ซึ่งเรื่องที่มันเริ่มก็ไม่ได้ห่างไกลจากตัวผมเลยสักนิด

“มึงได้ยินข่าวแพรรึเปล่า?”

“ได้ยินดิ ยังไงมันก็เพื่อนกัน”   อ่ำก็ตอบรับพร้อมสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่ เรื่องอะไรกันวะ? ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องกับเขาบ้างเลย   “มันก็บ้าเนอะเชื่อผัวไม่ลืมหูลืมตา”

“เรื่องอะไรกันวะ?”   ผมอดสอดขึ้นมาไม่ไหว   “เอาจริงๆ นะกูเพิ่งรู้ด้วยซ้ำว่าแพรมันมีแฟนใหม่แล้ว”

“ซื่อจริงเพื่อนกู”   เพื่อนอ่ำตบบ่าผม แสดงความเห็นอกเห็นใจอย่างที่สุด   “ข่าวแว่วมาว่าพอมันเลิกกับมึงปุ๊บ วันต่อมามันก็ควงกับอีกคนทันที”

อ๊าวไอ้แพร...หมายความว่าไงวะเนี่ย

“แฟนใหม่มันอ่ะเป็นลูกเจ้าของบริษัทที่มันทำอยู่ หล่อ รวย แต่เจ้าชู้ชิบหาย”   สายข่าวอ่ำเริ่มรายงาน   “กูได้ข่าวมาว่ามันมีกิ๊กไปทั่ว แต่ไอ้แพรมันก็หลงไม่ลืมหูลืมตาไง ใครเตือนมันก็ไม่ฟัง”

“แต่กูเลิกกับมันไปไม่เท่าไหร่เองนะ อะไรมันจะรักจะหลงกันเร็วปานนั้น”

“โลกมันหมุนไวอ่ะเพื่อนลุง”   ไอ้โป้ยหลิ่วตาให้ผม พร้อมกับเหยียดรอยยิ้มสื่อความนัยมาให้   “ขนาดมึงยังมีเมียใหม่แล้วเลย”

เกลียด! -- ผมเกลียดจิตสัมผัสของไอ้โป้ยที่สุด!

.
.
.
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 27-06-2017 23:35:07
.
.
.

การทำงานอีกหนึ่งวันผ่านพ้นไปอย่างเงียบเชียบ

เหล่าพนักงานก็ยังตั้งอกตั้งใจกันทำงานเหมือนเดิม เว้นเสียแต่ว่าเจ้านายทั้งสองหายตัวไปพร้อมกัน ดาราอย่างพี่กรก็คงกำลังถ่ายละครตามวันที่ให้คิวไว้อย่างตั้งใจ ส่วนอีกคน...ผมไม่ได้รับข้อความจากพี่ปูนอีกเลยหลังจากที่เดินควงหายไปกับนางแบบดัง วันนี้ก็ไม่ได้โผล่หน้ามาที่ออฟฟิศด้วยซ้ำ

คงเพลิดเพลินกันอยู่ล่ะสิ

ผมโคลงหัวไล่ความคิดนั้นออกไปจากหัวสมอง เขาก็แค่เดินกอดกันแล้วหายไปข้ามวันแค่นั้นเอง อาจจะพากันไปกินอาหารทะเลไกลๆ หอยมันคงอวบใหญ่ถึงได้กินกันข้ามวัน...เท่านั้นเอง!

“เป็นไรวะ?”  คนข้างตัวสงเสียงถามด้วยความสงสัย ผมส่ายหัวไปมาแทนคำตอบพลางเก็บของยัดลงกระเป๋า แต่โป้ยมันก็ยังตื๊ออยู่นั่น  “กูเห็นมึงทำหน้าตูมตั้งแต่เช้าแล้ว งอนใครมา ป้าเหรอ?” 

“ผู้ชายเขาไม่งอนกันหรอกนะโป้ย”  ผมเถียงเสียงเข้ม ใครจะไปงอน! ผมไม่ได้งอนใคร!

“เพื่อนลุงครับ คบกันมาตั้งกี่ปีแล้ว”  ไอ้เปื้อนยื่นมือมาบิดแก้มผมเร็วๆ แต่ก็เจ็บจนต้องตวัดสายตามองอย่างไม่พอใจ  “เวลามึงงอนทีไร แก้มเนี่ย~”  คราวนี้ไอ้คนไม่รู้สึกรู้สาตั้งใจบีบเสียแทบช้ำ ผมเจ็บจนต้องปัดมือมันออกแรงๆ  “ตูมเป็นอึ่งอ่างพองลม”

“มึงมั่ว”

“แต่เวลามึงน้อยใจนะ ปากเนี่ยคว่ำจนน่าบิดเชียว”  แล้วมันก็บิดปากผมอีกครั้ง สีหน้าสนุกสนานเหลือเกินนะมึง

“เกลียดมึงอะวีรภาพ”  ผมโมโห แต่ก็ทำได้แต่จ้องหน้าเพื่อนนิ่ง ทำอะไรมันไม่ได้หรอก ผมไม่นิยมใช้ความรุนแรง

“เดี๋ยวกูทำปากคว่ำบ้างเลย”  มันยังล้อเลียนผมไม่เลิก

ผมแยกเขี้ยวให้ไอ้เพื่อนนิสัยไม่ดี แล้วหันกลับมาจัดการเก็บโต๊ะให้เรียบร้อย โป้ยมันก็เหมือนแม่กับป้านั่นแหละ ชอบแกล้งผมได้ตลอด อย่าให้ถึงคราวผมบ้างเถอะ!

“อ้าว พี่ปูน!”

มือที่กำลังยัดสมุดจดลงประเป๋าเป้ชะงักในทันที ผมพยายามทำใจให้สงบแต่ก็ยังไม่ได้หันกลับไป หูพลางตั้งใจฟังเสียงของเพื่อนกับเจ้าของชื่อที่อาจจะเพิ่งกลับจากการไปกินอาหารทะเลมา

“เข้ามาเอาของหรือครับ มาซะเย็นเลย”

“อื้ม นี่โป้ยกำลังจะกลับแล้วใช่มั้ย?”  เสียงพี่ปูนฟังดูปกติมาก มากเสียจนผมรู้สึกเจ็บยิบๆ ที่หน้าอกอีกแล้ว

“ครับ ว่าจะแวะกินข้าวกับลุงมันสักหน่อย -- อ้าวเห้ย! เก็บของเป็นชาติเลยนะเอ็ง หลับรึไง”

ผมล่ะเบื่อเพื่อนตัวเองจริงๆ

ในเมื่อหลบไม่ได้อีกต่อไป ก็จำต้องยืดตัวขึ้นมาจากลิ้นชัก ผมเป็นผู้ชายที่ผ่านการถูกทิ้งมาเจ็ดครั้ง ภูมิคุ้มกันผมหนาแน่นพอที่จะไม่ทำสีหน้าให้ตัวเองดูน่าสงสารสำหรับอีกฝ่าย ในเมื่อพี่ปูนทำตัวปกติได้ ผมก็จะปกติให้เหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

“ดีพี่”  ผมยกมือไหว้ คนตัวสูงตรงหน้าไม่ยิ้มตอบ ไม่รับไหว้ ผมก็ทำแค่ยักไหล่ไม่หาความ พยายามไม่สนใจด้วยว่าเสื้อผ้าที่พี่ปูนใส่อยู่จะเป็นชุดเดียวกับเมื่อวาน เอาจริงๆ คือผมไม่เหลือบไปมองพี่ปูนอีกเลยต่างหาก

“งั้นพวกผมไปแล้วนะพี่”  โป้ยปิดบทสนทนา มันลุกขึ้นยืนก่อนแล้วค่อยสะกิดให้ผมลุกตาม เมื่อเดินอ้อมโต๊ะมาเจอกันได้ มันก็วาดมือคล้องไหล่ผมทันที ผมที่ขี้เกียจจะผลักไสมันก็เลยยอมเดินแนบชิดปานจะกลืนกินกันไป

“เดี๋ยว!”  คนเบื้องหลังรั้งจะหวะก้าวเท้าของพวกผมไว้ด้วยเสียงเข้มต่ำ เราหยุดเดินแล้วหันไปมองพี่ปูนพร้อมกัน  “พี่ลืมไปว่ามีงานด่วนต้องบรีฟกับลุง”

ผมทำหน้างงใส่เป็นจังหวะเดียวกับเสียงพ่นลมทางจมูกของโป้ยเกิดขึ้นเบาๆ

“งานอะไรอะพี่ ด่วนเลยเหรอ?” 

“ด่วนมาก”  พี่ปูนตอบย้ำในคำถาม ผมถอนหายใจอย่างสุดเซ็ง เกลียดงานด่วนจริงๆ โว้ย! แล้วทำไมต้องมาเอาตอนแบบนี้ด้วยวะ

“งั้นมึงกลับไปก่อน”  ผมเงยหน้าเล็กน้อยเพื่อบอกกับคนที่แนบแน่นกันอยู่

“ได้ไง ไหนบอกว่าวันนี้จะไปนอนกับกู”  โป้ยก็แสนดีก้มหน้าลงมารับการสนทนา แต่เฮ้ย! ตกลงกันไปเมื่อไหร่วะ แค่ไอ้เรื่องจะไปกินข้าวนี่มึงยังไม่ได้ถามกูด้วยซ้ำ

“งั้นมึงกลับไปรอที่บ้าน”

“ก็บอกอยู่ว่าจะไปกินข้าวก่อนกลับ”  ไม่ว่าเปล่า ดันทะลึ่งเอานิ้วมาฉกแก้มผมอีกแล้ว

“วีรภาพ!” 

พวกผมคล้ายจะลืมพี่ปูนไปเสียสนิท ดีที่รังสีแปลกๆ มันพุ่งเข้าใส่จนผมต้องหันไปมอง คนตัวโตยืนตัวตรง กอดอกจ้องตาเขม็ง  “จะมาได้รึยังพัทลุง”

“ครับๆ”  ผมตอบรับเสียงหน่าย พลิกตัวออกมาจากวงแขนเพื่อนพร้อมกับบอกมันไปด้วย  “จะรอก็ตามใจนะมึง ถ้านานอย่าบ่นให้ได้ยินนะ”

“โป้ยกลับไปก่อนดีกว่า พี่จะได้บรีฟสบายๆ ไม่ต้องรีบ”  พี่ปูนสวนขึ้น

“ตามสบายเลยพี่ ผมรอได้”  โป้ยเน้นคำ

มันชักจะแปลกไปใหญ่แล้ว สองสายตาจ้องสบกันข้ามหัวผมแทบจะได้ยินเสียงปะทะกันเปรี๊ยะๆ มันเกิดอะไรขึ้นระหว่างลูกพี่กับลูกน้องคู่นี้กันหว่า จ้องอย่างกะจะฟาดปากกัน แต่ถ้าให้คะเนแล้ว เพื่อนโป้ยของผมคงร่วงแพ้น็อคไปแน่ มันสูงอยู่หรอก แต่หุ่นหนาแค่ครึ่งของพี่ปูนเท่านั้นเอง

“มึงมีเรื่องอะไรกับพี่ปูนป่าววะ?”  ผมยื่นหน้าไปกระซิบข้างหูมัน พยายามบีบเสียงให้แค่เราสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน เพื่อนโป้ยหันมายิ้มกริ่มให้ผม แล้วทำท่าเดียวกันบ้าง เพียงแต่มันต้องโน้มหัวลงมาถึงจะเจอหูผม

“ไม่เสือกดิครับ”

ผมทุบอกมันแรงๆ อย่างหมั่นไส้

“ตามน้ำเข้าใจนะ กูพูดอะไรก็ออเออไป”

“อะไรวะ? อึ๊!!!”

ไอ้เชี่ยโป้ย! มันหอมแก้มผมดังฟอดเลย สันขวานจริงๆ ขนกูลุกไปทั้งตัวแล้วเนี่ย แล้วยังมีหน้าอมยิ้มกลับมากระซิบผมต่ออีก

“ทำไมกูถึงได้มีเพื่อนทั้งโง่ทั้งซื่อแบบมึงว้า...มึงเป็นซะอย่างนี้เลยตามใครไม่ทัน”

อะไรของมึ๊ง!!??

“พัทลุง!”

ไอ้นี่ก็หน้าเข้มเหลือเกิน ไม่ตรงเข้ามาแดกหัวไอ้โป้ยเลยล่ะ!

“โป้ยนั่งรอข้างล่างนะลุง”  มันว่าจบก็ผลักผมไปข้างหน้า แล้วตัวมันก็ผิวปากหวือลงบันไดไป

ผมที่ยืนมองแผ่นหลังเพื่อนด้วยความงุนงงได้ไม่เท่าไหร่ ก็มีอันเซแทดๆ ไปตามแรงดึงมหาศาลของหมีควายตกมัน พี่ปูนลากผมเข้าไปในห้องทำงาน แล้วจัดการเหวี่ยงผมลงบนโซฟาตัวเล็กติดกำแพง เสียงล็อกประตูดังขึ้นจังหวะเดียวกับที่ผมตะกายขึ้นมานั่งด้วยความโมโห

“ทำบ้าอะไรของพี่วะ!!”  ผมตวาดเสียงดัง แต่คนตรงหน้ากลับพุ่งเข้าใส่ผมจนล้มลงไปอีกครั้ง บนโซฟาขนาดกะทัดรัด ผมถูกน้ำหนักของอีกฝ่ายกดทับลงมาจนหายใจไม่สะดวก  “ปล่อยนะพี่ปูน!”

แต่ไม่ว่าจะดิ้นรนแค่ไหนก็ฝืนแรงของคนตัวใหญ่ไม่ได้ พี่ปูนนอนทับแน่นิ่ง โอดรัดตัวผมไว้เหมือนงูเหลือมขนาดยักษ์ ฝังใบหน้าหล่อเหลากับซอกคอ ปล่อยให้ลมหายใจรินรดเนิ่นนานจนผิวบริเวณนั้นร้อนผ่าวคละคลุ้งไปกับกลิ่นเหล้าที่โชยออกมา

มันไม่ใช่ท่วงท่าที่สะดวกสบายเอาเสียเลยแต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มการสนทนายังไง นอกจากจะงงกับเพื่อนแล้ว ยังต้องมางงกับพฤติกรรมของเมียตัวเองอีก มันเกิดอะไรขึ้นกันวะ? ไม่ใช่ว่าไปเริงร่ากับนางแบบหุ่นสะบึมมารึไงกัน ควรจะแฮปปี้หลั่นล้าไม่ใช่รึไง ถ้าเป็นผมนะคงเหมือนได้โบยบินขึ้นสวรรค์ฟินไปสามวันเจ็ดวันต่อเนื่องแน่

“พี่ไปนอนกับคนอื่นมา”

กูว่าแล้วเชียว... ไหนว่าอยากเป็นทูนหัวของผมไง

เชี่ยเอ๊ย!! มันใช่เรื่องที่ต้องมาสารภาพบาปกับผัวตัวเองเรอะ

“อ๊าก!”  ผมร้องเสียงดังจนคนนอนทับสะดุ้งโหยง เมื่อควบคุมสติได้แล้ว ผมก็พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองให้เย็นลง พ่อสอนเสมอว่าเวลาโกรธใครต้องใช้สติให้มาก เวลาทะเลาะกันยิ่งต้องห้ามปากตัวเองให้ได้ ผลที่เกิดย่อมมาจากเหตุของแต่ละฝ่าย ถ้าเราทำความเข้าใจได้ทุกอย่างจะจบลงด้วยดี

แต่ตอนนี้ผมโกรธ

ถึงผมจะนับถือพุทธ แต่ผมกลับชอบเรื่องการสารภาพบาป ผมว่ามันเป็นหนึ่งในกระบวนการยอมรับผิดต่อตัวเอง ถึงบาปนั้นมันจะไม่ลดน้อยลง แต่เราได้ระลึกในสิ่งไม่ดีที่ทำ ได้จำนนต่อจิตสำนึกของตัวเองว่าที่ทำไปนั้นคือความผิด มันเกี่ยวกับเรื่องนี้มั้ยไม่รู้? แต่อย่างน้อยพี่ปูนก็สารภาพความจริงนั้นออกมา ผมชอบคนที่กล้าทำก็กล้ายอมรับ ผมชอบฟังความจริงจากปากเจ้าตัวมากกว่าฟังจากปากของบุคคลที่สามสี่ห้า แต่ไม่ใช่ว่าไม่เจ็บหรอกนะ ...เจ็บอย่างน่าใจหายเลยล่ะ

“ลุง...”

“ยังไม่อยากฟังอะ ไม่ต้องพูดหรอก ยังไม่ต้องบอกอะไรด้วย”  ผมว่าตัวเองกำลังอยู่ในอาการของคนรับความจริงไม่ได้ แค่หัวเรื่องก็หนักพอดูแล้วไม่ต้องมาแจกแจงหัวข้อย่อยตอนนี้หรอก

“แค่ครั้งนี้ จะไม่มีอีกแล้ว”  พี่ปูนยังไม่ยอมหยุด มันพูดอู้อี้อยู่กับคอผม  “อย่าเกลียดพี่นะ”

“บอกว่าไม่ต้องพูดอะไรไง”  ผมบอกเสียงเครียด พี่ปูนนิ่งไปนิดก่อนจะพยักหน้าหงึกๆ อยู่กับซอกคอผมเหมือนเดิม  “ลุกมาคุยกันดีดีเหอะ หลอกผมใช่มั้ยเรื่องว่าจะมาบรีฟงานน่ะ”

หมีควายก็ยังพยักหน้าท่าเดิม แต่ไม่ยอมกระดุกกระดิกไปไหน เอาวะ! ไหนๆ ก็ตัวเริ่มชาแล้ว คุยยาวไปเลยแล้วกัน

“จบกันดีป่าว”  ผมเริ่มพูดด้วยเสียงไร้อารมณ์ ไอ้ควายข้างบนตัวเกร็งขึ้นทันที แต่มันก็ยังเงียบฟังหากแรงรัดนั้นกลับมากขึ้นจนผมรู้สึกเจ็บ  “ก็ผมขอคบพี่เพราะเรื่องคืนนั้นใช่มั้ย? แต่พี่กับผมไม่ได้รักกันสักหน่อย มันก็เข้าใจได้อะนะถ้าพี่จะมีผู้หญิงที่ติดพันอยู่ แต่ผมน่ะต่อให้ยังไม่ได้รัก ก็ถือเรื่องซื่อสัตย์เอามากๆ นะพี่”

พี่ปูนเพิ่มแรงวงแขนจนผมต้องร้องประท้วง เมื่อแรงรัดคลายลงผมก็เริ่มพูดต่อ  “พี่เป็นผู้ชายแถมหล่อด้วย จะให้มาเป็นเมียของผมคนเดียวมันก็น่าสงสารไปหน่อย แต่ผมก็ไม่นิยมแนวฮาเร็มเหมือนกันอะ”

“ไม่มีอีกแล้วจริงๆ สาบานเลย”  เสียงอู้อี้เช่นเดิมโต้ตอบกลับมา

“การสาบานมันไร้สาระว่ะพี่ มันเป็นนามธรรมเชื่อถือไม่ได้ เพื่อนผมยกมือสาบานกันปาวๆ แต่พอฝนตกฟ้าร้องก็เห็นเดินกันสบาย ไม่เห็นฟ้าผ่าพวกแม่งตายห่ากันสักคน”

พี่ปูนนิ่งเงียบไป

“ผมไม่อยากก้าวก่ายชีวิตพี่ ยิ่งไปปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตใครผมยิ่งไม่อยากทำ จริงๆ นะ ผมว่าเราหยุดแค่นี้ดีกว่า”

ผมเงียบไปเช่นกัน หัวใจผมยังเต้นทั้งๆ ที่ยังเจ็บระบม พอเท่ามันน่าจะดีที่สุด...ก่อนที่....ก่อนที่ผมจะชอบพี่มากไปกว่านี้... ก่อนที่หัวใจผมจะยังเต้นแต่เจ็บหนักกว่าเดิม

ผมยู่หน้าให้กับบรรยากาศอึมครึม จริงหรือวะเนี่ยพัทลุง ว่าสุดท้ายแล้วมึงก็เหมือนคนอื่นๆ ที่หลงเสน่ห์พี่ปูนเข้าจนได้... นั่นสินะ ถ้าไม่ชอบ ถ้าไม่รู้สึกอะไร หัวใจผมมันจะรู้สึกขนาดนี้ได้ยังไง

“ไม่เลิก” 

“แล้วพี่จะให้ผมทำไง”  ผมขมวดคิ้วให้กับหลังหูของคนดื้อดึง  “จะให้ร้องด่า โมโหทุบตีพี่เหรอ ผมทำไม่เป็นหรอกนะ”  บ้านผมไม่สนับสนุนเรื่องการใช้กำลัง แต่ไม่ใช่ว่าเกิดมาจะไม่เคยโดนตีนะ แต่พ่อสอนไว้ว่าห้ามใช้กำลังโดยไม่มีเหตุผล ปัญญาชนต้องแก้ปัญหาด้วยสติ

“อย่าเลิก...ไม่เอา”

เสียงถอนหายใจดังขึ้น และความเงียบช่วยขับให้มันดังก้องกว่าเดิม

พี่ปูนยืนยันความต้องการชัดเจน หมายความว่าผมคือผู้ตัดสินใจชี้ขาดในเรื่องนี้ ท่ามกลางความเงียบที่ครอบคลุมห้องทำงานอบอ้าวนี้อยู่ ผมหลับตาลง ใคร่ครวญทุกอย่างในหัวเงียบๆ พี่ปูนนอกใจผม แต่จะเรียกว่านอกใจได้รึเปล่า? เอาเป็นว่า เมียผมนอกกายไปกับผู้หญิงแล้วกัน แน่นอนว่าผมเสียใจแล้วก็เจ็บที่ใจ แต่สติของผมนั้นกลับเข้าใจ มันกล่อมสมองผมว่าพี่ปูนยังใหม่นักกับการเป็นเมียใคร ผมควรให้เวลาพี่ปูนปรับตัว แต่หัวใจผมมันก็บอกสมองว่ามันรับไม่ได้ แล้วต่อไปผมจะเชื่อใจพี่ปูนอีกได้ยังไง ผมไม่ชอบการระแวงใคร แต่ถ้าอนาคตผมเห็นพี่ปูนหายไปกับผู้หญิงคนไหนอีกผมก็คงต้องคิดมากแม้ว่าความจริงจะไม่มีอะไร

แล้วผมก็ถามตัวเอง... ถามตัวตนข้างใน ถามว่าพัทลุงรับได้มั้ยถ้าจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง พี่ปูนมีค่าพอให้ผมรีเซ็ตทุกอย่างหรือไม่ สำคัญมากพอที่จะหยุดความเสียใจแล้วเดินต่อไปข้างหน้าได้หรือเปล่า ผมไม่เคยต้องมาเผชิญกับความสัมพันธ์แบบนี้ ไม่เคยต้องบอกเลิกใคร...และก็ไม่มีใครเคยขอหรือให้โอกาสผมแก้ตัวเหมือนกัน

ผมบอกสติ ว่านี่จะเป็นการเข้าใจครั้งสุดท้าย พี่ปูนใช้เวลาปรับตัวหมดไปแล้ว

ผมบอกหัวใจ ต่อให้อนาคตจะต้องมีเรื่องให้ระแวงแค่ไหน แต่สติคงจะช่วยให้หัวใจผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

ผมบอกกับตัวเอง ผู้ชายคนนี้ยังมีค่า ยังเหลือความสำคัญมากพอให้ผมใส่ใจ

ใช่ว่าทุกคนที่ทำผิดจะต้องได้รับแต่ความผิดหวัง โอกาสของพี่ปูนคือความกล้าที่จะยอมรับในความผิดที่ทำ   


“โอเค...ไม่เลิกก็ไม่เลิก”  ผมอาจจะยอมแพ้ง่ายไปนิด แต่เอาน่า ทุกความสัมพันธ์ย่อมมีจุดสิ้นสุด แต่ทุกคนควรได้โอกาสแก้ตัว  “ลุกขึ้นมาคุยกันได้แล้ว”

คราวนี้ของหนักเริ่มขยับเขยื้อนออกไปพลอยให้รู้สึกโล่งเหมือนร่างมันเบาหวิวขึ้นมา พี่ปูนลุกขึ้นนั่งเชื่องช้า กระเถิบตัวเว้นระยะให้ผมได้ลุกขึ้นนั่งบ้าง เรานั่งห่างกันเล็กน้อย แต่ก็ยังอยู่ในท่วงท่าที่หันหน้าเข้าหากัน และเป็นครั้งแรกของวันที่ผมมองหน้าพี่ปูนแบบเต็มตา

อืม...หล่อโคตร แต่ก็โทรมมากเช่นกัน

“อธิบายมาดิ”

พี่ปูนหลบสายตาอย่างที่ไม่เคยทำ เม้มริมฝีปากบางไปมาคล้ายกระอักกระอวลใจไม่น้อย แต่ก็เริ่มพูดขึ้น  “กับเจน่า มันเป็นความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน”

“พี่ขายตัวให้เธอเหรอ?”  ผมอุทานด้วยความตกใจ

“ไม่ใช่”   มันมองผมแบบละเหี่ยใจเล็กน้อยก่อนจะเริ่มพูดต่อไป  “มันเป็นเรื่องเซ็กส์ที่เข้ากันได้ ไม่มีค่าตอบแทนอะไรที่ต้องเสีย ไม่เรื่องมาก ไม่ต้องประดิษฐ์คำพูดหรือรักษามารยาทใส่กัน เริ่มบนเตียงแล้วก็จบลงบนเตียงแค่นั้น”

คราวนี้ผมเป็นฝ่ายเม้มปากแน่น พี่ปูนชำเลืองมองผมเล็กน้อยพลางยื่นฝ่ามือหนาสองข้างมารวบกุมมือผมเอาไว้

“ค่อนข้างหลายปี มันนานกว่าใคร...ก็เลย...”

“มีคนอื่นด้วย?”  ผมพยายามห้ามเสียงตัวเองไม่ให้ขึ้นสูง พี่ปูนส่ายหน้าเลิ่กลั่กคล้ายเพิ่งรู้ตัวว่าหลุดปากออกมา

“ไม่มีแล้ว จบกับทุกคนแล้ว แต่...แต่เจน่าไม่เหมือนคนอื่น แบบว่าความสัมพันธ์ไม่ได้อยู่ในข่ายซื้อขายน่ะ พอพี่ปฏิเสธมากเข้าก็เลยโมโหจนมาหาพี่ถึงนี่ พอบอกว่าอยากเลิกก็เลยโดนตบ”

มิน่าเมื่อวานเพื่อนโป้ยถึงได้พูดว่าแก้มพี่ปูนมีรอยมือ ผมพอเข้าใจแม้จะได้เจอกับนางแบบดังคนนั้นแค่แป๊บเดียว สวยและหยิ่งขนาดนั้นคงรับการถูกทิ้งไม่ได้

“เธอคงชอบพี่มาก”

“ไม่เลยสักนิด”  พี่ปูนบอกเสียงชัดหนักแน่น  “เจน่าเป็นคนมีอีโก้สูง พี่เหมือนไปสะกิดจุดนั้นเธอก็เลยไม่พอใจ เธอเป็นผู้หญิงชอบควบคุม มันก็ใช่ที่ว่าความสัมพันธ์ที่มีคือความเท่าเทียม แต่พี่รู้ว่าถ้าปฏิเสธไป ผู้หญิงคนนั้นต้องไม่ยอมจบแน่ พี่คิดง่ายๆ ว่าแค่ครั้งสุดท้าย แต่ว่ามัน...เป็นครั้งแรกที่พี่รู้สึกผิดต่อใครมากขนาดนี้ ”

“...แล้วพี่รักเธอรึเปล่า?”

“ไม่มีวัน”  ชัดเจนยิ่งกว่า  “ถ้าไม่ใช่เรื่องเซ็กส์ พี่คงทนคนแบบนั้นไม่ได้หรอก มันเหมือนกันเกินไป”

“แล้ว...เธอยอมเหรอ แบบว่า ที่พี่ถอยห่างออกมาน่ะ”

“เมื่อวานเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ เจน่าคิดว่าทุกอย่างจะเหมือนเดิมเมื่อได้ทำกัน แต่ผลมันออกมาว่าไม่ใช่ ป่านนี้ก็คงหงุดหงิดกับการหาคนใหม่อยู่”  พี่ปูนหน้าหด สลดลงอีกครั้ง

“ใส่ถุงยางรึเปล่า?”

“พี่มีสติทุกครั้ง ใส่ตลอดไม่ว่ากับใคร”

ผมถอนหายใจออกมายาวเหยียด ไม่คิดไม่ฝันว่าตัวเองต้องมานั่งรับรู้ชีวิตเซ็กส์ของเมียมาก่อน การมีเมียเป็นผู้ชายนี่มันช่างเปิดโลกทัศน์ของผมเหลือเกิน

“แต่พี่ไม่เสร็จนะ”  เสียงเดิมยังอ้อมแอ้มพูดต่อ ผมจ้องคนตรงหน้าด้วยความฉงน พี่ปูนเหลือบมองผมแล้วหลุบตาต่ำลงทันทีด้วยความขัดเขิน ริ้วสีแดงเจือจางอยู่บนสองแก้มของหมีควายตัวใหญ่


คนเราถ้าทำท่าถึงขนาดนี้ มันก็ดูน่ารักได้เหมือนกันนะ


 “พี่อยากรีบทำให้มันจบไป เอาจริงๆ แล้วมันไม่ค่อยแข็งเท่าไหร่”  พี่ปูนก้มหน้าด้วยความอับอาย ผมก็อยากจะอมยิ้มอะนะ แต่เรื่องมันเครียดจนทำไม่ได้  “ทำได้แป๊บเดียวทางนั้นเขาก็ไม่พอใจ ตบพี่อีกรอบแล้วก็ลาขาดกันเลย”

ผมอยากจะบอกพี่ปูนว่าไม่ต้องแจกจางรายละเอียดก็ได้ แต่ก็เงียบไว้ปล่อยให้อีกฝ่ายได้พูดต่อไป ถ้าคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ผมควรจะต้องฟังผมก็จะยอมฟังเงียบๆ

“พี่รู้สึกผิด ผิดมากจริงๆ หน้าลุงมันลอยมาเลย รู้สึกไม่ดีมากๆ”  พี่ปูนหน้าสลดอีกครั้ง  “พอเจน่ากลับไป พี่ก็สั่งเหล้าขึ้นมาดื่ม แล้วพอรู้สึกตัวตื่นขึ้นพี่ก็รีบมาที่นี่”

ท่าจะดื่มไปเยอะมาก กลิ่นละมุดหึ่งไปทั้งตัว แม้แต่ปากยังมีแต่กลิ่นเหล้า

“ความจริงพี่อยากจะทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พี่ทำได้นะ กับคนอื่นที่คบผ่านๆ พี่ก็ยังเก็บเจน่าไว้อยู่ แต่มันไม่เหมือนกัน...ลุงไม่ใช่คนพวกนั้น พี่รู้ว่าตัวเองเป็นคนไม่ดี แต่พี่ไม่อยากเลวในสายตาลุง” 

ผมมองหน้าพี่ปูนอีกครั้ง เซ็กซี่กายแห่งปีกลายร่างเป็นอะไรไปแล้วก็ไม่รู้ หน้าโทรม ใต้ตาดำคล้ำ สังเกตดีๆ ก็เห็นตอหนวดขึ้นตามแนวคาง ผมที่เคยเซ็ตอย่างดีก็ฟูฟ่องยุ่งเหยิง แม้แต่เสื้อราคาแพงก็ยังยับยู่ยี่

ถึงผมจะยังไม่กล้าถามว่าพี่ปูนรักชอบผมบ้างหรือไม่ แต่จากที่เห็น...อย่างน้อย ผมก็ยังมีความสำคัญ

“เริ่มกันใหม่นะพี่ปูน” 

พี่ปูนเงยหน้ามองผมในทันที นัยน์ตาดำขลับวาวโรจน์ขึ้นมา  “จริงนะ”

“แต่ถ้าพี่นอกใจ หรือนอกกายผมอีกครั้ง อีกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น...พี่จะเป็นได้แค่คนแปลกหน้าสำหรับผมทันที”

“...........”

“และผมไม่ขอคำสัญญาอะไรด้วย ผมเป็นคนง่ายๆ นะพี่ อยากเลิกก็บอก ทนไม่ไหวก็พูดออกมา ผมไม่ร้องไห้ตีโพยตีพายหรอก เพราะผมก็มีศักดิ์ศรีของตัวเองเหมือนกัน”

“ลุงหล่อว่ะ”  พี่ปูนยิ้มน้อยๆ

“อยากได้ยินมานานแล้วคำเนี้ย”  ผมยิ้มออกมาบ้าง ภูเขาในอกมันอันตรธารหายไปหมด แต่ก็ยังทิ้งเศษหลงเหลือรบกวนจิตใจไว้บ้าง ผมได้แต่หวังให้ลมพัดหอบมันลอยหายไปเร็วๆ เพราะเมื่อผมตัดสินใจจะเริ่มใหม่ ทุกอย่างที่ผ่านมาจะต้องเป็นเพียงอดีตที่ไม่จำเป็นต้องไปจดจำ

“จูบได้มั้ย?”

“ปากเหม็น ผมไม่จูบด้วยหรอก”  ผมผลักหน้าที่กำลังยื่นมาหาออก พลางอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวลุกขึ้นยืนทันที  “ในเมื่อบรีฟเสร็จแล้ว ผมก็จะกลับล่ะ”

“ไปค้างกับพี่ไม่ได้เหรอ?”

“คงไม่ได้หรอก วันนี้โป้ยจองตัวผมไว้แล้ว”

“พี่ไม่!...”  พี่ปูนชะงักปากกลางคัน เค้าความไม่สบายใจฉายอยู่บนใบหน้า แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนมาส่งยิ้มเครียดให้ผมแทน  “ไว้วันอื่นก็ได้”

“โอเค”  ผมตอบตกลง โบกมือบ๊ายบายเจ้าของห้อง แล้วเปิดประตูออกมาทันที

เมื่อลงบันไดมาถึงพื้น ผมก็เริ่มมองหาเพื่อนรัก แล้วก็เจอโป้ยนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่แถวโซนรับรอง ดูท่าจะเล่นเกมส์ออนไลน์ที่มันชอบ สีหน้าเมามันมาก ขนาดผมเดินเข้าไปใกล้มันยังทำแค่ส่งเสียทัก

“แป๊บมึง บอสใกล้ตายห่าแล้ว”

ผมก็เลยจำต้องนั่งลงข้างๆ มัน ชะโงกหัวเข้าใกล้เพื่อดูความเป็นไป ไอ้ตัวผมที่ไม่ได้มาสายนี้ก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นยังไงถึงไหน ได้แต่มองนิ้วเพื่อนโป้ยขยับรัวเร็วอยู่บนหน้าจอมือถือ

“งานใหญ่มั้ยล่ะมึง บรีฟกันซะนานเชียว”  มันเหยียดยิ้มให้กับหน้าจอ ผมเห็นจังหวะมาถึงก็ไม่ปล่อยให้มันผ่านเลยไป จับไหล่เพื่อนเป็นหลักค้ำไว้ แล้วยื่นหน้าไปกัดแก้มมันทันที ไอ้โป้ยร้องโหยหวนเกือบทำโทรศัพท์ตกพื้นกันเลยทีเดียว

“เชี่ยลุง!”  มันรีบยกหลังมือขึ้นปาดน้ำลาย ผมมองรอยฟันบนแก้มเพื่อนอย่างสะใจ ชอบหยิกแก้มกูนัก เป็นไงล่ะมึงกูทบต้นทบดอกให้เลย  “ไอ้ห่า กูตายเลย”  มันครางเสียงหลงเมื่อยกมือถือขึ้นดู

ไอ้เพื่อนชั่วผลักหัวผมแรงๆ แล้วลุกขึ้นยืนพลางเก็บมือถือลงกระเป๋า มันดึงตัวผมขึ้นมาด้วยพร้อมกับประเคนสันมือลงบนหัวผมเป็นการเรียกน้ำย่อย

“ตอนแรกกะว่าจะพาไปแดกอาหารดีๆ แต่กูเปลี่ยนใจแล้ว”  คนพูดยิ้มโฉดขึ้นมา  “กลับไปทำกับข้าวให้กูกินเลย ขอแบบดีที่สุดเท่าที่ฝีมือครัวกากๆ ของมึงจะทำได้”

หนอย! นี่มันดูถูกกันชัดๆ

“จัดไปเลยวีรภาพ มึงได้รับประทานอาหารเหลาฝีมือลุงแน่”

“เอ้า! รอช้าทำไมล่ะวะ”  โป้ยกลั้นยิ้ม ส่งเสียงฮึกเหิม

“ไป!! กูจะถลุงตู้เย็นบ้านมึงให้แหก เหมือนวันนี้มึงจะได้แดกเป็นมื้อสุดท้ายเลย”

ไอ้โป้ยปล่อยก๊าก แล้วเราก็กอดคอพากันเดินออกไปยังลานจอดรถ

.
.
.

ไม่ได้เอะใจเลยสักนิดว่า...มีสายตาหนึ่งคู่แอบมองอยู่ด้วยความหวั่นไหว


 

_________________________________________________________________



อุ้ยๆๆ สมภารทำตัวไม่ดีเลย
ด่าเฮียแล้วก็ให้อภัยเฮียแกเถิด เฮียแกไม่เคยคบใคร

ตอนต่อไปพบกับ...ชีวิตของสมภารใจร้าย...ที่ทุกคนเรียกร้อง (เหรอ?)

ขอบคุณที่เข้ามาติดตามและคอมเมนต์กันนะคะ

L@DY MELLOW
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 27-06-2017 23:49:56
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 28-06-2017 00:04:17
หึหึ เสร็จแน่สมภาร โดนจับได้ซะแล้ว
รอดูว่าพ่อโป้ยจะกันท่ายังไง 5555
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: ployyuki ที่ 28-06-2017 00:19:08
เฮียทำตัวน่าตบมากค่ะ หักคะแนน 100 แต้ม!!
พอเห็นลุงกับโป้ยอยู่ด้วยกันแล้วหวั่นไหวล่ะสิ หลอกเขาไว้เยอะก็งี้

รออ่านพาร์ทของเฮียนะคะ เผื่อจะทำให้หายหมั่นไส้ได้บ้าง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 28-06-2017 00:27:58
 :hao7: สะจายยยยย
เอาให้หึง ให้หวง ให้เครียดตายกันไปเลย คริคริ
โทษฐานนอกกายนะคะ
อีกอย่าง คือการหมั่นไส้อิพี่ปูนส่วนตัว
เราว่าโป้ยทำดี55555 คัดกรองลูกเขย
ชอบลุงมาก ลุงเป็นคนที่มีความคิดดีอะ นับถือ
ยิ่งอ่านยิ่งหลงนาง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 28-06-2017 00:31:32
โอ้โห

พูดไม่ออก บอกไม่ถูก

หวั่นไหวไปเลยปุริม ชดใช้ซะให้พอ

พัทลุงให้อภัย ให้เริ่มต้นใหม่ได้ แต่นับหนึ่งใหม่นะ

ปล. จะกันเพื่อนโป้ยต้องใช้เฮียกร อิอิ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 28-06-2017 00:34:14
เหมือนโป้ยจะรู้แล้ว  :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 28-06-2017 00:40:16
ตายแน่ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 28-06-2017 00:40:50
อยากอ่านต่อแล้ววงื้ออออ ลุงคิดในแง่บวกมากมีสติมากยอมใจจริมๆถ้าอิพี่ปุริมพลสดอีกน่องจะช่วยซ้ำเอง555555555555555555555   :z3:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: naplatoo ที่ 28-06-2017 00:49:40
กลายเป็นทั้งเกลียดทั้งสงสารคุณสมภารไปซะแล้ว
เฮ้อออ ปุริมเอ้ยยยย

ลุงคูลมาก ความใจเย็นของลุง มันทำให้ทุกอย่างดูดี ทำให้เวลาคิดอะไร จะใช้เหตุผลอะไรมันดูเคลียร์ขึ้น ไม่ได้มาจากอารมณ์ชั่ววูบ
ลุงเท่ ใจหล่อมาก!

เป็นเราเราอาจจะตัดขาด แต่เราเคารพการตัดสินใจของลุงนะ มันไม่ผิดเลย และการให้โอกาสเป็นสิ่งที่ดี นับถือใจลุงอีกที
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-06-2017 01:43:01
ชนักยังติดลังอยู่นะสมภาร
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 28-06-2017 02:23:33
หึๆ พี่ปูนนั่นล่ะเจองานหิน เห็นลุงซื่อๆอย่างงี้ ลุงก็มีลิมิตของลุงนะ ไม่ใช่จะยังไงก็ได้
ตอนแรกอ่านคอมเม้นก่อน ตกใจ รีบไปอ่านเพื่อมาโวยวายลุงทำไมให้อภัยง่ายๆ แต่อ่านจบละอิพี่สมภารนั่นล่ะซวย ยิ่งตอนสุดท้ายลุงออกไปกะโป้ย ดูร่าเริง สดใส เหมือนจะตัดพี่ปูนได้ง่ายๆนะ สะใจเว่อออออ่ะ  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 28-06-2017 03:02:10
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 28-06-2017 03:49:50
โป้ยสอนเพือนหน่อย คนนอกนี่รู้ทันพี่ปูนแล้วนะ
ส่วนลุงยังปักใจว่าได้เมียอยู่เลย หรือพี่ปูนจะเป็นเมียลุงจริงๆ :hao7:
 ถ้าพี่ปูนเหลวไหลอีกเจอแน่
ลุงน่ารัก อย่าทำให้น้องเสียความรู้สึกสิ  :m16:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 28-06-2017 04:41:42
 :hao3: มาแล้ววววปล่อยให้คิดถึงตั้งนาน..... :katai5:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 28-06-2017 05:38:49
โอ๊ยๆ.............สนุก ชอบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
อ่านไปหัวเราะไป ยิ้มไป หน้างี้บาน ยิ้มไม่หุบเลย  :ling1: :ling1: :ling1:

ลุง มีแปร๊บๆยิบๆ ในใจ ตอนเห็นพี่ปูนเดินออกไปกับเจน่า
ลุงชอบพี่ปูนแล้วล่ะ

พี่ปูน นี่เสียศูนย์เลย ที่ไปนอนกับเจน่ามา โทรมมากทั้งหน้าตา เสื้อผ้า
แล้วบอกลุง ตรงๆเรื่องไปนอนกับคนอื่น พร้อมอาการซบกับตัวลุง กอดลุง
แสดงว่าในใจพี่ปูน เห็นลุงสำคัญกว่าผู้หญิงหุ่นเซ็กส์ซิมโบล  :z3: :z3: :z3:

ลุงเป็นคนซื่อ เปิดเผย ไม่ชอบการนอกใจ
พอพี่ปูนสารภาพว่าไปนอนกับคนอื่น
ลุง แมนมากกกก ใจเด็ดสุดๆ ถามเลยเลิกกันมั้ย
พี่ปูนไม่ยอมเลิก ชัดเลยว่าพี่ปูนชอบลุง
ลุงบอกพี่ปูนชัดๆตรงๆไปเลย
ว่าถ้านอกใจ นอกกายอีกครั้งเลิกเลย สุดยอดดดด  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

พี่ปูน ออกอาการหึงทันทีที่โป้ยถึงเนื้อถึงตัวลุง ดูไม่ไว้วางใจโป้ย

โป้ย คงสงสัยพี่ปูนแล้ว และไหนจะเรื่องที่ลุงบอกว่ามีเมียแล้ว
เพราะรู้ว่าลุงซื่อโคตรๆ คงไม่ใช่หาทางพิสูจน์อย่างเดียว
เอาละสิ โป้ย คงไม่ใช่แอบชอบลุงนะ 
เหมือนจะเกิดศึกชิงลุงซะและ :hao3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 28-06-2017 05:52:39
โป้ยเริ่มกันท่าล่ะ พี่ปูนจะทำไงน้าาา
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 28-06-2017 05:59:32
เราว่าโป้ยแค่แหย่อยากดูปฏิกิริยาของพี่ปูนมากกว่า อยากให้ลุงตั้งกำแพงให้สูงๆไว้ คนทำผิดแล้วต้องพยายามให้มากหน่อย อย่าไปใจอ่อนกับพี่ให้มันมากนัก  :fire:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: natchaya ที่ 28-06-2017 06:55:11
โหยยยย ตอนนี้ลุงโคตรหล่อเลยอ่าาา พี่ปูนนี่เราไม่พูดถึงเขากันในตอนนี้ 555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 28-06-2017 07:16:04
ไงล่ะพี่ปูน เกือบไปแล้ว สมน้ำหน้า ชิ
ลุงของเราถึงจะซื่อ ๆ แต่เด็ดขาดนะคะ หงอยเลยพี่ปูน
แต่ให้อภัยที่พี่ปูนรู้แล้วว่าลุงสำคัญแค่ไหน ยอมบอกเลิกหมดทุกคน
แต่เรื่องคืนนั้นเนี่ยสิ หลอกลุงชัวร์ ๆ ใช่ไหม
ลุงรู้ความจริงเมื่อไหร่ พี่ปูนแย่แน่ ๆ น่าจะรีบสารภาพก่อนดีกว่านะ
ลุงจิตใจดีมาก ๆ ถ้ามีเพื่อนแบบนี้เรารักตายเลย
เพื่อนโป๊ยถึงได้ทั้งรักทั้งห่วงขนาดนี้ ชอบความเพื่อนโป๊ยมากอ่ะ
สายตาที่มองมาด้วยความหวั่นไหวเนี่ย พี่ปูนหรือพี่กรกันน้อ
รอตอนต่อไปจ้า ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 28-06-2017 08:05:04
คุณลุงของเรานิ่ง ๆ แต่น่ากลัวใช่ไหมล่ะ หึหึ พี่ปูนยังไม่กล้าหือคิดดู แววกลัวเมียยย อ๊ะ กลัวผัวมาแต่ไกล
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 28-06-2017 08:25:55
  o13 เยี่ยมมาก! อย่าให้สมภารได้กินไก่ง่ายนัก
 (ถึงแม้จะโดนแทะเล็มไปบ้างแล้วก็ตาม - -")
ชอบจริงๆ โป๊ย โหมดหวงลูกสาว... หึ หึ
อิพี่ปูน ต้องผ่านด่านหนักหน่อยละทีนี้
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: kingkongkaew ที่ 28-06-2017 08:32:38
รักลุง ชอบความคิดของลุง พ่อแม่ลุงเลี้ยงมาดี
แอบเสียดายโป้ย โป้ยลุงดูน่าจิ้นจริงๆ ถึงเนื้อถึงตัว จิกกัดกันตลอด
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 28-06-2017 09:19:36
ทำตัวไม่ดีจะต้องถูกลงโทษ แต่ กล้ากลับมายอมรับผิด อภัยให้ครึ่งนึง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 28-06-2017 09:33:32
ไอ้พี่ปูน

นี่เคยคิดและบอกแฟนมาตลอดนะว่าถ้าพลาดขึ้นมา ไม่ว่าจะกรณีใดต้องมาบอก มาสารภาพผิด

แต่เอาจริงๆก็กลัวตัวเองรับไม่ได้เหมือนกัน มันคงช็อกมาก กรณีพี่ปูนมันไม่เหมือนการพลาด มันคือการตั้งใจให้มันเสร็จไปเพื่อให้จบเรื่อง

ซึ่งเอาจริงๆ แมร่งไม่มีอะไรยืนยันได้เลยว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก

แต่ถ้าสิ่งที่พี่ปูนพูดเป็นเรื่องจริง แปลว่า พี่ปูนจริงจังแล้วละ มากด้วย


แต่อุปสรรค์เรื่องนี้ของพี่ปูนไม่น่าใช่เจน่า น่าจะเป็นโป๊ย วีรภาพ มากกว่า 55555555555555



สนิทกันจนน่าหมั่นไส้
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 28-06-2017 09:52:04
ลุงอึนๆ แต่น่ารักมาก รู้นะว่าโป๊ยนะแค่เพื่อน การแสดงออกไม่ได้ถือสาอะไร
แต่อีกคน เขาไม่ได้คิดอย่างนั้นนะ ก็ดีแล้วละให้พี่ปูนรู้ซะบ้างว่า ลุงก็ไม่ได้
ไร้ค่าในสายตาใคร โอ๊ยยย ชอบบบบบอ่ะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 28-06-2017 09:57:15
แอบสมน้ำหน้า หึงให้ตายไปเลย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 28-06-2017 10:16:30
สนุกโคตร แต่งได้สนุกจริงๆ แล้วก็ ชอบตัวละครอย่างลุงมาก
ลุงมีความคิดใสๆ ซื่อๆ มีความเป็นสุภาพบุรุษในเนื้อแท้
แต่นะ ยังไงก็ไม่เชื่อว่าลุงจะกดใครได้ 55555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: SeaBreeze ที่ 28-06-2017 10:18:48
ไก่วัดขยันทำตัวน่ารัก ดูท่าทางสมภารจะไปไหนไม่รอดซะแล้ว :katai3:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 28-06-2017 10:58:23
ถือว่าสมภารยังฉลาดที่ไม่ดึงดันตามใจตัวเอง แต่เพื่อนโป๊ยก็ฉลาดเหมือนกันนะ

สรุปมีไก่ซื่ออยู่คนเดียว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 28-06-2017 11:32:04
ลุงซื่อจริงๆ เพื่อนโป้ยจังได้เรียบร้อยแหงๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 28-06-2017 12:49:40
ไก่ลุงช่างแสนดี
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 28-06-2017 13:21:35
นับหนึ่งใหม่นะพี่ปูน    :m16:  ถึงน้องลุงจะซื่อๆๆใสๆๆแต่ไม่ง่ายนะ

วีรภาพทำดีมาก

 :pig4: :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: yumenari ที่ 28-06-2017 13:23:33
สมน้ำหน้า ปุริม

สนิทกันเยอะๆเลย พัทลุง วีรภาพ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: 05th_of_06th ที่ 28-06-2017 13:44:49
ลุงเป็นคนที่ความคิดหล่อมากกก เออจากดูกากๆนี่หล่อเลยย ทีมลุงงงงงค่ะ!!5555 o13 อีพี่ปูนระวังเถอะ อีกรอบเดียวจบเลยนะ -_-
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 28-06-2017 14:53:27
พี่ปูนเริ่มหลงเส่นห์บ้านๆของลุงแล้วใช่ม้ั้ย  :L2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 28-06-2017 15:06:43
สงสารพี่ปูนเลยย   555555555555 
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 28-06-2017 16:08:11
พัทลุงงงงง  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 28-06-2017 17:39:39
ตบอิพี่ปูนสิบที :z6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 28-06-2017 19:12:00
พี่ปูนคะ น้องเชียร์พี่มาตลอดนะคะแต่พี่มาทำแบบนี้น้องไม่โอเคค่ะ ต่อให้จะเคยเป็นคู่ขาเข้ากันดีแค่ไหนแต่พี่มีเมียแล้วนะคะ พี่ควรตัดค่ะนี่อะไรพากันหอบหิ้วไปถึงโรงแรม ถึงแม้จะไม่ได้ถึงไหนแต่มันก็คือการนอกกายค่ะ จริงๆอยากให้ลุงเทสักพักนะแบบไม่เลิกก็ได้แต่ความสัมพันธ์คงไม่เหมือนเก่าอะ งานนี้คงต้องยืมมือเพื่อนโป้ยซะแล้วละ หึหึ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 28-06-2017 20:10:10
ชอบลุง แมนดี :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: jittrawa ที่ 28-06-2017 20:35:18
คนเราไม่เคยเปลี่ยน แค่แสดงสันดานออกมาตอนไหน ตอนนี้ทำได้ อีกหน่อยก็ทำได้อีก ให้อภัยไปเรื่อยเปื่อย ก็โดนเหยียบหัวไปเรื่อย มิน่าโดนทิ้ง 7 ครั้ง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 28-06-2017 21:19:53
คนแบบน้องลุงไม่สมควรปล่อยให้หลุดมือเป็นอย่างยิ่งค่ะคุณพี่ :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 28-06-2017 23:14:43
ทีเรื่องนี้ละบอกหมดเปลือก  แล้วเรื่องคืนแรกอ่ะ
เมื่อไหร่จะแถลงคะคุณปุริน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 28-06-2017 23:32:59
 :m16:


ลุงเป็นคนง่ายๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 29-06-2017 00:15:27
โป้ยรู้แน่ๆแบบนี้คือดูออกใช่มั๊ยยยย  :z2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAlone ที่ 29-06-2017 01:06:12
 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 29-06-2017 05:19:40
ลุงฮอตแบบไม่รู้ตัวสินะ 
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 29-06-2017 09:55:01
เพื่อนโป้ยจัดเยอะๆ เลย
เอาให้อิพี่ปูนอกแตกตายไปข้าง
เหม่ๆ ไปทำไรลับๆ ล่อ แล้วเสือกมาทำสารภาพขอความเห็นใจ
เชียร์โป้ยกับพี่กร
แต่ตอนนี้โป้ยใส่เต็มเลยครับ อย่ายั้ง
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 29-06-2017 14:32:53
ไม่รู้จะสงสารใครมากกว่ากันระหว่างลุงกันปูน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 29-06-2017 20:57:32
เมื่อไหร่ลุงจะรู้ตัวว่าใครผัวใครเมียยย 5555555555555555555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 29-06-2017 21:43:57
พี่ปูน เปลี่ยนวิธีได้แล้ว
สำหรับคนซื่อมากๆแบบลุง อีกนานกว่าจะรู้ตัว
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: Krajeeqx ที่ 30-06-2017 13:45:08
งือออ ทำไมลุงเป็นคนน่ารักแบบนี้  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 30-06-2017 17:33:08
ยั่งงี้มันต้องลงโทษ :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: hereg407 ที่ 30-06-2017 19:57:25
งุ้ยยยยยยยยยย อิลุง ซื่อได้อีก   น่ารักเน้อ
โป้ยเน้ต้องมีซัมธิงกับพี่กรแน่นวน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: hongzaa ที่ 30-06-2017 21:48:13
ชอบแนวคิดลง
พี่ปูนเองก็น่ารักเหมาะสมกับความเมีย๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 01-07-2017 00:45:04
อีเฮียยยยย ไม่น่าเลยลุง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 01-07-2017 07:23:12
ปูนรู้สึกมีคู่แข่งขันแบบนี้ดีแล้ว จะได้รักษา แต่ถึงไม่รู้ว่ามี ปูนก็ทำดี ถึงขั้นเพ้อถึงลุงเวลาแบบนั้น

ลุงกับปูนจริงจังแล้วนะ ปูนไม่ยอมเลิกซะด้วย แต้มต่อมาเต็ม

ใครแอบมองน้า คุณกรรึป่าว
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 01-07-2017 10:11:36
โป้ยรู้แล้วสินะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 7 การอภัย คือการให้ที่ใครก็คู่ควร ||27-6-60 หน้า8||
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 01-07-2017 16:56:42
โป้ยทำดีมาก เสี้ยมอีกๆๆ เอาให้อีพี่ปูนสำนึกไม่ทันไปเลย
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 02-07-2017 13:41:59
ปุริม__ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร



ในค่ำคืนหนึ่งเมื่อสิบเจ็ดปีก่อน

โลกใบเดิมที่ผมเคยคิดว่ามันแสนสงบสุข กลับไม่ได้เป็นอย่างนั้น เช่นที่เมื่อโตขึ้นผมถึงได้ยินคำพูดที่ว่า ‘เรามองโลกแบบที่เราต้องการ แต่มันไม่ใช่สิ่งที่โลกเป็น’ แต่กว่าจะเข้าใจในความหมายนั้น วันเวลาก็หล่อหลอมชีวิตผมจนผิดเพี้ยนไปแล้ว ผมที่หยัดยืนมาได้ทุกวันนี้ก็ยังเป็นผมในเมื่อวาน เพียงแต่เด็กชายปูนปั้นเมื่อสิบเจ็ดปีก่อนนั้นได้หายไปแล้วในห้วงเวลาบิดเบือนนั้น

แต่ใช่ว่าทุกสิ่งมันจะเลวร้ายไปเสียหมดหรอก เมื่อปู่ที่พอจะคอยถามไถ่ชีวิตในแต่ละวันของผมบ้างได้ตายจากไป มรดกก้อนใหญ่อันเกิดจากความเวทนาก็หล่นลงบนตักเด็กคนหนึ่งทันที นับจากนั้นผมถึงได้รู้ว่าในโลกนี้มีสิ่งขับเคลื่อนง่ายๆ ที่เรียกว่า ‘เงิน’ อยู่ ต้องนับว่าปู่ฉลาดพอที่จะยกมรดกในส่วนของผมให้อยู่ในความดูแลของทนายผู้ซื่อสัตย์ประจำตระกูล เพราะฉะนั้น...ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์ช่วงชิงไพ่ใบสุดท้ายในมือผมไปได้

ผมได้แต่รอคอยอย่างสงบ เก็บเกี่ยวความรู้ทุกอย่าง สั่งสมประสบการณ์ที่จำเป็นทุกด้าน

เพียงเพื่อรอวันที่ผมจะไม่ต้องก้มหัวให้ ‘ใคร’ อีกต่อไป...

การที่ต้องอยู่ในความบิดเบี้ยวมาตลอดทำให้ผมไม่หลงระเริงไปกับความมั่งมีที่ได้ครอบครอง ผมรู้ดีว่ายามที่ไร้ซึ่งอำนาจจะถูกมองข้าม เพียงแค่เราล้ม คนบางคนก็พร้อมจะตรงเข้ามากระทืบซ้ำ ในขณะที่หลายคนจะมองดูเราถูกเหยียบจมดินอย่างสมเพช

ผมเรียนอย่างหนัก ศึกษาหนทางธุรกิจที่จะต่อยอดทรัพย์สินที่มีให้งอกเงยโดยไม่เปลืองแรง ‘ถ้าคุณอยากได้ผลที่ดี คุณต้องทำให้ต้นนั้นสมบูรณ์’ ทุกสิ่งไม่ได้ผิดไปจากคำกล่าวนั้นแม้แต่น้อย ผมใช้ชีวิต ผมสร้างสัมพันธ์เพื่อผลประโยชน์ ความผูกพันนอกเหนือไปจากนั้นไม่จำเป็นต้องแสวงหาให้เสียเวลา

แต่เราไม่สามารถอยู่ในโลกเพียงลำพังได้

ในช่วงมหาลัย ผมพบกับพันกร ในตอนนั้นกรยังเป็นเพียงผู้ชายธรรมดาที่มากจากครอบครัวชนชั้นปานกลาง ในตอนแรกผมคิดแต่ว่าเงินนั้นซื้อได้ทุกอย่าง แต่เปล่าเลย...ไม่ว่าอย่างไรผมก็ไม่สามารถซื้อตัวตนของพันกรคนนี้ได้ ความเป็นเพื่อนนั้นไม่สามารถวัดได้ด้วยเงินที่หว่านออกไป เพื่อนคนนี้ทำให้ผมค่อยๆ เริ่มก้าวออกมาจากโลกคับแคบที่อาศัยอยู่ ได้หันมองรอบข้างที่ไม่ได้มีแต่ความดำมืดอย่างที่คิด

การมีคนที่พูดคุยและไว้ใจได้นั้น ทำให้เปลือกโลกเน่าเฟะที่ผมเป็นราชาอยู่ค่อยๆ หลุดร่อนออกทีละน้อย

นานวันเข้าผมก็ได้เรียนรู้อีกหนึ่งในความสัมพันธ์อันหลายหลายที่ผู้คนสร้างขึ้นมาจากเพื่อน นั่นคือสิ่งที่เรียกว่าการแอบรัก... แม้จะคิดว่าพักรช่างโง่เง่าและขี้ขลาด แต่บุคคลที่สามอย่างผมก็ทำได้แค่มองดูอยู่ห่างๆ เท่านั้น กรไม่กล้าก้าวเข้าไปหาคนๆ นั้น ไม่กล้าแม้แต่จะส่งสัญญาณที่จะทำให้อีกฝ่ายรู้ว่าตัวเองมีใจ แม้กระทั่งยามที่เด่นดังขึ้นมาจากวงการมายา พันกรก็ยังเป็นคนที่น่าสมเพชที่สุดในเรื่องนี้เหมือนเดิม

ถ้าเป็นผม... ถ้าเพื่อจะได้มาในสิ่งที่ต้องการล่ะก็ ผมไม่สนวิธีสักนิด

หลังจากชีวิตวัยเรียนจบไป ต่างคนต่างแยกย้ายไปตามวิถีชีวิตของใครของมัน ผมก็ยังติดต่อกับพันกรอย่างสม่ำเสมอ กรเองก็มักจะบุกมาหาถึงที่พักทุกครั้งยามที่ผมหายหน้าไปนานผิดปกติ แล้ววันหนึ่งเพื่อนคนนี้ก็บุกมาหาผมถึงที่ด้วยสีหน้าเป็นประกาย

เมื่อใครสักคนที่ไม่เคยคิดฉกฉวยผลประโยชน์จากผม เข้ามาถามว่าต้องการเป็นหุ้นส่วนในบริษัทรับออกแบบเล็กๆ บ้างมั้ย? ผมจึงตกลงใจแบบที่ไม่ต้องคิดมากให้เสียเวลา ผมเสนอสถานที่ตั้งที่ปล่อยทิ้งร้างไว้มานานอันเป็นหนึ่งในมรดกที่ได้มา บูรณะตึกเก่าที่มีอยู่เดิมเสียใหม่เพื่อให้พร้อมใช้งาน ผมไม่คิดค่าเช่าที่ดิน หรือแม้แต่ค่าตกแต่งทั้งหมดก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะถ้ามันไปไม่รอดก็คงจะหาคนมาเช่าต่อได้ไม่ยาก ผมไม่คิดว่ามันจะทำเงินได้มากมายนักหรอกในธุรกิจที่การแข่งขันค่อนข้างสูงแบบนี้ ทั้งยังไม่เข้าใจว่ากรต้องการเปิดบริษัทนี้ทำไม ในเมื่ออาชีพนักแสดงที่กรเป็นอยู่นั้นทำเงินได้มากมายมหาศาล แต่ผมก็ไม่คัดค้านซ้ำยังสนับสนุนหาลู่ทางให้

ก็แค่...ผมอยากจะตอบแทนกรบ้างสำหรับความเป็นเพื่อนที่ผ่านมา

ผมปล่อย Graphic House ให้กรบริหารจัดการไป โดยที่ตัวเองมุ่งเป้าไปยังธุรกิจอื่นที่ทำเงินได้มากมายกว่านั้น ใช้ชีวิตสบายใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ลงแรงไว้มานาน แค่รอเก็บผลที่หอมหวานเมื่อถึงเวลาโดยไม่ต้องลงแรง และแม้จะพบเจอคนดีมาไม่น้อย แต่ผมยังเชื่อมั่นในความคิดที่ฝังหัวมาตลอด เหรียญมีสองด้าน โลกมีสองมุม มนุษย์ก็เช่นกัน แค่เพียงมั่งมีเท่านั้น คนบางคนก็พร้อมจะกระดิกหางเข้าใส่เหมือนสุนัขเชื่องๆ

ในที่สุดผมก็กระจ่างว่าการคงอยู่ของบริษัทนี้คืออะไร จากที่ไม่ได้สนใจความเป็นไปของที่นี่มากนัก ผมก็แวะเวียนมาหาเพื่อนบ่อยขึ้นด้วยความอยากรู้...ผมอยากจะรู้ว่าสิ่งที่กรลงแรงทุ่มไปทั้งหมดนี้ จะได้อะไรตอบแทนกลับมาบ้าง
ไม่มีอะไรคืบหน้าแม้แต่น้อย แต่ความสุขของกรนั้นเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

.
.
.

หลังจากวันที่กรบอกทางโทรศัพท์ว่าได้รับนักออกแบบเพิ่มมาอีกหนึ่งคนเพราะงานที่เพิ่มขึ้น ผมกลับไปเยี่ยมเยียนออฟฟิศอีกครั้ง แล้วผมก็พบกับผู้ชายคนหนึ่ง คงเป็นคนใหม่ที่กรว่าไว้

สองตาผมจับจ้องไปยังแผ่นหลังบอบบางภายใต้เสื้อผ้าพอดีตัว แอ่นโค้งเพราะการเท้าแขนกับโต๊ะอวดรูปร่างน่ามอง ยามสายตาละเรื่อยไปตามเรือนกายที่มีเค้าโครงสะกดตา ลำคอผมก็แห้งผากขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ สะโพกของคนตรงหน้าผายออกได้อย่างเหมาะเจาะ ยิ่งเมื่ออยู่ในกางเกงแนบลำตัว ความแน่นหนั่นยิ่งปรากฏชัดเจน ผมจินตนาการได้เลยว่าก้อนงามงอนสองลูกนั้นจะสู้เมื่อเพียงไรเมื่อขยำขยี้

ผมเองก็ไม่เคยมองว่าตัวเองเป็นพวกโรคจิตหรอกนะ เพียงแค่ความชอบของผมมันอาจจะพิเศษไปสักหน่อยสำหรับคนทั่วไป ผมชอบความสวยงามเย้ายวนของบั้นท้าย ไม่ว่าจะชายหรือหญิง ขอเพียงมีร่างกายที่ถูกใจผมก็ไม่เกี่ยงว่าจะต้องจ่ายค่าตอบแทนเท่าไหร่ ตราบใดที่มันไม่มากเกินไปว่าสิ่งที่จะได้รับ

แต่เด็กชื่อแปลกคนนั้นต่างออกไป

จริงอยู่ที่ร่างกายของพัทลุงเรียกร้องสายตาของผมทุกครั้งที่เห็น แต่ผมไม่อยากทำตัวเป็นสมภารกินไก่วัด ดังนั้นร่างกายยั่วยวนนั้นจึงเป็นได้เพียงอาหารตา

เป็นได้แค่นั้นจริงๆ

ก็ใครจะไปเชื่อว่าไก่วัดตัวนั้นจะปากเสีย แถมกวนโมโหได้ขนาดนี้ ไม่ว่าจะโต้ตอบกลับไปเท่าไหร่ อีกฝ่ายก็ตอบโต้กลับมาเท่านั้น แล้วยังใช้สายตากลมโตนั่นจ้องผมอย่างไม่ชอบใจเสียทุกครั้งไป นั่นทำให้ผมพอจะเดาได้ว่า พัทลุงไม่คงถูกชะตากับผมสักเท่าไหร่ ผมที่เหนือกว่าด้วยตำแหน่งเจ้านาย ทั้งหน้าตาและทุกสิ่งทุกอย่างที่มี ผมเหนือกว่าเด็กคนนั้นทุกด้าน...แต่เจ้าไก่พยศนั่นก็ยังไม่เคยคิดยอมสยบให้สักครั้ง

ผมเริ่มสนใจว่าพัทลุงจะเกลียดผมได้สักแค่ไหน

ในเมื่อสองตานั้นมองพันกรเหมือนเทพบุตร ผมก็จะเป็นมารให้ดีที่สุดเหมือนกัน -- ผมยอมมาทำงานเต็มเวลา ยอมก้มหน้ารับฟังความต้องการของลูกค้า เสแสร้งยิ้มทั้งที่ไม่ต้องการ แค่เพราะว่าเวลาที่ผมชอบที่สุดคือการมองริมฝีปากอิ่มเอิบนั่นบิดเบ้ยามเจอหน้าผม สาดเสียงทุ้มน่าฟังเวลาโต้เถียงกัน แก้มตูมเวลาไม่ได้อย่างใจนั่นทำให้ผมชอบใจแล้วรู้สึกว่ามันน่าหยิกขึ้นเรื่อยๆ ไหนจะดวงตาชั้นเดียวที่มีนัยน์ตากลมโตนั่นอีก ผมชอบที่มันฉายภาพผมแต่เพียงผู้เดียวอยู่ในนั้น




วันแล้ววันเล่า...




ในที่สุดผมก็รู้ตัวเองว่าน่าสมเพชยิ่งกว่ากรเสียอีก



.
.
.



หลายปีที่ผ่านมาผมพยายามสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนสนิทของไก่น้อยตัวนั้น เพียงเพื่อจะได้แอบถาม เพียงเพื่อจะได้ฟังเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ หรือแม้  ความหลังครั้งเยาว์วัยที่ทั้งสองมีร่วมกัน

ผมน่าสมเพชยิ่งกว่าใครหน้าไหนในโลกจริงๆ

กรว่าเพราะผมไม่เคยมองใครนานพอ จึงไม่รู้ว่ายังมีคนอื่นอีกมากที่เหมือนลุง แต่กรดันมาบอกผมเอาเมื่อวันที่สองตาคู่นี้ไม่อาจเหลือบแลไปหาใครได้แล้วเนี่ยสิ ความสว่างไสวของลุงมันดึงดูผมเข้าไปมากขึ้นทุกวัน รอยยิ้มที่ราวกับเรื่องทุกข์ร้อนที่ผ่านเป็นเพียงฝุ่นผงเข้าตามันทำให้ผมชอบที่จะแอบมองอยู่เงียบๆ ผมอยากจะเป็นเจ้าของรอยยิ้มนั้นใจจะขาด แต่ว่า...ใช่...เงินที่ผมมีก็เหมือนเศษกระดาษดีดีนี่เอง

‘ไอ้ลุงมันเป็นลูกคนเล็กครับพี่ ที่บ้านเขาก็โอ๋กันเพราะมันน่ารัก มันช่างพูด แถมเป็นพวกมองโลกในแง่ดี ขี้อ้อนงี้ที่หนึ่งแต่มันไม่รู้ตัวเองหรอก มันติดพ่อมันมากแต่พอคุณลุงท่านเสีย มันก็เงียบๆ ซึมๆ ไปนานเหมือนกัน กว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมนี่ทำเอาคนรอบข้างเหนื่อยน่าดู แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังถูกรักมากอยู่ดีนะพี่ แม่กับพี่สาวมันน่ะ...แค่รักแบบไม่เหมือนใครเท่านั้นเอง’

ผมมักจะทำท่าไม่ใส่ใจเวลาโป้ยเผลอเล่าเรื่องเกี่ยวกับพัทลุง แต่สมองผมนั้นกลับจดจำได้แทบทุกประโยค

‘ผมก็ไม่ได้อคติว่าพี่เปี๊ยกหน้าตาไม่ค่อยดีหรอกนะ แต่จากคนหล่อที่ออฟฟิศเรามีมันกลับเลือกพี่เปี๊ยกอะ ผมนี่เหวอไปเลยตอนได้ยิน แต่ก็สมเป็นลุงแล้วล่ะพี่ มันคงเห็นพี่เปี๊ยกตรงกับผู้ชายในอุดมคติทุกอย่างมั้ง? ตัวมันเองก็ถูกพ่ออบรมสั่งสอนมาให้มีความเป็นสุภาพบุรุษ อีกอย่างนะ ถ้าพี่ได้รู้จักแม่กับพี่สาวมันก็จะรู้ว่าคำสอนมันมีนัยยะว่าห้ามหือกับผู้หญิงในบ้าน’


  ลุงมีครอบครัวที่ดี

นั่นทำให้ลุงถูกหล่อหลอมขึ้นมากลายเป็นผู้ชายที่มองโลกในแง่ดี ถึงจะซื่อเกินไปสักหน่อย ทันคนน้อยไปสักนิด แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ลุงเป็นมันคือเสน่ห์ที่หาได้ยากยิ่งจากโลกไม่สมประกอบใบนี้ มันเป็นความต่างจนน่ากลัว เหมือนขาวกับดำ เหมือนความมืดกับแสงสว่าง เหมือนแม่เหล็กขั้วเหนือกับขั้วใต้

แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น มันจะแปลกอะไรที่แม่เหล็กต่างขั้วจะถูกดูดเข้าหากัน

แต่กระนั้นผมก็ไม่ได้พยายามอะไร ไม่ได้กระตือรือร้นที่จะไขว่คว้า แต่ที่จริงแล้วมันก็แค่ยังไม่ถึงเวลา ผมแค่รออย่างสงบเหมือนครั้งหนึ่งในอดีต รอคอยวันที่ผมจะไม่ต้องทำได้แค่มอง...






ในค่ำคืนที่ผมออกมากับคู่ขาคนหนึ่ง ในผับบรรยากาศสนุกสนาน ผมดื่มเหล้าไปพลางถูกคลอเคลียด้วยสาวสวยหุ่นดี ฝ่ามือนุ่มนั้นลูบต้นขาผมไปมาอย่างโจ่งแจ้ง ปัดป้ายเป้าหมายอย่างหยอกเย้ายั่วยวน แม้จะไม่หุ่นดีเท่าเจน่า แต่ลีลาบนเตียงนั้นก็เผ็ดร้อนไม่แพ้กัน แต่มันก็สักระยะหนึ่งแล้วล่ะกับการจ่ายเงินเพื่อซื้อความรุ่มร้อนจากผู้หญิงคนนี้ อะไรที่มันน่าตื่นเต้นก็ชักจะดูธรรมดาไปแล้ว ...กะว่าค่ำคืนนี้ผ่านไปผมก็คงเขี่ยทิ้งเหมือนคนก่อนๆ

“ปล่อยกู!!”

เสียงหนึ่งดังแทรกจังหวะเบสกระหึ่ม ผมชะงักจากความเคลิ้มที่คนข้างกายมอบให้ แม้จะเบาจนไม่แน่ใจเท่าไหร่ แต่ผมไม่มีทางจำเสียงของไอ้เจ้าไก่วัดตัวนั้นสับกับใครแน่ๆ ทั้งที่ไม่มั่นใจ แต่ผมก็เริ่มลุกลี้ลุกลนสอดส่ายสายตาฝ่าความมืดกับแสงสีที่สาดวิบวับ จนกระทั่งสองตาก็พบตัวตนแห่งความน่าสมเพชของผม

ความกรุ่นโกรธผุดขึ้นในจิตใจ ผมไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นไปได้มากเท่านี้ แค่เห็นพัทลุงถูกใครกูไม่รู้หิ้วปีกอยู่ในสภาพเมามาย ผมพยายามหาเหตุผลให้ตัวเองก่อน อาจจะเป็นเพื่อน อาจจะเป็นคนรู้จัก ...แต่ถ้าไม่ใช่ล่ะ!

ผมรีบหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าเงินจำนวนหนึ่ง วางตบลงบนโต๊ะท่ามกลางความไม่เข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อดเหยียดยิ้มดูถูกไม่ได้ เมื่อหญิงสาวไฟแรงคนนี้มองแบงก์สีเทาหลายใบด้วยตาวาว

“ค่าเสียเวลา”

ผมไม่สนใจเสียงพูดจากคนข้างหลังอีกต่อไปเมื่อสองเท้าก้าวออกมา ผมเดินฝ่าคน สองตาจับจ้องเป้าหมายที่เดินตรงเข้าไปยังหลืบมุมอันเป็นที่ตั้งของห้องน้ำ ความร้อนในใจผมมันยิ่งแผดเผากว่าเดิม สองเท้าเร่งก้าวเข้าหา และในจังหวะที่ผมเอื้อมมือออกไปหมายกระชากไหล่ของชายแปลกหน้า เสียงอ้อแอ้ของพัทลุงก็ดังขึ้น

“อรรถกรลุงปวดฉี่”

“ถึงแล้วมึง อั้นไว้ก่อนนะไอ้ลุง”

บทสนทนาทำให้ผมโล่งอก การที่ลุงเรียกชื่อใครคนนั้นแถมยังแทนตัวเองด้วยชื่อ ผมก็พอเดาได้ว่าคนๆ นี้คือเพื่อนสนิท หรืออย่างน้อยที่สุดก็อาจจะเป็นคนรู้จัก ผมไม่รู้หรอก...แต่ผมสบายใจแล้ว

เพื่อนของลุงปล่อยให้คนเมาเดินโซเซเข้าห้องน้ำไปเพียงลำพังหลังจากนัดแนะกันอย่างดิบดี อาจจะเป็นเหตุการณ์ปกติสำหรับเพื่อน แต่มันแปลกใหม่มากสำหรับผม ข้างในนั้นลุงอาจจะหกล้ม หรือว่าไปเซชนใครเข้าจนมีเรื่อง ...ผมเห็นห่วง นั่นคือเหตุผลที่เดินตามเข้าไป

ผมยืนอยู่ตรงมุมประตู ยิ้มขำกับอาการโยกไปเย้มาอยู่หน้าโถปัสสาวะของคนเมา จากนั้นก็เดินเป๋ออกไปในจังหวะเดียวกับที่คนกลุ่มหนึ่งเดินสวนเข้ามา ผมได้แต่อ้าปากค้างมองพัทลุงที่เดินไปที มองเพื่อนที่ยืนรอแต่ก้มหน้าเล่นมือถือที ผมกำลังชั่งใจว่าจะทำยังไงต่อดี จะสะกิดเพื่อนคนนี้ดีรึไม่ หรือว่า...

ผมตัดสินใจเดินตามพัทลุงไปเงียบ รีบสาวเท้าเพื่อดักหน้า และก็เป็นดังคาดที่คนเมาตัวน้อยจะชนร่างผมโครมเบ้อเริ่มแล้วทรุดลงไปกองกับพื้น


“พัทลุง?”
“เอิ๊ก! ครายอ่ะ”



ผมทำทีแปลกใจ เสแสร้งเป็นคนรู้จักที่บังเอิญเจอกัน แต่สองตาของผมนั้นเอาแต่จับจ้องร่างที่ปวกเปียกอยู่กับพื้น เสียงอ้อแอ้ และสติที่ไม่มั่นคงทำให้ผมเหยียดยิ้มอยู่ในใจ

บางครั้งโอกาสมันก็มาแบบไม่ทันตั้งตัว

แต่ถ้าไม่รีบคว้ามันเอาไว้...ผมคงต้องเพิ่มคำว่าโง่เง่าลงไปในพจนานุกรมส่วนตัว ถัดจากคำว่าน่าสมเพชแน่นอน





ผมดูถูกน้ำหนักไก่วัดตัวนี้มากไปหน่อย

ผมอุ้มขึ้นพาดไหล่พาเดินมาที่รถได้อย่างห่างไกลจากคำว่าเบาสบายมากที่สุด พัทลุงตัวไม่สูง ซ้ำยังผอมเหมือนผู้ชายตัวแกร็นทั่วไป ไม่ว่าจะวิเคราะห์กี่ครั้งผมก็ยังคงงุนงงได้เสมอว่าร่างกายแบบนั้นกลับมีบั้นท้ายอิ่มเอิบขนาดนี้ได้ยังไง ผมอยากจะขุนเจ้าไก่นี่ให้อวบอัดกว่านี้เหลือเกิน เมื่อนั้นสองตาผมคงจะได้มองเพลินไปทั้งวันแน่

“อือ...แจ๊บๆๆ”

ผมหลุดขำออกมา ทำไมเด็กคนนี้ถึงมีมุมน่ารักแบบนี้ได้ตลอดเลยนะ ปากอิ่มๆ นั่นคงฝันว่ากำลังเคี้ยวอะไรอยู่เป็นแน่ ขยับปากแต่ละที แก้มอูมๆ ระเรื่อแดงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์นั้นก็น่ามองเหลือเกิน อดไม่ได้เลยที่จะยื่นมือออกไปสัมผัสความนิ่มที่เคยได้แต่จินตนาการ  และมันก็เป็นอย่างนั้น แก้มลุงนุ่มนิ่มน่าหยิกอย่างที่คิดไว้จริงๆ ผมลงน้ำหนักนิ้ว บิดความยืดหยุ่นของผิวเนื้อเบาๆ ลุงขมวดคิ้วฉับทันควัน ส่งไม้ส่งมือเปะปะปัดป้องทันที

ผมยิ้มแล้วยิ้มอีก แถมยังเป็นยิ้มที่ทำเอาปวดแก้มไม่น้อย ผมถึงชอบโอกาสไงล่ะ เพราะทุกครั้งที่คว้าไว้ โอกาสไม่เคยทำให้ผมผิดหวังเลย

บอกไม่ถูกเลยว่าตอนนี้รู้สึกยังไง มันเป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่มากเสียจนนิยามไม่ถูก หัวใจมันก็ไม่ได้เต้นเร็วอะไรเลย แต่กลับอุ่นวาบข้างในจนร้อนไปหมด รู้สึกไม่อยากทำอะไรแม้แต่จะขับรถ อยากนั่งมองไก่ขี้เมาไปนานๆ ผมว่าจากระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา การนั่งมองลุงคือสิ่งที่เพลิดเพลินที่สุดเสมอไม่เคยเปลี่ยน

ผมคงบ้าไปแล้วล่ะ เป็นคนบ้าที่แสนจะน่าสมเพชเหลือเกิน

แต่จากเสียงสั่นสะเทือนที่ดังออกมาจากกระเป๋ากางเกงของลุง มันทำให้ผมหมดเวลาสงบสุข ผมเดาได้ว่าพวกเพื่อนของเด็กคนนี้ต้องตามหากันให้ทั่ว แม้ไม่รู้ว่าจะมีใครบ้าง แต่ผมก็เลือกโทรหาเพื่อนของพัทลุงคนเดียวที่ผมรู้จัก

“โป้ย”

“ครับพี่ปูน”  น้ำเสียงปลายสายสุภาพเหมือนเดิม แต่ความร้อนรนมันสื่อออกมาได้อย่างชัดเจน

“พี่เก็บพัทลุงได้ที่ผับkycoว่ะ เมาเป็นหมาไม่รู้เรื่อง นี่เลยพากลับไปบ้านด้วย”  ผมทำเสียงติดรำคาญอย่างที่เป็นเสมอ ผมเหยียดยิ้มเล็กน้อยกับการแสดงของตัวเองเมื่อได้ยินอีกฝ่ายถอนหายใจอย่างโล่งอก พร้อมกับเสียงที่ดังเบาออกไปคล้ายจะบอกเพื่อนที่เหลือว่าพัทลุงปลอดภัยแล้ว

“ผมก็ว่าเห็นพี่อยู่เหมือนกัน เฮ้อ~ ขอบคุณครับพี่ มันมากับพวกผมเองแหละ”

“แล้วจะเอาไง จะมารับกลับไปหรือว่าให้ค้างกับพี่”  ผมเสนอ แม้จะหวังไว้เหลือเกินว่าโป้ยจะเลือกข้อหลัง

“...ถ้าพี่สะดวก”  ผมเหยียดยิ้มเต็มฝีปาก ให้ตายสิ! ผมรักไอ้ตัวโอกาสฉิบหายเลย

“ตามนั้น”  ผมตอบสั้นๆ แต่จังหวะที่จะเลื่อนโทรศัพท์ออกจากหู เสียงโป้ยก็ดังลอดเข้ามา

“พี่ปูน...”

“ว่า”

“พี่จะไม่ทำอะไรมันใช่มั้ย?”

ผมนิ่งเงียบไป หัวสมองประมวลคำถามด้วยความรวดเร็ว โป้ยอึกอัก...คล้ายจะรู้อะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่แน่ใจ

“จะให้ทำอะไร เอาเข็มเย็บปากมันน่ะเหรอ”  ผมรีบกลบเกลื่อนด้วยความสามารถที่หลอกคนอื่นมานักต่อนัก

“เหอะๆ ฝากลุงด้วยนะพี่” 

“เออ”

“อ้อ! ผมลืมบอก พี่ทิ้งมันไว้บนโซฟาก็พอนะ เวลาเมามันชอบใช้ความรุนแรง”

จำได้ว่าผมหัวเราะเยาะคำเตือนของโป้ย ต่อให้เมาแล้วรุนแรงแค่ไหน กำลังกายชองพัทลุงก็สู้ผมไม่ได้อยู่ดี

แต่หลังจากนั้นไม่นาน ผมถึงรู้ว่าความประมาทมันเจ็บปวดขนาดไหน




ตุบ!!

ผมอาจจะเคยถูกตี ถูกหยิก หรือถูกเมินใส่ แต่ไม่เคยมีใครถีบผมมาก่อน

ให้ตายเถอะ!!!

หลังจากไอ้ขี้เมาคนนี้อ้วกรดโถงทางเดินเสียจนเหม็นหึ่ง ผมก็อุตส่าห์แบกมันขึ้นไปบนห้องนอน แม้จะทุ่มมันลงบนเตียงแรงๆ ก็เถอะ แต่คนอย่างผมก็ยอมเดินกลับลงไปเช็ดอ้วกจนพื้นสะอาดเอี่ยม อารมณ์ตอนนี้มันเดือดปุดๆ ต่อให้พัทลุงมายืนส่ายก้นตรงหน้า ผมก็ขอเตะมันสักป้าบก่อนจะขึ้นขี่ล่ะ

ความหวังดีที่อยากให้มันนอนสบาย ผมเลยเช็ดหน้าเช็ดตาอันโสโครกให้ พยายามถอดเสื้อผ้าที่เลอะเทอะออก ไล่เช็ดตามผิวเนื้อขาว แต่มันกลับไม่ใช่คนเมาที่นอนสงบเสงี่ยมแบบในรถอีกแล้ว มันดิ้นไปดิ้นมา วาดแขนเหวี่ยงขาจนผมอยากจะซัดมันให้สลบ ไอ้ผมที่ไม่อยากจะทำรุนแรงก็เลยจำต้องพยายามสะกดจิตตัวเองให้สงบแทน มันเป็นคนเมา มันเป็นคนเมา(ที่น่าตบกะโหลกมาก) 

และในจังหวะที่เสื้อเชิ้ตถูกแหวกออกด้วยสองมือของผม ความโมโหก็อันตรธานหายไปทันที สองตาผมหมกมุ่นสำรวจแผงอกขาว แม้จะไม่เนียนละเอียดเท่าไหร่แต่ยามสัมผัสกลับนุ่มลื่นมือ แอบสะกดความดีใจที่ไก่ตัวนี้ไร้ขนหน้าอกพะรุงพะรัง  หน้าท้องแบนราบที่เหมือนพอจะมีกล้ามเนื้ออยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้แข็งอย่างที่คิด หลุมสะดือสีขาวสะอาดที่ผมว่าน่าจะเหมาะกับจิวสีเงินสักอัน มันจะต้องเซ็กซี่ยิ่งกว่าเดิมแน่

“อื้อ!”

ลุงครางพลางบิดตัวไปมา เมื่อนั้นแหละที่ผมต้องกักเก็บน้ำลายที่ล้นปากกลืนลงคือไปเสีย ในตอนนี้สองตาผมเอาแต่จับจ้องอยู่ตรงหน้าอกของลุง จุกนมสีชมพูหม่นดูน่าหลงใหลไม่ต่างจากบั้นท้ายสวยๆ เท่าไหร่ ที่สำคัญยังซุกซ่อนตุ่มไตไว้ภายใน กระตุ้นการค้นหาของคนมองจริงๆ

ผมเหยียดยิ้ม

ค่อยๆ โน้มตัวลงแนบริมฝีปากบนดอกไม้ตูมในสระขาวผ่อง ยามความนุ่มเข้าปะทะกันก็เกิดเป็นกิเลสในทันใด ดอกไม้หอมหวานหายเข้าไปในปาก ผมไม่รีรอที่จะหยิบยื่นปลายลิ้นชิมรสชาติ ดูดดุนให้ยอดตูมแตกบานผุดเกสรลึกลับ ท่ามกลางเสียงครางผะแผ่วและแรงดิ้นที่ยังไม่ลดเลิก เมื่อผมละปากออกมา ดอกไม้ก็บานอวดเกสรสีชมพูระเรื่อแดงเย้ายวน

ไฟราคะลุกพรึบในตัว ผมไม่สนอะไรอีกแล้ว ผมจะปล้ำลุงเสียเดี๋ยวนี้นั่นแหละ จะฝังกายเข้าไปให้ลึกล้ำแล้วแตกซ่านอย่างที่อยากจะทำมาตลอด ผมไม่สนว่าหลังจากนี้จะเป็นยังไง แต่ผมจะทำให้ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมเอง ใช่! ผมต้องควบคุมทุกอย่างที่ต้องการได้เหมือนที่ผ่านมา

ผมจรดริมฝีปากลงบนดอกตูมอีกข้าง สองมือช่วยกันลูบไล้ผิวเนื้อนุ่ม เสียงครางเครือจากอีกฝ่ายกระตุ้นอารมณ์ดิบของผมได้ยิ่งกว่าใครทั้งหมด สมแล้ว...ช่างคุ้มค่ากับเวลาหลายปีเหลือเกิน ลุงเหมาะจะเป็นของผมจริงๆ

แต่ยามเตลิด การป้องกันก็ลดลงเป็นธรรมดา

ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ความเจ็บจากสีข้างนั้นเด่นชัดมากพอๆ กับความเจ็บจากก้นที่หล่นกระแทกกับพื้น ผมตะกายตัวขึ้นมานั่งด้วยความสับสน อารมณ์ร้อนแรงเหมือนถูกความเจ็บดูดหายไปจนเกลี้ยง ผมใจหายเล็กน้อยยามมองคนบนเตียง แต่พัทลุงยังหลับตาสนิทซ้ำยังเหวี่ยงแขน เตะอากาศอย่างช่ำชอง

คงไม่ใช่มือแน่ๆ ที่ซัดผมร่วงลงมาแบบนี้

ผมกลับขึ้นไปบนเตียงอีกครั้ง จ้องมองคู่ต่อสู้ที่กำลังใช้วิชาเส้าหลินทำร้ายอากาศ ผมทั้งขำทั้งโมโห แต่ความอยากเอาชนะกลับผุดขึ้นมาเพิ่ม ผมกระชากเสื้อลุงออกจากตัว ดึงกางเกงไปทาง ชั้นในไปทาง ลุงเปิดเผยเนื้อตัวอล่างฉ่างน่าฟัด ผมกลืนน้ำลายก้อนโตแล้วทำกายปลดเปลื้องเสื้อผ้าตัวเองบ้างด้วยความรวดเร็ว

ให้มันรู้กันไปว่าวันนี้ผมจะกินไก่ไม่ได้!!

แต่ผมลืมไปว่า ขณะที่ชิวาว่าก็มีเขี้ยวเหมือนบางแก้ว ไก่ก็ไม่ใช่ตุ๊กตาน่ารักเช่นกัน

ตุบ!!!


ผมนอนกลิ้งโอดโอยอยู่บนพื้น ความเจ็บเดิมยังไม่ทันหาย ไอ้ไก่เวรตะไลยังประเคนเข่าเข้าสะโพกผมได้เจ็บแสบที่สุด สองครั้งแล้วที่มันทำผมตกเตียง เป็นผมเองที่ดูถูกเรี่ยวแรงมันมากไป ไม่เคยมีใครทำกับผมแบบนี้มาก่อน ยิ่งบรรดาคู่นอนมีแต่จะเรียกร้องให้ผมต้องการมากขึ้น

ผมมองร่างเปลือยเปล่าตรงหน้า ขบกรามแน่นพลางคิดหาวิธี ต่อให้วันนี้จะไม่ได้ แต่ผมจะไม่ยอมปล่อยให้โอกาสมันผ่านไปอย่างเสียเปล่าแน่ ถ้าพลาดวันนี้ไปแล้วเมื่อไหร่ถึงจะมีอีกเล่า นี่ก็สามปีแล้ว! ตั้งสามปีเชียวนะ ผมไม่ยอมรอเป็นสิบปีอย่างไอ้กรเด็ดขาด

ว่าแล้วผมก็พุ่งตัวขึ้นไปบนเตียงอีกครั้ง ผ้าห่มถูกใช้ให้เป็นประโยชน์ด้วยการพันรอบตัวคนแรงเยอะเอาไว้จนเป็นมัมมี่ ผมหอบหายใจหนักหน่วง ไม่เคยเหนื่อยกับเรื่องไร้สาระอย่างนี้มาก่อน ทำไมพัทลุงถึงได้เมาแล้วดิ้นมากขนาดนี้นะ ดีที่ไม่ลุกขึ้นมาเดินเพ่นพ่านด้วย ไม่งั้นผมคงต้องตีมันให้สลบจริงๆ

ผมยืนมองก้อนผ้าห่มบนที่นอน แม้จะถูกพันขนาดนี้ก็ยังไม่คณาแรงพัทลุงสักนิด ดิ้นไปดิ้นมาเหลือแต่หัวโผล่อย่างกับดักแด้ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...แก้มก็ยังน่าฟัดอยู่ดี

ลมหายใจถูกพ่นออกมาอย่างยอมจำนน ผมทรุดตัวนั่งลงบนทีนอนทั้งร่างกายเปลือยเปล่า แต่หัวใจกลับอุ่นพิลึก ไม่ต้องปั้นหน้าดุใส่ ไม่ต้องชวนทะเลาะ แต่กลับได้มองหน้าลุงใกล้ขนาดนี้นั้นอย่างกับฝันแหน่ะ... -- ผมหยุดความคิดตัวเอง อมยิ้มให้กับความบ้าบออย่างกับพวกผู้หญิงช่างเพ้อ

ที่นอนยวบลงไปรองรับน้ำหนัก มือเอื้อมปิดไฟบนผนังข้างหัวเตียง ผมไม่ค่อยชอบกลางคืนเท่าไหร่ ความมืดมันทำให้รู้สึกว่าทั้งโลกนั้นมีแค่ตัวเรา เหมือนจะตอกย้ำว่าผมอยู่เพียงลำพัง อดีตไม่มีใคร อนาคตก็คง...--

“ฮิฮิ ฮี่ๆ ลุงจะเอานั่น”



...ผม



“ลุงอยากกิน แจ่บๆๆ”



ถึงผมจะไม่ใช่คนดี...แต่ผมก็อยากมีใครสักคน



“ฮิฮิฮิ”

ริมฝีปากผมกระตุกรอยยิ้ม เสียงคนเมาหัวเราะร่าเริงมากเสียจนอยากจะรู้ว่ากำลังฝันเรื่องอะไร ผมพลิกตัวกอดก้อนผ้าช่างฝันข้างๆ กลิ่นอาเจียนยังกรุ่นจมูก แต่ผมก็ยังคงตะเกียกตะกายซุกหน้าลงกับกลุ่มผมที่กลิ่นตุไม่แพ้กัน

ให้ตื่นขึ้นมาแล้วเข้าใจผิดไปเลย! ให้ลุงตกใจคิดว่าผมปล้ำไปแล้วก็ได้ ผมจะสมยอม จะรับผิดชอบ จะทำให้ลุงโอนอ่อนผ่อนตามเอง...

หึ ปุริมเอ๊ย~ มึงมันน่าสมเพชจริงๆ


.

.


แต่ลุงนั้นอยู่เหนือเหตุผล และจินตนาการของคนธรรมดาจะเอื้อมถึง


.

.


ผมประมาทความเพ้อเจ้อของเด็กคนนี้มากไป

เป็นใครบ้างจะไม่ตื่นขึ้นมาถ้าถูกสัมผัสของรักของหวง อันที่จริงไม่ใช่แค่นั้นหรอก ฝ่ามือสากเล็กน้อยนั่นยังปั้นจนแตงร้านขึ้นรูปด้วยซ้ำ ขยำไปมาคล้ายกับไม่แน่ใจในความเป็นจริง ...เพลินอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าปล่อยไว้คงแย่

“ทำอะไรน่ะ?”  ผมจำต้องร้องขัดเสียก่อน ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง แต่เมื่อนับจากความเสียวที่เพิ่มขึ้นแล้ว ไอ้คนตรงหน้ากลับจ้องหน้าผมด้วยความตกตะลึงไปพลางคลึงของในมือไปด้วย

ผมหวังให้เหตุการณ์ในละครสักเรื่องที่ไอ้กรเล่น รอว่าเมื่อไหร่ลุงจะโวยวายหาว่าผมพรากความบริสุทธิ์ทางประตูหลัง ด้วยสภาพเปล่าเปลือยของเราทั้งคู่ มันมองได้แบบนั้นอยู่แล้ว

แต่...

ทั้งสีหน้าและท่าทาง จะแววตา หรือความตื่นตกใจ ทั้งหลายแหล่ที่พัทลุงสื่อออกมา มันข้ามขั้นไปไกลกว่านั้นอีก ผมเดาว่าในหัวของลุงไม่มีส่วนไหนเลยที่คิดว่าถูกจิ้มไปแล้ว แต่กำลังกลัวว่าเป็นผมต่างหากที่มันจิ้มไป

อะไรก็ได้...ผมยอมทั้งนั้นแหละ

จะให้เสแสร้งแกล้งตีสีหน้าแค่ไหนผมไม่สนสักนิด  “ลุงจำไม่ได้เลยสินะว่าทำอะไรกับพี่ไปบ้าง”

หน้าตาพัทลุงเดี๋ยวซีดเดี๋ยวแดง คงกำลังนึกว่าทำอะไรไป ทำได้อย่างไร ยิ่งตอนผมลุกขึ้นยืนแล้วเผลอเบ้หน้าด้วยความเจ็บจากลูกถีบของลุงเมื่อคืน มันยิ่งเหมือนย้ำชัดว่าสิ่งที่มันคิดกับสิ่งที่ผมเสแสร้งเป็นความจริง ผมลอบยิ้มอย่างมีชัย ต่อให้จากนี้มันคิดได้ขึ้นมา แต่อย่างน้อยความสัมพันธ์ระหว่างเราก็น่าจะขยับใกล้ขึ้นบ้าง






>>> [มีต่อจ้า]
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 02-07-2017 13:47:51
<<<<


ผมยังคงทำตัวเหมือนปกติ แต่พัทลุงต่างหากที่เปลี่ยนไป แม้จะมีท่าทีอึดอัดอยู่บ้าง แต่กลับสุภาพกับผมมากขึ้น เทคแคร์จนผิดร่องผิดรอย พัทลุงเหมือนคนสับสน แต่ในท้ายที่สุดความเป็นสุภาพบุรุษเก๊ๆ ที่โป้ยชอบแซวก็จัดการให้ตัวต่อทุกชิ้นที่ผมต้องการนั้นรวมกันได้อย่างลงตัว


“ผมจะรับผิดชอบพี่เองครับ!!”
“ก็ผมปล้ำพี่ พี่เป็นเมียผมแล้วผมก็ต้องรับผิดชอบ!!”



ผมอมยิ้ม ช่างเป็นความซื่อที่เข้าขั้นบื้อเสียจริงๆ ถ้าคิดแบบคนธรรมดาสักนิดชีวิตอาจจะไม่ยุ่งยากแล้วก็ได้ แต่...หึหึ นี่แหละคือเสน่ห์ของพัทลุง





’มึงดูมีความสุขขึ้น’

คำทักของกรทำให้ผมย้อนกลับไปมองช่วงเวลาไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ถ้าเทียบกับก่อนหน้านั้นละก็...ใช่ ผมมีความสุขกว่าที่เคยเป็น ถึงจะดูเลวไปสักหน่อยที่ยกคำว่าผัวเมียขึ้นอ้างตลอดเวลา แต่ลุงก็ดูมีความสุขไปเสียทุกครั้งนี่นา แค่นึกถึงก็แทบจะได้กลิ่นผิวเนื้อที่สูดดมมาแล้วทุกซอกทุกมุม สีหน้าแดงระเรื่อที่บิดเบี้ยวด้วยความกระสัน หัวนมน่ารักที่ถูกดูดดุนจนยอดไตสีสวยผุดขึ้น เมื่อละเลงลิ้นเข้าใส่ลุงก็เผลอแอ่นหยิบยืดให้อย่างว่าง่าย ยิ่งดูดเข้าปากไปร่างกายเจ้าของก็สั่นระริก พองับด้วยฟันเบาๆ เสียงครางก็เผยให้ได้ยิน ขบกัดหนักเข้าลุงก็แทบแดดิ้นใต้ร่างผมอย่างง่ายดาย

‘ผัว’ ของผมช่างเป็นคนเซ็กซี่เหลือเกิน   






แต่ไม่ว่ายังไงความสุขมันก็ไม่ได้เป็นเพียงอย่างเดียวในชีวิต

ผมได้รับโทรศัพท์จากเลขาของคนที่เรียกว่าเป็นคนแปลกหน้าซึ่งกันและกัน ประโยคที่ว่า ‘คุณท่านต้องการพบคุณปูนครับ’ ทำผมทั้งแปลกใจและอยากจะหัวร่อให้ในคราวเดียวกัน และนั่นทำให้ผมไม่ยอมฟังรายระเอียดใดใด หลังจากแค่นเสียงหัวเราะให้ปลายสายแล้วก็กดตัดสัญญาณในทันที

จนป่านนี้แล้ว เนิ่นนานขนาดนี้...อยากจะพบงั้นเหรอ? ไว้ให้นอนอยู่ในโลงก่อนเถอะผมถึงจะไป

ถึงจะบอกกับตัวเองอย่างนั้น แต่ภายในใจมันยังร้อนรุ่ม คืนวันเก่าๆ มักจะย้อนขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกครั้งที่ต้องนึกถึง ความรู้สึกทุกอย่างมันประดังประเดเข้ามาราวกับว่าทุกสิ่งเพิ่งจะผ่านพ้นไปเมื่อวาน คำว่านรกในใจคงจะเป็นคำเรียกที่ถูกต้องที่สุด

ผมอยากจะระบาย อยากจะทำยังไงก็ได้ให้ความอัดอั้นมันหายไป ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหวังนัดแนะคู่ขาสักคนที่พร้อมจะออกไปรองรับอารมณ์ของผมในตอนนี้ ผมเลื่อนดูรายชื่อ ...แล้วชื่อของลุงก็โผล่ขึ้นมา

ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่านิ้วกดโทรออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อได้ยินเสียงจากปลายสาย ผมแค่ยื่นความจำนงว่าลุงต้องมา ต้องมาหาผมตอนนี้ เดี๋ยวนี้...

แล้วเมื่อลุงปรากฏตัวต่อหน้าผมด้วยชุดที่มอมแมมที่สุดที่เคยเห็น นรกในใจก็พลันมอดดับลง ดอกไม้ผุดขึ้นจนกลายเป็นสวรรค์ ผมลืมไปหมดว่าทำไม หรือเพราะอะไร... พัทลุงอาจจะเป็นความสุขของผมก็ได้ ไม่อย่างนั้น ทำไมผมถึงยิ้มได้มากมายขนาดนี้ ยิ่งเมื่อได้รู้ว่าสภาพมอมแมมนั้นมาจากการรีบร้อนเพราะเป็นห่วงผม หัวใจมันก็คันยุบยิบไปหมด มันอุ่นวาบราวกับนอนตากแดดใต้แสงอาทิตย์รำไร แล้วผมก็หุบรอยยิ้มตัวเองไม่ได้เลย

พัทลุงทำให้ผมหลงมากขึ้นอีกแล้ว



หลังจากใช้เวลาบนท้องถนนพอควรกว่าจะมาถึงห้องพัก ในที่สุดผมก็ได้ทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน ปิดเปลือกตาชั่วครู่เพื่อรับความเงียบในแบบเดิมๆ ผมแค่นยิ้มกับตัวเอง เมื่อนึกถึงเสียงบ่นเจื้อยแจ้วที่ไม่ควรจะชินหู เสียงทำนั่นนี่ที่บ่งบอกว่ายังมีคนอีกคนวนเวียนอยู่ภายในห้องนี้

ถ้าไม่รับรู้ซะว่าช่วงเวลาแบบนั้นมันมีความสุขดี ก็คงไม่ต้องมารู้หรอกว่าตอนนี้มันเงียบเหงาแค่ไหน

ที่จริงมันอาจจะเป็นความคิดที่ไม่เข้าท่าตั้งแต่แรกแล้วก็ได้ ที่เอาตัวเองไปพัวพันกับลุง ผมเคยชินกับการปะทะคารม และการแอบมองอยู่เงียบๆ ห่างๆ มากกว่าจะมาอยู่ใกล้ชิดกันแบบนี้ ผมรู้ว่าลุงเป็นพวกสดใสร่าเริงได้เสมอ แต่ยิ่งมาใกล้ชิดกันมากเท่าไหร่ บางคราวความสดใสนั้นก็สว่างไสวจนผมแสบตา ผมรู้สึกกลัวขึ้นมาว่าในสักวันที่ผมชินกับการมีลุงอยู่เคียงข้าง วันนั้นอาจจะเป็นวันที่ตัวเองโดนทิ้งให้โดดเดี่ยวอีกครั้ง

และผมโคตรจะเกลียดความรู้สึกแบบนั้นที่สุด

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นกะทันหัน กระชากความเงียบให้หลบเลี่ยงไป ผมเอื้อมมือหยิบมันขึ้นมาจากบนโต๊ะเตี้ยด้านหน้า ชื่อบนหน้าจอทำให้ผมต้องถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายเช่นทุกครั้งที่เห็น ก่อนจะกดรับสายด้วยเสียงห้วนสั้นไร้มารยาท

“ว่าไง”

“สวัสดีครับคุณปูน”  ปลายสายตอบรับด้วยความสุภาพ แม้จะไม่ได้รับการปฏิบัติดุจเดียวกันจากผมเลยก็ตาม

“คราวนี้มีอะไรจะรายงานอีกล่ะ?”  ผมยังคุมโทนเสียงเดิมได้อย่างต่อเนื่อง  “บอกตั้งกี่ครั้งแล้วว่าฉันตัดขาดกับทางนั้นไปแล้ว”

“...ผมทำตามหน้าที่ครับคุณปูน เมื่อมีเรื่องเกิดขึ้นผมจึงต้องแจ้งกับคุณครับ”  เสียงที่ลอดผ่านก็ยังคงความสุภาพได้คงเส้นคงวา แถมน้ำเสียงยังราบเรียบไร้อารมณ์สมกับที่อ้างถึงหน้าที่จริงๆ

“งั้นก็พูดๆ มาจะได้รีบวางสาย” 

“คุณท่านเข้าโรงพยาบาลอีกครั้งครับ...วันนี้ช่วงบ่ายคุณท่านบ่นปวดศีรษะมาก สาวใช้จึงไปนำยามาให้ แต่เมื่อมาถึงห้องทำงานก็พบว่าคุณท่านหมดสติไปแล้วครับ ผมรีบนำส่งโรงพยาบาล แพทย์วินิจฉัยเบื้องต้นว่าเป็นอาการสมองขาดเลือดชั่วคราวครับ เพราะหลังจากได้รับยาไปมีอาการตอบสนองดีขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะต้องตรวจให้ระเอียดด้วยซีทีสแกนอีกครั้งครับ”

ผมรับฟังการรายงานสถานการณ์จากวิชัย เลขาคนสนิทผู้ซื่อสัตย์ของคนๆ นั้น ด้วยสีหน้าไม่ได้ยินดียินร้ายเหมือนทุกครั้ง แม้ว่านั่นจะเป็นข่าวสารของคนเป็น ‘พ่อ’ ก็ตาม จนป่านนี้แล้ว ความอกตัญญูของผมมันมีมากพอขนาดที่ทำให้ตกนรกก็ไม่แปลกใจ แถมผมก็ไม่คิดจะกลับไปเป็น ‘ลูกที่ดี’ แบบนั้นอีก

“ถ้าแพทย์แจ้งผลที่แน่นอนแล้ว ผมจะโทรมารายงานอีกครั้งครับ”

“ไม่จำเป็น”

“จำเป็นครับ”  ก็เหมือนเดิมที่ผู้ชายคนนี้ไม่เคยฟังผมเลย

“ก็แล้วแต่เหอะ!”  ผมวางสายด้วยความฉุนที่พุ่งขึ้นมาอย่างยากระงับ ในใจกรุ่นโกรธยิ่งขึ้นเมื่อชีวิตในช่วงปีกว่ามานี้ต้องมาทนฟังข่าวสารของคนที่ผมตัดออกไปจากชีวิตแล้ว ไม่ว่าจะกีดกันอย่างไรก็ไร้ผล ได้แต่ก้มหน้าก้มตารับฟังคำรายงานไป ผมเคยทำเมิน เลือกตัดช่องทางการติดต่อจากหมาคาบสาร แต่มันก็ไร้ประโยชน์ 

เป็นเพราะคนพวกนั้นแท้ๆ ที่ทำให้อาการนอนไม่หลับของผมมันหนักหน่วงทุกทีที่ได้รับรายงานบ้าๆ บอๆ ความหงุดหงิดเริ่มเกิดขึ้นทีละน้อย ผมมองไปรอบห้อง รับรู้ถึงความเงียบของการอยู่เพียงลำพัง นี่คือชีวิตของผม... การที่ผมดึงลุงก้าวเข้ามาในอาณาเขตนี้ต่างหากที่มันเป็นเรื่องผิดเพี้ยน บางทีผมควรจะบอกความจริงกับไก่วัดซื่อๆ ตัวนั้นให้หายโง่เสียที ให้มันแตกหักไปเลยก็ไม่เลว โกรธเกลียดผมไปเลยก็ได้


...ก่อนที่ผมจะยึดติดไปมากกว่าที่เป็น…


ผมยกโทรศัพท์ขึ้นอีกครั้งเพื่อเลื่อนหาเบอร์โทร ใช้เวลาไม่นานหลังจากการกดโทรออกไป เสียงปลายสายก็ดังขึ้นร้องรับอย่างยินดีเช่นทุกครั้ง


.
.
.


“อืม~...คุณปูนครับ” 

เสียงครวญครางยั่วยวนดังขึ้นจากริมฝีปากจิ้มลิ้ม ที่กำลังกินอย่างตะกรุมตะกรามอยู่กลางหว่างขาผม

ต้นข้าวมักจะมาถึงทันใจทุกครั้งที่ผมต้องการใช้บริการ และไม่ต้องอารัมภบทอะไรให้มากความ ราวกับว่าพร้อมอยู่เสมอเมื่อผมเรียกหา อย่างคราวนี้นัดเจอกันที่โรงแรมใกล้ๆ พอก้าวพ้นประตูมาได้ ก็ตะโบมจูบผมเป็นการใหญ่ ยั่วยวนด้วยท่วงท่าและท่าทาง แล้วก็ลากผมมานั่งกินอย่างเอร็ดอร่อยอย่างนี้

“คุณปูนเครียดเรื่องอะไรหรือครับ?”  ผมมองหน้าคนถาม ในมือขาวเนียนนั้นกุมแท่งเนื้อที่คลับคล้ายจะแข็งแรง คลับคล้ายจะอ่อนแรงเอาไว้ มันคงไม่ใช่เหตุการณ์ที่ต้นข้าวเคยเจอ เจ้าของมือไหวแท่งเนื้อไปมาเบาๆ กล่าวอย่างติดตลก  “มันไม่ปึ๋งปั๋งเลยฮะ ผมเมื่อยปากแล้วเนี่ย”

สีหน้าของต้นข้าวเต็มไปด้วยความออดอ้อน และเมื่อสองตายั่วเย้าเห็นแค่ความเรียบตึงในสีหน้าของผม กลีบปากฉ่ำนุ่มก็ครอบลงกับน้องชายของผมต่อด้วยความพยายามที่มากกว่าเดิม

ผมปล่อยให้ต้นข้าวปฏิบัติการต่อไป ลีลาของเด็กคนนี้มักฉุดผมขึ้นมาจากความหงุดหงิดได้เสมอ -- แต่ไม่ใช่ครั้งนี้ -- ผมขยับตัวเล็กน้อย แหงนใบหน้าพิงลงกับพนักโซฟา กิจวัตรแบบนี้มันใช่สิ่งที่ผมต้องการจริงๆ น่ะเหรอ หรือว่าผมรู้จักแต่หาเครื่องระบายความเดียวดายของตัวเองไปวันๆ แค่ช่วยให้ผ่อนคลาย ปลดปล่อยความอัดอั้น แค่ทำให้ชีวิตไม่ดูเงียบเหงาแค่ชั่วครู่ชั่วยาม

ชีวิตของผมมันเลวร้ายถึงขั้นไม่มีอะไรดีเลยจริงๆ

จะโทษใครได้ถ้าไม่ใช่ตัวเองที่ลากลุงเข้ามา ทำให้กระจ่างตาแค่ไหนว่าชีวิตที่เป็นอยู่มันบัดซบเหลือเกิน ตั้งแต่วันแรกที่รู้จัก จนกระทั่งวันนี้ผมก็ยิ่งรู้สึกว่ามันช่างยากเหลือเกินที่จะไม่หลงเข้าไปในความใสซื่อนั้น ทั้งรอยยิ้ม ทั้งปากช่างเจรจา ทั้งความเอาใจใส่ทั้งหลายทั้งแหล่นั่น …ผม...

“ว้าว~”  ผมเริ่มรู้สึกได้ถึงแรงดูดเม้มที่มากขึ้นพร้อมกับที่ต้นข้าวส่งเสียงขึ้นมาเบาๆ แต่ผมก็ปัดเสียงนั้นออกไปจากสมองอย่างรวดเร็ว เสียงของลุงทุ้มกว่านี้ น่าฟังมากกว่านี้ ลีลารักของลุงก็ไม่ได้จัดจ้านโชกโชน มันเต็มไปด้วยความขลาดเขลา ความเขินอาย แต่ก็อยากรู้อยากเห็นและซุกซนเป็นที่สุด

“คุณปูน~”

ผมชอบอ้อมกอดของลุง ชอบเรียวขาที่จงใจพาดเข้ากับเอวของผมอย่างเผลอไผลยามที่นอนด้วยกัน ชอบที่ร่างของเราใกล้ชิด ...ชอบที่ผมได้ฟังเสียงหัวใจของใครสักคนแล้วหลับไป

ผมหลับตาอมยิ้มกับภาพความทรงจำบนเตียงครั้งสุดท้าย ที่ไม่ว่าลุงจะดิ้นหนีสักกี่ครั้ง พอผมรู้สึกตัวขึ้นมาก็ต้องลากลุงกลับมานอนในท่าเดิม ผมชอบช่วงเวลาเหล่านั้นมากกว่าความกลวงเปล่าในตอนนี้เป็นไหนๆ

..

..

แล้วผมมัวทำอะไรอยู่...

“พอ!” 

ใบหน้าแดงระเรื่อของเด็กวัยมหา’ลัยชะงักงัน มองผมที่ใช้มือดันหน้าออกอย่างกะทันหันด้วยความไม่เข้าใจ ริมฝีปากที่เปรอะเปื้อนคราบน้ำลายบิดโค้งลงเล็กน้อยราวกับขัดใจ แม้แต่มือบอบบางที่กำส่วนหนึ่งของผมอยู่ก็ยอมคลายออก ต้นข้าวคงจะพอจับความผิดปกติของผมได้ ถ้าไม่นับรวมครั้งล่าสุดที่ผมเร่งร้อนแต่ฝ่ายเดียวแล้วโยนเงินให้ ครั้งนี้มันคงเลวร้ายพอดูสำหรับต้นข้าว

“ผมทำอะไรไม่ดีเหรอ?”  ร่างผอมบางขยับตัวขึ้นมา ปีนคร่อมหน้าขาผมไว้ นาบริมฝีปากซุกไซ้ลงกับซอกคอผมเบาๆ  “ฝีมือผมตกไปเหรอ? หรือว่าวันนี้อยากจะได้อะไรที่มันพิเศษ”

“เปล่า”  ผมปฏิเสธ ฝีมือต้นข้าวไม่มีตกไปหรอก ซ้ำน่าจะดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ คงไม่มีผู้ชายคนไหนไม่เสร็จคาปากนิ่มๆ นี้ได้หรอก แต่ในวันนี้สำหรับผมมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

“งั้นเราไปทำต่อกันที่เตียงดีมั้ยครับ”

“ไม่” 

เด็กหนุ่มยืดตัวมองผมด้วยความไม่เข้าใจ ผมตัดสินใจเบี่ยงตัวลุกขึ้น จัดการเก็บอวัยวะที่อ่อนตัวลงอย่างเห็นได้ชัดเข้าที่ให้เรียบร้อย ผมไม่หันไปมองต้นข้าวหากเดินไปยังกระเป๋าเพื่อหยิบสมุดเช็คที่มักจะติดเอาไว้ เขียนจำนวนเงินลงไปพร้อมกับลงลายเซ็นกำกับ และเมื่อหันกลับมาอีกครั้ง ต้นข้าวก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมแต่ในสภาพที่เสื้อผ้าเข้าที่เข้าทาง

“นี่มันอะไรกันครับ?”  สายตาที่มองกระดาษที่ถูกยื่นให้เต็มไปด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่ผิดจากที่ผมคิดเท่าไหร่นัก เมื่อเด็กคนนี้รับเช็คไปโดยไม่มีอาการลังเล

“ค่าเสียเวลา”

ต้นข้าวก้มมองดูจำนวนตัวเลขในกระดาษ แววตาพราวระยับชั่วครู่ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นความฉงน

“แต่นี่มันมากเกินไป”

“รับไว้”  น้ำเสียงผมนิ่งเรียบ ไร้ซึ่งความอาลัยอาวรณ์อย่างที่ตัวเองก็แปลกใจ  “เพราะนี่คือครั้งสุดท้ายแล้วที่ฉันจะโทรหาเธอ”

คำพูดของผมดับแสงเรืองรองในสายตาต้นข้าวจนสิ้น  “ทำไมครับ! คุณปูนไม่พอใจผมตรงไหนเหรอ”
ร่างผอมบางดีดตัวลุกขึ้น โถมเข้ากอดผมแน่น ปากรำพึงแต่คำว่าไม่ยอม แถมยังพ่วงคำบางคำออกมาให้ผมต้องระคายหูเสียอีก

“ผมรักคุณปูนนะครับ”

ผมแค่นหัวเราะเสียงดัง รักบ้าบออะไรกัน ฟังแล้วมันทำใจรับแทบไม่ได้ เด็กคนนี้ไม่ได้ซื่อสัตย์กับผมสักนิด ไม่ได้มีแค่ผมเสียหน่อย อย่างนี้จะเรียกว่ารักได้อย่างไรกัน ถ้าจะรัก ก็คงจะรักแค่เงินของผมล่ะไม่ว่า ไม่อย่างนั้นทุกครั้งที่ผมถามว่าต้องการอะไร จะมีคำตอบออกมาได้มากมายขนาดนั้นหรือ? แต่ละอย่างที่อยากได้ก็ไม่ใช่ของราคาทั่วไป  “เก็บของแล้วออกไปซะ”

“ไม่ๆ ผมรักคุณจริงๆ นะ”  ต้นข้าวสะบัดหน้าไปมาไม่ยอมรับ  “อย่าทิ้งผม”

“หึ ฉันทิ้งเธองั้นเหรอ?”  ผมพ่นลมหายใจออกมาอย่างสุดกลั้น จ้องมองต้นข้าวที่เงยหน้าสบตาผมด้วยความหวาดระแวง  “ฉันกับเธอเป็นอะไรกันหรือต้นข้าว?”

“ผม... ก็จริงที่เราไม่ได้คบกัน แต่ว่าเรานอนด้วยกันนะ ผมยอมเป็นอะไรก็ได้สำหรับคุณ”

“นี่นะ เด็กน้อย”  ผมหนีบคางของเด็กช่างตื๊อไว้ด้วยปลายนิ้ว  “เธอก็แค่ขายตัวให้ฉันเท่านั้นเอง”

“ไม่ใช่นะ! ผมไม่ได้ขายตัว”  เด็กหนุ่มสะบัดหน้าหนี ผลักตัวผมออกราวกับรับไม่ได้เสียเต็มประดา

“แน่ใจเหรอ? ฉันว่าที่ผ่านมามันดูจะเป็นอย่างนั้นนะ ไม่มีครั้งไหนที่ฉันนอนกับเธอฟรีๆ ทุกครั้งเต็มไปด้วยผลตอบแทน”  ผมเหยียดยิ้มด้วยความดูถูก  “และฉันก็ตอบแทนเกินกว่าที่ได้รับเสียด้วย”

“แต่...แต่ผมรักคุณจริงๆ นะครับ”

“เด็กเอ๋ย...”  ผมส่ายหน้าด้วยความเห็นใจ ทำให้เท้าที่จะก้าวมาหาผมของต้นข้าวชะงักลง  “เธอคงไม่คิดว่าฉันจะจริงจังกับเด็กขายตัวได้ลงหรอกนะ”

ต้นข้าวเม้มริมฝีปากแน่น โทสะฉายอยู่ในแววตา ร่างบางก้าวยาวๆ ไปเก็บกระเป๋า หันมามองผมอีกครั้ง  “คุณมันเลวและก็ร้ายกาจ ผมอยากจะรู้นัก ว่าใครจะมารักคนที่รักใครไม่เป็นอย่างคุณ!”  กล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามเป็นครั้งสุดท้าย ต้นข้าวก็ตะบึงตะบอนจากไปโดยไม่หันหลังกลับมาอีก

สองตามองร่างนั้นหายลับไป ผมไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับคำปิดท้ายอย่างนั้นหรอก ก็ไม่ใช่ต้นข้าวสักหน่อยที่เป็นคนแรก บรรดาคู่ควงมากมายของผมก็พ่นคำนี้ใส่มาแล้วเป็นครั้งสุดท้ายก่อนลาขาด แต่ว่านะ...ถ้าเด็กคนนั้นจะปาเช็คใส่หน้าผมแทนที่จะกำเก็บเข้ากระเป๋า ผมอาจจะพอทำใจเชื่อคำว่ารักที่พ่นออกมาได้บ้าง

ผมทิ้งตัวลงบนเตียง หลับตาแน่น เมื่ออยู่เพียงลำพัง เปลือกแข็งแกร่งที่สร้างก็ร่อนหลุดออกช้าๆ 

ใครจะมารักคนที่รักใครไม่เป็นอย่างผม?

นั่นสิ...ลุงจะรักผมบ้างรึเปล่า? คนที่ยังไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองแบบนี้

เป็นความหลงใหล ความชอบ หรือเลยเถิดเป็นความรักแล้วนั้น

ผมก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน





ความรู้สึกของผมมันรวนเรอยู่ภายใน

อันที่จริงแล้วผมอาจยังไม่พร้อมที่จะยอมรับกับตัวเองก็ได้ ผมทั้งกลัวที่ตัวเองจะถลำลึกไปมากกว่านี้ แต่จะให้ถอยห่างก็ยากที่จะทำได้ลงเหมือนกัน ...ทั้งสุขและทุกข์... มีความสุขบนความหวาดกลัวอยู่ตลอดเวลา ตลอดมาผมห้ามตัวเองได้ ไม่ยึดติดใคร ไม่ยอมให้ใครก้าวก่ายในพื้นที่ส่วนตัว กันทุกคนออกจากปราการที่สร้างขึ้น กรมักจะบอกให้ผมทลายกำแพงนั้นซะ แต่มันไม่เคยถูกคนที่รักทำลายโลกใบน้อยที่เคยมีจนแตกเป็นเสี่ยงๆ มันไม่เข้าใจหรอกว่ากว่าผมจะเก็บเสี้ยวเศษพวกนั้นมาสร้างโลกของตัวเองได้มันใช้ความพยายามขนาดไหน

แต่ใช่ว่ากรจะดีไปกว่าผมเท่าไหร่หรอก

เมื่อคนน่าสมเพชสองคนมาเป็นเพื่อนกันได้ มันก็ต้องมีจุดที่เข้าใจกันได้ไม่มากก็น้อย ถ้าความกังวลของกรคือพัทลุง ตัวปัญหาของผมก็คือโป้ยเช่นกัน

ผมรู้ตลอดมานั่นแหละว่าโป้ยกับลุงนั้นเป็นเพื่อนสนิทกันมากแค่ไหน ไม่อย่างนั้นผมคงไม่เลือกที่จะตีสนิทกับโป้ยให้มาก การที่คนเราคบกันได้ตั้งแต่ชั้นประถมโดยไม่มีช่วงห่างเหินนั้น มันพอที่จะทำให้ผมรู้ว่าความสัมพันธ์นั้นแข็งแกร่งและแนบแน่นขนาดไหน เด็กสองคนนั้นมักเล่นถึงเนื้อถึงตัวกันตลอดเวลา ขนาดที่พี่ริชยังเคยแอบแซวว่าทั้งคู่เป็นแฟนกัน

ผมชอบโป้ยนะ ผู้ชายคนนี้เป็นคนเก่ง คุยสนุก และมีอิสระในตัวของตัวเอง

เหมือนที่กรเองก็เอ็นดูลุง เพราะความที่เป็นเด็กซื่อๆ ขยันทำงานเหมือนกัน

แต่ถ้ามองจากอีกมุมหนึ่งนั้น...

ก็เหมือนวันอื่นๆ ในช่วงที่ว่าง ผมนั่งแอบมองเจ้าลูกไก่ผ่านช่องกระจกเหมือนปกติ มองปากของลุงที่ขยับจ้อกับเพื่อนข้างๆ ได้อย่างไม่หยุดหย่อน แต่ไม่นานจากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มนัวเนียกันมากขึ้น ทั้งซบทั้งกอด เหมือนเดิมๆ นั่นแหละ...แต่ถ้าทำได้ผมก็อยากจะเดินเข้าไปกระชากโป้ยออกมาแล้วต่อยสักหมัด ก็แค่ความคิดเท่านั้น ผมยังคงอดทนกับความรู้สึกของตัวเองได้

แต่เพื่อนสนิทผมนั้น...หลุดไปแล้ว

ผมจำต้องเดินออกไปดูสถานการณ์หลังจากได้ยินเสียงบางอย่างตกพื้นโครมใหญ่ดังมากจากห้องข้าง จะเรียกว่ายังไงดีล่ะ? กรหลุดจากบทพระรองเป็นตัวร้ายขี้อิจฉาไปแล้ว แต่พอสงบสติตัวเองได้วิญญาณนักแสดงก็เข้าประทับองค์ทันที ผมก็อยากจะขำอยู่เหมือนกัน แต่ผมเข้าใจ...

“กูกลัวว่ะ...ถ้าโป้ยจะรักชอบลุงขึ้นมา คนอย่างกูคงสู้ไม่ได้”

นักแสดงขายดีของวงการหมดสภาพฟุบหน้าลงกับโต๊ะ โอดครวญให้กับความรักของตัวเอง ถ้าได้หลุดออกไปถึงผู้สื่อข่าว ต่อให้ไม่ใช่พระเอกดังคับจอ ก็คงเป็นทอร์คออฟเดอะทาวน์ไปอีกพักใหญ่ ผมปล่อยให้กรระบายออกมามากมาย ไม่เสนอแนะ ไม่ช่วยออกความคิดเห็นใดใด ทุกความไม่สบายใจที่เพื่อนเผยออกมานั้นผมยอมรับด้วยความกลัวไม่แพ้กัน

นั่นสินะ...ถ้าลุงเกิดคิดได้ว่ารักเพื่อนสนิทเข้าแล้ว พื้นที่ใต้เท้าผมคงได้พังทลายแน่นอน



>>>>> [มีต่อจ้า]
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 02-07-2017 13:48:21

ผมรู้ประวัติของลุงจากโป้ยมาพอสมควร และมันก็ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไม? ทำไมผู้หญิงพวกนั้นถึงได้ทิ้งคนหายากแบบนี้ไปได้อย่างง่ายดาย ลุงไม่ใช่พวกหล่อพร้อมสมบูรณ์แบบ หน้าตาที่ไม่ถึงกับหล่อ แต่ก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร ผมว่ามันเป็นส่วนผสมที่ออกมาอย่างลงตัวทางกายภาพและจิตใจ มองเผินๆ เหมือนไม่น่าสนใจ แต่เมื่อไหร่ที่ลุงยิ้มนั้น...ดูน่ารัก แบบที่นั่งมองได้ทั้งวันเชียวล่ะ

และลุงก็เป็นคนยิ้มง่าย พอๆ กับที่กวนตีนเก่งนั่นแหละ

มักจะมีคนบอกว่านิสัยส่วนตัวนั้นมาจากตัวตนของคนๆ นั้นกำหนด แต่ผมเชื่อว่าครอบครัวก็มีส่วนมากเหมือนกัน ครอบครัวของลุงนั้นไม่ได้ร่ำรวยมีเงิน แต่การเลี้ยงดูที่ดีนั้นมันสื่อออกมาได้ผ่านทางทัศนคติที่ดี การนอบน้อมต่อผู้สูงวัย และการคุยพูดกับบุพการี

ลุงถูกเลี้ยงมาได้อย่างดี

ถ้าผมคือตัวตนของสิ่งที่อยู่ลึกล้ำในความมืด ลุงก็คงเป็นสว่างที่สาดแสงคลอเคลียก้อนเมฆบนฟ้า ทั้งที่แสบตาแต่ก็น่ามอง ทั้งที่ร่างกายรู้สึกอบอุ่นแต่ก็กลัวตัวตนจะหายไป แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพัทลุงคือคนที่ผมต้องการ

แค่ใครสักคนที่จะยืนอยู่เมื่อผมหันไป ใครสักคนที่จูบได้อย่างสบายใจ ใครสักคนที่จะกอดได้อย่างมีความสุข ลุงคือใครคนนั้นที่ผมค้นพบ แต่ถ้าในอนาคตมันเกิดเปลี่ยนแปลงไป ถ้าผมจะไม่เป็นที่ต้องการ ถ้าผมไม่อยู่ในสายตา ไม่ใช่ความสบายใจ ไม่ใช่ความสุขที่ลุงค้นหา ถ้าเกิด...ถ้าเกิดต้องผิดหวังอีกครั้ง...


.
.
.


“ทำแบบนี้หมายความว่ายังไง!”

เสียงเพี๊ยะยังก้องอยู่ในหู ผิวแก้มก็เจ็บยิบๆ จากแรงปะทะกับฝ่ามือ เจน่าไม่ออมแรงสักนิด แต่จะไปโทษเธอก็ไม่ได้ เป็นผมที่ยั่วอารมณ์แม่นางแบบคนนี้ก่อนเอง

“ที่ฉันไม่รับสาย ไม่รับการติดต่อก็น่าจะรู้ได้นะว่าระหว่างเราควรจบแค่นี้”  ผมปรายสายตามองผู้หญิงตรงหน้าที่กล้าบุกเข้ามาที่บริษัท ทั้งที่ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นมีแค่เรื่องบนเตียงเท่านั้น

“โอ้! นายป่วยหรือเปล่า?”  น้ำเสียงแม้จะฟังดูแปลกใจ แต่ผมรู้ว่าหล่อนกำลังเสียดสีผมอยู่  “ฉันไม่ใช่บรรดาเด็กขายของนายนะ ฉันไม่ยอมให้ใครสะบัดฉันทิ้งง่ายๆ แบบนี้หรอก”

ในบรรดาคู่นอนทั้งหมด เจน่าคือคนที่จัดการยากที่สุด นอกจากเธอจะเป็นนางแบบดังและมีสัดส่วนที่น่าฟัดมากที่สุดแล้ว ก็ไม่มีสิ่งไหนที่น่าดึงดูดอีกเลย เจน่าเหมือนผมมากเกินไปนั่นแหละที่ยากที่สุด

“ไม่เอาน่า...”  ร่างผอมสูงเดินก้าวเท้าเข้ามาจนแนบชิด กลิ่นน้ำหอมอบอวลเมื่อยามวงแขนพาดกอด  “เราไปคุยรายระเอียดกันที่อื่นดีกว่า”

ผมตัดสินใจทำตามนั้น เมื่อเดินออกมาจากห้องสิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือการต้องเจอลุง ผมไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นจะคิดแบบไหนกับภาพที่เห็น จนท้ายที่สุดลุงก็ไม่เหลือบสายตามองผมเลย แต่ก็ดีแล้ว เพราะผมเองก็ไม่อยากให้เจน่ารู้ถึงความหวั่นไหวยามที่ต้องสบตากับลุง

เหมือนทุกครั้งที่นัดพบกัน ผมเป็นฝ่ายไปเปิดห้องที่โรงแรมก่อนที่จะส่งข้อความบอกเจน่าให้ตามขึ้นไป เจน่ายิ้มยั่วยวนเมื่อผมเปิดประตูรับเหมือนทุกที เธอเดินเข้ามาด้วยมาดนางแบบดัง ตรงเข้ามากอดพร้อมกับมองจูบให้เช่นเคย ผมแทบจะมองเห็นไฟราคะในสายตาของผู้หญิงคนนี้ลุกโชติช่วง ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ผมคงจะเหวี่ยงร่างลงเตียง และบรรเลงเพลงอารมณ์ให้สุดเหวี่ยง

แต่ความรู้สึกของผมมันไม่เหมือนเดิม

ผมเบี่ยงหน้าหลบพร้อมกับถอยหลังออกจากวงแขน และนั่นทำให้ความมาดมั่นของเจน่าถูกทำลาย
“เอาจริงๆ ใช่มั้ย?”  ผมเงียบ และมันทำให้อีกฝ่ายยิ่งไม่พอใจ  “อย่ามาตลกน่าปูน เรามีอะไรกันมากี่ปีแล้ว จะให้มาเลิกเอาตอนนี้น่ะเหรอ”

“ใช่”  ผมตอบสั้นๆ แต่หนักแน่นจนคนฟังตาวาว

“รู้นี่ว่าการจะหาเซ็กส์เฟรนด์ที่เข้ากันได้น่ะมันยาก ฉันออกจะชอบที่ระหว่างเรามีแค่เรื่องใต้สะดือ”

“พอเท่านี้เถอะเจน่า ฉันไม่อยากคงความสัมพันธ์นี้ไว้อีกแล้ว”

“Oh my! ไม่ใช่ว่านายรักฉันแล้วหรอกนะ”

“ให้ฝนตกลงมาเป็นเพชรก่อนเถอะ!”  ผมขัดความคิดน่ากลัวนั้นด้วยความรวดเร็ว ใบหน้าสวยของเจน่ายิ่งสับสนหนักขึ้น ผมเลยตัดสินใจตอบออกไปตามตรง  “ฉันมีคนที่อยากจริงจังด้วย”

“oh Jesus! You kidding me?”   

“ไม่! เพราะงั้นหวังว่าเธอจะเข้าใจ”

“come on! เราสนุกกันจะตาย แค่บางคืนเท่าเองจะคิดมากทำไม คนของนายไม่รู้หรอกน่า”

“ไม่มีทาง”

“...นายคงไม่อยากให้ฉันสืบหรอกนะว่าผู้หญิงหรือผู้ชายคนนั้นเป็นใคร”

“...........”

“จริงจังงั้นเหรอ? อย่ามาตลกน่า...นายคงไม่อยากให้คนๆ นั้นรู้หรอกใช่มั้ย เรื่องเลวร้ายของคนโรคจิตอย่างนายน่ะ ฉันรู้ความโสมมของนายนะอย่าลืมสิ อยากให้ฉันบอกเหรอ?”

“...........”

“อาจจะโดนบอกเลิกเลยนะ บางทีอาจจะเกลียดเลยก็ได้ ไม่เอาน่าปูน เราแค่สนุกกันลับหลังเหมือนเดิม”

“...........” 

นางแบบคนดังยกยิ้มท้าทาย ร่างระหงเคลื่อนตัวเข้าหาผมอีกครั้ง สองมือโอบรอบคอ เย้ายวนชนิดที่ผมเชื่อว่าผู้ชายครึ่งประเทศคงยินดีพร้อมตกเป็นทาส

“นายนี่มันดื้อจริงๆ เอางี้นะ มาทำกันสักครั้งส่งท้ายสิ”  เจน่าเลื่อนใบหน้ากระซิบเสียงเบาใกล้หู  “ฉันอยากจะรู้เหมือนกันว่าความจริงจังของนายมันมีค่าแค่ไหน”

แค่ให้มันจบๆ ไป!

ผมกับเธอเป็นคู่นอนกันมานาน สรรหาความสนุกในเซ็กส์ด้วยกันมาหลายรูปแบบ ไม่ใช่การซื้อขายแบบที่ผมสามารถปาเช็คใส่ หรือยื่นเงินเพื่อให้จบเรื่องได้ ฐานะเราเท่าเทียมกัน เป็นสัตว์กินเนื้อที่ไม่ยอมถูกไล่ล่า... ผมกัดฟันยินยอมรับฝ่ามือที่ลูบไล้ไปตามเนื้อตัว การเล้าโลมปลุกความรู้สึกได้บ้าง แต่มันไม่สุดเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา สมองกับหัวใจรู้ดีที่สุดว่าผมไม่สบายใจกับเซ็กส์ครั้งนี้

และอย่างน้อยมันก็ทำให้ร่างกายเข้าใจตรงกันได้

พอทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิม เจน่าก็เป็นฝ่ายหยุด เธอลุกออกจากแก่นกายที่ไร้เรี่ยวแรง สางผมยาวสลวยสองสามครั้งก่อนจะยกยิ้มมองผมอย่างเดาอารมณ์ไม่ออก แต่ถ้าวัดจากแรงฝ่ามือที่ฟาดกระทบแก้มผมอีกครั้งแล้วนั้น เธอคงหงุดหงิดไม่น้อย

“นายทำฉันเสียเวลา”  เธอพูดพลางลุกขึ้นแต่งตัว  “คิดว่าฉันจะต้องเสียเวลาหาคนใหม่อีกแค่ไหนกัน อย่าให้รู้นะว่าคนนั้นของนายเป็นใคร ฉันจะแกล้งซะให้ร้องไห้เลย”

“ไม่เอาน่า พอที”  น้ำเสียงผมเริ่มเข้มขึ้นบ้าง ผมลุงขึ้นนั่งจ้องมองอีกฝ่ายอย่างดูเชิง เจน่าโต้ตอบกลับมาด้วยสายตาไม่ต่างกัน และไม่กี่วินาทีต่อมาเธอก็เป็นฝ่ายยกมือยอมแพ้เสียเอง

“ให้ตาย~ ฉันเสียดายจริงๆ ฉันชอบไอ้หนูของนายนะ”  เธอยิ้มให้ผม

“ขอบใจ”

“หึ ถึงจะเป็นอย่างนั้นฉันก็ไม่เชื่อหรอกนายจะรักใครได้ โถ...คนเลวที่ร้อนแรงของฉัน”  เมื่อเสร็จเรียบร้อย เจน่าเดินมาจูบแก้มผมเป็นการสั่งลา  “ถ้าอยากสนุกกันอีกก็โทรมา”

“ไม่ต้องรอหรอก”

“Only time will tell.”  นางแบบคนดังยกยิ้มอีกครั้ง แล้วเดินออกไปโดยไร้ซึ่งเยื่อใยใดใด

สิ้นเสียงประตูปิด ผมล้มตัวลงนอนทั้งเนื้อตัวเปลือยเปล่า ปิดดวงตาอ่อนล้าเพื่อตระหนักอย่างจริงจังว่าชีวิตของตัวเองได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว...


.
.
.


ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นช่วงเย็นของอีกวันแล้ว

เมื่อวานผมดื่มเหล้าหนักมากในรอบหลายปี ส่วนหนึ่งเพราะเครียดที่จะต้องมาเจอกับลุง แม้จะเจอสถานการณ์แบบนี้มาค่อนข้างมาก ทำให้ผมคิดเตรียมคำตอบมากมาย แต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าลุงจะโวยวายผมยังไง จะถึงขั้นตบตีหรือด่ากราดชนิดที่ผมต้องนิ่วหน้ารึเปล่า

แต่ถ้าเป็นลุงผมยอมทุกอย่าง

ผมรีบมาออฟฟิศหวังว่าลุงจะยังอยู่และก็เป็นตามนั้น ผมรวบรวมความมั่นใจที่จะเดินตรงเข้าไป โป้ยเป็นฝ่ายเห็นผมก่อนและพูดทักคนที่กำลังก้มหน้าเก็บของไม่สนใจการมาถึงของใคร ถึงผมจะไม่ชอบพวกโวยวายเท่าไหร่ แต่ให้ลุงเป็นแบบนั้นก็ยังดีกว่าที่ผมเจอ ลุงปกติมากถึงมากที่สุด เหมือนคนไม่มีความสัมพันธ์ต่อกันให้ต้องคิดมาก ไม่ต้องใส่ใจว่าจะไปกับใครหรือหายไปไหนทั้งคืน

ผมเกลียดที่ต้องคิดว่ามีแค่ตัวเองเท่านั้นที่คิดเกินเลย

ยิ่งต้องกลายเป็นบุคคลที่สามเมื่อมองเพื่อนสนิทหยอกล้อกันหัวใจผมก็อึดอัดไปหมด พื้นดินใต้เท้าเริ่มสั่นคลอนราวกับจะพังทลายเสียให้ได้ ยิ่งถูกเมินเฉย ยิ่งอีกฝ่ายทำตัวปกติมากเท่าไหร่ ผมยิ่งอยากรู้ว่าตัวตนของผมในหัวใจของลุงนั้นเล็กน้อยสักเพียงไร

หลังสารภาพความจริง

ผมกลัว...กลัวว่าทุกอย่างมันจะต้องเปลี่ยนไป กลัวใจที่ยึดติดลุงเข้าแล้วนั้นจะรับการถูกตัดขาดไม่ไหว ผมรู้...ผมเคยเจอมาก่อน ต่อให้ร่ำร้องปฏิเสธแค่ไหน ต่อให้กอดแน่นเท่าไหร่ ถ้าไร้ซึ่งตัวตนในจิตใจอีกฝ่ายความปรารถนาก็ไร้ผล คนพวกนั้นไม่เคยให้โอกาสผม และผมก็เรียนรู้ที่จะไม่ให้โอกาสนั้นกับใคร แต่ตอนนี้ผมเหมือนย้อนกลับไปเป็นเด็กชายปูนปั้น ดื้อดึง งี่เง่า ต่อให้มองว่าไร้เหตุผลหรือเอาแต่ใจอย่างไรก็ได้ ถ้ามันจะทำให้ผมมีพัทลุงอยู่ในโลกใบเล็กๆ นี้ด้วยกันเหมือนเดิม

“เริ่มกันใหม่นะพี่ปูน” 

ผมมองคนตรงหน้าเต็มตาเป็นครั้งแรก ไม่ว่าอย่างไรพัทลุงก็คือแสงสว่างเจิดจ้าสำหรับผมจริงๆ ผมสามารถเข้าข้างตัวเองได้รึเปล่านะ? ลุงเองก็ชอบผมเหมือนกันใช่มั้ย? มันไม่ใช่แค่เรื่องเข้าใจผิด หรือเรื่องที่ผมยอมไหลไปตามน้ำอีกแล้วใช่หรือไม่?

ถึงจะยังเล็กน้อย อาจจะยังเป็นแค่เงาเจือจาง แต่ตัวตนของผมก็อยู่ในหัวใจลุงแล้วสินะ



ผมเดินตามลุงออกไปหยุดยืนตรงมุมบันได แอบมองสองเพื่อนซี้หยอกล้อกันเช่นเคย ช่างสนิทสนมและรักกันเหลือเกิน... เกินกว่าที่คนมองอยู่ตรงนี้จะทนไหว แล้วจู่ๆ ผมก็นึกถึงคำพูดของกรขึ้นมา ...ถ้าสองคนนี้รักกัน... เพียงแค่คิดผมก็เจ็บไปทั้งใจแล้ว ดังนั้นมันจะต้องไม่มีวันเกิดขึ้น!


ลุงเป็นของผม


ผมเริ่มคิดวิธีมากมายที่จะแยกเด็กสองคนนั้นออกจากกัน คนแรกที่นึกถึงคือพ่อดาราขายได้ที่แอบรักได้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และถ้ากรไม่อยากรู้จักคำว่า ‘สายเกินไป’ มันควรจะต้องลงมือทำอะไรบ้างได้แล้ว


ไม่อย่างนั้น...ผมจะจัดการด้วยวิธีของตัวเอง 



_____________________________________________________________________________TBC.

ยาวมากก
ไม่เคยเขียนพระเอกสายดาก เอิ่ม สายดาร์กมาก่อน ไม่รู้ว่าอึมครึมพอมั้ย สื่อออกมาได้ดีหรือเปล่า
เช่นเคยค่ะ... แนะนำ ติชมกันได้ เพื่อที่คนเขียนจะได้นำกลับไปปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นค่ะ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 02-07-2017 14:11:37
เป็นพระเอกที่นิสัยตัวโกงมากกก :mew4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 02-07-2017 14:23:56
 o13 ชอบมากกก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 02-07-2017 14:32:48
พีปุนร้ายมากกก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: jaja-jj ที่ 02-07-2017 14:47:44
อืมมมมมรักคือการแย่งชิงใช่ปะพี่ปูน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-07-2017 15:01:52
อือหือ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Krajeeqx ที่ 02-07-2017 15:13:50
ชอบพี่ปูนสายดาร์กเหลือเกินค่ะ หัวใจ
ส่วนลุงหนูต้องเตรียมตัวรับมือให้ดีนะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 02-07-2017 15:16:46
เป็นพระเอกที่จะมืดๆๆหม่นๆๆและนิสัยตัวอิจฉานะพี่ปูน


 :pig4: :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 02-07-2017 15:28:51
อื้อหือ คนมืดมนที่หลงรักแสงสว่างสินะ ทีนี้พ่อเจ้าประคุณสมภารก็จะเรียกเพื่อน(สมภารด้วยกัน)มาร่วมขบวนการละสิ แต่อีกคู่ไม่รู้จะยากจะง่ายนะ เพราะดูท่าไก่อีกตัวจะทันคนไม่น้อย
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: krayfanxing ที่ 02-07-2017 15:48:48
คุณปุริมไม่ใช่พระเอกที่แสนดีค่ะ แต่นางเป็นคนที่มีจริงอยู่ในสังคมอ่ะ ไม่มีสิ่งใดสวยงามเสมอไปหรอก ต่อให้เลวร้ายแค่ไหนก็ต้องการความรักความเข้าใจเหมือนกัน แล้วดูเหมือนนางจะมีคนให้รักแล้วพร้อมอยู่ข้างนางแล้ว เราชอบตัวละครอย่างคุณปุริมนะมันเป็นความจริงที่จับต้องได้ แล้วพัทลุงเราก็เชื่อว่ามีไว้เพื่อเป็นคู่ของคนอย่างคุณปุริมจริงๆ คุณพันกรค่ะ  รักเขาต้องกล้านะคะ เดี๋ยวโป้ยเสร็จโจรมานี่จะรู้สึก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 02-07-2017 15:50:56
น่านนนนนน รักลุงขนาดหมดความรู้สึกกับคนอื่นๆไปเลย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: yumenari ที่ 02-07-2017 15:51:25
บราโว่วววว ตอนนี้ยาวสะใตมากค้าา

ปุริมดูเปนคนจริงๆจึ้นมาหน่อย

ปกติฟังแต่อิลุงเพ้อเจ้อ 55555

แต่ยังไงเราก็รักนะพัทลุง

ว๊ายยย ปุริม หื่นนน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 02-07-2017 15:53:33
โหหห พี่ปูนนน แบบนี้ยิ่งต้องได้ลุงมาอยู่ข้่างๆมากกว่าเดิมอีกกก  :hao5:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 02-07-2017 15:57:02
สองเพื่อนผู้แอบรักหรอเนี่ยยยย 55
ต่างคนต่างลากไปกินเลย จัดพร้อมกันจะได้ปิดบัญชีแอบรัก หุหุ
รอลุ้นว่าพี่ปู หรือพี่กรจะได้กินไก่ก่อนกัน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 02-07-2017 16:01:10
โอ้โหหหหหอิพั่ปูนไม่คิดว่าจะร้ายขนาดนี้ ตกลงนี่พระเอกหรือตัวโกงเนี่ย และจากตอนที่แล้วที่เราด่าไปตอนนี้ก็ขอด่าอีกเถอะคือมีลุงแล้วแต่ยังเรียกคนอื่นมานี่ยังไงถึงยังไม่ถึงไหนแต่มันก็เหมือนนอกใจอยู่ดี อย่าคิดว่าตัวเองทำได้แล้วลุงทำไม่ได้สิ เดี๋ยวจะให้โป้ยจัดหนักเลยคอยดู แล้วอดีตของอิพั่ปูนคืออะไรทำไมโตมาแล้วเลวร้ายได้แบบนี้ อยากให้ลุงสำแดงเดชบ้างลุงดีเกินไปสำหรับอิพี่ปูนจริงๆ

ปล. เดาถูกด้วยว่าตอนนั้นอิพี่ปูนถูกลุงถีบ ฮ่าๆๆ สม
ปล.2 พี่กรกับโป้ยจริงๆสินะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 02-07-2017 16:35:43
สัมผัสได้ถึงความรุนแรงในก้นบึ้งจิตใจของพี่ปูนเลยค่ะ :ling3:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 02-07-2017 16:37:54
โอยยยยยย พี่ปูนนี่ไม่น่าใช่สายดาร์ก พี่ปูนนี้สายโรคจิต :laugh: อ่านละรู้สึกถึงความโรคจิตเบาๆ แบบว่าคนโรคจิตมีความรักอ่ะ มันออกจะสีแดงเทาๆหน่อยๆ บรรยายไม่ถูก 55555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 02-07-2017 16:43:20
 :z1:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 02-07-2017 16:47:18
เอาใจช่วยพี่ปูนและพี่กรนะฮะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 02-07-2017 16:50:38
กรกับโป้ยจริงๆด้วย
ก็พอจะรู้สึกอยู่หรอกว่าปูนน่าจะชอบๆลุงมาก่อน
แต่พออ่านแล้ว หนักเหมือนกันนะเรา
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 02-07-2017 16:51:13
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 02-07-2017 17:01:50
สงสารลุงผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่  แต่เป็นฉนวนรักหลายเส้า  :sad4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 02-07-2017 17:06:12
สมภารรรรรรรรรรรร!!!
โถพ่อคุณ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 02-07-2017 17:08:39
มีมุมมืดบ้าง ทำให้สมภารน่ารักขึ้น  o13
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 02-07-2017 17:20:44
จะกินไก่ตาใสต้องแผนสูงค่ะพี่ปูน

แต่ถ้าจะกินไก่ฉลาดต้องมาเหนือเมฆค่ะพี่กร   :laugh:


ชอบความดาก...เอิ่ม...ดาร์กของพี่ปูน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 02-07-2017 17:33:39
เรื่องนี้พระเอกดาร์กได้อีก 5555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 02-07-2017 17:41:01
อยากเห็นความน่ารักของกรกับโป้ยมั่งอ่ะ   ลุ้น ๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 02-07-2017 17:46:47
พี่ปูนสายดาร์ก แต่ก็ต้องยอมรับในความพยายาม
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: sundayskydee ที่ 02-07-2017 17:58:40
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:   
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 02-07-2017 18:08:58
พี่ปูนผู้น่าสงสาร แต่ก็แอบร้ายเหมือนกันนะเนี่ย o13
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 02-07-2017 18:13:35
เบื้องหลังสมภาร ชั่งรันทดจริงๆ

อื้อหืออพี่กร สู้ๆนะคะพี่  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: hongzaa ที่ 02-07-2017 18:17:43
ยาวจุใจมากกกกก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: SeaBreeze ที่ 02-07-2017 18:36:10
สมภารรันทดมากมาย 
โป้ยกร เอาใจช่วย  เห็นด้วย  จัดไปค่ะ o13
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-07-2017 19:33:27
ขำ ก๊ากกกก เลย  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ตรงที่ว่า พัทลุงยังหลับตาสนิทซ้ำยังเหวี่ยงแขน เตะอากาศอย่างช่ำชอง
คงไม่ใช่มือแน่ๆ ที่ซัดผมร่วงลงมาแบบนี้


ว่าแล้วววว พี่ปูน สมภารมองไก่ตัวนี้มานาน โอ้....สามปี  :hao7:
แต่ลุงคนซื่อ ก็น่ารักซะจริง  :mew1: :mew1: :mew1:
ลุง ก็ทำให้พี่ปูนที่เศร้า หม่น เพราะครอบครัว
กลับมาสดใส อารมณ์ดีได้ ลุงเยี่ยมมาก
พี่ปูน พบรักแท้ของต้วเองแล้วล่ะ  :กอด1:

ชอบพี่ปูน พระเอกสายดาก เอ้ย.....สายดาร์ก
พี่กร ที่หลุดมาด
พี่เปี๊ยก ที่รักเมีย
โป้ย จอมแหย่ ฉลาด เจ้าเล่ห์

พี่ปูน ลุง  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
รออ่านความฉลาด เจ้าเล่ห์สุดๆของพี่ปูน
แต่ก็อยากอ่านโป้ย พี่กร ด้วย  :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 02-07-2017 19:54:13
แนะนำพี่ปูนว่าลากไก่ลงน่ำเลย 555 เอ้ยเตียงๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 02-07-2017 20:01:36
ลุงกับโป๊ยหยอกกัน ชอบตอนที่ปูนยังยับยั้งช่างใจได้
แต่คนที่ตะบะแตก กลับกลายเป็นกรซะงั้น
คงสุดอดกลั้นแล้วจริงๆ เห็นคนที่แอบรัก
ไปกอดไปหอมคนอื่น

สู้ๆ นะทุกๆ คน
 :z2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 02-07-2017 20:48:58
อ่านพาร์ทพี่ปูนแล้วแบบ...

นี่คือพระเอกจริงๆใช่ไหมเนี่ย? ฮาาาาา

รู้สึกเรียลมาก เป็นคนธรรมดา ที่มีด้านดีและไม่ดีอ่ะเนอะ เข้าใจได้เลย ชอบๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 02-07-2017 20:53:11
55555
พี่ปูนอ่อนจริงจัง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 02-07-2017 20:59:45
พี่ปูนคนมีปม
เริ่มกันใหม่น้าาา พี่ปูน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: lighter ที่ 02-07-2017 21:11:45
พี่ปูน ดาร์กจริง ไม่ใช้ตัวแสดงแทน
แต่น้องก็เป็นเอฟซีนะ ทีมพี่ปูน
นังลุง น่าหนิกที่สุดในความกวนของนาง
แต่นางก็เท่เป็นที่พึ่งให้พี่ปูนได้ใช่มั้ย
ลุงชอบพี้ปูนให้มากๆนะลูก
ชอบเคะแบบนางที่สุด
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: naplatoo ที่ 02-07-2017 21:28:40
พมได้มาอ่านลุงในมุมมองของพี่ปูน
ลุงยิ่งดูมีสเน่ห์เข้าไปอีก :o8:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 02-07-2017 22:05:21
มีความปลื้มค่ะ มาทีคุ้มมากค่ะ ชอบมากเลย

ปูนมีความเจ็บแล้วทนมาตั้งแต่เด็ก เลยพยายามผลักตัวเองออกห่าง แต่ยังดีที่ไม่เห็นใครเป็นเบี้ยไปหมด
ปูนยังคงมีความดีอยู่บ้าง แล้วลุงก็มาทำโลกของปูนให้สดใสขึ้น

พัทลุงเป็นคนตลก ทำอะไรก็ใสซื่อไปหมด แต่ทันคนนะ ทันอยู่บ้าง 55555
อาการปูนหนักมาก บ่งบอกว่ารักแล้วล่ะ ไม่ใช่แค่ชอบหรือหลงทาง

กรมีอาการ แล้วเหมือนโป้ยจะรู้ตัวนะ หรือไง
กรต้องเดินหน้านะคะ ไม่งั้นแม้แต่พระรองก็จะไม่ได้เป็นนะ

หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 02-07-2017 22:09:15
พระเอกสายดราม่ารันทดสินะ
หน่องลุงลูกกกกกกก
หนูซื่อ(อาจจะ)บื้ออย่างนี้หนูจะรู้ความรันทดของพี่เค้าม้ายยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 02-07-2017 22:17:18
โอ้ยยยย พ่อพระเอก พี่ปูนน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: toshika ที่ 02-07-2017 23:07:27
ตามอ่านจนครบถึงตอนล่าสุด ทำไมเราตกหลุมรักความซื่อของคุณลุงแบบเนร้~

รอติดตามนะคะ :mew3:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: natchaya ที่ 02-07-2017 23:18:23
ฮืออออ พี่ปูนแอบชอบลุงจริงๆด้วยอ่ะ มาต่อแบบจุใจมากก สมกับที่เรามาเปิดดูว่าคนแต่งอัพรึยังวันละหลายรอบ ><
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 02-07-2017 23:45:20
กรชอบโป้ยจริงๆด้วย

คู่หูแอบรักสินะ5555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 03-07-2017 00:30:11
มีความหยินหยางมากทีเดียว
 จากตอนที่แล้วที่พี่ปูนบอกเรื่องไปนอนกับคนอื่นมา
คือลุงดีมากกก ทั้งความคิด การตัดสินใจ มีเหตุผลดีเลยอะ
พอมาอ่านมุมพี่ปูนแล้วแบบบ คนจริงมาก เรียลดี555555555
สงสารน้องไก่น้อยเลยจ้า ตามพี่ปูนไม่ทันแน่ๆ o18
วิธีจัดการลุงของพี่ปูนคือทำให้ตัวเองกลายเป็นเมียของลุงจริงๆใช่มะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 03-07-2017 02:42:39
พี่ปูนบอกความจริได้แล้ว
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 03-07-2017 08:49:49
อิพี่ปูนมันร้ายกาจกว่าที่คิดสินะ สงสารไก่ขึ้นมาเลย
ปู้จายมีปมมันไม่ค่อยน่าคบนะคุณลุง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 03-07-2017 09:29:36
จริง ปู้ชายมีปมมันพร้อมจะนอยและไบโพล่าร์
พี่ปูนช่างใจร้าย นางเอาหนังหน้าหล่อๆ ไว้หลอกล่อลุงน้อยของเราได้
 :hao5:
แต่ก็ต้องพวกคิดดีสุดโต่งอย่างน้องลุงนี่ล่ะ
FC อิพี่ปูนโดนน้องถีบต่อไป
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 03-07-2017 09:35:34
ขอบคุณค่ะ....ชอบมากสนุกมาก ตัวละครทุกตัวมีสีสัน.  รอติดตามตอนต่อไปนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 03-07-2017 09:49:07
กร๊ากกก  พวกตัวร้ายต้ิิองร่วมมือกันละนเ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 03-07-2017 09:57:37
ชีวิตพี่ปูนนี่ดูมืดมนกว่าที่คิด
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 03-07-2017 11:44:25
ตาปูนรีบๆเลย ก่อนเสียลุงไป
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 03-07-2017 15:24:17
ไอ้พี่ปูน   นี่กรีดร้องหนักมากกกกกกกกกก


หนักมากจริงๆ ที่ให้อภัยไปตอนที่แล้วคืออะไร

ขอกลับคืนหมดเลยค่ะ ที่มีสารภาพบาป เพราะลุงเห็นสินะ


ที่ผ่านๆมาไม่เกี่ยว


เชียร์ไม่ขึ้นเลยจริง  แล้วแต่ลุงแล้วกัน ลุงว่าไงก็ว่างั้นอะ


หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 03-07-2017 15:39:10
พี่ปูนนี่พระเอกแน่เหรอ ดูดาร์กเกิน 5555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 03-07-2017 16:04:15
อ่านทันแล้ว สนุกมาก ลุงน่ารักน่าใคร่แบบซื่อๆ
เป็นไก่ที่สมภารไม่อยากบีบเลยนะนี่
แต่สมภารก็ช่างน่ารันทดเจอไก่แสนซื่อ

แล้วโป๊ยกรคือไร แอบรักมา 10 ปี อยู่ได้ยังไง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 03-07-2017 18:07:24
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 03-07-2017 19:16:03
 :a2: :a2: :a2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 03-07-2017 21:18:59
ปูนปั้น ปั้นชีวิตให้แหลกเหลว
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 03-07-2017 22:04:49
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 03-07-2017 22:44:34
สมภารร้ายมาก นี่ตกลงว่าเป็นเมียโดยเต็มใจสินะ555 ปอลิง อยากอ่านเรื่องพี่กรรรรรรรรรรร :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 03-07-2017 22:57:13
สมภารร้ายกาจมาก  ไก่อึนๆ คงหนีออกนอกเล้าไปได้หรอก  แต่ก็ชอบความคิดของลุงตอนบรีฟกะพี่สมภารนะ ดูเป็นผู้ใหญ่สมชื่อดี 555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 03-07-2017 23:54:11
อยากรู้คู่พี่กร
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-07-2017 00:10:47
 :hao4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Red_sister ที่ 04-07-2017 00:16:06
ยาวมากกกกกกกกกก อยากรุ้ว่าพิมไปกี่หน้า แต่ชอบนะคะ เรื่องนี้ทำเราอารมณ์ดี ยิ้มไปทั้งเรื่อง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ชลอจ ที่ 04-07-2017 02:29:19
เพิ่งได้มาอ่านจ้า แงงง สนุกดีค่ะ
เดาไว้แต่แรกๆว่ากรน่าจะชอบโป้ยแต่เรื่องโพสิชั่นนี่โป้ยกรใช่ม่ะ /เดา5555 ถ้าไม่มีพาร์ทคุนปุริมฉันก็จะคงมองพี่หล่อๆ ต่อไปนะคะ พาร์ทนี้ยาวจุใจมากเลยค่ะ พี่มันตัวโกงดีดีนี่เองนะ55555555
ลุงน่ารักมาก อยากได้ไว้เอง แงๆ ติดตามนะคะ เยิ้ฟ,
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: barbiehateken ที่ 05-07-2017 09:09:55
 :hao7:
สนุกมากกกกกกกไม่ไหวแล้ววววว
ชอบทุกตัวละครเลยค่ะ โป๊ยลุงนี่ก็แบบบ เหยย เคมีดีนะ 555555
แต่ไงลุงไม่พ้นเอื้อมมือสมภารที่จ้องรอเขมือบอยู่หรอก อิอิ
คู่โป๊ยกรนี่ก็รออ่านเลยค่ะ ต้องดุเด็ดแล้วก็เดือดกว่านี้แน่ๆ
คู่นี้มันมุ้งมิ้งเพราะความใสซื่อของน้องลุงนี่แล๊~~~
มาต่อไวๆเลยนะค๊าาาา
ติดใจรสมือ

#โป๊ยเอฟซี
 :heaven
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: kingkongkaew ที่ 05-07-2017 10:28:14
ไม่คิดว่าปูนจะหลงรักน้องมาตั้ง 3 ปี

ปูนเลือกรักคนถูก คนมีปมอย่างปูนต้องการคนอย่างลุงมาช่วยแก้
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 05-07-2017 20:47:20
เป็นตอนที่ยาวสะใจเลย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 06-07-2017 10:31:15
 :pig4: :pig4: o13 o13
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 06-07-2017 10:49:16
รอๆๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 06-07-2017 17:13:28
รออ่านต่ออยู่น้าาาา
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 07-07-2017 10:05:12
พี่ปูนนี่ควรโดนน้องลุงจัดหนักๆสักที ตอนแรกคิดว่าจะใสๆ หึหึ
ว่าแล้วว่ากรต้องคิดซัมติงกับโป้ย แล้วโป้ยก็เหมือนจะรู้ตัว?
อยากชูป้ายไฟ ทีมโป้ยลุง 555555 เรือผีสายฮาร์ดคอร์ หนอกล้อกันน่ารักกก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: MissMay ที่ 07-07-2017 14:56:00
สงสารน้องลุงงงง ส่วนคุณปูนถ้าความแตกขึ้นมานี่เรื่องใหญ่แน่นอน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 08-07-2017 19:25:56
คิดถึงพี่ปูนล้าววว :o8:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 08-07-2017 22:15:35
สนุกกกกก พ่อสมภารตัวจริง ท่าทางจะกลัวการจับไก่เหมือนกันน่าาาา
โป๊ยผู้รู้ทู๊กกกกอย่างเชื่อสิ แผนนางทั้งนั้นละ เริ่องนัวเนียเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 09-07-2017 21:34:50
มารอ มาดัน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Merupuri ที่ 09-07-2017 21:42:03
กรี๊ดดดดดด ชอบนิยายเรื่องเน้ ชอบความซื่อของคุณลุงจังเลยอะ  รออ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: PaePT ที่ 11-07-2017 21:44:00
10 วันแร้วววววว   :ling1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: naplatoo ที่ 11-07-2017 23:52:15
พี่ปูนนี่ควรโดนน้องลุงจัดหนักๆสักที ตอนแรกคิดว่าจะใสๆ หึหึ
ว่าแล้วว่ากรต้องคิดซัมติงกับโป้ย แล้วโป้ยก็เหมือนจะรู้ตัว?
อยากชูป้ายไฟ ทีมโป้ยลุง 555555 เรือผีสายฮาร์ดคอร์ หนอกล้อกันน่ารักกก

ยอมใจความฮาร์ดคอร์  o22 55555

//มารอคนเขีนนค่าาาาา  :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 12-07-2017 14:11:43
มารอ เมือไรจะมาาาาา
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 13-07-2017 01:01:37
คุณลุงไปไหนนนนนนนนคิดถึงแล้วรีบๆมานะจ่าาา มาปูเสื่อรอทุกวันเยยยิ :ling1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 13-07-2017 13:14:27
ติดตามจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 13-07-2017 13:28:41
 :pigha2: :pigha2: :pigha2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 8 กว่าจะเป็นสมภาร || 2-7-60 หน้า 10 ||
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 13-07-2017 13:54:31
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 13-07-2017 15:20:06
ปุริม__ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก)




เสียงเพลงบรรเลงสดจากเปียโนหลังใหญ่ดังคลอเคล้าบรรยากาศยามค่ำคืน ในบาร์หรูเฉพาะสมาชิกบนชั้นสูงสุดของโรงแรมดัง สถานที่ดี บรรยากาศดี ผู้คนอยู่ในแวดวงดีๆ แถมที่นั่งยังถูกจัดวางโดยเน้นความเป็นส่วนตัว แต่ทั้งหมดนี้ก็แลกมาด้วยค่าสมาชิกแบบแพงหูฉี่ แต่ถ้าวัดกับสิ่งที่ได้รับก็ถือว่าไม่ขาดทุนซะทีเดียว อย่างน้อยๆ มันก็พอเป็นแหล่งสังสรรค์เพียงลำพังกับพ่อดาราขายได้รูปหล่อที่อยู่วงการมาเก้าปีโดยไร้ข่าวคาวคนนี้

“วันก่อนกูเจอเจน่าที่แฟชั่นโชว์เครื่องเพชร ถามกูใหญ่เลยว่าแฟนมึงหน้าตาเป็นยังไง”  พันกรยิ้มไปพูดไปอย่างเห็นขัน กรกับเจน่าก็ถือว่าสนิทสนมกันในระดับหนึ่ง ที่ผมกับเจน่ารู้จักกันได้ก็เพราะกรนี่แหละ

“แล้วมึงตอบไปว่าไง”

“กูก็เพิ่งได้ยินเนี่ยแหละว่ามึงมีแฟน”  เพื่อนสนิทคนเดียงขมวดคิ้วฉับ  “แล้วใครวะ? มึงมีเมื่อไหร่ทำไมไม่พามาแนะนำกูบ้าง”

ผมส่ายหัวให้ความบื้อของเพื่อน แต่จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ถูกนัก เพราะผมก็ไม่ได้แสดงออกโจ่งแจ้งและแค่เรื่องของไอ้เด็กนั่นที่มันสนใจก็เต็มหัวสมองจนไม่พอจะให้มาสังเกตสังกาใครหรอก แต่ถ้าไม่เปิดใจคุยกันเสียตอนนี้ ผมคงได้แต่นั่งระแวงจนใจไม่เป็นสุขแน่นอน

“มึงจะอยู่อย่างนี้ไปอีกสักกี่ปีล่ะกร”  ผมทำเพียงยิ้มให้กับคำร้องเรียนของเพื่อน แต่เปิดคำถามที่ต้องการด้วยเสียงเจือความสงสัย และดูถ้าว่าอีกฝ่ายจะตามไม่ทันเท่าไหร่ ผมจึงพูดต่อไปตามตรง  “เรื่องโป้ยน่ะ เมื่อไหร่มึงจะออกมาจากรูที่อยู่ซะที อีกกี่ปีวะกร หรือจนกว่าเด็กมันจะแต่งงานมีลูก”

พระรองคนดังยืดตัวขึ้นอย่างอึดอัด ผมเดาว่ามันคงสงสัยอยู่ไม่น้อยที่ยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด เพราะตลอดมาผมไม่เคยมีปัญหาหรือแนะนำให้มันเดินออกมาจากมุมมืด หรือตัดใจไปหาคนอื่นที่พร้อมถวายตัวให้ นี่คือปัญหาชีวิตของมัน ผมไม่เคยยุ่งวุ่นวาย แต่สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว

“มึงอยากจะพูดอะไรกันแน่”

“ก็...กูแค่รู้สึกว่าตัวเองเริ่มมีปัญหา”  ผมยกไหล่พร้อมกับพ่นลมหายใจออกมา ก่อนจะพิงหลังลงกับพนักอาร์มแชร์ มองสีหน้าระแวดระวังตัวของเพื่อนพลางโคลงแก้วในมือจนน้ำสีอำพันหมุนวนเบาๆ

“พัทลุงเป็นของกู แล้วกูก็ไม่พอใจเท่าไหร่ที่คนของมึงมาทำรุ่มร่ามใส่”

“ห๊ะ!!”  พันกรอ้าปากค้าง มันมองหน้าผมอย่างเหลือเชื่อ สีหน้ามันตลกขนน่าขำ  “มึงกับลุง”  กรขมวดคิ้วมุ่นจนน่ากลัวจะผูกติดกัน  “ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?”

“สักพักแล้ว”  ผมตอบ แต่เลือกที่จะขยายความถึงเหตุการณ์ที่เกิด  “ทีนี้มึงเห็นปัญหาแล้วใช่มั้ย?”

“โป้ยกับลุงเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก มึงก็รู้นี่”

“ก็เหมือนกับที่มึงรู้ แต่ก็ยังหลุดเพราะทนไม่ได้ไง”  ผมย้อนเพื่อนทันที ถึงแม้นั่นจะเป็นครั้งแรกที่มันทำมาดเสีย แต่ถ้าเป็นคำบ่นตัดพ้อล่ะก็ผมได้ฟังมาจนเบื่อ

“แล้วมึงจะให้กูทำยังไงวะ ถ้ากูกล้าล่ะก็คงเปิดเผยไปตั้งแต่สิบปีก่อนแล้ว ไม่ต้องมาแอบรักโคตรมาราธอนอย่างนี้หรอก”  กรโอดอย่างสิ้นหวัง  “น้องมันเป็นผู้ชายเต็มตัว ผ่านผู้หญิงมามากกว่ากูซะอีก กูรู้ว่าไม่มีหวังไงก็เลยทำได้แค่แอบชอบอยู่อย่างนี้ ถ้าโป้ยมันรู้ว่ากูคิดอะไรกับมันบ้าง ถ้าไม่ต่อยจนหน้าแหกก็คงรังเกียจกูไปเลยแน่ๆ”

ผมยกแก้ววิสกี้ขึ้นจิบ ไอ้สงสารก็ใช่ เห็นใจก็มาก เข้าใจที่พูดมาทุกอย่าง แต่ตอนนี้ผมไม่ใช่แค่คนสังเกตการณ์แบบที่ผ่านมาอีกแล้วเนี่ยสิ

“มึงไม่กล้า แต่กูกล้านะ”

กรขยับตัวมองสบตาผมด้วยแววแข็งกร้าวมากขึ้น ผมยกยิ้มเย็นให้อย่างไม่อาทร นี่สิถึงจะสมกับเป็นเพื่อนกัน อย่างน้อยมันก็พอรู้ว่าผมเลวได้ขนาดไหน

“ถ้ามึงพอใจกับที่เป็นอยู่ กูก็จะตั้งใจปัดหยากไย่ที่มาเกาะแกะคนของกูออกเหมือนกัน”

“อย่าทำกับกูแบบนี้”

“มึงเป็นเพื่อนคนเดียวของกูนะกร ขอแค่บอกว่ามึงจะเริ่มสู้ กูจะช่วยทุกทาง”

“แล้วทำไมมึงถึงไม่บอกลุงเสียเองล่ะ ว่าให้ออกห่างจากโป้ย”

หางคิ้วถึงกับกระตุกกับการชี้นำของเพื่อนทันที แต่ผมก็ยังคงทำสีหน้าเรียบตึงไว้ได้อย่างดี  “กูทำอย่างนั้นไม่ได้”
กรมองผมอย่างวิเคราะห์กับคำตอบสั้นๆ แต่แล้วผมก็ลืมไปว่าเพื่อนตัวเองไม่ได้บื้อเสียทีเดียว ไม่อย่างนั้นมันคงอยู่รอดในวงการมายาไม่ได้หรอก ไอ้พระรองยกยิ้มราวกับเป็นต่อ แต่ถึงอย่างนั้นด้วยใบหน้าที่ใช้เพื่อหารายได้ก็ทำให้มันดูดีเกินกว่าที่ใจจริงๆ รู้สึก

“มึงมีชนักติดหลังใช่มั้ย? ให้กูทายว่าต้องเป็นเจน่า”  แล้วเมื่อผมเลือกที่จะเงียบมันยิ่งเป็นการส่งเสริมคำคาดเดาให้มีน้ำหนักมายิ่งขึ้น  “ไม่อย่างนั้นเจน่าจะรู้ได้ยังไงว่ามึงมีแฟน แล้วเจน่าคงป่วนมึงจนลุงรู้ล่ะสิ กูเดาถูกใช่มั้ย?”

“ใช่”  ไม่มีประโยชน์ที่จะปิดบัง ผมยอมรับเสียงเข้ม แต่ไม่มีวันที่ผมจะโดนไล่ต้อนจนล้มเด็ดขาด  “แต่มึงก็รู้ใช่มั้ยว่ากูทำได้ทุกอย่าง”

ไอ้กรเงียบไปอีกครั้ง รอยยิ้มยกเปลี่ยนกลับเป็นเรียบตึง  “มึงมันใจร้าย”

“แปลได้ว่า มึงยอมที่จะออกมาจากรูแล้วใช่มั้ย?”

“...แต่ถ้าโป้ยเกลียดกู มึงกับกูขาดกันแน่!”  กรลั่นวาจาด้วยน้ำเสียงห่อเหี่ยว ผมพอจะเข้าใจความกังวลของเพื่อนอยู่หรอก ก็โป้ยซื่อบื้อเหมือนลุงเสียที่ไหน หูไวตาไว ซ้ำยังมีผู้หญิงให้ควงไม่ขาด ถ้ามองกันตามเนื้อผ้าล่ะก็ ต่อให้สุดท้ายได้ลงเอยกัน กรก็คงไม่พ้นตกเป็นเบี้ยล่างแน่ๆ

“มึงคิดว่าที่น้องมันลาออกมาจากเอเจนซี่ยักษ์ใหญ่ขนาดนั้น เพื่อมาลงเอยที่บริษัทต๊อกต๋อยของมึงเพื่ออะไร”  ผมทำการเสริมความมั่นใจให้เพื่อนในทันที โบราณว่าตีเหล็กต้องตีตอนร้อน การเป่าหูก็เช่นกัน...

“ก็เพราะกูไปทาบทามน้องมันไว้ไง”

“เงินเดือนก็น้อยกว่า จะสร้างชื่อให้รึก็ไม่ได้ แค่เพราะว่าคนรู้จักชวนเนี่ยนะ ถ้าเป็นกูคงไม่ยอมมาง่ายๆ หรอก”

กรเม้มปากแน่น ดูท่ามันคงไม่เคยมองในมุมนี้ หรือต่อให้เคยคิดแต่มันคงไม่กล้าต่อยอดเข้าข้างตัวเอง  “ไม่เอา มึงอย่าให้ความหวังกู”

“กูแค่พูดในประเด็นที่มันเห็นชัดเจน กูจำได้ว่าโป้ยใช้เวลาหนึ่งเดือนหลังจากมึงทาบทาม”

“ก็น้องมันต้องคิดให้รอบคอบ วิเคราะห์ส่วนดีส่วนเสีย”

“หรือแค่เพราะต้องยื่นใบลาออกล่วงหน้าหนึ่งเดือนตามกฎ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น...หมายความว่าพอมึงชวนปุ๊บ มันก็ร่างจดหมายออกปั๊บเลยไม่ใช่รึไง”

ไม่ใช่สักแต่ว่าจะเป่าหูเพื่อนไปผ่านๆ หรอกนะ ความเป็นจริงมันก็เห็นกันชัดเจนอยู่แล้ว Graphic House ไม่มีอะไรเทียบเท่าเอเจนซี่ใหญ่ๆ ได้เลย ถ้าไม่นับพี่เปี๊ยกที่เบื่องานอิสระกับงานในบริษัทใหญ่ๆ โป้ยที่ยังเด็กแถมไร้ชื่อ ยิ่งไม่ควรทิ้งโอกาสก้าวหน้าแบบนั้นมา ไม่ว่าจะมองยังไงมันก็ต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังบ้างล่ะน่า

“กู...กูให้ความหวังตัวเองได้เหรอวะ?”  คนตกอยู่ในห้วงคิดพึมพำออกมาด้วยความไม่มั่นใจ

ผมปล่อยเวลาให้เพื่อนนั่งทบทวนเงียบๆ ยกแก้ววิสกี้ขึ้นดื่มพลางปล่อยใจไปกับเสียงเพลงบรรเลง ผมไม่เร่งร้อนเพื่อน อย่างน้อยก็ยังพอมีเวลาอีกประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนที่ผมจะต้องกลับ แต่นั่นแหละ... ผมคาดเดาอะไรจากพัทลุงไม่ได้หรอก เพราะแค่คิดถึง พ่อเจ้าประคุณก็แสดงตัวขึ้นมาทันที

ผมหยิบโทรศัพท์ที่กำลังสั่นสะเทือนขึ้นมาดูรายชื่อ ผมเห็นกรหันมามองจากทางหางตา แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังยิ้มออกมาก่อนกดรับสายอยู่ดี

“พี่อยู่ไหนอะ?”  น้ำเสียงจากปลายสายมีแววหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมเดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลย 

“ไหนบอกให้ผมมาค้าง พอมาถึงผมยังไม่เห็นแม้แต่เงาตูดพี่เลยนะ”

“ก็ไหนลุงว่าจะมาตอนสามทุ่มไง”  ผมยกนาฬิกาขึ้นดูเวลาให้แน่นอนอีกครั้ง  “นี่เพิ่งสองทุ่มเอง”

“ก็แม่นอนหอพักอะ ป้าก็ไปค้างบ้านเพื่อน ผมเก็บบ้านเสร็จก็เลยมาไง”

“แต่ตอนนี้พี่อยู่กับกรที่โรงแรม”

“ห๊ะ!! นี่พี่ถึงกับเล่นเพื่อนตัวเองเลยเหรอ!”

“เดี๋ยวกลับไปโบกตาแตกเลย”  ผมส่ายหัวให้กับความคิดบรรเจิดของเด็กกวนประสาท

“แล้วไปทำไมที่โรงแรม”

“มาดื่มนิดหน่อยแล้วก็คุยธุระอีกนิด”  ผมเหลือบตามองเพื่อน กรนั่งจิบเหล้ามองผมแบบสนใจเต็มที่ ผมกระแอมขึ้นมานิดหน่อย เบี่ยงหน้าให้พ้นสายตาเล็กน้อยแล้วจึงพูดต่อด้วยเสียงที่เบากว่าเดิม  “แล้วพี่ก็ไม่มีเพื่อนนอนที่ไหนแล้วด้วย เชื่อมั้ย? พี่ให้คุยกับกรดีรึเปล่า?”

“อย่าเว่อร์”  ผมขำคิกกับคำต่อว่าอย่างรำคาญ  “แล้วจะให้ผมรอทำไมเนี่ย กลับบ้านได้ป่ะ”

“ไม่เอาสิ ไหนสัญญาว่าจะค้างกับพี่ไง”

“ก็แล้วทำไมตัวเองถึงไม่อยู่นี่ล่ะ อีกนานป่ะ ไว้ค้างวันอื่นได้มะ”

ฟังจากน้ำเสียงเดาว่าป่านนี้คงงอนจนแก้มป่องไปแล้ว ช่างเป็นผัวที่น่าฟัดอะไรขนาดนี้  “พี่จะกลับแล้ว อาบน้ำรอก่อนสิ แป๊บเดียวก็ถึง”

“จิ๊! ถ้าผมหลับก่อนนี่คืออดนะ ปลุกตื่นมีโกรธอะบอกเลย”

“หึๆ ถ่างขารอพี่นะ”  ผมกระเซ้าทันที

“ถ่างตามั้ย! เกลียดภาษาของพี่จริงๆ อยากรู้จักคุณครูเลย”

ผมหัวเราะเบาๆ ยิ่งอีกฝ่ายวางสายไปแบบไม่ร่ำไม่ราแทนที่จะโกรธกลับทำให้แก้มผมปวดไปหมดเพราะรอยยิ้ม ผมเก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกง แม้จะยังไม่ได้บทสรุปที่แน่นอนในการหารือ แต่ถ้าผมไม่รีบกลับ ลุงคงได้หนีกลับบ้านก่อนแน่นอน

“มึงดูมีความสุขขึ้นมากจริงๆ”  กรพูดย้ำคำที่เคยทักผมไว้ก่อนหน้านี้  “ตอนแรกกูก็แอบคิดนะ ว่ามึงอาจจะเจอบางสิ่งที่ทำให้รู้ว่าโลกมันไม่ได้มีแต่สีดำกับเทา... ไม่นึกเลยว่าจะกลายเป็นพัทลุง”

ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจากผู้คนทั้งหมดที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ทำไมถึงมีเพียงคนเดียวที่ดึงดูดมากขนาดไม่อาจละสายตาได้ แต่พอได้รู้จัก ได้ใช้เวลาร่วมกัน ผมจึงแน่ใจได้ว่าทำไมต้องเป็นพัทลุง ผมเดาว่ากรก็คงจะรู้สึกเหมือนกัน เวลาสิบปีไม่ใช่ระยะเวลาน้อยๆ ใช่ว่ากรไม่เคยพยายามที่จะคบใครแต่มันทำไม่ได้ เพราะกรคงรู้ดีว่าทำไมต้องเป็นโป้ยเท่านั้น...

“แล้วเป็นไงมาไงวะ กูเห็นลุงเขม่นมึงจะเป็นจะตายทำไมถึงมาคบกันได้”

“กูก็แค่รอโอกาสนิดหน่อย”  ผมตอบแบบผ่านๆ แต่จากประสบการณ์ที่คบกันมาไม่ได้ทำให้เพื่อนผมปล่อยผ่านตามไปด้วย นัยน์ตาคมเหล่มองผมคล้ายจะรู้ทัน 

“บอกมาไอ้ปูน มึงปล้ำน้องมันใช่มั้ย!”  มันวางแก้วเหล้ากับโต๊ะเสียงดัง แถมยังยกนิ้วชี้หน้าคาดคั้นเสียงแข็ง  “มึงเพื่อนกู และกูรู้ว่ามึงไม่มีทางใช้วิธีอย่างเดินไปบอกรักน้องมันแน่ๆ”

เอ...น่าจะยังไม่เคยนะ? ผมได้แต่โคลงหัวนึกตาม

“โอกาสอะไรของมึงบอกมาเดี๋ยวนี้ ลุงมันเป็นคนซื่อมึงก็รู้ดี กูเอ็นดูมันและถ้ามึงปล้ำมันกูคงรับไม่ได้”

ผมถอนหายใจออกมาเฮือกยาว  “กูจะรีบกลับนะกร ลุงมันรออยู่”

“ตอบ!”

มันใช่เรื่องที่มันจะต้องมาตีหน้าเข้มใส่ผมหรือยังไง เป็นพ่อลุงรึก็ไม่ใช่ นี่ถ้าไม่ติดว่ามันมีคนรักปักใจอยู่แล้ว ผมคงได้มองมันกลับตาเขียวบ้างล่ะ

“ยังไม่ได้กัน ชัดนะมึง”

“เชี่ย...มึงไม่สบายเหรอปูน”  คราวนี้มันตีหน้ากังวลให้ผมแทนแล้ว  “หรือว่ามึงเห็นใจน้องมัน ยิ่งน่าเหลือเชื่อเข้าไปใหญ่เลย -- มึงเป็นใครน่ะ? เพื่อนกูไปไหนแล้ว”

“อย่าคิดว่ากูไม่กล้าตบหัวดารานะ” 

“แล้วไงล่ะวะ อธิบายให้กูสบายใจหน่อย”

“กูไปเก็บมันได้ที่ผับ เอาไปนอนด้วยกัน ตื่นเช้ามาก็มโนเอาว่ากูปล้ำมันไปแล้ว ทุกวันนี้มันคิดว่าตัวเองคือผัว ส่วนกูเป็นเมีย จบ!”  ผมเล่าสรุปโดยย่อ ข้ามฉากเสแสร้งอันเป็นสาเหตุการเข้าใจผิดไป รวบรัดแต่ได้ใจความ เพียงเท่านี้ไอ้กรก็อ้าปากค้างไปแล้ว  จะไม่ให้มันอึ้งก็ไม่ได้หรอกในเมื่อมันคงคิดไม่ถึงว่าลุงจะจินตนาการเตลิดได้ถึงขนาดนี้ ตัวผอมเป็นก้างอย่างนั้น กล้ามก็ไม่ค่อยจะมี สูงก็เท่าปลายคางผมด้วยซ้ำ

“มันขี้มโนเก่ง มึงก็รู้น่า”  ผมเตือนสติเพื่อนที่ยังคล้ายจะตะลึงไม่หาย กรกระพริบตาปริบๆ แล้วเมื่อสติกลับมาครบสมบูรณ์ มันหันมามองผมด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป

“ที่กูตกใจไม่ใช่ความเพ้อเจ้อของลุง แต่เป็นมึงต่างหาก”  กรอมยิ้มจนตาหยี  “มึงเป็นคนมั่นใจในความเป็นผู้นำของตัวเองมากนะ แล้วการที่ยอมให้เด็กบ๊องๆ มายกตำแหน่งเมียให้มันน่าเหลือเชื่อว่ะ คือถ้าเป็นเมื่อก่อนมึงคงไม่ยอมให้ใครคิดว่าเป็นรับ แบบ...กูอธิบายไม่ถูกจริงๆ แต่มึงยอมลงให้ลุงมากอย่างที่ไม่เคยเห็นทำให้ใครเลย”

ก็คนพวกนั้นไม่สำคัญเท่ายังไงล่ะ...

ผมเพียงแค่ส่งยิ้มให้เพื่อน เราดื่มกันจนหมดแก้วแล้วถึงจะแยกย้ายกันกลับ ความรู้สึกทุกอย่างมันอยู่ที่ใจของผมอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปนั่งอธิบายให้ใครฟังจนระเอียดยิบ เพราะไม่ว่าจะบอกอย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่มีทางเข้าใจได้ลึกซึ้งแน่ แต่เพราะเป็นแบบนั้นรึเปล่า คนเราถึงได้บัญญัติคำว่า ‘รัก’ เข้ามาครอบคลุมทุกอารมณ์ทุกเหตุผล เพื่อให้ความรู้สึกที่บรรยายออกมาไม่ได้ง่ายๆ ทำให้อีกฝ่ายเข้าใจตรงกันเพียงแค่คำๆ เดียว

แต่จนแล้วจนรอด ผมก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดีว่ากับลุงนั้นต้องจำกัดความด้วยคำไหน ‘หลง’ หรือ ‘รัก’ เพราะอย่างนั้นผมเลยไม่รู้ว่าจะต้องสื่อให้ลุงรู้ด้วยคำไหน และสำหรับผมมันก็ยากเหลือเกินสำหรับการเปิดเผยความรู้สึกต่ออีกฝ่ายก่อน ผมยัง ‘กลัว’ ที่จะผิดหวังซ้ำอีกครั้ง...

เพราะฉะนั้น บอกผมก่อนเถอะ

บอกรักผม แล้วผมจะไม่มีวันปล่อยไปอีกเลย

คนขี้ขลาดอย่างผมก็ทำได้แต่แบบนี้แหละ -- โอ! นี่ผมต้องเพิ่มคำนี้ลงพจนานุกรมส่วนตัวอีกคำแล้วสินะ ...ลุงนี่ช่างทำให้ชีวิตของผมมีแต่คำแย่ๆ ซะจริง

.
.
.

ห้องทั้งห้องเงียบกริบเมื่อผมเปิดประตูเข้าไป

เมื่อเดินผ่านโถงหน้าจึงเริ่มได้ยินเสียงโทรทัศน์เบาๆ ดังมาจากมุมพักผ่อน ทำให้สองขาของผมก้าวมั่นไปยังเส้นทางนั้นทันที ในทีวีเครื่องใหญ่กำลังฉายภาพละครสักเรื่องที่ผมไม่เคยดู นางเอกคนดังกำลังร้องไห้เสียอกเสียใจกับอกพระเอก ถ้ามองตามประสาคนไม่ติดตามละครล่ะก็ต้องนับว่าฉากนี้เศร้าระทมได้สมจริง แต่เสียอย่างเดียวที่ดันมาร้องไห้ต่อหน้าคนดูที่หลับปุ๋ยไปแล้ว

ผู้ชมคนเดียวที่มีกำลังหลับสนิท เหยียดตัวสั้นๆ ยาวเต็มโซฟา ใบหน้าซบลงกับหมอนอิงที่ผมแอบเห็นว่ามีน้ำลายซึมออกมาจากปากนิดๆ ที่สำคัญยังใส่เสื้อกล้ามเนื้อบางกับกางเกงขาสั้นกุดอวดแผ่นหลังสวยกับบั้นท้ายหน้าขยำ ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์ซื้อเตรียมไว้ให้ใส่นอนหลายชุด ถึงตอนแรกจะอิดออดหาว่าน่าเกลียดก็เถอะ แต่พอได้ลองสักครั้งก็ติดใจกับความนิ่มของเนื้อผ้าและความเบาสบาย

ก็บอกแล้วว่าผมเลือกมาอย่างดี 

ผมเดินอ้อมโต๊ะเตี้ยเข้าไปใกล้ ทรุดนั่งลงกับพื้นใกล้ใบหน้าคนนอน กลิ่นสบู่โชยแตะจมูกเจือจางจากผิวเนื้อมันทำให้อดไม่ได้ที่จะก้มลงสูดดมใกล้ๆ ผิวขาวลื่นมือก็ดึงดูดเหลือเกิน ถ้าไม่จับต้องเสียหน่อยคงจะดูไม่ให้เกียรติสินะ อืม... ผ้านี่เนื้อนิ่มแถมยังบางเบา เวลานอนเสื้อเอยกางเกงเอยถึงได้ถลกขึ้นมาอวดความฉ่ำของเนื้อไก่ สมกับราคาที่จ่ายไปซะจริง

อา...ก้นก็ช่างโดดเด้งดีเหลือเกินเมื่ออยู่ใต้ผ้าเนื้อบางแบบนี้ อืม... ไม่ว่าจะลูบคลำหรือขยำสักแค่ไหนก็ไม่เคยพอเลย แม้จะเพลินมือไม่หยอกแต่ก็ยังมีส่วนที่ทำให้เสียอารมณ์อยู่เหมือนกัน ถ้าลุงไม่ใส่กางเกงในสักหน่อยล่ะก็ ผมคงแทบจะแนบหน้าลงกับความเซ็กซี่นั้นไปแล้ว

“พี่ปูน?”  เสียงงัวเงียดังขัดกิจกรรมโปรดของผม ลุงพยายามปรือตาขึ้นมองผมอย่างสุดความสามารถ ดูงัวเงียไม่น้อย  “กลับมาเมื่อไหรอะ”

“เมื่อกี้เอง”  ผมอมยิ้มให้กับคนตรงหน้าที่ยังลืมตาไม่ขึ้นสักที มันน่าฟัดซะจนผมต้องก้มไปหอมแก้มแรงๆ อย่างหมั่นเขี้ยว

“เหม็นเหล้า”  ในที่สุดคนขี้เซาก็เผยอเปลือกตาข้างหนึ่งได้สำเร็จ  “ไปอาบน้ำเลยนะ”

“แล้วทำไมเราง่วงขนาดนี้”  ผมก้มหน้าจูบเปลือกตาข้างที่ยังลืมไม่ขึ้น ลุงหัวเราเสียงแปลกๆ เล็กน้อยแต่ก็ยิ้มออกมา  “ไปทำอะไรมา?”

“พี่กรเร่งปิดจ๊อบ”  ลุงตอบสั้นๆ พลางใช้แรงที่มีเปิดเปลือกตาอีกข้างให้ได้  “ปลายอาทิตย์ต้องไปถ่ายรูปที่รีสอร์ทอะไรเนี่ยแหละ”

ไม่เห็นไอ้เพื่อนตัวดีพูดอะไรให้ผมฟังเลย  “เหลืออีกเยอะมั้ย?”

“แก้งานไปแก้งานมาอยู่นั่นแหละ ปวดตาไปหมด พอได้แบบใหม่ก็บอกจะเอาแบบเดิม บ้าบอว่ะ”

ปัญหาขึ้นชื่อของพวกบรรดากราฟิกดีไซน์เนอร์เขาล่ะ  “งั้นขึ้นไปนอนกันป่ะ” 

ผมเป็นฝ่ายขยับตัวลุกขึ้นก่อน ยืนคอยให้ร่างปวกเปียกขยับเขยื้อน แต่จนแล้วจนรอดลุงก็ยังคงนอนแบบอยู่ท่าเดิม

“ลุง”

“อื้อ... พี่ขึ้นไปก่อนเหอะ”

ขืนปล่อยทิ้งไว้คงมีนอนต่อแน่ ในเมื่อไม่ยอมลุกขึ้นมาดีๆ ผมก็จะใช้วิธีส่วนตัวพาขึ้นไปเอง ว่าแล้วก็เริ่มพลิกตัวลุงให้ตะแคงเพื่อฉุดให้ลุกขึ้นมานั่งเสียก่อน ไอ้เด็กนี่ก็ยังงัวเงียได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย แต่ก็เป็นการง่ายล่ะนะ เพราะถ้าขืนตัวคงได้หนักเพิ่มกว่าเดิม

“กอดคอพี่”  ก็ได้แค่พูดนั่นแหละ เป็นผมที่จับมือไอ้ไก่ขี้เกียจมาคล้องด้วยตัวเอง แล้วจากนั้นก็ช้อนขายกขึ้นเข้าเอวทันที

“ตกๆๆ!!” 

ตื่นเลยครับ ไก่ตื่นซะแล้ว  “ไม่ตกน่า กอดแน่นๆ”  ผมขยับท่าทางอีกครั้งเพื่อให้อยู่ในท่าที่สะดวกแก่การเดิน

“วางลงเลยพี่ปูน ผมตื่นแล้ว”

“ให้สิทธิเดินเองแล้วแต่ไม่ใช้ นี่สิทธิพี่แล้วอย่ามาสั่ง”  ผมว่าเสียงเข้ม แต่ปากเนี่ยกลั้นยิ้มจนแก้มปวด เมื่อผมทำถ้าโยนตัวมันขึ้นจนลอยไปเล็กน้อย ไก่ขี้ตื่นก็รีบกอดคอผมแน่นซ้ำยังหนีบขาเข้าสะโพกผมไม่มีปล่อย

“หมดกันภาพพจน์ผัว แล้วอย่างนี้ผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

เสียงโอดครวญดังข้างหูผมอย่างช้ำชอกใจ ยิ่งเพิ่มความหมั่นไส้เป็นเท่าตัว ระหว่างโดนผมเลยทำเป็นโยนมันไปมาเรียกเสียงกร่นด่าตลอดทางเดินขึ้นบันไดเลย

“เมียจ๋า~ ไม่แกล้งผัวเนอะ มันบาป” 

เมื่อไหร่พัทลุงมันจะเบิ่งตามองความเป็นจริงบ้างนะ ทุกอย่างที่ผมทำกับมันน่ะ จะเหลือก็แต่ไถลแตงลงหลุมเท่านั้นเอง ช่างปักใจเชื่อโดยไม่มองการกระทำอะไรเอาซะเลย

หลังจากเข้ามาในห้องได้สำเร็จผมก็กระเตงไก่เดินมาถึงเตียง ลองหยั่งน้ำหนักอีกครั้งโดยการโยนไปมาให้คนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวร้องด่าผมอีกรอบ แม้จะไม่ได้เบานัก แต่ก็ไม่ได้หนักจนทนไม่ไหวยังโยนลอยได้อย่างไม่เสียจังหวะ... โอเค ท่านี้ผ่าน!

“ปุริม! วางลุงลงเดี๋ยวนี้เลยนะ”

“ครับๆ” 

ผมตั้งใจจะโยนไก่ลงบนเตียง แต่เพราะทั้งแขนและขายังเกี่ยวผมไว้แน่น เลยกลายเป็นว่าสองคนล้มพุ่งลงที่นอนพร้อมกัน ไอ้ตัวเตี้ยถูกทับอย่างไม่ต้องสงสัยแถมยังอยู่ในท่วงท่าที่เหมาะเหม็งซะอีก แล้วผมจะปล่อยทิ้งไปทำไมให้เสียดายเวลาอันมีค่า

เมื่อผมเริ่มก้มหน้าลงไปหา ใบหน้าของลุงก็เงยขึ้นรับได้อย่างพอเหมาะพอดี ครั้นริมฝีปากแตะแต้มกันก็ไม่ต่างจากแม่เหล็กที่ยิ่งจะแนบแน่นมากขึ้นเมื่อถูกดูดเข้าหากัน ทุกรสสัมผัสนั้นเต็มไปด้วยความยินยอมและพร้อมโอนอ่อน ผมเคยกังวลมากหลังจากที่เรื่องทุกอย่างถูกเปิดเผย ผมกลัวว่าลุงจะรังเกียจสัมผัสจากผม แต่ความจริงคือลุงยังคงตอบรับราวกับว่าระหว่างเราไม่เคยมีเรื่องร้ายแรงมาก่อน

ลุงแค่พร้อมจะเดินหน้าต่อตามการตัดสินใจ แต่ผมรู้ดีว่าลุงไม่มีทางลบเรื่องนั้นไปจากใจ ลุงให้โอกาสผม และผมจะไม่มีวันทำให้ลุงผิดหวังอีกครั้งแน่นอน

จะเหลือก็แต่...ไอ้เรื่องใครผัวใครเมียเท่านั้น

“ลุง...”  หลังจากละริมฝีปากออกจากกัน ผมก็กำลังใช้มันทำหน้าที่เลาะเล็มผิวเนื้ออย่างเอร็ดอร่อย และไม่ลืมทิ้งร่องรอยบนต้นคออย่างถือสิทธิ์ ลุงกำลังระทดระทวยได้ที่ยามที่ริมฝีปากเดินทางมาถึงจุดชมวิวแหล่งที่หนึ่ง นับว่าเป็นจุดที่ต้องใช้ความสามารถเล็กน้อยกว่าที่จะได้สัมผัสแก่นแท้ของความน่ามอง

“อื้อ! พี่ปูนเบาๆ”  ลุงสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อผมครอบปากลงไปบนฐานนมสีชมพูคล้ำ ปากก็ดูดดุนไป สองมือก็ลูบไล้เนื้อตัวเพื่อกระตุ้นอีกทาง ผมขยับสะโพกเบียดถูตรงหว่างขาขนหนอนหัวแดงตื่นข้นมาจากการหลับใหล ที่จริงผมน่าจะเปลื้องผ้าตัวเองออกเสียก่อนจะได้ไม่ต้องขัดอารมณ์ขนาดนี้

“หัวเข็ดขัดพี่มันครูดเจ็บอะ ถอดกางเกงก่อน”  ไม่มีคำว่ารีรอเลยสักวินาที ผมรีบผละตัวออกมาจากอ้อมกอดอุ่นๆ ลงจากเตียงมาถอดเสื้อผ้าตัวเองด้วยความรวดเร็ว แล้วกระโดดขึ้นเตียงก่อนจะดึงกางเกงเนื้อบางออกจากลุงให้พ้นทาง และเมื่อเราโถมกายทับกันอีกครั้งทุกอย่างมันก็เร้าร้อนขึ้น

ถ้าไม่กลัวว่าไก่จะตื่นล่ะก็ ผมคงฉีกขาลุงให้กว้างแล้วยัดแตงลงหลุมไปแล้ว จะขยายพันธุ์จนตะวันขึ้นเลยคอยดูสิ แต่ในเมื่อตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ผมจึงต้องยั้งความต้องการที่อัดแน่นข้างในเอาไว้ก่อน กับลุงที่ยังไม่ยอมมองความเป็นจริงผมไม่ควรจะรีบร้อนให้เสียเรื่อง

อย่างน้อยตอนนี้ลุงก็ไม่เขินอายที่จะรวบแตงกับหนอนไว้คู่กัน แล้วนวดทั้งคู่ด้วยสองมือที่สากนิดๆ ขยับข้อมือได้อย่างพลิ้วไหวสมกับที่ผมสอนมากับมือ ทั้งการบีบเบาๆ เคล้าคลึง ยิ่งผ่านการฝึกฝนมากเข้าลุงก็ยิ่งช่ำชอง เพราะฉะนั้นผมจึงปล่อยสวนแตงของผมให้ลุงดูแลอย่างเต็มใจ แล้วมันมาตั้งหน้าตั้งตาหยอกล้อกับเกสรที่โผล่ขึ้นมาอวดสีสวย และสองมือผมก็ไม่ลืมที่จะวกลงไปนวดเนื้อก้นหนั่นแน่นอย่างเพลิดเพลิน

อากาศในห้องนั้นอบอ้าวเนื่องจากเครื่องปรับอากาศที่ยังไม่เปิดทำงาน แต่บนที่นอนนั้นกลับร้อนระอุยิ่งกว่า เหงื่อหยุดแล้วหยุดเล่าตกกระทบไหลรวมเป็นหยาดหยดเดียวกัน ในหัวผมไม่สามารถคิดอะไรออกได้เลยนอกจากความหยาบโลนที่กำลังกระทำอยู่ ในหูผมไม่รับรู้เสียงใดนอกจากเสียงครางของคนใต้ร่าง ดังก้องกังวานปลุกความกำหนัดให้เพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่รู้ว่าจะจบลงได้อย่างไร

หลังจากอารมณ์ลุกไหม้มอดดับเหลือเพียงเถ้าถ่าน ลุงก็หลับไปทั้งที่เนื้อตัวยังเหนียวเหนอะ เหมือนหลายๆ ครั้งที่ผมดึงดันเอาแต่ใจเกินพอดี แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังเช็ดตัวให้ไก่อ่อนตัวนี้อย่างยินดีเสมอ จากนั้นจึงเป็นตาผมที่จะล้างตัวทำความสะอาดคราบคาวบ้าง ผมใส่กางเกงผ้าขายาวเพียงตัวเดียวเช่นเคย บำรุงผิวหน้าและทาโลชั่นอีกสักเล็กน้อยก็ถึงเวลาที่ผมจะโกยไก่มาอยู่ในอ้อมกอด

ลุงขยับตัวไปมาอย่างอึดอัดแต่เมื่อได้ที่เหมาะสม คนนอนก็ผ่อนลมหายใจยาวเหยียดออกมา เรานอนหันหน้าเข้าหากัน ใกล้ชิดจนลมหายใจร้อนรินรดผิวกาย ผมเลื่อนมือโอบบั้นท้ายเปลือยเปล่าใต้ผ้าห่ม ที่เจ้าตัวยกขาก่ายเกยเอวผมไว้ เสียงหายใจสม่ำเสมอทำให้ความผ่อนคลายเกิดขึ้น และในไม่ช้าผมก็หลับไป

.
.
.

>>>>>
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 13-07-2017 15:22:21
.
.
.

เจ้าของรีสอร์ทติดต่อมาว่าวันที่ไปนั้นเขาติดธุระเรื่องงานที่ต่างประเทศกระทำหัน ทำให้ผมมีช่องทางในการหว่านล้อมให้ส่งผมไปกับลุงแทน และในเมื่อเป็นเพื่อนที่รู้หัวรู้หางจะขัดลาภกันไปก็ใช่ที่ พ่อดาราจึงปล่อยทางให้ผมแต่ก็ยังกำชับว่าห้ามหิ้วลุงกับบ้านจนกว่างานที่ลุงทำอยู่จะผ่าน

นอกจากเจอหน้ากันในที่ทำงานและโทรคุยกันสั้นๆ บ้าง ผมก็ปฏิบัติตามคำเพื่อนได้อย่างดีเยี่ยม  รู้แค่ว่าลุงเอางานกลับไปทำที่บ้านทุกวัน ถึงจะเห็นมันดูลอยชายแต่เวลาที่มีงานด่วนเข้ามามันสามารถทำเสร็จให้ทันได้แบบไม่มีขอยืดเวลา ผมเดาว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาก็คงจะอยู่โต้รุ่งแน่นอน และคงมาหลับเป็นตายเอาในรถแทน เพราะงั้นผมก็เลยตระเตรียมหมอนรองคอนุ่มๆ กับผ้าห่มไว้กันหนาวให้เรียบร้อย รถคันเดิมดูจะนอนไม่สบายผมก็เปลี่ยนเป็นรถโฟร์วีลที่คันใหญ่กว้างขวางกว่าเดิม

ไม่รู้ว่ากรมันบอกไอ้น้องลุงไว้หรือเปล่าว่าเป็นผมที่ต้องไปแทน แต่ดูหน้าตาหลังจากที่รู้แล้วผมเดาว่าคงไม่... มันเดินสะพายกระเป๋ากล้องตามหลังผมมาเงียบๆ หน้าตาอิดโรยแบบที่เป็นเสมอยามต้องเร่งงาน ถึงจะเป็นตาชั้นเดียวแต่ก็โตเอาเรื่องของมันปรือปรอยไม่ถึงครึ่ง ผมต้องเปลี่ยนเป็นเดินจูงมันมาขึ้นรถแทนเพราะกลัวว่าจะล้มหัวฟาดพื้นซะก่อน

“ไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาด้วยรึไง”   ผมถามไปอย่างนั้นแหละ ก็เห็นอยู่แล้วว่ามันมาตัวเปล่ากับกระเป๋ากล้องเท่านั้น

“ต้องเอามาด้วยเหรอ เช้าไปเย็นกลับเองนี่”

“เฮ้ยๆ เพชรบูรณ์นะเว่ย ไม่ใช่เพชรบุรี”   ผมจับมันยัดเข้ารถ ก่อนจะเดินอ้อมมาขึ้นด้านคนขับ พอเปิดประตูขึ้นไปนั่งก็เห็นมันมองนั่นนี่ในรถไปทั่ว   “ทำไม?”

“รถใครอ่ะพี่?”

“ของพี่เอง ก็เราเดินทางไกล คันนี้มันนั่งสบายกว่า”

“ของพี่! -- โห...พี่มีรถกี่คันเนี่ย”   ลุงทำปากเป็นรูปตัวโอเหมือนเด็กเวลาเห็นอะไรน่าตื่นใจ   “พี่ผ่อนรถสองคันเลยเหรอ เดือนเท่าไหร่อ่ะ”

“ทำไมต้องผ่อน?”

“อ้าว? ก็...”

“พี่มีเงิน หล่อด้วยและรวยมาก...ซื้อสดทุกคันเข้าใจนะ”   พูดพลางยักคิ้วให้คนมองสักหนึ่งที ไอ้น้องลุงนี่เบ้ปากจนเบี้ยวไปแล้ว   “ถ้าง่วงก็นอน ปรับเบาะไปเลย”

“ได้เหรอ? เดี๋ยวพี่ไม่มีคนนั่งเป็นเพื่อน”   เสียงลุงอ่อยในทันที มันคงรู้สึกเกรงใจล่ะมั้งถ้าตัวเองนอนสบายคนเดียว

“ก็มีลุงไปด้วยแล้วนี่ไง หรือว่าลุงไม่ใช่คน”   ผมเลิกคิ้วถาม ลุงก็แยกเขี้ยวใส่   “แล้วนี่กินข้าวมารึยัง?”

“ผมเพิ่งได้นอนตอนหกโมงเองพี่ เก้าโมงก็ตาลีตาเหลือกมานั่งอยู่ในรถเนี่ย จะเอาเวลาที่ไหนไปกิน”   ไอ้น้องลุงหลิ่วตามองผมอย่างกับว่าผมเป็นพวกช่างถามแบบไร้หัวคิด มันน่าตบบ้องหูสักทีจริงๆ

“มันมีคำตอบสั้นๆว่า ‘ยังครับ’ อยู่นะ”

“ผมต้องการอธิบายถึงที่มาที่ไปหรอกน่า”   เป็นอีกครั้งที่มันแถแบบยั่วโมโหได้สำเร็จ ผมจำต้องปล่อยไอ้เด็กไม่มีเหล่าเต๊งไปอย่างจำใจ ขืนหาความกับมันต่อผมคงได้ถีบแฟนตัวเองลงจากรถแน่

“ไปกินข้าวก่อนมั้ย? เสร็จแล้วลุงจะได้นอนยาว เดี๋ยวระหว่างทางพี่แวะซื้อของจำเป็นสำหรับค้างคืนให้เอง”   ผมลองเสนออย่างใจเย็น ขณะที่ไอ้เด็กกากเกรียนจ้องผมตาปริบๆ มันมองผมนิ่ง กระแสความกดดันอ่อนๆพุ่งใส่จนผมจำต้องหันหน้ากลับไปสบตาลุง

“ทำไมพี่กรถึงให้พี่ไปแทนล่ะ?”

“...มันติดงานน่ะ”

“แต่ผมได้ยินว่าพี่กรเคลียร์คิวไว้แล้วนี่นา”

“หรือลุงไม่อยากไปกับพี่? บอกได้นะ”  ปากก็พูดไปแต่มือนี่สตาร์ทรถแล้ว หันไปมองคนขี้สงสัยก็เห็นว่าอมยิ้มอยู่ไม่ตอบอะไร ผมจึงเข้าใจว่านั่นคือการยอมรับแต่โดยดี 

รถยนต์คันใหญ่เริ่มขับเคลื่อนออกจากที่จอด สักพักลุงก็เริ่มนั่งเหม่อตาลอยๆ ยังไม่ทันจะพ้นกรุงเทพดี ไอ้เด็กข้างๆ ก็หลับสนิทชนิดที่ได้ยินเสียงกรนเบาๆ ดังลอดออกมา แถมยังมีการบ่นงึมงำไม่ได้ศัพท์ดูท่าว่าลุงจะเหนื่อยจัดจริงๆ ยังดีที่เวลาลุงไม่เมาก็จะนอนนิ่งเรียบร้อย เพราะขืนมันนอนดิ้นแบบที่ผมเจอในคืนแรกร่างกายคงได้สะบักสะบอมเป็นแน่

ผมอาศัยจังหวะที่รถติดไฟแดงเอื้อมหยิบผ้าห่มกับหมอนจากเบาะหลังมาให้คนง่วงจัด ยังดีที่ไฟแดงติดยาวนานถึงได้มีเวลาบรรจงยกหัวลุงขึ้นแล้วสอดหมอนรองคอให้อย่างนิ่มนวล ผมยืดตัวอีกครั้งเพื่อเอื้อมปรับเบาะนั่งให้เอนนอนราบก่อนจะห่มผ้าผืนบางคลุมให้จนมิดตัว ลุงหลับนิ่งชนิดที่ผมยังเกรงใจถ้าจะเปิดเพลงฟังแก้เบื่อ นิสัยเสียอย่างหนึ่งของผมคือเป็นพวกนั่งเงียบในรถนานๆ ไม่ได้ เพราะหนังตามันพร้อมจะปิดลงทุกเมื่อจากความเย็น แต่ตอนนี้ถ้าจะให้เปิดเพลงก็กลัวว่าพ่อเจ้าประคุณจะตื่นขึ้นมาแล้วจะทำปากยื่นพ่นคำกวนโมโหเอาให้

ระหว่างทางผมแวะร้านมินิมาร์ทซื้อพวกแปรงสีฟัน ถัดมาก็เป็นร้านขายเสื้อผ้าเพื่อซื้อเสื้อยืดกับกางเกงไว้ให้ใส่นอน แต่ไม่ว่าจะจอดรถหยุดสักกี่ครั้งลุงก็ยังหลับสนิทได้อย่างน่าตกใจ

ทนง่วงมานานจนเข้าเขตจังหวัดสระบุรีไม่เท่าไหร่ คนข้างๆ ที่นอนท่าเดิมมานานก็เริ่มขยุกขยิกตัว ให้เดาว่าไม่ใช่เพราะแดดที่แรงเปรี้ยงจากด้านนอกแน่นอน แต่คงเป็นเพราะเสียงครวญครางจากกระเพาะอาหารต่างหาก มันดังเป็นระรอกให้ผมหลุดขำมาสักพักแล้ว ผมยังคงแสร้งเฉยชากับอาการยุกยิกไปมาของลุง และจากทางหางตาที่คอยเหลือบมองก็เห็นว่าไก่วัดตัวแสบกำลังหยิบๆ จับๆ หมอนกับผ้าห่มด้วยความงุนงง แต่สุดท้ายก็ทิ้งตัวลงนอนท่าเดิมแล้วมองผมตาปริบๆ

“ปุริม~”   เสียงเรียกอู้อี้ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ผมหันกลับไปมองแว่บหนึ่งแล้วเลือกที่จะหันกลับไปมองถนนตามเดิม ให้ตายสิ! ผมชอบเวลาลุงเรียกผมแบบนี้จริงๆ

“หิวแล้ว...”   คำต่อที่ไม่เหนือความคาดหมายสักเท่าไหร่หลุดตามออกมาติดๆ เสียงนี่ทั้งอ่อยทั้งอ้อน เนี่ยเหรอวะคนที่มโนตัวเองว่าเป็นผัวของผม

“อยากกินอะไรล่ะ?”   ผมถามเสียงเรียบ พยายามทำตัวปกติไม่ให้ออกอาการจนมันรู้ว่าผมพร้อมหักพวงมาลัยเข้าร้านไหนก็ตามที่มันต้องการได้ทุกเมื่อ

“อะไรก็ได้ที่ทำให้อิ่ม”

“ขี้มั้ยล่ะ? กินเข้าไปก็คงอิ่มเหมือนกัน”

“ผมไม่กินอะไรแปลกๆ เหมือนพี่หรอก”   ไอ้ไก่กวนโอ๊ยบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนปรับเบาะนั่งให้ตั้งตรงตามเดิม   “ปกติพี่กินขี้บ่อยเหรอ?”

วาจาไม่มียอมกั๊กของมันทำเอาผมต้องยื่นมือออกไปผลักหัวมันบ่อยๆ ครั้งนี้ก็ไม่มีละเว้น ลุงแยกเขี้ยวใส่ผมหนึ่งทีแล้วลูบผมตัวเองไปมาอย่างกับว่าไอ้ผมฟูฟ่องของมันจะเข้าที่เข้าทางไปมากกว่าที่เป็น จากนั้นก็เบือนสายตาผ่านกระจกออกไปมองรอบสองข้างทางพลางย่นคิ้วยู่ปากคิดหาของกินไปด้วย

“พี่อยากกินอะไรอ่ะ?”   ลุงหันมาถามผมคล้ายจะสรุปความคิดตัวเองไม่ได้

“อะไรก็ได้”   ผมตามส่งๆ แต่ทำเอาคนฟังแก้มตูม

“อะไรก็ได้ไม่มี”   มันมองผมอย่างกับพูดคำไม่สมควรออกมา   “เอางี้นะ พี่พุ่งเข้าใส่ร้านอะไรก็ได้ที่เจอร้านแรกเลย ไม่ต้องตัดสินใจมาก”   ลุงพูดขึ้นในที่สุดหลังจากทำท่านึกอยู่สักพัก มันหันมาฉีกยิ้มให้ผมด้วยสีหน้ามาดมั่น 

“แล้วถ้าเกิดว่ามันเป็นร้านอาหารป่าล่ะ”   ผมหยั่งเชิง เพราะถ้าขืนเป็นงั้นผมคงจอดแล้วยันมันลงไปกินคนเดียว

“อันนั้นผ่านมั้ย? ผมไม่สันทัดเท่าไหร่”

“จัดไป”

“นับถอยหลังที่ 10, 9, 8...”  ผมมองเด็กไม่รู้จักโตด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม ลุงมีความขี้เล่นในตัวเองสูงมากเพราะงั้นคนอื่นเลยรู้สึกมีความสุขเวลาอยู่ใกล้ๆ  “2, 1, 0 -- ชิดซ้ายร้านหน้าเลยพี่ปูน!”

สิ้นคำสั่ง ผมก็หักพวกมาลัยชิดซ้ายทันทีที่ได้จังหวะ ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นร้านอะไรแต่ก็ถูกความกระตือรือร้นชักนำไปจนกระทั่งตอนนี้ที่รถถูกดับเครื่องยนต์หน้าร้านที่ไม่รู้ว่าจะเรียก ‘ร้าน’ ได้เต็มปากเต็มคำมั้ย จะอธิบายแบบไม่ให้สะเทือนใจคนมองก็คงจะเป็นร้าน เอ่อ...ซุ้มเพิงไม้สี่ต้นที่มุงหลังคาด้วยจาก มีโต๊ะไม้ยาวที่อายุอานามน่าจะไม่ต่ำกว่าร้อยปีวางหม้อชามรามไหและตู้กระจกเล็กๆ สกปรก ข้างกันมีเตาแก๊ซปิกนิคสีแดงมอซอกับกระทะที่ก้นดำเขรอะ มีโต๊ะไม้ไผ่ผุพังกับเก้าอี้พลาสติกบุโรทั่งสามตัว ส่วนเจ้าของร้านคงหนีไม่พ้นป้าคนหนึ่งที่กำลังยืนโบกตะหลิวตะโกนสนทนา(ด่า)วิน มอเตอร์ไซค์ที่อยู่ใกล้กัน

ผมหันไปมองคนข้างๆ ด้วยตาลุกวาว ไอ้ลุงคงไม่เอาจริงใช่มั้ย? มันคงจะไม่มาดมั่นในคำพูดมันหรอกนะ แต่แทนที่จะเข้าใจการสื่อสารผ่านแววตาของผม ไอ้เด็กกวนกลับยักคิ้วท้าทายแล้วเปิดประตูรถลงไปทันที ผมสูดลมหายใจเข้าปอดเรียกความกล้าหาญ ปกติแล้วผมเป็นคนชอบกินอาหารข้างทางแต่ถ้าจะเจอลักษณะแบบนี้ก็คงต้องเรียกกำลังใจกันบ้าง ผมเปิดประตูออกเดินไปสมทบกับลุงที่ยืนด้อมๆ มองของในตู้กระจก

“พี่จะกินอะไร ป้าแกขายอาหารตามสั่งแหละ”   มันหันมามองผมเพื่อขอคำตอบ ในตู้เขลอะๆ นั้นไม่ได้มีอะไรมากมายนักส่วนมากก็เป็นพวกผักเหี่ยวๆ จากอากาศร้อนอบอ้าว   “ผมควรจะสั่งเลยหรือว่ารอป้าแกด่าเสร็จก่อนดีวะพี่”

อย่างที่ลุงว่า เพราะป้าแกยังแผดเสียงใส่มอเตอร์ไซค์วินวัยรุ่นคนหนึ่งอยู่อย่างต่อเนื่อง ชนิดที่ไม่รับรู้สักนิดว่าลูกค้าเข้าร้านมาแล้ว ผมแทบอยากจะฉุดลุงกลับขึ้นรถแล้วบึ่งไปร้านอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ร้านนี้ แต่มันคงต้องแซวผมไปตลอดทางแน่ถึงความป๊อด เพราะงั้นผมจึงยืนรอจนกระทั่งป้าแกเสร็จสิ้นภารกิจแล้วหันกลับมาเพื่อตกใจว่ามีลูกค้าสองคนรอคอยอย่างสงบ

“นี่ก็ยืนฟังกันไม่กระดิกเลย”   ประโยคทักทายลูกค้าของป้าทำเอาผมสองคนแอบขำ มันคงน่าโมโหกว่านี้ถ้าสีหน้าป้าแกจะไม่ดูขัดเขิน   “แต่งตัวกันดีๆ มาร้านอย่างนี้ทำไม?”

ลุงตาโตกับคำพูดถัดมาของป้า มันเม้มปากคล้ายไม่รู้จะโต้ตอบอย่างไรดี   “ผมหิวอ่ะป้า ว่าแต่ผมสั่งเลยได้มั้ย”

“สั่งมาเลย มีทุกอย่างยกเว้นของที่ไม่มี”   ป้าแกตอบอย่างมั่นใจแล้วเคาะตะหลิวโป๊กๆ กับกระทะใบเก่า ผมควรจะโมโหกับวาจาและกิริยาที่ไม่ดีของเจ้าของร้าน แต่ผมกลับอมยิ้มกับคำยอกย้อนที่ทำให้คนข้างๆ ผมอ้าปากค้างแทน

“กะเพราหมูสับไข่ดาวครับป้า”   ลุงสั่งอาหารกันตายออกมาในที่สุดก่อนจะหันมามองผม

“สองครับป้า”   ผมก็สั่งตามมันไปจะได้เร็ว

ป้ารับคำเสร็จสรรพก็ไล่เราไปนั่งที่โต๊ะไม้ไผ่เก่าๆ พลางชี้นิ้วไปยังร้านค้าที่อยู่ไม่ไกลเพื่อให้ไปหาซื้อน้ำเอาเอง ช่างเป็นร้านที่เปิดขายแบบไม่แคร์อะไรเลยจริงๆ เป็นอีกครั้งที่ลุงอาสาเดินไปซื้อให้แบบไม่เกี่ยงงอน ถ้าจะให้นับก็คงตั้งแต่ที่มันตัดสินใจเป็นผัวผมล่ะนะ เพราะหลังจากนั้นเวลาอยู่ด้วยกันผมแทบไม่ต้องหยิบจับอะไรด้วยตัวเองเลย ลุงบริการทำทุกอย่างสมกับที่มันบอกว่าจะดูแลผมอย่างดี จนผมรู้สึกว่าตัวเองติดสบายไปแล้วซะด้วยซ้ำ

ลุงเดินกลับมาพอดีกับที่ป้าเดินเอาข้าวกะเพราสองจานมาวางบนโต๊ะ จานนึงมีไข่ดาวแห้งๆ โปะอยู่หมิ่นเหม่ กับอีกหนึ่งจานมีไข่ดาวไม่สุกวางอยู่กึ่งกลางอย่างสวยงาม ลุงลงนั่งที่เก้าอี้ หมุนฝาน้ำดื่มวางลงตรงหน้าให้ผมพลางจ้องมองไข่ดาว

“พี่ชอบไข่ดาวแบบไหน”

“ไม่สุก”   ผมตอบพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้เพื่อกระซิบต่อ   “พี่ชอบเดาะไข่แดง”

“เจาะเหอะพี่ ไปลงเรียนภาษาไทยใหม่เถอะนะ”   ลุงเบือนหนาหนีไปอีกทางแต่หูมันแดงก่ำไปหมด ไม่รู้ว่าไปนึกถึงช่วงเวลาไหน ผมยังคงยื่นหน้าอยู่ที่เดิมเพื่อรอเวลามันหันมา ลุงเหล่มองก็ยิ่งเขินหนักจนต้องผลักหน้าผมให้พ้นทาง   “กินข้าวเหอะนะได้โปรด”

อาหารไม่ได้รสชาติแย่นักเมื่อเทียบกับสภาพร้าน แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นลุงก็ปฏิเสธที่จะสั่งอีกจานแม้จะยังไม่อิ่ม ผมจึงตัดสินใจบอกลาร้านอาหารที่คาดว่าจะไม่แวะมาอีกเพื่อไปแวะปั๊มน้ำมันข้างหน้า ผมเติมน้ำมันและปล่อยลุงลงตรงหน้าร้านสะดวกซื้อหลังจากที่มันย้ำถามผมหลายรอบว่ากินขนมบนรถได้หรือไม่ ผมนั่งรอไม่เท่าไหร่ก็เห็นไก่ตัวเดิมเดินกลับมาพร้อมของถุงเบ้อเริ่มและแก้วกาแฟในมือ

“อันนี้ของพี่แบบที่กินประจำ แต่ไม่รู้อร่อยรึเปล่านะ”   มันยื่นแก้วสูงให้ผมถือไว้ ลองชิมไปอึกนึงก็เป็นรสชาติหวานน้อยแบบที่กินปกติแต่ไม่ได้อร่อยเอาซะเลย ผมเลยยื่นหลอดเข้าปากให้ลุงชิม   “เป็นไง?”

“จืด! ไม่เห็นอร่อยเหมือนร้านประจำของพี่เลยอะ”

“ทีหลังก็ถามเขาก่อนซื้อว่าพี่ใช้มือหรือตีนชง”   ผมดูดกาแฟชืดๆ อีกครั้งแล้ววางลงตรงที่วางแก้ว ถึงไม่อร่อยแต่อย่างน้อยมันก็เป็นคาเฟอีนล่ะนะ

“ผมจะได้โดนขาคู่กระแทกปากอ่ะดิ”   มันแยกเขี้ยวให้ผมเสร็จก็หันกลับไปเปิดถุงขนมกินอย่างสบายใจ

หลังจากอิ่มหนำดีแล้วลุงก็อาสาขับแทนจนถึงที่หมายโดยไม่มีการหลงทางให้เสียเวลา ทางเข้ามีป้ายชื่อรีสอร์ทขนาดใหญ่ตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้ สองข้างทางร่มรื่นมีฉากหลังเป็นภูเขาสูงสีเขียว แม้จะไม่ใช่หน้าหนาวแต่ความสวยงามก็ยังมีให้เห็น เมื่อขับเข้าไปได้ไม่เท่าไหร่ก็พบกับอาคารหลังใหญ่ที่ทำจากไม้ทั้งหลัง มีลานจอดรถกว้างขวาง มีร้านขายของขนาดย่อมไว้บริการ

ผมเดินเข้าไปในอาคารโดยมีลุงหิ้วกระเป๋ากล้องกับกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กของผมตามมาติดๆ พนักงานที่ฟร้อนต์ยกมือสวัสดีด้วยความสุภาพ เท่าที่สำรวจภายนอกนั้นทุกอย่างดูใหม่ชนิดที่รู้ได้ว่าเพิ่งเปิดบริการก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ลานจอดค่อนข้างโล่ง ภายในก็ไม่พลุกพล่าน

“ผมมาจาก Graphic House ครับ คุณกฤษนัดไว้วันนี้”   ผมฉีกยิ้มการค้าให้กับพนักงานสาวที่ยิ้มเอียงอายตอบผมกลับ

   “วันนี้คุณกฤษไม่อยู่ค่ะ แต่ได้สั่งความให้ดูแลคุณอย่างดี”   

   “ขอบคุณครับ งั้นผมขอเปิดห้องหนึ่งคืนครับ”   ผมล้วงกระเป๋าหยิบบัตรสีดำยื่นให้พนักงาน   “ถ้ายังไงแล้วช่วงที่ต้องถ่ายรูปคงต้องรบกวนให้ช่วยพาไปในจุดที่ต้องการนำเสนอทีนะครับ”

   “ไม่มีปัญหาค่ะ”

หลังจากนั้นพนักงานชายคนหนึ่งก็ถูกเรียกมาเพื่อนำเราไปยังห้องพักเดี่ยวส่วนการ์เด้นโซน เดินไม่ไกลจากอาคารอำนวยการเท่าไหร่ก็มาถึงบริเวณที่เรียกว่าคงถูกใจคนรักชอบดอกไม้แน่ เพราะผืนหญ้าสีเขียวที่ถูกตัดแต่งอย่างดีมีแผ่นหินหลากหลายรูปทรงวางทอดเป็นทางเดิน สุมทุมพุ่มไม้มากมายถูกปลูกขึ้นอย่างลงตัว มีมุมหลายมุมที่คงถูกใจคนชอบถ่ายรูปไม่น้อย ดูจากสายตาของคนข้างๆ ผมที่จับกระเป๋ากล้องแน่นด้วยแววตาเหมือนเด็กเห็นของเล่น ผมต้องคอยกระตุ้นแผ่นหลังของลุงเป็นระยะไม่ให้เดินออกนอกเส้นทางจนกระทั่งมาถึงห้องพัก

กระท่อมไม้ชั้นเดียวไม่เล็กไม่ใหญ่ตั้งกระจัดกระจายกันไปทั่วบริเวณ ด้านหน้าแต่ละหลังมีระเบียงขนาดกะทัดรัดเพื่อวางชุดโต๊ะไม้ไว้สำหรับจิบชาชมวิว พนักงานเดินนำเราขึ้นไปเปิดระบบไฟฟ้าและแนะนำการใช้งานเล็กน้อยก่อนจะขอตัวออกไปพร้อมกับเงินค่าทิปที่ผมยื่นให้เป็นทำเนียม

“สวยสุดๆไปเลยเนอะพี่ปูน”   ลุงปรี่เข้าไปหาหน้าต่างที่เปิดอ้ารับลมไว้ทันที กลิ่นอ่อนๆ ของดอกไม้ตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้อง ลุงสูดหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่าอย่างกับคนไม่เคยได้ดมดอมความหอมมาก่อน ผมได้แต่ยิ้มกับความไร้เดียงสาในบางทีของชายหนุ่มวัยฉกรรจ์คนนี้ที่หลายครั้งมันแสดงออกมาในมุมของความซื่อที่ดูจะบื้อไปบ้าง แต่ในอีกหลายครั้งเช่นกันที่มันก็ดูน่าเอื้อเอ็นดูเหลือเกิน

ผมเดินตรงเข้าไปซ้อนแผ่นหลังตรงหน้า โอบแขนรอบตัวอีกฝ่ายพร้อมกับเอาคางเกยบนหัวทุยๆ นั้นได้อย่างพอเหมาะพอดี ไม่เสียทีที่ผมดื้อดึงจะมาแทนกรเสียให้ได้ ทั้งรอยยิ้ม ทั้งเสียงหัวเราะ ทุกสิ่งที่ลุงเป็นมันดูช่างคล้อยไปกับบรรยากาศเหลือเกิน เหมือนตอนนี้ตัวผมได้โอบกอดแสงสว่างอยู่ก็ไม่ปาน

 “พี่ปูน? อึ๊!...อื้ม”   แม้ขณะที่ผมทาบริมฝีปากลงไป ลุงก็ยังเผยอกลีบหวานเชื้อเชิญผมเข้าไปลิ้มรสง่ายๆ ไร้แววแข็งขืน มีแต่ความโอนอ่อนผ่อนตามอยู่ในทุกอณูที่ผมแตะต้อง ยินยอมพร้อมใจจนกระทั่งลมหายใจขาดตอน ผมละริมฝีปากออกมาเพื่อมองใบหน้าของผู้ชายที่เพิ่งได้รับจูบจากผู้ชายอีกคน มันทั้งดูน่ารักและยั่วยวนเกินกว่าจะเชื่อได้ว่าทั้งหมดทั้งมวลมาจากความเข้าใจผิด

“จูบอีกนะ...”   และก่อนที่อีกฝ่ายจะทันตั้งตัว ริมฝีปากของผมก็ฉกลงหาความนุ่มอีกครั้ง หากคราวนี้ลึกล้ำและยาวนานกว่าเดิม

เบื้องหน้านอกหน้าต่างคือความงามของธรรมชาติ ในบรรดาดอกไม้หลากหลายพันธุ์ตรงหน้า ผมอยากจะเปรียบความสดใสร่าเริงที่แฝงความมีเสน่ห์ของลุงเป็นดอกไม้สักต้น แต่ลุงก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกบอบบางน่าทะนุถนอมเหมือนพวกนั้นสักนิด ถ้าจะให้เปรียบจริงๆ ก็คงจะเหมือนพืช...พืชกินแมลง

“ขำอะไร?”   ลุงเอียงหน้าด้วยความสงสัย ขณะที่ผมละริมฝีปากออกเพื่อกลั้นขำกับความช่างเปรียบเทียบของตัวเอง นั่นสินะทั้งที่ดูแปลกตาแต่กลับไม่ไร้พิษสง ดูน่ารักแต่ก็ประหลาดในคราวเดียวกัน

“เปล่าๆ”   แล้วผมก็ประกบปากแนบลงอีกครั้ง

พืชกินแมลงงั้นหรือ?

ถ้าอย่างนั้นคงเป็นพวก ‘กาบหอยแครง’ ล่ะนะ ทั้งที่มองดูก็รู้ว่ามันไม่ปลอดภัย แต่แมลงโง่ๆ ก็ยังบินไปเกาะ สุดท้ายก็ถูกขังเอาไว้ในปากด้วยซี่แหลมๆ บินหนีไม่ได้ สุดท้ายก็ขาดอากาศตายอยู่ในนั้น

แล้วแมลงตัวนั้นจะเป็นใครไปได้เล่า...ทั้งที่รู้ว่าจะต้องขาดใจ แต่ก็ยอมบินเข้าไปอย่างยินดี
 
 

_________________________________________________________________TBC.

เหมือนเฮียปูนจะเป็นเอามาก เปรียบเมียเป็นพืชกินแมลงได้ยังไง 555

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 13-07-2017 16:08:00
เฮียปูนเดินหน้าสุดๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 13-07-2017 16:12:37
พี่ปูนคนหลงเมีย  :o8: :-[
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Krajeeqx ที่ 13-07-2017 16:27:02
คุณลุงน่ารักจังเลย อยากมีคุณลุงที่บ้านสักคน555 ชอบเวลาที่ลุงอ้อน ปุริม~ ถ้าเราเป็นพี่ปูนคงได้ตายของจริง :katai2-1:
ตอนแรกก็งงกับชื่อตอน(?) อ่านจบปุ๊บ จ้ะพี่ปูนเอาที่พี่สบายใจเนอะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-07-2017 16:33:54
พี่ปูน เปลี่ยนไป จากเสือร้าย กลายเป็นแมลงซะละ
แล้วเป็นแมลงที่ยอมตาย
ในพืชกินแมลงกาบหอยแครงซะด้วย

แต่เป็นพี่ปูน ก็น่าจะหลงลุงจริงๆ
ลุง ที่ยินยอม อ่อนโยน ไม่ขัดขืนเวลาพี่ปูนกอดจูบ โอ๊ย......หลงลุงอีกคนละ  :z3: :z3: :z3:

แล้วลุงที่ซื่อ ใส กลายเป็นกาบหอยแครงไปแล้ว
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-07-2017 16:38:51
แหม่ ช่างเรียกเนอะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 13-07-2017 16:50:55
 :z10: รอวันพี่ปูนถไลแตงลงหลุมค่ะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 13-07-2017 16:54:55
ตลกอะ ชอบบบบ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Crossley ที่ 13-07-2017 17:05:14
พี่ปูนบรรยายก้นสามีได้น่าจับน่าขยำสุดๆเลยค่ะ :m25:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 13-07-2017 17:07:53
ช่างเป็นเมียที่หลงผัวเอามาก ๆ เปรียบกับพืชเสียน่าปลื้มจายยย ฮา
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: abzdev ที่ 13-07-2017 17:10:35

พี่ปูนคนหลงเมีย  :o8: :-[


ดูหนังออนไลน์ (https://movie.miivoe.com)
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAlone ที่ 13-07-2017 17:25:21
 :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 13-07-2017 17:38:56
ไอ้พี่ปูนโคตรจังไร คิดลามกกับน้องแต่ละอย่าง ถ้าเจ้าตัวรู้นะ เละ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 13-07-2017 17:44:00
ปุริม ช่างเปรียบเปรย แถมยังเต็มใจไปอยู่ในกาบพิษเสน่ห์ของลุงอีก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 13-07-2017 18:24:56
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 13-07-2017 18:25:26
ถึงรู้ว่ามีพิษจนตัวตายก็ยอม เพราะลุงน่ารักกกกกกกกกกกก
ผัวที่ไหนโดนเมียอุ้มเข้าห้อง ผัวลุงนี่ล่ะครับบอกเลย
ฮาสถานะพัทลุง
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 13-07-2017 18:27:03
สุด ๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 13-07-2017 18:50:08
อิพี่ปูนนี่อาการหนักนะคะ หลงน้องลุงจนแทบโงหัวไม่ขึ้นแล้วยังไม่แน่ใจอีกว่ารักรึเปล่า แต่ถ้าจะรอให้น้องลุงบอกรักก่อนนี่น่าจะอีกนานนนนนนนนนน ฮ่าๆๆ ไหนจะเรื่องที่ให้พี่กรจัดการเรื่องโป้ยอีกแต่คิดว่าคนถูกจัดการน่าจะเป็นพี่กรนี่แหละเพราะดูโป้ยน่าจะดูออกนะว่าพี่กรคิดอะไรอะ ก็เพราะโป้ยมันร้ายยังไงล่ะ ขนาดเรื่องลุงกับพี่ปูนโป้ยยังดูออกเลย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 13-07-2017 18:54:10
 :z1:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 13-07-2017 19:04:44
ลุ๊งงงทำไมน่ารักอย่างนี๊  :m13: :m13:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 13-07-2017 19:18:20
เอ็นดูลุงคนซื่อ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 13-07-2017 19:22:50
ทำไมปุริมถึงเปรียบขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 13-07-2017 19:29:37
เป็นตอนที่ยาวสะใจจริงๆ พี่ปูนนนเค้าก็รักของเค้าอะเนอะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 13-07-2017 19:50:58
ชอบคำเรียกจัง มีความชอบแตง แตงกวาบ้าง แตงร้านบ้าง แตงลงรูบ้าง5555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 13-07-2017 19:54:26
อาการหนักแล้วค่ะพี่ปูน55555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: dumpWINNY ที่ 13-07-2017 20:07:06
อ่ากกก ชอบฉากจูบของสองคนนี้จังเลยค่ะ  :hao5: มันหวานได้ใจมากกก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 13-07-2017 20:09:08
อ่านมุมลุงก็ตลก อ่านมุมปูนก็ยิ่งชอบบบบ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: บูมพอส ที่ 13-07-2017 20:09:44
ชอบแตงเรื่องนี้จังเลย 55555. รอวันที่แตงลงหลุมนะคะ  :hao6: :hao6: :hao6: ปุริมคนหลงเมีย2017.
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 13-07-2017 20:19:06
พี่ปูนจะหลงเมียหรือว่าหลงผัวดีเนี่ย สับสนสถานะคู่นี้จังค่ะ 55555 :mew3:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 13-07-2017 20:29:47
อยากรู้เรื่องของพี่กรกับโป้ยอ่ะ อยากรู้ ๆ
อะไรทำให้พี่กรรักฝังใจกับโป้ยขนาดนี้ ชอบมาก รักแท้รักทน
ท่าทางโป้ยเหมือนจะรู้ความรู้สึกพี่กรนา
พี่กรหลงรักแบบไม่กล้าทำอะไรมาสิบปี โป้ยก็อาจจะรอพี่กรมาสิบปีเหมือนกันนะ
นึกตามที่พี่ปูนว่าแล้ว โป้ยต้องรู้สึกอะไรอยู่บ้างแน่ ๆ ลุยเลยพี่กร
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 13-07-2017 20:30:29
 ช่างเข้ากันซะจริงๆ เลยคุณปุริม
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 13-07-2017 20:33:06
ท่านสมภารอาการหนักน่าดู
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: SeaBreeze ที่ 13-07-2017 20:41:33
ไก่ก็น่ากินซะเหลือเกิน สมภารก็ยอมอดใจไม่กลืนไก่ลงท้อง แค่และเล็มให้พอหายเปรี้ยวปาก :hao6: 

แต่ถ้ารอให้ไก่พร้อมยอมพลีกายเป็นอาหาร ชาตินี้จะได้กินไหม ไก่อ่อนประการณ์ดูงุนงงกับทุกสิ่ง :laugh:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 13-07-2017 21:04:09
อยากขยำก้นลุงจังเลย~
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: pockypocky ที่ 13-07-2017 21:33:19
ฮืออออ คู่นี้ตลกทั้งผัวทั้งเมียเลยค่ะ

รอวันที่ลุงจะได้รับรู้ความจริง :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 13-07-2017 22:08:48
พี่ปูนนี่เป็นเอามากละ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 13-07-2017 22:16:10
พี่ปูนเอ้ยคิดกะน้องแต่ละอย่าง :m25:

 :pig4: :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 13-07-2017 22:25:09
ว่าแต่ตอนนอนคืนนี้ อย่าไปแอบอ้ากาบหอยแครงละ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Arancia ที่ 13-07-2017 23:53:31
กรี๊ดดดดด สวีทททท
เฮียปูนนี่แทะโลมขั้นสุดจริงๆ นังลุงช่างไม่รู้เรื่องรู้ราวใดๆ 5555

รอออออออ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 14-07-2017 00:01:28
พี่ปูนเป็นปลวกแน่นอน! แทะกันขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 14-07-2017 00:14:46
น้องไก่ก็น่ารักเกิ้น  ยิ่งอยู่ด้วยก็ยิ่งหลงรัก
แล้วเมื่อไหร่จะรู้ตัวว่าตำแหน่งผัวจะถูกแย่งไปเร็วๆ นี้น่ะ   :hao3:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-07-2017 00:39:48
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: 205arr ที่ 14-07-2017 01:03:29
น้องลุงตกลงไปในกับดักพี่ปูนเต็มตัวแล้วสิเนี่ย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 14-07-2017 01:10:23
ฮึ้ยย อย่างน้อยก็เป็นพืชกินแมลง ที่ล่อแมลงได้แล้วหนึ่ง เน้อะคุณลุง5555555  :hao3:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 14-07-2017 06:09:24
ฮาาาา พี่ปูน   แต่ลุงก็นะ ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: yumenari ที่ 14-07-2017 07:18:22
หลงปั๋วมากค้าปุริม!!
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: xหยกน้อยx ที่ 14-07-2017 08:39:23
มาต่อเร็วๆนะคิดถึงลุงมาก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 14-07-2017 10:43:23
ทั้งรักทั้งหลงอะไรขนาดนั้นละปุริม :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 14-07-2017 12:40:20
แหม สวีทสุดๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 14-07-2017 13:48:09
 o13 นับถือน้ำใจพี่ปูนเลยอ่ะ.. อดเปรี้ยวไว้กินหวานสุดๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: วิหคเหมันต์ ที่ 14-07-2017 14:06:50
 :o8: :-[ :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 14-07-2017 19:09:36
กรี๊ดดดด เวเคชั่นนนน ไม่เหมือนมาทำงานน่า
พี่กรลุยเถอะ เค้าว่าโป้ยรอจนเหนื่อยละเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: todiefor ที่ 14-07-2017 19:10:40
อิพี่ปูนนี่มันรั้ยยยยยย!!!!
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 14-07-2017 22:57:04
ยิ่งอ่านลุงยิ่งน่ารักกกกกก  :hao5:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 16-07-2017 09:10:20
พี่ปูนก็เปรียบซะ 555555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 16-07-2017 12:00:49
คุณลุง คุณลุง คุณลุง คุณลุง คุณลุง คุณลุง  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 16-07-2017 15:00:48
โอ้ยยย น่ารัก ปักไว้ตั้งนานเพิ่งจะว่างอ่าน ไม่ผิดหวังจริงๆ รอทุกเรื่องเลยน้าาา เป็นกำลังใจให้  :mew1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 16-07-2017 15:10:35
 ปุริม ชอบที่ลุงเรียกแบบนี้จัง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 16-07-2017 16:58:12
รอเวลาไก่โดนกิน 555555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 16-07-2017 21:07:29
ข้ามคุณลุงกับปุริมไป...อันนี้เขาสวีทเว่อร์
มาที่พี่กร พ่อดาราขาาาา รีบจีบนุ้งโป้ยเร็วสิ ขานี้คงรอนานแล้วเหมือนกันแหละนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ~ณิมมานรฎี~ ที่ 17-07-2017 16:36:04
เฮียคะ นี่หลงลุงจนหาทางออกไม่เจอแล้วล่ะค่ะ 5555555 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ppapple ที่ 17-07-2017 16:40:02
น่ารักกก  :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 17-07-2017 21:07:06
พี่ปูนนี้หลงลุงซะยิ่งกว่าอะไร5555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 17-07-2017 21:39:54
ลุงงงง เอาความมั่นใจมาจากไหน แล้วมั่นใจแบบไม่เลิกด้วยนะ ความผัวนี่น่ะ
พีคสุดคือลุงยอมปูนมาก ยอมให้ทำเยอะมากด้วย แต่ความซื่อและความเกรียน ลุงไม่เคยปรานีปูน 55555

ปูนก็ฮาไปอีก บ้าบอไปเรื่อย ป่วนลุงไม่หยุด รอแค่ลงหลุมอะเนาะ
เหมือนเราเลยค่ะ เราก็รอปูนลงหลุมเหมือนกัน 55555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: minminmin ที่ 18-07-2017 11:45:41
อยากอ่านคู่โป้ยกรอ่าาาา คิดว่าโป้ยน่าจะรู้อะไรๆอยู่บ้างแล้วล่ะ  :katai5:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 18-07-2017 13:57:45
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 9 กาบหอยแครง(ที่รัก) || 13-7-60 หน้า 13 ||
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 18-07-2017 16:17:21
ความน่ารักของลุงนี้เกินพิกัดละ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 24-7-60 หน้า 16 ||
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 25-07-2017 01:17:16
 :m32: แอบเห็นว่าเปลี่ยนชื่อตอนแล้ว
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 24-7-60 หน้า 16 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 25-07-2017 01:25:05
เข้ามาตอนเปลี่ยนชื่อตอนแล้วพอดีเลยยย  :mew1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 24-7-60 หน้า 16 ||
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 25-07-2017 03:50:57
 :ruready  แอบเห็นแววว่ากำลังจะมา.....รอค่ะ...  :mew1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 24-7-60 หน้า 16 ||
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 25-07-2017 07:41:09
รอออออ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 24-7-60 หน้า 16 ||
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 25-07-2017 07:41:34
อะไร?  ยังไง?  มาๆๆๆๆ จงมา
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 24-7-60 หน้า 16 ||
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 25-07-2017 07:46:44
มาปูนเสื่อนั่งจิบน้ำชา
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 24-7-60 หน้า 16 ||
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 25-07-2017 08:22:00
ลืมลงหรือเปล่าอ่ะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 24-7-60 หน้า 16 ||
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 25-07-2017 08:31:03
 :katai4: รีบๆ มาได้แล้ว
ใจจะขาดแล้วเอ้ยยยยย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 24-7-60 หน้า 16 ||
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 25-07-2017 08:31:59
waiting for you  :mew1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 24-7-60 หน้า 16 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 25-07-2017 09:32:30
รอๆๆๆ ชื่อตอนเปลี่ยนแล้ว

เราจะรอ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 24-7-60 หน้า 16 ||
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 25-07-2017 09:41:59
อ้าวววว ลืมลงเนื้อหาหรือเปล่าคะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 24-7-60 หน้า 16 ||
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 25-07-2017 10:05:07
เปลี่ยนชื่อตอนแล้ว??? :z3:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 24-7-60 หน้า 16 ||
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 25-07-2017 10:26:04
มานั่งรอด้วยคนค่า อิอิ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 24-7-60 หน้า 16 ||
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 25-07-2017 10:36:34
อ้าว มาแต่ชื่อตอน เนื้อหาหายไปไหน :ling1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 24-7-60 หน้า 16 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 25-07-2017 10:44:11
 :mew3:
F5 รัวๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 24-7-60 หน้า 16 ||
เริ่มหัวข้อโดย: krayfanxing ที่ 25-07-2017 11:03:43
อ้าวเห้ย มาแต่ชื่อตอน ปูเสื่อนั้งรอครับ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 24-7-60 หน้า 16 ||
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 25-07-2017 11:12:27
หืออออออออออออออออออออออออ ทำไมมาเเต่หัวข้อ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 24-7-60 หน้า 16 ||
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 25-07-2017 15:17:21
เข้ามาส่องว่ามารึยางงงงงง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 24-7-60 หน้า 16 ||
เริ่มหัวข้อโดย: FaithRen ที่ 25-07-2017 17:15:51
อ่านรวดเดียวเลยค่ะ สนุกมากกกก
ขำความมั่นหน้าในการคิดว่าตัวเองเป็นผัวของน้องลุง
เอ็นดูจังเลย ลุงลูกกกกกก ><
ส่วนพี่ปูนคือเสือร้าย จ้องจะขย้ำน้อง แงงง
รอตอนต่อไปปปป
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 24-7-60 หน้า 16 ||
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 25-07-2017 17:32:10
มารอ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 24-7-60 หน้า 16 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 25-07-2017 17:50:05
รอจ้าารออออ คิดถึงลุงงงงงง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 24-7-60 หน้า 16 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 25-07-2017 17:51:56
หัวข้อเปลี่ยนแต่ไม่มีเนื้อเรื่อง  :hao5: :hao5:

รอออออออออออออออออออออออ  :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 24-7-60 หน้า 16 ||
เริ่มหัวข้อโดย: PaePT ที่ 25-07-2017 18:36:26
ทำไมคนเขียนหลายคนเดียวนี้ชอบเปลี่ยนชื่อตอนเหมือนว่าตอนใหม่มาแล้ว  แต่พอเข้ามาดูคือยังไม่ลง ทำทำไม???
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 24-7-60 หน้า 16 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ก้มหน้าก้มตา ที่ 25-07-2017 18:54:03
 :hao7: :hao7: :hao7: มารอด้วยคน ตะกายๆๆๆ อยากอ่านจังเลย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 24-7-60 หน้า 16 ||
เริ่มหัวข้อโดย: angelz.jem ที่ 25-07-2017 19:28:09
รอออออออออออออออออออออ    :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 24-7-60 หน้า 16 ||
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าเชียงชุน ที่ 25-07-2017 19:59:45
 :hao4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 24-7-60 หน้า 16 ||
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 25-07-2017 20:25:01
คือรอตั้งแต่เมื่อคืน ยังไม่ลงก็มาให้ความหวังกันน้อออ สงสารกันบ้างจ้าา จะลงแดงงงง ยังไม่มาต่อยังไม่เจ็บเท่ามาเปลี่ยนหัวข้อแต่ไม่มี TT
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 24-7-60 หน้า 16 ||
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 25-07-2017 21:08:04
ขอรบกวนแจ้งข่าวนะจ้า เห็นคุณ Lady mellow แจ้งในเฟสนะ

" เอาไก่วัด กับ ตัวกินไก่มาส่ง
ตอนนี้ไก่ก้าวข้ามวิถีแห่งความเป็นปั๋วไปอีกขั้น ได้สกิลแบบไหนไปดูกัน 555
ปล.1 = โพสต์ลงเล้าบ่ได้ เอาลิงก์ธัญวลัยไปก่อน ถ้าโพสต์ได้แล้วจะมาทิ้งลิงก์เพิ่มนะจ๊ะ
ปล.2 = น้องต่ายน่าจะมาพรุ่งนี้นะ หรือมะรืน //แฮร่ "
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 24-7-60 หน้า 16 ||
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 25-07-2017 21:42:26
ขอบคุณเม้นบนที่มาบอกบุญค่าาา  :call: :call: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 24-7-60 หน้า 16 ||
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 25-07-2017 22:14:17
ทำไมคนเขียนหลายคนเดียวนี้ชอบเปลี่ยนชื่อตอนเหมือนว่าตอนใหม่มาแล้ว  แต่พอเข้ามาดูคือยังไม่ลง ทำทำไม???

ไม่ใช่ไม่ลงค่ะ แต่มันลงไม่ได้เมื่อคืนเหมือนเล้าจะมีปัญหา ลองตามจากเพจนักเขียนดูนะคะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 24-7-60 หน้า 16 ||
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 26-07-2017 00:05:57
นึกว่าอัพแล้ว5555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 24-7-60 หน้า 16 ||
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 26-07-2017 07:28:20
รอติดตาม
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 24-7-60 หน้า 16 ||
เริ่มหัวข้อโดย: natchaya ที่ 26-07-2017 16:12:52
อยากจะได้เพจนักเขียนจังเลยค่ะ ใครใจดีแบ่งปันให้หน่อยย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 24-7-60 หน้า 16 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 26-07-2017 16:21:48
รอๆๆ สมภาร
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 24-7-60 หน้า 16 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 26-07-2017 20:10:18
 :katai5:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 24-7-60 หน้า 16 ||
เริ่มหัวข้อโดย: naplatoo ที่ 26-07-2017 20:13:56
อยากจะได้เพจนักเขียนจังเลยค่ะ ใครใจดีแบ่งปันให้หน่อยย

แปะเพจค่าาา >>> Lady Mellow ใน FB (https://www.facebook.com/crazyMELLOW/)
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 24-7-60 หน้า 16 ||
เริ่มหัวข้อโดย: kkmm ที่ 27-07-2017 02:01:41
รอครับ
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 28-07-2017 14:45:35
ขอโทษอีกครั้งนะคะที่เปลี่ยนหัวข้อแล้วไม่ได้ลงเนื้อเรื่อง
อย่างที่แจ้งในเพจว่า พอจะโพสต์ในส่วนเนื้อหามันก็โหลดหน้าไม่ได้ค่ะ ทำแล้วรอบแล้ว TT วันต่อมาก็ทำงานติดๆ กันเลยไม่ว่างมาอัพเดตต่อ
ขออภัยในความไม่สะดวกด้วยนะคะ
L@DY MELLOW





ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_




พี่ปูนฉีกทุกกฎของแฟนที่ผมเคยมี

ไม่ใช่ฉีกธรรมดาด้วยนะ แต่เป็นการ ‘แหก’ แบบกระจุยกระจายเลยเชียวล่ะ!

ผมจะไม่พูดถึงเรื่องที่มีแฟนเป็นผู้ชายหรอกนะเพราะยังไงมันก็เป็นไปแล้ว และพี่ปูนก็มีสองเพศแบบไส้เดือนไม่ได้ แต่เรื่องพื้นฐานทั่วไปต่างหากที่มันแตกต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัดเจน หนึ่งคือผมไม่เคยคบใครที่สูงกว่าตัวเอง ด้วยความที่เป็นชายไทยไซซ์มาตรฐาน ด้วยส่วนสูงที่ 169 พอดิบพอดี อันที่จริงก็อยากสูงมากกว่านี้นะ พยายามอัดนมตั้งแต่เด็กหวังโตขึ้นมาหล่อเหลาเหมือนเจมส์ บอนด์ แต่ได้เท่านี้จริงๆ แถมมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เอ็นจอย อีทติ้งมากไปหน่อยเลยอ้วนแล้วเตี้ย โดยรวมแล้วเชี่ยมาก ผมก็เลยพยายามคุมปากตัวเองจนน้ำหนักกลับไปเท่าเดิม กำลังกายก็ออกบ้างแต่ไม่ออกซะมากกว่า กล้ามเนื้อมันก็เลยนิ่มนวล โดยเฉพาะแขนกับแก้มนี่จะถูกไอ้โป้ยทารุณเป็นพิเศษ ส่วนไอ้พี่ปูนก็ชอบขยำตูดผมซะเหลือเกิน ทั้งเคล้นทั้งคลึง บางวันมีกัด บางวันทะลึ่งนอนหนุนอีก แถมยัง...เอ่อ...เหมือนจะออกทะเลไปใหญ่แล้ว ผมกลับมาที่ประเด็นเดิมก่อนแล้วกัน

เพราะงั้นผมเลยเสาะหาผู้หญิงที่ตัวเล็กบอบบาง   กว่ามาเป็นแฟน แต่แล้วพี่ปูนก็ลบความเคยชินนั้นออกไปด้วยส่วนสูงที่มากกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบ สูงกว่าเพื่อนสนิทผมทุกคน สูงเลยพี่กรซึ่งเป็นดารามานิดหน่อย สูงชนิดที่ว่าถ้ายืนบนรถไฟฟ้าผมคงจะมองเห็นพี่ปูนได้แม้อยู่คนละตู้โดยสาร สูงแบบที่ผมต้องเงยหน้ามอง สูงได้น่าบัดซบจนหัวผมเสมอเท่าปลายคาง สูงจนอยากจะถามว่าญาติฝั่งไหนเป็นยีราฟครับพี่! แถมยังใหญ่โตมโหฬารประหนึ่งพ่อพันธุ์ชั้นดีให้ต้องชีช้ำเพิ่มเติมอีก

ความเท่าเทียมกันอยู่ตรงไหน

อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญที่แตกต่างเลยคือ กระเป๋าสตางค์ของผมยังอยู่ดีมีสุขเสมอเวลาไปไหนต่อไหนด้วยกัน พี่ปูนมักจะออกทุกอย่างทั้งค่ากิน ค่าเที่ยว หรือแม้แต่ขนมที่ผมต้องตาซื้อมาพี่ปูนก็หยิบกระเป๋าเงินจ่ายได้รวดเร็วกว่าผมนัก ถ้าไม่ยืนกรานว่าจะต้องหารกันแล้วพี่ปูนยอมบ้างไม่ยอมบ้างล่ะก็ ผมคงได้เรียกพี่แกว่าเสี่ยยอดนักเปย์เข้าให้จริงๆ

และอีกหนึ่งอย่างที่ผมยังค้นหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ ว่าทำไมผมถึงยอมพี่ปูนได้มากขนาดนี้...ความกวนโมโหอันเป็นเอกลักษณ์ของพี่ปูนนั้นผมเห็นได้อย่างชัดเจนตั้งแต่ยังเป็นเพียงแค่ลูกน้อง แต่พอได้ใกล้ชิดมากขึ้น ถึงเนื้อถึงตัวมากขึ้น ผมกลับพบว่าพี่ปูนไม่ได้มีแค่ด้านนั้นด้านเดียว ในผู้ชายคนนี้ยังมีมุมสงบราวกับพระสงฆ์ อารมณ์ผ่อนคลายประหนึ่งจิบมาลิบูข้างชายหาด มีความเป็นผู้ใหญ่มากจนผมรู้สึกเกรง สร้างพลังโจมตีสูงปรี๊ดเวลาเข้าโหมดหื่นกามณ์ และก็ดูเหงาเอามากๆ เหงาทั้งที่ไม่ควรจะเหงา เพราะงั้นในบางครั้งพี่ปูนเลยเหมือนเด็กที่ต้องการความอบอุ่น ชอบสัมผัส ชอบให้นอนกอด

นอกจากได้ตำแหน่งสามีแล้ว ผมยังรู้สึกว่าได้ตำแหน่ง 'พ่อ' เพิ่มมาอีกหนึ่งด้วย หรือเพราะฮอร์โมนความเป็นพ่อมันพลุ่งพล่านนะ ผมถึงได้ยอมพี่ปูนง่ายดายขนาดนั้น ขออะไรได้! สั่งอะไรได้! ให้ใส่อะไรก็...ได้! บัดซบจริงๆ นี่ผัวนะไม่ใช่อับดุล!

“คุณพัทลุงคะ?”

เสียงหวานสุภาพเรียกชื่อผมค่อนข้างดังกว่าที่ควรจะเป็น ทำเอาผมสะดุ้งเฮือกกับสติที่วกกลับเข้าปัจจุบันแบบหนังยางถูกดีด ผมเพิ่งรู้สึกตัวว่าสองมือยังถือกล้องคู่ชีพยกค้างอยู่ เบื้องหน้าคือจุดชมวิวที่คุณพนักงานคนสวยพามา ภูเขาสีเขียวหลายลูกกำลังถูกเผาไหม้ด้วยแสงสีของดวงอาทิตย์ที่กำลังคล้อยตัวลงแฝงเร้นหลังภูผาสูง กลิ่นดอกไม้หอมลอยวนอยู่รอบๆ ผสานกับเสียงไม้ไหวจากแรงลมเอื่อยๆ บรรยากาศเงียบสงบเหมาะแก่การนั่งชื่นชมข้างคนรู้ใจเหลือเกิน

คุณอุ๋มผู้ได้รับมอบหมายหน้าที่ให้พาผมเดินถ่ายภาพบรรยากาศยามเย็น กำลังชะโงกหน้ามองผมด้วยสายตาเป็นห่วง เธอคงคิดว่าไอ้ตากล้องบ้านี่เป็นอะไรแน่ๆ เพราะน้ำเสียงถามนั้นแม้จะออกเเววกังวล แต่สีหน้าออกจะกลัวผมเล็กน้อย   “เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”

“ขอโทษครับ เผอิญวิวมันสวยจนตะลึงไปเลย”   ผมแถแกมยกยอ แต่คุณอุ๋มก็ตอบรับกลับมาโดยการฉีกยิ้มที่แปลเป็นคำพูดlสั้นๆ ได้ว่า 'เหรอยะ!’

“สถานที่ตอนเย็นก็จะมีเท่านี้ค่ะ แล้วพรุ่งนี้ตีห้าจะให้คนไปรับนะคะ เพราะต้องเดินเท้าขึ้นผาอีกประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง ไกลหน่อยนะคะแต่คุ้มกับการชมจริงๆ ค่ะ”

"ถ้าชมกับคนสวยอย่างคุณอุ๋ม ผมว่าที่ไหนก็คุ้มทั้งนั้นล่ะครับ"  ว่าแล้วก็หัวเราะร่ากับคำหยอดของตัวเอง แต่ก็เหมือนทุกครั้งนั่นแหละ ปฏิกิริยาตอบรับนั้นเงียบกริบอย่างกับตีเทนนิสไม่มีคนโต้ นี่ถ้าเปลี่ยนเป็นเพื่อนโป้ยหรือเสี่ยอ่ำคงได้มีตีโต้กันบ้างแน่

คุณอุ๋มยิ้มหวานให้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนขอแยกตัวไปทำหน้าที่ต่ออย่างไร้เยื่อใย ทิ้งผมให้ยืนเพียงลำพังกับธรรมชาติและความกริบ แขกที่มาพักสองสามคู่ที่อยู่ห่างกันเพื่ออิงแอบตามจุดต่างๆ ผมมองซ้ายมองขวาและเลือกปีนขึ้นไปนั่งบนหินก้อนใหญ่ที่เหมือนจงใจเอามาตั้งไว้ประดับ ผมยกกล้องขึ้นมาย้อนดูภาพทั้งหมดที่ถ่ายไปวันนี้ ภาพหลายภาพผ่านตาไปเรื่อยๆ มีทั้งจุดถ่ายรูปที่มีอยู่ทั่วไปหมด ห้องอาหารแนวคันทรี่ ห้องพักแบบต่างๆ ผมเลื่อนดูพลางกดลบบางรูปที่ไม่สมบูรณ์ จนกระทั่งถึงรูปสุดท้าย

รูปพี่ปูนที่ผมเผลอถ่ายเก็บไว้

เซ็กซี่กายประจำชาตินี้และชาติหน้ากำลังยิ้มพริ้มพรายแบบนักธุรกิจ มันเป็นยิ้มที่ดูดีเอามากๆ แต่ผมรู้ดีว่ามันไม่ใช่ยิ้มที่มาจากใจ ซึ่งบางครั้งผมมองพี่ปูนคุยยิ้มกับลูกค้าก็แยกไม่ออกเหมือนกันว่ามันเป็นการสร้างภาพลักษณ์ หรือความจริงใจ อาจจะคล้ายๆ กับวงการบันเทิงที่พี่กรโลดแล่นอยู่ก็ได้ ใส่หน้ากากเข้าหากันอย่างที่พี่กรให้นิยามไว้ สำหรับผม...แม้จะดูเจ้าเล่ห์เลวระกำขนาดไหน แต่รอยยิ้มชั่วๆ ของพี่ปูนที่ผมเห็นบ่อยครั้ง ก็ดูจริงใจกว่ารอยยิ้มจอมปลอมนี่ตั้งเยอะ ...ถึงจะคิดอย่างนั้นก็เถอะ...แต่ผมก็ตัดใจลบรูปนี้ไม่ได้สักที

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นแทรกความเงียบ ผมรีบเก็บกล้องเข้ากระเป๋าแล้วคล้องคอไว้ ก่อนล้วงหยิบมือถือขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง ชื่อพร้อมใบหน้าที่คัดมาจากหนึ่งในร้อยรูปยกยิ้มให้ผมแบบดูดีที่สุด ผมกดรับสายแต่โดยดีโดยไร้ซึ่งคำทักทายอย่างเป็นทางการ

“ไงมึง”

“ไงไอ้หมา"  โป้ยตอบกลับอย่างอารมณ์ดี  "สบายดีนะมึง"

“คิดถึงกูแล้วเหรอไง?”   

“มากกกก"  เสียงก.ไก่ลากยาวอย่างกวนประสาทสุดๆ ดังมาตามสายตามด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ  "ตอนแรกกูก็นึกว่ามึงไปกับพี่กรซะอีก แต่เห็นพี่แกเดินลอยไปลอยมาในออฟฟิศ ก็สงสัยอยู่ว่ามึงไปกับใคร ที่ไหนได้ หึหึ”

“อ้าว? กูก็นึกว่าพี่กรติดธุระซะอีก ไหงงั้นวะ?”   ผมไถลตัวลงจากก้อนหินแล้วเริ่มเดินมุ่งหน้ากลับที่พัก

“จะไปรู้เหรอ แต่วันนี้ก็เห็นพี่แกอยู่ออฟฟิศทั้งวันนะ นี่ก็นึกครึ้มอะไรไม่รู้พากูกับพี่เปี๊ยกมาเลี้ยงข้าว ร้านที่วันนั้นมึงไปแล้วชมว่าเด็กเสิร์ฟนมโตอ่ะ”

“จำได้แต่เรื่องเชี่ยๆ กูบอกว่าอาหารอร่อยด้วยนี่ไม่ได้ฟังเลยสินะ"  ผมเดินทอดน่องไปตามทางซึมซับอากาศดีๆ เพื่อนแลกเปลี่ยนกับมลพิษทางเสียงที่หูกำลังเสพอยู่   “อิจฉาเชี่ยๆอ่ะ ทีตอนกูอยู่ด้วยไม่มีพาไปเลี้ยงหรอก มึงตลอด พี่กรลำเอียงว่ะ รักมึงมากกว่ากู”

"ก็กูมันคนน่ารัก"  ตลอดอะ ไม่มีถล่มตัวสักนิดหรอกเพื่อนผมน่ะ  "ว่าแต่...ร่างกายมึงยังอยู่ดี?"

“ดีใจอะ วีรภาพห่วงลุงด้วย” 

“กูห่วงประตูชัยของมึงต่างหาก”

“ประตูชัยอะไรวะ?”

“ตูดมึงไง…อย่ามาตีหน้าซื่อตาใส ทำอะไรอย่าคิดว่ากูไม่รู้ดูไม่ออก”

เงียบสิครับจะรออะไร…ผมชักจะเกลียดเพื่อนตัวเองแล้วอะ ทำยังไงดีวะ ขายมันทอดตลาดได้มั้ย? จุดเด่นคือหล่อรวยนิสัยดี ข้อเสียคือขี้เสือกมากไปหน่อย  ใครจะซื้อผมให้ถูกๆ ถือว่าเป็นเพื่อนมือสอง ถุ้ย! ถ้าไอ้เพื่อนเวรมาอยู่ตรงหน้าผมคงจะกระโดดตบบ้องหูมันแล้ว ต่อให้มันรู้ดีเรื่องอะไรมา แต่บอกเลยครับว่าคุณลุงคนนี้ไม่มีทางเสียประตูชัยให้ใครแน่! แล้วถ้าเกิดผมไม่ให้เกียรติเมียตัวเองล่ะก็คงได้เผยความจริงให้โป้ยมันรู้ไปแล้วว่าอะไรเป็นอะไร ใครได้ใคร หรือใครที่ต้องเสียประตูชัยไชโยกัน

"มึงไม่รู้อะไรก็อย่ามาพูด"  ผมพูดได้เท่านี้แหละ สุภาพบุรุษไม่ควรโพนทะนาเรื่องบนเตียงให้ใครฟังหรอก

"งั้นมึงก็บอกกูให้รู้ดิ ว่าเจ้าของรอยจูบบนต้นคอมึงอะเป็นใคร"

ตอนนี้ผมชักเกลียดไอ้พี่ปูนแล้ว... ชาติก่อนมันคงเป็นปลาเทศบาลถึงได้ช่างดูดช่างตอดขนาดนั้น ชอบเหลือเกินไอ้เรื่องทำรอยเนี่ย ในร่มผ้าก็ว่าอนุโลมให้แล้วนะนี่มันยังจะทำในที่ที่เห็นง่ายอีก แล้วไอ้เพื่อนคนนี้ก็ไม่เคยจะปล่อยผ่านเลย! ผมนึกว่ามันลืมไปแล้วด้วยซ้ำเพราะขนาดผมยังลืมไปเลยว่ามันเคยทัก

"แฟนกูไง ที่กูเคยบอก"  เป็นอีกครั้งที่ผมเฉไฉแล้วได้เสียงหัวเราะตอบกลับมา  "ทำไม อิจฉารึไงที่กูมีแฟนเร่าร้อน"

"คุณลุงครับ นี่วีรภาพเพื่อนมึงนะ"

"รู้! แล้ว?"

"กูมีหู มีตา และกูเป็นคนช่างสังเกต"  แล้วมันก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง  "ไว้กลับมาก่อนเถอะมึง กูจะเค้นความจริงออกมาจากปากมึงเอง"

วีรภาพเพื่อนรักหัวเราะอย่างสะใจอีกครั้งแล้วก็วางสายไปโดยไม่ร่ำรา เหลือทิ้งไว้เพียงความรันทดชีวิตในบรรยากาศอันสวยงามของธรรมชาติ ผมไม่เคยปิดอะไรไอ้เพื่อนคนนี้ได้นานเลยจริงๆ ไม่ว่าอะไรมันก็ทำเป็นรู้ดีกว่าตัวผมไปหมด จะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่หรือเรื่องลับขนาดไหน ผมปิดบังมันได้ไม่เคยเกินสามเดือน ถ้าไม่เพราะผมคันปากอยากจะเล่าเองก็เป็นเพราะถูกจับไต๋ได้นั่นแหละ และส่วนมากก็มักจะเป็นอย่างหลังซะทั้งนั้น

แต่เรื่องนี้มีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยว พี่ปูนเป็นทั้งผู้ชาย เป็นเจ้านาย แถมยังเป็นฝ่ายรับ เพราะฉะนั้นผมต้องถามพี่ปูนก่อนว่าต้องการที่จะเปิดเผยตัวหรือไม่ เพราะถ้าโป้ยรู้ ด้วยความเป็นเพื่อนสนิทสนมกันผมคงปิดอีกสองคนที่เหลือไม่ได้ ส่วนตัวผมไม่มีปัญหาที่จะเปิดเผยในเรื่องแบบนี้เท่าไหร่ เพราะผมเชื่อว่ายังไงซะเพื่อนคงรักผมที่ใจใช่เรื่องรสนิยมทางเพศ แต่ก็นั่นแหละ ผมต้องถามคนใกล้ตัวเสียก่อนจะให้สัมภาษณ์สื่อใดๆ

“จะเดินไปถึงไหน”   เป็นอีกครั้งที่เสียงของคนอื่นเรียกสติผมให้กลับมา

ผมหยุดเดินแล้วหันกลับไปมองเจ้าของเสียงที่เจือแววขบขันแม้จะเปล่งออกมาดังจนผมตกใจก็ตาม  พี่ปูนยืนกอดอกมองผมห่างออกไปสองเมตรได้ หัวคิ้วเข้มขมวดมองผมด้วยความสงสัย เปล่งออร่าความหล่อบ้านๆ ออกมาจากชุดเสื้อยืดพอดีตัวสีเทากับกางเกงสามส่วนสีน้ำเงินและเกิบยี่ห้อดัง

“ผมก็จะกลับบ้านพักไง แล้วพี่ไปไหนมา?”

“แล้วบ้านพักอยู่ทางไหน?”   เป็นพี่ปูนที่ย้อนถาม แล้วกลายเป็นผมที่เริ่มตั้งสติมองดูรอบๆ ตัว   “พี่นั่งรออยู่ตรงระเบียง เห็นเราเดินกลับมาแต่ดันเลี้ยวไปอีกทางหนึ่งก็เลยรีบเดินตามมาดู”   พี่ปูนอธิบายขณะเดินเข้ามาหาผมที่กำลังยืนยิ้มแห้งๆ กับความมึนของตัวเอง

“ผมกะมาเดินดูรอบๆ ไง”

“แถได้ตลอดเลยนะ”   พี่ปูนส่ายหน้าหล่อเหลาไปมาพร้อมกับวาดแขนวางบนไหล่ผมอย่างถือสิทธิ์ ผมมองมือที่โผล่มาจากไหล่ด้านหนึ่งและหันกลับไปมองเจ้าของมือที่อยู่ทางไหล่อีกข้าง ผมต้องเงยหน้าขึ้นอีกเล็กน้อยถึงจะเห็นว่าพี่ปูนฉีกยิ้มได้เจ้าเล่ห์ขนาดไหนตอนที่พาผมเดินผ่านชายหญิงคู่หนึ่งที่เดินสวนกัน

ท่ามกลางอาทิตย์อัสดงกลางหมู่มวลธรรมชาติ มันคือความโรแมนติกอ่อนๆ ที่ผมเคยสัมผัสมาก่อนกับแฟนสาวในอดีต ผมเคยโอบไหล่บางๆ ของแฟนเก่าแล้วรู้สึกว่าตัวเองแข็งแกร่งเสียเหลือเกิน เราเดินคุยชมนกชมไม้ไปเรื่อย ต่อเมื่อหันมามองหน้ากัน ผมเห็นว่าคนที่อยู่ในอ้อมกอดผมน่ารักน่าทะนุถนอมเพียงใด แต่ในเวลาที่สถานการณ์มันกลับกันแบบนี้มันเป็นความรู้สึกโคตรแปลกอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ในวงแขนของผู้ชายคนหนึ่งผมกลับรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นสัตว์กินพืชตัวเล็กๆ ที่ไร้กำลังจะไปปกป้องใครได้แม้แต่ตัวเอง

ช่างเป็นความรู้สึกที่จั๊กจี้นิดๆ บัดซบหน่อยๆ แต่ก็...ชอบไม่น้อยล่ะนะ

ผมปล่อยให้พี่ปูนเดินกอดคอมาจนถึงที่พัก ก่อนจะขอตัวไปล้างหน้าล้างตาเพื่อเตรียมตัวมากินอาหารค่ำที่พี่ปูนสั่งเตรียมไว้รอ เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจก็เดินออกมาสมทบกับพี่ปูนที่รออยู่ตรงระเบียง ผมยืนมองชายหนุ่มตำแหน่งเซ็กซี่กายแห่งโลกอนาคตกำลังจัดแจงจานอาหารบนโต๊ะไม้ร่วมกับพนักงานที่เพิ่งมาส่งราวกับรู้เวลา และเมื่อมองเห็นผม พี่ปูนก็ไม่รีรอที่จะยิ้มเผล่ออกมาได้อย่างน่ามองจนพนักงานสาวที่เห็นยังเขินอาย

ผมแสร้งทำไม่สนใจ ไม่ใช่อายหรอกนะแต่กลัวว่าจะกลั้นยิ้มตอบกลับไปไม่ได้ ค่าการโจมตีนั้นรุนแรงมากพอที่ทำผมกระอักเลือดได้เชียวล่ะ ผมจงใจยืนเกาะขอบประตูนิ่งๆ รอจนกระทั่งพนักงานวัยสาวเดินจากไปถึงได้เข้าไปหาพี่ปูนที่ยืนรออยู่ เราต่างนั่งลงประจำตำแหน่ง พี่ปูนอมยิ้มพลางมองหน้าผม แต่ผมกลับเม้มปากมองอาหารบนจานอย่างทำอะไรไม่ถูก

พระอาทิตย์กำลังฉายแสงสุดท้ายก่อนจะจมหายผ่านช่องว่างระหว่างภูเขาไป เสียงลมพัดเอื่อยกระทบหมู่ไม้เกิดเป็นทำนองไพเราะพากลิ่นหอมของดอกไม้ให้ลอยอบอวล บรรยากาศโรแมนติกแบบไม่ต้องพยายามสร้างให้เสียเวลา แม้กระทั่งโคมเทียนเล็กๆ บนโต๊ะก็ยังดูเข้ากันได้อย่างลงตัว

นอกจากกลิ่นดอกไม้ ก็มีกลิ่นหอมของสเต็กบนจานที่ทำเอากระเพาะผมร้องโครกคราก แต่ผมกลับไม่กล้าลงมือเปิบอย่างเคย มันดูทางการแบบแปลกๆ แถมรอยยิ้มของพี่ปูนก็ดูน่าขัดเขินชอบกล ทำไมพี่แกถึงไม่หยุดยิ้มแล้วสั่งข้าวง่ายๆ ให้กินได้อย่างสะดวกใจมากกว่านี้นะ

“กินสิ”  ผมเงยหน้ามองคนเชื้อเชิญ พี่ปูนดูอารมณ์ดีสุดๆ ในท่าเท้าคางกับหลังมือ ยิ่งทำให้ผมเกร็งอย่างไร้สาเหตุเข้าไปใหญ่  “ทำไม? ไม่หิวเหรอ?”

“...หิว”  ผมตอบอย่างซื่อสัตย์ แต่ก็ยังนั่งอึดอัดอยู่กับตัวเอง

“เป็นอะไร?”

“เกร็ง...ไม่ชินกับอะไรแบบนี้อะ”  พอได้พูดออกไปมันก็โล่งออกมาหน่อย แต่รอยยิ้มของคนตรงหน้ากลับสว่างไสวใต้แสงเทียนยิ่งกว่าเดิม

“แล้วลุงชอบแบบไหน?”

“อะไรก็ได้ แต่แบบ...”  ผมยู่หน้าด้วยความขัดใจ  “มันโรแมนติกเกินไปรึเปล่า ผู้ชายเหมือนกันไม่ต้องทางการแบบนี้ก็ได้”

“บรรยากาศมันพาไปน่า”  พี่ปูนยิ้มพลางหยิบขวดไวน์แดงจากถังน้ำแข็งรินใส่แก้วของผมก่อน  “ใช่ว่าพี่พาเรามากินที่ร้านหรูเสียเมื่อไหร่”

“ร้านอย่างนั้นผมก็ไม่ชอบนะ มันทำตัวไม่ถูก”  ผมมองดูหนุ่มผู้ช่ำชองรินน้ำสีแดงสวยลงแก้วตัวเอง ถึงจะไม่ใช่พวกผู้ดีอะไร แต่ผมก็พอรู้ว่าพี่ปูนดื่มไวน์เป็น แถมยังดูดีพิลึกยามหมุนแก้วเบาๆ แล้วค่อยสูดกลิ่นหอม ช่างขัดกับเสื้อยืดกางเกงขาสามส่วนที่ใส่ แต่ก็ยังดูหล่อมากอยู่ดี

“พี่รู้ว่าลุงชอบแบบไหน แต่ที่นี่มีแค่เราสองคน ไม่ต้องเกร็งขนาดนี้ก็ได้”  คนตรงหน้าวางแก้วทรงสูงลงหลังจากจิบไปเล็กน้อย ผมเองก็ยังนั่งนิ่งมองคนพูดลงมือหั่นเนื้อในจานด้วยท่าทางคล่องแคล่ว เนื้อชิ้นหนาถูกเผยให้เห็นถึงเนื้อในที่ยังชุ่มฉ่ำอมชมพู ขณะที่กำลังกลืนน้ำลายด้วยความหิว เนื้อชิ้นนั้นก็ถูกส้อมจิ้มส่งมาลอยตรงหน้า

ผมเองก็อ้าปากรับอย่างลืมตัว มันก็จั๊กจี้หน่อยๆ ล่ะนะ ที่มีคนป้อนอาหารให้น่ะ

“ถ้าลุงเกร็งกับบรรยากาศ ก็ไม่ต้องไปสนใจมันสิ”  ปากผมยังเคี้ยวหยับๆ ขณะฟังพี่ปูนพูด แต่ส้อมก็ถูกจิ้มลงกับผักเคียงส่งเข้าปากผมอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้หน้าผมขึ้นสีทั้งที่ยังไม่ได้จิบไวน์

“สนแค่พี่ก็พอ...”

บ๊ายบายธรรมชาติร่มรื่นยามแสงโพล้เพล้ ลาก่อนนะบรรยากาศสุดโรแมนติกชวนจั๊กกะดึ๋ยหัวใจ ตอนนี้ผมไม่รับรู้อะไรแล้วนอกจากใบหน้ามีความสุขเต็มขั้นของพี่ปูน

.
.
.


หลังจบมื้ออาหารเย็น ผมก็เดินไปล้มตัวแผละบนเตียงนอนแบบขี้เกียจสุดๆ แม้รสชาติอาหารจะไม่ได้จัดว่าดีเลิศ แต่พวกกินง่ายอยู่ง่ายอย่างผมกับพี่ปูนก็จัดการฟาดแบบไม่เหลือหลอ ในระหว่างที่พี่ปูนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น ผมก็เหยียดตัวยาวพลิกคว่ำลงกับที่นอนเด้งๆ หลับตาลง เสียงฝีเท้าพี่ปูนเดินมาหยุดข้างๆ ก่อนจะทิ้งน้ำหนักตัวลงนั่งกับเตียงอีกฝั่ง

“พรุ่งนี้ไปถ่ายที่ไหนต่อ”   

“จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นของที่นี่อ่ะพี่ แต่ต้องเดินเท้าไป”   ผมยังคงหลับตาเหมือนเดิม ไอ้ที่เขาหนังท้องตึงหนังตาหย่อนเนี่ยใช้กับผมได้จริงสุดๆ เลย   “ตีห้าจะมีคนมารับ”

“พี่ไปด้วย”   เสียงตอบกลับมาแบบไร้ความกระตือรือร้น ทำให้ผมต้องเปิดเปลือกตาแล้วหันหน้าไปจ้องคนที่กำลังนั่งเล่นมือถืออย่างสบายอารมณ์

“ต้องเดินขึ้นเขานะ”

“แล้ว?”   เป็นพี่ปูนที่หันกลับมาจ้องหน้าผมด้วยความไม่เข้าใจ

“มันเหนื่อย ไม่ต้องไปหรอก”

“ทำไม?”

“ผมไม่อยากให้พี่ไปลำบาก”   ผมงัดความจริงใจพูดออกมา แต่ไอ้พี่ปูนแม่งกลับหัวเราะขึ้นจมูกใส่ผมซะงั้น

“ฮัลโหลคุณพัทลุง ผมเป็นผู้ชายครับ”

“ก็รู้...แต่ผมก็ไม่ชอบให้แฟนตัวเองลำบาก”   ผมชิงหลับตาหนีความเขินกับเสียงหัวเราะเบาๆ ของคนเตียงข้างเคียง บางทีผมก็ลืมไปทุกครั้งว่าแฟนตัวเองไม่ใช่ผู้หญิงผอมบาง แต่เป็นผู้ชายตัวโต สูงหนา กล้ามแน่น เพราะงั้น ถึงพี่ปูนจะเป็นเมียผม แต่ก็คงไม่ได้ต้องการการดูแลขนาดนั้น   “แต่ถ้าพี่อยากไปก็ดีครับ เห็นคุณอุ๋มว่าวิวสวย”

“คุณอุ๋ม?”

“พนักงานที่พาผมเดินถ่ายรูปอ่ะพี่ น่ารักดีนะพี่ พาผมเดินดูไปทั่วแถมมารยาทดีอีก”

“...........”

สิ้นคำชมเชยถึงบุคคลที่สามของผมก็เกิดเดดแอร์ขึ้นกะทันหัน ผมนอนรอฟังเสียงสนทนาโต้ตอบกลับ แต่พี่ปูนก็เงียบกริบไม่มีการสื่อสารกับผมต่อแต่อย่างใด จะมีก็เพียงเสียงขยับตัวเล็กน้อยที่ทำให้ผมอดที่จะลืมตาขึ้นมองไม่ได้ สองตาผมจับจ้องพี่ปูน แต่พี่แกไม่ได้กำลังมองผมเพราะพี่ท่านกำลังจดจ่ออยู่กับการถอดเสื้อ ...เชี่ย!!

“พี่ถอดเสื้อทำซากอะไร!”   ผมเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันที พอดีกับที่เสื้อยืดหลุดออกจากหัวพี่ปูนเป็นที่เรียบร้อย ลอนกล้ามท้องยั่วสายตาผมแบบที่อดใจแอบดูไม่ไหว แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ! มันใช่เวลาที่ผมจะมามัวสนใจซิกส์แพคใครที่ไหน เพราะพี่ปูนแม่งลุกขึ้นยืนถอดกางเกงเพิ่มแล้ว   “ไม่อายผมบ้างรึไง”

“อายทำไม?”   ไอ้หน้าด้านย่นคิ้วมองผม เหมือนกับคำถามผมมันประหลาดโคตรๆ   “มากกว่านี้ก็เห็นมาแล้ว”

“มันเหมือนกันที่ไหน!”   ผมเถียงมันเสียงดัง ทั้งที่หน้าเริ่มขึ้นสี   “แล้วคุยกันอยู่ดีๆ ทำไมถึงแก้ผ้าเล่า!!”

“ก็พี่จะอาบน้ำ”

“ก็ไปถอดในห้องน้ำดิ๊!!”   โอยแม่ง~ ผมจะทำยังไงกับผู้ชายหน้าหนาที่ยืนลอยหน้าไปมากะกางกางในตัวเดียวคนนี้ดีวะ 1. ร้องกรี๊ดวี๊ดว้ายแล้ววิ่งออกไปอายนอกห้อง  2. เตะมันให้รู้สำนึก  3. แก้ผ้าเป็นเพื่อนมันไปเลย 

“ไปอาบน้ำกัน”   พี่ปูนเอ่ยชวนแบบสบายๆ ประหนึ่งว่าชวนออกไปชมนกชมไม้ข้างนอก   “เร็วๆ ถอดเสื้อ...”


มึงบ้าแล้ว!!


“ประสาทป่ะ!? คิดว่าผมจะแก้ผ้าทันทีที่พี่ชวนเลยรึไง”   ผมตอกกลับขณะกระเถิบตัวหนี สถานการณ์เริ่มไม่น่าไว้วางใจเข้าไปทุกที ยิ่งมันส่งยิ้มชั่วๆ มาให้ ขนแขนผมก็พร้อมใจกันลุกเกรียวทันที   “ถอยไปนะพี่ปูน ไม่งั้นโดนต่อยแน่”

“หึหึ ดุจังวะ”   

“เออ!! ดุมาก ยังไม่ได้ฉีดยาด้วย”

“พี่แค่อยากให้ถูหลังให้หน่อย นะ...พัทลุง””   ไอ้พี่โรคจิตทำหน้าสลดขึ้นมา ตามันเศร้า คอมันตก ชนิดที่ผมรับมือไม่ถูก อะไรมันจะเปลี่ยนสีหน้าได้รวดเร็วปานนี้วะ   

“...มันก็ได้ แต่ทำไมต้องให้ผมถอดเสื้อด้วยอ่ะ”

“ก็มันจะเปียก -- เอาน่า”   พี่ปูนปีนขึ้นมาบนเตียงเพื่อประชิดตัวผม   “จะไม่ทำหน้าที่ผัวที่ดีหน่อยเหรอ”

“ห้ามทำอะไรแปลกๆ นะเว่ย”

“แปลกแบบไหนล่ะ?”   มันเอียงคอถาม ทำทีน่ารักได้ไม่สมกับหน้าตาเลยแม้แต่น้อย แถมยังอยู่ในสภาพอนาจารแบบนี้อีก แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...ผมก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ผมเกลียดตัวเองจริงๆ ที่เหมือนจะยอมพี่ปูนซะทุกทีไป ถ้าเป็นเมื่อก่อนล่ะก็ ไม่มีทางเสียหรอกที่จะต้องตกมาเป็นรองอย่างนี้ ถ้าชะตาชีวิตผมมันถึงคราววิกฤตแล้วล่ะก็ หัวใจของผมก็คงถึงคราววิบัติแล้วเหมือนกัน

สุดท้ายน่ะเหรอ? ก็เป็นผมที่เดินตามพี่ปูนเข้าห้องน้ำไป ถอดเสื้อด้วยมือตัวเอง ถอดกางเกง...เอิ่ม ก็ไม่ได้เต็มใจหรอกนะ แต่ผมก็มายืนโป๊เปลือยประจันหน้ากับผู้ชายทั้งแท่งอีกคนในห้องน้ำแคบๆ แล้วกำลังรู้สึกว่า ‘กูพลาดไปแล้ว’

“หันหลังไปซะที”   ผมข่มความอายสะบัดเสียงใส่พี่ปูนห้วนๆ มันกวาดสายตามองทั่วตัวผมอีกครั้งพร้อมกับเสียงหัวเราะขึ้นจมูกก่อนจะยอมหันหลังไปแต่โดยดี แผ่นหลังพี่ปูนแม่งกว้างสมชาย กล้ามเนื้อแน่น เอวสอบ ก้นปอด ไม่ว่าจะเห็นกี่ครั้งผมก็อดพูดกับตัวเองไม่ได้ว่า ‘นี่เมียกูจริงๆ เหรอวะ’ แล้วดูผัวอย่างผมสิ...แพ้ตั้งแต่ยังไม่แก้ผ้า

ผมสะบัดความต่างทางสรีระออกไปจากหัว และเริ่มลงมือปฏิบัติการถูหลังด้วยความกระอักกระอวนที่สุด เป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่พี่ปูนช่างรังสรรค์ให้ผมจริงๆ แถมแต่ละเรื่องแม่งบัดซบชีวิตลูกผู้ชายสุดติ่ง ถ้ามันไม่ได้เป็นเมียอ่ะนะ  ขาอ่อนผมมันก็ไม่ได้เห็นหรอก!

“ถูให้มันดีดีสิ”   เสียงกลั้วหัวเราะดังออกมาจากปากเจ้าของแผ่นหลัง ผมแอบเบ้หน้าให้หนึ่งดอก แล้วลากเลื้อยฝ่ามือเปื้อนฟองครีมอาบน้ำหอมๆ ไปทั่วแผ่นหลัง ทั้งกดทั้งย้ำแบบใส่อารมณ์สุดๆ มีเสียงซี๊ดซ๊าดบ้างยามผมจงใจครูดเล็บลงไปแต่ผมกลับรู้สึกว่าไอ้พี่ปูนมันสนุกสนานยังไงก็ไม่รู้

“เสร็จแล้ว -- โอ๊ะ!”   ผมตบหลังมันแรงๆ หนึ่งที ไอ้พี่ปูนร้องโอ๊ยเสียงดัง แต่กรรมก็ตามติดทันควันเพราะเศษฟองสบู่กระเด็นเข้าตาเพราะแรงตบ ผมปิดตาขวาแน่นโดยอัตโนมัติ พยายามใช้ตาอีกข้างที่ไม่ได้ลืมเต็มที่ช่วยในการเดินไปหาแหล่งน้ำ   “ปุริมๆๆ น้ำๆ!!”

“หึ สมน้ำหน้า”   น้ำเสียงมันลากความสะใจมาเต็ม แต่ถึงอย่างนั้นพี่ปูนก็ยังอุตส่าห์ดันร่างผมให้ไปในทิศทางที่ถูกต้อง   “ทางนี้... ยืนเฉยๆ เดี๋ยวล้างให้”

“เร็วๆ มันแสบอ่ะ”   ผมกลั้นใจรอไม่นานก็มีน้ำไหลลงมาชะล้างความแสบที่ตาให้หมดไป สองมือผมถูหน้าถูตาได้สะดวกคล่องเพราะมีมือพี่ปูนรวบผมหน้าไม่ให้มันปรกลงมาเกะกะ เมื่อเห็นผมทำท่าจะหายใจไม่ออกก็ดึงฝักบัวออกห่าง เมื่อเห็นผมโอเคแล้วก็ยื่นน้ำให้ใหม่ นับว่าเป็นความสามัคคีที่ยอดเยี่ยมพอดู

“กรรมเดี๋ยวนี้มันติดจรวดจริงๆ”   พี่ปูนจัดน้ำเสียงเยาะเย้ยให้หนึ่งดอกทันทีที่ผมใช้กรรมหมด   “หลังพี่ยังแสบอยู่เลยนะเนี่ย มันน่าโดนอีกสักข้าง”

“งั้นผมจะข่วนพี่ให้หลังเหวอะไปเลย”

“หึ ปากดีตลอด -- ไหนมาดูซิว่าตาแดงมากมั้ย?”   พี่ปูนก้าวประชิดตัวพร้อมกับจับหน้าผมด้วยสองมือให้เงยขึ้น ใบหน้าของเซ็กส์ซี่กายก้มลงมาใกล้จนผมทนมองไม่ไหวเลยชิงหลับตาปิดกั้นการรับรู้ไปซะ แต่สองหูยังคอยรับฟังเสียงทุ้มต่ำบรรยายอาการให้ฟังอย่างเนิบๆ ขณะเลิกเปลือกตาผมขึ้น  “ตาแดงแปร๊ดเลยว่ะ ยังแสบอยู่มั้ย?”

“ไม่แล้วพี่ แต่ยังเคืองอยู่”   ถึงผมจะพูดอย่างนั้น แต่พี่ปูนก็ยังจับหน้าผมไม่ยอมปล่อย ผมรับรู้ได้ถึงปลายนิ้วที่ลูบไล้เปลือกตาผมแผ่วเบา ปัดป่ายไปตามพวงแก้มลามไปถึงริมฝีปาก มันชักจะห่างไกลจากตาขึ้นเรื่อยๆ จนผมต้องฝืนลืมตาขึ้นมองอีกครั้ง

ใบหน้าของพี่ปูนยังอยู่ระดับเดิม ใกล้จนลมหายใจรินรดเบาๆ ตาโตที่คมเหมือนมีดกำลังจับจ้องปลายนิ้วตัวเองที่ลูบคลึงริมฝีปากผมอยู่ คล้ายจะเหม่อลอยนิดๆ แต่ผมเข้าใจว่านั่นเป็นท่าทางที่กำลังคิดอะไรอยู่ ผมกลั้นใจรอไม่นานสายตาพี่ปูนก็เลื่อนสบสายตาผมพร้อมกับฉีกรอยยิ้มน้อยๆ ...ผมคิดว่าตัวเองกำลังหน้าแดงอยู่แน่ๆ จะมีใครมองใบหน้าและรอยยิ้มของผู้ชายคนนี้แล้วไม่ขัดเขินบ้าง ต่อให้เป็นนักเพาะกล้ามเลยเอ้า...ต้องเป็นกันบ้างสิ คงไม่ใช่แค่ผมคนเดียวหรอก

“อยากจูบ”   คล้ายจะเหมือนคำบอกเล่ากึ่งขออนุญาต แต่ผมยังไม่ทันได้ตอบรับ ยังไม่ทันได้ตกลง ใบหน้าของพี่ปูนก็เลื่อนต่ำลงจนแนบชิด ริมฝีปากอุ่นๆ แนบเนากับริมฝีปากของผมอย่างพอเหมาะพอดี ความนุ่มละมุนทำให้ผมหลับตาลงซึมซับความรู้สึกแปลกในอก --ผมไม่ได้ต่อต้าน นี่คือการยินยอมพร้อมใจแบบสุดๆ

มันยังไม่ได้ล่วงล้ำเข้าไป แค่แนบชิดถูไถกันเท่านั้นเหมือนจูบของเด็ก แต่เท่านั้นก็ทำผมเคลิ้มจนควบคุมมือของตัวเองไม่อยู่ ในขณะที่มือข้างหนึ่งของพี่ปูนประคองท้ายทอยผมไว้แล้วขยุ้มสางเส้นผมด้วยปลายนิ้วไปมา มือข้างหนึ่งของผมก็เลื่อนไปตามลำคอแข็งแรงกรุยเส้นผมพี่ปูนบ้าง และในขณะที่มืออีกข้างของผมไหลไปตามแผ่นหลังกว้าง ลูบไล้ไปมาแทบจะทุกตารางนิ้ว มือข้างที่เหลือของพี่ปูนก็ลัดเลาะไปตามสีข้างผม นวดคลึงต่ำลงเรื่อยๆพอดีกับที่ปลายลิ้นของพี่ปูนแทรกผ่านริมฝีปากเข้ามา



.
.
.

[มีต่อจ้า]
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 28-07-2017 14:54:05
[ต่อค่ะ]
.
.
.


ท้ายทอยผมถูกปล่อยให้เป็นอิสระขณะที่ร่างกายถูกดันจนชิดติดผนังห้องน้ำ ริมฝีปากของเราสองคนบดแน่นพอๆกับร่างกายที่แนบสนิทไร้ช่องว่าง ผมกำลังเคลิ้มไปกับจูบหนักๆ ที่พี่ปูนมอบให้เลยทำไม่สนใจฝ่ามือใหญ่ที่เคลื่อนตะปบลงกับแก้มก้นทั้งสองข้าง ผมกอดพี่ปูนราวกับคนไร้สติแถมยินยอมให้หน้าขาแกร่งแทรกเข้ามากลางหว่างขาตัวเอง ยิ่งปลายลิ้นแสนช่ำชองเลาะเล็มในปากผมมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งปล่อยตัวมากขึ้น...ยอมแม้กระทั่งให้พี่ปูนขยำก้นผมไปมา เคล้าคลึงมันด้วยสองมือแสนซุกซน

เมื่อเนื้อตัวเปล่าเปลือยแนบชิดถูไถกันไปมา มันก็ไม่ยากนักที่ความต้องการจะจุดติดขึ้น ดาบสองเล่มค่อยๆ พองขยายตัวบดเบียดผิวเนื้อกันไปมา พี่ปูนเริ่มแนบน้ำหนักตัวเข้ามามากขึ้นพร้อมๆ กับที่ลมหายใจของเราเริ่มขาดห้วง เมื่อริมฝีปากผละออกจากกันพี่ปูนก็ไม่ได้ปล่อยให้มันว่างงาน  มันยังคงตามมาเลาะเล็มลำคอเรื่อยจนถึงลาดไหล่ ปล่อยให้ริมฝีปากแสนว่างของผมเปล่งเสียงครางเครือเป็นระยะ

ผมอยู่ในอารมณ์ที่พร้อมทุกอย่าง... ถ้าพี่ปูนต้องการผมอาจจะทำกับพี่ได้เลยในตอนนี้ ผมจะชดเชยในครั้งแรกของเราที่ผมทำไปโดยไร้สติ ถ้าครั้งนั้นมันห่วยแตก ครั้งนี้มันจะต้องดีกว่าเป็นร้อยเท่า ผมหมายมาดในใจพลางเริ่มรุกมากขึ้น ผมจูบปลายคางพี่ปูนเบาๆ แลบลิ้นไล้เลียลงมาจนถึงเนินอกแล้วครอบความร้อนรุ่มบนตุ่มไตสีน้ำตาล เรียกเสียงครางยาวออกมากจากปากเจ้าของ พี่ปูนดูจะไม่ชินเท่าไหร่ที่มีคนมาดูดนมให้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังรับรู้ได้ถึงความเสียวที่พาให้แตงร้านที่แนบท้องผมอยู่พองตัวขึ้น

 ผมเดาว่าความอยากเข้าครอบงำพี่ปูนอย่างเต็มรูปแบบแล้ว วัดจากการที่มันไซ้คอผมแรงขึ้น กัดบ้าง ขบบ้าง ซึ่งผมก็ไม่ปล่อยให้มันทำอยู่ฝ่ายเดียว ผมเล่นยอดอกพี่ปูนจนหนำใจพลางจูบหนักๆ ไปทั่ว ทิ้งรอยไว้บ้างเพื่อเป็นการเอาคืน และเมื่อพี่ปูนเรียกร้องจูบจากปากผมอีกครั้งสมองของผมก็หมุนติ้วไปหมด เราไม่ได้แตะต้องแก่นกายกันเลยด้วยซ้ำแต่มันก็ยังแข่งกันเบ่งบานเพราะหน้าท้องที่บดบี้ไปมา ลมหายใจของเราเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ ผมคงต้องเริ่มทำอะไรสักอย่างเพื่อสานต่อ ขณะที่ในหัวผมกำลังเลือกตัดสินใจว่าจะพลิกตัวพี่ปูนติดกำแพงดี หรือจะพากันเดินออกไปทำบนเตียงแบบปกติดี...บางอย่างก็คืบคลานเข้ามา

ผมสะดุ้งเฮือกกับสิ่งที่ไม่คาดคิด อารมณ์วาบหวามและความมาดมั่นหดลง ผมมองสบสายตาหื่นๆ แบบยั้งไม่อยู่ของพี่ปูนแล้วขนลุกซู่ไปทั่วร่าง สถานการณ์เริ่มไม่น่าไว้ใจอย่างร้ายแรงที่สุด ผมเริ่มดิ้นหนี ไอ้พี่ปูนก็ออกแรงกดผมติดกำแพงมากขึ้น มันใช้ปากไซ้คอผมแรงจนรู้สึกเจ็บนิดๆ ขณะที่ฝ่ามือนั้นก็แหวกแก้มก้นผมออกแล้ว...แล้วใช้นิ้วมือ...นิ้ว...เอิ่ม...เขี่ย ต...ตูดผม

“ไม่เอา”   ผมกัดฟันพูด

“น่านะ...”   ไอ้พี่ปูนก็ตอบกลับพลางขบใบหูผมเบาๆ

“ไม่ได้”

“ได้...มันเข้าได้”

เชี่ย!!! เข้าอะไร!? เข้าไปไหนวะ!?   “ไม่ๆ พี่ทำอย่างนี้ไม่ได้”

“...คนเป็นผัวเมียกันจะทำอะไรกันก็ได้”

“แต่พี่จะทำกับผัวตัวเองแบบนี้ไม่ได้!!”

ได้ผล! ไอ้พี่ปูนชะงักกึก มันเลื่อนมือออกจากปราการด่านสุดท้ายมาจับเอวผมไว้แทน ใบหน้าหล่อเหลาจ้องมองผมนิ่ง หัวคิ้วขมวดแน่น ริมฝากขยับไปมาคล้ายอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเก็บกลืนแล้วซบหน้าลงกับไหล่ผมแทน อารมณ์ที่เปลี่ยนไปกระทันของพี่ปูนทำให้ผมเป็นห่วงนิดๆ

“ไม่ได้จริงๆ เหรอ”

เชี่ย! เสียงอ่อยแบบนี้นี่คือคุณมึงอ้อนใช่มั้ย? นี่ผมโดนอ้อนเหรอวะเนี่ย

“มันก็...”  ผมรีบหุบปากฉับทันที ความดีใจเกือบทำให้ประตูชัยของผมถึงกับอยู่ในจุดวิกฤตอย่างที่ไอ้โป้ยเป็นห่วงเสียแล้ว นี่สินะคือการคบกันของผู้ชายกับผู้ชาย มันคงสามารถสลับด้านกันได้ตลอดเวลาเหมือนบอลเปลี่ยนฝั่งสนามสินะ เวรแล้วไงไอ้ลุง! หมายความว่าผมต้องเป่ายิงฉุบเลือกข้างเวลาจะทำสวนกันงั้นสิ แล้วคนเป่ายิงฉุบไม่เก่งอย่างผมมิต้องถูกพรวนจนหลุมกลายเป็นบ่อหรอกเรอะ!

“ไม่ได้ๆ ไม่เอาอะ”  ผมปฏิเสธขาดใจทั้งที่ยังแนบชิดอยู่ในอ้อมกอดชาวสวนผู้หวังถลุงหลุมเล็กๆ ให้เบิกบาน หัวเด็ดตีนขาดผมก็ไม่ยอมเด็ดขาด ดูขนาดตัวไอ้พี่ปูนสิ ถ้าขืนให้มันกดผมล่ะก็คงได้เละคาที่นอนแน่ ไหนจะแตงเกรดพิเศษของมันอีก ชิบเป๋ง!! ต่อให้ซื้อดินมาเป็นคันรถก็คงกลบหลุมผมให้เรียบตึงเหมือนเดิมไม่ได้หรอก

“นิดนึงก็ไม่ได้เหรอ”  ไม่ว่าเปล่า ไอ้พี่ปูนมันยังซุกปากลงกับแก้มผมไปมา ...หมาชัดๆ นี่มันเซนต์เบอร์นาร์ดใช่มั้ย

“มันมีนิดหน่อยด้วยหรือไงวะพี่ เรื่องแบบนี้น่ะ!”

“ก็มีนะ”  เจ้าของมือที่เริ่มลูบคลำก้นผมอีกครั้งตอบด้วยเสียงกรุ้มกริ่มชวนขนหัวตั้ง  “อย่างเช่น...ใส่นิ้วเข้าไป”


พ่อครับช่วยลุงด้วย!


ไอ้พี่ปูนกอดผมไว้แน่นจนแทบจะฝังตัวลงไปในกำแพงห้องน้ำ ในขณะที่ผมดิ้นรนเหมือนลูกหมูรอขึ้นเขียง ไอ้นิ้วเวรตะไลก็แหวกแก้มก้นผมออก นวดคลึงเมามันเหมือนนวดแป้งซาลาเปา แถมยังเอานิ้วถูๆ วนๆ ตรงช่องทางวันเวย์ไปด้วย ยอมรับเลยว่ากลัวมาก กลัวจนฉี่จะราดเลยด้วยเอ้า! สมองก็เอาแต่นึกถึงคำสอนของพ่อไปมา ‘ถ้าเราชนะความกลัวได้ เราจะกลายเป็นลูกผู้ชายที่แท้จริง’

ผมยอมเป็นกิ้งก่า ไส้เดือนเลยครับพ่อ! แต่พี่ปูนแม่งน่ากลัวขนาดนี้ ผมจะเอาชนะมันได้ยังไง!!

“ฮือ~ ไม่เอานะพี่ปูน”  น้ำตาลูกผู้ชายหยดแหมะ มันน่าอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีแต่ใครสนล่ะ! ขอแค่ให้เมียเห็นใจไว้ชีวิตประตูชัยของผม ต่อให้ปล่อยโฮออกมาผมก็ยอม

“ร้องไห้ทำไม?”  พี่ปูนถามเสียงนุ่มที่เจือความขบขัน

“ไว้ชีวิตตูดผมเถอะนะ”  ผมเบะปากบอกเสียงสะอื้น แต่อย่างน้อยไอ้เมียเฮงซวยก็ยกมือออกจากก้นแล้วเปลี่ยนมาประคองสองแก้มผมแทน หน้าตามันเหมือนคนอยากจะยิ้มแต่ก็ยิ้มไม่ออกที่เห็นน้ำตาผมไหลออกมาเป็นทางอย่างหมดสภาพ  “แตงยักษ์ของพี่ต้องทำมันฉีกแน่ เลือดสาดกระจายต้องกลายเป็นริดสีดวง”

ผมหวังว่าคำอ้อนวอนของตัวเองจะเป็นผล แต่ในขณะที่หนอนผมเหี่ยวเฉาด้วยความหวาดกลัว แตงร้านคัดเกรดของพี่ปูนกลับเบ่งบานแทงหน้าท้องผม ไม่ต้องมองก็พอเดาได้จากประสบการณ์ว่าตอนนี้หัวแตงนั้นบานฉ่ำน่ากลัวแค่ไหน ผมจะไม่รอดใช่มั้ย? ผมต้องโดนแน่ๆ เลยใช่มั้ย? ผมอยากจะผลักมันออกใจจะขาด แต่ติดที่ว่าตัวพี่ปูนใหญ่จนบังผมมิด แถมสถานะแฟนมันค้ำคอผมอยู่ ถ้าเกิดผลักมันออกไปพี่ปูนก็จะคิดว่าผมรังเกียจและขยะแขยงซึงผมไม่ได้คิดแบบนั้นเลยสักนิด...ผมแค่กลัว

พี่ปูนจับหน้าผมให้เงยขึ้นรับจูบ ไล้ลิ้นเลียน้ำตาผมที่กำลังสั่นเทาเพราะความหวาดระแวง  แต่เมื่อลืมตามองคนตรงหน้า ผมกลับพบเพียงว่าพี่ปูนกำลังอยู่ในโหมดของขึ้น หน้าตามันมีความต้องการฉายชัดเจนมาก ทั้งดวงตายังส่องประกายพรึบพรับน่าหวาดหวั่น

“เมียจ๋าอย่าทำผัวเลย”  ผมส่ายหน้าพรืด

“งั้นอ้อนพี่หน่อย”

“ปุริม~ ที่รักครับ”  ผมหมดความอายอย่างสิ้นเชิง เลื่อนมือเข้าโอบหลังพี่ปูนแน่น  “ลุงกลัวอะ อย่าทำลุงเลยนะ ลุงสัญญาว่าจะเป็นแฟนที่ดี นะๆ ปุริม”

“แค่นี้เองเหรอ?...แต่พี่อยากกอดลุงนี่นา”  น้ำเสียงคล้ายไม่พอใจทำเอาผมใจแป้ว ตามมาด้วยการกลืนน้ำลายเอื้อก เมื่อมือของพี่ปูนเลื้อยลงมาที่จุดล่อแหลมอีกครั้งพร้อมกับนวดเฟ้นอย่างเมามัน พี่ปูนจูบขมับผม ซุกไซ้ซอกคอด้วยลมหายใจแรงร้อน  “ของพี่มันปวดไปหมดแล้ว พี่อยากจะใส่มันเข้าไปในนี้ ให้ช่องทางเล็กๆ นี่บีบรัดเอาไว้ กระแทกเข้าไปจนกว่าตรงนี้จะจำรูปร่างของพี่ได้ จนกว่าพี่จะแน่ใจ...ว่าลุงจะเป็นของพี่คนเดียว”

ทำไมมันเป็นคำพูดหยาบโลนที่ทำให้ผมหน้าร้อนได้อย่างนี้นะ

พี่ปูนดูมีความมุ่งมั่นมาก และหน้าผมก็ร้อนจนจะไหม้ แถมหัวใจก็ยังเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น ผมอาจจะไม่รอดเป็นแน่ แต่พัทลุงจะยอมแพ้ง่ายๆ ได้ยังไง ในขณะที่ริมฝีปากของพี่ปูนเริ่มทำให้ผมเคลิ้มขึ้นอีกครั้ง ในหัวผมครุ่นคิดไปถึงกฎการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมกัน ใช่! หนังสือการ์ตูนที่ผมอ่านเรื่องนั้น ‘พี่น้องเหล็กไหลแห่งวงการนักแปรธาตุ’ แม้ไม่รู้ว่ามันจะแลกเปลี่ยนได้เท่าเทียมหรือไม่ แต่ผมก็ต้องดิ้นรนเฮือกสุดท้าย

ไวเท่าความคิด ผมก็ลดมือลงไปจับแตงร้อนๆ ที่ใกล้เคียงขีปนาวุธเข้าไปทุกที เป็นผลให้พี่ปูนสะดุ้งเล็กน้อยพลางส่งเสียงครางแผ่วเบาอยู่ข้างหูผม

“ปุริม...”  ผมพลิกใบหน้า กระซิบข้างหูเจ้าของแตง  “ลุงอมให้นะ”

พี่ปูนมองหน้าผมในทันที และชั่วเสี้ยวเวลาก่อนที่มือใหญ่จะเปิดน้ำจากฝักบัวให้ราดรดฟองสบู่แห้งกรังออกไปจากตัวเราทั้งสองคน ผมเห็นแต้มสองตาว่าพี่ปูนแย้มยิ้มออกมา ...เป็นรอยยิ้มแห่งความชั่วช้าไร้ซึ่งคำบรรยาย นี่ผมไม่ได้ทำเรื่องอะไรให้ตัวเองต้องเสียใจทีหลังใช่มั้ย? หรือไม่ใช่? ผมกำลังงุนงง จับต้นชนปลายกับรอยยิ้มชั่วๆ นั้นไม่ได้ แต่มันสำคัญที่ไหนล่ะ ในเมื่อพี่ปูนลากผมที่เนื้อตัวเปียกปอนออกจากห้องน้ำไปด้วยความรื่นเริง

แรงเหวี่ยงทำให้ร่างตกลงบนที่นอนพอดิบพอดี ผมตะเกียกตะกายลุกขึ้นมานั่งทำใจก่อน มองพี่ปูนที่เดินผึ่งผายตามมา เนื้อตัวเปลือยเปล่าไม่ต่างกันหากสรีระนั้นน่ามอง หยดน้ำเกาะพราวไปทั่วร่างยิ่งเพิ่มความเซ็กซี่ให้ผู้ชายคนนี้เป็นเท่าทวี ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อพี่ปูนเดินตรงเข้ามา อวดสายพันธุ์แตงที่ชาวสวนทุกคนอยากมีไว้ครอบครอง

ผมไม่เคยกินแตงของใครมาก่อนเลยในชีวิต หวังว่าแตงดุ้นแรกนี้จะไม่ทำให้ผมกรามค้างนะ

“ผมไม่เคยนะพี่”  ผมชิงออกตัวไว้ก่อน พยายามไม่สบสายตาหรือว่าแตงที่ลอยเด่นอยู่ตรงหน้า พี่ปูนยืนประชิดติดขอบ ใช้นิ้วเชยคางผมขึ้น ผมมองเหลือบตามองรอยยิ้มกริ่มสมใจของพี่ปูน ก่อนจะผสานสายตาเข้ากับแตงร้านที่กำลังสั่นระริกตรงหน้า

“อย่าให้ฟันครูดนะ”  พี่ปูนหอบหายใจแรงอย่างตื่นเต้น  “ทำแบบที่พี่ทำให้ลุงไง”

โอ้โห!! ผมจะไปดูดจ๊วบๆ อย่างนั้นได้ยังไง ของๆ พี่มันไม่ใช่แตงกวาจุ๋มจิ๋มน่ารักนะ! แค่เข้าปากยังว่าไม่น่าจะรอดเลย แล้วถ้าอมจนมิดผมไม่ขย้อนมื้อเย็นออกมาเลยเรอะ! บ้าเอ๊ย... น่ากลัวเกินไปแล้ว

ห้องเงียบๆ ยิ่งขับเสียงลมหายใจอย่างหื่นกามของพี่ปูนให้ฟังดูน่าขนลุก ผมเองก็จับจ้องสิ่งตรงหน้าด้วยลมหายใจรุนแรงไม่แพ้กัน แต่ไม่ใช่เพราะอารมณ์ขึ้นอยากจะพุ่งเข้างับหรอกนะ แต่เป็นเพราะผมกำลังต่อสู้กับตัวเองไม่ให้กรีดร้องต่างหาก เหมือนตกอยู่ในหนังสยองขวัญเรื่องหนึ่ง ที่พระเอกอย่างผมต้องมานั่งเผชิญหน้ากับปิศาจตาเดียว มันจ้องหน้าผมเขม็ง พยายามสะกดผมให้ขวัญเสียจนต้องตกอยู่ในอำนาจของมัน

ผมกลืนน้ำลายก้อนโตลงคอ จ้องหน้าปิศาจตรงหน้าสลับกับมองพญามารอย่างชั่งใจ ในที่สุดวันนี้ก็เกิดขึ้นกับผมจนได้ แต่ถ้าเพื่อรักษาเอกราชให้ยั้งยืนสืบไปแล้วนั้น...การเสียสละแม้เพียงเล็กน้อยก็ถือว่าคุ้ม

“เดี๋ยวก็ท้องหรอกลุง”

“ผมแยกเขี้ยวให้กับเสียงแซว ไม่มีประโยชนืที่จะยื้อเวลาต่อไป! ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้มากขึ้น ผมหลับตาปี๋ยามที่ริมฝีปากจรดประทับลงบนหัวแตง ขนทั่วร่างลุกชันอย่างสุดจะห้าม ได้แต่ร้องครวญครางหาพ่อผู้ล่วงลับอยู่ในใจ ปากผมสูญเสียความบริสุทธิ์ไปแล้วครับพ่อ~ ปากที่ไม่เคยแตะต้องหอยแครงหรือแตงของใครมาก่อนตอนนี้ได้แปดเปื้อนเจือราคีไปแล้วครับ

“ฮึ่ม!” 

เสียงครางในลำคอดังขึ้นอย่างพึงพอใจเมื่อผมครอบปากลงอย่างกล้าๆ กลัวๆ พยายามห่อริมฝีปาก ไม่ให้แตงร้านถูกกระทบกระเทือนด้วยซี่ฟัน พี่ปูนครางยาวราวกับสาสมใจ ปลายนิ้วขยุ้มเส้นผมจนเจ็บด้วยแรงอารมณ์ แต่ผมละความเจ็บนั้นไป มุ่งสมาธิจดจ่ออยู่กับของในปาก รู้สึกว่ากรามเริ่มปวด นึกไปถึงว่าถ้ากรามดันค้างขึ้นมา ผมจะเอาหน้าที่ไหนไปให้หมอรักษา ดังนั้นแม้ว่าผมจะมีความตั้งมั่นแค่ไหน แต่ก็ไม่ควรละเลยสุขภาพตัวเอง

ผมเหลือบมองพี่ปูนหลังจากคายของออกมา น้ำลายปะปนกับหยาดน้ำลื่นๆ จนแยกกันไม่ออก เพื่อไม่ให้ขาดช่วง ริมฝีปากก็แนบไปตามความยาว จูบบ้าง เม้มบ้าง พี่ปูนขยับตัวอย่างอึดอัด แต่ก็ยังปราณีมากพอที่จะไม่สวนสะโพกให้มันดูน่ากลัวไปกว่านี้ แม้เทคนิคจะยังไม่ดีเลิศ แต่พี่ปูนควรจะให้คะแนนความตั้งใจของผมเต็มสิบ มือใหม่อย่างผมพยายามเขมือบของร้อนเข้าปากจนน้ำหูน้ำตาเล็ด เป็นสภาพที่ดูไม่ได้เอาเสียเลย

อ้วกเกือบพุ่งออกมาหลังจากผมพยายามกลืนแตงเข้าไปตามการกระตุ้น แต่ยังได้ไม่หมดผมก็ต้องรีบคายมันออกมา ไม่เห็นเหมือนตอนพี่ปูนทำให้ผมเลยสักนิด อย่างน้อยตอนนั้นพี่ปูนก็ดูเซ็กซี่ไม่ได้อนาถเหมือนผมตอนนี้ 

“อา...ลุง”  เสียงต่ำยังครางต่อเนื่องเมื่อหน้าที่ของผมยังไม่บรรลุ อะไรที่พี่ปูนเคยทำให้หนอนน้อยผมมีความสุขผมก็พยายามงัดเทคนิคนั้นออกมาเท่าที่สามารถ ยิ่งพี่ปูนครางเท่าไหร่ราวกับว่าผมยิ่งฮึกเหิมมากเท่านั้น ยิ่งเมื่อผมเหลือบตามองขึ้นไปก็จะเห็นดวงตาคมทอดมองมาที่ผมเสมอ มันฉ่ำปรือด้วยแรงพิศวาสที่ริมฝีปากผมเสกสรรขึ้น เซ็กซี่เสียจนหนอนน้อยตรงหว่างขาผมพองตัวขึ้นเรื่อยๆ

พี่ปูนยิ้มกริ่ม มองมันด้วยสายตาเร่าร้อนจนใบหน้าผมแทบไหม้เป็นจุล มือหนาลูบแก้มผมไปมาขณะเคลื่อนตัวเนิบนาบกับปากผม แต่ก่อนที่ผมจะหมดลมตาย เจ้าของแตงก็ถอนตัวออกไปให้ผมได้โกยอากาศเข้าปอดอย่างหิวกระหาย ผมหอบจนตัวโยนปล่อยให้พี่ปูนลูบหัวลูบแก้มผมเพื่อผ่อนคลาย ใบหน้าผมเปื้อนน้ำอะไรต่อมิอะไรเต็มไปหมด ทั้งน้ำมูก น้ำตา น้ำลาย แล้วก็น้ำยางใสๆ จากหัวแตง แต่พี่ปูนก็ยังโน้มตัวลงมาจับหน้าผมไปจูบ กวาดลิ้นไปทั่วจนผมเสียวสันหลังวืด ผมทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากยึดแขนพี่ปูนเอาไว้ยามที่ถูกดันจนหลังแตะลงกับที่นอนนุ่มๆ

“อืม...”  พี่ปูนครางอย่างมีความสุข ใบหน้าหล่อเหลาผละออกมามองผมด้วยสายตาเชื่อมหวาน เอ่ยคำพูดที่ผมชอบฟังด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพาผมดำดิ่งลงห้วงหฤหรรษ์ช้าๆ  “เด็กดีของพี่...”


อย่าเลยนะครับ


อย่าให้ผมต้องบรรยายอะไรมากไปกว่านี้เลย แค่นี้ผมก็แทบจะเลือดออกจากทวารทั้งเจ็ดแล้ว เอาเป็นว่า...คืนนี้ผมได้ลองท่วงท่า 69 ที่เคยเห็นแต่ในคลิปวีดีโอเป็นครั้งแรก มันช่าง...น่าอาย! ถ้าไม่ต้องไปปีนป่ายยกก้นลอยเหนือหน้าใครคงจะดีกว่านี้มาก


.
.
.


ฮัดชิ่ว!!

ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงและการสั่นสะเทือน สองตากระพริบปริบๆ ท่ามกลางแสงสว่าง เมื่อตั้งสติได้จึงพบว่าตัวเองนั้นนอนซบอยู่บนอกพี่ปูน แขนขากอดก่ายอย่างกับอีกฝ่ายกลายเป็นหมอนข้างอย่างสมบูรณ์ หัวผมเคลื่อนไหวขึ้นลงตามแรงหายใจของพี่ปูน มันเป็นความรู้สึกแปลกพิกลแต่ก็คันหัวใจพิลึก ได้นอนฟังเสียงหัวใจเต้นของพี่ปูนมันก็มีความสุขดีเหมือนกัน เสียงตุบๆ ดังสม่ำเสมอเกือบจะทำให้ผมเคลิ้มหลับไปอีกรอบ 

ฮัดชิ่ว!!

แต่เสียงจามจากหมอนข้างใบโตก็ทำให้ผมต้องขยับตัวโงนเงนขึ้นมานั่ง มิน่าผมถึงว่าอากาศมันเย็นเหลือเกิน ก็เราสองคนเล่นนอนโป๊กันแบบที่ว่าหาผ้าห่มไม่เจอนี่เอง เพราะงี้พี่ปูนถึงได้จามถี่ขนาดนั้น ผมจำต้องขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงเดี่ยวที่นอนเบียดกันมาตลอดคืน แล้วก้มหยิบผ้าห่มที่ตกลงพื้นขึ้นมาห่มให้พี่ปูนจนมิดถึงคอ แต่แทนที่พี่แกจะหลับพริ้มเหมือนพวกนางเอกในนิยาย กลับผวาเฮือกลืมตาขึ้นมองผมเสียอย่างนั้น

“...ลุง?”

“หืม?”  ผมโน้มตัวลงไปให้คนนอนเห็นหน้าอย่างชัดเจน  “หลับเหอะนะ ผมแค่ห่มผ้าให้”

“...ต้องไปถ่ายรูป”   พี่ปูนพูดราวกับคนละเมอ ใบหน้าที่ยังติดงัวเงียอยู่ทำให้ผมยิ้มขันพลางเมองไปยังนาฬิกาติดผนัง เพิ่มตีสี่ครึ่งเท่านั้นเอง กว่าพระอาทิตย์จะขึ้นยังพอมีเวลาถมเถ...

เอ๋?

“เชี่ย!!”  ผมร้องเสียงดัง หลังจากนั้นผมก็วิ่งเหมือนอยู่ในดงระเบิดเลยครับ ลืมไปเลยว่าจะมีคนมารับตอนตีห้า ผมคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำแบบที่ไม่สนใจพี่ปูนอีกเลย กว่าจะชำระคราบแห้งเกรอะกรังตามผิวจนสะอาดก็เล่นเอาหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อๆ เมื่อเหตุการณ์มันตีวนเข้าหัวสมอง แต่ด้วยความรีบเร่งผมจึงขจัดความเขินอายด้วยการถูสบู่อย่างรุนแรงแล้วรีบออกมาแต่งตัว

“ทำไมไม่นอน”  พี่ปูนนั่งเหม่ออยู่บนที่นอน เนื้อตัวยังเปลือยเปล่าแต่มีผ้าเช็ดตัวพาดไหล่เตรียมพร้อมอยู่

“บอกแล้วว่าจะไปด้วย”  ผมเดินออกมาให้พ้นจากประตูห้องน้ำเมื่อพี่ปูนลุกขึ้นเตรียมเดินสวนเข้าไป  “พี่วางเสื้อที่ซื้อมาให้ไว้บนเตียงนู้นนะ รอพี่ด้วยล่ะ”

สั่งความเสร็จก็เดินเบลอๆ หายเข้าไปในห้องน้ำบ้าง ผมเดินตรงไปยังเตียงว่างที่ยังไม่ได้ผ่านการใช้งาน บนผ้าปูสีขาวมีเสื้อผ้าครบชุดวางไว้อย่างลวกๆ ผมไม่รู้ว่าพี่แกไปหาซื้อมาให้ตอนไหน แต่...โอย~ หัวใจผมคันยิบๆ อีกแล้วอะ


.
.
.


แม้ว่าจะเลยเวลาที่นัดมาเกือบสิบนาที แต่เจ้าหน้าที่ที่รออยู่ก็ยังคงยิ้มให้เมื่อพวกเราเดินไปสมทบ ระหว่างนั่งรถกอล์ฟไปยังตีนเขา พี่ไกด์ก็อธิบายโน่นนี่นั่นไปเรื่อยอย่างชำนาญ ดูรื่นเริงขัดกับเวลามาก ไม่เหมือนพวกผมสองคนที่ยังนั่งกันเงียบ ร่างกายผมยังเพลียอยู่เลยด้วยซ้ำแต่ดูจะดีกว่าพี่ปูนเล็กน้อย รายนั้นผมว่าน่าจะเริ่มเข้าสู่อาการหวัดรับประทานแล้วล่ะ

ขณะนี้เวลา 5 นาฬิกา 45 นาที

ผมก้าวเท้าอีกเป็นก้าวสุดท้ายก่อนจะหยุดยืนหอบแฮ่กๆ เป็นหมาหอบแดดสะท้านสายลมบนผากว้าง ที่สูงพอจะเห็นทิวทัศน์รอบๆ ได้ ถ้าไม่ติดว่าพี่ไกด์ที่เดินขึ้นเขามาพร้อมกันยังอยู่ในอาการสบายๆ แล้วล่ะก็ ผมคงทิ้งตัวลงไปนั่งกับพื้นแบบหมดแรงแล้ว การเดินขึ้นเขานี่มันนรกแตกจริงๆ สำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายแบบผม มันเหนื่อยจนหัวใจเต้นตุ้บๆๆๆ รัวเร็วน่ากลัวจะทะลุออกมา กระเป๋ากล้องห้อยคอที่ไม่ได้หนักอะไรมากมาย ตอนนี้เหมือนผมห้อยเหล็ก 10 กิโลเอาไว้ โงหัวแทบจะไม่ขึ้นเลยทีเดียว

“โชคดีจังครับ ผมกลัวว่าจะไม่ทันเหมือนกัน”   พี่ไกด์หนุ่มหน้าเข้มหุ่นนักกีฬา เดินยิ้มแฉ่งมาหาผมพร้อมกับขวดน้ำในมือยื่นส่งให้ ผมซึ่งใกล้ตายก็ฉวยรับไว้แบบไม่อิดออด   “ช่วงนี้พระอาทิตย์ขึ้นเร็วครับ...คุณพัทลุงนั่งพักตรงโขดหินแถวนั้นก่อนเถอะครับ”

“ขอบคุณนะครับ แล้วก็ต้องขอโทษด้วยครับที่ทำให้ต้องรอ”   ผมก้มหัวให้อย่างจริงใจไปหนึ่งที ซึ่งไกด์ก็ดูจะไม่ติดใจอะไร

“ไม่ต้องคิดมากเลยครับ เดี๋ยวผมจะรออยู่แถวโน้นจะได้ไม่เกะกะนะครับ”  พี่ไกด์เอ่ยอย่างใจดี  “แต่อย่าไปใกล้ผามากนักนะครับ ถึงจะตีไม้กั้นไว้ แต่บางจุดก็ยังเปิดโล่งอยู่”

“ผมไม่ใช่คนถ่ายรูปผาดโผนขนาดนั้นหรอกครับ”

“ได้ยินอย่างนั้นก็สบายใจครับ”  พี่ไกด์หัวเราะออกมาพาให้ผมยิ้มตามไปด้วย

“ขอบคุณมากครับ”  พี่ปูนโพล่งขึ้นมากลางสนทนาที่แสนละมุน เสียงเข้มๆ นั้นตัดอารมณ์เสียจนพี่ไกด์ถึงกับตีหน้างง  “ไปทางโน้นกันดีกว่า พี่ว่าสวยดี” 

แล้วผมก็ถูกลากออกไปยังทิศทางที่พี่ปูนนำเสนอ แต่พอไปถึงพี่ปูนกลับปลีกตัวไปยืนเป็นนายแบบการท่องเที่ยว แล้วปล่อยให้ผมได้ทำงานไปตามเรื่อง  ขณะที่พระอาทิตย์เริ่มขึ้นจากชอบฟ้าอย่างเชื่องช้า ผมก็ตามเก็บภาพเหล่านั้นได้หลายภาพ แสงสีทองคล้ายจะขับไล่ความมืดครึ้มให้หายลับไป สาดแสงปะทะความเขียวขจีให้ส่องประกายระยิบระยับ ผมสูดอากาศสดชื่นเข้าปอดให้มากที่สุดท่ามกลางเสียงไพเราะของเหล่านกที่เริ่มออกหากิน ผมยกกล้องขึ้นเก็บภาพแหล่งกำเนิดสรรพสิ่งอีกครั้งขณะมันลอยเอื่อยเหนือหมู่เมฆหมอกจางๆ ถ้าตอนนี้เป็นฤดูหนาว ภาพตรงหน้าผมจะสวยงามแค่ไหนกันนะ

“สวยนะ...”   ผมหันไปมองคนที่ก้าวมายืนข้างผม พี่ปูนจับจ้องแสงแรกตรงหน้าด้วยความนิ่งงัน แม้ปากจะพูดอย่างนั้น แต่ผมกลับรู้สึกว่าความสวยงามมันไม่ได้ตราตรึงลงไปในใจพี่ปูนเลย

“พี่ไม่ชอบเหรอ?”   ผมลดกล้องลง พยายามบังคับสายตาให้จับจ้องแต่ภาพตรงหน้า

“ทำไมคิดอย่างนั้น...พี่บอกว่าสวยนี่นา”

“ไม่รู้สิ สีหน้าพี่ นัยน์ตาของพี่ มันไม่ได้บอกอย่างนั้น”   ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองพูดมากเกินไป ก็เลยต้องรีบเสริมขึ้นมาในทันที   “ผมก็แค่เดาเอาน่ะ”

“ใช่...สำหรับพี่เมื่อก่อนนั้น ภาพตรงหน้านี้มันก็แค่ดวงอาทิตย์ที่โลกหมุนรอบตัวเองเพื่อกลับมาเจอมันอีกครั้ง เปลี่ยนจากกลางคืนเป็นกลางวัน มันก็เป็นของมันอยู่แบบนี้ตามกฎเกณฑ์ เสียเวลาเปล่าที่จะมัวไปชื่นชม”

  ผมรพอมองออกว่าพี่ปูนเป็นพวกขี้เหงา...แต่ ณ ช่วงเวลานี้ที่ผมพึ่งค้นพบอีกอย่างว่า ส่วนหนึ่งของพี่ปูนนั้น มันช่างมืดมิดและอ้างว้างเหลือเกิน มันคล้ายกับว่าถ้าบอกให้คนๆ นี้ เดินไปเพียงลำพัง เขาก็คงไม่คิดอ้อนวอนใครให้ร่วมทางแน่

ผมคว้ามือพี่ปูนมาจับไว้ราวกับจะถ่ายทอดความอบอุ่นให้ ผมเหลือบตามองพี่ปูนซึ่งเลิกคิ้วมองผมอย่างไม่เข้าใจด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ผมยิ้มตอบกลับความสงสัยนั้นด้วยการเงียบ คงไม่มีใครอยากจะปล่อยให้คนคุ้นเคยเดินเปียกฝนในป่าชื่นที่อ้างว้างหรอก ต่อให้ในอนาคตคนที่อยู่เคียงข้างนี้ไม่ใช่ผม...แต่ผมก็ยังหวังให้มีใครสักคนที่พี่ปูนอนุญาตให้เดินจับมือเคียงกันไป

“พี่แค่ยังไม่เจอครับ...”   ผมไม่เคยคิดว่าน้ำเสียงตัวเองจะฟังดูอ่อนโยนได้ขนาดนี้ แต่เมื่อนึกถึงภาพที่ผมคิดไว้มันก็ทำให้ใจมีความสุขขึ้นมา   “คนที่จะทำให้พี่ไม่เหงายามค่ำคืน คนที่จะทำให้พี่อยากอยู่ด้วยไปทั้งวัน พี่แค่ยังไม่เจอ...คนที่จะมาเป็นโลกทั้งใบของพี่ก็เท่านั้นเอง”

พี่ปูนนิ่งมองผม แต่แล้วริมฝีปากก็ผุดรอยยิ้มขึ้นมา มันสว่างสดใสราวกับแสงแรกที่ฉายส่องอยู่ในตอนนี้  “ถ้าความหมายของมันเป็นแบบที่ลุงว่า...”  พี่ปูนละสายตาจากผม หันไปทอดมองภาพความงามเบื้องหน้าแล้วอมยิ้มออกมาอีกครั้ง ผมมองคนข้างๆ เนิ่นนานจนกระทั่งพี่ปูนคว้ามือผมไปจับเอาไว้แน่น แล้วพูดคำต่อประโยคด้วยเสียงหนักแน่น

“พี่เจอคนๆ นั้นแล้วล่ะ”

“...........”

“และสำหรับพี่ในตอนนี้ ภาพตรงหน้า...มันสวยงามจริงๆ”

ผมจะคิดเข้าข้างตัวเองได้มั้ยว่า ‘คนนั้น’ คือผม?

ก็ในเมื่อฝ่ามือของพี่ปูนนั้นกุมมือผมไว้แน่นเสียขนาดนี้ มองตาผมอย่างนี้ ยิ้มให้ผมแบบนี้...คงไม่ได้พูดถึงพี่ไกด์หรอกใช่มั้ย? แต่ความเขินมันมากจนเกินกว่าจะขอคำยืนยันเป็นกิจจะลักษณะได้ ผมเลยได้แต่ทำตีเนียนอมยิ้ม แล้วเอียงหัวซบไหล่แก้เก้อ นึกกลัวว่ามันจะถามกลับให้ผมต้องลงไปชักดิ้นชักงอให้อายพี่ไกด์ แต่พี่ปูนก็ทำเพียงแค่กุมมือผมเอาไว้เงียบๆ ให้ผมได้ปล่อยใจเพื่อคิดในเรื่องเดียวกันนี้

โลกของผมชื่อว่าปุริมแล้วรึยังนะ?   



______________________________________________________________________________TBC.

ช่วงนี้ลงช้าไปมาก
หัวหน้าใจร้ายจัดเวรเยอะมากจริงๆ T^T ครึ่งเดือนหน้าเห็นเวรแล้วแทบสิ้นใจ
ลงนิยายช้าหน่อยนะคะ ถึงจะยังเป็นหอยทาก แต่ก็พยายามเป็นหอยทากเพิ่มเทอร์โบน้าาาา
ขอบคุณที่รออ่านกันนะคะ
 :pig4: :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 28-07-2017 15:11:13
พี่ปูนคือดีที่สุดดดดด รักกกกกก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 28-07-2017 15:20:05
อ่านแล้วก็อ่านอีก ฮ่าๆๆๆอยากจะสมน้ำหน้าอิพี่ปูนก็คงได้แต่แทะเล็มเท่านี้แหละพี่ต้องยอมรับนะคะว่าเป็นเมียทำมากกว่านี้ไม่ได้หรอก หึหึ :hao3:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 28-07-2017 16:50:25
พี่ปูนร้ายยยยยยมากแทะเล็มน้องไปเรื่อยๆๆสักวันคงได้กลืนนะ

 :pig4: :กอด1: :L1:


หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 28-07-2017 16:56:16
โลกของปุริมก็คือ พัทลุง เช่นกัน
และต่อไปต้องปลูกแตงเยอะๆ
จะได้คุ้นเคย
 :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 28-07-2017 17:10:02
 :z3: กรี้ดดดดดๆๆๆๆๆๆ เมียจ๋าาาอย่าทำผัวโอยยยฮา
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Krajeeqx ที่ 28-07-2017 17:15:14
ฮือ พี่ปูนคนดีของน้อง ต่อไปโลกของพี่จะไม่ได้มีแค่สีเทากับดำแล้วนะ
เป็นตอนที่ทั้งเขินและหื่น อยากบอกคุณลุงว่า ฮอกวอตต์ไม่ปลอดภัยอีกแล้วนะ /ยิ้มชั่ว  :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Aube ที่ 28-07-2017 17:30:07
ชอบเรื่องนี้มากค่ะ ชอบมุมมองของลุงงงงง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 28-07-2017 17:31:39
โอ้ยยยยยย ลุงค่ะมันจะหวานไปไหน  :o8: :-[
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 28-07-2017 17:40:35
 :fire:ไก่ของปุริมช่างน่ารักและมีหัวใจอ่อนโยนจริงๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: xหยกน้อยx ที่ 28-07-2017 17:57:39
ลุงน่ารักมากกกกก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 28-07-2017 18:17:34
 :z1:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 28-07-2017 18:49:40
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 28-07-2017 19:07:21
งืออออ ชอบลุงมาก :hao5:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 28-07-2017 19:13:17
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: naplatoo ที่ 28-07-2017 20:26:13
ฮือ พี่ปูนคนดีของน้อง ต่อไปโลกของพี่จะไม่ได้มีแค่สีเทากับดำแล้วนะ
เป็นตอนที่ทั้งเขินและหื่น อยากบอกคุณลุงว่า ฮอกวอตต์ไม่ปลอดภัยอีกแล้วนะ /ยิ้มชั่ว  :hao6:

ชอบการเปรียบเปรยย 5555 :laugh:

เป็นกำลังใจให้คนเขียน และพี่ปูนให้ได้กินไก่ค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 28-07-2017 21:57:22
รู้สึกเหมือนพี่ปูนมีความอยากแกล้งลุงเสมอ ๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 28-07-2017 23:06:28
สุดท้ายก็ยังไม่เรียบร้อยโรงเรียนพี่ปูน 5555

เมื่อไรลุงจะรู้ตัวเนี่ย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 28-07-2017 23:44:59
สุดท้ายพี่ปูนก็กินแห้วไป5555 อดกินลุงเลย-//-
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 28-07-2017 23:49:42
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 29-07-2017 08:39:50
ขำสองผัวเมียอ้อนกัน 5555 แบบ ลุงอ้อนแบบให้รอดตัวนะ 5555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 29-07-2017 12:23:36
น่ารักมุ้งมิ้งอะไรเบอร์นี้
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: insunhwen ที่ 29-07-2017 13:17:23
 :o8: :-[
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 29-07-2017 14:30:51
 :z2: :z2:อ่าาาาาาา เด็กดีของพี่
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 29-07-2017 19:17:28
ดีต่อใจจริงๆ ค่ะ ปูนเจ้าเล่ห์มาก มีหลอกล่อให้ลุงติดกับ ทำเคืองให้ลุงตาม
ปูนฝังใจกับชีวิตที่ผ่านมาอะเนาะ แต่ตอนนี้ปูนมีลุงแล้ว อะไรก็ดีไปหมด ขี้หึงด้วย หวงมากด้วย

ลุงก็ซื่อไปได้อีก ความผัวเลยคิดว่าเสียเอกราชไม่ได้ แต่ต้องยอมทำให้ปูนตบะแตก แล้วตัวเองเหนื่อยอ่อนยิ่งกว่า

55555 ความหวั่นไหวของลุง ความผัวของลุง คงล่มสักวัน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 29-07-2017 20:39:11
 :pig4: :pig4: :hao7: :hao7: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 30-07-2017 10:09:06
ตอนนี้พี่ปูนคู่ควรกับคำๆ นั้
#พี่ปูคนนก2017
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 30-07-2017 19:06:49
พี่ปุริม ร้ายยยยยยยยยย แต่ก็น่ารัก
ลุงคะ เมียขออะไรก็ยอมๆไปเถอะนะ ^^
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 31-07-2017 11:21:59
เข้ามาเพราะชื่อคนเเต่ง ไม่ผิดหวังเลยค่ะ
สนุกมาก บวกหนึ่งค่ะจัดไป^^
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 31-07-2017 16:33:15
ลุงน่ารักมาก พี่ปูนก้อด้วย
ถึงจะนานแต่จะรออ่านแน่นอนฮะ รักษาสุขภาพด้วยคร้าบบบ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Krajeeqx ที่ 31-07-2017 17:32:20
เอาใจช่วยสมภารให้ได้กินไก่ในเร็ววัน  :haun4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-07-2017 19:00:00
ปุริม คนขี้เหงา มีอดีตที่ขาดความอบอุ่น
ลุง คนที่มีความอ่อนโยน มองโลกในแง่ดีงาม

“พี่แค่ยังไม่เจอ  คนที่จะทำให้พี่ไม่เหงายามค่ำคืน คนที่จะทำให้พี่อยากอยู่ด้วยไปทั้งวัน
...คนที่จะมาเป็นโลกทั้งใบของพี่ก็เท่านั้นเอง”

“พี่เจอคนๆ นั้นแล้วล่ะ”

คนอ่าน คิดว่าโลกของลุง ชื่อว่าปุริมแล้วนะ
เพราะลุงไม่เคยยอมใครเท่ายอมพี่ปูนเลย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 01-08-2017 14:22:58
พี่ปูนคนขี้หึง แนะๆหลงน้องใหญ่แล้วน๊าาา


ขำลุงหนักมาก ลุงยังคงมั่นใจในสถานะไม่แปลเปลี่ยน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 01-08-2017 20:13:13
ชอบๆๆๆ
ลุงผู้ใสซื่อ ที่คิดไว้คือลุงไม่ได้หล่อหรือน่ารักมาก แต่ลุงให้ความรุ้สึกอบอุ่นสบายใจเวลาอยู่ใกล้จริงๆ เข้าใจเลยที่ลุงบอกพี่เปี๊ยกหล่อ เพราะลุงก็หล่อก็ดีที่ใจเหมือนกัน ชอบเวลาที่เรียกปุริมๆ ด้วย เขินขั้นสุด
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: rotedump ที่ 02-08-2017 06:00:34
เขินนนนน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 04-08-2017 02:30:50
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 10-08-2017 19:07:14
 :m7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: toshika ที่ 12-08-2017 20:02:49
หลงรักความเฉิ่มของคุณลุงงงงงงง น่าร๊ากกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: naplatoo ที่ 12-08-2017 21:37:40
คิดถึงน้องไก่แล้วค่ะ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 12-08-2017 21:56:46
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 13-08-2017 08:16:41
น่ารักอ่ะ^^
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 18-08-2017 21:05:24
คิดถึงพัทลุงจังเลย เมื่อไหร่ตอนใหม่จะมาน้อ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: NongJesZa ที่ 18-08-2017 21:18:23
ลุงน่ารักอ่ะ  :-[ พี่ปูนก็เจ้าเล่ห์  :impress2: สองผัวเมียนี้น่ารักตลอด รออยู่นะฉากนั้น55555555555555 ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: NongJesZa ที่ 18-08-2017 21:19:33
รออยู่น้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาครับผม  :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 20-08-2017 13:01:06
FC คุณปุริม 5555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 21-08-2017 15:17:54
 :t3:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 21-08-2017 15:51:09
คิดถึงงงงงงง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 23-08-2017 11:38:47
รออยู่น้าต่าา
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Moonuglygirl ที่ 17-09-2017 00:12:30
รออยู่เน้อิิ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-09-2017 02:22:30
 :katai5:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: yumenari ที่ 19-09-2017 11:33:30
 :jul3: รอนานแย้ว
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 19-09-2017 14:22:05
 :z13: :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 19-09-2017 18:54:15
คิดถึงน้องลุง เมื่อไหร่จะมาน้อ  :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: insunhwen ที่ 19-09-2017 21:02:23
 :z13:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 19-09-2017 21:38:01
 :z10:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: tnphol ที่ 20-09-2017 01:45:21
 :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 24-09-2017 00:21:55
โอ้ยยยยย เขินมากกกกกกก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 10 _โลกทั้งใบ ของใครสักคน_ || 28-7-60 หน้า 17 ||
เริ่มหัวข้อโดย: NongJesZa ที่ 27-09-2017 09:55:45
รอนานแล้วววววว คิดถึงลุงมากกกกกกกกกก :katai5: :katai5:
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 02-10-2017 01:32:00
ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_




“ฮัดชิ่ว!!” 

เสียงจามดังลั่นรถแคบๆ ผมไม่ทราบหรอกว่าละอองน้ำลายมันกระจัดกระจายไปมากน้อยแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ มันกระเด็นไปนอนเล่นบนพวงมาลัยรถแล้วหนึ่งหยดใหญ่ๆ ใจจริงแล้วผมอยากจะดึงเสื้อขึ้นมาปิดจมูกป้องกัน แต่ด้วยความที่ไม่อยากให้พี่ปูนเข้าใจว่ารังเกียจ ผมก็จำต้องปั้นหน้านิ่งๆ เอื้อมหยิบทิชชู่หลังรถมาแล้วทำการเช็ดเศษน้ำบ่อน้อยที่เปรอะเปื้อนออกให้แบบเนียนๆ

“ฮัดชิ่ว!!!”

เต็มๆ... เต็มหลังมือผมเลยทีเดียว  “พี่ควรจะปิดปากป่ะวะ? ซกมกจริง”

“โทษๆ มันห้ามไม่ทันน่ะ”  พี่ปูนทำจมูกฟุดฟิดเหมือนหายใจไม่สะดวกพลางยื่นมือมาตรงหน้าผม  “ทิชชู่หน่อย”

ผมดึงทิชชู่จากกล่องส่งให้คนขับรถสองแผ่น จากนั้นค่อยดึงให้ตัวเองอีกสามแผ่นเพื่อมาเช็ดหลังมือ พี่ปูนรับไปได้ไม่ทันไรก็ส่งเสียงจามอีกครั้ง ตามด้วยเสียงพรืดจากจมูก ฟังดูนอกจากลมแล้วคงมีสารคัดหลั่งปนมาด้วยแน่นอน ผมรีบเอื้อมมือไปด้านหลังอีกรอบเพื่อเทถุงใส่ขนมที่เพิ่งซื้อออกมาใช้เป็นถุงขยะชั่วคราวแล้วยื่นให้พี่ปูนหย่อนของทิชชู่ใช้แล้วทิ้ง พลางดึงกระดาษแผ่นใหม่ให้อีกเท่าตัวเพื่อกันการซึมเปื้อน

“จามขนาดนี้ผมว่าต้องมีคนด่าพี่อยู่แน่ๆ”  ผมเน้นเสียงอย่างมั่นใจ พี่ปูนเหลือบหันมามองผมด้วยตาเชื่อมๆ แวบหนึ่งแล้วหันกลับไปมองถนนเบื้องหน้าต่อ  “พี่ต้องไปทำอะไรใครไว้ชัวร์”

“คงไม่ได้หมายถึงตัวเองใช่มั้ย?”

“เปล๊า! ผมจะไปด่าพี่เรื่องอะไร๊?”  เสียงสูงระดับเทเนอร์ของผมเรียกลมหายใจสั้นๆ ผ่านรูจมูกของพี่ปูนได้อย่างหนักแน่น  “เอาจริงๆ นะผมว่า…! -- อี๋~”

เสียงแห่งความขยะแขยงดังลั่นรถ ผมรีบดึงทิชชู่ด้วยความเร็วแสง แล้วจัดการป้ายมันลงที่รูจมูกของพี่ปูนที่เหมือนไม่รู้ตัวว่าน้ำมูกใสๆ ได้ไหลย้อยออกมา สองนิ้วบิดบี้ปีกจมูกไปมา พยายามเค้นน้ำมูกประหนึ่งบีบน้ำมะนาว พี่ปูนส่งเสียงอู้อี้คล้ายจะหายใจไม่ออก แต่ผมไม่สนใจ ยังคงใช้ปลายนิ้วคลึงเค้นน้ำเหนียวหนืดให้ออกมา

“สั่งออกมาเลยนะ”

สิ้นคำผม เสียงพรืดก็ดังมาอีกระรอก มีการสั่นสะท้านในโพรงจมูกเล็กน้อย และเมื่อผมออกคำสั่งอีกครั้ง พี่ปูนก็พ่นลมหายใจออกมาแรงกว่าเดิม ผมดึงมือกลับ มองพี่ปูนที่สีหน้าเริ่มย่ำแย่ ปลายจมูกแดงก่ำ ตาฉ่ำเยิ้มขึ้นทุกที ส่วนผมมองทิชชู่ในมือที่มีน้ำหนักมากกว่าเดิมด้วยหางตาก่อนจะทิ้งมันลงถุงขยะ แล้วพบว่าไอ้ความเหนียวนุ่มที่ขยันโฆษณากันนั้นมันเป็นเรื่องหลอกลวงชัดๆ

“จอดรถ”  เสียงเรียบๆ จากผม ทำให้พี่ปูนหันมามองอย่างงุนงงแต่ก็ยินดีตบไฟเลี้ยวเข้าข้างทางให้ ผมรีบเช็ดมือให้สะอาด หันมามองสภาพร่างกายคนข้างๆ แบบเต็มตา พี่ปูนดูเปื่อยมาก โทรมมาก  “เปลี่ยนที่เลย เดี๋ยวผมขับเอง”

“ไม่ต้องๆ พี่ขับได้”

“อย่าเถียงนะ หวัดกินแล้วไม่รู้ตัวรึไง”

“แต่...”

“ลงจากรถ!”   ผมเพิ่มเสียงอีกเท่าตัวเพื่อข่มขวัญและปรากฏว่ามันก็สำเร็จเสียด้วย พี่ปูนลงจากรถไป เพื่อเดินอ้อมมาอีกด้านกลางแดดเปรี้ยง ส่วนผมก็อาศัยจังหวะข้ามเบาะไปแบบสบายๆ ทันทีที่พี่ปูนขึ้นมานั่งผมก็จัดการยื่นกล่องทิชชู่พร้อมกับถุงขยะให้ถือไว้

“ขอบใจนะ”   พี่ปูนพูดขึ้นเบาๆ โดยที่สองตาเอาแต่จ้องอยู่กับของสองสิ่งในมือ ผมว่ามันคงอายเล็กน้อยที่มาหมดสภาพต่อหน้าผม แต่ผมกลับรู้สึกเหนือขึ้นมาทันทีที่พี่ปูนอ่อนลง ก็มันจะมีสักกี่ครั้งว้า~ ที่ผมข่มพี่ปูนได้สำเร็จ   “พี่ว่าต้องเป็นเพราะเมื่อคืนแน่ๆ”

ผมนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนตามคำคาดคะเนแล้วก็เห็นจริงอย่างนั้น ก็เราสองคนเล่นตัวเปียกออกมาจากห้องน้ำ กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันท่ามกลางแอร์เย็นๆ แล้วก็หลับไปทั้งอย่างนั้น แถมยังต้องมาเดินออกกำลังกายแต่เช้ามืดอีก ไหนจะเหงื่อ ไหนจะเปล่าเปลือย แถมยังเพลียแรงอีก ไม่เป็นหวัดบ้างก็ไม่ใช่คนแล้ว...? ไม่สิ คนปกติน่ะนะ ส่วนผมมันร่างกายแข็งแรงมาแต่อ้อนแต่ออกแล้ว

“เราก็ทำทุกอย่างเหมือนกัน แต่ทำไมลุงถึงไม่เป็นอะไรเลยวะ?” 

“ผมเป็นคนแข็งแรงไง พี่น่ะอ่อนแอเป็นคุณหนูไปได้”   ผมออกรถพร้อมกับรอยยิ้มเหยียดหยาม แต่การจะกัดพี่ปูนน่ะ ถ้าไม่ได้เกิดเป็นร็อตไวเลอร์คงทำไม่ได้ง่ายๆ หรอกครับ

“นั่นสินะ ผู้ดีอย่างพี่ก็เป็นอย่างนี้แหละ ไม่ได้ถึกทนเป็นควายเหมือนลุง”

น้ำเสียงเนิบนาบส่งเสียงน่าฟังทันทีทันใด แล้วเมื่อหันมามองสบตากับผม ริมฝีปากน่าดีดก็เหยียดยิ้มอ่อนให้ -- เห็นมั้ยครับ? ผมได้รับคำเยินยอแค่ไหน นอกจากจะกลายเป็นไพร่โดยไม่ทันตั้งตัวแล้ว ยังได้เป็นควายน้อยผู้น่ารักอีก แม่ม!

“โหย~ งั้นผมต้องรีบพาพี่ไปโรง’บาลรึเปล่าเนี่ย กระหม่อมบางเป็นคุณชายแบบนี้ เกิดมาตายห่าคารถตอนนี้ก็แย่น่ะสิ”  ผมซัดไปหนึ่งดอกเบาๆ น้ำเสียงแบบเอื้ออาทรควบวิตกกังวลอย่างชัดเจน แต่เน้นบางคำให้พอเป็นกระษัย แน่นอนว่าผลตอบรับที่ได้คือสายตาจิกแรงที่ผมแอบเหลือบไปเห็น

“ปากแกเนี่ยนะ...”  น้ำเสียงพี่ปูนกึ่งขบขันกึ่งจริงจัง  “มันน่าจูบซะให้เลือดกบ”

ผมยิ้มค้างแล้วตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อไป เงียบสิครับจะรออะไร? ขืนต่อล้อต่อเถียงต่อผมคงได้เลือดกบปากจริงๆ ตั้งแต่ได้มันมาเป็นเมียนี่ทำให้ระดับความกล้าของผมลดลงหลายส่วนเลยทีเดียว จะเถียงจะด่าก็ต้องคอยยั้งปากเอาไว้ เขาจะขู่อาฆาตอะไรก็ต้องเงียบฟัง ผมว่าการเป็นแฟนกันว่ายากแล้วนะ แต่การเป็นผัวผู้ชายสักคนนี่มันยากยิ่งกว่าอีก แถมยังไม่มีเพจไหนให้คำปรึกษาในส่วนนี้ซะด้วย ผมก็เลยจำต้องต่อสู่กับราชสีห์น้อยตัวนี้เพียงลำพัง

.
.
.

ใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะเดินทางเข้าเขตกรุงเทพฯ ผมไม่เคยขับรถคนเดียวด้วยระยะทางที่ไกลขนาดนี้มาก่อน ถึงแม้ว่าจะมีพี่ปูนนั่งเป็นเพื่อนอยู่ข้างๆ ก็เถอะ แต่หลังจากผมเปลี่ยนมือมาขับแทนได้ไม่นาน พี่แกก็เข้าสู่ห้วงนิทราในทันใด ดีนะว่าก่อนออกมาจากรีสอร์ทได้ชวนกันไปกินข้าวเที่ยงตุนไว้แล้ว เพราะกะจะยิงยาวไม่แวะรายทาง ขนมนมเนยของผมก็พร้อมสรรพ ฉีกถุง เปิดขวดดื่มได้อย่างสะดวกสบายสุดๆ

แต่หมดขนมไปก็หลายถุง เสียงฉีกถุงห่อกร๊อบแกร๊บดังก้องรถขนาดไหน พี่ปูนก็ไม่มีเอ๊ะอ๊ะตื่นขึ้นมาดูเลย และในฐานะสามีที่ดีผมก็ไม่รีรอที่จะขุดเอาผ้าห่มหลังรถกับหมอนรองคอมาหนุนให้คนป่วยบ้าง ก็ไม่ได้ทำดีหวังผลอะไรหรอกนะ แค่อยากจะรู้ว่ามันจะประหลาดใจเหมือนที่ผมรู้สึกในตอนนั้นรึเปล่า? ผมเองก็ไม่คิดว่าพี่ปูนจะใส่ใจขนาดนั้น ตอนที่ลืมตาขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่ในกรอบอบอุ่นของผ้าห่มผืนบาง พร้อมกับหมอนรองคอแสนสบาย หัวใจมันก็คันยุบยิบขึ้นมาจนต้องรีบเบี่ยงประเด็นไปลงที่ความหิว ...มันเป็นความประหลาดใจที่ทำเอาเขินได้น่าดูชมเชียวล่ะ

เมื่อมาถึงคอนโดผมก็วนขึ้นอาคารจอดรถทันที ไม่รู้ว่าพี่ปูนมีที่ประจำหรือไม่อย่างไร แต่ผมก็เอาสะดวกเข้าว่าไว้ก่อนเมื่อเห็นรถคันหนึ่งกำลังจะออกจากบริเวณใกล้ลิฟต์ และสกิลการจอดรถเข้าซองอันเลื่องชื่อของผม ก็เกือบทำเอากระจกข้างครูดกับข้างเสาไปหนึ่งที หมุนพวงมาลัยไปมาอยู่หลายรอบกว่าจะเข้าที่เข้าทาง ผมต้องถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่ทำรถคนอื่นพังคามือ  เมื่อเสียงเครื่องยนต์ดับสนิทเรียบร้อยก็ถึงคราวปลุกคนข้างๆ ผมให้ตื่นขึ้นสักที

“พี่ปูน”  ผมส่งมือเขย่าร่างที่นอนนิ่งเงียบไปด้วย  “พี่ปูนถึงแล้วนะ”

“อืม...”  เสียงครางต่ำๆ เบาหวิวจนผมกังวล  “อืม...ขอบใจนะลุง”  พี่ปูนขยับตัวจัดท่านั่งอย่างงัวเงีย มันหยิบๆ จับๆ ที่ผ้าห่มแล้วหันมายิ้มให้ผมหนึ่งที ผมคงจะรู้สึกมีปฏิกิริยาตอบรับมากกว่านี้หรอกนะถ้าอยู่ในสภาพปกติ แต่นี่พี่ปูนหน้าโทรมมาก แถมยังตาปรือฉ่ำเหมือนคนจะมีไข้ เสียงที่พูดออกมาก็เหมือนถูกเสมหะกั้นไว้ในลำคอ

“ผมว่าพี่เริ่มเป็นมากแล้วว่ะ”

“อือ นอนพักเดี๋ยวก็หาย”

“หวัดนะพี่ ไม่ใช่แฮงค์เหล้า”  ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้กว่าเดิมพลางจับผิวเนื้อตามแขนเพื่อวัดอุณหภูมิ  “ไปโรง’บาลกันป่าว”

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่ขนาดนั้นหรอกน่า พี่เป็นหวัดบ่อย”

“ไอ้บ่อยของพี่นี่มันแค่ไหนอ่ะ”

“เมื่อก่อนปีนึงก็สักสี่-ห้าครั้งได้ แต่หลายปีหลังก็น้อยลงแล้ว”  พี่ปูนพูดไปก็หยิบผ้าห่มขึ้นมาขยำเป็นก้อนแล้วโยนข้ามไปเบาะหลัง ตามด้วยหมอนรองคอที่หมดประโยชน์แล้ว  “พี่มียาเก็บไว้ กินยานอนพักสักคืนก็ดีขึ้นแล้ว”

คร้านจะเถียงกับคนดื้อดึง ผมจึงคิดว่าเลยตามเลยไปกับพี่ปูนคงจะดีที่สุดในตอนนี้  “งั้นผมไปส่งพี่ที่ห้องแล้วกัน”

“ไม่ต้องๆ พี่ไปเองได้ ลุงกลับไปพักเถอะ เดี๋ยวต้องส่งรูปให้กรอีก”

“ผมแค่อยากจะดูให้แน่ใจว่าพี่หลับจริงๆ หรอก แล้วก็จะกลับเลย”

“เพื่อ?”

“...เป็นห่วงไม่ได้รึไง”   ผมถามเสียงห้วนอย่างเริ่มรำคาญ  “ได้เปล่า? ถ้าไม่ได้ก็จะกลับเดี๋ยวนี้แหละ”

พี่ปูนมองหน้าผมนิ่งๆ ราวกับกำลังค้นหาบางอย่าง หากไม่กี่วิต่อมาสายตานั้นก็หลุบต่ำพร้อมกับพ่นรอยยิ้มเผล่ออกมาคล้ายจะอิ่มเอมเต็มที และหลังจากนั้นผมก็ต้องหิ้วสัมภาระของคนสองคนเต็มสองแขน เดินตามหลังคุณชายท่านที่แม้จะอ่อนเปลี้ยแต่ก็เดินลิ่วไม่มีรั้งรอ

“พี่ไปอาบน้ำก่อนนะ”  นั่นคือประโยคแรกเมื่อเข้ามาในห้องเป็นที่เรียบร้อย พี่ปูนทิ้งผมให้ยืนเดียวดายแล้วเดินเอื่อยๆ ขึ้นบันไดไป

ผมวางถุงข้าวของส่วนตัวลงแถวประตู จากนั้นก็หิ้วกระเป๋าของพี่ปูนเดินตามขึ้นไปบนห้องบ้าง อย่างน้อยก็ต้องเคลียร์พวกของที่ใช้แล้วออกเพื่อลงตะกร้า มีเสียงน้ำดังออกมาจากในห้องน้ำ ผมเลยถืออากาสมองรอบๆ เพื่อสำรวจความสกปรก และก็เห็นกองเสื้อผ้าตกอยู่บนเตียงบ้าง บนพื้นบ้าง ทั้งที่ตะกร้าผ้าก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล เห็นแล้วจิตวิญญาณของพ่อบ้านก็ลุกฮือขึ้นมา ผมเก็บเสื้อผ้าใช้แล้วลงตะกร้าก่อนเป็นอันดับแรก ตามด้วยเปลี่ยนผ้าปูที่นอนกับปลอกหมอนเสียใหม่ เพราะอะไรน่ะเหรอ? ก็เพราะว่ามันยังคงเป็นลายเดิมเหมือนครั้งสุดท้ายที่ผมเห็นเมื่อห้าวันก่อนน่ะสิ!

หลังจากนั่งเคลียร์กระเป๋าเสื้อผ้าให้พี่ปูนได้ไม่เท่าไหร่ ประตูห้องน้ำก็เปิดออก พร้อมกับความหอมและไออุ่นๆ พี่ปูนเดินออกมาโชว์ทุกสัดส่วนที่โผล่พ้นจากผ้าขนหนูผืนใหญ่ที่พันด้านล่างไว้อย่างหมิ่นเหม่ แม้จะเห็นผมกำลังนั่งกับพื้นเพื่อจัดการสัมภาระส่วนตัวให้ก็ไม่มีคิดถามไถ่หรือห้ามปราม ซ้ำยังเดินโทงๆ ไปล้มกับที่นอนแล้วนิ่งไปเลย

“พี่ปูน?”

“อืม...”

“มาใส่เสื้อผ้าก่อน”  ผมลุกขึ้นเมื่อเห็นว่าแค่เสียงอย่างเดียวจะไม่ได้ผล ผมถือวิสาสะเปิดตู้เสื้อผ้าและคว้าเสื้อยืดสักตัวที่น่าจะใส่นอนได้อย่างสบายกับกางเกงผ้านิ่มขายาว เดินตรงเข้าไปหาคนที่ยังนอนคว่ำหน้าแน่นิ่งเป็นศพแล้วเขย่าร่างไปมา

ปฏิกิริยาโต้ตอบของพี่ปูนเชื่องช้ากว่าทุกครั้ง กว่าจะยกมือขึ้นมาปัดป้องได้ ผมก็จัดการพลิกร่างหนาหนักสำเร็จไปแล้ว แววอ่อนเพลียปรากฏบนสีหน้าอย่างเห็นได้ชัด แม้สายตาจะสามารถส่งสัญญาณความไม่พอใจมาก็ตาม แต่ผมถือคติว่าคนป่วยก็เหมือนเสือไม่มีเขี้ยว จะขู่ฆ่าอาฆาตยังไงก็น่ากลัวพอจะเป็นแค่แมวเท่านั้นเอง เพราะงั้นผมจึงจ้องตอบสายตาดุดันนั้นอย่างไม่กลัวเกรง พร้อมทั้งยักไหล่ให้ซะหนึ่งทีเป็นการกวนอารมณ์

“งั้นใส่ให้ด้วย”

ผมอยากจะดีดนิ้วใส่ปากที่พ่นคำดื้อดึงออกมาเหลือเกิน แต่โบราณเขากล่าวไว้ว่า ‘อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนไม่สบาย’ เพราะงั้นสิ่งที่ผมแสดงออกมาจึงมีเพียงแค่รอยยิ้มที่เหยียดออกมาประดับหน้า กับแรงฉุดคนตัวโตให้ลุกขึ้นแบบสุดกำลัง พี่ปูนลุกขึ้นมานั่งได้สำเร็จ แต่เนื่องจากไร้การจัดท่าทางทำให้ผ้าขนหนูที่พันท่อนล่างอยู่แหวกกว้าง จนเห็นไปถึงแตงกวาเหี่ยวๆ กับไข่ไก่ไร้คุณภาพที่โปะด้วยสาหร่ายเส้นพรอมแพรม

“จะมีสักวันที่พี่รู้สึกกระดากอายบ้างมั้ย?”

“หึ ถ้ามันขนาดเท่าของลุงพี่ก็คงอายนะ”

“ไอ้พี่ปูน!!”  แม่ง~ กลายเป็นผมที่อายเลย! ก็พ่อพอใจให้เท่านี้นี่หว่า คนเราจะโลภมากไปทำไมวะ เอาแค่พอมีพอใช้ก็พอแล้วป่ะ?  “ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้เลย ไปแต่งตัวแล้วกินยาด้วย!!”

ไอ้พี่ปูนมันขำแบบคนไม่มีแรง แต่ก็ยอมขยับเขยื้อนตัวลุกออกจากเตียงไปด้วยตัวเอง และก็ตามธรรมดาของคนชอบแกล้ง ไม่สิ ตามธรรมดาของคนหน้าด้าน พี่ปูนแม่งปลดผ้าขนหนูออกจนหมดแล้วค่อยใส่กางเกงเรียกเสียงว้ากจากผมไปอีกรอบ ผมต้องเดินประกบมันไปตลอดทางเพื่อให้มั่นใจว่าพี่ปูนเดินไปกินยาแล้วจริงๆ กว่าจะเดินกลับมาขึ้นเตียงนอนได้อีกรอบผมต้องเบ่งเสียงโวยวายไปตลอดทาง

“ครั้งแรกเลยนะเนี่ย”  พี่ปูนพูดพลางอมยิ้ม สายตาเชื่อมเพราะไข้อ่อนๆ มองผมที่กำลังจัดการห่มผ้าให้ ผมยื่นมือไปอังหน้าผากที่เริ่มร้อนผะผ่าวก่อนจะถามกลับ ดูจากอาการแล้วคืนนี้คงเป็นหนักแน่ๆ ผมคงต้องออกไปหาซื้อแผ่นลดไข้มาไว้ให้ซะแล้ว

“เรื่องอะไร” 

“ไม่สบายแล้วมีคนดูแลน่ะ” 

“พอเราโตขึ้นเราก็หลงลืมเรื่องสมัยเด็กอ่ะ มันไม่มีทางที่ผมจะเป็นคนแรกในเรื่องนี้ได้หรอก”  อย่างตัวผมยังลืมอะไรหลายๆ อย่างเลย อย่างจูบแรกที่คิดว่ามีกับแฟนที่สุดแสนจะน่ารัก แท้จริงแล้วกลับกลายเป็นป้าที่ฉกชิงจูบแรกของผมไปตั้งแต่สามวันหลังลืมตาดูโลก

“ก็คงจะจริง”  พี่ปูนแค่นยิ้ม ดวงตาคมทอดมองไปยังเพดานห้องราวกับนึกย้อนไปยังอดีตอันไกลโพ้น สายตาที่เหม่อไกลนั้นมันด้านชาเกินกว่าจะคิดว่าเป็นการนึกย้อนถึงความสุขเมื่อวัยเยาว์

“นอนนะ...ผมจะอยู่เป็นเพื่อน”  ผมไม่ชอบสีหน้าแบบนี้ของพี่ปูนเอาซะเลย เห็นทีไรสัญชาตญาณความเป็นพ่อมันคอยแต่จะลุกโชนขึ้นมา อยากจะปลอบ อยากจะกอด อยากจะยอมให้ไปซะทุกเรื่อง...

“ไปเหอะ พี่อยู่ได้”  พี่ปูนหันมายิ้มเจือจางให้ผม  “ใกล้ค่ำแล้วด้วย”

ถ้าแววตากับคำพูดมันจะไปทางเดียวกันล่ะก็ ผมคงจะลุกขึ้นบ๊ายบายแล้วกลับไปพักผ่อนแล้วล่ะ แต่สีหน้าที่ปั้นแต่งว่าเข้มแข็ง เหมือนว่าเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่จะเหลือแค่ตัวเองนั้น ไม่ว่าใครมองก็คงไม่อาจทิ้งไปง่ายๆ หรอก เหมือนแมวบาดเจ็บที่แม้จะต้องการความช่วยเหลือ แต่ก็ระแวดระวังกลัวทุกมือที่ยื่นเข้าหา

ท่ามกลางสายตาจับจ้องของคนป่วย ผมลุกขึ้นปีนป่ายจนไปล้มตัวนอนอีกด้านได้สำเร็จ จัดท่าทางให้สบายตัวสำหรับนอนตะแคง พี่ปูนมองทุกอิริยาบถด้วยความสงสัย และเมื่อขาของผมยกพาดเข้ากับเอวสอบปั๊บ พี่ปูนก็หลิ่วตามองปุ๊บ

“เดี๋ยวติดหวัด”  เสียงตักเตือนระคนขบขันดังขึ้นใกล้ๆ แต่แทนที่จะปัดป้อง พี่ปูนกลับเคลื่อนกายเข้าหาจนสองร่างใกล้ชิด มือหนึ่งรั้งขาผมขึ้นสูงกว่าตำแหน่งเดิมเล็กน้อยให้พอสบายตัวคนโดนทับ อีกมือก็สอดใต้คอเพื่อโกยหัวผมเข้าไปซุก  “เกิดอะไรขึ้น?”

“อยากให้อยู่ หรืออยากให้ไป”  ผมถามสั้นๆ กะว่าจะเป็นการถามครั้งสุดท้ายสำหรับวันนี้ และถ้าขืนยังไล่ให้ผมกลับอีกผมก็จะไปแน่ๆ

และคำตอบสำหรับคำถามนั้นคือวงแขนที่กระชับร่างผมเข้าหา ขาข้างหนึ่งของพี่ปูนก่ายทับผมเอาไว้ เราสองคนอยู่ในสภาพงูที่ขดตัวพันกัน ผมไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนด้วยคำพูด แต่ถ้าแค่นับว่าร่างกายผมถูกพันธนาการแน่นหนาจนกระดิกไม่ได้นั้น ก็พอจะกระจ่างได้ถึงความต้องการที่พี่ปูนสื่อออกมาแล้ว

.
.
.

‘เมี้ยว!!!’

ผมสะดุ้งตื่นเพราะเสียงแมวที่จู่ๆ ก็ดังขึ้น เพื่อพบกับความร้อนจัดของผิวเนื้อที่โอบรัดผมอยู่ เสียงลมหายใจของพี่ปูนแรงและเร็วกว่าปกติ หน้าอกที่ลอยเด่นอยู่ตรงหน้าผมกระเพื่อมขึ้นลงอย่างกับเป็นลูกสูบ แต่ตอนนี้ผมต้องขอไปจัดการกับเสียงเรียกเข้าแสนน่ารักน่าชังที่มาจากโทรศัพท์มือถือของตัวเองเสียก่อน

กว่าจะแงะแต่ละส่วนออกมาจากท่อนแขน ท่อนขาของพี่ปูนได้นั้นเล่นเอาเหงื่อไหลให้ต้องปาดกันเลยทีเดียว แถมเนื้อตัวยังปวดแปลบเพราะนอนฝืนผิดท่าอีกต่างหาก และขาที่อุตริยกก่ายสะโพกคนอื่นซะตั้งนานสองนานนั้นก็แทบจะหุบไม่ลง ผมพาร่างบอบช้ำของตัวเองเดินไปแถวตู้เสื้อผ้าอันเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายก่อนขึ้นเตียง มือถือผมกำลังร้องเมี้ยวๆ อย่างอดทน แต่เดาว่าเจ้าของรูปที่สว่างวาบอยู่บนเครื่องคงใกล้หมดความอดทนเข้าไปทุกที

“ฮัลโหล~”  ผมกดรับสายด้วยเสียงที่เบาที่สุดเพี่อไม่ให้ไปรบกวนคนที่กำลังนอนอยู่

“จะไม่กลับบ้านทำไมไม่โทรมาบอกยะ!”  เสียงแหลมของพี่สาวคนเดียวแว้ดเข้าหูในทันที

ส่วนการทักทายแบบปุถุชนเขาทำกันน่ะลืมไปได้เลย เมื่อผมพยายามมองหานาฬิกาแล้วพบว่ามันบอกเวลาเกือบเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเสียงป้าถึงได้ขุ่นเคืองขนาดนี้ เพราะแต่ไหนแต่ไรมาบ้านผมมีกฎง่ายๆ อยู่ว่า ‘ถ้าไม่กลับบ้านกรุณาแจ้งก่อนสามทุ่ม’ นั่นหมายความว่าผมโดนใบเหลืองไปหนึ่งใบแล้วเมื่อคราวที่ไปเมาและได้พี่ปูนเป็นเมีย ถ้าคราวนี้ผมโดนอีกก็จะเป็นใบแดง แปลว่าผมจะต้องโดนลงโทษ

“ลุงขอโทษนะป้า”  ผมพยายามใช้เสียงอ่อนเข้าสู้

“ไม่ต้องเลย วันนี้แม่ค้างที่หอพักเพราะต้องต่อเวรเช้าด้วย ฉันอยู่บ้านคนเดียวนะเนี่ย”

“โทษๆ แต่ลุงกลับไม่ได้อ่ะ”  เสียงป้ายิ่งฮึดฮัดไม่พอใจ ผมลังเลว่าจะบอกออกไปดีหรือไม่ว่าแฟนตัวเองไม่สบายจำต้องอยู่เฝ้า แต่ขืนบอกตอนนี้ป้าต้องยิ่งปรี๊ดหนักกว่าเดิมแน่  “ลุงต้องเร่งทำงานให้เสร็จน่ะ พรุ่งนี้ต้องส่งแต่เช้าเลย”
“เอากลับมาทำที่บ้านเหมือนทุกทีสิ”

“คือ...มันงานใหญ่อ่ะ นี่ทำกับน้องอีกคนหนึ่ง กลับไปทำที่บ้านไม่ได้หรอก”  ผมได้แต่ขอโทษป้าในใจ เพราะคำโกหกของผมทำให้พี่สาวเชื่อจนยอมลดความโมโหลง นี่ถ้าเกิดว่าเรื่องแตกขึ้นมาล่ะก็ หัวกบาลผมได้มีรอยแยกแน่

“เออ--“

“น่ารักที่สุด...งั้นป้าล็อกประตูหน้าต่างให้ดีนะ อย่าลืมคล้องกุญแจประตูรั้วด้วย ดึกๆ ถ้าได้ยินเสียงอะไรแปลกก็ไม่ต้องลงไปดู เอาโทรศัพท์ไว้ใกล้ตัวด้วยมีอะไรรีบโทรมา เข้าใจป่ะ”  ผมสั่งเสียงเข้มด้วยความเป็นห่วง เพราะเมื่อเดือนก่อนในหมู่บ้านเพิ่งถูกยกเค้าไปสองหลัง ถึงจะไม่ใช่บริเวณใกล้กันแต่ก็ห่างจากซอยบ้านผมไปแค่สองซอย เพราะงั้นผมพอเข้าใจที่ป้ากลัวได้

ถึงผู้หญิงบ้านผมจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ก็ยังเป็นผู้หญิงอยู่ดี และต่อให้ผมเป็นลูกคนเล็ก เป็นคนที่เด็กที่สุด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้ผมเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวในบ้าน…

แม้จะเป็นการจำใจก็ตามทีแต่ป้าก็ยอมว่าง่ายวางสายไป และก็ถึงคราวที่ผมต้องมาจัดการกับคนป่วยที่กำลังนอนตัวร้อนอยู่บนเตียง คงเพราะพิษไข้เลยทำให้สีหน้าพี่ปูนดูทรมานเล็กน้อย เหงื่อซึมตามหน้าผากจนชุ่ม ผมปิดเครื่องปรับอากาศก่อนเป็นอันดับแรก ต่อจากนั้นก็ถึงคิวรื้อตู้หาผ้าขนหนูเพื่อมาเช็ดตัว หลังจากนั้นก็เตรียมน้ำอุ่นใส่อ่างใบย่อมเพื่อเริ่มปฏิบัติการ ผมยืนเท้าสะเอวเบื้องหน้าพี่ปูน ขบคิดว่าจะทำยังไงกับผู้ชายตัวใหญ่(กว่าผม)คนนี้ดี

“พี่ปูน...”  ผมเรียกเบาๆ ข้างหู แต่ก็ตามที่คาด ไม่มีเสียงตอบรับอะไรให้ได้ยิน แต่เมื่อผมเริ่มลงมือปลุกปล้ำเพื่อถอดเสื้อยืดออก ดวงตาของคนป่วยก็ลืมตามองผมอย่างอ่อนแรง  “ผมจะเช็ดตัวให้ ถอดเสื้อหน่อยนะ”

พี่ปูนโงนเงนลุกขึ้นมาถอดเสื้อให้แต่โดยดีแล้วล้มลงไปนอนอีกครั้ง ผมบิดผ้าชุบน้ำพอชุ่มแล้วเริ่มเช็ดหน้าเป็นอันดับแรกและโปะผ้าไว้บนหน้าผากหนึ่งผืน ส่วนผืนที่สองเช็ดลงมาตามลำคอก่อนโปะทิ้งไว้รอบคอเพื่อลดความร้อน และด้วยความที่ผมมีพยาบาลคนสวยส่วนตัว เลยได้วิชาการเช็ดตัวลดไข้ติดตัวมาด้วย และสิ่งง่ายๆ ที่ผมจำไว้ก็คือเช็ดทุกส่วนทวนเข้าหาหัวใจ นั่นหมายความว่าเช็ดจากล่างขึ้นบนเพื่อเปิดรูขุมขนให้ความร้อนระบายออก ผมยกแขนพี่ปูนที่แสนจะง่อยเปลี้ยขึ้นเพื่อลูบผ้าตั้งแต่หลังมือเรื่อยไปจนถึงต้นแขน ลงน้ำหนักเล็กน้อยแต่ก็ไม่แรงเกินไป จากนั้นก็เป็นส่วนหน้าและแผ่นหลัง

พี่ปูนดูสบายตัวขึ้นมาก แต่กว่าผมจะใช้ผ้าแห้งซับความชื้นทั้งหมดออกก็แทบจะเป็นลม การเช็ดตัวลดไข้ที่ดีคือใช้เวลา15-20นาที และห้ามทาแป้งทับ ยังดีที่พี่ปูนไม่มีบ่นหนาวหรือตัวสั่นหงึกหงัก หลังจากใส่เสื้อให้เสร็จเรียบร้อย ผมก็เหลือผ้าหนึ่งผืนโปะหน้าผากเอาไว้แล้วไปจัดเก็บอุปกรณ์ และถือโอกาสนี้อาบน้ำไปด้วยในตัว กว่าจะเสร็จสิ้นทุกอย่างก็ปาเข้าไปตีหนึ่งกว่าแล้ว ขณะที่คิดว่าจะทำอะไรต่อดีหางตาก็พลันไปสบเข้ากับสายตาหนึ่งคู่ที่มองมาเงียบๆ

ผมยิ้มให้พี่ปูนเล็กน้อย แต่ในเมื่อได้โอกาสเหมาะจึงรีบเดินออกจากห้องลงไปหยิบน้ำเข้ามาให้ดื่ม ผมกลับมาพร้อมน้ำหนึ่งแก้วกับหลอดที่แกะมาจากซองของร้านสะดวกซื้อ พี่ปูนยังมองผมตาปริบๆ แม้ขณะดูดน้ำอย่างกระหาย

“นอนนะ จะได้หายไวไว”

“..........”  พี่ปูนไม่ตอบ แต่เอื้อมมือออกมาดึงเสื้อผมเอาไว้อย่างกับเด็กกลัวโดนทิ้ง ผมนั่งลงกับพื้นข้างเตียง เล่นจ้องตากับคนมองเงียบๆ ทั้งที่การสื่อสารเดียวที่มีคือการจ้องตาแต่มันก็ไม่ได้ทำให้บรรยากาศน่าอึดอัดแต่อย่างใด อารมณ์ประมาณจ้องตากับแมวเหมียวที่ให้ทั้งความรู้สึกอยากแกล้งและขำขันในคราวเดียวกัน

“อยากให้นอนด้วยป่าว?”  ผมแกล้งถาม แต่ใครจะไปคิดว่าคนที่นอนมองตาปริบๆ จะขยับเขยื้อนหัวขึ้นลงเป็นเชิงตอบรับ ทำเอาผมต้องถามย้ำด้วยรอยยิ้ม  “เอาจริงดิ?”

“จริง...”

สิ้นคำสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงแหบขัด ผมก็ลุกขึ้นไปปิดไฟ และคลำทางปีนขึ้นเตียงอย่างว่าง่าย ที่นอนยวบยาบเล็กน้อยขณะที่ผมจัดแจงท่าทางการนอนของตัวเอง ผ้าห่มผืนนุ่มถูกห่มมิดถึงคอ แต่ขณะที่กำลังฝืนตาให้หลับ ร่างทั้งร่างก็ถูกโกยเข้าหาความร้อนอบอุ่นกว่าผ้าห่มผืนหนาจะให้ได้

พี่ปูนกอดผมไว้แน่น ยกขาผมข้างหนึ่งขึ้นไปก่ายกับสะโพกดังเช่นก่อนหน้านี้ แนบร่างร้อนระอุเข้ามาจนน่ากลัวว่าผมจะต้องติดไข้แน่นอน ขาพาดเกยก่ายตัวผมแน่น ล็อกไว้ในท่วงท่าที่สุดแสนจะไม่สบายเอาเสียเลย แต่ถึงกระนั้น...ไม่กี่นาทีท่ามกลางความเงียบ ลมหายใจของพี่ปูนก็ดังสม่ำเสมอบอกให้รู้ว่าคนป่วยได้หลับใหลไปแล้ว เหลือแค่ผมเท่านั้นที่ยังฝืนนอนไม่ได้ อาจเพราะว่าเพิ่งตื่นขึ้นมา อาจเพราะว่าความร้อนจากพี่ปูนทำให้ผมไม่สบายตัว

หรือที่จริงแล้ว...เพราะเสียงหัวใจที่เต้นดังเกินไปนะ?
 

.
.
.
[มีต่อจ้า]
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 02-10-2017 01:42:49
.
.
.
   
รุ่งเช้าวันต่อมา

ผมแงะตัวเองออกจากที่นอนก่อนเจ้าของห้องที่ยังคงนอนเปื่อยแบบไม่สบายตัวสักเท่าไหร่ จากสัมผัสทางฝ่ามือนั้น คนป่วยยังคงมีไข้อยู่แม้จะน้อยลงจากเมื่อคืนอยู่มาก ต้องยกความดีความชอบให้กับยาปฏิชีวนะกับพ่อบ้านผู้เพียบพร้อมอย่างผมที่คอยตื่นมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวลดไข้ให้เป็นพักๆ นอกจากพี่ปูนจะได้รับเกียรติเป็นชายคนแรกในชีวิตผมแล้ว ยังได้เป็นมนุษย์เปื่อยคนแรกที่ผมประคบประหงมดูแลใกล้ชิดอย่างนี้

“พี่ปูน...”  แต่ผมเป็นผู้ชายที่ต้องทำมาหากินซ้ำยังมีงานค้างรอส่งอยู่อีก เป็นห่วงก็ส่วนหนึ่ง แต่จะให้ดูแลตามติดทั้งวันคงไม่ไหว  “พี่ปูนลืมตาหน่อย”

ผมเขย่าหัวไหล่คนป่วยไปมาพลางรออย่างใจเย็น ไม่นานนักพี่ปูนถึงเริ่มขยับตัวไปมาแล้วพลิกตัวหันกลับมามองผม ใบหน้ากระชากมดลูกของเซ็กส์ซี่กายแห่งปีนับว่าหมดสภาพไปพอสมควร ดวงตาคมที่พยายามลืมขึ้นมามองผมนั้นเชื่อมเยิ้มเพราะพิษไข้ซ้ำยังมีขี้ตาหนึ่งก้อนเกาะอยู่ตรงหัวตาซ้าย ตอหนวดเริ่มผุดให้เห็นประปราย ...โธ่ถัง~ เมียผมช่างป่วยไข้ได้สภาพอนาถเหลือเกิน แต่อย่างไรเสียก็ได้ชื่อว่าเป็นเมียไม่อย่างนั้นผมคงไม่ยอมยื่นปลายนิ้วไปแงะขี้ตาแล้วดีดออกนอกเตียงให้อย่างนี้หรอก

“เป็นไงมั่ง?”  ผมถามพลางแอบเช็ดนิ้วลงกับกางเกงนอน

“อือ ดีขึ้นแล้ว”

“ถ้าเทียบกับเมื่อวานน่ะนะ”  ผมรีบแย้ง  “พี่ยังมีไข้อยู่เลย เดี๋ยวผมหาข้าวให้กินนะจะได้กินยา”

“จะทำให้พี่เหรอ?”  รอยยิ้มวาดหวังของพี่ปูนฉาบใบหน้าในทันใด ทำให้ผมต้องแก้ความเข้าใจผิดเสียตั้งแต่เนิ่นๆ

“จะโทรสั่งให้ต่างหาก ตู้เย็นบ้านพี่นอกจากน้ำกับเบียร์แล้วก็ไม่มีอะไรสักอย่าง มาม่าสักห่อยังไม่มีในตู้เก็บเลย”

“ต้องโทษลุงนะ เป็นเมียประสาอะไรไม่ดูแลคุณภาพชีวิตพี่เลย”  การป่วยไข้ไม่ได้ทำให้ความปากดีลดลงเลยสินะ นี่ถ้าพี่ปูนแข็งแรงดีผมคงดึงหมอนมาอุดปากให้เงียบแล้วล่ะ แต่เฮ้ย!

“เดี๋ยวบิดนมเลย! ไม่สบายแล้วเบลอเหรอห๊ะ? พี่ต่างหากที่เป็นเมียผม”

“เอ๊ะ? พี่เหรอ?”  ไอ้พี่ปูนทำหน้าเหรอหราใส่ มองยังไงก็กวนตีนผมอยู่แน่ๆ ช่างเป็นเมียที่หาความน่ารักไม่เจอเลยจริงๆ

“ตลกแล้ว”  ผมยืดตัวขึ้นมองคนป่วยที่นอนเลิกคิ้วใส่อย่างกวนอารมณ์ นี่ขนาดมันไม่สบายยังมีแรงสร้างความหงุดหงิดให้ผมได้ ช่างน่าดูแลปรนนิบัติเหลือเกิน!

“วันนี้ผมต้องเข้าออฟฟิศนะ พี่ก็อยู่บ้านกินข้าว กินยาแล้วก็นอนพักเยอะๆ รู้รึเปล่า?”  หลังจากบิดขี้เกียจอีกรอบ ผมก็กระเถิบตัวลงจากเตียงโดยที่ไม่ลืมหันมาดึงผ้าห่มให้คนป่วยขึ้นมามิดถึงคอ พี่ปูนยิ้มให้ก่อนจะปิดเปลือกตาลงอย่างอ่อนแรง

ผมโทรสั่งข้าวต้มหมูสับให้คนป่วยจากร้านอาหารในคอนโด ระหว่างรอนั้นก็จัดเก็บนู่นนี่นั่นไปพลางๆ เป็นการฆ่าเวลาและอดที่จะสรรเสริญเจ้าของห้องในใจไปด้วยไม่ได้ เพียงแค่ช่วงเวลาไม่กี่วันที่ผมไม่ได้มาที่ห้องนี้ทำให้พี่ปูนสามารถเปลี่ยนมันเป็นรังหนูได้ เสื้อสูทก็วางโยนไปเรื่อย หนังสือก็กองระเกะระกะ ซากถุงเท้าถูกโยนแบบไร้ทิศทางชนิดที่หาคู่กันไม่เจอ การจะเป็นคนแบบนี้ได้เนี่ยต้องโตมายังไงวะ!

กว่าที่ผมจะออกมาจากคอนโดได้ก็ต้องสู้รบปรบมือกับเมียให้กินข้าวกินยาซะก่อน กำชับความสั่งเสียกันอีกสักเล็กน้อยก่อนที่พี่ปูนจะส่งสายตาละห้อยมองผมที่กำลังจะหมุนตัวออกจากห้อง  เห็นดังนั้นความชุ่มชื่นในหัวใจก็บังเกิดขึ้น จึงทำการอุกอาจเดินเข้าไปจุ๊บกระหม่อมเมียรักสักเล็กน้อยก่อนจะรีบเผ่นออกจากห้องไปด้วยความขัดเขิน นี่สิถึงจะเรียกว่าชีวิตพ่อบ้าน! ผมเห็นมาตั้งแต่เด็กว่าพ่อมักหอมแก้มแม่เสมอเวลาไปทำงานตอนเช้า มันจั๊กจี้ดีอย่างนี้นี่เองแม่ถึงได้เอียงหน้ารับปากพ่อได้ไม่มีเบื่อสักวัน

เมื่อการเดินทางด้วยช่องทางขนส่งสาธารณะพาผมมาถึงป้ายที่ต้องการ เดินต่อได้ไม่เท่าไหร่ก็ถึงที่หมายปลายทาง แต่ยังไม่ทันจะก้าวเข้าสู่อาณาเขตของบริษัทโทรศัพท์มือถือของผมก็ส่งเสียงเหมียวๆ ให้ต้องหยิบขึ้นมาดู

“ทำไมไม่นอน!”  เพียงแค่เห็นชื่อโชว์หราอยู่บนหน้าจอ ผมก็กลืนคำรับสายแบบมีมารยาททันที 

“เมื่อไหร่จะกลับล่ะ”  แน่ะ! ทำเป็นเลี่ยงคำถาม

“ผมเพิ่งจะมาถึงเองนะ สองเท้ายังไม่ได้เหยียบเข้าออฟฟิศเลย”  ผมพูดพลางเดินตรงไปเรื่อย

“ลุงไปตั้งนานแล้วนะ ทำไมเพิ่งถึง”

“รถเมล์มันจอดทุกป้ายนะพี่ รถก็ติดจะตายชัก”  ผมพ่นลมออกปากอย่างเหนื่อยใจ คนร่ำรวยก็อย่างนี้ล่ะนะ ไม่ได้เข้าใจหรอกว่าการเดินทางด้วยรถเมล์ต้องใช้เวลาและการอดทนขนาดไหน

“คราวหลังก็เอารถพี่ไปสิ”  สองมือที่กำลังจะผลักประตูกระจกชะงักค้างไปเล็กน้อย ผมลอบส่ายหัวให้กับอีกฝ่ายพลางผลักประตูเข้าไปรับอากาศเย็นสบายจากเครื่องปรับอากาศ ยกมือสวัสดีป้าแม่บ้านอย่างทุลักทุเลไปเล็กน้อยจึงเดินก้าวยาวๆ ขึ้นบันไดไปห้องทำงาน

“ไม่เอาหรอก ผมไม่ชอบยืมของใคร ถ้าเกิดผมขับไปเฉี่ยวชนแล้วจะยุ่ง”  สิ้นคำตอบ ผมได้ยินเสียงเดาะลิ้นอย่างไม่พอใจขึ้นเบาๆ แต่คำพูดต่อมาก็ไร้ซึ่งแววบังคับหรือคะยั้นคะยอใด

“งั้นเสร็จงานแล้วรีบกลับนะ”

“พี่ก็หาข้าวกลางวันกินด้วย อย่าลืมกินยา แล้วก็นอนได้แล้ว”  ผมกำชับเสียงเข้มเป็นจังหวะเดียวกับที่ผมเงยหน้าไปผสานสายตากับเพื่อนที่นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะเบื้องหน้า ผมรีบบอกวางสายแล้วเก็บมือถือเข้ากระเป๋ากางเกง ยกมือไหว้พี่เปี๊ยกก่อนเดินผ่านเลยไปยังโต๊ะของตัวเอง

ท่ามกลางสายตาจับจ้องของโป้ย ผมก็หยิบกล้องออกมาจากกระเป๋าระหว่างรอเครื่องคอมฯ ทำงาน แต่ถึงจะทำเป็นไม่รับรู้แต่ในเมื่อมันจงใจจ้องเสียขนาดนี้จะให้ไม่รับรู้ก็คงไม่ได้

“จ้องหน้าหาเรื่องเหรอมึง”  ผมเขี่ยลูกเปิดสนามก่อน พร้อมกับหันไปขมวดคิ้วมองเพื่อนรักกลับบ้าง

“กูกำลังมองหน้าคนตอแหล”  ไอ้โป้ยเหมือนแย่งบอลจากเท้าผมไปเตะเข้าตุงตาข่ายอย่างไรอย่างนั้น ผมกระพริบตาปริบๆ มองเพื่อนอย่างไม่เข้าใจ  “อย่ามาแกล้งโง่”

“ไม่ได้แกล้ง กูโง่จริง” 

“ก็จริงของมึง”  ไอ้โป้ยทำหน้าเหม็นเบื่อเล็กน้อยจึงเริ่มเฉลยที่มา  “เมื่อคืนกูคุยกับป้า เลยได้รู้ว่าที่แท้แล้วมึงไม่ได้กลับบ้านเพราะต้องอยู่ทำงานด่วนที่ออฟฟิศ”

ผมหน้าซีดทันทีที่ได้ฟัง  “ล...แล้วมึงบอกป้าว่ายังไง” 

“กูเป็นเพื่อนมึงนะลุง...”  โป้ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ทำเอาผมระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่โบราณว่าอย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน แค่ผมเห็นรอยยิ้มเหยียดประดับบนใบหน้าเพื่อนก็แทบอยากจะเก็บลมหายใจที่พ่นออกกลับคืน  “อะไรที่เพื่อนทำไม่ดีเราก็ต้องช่วยกันแก้ไขใช่มั้ย?”

“...อย่าบอกนะว่า”

“ก็ตอนนี้ไม่มีงานด่วนจริงๆ นี่หว่า”  โป้ยยกยิ้ม  “กูก็เลยบอกป้าไปตามตรง”


ไอ้เพื่อนชั่ว!!


“มึงนี่มัน จิ๊! กูจะด่ายังไงดีวะเนี่ย”

ตายๆ คราวนี้ไม่ตายก็อาจเลี้ยงไม่โตแน่! นางสาวปราจีนไม่ได้เป็นเพียงแค่สาวสวยชีวิตดี๊ดีเท่านั้น เวลาร้ายยังอาฆาตได้เหมือนงูอีกด้วย แล้วนี่ผมก็ดันไปโกหกแถมยังโป๊ะแตกเพราะไอ้เพื่อนหน้าเนื้อใจเสือคนนี้อีก ปกติแล้วไอ้โป้ยก็ภาษีดีกว่าผมอยู่แล้ว มีหรือที่ป้าจะไม่เชื่อน้ำคำของมัน

“เพื่อนเลว!”

“แล้วมึงไปนอนที่ไหนล่ะ? อย่าบอกนะว่าเป็นบ้านแฟนคนที่มึงว่า”

“ไม่เสือกดิ!”  ผมสะบัดหน้าหนีมันจนคอแทบเคล็ด ไม่อยากจะทนมองหน้าเพื่อนไม่รักดีอย่างนี้ได้อีกต่อไป มันลืมไปแล้วสินะว่าใครเป็นคนดูต้นทางให้ตอนแอบขโมยวิกผมคุณครูสมัยประถม ลืมไปแล้วสินะว่าใครเป็นคนคอยรับหน้าให้เวลามันทิ้งผู้หญิงอย่างกับทิชชู่ใช้แล้วน่ะ!

“กูก็เสือกชีวิตมึงได้คนเดียวเนี่ย เห็นใจกันบ้าง”  หน้าด้าน! ยัง! ยังจะยื่นหน้ามายั่วโมโหอีก!!  “แก้มตูมจะแตกแล้วมึง! กูล้อเล่นน่า”

ผมสะบัดหน้าหนีนิ้วโป้ยที่ยื่นมาจะบิดแก้มเหมือนเคย แต่แทนที่มันจะเข้าใจว่าผมโมโหดันหัวเราะเยาะซะงั้น

“ตั้งแต่มีผัวนี่สะดีดสะดิ้งเหลือเกินนะ”

“กูมีแต่เมียนะโป้ย”  เสียงผมนี่ตึงจนแทบจะดีดดังผึงอยู่แล้ว แต่ไอ้คนข้างๆ ก็ยังทำลอยหน้าลอยตากวนบาทาไม่หยุด

“เหรอ~”  ผมผลักหน้ามันแรงๆ แล้วตัดสินใจที่จะไม่ต่อความยาวสาวความยืดกับมันอีก ไอ้โป้ยก็ทำแค่ยักไหล่ไม่ใส่ใจแล้วก็ทำงานของตัวเองต่อไปเหมือนเดิม

ตกกลางวันขณะที่ต่างคนต่างลังเลว่าจะกินอะไรกันดี ป้าจิ๋มแม่บ้านก็เดินขึ้นมาบอกว่าคุณกรที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอกซื้อของกินมาฝากเยอะแยะ ไอ้โป้ยไม่รอช้ารีบเผ่นลงบันไดไปเป็นคนแรก ส่วนผมต้องอยู่ช่วยพี่ริชแงะพี่เปี๊ยกออกจากคอมฯ เสียก่อน กว่าจะลงไปถึงมุมกาแฟด้านล่าง หรือที่พวกเรามักจะเรียกกันว่าโรงทาน ก็เจอเพื่อนเห็นแก่กินนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ข้างๆ เจ้ามือรูปหล่อ ปากเคี้ยวหยุบหยับน่าหมั่นไส้

“พี่ซื้อมาเผื่อทุกคนเลย กินกันเยอะๆ นะ”  พี่กรบอกอย่างใจดี ผายมือไปยังอาหารการกินบนโต๊ะทรงรีราวกับนายแบบโฆษณา ไม่ต้องรอให้เรียกซ้ำผมก็เดินริ่วไปนั่งติดกับเพื่อทันที กวาดตามองอาหารญี่ปุ่นมากมายตรงหน้า

“น้ำลายหกแล้วไอ้ลุง ซกมกจริงมึง”  โป้ยแขวะเสียงดัง แต่ผมก็หาใส่ใจไม่ ลงมือหยิบตะเกียบจกปลาดิบประเดิมทันที

“คุณกรมีนัดสัมภาษณ์นิตยสารนี่ครับ”  พี่ริชนั่งลงพร้อมกับพี่เปี๊ยก ตาก็มองอาหารมากมายไปด้วย

“เผอิญว่าเสร็จเร็วน่ะ เห็นร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่ฝั่งตรงข้ามพอดีก็เลยซื้อมา”  พี่กรบอกด้วยรอยยิ้มเทวดา  “ป้าจิ๋มกินเยอะๆ นะ ผมซื้อมาเผื่อพวกเด็กๆ ด้วย อย่าลืมเอากลับไปนะครับ”

“ไอ้อาหารญี่ป่งญี่ปุ่นนี่ป้าไม่ถนัดหรอกค่ะ แต่พวกเด็กๆ คงชอบกัน ขอบคุณนะคะคุณกร”  ป้าจิ๋มยิ้มกว้างจนรอยตีนกาขึ้นชัดเจน ผมก็เห็นแกชิมนั่นแตะนี่นิดหน่อยตามประสา ป้าจิ๋มแกคอส้มตำ ร้านไหนเด็ด ร้านไหนโดน ซอกซอยไหนแกรู้หมด

“พี่กรมีถ่ายละครเรื่องใหม่ใช่มั้ยครับ ผมเห็นทางทีวี”  พี่ริชเริ่มชวนคุยตามประสาแฟนครับ 

“เริ่มถ่ายมาพักนึงแล้วล่ะ คราวนี้เป็นบทร้ายด้วย”  คนตอบถอนหายใจเล็กน้อยอย่างกับหนักใจ แต่จากหางตาที่ผมมองอยู่ก็เห็นว่าพี่กรออกจะยิ้มแย้มเมื่อคีบปลาดิบใส่จานให้โป้ย

“อ้าว! ไม่ใช่พระรองเหรอครับ”

“มันเป็นร้ายแบบดราม่าน่ะ เนื้อเรื่องเข้มข้น ไว้รอติดตามกันนะครับ”  คำตอบแบบนักแสดงพร้อมกับการกระพริบตาให้เรียกเสียงกรี๊ดจากพี่ริชชนิดห้องสะเทือน เคยได้ยินเจ๊แกบอกว่าเมื่อก่อนก็ไม่ได้สนใจติดตามอะไรรู้แค่ว่าหล่อกว่าพระเอกบางคนเท่านั้น แต่พอได้มาทำงานร่วมกันก็เกิดอาการหลงใหลปักใจเป็นแฟนคลับ แต่พี่ริชก็ยังคงเป็นพนักงานที่ดีเรียก ‘คุณกร’ แบบให้เกียรติเสมอ

“อัพเดตเรื่องหัวใจหน่อยครับ”  ผู้สื่อข่าวจำเป็นถามต่อ ดูท่าจะไม่สนใจอาหารตรงหน้าอีกแล้ว

“ก็ยังโสดครับ เหงาหน่อย แต่ก็พอทนได้”

“กรี๊ดดด/ เอ๊ยยย”  คราวนี้มีเสียงผมร่วมประสาน ทำไมมันฟังแล้วจั๊จี้หัวใจขนาดนี้วะเนี่ย! ผมกับพี่ริชนี่เขินจนตัวบิดกันไปแล้ว ป้าจิ๋มกับพี่เปี๊ยกก็อมยิ้มตามสไตล์ แต่เพื่อนโป้ยกลับยกมือเท้าคางมองหน้าพี่กรชนิดที่เรียกว่าตาสบตา

“หมายความว่าพี่อยากมีแฟนแล้วสิ?”

ทั้งคู่สบตากันอยู่หลายวิท่ามกลางกินอาหารญี่ปุ่นเจือบรรยากาศแปลกๆ คนร่วมโต๊ะแทบจะหยุดหายใจเพื่อรอฟังคำตอบ จนเมื่อพี่กรหลุบตาคล้ายยอมแพ้ ใบหน้าของดาราหนุ่มหล่อหันมาโปรยยิ้มให้ผู้รอคำตอบทั้งหลายประหนึ่งพวกเราเป็นนักข่าวบันเทิง

“ให้มันเป็นเรื่องของอนาคตดีกว่าเนอะ”

ขณะที่พี่ริชกำลังโห่แซวด้วยความเสียดาย โป้ยเป็นคนเดียวที่แค่นยิ้มออกมา มันคีบยำสาหร่ายสีเขียวปึ้ดเข้าปากอย่างสงบนิ่งพลางเหลือบมองรอยยิ้มหวานของพี่กร ผมเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ พลางลอบสังเกตการณ์ไปด้วย มุมปากมันบิดขึ้นเล็กน้อยอย่างกับหมั่นไส้ติดหมัดขึ้นมา และจู่ๆ มันก็พูดขึ้นมา

“ไม่ใช่ว่าพี่มีคนที่แอบชอบอยู่หรอกเหรอ?”

หื้ม??

ทุกสายตารวมทั้งผมพากันหันขวับจับจ้องไปที่พี่กร ถ้าใช่อย่างที่ไอ้โป้ยพูดล่ะก็คงต้องเป็นข่าวที่แม้แต่ปาปารัซซี่ไม่มีทางรู้แน่ แต่เดี๋ยวก่อน!!

“แล้วมึงไปรู้เรื่องพี่เขาได้ยังไง”  ผมแหวใส่มัน ผมก็นึกว่าโป้ยจะเสือกแค่เรื่องของผมเท่านั้น ไม่คิดว่าต่อมจะโตขนาดนี้

“แล้วมีเหตุผลอะไรที่กูจะรู้ไม่ได้”  คนข้างๆ หันมองผมด้วยสีหน้ายิ้มเยาะแวบเดียวก่อนจะกลับไปคาดคั้นคุณดาราที่จู่ๆ ก็นั่งตัวแข็งค้างเสียอย่างนั้น  “ผมพูดถูกหรือผิดครับพี่”

“..........”

“ตอบให้ถูกนะครับพี่ เพราะถ้าตอบผิด...ผมเสียใจแย่”

ไอ้โป้ยจัดไปอีกดอก พวกผมได้แต่กลืนน้ำลายเอื้อกลุ้นว่าปลายทางของคำถามจะเป็นอย่างไร เช่นเดียวกับที่โป้ยดูสนุกสนานเหลือเกิน

“พี่ขอขึ้นไปเคลียร์งานก่อนนะ”  ไม่ผิดตามแบบฉบับเดิมสักเท่าไหร่ สุดท้ายพี่กรก็หลีกหนีสถานการณ์ออกไปด้วยรอยยิ้มหวาน ไม่แม้แต่จะเหลือบหันไปทางโป้ยอีกเลย

ตัดกลับมาที่วงข้าวที่เหลือ คนเริ่มจุดชนวนดูจะอารมณ์ดี๊ดีอย่างน่าตบ มันเริ่มลงมือจับตะเกียบคีบนั้น เคี้ยวนี้เข้าปากไม่หยุด ไม่ได้สนใจรอบวงที่คันปากอยากจะเผือกแทบตายสักนิด พี่เปี๊ยกกับป้าจิ๋มน่ะช่างเถอะ แต่ผมกับพี่ริชนี่ต่อมสงสัยสั่นระริกจนใจกระตุกแล้ว สองคนผลัดกันส่งสายตาไปมาว่าใครจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน

“อร่อยว่ะ”  ไอ้โป้ยวางตะเกียบ ยกน้ำขึ้นซัดอึกๆ แล้วก็ลุกขึ้นยืน  “กูไปทำงานต่อนะ”

“เดี๋ยวดิวะ!”  ผมรีบโพล่งออกไปเพราะถูกพี่ริชสะกิดด้วยปลายเท้าอย่างแรง  “มึงนั่งลงเคลียร์ก่อน”

“เรื่อง?”  ไอ้โป้ยถามกลับเสียงใสพลางเดินตบพุงออกมานอกบริเวณโต๊ะ

“ก็ที่มึงถามพี่กรอย่างนั้นมันเสียมารยาทนะเว่ย แล้วที่มึงพูดด้วย”  ผมล่ะคาใจสุดๆ กับประโยคสุดท้าย ต่อให้พี่กรแอบชอบใครอยู่แล้วเพื่อนผมมันไปเกี่ยวอะไร มึงจะเสียใจทำซากอะไร เอ๊ะ? หรือว่ามันเป็นแฟนคลับพี่กร?

“จุ๊ๆ คนมีผัวแล้วอย่าเสือกสิครับ”  มันทำจุ๊ปากหลิ่วตาให้ผมแล้วก็สะบัดตูดเดินออกจากห้องไปทันที ดู๊ดูมันทำ! ว่าพี่ริชทำไมวะ!

“ต๊าย~ เด็กหยาบคาย”  พี่ริชเต้นเลยสิครับงานนี้  “คนมีสามีก็สนใจเรื่องชาวบ้านได้นะยะ!”

“ใช่! เพื่อนหยาบคาย”  ผมรีบชะเลียในทันทีทันใด  “การมีผัวใช่ว่าจะต้องหยุดเสือกซะหน่อย”

“สาบานว่าแกไม่ได้หลอกด่าพี่” 

“เปล่านะพี่”  ผมส่ายหน้าพรืดกับสายตาจิกที่อีกฝ่ายส่งมา การเปลี่ยนเป้าหมายในชั่วพริบตาเป็นผลให้ผู้ใหญ่ทั้งสองที่นั่งอยู่หัวเราะขบขันกันเสียงใส

“เราว่าโป้ยไม่ได้พูดถึงริชหรอก”  พี่เปี๊ยกเอ่ยเสียงนุ่ม ยิ้มให้เพื่อนจนตาเป็นสระอิ

“อ้าว? งั้นมันก็ว่าป้าจิ๋มน่ะสิ”

“อ๊าย! จะมาว่าป้าทำไมล่ะคะ ป้ายังไม่ได้พูดอะไรสักคำเลย”  ป้าจิ๋มแกก็รีบโบกมือโบกไม้ปกป้องตัวเองทันที

“ถ้าไม่ใช่ริชกับป้าจิ๋มจะเป็นใครได้อีกล่ะ”

พี่เปี๊ยกอมยิ้มกับคำถามของเพื่อนแล้วจึงหันมามองผม  “พี่เห็นโป้ยมองลุงตอนพูดนะ...”  พูดจบพี่แกก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปอีกคน ทิ้งคนสามคนให้นั่งมองหน้ากันตาปริบๆ

“ต๊าย~”  พี่ริชทำลายความเงียบด้วยเสียงสูงลากยาว สายตาที่มองผมเหมือนผีเห็นผีด้วยกันขึ้นมาทันที  “ร้ายนะยะ ซุ่มผู้เอาไว้ก็ไม่บอก”

“ไม่...ไม่ใช่”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณลุง ยุคสมัยนี้มันเรื่องปกติไม่ต้องเขินหรอกค่ะ”  ป้าจิ๋มกลับมองผมด้วยแววตาเห็นอกเห็นใจ  “ถ้าเปิดเผยออกมามันอาจจะทำให้คุณลุงมีความสุขขึ้นกว่านี้ก็ได้นะคะ”

“ไม่นะป้า...ผม”

สองสาวพากันลุกขึ้นเดินมาตบไหล่ผมด้วยความเข้าใจ ไม่มีใครเอ่ยถามความจริงสักนิด ทำไมไม่ให้ผมอธิบายบ้าง แล้วนั่น! จะเดินหนีไปไหนกัน!? กลับมาให้ผมเล่าความจริงก่อน! ผมมีเมียตัวใหญ่แค่นั้นเอง! แค่สูงกว่าผมหนึ่งช่วงหัว อกผายไหล่ผึ่ง สวนแตงก็พันธุ์งามน้ำดีเกรดส่งออกนอก...ก็เท่านั้นเอง

ทำไมโป้ยมันชอบกล่าวหาว่าผมเป็นผู้รักษาประตูนัก ถึงจะฝึกซ้อมมาไม่กี่สนามแต่ผมก็เป็นตัวยิงที่ใช้ได้นะ

เพื่อนเลวทราม!! ขอให้มันกรรมสนองต้องตกเป็นเมียผู้ชายในสักวันหนึ่งด้วยเถิด สาธุ!!





-------------------------------------------------------TBC.


หายไปนานน่าจะสองเดือนนิดๆ ย่อตัวขออภัยงามๆ เลยค่ะ
งานยุ่งจนเปลี้ยไปหมด พอมีเวลาว่างก็หมดแรงจะทำอะไรได้แต่สลายตัวเป็นหอยทากขี้เกียจ

กลับมาคราวนี้ก็มาชนกับเดือนตุลาเข้าอีก สองจิตสองใจว่าจะรอให้พ้นเดือนนี้ไปก่อนดีมั้ย แต่ก็ติดค้างคนอ่านมาตั้งนานแระ
ก็เลยตั้งใจจะทยอยลงสลับกับกระต่ายจนถึงวันที่ 12 นะคะ (ห้ามเข้าใจผิดว่าลงทุกวันเด็ดขาดนะ มันเสียประวัติหอยทาก!)
และนับจากวันที่ 13 - 31 จะของดลงเรื่องใดๆ อีกครั้ง เพื่อเป็นการไว้อาลัยนะคะ

จึงเรียนมาเพื่อทราบ // ขออภัยในความเอื่อยเฉื่อย

L@DY MELLOW

หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 02-10-2017 01:55:24
ดีต่อใจจริง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 02-10-2017 02:17:18
กลับมาต่อแล้ว ดีใจจริงๆ แถมพี่กรกะลังจะโดนรุก... น่าติดตามๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 02-10-2017 02:29:48
เมื่อไหร่ลุงจะรู้ตัวคะ  :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-10-2017 03:53:09
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 02-10-2017 06:25:38
อร้ายยย :ling1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-10-2017 07:21:41
ดีใจ ไรท์มา  :mew1: :mew1: :mew1:

กินข้าวไป อ่านไป
ผิดต่อเรื่องมาก ผิดต่อผู้ร่วมพักอาศัยในคอนโดจริงๆ
ผลก็คือ ฮา กร๊าก ลั่นคอนโดตอนเช้าตรู่  :laugh: :mew2: :mew2:
เรื่องมีผัว ที่ลามไปหาพี่ริช ป้าแม่บ้าน
แล้วพี่เปี๊ยกตัดจบมาที่ลุง กร๊ากกกก :m20: :m20: :m20:

พี่ปูน ต้องซาบซึ้งมาก ที่ตอนไม่สบายแล้วสามีดูแล
ยิ่งคนที่ขาดความอบอุ่นทางครอบครัวด้วยแล้ว
ยิ่งประทับใจ ผูกพันทวีคูณ
ลุง น่ารักสุดๆ
พี่ปู ลุง  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

พี่กร ยังไม่กล้ากับโป้ยต่อไป
โป้ย รุกเลย อุตส่าห์ตามมาทำงานด้วย
ทั้งที่ทำที่อื่นได้เงินมากกว่า
 เพราะชอบพี่กร เกินกว่ารุ่นพี่
ต่างฝ่ายต่างนิ่งดูเชิงกันนานไปแล้วนะ
จนคู่พี่ปูน ลุง ล้ำหน้าและ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 02-10-2017 07:28:34
ลุงเอ้ยยยย เขารู้กันหมดแล้วว่าหนูน่ะมีผัว เมื้อไกร่ตัวหนูเองจะรู้ละคะะะ รอพี่ปูนมาแสดงจริงจังอยู่ใช่ม้าาา อิอิ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 02-10-2017 07:38:10
คำแช่งของลุงจะเป็นจริงไหมหนอ รู้สึกว่าโป้ยจะเมะนา
รอตอนต่อไปค่ะ

ปล. เพิ่มระยะห่างระหว่างบรรทัดอีกสักนิดนะคะ เพื่อความสบายตา
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 02-10-2017 09:15:17
พี่ปูนไปไหนไม่รอดแล้วเจอน้องลุงโหมดนี้

ขอให้คำแช่งของน้องลุงเป็นจริงนะ  :hao7:

 :pig4: :กอด1: :L1:

หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: yumenari ที่ 02-10-2017 09:41:18
มาเถอะ มาดีแล้ว ดีใจจนตัวสั่น 555555

เน่ๆ ผัวลุงดูแลอย่างดีเบยยย

รักโป้อะเล่นซะพี่กรจุก

เด้วเจอเล่นคืน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 02-10-2017 13:47:13
ยินดีต้อนรับกลับเล้าค่ะ

จากนี้ขอให้งานไม่หนักเกินไปนะคะ

-----------------
อยากมีผัวแบบลุง ช่างน่ารักน่าฟัดเหลือเกิน
และขอให้โป้ยโดนพี่กรรุกสักที หมั่นไส้ไอ้อาการรู้ไปหมด หูตาแพรวพราวนั่นเหลือเกิน!
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 02-10-2017 14:30:00
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 02-10-2017 16:05:46
อร๊ายมาต่อแล้ว ดีใจมาก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 02-10-2017 16:37:04
คิดถึงลุงมากกก

ตอนนี้ลุงแมนมากกก


55555 สมกับเป็นผัวจริงๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 02-10-2017 16:59:32
 :laugh:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 02-10-2017 17:16:27
เห็นอัพตอนใหม่แล้วแทบไม่เชื่อสายตา ฮ่าๆ รอลุงมานานมากกก ไม่คิดเลยว่าพอมาทีจะเจอกับพี่ปูนป่วย ฮ่าๆๆ พอป่วยแล้วความน่าหมั่นไส้ลดลงพอประมาณดูน่าเอ็นดูเชียว ลุงก็แสนดีเหมือนเดิมพี่ปูนควรจะดีใจนะคะที่มีสามีดีๆแบบนี้  :hao3:

ส่วนคู่โป้ยกร เราหมั่นไส้โป้ยนะชอบทำว่าเหนือว่าพี่กรตลอดเลยจนบางทีอยากให้มีตอนที่พี่มันไปชอบคนอื่นนะ โป้ยจะได้รู้สึกซะบ้าง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: MorethanMore ที่ 02-10-2017 17:42:13
เพื่อนน่าจะได้เมียเป็นผชนะลุง แต่พี่กรเป็นผัวจะดีต่อใจมาก เราเชียร์พี่กรผัวอะเอาจริง 555

ลุงน่ารักมาก น่ารักเว่อร์ ๆ พี่ปูนก็งอแงดี
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ก้มหน้าก้มตา ที่ 02-10-2017 17:46:10
 :mew1: :hao7: :hao5:
กลับมาแล้ววววววววววว
เม้นก่อนอ่านเลยคร๊า
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 02-10-2017 21:20:07
 :L2: :L1: :pig4:

รักกกก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 02-10-2017 22:20:43
คืดถึงงงงงงลุงงงง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 02-10-2017 22:45:10
สงสารลุงเขานะคะยังไม่รู้ตัวอีก :jul3: :m20:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 02-10-2017 22:52:16
มาต่อแล้วคิดถีงๆๆ

ลุงดูแลปุริมดี๊ดี จะทำให้ปุริมรักปุริมหลงไปถึงไหน  แต่ก็นั่นแหล่ะนะ อยากจะจับฟัดก็ติดคำว่าเมียค้ำคอ รอต่อไปจนกว่าลุงจะรุ้โพสิชั่นตัวเอง  :laugh:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 02-10-2017 22:55:06
สงสารลุงโดนรุมซะงั้น ขนาดพี่เปี้ยกไม่ค่อยพูดยังพาดพิงได้
ทำใจเถอะลุง ก็เป็นขวัญใจของเพื่อนๆนะ ว่าแต่โป๊ยโหดนะ สงสารพี่กรจัง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 03-10-2017 00:07:12
โป๊ยร้ายอ่ะ 

ลุงเป็นสามีที่ดีนะเนี่ย คอยดูแลเมียป่วยอย่างดีเลย   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 03-10-2017 00:39:06
มาแล้ววววว
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Krajeeqx ที่ 03-10-2017 00:53:38
เซ็กซี่กายหมดสภาพไปเลยนะคะคุณปุริม ส่วนคุณลุงนี่มีความเป็นคุณพ่อสูงมาก 55555 น่ารัก ถ้าเราเป็นพี่ปูนนี่คงหลงแล้วหลงอีก
 :impress2:

ปอลอ. โป้ยแกร้ายมาก ต้อนพี่กรซะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-10-2017 01:53:41
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 03-10-2017 08:35:53
เห็นลุงอยู่ดีมีความสุขเราก็ชื่นใจ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 03-10-2017 08:39:24
ยังคงความเป็นคุณลุงได้อย่างเหนียวแน่น :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 03-10-2017 08:44:40
พัทลุงคงความน่ารักอย่างสม่ำเสมอ :mew1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 03-10-2017 09:34:08
มีสามีคอยดูแลยามป่วยไช้ มันดีอย่างนี้เองเน๊าะพี่ปูน วันหลังต้องป่วยบ่อยๆ
"พี่เป้นเมียผมนะ" โพสซิชั่นยังไม่กระจ่างอีกคนเรา 555
เชียร์โป๊ยกับพี่กรต่อไป ฮูเร่ๆๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 03-10-2017 12:56:11
โหย โป๊ยร้ายเวอร์ ไม่รู้ใครจะรุกใคร

พี่ปูน่ารักอ่ะตอนนี้  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 03-10-2017 12:59:33
โอ้ยยย

อยากอ่านต่อแล้วว
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 03-10-2017 19:25:05
ลุงดูแลซะขนาดนั้นพี่ปูนไปไหนไม่รอดแน่
คุณกรกะเพื่อนโป้ยนี่ดูเชิงกันอยู่ใช่ไหม ใครสารภาพก่อนแพ้ไรงี้
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ous_p ที่ 03-10-2017 19:44:15
ไก่ก็ยังเชื่อในความแมนของตัวต่ิอไป
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 03-10-2017 19:56:05
คิดถึงลุง คิดถึงพี่ปูน คิดถึงคนเขียน :hao5:
ยอมรับเหอะว่าลุงคือเมียพี่ปูน คิดถึงสวนแตงขนาดนั้นก็ไม่ธรรมดาแล้วนะ 5555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 03-10-2017 20:30:18
มาล้าวววว
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 03-10-2017 20:44:09
ลุงเอ้ย ยังจะคิดว่าเป็นคนยิงประตูอีกนะ :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 04-10-2017 04:37:35
สงสารพี่กร เหมือนโป๊ยเล่นกับความรู้สึก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 04-10-2017 12:03:42
ชอบมาก นีอยากเสือกเรื่องโป้ยมากเลยแสดงว่านังรู้นานแล้วแน่เลย :ling1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 04-10-2017 12:07:31
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 04-10-2017 13:52:09
รอลุ้นว่าเมื่อไรลุงจะไม่ต้องมโนว่าเป็นผัวสักที กร๊ากกกก

โป๊ยแกร้ายมาก แต่ๆๆๆๆ คำแช่งลุงจะจริงหรือเท็จ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 04-10-2017 15:30:17
โอ๊ยยยยหลงรักกับความโง่ เอ๊ย ความซื่อของ คุณลุง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: LifePo-YuGu ที่ 04-10-2017 16:55:48
เย้ๆๆๆๆ ตามทันแล้ววว
เป็นนิยายแนวหวาน กวน มึน สุดๆๆ ชอบมากก  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 04-10-2017 20:09:34
เพลียกับความมโนแจ่มของลุง อ่านตอนนี้จบ
อยากถามลุงว่าความหลัวของลุงมันยังมีอยู่หรอ
นี่มันคุณแม่บ้านชัดๆนะคุณลุง
พี่เปี๊ยกผู้ร้ายกาจจ ขนาดพี่เปี๊ยกยังรู้ อีลุงเอ้ยย
โป้ยรุกแล้ว อีพี่กรอย่าหนีสิ ป๊อดจริงๆเล้ย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 05-10-2017 07:03:41
เมื่อไหร่ลุงจะเลิกคิดว่าตัวเองเป็นผัวซะที แหม่ ที่ลุงเป็นอยู่ทุกวันนี้นี่เมียชัดๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 05-10-2017 20:57:22
ความลุงไม่เคยแพ้ใครในโลก เรื่องหลงตัวขอให้บอก ยังไม่รู้ตัว คนอื่นเค้าดูออกหมด
ลุงน่ารักนะ มองเห็นความน่ารักของปูนด้วย แถมเป็นสามีที่ดี คอยดูแลบ้านช่อง 55555

ปูนก็อาการหนักนะ อ้อนลุงหรอ แล้วพึ่งออกจากบ้าน ยังไม่ทันทำงาน ถามจะให้กลับบ้านละ เนียนนะ

ตลกโป้ย คือรู้หรอ หรือไง ชอบทำตัวมีความลับนะ
กรก็เก็บกดไปเหอะ จะออกตัวแรงก็ไม่ได้ หรือว่าคู่นี้เค้าตกลงกันลับหลังแล้ว

หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 06-10-2017 01:58:57
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 06-10-2017 09:41:47
รักไก่น้อยแสนซื่อ จะคอยตามลุ้นนะคะว่าจะเสร็จสมภารเมื่อไหร่ 555  :hao3:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 11 _ไก่อ่อนสอนขัน_ || 2-10-60 หน้า 19 ||
เริ่มหัวข้อโดย: NongJesZa ที่ 06-10-2017 16:35:43
เย้ๆๆ มาต่อแล้ว คิดถึงลุง น่ารักตลอดแหละลุง~ กิ้วๆ  :o8:
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 10-10-2017 03:10:37
ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_




[ปอ.โป้ย] 



ผมชื่อ ‘โป้ย’ ที่เพี้ยนมาจาก ‘โป่ย’ ในภาษาจีนแต้จิ๋วที่แปลว่าแปด อากงแกเรียกส่งๆ ตั้งแต่ผมเพิ่งเกิดเพราะว่าเป็นหลานคนที่แปดที่เกิดจากลูกชายคนที่แปดของแก นับจากนั้นคนทั้งตระกูลก็เลยเรียกกันตามเลยแบบที่ไม่คิดว่าชื่อนั้นจะฟังดูประหลาดแค่ไหน

ชีวิตในครอบครัวก็ไม่จัดว่าเรียบง่ายนักสำหรับการอยู่รวมกันกว่าสิบชีวิตในบ้านหลังใหญ่ บ้านเดี่ยวบนพื้นที่จำกัดแต่ถูกพลิกแพลงสร้างขึ้นเป็นตึก 4 ชั้นพร้อมกับลิฟต์โดยสารขนาดเล็ก หนึ่งชั้นต่อหนึ่งครอบครัวอยู่รวมกันเหนียวแน่นมานาน ลูกเด็กเล็กแดงวิ่งกันกระจองอแงช่างน่ารำคาญดีแท้ แต่ที่เรียกได้ว่าสงครามย่อมๆ ก็คงหนีไม่พ้นวันรวมญาติในเทศกาลต่างๆ ในวันนั้นบรรดาอาแปะกับอาโกวที่ยังมีชีวิตอยู่ก็จะขนครอบครัวมาเคารพอากงที่ยังแข็งแรงดุจต้นไม้ร้อยปี

อากงนั้นเป็นผู้เฒ่าใจดีที่มีชื่อเสียงเลื่องลือมานานในย่านร้านตลาด ใครลำบาก ใครมีปัญหาแกจะยื่นมือเข้าช่วยเท่าที่ทำได้ ส่งผลให้แกกลายเป็นประธานชุมชนมาหลายปีหลายสมัย ผมเดาว่าบุญบารมีที่แกสั่งสมบวกกับการรำไท่เก๊กที่แสนโปรดปรานในทุกเช้านั้น ทำให้อากงสุขภาพแข็งแรงยิ่งกว่าลูกสาวลูกชายแกบางคนเสียอีก และด้วยความที่แกเป็นผู้เฒ่าผู้แสนใจดีชอบเล่นกับเด็ก จึงทำให้ผมที่อาศัยร่วมชั้นกันนั้นทนไม่ไหวจนแทบจะเป็นประสาท

ใครว่าครอบครัวใหญ่ดีก็ช่างเหอะ แต่ผมขยาดการมีลูกก็เพราะอยู่ในครอบครัวใหญ่นี่แหละ!

เล่นกับเด็กก็พอไปไหวอยู่หรอกแต่จะให้มาขลุกอยู่ด้วยเห็นทีคงไม่สามารถ อาม๊าเห็นผมใกล้จะบ้าเลยเห็นควรว่าผมต้องออกไปใช้ชีวิตที่เงียบสงบของตัวเอง และนับจากอายุ 17 เป็นต้นมาชีวิตของผมก็ราบรื่นสงบสุขดีเยี่ยม

แขกประจำห้องพักของผมมีสองคน

หนึ่งคือพัทลุง ผู้ที่เห็นว่าสถานที่ที่ไร้ซึ่งผู้ปกครองคือสวนสวรรค์ นับว่าห้องนี้เปิดซิงเพื่อนผมในหลายๆ เรื่อง เช่น ดูหนังโป๊ครั้งแรก ดื่มเหล้าครั้งแรก ลองบุหรี่ครั้งแรก และเนื่องจากการอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ของผม มันจึงได้มีเซ็กส์ครั้งแรกกับแฟนคนแรกในห้องนอนแขกที่มีมันเป็นคนแรกที่ได้นอน คิดเอาแล้วกันว่าผมรักเพื่อนคนนี้มากแค่ไหน...

คนที่สอง คือพี่ชายที่ได้รู้จักกันมาตั้งแต่ผมยังเพิ่งเดินเตาะแตะ แม่ของพี่ชายคนนี้ถูกอากงช่วยเหลือไว้ในยามที่ลำบากที่สุดในชีวิต อากงมักชื่นชมความสู้ชีวิตของแม่ลูกคู่นี้ให้ฟังบ่อยๆ มีการเรียนรู้พัฒนาตัวเอง ขยันอดทน ซื่อสัตย์ไว้ใจได้ อากงเคยปากกัดตีนถีบมาก่อน คำว่าเสื่อผืนหมอนใบก็ประสบมาแล้ว ดังนั้นเมื่อเจอคนไม่งอมืองอเท้าแม้เจียนตาย ซ้ำยังเป็นแม่หม้ายลูกเล็ก อากงเลยเอ็นดูสองแม่ลูกคู่นี้มากเป็นพิเศษ ‘นึกถึงสมัยที่อาป๊าหอบอั๊วโล้สำเภากันมา ลำบากแสนเข็ญ เลือดตาแทบกระเด็นกว่าจะลงหลักปักฐานมั่นคง ถ้าอั๊วท้อแท้ยอมแพ้โชคชะตาพวกลื้อจะมีหน้ามายืนจับผิดอั๊วอย่างนี้รึ พวกลื้อมันเกิดมาบนกองเงินกองทอง ไม่เข้าใจหรอกว่าการอดมื้อกินมื้อเป็นยังไง’ นั่นคือสิ่งที่อากงเคยพูดกับทุกคนยามที่ลูกหลานบางคนค่อนข้างจะต่อต้านที่อากงเอ็นดูแม่หม้ายกับลูกติดคนนั้นจนเกินควร

นอกจากจะส่งเสียให้เรียนหนังสือเพิ่มเติมแล้ว ยังสอนวิชาค้าขายไว้ให้ติดตัว แถมเมื่อถึงเวลายังหาสามีให้คอยเกื้อหนุนกัน แม้ไม่ร่ำรวยเงินทองแต่ความพากเพียรจะต่อยอดให้เอง ผมยังเคยแอบได้ยินว่าคุณน้าสั่งสอนลูกชายให้เคารพอากง เติบใหญ่ต้องตอบแทนคุณห้ามเนรคุณเด็ดขาด

สำหรับคุณน้า อากงคงเหมือนผู้ช่วยชีวิต เหมือนผู้ให้ลมหายใจครั้งที่สอง ต่อเมื่อถึงเวลากางปีกโบยบินออกไปก็ยังหมั่นมาเยี่ยมเยียนปรนนิบัติอากงจนถึงทุกวันนี้ และพี่ชายคนนั้นที่คล้ายจะเป็นพี่เลี้ยงและเพื่อนเล่นของผมมาตลอดก็ยังคงความสนิทสนมกัน แม้จะจับพลัดจับผลูได้เป็นดารามีชื่อเสียงก็ยังคงซาบซึ้งในบุญคุณของอากงและเอ็นดูผมไม่เปลี่ยนแปลง

พันกร คือคนดีที่ยึดมั่นในคำสอนสั่งของมารดา ความคิดและความรู้สึกของตัวเองอย่างที่สุด...

เพราะฉะนั้นผมถึงได้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนๆ นี้ถึงได้มีความอดทนและมั่นคงจนน่าสงสารขนาดนี้ ทั้งที่สามารถหาผู้หญิงเพื่อคลายความรุ่มร้อนได้ หรือแม้กระทั่งดาราด้วยกันที่หมั่นขายขนมจีบให้ ตลอดมาจนถึงตอนนี้นอกจากผู้หญิงชั่วคืนที่นานๆ จะมีมาให้รับรู้สักคน พันกรก็คือผู้ชายไร้แฟนที่ชีวิตมีแต่งานกับครอบครัว...และตัวผม

แต่ถึงอย่างนั้น...เขาก็ไม่กล้ายื่นมือมาหาผมอย่างจริงจังสักที

.

.

.


พี่กรก็คือพี่ชายที่สนิทกันมากคนหนึ่ง ฉลาด ใจดี และนอบน้อม อาจจะเพราะด้วยการปลูกฝังทำให้พี่กรไม่เคยขัดใจผมแม้แต่น้อย ไม่ว่าอยากได้ อยากกินอะไร แม้แต่ของส่วนตัวขอเพียงผมชอบก็ยกให้อย่างไม่อิดออดเสียดาย พวกเราตัวติดกันเสมอทั้งกลางวันกลางคืน แม้ต่อมาผมจะมีลุงเป็นเพื่อนซี้แต่พี่กรก็ยังคือที่หนึ่ง ความสัมพันธ์ดำเนินในรูปแบบนั้นมาเนิ่นนาน จนกระทั่งคุณน้าแต่งงานใหม่และพาพี่กรย้ายออกไปเพื่อเริ่มต้นชีวิต

ผมเริ่มรับรู้ว่าความคิดแบบเด็กๆ ที่ว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไปนั้นมันไม่ยั่งยืน

ผมเริ่มโต พี่กรเองก็มีชีวิตของตัวเองโดยไม่ต้องคอยมองหน้าดูความรู้สึกใคร ตำแหน่งที่หนึ่งของพี่กรในใจเริ่มสั่นคลอน แต่ผมก็พยายามรักษามันไว้ด้วยการไปพบปะกันบ่อยๆ อย่างน้อยถึงไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดไป แต่ตำแหน่งพี่ชายที่สนิทที่สุดจะยังรักษาไว้ได้

จนกระทั่งคืนหนึ่งในวัย 17

ผมกับพี่กรก็แทบหมดแรงข้าวต้มเพราะช่วยกันย้ายของเข้าห้องใหม่ หลังจากกินข้าวก็พากันพักผ่อนนั่งดูทีวีด้วยกัน ด้วยความอ่อนล้าผมจึงหลับตาลงเพื่อผ่อนคลาย

‘โป้ย...’

เสียงพี่กรเรียกอยู่ข้างกาย แต่ผมก็ยังปิดตาแสร้งเป็นหลับ พี่กรเรียกอยู่อีกสองสามครั้ง เสียงนั้นใกล้เข้ามามากขึ้นจนผมรู้สึกว่าใบหน้าคงแทบจะชิดกันอยู่แล้ว ผมกะจังหวะให้อีกฝ่ายคลายใจจากนั้นจะร้องตะโกนดังๆ ให้ตกใจจนร้องเสียงหลง ผมลอบกระหยิ่มใจกับแผนการ -- แต่เรื่องราวมันกลับตาลปัตร

ริมฝีปากถูกความนุ่มหยุ่นแตะต้อง ผมพยายามควบคุมตัวเองให้อยู่นิ่งๆ แม้ว่าความตกใจเกือบทำให้ลืมตาขึ้น ในหัวสมองกำลังขับเคลื่อนขบคิดไม่ต่างจากเครื่องจักร ทุกเหตุผล ทุกสาเหตุ ทุกการกระทำที่ผ่านมาหมุนวนอยู่ในระบบความคิด

ซ้ำแล้วซ้ำอีกราวกับจะเน้นย้ำความจริงที่เกิด ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าริมฝีปากของมนุษย์จะนุ่มได้ขนาดนี้ อุ่นแล้วก็ชุ่มชื้น แถมยังทิ้งความรู้สึกโหยหานิดหน่อยยามถูกผละจาก

ยิ่งกว่าคำถามว่าทำไม ผมกลับตกใจว่าทำไมตัวเองถึงยินยอมง่ายๆ ต่างหาก อีกฝ่าคือคนที่เหมือนที่พี่ชาย คือผู้ชายที่อายุมากกว่า แต่ตัวเองกลับไม่คิดที่จะปัดป้อง ไม่คิดที่จะลืมตาขึ้นเปิดเผยความจริงด้วยซ้ำ มันคือความยินยอมที่ปะปนกับความหวาดกลัวเล็กๆ

หลังจากนั้นหลายสิบนาทีผมแสร้งทำเป็นตื่นขึ้น ทุกอย่างกลับสู่สภาพปกติ พี่กรปฏิบัติกับผมเหมือนเดิม มองหน้า พูดคุย หัวเราะ แต่เป็นตัวผมเองที่รู้สึกว่าทุกอย่างนั้นไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แอบคิดไปบ้างว่าจูบนั้นคือครั้งแรกหรือไม่ ความใจกล้าแบบขี้ขลาดตาขาวนั่นเคยเกิดขึ้นมาแล้วกี่ครั้ง ในขณะที่ผมมองพี่กรเสมือนพี่ชายแท้ๆ พี่กรกำลังมองตัวผมในสถานะใด

นั่นคือครั้งแรกที่คิดถอยห่างออกมา

จากนั้นผมจึงคล้ายสร้างกำแพงบางๆ ขึ้นมาระหว่างเรา โดยอาศัยข้ออ้างของความเปลี่ยนแปลงต่างๆ นานา คล้ายห่างแต่ก็ไม่ห่าง ที่หนึ่งในใจของผมยังคงเป็นพี่กรเพียงแต่มันเจือจางลงเท่านั้น

หลายครั้งที่เกิดเหตุการณ์เช่นเดิม ถ้าไม่แสร้งหลับ ผมก็แกล้งเมา พี่กรจะเรียกผมจนแน่ใจแล้วจึงทำตัวขี้ขลาดแบบเดิม จูบผม หอมแก้มผม บอกรักผม... หากพอตื่นขึ้นทุกอย่างราวกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่นทำให้ผมหัวเสียไม่น้อย แต่ที่น่าโมโหยิ่งกว่าคือผมไม่เข้าใจตัวเองเอาเสียเลย

ความสัมพันธ์เว้าๆ แหว่งๆ นี้ดำเนินมาหลายปี ผมมีแฟน เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหลายต่อหลายคน พี่กรเองก็เป็นดารามีชื่อมากขึ้นเรื่อยๆ ความห่างแค่กำแพงกั้นนั้นแทบจะกลายเป็นคนแปลกหน้า นอกจากการโทรคุยกันแล้วก็มีเพียงบนจอทีวีเท่านั้นที่ผมจะได้เห็นหน้าพี่กร

ความรู้สึกของผมมันผิดแผกไปหมด ไม่ว่าจะคบกับใครก็ไม่ยืดยาวและในที่สุดผมก็ไม่คิดคบกับใคร จะมีก็แต่ความเร่าร้อนชั่วคืนที่ช่วยสยบความพลุ่งพล่าน พี่กรทำให้ผมกลายเป็นแบบนี้ บิดเบือนความรู้สึกผมจนบิดเบี้ยวและก็ปล่อยทิ้งไว้ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนมันยากจะคืนรูปเดิม ผมบอกกับตัวเองว่าช่างมัน! โยนทุกอย่างทิ้งไปซะ ไหนๆ ก็ห่างหายกันแล้วก็ตัดขาดไปเลยดีกว่า

‘เอ่อ...พี่เพิ่งเปิดบริษัทน่ะ...แบบว่ารับออกแบบสื่อโฆษณา...คือ...โป้ยอยากมาทำงานกับพี่มั้ย?...พี่รู้ว่าที่นั่นดีกว่า...พี่เองก็คงให้เงินเดือนได้ไม่มากเท่า...แต่ว่า...คือ...พี่ก็อยากให้โป้ยมานะ...แต่--”

‘ตกลงครับ’

‘จริงเหรอ!! ไม่สิ เก็บเอาไปคิดก่อนเถอะ คิดเยอะๆ ก่อน ปฏิเสธพี่ได้นะ’

‘ผมจะไปครับ’

เป็นอีกครั้งที่ผมไม่เข้าใจตัวเอง

ผมเรียนจบมาด้วยคะแนนเกียรตินิยม ผลงานระหว่างเรียนนั้นก็มีเยอะแยะ ทั้งได้รางวัลมาประดับสมุดรวมผลงานก็มากมาย บริษัทที่ทำอยู่ก็เป็นเอเจนซี่ชื่อดังที่รับผมเข้าอย่างง่ายดาย เงินเดือนก็ไม่น้อยเลยถ้าเทียบกับการเป็นเด็กใหม่ในวงการ แต่...นั่นแหละ ผมปฏิเสธทุกอย่างเพื่อไปเริ่มต้นกับบริษัทเล็กๆ ที่มีพนักงาน สี่คนรวมทั้งตัวผม พี่เปี๊ยกนั้นผมพอจะได้ยินชื่อเสียงมาบ้าง แกเป็นจิตกรที่ผันตัวเองจากการรังสรรค์บนผืนผ้าใบมาสู่หน้าจอคอมฯ และก็ทำได้ดีเอามากๆ แต่อาร์ตติสตัวจริงคนนี้กลับเลือกอยู่บริษัทเล็กๆ ที่เหมือนครอบครัว แทนบริษัทใหญ่ๆ ที่พร้อมยื่นข้อเสนอมากมายเพื่อให้ได้แกไป

พี่กรไม่ได้ลืมวิชาค้าขายที่อากงหมั่นสั่งสอนสักนิด ผมเห็นมาด้วยตาตัวเองหลายครั้งว่าผู้ชายคนนี้ครบเครื่องในการหว่านเสน่ห์ของตัวเองเพียงใด ทั้งการพูดจาหว่านล้อม กิริยามารยาท และการเชื้อเชิญอย่างมีชั้นเชิงนั้น ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมบริษัทเล็กๆ อย่างนี้ถึงมีงานเข้ามาไม่ขาดสาย เป็นงานจากแบรนด์ชั้นนำบ้าง จากพวกไฮโซที่ทำธุรกิจบ้าง แม้กระทั่งพวกแฟนคลับที่เปิดธุรกิจน้อยใหญ่ ตอนนั้นผมคิดว่าพี่กรช่างเก่งกาจเหลือเกิน

ต่อเมื่อเจอพี่ปูนครั้งแรกผมถึงได้สรุปกับตัวเองว่า ช่างสมกับเป็นหุ้นส่วนกันแล้วล่ะ คนหนึ่งก็รู้จักหว่านเสน่ห์ อีกคนก็มีเสน่ห์โดยไม่ต้องหว่าน แถมยังรู้วิธีเข้าหางาน เข้าถึงคน

ไม่นานหลังจากนั้นผมถึงชวนลุงเข้ามาทำงานด้วยกัน เพราะงั้นงานที่หนักจนล้นจึงเบาแรงลง เพื่อนผมคนนี้เป็นคนจินตนาการสูงลิ่ว เกือบถึงขั้นเพ้อเจ้อ การที่ผมเลือกเรียนด้านนี้ก็เพราะตามลุงมาเรียนด้วยนั่นเอง เพียงแต่ว่าผมฉลาดกว่าก็เท่านั้น เพราะถ้าดูจากสมุดรวมผลงานล่ะก็ลุงไม่น้อยหน้าผมแน่นอน

‘กูไม่ชอบพี่ปูนอะ มันต้องเป็นไบโพล่าแน่ๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายตลอด...หรือมันก็ไม่ชอบกูเหมือนกันวะ’

จากคำให้การของลุงผมจึงเริ่มสังเกต มีหรือที่คนเรามักจะคอยแอบมองคนที่ไม่ชอบ สายตาที่มองคนที่เกลียดไม่ควรลึกซึ้งมีความนัยอย่างนี้ ทำไมคนเป็นเพื่อนถึงได้ขี้ขลาดเหมือนกันล่ะ คิดว่าไอ้ประกายวิวับจากแววตานั่นจะไม่มีคนสังเกตเห็นหรือ ทั้งกิริยาคำพูดหรือแม้แต่การกระทำไม่คิดหรือว่าจะมีคนจับสังเกตได้น่ะ ถึงลุงมันจะซื่อจนไม่เฉลียว แต่ไม่รู้กันเลยหรือไงว่าผมเป็นคนลาด

ถึงพวกพี่จะแสดงตบตาเก่งสักแค่ไหน แต่ผมก็ไม่ใช่นกเอี้ยงที่เอาแต่เกาะหลังควายไปวันๆ หรอกนะ   

ในเมื่อเสแสร้งแสดงเก่งกันนัก ผมก็จะขอดูหน่อยแล้วกันว่าจะไปได้ถึงแค่ไหน

หลายปีเชียวล่ะ...

จนกระทั่งในคืนหนึ่งที่ผมกับเพื่อนวิ่งหาตัวไอ้ลุงขี้เมากันไปทั่วผับ โทรศัพท์จากพี่ปูนก็ดังขึ้นเพื่อบอกผมว่าเก็บพัทลุงได้ ทำทีหยั่งเชิงผมว่าจะเลือกไปรับลุงกลับ หรือจะปล่อยให้นอนค้างกับตัวเอง เมื่อผมทำทีตกกระไดพลอยโจน พี่ปูนก็ฮุบเหยื่อทันที

‘พี่ปูน...’

‘ว่า’

‘พี่จะไม่ทำอะไรมันใช่มั้ย?’

‘จะให้ทำอะไร เอาเข็มเย็บปากมันน่ะเหรอ’

ก็เป็นห่วงเพื่อนอยู่หรอกนะ แต่ถ้าพี่ปูนจะปล้ำลุงล่ะก็คงหาโอกาสไปนานแล้ว ผมจึงวางใจได้ส่วนหนึ่ง แต่ไม่นานหลังจากนั้นไอ้ลุงก็แจ้งข่าวกับพวกผมว่ามีเมียแล้ว แถมยังได้มาเพราะการเมา ตอนนั้นผมสรุปกับตัวเองได้อย่างรวดเร็วว่าเป็นใคร แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไรพี่ปูนก็ไม่มีทางโดนกดโดยไอ้เด็กเตี้ยนี่ได้แน่นอน นอกเสียจากว่านี่คือแผนที่วางไว้ทอดสะพานล่อหลอกคนซื่อให้ข้ามไปก่อนจะทุบท่าข้ามทิ้ง ไม่มีอะไรหลอกล่อลุงได้ดีเท่าการรับผิดชอบของสุภาพบุรุษผู้แสนดีที่มันถูกปลูกฝังมาแต่เล็กแต่น้อย

ผมจึงรู้ว่าแท้จริงแล้วพี่ปูนไม่ได้ขี้ขลาดหรอก เพียงแต่เป็นเสือที่รอเหยื่ออย่างใจเย็นต่างหาก และเมื่อสบโอกาสก็ทำเป้าหมายของตัวเองให้สำเร็จ



...แล้วเป้าหมายของผู้ชายคนนั้นคืออะไร?



พี่กรทำให้ผมหงุดหงิดเอามากๆ ทุกครั้งที่ออกอาการเหมือนหึงหวงผม แต่ก็ทำตัวเป็นผืนน้ำนิ่งสงบในเวลาต่อมาได้อย่างน่าชื่นชม ยิ่งเห็นพี่ปูนก้าวหน้าในเป้าหมายของตัวเองมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น มากจนทนไม่ไหวอีกแล้ว...

.

.

.



“มึงอะๆ เพื่อนชั่ว!”  ลุงปรี่เข้ามาหาผมพร้อมเสียงง้องแง้งตามสไตล์ กำปั้นไร้เรี่ยวแรงของมันทุบไหล่ผมระบายอารมณ์ไม่หยุด ปากมันก็กร่นด่าผมไปด้วย  “เพราะมึงพูดอย่างนั้นอะ พี่เปี๊ยกเลยเข้าใจผิด คนอื่นก็เลยเข้าใจผิดไปหมดเลย!”

“กูพูดผิดตรงไหน?”  ผมถามกลับสีหน้าระรื่น แกล้งไอ้คุณลุงนี่มันเป็นความบันเทิงสำหรับผมจริงๆ

“ตรงที่มึงบอกว่าคนมีเมียแล้วห้ามเสือกอะ”

“กูเอ่ยชื่อมึงเหรอ?”

“มึงไม่พูดแต่พี่เปี๊ยกบอกว่ามึงมองมาทางกูนี่”  มันยังทำสะบัดสะบิ้งไม่หยุด อารมณ์ลูกคนเล็กมาเต็ม  “ฟังให้กระจ่างเลยว่ากูไม่ได้เป็นเมียใคร!”

“เหรอ...”  แต่อีกไม่นานหรอกมั้ง ผมต่อให้เพื่อนในใจ

“เพราะงั้นห้าม! ห้ามมึงพูดจาให้ร้ายกูเด็ดขาด”  ว่าแล้วมันก็ทำแก้มตูมตามนิสัย

ผมส่ายหัวให้เพื่อนที่ไม่เคยมองโลกแห่งความจริงซะบ้าง  โดนพี่ปูนรุกคืบมาตั้งขนาดนี้ มันยังจะกล้าคิดว่าตัวเองฟันพี่ปูนไปแล้วจริงๆ  รึเนี่ย ความซื่อนี่ถ้ามีมากไปมันก็กลายเป็นโง่ได้ถึงเพียงนี้เชียว

“แล้ววันนี้อย่าลืมกลับบ้านด้วยนะมึง”  ผมพูดพลางหนีบแก้มมันเป็นการเปลี่ยนเรื่อง

“อ๊ะ...อืม”  น้ำเสียงตอบรับแบบอึกอักทำให้ผมพอเดาได้ว่าลุงกำลังชั่งใจอยู่

“ทำไม? หรือจะไม่กลับอีก มึงไม่กลัวป้าฉีกอกให้เหรอ”

“ก็แบบ...แฟนกูไม่สบาย”  มันอ้อมแอ้มสารภาพ

“แล้ว?”

“คือกูเป็นห่วงไง”

“แล้ว?”

“กวนตีนลุงใช่มั้ยวีรภาพ” 

“กูหมายความว่า ‘แล้ว’ มึงจะทำยังไง” 

“ก็ถ้าคุณดาหลาอยู่ กูคงไม่กลับ”

“แล้ว?”

“แต่ถ้าแม่ขึ้นเวร กูคงกลับไปช้าหน่อย...มั้ง”

ในฐานะที่รู้จักกันมาเนิ่นนาน ผมยืดอกพูดได้เต็มปากว่าตลอดมาที่ลุงมีแฟน พี่ปูนคืนคนแรกที่มันใส่ใจขนาดนี้ ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษจีนแดงของมันทำให้เข้าใจอะไรผิดๆ มาไม่น้อย มันคิดเสมอว่าควรเว้นพื้นที่ส่วนตัวให้กัน แต่สิ่งที่มันทำคือการละเลยได้อย่างหน้าซื่อตาใส สามวันบ้าง บางคราวก็เป็นอาทิตย์ ไม่โทรหา ไม่ติดต่อ ใครบ้างจะทนอยู่กับมันได้ แล้วไอ้เรื่องตามใจอีกฝ่ายจนเกินพอดีนั่นก็อีกเรื่อง พวกผู้หญิงถึงเอาแต่ใจตัวเองยังไงก็ยังต้องการคนห้ามปรามให้เหมือนตัวเองมีค่าบ้าง แต่เพื่อนผมคนนี้กลับตามใจทุกอย่าง อยากไปเที่ยวที่ไหน - เชิญ! อยากไปกับใคร - ตามสบาย! สุดท้ายก็ต้องมาตีหน้าเศร้าเล่าเรื่องอกหักเสมอมา



บางทีไอ้ลุงอาจจะเหมาะกับการมีผัวก็ได้



“แล้วถ้าเมียมึงไม่ยอมล่ะ”

“อา...นั่นดิ”

ดูเอาแล้วกัน กับอีเรื่องแบบนี้ก็ทำมันเครียดได้ ถ้าเป็นคนก่อนๆ ของมันคงไม่ต้องมานั่งกลุ้มใจแบบนี้แล้ว เพราะผมรู้ดีว่ามันต้องกลับไปอยู่เป็นเพื่อนป้าแน่นอน แค่นี้ก็ทำให้ผมพอรู้ระดับความสำคัญของพี่ปูนได้เลย ถ้าป้ารู้เข้าล่ะก็...หึหึหึ...แค่คิดผมก็สนุกแล้ว

“เอาน่า ถ้าโดนป้าไล่ออกจากบ้านล่ะก็”  ผมยกยิ้ม ตบบ่าลุงเบาๆ พลางคว้ามากอด กระซิบเสียงแผ่วหยอกล้อที่ข้างหู  “ตอนนั้นโป้ยจะรับเลี้ยงลุงเอง”  ตามด้วยกัดแก้มมันตามความเคยชินเป็นการตบท้าย

ลุงมันเป็นเด็กมีแก้มมาแต่ไหนแต่ไร เมื่อก่อนนั้นนิ่มกว่านี้เสียอีก แก้มยุ้ย ใสจนเห็นเส้นเลือด เห็นทีไรก็หมั่นเขี้ยวอยากกัดไปซะทุกที พวกผมสองคนน่ะอยู่กันมานาน เล่นกันถึงเนื้อถึงตัวกันบ่อยเสียจนไม่คิดอะไร แต่นอกจากจำทำให้พี่ปูนของขึ้นได้แล้ว ยังทำให้ใครบางคนสะเทือนได้เหมือนกัน


กำไรจริงๆ


“โป้ย”  พวกผมสองคนหันไปมองต้นเสียงห้วยสั้นที่ได้ยิน พี่กรยืนอยู่ตรงประตู ดูสุขุม เยือกเย็นจนน่าหงุดหงิด  “เข้ามาคุยงานกับพี่หน่อย”

ผมเหยียดยิ้มมองเจ้านายเดินกลับเข้าไปในห้อง ได้จังหวะขนาดนี้แสดงว่ามองอยู่สินะ

“มึงตายแน่โป้ย พี่กรเสียงเข้มมาก”  ลุงอวยพรให้เสียดิบดี

“กูหรือจะตายง่ายๆ”

“ก็มึงไปล้อเลียนพี่เขา”

“กูพูดความจริงต่างหาก”  ผมลุกขึ้นผลักหัวเพื่อนแรงๆ จนมันสรรเสริญไล่หลัง

เมื่อผมเปิดประตูเข้าไปในห้องก็ถูกพี่กรจับจ้องอยู่ก่อนแล้ว สีหน้าของพ่อนักแสดงคนเก่งไม่ได้ใกล้เคียงคำว่าเทพบุตรอย่างที่ลุงมันยกย่องเลย ผมเดินเอื่อยไม่สะทกสะท้านไปลงนั่งบนเก้าอี้ด้านหน้าโต๊ะ ขยับท่วงท่าให้สบายก่อนหยอดยิ้มแบบคนไม่รู้ความส่งให้

“เอ่อ...”  พี่กรกระพริบตาปริบๆ แล้วก็หลบตาผมโดยเสมองไปที่กระดาษบนโต๊ะแทน  “มีโครงการประกวดออกแบบลายเสื้อของแบรนด์ JZ ผู้ชนะสามอันดับแรกจะได้รางวัลด้วยนะ แถมยังอาจจะได้งานต่อเนื่องด้วย”

“แค่งานที่มีก็ยุ่งจะตายแล้ว ผมไม่ว่างหรอก”  ผมไม่ได้พูดเกินจริงเลย ต่อให้เป็นแบรนด์ดังก็เถอะ

“ลองดูก็ไม่เสียหายนี่นา พี่บอกทุกคนเหมือนกัน เผื่อใครอยากเข้าร่วม”  พูดจบก็ยื่นกระดาษรายระเอียดงานให้ผม  “ไขว่คว้าเพื่อชื่อเสียงตัวเองมั่งสิ”

“ผมไม่เห็นจะสนใจ”  ผมบอกปัด  “พี่มีเรื่องแค่นี้เองเหรอ”

“ห๊ะ?...เอ่อ เท่านี้แหละ”

จริงอย่างที่คิด ผมยกยิ้มกับความคิดตัวเอง ก็แค่หาช่องทางแยกผมออกมาจากลุงเท่านั้น

น่าหงุดหงิดจริงๆ...

“เดี๋ยวนี้เราไม่ค่อยได้คุยกันแบบสบายๆ เลยเนอะ”  พี่กรดูจะตกใจเล็กน้อยยามผมเท้าคางยื่นหน้าเข้าไปหา  “วันนี้มีคิวงานรึเปล่าครับคุณนักแสดง”

“ม...ไมมี” 

หลบตาอีกแล้ว หลบไปให้ได้ตลอดเหอะ!

“งั้นวันนี้ผมไปค้างห้องพี่นะ จิบเบียร์เย็นๆ แล้วก็ดูหนังกัน”

“..........”

“ไม่ได้เหรอ?”  ผมกระตุ้นถาม  “หรือว่าซ่อนใครเอาไว้ที่ห้อง?”

“ไม่มีๆ”  ตามคาด -- พี่กรปฏิเสธเสียงหลง ดวงตาเผลอสบกับผมเข้าอย่างจัง  “พี่ไม่มีใครสักหน่อย”

“ก็เห็นว่าอยากมีแฟนแล้ว ผมจะไปรู้ได้ไง”

“..........”

“เอาเป็นว่าตกลงนะ”  ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้กว่าเดิม

“อื้ม”

“เจ๋ง! งั้นผมกลับบ้านพร้อมพี่นะ แวะซื้อของกินเข้าไปด้วย”

“อื้ม”

“ไม่ได้นอนคุยกันนานแล้วเนอะ”  ผมปล่อยยิ้มหวานหยดแบบที่ทำสาวระทวยมาแล้วนักต่อนัก  “ผมตั้งตารอคืนนี้มากเลย ห้ามเบี้ยวนะครับพี่กร”

แม้บนหน้าจะปรากฏรอยยิ้มของน้องชายผู้แสนดี แต่พี่กรกลับดูหวั่นใจอย่างประหลาด แม้แต่จะตอบรับยังไม่เต็มเสียง กังวลงั้นเหรอ? ใช่แล้วล่ะ พี่ควรจะกังวลให้มาก...เพราะพี่ทำผมหงุดหงิดจนทนไม่ไหวแล้ว

.

.

.

.


[มีต่อค่ะ]
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 10-10-2017 03:12:58
[ต่อค่ะ]

.

.

.

.


นึกว่าจะมีแต่พวกพระเอก-นางเอกเสียอีกที่ถูกกรี๊ดกร๊าดด้วยบรรดาแฟนคลับ

ใครจะไปคิดว่าดาราเบอร์รองก็จะถูกห้อมล้อมด้วยเหมือนกัน เพียงแต่เป็นแม้ค้ารุ่นน้ารุ่นป้าในตลาดเท่านั้น นอกจากผมจะถูกกันให้ห่างออกมาแล้วนั้น ยังต้องยืนรอพ่อดาราถ่ายรูปกับแฟนๆ จนขาแทบแข็ง ลูกเด็กเล็กแดงยันคุณป้าคุณลุงวัยค่อนปลาย พี่กรทั้งอุ้มทั้งโอบ ยิ้มหวานจนเหงือกแทบแห้ง แต่ก็ไม่มีสีหน้ารำคาญใจหลุดออกมาให้เห็นสักนิด ผมว่านี่อาจจะเป็นหนึ่งในหลายสิ่งที่ทำให้พี่กรอยู่ในวงการนี้นานก็ได้ ความสุภาพกับความอ่อนน้อมที่ไม่ใช่การเสแสร้งแกล้งทำ

เราก็มาถึงที่หมายจนได้แม้จะล่าช้าจากช่วงเวลาอาหารเย็นไปบ้าง แต่ภารกิจของดาราผู้แสนดียังไม่หมด หลังจากเข้าจอดรถเรียบร้อย พี่กรก็ยังลงมาชั้นล็อบบี้พร้อมกับถุงผลไม้และของกินมากมายที่ได้มาจากแฟนคลับ แบ่งปันกับพวกลุงยามกและป้าแม่บ้านที่ทำงานกะกลางคืน

สมกับฉายาเทพบุตรเดินดินที่พวกนักข่าวตั้งให้จริงๆ

กว่าจะได้ขึ้นห้อง ท้องผมก็ร้องประท้วงไปตลอดทาง หลังจากล้างหน้าล่างมือเสร็จออกมาห้องน้ำก็เห็นพี่กรกำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่แล้ว อาหารที่ซื้อมาจากตลาดเย็นชืดไปหมด ผมจึงไล่พี่กรไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนตัวเองก็ทำหน้าที่อุ่นของกินทุกจานรอไป ไม่นานนักพี่กรก็ออกมาและกระเพาะของผมก็ถูกเยียวยาสักที

“เป็นอย่างนี้ตลอดเลยปะ”  ผมถามขึ้นหลังจากเริ่มกินข้าวไปได้ไม่นาน อันที่จริงแล้วหลังจากพี่กรเป็นดารา เราก็แทบจะไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยกัน แม้จะมีไปกินข้าวกันบ้างแต่ส่วนใหญ่ก็มักจะเจอพวกที่แอบมองอยู่ห่างๆ

“ไม่หรอก คงเพราะตอนนี้ละครที่เล่นไว้ออนแอร์อยู่น่ะ”  พี่กรว่าพลางตักชิ้นหมูทอดลงจานผม  “ถ้าเรื่องหน้าที่เล่นเป็นตัวร้ายลงจอเมื่อไหร่ พี่อาจจะเดินตลาดไม่ได้ก็ได้”

“เดี๋ยวนี้คนดูเขาแยกแยะอะไรกันเป็นหรอกน่า”

“ก็กังวลน่ะ ไม่เคยเล่นร้ายมาก่อน”

“แล้วทำไมถึงรับเล่น”

“ก็เป็นผู้จัดที่ทำงานด้วยกันมาตั้งแต่เข้าวงการใหม่ๆ เขาเสนอบทให้ พอลองอ่านดูก็ชอบ พี่ว่ามันท้าทายดี” 

ผมมองดวงตาเป็นประกายของคนตรงหน้าแล้วก็อดอมยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ พี่กรเป็นพวกทุ่มเทกับงานที่ทำ เต็มที่กับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย แต่ถ้าไม่มีความชอบร่วมด้วยล่ะก็มันคงไม่ส่งผ่านแววตาออกมาอย่างนี้หรอก

“เมื่อก่อนพี่เป็นคนขี้อายแท้ๆ”

“เดี๋ยวนี้ก็เป็นอยู่หรอกน่า”  คนแก้ตัวส่งเสียงอ้อมแอ้ม พลางเลื่อนจานผลไม้มาใกล้ๆ ผมที่ทำท่าว่าจะอิ่มแล้ว  “เวลาต้องให้สัมภาษณ์หรือไปรายการสด พี่ก็ยังรู้สึกเขินตลอดนั่นแหละ”

“แต่พี่ชอบการเล่นละครใช่มั้ย?”

“ก็ชอบนะ ได้เล่นเป็นคนนั้นคนนี้ จะบทเล็กบทใหญ่พี่ก็ไม่เคยเกี่ยงหรอก”  พี่กรพูดด้วยรอยยิ้ม รวบช้อนส้อมในมือลงกับจาน หยิบกระดาษมาเช็ดปากด้วยท่าทางนุ่มนวล  “แต่วงการนี้มันไม่ยั่งยืนหรอก ถ้ายังมีคนส่งบทให้พี่ก็เล่นต่อไป แต่ถ้ามันมาถึงจุดที่ไม่ใช่ของเราอีกแล้วพี่ก็ไม่ซีเรียสอะไร ตอนนี้พี่มีเงินเก็บมากพอสำหรับพ่อแม่และตัวเอง มีเงินส่งแก้วเรียนจนจบมหาวิทยาลัย มีงานรองรับหาเลี้ยงตัวเองได้ก็พอแล้ว”

“ถึงพี่ไม่มีอะไรเลยผมก็เลี้ยงพี่ได้นะ”  ผมพูดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง อมยิ้มยามจิ้มแตงโมชิ้นพอดีคำยื่นให้คนตรงหน้า แต่แทนที่จะรับด้วยปาก พี่กรกลับแย่งส้อมไปถือกินเอาเองซะงั้น  “ผมก็ไม่ได้เป็นแค่กราฟิกดีไซน์ที่ทำงานงกๆ ไปวันๆ หรอกน่า ผมเลี้ยงพี่ได้ยันแก่แบบสบายๆ เลยนะ ไปเที่ยวต่างจังหวัดทุกเดือน เที่ยวต่างประเทศทุกปีก็ไม่มีปัญหา”

“งั้นพี่ก็หมดห่วงแล้วสิ”  พูดแล้วก็หัวเราออกมาเบาๆ และภาพที่เห็นก็ทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าผมกระตุกยิ้มตามไปด้วยอีกครั้ง ในหัวนึกภาพอนาคตที่แสนเลือนรางนั้นด้วยความสุข บางทีมันอาจจะดีก็ได้นะ ถึงเวลาก็ทำงานกันไป ว่างเมื่อไหร่ก็ท่องเที่ยวให้ทั่ว ไม่ต้องสนใจใคร ไม่ต้องห่วงอะไร

แต่ก่อนที่จะเป็นอย่างนั้นได้...

“เอาล่ะ เก็บโต๊ะแล้วไปอาบน้ำนอนกันเหอะ!”  ร่างกายไปไวเท่าความคิด ผมลุกขึ้นเริ่มเก็บจานบนโต๊ะในทันทีชนิดที่พี่กรตั้งตัวไม่ทัน  “ไปอาบน้ำสิ เดี๋ยวผมทำเอง”

“งั้นพี่ไปเตรียมที่นอนให้โป้ยก่อน”

“เตรียมทำไม?”

“ก็ห้องนอนแขกไม่ค่อยมีคนใช้ แล้วโป้ยก็มากะทันหันพี่ยังไม่ได้--“ 

หางคิ้วผมกระตุกยึกๆ ด้วยความไม่ชอบใจในทันที น้ำเสียงที่โพล่งออกไปเลยห้วนสั้นแบบสุดๆ  “ผมเป็นแขกสำหรับพี่แล้วสินะ”

“เอ๊ะ? คือ...ไม่ใช่นะ”  พี่กรเริ่มร้อนรนในทันที  “พี่กลัวว่าโป้ยนอนไม่สบาย”

“นอนเตียงเดียวกับพี่ก็สบายเหมือนกัน”

“..........”

“หรือไม่ได้?”

“..........”

“งั้นผมกลับดีกว่า พี่จะได้ไม่ต้องอึดอัด”  น้ำเสียงเสแร้งหลุดออกมาจากปาก ผมทำทีเก็บจานต่อด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม ปั้นสีหน้าให้เรียบตึงแบบคนไม่สบอารมณ์

“พี่ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”  แล้วก็เป็นเหมือนเคยๆ ที่พี่กรต้องเป็นฝ่ายอ่อนข้อให้ผมก่อน ริมฝีปากขมุบขมิบคำออกมาเล็กน้อยจนจับความไม่ได้ ก่อนจะพูดต่อ  “งั้นพี่ไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวจะเตรียมเสื้อไว้ให้นะ”

“ครับผม”  ผมยิ้มให้กับชัยชนะเล็กๆ น้อยๆ และปล่อยให้เจ้าของบ้านไปจัดการธุระส่วนตัวตามสบาย

หลังจากเก็บจานล้างทำความสะอาดเรียบร้อย ผมใช้โอกาสนี้เดินสำรวจห้องหลังจากที่ไม่ได้มาเยี่ยมเยียนเนิ่นนาน เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างยังคงเหมือนเมื่อครั้งที่จำได้ ชั้นหนังสือเล็กๆ ก็คล้ายจะแน่นกว่าเดิม นอกจากพวกหนังสือนิยายแล้วยังมีที่เกี่ยวกับการออกแบบอยู่ด้วย แม้แต่หนังสือศิลปะจำพวกทฤษฎีสีเบื้องต้นก็ยังมี

บนชั้นต่างๆ สะอาดเรียบร้อย ไม่มีของวางระเกะระกะ จะมีก็พวกรูปถ่ายเข้ากรอบใหญ่ รูปวาดบ้าง รูปประดิษฐ์บ้างที่จัดวางไว้อยู่มุมหนึ่งที่เห็นง่าย คงเป็นพวกแฟนคลับที่ทำมาให้แล้วตัดใจทิ้งไม่ลง ผมเดินไปดูมุมนั้นอย่างสนใจ ในตู้โชว์ยังมีอีกหลายอย่าง ทั้งนาฬิการาคาแพง สร้อยข้อมือแบรนด์จากต่างประเทศ การ์ดต่างๆ ของจำพวกตุ๊กตาก็ยังมี

ผมอาจจะประเมินความมีชื่อเสียงของพี่กรต่ำไปก็ได้

ใช้เวลาพอสมควรกับการสำรวจห้องแต่จนแล้วจนรอดพี่กรก็ยังไม่ออกมา ผิดจากที่คิดเสียเมื่อไหร่ ป่านนี้คงนอนคลุมโปงแสร้งหลับไปแล้วแน่ๆ ผมอมยิ้มเล็กน้อยพลางเดินเอื่อยเฉื่อยไปหยิบบุหรี่กับไฟแช็กในกระเป๋าพร้อมกับที่เขี่ยพกพา เดินออกไปยังระเบียงเพื่อสูดอากาศอย่างไม่เร่งร้อน

ให้กระวนกระวายตายอยู่ในห้องนั่นแหละ

เสียงสูดควันเข้าปอดพาให้จุไฟสีส้มสว่างวาบขึ้นเล็กน้อย ผมมองเหม่อออกไปยังท้องฟ้าที่ไม่เคยเงียบเหงาจากแสงไฟ ควันสีเทาถูกพ่นออกมาลอยละล่องหายไปในอากาศ ผมปล่อยใจไปกับสายควันจากมวนบุหรี่ เวลาหลายปีที่ผ่านมามันช่างเปล่าประโยชน์จริงๆ ผมใช้ชีวิตไปเรื่อยเปื่อย ไม่ลงหลักปักฐานกับใคร ไม่เคยมองใครอย่างจริงจัง และไม่ว่าจะคิดสักกี่ครั้งมันก็วนกลับไปที่จุดเดิม ถ้าในคืนนั้นผมหลับไปจริงๆ ตอนนี้จะเป็นอย่างไร? ถ้าในคืนนั้นผมแสดงตัวว่ารับรู้แล้วนั้นทุกอย่างจะเปลี่ยนไปไหม?  ทำไมอีกหลายครั้งที่เกิดผมถึงได้ปล่อยเลยตามเลย ผมไม่ได้รังเกียจ ไม่ต่อต้าน แต่ผมก็เลือกที่จะเงียบเอาไว้ เพราะทุกครั้งนั้น...พี่กรก็แสร้งทำว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นกัน


ทำไมกันนะ?


ถ้าไม่รักผม จะทำเรื่องแบบนั้นทำไม


ถ้ารักผม ทำไมถึงปล่อยเวลาให้มันเนิ่นนานปานนี้


ผมเดาว่าพี่ไม่กล้า ผมเดาว่าพี่กลัวผมรังเกียจ ผมเดาว่าพี่กลัวคุณน้ากับอากงจะรู้ ผมเดา...ผมเดาได้มากมายเต็มไปหมด แต่พี่คงยังเดาไม่ถูกว่าต่อไปนี้ตัวเองจะต้องเจอกับอะไร

พี่ปั่นหัวผมมานานเกินไปแล้ว

นับจากนี้คือเวลาของผมบ้างล่ะ!

ผมดับบุหรี่ลงกับที่เขี่ย เดินกลับเข้าไปเก็บของพร้อมกับหยิบอุปกรณ์แปรงฟันที่ซื้อติดมาเข้าไปในห้อง ผมเปิดประตูเบาๆ ความเย็นภายในกรูเข้าใส่ร่างทันที และไม่ผิดอย่างที่เดาเลยสักนิด เมื่อเจ้าของห้องนอนคลุมโปงมิดชิด เงียบกริบเหมือนหลับสนิทไปแล้ว แต่จะสนใจทำไมล่ะในเมื่อผมรู้ว่าแท้จริงแล้วคนๆ นั้นก็แค่เสแสร้งแกล้งนอนไปเท่านั้น

ผมฉวยชุดนอนที่พี่กรเตรียมไว้ให้พร้อมกับผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำไป อาบน้ำอย่างสบายอารมณ์อยู่เกือบสิบนาที เมื่อออกมาอีกครั้ง หางตาก็จับสังเกตได้ว่าก้อนผ้าห่มบนเตียงขยุกขยิกเล็กน้อยก่อนจะแน่นิ่งไปดังเดิม

ผมเดินไปดับไฟก่อนจะปีนขึ้นเตียงนอนขนาดใหญ่

จู่ๆ หัวใจก็เต้นตึกตักจนน่ารำคาญ ยิ่งเยื้องย่างเข้าใกล้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดังเหมือนจะกระเด้งกระดอนออกมา ผมดึงผ้าห่มผืนหนาให้คลี่ออกเพื่อแทรกตัวเข้าไป ไออุ่นจากร่างกายแผ่ซ่านบดบังความเย็นในทันที ร่างอีกฝ่ายเกร็งกระตุกเมื่อผมนอนเบียดซ้อนแผ่นหลังจนแนบสนิท ผมลอบยิ้มพลางสูดกลิ่นหอมจากผมหยักศกสีน้ำตาลเข้มธรรมชาติ ยิ่งบริเวณท้ายทอยนั้นคล้ายจะส่งกลิ่นหอมมากเป็นพิเศษ

เราสูงพอๆ กัน ถ้าให้เข้าข้างตัวเองก็คงจะสูงกว่าไม่มากนัก แต่ผมเพิ่งจะสังเกตได้ตอนนี้เองว่าช่วงไหล่ของพี่กรนั้นบอบบางกว่าผม ทั้งลำคอ ทั้งความหอมนี้...แตกต่างจากผมเหลือเกิน

พี่กรคล้ายจะเกร็งตัวจนแข็งเป็นหินเมื่อผมไล้ฝ่ามือไปยังร่องเอว แต่กระนั้นก็ยังไม่มีทีท่าจะลุกขึ้นมาปัดป้อง

“พี่กร...”

ฝ่ามือเดิมไล้เรื่อยไปยังหน้าขา ว ลูบไล้ผ่านเนื้อผ้าฝ้ายบางๆ อย่างยั่วเย้า

“พี่กร...นอนแล้วเหรอ”  ผมกระซิบถามอย่างขบขัน จงใจขบเม้มใบหูเบาๆ ไปด้วย  “ทำไมนอนเร็วจังเลย หืม?”

ร่างในอ้อมกอดสะดุ้งเล็กน้อย หากยังคงเงียบกริบเหมือนไม่รับรู้อะไร

“ถ้าไม่ตื่น...โดนทำอะไรบ้างก็ไม่รู้นะ”

ผมจูบท้ายทอยหอมๆ อย่างหลงใหล ก่อนจะเริ่มใช้ฝ่ามือซุกซนกับร่างกายคุณดาราอย่างตั้งใจ ปฏิกิริยาตอบสนองนั้นชัดเจนทุกครั้งที่แตะต้อง หากก็ยังนอนนิ่งคล้ายเต็มใจ คล้ายไม่อยากรับรู้

ผมไม่เข้าใจว่าพี่กรต้องการอะไรกันแน่ ถ้าความกลัว ความกังวลบ้าๆ บอๆ พวกนั้น มันมีมากกว่าความต้องการที่พี่รู้สึกกับผม แล้วพี่จะเริ่มทำเรื่องแบบนั้นทำไม หรือคิดว่าสักนิดหน่อยคงได้ สักเล็กน้อยคงจะไม่รู้ พี่ดูถูกผมเกินไปแล้ว

ผมรวบร่างแข็งประหนึ่งศิลานั้นไว้ในอ้อมกอด ขณะที่มือหนึ่งลูบไล้เข้าไปในเสื้อนอน แตะต้องผิวเนื้อตึงแน่น อีกหนึ่งมือก็จู่โจมเข้าจุดสำคัญภายใต้กางเกงทันที พี่กรตัวงอโดยอัตโนมัติ เสียงครางสั้นๆ เปล่งออกมาเบาๆ ก่อนจะถูกเก็บกลั้นไว้ได้ ผมจูบซอกคอหอมคล้ายคนหิวกระหาย พลางหยอกล้อยอดอกเล็กอย่างสนุกสนาน บีบบี้มันอย่างไม่ถนอมแรง สะกิดถูไถ จนกระทั่งมันเต่งตึงสู้นิ้ว

“ผมอยากเห็นจัง”  ผมกระซิบเสียงพร่าข้างใบหู  “หัวนมพี่ต้องน่ารักมากแน่ๆ รู้สึกมั้ย? มันสู้นิ้วผมน่าดูเลย”

มีเพียงเสียงครางเบาๆ ที่เล็ดลอดออกมา แต่เพียงแค่แน่อกคงไม่เพียงพอให้พี่กรหลุดการเสแสร้งออกมาหรอก แกนกายที่แข็งฉ่ำน้ำที่อยู่ในมือผมต่างหากที่เป็นส่วนสำคัญ

“อา...”  เสียงครางผะแผ่วหลุดออกมาจากปากผมบ้าง เมื่อสะโพกที่แนบชิดอยู่นั้น บดเบียดไปมา ขยี้เน้นหนักจนเจ้าลูกชายผมตื่นเต็มตา อีกฝ่ายก็คงพอรับรู้ได้อยู่ถึงได้ฝืนทำตัวนิ่งเป็นน้ำแข็งอีกครั้ง

ผมจำต้องละมือที่กำลังหยอกล้อตุ่มไตน่ารักเพื่อมาช่วยเหลือลูกชายที่กำลังปวดบวมให้บรรเทา ผมอยากจะกระชากกางเกงที่ขวางกั้นนั้นออกไปเหลือเกิน แต่ต้องข่มใจเอาไว้ที่จะเบามือ ผมไม่อยากให้พี่กรตกใจกลัวไปมากกว่านี้ สิ่งที่พอจะดึงสติผมไว้ได้นั้นคือซอกคอชวนมอง ผมจูบซับไปทั่ว ฝืนตัวอีกอีกครั้งที่จะไม่ขบกัดฝากรอยลงไป ขณะที่ปรนปรอให้พี่กร ผมก็เร่งร้อนกับตัวเองไม่ต่างกัน จินตนาการถึงการสอดใส่เข้าไป ถูไถกับความหนั่นแน่นของบั้นท้าย ปาดป้ายหยาดน้ำรักให้ทั่วร่องหลืบ

“ฮึ่ม...อื้อ...”  เสียงครางคละเคล้าราวกับเป็นเสียงเดียวกัน ผมเร่งความเร็วชักพาของในมือทั้งสองไปให้ถึงเป้าหมาย พี่กรแทบจะดิ้นไปมาแต่ก็ยังสะกดกลั้นตัวเองไว้ได้ ผมล่ะนับถือพ่อยอดนักแสดงคนนี้เหลือเกิน

“พี่กร...”  ผมพึมพำข้างหู เรียกชื่ออีกฝ่ายซ้ำไปซ้ำมา จนกระทั่งทุกอย่างแตกซ่าน พี่กรตัวเกร็งกระตุกปล่อยหยาดน้ำออกมาเช่นกัน ร่างบอบบางกว่านั้นสั่นระริกอยู่ภายในอ้อมกอด ผมสูดดมซอกคอ เคลื่อนตัวแนบชิดเพื่อกกกอดซึมซับความซาบซ่านให้ในที่สุด

หลายนาทีต่อมาผมจำต้องลุกขึ้นเพื่อไปล้างมือ และหาผ้าชุบนน้ำมาเช็ดร่องรอยบนตัวพ่อนักแสดง เมื่อเสร็จสิ้นผมจึงได้ฤกษ์เอนตัวนอนอีกครั้งโดยไม่ลืมคว้าร่างอีกฝ่ายมาแนบอก

.

.

.

คล้ายกับเพิ่งจะได้หลับไป

ผมลืมตาขึ้นอีกครั้ง และภาพตรงหน้านั้นก็ทำให้ผมแย้มยิ้มรับวันใหม่เป็นครั้งแรก พี่กรนอนอยู่ตรงหน้า ตาปิดสนิทแน่น ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอนั้นเป็นของจริง แต่ดูจากความดำคล้ำของขอบตาแล้วคงแทบไม่ได้นอนทั้งคืนแน่ๆ ผมนอนมอง รอคอยให้ดวงตาคู่นั้นเปิดขึ้นเพื่อมองเห็นใบหน้าผมเป็นคนแรก ผมอยากจะรู้นักว่าต่อจากนี้ไปพี่จะแสดงอะไรให้ผมชมอีก จะทำหน้าแบบไหน จะมีท่าทีอย่างไร

รอยยิ้มเหยียดลึกขึ้นทันที เมื่อคนตรงหน้าขยับตัวเล็กน้อย ดวงตากลอกกลิ้งอยู่ภายในหนังตาก่อนที่จะค่อยๆ เปิดออกเพื่อเผยประกายแวววาวจากนัยน์ตาคู่สวย แรกเริ่มคล้ายจะยังง่วงงุนสับสน หากเมื่อใบหน้าผมเข้าไปอยู่ในครรลองสายตาปุ๊บ ใบหน้าขาวก็พลันแดงซ่านเจือความตกใจ

“อรุณสวัสดิ์ครับ”  ผมฉีกยิ้มกว้าง  “เมื่อคืนนอนหลับสบายมั้ย?”

ใบหน้านักแสดงคนเก่งซีดเผือดทันตา

นับแต่นี้คือเวลาของผมแล้ว...พี่จะได้รู้สักที ว่าผมไม่ใช่ลูกไก่ที่สมภารอย่างพี่จะไล่ต้อนยังไงก็ได้! 





TBC.----------------------------------------------------------------------


ในที่สุดก็ถึงเวลานุ้งโป้ยวาดลวดลาย
ยิ่งตอบย้ำเหลือเกินว่านิยายเรื่องนี้มีแต่คนโรคจิต 555 #คนเขียนก็เช่นกัน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-10-2017 03:42:59
โป้ย มันร้าย  :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 10-10-2017 04:39:36
ห๊าาา นี่นึกถึงฉากพี่กรจับโป้ยกดมาตลอดเลยนะเนี่ยยย ขอไปจูนสมองแป๊บบบ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 10-10-2017 05:07:51
  :a5: OMG น้องโป้ยร้ายมากกก...แบ่งความร้ายให้เพื่อนบ้างนะค่ะ....  o13
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าแก่ ที่ 10-10-2017 05:41:01
ไม่คิดเลย ว่าโป้ยมันร้ายขนาดนี้


  :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 10-10-2017 06:46:14
โป้ยมันร้ายยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 10-10-2017 07:00:20
ใครจะรุกใครกันแน่เนี่ย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 10-10-2017 07:03:16
 :ling3: โป้ยช่างร้ายกาจจจ!
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-10-2017 07:04:40
นี่ลุงมีเพื่อนร้ายขนาดนี้เลยรึ  :z3:
แต่ต้องยังงี้แหละลุงใสซื่อซะขนาดนั้น
ต้องมีเพื่อนอย่างโป้ยอ่ะ ถูกแล้ว

เคยคิดว่าโป้ย กับพี่ปูนร้ายพอๆกัน แล้วก็.....ใช่เลย   :hao3:
พี่กร รู้ตัวว่าชอบโป้ย มาตลอดแต่ไม่กล้า ซึ่งพี่ปูนก็รู้
ก็ว่าคนฉลาดอย่างโป้ย จะไม่รู้ทันพี่กรรึ
ที่ไหนได้ รู้เพราะพี่กรคิดว่าโป้ยหลับ เลยแอบลักจูบ  :o8: :-[ :impress2:
โป้ยรุกซะทีก็ดี ปล่อยเวลานานไปและ
เอาละ....ถึงตาเสือร้ายโป้ย ขย้ำกวางพี่กรแล้ว  o18  o18  o18
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 10-10-2017 07:13:39
โป๊ยยยยยยย ร้ายมากมาย  o22 พี่กรไม่รอดแน่   :z1:
ลุงงงงงงง ซื่อเกิ๊น แบ่งจากโป๊ยมาบ้างก็ได้นะจริงจิ๊งงงง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 10-10-2017 07:37:04
โป้ย มันร้าย  :hao7:

คิดแบบเดียวกันเลย ฮ่า ๆ ๆ ๆ

เอาจริง ๆ นี่นึกมาตลอดว่าพี่กรตัวสูงใหญ่เท่าพี่ปูน กลายเป็นพี่กรจิ๋วกว่าซะอย่างนั้น
อย่างนี้โป้ยก็มีเมียอ่ะดิ ว้า อดแซวเลย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 10-10-2017 08:03:16
เอาเลยโป้ยยย จัดการเลยยยคริ
หนูหวังดีนะพี่กร อยากให้พี่กรสมหวังไง
ป่าวฟินอะไรเลยนะ55555555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 10-10-2017 08:03:42
โป้ยร้ายกาจมาก แต่ชอบปรบมือรัวๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 10-10-2017 08:12:13
ว้าย ถ้านี่เป็นพี่กรไม่รู้จะเอาไปซุกไว้ไหนดี อายยยย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: yumenari ที่ 10-10-2017 08:21:29


 โอ้ยยย โป้ววว แม่งโครตร้ายอะ

พัทลุง นายคงจะโดนแกล้งมามากสินะ

แต่นั้ยแหลั อ่านไปก็แอบหงุดหงิดพี่กรนิดๆ

แต่ก็หงุดหงิดโผ้งเหมือนกัน ตรงที่โป้วเองก็ปล่อยให้เวลาผ่านไปเหมือนกัน  รักตนเขียนค่
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 10-10-2017 08:43:37
โป้ยแม้งร้ายว่ะ  :mew4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 10-10-2017 08:57:10
โป้ยร้ายกว่าที่คิดเยอะเลย55555555
นี่คิดว่าตลอดว่าพี่กรจะกดโป้ย ไงดูท่าจะพลิก พี่กรดูมุ้งมิ้งไปเลยอะ โง้ยยยย
ฝากโป้ยสอยเพื่อนลุงด้วย จะได้ทันพี่ปูนบ้าง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 10-10-2017 09:06:04
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: sz4music ที่ 10-10-2017 09:09:54
 :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 10-10-2017 09:14:55
อยากให้พี่กรรุกโป๊ยบ้างงงงงงอ่าาาาา
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 10-10-2017 09:18:30
สงสารพี่กรล่วงหน้าเลยได้มั้ยคะ 555
โป๊ยทำไมร้ายแบบนี้
แต่เชื่อเถอะ ว่าเดี๋ยวพี่ปูนก็มองแผนนี้ออก
และเราคิดว่าพี่ปูนจะช่วยพี่กรโดยการอยู่เฉยๆ
ไม่ก็ช่วยกระตุ้นให้ทุกอย่างมันเดือดยิ่งขึ้น
เผลอๆได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง ฮ่าๆ
ผ่านมากี่ปีแล้วพี่เอ๊ย มันถึงเวลาที่ต้องความคืบหน้าแล้วค่ะ

ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 10-10-2017 10:09:00
อร้ายยยยยยย fcโป้ยย ยย เราชอบมาก55 :3123: :กอด1: :-[5555

ขอส่งใจให้นักเขียนมาต่อบ่อยๆ :L2: :L1: อยากบอกให้รู้ว่ามีคนคลั่งใคล้เทออยู่วววว  :z3:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 10-10-2017 10:15:03
โอ้ยยย

คู่นี้ก็แซ่บไม่แพ้กันเด้อออ

เค้าลังเลเพราะแก มัวแต่กัดแก้มลุงไง โป้ย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 10-10-2017 10:24:11
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 10-10-2017 10:30:27
 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 10-10-2017 10:56:20
โป้ยมันร้ายมากกกก แบ่งให้ลุงสักนิดเถอะ55555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 10-10-2017 11:03:05
สงสารพี่กรต้องโดนหมาป่าโป้ยเขมือบทั้งตั้วแน่  :o8: :-[
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 10-10-2017 11:08:52
โป้ยร้ายกาจมาก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 10-10-2017 11:35:00
โป้ยยยยยยย ร้ายมากกกก

ไม่รู้ว่าจะสงสารพี่กรดีไหม?

(แต่ดีแล้วโป้ยยยยย เอาใจช่วย โฮะๆๆๆ)
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 10-10-2017 11:36:42
เคยคิดว่า โป้ยคนดีต้องน่ารักแบบน้องลุงแน่ๆๆ แต่ความจริงนั้น.........   :ling3: สงสารพี่กรจริงๆๆ :hao6:

 :pig4: :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 10-10-2017 11:57:27
ใช่ค่ะ โป้ยมันร้ายยย
ชักจะสงสารพี่กรเสียแล้วสิ

ปล. อยากเห็นโป้ยพลาดท่าให้พี่กรเสียบ้าง มั่นซะเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 10-10-2017 12:04:50
โป้ยอาจจะได้กอนพี่กรก่อนพี่ปู้ได้กินลุงก็ได้ รุกเร็วเหลือเกินน  :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: pockypocky ที่ 10-10-2017 12:17:01
โป้ยร้ายมาก ชอบๆ555 :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-10-2017 12:17:30
 :z1:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 10-10-2017 12:32:43
ว่าแล่ว นังโป้ยรู้ทู๊กกกกกกกอย่าง
แต่ก็ดีนะ พี่กรจะได้สมหวังสักที
กี่ปีต่อกี่ปีแล้ว
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 10-10-2017 14:28:51
อิโป้ยยยยยยยยย ทำไมนิสัยไม่ดีเลยยยย
พี่กรอย่าไปยอมมมมมมมมมมมมมมม :angry2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 10-10-2017 15:06:33
พี่กรรรรร ฮึดลูกฮึด จับกดเจ้าโป้ยให้จงได้//ภาพมโนในหัวตอนแรกคือพี่กรตัวใหญ่กว่าโป้ย...แต่ยังไงเราก็เชียร์พี่กรเมะอยู่ดี สาธุๆ :call:

ปล. ตอนนี้ทำเราช็อคมากอ่ะ คือพี่กรตัวเล็กกว่าโป้ย!! ตำแหน่งเมะสั่นคลอนมาก ทั้งๆที่เรามั่นใจว่าพี่กรเมะมาตลอดแท้ๆ :katai1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 10-10-2017 15:50:02
ถึงเวลาที่โป้ยพี่กรจะแย่งซีนคู่พระนายแล้ว :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 10-10-2017 15:56:25
เจอโป๊ยในมุมนี้ สมภารอย่างพี่กรกลายร่างเป็นลูกไก่ในกำมือโป๊ยได้เลย
อ่านโป๊ยกร แล้วลุ้นดี ใจเต้นตึกตักๆ เหมือนอ่านเรื่องของผู้ใหญ่
ต่างกับคู่ลุง อันนั้นลุ้นแบบละมุนๆ น่ารักๆ โอ้ยชอบทั้ง 2 คู่ 2 สไตเลย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Himbeere20 ที่ 10-10-2017 16:34:55
ไม่คิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างโป้ยกับพี่กรจะยุ่งเหยิงผูกพันกันแบบนี้
ทีแรกคิดว่าเป็นแค่การแอบรักรุ่นน้องตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยเฉยๆ
ที่โป้ยหงุดหงิดงุ่นง่านจนถึงจุดที่ต้องเริ่มเป็นฝ่ายไล่ต้อนพี่กรเองแบบนี้ หลังจาก(แอบ)รอดูท่าทีพี่กรมาหลายปีก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้
และเราเห็นดีด้วย ไม่งั้นโป้ยคงต้องรอพี่กรไปจนเหี่ยวแห้ง
อยากรู้ว่าโป้ยจะต้อนให้พี่กรจนมุมได้ยังไง :hao3:

เราแปลกอยู่คนเดียวรึเปล่าที่คิดว่าโป้ย เมะ มาตั้งแต่แรก :hao4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 10-10-2017 17:07:52
แหม พี่กรไม่หือ ไม่อือ แต่ร่างกายกับร่วมไปด้วย
ดีแล้วพี่กร ต่อไปจะได้ไม่ต้องมาหึงลุงอีก
ว่าแต่โป๊ย....นายแน่มาก :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: jaja-jj ที่ 10-10-2017 17:14:02
ร้าย มาก ~.~
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 10-10-2017 17:15:27
โป้ยสู้ๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 10-10-2017 18:18:28
โถ พี่กร โดนเด็กเล่นเข้าซะแล้ววว :hao3:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 10-10-2017 18:22:00
คิดมาตลอดว่าโป้ยต้องโดนพี่กรกดแน่ แต่ไหงโดนพลิกซะงั้นล่ะ!! พี่กรไม่รอดเงื้อมือโป้ยแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Fujung ที่ 10-10-2017 19:04:02
มันสูัค่ะ ไก่ตัวนี้มันสู้
ชนเลยลูก ไปให้สุดแล้วหยุดที่ระเบียง
พี่กรนี้ต้องนิสัยแบบพระเอ๊กพระเอกอะ เราว่าพี่แกต้องรู้แหละว่าอีน้องมันคิดยังไง
แต่น้องก็มีแต่แฟนผญไง อีพี่ก็แบบป๊อดอะ
ก็สมควรแล้วที่จะโดนไก่ขี่!! เอ๊ยกดขี่ก็ไม่แปลกใจ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: valenpinkpink ที่ 10-10-2017 19:23:04
โป๊ยมาๆๆๆ รุกหนักๆ :impress2:ไปเล๊ยยยย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 10-10-2017 21:33:18
ไม่ว่ายังไงก็หมั่นไส้โป้ยอยู่ดียิ่งมาแบบนี้คงแกล้งพี่กรรัวๆแน่นอน พี่กรคะนอกจากรับบทร้ายแล้วอย่าลืมร้ายออกมานอกจอด้วยนะคะเราอยากเห็นโป้ยหงุดหงิดมากๆค่ะ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 10-10-2017 22:04:37
ชอบ ๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 10-10-2017 23:04:14
โป้ยมันศิษย์พี่ปูนชัดๆ  :katai4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 11-10-2017 00:19:05
อุ๊ปส์  โป๊ยเอาจริงแล้วนะจ๊ะพี่กร   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 11-10-2017 00:54:33
คิดมาตลอดว่าโป้ยต้องไทป์เดียวกับลุง สรุปเป็นคนรุก  :a5:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: SeaBreeze ที่ 11-10-2017 07:37:50
สมภารต้องถูกไก่กินหัวกินหางกินกลางตลอดตัวแน่ๆ :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 11-10-2017 15:03:10
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด โป้ยกรว้อยยยยยยยย :z3:
ได้เวลาโป้ยจัดการพี่กรมั่ง  :hao7:
เหมือนจะก้าวหน้ากว่าลุงเด้อ อันนั้นก็แอบสงสารคุณปุริมเบาๆลุงคือใสๆเว่อร์ 
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 11-10-2017 17:54:30
สงสารพี่กร ถูกจับกินแน่นอน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 11-10-2017 19:01:46
 :a5: ผิดโพสซิชั่นอย่างแรง

คิดว่ากรจะรุก  :mew5: กลายเป็นโป้ยรุกเฉย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 11-10-2017 19:25:09
พี่กรจะเจออะไรบ้างเนี่ย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: HeIsMine ที่ 11-10-2017 21:30:59
ก็คิดๆไว้อยู่อ่ะนะว่าพี่กรจะโดนโป้ยกินแต่ก็ยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่  :katai5: :mew4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 11-10-2017 22:10:02
โป๊ย ร้ายนะยะ พี่กรกลายเป็นลูกแกะไปแระ โดนขย้ำแน่ๆๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 11-10-2017 22:10:41
โป้ยยยยยยย สอนลุงมั่งสิ่ 555555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 11-10-2017 22:13:54
ตัวร้ายเรื่องนี้คืออีโป้ย
งานนี้ใครเปิดศึกก่อนเป็นปั๋วนะพี่กร
พี่กร อย่ายอมมันง่ายๆนะ
อิโป้ยมันหลอกดาว ทำเรามโนว่ามันน่าจะเป็นเมียมาตลอดเลย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 12-10-2017 00:05:56
คู่รองเนี่ยเป็นไก่ล่อลวงสมภารแทนใช่มั่ยเนี่ย ชอบจังเลย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 12-10-2017 09:02:53
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: sz4music ที่ 12-10-2017 09:11:48
ทั้ง ป ปูน และ ป โป้ย ล้วนหื่นพอๆ กัน  :oo1: :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 13-10-2017 10:27:43
โป้ยแผนสูง ร้ายกาจ แนบเนียน
กรจะไหวหรอ ถ้าต้องทนไปแบบนี้

สงสารกรยังไงไม่รู้ 5555

ลุงงอแงทำไมล่ะ เป็นเมียสบายออก ปูนดูแลดีนะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 13-10-2017 11:44:15
ตอนแรกก็นึกว่าเป็นเพื่อนที่ช่างสังเกตุ
แต่ความจริงฉลาดเป็นกรดเลย
แอบสะใจ เอ้ยสงสารพี่กรนิดๆ 555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 13-10-2017 12:50:36
สอนพัทลุงมั่งนะโป้ย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 13-10-2017 22:36:01
แบ่งความร้ายกาจให้ลุงบ้างสิโป้ย :m20: :z2:

ถึงเวลาของโป้ยแล้วนะพี่กรมาแบบตั้งตัวไม่ทันเลย :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: namaquaru ที่ 14-10-2017 13:24:21
ไก่วัดตัวนี้จ้องจะงาบสมภาณสินะ
หึหึ เราสนับสนุน :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 14-10-2017 14:43:35
ม่ายยยนะ พี่กรคนดีของฉันของน้อง จะโดนอิโป้ยตัวร้ายกินหรอออ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 15-10-2017 04:45:57
ร้ายๆ แบบนี้พี่ชอบ
ลึกๆ รู้อยู่แล้วโป้ยต้องมีของ
แล้วนางก็มีจริงๆ 5555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Krajeeqx ที่ 15-10-2017 11:52:07
ไม่น้าาาา พี่กรของน้อง
นี่คิดมาตลอดโพสิชั่นพี่กรไม่น่าจะถูกกด :katai4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: jing_sng ที่ 16-10-2017 06:04:12
สนุกมากกกกกกก
โอ้ยลุงเอ้ยจะใสซื่อไปหน้ายยยย แต่ปากร้ายเหลือรับ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 16-10-2017 09:53:18
รู้สึกสงสารพี่กรเลยแฮะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 16-10-2017 10:34:02
โอ๊ยยย กรีดร้องงงง

โป้ยย อย่าแกล้งพี่กร


แม่ยกแถวนี้เยอะด้วยนะ


พี่ปูน เทรนพี่กรด่วน ไอ้โป้ยมันร้าย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 16-10-2017 22:04:04
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: aompht ที่ 21-10-2017 14:01:15
อ่าวเห้ยยยยย นึกว่าพี่กรรุกมาตลอด 555555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 21-10-2017 23:05:24
กรี๊ดค่ากรี๊ด
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 22-10-2017 00:58:34
พี่ปูนคนหลงผัว 55555555
ขยับสถานะได้เมื่อไรค่อมายินดีกันอีกที ตอนนี้ก็ต้อนไก่ไปก่อน อิอิ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 22-10-2017 11:32:35
พี่กรคงตกเป็นเบี้ยล่างให้ชายโป้ย ตามคำที่พี่ปูนเคยว่าไว้แน่นอน
ชายโป้ยมันร้ายยยยย รุกเองแล้ว
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: sz4music ที่ 02-11-2017 08:11:43
 :katai5: :katai5: :katai5:

มารอจ้าาา
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 02-11-2017 20:44:55
สนุกจัง แต่งสำนวนดี ไม่น่าเบื่อ ชอบมาก มาต่อไวๆนะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 02-11-2017 22:16:10
รออยู่นะ รอโป้ยจัดการพี่กร
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 06-11-2017 15:09:01
หายไปไหนอีกละ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 06-11-2017 22:33:09
คิดถึง อิอิ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: todiefor ที่ 06-11-2017 23:13:07
สมภารรรร คิดถึงงงงงงง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: moodyfairy ที่ 08-11-2017 00:18:41
ตอนแรกแอบคิดว่าพี่กรหวังจะกดโป้ยป่าวนะ แต่คดีพลิก นอนเป็นแมวเชื่องๆให้เค้าเขี่ยเล่นซะงั้นน
แอร๋ยยยยย ชอบอ่าาาาาาาา  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 10-11-2017 20:07:59
คุณลุงอยู่ไหน กลับมาได้แล้ว พี่ปูนก็เหมือนกัน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 10-11-2017 20:51:53
รออยู่น๊า~
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-11-2017 20:53:31
 :katai5:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 10-11-2017 21:01:20
หายไปเลย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 10-11-2017 22:11:42
คิดถึงเรื่องนี้ นักเขียนมาต่อเร็วๆน้า
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 10-11-2017 22:21:57
ผมอ่านเรื่องคุณเมลโล่ว์ทีไร ผมขมวดคิ้วทุกทีเลยนะครับ ไม่รู้สิ มันเหมือนมีอะไร 'ขาดหาย' ไปอยู่น่ะ และสิ่งนี้น่าจะอยู่กับ 'พระเอก' ในแต่ละเรื่องเสียด้วย ผมว่าผมไม่ได้รู้สึกไปเอง แต่หลายๆเรื่อง คุณเมลโล่ว์ทำตัวนางได้ดีมากเลยนะครับ แต่ทำตัวพระได้แปลกมากและดูเหมือนเข้าข้างตัวพระมากเกินไป และมันทำให้สมดุลเรื่องพังน่ะนะในสายตาผม และผมถามจริง รัตติกาล จันทร์ นี่ไม่ดาร์คเหรอครับเนี่ย?

นิยายที่ 'อ่านสนุก' กับนิยายที่ 'ผ่านเกณฑ์ที่ดี' ในทางวรรณกรรม มันต่างกันอยู่นะครับ สำหรับผม มีแค่เรื่อง 'ขอโทษครับ มีรักมาส่ง' ที่ผมว่าผ่านทุกประเด็นเลยนะ ที่น่าสนใจคือ มันเป็นเรื่องแรกๆที่คุณเมล์โล่วเขียนเสียด้วย ผมไม่รู้จะให้คำแนะนำยังไง แต่ผมคิดว่า 'ความรู้สึก' กับ 'ทัศนคติ' เชิงมองโลกของคุณเมลโล่ว์ในตอนนั้นที่เขียนนิยาย น่าจะเป็นอะไรที่ผมว่าเหมาะกับการถ่ายทอดวรรณกรรมออกมามากกว่านะครับ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-11-2017 09:49:38
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Marchyn ที่ 21-11-2017 15:17:15
ชอบนิยายเรื่องนี้เลยครับ โป้ยนี่ นิสัยเหมือนผมเลยนะ 555 รักเลย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 30-11-2017 02:02:09
หายไปเลยยยติดถึงแล้ว
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 01-12-2017 05:49:41
ทำไมโป้ยไม่สอนลุงคะะะะะะะะะ คนร้ายกาจกับถนซื่อบื้อเป็นกันได้อย่างแปลกๆงงๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 01-12-2017 11:28:43
กลับมาเถอะค่ะ

คิดถึงมากกก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 01-12-2017 14:20:11
หลอกให้อยาก และก็จากไป T_T
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 02-12-2017 10:02:02
รอพี่ปูนกับคุณลุงอยุ่น้าา
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Mengjie_JJ ที่ 03-12-2017 14:56:27
สนุกมากค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 04-12-2017 03:52:46
หว่ายยยย คนอะไรนอนว่าวหลังคนที่ตัวเองชอบ โรคจิตแบบพี่ปูนเลยอ่า ว้ายย กลัวมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: thepopper ที่ 10-12-2017 08:45:42
หายไปเลยยกับกาลเวลาาาา
 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: xkoxko ที่ 10-12-2017 15:58:02
สนกมากกกกกก อย่าหายน้า กลับมาต่ิอนะๆๆๆ :katai5:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 12 _ทำไมถึงทำกับฉันได้_ || 10-10-60 หน้า 21 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ppnplg ที่ 10-12-2017 23:21:42
รอลุงกับพี่ปูนนะคะ ให้กำลังใจคนแต่งอยู่นะคะ
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 16-12-2017 19:35:09
ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_




ในฐานะสามีที่ดีผมไม่อาจทิ้งขว้างเมียที่กำลังป่วย แต่ในฐานะลูกและน้องที่ดีผมก็ไม่ควรปล่อยให้สองสาวแก่อยู่บ้านลำพัง นับเป็นช่วงเวลาขบคิดที่น่าปวดหัวยิ่งนัก ทางนี้ก็ต้องการ ทางนั้นก็อยากได้ การเป็นหนุ่มเนื้อทองหอมหวนนี่มันช่างลำบากใจจริงๆ

“มาทางนี้ๆ พ่อหนุ่ม”

นั่นไง ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มีแต่คนเรียกร้อง เหอะ เหอะ!

“มาจ่ายเงินที่ป้านี่ นั่นมันร้านขายผัก!”

“..........”

ผมถึงกับชะงักมือที่กำลังยื่นเงิน แอบเหล่มองป้าตรงหน้าอย่างขุ่นเคืองเล็กน้อย ป้าฮะ! ถ้าผมไม่ได้ซื้อของร้านป้า แล้วป้าจะยื่นมือมารับเงินทำไมล่ะฮะ! แม้จะแอบปะหลับปะเหลือกใส่ป้าร้านขายผัก แต่ลูกผู้ชายนั้นผิดพลาดได้แต่ขายหน้าไม่ได้!

“รับเงินสิฮะป้า จัดผักทำสลัดให้ผมหน่อย”  ว่าแล้วก็หยิบเงินเพิ่มและก้าวเท้าไปร้านผลไม้ติดกันทันที  “เท่าไหร่ครับป้า โอ๊ะ! ผมเพิ่งเห็นว่ามะม่วงป้าซ๊วยสวย เพิ่มโลหนึ่งนะครับ”

ป้าร้านผลไม้หรี่ตามองผมเล็กน้อยแต่ก็ยอมยื่นมือมารับเงินโดยไม่ตีแผ่ความน่าอายของผมออกมา แต่ที่จริงแล้วผมต้องขอบอกว่าเป็นความผิดของพวกป้าๆ ต่างหาก อยู่กันคนละร้านแล้วจะมานั่งเก็งหวยด้วยกันทำไม ผมเดินมาไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็คิดว่าร่วมด้วยช่วยกันขายน่ะสิ

แรกเริ่มเดิมทีผมคิดจะซื้อผลไม้กับอาหารสองสามอย่างไปให้คนป่วย แต่ตอนนี้ได้ผักสลัดมาด้วยเลยต้องเปลี่ยนแผน แถมยังได้มะม่วงมาอีก! ผมล่ะอยากจะถามเหลือเกินว่าพี่ฮะ ร้านข้าวเหนียวมูลอร่อยๆ อยู่ตรงไหน?

แต่นั่นค่อยหาที่หลังก็ได้ครับ

เรามาแนะนำตลาดกันก่อน ที่นี่คือตลาดสดขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ใกล้บ้านพี่ปูน เรื่องความสะอาดผมขอยกให้ติดอันดับตลาดน่าเที่ยว ทุกอย่างครบครัน ไปมาสะดวกสบาย ใกล้ป้ายรถเมล์ ด้านข้างมีวินตุ๊กๆ ให้บริการ ถัดไปคือวินมอเตอร์ไซค์ท้ายทอยสะอาด ที่จอดรถก็กว้างขวางปลอดภัย แม่ค้ายิ้มแย้มแจ่มใส แต่ถ้ารายไหนหน้าตึงคงมีปัญหาทางบ้านลูกค้าโปรดเข้าใจ ร้านนำเสนอคือ ‘ร้านตำกระเด้ง’ มันช่างกระเด้งกระดอนสมชื่อร้านจริงๆ อร่อยมั้ยไม่รู้ แต่ดูจากคิวที่ยาวเหยียดแล้วผมคงต้องขอมาเป็นลูกค้าประจำอีกคน

ป็อกๆๆ

ลีลาควงสากนั้นไม่เท่าไหร่ แต่จังหวะตอนหน้าอกหน้าใจกระดอนนี่มันกร๊าวในอกเหลือเกิน เท่าที่เดินวนจนทั่ว คนขายท่านนี้คือแม่ค้าที่อายุน้อยที่สุด ยากจนที่สุดเพราะแม้แต่เสื้อผ้ายังขาดแคลน กางเกงขานสั้นขาดวิ่นจนเห็นเนื้อขาวๆ เสื้อก็เป็นแค่ผ้าแถบพอปิดหน้าอกน่าสงสารเหลือเกิน

“ตำไทยไข่เค็ม น้ำตกหมู หมูตกครกครับ”

“เอาเผ็ดมั้ยจ๊ะพี่”  แม่ค้าผู้ยากไร้ถามกลับทันที กระพริบตาวิ้งๆ ให้ผมก็ยิ้มค้างแล้ว ยังจะมาจือปากใส่ให้ใจระทวยอีก

“เอาไม่เผ็ดมากจ้า” 

ได้ยินดังนั้นก็เริ่มบรรเลงท่าตำที่เรียกเสียงสูดหายใจของหนุ่มๆ หน้าร้าน เนี่ยสิที่เรียกว่าจุดขาย! นี่ถ้าไม่ติดว่าซื้อผักแก้อายไปแล้วล่ะก็พ่อจะซื้อตำป่าเพิ่มอีกสักถุง! ฮึ้ย~ แม่เจ้าประคุณเอ๊ย! ไว้ผมจะต้องชวนไอ้โป้ยมาอุดหนุนบ้าง ของอย่างนี้มันต้องช่วยเหลือกัน แม่ค้าจะได้มีเงินซื้อเสื้อผ้าดีๆ ใส่

.
.
.

หลังจากเสร็จสมอารมณ์หมายผมก็มุ่งหน้าสู่บ้านของภรรยาในชีวิตจริง หอบอาหารมากมายขึ้นลิฟต์ เต็มไปด้วยอาหารที่มีคุณประโยชน์เหมาะแก่คนเพิ่งส่างไข้โดยแท้ ส้มตำ ข้าวเหนียว ผักสลัดสดๆ ยังดีที่มีผลไม้มากู้หน้าได้บ้าง เป็นแอปเปิ้ลกับข้าวเหนียวมะม่วง แหม~ ช่างเข้ากันได้ดีจริงๆ

เมื่อเปิดเข้าไปภายในห้องนั้นเงียบกริบราวกับไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตใดใด ผมเดินไปจัดเก็บของที่ซื้อมาในครัวก่อนจะเดินขึ้นชั้นบนเพื่อไปพบกับภรรยาผู้อ่อนเปลี้ยเพลียแรงด้วยไข้หวัด ทันทีที่ประตูแง้มเปิดลมเย็นจัดก็วูบใส่หน้าจนสะท้านไปหมด ผมขมวดคิ้วฉับเดินเข้าไปในห้องที่คนนอนเปลี่ยนสภาพให้มันกลายเป็นห้องเย็น แต่แทนที่จะได้เห็นเจ้าของห้องนอนหลับเป็นตาย กลับได้ยินเสียงต๊อกแต๊กดังระรัวมาจากบนที่นอนแทน

“แป๊บนะๆ พี่ขอทำงานอีกนิดนึง”

ขนาดเห็นผมยืนกอดอกจังก้าตีหน้าบึ้งใส่ก็ไม่สนใจสักนิด ยังก้มหน้าก้มตามองหน้าจอโน้ตบุ๊กเขม็ง นิ้วก็พรมลงบนแป้นถี่รัว ผมขยับเดินไปยืนตรงหน้าตีสีหน้าให้ขึงขังกว่าเดิม แต่พี่ปูนก็แค่เงยหน้ายิ้มหล่อให้แล้วก็ไร้ซึ่งความสนใจผมเหมือนเดิม อย่างนี้มันน่าอยู่ดูแลมั้ยเนี่ย! จากที่คิดว่าจะหาทางโน้มน้าวสองสาวที่บ้านอย่างไรดี แต่เห็นแบบนี้แล้วผมก็หมั่นไส้ตะหงิดอยากจะวิ่งกลับบ้านซะเดี๋ยวนี้เลย

“หายดีแล้วใช่ป่ะ”

“อืม”  คนบนเตียงตอบสั้นๆ แม้แต่หน้าก็ไม่ยอมเงยขึ้นมามอง 

“แข็งแรงแล้วใช่มั้ย”

“อืม”

“โอเค! ถ้าไงก็อย่าทำงานจนลืมกินข้าวล่ะ”  ผมไม่เสียเวลายืนมองคนตรงหน้าอีกต่อไป ปากพูดสั่งความพลางเดินไปเก็บเสื้อผ้าตัวเองที่ถอดทิ้งไว้กับของใช้ในห้องน้ำ  “ผมซื้อข้าวเย็นมาให้นะอยู่ข้างล่าง พี่กินส้มตำได้รึเปล่า? ถ้าไม่ได้ก็หาสั่งเอาเองแล้วกันนะ แล้วก็มีแอปเปิ้ลกับข้าวเหนียวมะม่วงด้วย อ้อ! มีผักกับน้ำสลัดอยู่ในตู้เย็นด้วย”

ผมหมุนแปรงสีฟันในมือไปมาขณะมองหาของส่วนตัวที่อาจจะหยิบตกหล่นไป และในจังหวะที่คิดว่าเสียงพิมพ์ต๊อกแต๊กเงียบไป เมื่อหันมองก็แทบหลุดเรียกตัวเงินตัวทองออกมาตัวใหญ่ เมื่อเห็นพี่ปูนยืนตีหน้านิ่งอยู่ข้างหลังในระยะประชิด

“ตกใจหมด!”

“หมายความว่าไง”  มันปัดคำอุทธรณ์ของผมทิ้งอย่างไม่ใยดี แล้วยิงคำถามกลับด้วยเสียงเข้ม

“อะไรที่หมายความว่าไง?”  เจออย่างนี้ผมก็งงสิวะครับ เมื่อกี้พี่แกยังนั่งทำงานสบายอกสบายใจอยู่แป๊บๆ ก็มาตีหน้าขรึมใส่ผมแล้ว ไบโพล่าจริงๆ เมียผม

“ที่พูดเมื่อกี้”

“อ๋อ~ ข้าวเย็นอยู่ข้างล่าง”

“แล้ว?”

“แล้วผมจะได้กลับบ้านไง”  นี่มันเกมส์ทายปัญหาต่อคำรึไงกัน พูดจบผมก็ทำหน้าเพลียใส่พี่ปูนไปหนึ่งดอก

“ทำไม!”  ไอ้พี่ปูนก้าวเท้าใกล้เข้ามา สีหน้าบ่งเบิกชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยอย่างที่สุด

“ก็พี่หายดีแล้วนี่”  ไม่มีการประชดประชันในน้ำเสียงแต่อย่างใด เพราะถ้าพี่ปูนหายดีแล้วผมจะได้กลับบ้านไปรับใช้แม่กับพี่บ้าง จากมาก็สามวันเข้าไปแล้ว ไม่รู้ว่าต้นไม้ในสวนจะมีใครไปรดน้ำบ้างหรือเปล่า ห้องครัวจะเละเทะขนาดไหน แล้วยังมีเสื้อผ้าที่ป่านนี้คงท่วมสูงเป็นกองพะเนินรอให้ผมไปซักอยู่อีก

อาชีพหลักคือพระเอก งานอดิเรกคือขี้ข้า ช่างเป็นสโลแกนที่ชวนน้ำตาตกจริงๆ

“โอย~”  แล้วจู่ๆ เสียงครวญครางก็ดังขึ้นจากปากคนตรงหน้า ร่างสูงซวนเซเล็กน้อยก้าวถอยหลังตึกตึกไปล้มลงบนที่นอน แล้วตามมาด้วยเสียงไออย่างบ้าคลั่ง  “แค่กๆๆ - อ้อก! - แค่กๆๆ”

ถ้าจะทำขนาดนี้ ไม่ขย้อนลูกกระเดือกออกมาซะเลยล่ะ!

“อย่าเสแสร้งน่าพี่ปูน”  ใจอยากจะด่าด้วยคำอีกคำแต่ดีที่ยั้งปากไว้อยู่  “เลิกเล่นแล้วลงไปกินข้าวซะ จะได้กินยาด้วย”

“โอย~ พี่ปวดหัว”

ผมทำยืนนิ่งไม่สนใจ รอดูว่าไอ้คนเจ้ามารยาจะแสดงต่อไปได้ถึงไหน

“ปวดตัวไปหมด แค่กๆๆ หนาว~ พี่ต้องไข้ขึ้นอีกแน่เลย”

ผมกอดอกนิ่งมองดูการแสดงบนที่นอนต่อไปเงียบๆ แต่ยิ่งผมทำเป็นไม่สนใจมากเท่าไหร่ นักแสดงก็ยิ่งเพิ่มระดับความทุรนทุรายมากขึ้นเท่านั้น มองภาพตรงหน้าแล้วก็ให้ทอดถอนใจออกมา ทำไมถึงได้ทำลายภาพลักษณ์ตัวเองแบบนี้นะ คนที่จริงจัง มาดเฉียบ หล่อเท่ เก่งฉลาด ตอนนี้มันไปอยู่ที่ไหนแล้ว

“ลุง~ “

ความอดทนอันน้อยนิดสิ้นสุดลง ผมจำต้องเดินเข้าไปดูใจคนใกล้ตายใกล้ๆ พอเห็นผมเดินมาหยุดตรงหน้าก็ยิ่งดีดดิ้นกลิ้งไปมายกใหญ่ ได้ข่าวว่าอายุจะสามสิบเข้าไปแล้วนะ ถ้าไม่เกรงใจหน้าตา ก็เกรงใจอายุตัวเองบ้างเถอะ!

“พอได้แล้วน่า”  ผมเอื้อมหยิบโน้ตบุ๊กที่วางทิ้งส่งๆ เอาไว้ขึ้นมาเก็บให้เป็นที่ก่อนที่มันจะถูกทับจนพัง

“ใครว่าพี่แกล้ง”  ว่าแล้วก็ดึงมือผมให้ไปแตะซอกคอ ไอร้อนผะผ่าวบริเวณฝ่ามือที่แตะต้อง แม้จะไม่ได้ร้อนเป็นไฟเหมือนเมื่อคืน แต่ก็ยังนับได้ว่าตัวรุมๆ ของแท้แน่นอน  “เห็นมั้ย พี่ยังตัวร้อนอยู่เลย”

“ก็แล้วทำไมไม่นอนพัก”

“เสร็จงานแล้ว ไม่ทำแล้ว”  ดวงตาคมกระพริบมองผม เว้าวอนเหมือนลูกหมาถูกทิ้งไว้ในกล่องข้างทาง  “อย่าเพิ่งกลับบ้านไม่ได้เหรอ?”

“ผมยังมีแม่กับพี่สาวให้ต้องดูแลนะ”

“แต่ตอนนี้พี่ไม่สบายนี่”

อย่านะไอ้ลุง!! อย่าหลุดยิ้มออกมา เอ็งยังมีคนที่บ้านให้กลับไปดูใจนะ อย่ามาตกหลุมกับไอ้หนุ่มน่าหล่อคนนี้ ถึงจะไม่สบายยังไงแต่ก็ใกล้จะหายดีแล้ว คิดถึงต้นไม้ที่บ้านเอาไว้สิวะ มันจะแห้งตายอยู่แล้ว!

“เนี่ย~ พี่ยังรู้สึกเวียนหัวอยู่เลย”

ไม่ๆๆ อย่าไปยอมแพ้กับสีหน้าอิดโรยของเมีย

“ถ้าไม่ด่วนจริงๆ พี่ไม่ฝืนขึ้นมาทำงานหรอก”

อย่าไปฟังนะพัทลุง! ฮึบเข้าไว้ฮึบๆ

“อยู่กับพี่อีกคืนนะ...”

“ก็ได้”

บัดซบตัวเองจริงๆ!   

อยากจะขยี้หัวตัวเองให้ผมร่วงเหลือเกิน ทำไมผมต้องยอมไอ้บ้านี่อีกแล้วนะ เป็นเมียก็เข้าใจอยู่หรอก แต่ไม่เคยมีแฟนคนไหนมีอิทธิพลกับผมขนาดนี้เลยจริงๆ ให้ตาย แล้วถ้าวันนี้เกิดคุณดาหลาขึ้นเวรจะทำยังไงดี ถ้าทิ้งให้ป้าอยู่บ้านคนเดียวอีก นางยักษ์นั่นต้องแหกอกผมทีหลังแน่ ทำไงดีวะไอ้ลุง? นั่นก็พี่ นี่ก็เมีย สับสนโว้ย! อยากโทรไปปรึกษาพี่อ้อยพี่ฉอดอะ

หลังจากฉีกยิ้มหวานพี่ปูนก็ล้มตัวลงนอนอย่างว่าง่าย เอาเท้าตะกุยผ้าห่มขึ้นมาห่มเองเสร็จสรรพ กระพริบตามองผมซะเชื่อมหวาน ผมแอบกร่นด่าคนเจ้ามารยาในใจทั้งที่หัวใจก็เต้นตุบๆ อุ่นๆ ในอกพิลึก เทียบกับแม่ค้าตำกระเด้งคนนั้นแล้ว แม้พี่ปูนจะไม่ต้องยืนกระเด้งนมใส่แต่ผมก็หวั่นไหวกับมันมากกว่า แน่แล้วมึงไอ้ลุง! นี่เอ็งก้าวเท้าเข้ามาในเส้นทางรักสีรุ้งนี่เต็มตัวแล้วสินะ

“พี่อยากกินอะไรล่ะ”

“กินส้มตำได้”  พี่ปูนตอบอย่างว่าง่าย ผมพยักหน้ายอมรับอย่างง่ายๆ เหมือนกัน ซื้อมาตั้งสามถุง ขืนมันไม่กินผมมิเสียเงินเปล่าเหรอ

“เดี๋ยวผมลงไปเตรียมให้ เสร็จแล้วจะขึ้นมาเรียกนะ”

ก่อนลงผมก็ต้องเดินเก็บของในมือคืนที่อีกครั้ง จากนั้นจึงเดินลงบันไดมาอย่างคนมีเป้าหมาย สิ่งแรกที่จะต้องทำนั่นคือหยิบมือถือแล้วโทรหาคุณดาหลาเพื่อกำหนดชะตาชีวิตตัวเองเสียก่อน ระหว่างรอสายผมก็หยิบผักในตู้เย็นออกมารอการชำแหละ ผักกาดแก้วหัวใหญ่สีเขียวอ่อนๆ ดูกรุบกรอบ ผักกาดคอสสีเขียวสดน่ากิน ตามด้วยมะเขือเทศลูกเล็ก แครอทสีส้มสดใสเหมือนเคลือบแวกซ์ ที่จริงซื้อสำเร็จนั้นจะได้ของหลากหลายและถูกกว่านี้ แถมไม่ต้องเสียเวลาล้างด้วย

“ว่าไงคะคุณลุง”  ไม่นานนักเสียงปลายสายก็ดังขึ้น ผมรีบปล่อยกะละมังใบย่อมในมือที่กำลังเตรียมล้างผักลงอ่าง  “วันนี้จะได้ฤกษ์กลับบ้านหรือยัง? แม่กับคุณป้าให้อภัยแล้วนะคะ”

“แหะๆ”  ผมส่งเสียงหัวเราะแห้งๆ นำไปก่อน คุณดาหลาเล่นดักคอกันอย่างนี้ แล้วผมจะไปต่อยังไงเล่า  “ทำงานอยู่รึเปล่า? เหนื่อยมั้ย? กินอะไรหรือยังครับคุณ”

“แม่เดินจนปวดขาไปหมดแล้ว อยากกินแกงส้มมะรุมจัง พรุ่งนี้แม่ออฟล่ะไปกินสุกี้กันเถอะคุณลุง แล้วก็ช้อปปิ้งกันต่อ แม่เพิ่งได้เงินตกเบิกมาด้วยนะกระเป๋าร้อนฉ่าอยากใช้เงินจะแย่”

ฟังแล้วก็ให้นัยน์ตาร้อนฉ่าบ้าง เป็นข้าราชการที่ไม่มีหนี้สินนี่มันดีเหลือเกินวุ้ย  “ถ้าคุณดาหลาจะยอมซื้อเสื้อให้ลูกสักตัวสองตัว ลุงก็จะไปเป็นพนักงานหิ้วของให้ก็ได้”

“เสื้อผ้าคุณลุงไม่แพง แม่ให้สามตัวก็ยังได้ แต่ถ้าเป็นของคุณป้านี่แม่คงต้องคิดหนัก”

ผมหัวเราะตอบแม่เสียงแห้งกว่าเดิมอีก แค่คิดถึงราคาเสื้อผ้าของป้าแต่ละชุดผมก็ตัวสั่นเป็นแมวโดนน้ำเย็นแล้ว ยี่ห้อดังๆ แพงๆ ทั้งนั้น แต่ผมก็เข้าใจนะ เพราะหน้าที่การงานต้องดูดีอยู่เสมอแถมต้องติดต่องานกับพวกมีเงินมีฐานะ อยู่บริษัทดัง เงินเดือนก็สูง ผมน่ะค่อนแคะป้าในใจตลอดแหละว่า เวลาออกนอกบ้านเหมือนคุณนาย อยู่บ้านเมื่อไหร่เป็นยายเพิ้ง   

“ว่าแต่วันนี้คุณดาหลากลับบ้านรึเปล่า”  ผมวกกลับมาเรื่องที่ตั้งใจไว้ เรียบๆ เคียงๆ ถามด้วยน้ำเสียงปกติ

“ไม่กลับค่ะ แม่เหนื่อยมากขี้เกียจขับรถ”

ซวยล่ะ! หัวสมองผมกำลังคิดหาหนทางจะบอกกับคนปลายสายยังไงดี คุณดาหลาก็พูดต่อคล้ายเพิ่งนึกขึ้นได้  “คุณป้าไปสัมมนาที่ต่างจังหวัดนะคุณลุง ไม่อยู่สองวัน ฝากแม่บอกคุณลุงว่าลูกบิดประตูเสียซื้อมาเปลี่ยนให้ด้วย ตามนั้นนะจ๊ะ”

“ว้า~ งั้นลุงไม่กลับบ้านแล้วกันเนอะ”  ผมรีบตีเสียงเบื่อหน่ายออกไปทันที

“หื๊ม~ คงไม่ใช่ว่าพูดนั่นถามนี่เพื่อหวังผลอย่างนี้หรอกนะ”

“บ้าแล้วคุณดาหลา ฮะฮะฮะ” 

“นั่นสินะ ฮิฮิฮิ คุณลุงตั้งใจจะกลับบ้านวันนี้อยู่แล้วใช่มั้ย”  เสียงคุณพยาบาลคนสวยยังฟังดูหยอกเย้าร่าเริง แต่มวลหนาแน่นของเสียงนั้นเข้มขึ้นอีกครึ่งระดับ ถ้าไม่ได้นอนให้ตบตูดเกาหลังมาตั้งแต่แรกเกิดไม่มีทางแยกแยะเสียงที่เปลี่ยนแปลงแบบนี้ได้หรอก เพราะอย่างนั้นทุกคนถึงได้พูดเป็นเสียงเดียวกันหมดว่าแม่ผมนั้นโกรธใครไม่เป็น

“...ไม่ใช่ครับ”  ผมสารภาพเสียงอ่อย  “ลุงจะบอกแม่ว่าขอค้างข้างนอกอีกคืน”

“เรื่องงานอีกแล้วเหรอ?”

“เปล่าครับ คือว่า...แม่จำพี่ปูนได้รึเปล่า ที่ไปกับลุงวันนั้นน่ะ”

“จำได้ คุณปูนที่เป็นเจ้านายใช่มั้ย ซื้อของมาให้กินตั้งเยอะแยะแม่ยังไม่ได้ตอบแทนเลย”  คุณดาหลานึกได้ไม่ยากเย็น อันที่จริงไม่ว่าใครเจอพี่ปูนก็คงลืมได้ยากจริงๆ แถมคราวนั้นก็ไปแบบสายเปย์อีก  “น้องที่วอร์ดถามใหญ่ว่าเป็นใคร หล่อด้วย ใจป้ำด้วย เอาแต่ถามว่าจะมาอีกเมื่อไหร่จะได้แลกเวรรอ คิกๆ”

แม้แต่คุณพยาบาลก็ยังไม่วายโดนเสน่ห์ของขลังพี่ปูนเล่นงาน ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ ใส่มือถือตัวเอง ไม่รู้ว่าจะโต้ตอบบอกอะไร เงียบฟังคุณดาหลาแกเล่าต่ออีกสองสามประโยค ล้วนแล้วแต่เป็นการสรรเสริญความหล่อของเจ้านายหนุ่มกันปากต่อปาก จนพอใจแล้วถึงได้วกกลับมาที่ประเด็นการพูดคุยอีกครั้ง

“แล้วมันเกี่ยวกับคุณปูนตรงไหนคะ?”

“คือว่า...พี่ปูนป่วยอะแม่ แล้วพี่เขาก็ตัวคนเดียว ไม่มีคนดูแล ลุงก็เลยช่วยอยู่เป็นเพื่อน”

“..........” 

หลังจากการอธิบายแบบรวบรัดตัดความ เสียงจากปลายสายเงียบไปทันที ผมนิ่งรอฟังคำโต้ตอบจากอีกฝ่ายแต่ก็ยังเงียบหายเหมือนสายโดนตัดไปแล้ว

“แม่?”

“...จ้า”  คุณดาหลาลากเสียงยาวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเช่นเคย  “แม่เข้าใจแล้ว คุณปูนป่วยเป็นอะไรหรือจ๊ะ?”

“เป็นไข้ ไม่สบายปกติมั้ง? เมื่อคืนผมเช็ดตัวให้ทั้งคืน แต่กินยาไปก็เหมือนดีขึ้นนะ ไข้ลดลงแต่ยังไม่หายสนิทอะ”

“..........”

“แม่ว่าต้องพาไปโรง’บาลมั้ย? แต่พี่ปูนดื้อไม่ยอมไปด้วยเนี่ยสิ”

“..........”

“แม่ว่าไงดี?”

“หืม? อ๋อ~ ถ้ากินยาแล้วมันดีขึ้นก็ไม่ต้องพามาหรอก เดี๋ยวก็หาย”  คุณดาหลาพูดเสียงรัว เสียงเข้มขึ้นอีก 0.03 เปอร์เซ็นต์  “แต่แม่ว่าคุณปูนอายุมากแล้วคงจะดูแลตัวเองเก่ง คุณลุงอยู่จะยิ่งทำให้วุ่นวายรึเปล่า? ไม่ใช่ว่าไปรบกวนคนป่วยหรอกนะ”

“โธ่แม่~ พี่ปูนต่างหากที่เป็นคนรบเร้าอยากจะให้ผมอยู่”  ผมไม่รีรอที่จะพูดแก้หน้าให้ตัวเอง คุณดาหลานี่ช่างไม่รู้อะไรเสียเลย

“...เหรอจ๊ะ”

“พรุ่งนี้ค่อยนัดกันว่ากี่โมงเนอะ ลุงวางสายก่อนนะคุณดาหลา” 

“คุณลุง...พรุ่งนี้แม่ไปรับลุงที่ออฟฟิศเอง โอเคมั้ย?”

“เอางั้นก็ได้ บ๊ายบายฮะคนสวย”

ผมวางโทรศัพท์ลงกับเคาท์เตอร์ครัวด้วยความโล่งอก พร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะต้องย้อนกลับมาในช่วงวัยเรียนกางเกงดำที่ต้องคอยปกปิดแม่เวลาจะไปไหนกับหญิง แต่จะเรียกว่าไม่พัฒนาเลยก็คงไม่ใช่ เพราะผมเปลี่ยนจากหญิงตัวเล็กมาเป็นชายตัวโต... น่าปลื้มใจมั้ยล่ะ!

กลับมาสู่การตระเตรียมอาหารเย็นอันแสนง่ายดายกันต่อ ผมจัดการหั่นผักทุกอย่างใส่อ่างล้าง เปิดน้ำให้ชะล้างไปเรื่อยๆ แล้วก็หันมาแกะถุงส้มตำลงจาน ตามด้วยการปลอกมะม่วงสุกหอมน่ากินแล้วนำไปใส่ตู้เย็นไว้ก่อน แล้วหมุนตัวกลับไปล้างผักอีกสองหรือสามน้ำจึงวางพักสะเด็ดน้ำให้แห้ง ขั้นตอนหลังจากนั้นไม่มีอะไรยากอีกแล้ว เพียงแค่เทน้ำสลัดสำเร็จรูปที่ซื้อมาลงไป ง่ายดายสุดๆ

.
.
.

ประตูห้องค่อยๆ แง้มเปิด ผมส่องเข้าไปภายในตามรอยแยกเล็กๆ เมื่อเห็นว่าคนบนเตียงยังคงนอนนิ่งอยู่ที่เดิมจึงเปิดกว้างเพื่อเดินเข้าไป พี่ปูนนอนห่มผ้าด้วยท่วงท่าเดิมก่อนผมจะลงไป ดวงตาคู่คมคล้ายจะปิดลงเพื่อการผ่อนคลายเท่านั้น เพราะเมื่อผมนั่งลงในที่ว่างบนเตียงตาคู่นั้นก็ลืมขึ้นมองผมทันที ไร้ความง่วงงุน มีแต่ความสดใสจนคนมองอย่างผมแสบตา

“ลงไปกินข้าวกัน”

“อืม -- อ๊ะ!!”  คนนอนรับคำอย่างว่าง่าย แต่วินาทีต่อมากลับส่งเสียงร้องสั้นๆ คล้ายเพิ่งนึกบางเรื่องออก

“อะไร?”

“ตั้งแต่กลับมายังไม่จูบพี่เลย!”  สีหน้าตอนพูดออกมานั้น จริงจังเสียจนผมต้องพ่นลมหายใจออกมา

“มาๆๆ ยื่นปากมา”  พี่ปูนหัวเราะเบาๆ กับสีหน้าสุดเซ็งของผม แต่ก็ยังคว้าคอผมลงไปจูบอย่างหน้าตาเฉย

ผมขยับตัวเล็กน้อยเพื่อหาท่วงท่าที่จะไม่ทำให้เมื่อยขบทีหลัง ขณะที่ริมฝีปากก็บดคลึงกันเพียงผิวเผินคล้ายการอุ่นเครื่อง ผมไม่ต้องเปลืองอารมณ์คิดเลยว่าจะหยอกเอินอีกฝ่ายอย่างไร เพราะพี่ปูนนั้นไม่เว้นช่วงให้ผมเริ่มต้นความเป็นผู้นำเลย ริมฝีปากบางที่ออกจะคล้ำสักเล็กน้อยนั้นตะโบมจุบไปทั่วใบหน้าผมราวกับตายอดตายอยาก ผมมีหน้าที่แค่เอียงหน้ารับ เอียงคอเปิดให้เท่านั้น

 ต่อเมื่อพอใจ พี่ปูนจึงล็อกหน้าผมไว้ด้วยสองมือใหญ่เพื่อมอบจูบที่ลึกล้ำกว่าเดิม เรียวลิ้นอุ่นชื้นแทรกซอนกลิ่นมิ้นต์หอมสดชื่นเข้ามาในโพรงปาก การที่ได้ลิ้มรสความสะอาดทำให้ผมอดกระดากอายไม่ได้กับรสชาติหมูตกครกที่แอบจกกินไปก่อนหน้า ผมอยากจะผละหน้าออกมาเพื่อถามว่ารสชาตินั้นพอทานได้มั้ย? แต่พี่ปูนกลับไม่ปล่อยให้ริมฝีปากผมเอื้อนเอ่ยคำใดเลยนอกจากเสียงครางเบาๆ ในลำคอ

เราสูดหายใจพร้อมกันราวกับนัดหมายเพื่อโกยอากาศ จากนั้นเสียงระคายหูก็ดังขึ้นอีกครั้งเมื่อริมฝีปากสัมผัสดูดดื่มกันอีกหน ผมไม่ได้รู้สึกโหยหาอยากจะจูบพี่ปูนเป็นพิเศษ แต่ไม่รู้ทำไมพอได้จูบกันแล้วมันถึงได้ห้ามตัวเองได้ยากเหลือเกิน ถ้าไม่ใช่เพราะว่าผมกลายเป็นเกย์อย่างสมบูรณ์แล้ว ก็ต้องเพราะพี่ปูนเก่งเกินไปนั่นแหละ ทำให้หัวผมเบลอไปหมด ได้แต่ไขว่คว้ายึดตัวพี่ปูนเอาไว้แน่น

“อืม~”  เสียงคนใต้ร่างผมครางอย่างสุขสม ผมมองนัยน์ตาเชื่อมหวานเมื่อผละออกจากกัน ดวงตาคมระยิบระยับอย่างพออกพอใจ ตามประสาพ่อบ้านที่ดีล่ะครับ เห็นเมียมีความสุข ผมก็อดยิ้มออกมาบ้างไม่ได้

“อีกนะ”  พี่ปูนอ้อนเสียงอ่อย ไม่ใช่เรื่องที่เกินคาดเดาเท่าไหร่ ก็เล่นจูบกันซะขนาดนี้ อย่าว่าแต่เป้าพี่ปูนนูนขึ้นมาเลย หนอนน้อยของผมก็มีปฏิกิริยาเช่นเดียวกัน

“ไปกินข้าวก่อน”  ผมพยายามหลบตาหลีกเลี่ยง ทั้งที่ความจริงก็เริ่มคล้อยตามนิดๆ

“น่านะ”

“ไม่เอา!” 

“นิดนึง”

“ไม่...”  เสียงปฏิเสธเบาลงเรื่อยๆ ไร้ความหนักแน่นอย่างที่ควรเป็น ไอ้พี่ปูนมันคงเริ่มจับทางได้จึงรวบตัวผมพลิกมากอดแน่น เกี่ยวขากอดก่ายให้แตงกวากับสะโพกได้เซย์ฮัลโหลกัน มาถึงขั้นนี้แล้วผมก็พยายามขัดขืนให้พอเป็นพิธี คล้ายจะไม่ต้องการแต่ก็ยอมตามใจ แสร้งทำเสียงจิ๊จ๊ะอีกเล็กน้อยแบบไว้ตัว

“จิ๊! อะๆ ก็ได้”  ไม่รู้เสแสร้งสำเร็จมั้ย แต่พี่ปูนมันก็ยิ้มขำผมอยู่ข้างๆ หู  “แต่ผมทำให้เองตกลงมั้ย! อยู่นิ่งๆ ห้ามหยิบจับอะไรทั้งสิ้น”

“รับทราบ”  พี่ปูนรับขำเสียงเจือหัวเราะ ก่อนจะพลิกตัวนอนหงายเหยียดขายาวอย่างเชื่อฟังเรียกความหมั่นไส้ให้ผุดขึ้นมา ยิ่งเห็นใบหน้าหล่อๆ ผงกหัวเร่งยิกๆ ก็ยิ่งทำให้อารมณ์วาบหวิวมอดลงเสียดื้อๆ ใจอยากจะหยิบหมอนมากดหน้าให้สาแก่ใจ แต่เห็นแตงกวากลายพันธุ์ที่เป้ากางเกงตรงหน้าก็ตัดใจทำไม่ลง

ผมมองพี่ปูนอย่างชั่งใจ สายตาเร่งเร้าของพี่แกเริ่มแปลเปลี่ยนเป็นร้องขอเมื่อเห็นว่าผมเริ่มลังเลใจ แต่เมื่อผมเริ่มกระเถิบเข้าไปใกล้ เริ่มเอื้อมมือไปลูบเบาๆ ที่เป้านูนเด่น สายตาคู่เดิมก็เปลี่ยนมาทอประกายความตื่นเต้นในทันที

แตงกวาเริ่มเปลี่ยนขนาดในทุกครั้งที่ผมลูบคลำมันผ่านเนื้อผ้าบางๆ สองชั้น แม้จะมีกางเกงในกักกันไว้ได้บ้างแต่ดูจากที่มันปูดโป่งจนน่ากลัวจะระเบิดนั้น ผมคงประวิงเวลาหยอกล้อแค่เพียงภายนอกไม่ได้นาน จากความกระสับกระส่ายที่เห็น อีกไม่ช้าพี่ปูนจะต้องหมดความอดทนแน่ แต่เพราะรับปากผมเอาไว้แล้วถึงยังยอมกัดฟันอดทนอยู่

หรือนี่จะเป็นโอกาสอันดีที่ผมจะได้ประกาศศักดา


V
v
v
[มีต่อจ้ะ]
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 16-12-2017 19:39:19
[ต่อจ้า]



ปกติแล้วพี่ปูนตัวใหญ่อย่างกับควายไบซัน ไม่นับว่าตลอดเวลาที่จู๋จี๋กันผมต้องตกเป็นรอง ซ้ำยังไม่ยอมให้ผมยุ่งวุ่นวายกับก้นมันอีกต่างหาก ใช่แล้ว! นี่คงเป็นช่วงจังหวะที่ฟ้ามอบให้กับผม ที่จะทำให้พี่ปูนรู้ซึ้งว่าใครกันแน่ที่อยู่บน ใครกันที่ต้องร้องไห้กระซิกอยู่ข้างล่าง นับจากคืนที่ได้เสียกันแบบจำไม่ได้นั้นก็นับว่าผ่านมาพอสมควรแล้ว ตลอดมาก็แค่ผลัดกันจับให้แตงกับหนอนได้สนิทสนมกันแค่นั้น แต่ถ้าชีวิตคู่ทำได้เพียงเท่านี้มันก็เหมือนกับเวลากินไข่ดาวแต่ไม่ได้เจาะไข่แดงน่ะสิ!

ผมอุตส่าห์เดินเข้ามาในหนทางสายนี้แล้ว ถ้าไปไม่สุดทางผมจะเป็นชายเหนือชายได้ยังไง

“พี่ปูน...”  ว่าแล้วผมก็ปรับเปลี่ยนสีหน้าโดยซ่อนรอยยิ้มชั่วร้ายเอาไว้ แม้จะดูเลวไปหน่อยที่คิดรังแกคนป่วย แต่ถ้าไม่เริ่มตอนนี้ก็เหลือแต่ลักหลับอย่างเดียวแล้วล่ะ!

พี่ปูนขมวดคิ้วมองฝ่ามืออีกข้างของผมที่ยกขึ้นลูบไล้หน้าอกกว้างไปมา สองตามองสบผมอย่างไม่เข้าใจ  “ทำอะไร?”

“พี่เคยได้ยินรึเปล่า”  ผมว่าพลางนึกถึงคำพูดจากหนังเอวีที่เคยดู  “เขาว่าถ้าคนป่วยได้เหงื่อออกซะบ้างจะหายเร็วล่ะ”

แล้วนางเอกเอวีเรื่องนั้นทำยังไงหลังจากพูดประโยคนี้น่ะเหรอ? แม่เจ้าประคุณก็ทำหน้ายั่วยวนโดยการหลิ่วตาพลางกัดริมฝีปากอย่างยั่วเย้า

“เจ็บตาเหรอลุง?”

แล้วก็แลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างเร่าร้อน พร้อมกับปลดกระดุมเสื้อตัวเองไปด้วย

“หิวน้ำเหรอ? ร้อนใช่มั้ย?”  มีความขำในน้ำเสียง แต่ผมก็หาใส่ใจไม่

เอ...จากนั้นก็กระโดดขึ้นคร่อม โยกตัวไปมาพลางถอดเสื้ออีกฝ่ายสินะ

“หึหึหึ”

ผมทำเป็นไม่สนใจเสียงหัวเราะแปลกๆ เพราะพยายามนึกถึงเรื่องในหัว แล้วไงต่อวะ?  อ้อ! แล้วก็เอื้อมมือไปควักแตงจากทางด้านหลังออกมาจากกางเกงแล้วก็ปั้นให้ขึ้นรูป 

“อะ! อื้ม~”  พี่ปูนส่งเสียงครางยาวออกมา ดวงตาคมหลับพริ้มปล่อยให้ผมปรนเปรอแตงร้านด้วยความสุข  “อะไรน่ะ...อา...บริการพิเศษรึไง”

“เอ่อ ก็...พี่จะได้หายเร็วๆ ไง”  พูดไปพลางมือก็ขยันนวดไปด้วย ชั่วอึดใจเจ้าแตงกวาน้อยๆ ก็เติบโตเป็นแตงร้านผลใหญ่ยาวที่แข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ ผมลอบกลืนน้ำลายกับความมโหฬารทางด้านหลัง แต่คนมันเคยเผชิญหน้ากันมาแล้วความกลัวก็ย่อมลดลงบ้าง

“อา...ลุง อืม...เร็วอีก”  เสียงทุ้มต่ำครางไม่หยุดปาก ใบหน้าแดงระเรื่อบิดส่ายไปมาด้วยความซ่านเสียวที่ผมมอบให้ ...หึหึหึ นานแล้วที่ผมไม่ได้รู้สึกเหนือกว่าแบบนี้ ตั้งแต่คบพี่ปูนมา ชีวิตผมถูกกดลงที่นอนก่อนตลอด วันนี้แหละ! ฮะฮะฮะ!!

ปุริมเอ๋ย! ข้าจะยัดเยียดความเป็นผัวให้กับเอ็ง

ภารกิจเริ่มโดยการปัดถุงหม้อข้าวหม้อแกงลิงออกไปให้พ้นทางเสียก่อน จากนั้นก็ลากปลายนิ้วลงไปตามหลืบร่อง ยิ่งเห็นพี่ปูนครางซี๊ดแอ่นตัวขึ้นผมยิ่งได้ใจถูนิ้วไปมา ขนอ่อนโดยรอบสร้างความจั๊กจี้ให้เล็กน้อยแต่โดยรวมแล้วนับว่าน่าสนุกไม่เบากับการกรุยพงขนเล่น

“อย่า...อา...”  พี่ปูนส่งเสียงห้ามทั้งที่ยังครางอย่างเสียวซ่าน แต่มีหรือที่ผมจะยอมหยุดง่ายๆ ในเมื่อหลุมสมบัติอยู่ตรงหน้า ผมคงต้องขอเข้าไปดูหน่อยล่ะว่ามีทองอยู่หรือเปล่า!

ปลายนิ้วแหวกพงขนอ่อนเหมือนแหวกกอหญ้า ผมยิ้มกริ่มให้กับคนใต้ร่างที่เบิกตามองผมด้วยความตกใจ นิ้วชี้ค้นพบเป้าหมายเหมือนงูที่เจอเหยื่อ ผมมองพี่ปูนที่กำลังขบกรามแน่น อีกไม่กี่วินาทีต่อจากนี้พี่ปูนจะได้ลิ้มรสความเป็นเมียอีกครั้ง ฮะฮะฮะ!

ถ้าตัดภาพเป็นสโลว์โมชั่น ผมกำลังยิ้มเย้ยยุทธจักร พร้อมกับกดปลายนิ้วลงบนปากถ้ำ แต่จู่ๆ โลกกลับตาลปัตรหมุนพลิกอย่างไม่ทันตั้งตัว คนที่เคยทำตาโตมองผมจากทางด้านล่างก็กลับมายิ้มเหี้ยมมองผมจากทางด้านบน ขาที่เคยคร่อมเขาอยู่ ก็ดันกลายมาเป็นอ้ากว้างให้เขาคร่อมอย่างง่ายดาย ผมได้แต่เบิกตาค้าง อ้าปากพะงาบๆ อมลม

ฉิบหายแล้ว!!

“อยากจะทำอะไรพี่เหรอพัทลุง?”  ไอ้พี่ปูนเหยียดยิ้มมองผมด้วยสายตาวาววับ สถานการณ์ไม่ปลอดภัยอย่างร้ายแรง ผมจึงพยายามดิ้นหนีอย่างสุดความสามารถ  “ไม่ดิ้นสิ เริ่มแล้วต้องต่อให้จบรู้รึเปล่า”

แต่ที่ผมอยาก ‘ต่อ’ มันไม่ใช่แบบนี้!

“พี่ก็ยอมผมสักทีสิ” 

“พี่ก็ยอมลุงตลอดนะ”  เห็นเมียตัวเองทำท่าเอียงคอย้อนคำหน้าซื่อตาใส หัวสมองผมถึงกับเดือดปุดๆ   

“ถ้าพี่ยอมแล้วผมจะมาอยู่สภาพนี้เรอะ!”  ผมได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดออกไป แต่ใบหน้าคนฟังก็ยังระบายยิ้มยียวนได้อย่างต่อเนื่อง  “ยอมลุงซะอย่าขัดขืน! นี่คือการปล้ำ!!”


พรืด!


นอกจากจะไม่ตื่นกลัวแล้ว ไอ้พี่ปูนมันยังพ่นหัวเราะใส่หน้าจนน้ำลายกระเด็นตกเป็นดวง ไร้ซึ่งความเคารพยำเกรงเหลือจะกล่าว...สีหน้าลุงจริงจังไม่พอรึไงกัน อย่างน้อยก็มองที่แววตาอันแสนจะแน่วแน่สองข้างนี้ก็ได้ มันลุกโชนด้วยไฟร้อนแรงขนาดเผาไก่สดจนกลายเป็นไก่ย่างได้เลยนะ ก็แค่มีอะไรกันเท่านั้นเองไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อย ไม่รู้จะหวงตัวหวงถ้ำไว้ทำไม หนอนน้อยน่ารักของลุงคงไม่ทำให้เจ็บปวดอะไรมากมายนักหรอก... เอาเลยซี่!! ขำมันเข้าไป ขอให้ลิ้นไก่จุกคอตายไปเลย

“อย่าทำหน้าตูมสิลุง”

“ก็พี่หัวเราะผมอะ!”  ผมสะบัดหน้าหนีรอยยิ้มเจิดจ้า เจ็บใจจนในอกมันกรุ่นไปหมด ทำไมกับผู้ชายมันถึงได้มีอะไรกันยากเย็นขนาดนี้นะ

“พี่ขอโทษนะ”  ปากว่างั้น แต่น้ำเสียงกับสีหน้าไม่ได้ไปในทางเดียวกันเลย พี่ปูนอมยิ้มจนแก้มแทบปริ พลางก้มลงหอมแก้มเอาใจผมอีกหลายฟอด  “แค่ไม่คิดว่าจู่ๆ ลุงจะรุกพี่”

“ก็ผมเป็นผู้ชาย และพี่เป็นเมียผมนะ”

“อืม...”  หาใช่คำตอบรับ แต่เป็นเสียงการใช้ความคิดชนิดหนักมาก พี่ปูนหลับตาปี๋ เม้มริมฝีปากแน่นอย่างกับกลัวว่าจะหลุดปากอะไรออกมา ผมมองคนทำหัวผงกไปผงกมาอยู่หลายอึดใจ ขณะที่คิดว่าเริ่มทนไม่ไหว พี่ปูนก็พลันบรรลุเหมือนอิกคิวซังที่ทำหัวปิ๊งเหมือนคิดอะไรออก

แต่ทำไมจู่ๆ ผมถึงขนลุกซู่ไปทั่วตัวก็ไม่รู้...

“พี่ไม่อยากจะบอกให้ลุงกลัวหรอกนะ”  พี่ปูนทำสีหน้าลำบากใจเต็มที่  “แต่วิธีทำเซ็กส์กับผู้ชายน่ะ ไม่เหมือนเวลาทำกับผู้หญิงหรอกนะ”

ม...ไม่เหมือนกันยังไงฟะ!! ผมร่ำร้องอยู่ในใจ แต่ไม่กล้าแย้งออกไปเสียงดัง เพราะครั้งนั้นที่ทำกับพี่ปูนไป ผมจำไม่ได้เลยสักนิด

“กับผู้ชายน่ะ ต้องรู้ก่อนว่าจุดไหนบ้างที่กระตุ้นแล้วจะเกิดอารมณ์”  พี่ปูนเอ่ยเสียงยั่วยวน นัยน์ตาดำขลับจับจ้องผมคล้ายกำลังสะกดจิต ผมมองตอบความลึกลับนั้นจนกระทั่งมันเลื่อนหายเข้ามาใกล้ และแปรเปลี่ยนเป็นริมฝีปากชุ่มร้อน ปลายลิ้นฉกกระหวัดรัดพันจนเสียวพล่านไปทั่วท้องน้อย

“ตรงหน้าอกน่ารักๆ เนี่ย ก็ต้องปรนเปรอมันก่อน”  เสียงกระซิบแหบพร่าเลื่อนไกลออกไป ผมสั่นระริกอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อความอุ่นนุ่มที่เพิ่งลิ้มรสนั้นเปลี่ยนมาครอบครองยอดอกแบนราบ

“ไม่เอาแล้วพี่ปูน...”  ผมพยายามกลั้นเสียงครางเพื่อเอ่ยห้าม ทั้งที่ร่างกายนั้นเสียววาบจนต้องแอ่นหน้าอกขึ้นประเคนให้อย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่

ผมอยากจะดิ้นหนี อยากจะพลิกตัวกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่ชั้นเชิงในศึกครั้งนี้ผมเทียบไม่ได้เลย

“แล้วก็ตรงนี้...”  พูดไปพลางงับนมผมไปพลาง มือก็ล้วงไปปลดกระดุมกางเกงผมออกอย่างง่ายดาย ดึงๆ ร่นๆ โดยมีผมกระดกก้นลอยให้อย่างเต็มใจ รวดเร็วปานสายฟ้าแลบ หนอนน้อยน่ารักก็ดีดผึงออกมาสูดอากาศชุ่มปอด พี่ปูนไม่รอช้าที่จะคว้าหัวหนอนไปบดคลึงด้วยนิ้วโป้ง ชักพาเป็นจังหวะชาวร๊อคจนน้องหนอนน้ำตาซึมเบาๆ

“อื้อ~ ปุริม...”  เสียงครางหวิวเรียกชื่อเมียดังระงม ในปฐพีนี้จะมีผัวที่ไหนอนาถเท่าผมบ้าง

“ลุงอยากรู้มั้ยว่าตรงไหนที่จะทำให้รู้สึกดีที่สุด”  เสียงพี่ปูนนับว่ากระเส่ามาเมื่อยืดตัวขึ้นมาเพื่อจูบผมอีกครั้ง สีหน้านั้นเต็มไปด้วยความหื่นกระหายที่พยายามสะกดเอาไว้ แววตาคล้ายจะแผดเผาใบหน้าผมให้เป็นจุล  ผมไม่รู้ว่าควรจะพยักหน้าหรือส่ายหน้าปฏิเสธดี แต่มันสำคัญตรงไหนในเมื่อพี่ปูนไม่ได้อยากจะถามเพื่อเอาคำตอบเสียหน่อย

ร่างกายผมสั่นด้วยความกลัวในทันทีที่ถุงหม้อข้าวหม้อแกงลิงของตัวเองถูกลูบไล้ พี่ปูนเดาะมันด้วยนิ้วเหมือนลูกฟุตบอลหากว่านุ่มนวลกว่ามาก หยอกล้อมันไม่กี่ทีก็โกยมันให้พ้นทาง สูตรวงเวียนชีวิตนี้มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน เมื่อตะกี้ผมยังเพิ่งหยอกล้อกับพี่ปูนแบบเดียวกันนี้อยู่เลย ใครจะไปคิดว่าตอนนี้จะกลายเป็นผมที่ต้องมาจ้องหน้าไอ้พี่ปูนด้วยความตกใจปนหวาดกลัวแทน

คราวนี้ผมรู้แล้วว่าตัวเองควรจะต้องส่ายหน้าปฏิเสธให้คอเคล็ดกันไปข้าง!

“อันดับแรกลุงต้องรู้ก่อนสิว่าจุดไหนที่จะทำให้รู้สึกดี”

“ไม่เอาๆ”  เสียงร้องดังก้อง แต่พี่ปูนไม่สนใจ ยังคงมองผมด้วยแววตากระหายอยาก กดปลายนิ้วลงบนปากหลุมช้าๆ ไม่ได้ทำการทลายด่านเข้าไปเพียงแต่หยอกล้อถูไถความยับย่นเท่านั้น

“ถ้าไม่เรียนรู้ด้วยตัวเองก่อน ลุงก็ทำพี่เจ็บน่ะสิ”

ผมเริ่มจะเข้าใจแล้วว่าทำไมเวลานางเอกโดนปล้ำถึงได้มือไม้อ่อนไร้เรี่ยวแรงนัก ความกลัวคือสาเหตุหลัก แต่นอกนั้นมันคือบทบาทการแสดง แต่สำหรับผมนั้น ความกลัวมีมากเทียบเท่ากับความเสียว ผมท้าให้รื้อละครทุกช่องมาดูเลย คงไม่มีนางเอกเรื่องไหนถูกดูดนมจนแดง แถมยังแบะขาอ้าแตงให้ขยี้อย่างนี้หรอก ผมกำลังจะถูกปล้ำ แถมสถานภาพยังเทียบเคียงนางเอกไม่ได้แม้แต่น้อย

“ไม่เอานะปุริม ลุงไม่เล่นแล้ว”  เสียงผมสั่นจนใกล้จะน้ำปริ่มขอบตาอยู่รอมร่อ หวนนึกไปถึงข้อต่อรองที่เคยใช้ได้ผลเมื่อไม่กี่วันก่อน  “พอเหอะนะ เดี๋ยวลุงอมให้...นะ”

“พูดเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วทำไม”

ไอ้หะ-เรี่ย!!

อย่างนี้สินะที่ใครเขาว่ากันไว้ ว่าอะไรที่เคยให้ไปก็ยากจะเอากลับคืน ทำครั้งที่หนึ่งได้ ครั้งที่สองก็กลายเป็นเรื่องธรรมดา

“ไม่เอา!! อย่ามาตอแหลนะปุริม ตอนทำกับผู้หญิงไม่เห็นจะต้องมาทำอะไรแบบนี้เลย”  ผมเริ่มดิ้นอย่างจริงจังเพิ่มอีก 0.5% เพราะติดที่หนอนรักถูกจับเป็นตัวประกัน เห็นลูกรักกำลังร้องไห้น้ำตานอง คนเป็นพ่ออย่างผมก็ทรมานใจเหลือจะเอ่ย ทำได้เพียงกร่นด่าไอ้โจรชั่วด้วยเสียงคราง  “อ๊ะ! อ่ะ เอี้ย~”

“ลุงเคยทำกับผู้ชายมาก่อนเหรอ?”

“ไม่เคยโว้ย! อ๊า~”

“แต่พี่เคยนี่ แล้วลุงมารู้ดีเถียงพี่ได้ยังไง”

อยากตะกรุยหน้าคนด้วยปลายเท้าจังโว้ย!!

“ผมไม่เชื่อพี่หรอก อ๊าก!! จะบีบทำไมวะ”  ผมตัวงอเป็นกุ้งทันที มันเป็นความรู้สึกจุกปนหน่วงระคนความเสียวเล็กๆ แต่ทำให้สูญค่าพลังลงไปมากโข ผมเลยกลายเป็นคนสิ้นไร้เรี่ยวแรงนอนแผ่เป็นตุ๊กตายาง

“ถ้าไม่เชื่อนะ พี่จะให้ดูตัวอย่าง”  ว่าแล้วไอ้โจรใจบาปก็ปล่อยมือจากสิ่งละอันพันละน้อยของผม เอี้ยวตัวไปหยิบโน้ตบุ๊กที่ผมวางเอาไว้ที่ตู้ข้างเตียง ได้มาแล้วก็ยังจะเอาหน้าท้องผมทำเป็นฐานวาง เลื่อนๆ กดๆ อยู่สักพักก็เอากลับไปวางที่เดิม เพียงแต่คราวนี้หน้าจอถูกเปิดออกพร้อมกับภาพและเสียงที่กำลังเล่นอยู่

“ซี๊ดดด อา!”

พี่ปูนอมยิ้มชั่วร้ายมองผมด้วยแววตาระยิบระยับน่าขนลุก จากนั้นก็ซุกหน้าลงกับซอกคอผมเพื่อปลุกเร้าอารมณ์อีกครั้ง แต่สายตาผมกับถูกตรึงอยู่ที่คลิปวีดิโอที่กำลังเล่นอยู่ตรงหน้า สาบานเลยว่าดวงตาแทบจะถลนออกมานอกเบ้า ภายในหน้าจอนั้นปรากฏภาพหนังทุนต่ำที่ของชายกับชาย รูปร่างเต็มไปด้วยมัดกล้ามประหนึ่งหมีสองตัว หมีตัวที่หนึ่งกำลังอัดป้าบๆ อย่างเมามัน พากันส่งเสียงครางกระเส่าห้าวต่ำ

“อื้อ~ อืม~”  นอกจอผมก็ถูกไซ้จนแสบผิว ยอดอกก็เริ่มเจ็บแปล๊บทั้งสองข้าง แต่ผมก็ยังไร้สุ้มเสียงห้ามปราม

สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในชีวิตชายโสดคือคลิปโป๊ ไม่อยากจะอวดอ้างหรอกนะว่าผมมีคลังเก็บเอาไว้แก้เบื่อมากมายกี่ร้อยพันคลิป แต่ภาพเคลื่อนไหวตรงหน้านี้คือครั้งแรกที่ผมได้เห็นจะๆ ตา มันดูแข็งแร่ง รุนแรงและดิบเถื่อน เสียงร้องครางก็ไม่ได้น่าฟังเลยแม้แต่น้อย แต่...

เชี่ย!!

ภาพตรงหน้ามาถึงจุดที่หมีตัวที่หนึ่งเสร็จสมอารมณ์หมาย กำลังแช่นิ่งฟินได้ไม่เท่าไหร่ ไอ้หมีตัวที่สองก็พลิกตัวเพื่อขึ้นมาคร่อมบนแทน จากนั้นมันก็ทำการป้ายบางอย่างจากตรงก้นตัวเองมาสู่ก้นหมีตัวที่หนึ่ง เชี่ยๆ!!! แล้วมันก็ทำการจ้วงนิ้วลงไป ไอ้หมีตัวที่หนึ่งก็ฉีกขาทำหน้าเสียวไปสิ -- ไม่ๆ นี่มันไม่ใช่เรื่องจริง!

“พี่ปูน... ไม่เอานะ” 

“ถ้ายังไม่เชื่อจะลองโทรถามเพื่อนดูก็ได้นะ” 

ผมมีเพื่อนเป็นเกย์ซะที่ไหนกัน!

เมื่อเห็นผมปิดปากเงียบ พี่ปูนก็เริ่มทำเสียงอ้อนอีกครั้ง  “แค่นิ้วเอง พี่ยังไม่เอาของพี่ใส่เข้าไปหรอก”

“จริงนะ”

“สัญญาเลย”

“ถ้าผิดคำพูด ลุงจะตบปุริมให้หัวสั่นเลย”  ผมเอ่ยสำทับด้วยน้ำเสียงเข่นเขี้ยว พี่ปูนไม่พูดอะไรต่อนอกจากก้มหน้าลงดูดปากผมดังจ๊วบ ร่างหนาเอี้ยวตัวอีกครั้ง คราวนี้เป้าหมายอยู่ที่ลิ้นชักของตู้ข้างเตียงฝั่งเดิม

ผมที่ไม่อยากจะมองเห็นอะไรอีกก็ถึงคราวหลับตาลงอย่างตรอมตรม เพียงแค่เสียงที่ผ่านเข้าหูกับรสสัมผัสก็เกินพอแล้ว น้ำหนักที่ทับร่างอยู่หายไป แต่จากท่อนล่างที่ถูกจัดท่าทาง ถูกลูบไล้ไม่เว้นว่าง ทำให้รู้ว่าพี่ปูนไม่ได้หายไปไหนเลย ตามมาด้วยเสียงเป๊าะเบาๆ และไม่กี่วิต่อมาผมก็รู้ทันทีว่ามันเป็นเสียงเปิดฝาของอะไร

ผมเลื่อนสองมือปิดหน้าตัวเองแน่นยามที่เนื้อเจลเย็นๆ ตะต้องที่หน้าหลุม ขนแขนลุกพรึ่บเหมือนโดนไฟฟ้าสถิต ปลายนิ้วอุ่นๆ นวดเนื้อเจลลื่นๆ วนถูไปมาให้รอยหยักจีบรอบปากหลุมนั้นอ่อนนุ่มลง ผมพยายามกลั้นเสียงครางหวิวที่เกือบจะหลุดออกมาจากริมฝีปาก

ความหนักทาบทับลงมาบนตัวผมอีกครั้ง เสียงลมหายใจของพี่ปูนแรงถี่ขึ้นจากอารมณ์ที่พุ่งสูง โดยมีประจักษ์พยานเป็นของร้อนที่พาดแนบหน้าท้องผมอยู่ในตอนนี้ แตงร้านของพี่ปูนร้อนผ่าวแถมยังแข็งเป็นหิน

“จับให้พี่หน่อย”  มือข้างหนึ่งถูกบังคับเลื่อนลงไปทำหน้าที่ ผมก็ไม่ลีลาท่ามากอะไร เมื่อผมกุมแตงออกแรงบีบเบาๆ ปลายนิ้วทางตอนใต้ก็จ้วงเข้าไปในหลุมเชื่องช้า

“อื้อ!”  ผมสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อข้อนิ้วไถลเข้าไปลึกล้ำขึ้น จะว่าเจ็บก็ไม่ใช่ แต่จะบอกว่าไม่เจ็บเลยก็ฟังดูโกหกไป เอาเป็นว่ามันแปลกจนบรรยายไม่ถูก ในก้นผมไม่เคยลื่นเหนอะหนะแบบนี้ ไม่เคยมีของอะไรที่ไม่ใช่ขี้ผ่านเข้าออกมาก่อน

“เจ็บมั้ย?”  ผมส่ายหน้าให้กับเสียงกระซิบถามข้างหู  “ผ่อนคลายนะ ลุงรัดนิ้วพี่เสียแน่นเลย”

“ผมทำไม่ได้” 

“จูบพี่นะ...”  พี่ปูนจับมือผมออกจากใบหน้าให้เปลี่ยนมาโน้มตัวเองคอแทน ก่อนจะแนบริมฝีปากอุ่นร้อนลงมาบดจูบ มือข้างที่ว่างก็เลื่อนลงไปเล่นกับหนอนน้อยที่เกือบจะอ่อนปวกเปียกของผม

เสียงร้องครางยังไม่ทันหลุดออกจากปากก็ถูกสูบหายไปด้วยเรียวลิ้นแสนช่ำชอง ระลอกแล้วระลอกเล่า ยามที่นิ้วแข็งแรงโจนจ้วงเข้าสู่ภายในมันไม่ได้รู้สึกแย่เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป ความรู้สึกบางอย่างร่วมปะทุเบ่งบาน ร่างผมสั่นสะท้านอย่างห้ามไม่อยู่ ผมกลัว...แต่มันเป็นความกลัวที่ถูกความกระสันครอบทับอีกที

“ตรงนี้...”  พี่ปูนอมยิ้มบางตรงมุมปาก กระซิบพูดกับผมขณะที่กำลังถูนิ้วกับจุดหนึ่งในช่องทางที่ทำให้ผมหลุดเสียงครางออกมา  “รู้สึกดีรึเปล่า? หืม...ว่าไงครับ”

“พี่ปูน...อ๊ะๆ...พี่ปูน...”  ในหัวหมุนติ้ว ร่างกายไร้การควบคุม หลักยึดเดียวที่อยู่ในสำนึกคือการกอดก่ายพี่ปูนเอาไว้

“ตรงนี้คือบริเวณต่อมลูกหมาก เป็นจุด G-Spot ของผู้ชาย”  พี่ปูนบรรยายด้วยน้ำเสียงกระเหี้ยนกระหือรือมาก  “ถ้านวดกระตุ้นไปเรื่อยๆ ลุงก็จะถึงจุด อา...พี่ชอบสีหน้าของลุงตอนนี้ชะมัด”

ผมไม่รู้หรอกว่าตัวเองทำสีหน้าแบบไหนอยู่ รู้เพียงแต่ว่าใบหน้านั้นร้อนฉ่าเหมือนเลือดพร้อมใจกันไปกองอยู่ตรงนั้น ผมไม่กล้าก้มมองพื้นที่เกิดเหตุที่สร้างความเสียวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เลยจงใจจดจ่ออยู่กับริมฝีปากนิ่ม ไล่งับลิ้นที่อยู่ในปากแทน

“รู้สึกดีมั้ย?”

ผมว่าแค่เสียงร้องครางอย่างห้ามปากตัวเองไม่ได้ก็น่าจะเป็นคำตอบที่ดีแล้วนะ แต่ก็ยังจะถามย้ำให้อายซ้ำอายซ้อนทำไมวะ!

“พี่ใส่เพิ่มอีกนิ้วนะ”

“อื้ม~ อือ~ อือ...”

“ชอบรึเปล่า?”

“อึ๊! อ๊า~ อ๊ะ...อ๊ะ...”

“เสียวมั้ย?”


พอกันที!!


“เสียวโว้ย! พอใจรึยัง เสียวจนฉี่จะแตกอยู่แล้วเนี่ย! เพิ่มเจลอีกหน่อยมันแสบ!”  ไม่ต้องพูดอะไรกันมาก ผมดึงมือพี่ปูนออกมา คว้าหลอดเจลมาบีบใส่นิ้วจนล้นแล้วพยายามส่งมันกลับเข้าที่เดิม หมดแล้วความอายที่อุตส่าห์ประคองมาตั้งนาน  “ปุริม...เร็วๆ สิ ลุงอยากเสร็จแล้ว”

เมื่อได้สติ เจ้าของก็พาสองนิ้วทะยานเข้าสู่หลุมด้วยความราบรื่น หากคราวนี้มันลื่นและชุ่มฉ่ำยิ่งกว่าเดิม เมื่อสมใจ ก็ถึงคราวที่ผมจะปรนเปรอพี่ปูนบ้าง ผมเอื้อมมือสั่นระริกไปคว้าแตงร้านท่อนโต มันอุ่นร้อนและแข็งขืน ช่วยขยับชักพาไปตามแรงอารมณ์ที่ทวีสูงขึ้นเรื่อยๆ

แต่คนอ่อนแอก็ย่อมแพ้ไปก่อน

น้ำสีขาวขุ่นพุ่งเลอะเต็มหน้าท้อง ผมนอนแผ่หลาสั่นสะท้านทั้งที่ร่างยังกระตุกหงึกหงักเพราะการเสร็จสม ทุกจังหวะนั้นรับรู้ได้ถึงการบีบรัดนิ้วมือภายในอย่างหนักหน่วง เสียงหอบหายใจถี่กระชั้นดังต่อเนื่อง

“เซ็กซี่จัง...”  ผมปรือตาขึ้นรับจูบเบาๆ ของพี่ปูน กลั้นหายใจเล็กน้อยยามที่อีกฝ่ายถอนนิ้วออกไป มองพี่ปูนผละร่างออก ขยับตัวเปลี่ยนท่า  “คราวนี้ก็ถึงตาลุงให้รางวัลพี่บ้างล่ะ”

แตงร้านหัวโตชี้หน้าผมอย่างโกรธขึง ร้องห่มร้องไห้น้ำไหลย้อยออกมาจากลูกตาเดียว ผมจ้องมองโดยไร้คำพูด... นี่หรือคือการเป็นผัวของผู้ชายด้วยกัน ผมว่ามันชักจะไม่ใช่แล้ว... ไอ้ที่ผมเป็นอยู่เนี่ยมันไม่ได้ต่างจากการเป็นเมียเลยสักนิด ทำไมล่ะ? มันผิดพลาดตรงไหน?

ผมครุ่นคิดจนหัวหมุนด้วยความไม่เข้าใจ แต่ก็ยอมโกยแตงเข้าปากไปตามท้องเรื่อง




-------------------------------------------------------------------------------------------------


คล้ายๆ จะมาตามกลิ่นธูป...
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 16-12-2017 19:50:23
เย้ๆ จุดพลุฉลองการกลับมา
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 16-12-2017 19:58:23
เย้ๆๆๆมาต่อแล้ว

 :m11: :m11: :m11: :m11:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 16-12-2017 20:46:26
 :z3: :z3: :z3: นึกว่าเลิกเขียนไปแล้ว ดีใจมากๆ หือออออ ลุงจะรู้ตัวแล้วรึยังนะรู้ตัวรึเป่ากี๊ดดดดๆๆๆ  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 16-12-2017 20:53:06
ลุ้งงงงงงงงงงงงง :ling2: :ling2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 16-12-2017 20:54:34
เย๊.... กลับมาแล้ว แม่รู้แล้ว คุณแม่ผู้เก่งกาจ ลุงก็รู้ตัวซักทีจิว่าตัวเองสถานะอะไร อิอิ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 16-12-2017 21:02:00
หายไปนานมากกก คิดถึงเน้อ พี่ปูนยังคงความกาม
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบวาย ที่ 16-12-2017 21:09:20
คิดถึงลุงมาก ขอบคุณที่กลับมาอัพนะคะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 16-12-2017 21:13:30
ลุง รู้ตัวทีเหอะ
พี่ปูนรอแอ้มอยู่เต็มๆนะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 16-12-2017 21:19:07
มาแล้วววว :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: pimBNY ที่ 16-12-2017 21:34:28
ในที่สุดก็มา
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Fujung ที่ 16-12-2017 21:43:20
เป็นการกลับมาที่ยิ่งใหญ่มากค่ะ ลุงก็รู้แล้วสินะว่าตัวเองควรอยู่ในจุดๆไหน
เรามีลางสังหรณ์ว่า อีกไม่นานจะมีศึกชิงลุง แม่ยายกับลูกเขยต้องมีตีกันบ้างละ
สมบัติของบ้านจริงๆนะพัทลุง

แต่เราก็ยังรอโป๊ยกับพี่กรอยู่นะ คู่นั้นเป็นไงบ้างอะไปไวมากเบย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ous_p ที่ 16-12-2017 21:49:47
พี่ปูน ปูพื้นพร้อมใชไมคะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-12-2017 21:53:26
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 16-12-2017 21:54:36
ทีนี้ลุงก็ตามน้ำไปเถอะจ้า พี่เขาให้เป็นอะไรก็เป็นเนอะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-12-2017 21:58:21
 :heaven
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 16-12-2017 22:00:41
ในที่สุดก็กลับมา กลับมาพร้อม :jul1: ท่วมจอกันไป
ลุงเอ๊ย เป็นเมียปุริมเถอะ รุกพี่เค้าไม่รุ่ง ทำใจยอมรับความเป็นเมียซะดีๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 16-12-2017 22:02:30
คิดถึงมากมายเลยค่ะ :mew6: แต่พอได้อ่านแล้วนั้น :z1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 16-12-2017 22:09:11
กลับมาพร้อมความหื่นของปุริม
แต่จะโทษพี่มันก็ไม่ได้ มันก็อยู่ดีๆของมัน
ไก่ดันอยากโดนย่างเอง ฮ่าๆๆๆๆ
ใกล้รู้ตัวว่าตำแหน่งผัวไม่มีจริงแล้วสินะลุง
แล้วก็เกลียดการมีคลิปประกอบของอีพี่ปูน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 16-12-2017 22:13:53
เจ็บนิดเดียวนะลุงนะ55555555  :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 16-12-2017 22:20:12
พี่ปูนชั่วร้ายมากๆๆๆ  :hao6: :hao6: น้องลุงหนูเป็นเมียค่าลูก :ling2: :ling2:

ขอบคุณที่มาต่อค่า :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 16-12-2017 22:21:42
โอ้ยลุงงงงง บทจะสยิวๆก็ทำฮา55 ครั้งหน้าคุณดาหลาจะมาสังเกตการณ์ถึงออฟฟิตเลยเนี่ยยย คุณลุงยังไม่รู้ตัวอีก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 16-12-2017 22:24:21
คุณแม่รู้เรื่องปูนแล้ว น่าจะมีการแย่งชิงลุงแน่เลย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 16-12-2017 22:26:24
คุณดาหลาชักจะได้กลิ่นความไม่ชอบมาพากล รีบมาพาลูกชายตัวดีกลับบ้านเลยค่ะก่อนจะถูกกินไม่เหลือซาก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 16-12-2017 22:33:26
ขำความอายที่สิ้นสุด 55555555555 พี่ปูนก็ถามให้เขาอายอยู่ได้  :laugh:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Krajeeqx ที่ 16-12-2017 23:07:26
เป็นตอนที่แบ่บ :haun4: :haun4:
นี่ถ้าพี่ปูนไถแตงลงหลุมจริงๆ ดิชั้ลจะไม่ช็อกคาหน้าจอโทรศัพท์ใช่มั้ยคะ
คุณลุง หนูลูกยอมๆพี่เค้าไปเถอะ ขนาดนี้แล้ว 555555

คุณดาหลาคะจัดเลยค่ะ แย่งตัวนางซินกลับบ้าน  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 16-12-2017 23:07:46
นักเขียนมาต่อให้แบบนี้น้ำตาจะไหล ขอบคุณที่ไม่เทเรื่องนี้นะคะ

มาว่ากันที่ตอนต่อ อิพี่ปู๊นนนนทำไมสตรอว์เบอร์นี้ละคะ จงใจทำให้ลุงเข้าใจผิดชัดๆ นี่กะปูทางจะฟันลุงจริงๆแล้วใช่มั้ย ลุงก็น้าาาจะใสซื่อเกินไปแล้ว อย่างลุงน่ะไม่ทันเล่ห์อิพี่มันหรอก นี่เลยๆต้องคุณนายดาหลาแค่ได้ฟังลุงเล่าขุ่นแม่แกก็เริ่มจับไต๋อะไรได้แล้วนะคะ หึหึ งานนี้อาจไม่หมูแล้วก็ได้นะคะพี่ปูน ระวังเจอฤทธิ์ว่าที่แม่ยายนะคะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 16-12-2017 23:15:46
โถลุง จนป่านนี้ จะเสร็จพี่เขาอยู่แล้ว ยังได้แต่สงสัยอยู่อีกหรือ

ลุงพลาดไปเยอะแล้วลูกกกก....ฮาาา
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 16-12-2017 23:26:39
ถถถ สงสารลุงเขานะคะ รู้ตัวว่าเป็นเมียอีกทีคงโดนแตงพี่ปูนแล้วล่ะมั้ง :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 16-12-2017 23:31:30
 :z1:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: SeaBreeze ที่ 16-12-2017 23:32:29
ดีใจๆลุงกลับมาแล้ว o13
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 16-12-2017 23:59:01
หายไปนานเลยยยย นึกว่าจะไม่มาต่อซะแล้ว :mew2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 17-12-2017 00:00:59
โฮกกกกก ซัดซะเลือดหมดตัว  ต่อแต่นี้ฉันคงเห็นแตงกวาไม่ได้แล้ว 
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 17-12-2017 00:09:40
 :haun4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-12-2017 00:20:25
โอย...........ดีใจไรท์มาแล้ว   :mew1: :mew1: :mew1:
แค่เกือบๆจะจุดธูปเองนะ   :hao3:
อ่านไปขำไป แทบจะปลุกคนทั้งบ้าน ไรท์สุดยอดดดดดด :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ขำลุง   "อาชีพหลักคือพระเอก งานอดิเรกคือขี้ข้า ช่างเป็นสโลแกนที่ชวนน้ำตาตกจริงๆ"

พี่ปูน เจ้าเล่ห์ หื่นกับลุง เล่นใหญ่มาก
ถถถถถถถ.....ลุง ปลงกับสภาพตัวเอง รู้แล้วว่าตัวเองไม่ใช่ผัว แต่เป็นเมีย  :serius2: :serius2: :serius2:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Mengjie_JJ ที่ 17-12-2017 02:13:30
ลุง ร่างกายเข้าใจแต่สมองและจิตใจยังค้านอยู่

เดี๋ยวก็ดีเอง

 :z1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 17-12-2017 07:30:49
เย้ๆๆมาต้อแล้วในที่สุด 5555 ลุงยังคงตลกได้อย่างเป็นธรรมชาติ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: yumenari ที่ 17-12-2017 09:04:37
 :hao7:

ปุริมมม หนูจะโดนหลอกแบบนี้ทุกวันไม่ด้ายนะ

พี่นี่มารอคนเขียนที่หน้าเล้าทุกวะนดบยยยย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 17-12-2017 09:08:38
โอ๊ยยย ลุง นี่ยังไม่เข้าใจบทบาทของตัวเองอีกใช่ไหม
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 17-12-2017 09:33:53
เกือบละลุง 5555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 17-12-2017 10:36:56
คือลุงแบบเข้าใจสถานการณ์มากเลยลูกเอ๋ย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: moodyfairy ที่ 17-12-2017 10:48:23
กลับมาพร้อมความหื่นมากกกกก :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 17-12-2017 11:43:46
เหมือนลุงจะเริ่มรับรู้สถานะที่แท้จริงของตัวเองแล้วเน๊อะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: awfsp ที่ 17-12-2017 14:44:21
ขำลุง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 17-12-2017 16:38:57
คุณนายดาหลาต้องสงสัยอะไรแน่ๆ พี่ปูนระวังแม่สามีนะ 555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 17-12-2017 17:22:33
ลุงกลับมาพร้อมความเสียวที่เพิ่มขึ้น
ปุริมใจเย็นมว๊ากกกกกกก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 17-12-2017 18:40:46
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 17-12-2017 20:35:40
โธเอ่ย นึกว่าจะเสร็จพี่ปูนซะแล้ว  :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 17-12-2017 21:08:02
 :z2: สนุกสุดๆ ไปเลยค่าาา ลุงเอ้ยลุง :hao3:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: pockypocky ที่ 17-12-2017 21:21:24
สงสารลุงวงงงงงงงงง55555 คุณดาหลาสังเกตเห็นอะไรแล้วแน่ๆ พี่ปูนงานงอกซะแล้ว o18
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 17-12-2017 22:46:54
มาต่อแล้วววว ดีใจ

สงสารคุณลุงนะเนี่ย ถ้าวันนึงรู้สถานะของตัวเองขึ้นมาจะเป็นยังไง
พี่ปูนรับมือให้ไหวนะ เราจะเชียร์
แต่ตอนนี้ ต้องผ่านด่านคุณนายดาหลาให้ได้ก่อนนะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 18-12-2017 00:05:57
ขำ ตรงที่ลุงบีบเจลใส่มือพี่ปูนแล้วเอาไปใส่ที่เดิม อะไรจะปานนน้านน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 18-12-2017 00:48:15
ความฉลาดนี้ลุงได้แต่ใดมา

คุณนายฟังเรื่องนิดเดียวก็จับได้แล้ว
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 18-12-2017 18:47:16
คุณรู้เรื่องแล้ววว จะไปเจอลูกเขยแล้-- แค่ก
พี่ปูนร้ายยยย 5555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 18-12-2017 21:59:45
ใคร ๆ เขารู้กันทั่ว มีแต่ลุงนี่แหละที่ยังสงสัยอยู่
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: tutatoomtam ที่ 18-12-2017 22:18:31
มารอดูลุงโดนพี่ปูนทับ.  เอ้ยยยยยยยยยไม่ช่ายยยยยย :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 18-12-2017 23:06:17
เย้ กลับมาแล้ววววว
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 19-12-2017 10:02:38
แพ้ทางพี่ปูนทุกทางเลย


55555


ชาติหน้าก็ไม่ได้รุกนะจ๊ะลุงจ๊า
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 19-12-2017 15:42:20
สงสารอิลุง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 19-12-2017 18:00:53
อีกไม่นานหรอก ลุงจะค้นพบสถานะที่แท้จริงของตัวเอง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: waiieiei ที่ 19-12-2017 19:26:16
ยอมเถ๊อะะะะะลุง คนอ่านรออยู่
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 20-12-2017 06:17:48
ลุงจะแหย่พี่ปูนที่ไหนได้คดีพลิกโดนแหย่ซะเอง55555 คราวหน้าเจอคุณดาหลาจ้องจับผิดแน่ลุง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 20-12-2017 06:43:06
555 เมื่อน้องลุงจะรู้ว่าอย่างน้อง ลุง นะเมียแน่นอน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 13 _ห้ามแหย่เสือหลับ_ || 16-12-60 หน้า 24 ||
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 20-12-2017 20:40:42
คราวนี้แหละได้สลับหน้าที่กันสักที
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 22-12-2017 23:06:00
ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก



อย่าได้สงสัยว่าท้ายที่สุดแล้วส้มตำร้านกระเด้งนั้นอร่อยหรือไม่ เพราะกว่าที่ผมกับพี่ปูนจะเกี่ยวก้อยกันลงมากิน ของทุกอย่างบนโต๊ะก็เซ็งจนไม่รู้จะเซ็งยังไงแล้ว แต่จากการพรีเซนต์ของแม่ค้าและรสชาติหมูตกครกที่จกชิมไปก่อนหน้านั้น ผมต้องขอบอกว่าไว้มีโอกาสจะกลับไปชมการกระเด้งอันน่าตื่นตาอีกแน่นอนครับ

หลังจากอิ่มหนำกับอาหารมื้อเย็นที่กลายเป็นมื้อดึก ก็ถึงคราวแปรงฟันแล้วเข้านอน ตัวพี่ปูนไม่ร้อนแล้วเมื่อได้รับการออกกำลังกายติดต่อกันหลายชั่วโมง นับว่าเป็นการเสียเหงื่อที่ได้ประโยชน์มากในครั้งนี้ แม้จะไม่สบายตัวผมสักเท่าไหร่ก็ตาม

‘วันนี้ผมกลับบ้านแล้วนะ แล้วตอนเย็นมีนัดกับคุณดาหลาไปกินสุกี้แล้วก็ช้อปปิ้ง’

นั่นคือสิ่งที่ผมพูดออกไปเมื่อเกือบครึ่งชั่วโมงก่อนในขณะที่แต่งตัวเตรียมพร้อมจะออกจากห้อง ผมกะเวลาให้ออกแต่เช้าสักหน่อยเพื่อเวลาทำงานจะได้มากขึ้นอีกนิด รถไม่ติด ไม่ต้องหงุดหงิดหัวใจ แต่หลังจากพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเริงร่า เจ้าของห้องกลับตีหน้ามุ่ย เดินดุ่มๆ ตรงเข้ามาประทุษร้ายผมชนิดที่ตั้งตัวกันไม่ทัน

“อ๊ะ! อ๊า~ พอแล้วพี่ปูน”

ครับ...นี่คือสภาพปัจจุบัน

จากโถงทางเดินด้านล่างก็ถูลู่ถูกังกันมาจบที่บนโซฟา เสื้อยืดถูกดึงทึ้งไปมาจนค้างเติ่งคาคอ ต่อให้แขนข้างหนึ่งถอดออกไปได้แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร ส่วนกางเกงยีนส์นั้นถูกโยนทิ้งหายไป กางเกงในก็เช่นกัน... ส่วนคนที่ถูกผมบังคับให้หยุดงานอีกวันนั้นสวมเพียงแค่กางเกงนอนขายาวเดินลงมาส่งเท่านั้น ซึ่งในตอนนี้ก็ยังอยู่ติดตัวเพียงแค่ถูกร่นลงมาก็กองตรงหน้าขา


ความแตกต่างชัดเจนแม้กระทั่งท่วงท่าที่เป็น


นี่คือเช้าที่อากาศสดใสเหมาะแก่การนั่งรถเมล์ไปทำงาน ไม่ใช่การนั่งคร่อมตัวผู้ชายด้วยกันแล้วกินแตงร้านเป็นอาหารเช้า ใช่! แตงนั้นมีประโยชน์ แต่เมื่อคืนผมก็กินไปเยอะแล้วไม่ต้องการกินเพิ่มอีกในระยะเวลาอันใกล้นี้ แต่ชาวสวนผู้โหดเหี้ยมก็ปลุกปล้ำยัดแตงเข้าปากผมจนได้ ไม่ทราบว่ารมต.กระทรวงเกษตรจะจัดการกับพืชผลล้นปากในตอนนี้ได้อย่างไร ตำรวจจะลงโทษชาวสวนเหิมเกริมคนนี้ได้มั้ย

ช่วยหน่อยเถอะครับ...ผมไม่ไหวแล้วจริงๆ ~

“อื้ม! พอแล้วปุริม”  ผมพยายามโหย่งก้นหนี แต่ก็ถูกกดรั้งให้กลับมาสู่ตำแหน่งเดิม  “เอานิ้วออกซะที! ลุงแสบ”

“แต่ทำไมตรงนี้ยังแข็งปั๋งอยู่ล่ะ”  กล่าววาจาหยอกล้อเสร็จปั๊บ หนอนน้อยของผมก็ถูกคว้าเข้าปากคนช่างพูดปุ๊บ นิ้วก็จ้วงเข้าจ้วงออกหลุมแบบไม่กลัวเป็นตะคริว ตอนนี้ผมระบมไปหมด เรี่ยวแรงแทบจะไม่เหลือติดร่าง ไอ้เสียวมันก็เสียวอยู่หรอกแต่มันไม่ใช่เวลา!

ผมปรือตามองของในมือ ตอนนี้แตงร้านเกรดพรีเมี่ยมคงใกล้เวลาเก็บเกี่ยวเต็มที เพราะมันพองใหญ่จนน่ากลัวแถมยังแข็งเป็นเนื้อสาก ถ้าไม่ใส่ปุ๋ยเร่งโตล่ะก็ วันนี้ผมคงไม่ต้องไปทำงานมันแล้วล่ะ -- คิดได้ดังนั้นก็อ้าริมฝีปากกลั้นใจอมแตงเข้าไป พยายามโขกหัวดูดรั้งจนสุดฝีมือ ชาวสวนชั่วก็ไม่รอช้าที่จะงัดเสยช่วยกันเป็นอย่างดี

โอย~ จะอ้วกอยู่แล้วโว้ย

“นิ่มมากเลยลุง...ซี๊ด~”  เสียงหื่นกระหายดังคลอไปพร้อมกับเสียงคราง  “สามนิ้วแล้ว...อา~ พี่อยากจะ...อ๊ะ! อื้ม!!”

แล้วผมก็เก็บเกี่ยวแตงจากสวนนี้ได้อีกครั้ง

เสียงหอบหายใจของพี่ปูนรุนแรงเสียจนร่างผมที่นอนทับอยู่เคลื่อนไหวตามจังหวะเข้าออกของลมหายใจ ผมเองก็เหนื่อยไม่ต่างกันเท่าไหร่ นอนนิ่ง อิงหน้าซบเนินหญ้ามองแตงเหี่ยวๆ ด้วยลมหายใจรวยริน ใบหน้าเปรอะน้ำคาวไปทั่ว ในปากนั้น...อย่าพูดถึงเลยครับ

ผมไม่เคยมีเซ็กส์ที่หยาบโลนลามกสกปรกขนาดนี้มาก่อน การคบกับพี่ปูนนี่ช่างเปิดโลกทัศน์แปลกใหม่ ได้รู้ว่าการมีเซ็กส์นั้นเร่าร้อนแถมยังรุนแรงได้เหมือนในหนัง AV ไม่ใช่แค่การกอดจูบลูบคลำอย่างอ่อนโยนแล้วแพนกล้องไปยังโคมไฟ หรือจูบกันอย่างดูดดื่มแล้วตัดภาพไปจบที่ตอนเช้าเราอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน...ผมเชื่อแล้วว่ามันมีแต่ในละครเท่านั้นเอง ชีวิตจริงมันหยาบโลนกว่านั้นเยอะ พี่ปูนทำให้บทรักที่ผ่านๆ มาของผมกลายเป็นพวกไก่อ่อนไปเลย

“เปลี่ยนท่าหน่อย”  มือใหญ่ตบก้นผมเบาๆ  “มาคร่อมหน้าพี่สิ เดี๋ยวพี่ช่วย”

“ไม่ต้อง...” 

“ลุงยังไม่ถึงเลยนี่”

“พอแล้ว...”  ไม่ใช่ว่าผมอึดถึกกว่าเดิมหรอกครับ แต่น้ำแรกน่ะพี่ปูนได้จากผมไปตั้งครึ่งทางก่อนแล้ว

“ขืนยังซุกหน้าอยู่ตรงนั้น ถ้าพี่จัดให้อีกรอบก็อย่ามางอแงนะ”

เท่านั้นแหละผมถึงได้ยอมขยับตัว พี่ปูนก็ช่วยเหลือจัดท่าทางให้อย่างใจดี เมื่อตั้งหลักได้พี่ปูนก็จัดการรีดพิษหนอนออกไปด้วยเวลาไม่ถึงห้านาที พี่ปูนปล่อยให้ผมนอนเบี่ยงตัวกอดหัวอยู่ท่านั้นเพื่อคลายความร้อนในตัวโดยที่ก้นก็ถูกนวดคลึงไปด้วย บอกตามตรงว่าขาชาจนสั่น หน้าหลุมก็เจ็บแถมในหลุมยังร้อนผ่าวปนแสบอีกต่างหาก ปวกเปียกไปทั้งตัว... ทำไมผมถึงต้องมาเจออะไรแบบนี้ก่อนไปทำงานด้วย

“เด็กดีของพี่”  ร่างผมไถลลงมากองบนตักเมื่อพี่ปูนขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ริมฝีปากอมยิ้มพรายพลางหอมแก้มผมแรงๆ อีกสองฟอด  “พี่จะพาไปอาบน้ำนะ แล้วเราค่อยไปทำงานด้วยกัน”

ผมไม่สนอะไรทั้งนั้นแหละ อุ้มผมไปเถอะ! ผมจะกอดพี่เป็นลูกลิงขึ้นไปแบบนี้แหละ... ผมว่าตัวเองต้องกลับมานั่งคิดถึงจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์นี้ใหม่แล้ว คนอย่างผมน่ะหรือจะกดพี่ปูนได้ เท่าที่ดูจากทุกวันนี้...เหอะๆ ไม่มีทาง!!

“ไว้เราไปซื้อเสื้อผ้าของลุงกันนะ ลุงอยากได้ตัวไหนพี่จะซื้อให้หมดเลย”  น้ำเสียงพี่ปูนรื่นเริงมาก ไอ้ผมก็ฟังเข้าหูซ้ายทะลุออกขวา ปล่อยให้คนตัวโตใช้ฟองน้ำชุ่มครีมลูบเนื้อลูบตัวไปเงียบๆ อย่างคนใช้ความคิด  “แล้วเราก็เก็บไว้ที่นี่ดีมั้ย? เวลาลุงมาค้างจะได้มีเสื้อเปลี่ยนตลอด”

เดี๋ยวก่อนนะ! วันนั้นผมเมามาก...มากจนพี่ปูนบอกว่าผมอ้วกออกมา

“หรือจะหาโน้ตบุ๊กอีกสักเครื่องดี? ลุงจะได้เอางานมาทำได้...ดีมั้ย?”

“อืมๆ ดีครับ”

แล้วคนเมาขนาดนั้นเนี่ยมันโด่เด่กันไหวด้วยเหรอวะ?

“มีน้ำหอมกลิ่นหนึ่งให้บรรยากาศเข้ากับบุคลิกของแม่ลุงเลย ถ้าพี่ซื้อให้ ลุงว่าคุณน้าจะชอบรึเปล่า?”

“ชอบครับชอบ”

แล้ววันนั้น...วันนั้นพี่ปูนเป็นคนขับรถพาผมกลับไป...?

“แล้วพี่สาวลุงชอบอะไรล่ะ พี่จะได้ซื้อฝากด้วย”

“อืม...อะไรก็ได้”

หมายความว่าพี่ปูน...ไม่ได้เมา...?

“ลุง?”

แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น...

“ลุง...”

ถ้ามันเป็นแบบนั้น...

“พัทลุง!!”

เฮือก!!

ผมสะดุ้งโหยงกับเสียงเรียกที่ดังอยู่ข้างหู ความคิดทุกอย่างเตลิดเหมือนลูกบอลที่ถูกเตะลอยออกไป ผมกระพริบตาปริบๆ มองผู้ชายตรงหน้าที่กำลังขมวดคิ้วมุ่น

“มีอะไร?”

“ลุงเหม่อ...ไหวรึเปล่า?”  คำถามนั้นเต็มไปด้วยน้ำเสียงห่วงใย ผมยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะมองรอบตัวที่คลับคล้ายว่าจะเปลี่ยนไป เวรกรรม! นี่ผมออกมาจากห้องน้ำตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย เมื่อก้มตัวลงมองร่างกายตัวเองก็พบว่าเสื้อผ้านั้นถูกใส่ให้ครบชุด เสื้อเชิ้ตที่ออกจะใหญ่ไปสักนิดยี่ห้อดัง กับกางเกงยีนตัวใหม่ที่หลวมไปสักหน่อย และตอนนี้ก็มีมือของพี่ปูนกำลังช่วยสอดสายเข็มขัดเข้าตามห่วงให้

“ทำเหมือนผมเป็นเด็กอนุบาลไปได้”

“ก็แต่งให้จนเสร็จแล้วไม่เห็นจะว่าอะไรเลยนี่”  พี่ปูนบอกน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ  “ไปทำงานไหวแน่นะ”

“อืม แค่ขาสั่นนิดหน่อย”

“พี่ขอโทษนะ อยู่ใกล้ลุงทีไรพี่คุมตัวเองไม่ค่อยจะได้เลย”  ริมฝีปากอุ่นยื่นประทับข้างแก้มอีกครั้ง ได้ยินแบบนี้แล้วผมจะไปโมโหยังไงได้ แล้วที่สำคัญเป็นตัวผมเองทั้งนั้นที่ตามใจพี่ปูนตลอด

“นั่งรอก่อนนะ พี่แต่งตัวแป๊บ”  ผมเดินไปลงนั่งรอตรงอาร์มแชร์ ไม่ออกปากห้ามปรามแต่อย่างใด ก็เมื่อครู่พี่ปูนพิสูจน์ให้ผมเห็นแล้วว่ามีพลังเหลือเฟือที่จะทำงานขนาดไหน

.
.
.

"เฮ้ย? ทำไมมึงดูโทรมจังวะ"

เสียงเพื่อนโป้ยทักทายผมทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะทำงาน อันที่จริงมันมองมาตั้งแต่ที่ผมเดินตามหลังพี่ปูนขึ้นบันไดมาแล้วล่ะ สีหน้ามันอมยิ้มมองมาแปลกๆ แต่มันก็ยกมือไม้ทักทายพี่ปูนปกติ

"มึงก็ดูรื่นเริงผิดปกตินะ"  ผมหันไปบอกมันบ้าง ปกติแล้ววีรภาพก็ไม่ใช่คนชอบตีหน้าขรึมหรือมุมปากตกแต่อย่างใด แต่ก็ไม่ได้ทำหน้าระรื่นเหมือนเดินอยู่ในทุ่งดอกลาเวนเดอร์เหมือนกัน  "เมื่อคืนมีอะไรดีๆ รึไง ได้หญิงเหรอ?"

"ได้นะ...แต่ไม่ใช่หญิง"  ริมฝีปากจุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาเล็กน้อย พอให้คนฟังฉงนแล้วก็เปลี่ยนเรื่องตามเคย  "ว่าแต่มึงเถอะ เมื่อคืนคงไม่ได้กลับบ้านล่ะสิ"

"อ...อืม"  ผมหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเพื่อนโดยตรงทันที  "แฟนกูยังไม่หายดีไง อีกอย่างที่บ้านก็ไม่มีใครอยู่ด้วย กูเลยค้างเป็นเพื่อนอีกคืน"

เครื่องคอมฯ เริ่มการทำงาน ผมจ้องมองจอภาพพยายามทำตัวนิ่งเฉยไม่สนใจสายตาที่มองมาอย่างค้นหา ไอ้โป้ยอาจจะกำลังส่งกระแสจิตเข้าไปล้วงความลับในไส้ติ่งผมอยู่ก็เป็นได้

“คงดูแลเหนื่อยล่ะสิ มึงถึงได้โทรมปานนี้”

“อืม กูดูแลดีมาก”  ผมได้แต่ขบฟันเข่นเขี้ยวตอบออกไป ถ้าโป้ยรู้ว่าผมนั้นทุ่มเทแค่ไหน มันคงร้องไห้ให้กับความเหนื่อยยากของผมแน่ๆ ขนาดตัวผมเองยังรู้สึกเลยว่าเป็นการทุ่มเทที่เกินไปจริงๆ

ว่าแต่...

“โป้ย...กูถามอะไรหน่อยดิ”  เสียงคลิกเมาส์ดังขึ้นเป็นระยะ การทำงานไปด้วยพร้อมกับถามเหมือนอยากรู้อยากเห็นน่าจะช่วยป้องกันจิตสัมผัสของโป้ยได้บ้างไม่มากก็น้อย

“ว่า”

“มึงเคยไปดื่มกับพี่ปูนใช่ป่ะ พี่เขาคอแข็งรึเปล่าวะ?”

“พอๆ กับกูล่ะมั้ง?”

“งั้นแสดงว่าแข็งมาก” 

“มีอะไรวะ? อยากรู้ไปทำไม”  โป้ยเหลือบมองผมเล็กน้อย

“อยากรู้เฉยๆ ไม่ได้รึไง”  ผมแสร้งทำเสียงรำคาญเพื่อนเล็กน้อย แต่ความอยากรู้มันท่วมท้นเสียจนตัดบทหนีไปเรื่องอื่นไม่ได้  “แล้วมึงจำคืนที่พี่ปูนเก็บกูได้ที่ผับรึเปล่า?”

คราวนี้ไอ้โป้ยทิ้งงานของตัวเองเพื่อหมุนเก้าอี้มาเผชิญหน้าผมเต็มตัว ใจก็อยากจะจับเข่าแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนเหมือนกัน แต่เรื่องมันดันกระทบกระเทือนอธิปไตยส่วนตัวเนี่ยสิ

“กูชักจะสนใจเรื่องที่มึงคิดแล้วสิ” 

“จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ไง ก็เลยอยากรู้เฉยๆ”  ปากผมยังเฉไฉต่อไปได้ แต่รู้ตัวเองได้เลยว่าอีกไม่นานหรอก! ขืนโป้ยมันตั้งใจซักขึ้นมา ผมคงเล่าหมดเปลือกชนิดทุกซอกทุกหลืบแน่นอน

“อะ -- เอาเป็นว่ากูจำได้ แล้วไง?”

“พี่เขาเมารึเปล่าวะ?”

ผมรอคำตอบจากเพื่อน แต่จนแล้วจนเล่าโป้ยก็ยังไม่ยอมเอ่ยอะไรออกมา ความเงียบอันแปลกพิกลนี้ทำให้ผมยอมหันหน้าไปเผชิญสายตาคนข้างๆ โป้ยนั้นกำลังมองผมนิ่งๆ แต่แววตานั้นคล้ายกำลังประเมินบางอย่างอยู่

“ว่าไงล่ะ?”  ผมกระตุ้นย้ำ

“แค่โทรคุยกัน กูจะไปรู้ได้ยังไง”  มันถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือก

“แล้วถ้าฟังแค่เสียงล่ะ?”

“...มึงอยากจะรู้ไปทำไมวะลุง”

โป้ยไม่เคยบ่ายเบี่ยงเวลาผมต้องการคำตอบอย่างจริงจังเลยสักครั้ง...รึอาจจะเคย? แต่ตอนนี้ผมอยากให้มันตอบสิ่งที่ผมอยากรู้ออกมาสักที สองตาผมจับจ้องเพื่อนเขม็ง ส่งแววตาคาดคั้นที่ทำเอาอีกฝ่ายถอนหายใจออกมาเฮือกยาว

“เออ! ถ้าแค่เสียงที่กูฟัง...พี่ปูนไม่ได้เมา”

โป้ยมองผมเงียบๆ เหมือนกับสังเกตปฏิกิริยาหลังจากที่ได้คำตอบ ใบหน้าที่แสดงเอกลักษณ์สองสัญชาติได้อย่างลงตัวมีแววครุ่นคิดเล็กน้อย ปากเผยอคล้ายอยากจะพูดบางอย่าง แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเงียบแล้วหันกลับไปทำงานต่อโดยไม่สนใจผมอีกเลย เมื่อเห็นว่าการสนทนาจบลงเพียงเท่านี้ ผมก็เริ่มลงมือทำงานของตัวเองบ้าง แต่ไม่วายที่หัวสมองยังคงครุ่นคิดถึงแต่เรื่องนี้อยู่

การแสดงออกของโป้ยเหมือนรู้บางเรื่องแต่พูดออกมาไม่ได้ หรืออาจจะไม่ใช่เรื่องที่มันควรเข้าไปยุ่ง แต่ผมมั่นใจอยู่อย่างว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายแน่นอน เพราะถ้ามันเป็นเรื่องที่จะสร้างความเดือดร้อนหรือร้ายแรง โป้ยจะต้องพูดออกมาและปกป้องผม การเป็นเพื่อนกันมาเกือบตลอดชีวิตทำให้ผมพูดได้เต็มปากว่า โป้ยไม่ใช่คนดีอะไรนัก แต่มันจะไม่มีวันปล่อยให้ผมเจอเรื่องเลวร้ายเด็ดขาด

ผมเชื่อใจเพื่อน

ซึ่งสรุปออกมาได้ง่ายๆ ว่าในคืนเกิดเหตุนั้น พี่ปูนไปเก็บผมที่สภาพเมาเยี่ยงหมาได้ที่ผับ และขับรถพาผมกลับไปด้วย และได้มีการโทรบอกเพื่อนสนิทของผู้เสียหาย ซึ่งจากคำให้การของพยานคนดังกล่าวพี่ปูนไม่เมา อันหมายถึงว่ามีสติครบถ้วน

แล้วคนเมาปลิ้น จะปล้ำผู้ชายตัวโตสติสมบูรณ์ได้อย่างไร?

...

...นอกเสียจากว่า...!!

.

.

.

ไม่คิดเลยว่าพี่ปูนจะทำเรื่องแบบนี้... ทุกครั้งที่เรากอดกันพี่เขาไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจหรืออย่างไร เขาแอบหัวเราะเยาะในใจหรือเปล่ายามผมเตลิดตกใจในวันแรกที่เห็นว่าเรานอนบนเตียงด้วยกัน ผมที่รู้สึกผิดกับความไร้สติในวันนั้น ผมคิดว่าตัวเองปลุกปล้ำพี่ปูน ยอมรับผิดชอบจนเบนเข็มขึ้นมาบนทางสีรุ้ง ยอมสารพัด พลีกายให้ทำสารพัน

แต่ทั้งหมดมันกลับเป็นเรื่องหลอกลวง...

พี่ปูนเห็นผมเป็นคนโง่เง่า ที่จะไม่มีวันคิดเท่าทันได้หรือยังไง

ความขมุกขมัวเกิดขึ้นในใจเล็กๆ มันก็จริงที่เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ตลอดมาพี่ปูนทำให้ผมเชื่อไปในทางนั้นมันจะต่างอะไรกับการโกหก แต่อีกใจหนึ่งผมก็เข้าใจ เพราะถ้าไม่ทำแบบนั้น คงไม่มีทางเสียหรอกที่ผมจะ...

เฮ้อ~ ทำไมความรักของผมครั้งนี้ถึงได้วุ่นวายมากขนาดนี้นะ

ฟ่อว~

เสียงข้อความเข้าดึงสติผมออกมาจากการใช้ความคิด ผมเหลือตามองหน้าจอมือถือที่สว่างวาบขึ้นมาพร้อมกับป๊อบอัพข้อความ พี่ปูนส่งข้อความมาง่ายๆ ว่าด้วยการชวนไปกินข้าวกลางวัน ผมถึงเริ่มตั้งสติตัวเองอีกครั้งเมื่อมองเห็นเวลาปัจจุบัน นี่ผมหมกมุ่นกับเรื่องเกือบจะไร้สาระแบบนั้นจนเวลาผ่านมาเนิ่นนานปานนี้

“เชี่ย!”  เสียงอุทานเบาๆ หลุดมาจากปาก เมื่อหน้าจอคอมฯ เต็มไปด้วยความวิบัติของการเหม่อลอยในเวลางาน สิ่งง่ายๆ ที่ผมช่ำชองอย่างการลงสีนั้นเรียกได้ว่าผิดเพี้ยนไปหมด ตัวอักษรก็กระจัดกระจายด้วยฟอนต์น่าเกลียดที่ไม่เข้ากัน

ความหงุดหงิดก่อตัวขึ้นเล็กๆ ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเรียกสมาธิในการทำงาน ผมจะเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้อย่างไร ถ้าเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกันจนเสียงาน

ฟ่อว~

เสียงข้อความดังอีกครั้ง เดาว่าพี่ปูนอาจจะแอบมองอยู่จากภายในห้องทำงานของตัวเองก็ได้ เมื่อเห็นผมไม่แม้แต่จะหยิบมือถือขึ้นมาอ่านถึงได้ส่งมาย้ำๆ

ฟ่อว~

ผมยังคงตั้งมั่นกับการแก้งาน แต่ก็ยังไม่วายแอบมองข้อความที่เด้งขึ้นมา อันที่จริงผมไม่รู้ว่าจะพูดกับพี่ปูนยังไงดี ไม่รู้ว่าจะเริ่มการสนทนาแบบไหนที่จะไม่ทำให้เราทั้งคู่ตะขิดตะขวงใจ ผมคงกำลังทำให้พี่ปูนฉงน ในเมื่อตอนเช้านั้น เราเพิ่งจะ...เอิ่ม...ผ่านความเร่าร้อนกันมา

ฮึ้ย!! ตั้งสติหน่อยพัทลุง 

งานที่ไม่เป็นไปตามแผนถูกแก้ทีละจุด ความหงุดหงิดใจสงบลงได้ในที่สุด และดูท่ามันจะถูกเปลี่ยนมือไปอยู่กับคนอื่นแทนเสียแล้ว

เสียงประตูเปิดออกในระดับที่ดังกว่าปกติ ผมนิ่งฟังเสียงรองเท้ากระทบพื้นเป็นจังหวะดังใกล้เข้ามาจนกระทั่งหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าโต๊ะทำงาน เงาร่างใหญ่บดบังแสงไฟทะมึนน่ากลัวไม่เบา แต่ผมก็ยังทำใจแข็งเฉยชาต่อไปทั้งที่ใจเริ่มหวั่น

“พัทลุง”  เสียงพี่ปูนเย็นเยียบ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นสติแตกแบบกระชากหัวผมให้ตอบคำถาม 

“อะไรครับพี่”  ผมถามกลับ แต่ยังไม่ละสายตาจากหน้าจอ

“...เข้าไปคุยกับพี่ที่ห้องหน่อย”  พูดจบ พี่ปูนก็หมุนตัวเดินเข้าห้องไป ตามด้วยเสียงปิดประตูที่เหมือนจะดังขึ้นกว่าเดิม

งานเข้าหนักแล้วมึงไอ้ลุง… แต่ผมเป็นผู้เสียหายนะเฮ้ย! ต้องเป็นผมที่ควรจะปึงปังหรือเปล่าวะ? แข็งเข้าไว้สิลุง! จะปล่อยให้อีกฝ่ายเหิมเกริมกับเราอยู่ช้างเดียวได้ยังไง

ฟันขบกันกึกๆ พยายามเค้นพลังความเป็นชายออกมาให้มากที่สุด ถึงชนะไม่ได้ผมก็ต้องทำให้เสมอตัว เรื่องนี้ไม่ว่ายังไงพี่ปูนก็เป็นฝ่ายทำไม่ดีก่อน ผมจะยอมลงให้ง่ายๆ ได้ยังไง

“มึง...มึงโอเคนะ”  เสียงโป้ยดังขึ้นขณะที่ผมลุกขึ้นอย่างมาดมั่น ผมมองหน้าเพื่อนที่เปี่ยมไปด้วยความกังวล

“กูโอเคทุกอย่าง”

“ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จา กันนะมึง”  แม้จะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ผมก็ยิ้มรับคำอวยพรแปลกๆ ของไอ้โป้ยไว้ เพื่อออกเดินเท้ามุ่งหน้าสู่อาณาจักรยักษ์ใหญ่

ลมเย็นๆ ตีเข้าร่างทันทีที่เปิดประตูเพื่อแทรกกายเข้าไป พี่ปูนกำลังนั่งนิ่งใช้สายตากวนความกดอากาศให้ต่ำลงจนหายใจไม่สะดวก ผมเดินตรงไปหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าโต๊ะทำงานสีดำเข้มเหมือนใบหน้าเจ้าของมันตอนนี้

“เกิดอะไรขึ้น?”  พี่ปูนชิงพูดก่อน เสียงนั้นห้วนสั้นแบบกรุ่นความโมโหเอาไว้  “เมื่อเช้าเรายังดีกันอยู่เลย...ลุงโกรธอะไรพี่”

เอาไงดีวะลุง? มึงควรจะพูดออกไปเลยดีมั้ย? หรือจะรอให้ถึงช่วงเวลาเหมาะกว่านี้ดี?

“พี่ไลน์ไปลุงก็ไม่อ่าน ไม่แม้แต่จะหยิบขึ้นมาดูด้วยซ้ำ!”

เสียงพี่ปูนชักจะเข้มขึ้นเรื่อยๆ เอาวะไอ้ลุง!! จะปล่อยให้คนผิดลอยนวลต่อไปได้ยังไง!

“พี่ยังจะให้ผมคุยกับพี่ได้อย่างสบายใจอยู่อีกเหรอ ในเมื่อพี่ทำเหมือนผมเป็นคนโง่มาตั้งนาน”  ผมพยายามเลือกน้ำเสียงโทนพระเอกค่อนแคะนางเอก แม้จะไม่ใส่อารมณ์จนเกินไปแต่ก็ยังคงบ่งบอกได้ว่าไม่พอใจ และนับว่าประสบความสำเร็จพอดู เมื่อท่าทีขึงขังของพี่ปูนหายวับไปในทันที

“...ลุง...พูดเรื่องอะไร”

“ก็พูดถึงเรื่องในคืนนั้นไง” 

ความตกใจแผ่บนใบหน้าหล่อเหลาของชาวสวนไร่แตง ริมฝีปากบางอ้าหุบอ้าหุบเหมือนเลือกคำพูดออกมาไม่ได้ แต่กระนั้นสองมือก็ยังยันร่างสูงของตัวเองขึ้นมายืนแบบคนสิ้นหวัง จากรูปการทั้งหมด คงไม่ต้องให้ผมอธิบายจนชัดเจนก็คงพอจะรู้ว่า ‘คืนนั้น’ ของผมเป็นคืนเดียวกับที่พี่ปูนกำลังคิดอยู่

“พี่...”

“พี่คิดว่าผมจะงี่เง่าไม่ฉุกใจคิดเลยเหรอ? พี่คิดว่าจะปิดไปได้อีกนานแค่ไหน”

“ลุง ฟังพี่ก่อนนะ”  คนตัวโตก้าวเท้ามาหาผม แต่เมื่อเห็นชัดว่าผมถอยหลังหนี ร่างนั้นก็หยุดยืนนิ่งเหมือนตุ๊กตาหมดลานไข  “ให้พี่ได้อธิบายนะ”

“ไว้ก่อนเหอะ”  ผมเลือกคำที่คิดว่าดีที่สุดออกมาอย่างรวดเร็ว  “ให้เวลาผมอีกหน่อยแล้วเราค่อยคุยกัน...”

ผมจำต้องเบือนหน้าหลบสายตาเว้าวอนที่เห็น หัวใจเต้นตุบตับอย่างรู้สึกผิดแบบที่ไม่ควรจะเป็น ผมไม่ชอบสีหน้าแบบนี้ของพี่ปูนเลยจริงๆ มันเหมือนเขื่อนร้าว คล้ายถ้ากะเทาะอีกสักนิดคงได้พังพินาศลงมา แต่ผมก็ยังทำใจรับเรื่องราวง่ายๆ ไม่ได้ พี่ปูนทำให้ผมต้องพบจุดเปลี่ยนในชีวิตขนานใหญ่ แล้วจะให้ผมทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ยังไง

ในเมื่อพี่ปูนน่ะ...

ในเมื่อเมื่อพี่...


v
v
v

หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 22-12-2017 23:07:05
.
.
.


ในเมื่อพี่ปูนน่ะ...

ในเมื่อเมื่อพี่...


...ปล้ำผม...

คนแบบไหนถึงจะทำเรื่องแบบนี้ได้ หิ้วลูกน้องตัวเองกลับบ้าน แล้วก็ปลุกปล้ำย่ำยี! ถึงพี่จะรักชอบผมสักแค่ไหน อยากจะเป็นเมียผมจนตัวซี้ตัวสั่นสักเท่าไหร่ พี่ก็ควรจะหักห้ามใจตัวเองเอาไว้ซี่!! อย่างน้อยก็ค่อยมาคุยกันต่อหน้าแบบแมนๆ ว่าพี่ชอบผม อยากจะเป็นเมียผม! ไม่ใช่หักหาญน้ำใจกันแบบนี้ แล้วยังมีหน้ามากลบเกลื่อน ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จว่าผมใช้กำลังปลุกปล้ำอีก!!!

ทำกับผมขนาดนี้แล้วแท้ๆ แล้วยังจะให้ผมทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยอย่างนั้นเหรอ

ผมทำไม่ได้!

“เรา...เรายังไม่เลิกกันใช่มั้ย?”  เสียงเบาหวิวหลุดออกมาจากปาก ผมมองคนพูดด้วยความสงสารที่ปะทุขึ้นมาจากหัวใจ

ขอโทษนะพี่ปูน...ผมรู้ว่าพี่รักผมมาก แต่พี่ต้องให้เวลากับผมอีกสักนิด ถึงอย่างไรพี่ก็เป็นเมียผมแล้ว ผมไม่มีทางทิ้งพี่เด็ดขาด ผมให้สัญญาผ่านทางแววตาและหวังว่าพี่ปูนจะเข้าใจ แต่เพื่อไม่ให้เป็นการเข้าใจผิดกัน ผมจึงพยักหน้ารับสักเล็กน้อย พร้อมกับพูดให้ความมั่นใจอีกสักนิด

“ครับ เราไม่ได้เลิกกัน”

พี่ปูนคล้ายจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ใบหน้าก็ดูผ่อนคลายขึ้น แต่ก็ยังคงกลบความหวาดหวั่นในสีหน้าไม่ได้หมด เห็นแล้วก็ให้สงสารเมียตัวเองเหลือเกิน ดูซิ...รักผมถึงขนาดว่ากลัวจะถูกบอกเลิก ใจหนึ่งก็อยากจะเดินเข้าไปกอดแล้วร้องโอ๋ๆ อย่าทำกับผัวแบบนี้อีกนะ แต่อีกใจเราก็ต้องรักษาศักดิ์ศรีลูกผู้ชายที่ถูกช่วงชิงไปแบบไม่ยินยอมเอาไว้

“ถ้างั้น...ผมกลับไปทำงานต่อนะ”

“อื้ม...”  แม้จะดูไม่เต็มใจเท่าไหร่ แต่พี่ปูนก็ยอมปล่อยให้ผมเดินออกจากห้องง่ายๆ มีเสี้ยววินาทีหนึ่งก่อนที่ประตูจะถูกปิด ผมหันกลับเข้าไปมองและสายตาของเราก็ประสานกัน ชั่ววินาทีนั้นทำให้หัวใจผมเจ็บแปร๊บๆ เหมือนว่าตัวเองเป็นคนใจร้ายที่กำลังทิ้งลูกหมาไว้ข้างทาง และมันก็กำลังร้องบอกว่าอย่าทิ้งผมๆ

รอก่อนนะเมียจ๋า...ผัวจะทำตามสัญญาขอเวลาอีกไม่นาน แล้วความรักที่งดงามจะคืนกลับมา

ไอ้โป้ยมีทีท่าอยากรู้อยากเห็นทันทีเมื่อผมกลับมานั่งทำงานต่อราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แต่มันไม่ถาม...ผมว่ามันอยากรู้จนเนื้อตัวสั่นแหละ ถ้าดูเอาจากอาการกระสับกระส่าย ขยับตูดไปมาบนเก้าอี้ แถมยังเลื่อนไปเลื่อนมาแบบน่ารำคาญ แต่จากทั้งหมดนั้นมันกลับไม่กล้าถามออกมา แต่ในเมื่อมันไม่หน้าด้านถาม ผมจะไปหน้าด้านเล่าให้ฟังได้ยังไง 

.

.

.
 
  ช่วงเวลาที่เหลือทั้งวันนี้ พี่ปูนใช้ไปกับการเดินเข้าเดินออกห้องทำงาน เพื่อหาช่วงเวลาที่จะสบตากับผมแล้วทำตาละห้อยใส่ ผมเองก็ไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตามองจับผิดหรอกนะ แต่มันรู้สึกถึงพลังงานบางอย่างจนอดเงยหน้าขึ้นมองต้นตอไม่ได้ สารภาพเลยว่ามันทั้งน่าสงสาร ทั้งน่ารำคาญปนๆ กันจนแยกไม่ออกว่าความรู้สึกไหนมีมากกว่ากัน

แต่ผมก็ผ่านมาได้ด้วยคำสอนที่ว่า นิ่งสงบ สยบความเคลื่อนไหว แม้จะปวดใจอยู่นิดๆ ก็ตาม

“ไปกินสุกี้กันมั้ยมึง คุณดาหลาเป็นเจ้ามือ”  ผมหันไปถามคนข้างๆ เมื่อใกล้เวลาเลิกงานเข้ามาทุกนาที

“ไม่ล่ะ กูมีนัดแล้ว” 

“เด็กใหม่เหรอ?”  ต่อมเผือกสั่นระริกเล็กน้อย นานแล้วเหมือนกันที่มันไม่ได้บอกว่ามีนัดหมายด้วยสายตากรุ้มกริ่มแบบนี้ ดูจากรอยยิ้มคงไม่ใช่การนัดเพื่อนฝูงไปร่ำสุราแน่นอน

“เด็กเก่าต่างหากล่ะ”  โป้ยหันมายกคิ้วยึกๆ ใส่ผม พลางเคลียร์งานบนหน้าจอออกเพื่อทำการปิดเครื่อง  “คนนี้น่ะคนแรกของกูเลยนะ”

“บอกกูมาเดี๋ยวนี้เลย”  ผมโยนปัญหาส่วนตัวทั้งไปในทันใด  “ใครวะ? กูรู้จักมั้ย”

“รู้จักรึเปล่าน้า~โอ๊ย!!”  ผมเงื้อเท้าถีบเบาะเก้าอี้ไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้ในสีหน้าและน้ำเสียง แต่ความกวนอารมณ์นั้นก็ยังไม่จางหายไปจากสีหน้า แถมมันยังเลื่อนตัวกลับมาลอยหน้าลอยตาใส่ผมเป็นการส่งท้าย ก่อนจะพูดเสียงที่เริ่มจริงจังขึ้นมาเล็กน้อย  “เด็กกูมันดื้อ! ไว้กูปราบพยศได้เมื่อไหร่จะกระซิบบอกมึงคนแรกเลยดีมั้ยน้องลุง”

เพื่อนว่าไงก็ต้องว่าตามใช่มั้ยล่ะครับ ต่อให้อยากรู้จนขาหนีบสั่นแต่ถ้าไอ้โป้ยไม่แง้มปากออกมาล่ะก็ อย่าหวังว่าจะได้รู้เลย  “หวังว่ามึงคงจะไม่แดกแห้วซะก่อนนะ”

“ฮะฮะฮะ กูไม่ใช่มึงนะพัทลุง”

เพื่อนเชี่ย… 

   “กูไปก่อนล่ะ โชคดีนะไอ้เตี้ย”

และมันก็เปิดตูดไปแบบตรงเวลาเป๊ะ สีหน้ารื่นเริงมากถึงมากที่สุด แบบที่ถ้ากระโดดดึ๋งๆ ลงบันไดไปได้มันคงทำไปแล้ว ยิ่งเห็นก็ยิ่งอยากจะรู้ว่าคนคนนั้นเป็นใครถึงทำให้เพื่อนผมเบิกบานออกนอกหน้าได้อย่างนี้

“จะกลับแล้วเหรอ ให้พี่ไปส่งนะ” 

ปัญหาชีวิตตัวเป็นๆ กลับมาอีกครั้ง

ผมเงยหน้าขึ้นมองหนุ่มหล่อสุขภาพดีส่งรอยยิ้มฟูๆ เหมือนใส่น้ำยาปรับผ้านุ่ม ไม่รู้จริงๆ ว่าจะต้องทำสีหน้าแบบไหนถึงจะสื่อให้พี่ปูนเห็นได้ว่าผมอ่อนใจ... เข้าใจอยู่หรอกว่าพี่แกเป็นพวกหน้าด้านหน้าทนแถมยังเอาแต่ใจ แต่ผมก็ไม่คิดว่ามันจะเกินกว่าที่รับรู้ไปมาก ขอเวลาให้ผมอยู่กับตัวเองเนี่ยมันยากเกินไปหรือยังไง ไม่เข้าใจตรงวลีไหน? หรือว่าผมยังดูโมโหไม่พอ ทำไมนะ...ทำไมถึงช่างอ้อนขนาดนี้~

แต่ผมไม่ได้ง่ายนะหรอกนะ

รอยยิ้มมีเสน่ห์ค่อยๆ หดลง แต่กระนั้นมันก็ยังพยายามเกาะมุมปากเอาไว้อย่างอยากเย็น ช่างเป็นการปั้นสีหน้าที่ผมเหลือบมองสักกี่ครั้งก็ให้อารมณ์ว่าตัวเองเป็นคนไม่ดีทุกทีไป ไม่ว่ายังไงผมก็ไม่ชอบสีหน้าแบบนี้ของพี่ปูนจริงๆ ใบหน้าเย่อหยิ่ง เจ้าเล่ห์ ชั่วช้าเลวทรามยังจะเข้ากันมากกว่าอีก

“ไม่เป็นไรครับพี่”  ผมตอบห้วนๆ แต่ก็ยังพยายามรักษาน้ำเสียงไม่ให้ดูแข็งจนเกินไปนัก  “ผมนัดแม่ไว้ที่นี่”

“...อืม”  รอยยิ้มตรงมุมปากจางหายไปในที่สุด แต่ร่างสูงกลับยังคงปักหลักอยู่ที่เดิมแม้จะดูเก้กังทำอะไรไม่ถูกไปบ้าง ผมเลิกสนใจผู้ชายตรงหน้าแล้วเริ่มเก็บของด้วยความรวดเร็ว คุณดาหลาแกเป็นนางฟ้าตรงเวลา ขอให้นัดมาเถอะไม่เคยมีคำว่าสายและก็ไม่ชอบคนมาสายเช่นกัน

ผมลุกขึ้นพร้อมกระเป๋าเป้ที่ยกพาดสะพายบนไหล่ เดินอ้อมโต๊ะออกจากฐานที่มั่น ผ่านเมียรักคอตกที่ยืนนิ่งเป็นเสาไฟฟ้า และทั้งหมดนั่นผมหลีกเลี่ยงที่จะมองหน้าพี่ปูนอย่างสุดความสามารถ

“หวัดดีครับพี่เปี๊ยก”  หยุดแวะยกมือไหว้ไอดอลที่กำลังเก็บของอยู่เช่นเดียวกันสักหน่อย

“ผมไปก่อนนะครับพี่”  อีกเสียงทักตามมาติดๆ ไม่ต้องหันไปดูหรอกครับว่าเป็นเสียงของใคร

“ขึ้นรถปลอดภัยนะลุง สวัสดีครับคุณปูน”  พี่เปี๊ยกยิ้มหวานรับคำทั้งผมทั้งคนที่เดินตามข้างหลัง

จะรออยู่ทำไมล่ะครับ... ผมเดินตัวปลิวลงบันไดซอยเท้ายิกๆ แบบไม่หันไปมอง แต่เสียงลงเท้าหนักๆ ที่มีความเร็วไม่ต่างกันก็ตามติดมาชนิดที่ว่าแค่เอื้อมมือคงถึงคอเสื้อ ครับ... คอเสื้อผมปลอดภัย แต่กระเป๋าเป้นั้นถูกดึงรั้งจนแทบจะหลุดออกจากไหล่ มันเป็นช่วงจังหวะช่วงชิงที่รวดเร็วจนกล้องจับภาพไม่ทัน แต่ทันทีที่ผมพยายามทรงตัวไม่ให้ล้มเพราะแรงดึง มืออีกข้างก็ไขว่คว้าสายสะพายไว้หวังจะยึดสายกระเป๋าไม่ให้หลุด แต่นอกจะต้องเสียอาณานิคมไปแล้วมือข้างนั้นยังถูกฝ่ามือที่ใหญ่กระด้างจับหมับเอาไว้แน่น ด้วยความที่เป็นพระเอกไทยร่างน้อยจังหวะการทรงตัวจึงค่อนข้างย่ำแย่ได้ง่าย

ตัดเป็นภาพช้านะครับ

พระเอกกำลังเสียหลักบนบันไดขั้นที่สองนับจากพื้น ร่างกายเอนจนใกล้ล้มอยู่รอมร่อ แต่นางเอกกลับว่องไวปรี่ลงมารับพระเอกเอาไว้พร้อมกอดรัดไว้แน่น ด้วยความตกใจขั้นสุด พระเอกจึงกอดนางเอกไว้ไม่ปล่อย ใจหายลงไปอยู่บนตาตุ่ม ใจเต้นดังผสานกับเสียงลมหายใจถี่รัว

“ขอโทษนะ”  เสียงออกจากปาก แต่มันกลับดังก้องออกมาจากหน้าอกที่ผมแนบหน้าอยู่  “ลุงใช้เวลาพอรึยัง?”

ผมอยากจะบ้า! ความตกใจหดหายไปแล้ว แต่ความโมโหกลับผุดขึ้นมาแทน ผมยืดตัวขึ้นเต็มความสูงพร้อมกับบิดร่างออกจากวงแขนสุดความสามารถ แต่กำลังกายของนางเอกช่างเยอะนักพระเอกหรือจะขัดขืนไหว

“พอบ้าบออะไรวะพี่! นี่เพิ่งผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงเอง”

“คนรอมันทรมานไม่รู้เหรอ”  เสียงทุ้มเจือแหบแห้งตอบกลับแทบในทันที

อย...อย่าอ้อนได้มั้ย!

“แต่ผมยังโกรธพี่อยู่”

“ให้อภัยพี่อีกครั้งนะ ถ้าพี่ไม่ชอบลุงขนาดนี้พี่คงไม่ทำแบบนั้นหรอก”

หน้าผมร้อนวูบขึ้นมาเลยทีเดียว แต่จะให้ยอมง่ายๆ ผมก็เสียเชิงหมดน่ะสิ มันต้องสะบัดสะบิ้งบ้าง  “ปล่อยผม”

“ไม่ชอบพี่เลยเหรอ”  เสียงแผ่วดังต้านกำลังได้อย่างชะงัด ยิ่งเห็นผมนิ่งงันพี่ปูนก็รีบอ้อนถามต่อ  “ถ้าลุงบอกมาคำเดียวว่าไม่ พี่จะยอมแพ้ ไม่มาวุ่นวายกับลุงอีก”

ผมว่าผมเคยได้ยินประโยคคล้ายๆ กันนี้จากละครบางเรื่อง ที่สุดท้ายพระเอกหรือนางเอกมักจะโต้ตอบกลับด้วยอ้อมกอดแล้วพูดความในใจประมาณว่า ‘ไม่...ไม่นะคะ ฉันรักคุณ รักที่สุด’ และก็ดูดปากกันท่ามกลางเสียงเพลงที่จู่ๆ ก็ดังขึ้น -- แต่ทำไมพอมาเจอกับตัวมันถึงได้ฟังแล้วหงุดหงิดจังวะ

พี่ปูนคลายวงแขนออกเล็กน้อยยามที่ผมลากสายตาขุ่นมัวขึ้นสบ ใจผมตอนนี้อยากจะง้างมือขึ้นตบหัวมันแรงๆ สักทีแต่ก็กลัวว่าจะถูกเอาคืน ก็เลยเปลี่ยนมาคีบนิ้วหนีบหัวนมมันแรงๆ เป็นการระบายอารมณ์  เสียงโอ๊ยไม่ดังมากแต่ความสะท้านคงมีไม่น้อย

“ทำอะไรเนี่ย”

“แล้วพี่ถามอะไรควายๆ แบบนี้”  ผมถามกลับเสียงเข้มใส่คนที่กำลังกระพริบตาปริบๆ มองผมอย่างงุนงง  “ผมไม่ใช่เกย์นะ ถึงตอนแรกเราจะคบกันเพราะผมอยากรับผิดชอบก็เถอะ แต่ผมไม่บ๊วบของๆ คนที่ไม่ชอบหรอกนะ และถ้าไม่ชอบพี่ พี่ไม่มีทางได้ล้วงก้นผมแน่! มันแปลกจะตาย จนป่านนี้ผมยังรู้สึกเหมือนนิ้วพี่ยังอยู่ข้างในอยู่เลย”

เสียงหอบหายใจดังถี่หนักจนหน้าอกกระเพื่อม การพูดรัวเร็วแบบไม่มีเว้นพักแถมต้องเพิ่มระดับเสียงนี่เล่นเอาเหนื่อยไม่หยอก ผมล่ะนับถือนักพูดจริงๆ ไม่รู้ว่ามีเหงือกหายใจตรงข้างหูหรือยังไง


"แหม~"


ผมมองหน้าพี่ปูนเพื่อค้นหาว่าประโยคใดในคำอภิปรายของผมที่ควรค่าแก่คำว่า 'แหม' เสียงงี้ใสกิ๊กจนน่าหมั่นไส้ แต่ไม่ว่าจะมองเท่าไหร่ก็เห็นเพียงอาการเขินอายที่ปรากฏออกมาเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากใบหูที่ขึ้นสีแดงระเรื่อแล้ว ริมฝีปากบางน่าจูบยังคงปิดสนิทแน่น แล้วคำนั้นมันหลุดออกมาจากลูกกระเดือกหรือไง

"แหมๆ..." 

คราวนี้ผมรับรู้แล้วว่าไม่ใช่เสียงจากคนตรงหน้า พี่ปูนคลายมือออกจากเอวผมเชื่องช้าพาให้เกิดอาการเสียวสันหลังขึ้นมาทันที ยิ่งเห็นใบหน้าคมเข้มพยักพเยิดไปทางด้านหลัง ขนหัวผมก็ลุกตั้งขึ้นมาเหมือนเห็นผี

"คุณลุงมีแฟนแล้วก็ไม่บอกแม่เลย สงสัยกะให้แม่เซอร์ไพรส์สินะคะ"  เสียงไพเราะเพราะพริ้งดังใกล้เข้ามา ผมอยากวิ่งหนีด้วยความอาย แต่ความร้อนจากฝ่ามือของพี่ปูนที่กุมมือผมไว้นั้นทำให้ผมต้องฝืนใจหันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับบุคคลที่สาม  "คิกๆ แม่เซอร์ไพรส์สุดๆ ไปเลยล่ะค่ะ"   

คุณดาหลายิ้มหวานปานหยดน้ำผึ้ง แต่ดวงตากลับทอประกายแหลมคมใส่พี่ปูนจนผมขนลุก

อา...ถึงเวลาแม่ผัวปะทะกับลูกสะใภ้แล้วสินะ



---------------------------------------------TBC. จ้าาาาาาา
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ous_p ที่ 22-12-2017 23:17:25
ลุงยังจะคิดว่าเป็นสามีเค้าอีกเหรอ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 22-12-2017 23:20:17
 :serius2: ลุงงงงงงงทำมัยยังไม่เก็ตตตตน โอยยยยย อกอิแป้นจะแตกกก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 22-12-2017 23:22:34
ตกลงอิลุงแกเข้าใจอะไรของแก๊ โอ๊ยนึกว่าจะรู้ตัว ยังๆๆจะมึนคำว่าเมียอยุ่นั่น
คุณดาหลามาแล้วทีนี้ใครจะซวยน๊า
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 22-12-2017 23:29:20
น้องลุงลูกกกกกกกกกกกก :laugh:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 22-12-2017 23:32:33
อิลุงโว้ยยยยยยยยยยยย นี่อยากกินมาม่านะไม่ใช่อยากกินโป๊ะแตก ทำไมเข้าใจอะไรยากแท้วะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 22-12-2017 23:36:12
โอ๊ยยยลุง
ไอ้เราก็นึกว่าลุงจะรู้สถานะที่แท้จริงแล้วซะอีก
ว่าใครผัวใครเมีย
โอ๊ยยฮาาาา
 :z1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 22-12-2017 23:38:10
โอ๋ยยย!!! ยอมใจพัทลุง!! คิดว่านึกได้แล้วว่าพี่ปูนน่าจะเป็นฝ่ายปล้ำตัวเอง แต่ก็ดั๊นยังคิดว่าตัวเองได้เป็นผัว เฮ้อออ~~

อยากรู้ว่าคุณดาหลาจะจัดการพี่ปูนยังไง ศึกหนักรึป่าวน๊าาาา!!?
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 22-12-2017 23:43:53
คุณดาหลาแม่สามี VS คุณปูนลูกสะใภ้ (หราา??) ศึกครั้งนี้น่าติดตามจริงๆ คู่โป้ยนี้ก็น่าติดตามไม่แพ้กัน :mew4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 22-12-2017 23:47:43
เอ่ออ พัทลุงงงงงง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 22-12-2017 23:48:13
จนป่านนี้... ยังจะคิดว่าตัวเองเป็นพระเอกอยู่อีก  :z3: :z3:  :laugh: :laugh: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Fujung ที่ 22-12-2017 23:55:31
ลูง หนูลูกกกกกก!! คุณแม่ดาหลาเลี้ยงลูกมายังไงคะ?
ทำไมจิตนาการล้ำเลิศขนาดนี้ บอกหนูให้เป็นบุญหัวทีค่ะคุณแม่

นี่มันไม่ใช่ศึกลูกสะใภ้กับแม่ผัว นี่มันเป็นศึกระหว่างลูกเขยกับแม่เมียค่ะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 22-12-2017 23:55:55
โถคุณลุง นี่เข้าใจว่าความลับแตกแล้วคุณลุงจะเข้าใจถูกต้องสักทึ เปล่าเลยยยยย

โถๆๆๆๆๆ คุณแม่ซะอีกที่เจอปุ๊บรู้ว่าอะไรเป็นอะไรทันที 5555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-12-2017 23:57:03
หมดคำจะเว้า
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 22-12-2017 23:58:37
โถ ๆๆๆๆ พัทลุง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 23-12-2017 00:05:29
55555555555555555555555555
เอาแล้วๆๆๆๆๆๆ คุณปุริมจะเอาไงต่อ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Krajeeqx ที่ 23-12-2017 00:17:00
ลุงแกฆ่าตัวเองต่อหน้าแม่ทำไม ไม่ใช่แค่แฟนกันอย่างเดียว อธิบายมาหมด 5555555
ตอนหน้าต้องส่งใจให้พี่ปูนละแหละ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 23-12-2017 00:26:59
ไม่คิดจะเก็ทกันหน่อยเหรอลุงงงง 5555555555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 23-12-2017 00:32:00
โถ่ลุงโดนจิ้มขนาดนั้นยังคิดว่าพี่ปูนเป็นเมียแก่ได้อีกเร๊อะะะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Mengjie_JJ ที่ 23-12-2017 00:36:50
ลุ๊งงงงงงงงงงงง

นึกว่าจะคิดได้แล้ว ไหงเป็นงั้น

 :ling1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 23-12-2017 00:40:49
อึ้งไปเลย o22 o22 o22
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: taku_kimu ที่ 23-12-2017 00:48:16
 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: ลุงโคตรตลกเลยอะ โอ๊ยยย คิดอะไรแต่ละอย่าง

แต่ก็ดีแล้วแหละ ถ้าขืนคิดได้ว่าโดนหลอกกินทำเมีย ต้องโกรธพี่ปูนมากแน่ๆ 5555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: moodyfairy ที่ 23-12-2017 01:08:33
เปิดตัวแบบฉุกละหุกก โอ๊ยยยย ร้ออออออออ :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: krayfanxing ที่ 23-12-2017 01:09:32
 :serius2: :serius2: :serius2:โอ๊ยยยยยย พัทลุงงงงงงง จนมาถึงตอนนี้นางก็คงยังว่าเขาเป็นเมียนาง ใครก็ได้ช่วยบอกนางทีว่าหนูเป็นเมียเขาลูกกกก รอดูแม่ยายปะทะลูกเขยจ้า ฮาจนท้องแข็ง ใสซื่อกว่านี้มีอีกมั้ยลูก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: momaynadsini ที่ 23-12-2017 01:11:29
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 23-12-2017 01:42:04
 :laugh: o13 :laugh:


 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 23-12-2017 02:41:14
โอ้ยยยย ลุง ยังคิดว่าตัวเป็นหลัวอยู่อีกเหรอ มั่นใจเนาะเราอ่ะ 555 :really2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 23-12-2017 03:34:14
ความลับครึ่งเดียวค่ะลุง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 23-12-2017 03:40:14
กรรมของคุณปูน มีปัั๋วซื่อๆ เป๋อๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 23-12-2017 06:02:56
โดนขนาดนั้นน้องลุงยังคิดสามีอีกหรา.. อีกนิดโดนแตงแล้วนะ555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 23-12-2017 06:52:32
ลุงงงงงงงงงง ยังจะอยากเป็นสามีอี๊กกก ยอมใจ5555555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 23-12-2017 07:26:49
น้องลุงงงงง
ทำไมรู้สึกสงสารพี่ปูน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 23-12-2017 07:27:12
อันนี้ก็เหมือนจะดราม่าแต่ตลกเฉ้ยยยย

คุณลุงงงงง คิลมู้ดไปอีก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 23-12-2017 08:24:17
สุดๆๆเลยน้องลุงลูกมุ่งมั่นมากๆๆกับความผัวนี้ ถ้าหนูจะเข้าใจว่าพี่ปูนปล้ำหนูแต่พี่มันไม่ได้เป็นเมียนะลู๊ก :laugh: :laugh:

รอดูศึกแม่ยายกับลูกเขย :hao7:

เที่ยวให้สนุกปลอดภัยนะจ้า มีความสุขมากๆๆในปีใหม่ที่จะถึงนะคุณเหมียว :กอด1: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: fida ที่ 23-12-2017 08:49:30
โอ้โห... อธิบายออกมาหมดเปลือก

ลุงนี่เป็นคนยังไงกันเนี่ย 555

ชอบลุงจังค่ะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 23-12-2017 08:55:41
โอ้ยย เขียนสนุกมากกก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 23-12-2017 09:08:32
งานนี้คาดว่า ไม่มีใครยอมใครแน่นอน พี่ปูนก็ยึดติดกับลุง
แม่ยายก็หวงลูกสาว (หืม) งานนี้ต้องมีบาดเจ็บล้มตายแน่นวล
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 23-12-2017 09:31:23
คิดได้นะลุง แม่ผัวปะทะลูกสะใภ้
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 23-12-2017 09:35:53
ยอมใจกับความคิดลุงจริงๆ โอ๊ยยยย
หลุดจากความคิดที่ว่าเป็นสามีเขาได้แล้ววว 55555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 23-12-2017 10:18:41
โอ๊ยย อิลุง ก็คิดได้เนอะ ว่าแต่ไอ้ที่ตอบกลับพี่ปูนไปนั้น
ใช้อะไรคิดถึงพูดแบบนั้น ขนาดเรายังไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์
ยังหน้าแดงแทนเลย
 :-[
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 23-12-2017 11:12:26
โอ้ยขำมาก ไม่ใช่ลุงคิดไม่ได้นะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 23-12-2017 11:16:24
โอ้ยลุง ถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นเมียจะเป็นยังไงเนี่ย จะสติแตกไปเลยไหม
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 23-12-2017 11:27:23
เอาแล้วงัย  โป๊ะแตกแบบเซอร์ไพรส์คุณนายแม่น้องลุงเต็มๆ

งานนี้หวยจะออกที่พี่ปูนหรือน้องลุงกันนะ   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 23-12-2017 11:56:08
555555 ขุ่นแม่มาพอดี ^^
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 23-12-2017 12:04:39
ลุงงงงงง :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 23-12-2017 12:42:54
 :m20: หมดคำบรรยาย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-12-2017 12:49:37
รอ ร้อ รอ ลินถูกกุง  เอ๊ย......ลุงถูกกิน
ป่านนี้และ กลายเป็นลุงจับผิดเมียได้
แถมเมีย ที่เหมือนจวนเจียนจะกลายสถานะเป็นผัวรอมร่อ

จากอิโรติก กลายเป็นดราม่าเฉยเลย  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
แล่ว แล่ว แล้ว คุณนายมารดาก็มาได้ยิน ลุงพ่นอะไรต่อมิอะไรมาหมดสิ้น  o22 o22 o22
"ผมไม่บ๊วบของๆ คนที่ไม่ชอบหรอกนะ และถ้าไม่ชอบพี่ พี่ไม่มีทางได้ล้วงก้นผมแน่!
มันแปลกจะตาย จนป่านนี้ผมยังรู้สึกเหมือนนิ้วพี่ยังอยู่ข้างในอยู่เลย”

จบกัน เหมือนสถานะพี่ปูนกระเตื้องขึ้นมานิดหน่อย
โอ๊ย......คุณนายยิ่งแสน เอ่ออ......ดี  :serius2: :serius2: :serius2: ซะด้วย
ค้างเลย อยากเผือกต่อแล้ว  :z3: :z3: :z3:   
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 23-12-2017 12:56:19
ว้ายยยยย คุณดาหลามาแล้ววววว กีดกันว่าที่ลูกสะใภ้หน่อยนะคะ หมั่นไส้อิพี่ปูนเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 23-12-2017 13:17:47
ยอมใจคู่นี้จริงเลย

ทำไมลุงมึนแบบนี้ ทำไมใจร้ายแบบไม่จริงจังแบบนี้ 5555
ลุงโกรธที่โดนหลอก แต่ความรู้สึกลุงช้ามากค่ะ

แล้วดูโป๊ย นั่นคือจะช่วยใช่ไหม ช่วยปุริมน่ะ

ปุริมคะ ดีนะยังไม่เผลอบอกว่า ยังไม่ได้ทำอะไร
แล้วลุงก็คิดไปว่า เป็นผัวหลอกไป

แม่มาเองแล้วจ้า แก้ตัวกันให้ดีนะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 23-12-2017 13:28:47
ตายแล้นนนนน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 23-12-2017 16:11:56
ลุงขนาดนี้แล้วยังคิดว่าตัวเองเป็นผัวอีกเหรอ  :m29: :m29: :m29:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: SeaBreeze ที่ 23-12-2017 17:02:55
เขียนคาแรคเตอร์อิลุงได้น่ารักมากๆเลยค่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 23-12-2017 19:25:18
โอ้ยยย ลุงงงงง เมื่อไหร่จะเข้าใจถูก555555555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 23-12-2017 19:28:33
คุณนายดาหลาจัดการเลยค่ะ ทั้งคนล้วงและคนถูกล้วง
ส่วนอิลุงเมื่อไหร่จะเข้าใจซะทีว่าแกไม่ใช่ผัวพี่ปูน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 23-12-2017 20:49:40
ลุงเนี่ยบอกได้คำเดียวว่าความคิดไปไกลมาก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 23-12-2017 20:54:05
โอ๊ยไม่ต้องเหนื่อยถึงพี่ปูนละล่ะ โป้ยมันร้ายยยจริงๆ 5555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 23-12-2017 21:10:04
โอ๊ย อีลุง นึกว่าฉลาดขึ้นมาแล้ว แต่จริงๆคือไม่ 5555555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 24-12-2017 06:25:49
เดี๋ยวนะปูน55555555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 24-12-2017 09:26:43
ลุงงงงงงง ลุงเว้ยยยยยยยยย
ตื่นค่ะ ตั้งสติ ตั้งสติ!
คุณดาหลาเลี้ยงลูกมาแบบไหนคะเนี่ย มารับผิดชอบการกระของตัวเองด้วยยยย  :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 24-12-2017 14:24:13
จัดการมันเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 24-12-2017 16:00:27
โว้ยยยยยยยนี่ฉันลุ้นอะไรอยู่เนี่ย งือออ ฉันไม่น่าคาดหวังอะไรกับพัทลุงสินะไอ่เราก็นึกว่าลุงจะเข้าใจถึงสถานะของตนเองแล้วไปโวยกับพี่ปูนมันเรื่องที่ล่อหลอกให้เข้าใจผิดที่ไหนได้ลุงดั๊นนนเข้าใจไปอีกทางว่าพี่ปูนเป็นคนปล้ำคิดภาพตามนะคะว่าพี่ปูนขึ้นเองนี่.....ไม่ใช่เหรอ หืมมม สงสารตัวเองจังเลยค่ะน้ำตาจะไหล  :o12: ว่าแต่ตอนหน้านี่แม่ผัวปะทะสะใภ้มโนแล้วจริงๆใช่ไหมคะแต่นี่คิดว่าคุณแม่คงดูออกว่าอะไรเป็นอะไรที่ยิงประกายไฟใส่พี่ปูนเพราะคิดว่าพี่มันจะมาหลอกกินลุงแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 24-12-2017 19:16:44
อิน้องลุงงงง คิดว่าจะฉลาดแล้ว ฮ่วยย คิดได้งัยว่าพี่ปูนปล้ำเพราะอยากเป็นเมียลุง :mew5: ดราม่าแบบตดยังไม่ทันหายเหม็นเลย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 25-12-2017 00:01:59
ลุงยังไม่รู้อีก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 25-12-2017 08:14:08
แหม~ ~ ~
ทำไมคุณดาหลาเลี้ยงอิลุงได้ใสกิ๊งขนาดนี้นะ

และแถมยังแฉพระเอกซะหมดตูด (ที่ยังรู้สึกว่ามีนิ้วนางเอกล้วงอยู่....)

รักความใจอ่อนของลุงชะมัด และรักความหน้าด้านของปุริมจริง ๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 25-12-2017 17:11:39
แม่ผัวปะทะลูกสะใภ้หรอออ 555555+++
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 25-12-2017 19:21:08
 :a6: ลุงเอ้ยยยยย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: yumenari ที่ 26-12-2017 07:29:00
ลุงลูก หนูลูก
เอ็นดูนางจ้ง 

อยากจะบอกนางว่า
ลุง หนูจะเป็นอะไรก็ได้ แต่หนูเปนผัวปุริมไม่ได้

ขอบคุณค่ะ มาต่อไวไวน้า อิอิ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: HeIsMine ที่ 27-12-2017 19:24:39
โอ้ย!! มีความแม่ผัวลูกสะใภ้ไปอีก  :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ~ณิมมานรฎี~ ที่ 28-12-2017 13:15:06
 โัถถถถ ลุ๊งงงงงงงง สงสารปุริมจริงๆเลยยยยยย :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: mu_mam555 ที่ 28-12-2017 18:49:14
ปวดหัวกับลุงแทนพี่ปูนจริงๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: tutatoomtam ที่ 28-12-2017 20:59:41
โว้ยยยยยยยยยยยยอิลุง555555555555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 29-12-2017 02:35:13
ขำในความเด๋อของลุงยังคอดว่าเขาเป็นเมียอีก55555ไม่สงสารแม่งละโว้ยยย  :z6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 29-12-2017 11:23:17
เป็นลูกเขยปะทะแม่ยายดีกว่ามั้ยคุณลุง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: jay..jay ที่ 02-01-2018 17:40:16
แหม..แหม..แหม คุณดาหลามาได้ยินประโยคเด็ดเลยนะคะ
รอ..รอ..รอ อยากอ่านตอนต่อไปแล้ววว :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 02-01-2018 21:19:28
 :m11: :m11: :m11:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 14 _ความลับไม่มีในโลก_ || 22-12-60 หน้า 26 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ppnplg ที่ 02-01-2018 21:53:53
พัทลุง เธอหวังอะไรก็ได้
แต่เธอหวังเป็นผัวปุริมไม่ได้ไง
ลุงโว้ยยยย5555555555555555
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 03-01-2018 15:24:38
ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริง มีความโรคจิตซ่อนอยู่_




อย่างที่ผมรู้เสมอมาว่าคุณดาหลาไม่ใช่พวกกีดกันทางเพศ และน่าจะไม่มีปัญหาถ้าเกิดลูกคนใดรักชอบเพศเดียวกัน แต่มันต้องไม่ใช่การได้ยินลูกชายตัวเองบอกว่าได้ถูกนิ้วของแฟนล่วงล้ำประตูหลังกับหู ผมเดาว่าแม่คงสะเทือนใจพอดู เพราะถ้าผมเป็นแม่ผมอาจจะช็อกไปแล้วก็ได้

ดังนั้นการเปิดอกคุยกันจึงเกิดขึ้น

แม้ผมพยายามหลีกเลี่ยงให้แม่ปล่อยผ่านพี่ปูนไปก่อน แต่คำตอบที่ได้คือรอยยิ้มเย็นยะเยือกที่ผมไม่กล้าขัดขืนอีก คุณดาหลาต้องการให้เราทั้งหมดไปทานอาหารแบบสบายๆ เพื่อคุยกันแบบเปิดใจ แม้ผมจะคิดว่าการกินข้าวไปด้วยถกเรื่องเครียดไปด้วยมันน่าจะทำให้อาหารไม่ย่อยมากกว่าจะเกิดบรรยากาศแบบสบายๆ แต่อย่างที่บอกว่าผมไม่สามารถสอดปากแย้งคุณพยาบาลแกได้จริงๆ

“พี่โอเคมั้ย?”  ผมจับมือพี่ปูนแน่นคล้ายแสดงความเข้มแข็งของผู้นำ แต่ลึกๆ ก็ยังอดกังวลไม่ได้อยู่ดี ที่คิดไว้ในหัวก่อนหน้าคือการพาพี่ปูนไปบ้านไหว้แม่ฝากตัวตามมารยาทที่ควรเป็น ไม่ใช่การโป๊ะแตกโจ๋งครึ่มอะไรแบบนี้ เฮ้อ~

“มีตรงไหนที่ไม่โอเค?”  เมียรักผินหน้ามามองผมราวกับได้ยินคำถามปัญญาอ่อน

“ก็ทุกตรงอะ แบบว่า...เผื่อพี่อาจจะยังไม่อยากให้ใครรู้”  ผมจำต้องเบี่ยงหน้าหลบสายตาพี่ปูนเพราะกลัวว่าจะอดใจไม่ได้จนเอาหัวโหม่งหน้านิ่งๆ ของเมียสักที

“ไม่รู้สิ พี่เองก็บอกไม่ถูก...”  แม้จะเป็นคำพูดที่ดูขาดความมั่นใจไปสักนิด แต่น้ำเสียงนั้นกลับหนักแน่นขัดกันเหลือเกิน ผมเหลือบสายตามองแม่ที่ยืนตีหน้านิ่งรอผมอยู่ตรงรถที่ไม่ไกลกันนัก ก่อนจะหันมามองเจ้าของมือที่กระตุกขืนผมไว้ให้หยุดกับที่ เซ็กส์ซี่กายแห่งทศวรรษยิ้มพรายหล่อเหลามองผม ไม่ใช่รอยยิ้มที่หล่อไปวันๆ แต่มันเป็นยิ้มที่พริ้มพรายไปถึงนัยน์ตา

“พี่ไม่เคยจริงจังกับใครขนาดนี้มาก่อน...ลุงคือคนแรกที่พี่หวังว่าจะเป็นคนสุดท้าย”

จะรออยู่ทำไมล่ะครับ

“บ้า~ ลุงเขินอะปุริม”  หน้าไม่ได้ร้อนไม่ได้แดงอะไรหรอก แต่ปากเนี่ยหุบลงมาไม่ได้เลยคอยแต่จะฉีกยิ้มจนแก้มปวดไปหมด มือที่กุมกันไว้ก็ดึงสะบัดไปมาอย่างกับเป็นเรือไวกิ้ง ท่วงท่าเยอะเสียจนพี่ปูนหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างเอ็นดู (ผมคิดว่างั้นน่ะนะ)

“ไปเถอะ เดี๋ยวคุณน้ารอจนโมโหหรอก”

“โอเค เดี๋ยวเจอกันนะ”  ผมบอกให้พี่ปูนขับรถตามไปยังร้านที่คุณดาหลาแกเจาะจงเสร็จก็รีบวิ่งไปหาคุณดาหลาที่ใบหน้าเจือรอยยิ้มเย็นเยียบเหมือนแม่คะนิ้งในหน้าหนาว แม่ไม่ได้พูดอะไรมากเมื่อผมไปหยุดยืนหัวเราะแหะๆ ตรงหน้า แค่ชวนขึ้นรถด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เท่านั้น ส่วนผมก็นั่งหน้าคู่กับแม่ไปด้วยบรรยากาศเงียบเหมือนป่าช้า แม่ไม่พูดอะไรสักคำเมื่อเห็นผมยิ้มให้ท้ายรถของพี่ปูนที่ขับออกไปก่อน

ผมเดาว่าคุณดาหลาอาจจะผิดหวังหน่อยๆ

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าคนเป็นแม่คงอยากได้ลูกสะใภ้ตัวเล็กหน้าตาน่ารักเพื่อคู่กับลูกชายของตัวเอง แทนที่จะเป็นสะใภ้สูงใหญ่หุ่นควายแบบนี้ แต่ผมเชื่อว่าแม่จะก้าวผ่านความระทมในจุดนี้ไปได้ เพราะทุกการเริ่มต้นมักไม่สวยงามเสมอไป ปลายทางต่างหากที่จะวัดความสำเร็จ...มั้ง?

เอาน่า~ ไม่ว่ายังไงเสน่ห์ของพี่ปูนจะทำให้ผ่านอุปสรรคครั้งนี้ไปได้ พี่ปูนมีข้อดีมากมาย (...ใช่มั้ย?) ถึงจะกุมข้อเสียเอาไว้พอๆ กันก็เถอะ ความคิดอาจจะสลับซับซ้อนไปบ้าง แม้หัวใจดูขมุกขมัวมีส่วนมืดครึ้มไปสักหน่อย แต่ก็เป็นคนที่ผมตกลงใจแล้วว่าชอบคุณดาหลาคงไม่ใจร้ายเหมือนบทแม่ในละครหรอก 

“เหม่ออะไรอีกแล้วลูกฉัน” 

เสียงเหนื่อยหน่ายของคนขับคนสวยดังเรียกสติผมกลับเข้าร่าง ผมหันไปมองคุณดาหลาก่อนจะกวาดสายตาไปทั่ว ก็พบว่าเรามาถึงร้านอาหารที่เป็นเป้าหมายแล้ว 

“ลงค่ะคุณลุง”  เสียงประตูปิดตามหลังคำสั่ง ผมจนใจที่จะขบคิดต่อจึงก้าวลงจากรถบ้าง เราเดินไปพร้อมกันเพื่อไปสมทบกับพี่ปูนที่ยืนรออยู่ก่อนหน้าแล้ว ใบหน้าเปี่ยมเสน่ห์ส่งยิ้มให้พวกผมพลางผายมือเปิดทางให้แม่เดินเข้าไปในร้านก่อนราวกับสุภาพบุรุษชั้นดี

ร้านนี้เป็นร้านอาหารฝรั่งที่มีดีตรงห้องกั้นแยกแบบส่วนตั๊วส่วนตัว คุณดาหลาเดินตรงเข้าไปหาพนักงานต้อนรับ พูดคุยเล็กน้อยก่อนจะถูกนำทางไปยังโซนห้องกระจกด้านหลังสวนเล็กๆ ภายใน ผมเหลือบมองพี่ปูนที่ยืนอยู่ข้างๆ คว้าจับมือเอาไว้เพื่อให้กำลังใจ จังหวะเดียวกันก็หันไปเห็นสายตาพนักงานหญิงจากมุมไม่ไกลนักจับคู่กันส่งสายตาปริบๆ ให้แฟนผม นี่ถ้าไม่ติดว่ากำลังมีเรื่องเครียดล่ะก็จะหันไปยักคิ้วยิ้มเย้ยให้

“ไม่ต้องกลัวนะ แม่ผมไม่ดุหรอก”  ผมดึงสายตากลับมาที่พี่ปูนอีกครั้ง

“ถึงดุพี่ก็ไม่กลัว”  พี่ปูนยกยิ้มพลางจูงมือผมให้ก้าวเดินตามไป

ผมมองสองข้างทางที่ผ่าน โต๊ะด้านในนั้นมีผู้จับจองอยู่ประปราย อาจจะเพราะว่ายังไม่ถึงเวลาอาหารเย็นเสียทีเดียว ภายในร้านจึงดูเงียบสงบเคล้าเสียงบรรเลงเพลงคลาสสิค ส่วนโซนห้องกระจกด้านหลังนั้นเมื่อมองกวาดไปยังร้างผู้คนอยู่ พี่ปูนพาผมเดินเข้าไปยังห้องมุมสุดที่พนักงานเปิดรอไว้อยู่แล้ว

คุณดาหลานั่งรออยู่ก่อนด้วยทีท่าสบายอกสบายใจ ดวงตาสอดส่ายพลิกหน้าเมนูหนังสีดำในมืออย่างเลือกเฟ้น ไม่ได้สนใจแม้ว่าผมจะเลือกนั่งลงอีกฝั่งเคียงข้างพี่ปูน พนักงานแจกเมนูให้ทันทีเมื่อปรับท่านั่งกันเรียบร้อย ยังดีที่ร้านนี้ไม่ใช่พวกร้านอาหารฝรั่งจ๋าแบบที่เมนูทุกตัวอักษรเป็นภาษาฝรั่งเศสปนอังกฤษ ผมค่อยโล่งอกที่ไม่ต้องรีดเค้นความรู้ทางด้านภาษาเพื่ออาหารหนึ่งมื้อ

แม่สั่งอาหารเสร็จเรียบร้อย แต่ผมยังนั่งงมอยู่เหมือนคนไม่รู้ว่าชีวิตกำลังต้องการอะไร คุณดาหลาทำเพียงอมยิ้มนั่งมองความลำบากใจของลูกชายตัวเองเงียบๆ แต่ยังดีที่พี่ปูนไม่ทิ้งผมไว้กลางทาง เมื่อได้รับความช่วยว่าจะเป็นผู้สั่งอาหารให้เอง ผมก็พยักหน้าแบบโล่งอกพร้อมกับปิดเมนูเล่มโตส่งคืนพนักงานทันที พี่ปูนก็สั่งรัวเร็วแบบเดียวกันมาทั้งสองชุด และเมื่อพนักงานรับออร์เดอร์เดินออกไป ทั้งห้องก็เย็นยะเยือกขึ้นมาทันที

“เอ่อ...ไหนว่าจะพาไปกินสุกี้ไง”  ผมหาเรื่องคุยทำลายความเงียบ 

“ก็แม่อยากกินสเต็กขึ้นมาแล้วนี่”  คนสวยบุ้ยหน้าใส่ผมก่อนจะหันไปมองพี่ปูนพร้อมรอยยิ้มหวาน  “คุณปูนชอบทานอาหารประเภทไหนจ๊ะ?”

“ผมทานได้ทุกประเภทครับ แต่ที่ชอบที่สุดก็คงเป็นอาหารบ้านๆ ที่ทำกินกันเองมากกว่า”  พี่ปูนก็ยิ้มหวานตอบกลับไป

“อุ๊ย แสดงว่าคุณปูนทำอาหารอร่อยแน่เลย”

“หึหึ ไม่หรอกครับ ผมทำไม่เป็นเลยมากกว่า”  หลังจากเสียงตอบทุ้มต่ำแสนสุภาพแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาก็หันมามองผมพร้อมกับฝ่ามือที่เลื่อนมากุมมือผมที่ใต้โต๊ะ ดวงตาคมส่งแววหยาดเยิ้มไม่ปิดบังจนผมอดหน้าร้อนนิดๆ ไม่ได้ เมื่อเห็นว่าทำหน้าผมไหม้สมใจแล้วถึงได้หันกลับไปมองหน้าคุยกับคุณดาหลาต่อ  “ผมชอบเวลามีคนทำให้ครับ ที่จริงผมก็กำลังรอคำเชิญจากคุณน้าที่ว่าจะให้ไปชิมฝีมือของลุงอยู่”

เมียผมก็คนจริง เล่นเอาคุณดาหลาอึ้งไปพักใหญ่เลยเชียวล่ะ

“ถ้าคุณปูนยอมปล่อยให้ลูกชายน้ากลับบ้านบ้าง ก็คงจะได้เชิญมาเร็วๆ นี้หรอก”  วาจาเนิบนาบแถมยังกล่าวด้วยรอยยิ้มสดใสที่แฝงไปด้วยคำตำหนิเล็กๆ พี่ปูนที่คล้ายจะรู้ความผิดจึงก้มหัวเล็กน้อยคล้ายขออภัย อย่างน้อยในฐานะแฟนที่ดี ผมก็ควรจะพูดออกหน้าแก้ตัวให้คนรักบ้าง แต่ใครจะไปรู้ว่ายิ่งเหมือนเพิ่มเชื้อไฟให้ปะทุเข้าไปอีก

“อย่าว่าพี่ปูนเลยแม่ ลุงเต็มใจอยู่ดูแลพี่เขาเอง ลุงบอกแม่แล้วไงว่าพี่เขาอยู่คนเดียว”

“แหมๆ แม่ชักอยากรู้แล้วสิว่าคบกันมานานขนาดไหนแล้ว ถึงได้ออกรับแทนกันขนาดนี้”

พนักงานเข้ามาเสิร์ฟอาหารทานเล่นที่แม่สั่งไว้ นับว่าช่วยผมที่กำลังกลืนไม่เข้าคายไม่ออกได้พอดู จนพนักงานกระพือขนตาให้เมียผมจนสาแก่ใจและออกไป ของว่างบนโต๊ะก็น่ากินแต่ยังไม่มีใครเริ่มแตะ ภายใต้โต๊ะบนหน้าตักของผม พี่ปูนกุมมือผมแน่น ผมเองก็บีบมือตอบอย่างส่งผ่านกำลังใจ

“ผมต้องขอโทษคุณน้าด้วยนะครับในสิ่งที่ทำให้คุณน้าไม่พอใจ”  พี่ปูนกล่าวเสียงจริงจัง  “ลุงเป็นเด็กว่าง่าย ใจอ่อนอยู่แล้ว เพราะผมโน้มน้าวลุงถึงได้ยอมค้างเป็นเพื่อน อย่าโทษลุงเลยนะครับ”

คุณดาหลาเผยรอยยิ้มบางๆ พลางยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มเล็กน้อย  “...ว่าต่อสิจ๊ะ”

“...ผมแอบชอบลุงมานานแล้วครับ”

หืม!!!?

ผมหันขวับไปมองคนข้างๆ พี่ปูนดูเอียงอายไม่ยอมสบตาผมซ้ำยังหูแดงคอแดงเถือก ...เรื่องจริงหรือนี่! ผมก็เข้าใจนะว่าถ้าพี่ไม่อยากเป็นเมียผมพี่คงไม่ลักหลับผม แต่นี่ถึงขั้นแอบชอบมานาน

โอย~ เมียผมน่ารักจังวุ้ย!

“หวังว่าคุณน้าจะเมตตา รับผมไว้เป็นลูกชายอีกสักคน”

พี่ปูนเอ่ยหนักแน่น หัวใจผมงี้เต้นตุบตับคล้ายจะตกหลุมรักเมียตัวเองยังไงก็ไม่รู้ ผมต้องต่อสู้กับความรู้สึกอยากโน้มคอพี่ปูนลงมาฟัดแก้มให้สาใจด้วยการบีบมือใหญ่ข้างที่กุมกันไว้ให้แน่นขึ้น พี่ปูนเป็นคนแรกในบรรดาแฟนทั้งหลายของผมที่เอ่ยจริงจังว่าชอบผมต่อหน้าแม่

ท่ามกลางบรรยากาศสีชมพูที่พวกเราสร้างขึ้นกันเงียบๆ คุณดาหลาวางแก้วไวน์ขาวลงเบาๆ เริ่มหยิบส้อมขึ้นมาตักอะไรสักอย่างที่น่าจะเป็นสลัดมะเขือเทศกับแฮมสดเข้าปากด้วยรอยยิ้มที่แตะแต้มอยู่ตลอด

"แต่น้าออกจะแน่ใจว่าลูกชายตัวเองไม่ชอบผู้ชาย"

"เราคบกันด้วยวิธีที่ไม่ปกติสักเท่าไหร่ครับ"  พี่ปูนตอบกลับทันควัน ไม่มีอ้ำอึ้งคิดนานให้เสียเวลา

"เรื่องชักน่าตื่นเต้นแล้วสิ"  คุณดาหลาหัวเราะเบาๆ  "เล่าให้น้าฟังหน่อยได้มั้ย?"

"คือว่า --" 

ก่อนที่อะไรจะหลุดออกไปจากปากพี่ปูน ผมก็ใช้ฝ่ามือข้างที่ว่างและออกจะเค็มนิดๆ ของตัวเองตะครุบเอาไว้ได้ทัน เอาจริงใช่มั้ย? ผมเขม่นสายตาห้ามปรามพี่ปูนเป็นการใหญ่ พี่คงไม่คิดจะเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดหรอกนะว่าเพราะพี่อยากเป็นเมียผม ถึงได้ลักหลับผมที่กำลังเมา ไม่ได้นะ! ไม่ได้!! ขืนพูดออกไปแบบนั้นแม่จะมองลูกสะใภ้อย่างพี่ยังไง

"ลุงเมาแล้วปล้ำพี่ปูนน่ะแม่"  ผมโพล่งออกไปโดยไม่ทันไตร่ตรองให้ดี ไม่ใช่แค่แม่เท่านั้นที่ตกใจจนเสียอาการมือไม้อ่อนส้อมร่วงลงบนจานเสียงดัง แม้แต่คนข้างๆ ผมยังหันขวับมามองด้วยดวงตากึ่งโมโหกึ่งสับสน แต่ทั้งคู่ร้องออกมาเป็นเสียงเดียวกัน

"ห๊า!! /อะไรนะ!!"

เสียงสามัคคีดังลั่นจนบริกรที่เดินเข้ามาเพื่อเสิร์ฟอาหารถึงกับสะดุ้งโหยง ผมสะกิดพี่ปูนให้ควบคุมอาการพลางส่งสายตาเป็นนัยให้คุณดาหลาสงบสติอารมณ์ หากเมื่อบริกรเดินออกไป คนทั้งคู่ก็กลับเข้าสู่อารมณ์เดิมแต่ต่างกันตรงที่แม่นั้นมองพี่ปูนด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป ส่วนพี่ปูนก็กำลังถลึงตาใส่ผมเหมือนเสือพร้อมตะครุบเหยื่อ

"น้าขอโทษนะคุณปูน"  คุณดาหลาเอ่ยด้วยความสงสารสุดซึ้ง ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยคำขออภัย  "น้าไม่คิดเลยว่าลุงจะกลายเป็นคนแบบนี้"

"ไม่ใช่นะครับ!"  พี่ปูนหันขวับไปแก้ตัวกับแม่ วินาทีต่อมาก็หันมาประจันหน้าผม ตางี้ดุประหนึ่งร็อตไวเลอร์  "ไหนว่าลุงเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้วไง!"

"ก็เข้าใจแล้ว"  ผมตอบกลับเสียงเบาๆ หันไปส่งยิ้มให้คุณดาหลาที่กำลังตีคิ้วขมวดด้วยความสงสัยก่อนจะโน้มคอพี่ปูนเข้ามาแล้วหอมแก้มแรงๆ พร้อมกับกระซิบความจริงอย่างรวดเร็ว  "ตามน้ำกับผมไปก่อนนะ"

"หมายความว่ายังไงกันแน่"  คุณพยาบาลสาวผู้ปราดเปรื่องตามล่าหาความจริงทันที  "อ้อ!....ใช่แล้ว ที่แม่ได้ยินนั่นอีกล่ะ ลุงจะอธิบายยังไง"

น้ำท่วมปากขึ้นมาทันที ผมควรจะอธิบายกับแม่ว่ายังไงดีหว่าในเรื่องนั้น เป็นวิธีการผลัดกันสร้างความแฮปปี้งั้นเหรอ? แต่ผมยังไม่เคยได้จกตูดพี่ปูนเลยนะ หรือจะอ้างว่าเป็นเส้นทางสายเฉพาะที่แม่ไม่มีวันเข้าใจ บ้าชะมัด! ผมเผลอพูดเสียงดังด้วยความโมโหแท้ๆ เชียว นอกจากแม่จะได้ยินชัดเจนแล้วผมว่าเสียงมันต้องดังไปถึงหูพี่เปี๊ยกแน่นอน หมดกันคราวนี้...ผมไม่เหลือสภาพลูกผู้ชายสายรุกไว้ให้เชิดหน้าชูตาแล้ว

“ลุงได้ยินที่แม่ถามมั้ย”  เสียงคุณดาหลาไม่ส่อแววนิ่มนวลอีกต่อไป ดังเช่นชื่อเล่นผมที่ไม่เรียกนำหน้าว่า ‘คุณ’ อีกแล้ว

“สรุปก็คือลุงปล้ำพี่ปูน เราเป็นแฟนกัน แม่ได้ลูกสะใภ้แล้ว -- ยินดีด้วยครับ”

“พัทลุง!!”  พี่ปูนตวาดเสียงก้อง ตอนนี้ดวงตาคมเข้มนั่นเหมือนถูกแผดเผาด้วยเปลวไฟ เส้นเลือดปูดโปนข้างขมับชัดเจน พี่ปูนกำลังโมโหสุดๆ แบบที่ว่าถ้าไม่มีบุคคลที่สามอยู่ด้วย ผมต้องถูกบ้องกะโหลกด้วยมือแกร่งปานเหล็กกล้าเป็นแน่

“โอ๋ๆ ที่รักใจเย็นๆ นะ ลุงบอกพี่แล้วว่าแม่รับเรื่องของเราได้”  ผมปล่อยให้แม่นั่งเอ๋อไปก่อน ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการปลอบโยนเมียขี้อาย ผมลูบหลังลูบไหล่เอ่ยเสียงอ่อนเสียงหวาน ตาก็เหลือบมองมือใหญ่ที่กำแน่นบนหน้าตักไปด้วยเพื่อหาทางหนีทีไล่  “ลุงหิวแล้วล่ะ กินให้อิ่มก่อนเนอะแล้วค่อยคุยกัน”

ไม่มีใครส่งเสียงเห็นด้วยออกมาแต่ผมก็ถือว่าความเงียบคือการตกลง ผมหวังว่าท่าทีกระตือรือร้นจนออกหน้าออกตากับอาหารที่วางอยู่ตรงหน้าจะช่วยให้คนทั้งสองปล่อยผ่านผมไปชั่วคราว และก็ดูจะเป็นอย่างนั้นเพราะแม่เลือกตั้งคำถามกับพี่ปูนเป็นระยะ

“ครอบครัวคุณปูนทราบหรือเปล่าคะที่คบกับลุงน่ะ”

“ผมตัวคนเดียวครับ”  พี่ปูนตอบกลับเรียบๆ สั้นกระชับและไม่คิดอธิบายความต่อแม้ว่าจะได้รับสายตาจากเราสองแม่ลูก ผมเพิ่งจะรู้วันนี้แหละว่าพ่อแม่ของพี่ปูนเสียชีวิตแล้ว

“น้าขอเสียมารยาทถามนะจ๊ะ...แล้วญาติพี่น้องล่ะคะ?”  ผมว่าแม่คงอยากรู้จริงๆ เพราะปกติแล้วแม่ไม่ใช่คนช่างซักไซ้เท่าไหร่นักในเรื่องส่วนตัว

“ไม่มีครับ” 

เสียงตอบกลับก็ดูนุ่มนวลอยู่หรอก แต่จู่ๆ บรรยากาศจากตัวพี่ปูนก็เย็นเยียบขึ้นมา แม้แต่รอยยิ้มที่เจืออยู่ก็หายวับไป ไม่ต้องประกาศออกปากก็พอจะเดาได้เลยว่านี่คือหัวข้อที่คนนอกห้ามแตะ คุณดาหลาแกรู้สึกผิดถึงขนาดเตะขาผมเบาๆ ใต้โต๊ะเพื่อให้ช่วยกอบกู้สถานการณ์

“ไว้ลุงจะทำบาบีคิวให้กินนะ น่าตาอาจจะไม่ดีแต่เนื้อหมักอร่อยเด็ดสุดๆ” 

“สวนบ้านน้าบรรยากาศดีมาก ตั้งเตาปิ้งกันไปจิบเบียร์ไปด้วย คุณปูนต้องชอบแน่” 

หมดกันแม่ผม...ตอนแรกก็มาทำเข้มใส่เขา ตอนนี้ต้องกลายมาออกปากชวนเขาให้ไปบ้านเสียเอง

“ผมจะตั้งตารอครับ”  รอยยิ้มพี่ปูนกลับมาแล้วแม้จะเหมือนการแสร้งทำเสียมากกว่าก็เถอะ  “ถ้าให้ผมเดา ลุงคงทำอาหารเก่งเหมือนคุณน้า”

“ใครว่าล่ะจ๊ะ”  คุณดาหลาคลี่ยิ้มสบายใจได้เล็กน้อยเมื่อการสนทนาเดินหน้าต่อไปได้  “คุณลุงน่ะได้พ่อเขามาเต็มๆ ทำอาหาร ทำความสะอาด งานบ้านไม่มีบกพร่อง ขาดคุณลุงไปสักคนน้ากับคุณป้าถึงกับลำบากเลยล่ะ”

“ลุงไม่ใช่คนใช้นะแม่”  ผมล่ะเซ็งจริงๆ

“ผมเองก็ไม่ถนัดเรื่องพวกนี้เหมือนกันครับ เรียกว่าไม่ชอบเลยน่าจะถูกกว่า”

“น้าก็เหมือนกัน แค่ทำงานก็เหนื่อยจะแย่แล้วถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากจะแตะเลย”

บรรดาคุณหญิงคุณชายเขาคุยกันครับ ขี้ข้าอย่างผมก็นั่งฟังแบบช้ำใจไป คงต้องโทษที่พ่อสอนผมมาดีเกินไป ไม่ว่าจะไปอยู่กับใครที่ไหนก็เลยไม่พ้นเป็นข้ารับใช้เขา มีแม่กับพี่อย่างนั้น แถมยังได้แฟนอย่างนี้อีก ชีวิตยิ่งกว่าดาวพระศุกร์อีกมั้งตัวผมเนี่ย

“บอกตรงๆ นะครับว่าตอนนี้ผมก็ยังทึ่งไม่หาย ถ้าลุงไม่บอกว่าคุณน้าคือแม่ ผมก็หลงคิดไปว่าต้องเป็นพี่สาวแน่นอน”  มาถึงช่วงพิธีกรรมล่าสาวแก่แม่หม้ายที่พี่ปูนถนัดซะที ต่อให้เป็นคนได้รับคำอวยมาตลอดชีวิตอย่างคุณดาหลามันก็ต้องมีระทวยกันบ้างแหละ ยิ่งหมดเงินไปกับเครื่องประทินโฉมและการเข้าคอร์สดูแลผิวมากเท่าไหร่ ยิ่งอยากจะได้คำชมเท่านั้น

“คิกๆ คุณปูนก็พูดเกินไปค่ะ น้าเนี่ยสี่สิบกว่าแล้วนะจ๊ะ”  ถ้าคุณดาหลาเป็นปลาทูน่า พี่ปูนก็เหวี่ยงแหตกสำเร็จแล้วล่ะครับ 

“ผมพูดจริงๆ นะครับ คุณน้ายังดูเหมือนอายุสามสิบต้นๆ อยู่เลย หมายความว่าต้องมีของดีแน่ๆ”

“คิกๆ พูดอะไรอย่างนั้นจ๊ะ เนี่ย~ ไม่ค่อยได้ใช้อะไรเท่าไหร่เลยนะ น้าแค่คิดแต่เรื่องดีดี ก่อนนอนสวดมนต์ไหว้พระ ตื่นมาก็เป็นแบบนี้เองแหละจ้ะ”

ไปแล้วแม่ผม...

ได้ข่าวว่าสวดมนต์แค่วันพระ กิจกรรมโปรดคือซุบซิบข่าวสารกับลูกสาวแล้วก็จูงมือกันลงคอร์สเสริมความงามคนละเป็นหมื่น ครีมบำรุงวางเต็มโต๊ะเครื่องแป้ง นี่หรือคือการที่บอกว่า ‘ไม่ค่อยได้ใช้อะไรเท่าไหร่’

“ว่าแต่คุณปูนเองก็ดูแลตัวเองดีมากเลยนะคะ ผิวหน้าดีจังเลยจ้ะ เนียนกริ๊บเลย โบกรองพื้นมารึเปล่าจ๊ะเนี่ย”

“ผมไม่แต่งหน้าหรอกครับ แค่ทาครีมธรรมดาเท่านั้นเอง”

นี่ก็อีกคน...

ไอ้เรื่องไม่แต่งหน้าก็เห็นจะจริง แต่กว่าจะนอนกว่าจะประทินผิวเสร็จก็เล่นเอาคนรอหาวแล้วหาวอีก กระปุกครีมอาจจะเยอะไม่เท่าสาวๆ ที่บ้านผม แต่ก็มากจนผมสงสัยว่าผู้ชายจำเป็นต้องบำรุงขนาดนี้ด้วยหรือ

“เป็นของอะไรจ๊ะเนี่ย ถ้าจะดีมากๆ”

“ของจากฝรั่งเศสน่ะครับ คนรู้จักผมอาศัยอยู่ที่โน่นก็เลยฝากซื้อง่าย ไว้ผมจะเอามาฝากให้คุณน้าลองใช้ดูนะครับ มันช่วยปรับสภาพผิวหน้าแถมยังลบเลือนริ้วรอยได้ดีอีกต่างหาก ตัวผมเนี่ยทำงานมาตั้งแต่เด็ก ริ้วรอยความเครียดมันก็เลยเกิดขึ้นเร็ว แต่คุณน้าดูสิครับ...”  ว่าแล้วเมียผมก็ยื่นหน้าไปให้คุณดาหลาที่ชะโงกหน้าเข้ามามองอย่างสนใจ  “ไม่มีเลยใช่มั้ยล่ะครับ”

“ต๊าย~ จริงด้วยจ้ะ ยิ่งมองใกล้ๆ หน้ายิ่งเนียน”  สีหน้าคุณดาหลาตอนนี้เหมือนโดนครอบงำจากเซลล์ขายเครื่องสำอางไปแล้วเรียบร้อย  “ถ้าคุณปูนสั่งเข้ามาอีกน้าฝากซื้อสักสองกระปุกนะจ๊ะ”

“ไม่มีปัญหาเลยครับ” 

ปิดการขาย... นี่ถ้าพี่ปูนเป็นพวกขายตรง คงได้มงกุฎเพชรเพราะแม่ผมเนี่ยแหละ

“คุณลุงควรดูแลหน้าตาแบบพี่เขาบ้างนะ เราน่ะอะไรก็ไม่ใช้ซื้ออะไรให้ก็ไม่เอา”  แล้วคุณดาหลาก็ตวัดสายตากลับมาแขวะผมจนได้ ผมก็คร้านจะตอบโต้เลยแสร้งพยักหนารับพลางจิ้มเนื้อไก่เข้าปากไปเรื่อย

“ผมสั่งซื้อเซ็ตที่เหมาะกับสภาพผิวของลุงไว้แล้วล่ะครับ จ้ำจี้จ้ำไชกันหน่อยน่าจะชินไปเอง”  เมียผมก็รีบโปรยความมั่นใจให้กับแม่ผัวทันที  “ถึงจะดูผิวบางแพ้ง่าย แต่ลุงผิวหน้าดีอยู่แล้ว แสดงว่าต้องได้มาจากคุณน้าแน่นอนเลยครับ”
“คิกๆ น้าก็ว่าอย่างนั้นล่ะจ้ะ”

เหอะ เหอะ ...ผมล่ะนึกความเข้มของคุณดาหลาก่อนหน้านี้ไม่ออกแล้ว     

 มื้ออาหารผ่านไปแบบรื่นเริง ของหวานถูกสั่งเข้ามาและทานกันอย่างเอร็ดอร่อย แม่กับพี่ปูนนั่งจิบกาแฟคุยกันกระหนุงกระหนิง ส่วนผมก็นั่งเล่นโทรศัพท์เงียบๆ เพียงลำพังตามประสาคนวงนอกที่ไม่ได้สนใจสภาพหนังหน้าตัวเองเท่าไหร่ มาถึงตอนนี้ผมก็พอเดาได้เลยว่า พี่ปูนต้องเป็นพวกเดินช้อปปิ้งในห้างได้เป็นชั่วโมงๆ เข้าร้านนั้น ออกร้านนี้ได้ทั้งวี่ทั้งวันเหมือนสองสาวที่บ้านผมแน่นอน

“ขอบคุณคุณน้านะครับที่ไม่รังเกียจผม”  แล้วพี่ปูนก็วกเข้าเรื่องที่สำคัญกว่า สีหน้าดูจริงจังขึ้นมาอีกนิด รอยยิ้มก็จริงจังขึ้นมาอีกหน่อย 

“นี่มันยุคสมัยที่เรื่องเพศไม่ได้ถูกจำกัดแค่ผู้หญิงกับผู้ชายแล้วนี่จ๊ะ”  คุณดาหลาถอนหายใจออกมาเบาๆ พลางหันไปยิ้มให้พี่ปูนอย่างอ่อนโยนดุจนางฟ้า  “ไม่ว่าจะสถานะไหนก็ตามแต่ ถ้าลูกชายน้าเลือกใคร น้าก็พร้อมจะรับคนนั้นเป็นลูกอีกคนอย่างไม่มีข้อแม้ น้าเชื่อว่าคุณลุงจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง”

“ผมอาจจะไม่ใช่คนที่ดีที่สุดก็ได้ครับ”  พี่ปูนยิ้มขื่น

“แต่ก็คงไม่ถึงกับไม่เหลือดีล่ะมั้งจ๊ะ”

พี่ปูนบีบมือผมแน่นขณะก้มหน้ารับด้วยรอยยิ้มเจือมุมปากกับคำหยอก  “ขอบคุณครับคุณน้า”

ผมว่าคุณดาหลาแกยอมตั้งครีมกระปุกแรกแล้วล่ะ

พี่ปูนหันมายิ้มกับผม และอาศัยจังหวะที่แม่ก้มหน้าดูข้อความที่เข้ามาในมือถือก็โน้มใบหน้าเข้าหาผม ริมฝีปากแตะข้างแก้มรวดเร็วพร้อมกับกระซิบเบาเบาๆ  “เรายังมีเรื่องต้องคุยกันอยู่นะ”

“ครับๆ”  ผมรับคำส่งๆ และยอมนั่งเงียบมองการสนทนาระหว่างแม่กับเมียที่เกิดขึ้นอีกครั้ง โดยปล่อยให้มือข้างหนึ่งนั้นถูกพี่ปูนกุมเอาไว้ด้านล่าง เรียวนิ้วเกาะเกี่ยวพัวพันกันไปมา หยอกล้อกันเงียบๆ แบบที่ไม่มีใครสามารถมองเห็น ผมเท้าคางฟังเรื่องต่างๆ ที่ไม่ค่อยจะเข้าใจนัก หากมันไม่น่าเบื่อเลยสักนิด

เสร็จสิ้นมื้ออาหารโดยการที่พี่ปูนทำการจ่ายค่าอาหารทั้งหมดแบบเสี่ยล่ำซำ ผมคร้านจะขัดข้องอะไร ส่วนคุณดาหลาที่แม้จะรับน้ำใจเอาไว้ แต่ก็ออกปากชวนพี่ปูนไปทานข้าวที่บ้านอีกครั้งพร้อมกับนัดหมายกำหนดการคร่าวๆ แถมตลอดทางเดินไปขึ้นรถยังคุยไปหัวเราะไปไม่หยุด ดูท่าจะถูกใจลูกสะใภ้คนนี้น่าดู มีการนัดแนะไปช้อปปิ้งกันนอกรอบด้วย ใช่สิ! ผมมันเป็นลูกชายที่ไม่รู้เรื่องเครื่องสำอางอะไรเลยนี่

“ถ้าคุณน้าไม่ว่าอะไรผมขอไปส่งลุงที่บ้านเองได้มั้ยครับ? พอดีว่าผมมีเรื่องต้องปรึกษากับลุงเล็กน้อย”

ถ้อยคำนอบน้อมหวานหูที่พี่ปูนเอ่ยออกมาไม่มีทางที่แม่ผมจะปฏิเสธแน่ และก็ตามนั้นคุณดาหลาเธอยิ้มรับแล้วบอกลาลูกสะใภ้คนใหม่ เดินเฉิดฉายไปขึ้นรถอย่างอารมณ์ดีผิดกับขามา


v
v
v
[มีต่อจ้า]
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 03-01-2018 15:27:51
[ต่อค่ะ]


ผมกับพี่ปูนยืนมองรถของแม่ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากที่จอด ต่อเมื่อลับสายตาไปแล้วพี่ปูนก็จับมือผมกึ่งลากกึ่งจูงไปที่รถทันที เมื่อต่างฝ่ายต่างขึ้นมานั่งประจำที่อยู่ภายในห้องโดยสาร บรรยากาศมันก็ชักจะอึดอัดพิกล ผมเหล่ตามองพี่ปูนไปพลางขยับทิศทางของก้นให้นั่งอย่างสบาย

“พี่จะคุยอะไรกับผมเหรอ?”  ผมชิงเปิดประเด็นก่อน เมื่อพี่ปูนหันมาก็รีบฉีกยิ้มเอาใจ แต่อีกฝ่ายกลับมองหน้าผมนิ่งๆ ก่อนจะชูนิ้วขึ้นมาเพื่อนับตัวเลือก

“จะเอากันที่ไหนเลือกมา”  เอ๊ะ! เอ๊!?? ขณะที่ผมยังทำหน้าหมางงอยู่พี่ปูนก็รีบบอกตัวเลือกทันที  “หนึ่ง ที่ห้อง สอง ที่โรงแรม สาม ในรถ”

“คุยกันรึเปล่าพี่ มาองมาเอาอะไร”  เมื่อเช้าก็เพิ่งเอาไป บ้าจริง~ ผมได้แต่ขมุบขมิบปากตามหลัง

“พี่ก็คุยด้วยไง”  ไม่พูดพร่ำทำเพลง ไอ้พี่ปูนก็ขยุ้มหัวผมกระชากเข้าไปหาปากมันแรงๆ ดูดจ๊วบจ๊าบแถมยังกัดริมฝีปากผมจนเจ่อ ดีนะเลือดไม่ออก แต่แทนที่จะปล่อยให้ผมโมโหบ้าง ไอ้บ้าก็ตีหน้าขรึมออกรถทันควันพร้อมกับหันมาทิ้งท้ายเสียงเข้ม  “เลือกมาเลยนะ ไม่งั้นพี่จะเลือกเอง”

“ไม่เอาสักที่อะ! ถ้าอยากคุยก็คุยมันที่นี่แหละ”  ผมใช้การกระแทกเสียงเข้าสู้

“ถ้าลุงจะเข้าใจง่ายๆ เรื่องก็คงจบไปแล้ว คิดแล้วก็หมั่นเขี้ยวอยากฟัดแม่งสักที ทำไมถึงได้มโนเก่งอย่างนี้วะ”  พี่ปูนเหวี่ยงกลับเสียงเข่นเขี้ยว เสี้ยววินาทีที่หันมามองผมนั้นมันเหมือนกับพวกฆาตกรโรคจิตเลย ผมงี้ใจหายวาบรีบมองออกไปยังสองข้างทางทันทีว่าเป็นเส้นทางเปลี่ยวร้างผู้คนหรือไม่

“ก่อนหน้านี้ผมยังโมโหพี่อยู่นะ”  ตาก็มองหาทางหนีทีไล่ไป ปากก็อดโต้ตอบไม่ได้  “พี่หลอกผม!”

“เออ! บอกมาให้พี่ฟังชัดๆ ไปเลยว่าพี่หลอกลุงเรื่องอะไร!”

“ได้!!”  อารมณ์ขึ้นแล้วโว้ย~  “พี่หลอกว่าผมเมาแล้วปล้ำพี่ แต่ที่จริงพี่ต่างหากที่หลอกปล้ำผม! ทำไมวะ อยากเป็นเมียผมก็บอกกันดีๆ เดะ! แล้วยังมาหลอกให้ผมรับผิดชอบอีก”

“เมีย!! พี่น่ะเหรออยากเป็นเมียลุง!!”  พี่ปูนแม่งตะโกนลั่นรถ

“ก็เออน่ะเซ่!! ไม่งั้นจะสร้างเรื่องแบบนั้นทำไม”  ผมก็เถียงกลับคอเป็นเอ็นตะเบ็งเสียงให้เทียบเท่ากัน

ไม่เคยเลยสักครั้งที่ผมจะขึ้นเสียงใส่แฟนตัวเอง ไม่ว่าอีกฝ่ายจะทำให้ผมไม่พอใจแค่ไหน เพราะว่าเป็นผู้ชายด้วยกันหรือเปล่าก็ไม่รู้ถึงได้ทำให้ผมปลดปล่อยแบบนี้ ถามว่าโมโหมากมั้ย ก็คงตอบได้ว่าไม่เท่าไหร่ แต่มันหงุดหงิดตรงที่อีกฝ่ายปากกับใจไม่ตรงกัน กลับดำเป็นขาว ให้ร้ายว่าเรื่องเกิดเพราะความมโนของผม คนแบบนี้ก็มีด้วยรึไง!

“ได้...”  พี่ปูนแค่นเสียงรอดไรฟัน ผมยังนั่งหน้าตึงไม่หันไปดูสีหน้าคนพูด  “ได้เลยพัทลุง...”

   พี่ปูนเร่งเครื่องยนต์มากขึ้น ขับปาดซ้ายป่ายขวาให้คนด่าบุพการีไล่หลัง ไอ้ผมก็หงุดหงิดอยู่หรอกแต่ควรเงียบปากกับโชเฟอร์ที่กำลังโมโหอยู่

“วันนี้ให้มันรู้กัน! กูจะฟัดให้ช้ำไปเลย..”  ประโยคหลังมันพึมพำรอดไรฟันออกมาแต่ห้องโดยสารมันเงียบไง ผมก็เลยได้ยินชัดเจนเหมือนมากระซิบที่ข้างหู

“ฟัดอะไร! พูดให้เคลียร์นะพี่ปูน”

ไร้ซึ่งคำตอบ พี่ปูนหันมามองผมด้วยรอยยิ้มเหี้ยม หัวเราะหึๆ อย่างโฉดชั่วขณะขับรถไปตามถนนซอกซอยด้วยความเร็วเท่าที่จะฝ่าไปได้

ผมนั่งไปด้วยใจหวั่น มือกุมสายเข็มขัดนิรภัยไว้แน่น โมโหก็โมโห กลัวก็กลัว เดี๋ยวนี้คนทะเลาะกันแล้วขาดสติทำเรื่องไม่ดีเยอะแยะ ใจผมนี่คิดถึงแม่เลย แม่จะรู้มั้ยว่าใครฆ่าผม จะรู้รึเปล่าว่ามันไปหมกศพผมไว้ที่ตรงไหน ขณะที่รถขับเคลื่อนไป หัวผมก็กำลังดีไซน์ว่าจะไปเข้าฝันแม่แบบไหนดี 

แต่อย่างน้อยพี่ปูนก็ไม่ได้ขับพามาตามข้างทางรกร้าง ร้านอาหาร ร้านเหล้าริมถนนเริ่มเปิดไฟสว่าง ผมพยายามมองโลกในแง่ดีว่าพี่ปูนอาจจะพามาเคลียร์ที่ร้านเหล้าสักร้าน แต่เมื่อขับตรงไปเรื่อยๆ สองข้างทางก็พลุกพล่านน้อยลง แล้วในที่สุดผมก็ต้องโยนวิถีการมองโลกแบบเด็กๆ นั้นทิ้งไป เมื่อพี่ปูนหักรถเลี้ยวขวับเข้า...ม่านรูด...

Love Hotel บรรยากาศดี ที่จอดรถมิดชิดเพราะยังคงเอกลักษณ์ม่านหนาทึบไว้ได้อย่างน่ากลัว ผมหันมองคนข้างๆ ตาโต ไม่ใช่ว่าไม่เคยเข้า แต่ไม่คิดว่าพี่ปูนจะพามาคุยกันที่แบบนี้ต่างหาก มันไม่ใช่สถานที่นัดมาเพื่อการประชุมหารือสิ่งใด ผมแทบจะซุกหน้าลงกับตักเมื่อพี่ปูนลดกระจกเพื่อสอบถาม พนักงานก็ทำงานว่องไวเปิดม่านโบกรถให้เข้าไปทันที

พี่ปูนไม่พูดอะไรสักคำเมื่อดับเครื่องยนต์แล้วลงไปจ่ายเงินกับพนักงานที่รีบเดินตามเข้ามา ผมยังนั่งนิ่งชั่งใจอยู่ว่าจะเปิดประตูรถวิ่งหนีดีมั้ย? พี่ปูนรู้ได้ไงว่าตรงนี้มีม่านรูด? แล้วทำไมไม่ไปหาที่คุยกันดีกว่านี้วะ? มีแต่คำว่าทำไมๆ เต็มหัว และขณะกำลังจะด่าตัวเองว่าทำไมไม่ขัดขืนเสียตั้งแต่แรกประตูรถก็ถูกเปิดออก ผมจ้องตอบพี่ปูนเขม็งไม่ยอมลงจากรถง่ายๆ

"พามาทำบ้าอะไรที่นี่!"

"ลงมา"  พี่ปูนชักเสียงเข้มใส่ รอผมยังไม่ถึงสองวินาทีดีความอดทนก็หมด พี่ปูนโน้มตัวเข้ามาปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัวผมแบบไร้ความปรานี แล้วมันก็ใช้พละกำลังช้อนตูดผมลอยออกมาจากเบาะ ต่อให้ไม่ยินยอมก็เถอะแต่สองมือผมก็รวบคอมันไว้แน่น ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็หมุนตัวก้าวเดินฉับฉับตรงเข้าประตูไปทันที

แม่ง~ ผมกรี๊ดได้มั้ยวะ!!

เสียงประตูปิดตามหลังด้วยการสะกิดจากปลายเท้า ผมมองรอบห้องที่ตกแต่งได้อย่างอีโรติก กระจกบานใหญ่ติดข้างกำแพง แบบที่ไม่ว่าคนบนเตียงทรงกลมตรงหน้าจะแหวกลีลาไปที่มุมใดก็สามารถเห็นได้หมด ไฟสลัวกับผนังสีโอลด์โรสดูละมุนมาก ไม่ไกลจากเตียงมีโซฟารูปทรงแปลกที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะนอนได้สบาย ผมก็พอรู้อยู่บ้างว่าเอาไว้เพื่อทำอะไรก็เลยรีบเสมองไปทางอื่นแทน

พี่ปูนเดินฉับๆ มาถึงเตียงนุ่มน่านอนสีขาวสะอาด จากนั้นก็ทำทีจะโยนผมลงไป แต่ด้วยความที่คิดเองออเองไม่ปรึกษากันก่อน ผมที่ปล่อยมือไม่ทันจึงเป็นการรั้งคนอุ้มให้ล้มลงมาด้วย พี่ปูนดูจะไม่ได้ตกใจเท่าไหร่ล้มมาท่าไหนก็นอนอยู่ท่านั้น ความซวยเลยตกมาสู่คนที่โดนทับอย่างผมแทน

“อึดอัด”  เสียงโอดครวญพอจะชอนไชเข้ารูหูอยู่บ้าง พี่ปูนขยับตัวลุกขึ้นนั่ง เอื้อมมือไปถอดรองเท้าของตัวเองและของผมแบบไม่รีบร้องให้คนมองอย่างผมใจเต้นด้วยความกังวล เสร็จแล้วมันก็หันกลับมาถ่างขาผมจนกางเกงแทบปริแล้วแทรกตัวเข้ามาล้มทับดังเดิม  “ลุกออกไปโว้ย! ไหนว่าจะมาคุยกันไงเล่า”

“พี่บอกว่าคุยไปเอาไปต่างหาก”

“ไม่ใช่แล้ว! ก่อนมาไม่ได้พูดอย่างนี้”  ดิ้นสิครับจะรออะไร  “ไม่เอานะพี่ปูน คุยกันให้รู้เรื่องก่อน”

“พี่กลัวลุงหนี” 

“ถ้าหนีก็หนีไปนานแล้ว!”  โอ๊ย~ ทำไมถึงได้พูดยากพูดเย็นอย่างนี้วะ แล้วมือนั่น! มือมันเลื้อยไปใหญ่แล้ว  “เฮ้ยๆ ถอดเสื้อผมทำไม!”

“ถ้าโป๊ก็จะหนีไม่ได้ไง”

“จะบ้าเรอะไงพี่ปูน”  ผมได้แต่โวยเสียงหลงพยายามยักษ์งี่เง่าออกไป แต่แทนที่จะยอมถอดใจที่เปลื้องผ้าผมไม่สำเร็จ มันกลับลงน้ำหนักทับมาเต็มแรงแล้วจับหน้าผมมาจูบแทน ริมฝีปากเราบดเบียดจนแทบจะผสานเป็นเนื้อเดียว ริมฝีปากเจ็บจี๊ดคล้ายถูกฟันกระทบ ผมนิ่วหน้าเมื่อได้ลิ้มรสชาติของเลือดหากมันก็เจือจางหายไปอย่างรวดเร็ว ผมไม่รู้ว่าเป็นอุบัติเหตุหรือการจงใจ แต่ความอ่อนโยนของพี่ปูนเกิดขึ้นหลังจากนั้น ทุกริมฝีปากที่แนบลงมานุ่มนวลมากขึ้นคล้ายจะขออภัย

“พี่จะทำยังไงดี”  พี่ปูนพึมพำกับตัวเอง ดวงตาคมสบมองผมมันเต็มไปด้วยความลังเลไม่แน่ใจ ผิดกับความกล้าที่ออกมาจากปากเมื่ออยู่ในรถ สมกับที่เป็นไบโพล่าจริงๆ อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ จนผมปีนกระไดตามไม่ทัน

“เริ่มจากนั่งคุยกันดีกว่ามั้ย”  ผมรีบเสนอ

“พี่อยากนอนคุยแบบนี้”  แต่ไม่โดนสนองซะงั้น...

ร่างหนาพลิกตัวออกเพื่อให้ผมหายใจหายคอได้โล่งสะดวก แต่ก็ยังทำน่ารักเอนหัวซบอกกวาดแขนป่ายขากอดไว้จนผมกระดิกกระเดี้ยตัวไม่ได้อยู่ดี ผมยอมทุกอย่างแหละถ้าจะไม่ต้องออกแรงฟัดกันบนเตียง ผมยังไม่พร้อมจริงๆ

“พี่...ชอบลุง”  พี่ปูนเอ่ยเสียงเบาหวิว หน้าอกผมทำหน้าที่เป็นเครื่องสะท้อนเสียงจนทำให้มันดังก้องอยู่ในหัว นึกขอบคุณพี่ปูนในใจที่ดึงดันจะนอนคุยกัน ทำให้ผมไม่ต้องอับอายกับสภาพหน้าตัวเอง มันต้องตลกแน่ๆ เพราะตอนนี้ผมปวดแก้มน่าดู

“เออ...จริงเหรอที่บอกแม่น่ะ”  ผมอ้อมแอ้มถามกลับ  “ชอบผมมานานแล้วจริงดิ”

“ดูไม่ออกเหรอ?”

ใครดูออกก็ประหลาดแล้วล่ะครับพี่! คุยกันดีๆ สักสามนาทียังลำบากเลย

“ทำไมล่ะ ผมคิดว่าเราเหมือนคู่กัดกันซะด้วยซ้ำ”  มานึกดูแล้วก็ไม่มีช่วงเวลาไหนที่น่าจะทำให้พี่ปูนประทับใจได้เลย เกิดมาก็ยังไม่เคยมีประวัติโดนแอบชอบมาก่อน หรือว่าเสน่ห์ของผมนั้นมาเบ่งบานเอาช่วงเวลานี้แล้วเกิดไปทิ่มตาผู้ชายคนนี้เข้า ไม่น่าใช่... สูงก็ไม่มาก น่าตาก็งั้นๆ จุดเด่นอะไรก็ไม่มี แต่ถ้าจะให้ประเมินผมว่าตัวเองก็ดีในระดับหนึ่งอยู่หรอก เพียงแต่บรรดาผู้หญิงก่อนหน้าไม่เปิดตามองผมให้ดีต่างหาก

“ลุงสว่างมาก สดใสมาก มากจนพี่รู้สึกว่าตัวเองมืดมน”  พี่ปูนเริ่มพูดต่อ คล้าไม่ได้ยินคำถามก่อนหน้า  “แต่ไม่ว่ายังไงพี่ก็ละสายตาจากลุงไม่ได้เลย พี่พยายามแล้วนะ...แต่มันทำได้ยากจริงๆ”

“..........”

“เขาบอกกันว่า ‘คนเรามักจะถูกดึงดูดจากคนที่ต่างจากตัวเอง’ นั่นแหละคือทั้งหมดที่เกิด พี่ไม่สนหรอกว่าระหว่างเราจะญาติดีกันหรือเปล่า เพราะถ้าไม่ทำแบบนั้นพี่ก็ไม่รู้จะเข้าใกล้ลุงยังไงดี พี่ไม่เคยต้องพยายามพาตัวเองเข้าไปอยู่ในชีวิตใครมานานแล้ว”

“.........”

“พี่ไม่ใช่คนดีอะไร แต่จนถึงตอนนี้ลุงยังชอบพี่อยู่ใช่มั้ย?”

“...อื้ม”  ตอบไปพร้อมความรู้สึกทะแม่งๆ ผมเพิ่งจะรับรู้ว่าโดน ’ชอบ’ ไปหยกๆ ตลอดมาก็ไม่เห็นจะเคยบอกกันมาก่อน พอมาฟังการบรรยายความรู้สึกแบบน้ำไหลไฟดับอย่างนี้มันเลยชักกังวลยังไงไม่รู้

“มากพอจะไม่ทำให้เราเลิกกันได้รึเปล่า?”

“เอ่อ...มันต้องดูที่เหตุและผลประกอบด้วยนะพี่”  ของอย่างนี้มันตัดสินแค่รักไม่รักได้เสียที่ไหนกัน ต่อให้รักแค่ไหนแต่ถ้าโดนนอกใจอีกผมก็ขอลาเหมือนกัน รึว่า!!!

“นี่พี่นอกใจผมอีกแล้วเหรอห๊ะ!”

“ไม่ใช่!!”

“แล้วที่สาธยายมาทั้งหมดเนี่ยเพื่ออะไร มันต้องมีเรื่องแน่อะพี่ปูน ไม่งั้นพี่จะมานั่งบรรยายว่าชอบผมอย่างงู้นอย่างงี้ทำไม!?”

“ปัดโธ่เอ๊ย! ทำไมถึงเป็นคนชอบหักอารมณ์คนอื่นอย่างนี้นะ”  เสียงพี่ปูนเหนื่อยหน่ายสุดแรง ร่างหนาขยับตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะฉุดผมที่ตีหน้านิ่วคิ้วขมวดให้ลุกขึ้นตามบ้าง

“บอกมาตามตรงเลยนะ”

“เปล่า!”  เสียงหนักแน่นกระแทกหนักหน่วงจนน้ำลายกระเด็นโดนหน้า  “เปล่าๆๆ พี่ไม่เอาใครนอกจากลุง ไม่มีอีกแล้ว”

“ก็พี่เล่นพูดจาแปลกๆ ผมก็กังวลน่ะสิ”  ผมขมุบขมิบแก้ตัวพลางเช็ดหยดน้ำลายออกจากแก้ม  “อย่าตีหน้าเข้มดิ พี่พูดอะไรผมก็เชื่อทั้งนั้นแหละ ไม่มีก็ไม่มีสิ!”

“พี่ควรจะจับลุงปล้ำก่อนแล้วค่อยคุยกันจริงๆ”  พี่ปูนถอนหายใจเฮือกโต

“แข็งแรงจังเลยนะเมียจ๋า~ เมื่อวานก็ทำ เมื่อเช้าก็ทำ พักบ้างเถอะนะจ๊ะ”  อาจจะดูเหมือนคำเย้าแหย่ แต่ใครจะรู้บ้างว่ามันคือคำอ้อนวอนเล็กๆ ผมไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ไม่มีแรงจะมาจุ๊กกรู้กับแฟนทุกวันหรอกนะ

“ลุง...”

“หืม?”

“เรื่องในคืนนั้น”  พี่ปูนไม่ขำไปกับผม สีหน้าหนุ่มหล่อเกือบจะเรียกว่าเคร่งเครียดได้  “ระหว่างเราไม่ได้มีอะไรเลยนอกจากลุงเมาแล้วอ้วก กับถีบพี่ตกเตียงสองรอบ”

“..........”

“ลุงไม่ได้ปล้ำพี่แล้วพี่ก็ไม่ได้ลักหลับลุง พี่ไม่ได้เป็นเมียลุงและไม่เคยคิดที่จะเป็นด้วย”

   ผมมองพี่ปูนเพื่อหวังว่าในวินาทีต่อมาอีกฝ่ายจะอมยิ้มขันกับมุกตลกของตัวเอง แต่ไม่เลย... ใบหน้าพี่ปูนเต็มไปด้วยความเครียดและกังวล เหมือนจะยืนยันทุกคำพูดที่ออกมาจากปากว่าคือเรื่องจริง และตอกย้ำว่าตลอดเวลานั้นผม...ผมโง่เง่ากลายเป็นตัวตลกมานานแค่ไหน

“หมายความว่าไง...”  ในที่สุดผมก็หาเสียงตัวเองเจอ แต่แปลกที่มันแปลกแปร่งเสียจนไม่เหมือนเสียงตัวเอง

“ลุงเข้าใจผิดทั้งหมด และพี่ก็ใช้โอกาสนั้นเพื่อให้เราได้ใกล้ชิดกัน”

งั้นเหรอ...ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะความคิดเพ้อเจ้อของผมสินะ

“มันอาจจะเป็นวิธีการที่ขี้ขลาดไปหน่อย แต่ว่าพี่--”

   ผัวะ!!

 การต่อยหน้าคนครั้งแรกทำให้กำปั้นของผมเจ็บแปร๊บน่าดู แต่พอมองซีกหน้าตกตะลึงของพี่ปูนที่หันไปตามแระปะทะแล้ว ความเจ็บมันก็แปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกสาสมขึ้นมา แค่คิดว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา คนที่ผมให้ใจ คนที่ผมชอบและเริ่มที่จะมีความรักด้วยนั้นหลอกลวงผมมาตลอดเวลา เพราะความเข้าใจผิดอย่างนั้นเหรอ? เพราะอยากจะใกล้ชิดกันงั้นเหรอ? นั่นรวมถึงการแอบหัวเราะกับความซื่อบื้อของผมด้วยรึเปล่า...

“...ลุง”  เสียงพี่ปูนแหบพร่า ไม่มีเค้าอารมณ์เสียหรือโกรธเคืองให้เห็น มีเพียงความรู้สึกเจ็บปวดที่แผ่ออกมาจนผมรู้สึกได้เท่านั้น  “พี่ขอโทษ”

“คราวนี้นะพี่ปูน เก็บคำขอโทษของพี่เอาไว้เหอะ ผมไม่ต้องการมัน”  ผมไม่สนใจฝ่ามือที่ยื่นเข้ามาหาและปัดมันออกไปอย่างไม่ใยดี ผมขยับตัวออกมาจากเตียงอย่างรวดเร็ว เมื่อยืนอย่างมั่นคงได้จึงหันกลับไปมองพี่ปูนอีกครั้ง

“พี่รักลุงจริงๆ นะ”

“ผมก็รักพี่เข้าให้แล้วเหมือนกัน”

มันช่างเป็นคำบอกรักกันและกันที่ไม่อาจทำให้จิตใจชื่นบานได้เลย

“แต่ความรู้สึกที่ผมเสียไป พี่ว่าผมควรจะซ่อมมันยังไงดี”

“..........”

“ทำไมผมต้องรู้สึกว่าเป็นคนโง่เพราะความรักของพี่ด้วยล่ะ ขำบ้างมั้ย แอบหัวเราะผมบ้างรึเปล่าในทุกคำพูดที่ผมคิดเองเออเองน่ะ ความรักของพี่ทำให้ผมเหมือนตัวตลก...”

“พี่ไม่เคยคิดอย่างนั้น”

“คิดว่าผมจะยอมพี่ทุกเรื่อง อ้าแขนรับทุกอย่างที่พี่ทำเหรอ?”

“ลุง”  พี่ปูนถัดตัวลงมาจากเตียงบ้าง ผมถอยหลังทันทีเมื่อคนตรงหน้ายืดตัวขึ้นเต็มความสูงทำให้รอดพ้นจากมือที่เอื้อมมาคว้าจับได้อย่างฉิวเฉียด 

“ผมมันซื่อบื้อจริงๆ”  เรื่องราวต่างๆ มันแล่นเข้าหัวอย่างรวดเร็ว ทั้งเรื่องที่พี่ปูนพยายามจะกดผมเหลือเกิน ทั้งทุกท่วงท่าที่ทำกันมันไม่ได้สื่อถึงความเป็นเมียสักนิด แล้วยัง...นิ้ว!! พระพุทธเจ้า!!! ผมเชื่อทุกคำที่พี่ปูนพูด ถึงขนาดยอมให้ผู้ชายเอานิ้วเข้ามาในก้น ตั้ง...ตั้งสามนิ้ว! แล้ว...แล้วผมก็รู้สึกดีไปกับมัน ใครใช้ให้ไอ้คนชั่วคนนี้มีเทคนิคแพรวพราวขนาดนั้นกัน! ไหนจะทุกคำพูด ทุกความอ่อนโยนนั่นอีก แล้วยังจะมีความอ่อนแอ ความบ้าบอ ความชั้วร้ายต่างๆ นานาที่แสดงออกมาเมื่ออยู่ด้วยกันอีกล่ะ

ผมไม่เคยใกล้ชิดกับใครได้เท่านี้เลยนะ ไม่เคยยอมใครมากเท่านี้ด้วย ไม่เคย...รักใครมากเท่านี้เหมือนกัน

“ผมไม่รู้ว่าจะจัดการกับความรู้สึกนี้ยังไง”  สิ้นคำ พี่ปูนถลาเข้ามาหมายจะกอดแต่เมื่อเห็นผมเบี่ยงตัวหนีจึงเปลี่ยนมาจับสองมือไว้แน่นแทน 

“ให้โอกาสพี่อีกครั้งนะ”

“ผมเคยให้พี่ไปแล้วนี่ เรื่องเมื่อตอนนั้นไง จำได้มั้ย”

“ตอนนั้นมันไม่เหมือนกัน ไม่นับไม่ได้เหรอ”

ผมมองหน้าคนตลบตะแลงแล้วก็ฉุกใจคิดขึ้นมาได้ยังความรู้สึกเมื่อตอนนั้น  “คราวนั้นผมคิดว่าเป็นเพราะพี่ไม่เคยเป็นเมียผู้ชายคนไหนมาก่อนเลยยังปรับตัวไม่ได้ แต่เมื่อเรื่องราวมันเป็นแบบนี้ มันก็จะกลายเป็นว่าทั้งๆ ที่พี่บอกว่าชอบผม แต่ก็ยังไปมีอะไรกับคนอื่น...”

“พี่ไม่เคยคิดอยากมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับใคร พี่ก็พยายามที่จะไม่ยึดติดกับลุงมากไปแต่มันทำไม่ได้ พี่ไม่อยากเสียลุงไป ถ้าไมใช่ลุงพี่ก็ไม่ต้องการใครหน้าไหนทั้งนั้น”

“เราพอก่อนดีมั้ย?”  ผมมองหน้าพี่ปูน แววตาที่มองมานั้นปฏิเสธข้อเสนอผมอย่างชัดเจน  “ในเมื่อมันเริ่มจากความเข้าใจผิดก็หยุดมันแต่เพียงเท่านี้เถอะ”

“ไม่!”  ร่างสูงดึงตัวผมเข้าไปกอดเต็มรัก ฝังหน้าแนบซอกคอผมปล่อยลมหายใจร้อนผ่าวกระทบผิวถี่รัว

“ปล่อยผม”

“ไม่!!”

“พี่ปูน!! อย่าทำให้มันแย่ไปกว่าเดิมเลย”

วงแขนที่รัดรอบกายผมอยู่อ่อนแรงลง ร่างของพี่ปูนปล่อยผมออกจากพันธนาการอย่างช้าๆ สีหน้าย่ำแย่ไม่ต่างจากครั้งหนึ่งที่ผมเคยเห็น และต่อให้เป็นในชั่วขณะนี้ ผมก็ยังคงไม่ชอบสีหน้าแบบนี้ของพี่ปูน มันทำให้ผมใจอ่อนได้เสมอ แต่ผมต้องพยายาม...

“ถ้าพี่ปล้ำลุงตอนนี้ ลุงจะใจอ่อนกับพี่บ้างมั้ย?”

“ไม่...”  ไม่แน่ ผมต่อให้ในใจด้วยความกังวล ขืนเจอเทคนิคชั้นเซียนฝ่ามืออรหันต์ หรือชิวหาพาเพลินล่ะก็ ผมต้องอ่อนปวกเปียกคล้อยตามพี่ปูนอีกแน่ แถมคราวนี้คงไม่ใช่แค่นิ้วหรอกที่จะทะลวงด่านธรณี แต่จะเป็นแตงร้านคัดพิเศษดุ้นนั้นต่างหากที่จะขุดหน้าดินของผมให้เป็นโพลง

แค่คิดก็เจ็บตูดแล้ว!

“ผมจะกลับบ้าน”  ผมปล่อยมือพี่ปูนออกอย่างรวดเร็ว บรรยากาศในห้องก็ชวนเสียตัวซะขนาดนี้ ถ้าไม่รีบออกไปให้ไว ใครจะรู้ว่าพี่ปูนจะทำอะไรขึ้นมา ลูกบ้าในเรื่องใต้สะดือยิ่งเยอะอยู่ด้วย

“ให้พี่ไปส่งนะ” 

ผมไม่ปฏิเสธการอาสาในครั้งนี้ แต่ตลอดระยะเวลาของการเดินทางเราไม่คุยอะไรกันเลยนอกจากการบอกทิศทาง ผมไม่รู้ว่าภายใต้ใบหน้าข่มกลั้นนั้นพี่ปูนคิดอะไรอยู่ แต่สำหรับผม...ผมไม่ได้เกลียด และความรู้สึกที่ว่ารักคุณเข้าแล้วมันก็ไม่ได้จางหายไป เพียงแต่ว่าผมยอมไม่ได้กับการถูกหลอกมาตั้งเนิ่นนาน เหมือนตัวเองเป็นหมากตัวหนึ่งในแผนการรักบ้าๆ ของพี่ปูน เพราะมันเป็นความรักที่เกิดขึ้นเพราะถูกชักจูง...ผมถึงยอมรับไม่ได้

เหตุและผล ความรู้สึกต่างๆ นานามันตีกัน ขัดแย้งกันไปมาจนผมปวดหัว ทุกอย่างมันรวดเร็วเกินไปจนปรับใจลำบาก -- ไม่จริงน่า? ก่อนหน้านี้ผมเจอเรื่องที่พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือแบบกะทันหันมาตั้งเยอะแยะ อย่างเวลาถูกบอกเลิกนั่นไง ไม่เห็นมีผู้หญิงคนไหนบอกล่วงหน้าหรือแสดงทีท่าให้ผมรับรู้ได้ก่อนเลยสักครั้ง แต่ผมก็ผ่านมันมาได้แบบไม่ยากเย็น ไม่เห็นต้องคิดวุ่นวายสับสนเหมือนอย่างตอนนี้เลย

มันคงเป็นข้อเสียของความรักสินะ

“ลุง...”  เสียงพี่ปูนดังขึ้นเบาๆ ผมเงยหน้าขึ้นมองออกไปนอกกระจกหน้า ทิวทัศน์คุ้นเคยบอกให้รู้ว่าผมมาถึงบ้านตัวเองเรียบร้อย 

“ขอบคุณที่มาส่งครับ”  ผมเอ่ยพลางปลดเข็มขัดนิรภัยออก แต่ในขณะที่จะเอื้อมมือเปิดประตูลง แขนผมก็ถูกฝ่ามือใหญ่ดึงรั้งเอาไว้ก่อน

“พี่จะมีหวังแค่ไหน ถ้าพี่จะไม่ยอมแพ้” 

“แล้วพี่คิดว่าต้องพยายามแค่ไหน ผมถึงจะยอมใจอ่อนล่ะ”  ผมย้อนถามเสียงเข้ม พี่ปูนสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที ฝ่ามือที่กุมแขนผมไว้แน่นขึ้นจนรู้สึกเจ็บนิดๆ

“พี่จะทำทุกทาง และหวังว่ามันจะไม่ต้องไปถึงหนทางสุดท้าย”

“เอ่อ...อะไรคือหนทางสุดท้าย?”  บรรยากาศชักจะหนาวเย็นเกินไปแล้วนะผมว่า สายตาที่มองมาพาให้ขนลุกเกรียวได้ไม่ยากเลย

“พี่จะพาลุงไปขังไว้สักที่ ทำทีเป็นบอกคุณน้าว่าเราจะไปเที่ยวกัน”  น้ำเสียงพี่ปูนเหมือนกำลังพูดเรื่องบันเทิงใจ แต่ผมกลับรู้สึกว่ากำลังได้ยินแผนการฆาตกรรมของฆาตกรโรคจิต  “พี่จะมัดลุงไว้ แล้วเราจะมีเซ็กส์กันทั้งวันทั้งคืน จนกว่าร่างกายของลุงจะขาดพี่ไม่ได้ จนกว่าลุงจะอ้อนวอนขอร้องให้พี่กระแทกเข้าไปซ้ำแล้วซ้ำอีก...”

ผ...ผมอยากจะชักมือตัวเองมีเหลือเกิน

“เมื่อไหร่ที่ร่างกายของลุงจดจำพี่ได้ ต่อให้ไม่รัก ต่อให้เกลียดแค่ไหน แต่ลุงก็ไม่มีทางไปจากพี่ได้แน่นอน”

พี่ปูนแสยะยิ้ม ยกมือผมขึ้นไปจรดกับริมฝีปาก เนิ่นนานและนุ่มนวลเกินกว่าผมจะกระชากมือตัวเองออกมา แต่เหตุผลที่สำคัญกว่าคือผมไม่กล้าโวยวายอะไรทั้งสิ้นในตอนนี้ พี่ปูนเหมือนพร้อมทำอย่างที่พูดในตอนนี้โดยไม่สนความพยายามแบบคนปกติด้วยซ้ำ

“พี่จะพยายาม ขอแค่ลุงเปิดโอกาสให้พี่ก็พอ”

“คระ...ครับ”  ผมกลืนน้ำลายก้อนโตลงคอ  “ผมจะเปิดให้กว้างๆ เลย”

“หึหึ เด็กดีของพี่”

แล้วก็จบด้วยการโดนหอมแก้มอีกฟอดใหญ่

ผมยืนมองรถพี่ปูนเคลื่อนตัวออกไป ความรู้สึกขนพองสยองเกล้ายังไม่จางหาย รูขุมขนยังขึ้นเม็ดเพราะอาการขนลุกอยู่เลย ถึงจะไม่พูดให้ชัดเจนก็เถอะ แต่ผมถูกข่มขู่อยู่แน่นอน มันเป็นการขอคืนดีกันแนวไหนวะ จับมัดเหรอ? จะให้ผมอ้อนวอนงั้นเหรอ? ถ้าถึงเวลานั้นผมคงต้องเป็นอย่างที่พี่ปูนต้องการแน่ ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ผมจะไม่อ่อนปวกเปียกไปกับความเร่าร้อนนั้น ไม่ได้การล่ะ ผมต้องปกป้องอธิปไตยของตัวเองอย่างสุดชีวิต ไม่อย่างนั้นล่ะก็...บรื๋อ~ ผมลูบแขนตัวเองไปมาอากาศที่จู่ๆ เย็นยะเยือกทำให้ผมขนลุกซู่ไปทั้งร่าง

ให้ตายเถอะ! ผมรู้จักความโรคจิตของพี่ปูนน้อยไปจริงๆ




-------------------------------------------------------------------TBC.


สวัสดีค่ะ...ปีใหม่นี้ขอให้มีความสุขสมหวัง สุขภาพแข็งแรงกันทุกคนนะคะ

หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 03-01-2018 15:58:28
 :katai1: :katai1: :katai1: กรี๊ดดดดดด!!!ฟหกดฟหกดฟหกด มาต่อแล้วช่างกร้าววววใจ ถึงลุงจะยังไม่เสร็จพี่ปูน แต่ท่าทางคงไม่รอดมือมารปูนแน่ๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 03-01-2018 16:02:53
สวัสดีปีใหม่นะคะ!
ในที่สุดลุงก็รู้ความจริงสักทียยย ความเป็นสามีของนายล่มแล้วนะ 55555
พี่ปูนสู้ๆนะ ไม่ถึงทางสุดท้ายแน่นอน กลัวพี่มากเด้อ 55555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 03-01-2018 16:11:08
จะดราม่าแล้วเชียวนะ ลุงทำเสียเรื่องเลยฮาแทน5555555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 03-01-2018 16:13:41
พี่ปูนพูดซะลุงกลัวกันเลนทีเดียว
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 03-01-2018 16:36:16
ชอบความโรคจิตของพี่ปูน

ว้ายๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-01-2018 16:54:47
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: jittrawa ที่ 03-01-2018 17:38:17
ชอบพี่ปูนแบบเน้ โรคจิตไปเลย โรคจิตรักหลงน้องลุงคนเดียว ชอบๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 03-01-2018 17:57:56
โอ้โหวววว ในที่สุดคุณลุงก็รู้ความจริง(แบบถูกต้อง)สักที
นี่ก็ลุ้นอยู่ตั้งนาน ว่าเมื่อไหร่ลุงจะคิดออกเอง (แบบถูกต้องด้วยน่ะ) แต่ก็ไม่สำเร็จสักที..ฮาาา

ปล. สวัสดีปีใหม่ค่าาาาา
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 03-01-2018 18:03:53
มีพิมพ์ผิดนิดหน่อยนะจ้ะ

ความชั้วร้ายต่างๆ นานาที่แสดงออกมาเมื่ออยู่ด้วยกันอีกล่ะ  ... ชั่วร้าย
ผ...ผมอยากจะชักมือตัวเองมีเหลือเกิน   .... อันนี้งง ไม่เข้าใจ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 03-01-2018 18:07:51
ก่อนอื่น
ขำคุณดาหลาก่อน ลุงบอก คุณดาหลายอมตั้งแต่ครีมกระปุกแรก อิอิอิ
ลุง ยังมโนซ้ำแล้ว ซ้ำเล่าว่าเป็นสามี อันนี้ยอมใจคุณลุง
พี่ปูน ตอนนี้หื่นๆ จิตนิดๆ แต่ก็ห้ามใจตัวเองได้ที่ไม่ปล้ำคุณลุง เป็นแบบที่
เราชอบ ลุงไม่เอา เราขอนะปุริมเนี่ย
 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: darling ที่ 03-01-2018 18:17:11
ลุงผลาดไปอยู่ในอุ้งมือโรคจิตของพี่ปูนซะแล้ว เอาใจช่วยลุงนะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 03-01-2018 18:22:44
ปล้ำเลย :oo1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 03-01-2018 18:36:48
ขำลืมตาย555555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 03-01-2018 18:51:40
พอเห็นชื่อตอนเต็มๆ เราก็อ่านมาจนจบตอนแล้วเราก็จะได้คำตอบที่เราคิดไว้ในใจตั้งแต่เห็นชื่อตอนว่า ตรูว่าแล้ว ว่ามันต้องเป็นแบบนี้ คุณลุงก็ตกเป็นเบี้ยล่างเขาอยู่ร่ำไป ไม่ว่าจะอยู่ในหรือนอกบ้าน กร้ากกกกก  :m20:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-01-2018 18:56:21
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: jorjinney ที่ 03-01-2018 19:08:35
คิดภาพตามที่พี่ปูนพูดแล้วก็ :pighaun: :pighaun:
ตายไปเลยค่าาาา
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 03-01-2018 19:31:54
เลเวลความโรคจิตของพี่ปูนอัพขึ้นแล้ว :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-01-2018 19:41:40
Happy New Year 2018
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๑  ขอให้ไรท์สุขสันต์ มีความสุขมากๆ

พี่ปูน จิตจริงๆ
พี่ปูน ลุง  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ไม่น่ามีอะไรระหว่างสองคน แต่ก็มี
ลุง ที่ดูใจดี สบายๆ กลายเป็นคิดมากซะนี่  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
พี่ปูน จะทำยังไงให้ลุง หายโกรธ คืนดีล่ะเนี่ย   :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 03-01-2018 19:43:39
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:ขอสกิปไปขั้นสุดท้ายค่ะ  ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: moodyfairy ที่ 03-01-2018 19:58:21
งื้อออออออ ปุริมมมมม เราชอบปุริมเวอร์ชั่นนี้ :hao6: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 03-01-2018 19:59:21
เฮ้ออ ในที่สุดลุงก็รู้ความจริงสักทีคือบางทีก็รำคาญกับนิสัยขี้มโนของลุงไงได้รู้ความจริงแบบนี้จะได้เลิกเพ้อเจ้อสักที แต่เอาจริงๆนะนึกว่าจะดราม่าตั้งแต่ตอนคุณแม่ละที่ไหนได้คุณแม่เจออิทธิฤทธิ์ครีมทาหน้าเด้งเข้าไปลืมความหวงลูกชายเลยค่ะ ฮ่าๆๆ แล้วไหนจะจบที่ความโรคจิตของอิพี่ปูนมันอีก โอ้ยยย พี่ปูนโคตรร้ายอะขู่ลุงซะขนาดนี้ใครจะไม่กลัวอะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 03-01-2018 20:10:05
ปุริมอัพเวลแล้วหนูลุงจะรอดไปได้เท่าไหร่ :hao7:

 :pig4: :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Fujung ที่ 03-01-2018 20:15:57
เดี๋ยวนี้ เรื่องนี้จัดอยู่ในหมวดโรแมนติกคอมมีดี้ หรือ เฮอเรออีโรติก
นกสับสนไปหมดแล้วค่ะพี่ตา
พี่ปูนเป็นเด็กมีปมโหยหาความรัก พัทลุงก็เป็นเด็กที่รับความรักมาเต็มสูบ
ตอนนี้พี่ปูนนางผูกจิตไว้กับอินุ้งลุงไปเรียบร้อยแล้ว
คราวนี้ละลุงเอ๊ยยยไม่รอด  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 03-01-2018 20:16:49
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: jay..jay ที่ 03-01-2018 20:23:52
พี่ปูนสู้สู้... :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 03-01-2018 20:32:09
ชอบความจิตของปุริมสุดๆ :mew4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 03-01-2018 21:15:17
หวั่นใจแทนลุง คงจะแข็งกร้าวได้ไม่นาน ถ้าเทียบกับความโรคจิตของพี่ปูน  น่ากลัวว่าพี่แกต้องกล้าทำอย่างที่พูดกับลุงแน่ๆ    :laugh:

หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 03-01-2018 21:44:15
เป็นเรื่องที่ฮาจริงๆ
ยอกใจกับความมโนของน้องลุง
และความหื่นของพี่ปูน
ไม่มีใครยอมใครเลยจริงๆ :z1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 03-01-2018 21:45:57
ตอนแรกก็ยยีงขำๆดี กลางมาเริ่มมาม่า แต่สุดท้ายนี่คือไร พี่ปูนนนนนน
ความรักของพี่มันรุนแรงไปม้าย จะทำลุงกลัวแล้วหนีไปมั้ยล่ะ
แต่ก็นะอย่างลุงคงหนีไม่พ้น
สงสารลุงนะ หวังว่าลุงจะผ่านมันไปได้ ให้คุณดาหลาฟาดกบาลพี่ปูนสักสองทีดีมั้ย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 03-01-2018 22:31:29
ตามๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 03-01-2018 22:40:07
พี่ปูนไม่ได้หัวเราะเยาะความเพ้อเจ้อขี้มโนของลุงแม้แต่น้อย มีแต่คนอ่านนี่แหละ ทั้งหัวเราะ ขบขันและด่าว่า
คุณดาหลาที่ว่าแน่ยังแพ้คารมพี่ปูน ลุงหัวอ่อนยังงี้พี่ปูนน่าจะกล่อมไม่ยาก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 03-01-2018 22:48:52
 :serius2:ร
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 03-01-2018 22:50:14
เขาเฉลยไปตั้งนานแล้วลุง มีแต่ลุงที่มโนไปเองง 555555555555555555555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 03-01-2018 23:01:25
ความคิดเห็นตรงกับคุณลุงเลยค่ะ
ว่าแต่...เราจะได้เห็นมันอันใกล้นี้มั้ยคะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 03-01-2018 23:32:11
ปุริมสู้ๆน้าาาาาา เราเอาใจช่วยยย :mew1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Mengjie_JJ ที่ 03-01-2018 23:38:00
ปี2018แล้วถ้าลุงยังไม่รู้เรื่องและมโนต่อไปอีก มันจะเกินไปละ

 :laugh:

แต่แบบว่าต้องให้พี่ปูนพูดออกมาถึงจะรู้อ่ะ โง่ขนาดไหนอ่ะเรา คุณลุงที่น่ารัก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ous_p ที่ 03-01-2018 23:39:54
กว่าจะเข้าใจได้ ยังไงก็คือลุง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: shock ที่ 03-01-2018 23:43:51
สงสารลุง อย่าทำอะไรลุงเลย 555 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 03-01-2018 23:45:26
พี่ปูนน่ากลัวมากกกกกก5555555ลุงไม่รอดแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: naplatoo ที่ 04-01-2018 00:09:08
เราดูถูกระดับความมืดมน ความชั่วช้า ความหื่นกามในใจของพี่ปูนไม่ได้เลยจริงๆค่ะหัวหน้า
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ppnplg ที่ 04-01-2018 00:14:53
รู้สักทีนะลุงว่าความจริงคืออะไร
ลุงขี้มโนแบบนี้ต้องเจอปุริมเวอร์ชั่นนี้แหละ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-01-2018 01:24:22
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 04-01-2018 01:42:24
สวัสดีปีใหม่ 2561 จ้า
อ่านไปขำไปชอบจริงๆ เลย 55555 :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 04-01-2018 08:04:54
 :hao3: ลุงเตรียมตัวไว้เลยพี่ปูนพร้อมรบแระ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 04-01-2018 08:35:52
ทำไมลุงติ๊งต๊องอะ555555
ชอบที่ลุงเป็นงี้แหละน่ารัก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 04-01-2018 10:51:28
ลุงซวยทากๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 04-01-2018 11:58:14
พี่ปูนบอกความจริงซักที :เฮ้อ: จะได้ดับมโนของลุงเรียกพี่ปูนเมียๆๆๆ ต้องเรียกผัวดิถึงจะถูก

ช่วงแรกเหมือนจะดราม่าก็ไม่มี กลางๆเหมือนจะแฮปปี้ที่แม่ไฟเขียวก็ไม่นาน ท้ายๆจะดราม่าเรื่องบอกความจริงจนจะเลิกกันก็ยังไม่สุด จนตอนจบกลายเป็นพี่ปูนโรคจิตหื่นๆซะงั้น55555 ลุงรีบให้โอกาสพี่ปูนเลยกลัวโดนขัง :laugh:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 04-01-2018 14:06:33
55555 หยุดมโนสักที
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: wwss2220 ที่ 04-01-2018 14:07:07
 :pig4:ขอบคุณคะ เรื่องนี้สนุกมากๆคะ ติดตามตลอดเลย ชอบ คุณลุงและปุริม คะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: awfsp ที่ 04-01-2018 14:17:54
รู้ตำแหน่งของตัวเองสักทีนะลุง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Krajeeqx ที่ 04-01-2018 14:34:40
คนอ่านเริ่มรู้สึกจิตๆตามคุณปุริมละค่า555555 หรือนี่คือจิตที่อยากให้นังลุงโดนซักที  :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: yumenari ที่ 04-01-2018 15:17:41
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด  ปุริม หลอนได้อีก

คิดตามพัทลุงแล้วน่าสงสารได้อีก หึยยยย

ลุงอย่าไปยอมนะ งอนเยอะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 04-01-2018 15:45:10
นี่พระเอก หรืออาชญากรโรคจิตคะ คุณปุริม หึหึ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 04-01-2018 17:54:03
 :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 04-01-2018 23:44:37
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 05-01-2018 02:02:05
ว่าแล้วว่าปุริมต้อง(จิต)ไม่ธรรมดาาาา o8 o8
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 05-01-2018 05:38:50
พี่ปูนจะขอคืนดีหรือยิ่งทำให้ลุงกลัวคะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 05-01-2018 06:05:35
สุดท้ายลุงก็รู้ความจริงสักที
แต่ก็รู้เพราะพี่ปูนบอกอยู่ดี กร๊ากกกก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 05-01-2018 08:32:23
ลุงในที่สุดก็เข้าใจความจริงแล้วว่าเป็นยังไงกันแน่ ลุงมโนเก่งมากอ่ะพูดเลย 5555

พี่ปูนจนลุงกลัวเลยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 05-01-2018 12:57:30
จะดราม่าก็ดราม่าไม่สุด ลุงเอ๊ยย  :laugh:
แต่จะให้ดราม่าเรื่องโดนพี่ปูนหลอกตอนนี้ เราว่าก็ออกจะสายไปหน่อยค่ะ คือ มันเหมือนเลยจุดพีคเรื่องปมนี้แล้ว

ปมใหญ่สุดคงเป็นเรื่องส่วนตัวของพี่ปูน และอาจจะเป็นต้นกำเนิดความโรคจิตนี้ด้วย  :impress2:

ชอบความจิตของพี่ปูนมากค่ะ สงสัยคนโดนง้อคงเหนื่อยแน่
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 05-01-2018 15:10:26
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 05-01-2018 21:03:38
โอ๊ยยยย เจอแบบนี้ไปแล้วลุงจะไปไหนไหว

ทำไมคุณแม่ถึงคืบหน้าจัง ดูแล้วน่าจะปลื้มมาก

ปูนคะ ใจเย็นนะ นี่ลุงเอง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: analyze ที่ 05-01-2018 21:25:51
พี่ปูนนนนนน รักพี่ ขอขนานนามพี่ว่า #คนโรคจิต2018 จ้าาาา  :hao7: :ling1: :z10:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 05-01-2018 23:38:01
มันควรจะหน่วง แต่ทำไมขำ?

ลุงเอ๊ยยยย ปุริมมันร้ายยยยยย นายคงรอดได้ไม่นาน อิอิ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: SeaBreeze ที่ 06-01-2018 05:52:02
ปุริมมมม 5555555555+
ขู่ซะฮาเลยนะ  อิลุงกลัวจนหดหมดแล้ว
ขอให้ทำจริงๆเหอะ  แต่ดูแล้วน่าตะทำได้แค่คุกเข่าขอร้องร้องลุงละม้างงง :hao3:

สนุกมากค่ะ รอตอนต่อไปอย่างตั้งใจค่ะ o13
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 06-01-2018 14:36:16
 :pig4: เป็นการขู่ที่โรคจิตมาก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 06-01-2018 15:13:44
น้องลุงลูก ถ้าไม่ใจอ่อนหนูจะต้องโดนแบบอิพี่มันว่าแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: kanunsak ที่ 06-01-2018 19:11:46
ฮ่าๆๆๆ  ตอนแรกก็เหมือนจะสงสารพี่ปูน แต่ตอนนี้ เห็นทีต้องจับมือให้กำลังใจลุงซะแร้ว...
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 07-01-2018 09:01:10
ชักจะกลัวคุณปุริมแล้วเหมือนกันนะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Brightybam ที่ 07-01-2018 11:25:07
 :hao6: :hao6: :hao6: ชอบค่ะ รอวันที่พี่ปูนจับลุงไปขัง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: brilliantblue ที่ 07-01-2018 15:03:55
เปิดมาอ่านยาวเลย ขอบคุณมากค่าา
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: akichan ที่ 09-01-2018 22:16:28
สนุกมาก อยากให้พี่ปูนปู้ยี่ปู้ยำไก่วัดเร็วๆ 555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: mu_mam555 ที่ 10-01-2018 21:00:51
อยากรู้พี่ปูนจะปราบลุงยังไงต่อไป อิอิ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 10-01-2018 21:38:18
น้องลุง.... รู้สถานะตัวเองซะที่เนอะ... เมีย.. นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Mengjie_JJ ที่ 23-01-2018 23:57:27
รอคอยลุง

 :L2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 27-01-2018 18:18:25
หายไปไหนได้โปรดกลับมาาาาาาาา :hao5:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 28-01-2018 12:03:47
เป็นเรื่องยอดเยี่ยมเลยทีเดียว
ภาษาสละสลวย พลอตวิ่ง ลื่นไหลน่าติดตามไปในทุกตอน
ถ่ายทอดความรักที่ไม่ธรรมดาของคนสองคน ออกมาอย่างมีพัฒนาการ สมเหตุสมผล
รอติดตามเลยครับ
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: jinutlove ที่ 30-01-2018 13:50:31
รอปุริม จัดการค่ะ :katai4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 15 _ในความรักและความจริงฯ_ || 3-1-61 หน้า 29 ||
เริ่มหัวข้อโดย: xkoxko ที่ 01-02-2018 22:55:23
รออยู่นะคะ :katai5: :z3: :hao5:
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 02-02-2018 01:25:24
ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ [โป้ย] 




วันนี้
  9.07 [เย็นนี้ไปกินข้าวกันมั้ย?]
10.18 [พี่ทำอะไรอยู่?]
10.20 [อยู่กองถ่ายเหรอ?]
12.31 [กินอะไรรึยัง?]
14.11 [จะไม่ตอบผมหน่อยเหรอ]
16.07 [คงไม่ใช่ว่าหลบหน้าผมอยู่หรอกนะ]



เสียงเคาะนิ้วกับโต๊ะดังเป็นจังหวะต่อเนื่องขณะที่สายตาก็จับจ้องอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์แน่นิ่ง ผมมองข้อความสุดท้ายที่เด้งขึ้นไปรวมกับตัวอักษรก่อนหน้า มันขึ้นไปกองรวมๆ กันเหมือนคำไร้ค่า ไร้ความสำคัญเหมือนกับข้อความของเมื่อวาน...ไร้ความหมายเหมือนเสียงสัญญาณที่ไม่มีอีกฝ่ายตอบรับ

ผมกำลังหงุดหงิด หากความรู้สึกนั้นไม่ได้เกิดจากข้อความทั้งหลายที่ไร้คนอ่าน ในจุดนั้นผมพอเข้าใจได้ ก็พี่กรเป็นพวกไม่กล้าเผชิญหน้านี่นะ ไอ้การไม่รับสายหรือไม่ยอมเปิดอ่านข้อความมันก็เป็นเรื่องที่เดาได้ไม่ยากอยู่แล้ว ก็นับจากวันนั้นที่ผมเริ่มรุก วันต่อมาพี่กรก็หนีหาย ไม่เข้าออฟฟิศซ้ำยังติดต่อไม่ได้ พอสืบข่าวจากช่องทางแฟนคลับก็เห็นว่ามีงานถ่ายแบบงานเดียวในช่วงเช้า ส่วนวันนี้ก็คงถ่ายละครเต็มวันซึ่งทุกครั้งก็เห็นตอบข้อความได้ปกติดี

ถ้าไม่เรียกว่าหลบหน้า จะให้หาคำอธิบายใดมาแทนได้ล่ะ แต่...

“ไปกินข้าวกันก่อนดีมั้ย? แล้วหลังจากนั้นเราค่อยไปดูหนังกัน”

นี่ต่างหากคือต้นตอของความหงุดหงิด!

ผมยอมละสายตาจากมือถือเพื่อหันไปให้ความสนใจความบ้าบอข้างตัวอย่างเต็มที่ อย่าว่าแต่ผมที่นั่งข้างๆ เลย ขนาดพี่เปี๊ยกที่นั่งอยู่อีกฝั่งก็ยังแอบมองมาบ่อยๆ กระทั่งพี่ริชยังแอบมองผ่านบานกระจกห้องตัวเองออกมาตั้งนานสองนาน แม้แต่ป้าจิ๋มยังตกอกตกใจเมื่อเห็น ก็นะ...ใช่ว่าทั้งหมดจะรับการเปลี่ยนแปลงของคู่กัดประจำออฟฟิศไม่ได้หรอก เพราะความสมัครสมานมันก็เกิดมาได้สักพักแล้ว แต่ที่เรียกสายตาของทุกคนอยู่บ่อยๆ นั้น คือการออกตัวแรงของเจ้านายมาดเข้มต่างหาก

“เสร็จแล้วก็ไปดื่มกันต่ออีกนิดหน่อย แล้วดึกๆ พี่จะไปส่งที่บ้านนะ”

นอกจากคำว่า ‘ดึกๆ’ ที่เน้นย้ำแถมเปี่ยมไปด้วยความนัยที่ผมต้องได้ยินแล้ว ยังอุตส่าห์กระซิบกระซาบให้ผมต้องแอบฟังอีกว่า...

“หรือคืนนี้จะไม่กลับพี่ก็ยินดีนะ”

“ค...คือผม...ผมไม่”

“หืม? อะไรนะพี่ได้ยินไม่ค่อยถนัดเลย ลุงบอกว่าไม่เหรอ?”

“พ...พี่ปูนครับ คือผม...ผม...”

ให้ตายเถอะ!! สองวันแล้วที่ผมต้องมาเจออะไรแบบนี้ คนหนึ่งก็รุกแรงแบบไม่แคร์สายตาใคร ในขณะที่อีกฝ่ายก็นั่งตัวสั่นปฏิเสธไม่เคยจะเต็มเสียง

ผมมองเพื่อนด้วยความสงสาร ไอ้คุณลุงมันเคยต้องมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ที่ไหน ตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยจะต้องมาถูกชวนไปเดตด้วยลักษณะเหมือนโดนข่มขู่มาก่อน ตอนนี้จิตใจเพื่อนผมจะบอบช้ำสักเท่าไร ผมอยากจะตบบ่าบอกกับพี่ปูนเหลือเกินว่ารังแต่จะทำให้ลุงมันกลัวมากขึ้นก็เท่านั้น เมื่อวานมันสบตากับผมประหนึ่งลูกหมารอการช่วยเหลือแต่สุดท้ายก็โดนลากไปจนได้ มาวันนี้ก็ยังถูกรุกหนักไม่ต่างกัน ถ้าเพื่อนอย่างผมไม่ช่วยเหลือบ้างอะไรบ้างก็จะดูแล้งน้ำใจไปหน่อย

“วันนี้พวกเรามีนัดกันแล้วครับพี่”

ทันทีที่ผมสอดปากออกไป สายตาลุงเหมือนเจอกับพระเจ้า มันมองผมด้วยสีหน้าเต็มตื้นซาบซึ้งในบุญคุณเหลือแสน ยิ่งเห็นผมก็ยิ่งอยากจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ระหว่างพี่ปูนกับมัน

“ใช่ครับๆ วันนี้ผมมีนัดกินเหล้ากับเพื่อน ไปกับพี่ไม่ได้หรอก”  ลุงหันไปบอกพี่ปูนด้วยน้ำเสียงมั่นใจขึ้น แม้จะเป็นการพูดที่หลบเลี่ยงสายตาคนฟัง ซ้ำยังตัวสั่นเป็นกระต่ายไปหน่อยก็เถอะ

แต่ตอนนี้ลุงคงหลุดพ้นจากเป้าหมายไปแล้วล่ะ

ผมลอบกลืนน้ำลายก้อนโตลงคอด้วยท่าทีนิ่งสงบ แม้จะหวั่นใจกับสายตามาดร้ายที่อีกฝ่ายส่งมาให้แต่ผมก็เผยยิ้มสู้ด้วยสีหน้าเป็นต่อ ในสงครามการจ้องตาคนที่นิ่งได้กว่าคือผู้ชนะ และผมก็ไม่ค่อยจะแพ้ให้ใครซะด้วย...แต่กับคนบางคนเราก็ไม่ควรไปแหย่เล่นด้วยมากนัก ผมสรุปกับตัวเองตามนั้นแล้วเปลี่ยนมุมมองสายตาไปยังเพื่อนที่นั่งลุ้นอยู่ด้านข้างทันที

“เก็บของสิมึง ไปกินที่ห้องกูนั่นแหละ”  ผมเร่งเพื่อนทั้งน้ำเสียงทั้งภาษากาย ไอ้ลุงก็เหมือนคนมีประสบการณ์ มันรีบเซฟงานปิดคอมฯ เก็บของทั้งหมดด้วยความฉับไวแบบคนที่อยากเอาตัวรอดเต็มที การกระทำของลุงยิ่งส่งผลให้ใบหน้าพี่ปูนเขียวคล้ำยิ่งกว่าเดิม แต่คนมันกำลังง่วนอยู่ไงเลยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองบรรยากาศที่แย่ลง ปากช่างเจรจาของมันถึงได้หลุดพูดเรื่องไม่สมควรออกมา

“เดี๋ยวซื้อของเข้าไปทำกับแกล้มก่อนดีมะ?”

หน้าพี่ปูนเข้มขึ้นจนน่ากลัว

“ถ้าเมามาก กูนอนกับมึงเลยนะ”

ผมว่ามันมีประโยคอีกมากมายที่ใช้คู่กันได้นะ อย่าง ‘นอนค้างกับมึง’ ‘ขอนอนห้องมึง’ ‘กูนอนด้วยคน’ อะไรทำนองนี้ แต่พอคำพูดที่ว่า ‘กูนอนกับมึง’ หลุดออกมา หน้าพี่ปูนก็เปลี่ยนจากเขียวเป็นม่วง จากม่วงเป็นดำ เหมือนภูเขาไฟใกล้ปะทุลาวาออกมา ถ้าคนมันไม่มีปมมาก่อนจะถูกคำง่ายๆ แบบนั้นสะกิดได้อย่างไร นี่ไม่บอกเป็นนัยเลยหรือว่าพี่ปูนคิดเสมอว่าผมจะกลายเป็นมือที่สาม

นี่มัน...น่าสนุกจริง

“มึงก็อย่าดื่มเยอะสิวะ เมามากก็ชอบถีบกูตกเตียงอยู่เรื่อย”  คนฟังสองคนสะดุ้งพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ผมเก็บปฏิกิริยาแปลกนั่นเอาไว้ในใจก่อนพ่นคำต่อไปเรื่อยๆ ด้วยใบหน้านิ่งเรียบ   “เวลามึงดื่มพอดีๆ แล้วกำลังน่ารัก ว่าง่ายมาก เชื่องด้วย”

“ตีนเหอะ”  ไอ้ลุงเงยหน้าด่าผมทันควันแล้วก้มลงยัดของลงกระเป๋าเป้ต่อ ใบหูมันแดงเรื่องเล็กน้อย ปากเม้มแน่นด้วยความอับอายแต่ก็ไม่ยอมพูดแก้ต่างอะไรออกมา ดังนั้นปฏิกิริยาของพี่ปูนจึงเข้าใกล้คำว่าล้มโต๊ะไปทุกที

“งานเลี้ยงต้นปีน่ะครับพี่ปูน”  ด้วยความเป็นน้องที่ดีมาตลอด จะไม่อธิบายอะไรสักหน่อยผมก็ว่าจะดูไม่ดี  “ใส่หูกระต่ายน่ารักเบอร์ตองเลย”  ผมอมยิ้มมองหน้าคู่สนทนาที่แววตาคล้ายอยากจะหักคอผมทิ้งให้แล้วรู้รอด

“น่าสนใจดีนะ”  พี่ปูนส่งเสียงลอดไรฟันแบบพยายามสะกดอารมณ์เต็มที่

“มากครับพี่ วันนั้นนี่ใครอยากให้ลุงทำอะไรทำได้หมด ผมมีรูปคืนนั้นอื้อเลยนะพี่”  ผมยิ้มจนตาหยีก่อนจะมองสบตาแล้วยักคิ้วให้หนึ่งที  “พี่อยากจะดูบ้างมั้ย?”

“พอเลยไอ้เชี่ยโป้ย!”  เสียงลุงตวาดลั่น หยุดประกายไฟแปล๊บปล๊าบน่ากลัวที่พี่ปูนกำลังส่งมา ไอ้หนุ่มหูกระต่ายน่าอายยืดตัวขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมเผ่น ใบหน้าอิ่มเอิบมีสีเลือดฝาดฟุ้งเต็มแก้ม กำลังอายได้ที่เชียวล่ะ

“พอก็พอ”  ผมยักไหล่พลางยัดของอีกเล็กน้อยลงกระเป๋าตัวเองบ้าง จากหางตา ผมเห็นเพื่อนตัวเองเดินเข้าประชิดร่างสูงของเจ้านาย มือกระตุกแขนเสื้อหงึกๆ พลางพูดเบาๆ ที่พอจับใจความได้ว่า ‘พี่อย่าไปบ้าตามมัน ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ’

ชะหนอย!! แล้วจะได้รู้กันว่าแฟนมันควรบ้าตามคำผมรึเปล่า ไม่ใช่แค่รูปถ่ายนะที่ผมถือครองอยู่ แม้แต่คลิปวีดิโอผมก็มี ถ้าพี่ปูนเห็นแล้วไม่หัวร้อนล่ะก็ให้เอาตีนมาขยี้ตาปลาผมได้เลย

“ไปได้แล้ว”  ผมชักน้ำเสียงใส่ พร้อมกับเดินอ้อมไปจูงมือเพื่อนเดินหนีไปทันที พัทลุงก็ยอมจับมือผมมาตลอดทางจนถึงรถ แต่ใบหน้านั้นหงิกงอจนน่าหมั่นไส้

“เป็นอะไร”

“มึงอย่าไปยั่วโมโหพี่ปูน”  มันชักสีหน้าจริงจังเอ่ยกับผมเมื่อรถยนต์เริ่มเคลื่อนตัวออกจากลานจอด

“ทำไม? ห่วงกูเหรอ”

“เปล่า กูห่วงตัวเอง!”

ผมหลุดหัวเราะพรืดออกมา ผลที่ได้คือการถูกค้อนวงใหญ่จากคนข้างๆ ไอ้ลุงสะบัดหน้าพรืดหันไปอีกทางด้วยใบหูแดงแปร๊ด ผมก็ไม่อยากจะทำให้เพื่อนอายไปมากกว่านี้ เดี๋ยวมันคิดสั้นเปิดประตูกระโดดออกไปแล้วจะยุ่ง แต่นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเลยว่าเพื่อนผมแพ้ทางพี่ปูนขนาดไหน จะด้วยอะไรก็ไม่ทราบแต่ในขณะที่มันเหมือนจะปึ่งงอนอีกฝ่ายอยู่ มันก็ยังเกรงเขาอยู่ในที

แค่คิดว่ามีบางจุดที่ผมยังปะติดปะต่อเรื่องไม่ได้ ต่อมเผือกก็ร้อนระอุขึ้นมาทันที

ความคิดหนึ่งจุดวาบขึ้นในหัว ผมเหลือบมองเพื่อนรักที่แวบเดียวก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายมุ่งหน้าไปยังตลาดสด ลุงมันดูจะไม่ตะขิดตะขวงใจอะไรเพราะในหัวมันคงนึกถึงเรื่องกับแกล้ม เมื่อหาที่จอดได้ ผมก็เปิดกระเป๋าเงินยื่นเงินให้หนึ่งพัน คนขี้งกอย่างลุงก็ไม่มีเหนียมอายคว้าหมับแบบทันท่วงที แถมเอ่ยถามผมด้วยสีหน้าเป็นมิตรแบบฉับไว

“อยากกินอะไรครับคุณโป้ย”

“แล้วแต่มึง อยากแดกอะไรก็ซื้อมา”

“กูอยากกินล๊อบสเตอร์”

“อันนั้นคงต้องไปอ้อนผัวมึงเอาเองนะ”

“เชี่ย!!”  หลังจากผลักหัวผมด้วยความเขิน? เสร็จแล้วก็เปิดประตูรถลงไปทันที ผมส่ายหัวมองเพื่อนเดินย่ำเท้าตึงๆ เดินหายเข้าไปในตลาด จากนั้นจึงล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเพื่อเลือกหมายเลขผู้ร่วมขบวนการ

ใบหน้าของเสี่ยอ่ำร้านวัสดุก่อสร้างหราขึ้นเต็มหน้าจอ รอไม่นานเท่าไหร่ปลายสายก็ส่งเสียงตอบรับ ผมรีบยกมือถือแนบหูทันทีด้วยรอยยิ้ม

“ไงครับเพื่อนโป้ย”  เสียงอ่ำเกือบจะเรียกได้ว่าร่าเริง

“อารมณ์ดีจากไหนมาวะ เสียงระรื่นเหลือเกิน”

“ป๊าไม่อยู่ ลูกอย่างกูก็ร่าเริงสิวะ” 

“คืนนี้มาแดกเหล้ากัน”  ไม่คิดว่าโอกาสจะเป็นใจขนาดนี้ ผมเลยส่งสารชวนทันที  “พวกมึงอยากจะรู้กันไม่ใช่เหรอว่าแฟนไอ้ลุงเป็นใคร”

“เฮ้ย มันจะพามาเปิดตัวเรอะ!”

“คนนี้มันยังไม่ยอมเปิดง่ายๆ หรอก ขนาดกูมันยังปิดปากเงียบ”

“หึหึ มึงคงจะไม่ทำอย่างที่กูคิดใช่มั้ย?”  อ่ำหัวเราะคิกคัก

“ถ้ามึงรู้ว่ากูคิดอะไร ก็สมกับเป็นเพื่อนชั่วๆ ของกูแล้วล่ะ”  ผมย้อนมันกลับไป เราต่างหัวเราะไว้อาลัยให้กับไก่น้อยที่กำลังจะโดนถลกหนัง

“เดี๋ยวกูโทรหาไอ้เป๋ก่อน ว่าแต่มึงต้องการใช้ประกอบการสารภาพมั้ย?”

“มึงคิดว่าอะไรจะทำให้แฟนที่คอลกันอยู่ตกใจวะ”  ผมยกยิ้ม แค่คิดภาพพี่ปูนโมโหจนขนหัวตั้งก็สาสมใจแล้ว

“ได้เลยเพื่อน”  อ่ำวางสายไปด้วยความคึกคักในขณะที่ผมเองก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ

ต่อเมื่อความเงียบเข้าจู่โจมกะทันหันรอยยิ้มก็พลันจางหายไปช้าๆ ผมเปิดแอพลิเคชั่นสนทนา เลือกรายชื่อแล้วกดเข้าไป ...ทุกข้อความขึ้นกำกับด้านหน้าว่าได้ถูกอ่านแล้ว แถมยังอุตส่าห์มีถ้อยคำน่ารักๆ ส่งกลับมาเสียด้วย

[พี่ไม่ได้หลบหน้าโป้ยนะ]

[สองสามวันนี้ยุ่งมาก]

[เพิ่งว่างเมื่อกี้เอง]

รอยยิ้มจุดขึ้นที่ริมฝีปากอย่างห้ามไม่อยู่ ถึงจะทำให้ผมหงุดหงิดมาสองวันแต่ตอนนี้มันหาได้สำคัญแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคงอ่านข้อความทวนอยู่สองสามรอบเพื่อให้แน่ใจว่าแค่ตัวอักษรที่เห็นนี้จะสื่อความรู้สึกอะไรได้บ้าง เป็นการตอบกลับจากใจจริง หรือเป็นเพียงการตอบเพราะถูกกดดัน แต่หลังจากทวนอ่านรอบสุดท้าย ผมก็เลือกที่จะคิดเข้าข้างตัวเอง พี่กรอาจจะใจร้ายกับผมไปบ้าง แต่ไม่มีทางที่จะปฏิเสธการมีอยู่ของผมเด็ดขาด

[ผมเข้าใจ ผมไม่ได้สำคัญมากพอให้พี่สละเวลาขนาดนั้น] 

แต่การเข้าใจก็หมายความว่าจะเสแสร้งน้อยใจไม่ได้นี่ ผมมองข้อความของตัวเองเด้งขึ้นไปบนหน้าจอที่ไม่กี่วินาทีต่อมานั้นได้ถูกอีกฝ่ายอ่านแล้ว ผมเลือกที่จะปิดแอพลิเคชั่นทันทีก่อนที่อีกฝ่ายจะพิมพ์อะไรตอบกลับมา การน้อยใจแล้วยังสาดคำพูดประชดประชันมากมายนั้นคือความน่ารำคาญ ผมแค่อยากให้มันจี้ใจอีกฝ่ายก็เท่านั้นเลยไม่มีความจำเป็นต้องรุกซ้ำหรือโต้ตอบอะไรอีก การถอยออกมาชั่วคราวจะสามารถทำให้เราได้ข้อต่อรองดีๆ ในภายหลัง

เสียงข้อความเข้าดังขึ้นหนึ่งครั้ง และตามมาติดๆ กันอีกสามข้อความ ผมพยายามอดกลั้นความอยากรู้ของตัวเอง ทำทีมองออกไปด้านนอกรถเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ แต่เมื่อจิตใจมันมุ่งไปที่ใดแล้วมันก็ยากเหลือเกินที่จะเบี่ยงประเด็น จนกระทั่งสองตาเหลือบไปเห็นเพื่อนรักเดินวนไปมาพร้อมกับถุงหิ้วเต็มสองมือ ผมถึงตัดสินใจเก็บโทรศัพท์แล้วตามออกไป

ลุงเหงื่อแตกพลั่กเพราะอากาศที่ร้อนอบอ้าว ยามที่มันเห็นผมเหมือนมันเห็นผู้ช่วยชีวิต ริมฝีปากยิ้มกว้างจนตายิบหยี แล้วเมื่อผมเดินไปหยุดตรงหน้า สองมือของลุงก็ยื่นถุงทั้งหมดให้ผมทันที ผมมองของทั้งหมดแต่ยังไม่ยอมยื่นมือออกไปรับ

“หนัก ช่วยถือหน่อย”  เกือบจะคล้ายเสียงอ้อนวอนที่เปล่งออกมา เพราะงั้นผมถึงยินยอมรับของทั้งหมดมาถืออย่างช่วยไม่ได้  “กูโทรไปถามอ่ำว่ามันอยากกินอะไร มันว่าอยากกินไก่ทอดน้ำปลากับยำทะเล”

“แล้วนี่เหลืออะไร?”  ผมยกมือซ้ายขวาขึ้นพิจารณาของคร่าวๆ เครื่องยำกับไก่สดยังไม่เท่าไหร่ แต่ของทะเลมาแบบจัดหนักมาก ทั้งปู ทั้งหอย ทั้งกุ้ง งบหนึ่งพันบาทไม่มีทางพอแน่ๆ นี่ยังไม่รวมพวกมิกเซอร์ที่จะแวะซื้อขากลับอีก

“ครบแล้ว กูเดินวนๆ เผื่อมีอะไรน่าซื้ออีก”  ไม่ว่าเปล่า สองตามันก็เริ่มสอดส่ายซ้ายขวา สองขาก็เริ่มเดินพร้อมกระตุกผมให้ก้าวไปด้วยกัน  “วันก่อนนะมึง กูไปตลาดแถวดินแดงมา มีร้านส้มตำเด็ดอย่างนี่!” 

ผมมองนิ้วโป้งเพื่อนที่ชูขึ้นหรา ดูจากสีหน้าแล้วไม่ได้พูดถึงรสชาติแน่ แต่เพื่อปูมาเราก็ต้องรับครับ  “รสชาติอร่อยมากจนมึงติดใจ?”

“นมใหญ่ยิ่งกว่าปากครกอีก! ชื่อร้านตำกระเด้ง มึงเอ๊ยกูยืนรอซื้อได้ไม่เมื่อยอ่ะ”  แล้วมันก็ทำท่าเด้งนม หัวเราะชอบใจยกใหญ่  “ไว้วันหลังไปซื้อกันนะมึง อยากชวนพวกมึงไปช่วยอุดหนุน น้องเขาคงฐานะไม่ค่อยดี ใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นเหลือเกิน”

ไอ้ลุงมันบ้าหน้าอก แฟนมันทุกคนที่ผ่านมาหน้าอกหน้าใจกินขาดทุกคน เหมือนหัวมันมีเรดาร์คอยจับสัญญาณคัพซี หูไวตาไวตลอด เคยเมาแล้วไปยิ้มกริ่มให้กับดี้หน้าอกล้นคนหนึ่ง เกือบโดนผัวทอมเขาเขวี้ยงหมัดใส่แล้ว ส่วนอีกหนึ่งปัญหาของกลุ่มก็คือเสี่ยอ่ำ รายนั้นขอให้เอวคอด สะโพกกลม น้ำลายก็ไหลหยดเป็นน้ำตกเอราวัณแล้ว

“แล้วมึงไปทำอะไรที่ตลาดแถวดินแดง”  ผมสกัดสีหน้าสุขีของลุงให้เปลี่ยนเป็นซีดขาวได้ในพริบตา  “บ้านมึงอยู่อารีย์ พญาไท มึงไปซื้อของที่ดินแดงเลยเหรอ”

“ก็ไม่ได้ไกลกันมากปะวะ กูก็อยากเปิดตลาดใหม่ๆ บ้าง”

“เหรอ...ก็นึกว่าบ้านแฟนมึงอยู่แถวนั้น”  อย่างบ้านพี่ปูนอะไรอย่างงี้ ผมอมยิ้มกับคำห้อยท้ายในใจ แต่กลัวพูดออกไปเองก็กลัวเพื่อนจะลงไปแถกับพื้นจนสีข้างถลอก ผมเก็บไว้รอยำทีเดียวพร้อมไอ้อ่ำดีกว่า

“กลับกันดีกว่ามึง กูต้องทำของหลายอย่างเดี๋ยวไม่ทัน”  แล้วก็เป็นไปตามคาด คุณลุงหูแดงเดินตัวปลิวนำไปก่อน ยังไม่วายหันมาเร่งผมเสียงเข้มอีก  “เร็วสิมึง ชักช้าจริง!”

ผมส่ายหัวกับการพาลแบบเด็กๆ ของคนถูกจี้ใจจนไปไม่ถูก ก่อนสองขาจะก้าวยาวๆ ตามไปติดๆ


.

.

.


โดยส่วนตัวแล้วผมทำอาหารกินเองบ้างเมื่อมีเวลา เพราะงั้นข้าวของเครื่องครัวที่ควรมีจึงมีทั้งหมด จะอาหารไทย อาหารฝรั่ง หรือแม้แต่ต้มมาม่า ห้องผมก็พร้อมสำหรับทุกมื้อ อย่างเช่นวันนี้ที่เครื่องดูดควันได้ทำหน้าที่ของมันแบบเต็มประสิทธิภาพเสียที

ผมนั่งเท้าคางบนเก้าอี้หน้าเคาท์เตอร์บาร์ มองเพื่อนผู้มีความชำนาญตามหลักพ่อบ้านเต็มเปี่ยมกำลังยืนท้าทายหน้ากระทะน้ำมันเดือดปุดๆ เพื่อวัดใจกับไก่คลุกน้ำปลาที่กำลังส่งกลิ่นหอมไปทั่ว อีกเตาหนึ่งก็มีหม้อนึ่งควันฉุยที่มีสัตว์ทะเลอวบอ้วนมากมายอยู่ข้างใน เลื่อนไปด้านข้างก็เป็นโหลปั่นกลิ่นฉุนจากพริกกระเทียมเพื่อสำเร็จเป็นน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดจัดจ้านอันเป็นเสียงล่ำลือในหมู่เพื่อนฝูง

ไม่มีเพื่อนคนไหนไม่รู้สึกขอบคุณคุณอาผู้ล่วงลับ ที่เคี่ยวกรำลูกชายคนเดียวจนเป็นพ่อศรีเรือนที่ดีขนาดนี้ แม้จะทำได้แต่อาหารง่ายๆ แถมหน้าตาไม่ค่อยสวยงามก็เถอะ แต่ความอร่อยนั้นต้องยกนิ้วมือแถมนิ้วเท้าให้เลย งานบ้านก็จัดว่าเป็นมือโปร ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่อยากได้นั่นนี่แพงๆ ให้หงุดหงิดใจ ...ผมว่าพี่ปูนโคตรจะโชคดีเลยที่ได้พัทลุงไปเป็นแฟน

แต่ความบ้าของมันอาจจะทำให้พี่ปูนเป็นไมเกรนก็ได้

“โป้ยๆ กูถามหน่อยดิ” 

“ว่า?”  ผมตอบรับพลางหยิบชิ้นไก่ที่ทอดเสร็จแล้วบางส่วนขึ้น ควันสีขาวโชยกลิ่นหอมยามฉีกออกเป็นส่วนแล้วส่งเข้าปาก รสชาติเค็มกำลังดีปนความหวานของเนื้อไก่ หนังกรุบกรอบร้อนฉ่ำเพิ่มรสสัมผัสที่ไม่มีทางเพียงพอ

“สมมุติว่ามึงถูกแฟนหลอกมานาน แล้วพอมึงรู้ มึงจะโกรธป่ะ?”

“มันต้องดูว่าเรื่องอะไรสิวะ”  ผมตอบพลางดึงกระดาษทิชชู่มารองวางกระดูก  “โดนนอกใจเหรอ?”

“เปล่า...” 

เพราะลุงมันเอาแต่ยืนหันหลังให้ ผมเลยวิเคราะห์สีหน้ามันไม่ได้ แต่ฟังจากน้ำเสียงแล้วน่าจะเป็นอาการคิดไม่ตกเสียมากกว่า น่าจะมาจากเรื่องวันก่อนโน้นที่มันเค้นถามผมเรื่องพี่ปูน... อา~ ถ้าดูจากพฤติกรรมรุกหนักของพี่ปูนช่วงสองสามวันนี้ก็น่าจะบอกได้ไม่ยากว่าเพื่อนผมหายโง่แล้ว

“เลิกไปเลย”  สิ้นคำยุแยง ลุงหันขวับมามองผม กระพริบตาปริบๆ คล้ายจะขอคำอธิบาย  “ถ้ารับไม่ได้ก็เลิกไปเลย จบ!”

“มันก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงขนาดนั้น”

“งั้นก็ไม่ต้องเลิก”

“วีรภาพ! มึงนี่ไม่ได้ช่วยเพื่อนเลยนะ”  เมื่อเห็นลุงมันทำท่าจะเขวี้ยงตะหลิวใส่อยู่รอมร่อ ผมเลยจำต้องเลิกกวนตีนเพื่อนชั่วคราว

“ก็มึงไม่ขยายความอะไรให้กูฟังเลย เรื่องราวเป็นไงมาไงก็ไม่รู้ แล้วจะให้กูไปตัดสินอะไรวะ”

“ก็มึงขี้เสือกอ่ะ กูไม่อยากเล่ามาก”  กระแทกเสียงใส่ผมเสร็จก็สะบัดหน้าหันเข้าหากระทะตามเดิม เป็นอันยุติบทสนทนาแบบไร้ที่มาที่ไป

โดนแน่มึงไอ้น้องลุง แล้วจะหาว่าพี่โป้ยใจร้ายไม่ได้นะ

ผมได้แต่เข่นเขี้ยวในใจ กัดไก่ระบายอารมณ์ไปสักพัก เมื่อได้เวลาเสียงกริ่งหน้าประตูก็ดังขึ้น ผมเดินไปเปิดประตูให้สองหนุ่มโสด เป๋สีหน้าโรยแรงเล็กน้อยถ้าเทียบกับไอ้อ่ำที่มีสีหน้าเบิกบานแช่มชื่น แต่พอจมูกขยับฟุดฟิดได้กลิ่นอาหารหอมๆ เป๋ก็พลันสีหน้าดีขึ้น

“กูหิวข้าวมาก ลุงทำอะไรกินวะ” 

ผมหลีกทางให้เพื่อนเข้ามาในห้อง มองเพื่อนสองคนสะบัดรองเท้าระเกะระกะแล้วเดินลอยตามกลิ่นไป กว่าผมจะตามไปสมทบจานไก่บนโต๊ะก็ถูกรุมไปแล้ว

“มีข้าวมะ กูหิวจนตาลายไปหมดแล้วเนี่ย”  เป๋พูดไปเคี้ยวไป สีหน้ามันยังคงอ่อนเพลียอยู่ ทำเอาวิญญาณพ่อบ้านเข้าสิงพัทลุงเลยทีเดียว

“เดี๋ยวกูโทรสั่งร้านข้างล่างให้ มึงอยากกินอะไร”  มันรีบหาน้ำเย็นให้เป๋ ส่งกระดาษเช็ดมือให้ นี่ถ้าห้องผมมีผ้าเย็น ลุงมันคงบริการให้เต็มที่กว่านี้แน่  “สีหน้ามึงไม่โอเคอ่ะเป๋ งานหนักมากเหรอวะ?”

“มันทำโอทีมาสามวันติดแล้ว เพิ่งจะได้เลิกงานตรงเวลากับเขาเนี่ย”  อ่ำเท้าคางมองเพื่อน อาสาตอบคำถามแทนเพราะเป๋มันยังเคี้ยวไก่จนแก้มตุ้ย  “กูต้องขับรถไปรับมันมาจากออฟฟิศ และห้ามเมานะเป๋ เพราะมึงต้องพากูกลับบ้านด้วย”

อ่ำสั่งความเสร็จสรรพ ดูท่าเป๋มันคงมาเพื่อกินอย่างเดียวเท่านั้นแหละ ถ้าวัดจากสภาพร่างกายมันคงไม่ค่อยอยากจะกินเหล้าเท่าไหร่ พ่อบ้านลุงที่เห็นเพื่อนหิวโซก็ทนไม่ได้ รีบสั่งความผมให้โทรสั่งข้าวจากด้านล่างตึกขึ้นมา จากนั้นผมกับอ่ำก็ช่วยกันขนของกินไปที่โต๊ะเตี้ยหน้าทีวี เหล้าโซดาน้ำแข็งเพียบพร้อมในระยะมือเอื้อมถึง เมื่อข้าวมาส่งก็จัดการลากไอ้เป๋มาร่วมเปิดงานได้เลย

ถ้าไม่นับเป๋ที่มาเพื่อกินข้าวแล้วล่ะก็ อ่ำกับลุงนี่ซัดเหล้าเข้าปากไปพอๆ กัน เพียงแต่ว่าอ่ำมันคอแข็งกว่าก็เท่านั้น แค่เห็นหัวลุงเริ่มคลอนไปมา ผมกับอ่ำก็หันมายิ้มกริ่มให้กัน ส่วนไอ้เป๋ที่เห็นนั่งไม่สนใจใครก็ยังอุตส่าห์ร่วมด้วยช่วยชงเหล้าให้ไม่ขาดมือ

อันที่จริงแล้วพัทลุงเป็นพวกเมาสามระดับ ระยะแรกคือจะเริ่มคายความลับ อยากรู้อะไร อยากให้ทำอะไรบอกมาเถอะ ลุงจัดให้ทุกอย่าง ระยะสองคือเริ่มงอแง ระยะนี้มักจะเหวี่ยงง่าย โวยวายไร้สาระ ส่วนระยะสุดท้ายนั้นคือหลับไปเลย แต่ที่อันตรายที่สุดคือช่วงที่มันหลับนั่นแหละ คืนไหนเมา คืนนั้นนอนดิ้นเหมือนเตียงเป็นต้นงิ้ว พวกผมสามคนล้วนโดนถีบตกเตียงกันมาแล้วทั้งนั้น เจ็บมากเจ็บน้อยแล้วแต่ว่ามันฝันอะไร หนักสุดก็คงเป็นไอ้เป๋ กลิ้งหลุนๆ ลงมาแล้วหน้าผากไปโขกกับพื้นกระเบื้อง ปูดเป็นลูกมะนาวกันทีเดียว

พวกผมเป็นมือโปรทางด้านมอมเหล้าเพื่อนอยู่แล้ว ไมมีกะระยะพลาดแน่นอน

ลุงเริ่มตาเยิ้ม ยิ้มหวานไปทั่ว คอเริ่มพลิกไปพลิกมา เห็นว่าได้ระดับแล้ว ไอ้อ่ะก็เริ่มเบาเหล้าลงแต่ไปหนักน้ำอัดลมแทน เป๋ที่เริ่มจะอิ่มก็รีบลุกไปล้างมือให้สะอาดแล้วเดินปรี่กลับมาพร้อมกับหนังยางในมือ อ่ำก็คุ้ยหาอะไรในกระเป๋ามันสักพักก็ควักลิปสติกกับที่ปัดแก้มออกมา

“กูจิ๊กม๊ามา”  ว่าแล้วมันก็ลงมือละเลงหน้าคนเมาแบบจัดเต็ม ลิปสีแดงถูกทาลงบนปากอิ่มเป็นกระจับของลุงทันที ไอ้คนโดนแกล้งก็ไร้สติยื่นหน้าให้แบบเต็มใจ แต่อย่าได้หาความสวยงามอะไร เพราะนอกจากปากจะเลอะไม่เป็นทรงแล้ว แก้มยังถูกปัดเป็นวงสีส้มพีชแบบเน้นๆ

“แฟนแม่งต้องตกใจแน่”  เป๋หัวเราะเบาๆ พลางกระชากผมคนเมามาผูกแกละเบี้ยวๆ ซ้ายขวา จากนั้นก็วุ่นกับการแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตออกจนหมดแล้วม้วนขึ้นเพื่อมัดเป็นปมใต้ราวนม โชว์ความขาวกับหน้าท้องไร้กล้ามเนื้อให้ดูน่าสลดขึ้นไปอีก แต่มันไม่ได้หมดแค่นั้น เพราะตามหน้าท้องขาวๆ นั้นมีรอยจูบสีเข้มกระจายอยู่ แม้แต่เอวกับหน้าอกก็ยังมี พวกผมมองหน้ากันแล้วกลืนน้ำลายก้อนโต ‘แฟน’ มันคงหมั่นเขี้ยวเอามากๆ เลยสินะ

ขณะเดียวกันผมก็เริ่มแผนการเรียกร้องความสนใจของพี่ปูน โดยการส่งรูปภาพงานเลี้ยงเมื่อสิ้นปีให้ดู งานนั้นลุงถูกยำเสียเละ โดนบรรดาสาวๆ จับแต่งหน้า ดัดผม แล้วยังมีที่คาดผมหูกระต่ายสีแดงอยู่บนหัว พวกผู้ชายก็ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์โดยการจับลุงแก้ผ้าจนเหลือแค่บ็อกเซอร์ แล้วเอาลิปสติกมาทาหัวนมเป็นการเซ็นเซอร์ ทั้งหมดทั้งมวลมีคนโดนเป็นเพื่อนอยู่สามคน หนึ่งในนั้นคือไอ้อ่ำเนี่ยแหละ

ผมอมยิ้มเมื่อรูปภาพวาบหวามกับหัวนมรูปหัวใจส่งขึ้นไปบนหน้าจอ ตามด้วยรูปน่าอายอีกหลายรูปจากช่วงเวลาอื่นๆ ผมรออย่างใจเย็นพลางมองอ่ำกับเป๋บรรเลงความเป็นศิลปินลงบนตัวเพื่อน จังหวะนั้นเองที่จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ของลุงก็ดังขึ้น พวกผมหยุดการกระทำเพื่อหันไปมอง ผมรีบคว้าที่กำลังส่งเสียงร้องขึ้นมาประกอบกับดูรูปภาพที่มีคำว่าอ่านแล้วปรากฏขึ้นทุกรูป

พี่ปูนยังคงโทรมาอย่างต่อเนื่อง ผมก็ตัดสายทิ้งอย่างเมามัน จนกระทั่งอีกฝ่ายเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นที่เครื่องผมแทน

“พวกมึงพร้อมกันรึยัง?”  ผมถามผู้ร่วมขบวนการ
 
“มึงอย่าบอกนะว่าที่โทรมายิกๆ เนี่ยเป็นแฟนไอ้ลุง”  อ่ำถามพลางชะโงกหน้ามามองชื่อสายเข้าที่มือถือผม  “พี่ปูน? ชื่อเหมือนผู้ชายนะมึง แล้วไหนว่ามึงไม่รู้จักไง”

“กูบอกว่าไอ้ลุงไม่ยอมแนะนำ ใช่ว่ากูจะไม่รู้จักสักหน่อย”  ผมยักคิ้วให้เพื่อน ไอ้อ่ำยังไม่เข้าใจ แต่คนฉลาดอย่างเป๋กลับปะติดปะต่อเรื่องได้อย่างรวดเร็ว

“มึงอย่าบอกนะว่าเป็นพี่ปูนเจ้านายมึง!”  สิ้นเสียงเป๋ ไอ้อ่ำหันขวับมามองผมตาโต  “ไหนว่าลุงมันไม่ชอบขี้หน้าไง”

“มันยังไม่ยอมรับสักหน่อย ปากแข็งเบอร์นี้ไงกูถึงต้องง้างซะหน่อย”  ว่าแล้วผมก็ตัดสายพี่ปูนทิ้งอีกรอบ แล้วเข้าโทรแกมสนทนาเพื่อเชื่อมต่อวีดิโอคอลทันที

ไม่ต้องรอเลยสักวินาทีเดียว พี่ปูนตอบรับรวดเร็วพร้อมกับสรรเสริญผมด้วยเสียงดังจนไอ้เป๋กับไอ้อ่ำตกใจ

“ไอ้เหี้ยโป้ย!!” 

หน้าพี่ปูนถมึงทึงมาก จ้องผมปานจะโผล่ออกมากัดคอผมให้รู้แล้วรู้รอด หมดแล้วสุภาพบุรุษใจเย็นที่เห็นผมเป็นน้องเป็นนุ่งเมื่อก่อน

“ส่งเชี่ยอะไรมาห๊ะ! แล้วตัดสายกูทำไม ลุงอยู่ไหน!”

“อ่ะๆ ให้คุยด้วยก็ได้”  ผมยื่นมือถือให้เป๋ ส่วนตัวเองก็เลื่อนไปนั่งกับน้องสาวคนสวย  “น่ารักป่ะพี่ ขอตั้งชื่อว่าน้องพัทตี้ มิสพัทลุ๊ง~”

หน้าพี่ปูนเหวอไปเลย ไอ้อ่ำกลั้นขำพลางขอแอบดูนหน้าตาพี่ปูน ตัวมันกลับทำหน้าเหวอหนักกว่าคนในหน้าจอเสียอีก มีการพยักเพยิดเปลี่ยนมือให้ไอ้เป๋มาดูด้วย

“เชี่ยโป้ย! มึงทำอะไรเมียกูเนี่ย”



[มีต่อจ้า]
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 02-02-2018 01:31:47
[ต่อจ้า]


“เชี่ยโป้ย! มึงทำอะไรเมียกูเนี่ย”

เงียบกริบกันไปเลยเมื่อเจอการออกตัวแรงแบบนี้ เพื่อผมสองตัวปากอมลมพะงาบๆ ตกใจกันแบบต่อเนื่อง ผมเองก็ไม่คิดว่าพี่ปูนจะเปิดเผยขนาดนี้เหมือนกัน แต่ก็มีบางคนที่ไม่ได้ตกใจ แถมยังปั้นตาเขียวใส่หน้าจอ

“ใคร! ใครเป็นเมียพี่!”  จู่ๆ ไอ้ลุงก็โวยวายขึ้นมา มันคว้าโทรศัพท์จากมือไอ้เป๋ไปตะเบ็งเสียงใส่  “ใครๆๆ แล้วนี่พี่เป็นใครวะ! หนอย~ อย่ามาทำหน้าตาเหมือนกันนะ คิดว่าหล่อนักรึไง”

พวกผมปล่อยขำพรืด ไอ้ลุงมันเมาแล้วยิ่งมึนจริงๆ

“สติเฮ้ยสติ! นี่ดื่มไปขนาดไหนเนี่ย?”  เสียงในมือถือก็ตอบกลับมาแบบเหนื่อยใจสุดๆ 

“น้องลุง~ น้องลุงมีแฟนรึยังคะ?”  ไอ้อ่ำเริ่มหยั่งเชิงทันที

“มีแล้ว!”  ลุงตอบเสียงหนักแน่น แต่เสี้ยววินาทีต่อมามันก็เข้าสู่วังวนเดิมๆ  “หรือไม่มีวะ? ไม่อยากเป็นแล้วนี่ ไม่ชอบคนโกหก”  แล้วมันก็ทำตาขวางใส่หน้าจออีกรอบ  “หลายครั้งแล้วนะ ไม่ชอบเลยนะปุริม! เมื่อวานก็โกหกว่าจะพาไปส่งบ้านเฉยๆ หึ้ย!! พาเข้าโรงแรมอีกแล้ว!”

ไอ้เป๋ที่กำลังเคี้ยวกุ้งถึงกับพ่นออกมาจากปาก ผมกับไอ้อ่ำนี่หลุดหัวเราะเสียงดังไปเลย ผมเห็นพี่ปูนเอาแต่เงียบก็เลยลองชะโงกหน้าไปดู ไอ้สองตัวนั้นเห็นก็ทำตามบ้าง แล้วภาพที่ปรากฏคือพี่ปูนเอาแต่อมยิ้ม มองลุงแบบตาหวานเยิ้ม เนี่ยล่ะน้า~ คนกำลังมีความรัก

“เข้าโรงแรมไปทำอะไรกันล่ะคะ?”  ไอ้อ่ำเปิดประเด็นอีกรอบ

“ก็ไปจูบกัน” ว่าแล้วก็บิดตัวไปมา อมยิ้มจนแก้มปริ จากกิริยาตอนนี้เหมือนมึงเต็มใจเสนอตัวให้เขาด้วยแหละเพื่อน

“จูบอย่างเดียวเองเหรอคะ?”  พวกผมตบมือชอบใจกับความล้นของเพื่อน

“กอดด้วย คึคึคึ ...เป๋ๆ”  แล้วคนเมาก็กวักมือเรียกความสนใจจากเพื่อน  “กูโดนอมด้วยแหละ ฮ่ะๆๆ ตอนแรกก็ว่าจะขัดขืนน้า~ แต่ไม่ไหวอ่ะ เต็มปากเลย หึหึหึ”

ไม่มีใครกล้าถามว่าเต็มปากใคร? และอะไรที่เต็มปากอยู่ในตอนนั้น แต่ลุงผู้มึนเมาก็เริ่มร่ายบทต่อเนื่องด้วยการแหวกเสื้อจนเห็นหน้าอก มันแอ่นนมโชว์คนในจอแบบน่าไม่อาย ตรงหัวนมบอดๆ ของมันก็มีรอยจูบอีกเหมือนกัน

“ห้ามกัดนมแล้วนะลุงเจ็บ”

ตอนนี้จากความขำแปรเปลี่ยนเป็นความตกใจแทน พวกผมนิ่งอึ้งมองเพื่อนรักบีบนมตัวเองให้แฟนดู

“แต่ดูดได้นะ ลุงโอเค”

แม่เจ้า!! พวกผมพร้อมใจกันปิดปากแบบรับไม่ได้ ไหนใครกันที่บอกว่าจะไปเป็น ‘ผัว’ เขา ไหนใครที่ยืนยันว่าไม่ได้เป็นเมียใคร ใครหน้าไหนกันวะ!!

“พัทลุง...ให้พี่คุยกับโป้ยหน่อยนะ”  ในที่สุดพี่ปูนก็พูดขึ้น

“ปุริมไม่อยากคุยกับลุงแล้วเหรอ”  ลุงก็ทำหน้าตูมรับทันที

“อยากสิ เดี๋ยวพี่ไปหานะ...ให้โป้ยคุยกับพี่หน่อยเร็ว”

“...ก็ได้” 

ผมรับมือถือที่ถูกส่งให้แบบไม่เต็มใจเท่าไหร่ ใบหน้าพี่ปูนในจอดูสงบผิดคาด แถมยังยิ้มให้ผมชนิดที่ว่าพาให้ขนสันหลังลุกเกรียว

“เอาตัวเองให้รอดก่อนดีมั้ย? คิดว่ากรมันจะยอมคบด้วยง่ายๆ เหรอ”  ใบหน้าหล่อเหลาแม้แต่ในความคิดของผู้ชายด้วยกันตรงหน้า ยกยิ้มมองผมราวกับสมเพชเวทนาเต็มทีก่อนจะตัดการสื่อสารไป

ใบหน้าผมแข็งค้าง สมองประมวลความหมายที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ พี่ปูนหมายความว่าอย่างไร พาดพิงถึงพี่กรอย่างกับรู้เรื่องราวบางอย่าง แถมยังบอกเป็นนัยว่ารู้ความต้องการของผม... ให้ตายเถอะ! ผมไม่ชอบพี่ปูนเลยจริงๆ

“ลุง! ไอ้คุณลุง นี่สรุปว่ามึงมีผัวแล้วสินะ”  ไอ้อ่ำเขย่าเพื่อนเพื่อคาดคั้นคำตอบ สีหน้ามันไม่ได้มีความรังเกียจหรือขยะแขยงอะไรกับการที่เพื่อนเป็นเกย์ แต่มันเป็นสีหน้าของคนที่สนุกกับการแกล้ง  “เร็วมึง เล่ามาให้กูฟังเลยนะว่าไปได้กันยังไง”

“บ้า~ ยังไม่ได้กันซะหน่อย”  ไอ้ลุงก็โคลงตัวไปมาหัวเราะหึๆ

“ก็โดนหิ้วเข้าโรงแรมแล้วนี่หว่า”  ไอ้เป๋เสริมด้วยความอยากรู้ทันควัน

“จุ๊ๆ ตูดกูยังแน่นเปรี๊ยะ”  คนเมาว่าพลางตบบั้นท้ายตัวเองเสียงดัง จากนั้นก็ชูสามนิ้วขึ้นมาแปะหน้าตัวเอง  “โดนแค่นิ้วเอง~”

“อ๊าก เชี่ยลุง!! มึงก้าวหน้ามาก”  ไอ้อ่ำกับเป๋ถึงกับกรีดร้องโหยหวน แต่ยังคงประคองการสัมภาษณ์ต่อไปได้   “แล้วเมื่อไหร่มึงจะยอมเสียประตูล่ะวะ”

“ไม่รู้”  คนเมาสะบัดหน้าไปมา เค้าความเครียดปรากฏบนหว่างคิ้ว  “กูกลัวอ่ะ แม่งชอบขู่กูอยู่เรื่อย...”

“ขู่ว่าไรวะ?”

“ถ้าไม่ยอมคบกันจะพากูไปปล้ำ ฮือๆ~ ของแม่งใหญ่มาก กูต้องตายแน่เลย”

“ไอ้ห่า! เมาแล้วยังอวยผัวได้อีก”

“โดนถลุงให้บานเหอะมึง หมั่นไส้นัก”

แล้วพวกมันสองตัวก็ผลักหัวไอ้ลุงให้ล้มพิงเบาะนั่งไปด้วยสีหน้าร้ายกาจ เฮ้อ...เนี่ยล่ะนะพวกมีปม


.

.

.


หลังจากช่วยกันเก็บล้างทำความสะอาดแล้วอ่ำกับเป๋ก็พากันกลับบ้าน จะเหลือก็แต่คนเมาที่ยังกลิ้งไปกลิ้งมาบนที่นอนในห้องรับแขก คงเพราะยังไม่ได้เมาถึงที่เลยยังไม่เพียงพอที่จะทำให้หลับง่ายๆ ใจก็อยากจะลากมันไปอาบน้ำเหมือนกัน แต่คงฮากว่าถ้าลุงมันตื่นมาแล้วเจอสภาพตัวเอง

ผมกำลังจะเดินออกไปสูบบุหรี่ จังหวะนั้นเสียงกริ่งดังรัวเหมือนมีใครมากดหาพ่อ... แต่ก็เหมือนว่าจะเดาได้ว่าใคร ดังนั้นผมจึงปรับสีหน้าตัวเองให้เปื้อนยิ้มก่อนเดินตรงไปเปิดประตู

พี่ปูนยืนตีหน้านิ่งเป็นรูปปั้น ข้างกันคือดาราหนุ่มที่เปล่งออร่าออกมาแบบขมุกขมัว พี่กรดูเหนื่อยมาก มันทำให้ผมเชื่อข้อแก้ตัวที่ส่งผ่านข้อความมาให้แบบง่ายดาย แต่แทนที่พี่กรจะได้พักผ่อนกลับถูกเพื่อนแบบนี้พามาด้วย

“พี่มารับลุง”

“มันนอนไปแล้ว”

“งั้นก็จะอุ้มกลับไป”  พี่ปูนยังยืนยันเจตนาเดิมแถมเสียงยังแข็งกร้าวขึ้นเรื่อยๆ ผมยกไหล่พร้อมหลีกทางให้แบบไม่ขัดขวาง พี่กรถอนหายใจออกมายาวเหยียดพลางหันมามองผมด้วยแววตาตำหนิเล็กน้อย แล้วเป้นฝ่ายออกปากถามเองแทนเพื่อที่กำลังกรุ่นโกรธอยู่

“ลุงนอนตรงไหนล่ะโป้ย”

“...ห้องนอนแขก”  ผมผายมือให้อย่างกวนอารมณ์  “เชิญเลยครับ”

พี่กรรุนหลังพี่ปูนให้เดินหน้าไปตามคำบอกทาง มือขาวเนียนยืนออกไปเปิดประตู แหวกทางให้เพื่อนเข้าไปก่อน ผมเองก็เดินตามไปติดๆ จึงได้เห็นสีหน้าพี่ปูนยามมองลุงที่นอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง สภาพลุงตอนนี้เรียกได้ว่าอนาถ ผมเผ้ายุ่งเหยิงเพราะปมจุกที่ไม่ได้ปลดหนังยางออก เสื้อผ้าหลุดลุ่ยอวดเนื้อขาวๆ บนที่นอนยับย่น หน้าตาไม่ได้ล้าง และคงเพราะมันขยี้หน้าตาตัวเอง คราบลิปสติกเลยเปรอะหนักยิ่งกว่าเดิม 

แขกทั้งสองท่านหันขวับมาทางผมเป็นตาเดียวต่างกันตรงที่ พี่ปูนจ้องแบบจะกินเลือดกินเนื้อ ส่วนพี่กรกลับถอนหายใจออกมาแล้วมองผมด้วยสายตาตำหนิอีกครั้ง อย่างกับว่าผมทำเรื่องอะไรร้ายแรงอย่างนั้นแหละ ช่างพี่ปูนเถอะ เพราะผมตั้งใจยั่วโมโหเอง แต่พี่กรเล่าเกี่ยวอะไร? หรือแค่เพราะว่ามันไปทำให้เพื่อนตัวเองไม่พอใจก็เลยเกิดปัญหาขึ้น

ผมหน้าตึงขึ้นมากะทันหันเมื่อสรุปความหมายจากแววตาพี่กรได้ อีกฝ่ายก็ดูจะเห็นความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าผมได้เช่นกัน เรามองสบตากัน เพียงแต่ครั้งนี้ผมยอมเป็นฝ่ายเลี่ยงก่อน ผมไม่ชอบใจ ไม่พอใจ ยิ่งเห็นพี่ปูนอุ้มลุงขึ้นมาราวกับหวงแหนแค่ไหนผมก็ยิ่งขัดเคือง ยิ่งเห็นพี่กรเดินเข้าไปถามไถ่ว่าหนักมั้ย? ให้กูช่วยอะไรรึเปล่า? ผมแทบอยากจะคลั่ง

จะเข้าข้างกัน จะสนิทสนมกันขนาดไหนก็ช่าง แต่ช่วยไปทำไกลหูไกลตาหน่อยได้มั้ย!!

อ๊ะ!!??

จู่ๆ ภาพเหตุการณ์ในอดีตก็ย้อนกลับมาตีแสกหน้าตัวเอง ช่วงเวลาที่ผมแอบขบขันท่าทางของพี่ปูน หรือแม้กระทั่งของพี่กรเวลาเห็นผมเล่นถึงเนื้อถึงตัวกับลุง...มันไม่สนุกเลยสักนิดเมื่อเดินมาหยุดในจุดนั้นบ้าง ตอนนั้นพวกพี่ก็รู้สึกแบบผมใช่รึเปล่านะ ไอ้ความรู้สึกหึงจนแทบบ้าเนี่ย...

กรรมมันติดจรวดเร็วดีจริงๆ

“โป้ย...”  ผมหันไปตามเสียงเรียก เป็นพี่กรที่มองผมด้วยสีหน้ากังวลเล็กน้อย  “เป็นอะไรรึเปล่า?”

ผมมองเลยไปยังด้านหลัง เห็นพี่ปูนอุ้มคนออกมายืนสมทบเรียบร้อยแล้ว  “จะกลับแล้วใช่มั้ย? ผมไม่ส่งนะ...”

ไม่รอให้ใครพูดอะไร ผมเป็นฝ่ายเดินเลี่ยงเข้าห้องนอนของตัวเองไปทันที เดินวนไปวนมาอยู่ในนั้นสักพักจึงค่อยออกมา ภายในห้องเงียบสนิทเช่นก่อนหน้า ผมไม่สามารถนอนไปพร้อมกับความอึดอัดในอกได้ แต่อย่างน้อยถ้าเมาสักหน่อยคงพอจะคลายสติที่เครียดขึงนี้ได้

ผมเดินกลับมานั่งบนโซฟาพร้อมกับขวดเหล้าที่ยังเหลือประมานครึ่งกับซองบุหรี่ นั่งเงียบๆ อยู่สักพักก็เริ่มจุดบุหรี่มวลแรกขึ้นมาอัดควันพิษเข้าปอด ความเย็นซ่านอบอวลอยู่ในปากสักพักจึงถูกปล่อยออกมาเป็นควันสีเทาลอยหายไป ผมเริ่มมองหาที่เขี่ยบุหรี่ ต่อเมื่อไม่เจอก็เลยใช้แก้วที่เตรียมมาเขี่ยขี้เถ้าลงไปแบบส่งๆ แล้วจัดการยกขวดเหล้าจ่อปากดื่มแทน วิสกี้รสชาติดีลื่นไหลลงคอแผดเผาไปตามทางจนร่างกายร้อนวูบวาบขึ้นมา

นึกตลกตัวเองขึ้นมาที่เคยคิดว่านับจากนี้จะเป็นช่วงเวลาหอมหวาน จะไล่ต้อนพี่กรให้จนมุมบ้าง ย่ามใจจนลืมนึกไปว่าชีวิตของพี่กรไม่ได้มีแค่ผม และลืมคำนวณความเสียศูนย์ของตัวเองเมื่อต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน หรืออย่างน้อยๆ พี่กรก็ไม่เคยมองผมด้วยสายตาตำหนิแบบนี้มาก่อน

น้ำเมาถูกยกซดลงคออีกครั้งตามด้วยควันบุหรี่ที่ถูกอัดเข้าปอดและปล่อยออกมาอีกหน ทั่วทั้งห้องตอนนี้มีแต่กลิ่นไม่พึงประสงค์ และเครื่องปรับอากาศทำให้มันลอยตลบอยู่ในห้องไม่ไปไหน บุหรี่มวนแล้วมวนเล่าถูกจุดขึ้นมา เช่นเดียวกับน้ำสีอำพันในขวดที่เหลือน้อยลงทุกที แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำลายสติผมไปเท่าที่ควรจะเป็น สมองยังคงสั่งการได้แม้จะไม่เต็มที่ก็ตาม

แกร่ก --

เสียงประตูที่จู่ๆ ดังขึ้นนั้นทำให้ผมสะดุ้งจากการจมดิ่ง แต่กว่าจะหันไปมองทางต้นตอก็พลันได้ยินเสียงฝีเท้าดังตามมาเสียก่อน ผมหันหน้ามองไปยังด้านนั้น รอให้ผู้ไม่ได้รับเชิญก้าวพ้นหลังกำแพงออกมา

“โป้ย...”  เสียงที่ดังขึ้นนั้นมีแววไม่สบอารมณ์เล็กน้อย เมื่อเดินใกล้เข้ามาใบหน้าของดาราเบอร์รองก็ยับย่นเพราะกลิ่นฉุนที่ลอยอยู่รอบห้อง  “นี่สูบบุหรี่ด้วยเหรอ”

ผมมองพี่กรด้วยรอยยิ้มเหยียดลึกพลางอัดควันเข้าปอดอีกครั้งแล้วหันหน้าพ่นทิ้งไปอีกทาง  “สูบมาตั้งนานแล้ว”

“มันไม่ดีหรอกนะ เลิกเถอะ”  ร่างสูงโปร่งสืบเท้าเข้ามานั่งลงข้างๆ แล้วถือวิสาสะดึงขวดเหล้าออกจากมือผมไปตั้งบนโต๊ะ ส่วนบุหรี่ซองที่วางอยู่ก็ถูกเลื่อนออกไปไกลคล้ายจะเป็นการห้ามกรายๆ

“พี่เห็นเราสีหน้าแปลกไป มีเรื่องอะไรรึเปล่า? บอกพี่ได้นะ”

ผมไม่สนใจคำถามห่วงใย อันที่จริงผมไม่ได้มองหน้าพี่กรด้วยซ้ำ ทำเพียงนิ่งฟังแล้วสูบต่อไปเรื่อยๆ

“หรือว่าจะโมโหปูน...”  อีกฝ่ายคาดเดา เมื่อเห็นผมหันไปมองก็ทำสีหน้าเหนื่อยหน่ายพลางถอนหายใจออกมา  “ปูนเป็นพวกหวงของนะ อีกอย่างพี่ว่าโป้ยก็น่าจะรู้แล้วว่า...เอ่อ...สองคนนั้นคบกัน”

“หึ! รู้จักกันดีเหลือเกินนะ”

“พี่แค่ไม่อยากให้โป้ยมีเรื่องมีราวกับปูน คนทำงานด้วยกันมันจะอึดอัดเปล่าๆ” 

“ลุงมันเป็นเพื่อนผม จะแกล้งมันยังไงก็เรื่องของผมรึเปล่า”  ผมโยนก้นบุหรี่ทิ้งลงแก้ว หันมาจ้องตาพี่กรตรงๆ  “เหมือนที่พี่โกรธผมที่ทำให้เพื่อนพี่โมโหไง”

“พี่ไม่ได้โกรธโป้ยสักหน่อย”  สีหน้าพี่กรงุนงงอย่างเห็นได้ชัด

“สายตาพี่มันบอก!”

“เข้าใจผิดแล้ว”  พี่กรยื่นมือออกมาจับแขนผมเพื่อปรามอารมณ์โมโหในน้ำเสียง  “พี่แค่ไม่อยากให้โป้ยมีเรื่องกับปูนก็เท่านั้น ตอนนั้นปูนมันโมโหมากนะแต่พยายามสงบสติอยู่ แล้วเราน่ะก็ยังคอยแค่จะยั่วอารมณ์ตลอด ตอนมันเห็นลุงนอนอยู่ในสภาพนั้น พี่ยังกลัวว่าปูนมันจะอาละวาดแย่”

“ผมแค่แกล้งกันตามประสาเพื่อน ไม่ได้ปล้ำมันสักหน่อย จะโมโหทำซากอะไรมากมาย!”

พี่กรที่นิ่งงันไปกับคำตวาดแบบไม่เก็บอารมณ์ของผม แม้หัวใจอยากจะให้ปากหยุดพล่ามเสียที แต่มันกลับทำไม่ได้ง่ายๆ ...เดาว่าน้ำเมาแบบออนเดอะร็อคครึ่งขวดที่หมดไปคงเริ่มทำปฏิกิริยากับสติผมแล้วล่ะ

“ถ้าผมอยากได้ลุงเป็นเมียนะ ซื่อๆ อย่างมันคงเสร็จผมไปนานแล้ว! เห็นแล้วโคตรขำเลยว่ะ หึงบ้าบออะไรขนาดนั้นวะ ปัญญาอ่อนชิบเป๋ง! ฮ่ะๆๆ ...ผมก็เหมือนกัน โคตรปัญญาอ่อนเลย!”

“พี่ว่าโป้ยเมามากแล้วล่ะ”  พี่กรเขยิบเข้ามาใกล้ ฝ่ามือขาววางแหมะลงบนไหล่ผม เขย่าเล็กน้อยเพื่อกู้สติผมคืน

“ถ้าเมาจะนั่งพูดอย่างนี้ได้เรอะไง!”

อา~ ผมว่าตัวเองเมามากแล้วจริงๆ

มันเหมือนกับว่ากึ่งหนึ่งยังมีสติอยู่เหลือติดสมอง แต่ว่าก็คล้ายจะควบคุมส่วนดีส่วนนั้นไม่ได้เลย ปากผมยังพล่ามไปเรื่อยเหมือนเช่นทุกครั้งที่เมามากๆ ยังดีที่ผมรู้จักลิมิตตัวเองที่จะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ต่อหน้าเพื่อน แต่ครั้งนี้เพราะพี่กรมาผิดจังหวะต่างหาก ถ้าพี่ไม่ย้อนกลับมา ผมคงนั่งเงียบๆ แล้วหลับไปถึงเช้าแล้ว


ทั้งหมดเป็นเพราะผู้ชายคนนี้คนเดียว!!


ความคิดเข้าควบคุมร่างกายอย่างรวดเร็ว มันสั่งให้ร่างผมลุกพรวดขึ้นเพื่อพุ่งเข้าโถมร่างพี่กรให้นอนล้มลงไป อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายกำลังตกใจกดน้ำหนักตัวเองลงไปเต็มที่ ร่างที่คล้ายจะบอบบางกว่าทำได้เพียงดิ้นรนเล็กน้อย ต่อเมื่อเห็นว่าสู้กำลังไม่ไหวจึงยอมสงบนิ่งมองผมด้วยแววตาสับสน

ใบหน้าของคนที่เปลี่ยนแปลงชีวิตผมอยู่ใกล้แค่ไม่กี่ฝ่ามือกั้น ถ้าไม่นับรวมบุพการีและอากง ตั้งแต่เด็กจนโตนั้นผู้ชายคนนี้คือคนที่ผมยกให้เป็นที่หนึ่ง คนใจร้ายที่ปั่นหัวผมมาตลอดครึ่งชีวิต คนขี้ขลาดที่แม้แต่ความรู้สึกตัวเองก็เอาแต่เก็บเงียบไว้ ผมควรจะเกลียดคนๆ นี้ต่างหาก ควรจะเกลียดให้มากแล้วตัดขาดไปซะ

แต่ผมไม่เคยจะทำอย่างปากว่าได้สักที

“...พี่กร”  เสียงแผ่วเบานุ่มนวลออกมาจากปาก ผมเลื่อนหน้าเข้าหาอีกฝ่ายอย่างช้าๆ จนลมหายใจแลกความอุ่นระหว่างกัน สองตาผมจดจ้องอยู่กับริมฝีปากนุ่มนิ่มตรงหน้า ทุกครั้งนั้นคือช่วงเวลามืดมิดหลังเปลือกตาที่จะได้ลิ้มรสชาติความหอมหวานล้ำลึกตรงหน้า หลายครั้งหลายคราก็ยิ่งรู้สึกว่าช่วงเวลาแสนสั้นนั้นไม่เพียงพอ

ร่างข้างใต้เครียดเกร็งขึ้นทันทียามที่ริมฝีปากของเราสองคนสัมผัสกัน ฝ่ามือพี่กรยื้อยุดแขนเพื่อดันร่างผมออกไป ผมจึงเพิ่มน้ำหนักตัวทับร่างพี่กรเอาไว้จนร่างโปร่งบางนั้นแทบจะจมหายไปกับโซฟา ผมเชื่อว่าพี่กรสามารถออกแรงดิ้นหนีได้มากกว่านี้ถ้าผมเป็นคนอื่น แต่ผมรู้ดีว่าถ้าเป็นความต้องการของผม ถ้าเป็นแรงปรารถนาของผม...พี่กรจะต้องยินดีแน่นอน

ไม่ใช่เพียงแค่ริมฝีปากของผมเท่านั้นที่กระหายความหวานล้ำ เพราะเมื่อมาถึงในจุดที่เพลิงอารมณ์กำลังลุกไหม้สติสัมปชัญญะให้มอดไป ไม่ว่าผมจะลากลิ้นไปตรงซอกมุมไหนก็จะมีลิ้นพี่กรรุกไล่ตามมา แรงดันจากฝ่ามือแปรเปลี่ยนเป็นการเหนี่ยวรั้ง บดเบียดเนื้อตัวเข้าหากัน เสียดสีจนต่างฝ่ายต่างแสดงความต้องการ

เราจูบกันเนิ่นนานจนอากาศเริ่มไม่เพียงพอ แต่ผมยังไม่อยากจะหยุดลิ้มรสความนุ่มนวลนี้ได้ ผมยังคงมอบจูบที่แสนตะกรุมตะกรามหิวกระหาย คล้ายจะชดเชยตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมโยกกายเชื่องช้าให้ส่วนโป่งนูนด้านล่างได้เสียดสีกันผ่านเนื้อผ้า มันวาบหวิวราวกับเป็นการร่วมรักครั้งแรก ตื่นเต้นจนใจระรัว เหมือนตัวเองกลับไปเป็นหนุ่มน้อยที่ยังไม่ประสา

“อื้ม! พอ”

ผมหอบหายใจฮัก ไม่สิ ต้องบอกว่าเราต่างหายใจเหนื่อยหอบเมื่อพี่กรสะบัดหน้าออกจากการครอบครองของผมได้สำเร็จ ผิวขาวผ่องบัดนี้ระเรื่อแดงน่าหลงใหล ริมฝีปากที่เจ่อบวมนั้นก็ยิ่งเพิ่มความเย้ายวนเป็นทบทวี พี่กรเบี่ยงหน้าหลบสายตาผม แต่กลับกลายเป็นการเชิญชวนให้ริมฝีปากผมซุกซนกับลำคอขาวอย่างซึ่งหน้า

“โป้ย...”

“หอมจังเลย”  ผมพึมพำแนบไออุ่นเนื้อ จูบซับอย่างหื่นกระหายพลางบดเบียดเสียดสีส่วนล่างหนักแน่นขึ้น

“อึ๊! อา~ อย่า!”

“ห้ามผมทำไม”  ผมไม่สนใจฝ่ามือที่กลับมามีเรี่ยวแรงดันไหล่ผมอีกครั้ง ตอนนี้ผมสนแค่ว่าริมฝีปากของผมจะตะโบมจูบได้มากแค่ไหน

“อย่า... มันไม่ถูกต้อง”  พี่กรห้ามเสียงเบาหวิว แต่คำที่เปล่งออกมานั้นทำให้ผมต้องหยุดการกระทำเพื่อเงยหน้าขึ้นสบตาคนพูด พี่กรส่ายหน้าแดงเรื่อไปมาด้วยแววตาฉ่ำน้ำ

“ไม่ถูกต้องตรงไหน?”

พี่กรเม้มปากแน่นกับคำถาม คล้ายจะโต้เถียงแต่ก็เลือกที่จะสะบัดหน้าหนีด้วยความเงียบ

“คืนก่อนนั้น...ผมรู้ว่าพี่ไม่ได้หลับ”  ผมมองใบหน้าซีดเผือดของพี่กรด้วยรอยยิ้มขัน ก่อนที่มันจะแดงแปร๊ดอย่างน่าเอ็นดูเมื่อได้ฟังประโยคถัดไป  “ใครเชื่อก็บ้าแล้ว! พี่หลุดเสียงครางซ้ำยังตัวแข็งทื่อขนาดนั้น”

“แล้วทำไม!”  คุณดารารูปหล่อตวัดสายตาจ้องผมอย่างโกรธเกรี้ยว แต่เพียงเสี้ยววินาทีเดียวริมฝีปากของผมก็ดูดกลืนคำบริภาษต่างๆ ให้หายวับไป  “อื้ม! อื้อ~”

ผมผละริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง สองตาจับจ้องวงหน้าขัดเขินอย่างอิ่มเอมใจ

“ผมเองก็เสแสร้งมาตลอด... ตั้งแต่คืนแรกที่พี่แอบจูบผม หลังจากนั้นทุกครั้งผมก็แกล้งหลับเสมอมา”

พี่กรเบิกตากว้าง หันมามองผมด้วยความตกใจ ใบหน้านั้นเปี่ยมไปด้วยความอับอายระคนละอายใจอย่างยิ่งยวด

“ใจร้ายจังเลยนะ ทำกับผมแบบนั้นแท้ๆ แต่ก็ยังวางตัวเป็นพี่ชายที่แสนดีอยู่ได้ -- โอ๋ๆ ตกใจขนาดนั้นเชียว”  ผมอมยิ้มพลางลูบแก้มอีกฝ่ายเพื่อปลอบขวัญ  “พี่ทำให้ผมโมโห ทำให้ผมหงุดหงิด ทำให้ผมไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่ทุกครั้งผมก็ยินยอมให้พี่จูบ”

ผมก้มหน้าลงจุมพิตริมฝีปากอิ่มนั้นเร็วๆ

“ยอมให้พี่หอมแก้ม”

ริมฝีปากเคลื่อนไปยังแก้มที่ปราศจากไรหนวด กดจมูกลงสูดความหอมลึกล้ำ ก่อนจะทิ้งท้ายด้วยรอยจูบหนักแน่น เมื่อเคลื่อนศีรษะออกมามองใบหน้าข้าวของความหอมหวานนั้นอีกครั้ง พี่กรก็แทบจะกลายร่างเป็นมะเขือเทศสุกที่แสนน่ากิน

“พี่บอกรักผมตั้งหลายครั้ง ช่างเป็นคนขี้ขลาดเหลือเกิน”

“...พี่...พี่ขอโทษ”  แม้จะเขินอายแต่ความรู้สึกผิดนั้นยังฉาบแววตาจนล้น ผมส่ายหน้าปฏิเสธคำขออภัยด้วยรอยยิ้ม

“ไม่ทันแล้วล่ะพี่กร พี่เปลี่ยนชีวิตผมเลยนะ จะมาปล่อยผ่านแค่คำขอโทษได้ยังไง”

พี่กรขบริมฝีปากตัวเองแน่น ความสับสน ความละอาย ความเขินอายนั้นตีกันวุ่นบนใบหน้างดงามนี้ ยิ่งเห็น ผมก็อยากจะกลืนกินทั้งหมดทั้งมวลของคนๆ นี้ไม่ให้เหลือซาก

“ผมไม่รู้ว่าพี่กลัวอะไรนักหนา แต่อย่าได้ทำเหมือนเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นอีก”  ผมมองฝ่ามือตัวเองที่กำลังลูบไล้แก้มเนียนนุ่มของพี่กร และยามเมื่อลูบไล้มาถึงลำคอ ผมยิ่งกดรอยยิ้มลึกด้วยแววตาวาววาบ  “รักผมให้มากนะพี่กร เป็นของผม ยกทุกตารางนิ้วบนร่างกายพี่ให้เป็นของผม... ทั้งหมดนั่นแลกกับทุกสิ่งที่ผมจะมอบให้พี่ มันคงไม่มากไปหรอก...ใช่มั้ย?”

ผมออกแรงกดปลายนิ้วลงบนเนื้อนุ่ม พี่กรนิ่วหน้าผวารั้งฝ่ามือที่กุมลำคอตัวเองออก ใบหน้าซีดเผือด จ้องมองผมด้วยสีหน้าตกใจ ผมมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มพลางเปลี่ยนมากุมมือข้างนั้นไว้แล้วจับเลื่อนมันขึ้นไปเหนือหัว ตรึงร่างเย้ายวนนี้ไว้ก่อนทิ้งร่างตัวเองทาบทับ

“ไม่ได้ -- เรื่องเรามันไม่ควรเป็นแบบนี้”  พี่กรเอ่ยปฏิเสธเสียงสั่น แต่ทว่ามันดูไร้พลังเหลือเกินเมื่อเทียบกับร่างกายที่โอนอ่อนผ่อนตามผม

“ถ้าผมต้องการให้มันเป็น มันย่อมเป็นได้อยู่แล้ว”

“แต่ว่า…”

“เรื่องความกังวลอันมากมายมหาศาลของพี่ ผมจะค่อยๆ ขจัดมันไป แต่ถ้าพี่ไม่ต้องการจริงๆ ก็บอกผมมาตอนนี้เลยสิ จ้องตาผม แล้วบอกมาว่าพี่ไม่รักผม แค่คำเดียวเท่านั้นแล้วเราจะกลายเป็นคนแปลกหน้ากัน ผมจะได้ไปให้ไกลจากพี่สักที ไม่ว่าจะเจอกันที่ไหนก็ไม่ต้องทัก ไม่ต้องเป็นคนรู้จัก แม้แต่เงาก็ไม่ต้องเฉียดเข้ามา”

ผมเหยียดรอยยิ้มมองสีหน้าปวดร้าวของคนใต้ร่าง แต่นอกเหนือจากการหลบตาแล้วนั้น ผมไม่ได้ยินพี่กรเอ่ยอะไรออกมาแม้แต่ครึ่งคำ

“ผมรู้อยู่แล้วว่าพี่ทำไม่ได้”  ผมก้มหน้าลงหอมแก้มพี่กร ซุกไซ้จนพอใจ  “พี่รักผม มันคือความจริงที่หลายปีมานี้ไม่เคยเปลี่ยน”

“..........”

“ผมเองก็หนีหัวใจตัวเองไม่พ้นเหมือนกัน”

“..........”

“ผมรักพี่นะครับ”

เหมือนแสงเทียนที่ถูกจุดขึ้น สีหน้าพี่กรพลันวาววับขึ้นทันตา คล้ายกับว่าถ้อยคำนี้คือความเหลือเชื่อที่เกินจะคาดหวัง แต่กระนั้นความเจ็บปวดก็ยังท่วมท้นออกมาผ่านหยาดน้ำตาอยู่ดี ผมปาดนิ้วเช็ดหยดน้ำใสนั้นให้จางหายไป เข้าใจหรอกว่าพี่กรเป็นคนจริงจังที่แสนจะคิดมาก จะด้วยเพราะอาชีพดาราหรืออะไรก็ตามที่ทำให้เกิดอุปสรรคขึ้น ต่อแต่นี้ผมจะจับมือพี่กรฝ่ามันไปด้วยกัน 

“รู้มั้ย? พี่ก็ปัญญาอ่อนเหมือนผมกับพี่ปูนนั่นแหละ”  ผมว่าด้วยแววตาที่ไม่อาจคลายความเชื่อมหวานได้  “ทั้งที่รู้ว่าจะไม่มีวันแปรเปลี่ยนมือไปเป็นของใคร แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหึงหวง”

“..........”

“แล้วถ้าจากนี้พี่ทำให้ผมหึง พี่จะได้รับบทลงโทษน่าดูชมเชียวล่ะ”

“พี่ไม่เคยทำแบบนั้น! โป้ยต่างหากที่...”  ประโยคหลังพี่กรงึมงำจนฟังไม่ได้ศัพท์ แต่ผมรู้ดี

“พี่คือผู้ชายคนแรกของผม และจะเป็นคนสุดท้ายไม่ว่ากับเพศไหนก็ตาม”  ผมบีบปากปิดคำน้อยอกน้อยใจเบาๆ  “เพราะงั้นจำทุกคำพูดของผมในคืนนี้ไว้นะ แล้วก็...รู้ใช่มั้ยว่าคนที่ผิดหวังในความรักมักทำได้ทุกอย่าง”

“โป้ย...”  พี่กรกลืนน้ำลายก้อนโต

“ถ้าเข้าใจก็บอกรักผมมาได้แล้ว”

“..........”

ผมอมยิ้มกับสีหน้าเขินอาย ตอนนี้แม้แต่ดวงตาผมพี่กรก็ไม่อาจสบได้ ผมจึงเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ ส่งเสียงแผ่วต่ำข้างใบหู  “กระซิบบอกผมอย่างที่พี่ชอบทำก็ได้”

พี่กรผินหน้าแดงก่ำมาทางผมเล็กน้อย และเมื่อผมเอียงใบหน้าเข้าหา พี่กรก็ยื่นหน้าเข้าแนบกัน กลีบปากนุ่มเคล้าคลอใบหู เสียงที่เปล่งออกมานั้นเบาเสียยิ่งกว่าเบา แต่ผมได้ยินชัดเจนทุกคำ

“------------“

“...แหม~ ตะโกนซะดังเชียว”  ผมแซวเสียงดัง เรียกกำปั้นแห่งความอายให้ทุบป้าบลงบนไหล่

อย่างที่เขาว่า ‘ฟ้าหลังฝนย่อมสดใส’ ตอนนี้หัวใจของผมมันเบาโหวงเหมือนปุยเมฆในวันฟ้าสีคราม บางทีท่าผมทำตามความตั้งใจแต่แรกที่จะกลั่นแกล้งให้พี่กรได้ลิ้มรสชาติการถูกปั่นหัว เรื่องราวมันอาจจะพลิกผันไปอีกรูปแบบก็ได้ แต่ใช่ว่านับจากนี้ผมจะทรมานพี่กรไม่ได้เสียเมื่อไหร่

ทรมานด้วยความเร่าร้อนจนขาดใจ...นั่นสิถึงจะน่าสนุก




---------------------------------------TBC.


รู้สึกได้ถึงความหวานปนความน่ากลัว 555 นี่เขารักกันแล้วถูกมะ

ตอนหน้าพบกับความอ่อนด๋อยของนังลุงเหมือนเดิม...

ปล. ขอบคุณที่ติงเรื่องคำผิดนะคะ (แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่ได้แก้ นิสัยไม่ดีจริงๆ)
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 02-02-2018 02:11:10
 :hao6: น้องมันร้าย  :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 02-02-2018 02:24:01
กว่าจะเข้าใจกันได้... เสียดายเวลาแทนโป้ย
ทีนี้คงได้แข่งกันหวานแข่งกะคู่ลุงหล่ะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-02-2018 02:57:36
พัทลุงตลกมาก เอ็นดู
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 02-02-2018 03:41:00
ตอนหน้าอย่านานนะคะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 02-02-2018 05:22:31
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 02-02-2018 07:07:04
หมั่นไส้โป้ยมากกกก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 02-02-2018 07:20:04
ลุงกลับโดนจัดหนักแน่.... เอิ๊กๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 02-02-2018 07:35:15
ของเพื่อนโป้ย จบแล้ว มาต่อที่น้อง พัทลุ๊ง ดีกว่า 555ว่าจะเป็นยังไงต่อ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 02-02-2018 08:15:01
 :hao3: แร้วมะไรลุงจะได้เป็นเมียพี่ปูนลาคร่ะ...แค่กๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 02-02-2018 08:16:11
หมั่นไส้อิน้องโป้ย ยังไม่ควรได้พี่กรมากกเลยจริงจริ๊งงงง
น้องลุงแม่งงงง ฮ่าๆๆ โอ๊ยๆๆๆๆๆ  :-[  จะรู้ตัวมั้ยว่าทำอะไรลงไป  :laugh:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 02-02-2018 08:19:27
ลุงน่าร๊ากกกกกกกกกก   :jul3: :jul3: :jul3:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 02-02-2018 08:56:03
เอ็นดูคุณลุง. น้องเมาได้น่าลากมาก
ลากไปเค้นคอ แล้วถ่ายคลิปเป็นหลักฐาน

ยินดีกับความรักของนุ้งโป้ยด้วยจร้า
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 02-02-2018 09:14:37
ลุงงง เสร็จแน่
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 02-02-2018 09:18:53
ดีใจที่โป๊ยเป็นฝ่ายเข้าหาบ้าง


บางคนรออีกฝั่งบอกรัก จนมันสายเกินไป


ถ้าใจตรงกันก็เดินเข้าหากันเลย จะมัวแต่รอกันทำไม





555555555555 พัทลุงเสร็จแน่


โคตรฮา
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 02-02-2018 09:28:06
น้องลุงลูกปล่อยไก่อีกแล้ววววววววว บอกเพื่อนหมดเลย 555555555  :laugh:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 02-02-2018 09:37:02
 :z1:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 02-02-2018 09:39:30
โป๊ยนี่ร้ายจริงๆ ขอบอก สุดยอดของการวางแผน
พี่กรคงปฎิเสธไม่ลงแล้วละ ว่าที่ผ่านมาน้องเขารู้หมด

ส่วน..นู๋พัด คราวนี้คงโดนมากกว่านิ้วแน่นอน
 :hao6:

ชอบตอนนี้มากมาย คนเขียนดึงความรู้สึกของตัวละคร
ออกมาได้อย่างดีเยี่ยม +1
 :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 02-02-2018 10:04:34
โอ้ยยยยย ชอบจัง fcค่าาา
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 02-02-2018 10:16:46
รอตอนหน้าด้วยความหวัง :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 02-02-2018 10:24:35
น้องโป๊ยแสนร้ายสมหวังกะพี่กรแล้วนะ :katai2-1:

หนูลุงลูกเอ๊ยเมาแล้วน่ารักจริงๆๆมีอะไรบอกหมด :-[ :-[


พี่ปูนจะทำโทษเด็กขี้เมาแบบไหนน้อ :hao6: :hao6: :hao6:

 :pig4: :L1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: jinutlove ที่ 02-02-2018 10:28:11
 :-[ :impress2: :z1:ทำไมชอบแกล้งลุงกันจัง เขินโป้ยอิอิ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 02-02-2018 10:36:52
ตลกมากค้าาาาาา
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 02-02-2018 10:42:44
ลุงงง เจอมอมเหล้าแล้วก็บอกเขาหมด
แหม่ๆ ขนาดเมายังอวยพี่ปูน
สมกับที่เพื่อนน่าหมั่นไส้ 555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 02-02-2018 10:57:49
 o18 ลุงเอ๊ยยยยย   ท่าทางจะไม่รอดละคราวนี้
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 02-02-2018 11:53:50
ลุงน่าสงสารอยู่นะ ตกเป็นรองในทุกสถานการณ์
ไม่ว่าจะแม่ พี่ เพื่อน แฟน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: sz4music ที่ 02-02-2018 11:57:53
ระหว่างพี่กรกับลุง ใครจะเสียตัวก่อนกันคะะะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 02-02-2018 13:33:49
เพื่อนโป้ยแฮปปี้ไปแหล่ะ มาลุ้นพัทลุงต่อไป :mew4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 02-02-2018 13:48:06
ลุงเนี่ยพาตัวเองมาหาหายนะเบาๆเลย แพ้ทางทุกคนเลย ดูแล้วลุงน่าจะชนะใครยากมากๆ 5555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-02-2018 14:10:09
โอ๊ยยยย...........ฮามากกกกกกกกกกกกก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ขำ ก๊ากกกกก เลย   :ling1:

ลุง เมา แล้วรั่วมาก น่าร้ากกกกก  ความลับเปิดเผยหมดเลย
พี่ปูน ก็มองด้วยความรัก เอ็นดู หวงสุดๆ
ลุงโดนจัดหนักแน่ คราวนี้ไม่แค่นิ้วแล้ว
ที่กลัวๆว่าของพี่ปูนใหญ่มาก ลุงเจอแน่  : :laugh:

โป้ย ร้ายมากกกก
พี่กร โดนจับได้หมด ดักได้ทุกทาง ชนิดพูดปฏิเสธ ไม่ออกเลย
รักของโป้ย คงทั้งเร่าร้อน ทั้งทรมาน  แต่ถึงใจสุดๆ
รออ่าน nc นะ ไรท์  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ous_p ที่ 02-02-2018 15:20:24
โป้ยนี่เจ้าแผนการ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 02-02-2018 15:27:44
เอ็นดูและสงสารลุงไปพร้อมๆ กัน ใครๆก็ชอบแกล้งลุง ฮาาา
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: zakimi ที่ 02-02-2018 16:16:41
โถ่ลุง  อนาจมากตอนนี้555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: krayfanxing ที่ 02-02-2018 18:22:59
ก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตารอวันที่พัทลุงโดนคุณปุริมกดค่ะ ฮ่าๆ คุณวีรภาพค่ะกรุณาถนอมเทวดายิ้มสวยของเราด้วยเด้อ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 02-02-2018 19:17:57
ทำไมเรื่องนี้มีแต่คนร้ายๆคะ ร้ายไม่พอผสมความโรคจิตอีกตะหากทั้งพี่ปูนทั้งโป้ยเลยจริงๆ สงสารก็แต่ลุงกับพี่กรณ์ต้องมารับมือกับคนแบบนี้

ปล1. เกลียดการจีบแบบข่มขู่ของอิพี่ปูนมาก น้องลุงกลัวหมดแล้วอิพี่ปูนนน
ปล2. คำผิดยังมีอยู่บ้างนะคะ
ปล3. ขอบคุณที่มาอัพนะคะเราชอบเรื่องนี้มากๆ รอน้องต่ายพี่จันทร์ด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: mkooo ที่ 02-02-2018 19:42:54
รักลุงนะ คิดถึงลุงมากกกกก
สนุกมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 02-02-2018 19:45:03
อ้างถึง
ตรงตัวสีแดงคือคำผิดที่เราแก้ให้นะคะ


เสียงเคาะนิ้วกับโต๊ะดังเป็นจังหวะต่อเนื่องขณะที่สายตาก็จับจ้องอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์แน่นิ่ง ผมมองข้อความสุดท้ายที่เด้งขึ้นไปรวมกับตัวอักษรก่อนหน้า มันขึ้นไปกองรวมๆ กันเหมือนคำไร้ค่า ไร้ความสำคัญเหมือนกับข้อความของเมื่อวาน...ไร้ความหมายเหมือนเสียงสัญญาณที่ไม่มีอีกฝ่ายตอบรับ

ผมกำลังหงุดหงิด หากความรู้สึกนั้นไม่ได้เกิดจากข้อความทั้งหลายที่ไร้คนอ่าน ในจุดนั้นผมพอเข้าใจได้ ก็พี่กรเป็นพวกไม่กล้าเผชิญหน้านี่นะ ไอ้การไม่รับสายหรือไม่ยอมเปิดอ่านข้อความมันก็เป็นเรื่องที่เดาได้ไม่ยากอยู่แล้ว ก็นับจากวันนั้นที่ผมเริ่มรุก วันต่อมาพี่กรก็หนีหาย ไม่เข้าออฟฟิศซ้ำยังติดต่อไม่ได้ พอสืบข่าวจากช่องทางแฟนคลับก็เห็นว่ามีงานถ่ายแบบงานเดียวในช่วงเช้า ส่วนวันนี้ก็คงถ่ายละครเต็มวันซึ่งทุกครั้งก็เห็นตอบข้อความได้ปกติดี

ถ้าไม่เรียกว่าหลบหน้า จะให้หาคำอธิบายใดมาแทนได้ล่ะ แต่...

“ไปกินข้าวกันก่อนดีมั้ย? แล้วหลังจากนั้นเราค่อยไปดูหนังกัน”

นี่ต่างหากคือต้นตอของความหงุดหงิด!

ผมยอมละสายตาจากมือถือเพื่อหันไปให้ความสนใจความบ้าบอข้างตัวอย่างเต็มที่ อย่าว่าแต่ผมที่นั่งข้างๆ เลย ขนาดพี่เปี๊ยกที่นั่งอยู่อีกฝั่งก็ยังแอบมองมาบ่อยๆ กระทั่งพี่ริชยังแอบมองผ่านบานกระจกห้องตัวเองออกมาตั้งนานสองนาน แม้แต่ป้าจิ๋มยังตกอกตกใจเมื่อเห็น ก็นะ...ใช่ว่าทั้งหมดจะรับการเปลี่ยนแปลงของคู่กัดประจำออฟฟิศไม่ได้หรอก เพราะความสมัครสมานมันก็เกิดมาได้สักพักแล้ว แต่ที่เรียกสายตาของทุกคนอยู่บ่อยๆ นั้น คือการออกตัวแรงของเจ้านายมาดเข้มต่างหาก

“เสร็จแล้วก็ไปดื่มกันต่ออีกนิดหน่อย แล้วดึกๆ พี่จะไปส่งที่บ้านนะ”

นอกจากคำว่า ‘ดึกๆ’ ที่เน้นย้ำแถมเปี่ยมไปด้วยความนัยที่ผมต้องได้ยินแล้ว ยังอุตส่าห์กระซิบกระซาบให้ผมต้องแอบฟังอีกว่า...

“หรือคืนนี้จะไม่กลับพี่ก็ยินดีนะ”

“ค...คือผม...ผมไม่”

“หืม? อะไรนะพี่ได้ยินไม่ค่อยถนัดเลย ลุงบอกว่าไม่เหรอ?”

“พ...พี่ปูนครับ คือผม...ผม...”

ให้ตายเถอะ!! สองวันแล้วที่ผมต้องมาเจออะไรแบบนี้ คนหนึ่งก็รุกแรงแบบไม่แคร์สายตาใคร ในขณะที่อีกฝ่ายก็นั่งตัวสั่นปฏิเสธไม่เคยจะเต็มเสียง

ผมมองเพื่อนด้วยความสงสาร ไอ้คุณลุงมันเคยต้องมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ที่ไหน ตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยจะต้องมาถูกชวนไปเดตด้วยลักษณะเหมือนโดนข่มขู่มาก่อน ตอนนี้จิตใจเพื่อนผมจะบอบช้ำสักเท่าไร ผมอยากจะตบบ่าบอกกับพี่ปูนเหลือเกินว่ารังแต่จะทำให้ลุงมันกลัวมากขึ้นก็เท่านั้น เมื่อวานมันสบตากับผมประหนึ่งลูกหมารอการช่วยเหลือแต่สุดท้ายก็โดนลากไปจนได้ มาวันนี้ก็ยังถูกรุกหนักไม่ต่างกัน ถ้าเพื่อนอย่างผมไม่ช่วยเหลือบ้างอะไรบ้างก็จะดูแล้งน้ำใจไปหน่อย

“วันนี้พวกเรามีนัดกันแล้วครับพี่”

ทันทีที่ผมสอดปากออกไป สายตาลุงเหมือนเจอกับพระเจ้า มันมองผมด้วยสีหน้าเต็มตื้นซาบซึ้งในบุญคุณเหลือแสน ยิ่งเห็นผมก็ยิ่งอยากจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ระหว่างพี่ปูนกับมัน

“ใช่ครับๆ วันนี้ผมมีนัดกินเหล้ากับเพื่อน ไปกับพี่ไม่ได้หรอก”  ลุงหันไปบอกพี่ปูนด้วยน้ำเสียงมั่นใจขึ้น แม้จะเป็นการพูดที่หลบเลี่ยงสายตาคนฟัง ซ้ำยังตัวสั่นเป็นกระต่ายไปหน่อยก็เถอะ

แต่ตอนนี้ลุงคงหลุดพ้นจากเป้าหมายไปแล้วล่ะ

ผมลอบกลืนน้ำลายก้อนโตลงคอด้วยท่าทีนิ่งสงบ แม้จะหวั่นใจกับสายตามาดร้ายที่อีกฝ่ายส่งมาให้แต่ผมก็เผยยิ้มสู้ด้วยสีหน้าเป็นต่อ ในสงครามการจ้องตาคนที่นิ่งได้กว่าคือผู้ชนะ และผมก็ไม่ค่อยจะแพ้ให้ใครซะด้วย...แต่กับคนบางคนเราก็ไม่ควรไปแหย่เล่นด้วยมากนัก ผมสรุปกับตัวเองตามนั้นแล้วเปลี่ยนมุมมองสายตาไปยังเพื่อนที่นั่งลุ้นอยู่ด้านข้างทันที

“เก็บของสิมึง ไปกินที่ห้องกูนั่นแหละ”  ผมเร่งเพื่อนทั้งน้ำเสียงทั้งภาษากาย ไอ้ลุงก็เหมือนคนมีประสบการณ์ มันรีบเซฟงานปิดคอมฯ เก็บของทั้งหมดด้วยความฉับไวแบบคนที่อยากเอาตัวรอดเต็มที การกระทำของลุงยิ่งส่งผลให้ใบหน้าพี่ปูนเขียวคล้ำยิ่งกว่าเดิม แต่คนมันกำลังง่วนอยู่ไงเลยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองบรรยากาศที่แย่ลง ปากช่างเจรจาของมันถึงได้หลุดพูดเรื่องไม่สมควรออกมา

“เดี๋ยวซื้อของเข้าไปทำกับแกล้มก่อนดีมะ?”

หน้าพี่ปูนเข้มขึ้นจนน่ากลัว

“ถ้าเมามาก กูนอนกับมึงเลยนะ”

ผมว่ามันมีประโยคอีกมากมายที่ใช้คู่กันได้นะ อย่าง ‘นอนค้างกับมึง’ ‘ขอนอนห้องมึง’ ‘กูนอนด้วยคน’ อะไรทำนองนี้ แต่พอคำพูดที่ว่า ‘กูนอนกับมึง’ หลุดออกมา หน้าพี่ปูนก็เปลี่ยนจากเขียวเป็นม่วง จากม่วงเป็นดำ เหมือนภูเขาไฟใกล้ปะทุลาวาออกมา ถ้าคนมันไม่มีปมมาก่อนจะถูกคำง่ายๆ แบบนั้นสะกิดได้อย่างไร นี่ไม่บอกเป็นนัยเลยหรือว่าพี่ปูนคิดเสมอว่าผมจะกลายเป็นมือที่สาม

นี่มัน...น่าสนุกจริง

“มึงก็อย่าดื่มเยอะสิวะ เมามากก็ชอบถีบกูตกเตียงอยู่เรื่อย”  คนฟังสองคนสะดุ้งพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ผมเก็บปฏิกิริยาแปลกนั่นเอาไว้ในใจก่อนพ่นคำต่อไปเรื่อยๆ ด้วยใบหน้านิ่งเรียบ   “เวลามึงดื่มพอดีๆ แล้วกำลังน่ารัก ว่าง่ายมาก เชื่องด้วย”

“ตีนเหอะ”  ไอ้ลุงเงยหน้าด่าผมทันควันแล้วก้มลงยัดของลงกระเป๋าเป้ต่อ ใบหูมันแดงเรื่องเล็กน้อย ปากเม้มแน่นด้วยความอับอายแต่ก็ไม่ยอมพูดแก้ต่างอะไรออกมา ดังนั้นปฏิกิริยาของพี่ปูนจึงเข้าใกล้คำว่าล้มโต๊ะไปทุกที

“งานเลี้ยงต้นปีน่ะครับพี่ปูน”  ด้วยความเป็นน้องที่ดีมาตลอด จะไม่อธิบายอะไรสักหน่อยผมก็ว่าจะดูไม่ดี  “ใส่หูกระต่ายน่ารักเบอร์ตองเลย”  ผมอมยิ้มมองหน้าคู่สนทนาที่แววตาคล้ายอยากจะหักคอผมทิ้งให้แล้วรู้รอด

“น่าสนใจดีนะ”  พี่ปูนส่งเสียงลอดไรฟันแบบพยายามสะกดอารมณ์เต็มที่

“มากครับพี่ วันนั้นนี่ใครอยากให้ลุงทำอะไรทำได้หมด ผมมีรูปคืนนั้นอื้อเลยนะพี่”  ผมยิ้มจนตาหยีก่อนจะมองสบตาแล้วยักคิ้วให้หนึ่งที  “พี่อยากจะดูบ้างมั้ย?”

“พอเลยไอ้เชี่ยโป้ย!”  เสียงลุงตวาดลั่น หยุดประกายไฟแปล๊บปล๊าบน่ากลัวที่พี่ปูนกำลังส่งมา ไอ้หนุ่มหูกระต่ายน่าอายยืดตัวขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมเผ่น ใบหน้าอิ่มเอิบมีสีเลือดฝาดฟุ้งเต็มแก้ม กำลังอายได้ที่เชียวล่ะ

“พอก็พอ”  ผมยักไหล่พลางยัดของอีกเล็กน้อยลงกระเป๋าตัวเองบ้าง จากหางตา ผมเห็นเพื่อนตัวเองเดินเข้าประชิดร่างสูงของเจ้านาย มือกระตุกแขนเสื้อหงึกๆ พลางพูดเบาๆ ที่พอจับใจความได้ว่า ‘พี่อย่าไปบ้าตามมัน ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ’

ชะหนอย!! แล้วจะได้รู้กันว่าแฟนมันควรบ้าตามคำผมรึเปล่า ไม่ใช่แค่รูปถ่ายนะที่ผมถือครองอยู่ แม้แต่คลิปวีดิโอผมก็มี ถ้าพี่ปูนเห็นแล้วไม่หัวร้อนล่ะก็ให้เอาตีนมาขยี้ตาปลาผมได้เลย

“ไปได้แล้ว”  ผมชักน้ำเสียงใส่ พร้อมกับเดินอ้อมไปจูงมือเพื่อนเดินหนีไปทันที พัทลุงก็ยอมจับมือผมมาตลอดทางจนถึงรถ แต่ใบหน้านั้นหงิกงอจนน่าหมั่นไส้

“เป็นอะไร”

“มึงอย่าไปยั่วโมโหพี่ปูน”  มันชักสีหน้าจริงจังเอ่ยกับผมเมื่อรถยนต์เริ่มเคลื่อนตัวออกจากลานจอด

“ทำไม? ห่วงกูเหรอ”

“เปล่า กูห่วงตัวเอง!”

ผมหลุดหัวเราะพรืดออกมา ผลที่ได้คือการถูกค้อนวงใหญ่จากคนข้างๆ ไอ้ลุงสะบัดหน้าพรืดหันไปอีกทางด้วยใบหูแดงแปร๊ด ผมก็ไม่อยากจะทำให้เพื่อนอายไปมากกว่านี้ เดี๋ยวมันคิดสั้นเปิดประตูกระโดดออกไปแล้วจะยุ่ง แต่นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเลยว่าเพื่อนผมแพ้ทางพี่ปูนขนาดไหน จะด้วยอะไรก็ไม่ทราบแต่ในขณะที่มันเหมือนจะปึ่งงอนอีกฝ่ายอยู่ มันก็ยังเกรงเขาอยู่ในที

แค่คิดว่ามีบางจุดที่ผมยังปะติดปะต่อเรื่องไม่ได้ ต่อมเผือกก็ร้อนระอุขึ้นมาทันที

ความคิดหนึ่งจุดวาบขึ้นในหัว ผมเหลือบมองเพื่อนรักที่แวบเดียวก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายมุ่งหน้าไปยังตลาดสด ลุงมันดูจะไม่ตะขิดตะขวงใจอะไรเพราะในหัวมันคงนึกถึงเรื่องกับแกล้ม เมื่อหาที่จอดได้ ผมก็เปิดกระเป๋าเงินยื่นเงินให้หนึ่งพัน คนขี้งกอย่างลุงก็ไม่มีเหนียมอายคว้าหมับแบบทันท่วงที แถมเอ่ยถามผมด้วยสีหน้าเป็นมิตรแบบฉับไว

“อยากกินอะไรครับคุณโป้ย”

“แล้วแต่มึง อยากแดกอะไรก็ซื้อมา”

“กูอยากกินล๊อบสเตอร์”

“อันนั้นคงต้องไปอ้อนผัวมึงเอาเองนะ”

“เชี่ย!!”  หลังจากผลักหัวผมด้วยความเขิน? เสร็จแล้วก็เปิดประตูรถลงไปทันที ผมส่ายหัวมองเพื่อนเดินย่ำเท้าตึงๆ เดินหายเข้าไปในตลาด จากนั้นจึงล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเพื่อเลือกหมายเลขผู้ร่วมขบวนการ

ใบหน้าของเสี่ยอ่ำร้านวัสดุก่อสร้างหราขึ้นเต็มหน้าจอ รอไม่นานเท่าไหร่ปลายสายก็ส่งเสียงตอบรับ ผมรีบยกมือถือแนบหูทันทีด้วยรอยยิ้ม

“ไงครับเพื่อนโป้ย”  เสียงอ่ำเกือบจะเรียกได้ว่าร่าเริง

“อารมณ์ดีจากไหนมาวะ เสียงระรื่นเหลือเกิน”

“ป๊าไม่อยู่ ลูกอย่างกูก็ร่าเริงสิวะ” 

“คืนนี้มาแดกเหล้ากัน”  ไม่คิดว่าโอกาสจะเป็นใจขนาดนี้ ผมเลยส่งสารชวนทันที  “พวกมึงอยากจะรู้กันไม่ใช่เหรอว่าแฟนไอ้ลุงเป็นใคร”

“เฮ้ย มันจะพามาเปิดตัวเรอะ!”

“คนนี้มันยังไม่ยอมเปิดง่ายๆ หรอก ขนาดกูมันยังปิดปากเงียบ”

“หึหึ มึงคงจะไม่ทำอย่างที่กูคิดใช่มั้ย?”  อ่ำหัวเราะคิกคัก

“ถ้ามึงรู้ว่ากูคิดอะไร ก็สมกับเป็นเพื่อนชั่วๆ ของกูแล้วล่ะ”  ผมย้อนมันกลับไป เราต่างหัวเราะไว้อาลัยให้กับไก่น้อยที่กำลังจะโดนถลกหนัง

“เดี๋ยวกูโทรหาไอ้เป๋ก่อน ว่าแต่มึงต้องการใช้ประกอบการสารภาพมั้ย?”

“มึงคิดว่าอะไรจะทำให้แฟนที่คอลกันอยู่ตกใจวะ”  ผมยกยิ้ม แค่คิดภาพพี่ปูนโมโหจนขนหัวตั้งก็สาสมใจแล้ว

“ได้เลยเพื่อน”  อ่ำวางสายไปด้วยความคึกคักในขณะที่ผมเองก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ

ต่อเมื่อความเงียบเข้าจู่โจมกะทันหันรอยยิ้มก็พลันจางหายไปช้าๆ ผมเปิดแอพลิเคชั่นสนทนา เลือกรายชื่อแล้วกดเข้าไป ...ทุกข้อความขึ้นกำกับด้านหน้าว่าได้ถูกอ่านแล้ว แถมยังอุตส่าห์มีถ้อยคำน่ารักๆ ส่งกลับมาเสียด้วย

[พี่ไม่ได้หลบหน้าโป้ยนะ]

[สองสามวันนี้ยุ่งมาก]

[เพิ่งว่างเมื่อกี้เอง]

รอยยิ้มจุดขึ้นที่ริมฝีปากอย่างห้ามไม่อยู่ ถึงจะทำให้ผมหงุดหงิดมาสองวันแต่ตอนนี้มันหาได้สำคัญแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคงอ่านข้อความทวนอยู่สองสามรอบเพื่อให้แน่ใจว่าแค่ตัวอักษรที่เห็นนี้จะสื่อความรู้สึกอะไรได้บ้าง เป็นการตอบกลับจากใจจริง หรือเป็นเพียงการตอบเพราะถูกกดดัน แต่หลังจากทวนอ่านรอบสุดท้าย ผมก็เลือกที่จะคิดเข้าข้างตัวเอง พี่กรอาจจะใจร้ายกับผมไปบ้าง แต่ไม่มีทางที่จะปฏิเสธการมีอยู่ของผมเด็ดขาด

[ผมเข้าใจ ผมไม่ได้สำคัญมากพอให้พี่สละเวลาขนาดนั้น] 

แต่การเข้าใจก็หมายความว่าจะเสแสร้งน้อยใจไม่ได้นี่ ผมมองข้อความของตัวเองเด้งขึ้นไปบนหน้าจอที่ไม่กี่วินาทีต่อมานั้นได้ถูกอีกฝ่ายอ่านแล้ว ผมเลือกที่จะปิดแอพลิเคชั่นทันทีก่อนที่อีกฝ่ายจะพิมพ์อะไรตอบกลับมา การน้อยใจแล้วยังสาดคำพูดประชดประชันมากมายนั้นคือความน่ารำคาญ ผมแค่อยากให้มันจี้ใจอีกฝ่ายก็เท่านั้นเลยไม่มีความจำเป็นต้องรุกซ้ำหรือโต้ตอบอะไรอีก การถอยออกมาชั่วคราวจะสามารถทำให้เราได้ข้อต่อรองดีๆ ในภายหลัง

เสียงข้อความเข้าดังขึ้นหนึ่งครั้ง และตามมาติดๆ กันอีกสามข้อความ ผมพยายามอดกลั้นความอยากรู้ของตัวเอง ทำทีมองออกไปด้านนอกรถเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ แต่เมื่อจิตใจมันมุ่งไปที่ใดแล้วมันก็ยากเหลือเกินที่จะเบี่ยงประเด็น จนกระทั่งสองตาเหลือบไปเห็นเพื่อนรักเดินวนไปมาพร้อมกับถุงหิ้วเต็มสองมือ ผมถึงตัดสินใจเก็บโทรศัพท์แล้วตามออกไป

ลุงเหงื่อแตกพลั่กเพราะอากาศที่ร้อนอบอ้าว ยามที่มันเห็นผมเหมือนมันเห็นผู้ช่วยชีวิต ริมฝีปากยิ้มกว้างจนตายิบหยี แล้วเมื่อผมเดินไปหยุดตรงหน้า สองมือของลุงก็ยื่นถุงทั้งหมดให้ผมทันที ผมมองของทั้งหมดแต่ยังไม่ยอมยื่นมือออกไปรับ

“หนัก ช่วยถือหน่อย”  เกือบจะคล้ายเสียงอ้อนวอนที่เปล่งออกมา เพราะงั้นผมถึงยินยอมรับของทั้งหมดมาถืออย่างช่วยไม่ได้  “กูโทรไปถามอ่ำว่ามันอยากกินอะไร มันว่าอยากกินไก่ทอดน้ำปลากับยำทะเล”

“แล้วนี่เหลืออะไร?”  ผมยกมือซ้ายขวาขึ้นพิจารณาของคร่าวๆ เครื่องยำกับไก่สดยังไม่เท่าไหร่ แต่ของทะเลมาแบบจัดหนักมาก ทั้งปู ทั้งหอย ทั้งกุ้ง งบหนึ่งพันบาทไม่มีทางพอแน่ๆ นี่ยังไม่รวมพวกมิกเซอร์ที่จะแวะซื้อขากลับอีก

“ครบแล้ว กูเดินวนๆ เผื่อมีอะไรน่าซื้ออีก”  ไม่ว่าเปล่า สองตามันก็เริ่มสอดส่ายซ้ายขวา สองขาก็เริ่มเดินพร้อมกระตุกผมให้ก้าวไปด้วยกัน  “วันก่อนนะมึง กูไปตลาดแถวดินแดงมา มีร้านส้มตำเด็ดอย่างนี่!” 

ผมมองนิ้วโป้งเพื่อนที่ชูขึ้นหรา ดูจากสีหน้าแล้วไม่ได้พูดถึงรสชาติแน่ แต่เพื่อปูมาเราก็ต้องรับครับ  “รสชาติอร่อยมากจนมึงติดใจ?”

“นมใหญ่ยิ่งกว่าปากครกอีก! ชื่อร้านตำกระเด้ง มึงเอ๊ยกูยืนรอซื้อได้ไม่เมื่อยอ่ะ”  แล้วมันก็ทำท่าเด้งนม หัวเราะชอบใจยกใหญ่  “ไว้วันหลังไปซื้อกันนะมึง อยากชวนพวกมึงไปช่วยอุดหนุน น้องเขาคงฐานะไม่ค่อยดี ใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นเหลือเกิน”

ไอ้ลุงมันบ้าหน้าอก แฟนมันทุกคนที่ผ่านมาหน้าอกหน้าใจกินขาดทุกคน เหมือนหัวมันมีเรดาร์คอยจับสัญญาณคัพซี หูไวตาไวตลอด เคยเมาแล้วไปยิ้มกริ่มให้กับดี้หน้าอกล้นคนหนึ่ง เกือบโดนผัวทอมเขาเขวี้ยงหมัดใส่แล้ว ส่วนอีกหนึ่งปัญหาของกลุ่มก็คือเสี่ยอ่ำ รายนั้นขอให้เอวคอด สะโพกกลม น้ำลายก็ไหลหยดเป็นน้ำตกเอราวัณแล้ว

“แล้วมึงไปทำอะไรที่ตลาดแถวดินแดง”  ผมสกัดสีหน้าสุขีของลุงให้เปลี่ยนเป็นซีดขาวได้ในพริบตา  “บ้านมึงอยู่อารีย์ พญาไท มึงไปซื้อของที่ดินแดงเลยเหรอ”

“ก็ไม่ได้ไกลกันมากปะวะ กูก็อยากเปิดตลาดใหม่ๆ บ้าง”

“เหรอ...ก็นึกว่าบ้านแฟนมึงอยู่แถวนั้น”  อย่างบ้านพี่ปูนอะไรอย่างงี้ ผมอมยิ้มกับคำห้อยท้ายในใจ แต่กลัวพูดออกไปเองก็กลัวเพื่อนจะลงไปแถกับพื้นจนสีข้างถลอก ผมเก็บไว้รอยำทีเดียวพร้อมไอ้อ่ำดีกว่า

“กลับกันดีกว่ามึง กูต้องทำของหลายอย่างเดี๋ยวไม่ทัน”  แล้วก็เป็นไปตามคาด คุณลุงหูแดงเดินตัวปลิวนำไปก่อน ยังไม่วายหันมาเร่งผมเสียงเข้มอีก  “เร็วสิมึง ชักช้าจริง!”

ผมส่ายหัวกับการพาลแบบเด็กๆ ของคนถูกจี้ใจจนไปไม่ถูก ก่อนสองขาจะก้าวยาวๆ ตามไปติดๆ


.

.

.


โดยส่วนตัวแล้วผมทำอาหารกินเองบ้างเมื่อมีเวลา เพราะงั้นข้าวของเครื่องครัวที่ควรมีจึงมีทั้งหมด จะอาหารไทย อาหารฝรั่ง หรือแม้แต่ต้มมาม่า ห้องผมก็พร้อมสำหรับทุกมื้อ อย่างเช่นวันนี้ที่เครื่องดูดควันได้ทำหน้าที่ของมันแบบเต็มประสิทธิภาพเสียที

ผมนั่งเท้าคางบนเก้าอี้หน้าเคาท์เตอร์บาร์ มองเพื่อนผู้มีความชำนาญตามหลักพ่อบ้านเต็มเปี่ยมกำลังยืนท้าทายหน้ากระทะน้ำมันเดือดปุดๆ เพื่อวัดใจกับไก่คลุกน้ำปลาที่กำลังส่งกลิ่นหอมไปทั่ว อีกเตาหนึ่งก็มีหม้อนึ่งควันฉุยที่มีสัตว์ทะเลอวบอ้วนมากมายอยู่ข้างใน เลื่อนไปด้านข้างก็เป็นโหลปั่นกลิ่นฉุนจากพริกกระเทียมเพื่อสำเร็จเป็นน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดจัดจ้านอันเป็นเสียงล่ำลือในหมู่เพื่อนฝูง

ไม่มีเพื่อนคนไหนไม่รู้สึกขอบคุณคุณอาผู้ล่วงลับ ที่เคี่ยวกรำลูกชายคนเดียวจนเป็นพ่อศรีเรือนที่ดีขนาดนี้ แม้จะทำได้แต่อาหารง่ายๆ แถมหน้าตาไม่ค่อยสวยงามก็เถอะ แต่ความอร่อยนั้นต้องยกนิ้วมือแถมนิ้วเท้าให้เลย งานบ้านก็จัดว่าเป็นมือโปร ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่อยากได้นั่นนี่แพงๆ ให้หงุดหงิดใจ ...ผมว่าพี่ปูนโคตรจะโชคดีเลยที่ได้พัทลุงไปเป็นแฟน

แต่ความบ้าของมันอาจจะทำให้พี่ปูนเป็นไมเกรนก็ได้

“โป้ยๆ กูถามหน่อยดิ” 

“ว่า?”  ผมตอบรับพลางหยิบชิ้นไก่ที่ทอดเสร็จแล้วบางส่วนขึ้น ควันสีขาวโชยกลิ่นหอมยามฉีกออกเป็นส่วนแล้วส่งเข้าปาก รสชาติเค็มกำลังดีปนความหวานของเนื้อไก่ หนังกรุบกรอบร้อนฉ่ำเพิ่มรสสัมผัสที่ไม่มีทางเพียงพอ

“สมมุติว่ามึงถูกแฟนหลอกมานาน แล้วพอมึงรู้ มึงจะโกรธป่ะ?”

“มันต้องดูว่าเรื่องอะไรสิวะ”  ผมตอบพลางดึงกระดาษทิชชู่มารองวางกระดูก  “โดนนอกใจเหรอ?”

“เปล่า...” 

เพราะลุงมันเอาแต่ยืนหันหลังให้ ผมเลยวิเคราะห์สีหน้ามันไม่ได้ แต่ฟังจากน้ำเสียงแล้วน่าจะเป็นอาการคิดไม่ตกเสียมากกว่า น่าจะมาจากเรื่องวันก่อนโน้นที่มันเค้นถามผมเรื่องพี่ปูน... อา~ ถ้าดูจากพฤติกรรมรุกหนักของพี่ปูนช่วงสองสามวันนี้ก็น่าจะบอกได้ไม่ยากว่าเพื่อนผมหายโง่แล้ว

“เลิกไปเลย”  สิ้นคำยุแยง ลุงหันขวับมามองผม กระพริบตาปริบๆ คล้ายจะขอคำอธิบาย  “ถ้ารับไม่ได้ก็เลิกไปเลย จบ!”

“มันก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงขนาดนั้น”

“งั้นก็ไม่ต้องเลิก”

“วีรภาพ! มึงนี่ไม่ได้ช่วยเพื่อนเลยนะ”  เมื่อเห็นลุงมันทำท่าจะเขวี้ยงตะหลิวใส่อยู่รอมร่อ ผมเลยจำต้องเลิกกวนตีนเพื่อนชั่วคราว

“ก็มึงไม่ขยายความอะไรให้กูฟังเลย เรื่องราวเป็นไงมาไงก็ไม่รู้ แล้วจะให้กูไปตัดสินอะไรวะ”

“ก็มึงขี้เสือกอ่ะ กูไม่อยากเล่ามาก”  กระแทกเสียงใส่ผมเสร็จก็สะบัดหน้าหันเข้าหากระทะตามเดิม เป็นอันยุติบทสนทนาแบบไร้ที่มาที่ไป

โดนแน่มึงไอ้น้องลุง แล้วจะหาว่าพี่โป้ยใจร้ายไม่ได้นะ

ผมได้แต่เข่นเขี้ยวในใจ กัดไก่ระบายอารมณ์ไปสักพัก เมื่อได้เวลาเสียงกริ่งหน้าประตูก็ดังขึ้น ผมเดินไปเปิดประตูให้สองหนุ่มโสด เป๋สีหน้าโรยแรงเล็กน้อยถ้าเทียบกับไอ้อ่ำที่มีสีหน้าเบิกบานแช่มชื่น แต่พอจมูกขยับฟุดฟิดได้กลิ่นอาหารหอมๆ เป๋ก็พลันสีหน้าดีขึ้น

“กูหิวข้าวมาก ลุงทำอะไรกินวะ” 

ผมหลีกทางให้เพื่อนเข้ามาในห้อง มองเพื่อนสองคนสะบัดรองเท้าระเกะระกะแล้วเดินลอยตามกลิ่นไป กว่าผมจะตามไปสมทบจานไก่บนโต๊ะก็ถูกรุมไปแล้ว

“มีข้าวมะ กูหิวจนตาลายไปหมดแล้วเนี่ย”  เป๋พูดไปเคี้ยวไป สีหน้ามันยังคงอ่อนเพลียอยู่ ทำเอาวิญญาณพ่อบ้านเข้าสิงพัทลุงเลยทีเดียว

“เดี๋ยวกูโทรสั่งร้านข้างล่างให้ มึงอยากกินอะไร”  มันรีบหาน้ำเย็นให้เป๋ ส่งกระดาษเช็ดมือให้ นี่ถ้าห้องผมมีผ้าเย็น ลุงมันคงบริการให้เต็มที่กว่านี้แน่  “สีหน้ามึงไม่โอเคอ่ะเป๋ งานหนักมากเหรอวะ?”

“มันทำโอทีมาสามวันติดแล้ว เพิ่งจะได้เลิกงานตรงเวลากับเขาเนี่ย”  อ่ำเท้าคางมองเพื่อน อาสาตอบคำถามแทนเพราะเป๋มันยังเคี้ยวไก่จนแก้มตุ้ย  “กูต้องขับรถไปรับมันมาจากออฟฟิศ และห้ามเมานะเป๋ เพราะมึงต้องพากูกลับบ้านด้วย”

อ่ำสั่งความเสร็จสรรพ ดูท่าเป๋มันคงมาเพื่อกินอย่างเดียวเท่านั้นแหละ ถ้าวัดจากสภาพร่างกายมันคงไม่ค่อยอยากจะกินเหล้าเท่าไหร่ พ่อบ้านลุงที่เห็นเพื่อนหิวโซก็ทนไม่ได้ รีบสั่งความผมให้โทรสั่งข้าวจากด้านล่างตึกขึ้นมา จากนั้นผมกับอ่ำก็ช่วยกันขนของกินไปที่โต๊ะเตี้ยหน้าทีวี เหล้าโซดาน้ำแข็งเพียบพร้อมในระยะมือเอื้อมถึง เมื่อข้าวมาส่งก็จัดการลากไอ้เป๋มาร่วมเปิดงานได้เลย

ถ้าไม่นับเป๋ที่มาเพื่อกินข้าวแล้วล่ะก็ อ่ำกับลุงนี่ซัดเหล้าเข้าปากไปพอๆ กัน เพียงแต่ว่าอ่ำมันคอแข็งกว่าก็เท่านั้น แค่เห็นหัวลุงเริ่มคลอนไปมา ผมกับอ่ำก็หันมายิ้มกริ่มให้กัน ส่วนไอ้เป๋ที่เห็นนั่งไม่สนใจใครก็ยังอุตส่าห์ร่วมด้วยช่วยชงเหล้าให้ไม่ขาดมือ

อันที่จริงแล้วพัทลุงเป็นพวกเมาสามระดับ ระยะแรกคือจะเริ่มคายความลับ อยากรู้อะไร อยากให้ทำอะไรบอกมาเถอะ ลุงจัดให้ทุกอย่าง ระยะสองคือเริ่มงอแง ระยะนี้มักจะเหวี่ยงง่าย โวยวายไร้สาระ ส่วนระยะสุดท้ายนั้นคือหลับไปเลย แต่ที่อันตรายที่สุดคือช่วงที่มันหลับนั่นแหละ คืนไหนเมา คืนนั้นนอนดิ้นเหมือนเตียงเป็นต้นงิ้ว พวกผมสามคนล้วนโดนถีบตกเตียงกันมาแล้วทั้งนั้น เจ็บมากเจ็บน้อยแล้วแต่ว่ามันฝันอะไร หนักสุดก็คงเป็นไอ้เป๋ กลิ้งหลุนๆ ลงมาแล้วหน้าผากไปโขกกับพื้นกระเบื้อง ปูดเป็นลูกมะนาวกันทีเดียว

พวกผมเป็นมือโปรทางด้านมอมเหล้าเพื่อนอยู่แล้ว ไมมีกะระยะพลาดแน่นอน

ลุงเริ่มตาเยิ้ม ยิ้มหวานไปทั่ว คอเริ่มพลิกไปพลิกมา เห็นว่าได้ระดับแล้ว ไอ้อ่ำก็เริ่มเบาเหล้าลงแต่ไปหนักน้ำอัดลมแทน เป๋ที่เริ่มจะอิ่มก็รีบลุกไปล้างมือให้สะอาดแล้วเดินปรี่กลับมาพร้อมกับหนังยางในมือ อ่ำก็คุ้ยหาอะไรในกระเป๋ามันสักพักก็ควักลิปสติกกับที่ปัดแก้มออกมา

“กูจิ๊กม๊ามา”  ว่าแล้วมันก็ลงมือละเลงหน้าคนเมาแบบจัดเต็ม ลิปสีแดงถูกทาลงบนปากอิ่มเป็นกระจับของลุงทันที ไอ้คนโดนแกล้งก็ไร้สติยื่นหน้าให้แบบเต็มใจ แต่อย่าได้หาความสวยงามอะไร เพราะนอกจากปากจะเลอะไม่เป็นทรงแล้ว แก้มยังถูกปัดเป็นวงสีส้มพีชแบบเน้นๆ

“แฟนแม่งต้องตกใจแน่”  เป๋หัวเราะเบาๆ พลางกระชากผมคนเมามาผูกแกละเบี้ยวๆ ซ้ายขวา จากนั้นก็วุ่นกับการแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตออกจนหมดแล้วม้วนขึ้นเพื่อมัดเป็นปมใต้ราวนม โชว์ความขาวกับหน้าท้องไร้กล้ามเนื้อให้ดูน่าสลดขึ้นไปอีก แต่มันไม่ได้หมดแค่นั้น เพราะตามหน้าท้องขาวๆ นั้นมีรอยจูบสีเข้มกระจายอยู่ แม้แต่เอวกับหน้าอกก็ยังมี พวกผมมองหน้ากันแล้วกลืนน้ำลายก้อนโต ‘แฟน’ มันคงหมั่นเขี้ยวเอามากๆ เลยสินะ

ขณะเดียวกันผมก็เริ่มแผนการเรียกร้องความสนใจของพี่ปูน โดยการส่งรูปภาพงานเลี้ยงเมื่อสิ้นปีให้ดู งานนั้นลุงถูกยำเสียเละ โดนบรรดาสาวๆ จับแต่งหน้า ดัดผม แล้วยังมีที่คาดผมหูกระต่ายสีแดงอยู่บนหัว พวกผู้ชายก็ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์โดยการจับลุงแก้ผ้าจนเหลือแค่บ็อกเซอร์ แล้วเอาลิปสติกมาทาหัวนมเป็นการเซ็นเซอร์ ทั้งหมดทั้งมวลมีคนโดนเป็นเพื่อนอยู่สามคน หนึ่งในนั้นคือไอ้อ่ำเนี่ยแหละ

ผมอมยิ้มเมื่อรูปภาพวาบหวามกับหัวนมรูปหัวใจส่งขึ้นไปบนหน้าจอ ตามด้วยรูปน่าอายอีกหลายรูปจากช่วงเวลาอื่นๆ ผมรออย่างใจเย็นพลางมองอ่ำกับเป๋บรรเลงความเป็นศิลปินลงบนตัวเพื่อน จังหวะนั้นเองที่จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ของลุงก็ดังขึ้น พวกผมหยุดการกระทำเพื่อหันไปมอง ผมรีบคว้าที่กำลังส่งเสียงร้องขึ้นมาประกอบกับดูรูปภาพที่มีคำว่าอ่านแล้วปรากฏขึ้นทุกรูป

พี่ปูนยังคงโทรมาอย่างต่อเนื่อง ผมก็ตัดสายทิ้งอย่างเมามัน จนกระทั่งอีกฝ่ายเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นที่เครื่องผมแทน

“พวกมึงพร้อมกันรึยัง?”  ผมถามผู้ร่วมขบวนการ
 
“มึงอย่าบอกนะว่าที่โทรมายิกๆ เนี่ยเป็นแฟนไอ้ลุง”  อ่ำถามพลางชะโงกหน้ามามองชื่อสายเข้าที่มือถือผม  “พี่ปูน? ชื่อเหมือนผู้ชายนะมึง แล้วไหนว่ามึงไม่รู้จักไง”

“กูบอกว่าไอ้ลุงไม่ยอมแนะนำ ใช่ว่ากูจะไม่รู้จักสักหน่อย”  ผมยักคิ้วให้เพื่อน ไอ้อ่ำยังไม่เข้าใจ แต่คนฉลาดอย่างเป๋กลับปะติดปะต่อเรื่องได้อย่างรวดเร็ว

“มึงอย่าบอกนะว่าเป็นพี่ปูนเจ้านายมึง!”  สิ้นเสียงเป๋ ไอ้อ่ำหันขวับมามองผมตาโต  “ไหนว่าลุงมันไม่ชอบขี้หน้าไง”

“มันยังไม่ยอมรับสักหน่อย ปากแข็งเบอร์นี้ไงกูถึงต้องง้างซะหน่อย”  ว่าแล้วผมก็ตัดสายพี่ปูนทิ้งอีกรอบ แล้วเข้าโทรแกมสนทนาเพื่อเชื่อมต่อวีดิโอคอลทันที

ไม่ต้องรอเลยสักวินาทีเดียว พี่ปูนตอบรับรวดเร็วพร้อมกับสรรเสริญผมด้วยเสียงดังจนไอ้เป๋กับไอ้อ่ำตกใจ

“ไอ้เหี้ยโป้ย!!” 

หน้าพี่ปูนถมึงทึงมาก จ้องผมปานจะโผล่ออกมากัดคอผมให้รู้แล้วรู้รอด หมดแล้วสุภาพบุรุษใจเย็นที่เห็นผมเป็นน้องเป็นนุ่งเมื่อก่อน

“ส่งเชี่ยอะไรมาห๊ะ! แล้วตัดสายกูทำไม ลุงอยู่ไหน!”

“อ่ะๆ ให้คุยด้วยก็ได้”  ผมยื่นมือถือให้เป๋ ส่วนตัวเองก็เลื่อนไปนั่งกับน้องสาวคนสวย  “น่ารักป่ะพี่ ขอตั้งชื่อว่าน้องพัทตี้ มิสพัทลุ๊ง~”

หน้าพี่ปูนเหวอไปเลย ไอ้อ่ำกลั้นขำพลางขอแอบดูหน้าตาพี่ปูน ตัวมันกลับทำหน้าเหวอหนักกว่าคนในหน้าจอเสียอีก มีการพยักเพยิดเปลี่ยนมือให้ไอ้เป๋มาดูด้วย

“เชี่ยโป้ย! มึงทำอะไรเมียกูเนี่ย”
[/size]


[มีต่อจ้า]
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 02-02-2018 19:55:50
5555555 สนุกมาก :katai5:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 02-02-2018 20:21:17
โป๊ยนี่ขู่พี่กรตลอด ว่าแต่หลังจากนี้ลุงจะเป็นอย่างไรบ้างนะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 02-02-2018 20:23:18
ลุงน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 02-02-2018 20:51:04
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Fujung ที่ 02-02-2018 20:59:07
ทำไมคนบริษัทนี้น่ากลัว
คู่โป้ยนี่ช้าๆแต่ชัวร์นะ ต่อจากนี้พี่กรต้องเตรียมพร้อมแล้วละ
มีสะทีเด้กต้องคอยตรวจเช็คร่างกาย

ส่วนลุงยังไงตอนตื่นมาก็ขอให้อยู่ครบถ้วนนะ :katai3:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 02-02-2018 21:25:37
น้องลุงโดนพี่ปูนอุ้มไปแล้ว  ตื่นมาจะโดนอะไรบ้างนะ  โทษฐานทำตัวน่ารักน่าเอ็นดูขนาดเน้  คึ คึ

พี่กรคงต้องทำใจ เจออิน้องโป้ยเล่นเข้าให้แล้ว

ชักไม่แน่ใจว่าพี่ปูนกับน้อยโป้ย ใครจะจิตกว่ากัน   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 02-02-2018 21:35:00
น้องลุงเมาแล้วฮาดีเหมือนกันนะ โดนแน่ๆพี่ปูนมารับถึงที่ด้วย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 02-02-2018 21:42:58
คุณลุงงงงง คุณลุงจะเมาแล้วบอกทุกอย่างแบบนี้ไม่ได้นะคะ!!!!! 5555555
ตอนสร่างจะเป็นยังไงอะ โดนเพื่อนๆกระหน่ำแน่เลย วงวารรรรร 55555555555555 :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 02-02-2018 21:44:25
พัทลุ้งงงงงงงง น่าสงสาร

โป๊ยกรสำเร็จเสร็จกันสักทีนะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ก้มหน้าก้มตา ที่ 02-02-2018 21:49:39
ลุงงงงงงงงงงงงงงง

แหมๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 02-02-2018 22:02:53
ความแสบของเพื่อนสร้างเรื่องให้ลุงแน่แล้ว แต่เมาแล้วเป็นน้องลุงน้องพัทตี้ นี่น่ารักน่าฟัด
เมาขนาดนั้นจะรอดมือปุรืมมั้ยคราวนี้
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 02-02-2018 22:18:15
ได้โปรดมอมเหล้าลุงอีกกกกก  :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ppnplg ที่ 02-02-2018 22:22:55
ลุงเอ้ยยยยยยยยยย ความลับเปิดเผยหมดแล้ว
วันนี้เธอจะไม่โดนแค่นิ้วปุริมแน่ๆ
เสร็จแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 02-02-2018 22:49:44
หมั่นไส้โป้ยค่ะ ส่วนคุณลุงคะ หมดเปลือกเลยนะลูก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: waiieiei ที่ 02-02-2018 22:56:46
เข้าสู่ช่วงคนอวดผัวค่ะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 02-02-2018 23:11:44
น้องลุงลู๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกก เอ็นดูหนักมาก
ดีใจที่โป้ยกับพี่กรคุยกันตรงๆ ซะที อิอิ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 02-02-2018 23:30:33
 :mc4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 02-02-2018 23:42:08
พี่ปูนกับโป้ยนี่โรคจิตพอกัน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 03-02-2018 02:01:16
โอ็ย โป๊ยกรนี่หวานกันจริง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Krajeeqx ที่ 03-02-2018 03:01:49
คุณลุงคะ เด๋อในเด๋อไปอีก 5555
เรียนเชิญพี่ปูนมากำราบ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Yundori ที่ 03-02-2018 11:52:30
ชะตากรรมของลุงจะเป็นยังไงบ้างน้อ
สองคนนี้ดันมาแฮปปี้แล้วเนี่ย  :haun4:
โอ้ยยยยย ชอบโป้ยกะพี่กรอ่า น่ารักมากก
พี่กรจริงๆเหมือนคนที่สมาร์ทมากๆเลย
แต่พออยู่กับน้องโป้ยคือ อร๊ายยย  :-[
ลุงก็เป็นพวกแบบต๊องๆ เดี๋ยวผีเข้าผีออก พี่ปูนต้องจับให้อยู่นิ่งๆอะ
คนอื่นเขาคงรู้ตัวกันเป็นช้า นี่มาโกรธย้อนหลัง 55555
แต่พี่ปูนแกกลัวจะเลิกกะลุงหลายรอบละนะ ต้องเชื่อใจกันมากกว่านี้นะคะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 03-02-2018 12:19:38
งานเข้าแน่ๆลุงงง
คู่หลังนี่เขามาอรงแซงคู่แรกแล้วนะคะ :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 03-02-2018 16:16:00
ลุงงงงง เจอแน่  :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 03-02-2018 21:25:43
โอ๊ยยย~~ โป๊ยมันแซงหน้าหินพี่กรไปแล้ววว นังลุงยังบ้าบอสติแตกอยู่เลยนั่น มาดูว่าพี่ปูนอุ้มกลับไปรอบนี้จะรอดมือกลับมาไม๊
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 04-02-2018 07:10:50
โป้ยร้ายมาก ชอบแกล้งคนที่รัก o18 จัดมาเยอะๆ555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 04-02-2018 21:03:46
เพื่อนโป้ยแซงหน้าไปแล้ว
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 04-02-2018 21:36:36
กรเมะเถ๊อะะะะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 16 _ฟ้าหลังฝนของคนมีรัก_ || 2-2-61 หน้า 32 ||
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 05-02-2018 06:34:12
มันกร้าวใจมากจริงๆ ค่ะ
ทำไมโป๊ยร้ายแบบนี้ มาเหนือกว่าพี่ปูน พี่กรไปอีกค่ะ
แถมยังจัดหนักให้พี่ปูนได้หึงได้หวง เลือดขึ้นหน้า
พาพี่กรมาเซ่นถึงที่แบบไม่รู้

กรเจอบทหนักแน่ค่ะ แต่คิดว่าโป๊ยจะไม่ใจร้ายนะ 5555

ลุงจะรอดไหม ไหวไหมล่ะนั่น
เปิดเผยซะ ไม่รู้ว่าใครจะขำ หรือปูนจะเคือง


หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 05-02-2018 15:21:09
ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_[ปุริม]




“โอ๊ย~ ร้อนจัง”

เสียงครางงึมงำจากเบาะด้านข้างทำเอาผมที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาขับรถอยู่ใจเต้นไม่เป็นส่ำ แม้จะอยู่ในสภาพน่าอนาถแค่ไหน แต่ความขาวของผิวกายก็ยังทะลุทะลวงเปล่งปลั่งน่ามองอยู่ดี เพราะงั้นการที่ลุงดิ้นพลิกไปมาอยู่กับเบาะนั่งในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ยก็เหมือนการยั่วยวนดีๆ นี่เอง

เห็นแล้วอยากจะจอดรถฟัดให้หนำใจแล้วค่อยกลับไปตบหัวไอ้โป้ยแรงๆ

ผมไม่มีเพื่อนสักเท่าไหร่เพราะงั้นการถูกกลั่นแกล้งยามเมามายแบบนี้เลยไม่เคยเกิดขึ้นกับชีวิต แต่กับกลุ่มเพื่อนที่ดูจะสนิทสนมกันดีแบบลุงนั้นคงเป็นเรื่องปกติธรรมดา มันทำให้ผมรู้สึกตลกปะปนกับความไม่ชอบใจเล็กๆ โดยเฉพาะบรรดารูปถ่ายที่โป้ยส่งมา ทุกภาพนั้นเต็มไปด้วยการถึงเนื้อถึงตัวกันระหว่างเพื่อน ซ้ำคนของผมยังถูกจับถอดเสื้อเขียนหัวนม บางรูปก็ถูกใครไม่รู้ฉกหอมแก้มเปล่งเต่งตึง แม้หูกระต่ายที่สวมอยู่บนหัวจะดูน่ารัก ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่ชอบให้ใครมาแตะต้องของๆ ผมอยู่ดี

เดาว่านับจากนี้ผมคงต้องเตรียมใจเอาไว้บ้าง คนเพื่อนเยอะอย่างลุงอาจทำให้ผมหึงจนหน้ามืดอีกหลายหน

“ร้อนๆ อยากอาบน้ำ”  เสียงพร่ำบ่นยังไม่หยุดง่ายๆ ผมหันมองคนเมาลุกขึ้นมานั่งเหม่อแววตาล่องลอย ถ้านับจากสองครั้งที่ได้สัมผัส ครั้งนี้ลุงเมาน้อยกว่าครั้งก่อนมาก ตอนก่อนโน้นไม่ว่าจะจับจะพลิกตัวอย่างไรก็ไม่ตื่น แต่คราวนี้แค่ถูกอุ้มหน่อยก็ส่งเสียงอู้อี้รู้สึกตัวขึ้นมา พอพาเข้ามานั่งในรถได้ก็บ่นกระปอดประแปดไม่หยุดแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้

“อีกเดี๋ยวจะถึงบ้านแล้ว”

“เร็วๆ นะ”

“พี่อาบน้ำให้ด้วยดีมั้ย?”  ผมถือโอกาสหยอดสักเล็กน้อยด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่ม

“ก็ได้”  แล้วคนเมาก็ไม่ทำให้ผมผิดหวังตามคาด

รถแทบจะพุ่งทะยานไปตามแรงเหยียบคันเร่งของฝ่าเท้า คืนนี้ไม่ได้ศอกผมก็ต้องได้คืบบ้างล่ะ เรื่องอะไรจะปล่อยโอกาสแบบนี้ให้หลุดลอยไปโดยไม่ทำอะไร ผมปรายตามองคนเมาเป็นระยะ นอกจากการนั่งหัวสั่นหัวคลอนแล้วก็นับว่าสงบขึ้นมาก ยิ่งเห็นสายตาปรือปรอยคล้ายจะหลับอีกครั้ง ผมยิ่งเพิ่มความเร็วพุ่งไปข้างหน้า

เมื่อมาถึงคอนโดฯ อย่างปลอดภัย ผมก็ไม่อับอายสายตาใครที่จะอุ้มคนรักของตัวเองในสภาพอเนจอนาถไว้แนบอก มันเป็นช่วงที่ยังไม่ดึกมากนักเพราะงั้นจึงมีผู้ร่วมอาศัยแอบมองคนในอ้อมกอดผมด้วยแววตาใคร่รู้ บางคนก็อมยิ้มกับความยุ่งเหยิงของลุง บ้างก็มองด้วยสายตาของการแบ่งแยกแบบตั้งข้อรังเกียจ ก็แค่ผู้ชายอุ้มผู้ชายด้วยกันมันจะมีปัญหาอะไรนักหนานะกับคนพวกหลังนี้ ผมไม่ได้ถลกกางเกงแล้วเอากันในลิฟต์ให้เห็นซะเมื่อไหร่

ผมเปิดห้องด้วยความทุลักทุเล แม้ว่าลุงจะไม่ได้หนักเกินกำลังจะแบกไหว แต่ใช่ว่าแขนผมจะไม่ล้ากับระยะทางที่ต้องแบกมาตลอด การก้าวขึ้นบันไดแต่ละขั้นทำเอาเรี่ยวแรงผมหดหาย แต่คนเมาก็ช่างเอาใจเหลือเกินโดยการซุกซบกับไหล่ผมเพื่อเพิ่มพลัง และเมื่อเปิดเข้าห้องนอนมาได้ ผมก็ค่อยๆ หย่อนลุงลงกับพื้น ให้สองเท้าลงน้ำหนักอย่างระมัดระวัง

“ถึงแล้ว ยืนดีๆ”  ผมแกะมือที่กอดรอบคอผมอยู่ พยายามจัดท่าให้อีกฝ่ายยืนอย่างมั่นคง

“อาบน้ำๆ”  เสียงอ้อแอ้ร่ำร้องได้อย่างตรงใจผมที่สุด

“งั้นก็ถอดเสื้อผ้ากันก่อน”  ไม่รอช้า ผมเอื้อมมือปลดเสื้อผ้าน้อยชิ้นของลุงออกจนเปลือยเปล่า แล้วจัดการเปลื้องผ้าตัวเองแบบรวดเร็ว อันดับแรกที่ผมจะทำคือการล้างคราบเครื่องสำอางบ้าๆ บอๆ นี้ออกไปจากหน้าพัทลุง

แม้จะโซเซไปสักหน่อย แต่ลุงก็เดินตามผมเข้าห้องน้ำมาได้โดยไม่หกล้ม ก่อนอื่นผมพาลุงมาที่อ่างล้างหน้าเพื่อกู้ความเกลี้ยงเกลาที่ผมชอบกลับคืนมา ลุงดิ้นขัดขืนเล็กน้อยยามผมละเลงโฟมล้างหน้าลงไปจนทั่ว ทั้งขัดทั้งถูให้สีลิปสติกออกอย่างยากเย็น

“เจ็บๆ ปุริมลุงเจ็บ”

“ปิดปาก หลับตาด้วย!”  ผมส่งเสียงเข้ม ความโมโหผุดขึ้นมาในทันที เมื่อลิปสติกนั้นติดแน่นทนทานกว่าที่คิด เพราะงั้นผมจึงจำใจเลิกราแม้ว่าริมฝีปากลุงยังคงเหลือร่องรอยคราบสีแดงอยู่ ผมก้มลงหอมแก้มหอมๆ ฟอดใหญ่ อย่างน้อยใบหน้าของลุงก็กลับมาอิ่มใสเหมือนเดิม

ผมกระตุกร่างที่กำลังแง่งอนเพราะความเจ็บให้เดินไปยังตู้อาบน้ำ ผู้ชายสองคนอัดเข้าไปในพื้นที่จำกัดทำให้ดูแออัดไปบ้าง แต่มันกลับทำให้เนื้อตัวระหว่างเราถูไถกันง่ายดายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะขยับไปทางไหนก็คล้ายกับว่าเราบดเบียดเนื้อตัวเข้าหากัน

ความชุ่มลื่นของเนื้อครีมอาบน้ำถูกฝ่ามือผมลูบไล้ลงไปบนผิวเนื้อนุ่ม ลุงสะท้านเล็กน้อยเมื่อปลายนิ้วมือปัดผ่านยอดอกอย่างจงใจ ดวงตาฉ่ำปรือมองฝ่ามือผมตาไม่กระพริบ ใบหน้าขึ้นริ้วแดงระเรื่อ เอนตัวพิงกำแพงเปิดทางให้ผมอย่างง่ายดาย ผมมองภาพเย้ายวนนั้นด้วยอารมณ์ที่ร้อนแรงมากขึ้น ทุกตารางนิ้วที่ฝ่ามือผมพาความลื่นไหลไปสัมผัสเสียงครางเบาๆ  ของลุงก็หลุดออกมาอย่างเผลอไผล

แก่นกายของเราตั้งชันได้ไม่ยากเย็นเลย ผมมองส่วนน่ารักของลุงด้วยความรู้สึกอยากจะกลืนกิน แต่จำต้องโน้มตัวจูบปากอิ่มเพื่อบรรเทา กลัวว่าคนมึนเมาจะตกใจกลัวจนตั้งรับกับสถานะภาพใหม่ไม่ทัน ถ้าอยากจะกินเนื้อไก่ผมต้องอดทนให้มากกว่านี้ ผมบอกตัวเองให้ใจเย็น แต่เนื้อนุ่มที่มีปฏิกิริยากับฝ่ามือผมนั้นกลับยั่วเย้าได้อย่างน่ารักน่าชังเหลือเกิน

ต่อจากนี้ผมจะวางใจให้ลุงไปกินเหล้าจนเมาที่ไหนได้อีก

"ปุริม"  เสียงทุ้มเล็กน้อยครางชื่อผมเสียงเครือ บดเบียดตัวแนบชิดจนแก่นกายเสียดสีไปมา ดวงตาโตฉ่ำหวานมีน้ำตาคลอเล็กน้อย ใบหน้าแดงก่ำเหมือนสีของสตรอเบอร์รี่

"หืม? ลุงอยากให้พี่ทำอะไร"  ผมกระซิบเสียงพร่า พลางลดมือลงมาแตะต้องส่วนชูชัน ลุงตัวสั่นเกร็งขึ้นมาทันที บดเบียดสะโพกเข้าหามือผมอย่างอดรนทนไม่ไหว ความลื่นทำให้ส่วนนั้นไถลเข้าออกกำมือผมอย่างง่ายดาย

"ช่วยหน่อยนะ"  ริมฝีปากอิ่มอ้อนวอน โอบวงแขนไร้มัดกล้ามรอบกายผมไม่ต่างจากคนหมดหนทาง

"ให้พี่ช่วยอะไรล่ะ"  ผมยังคงแสร้งถามต่อไปขณะที่มือเร่งจังหวะในการขยับเร็วขึ้น เรียกเสียงครางดังก้องตู้อาบน้ำแคบๆ ยิ่งลุงเบียดตัวเข้าหาผมเท่าไหร่ ส่วนแข็งขืนของผมก็แนบชิดกับหน้าท้องนุ่ม กลัวแต่ว่าจะแกล้งเขาแต่เราจะทนไม่ไหวเสียก่อน ผมจึงจำใจผละออกจากร่างเปี่ยมราคะด้วยความเสียดาย

ลุงยืนกระพริบตาปริบๆ มองผมด้วยความงุนงง ริ้วอารมณ์พาดบนสีหน้า และตอกย้ำชัดเจนด้วยส่วนตั้งชันที่ปริ่มน้ำ ร่างผอมบางคอยผมอย่างอดทน แต่เมื่อแน่ใจว่าผมจะไม่โผเข้าหาอีกครั้ง ความขัดใจจึงปรากฏท่วมท้น และแสดงออกมาโดยการกระทืบเท้าลงกับพื้นจนน้ำกระเซ็น คราวนี้ผมเป็นฝ่ายกระพริบตาปริบๆ มองคนรักบ้าง

"หันก้นมาเลย!"  เสียงกร้าวประกาศลั่น ซ้ำยังพุ่งเข้ามาพยายามขืนร่างผมให้หันหน้าเข้าข้างฝา  "อย่าขัดขืนซี่!"

"จะทำอะไรพี่เล่า"  ผมหัวเราะออกมากับท่าทางอุกอาจของลุง ยื่นมือยื่นไม้ปกป้องอธิปไตยของตัวเองอย่างเต็มที่

"ผมจะอึ๊บพี่! ไม่อยากเป็นเมียอ่ะ! เป็นผัวไม่ได้เหรอ"  จากที่โวยวายก็เริ่มเบะปากงอแง เขย่าแขนผมคาดคั้นคำอนุญาตแบบเด็กเวลาอยากได้ของเล่น  "นะๆ ของลุงอันติ๊ดเดียวเอง พี่ไม่เจ็บหรอก"

"ของพี่ก็อันไม่ใหญ่ซะหน่อย"  ผมแย้งเสียงอ้อมแอ้ม แต่ฉับพลันส่วนสำคัญก็รู้สึกถูกคุกคาม ผมก้มมองฝ่ามือลุงที่กุมส่วนแข็งขันของผมด้วยสีหน้าเอาเรื่อง

"เนี่ยนะที่ว่าไม่ใหญ่ ผมกำมือยังไม่รอบเลย บัดซบเอ๊ย!"  แล้วมันก็เหวี่ยงมือทิ้งเหมือนกับจะเขวี้ยงพวงองุ่น ผมงี้เสียววืดเลย กลัวมันจะหักทิ้งด้วยความโมโห

ผมว่าสภาพจิตใจลุงเริ่มจะไม่ปกติ เดาว่าถ้าไม่รักผม มันคงทิ้งผมไปแล้ว ต่อให้ขู่สักแค่ไหนลุงมันคงไม่มีวันยอมแน่ แต่เพราะว่ารักผมสินะ ตอนนี้ถึงได้กลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับตัวเองแบบนี้ ตัวผมเองก็เช่นกัน ถ้าไม่รักลุงเอามากๆ ล่ะก็ คงใช้กำลังปลุกปล้ำไปแล้ว...

เห๊อะ!! ผมไม่เป็นพระเอกโง่ๆ อย่างนั้นหรอก

ลุงในตอนนี้แค่ยังรับไม่ได้การการถูกปา ‘บทฝ่ายรับ’ ใส่หน้า ถ้าเปลี่ยนจากผมเป็นผู้ชายดีๆ สักคน ก็คงจะยอมอดทนจนกว่าลุงจะทำใจยอมรับได้ ช่วยเหลือกันไปทางภายนอกเหมือนเดิม และยอมหักใจที่จะไม่ไปป้วนเปี้ยนประตูหลังให้ลุงต้องคิดมาก แต่เผอิญว่าผมไม่ใช่ผู้ชายดีๆ แบบนั้นเสียด้วย ในเมื่อยอมรับทางจิตใจไม่ได้ ก็เหลือแต่ทำให้ยอมรับทางด้านร่างกายอย่างเดียว

ผมลอบยิ้มกับตัวเอง โอกาสแบบนี้ไม่คว้าเอาไว้ก็ควายเต็มทีล่ะ!

“ล้างตัวกันก่อนเนอะ”  ผมโอบเด็กงอแงเอาไว้ มีการสะบัดสะบิ้งเล็กน้อยยามถูกสัมผัส แต่ก็ยังยืนนิ่งให้ผมล้างตัวจนเสร็จ กลิ่นสบู่หอมฟุ้งไปทั่วร่างนวลเนียน ผมอดใจไม่ไหวหอมคนหน้างอไปอีกหลายฟอด ก่อนจะพากันเดินออกมาด้านนอก

ลุงยืนนิ่งระหว่างรอผมเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาให้ ส่วนน่ารักนั้นห้อยตกหมดอารมณ์ไม่ต่างจากสีหน้าที่ยังปึ่งงอนไม่หาย แตกต่างจากผมที่แค่จิตนาการว่าไม่กี่นาทีต่อจากนี้ผมจะได้รังแกส่วนลึกล้ำของลุงยังไงบ้าง ส่วนนั้นก็รังแต่จะผงาดขึ้นเรื่อยๆ

ผมเช็ดตัวลุงอย่างอ่อนโยนที่สุด เอ่ยเสียงนุ่มว่าให้นั่งรอบนเตียงเพื่อที่ผมจะไปหยิบชุดนอนมาให้ แต่สองสิ่งที่ผมหมุนตัวไปหยิบคือถุงยางกับเจลเท่านั้น ผมเดินกลับมาอีกครั้ง มองลุงที่นั่งหน้างอแต่ดวงตาปรือปรอยขึ้นเรื่อยๆ

“เสื้ออ่ะ?” 

“เอามาแล้วครับ”  เสื้อกันฝนน่ะนะ ผมยิ้มกับความจริงที่ไม่ได้บอกไป

“งั้นเอามาเดี๋ยวลุงใส่เอง” 

“อื๊ม~ ไม่ได้สิ...เสื้ออันนี้น่ะ พี่จะเป็นคนใส่เอง”  ว่าแล้วก็จัดการอุ้มลุงโยนลงไปกลางที่นอน ลุงร้องเสียงหลงด้วยความตกใจทำท่าจะลุกขึ้นมาเอาเรื่อง แต่ผมไม่รอช้ารีบตะกายลงไปทับร่างเอาไว้เสียก่อน

ลุงที่ยังดูงุนงงก็ถูกผมล็อกหน้าด้วยสองมือแล้วครอบปากลงไป การดิ้นรนเกิดขึ้นแต่ไม่นานนักก็แปรเปลี่ยนเป็นการยินยอม จูบกันมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง มีหรือที่ผมจะไม่ว่าลุงชอบแบบไหน ต้องแตะล้นตรงไหนลุงถึงจะสะท้าน หรือแม้กระทั่งต้องดูดลิ้นอย่างไรลุงจะระทวย

ผมเลื่อนมือจากใบหน้าที่เริ่มร้อนผ่าวลงมา ไต่นิ้วไปตามเนื้อเนียนนุ่ม ปัดผ่านยอดอกบุ๋มแสนขี้อายลงไปตามหน้าท้องเกร็งแน่น หยิบหยอกพงขนเล็กน้อยก่อนที่ปลายนิ้วจะเลื่อนเข้าสู่เป้าหมาย ส่วนอ่อนไหวของลุงเกือบจะแข็งเต็มที่และมือของผมจะช่วยมันไปถึงจุดนั้นเร็วยิ่งขึ้น

ร่างผอมบางสะท้านเฮือกเมื่อส่วนสำคัญถูกชักพา กระสับกระส่ายจนริมฝีปากเราหลุดจากกัน มือไม้จิกทึ้งผ้าปูที่นอนให้วุ่น ผมยิ้มให้ภาพแสนรัญจวนใจตรงหน้า จากนั้นจึงก้มลงเพื่อหลอกล้อกับเม็ดทับทิมขี้อายที่เอาแต่หลบอยู่ในหลุม ยอมรับเลยว่าน้องจากบั้นท้ายของลุงแล้ว ยอดอกทั้งสองข้างคือความปรารถนาที่รองลงมา ส่วนที่ลุงรู้สึกอับอายนี้ทำให้ผมพึงใจอย่างมาก

“อ๊ะ! …อ๊ะ...”

ริมฝีปากครอบลงบนยอดอกสีอ่อน ส่งปลายลิ้นเย้าแหย่ ดูดรั้งจนกระทั่งทับทิมเม็ดเล็กค่อยๆ โผล่ออกมาจากการหลบซ่อน ลุงไม่รู้หรอกว่าเมื่อมันโผล่พ้นขึ้นจะกลายเป็นเชื้อไฟอย่างดี จะกลายเป็นส่วนน่ารักอีกส่วนที่เต็มไปด้วยความรู้สึกอ่อนไหว

“เสียวมั้ยครับ...หืม? ตอบให้พี่ชื่นใจหน่อย”

“อือ~ เสียว...เสียวมากเลย เร็วอีกสิ”  คนใต้ร่างวิงวอนด้วยเสียงทุ้มนุ่มหู ร่างกายบิดเกร็งอัดแอ่นสู้มือผมอย่างลืมตัว  “พี่ปูน..พี่ปูน...”

ลุงครางเรียกชื่อผมซ้ำไปซ้ำมาด้วยอารมณ์ที่ปะทุขึ้นเกือบถึงขีดสุด ผมยืดตัวขึ้นนั่งหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วจัดการแยกขาลุงออกกว้างเพื่อแทรกตัวเข้าไป ส่งมือหยิบหลอดเจลขึ้นมาบีบป้ายลงช่องทางเล็กแคบ ลุงมองผมตาเชื่อมขณะปลายนิ้วถูกส่งเข้าไปข้างในอย่างช้าๆ คนเมาดูจะไม่ได้เอะใจอะไรนักเพียงแค่ร้องปะท้วงจากความเจ็บเล็กน้อย

แก่นกายของผมแข้งจนปวดหนึบ ความต้องการมีมากจนเกือบจะหน้ามืดตามัว แต่ผมก็ยังใจเย็นพอที่จะค่อยเบิกทางความคับแคบนั้นให้พอดีกับร่างกายผม จากหนึ่งเป็นสองนิ้ว ขยับเข้าออกเนิบนาบ ลุงครางออกมาเบาๆ สีหน้าก้ำกึ่งระหว่างพึงพอใจกับความกลัว แต่ส่วนน่ารักที่ยังคงแข็งชูชันนั้นคล้ายจะประกาศออกมาเต็มเสียงว่าลุงรู้สึกเสียวซ่านมากแค่ไหน

ทุกครั้งที่ถูไถโดนจุดวาบวามลุงแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง ริมฝีปากอิ่มครางกระเส่า ใบหน้าบิดเบี้ยว มองผมด้วยสายตาร้อนเร่า ผมแทบอยากจะระเบิดตัวเองออกเป็นเสี่ยงๆ ลุงเป็นผู้ชายหน้าตาธรรมดามากๆ ถ้าเทียบกับบรรดาคู่นอนเก่าก่อนของผม แต่นอกจากรอยยิ้มที่ทำให้ความธรรมดานั้นพิเศษขึ้นมา ก็เห็นจะเป็นช่วงเวลาร่วมรักเนี่ยแหละที่ลุงดูน่ากินเป็นพิเศษ

ผมกลั้นใจส่งนิ้วที่สามเข้าไป เสียงร้องเจ็บที่ดังมากกว่าเดิมทำให้ผมรีบเทเจลเพิ่มขึ้นอีก ความลื่นไหลจะทำให้ลุงรู้สึกสบายกว่าแม้ว่ามันจะทำให้ยากต่อการทำความสะอาดทีหลังก็ตาม เมื่อเสียงครางอย่างพึงพอใจเริ่มกลับมา ผมจึงเพิ่มความเร็วในการสอดใส่ ลุงแทบแดดิ้นกับความเสียวซ่านที่ผมมอบให้ ส่วนอ่อนไหวนั้นปริ่มน้ำโดยที่ไม่ถูกแตะต้อง ผมแลบเลียริมฝีปากด้วยความย่ามใจ ส่งมืออีกข้างบีบบี้ยอดอกสีอ่อน ถูไถส่วนนูนที่มักหลบอยู่ด้านในแรงๆ เสียงครางดังกระตุ้นความกำหนัดของผมจนเกือบถึงจุดเดือด ช่องทางภายในบีบรัดนิ้วผมโดยแรง จากประสบการณ์ผมว่าลุงใกล้จะถึงฝั่งฝันแล้ว...แต่ผมจะไม่ยอมให้ลุงสบายตัวง่ายๆ หรอก

“พี่ปูน?”  ลุงร้องเรียกด้วยความสงสัยปนขัดเคือง เมื่อผมถอนนิ้วออกมา ความหาถุงยางแล้วฉีกซองสวมด้วยมือไม้สั่นระริก ลมหายใจหอบแรงยามเทเจลชโลมแก่นกายเพิ่มขึ้น  “พี่ปูน...”

ไม่ต้องรอให้ลุงเรียกเป็นครั้งที่สาม ผมขยับกายให้เข้าที่ทาง จดจ่อส่วนหัวเข้าประชิดประตูหลังที่เปิดแง้ม แต่เพียงออกแรงดันเข้าไปเท่านั้นลุงก็ถึงกับผวาขึ้นมาตีแขนผมเป็นการใหญ่

“เจ็บ!! มันเจ็บ”  น้ำตารินไหลจนผมสงสาร แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว ผมไม่ถอยหลังกลับไปเด็ดขาด

“นิดเดียวนะ ชู่ว~ ไม่ร้องนะครับคนดี”  ผมอาศัยจังหวะแล้วเกี่ยวขาลุงเพื่อโน้มตัวลงไปทับ เสียงร้องโอดโอยยังดังคลอเสียงสะอื้น ผมจูบซับน้ำตาไปพลางเกร็งร่างตัวเองไปพลางไม่ให้เผลอถ่ายน้ำหนักลงไป ช่องทางนั้นบีบรัดส่วนหัวจนเจ็บไปหมด จะฝืนดันเข้าไปก็กลัวลุงจะบาดเจ็บ จะให้ดึงออกก็แน่นจนขยับแทบไม่ได้

“ลุงเจ็บ เอาออกไปเหอะนะ”

“ให้พี่นะ...นะครับเด็กดี”  ผมพยายามปลอบขวัญ จูบปาก หอมแก้ม จนน้ำหูน้ำตาเปรอะเปื้อนหน้าผมไปหมด

“มันเป็นทางไว้ขี้นะปุริม มันไม่ควรมีอะไรเข้าไป”  ลุงตัดพ้อเสียงเครือ ผมหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ แต่ในจังหวะเดียวกันก็ใช้แรงสั่นของร่างกายดันแก่นกายเข้าไปด้วยช้าๆ ลุงไม่รู้ตัวสักนิดยังคงตีหน้าเศร้าวิงวอนผม

“แต่ลุงยอมให้พี่เอานิ้วเข้าไปนะ”  ผมแย้งพลางก้มหน้าลงดูดดึงยอดอกเม็ดเล็กน่ารัก

“อื้อ~ แต่มันไม่...อ๊า! อย่ากัดนะ!”  ลุงหวีดร้องขึ้น สองมือดันหน้าผมให้ออกไป แต่ผมยังคงไม่สนใจไล่ฟัดเม็ดทับทิมทั้งสองข้างแรงๆ ทั้งกัด ทั้งขบ ดูดจนมันเต่งตึงล่อสายตา ผมลอบยิ้มกับคำร้องประท้วงที่ออกมา ลุงมัวแต่สนใจความเจ็บบนหน้าอกเลยลืมความเจ็บจากส่วนล่างไปชั่วคราว เพราะอย่างนั้นผมถึงได้ไถลตัวเข้าไปได้ลึกล้ำขึ้น ลึกขึ้น...ลึกขึ้น

“อื๊อ!! ปุริมเจ็บ มันแน่น ลุงอึดอัด!”  อีกนิดเดียวก็จะได้แนบชิด แต่คนมึนเมาดันรู้สึกตัวเสียก่อน ช่องทางกลับมาบีบแน่นอีกครั้ง ผมรีบยืดตัวขึ้นเพื่อคะเนสัดส่วนที่เหลือก่อนที่จะ...  “โอ๊ย!! แม่งเอ๊ย~”

ผมกระแทกเข้าไปจนมิด ผมมองผิวเนื้อที่แนบชิดกันอย่างพึงพอใจ ภายในนั้นบีบรัด สร้างความเสียวที่หายากยิ่ง มันเป็นความรู้สึกที่ร้อนแรงทางกาย แต่อิ่มเอมทางใจอย่างที่สุด... ผมโน้มตัวลงไปปลอบโยนลุงอีกครั้ง คนรักผมน้ำตาไหลพรากจ้องผมด้วยแววตาโกรธขึ้ง นอกจากส่งรอยยิ้มง้องอนให้แล้วนั้นผมก็ไม่รู้จะเอ่ยขออภัยด้วยคำใดจริงๆ

“เป็นเมียพี่แล้วนะ”  ผมจูบปากลุงเร็วๆ แล้วเย้าหยอกด้วยรอยยิ้ม  “ไหน~ เรียกผัวหน่อยซิ”

“...ผัวชั่ว!” 

ผมหัวเราะเบาๆ ถ้าเป็นคนอื่นคงเจ็บหนักแล้วล่ะ แต่กับลุง ต่อให้ด่ามากกว่านี้ผมก็ไม่เจ็บไม่คันอะไร ตราบเท่าที่ผมรู้แก่ใจว่าลุงไม่ได้รู้สึกตามที่พูด

ลุงยังสะอื้นฮึกฮัก แต่ก็ยอมอ้าปากรับจูบจากผม มือที่จิกแน่นกับผ้าปูก็ถูกผมจัดท่าทางเสียใหม่ เมื่อได้ที่ทางก็เปลี่ยนจากเนื้อผ้ามาเป็นเนื้อบนแผ่นหลังผมแทน แต่พอเริ่มขยับสะโพกช้าๆ ลุงก็เกร็งตัวจนผมขยับไม่ได้ สีหน้านั้นเจ็บปวดจนผมรู้สึกว่าตัวเองเลวขึ้นมานิดๆ ผมก็พอรู้ว่าขนาดของตัวเองมักจะทำให้คู่นอนค่อนข้างเจ็บในครั้งแรกที่ไม่คุ้นชิน แต่ผมไม่เคยเปิดบริสุทธิ์ใครมาก่อนจริงๆ ไม่รู้เลยว่ามันจะทำให้ดูทรมานถึงขนาดนี้

“จูบพี่นะ”  ผมมอบจูบลึกล้ำอีกหน พร้อมส่งมือลงไปจับส่วนอ่อนไหวของลุงที่อ่อนปวกเปียก ผมพยายามควบคุมตัวเองโดยการขับเคลื่อนช้าๆ สั้นๆ เนิ่นนานพอดูกว่าที่ของร้อนในมือจะกลับมาลุกตั้งได้ใหม่ เสียงครางแผ่วเริ่มกลับมา ปลายนิ้วที่จิกทึ้งแผ่นหลังค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสัมผัสลูบไล้ ความวาบหวามกลับมาเติมเต็มสีหน้าเจ็บปวด อาจเพราะจุดที่ผมเน้นย้ำถี่ๆ นั้นช่วยปลุกความเสียวซ่านให้กลับมา

“อา...แบบนี้เลย แน่นกำลังดีเลย”  ผมครางด้วยความสุขสม ช่องทางเล็กแคบนั้นไม่ได้ทำให้ผมเจ็บปวดอีกแล้ว ตอนนี้มันบีบรัดตุบๆ เป็นจังหวะ นวดแก่นกายของผมด้วยความหนึบหนับตลอดความยาว นี่มันสวรรค์ชัด! ผมไม่เคยมีเซ็กส์ด้วยความรู้สึกที่มากมายขนาดนี้มาก่อน เหมือนกับในอกมันพองฟูจนแทบล้นออกมา ทั้งเสียง ทั้งใบหน้า ทั้งรสสัมผัสที่ลุงมอบให้ตอนนี้...ผมไม่เคยรู้สึกกับใครแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต

“อา...ที่รัก...รักพี่มั้ย? อา...”  ผมครางงึมงำกับริมฝีปากหวาน หยาดเหงื่อเริ่มโทรมกายเมื่อการเคลื่อนไหวของสะโพกมีมากขึ้น แรงขึ้น เร็วขึ้นจนร่างข้างใต้หัวสั่นหัวคลอน

“พี่ปูน...อ๊า~”  ลุงหลับตาแน่น ปัดป่ายมือไปทั่วแผ่นหลังผมราวกับต้องการที่ยึดเหนี่ยว

“รักพี่มั้ย? หืม?”  เสียงร้องระงมไปทั่วห้อง ยิ่งผมเคลื่อนไหวมากเท่าไหร่ ลุงยิ่งลืมตัวครางออกมามากเท่านั้น

“รักครับ...รักครับ...อ๊า~ เบาหน่อยนะ อื๊อ! ลุงเจ็บ”

“อา...เด็กดีของพี่”  ริมฝีปากเราสอนคนแทบจะไม่ยากจากกันเลย ต่างฝ่ายต่างประกบบดเบียดเก็บเกี่ยวรสหวานจากกันและกัน ดื่มด่ำลึกซึ้งยิ่งกว่าเคยได้ประสบจากครั้งใด

ส่วนนั้นทั้งนุ่ม ทั้งลื่นไหล จนผมไม่สามารถห้ามสัญชาตญาณดิบของตัวเองได้อีกต่อไป ผมยืดตัวขึ้น ถอนกายออกอย่างรวดเร็วจนเกิดเสียงเร้าอารมณ์ ผมแลบเลียริมฝีปากด้วยความอยากจะกลืนกินร่างตรงหน้าทั้งเนื้อทั้งตัว หูอื้อ หน้ามืดเพราะความต้องการที่ล้นทะลักปรอท

ผมพลิกร่างเย้ายวนตรงหน้าให้คว่ำลง ยกสะโพกขึ้นมาให้อยู่ในระดับก่อนจะกระแทกแก่นกายเข้าไปจนมิด ความเสียกระสันทำผมแทบคลั่ง เสียงครางต่ำหลุดออกมาจากลำคอจนเหมือนเสียงคำราม เสียงร้องโอดโอยของลุงเหมือนเชื้อไฟที่ช่วยโหมความต้องการให้โชติช่วง เสียงผิวเนื้อกระทบกันดังถี่รัว เสียงครางหวานหูดังคลอไปไม่หยุดปาก

“ปุริม...อา...อึกๆๆ!! อ๊า~”  ผมไม่เคยชอบชื่อตัวเองได้มากเท่านี้มาก่อน จนเมื่อมันออกมาจากปากของลุง จนกระทั่งผมได้รู้ว่าเสียงครางกระเล่าที่เรียกชื่อผมนั้นมันไพเราะขนาดไหน

“เรียกพี่อีกสิ” 

“ปุริม...อ๊ะๆๆ อึก! พี่ปูน”

ผมแย้มยิ้มด้วยความพอใจ สายตาวนกลับมาจับจ้องที่ก้อนเนื้อแน่นหนั่นสองก้อนที่กำลังพลิ้วไหวด้วยแรงอัดกระแทก ดียิ่งกว่าที่เคยจินตนาการเอาไว้เสียอีก ยามที่มันโอบรัดแก่นกายของผมเอาไว้ ยามที่ถูกเคล้าคลึงขยำขยี้ แล้วแบะมันออกเพื่อมองร่างกายตัวเองย่ำยีความคับแน่นนั้นอย่างรุนแรง ผมไม่สามารถหยุดมือที่กำลังนวดเฟ้นของชอบตรงหน้าได้เลยจริงๆ

“อื๊อ! ลุงใกล้แล้ว”  ลุงบอกเสียงพร่า ขณะเดียวกันร่างข้างใต้ก็สั่นสะท้าน ภายในบีบรัดในจังหวะที่แน่นกว่าเดิม ผมรีบฉุดตัวคนรักขึ้นมาโอบกอดไว้พร้อมกับทะยานร่างตัวเองลึกล้ำดุจเดิม ลุงเอนกายแนบชิด สองมือจับแขนผมไว้แน่นพลางพยุงตัวเพื่อรับแรงกระทั้นกระแทกที่ไม่ลดลง เสียงครางเร่งเร้าขึ้นพร้อมกับกายสั่นระริก แล้วจากนั้นไม่นานส่วนอ่อนไหวก็พวยพุ่งออกมาโดยไม่ได้ถูกสัมผัสแตะต้อง ร่างในอ้อมกอดกระตุกเกร็งพานให้ช่องทางบีบรัดถี่ยิบ ผมเร่งเคลื่อนกายถี่รัว จนกระทั่งไม่สามารถต้านทานกระแสความคับแน่นนั้นได้ ผมจึงเกร็งร่างปลดปล่อยตามไป

เสียงหอบหายใจดังจนแยกไม่ออกว่าเป็นของใคร ผมฝังตัวเองแน่นเข้ากับช่องทางอุ่นร้อน ดึงดันที่จะพาตัวเองเข้าไปในจุดที่ลึกที่สุด ปล่อยกายให้อีกฝ่ายตุบตอดจนกระทั่งหยาดหยดสุดท้ายจบลง เมื่อนั่นเราทั้งคู่ต่างทรุดตัวลง ลุงนั่งแนบแน่นบนหน้าตักผมอย่างหมดแรง ผมขยับขาเล็กน้อยเพื่อนั่งให้สบายขึ้นหากไม่ยอมถอนตัวออกไปจากความดื่มด่ำของการร่วมรักในครั้งนี้

เรานั่งแนบชิดกัน รอคอยจนกระทั่งความเหนื่อยหอบคลายลง หยาดเหงื่อพราวพร่างบนร่างเราทั้งคู่ แต่ผมก็ไม่รังเกียจที่จะไล้ชิมหยาดน้ำนั้นด้วยริมฝีปากตามซอกคอขาวผ่อง ซุกไซ้ดูดชิมผิวเนื้อเย้ายวน และไม่ลืมที่จะทิ้งรอยรักเอาไว้เพื่อเป็นสักขีพยาน

เมื่อพออกพอใจเต็มที่จึงขยับร่างอีกครั้งเพื่อถอนตัวออก ผมถอดถุงยางเปี่ยมน้ำแล้วจับมัดอย่างชำนาญ ดึงทิชชู่บนหัวเตียงห่อแล้วโยนส่งๆ ไปบนพื้น ก่อนจะขยับมาดูลุงที่นอนเผยบั้นท้ายหลับตาพริ้มด้วยความเหน็ดเหนื่อย ผมแหวกนิ้วเพื่อสำรวจความยับเยินของช่องทางที่ถูกรุกรานอย่างหนัก แม้จะแดงก่ำและบวมไปสักหน่อยแต่ก็ไม่มีเลือดตกยางออกให้เห็น แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือคราบลื่นของเจลทำให้ช่องทางนั้นดูวาววับ เมื่อผมส่งนิ้วเข้าไป ร่องหลืบนั้นก็หดรัดแน่นในทันที ไม่ดีเลย...อย่างนี้ไม่ดีแน่ๆ

“ลุงครับ”  ผมโน้มตัวจูบแก้มเปล่งปลั่งของคนนอน ลุงสะลึมสะลือเปิดเปลือกตาขึ้นมามองผม

“พี่ปูน...ลุงง่วงแล้ว”

ผมจูบหน้าผากด้วยความสงสาร แต่...

“อื้อ!! ไม่นะ พอแล้ว”

คนเพลียแรงออกปากประท้วง เมื่อแก่นกายไม่รักดีของผมเคลื่อนเข้าสู่ความร้อนฉ่ำภายในอีกครั้ง คงเพราะคราวนี้ไร้ซึ่งแผ่นยางบางๆ มาคั่น ทำให้ทุกการรับรู้นั้นชัดเจนยิ่งขึ้น ผมเอนกายนอนแนบแผ่นหลังลุงด้วยอาการสั่นสะท้าน ความร้อน การตอดรัด มันทำให้ร่างกายพร้อมจะแตกซ่านได้ทุกเมื่อจริงๆ

“ลุงเจ็บก้น”  เด็กน้อยเอียงใบหน้าฉ่ำน้ำตามามองผม มันทั้งน่ารัก ทั้งน่าเอ็นดู

“อีกครั้งนะทูนหัว”  ผมจูบซีกหน้าลุงอย่างรักใคร่  “พี่จะทำเบาๆ ช้าๆ นะ”

“จริงนะ”

“จริงครับ อีกแค่ครั้งเดียวนะ สัญญาเลย”

และเมื่อลุงยินยอมอย่างเสียไม่ได้ ผมก็เริ่มเดินเครื่องอีกครั้ง คราวนี้เนิ่นนานยิ่งกว่าครั้งแรก ลุงร้องครางจนเสียงแหบแห้ง ซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่ร่างกายกระทบกัน เสียงหลายโลนดังคลอไม่หยุดหย่อน ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปแค่ไหน ตราบเท่าที่ผมยังไม่อิ่มเอมกับร่างที่กกกอดก็ไม่มีทีท่าว่าพายุอารมณ์จะสงบลงง่ายๆ จนกระทั่งเหงื่อของเราทั้งคู่ไหลซึมเปียกปอนราวกับแอ่งน้ำ เฉอะแฉะเย็นยะเยือกทว่าทว่าเร่าร้อนคล้ายถูกเผาไหม้

เมื่อผมถอนตัวออกจากช่องทางนุ่มพร้อมกับน้ำรักมากมายที่รินไหลตามมา ลุงแน่นิ่งไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยถึงขีดสุด แต่ก่อนที่เปลือกตาจะปิดสนิท ก่อนที่จะประคองสติไม่ไหว ก็ยังอุตส่าห์ผุดคำพูดออกมาด้วยสีหน้าโกรธขึ้ง

“คนโกหก!”

ผมมองสภาพที่นอนที่ไม่ต่างอะไรจากพื้นที่สงคราม มองคนรักที่สภาพยับเยิน ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ กับตัวเอง เกาหัวแกร่กๆ อย่างรู้สึกผิด ไม่ใช่ว่าตั้งใจไม่รักษาสัญญาหรอกนะ ...แต่มันทำไม่ได้จริงๆ

ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ความอิ่มเอมใจทำให้ผมรู้สึกผิดไม่ได้นาน อย่างน้อยก็ต้องหาที่หลับที่นอนในคืนนี้ก่อน ผมเหลือบมองนาฬิกาแล้วก็ให้อุทานในใจ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเช้าแล้ว ช่วงสายผมต้องออกไปพบลูกค้าอีกต่างหาก คิดได้ดังนั้นก็รีบพุ่งร่างเข้าห้องน้ำเพื่อทำความสะอาดตัวเอง และเตรียมผ้าชุบน้ำในอ่างออกมาเพื่อเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้กับพัทลุง เช็ดไปผมก็อดสบถด่าตัวเองไม่ได้ เนื้อตัวลุงมีรอยจูบมากมายเต็มไปหมด ช่วงเอวเหมือนจะมีรอยช้ำ คงเพราะผมลงน้ำหนักมือเวลาจับมากเกินไป ก้นก็ดูจะช้ำไม่แพ้กันเพราะน้ำมือผมที่ลงแรงขยำขยี้ ไม่ต้องพูดถึงช่องทางที่อีกฝ่ายหวงแหนหรอกว่าจะยับเยินเพียงใด

เช็ดตัวเสร็จเรียบร้อยก็จัดการแต่งตัวให้ลวกๆ แล้วหันไปค้นหาผ้านวมมาปูนอนบนพื้นข้างเตียง ขนหมอนมากองไว้พร้อมกับผ้าห่มบนเตียงที่สภาพยังเหลือดีอยู่ ก่อนจะจัดการอุ้มร่างคนหลับใหลลงมานอนจัดท่าให้สบาย เปิดแอร์ ปิดไฟ แล้วหลับใหลตามไปโดยที่อ้อมกอดโอบรัดพัทลุงไว้อย่างอบอุ่น

.
.
.

หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 05-02-2018 15:27:27


.
.
.

“อ๊าก!!!”

ผมสะดุ้งตกใจกับเสียงร้องดังลั่นที่อยู่ไม่ไกลจากตัวนัก ความงัวเงียทำเอาผมพลิกตัวตะเกียกตะกายขึ้นนั่งอย่างหมดสภาพ เมื่อพยายามลืมตามองให้ชัดเจนก็เห็นบางอย่างดีดดิ้นไปมาอยู่ใต้ผ้าห่ม ผมมองไปรอบตัวก่อนที่จะวกสายตากลับมาที่กองสิ่งมีชีวิตตรงหน้า มือยื่นออกไปตวัดผ้าห่มผืนหนาเลิกขึ้นอย่างแรง ใต้นั่นคือไก่ขนขาวตัวไม่เล็กไม่ใหญ่ที่กำลังแดดิ้นเหมือนถูกเชือด

“เป็นอะไร?”  เสียงผมแหบไปเล็กน้อยจากการผสานเสียงเมื่อคืน แต่คงชัดเจนพอที่จะทำให้อีกฝ่ายหันขวับมามองด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แล้วตามด้วยฝ่าเท้าขนาดกำลังดีที่เหวี่ยงซัดเข้าสีข้างผมแบบเต็มแรง ความเจ็บทำให้ผมตื่นเต็มตา แต่ที่ยิ่งกว่านั้นคือเสียงร้องโอดโอยจากเจ้าของฝ่าเท้า

“เจ็บอ่ะ เจ็บๆๆ”

“พี่ต้องเป็นคนร้องสิ”  ผมแย้งเสียงเข้ม สีข้างนี่เจ็บแปล่บๆ ถึงจะพอเบี่ยงหลบก็เถอะ แต่มันก็ยังถือว่าโดนเต็มๆ อยู่ดี

“ผมเจ็บก้น เจ็บไปทั้งตัวเลย”  พอลุงร้องขึ้นมา ความเจ็บผมก็ดูจะเล็กจ้อยไปเลย  “ข้างในมันเจ็บแปร๊บๆ ด้วย ผมนั่งไม่ได้! พี่ทำอะไรผม พี่จะฆ่าผมใช่มั้ย!!”

ผมควรจะหัวเราะหรือสลดดีล่ะเนี่ย...

“ฮือๆ ผมจะเอาหน้าที่ไหนไปพบพ่อบนสวรรค์”

“ไม่ถึงตายหรอกน่า แค่ไม่กี่ครั้งเอง”  ผมเขยิบตัวเข้าไปใกล้ ยื่นมือเข้าหาหมายจะช่วยบีบนวด แต่โดนปฏิเสธไม่พอยังถูกตีมือกลับมาอีก

“ไม่ต้องมาแตะตัวผมเลยนะ! ฮือ~ ผมเจ็บก้นจังเลย”

“พี่ขอโทษนะ...”  ผมถือโอกาสล้มตัวลงนอนข้างๆ โอบมือพาดช่วงเอวกอดไว้กันอีกฝ่ายกระเถิบหนี  “แสดงว่าจำเรื่องเมื่อคืนได้สินะ”

“จำไม่ได้! แต่หลักฐานมันฟ้องขนาดนี้จะให้คิดเป็นอื่นได้ไง ตอนผมขยับตัวมันยังเหมือนมีอะไรไหลออกมาจากก้นด้วยซ้ำ!”  ว่าแล้วก็ซุกหน้ากับฝ่ามือเพื่อหนีความจริง

“งั้นก็จำไม่ได้เลยน่ะสิว่าเรามีความสุขกันขนาดไหน”  ผมดึงมืออีกฝ่ายออก กล่าวเย้าหยอกที่ไม่เกินความจริงเท่าไหร่นัก  “ว้า~ อย่างนี้ต้องลำลึกความหลังสักหน่อยดีกว่า ลุงจะได้พอนึกออกว่าเราเล่นท่าอะไรกันบ้าง”

“อ๊ากกก!! เลวมาก หุบปากไปเลย”

“สักหน่อยน่า เมาขนาดนั้นก็ต้องถอน จะได้สดชื่น”

“ไม่นะๆ ไม่เอานะปุริม”  ผมอมยิ้มกับเสียงกร้าวที่อ่อนลงกว่าครึ่ง ดวงตาโตกระพริบมองผมเหมือนลูกหมาตัวน้อยๆ  “ลุงเจ็บมากจริงๆ นะ ไหนว่ารักกันไง”

“ถามจริงๆ นะ จำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้สักนิดเลยหรือ?”  สองตาผมสบมองอีกฝ่ายอย่างประเมิน แต่ลุงกลับกรอกตาหลบการจ้อง ซ้ำใบหน้ายังแดงเรื่องขึ้นเล็กน้อย ผมอมยิ้มทันที สีหน้าอย่างนี้ถึงไม่ใช่ทั้งหมดก็ต้องจำได้บ้างล่ะ เมื่อคืนร้องเจ็บออกปานนั้น ต่อให้เมาแค่ไหนก็ต้องคืนสติบ้างล่ะ

“ห...ห้ามถาม ผมไม่ตอบอะไรทั้งนั้น”

มันช่างน่ารักนัก!

ผมยื่นหน้าจูบปากอีกฝ่ายเร็วๆ  “ทูนหัวว่าไง พี่ก็ว่าตามนั้นครับ”

สีหน้าลุงตอนนี้ปนเประหว่างความอับอายกับการฝืนหุบยิ้ม ใบหน้าเลยตลกมากกว่าจะดูน่ารัก แต่สีเลือดฝาดที่วิ่งขึ้นใบหน้าก็ยังทำให้ผมจ้องมองภาพนั้นไม่วางตา

มันคือเช้าที่ผมใฝ่ฝัน

การตื่นมาแล้วรู้สึกว่าตัวเองเป็นที่รัก รู้สึกว่าโลกมันสว่างไสว รู้สึกว่าหัวใจเหมือนกับไม่ใช่ของตัวเอง เต้นแรงกระหน่ำออกปานนั้น แต่กลับเบาโหวงราวกับถูกดึงออกไป มันไม่ใช่สิ่งที่ผมคุ้นเคยเลยสักนิด แต่ผมชอบความรู้สึกนี้เป็นบ้า

ผมหอมแก้มลุงอีกครั้ง ก่อนจะขยับตัวขึ้นนั่งพลางบิดไล่อาการปวดเมื่อยออกไป  “นอนไปก่อน เดี๋ยวพี่โทรสั่งข้าวให้แล้วจะมาเปลี่ยนผ้าปูที่นอน”

“ผมยังไม่หิว”  ลุงซุกหน้ากับผ้าห่ม ตอบเสียงอู้อี้

“พี่ต้องออกไปพบลูกค้า สั่งไว้ก่อน เผื่อตื่นมาแล้วหิว”  ผมไล้นิ้วไปกับแก้มนิ่ม ก่อนจะฝืนตัดใจขยับลุกขึ้นจากฐานที่มั่น ยืนมองลุงห่อตัวเองกับผ้าห่มแล้วค่อยเดินออกไปพร้อมอาการปวดสะโพก อา...ผมไม่ได้มีเซ็กส์จนร่างกายสะบักสะบอมแบบนี้มานานแล้ว

เริ่มแรกผมโทรสั่งอาหารขึ้นมาก่อน จากนั้นค่อยเข้าไปเปลี่ยนผ้าปูที่นอนกับผ้ารองเปื้อนโดยมีคุณพ่อบ้านตัวจริงนอนมองตาปริบๆ เสร็จสิ้นก็อุ้มคนเจ็บขึ้นมานอนให้สบาย หมอนพร้อม ผ้าห่มพร้อม ลุงก็ทำท่าจะตาปรืออีกรอบ ผมปล่อยคนง่วงให้เป็นไปตามยถากรรม ส่วนตัวเองก็เข้าห้องน้ำทำกิจวัตเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน กว่าจะแต่งตัวเสร็จหันไปอีกที คนบนที่นอนก็พริ้มหลับไปแล้ว

“ลุง...”  ผมสะกิดเรียกเบาๆ

“อืม~”

“พี่ไปก่อนนะ” 

“แล้วพี่จะกลับมาเมื่อไหร่” 

“ไม่แน่ใจ น่าจะช่วงบ่าย”  เป็นไปได้ผมก็อยากจะเลื่อนนัดไปซะให้สิ้นเรื่อง แต่เจ้านี้ดันเป็นลูกค้าใหม่รายใหญ่เสียด้วย มันคงไม่ดีเท่าไหร่ถ้าผมจะทำตามใจตัวเองขนาดนั้น  “ถ้าตื่นแล้วพยายามลงไปกินข้าวนะ หรือจะให้พี่ยกขึ้นมาดี?”

“ผมลงไปได้”  น้ำเสียงอ้อแอ้แหบแห้งนั้นทำเอาผมใจสั่น ผมไม่อยากทิ้งลุงในสภาพนี้เอาไว้คนเดียวเลยให้ตายสิ

“อยากให้พี่ซื้ออะไรกลับมามั้ย?”  ผมยิ้มมองคนตาปรือบนที่นอน ลุงส่ายหน้าน้อยๆ จ้องมองผมด้วยแววตาอิดโรย

“...กลับมาเร็วๆ นะ”

เหมือนหัวใจถูกปาใส่ด้วยดอกไม้ช่อใหญ่ มันทั้งหอมหวาน ทั้งสดชื่น จนตัวแทบจะลอยละล่อง ผมอาจจะบรรยายเกินไปหน่อย แต่ความรู้สึกมันใช่เลย! ผมจับหน้าลุงมาจูบหนักๆ จนอีกฝ่ายร้อยประท้วงเสียงอู้อี้จึงยอมผละออก เสียงไล่ส่งดังลอยมาตามหลังทันทีที่ผมหมุนตัวจากไป ผมไม่สนหรอก ลุงก็แค่เขินเท่านั้นเอง...

.
.
.

ความรู้สึกเบิกบานยังคงตามติดผมอยู่ตลอดแม้จะผ่านช่วงรถติดตามท้องถนนมาหลายแยก แค่คิดถึงว่ามีคนที่บ้านรอคอยผมกลับไป ในหัวผมก็วางแผนการเจรจาเรื่องงานไว้เป็นฉากๆ เพื่อให้เสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นผมจะแวะซื้อขนมหวาน ซื้ออาหารที่ลุงน่าจะชอบกลับไป หวังว่าผมจะกลับไปได้ทันก่อนลุงจะตื่นขึ้นมา

กว่าจะถึงที่หมายเวลาก็ล่วงเลยมาจนเกือบถึงเวลานัด ผมลงจากรถพร้อมกับกระเป๋าโน๊ตบุ๊คที่รวบรวมผลงานของบริษัทเอาไว้ จัดทรงเสื้อสูทลำลองให้เป็นรูปเป็นทรงก่อนจะก้าวเข้าไปยังตึกสูงที่ตั้งอยู่บนพื้นที่กว้างขวางพอสมควร ผมลอบมองสำรวจโดยการกวาดสายตาคล้ายมองผ่านๆ นอกจากตึกสำนักงานแล้วนั้น ยังมีอาคารอีกสองสามหลังด้านในเท่าที่สายตามองเห็น เหมือนจะเป็นที่ไว้เก็บและระบายสินค้า ตามรูปแบบงานของลูกค้าที่พอรู้มา

ผมก้าวเข้าไปถึงจุดประชาสัมพันธ์เพื่อแจ้งชื่อและเวลานัดหมาย หญิงสาวใบหน้าหมดจดยิ้มหวานพลางอาสาเดินนำผมไปยังห้องรับรองโดยไม่จำเป็น ผมไม่ได้เข้าข้างตัวเองหรอกนะ แต่การชม้ายชายตายามเดินตีคู่กันนั้นผมเจอมาบ่อยจนเอียน ลุงควรจะภาคภูมิใจให้มากที่มีสามีน่ากินขนาดนี้นะ

“นั่งรอสักครู่นะคะ”  พนักงานสาวผายมือไปยังชุดรับแขกในห้อง เสียงหวานยังอุตส่าห์ถามถึงเครื่องดื่มที่ผมต้องการก่อนจะออกไป

ไม่นานนักประตูห้องก็ถูกเปิดอีกครั้งแต่ไม่ใช่เพราะพนักงานคนเดิม หากเป็นชายหนุ่มอ่อนวัยรูปร่างสูงโปร่ง ในมือนั้นมีแก้วน้ำดื่มที่น่าจะถือวิสาสะชิงมาเพราะสายตาผมเหลือบไปเห็นสาวเจ้าคนเดิมยืนเก้กังอยู่ด้านหลัง ประตูปิดสนิทลงพร้อมกับที่อีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้และวางแก้วน้ำลงตรงหน้า

“น้ำครับพี่…”

ผมมองชายหนุ่มในชุดสูทดูดีมีราคาตรงหน้า ใบหน้าที่มีส่วนคล้ายคลึงกับคนในความทรงจำทำเอาผมอดขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดไม่ได้ ดูจากการวางตัวนั้นคงกลายเป็นผู้บริหารเต็มตัวไปแล้ว ไม่เหลือเค้าเด็กตัวเล็กขี้แงที่เคยเห็น …เวลามันผ่านมาขนาดนี้เชียว

แต่นั่นไม่เกี่ยวกับความรู้สึกในตอนนี้ ผมกำลังโมโห ปกติผมจะเป็นคนตรวจสอบลูกค้าแต่ละรายก่อนจะรับงาน แต่พอละเลยเข้าหน่อยก็ดันเจอแจ็คพอตเข้าให้ ถ้าจะให้พูดเข้าข้างตัวเองสักหน่อยคือผมมักจะเป็นฝ่ายหลอกคนอื่น พอถึงคราวตัวเองเจอบ้างนี่มัน…หงุดหงิดจนอยากจะคว่ำโต๊ะ!

“ไม่คิดว่านี่จะเป็นหนึ่งในธุรกิจของครอบครัวคุณ แต่ผมรู้มาว่าคุณมีแผนกที่จะดูแลเรื่องโฆษณาอยู่แล้ว ก็ยังแปลกใจอยู่ว่าทำไมถึงสนใจเรียกบริษัทเล็กๆ เข้ามารับบรีฟงาน รบกวนบอกให้ผมหายข้องใจสักหน่อยสิครับ”

ใบหน้าอ่อนวัยสลดลง ไหล่ผึ่งผายลู่ลีบไม่ต่างจากเด็กที่ถูกดุ แต่หลังจากลังเลอยู่สักพักก็ยืดตัวสูดลมหายใจตอบออกมา แม้เสียงยังมีความกริ่งเกรงอยู่บ้าง แต่ถ้อยคำนั้นฉะฉานขัดเจนเจือความขบขัน

“ไม่ว่าเมื่อไหร่ผมก็ยังรู้สึกว่าพี่น่ากลัวอยู่ดี”

“ต้องการอะไร”  ผมยืดตัวนั่งเต็มแผ่นหลัง พาดเท้าไขว่ห้างตีหน้าขึงขัง

“เอ่อ…ก็การจ้างงานอย่างที่แจ้งไว้ครับ”

“อย่าเอาเรื่องนั้นมาอ้าง -- พวกคุณต้องการอะไร!”

อีกฝ่ายเม้มปากแน่น ความเครียดแผ่ออกมา ความรู้สึกหนักใจมีมากจนแสดงออกมาทางสีหน้า

ผมไม่รู้จริงๆ ว่าเมื่อไหร่ที่คนพวกนี้จะหยุดวุ่นวายกับผมเสียที ตั้งแต่ไอ้คุณทนายที่ตามตื๊อตามติดเป็นขี้ปลาทอง แล้วยังมีหมอนี่ที่โดดเข้ามาร่วมวงอีก หรือผมควรจะไปแจ้งความว่ากำลังถูกคุกคามดี ไม่สิ…ไอ้เรื่องแบบนี้คงมีแต่คนตราหน้าผมก็เท่านั้น

"พี่ปูน..."  คนตรงหน้าเอ่ยเรียกผมเสียงอ่อย  "คุณพ่อเข้าโรงพยาบาลครับ"

"ฉันรู้แล้ว แล้วยังไง"

"หลังจากล่าสุดที่คุณวิรัชแจ้งพี่ คุณพ่อก็ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วครับ แต่เมื่อวันก่อนก็ล้มป่วยเข้าไปอีก"

"หึ ดูท่าจะอยู่ไม่นานแล้วล่ะมั้ง?"  ผมแค่นหัวเราะ ทำอีกฝ่ายหน้าตึงขึ้นมา แต่ยามเถียงกลับเป็นแค่เสียงอ้อมแอ้ม หลบสายตาไม่กล้าสู้แววตาวาวโรจน์ของผม

"คนเป็นลูกไม่ควรแช่งพ่อตัวเองนะครับ"

"ไม่ต้องมาสั่งสอนฉัน!"  ผมตวาดฉับ ใบหน้าอ่อนวัยกว่าขมวดคิ้วมุ่น หดคอเหมือนกับเต่าต้องการที่หลบภัย แต่ก็ยังไม่วายแสดงความกล้าพูดในสิ่งที่ต้องการ 

"หมอว่าพ่อเสี่ยงเป็นโรคสมองขาดเลือดครับ สาเหตุคงมาจากเพราะโรคประจำตัว แถมโรคหัวใจที่เป็นอยู่ก็กำเริบขึ้นมาอีก ที่จริงคุณพ่อเครียดมากเรื่องธุรกิจเพราะไม่มีใครที่ไว้ใจให้เข้ามาช่วยดูแลจัดการได้มาก พี่คงรู้ว่าครอบครัวเรามีมากมายหลายอย่างแค่ไหน แถมยังสูบบุหรี่จัดแม้ว่าทุกคนจะคอยห้ามแล้วก็เถอะ ...ตัวผมเองก็ยังช่วยอะไรไม่ได้ คุณพ่อก็มาเป็นแบบนี้อีก คนสอนงานก็เลย..."

ผมกอดอกนิ่งฟังด้วยความเบื่อหน่าย บทบาทลูกชายคนดีที่มีต่อพ่อที่รักนี่มันชวนซาบซึ้งน้ำตาไหลจริงๆ ไม่รู้ว่าคุณนายบ้านนั้นจะร้องไห้เพราะเป็นห่วงสามีขนาดไหน หึหึ แค่คิดก็นึกถึงละครช่วงหลังข่าวแล้ว

"คุณพ่ออยากเจอพี่มากเลยนะครับ ทุกครั้งพี่เอาแต่ปฏิเสธคุณวิรัช ตอนแรกคุณแม่ก็อยากจะมาพบพี่ด้วยตัวเอง แต่ผมกลัวว่า...คือ...ผมกลัวว่าพี่จะไม่พอใจเลยขอมาเป็นด่านหน้าก่อนครับ"

 "ฉันจะพอใจที่สุดถ้าไม่ต้องเห็นหน้าใครเลยมากกว่า"

"แต่พี่ครับ ...ไปพบคุณพ่อเถอะนะ"

"เสียเวลาเปล่าน่า"  ผมพ่นลมหายใจออกมายาวเหยียด  "เอาเวลาไปศึกษางานให้พ่อของนายเบาแรงดีกว่ามั้ย? อีกอย่างนะ ฉันไม่ใช่หมอ ช่วยคนใกล้ตายไม่ได้หรอก"

"พี่ปูน!"

"แล้วถ้าจะยัดเยียดสถานะของคนนั้นว่าพ่อให้ฉัน มันก็ออกจะเกินไปหรือเปล่า คงไม่สมองตื้อตันจนลืมไปหรอกนะว่าฉันใช้ชีวิตอยู่ยังไงในขณะที่พวกนายแม่ลูกได้รับการดูแลอย่างดีน่ะ เพราะงั้นถ้าจะอ้างอิงถึงล่ะก็ คำว่า 'ผู้บริจาคสเปิร์ม' น่าจะตรงตัวกว่านะ คนๆ นั้นก็แค่สร้างร่างเนื้อให้ฉันเท่านั้น ส่วนชีวิต...ฉันฝ่าฟันมาด้วยตัวเองต่างหาก จะให้เรียกพ่อเนี่ย หึหึ ขอโทษนะ ฉันไม่มีเกียรติพอจะเรียกหรอก กลัวว่ามันจะระคายปากจนอักเสบขึ้นมา"

"...พี่ปูน"  ใบหน้ายุ่งยากใจผุดขึ้น คล้ายจะปะปนด้วยความเสียใจ ความละอายใจ หรืออะไรก็ตามแต่ที่อาจปั้นแต่งขึ้นมา  "คุณพ่อพูดถึงพี่บ่อยๆ ท่านรู้ว่าทำผิดต่อพี่ไว้มาก เพราะงั้น..."

"ไม่ต้องสาธยายอะไรอีกแล้ว เสียเวลา"

"ผมพูดจริงๆ นะครับ คุณพ่อน่ะ--"

"นี่นะเด็กน้อย"  ผมลุกขึ้น เอ่ยขัดจังหวะอีกฝ่าย  "เอาเวลาไปทำตัวเป็นลูกที่ดีเถอะ ฉันกับครอบครัวนายไม่มีอะไรต้องมาข้องแวะกันอีก ช่วยบอกไอ้ทนายบ้าบอนั่นด้วยว่าเลิกโทรมารายงานความเป็นความตายของใครให้ฉันฟังเสียที มันเสียสุขภาพจิต อ้อ! ฟังดูออกจะใจดำไป เอางี้แล้วกันนะ ไว้คนนั้นตายเมื่อไหร่ค่อยโทรมาแล้วกัน ฉันจะได้แสดงความขอบคุณที่สละสเปิร์มโดยการขอเป็นเจ้าภาพสักคืน"

"พี่ครับ!"  เด็กหนุ่มร้องเสียงเครียด ความโกรธวาดผ่านแววตา แต่มันก็สลายไปเหลือทิ้งไว้เพียงความเจ็บปวด  "ทำไมพี่ไม่ปล่อยวางสักที ตอนนี้พี่มีทุกอย่าง พี่ยืนได้ด้วยตัวเอง แต่คุณพ่อยังหลุดจากความรู้สึกผิดนั้นไม่ได้เลย ถึงพี่จะอ้างเหตุผลอะไรมากมายแต่ว่าพี่ก็เปลี่ยนความจริงไม่ได้หรอกว่าพี่เป็นลูกของคุณพ่อ"

ความโกรธแล่นไปทั่วร่างจนยากจะควบคุม ขาก้าวไปข้างหน้าก่อนที่สมองจะสั่งการเสียอีก ผมตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อคนตรงหน้าให้ลุกขึ้นมา ความกลัวปรากฏในแววตาอีกฝ่ายแต่กระนั้นก็ยังไม่อาจกลบความดื้อดึงเอาไว้ได้

"คนที่ได้ทุกอย่างอย่างนายจะไปเข้าใจอะไร"  ผมตวาดเสียงเข้ม ส่งสายตาดุดันอีกจนอยากจะให้อีกฝ่ายสลายไปตรงหน้า  "เคยถูกขังในห้องมืดๆ มั้ย? เคยรู้สึกว่าไร้ตัวตนรึเปล่า? เคยสักครั้งมั้ยที่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ก็ยังไร้ค่า นายเคยต้องนอนไม่สบายคนเดียวสักครั้งรึยัง ต่อให้เกือบตายแค่ไหนก็ต้องอยู่ในห้องคนเดียว ไม่มีใครเห็นหัวแม้แต่คนรับใช้ในบ้าน เคยสักข้อรึเปล่า! ถ้าไม่อย่างนั้นก็อย่าสะเออะมาพูดจาสวยหรูกับฉัน"

ผมผลักร่างอีกฝ่ายจนลงไปกระแทกกับเบาะ เหยียดสายตามองเด็กน้อยโลกสวยที่กำลังตาแดงก่ำ ยังอ่อนต่อโลกนัก คงจะเลี้ยงกันมาอย่างทะนุถนอมน่าดู ถึงได้โตมากลายเป็นผู้ชายบอบบางขนาดนี้ ไม่แปลกหรอกที่จะไม่ได้รับความไว้ใจให้จัดการดูแลเรื่องในบริษัท หึหึ แค่คิดว่าจากนี้อาณาจักรที่สร้างมากับมือของคนๆ นั้น ใกล้จะร่อแร่เหมือนปราสาททราย คนนอกอย่างผมก็รู้สึกสะใจไม่น้อยเลยเชียว

"เดาว่าเราคงเสร็จธุระกันแล้ว"


ผมหยิบกระเป๋าขึ้นมาถือไว้แล้วเดินจากไปท่ามกลางความเงียบ แต่พอเปิดประตูออกไปก็ต้องพบกับคนคุ้นหน้าคุ้นตาอีกคนที่ยืนรออยู่อย่างสงบเสงี่ยม จะเป็นใครไปได้นอกจากไอ้ทนายวิรัชนั่น!

"คุณพูดแรงไปนะครับ ถึงอย่างไรคุณชานนท์ก็เป็นน้องชายของคุณ"  ร่างสันทัดในชุดสูทสีเข้มค้อมหัวให้ผมพลางใช้ปลายนิ้วขยับแว่น สายตาตำหนิหลังเลนส์สีใสส่งผ่านมาราวกับประจุไฟฟ้า

"งั้นก็เข้าไปโอ๋ซะสิ อย่าลืมเอานมให้มันดูดด้วยล่ะ"  ผมแค่นเสียงหัวเราะ ก่อนจะก้าวยาวๆ จากไปด้วยความเร็ว ผมไม่สนว่าใครจะมองสีหน้ากรุ่นโกรธเหมือนอยากฆ่าคนของผมยังไง ตอนนี้ผมอยากไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด

ผมขับรถกลับบ้านด้วยความรู้สึกหลากหลาย มันปะปนกันจนแยกไม่ออกว่าความรู้สึกไหนเด่นชัดที่สุด ผมไม่ควรจะรู้สึกไปกับเรื่องราวในอดีต มันผ่านไปแล้วและมันก็ทำให้ผมเป็นผมอย่างทุกวันนี้ แต่คนพวกนั้นก็ช่างวนเวียนคอยรื้อฟื้นสะเก็ดแผลให้มันปริแยกออก ผมได้แต่บอกตัวเองว่ามันไม่สำคัญ บอกกับตัวเองว่าอดีตพรรณนั้นไม่สามารถทำอะไรผมได้อีกแล้ว



แต่มันคือสิ่งที่ผมพูดกรอกหูตัวเอง...



เพราะความจริงแล้ว ทุกครั้งที่สะเก็ดแผลเปิด เลือดก็ยังไหลออกมาอยู่ร่ำไป   


.
.
.

ภายในห้องเงียบเชียบเหมือนกับไร้ผู้อาศัย ผมเดินเข้าไปด้วยหัวใจอัดแน่นดังเช่นทุกครั้งเวลาบาดแผลถูกเปิด สองขาก้าวไปตามทาง สองตาเหลือบมองโต๊ะอาหารที่ยังมีถาดข้าววางอยู่เหมือนก่อนผมออกไป มันเป็นเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงผ่านไปเท่านั้น ลุงอาจจะยังไม่ตื่น... ถึงมันจะดูเงียบเหงาสักแค่ไหน แต่ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวนี่นะ

ผมเดินขึ้นบันไดทั้งร่างกายหนักอึ้ง ก้าวสั้นๆ ไปตามทางเดินสั้นๆ แล้วเปิดประตูเข้าไป อากาศเย็นปะทะจนร่างสะท้าน และเมื่อมองตรงเข้าไปความหนักอึ้งที่ถาโถมอยู่ก็พลันเบาบางลง สองขาก้าวเข้าไปหาคนคนเตียง โปงผ้าห่มพลิกตัวไปมา ก่อนที่เสียงฝีเท้าจะทำให้คนในนั้นตลบโปงผ้าห่มออกเพื่อมองมา

"กลับเร็วจัง"

ลุงเลิกคิ้วมองด้วยความสงสัย ผมทำเพียงยิ้มและก้าวต่อไป ทรุดกายนั่งลงบนที่นอนข้างๆ ใบหน้าลุงบิดเบี้ยวเล็กน้อยเมื่อพลิกตัวนอนหงาย ช่างดูทุลักทุเลจนน่าขบขัน แต่แค่พอยิ้มออกไปเท่านั้นกลับถูกฝ่ามือฟาดปับลงมาที่ท่อนแขน ...ให้ตายเถอะ! ตั้งแต่ได้เมียคนนี้ผมทั้งโดนตีโดนเตะ จะรู้บ้างมั้ยเนี่ยว่าผมไม่ยอมใครง่ายๆ แบบนี้เหมือนกัน

"ดุจัง”

“พี่ขำผมอ่ะ”

“ใส่ร้าย พี่ยิ้มอย่างเอ็นดูต่างหาก”  แต่ดูท่าอีกฝ่ายจะไม่เชื่อ แต่อย่างน้อยก็ไม่ทำร้ายร่างกายผมอีก แค่เปลี่ยนเป็นค้อนปะหลับปะเหลือกแทน

“ทำไมไม่ลงไปกินข้าว”  ความร้อนปะทะปลายนิ้วเพียงแค่สัมผัสถูกซีกแก้ม ผมขมวดคิ้วมุ่นด้วยความรู้สึกผิด ถ้าผมอดทนอดกลั้นสักหน่อยลุงคงไม่ต้องระบมจนไข้ขึ้นแบบนี้

“ผมยังไม่หิว อีกอย่างมันก็...ยังขยับลำบากอยู่เลยพี่ปูน”

“ขอโทษนะ”  ผมโน้มตัวแนบริมฝีปากกับแก้มนิ่ม ซุกไซ้กลิ่นไอที่ทำให้ผ่อนคลาย อีกฝ่ายหัวเราะคิกคักด้วยความจั๊กจี้ หากก็ยอมเคียงคอให้ผมจูบซับจนพอใจ งับจมูกเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนพ่นคำหยอกล้อให้คนน่ารักหน้าแดง  “แต่มันจะเกิดขึ้นอีกเรื่อยๆ ลุงต้องชินกับมันให้ได้นะ”   

“...มันจะเจ็บมากๆ อย่างนี้ทุกครั้งรึเปล่า”

“ต้องทำบ่อยๆ พอตรงนั้นของลุงคุ้นเคยกับของพี่แล้วมันก็จะมีแต่สบายเนื้อสบายตัว”

“ถ้าผมเชื่อก็ไม่ใช่คนแล้ว”  แล้วผมก็ได้รับพลังฝ่ามืออีกหนึ่งป้าบ แต่พอมองใบหน้าแดงระเรื่อนั้นแล้วผมก็ยอมเจ็บโดยไม่ปริปากบ่น จะมีก็แต่เจ้าของมือที่ฮึดฮัดขัดใจเล็กน้อยที่ประทุษร้ายแล้วไม่เป็นผล

“พี่ยกข้าวขึ้นมาให้มั้ย? ลุงจะได้กินยา”

“แล้วพี่กินข้าวรึยัง?” 

“ยังครับ คุยเสร็จแล้วพี่ก็ตรงกลับมาเลย”

“หิวรึยัง?”

ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ มวลสีดำในอกมันอัดแน่นจนกลบความอยากอาหารจนมิด และการได้นั่งมองหน้าลุงแบบนี้คือสิ่งที่ผมต้องการที่สุดในตอนนี้ แค่ได้อยู่ใกล้ๆ ก็เหมือนว่าผมไม่ได้ลอยเท้งเต้งอยู่กลางทะเลเพียงลำพัง แต่ผมไม่รู้ว่าลุงจะทนกับคนแบบผมไปได้อีกนานแค่ไหน ผมเอาตัวเองเข้าไปผูกกับเส้นด้ายบางๆ ที่เรียกว่าความรักอีกครั้ง ทั้งที่รู้ว่ามันคงไม่ยั่งยืน ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคงเชื่อสัญชาตญาณของตัวเองว่าเด็กคนนี้จะไม่มีวันปล่อยให้ผมเดินไปลำพัง ลุงไม่เหมือนคนๆ นั้น ไม่เหมือนเลยแม้แต่น้อย

ไม่ว่าจะโกรธหรือเกลียด จะชอบหรือรัก จะยิ้มหรือหัวเราะ ลุงยังคงมองเห็นผม ทำให้ผมมีตัวตนขึ้นมาในความสว่างไสวนั้น ทำให้ผมชอบตัวเองที่กำลังเปลี่ยนไป และที่สำคัญ...

“นอนกันดีกว่า”  ผมชะงักความคิดในหัว เมื่อคนที่เคยนอนอยู่นั้นขยับที่ไปอีกด้าน แล้วตบมือลงบนที่ว่างนั้นอย่างเชื้อเชิญ  “พี่คงได้นอนน้อยกว่าผมแน่ เพราะงั้นมานอนด้วยกันก่อนดีมั้ย ตื่นมาแล้วค่อยกินข้าวด้วยกัน”

ผมเบิกตากว้างอย่างเหนือความคาดหมาย แต่พอเสียงเร่งเร้าดังขึ้นอีกครั้ง ผมก็ไม่รอช้าที่จะปลดเสื้อผ้าออกเหลือเพียงกางเกงในขาสั้นแล้วกระโดดขึ้นเตียงทันที ลุงตบผ้าห่มเพื่อปิดคลุมร่างกันความเย็นจนมิดขณะที่ผมมุดลงไปเพื่อกอดร่องผอมบางข้างๆ เอียงหน้าซบซอกคออีกฝ่ายและไม่ลืมที่จะยกขาขาวๆ นั้นให้ขึ้นมาพาดเอว แม้จะเรียกเสียงซี๊ดซ๊าดด้วยความเจ็บขัด แต่ลุงก็ยอมขยับจนได้ที่ทางเหมาะสมในท่าบังคับเช่นนี้

ผมหลับตาลงพลางรับรู้ถึงกลิ่นกายคนรัก วงแขนไร้กล้ามนั้นโอบกอดศีรษะผมไว้ เกลี่ยปลายนิ้วกับเส้นผม นวดเบาๆ จนเกิดความสบายจนถึงขีดสุด

“นอนนะพี่ปูน...”  เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยกระซิบเหนือหัว ผมรับรู้ได้ถึงริมฝีปากอุ่นๆ ที่ก้มแนบหน้าผาก  “สีหน้าพี่ไม่โอเคเลย เกิดเรื่องอะไรรึเปล่า?”

“...ไม่มีอะไรหรอก พี่ไม่เป็นอะไร”  ผมยิ้มขื่นกับตัวเอง นี่ผมเผลอแสดงสีหน้าอะไรออกไปให้ลุงเห็นกันแน่เนี่ย

“แต่ผมเป็นห่วง”

พลันรู้สึกว่ากระบอกตาร้อนผ่าวขึ้นมา หากผมเก็บกลั้นมันไว้พลางโอบรัดคนในอ้อมกอดแน่นขึ้น ความรู้สึกในอกมันช่างยุ่งเหยิง ตีกันให้วุ่นราวกับเกิดสงครามย่อมๆ ขึ้นในนั้น แล้วเหมือนกับว่าฝ่ายที่พ่ายแพ้จะเป็นความมืดมิดที่อัดอยู่ภายในมาตลอดการเดินทาง หัวใจคล้ายจะเบ่งบานฟูฟ่อง


และที่สำคัญ...ลุงทำให้ผมรู้สึกว่าการได้รับความรักกลับมานั้น มันช่างวิเศษเหลือเกิน


“รักพี่มั้ย?”

“จุ๊บ! รักครับ”  ลุงจูบหน้าผากผมหนักๆ แล้วกระชับร่างตัวเองกอดผมจนเหมือนเราสองคนเป็นก้อนอะไรสักอย่างที่ไม่มีทางแยกจากกัน …แสงสว่างของผม ความอบอุ่นของผม ไม่ว่าอย่างไร ผมจะไม่มีวันยอมเสียมือคู่นี้ไปเด็ดขาด

มันอึดอัดนิดๆ แต่ผมกลับชอบที่จะได้อยู่แบบนี้ ผมเดาว่าตัวเองคงไม่สามารถกลับไปนอนคนเดียวโดยไม่เปล่าเปลี่ยวได้อีกแล้ว ผมหลับตาปล่อยใจไปกับความอุ่นสบาย เสียงหัวใจของลุงคล้ายจะขับกล่อมผมให้ห้วงนิทราขยับใกล้เข้ามา และไม่นานหลังจากนั้น ความฝันก็หอบผมให้ล่องลอยไปในโลกที่สีสันสวยงาม ฝ่ามือเกาะเกี่ยวใครบางคน และเมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปก็พบลุงหัวเราะอย่างเบิกบานอยู่ข้างกัน...




-----------------------------------------------TBC.

ตอนนี้จะหื่นหรือจะเครียดดีก็ไม่รู้ 555

แต่ในที่สุดเขาก็ได้กันค่าาาาา  :-[
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 05-02-2018 16:01:42
บอกไม่ถูกเลยค่ะ กับตอนนี้ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 05-02-2018 16:12:33
ลุงน่ารักอ่าา
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 05-02-2018 16:28:36
เหมือนโดนไปทีนึง ดูเข้าใจง่ายขึ้นมาทันทีเลยนะจ๊ะลุงจ๊า


รีบหายรีบเอาคืนนะ ลุงต้องพลิกนะ



เสี่ยมน้อง 55555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 05-02-2018 16:31:43
ปุริมโชคดีมากๆๆนะที่มาเจอหนูลุง  o13

 :pig4: :กอด1: :L1:

หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 05-02-2018 16:32:11
มัน...ตอนแรกๆก็ขำ กลางๆก็หื่นดี ท้ายๆนี้สงสารพี่ปูนมาก รอข่วงท้ายของเรื่องนะค่ะ สนุกมากๆเลย...เกบียนการพูดถึงคลี่ของลุงงง55555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-02-2018 16:39:25
มีหลายรสชาติ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ทั้งขำ เอ็นดู พี่ปูนรักลุงมากมายหวงลุงจริงๆ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

พอเป็นเรื่องอดีตของพี่ปูน ก็เศร้า หน่วงมากกก
พ่อทำกับพี่ปูนโหดมาก ทั้งที่เป็นลูกแท้ๆ
พอตัวเองป่วยไม่ไหว ก็ตามกลับไปช่วยธุรกิจตัวเอง
ก็เข้าใจที่พี่ปูนตอบกลับไปแบบนั้น  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

แต่ลุงสังเกตสีหน้าพี่ปูน เห็นทันที
คนเจ็บก้น เลยปลอบโยนคนที่เจ็บปวดใจ  :z3:
ปุริม พัทลุง   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: naplatoo ที่ 05-02-2018 16:44:58
ลุงน่ารักมาก เหมือนเป็นสมบัติล้ำค่าของพี่ปูนเลย แหล่งพลังงานแห่งกำลังใจชัดๆ พ่อกาบหอยแครงง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 05-02-2018 16:52:21
พี่ปูนดูหื่นมากกกกก มันอัดอั้นใช่มั้ยๆ :hao6:
เรื่องครอบครัวก็น่าสงสาร โหมดดาร์คแอบน่ากลัว
อย่างกับคนละคนที่อยู่กับน้องลุง5555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Shonteen ที่ 05-02-2018 16:53:32
กรี๊ดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 05-02-2018 17:20:50
ลุงงงงน่ารักมากๆๆๆเลย อยากมีพัทลุงเป็นของตัวเอง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-02-2018 17:30:23
ปรับอารมณ์กันไม่ถูกกันเลย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ous_p ที่ 05-02-2018 17:49:32
และแล้วพี่ปูนก็จับกิน มีครบเลยตอนนี้  ฮา ซาบซ่าน  หน่วง  และอบอุ่น
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 05-02-2018 18:07:28
 :กอด1: พี่ปูนไม่ต้องกลัววว   น้องลุงจะเข้ามาช่วยเยียวยาทุกสิ่งเอง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 05-02-2018 18:17:19
เอ็นดูลุงอะ ทำอะไรก็เอ็นดูไปหมดโดนพี่ปูดจัดหนักเลย :hao6:

สู้ๆนะพี่ปูน อดีตของพี่มันช่างเลวร้ายย :z10:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 05-02-2018 18:38:51
ลุงช่วยเป็นกำลังใจให้พี่ปูนด้วยนะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 05-02-2018 18:50:14
 :hao6:
แร่วๆๆๆๆ เขาได้กันแล้ว
เป็นตอนที่บรรยายความหื่นได้ลื่นไหลมาก
เหมือนตัวเองอยู่ในสถานการณ์ด้วยเลยนะ
 o13

ว่าแต่มันไม่สุดอะ...คือ.บับว่า เคลิบเคลิ้มไปกับตัวละครด้วย
น่าจะตัดจบตอนไว้เพียงแค่นั้นให้คนอ่านฟินไปสักวันสองวัน

แต่...มาสะดุดกับความรันทดในอดีตพี่ปูน เบรคไว้
ก็เลยเหมือนลูกโป่งลอยๆ ขึ้นไปเจอเข็มกลางอากาศซะงั้น

ยังไงแล้วก็ขอบคุณนะ ที่มีเรื่องดีๆ ให้มาอ่าน
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 05-02-2018 18:54:54
เข้าใจพี่ปูนเลยนะตอนนี้
เราก็อยากมีพัทลุง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 05-02-2018 18:58:50
อยากมีพัทลุงเป็นของตัวเองแต่ก็ไม่อยากแย่งกำลังใจไปจากปุริม  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: SeaBreeze ที่ 05-02-2018 19:17:22
ีอิลุงงง น่ารักอ่าาา กอดพี่ปูนแน่นๆกอดกันแน่นๆเลยนะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 05-02-2018 19:18:24
คนพี่ดูไม่ลงรอยกับครอบครัวมากๆ ถึงได้เกลียดขนาดนั้น เรื่องในอดีตคงเจ็บน่าดู

ที่สำคัญตอนนี้คือ เค้าได้กันแล้ววววววววว สมภารได้กินไก่น้องลุงสมใจแล้ว
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 05-02-2018 19:49:31
ดีใจที่พี่ปูนมีลุงอยู่ข้างๆ สงสารอดีตพี่ปูนจัง
เนี่ยยย ขำกรามค้างกับลุง โถ่ๆๆๆกำลังอินๆกับเลิฟซีนเจอคำพูดลุงเข้า เฮ้อออ ยิ้มสำลักกระแอมกระไอไปสิจะเหลือเหร๊อออ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: analyze ที่ 05-02-2018 19:52:40
โอ๊ยๆ ช่างเป็นตอนที่หลากหลายอารมณ์ดีแท้~~~~
รักปุริม รักพัทลุง  :L1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Mengjie_JJ ที่ 05-02-2018 19:56:48
ไก่อร่อยไหมคะ?

 :oo1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 05-02-2018 20:00:27
พี่ปูนดีมากกก กอดๆน้องให้น้องเป็นสิ่งดีๆในชีวิตนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 05-02-2018 20:06:53
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 05-02-2018 20:10:44
เล่าให้ลุงฟังนะพี่ปูน  เผื่อที่แบกไว้จะบางเบา
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 05-02-2018 20:11:58
งื้ออ ดราม่าแรง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 05-02-2018 20:38:01
อาการแบบนี้ค่ะ :pighaun: :m15: :haun4: :impress3:

เข้าใจไหมค่ะ :hao3:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 05-02-2018 20:38:19
ลุงคือแสงสว่างของพี่ปูนนะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 05-02-2018 20:38:35
นายเอกสายฮีลลิ่งที่แท้ทรู
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 05-02-2018 20:44:32
“เป็นเมียพี่แล้วนะไหน~ เรียกผัวหน่อยซิ” :katai2-1:

“...ผัวชั่ว!”   :fire:

ลุงสรรเสริญผัวได้หวานซึ้งกินใจเรามาก !!!  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 05-02-2018 20:49:45
ปุริมโชคดีมากกก ได้พัทลุงเป็นเมีย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 05-02-2018 21:01:34
โอยยย พี่ปูนน่าสงสาร ตอนนี้เราให้ยืมน้องลุงไปกอดก่อนก็ได้
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 05-02-2018 21:12:53
ลุงสว่างไสวบาดตามาก
แต่เราก็หลงรักดวงอาทิตย์ขี้อ้อนดวงนี้อยู่ดี

ปุริม ถนอมลุงหน่อย
ย้ายแตงลงหลุมวันแรกก็พรวนซะดินการจุยกระจายเชียว
น่าตีนัก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 05-02-2018 21:14:40
ตอนแรกยังหมั่นพี่ปูนอยู่เลย แหมทำกับลุงได้ ฉวยโอกาสตอนลุงเมางี้
ตอนท้ายนี้บอกไม่ถุกเลย แต่คงต้องบอกว่าโชคดีที่ยังมีลุง ปลอบปุริมเค้าหน่อยนะ ลุง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-02-2018 21:24:34
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 05-02-2018 21:33:58
ฟืนมากค่าาาตอนนี้ แต่ช่วงหลังก็รู้สึกสงสารพี่ปูนเลย ยิ่งตอนที่พี่ปูรเพิ่งกลับมาจากการไปพบกับคๆหนึ่งแอบน้ำตาคลอด้วยแแหละ
แต่ต่อจากนี้ไปเราเชื่อว่าน้องลุงจะทำให้โลกของพี่ปูนกลับมาสดใสอีกครั้งแน่นอน :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Krajeeqx ที่ 05-02-2018 21:50:36
เขินอ่ะ ชอบเวลาปุริมพูดเพราะๆ
คุ่นี้เติมเต็มให้กันและกันสินะ พี่ปูนอย่าทำน้องเจ็บตัวบ่อยๆน้า  :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 05-02-2018 22:00:32
ครึ่งแรกคือเด็ดมาก แล้วครึ่งหลังคือหน่วงมาก เคายดมาฉับพลัน พอก่อนจะจบบทก็เศร้าๆเทาๆผสมน่ารักๆไปอีก นึกว่าตัวเองเป็นไบโพลาร์ ฮือออออ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 05-02-2018 22:33:12
ปุริม..  หื่น... ปุริม.. ตกลงกี่ที.. เมื่อคืนนี้... อิอิ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 05-02-2018 22:58:43
ลุงน่ารักอะ อยากเอามาเลี้ยงที่บ้าน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 05-02-2018 23:11:20
พี่ปูนนนนพอได้กินไก่แล้วก็ไม่บันยะบันยังเลยนะคะ ดูสิไก่ช้ำหมดเลย ฮ่าๆๆ แต่อีกใจก็หมั่นไส้นะคือลุงดีมากอะไม่ได้โวยวายอะไรเลยเหมือนยอมจำนนกับสถานะ คือเอาจริงๆเขาตกลงเป็นแฟนกันรึยังเถอะหรือที่ลุงไม่โวยอาจเพราะเกรงความโรคจิตของพี่ปูนก็ได้ ส่วนเรื่องครอบครัวพี่ปูนนี่คงสาหัสมากนะอยากรู้บ้างแล้วว่าพี่แกผ่านอะไรมาบ้าง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 05-02-2018 23:33:08
รักลุง หลงลุง ลุงน่าเอ็นดู ขนาดตอนเข้าได้เข้าเข็ม ลุงก็ทำให้ขำได้ 5555

เรื่องในอดีต ทำให้พี่ปูนเป็นคนเก็บกด รักแรงหวงแรง เป็นสาย S แอบจิตเบาๆ สินะ

แต่ได้เจอลุง ได้รับความรักจากลุง คงช่วยเติมเต็มพี่ปูนให้สดใสได้ล่ะนะ 
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 05-02-2018 23:38:07
หมั่นไส้ปุริม แต่ก็เห็นใจว่าปุริมต้องมีไก่ไว้กอดให้ความอบอุ่น
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 05-02-2018 23:42:27
ตอนนี้ครบรสมาก มีทุกรสชาติเลยทีเดียว อดีตของพี่ปูนเริ่มเผยออกมาบ้างแล้ว ลุงจะเป็นกำลังที่ทำให้พี่ปูนข้ามผ่านมันไปได้แน่นอน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 05-02-2018 23:45:20
 :haun4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Fujung ที่ 06-02-2018 00:02:42
ความร้ายกาจของปุริมสร้างขึ้นเพื่อปกป้องเด็กชายปูนใช่ไหม
ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วนะ แสงสว่างของพี่ปูนอยู่ตรงนี้แล้วนะ รักษาให้ดี

ลุงคนเด๋อ 2018แล้วก็ยังเด๋อเหมือนเดิม
เป็นกำลังใจให้พี่ปูนด้วยนะเด็กเด๋อ ความเด๋อนี่แหละได้ใจเราไปเต็มๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 06-02-2018 00:40:46
ชอบชื่อตอนจังเลยค่ะ ยิ่งตอนนี้ยิ่งชอบ 555555
พี่ปูนในที่สุด สักทีนะคะ อิ๊อิ๊  :-[
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 06-02-2018 01:26:57
สู้ๆนะคุณปุริม พัทลุงจะอยู่เคียงข้างเองง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 06-02-2018 01:38:41
ลุงคือแสงสว่างของพี่ปูน

เศร้าจังชีวิตอดีตพี่ปูน
เข้ามจพี่ปูนนะ ถ้าท้ายที่สุด
จะแค่ไปอโหสิกรรมให้กันเป็นครั้งสุดท้าย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 06-02-2018 02:41:06
สงสารพี่ปูนนนน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 06-02-2018 02:42:25
กอดพี่ปูน กอดคุณลุง กอดกันๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 06-02-2018 07:15:53
กอดพี่ปูน  :กอด1: :กอด1:  สู้ๆคะผ่านไปให้ได้

พี่ปูนหื่นกินลุงทั้งคืน  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 06-02-2018 08:23:55
ภายใต้ใบหน้านั้นซ่อนอะไรอยู่นะ

แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับว่าเขาได้กันแล้วจ้าาาาา
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 06-02-2018 09:12:52
น่ารักอบอุ่น
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: HeIsMine ที่ 06-02-2018 09:41:35
พี่ปูนไม่ต้องกลัวนะลุงจะกอดพี่ปูนแน่นๆเอง  :oo1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 06-02-2018 12:04:59
“...กลับมาเร็วๆ นะ”
ประโยคธรรมดาแต่มีค่ามาก
พี่ปูนอย่าใส่ใจ เลือดไหลแค่ไหนมีลุงคอยเยียวยา
รับรองหายยยยย
บวกและเป็ดขอบคุณ เป็นตอนที่หน่วงแต่ฟ้ายังเปิดและสดใสตอนท้ายให้ได้ยิ้มกว้าง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: jinutlove ที่ 06-02-2018 19:37:19
 :pighaun: :hao6: :L1: ปุริมหื่นได้ใจมากกกกก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: crOnOs ที่ 06-02-2018 22:56:54
ไม่ไหวววว เรารู้สึกจะตาย คล้ายจะเป็นลม ร้อนแรงมากเว่อร์ so dam hot มากเว่อร์ หวานเว่อร์ขนาดนี้ เตรียมรอซดมาม่าในอนาคตรึป่าวเนี่ย? หวั่นจายยยย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 06-02-2018 23:15:51
ดีแล้วที่ตอนนี้มีลุงอยู่ข้างๆ
สงสารพี่ปูนจัง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: taku_kimu ที่ 07-02-2018 08:10:18
ลุงตลกอะ   :laugh:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: lemonpreaw ที่ 07-02-2018 20:17:16
ลุงกอดพี่ปูนแน่นๆนะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 07-02-2018 20:24:45
ลุงโดนพี่ปูนกินแล้ว หื่นอยู่ดีๆ หน่วงซะงั้น
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 08-02-2018 07:04:03
ลุงน่ารักกกกก
เอาใจช่วยพี่ปูนนะะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: 05th_of_06th ที่ 08-02-2018 12:14:43
เวลาอ่านพี่ปูนตอนดาวน์ๆนี่น่าสงสารมากกกกกกๆๆ แบบอ่านแล้วเหมือนใจโดนบีบไปด้วยเลยย แต่ลุงเหมือนเข้ามาเป็นพระอาทิตย์ให้พี่ปูนเลยลูกกกก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 11-02-2018 10:47:15
ลุงงงง มันน่าฟัดจริงนั่นแหละ
ปุริมฟัดจนน้องน่วมไปเลย
ความหม่นอะไรก็มากลบความน่าฟัดของลุงไม่ได้
อยากจะขอฟัดลุงด้วยคน 
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Yundori ที่ 11-02-2018 22:49:31
โห ปัญหาครอบครัวพี่ปูนคือสุดอะ
น่าสงสารจัง ในใจพี่ปูนคงแบบไม่สบายใจหรอก
คงโกรธมาก ถ้าพ่อพี่ปูนขอโทษจริงๆสักครั้ง
พี่ปูนคงให้อภัยอะ มีลุงก็ดีแล้วพี่ปูน สงสาร
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Akanasan ที่ 13-02-2018 21:50:54
งือออสงสารพี่ปูนต้องมาเจอกับพ่อที่ไม่มีความรับผิดชอบแบบนี้อ่ะ
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 17-02-2018 19:22:24
โอ้ยเครียดพี่ปูนมีอดีตกับครอบครัวนี่เอง น้องลุงดูออกด้วยว่าพี่ปูนเครียด รออ่านต่อค้าบ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 20-02-2018 10:19:10
หายไปบ่อยจัง :(
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: xkoxko ที่ 23-02-2018 19:04:49
สนุกมากกก รออยู่นะคะะ :m15:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: awfsp ที่ 23-02-2018 19:41:14
อิโป้ยอย่าแกล้งลุงแบบนั้้น
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 27-02-2018 06:54:14
การเลี้ยงดูในครอบครัว มีผลต่อแต่ละชีวิตจริง ๆ

เท่าที่เปิดเผยข้อมูล
อยากบอกว่า เข้าใจความรู้สึกของปุริมเลย ...
 
เอาว่า จะหนักหนายังไง ... พัทลุงต้องจับมือปุริมไว้
อย่าปล่อยมือปุริมนะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 28-02-2018 18:43:06
คิดถึงลุงเมื่อไหร่คุณจะมา

 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 12-03-2018 12:55:18
เป็นนิยายที่ให้ความรู้สึกที่ดีที่ไม่ได้จากนิยายมานานแล้ว
กราบขอบพระคุณ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: awfsp ที่ 15-03-2018 00:57:18
กลับมาเติมพลังกับลุง ลุงน่ารักจัง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: xkoxko ที่ 15-03-2018 11:27:50
คิดถึงคุณลุงกับปุริมแล้ว กลับมาต่อหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ :hao5:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: thareewans ที่ 22-03-2018 22:43:08
คนแต่งมีทวิตมั้ยคะ อยากตาม
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 23-03-2018 07:22:50
นานแล้วนะ คิดถึงๆ มาต่อสักที
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: SeaBreeze ที่ 23-03-2018 09:30:45
 :z13:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 27-03-2018 13:06:01
ขำลุง :m20:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 28-03-2018 08:43:01
ไม่มาต่ออีกแล้วหรออออออ. เสียใจจัง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: jing_sng ที่ 06-04-2018 21:06:33
อ่านชีวิตปูนคร่าวๆ ยังปรี๊ดเลย เอาจริงนะ ตอนเด็กไม่ดูแลกัน ไม่รัก รังแต่ทำร้าย พอจะตายแล้วจะมายุ่งอะไรกะเค้าอีก ความกตัณญูรู้คนที่ผู้ใหญ่พร่ำสอนมันควรมีลิมิตนะ
ดังนั้น ถ้าสุดท้ายปูนจะำปรับตำแหน่งก็อยากให้ไปแบบยึดอำนาจไปเลยสะใจดี อย่าไปเพราะใจอ่อน แบบนั้นมันน้ำเน่าเกิ้น
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 06-04-2018 21:13:53
ยังรออยู่นะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 10-04-2018 17:29:01
 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 16-04-2018 21:59:28
เสร็จสมอารมณ์หมาย ได้เมียชื่อลุงแล้ว
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: JingJing ที่ 23-04-2018 22:07:21
 :haun4:  แต่ตอนท้ายแอบสงสารพี่ปูน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Namnamboy ที่ 24-04-2018 00:39:25
ขอบคุณค่ะ :o8:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 24-04-2018 19:21:59
สงสารพี่ปูน
ลุงไม่มีทางทิ้งพี่ปูนหรอก
ลุงรักพี่ปูน พี่ปูนสบายใจได้

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Mengjie_JJ ที่ 29-04-2018 09:42:29
รออยูนะคะ มาต่อเรื่องนี้หน่อยนะคะ

 :mew2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 13-05-2018 10:32:35
 :mew6: เค้ารออยู่นะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 05-06-2018 10:00:00
 :call: :call:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 05-06-2018 16:19:00
นานแล้วหนา

เข้ามาปัดกวาดเช็ดถู

นั่งลงแล้วถอนหายใจ :เฮ้อ:

เมื่อไรน้อเธอจะมา :a6:

หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: popaye ที่ 28-06-2018 21:07:07
รออยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_ || 5-2-61 หน้า 34 ||
เริ่มหัวข้อโดย: naumi ที่ 01-07-2018 01:46:00
เข้าใจปูนเลย ทีตอนเราโดนกระทำไม่มีใครเหลียวแล พอตอนนี้มาเรียกร้องสิทธิ์ความเป็นพ่อ คิดว่ากว่าจะผ่านมาได้มันง่ายนักรึไง
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 02-07-2018 00:13:54
มาเงียบๆ
[/size]

-------------------------------------------------------------------------------------------------

ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว เอาใบบัวปิดไม่มิด? _





ทำไปแล้ว...


ผมทำมันไปแล้ว...


พ่อครับ! ลูกชายพ่อเป็นชายเหนือชายแล้วนะครับ...

ทุ้ย!!!

ผมขยับก้นไปมาพลางหลับตาตั้งสมาธิใหม่อีกหน

ขอโทษนะครับพ่อ ลุงจะจริงจังแล้วนะ

พ่อครับ...ลุงคงมีหลานชายไว้สืบสกุลของพ่อไม่ได้แล้วนะครับ นี่ต่างหากคือเรื่องที่ลุงอยากจะบอกกับพ่อ ช่วยเข้าฝันบอกแม่ทีว่าพ่อไม่คิดมากเรื่องนี้นะครับ ถึงแม่จะรับได้แต่ลุงกลัวแม่แอบคิดว่าทำไมสกุลเราถึงได้สั้นจัง แล้วถ้าเผื่อพ่อมีเลขเด็ดก็แวะไปเข้าฝันป้าทีนะครับ ป้าเสียมาสี่งวดติดแล้ว เล่นแค่ 20 บาทแต่พูดมากจนลุงหูชาเลยครับ ทางที่ดีก็บอกให้เลิกเล่นไปซะด้วยเลยดีกว่านะครับพ่อ เรื่องหลักๆ ก็มีเท่านี้ล่ะครับ ลุงไม่อยากลงรายละเอียดยิบย่อยให้พ่อตกใจ เดี๋ยวพ่อจะหลุดอุทานจนเพื่อนบนสวรรค์มองแรง

อ้อ! เผื่อพ่อจะกังวล ถึงแฟนลุงจะเป็นผู้ชายเทาๆ แต่ก็เป็นเทาออกขาวนะครับ บางมุมอาจจะดูร้ายไปบ้าง อึมครึมไปบ้าง แต่ก็ยังนับว่าเป็นแฟนที่ดีครับเพราะงั้นพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะ

 รักและคิดถึงพ่อเสมอนะฮะ


ผมก้มลงกราบโกฏิสีเงินที่ใส่อัฐิของพ่อหนึ่งครั้งก่อนจะย้ายสายตาไปมองรูปใบหน้ายิ้มแย้มในกรอบที่ตั้งอยู่ข้างกัน ไม่ว่าเมื่อไหร่พ่อก็มักจะยิ้มแบบนี้เสมอและต่อให้ตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่ พ่อก็คงแค่ตบบ่าแล้วบอกให้ผมเลือกทางเดินที่ตัวเองสบายใจที่สุดอยู่ดี เพราะพ่อเป็นคนมองโลกในแง่ดีแบบนี้ทุกคนถึงได้เสียใจเมื่อพ่อจากไป

“อะแฮ่ม!!”

ผมหันหลังกลับไปมองต้นเสียงกระแอมแทบจะในทันทีก็พบหญิงสาวรูปงามคนหนึ่งยืนพิงกรอบประตูด้วยท่วงท่านางแบบ ช่วงขายาวที่พ้นกางเกงขาสั้นเอวย้วยไขว้กันอย่างน่ามอง เสื้อยืดเก่าเก็บที่ผ่านการซักมานานนับสิบปีบัดนี้คอกว้างจนตกจากไหล่ดูเก๋ไก๋ไปอีกแบบ ผมยาวหยักศกฟูฟ่องเหมือนถูกหวียีมาทั้งหัวช่างนำสมัยจนต้องร้องหาพระเจ้า

นี่เป็นสไตล์การแต่งตัวในลุคเพิ่งตื่นของนางสาวปราจีน -- โปรดอย่าเลียนแบบพี่ผมเลยนะครับ เพราะดูจากสารร่างและเมคอัพที่ยังล้างไม่เกลี้ยงบนหน้า เมื่อวานคงไม่ได้อาบน้ำก่อนนอนอีกแล้วแน่ๆ

“ตั้งใจตื่นมาไหว้พ่อแต่เช้าหรือมาสารภาพบาปกันยะ”

“ไปอาบน้ำได้แล้ว”  ผมรีบลุกขึ้นเดินไปรุนหลังคนแต่งตัวไม่เรียบร้อยให้พ้นจากเขตศักดิ์สิทธิ์ของห้องพระ  “ลุงซื้อโจ๊กกับปาท่องโก๋มาไว้ให้ มีชากับน้ำเต้าหู้ด้วยเลือกเอานะ”  ผมดันป้าไปจนถึงห้อง

“จ้าๆ”  ป้ารับคำพลางปล่อยให้ผมดันหลังไปจนถึงห้อง แต่ในจังหวะที่เปิดประตูเพื่อที่จะเข้าไป สาวสวยสภาพโทรมก็ชะงักแล้วหันมาเก๊กขรึมใส่ผม  “แล้วรู้บทลงโทษของตัวเองดีใช่มั้ย?”

“รู้แล้วน่า!”  ผมผลักพี่สาวตัวเองเข้าห้องแล้วปิดประตูให้ทันที ผมรีบเดินหนีลงไปข้างล่างโดยไม่สนเสียงบ่นที่ดังรอดออกมาจากประตู

สองเท้าซอยยิกลงไปตามขั้นบันได จนเมื่อเหยียบพื้นได้สำเร็จแข้งขาก็พลันอ่อนยวบขึ้นมา ผมเดินเซไปทรุดนั่งลงกับเก้าอี้ที่โต๊ะอาหาร แต่เพียงแค่ก้นกระแทกกับแผ่นไม้เท่านั้นความเจ็บแปร๊บก็แล่นไปตามไขสันหลังเข้าสู่สมองและสั่งให้ตูดยกลอยเหนือที่นั่งทันที ผมกลั้นใจเก็บเสียงโอดโอยของตัวเองลงคอก่อนจะค่อยๆ หย่อนก้นตัวเองลงไปอีกครั้งด้วยระดับที่นุ่มนวลกว่าเดิม

นอกจากจะถูกพี่ปูนพ่นคำว่า ‘เมีย’ ใส่หน้าแล้ว กลับบ้านมายังถูกคุณดาหลาลงโทษซ้ำสองอีก! แต่จะไปโทษใครได้นอกจากตัวเอง ถ้าวันนั้นไม่ฉุกละหุกไหลไปตามน้ำกับไอ้โป้ยผมคงไม่ถูกย่ำยีจนบอบช้ำถึงเพียงนี้ ไม่สิ! ของที่มันเสียไปแล้วจะไปพูดถึงอีกทำไม!! เพราะสิ่งที่ตามมานั้นมันก็น่าอับอายไม่แพ้กัน...ในที่สุดในวัย 25ปี ผมก็ถูกกำหนดเวลากลับบ้านอีกครั้งหลังจากที่ไม่เจอกับการลงโทษนี้มาเป็น 10ปี นี่มันเป็นเรื่องน่าอายที่สุดสำหรับผู้ชายวัยฉกรรจ์ที่ต้องเจอ แต่ในเมื่อผมเป็นฝ่ายผิดข้อตกลงของครอบครัวเองก็เลยต้องก้มหน้าก้มตาชดใช้กรรมไป จะแก้ตัวก็อึกอักไม่เต็มปากเดี๋ยวจะพานหลุดเผยความจริงให้ต้องมุดหน้าหนีลงดินซะเปล่าๆ

ผมถอนหายใจยอมรับในชะตากรรมก่อนที่สายตาจะเหลือบไปมองนาฬิกาบนผนังที่กำลังบอกว่าใกล้ถึงเวลาที่ผมสมควรจะต้องออกจากบ้านแล้ว ผมพาร่างกายห่อเหี่ยวพร้อมกระเป๋าเป้เดินโซซัดโซเซมาใส่รองเท้าแล้วเปิดประตูบ้านออกไป บริเวณบ้านของผมนั้นเรียกได้ว่าเล็กน้อยถ้าเทียบกับหลังอื่นๆ ในบริเวณ แต่จนทุกวันนี้ผมยังอดทึ่งไม่ได้ที่พ่อมีที่ดินในย่านนี้และปลูกบ้านขึ้นมาเองโดยที่ไม่ทิ้งภาระไว้ให้พวกเราแม่ลูกสานต่อ เพราะถึงจะบอกว่าเล็กก็เถอะแต่ถ้าเทียบกับพื้นที่บ้านเดี่ยวทั่วๆ ไปก็นับว่าใหญ่กว่าพอสมควรล่ะ

ผมชอบที่นอกบ้านเราปูด้วยพื้นหินขัดแต่ก็ยังมีสวนเล็กๆ ที่มีต้นไม้ใบหญ้าสวยงาม มีชุดโต๊ะเก้าอี้ไม้ที่มองไปมองมาแล้วเข้ากับประตูรั้วมากกว่าจะเข้ากับสภาพนอกบ้าน แต่ที่มองไปแล้วช้ำใจกว่าคือบรรดาต้นไม้ในสวนพากันเหี่ยวเฉาลงเพราะช่วงนี้ขาดการดูแล ...เฮ้อ~ ผมถอนใจอีกรอบเมื่อคิดว่าสามอาทิตย์ต่อจากนี้คงได้มีเวลาดูแลพวกมันทุกวันจนเบื่อแน่นอน ไหนจะพื้นโรงรถที่รอผมไปขัดอีกล่ะ ฝุ่นตามซอกมุมรอบบ้านที่เกิดจากการละเลยนั่นก็ด้วย ผมเดินคิดไปตลอดทางแม้กระทั่งจังหวะที่ก้าวเท้าพาตัวเองออกจากประตูเล็ก


อา...แค่หลับตาก็เห็นถึงงานมากมายที่รออยู่แล้ว



“เมียพี่เก่งจัง หลับตาเดินได้ด้วย”



หัวคิ้วกระตุกหงึกๆ กับถ้อยคำเย้าแหย่ที่ดังมาจากด้านซ้ายมือ แค่เสียงคุ้นเคยนั่นก็ทำเอาผมต้องถอนหายใจแรงๆ เพื่อสะกดอารมณ์ก่อนจะหันไป อนึ่ง...จะขออธิบายลักษณะถนนหน้าบ้านผมสักหน่อย มันเป็นซอยแคบที่ฝืนตีเส้นสองเลน มีรถสัญจรหลักคือมอเตอร์ไซค์กับจักรยาน มีฟุตบาทเล็กๆ ให้ผู้รักสุขภาพวิ่งออกกำลังกายสูดควันพิษได้ในยามเช้าและเย็น เพื่อนบ้านนั้นไม่ได้ออกมาเฮฮาตั้งกลุ่มเมาท์มอยเพราะรั้วสูงใหญ่ปิดสนิทบ้านใครบ้านมันกันทั้งนั้น แต่เพราะซอยตรงนี้คือทางลัดไปยังจุดตั้งตลาดซอยตรงข้ามก็เลยมีคนสัญจรผ่านกันทุกเพศวัย

ใครบ้างที่อาศัยอยู่กรุงเทพแล้วไม่เคยเห็นรถหรูๆ แพงๆ ยิ่งคนแถวนี้มีแต่จะเบือนหน้านี้กันทั้งนั้น แต่สิ่งที่ดวงตาผมรับภาพได้คือคนที่เดินสวนไปมาต่างให้ความสนใจไปยังจุดเดียวกัน

ผมกระพริบตาปริบๆ มองฝ่าแสงอาทิตย์อ่อนละมุนในยามเช้าที่สาดมาจากทางเบื้องหน้า สิ่งที่ตระหง่านอยู่ริมริ้วไม้ระแนงของบ้านผมคือรถยุโรปที่ขึ้นชื่อว่าเวลาเสียทีค่าอะไหล่แพงสุดๆ ที่แม้เจ้าของจะใช้มาแล้วหลายปีแต่ก็ยังหรูดูดีอยู่เหมือนเดิม ไม่หรอก...นั่นไม่ใช่จุดรวมสายตาของคนผ่านทาง เพราะเหนือกระโปรงรถสีดำเงาวับคือบั้นท้ายของผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังยืนขึ้น แสงแดดฉาบไล้เจ้าของร่างสูงให้ดูฟุ้งราวกับจับต้องไม่ได้ แต่เมื่อสองเท้านั้นก้าวเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นคำว่า ‘น่ามอง’ ที่ผุดขึ้นมาในหัวก็ดูจะน้อยไป นี่เองคือจุดเรียกทุกสายตาให้หันมามอง รถหรูน่ะเกลื่อนถนนจนต้องเบ้ปาก แต่คนหล่อน่ะ...ใช่ว่าคุ้ยขยะแล้วก็เจอเสียเมื่อไหร่

พี่ปูนยืนยิ้มหวานอยู่เบื้องหน้า ผมยุ่งๆ ที่ผมสางเล่นเมื่อคืนก่อนตอนนี้ถูกเซ็ตเป็นทรงตามสมัย ดวงตาคมเข้มสีดำสนิทที่สะท้อนภาพผมเมื่อวานตอนที่มาส่งกลับบ้าน วันนี้ก็ยังคงมีภาพของผมอยู่ในนั้นเหมือนเดิม จมูกโด่งเป็นสันนั่นสินะที่คืนก่อนยังไซ้ตามร่างผมไม่หยุด แล้วยังริมฝีปากบางดูนุ่มนิ่มนั่นอีกที่คืนนั้นได้ทำการอุกอาจกับร่างกายผมไปตั้งหลายอย่าง

หน้าผมเห่อร้อนขึ้นมาเรื่อยๆ ยามเห็นฝ่ามือใหญ่แข็งแรงยื่นออกมาปลดกระเป๋าเป้บนไหล่ไปถือไว้เอง ความทรงจำที่ว่ามันอุ่นร้อนจนแทบจะเผาไหม้ผิวเนื้อขนาดไหนตอนถูกลูบคลำก็เกิดขึ้นมาดื้อๆ แล้วยังจะ...ผมมองลงไปที่ใต้หัวเข็มขัดอย่างไม่ได้ตั้งใจ ...แล้วไอ้นั่นก็…ที่...มันเข้าไป...



...บึ้ม!!



เหมือนหัวสมองผมถูกมือดีวางระเบิดจนสติมันแตกพล่านไปหมด ความทรงจำเมื่อคืนก่อนมันย้อนเข้ามาแบบไม่ปะติดปะต่อ ผมจำไม่ได้ทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างแต่ความเจ็บก็ชักนำภาพเหตุการณ์เข้าสู่สมองเป็นช่วงๆ บางแวบก็คล้ายได้ยินเสียงครางของพี่ปูนที่มาพร้อมกับใบหน้าหล่อเหลาชุ่มเหงื่อ บางทีก็ได้ยินเสียงตัวเองร้องโอดครวญคลอไปกับเสียงครางรอดไรฟันจากคนเหนือร่างที่ทำสีหน้าได้เซ็กซี่กว่าใคร สำหรับผมตอนนั้นมันเหมือนภาพฝันที่เหมือนจริงที่สุดในชีวิต อาจเกิดจากที่ผมถูกพี่ปูนรุกเร้าหนักในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ผมเลยบอกกับตัวเองว่า...ผมฝันเปียกเพราะพี่ปูนเข้าให้แล้ว

แต่เมื่อตื่นมาในเช้าวันรุ่งขึ้นนั้น ร่างกายผมปวดระบมแถมยังเจ็บตรงก้นชนิดที่ว่าน้ำตาเกือบจะไหล สิ่งแรกที่รู้สึกคือความเย็นที่ห่อหุ้มร่างไร้เสื้อผ้าของตัวเอง พอจะขยับตัวด้วยความตกในเท่านั้นก็รู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างไหลออกมาจากช่องทางด้านหลัง เมื่อทำใจกล้าป้ายของเหลวนั้นขึ้นมาดูหัวคิ้วก็ขมวดฉับในทันที ฝันเปียกมันไม่ได้ทำให้ผู้ชายหลั่งออกมาทางก้นแน่! ความตกใจทำให้ร่างผมชาหนึบแล้วพอกวาดตามองโดยรอบก็พบร่างบนที่นอน ใบหน้าของคนในความฝันของผมกำลังนอนหลับด้วยใบหน้าอิ่มเอิบจนน่าหมั่นไส้



มันสินะที่...ที่...



ผมอับอายจนจนเผลอตะโกนออกมา นั่นทำให้พี่ปูนตะลีตะลานตื่นขึ้นด้วยความตกใจแล้วจบด้วยการรับลูกถีบจากผมไปหนึ่งดอก หลังจากนั้นผมก็ยังต้องนอนซมในอ้อมกอดพี่ปูนไปอีกหนึ่งคืนและต้องถึงกับโวยวายกว่าที่อีกฝ่ายจะยอมปล่อยผมกลับบ้านในตอนเย็นของเมื่อวาน

ตอนอยู่ด้วยกันผมก็อายนะ แต่พี่ปูนก็จะเข้ามานัวเนียจนความเขินมันเปลี่ยนเป็นความเคยชิน แต่พอกลับมาบ้าน ได้นอนคนเดียวในห้องที่อยู่มาทั้งชีวิตผมกลับรู้สึกว่ามันขาดอะไรไปบางอย่าง ใจมันไม่สงบอย่างที่เคยเป็น ผมนอนพลิกไปพลิกมาทั้งคืนอย่างกับว่าผมไม่ชินที่จะนอนคนเดียว ทั้งที่ก่อนหน้านี้ผมก็นอนคนเดียวมาตลอด ไม่กี่วันก่อนหน้าก็ยังหลับคนเดียวได้สบาย   


ผมถามตัวเองทั้งคืนว่ามันเกิดอะไรขึ้น


ทำไม...ผมจึงคิดถึงพี่ปูนมากขนาดนี้



“อรุณสวัสดิ์ครับ”


ผมมองเจ้าของเสียงนุ่มนวลที่ยิ้มสดใสแข่งกับแสงแดดยามเช้าด้วยใบหน้าร้อนผ่าว มัวหลงอยู่กับความเปล่งประกายเลยไม่ทันระวังถูกริมฝีปากอีกฝ่ายจูบแก้มแรงๆ ในที่สาธารณะ ความอายผสมผสานกับความโมโหทำเอาใบหน้าผมเห่อร้อนจนแทบจะลุกไหม้ พี่ปูนยืดตัวขึ้นมองผมด้วยสีหน้าพึงพอใจอย่างยิ่งยวด

“อย่าทำหน้าแบบนั้น”

“...........”  ผมอยากจะสะบัดหน้าหนี! อยากจะปั้นสีหน้าให้ดูโกรธกว่านี้ชะมัด

“มันจะทำให้พี่อดใจไว้ไม่ไหว”

“พี่ปู๊น!!!”  เลือดทั้งร่างกายคงขึ้นมากองอยู่บนหน้าของผมแล้วแน่ๆ มันทั้งร้อนทั้งหนักเหมือนจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว!

“ทำไมลุงถึงได้น่ากินอย่างนี้ล่ะ หืม?”  พี่ปูนยังยั่วยวนผมไม่หยุดหย่อน ฝ่ามืออุ่นข้างหนึ่งคว้ากุมมือผมเอาไว้แล้วยกขึ้นจูบเบาๆ  “เราโดดงานกันอีกสักวันดีมั้ย? นะ...ตอนนี้พี่อยากกินลุงให้หมดทั้งเนื้อทั้งตัวเลย”

“...ม...ไม่เอา”

“เถอะนะ...”

“...ไม่”

พี่ปูนอมยิ้ม ใบหน้าคมเข้มเลื่อนเข้ามาจูบแก้มผมอีกครั้งแล้วกระซิบด้วยเสียงทุ้มต่ำที่นุ่มหูที่สุด  “คิดถึงจัง

ผมจะทำอะไรได้นออกจากผลักพี่ปูนออกไปด้วยเรี่ยวแรงราวกับเด็กทารก ส่วนใบหน้านั้นคงร้อนจัดจนหลอมละลายไปแล้วล่ะ

“ถ้าคราวหน้าปฏิเสธพี่เสียงเบาแบบนี้อีก พี่จะเข้าข้างตัวเองว่าลุงตกลงนะ”  พี่ปูนยิ้มกริ่ม จากนั้นจึงจูงมือผมมาที่รถพร้อมเปิดประตูให้ด้วยท่าทีสุภาพบุรุษทุกกระเบียดนิ้วแบบที่ผมคงไม่มีวันเลียนแบบได้ ก่อนจะเดินอ้อมรถอวดโฉมให้คนเดินถนนมองแล้วเปิดประตูฝั่งตัวเองขึ้นมานั่ง

ขณะนี้คือช่วงเวลาเช้าตรู่ คนขับขี่รถมีไม่น้อย คนเดินถนนนั้นนับว่ามีมาไม่ขาดตอน แล้ว... แล้วเมื่อกี้ผมทำอะไรลงไป! บ้าบอไปแล้วไอ้ลุง!! ผมโถมตัวซบหน้าลงกับคอนโซลรถด้วยความอับอายประหนึ่งถูกแก้ผ้ากลางที่สาธารณะ ผมปล่อยให้พี่ปูนหอมแก้ม ปล่อยให้ผู้ชายมาทำท่าสนิทชิดเชื้ออย่างที่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าไม่มีทางเป็นเพื่อนกันได้ ต่อหน้าต่อตาประชาชนในละแวกบ้านที่อยู่มาตั้งแต่เกิดแถมยังอยู่หน้าบ้านตัวเอง -- บ้าเอ๊ย!!

อนุภาพของการถูกจิ้มมันรุนแรงขนาดนี้เลยเรอะ

“เป็นอะไร?”

“..........”

“ลุง?”

“...กำลังเขินอยู่”   

เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นมาทันทีแต่ไม่มีการล้อเลียนใดให้ผมได้อับอายเพิ่มเติม มีเพียงฝ่ามืออุ่นๆ ที่ตบลงบ่าพร้อมเตือนให้ผมนั่งพิงเบาะแล้วคาดเข็มขัดนิรภัยก่อนที่รถยนต์จะเคลื่อนตัวออกไปอย่างเชื่องช้า ผมทำตามอย่างว่าง่ายโดยคุมใบหน้าตัวเองไม่ให้หันมองพี่ปูนได้อย่างดี ไม่กี่นาทีที่ผ่านไปเมื่อกี้ก็ทำลายความเป็นลูกผู้ชายจนย่อยยับไปแล้ว ผมจำต้องใช้เวลาสักเล็กน้อยเพื่อกอบกู้มันขึ้นมาใหม่

“หายเขินรึยัง?”  คำถามกลั้วเสียงหัวเราะทำคิ้วผมกระตุกเล็กน้อยแต่ก็ยังคงไม่ยอมหันไปมองคนข้างๆ พี่ปูนก็ยอมขับรถไปเงียบๆ ราวกับรู้ใจ แต่...แต่ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ผมแอบเหลือบมองก็จะเห็นว่าริมฝีปากของอีกฝ่ายหยักโค้งด้วยรอยยิ้มเสมอ พานให้เศษซากของความเป็นชายที่ปะติดปะต่อขึ้นมาใหม่พังทลายลงซ้ำแล้วซ้ำอีก


พี่ปูนคือตัวหายนะต่อหัวใจขนานแท้


.

.

.



“ร่างกายโอเคแล้วใช่มั้ย?”

คำถามหลังจากนั่งเงียบกันมาเสียนานดังขึ้นจากเจ้าของรถคันงามที่ขับเข้ามาจอดสนิทที่ลานหน้าบริษัทเป็นที่เรียบร้อย ผมหันไปมองหน้าเพื่อหาความนัยของคำถามน่าอาย แต่พี่ปูนกลับไม่ได้มองหน้าผมเพื่อชงเข้าเรื่องลามกหรืออะไร เพราะงั้นคำตอบจากปากผมเลยไร้ซึ่งความอายอย่างทุกที

“ก็ยังเจ็บขัดบ้างนิดหน่อย เมื่อเช้าเผลอกระแทกก้นกับเก้าอี้ใช่ป่ะเล่นเอาจี๊ดไปตามสันหลังเลย”

“ครั้งแรกก็ประมาณนี้แหละ ต่อไปก็ไม่เท่าไหร่หรอก”  พี่ปูนอมยิ้มพลางเอี้ยวตัวหยิบกระเป๋าเอกสารจากเบาะหลัง 

“ครั้งแรกมันควรทะนุถนอมกันรึเปล่า อ่อนโยนนุ่มนวลอะไรแบบนี้อ่ะ ไม่ใช่ตะบี้ตะบันเต็มสูบเหมือนตายอดตายอยากมาแรมปี”  ผมล่ะอยากแย่งคว้ากระเป๋าสีดำในมือพี่ปูนแล้วฟาดเข้าหน้าหล่อๆ ที่ทำไม่รู้ไม่ชี้นั่นซะจริง

“ลุงไม่เป็นพี่ ลุงไม่รู้หรอก”

“เอาซี้!! ลุงก็อยากลองเหมือนกัน ครั้งหน้าเป็นพี่มานอนเจ็บตูดบ้างนะ”

“..........”

“เย็นนี้เลยมะ!”  ผมถลึงตาจ้องพี่ปูนอย่างเอาเรื่อง

“...พี่ว่าฝนทำท่าจะตกแล้วล่ะ รีบเข้าข้างในกันเถอะ”  พูดจบ ไอ้คนเปลี่ยนเรื่องก็รีบลงจากรถเป็นการกระตุ้นผมทางอ้อม

ผมเปิดประตูลงจากรถด้วยความหงุดหงิด เงยหน้ามองท้องฟ้าสีสดที่สว่างจ้าด้วยแสงอาทิตย์ ...ฝนจะตกบ้านพ่อพี่รึไง แดดเผาแรงจนหัวจะไหม้อยู่แล้วเนี่ย!!!

ตั้งแต่รู้ตัวว่าประตูเมืองถูกตีแตก ผมก็คล้ายจะยอมรับชะตากรรมไปแล้วว่าชาตินี้คงหมดโอกาสได้สลับบทบาทบนเตียง ถ้าพี่ปูนจะผอมกว่านี้สักนิด กล้ามน้อยกว่านี้สักหน่อย ผมก็พอจะเข้าข้างตัวเองว่าคงพอมีโอกาสกลับมาตีป้อมมันแตกได้บ้าง แต่นี่...

เฮ้อ~ นับจากนี้ผมคงต้องเข้าเว็บบอร์ดที่เปี่ยมไปด้วยผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาวิธีทำให้กล้ามเนื้อหูรูดกระชับไม่หย่อนคล้อยแล้วล่ะ ไหนจะวิธีทำความสะอาดทั้งก่อนและหลังอีก บัดซบเอ๊ย! การเป็นเมียผู้ชายนี่มันไม่ง่ายเลยจริงๆ

“คิดอะไรอยู่ หน้านิ่วคิ้วขมวดเชียว”  พี่ปูนหยุดรอผมที่กำลังเดินเอื่อยให้เข้าไปสมทบ คิ้วเข้มเลิกขึ้นมองมาด้วยความสงสัย ใช่สิ! คนสมใจแบบมันจะมารับรู้ความรู้สึกผมได้ยังไง

“คิดว่าจากนี้จะหาวิธีหลบเลี่ยงพี่ยังไงดี”  ผมประชดตอบออกไป

“เรื่องไหนที่ทำไม่ได้ก็อย่าไปคิดให้มันเสียเวลาเลย”  แล้วดูคำโต้กลับที่พี่ปูนให้ผมสิ! นี่ถ้าผมมีนิสัยสู้คนนะป่านนี้พี่ปูนคงเบ้าตาช้ำเพราะโดนต่อยด้วยความหมั่นไส้แล้ว ดีแค่ไหนแล้วที่มีแฟนเป็นคนรักสงบอย่างผม ไม่งั้นไม่โดนแค่เหวี่ยงค้อนหน้าคว่ำใส่หรอก

“ไม่ต้องมายิ้ม!!”  ผมถลึงตาสู้ความหล่อ เบี่ยงตัวหลีกหนีวงแขนที่หมายจะโอบไหล่  “นี่มันที่ทำงานนะพี่ อย่ามาประเจิดประเจ้อได้ป่ะ!”

“นี่งอนพี่อยู่เหรอ”  ยิ่งเห็นผมหน้าตูมพี่ปูนก็ยิ่งอมยิ้ม ไอ้ผมก็ยิ่งของขึ้นไปกันใหญ่

“ลุงเป็นผู้ชายนะ ไม่มางอนอะไรง่ายเหมือนพวกผู้หญิงหรอก”

“ตรรกะอะไรของลุงกัน”  พี่ปูนขำคิก ไม่ขำเปล่าด้วยยังจะฉุดมือผมให้เปลี่ยนเส้นทางไปยังมุมอับตรงหน้าประตูห้องน้ำ ผมรีบกวาดสายตาไปทั่วบริเวณด้วยกลัวว่าจะเจอใครเข้าโดยบังเอิญอีกครั้งเหมือนวันนั้นที่โป๊ะแตกต่อหน้าคุณดาหลา แต่ชั้นล่างทั้งชั้นว่างเปล่า แม้แต่ห้องอาหารก็ยังร้างผู้คน ผมโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด...

พี่ปูนดันผมให้ชิดผนังก่อนจะรวบเอวผมไว้ด้วยวงแขนแข็งแรง ผมได้แต่ทำหน้าตื่นกับฉากในละครที่ดันเกิดขึ้นในชีวิตจริง สองตาผมจับจ้องดวงตาคมที่ถูกทำให้อ่อนโยนลงด้วยรอยยิ้มหวานน่ามอง นัยน์ตาสีดำสนิทสะท้อนภาพใบหน้าผมราวกับกระจกเงาเพียงแต่มันดูระยิบระยับกว่าเท่านั้น


ให้ตายเถอะ...จะมีสักครั้งมั้ยที่ผมจะใจแข็งกับคนๆ นี้ได้นานเท่าที่ใจอยากน่ะ


“อันที่จริงพี่ชอบเวลาลุงงอนนะ”  พี่ปูนเอ่ยเสียงเบาพลางก้มลงหอมแก้มผมฟอดใหญ่แล้วเคล้าคลึงแก้มผมด้วยปลายจมูก  “พี่รู้สึกว่าตัวเองชอบที่จะง้อลุงยังไงก็ไม่รู้”

“งั้นผมจะโกรธพี่บ่อยๆ”  คงไม่ต้องคิดแล้วว่าทำไมเสียงถึงอ่อนลง ตอนนี้แค่ทำเก๊กกลั้นยิ้มไว้ยังลำบากเลย

“ไม่เอาสิ เวลาลุงโกรธพี่ทำอะไรไม่ถูกหรอก...แค่งอนก็พอ”  เสียงงี้อ้อนระดับสิบ ต่อให้เป็นนักมวยแชมป์โลกมาได้ยินก็ต้องใจละลายกันบ้างล่ะ แล้วนับประสาอะไรกับลูกไก่ลูกกาอย่างโผ๊ม!!

“ลุงไม่ใช่คนขี้งอนซะหน่อย” 

“จริงเร๊อ~”  พี่ปูนทำเสียงสูง แต่ก่อนที่ผมจะได้โต้แย้งใดใดริมฝีปากก็ถูกความนิ่มทาบทับปิดเสียงจนสิ้น ความละมุนเจือความหวานฟุ้งกระจายในปาก ผมหลับตาปล่อยให้อีกฝ่ายลิ้มรสอย่างยินยอม แต่ก็เพียงชั่วครู่เท่านั้นเพราะสมองส่วนที่ยังพอมีสติอยู่มันทำการสั่งห้ามเอาไว้

“นี่ที่ทำงานนะ”  ผมผลักอกพี่ปูนเบาๆ เป็นเชิงปฏิเสธ ซึ่งพี่ปูนก็ยอมถอยใบหน้าออกไปแต่โดยดีแม้จะส่งเสียงไม่พอใจก็ตาม

“ไว้เย็นนี้นะ”  ผมส่ายหน้ากับข้อเสนออย่างหน้าไม่อายของอีกฝ่าย ไม่ได้อย่างนี้ก็จะเอาอย่างนั้นสิน่า

“ผมโดนเคอร์ฟิวอยู่นะ บอกไปเมื่อคืนจำไม่ได้รึไง”

“พี่จะพาลุงไปส่งถึงหน้าบ้านก่อนสี่ทุ่มแน่ๆ”

“จริงอะ”  ผมหรี่ตามองคนลั่นวาจาที่ไม่น่าเชื่อน้ำคำอย่างยิ่ง

“ก็อย่าทำตัวน่ารักน่าเอานักสิ”

หน้าผมร้อนวูบขึ้นมาทันที ทำไมต้องมาพูดเรื่องทะลึ่งด้วยน้ำเสียงหยอกเย้าเคล้าใบหน้าเซ็กส์ซี่แบบนี้ด้วย ทั้งหมดมันเป็นเพราะตัวผมน่ากินงั้นเรอะ! ผมอยากจะแย้งว่าไม่เคยทำตัวแบบนั้นสักครั้ง มีแต่พี่ปูนนั่นแหละที่จ้องจะเอาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

“ไปทำงานได้แล้ว!”  ผมทำเสียงดังแก้เขิน แต่แทนที่จะเชื่อฟังพี่ปูนกลับเอาแต่ยกยิ้มยั่วไม่ไปไหน คนอะไรเอาแต่ใจเหลือเกิน! เราจ้องกันเหมือนเล่นเกมส์จ้องตาว่าใครอ่อนด๋อยกว่าแพ้ ซึ่งผลมันก็เห็นกันอยู่ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม

“…แล้วถ้าไปส่งผมช้าล่ะน่าดู!”

สิ้นคำที่ต้องการเท่านั้นแหละ พี่ปูนก็ยิ้มกว้างฉกแก้มผมด้วยปากหนักๆ แล้วก็เดินจากไปอย่างอารมณ์ดีขั้นสุด เหลือเพียงผมที่ยืนลูบแก้มตัวเองไปมาเพื่อไล่ความร้อนที่ไม่มีทีท่าว่าจะเจือจางลง

พี่ปูนทำทุกอย่างให้มันดูแปลกใหม่สำหรับผมเหลือเกิน อาจจะเพราะว่าผมไม่เคยเป็นเมียใครมาก่อนด้วยแหละก็เลยทำให้รู้สึกว่าการถูกอ้อน ถูกเอาใจมันสร้างความรู้สึกคันยุบยิบในหัวใจไม่น้อย บรรดาคุณผู้หญิงเขารู้สึกแบบนี้เหมือนกันหรือเปล่านะถึงได้ชอบงอน ชอบให้แฟนง้อกันนัก



-- แกร่ก --



บรรยากาศสีชมพูรอบตัวผมหดหายไปในทันที เสียงบางอย่างจากด้านข้างเรียกสองตาผมให้พุ่งตรงไป ลูกบิดห้องน้ำขยับเชื่องช้าก่อนที่ประตูสีเปลือกไม้จะค่อยๆ ถูกดึงเข้าไป ความรู้สึกของผมตอนนี้มีแต่คำว่า ‘ฉิบหาย’ ลอยวนอยู่เต็มหัว

ศีรษะที่มีผมสีดำสนิทเหมือนเพิ่งผ่านการย้อมปิดหงอกมาค่อยๆ โผล่อออกจากรอยแยกของประตูคล้ายจะสอดส่องรอบนอก ความไม่เป็นธรรมชาติที่เห็นนั้นเหมือนเป็นหินที่ถ่วงใจผมให้ตกลงสู่พื้น หน้าที่เคยร้อนแดงของผมตอนนี้เปลี่ยนเป็นซีดและเย็นเฉียบ ผมพยายามถอยหลังให้ชิดกำแพงด้านข้างมากที่สุดด้วยหวังว่ามันจะกลืนร่างผมให้หายไป แต่เมื่อศีรษะนั้นโผล่พ้นประตูออกมาเต็มหัวผมก็รู้ดีแก่ใจว่ามันคงเป็นไปไม่ได้! 

ว๊าย แม่แหก!!"

เสียงของป้าจิ๋มสบถดังด้วยความตกใจเมื่อหันหน้ามาเจอผมเข้าอย่างจัง ไม่ใช่แค่แม่หรอกที่แหก ความเป็นบุรุษของผมก็แหกแล้วเหมือนกัน!

“ป้าจิ๋ม”  ผมครางชื่อป้าเสียงแผ่ว ขณะมองอีกฝ่ายผุดออกมาจากห้องน้ำเต็มตัว

คนสองวัยต่างมองกันอย่างอิหลักอิเหลื่อ สีหน้าป้าแกตอนนี้มันบอกหมดแล้วว่าการสนทนาของผมและแฟนหนุ่มนั้นถูกแกได้ยินเสียจนสิ้น ป้าจิ๋มดูอึดอัด อับอายและไม่สบายใจยิ่งกว่าผมซะอีก

“คือป้าไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังนะคะ เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะออกมายังไงดี”

“...ป้าครับ คือผม--“

“ป้าจะรูดซิปปากให้สนิทเลยค่ะคุณลุง จะไม่เอาไปพูดให้คุณริชฟังเด็ดขาดค่ะว่าคุณลุงกับคุณปูนเป็นแฟนกัน”  ว่าแล้วป้าแกก็ตะครุบปากตัวเอง สองตาล่อกแล่กจนผมไม่อยากจะเชื่อคำมั่น เขารู้กันทั่วว่าพี่ริชกับป้าจิ๋มชอบคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้กัน พูดง่ายๆ คือช่างเมาท์มอยเรื่องชาวบ้านนั่นแหละ แล้วมีหรือที่ป้าจิ๋มแกจะอดใจไว้ได้อย่างที่ปากพูด

“ขอบคุณครับป้า ลำพังตัวผมคงไม่เท่าไหร่หรอก แต่กับพี่ปูนเนี่ยสิ...”  ผมจำต้องขู่ป้าแกสักเล็กน้อยเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง “พี่เขาเป็นเจ้านาย เป็นคนเซ็นจ่ายเงินเดือนนะป้า ถ้าเกิดว่าเรื่องแดงออกไป...”  ผมแสร้งทำหน้านิ่วคิ้วขมวด สีหน้าเต็มไปด้วยความเครียดและกังวล “พี่ปูนเขา..เขาไม่อยากเปิดเผยให้ใครรู้ครับ ป้าไม่รู้หรอกว่าเขาเป็นคนร้ายกาจแค่ไหน”

บนเตียงน่ะนะ!… ผมต่อให้ในใจ แค่คิดถึงความอึดทน เอาแต่ใจและหื่นกามที่เคยประสบ บรื๋อ~ แค่คิดก็เจ็บก้นแล้ว!

“อู๊ย~ เชื่อใจป้าได้เลยค่ะคุณลุง”  สายตาคุณป้าลูกสามหนักแน่นขึ้นในทันที ตบอกตัวเองส่งสัญญาณให้ผมเชื่อมั่นจนน่ากลัวว่าซี่โครงจะยุบลงไป  “ป้าไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้นค่ะ!”  ว่าแล้วแกก็เดินกลับเข้าห้องน้ำไปอีกรอบพร้อมกับปิดประตูสนิท


...เพื่อ?


ความงงก็มีไม่น้อย แต่ผมก็ไม่รรีรอที่จะอยู่ถามหรอกนะว่าทำไปทำไม? ในเมื่อป้าจิ๋มให้โอกาสผมหนีแล้ว ผมก็ซอยเท้าวิ่งไปขึ้นบันไดอย่างไวเช่นกัน

ผมคาดโทษพี่ปูนด้วยความฮึดฮัดในใจ จะไม่มีการยอมคล้อยตามการโอ้โลมของผู้ชายชั่วช้าคนนั้นอีกแล้ว! คราวก่อนก็เป็นคุณดาหลามาเจอ คราวนี้ก็เป็นป้าจิ๋มอีก ถ้ามีคราวหน้าอีกผมคงต้องหาจอบมาขุดดินฝังตัวเองแล้วล่ะ!!

ทุกสายตาคล้ายจะจับจ้องมองมาที่ผมเมื่อเท้าข้างสุดท้ายย่ำลงบนพื้นของชั้นสองเรียบร้อย บรรยากาศที่ค่อนไปทางสงบเงียบเป็นปกติอยู่แล้วตอนนี้มันคล้ายจะดูเงียบลงกว่าเดิม ผมกระชับกระเป๋าแน่นก่อนจะเดินตัวลีบผ่านโต๊ะพี่เปี๊ยก แวะทักทายเสียงเล็กน้อยด้วยความรู้สึกขัดเขินอย่างประหลาด

"หวัดดีครับพี่"

"สวัสดีลุง แล้วนี่เราหายป่วยแล้วเหรอ? พี่กับริชว่าจะไปเยี่ยมอยู่พอดี"  น้ำเสียงเอื้ออารีของพี่ไอดอลคนโปรดทำเอาผมหน้าม้านไม่น้อย ไอ้ที่ตอแหลว่าป่วยก็ไม่ใช่หนักหนาอะไรเลย เพียงแค่ผมต้องการพักเพื่อซ่อมแซมประตูที่เสียหายหนักก็เท่านั้น

"ดีขึ้นมากแล้วครับพี่ ขอบคุณนะครับ"  ผมยกมือไหว้พี่เปี๊ยกอีกครั้ง ผลัดกันยิ้มให้กันอีกสองสามทีก่อนที่ผมจะเผ่นไปนั่งโต๊ะตัวเอง



---------------------->>>>>> มีต่อค่ะ
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 02-07-2018 00:19:52
[ต่อค่ะ]




ผมจัดเเจงเก็บสัมภาระ เปิดคอมฯ หยิบอุปกรณ์ในการทำงานให้พร้อมใช้สอย ทำทุกอย่างโดยพยายามไม่สนใจไอ้บุรุษที่นั่งข้างกันแม้แต่น้อย ถ้าความรู้สึกต่อพี่เปี๊ยกคือความกระดากที่ต้องทำให้อีกฝ่ายเป็นห่วงโดยใช่เรื่อง ความรู้สึกต่อไอ้ผู้ชายข้างๆ นี้คงประมาณอยากจะก่อเหตุฆาตกรรม

"เป็นไงบ้างครับเพื่อน"

แม้จะไม่ได้ยื่นหน้ายื่นตามาใกล้ แต่น้ำเสียงของไอ้โป้ยนั้นเต็มไปด้วยความหยอกล้อ ผมรีบข่มความอายแสร้งปั้นหน้านิ่งๆ ยักไหล่นิดหน่อยตอนตอบว่าไม่เป็นอะไร แต่ในใจนั้น...เพราะมึง!! ผมกร่นด่าเพื่อนสนิทในใจ ถ้ามันไม่เป็นคนก่อเรื่อง ไม่เอารูปบ้าบอให้พี่ปูนดูเรื่องก็คงไม่แดงขึ้นมา ประตูเมืองผมคงไม่ถูกตีจนแหก พวกไอ้เป๋ไอ้เสี่ยก็คงจะยังไม่รู้ว่าผมมีแฟนเป็นผู้ชาย เพราะมึงคนเดียวเลยไอ้เพื่อนเลว!

ถามว่าผมรู้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ...ก็ผัวผมมันฟ้องน่ะเซ่!!! ไม่ฟ้องเปล่า มันยังซักไซ้ไล่เรียงถึงเรื่องรูปถ่ายที่ไอ้โป้ยส่งมาเสียละเอียดยิบ เล่นเอาผมปวดกระบาลสะเทือนไปถึงตูด

"ไม่เป็นไรจริงเหรอ? กูกับพวกไอ้เสี่ยโทรไปก็ไม่รับ ไม่อ่านข้อความด้วย"

"กูนอนไง"  ผมตอบเสียงห้วน

"นี่มึงโดนหลายดอกจนนอนแบบหมดสภาพเลยงั้นดิ"

"ไอ้เชี่ยโป้ย!"  ผมตวาดเสียเบาพร้อมกับหันไปถลึงตาใส่เพื่อนสนิทที่แสนเลว ไอ้โป้ยมันอมยิ้มมองผมด้วยสีหน้าราวกับรู้เรื่องทุกอย่างทำเอาหางคิ้วผมกระตุกงึกๆ  "ทั้งหมดเป็นเพราะมึงนั่นแหละ! เพราะฉะนั้นกูจะเลิกคบกับมึง!"

"ฮ่าๆ กี่วันล่ะมึง กูจะได้เตรียมตัวถูก"

"มึงแม่ง!!"  เมื่อคำขู่ไม่ได้ทำให้ไอ้โป้ยสำนึกผมก็ทำได้แค่ฟาดงวงฟาดงากับตัวเองแล้วตัดสินใจเลิกมองหน้ามันชั่วคราว

แต่โป้ยมันกลับเลื่อนเก้าอี้เข้ามาใกล้ก่อนจะจับคางผมให้หันไปสบตา ผมยังคงมองมันด้วยความบึ้งตึงเช่นเดียวกับโป้ยที่คราวนี้มันไม่ได้มีรอยยิ้มล้อเลียนผมอีกแล้ว ใบหน้าที่มีความคมเข้มผิดกับลูกคนจีนใช้สายตาคาดคั้นจ้องผมด้วยแววจริงจัง

"กูขอโทษ"  น้ำเสียงหนักแน่นที่เพื่อนเอ่ยออกมาก็บรรเทาความโกรธของผมในพริบตา แต่ไม่ใช่ว่าหายโมโหมันแล้วหรอกนะ!  "กูแค่หมั่นไส้พี่ปูน ...เอาจริงๆ แล้วก็หมั่นไส้พวกมึงทั้งคู่นั่นแหละ"

"กูไปทำอะไรให้"  ผมถามเสียงเข้ม นึกไม่ออกจริงๆ ว่าไปทำตัวขัดตาเพื่อนตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ถึงจะไปทำจริงๆ แค่ด่าก็พอรึเปล่า ไม่ใช่วางแผนเพื่อนำไปสู่การเสียตัวของเพื่อนแบบนี้

"...เอาเป็นว่าโป้ยขอโทษนะลุง"  ว่าแล้วก็ทำมากระพริบตาอ้อน คิดว่าน่ารักตายห่าล่ะ

"กูยังโกรธมึงอยู่"  ผมพยายามสะบัดหน้าหนี แต่นิ้วไอ้เพื่อนเวรก็ยังจะหนีบคางผมให้หันกลับไป  "กูเจ็บนะวีรภาพ!"

"บอกกูมาตามตรงนะลุงว่าพี่เขาขืนใจมึงรึเปล่า"  น้ำเสียงมันจริงจังเบอร์สุดทำเอาผมหน้าร้อนวูบขึ้นมาทันที

"ข...ขืนใจบ้าบออะไรของมึง! กูเป็นผู้ชายเหอะ"

"ตอนเมากรึ่มๆ ใครถามอะไรมึงก็บอกหมดอ่ะ อย่าให้กูพูดเลยนะว่ามึงสาธยายอะไรออกมาบ้าง"

ถ้าหน้าผมสุกจนไหม้ได้ก็คงเป็นสภาพที่เกิดขึ้นตอนนี้แหละ โอเค! เรื่องแย่ที่สุดคือการที่คุณเมาแล้วจำแทบไม่ได้ว่าทำอะไรลงไปบ้าง ซึ่งมันเกิดกับผมประจำที่เหล้าเข้าปากจำได้มากบ้างน้อยบ้างก็แล้วแต่ปริมาณแก้วที่กระดกเข้าไป นับว่าเป็นข้อเสียที่เป็นประโยชน์แก่พวกเพื่อนนิสัยไม่ดีของผมเหลือเกิน

"จนป่านนี้แล้วอย่ามาตอแหลใส่กูน่า”  ไอ้โป้ยเหยียดยิ้ม

ผมหมดซึ่งความอดทนกับเพื่อนช่างสอดรู้คนนี้แล้ว! ในเมื่อมันอยากจะรู้มากนักล่ะก็  “เออ!!”  ผมกระแทกเสียงตอบมันเสียงดังอย่างลืมตัว

“เออ? เอออะไร?”  ถึงขนาดนี้แล้วมันก็ยังจะกวนตีนผมอยู่อีก

“กูมี ‘ผัว’ แล้ว!! ดีใจมั้ยมึง? ปรบมือยินดีกับเพื่อนมึงสิ”  ผมกระแทกเสียงพูด ยกเว้นก็แต่ชื่อตำแหน่งใหม่เท่านั้นที่เกือบจะกลายเป็นเสียงกระซิบ   

ไอ้โป้ยหัวเราพรืดแบบกลั้นไม่อยู่ แล้วก็ยังบ้าจี้พอที่จะยกฝ่ามือขึ้นตบเสียงดัง ผมนี่ไม่กล้าหันไปมองพี่เปี๊ยกเลยที่พากันส่งเสียงรบกวนแบบนี้ ส่วนไอ้คนหัวเราะก็ไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลยสักนิดมันยังคงขำจนไอค่อกแค่กออกมา ดี!! สำลักน้ำลายตายห่าไปเลย!

“กูดีใจจริงๆ”  มันว่าพลางกรีดน้ำตาที่เล็ดออกมา ยื่นหน้าพูดด้วยเสียงเบาแบบคนรู้กาละเทสะ  “ในที่สุดเพื่อนกูก็เป็นสาวแล้ว ฮ่าๆๆๆ”  แต่เสือกหัวเราะเสียงดังจนชาวบ้านสงสัย

เพื่อนเลวๆ อย่างนี้มีใครต้องการมั้ยครับ ผมยกให้ฟรีแถมพาราหนึ่งกระปุกเลย


.

.

.



ผมยังคงอารมณ์เสียอยู่เล็กน้อย

โป้ยมันล้อเลียนผมด้วยสายตาทุกครั้งที่พี่ปูนกับผมสบตากัน ยิ่งตอนเลิกงานที่พี่ปูนเดินมารอผมด้วยท่าทางระริกระรี้เกินเหตุนั้น มันถึงกับส่งข้อความตามมาว่า

[อย่าจัดหนักนะมึง เดี๋ยวหมดแรงมาทำงานไม่ได้อีก]

พร้อมกับส่งสติ๊กเกอร์แสดงความรู้สึกมาให้อีกซึ่งป่านนี้มันคงหัวเราะงอหายอยู่หน้าจอแน่ แค่คิดหัวผมก็เดือดปุดๆ แล้ว แม้จะด่ามันกลับไปแต่ก็ยังระงับความหงุดหงิดจาดข้อความนั้นได้ยากจริงๆ...แต่การจะทำยังไงไม่ให้บทสรุปเป็นไปตามที่มันล้อไว้เนี่ยสิยากกว่า

ผมละริมฝีปากออกจากการจูบที่แสนจะดูดดื่ม ก่อนจะเริ่มครางเบาๆ ไปกับการซุกไซ้ซอกคอที่เรียกได้ว่าละมุนที่สุดเท่าที่เคยโดนมา พี่ปูนขบเม้มผิวเนื้อหนักบ้างเบาบ้างแถมยังตวัดลิ้นเลียคล้ายชิมรส ระหว่างนั้นก็เปลื้องผ้าผมไปเรื่อยจนท่อนบนไร้สิ่งปกปิดส่วนกางเกงนั้นก็หลุดก้นลงมาแล้วเกือบครึ่ง

ถ้าถามว่าทำไมถึงเข้าสู่บทร้อนแรงนี้ได้ ก็เพราะว่าเมื่อเลิกงานปุ๊บพี่ปูนก็ลากผมเข้าห้องปั๊บ ยังไม่ทันจะสะบัดรองเท้าออกก็ถูกคว้าคอไปดูดปากแล้ว จูบกันไปถอดกันมาก็ลากกันขึ้นบนห้องนอนจนได้ พี่ปูนทำเหมือนพวกอดอยากปากแห้งแถมยังกระตุ้นจนผมต้องการตามไปด้วย ไอ้ที่อยากจะจะห้ามก็ห้ามไม่ออก แต่ถ้าขืนยังเป็นแบบนี้อยู่พรุ่งนี้ผมอาจจะหมดแรงแบบที่ไอ้โป้ยว่าเข้าให้จริงๆ แล้วไอ้เพื่อนเวรนั่นก็จะล้อผมไม่หยุด

“อืม...ไปที่เตียงนะ”  พี่ปูนพึมพำขณะนัวเนียอยู่ข้างแก้ม ลมหายใจฟืดฟาดด้วยแรงอารมณ์รับกับแตงร้านตรงหว่างขาที่อยากออกมาอวดศักดาเต็มที

คำว่า ‘กูตายแน่’ ลอยวนอยู่ในหัวผมไม่หยุด ถามว่ายอมมั้ยก็ต้องบอกว่าเต็มใจ แต่ครั้งแรกผมเมาๆ เคลิ้มๆ นี่หว่า แล้วตอนนี้พี่ปูนก็อารมณ์มาเต็มมันมิทะลวงจนหลุมผมทะลายเลยเรอะ!

“อ...อาบน้ำก่อนนะ”  เพราะฉะนั้นเพื่อให้ผมไม่ถูกล้อและบรรเทาหน้าดินที่อาจถูกกรุยจนเสียหาย การตัดกำลังนั้นคือสิ่งที่ถูกที่ควร  “นะๆ อาบน้ำกัน”

“ไม่เอาเสียเวลา”  ว่าแล้วไอ้คนแข่งกับเวลาก็ก้มงับนมผมคำโต

“ลุงอยากให้พี่อาบน้ำให้นี่”  ผมก็พยายามดันหัวมันออก พี่ปูนนิ่งคิดกับคำขอแต่แล้วมันก็เลือกที่จะปฏิเสธอีกครั้งด้วยสีหน้าที่กระหายหนักกว่าเดิม

“ไว้เอากันเสร็จก่อนนะ แล้วพี่จะได้สอนลุงล้วงน้ำออกมาด้วยไงล่ะ”

กูไม่ต้องก๊านน!

ไอ้พี่ปูนทำให้ผมหมดทางเลือกแล้วจริงๆ ผมกลั้นใจพุ่งตัวเข้าสู่อ้อมกอดตนตัวโตแล้ววาดมือลงบนขอบกางเกงยีนเพื่อปลดกระดุมออก เมื่อรูดซิปลงมาเท่านั้นแตงร้านพันธุ์ดีก็แทบจะเด้งทะลุกางเกงในออกมา ผมไม่รอช้าล้วงมือเข้าไปกอบกุมราชาของสายพันธุ์แตงแล้วลูบไล้ประหนึ่งของศักดิ์สิทธิ์ พี่ปูนระทวยไม่ต่างจากลูฟี่โดนหินไคโร จะต่างกันก็ที่ช่วงเวลานั้นแตงร้านของลูฟี่คงไม่ปึ๋งปั๋งขึ้นมาแบบพี่ปูน

“ลุงอยากกินนี่อ่ะ”  ผมอยากกัดลิ้นตัวเองให้ขาดเหลือเกิน แต่เพื่อเป้าหมายผมก็ยังต้องจัดการกับของในมือต่อไป  “เราไปล้างให้หอมๆ กันดีกว่าเนอะ”  พี่ปูนมีทีท่าลังเลเล็กน้อย จังหวะหนึ่งมันก็เหลือบไปทางเตียงนอนคล้ายกับว่าจะลากผมลงไปปล้ำซะเดี๋ยวนี้ แต่อีกใจก็คงอยากจะโดนผมทำร้ายด้วยปากเอามากๆ เห็นความกลัดกลุ้มในเรื่องกามของแฟนผู้เพียบพร้อมก็ให้อ่อนใจ แต่มันก็หมายความว่าผมอาจจะประสบความสำเร็จดังใจก็ได้


โบราณเขาว่าตีเหล็กต้องตีตอนร้อนใช่มั้ย?


“ปุริม...”  ผมละมือจากของร้อนแล้วเปลี่ยนมายืดตัวขึ้นโอบรอบคออีกฝ่าย ริมฝีปากผมจูบเม้มไปตามแนวคางจนกระทั่งถึงใบหู ผมเป่าลมใส่เบาๆ แล้วกระซิบด้วยเสียงที่คิดว่ากระเส่าเหลือเกิน  “อยากกินน้ำหวานๆ ของพี่จัง”

พี่ปูนเบิกตาโตมองผมราวกับไม่เชื่อหูตัวเอง นิ่งค้างจนผมต้องกระแอมแก้อายออกมา ผมก็ไม่อยากเชื่อตัวเองเหมือนกันว่าจะต้องมาพูดเรื่องแบบนี้ แต่เพื่อหูรูดและศักดิ์ศรีความเป็นชายที่ค้ำคออยู่...ผมจำต้องแรด

“นะปุริม”  ผมออดอ้อนอีกรอบ คราวนี้พี่ปูนกระพริบตาปริบๆ เหมือนคนเพิ่งได้สติ และเมื่อพ่อยอดชายตั้งตัวได้รอยยิ้มยั่วเย้าก็พาดทับริมฝีปาก มือไม้ก็เริ่มซุกซนขึ้นเรื่อยๆ

หลังจากนั้น...ทุกอย่างก็เป็นไปตามที่ผมต้องการ พี่ปูนแทบจะลากผมเข้าห้องน้ำ เปลื้องผ้ารวดเร็วอยากกับมันเป็นของร้อน เราผลัดกันถูร่างกายให้สะอาดแถมยังเน้นหนักที่แตงร้านประหนึ่งจะให้ออกมาหอมอย่างที่ผมต้องการ



และหลังจากนั้นของหลังจากนั้นอีกที...  “อึก!...อื้อ~”



ตอนนี้สภาพผมโคตรไม่น่าดู ไม่สิ…ไม่มีครั้งไหนน่าดูเลยเวลาผมมีแตงของพี่ปูนอยู่ในปาก ทั้งน้ำตา น้ำมูกและน้ำลายมันพากันย้อยออกมาแบบห้ามไม่อยู่ ใบหน้าก็ร้อนวูบวาบจนเดาได้เลยว่าต้องแดงก่ำแน่นอน ผมเองก็เป็นผู้ชายที่ดูหนังโป๊น่ะนะ แต่นักแสดงหญิงพวกนั้นไม่เห็นดูสภาพทุเรศเหมือนผมเลย พวกคุณเธอดูมีความมั่นใจในทุกท่วงท่าที่กลืนกินของอุ่นๆ ในมือเข้าไป สีหน้านั้นเปี่ยมด้วยความมั่นใจและมาดมั่น

ผมว่าตัวเองยังฝึกฝนไม่พอ

เสียงหยาบโลนดังไม่ขาดสาย ผมไล้เลียแตงร้านอุ่นๆ ไปตลอดความยาวก่อนจะดูดส่วนหัวหนักๆ แล้วบ๊วบมันลงคออีกรอบ พี่ปูนหอบหายใจหนักหน่วงพลางส่งเสียงครางอย่างพึงพอใจอย่างยิ่งยวด แม้มือใหญ่จะลูบหัวผมหนักไปนิดและหวิดจะกระชากผมจนหลุดติดมือหลายครั้งก็ตาม แต่ผมก็ยังคงทำหน้าที่จนกรามแทบค้าง ลิ้นก็ชาจนหนักอึ้ง ปากก็เหมือนจะเห่อบวมยังไงพิกล

“อา...อา~ ลุงพี่จะถึงแล้ว”  เสียงทุ้มกระเส่าครางออกมา ร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเกร็งกระตุกเป็นสัญญาณว่าใกล้ได้เวลาแล้ว ผมกะจะทำเนียนเอาปากออกก่อนแต่ผู้ชายชั่วช้าคนนี้กลับกดหัวผมลงจนแตงหัวทู่เข้าไปเซฮัลโหลกับลิ้นไก่ในคอ ผมอยากจะโก่งคออาเจียนแต่มันกลับไปบีบรัดสิ่งที่อยู่ในปากให้อีกฝ่ายส่งเสียงคำรามชอบใจซะงั้น และในท้ายที่สุดธารน้ำอุ่นร้อนก็พุ่งลงไปโดยที่ผมไม่มีโอกาสขัดขืน

เสียงไอดังขึ้นทันทีที่ริมฝีปากผมถูกปล่อยให้เป็นอิสระ กลิ่นคาวของน้ำรักคลุ้งไปทั่วทั้งปากและมันเผลอลงคอไปมากจนผมอยากจะอาเจียน พี่ปูนขยับกายเอื่อยเฉื่อยเพื่อเอี้ยวตัวไปหยิบทิชชู่บนหัวเตียงมายื่นให้ ผมรับมันไปสั่งหยาดน้ำคาวที่โพรงจมูกออกมาเป็นอย่างแรกมันทำผมแสบจมูกจนน้ำตาเล็ด

เสียงหัวเราะดังขึ้นเบาๆ ผมตวัดสายตามองตัวต้นเหตุทันที พี่ปูนขยับตัวมานั่งขัดสมาธิ ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มและนัยน์ตาดำขลับนั้นก็พราวระยับอย่างยิ่ง เหมือนคนทั้งมีความสุขทั้งขบขันในคราวเดียว ผมกำลังจะอ้าปากบริภาษออกไปแต่คนตรงหน้ากลับโถมตัวกอดผมเสียเต็มรัก สองร่างเสียการทรงตัวจนล้มลงไปบนที่นอนกว้าง

เพราะมีหญิงสาวผู้ชื่นชอบละครน้ำเน่าอยู่ที่บ้านสองคนผมจึงผ่านหนังทำนองนี้มาพอสมควร จากประสบการณ์และท่าทางของพี่ปูนนั้นทำให้ผมอิ่มใจขึ้นมาทันที อย่างน้อยการลงทุนจนแสบจมูกของผมก็นับว่าเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว นอกจากเรื่องที่ผมสามารถตัดกำลังพี่ปูนได้บ้างแล้วนั้นผลพลอยได้คงหนีไม่พ้นความประทับใจแน่นอน

พี่ปูนถูไถซอกคอผมราวกับลูกแมวตัวใหญ่ ผมยิ้มกริ่มรอเวลาที่ใบหน้าหล่อเหลาจะเลื่อนขึ้นมาสบตา มอบจูบดื่มด่ำให้แล้วตามด้วยรอยยิ้มกับคำชมหวานๆ และคำบอกรักซึ้งๆ

“..........”


ผมยังคงแย้มยิ้มรอ...แม้ว่าพี่ปูนจะเริ่มขยับจัดท่าเพื่อแทรกตัวเข้ามาตรงหว่างขาผม


“..........”


ผมคิดว่าจะยังได้สักหนึ่งคำชม...แม้ว่าอีกฝ่ายจะเริ่มใช้นิ้วนวดหน้าหลุมเพื่อหวังให้มันนิ่ม


“..........”


โอเค!! ผมมันบ้าบอไปเองแหละ!!


“ไอ้พี่ปูนใช้เจลด้วยสิโว้ย!!!”

“โทษทีๆ”

ผมนอนฉีกขาอย่างหมดอาลัยตายอยากเมื่อร่างหนาหนักผละออกไปคว้าหลอดเจลมาบีบใส่นิ้ว ร่างปานรูปสลักกลับมาแทรกอยู่ในตำแหน่งเดิม และแน่นอนว่าผมได้รอยยิ้มหวานๆ ตามที่ตั้งใจไว้ แต่นอกจากการแค่นยิ้มตอบกลับไปผมก็ไม่มีอะไรจะให้แล้ว ซึ่งพี่ปูนสนใจเสียที่ไหนกัน

ปลายนิ้วชุ่มเจลเย็นๆ นวดวนจุดแข็งกระด้างให้นิ่มนวลขึ้น และเหมือนทุกครั้ง ผมถูกพี่ปูนปรนเปรอส่วนหน้าไปด้วยจนไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าเสียงครางที่ผมหลุดปากไปนั้น เป็นส่วนหน้าหรือหลังกันแน่ที่รู้สึกมากกว่า

“อื้อ~”  ผมพยายามห้ามเสียงตัวเองไม่ให้ขึ้นสูงมากเกินไป แต่มันก็ดูจะยากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อนิ้วขยันที่พากันเข้าไปซุกซนข้างในกำลังกระตุ้นจุดที่ทำเอาก้นลอยไม่ติดพื้น เสียงครางไต่บันไดขึ้นสูงเรื่อยๆ จนฝ่ามือไม่อาจปิดกั้นได้อีก

พี่ปูนโน้มตัวลงมาจูบขมับชื้นเหงื่อของผมอย่างไม่รังเกียจ ริมฝีปากนุ่มเล็มไล้ไปตามใบหน้าแล้วไต่วนขึ้นไปบริเวณหูก่อนจะแหย่ลิ้นเข้าไปหยอกเย้าให้ผมขนลุกเกรียวผสานไปกับเสียงหอบคราง

“สูดหายใจลึกๆ นะ”  พี่ปูนกระซิบเสียงพร่า ผมหลับตาแน่นอย่างยอมรับความจริงทันทีที่ฝ่ามือแยกขาผมให้อ้ากว้างกว่าเดิม ผมตัวสั่นอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อนิ้วมือถูกถอนออกไปจากช่องทางแล้วถูกอีกฝ่ายเปลี่ยนเป็นบางอย่างที่ยิ่งใหญ่กว่ามาก และในทันที่ที่มันฝ่าปราการนุ่มๆ เข้าไปผมก็รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่แล่นปราบไปทั่วสันหลัง ผมรู้แล้วว่าทำไมผู้หญิงคลอดลูกถึงได้แหกปากกันปานนั้น ก็ในเมื่อสิ่งที่เรามีอยู่กับสิ่งที่กำลังจะทลายเข้าไปมันไม่ได้เหมาะสมกันเอาซะเลย

“อึ๊! เจ็บ~”  ผมครางลั่น  “เจ็บอ่ะ!! เลือดออกแน่เลยปุริม!”

“พี่จะทำช้าๆ”  พี่ปูนหอบหายใจหนัก น้ำเสียงคล้ายสะกดกลั้นความต้องการอย่างยิ่งยวด  “หายใจเข้าลึกๆ นะ ผ่อนคลายให้พี่”

“ไม่ได้อ่ะ เอาออกเหอะนะ”  ผมเริ่มงอแงหนักทั้งๆ ที่รู้สึกได้ว่าไอ้แตงเวรตะไลนั่นกำลังไถลลงหลุมไปเรื่อยๆ

“มันเคยเข้าไปแล้ว นี่ก็กำลังเข้าไปอยู่”  น้ำเสียงพี่ปูนเริ่มหื่นขึ้นเรื่อยๆ

ผมพยายามลืมตาขึ้นมอง ภาพที่เห็นนั้นเหมือนตัวเองกำลังดูภาพยนตร์วาบหวามเรื่องหนึ่ง ใบหน้าหล่อเหลาประดับไปด้วยแรงอารมณ์ที่พยายามสะกดกลั้น สองตาคมหลุบมองจุดเชื่อต่อระหว่างเราแบบไม่คลาด ผมไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะภาพที่เห็นหรือเปล่าที่ทำให้พี่ปูนดูจะหายใจแรงขึ้นทุกขณะ หยาดเหงื่อชโลมผิวกายตึงแน่นแม้ว่าอากาศในห้องจะเย็นฉ่ำ มันไหลผ่านแผ่นอกแข็งที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ เรื่อยลงมายังหน้าท้องเครียดเกร็งเป็นลอนลูกสวยงาม

ผมไม่ปฏิเสธเลยว่าภาพนั้นทำให้ผมรู้สึกวูบวาบนิดๆ

ลมหายใจถูกสูดเข้าปอดลึกๆ หลายครั้งเพื่อหวังให้ความเจ็บปวดนั้นคลายลงไปบ้าง แต่นั่นก็ทำให้เจ้าของแตงเคลื่อนกายเข้าไปได้ลึกล้ำขึ้นกว่าเดิม ผมได้แต่อ้าปากปล่อยเสียงครางในระหว่างที่ร่างกายถูกเติมเต็ม และเมื่อสุดทาง ร่างหนักแน่นก็โน้มกายลงมากอดผม จูบปากและหอมแก้ม พร่ำบอกว่าผมเป็นเด็กดีของเขาขนาดไหน...

นอกจากเสียงครางแล้ว ที่ริมฝีปากผมเปล่างออกมาได้ก็มีแค่ชื่อของพี่ปูนเท่านั้น ผมว่าตัวเองเรียกชื่อพี่ปูนออกไปมากกว่าที่เรียกชื่อเพื่อนรวมกันทั้งเดือนเสียอีก และทุกครั้งที่มันหลุดออกมาจากปากของผม เจ้าของชื่อก็มักจะตอบสนองด้วยการซุกไซ้ไปตามเนื้อตัวราวกับชื่นชอบที่จะได้ยิน ผมเดาว่าเพราะอย่างนี้หรือเปล่า พี่ปูนเลยไม่ค่อยได้ครางชื่อผมซะเท่าไหร่

“ดีมั้ย?”  พี่ปูนกระซิบถาม ซึ่งผมก็ตอบรับกลับด้วยเสียงครางเช่นเดิม

พี่ปูนเคลื่อนกายเชื่องช้าแต่ทุกจังหวะกลับเสียดสีจุดที่ราวกับเป็นศูนย์รวมของความต้องการ ผมตัวสั่นเป็นลูกนก เปียกชื้นเหมือนหมาตกน้ำ ฉีกขาอ้ากว้างประหนึ่งนักกีฬายิมนาสติก และกำลังละลายไม่ต่างจากสายไหมในปาก

“อืม...ปุริม~” 

พี่ปูนก้มลงจูบผมหนักๆ จากนั้นค่อยๆ พลิกตัวผมตะแคงข้างโดยที่แตงยังคงไม่หลุดออกจากหลุม ฝ่ามือใหญ่ยกขาผมขึ้นพาดบ่าแล้วเคลื่อนตัวเข้ามาลึกล้ำยิ่งกว่าเดิม รุนแรงกว่าเดิมจนผมไม่อาจรับรู้อะไรได้เลยนอกจากเสียงครางตัวเองและความเสียวร้อนที่ทำเอาหน้าท้องวูบวาบ

ในคืนนั้นผมก็จำได้รางๆ อยู่เหมือนกันว่าตัวเองครางหนักเป็นนักแสดงหนังเอ็กส์ขนาดไหน แต่การต้องมารับรู้ยามที่มีสติครบร้อยนี่มันช่างสะเทือนจิตใจได้มากกว่าหลายเท่านัก ผมรู้ทุกการกระทำ รู้ทุกท่วงท่า และรู้ดียิ่งกว่าว่าอีกไม่นานตัวเองคงจะทะลักทลายความสุขออกมา

ผมกลายเป็นตุ๊กตาให้พี่ปูนดัดท่าทางจนพอใจ ไม่ว่าจะฉีกขา ยกก้น หรือแม้กระทั่งแอ่นหน้าท้าเพดาน กว่าเรื่องราวการต่อสู้อันดุเดือดของเราสองคนจะจบลง ร่างกายของผมก็ประท้วงความเจ็บปวดออกมาจนแทบจะขยับไม่ได้ ในขณะที่ผมนอนคว่ำเพราะระบมก้นที่ถูกทารุณกรรม ทั้งถูกตี ถูกบีบขย้ำ แต่ไอ้คนทำกลับนอนนวยนาดซุกแผ่นหลังผมอย่างมีความสุข มือนึงก็ลูบสางเส้นผมให้ มือนึงก็นวดคลึงก้นให้เบาๆ

“กี่โมงแล้วเนี่ย”  ผมถามออกไปด้วยเสียงที่แหบต่ำกว่าเดิม หากคำตอบกลับเป็นเสียงครางฮึมฮัมต่ำๆ ในลำคออย่างมีความสุขของคนที่ยังคงอ้อยอิ่งกับร่างกายผมไม่เลิก  “พี่ปูน...ผมหิวข้าวแล้วอ่ะ ต้องกลับบ้านด้วย”

“พี่ไม่อยากให้กลับเลย”  พี่ปูนตอบทันท่วงที น้ำเสียงเอาแต่ใจชัดเจน  “อยู่กับพี่ต่ออีกหน่อยนะ”

ผมเหลือบมองนาฬิกาติดผนังด้วยความละอาใจ สองทุ่มกว่าเกือบสามทุ่มเข้าไปแล้ว กว่าจะอาบน้ำแล้วก็เดินทางคงไปถึงบ้านแบบเฉียดฉิวพอดีแน่ ผมถอนหายใจออกมาเฮือกยาว ไม่ว่ายังไงก็คงยอมตามใจพี่ปูนไม่ได้แน่นอน ผมพลิกตัวลุกขึ้นนั่งมองคนนอนกลิ้งไปแผ่หลา ดวงตาที่จ้องตอบนั้นไม่ยินยอมอย่างเห็นได้ชัด แต่หลังจากจ้องหน้าไม่ยอมกันสักพัก พี่ปูนก็ยอมยกธงขาวแบบจำยอม แต่ก่อนจะเดินเปลือยอวดรูปร่างเข้าห้องน้ำไปก็ยังไม่วายหันมาทำเสียงเข้มแบบคนไม่ได้ดั่งใจ และมันช่างบาดลึกลงใจผ่านไปยังจุดซ่อนเร้นที่ยังเจ็บแปร๊บๆ ให้เจ็บนักยิ่งกว่าเดิม

“รอให้พ้นเคอร์ฟิวก่อนเถอะ อย่าหวังว่าจะได้ลุกจากเตียงเลย!”



พี่ปูนเข้าห้องน้ำไปแล้ว...



ผมรู้ว่าพี่เขาคงไม่พอใจเท่าไหร่ แต่การคาดโทษผมแบบนี้พี่เขาไม่คิดเลยเหรอว่าผมจะรู้สึกยังไง...ผมควานหามือถือด้วยน้ำตาคลอเบ้า กดพยัญชนะแต่ละตัวในแอพค้นหายอดนิยม ผมปาดน้ำตาทิ้งเพื่อมองคำค้นหาของตัวเองที่แสดงผลออกมามากมาย ผมเลื่อนดูหัวข้อหลากหลายก่อนจะสะเทือนใจกับตัวเลือกหนึ่งแล้วกดคลิกเข้าไปทั้งน้ำตา...


‘วิธีกระชับรูทวารให้ฟิตเหมือนโดนเปิดซิง’





--------------------------------------------------------------------------------------------------TBC.


แล้วก็จากไปอย่างเงียบเชียบ...  :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 02-07-2018 00:38:55
หายไปนานจนนึกว่าจะไม่มาต่อแล้ว
เห็นแล้วโอ้โฮนึกว่าตาฝาด
ยอมรับจากใจว่าคิดถึงคุณลุงมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 02-07-2018 00:53:37
อร๊ายยยยย อิลุง กลวิธีมัดใจผัวสินะ  ขมิบเข้าไปค่ะลูกกกกกก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: jaja-jj ที่ 02-07-2018 00:55:31
คิดถึงงงงงงง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 02-07-2018 00:57:46
เย้ๆ มาต่อแล้ว แต่ขอเรื่องของโป้ยด้วยสิ นะ นะ นะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 02-07-2018 01:14:18
นึกว่าฝันปายยยย :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 02-07-2018 01:19:42
ร้อนแรงงงงงงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 02-07-2018 01:35:07
เนี่ยลุงกลัวสามีเบื่อเหรอจ๊ะถึงต้องหาวิธีกระชับรูทวารงะ   คิดถึงคู่นี่จริงๆ  :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-07-2018 02:50:26
ตกใจแรงมาก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 02-07-2018 03:04:40
แง้ คิดถึงมากกกกก ตอนต่อไปขอพี่กรได้มั้ยค๊าาาา
อยากอัพเดทพี่กรบ้างงงง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 02-07-2018 04:41:34
นึกว่าตาฝาด เย้ๆๆ มาต่อแล้วววว อิอิ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 02-07-2018 06:16:03
ลุงหายไปนานเลยกลับมาแล้ว  :mc4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-07-2018 06:57:22
ดีต่อใจเจงๆ..............อ่านไปยิ้มไป ถูกใจสุดๆ   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
มันดีถึงสองต่อเลยนะ
๑ ไรท์ มาต่อ ฮูเร้ๆๆๆๆๆ  :mew1:
๒ ได้อ่านฉากโรแมนซ์ พี่ปูน ลุง   :katai4: :pighaun: :haun4:
ตายอย่างสงบไปเลย  :jul1:

โป้ย ตัวร้าย เพื่อนเลวของลุง  :z6:
สองจิตสองใจเลยที่จะให้โป้ยสมหวัง   :z3: :serius2:
แกล้งลุงดีนัก (แม้ผลลัพธ์จะถูกใจพี่ปูน เอ่อ....คนอ่านก็ด้วย)
อยากให้สมหวังยากหน่อย แบบขัดอกขัดใจ  กร๊ากกก  :katai2-1:

พี่ปูน  ลุง   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
 
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 02-07-2018 07:20:26
ดีใจมากๆๆที่คุณเหมียวกลับมาแล้ว :กอด1:

ตอนนี้เหมือนน้องลุงโดนรุมแกล้ง ปุริมน่ากลัวขึ้นทุกที :hao6: :hao7: :haun4: :haun4:

 :pig4: :L1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 02-07-2018 07:47:55
พี่ปูน น้องลุง กลับมาร้อนแรงปนน้ำตาเล็กน้อย หลังจากหายไปนาน

น้องลุงคงอยากให้แม่ยืดเวลาเคอร์ฟิวส์นานๆ ใช่มั๊ยจ๊ะ

น้องลุงสู้ สู้ นะ 
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 02-07-2018 07:49:44
ในที่สุดลุงก็กลับมา รักลุงๆ :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Krajeeqx ที่ 02-07-2018 07:52:54
หวานมากก
หมั่นไส้นังลุง ผัวรักผัวหลง  :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 02-07-2018 08:08:31
มีครั้งแรก ก็ต้องมีครั้งต่อๆไปสินะ o3
ลุงช้ำหมดแล้วอิพี่ปูนนนนน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: RinNam ที่ 02-07-2018 08:32:02
ดีใจกว่านี้ก็ถูกหวยแล้ววว งือออ   :hao5:

แถมยังมาพร้อมกับตอนที่ร้อนแรงแซบเวอร์ซะขนาดนี้

เป็นวันที่มีความสุขมากเลยค่าา   o18

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 02-07-2018 08:39:17
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด ดีใจจจ คิดถึงงงงงงง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 02-07-2018 11:17:49
ขอบคุณมากค่ะที่มาต่อให้ได้อ่านกัน   :L2: :oo1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: mkooo ที่ 02-07-2018 11:26:34
ขอบคุณมากๆค่า สำหรับนิยายสนุกๆ
คิดถึงนะคะ อย่าหายไปนาน ส่วนน้องลุงช้ำหมดแล้วสงสารน้องงงงงงงง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 02-07-2018 12:24:54
มาแล้วววว คิดถึงงง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 02-07-2018 12:46:48
ปุริมถนอมลุงบ้างนะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 02-07-2018 13:25:09
ฮือ ขำลุง55555555555
แตงปุริมใหญ่จนต้งเสิร์ซหาวิธีกระชับเลยหรอลุง5555555
พี่ปูนหื่นมากเลย แต่คนอ่านถูกใจนักเชียว คึคึคึ
ใจจริงอยากให้พี่ปูนปล่อยวางเรื่องพ่อ ไม่อยากให้พี่ปูนเสียใจทีหลังอะ
หวังว่าความลุงจะช่วยพี่ปูนได้นะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 02-07-2018 14:15:06
ดีใจที่กลับมาต่อน้องลุงกับปุริมแล้ว
ปุริมสงสารน้องบ้าง ได้แล้วเอาใหญ่เลย
อีกไม่นานคงรู้กันทั้งบางแล้วละ ปุริมอยากโชว์เมียเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 02-07-2018 15:15:35
รอลุงตั้งนาน แต่มาแล้วก็ไม่ทำให้ผิดหวังเต็มอิ่มมากกกกก
อีลุงนี่ พาลไปทั่ว ไหนจะกระแนะกระแหนคุณป้า
พี่ปูนกลายเป็นผัวชั่ว
โป๊ยกลายเป็นเพื่อนเลว
ส่วนลุง ก็ร่างกายบอบช้ำไปละกัน
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 02-07-2018 15:19:41
โชคดีมากเลยที่เข้ามาแล้วเห็นตอนใหม่อัพแล้วอ่ะดีใจ :m11:
แต่สงสารลุงอ่ะ อิพี่ปู๊นนนหื่นละเกินถนอมน้องหน่อย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: LifePo-YuGu ที่ 02-07-2018 16:55:41
โอ๊ย ทั้งขำทั้งเขิน
ขอให่ผ่านช่วงเคอร์ฟิวเร็วๆจัง อยากให้อยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืนเลย  :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 02-07-2018 18:15:26
 :m25:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 02-07-2018 18:57:07
โชคดีที่ลุงมีเคอร์ฟิวของครอบครัวมาช่วยชีวิตไว้ พี่ปูนดูอดอยากมาก 55555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 02-07-2018 19:41:07

พี่ปูนโครตดุ น้องลุงก็มีความยั่วเบาๆ  :jul1:
ชอบน้องลุงตรงที่ถึงจะบอกว่าไม่อยากเป็นรับขนาดไหน ก็ยังขวนขวายหาวิธีอ่ะ จบหลักสูตรนี้หนูก็กลายเป็นพ่อบ้านที่เพียบพร้อมแล้ว รอดูหนูเติบโตกลายเป็นคนแซ่บอยู่นะ
ฉากหวานๆก็ดีต่อใจ กิ๊วก๊าวมาก
อยากให้พี่ปูนเล่าเรื่องตัวเองให้น้องฟัง น้องต้องดูแล โอ๋พี่มากแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 02-07-2018 22:54:32
 :sad4:  นึกว่่าจะไม่มาต่อซะแล้วค่ะฮือๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 02-07-2018 23:15:02
 :mew1: :mew1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: PPYK287 ที่ 02-07-2018 23:29:24
กรี๊ด!! นึกว่าฝันไป ในที่สุดน้องลุงกับปุริมก็คัมแบ็ค  :hao5:

น้องลุงนี่ก็ยังเป็นน้องลุงอยู่วันยังค่ำ ทำไมถึงคิดว่ากินแตงให้พี่แล้วพี่จะปล่อยให้หนูได้นอนสบายๆ ล่ะคะลูกกก ปุริมนี่ก็เหลือเกิ๊น ดุจัง ดุอ่ะ เออ ดุจริง  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 02-07-2018 23:33:27
โครตคิดถึงพี่ปูนกับน้องลุงเลย
ยังฮาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เพิ่มเติมคือความหื่นของพีปูนที่ทวีความเจ็บตูดของลุง
เข้าไปอีก :hao7: ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเคอร์ฟิวหมด น้องลุงจะเป็นยังไง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 02-07-2018 23:58:55
โอ้ยยยย กระชับรูทวารรรรรรรร
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 03-07-2018 00:15:56
อะไรคือความโกรธสะมี๊ แต่ก็เอาใจเขาคะลูกกกก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-07-2018 01:44:31
 :z1:


 :L2: :pig4: :L2:

 o13
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 03-07-2018 03:36:26
คิดถึงเหลือเกินค่ะ

ลีลาการเขียนยังจับใจเช่นเคย อ่านแล้วขำท่ามกลางความหื่น ฮ่าๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 03-07-2018 06:00:07
หลังจากหายไปนานพี่ปูนก็จัดหนัก จัดเต็มลุงเลย นี่ถ้าไม่โดนเคอร์ฟิลนะ ยาววววว :z1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: SeaBreeze ที่ 03-07-2018 10:13:01
กลับมาอย่างร้อนแรงงงง :pighaun:
นึกว่าจะไม่ได้เจอลุงอีกแล้ว  มาต่อบ่อยๆนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 03-07-2018 10:28:06
นึกว่าตาฝาด
อ่านไปเลือดไหลหมดตัวก่อนไก่ซะอีก
กดบวกรัวๆ อิพี่มันแบดดดดดด
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Krajeeqx ที่ 03-07-2018 11:09:27
อยากเห็นพี่ปูนเวอร์ชันแบดๆใส่คุณลุงจัง  :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 03-07-2018 11:15:49
ลุงเอ้ยยยยย

สงสารดีไหมเนี่ยยย


หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 03-07-2018 12:32:53
มาแล้ววววววว ดีใจจัง แต่ปุริมนี่อดอยากมาจสกไหนกันคะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 03-07-2018 18:13:34
คิดว่าจะไม่มาต่อซะแล้ว นี้ขนาดติดเคอร์ฟิลยังหนักขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 03-07-2018 19:45:51
ลุงก็ยังคือลุง
ดูสิหายไปนานพี่ปูนกระหายหนักเชียว  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 03-07-2018 22:14:17
แง๊งง ปุริมไม่อ่อนโยนเลยยย  :m25:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 03-07-2018 22:48:39
ดีใจในที่สุดก็มาต่อแล้ว

แต่ไม่รุ้จะสงสารลุงมีสามีหื่นรึจะฟินไปกับลุงดี พี่ปูนร้อนแรงเว่อร์ :jul1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 04-07-2018 00:20:30
น้องลุงผู้ปรับตัวได้เร็ว 5555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 04-07-2018 00:29:16
อิพี่ปูนหื่นจนน้องลุงต้องหาวิธีเลย ทำใจนะลุงนะตราบใดที่ยังมีพี่ปูนเป็นแฟนคงโดนฟัดจนจมเตียงบ่อยๆแน่
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 04-07-2018 18:52:15
5555 ถึงไม่ฟิตพี่ปูนก็ไม่ทิ้งหรอกลุงงง 555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 18 _ไก่ตายทั้งตัว...ฯ_ || 2-7-61 หน้า 37 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 04-07-2018 20:17:41
 :pig4:
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 05-07-2018 18:59:22
ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ [ปูน]





ผมชอบเวลาที่หัวใจตัวเองเต้นอย่างกับบ้าคลั่งเวลาที่อยู่ใกล้ใครสักคน และคนนั้นก็ควรค่าที่จะปลดปล่อยความอ่อนแอให้เห็น และสำหรับผมคนๆ นั้นคือพัทลุง...


ไม่มีใครในโลกนิยามลักษณะของความรักได้ถูกต้องหรอก แต่จากที่ผมเป็นอยู่ทุกวันนี้คงบอกได้เพียงว่าตัวเองกำลังมีความรักชนิดหัวปักหัวปำเลยทีเดียว ผมใกล้เคียงกับหนุ่มน้อยช่างฝันเข้าไปทุกขณะ อยากอยู่ใกล้ อยากได้ยินเสียง อยากนอนด้วยกันและทำรักกันทั้งวี่วัน แล้วตื่นขึ้นมาเพื่อมองหน้าอีกฝ่ายเป็นคนแรก


ผมอนุมานว่ามันคือการพร่ำเพ้อในช่วงข้าวใหม่ปลามัน


และถ้าเป็นไปตามที่คนอื่นเขาพูดกัน อาการแบบที่ผมเป็นคงจะค่อยๆ บรรเทาลงเมื่อคบกันไปได้สักระยะ แม้ที่เป็นอยู่ตอนนี้มันจะไม่ได้แย่เลยก็ตามแต่ผมก็หวังว่าตัวเองจะ ‘ติด’ ลุงน้อยกว่านี้ลงอีกสักหน่อย


ลุงคือ ‘ราคะ’ ที่มีชีวิตสำหรับผม ไม่มีสักครั้งยามเราเปลือยกายแล้วผมจะรู้สึกพอเพียง ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ผมเฝ้าตักตวงความปรารถนา ต่อให้หัวใจผมถูกเติมเต็มจนล้นปรี่แต่ความกระหายอยากมันไม่เคยเพียงพอ และลุงก็มักจะทำให้ผมได้ใจเสมอ ทุกครั้งก็มักจะใช้วงแขนนิ่มนวลโอบรอบคอผมเอาไว้ ร้องบอกว่ามันดีแค่ไหนที่ผมมอบความสุขให้ ริมฝีปากอิ่มอ่อนนุ่มก็เอาแต่พร่ำเรียกชื่อผม แบบที่ผมรู้สึกรักชื่อของตัวเองอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิต และเมื่อเสร็จสมก็จะโอบกอดผมไว้แล้วปล่อยให้ผมคลอเคลียจนกว่าจะพอใจ


มันเป็นเซ็กส์ทั่วๆ ไป แต่เซ็กส์ที่ทำให้หัวใจผมอิ่มเอมขนาดนี้ไม่เคยมีมาก่อน



“นายทำฉันขนลุกไปหมด!” 



เสียงเหยียดที่เจือสำเนียงต่างประเทศดังขึ้น ผมละสายตาจากแก้วเหล้าในมือที่พาผมจมจ่อมอยู่กับความสุขในหัว ขึ้นมามองจ้าของเสียงที่นั่งเยื้องกันของอีกฝั่งโต๊ะ สาวสวยร่างสูงโปร่งในเดรสสั้นสีแดงสดนั่งไขว่ห้างอวดเรียวขาขาวเนียนพลางลูบท่อนแขนเปลือยเปล่าของตัวเองไปมาเพื่อประกอบคำกล่าวหา


ผมเบือนสายตาหนีแบบไม่ใส่ใจกับอาการเกินจริงของอีกฝ่าย หลังจากทิ้งแผ่นหลังลงกับพนักนุ่ม แก้วเหล้าในมือจึงถูกจรดกับริมฝีปากเพื่อลิ้มรสวิสกี้ชั้นดี ความขมแผ่ซ่านในช่องปากก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นความหวานนุ่มหอมฟุ้งขึ้นจมูก แต่กระนั้นท่าทางเฉยชาของผมก็ไม่อาจพาตัวเองหลุดจากหัวข้อสนทนาได้ รู้อย่างนี้ผมคงเลือกที่จะนอนอยู่บ้าน มากกว่าออกมาตามคำชวนของสองคนนี้


“ดูจากสีหน้าของนาย ฉันเดาได้เลยว่าชีวิตรักคงเป็นไปด้วยดีล่ะสิท่า”  เจ้าของเสียงเดิมเอ่ยต่อ หากคราวนี้ปะปนน้ำเสียงขบขันเพิ่มเข้ามา


“มากกว่าที่เธอคิดไว้ซะอีกเจน่า”  อีกเสียงกลั้วหัวเราะตอบคำถามแทน ผมหันไปมองเพื่อนสนิทที่นั่งข้างกันด้วยสายตาขุ่นเขียว ซึ่งพันกรมันก็หาใส่ใจไม่ซ้ำยังโต้กลับด้วยรอยยิ้ม  “ไม่เอาน่า ก็มึงดูมีความสุขมากจริงๆ นี่หว่า”


“มึงก็ไม่จำเป็นต้องพูดให้คนอื่นฟังรึเปล่า?”  ผมแค่นเสียงถามเพื่อน และคนที่โต้ตอบแทนก็เป็นแม่นางแบบสาวสวยฝั่งตรงข้าม


“คิดว่าหน้าแบบนั้นมันจะปกปิดใครได้รึไง” 


“หน้าฉันมันเป็นยังไง”


“ก็เหมือนคนโง่ที่มองทุกอย่างเป็นสีชมพูน่ะสิ”  เจน่าหัวเราะเยาะ หยิบแก้เครื่องดื่มขึ้นแตะริมฝีปากสีแดงฉ่ำด้วยท่วงท่าน่ามอง ผมสาบานได้เลยว่าไม่มีผู้ชายคนไหนในร้านนี้หรอกที่จะไม่มองเจ้าหล่อน  “ฉันล่ะสงสัยจริงๆ ว่าความรักมันดีตรงไหน ความใคร่สิตรงไปตรงมาไม่ต้องคิดให้มากความ”


ผมคิดว่าเจน่าคงเป็นผู้หญิงเพียงไม่กี่คนในโลกหรอกที่ไม่ไขว่คว้าหาสิ่งที่จับต้องไม่ได้อย่างความรัก เท่าที่ผมรู้จักมาเจน่าคือผู้หญิงรักสนุกแต่ไม่ผูกพันตัวจริงเสียงจริง แค่ทำให้คุณเธอพึงพอใจได้ เธอก็พร้อมจะมีสัมพันธ์กับคนนั้นอย่างไม่รู้เบื่อ เหมือนอย่างที่ครั้งหนึ่งผู้ชายคนนั้นเคยเป็นผม


“เธอก็แค่ยังไม่เจอคนที่ชอบน่ะ”  กรพูดคล้ายปลอบใจ แต่เจน่าไม่ใช่คนทั่วไปที่จะทำหน้าละห้องกับคำปลอบโยนแล้วบอกว่า ‘ฉันก็หวังว่าจะมีสักวัน’ พันกรน่ะรู้จักเจน่าน้อยเกินไป


“โอ้~ ฉันภาวนาว่าอย่ามีวันนั้นเลย”  ว่าแล้วก็ทำมือเป็นลักษณะกางเขนคล้ายจะสวดอ้อนวอนพระผู้เป็นเจ้า ผมได้แต่ยิ้มขำกับความตรงไปตรงมาของเธอ  “ตอนนี้ฉันมีความสุขในสิ่งที่ฉันเป็นนะกร นอกเสียจากว่ายังหาหนุ่มดีๆ มาสนุกกันบนเตียงไม่ได้สักที ที่จริงแล้ว...เมื่อไหร่นายจะลองนอนกับฉันสักคืนล่ะ ให้ตายสิ! ฉันชวนนายหลายครั้งแล้วนะเนี่ย”


พันกรได้แต่หัวเราะแห้งๆ ใช้ปลายเท้าเตะขาผมใต้โต๊ะเพื่อขอความช่วยเหลือ ใจหนึ่งก็อยากจะแกล้งซ้ำอยู่หรอก แต่ก็กลัวเจน่าจะคิดเป็นจริงเป็นจังจนก่อกวนพันกรเข้าให้ ผมเลยจำต้องทำหน้าที่เพื่อนที่ดีช่วยเบี่ยงประเด็นไปทางอื่นแทนอย่างน่าเสียดาย


“ได้ข่าวว่ายอมตกลงเซ็นสัญญาเป็นพรีเซนเตอร์แล้วเหรอ? ไหนว่าจะรันแค่แคทวอล์คไง”


“ถูกผู้ใหญ่กดดันมานิดหน่อยนะสิ เห็นว่ามีบุญคุณกันมา เฮ้อ~ นิสัยคนไทยนี่มันน่าเบื่อจริงๆ”  นางแบบสาวยักไหล่ แม้สีหน้าจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่แต่ผมรู้ดีว่าเจ้าหล่อนพยศแค่ไหน ถ้าไม่พอใจเสียอย่างก็จะปฏิเสธจนได้นั่นแหละ แต่นี่แสดงว่าต้องมีการตกลงสักข้อที่น่าดึงดูด


ในฐานะคนพวกเดียวกัน ผมเดาว่าคงไม่พ้นเรื่องเงิน และคงหลายหลักเสียด้วย


“เป็นของแบรนด์อะไรน่ะ ฉันได้ข่าวแค่ว่าเธอกลายเป็นพรีเซนเตอร์ที่ค่าตัวสูงที่สุดตอนนี้”  พันกรคงรีบถามด้วยความสนใจ


“เห็นจะจริงล่ะกร ค่าตัวทำฉันตาวาวเลยล่ะ”  เจน่าทำตาโตประกอบ ดูจากนัยน์ตาระยิบระยับพวกผมก็พอเดาได้เลยว่าตอนที่เห็นสัญญาเจน่าจะตื่นตาตื่นใจขนาดไหน  “ฉันไม่คิดว่า Flora จะทุ่มกับฉันขนาดนี้เหมือนกัน”


ผมชะงักไปเล็กน้อยกับชื่อแบรนด์ที่คุ้นหูเป็นอย่างดี แต่ไม่มีใครสนใจ ผมจึงยกแก้วขึ้นดื่มเพื่อรับฟังข้อมูลต่ออย่างเงียบๆ


“ฟลอร่านี่เป็นแบรนด์เครื่องสำอางในเครือพิบูลย์พัฒน์ใช่มั้ย?”  พันกรถามพลางดื่มเหล้าไปด้วย


“น่าใช่นะ บริษัทนี้จับสินค้าหลายประเภทน่าดูฉันจำไม่ค่อยได้หรอก”  พรีเซนเตอร์คนใหม่ดูจะไม่ได้แยแสที่มาที่ไปของสินค้าสักเท่าไหร่  “แต่ได้ยินพวกผู้ใหญ่คุยกันว่าเครือนี้กำลังลูกผีลูกคนอยู่ เห็นว่าอยู่ในช่วงเปลี่ยนมือผู้ถือหุ้นหลัก คนที่มาเซ็นสัญญากับฉันเห็นว่าเป็นว่าที่ CEO คนต่อไปนี่แหละ”


“เพราะงั้นถึงได้ทุ่มกับเธอล่ะมั้ง คงอยากจะเริ่มสร้างผลงานก่อนได้รับตำแหน่งไม่อย่างนั้นคงโดนเลื่อยขาเก้าอี้เอาได้” 


“จะยังไงก็ช่างเถอะ มันไม่ใช่เรื่องของฉันอยู่แล้ว”  เจน่ายักไหล่แล้วกลับไปสนใจกับเครื่องดื่มสีสวยของตัวเองต่อ แต่คนที่ยังไม่ยอมจบกลับเป็นคนที่นั่งข้างๆ ผมเนี่ยแหละ


พันกรมองมาทางผมเหมือนนึกบางเรื่องได้  “ก่อนหน้านี้มีบริษัทไบโอพลาสมาติดต่องานเราไม่ใช่เหรอ?”


“จำไม่ได้”  ผมตอบเลี่ยง แม้คำจะห้วนสั้นไปสักนิดแต่ดูว่ากรมันจะไม่ได้สังเกต เพราะพ่อนักแสดงหนุ่มยังคงตีหน้าซื่อถามผมต่อไป


“เฮ้ย? ปกติมึงไม่มีพลาดเรื่องลูกค้ารายใหญ่แบบนี้นะ แบรนด์นี้อยู่ในเครือพิบูลย์พัฒน์เชียวนะเว่ย”


“เหรอ”


“เหรอเชี่ยไรปูน เขาติดต่อกับมึงเองเลยนะ”


“กูปฏิเสธเขาไปแล้ว จบ! เลิกถามนะมึง”  ผมคร้านจะเฉไฉเลยตอบออกไปตามตรง แต่กลายเป็นว่ามันกลับสร้างบรรยากาศแปลกๆ ขึ้นมา กรมองผมด้วยหัวคิ้วขมวดมุ่น สีหน้าครุ่นคิดกับคำพูดผมไม่น้อย แม้แต่เจน่ายังอุตส่าห์มองมาที่ผมด้วยความฉงน


“นายปฏิเสธงานเหรอ? ไม่สบายรึเปล่าปูน?”


“ฉันสบายดีเจน่า ขอบใจที่เป็นห่วง”  ผมกระแทกเสียงใส่ อารมณ์เริ่มจะกรุ่นขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว ผมหันไปทางพันกรและพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่แตกต่างกัน  “ฉันไม่ชอบใจวิธีการติดต่องานก็เลยปฏิเสธไป โอเคมั้ย?”


“...มันเป็นสิทธิ์ของนาย ฉันไม่โต้แย้งหรอก”


ผมมองหน้าเพื่อนสนิท พยายามหาความหมายแฝงในคำพูด แต่เมื่อสีหน้าของพระรองหนุ่มไม่ได้มีนัยยะของการกระทบกระเทียบแต่อย่างใดจึงควรเป็นผมที่ต้องสงบสติตัวเอง ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ทั้งสองคนมองตามขณะผมก้าวออกมาด้านนอกเพื่อเตรียมตัวกลับ


“ฉันเลี้ยงเอง ดื่มกันต่อเถอะ”


“อืม...ขับรถดีๆ ล่ะมึง”  พันกรไม่ห้ามหรือทักท้วงใด ด้วยความที่เป็นเพื่อนกันมาหลายปี มันคงจะพอรับมือกับอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของผมได้บ้างไม่มากก็น้อย แต่ผมรู้ดีว่าที่ตัวเองกำลังหงุดหงิดอยู่ตอนนี้ไม่ได้เกิดจากเพื่อนเลยสักนิด


“ขอโทษนะมึง”  ผมขมุบขมิบปากบอก กรยิ้มน้อยๆ พลางตบหลังผมเบาๆ แบบไม่ถือสาหาความ นั่นทำให้ผมลดความตึงเครียดไปได้บ้าง  “ไปนะเจน่า วันหลังค่อยดื่มกันใหม่”


“See you! ไว้แฟนเผลอแล้วเจอกันนะ”  ว่าแล้วแม่นางแบบพราวเสน่ห์ก็กระพริบตาหยอกเย้ามาให้ ผมส่ายหัวไปมาแล้วเดินตรงไปจ่ายเงินทั้งหมด


ผมคิดถึงลุงขึ้นมาทันที ถ้ากลับบ้านไปแล้วมีตัวอุ่นๆ ให้กอดจะดีขนาดไหนกันนะ


“มึงเมาแล้วฝ้าย!”


เสียงโวยวายดังไล่หลังผ่านประตูคลับออกมา ผมหันกลับไปมองด้วยความสงสัยจึงทันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังผลักประตูออกมาด้วยท่าทางซวนเซ มือไม้แกว่งปัดป้องการช่วยเหลือของผู้หญิงอีกคนที่ตามมาติดๆ ผมเดาว่าสองคนนี้คงเป็นเพื่อนกันแน่นอน ต่อเมื่อไม่มีอะไรแล้วผมจึงหันหลังกลับเพื่อจะก้าวเดินต่อไปแต่กลับถูกเสียงอ้อแอ้เหนี่ยวรั้งเอาไว้เสียก่อน


“หยุดนะ -- คุณปุริม...หยุด รอ...อึก! รอฝ้ายก่อน”


ผมหันกลับไปอีกครั้ง สองตาจับจ้องคนเมาที่กำลังเดินเป๋าตรงมาพลางนึกเค้าหน้าอีกฝ่ายจากความทรงจำ แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ผมเลยเลิกขุดคุ้ยความจำและปล่อยให้แม่สาวนี่เป็นคนเฉลยจะดีกว่า


“คุณมีธุระกับผมหรือครับ”  สิ้นคำถาม อีกฝ่ายก็โผเข้ากอดหมับซุกหน้านองน้ำตากับเสื้อผมจนเปียกชุ่ม ผมพยายามดันไหล่อีกฝ่ายออกด้วยความนุ่มนวลเพราะมีบุคคลที่สามยืนอยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นผมคงผลักแม่ขี้เมานี่ออกไปให้พ้นเสื้อราคาแพงตัวนี้แล้ว ผมกับเพื่อนอุตส่าห์เลือกคลับที่ดูมีคลาสและเน้นเรื่องความเป็นส่วนตัวแล้วนะ คิดไม่ถึงว่าจะต้องมาเจอพวกขี้เมาแบบนี้อีก


“ฝ้ายคิดถึงคุณ ฝ้ายไม่อยากเลิกกับคุณ”  แม่ขี้เมาโวยวายวนไปมา ไม่ว่าเพื่อนที่ตามมาด้วยจะเข้ามายื้อยุดให้ออกไปสักเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล  “มึงปล่อยกู! กูจะอยู่กับคุณปุริม ฮือๆ...ฝ้ายไม่อยากเลิกกับคุณ”


อย่างน้อยผมก็รู้แล้วล่ะว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ลูกค้าหรือผู้ร่วมงาน เพราะนอกจากลุงที่ผมตั้งใจกินแล้วนั้น ผมไม่นิยมกางมุ้งกับบริวารเท่าไหร่ จะเหลือตัวเลือกเดียวคือบรรดาคู่ขาคนก่อนๆ ซึ่งบอกตามตรงว่าผมจำหน้ายัยนี่ไม่ได้เลยจริงๆ


“คุณเมามากแล้วนะครับ รบกวนปล่อยผมด้วย”


“ไม่! ฝ้ายไม่ปล่อย”


“ไอ้ฝ้าย!! มึงเมาเป็นหมาแล้วนะ!”  เสียงเพื่อนสาวที่หน้าตาสวยไม่แพ้กันเริ่มแข็งกร้าวขึ้น พลอยให้คนเมาชะงักหันไปมอง ...แต่ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม


“คุณปุริมเป็นแฟนกูนะ” 


ผมพยายามสะกดกลั้นอารมณ์รำคาญที่ปะทุขึ้นมาเรื่อยๆ แค่เสื้อราคาแพงที่ทั้งยับทั้งเปื้อนก็พอทนแล้ว ยังจะต้องมายืนฟังแม่สองสาวนี่เถียงกันอีก


“ปล่อยผม”  ผมดันไหล่ของสาวขี้เมาแรงขึ้น แต่ในเมื่ออีกฝ่ายยังยื้อยุดพูดไม่รู้เรื่องผมจึงส่งแรงออกไปมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว และมันส่งผลให้อีกฝ่ายเซล้มลงไปกับพื้น


“นี่!! มันจะเกินไปหน่อยมั้ย!”  แม่เพื่อนคนสวยตวาดขึ้นด้วยความตกใจ ร่างเพรียวสมส่วนปรี่เข้าไปประคองคนเมาที่เหมือนจะกำลังตกใจให้ยืนขึ้น


ผมไม่ใส่ใจอีกฝ่ายเพราะกำลังง่วนอยู่กับการหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเสื้อที่เปื้อนน้ำตา ผมแทบอยากจะถอดเสื้อเขวี้ยงทิ้งเมื่อพบว่ามันปะปนเมือกเหนียวของน้ำมูกอยู่ด้วย ผมสาบานเลยว่าจะทิ้งไอ้เสื้อตัวนี้ลงขยะแน่นอน! แล้วเมื่อผมตวัดสายตาขึ้นมองสองสาวที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมความโมโหมันก็ยิ่งผุดขึ้น 


“คุณพาเพื่อนคุณกลับไปดีกว่า เดี๋ยวจะไปร่ำร้องว่าใครต่อใครเป็นแฟนอีก”


“...คุณชื่อปุริมรึเปล่า?”  เพื่อนสาวถามเสียงเข้ม จับจ้องผมราวกับจ้องมองศัตรูอยู่


“ใช่”


“งั้นคุณก็เคยเป็นแฟนเพื่อนฉัน”


“หึหึ ผมจะนับผู้หญิงที่จำหน้าไม่ได้ว่าเป็นแฟนได้ยังไง”  ผมพูดเยาะ ปรายสายตามองคนเมาที่น้ำตาคลอหน่วยดูน่าสงสาร  “ผมมีแฟนคนเดียวซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ผู้หญิงคนนี้”


“คุณมันเลวจริงๆ”  เพื่อนคนเมาบริภาษเสียงเข้ม แต่ผมไม่ได้เก็บเอามาติดเป็นอารมณ์เท่าไหร่ เพราะคนส่วนมากก็มักจะชื่นชมผมแบบนี้อยู่แล้ว  “คุณนอนกับเพื่อนฉันแล้วมาบอกว่าจำหน้าไม่ได้เนี่ยนะ ฝ้ายร้องไห้แทบตายตอนคุณส่งข้อความมาบอกเลิก”


“อ๋อ...งั้นเดาว่าเพื่อนคุณคงเป็นคู่ขาของผมมาก่อน”


“ไม่นะ! ฝ้ายไม่ได้เป็นแบบนั้น”  คนเมาแย้งเสียงเครือ ส่ายหน้าไปมาจนผมเผ้ายุ่งเหยิง


“ผมไม่เคยนอนกับใครฟรีๆ นะคุณ”  ผมไม่สนใจคนแก้ต่าง สองตาหันไปจ้องตอบแววตามาดร้ายของเพื่อนคนเมาที่ยืนกำหมัดแน่น ไม่ต้องเดาเลยว่าถ้าผู้หญิงคนนี้มีความกล้ากว่านี้อีกสักนิด ผมคงถูกคุณเธอเขวี้ยงหวัดเข้าให้แล้ว  “ลองถามเพื่อคุณดูรึยังว่าได้อะไรจากผมไปบ้าง เพราะผมจ่ายให้คู่ขาทุกคนมากกว่าที่ผมได้รับเสียอีก”


“แต่ฝ้ายรักคุณนะคะ” 


ผมเหยียดยิ้มให้กับคำพูดเดิมๆ ที่มักได้ยินจากคู่นอน ทั้งที่เต็มใจรับข้าวของเงินทองแล้วจะมาหวังอะไรเกินจำเป็นอีก ก็แค่พวกคนที่แลกร่างกายให้กับความฟุ้งเฟ้อ ผมไม่จดจำหน้าคนแบบนี้ให้เสียสมองหรอก


“คุณปุริม...”  แม่ขี้เมาผละจากเพื่อนอีกครั้งเพื่อหวังจะเข้าหาผมอีก แต่คราวนี้ร่างบอบบางกลับถูกเพื่อนตัวเองคว้าจับไว้ด้วยแรงทั้งหมดที่มี  “ปล่อยนะจีน...”


“มึงเลิกบ้าเหอะฝ้าย! มึงไม่ได้ยินที่ไอ้หมอนี่พูดเหรอ”


“.........”


“มันพูดเหมือนมึงเป็นผู้หญิงขายบริการเลยนะ มึงเป็นอย่างที่มันพูดเหรอห๊ะ!”


“เปล่านะ...ฝ้ายเปล่า”  คนเมาส่ายหน้ารัวเร็ว ก่อนจะคว้าเอวเพื่อนมากอดเพื่อเป็นแหล่งพักพิง ผมนิ่งมองมิตรภาพระหว่างเพื่อนด้วยความรำคาญถึงขีดสุด


“ผมขอตัวล่ะนะ”  ไม่ต้องรอคำอนุญาตผมก็หมุนตัวออกเดินจากไปทันที


“ขอให้เป็นเอดส์ตายเถอะ เลวเอ๊ย!”  แม่สาวปากจัดอวยพรผมเป็นการส่งท้ายซึ่งผมน้อมรับด้วยการโบกมือไหวๆ ให้ผ่านเบื้องหลัง


คืนนี้มันช่างบันเทิงเสียจริง



.

.

.



 “เอาโจ๊กสองชามใส่ทุกอย่างนะครับ”  เสียงทุ้มสั่งความกับแม่ค้าร่างท้วมเสียงดังฟังชัด ในขณะที่สายตาก็ซอกแซกไปตามแผงร้านข้างๆ คล้ายอดใจไม่อยู่ ผมเองก็มองกิริยาท่าทางนั้นด้วยรอยยิ้มที่อดไว้ไม่ได้เช่นกัน ลุงดูจะมีความสุขทุกครั้งเมื่อมีเรื่องของกินเข้ามาเกี่ยว


“ใส่ไข่มั้ยหนุ่ม”


“พี่ปูนใส่มั้ย?”  ลุงหันมาถามผม แต่แล้วกลับยื่นหน้าเข้ามากระซิบกระซาบสั่งความต่อ  “แต่ผมอยากกินไข่กระทะด้วยอ่ะ”


“งั้นไม่ต้องใส่ไข่หรอก แล้วสั่งไข่กระทะเผื่อพี่ด้วย”  เมื่อได้คำตอบ ลุงก็บอกปัดแม่ค้าโจ๊กไปก่อนจะเดินลอยตามกลิ่นไปยังร้านข้างๆ เพื่อสั่งไข่กระทะเพิ่มเติม


ผมหาทำเลที่นั่งเพื่อรอลุงเดินกลับมาสมทบ สองตาก็อดไม่ได้ที่จะกวาดมองตลาดสดในยามเช้าตรู่แบบที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน จริงอยู่ที่ผมเป็นคนตื่นเช้าแต่ก็ไม่ได้มาเดินตลาดหาอาหารกินแบบนี้ ยิ่งเป็นตลาดสดที่ไม่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของผมยิ่งแล้วใหญ่


ความวุ่นวายเกิดขึ้นทั่วไปหมด เสียงตะโกนคุยกัน เสียงจอแจที่จับใจความไม่ได้ดังทั่วไปหมด แล้วยังจะกลิ่นคาวเหม็นเขียวของผักและเนื้อสัตว์อีก นี่ถ้าลุงไม่อยากมากินโดยโน้มน้าวว่ามันอร่อยแค่ไหนล่ะก็ ผมคงไม่ขับรถเฉียดเข้ามาใกล้หรอก แต่ไหนๆ ก็มาแล้ว... ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปบรรยากาศที่มีลุงยืนมุงรวมกับคนหมู่มากแล้วส่งไปให้กรดู ไม่นานนักข้อความจากเพื่อนสนิทก็เด้งขึ้นมา


[ไปทำอะไรที่แบบนั้น]


[มากินโจ๊กกับไข่กระทะ]  คำตอบจากผมเด้งขึ้นไปต่อแถวบนหน้าจอทันที


[ลุงพาไปเหรอวะ]


[กูไม่เคยมาตลาดสดเลย]  ผมมองรอบตัวอีกครั้งเพื่อพยายามนึกหาคำที่สามารถอธิบายบรรยากาศในตอนนี้ไว้ได้


[วุ่นวายดีว่ะ]


แล้วกรมันก็ส่งสติ๊กเกอร์หัวเราะมาให้ผมในทันที พันกรรู้ดีพอๆ กับตัวผมนั่นแหละว่าตลาดสดนั้นห่างไกลกับวิถีชีวิตของผมแค่ไหน


[มึงเอาอะไรมั้ย?]


[ของกูไม่อ่ะ แต่ซื้อน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋มาให้หน่อยสิ ถ้ามีนะ]


ผมขมวดคิ้วกับการฝากซื้อที่แปลกพิกล เป็นจังหวะเดียวกับที่ลุงเดินยิ้มหน้าบานมาลงนั่งฝั่งตรงข้าม ผมคลี่ยิ้มให้คนรักก่อนจะเริ่มพิมพ์ตอบโต้กับกรต่อ


[มึงไม่กินน้ำเต้าหู้นี่]


ผมรอคำตอบจากอีกฝ่าย แต่ร่วมนาทีก็ยังมีเพียงข้อความของผมเป็นอันสุดท้ายบนหน้าจอ


“ได้แล้วจ้า” 


ผมวางมือถือลงกับโต๊ะทันทีที่ชามโจ๊กกรุ่นควันร้อนถูกวางลงตรงหน้า ผมมองชิ้นเนื้ออวบแน่นหลายอย่างบนข้าวเละๆ สีขาวในชามแล้วให้เกิดความอยากกินขึ้นมา ผักโรยและขิงดูสดมากเสียจนได้กลิ่นหอมๆ ลอยขึ้นมา ผมหยิบช้อนพลางเหลือบสายตาดูลุง รายนั้นหยิบช้อนจ้วงเข้าปากแบบไม่กลัวร้อนไปแล้ว


“ไข่กระทะค่ะ”  อาหารอีกอย่างตามมาติดๆ กัน กระทะสีเงินขนาดกะทัดรัดสองใบถูกวางลงตรงกลาง ควันหอมลอยฟุ้งยั่วน้ำลาย สีสันและความหลากหลายของเครื่องในกระทะช่วยกระตุ้นความหิวของผมได้เป็นอย่างดี


ผมหยิบซอสเทลงไปเล็กน้อยก่อนจะลงมือกินไข่เป็นอย่างแรก ความเข้มข้นลอยอวลในปากและมันอร่อยเสียจนผมเผลอเคี้ยวไม่กี่คำก็กลืนลงคอ


“อร่อยใช่ป่ะล่ะ”  ลุงอมยิ้ม ยกคิ้วหลิ่งตาเหมือนจะสื่อว่า ‘ผมบอกพี่แล้ว...’


“สมราคาคุย”  ผมยอมรับอย่างไร้ข้อกังขา แล้วเปลี่ยนมาตักโจ๊กเข้าปากบ้าง และมันไม่มีการโต้แย้งใดๆ เลยกับการที่ลุงโม้เสียหนักหนาบนรถว่าร้านนี้อร่อยแค่ไหน  “ลุงมากินบ่อยเหรอ?”


“ก็บ่อยนะ แต่ส่วนมากซื้อกลับไปให้สองสาวที่บ้านซะมากกว่า ผมขี้เกียจตื่นขึ้นมาทำกับข้าวตอนเช้าน่ะ”  ลุงตอบพลางเคี้ยวข้าวจนแก้มตุ่ย กิริยามันไม่เหมาะอยู่หรอก แต่ผมเห็นว่ามันก็น่ารักหรอกนะถึงไม่ได้ติติงอะไร


“แล้วเมื่อไหร่พี่จะได้กินข้าวฝีมือลุงสักทีล่ะ”


“เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละน่า” 


ผมหาได้ใส่ใจกับท่าทีไม่แยแสของคนขี้อายไม่แต่ก็ไม่คิดจะซักไซ้ต่อเช่นกัน เราสองคนจึงเริ่มหมกมุ่นกับการกินจนอิ่มหนำชนิดที่แทบจะไม่ได้คุยอะไรกันอีก เมื่อโจ๊กหมดชาม ไข่หมดกระทะ ผมก็แอบลูบหน้าท้องตัวเองเบาๆ นี่คือการกินมื้อเช้าที่สมบูรณ์แบบที่สุดในรอบหลายสิบปีนี้ ปกติแล้วอย่างดีที่สุดของผมมีแค่แซนวิชกับกาแฟเท่านั้น นอกเหนือไปจากนั้นคือการฝากท้องรวมไปกับมื้อเที่ยงทีเดียว


“แถวนี้มีร้านปาท่องโก๋มั้ย?”  ผมยังคงไม่ลืมหน้าที่ของเพื่อนที่ดี


“มีพี่ เจ้านี้ก็เด็ดสุด ปาท่องโก๋เขานะกรอบกรุบๆ แต่ไม่อมน้ำมันด้วยล่ะ” 


เห็นสีหน้าลุงแล้วผมก็เดาได้เลยว่าร้านปาท่องโก๋นั้นคงมีลุงเป็นลูกค้าเพิ่มอีกหนึ่งคนในวันนี้แน่ๆ


.

.

.


กว่าจะพากันมาถึงบริษัทก็เล่นเอาเลยเวลาเข้างานไปแล้ว ถึงจะไม่มีกฎข้อไหนที่เกี่ยวกับเวลาปฏิบัติงานก็เถอะ แต่ดูว่ากราฟิกดีไซน์ที่นี่จะชอบมาทำงานที่ออฟฟิศมากกว่าทำที่บ้าน แถมยังพากันเข้า-ออกงานตามเวลาทั่วไปเป็นธรรมเนียมแล้วซะอีก เพราะงั้นพ่อไก่ตัวนุ่มของผมจึงวิ่งปรู๊ดออกมาจากรถทันทีชนิดที่ไม่หันมาเหลียวแลกันอีกเลย


ผมหิ้วถุงปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้ผ่านพนักงานที่แสนจะตั้งใจทำงาน ผมหมายถึงพี่เปี๊ยกน่ะนะ ยิ่งมองไปแล้วเห็นสายตาอย่างกับรู้ไปเสียทุกเรื่องของโป้ยแล้วให้เท้ากระตุกยิกๆ จนผมต้องรีบเปิดประตูห้องทำงานของกรเข้าไปเพื่อสงบอารมณ์


“เอร็ดอร่อยจนเข้างานสายเลยนะมึง”  เสียงแซวดังขึ้นทันทีที่ผมก้าวเท้าไปยืนเบื้องหน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ พอกันทั้งพี่ทั้งน้อง! เห็นไอ้ตัวน้องก็อยากจะกระโดดเตะ เห็นไอ้คนพี่ก็อยากจะวางมือบนกะโหลกสักทีแรงๆ


“หุบปากแล้วแดกซะ”  ผมวางถุงของฝากลงบนโต๊ะ


“ขอบใจ”


“ทีนี้ก็บอกกูมาซิว่ามึงซื้อมาฝากใคร”  ผมลงนั่งบนเก้าอี้ ขยับเนื้อตัวให้สบายพลางรอคำตอบ แต่ก็มีแค่ความเงียบกับสีหน้าอึดอัดใจเท่านั้นที่เพื่อนสนิทส่งมาให้ มันคิดว่าการเงียบจะทำให้ผมไม่ได้คำตอบอะไรเลยงั้นรึไงนะ  “ตื๊ดๆ หมดเวลา! กูขอเดาเองแล้วกันนะ...คงซื้อมาฝากพ่อยอดขมองอิ่มของมึงสินะ”


ผมยกยิ้มให้กับทีท่าอึดอัดที่ปะปนความเขินอายของพ่อดาราด้วยความขบขัน  “แต่เสียใจด้วยนะเพื่อน เพราะแฟนกูเขาซื้อมาฝากโป้ยเรียบร้อยแล้ว คนเป็นเพื่อนสนิทก็ย่อมรู้ใจกันล่ะนะ”


“...สาบานเลยว่ามึงไม่หึงสักนิด” 


“..........”


“เห๊อะ! คนขี้หวงอย่างมึงยังจะกล้ามาแขวะกูอีกนะ”


ตอนนี้ผมอยากจะฟาดมือลงบนหัวเพื่อนจริงๆ แล้วล่ะ


ใช่สิ!! คิดว่าผมต้องอดใจที่จะไม่โยนถุงน้ำเต้าหู้ในมือของลุงทิ้งออกนอกรถแค่ไหน ยิ่งฟังปากอิ่มๆ นั่นจ้อว่าเพื่อนตัวเองชอบกินน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ขนาดไหน ผมล่ะอยากยัดน้ำร้อนๆ ในถุงนั่นเข้าปากคนพูดให้พองไปเลย!


“รู้ดี!!”  ผมกระแทกเสียงใส่ และหวังว่าจะตามด้วยคำเหน็บแนมอีกสักหน่อยแต่นับว่าชะตาหูไอ้กรยังดีนักในเช้านี้


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


เราหันไปมองผู้มาใหม่ที่เปิดประตูเข้ามา เป็นพี่ริชที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเชิงเป็นงานเป็นการ ริมฝีปากฉาบรอยยิ้มหันไปมองหน้าพ่อดาราขวัญใจก่อนสักเล็กน้อยจึงได้เป็นคิวของผมที่ถูกพิศวาสน้อยลงมา


“มีลูกค้ามาพบคุณปูนครับ ผมให้ไปรอที่ห้องแล้วนะครับ”


“ลูกค้าจากที่ไหนน่ะ”  พันกรซักถามด้วยความสงสัย มีไม่บ่อยนักหรอกที่ลูกค้าจะเข้ามาคุยงานเองที่บริษัท


“คุณแก้วกานดา จากพิบูลย์พัฒน์กรุ๊ปครับ”


สีหน้าของพี่ริชกับกรมีแววตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด ส่วนผมนั้น...ไม่ได้ยินเสียงใดเลยนอกจากคลื่นความโกรธที่เดือดปุดๆ อยู่ในหัว

 
.

.

.




-----------------------------------------------------------------{มีต่อค่ะ}
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 05-07-2018 19:05:09
.

.

.


ผมเปิดประตูห้องทำงานส่วนตัวเข้าไปด้วยท่าทีสงบ อากาศเย็นเข้าปะทะร่างวูบแต่ไม่อาจลดความเดือดพล่านจากเลือดในกายได้ สองตาผมจับภาพผู้หญิงที่นั่งด้วยท่วงท่าสง่าบนอาร์มแชร์ติดกำแพงอีกด้านของโต๊ะทำงาน แผ่นหลังหยัดตรง สีหน้าเรียบนิ่งไม่บ่งบอกอารมณ์ใด ถัดมาเป็นผู้ชายที่ครอบครองเก้าอี้ตัวสุดท้ายของชุดรับแขกเอาไว้ ใบหน้าที่ถูกประดับด้วยกรอบแว่นนั้น แค่เห็นผมก็คันไม้คันมือจะแย่


เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานถูกผมลากหันออกมาเพื่อเผชิญกับแขกที่ไม่ควรเสนอหน้ามาอยู่ตรงนี้ ผมทิ้งตัวนั่งลงด้วยความเดือดดาลที่ใกล้จะทะลักออกมาจากกรอบหน้ากากเต็มที


“สวัสดีครับคุณปุริม”  คุณเลขาวิชัยทักทายด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ดังเช่นทุกครั้งที่เจอ ซึ่งผมก็ทำแค่ปรายสายตามองเหมือนเช่นทุกครั้ง เพราะตอนนี้ความสนใจของผมมันตกไปอยู่ที่คุณผู้หญิงของบ้านพิบูลย์พัฒน์ที่ไม่คิดว่าชาตินี้จะต้องมาเจอกันอีก


แม้จะมีอายุพอสมควรแล้ว แต่ความสวยก็ยังเด่นชัดอยู่บนใบหน้าที่ถูกตกแต่งสีสันอย่างดี เสื้อผ้าหน้าผมล้วนถูกคัดสันอย่างดีให้เหมาะกับตำแหน่งคุณนายพันล้าน ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากคนที่อยู่ในความทรงจำสักเท่าไหร่ ยังคงภาพลักษณ์ของแม่เสือในคราบของละมั่งที่พร้อมจะกระชากคอหอยของทุกคนที่กล้ายุ่มย่ามกับลูกชายตัวน้อย


“ลูกชายคุณไปไหนซะล่ะ ผมว่าเคยบอกผ่านไปแล้วนะว่าไม่ต้องการเห็นหน้าพวกคุณคนใดคนหนึ่งอีก”


“น้ามาเองโดยไม่ได้บอกนนท์ก่อน”  น้ำเสียงใสกระจ่างมีแววไม่มั่นใจเล็กน้อย แต่ก็ยังควบคุมท่าทีของตัวเองได้อย่างดี  “น้าอยากจะมาคุยกับปูนด้วยตัวเองสักครั้ง”


“..........”


“ปูนโตขึ้นมากเลยนะจ๊ะ เค้าโครงหล่อเหลาเหมือนคุณพ่อไม่มีผิด คุณคริตบ่นน้อยใจบ่อยๆ ที่ตานนท์เหมือนน้ามากกว่า เขาอยากให้ลูกชายได้ใบหน้าของเขาไปบ้าง ถ้าคุณคริตเห็นปูนตอนนี้คงปลื้มน่าดู”


“..........”


ผมคิดว่าเรื่องราวในอดีตทุกอย่างมันกลายเป็นสะเก็ดแผลไปแล้ว แต่ไม่ว่าจะถูกสะกิดแกะออกมาสักกี่ครั้งผมก็ยังเจ็บแสบเพราะมันอยู่ร่ำไป ผมหวังให้มันหายเจ็บ ยอมให้มันเปลี่ยนเป็นรอยแผลเป็นยังดีกว่าเสียกว่า


“ถ้าคุณคริตออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ พวกเราค่อยนัด --“


“คุณเพ้อเจ้อพอรึยัง”  ผมขัดขึ้นกลางประโยคที่ชักจะออกนอกความเป็นจริงไปไกล  “อย่าทำเหมือนพวกคุณกับผมจากกันด้วยดีทั้งที่รู้ว่ามันไม่ใช่ ไม่ต้องมาบอกเรื่องราวห่าเหวอะไรให้ผมฟังทั้งนั้น หึ! คุณไม่รู้สึกกระดากปากบ้างหรือที่พูดออกมาทั้งหมดน่ะ”


ผมเหยียดยิ้มเหี้ยมลึกให้กับสีหน้าละอายใจที่ฉาบใบหน้าสะสวย สองตาที่เคยมีความมั่นใจบัดนี้หลุบต่ำเอาแต่จ้องมือตัวเองบนตัก แต่ไม่นานนักที่ร่างนั้นเรียกความเข้มแข็งกลับเข้าตัวอีกครั้ง และเมื่อหันไปพยักหน้าให้กับเลขาที่นั่งข้างๆ ก็เปลี่ยนมาจับจ้องผมราวกับตัวเองเป็นคู่สนทนา


“คุณแก้วต้องการให้คุณเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของคุณชานนท์ครับ”  เป็นเลขาวิชัยที่เข้าเรื่องที่ต้องการ  “จะขอเรียนตามตรงว่าตอนนี้สถานะของคุณชานนท์อยู่ในจุดที่ไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไหร่ การจะขึ้นเป็น CEO แทนคุณชาคริตนั้นสามารถทำได้โดยส่งผ่านหุ้นในมือ แต่เกรงว่าจะไม่อาจรักษาความศรัทธาจากผู้ถือหุ้นเอาไว้ได้ คุณคงทราบว่าคุณชานนท์นั้นยังใหม่กับการบริหาร ถึงแม้จะมีวิสัยทัศน์ที่ดีแต่ถ้าไม่สามารถรอดพ้นบรรดาเสือแก่ทั้งหลายไปได้ก็ไม่ต่างอะไรจากแกะที่จะโดนขย้ำ”


“หึหึ ไข่ในหินมันก็จะต้องมีชีวิตประมาณนี้นั่นแหละ”  ผมอดที่จะหันกลับไปเสียดสีคนเป็นแม่ไม่ได้  “ต้องทำใจหน่อยล่ะครับคุณผู้หญิง ลูกคุณคงจะถูกกัดเหวอะหวะไปบ้าง ทำใจเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยนะครับ”


“เราไม่ได้เลี้ยงนนท์เหมือนไข่ในหิน!”


“หืม? เหรอครับ...”  ผมยิ้มเยาะให้กับท่าทางดุจแม่นกกางปีกปกป้องลูกชายคนเดียว  “แล้วคุณเลี้ยงมาแบบไหนกันถึงได้อ่อนปวกเปียกถึงขนาดตำแหน่งที่ควรจะเป็นของตัวยังกลัวจะรักษาไว้ไม่ได้ โลกของนักธุรกิจที่พูดกันด้วยเงินน่ะมันน่ากลัวนะครับคุณนาย เพราะถ้าอีกฝ่ายให้ผลประโยชน์มากกว่าแค่นิดเดียวก็สามารถหักหลังกันได้ง่ายๆ เลยนะ”


“เพราะฉะนั้นเราถึงต้องการคุณยังไงล่ะครับ”    ผมหันไปมองเลขาหน้าแว่นอีกครั้ง สีหน้าคล้ายกับว่าอยากจะให้ผมเลิกกัดเจ้านายตัวเองเต็มที  “คุณเป็นที่ปรึกษาอิสระที่นับว่ามีชื่อเสียงไม่น้อย ผมตรวจสอบมาแล้วว่าลูกค้าส่วนใหญ่ที่ดำเนินการตามแผนที่คุณวางเอาไว้ล้วนเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งสิ้น อีกทั้งคุณยังได้เป็นวิทยากรรับเชิญให้กับมหาวิทยาลัยบ่อยๆ ด้วยมันสมองและอายุที่ยังน้อยของคุณ ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณถึงเนื้อหอมนัก”


“ฉันควรจะต้องทำหน้าเขินอายด้วยมั้ย?”  ผมว่าประชด


“ผมคิดว่าตัวเองคงไม่อยากเห็นเท่าไหร่”  ผมเกลียดไอ้เจ้าเลขาคนนี้จริงๆ


บรรยากาศเงียบกริบราวกับว่าจะให้เวลาผมในการคิดตัดสินใจ ส่วนตัวแล้วผมไม่คิดว่าตัวเองเป็นที่ปรึกษาที่เก่งกาจอะไร แต่ผมก็ไม่เคยล้มเหลวในงานที่ตัวเองทำ แต่ว่างานแบบนี้มันทั้งเหนื่อยและน่าปวดหัวผมถึงได้เว้นจากมันมาสักพักหนึ่งแล้ว ที่น่าสนใจคือผมยังไม่เคยร่วมงานกับบริษัทที่ใหญ่ขนาดนี้มาก่อน มันน่าสนใจชนิดที่อยากจะตอบตกลงออกไป ถ้าไม่ติดที่ว่า... 


“เสียใจนะ ฉันไม่อยากจะร่วมงานใดๆ กับคนพวกนี้”  ผมลุกขึ้นยืน ผายมือไปทางประตูเพื่อบอกให้แขกทั้งสองได้รู้ว่าหมดเวลาพูดคุยกันแล้ว


“ผมเข้าใจครับว่าคุณต้องการเวลาตัดสินใจที่มากกว่านี้ อีกสองสัปดาห์ผมจะมาพบคุณใหม่”  เดาว่าไม่มีกิริยาหยาบคายใดที่จะกระทบกระเทือนผู้ชายคนนี้ได้เลยสินะ ผมถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด ก่อนจะถลึงตาไล่อีกฝ่ายเงียบๆ อีกครั้ง


“คุณออกไปรอฉันข้างนอกก่อนนะ”  เมื่อได้รับคำสั่งจากเจ้านาย ไอ้เจ้าแว่นจึงเดินออกไปอย่างว่าง่ายปล่อยให้ทั้งห้องเกิดบรรยากาศอึมครึมระหว่างผมกับผู้หญิงคนนี้ทันที


“ต้องการอะไรมิทราบ”  ผมเป็นฝ่ายเปิดการสนทนาก่อนเพื่อที่จะได้จบเรื่องจบราวกันไปเสียที หากเป็นอีกฝ่ายที่ยังคงอึกอักอยู่ชั่วครู่กว่าที่จะเริ่มมีความกล้าสบตากับผมอีกครั้ง


“ฉันอยากขอโทษ”  ผมแค่นหัวเราะในทันที แต่อีกฝ่ายยังคงพูดต่อแม้ว่าความมั่นใจจะน้อยลงไปเต็มที  “ไม่ใช่เพราะว่าฉันต้องการความช่วยเหลือจากเธอ แต่เป็นเพราะฉันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ พ่อของเธอ...คุณคริตรู้ดีว่าที่ทำกับเธอนั้นมันไม่ยุติธรรมเอาซะเลย ฉันไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าที่เขาเริ่มคิดได้เป็นเพราะโรคภัยของตัวเอง อาการคุณพ่อเธอเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ แล้วเขาก็เอาแต่คิดเรื่องที่ทำไม่ดีกับเธอไว้”


ผมรับฟังด้วยท่าทีเรียบเฉย ผิดกับความรู้สึกภายในที่เข้าใกล้การระเบิดเต็มที ตอนนี้ผมอยากจะจับผู้หญิงคนนี้โยนออกไปให้พ้นจากพื้นที่ของผม สาปส่งให้เธอไปอยู่ในที่ๆ เธอควรอยู่ ไม่ใช่มาพูดพล่ามรำลึกความหลังบัดซบตรงนี้!


“ฉันเข้าใจถ้าเธอจะไม่รับปากเรื่องงาน แต่ฉันอยากจะขอสักครั้ง...เธอช่วยไปพบคุณคริตได้มั้ย? เขาอยากจะคุยกับเธอก่อนที่อะไรมันจะสายไป คุณพ่อเธอเขา--“


“ทุกอย่างเกินกว่าที่จะเรียกว่าสายไปแล้วล่ะ!”  เป็นอีกครั้งที่ผมขัดการบรรยายความของเธอ สองเท้าผมก้าวเข้าไปใกล้ผู้หญิงตรงหน้ามากขึ้น ความกรุ่นโกรธทะลักทลายออกมาทางสีหน้าจนคนตรงหน้าผงะ


“แต่ว่า...”


“เลิกเล่นละครเป็นคนดีสักทีเถอะ ทั้งคุณแล้วก็ผัวของคุณนั่นแหละ”  เสียงตะคอกจากผมดังกลบทุกอย่าง คุณผู้หญิงคนสวยหน้าตาตื่นถอยหลังห่างไปอย่างระวัง  “ตลอดเวลาที่ผ่านมาคืออะไร ถ้าวันนี้พวกคุณไม่เห็นว่าผมพอจะมีประโยชน์บ้าง คุณจะเดินเข้ามาหาแล้วพูดจาดีกับผมอย่างนี้เหรอ ไปหลอกควายสักตัวเถอะ!!”


ผมเริ่มรับรู้ว่าเสียงตัวเองนั้นดังลอดออกไปนอกห้องแล้ว จากหางตาผมสังเกตเห็นว่าไอ้แว่นพร้อมที่จะเปิดประตูเข้ามาดึงตัวเจ้านายมันไปทุกเมื่อ และไหนจะพนักงานที่เริ่มให้ความสนใจกันมากขึ้นอีก แต่ผมห้ามตัวเองไม่ได้...


“จากนี้ไม่ต้องเสนอหน้ามาให้ผมเห็นอีก แต่ครั้งต่อไปที่เราจะได้เจอกันคือคืนงานศพของผัวคุณ ผมจะเตรียมดอกไม้ช่อใหญ่ไปแสดงความยินดี”



เพียะ!!



สิ้นคำพูดของผมคือเสียงกระทบจากฝ่ามือ ซีกหน้าเจ็บร้าวจนผมต้องขบกรามแน่น ผมหันหน้าที่ถูกแรงปะทะส่งไปให้กลับมามองเจ้าของรอยมือ สีหน้าของเธอดูจะตกใจไม่น้อยที่กระทำการอุกอาจแบบนี้ แต่แววตาแดงก่ำนั้นกลับบ่งบอกได้ว่าเธอก็ถึงที่สุดแห่งความอดทนแล้วเช่นกัน


“เขาเป็นพ่อของเธอนะ...”  แม้ปลายเสียงจะสั่น แต่เธอก็ยังส่งเสียงดังเข้าสู้  “เธอ...เธอไม่ควรจะแช่งชักพ่อของตัวเองแบบนี้”


“แล้วยังไง...”  หัวใจผมเต้นรัว เลือดสูบฉีดแล่นพล่านไปทั่วร่าง สองตาผมจับจ้องผู้หญิงตรงหน้าเขม็ง สองเท้าย่างสามขุมเข้าไปใกล้อย่างคุกคาม ยิ่งเห็นแววหวาดกลัวในสีหน้าของอีกฝ่ายผมก็อยากจะตอบแทนคืนให้หนักกว่าซีกแก้มที่กำลังเจ็บปวดอยู่ตอนนี้


“ตอบมาสิ...ฉันถามว่าแล้วยังไง!!


สิ้นเสียงตะโกนจากผม ไอ้เจ้าเลขาก็เปิดประตูปราดเข้ามาดึงเจ้านายมันให้ออกไปจากรัศมีอันตราย เช่นเดียวกับที่กรปรี่เข้ามาทึ้งแขนผมให้ถอยหลังออกไป แต่ผมก็ยังขืนตัวเพื่อก้าวเข้าหาผู้หญิงคนนั้นเหมือนมันเป็นเหยื่อที่ต้องจัดการ 


“ตอบมาสิโว้ย!! ฉันอยากจะให้มันตายวันนี้พรุ่งนี้เลยด้วยซ้ำแล้วมันจะทำไม”


“คุณปุริมครับ...ใจเย็นลงเถอะครับ”  ไอ้เลขาก้าวเข้ามายืนเบื้องหน้าปกป้องเจ้านายแบบไม่กลัว แต่จากนัยน์ตาระริกไหวที่จ้องตอบกลับมาก็พอให้ผมรู้ได้ว่าอย่างน้อยมันก็ยังพอมีความกลัวอยู่ในอารมณ์เหมือนกัน แต่ในเมื่อมันกล้าปกป้องนังผู้หญิงคนนั้น มันก็ต้องเตรียมใจที่จะโดนลูกหลงด้วยเหมือนกัน


ผมเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นผู้ชายตรงหน้า แต่กรก็ไม่ยอมให้ผมทำแบบนั้นง่ายๆ มันพยายามดึงทึ้งตัวผมเอาไว้สุดแรง  “ไอ้ปูนใจเย็นสิวะ”


ผมสะบัดตัวหนีมือเพื่ออย่างแรงจนอีกฝ่ายต้านไว้ไม่อยู่ ผมหลุดออกจากการควบคุม แต่ในขณะที่เสี้ยวลึกดำมืดในตัวนั้นกำลังดีใจที่จะได้ระบายโทสะ บางสิ่งบางอย่างกลับยื้อยุดผมเอาไว้อีกครั้ง


พี่ปูน...


ผมมองใบหน้าเจ้าของเสียง ผมไม่รู้ว่าลุงรอดสายตาผมเข้ามาประชิดตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตอนนี้ลุงคืนคนเดียวที่รั้งแขนผมไปกอดจนแน่น เกาะเกี่ยวฝ่ามือผมไว้ด้วยฝ่ามืออุ่นๆ กอบกุมแน่นเสียจนความร้อนนั้นถ่ายทอดถึงกัน ดวงตากลมนั้นไหวระริกด้วยความหวาดหวั่นหากไร้ซึ่งความกลัว ลุงส่ายหน้าไปมาคล้ายจะบอกให้ผมหยุดการกระทำทั้งหมด ฝ่ามือที่กุมกันแน่นขึ้นก็คล้ายกับจะปลอบประโลมผมให้สงบจิตใจ


“...พวกคุณไปซะ”  ผมกุมมือลุงแน่นขึ้น ผมรู้ว่าลุงคงเจ็บเป็นแน่ แต่มันเหมือนกับว่าผมจะสามารถไล่ความโกรธออกไปได้ 


“ขอโทษทุกท่านในความไม่สงบนะครับ”  ไอ้เลขาโค้งหัวเล็กน้อยให้กับทุกคนที่ยืนมุงอยู่ด้วยความระทึก จากนั้นจึงมองมาที่ผมคล้ายจะพูดบางอย่าง แต่สุดท้ายมันก็เลือกที่จะก้มหัวให้เงียบๆ แล้วพยุงเจ้านายมันออกไป


ทุกอย่างคืนสู่สภาวะปกติ จะมีก็เพียงความเงียบเท่านั้นที่ทุกคนแสดงออกมา ผมหมุนตัวหันหลังเพื่อหลีกหนีทุกสายตาอยากรู้ และกรคงพอเดาท่าทางของผมออก


“เอาล่ะหมดเรื่องแล้ว กลับไปทำงานใครงานมันได้”  กรส่งเสียงดังพร้อมกับปรบมือกระตุ้นทุกคน เสียงฝีเท้าเริ่มแตกกระจายกันไกลออกไปจนกระทั่งรอบตัวเหลือเพียงความเงียบที่แท้จริง เมื่อผมหันกลับไปอีกครั้งก็พบว่ากรกำลังดึงมู่ลี่ปิดหน้าต่างทั้งหมดเพื่อกันสายตาคนอื่น


“มึงอยากเล่ามั้ย?”  กรเอ่ยถามขึ้นหลังจากสบตาผมนิ่งๆ ไม่มีความอยากรู้อยากเห็น ไม่มีการกล่าวโทษหรือว่าคาดคั้นใดในน้ำเสียง แต่เหมือนทุกครั้งที่เกิดปัญหากับผม กรรู้ว่าผมเปิดใจได้แค่ไหน และมันก็รู้จักรอให้ผมเป็นฝ่ายพูดออกมาอย่างเต็มใจ


“ไว้ก่อนนะ”  ผมพยายามแค่นรอยยิ้มตอบ


“กูจะรอฟัง”  กรพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนเบนสายตามองคนข้างตัวผม  “ลุงอยู่กับปูนมันก่อนนะ พี่จะล็อกประตูให้จะได้ไม่มีใครมารบกวน”


กรจากไปอย่างรวดเร็วเหลือเพียงผมกับลุงที่ยังยืนชิดกันอยู่กลางห้อง เมื่อความโมโหแบบหน้ามืดตามัวมันบรรเทาเบาบางลง เหตุผลและสามัญสำนึกมันก็เริ่มจะกลับเข้าสู่สมอง ผมไม่ควรที่จะปล่อยให้ความมืดในใจเป็นฝ่ายชนะเลย ผมไม่ควรทำให้ลุงรู้สึกว่าผมไร้ความสามารถในการควบคุมตนเอง เพราะคนแบบนั้นทั้งไม่น่าอยู่ใกล้และไม่น่าพึ่งพิง...ผมไม่ต้องการให้ลุงถอยห่างออกไป


“ผมว่าพี่ควรนั่งลงสักหน่อยนะ”  ลุงพูดขึ้นมาในที่สุด ฝ่ามืออุ่นจับจูงผมไปนั่งลงที่อาร์มแชร์แล้วถือวิสาสะนั่งตักผมทันทีโดยไม่เกรงว่าผมจะหนักหรือไม่ แต่ก่อนที่จะได้ทักท้วงอะไร วงแขวนที่ผมรักหนักหนาพลันโอบรอบคอผมไว้ ซุกศีรษะซบลงซอกคอ กอดกระชับแลกความอุ่นระหว่างผิวกาย


“...ลุง”  ผมกอดตอบลุงทันทีที่ตั้งสติได้ ความหนาวเหน็บที่เผชิญพลันมลายหายไปด้วยกองไฟอบอุ่นตรงหน้า ผมเชื่อแล้วว่าลุงเป็นแสงสว่างของผมจริงๆ ทั้งอบอุ่นแล้วก็อ่อนโยน


ผมไม่รู้ว่าเรากอดกันเงียบๆ มานานเท่าไหร่ ไม่สนด้วยว่าสองขาเริ่มประท้วงกับน้ำหนักตัวที่ถูกทับลงมาเต็มที่ ผมแค่อยากถูกกอดไว้แบบนี้นานๆ มันช่างหอมหวานและอบอุ่นจนผมไม่อยากจะลืมตาขึ้นมาอีกเลย


“หนักรึยัง”


“...หนักแล้ว แต่พี่อยากอยู่แบบนี้ก่อน”  ลุงหัวเราะเล็กน้อยกับคำตอบ


“แต่เราอยู่ท่านี้กันมานานแล้วนะ”  ผมอมยิ้มเมื่ออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยดวงตากลมโตน่ารักใคร่  “และผมต้องขอบอกเลยว่า มื้อเที่ยงผมคงต้องนั่งทำงานอย่างขยันขันแข็งและออกไปกินข้าวกับพี่ไม่ได้”


“แย่จัง”


“แต่มื้อเย็นผมอยากกินก๋วยเตี๋ยวเรือล่ะ”


“ได้ตามที่ต้องการครับ”


ลุงฉีกยิ้มกว้างจนตาปิด เรื่องกินนั้นเรื่องใหญ่สำหรับเขาเลยจริงๆ และสีหน้านั้นก็น่ารักเกินกว่าจะห้ามใจไหว ผมยื่นหน้าหอมแก้มลุงฟอดใหญ่ แล้วตามด้วยจูบหวานๆ ที่ทำเอาลิ้นผมแทบละลาย


“...ลุง”


“หืม?”


ผมมองใบหน้าที่ไรซึ่งความกังวลใดๆ แม้ว่าจะดีใจที่ลุงไม่มีทีท่าขยาดกับการกระทำของผม แต่แบบนี้มันก็ปกติเกินไปจนผิดธรรมชาติ ความอยากรู้อยากเห็นมันเป็นธรรมดาของมนุษย์โลกอยู่แล้ว ถึงผมจะไม่มีทางตอบอะไรออกไปตอนนี้ก็ตาม แต่ลุงไม่คิดที่จะเอ่ยถามอะไรสักหน่อยหรือ?


“อยากถามอะไรพี่มั้ย?”  ท่าทางแสนจะปกติของลุงมันทำเอาผมสงสัยจนเงียบไว้ไม่ได้จริงๆ


“อยากดิ”  ลุงตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย  “แต่ถามไปแล้วพี่จะบอกเหรอ?”


ผมนิ่งคิด...ถ้าเป็นลุง ถ้าลุงต้องการที่จะรับรู้จริงๆ ล่ะก็ ถึงผมจะไม่อยากพูดถึง แต่...   “พี่จะเล่า ถ้าลุงต้องการ” 


ลุงถอนหายใจยาวเหยียด ส่ายหน้าน้อยๆ เป็นการปฏิเสธความอึดอัดที่ผมกำลังเผชิญ


“ผมน่ะอยากรู้เรื่องพี่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้...”  พ่อไก่ตัวอุ่นเอนหัวลงซบไหล่ผมตามเดิม  “พี่ดูเจ็บปวดเกินกว่าจะเล่าทุกอย่างออกมา และถ้าความอยากรู้ของผมมันจะทำให้พี่ทรมานล่ะก็...ผมไม่อยากรู้ก็ได้”


ด้วยความรักที่ผมมีให้ ลุงมีสิทธิที่จะคาดคั้นเอาคำตอบจากผมได้มากกว่าใคร แต่ผมซึ้งใจเหลือเกินที่ลุงเข้าใจผมมากพอที่จะไม่ทำให้ผมต้องสะกิดแผลออกด้วยตัวเองในตอนนี้


“แต่ผมจะรอนะ รู้ใช่มั้ย? เมื่อไหร่ก็ตามที่พี่พร้อม”


“อืม...”  ผมกอดลุงแน่น หัวใจมันทั้งจุก ทั้งอบอุ่นเสียจนไม่รู้จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดอย่างไร 


“อ้อ...อีกเรื่องที่อาจทำให้พี่เสียใจ”  ลุงผละใบหน้าออกมาจ้องผมตาแป๋ว  “วันนี้งดการมีเพศสัมพันธ์นะ”



เวร! เรื่องนี้ทำผมเสียใจจริงๆ



“ทำไมล่ะ? พี่ไม่ทำรุนแรงหรอก สัญญาเลย”


“จิ๊ๆ!! พี่นี่ไม่เข้าใจความลำบากของผมเลยนะ”  ลุงส่ายหน้าอย่างขัดเคือง ก่อนจะเริ่มพูดด้วยสีหน้าจริงจัง  “พี่เคยรู้บ้างรึเปล่าว่าการทำตรงนั้นบ่อยๆ อ่ะมันจะทำให้หลวม”




พระเจ้า...ผมเกือบกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่แหนะ




“แล้วพอผมแก่ตัวไปมันก็จะเป็นปัญหา พี่รู้เปล่าว่าโรคหูรูดเสื่อมน่ะมันจะทำให้ผมกลั้นอะไรต่อมิอะไรไว้ไม่ได้เลย ผมไม่อยากใส่แพมเพิร์สอ่ะ”


“นี่ลุงจริงจังหรือเอาฮาเนี่ย”


“หน้าผมเหมือนล้อเล่นเหรอ!”  ว่าแล้วพ่อยอดขมองอิ่มของผมก็ฟาดมือเพี๊ยะลงกับไหล่ซะเสียงดัง ผมเจ็บจนนิ่วหน้าแต่ก็ต้องรับฟังความจริงจังของเมียต่อ  “เขาบอกว่าให้เว้นช่วงบ้าง ห้ามให้ตรงนั้นทำบ่อยๆ แล้วเขาก็บอกให้ฝึกขมิบเรื่อยๆ หูรูดมันจะได้กระชับและพี่จะได้รักผมแบบมีความสุขเหมือนตอนได้กันครั้งแรกไง นี่ผมก็พยายามฝึกอยู่นะ มันไม่ชินเอาซะเลย!”




อา...ผมว่าผมรักเด็กคนนี้ชิบเป๋งเลยว่ะ!!



“แฮ่ม...แล้วเขาที่ว่าน่ะใคร”  ผมพยายามกลั้นรอยยิ้มของตัวเองเอาไว้ แม้ใจอยากจะฟัดกอดลุงมันซะตรงนี้


“ไม่รู้อ่ะ ลุงอ่านตามกระทู้”


จากคนที่ประกาศปาวๆ ว่าไม่อยากมาอยู่ตำแหน่งเมีย แต่มาตอนนี้กลับพยายามศึกษาในสิ่งที่ตัวเองเกลียด แม้แต่เรื่องเล็กน้อยที่มันไม่จำเป็นก็ยังเอาเก็บมาคิดเพื่อผม นี่ถ้าไม่รู้ว่าผัวตัวเองบ้ากามแล้วล่ะก็ทำไม่ได้แบบนี้หรอกนะ


“งั้นวันนี้เราไปกินก๋วยเตี๋ยวเรือ แล้วไปดูหนังกันต่อดีมั้ย?”


“ความคิดดีอ่ะปุริม”  ลุงยิ้มหวานสมใจ


“แล้วก็ไปเดินซื้อของกันนิดหน่อยก่อนกลับบ้าน”


“จัดไป”


“แต่วันมะรืนต้องยอมพี่นะ”  ลุงสีหน้าคิดหนักขึ้นมาทันที  “โอเค๊?”


“โอเคก็ได้”


แม้เสียงตอบจะฝืนใจไปนิด แต่ให้ถึงเวลานั้นก่อนเถอะ...ลุงจะได้พูดแต่คำว่า ‘เอาอีกๆ’




-------------------------------------------------TBC....


ตอนที่ 20 กำหนดคลอดสัปดาห์หน้านะก่าก๊ะ
 :pig4: :katai4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 05-07-2018 20:01:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 05-07-2018 20:06:45
ลุงไม่รู้จะสงสารหรือขำดี
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 05-07-2018 20:11:34
รู้สึกหน่วงตอนอ่านความหม่นมืดในอารมณ์ของปุริมที่ถูกกระตุ้จากอดีตที่ยังมีตัวตน แต่พออ่านเวลาที่ปุริมกับลุงอยู่ด้วยกันนี่บรรยากาศสดใสจนยิ้มได้ ดีใจกับปุริมที่มาเจอลุง :mew1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 05-07-2018 20:12:06
รู้สึกหน่วงตอนอ่านความหม่นมืดในอารมณ์ของปุริมที่ถูกกระตุ้จากอดีตที่ยังมีตัวตน แต่พออ่านเวลาที่ปุริมกับลุงอยู่ด้วยกันนี่บรรยากาศสดใสจนยิ้มได้ ดีใจกับปุริมที่มาเจอลุง :mew1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 05-07-2018 20:13:07
หลากหลายอารมณ์มากกับปุริมตอนนี้  :mew5: โชคดีที่มีน้องลุงอยู่ด้วย :กอด1:

 :pig4: :L1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 05-07-2018 20:15:58
เริ่มต้นดูหวานๆ แหววๆ พอมาตอนกลางก็เครียดแทนพี่ปูน
แต่ที่ไหนได้ น้องลุงของเราเอาพี่ปูนอยู่หมัด นี่น้าาาาา
พี่ปูนไม่หลงหัวปักหัวปำได้ไง
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 05-07-2018 20:21:17
โห ปฏิกิริยาตอบโต้ของพี่ปูนกับคนอื่น ๆ นี่น่ากลัวซะไม่มี
ทั้งโลกคงยอมให้ลุงคนเดียว
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Krajeeqx ที่ 05-07-2018 20:33:38
พี่ปูนโหมดอยู่กับลุงนี่แตกต่างกับตอนอยู่กับคนอื่นโคตรๆ
เหม็นความรักเหลือเกินค่ะคุณขา
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 05-07-2018 20:34:51
ไม่มีใครดี100% หรอก แต่เรามักเลือกคนที่ดีกับเราเป็นพิเศษ แม้ว่าเขาจะร้ายกับคนอื่น เพราะคงไม่มีใครร้าย ถ้าไม่โดนทำร้ายก่อน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: taku_kimu ที่ 05-07-2018 20:35:41

โอ๊ยย ลุ๊งงงง ทำไมน่ารัก  :mew1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 05-07-2018 20:50:14
อบอุ่นดีจัง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 05-07-2018 21:03:57
สงสารพี่ปูนจัง ชีวิตตอนเด็กพี่ปูนคงจะรันทดหดหู่มาก พี่ถึงพีคได้เบอร์นี้ ดีใจที่ตอนนี้พี่ปูนมีลุงอยู่ข้างๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: PPYK287 ที่ 05-07-2018 21:54:10
ฮือ ตอนนี้อ่านแล้วหน่วงมาก สงสารปุริม ถ้าลองคิดในมุมมองของพี่ปูนจะรู้เลยว่ามันแย่แค่ไหนที่แต่ก่อนโดนเมิน ไม่เอาใจใส่แต่พอตัวเองป่วยใกล้ตายแล้วมาสำนึกได้อะไรแบบนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นพ่อลูกกันด้วยเพราะด้วยความสัมพันธ์นี้แหละยิ่งทำให้พี่ปูนมันฝังใจ คิดดูว่าแต่ไม่เคยสนใจใยดีตอนนี้มาร่ำร้องอยากเจออยากขอโทษ คือสำหรับพี่ปูนมันสายไปแล้วจริงๆ อ่ะ คนมันเคยเจ็บมาแล้วจนแค้นจนฝังใจ อยู่ๆ จะไปให้อภัยปุบปับแบบนี้ไม่ได้หรอก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเขาเคยดูแลอะไรมาบ้าง พี่มันผ่านจุดนั้นมาด้วยขาของตัวเองยิ่งไม่มีอะไรให้ไปสำนึกบุญคุณของพ่อเข้าไปใหญ่ แล้วยิ่งภรรยาใหม่พ่อตัวเองมาพูดแบบนั้นอีก ไม่แปลกที่พี่ปูนมันจะไม่ช่วย เพราะดูยังไงก็ไม่ใช่เรื่องของต้วเองอยู่แล้ว
เฮ้อ เครียด แต่เจอน้องลุงเข้าไปก็หายเครียดแล้ว นอกจากน้องจะเป็นฮีลลิ่งส่วนของปุริมแล้วก็ยังเซฟโซนของเราด้วย อยากถามน้องลุงว่าชีวิตนี้นอกจากเครียดเรื่องจะเป็นเมียปุริมแล้วหนูเคยเครียดอะไรอีกมั้ยคะลูก   :hao3:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 05-07-2018 22:10:38
หน่วงไปกับคุณปูนด้วย ดีนะที่มีน้องลุงสายฮีล ฮือออ แบ่งน้องลุงให้เราได้ไหมอ่ะคุณปูน?
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 05-07-2018 22:21:51
นังคุณหญิงนี่หน้าด้านนะ  :angry2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 05-07-2018 22:31:42
แต่ปุริมไม่ควรแช่งพ่อตัวเองถึงขั้นจะหอบพวงหรีดไปงานศพพ่อนะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 05-07-2018 23:07:47
สงสารพี่ปูน :ling3: :ling3:ลุงกอดพี่ปูนแน่นๆเลยนะ :mew2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 05-07-2018 23:10:24
ลุงคือยาวิเศษของพี่ปูน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 05-07-2018 23:19:33
ลุงน่ารักที่สุดเลย พี่ปูนโชคดีมากที่มีลุง  :L2:

ต้องอ่านทีละนิดๆ กลัวจบ 5555555555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 05-07-2018 23:25:40
ดีใจจังค่ะ มาติดๆกันเลย ฮือ ดีใจจจจจ  :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: mkooo ที่ 05-07-2018 23:40:09
มาไวมากคิดว่าตาฟาด แต่ขอบคุณมากๆนะคะที่มาอัพต่อ เป็นกำลังใจให้ทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นงานหรือนิยาย ขอบคุณมากๆค่า  :hao5: :hao5: สงสารพี่ปูนอ่านตอนนี้จบ มีลางสังหรณ์ว่าตอนต่อไปดราม่าแน่เลย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 05-07-2018 23:52:42
ลุง มือปราบปุริม นี่เอง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: gungchan ที่ 06-07-2018 00:16:27
ตัวละครหลักน่ารักดี ชอบๆ พัทลุงเป็นคนที่จริงใจ จริงจัง ใส่ใจมากๆ เลย มีเหตุผล เป็นคนอบอุ่น อยากให้ปุริมดูแล ใส่ใจพัทลุงเยอะๆ เป็นแสงสว่าง ความอบุอุ่นให้กันและกันแบบนี้เนอะ

ขอบคุณผู้แต่งมากๆ นะคะ นิยายมีเนื้อเรื่องที่ดี อ่านแล้วมีความสุข บางครั้งถึงกับหัวเราะออกมาดังๆ อ่านแล้วยิ้มเลยอ่ะ

 :L2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 06-07-2018 00:26:38
พี่ปูนมาดโหดนี่น่ากลัวจริงๆ  แต่น้องลุงผู้ร่าเริงสดใดก็สามารถทำให้พี่ปูนหายโกรธ น้องลุงน่ารัก รักน้องลุง   :3123:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 06-07-2018 01:10:20
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 06-07-2018 01:12:41
ส่งสารพี่ปูน โดนสะกิดแผลซ้ำๆ
แต่ในตอนที่พี่ปูนอ่อนแอที่สุด น้องลุงก็ดูแลได้ดีมาก
คู่นี้อยู่ด้วยกันแล้วน่ารักมาก
ไม่อยากให้มีดราม่าในความสัมพันธ์เลย

//ระแวงฝ้าย จะสร้างเรื่องอะไรไหม
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 06-07-2018 03:57:19
ขอโป้ยกับพี่กรบ้างงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 06-07-2018 04:18:18
จากดราม่ากลายเป็นตลกซะงั้น
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-07-2018 04:57:25
ลุง น่ารักมากๆ  :mew1: :mew1: :mew1:

เข้าใจอดีตพี่ปูน  :mew2:
แต่บริษัทของครอบครัวพ่อก็ใกล้จะล้ม  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

แต่ถ้าช่วยสำเร็จ
มันก็ได้ทั้งบุญคุณ ทั้งความภูมิใจ   :katai2-1:
ที่สำคัญ ได้ก้าวข้ามอดีตที่ขมขื่นฝังใจ :serius2:
ว่าฉันนี่ไงที่พวกคุณมองข้าม เหอะๆ.........
เป็นฉันที่ช่วยพวกคุณจากวิกฤต
เป็นเพราะความไม่มีตา ไม่มีสมองของพวกคุณไงที่มองข้ามฉัน  ก๊ากกกกกกก  :laugh: :m20: :laugh:

พี่ปูน ลุง   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 06-07-2018 05:38:00
อานุภาพพัทลุงช่างเหลือร้าย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: RinNam ที่ 06-07-2018 08:01:10
สงสารพี่ปูนน

แต่แอบอยากให้พี่ปูนปล่อยวางทุกอย่างนะ เพื่อตัวพี่เอง

ลุงช่วยพี่ปูนด้วยน้าาาาา

ปล.ชอบการเตรียมตัวหาข้อมูลมาอย่างดีของลุงมากๆเลย น่าร๊ากกกกกก

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 06-07-2018 08:41:15
ลุงเป็นคนที่สามารถทำให้พี่ปูนเปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วที่สุดแล้ว
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 06-07-2018 13:17:09
 :sad4:  บอกไม่ถูกว่าควรรู้สึกยังไง​ เหมือนไบโพล่าเลยค่ะ​ เดี๋ยวเครียดจนปรี๊ด​ เดียวหวาน​ อบอุ่นและสุดท้ายตลก​ รอคอยตอนต่อๆไปอย่างใจจดใจจ่อค่ะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 06-07-2018 13:38:00
พี่ปูนก็พี่ปูนเถอะ เจอพัทลุงเข้าไป
ปุริม...แอร๊ยยยยยย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 06-07-2018 13:49:39
ลุงคือความอบอุ่นและแสงสว่างของพี่ปูนจริงๆ
โชคดีจริงๆที่ปุริมมีพัทลุงอยู่ข้างๆ
ฝากดูแลปุริมด้วยนะพัทลุง  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 06-07-2018 15:57:30
ทำไมนี่ชอบพี่ปูนโหมดเกรี้ยวกราดนะ คิดว่าคนอย่างอิพี่มันควรที่จะออกแนวดาร์กๆแบบนี้แหละ แล้วก็ชอบมากตรงที่เกรี้ยวกราดกับทุกคนแต่พอลุงมาห้ามก็ใจเย็นลงเลย มันทำให้รู้ว่าพี่ปูนแกรักลุงมากจริงๆ ถึงเมื่อก่อนจะหมั่นไส้พี่ปูนมันไว้มากก็เถอะแต่ยอมก็ได้ถือว่าโหมดเกรี้ยวกราดทำใจสั่น ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 06-07-2018 16:33:58
คนในอดีตนำเรื่องราวในอดีตมาทำให้ความรู้สึกหนักน่วง

 :mew6:    :mew6:

น้องพัทลุง  ก็คือ พัทลุง  หนูจะน่ารักไปไหน

น้องลุงดูแลพี่ปูนด้วยนะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 06-07-2018 17:54:08
5555 ลุงกลัวพี่ปูนทิ้งขนาดหาวิธีมัดใจสามีเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 06-07-2018 20:19:29
สงสารปุริม และเอ็นดูลุงมากๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 06-07-2018 20:51:45
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 06-07-2018 21:26:21
สงสารคุณปุริมจัง อยากรู้เรื่องในอดีตที่ผ่านมาเลยอ่ะ
แต่ก้ไม่วายนะคุณปุริม ตอนท้ายก็ยังหื่นเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 07-07-2018 00:01:12
ฮืออ ดีที่พี่ปูนมีลุง น้องอบอุ่นมาก เข้าอกเข้าใจเป็นเหมือนแสงสว่างจริงๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 07-07-2018 00:49:40
จะมีดราม่าฝ้ายต่ออีกมั้ย....เพื่อนฝ้ายที่ฝ้ายเรียกชื่อ....จีน ??? กลัวจะเป็นปราจีนพี่สาวของน้องลุงจริงจริ๊งงงงงงงงง  มีแช่งให้ปุริมเป็นเอดส์ตายอีก แถมชมว่า คุณมันเลวจริงๆ ซะด้วย :z10: :z10: :z10:
..
..
รักในความเอาใจใส่คุณสามีของลุงเสียจริงๆ ห่วงหูรูดกลัวสามีจะเบื่อด้วยใช่มะ ??!! 55555 :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 07-07-2018 03:39:10
ปุริมโหมดดาร์กคนละคนกับตอนอยู่กับน้องลุงเลย
ดีจังอย่างน้อยปุริมก็มีเพื่อน มีน้องลุงที่ยังเข้าใจอยู่ข้างๆ ปุริมอดทนไว้นะ
ขอยาดขำเรื่องไม่ฟิตของลุง โอ้ยยยยยยยย กลัวหลวมแล้วผัวไม่รักหรอลูก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 07-07-2018 09:39:58
ลุงน่ารักมากเลยยยยยงื้ออออ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 07-07-2018 12:28:58
น้องลุงคือความสดใสของพี่ปูน เยียวยาหัวใจได้ดีมาก พี่ปูนไม่มีวันขาดน้องได้อีก
ขำกับการขมิบตูด ลูกกกก ตลกและน่ารักมาก
ส่วนเรื่องที่บ้านพี่ปูนนี่น่าปวดหัว

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 07-07-2018 13:58:53
ปุริมเครียดอ่ะ ดูเก็บอะไรไว้ในใจเยอะแยะไปหมด แต่โชคดีจริงๆที่มีลุงอยู่ข้างๆ
แต่ลุงทำตัวน่ารักชึ้นทุกวันๆขนาดนี้ปุริมจะอดใจไม่ไหวก็ไม่แปลกอ่ะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 08-07-2018 07:36:35
พี่ปูนคงมีอดีตกับครอบครัวที่เลวร้ายมากจริงๆถึงฟิวส์ขาดขนาดนี้ ดีนะที่มีลุงเป็นแสงสว่างในชีวิตลุงเป็นความสุขของพี่ปูน ลุงน่ารักมากเลย ตลกด้วย รักลุง :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: imac ที่ 08-07-2018 08:32:11
ลุงน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: HeIsMine ที่ 08-07-2018 10:00:01
ลุงน่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 09-07-2018 21:14:49
เอ็นดูลุงจริงๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: XVIII.88 ที่ 09-07-2018 22:54:03
อะไรที่ทำให้โมโหได้ขนาดนี้ ไม่น่าจะเป็นเรื่องธรรมดาแน่ ๆ รอวันที่พี่ปูนพร้อมจะเล่าออกมาน้า :katai1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 10-07-2018 04:22:53
อยากอ่านพี่กรกะโป้ยยยยยย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ous_p ที่ 10-07-2018 09:58:56
ปุริมคงมีความหลังที่สาหัสแน่เลย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 19 _เหรียญย่อมมีสองด้าน_ || 5-7-61 หน้า 39 ||
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 13-07-2018 15:21:46
ปูนนนน เอาใหญ่เลยนะ
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 16-07-2018 01:02:54
ตอนที่ 20  ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้







สายน้ำอุ่นๆ ตกกระทบผิวกายสร้างความชุ่มชื้นและคลายความเหนื่อยล้าได้อย่างดี ใจจริงนั้นผมก็อยากจะลงไปแหวกว่ายในอ่างอาบน้ำให้สบายเนื้อสบายตัว แต่ติดที่เวลาไม่ได้เอื้ออำนวยแก่ความต้องการเอาเสียเลย ทั้งหมดต้องโทษความมักมากของพี่ปูนคนเดียว! ลากผมเข้าห้องปุ๊บก็ก็เปิดฉากโจมตีปั๊บ ทำเอาทำเอาจนค่ำมืดปานนี้ แล้วตัวเองก็ชิงหลับสนิทไปก่อนอย่างน่าหมั่นไส้ที่สุด

โคร่ก~

เสียงท้องร้องประท้วงเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ผมได้แต่โอดครวญเบาๆ ยามลูบท้องตัวเองเพื่อปลอบใจเจ้าพยาธิน้อยในนั้น แต่เห็นทีจะลูบหนักไปนิด มันเลยไปกระตุ้นให้บางอย่างไหลซึมออกมาจากช่องทางน่าอาย บัดซบ! ผมสบถเสียงเครียด นี่ขนาดทำความสะอาดไปแล้วแท้ๆ มันก็ยังเล็ดลอดออกมาอีกจนได้ ไม่ต้องเดาเลยว่าพี่ปูนหลั่งเข้าไปเยอะขนาดไหน

ผมก้าวออกจากตู้อาบน้ำด้วยร่างกายเปียกโชกเพื่อไปนั่งเซ็งบนชักโครกอีกหน ใจก็แช่งชักหักกระดูกคนนอนปริ่มข้างนอกไปพลางเบ่งน้ำรักที่คั่งค้างให้ออกมาอีกระรอกพร้อมส่งนิ้วเข้าไปขยับขยายช่องทางด้วยตามที่ถูกสอนมา ผมเกลียดที่จะต้องมาทำความสะอาดตัวเองแบบนี้เหลือเกิน แต่ผมเกลียดที่ตัวเองห้ามพี่ปูนได้ไม่เต็มปากเต็มคำมากกว่า อย่างคราวนี้ก็อ้างว่าถุงยางหมด แล้วไอ้โรคจิตนั่นก็ช่างเลือกซะเหลือเกิน ถุงยางก็ต้องสั่งซื้อแบบบางพิเศษยี่ห้อของดินแดนอาทิตย์อุทัย ไหนจะเจลแบบที่พวกหนัง AV ญี่ปุ่นใช้อีก ผมเห็นราคาแล้วเคยบอกว่าจะไปหาซื้อชนิดอื่นตามมินิมาร์ทมาให้ แต่คุณชายท่านก็แค่นยิ้มใส่เหมือนผมเป็นเด็กน้อยไม่รู้เรื่องราว

แต่อากู๋รู้ทุกอย่างนะครับ

ในเมื่อหาข้อมูลแล้วรู้ว่าสิ่งที่พี่ปูนตระเตรียมน้ำคือสิ่งที่ดีที่สุดต่อหลุมน้อยๆ ของผม ซ้ำยังช่วยบำรุงให้ผิวก้นของผมนั้นนวลเนียนชุ่มชื่นเป็นของแถม ที่เจ๋งไปกว่านั้นคือเวลาทำในน้ำก็ยังลื่นปรื๊ดๆ ไม่แสบสันให้ต้องชะงักภารกิจกันเลย ...เอ่อ... แค่กๆๆ ลืมที่ผมพูดไปเถอะครับ!

กลับมาเข้าเรื่องกันต่อ -- ผมอาบน้ำชำระกายอีกรอบก่อนจะเช็ดตัวแล้วทาโลชั่นที่ถูกบังคับให้ใช้จนกลายเป็นความเคยชิน เมื่อเปิดประตูห้องน้ำออกมาก็ถูกอากาศเย็นเล่นงานจนเนื้อตัวสั่นกึกๆ ผมวิ่งโร่ไปปิดบานเลื่อนเข้าวอร์คอิน โคลเซ็ทเพื่อหาเสื้อผ้าใส่ ได้เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นมาหนึ่งตัวก็รีบสวมทันที เสร็จแล้วจึงได้เริ่มกวาดตามองรอบห้องกั้นขนาดเล็กนี้ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของพี่ปูนนั้นจัดว่าเยอะเอาเรื่อง เรียกได้ว่าอัดแน่นห้องจนเกือบจะล้น แถมยังวางแขวนสะเปะสะปะ ทิ้งๆ โยนๆ แบบไม่ใส่ใจราคาของแต่ละอย่างเลยสักนิด

คงเพราะช่วงนี้ผมไม่ได้ทำความสะอาดแบบจริงจัง ทุกอย่างมันเลยดูขัดหูขัดตาไปเสียหมด เห็นทีผมต้องแข็งข้อเรื่องบนเตียงซะบ้างแล้ว ไม่อย่างนั้นห้องนี้คงรกจนกู้ความเสียหายลำบาก

ขณะที่ผมเตรียมพร้อมเพื่อกลับบ้านเรียบร้อยแต่พี่ปูนก็ยังคงหลับพริ้มเหมือนเดิม ผมเดินเข้าไปนั่งข้างคนนอนหวังใจว่าจะปลุกขึ้นมาด้วยความคับแค้นที่ผุดอยู่ในอกนิดๆ แต่เมื่อมองไปที่ใบหน้าคมสันที่กำลังเฝ้าพระอินทร์อยู่นั้นก็ให้หักใจทำไม่ลง คิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างที่ไม่น่าจะเกิดกับคนที่ฝันถึงเรื่องดี ริมฝีปากบิดหยักขบกรามแน่น ดูแล้วไม่ได้สุขสบายอย่างที่ผมคิดไว้

ที่จริงผมอยากรู้แทบบ้าว่ามันเกิดเรื่องอะไรในวันนั้น แต่ผมไม่สามารถเอ่ยถามอะไรได้ในเมื่อสีหน้าของพี่ปูนยังกับคนได้รับบาดเจ็บฉกรรจ์ มันคล้ายกับว่าถ้าผมดึงดันที่จะรู้ก็คงไม่ต่างจากการกรีดแผลเพิ่มให้กับอีกฝ่าย ในตอนแรกผมคิดว่าดีเหลือเกินที่พี่ปูนดูจะไม่จมอยู่กับเหตุการณ์นั้นมากนัก แต่หลังจากนั้นพี่ปูนกลับออดอ้อนมากขึ้น นัวเนียจนผมกระดิกตัวไปไหนไม่ได้ ผมมองว่ามันดูน่าใจดีอยู่หรอกแต่ก็เหมือนสัตว์บาดเจ็บที่ต้องการการเยียวยาด้วยเช่นกัน

ผมเดินกลับเข้าห้องน้ำอีกครั้งเพื่อเตรียมผ้าและน้ำใส่อ่างออกมา จัดการเลิกผ้าห่มออกแล้วเช็ดตัวให้กับคนหลับลึกอย่างเบามือที่สุด กว่าจะทำความสะอาดหมดทุกซอกมุมก็เล่นเอาเหงื่อแตกผลั่ก แต่ถึงจะเหนื่อยแค่ไหนผมก็ยังอุตส่าห์หยิบแป้งมาปะให้คุณชายหลับไปกับความหอม ส่วนเรื่องเสื้อผ้านั้นผมไม่ได้มีความคิดจะใส่ให้แม้แต่น้อย ก็พี่แกแทบจะแก้ผ้านอนเป็นประจำอยู่แล้ว แถมตัวก็ยังหนักขนาดนี้ผมมิตายพอดีเหรอถ้าปลุกปล้ำใส่ให้น่ะ

เหงื่อหยาดสุดท้ายถูกปาดออกไปจากหน้าผากพลางมองผลงานของตัวเองด้วยความภูมิใจ ผมก้มลงเลื่อนผ้าห่มให้ปิดจนถึงคอคนนอน แล้วแวะจูบหน้าผากอีกสักหนเป็นการสั่งลา ...อย่างน้อยตอนนี้พี่ปูนก็ดูจะหลับสบายขึ้นกว่าเก่า ผมเดินไปเปิดไฟในห้องแต่งตัวเอาไว้เพื่อให้แสงทะลุผ่านประตูเลื่อนกระจกฝ้าออกมาบ้าง เพื่อที่จะปิดไฟหลักแล้วเดินออกไปอย่างเงียบเชียบที่สุด

แต่หลังจากนั้นเถอะ...ผมแทบจะกระโดดขวางถนนเพื่อหยุดรถแท็กซี่สักคันเพื่อพากลับบ้านให้ทันเวลา


.

.

.


หลังจากจ่ายงินค่ารถด้วยน้ำตาแล้ว ผมก็พาร่างโรยแรงและหิวโหยของตัวเองเข้าบ้านไป แสงจากหลอดไฟลอดผ่านหน้าต่างออกมา และรถยนต์ทั้งสองคันของพวกคุณผู้หญิงก็อยู่ครบ ผมยกนาฬิกาข้อมือดูเวลาที่เฉียดฉิวพอดีก่อนจะเปิดประตูเข้าด้านใน

เสียงหัวเราะปะปนเสียงพูดคุยดังออกมาจากทางมุมนั่งเล่น ผมเดินไปตามทางนั้นแล้วก็พบสาวๆ กำลังสนุกสนานกับรายการทีวีอยู่ เสียงฝีเท้าทำให้ทั้งคู่หันมองมา ผมยกมือไหว้แม่ย่านางทั้งสองแล้ววางกระเป๋าเป้ลงบนเก้าอี้ ตอนนี้ผมไม่เหลือเรี่ยวแรงแม้แต่จะขึ้นไปเก็บของให้เรียบร้อยก่อนหรอก

“กลับมาเฉียดฉิวเลยนะยะ”  ป้ายกยิ้ม สายตาคมมองปราดไปตามร่างกายของผม  “เสื้อผ้าก็ไม่ยักกะเหมือนขาไปเนอะ เป็นแบบนี้บ่อยเหรอแม่?”  แล้วก็หันไปทางคุณดาหลาเพื่อขอคำวิเคราะห์

“ยุ่งน่า!”  ผมอุบอิบโต้ตอบ และเสียงมันคงเบาพอที่จะไปไม่ถึงหูอีกฝ่าย

“ก็มีบ่อยอยู่น้า...”  คุณดาหลาทำท่านึกแบบที่ดูก็รู้ว่าเสแสร้ง ช่างเข้าคู่เป็นปี่เป็นขลุ่ยกับลูกรักจริงๆ  “แม่เดาว่าคุณลุงคงมีเสื้อเยอะแยะในกระเป๋าแน่เลย ตอนไปก็ชุดหนึ่งพอกลับมาก็เป็นชุดอื่นตลอด”


เงียบสิครับ...


“หิวอ่ะ!! มีอะไรให้ลุงกินมั้ย?”  ผมรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่จะถูกรุมขย้ำ สองเท้ารีบก้าวออกมาจากพื้นที่เสี่ยงภัยเพื่อหนีเข้าครัวไปหาของกินทันที ผมเปิดตู้เย็นมองหาของประทังชีวิต เป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา

คุณดาหลาเดินเข้ามาหยิบถุงออกจากตู้เย็นแล้วยื่นส่งให้ผมไปอุ่น ผมรีบแกะถุงกระเพาะปลาลงชามแล้วยัดมันเข้าไมโครเวฟด้วยรอยยิ้มทันที แต่เมื่อหันกลับมาอีกครั้งก็ยังพบของกินอีกหลายถุงที่ถูกคุณดาหลานำออกมาวางไว้ให้

“วันนี้คุณป้าเขาไปกินข้าวกับเพื่อนที่เยาวราชมา เลยซื้อกลับมาฝากเยอะแยะเลย”  ผมรีบพุ่งเข้าไปดู แล้วอยากจะวิ่งออกไปหอมแก้มพี่สาวซะหลายๆ ฟอด บนโต๊ะมีทั้งกวยจั๊บ บะหมี่แห้งปูซึ่งผมรีบแกะห่อเทลงจานเพื่อรอเวฟเป็นอย่างถัดไปแล้ว ยัง! ยังไม่หมด ยังมีเกาหลาหมูตู๋น และขนมหวานอีกสองอย่าง ผมนี่ยกบัวลอยงาดำขึ้นมองด้วยความตะกละเลย

“ไปอดอยากที่ไหนมาหึ๊? พี่เขาเลี้ยงเราไม่ดีรึไงวันนี้”  แม่นั่งมองผมจากอีกฝั่งของไอส์แลนด์ที่เป็นทั้งที่เตรียมอาหารและที่นั่งกินข้าวแบบรีบเร่งด้วย สองตาของคุณพยาบาลสาวคงเห็นถึงความหิวโหยที่ผมซุกซ่อนไว้ไม่อยู่ แต่ผมจะไปบอกแม่ตัวเองได้ยังไงล่ะว่าลูกชายโดนฟัดจนข้าวปลาไม่ได้ตกถึงท้องเพราะแฟนหนุ่มเหนื่อยหลับไปน่ะ

“พี่ปูนเขาเหนื่อยๆ อ่ะ วันนี้เลยไม่ได้ไปหาอะไรกินก่อนกลับ”  ผมตอบความจริงแบบอ้อมโลกพลางหันตัวหนีสายตาของคุณนายประจำบ้าน ผมยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ไม่นาน เสียงมือถือก็ดังขึ้นกลบความกระอักกระอวล ผมล้วงมือถือในกระเป๋ากางเกงขึ้นมองชื่อก่อนกดรับสายด้วยรอยยิ้ม

“ตื่นซะทีนะคุณปุริม”  ผมกล่าวกลั้วเสียงหัวเราะ พี่ปูนขบขันเล็กน้อยกับคำทักทายกึ่งหยอกล้อนี้

“จะกลับทำไมไม่ปลุกพี่ล่ะ”  ปลายสายโต้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงขัดเขินเล็กน้อย ซึ่งยิ่งพารอยยิ้มผมให้ฉีกกว้างกว่าเดิม

“ลุงปลุกแล้วเหอะ เช็ดตัวให้ด้วยนะรู้ป่ะเนี่ย”

“รู้...ตัวหอมเชียว”  พี่ปูนหัวเราะเบาๆ  “ลุงกินอะไรรึยัง?”

“กำลังเวฟอยู่ ป้าซื้อของกินกลับมาเพียบเลย”

“ดีแล้ว พี่ขอโทษที่หลับนะเลยไม่ได้พาไปหาอะไรกินก่อนเลย”  คราแรกผมก็คิดจะซ้ำเติมหรอก แต่น้ำเสียงที่ได้ยินนั้นเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกผิดจนผมตลกไม่ออก

“พี่ก็หาอะไรกินด้วยนะ ตกลงมั้ย? ห้ามนอนตอนท้องว่างเด็ดขาด”

“อืม...”

“แล้วก็พรุ่งนี้ไม่ต้องมารับนะ พักผ่อนเยอะๆ เข้าใจมั้ย?”

“อืม...”

พี่ปูนเงียบไป ผมนิ่งรอการโต้ตอบที่มากกว่านี้จากปลายสาย แต่แค่คำว่า ‘อืม’ ที่เปล่งมาจากลำคอนั้นก็เต็มไปด้วยกระแสเสียงของความผิดหวังจนคนไกลอย่างผมรู้สึกได้เลย 

“ปุริมเป็นอะไร?”

“...พี่ยังไม่ได้จูบลาเลย”

ผมกรอกตาให้กับคนปลายสาย แต่กระนั้นก็ยังหยุดรอยยิ้มที่ตรึงริมฝีปากไม่ได้ ผมเหลือบหันไปมองแม่ที่นั่งอยู่ที่เดิมเร็วๆ จากนั้นจึงกระแอมเสียงค่อย กระซิบตอบกลับคนน้อยใจ

“แต่ผมจูบพี่ก่อนกลับแล้ว”

เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นทันที ผมโคตรอยากเห็นหน้าพี่ปูนตอนนี้ชะมัด!

“แค่นี้นะปุริม ลุงจะกินข้าวแล้ว”

“ครับ...คิดถึงนะ”  ผมหลุดยิ้มกับคำบอกที่เหมือนอีกฝ่ายมาพูดข้างๆ หู  “ฝันดีนะที่รัก”

สิ้นคำของพี่ปูน ผมชะงักไปเล็กน้อยเมื่อคิดถึงใบหน้ายามหลับของอีกฝ่าย มันเป็นสีหน้าที่ห่างไกลจากฝันดีอยู่โข ผมเองก็อยากจะตอบกลับไปว่าให้คนทางนั้นฝันดีเช่นกัน แต่ว่ามันเรียบง่ายเกินไป...อย่างน้อยพี่ปูนควรได้ช่วงเวลาดีๆ ก่อนนอนบ้าง

“พี่ปูน”  ผมกลืนน้ำลายลงคอพร้อมกับทำใจกล้าหน้าหนาก่อนเอ่ย  “...อย่าลืมฝันถึงผมนะ

“..........”  ปลายสายเงียบไปสักครู่จนผมเก้อกระดาก แต่จากนั้นไม่กี่วินาทีต่อมาอีกด้านถึงส่งเสียงครางยาวออกมาจนก้องหู

“โอย~ อย่าพูดจาน่ารักตอนพี่ไม่อยู่ใกล้ๆ ได้มั้ย!”

ผมยิ้มจนปวดแก้ม

“ลุงก็อย่าลืมฝันถึงพี่นะ”

“...แล้วปุริมอยากให้ลุงฝันถึงแบบไหนล่ะ”  ผมเย้าเสียงค่อย รู้สึกนิดหน่อยว่าใบหน้าเริ่มจะถูกฉาบจนหนาเสียแล้ว

“อย่ายั่วๆ พี่บุกไปลากตัวลุงมานอนด้วยจริงๆ นะ” 

ผมหัวเราะกับเสียงเข้มของอีกฝ่ายก่อนจะกล่าวลาและชิงวางก่อน รอยยิ้มยังแตะแต้มใบหน้าอยู่ขณะที่เปิดไมโครเวฟเพื่อยกชามกระเพาะปลาออกมาแล้วยัดจานบะหมี่เข้าไปแทน แต่จังหวะที่ผมหมุนตัวเพื่อวางชามลงบนโต๊ะแล้วต้องเผชิญสีหน้าระบายยิ้มของแม่ กลับเป็นผมที่หน้าเจื่อนลงด้วยความอาย

“คุณลุงดูมีความสุข”

“อะไรเล่าแม่!”  ผมทำเสียงเข้ม แต่ใบหน้าผมเนี่ยไปแล้ว กล้ามเนื้อมุมปากหลุดพ้นการควบคุมไปเรียบร้อย

“ก็แม่เทียบกับแฟนคนก่อนของคุณลุงนี่”  คุณดาหลาอมยิ้ม เท้าคางมองผมที่นั่งลงและพร้อมลงมือกินอาหารเย็นรอบดึก  “กับคนนี้คุณลุงดูมีความสุขมาก”

“ผมก็สุขดีกับทุกคนนั้นแหละ”  ว่าพลางตักน้ำข้นๆ ร้อนๆ ของกระเพาะปลาขึ้นเป่าแล้วส่งเข้าปาก อืม...อร่อยเด็ดไปเลย~

“แต่คุณลุงก็ไม่เคยเอาใจใส่ใครเท่านี้”

ผมนิ่งคิดตามคำพูดของคุณดาหลา เมื่อย้อนนึกไปก็เห็นจะจริงกับคำกล่าว แต่ถ้ามองให้เป็นกลางหน่อยล่ะก็ ผมก็ว่าตัวเองใส่ใจกับทุกคนนะ ทั้งตามใจ ทั้งเคารพการตัดสินใจ แล้วอย่างนี้จะหาว่าผมใส่ใจพี่ปูนมากกว่าใครได้ยังไงกัน


ติ๊ง-- 


ผมรีบลุกไปเปิดไมโครเวฟอีกครั้งเพื่อยกจานบะหมี่ออกมา กลิ่นหอมฉุยทำเอาน้ำย่อยในกระเพาะดีดดิ้นกันใหญ่ ผมวางจานแล้วนั่งลงอีกครั้ง แม่ยังคงมองผมเงียบๆ อยู่ท่าเดิม

“...แม่คิดงั้นเหรอ?”

“แล้วคุณลุงประเมินตัวเองยังไงล่ะ?”  คุณดาหลายิ้มแย้มน่ามอง ผมพันบะหมี่กับส้อมแล้วเอาเข้าปากพลางนั่งคิดอีกครั้ง

“ลุงก็คิดว่าตัวเองยอมพี่ปูนมากๆ เลยล่ะ ไม่ใช่ยอมเพราะกลัวหรือเพราะพี่เขาอายุมากกว่าหรอกนะ แต่อารมณ์มันแบบ...อยากตามใจอ่ะ”  ผมแก้เขินด้วยการตักกระเพาะปลาเข้าปากบ้าง  “จริงอย่างที่แม่ว่าล่ะ พี่ปูนทำให้ผมมีความสุขมากกว่าใคร แล้วก็...ลุงรักเขามากกว่าทุกคนเลยอ่ะ”



วุ้ย! พูดเองก็ขนลุกเอง



คุณดาหลายิ้มขัน ยื่นมือมาขยี้หัวผมเล่นไปมาด้วยท่าทางหมั่นเขี้ยวสุดๆ  “ตอนแรกแม่ก็คิดว่ามันจะชั่วครู่ชั่วยามเหมือนคนก่อนๆ แต่เห็นทีคนนี้คงอยู่ยาวเลยสินะ”

ผมเริ่มนับวันในใจทันที ถ้าเริ่มตั้งแต่ค่ำคืนที่ผมเริ่มมโนครั้งใหญ่นั่นล่ะก็...  ”โหยแม่!! เกินร้อยวันมาแล้วอ่ะ นี่ทำลายสถิติที่ผ่านมาเลยนะเนี่ย”

“ดีใจด้วยนะคะ นี่แม่ต้องจัดงานฉลองให้มั้ย” 

ผมม้วนบะหมี่เข้าปากคำโตแสร้งทำเป็นไม่สนใจคำหยอกเย้า  “คุณดาหลารู้ป่ะ ปกติแล้วเนี่ยลุงมักเป็นฝ่ายออกนั่นออกนี่ให้แฟนตลอด เดี๋ยวก็อยากให้เซอร์ไพรซ์ เดี๋ยวก็อยากได้ของขวัญ แต่พอได้พี่ปูนเป็นแฟนนะ ลุงแทบจะไม่ได้ใช้เงินเลยล่ะ”

“ขนาดนั้นเชียว”

“จริงนะ พี่ปูนน่ะออกนั่นนี่ให้หมดเลย นี่ถ้าไม่ห้ามไว้ล่ะก็ลุงคงได้ของที่ต้องการทุกอย่างอ่ะ”

“สวรรค์ของผู้หญิงส่วนมากเลยล่ะแฟนแบบนี้น่ะ”  คุณดาหลาอมยิ้ม

“แต่ลุงเป็นผู้ชายไง มันไม่ชินที่จะเป็นฝ่ายรับนี่”  ผมนิ่งไปกับคำพูดตัวเองชั่วอึดใจ ...ผมนี่มัน ‘รับ’ ไปซะทุกเรื่องเลยสินะ!

“ในเมื่อเขาเป็นคนมี เขาก็ไม่ต้องคิดมากที่จะจ่าย”  คุณดาหลาเอ่ยพลางลุกขึ้นเดินไปยังตู้เย็น คนสวยรินน้ำใส่แก้วให้ผมแล้วกลับมานั่งลงที่เดิม  “แต่เราห้ามเคยชินกับมันจนกลายเป็นการเอาเปรียบนะจ๊ะ แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เราก็ต้องทำให้เขารู้ว่าเราไม่ได้ต้องการความสะดวกสบายจากเขา ไม่ได้คิดคบหาเขาเพราะหวังประโยชน์”  แม่ยิ้มให้ผมอีกครั้ง  “ต้องคบกันด้วยใจ แล้วทุกอย่างมันจะไปอย่างราบรื่น”

“...ลุงก็ไม่ได้รับของจากพี่ปูนมั่วซั่วนะแม่ ไม่เคยเอ่ยปากขอให้ซื้ออะไรให้ด้วย” 

“แม่รู้นิสัยลูกตัวเองดีหรอกจ้ะ”  คุณดาหลายิ้ม ยื่นนิ้วจิ้มหว่างคิ้วที่ขมวดเป็นปมของผมเบาๆ  “แม่แค่พูดไว้ให้คิดเท่านั้น”

“ครับ”  ผมรับคำ แล้วจากนั้นคุณดาหลาก็ปล่อยให้ผมกินข้าวจนหมด กระทั่งผมเริ่มแกะถุงบัวลอยงาดำนั่นแหละ คุณพยาบาลคนสวยถึงเริ่มพูดขึ้นอีกครั้ง

“พรุ่งนี้แม่หยุด ถ้ายังไงก็พาคุณปูนมากินข้าวที่บ้านสิ”

“เอาจริงดิ!?” 

“แม่เคยสัญญากับคุณปูนไว้แล้วนี่”  คุณดาหลาขมวดคิ้วให้กับอาการตกใจเกินเหตุของผม  “เดี๋ยวแม่บอกคุณป้าด้วย จะได้เปิดตัวทีเดียวไง”

“เพื่อ! ลุงเขินอ่ะ! ไม่ต้องได้มั้ย?”

“ป่านนี้แล้วจะมาอายอะไร คิดว่าคุณป้าไม่รู้เหรอว่าคุณลุงมีแฟนอยู่น่ะ”

“ก็ได้”  ผมถอนหายใจเฮือกยาว ความรู้สึกอยากกินของหวานแทบจะหมดลง  “แต่ผมต้องถามพี่ปูนก่อนนะว่าพร้อมโชว์ตัวรึเปล่า?”

ก็ไม่อยากจะปัดคำชวนของคุณดาหลาหรอกนะ แต่ผมก็แอบหวังอยู่หน่อยว่าพี่ปูนจะติดธุระมาไม่ได้ แต่ไม่ใช่เพราะว่าผมไม่อยากให้พี่ปูนมาบ้านหรอกนะ แต่ไอ้เรื่องเปิดตัวอะไรนั่นต่างหาก...ผมไม่อยากจะให้คุณดาหลารู้สักเท่าไหร่หรอกว่า ไอ้ที่ผมเคยบอกว่าได้เขาเป็น ‘เมีย’ น่ะแท้จริงแล้วผมคิดเองเออเองทั้งนั้น!



.

.

.



แทบไม่ต้องคิดกับคำถามหรอก

ทันทีที่สิ้นสุดคำถาม พี่ปูนเรียกได้ว่าตอบรับคำเชิญด้วยท่าทีระริกระรี้สุดขีดชนิดที่ว่าพอผมบอกงดการแทะโลมทุกชนิดก็ยังยิ้มหน้าบานอยู่ได้ และด้วยความที่เป็นคนหล่อ ยิ่งยิ้มก็ยิ่งหล่อ แต่การแผลงฤทธิ์เมื่อวันก่อนยังตราตึงในความทรงจำของลูกน้อง ทุกคนเลยมองสบตากันด้วยความหวาดหวั่นแทน ไม่มีใครกล้าถามว่าเจ้านายดีใจเรื่องอะไร แม้แต่โป้ยมันยังทำเพียงมองมาที่ผมด้วยสายตาไม่เป็นสุขก็เท่านั้น

ผมแทบจะได้ยินเสียงทุกคนถอนหายใจพร้อมกันเมื่อพี่ปูนออกไปพบลูกค้า

ตอนเที่ยงก็มีพนักงานส่งของจากร้านอาหารญี่ปุ่นทาถึงหน้าออฟฟิศถึงสองคน พวกผมได้แต่ยืนงงมองป้าจิ๋มที่กุรีกุจอเคลียร์โต๊ะอาหารให้สองหนุ่มถือถุงหิ้วเข้าไปวางจนเต็ม พวกผมที่กำลังจะเดินไปหาของกินได้แต่มองถุงพวกนั้นตาปริบๆ

“พวกพี่ไม่ได้สั่งนะน้อง ผิดที่แล้วล่ะ”  พี่ริชรีบออกปากกับน้องพนักงานที่ยิ้มแป้น แค่เห็นชื่อร้านก็รู้แล้วว่าแพง แถมยังมากมายขนาดนี้ต่อให้พวกผมหารเงินกันก็คงหลายบาทอยู่

“เอ่อ...”  หนึ่งในน้องพนักงานรีบควักใบสลิปขึ้นดูทันที  “ที่นี่บริษัท Graphic House รึเปล่าครับ?”

“ใช่ครั้บ”

“งั้นก็ถูกที่แล้วล่ะครับ”  หนุ่มดิลิเวอร์รี่ปล่อยลมออกปากด้วยความโล่งใจทันที  “สินค้าทุกอย่างมีคนชำระเงินเรียบร้อยแล้วครับ”

ว่าแล้วหนุ่มส่งอาหารก็แว้นมอร์’ไซค์กลับไป ทิ้งให้พวกผมมองหน้ากันไปมา แต่ไม่นานนักหรอก พอมีไอ้โป้ยเดินไปเปิดดูว่ามีอาหารอะไรบ้าง ทุกคนก็พากันกรูเข้าไปแย่งชิงของกินกันแล้วโดยที่ยังไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนสั่งมาให้ ผมเดินไปช่วงชิงข้าวหน้าไก่คาราเกะจากมือไอ้โป้ยมาได้อย่างเฉียดฉิว ซึ่งมันไม่สนใจหรอก เพราะตรงหน้านั้นมีข้าวหน้าทุกชนิด และเบนโตะทุกอย่างในรายการ รวมไปถึงของกินเล่นและซูชิอีกสองถาดใหญ่

มีอยู่กันแค่ 5 คน มันจะไปกินกันไหวได้ยังไง!

ผมจึงโทรไปหาคนเพียงคนเดียวที่รู้จักที่มีแนวโน้มว่าจะใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยแบบนี้ สองตาก็เหลือบไปมองยังโต๊ะอาหารที่เริ่มตั้งวงกินกันอย่างชื่นมื่น รอสายได้ไม่เท่าไหร่ น้ำเสียงที่สดใสประหนึ่งเจ้าของเดินอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ก็ทักทายให้ได้ยิน

“ว่าไงครับที่รัก”

ผมขนลุกเบาๆ  “พี่ปูนเป็นคนสั่งอาหารมาเหรอ?”

“ใช่”  ปลายสายหัวเราะเล็กน้อย  “พี่ไม่รู้ว่าวันนี้ลุงอยากกินอะไร ก็เลยสั่งมาทั้งหมดเลย”

หมายความว่าไงฟะ!? แล้วแบบนี้เขาจะมีช่องทางการสื่อสารตั้งมากมายไว้ทำซากอะไรหึ๊!

“ถ้าลุงกินไม่หมดก็แบ่งให้คนอื่นแล้วกัน”

“หืม?”  ผมนิ่งคิดตามรูปประโยคของคนมือเติบ  “หมายความว่าทั้งหมดนี่สั่งมาให้ผมคนเดียวเหรอ?”

“ก็ใช่น่ะสิ”  พี่ปูนตอบกลับ น้ำเสียงคล้ายจะต่อว่าผมที่ไม่รู้ความกลายๆ 

“ครับ...ขอบคุณนะครับที่เลี้ยง”  ผมขบฟันบอกอกไป หลังจากนี้คงต้องจับเข่านั่งคุยกับพี่ปูนเรื่องการใช้เงินเสียหน่อยแล้ว ผมใจบางทุกครั้งเลยที่เห็นพี่เขาซื้อของแบบไม่สนราคา

“วันนี้พี่ไปหลายที่เลย แต่ตอนเย็นจะรีบเข้ามารับนะ”

“เดินทางดีๆ นะ”  หลังจากคำอวยพร เราก็วางสายกันไป

ผมเดินตรงเข้าไปที่สวนอาหารญี่ปุ่นย่อมๆ สีหน้าแต่ละคนเปรมปรีดิ์มาก หยิบนั่นจกนี้จนมือแทบจะไขว้กัน

“เอ่อ...พี่ปูนเป็นคนสั่งอ่ะ”  ผมบอกให้ทุกคนทราบทั่วถึงกัน และบิดเบือนคำพูดคุณเจ้านายเล็กน้อย  “พี่เขาฝากบอกว่าถ้าเหลือก็แบ่งกันเอากลับบ้านได้เลย”

“คุณปูนเกิดใจดีอะไรขึ้นมาล่ะเนี่ย”  พี่ริชถามด้วยความข้องใจทั้งที่ปากยังเคี้ยวตุ้ยๆ อยู่

“แถมวันนี้ยังยิ้มหน้าบานทั้งวัน พี่ก็แอบกลัวอยู่เหมือนกัน”  แม้กระทั่งพี่เปี๊ยก...

“ผมว่าต้องมีใครทำอะไรถูกใจแหง”  ชี้ช่องจบไอ้โป้ยก็เหลือบมามองผมด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม พานให้คนทั้งหมดหันมามองตามด้วย เพื่อนบัดซบจริงๆ!! 

“กินกันไปเหอะ ผมว่าพี่เขาคงอยากขอโทษที่ทำให้ตกใจกันเมื่อวันก่อนอ่ะ”  ผมตอบเลี่ยง มันก็นับว่าเป็นคำชี้แจงที่สมเหตุสมผลอยู่ ทุกคนจึงได้ถอยทับสายตากันออกไป

ยกเว้นไอ้โป้ยคนเดียว

มันโน้มหน้ามาใกล้พร้อมกับกระซิบข้างหู  “เมื่อคืนมึงขย่มให้กี่ยกล่ะ วันนี้ถึงได้ใจดีเรี่ยราดแบบนี้อ่ะ”

“ไอ้สัตว์นี่!”

“อ๊ะๆ ด่าไม่ระบุแบบนี้กูขอเป็นเพนกวินนะ น่ารักดี”  แล้วมันก็ลอยหน้าลอยตากินข้าวต่อไป ทิ้งให้ผมเดือดปุดๆ อยู่ลำพัง

มึงต้องมีตาทิพย์แน่เลยไอ้เชี่ยโป้ย!! รู้ดีไปซะทุกเรื่องจนน่าตบกะโหลกให้ยุบจริงๆ


.

.

.



หลังเลิกงาน ผมแอบย่องไปหาพี่ปูนที่จอดรถรออยู่หน้าออฟฟิศเพื่อมุ่งหน้าไปยังตลาดสดใกล้บ้าน ทันทีที่พี่ปูนก้าวเท้าลงจากรถแล้วเดินตามผมมาก็ประหนึ่งว่ามีการเดินฟินาเล่ที่ตลาดสด ทั้งหลายแหล่รอบตัวพี่ปูนดูไม่เข้ากับสถานที่แบบนี้เอาซะเลย มันมีออร่าแปลกๆ ที่บ่งบอกว่าคนอย่างฉันเหมาะกับการเดินซื้อของมีคลาสในห้างเย็นๆ

แต่พี่ปูนต้องปรับตัวบ้างแล้วล่ะ เพาะชีวิตผมเดินตลาดมากกว่าห้าง

“ทำไมวันนี้คนเยอะจัง”  พี่ปูนมองสอดส่ายสายตาไปรอบตัว  “วันก่อนยังไม่เยอะเท่านี้เลย”

“วันนั้นเป็นตอนเช้าวันทำงานไง”  ผมอธิบายย้อนไปยังวันที่พาคุณชายท่านมากินอาหารเช้า  “แต่ตอนนี้มันหลังเลิกงาน แล้วก็มีตลาดนัดเปิดข้างๆ นั่นไง”  ผมชี้ไปยังด้านข้างอีกฝั่งของตลาดที่มีการเปิดท้ายขายของ

“อืม วุ่นวายดีนะ”  ฟังจากคำพูดกับน้ำเสียงเหมือนกับว่าที่นี่คงไม่ใช่สถานที่โปรดแน่ แต่ถ้ามองด้วยสายตาล่ะก็ พี่ปูนเหมือนเด็กที่พ่อแม่เพิ่งเคยพามาตลาดอ่ะ... มองนั่นมองนี่ด้วยแววตาสนใจไปหมด คล้ายจะถลาเข้าหาทุกอย่างที่ตัวเองไม่เคยเห็น

“พี่มีอะไรอยากกินเป็นพิเศษมั้ย?”

“ซุปครีมเห็ด”

“เปลี่ยนเป็นซุปหน่อไม้แล้วกันนะ”  ผมหรี่ตามองคนยิ้มแป้นด้วยความเซ็ง

“ล้อเล่นน่า...ลุงทำอะไรให้กินพี่ก็ดีใจทั้งนั้นแหละ”  และสีหน้ากับท่าทางนั้นก็เป็นไปตามคำพูดจริงๆ พี่ปูนดูจะเบิกบานมากกับความคิดที่ว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้จะได้กินฝีมือผมเป็นครั้งแรก -- เล่นรู้สึกผิดเล็กน้อยเลยที่แอบหวังไว้ว่าพี่ปูนจะมาตามคำชวนไม่ได้

ผมลอบถอนหายใจขณะมองพี่ปูนยืนเก้กังอยู่หน้าร้านขายปลา สองตาจ้องถาดใบใหญ่ที่มีปลาช่อนดิ้นกระแด่วๆ อยู่ ในเมื่อพี่ปูนดูมีความสุขขนาดนี้ผมก็คงต้องทำใจ ถ้าแม่จะต้องรู้ว่าแท้จริงแล้วนั้นผมเป็น ‘เมีย’ เขามิใช่สามีอย่างที่เข้าใจ มันคือความจริง...และผมปฏิเสธไม่ได้อีกแล้วในเมื่อตัวตนของ ‘ความจริง’ นั้นหันมายิ้มให้ผมเสียหวานหยดย้อย

“พี่อยากกินปลาทอด”

“เลือกเลย”

สาบานเลยว่าตอนแรกที่เห็นพี่ปูนจ้องปลาในถาดนั้น แอบคิดว่ามันคงไปกระทบจิตใจด้านที่มีเมตตาด้วยปลงให้กับปลาที่กำลังตาย แต่ที่ไหนได้กลับมองว่าน่ากินซะงั้น! แถมยังชี้เลือกตัวอวบสุดเสียด้วย -- ผมจำต้องเปลี่ยนแผนจากเมนูหมูย่างเป็นปลาทอดราดน้ำยำ อืม~ นี่ถ้าได้ใส่เม็ดมะม่วงลงไปด้วยนะอร่อยเด็ดไปเลย

ว่าแล้วผมก็พาพี่ปูนเดินหาเครื่องปรุงเพิ่มเติมสำหรับเมนูอาหารสามอย่าง อันได้แก่ ปลาทอดราดน้ำยำใส่เม็ดมะม่วงจากปลาน้อยอายุสั้น แกงส้มชะอมไข่จากร้านเจ้าอร่อยประจำตลาด และหมูกรอบผัดแขนง ที่พอแม่ค้าเห็นพี่ปูนก็สับหมูกรอบแถมเพิ่มจนน่าใจหาย

เมื่อได้วัตถุดิบครบแล้วเราก็พากันเอาไปเก็บไว้ที่รถก่อน จากนั้นก็ใช้เวลาที่พอจะมีเหลือเดินตลาดนัดกันอีกสักเล็กน้อย และอย่างที่รู้กันดีว่าพี่ปูนเป็นเจ้าพ่อแบรนด์เนม ทั้งเนื้อทั้งตัวเป็นของมียี่ห้อทั้งสิ้น แต่พอมาเห็นเสื้อสวยราคาถูกที่ตลาดนัดก็หาได้มองเหยียดว่าเป็นของไม่มีเกรดแต่อย่างใด ซ้ำยังเลือกซื้อกลับไปซะตั้งหลายตัว...ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นของผม

“ไม่เอา! จะซื้อทำไมตั้งเยอะแยะ”

“ลุงจำกางเกงยีนที่พี่ซื้อให้คราวก่อนได้มั้ย?”  พี่ปูนถามหน้าตาย

“จำได้”  เพราะมันสวยแล้วก็ใส่สบาย ผมเลยใส่บ่อยๆ จนกลายเป็นตัวโปรดไปแล้ว

“ราคามันแพงกว่าเสื้อพวกนี้ตั้งหลายเท่านะ”  พูดจบก็ยื่นเงินให้กับพ่อค้าที่มองเหยียดมาแบบหมั่นไส้ ส่วนผมก็ยืนอ้าปากอมลมไปสิ!


.

.

.

----------------------->>>

หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 16-07-2018 01:08:09
หนึ่งในความทรงจำสมัยเด็กที่ชอบที่สุดคือเวลาที่อยู่ในครัวกับพ่อ จำได้ว่าตัวเองล้อมหน้าล้อมหลังพ่อแจ พันแข้งพันขาไม่ห่าง อาสาหยิบนั่นจับนี่แบบกระตือรือร้นสุดๆ แต่ไม่ว่าผมจะวุ่นวายสักแค่ไหนพ่อก็จะยิ้มให้เสมอ


แต่ไม่รู้ว่าในใจพ่อจะคิดเหมือนผมตอนนี้รึเปล่า...


ผมยืนอดทนนับหนึ่งถึงร้อยในใจวนซ้ำไปมาสองรอบแล้ว พยายามตั้งสติไม่ให้เผลอเอามีฟันแขนพี่ปูนสักแผลสองแผล มันทำให้ผมนึกขอโทษพ่อในใจต่อวัยเด็กที่คงทำให้พ่อหงุดหงิดไม่มากก็น้อย เพราะตอนนี้รู้แล้วว่าการทำอาหารแล้วมีคนมาวุ่นวายข้างๆ มันทั้งน่ารำคาญ ทั้งเกะเกะจนอยากจะออกปากไล่

“หอมจัง”  พี่ปูนกระซิบข้างหูผม

“ไปนั่งป่ะ...”  ผมชักจะรำคาญใหญ่แล้ว

“พี่อยากดูใกล้ๆ นี่”  ว่าแล้วก็วางคางลงกับไหล่ผมเหมือนแมวตัวใหญ่ช่างอ้อน

ผมคงจะเกาคางให้อยู่หรอกถ้าไม่ใช่ว่าตอนนี้ผมยืนอยู่หน้าเตา ที่หัวหนึ่งมีกระทะน้ำมันท่วมกำลังเดือดปุดๆ ชโลมตัวปลา กับอีกกระทะที่กำลังผัดแขนงอยู่อย่างตั้งใจ

ผมเข้าใจว่าพี่ปูนตื่นเต้นกับฝีมือการครัวของผม แต่ไม่จำเป็นเลยกับการยืนกอดซ้อนแผ่นหลังแบบแนบชิดเช่นนี้ ผมทำงานไม่สะดวก ผมกลัวน้ำมันจะกระเด็นใส่ผิวเนียนๆ ของคุณชาย และอากาศตรงนี้ก้ร้อนอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องมาทำให้ร้อนมากขึ้นไปอีกก็ได้

“บอกแล้วไงว่าห้ามทำตัวรุ่มร่ามในบ้าน”  ผมทำเสียงเข้มใส่ พี่ปูนหัวเราะตอบเบาๆ แล้วหอมแก้มผมฟอดใหญ่หนึ่งทีก่อนจะคลายอ้อมกอดถอยห่างออกไป

มันก็จะเขินๆ หน่อยล่ะนะ แต่ผมเลือกที่จะทำเฉยไว้และไม่สนใจพี่ปูนอีกเพื่อที่จะได้หันมาสนใจมื้อค่ำบนเตา ผมผัดแขนงอีกสักเล็กน้อยก่อนจะใส่หมูกรอบลงไป หยิบนั่นปรุงนี่ด้วยความชำนาญแล้วยกกระทะจัดใส่จานเป็นอย่างแรก ผมหันหลังเพื่อจะวางจานผัดที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งลงบนโต๊ะกลาง และตรงนั้นก็มีพี่ปูนยืนพักสะโพกมองมาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนที่ทำเอาจานในมือสั่น 

“อะไร?”  ผมถามแก้เขิน

พี่ปูนส่ายหน้าทั้งรอยยิ้ม มือใหญ่รับจานในมือผมไปถือไว้เองพลางยื่นหน้าสูดดมกลิ่น  “น่าอร่อย”

“ไม่ใช่ ‘น่า’ นะ แต่มันอร่อยแน่นอน”  เหมือนตัวเองโดนสบประมาท ผมรีบหยิบช้อนแล้วตักผักกับหมูกรอบคู่กันขึ้นมา เป่าเล็กน้อยก่อนจะยื่นจ่อตรงปากอีกฝ่าย ผมลุ้นตัวโก่งยามพี่ปูนอ้าปากรับช้อนเข้าปาก เคี้ยวเชื่องช้ายังกับช้างเคี้ยวเอื้อง ผมจดจ่ออยู่กับลูกกระเดือกพี่ปูนที่เริ่มขยับขึ้นลงอันเป็นสัญญาณว่าการกลืนเกิดขึ้นแล้ว

“เป็นไง? อร่อยใช่มะ”

“มาก!” 

ผมยักคิ้วยึกๆ ให้คนวิจารณ์แล้วหันกลับไปทำกับข้าวต่อจนเสร็จ ปลาทอดตัวใหญ่หอมๆ กรอบๆ รอถูกราดด้วยน้ำยำรสชาติจัดจ้าน และในขณะที่ข้าวสุกส่งกลิ่นหอมฟุ้งออกมาจากหม้อ ผมก็จัดการแกะถุงแกงส้มลงชามเพื่อเวฟให้ร้อน ทุกอย่างเรียกว่าพร้อมแล้ว รอเวลาแค่บรรดาคุณผู้หญิงกลับมา

ผมลากพี่ปูนมานั่งดูทีวีรอเวลา อีกไม่เกินสิบห้านาทีนี้คุณดาหลาคงกลับถึงบ้าน เผอิญว่าแม่ผมเขาเป็นคนอยู่บ้านว่างๆ ไม่ค่อยได้ นี่ก็ออกไปช้อปปิ้งตากแอร์เพลินๆ แต่บังเอิญว่ารถติดไปหน่อยเลยกลับมาไม่ทันเวลานัด ผมเลยใช้โอกาสนี้สอนสั่งตาคุณชายกระเป๋าหนักสักเล็กน้อย

“ห้ามซื้อของอย่างวันนี้อีกนะ ใช้เงินมือเติบเกินไปแล้ว”

“พี่มือเติบตรงไหน?”  คนนั่งพิงตีหน้ามึนไม่เข้าใจ ผมล่ะเบื่อพวกมีเงินถุงเงินถังจริงๆ

“ก็อย่างที่ซื้อของให้ผม ที่สั่งข้าวมาวันนี้ด้วย”  ผมชี้แจง  “ทุกอย่างมันเยอะเกินความจำเป็น เปลืองเงินเงินจะตาย”

“อย่าคิดเล็กคิดน้อยน่า มากกว่านี้พี่ก็ซื้อให้ได้”

ผมฟาดมือลงบนหน้าขาของคนที่ไม่ยอมเข้าใจอะไรเบาๆ ขยับตัวให้ออกจากการเป็นหลักพิงเพื่อมานั่งคุยกันอย่างเป็นจริงเป็นจัง พี่ปูนดูจะขัดใจเล็กน้อยแต่ก็ยอมเปลี่ยนท่ามานั่งรับฟัง

“ผมไม่รู้ แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วยว่าพี่มีเงินเยอะขนาดไหน แล้วผมก็ไม่สนด้วยว่าพี่จะใช้จ่ายอะไรบ้างเพราะมันเป็นเงินของพี่ แต่ต้องไม่ใช่เพื่อคนอื่นหรือเพื่อผม”  ผมมองหน้าอีกฝ่ายแล้วให้ถอนหายใจออกมา สีหน้าพี่ปูนนั้นไร้ซึ่งความเข้าใจอย่างที่สุด...เอ? หรือผมอธิบายไม่รู้เรื่องวะ?  “แบบว่า...พี่เป็นคนหาเงินใช่มั้ย พี่ก็ควรจะใช้มันเพื่อตัวเองและครอบครัวไม่ใช่กับคนอื่น แต่อย่าเข้าใจผิดว่าผมไม่ซาบซึ้งกับน้ำใจของพี่นะ ผมมีความสุขทุกครั้งที่พี่คิดถึงผม แต่ทุกอย่างมันต้องมีความพอดี...ปุริมเข้าใจลุงมั้ย?”

พี่ปูนสบตาผม สีหน้าราบเรียบจนผมเดาอารมณ์ไม่ถูก อย่างเดียวที่ผมกังวลคือการที่พี่ปูนจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อ แล้วจะพาลโกรธเคืองให้ต้องง้อกันยกใหญ่ คิดได้ดังนั้นผมเลยถือโอกาสเอามือพี่ปูนมากุมไว้ก่อนเป็นหลักประกันความพึงพอใจ

ผมมองเรียวนิ้วของเราเกาะเกี่ยวกันเงียบๆ ผมเองก็ไม่รู้จะเริ่มเปิดประโยคอะไรต่อในเมื่อข้อสนทนาเก่ายังค้างคาแบบไร้ความกระจ่าง พี่ปูนเองก็มองผมนิ่งๆ คล้ายกับยังคงคิดเรื่องบางอย่างอยู่ แต่ในจังหวะที่ผมอยากจะเปลี่ยนเรื่องไปซะให้รู้แล้วรู้รอด พี่ปูนก็เริ่มเปิดปากพูดออกมา

“มันเรื่องของพี่...”

“หา??”  ผมกระพริบตาปริบๆ อย่างไม่เข้าใจ สีหน้าคงดูตลกมากจนพี่ปูนอมยิ้มออกมา

“ก่อนหน้านี้พี่ใช้จ่ายกับคนที่ไม่ได้มีค่าอะไรกับชีวิตพี่มาเยอะแล้ว แต่ลุงมีความหมายต่อพี่ แล้วทำไมการที่พี่ซื้ออะไรต่อมิอะไรให้ถึงจะต้องเป็นปัญหาด้วยล่ะ”  ผมกำลังจะอ้าปากเถียงแต่พี่ปูนก็ยกนิ้วชี้ขึ้นเป็นเชิงเตือนให้ผมฟังให้จบเสียก่อน  “ในเมื่อลุงบอกว่ามันเป็นเงินของพี่ ลุงก็แค่ได้โปรดรับมันไป เพราะพี่เต็มใจให้โดยไม่มีข้อแม้ใดเลย”

“ประเด็นคือมันมากเกินไปไง”  ผมอุบอิบแย้งออกไปจนได้

“พี่เป็นคนหาเงิน พี่รู้อยู่หรอกว่าตัวเองมีเท่าไหร่จะใช้จ่ายได้แค่ไหน”  เมื่อเห็นผมยังไม่ยอมรับ พี่ปูนก็รุกหนักโดยการดึงมือผมเข้าหาตัวเพื่อโอบเต็มวงแขน  “อย่าคิดมากน่า...ใช่ว่าพี่จะซื้อของแพงให้ลุงบ่อยๆ ซะหน่อย ลุงเองก็ไม่เคยขออะไรจากพี่นี่นา ทุกอย่างพี่ทำไปเพราะเสน่ห์หาล้วนๆ ลุงแค่รับไปด้วยความยินดีก็พอ”

ผมคร้านจะเซ้าซี้เรื่องนี้ต่อแล้วจริงๆ  “แค่อย่าซื้อให้มันมากเกินไปก็พอ โอเคนะปุริม”

“จะพยายามครับ”  พี่ปูนกอดผมแรงๆ ริมฝีปากก็เริ่มจะซุกซนไปตามซอกคอให้น่าหวาดเสียว ผมนี่ถึงกับทึ้งผมพี่ปูนจนหน้าแหงนด้วยกลัวว่าอะไรมันจะเกินเลย

“ไม่ได้อยู่บนเตียงยังจะกล้าจิกผมพี่อีกนะ!!”

“เมื่อวานก่อนโน้นอยู่ในห้องน้ำลุงก็จิกเหอะ!!”

พี่ปูนเดาะลิ้นขัดใจ  “งั้นแก้ใหม่! เวลาไม่ได้เอากันห้ามทึ้งหัวพี่เข้าใจนะ”


ผัวผมนี่มันชอบพูดอะไรลากเข้าเรื่องสัปดนอยู่เรื่อยเชียว


และเราก็จบการสนทนาที่เริ่มจะพาสู่เรื่องใต้สะดือแต่เพียงเท่านี้ เพราะมีเสียงบีบแตรมาจากหน้าประตูรั้ว ผมรีบถอยห่างออกจากพี่ปูนอย่างว่องไว เผ่นผลิวออกไปเปิดประตูรับคุณนายสักคนที่ถึงเวลากลับรัง แสงไฟจากหน้ารถลอดผ่านช่องว่างของประตูเข้ามา ผมหยีตาพลางเลื่อนประตูรั้วออกไปให้พ้นทาง เสียงล้อบดพื้นดังขึ้นเบาๆ ยามรถเก๋งคันสีแดงสดเคลื่อนเข้าไปที่โรงจอดอย่างชำนาญ

ประตูด้านคนขับเปิดออก ขาเรียวสวยข้างหนึ่งหย่อนลงเหยียบพื้น รองเท้าส้นสูงสีน้ำเงินบิดเล็กน้อยก่อนที่ขาอีกข้างจะก้าวตามลงมา แล้วเมื่อเจ้าของเรียวขาคู่สวยเหยียดตัวขึ้นเต็มความสูง ปลายนิ้วก็สะบัดผมที่ปลกหน้าออกไปด้วยท่วงท่าเหมือนหลุดมาจากโฆษณาขายรถ

ผมตั้งท่าจะเลื่อนประตูปิดตามเดิมเพื่อจะได้เดินเข้าไปช่วยคุณพี่คนสวยถือข้าวของ แต่แสงไฟจากหน้ารถอีกคันกลับสาดเข้าลูกตาผมเสียก่อน ผมเบี่ยงตัวหลบรถเก๋งคันสีขาวที่เลี้ยวเข้ามาจอดยังที่ว่างข้างๆ รอจนกระทั่งท่านเจ้าของรถขยับยึกไปยักมาเรียบร้อยถึงได้ฤกษ์ปิดประตูจริงๆ สักที

“ไปด้วยกันเหรอ?”  ผมถามเมื่อเดินเข้าไปสมทบสองสาวที่กำลังก้มๆ เงยกันอยู่ที่รถตัวเอง

“ฉันตรงมาจากที่ทำงานย่ะ”  ป้ารีบแก้ความเข้าใจผิด พลางกวักมือเรียกผมให้เข้าไปหา แล้วยื่นกล่องกระดาษสีน้ำตาลมาให้ถือ แต่ดูจากรูปที่อยู่ข้างตัวกล่องกับภาษาญี่ปุ่นยึกยือนั้นต้องเป็นเมล่อนอย่างแน่แท้ ผมนี่ยิ้มแก้มปริเลย

“กำลังอยากกินเลยอ่ะ”

“งั้นก็จงดีใจซะ ลูกนี้เป็นพันนะยะ”  ป้าเหยียดยิ้มและไม่ลืมที่จะบิดแก้มผมเบาๆ ก่อนจะก้มหยิบกระเป๋าถือกับกระเป๋าเอกสารจนเต็มสองมือ ผมกะจะปิดประตูให้แต่ป้ากลับเหวี่ยงขาผลักแรงๆ จนประตูปิดสนิทแบบง่ายดาย...กิริยาไม่ได้สมกับหน้าตาเอาซะเลย

ผมปล่อยป้าไปตามทาง แล้วเดินต่อไปหาสาวอีกนางที่กำลังวุ่นวายอยู่ตรงหลังรถ  “มีอะไรให้ลุงถือมั้ยคุณดาหลา?”

“เยอะแยะจ้ะ”  ว่าแล้วก็ส่งถุงกระดาษให้ผมเสียหลายใบ  “แม่ซื้อกางเกงในมาให้คุณลุงด้วย มันจัดโปรลดตั้ง70% แหน่ะ”

“ขอบคุณครับ”  เนี่ยล่ะครับคนเป็นแม่ ดูแลลูกชายยันในร่มผ้า คุณดาหลายิ้มหวานแล้วจัดการปิดหลังรถ ขนาดผมช่วยถือไปบ้างแล้วนะ สองมือคุณนายแกยังมีของให้หอบหิ้วอีกเยอะแยะ  “มาๆ ผมถือให้” 

“คุณปูนรอแย่เลย”  คำพูดคล้ายๆ จะรู้สึกผิด แต่สีหน้าแม่ก็ยังดูเบิกบานเหมือนเดินอยู่ในดงของ sale

“พี่ปูนน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่ลุงอ่ะหิวมาก!”

“คิกคิก แม่ก็หิวแล้วเหมือนกัน”  ว่าแล้วสองแม่ลูกก็เดินควงแขนกันเข้าไปในบ้านอย่างร่าเริง

แต่บางอย่างมันดูผิดแผกออกไป ผมกับแม่มองหน้ากันเร็วๆ เมื่อเห็นป้ายืนจังก้าอยู่กลางบ้าน มือเท้าเอวเหมือนคนเตรียมพร้อมมีเรื่อง ศีรษะตั้งตรงมองไปยังเบื้องหน้า...ซึ่งก็คือพี่ปูน

“แม่ได้บอกป้ารึเปล่าว่าแฟนลุงมาอ่ะ”  ผมรีบกระซิบถามแม่ในทันที

“บอกสิ บอกด้วยว่าเป็นผู้ชาย ก็ไม่เห็นคุณป้าว่าอะไรนะ”  แม่ตอบกลับมาเสียงเบาไม่แพ้กัน  มองสองคนตรงหน้าด้วยความสับสน แต่ก่อนที่พวกผมจะได้พูดอะไรออกมาอีก สาวสวยในหัวข้อสนทนาก็หันขวับมาทางผม ดวงตาคมมองมาอย่างเอาเรื่อง

“บอกฉันมาซิว่าผู้ชายคนนี้เป็นอะไรกับแก”

“เอ่อ...ป้ามีอะไรรึเปล่า?”  บรรยากาศชักจะไม่ดีเอามากๆ แล้ว ผมเลือกที่จะละสายตาจากพี่สาวเพื่อหันไปมองแฟนหนุ่มที่ยืนนิ่งไกลออกไป  “พี่ปูนมันเกิดอะไรขึ้นอ่ะ”

“แกยังไม่ตอบพี่นะลุง”  ป้าเค้นเสียงเข้ม นั่นทำให้ผมคอหดกลับเข้าไปในกระดองแล้วอ้อมแอ้มตอบตามความจริง

“พี่ปูนเป็นแฟนลุง”

“เลิกไปซะ!!” 

ผมยืนงงหนักเข้าไปใหญ่ นี่มันอะไรกันเนี่ย! ในหัวผมสับสน จับต้นชนปลายไม่ถูก รู้ตัวอีกทีก็รู้สึกว่าตัวเองมองป้าทีพี่ปูนทีเพื่อหวังให้ใครสักคนอธิบาย

“ก่อนจะโวยวายป้าควรจะต้องบอกแม่กับน้องว่ามันเกิดอะไรขึ้น”  คราวนี้คุณดาหลาชักเสียงเข้มเข้าข่ม อย่างน้อยมันก็พอจะทำให้ทีท่าไม่สนอะไรใครของป้าลดน้อยลง

“ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนดี! ป้าไม่ยอมให้มาคบกับลุงแน่นอน” 

เสียงดังฟังชัดของป้าทะลุเข้าหูผมแบบไม่ตกหล่น การกล่าวหาใครสักคนตั้งแต่แรกพบหน้านั้นเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว นอกเสียจากว่าทั้งสองคนจะเคยรู้จักมักจี่กันมาก่อนพอที่จะรู้นิสัยเบื้องหลังกัน คิดมาถึงตรงนี้ผมก็ชะงักไปด้วยความตกใจ ผมเดินโซเซเอาของไปวางไว้บนโต๊ะก่อนจะสืบเท้าเข้าไปหาพี่ปูนที่ยังคงยืนนิ่งเป็นรูปปั้น

“หมายความว่าไงอ่ะพี่ปูน”  ผมเงยหน้าสบตากับคนรัก แววตาที่เต็มไปด้วยคำถามของผมทำให้พี่ปูนสลายหน้ากากเย็นชาออก ใบหน้าคมเข้มแสดงสีหน้าเจ็บปวดจนผมเชื่อความคิดของตัวเองได้อย่างสนิทใจ

“แกยังไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ดีหรอกลุง เลิกกับเขาซะ!”  ป้ายังคงสั่งการอยู่เบื้องหลัง แต่ผมนั้นสับสนและเสียใจไปแล้ว ผมหันไปมองพี่สาวตัวเองที่ตีหน้าเครียด มองแฟนหนุ่มที่มองมาที่ผมราวกับจะอ้อนวอนขอความเชื่อใจ

“นี่พวกพี่...”  ผมกลืนน้ำลาย คอแห้งผากไปหมด  “พวกพี่เคยเป็นแฟนกันงั้นเหรอ”

“ไม่ใช่!!/ไม่มีทาง!!”  สองเสียงประสานตอบ ดังจนแก้วหูผมสะเทือน


อ้าว?? ถ้างั้นแล้วจะจ้องกันปานศัตรูเพื่อ?


“แม่ขอคำอธิบายเดี๋ยวนี้!”  คุณดาหลาเองก็คงงงจนชักทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน คุณพยาบาลเดินเข้าไปขวางการเผชิญหน้าแบบไร้ที่มาที่ไป หันมองซ้ายทีขวาทีเพื่อหวังว่าใครสักคนจะมีคำตอบให้

“ผู้ชายคนนี้ฟันเพื่อนป้าแล้วก็ทิ้ง!”

ห๊ะ!! ผมกับแม่หันขวับไปจ้องหน้าผู้ถูกกล่าวหาทันทีที่ป้าพูดจบ

“จริงหรือคะคุณปูน?”  คุณดาหลาคงสับสนจนเผลอถามคำถามส่วนตัวออกไป แต่ผมเองก็อยากรู้ไม่ต่างกันหรอก
ในขณะที่พวกผมแม่ลูกรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ พี่ปูนกลับละสายตาจากผมขึ้นมองป้าที่ยืนตั้งตัวเป็นอริ สีหน้าเย็นชา แข็งกระด้างจนผมหวั่นใจ กลัวว่าพี่ปูนจะเส้นสติขาดผึงเหมือนตอนนั้น

“ไม่จริงครับ”

“โกหก!!”  ป้าสวนกลับในทันที

“นั่นก็แล้วแต่คุณจะเชื่อ แต่ผมก็ยังยืนยันว่าไม่เคยหลอกฟันใครฟรีๆ”

พี่ปูนก็พูดตรงซะแม่ผมอ้าปากพะงาบๆ แล้ว ถามว่าถ้าเป็นเรื่องอดีตอันเจิดจรัสของพี่ปูนนั้นผมก็พอจะได้ยินมาบ้าง ด้วยจากคนอื่นและพี่ปูนบอกเล่ามาเอง จะด้วยตั้งใจหลุดปากหรือไม่นั้นผมก็ได้ถือว่ารับรู้มาแล้ว ครั้นจะให้ตกใจซ้ำซ้อนก็เห็นว่าจะเป็นการเสแสร้งเกินไป ถ้าในบรรดากิ๊กของพี่ปูนไม่ใช่ป้าผมก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีก

ผมสะกิดพี่ปูนให้หันมาสบตากัน  “ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?”

“...พี่จำชื่อไม่ได้ด้วยซ้ำ” 

“เลว!”  ป้าขัดน้ำเสียงไม่แยแสสิ่งใดของพี่ปูน สีหน้าเหมือนกับพร้อมจะปรี่เข้ามาตบได้ทุกเมื่อ ผมเลยต้องชิงยกมือห้ามเพื่อขอโอกาสซักถามสักครู่

“พี่ได้ผิดสัญญากับลุงรึเปล่า?”

“ไม่ ...และจะไม่มีวันด้วย”

ผมจ้องเข้าไปในดวงตาสีดำเข้มลึก ไม่แม้แต่จะไหวระริกให้สะดุดใจ พี่ปูนจ้องผมเหมือนกับว่าถอดวิญญาณออกมากองไว้เบื้องหน้าเพื่อของให้ผมเชื่อ

ถ้าป้าเป็นแค่เพื่อนของผู้หญิงที่กล่าวอ้างคนนั้น นั่นหมายความว่าผมรู้จักพี่ปูนมากกว่าแน่นอน ผมไม่ได้คิดว่าป้าไร้เหตุผล คนเป็นพี่สาวยังไงก็ต้องห่วงน้องชายวันยังค่ำ และผมรู้ดีว่าป้ารักผมแค่ไหน แต่ผมก็คิดว่ารู้นิสัยคนของตัวเองดีพอเหมือนกัน

ถึงพี่ปูนจะเจ้าเล่ห์แค่ไหน แต่ผมเชื่อว่าผู้ชายคนนี้ซื่อสัตย์มากพอที่จะไม่ทรยศต่อความต้องการของตัวเอง และคนประเภทนี้มักไม่โกหก...อย่างน้อยผมก็เชื่อแบบนั้น

“กลับไปก่อนนะพี่ปูน”  สิ้นคำจากปากผม พี่ปูนสีหน้าเปลี่ยนฉับพลันจนผมปวดใจ มันมีทั้งแววตื่นตระหนกและน้อยใจ หมดสิ้นหน้ากากแข็งกระด้างที่สวมมาตลอด

“เชื่อพี่... พี่ไม่ได้โกหกนะ”

“ผมรู้”  ผมจับมืออีกฝ่ายมากุมแน่น อดไม่ได้ที่จะพูดให้คนๆ นี้คลายกังวล  “ลุงต้องเชื่อปุริมอยู่แล้ว”

“ลุง!! นี่หาว่าฉันโกหกเหรอห๊ะ!!”  ป้าตวาดเสียงดัง ทำท่าจะเดินเข้ามาหาแต่ก็ถูกแม่ดึงแขนไว้ก่อน

“หยุดโวยวายน้องได้แล้ว!”  คุณดาหลาว่าเสียงเข้ม ชี้นิ้วไปที่โซฟาด้วยท่าทางเด็ดขาด  “ไปนั่งรอแม่ เรามีเรื่องต้องคุยกัน”

“แม่! นี่แม่ไม่เชื่อป้าเหรอ”

“แม่บอกอย่างนั้นเหรอ ไปนั่งซะป้า อย่าให้แม่โมโห”

แล้วป้าก็เดินสะบัดตัวก้าวเท้าตึงตังไปทิ้งตัวนั่งลงตามคำสั่งด้วยท่าทีขุ่นเคือง คุณดาหลาได้แต่ส่งเสียงขัดใจกับกิริยาของลูกสาว แต่ก็เลือกที่จะไม่สาวความให้ยืดยาว คุณพยาบาลหันกลับมายิ้มให้พี่ปูนเหมือนไม่มีเรื่องราวใดเกิดขึ้น แต่ในฐานะที่เป็นลูกชายของคุณดาหลามาตั้งแต่อยู่ในท้อง ผมบอกได้เลยว่าระดับความมั่นใจที่มีต่อพี่ปูนนั้นคงหล่นฮวบลงไปไม่มากก็น้อย แม่รู้ดีพอๆ กับผมว่าป้าไม่เคยว่าร้ายใครจริงจังขนาดนี้ แสดงว่าในคำกล่าวหานั้นย่อมเจือไปด้วยความจริง

“น้ำต้องขอโทษคุณปูนด้วยนะคะ อุตส่าห์หิ้วท้องรอแล้วยังต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก”  สายตาและน้ำเสียงของแม่ยังคงเป็นมิตร อย่างน้อยแม่ก็ไม่ฟังความข้างเดียว

“เป็นผมที่ต้องขอโทษคุณน้าต่างหากครับ”   

ผมจับมือพี่ปูนแน่น คนเก่งของผมคงใจเสียไปโข น้ำเสียงถึงได้ขาดความมั่นใจไปกว่าครึ่งแบบนี้ เฮ้อ~ ประวัติพี่แกคงโชกโชนไม่เบาหรอก ถึงขนาดมีคู่ขาเป็นนางแบบดังได้นี่ก็ไม่ธรรมดาเอามากๆ แล้ว

“ลุงไปส่งพี่เขาไป แล้วเราค่อยกลับมาคุยกัน”  แม่สั่งความ รับไหว้จากพี่ปูนแล้วเดินไปหาลูกสาวที่นั่งหน้าบูดเป็นตูดทันที

ผมจูงมือพี่ปูนเดินออกจากบ้าน ระหว่างทางไปถึงรถพี่ปูนเอาแต่นิ่งเงียบ กระทั่งผมเปิดประตูรถที่จอดริมรั้วบ้านให้ คุณชายที่ก้าวขึ้นไปนั่งนิ่งเรียบร้อยจึงค่อยหันมาสบตากับผม แม้รอบข้างจะมีเพียงแสงสลัวจากไฟทาง แต่ผมก็ยังเห็นสายตาวอนขอจากอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน

“เชื่อพี่ใช่มั้ย?”

“ผมก็รู้มาตั้งแต่แรกแล้วนี่ว่าพี่ไม่ใช่หนุ่มบริสุทธิ์ผุดผ่องอ่ะ”  ผมกระเซ้าหวังให้พี่ปูนหายเครียด ซึ่งมันก็ได้ผลเมื่อริมฝีปากของคนฟังแตะแต้มรอยยิ้ม  “พี่คิดว่าเรารู้จักกันมากี่ปีแล้ว สารภาพตามตรงเลยนะว่า ผมเพิ่งจะมาเห็นว่าพี่แสนดีก็ตอนที่คบกันเนี่ยแหละ”

“ก่อนนั้นพี่คงนิสัยเลวมากสินะ”  พี่ปูนแค่นยิ้ม

“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นอ่ะ เอาจริงๆ คือผมอคติกับพี่เองด้วย”  ผมสารภาพตามตรงพลางยักไหล่ไม่ใส่ใจกับอดีตที่ผ่านมา  “แต่พี่ปูนฟังลุงนะ...ทุกคนต่างก็เคยมีอดีตกันทั้งนั้น ถ้าเรามัวแต่เอาอดีตเข้ามาวุ่นวายกับปัจจุบันแล้วเราจะคบกันรอดเหรอ? ระหว่างเราตอนนี้คือปัจจุบันนะ เพราะฉะนั้นลุงไม่แคร์กับอดีตของพี่หรอก”

สีหน้าของพี่ปูนโล่งใจขึ้น มือใหญ่ยื่นออกมาคว้าขอผมดึงรั้งเข้าไปกอดแนบอก ผมตกใจนิดหน่อยด้วยเพราะเราอยู่กันข้างถนน แต่การปัดป้องอ้อมกอดในตอนนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่เหมาะเหมือนกัน ผมจึงงัดสกิลหน้าเหล็กขึ้นมาใช้อีกครั้ง เพื่อสวมกอดคนรักพลางลูบแผ่นหลังกว้างไปมาให้อีกฝ่ายผ่อนคลาย   

“ขอบใจนะ”  พี่ปูนกระซิบเสียงเครือ

ผมไว้ใจพี่แล้วก็เชื่อใจพี่”  ผมตอบกลับ ซุกใบหน้าเข้าหาลำคอแล้วจูบเบาๆ  “ถ้าทุกอย่างระหว่างเรามันจะต้องเปลี่ยนแปลงไปก็แค่บอกผม...โอเคนะ”

ผมจำได้ว่าตัวเองเคยพูดประโยคประมาณนี้ไปแล้วในวันที่เกือบจะเลิกกัน จำได้ว่าตอนนั้นตัวเองพูดออกมาได้ง่ายๆ เหมือนกับท่องคำคมชีวิตสักข้อให้กันและกันฟัง แต่พอมาถึงตอนนี้ ตรงที่รู้ตัวว่าความรักมันพอกพูนขึ้นมา ผมกลับรู้สึกว่าปณิธานข้อนี้นั้นบาดหัวใจแค่ไหน มันปวดแปลบจนไม่อยากจะพูดขึ้นมาอีกในสักวันใดวันหนึ่ง


ผมกอดพี่ปูนแน่นขึ้น


รู้ตัวได้ทันทีว่าถ้าเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงมาถึง ผมต้องร้องไห้ให้กับมันไปพักใหญ่เลยทีเดียว


ผมพยายามขับไล่ความคิดแง่ลบให้ออกไปจากหัว ชีวิตคู่มันก็เหมือนวัฎจักรของดอกไม้นั่นแหล่ะ ผลิบาน เหี่ยวเฉาแล้วก็โรยราไป มันไม่มีความรักที่ไหนเร่าร้อนซาบซ่านไปได้ตลอดหรอก ที่ทำให้อยู่กันไปยืดยาวได้นั้นก็เห็นจะมีแค่ความผูกพันกับความเข้าใจ ซึ่งคนส่วนมากพอพบว่าความเร่าร้อนมันกลายเป็นกลีบใบเหี่ยวเฉา ก็มักจะเลือกจบความสัมพันธ์ทั้งที่มันยังไม่ทันโรยรา

เพราะฉะนั้นอนาคตผมอาจจะต้องเสียใจหากพี่ปูนต้องการเลือกไปปลูกไม้ต้นใหม่กับใครคนอื่น แต่ผมก็จะเข้าใจและไม่เลือกที่จะรั้งไว้แน่นอน

  “กลับบ้านนะ”  สีหน้าพี่ปูนไม่ได้ดูดีขึ้นสักเท่าไหร่ ภาษากายนั้นแฝงไว้ด้วยความไม่เต็มใจแต่ก็ไม่พูดขัดแย้งอะไรออกมา แต่เป็นผมเสียอีกที่ทนเห็นไม่ได้  “ไปรอที่บ้านโอเค๊?...เดี๋ยวผมไปหา”

นิ่งไปชั่วอึดใจ แล้วจากนั้นสีหน้าแปลกใจจึงเปลี่ยนเป็นความยินดี พี่ปูนกลับมายิ้มกว้างได้อีกครั้ง  “จริงเหรอ!?”

“ลุงต้องเข้าไปคุยกับป้าก่อน เพราะงั้นพี่ปูนกลับไปก่อนนะ แล้วลุงจะตามไป”

“แล้วการลงโทษล่ะ...”

“ลุงจัดการเอง”  ผมตอบอย่างให้ความมั่นใจ ยืดตัวขึ้นเล็กน้อยจูบแก้มหอมๆ ของหนุ่มหล่อสักเล็กน้อยแล้วบอกลาเพื่อเดินเข้าไปเผชิญชะตากรรมในบ้าน

ผมเปิดประตูอย่างไม่ลังเล ด้วยความคิดที่ว่า ‘อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด’ ทำให้ผมมุ่งตรงไปยังมุมนั่งเล่นในทันที ป้าที่นั่งหน้าไม่พอใจหันมามองผมแบบไม่ละสายตาจนกระทั่งผมนั่งลงบนเก้าอี้อีกตัว ป้าดูจะโมโหผมไม่น้อย และแม่ก็ดูจะกล่อมเกลาให้ลูกสาวตัวเองใจเย็นไม่ได้สักเท่าไหร่ด้วย

เลิกกับผู้ชายคนนั้นซะ!”  ป้าประกาศก้อง สีหน้าทั้งจริงจัง ทั้งดุดัน

ไม่!”  น้ำเสียงของผมนั้นก็ชัดเจนไม่แพ้กัน ผมนี่เหมือนเห็นไฟลุกพรึบพรับขึ้นมาในแววตาพี่สาวเลย

“ฉันไม่มีปัญหาอะไรกับการที่แกเป็นเกย์หรอกนะ แค่เลิกกับมันซะ แล้วฉันจะหาผู้ชายดีๆ ให้แกเอง”


บ้าไปใหญ่แล้ว... อย่าว่าแต่ผมอดมองผู้หญิงคนนี้ด้วยความตกใจไม่ได้เลย คุณดาหลานี่นั่งอ้าปากค้างไปแล้ว 


“ไหนสัญญากับแม่ว่าจะใจเย็นกับน้องไง”

“นี่ป้าก็เย็นแล้วไง”  คุณลูกบังเกิดเกล้าหันไปแหววใส่แม่ตัวเอง แต่คุณดาหลาก็ไม่ได้ถือสาหาความอะไร  “ฟังพี่นะลุง...ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนดีเลย”

ผมเลือกที่จะนิ่งฟังความของพี่สาวก่อน อยากจะรู้ว่าเพราะอะไรถึงได้ว่าพี่ปูนปาวๆ ขนาดนี้

“เขาคบกับเพื่อนพี่อยู่พักหนึ่งแล้วจากนั้นก็หายต๋อมไปเลย ครั้งสุดท้ายที่ติดต่อมาคือการส่งข้อความว่าต่อไปนี้จะไม่มีการติดต่อใดอีกแล้ว คนแบบนี้เหรอจะเป็นแฟนที่ดีได้”

ผมกับแม่หันมาสบตากันอย่างมิได้นัดหมาย...อืม ฟังดูก็ไม่ใช่แฟนที่ดีเท่าไหร่จริงๆ 

“แล้วล่าสุดเลย เมื่อไม่กี่วันก่อนพี่กับเพื่อนไปดื่มกันที่คลับ แล้วฝ้ายมันก็เห็นแฟนแกนั่งกินเหล้ากับเพื่อน มีทั้งนางแบบทั้งดาราฉันก็เลยสนใจขึ้นมา”

“เดี๋ยว!”  ผมรีบขัดด้วยความร้อนรน ไอ้ดาราผมพอรู้ว่าคงเป็นพี่กร แต่นางแบบนี่มัน...  “นางแบบคนไหน?”

“เจน่า ครอส ที่ดังๆ สวยๆ แกเป็นแฟนบอยอยู่ไม่ใช่รึไง”

“..........”

ผมเม้มปากแน่น กลัวว่าจะเผลอหลุดด่าพี่ปูนผสมโรงด้วย เจน่า? นางแบบ? ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่เหรอไงที่พาพี่ปูนหายไปทั้งวัน แล้วยังกลับมาสารภาพกับผมว่าเกือบนอนส่งท้ายความหลังกันน่ะ ไอ้พี่ปูน! ปกติแล้วเขาไปนั่งดื่มเหล้ากับคนที่เลิกความสัมพันธ์สวาทกันไปแล้วด้วยรึไง? คือถ้าป้าไม่พูดผมก็คงจะไม่รู้เลยใช่มั้ย? กี่ครั้งกี่หนแล้วล่ะที่ไปดื่มด้วยกันมา แล้วถ้า...



แปะ! แปะ! แปะ!



ผมตบแก้มตัวเองจนรู้สึกเจ็บ สร้างความตกใจให้ครอบครัวไม่น้อย

“เป็นอะไรลูก”  คุณดาหลาถามด้วยสีหน้ากังวล

“ลุงตบเรียกสติตัวเองอ่ะแม่”  ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อกลับมาโฟกัสที่เรื่องระหว่างป้ากับพี่ปูนอีกครั้ง ผมจะไม่เอาเรื่องในส่วนอื่นเข้ามาปะปน ไม่อย่างนั้นก็จะดูไม่ยุติธรรมกับพี่ปูนเกินไป...แต่หลังจากนี้น่ะเรื่องผมกับผัวล้วนๆ แน่!!

“ว่าต่อเลยป้า”  ผมเชื้อเชิญ ป้ามองผมอย่างชั่งใจเล็กน้อยแล้วเริ่มพูดต่อ

“เรื่องมันก็จบไปหลายเดือนมาแล้ว แต่พอฝ้ายเห็นผู้ชายคนนั้นอีกมันก็ดื่มจนเมา พอพี่คลาดสายตาเข้าหน่อยมันก็ลุกเดินตามแฟนแกออกไป มันโผเข้าหาผู้ชายที่ทำสีหน้ารังเกียจใส่มันทั้งที่เคยนอนด้วยกันมาแล้ว แถมพอมันพร่ำเพ้อผู้ชายคนนั้นก็บอกว่าจำไม่ได้ และเพื่อเชื่อว่าไม่ได้โกหกด้วย เพราะทั้งสีหน้าและอาการมันบ่งบอกเลยว่าไม่มีเพื่อพี่อยู่ในเสี้ยวความทรงจำสักนิด!”

“เพื่อนคุณป้าทักคนผิดรึเปล่าจ๊ะ”  คุณดาหลาพยายามช่วย แต่กลับโดนสายตาคมดุตวัดมองจนทำได้เพียงยิ้มเจื่อน แถมยังหันมามองผมเหมือนจะสื่อสารว่าตัวเองพยายามช่วยแล้วนะอีก

“แล้วรู้มั้ยแฟนแกทำยังไง มันผลักฝ้ายออกจนล้มลงไปกองกับพื้นโดยที่ไม่เหลียวมามองเลย แต่กลับหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเสื้อตัวเองที่เปื้อน ผู้ชายดีๆ เขาทำกันแบบนั้นเหรอแม่”

“เอ่อ...ก็ไม่รู้สิลูก แม่ไม่เคยวิ่งไปร้องไห้กับอกใครมาก่อน”

“แม่!!”

ผมได้แต่ร่ำร้องอยู่ในใจ คุณดาหลาเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย ซ้ำยังจะทำให้สถานการณ์มันครุกรุ่นขึ้นไปอีก

“ผู้ชายคนนั้นบอกว่าฝ้ายเป็นคู่ขาด้วยสีหน้าวอนเท้ามาก แถมยังบอกว่าไม่เคยนอนกับใครฟรี ทำเหมือนเพื่อนพี่เป็นคุณโสแบบนี้จะให้พี่มองว่าเขาเป็นคนดีอีกรึไง”


เลวเลยล่ะครับ


ผมสะอึกกับความคิดในหัว แต่มีใครบ้างที่สมบูรณ์แบบบ้าง แต่ไหนแต่ไรมาพี่ปูนก็ไม่ใช่คนดีเต็มร้อยอยู่แล้ว ผมถึงกับเฉลี่ยค่าให้ที่ 50/50 เลยด้วยซ้ำ แต่หลังจากคบกันเป็นเรื่องเป็นราว ได้เห็นมุมนั้นมุมนี้เวลาอยู่ด้วยกัน ผมถึงได้รู้สึกว่าเนื้อแม้ของพี่ปูนนั้นก็เหมือนเด็กที่พยายามเรียกร้องความสนใจคนหนึ่ง อยากได้การตามใจ อยากได้ความรักที่เป็นรูปธรรมชัดเจน พี่ปูนคือคนเหงาที่ไม่ยอมปริปากว่าตัวเองต้องการใครสักคนข้างๆ

“งั้นผมถามป้านะ”  ถึงเวลาซักพยานกันแล้ว  “ป้าเคยเห็นพี่ปูนมาก่อนหน้านี้มั้ย ตอนที่พี่เขาคบกับเพื่อนป้าอ่ะ”

“...ไม่”  ป้าหน้าตึงไปเล็กน้อย

“ไหงงั้นอ่ะ เพื่อไม่เคยอวดแฟนให้ฟังเลยเหรอ?”

“เคยสิ! ฝ้ายมันบอกตลอดแหละว่าแฟนซื้อไอ้นั่นไอ้นี่ให้ ไหนจะสร้อยแหวนนาฬิกา กระเป๋าแพงๆ อีก”

อืม... ผมกับแม่หันมามองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมายอีกครั้ง

“คบกันนานมะ”

“ฉันจะรู้มั้ย! จิ๊! -- เดือนสองเดือนมั้ง”




-------------------------->>>>>
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 16-07-2018 01:16:51
ประมวลจากข้อเท็จจริงเบื้องต้นแล้ว ทั้งระยะเวลาการคบกัน ทั้งการเปย์ของให้มากมาย แถมไม่มีการพามาแสดงตัวให้เพื่อนสนิทรับรู้ ทั้งหมดนี่มันเรียกว่าการคบกันได้แล้วใช่มั้ย? แล้วผมที่ไม่เคยได้แม้แต่สร้อยแหวนนาฬิกาจากพี่ปูนเลยอ่ะ? แต่อย่างน้อยพี่ปูนก็ไม่เคยมองผมด้วยสีหน้ารังเกียจนะ...มีแต่ผมที่รังเกียจสายตาปานจะกลืนกินของพี่แก

“พี่รักแกนะลุง พี่ไม่อยากให้แกเจอคนไม่ดี”  ป้าพูดต่อด้วยท่าทางขึงขัง ผมเองก็รักพี่สาวมาก ถึงจะบ่นจะแอบด่ายังไงแต่ผมก็รักของผม แต่จะให้ผมเลิกกับพี่ปูนเพราะการฟังความจากบุคคลที่สามแบบนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องถูกต้อง อีกอย่างก็คือผมรู้ว่าพี่ปูนดีกับผมและรักผมอย่างที่ไม่มีแฟนคนไหนเคยทำให้รู้สึกแบบนี้มาก่อน

“ปราจีนลุงขอพูดบ้างนะ”  ผมเอ่ยเสียงนุ่ม ป้าคล้ายจะอ้าปากเถียงแต่ถูกคุณดาหลาห้ามไว้ก่อนจึงกลับมาสงบคำ จำยอมรับฟังน้องชายคนนี้ ผมสูดหายใจเข้าลึกก่อนเริ่มพูดต่อไป  “ลุงกับพี่ปูนเป็นเจ้านายกับลูกน้องมาหลายปี และระหว่างนั้นลุงไม่ได้ชอบขี้หน้าเขาเลย เพราะฉะนั้นลุงว่าตัวเองรู้ดีกว่าป้ามากว่าพี่ปูนมีข้อไม่ดีตรงไหน ไอ้เรื่องที่มีคู่ขาเยอะแยะมากมายลุงก็รู้ แต่นั่นมันคืออดีตไง”

“แต่อดีตมันก็ใช่ว่าจะเกิดกับปัจจุบันไม่ได้ไง”

“ลุงไม่รู้...”  ผมแย้งในจุดนั้นไม่ได้  “แต่ลุงก็รู้จักพี่ปูนในมุมที่ลุงรู้ พี่ปูนชอบที่จะอยู่ใกล้ๆ ลุง พร้อมเสียยิ่งกว่าพร้อมที่จะบอกใครต่อใครว่าลุงเป็นแฟนเขา แม้จะไม่เคยซื้อสร้อยแหวนหรือกระเป๋าให้ แต่พี่ปูนก็ชอบที่จะซื้อนู่นนี่นั่นให้เสมอ ไม่เคยหวงของกับลุง ลุงอยากจะหยิบจับอะไรพี่ปูนก็ไม่เคยห้าม ต่อให้ทำเสื้อเลอะพี่ปูนก็ไม่เคยโมโห อ้อ! ไม่เคยทำสีหน้ารังเกียจใส่ลุงด้วย”

“..........”  ป้าเม้มปากแน่น แต่ก็ยังคงเงียบไม่แทรกอะไรออกมาแม้จะดูไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่

“ไอ้คำว่ารักอ่ะมันก็เหมือนกับลมปากนั่นแหละ มันจะรู้สึกได้ว่ามีก็ตอนที่กลิ่นมันโชยออกมา”  ผมสอดแทรกประโยคเด็ดส่วนตัวให้ป้าอีกสักข้อ  “แล้วกลิ่นปากพี่ปูนก็แรงมากอ่ะ มันโชยออกมาจนลุงปฏิเสธไม่ได้เลย”


แม่กับป้ามองหน้าผมแบบแปลกๆ สักหน่อย แต่ก็ยังคงไม่แย้งอะไร


“ลุงสารภาพเลยนะว่าไม่เคยรักแฟนคนไหนมากเท่านี้ เพราะฉะนั้นถ้าป้าอยากจะให้ลุงเลิกกับพี่ปูนล่ะก็ ป้าต้องมีหลักฐานมากกว่านี้”  แว่บหนึ่งผมนึกถึงเจน่า ครอส แต่ก็พยายามสะบัดความคิดนั้นออกไปจากหัว  “ถ้าระหว่างที่คบกันพี่ปูนผิดต่อผม ถึงจะรักแค่ไหนผมก็ไม่เอาเด็ดขาด”

“แล้วแกจะเสียใจ”  ป้าสะบัดเสียงใส่ สีหน้ายังไม่ยอมแพ้ความคิดของตัวเอง

“นั่นก็เป็นเรื่องของน้องแล้ว อีกอย่างคุณลุงก็เป็นคนที่ผิดกับคุณปูนก่อนด้วย”  แม่เอ่ยตัดปัญหา หันไปมองป้าแล้วทอดถอนหายใจ  “น้องเราเมาแล้วก็ไปปล้ำเขา จะยังไงคุณปูนก็เสียหายเพราะคุณลุงไปแล้ว ลูกก็ต้องใจเย็นหน่อยเวลาเจอหน้ากัน”

ผมอ้าปากค้างด้วยความตกใจ ในหัวพยายามนึกว่าตอนที่นัดกินข้าวกันวันนั้นผมพูดอะไรกับแม่ไปบ้าง แต่ในขณะที่ผมนึกย้อนบทสนทนา ป้าเนี่ยสติหลุดไปแล้ว

บ้าบอ!!”  คนสวยวัยสาวลุกพรวดขึ้นกระแทกเสียงด้วยใบหน้าเหลือเชื่อ  “แม่ดูขนาดตัวลูกชายกับคุณปูนของแม่เถอะว่าต่างกันขนาดไหน ไอ้เตี้ยแก้มยุ้ยเนี่ยเหรอจะไปปล้ำใครเขาได้!”

หยาบคาย!”  พูดแบบนี้ผมก็ขึ้นสิครับ  “ลุงไม่ได้เตี้ยนะปราจีน”

“ผู้ชายที่สูงไม่ถึง 175 ก็นับว่าเตี้ยทั้งนั้นแหละ”

“ลุงสูงพอดีต่างหาก ไอ้พี่ปูนต่างหากที่สูงใหญ่เกินไปน่ะ”

“งั้นก้บอกหน่อยซิว่าแกไปปล้ำเสาไฟฟ้าแบบนั้นได้ไง”

“นี่ลุงจะต้องมาสาธยายเรื่องบนเตียงให้ฟังด้วยเหรอ พออยู่กันแนวราบความสูงมันก็ไม่เกี่ยวแล้วมั้ย!?”

ป้าอ้าปากอมลมพะงาบๆ แบบคนพูดอะไรไม่ออก สองพี่น้องจ้องหน้ากันไปมา และท้ายที่สุดก็เป็นป้าที่ยกมือกุมขมับแล้วบ่นปวดหัว พึมพำประมาณว่าโลกนี้บ้าไปแล้วจากนั้นก็เดินงงๆ หนีขึ้นไปข้างบน

“เพราะแม่ไม่ยอมตั้งใจทำ ลุงเลยเตี้ยแบบนี้อ่ะ!”  ผมหันไปบ่นผู้ให้กำเนิด ถ้าตั้งใจประกอบร่างผมเหมือนตอนลูกคนแรกล่ะก็ ผมคงมีตาสองชั้น จมูกคงโด่งกว่านี้ แล้วตัวสูงกว่านี้แน่ๆ

“ลูกจ๋า...”   คุณดาหลายิ้มหวานมองผม  “แม่กับพ่อก็ตั้งใจทำกันตลอดแหละจ้ะ”

“..........”


.

.

.



ผมขออนุญาตผ่อนผันบทลงโทษเป็นกรณีพิเศษซึ่งแม่ก็ไม่ว่าอะไร อาศัยจังหวะที่ป้ายังทำกิจธุระส่วนตัวขึ้นไปเก็บข้าวของส่วนตัวแล้วรีบลงมาเก็บปลาทอดกับน้ำยำที่แม่บอกให้เอาไปกินได้ใส่กล่องพร้อมกับข้าวสวยอีกหนึ่งกล่องใหญ่

เมื่อพร้อมสรรพก็ก้าวออกจากบ้าน และนั่นทำให้ผมเห็นว่าพี่ปูนยังจอดรถอยู่ที่เดิม กระจกถูกลดลงเกือบหมดบานเพราะดับเครื่องยนต์ไว้ ผมเดินเมียงมองจนกระทั่งเห็นเจ้าของรถเอนเบาะลงเล็กน้อยแล้วพิงหลังลงนอนหลับตา ผมอมยิ้มกับผู้ใหญ่ดื้อที่ไม่ยอมทำตามที่บอก นี่ถ้าเกิดว่าผมขอแม่ไม่ได้ขึ้นมาล่ะ มิต้องอยู่ยาวค่อนคืนเลยเหรอ ข้าวเย็นก็ยังไม่ได้กินอีกต่างหาก   

“พี่ปูน!!”  ผมยื่นหน้าเข้าไปเรียกเสียงดัง คนนอนหลับตาสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็สามารถหันมาถูกทางได้ในทันที ใบหน้าของท่านเจ้าของรถยิ้มพร่างพรายในทันที

 “หิวมากมั้ย? ผมเอาปลากับข้าวมาด้วยแหล่ะ”  ผมชูถุงในมือให้คนในรถเห็นจังหวะเดียวกับที่พี่ปูนปลดล็อกให้ ผมขึ้นไปนั่ง จัดแจงวางข้าวของให้เรียบร้อยแล้วใส่เข็มขับนิรภัยเพื่อเตรียมพร้อม

“คุณน้าไม่ว่าอะไรเหรอ?”  สีหน้าพี่ปูนดูเป็นห่วงเล็กน้อย ผมเลยไม่แน่ใจว่าพี่แกห่วงเรื่องไหนอยู่กันแน่ 

“ไม่หรอก”  ผมก็ตอบกลางๆ เอาไว้ก่อน  “ป่ะๆ กลับกันเถอะ ผมหิวข้าวแล้ว”

พี่ปูนหันมายิ้มให้ผม สตาร์ทรถให้เคลื่อนไปด้วยความสุขที่มากขึ้นจนผมรู้สึกได้ ผมหันไปมองพี่ปูนแล้วตัดสินใจเก็บเรื่องที่ติดใจเอาไว้ก่อน ตอนนี้พี่ปูนอุตส่าห์สบายใจขึ้นแล้วผมจะยังไม่หย่อนเรื่องอะไรใส่หัวพี่เขาอีก

แต่ผมยังไม่ลืมหรอกนะ...ไอ้เรื่องเพื่อนดื่มดีกรีนางแบบอดีตกิ๊กเก่าที่ชื่อ เจน่า ครอส น่ะ!



----------------------------------------------------
มาหลังบอลจบจนได้ แหะๆ

ตอนนี้ยาวเกิ๊นนน
เอาล่ะ! ไม่พูดมากนะน้ำตาจะไหล แฟนโครแอตอย่างเราช้ำปนสุขสมจริงๆ

สำหรับใครที่รอ นังโป้ยกับพี่กร ก็รออีกสักนิด
ส่วนตอนที่ 21 นั้น น่าจะเป็นสัปดาห์หน้านู้น คนเขียนทำงานหนักมากเพื่อวันเสาร์-อาทิตย์หน้านี้จะได้ไปแรด เอ้ย! ไปเที่ยว :-[

แล้วเจอกันนะจุ๊บๆ จะพยายามไม่หายไปนานๆ

 :pig4: :bye2: o13

 
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 16-07-2018 01:25:14
 o13 โอ๊ย...คิดถึง o13 มาสักที... อย่าหายไปนานๆอีกนะค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: La Vida Sin Tu Amor ที่ 16-07-2018 01:43:09
เข้มข้นสมกับที่รอจริงๆ ขอบคุณมากค่ะ  o13 o13
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 16-07-2018 01:43:47
อือหือ ตอนนี้อารมณ์มาเต็ม
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-07-2018 02:27:16
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 16-07-2018 02:34:48
ความสงสัยของเราไม่มีผิดพลาดเลยว่าปราจีนต้องได้ห้ามน้องคบกับพี่ปูนแน่ๆ ด้วยเพราะเพื่อนเคยนอนกับพี่ปูนมาก่อน ดีที่ลุงเป็นคนมีเหตุผล ชอบลุงที่เป็นแบบนี้  :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: skyberry ที่ 16-07-2018 03:44:03
สงสารฝ้ายนะ ยูไม่ได้ไปต่อหย่ะ อิพี่ปูนนี้ก็อดีตเห้ไม่น้อย สงสารลุง ลุงยังไม่ลืม เจน่านะ 5555555555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 16-07-2018 04:08:09
ลุงเที่ยงธรรมดีมีเหตุผลชั่งน้ำหนักผิดถูกได้ ก็เข้าใจนะปราจีนนะเธอรักและหวังดีกับเพื่อนสนิทแต่ก็น่าจะคิดกลับบ้างถ้าปูนเป็นแฟนทำไมไม่เคยเปิดตัวให้เพื่อนๆเห็น มีข้าวของแพงๆใช้หาจากไหนถ้าไม่รวยจริง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 16-07-2018 07:26:55
ปุริมนี่โชคดีจริง ที่ได้ลุงมาเป็นคู่
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 16-07-2018 07:42:41
รักลุงมากขึ้นไปอีก นางมีความเป็นผู้ใหญ่พอๆ กับที่รับมือกับพี่ปูนได้ ถึงจะไม่ทั้งหมดก็เหอะ 555

ถึงอดีตพี่ปูนจะร้ายกาจแค่ไหน แต่ตอนนี้ยอมให้ลุงหมดทุกอย่างแล้วนะจ๊ะ   o18
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 16-07-2018 07:46:59
ลุงงงงงงงงง
ไม่รู้งว่าจะสงสารหรืออิจฉาดี
ที่เป็นแฟนพี่ปูน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 16-07-2018 08:27:45
น้องลุงเป็นเด็กที่มีความคิดมากๆๆ    o13 ดีใจกับปุริมด้วยที่ได้น้องเป็นคนรัก

คุณป้าคงต้องทบทวนพฤติกรรมของเพื่อนฝ้ายอีกทีแหละ

 :pig4: :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 16-07-2018 09:04:00
ลุงเท่ว่ะ ดูเป็นนายเอกที่มีสติมาก ๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Krajeeqx ที่ 16-07-2018 09:55:52
รักคุณลุง เป็นคนที่มีความคิดดี มีเหตุผลตลอด
งานบ้านก็ดี ปรนนิบัติแฟนก็เยี่ยม ถ้านี่เป็นปุริมจะไม่ยอมปล่อยลุงไปไหนแน่ๆ
คุณปุริมเกียมตัวรับมือกับเรื่องเจน่าไว้ดีนะคะ คนหวงผัวกำลังจะปรากฏตัว
 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 16-07-2018 10:25:08
โชคดีแล้วคุณปุริมที่เจอน้องลุงสุดน่ารัก ต้องให้เวลาคุณป้าเขาด้วย รู้จักเพื่อนคุณดีแค่ไหน เฮ้อ....
แต่เรื่องนางแบบน่าจะต้องเคลีย โดนแน่ค่ะคุณปุริม รอลุ้นว่าน้องลุงจะจัดการยังไง
 :L2:  :pig4:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 16-07-2018 11:10:25
มายาวจุใจมาก ขอบคุณจริงๆ หายคิดถึงเลย
เริ่มที่โป๊ยก่อนละกัน โป๊ยเพื่อนชั่ว รู้ไปหมดว่าที่ได้กินอาหารญี่ปุ่นเพราะลุงลงแรงไปเยอะ อิอิอิ
คุณป้า ก็รักเพื่อนนะ แต่ก็ได้ฟังความข้างเดียว อันนี้น่าเห็นใจ
คุณดาหลา นิ่งสุดๆ แต่มาตบท้ายด้วยที่ว่าลูกตัวเองไปปล้ำเขา ถึงแม้ป้าไม่เชื่อน้องตัวเองก็เหอะ
คุณลุง นิ่งมากๆ เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แก้ปัญหาโดยไม่ใช้อารมณ์เยี่ยมมากๆ แต่ยังไม่วายไปแขวะแม่ตัวเองว่าไม่ตั้งใจทำลูกดีๆ
คุณปุริม ณ ตอนนี้ ยิ้มสุดๆ นอกจากจะได้ทานข้าวอาหารที่แฟนทำแล้ว ของหวานต่อจากนั้นไม่อยากคิด
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: todiefor ที่ 16-07-2018 11:15:24
ลุงน่ารักมากกกกกก น่ารักของโคตรของโคตรของโคตร อิพี่ปุริมนี่ชาติที่แล้วไปกู้ชาติมาใช่มั้ยย ถึงได้น้องชายแห่งชาติไปครอบครอง โอ๊ยยยย น่ารักทนไม่ไหว รวมเล่มเมื่อไหร่จ๊ะ ป้าพร้อมเปย์
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 16-07-2018 15:18:02
น้องลุงเก่งมากกกกกกกก น่ารักมาก
เอ็นดูพี่ปูนตอนช่วงตกอยู่ในความอิ่มเอมใจ ตอนไปตลาดคือน้องปูนค้าบ มากๆ
เวลาทั้งสองหวานกันนี่บิดตัวม้วน ยิ้มจนปวดแก้มไปหมด
แต่ก็รออ่านน้องลุงเคลียร์เรื่องเจน่า ลงโทษพี่ให้หนักๆไปเลยนะน้องลุง
เรื่องป้า เข้าใจนะว่าเราก็ต้องมองเพื่อนเราในแง่ดี ปกป้องเพื่อนเราอยู่แล้ว แต่อยากให้ป้าตั้งสติแล้วกลับมุมมองนิดนึงเนอะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 16-07-2018 15:22:05
ลุ๊งงน่ารักมาก  :กอด1: :กอด1:

รอเชือดพี่ปูนอย่างใจเย็น  o8 o8
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 16-07-2018 15:49:43
ลุงเป็นแฟนที่ดีมากกกก ใครได้เป็นแฟนนี้บุญสุดๆ
ป้าก็อย่าเชื่อเพื่อนมาก ถ้าเพื่อนรักจริงก็เปิดตัวสิตะนี้เอาแต่ของ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 16-07-2018 16:07:21
ชอบคุณลุงมากเลย :o8:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 16-07-2018 16:18:48
โอ้ยเหนื่อย อ่านไปลุ้นไป หายใจไม่ทั่วท้อง 5555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 16-07-2018 16:27:21
 :L2: :pig4: :L2:

 o13
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: taku_kimu ที่ 16-07-2018 17:10:56

ลุงน่ารักอะ..รักลุงมากๆ นะปุริม อย่าปล่อยมือเป็นอันขาด  :mew1:

อย่าหายไปนานนะคะไรท์ฯ คนอ่านใจจิขาด  :hao5:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-07-2018 17:58:27
ปราจีน เชื่อเพื่อนจนไม่ฟังความสองข้าง   :hao3:
ธรรมดาผู้ชายก็เปย์ข้าวของให้ เวลาจีบ
แต่ถ้าหญิงงกขอมากกว่าที่เขาอยากให้ก็มี
แสดงว่าปุริมไม่ได้ขอคบนางเลย
แต่นางประทับใจทั้งรูปร่าง  ทั้งเสน่หาเรื่องอย่างว่า
เลยโมเมว่าเป็นแฟนและไปเล่าให้ปราจีนตามความคิดของตัวเอง

“แล้วรู้มั้ยแฟนแกทำยังไง มันผลักฝ้ายออกจนล้มลงไปกองกับพื้นโดยที่ไม่เหลียวมามองเลย
แต่กลับหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเสื้อตัวเองที่เปื้อน ผู้ชายดีๆ เขาทำกันแบบนั้นเหรอแม่”
ชอบที่คุณดาหลา บอกว่า  “เอ่อ...ก็ไม่รู้สิลูก แม่ไม่เคยวิ่งไปร้องไห้กับอกใครมาก่อน”
ผู้หญิงดีๆ เขาก็ไม่กินเหล้าเมา  แล้วไปร้องไห้กับอกผู้ชายหรอก เหอะ.....ส์...
ปุริม  ลุง   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 16-07-2018 18:00:34
อูยสองสาวนั้นเป็นคุณป้ากับเพื่อนหรือเนี่ย
ตายๆๆๆ พี่ปูน ยังมีประเด็นกิ๊กเก่าอีก
เสร็จแน่ปุริม
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 16-07-2018 18:55:18
ได้แฟนแบบลุงนี่ดีต่อใจมากๆ อยากไ้ด้แบบนี้บ้าง อิจฉาปุริมอ่ะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 16-07-2018 19:05:56
ที่แท้ผู้หญิง2คนนั้นก็คือพี่สาวลุงกะเพื่อนนี่เอง
สู้ๆแล้วกันนะคุณปูน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: mkooo ที่ 16-07-2018 20:01:46
เราว่าถ้าเราเป็นป้า เราก็จะเตือนน้องชายแบบเดียวกัน
พี่ปูนอดีตไม่ดีเลย เราได้แต่หวังว่าปัจจุบันที่อยู่กับลุงจะเปลี่ยนแปลงนะ
ขอบคุณสำหรับนิยายมากๆค่า เป็นกำลังใจให้ค่า ขอให้เที่ยวให้สนุกค่า
 o13
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 16-07-2018 21:13:37
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เรื่องกินสำคัญเสมอ
หิ้วข้าว หิ้วปลาไปด้วยจ้า ดีงามจริง ๆ ลุงเอ้ย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 16-07-2018 23:21:42
ลุงเป็นคนมรลีเหตุผลแล้วก็เข้มแข็งมากๆ รู้สึกกลัวแทนพี่ปูน คนๆ นี้ถ้าโกรธจะใจแข็งมากๆ
พี่ปูนรักน้องมาก มากจนจะเป็รโลกทั้งใบแล้ว ความหลงเมียมีเมียเป็นที่พึ่งทางใจนี้

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 16-07-2018 23:48:34
มีพี่สาวแบบนี้ก็ไม่ไหวน่ะ
รอพี่กรโป้ยค๊า
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 17-07-2018 00:47:46
ลุงสุดยอดรู้จักคิดมาก ว่าแล้วว่าผู้หญิงที่มาทักพี่ปูนต้องสร้างปัญหา พี่ปูนเตรียมหาคำตอบได้เลย 5555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 17-07-2018 10:32:22
เราแนะนำว่าให้ถามพี่ปูนไปเลย เรื่องเจน่า

เพราะตอนที่เห็นเจน่าโผล่มาในฉาก ยอมรับว่าตกใจเหมือนกัน

ก็เชื่อพี่ปูนนะ เรื่องไม่มีการเกินเลยแล้ว แต่มันก็อดหึงหวงไม่ได้



เดี๋ยววววว  ตกใจเหมือนเป้นเรื่องของตัวเอง 555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 17-07-2018 11:03:48
อดีตเรากลับไปแก้ไขไม่ได้ แต่ปัจจุบันสนับสนุนให้ลุงจัดการกับพี่ปูนขั้นเด็ดขาดไปเลย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: masochism2018 ที่ 17-07-2018 12:26:15
เข้าใจป้านะจ๊ะ
จากสถานการณ์ที่เห็นวันนั้นคือพี่ปูนไม่โอเคเลย
ถ้าคนแบบนี้เข้ามายุ่งกับพี่น้องเรา เราก็ไม่ไว้ใจแน่ๆ
แต่อีกมุมนึง ก็ต้องคิดด้วยว่าที่เพื่อนพูด มีความจริงขนาดไหน55555
แต่ก็นะ มายุ่งกับน้องชายก็ต้องหมายหัวไว้ก่อน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ppnplg ที่ 17-07-2018 14:27:12
เข้าใจป้านะเป็นห่วงมาเตือนน้องชาย อดีตคุณปุริมแกไม่ดีไง
แต่ก็เหมือนเพื่อนป้าโมเมเอาฝ่ายเดียวว่าเป็นแฟนกันอะ
ลุงงงงงมีเรื่องแค่ไหนปากท้องก็สำคัญยังหอบข้าวหอบปลาไปกิน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 17-07-2018 14:31:47
 o18  เอาใจช่วยให้ผ่านทุกอุปสรรคเลยนะคะ ทั้งคุณลุงและคุณปุริม คุณลุงอย่าปล่อยมือจากปุริมนะะะะะะะะะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 17-07-2018 15:41:25
โอ้โหหหหหไม่คิดเลยว่านักเขียนจะวางเรื่องไว้แบบนี้คือตอนที่พี่ปูนปะทะกับผู้หญิงในผับนี่เราก็คิดแค่ว่าคงเป็นกิ๊กเก่าพี่ปูนธรรมดาที่นักเขียนเขียนขึ้นมาเพื่อให้เห็นว่าพี่ปูนเลิกกับคนอื่นหมดแล้วจริงๆ ใครจะคิดละว่าเพื่อนกิ๊กเก่าพี่ปูนจะเป็นคุณป้าน่ะ งานนี้คงไม่ใช่ปัญหาแม่ยายลูกเขยแล้วแหละแต่เป็นปัญหาพี่เมียแทนตะหาก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 17-07-2018 18:33:41
ลุงเป็นคนมีเหตุผลทำให้รักยืนยาว
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ous_p ที่ 17-07-2018 19:12:25
ลุงแบบมีความคิดมากอ่ะ คนดีขอปุริมโดยแท้
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 17-07-2018 20:15:01
อยากได้แฟนแบบลุงอ่ะ เป้นทุกอย่างให้เธอแล้วจริงๆ เป้นคนดีมีเหตุผลอีกต่างหาก ปุริมโชคดีมากๆๆๆ
แต่หวังว่าจะเคลียร์กัยป้าได้นะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 18-07-2018 12:37:39
นี่ถ้าไม่ใช่ลุง น่าจะเลิกกันไปแล้วล่ะเจอแบบนี้ เป็นชะนีคงแว๊ดๆๆๆใส่พี่ปูนแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 18-07-2018 13:19:00
ลุงโคตรดีมีเหตุผล แฟร์ๆกันทุกฝ่าย เชื่อใจและไว้ใจ โอ๊ยยยยยดีใจกับปุริมจริงๆที่ได้ลุงเป็นแฟน //เพิ่งอ่านสองตอนหลังที่อัพนี้ จากที่หยุดอ่านไปนานเลย จนลืมเนื้อเรื่องบางส่วนไป ลืมความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้น //ตอนก่อนหน้า ชอบความรู้สึกที่ว่าลุงเมื่อก่อนนอนคนเดียวได้ แต่เดี๋ยวนี้เหมือนขาดบางอย่างไป เพิ่งจะรู้ตัวว่าคิดถึงพี่ปูนมากขนาดนี้ เนี้ยยชอบตรงนี้จริง ชอบความรู้สึกรักและคิดถึงของลุงที่มีให้พี่ปูน คอยอยู่เคียงข้าง แต่นี้กลับจำความรู้สึกที่ว่าลุงเริ่มชอบเริ่มมีความรู้สึกกับพี่ปูนตอนไหน เพราะตอนแรกไม่ถูกกัน เลยอยากกลับไปอ่านตอนที่ลุงเริ่มมีความรู้สึก จากวันนั้นจนมาถึงวันนี้ คือแบบ โอ๊ยยยยยยย มาไกล 555  จำได้ว่าชีวิตพี่ปูนนี้มืดมนและอยู่ตัวคนเดียว อยากให้มีคนเคียงข้าง สิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวมันดราม่าจริง อ่านไว้นานจนลืม จะกลับไปอ่านอีกรอบแน่นอน 55555 อ่านมาตลอดแต่ไม่เคยเม้นท์มั้ง(น่าจะ)555 แต่อยากจะบอกว่านิยายเรื่องนี้มันดีต่อใจมากจริงๆ ครบทุกอารมณ์เลย ควรค่าแก่การอ่าน ดีที่ไม่พลาด ตามๆรอๆตอนต่อไป แต่ละตอนก็ยาวดีจริงๆ อ่านจุใจ ชอบปุริมมองลุง เขินแทนอ่ะ สายตาพี่แก โอ๊ยยยยยยยยยย ลุงเองยังประหม่าอ่ะ 55555 เรานี้ตายไปเลย ชอบความหื่นของปุริม แต่ชอบสุดชอบความอยากรักษาความฟิตของลุง 5555555 รีบๆเคลียร์กันนะ ยัยเจน่านั่นอ่ะ แต่ว่านะคุณดาหลาตลกและน่ารักจริง พอกันอ่ะแม่ลูก 555 ส่วนป้าก็รอดูลุงกับพี่ปูนนะ เดี๋ยวจะได้เห็นรักแท้เป็นยังไง จะแสดงให้ดู คึคึ!! //ขอบคุณมากๆสำหรับนิยายดีๆค่ะ รอเม้นท์ตอนต่อไป คึคึ!!  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 27-07-2018 01:23:40
รอพี่กรๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 28-07-2018 09:48:19
สงสารพี่ปูนนะกับเรื่องที่บ้าน แถมตอนล่าสุดยังโดนป้าเหม็นขี้หน้าอี๊ก
ซงซานนนจริง ๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: RinNam ที่ 01-08-2018 08:23:51
พี่ปูนโชคดีมากๆๆๆ ที่ได้ลุงเป็นแฟน เป็นคนที่มีเหตุมีผลมากๆๆๆๆๆๆๆ

โอ้ยยย ดีงามมมม

ค่อยๆทำให้ป้าเห็นนะ ว่าพี่ปูนจริงๆแล้วไม่ได้แย่เหมือนที่เพื่อนป้าบอก

ชอบเรื่องนี้จัง  :-[

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 07-08-2018 15:40:00
ลุ้นๆๆๆ
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 08-08-2018 00:51:46
ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ [โป้ย]






อากาศเย็นวูบที่พัดเข้าร่างทำให้ผมกระพริบตาตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล จากมุมมองที่ยังพร่ามัวอยู่นั้นมองเห็นแผ่นหลังในชุดเสื้อยืดพอดีตัว เจ้าของร่างนั่งอยู่ท่านั้นนิ่งๆ นานนับนาทีก่อนที่จะเริ่มบิดเอี้ยวตัวเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ผมพลิกตัวเพื่อหวังจะดูนาฬิกาข้างเตียงแต่กลับทำให้คนตื่นก่อนรู้สึกตัวว่ามีคนตื่นมาเป็นเพื่อนเพิ่ม

“นอนต่อเถอะโป้ย เพิ่งตีห้าเอง”  พี่กรส่งเสียงปราม แต่ผมเองก็ตื่นขึ้นมาเต็มตาเสียแล้ว

“ทำไมตื่นเช้าจัง วันนี้ไม่ใช่วันถ่ายนี่”

“ผู้จัดเขาขอคิวพิเศษน่ะ คงอยากรีบปิดกล้องให้ทันกำหนดออนแอร์”  ร่างสูงของดาราหนุ่มเหยียดยืนขึ้นเต็มที่ แม้น้ำเสียงจะยังติดงัวเงียอยู่สักเล็กน้อย แต่ก็ยังเดินตรงไปยังห้องน้ำด้วยฝีเท้ามั่นคง กระนั้นการสนทนาก็ใช่ว่าจะขาดตอนไปเสียทีเดียว

“เพราะงั้นพี่คงไม่ได้เข้าออฟฟิศสักสองวันนะ ถ้ามีอะไรด่วนก็คุยกับปูนไปเลย”  เสียงก้องดังออกมาจากในห้องน้ำที่เปิดประตูแง้มไว้ ผมขยับตัวลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง หยิบจัดหมอนให้รองแผ่นหลังอย่างสบายที่สุด แต่การสั่งความนั้นไม่ได้ทำให้ผมสบายใจเท่าไหร่

มันคล้ายจะบอกว่าถ้าไม่จำเป็น ไม่ต้องโทรหา

“แล้วถ้าไม่ใช่เรื่องงานล่ะ?”  ผมแสร้งตะโกนถามออกไป แล้วก็จริงดังที่คาด เพราะคนในห้องน้ำนิ่งเงียบไป ไม่กี่วินาทีต่อมาเสียงน้ำจากก๊อกก็ดังขึ้นคล้ายจะเป็นการสร้างข้ออ้างของการไม่โต้ตอบ

ผมได้แต่ถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด จะว่าขัดเคืองก็ใช่ จะว่าชาชินแล้วก็ไม่ผิด หลังจากการบอกรักที่เบาที่สุดเท่าที่หูคนจะสามารถรับรู้ได้นั้น ก็ใช่ว่าความสัมพันธ์มันจะเปลี่ยนไปสักเท่าไหร่ พี่กรก็ยังเป็นพี่กรที่เอาแต่สร้างกำแพงขึ้นมาระหว่างเรา ถึงผมจะรู้สึกว่ากำแพงนั้นมันบางลงมากแล้วก็ตาม

แม้ว่าผมจะหมั่นไส้พวกที่แสดงความรักกันไม่เกรงใครหน้าไหนแบบเพื่อนงี่เง่ากับผัวสมภารของมัน แต่ผมก็ขอยอมรับอย่างหน้าชื่นอกตรมเลยว่าตัวเองอิจฉา พี่ปูนดูแม่งไม่แคร์เลยสักนิดว่าใครจะมองยังไง เดาว่าถ้าป้องปากตะโกนบอกทุกคนได้เขาคงทำแน่ ดูอย่างไอ้ลุงเถอะ เห็นทำเป็นอายแบบนั้นแต่มันก็ดีใจจะตายห่าที่พี่ปูนให้ความสำคัญ


ก็การได้รู้ว่าตัวเองเป็นที่รักแค่ไหน มันจะไม่รู้สึกดีได้ยังไง


ผมสะบัดหัวไล่ความคิดไร้สาระออกไป การที่คนสองคนไม่ได้แสดงความหวานออกนอกหน้าก็ใช่ว่าจะรักกันน้อยกว่าซะเมื่อไหร่ อีกอย่างผมคงขนลุกไม่น้อยถ้าต้องทรีตพี่กรแบบหวานฉ่ำน้ำตาลเรียกพี่เหมือนคู่อื่นๆ ถึงจะชื่อว่าคนรักกันแต่เราก็เป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่
เสียงประตูห้องน้ำปิดเบาๆ จากนั้นเสียงน้ำก็แว่วตามมา คราวนี้ถึงตาผมบิดขี้เกียจและต้องลุกออกจากเตียงบ้างแล้ว ผมนวดคอตัวเองไปมาขณะเดินออกจากห้องนอนไปยังลิฟวิ่งรูม ตรงไปส่วนครัวเพื่อเตรียมกาแฟรับเช้าวันใหม่ ตั้งเครื่องเสร็จก็แวะเข้าห้องน้ำด้านนอกเพื่อล้างหน้าบ้วนปากแบบลวกๆ เพื่อรอเวลา

เมื่อเปิดม่านออกก็เจอเพียงความมืดของท้องฟ้าและแสงไฟจากรอบบริเวณ กลิ่นหอมเข้มข้นของกาแฟสดใหม่ลอยเเตะจมูกยามผมสำรวจท้องถนนเบื้องล่างที่นับว่าเป็นทัศนียภาพเดียวที่ห้องนี้มี แสงไฟจากรถยนต์เคลื่อนไหวเร็วแทบจะเห็นเป็นเส้นสายคงเพราะท้องถนนนั้นโล่งเพียงพอที่จะไม่ต้องออมแรงขับเคลื่อน

ผมเดินตรงไปยังกระเป๋าตัวเองเพื่อหยิบบุหรี่กับอุปกรณ์แล้วเดินตรงออกไปเลื่อนประตูกระจกออกและไม่ลืมที่จะปิดมันกลับให้สนิท ผมเริ่มก่อกวนอากาศบริสุทธิ์ที่มีอยู่น้อยนิดในยามเช้าด้วยการพ่นควันสีเทาออกมาระรอกแล้วระรอกเล่า มันไม่ดีหรอกผมรู้ แต่ระยะหลายปีมานี้ผมก็พยายามทีจะไม่สูบมากจนเกินไปนัก ทั้งกลุ่มก็เหลือแค่ผมเท่านั้นที่ยังทำร้ายตัวเองไม่เลิกแบบนี้ และพวกบรรลุแจ้งในสิ่งไม่ดีเหล่านั้นก็ออกปากห้ามผมอยู่เรื่อยถ้าเห็นผมทำท่าจะอดไม่ไหว ส่วนหนึ่งที่ผมลดได้ก็ต้องขอบคุณพวกมันนี่แหละ

ไม่นานนัก ก้นบุหรี่สุดท้ายก็ถูกทิ้งลงที่เขี่ยพกพา ผมเดินกลับเข้าห้องอีกครั้งและพบว่าพี่กรนั่งดื่มกาแฟเงียบๆ คนเดียวไปแล้ว คุณดาราแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยพร้อมออกจากบ้าน เป็นเสื้อยืดกางเกงยีนง่ายๆ ที่มีอยู่เกลื่อนตู้เสื้อผ้า พอเห็นผมเดินใกล้เข้ามาก็ส่งยิ้มให้อย่างเคย มือขาวเนียนชูแก้วกาแฟในมือขึ้น

“พี่เอามากินแล้วล่ะ”  สีหน้ามีแววขออภัยเล็กน้อย  “นั่งก่อนสิ เดี๋ยวพี่ไปทำให้ใหม่”

“ไม่ต้องๆ”  ผมรีบร้องห้ามเมื่อเห็นหัวขโมยกาแฟตั้งท่าจะลุกขึ้นจากที่นั่ง บางทีไอ้การไม่เข้าข้างตัวเองของพี่กรก็ทำให้คนหงุดหงิดได้เกินคาด ผมเลื่อนเก้าอี้ลงนั่งตรงข้าม สายตาของผมตอนนี้คงเต็มไปด้วยความอ่อนใจอย่างที่สุดเป็นแน่

“ผมทำไว้ให้พี่นั่นแหละ”  สิ้นคำเฉลย เราสองคนกลับตกอยู่ในความเงียบแบบที่ผมไม่คิดว่ามันจะมาในรูปแบบนี้ ก็ไม่ได้หวังว่าพี่กรจะส่งยิ้มกว้างให้แล้วจูบขอบคุณหรอกนะ แต่อย่างน้อยมันก็ควรจะมีปฏิกิริยาตอบสนองบ้างสิ

“เอ่อ...”  เสียงอึกอักดังขึ้นอย่างลังเล สองตาหลุบต่ำมองถ้วยกาแฟในมือ  “ขอบใจนะ”

มันเป็นคำขอบคุณที่แสนจะเบาหวิว แต่วินาทีถัดมานั้นต่างหากที่มีค่ามากมายยิ่งกว่านั้นเมื่อริมฝีปากที่ขบเม้มค่อยๆ แย้มรอยยิ้มประดับมุมปากทั้งสองข้าง เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นแต่มันกลับเปล่งประกายลุกลามไปถึงนัยน์ตาสีน้ำตาล ผมนั่งนิ่งราวถูกหยุดเวลาไว้ ทั้งสมองและร่างกายเต็มไปด้วยไฟปรารถนาที่ถูกจุดขึ้นอย่างฉับพลัน ความดีใจที่ถูกซุกซ่อนในอาการขัดเขินนี้มันช่างทำให้คนมองใจเต้นแทบเป็นบ้าได้เลย 


ถ้าไม่กลัวว่าไก่จะตื่นล่ะก็ ผมจับกดมันเสียบนโต๊ะนี่แหละ!


ตอนนี้ผมอดอยากปากแห้งแทบบ้า พี่กรยินยอมให้ผมเพียงแค่จูบเท่านั้น ถ้าผมทำซุกซนแม้เพียงสักนิดทุกอย่างก็จะถูกหยุดชะงักในทันที ใช่ว่าผมเป็นพ่อพระไม่อยากฝืนใจคนรัก แต่พอลองดึงดันรุกหนักเท่านั้นแหละ...ความรู้สึกว่ากำลังข่มขืนแฟนตัวเองมันผุดขึ้นมาจนทำต่อไม่ได้เลย

ตอนนี้ผมได้แต่รอ รอจนเมื่อยมือไปหมดแล้วโว้ย!!

ผมขบฟันแน่น เก็บไม้เก็บมือให้อยู่เป็นที่เป็นทาง กลายร่างเป็นหมาที่เห็นเนื้อชิ้นโตแสนอร่อยตรงหน้าแต่เจ้าของไม่ให้กิน อาการมันก็คงจะหิวโหยจนน้ำลายสอไม่น่ามองเลยสักนิด เพราะอย่างนี้หรือเปล่าในตอนที่พี่กรเงยหน้าขึ้นมองผมถึงได้สะดุ้งออกมา

“เอ่อ...พี่ไปทำงานก่อนนะ”

แล้วก็ชิ่งหนีเหมือนเคย

“ไปเหอะ เดี๋ยวผมเก็บล้างให้เอง”  ผมไม่ปิดบังเสียงถอนหายใจของตัวเองเลยสักนิด แต่พี่กรก็ไม่สนเหมือนกันเพราะร่างสูงโปร่งตรงหน้าผมลุกขึ้นปรี่ไปยังประตูห้องเสียแล้ว จะกลัวอะไรขนาดนั้นก็ไม่รู้ ผมไม่จับปล้ำให้เสียงานเสียการเหมือนใครบางคนหรอก

“เดี๋ยวสิ”  พี่กรชะงักเท้าทันทีที่ผมเอ่ยรั้ง หมุนร่างกลับมามองผมที่เดินตามมาหยุดตรงหน้าด้วยความสงสัย ผมเองก็หรี่ตาโต้ตอบความไม่รู้กาละเทสะของพ่อดาราเขม็ง  “ลืมอะไรรึเปล่า?”

สิ้นคำถาม พี่กรตบเนื้อตบตัวเองให้วุ่น  “ไม่นะ กระเป๋าเงินกับมือถือก็อยู่ครบ”

เฮ้อ~ ผมละหน่ายจริงๆ

“ไม่เจอกันตั้งหลายวัน จะไม่จูบลากันหน่อยรึไง”  ผมมองคนตรงหน้าที่สีหน้าค่อยๆ เปลี่ยนไป ตอนนี้เค้าความสงสัยหมดสิ้นไปเหลือเพียงแค่ความเขินอายที่ฉาบอยู่ในแววตา นี่ถ้าผมไม่รู้มาก่อนว่าพี่กรไม่ซิงแล้วล่ะก็ ไม่ว่ามองยังไงพี่กรก็มักจะทำราวกับว่าตัวเองเป็นหนุ่มบริสุทธิ์เวลาผมอ้อล้อไปซะทุกที

“คือ...พี่ต้องไปแล้วนะ”

“เร็วๆ น่า”  ผมรีบคว้ามือคนเฉไฉที่กำลังจะหมุนตัวหนีเอาไว้ ออกแรงกระตุกให้อีกฝ่ายเข้ามาใกล้ตัวมากขึ้น พี่กรเม้มปากแน่นคล้ายไม่ยินยอม นั่นทำให้ความอดทนผมถึงขีดสุดแล้ว

“อื้อ!”  พี่กรครางในลำคอเสียงเบาเมื่อถูกผมจับหน้าด้วยสองมือและประทับจูบลงบนริมฝีปาก ผมบดขยี้กลีบปากนิ่มนวลหนักๆ จนความชุ่มฉ่ำเปิดเผยออกมา และนั่นทำให้ผมไม่รีรอที่จะฉกลิ้นร้อนลงไปลิ้มลองความหวานล้ำภายใน แน่นอนว่ามันไม่ได้ราบรื่นดั่งใจ พี่กรดิ้นขลุกขลักซ้ำยังผลักดันผมออกเยี่ยงสาวบริสุทธ์ในละคร ต่อเมื่อผ่านช่วงขัดขืนไปได้แล้วนั่นแหละ ฝ่ามือที่เคยขับไสไล่ส่งก็กลายมาเป็นเหนี่ยวรั้งให้ช่วงเวลานี้หวานล้ำยิ่งขึ้น

“ชื่นใจ”  ผมยอมผละริมฝีปากออกมาก่อนเมื่อเห็นว่าสมควรแก่เวลา มองคนในอ้อมกอดกระพือแพรขนตาคล้ายพยายามก้าวออกมาจากห้วงหฤหรรษ์ มันทำให้คนมองอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปหอมผิวแก้มเนียนอีกครั้ง

“เดินทางปลอดภัยนะครับ”

“...อื้ม”  พี่กรรับคำเสียงแผ่ว เรียวลิ้นสีสดแลบเลียริมฝีปากยั่วสายตาคนมองอย่างไม่ตั้งใจ ผมมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกแรงกล้า อยากจะคว้าอีกฝ่ายเข้ามากอดรัด จูบหนักๆ แล้วกัดกลีบปากอิ่มนั้นระหว่างที่ฟอนเฟ้นฝ่ามือไปตามร่างกายสมส่วน ปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกแล้วโลมเลียให้ทั่วร่างกายขาวผ่องนั่น กัดทึ้งยอดอกสีอ่อนด้วยฟันแล้วดูดรั้งมันด้วยริมฝีปากและลิ้นร้อน สอดแทรกนิ้วเข้าไปยังร่องหลืบทะลุทะลวงจนกว่ามันจะเบ่งบานพอที่จะรับแท่งอารมณ์อันร้อนระอุของผมเข้าไป

อา~ นี่ผมต้องเข้าห้องน้ำไปทำร้ายตัวเองอีกแล้วสิเนี่ย!

“ไปเถอะพี่”  ผมรีบจับอีกฝ่ายหันหลังให้ไว ด้วยกลัวจะขายหน้าเพราะลูกชายที่หิวโซนั้นผงาดขึ้นมา

“อื้ม พี่ไปนะ”  พี่กรก็ไม่รีรอที่จะบอกลาแล้วจากไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน

สิ้นเสียงประตูปิดลง เป้าสายตาของผมเบนลงล่างในทันใด ลูกชายจอมตะกระโป่งดันกางเกงผ้าจนเห็นเป็นเค้าร่าง ช่างน่าสมเพชจริงๆ ที่อายุปูนนี้แล้วยังต้องมาเก็บกดถึงเพียงนี้

ลมหายใจถูกพ่นออกมายาวเหยียด ภายในห้องที่เงียบกริบ เหลือเพียงผมที่เดินคอตกเกาหัวแกรกๆ เข้าห้องน้ำไปด้วยความสมเพชเวทนาตัวเอง

สิ่งแรกที่ผมรับรู้ระหว่างอาบน้ำคือเสียงเพลงจากโทรศัพท์ดังวนไปมาไม่หยุดหย่อน นั่นทำให้ผมต้องรีบร้อนนุ่งผ้าเช็ดตัวทั้งที่เนื้อตัวยังเปียกปอนออกมารับสาย ทีแรกก็คิดว่าคงมีใครเจ็บใครตายกันบ้างล่ะ แต่พอเห็นชื่อที่โชว์หลาอยู่บนหน้าจอ ความสงสัยก็เกิดขึ้นมาทันที

“สวัสดีครับพี่จีน”  ผมกรอกเสียงลงไป

“โป้ย! แย่แล้วล่ะ”

เสียงจากปลายสายเต็มไปด้วยความไม่พอใจ สร้างความงุนงงระคนแปลกใจให้ผมได้อย่างชะงัด เพราะเท่าที่รู้จักกันมาพี่จีนนั้นเป็นสาวแกร่ง ชนิดที่ว่ามีคาราเต้สายดำประดับติดตัว เพราะงั้นไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็แล้วแต่ พี่สาวคนโตคนนี้น่าห่วงน้อยกว่าน้องชายแยะ ดังนั้นการที่จะโทรมาหาผมถี่ยิบพร้อมกับบอกว่า ‘แย่แล้ว’ นั่นย่อมไม่ธรรมดา

“มีใครเป็นอะไร?”  เสียงผมร้อนรนในทันที 

“ลุง!!”  ผมอ้าปากค้างกับคำตอบ แต่ยังไม่ทันจะได้ซักถาม ปลายสายก็ตอบกลับมาด้วยเสียงที่เรียกได้ว่ารอดไรฟันเลยทีเดียว

“ลุงหนีไปนอนข้างนอก! ไอ้เด็กนั่นละเมิดเคอร์ฟิว แล้วแม่ก็ดันเห็นชอบ!” 

ผมยกเครื่องออกจากหูแทบไม่ทัน ฟังจากเสียงแล้วนั้นลุงคงทำให้คุณนายแกโกรธเคืองไม่น้อย

“เชื่อคนอื่นมากกว่าพี่ตัวเอง ทำอย่างนี้ได้ยังไง! พี่รักมันแค่ไหนโป้ยรู้ใช่มั้ย แล้วดูไอ้น้องคนนี้ทำกับพี่ซี่!!”


ผมว่าตัวเองชักจะไม่เข้าใจแล้วล่ะ


“ใจเย็นๆ นะพี่จีน ตอนนี้ผมงงไปหมดแล้ว”

“พี่ก็งง โว้ย!!!”

อืม...สมเป็นพี่สาวไอ้ลุงจริงๆ

“เอางี้นะโป้ย ตอนเย็นออกไปกินข้าวกัน เลือกร้านแล้วโทรมานะ พี่เลี้ยง!!”

“.........”

ตรู๊ดๆๆๆ

“.........”

แล้วเจ๊แกก็วางหูไปแบบไม่ได้ใจความอะไรเลย นอกจากการสั่งความที่ไม่เหลือทางให้ผมปฏิเสธสักนิด 

ตั้งแต่คบพัทลุงเป็นเพื่อนจนถึงอายุปูนนี้ เข้านอก-ออกในบ้านมันจนเรียกว่าสนิทสนมกับทุกคนเป็นอย่างดี มีเบอร์ มีไลน์คุยกัน กับน้าดาก็แทบจะรับผมเป็นลูกอีกคน กับพี่จีนนี่ก็คุยกันตลอดเหมือนพี่สาวในไส้ แต่ไม่บ่อยนักหรอกที่พี่จีนจะโทรมาโวยวายเรื่องลุงกับผม

สงสัยว่าเด็กน้อยในโอวาทจะแผลงฤทธิ์เข้าให้แล้วล่ะมั้ง

นี่ได้กลิ่นเรื่องสืบสวนสอบสวนลอยมาเลยนะเนี่ย! ไหนๆ ก็ไม่ได้เจอพี่กรหลายวัน ถือว่ายุ่งเรื่องเพื่อนฆ่าเวลาไปก่อนแล้วกัน คิดได้ดังนั้นผมก็รีบแต่งตัว แล้วมุ่งหน้าไปยังที่ทำงานด้วยความระทึกใจของนักสืบมือสมัครเล่น

แต่ถ้ารู้ว่าเรื่องมันจะไปทางหนังดราม่าล่ะก็ ผมจะตอแหลพี่จีนว่าไม่สบายไปแล้ว


.

.

.


พัทลุงนั่งหน้าแป้นแล๊นมองมาเมื่อผมเดินมานั่งลงที่โต๊ะทำงาน นับครั้งได้ที่ผมจะมาสายกว่ามัน เพราะงั้นสายตาสอดรู้สอดเห็นถึงได้ส่องประกายวิบวับอยู่ในแววตาเพื่อนสนิทของผมคนนี้ มันเอาแต่ว่าผมว่าชอบจุ้นเรื่องของมัน แต่ไอ้ลุงมันคงลืมนึกไปว่าถ้าเรานิสัยไม่เหมือนกันคงคบกันไม่ได้นานนาดนี้

“เมื่อคืนหนักไปเหรอครับคุณวีรภาพ” 

ผมหรี่ตามองเจ้าของเสียงแซว ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงห้วยสั้นเรียกรอยยิ้มขำขัน  “มาก!”

หึ! ถ้าไอ้ลุงมันรู้ว่า ‘มาก’ ของผมน่ะเป็นแบบไหนล่ะก็ มันคงได้หัวเราะงอหายป่าวประกาศในหมู่เพื่อนไปทั่วเลยล่ะ แต่จะเรียกว่าไอ้ ‘มาก’ ของผมมันไม่มีประโยชน์เลยก็ไม่ใช่ เพราะการ ‘นอนเต็มอิ่มมาก’ นั้นนับว่าทำให้สมองผมปลอดโปร่งอย่างที่ไม่ได้มีมานาน รู้สึกได้เลยว่าการปฏิบัติตัวตามสุขอนามัยนี่มันให้ผลดีจริง กินข้าวเย็นก่อนหนึ่งทุ่ม อาบน้ำ แล้วก็เข้านอนก่อนสี่ทุ่ม


พระเจ้า!! ผมอยากได้แบบนี้ซะที่ไหนกัน


“แต่มึงไม่โทรมเลยอ่ะโป้ย วันนี้หน้ามึงผ่องมาก”

ก็กูนอนเยอะไงเพื่อน

“ว่าแต่มึงไปนอนไหนมา ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง”  กฎของการเสือก คืออย่าให้ใครเสือกเรื่องเรามากไปกว่าเราเสือกเรื่องคนอื่น ผมเลยรีบเปลี่ยนประเด็นโยนหินให้เพื่อนรับไว้แทน

“...มึงรู้ได้ไงอ่ะ”  ไอ้ลุงหน้าตาตื่นขึ้นมาทันที

“ป้ามึงโทรมาหากูถี่ยิบเลยไง”  ผมคิดว่ะได้เห็นการแถแบบสีข้างถลอกเหมือนอย่างเคย แต่ลุงมันกลับชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเงียบไปอย่างเห็นได้ชัด ...เรื่องนี้ไม่ธรรมดาอย่างที่ผมคิดไว้ซะแล้ว

“มีอะไรกันวะ ทะเลาะกันเหรอ?”

“เปล่า”  ลุงตอบเสียงค่อย สีหน้ายุ่งเหยิงเหมือนคิดไม่ตก  “หรืออาจจะนิดหน่อยก็ได้”

“เล่ามา”

ความอยากรู้กระตุ้นสมองที่ได้รับการพักผ่อนมาอย่างดีเยี่ยมทันที สีหน้ากระตือรือร้นมากเสียจนไอ้ลุงหันมามองแล้วยังต้องถอนหายใจปลง ผมอดทนรอให้สีหน้าเคร่งเครียดของเพื่อนเปลี่ยนแปลง แต่จนแล้วจนรอดก็ยังคงเป็นเช่นเดิม ดูท่าว่าปัญหานี้มันคงหนักสำหรับมันเอาเรื่อง

“...เรื่องมันยาวอ่ะโป้ย”  พัทลุงตอบในที่สุด

“แล้วมีครั้งไหนที่กูไม่ตั้งใจฟังจนจบมั้ย?”

“ก็เพราะวีรภาพขี้เสือกไง”

“พูดอีกก็ถูกอีกครับพัทลุง”  ผมยอมรับอย่างแมนๆ

ในเมื่อเป็นเรื่องยาวเคล้าดราม่า เราเลยตกลงกันว่าจะตั้งทำงานกันให้อย่างเต็มที่แล้วใช้เวลาช่วงพักเที่ยงสนทนากัน เพราะงั้นเราเลยต่างคนต่างทำงานไปเงียบๆ แทบไม่ได้คุยอะไรกันอีก จะมีก็ช่วงสายหน่อยที่พี่ปูนเดินออกมาจากห้องทำงานเพื่อไปพบลูกค้า คุณเจ้านายก็แอบมองมาทางลุงเหมือนเคย แต่คราวนี้สุดที่รักดันตั้งใจทำงานมากไปหน่อยเลยไม่ได้สังเกต ผมในฐานะคนสนิทเลยจำยอมกระพริบตาโต้ตอบให้แทนเล่นเอาพี่ปูนจ้องตาเขียวปั๊ด ไม่เดินเข้ามาบีบคอผมให้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว

เที่ยงปุ๊บ ผมก็ลากลุงออกจากออฟฟิศปั๊บ เป้าหมายคือร้านส้มตำที่แอบอยู่ในซอยใกล้ๆ แต่อย่าคิดว่าจะขายไม่ดีหรืออย่างไร ขึ้นชื่อว่าเป็นส้มตำจะไปอยู่ตรงไหนก็มีลูกค้าตามไปกิน คนไทยเราขาดอะไรตำๆ แบบนี้ได้ที่ไหน

อีกเช่นเคยที่ผมลากลุงเข้าไปนั่งยังโต๊ะตัวสุดท้ายที่ว่างตัดหน้ากลุ่มพนักงานบริษัทข้างๆ ที่เหมือนจะเคยเห็นหน้ากัน ไอ้ลุงก็กวนตีนมีหันกลับไปยกยิ้มให้เขาอีก นี่ถ้าแม่ค้าไม่หาโต๊ะเสริมมาให้พวกผมอาจปากแตกก่อนได้อิ่มท้องก็ได้ เมื่อได้ที่นั่ง สั่งของเสร็จสรรพ ก็ถึงช่วงบรรเทาทุกข์เพื่อนที่ผมชื่นชอบเสียที

“เมื่อวานคุณดาหลาชวนพี่ปูนไปกินข้าวเย็นที่บ้าน เรื่องมันเกิดตอนที่ป้ากลับมาเจอ...”  ลุงเล่าด้วยน้ำเสียงปกติ อาจจะมีเค้าความไม่สบายใจอยู่บ้างที่ต้องเรื่องฝ่าย แต่นี่ต้องไม่ใช่เรื่องที่ทำให้มันเป็นกังวลแน่

ผมยังปล่อยให้ลุงพูดไปเรื่อยๆ ไม่มีขาดตอนแม้กระทั่งจะมีเด็กเอาน้ำมาวางไว้บนโต๊ะ จนกระทั่งส้มตำปลาร้าจานแรกมาเสิร์ฟลุงก็เล่าจบพอดี ผมแจกอุปกรณ์การกินส่งให้ก่อนจะตักส้มตำเข้าปากพลางใช้ความคิดไปด้วย ต่อเมื่อเคี้ยวหมดไปหนึ่งคำถึงได้เงยหน้ามองเพื่อน ลุงเคี้ยวข้าวเหนียวตุ้ยๆ อย่างเอร็ดอร่อย

“แล้วแฟนมึงเขามีปฏิกิริยายังไงล่ะ”

“พี่ปูนก็ไม่ได้พูดอะไรอีกนะ”  ลุงหยิบชิ้นกะหล่ำเค้าปาก เคี้ยวหยับๆ แล้วค่อยพูดต่อ  “แต่กูว่าเขาต้องคิดบ้างแหละ ไม่งั้นคงไม่ถามกูซ้ำไปซ้ำมาหรอกว่าเชื่อเขารึเปล่า”

“แล้วมึงจะทำให้ป้าเข้าใจได้ไงล่ะ”  พูดจบ ลาบหมูจานสุดท้ายก็มาส่งพอดี กลิ่นหอมโชยยั่วน้ำลายอย่างนี้ ผมก็จัดเข้าปากไปคำโต

“ไม่รู้ว่ะ ก็คงคบๆ ไปอย่างนี้แหละ กูไม่ได้เป็นผู้หญิงสักหน่อย ไม่จำเป็นต้องเข้าหาผู้ใหญ่ก็ได้”  ลุงยักไหล่คล้ายไม่ใส่ใจ แต่จากแววตานั้นผมบอกได้เลยว่ามันแคร์ ลุงมันรักครอบครัวจะตายห่า แค่ที่มันยอมเถียงกับพี่สาวเพื่อแฟนนี่ผมก็ทึ่งแล้ว

“มึงคิดดีๆ ถ้าพี่ปูนเขาไม่จริงจังกับมึง เขาคงไม่เสนอตัวให้มึงพาไปบ้านหรอก”

“อย่าทำกูเครียดน่า”  ว่าแล้วมันก็ตักลาบเข้าปากบ้าง

“เฮ้อ~ ใครใช้ให้ผัวมึงประวัติไม่ดีล่ะวะ” 

ลุงสบตาผมเหมือนจะแก้ตัวแทนแต่แล้วก็เงียบไป มันก็รู้ดีพอๆ กับผมนั่นแหละว่าพี่ปูนคาสโนว่าขนาดไหน แค่กระดิกนิ้วผู้หญิงก็วิ่งเข้าหา ทั้งหล่อ ทั้งมีเงิน ไม่เคยขาดแคลนคนมานอนอุ่นเตียงหรอก แต่ผมก็เข้าใจว่ามันเป็นอดีต ถึงลุงมันจะไม่คิดอะไรแต่ตอนนี้นี้อดีตมันดันส่งผลมาถึงปัจจุบันแล้วน่ะสิ แถมคู่กรณียังเป็นคนใกล้ตัวอีกด้วย

“ที่จริงยังมีอีกเรื่องว่ะ” 

“เรื่อง?”  ผมมองคนถาม ลุงวางช้อนลงด้วยท่าทีไม่ค่อยอยากอาหารเท่าไหร่ คิ้วขมวดเล็กน้อย สีหน้าจริงจังมากขึ้น ผมเดาได้จากท่าทางการขยับก้นไปมาของอีกฝ่ายได้เลยว่า เรื่องที่มันกำลังจะพูดต่อไปนี้ต่างหากคือเรื่องที่มันกังวลจริงๆ

“สมมุตินะ...”  ลุงอ้ำอึ้งสักพัก  “สมมุติว่ามึงมีคู่นอนสักคนที่ยุติความสัมพันธ์กันไปแล้ว มึงจะยังกลับมากินเหล้าหรือคุยกันอะไรแบบนี้อีกป่ะ”

ช้อนที่กำลังจะตักซุปหน่อไม้ชะงักไปเล็กน้อย ผมเงยหน้ามองเพื่อนสนิทที่ไม่เคยถามเรื่องแบบนี้กับผมเลยสักครั้ง แว่บหนึ่งนั้นผมอยากจะตอบตามจริงว่า ‘ไม่มี’ นอกเสียจากว่าความสัมพันธ์นั้นยังไม่จบอย่างแท้จริง คู่นอนคือคนที่เรามีความสัมพันธ์ทางกายเท่านั้น ไม่ใช่คู่รักที่ใช้เวลาพูดคุยอยู่ด้วยกัน เพราะฉะนั้นส่วนตัวผมล้วนไม่กลับไปพบปะคู่ขาที่เลิกร้างกันไปเด็ดขาด

“ก็ถ้าคุยกันถูกคอก็คงมีนั่นแหละ”  ผมตอบให้ลุงสบายใจไปก่อน แต่จะให้ปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปง่ายๆ ผมก็ทำไม่ได้    “มึงเปิดอกกับกูมาเลยดีกว่า พี่ปูนใช่มั้ย?”

“..........”

“อย่าปิดกูนะลุง”

ลุงชั่งใจชั่วครู่ก่อนจะเริ่มเปิดปากออกมา  “มึงจำวันที่นางแบบมาหาพี่ปูนได้มั้ย?”

“เจน่า ครอส?” 

“อืม...แล้วเขาก็ออกไปด้วยกันใช่มั้ย ทีนี้...”  ความกังวลเริ่มแผ่ออกมาจากลุงช้าๆ ผมรับรู้ได้จากท่าทาง และมันก็ทำให้ความอยากอาหารของผมเริ่มหมดลงตามไปด้วย ช้อนถูกวางลง จ้องหน้าลุงเพื่อคาดคั้นความจริง  “แล้ววันต่อมาที่มึงเจอพี่ปูนในสภาพโทรมๆ อ่ะ ที่มึงลงไปรอกูข้างล่าง”

“ยังไง”

“เราเกือบเลิกกัน...เขา...เขาบอกกูว่าไปนอนกับผู้หญิงคนนั้นมา”

“ไอ้!!--”  ผมกลั้นเสียงตวาดที่หลุดออกมาไว้ได้ทัน ผมต้องพ่นลมหายใจออกแรงๆ ถึงจะสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้ได้  “ตอนนั้นพวกมึงคบกันแล้ว?”  ลุงพยักหน้าเชื่องช้าให้กับคำถาม และนั้นทำให้ผมต้องพยายามสงบสติอารมณ์มากกว่าเดิม นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นที่สาธารณะผมคงลุกขึ้นเดินไปตบหัวเพื่อนแรงๆ สักที

“แล้วมึงก็ยังจะคบกับคนแบบนี้ต่อเนี่ยเหรอ! มึงมีเขาบนหัวเหรอลุง”

“อย่าโมโหดิวะ เรื่องมันมีที่มาที่ไป”  ลุงรีบร้อนพูดต่อ  “คือตอนนั้นกูเข้าใจว่าตัวเองปล้ำเขาไง กูต้องรับผิดชอบเขา แล้วกูก็ยังไม่ได้รักเขา...ที่กูยอมเพราะเข้าใจว่าพี่ปูนต้องการเวลาปรับตัว”

“งี่เง่า!”  ผมไม่รู้จะว่ามันด้วยคำไหนแล้วจริงๆ

“เขาบอกกับกูว่าเลิกกับเจน่าเด็ดขาดแล้ว”  ลุงพูดต่อ สีหน้ามันสลดลงเรื่อยๆ  “แต่วันที่ป้าไปมีปัญหากับพี่ปูนน่ะ ป้าเห็นว่าพี่ปูนนั่งดื่มกับเจน่าอยู่”

“..........”

“คือ...กูฟังแล้วมันจี๊ดในอกแปลกๆ ว่ะ กูไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย ตอนนั้นในหัวมันเอาแต่คิดว่าถ้านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาเจอกันล่ะ? ถ้ามันไม่ได้จบแค่การดื่มล่ะ? กูคิดแต่เรื่องไม่ดีอ่ะ มันไม่สบายใจแล้วกูก็ไม่ชอบตัวเองแบบนี้เลย”  สีหน้าลุงย่ำแย่ลงเรื่อยๆ ระหว่างการพรั่งพรูความรู้สึกออกมา  “ตอนนั้นที่ไม่เลิกกันเพราะกูใช้สติกับเหตุผลตัดสินปัญหา พอคราวนี้มันก็เป็นอย่างนั้นนะ แต่ทำไมกูยังรู้สึกไม่ดีอยู่วะ”


ผมไม่เคยเห็นลุงเป็นแบบนี้


ตลอดเวลาที่เป็นเพื่อนกันมาลุงไม่เคยปิดปังอะไรผมได้นาน ไม่ผมซักไซ้ก็เป็นมันสารภาพออกมาเอง เพราะฉะนั้นผมถึงได้แน่ใจว่าไม่เคยมีใครมาสร้างความคับข้องใจในรูปแบบนี้ให้มันมาก่อน คงเป็นเพราะที่ผ่านมาลุงไม่เคยเอาตัวเองไปผู้ติดกับใครจนเกินไป ไม่เคยใกล้ชิดกับแฟนคนไหนมากจนเสียความเป็นตัวเอง แต่กับพี่ปูนนั้นต่างออกไป... ผมรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าคราวนี้จะไม่เหมือนที่ผ่านมา คนที่แอบมอง แอบชอบมานแบบนั้นไม่มีทางที่จะมีความสัมพันธ์แบบผิวเผินได้ คนที่รอโอกาสมานานอย่างนั้นไม่ยอมปล่อยให้ลุงดิ้นหลุดมือไปได้หรอก

พี่ปูนเองก็มีชีวิตซับซ้อนมาแต่ไหนแต่ไร ผมเองก็ไม่ได้รู้ลึกพอที่จะไปตัดสินอะไรได้ แต่กับคนที่เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก เติบโตมาด้วยกัน ผมรู้ดีว่าลุงเดินมาถึงขั้นใดของความสัมพันธ์แล้ว

“ที่มึงรู้สึกแย่กับมัน เพราะมึงรักพี่ปูนแล้ว”  ผมบอกในสิ่งที่มันคงรู้ดีอยู่แก่ใจ  “มึงหึง มึงไม่ชอบใจ มันเป็นเรื่องปกติของการคบกัน แต่มึงก็ยังเชื่อใจเขาอยู่ใช่มั้ย?”

ลุงพยักหน้าอีกครั้ง 

“งั้นกูก็เชื่อใจเพื่อนตัวเองเหมือนกัน ว่ามันจะไม่ยอมโง่ให้กับเรื่องเดิมๆ”

ดูตามนิสัยแล้ว ไม่ว่ายังไงลุงมันคงจะถามพี่ปูนเรื่องแม่นางแบบนั่นแน่ๆ เพียงแต่มันยังลังเลอยู่ก็เท่านั้น แล้วถ้าพี่ปูนไม่ทำให้เรื่องชัดเจนล่ะก็ บอกได้เต็มปากเลยว่าลุงมันก็คงไม่ทนกับความรู้สึกนี้แน่ๆ

“เอาล่ะ! จบเรื่องก็แดกซะ ตำปลาร้ากูเซ็งไปหมดแล้ว”

“ขอบใจนะมึง”  ลุงบอกเบาๆ สีหน้าปลอดโปร่งอย่างเห็นได้ชัด  “ว่าแต่สั่งลาบเพิ่มดีมั้ยมึง อร่อยอ่ะ”

“ได้ครับคุณพัทลุง”  ผมตอบอย่างเอาใจแล้วหันไปมาแม่ค้าร่างอวบเหงื่อท่วมทันที  “ป้าครับ! ลาบหมูจานหนึ่ง!!”

เป็นมื้อเที่ยงที่พวกเราซัดกันเต็มคราบชนิดที่เดินตัวงอกันกลับออฟฟิศ ทุกอย่างมันอร่อยอยู่หรอกแต่ก็มีผลเสียเยอะเหมือนกัน เพราะหลังจากช่วงบ่ายคล้อยไป แอร์เย็นๆ ก็เริ่มทำปฏิกิริยากับข้าวเหนียวทำให้เกิดอาการมึนๆ งงๆ ครองสติไม่ค่อยจะอยู่ ผมน่ะยังจิตแข็งพอ แต่ไอ้ลุงนี่แอบสัปหงกไปแล้ว! เรื่องกิน เรื่องนอน นี่ขอให้บอกมันเลยเชียว

“อะแฮ่ม!! พัทลุง”

ผมทำเพียงแค่เหลือบตามองเจ้าของเสียง แต่ไอ้ลุงนี่สะดุ้งเฮือกจนน่าขำ มันกระพริบตาปริบๆ ดูยังงงกับเสียงที่ดังขึ้นกะทันหัน เมื่อตั้งสติได้สองตาถึงได้จับทิศทางเจ้าของเสียงถูก สายตาลุแก่โทษปะปนกับความอับอายทันที

“พี่ต้องเอาหมอนกับผ้าห่มมาให้รึเปล่า?”  พี่ปูนกัดลุงให้หนึ่งคำโต

“ขอโทษครับ” 

เรื่องสนุกนี่มันมีมาให้ดูตลอดเลยสิน่า! ผมอมยิ้มกับตัวเองขณะแอบมองเพื่อนแก้มยุ้ยของตัวเองตีสีหน้าสลด จากนั้นจึงเบนสายตาไปยังคนตัวสูงที่ยืนค้ำเหนือโต๊ะ ใบหน้าคมตีสีหน้าเข้ม สมกับเป็นเจ้านายที่จับความผิดพลาดของลูกน้องได้อยู่หมัด ผมอยากจะรู้นักว่าพี่ปูนจะตีหน้าถมึงทึงใส่ลุงไปได้สักกี่น้ำ

...และก็เป็นอย่างที่คิด

ริมฝีปากที่เสแสร้งเข่นเขี้ยวค่อยๆ เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอบอุ่นจนน่าขนลุก โธ่เอ๊ย!! ผมก็นึกว่าจะแน่ได้สักกี่น้ำ เผลอๆ ถ้าไม่มีคนอยู่ พี่แกคงได้หาหมอน หาผ้าห่มมาให้ลุงอย่างที่พูดด้วยซ้ำ

“ตามพี่เข้าไปในห้องด้วย”  เสียงที่สั่งความยังเครียดขรึม ไอ้ลุงทำหน้าอย่างกับว่าจะถูกเรียกไปโบยตีก่อนจะเดินตามเจ้านายควบสถานะผัวเข้าไปในห้อง

แล้วก็ตามสไตล์คนชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านน่ะนะ ผมพยายามมองเข้าผ่านลวดลายกระจกฝ้าเข้าไป แต่นอกจากจะไม่สำเร็จแล้ว เจ้าของห้องยังกล้าหาญชาญชัยปิดมู่ลี่ป้องกันความเป็นส่วนตัวอีกชั้น นี่กะจะกล่อมเมียนอนกลางวันรึไงกันหึ๊! 

ผมอาศัยจังหวะที่ลุงไม่อยู่ส่งข้อความหาพี่จีนเพื่อนัดแนะเรื่องสถานที่ และไม่ลืมที่จะส่งหาพี่กร ถามไถ่เรื่องทั่วไป ซึ่งไม่ว่าจะรอนานขนาดไหนข้อความที่อยู่บนหน้าจอก็ยังไม่ถูกอ่าน ในที่สุดผมจึงวางมือถือลงแล้วเริ่มทำงานต่อด้วยความผิดหวังเล็กน้อย


------------------------->>>
หัวข้อ: ●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 08-08-2018 00:56:40
เกือบยี่สิบนาทีต่อมาประตูห้องพี่ปูนก็เปิดออกอีกครั้ง หนึ่งคนที่เดินออกมาคือพนักงานที่น่าจะถูกเจ้านายเรียกไปตักเตือนเรื่องแอบงีบ แต่กลายเป็นว่าไอ้ลุงกลับเดินออกมานั่งที่โต๊ะด้วยรอยยิ้มแช่มชื่นพร้อมกับริมฝีปากที่คล้ายจะเจ่อขึ้นเล็กน้อย

“ยิ้มแป้นเกินไปมั้ย?”  ผมอดแซวเพื่อนไม่ได้ ในขณะที่ชีวิตรักของผมยังแห้งแล้ง แต่ลุงกับพี่ปูนกลับชื่นมื่นไปด้วยน้ำหล่อเลี้ยง แล้วจะไม่ให้ผมหมั่นไส้คนพวกนี้ได้ยังไง

“ฮิฮิ พี่ปูนจะพาไปเที่ยวแหละ”  เห็นรอยยิ้มของลุงตอนนี้ เล่นเอาผมคิดว่าสีหน้าสุดกังวลของมันเมื่อตอนเที่ยงเป็นการแสดงไปเลย  “เพราะงั้นกูต้องตั้งใจทำงานให้เสร็จนะโป้ย ห้ามชวนกูขี้เกียจ”

กูชวน?

“ได้~ อย่าให้เห็นว่าอู้นะ กูจะตบให้สมองกระเด็นเลย” 

“มึงก็โหดไปนะบางที”

ผมมองท่าเบะปากพึมพำของลุงแล้วให้อยากซัดสักที แค่ผัวชวนไปเที่ยวหน่อยเท่านั้นก็ลืมเรื่องเครียดเป็นปลิดทิ้ง ให้ตายเถอะ! ผมจำสีหน้ามันสมัยยังเขม่นพี่ปูนไม่ได้แล้ว


.

.

.


กว่าจะฝ่ารถติดมาถึงสถานที่นัดหมายก็เลยเวลามาเกือบสิบนาที ผมรีบหาที่จอดรถแล้วเดินเข้าไปในร้านไทยที่ตกแต่งแบบร่วมสมัยมีการใช้ไม้ร่วมกับโครงสร้างสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว ที่สำคัญรสชาติของอาหารที่นี่ก็อร่อยไม่ธรรมดา เพราะฉะนั้นราคาจึงสูงตามไปด้วย

ผมเปิดประตูเข้าไป ภายในร้านกว้างขวางมีมุมอับสายตาอยู่บ้าง ผมจึงหยุดยืนเพื่อมองหาคู่นัดหมายก่อนเป็นอันดับแรก ยังดีที่ลูกค้ายังไม่เยอะมากพอให้กวาดสายตามองไปได้ครึ่งรอบก็เจอ ผมเดินตรงไปยังทิศทางที่ต้องการในทันที เมื่อใกล้จะถึง สาวสวยที่นั่งเหม่อออกไปนอกหน้าต่างก็รู้สึกตัวถึงการมาของผม ใบหน้าคมเฉี่ยวอันเป็นที่หลงใหลของผู้ชายหลายคนหันมาทางผม พร้อมกับถลึงตาที่แสนมีเสน่ห์มาให้เสียจนน่ากลัว

“ช้า!!”

“รถมันติดนี่ป้า”  ผมหยอก เลื่อนก้าวอี้ออกเพื่อลงนั่งแล้วหันมายิ้มกริ่มให้คนที่หน้าง้ำยิ่งกว่าเดิม

“เดี๋ยวจะโดน”

“แหม~ อันที่จริงผมก็น้องพี่คนหนึ่งนะ จะเรียกป้าก็ไม่แปลกรึเปล่า?”  สองพี่น้องคู่นี้มีปัญหากับชื่อตัวเองมาตั้งแต่เด็ก แต่อย่างลุงมันเป็นผู้ชายสบายๆ ก็เลยชาชินกับชื่อไปนานมากแล้ว แต่กับพี่จีนที่เป็นสาวสังคม แถมหน้าตายังสะสวย ผมก็เข้าใจนะว่าต้องทำหน้าให้หนาขนาดไหนถึงจะยอมให้ใครต่อใครเรียกชื่อเล่น เพราะงั้นพี่จีนจึงบอกกับทุกคนว่าตัวเองชื่อ ‘จีน’ ที่มาจากปราจีนเท่านั้น แม้แต่ผมก็ยังรู้จักพี่จีนด้วยชื่อนี้เหมือนกัน 

“ไม่อยากพูดกับแกแล้ว หน้าตาดีซะเปล่าทำไมไม่รู้จักทำตัวน่ารักบ้างนะ”  พี่จีนบ่นพลางถอนหายใจ มือบางหยิบเมนูอาหารเล่มโตส่งให้ผมไปเปิดเลือก  “พี่สั่งอาหารว่างมาแล้ว โป้ยสั่งจานหลักแล้วกัน”

ผมไม่ปฏิเสธให้เสียเวลารับเมนูมาเปิดไปเปิดมา ยังไม่ทันได้ส่งเสียงเรียกพนักงาน เพียงแค่ปิดเมนูหนังเล่มใหญ่แล้วเงยหน้ามองเท่านั้นพนักงานก็เยื้องย่างเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม ผมสั่งอาหารไปสามอย่าง พนักงานรับเมนูคืนแล้วเดินจากไปสวนกับพนักงานเสิร์ฟ ตะกร้าสานที่บรรจุขนมปังหน้าหมูหอมๆ กับน้ำจิ้มและอาจาดถูกวางลงตรงหน้า ตามมาด้วยกระทงทองในจานทรงรี 

“เอาล่ะ! เข้าเรื่องกันดีกว่า”  ผมว่าพลางหยิบกระทงทองเข้าปากก่อนเป็นคำแรก

“โป้ยรู้เรื่องที่ลุงมีแฟนมั้ย?”  พี่จีนเริ่มเรื่องเป็นประโยคคำถาม ดีนะที่ผมคุยกับลุงมาก่อน ไม่อย่างนั้นก็คงจะตอบปัดเป็นว่าไม่แน่ใจ หรือแสร้งทำไม่รู้ไปเลยเพื่อป้องกันปัญหา

“พี่ปูนเป็นเจ้านายผมด้วยทำไมจะไม่รู้”  สิ้นคำบอก พี่จีนทำหน้าเข่นเขี้ยวขึ้นมาทันที เห็นทีป้าแกจะตั้งอคติไว้มากกว่าที่ผมคิดไว้ซะอีก  “ผมฟังเรื่องมาจากลุงบ้างแล้ว พี่จีนบอกความคับข้องใจของพี่มาเลยดีกว่า ผมจะได้ตอบคำถามพี่ได้ถูก”

เสียงเดาะลิ้นอย่างขัดใจดังมาจากสาวสวยตรงหน้า แม้ใบหน้าท่าทางจะสวยงามแค่ไหน แต่พี่จีนคือผู้หญิงที่สามารถเดินไปหาเรื่องคนที่ไม่ถูกชะตาได้แบบไร้เหตุผล เดชะบุญที่นั่นเป็นเรื่องเมื่อสมัยวัยใส พออายุมากขึ้นพี่จีนก็มีสติมากขึ้น ดูได้จากที่ไม่กระโดดต่อยพี่ปูนเพราะโมโหแทนเพื่อน เพราะเจ๊แกถือคติว่าถึงสู้ไม่ได้แต่อย่าให้อีกฝ่ายเดินสบาย

“ลุงปล้ำผู้ชายคนนั้นจริงรึเปล่า!?”

พรูด!!

“ไอ้โป้ย!! สกปรก”

“ขอโทษพี่”  ผมรับทิชชู่จากพี่จีนมาเช็ดคราบขนมปังที่เผลอพ่นออกไป ยังดีที่ไม่กระเด็นไปโดนป้าแก ไม่งั้นผมคงโดนด่ายับแน่  “ผมตกใจนี่ จู่ๆ มาถามอะไรแบบนั้น”

“ก็แม่บอกว่าลุงมันไปปล้ำเขา ฉันก็เลยอยากรู้ว่าเพราะงี้เหรอเลยคบกันน่ะ”

เดาว่าต้นเรื่องต้องมาจากไอ้ลุงแน่! แต่ผมก็อยากจะสแกนสมองผู้หญิงบ้านนี้จริงๆ ว่าข้างในมีอะไรถึงได้มีความคิดว่าลูกชาย น้องชายตัวเองจะไปปล้ำใครเขาได้ ขนาดผู้หญิงอ่อยมันขึ้นเตียงมันยังไม่รู้เลย

“ว่าไงล่ะ!”

“...คิดตามหลักกายภาพนะพี่จีน”  จะให้ผมชี้ชัดลงไปเลยก็กลัวจะสะเทือนใจคนในครอบครัว ผมถึงได้เลือกบอกอ้อมๆ ให้คิดเอาเอง  “ด้วยส่วนสูง รูปร่าง และขนาดร่างกายที่เห็นๆ กันอยู่น่ะ อ้อ! รวมอ่อนด๋อยเข้าไปด้วยนะ”

“ฉันว่าแล้ว!”  สาวสวยตบโต๊ะฉาด เรียกสายตาคนรอบข้างจนผมหน้าม้านไปเล็กน้อย แต่คุณคนสวยเธอไม่ใส่ใจหรอก เพราะแม้แต่จังหวะที่พนักงานเดินเข้ามาอาหารจานหลักกับเสิร์ฟข้าวใส่จานให้ก็ยังพูดต่อด้วยอารมณ์ครุกรุ่น

“แม่ก็ซื่อไปเชื่อคำพูดลุง ไม่ต้องสังเกตก็เห็นกันอยู่ว่าคนของเราโดนเอาเปรียบชัดๆ เผลอๆ ลุงต้องโดนผู้ชายคนนั้นจับปล้ำแน่ น้องฉันมันน่ารักขนาดนั้น”

ผมนับถือพนักงานร้านนี้จริงๆ ที่ทำงานด้วยความรวดเร็วและสีหน้าก็สงบนิ่งมาก ผมรอจนบุคคลที่สามเดินจากไปถึงได้เริ่มโต้ตอบการคาดเดาแบบคิดเองเออเองของพี่จีน  “ลุงไม่ได้โดนปล้ำโอเคนะพี่ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน -- อย่าถาม ผมก็ไม่รู้รายละเอียดขนาดนั้น”  ผมรีบยกมือห้ามทันทีที่ปากป้าแกเผยอขึ้น  “สรุปแค่ว่าตอนนี้สองคนนั้นก็รักกันดี ย้ำเลยนะว่า รักกันดีจนผมหมั่นไส้เลยล่ะ”

“แต่ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนดี”

“แต่เขาดีกับลุงนะพี่”  ผมสวนกลับ พี่จีนชักสีหน้าใส่ทันทีผมเลยต้องรีบชิงพูดต่อ  “มันไม่มีใครดีไปทั้งหมดหรอกนะพี่ ชีวิตคนเรามันก็เทาๆ กันทั้งนั้นแหละ จริงอยู่ที่ว่าเรากลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่เราทำปัจจุบันให้ดีได้นี่”

“ใครจะรับประกันว่าเขาจะไม่ทำแบบเดิมล่ะ” 

“พี่ต้องปล่อยให้ลุงมันไปเผชิญชีวิตสิ ให้มันไปรู้ว่าเขาไม่ดีมันจะได้เลิก”  แต่ไอ้เรื่องที่เขาจะยอมเลิกรึเปล่าน่ะสิที่น่าห่วง  “แต่ผมบอกได้เลยนะพี่ว่าพี่ปูนไม่หลอกคบลุงเล่นๆ หรอก ถึงจะไม่ได้ออกมาจากปากเจ้าตัว แต่ผมก็พอรู้ว่าเขาแอบชอบลุงมาหลายปีแล้ว”

“ถ้าเป็นงั้นจะไปหลอกฟันคนอื่นอีกทำไม”

“ก็ยังไม่ได้คบกันเป็นแฟนรึเปล่า? พี่เขาจะไปนอนกับใครก็ได้”

“เพราะงี้ไงถึงเป็นคนไม่ดี!”

โว้ย!!!! ผมอยากจะยกมือขึ้นไปยีหัวตัวเองให้สมกับความหงุดหงิดที่เกิด พูดไปพูดมาป้าก็วกเข้าเรื่องเดิมแบบไม่ผ่อนผันใดๆ ผมว่าประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่อาการห่วงน้องอย่างเดียวแล้ว เหตุผลหลักคงเพราะพี่ปูนดันไปนอนกับเพื่อนแกแล้วเททิ้งมากกว่า

“พูดไปพูดมาพี่ก็ยังไม่ปล่อยวาง เอางี้ดีกว่า!”  ผมตีหน้าเข้มขึ้นสามระดับ  “นัดมาเจอกันให้หมดเลย!”

“ใคร?”

“เพื่อนพี่ ไอ้ลุง พี่ปูน”

“บ้า!”  พี่จีนทำหน้าเหมือนตอนผมเผลอพ่นเศษขนมปังหน้าหมูออกมา

“พี่จะได้รู้ไปเลยไงว่าใครเป็นยังไง พี่เห็นตอนเขาปฏิบัติกับผู้หญิงคนอื่นแล้ว พี่ต้องมาเห็นด้วยตาตัวเองด้วยว่าเขาปฏิบัติกับคนของเรายังไง น้าดาเคยเจอเขาแล้วไม่ใช่เหรอ? ถ้ามันไม่โอเคเลยน้าดาคงเห็นด้วยกับพี่ไปแล้วล่ะ ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจไงพี่ พี่ยังไม่เคยจ้องตาเขาเลย พี่จะไปรู้หัวใจจริงๆ เขาได้ไง ลองวางอคติลงแล้วตั้งใจมองผู้ชายที่ลุงมันเลือกก่อนสิ ถึงเพื่อนผมมันจะบ้าๆ บอๆ แต่มันก็รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรนะพี่”

“..........”

“แต่ขอบอกไว้อย่างนะ ว่าผลลัพธ์ของการที่พาให้รถไฟมาชนกันจะเป็นไงก็ไม่รู้นะ ลุงมันอาจจะโกรธพี่ก็ได้”

พี่จีนเงียบไป สีหน้าครุ่นคิดไปตามคำพูดของผมแล้วในที่สุด ถึงพี่จีนจะอยากทำตามคำเสนอแค่ไหนก็คงไม่กล้าเสี่ยงหรอก อย่างน้อยถ้ารู้ว่านั่นอาจจะทำให้ลุงโกรธขึ้นมายิ่งไม่มีทางทำแน่ ส่วนผู้หญิงคนนั้นถ้านอนกับพี่ปูนแบบได้ของตอบแทนจริง ถ้าเป็นคนดีหน่อยก็คงไม่กล้ามาเรียกร้องอะไรแน่

ผมปล่อยให้คนคิดมากคิดไปคนเดียว ผมแค่แนะแนวเท่านั้น อะไรที่ควรพูดก็พูดไปแล้ว ตอนนี้ผมจะลงมือกินอาหารบนโต๊ะนี่ให้อิ่มแปล้ล่ะ!


.

.

.


สองวันมันผ่านไปแป๊บเดียวเท่านั้นแหละ แค่สำหรับคนรอนั้นมันนานพอที่จะทำให้ความคิดถึงมันสุมอกน่าดูชมเหมือนกัน แม้การยุ่งเรื่องของคนอื่นนั้นจะเป็นการใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ แต่เรื่องของลุงในครั้งนี้กลับน่าปวดหัวจนไม่ก่อให้เกิดความสนุกแต่อย่างใด พี่จีนเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้นซึ่งผมเองก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ ส่วนไอ้ตัวต้นเรื่อง วันรุ่งขึ้นก็มาทำงานแบบแฮปปี้หน้าบาน คาดว่าคงได้น้ำเพราะเห็นหลังคอมีรอยตีตราสีเข้มปึ้ด

พี่ปูนคงจะโหมกันหนักมากล่ะสิท่า ลุงถึงได้ค่อยๆ ลุก ค่อยๆ นั่งเป็นคนแก่วัยเกษียรไปตั้งครึ่งค่อนวัน

ผมเองก็อยากมีช่วงเวลานั้นบ้างเหมือนกัน... อยากเป็นคนที่กัดหลังคอแล้วสร้างร่องรอยเอาไว้ อยากเป็นคนที่ทำให้อีกฝ่ายหมดเรี่ยวหมดแรง... บ้าชะมัด!! ผมโคตรอิจฉาพี่ปูนจริงๆ

“เป็นอะไรรึเปล่า?”

ถ้อยคำห่วงใยดังออกมาจากปากคนข้างตัว ผมหันไปมองพี่กรที่นั่งอยู่บนโซฟาข้างกันด้วยความคิดฟุ้งซ่านในสมอง แต่แล้วเมื่อคิดถึงว่าคนๆ นี้เพิ่งกลับจากทำงานมาทั้งวันผมก็จำต้องสะบัดหัวไล่ความคิดในเชิงเร่าร้อนออกไป

ช่วงบ่าย พี่กรส่งข้อความมาว่าวันนี้จะเป็นฝ่ายมาหาผมที่ห้องเอง คงเพราะความเป็นดาราล่ะมั้งเลยไม่เหมาะหากว่าผมจะเป็นฝ่ายไปหาอยู่บ่อยๆ แถมยังนอนค้างทุกครั้ง เกิดมีคนคิดอยากสร้างข่าวอาจจะทำให้เจ้าตัวลำบาก ดังนั้นในช่วงหัวค่ำผมถึงได้เปิดรับดาราเบอร์รองหน้าตาดีที่มาพร้อมกระเป๋าเป้บนไหล่

“ที่กองเป็นไงบ้าง?”  ผมเปลี่ยนเรื่องพูด พยายามปรับสีหน้าให้ยิ้มแย้ม

“เก็บฉากของพี่เกือบครบแล้วล่ะ พรุ่งนี้เลยได้พักสบายๆ พี่เลยบอกปูนว่าจะขอเกเรอีกสักวัน”  พี่กรพรั่งพรูลมหายใจออกมาทั้งรอยยิ้ม ดูท่าจะพอใจกับการพักผ่อนเอามากๆ  “ที่ออฟฟิศไม่มีเรื่องอะไรใช่มั้ย?”

“ไม่มีหรอก”  สองตาผมไม่สามารถละสายตาจากคนข้างกายได้เลย ทั้งรอยยิ้ม ทั้งการบิดโยกเรือนร่างเพื่อคลายความอ่อนล้า ผมเอื้อมมือไปเกลี่ยปอยผมที่ตกระเหนือดวงตาให้พ้นออกไป และอดไม่ได้ที่จะยื่นริมฝีปากตามจูบประทับที่ข้างแก้ม แม้อีกฝ่ายจะสะดุ้งเล็กน้อยแต่วินาทีต่อมาก็ยอมเอียงใบหน้าให้ผมสูดหอมอย่างเต็มใจ

“ไม่เหม็นรึไง พี่ยังไม่ได้อาบน้ำเลย”  เสียงกระเซ้าดังขึ้นอย่างเอียงอาย แต่กระนั้นก็ไม่ได้ปัดป้องยามผมฝังหน้าลงกับซอกคอ พี่กรเพียงแค่บิดตัวเล็กน้อยหากยอมเอียงคอรับอย่างว่าง่าย

“หอมจะตาย”  ผมไม่ได้ปดเลยสักนิด ร่างกายพี่กรหอมกรุ่นน่าหลงใหล มันเป็นกลิ่นของน้ำหอมหวานๆ เย็นๆ ผสมกับกลิ่นกายที่เข้ากันได้ชนิดที่ผมไม่อยากผละตัวเองออกไป  “ข้าวก็กินแล้ว ที่เหลือก็อาบน้ำสินะ”

“ก็ปล่อยพี่สักทีสิ พี่จะได้ไปอาบน้ำ”  พี่กรหัวเราะคิก ฝ่ามือเรียวกุมท่อนแขนผมหมายจะผลักดันออกไป แต่คงไม่ได้คาดคิดสินะว่าการที่ปลายนิ้วบีบเบาๆ ลงที่กล้ามเนื้อของผู้ชายมันสร้างความยั่วยวนขนาดไหน

“เรามาอาบน้ำพร้อมกันดีกว่า”

พี่กรชะงักนิ่งไปหลังจากฟังการพูดโพล่งแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยของผม นัยน์ตาสีน้ำตาลมองสบผมด้วยความรู้สึกหลากหลาย หากสีหน้านั้นมีเพียงความอายที่เด่นชัดออกมา เมื่อไม่ได้รับการปฏิเสธในทันทีผมจึงเริ่มรุกหนักขึ้น วงแขนยื่นโอบรัดร่างเพรียวมาแนบตัวมากขึ้น ครานี้พี่กรมีท่าทางดึงดันเล็กน้อยแต่ก็ยังยอมเข้ามาอยู่ในวงแขนผมแต่โดยดี

“สองวันนี้ผมอุตส่าห์เป็นเด็กดีไม่ไปกวนพี่ที่ห้อง พี่ต้องให้รางวัลผมบ้างสิ”  ผมโอดพลางไล้ลิ้นชิมรสชาติของผิวเนื้ออุ่นๆ  “นะ ไปอาบน้ำกัน”   

 พี่กรตัวเกร็งขึ้นมาทันที ผมรู้ได้เลยว่าเรื่องนี้ยังเป็นขีดจำกัดความอายของหนุ่มขี้อายคนนี้ ผมลอบถอนหายใจเมื่อรู้แน่ว่าการตะล่อมไม่น่าจะเกิดผลในครั้งนี้ เอาวะ! ตอนนี้ยังไม่ได้แต่มันต้องได้สักวันล่ะน่า ผมหมายมาดในใจทั้งที่ยังไม่อาจเอาปากกับจมูกตัวเองออกมาจากผิวเนื้อหอมนวลได้

“เอ่อ...พี่ว่า”  แต่พี่กรมีหรือจะยอมให้ผมสุขสมได้นาน ผมคลายแรงรัดเมื่อร่างในวงแขนดิ้นรนมากกว่าเดิม  “โป้ยปล่อยพี่ดีกว่า พี่ชักเหนียวตัวแล้วล่ะ”

“ก็พี่ยังไม่ตอบคำถามผมเลย”

“พี่ว่า...”  พี่กรยังอิดออดอยู่ในวงล้อมของอ้อมกอดผม สีหน้าทั้งเขินอายทั้งลำบากใจอย่างที่สุด หมดสภาพดาราผู้เงียบขรึมได้อย่างสาแก่ใจคนมองนัก ผมกระหยิ่มในใจเมื่อคิดว่าคงมีเพียงแค่ผมเท่านั้นที่จะทำให้พี่กรแสดงสีหน้าเช่นนี้ออกมา สีหน้าที่มาจากความรู้สึกแท้จริงที่ไม่ใช่การแสดง สีหน้าที่ไม่ว่าผู้กำกับหรือเพื่อนสนิทคนไหนคงไม่มีวันได้เห็น

ในหัวใจมันคันยุบยิบไปหมด เมื่อคิดว่าผู้ชายคนนี้คือคนของผม

“พี่ว่า...”  ผมทวนคำล้อเลียนเรียกสายตาเขม่นจากคนในอ้อมกอด อดไม่ได้ที่จะกดจมูกลงกับแก้มพี่กรแรงๆ แล้วยอมปล่อยมือในที่สด  “ไม่แกล้งแล้วก็ได้!”

ผมอมยิ้มมองอีกฝ่ายปล่อยลมหายใจอย่างโล่งอก สีหน้าผ่อนคลายขึ้น  “แต่พี่ต้องให้รางวัลผมเป็นอย่างอื่นโอเค๊?”

พี่กรเปลี่ยนสีหน้าฉับพลัน แววตาวูบไหวด้วยความหวาดระแวง -- มันน่าฟัดจริงๆ โว้ย!!!

 “อย่างเช่น ใช่มือนุ่มๆ ของพี่...”  ผมจับมือพี่กรมากุมไว้ แล้วยกมาวางแนบลงกับเป้ากางเกง  “ให้ความสุขกับตรงนี้ของผม”

ใบหูพี่กรแดงก่ำเสียจนน่าขบ ผมกลืนน้ำลายก้อนโตเก็บกดความต้องการเอาไว้ แล้วกดน้ำหนักลงมือพี่กรให้แนบคลึงกับส่วนที่ต้องการให้เอ็นดู ถูวนซ้ำๆ พลางยื่นหน้าเข้าหาเจ้าของมือที่นิ่งค้างไปแล้ว ทำไมถึงได้มีปฏิกิริยาอย่างกับหนุ่มบริสุทธิ์แบบนี้นะ ไม่รู้รึไงว่ามันยั่วใจคนมองแค่ไหน...

ริมฝีปากประทับลงกับความนุ่มในที่สุด พี่กรแย้มกลีบปากรับลิ้นผมเข้าไปอย่างง่ายดายเช่นเดียวกับที่ยังยินยอมให้ฝ่ามือของตัวถูไถกับเป้ากางเกงไปเรื่อยๆ เพียงแต่รสจูบยังคงอวลกลิ่นความขัดเขินเหมือนที่ฝ่ามือแข็งค้างไปตามทิศทางที่ผมนำพา

ในตอนนี้คงจะเป็นการสัมผัสที่พี่กรพอจะยินยอมได้

ผมไม่ฝืนดึงดันไปมากกว่านี้หรอก พี่กรไม่ใช่คนหัวอ่อนเหมือนลุง ผู้ชายคนนี้มีความเป็นผู้ชายเต็มขั้นเพียงแต่ความรู้สึกว่าด้อยกว่าทำให้ไม่กล้าเปิดการรุกกับผมเท่านั้น และเดาว่าเขาคงรู้อยู่แก่ใจว่าผมจะไม่มีทางเป็นฝ่ายโดนกอดเด็ดขาด เพราะงั้น...

“แค่มือตกลงมั้ย?”  ผมกระซิบเสียงพร่า เมื่อแรงปรารถนามาถึงจุดที่ร่างกายจำต้องแสดงอาการออกมา ลมหายใจของเราขาดห้วง มึนเมาไปกับรสจูบที่ลึกล้ำไม่ต่างจากวิสกี้ชั้นดี ผมเฝ้ามองจังหวะที่พี่กรปรือตาขึ้นสบ ความหวามไหวปรากฏในแววตาคู่สวยอย่างยากจะปิดบัง

พี่กรพยักหน้าน้อยๆ แล้วเป็นฝ่ายยื่นริมฝีปากมาหาผมด้วยตัวเอง


ผมยิ้มรับด้วยความอิ่มเอิบใจ



ผมจะอดทนรอ... นี่เป็นเรื่องที่ผมถนัดมานานแสนนาน



เพราะงั้น...ผมจะทำให้พี่กรตระหนักอย่างช้าๆ ว่าการถูกโอบกอดไว้ใต้ร่างผมนั้นมันวิเศษแค่ไหน





-------------------------------------------------------TBC.


นังนุ้งโป้ยคงต้องอดทนไปก่อนนะจ๊ะ พี่กรคงไม่ยอมง่ายๆ
 :hao7:
เจอกันสัปดาห์หน้าจ้า
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: naplatoo ที่ 08-08-2018 02:28:13
โป้ยสุดยอดมาก เป็นเพื่อนลุงจริงๆป่าวเนี้ย ทำไมดูฉลาดร้ายลึกข้ามหน้าข้ามตาเพื่อนสนิทแบบนี้ 55555555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-08-2018 03:04:46
สุขสมใจ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ous_p ที่ 08-08-2018 03:19:48
อดทนไว้คะโป้ย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 08-08-2018 03:23:44
สมเป็นเพื่อนรักของลุงจริงๆ เลยโป้ย o13
.
ส่วนกับพี่กรคงต้องทนรอไปอีกนนนนนนนะโป้ยเอ้ย!! :katai5:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 08-08-2018 04:41:28
โป้ยน่ารัก อดทนรอจนกว่าพี่กรจะพร้อม
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-08-2018 05:27:54
ดีใจ ไรท์มาต่อแล้ว   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

พี่จีนที่มาพบโป้ย จะเป็นประเด็นกับพี่กรไหมนะ   :hao3:
แบบเป็นตัวจุดชนวน ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น   o18

ก็นิสัยพี่จีนเป็นแบบนี้ ขนาดวัยใสยังกล้าหาเรื่องคน   :laugh:
วัยนี้เป็นหญิงมั่น หญิงแกร่ง คงจะอยากพิสูจน์ให้ชัดเจนแน่ๆ
พี่จีนเป็นคนตรงๆ ฉลาด ทันคน ไม่ง้อผู้ชาย
แต่คงไม่เข้าใจนิสัยเพื่อนตัวเองที่กลับคำพูดที่ว่าคืนเดียวจบกับพี่ปูน(ถ้าไม่มโนไปเอง)
เพราะถูกใจหนุ่มหล่อ ลีลาดี มีฐานะ เปย์ของที่ตัวเองชอบ   :impress2:
เพราะพื้นฐานนิสัยพี่จีนต่างจากนิสัยเพื่อนไง   :hao3:

พี่ปูน  ลุง   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 08-08-2018 07:27:02
ลุงน่ารักน่าชัง  :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 08-08-2018 07:33:49
เปนกำลังใจให้นะโป้ย  และก็้้เอาใจช่วยให้ลุงกับปุริมผ่านด่านพิสูจน์ความสัมพันธ์ทั้งกับครอบครัวและตัวเอง :mew1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 08-08-2018 07:54:33
โป้ยสู้ สู้นะ อย่างน้อยพี่กรก็เริ่มใจอ่อนลงบ้างแล้วล่ะ

ลุงก็ยังคงลั่นล้าต่อไปได้อีก แอบหมั่นนิดๆ แฮะ 5555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 08-08-2018 08:04:45
มาเอาใจช่วยโป๊ยดีกว่า ส่วนลุงนั้นโดนพี่ปูนกดทุกวันอยู่แล้วหมดห่วง อิอิอิ
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 08-08-2018 08:05:32
นังโป้ยมันก็ร้ายกาจไม่ต่างจากพี่ปูนเลย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 08-08-2018 08:41:08
ป้านี่อะไรนักหนา เข้าใจนะว่าหวงน้อง แต่ดูอยู่ห่างๆดีมั้ย คอยช่วยเหลือน้องในเวลาที่น้องต้องการจริงๆอะ เฮ้ออออ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 08-08-2018 09:50:39
หูย ตอนแรกก็คิดว่าโป้ยจะเกมไว ที่ไหนได้แพ้พี่ปูนสะงั้น ไม่ไหวเลยโป้ยผิดหวังในตัวนายจริงๆ :hao3:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 08-08-2018 10:43:08
 :o12:  สงสารโป้ย พี่กรจะใจแข็งไปไหน  สงสารลุงด้วย  อยากรู้ทำไมไม่ถามพี่ปูนให้ชัดๆ นะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 08-08-2018 11:14:45
อดทนรอไปนะโป๊ย :hao7:

ป้าต้องดูเพื่อนป้าใหม่นะว่าเป็นแบบไหน

 :pig4: :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 08-08-2018 16:53:42
โป้ยสู้ๆ พิชิตพี่กรให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 08-08-2018 19:27:25
อดทนไว้นะโป้ย พอถึงเวลาค่อยจัดหนักทีเดียว สงสารพี่กรรอไว้เลย :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 08-08-2018 21:18:02
นี่อ่ะ มุมน่ารักของโป้ย รอพี่กรอีกนิดเนอะโป้ย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 08-08-2018 22:33:38
55555 จริงโป้ย ทนรออีกนิดนะ แบบช้าๆได้พร่าเล่มงามตามที่บอก วันไหนได้จัด รับรองพี่กรฟ้าเหลืองแน่ 5555555 พี่กรก็นะ ยอมๆช่วยๆโป้ยหน่อย ทนสุดทนแล้วนั่น ทั้งสงสารทั้งขำ 5555 //อย่างที่โป้ยพูดกับป้าก็ถูกนะ ตอนอยู่กับเขากับตอนอยู่กับคนนี้ อดีตกับปัจจุบัน เอาอดีตมาตัดสินก็ไม่ควรนะป้า เออ!!!!จับมาคุยกันต่อหน้าเลยดีม่ะ 5555 ลุงมีไรถามพี่ปูนนะ เอาให้เคลียร์ก่อนไปเที่ยว ฮิฮิ //อ่านตอนไหนลุงก็ยังน่ารักเหมือนเดิม ทำเป็นเครียดนะแต่พอพี่เรียกเข้าห้องทำงานออกมาละปากเจ่อ ยิ้มแป้น ว้อยยยย นี่เป็นโป้ยก็กรอกตามองบนอ่ะ 5555555 สนุกจริง อ่านไม่เคยพอมีแต่อยากอ่านต่อๆรอๆตอนตอนไปนะคะ ขอบคุณที่มาอัพค่ะ ชอบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 08-08-2018 22:36:57
ลุ้นต่ออีกว่าจะยังไง ป้าจะยอมรับได้มั้ยนะแต่พี่ปูนก็นะอดีตเทาจนเกือบดำเลยอ่ะ ลุงจะได้ถามมั้ยนางแบบคนนั้นน่ะ แค่พี่ปูนพาไปกิน เอ้ย เที่ยวก็ลืมหมด
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 08-08-2018 23:01:40
โป้ยมันร้ายยยยยยย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 08-08-2018 23:05:47
ถึงโป้ยจะฉลาดขนาดไหน แต่สุดท้ายก็ยังไม่สามารถพิชิตพี่กรได้
คงต้องรอไปอีกนาน กว่าพี่กรจะยอม
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 08-08-2018 23:13:56
โป้ยยยยย บางทีมันก็ช้าปายยยยยย :ling1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 09-08-2018 00:04:10
เขินทะลุจอออกมาเชียว
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 09-08-2018 01:06:43
เป็นโป๊ยนี่คงจะขาดใจตาย อดทนเก่งจริงๆ

ลุงน่ารักจริงเชียว พี่ปูนจะพาไปเที่ยวไหนน๊าาา
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 09-08-2018 02:02:00
เอ้า นี่ก็นึกว่าคู่โป๊ยกรเขสเรียบร้อยโรงเรียนโป๊ยไปนานแล้วซะอีกที่ไหนได้อยู่ในช่วงเต๊าะนิดตอดหน่อยนี่เอง ฮ่าๆๆๆ ส่วนเรื่ิงกิ๊กเก่าพี่ปูนนั้นก็ิยากให้ลุงเคลียร์กันเร็วๆนะจะได้ไม่เป็นปัญหาตามมาอีก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 09-08-2018 03:09:55
ไอ่ลุงมันไม่ได้เพื่อนเลยโว้ยยย ด๋อยยิ่งนัก 5555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 09-08-2018 11:45:29
นุ้งโป้ยช่างน่าสงสาร
อดทนเมื่อยไปก่อนนะลูกเดี๋ยวก็สบายแล้ว
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 09-08-2018 13:45:30
โป้ยย อย่าอิจฉาเพื่อนนะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 09-08-2018 16:11:44
โป้ยอดทนรอพี่กรก่อนนะค้า รอแค่นี้จิ๊บจ๊อยยยยยยยยยยยย  :hao6:
ส่วนเรื่องของน้องลุงกับพี่ปูน อย่ามีดราม่าอะไรอีกเลยน้าาา
นี่เชื่อพี่ปูนแบบที่ลุงเชื่อนะ อย่าหักหลังน้องอย่าทำน้องเสียใจนะะะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 09-08-2018 18:30:01
ทนต่อไปนะโป้ย สู้ สู้
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 09-08-2018 22:57:34
อีกคู่นี่สลับกันมาก 555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: SeaBreeze ที่ 10-08-2018 05:53:30
ค่อยๆตะล่อม พี่กรจะหนีไปไหนได้ พยามเข้านะโป้ย :katai2-1: 
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: aommaboo ที่ 10-08-2018 07:52:47
ภาษาสวยมาก ชอบในการบรรยาย ชอบบ สนุก
ตัวละครก็ดี

ปล ชอบคู่โป้ยย5555 สู้เค้านะคะะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 10-08-2018 10:38:36
ลุงรอดมาได้ทุกวันนี้

เพราะโป๊ยยังใช่ไหมคะ


ถ้าโป๊ยจะเจ้าเล่ห์เบอร์นี้


แล้วลุงจะหลอกง่ายเบอร์นี้


555555


หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Krajeeqx ที่ 13-08-2018 15:58:46
ชอบความเป็นเพื่อนของลุงกับโป้ยมากเลย ถึงโป้ยมันจะกวนตีน ขี้เสือกแค่ไหนแต่ก็เป็นห่วงลุงจริงๆ ตัดภาพมาที่ความรักของนังคือใสกว่าลุงเหลือเกิน เอ็นดู
ส่วนนังน้องลุงนี่จากมุมมองคนอื่นคือน่ารักตลอด นับจากตอนที่ตกเป็นเมียพี่ปูนคราวนั้นรู้สึกว่าพี่ปูนจะหักโหมทำรักมันทุกตอนเลยนะคะ55555  ตอนแรกนี่คิดว่าพี่ปูนจะต้องเป็นฝ่ายตามหึงหวงคุณลุงนะ สรุปกลับกันเฉย แปลว่าคุณลุงนี่รักพี่ปูนเอามากๆ ต่างฝ่ายต่างหลงกัน เหม็นความรักจริงๆ อยากแกล้งให้ร้องไห้ 555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 14-08-2018 03:45:21
ชอบพี่กรกะโป้ยที่สุดดดดดดดดดด รอโป้ยตอนหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAlone ที่ 14-08-2018 06:04:43
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 17-08-2018 03:32:40
ลุงไม่ต้องกลัวเขินอายหรอก สภาพร่างก็ดูออกแล้ว
แต่ลุงสุขสมไง อย่าไปคิดมากกก 5555

ที่ไม่สุขสม และยังต้องลุ้นตลอดน่ะ คนนั้น โป้ย
น่าสงสารแท้ อยู่ใกล้แต่ทำอะไรไม่ค่อยได้

เฮ้ออ สถานการณ์อึมครึมเป็นบางเวลา
ลุงต้องพูดนะ สะสมไว้อาจพังกันตอนหลัง
ปูนนี่ก็พัวพันหลายคนเหลือเกิน เรื่องเยอะด้วย
แต่ไม่เห็นไรเนาะ ลุงยังไม่ทิ้งไปไหนหรอก

เหนื่อยกับป้าค่ะ จัดเต็มมาก ถึงกับเหวอกันไปเลย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 19-08-2018 00:04:00
 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: P_Methayot ที่ 19-08-2018 12:14:59
 o13
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 25-08-2018 02:35:01
รอกรโป้ยค๊า
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 11-09-2018 22:32:59
อดทนรอตามโป้ยเลย
ครั้งแรก พี่กรคงจะซื่อๆ อายๆ น่าเอ็นดู
 :z1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 12-09-2018 08:42:08
  :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 13-09-2018 09:59:40
รอต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 17-09-2018 22:08:41
ชอบลุงจังถึงนางจะบ้าๆบอๆแต่นางก็คนจริงนะชอบไม่ชอบอะไรนางบอกตรงๆ หลงรักนางสะแล้วชิ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: nutgen ที่ 20-09-2018 00:05:12
นี่ฉันไปอยู่ไหนมา ทำไมเพิ่งเจอเรื่องนี้
ถึงขั้นอยากหยุดงานมาอ่านต่อจริงๆ
(จริงๆคือนั่งอ่านตั้งแต่ตอนเข้าประชุมตอนบ่ายแล้ว 555+)
กำลังเหนื่อยๆกับงานอยู่เชียว เรื่องนี้ทำให้ยิ้มได้มากเลย
ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนตลกซื่อได้น่ารักแบบลุงจริงๆ รักอะ
ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆให้ได้อ่านค่า คลายเครียดได้เยอะเลย
แต่ตอนนี้ตาเบลอหมดแล้ว ขอไปนอนก่อนนะ
เดี๋ยวพรุ้งนี้จะแอบอ่านต่อ...เอ้ยเลิกงานแล้วจะกลับมาอ่านนะคะ จุ๊บ

รักลุง รักคนเขียน (รู้สึกถึงรังสีจากป๋าปูนไงชอบกล 555+)
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ่jujoob22 ที่ 24-09-2018 21:20:22
อ่านรวดเดียวจบ ตาโปนสะโหลโต๋เต๋ไปทำงาน เพราะลุงคนเดี้ยวววววว 
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 20-10-2018 11:42:39
หายไปนานจังเลยลุง
เมื่อไหร่จะกลับมา :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Faii0518 ที่ 20-10-2018 18:47:08
พี่ปูนพาลุงไปเที่ยวไหนทำไมยังไม่กลับมาอีก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 20-10-2018 19:39:39
คิดถึงลุงเมื่อไหร่ลุงจะมาให้กอดสักที :ling1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: SeaBreeze ที่ 22-10-2018 14:03:00
หายไปนาน คิดถึงจังเลย :z3:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 22-10-2018 14:10:19
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 01-11-2018 15:15:50
คิดถึงจังเลย หายไปตั้งนาน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: pan27 ที่ 03-12-2018 21:33:54
อยากจะบอกว่าคิดถึงลุงมากๆเลยค่ะ ไรท์ขามาต่อเถอะค่ะ..กราบบบบ   :impress:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: SeaBreeze ที่ 06-12-2018 20:14:35
ไม่มาต่อนานแล้วค่ัะ คิดถึงเรื่องนี้ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 07-12-2018 00:43:32
คิดถึงลุงกับปุริมแล้วค่ะ  :hao5: :mew6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 21 _ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม_ || 8-8-61 หน้า 42 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 07-12-2018 11:04:05
ลุงหายไปนานจัง คิดถึงกลับมาเถอะ :กอด1:
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 22 _เขาใหญ่บันเทิง_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 10-12-2018 00:57:07
ตอนที่ 22 _เขาใหญ่บันเทิง_





หน้าจอโทรศัพท์แสดงภาพหลากหลายที่ค้นหาจากเว็บไซต์ท่องเที่ยว รูปทิวทัศน์สวยๆ ทำเอาผมอมยิ้มคึกคัก กดปลายนิ้วเลือกหัวข้อที่เที่ยวแนะนำในหน้าฝน สถานที่สวยๆ บรรยากาศดีๆ ผุดขึ้นมาหลายที่หลายจังหวัด ผมเลื่อนดูด้วยอาการตื่นเต้นพร้อมกับกลิ้งตัวพลิกคว่ำจนไปกระแทกกับกำแพงนิ่มๆ จนเกิดส่งเสียงเบาๆ ในลำคอแล้วตามมาด้วยการขยับเคลื่อน แต่ผมหาได้สนใจไม่เพราะตอนนี้กำลังจดจ่ออยู่กับข้อความและภาพยั่วยวนในมือถือ

ผมไม่ชอบเที่ยวทะเลเท่าไหร่เพราะไปบ่อยเสียยิ่งกว่าบ่อย บรรดาคุณนายเขาชอบใส่ชุดว่ายน้ำสวยๆ ในบรรยากาศหาดทราย สายลมและแสงแดด ดังนั้นถ้าจะต้องเลือกที่ไปด้วยตัวเองจึงมักเป็นโซนภูเขาซะส่วนใหญ่ ซึ่ง...บรรดาคุณผู้ชายเพื่อนรักแต่ล่ะคนก็ไม่ได้ชอบการเที่ยวแบบสมบุกสมบันเท่าไหร่นัก ผมจึงมักพลาดโอกาสไปเที่ยวตามใจ อย่างที่สัญญาไว้ว่าจะพากันไปขึ้นภูกระดึงสักครั้ง ผ่านไป 10 ปี ผมยังได้แต่มองยอดภูแต่ในรูป

เพราะฉะนั้นในครั้งนี้ผมจะได้เที่ยวเขาสมใจเสียที ดังที่พี่ปูนลั่นวาจาไว้แล้วว่าจะให้ผมเป็นคนเลือกสถานที่ แต่ด้วยเวลาอันจำกัดเพียง 3 วัน 2 คืน จะให้ขับรถไกลมากไปก็สงสารเดี๋ยวสารถีจะไม่มีแรงสนุกสนาน ผมเลยพับบรรดายอดภู ยอดดอยในดวงใจเก็บเอาไว้ก่อนแล้วเลือกเฟ้นที่ใกล้ๆ แทน

ปลายนิ้วผมกดเลือกรูปธรรมชาติสวยๆ ขึ้นดูด้วยรอยยิ้ม วาดฝันไปถึงช่วงเวลาที่จะได้ไปอยู่กับความสวยงามแบบนั้น ผมจะสูดอากาศบริสุทธิ์ให้ฉ่ำปอดแล้วถ่ายรูปให้สาแก่ใจไปเลย และที่สำคัญความหล่อเหลาของพี่ปูนมันจะต้องเข้ากับบรรยากาศมากแน่ๆ

“อารมณ์ดีจังนะ”  เสียงทุ้มต่ำติดห้าวแหบเล็กน้อยดังขึ้นข้างตัว ผมละสายตาจากหน้าจอเพื่อหันไปฉีกยิ้มกว้างให้กับกำแพงมีชีวิตที่ปล่อยให้ผมพักพิงมาสักพักแล้ว พี่ปูนนอนตะแคงข้างหนุนหัวกับฝ่ามือ อวดแผงอกตึงแน่นกับจุกนมสีโกโก้ ใบหน้าพราวระยับด้วยรอยยิ้มที่แตะแต้มบนริมฝีปาก ดวงคมเข้มเหลือบมองภาพบนจอมือถือของผมก่อนเอ่ยกระเซ้า  “ทำไมรีบตื่นล่ะ ไหนบ่นว่าเหนื่อย”

“โธ่ กะอีแค่รอบสองรอบ”  ผมยักไหล่แบบไม่ใส่ใจ อวดพละกำลังด้วยน้ำเสียง  “พี่ปูนแก่แล้วก็นอนพักเยอะๆ เถอะ ลุงยังเด็กอยู่”

“แล้วเด็กคนไหนกันที่เอาแต่ร้องบอกคนแก่ว่าไม่ไหวแล้วๆ”  ไม่ว่าเปล่า คนแก่ยังพลิกตัวเล็กน้อยเพื่อวางแขนโอบแผ่นหลังผมแบบแนบสนิทชิดเชื้อ ตามด้วยขบฟันสีขาวสะอาดกับหัวไหล่ผมเบาๆ อย่างหยอกล้อ เรียกเลือดให้ขึ้นมากองอยู่บนหน้าผมชนิดที่ไม่รู้จะแถสีข้างถลอกท่าไหนดี

โอเค! ผมยอมรับอย่างแมนๆ เลยก็ได้ว่าผมร้องจริงตามที่อีกฝ่ายกล่าวอ้าง -- แต่แล้วไงอ่ะ! ก็ตอนนั้นคนมันไม่ไหวแล้วนี่ ผมจะไปเชี่ยวชาญศึกบนเตียงมากกว่าพี่ปูนได้ยังไงกัน ไอ้สองรอบของเขาก็แทบจะกลายเป็นสองเท่าของผมอยู่แล้ว ถ้าไม่ร้องออกไปว่า ‘ไม่ไหว’ จะให้ร้องว่า ‘เอาอีก’ รึไง

“มันเป็นอดีตไปแล้ว คนเราต้องดูที่ปัจจุบัน เข้าใจนะปุริม!”

“เหรอ~ งั้นอีกรอบคงได้สินะ”  พี่ปูนหันไปมองนาฬิกาเร็วๆ แล้วกลับมายิ้มแป้นให้ผม  “ยังพอมีเวลา!”

ผมหมดคำพูดจะเอื้อนเอ่ยจริงๆ อะไรทำให้คนเรามักมากในกามขนาดนี้นะ ผมนึกคิดวิถีชีวิตช่วงนี้ของตัวเองขณะที่ฝ่ามือบนแผ่นหลังลามเลื้อยลงไปในขอบกางเกงขาสั้นเนื้อบางเบา เสียงหัวเราะหึๆ ดังขึ้นทันทีเมื่อสัมผัสไปโดนขอบกางเกงในเส้นเล็กที่ลับหายไปในแก้มก้น ถูกใจพี่แกทุกครั้งแหละที่รู้ว่าผมยอมใส่ชั้นในที่เขาซื้อไว้ให้

ชีวิตผมช่วงนี้วนกลับไปมาแค่สามที่หลักเท่านั้น บ้านตัวเอง ออฟฟิศ ห้องพี่ปูน ไอ้การไปกินข้าว ดูหนังนี่เรียกว่าเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศเท่านั้นเพราะกิจกรรมหลักจริงๆ คือการออกกำลังกายในร่ม ที่ผมเชื่อว่าค่าเฉลี่ยตลอดระยะเวลานับแต่ที่เสียตัวมานั้นน่าจะเกินเกณฑ์กลางไปแล้ว

“นี่ถ้ายังไม่ขัดขืนพี่จะเอาจริงแล้วนะ”  ผมหันไปมองเจ้าของเสียงขบขันแล้วส่ายหน้าให้ด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ ดูท่าพี่แกก็คงไม่ได้กะทำแฮททริคหรอก ไม่งั้นไม่มายั่วครึ่งๆ กลางๆ แบบนี้แน่

“เก็บแรงไว้ขับรถไปส่งผมเถอะนะ” 

พี่ปูนหัวเราะกับเสียงเอื่อยเฉื่อยไร้อารมณ์ของผม ยื่นปากมาหอมแก้มผมฟอดใหญ่ แล้วเลื่อนสายตามองหน้าจอมือถือผมอย่างสนใจโดยที่ฝ่ามือยังคงลูบคลำก้นผมอย่างออกรส ผมหันกลับมาสนใจสถานที่เที่ยวตามเดิมด้วยชาชินเสียแล้วกับการถูกลวนลาม

“เลือกที่ได้รึยัง?” 

“ไปเขาใหญ่กันนะพี่ปูน ลุงชอบภูเขา”  ผมจิ้มภาพขยายให้เห็นถึงธรรมชาติอันเขียวขจี ปิดเปิดอยู่หลายรูปจนกระทั่งพอใจ จนถึงรูปสุดท้ายอันเป็นความฝันอันสูงสุดที่ผมยื่นให้พี่ปูนดูด้วยความเสียดาย  “เนี่ย~ ลุงนะอยากไปภูกระดึงมากๆ เลยล่ะ นัดกับเพื่อนเป็น 10 ปีแล้วก็ยังแห้วเหมือนเดิม”

“โอ๋ น่าสงสาร”  พี่ปูนว่าขำๆ แล้วทำเนียนหอมแก้มผมอีกรอบ  “ไว้พี่พาไป แต่คงต้องหาวันหยุดยาวกว่านี้”

“จริงดิ!”  ผมมองหน้าพี่ปูนอย่างเหลือเชื่อ คือสภาพโดยรวมของพี่ปูนก็เหมือนกับบรรดาเพื่อนผมนั่นแหละ ดูไม่น่าชอบเที่ยวอะไรที่มันลำบากลำบนเท่าไหร่  “มันไม่ใช่ที่เที่ยวสบายๆ นะ พี่จะชอบเหรอ?”

“พี่เคยไปมาแล้วหรอกน่า”

“ถามจริง!”  เสียงผมนี่สูงปรี๊ดด้วยความสงสัย คนไม่เคยเดินตลาดแต่กลับเคยไปเที่ยวที่ลำบากแบบนั้นเนี่ยนะ

“สมัยเรียนโน่นแหละ เห็นเขาว่าลำบากลำบนนักหนา พอดีว่างก็เลยลองขึ้นไปดู” 

นี่ก็พูดอย่างกับว่าไปเดินเที่ยวสบายๆ ที่สวนหน้าบ้าน ผมแอบมองบนเบาๆ ก่อนจะกลับมาสู่ความอยากรู้อยากเห็นอีกครั้ง  “สวยมั้ย? เดินขึ้นลำบากมากมั้ย? เหนื่อยมากรึเปล่า?”

“ถามขนาดนี้สงสัยอยากจะไปจริงๆ แฮะ”

“มาก!!”  ผมตอบชัดถ้อยชัดคำ แล้วสำทับด้วยการเอนศีรษะลงกับแผ่นอกเป้าหมาย ถูไถอ้อนวอนสุดฤทธิ์  “พาลุงไปนะปุริม~”

ผมไม่เห็นสีหน้าพี่ปูน แต่ถ้าฟังจากเสียงหัวเราะเบาๆ ที่ดังอยู่ ผมว่ามันต้องเจือรอยยิ้มอยู่แน่นอน ผมรู้สึกได้จากริมฝีปากที่ประทับอยู่บนหน้าผากตอนนี้ เพราะมันอบอุ่นมากเชียวล่ะ

“อย่าน่ารักให้มากนัก”  ผมเงยหน้ามองเจ้าของเสียงในที่สุด มันช่างเปล่งประกายจนสายตาผมพร่ามัว แล้วในขณะที่กำลังปรับสายตา ริมฝีปากก็ถูกความอ่อนนุ่มแนบเนาลงมา ย้ำแล้วย้ำอีกราวกับไม่เพียงพอแก่ความต้องการ ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาหากอ่อนโยนเป็นที่สุด เล่นเอาหัวใจคนฟังพองโตเป็นลูกโป่งสีหวาน

“...แค่นี้พี่ก็รักลุงจะแย่แล้ว”


ฮึ้ย~ เขินเว้ย!!


.

.

.   
 


งานออกแบบนั้นไม่ได้มีวันหยุดตายตัวตามวันหยุดนักขัตฤกษ์ แต่ขอเพียงตามงานทัน เก็บงานได้เร็ว ก็พอจะถูไถหยุดไปกับคนอื่นเขาได้ อย่างคราวนี้พวกผมก็รีบปั่นงานกันสุดฤทธิ์ ไอ้ที่เรียบร้อยปิดงานได้ก่อนก็เยอะ ไอ้ที่ยังไม่ถึงกำหนดก็กล้อมแกล้มไปก่อน จนในที่สุดพวกเราก็ได้มาอยู่บนรถเพื่อมุ่งหน้าไปยังเขาใหญ่

ที่ผมบอกว่าพวกเรา หมายความว่าไม่ได้มีแค่ ‘เรา’ เท่านั้น

มันช่วยไม่ได้จริงๆ ที่จะมีพวกตัวแถมติดสอยห้อยตามมาด้วย พวกที่จู่ๆ ก็ดันเห็นว่าการเที่ยวเขาก็ดูน่าสนุกดี ประมาณว่าไม่รู้จะไปไหน เฮ้อะ!! ทีผมพยายามชวนมันจะเป็นจะตายทำเป็นหูทวนลม แต่พอได้ยินพี่กรบอกว่าน่าสนใจเท่านั้นแหละ ชิ!!


แต่ผมไม่ได้ว่าพี่กรนะครับ...


ผมหันไปขอโทษพี่กรผ่านแววตา แน่นอนว่าคุณดารานิสัยดีไม่รู้หรอกเพราะกำลังหลับปุ๋ยไม่สนใจทิวทัศน์ใดๆ ทั้งสิ้น ความมาว่าพี่กรเลิกกองละครเกือบเที่ยงคืน แล้วพี่ปูนก็ยืนยันว่าจะออกเดินทางตั้งแต่ตีห้าโดยไม่สนใจความเพลียของเพื่อนแม้แต่น้อย ผมเดาว่าพี่ปูนแกคงหงุดหงิดหน่อยๆ ที่เราไม่ได้ไปกันแค่สองคน

ผมก็โมโหไอ้โป้ยหรอกนะที่ยุพี่กรให้ไปด้วยกัน แต่เมื่อมาคิดดูอีกที ไปด้วยกันหลายคนก็คงสนุกดีไม่น้อย เพราะงั้นผมกับโป้ยเลยวางแผนว่าจะไปกินปิ้งย่างกันบนเขาเคล้าบรรยากาศ ก่อนวันไปพวกผมเลยพากันไปชอปปิ้งที่ตลาดสดกัน เตรียมเนื้อ เตรียมผัก เตรียมอุปกรณ์แคมป์ปิ้งที่หยิบยืมเพื่อนของเสี่ยมาอีกที เพราะงั้นหลังรถของพี่ปูนจึงเพียบพร้อมไปด้วยของกินนานาชนิดอัดกันอยู่ในลังโฟมหนาอัดน้ำแข็งอย่างดี และในกระติกเก็บความเย็นใบใหญ่ยังเปี่ยมไปด้วยน้ำแข็งที่แช่ไวน์คูลเลอร์อีกเป็นโหล

“อีกประมาณ 500 เมตรข้างหน้ามีปั๊มนะพี่ แวะล้างหน้าล้างตากันก่อนเหอะ”  เนวิเกเตอร์โป้ยเสนอแนะ ตามองทางไปด้วย

“โอเค”  พี่ปูนรับคำสั้นๆ

วันนี้สุดที่รักของผมมาในลุคสบายๆ กางเกงขาสั้นสีน้ำตาลกับเสื้อเชิ้ตสีอ่อนเดินเส้นเน้นลวดลายเรียบหรูดูแพง เส้นผมที่เคยเซตเรียบร้อยก็ปล่อยสบายตามธรรมชาติ จนใบหน้าคมเข้มนั้นดูเด็กกว่าอายุจริง แว่นกันแดดก็แสนจะเข้ากั๊นเข้ากัน โดยรวมแล้วเหมือนนายแบบที่หลุดออกมาจากทีวี

ไม่นานนักพี่ปูนก็พารถเข้ามาจอดบริเวณหน้าห้องน้ำในปั๊มขนาดใหญ่ เราสามคนพรูลมหายใจออกมาแทบจะพร้อมกัน บิดตัวกันไปมาแบบไม่ได้นัดหมาย ก่อนจะปลุกคนหลับสบายให้ตื่นขึ้นไปล่างหน้าล้างตา แม้จะยังดูงัวเงียไม่น้อยแต่พี่กรก็ลุกขึ้นนั่งได้สำเร็จ

ผมกับพี่ปูนเดินลงมาท้ายรถเพื่อเปิดหาข้าวของ ในขณะที่พี่ปูนกำลังรื้อกระเป๋าเป้ของผมของมา สองตาผมก็เหลือบไปมองคุณดาราที่กำลังต่อสู้กับเปลือกตาตัวเอง มันจะปกติธรรมดาอย่างที่สุดถ้าไม่มีใครบางคนเข้ามาอยู่ในมุมมองด้วย โป้ยมันเดินลงมาเปิดประตูด้านข้างแล้วโค้งตัวคร่อมเหนือร่างพี่กร ผมถึงกับตะปบมือผัวรักทันทีที่เห็นปลายนิ้วของเพื่อนเกลี่ยเส้นผมให้คุณเจ้านายด้วยความทะนุถนอมแบบที่ผมเองก็ไม่เคยได้รับ

“หยิบของซะลุง”  พี่ปูนพูดเสียงเบา สองตามองผมที่หันรีหันขวางชักชวนให้ดูภาพสุดระทึกแล้วส่ายหน้าอ่อนใจ  “อย่าไปยุ่งเรื่องคนอื่น”

อ้าว? หมายความว่ายังไงอ่ะ ผมยุ่งเรื่องคนอื่นที่ไหนกัน นี่มันเพื่อนโป้ยของลุงชัดๆ หมายความว่าผมมีสิทธิ์สาระแนนะ แต่ผมก็เก็บความขุ่นข้องหมองใจไว้ก่อน รีบหยิบกระเป๋าใบเล็กออกมาจากเป้แล้วเอื้อมปิดหลังรถให้เบาที่สุด จากนั้นก็ทำการลากตัวพี่ปูนไปยังห้องน้ำบริเวณอ่างล้างมือ ผมเปิดกระเป๋าหยิบโฟมล้างหน้าบีบใส่มือพี่ปูนที่ชโลมน้ำบนหน้าเรียบร้อย คุณชายท่านก็นวดๆ ถูๆ ไป ยังดีที่ช่วงเช้ายังไม่ค่อยมีคน

“ลุงอยากรู้อ่ะ”  สิ้นคำผม พี่ปูนหันมามองเล็กน้อยแล้วก้มลงล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดจากก๊อกโดยไม่ตอบคำถาม แต่ผมก็หาได้ยอมแพ้ไม่  “ทำไมบรรยากาศของสองคนนั่นถึงได้ดูสีชมพูพิกลขนาดนั้นอ่ะ แล้วพี่กรก็ไม่เห็นขัดขืนอะไรด้วย”

“พี่แนะนำว่าให้ลุงไปถามเพื่อนเอง”  พี่ปูนตอบเสียงเรียบ มือใหญ่ดึงผ้าขนหนูผืนบางจากไหล่ผมไปซับหน้าเบาๆ แต่นี่ยังไม่เสร็จสิ้นพิธีกรรมนะครับ เพราะยังมีพวกครีมกับเซรั่มที่รอไปปะทินผิวบนรถอีก

“โป้ยไม่บอกลุงหรอก”  ผมค้านเสียงตึงขณะก้าวไปยืนแทนที่แล้วจัดการกับใบหน้าตัวเองบ้าง

“นั่นมันก็เป็นสิทธิของเขา”  พี่ปูนตอบกลับทันที แต่คงเพราะเห็นผมสะบัดหน้าพรืดไปมองทั้งที่คราบลื่นเต็มหน้า น้ำเสียงถึงได้เปลี่ยนเป็นเอาใจขึ้น  “บางทีของอย่างนี้ไปต้องถามแต่ใช้ตาดูก็รู้นะ พี่ว่าช่วงนี้โป้ยก็เปิดเผยขึ้นเยอะ”

ผมเก็บคำพูดของพี่ปูนมาคิดและเลือกที่จะไม่ต่อความยาวสาวความยืดอีก เพราะถ้าพี่ปูนพูดถึงขนาดนี้แล้วล่ะก็ ผมคงมีแต่ต้องพึ่งสายตาของตัวเองเท่านั้น หึ! นับว่าการมาร่วมทริปของไอ้โป้ยครั้งนี้ก็ไม่ทำให้ผมขัดใจมากเท่าไหร่แล้ว

หลังจากทำธุระส่วนตัวกันเสร็จเรียบร้อยและหาอะไรรองท้องรับรองพยาธิที่เต้นระริกอยู่ในท้องแล้วนั้น พวกเราสี่คนก็มุ่งหน้าไปยังที่หมายแรกในการเดินทางครั้งนี้ นั่นคือ ‘วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม’ บนเขาสีเขียวขจีในยามเช้ามีพระพุทธรูปองค์ใหญ่โตสีขาวประดิษฐานอยู่ นักท่องเที่ยวสายทะเลจำเป็นอย่างผมเลยอดตื่นเต้นไม่ได้กับหลวงพ่อขาวที่ใครเขาเรียกกัน สองข้างทางก่อนเข้าตัววัดก็เงียบเป็นธรรมชาติ ขนาดว่ายังอีกหลายกิโลกว่าจะถึงยังเห็นได้ตั้งไกลขนาดนี้

“องค์ใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่มเลยเนอะ”  ผมแทบจะยื่นหน้าเข้าไปติดกระจก ไอ้โป้ยที่เปลี่ยนมาทำหน้าที่คนขับเหลือบสายตามามองผมแว่บหนึ่งก่อนที่มันจะทำเลวทรามโดยการแกล้งเบรกรถกะทันหัน ดีที่พี่ปูนดึงตัวเอาไว้ได้ทันไม่งั้นหน้าผมคงทิ่มกับคอนโซลหน้าไปแล้ว

เชี่ยโป้ย!”  ผมด่าเพื่อนทันทีที่ตั้งตัวได้ พี่กรที่นั่งหน้าคู่กันถึงกับยกมือขึ้นตีขามันที่กำลังหัวเราะสะใจแรงๆ  “ตีมันเยอะๆ เลยพี่กร!”

“เจ็บๆ”  ไอ้โป้ยว่าพลางลูบหน้าตักตัวเอง แต่สีหน้ามึงดูจะมีความสุขไปนะ!

“ถ้าเกิดมีรถตามหลังอยู่จะทำยังไง ทีหลังห้ามเล่นแบบนี้อีก”  พี่กรว่าเสียงเข้ม

“ผมมองอยู่หรอกน่า ถนนโล่งจนลงไปเตะบอลกันได้เลยเนี่ย” 

นี่มึงไม่ได้รู้สึกผิดกับการที่กูเกือบเสียโฉมเลยใช่มั้ยโป้ย สีหน้ามึงมีความสุขมาก ยิ้มหน้าบานมาก แสดงว่าพี่กรตีมึงไม่เจ็บสินะ!


ผลั่ก!


“เชี่ยลุง!!”  ไอ้โป้ยหันมามองผมเร็วๆ คาดโทษผมด้วยสายตาพลางลูบหัวที่โดนผมตบไปสดๆ ร้อนๆ

“สมน้ำหน้า”  พี่กรส่ายหน้าสาแก่ใจ แล้วเมินหน้าออกไปอีกทาง

“อย่าตบหัวคนตอนกำลังขับรถสิ มันอันตรายไม่รู้รึไง”  พี่ปูนที่นั่งข้างผมหันมาตำหนิด้วยสายตาคมกริบ ผมที่กำลังกระหยิ่มใจมีอันต้องหน้าม่อยลงไปในทันที ไอ้โป้ยได้ทีเลยหัวเราะหึๆ ข่ม พี่ปูนเหลือบสายตามองเจ้าของเสียงหัวเราะครู่หนึ่งก่อนจะโน้มตัวมาหาผมแล้วพูดด้วยเสียงนุ่มนวล  “คราวหลังรอให้รถจอดก่อนรู้มั้ย?”


โป้ยเงียบครับ...


หึๆ ฮ่ะๆ หัวเราะทีหลังมันดังกว่ารู้มั้ยมึง! แต่ถ้าเกิดผมทำตามคำแนะนำของพี่ปูนจริง คงเป็นตัวผมเองที่โดนมันเอาคืนหนักกว่าแน่ โป้ยแม่งเรียนมวยมาหลายปี มือตีนหนักฉิบหายอ่ะ


และแล้วเราก็มาถึงวัด โป้ยหาที่จอดรถร่มๆ จากนั้นต่างคนก็ต่างพุ่งออกมาจากรถเพื่อยืดเส้นยืดสาย ผมคว้ากล้องขึ้นถ่ายบรรยากาศที่น่าสนใจก่อนเป็นอันดับแรก ต้นไม้เยอะ คนยังไม่มาก ดูสงบร่มรื่นชื่นใจ

“มึงร้อนมั้ย กราบพระได้รึเปล่า”  ผมรีบแซะไอ้โป้ยที่ยืนมองพระพุทธรูปหน้าทางขึ้นเขาเงียบๆ ปกติพวกผมแทบจะไม่ได้เข้าวัดกันเท่าไหร่ ถนัดสิ่งอบายมุขมากกว่า ส่วนเหตุผลที่เลือกมาวัดนี้ก็เพราะพี่กรรีเควสมา

“ห่านี่ กูกำลังซาบซึ้งกับบรรยากาศแห่งธรรมะอยู่”

“พอๆ ไปไหว้พระกัน”  พี่กรสีหน้าเปื้อนยิ้มแต่ดูจะเหนื่อยอกเหนื่อยใจกับพวกผมไม่น้อย คุณดาราเลยเดินนำเข้าไปนั่งคุกเข่าก่อน ไอ้โป้ยหันมาบีบแก้มผมเร็วๆ ด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะปรี่เข้าไปนั่งข้างๆ

“ไปกัน”  พี่ปูนเดินขึ้นมาตีคู่กับผม ปลายนิ้วอุ่นนุ่มเกลี่ยผิวแก้มที่โดนหยิกเบาๆ แล้วเลื่อนลงมากุมมือผมให้เดินเข้าไปนั่งสมทบ

ถึงจะเป็นเวลาเช้า แต่ก็เป็นช่วงวันหยุดที่นักท่องเที่ยวจะเยอะเป็นพิเศษ เพราะงั้นจึงไม่ได้มีแค่คณะเราเพียงเท่านั้น ผมสังเกตเห็นคนจากบางกลุ่มเหลือบมองมาที่พวกเราบ้าง แต่ดูจากสายตาแล้วนั้น เป้าหมายคงเป็นที่คุณพระรองรูปหล่อเจ้าของฉายาสุภาพชนแห่งปี พี่กรอยู่ในชุดธรรมดามากๆ ถ้าเทียบกับความเรียบหรูดูแพงของแฟนผม แต่กระนั้นก็ยังไม่อาจกลบรัศมี ภายใต้แว่นกันแดดสีชานั้นก็มิอาจหยุดยั้งออร่าที่พวยพุ่งออกมาได้เลย 

แต่หลังจากจับจ้องของสาธารณะจนพอใจแล้ว เป้าหมายต่อมาคืออีกสองคนที่ดูดีไม่แพ้กัน พี่ปูนกับไอ้โป้ยเรียกได้ว่ากินกันไม่ลง แต่ในฐานะที่ผมเป็นผม ก็ต้องเลือกเข้าข้างแฟนตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ ผมเห็นบางคนแอบถ่ายรูปกลุ่มเราไปด้วย ในเมื่อไม่มีใครว่าอะไร ผมที่ถูกพี่ปูนจับมือเอาไว้ตลอดก็จำต้องเลยตามเลย

หลังจากกราบพระขอพรกันแล้ว งานต่อไปคือเดินขึ้นบันไดที่ซอยถี่ยิบขึ้นไปบนเขา เพื่อนโป้ยกับพี่กรเดินคุยกระหนุงกระหนิงขึ้นไปก่อนแล้ว เหลือผมที่ยังยืนทำใจอยู่โดยมีพี่ปูนรอเป็นเพื่อน ถึงจะคะเนด้วยสายว่าคงไม่ไกลเท่าไหร่ แต่คนที่ปีหนึ่งออกกำลังกายไม่ถึงห้าครั้งอย่างผมก็ท้อใจได้ง่ายๆ เลย

“ภูกระดึงน่ะยิ่งกว่านี้ไม่รู้กี่เท่านะ”  พี่ปูนพูดขึ้นลอยๆ แล้วก็ตัดสินใจลากผมขึ้นไป

พี่กรกับโป้ยหยุดรอพวกผมที่ศาลาพักหลังแรก พอไอ้เพื่อนรักมันเห็นผมเดินหอบขึ้นมาเท่านั้นก็ยิ้มเยาะแบบไม่ปิดบัง ใจนี่อยากโต้เถียงมากแต่ติดที่พูดไม่ออก ใจมันสั่นตุบๆ ดังลั่น นี่ขนาดขึ้นมาได้ไม่เท่าไหร่เองนะ มองลงไปก็ไม่ได้สูงมากมายแต่ผมกลับหอบแล้ว

“พี่จะพาลุงเข้ายิมจริงจังแล้วนะ ห้ามโยเยด้วย”  พี่ปูนว่าเสียงเข้มเมื่อเห็นอาการ แต่ก็รีบหยิบน้ำในกระเป๋าเป้ผมออกมาให้ดื่มแล้วดึงกระเป่าไปสะพายเอง

“ดีพี่ ต้องพามันไปคาดิโอเยอะๆ เอาแต่นั่งทำงานจนปวกเปียกไปหมดแล้ว”  หมาโป้ยรีบเสริม มันน่าเตะให้กลิ้งตกลงไปจริงๆ 

“พี่เห็นด้วยนะ เห็นว่าอยากไปภูกระดึงนี่นา ถ้าไม่ออกกำลังกายเอาไว้จะขึ้นไม่ไหวเอานะ”  พี่กรยังอุตส่าห์สำทับเข้าไปอีก ผมเลยจำต้องพยักหน้าเนือยๆ จำยอมในชะตากรรมต่อจากนี้ของตัวเอง

เมื่อเราขึ้นมาถึงด้านบนเราก็พบกับหลวงพ่อขาวองค์ใหญ่ที่ต้องแหงนคอมอง แม้ทิวทัศน์ที่มองออกไปจะทั่วๆ ไปไม่มีจุดนำสายตาอะไร แต่ผมก็ยกกล้องถ่ายไปหลายต่อหลายภาพ ทุกคนได้เข้ามาเป็นนายแบบให้ผมกันครบถ้วน พี่กรเองก็อนุญาตให้ผมนำรูปลงโซเชียลได้ ผ่อนคลายกันพอใจแล้วก็เดินลงมาอีกทางชนิดไม่ได้แวะพัก

เป้าหมายต่อไปของเราคือร้านอาหารที่ขึ้นชื่อ เป็นหนึ่งในจุดเช็คอินยอดนิยมก็ว่าได้ จังหวะเข้าร้านก็เจอกับนักท่องเที่ยวหลายกลุ่มที่พอเห็นพี่กรก็พุ่งตัวเข้ามาหาเพื่อขอถ่ายรูป โป้ยมันเลยจัดการยืนคุมสถานการณ์เป็นบอดี้การ์ดจำเป็นให้พร้อมกับปล่อยพวกผมไปสั่งอาหารรอไว้ก่อน

พี่ปูนสั่งพวกของว่างไปก่อนสามอย่างกับน้ำสำหรับแต่ละคนอย่างชำนาญในหน้าที่ ส่วนตัวผมก็มัวแต่เดินไปจุดนั้นจุดนี้เพื่อเก็บภาพ กลับมาที่โต๊ะอีกทีก็อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว กำลังเปิดเมนูสั่งจานหลักกันอย่างหิวโหย ลงท้ายเราก็สั่งกันมาหลายอย่างจนเรียกได้ว่าเต็มโต๊ะ นี่ยังไม่รวมของหวานที่ผมตั้งหน้าตั้งตารออยู่อีกนะ

“พริ้ม~ พริ้มเลยนะมึง”  โป้ยแม่งแซว พี่กรเลยอมยิ้มขำเลย

“อร่อยไง หิวด้วย”  ผมว่าพลางยัดพิซซ่าแฮมสดเข้าปากคำใหญ่

“เอาอะไรเพิ่มมั้ย?”  จะมีก็แต่พี่ปูนเนี่ยแหละที่ชอบใจเวลาผมกินได้ แต่เมื่อมองบนโต๊ะที่ยังมีอาหารเหลือนั้นก็ให้ต้องส่ายหน้า แม้ว่าอยากจะลองเมนูอื่นๆ อีก

“ลุงอยากกินเค้ก”  ผมบอก มือคว้าส้อมจิ้มสลัดเข้าปากไปด้วย  “อยากซื้อขนมกลับด้วย ช็อคโกแลตน่ากินโคตรๆ อ่ะ”  เห็นแล้วนึกถึงสองสาวที่บ้าน ถ้าได้มาคงกรี๊ดกันน่าดู

“ไว้ขากลับค่อยแวะอีกทีแล้วกัน ยังไงเราก็วนเวียนอยู่แถวนี้นั่นแหละ”  พี่ปูนว่าพลางขอเมนูจากพนักงานที่เดินปรี่เข้ามาด้วยท่าทีสุขุม แต่ก็เหมือนกับหลายๆ ร้าน ไม่ว่ายังไงเสน่ห์ของหนุ่มๆ โต๊ะนี้ก็ยังดึงดูดสายตาได้เป็นอย่างดี  “มีของหวานแนะนำบ้างมั้ยครับ?”

“มีค่ะ!”  จากนั้นนางก็ร่ายยาวด้วยรอยยิ้ม พี่ปูนถามความเห็นสมาชิกแล้วก็เลือกมาได้ห้าอย่าง ผมนี่ถ่ายรูปซะเปรมไปเลย และไม่ลืมที่จะแอบแว่บไปร้านค้าเพื่อซื้อพวกขนมแห้งๆ เพื่อตุนไว้กินบนเขา

อิ่มท้องกันไปถ้วนหน้าก็ถึงเวลาขึ้นเขากันแล้ว พี่ปูนที่ขับรถชำนาญกว่าใครกลับมาเป็นสารถีอีกครั้งพร้อมกับเนวิเกเตอร์คู่บุญอย่างโป้ย หลังจากเสียค่าผ่านทางแล้ว เราก็แวะกราบไหว้ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ก่อนเพื่อเอาฤกษ์เอาชัย ตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยธรรมชาติและทางขึ้นเขาลาดชัน พี่ปูนปิดแอร์เปิดกระจกให้ผมซึมซับบรรยากาศสมใจอยาก

“นี่ถ้านั่งกระบะหลังขึ้นมาจะดีขนาดไหนเนี่ย”  ผมเปรยกับสายลมที่พัดตีหน้า สองข้างทางมีแต่สีเขียวกับสีสันของดอกไม้ ท้องฟ้ากับสายลม อา~

“ถ้างั้นพี่จะไปซื้อกระบะ แล้วพามาใหม่นะ”  พี่ปูนหันมาอมยิ้มให้ผมเร็วๆ แล้วหันกลับไปมองทางต่อ แต่แค่นั้นก็เรียกความหมั่นไส้ได้เยอะละ

“มึงเปย์น้องมันน้อยๆ หน่อยก็ได้มะ?”  ขนาดที่ว่าพี่กรยังต้องออกปาก

“นี่ผมหมั่นไส้ได้มั้ย?”  โป้ยรีบหันไปแขวะ ไอ้พี่ปูนก็ยิ้มๆ ไม่โต้ตอบอะไร ผมคิดว่าพี่แกคงพูดเล่นไปงั้น แต่อีกใจก็หวั่นนิดๆ เหมือนกันว่าจะเอาจริง ยิ่งเป็นบุรุษสายเปย์อยู่ด้วย

ทางบนเขาไม่ได้วกวนน่ากลัวอย่างที่ผมคิด กลับเป็นถนนหนทางเรียบรื่น ตรงไปจุดต่างๆ อย่างง่ายดาย ไม่มีซอกซอยชวนงง ซ้ำยังสะอาดสะอ้านสวยงาม เราขึ้นมาจนถึงจุดพัก ผมรีบจูงมือพี่ปูนปรี่เข้าไปถ่ายรูปกับป้ายเขาใหญ่ที่ตั้งเหนือหน้าผา มองออกไปเห็นเทือกเขาสีเขียว ไม่มีตรงไหนเลยที่มองเห็นสิ่งก่อสร้างจากความทันสมัย หลังจากถ่ายรูปหมู่ด้วยไม้เซลฟี่แล้ว ผมก็ดึงพี่ปูนออกมาถ่ายรูปคู่อยู่หลายภาพ ผลัดกันถ่ายไปก็เยอะ หันไปดูโป้ยกับพี่กรก็ไม่ต่างกัน ถึงจะไม่โอบบ่า โอบเอว แต่บรรยากาศมันอบอุ่นพิกล มันดูมีความขัดเขินแต่ก็สนิทสนมกันแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน


เรื่องนี้มันต้องมีซัมติงแน่นอนครับคุณ!


สูดดมความสดชื่นกันสักพักจนกระทั่งเห็นเจ้าถิ่นวิ่งมาไวไว หลายกลุ่มก็ตกใจวิ่งหนีขึ้นรถกันไปแล้ว ไอ้โป้ยนี่เร็วมาก มันฉุดพี่กรขึ้นรถแน่บทิ้งให้ผมตื่นใจกับฝูงลิงป่าที่ออกตรวจพื้นที่ ...อา~ ช่างเต็มไปด้วยสีสันแห่งธรรมชาติจริงๆ

“จะยืนรอเล่นกับมันเหรอลุง”  พี่ปูนว่าขำๆ แล้วฉุดแขนผมขึ้นรถบ้าง

เราออกเดินทางกันต่อ มุ่งหน้าสู่จุดกางเต็นท์ลำตะคอง ก่อนหน้าที่จะจองเต็นท์ ผมกับโป้ยถกเถียงสถานที่กันอยู่หลายนาทีเพราะมีอีกแห่งชื่อว่าผากล้วยไม้ ซึ่งผมอยากไปนอนที่นี่ แต่ไอ้โป้ยอ่านรีวิวจากเน็ตว่ามีลิง มีกวางเยอะ มันจึงออกปากห้ามในทันทีและมัดมือชกผมโดยการจองที่พักกับอุทยานพร้อมโอนเงินเองเสร็จสรรพ มันให้เหตุผลว่าไม่ชอบลิง แต่เมื่อเข้าไปอ่านรีวิวต่อจากนั้น ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าลานลำตะคองนั้นกวางเยอะและตะกละมาก บางท่านก็ว่าเจอตัวเงินตัวทองขนาดพ่อพันธุ์

ไอ้โป้ยชักจะลังเลอีกรอบ แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยคำพูดของพี่ปูน ‘จะกลัวพวกเดียวกันไปทำไมวะ?’ ไอ้โป้ยนี่กัดฟันแค้นเคืองแทบตายเพราะพี่กรดันร่วมขำไปด้วย

เราขับรถวนหนึ่งรอบก่อนเพื่อสำรวจที่ทาง จนกระทั่งเลือกจอดรถตรงที่ว่างซึ่งไม่ไกลจากอาคารที่ทำการกับห้องน้ำ ไอ้โป้ยชวนผมลงไปหาเต็นท์ว่างกันก่อน เพราะเรามาถึงกันก็เกือบบ่ายแล้ว คนก็เยอะจนดูสับสนวุ่นวาย

“มึงๆ”  ผมกระตุกแขนเพื่อนพลางชี้นิ้วไปยังกลุ่มเต็นท์ที่ตั้งเป็นระเบียบ เดินไปกันจนสุดทางก็เจอเต็นท์ว่างสามหลังที่หันหน้าเข้าหาตลิ่งน้ำที่ไหลลงมาจากฝายกั้นน้ำ บรรยากาศไม่สวยงามเท่าไหร่เพราะผมชะโงกไปดูก็เห็นพวกขยะกระจายเป็นหย่อมๆ แต่ยังพอถูไถด้วยต้นไม้ที่ขึ้นครึ้มพอปิดบังความจริงไปได้บ้าง

“ดูเป็นส่วนตัวดีว่ะ เอาตรงนี้แหละ”  โป้ยตัดสินใจอย่างรวดเร็ว  “มึงรอตรงนี้แหละ จองที่ไว้ก่อน”  ว่าแล้วมันก็รีบกลับไปที่รถซึ่งมองเห็นได้จากจุดที่ผมยืนอยู่ ถือว่าชัยภูมิใช้ได้เลยนะเนี่ย

รออยู่สักพักผมก็เห็นพี่ปูนแบกถือกระเป๋าของพวกเราเดินตรงมา ผมรีบเดินไปช่วยรับกระเป๋ามาวางกระจายไว้ที่เต็นท์สองหลังเพื่อเป็นการจับจอง จากนั้นก็ไปช่วยพี่ปูนขนของที่เหลือลงมาจนครบ

“เรานอนหลังไหนดี”  ผมยืนตัดสินใจ

“หลังไหนเก็บเสียงก็นอนหลังนั้น”  พี่ปูนสบตาผมอย่างมีความนัย ริมฝีปากยกยิ้มดูเจ้าเล่ห์

“ไม่มีเต็นท์ที่เก็บเสียงได้หรอก”  ผมยักคิ้วยึกๆ ส่งให้อย่างรู้ทัน  “มีแต่คนที่กลั้นเสียงได้”

“ชักอยากจะเห็นแล้วสิ”  พี่ปูนยิ้มกริ่มพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้  “จะกลั้นเสียงได้สักกี่น้ำกันนะ”

ทำไมคำที่มันธรรมดาๆ ผู้ชายคนนี้ถึงได้เน้นหนักเสียจนมันไม่ธรรมดาไปได้นะ

ผมส่ายหน้าไปมาขณะดันใบหน้าคนรักออกด้วยฝ่ามือ แต่ไอ้พี่ปูนดันเลียมือผมแล้วหัวเราะกับอาการสะดุ้งของผมซะงั้น  “สกปรกอ่ะ!”


“อะแฮ่มๆๆ”


“ได้ยินเสียงหมาเห่าป่ะพี่”  ผมแสร้งมองหาไปรอบๆ เมื่อได้ยินเสียงน่าหมั่นไส้ของไอ้เพื่อนตัวดี

“พี่กรเคยเห็นหมาสงสัยป่ะ”  ไอ้โป้ยสวนกลับอย่างทันท่วงที พวกผมจ้องหน้ากันฮึ่มๆ เหมือนหมาที่กำลังจะกัดกันยังไงอย่างงั้น พี่กรเลยจำต้องเอาน้ำร้อนมาสาด เอ้ย! เอาไม้มาตี เอ้ย! เอาตัวมายืนขวาง เอ้ย!! กูจะตลกกับตัวเองทำไมวะเนี่ย!

หลังจากจัดเตรียมที่หลับที่นอนกันเรียบร้อยโดยไปเช่าจากที่ทำการ พวกเราก็เตรียมตัวออกเดินทางกันอีกครั้งโดยที่ไม่ลืมเก็บพวกของกินซุกซ่อนเอาไว้ในเต็นท์อย่างดี กันพวกกวางที่เดินอวดโฉมกันแบบไม่แคร์มนุษย์เข้ามาบุกรุกขโมยไป แถมหน้าตาแต่ละตัวนี่กร้านชีวิตมาก


[มีต่อค่ะ]
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 22 _เขาใหญ่บันเทิง_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 10-12-2018 01:02:50
[ต่อๆ]


ที่แรกของการท่องเที่ยวบนเขาคือน้ำตกเหวสุวัต พวกเราสี่คนเดินฝ่าแดดพุ่งเข้าหาร่มไม้อย่างรวดเร็ว ยังดีที่สองข้างทางเข้าไปนั่นร่มรื่นและไม่ร้อนเลยสักนิด ต้นไม้สูงใหญ่แผ่กิ่งก้านกันแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพทำให้สีหน้าของทุกคนดูสดใสร่าเริงได้ไม่ยาก

ผมหยุดแวะถ่านรูปตรงนั้นตรงนี้อย่างมีความสุขโดยไม่โดนบ่นว่าสักคำ ไม่ว่าจะเงยหน้าขึ้นจากกล้องกี่ครั้งก็จะเห็นพี่ปูนยืนรอผมเงียบๆ จนผมพอใจถึงได้จูงมือผมเดินต่อไป ไม่มีสีหน้ารำคาญใจ ไม่มีถ้อยคำเร่งเร้า ทุกคนที่เคยเข้ามาในชีวิตผมล้วนต่างจากผู้ชายคนนี้อย่างสิ้นเชิง ทุกคนมักจะรีบเร่งให้ผมไปยังที่ๆ ตัวเองต้องการ หรือให้เลือกถ่ายภาพพวกเธอจนกว่าจะพึงพอใจ


ไม่มีใครรอผมอย่างใจเย็นแบบนี้สักคน


“ถ้าพี่เบื่อ พี่เดินไปรวมกลุ่มกับพี่กรเลยก็ได้นะ”  ผมบอกอย่างเกรงใจ ขนาดเพื่อนที่ว่าเข้าใจกันยังออกปากเร่งผมบ่อยไป

“พี่มาเที่ยวกับลุง แล้วจะให้พี่ไปเดินกับคนอื่นทำไม”  พี่ปูนชักสีหน้าใส่ผมทันที

“ก็แบบ...ผมถ่ายนั่นนี่ไม่หยุดเลยไง” 

“พี่ไม่เบื่อหรอกน่า พี่ชอบเห็นลุงมีความสุข”  ว่าจบก็คล้องคอผมแล้วก้มหอมแก้มเร็วๆ ผมทั้งเขินแฟนตัวเอง ทั้งอายสายตาของผู้หญิงกลุ่มใหญ่ที่เดินสวนกันอยู่ข้างหน้า แต่ละคนมองมาทางเราแล้วหันหน้าไปอมยิ้มกันแบบสื่อความนัยน์บางอย่าง

“ห้ามรุ่มร่ามข้างนอกนะ”  ผมถองข้อศอกใส่คนตัวต้นเหตุเต็มแรง พี่ปูนก็คงเห็นเหมือนที่ผมเห็นนั่นแหละ เลยทำแค่ส่งเสียงเจ็บปวดแล้วยอมเดินต่อไปด้วยรอยยิ้มเต็มปาก

น้ำตกเหวสุวัตนั้นสามารถมองจากข้างบนได้ ซึ่งนั่นก็ว่าสวยงามแล้วเพราะหน้าฝนนั้นน้ำจะเยอะมากเป็นพิเศษ แต่เมื่อลงมาดูข้างแล้วกลับสวยงามกว่าไม่รู้กี่เท่า กระแสน้ำที่แตกฟองจนเป็นสีขาวร่วงหล่นลงมาจากชั้นหินกระทบผืนน้ำจนเกิดเสียงดนตรีธรรมชาติ ก้อนหินใหญ่น้อยประดับอยู่ทั่วทุกมุมของผืนน้ำกลายเป็นความสวยงามอย่างน่าทึ่ง

ผมลืมเหนื่อยจากการเดินลงบันไดเป็นปลิดทิ้ง กระพริบตามองภาพตรงหน้าด้วยความตราตรึงใจ ในที่สุดผมก็หลุดพ้นจากภาพเก่า ณ.ชายทะเลได้อย่าแท้จริง นี่สิคือสิ่งที่ผมใฝ่ฝัน

“สวยเนอะ”  ผมบอกด้วยอย่างตื่นเต้นพลางกระตุกมือพี่ปูนให้เดินไปข้างหน้า ก้าวเหยียบก้อนหินแต่ละก้อนเพื่อเข้าไปใกล้น้ำตกมากขึ้น นักท่องเที่ยวเยอะพอสมควร เพราะงั้นเราจึงหลงกับคู่พี่กรที่เดินลงมาก่อนหน้า แต่ก็ใช่ว่าผมกับพี่ปูนจะมองหานะเพราะเราก็มัวแต่มองมุมนั้นถ่ายรูปตรงมุมนี้ พากันเดินเลาะไปใต้หน้าผาหามุมสวยๆ ก่อนจะหาจุดพักเอนหลังพิงขอนไม้แห้งขนาดใหญ่เพื่อซึมซับบรรยากาศ

เมื่อถึงเวลาสมควรพวกเราก็เดินกลับขึ้นไป เจอกับไอ้โป้ยกับพี่กรที่นั่งรอแถวทางขึ้นลง เพื่อนผมกำลังเอาหมวกพัดให้พี่กรที่กำลังนั่งอมยิ้มอยู่ข้างๆ ดูแลดีแบบไม่สนคนมองเลยทีเดียว

“บรรยากาศมันชักจะไม่ใช่เจ้านายลูกน้องเข้าไปทุกทีแล้วอ่ะ”  ผมบ่นให้พี่ปูนได้ยินเผื่ออีกฝ่ายจะแย้มพรายอะไรออกมา แต่ที่ได้คือการอมยิ้มแล้วไม่ตอบ เรียกความเซ็งได้ดีจริงๆ


สถานที่ต่อไปยังคงเป็นน้ำตก มีชื่อว่าน้ำตกเหวนรก ที่นี่ต้องเดินเท้าเข้าไปร่วมกิโล แต่สองข้างทางนั้นสวยจนผมแวะถ่ายรูปตลอดทาง อาจเป็นเพราะหน้าฝนที่ทำให้ทุกอย่างดูเขียวขจีไปหมด แม้จะต้องเดินฝ่าแดดร้อนขณะข้ามสะพานไม้ก็ยังรู้สึกรื่นรมย์อารมณ์ดี ขนาดพี่กรที่ดูไม่ค่อยชอบถ่ายรูปยังอดที่จะยกมือถือขึ้นมาเก็บภาพไม่ได้ ผมที่กะอาสาเป็นช่างภาพก็โดนแย่งงานไปโดยบอดี้การ์ดจำเป็น

เสียงนก เสียงลิงดังผสานกับเสียงน้ำตกที่ได้ยินชัดเจนขึ้นทุกที จนกระทั่งถึงทางลงที่สมกับชื่อน้ำตก มันเป็นบันไดปูนขั้นสั้นๆ ที่ชันโคตรๆ ชันจนผมที่ยืนอยู่ข้างบนมองไม่เห็นขั้นบันไดในส่วนถัดไปเลย มั่นใจเลยว่าเป็นการเดินที่ผมต้องหอบแฮ่กแน่

“ไหวมั้ย?”  ตามเดิมครับ พี่ปูนเอากระเป๋าเป้ผมไปสะพายเองรวมถึงกล้องที่ผมไม่มั่นใจว่าจะคล้องเองได้อย่างปลอดภัย

พี่ปูนหยุดรอเป็นระยะขณะที่ผมไม่สามารถแยกจากราวบันไดได้ ทั้งชันทั้งแคบ ก้าวผิดชีวิตผมอาจเปลี่ยนไปนอนโรงพยาบาลได้เลย จนเมื่อภาพของน้ำตกปรากฏเต็มสายตา หยาดน้ำที่กระเซ็นเข้าหาก็พัดความเหนื่อยล้าหายไปในทันที แม้คนจะแน่นขนัดสักแค่ไหนแต่ก็ไม่อาจบดบังความยิ่งใหญ่ของน้ำตกเหวนรกนี้ไปได้เลย มันตั้งสูงตระหง่าน สาดซัดละอองน้ำให้ทั่วบริเวณชุ่มฉ่ำ เสียงน้ำที่ตกกระทบลงมานั้นทั้งทรงพลังและน่าหวาดหวั่น ทั้งรูป รส กลิ่น เสียง บรรยากาศเหล่านี้ที่หาไม่ได้จากในเมือง คนเรามันต้องหายใจเอาอากาศที่บริสุทธิ์แบบนี้เข้าไปต่างหาก

พอผมกับพี่ปูนลงไปถึงจุดชมวิวก็เห็นโป้ยยืนหลบมุมกับพี่กรอยู่โดยที่มันเอาตัวบังไว้ น้ำที่กระเซ็นมากจากน้ำตกทำเอาตัวมันเปียกซก ทุกบริเวณเปียกชุ่มไปด้วยละอองน้ำ ตะไคร่สีเขียวขึ้นตามพื้นกันอย่างเริงร่า ผมว่าต้นไม้แถวนี้คงมีความสุขมากแน่นอน

การถ่ายรูปเป็นไปอย่างยากลำบากเพราะน้ำมันกระเซ็นมาตลอดเวลา ผมเชื่อแล้วว่าทำไมชื่อมันถึงได้ดูน่ากลัวขนาดนี้ เพราะแรงจากน้ำที่ตกลงมามันทำให้น้ำตกนี้ดูยิ่งใหญ่มาก ถ้ามีใครตกลงไปคงได้ไปเก็บกันที่ปลายน้ำอย่างเดียวล่ะ

เราหามุมถ่ายรูปกันสักพักก็ถึงเวลากลับที่พักกันแล้ว ไม่มีใครคิดว่าจะตัวเปียกกันแบบนี้เลยต่างคนต่างนั่งตัวชื้นกันไป พอมาถึงเต็นท์ก็พากันไปอาบน้ำเพราะกลัวว่าไปตอนค่ำคนคงเยอะจนรอคิวนาน แม้ว่าห้องน้ำจะไม่สกปรกเท่าที่คาด แต่การเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำแคบๆ ก็ทำผมหวิดดับเพราะความลื่นไปเหมือนกัน

พี่กรยังคงฮอตเหมือนเดิม เพราะมีสาวๆ มายืนขอถ่ายรูปกันอยู่หน้าห้องน้ำเล่นเอาผู้ชายหลายคนขัดเขินไปตามกัน ผมปล่อยคุณดาราไว้กับไม้กันหน้าหน้าเหี้ยม แล้วจูงมือพี่ปูนเดินเตาะแตะกันกลับเต็นท์

“เดาว่าดาราไม่ค่อยมานอนกางเต็นท์กันแบบนี้”  ผมว่าขำๆ ขณะนอนมองพี่ปูนบำรุงผิวพรรณ  “ผมเพิ่งจะรู้ว่าดาราไปไหนก็ลำบากเหมือนกัน นี่ขนาดเป็นแค่พระรองนะ”

“กรมันชินแล้ว”

“พี่เขาเข้าวงการได้ไงอ่ะ”

“เดินห้างกันแล้วไปเจอแมวมองประมาณนั้น”  พี่ปูนตอบพลางเปลี่ยนเป้าหมายมายังเนื้อตัวผม คุณชายท่านยกขาผมขึ้นพาดตักแล้วจัดการทาครีมให้อย่างคล่องแคล่ว ตอนแรกๆ ที่โดนทำอย่างนี้ก็อายแทบแย่ แต่พอชินแล้วก็สบายดีเหมือนกัน

“แสดงว่าไปด้วยกันน่ะสิ แล้วพี่ไม่โดนชวนบ้างเหรอ?” 

“ก็ถูกชวนอยู่ แต่พี่ไม่ชอบ”  ผมหลับตาพริ้มฟังพี่ปูนพูดไปเรื่อย พยายามไม่ใส่ใจกับการนวดคลึงขาอ่อนที่ชักจะเข้ามาลึกขึ้นทุกที  “พี่ไม่ชอบถูกชี้นิ้วสั่ง อีกอย่างพี่หาเงินได้เก่งพอที่จะไม่ต้องไปฉีกยิ้มให้ใครดู”


ดูพูดซะ...


“แล้วพี่ทำอะไรมาบ้างอ่ะ”  ผมตะปบมือที่เรื้อยเข้ามาใกล้กางเกงในอย่างแรง พี่ปูนไม่ได้ร้องโอดโอยอะไรเพียงแค่อมยิ้มแล้วกลับมาตั้งใจนวดขาผมเหมือนเดิม

“พี่ศึกษาพวกเล่นหุ้นมาตั้งแต่เด็กแล้ว พอได้มรดกมาก็เลยให้ทนายของปู่ช่วยหาโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้คอยจัดการ เงินมันก็งอกเงยจากตรงนั้นนั่นแหละ”

“แล้วพ่อกับแม่พี่เสียไปเมื่อไหร่เหรอ?”  สิ้นคำถามผม มือที่นวดคลึงอยู่ถึงกับชะงักนิ่งไป ผมมองใบหน้าพี่ปูนที่ตอนนี้เริ่มจะไม่สู้ดีแล้วให้ใจหาย โถ~ พี่ปูนของผมต้องยังสะเทือนใจมากแน่ๆ

“พวกเขาไม่ได้ตายสักหน่อย หึ...ตอนนี้น่ะนะ”

“อ้าว? แต่พี่เคยบอกว่าพี่ตัวคนเดียวไม่มีญาติพี่น้องนี่” 

“ก็จริงนี่ คนที่ไม่ได้เลี้ยงมายังนับว่าเป็นพ่อแม่ได้อยู่รึ”  ผมเริ่มจับเค้าความเครียดในน้ำเสียงพี่ปูนได้ ผมรีบเปลี่ยนท่าขึ้นนั่ง สองมือคว้าจับมือพี่ปูนมากุมไว้

“ไม่อยากพูดถึงก็ไม่ต้องเล่าอะไรหรอก ลุงไม่น่าถามปุริมเลยขอโทษนะ”

“ไม่มีอะไรให้ต้องขอโทษสักหน่อย ก็แค่เรื่องอดีตไม่น่าจดจำเท่านั้น”

แม้พี่ปูนจะพูดแบบนั้นแต่น้ำเสียงและสีหน้ากลับไม่ได้ปล่อยวางตามไปด้วย คิ้วเข้มยังคงขมวดเป็นปมเด่นชัด ฟันขบแน่นจนกรามขึ้นสันนูนชัดเจน นัยน์ตาดำขวับว่างเปล่านั่นมันช่างไร้ชีวิตจิตใจจนผมนึกโทษตัวเองที่ดันพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา

ผมรับมือไม่ค่อยถูกเมื่อเจอเรื่องราวทำนองนี้ ผมอยากจะปลอบใจ อยากจะพูดอะไรสักอย่างให้อีกฝ่ายสบายใจขึ้น แต่กลับไม่รู้สึกว่าตัวเองเหมาะสมหรือเปล่า... ครั้งหนึ่งสมัยเด็กผมก็เคยมีเพื่อนที่มีปัญหาเรื่องครอบครัว ผมพูดปลอบใจ แต่ที่ได้กลับมาคือการต่อว่า ‘คนที่ครอบครัวอบอุ่นแบบมึงไม่เข้าใจกูหรอก’ ผมจำประโยคนั้นได้แม่นไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี

และครั้งนี้ผมไม่รู้เลยว่าจะพูดอะไรที่จะทำให้พี่ปูนสบายใจดี

ความเงียบเกิดขึ้นในพื้นที่คับแคบพลอยให้บรรยากาศอึดอัดไปหมด พี่ปูนยังคงไม่มองผม แววตาเขายังเหมือนอยู่ในโลกของตัวเอง มันมืดมิดและอ้างว้างเหมือนในวันนั้นที่เรายืนดูดวงอาทิตย์ขึ้นด้วยกัน ถ้าเป็นอย่างนั้นผมก็พอจะเข้าใจต้นตอของความรู้สึกที่พี่ปูนสื่อออกมาแล้ว

ผมตัดสินใจขยับตัวเข้าไปใกล้คนตกอยู่ในภวังค์มากขึ้น ในตอนนี้พี่ปูนรู้สึกตัวแล้วหันมามองผมเป็นที่เรียบร้อย นัยน์ตาสีดำขวับทอประกายวูบไหวประหลาดใจยามที่ผมเคลื่อนตัวขึ้นไปนั่งบนตัก ผมโอบมือรอบคออีกฝ่าย ประทับริมฝีปากลงสองข้างแก้มหนักอย่างไร้คำพูด

“เกิดอะไรขึ้น?”  สีหน้าคนถามคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม แต่ความตกใจที่ปรากฏในน้ำเสียงนั้นเล่นเอาผมขบขันไม่น้อย

“ผมแค่หาวิธีปลอบใจ”

“เดี่ยวนี้เขาไม่ปลอบใจกันแค่คำพูดแล้วเหรอ?”  พี่ปูนอมยิ้ม ฝ่ามือเลื่อนมาจับสะโพกผม นวดคลึงเบาๆ อย่างที่ชอบทำ

“ถ้าพี่ไม่ชอบ งั้นผมขอคิดวิธีอื่นก่อนนะ”  ผมเอียงหน้าเล็กน้อยแสร้งทำท่าคิด แต่ถ้าดูจากสีหน้าที่ดีขึ้นหลายเท่าตัวของพี่ปูนแล้ว ผมเดาว่าตัวเองมาถูกทางแล้วนะ

“เราต่อกันไม่ได้ในเต็นท์รู้ใช่มั้ย?”  พี่ปูนเลื่อนริมฝีปากเข้ามาจูบเบาๆ นัยน์ตาสีดำทอประกาบวิบวับ ผมมองตัวเองที่สะท้อนอยู่ในดวงตาคู่นั้นแล้วก็เริ่มสบายใจขึ้น ผมหวังว่าอย่างน้อยการมีอยู่ของผมมันคงช่วยพี่ปูนได้บ้าง

“แล้วถ้าเป็นพรุ่งนี้ล่ะ?”

อา~ ที่รัก”  ผมขำคิกกับเสียงครางอย่างอดกลั้นของพี่ปูน   “รู้จักการอ่อยตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”

“ชอบมั้ย?”

มาก!

เราจูบกันซ้ำแล้วซ้ำอีกจนกระทั่งเสียงตัวขัดจังหวะดังขึ้นที่ด้านนอก พี่ปูนเดาะลิ้นอย่างขัดใจแต่ก็ยอมปล่อยตัวผมให้เป็นอิสระ อาการหัวเสียนี่ออกมาทางสีหน้าเลยทีเดียว ผมหัวเราะเบาๆ ให้กับความไบโพล่าร์ของคนรัก เดี๋ยวเศร้าซึม เดี๋ยวหื่น นี่ก็เปลี่ยนมาโมโหอีก

“พรุ่งนี้ๆ”  เสียงพึมพำผ่านหน้าผมไป พร้อมกับร่างเจ้าของเสียงที่พุ่งไปรูดซิปเต็นท์ด้วยอารมณ์ขุ่นมัว

ผมตามพี่ปูนออกไปติดๆ ก็เห็นเพื่อนตัวดียักคิ้วหลิ่วตาล้อเลียน  “อะไรของมึง?”

“กูอยากเห็นมึงอ่อยเป็นบุญตาสักทีว่ะ ฮ่ะๆๆ”

“เชี่ยนี่!!”

แอบฟังสินะมึง! เพื่อนเลวบัดซบ! ผมวิ่งไล่เตะไอ้โป้ยด้วยความอาย ถามว่าทำอะไรมันได้มั้ย? ...แค่วิ่งยังไม่ทันมันเลย!!


ขออภัยทุกท่านที่ต้องเห็นไก่กะเหี้ยวิ่งเล่นไปทั่วนะครับ



.

.

.



ผมต้องขอชมตัวเองสักหน่อยว่าคาดเดาปริมาณของกินได้เก่ง เพราะตอนนี้อาหารการกินถูกพวกเราสี่คนฟาดเรียบไม่มีเหลือเหรอ เครื่องดื่มมึนเมาดีกรีต่ำก็ถูกซัดลงคอเหมือนเททิ้งเทขว้างจนหมด ตอนนี้แต่ละคนเลยนั่งเอกเขนกมองหน้ากันไปมาเพราะอิ่มหนำกันเต็มที่

“ลุงปรุงน้ำจิ้มอร่อยมากเลยนะ สมกับที่โป้ยคุยอวดว่าทำกับข้าวอร่อย”  พี่กรเอ่ยปากชมพลางยกมือลูบหน้าท้องตัวเองไปมา มันเสียภาพลักษณ์เทวดาเสียจนผมช้ำใจ  “พี่ไม่ได้กินจนอิ่มตื้อแบบนี้มานานแล้ว”

“ขอบคุณครับ แต่โป้ยมันคงไม่ได้ชมผมแต่เรื่องดีๆ หรอกใช่ป่ะ”  ผมตวัดหันมองหน้าเพื่อนอย่างรู้ดี

“โอ๊ยไอ้ลุง กูนินทามึงเยอะอ่ะ”  ไอ้เพื่อนเชี่ยนี่ก็แมนๆ ยอมรับมาซะงั้น  “มึงคิดว่ากูรู้จักกี่กรมากี่ปีกัน บรรดาวีรกรรมปาหี่ของมึงกูเผาสิ้นไม่มีเหลือหรอก”

“ชั่วร้ายนะมึง! กูยังไม่เคยเล่าเรื่องระยำตำบอนของมึงเลยนะ”  ผมตอกกลับแบบไม่ยอมเสียเปรียบ มันคิดว่าเราเป็นเพื่อนสนิทกันมาแค่ปีสองปีงั้นรึ

“อ้อ... คืออยากจะเผากูบ้างงั้นสิ” 


แน๊~ มีส่งเสียงท้าทาย


ไอ้โป้ยเลิกคิ้ว ยกยิ้มชั่วให้ผมแล้วปรายสายตาไปยังคนข้างๆ ผมในวินาทีต่อมา จู่ๆ ผมก็เริ่มไม่ไว้ใจในสันดานของเพื่อนตัวเอง แต่กว่าที่ผมจะคิดแก้ไขสถานการณ์ ปากของไอ้เพื่อนรักก็เริ่มขยับเปล่งเสียงออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ

“พี่รู้ป่ะว่าครั้งแรกของมันอ่ะ แค่จิ้มเข้าไปจึ๊กสองจึ๊กก็เขื่อนแตกแล้ว”



ไอ้หะเรี่ย!!!!



“มึงรู้ได้ยังไงวะ!!”  ผมนี่เด้งตัวลุกขึ้นตวาดมันเสียงดังอย่างลืมตัว จนพี่ปูนกระตุกแขนนั่นแหละผมถึงได้รู้สึกตัวว่ากำลังรบกวนคนอื่นรอบๆ ที่พัก  “กูไม่เคยเล่าให้มึงฟัง!”  ผมเบาเสียงลงอย่างจำยอม

“เอ๊า! กูก็มอมเหล้ามึงแล้วถามอ่ะดิ”  ยัง...ยังจะมายักไหล่ทำหน้าเหมือนกล่าวหาว่ากูโง่อีก!!

“โมโหขนาดนี้นี่เรื่องจริงเหรอเนี่ย”  พี่ปูนหันมาถาม สีหน้าขบขันแบบไม่ปิดบัง

“พวกพี่อย่าไปเชื่อมันนะ”  ผมรีบแก้ตัวเป็นพัลวัน แต่มันคงจะน่าเชื่อว่านี้สักหน่อยถ้าใบหน้าผมมันจะไม่เห่อร้อนแบบนี้ นี่ถ้าหน้าแดงออกไปให้เห็นนี่จบกันเลยนะ คนพวกนี้จะคิดยังไงกับช่วงเวลานกกระจอกไม่ทันกินน้ำแบบนั้นของผม มันเป็นหลุมดำในช่วงวัยแตกหนุ่มของผม แค่ครั้งเดียวเท่านั้นเพราะความตื่นเต้น ผมอุตส่าห์เก็บบาดแผลทางใจนี้เอาไว้ไม่บอกใครแท้ๆ


ไม่สิ! ยังมีคนหนึ่งที่ยืนยันได้ว่าผมไม่ใช่ไก่อ่อนอีกต่อไปแล้ว


“ปุริมเถียงแทนลุงเลย!”  ผมหันไปเข่าแขนผัวรัก พี่ปูนมองหน้าผมแบบคาดไม่ถึง  “ยืนยันมันไปเลยว่าผมไม่ใช่นกกระจอกแบบนั้น”

“ให้พี่ยืนยัน? ถามจริง?”  พี่ปูนแม่งกลั้นขำจนไหล่สั่น จากหูข้างซ้ายที่กระดิกอยู่ก็ได้ยินเสียงขำเบาๆ มาจากสองคนที่เหลือด้วย ดูดิ๊! ภาพพจน์ผู้ชายร่าเริงของผมป่นปี้หมดแล้ว

“พี่ต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีแฟนพี่สิ”  ผมยืนยันหนักแน่น

“เอางั้นแน่นะ?”  พี่ปูนทวนความมั่นใจกับผมอีกครั้ง จนเมื่อเห็นผมตอบรับโดยการพยักหน้าเร็วๆ ริมฝีปากของพี่ปูนก็ยกยิ้มขึ้น


...มันเป็นรอยยิ้มคุ้นๆ ที่ชวนเสียสันหลังพิกล


“กูขอบอกตรงนี้เลยนะว่าลุงไม่ใช่ไก่อ่อนแบบนั้นอีกแล้ว”  ผมยืดอกทันทีเมื่อได้ยินคนรักประกาศออกมาเสียงเข้ม  “เพราะเดี๋ยวนี้ลุงแตกเองโดยไม่ต้องชักด้วยซ้ำ!”

“..........”

“..........”


“...เอ่อ...คือ...พี่ขอโทษแทนเพื่อนพี่ด้วยนะลุง”


มีแค่เสียงกระอักกระอวลของพี่กรที่ดังฝ่าความเงียบขึ้นมารบกวนการประมวลความหมายในประโยคของไอ้คนข้างตัว ผมแตกเอง? โดยไม่ชักด้วย? หมายความว่าไงวะ? คือกูยืนแอ่นเฉยๆ แล้วน้ำก็พุ่งพรวดออกมาเองงั้นสิ -- ใครคิดอย่างผมก็มีพ่อเป็นควายแล้ว!!

“เป็นไง...พี่พูดดีมั้ย?”  ยังจะหันมาถามกูอี๊กกก!!

สิ้นคำของพี่ปูนเท่านั้นแหละ เหมือนความรู้สึกที่หยุดชะงักไว้มันระเบิดออกมา ไอ้โป้ยปล่อยเสียงหัวเราะจนท้องคัดท้องแข้ง แทบจะลงไปกลิ้งเกลือกอย่างทนทรมาน ส่วนพี่กรก็กลั้นขำปนสีหน้าสงสารผมแบบไม่ไหวแล้ว อย่า! อย่าทำมาเป็นพระรองแสนดีตอนนี้ ผมเห็นน้ำตาพี่แพรมออกมาด้วย!

ปุริม!!”  ผมตวัดสายตากร้าวมองพี่ปูนอีกครั้ง คนตรงหน้าผมยังคงทำหน้าซื่อตาใสท้าแสงไฟสลัวๆ ได้อย่างหล่อเหลา แต่ผมโกรธ! บอกให้แก้ตัวแทน ไม่ใช่ให้มาเผยความลับ

มึงอดแน่ปุริม!! พรุ่งนี้อดแน่ๆ!!

“โกรธพี่ทำไม? พี่พูดผิดตรงไหน?”  พี่ปูนแม่งขำจนอกกระเพื่อม ผมล่ะอยากจะทุบอกให้มันหยุดหายใจไปเลยจริงๆ  “เถียงสิถ้าพี่พูดไม่จริงน่ะ”

กู-ไม่-เถียง!!

เรื่องจริงทั้งนั้น แล้วจะให้ผมไปเถียงมันให้อับอายเพิ่มขึ้นอีกทำไม โมโหโว้ย~ อายโว้ย~

“ถามจริง มึงรู้สึกดีขนาดนั้นเลยเหรอวะ”  ไอ้โป้ยถามทั้งน้ำตา มันกรีดหยดน้ำที่หางตาทิ้งพลางทรงตัวเองให้นั่งเหมือนเดิม -- ทำไมมึงไม่ขำจนสำลักน้ำลายตายห่าไปเลยล่ะ!

“เออ!!”  ผมกระแทกเสียงใส่ตามสัญชาตญาณ เชี่ย!!! ทำไมผมปากไวอย่างนี้วะ

“ฮะๆๆๆ”

“ไม่เอาสิที่รัก บอกคนอื่นอย่างนี้พี่ก็เขินแย่”

“..........”

เกลียด...ผมเกลียดตัวเองที่ต้องมีเพื่อนกับผัวอย่างนี้ ไหนๆ สวรรค์ก็ปั้นแต่งชะตาชีวิตผมให้ต้องเป็นเมียคนอื่นแล้ว ทำไมถึงไม่หาผัวดีๆ กว่านี้ให้ผมล่ะครับ...



“...พี่...เอ่อ...พี่ขอโทษแทนเพื่อนอีกครั้งแล้วกันนะ”



พี่กรครับ...ถ้าพี่จะกลั้นขำจนไหล่สั่นขนาดนั้น...ไม่ต้องพูดเลยก็ได้ครับพี่






_________________________________________________________________TBC.
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 10-12-2018 01:22:06
อ่านตอนที่ 22 กันก่อนเน่อออ :katai3:

______________________________________________________________________


ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งที ต้องมีสักขีพยาน





ผมกระพริบตาตื่นขึ้นเพราะเสียงจากรอบข้าง แสงสว่างส่องให้มองเห็นภายในเต็นท์ชัดเจนกว่ากลางคืนที่ต้องพึ่งแสงจากไฟฉาย เสียงเปาะแปะจากหยดน้ำที่ตกกระทบผ้าใบทำให้รู้ว่าฝนกำลังตกปรอยๆ อยู่ด้านนอก ผมรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่หน้าฝนกำลังทำผมชวดโปรแกรมเล่นน้ำที่บ่อน้ำผุด แต่อย่างน้อยมันก็ช่วยทำให้อากาศเย็นขึ้นมาหน่อย

เมื่อคืนอากาศในเต้นกำลังพอดีแบบที่ไม่จำเป็นต้องห่มผ้า เกือบจะติดร้อนด้วยซ้ำเมื่อเพิ่มการนัวเนียของพี่ปูนที่คอยแต่จะกอดจะหอม ผมทั้งถีบทั้งผลักกว่าจะยอมต่างคนต่างนอนได้ ทำผมอับอายขนาดนั้นแล้วยังมาอ้อน เชอะ! ผมไม่ง่ายนะเว้ย!

“ฝนตกเหรอ?”  ผมเหลียวมองเจ้าของเสียงอู้อี้จากด้านข้าง พี่ปูนกระพริบตามองหลังคาเต็นท์อย่างคนไม่ตื่นเต็มที่ เม็ดฝนตกถี่ขึ้นแต่ก็ยังเบาบางพอที่ชาวเต็นท์เดินไปมาทำกิจกรรมกันได้

“อดเที่ยวแล้วแน่เลย”  ผมโอดครวญทันที ผมขยับเข้าไปใกล้พี่ปูนที่หันมายิ้มให้อย่างเข้าใจ มือใหญ่ดึงร่างผมเข้าไปกระชับกอด  “ยังเที่ยวไม่ทั่วเลย”

“ดีแค่ไหนแล้วที่เมื่อวานอากาศดี”

“ก็จริง”  ผมยอมรับอย่างจำนน  “แต่หน้าฝนเที่ยวไม่สนุกอ่ะ มันเฉอะแฉะ”

“งั้นหน้าหนาวค่อยเที่ยวกันใหม่”

“เราจะไม่เลิกกันก่อนเหรอ?”

ปากเสีย!!” 

ผมยิ้มขันกับน้ำเสียงจริงจังพลางซุกใบหน้าลงกับอกอุ่นๆ  “นี่กะว่ากลับกรุงเทพฯ เมื่อไหร่ก็จะบอกเลิกละ”

“ไม่ให้เลิก”

“พี่ปูนชอบพูดทะลึ่งลุงไม่ชอบ”

“พี่ทะลึ่งกับลุงคนเดียวน่า”

“แล้วหมาล่ะมั้งที่หัวเราะกับเรื่องทะลึ่งของพี่เมื่อคืนอ่ะ”  แหม่~พูดแล้วมันขึ้น!

“นั่นเป็นเรื่องทะลึ่งที่ไหน พูดเรื่องจริงทั้งนั้น”

“งั้นคืนนี้อดแน่ปุริม นอนขัดแตงไปคนเดียวเหอะ”  ผมปล่อยคำขู่ที่ร่ำๆ อยู่ในใจตัวเองตั้งแต่เมื่อคืน แต่ถามว่ามันจะได้ผลมั้ย?... 

“พี่เชื่อว่าลุงไม่รอดมือพี่แน่”  พูดจบก็ยกยิ้มท้าทายมาให้

ผมจ้องตาโต้ตอบอีกฝ่ายได้ไม่นานก็จำต้องเสมองทางอื่นแทน ไม่ไหว...ผมเองก็ไม่มั่นใจตัวเองเหมือนกันว่าจะกระบิดกระบวนจนรอดตัวมาได้รึเปล่า พูดเรื่องขึ้นเตียงทีไรสายตาพี่ปูนแม่งลุกเป็นไฟตลอด

“ไปอาบน้ำแปรงฟันกันเหอะ”  ผมรีบพลิกตัวออกจากวงแขนแข็งแรงทันทีที่ชักจะร้อนๆ หนาวๆ กับสายตาประหนึ่งหมาล่าเหยื่อ

“เปลี่ยนเรื่องเหรอ ไม่แน่จริงนะแบบนี้”

“เออ!”  จะไปตอบอะไรนอกจากนี้ได้ ลูกผู้ชายครับ เราต้องยืดอกยอมรับความจริง!

ผมหันไปรื้อกระเป๋าเตรียมอุปกรณ์อาบน้ำกับเสื้อผลัดเปลี่ยนของตัวเอง ไม่สนใจเสียงขยับตัวของอีกคนที่เคลื่อนที่เข้ามาใกล้ จนกระทั่งพี่ปูนโอบวงแขนรอบตัวผมพร้อมกับฝังหน้าซบไหล่เงียบๆ ถามว่าอึดอัดมั้ย? ก็มีบ้าง พี่แกเล่นตัวใหญ่ตัวโตขนาดนี้ แล้วผู้ชายตัวไม่เล็กสองคนในเต็นท์แคบๆ กับอากาศที่ไม่ได้เย็นสบายก็ทำให้อยากจะผลักอ้อมกอดนี้ออกไปเหมือนกัน

แต่ติดที่ว่าความชอบมันมีมากกว่าเนี่ยสิ

เสื้อผ้าของเราสองคนถูกนำออกมาวางเตรียมไว้ และไม่ลืมหมวกออกมาเพื่อให้พี่ปูนใส่ระหว่างทาง กลัวพ่อกระหม่อมบางจะเป็นหวัดไปอีก รื้อๆ ค้นๆ อีกสักครู่ผมก็พร้อมออกไปทำกิจธุระแล้ว แต่ติดที่คนด้านหลังผมนี่เงียบไปเลย ไม่ใช่ว่าหลับต่อท่านี้นาเฮ้ย

“พี่ปูน?”

“หืม?”

“ไปอาบน้ำกัน”  ผมขยับตัวออกห่างเป็นเชิงเร่ง ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมคลายวงแขนแต่โดยดี

ผมมองใบหน้าที่ยังติดแววง่วงงุนแต่ก็ยังหล่อลืมโลกตรงหน้า สงสัยจะนอนไม่สบายเพราะเมื่อคืนอากาศก็ติดจะร้อนนิดหน่อยด้วย เด็กห้องแอร์อย่างพี่ปูนคงหลับไม่สนิทเท่าไหร่ เห็นแล้วก็สงสารนิดหน่อยล่ะนะ เหมือนผมพาแฟนตัวเองมาลำบากเลย ไว้มาเที่ยวเขาเฉพาะหน้าหนาวคงจะดีกว่า

“ไปกัน”  พี่ปูนขยับตัวไปรูดซิปเต็นท์เพื่อจะก้าวออกไปคนแรก แต่ผมรีบจับข้อมืออีกฝ่ายฉุดให้เข้ามาก่อนจะหยิบหมวกเบสบอลสวมลงปิดศีรษะของคนตัวโตเอาไว้

“ใส่ไว้ จะได้ไม่เป็นหวัด”


“..........”  พี่ปูนมองผมนิ่งระหว่างถูกเกลี่ยผมให้เข้ารูปเข้ารอย เมื่อเสร็จเรียบร้อยเราก็พร้อมจะไปอาบน้ำแปรงฟันกันแล้ว

“..........”

“...ลุง”   พี่ปูนจ้องหน้าผมราวกับคนจมอยู่ในความคิดของตัวเอง แววตาไหวระริกคล้ายมีน้ำคลอจนผมแปลกใจ แค่ใส่หมวกให้นี่มันซึ้งขนาดนั้นเลยเหรอ?

“พี่ปูน?”

คนตรงหน้าขยับริมฝีปากเหมือนอยากจะพูดอะไรออกมา แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นคลี่ยิ้มหวานออกมาแทน อา~ หล่อเหลาจริงพ่อเอ๊ย!

“บางทีพี่ก็อดคิดไม่ได้...”  กระแสเสียงที่เบาราวกับเสียงกระซิบดังออกมาจากริมฝีปากฉาบรอยยิ้ม คนตรงหน้ายังคงจับจ้องผมด้วยแววตาสุขปนเศร้า  “การที่พี่มีความสุขแบบนี้มันเป็นแค่ฝันรึเปล่า”



โธ่~ผัวรัก!



ผมยืดตัวกอดคอพี่ปูนแน่น คิดอยากจะทำตลกโดยการตบสักทีจะได้รู้ว่าไม่ได้ฝัน แต่ในเมื่อเล่นซีนอารมณ์ขนาดนี้แล้วผมจะตลกตึ่งโป๊ะกลลับไปก็ใช่ที่ บางทีผมก็สงสัยเหมือนกันว่าพี่ปูนโตขึ้นมายังไง ไอ้ที่ว่าพ่อกับแม่ไม่ได้เลี้ยงมามันหมายความว่ายังไง? ทำไมชีวิตคนๆ หนึ่งถึงได้มีความมืดหม่นขนาดนี้ ในหัวผมมีแต่คำถาม แต่น้ำเสียงที่เปล่งออกไปกลับเป็นอีกคำที่หวังว่าคนในอ้อมกอดจะรู้สึกตัวได้ในสักวันว่าทุกวันนี้คือความเป็นจริง

“ลุงรักปุริมนะ”

พี่ปูนกอดตอบผม จูบซอกคอแรงๆ แบบที่คิดว่าคงขึ้นรอยแน่นอน ริมฝีปากพึมพำถ้อยคำด้วยน้ำเสียงอบอุ่นรักใคร่

“...เด็กดีของพี่...”

โอย~ คำนี้มันกระแทกใจผมเสมอ มั่นใจเลยว่าผมยินดีที่จะฟังคำนี้อีกเป็นหมื่นเป็นล้านรอบ มันทำใจเต้นได้มากกว่าคำบอกรักของผมเป็นไหนๆ

“เอ่อ...โทษทีนะ”

เหมือนโดนผู้กำกับสั่งคัท! ผมกับพี่ปูนหยุดโหมดซึ้งแล้วหันไปทางต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียง ในทิศทางนั้นที่ทางเข้าออกถูกเปิดกว้าง มีร่างของคนสองคนนั่งยองๆ มองตรงเข้ามา หนึ่งเปี่ยมไปด้วยสีหน้าขออภัย อีกหนึ่งกำลังขบขันกับฉากรักกลางเขาอย่างเต็มที่

 “ไปอาบน้ำกันสักทีมั้ย เลิฟซีนอ่ะไปต่อตอนค่ำก็ได้”   

ผมนี่ถึงกับเข่นเขี้ยวชื่อเพื่อนรอดไรฟันออกมา อายก็อายอ่ะนะ แต่มันจะไม่รู้เหนือรู้ใต้อะไรหน่อยรึไง!

“กูว่าลงจากเขาเร็วหน่อยก็ดี เผื่อฝนตกหนักกว่านี้”  พี่กรชี้แจงด้วยสุ้มเสียงสุภาพ มีการปรายตามามองผมอย่างเกรงใจที่จำต้องมาขัดจังหวะ


มึงควรจะเรียนรู้จากพี่กรบ้างนะไอ้วีรภาพ!!


“ได้ มึงเก็บของขึ้นรถเลยก็ได้”  พี่ปูนผละจากผมไปหยิบกุญแจรถส่งให้เพื่อน พี่กรก็ไม่อยู่รอให้เสียเวลาชวนโป้ยกลับเข้าเต็นท์ตัวเองทันที

“คราวหน้ามากันแค่สองคนนะ”  พี่ปูนหันมาบอก น้ำเสียงจริงจังชนิดที่ผมพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น



.


.


.




หลังลงจากเขาพร้อมกับกาแฟคนละแก้ว เราก็ฝากท้องไว้กับร้านอาหารแถวนั้นก่อนมุ่งหน้าไปยังรีสอร์ทที่พี่ปูนจองเอาไว้ ฝนที่ตกพรำๆ ในคราแรกก็หนักขึ้นในระหว่างกินข้าว เป็นอันว่าผมอดเที่ยวจนกว่าฝนจะหยุดตกแน่แล้ว แต่ก็นับว่าบรรยากาศในรีสอร์ทพอกอบกู้อารมณ์ผมได้บ้าง

“ชอบมั้ย?” 

ผมพยักหน้ารัวๆ กับคนที่เดินจูงมือกันมา ระหว่างทางก็ร่มรื่นแถมที่พักแต่ละหลังยังมีรั้วรอบขอบชิดเป็นส่วนตัว พวกเราได้ห้องแฝดที่มีสระว่ายน้ำในตัว กำแพงก็ไม่ได้ติดกันอย่างที่ผมค่อยคลายใจหน่อยว่าไม่ต้องกลัวอีกห้องจะได้ยินเสียงอะไรกลางดึกบ้าง

พนักงานยกกระเป๋าเราออกมาจากรถกอล์ฟและรับทิปกลับไปอย่างรวดเร็ว พวกเราก็รีบแยกห้องใครห้องมันรอเวลาฝนหยุดตกเพื่อเริ่มวางแผนเที่ยวกันใหม่

โทนห้องเป็นสีขาวรับกับลักษณะห้องที่มีไม้เป็นส่วนประกอบ ให้อารมณ์แบบบาหลีนิดๆ ประตูเป็นกระจกบานไม้ยาวเต็มความกว้างของห้องเพื่อเปิดรับลมได้เต็มที่แบบที่ไม่มีใครมาแอบดูได้ เตียงนอนก็ใหญ่ ห้องน้ำก็กว้างขวางสวยงามน่าปลดทุกข์ ผมเดินสำรวจในห้องพลางถ่ายรูปไปด้วย กลับมาอีกทีก็เห็นพี่ปูนกำลังล็อกห้องพร้อมกับเลื่อนผ้าม่านปิดจนทึบ แล้วเดินไปเปิดแอร์แทนอากาศบริสุทธิ์ด้านนอก

“พี่จะนอนเหรอ?”

“อืม”  คนตัวโตรับคำสั้นๆ พลางเดินตรงเข้ามาหาผมที่ยืนอยู่แถวหน้าห้องน้ำ

ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มน่ารักขณะหยิบกล้องออกจากมือผมไปวางไว้บนโต๊ะ แล้วกลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้งด้วยความรวดเร็ว มือใหญ่ขยับยกเพื่อปลดกระดุมเสื้อผมเงียบๆ

“อะไรเนี่ย”  สัญชาตญาณเริ่มเตือนผมถึงกลิ่นทะแม่งๆ ที่ส่งออกมาจากรอยยิ้มของคนตรงหน้า  “แกะกระดุมทำไม?”

“อาบน้ำกัน”


กูว่าแล้ว!



“ฮื้อ! อาบแล้ว”  ผมเบี่ยงตัวปัดป้องสาบเสื้อที่กำลังจะถูกแยกออกจากกัน แต่พี่ปูนกลับดึงดันยื้อกันไปมาจนผมถูกต้อนมาติดกำแพง

“งั้นเอากัน”  สิ้นคำพูดเท่านั้น สองมือของคุณแฟนที่รักก็แหวกเสื้อผมออกเหมือนแหกกลีบทุเรียน

“ไม่เอาอ่ะ รอกลางคืนดิพี่ปูน”  ผมอยากจะวิ่งหนีสายตาหื่นกระหายที่จับจ้องผิวเนื้อผมเหลือเกิน แต่สองแขนที่กางกั้นตัวผมเอาไว้ก็ยากจะปัดป้องจริงๆ

“ฆ่าเวลาไง ฝนยังตกอยู่” 

“นี่ตัวผมมีค่าแค่นั้นเหรอ”  ผมตีเนียนเสียงเศร้าเข้าใส่

“ไม่เอาอย่าดราม่าสิ”  พี่ปูนยิ้มขำแล้วจัดการก้มลงจูบลาดไหล่ผมเบาๆ ลมหายใจอุ่นๆ เล่นเอาผมขนลุกเกรียว  “ให้พี่นะ...”

ว่าจบก็ช้อนสายตาขึ้นมองผม สีหน้าออดอ้อนเสียจนผมปฏิเสธไม่ถูก พอจับจุดผมถูกก็พัฒนาฝีมือไปไกลมาก เดี๋ยวก็ทำหน้าอ้อน เดี๋ยวก็ทำเสียงอ่อนเสียงหวาน ผมก็ตกม้าตายทุกครั้งไปสิ!

“ขอเตรียมตัวก่อน โอเค๊?”

“เร็วๆ นะ” 

ยิ้มสิ! ยิ้มเข้าไป สมใจแล้วนี่ -- ผมหมุนตัวกลับเข้าห้องน้ำไปอย่างปลงตก ผมเองก็เป็นผู้ชาย เข้าใจว่าเพศผู้นั้นเกิดอารมณ์ง่ายกว่าเพศหญิง แต่ก่อนหน้านี้ผมก็ไม่ได้คิดอยากจะทำกับแฟนบ่อยขนาดนี้ เดาว่าพี่ปูนเป็นพวกหื่นขึ้นสมองแน่นอน ในหัวมีแต่เรื่องเซ็กส์ใช่มั้ย? หรือผมไปทำให้พี่แกเกิดอารมณ์จังหวะไหน? ตอนขึ้นรถเหรอ? หรือว่าตอนกินข้าวที่เผลอยื่นขาไปแตะโดนกัน หรือว่าสารรูปผมมันยั่วยวนเกินไป

ผมมองเงาร่างตัวเองในกระจก หมุนไปหมุนมาแล้วรีบตัดความคิดสุดท้ายทิ้งไปทันที ถ้าเทียบกับพี่กรที่มีเสน่ห์ หรือพี่ริชที่รูปร่างสะโอดสะอง ไม่ว่าจะดูยังไงผมก็แค่ผู้ชายธรรมดาเท่านั้น แบบนี้ก็ไม่ได้อยู่ที่ตัวผมแล้วล่ะ ต้องมาจากความต้องการส่วนตัวของพี่ปูนนั่นแหละ

เมื่อก่อนก็รู้มาหรอกว่าพี่ปูนมีผู้หญิงติดเยอะแยะมากมาย ขนาดไอ้โป้ยยังเคยบอกเลยว่าพี่ปูนเป็นเสือผู้หญิงดีๆ นี่เอง แล้วพอมาคบกับผมก็ตัดขาดกับหนุ่มสาวในสต็อกมากมายก็คงขาดการระบายไปเยอะสินะ เพราะอย่างนี้เลยทำกับผมบ่อยๆ นี่เอง

ผมพยักหน้าหงึกหงักอย่างเข้าใจกับตัวเอง พลางเริ่มถอดเสื้อผ้าชำระเนื้อตัวอีกรอบอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็เตรียมช่องทางอย่างคล่องแคล่วที่แม้แต่ตัวเองยังตกใจ



เอาวะ! ไหนๆ ก็ได้ตำแหน่งเมียเขามาแล้ว จะหื่นจนหูรูดผมเสื่อมก็ให้มันรู้ไป




แกร่ก~



ผมเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูผืนเดียวที่พันช่วงล่างอย่างหมิ่นเหม่ สองเท้าก้าวเชื่องช้าไปยังเตียงนอนสีขาวสะอาดที่พี่ปูนนอนพิงหัวเตียงอยู่อย่างสบายอารมณ์ แผงอกสีขาวแข็งแน่นขยับขึ้นลงตามการหายใจที่คล้ายจะหนักหน่วงขึ้นยามมองมาที่ผม ริมฝีปากเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ สองตาจับจ้องทุกอิริยาบถยามผมปีนขึ้นเตียงมานั่งข้างๆ

เสียงสายฝนโปรยดังลอดเข้ามาคลอไปกับเสียงโทรทัศน์ที่เปิดดังเบาๆ ผสานกับเสียงหัวใจเต้นตึกตักที่จู่ๆ ก็ดังขึ้นมายามสบนัยน์ตาสีดำเปล่งประกาย ตรงหน้า

“ฝนตกหนักกว่าเดิมอีก”

“แย่จัง...”  สีหน้าพี่ปูนไม่ได้ใกล้เคียงกับคำพูดแม้แต่น้อย มือใหญ่ลูบไล้ลาดไหล่ผมด้วยปลายนิ้ว คลอเคลียไปตามซอกคอ มันจั๊กจี้จนอดสะดุ้งไม่ได้ แต่อีกฝ่ายกลับอมยิ้มชอบใจพลางขยับปลายนิ้วเย้าหยอกมากขึ้น บดบี้ยอดอกขี้อายที่ยังหลบอยู่ข้างใน

“พี่ชอบตรงนี้รองจากก้นสวยๆ นี่เลย”  เสียงทุ้มหยอกล้อก่อนจะกดริมฝีปากลงกับหน้าอก ตะปบมือขยำบั้นท้ายผมแล้วออกแรงนวดเบาๆ

“อื้อ~”  ผมสะดุ้งเล็กน้อยยามถูกปลายลิ้นไล้เลีย วนเวียนหยอกล่อตุ่มไตขี้อาย กดริมฝีปากครอบครองดูดรั้งเบาๆ สลับหนักหน่วง ผมเจ็บเล็กน้อยแต่เสียงที่ส่งออกไปกลับเป็นเสียงครางเบาๆ

พี่ปูนรั้งตัวผมให้ขึ้นมาคร่อมตักเอาไว้โดยที่ริมฝีปากก็ยังปรนเปรอหน้าอกผมแบบไม่ขาดตกบกพร่อง สองร่างเปลือยเปล่าเสียดสีกันไปมาสร้างความเร่าร้อนที่พุ่งขึ้นแทรกแซงอากาศเย็นฉ่ำ พี่ปูนละจากอกเมื่อภารกิจสำเร็จ ริมฝีปากชุ่มฉ่ำเปลี่ยนมาแนบเนากับกลีบปากผมทันที ขณะที่ปลายนิ้วยังคงบดบี้ตุ่มไตที่เต่งตึงขึ้นมา ดึงรั้งมันจนผมเจ็บสะท้านไปทั้งร่าง แต่ความเจ็บนั้นกลับชักนำให้เจ้าหนอนน้อยตื่นจากการหลับใหล

ปลายลิ้นเกาะเกี่ยวกันจนแทบจะกลายเป็นเนื้อเดียว ระหว่างนั้นฝ่ามือใหญ่ก็เปลี่ยนเป้าหมายมาที่ของรัก สะโพกแน่นหนั่นถูกนวดคลึงไปมา บีบสลับลูบจนผมคิดว่ามันอาจจะเหลวคามือก็เป็นได้ ผมทรุดกายลงนั่งแนบตักกว้าง บดเบียดสะโพกกับแตงกวาพันธุ์ดีทางด้านหลังที่แข็งร้อนแนบชิดร่องก้นอยู่

ผมเองก็เป็นผู้ชาย เวลาร่วมรักกับใครก็ชอบการตอบสนองที่มากกว่าท่อนไม้ การเคลื่อนไหวร่างกาย หรือการกอดก่ายส่งเสียงครวญคราง นั้นคือปฏิกิริยาตอบโต้ที่อีกฝ่ายต้องการ ไม่ใช่เพราะว่ามันจะทำให้เซ็กส์สนุกขึ้นเท่านั้นหรอก แต่ผมคิดว่ามันเป็นการสร้างอารมณ์ความสัมพันธ์ให้ลึกซึ้งขึ้นด้วย ถ้ามีแค่ฝ่ายเดียวที่รู้สึกดีมันจะเป็นการ ‘ร่วมรัก’ ได้ยังไง เพราะงั้น...คนใฝ่รู้อย่างผมจึงศึกษาในจุดนี้อย่างเต็มที่

“อา~ ลุง...ที่รัก”  เสียงครางแหบพร่าดังผสานไปกับลมหายใจหนักหน่วง เรียวแขนผมโอบรอบคอพี่ปูนไว้ยามเคลื่อนตัวเนิบนาบฟูมฟักแตงลูกใหญ่ด้วยหลืบร่อง ที่เจ้าของสวนบีบเค้นหนักๆ จนแตงอุ่นๆ แทบจะจมหายเข้าไป การถูไถแต่ละครั้งช่วยนวดให้จีบร่องนุ่มและผ่อนคลาย ความลื่นฉ่ำจากเจลแทบจะทำให้มันผลุบเข้าไปอย่างง่ายดาย


“ปุริม...อา...” 


“อืม...ลุง...ลุง”


เสียงครางสอดประสานกันเร่งเร้าอารมณ์ให้พุ่งสูงขึ้นเป็นเท่าทวี ผมขบเม้มติ่งหูพี่ปูนเบาๆ ไล้เลียมาตามแนวคาง ขบเม้มเบาๆ เคลื่อนไหวเนิบนาบเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเอื้อมมือลงไปกดหัวแตงให้จมหายเข้าไปในหลุม ผมหลับตาแน่น รับรู้ทุกการขับเคลื่อนในร่างกายได้อย่างชัดเจน ร่างกายของพี่ปูนลุกล้ำเข้ามา ลึกขึ้นทีละนิดๆ กระทั่งมันเติมเต็มอัดแน่นภายในจนอึดอัด

เราสองคนจูบกันหนักหน่วงรอเวลาให้ผมผ่อนคลายสักเล็กน้อย ต่อเมื่อแรงขับนั้นยากจะกักเก็บไว้อีกต่อไป พี่ปูนก็ไม่รีรอที่จะเป็นฝ่ายขับเคลื่อนจนผมทำได้เพียงกระเด้งกระดอนอยู่บนตัก โอบกอด ฝังหน้าลงกับไหล่กว้างแล้วครางเสียงดังออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

“อา~ สุดยอด”  พี่ปูนครางเสียงหนักเมื่อผมกดสะโพกรับแรงกระแทกทันทีที่ตั้งหลักได้ เสียงหอบหายใจดังหนักหน่วง สมกับที่เปรียบกันว่าเป็นกีฬาในร่มจริงๆ ผมชักจะไม่รู้แล้วว่าที่หัวใจเต้นถี่เร็วขนาดนี้เป็นเพราะอาการเหนื่อยหรือว่าความตื่นเต้น

“ที่รักตอดเก่งที่สุดเลย” 

ไอ้เรื่องนี้ผมก็ไม่อยากจะถามหรอกนะว่าเอาไปเปรียบเทียบกับใคร อาจจะเป็นการชมแบบเอาใจ แต่จากสีหน้าและท่าทางของพี่ปูนตอนนี้แล้วก็ต้องยอมรับเลยว่าการฝึกขมิบก้นนี่มันไม่เสียเปล่าจริงๆ

“ดีมั้ย? อา...ลุงเก่งจริงเหรอ?”

“ดี...อ้า...โอว!...ดีโคตรๆ เลย”

รอยยิ้มจุดขึ้นบนริมฝีปาก นี่มันรู้สึกดีพอๆ กับที่ถูกคุณครูชมตอนสอบได้คะแนนดีเลยอ่ะ ผมประคองหน้าพี่ปูนมาจูบปากแรงๆ ขณะกดสะโพกขึ้นลงหนักๆ บดบี้แรงๆ จนพี่ปูนครางไม่หยุดปาก พ่อบอกว่าคนเราอย่าหวงวิชาความรู้เพราะงั้นลีลาอะไรที่ผมเห็นมาจากหนังผมควักเอามาเผื่อแผ่พี่ปูนจนหมด จะบดคลึง จะโยก หรือแม้แต่การบริหารเอวโดยการร่อนวนเป็นเลขแปด

ผมเหนื่อยแรงอีกพักใหญ่กว่าพี่ปูนจะปลดปล่อยออกมา ร่างใหญ่กอดผมแน่นจนเจ็บไปหมดแต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคงส่งต่อวิชาความรู้จนถึงหยาดหยดสุดท้าย




นี่ถ้าเป็นการสอบ พี่ปูนต้องให้ A+ แก่ผมอย่างไม่ต้องสงสัย




กลิ่นคาวเจือความหอมหวานคละคลุ้ง เราสองคนระบายลมหายใจอย่างคนสิ้นเรี่ยวแรง แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะจูบริมฝีปากกันอย่างนุ่มนวล เลาะเล็มหยาดเหงื่อที่ไหลซึมตามผิวเนื้อ

“พี่ว่าสองคนนั้นจะได้ยินเสียงเรามั้ย?”

“ช่างหัวพวกมันเถอะน่า”  พี่ปูนพูดอย่างไม่ใส่ใจพลางซบหน้าลงกับอกผมแล้วนวดคลึงแก้มก้นทั้งสองข้างไปด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข

“ฝนเหมือนจะหายตกแล้วนะ”

“ช่างฝนมันเหอะ”

“แต่ผมอยากไปเที่ยวแล้ว...”

“อะไรที่มันมุดเข้าไปแล้วพี่ไม่เอาออกมาง่ายๆ หรอกนะ”  ว่าจบพี่ปูนก็ช้อนข้อพับขาทั้งสองข้างผมขึ้นแล้วเหวี่ยงตัวผมลงนอนหงาย ก่อนทาบทับน้ำหนักของตัวเองลงมาจนผมแทบจะจมหายไปบนที่นอนนุ่ม

ร่างหนาจูบไปตามผิวเนื้อหนักๆ จนเกิดร่องรอยตามมา ริมฝีปากแสนชำนาญเลาะเล็มไปทั่วเนินอกเรียกเสียงครางเบาๆ

“ให้อีกแค่รอบเดียวนะ”  แม้ปากผมจะทำเป็นเสียงเข้ม แต่ร่างกายกลับเริ่มตอบสนองปลายลิ้นกับการดูดดึงของปากอุ่นชื้นแล้ว

แตงกวาขนาดกำลังน่ารักในตัวค่อยๆ กลายร่างเป็นแตงร้านเกรดพิเศษ มันแยกขยายเนื้อนุ่มภายในขยับขยายจนแน่นรัดความใหญ่โตที่เกิดขึ้น ผมสะท้านกอดเจ้าของสวนผู้ช่ำชอง ร่างทั้งร่างสั่นระริกด้วยความรู้สึกร้อนรุ่มที่หวนกลับมาอีกครั้ง


หลังจากจูบแผ่วเบา พิธีกรรมนวดแตงในหลุมก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง



.


.


.




ก็อกๆ


เสียงเคาะกระจกเบาๆ ดังแว่วผ่านเข้ามาในสติสัมปชัญญะที่มีอยู่น้อยนิด แต่ผมเลือกที่จะปล่อยผ่านเพราะกำลังจดจ่ออยู่กับใบหน้าหล่อเหลาของคนรักที่เต็มไปด้วยความปรารถนา พี่ปูนเองก็เหมือนจะได้ยิน เพราะพี่แกขมวดคิ้วเล็กน้อยหากกายท่อนล่างนั้นยังคงโถมอัดบั้นท้ายผมไม่หยุด



ก็อกๆๆ



คราวนี้เสียงเดิมดังถี่ขึ้น เป็นอันแน่นอนว่าใครสักคนกำลังเคาะเรียกพวกผมอยู่ แต่เรากลับยังไม่อาจหยุดสงครามบนเตียงได้ มันกำลังเป็นช่วงรอยต่อสำคัญที่ยากแก่การหยุดยั้ง เหงื่อกาฬโทรมกายเราทั้งคู่ บทรักรุนแรงนั้นแผดเผาเราสองคนจะไม่อยากแยกออกจากกัน แต่กระนั้นผมก็ยังพยายามกลั้นเสียงแห่งความสุขสมของตัวเองโดยการปิดปากเอาไว้

“พี่ปูน...ฝนหยุดตกไปสักพักแล้วพี่”

เสียงโป้ยดังลอดเข้ามาเสียงดังเล่นเอาผมตกใจจนหลุมที่กำลังปลูกแตงอยู่หดรัด พี่ปูนครางซี๊ดเสียงดัง แต่แทนที่จะชะงักงันกลับกระแทกกระทั้งเข้ามาหนักหน่วงกว่าเดิม จนผมกระเด้งกระดอนไปมา

“ปุริม อึกๆ...อื้อ! พอก่อน”  ผมพยายามดันหน้าท้องแกร่งที่แข็งเกร็งเป็นลูกออก

“ช่างหัวมันน่า”  น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ขับเคลื่อนสะโพกสอบอัดเข้าหาร่างผมจนดังป้าบๆ ผมงี้หลุดครางออกมาเสียงดัง พี่ปูนเร่งอัดเต็มสูบ เข้าสุดออกสุดจนผมไม่อาจต้านทานใดๆ ได้ ทำได้เพียงจับหน้าพี่ปูนมาจูบเพื่อเก็บกลืนเสียงคราง

“เอากุญแจรถให้ผมก็พอ โอเค๊”

ไอ้โป้ยยังตื๊อไม่เลิก ไอ้เพื่อนเฮงซวยทำผัวผมหงุดหงิดอย่างแท้จริง มันอัดตูมเข้ามาทีเดียวจนแตงร้านทั้งลูกจมมิดไม่เหลือช่องว่าง ผมอยากจะตะโกนด่ามันแต่ติดที่กำลังอ้าปากค้างเพราะจุกแน่นท้องอยู่ ...มึงคิดบ้างมั้ยปุริมว่าแตงพี่แม่งใหญ่โตขนาดไหน

“รอพี่แป๊บ”  พูดเสร็จมันก็กระชากตัวเองออกจากร่างผมอย่างเร็ว แล้วตะเกียกตะกายไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอว ผมนอนมองเพดานแน่นิ่งขณะที่หูก็ฟังเสียงพี่ปูนเดินไปมาเพื่อหยิบกุญแจรถ

สภาพผมเรียกว่าอเนจอนาถ แรงแม้แต่จะหุบขาตัวเองยังไม่มีจนใจต้องนอนแยกขาอล่างฉ่างอยู่ท่าเดิม ช่องทางผมโล่งโปร่งเหมือนกับว่าตอนที่ไอ้ผัวเลวชักออกไปเมื่อกี้นั้น มันลากลำไส้ผมออกไปด้วยทั้งยวง...ผมไม่กล้าลุกขึ้นมาดูว่าเป็นจริงตามที่คิดรึเปล่า? ไม่กล้าคลานไปส่องกระจกว่าสภาพหลุมตอนนี้ยับเยินแค่ไหน

เสียงพูดคุยสองสามคำตามมาหลังจากเสียงประตูถูกเลื่อนเปิดออก ผมกลั้นใจเงยหน้าขึ้นมอง เห็นพี่ปูนมุดผ้าม่านโผล่แค่หัวออกไป ไม่กี่วินาทีต่อมาร่างสูงก็จัดการล็อกประตูอีกครั้ง ผมมองพี่ปูนยกยิ้มมองผมขณะปลดผ้าเช็ดตัวออก แตงร้านดุ้นโตเบ่งบานได้สมเกียรติสายพันธุ์อย่างที่สุด



คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกด้วย...



ผมทิ้งศีรษะลงกับที่นอนอีกครั้ง รับฟังเสียงย่างก้าวของอีกฝ่าย เตียงนอนยวบยาบรับน้ำหนักที่อีกคนกดทับลงมา และแล้วผิวเนื้อผมก็ถูกสัมผัส พี่ปูนดันขาผมขึ้นจนชิดอกยังผลให้บั้นท้ายผมลอยหน้าลอยตายั่วยวนแย้มกลีบบานเป็นโพรงรอรับการทำสวนอีกครั้ง

“ต่อนะที่รัก”  พี่ปูนแจกยิ้มหวาน จดจ่อหัวแตงเกลี่ยปากหลุมไปมาก่อนจะอัดตูมเข้ามาอีกครั้ง


ถังขี้ระเบิด...


ใครเป็นคนคิดคำนี้วะ

“อ๊า! อ๊ะๆ ลึกเกินไปแล้ว!!”

พี่ปูนมีเพียงเสียงครางหนักๆ อย่างพึงพอใจขั้นสุด

“เบาหน่อย...อ๊า~ ระ...แรงอีกนิดก็ได้”

บางทีผมก็สับสนตัวเองเหมือนกัน

“เสียวมั้ย...หืม?”

“โคตรๆ อ่ะ อ๊า~”

ผมหลับหูหลับตาครางอย่างคนหมดหนทาง

เอาเท่าที่อยากเลยครับพี่...เท่าที่รู้สึกอยู่ตอนนี้ก็คงประมาณ...ขี้ไม่ต้องเบ่ง


ใครเป็นคนคิดคำนี้อีกวะ?


ถ้าหากเป็นคนเดียวกัน ผมก็อยากจะเจอสักครั้งจริงๆ อยากจะลากมากอดแล้วแชร์ประสบการณ์ให้ฟังว่ารู้สึกเหมือนกันมั้ย? อยากจะถามว่าต่อไปผมต้องพึงผ้าอ้อมผู้ใหญ่จริงหรือเปล่า?


ฮือ~


ขอด่าผัวดังๆ สักทีจะได้มั้ย? ในฐานะคนที่กำลังจะขาดใจตายก็ได้

“มองหน้าแบบนี้หมายความว่าไง”

พี่ปูนจ้องหน้าผมเขม็งก่อนจะยกยิ้มออกมา

“จะยั่วกันใช่มั้ย? ได้เลย!”  มันยิ้มพราวไปทั้งหน้าพลางอัดสะโพกป้าบๆ ให้ผมหัวสั่นหัวคลอนเป็นเป็นตุ๊กตา


อา...หูรูดจ๋าพี่ลาก่อน...



.

.

.


[ต่อจ้า]
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 10-12-2018 01:32:23

“อย่างอนพี่เลยนะ”

มือใหญ่เอื้อมจะมาจับมือผมที่วางอยู่บนตัก แต่ผมเห็นไง! เลยชักมือหนีด้วยท่าทีสะบัดสะบิ้งเล็กน้อย แต่แทนที่จะสำนึกให้ความโกรธของผม ไอ้พี่ปูนแม่งกลับหัวเราะชอบใจแล้วกลับไปตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อ ผมกอดอกมองสองข้างทางที่จะนำไปสู่บ้านตัวเองด้วยความงอนที่เกือบจะพัฒนาไปเป็นความโกรธ


ยิ่งใกล้ถึงบ้านเท่าไหร่ ยิ่งหงุดหงิด


ผมไม่ได้บอกเล่าเนื้อหาข้าม หรือว่าเวลามันเดินเร็วแต่อย่างใด เพียงแต่มันไม่มีอะไรจะให้เล่าต่างหาก!


เมื่อวานหลังจากการทำสวนปลูกแตงกันดุเดือดผ่านพ้นไป เมล็ดพันธุ์มากมายถูกทิ้งให้เสียเปล่าหมดโอกาสสืบลูกผลิตหลาน แต่นั่นยังไม่เท่าหน้าหลุมที่พังยับเยินไม่มีชิ้นดี ผมนอนเหมือนตายชนิดที่เรียกไม่ลุก ปลุกไม่ตื่น กว่าจะลืมตาอีกครั้งก็เที่ยงคืนเกือบตีหนึ่ง ดีที่ได้อาหารที่พี่กรกับโป้ยซื้อมาฝากจากร้านอาหารที่ตั้งใจจะไปกินกัน ผมกับพี่ปูนกินกันจนอิ่มแล้วก็พากันหลับต่อ



ตื่นมาก็ถามตัวเองว่า...กูมาทำอะไรที่นี่??



พี่ปูนดูอารมณ์ดีมาก มากจนผมไม่พอใจ อีกฝ่ายเบิกบานมาก ใบหน้าอิ่มเอิบสดใสขนาดที่ไอ้โป้ยแซวแค่ไหนก็ไม่สะดุ้งสะเทือน ผิดกับผมที่เดินล่องลอย หน้าตาโทรม รอบตาดำคล้ำ ปวดเนื้อปวดตัวไปหมด เจ็บระบมทั้งภายนอกภายใน ผมเลยตัดสินใจงอนพี่ปูนหนึ่งวัน โดยการไม่พูดไม่จาด้วยและยืนยันที่จะกลับมานอนบ้านตัวเอง

แต่ไอ้ที่ยอมมาส่งแต่โดยดีเนี่ยสิที่ทำผมจะปี๊ด

ผมนั่งอมลมจนกระทั่งพี่ปูนพารถคันใหญ่มาจอดถึงหน้าบ้าน ขณะที่พี่ปูนเองก็นั่งอมยิ้มเงียบๆ ไม่พูดอะไร ผมก็กำลังตัดสินว่าจะเล่นตัวแบบไหนดี จะสะบัดหน้าลงรถไปเลยดีมั้ย? หรือจะปั้นหน้าโมโหใส่อีกสักรอบเพราะดูท่าพี่แกจะไม่เข้าใจถึงความจริงจังของผม

ไหนลองคิดสิพัทลุงว่าแฟนคนก่อนๆ ง๊องแง๊งกันแบบไหนบ้าง

อันดับแรกต้องสะบัดหน้าไปมอง พอได้สบตากันก็ต้องสะบัดหน้าหนี ฮึ!! -- โอ๊ะ! แม่ง คอเคล็ด

ต่อมาก็เข้าสู่ช่วงพร่ำรำพัน  “พี่ไม่เคยเข้าใจผมเลย...”  ประโยคเด็ดที่ได้ยินมาทุกครั้งจากทุกคน บางครั้งผมก็สงสัยนะว่าคบหากันไม่กี่อาทิตย์ต้องเข้าใจลึกขนาดไหนวะ

“แล้ว?”

ทำไมพี่ปูนไม่ตอบเหมือนผมอ่ะ? คนปกติเขาต้องง้อแล้วขอโทษก่อนดิวะ หรือไม่ก็ถามไปสิว่าตัวเองทำอะไรผิด แต่นี่เล่นย้อนด้วยคำสั้นๆ แบบกวนโมโหอีกต่างหาก นี่ถ้าไม่หันไปเห็นว่าอมยิ้มอยู่ ผมต้องคิดว่าพี่ปูนกวนตีนอยู่แน่ๆ

ผมเห็นว่าชักจะไม่เป็นไปตามลำดับขั้นตอนที่เคยเจอ ก็จำต้องควักไม้เด็ดออกมาใช้ทันที ผมสะบัดหน้าเบาๆ หนีพี่ปูนอีกครั้ง แล้วตามด้วยการโผใบหน้าเข้าหาคอนโซลรถ


ปึง!


ทำไมหน้าผากไม่พุ่งไปโดนแขนก็ไม่รู้


“หึหึ”  เสียงพี่ปูนหลุดขำออกมาเบาๆ ผมเองก็เจ็บเหมือนกัน แต่บทมันส่งมาให้ต้องรักษาภาพพจน์ จะมานั่งโอดโอยร้องว่าเจ็บหน้าผากไม่ได้ ผมเลยเลือกที่จะนิ่งอยู่ท่าเดิมเพิ่มเติมคือเอาหัวขึ้นไปบนแขน

“เจ็บมั้ยนั่น”  พี่ปูนถามกลั้วหัวเราะ เสียงขยับตัวเล็กน้อยให้ผมพอเดาได้ว่าพี่แกกำลังหันหน้ามาหาผม

“..........”  ผมใช้ความเงียบเข้าสู้สุดตัว

“หลายชั่วโมงแล้วนะ เลิกงอนพี่เถอะ”

“.........” 

“พี่คิดถึงเสียงลุงจะแย่แล้วนะ”

“..........”

“วันนี้ยังไม่ยิ้มให้พี่เลยด้วย”

“..........”

“อย่าโกรธพี่เลยนะ พี่แค่รักลุงมากเท่านั้นเอง”

“.........”



ผมยอมก็ได้...



 “......ลุงเจ็บอ่ะ”

ผมผินหน้าไปมองเจ้าของเสียงอ้อนหวานหู หนุ่มหน้าหล่อแย้มรอยยิ้มมองผมหวานยิ่งกว่าเสียงเสียอีก อย่าหาว่าผมใจง่ายเลยนะ...อันที่จริงผมใจอ่อนตั้งแต่ ‘พี่คิดถึง’ แล้วล่ะ

พี่ปูนดึงตัวผมขึ้นมากอด แนบริมฝีปากกับแก้มเบาๆ ผมงี้กอดตอบ ไซ้แก้มกับแก้มพี่ปูนแบบอ้อนสุดฤทธิ์

“พี่ขอโทษนะทำลุงอดเที่ยวเลย”

“ผมเจ็บตรงนั้นอ่ะ ยังปวดตัวอยู่เลยด้วย”

“โอ๋ๆ แต่เวลาทำกับลุงพี่ห้ามตัวเองลำบากจริงๆ”  พี่ปูนโยกตัวผมไปมาเหมือนปลอบเด็กตัวเล็กๆ  “เที่ยวคราวหน้า พี่สัญญาจะคุมตัวเองให้มากกว่านี้นะ”

“จริงนะ”

“จริงครับ”   

พี่ปูนหอมแก้มผมอีกครั้งแล้วยอมคลายอ้อมกอด นัยน์ตาดำขลับจับจ้องหน้าผากผมเหมือนจะหาร่องรอยแห่งการบาดเจ็บ มันไม่มีหรอกครับเพราะมันไม่ได้แรงมากมาย แต่กระนั้นพี่ปูนก็ยังใช้นิ้วโป้งลูบเบาๆ อบอุ่นเสียจนผมอ่อนยวบไปทั้งใจ

“ตกลงว่าคืนนี้จะนอนไหน?”

“นอนบ้านลุงสิ”  ผมยังคงดื้อดึง ไม่ไหวหรอกครับ ขืนกลับไปนอนที่ห้องพี่ปูนช่วงนี้ ผมคงทนลูกอ้อนพี่แกไม่ไหว มีหวังได้ช่วยกันทำสวนอีกแน่

“พี่อยากให้ลุงไปค้างด้วย ...แต่พี่อดทนไว้ก่อนก็ได้”  ว่าจบก็ทำหน้าหมาหงอยจนน่าสงสาร แต่วินาทีนี้ผมไม่ยอมหลงกลง่ายๆ หรอกครับ

“งั้นลุงไปแล้วนะ”  ด้วยกลัวว่าตัวเองจะใจอ่อนมากไปกว่านี้ ผมรีบเปิดประตูลงจากรถอย่างไวแล้ววิ่งแจ้นไปเปิดประตูหลังเพื่อหยิบกระเป๋า แต่ในขณะที่รื้อๆ ค้นๆ หยิบของฝากที่ซื้อกลับมา จู่ๆ เครื่องยนต์ก็ดับ รถคันใหญ่ไหวเล็กน้อย จากนั้นก็ปรากฏร่างสูงใหญ่เดินมาสมทบผม มือใหญ่หยิบถุงขนมหลายถุงที่ขนซื้อมาถือไว้แล้วยืนรอให้ผมหยิบสัมภาระเสร็จเรียบร้อยถึงได้ปิดหลังรถตามเดิม

ในตอนแรกผมคิดว่าพี่แกจะเดินมาส่งที่ประตู แต่พอผมไขกุญแจเข้าไปแล้วกะจะหันมาบอกลา แต่กลายเป็นว่าคนตัวสูงกลับเบี่ยงตัวเข้าบ้านไปก่อนผมเสียอีก เดือดร้อนให้ผมต้องรีบล็อกประตูแล้วเดินตามเข้าไปติดๆ

“จะเข้ามาทำไมเนี่ย”

“ก็พาลูกเขาไปเที่ยวแล้ว พากลับมาก็ต้องมาบอกมากล่าวสิ”

พูดซะผมดูเป็นคนไม่ดีขึ้นมาเลยนิ! ใจก็ไม่อยากจะปฏิเสธหรอกนะแต่พอหันไปสำรวจรถที่จอดนิ่งอยู่ก็ต้องข่มใจห้ามออกไป

“ป้าอยู่อ่ะปุริม”

“ก็เรื่องของเขาสิ”

“จะไปเรื่องของเขาได้ไง นั่นพี่สาวลุง”

พี่ปูนหยุดยืนมองผมกะทันหัน สายตาหนักแน่นแบบที่ผมเห็นมาเสมอ  “แล้วเราจะคบกันแบบที่พี่กับพี่สาวลุงไม่ต้องเจอหน้ากันไปตลอดอย่างนั้นเหรอ?”

“ลุง...ลุงไม่ได้ว่าอย่างนั้นซะหน่อย”  ผมตอบเสียงอู้อี้ ไม่กล้ามองสีหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์จากคนตรงหน้า

ยืนนิ่งกันสักพัก พี่ปูนก็ตัดสินใจจูงมือผมเดินเข้าไปในบ้านทันที ผมเดินตามไปอย่างคนไม่รู้ชะตากรรม กลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์เหมือนครั้งก่อนอีก ผมเป็นน้องป้ามาตลอดชีวิตย่อมรู้ว่าป้าอารมณ์ร้อนแค่ไหน อีกทางหนึ่งก็พี่ปูนที่เป็นเจ้านายกันมาหลายปีซ้ำยังเป็นแฟนกันอีก พี่แกก็ไม่ใช่คนอารมณ์เย็นอย่างที่แสดงออก ซ้ำทั้งคู่ก็ยังมีปากเป็นเครื่องมือทำลายล้างในระดับเสมอภาคกัน

เอาล่ะสิ ผมจะเป็นคนกลางยังไงไม่ให้กระทบกระเทือนใจทั้งคู่ดี

พี่ปูนเปิดประตูบ้านแล้วหยุดรอให้ผมเดินนำเข้าไปก่อน ภายในมีเสียงคนพูดคุยกันเป็นระยะแบบใส่อารมณ์กันสุดๆ เดาได้เลยว่ากำลังดูละครเรื่องโปรดกันอีกแล้ว ผมก็สงสัยว่ามันสนุกแน่รึเปล่า? ทำไมสาวๆ บ้านผมดูไปด่าไปทุกตอน

“เรื่องมันจะไม่เกิดเลยนะเนี่ยถ้านางเอกมันไม่ทำตัวนางเอ๊กนางเอกแบบนี้อ่ะ”

“แม่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องไปหลอกว่าลูกในท้องเป็นของพระรอง”

“นี่ถ้าเป็นเพื่อนป้านะ จะตบให้สติกลับมาเลย”

“แม่ฝากอีกสักเพี๊ยะแล้วกันนะ คิกๆ”

น่าน~ มีการตบตีกันแล้ว นี่ขนาดกับตัวละครในทีวีนะ แต่ถามว่าชินมั้ย? ก็ตอบว่าผมเจอเป็นปกติแต่พี่ปูนที่อยู่ตัวคนเดียวเนี่ยสิ -- ผมหันไปมองคนที่เดินตามมาด้วยแววตากึ่งเกรงใจกึ่งขออภัยกับการดูละครที่ดุเดือดเลือดพล่านของคนในครอบครัว แต่พี่ปูนทำเพียงแค่ยิ้มขันพลางออกแรงรุนหลังผมให้เดินหน้าต่อ

มันเป็นฉากที่นางร้ายตบนางเอกเสียหน้าหันเมื่อผมจูงมือพี่ปูนเดินตรงเข้าไปหา สองสาวอวยนางร้ายเสียเพลิดเพลินแถมยังสนับสนุนให้ตบซ้ำอีกสักหลายที ช่างเป็นผู้หญิงที่นิยมความรุนแรงผิดกับหน้าตาเหลือเกิน

“เอ่อ...แม่”  ผมเอ่ยเรียกอย่างขลาดเขลา แต่ก็ชัดเจนพอที่จะทำให้สองสาวที่นั่งอยู่บนโซฟาเบื้องหน้าโทรทัศน์หันมาอย่างพร้อมเพรียงกัน

“สวัสดีครับคุณน้า”  พี่ปูนยกมือไหว้คุณดาหลาทั้งข้าวของพะรุงพะรังเต็มสองมือ ก่อนจะก้มศีรษะทักทายป้าเล็กน้อย  “สวัสดีครับคุณปราจีน”

“กลับกันมาเร็วดีจัง”  แม่ผมยิ้มกริ่ม ลุกขึ้นเดินตรงมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มดุจเจ้าบ้านที่แสนดี ผิดกับอีกคนที่กำลังส่งสายตาฟาดฟันมาทางพวกผมเงียบๆ 

“เที่ยวสนุกมั้ยเรา?”  คุณดาหลารับช่วยรับถุงขนมจากมือผมไปถือ แล้วหันไปส่งยิ้มให้กับพี่ปูน  “ขอบคุณที่ช่วยดูแลคุณลุงนะคะ คงไม่ดื้อเกินไปใช่มั้ย?”

“แม่~ลุงไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ”  ผมเขินเล็กน้อยกับการซักถามที่ทำเหมือนผมเป็นเด็กอนุบาล

“จ้า พ่อคนโตแล้ว” 

“ผมซื้อขนมมาฝากคุณน้ากับคุณปราจีนด้วยครับ”  ว่าแล้วชายหนุ่มเจ้าของรอยยิ้มอบอุ่นก็ยื่นถุงในมือข้างหนึ่งชูขึ้นให้เจ้าของบ้านเห็น ตามด้วยอีกข้างที่เยอะกว่าเกือบเท่าตัว  “ส่วนถุงนี้เป็นของฝากให้เพื่อนร่วมงานของคุณน้านะครับ”

ผมกับแม่อ้าปากค้างมองคนตรงหน้าสลับกับถุงสีขาวที่บรรจุขนมมากมาย ตอนแรกผมก็นึกว่าพี่ปูนจะซื้อกลับมาฝากเพื่อนคนอื่น หรือไม่ก็พี่ๆ ที่ออฟฟิศ แต่ใครจะไปคิดว่าผู้ชายคนนี้ก้าวล้ำไปกว่านั้น

“เอ่อ...น้าว่านี่คงเป็นของที่คุณลุงซื้อมาฝากแล้ว”  คุณดาหลายกถุงในมือขึ้นชูให้เห็นบ้าง แต่ปริมาณมันก็น้อยสมกับกำลังทรัพย์ที่ผมมีอ่ะนะ  “อีกอย่างคุณปูนไม่ต้องซื้อฝากเผื่อเพื่อนที่ทำงานของน้าหรอกค่ะ เกรงใจแย่”

“ผมเห็นลุงชมว่าขนมอร่อยไม่ขาดปาก ก็เลยตั้งใจซื้อมาครับ คุณน้าอย่าปฏิเสธเลย” 

น้ำเสียงพี่ปูนนี่เย็นนุ่มสบายหูมาก พูดชัดถ้อยชัดคำ เหมือนจะเนิบนาบแต่ก็เปล่งออกมาด้วยความเร็วปกติ แถมยังรอยยิ้มมัดใจสาวแก่แม่หม้ายที่ติดริมฝีปากนั่นอีก ถึงผมจะรู้ว่าคุณดาหลาแกมีภูมิต้านทานคนหล่อ แต่หัวใจมันก็ต้องตุ้มๆ ต่อมๆ มั่งล่ะวะ ไม่งั้นจะทำสีหน้าเอื้อเอ็นดูปานนั้นได้ไง...

“งั้นน้าขอรับไว้แล้วกัน ขอบใจมากนะคะ” 

“ผมยินดีมากเลยครับ”

ตกสาวเก่งเหลือเกินแฟนผม นี่ถ้าไม่ติดว่าผู้หญิงคนนี้เป็นแม่ตัวเองนะ ผมจะถองศอกเข้าพุงให้จุกเลย

“แล้วส่วนที่ลุงซื้อมาล่ะ มันเยอะไปแล้วอ่ะพี่ปูน”

“งั้นถุงนี้เอาไปฝากพี่ที่ทำงานสิจ๊ะ”  คุณดาหลาเสนอแนะ

“ผมซื้อในส่วนนั้นเอาไว้แล้วครับ”  พี่ปูนตอบรับเสียงเรียบเล่นเอาผมทดท้อใจ ...ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ผมคุยกับพี่แกเรื่องการห้ามใช้เงินสิ้นเปลืองไปรึ

“เอาอย่างนี้มั้ยครับ ถุงนี้ก็ให้คุณปราจีนเอาไปฝากเพื่อนๆ แทน”  พูดจบก็หันหน้าไปทางโซฟาที่ยังคงมีสายตาคมกริบจับจ้องอยู่ ป้ากับพี่ปูนจ้องกันเงียบๆ หลายวินาที  “คุณจีนเห็นว่ายังไงครับ?”

ผมกับคุณดาหลามองกันเลิ่กลั่กเมื่อยังไม่มีคำตอบจากฝ่ายตัวเอง ผมกลัวว่าป้าจะปรี๊ดแตกขึ้นมาอีก เพราะบอกเลยว่าตอนนี้ผมไม่พร้อมใช้วิธีการปลอบใจขั้นสุดกับพี่ปูน

ผมพยายามส่งสายตาอ้อนวอนให้พี่สาว ยังโชคดีที่คำขอผ่านแววตาของผมถูกมองเห็น แต่ป้าก็เลือกที่จะมองพี่ปูนสลับกับผมเงียบๆ ชั่วอึดใจต่อมา เสียงถอนหายใจหนักหน่วงจึงเกิดขึ้น แววตาและสีหน้าของป้าอ่อนลงครึ่งหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด

“...ได้สิ”  คำตอบรับสั้นๆ ที่ทำเอาผมยิ้มแก้มแทบปริ และมันแทบจะฉีกถึงใบหูเมื่อได้ยินคำต่อมา  “ขอบใจ”



รอดแล้วโว้ย!!

หูรูดจ๋าหนูปลอดภัยแล้วลูก



ไม่มีอะไรจะน่ายินดีไปมากกว่านี้แล้ว ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่การที่ป้ายอมลงให้พี่ปูนแบบนี้ก็นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีในการใช้ชีวิตร่วมกัน

“เฮ้อ~ แม่นึกว่าจะวางมวยกันซะแล้ว”  คุณดาหลาบ่นเบาๆ ก่อนพรูลมหายใจออกมา  “นั่งดื่มน้ำดื่มท่าก่อนนะคุณปูน แล้วนี่ทานอะไรกันมารึยัง”

“ยังอ่ะแม่ ลุงหิวจะแย่แล้ว”  ผมนวดท้องตัวเองไปมาพลางเหลือบมองคนข้างๆ ที่ยังมีรอยยิ้มติดในสีหน้า  “พี่ปูนอยู่กินข้าวกันก่อนนะแล้วค่อยกลับ”

“ได้สิ”

“งั้นโทรสั่งเข้ามาเถอะ เดี๋ยวนี้ลุงไม่ค่อยนอนบ้าน ตู้เย็นเลยไม่เหลือของสดให้ทำเลย”

“แม่ก็! -- พี่ปูนอยากกินอะไร?”

“พี่กินได้ทุกอย่าง ตามใจลุงเลย”

“โอเค”  ผมรับถุงในมือพี่ปูนมาถือไว้ แล้วควงแขนคุณดาหลาเข้าไปหาน้ำหาขนมมารองท้องให้พี่ปูนก่อน ตอนแรกผมกะจะหนีบพี่ปูนติดไปด้วย แต่คุณดาหลาแกส่งสัญญาณว่าไม่ต้อง ผมเลยทิ้งพี่ปูนให้ยืนแคว้งคว้างอยู่ที่เดิมด้วยใจกังวล

“ป้าจะว่าอะไรพี่ปูนอีกรึเปล่า? แม่ได้คุยกันบ้างมั้ย?”  ผมกระซิบถาม

“ถ้าจะว่าล่ะก็คงเปิดฉากกันไปแล้วล่ะ ดูไม่ออกรึไงว่าพี่เขาอารมณ์เย็นมากแล้ว”

“มันก็ใช่”

“เข้าใจพี่เขาหน่อยนะ คุณลุงก็รู้ว่าคุณป้าเป็นคนรักพวกพ้อง แต่ไม่มีทางรักไปมากกว่าคุณลุงแน่” 

ผมมองหน้าแม่ที่ลูบหัวเบาๆ ให้ผมคลายกังวล แต่ผมก็ยังอดเป็นห่วงพี่ปูนไม่ได้อยู่ดีจึงตัดสินใจแอบมองเป็นระยะ ผมมองร่างสูงยืนจ้องตากับป้าเงียบๆ ก่อนที่อีกฝ่ายจะลุงขึ้นเดินขึ้น ผมใจเต้นตึกตักด้วยความตื่นเต้นเมื่อเห็นป้าเดินเข้ามาประชิดคนตัวสูง เหมือนป้าจะพูดอะไรสองสามคำแล้วคนทั้งคู่ก็พากันเดินออกไปจากสายตา

“แม่! ผมว่าป้าต้องเรียกพี่ปูนไปเคลียร์ตัวต่อตัวแน่เลย”

“คงไม่หรอกน่า คุณป้าเลิกตบตีมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้วนะ”

“..........”  ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมก็ยังกังวลอยู่ดี  “ผมจะตามไปดู!”

“งั้นแม่ไปด้วย!”

ว่าแล้วสองแม่ลูกก็พากันย่องตามสองคนที่ล่วงหน้าไปก่อนติดๆ ผมกับแม่สวมบทเป็นนักสืบจำเป็น ยอบตัวต่ำคอยติดตามไปด้วยฝีเท้าที่เบาที่สุด ผมเห็นพี่ปูนเดินตามป้าออกไปนอกบ้าน พอมองซ้ายมองขวาผ่านหน้าต่างแล้วเห็นทั้งคู่มุ่งหน้าไปทางสวนข้างบ้าน ก็พากันแง้มประตูแทรกตัวออกกันไปบ้าง สุดท้ายก็มายืนแอบตรงมุมอับของกำแพงบ้านที่ใกล้ที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ที่เรียกผมออกมาคงมีเรื่องคุยกับผมสินะ ถ้างั้นก็เชิญพูดออกมาเลยเถอะ” 

ผมกลืนน้ำลายก้อนโตลงคอกับน้ำเสียงเย็นเยียบของพี่ปูน ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ป้าทำหน้าแบบไหนอยู่ แต่ถ้าให้เดาล่ะก็ คงไม่ใช่ใบหน้าเปื้อนยิ้มแน่

“ก็ดี -- คราวก่อนฉันขอโทษที่วู่วามใส่อารมณ์เกินไป แต่ฉันไม่ขอโทษในส่วนที่กล่าวหาคุณหรอกนะ เพราะจากครั้งแรกที่เจอกันคุณดูจะเป็นผู้ชายเฮงซวยจริงๆ”

ผมอยากจะชะโงกหน้าไปดูใจแทบขาด แต่ก็กลัวว่าทั้งคู่จะเห็นซะก่อน

“ผมขอรับคำขอโทษแล้วกัน” น้ำเสียงพี่ปูนไม่บ่งบอกอารมณ์แต่อย่างใด  “และในส่วนที่คุณหาว่าผมเฮงซวย ผมคิดว่าคุณไม่ได้เข้าใจผิดอะไร”

“งั้นแปลว่าเราเข้าใจตรงกันแล้วสินะ”

“ผมคิดว่าเป็นอย่างนั้น”

“ก่อนหน้านี้มีคนแนะนำให้ฉันพาเพื่อนมาเจอคุณพร้อมกับลุง น้องฉันจะได้รู้ว่าคุณเป็นคนไม่ดีแค่ไหน คุณคิดว่าตัวเองกล้าพอรึเปล่า?”
  ป้าพูดต่อ น้ำเสียงท้าทายอย่างเห็นได้ชัด

“หึ คุณคงคิดว่าผมเป็นพวกสองหน้าล่ะสิ -- ต่อให้คุณพาผู้หญิงคนนั้นมาวันนี้ตอนนี้ ผมก็ยังจะปฏิบัติกับหล่อนเหมือนในวันนั้นอยู่ดี ผมก็ไม่อยากทำให้คุณเกลียดผมไปมากกว่านี้หรอกนะ แต่กับคนที่ผมใช้เงินเพื่อซื้อความสุขชั่วครู่ชั่วยามน่ะ ผมไม่มีเกียรติจะให้หรอก”

คุณดาหลาถึงกับร้องอุทานเบาๆ ให้กับตรงไปตรงมาของแฟนผม  “นี่แฟนลูกเป็นคนเจ้าชู้เหรอ?”

ผมยังไม่ตอบคำถามของแม่ เพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอธิบายอย่างไรดี ไอ้คำว่าเจ้าชู้ที่แม่เรียกนั้นมันสามารถเรียกแทนตัวตนของพี่ปูนเมื่อก่อนได้หรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ โดยส่วนตัวผมนิยามคำว่าเจ้าชู้เอาไว้ว่าเป็นคนที่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว แต่ยังไปสร้างสัมพันธ์กับคนอื่นอีก ซึ่งพี่ปูนนั้นไม่เข้าข่ายแน่นอนเพราะว่าตอนนั้นพี่แกยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน ขณะที่ผมกำลังจะอ้าปากแก้ต่างให้แฟนตัวเองสักเล็กน้อย พี่ปูนก็พูดขึ้นต่อ

“ลุงเห็นนิสัยแย่ๆ ของผมมาเยอะ และเราก็คุยกันรู้เรื่องแล้วว่าจะไม่เอาเรื่องก่อนคบกันมาวุ่นวายใจ ผมเองก็จนปัญญาจะทำให้คุณเชื่อว่าผมเลิกพฤติกรรมแบบนั้นไปแล้ว ยิ่งไม่รู้จะหาข้อพิสูจน์ไหนมาทำให้คุณพอใจด้วย”

จากนั้นคนทั้งคู่ก็เงียบไป ผมร้อนใจจนต้องแอบยื่นหัวออกไปให้พอมองเห็น ไม่ไกลจากที่เราอยู่ พี่ปูนยืนหลังตรงมองหน้าป้าแบบไม่หลบสายตา ไม่ต่างจากหญิงสาวที่ตัวเล็กกว่า ป้ากำลังจับจ้องพี่ปูนไม่ให้คลาดสายตาเช่นเดียวกัน

“ฉันขอถามคุณประโยคเดียว”

แม่สะกิดให้ผมรีบหลบอีกครั้ง จังหวะเดียวกับที่ป้าเอ่ยเสียงเฉียบคม

“คุณรักน้องฉันจริงหรือเปล่า?”

ผมเริ่มอึดอัดทำตัวไม่ถูก ผมไม่รู้ว่าป้าจะถามให้มันได้อะไรขึ้นมา ต่อให้พี่ปูนบอกว่ารักผมแล้วยังกับป้าจะสามารถพิสูจน์ได้ว่ามันจริงอย่างนั้นแหละ


“ผมรักน้องชายคุณ”



เสียงของพี่ปูนดังชัดเจน แต่ละคำที่เปล่งออกมานั้นกระแทกใจผมจนพาให้ใจเต้นแรงขึ้นมา



“พัทลุงคือโลกทั้งใบของผม”



เสียงเดิมย้ำชัดอีกครั้ง



“ผมไม่มีลุงไม่ได้จริงๆ”



..........




บัดซบ~ ผมเขินจนแก้มตึงไปหมดแล้ว



“แก้มแดงเป็นมะเขือเทศแล้วลูกฉัน”  คุณดาหลากระเซ้าแหย่ คีบแก้มผมบิดไปมาด้วยนิ้วเรียวสวย ผมได้แต่ตีมือแม่เบาๆ ด้วยความขัดเขิน แต่สองหูก็รอฟังคำตอบจากป้าที่เงียบไปหลายอึดใจ


“ฉันไม่ได้อคติกับเรื่องที่น้องชายฉันคบผู้ชายหรอกนะ”

ป้าพูดขึ้นในที่สุด

“เพราะฉันก็ไม่คิดว่าคนแบบคุณจะรักใครได้จริง”

ผมเริ่มใจแกว่งเล็กน้อย หากป้าปฏิเสธผมจะอยู่ในฐานนะคนกลางที่น่าลำบากใจทันที เพราะผมไม่เลิกกับพี่ปูนแน่ แต่ก็คงไม่สามารถพาพี่ปูนเข้าบ้านได้อีก

“แต่ฉันจะยอมเชื่อสักครั้ง”



หืม?



เมื่อกี้ผมฟังไม่ผิดใช่มั้ย? พี่สาวผมบอกว่าจะยอมเชื่อพี่ปูน หมายความว่าเส้นทางรักของผมก็จะโรยด้วยกลีบกุหลาบแล้วงั้นสิ ผมรีบหันหน้าไปมองคุณดาหลาเพื่อขอคำยืนยัน

“ดีใจด้วยนะ”  แม่กระซิบบอกผมด้วยรอยยิ้ม

“แต่ฉันจะจับตาดู ถ้าวันไหนที่น้องฉันเริ่มไม่มีความสุข ฉันจะทำให้โลกของคุณถล่มทลายลงมาแน่!”

ผมยิ้มจนแก้มปริ อยากจะโผเข้ากอดพี่และผัวให้สมรัก แต่แม่กลับไม่อินไปกับผม เอาแต่สะกิดยิกๆ อยู่นั่น ผมรำคาญเล็กน้อยๆ เลยหันไปหาเพื่อหาคำตอบ แต่สิ่งที่ได้คือใบหน้าสวยของมารดายิ้มค้าง มองเลยใบหน้าผมไปทางด้านหลัง แล้วพยักพเยิดให้ผมหันกลับไปมอง

“มาทำอะไรกันตรงนี้ไม่ทราบ”  เสียงเข้มๆ ของพี่สาวดังขึ้นใกล้ตัวซะเหลือเกิน ผมค่อยๆ หมุนตัวหันไปเผชิญหน้า แล้วแจกยิ้มแห้งๆ ให้

“เอ่อ...ลุงกับแม่ออกมาสูดอากาศน่ะ...เนอะคุณดา--”



แม่หายไปแล้ว...



เดี๋ยวก๊อนนน!! คุณพยาบาลจะวิ่งหนีไวไปแล้วนะ แล้วทิ้งลูกชายไว้แบบนี้คือใช่แล้วเรอะ! 


“หึ! เหรอยะ!”  ป้าพ่นลมให้ผมหนึ่งที ยักไหล่ให้อีกหนึ่งหน แล้วเดินหน้าเชิดไปเปิดประตูบ้านเข้าไป

เหลือเพียงผมกับพี่ปูนที่เดินออกมาจากมุมกำแพง ตัวตัวสูงดูจะไม่ตกใจที่เห็นผม คงเพราะได้ยินเสียงคุยกันเมื่อกี้ไปแล้ว แต่แววตาล้ำลึกที่มองมานั้นกลับทำให้ผมไม่กล้าสู้หน้า คำบอกรักของพี่ปูนยังดังก้องอยู่ในหู แม้จะเคยได้ยินบ่อยแล้วก็เถอะ แต่ไม่รู้ทำไมครั้งนี้ถึงทำให้ผมทำตัวไม่ถูกได้ขนาดนี้

“ได้ยินตั้งแต่ตอนไหน”  เสียงทุ้มนุ่มหูดังขึ้นพร้อมกับฝ่ามือถูกคนตรงหน้ากอบกุมเอาไว้

“คือ...คือลุงไม่ได้ตั้งใจแอบฟังนะ”

“พี่ไม่ได้ว่า”  พี่ปูนก้าวเข้ามาใกล้ชิดมากขึ้น  “พี่ถามเผื่อตรงไหนที่ลุงมาได้ยินไม่ทัน พี่จะได้บอกให้ลุงฟังอีกครั้ง”

ใบหน้าผมร้อนวูบขึ้นมาอีกครั้ง พี่ปูนขบขันเล็กน้อยขณะใช้มืออีกข้างรั้งแผ่นหลังผมเข้าไปแนบชิด สายตาคมจับจ้องผมได้แบบหวานซึ้งขั้นสุด



“อย่าทิ้งพี่นะ”



คำขอแผ่วเบาแต่หนักแน่นเหลือเกินเมื่อมันสื่อผ่านแววตาออกมาด้วย



“อย่าทิ้งพี่...พี่ไม่มีลุงไม่ได้จริงๆ”



ผมไม่ตอบ แต่เลือกที่จะกอดร่างหนาเอาไว้ ออกแรงรัดแน่นแล้วฝังหน้าลงกับอก ผมไม่รู้ว่าอนาคตของเราจะเป็นแบบไหน คำขอของพี่ปูนมันคล้ายจะเป็นสิ่งที่พันธนาการเราสองคน ในขณะที่ยังรักกันอยู่แบบนี้มันจะหอมหวานมากอย่างที่ผมกำลังรู้สึก แต่ถ้าหาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหมดรักไปแล้ว มันคงจะกลายเป็นถ้อยคำที่บาดลึกจนอาจจะทำให้มองหน้ากันไม่ติดอีกเลยก็ได้



“ผมรักพี่ปูนนะ”



ผมเลือกที่จะบอกรักแทนการให้สัญญา เพราะตราบใดที่เรายังรักกันอยู่ ยังโอบกอดกันเอาไว้แบบนี้ ผมรู้ใจตัวเองดีว่าจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปรักใคร

พี่ปูนมีครบทุกอย่าง ทั้งหน้าตา ฐานะ และการงานที่ดี อันที่จริงผมควรจะต้องเป็นฝ่ายถามคำถามนั้นด้วยซ้ำ ‘อย่าทิ้งผมนะ’




เพราะผมดูจะรักพี่มากขึ้นทุกที...ทุกที




รักมากจนตัวเองยังตกใจเลย





_____________________________________________TBC.


หลังจากหายไปชาติเศษก็กลับมาอีกครั้ง
เลยมาทีเดียว 2 ตอนเลย
ค่อยๆ อ่านกันนะ
ขอบคุณที่ยังติดตามกันอยู่นะคะ จุ๊บๆๆ

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 22 _เขาใหญ่บันเทิง_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 10-12-2018 01:34:07
 :m20:สงสาร ลุงนะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Kamidere ที่ 10-12-2018 02:11:37
คิดถึงเรื่องนี้มากกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-12-2018 03:15:36
 :pig4:  ขอบคุณที่ยังไม่ทิ้งกันไป
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 10-12-2018 04:07:41
ดีใจมากๆค่ะ ที่มาต่อแล้ว คิดถึงๆๆๆๆ

สองตอนจุใจหวานนำ้ตาลท่วมคีย์บอร์ดเลยยยย อ่านไปยิ้มไป มีความสุขมากๆๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 10-12-2018 06:23:42
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Kankan30 ที่ 10-12-2018 09:10:18
 :pig4: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 10-12-2018 09:23:15
ชอบจังเลยคู่นี้ ตื่นเต้น หื่น ทำให้ยิ้มในการอ่านแต่ละครั้ง
ไม่เสียดายที่รอมานาน คิดถึงมากๆ จ๊ะ
 :impress2:  :impress2:  :impress2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 10-12-2018 09:57:03
คิดถึงเรื่องนี้มากๆ

อ่านจบแล้วมันอิ่มเอิบมากเลยค่ะ
ทั้งขำ ทั้งเขิน แก้มตึงไปหมด
อยากมีทั้งพี่ปูนและน้องลุงเป็นของตัวเอง

ชอบความอวยผัวของน้องลุงจังค่ะ
กับเวลาน้องลุงเรียกพี่ปูนว่าผัวมันกิ้วก้าวใจมาก

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: taku_kimu ที่ 10-12-2018 10:53:51
ชอบเรื่องนี้มากๆๆๆ

ลุงโคตรน่ารัก รักลุงอะ พี่ปูนสายเปย์ ตัวอย่างหลัวเลยเนี่ย  :mew1:

ไรท์อย่าทิ้งคนอ่านน้า  :mew2: รออ่านเสมอ อ่านไปยิ้มไปอะ   :o8:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 10-12-2018 10:58:49
คิดถึงลุงงงง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 10-12-2018 11:02:18
หายไปนานนนนนนน จนนึกว่าจะไม่แต่งต่อซะแล้ว
แต่กลับมาทีสองตอนแบบนี้มันดีต่อใจจริงๆ
พี่ปูนผ่านด่านคุณป้าได้แล้วด้วย เก่ง~
สู้ๆ น้า รอวันที่คุณปุริมเปิดใจเรื่องบ้านกับลุง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-12-2018 12:17:58
 :man1:

 :L1: :pig4: :L1:

 o13
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 10-12-2018 13:23:38
คิดถึงลุงมากกกกกก​ ตกใจเลยนึกว่าฝันนน555555
ปุริมยังหื่นเหมือนเดิมเลย​ สงสารน้องงงงงงง
ดีใจๆคุณป้าเปิดใจให้พี่ปูนซักที
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 10-12-2018 13:42:20
น้องลุงกะหลัวกลับมาแล้ววววว.  :katai2-1:

ไม่ยักรู้ว่าไก่เป็นเพื่อนกับเหี้ยได้ด้วย  ปกติไก่จะถูกลากลงน้ำตลอด. 55555

ยกย่องในความมั่นคง หนักแน่น และหื่นของพี่ปูนจริงๆ   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 10-12-2018 13:42:30
อ้ายยยยยยย ปูนหน้าหนามาก ไม่มีเขิน มีอายกะเขามั่งเลย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 10-12-2018 14:02:25
ยอมๆๆพี่ปูนแล้วจ้าคนอ่านนิเขินไปแล้ว สงสารน้องลุงมากๆๆ  :z1:

ขอบคุณ คุณเหมียวมากๆๆค่า :L1:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 10-12-2018 14:21:08
กรี๊ดดดดดดพี่ปูน กรี๊ดดดดดดคุณลุง ฉันคิดถึงพวกคุณเป็นที่สุด !!!

หายไปนาน ความหื่นของพี่ปูนไม่ลดลงเลย
สงสารหูรูดของลุงบ้างนะ อ่านไปขำไปลุงเอ้ยลุง 55555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 10-12-2018 14:36:09
ขอบคุณค่ะ

หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 10-12-2018 16:14:00
ลุงงงงงง คิดถึงลุงจัง ตกลงไปเที่ยวเพื่อ?  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 10-12-2018 16:46:28
สมภารปูนกินไก่ตัวขาวจนพุงกางตลอดๆ :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Fon-NR ที่ 10-12-2018 16:55:04
 :pig4:  :L2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-12-2018 17:04:07
 :man1:




 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 10-12-2018 17:04:23
แงงง ดีงามมากกก เขินแตงร้านพี่ปูนไม่พอ ต้องมาเขินความขาดไม่ได้ของพี่ปูนอีกกกก  :o8:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Krajeeqx ที่ 10-12-2018 18:42:55
พี่ปูนกับลุงนี่รักกันจนน่าหมั่นไส้ละเกิน5555555  :haun4:
ดีใจที่คุณป้ายอมเปิดโอกาสให้พี่ปูน คราวนี้ก็เหลือแค่พี่ปูนว่าเมื่อไหร่จะเปิดใจเรื่องครอบครัวกับคุณลุงบ้าง

คิดถึงคนเขียนตลอดนะคะ ดีใจเสมอเลยที่เห็นแจ้งเตือนว่าเรื่องนี้อัพ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 10-12-2018 19:14:41
ดุเดือดมาก 5555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-12-2018 19:20:21
โอยยยยยย.............. คิดว่าตาฝาด  นึกถึงตลอด   :mew1:
ดีใจมากกกกก  ไรท์มาต่อแล้ว   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

มาคราวนี้ยาวมากกกกก  อ่านจุใจเลย  ฮามากด้วย    :z3: :z3: :z3:
-  ถ้าไม่ร้องออกไปว่า ‘ไม่ไหว    จะให้ร้องว่า ‘เอาอีก’ รึไง  :katai5:
- “กูขอบอกตรงนี้เลยนะว่าลุงไม่ใช่ไก่อ่อนแบบนั้นอีกแล้ว”  ผมยืดอกทันทีเมื่อได้ยินคนรักประกาศออกมาเสียงเข้ม
 “เพราะเดี๋ยวนี้ลุงแตกเองโดยไม่ต้องชักด้วยซ้ำ!”    ฮาาาา ก๊ากกกกกกกก เลย   :laugh: :laugh: :laugh:
- “ฮื้อ! อาบแล้ว” 
  “งั้นเอากัน”    ทันที.....ก็ระเบิดลมจากปากพรวดเลย   :m20: :laugh:
- “อะไรที่มันมุดเข้าไปแล้วพี่ไม่เอาออกมาง่ายๆ หรอกนะ”    พี่...ปู้นนนนนน    :haun4:

ลุงน่ารักมากๆ อ่อนโยนใส่ใจดูแลพี่ปูนอย่างดีมาก   :กอด1:
หมั่นไส้โป้ย มากมาย อยากเผือกเรื่องพี่กร โป้ย เหมือนลุงเลย ฮ่าๆๆ  o18
พี่ปูน กับป้า ตกลงได้กันด้วยดี
ชอบที่พี่ปูนพูดตรงชัดเจนมากๆ “ แต่กับคนที่ผมใช้เงินเพื่อซื้อความสุขชั่วครู่ชั่วยามน่ะ ผมไม่มีเกียรติจะให้หรอก”

ปุริม  พัทลุง   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAlone ที่ 10-12-2018 19:30:23
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 10-12-2018 20:20:36
กลับมาได้ดี
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 10-12-2018 21:00:03
ลุงยังน่ารักน่าหยิกเหมือนเดิม :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 10-12-2018 21:04:52
ยินดีต้อนรับกลับเล้าค่ะ

คิดถึงมากกกกกก ขอบคุณนะคะ

ลุงน่ารักมาก ไม่แปลกใจที่พี่ปูนจะรักจนขาดไม่ได้
แต่พี่ปูนหื่นไปนะ สงสารสวนของลุงบ้าง ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 10-12-2018 21:45:10
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 10-12-2018 21:45:16
เย้ดีใจที่กลับมาแล้ว คิดถึงน้องลุงที่สุดเลย
ยังฮาแลัยังหื่นเหมือนเดิมเลยนะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 10-12-2018 23:02:43
ขอบคุณนะคะ ที่กลับมาเสริพความหวานของลุงกับพี่ปูนต่อ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 10-12-2018 23:47:03
กลับมาพร้อม 2 ตอนที่ดีมาก ป้ายอมลงให้พี่ปูนบ้างแล้ว
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 11-12-2018 03:42:43
ยังติดตาม ยังรออ่านอยู่ตลอดค่า
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 11-12-2018 07:49:32
 :katai1:   นึกว่าตัวเองตาฝาดค่ะ.......ยังไม่ได้อ่านแต่ขอมาเม้นท์ก่อน5555 เกือบจะโหวตให้เป็นนิยายดองเค็มแล้วนะเนี่ย....ขอตัวกลับไปอ่านย้อนก่อนนะคะ   เดี๋ยวอารมณ์ไม่ต่อเนื่อง555555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 11-12-2018 10:07:01
คุณปราจีนยอมแล้ว  :hao5:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 11-12-2018 11:39:28
ดีจังเลยยยย ดีมากกก สงสารโป้ยหน่อยๆแหะมาขัดเพื่อนเหมือนคนมีปม55555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: กฟหวดสาหฟยดนำาด ที่ 11-12-2018 17:56:16
 :pig2: :pig2: :pig2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 11-12-2018 19:09:00
ขอบคุณคนแต่งค่า รอติดตาตอนต่อไป :mew1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 12-12-2018 04:26:32
 :pig4: เป็นกำลังใจให้ลุง และพี่ปูน นะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 12-12-2018 21:22:52
 :mew1:  หลังจากย้อนกลับไปอ่านใหม่ตั้งแต่ตอนแรก เพื่อความต่อเนื่องของอารมณ์   ก็รู้สึกดีใจที่น้องเขยกับพี่เมียยอมสงบศึกกัน .....แต่ยังคงหัวเราะกับความเป็นพัทลุงของปุริม  ความหื่นแบบจิตๆขิงปุริม  และยังคงโกรธยัยป้าที่ตบหน้าปุริม  โดยที่ไม่ได้เอาคืน(อาจดูไม่แมนไปนิด  แต่โกรธจริงไปนะเออ)...
รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อค่ะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 12-12-2018 22:52:13
ดีใจที่กลับต่อนะคะ  :pig4:

ลุ๊งง ตั้งแต่ยอมรับสภานะเมียเขาเนี่ย โง้ยยย ..รักผัว ..ผัวรัก ยั่วเก่ง แต่อิผัวตัวดีดันเอาความลับเมียมาแฉ
55555555555555555555 แล้วทำไรได้ไหม ก็ไม่!!!555555555555555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 13-12-2018 04:41:49
โฮรรร โคตรรรซึ้งงงงกับฉากสุดท้ายย! น้ำตาคลอเลยตอนพี่ปูนบอก “อย่าทิ้งพี่...พี่ไม่มีลุงไม่ได้จริงๆ” ยินดีกับพี่เขามากจริงที่มาเจอลุงเป็นเหมือนแสงสว่างนำทางจิตใจอันมืดมน และดีใจกับลุงด้วยที่ได้ผัวโคตรหล่อบวกเปย์ขั้นสุด >< 5555 ทั้งตลกทั้งชอบและดูน่ารักเวลาที่ลุงอวยพี่ปูนแล้วเรียก "ผัวรัก" ฟังละตลกและชอบมาก 555 พี่ปูนเองก็อยากได้ยินละสิ! อิอิ //สองคนนี้แม่งโคตรเคมี มันใช่ละที่ป้าเปิดใจยอมเชื่อ และให้โอกาสพวกเขาพิสูจน์กับความรักครั้งนี้ รักครั้งนี้มันจะเป็นรักแท้รักนิรันดร์รักตลอดไปตลอดกาลไหม รอดู แต่ยังไงตอนนี้ก็ดีใจกับทั้งคู่มาก โคตรดีใจเลยจริงๆที่พวกเขามาเจอกัน แม่งเห้ยยยย แต่ละประโยคบอกความในใจของพี่ปูนสุดซึ้งและหนักแน่น ก็หวังว่าหากมีอุปสรรคอะไรเข้ามาก็อย่าหันหลังให้กันนะ แต่เหนือสิ่งใดในตอนนี้คือโคตรเป็นปลื้มที่ไรท์กลับมาต่อ แถมลงสองตอนรวด โอ้ยยยโคตรปลิ่มเลย ยินดีคัมแบ๊คค่าาาาา 5555 ชอบเรื่องนี้มากกกกก ถึงนานอัพทีแต่ก็ไม่ลืมและรออยู่เสมอนะคะ สู้ๆในการปั่นตอนต่อไปค่ะ ปากำลังใจ ไฟท์ติ้ง :) ^_^ (ปล.รอพวกเขาไปเที่ยวกันสองคน 5555555)
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Cyclopbee ที่ 13-12-2018 07:18:41
 :pig4: :mew3:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 14-12-2018 11:54:47
คู่โป้ยคืบหน้าบ้างไหมเนี่ยยย
อย่าหายไปนานอีกน๊า
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Aomoto ที่ 14-12-2018 13:12:54
ขอบคุณที่กลับมาต่อ สนุกสมกับการรอคอย :mew1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 14-12-2018 23:24:29
ดีใจจังกลับมาต่อแล้ว
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 17-12-2018 23:34:47
พี่ปูนหื่นมากกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAlone ที่ 19-12-2018 15:04:05
 :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-12-2018 20:15:16
อ่านอีก ก็ฮาอีก   :m20: :laugh: :pigha2:

“ผมรักน้องชายคุณ”
“พัทลุงคือโลกทั้งใบของผม”
 
โอย...............พี่ปูน กระแทกใจสุดๆ   :o8: :heaven

ไปเขาใหญ่ คราวนี้การเกษตรเจริญก้าวหน้ามาก  :haun4:
โดยเฉพาะด้านการทำสวนแตงพันธุ์ดีเท่านั้น  พืชผักอื่นๆถอยไป  :pighaun:
เห็นภาพลุงที่สภาพอเนจอนาถ หลุมแตงถูกขุดซะเต็มๆเลย  :z3: :z3: :z3:

พี่ปูน  ลุง   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 23 _จะรักกันทั้งทีฯ_ || 10-12-61 หน้า 44 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Lekss ที่ 24-12-2018 18:14:17
สนุกมากค่ะ เป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยนะคะ กลับมาตอนเร็วๆนะ :-[
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 26-12-2018 00:25:32
ตอนที่ 24_เส้นผมบังภูเขา_ [ปุริม]






ภายในห้องทำงานขนาดกะทัดรัดที่ดัดแปลงจากหนึ่งในห้องของบ้านเดี่ยวกลางเก่า แต่กระนั้นก็ยังสะอาดสะอ้านทั้งด้านในและนอกอย่างที่เจ้าของเอาใจใส่อย่างดี มีเสียงพลิกหน้ากระดาษไปมาโดยไร้เสียงสนทนาใดๆ ดูให้บรรยากาศเย็นเยียบยิ่งกว่าที่เป็น

เอกสารหลายแผ่นผ่านตาผมด้วยความรวดเร็ว ทั้งหมดเป็นรายละเอียดงานในส่วนที่ผมต้องเข้าไปดูแล ไม่ได้ต่างจากงานที่ปรึกษาด้านธุรกิจทั่วไปเท่าไหร่ จะมีบางส่วนที่ทำเอาหัวคิ้วกระตุกก็ตรงที่เงื่อนไขงานในคราวนี้คือที่ปรึกษาส่วนตัวโดยเฉพาะ

ผมเงยหน้ามองผู้สูงวัยกว่าที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตรงหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหลุบตาลงอ่านข้อเสนอในมืออีกรอบด้วยความเครียดที่พุ่งขึ้นสูงจนศีรษะข้างหนึ่งปวดแปลบ

“ลุงไม่เคยเจอข้อเสนออะไรที่ดีเท่านี้มาก่อน”  เจ้าของห้องเอ่ย น้ำเสียงคล้ายกับว่านี่คือข้อเสนอจากลูกค้าที่ดีที่สุดในชีวิตของแก  “แต่ลุงก็ไม่เข้าใจว่าทำไมงานงามๆ แบบนี้ถึงตกมาที่คนแก่อย่างลุงได้ ค่าจ้างขนาดนี้สามารถจ้างบริษัทใหญ่จากต่างประเทศได้เลยด้วยซ้ำ”

“เพราะลุงเป็นมือเก๋าน่ะสิครับ”  ผมพูดเอาใจทั้งที่คิดตามแล้วก็เห็นเป็นจริงอย่างที่อีกฝ่ายพูด

ผมปิดแฟ้มเอกสารพลางลอบถอนหายใจ ใบหน้าที่ฉายแววความหวังของชายตรงหน้า ทำให้ผมจนคำพูดที่จะไปดับแสงอนาคตของผู้ที่ผมยอมรับอย่างเต็มใจว่าเป็นผู้มีพระคุณเพียงคนเดียวได้ ผมยิ้มบางๆ ตอบรับ แม้ในใจจะเข่นเขี้ยวกับลูกค้ารายใหญ่เจ้านี้

‘พิบูลย์พัฒน์กรุ๊ป’

ไม่ว่ายังไงก็ตามกัดไม่ปล่อยจริงๆ นี่คงยอมวางไพ่ใบสุดท้ายแล้วสินะถึงได้ทุ่มเงินเป็นล้านจ้างวิศวกรระบบที่ใกล้จะปลดเกษียรเต็มทีแบบนี้ ถึงผมจะรู้ดีว่าความชราที่มากขึ้นไม่ได้ทำให้ความเก่งกาจของผู้ชายคนนี้ลดน้อยลง แต่ในยุคที่คนเก่งมีมากมายนี้ย่อมไม่ใช่ตัวเลือกที่ผุดขึ้นในใจเป็นอันดับแรกแน่

ผู้เฒ่าในวงการตรงหน้าผมนี้ เรียกได้ว่าโอบอุ้มผมจากเด็กหนุ่มที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษาเท่าที่จะทำได้ แม้จะไม่ใช่ส่วนยิ่งใหญ่ที่สุดที่ทำให้ผมก้าวมาถึงจุดนี้ได้ แต่ถ้าไม่มี ‘ลุงเกรียงไกร’ คนนี้ ผมก็อาจจะไม่ใช่ผมอย่างที่เป็นก็ได้ เพราะฉะนั้นผมจะถือว่าลุงเป็นผู้มีพระคุณก็ไม่ผิด จะทึกทักเอาเองว่าเป็นญาติผู้ใหญ่ต่างสายเลือดก็ใช่ ก็ใครใช้ให้ลุงไกรเป็นคนดีที่ไม่เอาเปรียบผมกันล่ะ

“ลุงอยากรับงานนี้มั้ย? บริษัทใหญ่ขนาดนี้ต้องใช้คนพอดูนะ”  ผมแสร้งถาม แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่ามีแค่คนโง่เท่านั้นที่จะปฏิเสธ

“ผู้ช่วยจะมีใครเล่าถ้าไม่ใช่เจ้าปายกับเพื่อน แต่เงื่อนไขการจ้างลุงก็คือต้องได้ปูนมาเป็นที่ปรึกษาด้วยน่ะสิ”  ลุงไกรเผยสีหน้าครุ่นคิด  “แต่ลุงได้ยินมาว่าบริษัทที่ปูนทำอยู่ก็ยุ่งพอตัว ถ้าจะปฏิเสธลุงก็เข้าใจนะ”

“พอสมควรครับ ก็เป็นออฟฟิศที่คนไม่กี่คนเอง”

“นั่นน่ะสิ เจ้าปายมันเลยให้ลุงมาขอความเห็นปูนก่อน”  ว่าแล้วผู้สูงวัยกว่าก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่  “เงินก็อยากได้นะ แต่ลุงไม่มีทางบังคับปูนเด็ดขาด”

คราวนี้เป็นผมที่เป็นฝ่ายถอนหายใจบ้าง ผมเชื่อว่าลุงไกรไม่ได้เสแสร้งแกล้งพูดแน่ เพราะแต่ไหนแต่ไรก็เคารพการติดสินใจของผมเสมอ คนดีก็ย่อมเป็นคนดีอยู่วันยังค่ำ ส่วนไอ้พวกเลวร้ายก็มักจะใช้เล่ห์เหลี่ยมแบบนี้เสมอเช่นกัน พวกมันคงคิดสินะว่าท่าทำแบบนี้ผมจะต้องใจอ่อนแน่

ผมจะปฏิเสธ ถ้าหากลุงไกรร่ำรวย

ผมจะปฏิเสธอย่างหนักแน่น ถ้าลุงไกรไม่ลำบากเรื่องการเงินอย่างที่เป็นอยู่

ผมจะปฏิเสธอย่างไม่ไว้หน้าเลยถ้ามีสักครั้งที่ลุงจะขอหยิบยืมเงินของผม

ไอ้พวกที่ใช้ความลำบากของคนอื่นมาเป็นข้อได้เปรียบแบบนี้นับว่าเป็นตัวอะไรกัน!


“ผมขอเวลาคิดอีกสักวันสองวันได้มั้ยครับลุง”  คำตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ของผมทำให้ลุงไกรพยักหน้าน้อยๆ อย่างเข้าใจ

“เอาสิ ทางนั้นก็ไม่ได้เร่งรัดลุงเหมือนกัน”

แฟ้มสีดำถูกเลื่อนกลับไปตรงหน้าเจ้าของบ้าน ลุงไกรยิ้มละไมให้ผมอย่างเคย ริ้วรอยแห่งความชราปรากฏมากขึ้นกว่าครั้งก่อนที่ผมเห็น ระยะเวลาหลายเดือนที่ผมไม่ได้มาเยี่ยมคงมีเรื่องเครียดรุมเร้าแกมากขึ้น

“ผมไม่เห็นป้าอรเลยครับ ร่างกายป้าเป็นยังไงบ้าง”  ผมถามหาภรรยาคู่บุญของลุงไกร ทุกครั้งที่ผมมาหาก็มักจะยิ้มกว้างหาขนมขมเนยออกมาต้อนรับเสมอ

“ก็เป็นไปตามสภาพล่ะนะ”  ชายวัยใกล้ชรายิ้มขืน แววตาทอประกายความโศกเศร้าออกมาอย่างปิดไม่มิด  “เซลล์มะเร็งมันกระจายไปทั่วแล้ว ทุกวันนี้ก็มีโรงพยาบาลเป็นบ้านไปแล้วล่ะ ฮ่ะๆ”  เสียงหัวเราะที่เค้นออกมามันกลับทำให้น้ำเสียงที่ดังออกมาหดหู่ยิ่งกว่าเดิม

ป้าอรนั้นเป็นโรคร้ายมาหลายปีแล้ว แรกเริ่มก็หาทางรักษาได้แต่กลายเป็นว่าเมื่อกลางปีที่ผ่านมาเซลล์มะเร็งกลับรุกลามไปส่วนอื่นแทน และครั้งนี้ทำให้ร่างกายป้าอรทรุดโทรมลงอย่างรวดเร็ว ลุงไกรทำทุกอย่างเพื่อหาวิธีการรักษาที่ดีที่สุดเพื่อภรรยา ถึงขนาดจำนองบ้านจนเป็นหนี้สินก้อนโต

แต่ดูจากสีหน้าลุงในตอนนี้แล้ว...ทุกอย่างที่ทำไปคงเรียกได้ว่าสูญเปล่า

แต่ยิ่งกว่าเงินที่สูญเสียไป คือการต้องมองดูคู่ชีวิตที่อยู่กันมานานหลายสิบปีค่อยๆ จากไปต่างหาก และนั่นทำให้ลุงไกรเป็นทุกข์จนสภาพร่างกายถดถอยขนาดนี้

“ว่าแต่เราเถอะเป็นอย่างไรบ้าง”  ลุงไกรย้อนถาม เค้าความใจดีปรากฏขึ้นในทุกครั้งที่ยิ้มออกมา  “ลุงว่ามาคราวนี้ สีหน้าปูนดูมีความสุขขึ้น”

“หึหึ ลุงก็พูดเกินไป”

“เมื่อก่อนเราเหมือนพวกอมทุกข์นะปูน หน้านิ่วคิ้วขมวดได้ตลอด”

“ผมไม่เหมือนนายปายนี่จะได้หน้าระรื่นทั้งวัน”  ผมแขวะลูกชายคนโตของเจ้าบ้าน และนั่นก็เป็นเรื่องจริงพอที่จะทำให้คนเป็นพ่อหัวเราะร่าอย่างเห็นด้วย

“ที่จริงลุงต้องขอบใจเจ้าปายที่มีนิสัยแบบนี้นะ ไม่งั้นลุงกับแม่เขาคงแย่”

แม้แต่คนฟังอย่างผมก็นึกไม่ออกเหมือนกัน คงต้องนับว่าเป็นโชคดีของครอบครัวนี้ที่ลูกชายกับลูกสาวร่าเริงอารมณ์ดี แม้จะขมขื่นกันแค่ไหนก็ยังกอดขอกันฟันฝ่าไปได้ด้วยรอยยิ้ม ครอบครัวนี้คล้ายนับวันรอความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ แต่ยังไม่ถูกความเศร้าทำร้ายจนเจ็บเจียนตายก็ควรต้องขอบคุณกันและกันแล้ว

“ไว้ผมจะพาแฟนมาเยี่ยมลุงนะ”

“เฮ้ยไอ้เสือ! ลุงก็นึกว่าเราจะครองตัวเป็นพ่อปลาไหลซะอีก”  ลุงไกรตบเข่าฉาด สีหน้าทั้งยินดีทั้งตกใจ

“ก็ลำบากพอดูกว่าจะได้คนนี้มา”  ผมนึกย้อนไปตั้งแต่วันที่ตัวเองรู้สึกรักชอบจนกระทั่งวันที่ลุงยอมตกลงเป็นแฟนกับผมอย่างเป็นทางการ มันก็นับว่าลำบากมากทีเดียวนะ  “เขาเป็นคนดีมากๆ เลยล่ะลุง นิสัยก็น่ารัก มองโลกในแง่ดี ยิ้มง่าย คุยสนุก น่าแกล้ง ...เขาทำให้ผมรู้สึกว่าโลกนี้มันก็น่าอยู่ดีเหมือนกัน”

“...เอ็งเป็นมากแล้วเจ้าปูนเอ๊ย”  ลุงไกรยิ้มพรายพลางส่ายหน้าอย่างเห็นขัน แต่ผมกลับหุบยิ้มไม่ได้เลยสักนิดแม้จะถูกผู้ใหญ่กึ่งล้อเลียนอยู่ก็ตาม

“ลุงจะหาว่าผมเกินไปสินะ”

ผู้มากวัยส่ายหน้าอีกครั้งด้วยรอยยิ้มที่นุ่มนวลขึ้น  “เรื่องแบบนี้มันไม่มีที่มากเกินไปหรอก อะไรก็ตามที่มันออกมาจากใจเราจะไปบังคับกะเกณฑ์มันได้ยังไง จะคบนานแล้วหรือว่าเพิ่งคบมันก็ไม่สำคัญเหมือนกัน มันดูที่ความรู้สึกต่างหากว่ายังเหมือนกับวันแรกที่ได้รักกันหรือเปล่า ยิ่งถ้าคนนั้นทำให้เราดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น เติมเต็มชีวิตเราจนเต็มได้...มันไม่มีอะไรที่มากเกินไปสำหรับความรักที่ดีแบบนั้นหรอก

“ลุงยังจำวันแรกที่เราเจอกันได้อยู่เลย อายุมากว่าเจ้าปายแค่ปีเดียวแต่ทำอย่างกับว่าใช้ชีวิตมาจนบรรลุ หน้าตาเดี๋ยวก็อมทุกข์ เดี๋ยวก็เฉยเมย แววตาที่บอกว่าไม่เชื่อใจใครน่ะมันส่งมาจนลุงยังตกใจเลย”

“..........”

“แล้วมาดูตอนนี้สิ ลุงว่าปูนคนเก่าคนนั้นคงจากไปแล้วล่ะ”

ผมยิ้มให้กับลุงไกร คิดถึงวันเวลาที่ผ่านมา คิดถึงพัทลุงแล้วก็อนาคตข้างหน้าที่วาดหวังเอาไว้ ฉับพลันกระบอกตาก็คล้ายจะร้อนวูบขึ้นมา การที่มีใครสักคนมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของเรามันให้ความรู้สึกว่าน้ำตาจะไหลออกมาแบบนี้สินะ หัวใจมันอบอุ่นแปลกๆ ทั้งที่ครอบครัวก็ไม่ใช่ เกี่ยวพันทางสายเลือดรึก็ไม่สักนิด แต่ผู้ชายคนนี้ก็ยังเอ็นดู ยังจำวันแรกที่เจอกันได้แม้จะผ่านมาสิบกว่าปีแล้วก็ตาม

ถ้าเป็นผมคนก่อนคงไม่ซาบซึ้งสักเท่าไหร่ แต่ผมคนนี้...คนที่มีพัทลุงอยู่ข้างๆ นั้นมองโลกต่างออกไปแล้ว

“แล้วนี่คิดเรื่องแต่งงานรึยัง?”

“ก็อยากอยู่นะครับ แต่แฟนผมเป็นผู้ชายน่ะสิ”

“เอากะเอ็งซี่! เรานี่มันเกินความคาดหมายของลุงตลอดเลยเชียว”  ลุงไกรหัวเราะร่วน ไม่ได้มีเค้าความเดียดฉันท์ให้เห็น และผมรู้ดีว่าทั้งหมดที่ลุงแสดงออกนั้นมาจากใจ

“แล้วผมจะพาเขานะ”

“ดีๆ ลุงจะให้เจ้าปิ่นทำกับข้าวรอ”

ผมรู้ดีเชียวล่ะว่าพัทลุงจะต้องชอบครอบครัวนี้เหมือนที่ผมชอบ ที่จริงวันนี้ผมก็ตั้งใจจะพาลุงมาเหมือนกัน แต่ติดที่อีกฝ่ายจำต้องเร่งงานให้เสร็จทันในวันมะรืน แต่ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องพาลุงมาทักทายลุงไกรให้ได้ในฐานะคนที่ใกล้ชิดคำว่า ‘ครอบครัว’ ของผมมากที่สุดคนหนึ่ง

เราคุยกันอีกสักพักใหญ่เรื่องทั่วๆ ไป ตามประสาคนที่ไม่ได้เจอหน้ากันบ่อยนัก ก่อนที่ผมจะกล่าวลาในช่วงเวลาที่ลูกสาวของลุงไกรกลับบ้านมาพอดี ผมคุยกับปิ่นอีกเล็กน้อยจึงขอตัวกลับจริงสักที

ครอบครัวนี้ทำให้ผมสบายใจที่จะคบหา สบายใจที่จะนอนค้าง กินข้าว หรือแม้แต่จะใช้เวลาว่างสักเล็กน้อยด้วยกัน แม้ขณะที่ผมขับรถจากมาก็ยังรู้สึกอิ่มใจเสียจนรอยยิ้มตามติดที่ใบหน้า

แต่วันนี้นั้นต่างออกไปเล็กน้อย

ผมยังคงรู้สึกอบอุ่นใจ ทว่าความรู้สึกขัดเคืองที่อัดแน่นนั้นก็ไม่อาจสลัดออกไปง่ายๆ ข่าวคราวที่ลุงไกรทำให้ผมต้องเก็บกลับมาคิดนั้นช่างสร้างแรงเสียดทานให้ใจไม่น้อยจริงๆ


.

.

.


“ดื่มเบาๆ หน่อยไอ้ปูน”

เสียงปรามดังขึ้นจากเจ้าของร่างตรงหน้า แต่ผมก็ยังคงกรอกน้ำสีอำพันลงคอไม่สนเสียงถอนหายใจที่ดังตามมา ต่อเมื่อพอใจจึงวางแก้วเปล่าลงบนโต๊ะแล้วเอนตัวพิงพนัก ปล่อยอารมณ์ไปกลับเสียงเพลงจังหวะสนุกที่ดังผ่านเข้ามาที่ห้องวีไอพีชัดเจน

“ไม่เจอกันหลายเดือน มาทีก็แดกเหล้าเป็นน้ำเชียว”  เสียงเดิมยังพูดจ้อไม่หยุดจนผมต้องผงกหัวขึ้นมอง  “หรือมึงอยากได้เด็กสักหน่อยมะ? กูจัดแบบแจ่มๆ ให้ได้นะ”

“มึงเป็นเจ้าของผับหรือว่าพ่อเล้าวะไอ้แมน”  ผมส่ายหัวพลางพยักพเยิดให้คนพูดมากชงเหล้ามาเพิ่มอีกหนึ่งแก้ว

“อย่าพูดให้กูขำน่า”  ไอ้พ่อเล้าว่าพลางส่งเสียงหึหึ มือก็ชงเหล้าส่งให้ผมอย่างว่าง่าย  “เด็กมึงเกือบครึ่งก็เป็นกูหาให้ไม่ใช่รึไง?”

ผมไม่เถียง เมืองแมนเป็นเพื่อนที่รู้จักสมัยเรียน แม้จะไม่ได้สนิทสนมมากนักแต่ก็ถือว่าเป็นเพื่อนกินเพื่อนเที่ยวที่นับว่าใช้ได้ แมนมันอาจจะไม่ได้ทำให้ผมสบายใจเหมือนอยู่กับพันกร แต่ผมมีคติเลือกคบเฉพาะส่วนที่คบได้เพราะฉะนั้นความสัมพันธ์ของผมกับเพื่อนคนนี้จึงมีแค่มุมชีวิตกลางคืนเสียมาก

ด้วยรู้ความชอบของกันและกันดี แมนจึงมักจะหาคนมานั่งดื่มร่วมด้วยเสมอ แล้วเกือบทุกครั้งก็มักจะไปจบที่ฐานะคู่นอน ระยะยาวบ้างสั้นบ้างก็ว่ากันไปตามลีลาบนเตียง

แต่ตอนนี้ผมไม่ใช่คนตัวเปล่าอีกแล้ว

“กูแค่อยากมาดื่ม แล้วมึงก็ไม่ต้องหาคนมาให้กูอีกแล้วไอ้พ่อเล้า”

“ถามจริง!?”  มันถามเสียงสูง มองผมที่กำลังยกแก้วซดเหล้าสักพักก่อนจะยกยิ้มคล้ายไม่เชื่อ  “คนมักมากอย่างมึงเนี่ยนะจะเลิกหาคู่นอน หึหึ...เอาเหอะ กูไปดูลูกค้าก่อน”

เมืองแมนเดินมาตบบ่าผมเบาๆ แล้วหมุนตัวเดินไปทันที ผมมองจนกระทั่งประตูที่ถูกเปิดค่อยๆ ปิดตัวจนส่งเสียงลงสลักชัดเจน ก่อนจะดื่มเหล้าต่ออีกครั้งด้วยความผ่อนคลายมากขึ้น ผมไม่ว่าหรอกถ้าหากเมืองแมนมันจะไม่เชื่อว่าผมจะเปลี่ยนไปได้ เพราะแม้แต่ตัวผมเองก็ยังยากจะเชื่อเลย

เมื่ออยู่กับตัวเองอีกครั้งโดยไม่มีคนช่างจ้อ หัวสมองก็กลับไปคิดถึงต้นเรื่องที่ทำให้ผมต้องมานั่งดื่มเหล้าเช่นนี้อีกครั้ง

ถ้ามีแค่ตัวผม เรื่องทุกอย่างมันจะง่ายดายมาก แต่คนพวกนั้นกลับกัดไม่ปล่อยคอยแต่จะดึงคนอื่นเข้ามาพัวพัน
ผมพ่นลมหายใจแรงๆ ก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่มอีกหลายอึก แล้วหยิบมือถือขึ้นมาค้นหาข่าวสารเกี่ยวกับพิบูลย์พัฒน์กรุ๊ป ผมเลื่อนผ่านพวกข่าวสารทั่วไป พยายามมองหาหัวข้อลึกภายในที่พวกนักข่าวสายธุรกิจชอบขุดคุ้ยกัน จนกระทั่งเจอสองสามข่าวล่าสุด -- ผมดื่มอีกครั้งพลางกดเข้าไปดูเนื้อหา

‘ส่อแววล่ม! ตระกูลยักษ์ใหญ่แห่งวงการธุรกิจถึงคราวสิ้นสุดแล้วจริงหรือ?

เป็นที่ทราบกันดีว่าคลื่นลูกใหญ่ม้วนตัวมาได้สักพักแล้วภายใต้อาณาจักรยิ่งใหญ่อย่างพิบูลย์พัฒน์กรุ๊ป นับตั้งแต่ข่าวคราวสุขภาพร่างกายของผู้กุมบังเหียนใหญ่อย่าง ชาคริต พิบูลย์พัฒน์ ถูกเปิดเผยออกไป ก็ทำให้หุ้นที่เคยพุ่งสูงอย่างต่อเนื่องกลับชะงักตัวลง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ยักษ์ใหญ่สั่นคลอนได้เท่าที่ควร

จนกระทั่งการล้มป่วยกะทันหันอีกครั้งถูกตีแผ่ออกมา หุ้นที่ทำว่าจะกระเตื้องอีกครั้งก็มีอันทิ้งดิ่งลงไปอย่างน่าใจหาย และคราวนี้เองที่ทำให้เกิดคลื่นลมที่จะรอถล่มเมืองใหญ่แห่งนี้

นายตรีเทพ ชีวนา รองประธานกรรมการบริหาร กลายเป็นผู้ควบคุมบังเหียนชั่วคราว และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ถือหุ้น เลยกลายเป็นข้อถกเถียงกันว่าหรือนี่จะเป็นการเปลี่ยนมือประธานบริษัทแห่งนี้’


ผมกดปิดหน้าเว็บไซต์ข่าวสารธุรกิจที่เต็มไปด้วยข้อความเยิ่นเย้อลง แล้วเปิดอีกหนึ่งเว็บไซต์ขึ้นมาอ่าน กวาดสายตาไปตามตัวหนังสือคร่าวๆ ก็พบว่านี่เป็นเพียงบล็อกที่ร่วมรวมโปรไฟล์ของนักธุรกิจเอาไว้


‘นายชานนท์ พิบูลย์พัฒน์

อายุ 22 ปี

จบปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ

ลูกชายคนเดียวของนาย ชาคริต พิบูลย์พัฒน์ (ประธานบริษัทพิบูลย์พัฒน์กรุ๊ป)
ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารบริษัทพิบูลย์พัฒน์กรุ๊ป’


ผมยิ้มหยันตัวเองให้กับข้อความ ‘ลูกชายคนเดียว’ บนหน้าจอ รูปภาพที่แสดงขึ้นนั้นคือชายหนุ่มในชุดสูทเรียบหรู ใบหน้าเปื้อนยิ้มทำให้ดูอ่อนกว่าวัย ดวงตาเปล่งประกายอ่อนโยน ก็ดูจะเหมาะสมแล้วกับคนที่ถูกเลี้ยงดุมาด้วยความรักอย่างดี

“หึ...ลูกชายคนเดียวงั้นเหรอ”

แล้วตัวตนของผมนับว่าเป็นอะไร

ผมโยนโทรศัพท์ลงข้างตัวแล้วตัดสินใจที่จะไม่ยุ่งเรื่องนี้อีก ผมจะไม่สนใจต่อให้ลุงไกรต้องชวดงานใหญ่ ถ้าลุงลำบากเรื่องเงินนัก ผมจะจ่ายแทนให้หมดทุกอย่างโดยไม่ขอรับคืน ขอแค่ผมไม่ต้องกลับไปเกลือกกลั้วกับคนพวกนั้นอีกเป็นพอ

น้ำสีอำพันแก้วแล้วแก้วเล่าไหลลงคอไปง่ายดายราวกับมันเป็นน้ำเปล่า ในหัวมึนงงจนแทบประคองศีรษะให้ตั้งตรงไม่ได้ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ลืมเรื่องไร้สาระทั้งหลายไปได้ ผมโคลงตัวยื่นมือไปคว้าขวดเหล้าที่ตั้งอยู่ขึ้นมาหมายจะรินลงแก้วอีก แต่มันกลับว่างเปล่าเหลือเพียงสีใสของขวดแก้วที่สะท้อนแสงไฟอยู่ แม้จะขัดใจ แต่สติที่ยังพอหลงเหลืออยู่นั้นบอกให้ผมพอแต่เพียงเท่านี้

ผมส่งมือควานหามือถือขึ้นมาเปิดใช้งานอีกครั้ง จากสายตาที่เริ่มพร่ามัวนั้นยังพอมองเห็นว่ามีข้อความจากแอพฯ สนทนาค้างอยู่ พอกดเข้าไปดูก็พบว่ามาจากพัทลุง ข้อความแรกส่งมาราตรีสวัสดิ์ผมตอนสี่ทุ่มสิบสองนาที และเมื่อผมไม่ตอบและไม่ได้อ่าน อีกข้อความถึงได้ส่งมาอีกครั้งเมื่อเที่ยงคืนกว่าถามว่าผมยังปกติดีอยู่ใช่มั้ย? ...แค่นั้น

ลุงมักเป็นอย่างนี้เสมอ ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะโทรจิกจนกว่าผมจะรับสาย หรือไม่คงส่งข้อความมาเป็นสิบเป็นร้อยเพื่อต้องการรู้ว่าผมอยู่ที่ไหนและทำอะไรกับใคร นี่อาจจะเป็นหนึ่งที่ผมรู้สึกสบายใจกับการคบกัน ลุงให้พื้นที่ผมได้หายใจในความอิสระ ไม่ตีกรอบบังคับจนต่างฝ่ายต่างอึดอัด แต่คงกลายเป็นผมเองเสียมากกว่าที่จะโหยหาลุงมากกว่าเดิม

ผมกดหมายเลขโทรศัพท์เพื่อโทรออก เสียงสัญญาณลากยาวนานจนเกือบจะตัดใจ แต่เสี้ยววินาทีก่อนที่คิดจะวางสายเสียงงัวเงียก็ดังขึ้นข้างหู

“ลุง...”

“หืม?...พี่ปูน?...อือ~ เดี๋ยวนะๆ”  เสียงอู้อี้ตอบรับ ตามด้วยเสียงขยับตัวไปมา ผมยิ้มโง่ๆ กับการฟังเสียงขยับตัวที่ลอดผ่านให้ได้ยิน ไม่กี่วินาทีต่อมาลุงก็กลับมาสนทนาต่อด้วยเสียงที่มีสติมากกว่าเดิม

“มีอะไรรึเปล่า? นี่ตีหนึ่งกว่าแล้วนะ”

“...มารับพี่หน่อยสิ”  ผมกรอกเสียงตอบไป พยายามคงสติเอาไว้ให้มากที่สุด

“นี่ไปกินเหล้ามาเหรอ เสียงเปลี้ยมากอ่ะ”

“หึหึ นิดหน่อยเอง” 

“ฟังจากเสียงนี่ไม่นิดนะพี่ปูน”  ลุงทำเสียงเข้มขึ้นอีกระดับ แต่มันกลับทำให้ผมยิ้มเผล่ยิ่งกว่าเดิม

“นะ...มารับพี่หน่อย”  ผมนิ่งรอฟังคำตอบ แต่ถึงลุงจะไม่มาผมก็เข้าใจ เพราะส่วนหนึ่งของจิตสำนึกก็ไม่อยากให้ลุงต้องมาลำบากตอนดึกดื่นแบบนี้เหมือนกัน เพียงแต่ตอนนี้ผมอยากอยู่กับลุงมากกว่าที่เคย

เสียงเดาะลิ้นคล้ายไม่สบอารมณ์ดังขึ้นเล็กน้อย แต่คำพูดต่อจากนั้นหาได้มีความหงุดหงิดปะปนอยู่สักนิด “รออยู่นิ่งๆ ห้ามไปไหนเข้ามั้ย? และถ้าผมรู้ว่าพี่กินเหล้าต่ออีกได้เจอดีแน่!”  ลุงถามที่อยู่ร้านซึ่งไม่น่าจะหายาก เพราะผับนี้ก็คือผับเดียวกับที่ผมหิ้วลุงกลับบ้านไปนั่นแหละ แค่เพียงขึ้นมาห้อง V.I.P ที่ชั้นสองก็เท่านั้น

ผมวางสายจากลุงแล้วเอนศีรษะลงกับพนักพิง ระบายยิ้มพลางถอนหายใจยาวเหยียดก่อนที่ความมึนเมาจะกล่อมให้เปลือกตาปิดลง

เนิ่นนานแค่ไหนไม่รู้ แต่สัมผัสแปลกปลอมบนร่างค่อยๆ ปลุกสติให้กลับคืนอย่างเชื่องช้า ผมรับรู้ได้ถึงฝ่ามืออุ่นที่รูปไล้อยู่ทั่วร่าง แทรกผ่านเสื้อเข้ามาแตะต้องผิวเนื้อ ลำคอถูกลมหายใจกรุ่นกลิ่นสุรารินรสสร้างร่องรอยเปียกชื้นจนผมต้องเบี่ยงหน้าหนี หน้าตักกำลังรับน้ำหนักจากใครสักคนที่กำลังบดเบียดความเป็นชายให้ตื่นตัวขึ้น

ผมขมวดคิ้วแน่น พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะลืมตามองคนบนร่างที่กำลังปลุกเร้าผมทุกวิถีทาง

“คุณรูปหล่อคะ...เรามาสนุกกันเถอะ”

เสียงยั่วยวนกระซิบข้างหูผมพร้อมกับที่ซิบกางเกงถูกรูดลง ความตกใจทำให้ผมลืมตาพรึบขึ้นมาดีดความมึนงงก่อนหน้าให้ออกไปจากหัวสมอง หูสองข้างรับฟังเสียงหัวเราะแผ่วเบา ความโป่งนูนใต้ชั้นในถูกเรียวนิ้วล้วงแตะต้อง ตรงหน้าผมคือผู้หญิงหน้าตาสะสวยที่คงผ่านการศัลยกรรมมาอย่างดี เธอยิ้มหวานมองผมด้วยแรงปรารถนาในแววตา กลีบปากสีแดงสดจูบริมฝีปากผมแผ่วเบาหากอ้อยอิ่งยั่วยวน เข้าขากับเบื้องล่างที่ส่งนิ้วทั้งล้วงทั้งควักอย่างไร้ซึ่งยางอาย

“ทำอะไร”  ผมถามเสียงเข้ม แต่อีกฝ่ายกลับไม่สะท้าน ยังคงเล่นหูเล่นตาปลุกอารมณ์ผมต่อไป

“ก็มาทำให้คุณมีความสุขไงคะ”

“ใครใช้ให้เธอเข้ามา”

“อุ๊ย~ ทำไมเสียงแข็งจัง”  ผู้หญิงแปลกหน้าหัวเราะคิกคัก

“ออกไปซะ...”  ผมไม่เล่นด้วย เธอมองสีหน้าเรียบตึงของผมอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ผมรู้ได้ในทันทีว่าผู้หญิงคนนี้คงถูกใครสักคนให้เข้ามาทำเรื่องแบบนี้โดยเฉพาะ และคนนั้นคงไม่พ้นไอ้แมนที่ทำทีไม่เชื่อในความเปลี่ยนไปของผม

“ไม่เอาน่า...เรามาสนุกันดีกว่า”

“ออกไป...”  ผมเค้นเสียงเข้มอีกครั้ง พยายามสะกดกลั้นความขุ่นเคืองให้ได้มากที่สุด

“แต่ฉันรู้ว่าคุณต้องการนะคะ”  เสียงกระเซ้าดังรับการแตะต้องส่วนล่าง

ผมถอนหายใจหนักหน่วง ก่อนจะยกมือขึ้นแล้วจิกลงไปบนเส้นผมใกล้หนังศีรษะแล้วกระชากอย่างแรงจนอีกฝ่ายส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บ

“ฉันบอกว่าให้ออกไปยังไงล่ะ”  ผมกรอกเสียงเข้มอีกครั้งใส่หูคนสวยที่แหงนหน้าเริดเพราะแรงดึง

“กรี๊ด!! ไอ้บ้า ปล่อยฉันนะ!”  มือบางปัดป่ายตัวผมหวังได้รับอิสระ ผมลุกขึ้นทันทีพลันให้ร่างอวบอัดไถลลงอย่างไม่ทันตั้งตัวพลอยให้กลุ่มผมที่ถูกจิกรั้งหลุดติดฝ่ามือมาเป็นกระจุก ผมรีบปัดเส้นผมออกจากมือราวกับมันเป็นของน่าขยะแขยง 

“กรี๊ดๆๆ เจ็บๆ กูเจ็บ!!”

สาวศัลยกรรมตวัดสายตามองผมอย่างดุร้าย ก่อนยันตัวลุกขึ้นแล้วพุ่งเข้ามาด้วยแรงอาฆาต แต่ถูกผมจับเหวี่ยงออกไปอย่างง่ายดาย โดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะกระแทกโดนโต๊ะหรือว่าจะล้มลงไปแรงแค่ไหน เด็กที่ไอ้แมนหามาให้หมดสิ้นสภาพความสวย ดวงหน้าฉ่ำน้ำตาเงยหน้ามองผมด้วยความแค้นแต่ก็หวาดกลัวเกินกว่าจะพุ่งเข้ามาทำอะไรอีก

“ออกไปซะ ก่อนจะโดนมากกว่านี้!”  สิ้นเสียงตวาด ร่างที่เคยงดงามก็รีบตะเกียกตะกายไปเปิดประตู ผมถึงได้เห็นว่ามีใครบางคนยืนแอบดูฉากสำคัญอยู่

เมืองแมนหลีกทางให้หญิงสาวออกไปโดยไม่พูดอะไรก่อนจะเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ มันยืนมองผมจัดการกับเสื้อผ้าตัวเองอยู่สักครู่จากนั้นจึงหย่อนก้นลงบนโซฟาฝั่งตรงข้าม สายตาคมปราบมองสำรวจราวกับจะค้นหาว่าผมเป็นเพื่อนของมันจริงหรือไม่

“มึงก็ใจร้ายเกิน เด็กมันอยากมึงตั้งแต่เห็นแล้ว”  มันว่าขำๆ  “กระแซะถามกูหลายรอบจนน่ารำคาญ ก็เลยส่งขึ้นมาให้ซะเลย”

“กูก็ไม่อยากรุนแรง แต่ห้ามแล้วเสือกไม่ฟังเอง” 

“ก็เห็นปกติมึงไม่เคยปฏิเสธใคร”

“กูบอกแล้วไงว่าไม่ต้องหาใครมาให้อีก”  ผมทิ้งตัวนั่งลงบ้าง ยื่นปลายนิ้วออกไป กระดิกสองสามครั้งใส่คนตรงหน้าอย่างรู้กัน ไอ้แมนหยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าอย่างว่าง่ายจัดการจุดไฟต่อให้เสร็จสรรพจึงส่งมาให้ ผมรับมาสูดควันเข้าปอดแล้วพ่นควันสีเทาออกมาช้าๆ ร่างกายที่ตึงเครียดค่อยๆ ผ่อนคลายลง

“ทำไมวะ?”  มันยังคงค้นหาเหตุผล

“กูมีแฟนแล้ว”

“เชี่ย!!”  เมืองแมนอุทานลั่นให้กับคำตอบสั้นๆ ของผม สีหน้ามันตกใจพอๆ กับครั้งที่ตำรวจบุกเข้าตรวจร้าน   “โทษทีมึง กูแค่คิดไม่ถึงว่ะ”

“คนนี้กูรักของกูมาก เพราะงั้นมึงอย่าหาเรื่องแบบเมื่อกี้อีก”  สิ้นคำเตือน ไอ้แมนยกมือคล้ายยอมแพ้แต่มันก็ยังนั่งอยู่ที่เดิมด้วยใบหน้าเต็มไปความอยากรู้อยากเห็น

“อะไร?”

“สวยป่ะวะ? กูเดาว่าผู้หญิงที่ตกมึงได้ต้องเจ๋งแน่”

“ผู้ชาย”

“โอ้โห! เหนือความคาดหมายกูไปอีก”  ผมส่ายหัวให้กับอาการเหลือเชื่อจนตาโตของเพื่อน แต่วินาทีต่อมาสีหน้ามันก็ปรับเป็นความใคร่รู้ แถมยังถามออกมาได้อย่างไม่รู้สึกกระดากปากสักนิด  “กูอยากจะถามมึงมานานแล้ว ตรงนั้นของผู้ชายแม่งรัดแน่นกว่าจริงรึเปล่าวะ”

ผมจนใจกับคำถาม ไม่รู้จะด่ามันด้วยสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำชนิดไหนดีแล้ว

“ลองสิมึง จะได้รู้กันไปเลย”

“ก็จริงของมึง...”  ไอ้แมนก็ดันเห็นด้วยกับคำตอบส่งๆ ของผมไปอีก เชื่อได้เลยว่ามันต้องหาเด็กไปลองแน่

เมืองแมนดึงดันที่จะถามเรื่องใต้สะดือระหว่างผู้ชายต่ออีกสองสามหัวข้อ ผมก็ได้แต่กุมขมับตอบมันไปส่งๆ เช่นเดิม เรื่องอะไรจะต้องให้มันมารู้เรื่องราวในมุ้งของผม ถึงผมจะพูดทะลึ่งล้อเล่นเรื่องของลุงแต่ก็อยู่ในหมู่เพื่อนฝูงที่สนิทที่สุด อย่างไอ้แมนไม่มีทางได้รู้หรอกว่าเมียผมเด็ดแค่ไหน
[/size][/font]
[มีต่อค่ะ]
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 26-12-2018 00:43:54
หลังเมืองแมนจากไปไม่ถึงสิบนาทีประตูก็ถูกแง้มเปิดอีกครั้ง ผมหันไปมองทันเห็นหัวใครบางคนผลุบๆ โผล่ๆ ตามรอยแยกเหมือนสังเกตการณ์ จนกระทั่งเห็นผมนั่นแหละจึงยิ้มออกแล้วพาตัวแทรกประตูเข้ามาหาผม แล้วชุดที่พ่อคุณสวมใส่ก็ทำเอาผมอมยิ้มให้กับความสะดวกสบายเข้าว่าของอีกฝ่าย ผมยังจำวันที่ลุงมาหาผมที่ห้องด้วยกางเกงเลเก่าๆ กับเสื้อยืดย้วยๆ ได้ติดตา ยังดีที่วันนี้ลุงเปลี่ยนจากกางเกงเลมอซอเป็นกางเกงยีนเก่าสีซีด แต่เสื้อก็ยังย้วยเหมือนเดิมไม่ผิด

 สองตาไร้เหล่าเต๊งกวาดมองขวดเหล้ากับมิกเซอร์บนโต๊ะด้วยความรวดเร็ว จากนั้นก็ตวัดสายตาดุดันมามองผม มือเท้าเอวตั้งท่าหาเรื่องเต็มที่ มันจะน่ากลัวอยู่หรอกถ้าลุงจะไม่น่ารักแบบนี้ และสารรูปโทรมๆ กับหัวฟูๆ ก็ทำให้ผมอมยิ้มได้มากกว่าจะรู้สึกอย่างอื่น

“อย่าบอกนะว่าทั้งหมดนี่คือดื่มคนเดียว”

“บ้าแล้วลุง คนออกเต็มห้อง”  ผมกวาดมองไปทั่ว ทำเอาลุงมองซ้ายขวาหน้าตาเลิ่กลั่ก ผมกลั้นยิ้มแล้วก็ชี้ไปยังที่นั่งฝั่งตรงข้าม  “เอ้า! สวัสดีพี่เขาสิ เขามองมาตั้งนานแล้ว”

“ตลกแล้วปุริม”  ลุงทำสีหน้าจริงจังได้น่าขันที่สุด ผมหัวเราะออกมาทันทีขณะที่เจ้าตัวรีบสาวเท้ามานั่งข้างผมอย่างไว มาถึงก็ตีผมแรงๆ ไปหนึ่งทีแล้วก็ยื่นหน้ายื่นตามาใกล้ ทำจมูกฟุดฟิดไปมา

“กลิ่นเหล้าหึ่งเลย”

“ก็กินไปหมดขวดนี่”

“...แล้วไมมีกลิ่นน้ำหอมด้วย”  ลุงเสียงเข้มขึ้นทันที จากนั้นก็กลายร่างเป็นนักสืบจมูกเพชรเที่ยวดมตามตัวผมไปทั่ว  “ไม่ใช่น้ำหอมของพี่นี่นา นี่หนีเมียมาออฟเด็กเหรอ”

“หึหึ ถ้าหนีมาเอาเด็กจริงจะโทรให้มารับรึไง”  ผมผลักหัวเด็กขี้มโนจนหน้าหงาย

“ไม่แน่อ่ะ! แบบจัดหนักมากจนขาอ่อนเลยขับรถกลับไม่ไหวไง”  ว่าจบก็หัวเราะให้กับจิตนาการของตัวเอง มีการมาบีบๆ นวดๆ ขาผมประกอบไปด้วย

“เพื่อนมันส่งเด็กขึ้นมาให้ พี่ก็เมาเลยเหมือนจะเผลองีบไป รู้ตัวอีกทีก็โดนคลุกวงในแล้ว”  ผมสารภาพความจริง มือนุ่มนิ่มที่ออกแรงนวดอยู่หยุดชะงักไป พร้อมกับเจ้ามองที่เหลือบสายตาขึ้นมองผมเงียบๆ  “พี่โดนล้วงไข่ด้วยนะ”

ลุงนิ่วหน้า ง้างฝ่ามือทุบขาผมแรงๆ อีกหนึ่งที  “งัดไข่ออกมาเลย! ลุงจะจับลบรอยให้!”

“ฮะๆๆ พี่ให้ลุงยิ่งกว่าล้วงอีก”  โอ้ย~ เมียผมนี่มันจะน่ารักไปถึงไหนกันนะ ผมคว้าตัวลุงมากอดแล้วหอมแก้มยุ้ยๆ เสียหลายที ส่งเสียงกระซิบข้างหูแล้วถอยตัวออกมาเพื่อดูปฏิกิริยาของคนรัก   

“หึงมั้ย?”

ลุงหยุดคิดไปหลายวิ ผมไม่เชื่อหรอกว่าภายใต้ความตลกนั่นจะไม่คิดอะไร เพราะถ้าเปลี่ยนเป็นผมต้องมาเจอสถานการณ์เดียวกันบ้างผมอาจจะโมโหก็ได้ ...ไม่สิ? ผมต้องโมโหมากแน่ๆ ขนาดตอนนี้แค่แอบคิดว่าจะมีสักวันที่ไข่ใบน้อยๆ ของลุงถูกคนอื่นที่ไม่ใช่ผมลูบคลำก็อยากจะซัดไอ้ห่านั่นให้คว่ำแล้ว

แล้วก็โคลงศีรษะไปมาเหมือนไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ  “ก็หึงนิดๆ แต่ถ้าพี่อยากจะมีเล็กมีน้อยจริงๆ คงไม่มาเปิดเผยกับผมแบบนี้หรอกจริงรึเปล่า?”

“จริงครับ”  ผมจูบเอาใจคนรักที่แสนจะมีเหตุมีผลหนึ่งฟอดใหญ่ และอุบอิบเรื่องที่กระชากผมผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ ไม่อย่างนั้นผมคงถูกสุภาพบุรุษขั้นสุดอย่างลุงนั่งอบรมกันยาวแน่

เราพากันกลับบ้านหลังจากนั้น

ลุงขับรถพาเรากลับคอนโด พยุงผมที่เริ่มจะทรงตัวไม่อยู่จนถึงห้อง นั่งเฝ้าผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็ปล่อยให้ผมซุกร่างในอ้อมกอดบนที่นอนที่มีกลิ่นกายของลุงอบอวล ...แล้วจากนั้นเราทั้งคู่ก็หลับไป


.


.


.



“แม่! แม่จะไปไหน? ...แม่ ปูนไปด้วย แม่~”

ร่างของเด็กชายวิ่งตามมารดาส่งเสียงเอ็ดอึงไปทั่วบ้านหลังใหญ่ที่เงียบเหงาลงทุกวัน ไขว่คว้าแขน เกาะเกี่ยวกระเป๋าที่ถูกลากไปตามพื้นอย่างมั่นคง แต่ไม่เป็นผลสักนิดเมื่อผู้หญิงที่สวยที่สุดในความคิดของเด็กชายยังคงก้าวฉับๆ ด้วยรองเท้าส้นสูง มุ่งตรงไปข้างหน้าโดยไม่อาทรกับเสียงร้องร่ำของลูกชายคนเดียว จนเมื่อจะก้าวขึ้นรถแล้วยังถูกลูกชายตามรังควานนั่นแหละ ใบหน้าสดสวยถึงได้ก้มมองลงมาด้วยใบหน้าโกรธเกรี้ยว

“ปล่อยฉัน!”  แรงฝ่ามือนั้นทรงพลังพอจะทำให้เด็กชายล้มลงไปนั่งกับพื้น มองความสวยดั่งเทพธิดาที่แปรเปลี่ยนเป็นความน่ากลัว ดวงตาที่เต็มไปด้วยคำถามนั้นก่อเกิดหยาดน้ำไหลพราก

“ให้ปูนไปกับแม่นะ”

“ใครจะอยากได้แกไปกัน! ฉันทนแกกับพ่อแกมาพอแล้ว!”

“แม่...”  น้ำตานั้นนองหน้าไม่ขาดสาย หัวใจเจ็บจนปวดหนึบ มือสองข้างที่พยายามจะยันตัวเองให้ลุกขึ้นคล้ายจะไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ในสมองมีแต่ความไม่เข้าใจอัดแน่นจนแทบระเบิด

“แกมันเป็นเด็กที่ไม่มีใครต้องการ! พ่อแกก็ไม่ได้รักทั้งฉันทั้งแกนั่นแหละ!”

สายตาที่ราวกับมองขยะสักชิ้นนั่น คือสายตาของคนเป็นแม่ที่ควรจะมองลูกอย่างนั้นหรือ? ถึงตลอดมาจะห่างเหินกันไปสักหน่อย ไม่ค่อยได้พบหน้ากันเท่าไหร่ แต่เด็กชายก็เชื่อมาตลอดว่าครอบครัวที่มีนั้นสงบสุขและเปี่ยมไปด้วยความรัก

...และคำพูดครั้งสุดท้ายของแม่ก็ทำให้ทุกความเชื่อนั้นพังทลาย

ครอบครัวที่อบอุ่นนั้นมันไม่เคยมีมาแต่แรกแล้ว ถ้ามองย้อนกลับไปก็น่าจะพอเห็นชัดอยู่แล้วแท้ๆ พ่อที่ไม่มีเวลาให้ แม่ที่มักจะไม่อยู่บ้านสม่ำเสมอ อันที่จริงแล้วเคยถูกสองคนนั้นโอบกอดบ้างหรือเปล่าก็จำความไม่ได้ด้วยซ้ำ เคยถูกบอกรักบ้างหรือไม่? ได้จับมือกันครั้งสุดท้ายคือเมื่อไหร่? รอยยิ้มที่ส่งมาให้...มันเนิ่นนานกี่ปีแล้วนะ?

ท่ามกลางบ้านที่สวยงามหลังใหญ่โตที่ใครหลายคนต่างอิจฉา มีเพียงตัวผมเท่านั้นที่นั่งร้องไห้อยู่ลำพัง

หลังจากนั้นไม่กี่วัน พ่อที่เพิ่งจะกลับมาบ้านในรอบหนึ่งเดือนก็พาแขกอีกสองชีวิตตามติดมาด้วย ผู้หญิงที่เดินเคียงข้างพ่อนั้นไม่อาจเรียกได้ว่าสวย เพราะเทียบไม่ได้เลยกับแม่ที่ทิ้งผมไป ท่าทางนั้นดูประหม่าและเก้อเขินแต่ทุกก้าวย่างนั้นกลับมั่นคง พ่อโอบเอวผู้หญิงคนนั้นพลางก้มหน้าส่งยิ้มให้เด็กตัวเล็กๆ ที่กระโดดโลดเต้นไปรอบตัว ผมมองสีหน้ารักใคร่ที่พ่อแสดงออกมาอย่างไม่ปิดบัง มองท่วงท่าอ่อนโยนยามก้มลงช้อนตัวเด็กคนนั้นขึ้นอุ้ม ริมฝีปากคลี่ยิ้มกว้างอย่างที่ผมไม่เคยเห็น แล้วหอมแก้มเด็กน้อยหลายครั้งหลายครา

ผม...ผมไม่เคยได้รับการปฏิบัติแบบนั้น...ไม่เคยเลยสักครั้ง

“นับจากนี้คุณแก้วคือแม่คนใหม่ของแก”  ใบหน้าของพ่อเรียบตึงทันทีที่หันมาทางผม

“เด็กคนนั้นล่ะ?”

“นนท์คือลูกชายของฉันกับคุณแก้ว”

แล้วผมล่ะ?

พ่อไม่คิดอธิบายอะไรมากไปกว่านั้น เหมือนกับมันเป็นเรื่องที่ผมไม่จำเป็นต้องไปสอดรู้ให้มาก แต่เท่านี้ก็เพียงพอที่จะค้นพบความหมายในตัวตนของผมนับจากนี้แล้ว พ่อกำลังทำให้คำพูดของแม่ที่กราดใส่หน้าผมมันชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

ผมกลายเป็น ‘คนนอก’ โดยสมบูรณ์เมื่ออยู่ท่ามกลางพ่อแม่ลูกที่อบอุ่นมีความสุข นั่นทำให้พ่อมักจะเขม่นตามาทางผมบ่อยๆ เวลาที่เริ่มเห็นว่าเป็นตัวเกะกะ แม้ว่าผมจะเพียงแค่นั่งเงียบๆ ไม่ต่างจากของตกแต่งก็ตาม แต่กับเด็กคนนั้นที่วิ่งวนไปมาจนน่าเวียนหัว พ่อกลับพอใจที่จะได้อยู่ใกล้ๆ ทั้งยิ้ม ทั้งหัวเราะ ทำราวกับว่าต้องการให้ทุกอิริยาบถของเด็กคนนั้นอยู่ในสายตา

ผมคิดมาตลอดว่าพ่อเป็นเสือยิ้มยาก เคยคิดว่าพ่อทำงานหนักมากถึงไม่ค่อยได้กลับบ้าน คิดว่าที่พ่อไม่อุ้ม ไม่กอด ไม่เคยใช้เวลาอยู่กับผมเพราะว่าพ่อกำลังเหนื่อย ...มาตอนนี้ผมถึงได้รู้ พ่อสามารถทำได้ทุกอย่าง เพียงแค่นั่นไม่มีไว้ใช้กับผมก็เท่านั้นเอง แต่เศษส่วนความเชื่อที่ยังหลงเหลือในใจนั้นทำให้ผมแอบคิดว่า ถ้าผมช่างออดอ้อนเหมือนเด็กคนนั้น ตัวผมยังจะพอมีหวังรึเปล่า?

“พ่อครับ ปูนสอบได้ที่หนึ่งของชั้นปีเลยล่ะครับ”  ผมชูผลสอบเข้าไปหา

“อืม”  พ่อไม่แม้แต่จะปรายตามองกระดาษด้วยซ้ำ

ครั้งแล้วครั้งเล่า ผมพยายามตั้งใจเรียน สอบเข้าโรงเรียนที่ชื่อดังที่สุด ประกวดล่ารางวัลทุกอย่างที่จะทำให้พ่อแสดงความภูมิใจตัวผมบ้าง

“พ่อครับ ปูน --”

“ทำไมแกถึงได้น่ารำคาญอย่างนี้นะ ไม่ต้องมาบอกฉันทุกครั้งที่แกได้อะไรหรอก!”



ช่างไร้ประโยชน์เหลือเกิน...



ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ อดทนไปอีกนานแค่ไหน ทุกอย่างมันก็ไม่เคยมีความหมาย แค่เพราะว่าผมไม่ใช่ ‘เด็กคนนั้น’ ทุกอย่างจึงดูไร้ค่า ไร้ความสำคัญ แม้แต่การรับฟังก็เลยไม่พร้อมจะทน

“โอ้~ ปูนปั้นของปู่เก่งนะ ฉลาดแบบนี้โตขึ้นมาต้องเป็นเจ้าคนนายคนแน่ๆ”

จะมีก็เพียงคุณปู่ที่แวะมาเยี่ยมเยียนบ้างบางทีที่พอจะแสดงความยินดีกับผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ผมรู้อยู่หรอกถึงเบื้องหลังรอยยิ้มนั้น ผมแอบได้ยินพ่อทะเลาะกับคุณปู่


‘แกไม่สงสารปูนบ้างรึไง ถึงอย่างไรเด็กคนนั้นก็เป็นลูกแกนะ’

‘เด็กนั่นเกิดมาเพราะว่าพ่อบังคับให้ผมแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นต่างหาก ถ้าไม่เพราะสัญญาบ้าบอนั่นของพ่อเด็กคนนั้นก็ไม่ต้องเกิดมา’

‘แต่ตอนนี้แกก็เอาคนที่ตัวเองรักมาเชิดหน้าชูตาแล้วนี่ ช่วยดีกับปูนบ้างไม่ได้รึไง’

‘ถ้าพ่อสงสารปูนมากนัก ก็รับไปอยู่ด้วยเลยสิ’



แต่สุดท้ายผมก็ยังคงต้องอยู่ที่บ้านหลังนี้ต่อไป คนที่ไม่มีใครต้องการแบบผมก็ทำได้แค่ยอมรับในความเป็นจริงเท่านั้น จากคุณหนูของบ้านกลับต้องกลายเป็นใครก็ไม่รู้ บรรดาคนรับใช้ก็หวังเกาะความสบายจากคุณผู้หญิงคนใหม่ ดูแลคุณหนูคนใหม่ที่คุณผู้ชายรักปานดวงใจ และไม่จำเป็นต้องพูดออกมาก็พอจะรู้กันอยู่ว่าผมคือคนที่ไม่สำคัญอีกต่อไป แค่ดูแลรับใช้ไปตามหน้าที่ อะไรที่เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้ก็พร้อมที่จะทำ ต่อให้ไม่สบายป่วยหนักแค่ไหนก็ทำเพียงแค่เอายามาให้แล้วทิ้งผมไว้ลำพัง โรงพยาบาลงั้นเหรอ? ในเมื่อคุณผู้ชายไม่ได้สั่งจะต้องไปใส่ใจทำไม

ผมนอนร้องไห้ทั้งคืน ความรู้สึกที่โลกทั้งใบถล่มทลายลงมานั้นหนักหนาเกินกว่าจะทานได้ไหวอีกต่อไป ในโลกโหดร้ายที่มีแค่ตัวเองเท่านั้น ถ้าขืนยังอ่อนแอต่อไปก็คงไม่พ้นต้องตายเหมือนหมาข้างถนน ผมเรียนรู้ความโสมมของโลกจาก ‘บ้าน’ ของตัวเอง เรียนรู้ความเกลียดชังจาก ‘ครอบครัว’ ของตัวเอง และเรียนรู้ความเข้มแข็งในค่ำคืนที่ไม่เหลือใคร

แต่ทุกอย่างย่อมมีสิ่งแลกเปลี่ยนทั้งนั้น เมื่อความแข็งขืนที่แสดงออกมันไม่ต่างอะไรจากความก้าวร้าวในสายตาผู้ใหญ่ และคนนั้นก็คงจะกลัวเสียมือถ้าจะต้องลงโทษผมด้วยการทุบตี ดังนั้นการจับขังให้พ้นหูพ้นตาจึงเป็นวิธีการที่ดีที่คนแบบนั้นจะคิดออก มีครั้งแรกก็ย่อมมีครั้งที่ต่อไป ห้องเก็บของสกปรกที่มืดมิดจึงไม่ต่างอะไรจากที่พักพิงแหล่งที่สอง

แต่ทุกครั้งที่ต้องเข้าไปอยู่ก็กินเวลายาวนานขึ้นเรื่อยๆ ราวกับมีใครจงใจปล่อยลืม และคนที่เปิดประตูให้ผมก็มักจะเป็นคุณผู้หญิงคนใหม่เกือบทุกครั้งไป เธอมักจะยิ้มให้ผมด้วยแววตาเศร้าสร้อย และรีบหาข้าวหาปลาให้ผมกินอยู่เสมอ หลายครั้งก็เป็นฝ่ายห้ามสามีไม่ให้ลงโทษผมซ้ำซาก ผมเกือบจะคิดว่าเธอไม่เหมือนใคร แต่ถึงอย่างไรผมก็เป็นคนอื่นอยู่ดี

เขาว่ากันว่าแม่หมามักจะหวงลูก ผู้หญิงคนนั้นก็เช่นกัน

เย็นวันหนึ่ง คุณหนูของบ้านที่มักจะเล่นซนอยู่สม่ำเสมอ วิ่งพลาดพลั้งไปชนแจกันดอกไม้หล่นแตก เศษแก้วบาดฝ่าเท้าลึก เลือดสีแดงฉานไหลรวมไปกับน้ำที่นองอยู่จนน่ากลัว คนรับใช้ที่วิ่งตามมาทีหลังตกใจกรีดร้องลั่นบ้าน พานให้เจ้านายที่นั่งทอดอารมณ์กันอยู่ในห้องนั่งเล่นต้องวิ่งมาดู ต่างฝ่ายต่างโผเข้าหาเด็กน้อยที่ร้องไห้ปานขาดใจ

มันจะกลายเป็นแค่ความซุ่มซ่ามธรรมดา ถ้าเกิดว่าผมไม่ได้ยืนอยู่ใกล้ๆ พอดี

“แอ๋วว่าคุณปูนต้องผลักคุณนนท์แน่ๆ เลยค่ะ”

หึ ช่างเป็นการใส่ร้ายเด็กสิบกว่าขวบได้อย่างหน้าชื่นตาบาน เพียงแค่เพราะอยากจะได้หน้าได้ตาจากเจ้านาย ในวินาทีนั้นที่ผมค้นพบว่าผู้หญิงที่ปฏิบัติกับผมอย่างอ่อนโยน มันก็แค่ฉากหน้าที่สร้างขึ้นเท่านั้น สายตาที่มองมาที่ผมนั้นมีแต่ความโกรธเคือง ไม่ออกปากห้ามอย่างที่เคยทำแม้ว่าผมจะถูกสามีของเธอตบเข้าที่หน้าอย่างแรง

การถูกตีครั้งแรกจากพ่อผู้ให้กำเนิด ไม่ต่างจากการเอาเท้ากระทืบหัวใจผมสักนิด

ผมเดาว่าการที่ถูกใครก็ไม่รู้เอามีดมาแทง น่าจะเจ็บปวดน้อยกว่านั้น

ทำไมต้องเป็นผม...

ทำไม...



ทำไมถึงไม่มีใครรักผมเลยสักคน...



ความทรงจำที่ไม่เคยหวนกลับไปนึกถึงมาเนิ่นนานหลายปี ค่อยๆ ถูกสีดำมืดฉาบทับ ผมได้แต่ร้องตะโกนในความมืดนั้น มองหาทางออกจากสถานที่หนาวเหน็บแห่งนี้ ก้าวเท้าวิ่งหนีบ่อน้ำคลำแห่งความเจ็บปวดที่รัดตรึงทรมาน ผมก็แค่อยากจะเป็นที่รักบ้าง ผมขอมากไปหรือไงกัน...


.

.


พี่ปูน


.

.


“พี่ปูน”


เสียงคุ้นหูดังก้องไปทั่วบริเวณ ความมืดมิดค่อยๆ สลายไป บ่อโคลนโสโครกที่ฉุดรั้งฝ่าเท้าเหือดแห้งในพริบตา ผมกระพริบตาหลายครั้งยามเห็นแสงไฟสลัว


พี่ปูน

เบื้องหน้าผมคือใบหน้าของชายหนุ่มที่เค้าความน่ารักฉายชัด แม้หัวคิ้วจะขมวดมุ่นส่งให้ใบหน้าดูตึงเครียดก็ตาม ผมกระพริบตาถี่เพื่อปรับมุมมองภาพให้ชัดเจน ภายใต้สติที่คืนกลับมาช้าๆ ผมเห็นลุงชะโงกมองเหนือร่าง และพบว่าแสงที่เห็นนั้นคือแสงจากโคมไฟบนโต๊ะข้างเตียง

“ทำไม?”  ลุงพรูลมหายใจยาวเหยียดเมื่อสิ้นคำถาม ผมมองลุงด้วยความสับสน ขยับตัวลุกขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองเวลาก่อนจะทิ้งตัวลงตามเดิม  “ยังไม่ตีห้าเลย ลุงตื่นมาทำไม? ฝันร้ายรึเปล่า?”

“คนที่ฝันร้ายคือพี่ต่างหาก”  ลุงโต้กลับทันควันทำให้ผมนึกถึงเรื่องราวเมื่อครู่ได้อย่างชัดเจน ...มันคือความฝัน แต่เป็นฝันร้ายที่ไม่ว่าจะเก็บกดไว้เท่าไหร่ก็ยังตามหลอกหลอนไม่เลิกรา

ลุงขยับตัวลงนอนอีกครั้ง ครานี้เป็นฝ่ายขยับตัวมากอดผมเอาไว้ ลูบศีรษะของผมที่แนบอยู่กับอกเบาๆ เรียวขาเกาะเกี่ยวเอวผมเอาไว้จนสองร่างแนบแน่น มันทั้งอึดอัดแล้วก็อบอุ่น ไม่สะดวกสบายแต่ผมก็ชอบเกินกว่าที่จะผละออก

“พี่กระสับกระส่ายจนผมตื่น พูดงึมงำอะไรไม่รู้ ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ด้วย”  ลุงยังคงปลอบประโลมผมด้วยการลูบเนื้อตัวเหมือนเด็กน้อย

“...ก็แค่ฝันร้ายน่ะ”

“อยากเล่ามั้ย?” 

ผมนิ่งไป ลุงเองก็เช่นกัน แต่เพียงไม่นานฝ่ามืออบอุ่นก็ลูบแผ่นหลังผมดังเดิม กระซิบด้วยเสียงแผ่วเบาว่า ‘ไม่เป็นไร’ ซ้ำไปซ้ำมา

มันเป็นเรื่องยากสำหรับผม เป็นความอ่อนแอที่ชัดเจนที่สุด ผมไม่ต้องการให้ใครสงสาร ยิ่งไม่ต้องการสายตาเห็นใจจากใคร ผมก้าวผ่านเรื่องนี้มาโดยลำพัง และหวังว่ามันจะถูกซุกซ่อนเอาไว้จนกระทั่งผมตาย


แต่ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่เพียงลำพัง


ลุงรักผม มากกว่าที่ใครหน้าไหนจะรู้สึกเท่า

“ลุงรู้จักบริษัทพิบูลย์พัฒน์กรุ๊ปมั้ย?”  ผมเอ่ยเสียงพร่า รู้สึกราวกับตัวเองเป็นประตูที่ค่อยๆ คลายสลักออก

“รู้จักสิ...ผู้หญิงคนนั้น เอ่อ...คนที่มาพบพี่วันนั้น”  ลุงนึกออกได้ในทันที แถมยังเท้าความได้อย่างตรงประเด็น

“ผู้หญิงคนนั้น...เคยเป็นแม่เลี้ยง...”

ประตูที่ฝืนปิดสนิทไว้เนิ่นนานถูกเปิดออกไปในที่สุด ทุกเหตุการณ์ในความทรงจำ ทุกคำพูด ทุกเรื่องราวในความฝันออกมาจากปากผมไม่หยุด ไหลเชี่ยวกรากเหมือนแม่น้ำในหน้าฝน ผมนึกขอบคุณลุงที่ไม่พูดอะไรออกมาขัดจังหวะ มีเพียงอ้อมกอดที่โอบแน่นเป็นระยะ กับใบหน้าที่ซุกซบลงมายามที่สุ้มเสียงของผมแหบพร่าไป

ผมอยากให้มันเป็นเพียงฝันร้ายธรรมดา ที่เมื่อตื่นขึ้นมาจะจำรายละเอียดอะไรไม่ได้นอกจากความหวาดกลัวที่จะหายไปอย่างรวดเร็ว แต่ทุกอย่างนั้นมันกลับเป็นฝันร้ายซ้ำซากที่ไม่ว่าจะตื่นขึ้นมาอีกกี่ครั้งผมก็ยังคงจดจำทุกรายละเอียดได้อย่างชัดเจน ทุกคำพูด ทุกความรู้สึกในทุกวันที่ผ่านไป...ต่อให้อยากลืมแค่ไหนก็ไม่มีทางทำได้สำเร็จ

แต่ในตอนนี้... ทุกประโยคที่ผมเอ่ยออกไปนั้นกลับทำให้หัวใจเบาสบาย ความอึดอัด ความคับแค้นที่สุมอยู่ภายในมันคล้ายจะเจือจางลงไปอย่างน่าอัศจรรย์ ทุกสิ่งยังคงละเอียดแจ่มชัดหากมันไม่เผาผลาญหัวใจผมอย่างที่เคย

“หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดพวกเขาพยายามส่งตัวพี่ไปอยู่โรงเรียนประจำ แต่เมื่อถูกคุณปู่คัดค้านอย่างรุนแรง เขาเลยสร้างเรือนแยกให้พี่ต่างหาก ไม่ต้องเจอหน้า ไม่ต้องได้ยินเสียง มีเพียงแค่เงินที่ถูกส่งผ่านมาเท่านั้น 

ไม่กี่ปีต่อมาคุณปู่ก็เสีย ทนายความประจำตระกูลที่อยู่กับคุณปู่มานานกลายเป็นผู้ดูแลมรดกของพี่ตามคำสั่งเสียในพินัยกรรม พี่ใช้ทุกนาทีที่ต้องอดทนอยู่ใต้ชายคาบ้านหลังนั้นหมดไปกับการศึกษาเพื่อให้ชีวิตดีขึ้น พี่จะไม่ยอมด้อยค่าให้คนบ้านนั้นดูถูกเด็ดขาด

จนเมื่อทุกอย่างพร้อม พี่ตัดสินใจซื้อห้องนี้โดยมีทนายประจำตระกูลตรวจสอบที่ทางและความเหมาะสมให้ จากนั้นก็ย้ายออกมา เปลี่ยนนามสกุลเฮงซวยแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่”

ผมถอนหายใจออกมา สมองโล่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผมซุกหน้าซึมซับกลิ่นกายของลุงก่อนจะเล่าต่อ

“พี่หวังจริงๆ ว่าความเกี่ยวข้องจะจบเพียงแค่นั้น แต่พอคนพวกนั้นเจอปัญหา และเห็นว่าพี่สามารถช่วยเหลือได้ก็เลยเข้ามาวุ่นวาย พี่ไม่สนใจหรอกว่าคนพวกนั้นจะเข้าหาใครบ้าง แต่ลงท้ายก็มีคนหนึ่งที่พี่ต้องกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธดีหรือไม่

ลุงเกรียงไกรเป็นคนที่เกือบๆ จะเรียกว่าครอบครัวสำหรับพี่ก็ไม่ผิด แกมีปัญหาหลายอย่าง แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือเรื่องเงินที่แกเต็มใจเอาไปรักษาภรรยา แต่ตลอดมาแกไม่เคยขอความช่วยเหลือจากพี่แม้แต่น้อย ไม่เคยพูดเป็นเชิงหยิบยืมให้พี่ไม่สบายใจ แล้วสุดท้ายไม่รู้เป็นมายังไง คนพวกนั้นก็ยื่นงานให้ลุงโดยมีเงื่อนไขว่าพี่ต้องไปเป็นผู้ชายส่วนตัวของลูกชายเขา”

“..........”

ที่ผ่านมาผมตัดสินใจด้วยตัวเอง แม้จะได้รับคำแนะนำแต่สุดท้ายฝ่ายที่เลือกทางเดินก็คือตัวเอง ไม่ว่าจะหนักหนา หรืออาจจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดแค่ไหน ผมก็ยืนยันในความตั้งใจของตัวเองเสมอมา...ผมหลับตา ปล่อยความคิดไปตามหัวใจมากกว่าที่จะเป็นสมองสั่งการดังเช่นเคย

“...พี่จะทำยังไงดี”

 ลุงงีบไปหลายอึดใจ ผมคงคิดว่าลุงคงเผลอหลับไปแล้วถ้าไม่ติดที่ว่าฝ่ามืออุ่นๆ ยังคงปลอบประโลมผมอยู่ล่ะก็ กระทั่งผมตัดสินใจจะเอ่ยถามอีกครั้ง ลุงก็เอ่ยย้อนถามกลับมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“ก่อนหน้านี้พี่มีคำตอบให้ตัวเองรึเปล่า?”

“พี่จะไม่รับ และไม่ว่าลุงไกรแกต้องการเงินมากขนาดไหนพี่ก็จะช่วยทุกบาทโดยไม่ขอรับคืน ...แต่”

“แต่พี่รู้ผลลัพธ์ของมันใช่มั้ย?”  ลุงพูดต่อราวกับมานั่งอยู่ในห้วงลึกของความคิด  “พี่รู้ว่าหลังจากที่พี่พูดออกไปความสัมพันธ์กับคนที่พี่คิดว่าเป็นครอบครัวมันจะไม่เหมือนเดิม”

“..........”

“ผมไม่รู้จักลุงไกร แต่เดาว่าต้องเป็นผู้ชายที่มีมีศักดิ์ศรีคนหนึ่ง การที่ลุงแกไม่ขอหยิบยืมเงินจากพี่เพราะต้องการคงความสัมพันธ์ที่ดีเอาไว้ ผมคิดว่าแกคงเห็นพี่เป็นลูกเป็นหลานแน่ๆ เลยไม่อยากสร้างความลำบากใจให้พี่”  ริมฝีปากอุ่นชื้นแนบเนาหน้าผากแผ่วเบา ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยคำพูดที่ทำเอากระบอกตาของผมร้อนผ่าวขึ้นมา  “มันมีไม่เยอะหรอกนะ กับคนที่ไม่ได้เกี่ยวพันกันทางสายเลือดแต่ก็รักและเป็นห่วงเราแบบนี้น่ะ”

“...พี่คิดอะไรไม่ออกอีกแล้ว ลุงว่าพี่ควรทำยังไงดี”  ผมวนกลับมาที่จุดเดิม พยายามอย่างยิ่งที่จะควบคุมเสียงไม่ให้สั่น ผมคงอายไม่น้อยถ้าลุงจะคิดว่าผมร้องไห้

“ใครมีความสำคัญกับพี่มากกว่ากันล่ะ”

ผม...ผมไม่เคยมองในมุมนี้มาก่อน

“ถ้าพี่ยกให้ฝ่ายนั้นมีอิทธิพลเหนือกว่า พี่ก็ปฏิเสธลุงไกรไปเถอะ แต่พี่จะไม่มีวันหลุดพ้นจากฝันร้ายนี้ได้อีกเลย และถ้าพี่คิดว่าลุงไกรเป็นครอบครัว พี่ต้องลุกขึ้นเผชิญหน้ากับคนพวกนั้นได้แล้ว พี่จะไม่ทำให้พวกเขาเห็นหน่อยเหรอว่าตอนนี้พี่มีชีวิตที่ดีขนาดไหน คนที่มาขอร้องเด็กที่ตัวเองทิ้งขว้างไปต่างหากคือพวกหน้าไม่อาย”

ตอนนี้ผมคล้ายกับคนที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ สองแขนยันร่างตัวเองขึ้นนั่งเพื่อจ้องมองลึกเข้าไปในแววตาแสนจริงจังของคนพูด ลุงสบตาผมด้วยแววตาเชื่อมั่นเต็มที่ หัวใจผมเต้นระรัวราวกับตัวเองถูกปลุกความเข้มแข็งขึ้นมา หัวใจและความคิด...ทุกอย่างมันกำลังคล้อยตามคนตรงหน้า

ตอนนี้พี่ถือไพ่เหนือกว่าเขาไม่ใช่เหรอ ไม่ว่าเสนออะไรไปเขาก็คงขัดไม่ได้แน่ ...พี่ไม่อยากลองเป็นฝ่ายกดหัวคนพวกนั้นสักหน่อยหรือไง”

เรื่องแบบนี้มันควรเป็นผมที่คิดได้ตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือ ผมมัวแต่พาตัวเองไปยืนในจุดไหนมาเสียตั้งนาน! ผมมองลุงด้วยสีหน้าเหลือเชื่อไม่น้อย มองคนรักที่แสนจะเป็นสุภาพบุรุษคลี่ยิ้มมุมปาก ยืดสองแขนออกมารั้งร่างผมให้ลงมาแนบชิด กลีบปากนุ่มจูบแก้มผม โอบกอดผมด้วยวงแขนนุ่มนิ่ม กระซิบบอกรักผมด้วยเสียงที่หวานเข้าไปละลายขั้วหัวใจ

“ผมรักพี่นะ”

ผมปล่อยตัวเองให้จมกับความอบอุ่น รู้สึกได้ถึงเศษเสี้ยวหัวใจค่อยๆ รวมกันเป็นรูปร่างอีกครั้ง 

“พี่ยังมีลุงไกร มีพี่กร แล้วก็ผมนะ ...พี่ไม่ใช่เด็กที่ถูกขังอยู่ในห้องเก็บของคนนั้นอีกต่อไปแล้ว


หยดน้ำตาหลั่งรินเงียบๆ


ผมหลับตาลง ภาพอดีตที่วิ่นวนในสมองค่อยๆ แตกร้าว หล่นกระจายอยู่ในความทรงจำอย่างแท้จริง ผมรู้ดีว่าตัวเองคงไม่มีทางลืมได้

แต่มันจะต้องไม่กลายเป็นตัวขัดขวางความสุขของผมอีกต่อไป




_________________________________________________TBC.




สวัสดีค่ะ

ตอนนี้มาพบกับอดีของปุริม
คนที่เคยอ่านเรื่อง รักเราไม่เท่ากัน คงจะคิดว่าคนแต่งเล่นเรื่องชีวิตครอบครัวอีกแล้ว
แต่เรื่องนั้น ทิวา คือคนมองโลกในแง่ดี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นยังจับส่วนดีของคำว่าครอบครัวเพื่อให้อภัยในทุกสิ่ง
แต่กลับพี่ปูน เราอยากเล่นในจุดที่เคยคิดเอาไว้ว่า ต่อให้เป็นผู้ให้กำเนิด แต่ถ้าเขาไม่เห็นค่า เรายังจำเป็นต้องเห็นค่าพวกเขาด้วยหรือไม่?
ก็เลยออกมาเป็นความเว้าๆ แหว่งๆ ของปุริมเช่นนี้
พอมีลุงมาเติมเต็มส่วนที่ขาด ปุริมก็จะกลายเป็นคนตาบอดที่ได้ลืมตามองโลกได้ครั้งแรก 555

เนื้อเรื่องหลักคิดว่าใกล้จะเห็นฝั่งแระ(ตอนนี้ยังอยู่กลางทะเล555)  แต่ตอนพิเศษที่คิดได้นี่อีกบานนนน

ปล. ส่วนนังโป้ยกับพี่กร มีได้เสียกันก่อนจบแน่ เหอะ เหอะ

ขอได้รับความขอบคุณจาก LADY MELLOW
[/size]
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 26-12-2018 02:55:09
ดีใจที่พี่ปูนได้เจอทางออกจากอดีต
น้องลุงคือพระเอกตัวจริง!!!!  :m3:
ขนาดเป็นแค่คนอ่านยังรู้สึกเลย 
พี่ปูนตอนคิดถึงเรื่องครอบครัวเนี่ยสภาพดูย่ำแย่มากจริงๆ
แต่แค่พี่ปูนคิดถึงน้อง
ออร่าความรัก ความสุข มันก็ฟุ้งกระจายเต็มไปหมดแล้ว

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-12-2018 03:39:48
ใจจะขาดแล้วเอย อยากต่อ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 26-12-2018 06:20:57
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 26-12-2018 06:52:38
คู่รองเขาก็ได้คบกันแล้ววว
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 26-12-2018 07:16:30
พี่ปูนโชคดีที่ได้ลุงเป็นแฟน ลุงเข้าใจในตัวตน คอยช่วยแกปัญหา หาทางออกให้พี่ปูนได้ตลอด เป็นสุดยอดแฟนจริงๆ

พี่ปูนคงจะหลุดพ้นจากอดีตขมขื่น โดยมีลุงอยู่เคียงข้างได้ในเร็วๆ นี้แน่
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 26-12-2018 08:59:16
 :z6:  เอาคืนมันเลย......เล่นให้หนักๆ....ยังเจ็บใจไม่หายกับฝ่ามือที่ตบหน้าพี่ปูนครั้งก่อน......เอาบริษัทมันมาเลย555555.....น้องลุงเป็นกองเชียร์ดีเด่น
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 26-12-2018 09:06:22
สงสารพี่ปูนจัง ร้องไห้เลย ครอบครัวพี่ปูนน่ารังเกียจมากกกกก โดยเฉพาะพ่อ ทำร้ายเด็กที่ไม่มีทางสู้ แล้วยังจะมาหาประโยชน์จากเขาอีก โชคดีที่พี่ปูนมีลุงอยู่ข้างๆ อินๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 26-12-2018 09:06:56
รักตัวละครทุกตัวเลยยยย รักนักเขียนด้วย จุ๊บๆ
เป็นกำลังให้นะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 26-12-2018 10:25:21
ว้าว ว้าว ว้าว ไงล่ะมุมมองลุง ทำพี่ปูนบรรลุเลย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 26-12-2018 10:43:10
ปุริมโตขึ้นเพราะพัทลุง  :m19: :m19:

หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 26-12-2018 11:52:49
โชคดีที่วันนี้พี่ปูนมีคุณลุง
โอ๋ๆๆๆ ไม่ร้องไห้แล้วเนอะ คุณปุริม
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 26-12-2018 12:09:27
ปุริมต้องดูแลลุงให้ดีๆ น๊า
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 26-12-2018 12:23:37
บรรลุแล้วก็ตอบแทนให้หนักๆๆนะปุริม 

โชคดีมากที่ปุริมมีน้องลุงอยู่ข้างๆๆ


 :pig4: :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 26-12-2018 12:49:05
เป็นกำลังใจให้พี่ปูนนะคะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Krajeeqx ที่ 26-12-2018 12:53:04
พี่ปูนนี่เปิดเผยมากว่ารักลุงออกนอกหน้าแค่ไหน  o13
นี่ตกใจมากตอนกระชากหัวผู้หญิง555
และในที่สุดก็ได้รับรู้อดีตของสมภาร ทำน้ำตาไหลเลย
ดีใจที่พี่ปูนยอมเปิดใจเล่าให้ลุงฟังด้วย และจากมุมมองของลุงนี่ก็ขอเชียร์พี่ปูนเต็มที่ เอาคืนให้สุด :z6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 26-12-2018 13:15:42
 o18


 :L1: :pig4: :L1:

 o13
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 26-12-2018 15:11:43
เราอ่านไปน้ำตาคลอไปด้วย ชีวิตพี่ปูนช่างน่าสงสารนะ คล้ายๆ กับเรา เพียงแต่ว่าทางเราไม่ได้ร่ำรวยแบบพี่ปูน (อิจฉา)
สู้ๆ นะพี่ปูน อย่างน้อยก็มีลุงอยู่ข้างๆ นะ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ตอนหน้า เอานังโป้ยมาเบรคหน่อยนะ อิอิอิ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 26-12-2018 15:13:16
ดีใจกับพี่ปูน ที่จะได้ก้าวออกจากห้องมืดซะที
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 26-12-2018 15:49:14
พี่ปูนโชคดีมากที่มีลุง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 26-12-2018 17:21:40
ลุงเป็นคนดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 26-12-2018 17:33:22
สงสารพี่ปูนปั้นนนนนนนน :ling2: :ling2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: skyberry ที่ 26-12-2018 18:31:46
พี่ปูนคิดไม่ผิดเลยนะที่มาคบกับลุง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-12-2018 18:33:56
พออ่านถึงตอน......ปล. ส่วนนังโป้ยกับพี่กร มีได้เสียกันก่อนจบแน่ เหอะ เหอะ  หัวเราะก๊ากเลย   :m20: :laugh: :pigha2:

ชีวิตปุริม ดำมืดจากผู้ให้กำเนิดจริงๆ 
ถ้าเป็นเรานะ จะหัวเราะใส่หน้าทั้งครอบครัวให้ถล่มทลายเลย
แต่พอมานึกถึงลุงไกร...ก็   :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ลุง น่ารักจริงๆ  :mew1: :mew1: :mew1:
ทำดุ ทำเข้มแข็งใส่ แต่ปุริมมองแล้วเห็นแต่ความน่ารักล้วนๆ
ทำอย่างพัทลุงว่าก็ดี ได้ช่วยลุงไกร  แล้วยังได้ทำตัวเหนือกว่าครอบครัวเฮงซวยด้วย
ยื่นข้อเสนอที่เอาผลประโยชน์มาต่อรองไม่ช่วยเปล่าๆปลี้ๆ
ลบรอยดำมืดในอดีตไปซะเลยนะปุริม  :hao3:

ปุริม  พัทลุง   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Cyclopbee ที่ 26-12-2018 18:36:33
มีความสุขไปกับปุริน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 26-12-2018 18:40:16
แอบร้องไห้ตามปุริมเลย
จากนี้ไปได้เวลาเอาคืนแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 26-12-2018 19:47:00
ถือว่าโชคดีที่พี่ปูนไม่ถูกเหวี่ยงให้ไปเป็นคนที่เลวร้ายกว่านี้  ทั้งที่มีบาดแผลหนักตลอดทางที่เดินมา

และโชคดีที่มาเจอลุง  ต่อไปพี่ปูนคงมีความสุขจริงๆแล้ว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: killua1a ที่ 26-12-2018 20:27:48
ถ้าเราออกจากอดีตอันขมขื่นได้​ ชีวิตเราจะมีความสุขมากๆเลยนะปุริม​  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 26-12-2018 22:02:49
ก็สมควรแล้วล่ะที่พี่ปูนจะเกลียดพ่อไม่อยากยุ่งเกี่ยวช่วยเหลือเพราะอดีตพ่อก็ทำใจดำกับพี่ปูนก่อนเป็นเราก็หลับมองไม่เห็นตัดเลยถึงดูกลายเป็นอกตัญญูก็เถอะหรือถ้าจะให้ช่วยจริงก็คงมีข้อตกลงห้ามมายุ่งเกี่ยวกันเด็ดขาดแลกกับการช้วยเพียงครั้งเดียว
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 26-12-2018 22:37:08
พี่ปูนนนนน :m15: อดีตพี่น่าเศร้ามาก มันผ่านไปแล้ว ตอนนี้พี่มีลุงนะ ต้องมีแต่ความสุขแน่นอน :กอด1: จะแซวลุงเรื่องให้ล้วงไข่มาให้จับลบรอยซะหน่อย เจอเรื่องอดีตเข้าไปงึบเลย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 26-12-2018 22:40:53
อยากมีลุงเป็นของตัวเอง จะเอาๆๆๆๆๆๆๆ
โดนพี่ปูน :z6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 26-12-2018 22:59:05
ดีใจแทนที่ปูนเจอคนแบบลุง


Sent from my iPad using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 27-12-2018 00:11:19
พัทลุงคือแสงสว่างของปุริน :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: taku_kimu ที่ 27-12-2018 00:28:12


การจะให้อภัยใครสักคนที่ทำร้ายเราสาหัสนี่ มันไม่ใช่เรื่องง่ายนะ เอาจริงๆ

คนนอกก็พูดง่ายสิ ไม่ใช่คนที่โดนทำให้เจ็บ ไม่เจอกับตัวไม่รู้หรอกว่ามันเป็นไง

นิยายส่วนมากชอบโลกสวยเกินจริง ลงท้ายด้วยการให้อภัยกัน เข้าใจกัน แฮปปี้เอ็นดิ้ง แต่เราว่ามันไม่ใช่อะ

โลกความเป็นจริงมันโคตรเจ็บเลย และการทำใจให้ปล่อยวางได้จริง คุณต้องหัดอยู่นานเลยแหละ ไม่ใช่คิดปุ๊ปวางได้ปั๊ป

เอาแค่ว่า นึกถึงมันแล้วไม่เจ็บไม่ปวดอีกต่อไป ทำได้แค่นี้ก็เก่งแล้ว ถึงขั้นให้อภัยกลับมาญาติดีกันเนี่ย ไม่เรียลอะ :katai5:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 27-12-2018 00:50:03
เด็กคนนึงต้องเจออะไรแบบนี้ทั้งๆที่เขาไม่ได้มีความผิดอะไรเลยอ่ะนะ TT
ไม่แปลกที่เขาจะให้อภัยไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ไม่แค้นเขาจนเป็นทุกข์ให้มันกลายเป็นความรู้สึกเฉยๆยังดีกว่า
พัทลุงให้คำแนะนำได้ดีนะ เอาจริงๆก็คิดไม่ถึงว่าการที่เขาต้องมาขอร้องโดยใช้อีกคนต่อรองเนี่ยเป็นยังไง  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: SeaBreeze ที่ 27-12-2018 05:51:28
นึกถึงพี่ปูนตอนเป็นเด็กแล้วเศร้าใจ  เป็นพ่อแท้ๆทำกับลูกตัวเองแบบนี้ได้ยังไง  :mew6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 27-12-2018 09:30:37
ลุงสุดยอดมาก ทำให้พี่ปูนคิดออกแล้วว่าจะทำยังไงดี
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 27-12-2018 15:43:11
อยากให้พี่ปูนหลุดพ้นจากอดีตเสียที

ลุงเป็นแสงนำทางจริง ๆ

กอดลุงไกร ลุงเปรี้ยวมากที่รับแฟนผู้ชายได้
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 27-12-2018 17:25:26
สงสารอดีตพี่ปูนอ่ะ โหดร้ายกับเด็กคนนึงมากๆ เป็นเราคือมันให้อภัยลำบากจริงๆนะ  :serius2:
โชคดีจริงๆ ที่พี่ปูนได้มาเจอลุง ฮือ เด็กดี น้องคือความสดใสของพี่
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: พันวา ที่ 27-12-2018 19:08:41
เข้าใจปุริม เคยคิดเหมือนกันว่า ถ้าพ่อแม่ที่มีลูกแต่ไม่มีความรักให้ หรือแม้แต่คนที่รักลูกลำเอียงมากๆ สักวันนึงเขาจะยังเห็นค่าคนที่เขาไม่รักแม้จะเป็นลูกหรือเปล่านะ

ออออ สงสารปุริม และรักคนแบบลุงจัง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 28-12-2018 16:50:56
เอ็นดูมากเลยลุง ทะเล้นเหลือเกิน ไหนว่าจะงอนไง
แล้วทำอ่อยพี่ยังไงให้พี่ง้อล่ะ

คู่นี้คุณป้ากับคุณแม่โอเคแล้ว รอด ถึงจะถูกจับตา

ชีวิตปุริมโหดร้ายมากเลยนะ พ่อแม่ไม่รักกัน
ไม่เท่าพ่อแม่ไม่รักลูกเลย แถมให้คนอื่นมาทำลาย
ปุริมเจอลุงได้ถูกเวลา และได้จังหวะแล้ว
ต้องขอบคุณตัวเองนะที่เลือกโทรให้ลุงมารับ
แล้วได้คุยกัน ได้ปลดปล่อยมันบ้าง ดีกว่ายึดมันไว้

ปุริมต้องชนแล้วจ้า ลุงเชียร์ขนาดนี้ ให้รู้กันไปเลย
เอาใจช่วยครอบครัวคุณลุงที่ช่วยปุริมมานะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Lekss ที่ 31-12-2018 07:13:56
เป็นนิยายที่สุดยอดมากกก :laugh:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 01-01-2019 23:57:38
โฮรรรรรร TT_____TT ฮรือออ ร้องไห้เป็นเพื่อนพี่ปูน ขอบคุณที่เข้มแข็งและผ่านมันมาได้ และขอบคุณอย่างยิ่งเลยที่ลุงได้เข้ามาในชีวิตพี่ปูน เป็นแสงสว่างในความมืดมิดแห่งนั้น หลุดพ้นแห่งฝันร้ายมาได้แล้ว ก็เอาละ มา!!! สู้ไปเลยพี่ปูน ได้ทั้งเงินทั้งตอบแทนครอบครัวลุงไกรไหนจะได้กดหัวพวกหน้าไม่อายอีก เอาเล้ยยยยยย!! โห้ยยยชอบนิยายเรื่องนี้จริงๆ ชอบมากๆ ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆเรื่องนี้ให้อ่านนะคะ รอตอนต่อไปเลย สวัสดีปีใหม่ด้วยค่ะไรท์ ^_^
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 03-01-2019 23:17:26
สงสารพี่ปูน อดีตที่พี่ต้องทนทรมานกับมันมาตลอด มันเลวร้ายกว่าที่คิด พ่อแม่ที่ไร้สำนึก ไม่ค่าควรเป็นพ่อแม่ใครเลย ทำร้ายได้แม้กระทั้งเด็กที่บริสุทธ์ที่เป็นลูกของตัวเอง
 
ลุงน่ารักมากแสงสว่างที่อบอุ่นของพี่ปูน
ทำให้พี่ปูนตาสว่าง หลุดจากวังวนอดีต แถมยุให้ไปเอาคืนคนไร้ค่าพวกนั้น เมียพี่ปูนร้ายนะเนี่ยยย5555555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: jaja-jj ที่ 04-01-2019 00:35:38
พ่อพี่ปูนแย่มาก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Lekss ที่ 22-01-2019 17:25:30
อยากจะอ่านต่อมากๆเลย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: SeaBreeze ที่ 26-01-2019 11:24:24
 :z13:   :z3:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 26-01-2019 13:21:26
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 04-04-2019 12:10:17
เลวร้ายมากไอ้คนพวกนั้น
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 12-04-2019 12:54:00
ลุงคิดถึงลุงเมือไหร่จะมา :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-04-2019 16:47:30
คิดถึงมากมาย ............  :z3: :z3: :z3:
พี่ปูน ลุง   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 12-04-2019 17:18:50
รอ ฉันรอเธออยู่แต่ไม่รู้เธอจะมาเมื่อไร :mew6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: exoxoxo1122 ที่ 14-04-2019 01:05:13
ขำอ่ะ55555555555 :mew4: :hao6: :ling3:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: exoxoxo1122 ที่ 14-04-2019 01:45:04
ใดใดคือพี่ปูนร้ายกาจและเจ้าเล่ห์มากค่าคุณ
เอ็นดูน้องลุง55555555หนูรู้กมาก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: exoxoxo1122 ที่ 14-04-2019 11:34:07
พี่ปูนคือหมาป่าเจ้าเล่ห์ที่หลอกล้อกระต่ายน้อยลุอ่ะ555555555 หลอกล่อแล้วกิน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 14-04-2019 11:46:16
คิดถึงลุงกับพี่ปูนจัง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: exoxoxo1122 ที่ 14-04-2019 12:12:47
ครอบครัวลุงน่ารักอ่ะ

ปล.พี่ปูนต้องมีปมเกี่ยวกับครอบครัวแน่ๆเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: exoxoxo1122 ที่ 14-04-2019 12:18:37
พี่กรกับโป้ยนี่ต้องมีซัมติงแน่ๆเลยอ่ะ พี่กรดูหึงๆโแ้กยังไงไม่รู้
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: exoxoxo1122 ที่ 14-04-2019 12:55:03
พี่ปูนๆก็คือทำเลวกับทุกคนแต่อยากเป็นคนดีในสายเธอ(ลุง)คนเดียวเขินจ้า
ชอบความเด็ดขาดของลุงอ่ะ
ปล.ใครมองอยู่พี่กรรึ???
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: exoxoxo1122 ที่ 14-04-2019 23:35:40
อ่า พี่ปูนมีปัญหาเยอะทากๆ อย่าทำลุงเสียใจก็พอ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: exoxoxo1122 ที่ 15-04-2019 00:16:00
พี่ปูนคือหลงน้องเข้าขั้นมากๆ55555555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 24 _เส้นผมบังภูเขา_ || 26-12-61 หน้า 46 ||
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 17-05-2019 04:23:43
คิดถึงคนเขียนจัง หายไปน๊านนาน
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 25 _ตัดขาดเพื่อเติมเต็ม_ || 19-5-61 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 19-05-2019 18:33:19
ตอนที่ 25 _ตัดขาดเพื่อเติมเต็ม_[ปูน]





การหายใจร่วมอากาศกับคนที่เกลียดต้องใช้ความอดทนอย่างมาก...แต่การควบคุมตัวเองให้ได้ในช่วงเวลานั้นต่างหากที่ยากยิ่งกว่า

   ผมคิดว่าตอนออกจากบ้านมาพร้อมรอยจูบอบอุ่นของลุงนั้นปลุกความฮึกเหิมพอแล้ว แต่ทันทีที่ก้าวเท้าลงมาจากรถแล้วเหม่อมองคฤหาสน์หลังงามตรงหน้าแล้วนั้น...เดาว่ามันคงยังไม่เพียงพอ

สองมือสั่นเล็กน้อยอย่างที่ไม่ควรเกิด พอๆ กับที่ช่องท้องมันวูบโหวง ผมรู้สึกรังเกียจอาการทางกายภาพของตัวเองทันที ตลอดการทำงานที่ต้องเดินเข้าออกบริษัทใหญ่กว่านี้มาก็มาก บริษัทข้ามชาติก็เข้าจัดการมาแล้วด้วยซ้ำ กะอีแค่เดินเข้าบ้านหลังเล็กแค่นี้ --  จิ๊!! ผมเดาะลิ้นอย่างขัดใจกับความงี่เง่าของตัวเอง ก่อนจะเริ่มต้นก้าวเดินด้วยความมั่นใจที่มากกว่าเดิม

หญิงวัยกลางคนในชุดแม่บ้านเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าผมด้วยกิริยาเรียบร้อยพอดีกับที่ผมเดินขึ้นถึงหน้ามุก คนรับใช้เงยหน้ามองผมเล็กน้อยก่อนจะกลับไปก้มหน้าตามเดิม แต่เพียงเสี้ยววินาทีนั้นผมกลับจำผู้หญิงคนนี้ได้อย่างน่าแปลกใจ แม้จะจำชื่อไม่ได้แต่เสี้ยวหน้าที่มากวัยขึ้นนั้นไม่ได้หลุดไปจากความทรงจำ ไม่คิดเลยว่าทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในบ้านหลังนี้จะได้เจอกับคนที่รังแกใส่ร้ายในอดีต

ผมยิ้มเยาะในใจพลางก้าวเดินตามเงาร่างพินอบพิเทาไป ฝ่ามือที่เริ่มมากริ้วรอยหยิบรองเท้าสำหรับใส่ในบ้านออกมาจากตู้เพื่อนำมาวางตรงเท้าผมแล้วยืนรออย่างสงบ

ผมมองรองเท้าเบื้องล่างก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังคนที่ก้มหน้ายืนอยู่ข้างๆ นานจนกระทั่งอีกฝ่ายเอะใจจึงเงยหน้าเพื่อมองใบหน้าผมให้เต็มตาอีกครั้ง แวบแรกนั้นสายตายังเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ แต่ไม่นานหลังจากความทรงจำถูกระลึกได้ความตกใจก็ฉายเคลือบไปทั้งหน้า แววตาไหวระริกด้วยความสับสนยิ่งกว่าเดิมแต่คราวนี้มันคละเคล้าไปกับความกังวลด้วย

ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้สูงใหญ่น่ากลัวเหมือนเก่า แต่เป็นฝ่ายนั้นต่างหากที่ต้องเป็นคนแหงนหน้าขึ้นมองผมจากเบื้องล่าง    อย่างที่ลุงว่า ผมไม่ใช่เด็กที่เคยถูกขังอยู่ในบ้านหลังนี้อีกแล้ว คนพวกนี้ไม่สามารถทำอะไรผมได้อีกต่อไป

“ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลยนะ”

“...ค...คุณปูน”

ผมเหยียดยิ้ม อดปลื้มใจไม่ได้ที่ตัวตนของผมยังอยู่ในความทรงจำของคนบ้านนี้ แต่ไม่รู้ว่าความทรงจำของพวกเขากับผมจะเป็นเรื่องเดียวกันหรือเปล่าน่ะสิ

“จำได้ว่าเธอมันฉอเลาะเก่ง”  สิ้นคำส่อเสียดจากปากผม อีกฝ่ายกลับเม้มปากแน่นไม่เหมือนการกระทำเมื่อครั้งอดีต  “นึกว่าจะทำตัวฉลาดแล้วปีนขึ้นเตียงไปเป็นเมียน้อยเจ้าของบ้านซะอีก หึ...ไม่คิดว่าเจอกันอีกก็ยังเป็นขี้ข้าอยู่เหมือนเดิม”

“คุณปูน!”  อีกฝ่ายเม้มริมฝีปากแน่น กัดกรามจนขึ้นสัน แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรที่มากกว่าส่งสายตาดุดันมาให้  “กรุณาพูดจาให้เกียรติดิฉันด้วยค่ะ”

“ฮะๆๆ คนอย่างเธอมีเกียรติด้วยเหรอ?”  ตั้งแต่เด็กผมก็ไม่เคยมองเห็นเกียรติใดจากคนใช้บ้านนี้เลย  “เดี๋ยวนี้ยังช่างประจบสอพลออยู่รึเปล่า? ทำต่อไปเถอะ เพราะสันดานมันแก้กันไม่ได้ไปจนตายนั่นแหละ”

“คุณ!”

“หุบปากแล้วนำทางฉันไปพบเจ้าของบ้าน หวังว่าสันดานที่เป็นคงไม่ทำให้ลืมหน้าที่ของตัวเองหรอกนะ”

ความมืดในใจมันกำลังเริงร่าจนน่าหมั่นไส้ยามเห็นคนตรงหน้าจนด้วยฐานะจะตอบโต้ ทำไมเมื่อก่อนผมถึงถูกคนแบบนี้ข่มได้นะ กับเศษคนแบบนี้ที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังไร้ค่าแท้ๆ

“เชิญ!”  แม่บ้านกระแทกเสียงขณะผายมือให้ทาง แต่ผมยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่เรียกสายตาดุร้ายตวัดมองกลับมาแล้วพูดย้ำคำเดิมอีกครั้ง  “เชิญค่ะ!”

“เจ้านายที่นี่สอนคนใช้ให้พูดกับแขกด้วยน้ำเสียงแบบนี้เหรอ หรือว่าเจ้านายกับลูกน้องก็สันดานไม่ผิดกัน”

“...เชิญค่ะคุณปูน”  เสียงเดิมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนลงเกือบครึ่ง ถ้าไม่ติดแววตาเชือดเฉือนกับฟันที่กัดกรอดๆ นั่น ผมเกือบจะเทใจปรบมือให้กับการแสดงนั่นแล้วเชียว

ไม่ต่อความยาวสาวความยืดอีก ผมใส่รองเท้าแล้วก้าวเดินนำไป แม้เสียงจากด้านหลังจะบอกทิศทางของสถานที่นัดพบแต่ผมก็ไม่ตอบรับใด ความทรงจำที่ยังติดตรึงทำให้ผมรู้ว่าตัวเองควรจะก้าวเดินไปยังทิศทางใด หากแต่สภาพแวดล้อมที่สองตากวาดมองนั้นไม่เหมือนเดิม ข้าวของในตู้ กรอบรูปมากมายที่ตั้งวางไว้ แจกันดอกไม้ หรือแม้กระทั่งภาพตกแต่ง ทุกสิ่งล้วนไม่เหมือนเดิม

สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่เดียวกับที่อยู่ในความทรงจำอีกต่อไป

ผมเดินมาถึงห้องทำงาน หยุดรอให้คนรับใช้เคาะประตูและเปิดประตูให้หลังจากได้รับคำอนุญาต ผมก้าวผ่านประตูเข้าไปด้วยไหล่ที่หยัดตรง ชุดสูทสามชิ้นสีกรมท่าที่ตัดเย็บเข้ารูปทำให้ดูภูมิฐานสมกับราคาที่จ่ายไป ผมคิดถึงภาพเก่าก่อนทุกครั้งที่เคยพบเจอคนๆ นั้นในอดีต ผมจะไม่มีวันดูด้อยในสายคนผู้ชายคนนั้นเด็ดขาด

แต่หลังสิ้นเสียงประตูปิด ภาพของคนในอดีตไม่อาจซ้อนทับกับคนตรงหน้าได้เลย ชายหนุ่มที่เคยหล่อเหลาดูดี สูงสง่าและสวมเสื้อผ้าเช่นเดียวกับผมในวันนี้...ผมเกือบจะจำคนๆ นี้ไม่ได้ ถ้าไม่เพราะเค้าโครงหน้าของเราจะคล้ายกันถึงเพียงนี้

“ไม่ได้เจอกันนานนะ...”  เขาทักทายด้วยถ้อยคำไม่ต่างจากที่ผมพูดกับแม่บ้านคนนั้น เพียงแต่แววตาและสีหน้านั้นไร้ซึ่งความเหยียดหยาม สองตาอิดโรยมองผมราวกันได้พบคนรู้จักที่ไม่ได้เจอกันมานาน

“นั่งสิ ฉันคงลุกต้อนรับเธอไม่ไหว”  ความโรยแรงในน้ำเสียงนั้นไร้ซึ่งการปิดบัง

ผมพยายามจับจ้องภาพตรงหน้าให้ชัดเจนด้วยกลัวว่าสายตาจะคลาดเคลื่อนจนมองผิดเพี้ยนไป แต่ไม่เลย...คนตรงหน้าผมไม่เหลือเค้าของความสมบูรณ์แบบอีกแล้ว เป็นแค่เพียงผู้ชายธรรมดาที่ใบหน้าดูสูงวัยกว่าที่ควรจะเป็น ร่างกายซูบผอมจนเห็นข้อกระดูกปูดโปนชัดเจน เบ้าตาลึกโหลเหี่ยวย่น เส้นผมสีดอกเลาเบาบางเห็นหนังศีรษะรำไร เขานั่งบนเก้อี้ทำงานตัวใหญ่ที่คล้ายจะดูดกลืนร่างผอมโทรมนั้นให้จมหายไปได้

ผมขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ ไหนว่าเป็นแค่เส้นเลือดในสมองอุดตัน?

สองขาสืบเท้าพาร่างสูงใหญ่เข้าไปนั่งยังเก้าอี้เบื้องหน้าโต๊ะทำงานไม้สีเข้มตัวใหญ่ สองตาเหี่ยวเฉาของคนตรงหน้าจับจ้องผมทุกอากับกิริยา เช่นเดียวกับที่ผมจ้องมองเขากลับด้วยความระแวดระวัง ภายในห้องทำงานที่ไม่ได้ยินแม้เสียงเครื่องปรับอากาศ ผมและเขาต่างจ้องมองกัน ต่างกันตรงที่ผมกำลังประเมินสถานะการณ์ แต่ผมกลับอ่านสายตาของอีกฝ่ายไม่ออก

“รีบตกลงกันให้จบๆ ไปเถอะ”  ผมพูดขึ้นอย่างอดรนทนไม่ไหว แม้สภาพร่างกายเขาจะเปลี่ยนไปจนน่าตกใจแค่ไหน แต่มันก็ไม่อาจลบภาพความทรงจำที่คนๆ นี้มองให้ผมได้

“...โตขึ้นเยอะนะ”  หัวคิ้วขมวดฉับกับน้ำเสียงเรียบเรื่อย ริมฝีปากแห้งแตกแย้มยิ้มเอื่อยๆ มองผมเช่นเดิม  “เราไม่ได้เจอกันนานเท่าไหร่แล้วนะ?”

ผมไม่แน่ใจว่านี่เป็นคำถามหรือไม่ แต่ผมเลือกที่จะนิ่งเงียบและอดกลั้นความรู้สึกเดือดดาลที่ใกล้จะปะทุ

“ฉันเองก็จำไม่ได้แล้ว แต่มันคงนานพอที่จะทำให้อะไรๆ มันเปลี่ยนแปลงแน่ๆ”  เขายิ้มขื่น แววตามีร่องรอยเศร้าหมองอย่างที่ผมอดแค่นยิ้มไม่ได้  “เธอมีอนาคตที่ดี ยืนด้วยลำแข้งตัวเองได้อย่างมั่นคง ส่วนฉันก็กำลังจะตาย”

“เพ้อเจ้ออะไรของคุณ”  ผมเอ่ยด้วยความรำคาญ แต่ท่าทีของอีกฝ่ายกลับยังไม่เปลี่ยนแปลง เต็มไปด้วยความเสื่อมถอยและไร้เรี่ยวแรง

“ฉันกำลังยินดีกับอนาคตของเธอ และก็รู้สึกผิดบาปในคราวเดียวกัน”

“อย่าให้ผมต้องสำรอกออกมาตรงนี้เลยนะ” 

“มันก็แค่...หึ ที่จริงฉันก็ไม่ได้รู้สึก ไม่คิดจะรู้สึกหรอกนะ”  เขาส่ายหัวเล็กน้อยราวกับมันเป็นเรื่องเหลือเชื่อสำหรับตัวเอง  “แต่พอรู้ว่าชีวิตมันเหลือน้อยลงทุกวันๆ อะไรที่เคยปล่อยผ่านก็ดันคิดถึงขึ้นมาเสียอย่างนั้น ฉัน...”


ปัง!!


เสียงตบโต๊ะดังกังวานขัดคำพูดไร้สาระของคนตรงหน้า นัยน์ตาผมลุกวาวจ้องมองคล้ายจะสื่อให้รู้ว่าถ้าขืนพูดเรื่องไร้สาระอีกแม้แต่คำเดียวผมพร้อมจะลุกขึ้นไปเชือดเนื้อเถือหนังอีกฝ่ายแน่นอน

เขามองผมอย่างนิ่งงัน เพียงชั่วครู่ร่างผอมติดกระดูกจึงเริ่มขยับเขยื้อนอีกครั้ง มือผอมแห้งล้วงหยิบซองเอกสารจากลิ้นชักขึ้นมาวางบนโต๊ะแล้วเลื่อนมันมาหยุดตรงหน้าผม

“เอกสารสัญญา รายละเอียดงานในระยะเวลา 1 ปีของเธอ”

ผมมองผ่านซองเอกสารอย่างไม่ให้ความสนใจ แต่เลื่อนไปสบตาคนตรงหน้าอย่างท้าทายแทน  “ช่วยบอกเหตุผลที่ผมควรหยิบปากกาขึ้นมาลงลายเซ็นบนเอกสารนี้หน่อยซิ”

“...เพื่อที่คนรู้จักของเธอจะได้งานและเงินก้อนใหญ่ยังไงล่ะ”

“ผมว่ามันยังไม่มากพอ”  ผมหัวเราะในลำคอ เอนกายลงพิงพนักด้วยท่วงท่าสบาย ยกเท้าขึ้นไขว่ห้างกระดิกปลายเท้าไปมา  “พวกคุณลงทุนตื๊อผมอยู่ตั้งนานสองนาน อุตส่าห์ไปควานหาตัวคนสำคัญของผมจนเจอเพื่อเอามาต่อรอง ขอโทษนะ...ผมว่าตัวเองมีค่ามากเกินกว่าราคาที่คุณเสนอมา”

“เธอต้องการเท่าไหร่”

ผมไหวไหล่ ล้วงหยิบมือถือขึ้นมาแล้วกดตัวเลขที่ต้องการให้เจ้าของบ้านดูชัดๆ

“มันไม่เกินไปหน่อยรึไง ราคามากกว่าคนจากบริษัทใหญ่อีกนะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปหาคนอื่นสิ ผมไม่ได้อยากเอาตัวเองมาเกลือกกลั้วกับพวกคุณอยู่แล้ว”  ริมฝีปากเหยียดลึก ส่ายหน้าไปมาอย่างดูแคลน  “ผมเป็นมืออาชีพด้านนี้คุณรู้ดี ที่ผมต้องการราคานี้เพราะว่ามันเปลืองตัวและเสียสุขภาพจิต แค่คิดว่าลูกชายโง่ๆ ของคุณจะรับความรู้จากผมไปได้ช้าแค่ไหนก็รู้สึกสงสารตัวเองแล้ว”

“นนท์เป็นคนเรียนรู้เร็ว เธอวางใจเถอะ” 

“ผมคิดว่าไม่นะ”  ผมยิ้มเยาะ  “ไม่อย่างนั้นผู้ถือหุ้นคงไม่แอบเทขายหุ้นกันเงียบๆ หรอก”

“..........”

“ขาเก้าอี้กำลังจะโดนเลื่อยอยู่แล้ว ยังมีใจชื่นชมลูกชายตัวเองให้คนอื่นฟังอีก”  ผมหัวเราะเบาๆ พลางปรบมือให้  “ช่างเป็นพ่อที่หน้ามืดตามัวดีจริง”

“ฉันถึงต้องการให้เธอช่วย ฉันไม่อาจไว้ใจคนอื่น”

“คุณลืมไปรึเปล่าว่าผมก็เป็นคนอื่น”

“..........”

“และผมคือคนแรกที่อยากเห็นพวกคุณล่มจมลงไปต่อหน้า อยากเห็นความพินาศของบริษัทที่คุณปลุกปั้นขึ้นมา อยากจะเห็นเมียกับลูกสุดที่รักของคุณตกต่ำจนถึงขีดสุดเมื่อคุณตาย”

บนหน้ากากของใบหน้าเรียบเฉย แววตาไหวระริกที่โอนอ่อนไปกับคำพูดของผมนั้นเคลือบด้วยหยาดน้ำใส ผมเหยียดยิ้มให้กับความเข้มแข็งที่กำลังกร่อนพังลงช้าๆ

“ตายเมื่อไหร่ก็ช่วยมาเข้าฝันทีนะ ผมอยากจะรู้ว่าความทรมานแม้จะตายไปแล้วน่ะเป็นยังไง”

“..........”

คนตรงหน้ากำลังทำให้คนในความทรงจำกลายเป็นความฝันร้ายชั่วคราว ภาพลักษณ์แข็งกร้าวเย็นชาเมื่ออยู่ต่อหน้าผมนั้นไม่หลงแม้แต่น้อยในขณะนี้ เหลือเพียงชายร่างผ่ายผอมที่กำลังหลุบตามองต่ำด้วยทีท่าข่มกลั้น สีหน้าเจ็บปวดหากยังนิ่งงันยอมรับคำว่าร้ายจากปากผมโดยไม่ขุ่นเคือง

ซอกหลืบในหัวใจสักที่มันเคยแอบคิดว่าตัวเองมีความสำคัญ ยิ้มเยาะ ลำพองกับความรู้สึกแบบนั้นอยู่ชั่วครู่ชั่วยาม แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมต้องเป็นผม ที่พวกเขาเพียรพยายามมาตลอดนั้นก็เพราะเขารู้ว่าผมเกลียดชังมากพอที่จะไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวาย ยิ่งไม่มีทางที่ผมจะเอาข่าวสุขภาพที่แท้จริงของเขาไปออกสื่อที่ไหน




ตัวตนของผมสำหรับเขานั้นช่างเบาบางเสียยิ่งกว่าอากาศ



ไม่รอให้อีกฝ่ายโต้ตอบอะไรกลับมา ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ดันเก้าอี้ออกเล็กน้อยเพื่อจะก้าวเดิน แต่เสียงแหบพร่าจากคนใกล้ตายรั้งขาทั้งสองเอาไว้

“ความตายมันทำให้ฉันระลึกถึงการกระทำของตัวเอง”

ผมกัดกรามแน่น สูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อข่มอารมณ์กับคำพูดไร้ยางอาย แต่คนเบื้องหลังกลับไม่หยุด ยังคงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนระโหยต่อไป  “ฉันรู้ว่ามันไม่มีทางย้อนกลับไปแก้ไขอดีตได้ และ...และต่อให้ทำได้ ฉันก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะแก้ไขมันรึเปล่า”

ผมหันกลับไปมองคนป่วยใกล้ตายด้วยสีหน้าเรียบเฉย อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้พูดคำชวนอ้วกออกมาอย่างที่ผมคิด ไม่ได้พร่ำเพ้อว่าจะรักและดูแลผมอย่างที่สมควรกระทำ ผมมองคนตรงหน้าอย่างเต็มตาอีกครั้งพร้อมกับคำถามหนึ่งที่เนิ่นนานมาแล้วผมเคยถามกับตัวเอง

“...เคยมีสักครั้งมั้ย”  ผมกลืนก้อนขมลงคอ  “...สักครั้งที่คิดว่าผมเป็นลูก”

มันเป็นคำถามที่กรีดใจผมจนเว้าแหว่งในทุกครั้งที่อยู่ลำพังกับความมืด หลายครั้งหลายหนจนบาดแผลตกสะเก็ดจนด้านชา นานวันเข้าทุกการกระทำที่คนๆ นี้แสดงมันก็ช่วยตอบคำถามนั้นโดยที่ไม่ต้องออกเสียง ผมรู้ แต่ผมไม่เคยเข้าใจ เจ็บจนชา ชาจนชิน แต่ใช่ว่ารอยแผลมันจะจางหายไป

เขาเบิกตามองผม คล้ายไม่คาดคิดว่าหลังจากคำพูดร้ายกาจทั้งหลายแหล่นั่นจะมีคำถามแบบนี้ได้ หลายวินาทีหลังจากทำความเข้าใจ เขาหลุบตาลง จำยอมกับความรู้สึกของตัวเอง

“ในหลายครั้ง...ฉันรู้ว่าเธอคือลูกชาย”  เขาหลับตาพลางส่ายหน้า เสียงถอนหายใจดังยาวก่อนที่ประโยคสุดท้ายจะหลุดออกมา 

“แต่ฉันไม่อาจรักเธออย่างที่ควรจะเป็นได้ ไม่เคยรักเธออย่างที่พ่อคนหนึ่งควรทำ...แม้กระทั่งตอนนี้”



เหลือเพียงความเงียบงันหลังสิ้นเสียงสารภาพอย่างอ่อนแรง



ผมยืนนิ่ง รอคอยให้แผลเป็นนั้นเจ็บปวดขึ้นมา แต่สุดท้ายมันกลับไม่รู้สึกอะไรเลย... หัวใจของผมก็ยังเต้นได้เหมือนเดิม มันไม่ได้เจ็บปวด ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรกับความพูดไร้หัวใจนั้นอย่างผิดคาด ผมคิดว่าเขาจะหว่านล้อมผมทุกวิถีทาง ยอมพูดคำหวานหูเพื่อซื้อใจ และเมื่อไปถึงจุดนั้นเมื่อไหร่ผมจะเหยียบย่ำทุกอย่างของเขาด้วยตัวเอง

แต่...

แม้กระทั่งความตายก็ไม่อาจทำให้ผู้ชายคนนี้มอบความรักให้ผมได้แม้เพียงลมปาก มีเพียงความรู้สึกผิดบาปในใจเท่านั้นที่เขาได้รับมา 



อย่างน้อยเขาก็ซื่อสัตย์กับตัวเอง



อย่างน้อยเขาก็ไม่คิดทำร้ายผมอีกครั้ง...ด้วยคำเสแสร้ง…


ถ้าในหัวใจของคนเรามีสี่ห้องได้อย่างที่ใครสักคนพูด หนึ่งในห้องนั้นคงเป็นสถานที่เก็บความรู้สึกเลวร้ายเอาไว้แล้วปิดล็อกอย่างแน่นหนา วันแล้ววันเล่าที่ใช้ชีวิตโดยทำเป็นไม่สนใจมัน แต่มันก็ยังคงอยู่ที่เดิม เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตที่คอยสร้างความเจ็บปวดให้

ผมหลีกหนีมาเนิ่นนาน ปฏิเสธที่จะข้องเกี่ยว แต่ตอนนี้ผมกลับสงสัยว่าแท้จริงแล้ว เพราะอะไรที่ทำให้ตัวเองก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้เพื่อเผชิญหน้ากับคนที่ทำร้ายตัวเอง เพราะคำพูดของพัทลุง? เพราะลุงไกร? หรือเพราะในที่สุดผมเรียนรู้ที่จะรัก... แต่จะด้วยเหตุผลใดก็ล้วนแต่ทำให้ผมกล้าที่จะเผชิญหน้ากับมัน

ในที่สุด ประตูบานนั้นในหัวใจของผมค่อยๆ คลายพันธนาการ มันแง้มออกเชื่องช้า ขณะเดียวกันหัวใจของผมก็ค่อยๆ เบาสบายขึ้น

ผมมองผู้ชายตรงหน้าเป็นครั้งสุดท้าย

“ผมจะติดต่อรุ่นน้องที่ไว้ใจได้มาให้คุณ”  บอกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงราบเรียบแม้กระทั่งตัวเองยังแปลกใจ  “หมอนั่นเป็นคนเก่งและรู้ว่าจะต้องปิดปากตัวเองให้เงียบยังไง”

“...ขอบใจ”

“ด้วยเงื่อนไขจ้างงานคุณเกรียงไกรตามที่คุณเคยพูดไว้”

“ตกลง”

“และผมหวังว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ครอบครัวของคุณจะมาวุ่นวายกับผม ไม่อย่างนั้นคราวนี้จะเป็นผมเองที่ก้าวเข้าไปช่วยเลื่อยขาเก้าอี้ลูกชายคุณให้ตกลงมาตายทั้งเป็น”  ผมขู่ด้วยเสียงหนักแน่น

“ฉันเข้าใจแล้ว”  คนตรงหน้ากล่าวสั้นๆ แต่ในขณะที่ผมหมุนตัวเพื่อจากไปเสียงเดิมกลับเอ่ยต่อ  “ฉันกับแม่ของเธอไม่ได้รักกัน...”

ฝ่าเท้าชะงักกับสุ้มเสียงไร้พลังของคนเบื้องหลัง ผมหยุดยืนนิ่ง ไม่คิดหันกลับไปมองว่าคนพูดแสดงสีหน้าเช่นไร ผมนึกว่าการสนทนาได้ปิดฉากไปแล้ว ไม่เข้าใจว่าเขาต้องการอะไรถึงได้เท้าความถึงผู้หญิงที่แม้แต่ผมเองก็จำหน้าไม่ได้แล้ว

“ทั้งหมดก็เพียงเพราะธุรกิจและคำสัญญาที่ทำให้เราต้องมาอยู่ด้วยกัน เธอไม่ได้เกิดจากความรักและฉันก็ใจแคบเกินกว่าที่จะรักเธอ จะเรียกใจร้ายก็ช่าง ใจดำก็ได้ แต่ฉันก็ปฏิบัติต่อเธอด้วยสติรับรู้เพราะฉะนั้นเธอจะโกรธเกลียดมันก็เป็นเรื่องสมควร... ที่ฉันเพียรพยายามให้ทุกคนติดต่อเธอมันเป็นเพียงความเอาแต่ใจของคนใกล้ตายก็เท่านั้น ฉันมีคำบางคำอยากจะบอกกับเธอก่อนที่จะไม่มีโอกาส

“ขอโทษ... สำหรับความรู้สึกของเธอ สำหรับที่เธอต้องเจ็บปวดเพราะฉัน ขอโทษที่ไม่สามารถให้ความรักและให้ความสุขได้เหมือนพ่อคนอื่น”

“..........”

“ขอบใจนะ ขอบใจจริงๆ ที่ยอมรับฟัง...ฉัน...”  เขาเงียบไปชั่วครู่ เสียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนดังแผ่วเบา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาเหนื่อยเกินกว่าจะพูดต่อ หรือว่าคำพูดต่อจากนั้นอาจจะยากเกินกว่าจะเอ่ยออกมา แต่ถึงจะเป็นเช่นไรผมก็ไม่พร้อมที่จะอยู่ตรงนี้อีกต่อไป ทุกคำของเขามันเผยความจริงใจออกมาแล้วและนั่นคือทุกอย่างที่ผมเคยเฝ้าถามกับตัวเอง

ผมเดินออกจากห้องเงียบๆ โดยไม่โต้ตอบคำใดกลับคืน ผมไม่สามารถเอ่ยอภัยให้ทั้งที่ใจยังไม่รู้สึกตามนั้นได้ คำขอโทษมันไม่ได้มีพลังมากพอที่จะลบล้างอดีต แต่อย่างน้อยตอนนี้ผมก็มีพลังมากพอที่พร้อมจะรับฟัง

สองเท้าก้าวสม่ำเสมออย่างมั่นคงหลังจากเสียงประตูปิดลง ผ่านสิ่งรอบตัวที่ค่อยๆ เลือนผ่านไปอย่างช้าๆ ผมเดินลงบันไดหน้ามุกลงมาด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดราวกับว่าตัวเองไม่ใช่ตัวเองอย่างที่เคย

ประตูรถถูกเปิดออก ร่างสูงชะงักเล็กน้อยเมื่อตัดสินใจมองภาพของสิ่งก่อสร้างตรงหน้าเป็นครั้งสุดท้าย คล้ายกับว่าในที่สุดผมก็หลุดพ้นจากบางสิ่งบางอย่างเสียที ความเศร้า ความทรมาน ความรู้สึกต่างๆ ที่เกาะกินใจมันค่อยๆ หลุดลอกออกไป

แน่นอนว่าไม่อาจลบความทรงจำเลวร้ายไปได้ แต่มันคงจะไม่มีอิทธิพลกับผมอีกต่อไปแล้ว

ในที่สุดคนที่ทำร้ายก็กลายเป็นคนที่ทำให้ผมหลุดพ้นอย่างแท้จริง

ผมเหยียดยิ้มให้บ้านหลังใหญ่ที่เต็มไปด้วยอดีตเน่าเฟะของตัวเอง ก่อนจะขึ้นรถแล้วขับออกไปโดยไม่คิดหันกลับไปมองอีกเลย



.

.

.



บนถนนแสนแคบในช่วงค่ำ ผมนั่งอยู่ในรถคันเก่งที่จอดแอบการสัญจรจนแทบจะเบียดประตูรั้วบ้านจนเป็นรอย ใช้เวลาครู่ใหญ่ในการมองลอดกระจกผ่านซี่ไม้ระแนงเล็กๆ เข้าไปด้านใน หวังว่าจะมีเจ้าของบ้านสักคนสังเกตเห็นแล้วออกมาเชื้อเชิญผมให้เข้าไป แต่จนแล้วจนรอดบ้านหลังงามก็ยังเงียบสงบ ผมเห็นแสงไฟสาดส่องออกมาจากทางหน้าต่างทุกบานที่เปิดไว้ รถยนต์ทั้งสองคันจอดเป็นระเบียบอยู่ในโรงเก็บ มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกขัดเขินเล็กน้อยถ้าจะมาหาถึงบ้านอีกฝ่ายโดยไม่มีธุระปะปังอะไร

ผมอยากอยู่กับลุง แต่อีกใจก็อยากให้ลุงได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว

ความรู้สึกมันขัดแย้งกันจนแม้แต่หัวสมองยังตัดสินใจไม่ได้ว่าอย่างไหนกันแน่ที่มีอิทธิพลมากที่สุด เพราะงั้นผมถึงได้แต่จอดรถอยู่หน้าบ้านพัทลุงแบบนี้มาเกือบสิบนาทีแล้ว เป็นการทิ้งเวลาโดยเปล่าประโยชน์ได้อย่างน่าสมเพชที่สุด เวลาเป็นเรื่องเกี่ยวกับลุงทีไร ผมแทบจะลืมเรื่องภาพลักษณ์ที่ปั้นแต่งขึ้นมาจนสิ้นชนิดที่ว่าถ้าคู่ขาเก่าๆ ได้มารับรู้ก็คงจะแสยะปากสาสมใจกันเป็นทิวแถว

เสียงถอนหายใจดังขึ้นกลางความเงียบงัน รถที่ขับสวนไปมาในซอยแคบเริ่มบางตา ผมฟุบหน้าลงกับพวงมาลัยรถพลางขบคิด วันนี้ผมควรจำยอมอยู่ลำพังไปก่อน การดื้อดึงจะอยู่กับลุงในคืนนี้อาจจะทำให้แม่กับพี่สาวของลุงเขม่นผมได้เนื่องจากวันนี้ผมเพิ่งจะปล่อยให้ลุงกลับบ้านหลังจากพาไปนอนกกอยู่ด้วยกันถึงสามคืน

การลืมตาขึ้นแล้วพบว่าใบหน้าพัทลุงคือสิ่งแรกที่ได้เห็นนั้นคือหนึ่งสิ่งที่สร้างความสุข ได้มองแก้มนิ่มๆ ได้เห็นจมูกน่ารักๆ ทำท่าฟุดฟิดไปมา ได้อมยิ้มไปกับริมฝีปากอิ่มที่ขยับแจ๊บๆ แลบลิ้นเลียน้ำลายที่ปริ่มออกมาให้กลับเข้าปาก และการเผลอผายลมออกมาบ้างในบางที

ผมรักทั้งหมดที่ลุงเป็น รูป รส กลิ่น เสียง เหล่านั้นกลายเป็นยาเสพย์ติดโดยที่ผมเองก็ไม่รู้ตัว


ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!


ผมเงยหน้าขึ้นมองกระจกฝั่งที่ถูกเคาะ เงาร่างคุ้นตายืนด้อมๆ มองๆ มือแปะกระจก แนบหน้าชิดจนผิวแก้มบู้บี้ให้เห็น ผมหัวเราะเบาๆ พลางลดกระจกลงมาจนสุดเผยใบหน้าของพัทลุงแย้มยิ้มกว้างจนตายิบหยี ต่อเมื่อสร้างอาการใจเต้นให้คนมองจนพอใจแล้ว เสียงนุ่มๆ ก็เริ่มเอ่ยถึงที่มาที่ไป

“คุณดาหลาก็นึกว่ารถใครมาจอดหน้าบ้านตั้งนาน เห็นไม่ไปสักทีก็เลยให้บุรุษอย่างผมมาดู”  ผมได้แต่มองดูลุงเจื้อยแจ้วด้วยรอยยิ้ม ทำไมกันนะ? แค่เพียงลุงมาอยู่ตรงหน้าทุกอย่างก็ดูจะไร้ความสำคัญไปเลย

“มาแล้วทำไมถึงไม่เข้าบ้านนะ ปล่อยให้คนเขาคิดว่าเป็นโรคจิตไปได้ บ้านผมยิ่งมีสาวสวยอยู่กันตั้งสองคน”  ลุงยังเจื้อยแจ้วต่อ  “ผมเดินออกมานะ คิดเลยว่าจะจัดการยังไงดีไม่ให้ตัวเองโดนฆ่าตายหน้าบ้านตัวเอง นี่ถ้าจำรถพี่ไม่ได้ผมมิเครียดตายเลยเหรอ”

“ถ้างั้นก็อย่าเดินออกมาแบบนี้สิ มันอันตราย”

“ตอนแรกผมก็มองจากในรั้วเหอะ กะนั่งวัดใจกันเลย แต่ยี่ห้อรถมันคุ้นๆ ไงเลยออกมาดูให้แน่ใจ”

ผมหัวเราะเบาๆ

“แล้วนี่มาทำไมอ่ะ? ธุระเสร็จแล้วเหรอ?”

“คิดถึงลุง”

“อย่าน้ำเน่าให้มาก! เปิดประตูซิ”  ผมกดปลดล็อกเพื่อให้ลุงเปิดประตูขึ้นมานั่ง กระจกถูกลุงกดขึ้นจนชิดขอบทันที จากนั้นจึงหันใบหน้ายิ้มแย้มมาทางผมแล้วยืดตัวเข้ามาใกล้ ทำปากจู๋เรียกร้องในสิ่งที่ผมเองก็ยิ่งกว่าต้องการ ผมก้มตัวลงไปสมทบเพื่อมอบจูบนุ่มนวล แผ่วเบาเมื่อแรกเริ่ม ต่อเมื่อได้ลิ้มชิมรสที่ติดอยู่ปลายลิ้นก็เริ่มรุกเร้ารุนแรง ลุงครวญครางในลำคอแผ่วเบา จนกระทั่งร่างกายเริ่มรู้สึกถึงความรุ่มร้อน ผมจึงผละออกมาอย่างเสียดายแต่ก็ยังไม่วายคลอเคลียผิวเนื้อนุ่มนวลด้วยริมฝีปาก

“ดื่มเหล้ามาอีกแล้ว...”  ลุงพึมพำด้วยความไม่ชอบใจเล็กน้อย ผมเพียงแค่ยิ้มรับแล้วพาบทสนทนาไปเรื่องอื่นในหัวที่สำคัญมากกว่า

“อยากพาไปโรงแรมมาก” 

“ไม่ได้ๆ”  ลุงค้านเสียงสูงพลางผลักตัวผมออก  “ก้นยังระบมอยู่เลย”

“แสดงว่าถ้าก้นไม่ระบมก็จะไปด้วยกัน?”

“ปุริมต้องหยุดหื่นทุกครั้งที่คลุกวงในกันได้แล้วนะ”  ลุงบอกเสียงเครียดด้วยสีหน้าที่ออกจะรังเกียจอยู่เล็กน้อย

“ลุงก็เลิกน่ารักน่าเอาตลอดเวลาให้ได้ก่อนสิ”  ผมเถียงกลับทันที โปรยยิ้มมุมปากให้คนตรงหน้าขัดเขินเล่น และก็เป็นเช่นเดิมที่ลุงจะไม่ต่อความยาวสาวความยืดกับผมในเรื่องนี้ต่อ คนหน้าบางตีแขนผมหนึ่งทีแบบหมั่นไส้ติดหมัดแล้วเฉไฉไปเรื่องอื่น

“ดื่มมาแบบนี้ถ้าเจอด่านนี่ซวยเลยนะ”

“นิดหน่อยเอง ไปดื่มกับรุ่นน้องที่ฝากเรื่องงานให้”  ก็รู้อยู่ว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง แต่ถ้าไม่เถียงปนอธิบายไปบ้างลุงคงได้สวดผมยาวแน่

“ตำรวจเขาไม่หน่อยกับพี่หรอก แล้วกลิ่นที่ออกมาจากปากพี่มันเกินคำว่าหน่อยมากนะ ถ้าตำรวจเรียกจอดผมว่าพี่อมเหล้าแล้วพ่นใส่หน้าจ่าแกเหอะความเข้มข้นน่าจะพอกัน”  คนขี้บ่นยังคงงึมงำ ทำเสียงจิ๊จ๊ะแบบขัดใจเต็มที ผมเองก็ไม่ได้รำคาญที่จะต้องเห็นอะไรแบบนี้ซะด้วย ผมเดาว่าตัวเองคงมองลุงหงุดหงิดได้เพลินเป็นชั่วโมง ถ้าความหงุดหงิดนั้นมันจะมาจากความเป็นห่วงผมล่ะก็

“ค้างคืนที่บ้านผมแล้วกัน จะได้ไม่ต้องขับกลับให้เสียงอันตราย”

“เป็นห่วง?”  คำชวนนี้ไม่ได้อยู่ในสารบบความคิดแม้แต่น้อย

“ก็ใช่ไง นอกจากจะห่วงพี่แล้ว ยังห่วงว่าพี่จะไปก่ออุบัติเหตุให้คนอื่นต้องรับเคราะห์”  ว่าจบก็ขยับตัวเปิดประตูรถออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ถามความสะดวกใจของคนฟังสักคำ

ท่ามกลางความเงียบ ผมส่ายหัวให้กับคำห่วงใยปนเสียดสีของอีกฝ่ายก่อนจะลงตามไปด้วยรอยยิ้ม ลุงเดินนำผมเข้าไป สองตากวาดสำรวจบริเวณบ้านขณะเดินตาม ทุกอย่างช่างสะอาดสะอ้านแม้จะมีข้าวของวางไว้ตามการใช้งานแต่มันกลับดูเป็นธรรมชาติน่ามองมากกว่าบ้านที่เรียบร้อยไปทุกกระเบียดนิ้ว สวนเล็กๆ ที่พอมีแสงไฟประดับดูแล้วอยากให้คนมานั่งเล่นผ่อนอารมณ์

ความอบอุ่นเป็นกันเองมันแผ่ซ่านออกมาทันทีที่ลุงเปิดประตูเข้าด้านใน ไม่ใช่เพราะอุณหภูมิที่มากกว่าด้านนอกหากเป็นเพราะบ้านหลังนี้คือความฝันที่ผมอยากจะมี บ้านที่เต็มไปด้วยร่องรอยของความรักและคำว่าครอบครัว...




-----[มีต่อค่ะ]
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 25 _ตัดขาดเพื่อเติมเต็ม_ || 19-5-61 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 19-05-2019 18:43:42
“คุณดาหลาวันนี้พี่ปูนมานอนด้วยนะ”  ลุงร้องบอกสองสาวที่นั่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์เช่นที่ผมเคยเห็นประจำ หนึ่งในนั้นหันมาแย้มยิ้มพรายเหมือนทุกครั้ง แล้วตอบตกลงโดยไม่ตั้งคำถามใด ผิดกับอีกหนึ่งสาวที่หันมามองผมผ่านหางตาคมๆ

“บ้านช่องมีทำไมถึงไม่กลับ”  ปราจีนถามห้วนๆ ถ้าเป็นในยามปกติผมก็พอจะโต้ตอบด้วยความสนุกได้แต่นั่นไม่ใช่วันนี้

คนกลางอย่างพัทลุงเห็นผมเงียบไปจึงตอบคำถามแทน แขนขาวๆ ยกขึ้นมากอดอก ยืดตัวพองลมได้อย่างน่ารักน่าชังที่สุด  “ก็เพราะน้องป้าน่ารักไง แฟนเลยทั้งรักทั้งหลง ไม่เห็นหน้าก็นอนไม่หลับ”

ผมเกือบหลุดขำยามเห็นคนเป็นพี่กรอกตาดำด้วยสีหน้าเหม็นเบื่อ  “ขอความจริง”

“...พี่ปูนไปดื่มกับเพื่อนมา ลุงเลยไม่อยากให้ขับรถกลับ”

“ก็เท่านั้น”  พูดจบก็เลิกให้ความสนใจพวกผมแล้วหันไปดูโทรทัศน์ต่อ

ต้องนับว่าหลังจากการเปิดใจกันครั้งนั้น ปราจีนค่อนข้างจะมีมุมมองต่อผมเปลี่ยนไปหรืออย่างน้อยที่สุดก็เพราะพยายามควบคุมตัวเองให้มองผมในแง่ร้ายน้อยลง ไม่ต้องต้อนรับขับสู้ผมเหมือนกับน้าดาหลาหรอก แค่ไม่มองจิกผมเป็นไก่เหมือนก่อนก็พอแล้ว

“คุณปูนทานข้าวมารึยัง หิวรึเปล่า?”  คุณน้าแย้มยิ้มหวานเอ่ยถามอย่างเอื้อเฟื้อ ผมที่ดื่มเหล้ามาเกินครึ่งกระเพาะก็ตั้งใจจะปฏิเสธ แต่คนข้างตัวผมกลับช่วยรบเร้าอีกแรง

“ใช่ๆ กินข้าวก่อนค่อยนอนเหอะ ลุงว่าพี่คงดื่มอย่างเดียวไม่ได้กินอะไรมาหรอก”

ผมทำได้แค่ยิ้มแห้งๆ แล้วเดินตามแรงฉุดแบบไม่ขอความคิดเห็นไปทางห้องครัว ปล่อยให้สองสาวดูละครต่อไปอย่างออกรส

ถามว่าตอนนี้อยากจะทำอะไรที่สุด... แน่นอนว่าเป็นการคว้าลุงไปกอดแล้วนอนหลับบนที่นอน! ไม่ใช่การนั่งหน้าจานข้าวร้อนๆ พร้อมกับข้าวหอมๆ สามอย่างแบบนี้

“กินเยอะๆ นะพี่ปูน ลุงทำเองทุกจานเลย”  ลุงนั่งฝั่งตรงข้าม เท้าคางมองผมแล้วยิ้มจัดหนัก เจออย่างนี้เข้าไปต่อให้กระเดือกข้าวไม่ลงก็ต้องทำการยัดเข้าไปบ้างล่ะ

พัทลุงเป็นคนทำอาหารได้ออกมาหน้าตาบ้านๆ แต่อร่อยมาก น้าดาหลาเคยชื่นชมให้ผมฟังว่า ลูกชายคนดีของเธอนั้นได้รสมือมาจากพ่อแต่พิถีพิถันไม่เท่า ก่อนจะได้มาเป็นคนรักกันผมเคยนั่งพิจารณาลุงอยู่บ้าง ผู้ชายคนนี้มีความสามารถหลายอย่างเสียแต่ว่าไปไม่สุดสักทาง อาจจะเพราะลุงไม่เลือกที่จะมุ่งเน้นไปด้านใดด้านหนึ่งอย่างจริงจัง แต่พอหลังได้มาคบกันผมกลับรู้สึกว่าลุงมีสิ่งหนึ่งที่เลือกจะจริงจังเหมือนกัน นั่นคือการดูแลคนใกล้ตัว

ไม่มีผู้ชายคนไหนหรอกที่ยังจะต้องบอกคนที่บ้านเสมอเวลาไปค้างคืนที่อื่น คอยโทรถามว่ากินข้าวหรือยัง? เสื้อผ้ามีพอใช้หรือเปล่า? คอยห่วงนั่นห่วงนี่ไปหมด ทั้งซักผ้า ทำความสะอาด ล้างรถ รดน้ำต้นไม้ ต่อให้ทำไปบ่นไปแค่ไหนแต่เหล่านี้คือสิ่งที่ลุงทำอย่างตั้งใจเสมอ เวลาลุงรักใคร ลุงจะห่วงใยและใส่ใจเต็มที่ ผมรู้สึกอิจฉาในความโชคดีของผู้หญิงบ้านนี้ ส่วนผม...ผมคงใช้ความโชคดีทั้งชีวิตแลกไปแน่ๆ ถึงได้ลุงมาอยู่ข้างกันแบบนี้

“ยิ้มอะไร?”

ผมส่ายหน้าเล็กน้อยให้กับคำถาม ลุงขมวดคิ้วเล็กน้อยต่อเมื่อผมตักข้าวเข้าปากอีกคำหัวคิ้วก็คลายลง ลุงนั่งมองผมกินเงียบๆ ไม่มีการเล่นมือถือเพื่อฆ่าเวลา ทุกความสนใจของลุงพุ่งตรงมาที่ผม มันอาจจะน่าอึดอัดสำหรับใครหลายคน แต่ผมกลับชอบที่มันเป็นแบบนี้

หลังจากฝืนทานต่อไปอีกสามสี่คำผมจึงรวบช้อนเพื่อจบมื้ออาหาร ข้าวอาจจะไม่พร่องสักเท่าไหร่ แต่ความอร่อยจากกับข้าวทำให้ผมกินเข้าไปไม่น้อย โดยเฉพาะผัดผักรวมที่ถูกกวาดจนหมดเกลี้ยง ชื่นใจคนทำเขาล่ะ...

“มีลูกตาลลอยแก้วด้วยนะ เอามั้ย?”

“ขืนกินต่อ พี่คงได้อ้วกใส่หน้าลุงแน่”  ผมบอกเสียงเครียด เท่านี้ก็จุกขึ้นมาถึงคอหอยแล้ว!

“งั้นก็อย่าไปกินมันเลยเนอะ”

ผมอมยิ้มนั่งมองลุงเก็บล้างทำความสะอาดถ้วยชามอย่างมีความสุข จากนั้นเราก็บอกลาสองสาวที่ยังติดตามละครอย่างไม่คลาดสายตาขึ้นไปชั้นบน ห้องนอนของลุงเล็กกว่าห้องนอนของคอนโคฯ ผมเสียอีก แต่ว่าทั่วทุกพื้นที่กลับมีร่องรอยของการใช้ชีวิตอยู่เต็มไปหมด กลิ่นอายเจ้าของห้องอบอวลอยู่ทั่วพลอยให้ผ่อนคลาย ผมนั่งเอกเขนกบนเตียงนอนแคบๆ ปล่อยให้เจ้าบ้านจัดหาชุดนอนและของใช้ไปตามเรื่อง

ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ลุงมองมาทางผมแวบหนึ่งแล้วหันกลับไปหาเสื้อต่อ  ผมหยิบมือถือขึ้นมามองชื่อผู้โทรก่อนจะกดรับสายด้วยความเบื่อหน่ายเล็กน้อย

“ว่าไง”

“ทำไมนายทักทายไร้เยื่อใยอย่างนี้”  เสียงเจน่าดังแหลมแข่งกับเสียงเพลงที่แทรกเข้ามา

“อยู่ที่ไหนเนี่ย”

“แดนซ์อยู่น่ะซี่! มันมากเลย นายมาดื่มกับฉันสิ มาเร็วๆ” ฟังจากเสียงผมเดาได้เลยว่าบรรยากาศต้องสนุกมาก เพราะถ้าทำให้เจน่าเมาได้นี่ต้องสุดเหวี่ยงจริงๆ ผมเคยไปเป็นเพื่อนอยู่หนึ่งงานและสัญญากับตัวเองว่าจะไม่หลงกลอีก เพราะงานนั้นเจน่าทั้งเมา ทั้งเต้นกับคนไปทั่ว สุดท้ายก็ลืมผมไว้แล้วหิ้วนายแบบรุ่นน้องไปนอนกกแทน

“เมาให้ตายไปเลยเจน่า เดี๋ยวก็มีคนหิ้วเธอกลับไปเอง”  จากหางตาผมเห็นลุงชะงักเล็กน้อย ผมแสร้งทำไม่สนใจขณะที่สองตาคอยจับภาพลุงที่กำลังแอบหันมามองทางผมเป็นระยะ จากภาษากายทำให้ผมพอสรุปได้ว่าลุงยังคงมีความกังวลอยู่ เพราะถ้าหากลุงไม่คิดอะไรจริงๆ คงไม่มานั่งหูผึ่งเงียบๆ แบบนี้แน่

เพื่อความสบายใจผมจึงเปิดลำโพงซะเลย

“พูดเหมือนเห็น! เด็กรุ่นน้องไอแต่ละคนน่ากินมาก” ในสาย เจน่าหัวเราะครึกครื้นมาก แต่ในห้องนั้นลุงสะดุ้งตกใจหันมาจ้องผมตาแป๋ว 

“วันนี้ต้องได้แน่ คิกๆ”

“งั้นก็ขอให้โชคดี”  ผมพูดเสียงเนือยพลางลุกขึ้นเดินไปนั่งซ้อนหลังคนไม่สบายใจ โอบให้อีกฝ่ายพิงตัวแนบลงมา

“แล้วนี่นายจะไม่มาจริงเหรอ ไทป์ของนายเพียบเลยนะ”

“ฉันอยู่กับแฟน”

“โอ้!! ฉันมักลืมเสมอว่านายไม่เหมือนเดิมแล้ว”

“พูดมาก”

“คิกๆ แล้วเมื่อไหร่จะยอมพาคนรักของนายมาเจอฉันบ้าง ฉันอยากเห็นหน้าคนที่ทำให้นายเลิกเป็นแบดบอย”

“ฉันจะวางแล้วนะ”  เรื่องตั้งเยอะแยะไม่พูด เปิดปากทีมีอันต้องวกเข้าเรื่องอดีตตลอด

“ตามสบาย วู้ว! มีเด็กหนุ่มยกแก้วเชิญชวนฉันด้วย ไปล่ะ”

เจน่าไวเสมอเมื่อมีเรื่องความถูกใจเข้ามาเกี่ยว ผมวางโทรศัพท์ลงข้าวตัวแล้วโอบกอดคนในอ้อมแขนให้แน่นกว่าเดิม

“สบายใจขึ้นรึยัง?”  ผมถาม พลางซุกหน้าเข้ากับซอกคอของลุงแล้วจูบเบาๆ

“ผม...ผมขอโทษ”  ลุงหน้าตื่นทันทีที่ถูกจับได้  “ผมทำเหมือนอยากรู้มากเลยใช่มั้ย?”

“นั่นหมายความว่าลุงรักพี่ยังไงล่ะ เพราะรักก็เลยหึงไม่ใช่หรือ?”

“ก็ไม่เชิงหึง...คือ...”  แล้วเด็กดีอย่างลุงก็พ่นออกมาทุกอย่างทั้งเรื่องที่ปราจีนไปเจอผมนั่งดื่มกับเจน่า และเรื่องที่ไปปรึกษาโป้ย รวมถึงความรู้สึกของตัวเองที่ผมฟังแล้วให้กลั้นยิ้มจนปวดแก้ม

“อย่ายิ้มนะ!”  ลุงหันมาทุบผมเป็นการใหญ่ด้วยความเขิน

“พี่รู้ว่าควรจะต้องเสียใจ แต่ทำไมมันดีใจนักก็ไม่รู้”  ผมรีบรวบมือลุงมากอดไว้ในท่าเดิม

“...ขอโทษนะ ลุงจะไม่คิดแบบนั้นกับพี่อีก”

“ลุงคิดได้เพราะพี่ให้สิทธิ์นั้นกับลุง”  ผมหอมแก้มนิ่มของคนนั่งหงอย ถึงผมจะไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตน แต่คนส่วนมากมักจะเลือกโวยวายและโยนความผิดใส่อีกคน บางคนโพล่งสิ่งที่คิดออกมาจนทำร้ายจิตใจอีกฝ่าย บ้างก็เก็บเอาไว้ในใจจนเกิดเป็นความระแวง

ลุงเก็บเอาไว้ในใจแต่ไม่เคยแสดงออกถึงความระแวง พอพูดออกมาก็กลับเป็นความรู้สึกผิดที่ตัวเองคิดไปแบบนั้น มันทั้งน่าเอ็นดู น่าสงสาร แล้วก็น่าหงุดหงิดไปพร้อมกัน

“ลุงจะหึงพี่ให้มากกว่านี้ โวยวายใส่ หรือสั่งห้ามพี่ไปเลยก็ได้ พี่ให้สิทธิ์นั้นกับลุงนะ”

คราวนี้เป็นลุงที่หันมามองหน้าผมตาโต  “พี่ปูน...ผมไม่ใช่คนแบบนั้น”

“พี่แค่อยากให้รู้ไว้”  ผมยิ้มเอ็นดู

“แล้วต่อให้ผมทำแบบนั้นได้จริงเราก็คบกันไม่ยืดหรอก พี่จะเบื่อและผมก็จะเหนื่อยหน่าย”  ลุงขมวดคิ้วแน่น คล้ายจินตนาการไปถึงอนาคตที่เป็นเช่นนั้น   “เราจะไม่มีความสุข และผมไม่ชอบถ้ามันเป็นแบบนั้น”

“พี่รู้”

“คราวหน้าผมจะถามพี่ตรงๆ”

“พี่ก็จะตอบอย่างไม่ปิดบัง พี่จำคำสัญญาที่ให้กับลุงได้”

เราจูบกันแผ่วเบาด้วยรอยยิ้ม นี่คืออีกหนึ่งข้อดีของลุงที่ผมชอบ ไม่ว่าเราจะทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไรแต่เมื่อเคลียร์กันได้ลุงจะไม่หยิบยกเรื่องเดิมมาพูดซ้ำไปมา

“ว่าแต่วันนี้พี่เป็นยังไงบ้าง” 

ผมนิ่งไปเล็กน้อย ลุงหันมามองแล้วหน้าเสียตามคล้ายกลัวว่าตัวเองถามเรื่องที่ไม่ควร ผมส่งยิ้มให้พลางส่ายหน้าบอกให้อีกฝ่ายไม่ต้องกังวล ก่อนจะเริ่มเล่าการพูดคุยสั้นๆ ออกไปด้วยน้ำเสียงที่สบายผิดคาด ผิดกับลุงที่เหมือนจะฮึดฮัดแทนผมอยู่หลายที เสียงถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่าหมดไปและสุดท้ายก็หลงเหลือเพียงอ้อมกอดของลุงที่ทำให้หัวใจผมอ่อนยวบ

“พี่ไม่เป็นไร”

“จะไม่เป็นไรได้ไงกัน”  น้ำเสียงนั้นอบอุ่น แต่อ้อมกอดของลุงนั้นอบอุ่นยิ่งกว่า

“มันแค่เป็นเหมือนเดิม เพียงแต่มันไม่เจ็บปวดเหมือนเคยอีกแล้ว”  ผมซุกตัวแนบแผ่นอกผอมบาง น้ำเสียงนั้นสบายราบเรียบอย่างที่ใจรู้สึก

“พี่ว่าเขาป่วยเป็นอะไรเหรอ?”

“ไม่รู้สิ แต่ดูจากสภาพคงไม่ใช่เส้นเลือดในสมองแตกแน่”

“แล้วพี่...”

“คนนอกไม่จำเป็นต้องไปรับรู้นี่”

ลุงเงียบไปเล็กน้อย หากอ้อมกอดนั้นยังคงอบอุ่นผสานกับการตบเบาๆ สม่ำเสมอบนแผ่นหลังที่ช่วยให้ความสุขสบายรุกคืบไปทั้งร่างกายจนอยากจะหลับไปซะเดี๋ยวนี้ แต่ทั้งกลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่มันคงไม่เหมาะที่ลุงจะต้องมานอนดมไปทั้งคืน ผมจำต้องผละจากอ้อมกอดคนรักเพื่อไปอาบน้ำชำระกาย ลุงเตรียมเสื้อนอนกับกางเกงไว้ แต่เสื้อเก่าตัวนิ่มนั้นมันยังคงเล็กเกินไป ผมจึงเลือกใส่เพียงกางเกงขาสั้นยางย้วยๆ ตัวเดียว

เตียงนอนที่กว้างเพียง 3.5 ฟุตนั้นดูเล็กไปถนัดตาเมื่อผู้ชายสองคนนอนด้วยกัน แม้พื้นที่เหลือน้อยจนไม่พอให้ดิ้นได้ แต่ก็ไม่เป็นปัญหาสักนิดเพราะผมชอบที่จะนอนกอดลุงแน่นๆ รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้สะดวกสบายนักหรอก แต่คำดุคำบ่นก็ไม่เคยออกปากให้ได้ยินเช่นกัน ลุงยอมนอนวาดขาก่ายเอวผมไปครึ่งค่อนคืนประจำ มือก็มักจะโอบผมเอาไว้ ลูบหัวตบหลังไปตามเรื่องเหมือนกำลังกล่อมเด็ก

“รักพี่มั้ย?”

“รักสิครับ”  ลุงตอบคำถามด้วยน้ำเสียงง่วงงุน ฝ่ามือที่หยุดการทำงานไปสักพักก็กลับมาทำหน้าที่ลูบท้ายทอยไปมาเหมือนเดิม

“รักมากมั้ย?”

“อืม...มากๆ เลย”

ผมซุกหน้าลงกับอกแบนๆ ของลุง แนบหูฟังเสียงหัวใจเต้นกับลมหายใจสม่ำเสมอด้วยรอยยิ้ม ผมไม่รู้หรอกว่าไอ้ ‘มากๆ’ ของลุงนั้นมันมากสักแค่ไหน ผมไม่หวังให้ตัวเองต้องได้เป็นที่หนึ่งด้วยเพราะลุงยังมีครอบครัวที่น่ารัก ผมแค่อยากให้ลุงรักผมจนขาดไม่ได้ ต่อให้ไม่ใช่ที่หนึ่งหรือที่สอง, สาม, สี่ แต่ที่ที่ผมยืนอยู่ต้องไม่ใช่สิ่งที่ลุงสลัดทิ้งได้ง่าย

นั่นล่ะ...ผมอยากจะอยู่ตำแหน่งนั้นไปนานแสนนาน


.

.

.


ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะดังขึ้นก่อนที่บานประตูจะเปิดออกโดยพระรองหนุ่มหล่อ ร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อเชิ้ตกับกางเกงพอดีตัว ผมละสายตาจากการสนทนากับลูกค้าทางโปรแกรมโซเชียลเพื่อต้อนรับใบหน้าเปื้อนของเพื่อน พันกรเดินมาตรงเข้ามาพร้อมกับแฟ้มงานสองชิ้นในมือ มันวางปุปลงบนโต๊ะผมแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกยาว

“แฟ้มสีดำคือเจ้าที่ยังปิดงานไม่ได้ สั่งแก้งานหลายรอบแล้วแต่ยังสรุปกันไม่ได้”

“ว่าง่ายๆ คือเรื่องมาก”  ผมขยายความให้สั้นๆ ลูกค้าประเภทนี้คือสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้เลยกับสายงานแบบนี้ มีทั้งพวกแก้งานไม่จบสิ้น เปลี่ยนบรีฟไปมาเหมือนพวกสมองมีปัญหา พวกยกเงิกงานอย่างหน้าด้านๆ พยายามเบี้ยวเงินก็มี แต่ประเภทหลังๆ นั้นคนที่เจอก็จะเป็นพวกฟรีแลนซ์เสียมากกว่า พอมาในรูปบริษัทมันก็จะมีการตกปากรับคำในรูปสัญญาทำให้บิดพลิ้วกันไม่ได้ง่ายๆ

“แฟ้มสีน้ำเงินคือลูกค้าที่นัดเข้าไปคุยนะ”

ผมรับแฟ้มงานมาเปิดดูคร่าว แผ่นกระดาษแต่ละแผ่นมีรายละเอียดงานกับความต้องการคร่าว ชื่อบริษัทกับชื่อคนติดต่อ มีสถานที่นัดพร้อมกับเบอร์โทรชัดเจน ผมดูรายชื่อลูกค้าแล้วเดาะลิ้นเบาๆ พันกรมันหาลูกเก่งเหมือนเคย คราวนี้ได้บริษัทเครื่องสำอางชั้นนำมาซะด้วย ถึงจะต้องไปฟาดฟันกับเจ้าอื่นอีกแต่ผมค่อนข้างแน่ใจว่าฝีปากตัวเองต้องทำให้คว้างานมาได้แน่

“แล้วนี่มึงจะไปกี่โมง?”  ผมปิดแฟ้มแล้วหันมาถามเพื่อน พ่อหนุ่มหล่อพระรองขายดีนั้นมีคิวไปถ่ายละครที่ต่างประเทศหนึ่งสัปดาห์มันถึงเอางานมาประเคนให้ผมถึงที่ 

“เครื่องออกห้าโมงครึ่ง แล้วมึงจะเอาอะไรเพิ่มก็ส่งข้อความไปนะ” 

“ยังกะจะมีเวลามาเดินช้อปมากมาย”

“เอาน่า กูแว่บได้”  ว่าแล้วมันก็หัวเราะหึหึ แน่นอนว่าผมฝากรายการสั่งซื้อไปหลายอย่าง พวกนาฬิการุ่นลิมิเต็ดที่ยังไม่นำเข้ามาแล้วก็พวกรองเท้ากับหมวกของลุงที่เจ้าตัวเคยชี้ให้ดูรูปแต่ยังไม่มีโอกาสได้ซื้อ ...ก็ติดอยู่เรื่องเงินเท่านั้นล่ะคนนี้ ความอดทนต่อการอยากได้อะไรสักอย่างเป็นเลิศ คุณดาหลาก็เคยเปรยให้ฟังถึงความขี้งกของลูกชายว่าเงินเก็บมีเยอะแยะแต่กลับไม่เคยซื้อความสุขให้ตัวเอง

“แล้วนี่กูต้องเก็บเงินกับลุงหรือกับมึงล่ะ”  มันยกยิ้มถามทั้งที่รู้ดี

“ก็ต้องกับกูสิวะ”

“แหม มึงนี่มันพ่อบุญทุ่มจังเว้ย มึงเพิ่งซื้อเป้ราคาเป็นหมื่นให้น้องมันไปไม่ใช่เหรอ เปย์หนักมากนะมึงจนตอนนี้ลุงแทบจะแบรนด์เนมทั้งตัวแล้ว”

ผมยักไหล่ไม่ใส่ใจกับคำเสียดสี  “มันไม่เคยขอให้กูซื้อนั่นนี่ให้ แต่กูซื้ออะไรให้มันก็ใส่ทั้งนั้นแหละไม่รู้หรอกว่าราคาเท่าไหร่มั่ง”

“หลงมากไอ้ปูน ทั้งรักทั้งหลงจริงๆ”  พันกรส่ายหัวให้กับความหลงเมียขั้นหนักของผม  “นี่ถ้าน้องมันอยากได้บ้านได้รถขึ้นมา...”

“กูจะจูงมือมันไปเลือกเลย”

“ป๋าโคตรๆ”

ผมทำเพราะมันเป็นความสุขของผมต่างหาก ถ้าผมคบกับลุงแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ก็คงไม่มีลูกเต้าให้มาผลาญเงินในอนาคต เมื่อเห็นแน่ๆ แล้วว่ามันมากเกินที่จะใช้กันแค่สองคนไปจนแก่ หาได้เพิ่มเติมเท่าไหร่ผมก็เอามาบำรุงบำเรอเมียไม่ดีกว่าหรือ

“หามาให้ได้แล้วกัน” 

“ถ้ามึงไปส่งกูที่สนามบินวันนี้น่ะนะ”

“ต่อรองเก่ง... เออ! กูไปส่งแน่”  ผมสำทับก่อนจะโบกมือไล่เพื่อนแล้วกลับไปคุยงานที่ค้างอยู่ต่อ

มันอาจจะเหนื่อยเล็กน้อยที่ต้องขาดผู้ร่วมงานไปเพราะบริษัทนี้กำลังมั่นคงมากขึ้น มีงานหลากหลายเข้ามาพร้อมกับฐานลูกค้าเดิมที่จำนวน ผมคิดว่าคงต้องเปิดรับสมัครงานอีกสักหนึ่งรึสองตำแหน่งเพื่อมาช่วยงานในกรณีแบบนี้ แต่พันกรก็ดูว่าจะรับงานในวงการน้อยลงทุกที ดูจากการรับงานละครปีหนึ่งๆ แค่เรื่องหรือสองเรื่องเท่านั้น จะมีเพียงงานพิธีกรที่ผู้ใหญ่ให้โอกาสทำที่ยังคงทำอยู่สม่ำเสมอและดูจะรุ่งในทางนี้เสียด้วย

พันกรคงอยากเอาตัวเองออกมาจากวงการนี้ทีละเล็กทีละน้อย ผมเองก็ไม่แน่ชัดว่าทำไมแต่ที่รู้คือ ‘โป้ย’ มีส่วนอยากมากในการตัดสินใจเช่นนี้

เพื่อนผมมันรักของมันจนจะเป็นจะตาย คนงี่เง่าน่าสมเพชแบบนั้นในที่สุดก็เริ่มจะกล้าให้ความหวังกับตัวเอง มันคงไม่อยากให้คนที่มันรักต้องมาเป็นขี้ปากชาวบ้านเท่าไหร่หรอก


.

.

.


เกือบอาทิตย์แล้วที่พันกรไม่อยู่

ลุงดูจะเป็นห่วงเพื่อนที่ดูจะหงุดหงิดงุ่นง่านจนผมชักจะรำคาญใจ เดี๋ยวก็ทิ้งผมไปนอนค้างห้องเพื่อน เดี๋ยวก็ชวนกันไปดื่มเหล้า ผมไม่รู้ว่าโป้ยมันไม่ชินหรืออย่างไรที่แฟนมันเป็นคนแบบนี้! การที่ไม่ชอบเล่นโซเชียล ไม่ค่อยตอบข้อความน่ะเป็นเรื่องปกติสำหรับกรมาตั้งนานแล้ว ถ้ามีธุระด่วนก็เป็นอันรู้กันว่าต้องโทรไปหาเท่านั้น


อ้อ...แต่เห็นว่าโทรไปแล้วไม่มีสัญญาณตอบรับนี่นะ


มองอีกมุมผมก็เข้าใจโป้ยอยู่หรอก เพราะถ้าเกิดขึ้นกับตัวเองผมคงจะบินไปหาลุงแล้วถามความให้กระจ่างไปแล้ว ผมเชื่อว่าโป้ยมันก็คงอยากทำแบบนั้นอยู่หรอก แต่ติดตรงที่ว่าถ้าขืนมันทำลงไปคงกลายเป็นข่าวใหญ่แน่

“มาแล้วๆๆ”  เสียงร่าเริงของลุงมาพร้อมกับถุงใส่ของกินเต็มสองมือ โดยที่มีผมเดินหิ้วถุงน้ำแข็งกับน้ำอัดลมสองขวดใหญ่ตามมาติดๆ

“มาเลยๆ เตรียมพร้อมแล้ว”  พี่ริชเดินผ่านลุงมาหาผมด้วยสีหน้าเริงร่ายิ่งกว่า ส่งมือมารับของทั้งหมดไปถือเอง  “ขอบคุณนะครับอุตส่าห์เลี้ยงแท้ๆ ยังต้องออกไปซื้อมาให้อีก”

“พี่ริช! ของผมก็หนักนะ”  ผมอมยิ้มกับสีหน้าปึ่งงอนของคนรัก แก้มป่องๆ นิ่มๆ นั่นทำให้คนอยากจะส่งนิ้วไปคีบเล่นเสียงจริง

“พี่เลือกปฏิบัติจ้ะ”  ว่าพลางยักไหล่แล้วก็เร่งฝีเท้าตามคนงอนไป

ผมตามเข้าไปหลังสุดเพราะหยุดรับโทรศัพท์จากลูกค้าชั่วครู่ พอเดินเข้ามาที่ห้องอาหารก็ไม่มีที่นั่งเสียแล้ว อาหารอีสานร้านเด็ดในละแวกละลานตาเต็มโต๊ะไปหมด บางอย่างผมไม่เคยกินด้วยซ้ำ บางอย่างลุงก็สั่งเบิ้ลอย่างรู้ดีว่าทุกคนชอบ ทุกคนมองผมเป็นตาเดียวเมื่อเดินเข้าไป

“ทำไมยังไม่กินกัน”

“ก็รอเจ้าภาพมาเปิดงานไงครับ”  โป้ยตอบเสียงเนือย แต่ในมือมีน่องไก่ที่แหว่งจากการกัดไปแล้ว

“พี่ปูนมานั่งนี่”  ลุงเรียกผม พร้อมเลื่อนที่ว่างที่เว้นไว้ให้ออกให้ผมแทรกตัวลงนั่ง พอมองดีๆ แล้วลุงกับโป้ยนั่งเก้าอี้พลาสติกที่ไม่ได้เข้าพวกกับชุดโต๊ะอาหารอย่างดีเสียเท่าไหร่  “แล้วเก้าอี้พวกนี้?”

“อ๋อ~ พวกผมหุ้นเงินกันซื้อมาครับ เวลาสังสรรค์กันจะได้นั่งกันครบๆ”  พี่ริชชี้แจง ผมก็พยักหน้ารับโดยไม่ต่อความอะไร แต่คิดถึงว่ายามรับพนักงานมาเพิ่มห้องอาหารแคบๆ แบบนี้จะเพียงพอหรือไม่

“กินกันเลยครับ”  ผมพูดเปิดงาน เพียงเท่านั้นก็ไม่รู้แล้วว่ามือใครเป็นมือใคร จิ้มนั่น ตักนี่ ขวักไขว่กันเหมือนสงครามย่อมๆ มีสุภาพชนหน่อยก็เห็นจะเป็นพี่เปี๊ยกที่ค่อยๆ ตัก ค่อยๆ เคี้ยว ยิ่งคนข้างผมนี่เหมือนองค์ปอบลง กินเร็วจนช้อนกระทบฟันดังกึกทำเอาน้ำส้มตำเลอะมาตามคาง

“ค่อยๆ กินสิ”  ผมดึงทิชชู่จากเคาน์เตอร์ข้างหลังมาเช็ดปากให้เด็กตะกละ

“หยิบน้ำให้ลุงหน่อย”  สิ้นคำสั่ง ผมก็หันไปหยิบแก้วน้ำอัดลมส่งให้อีกฝ่ายดื่ม เสร็จสรรพก็ยังหันกลับไปวางที่เดิมให้

“พี่ปูนกินหมูย่าง”  ลุงก็ทำน่ารักโดยกันตักหมูย่างหอมๆ ให้ผมหลายชิ้นพร้อมกับน้ำจิ้มแจ่วที่ตักวางไว้เล็กน้อยตรงขอบจาน  “ข้าวเหนียวมั้ย?”  ผมส่ายหัวเป็นเชิงปฏิเสธ ลุงก็เปลี่ยนไปตักตำข้าวโพดคู่กับไข่เค็มหนึ่งซีกมาให้แทน

“พี่อยากกินปลาเผา”

“ได้สิ แถวบ้านมีร้านเมี่ยงปลาเผาอร่อยๆ อยู่ แล้วลุงจะทำต้มยำให้ด้วย”

“ไอ้ลุง…”  เสียงเรียบๆ ดังขึ้นจากด้านข้าง ผมหันไปมองโป้ยที่กำลังสะกิดเพื่อนตัวเองให้สนใจ

“มีอะไร เอาน้ำเหรอมึง?”

“เปล่า แค่อยากรู้ว่า...”  โป้ยมองลุงแล้วเลยมาทางผมด้วยสายตาเบื่อหน่าย  “มึงคิดว่าตอนนี้กินข้าวกันอยู่แค่สองคนเหรอ”

“อ่ะ!!...”  ลุงชะงักไปเล็กน้อย กวาดสายตามองคนอื่นรอบโต๊ะเหมือนคนไม่รู้ว่าจะแก้ตัวยังไงดี ผมเห็นแล้วก็อดขำไม่ได้  “เอ่อ ผมหมายถึงซื้อปลาเผามากินด้วยกันที่ออฟฟิศแล้วผมจะทำต้มยำมาด้วยไง”

ผมมองทุกคนที่พากันก้มหน้ากลั้นยิ้มเงียบๆ หูก็ได้ยินเสียงพี่ริชแซวเบาว่า ‘ไม่ทันแล้วจ้า’ สงสัยความสัมพันธ์ของผมกับลุงก็คงรู้กันทั่วไปแล้ว เพียงแต่ไม่มีใครพูดออกมาเท่านั้นเอง

“พวกพี่อยากกินใช่มั้ย? ใช่หรือเปล่า?”  แต่เจ้าตัวเขาดูจะยังยอมรับไม่ได้เลยชักชวนให้คนอื่นคล้อยตามเป็นการใหญ่

“ครับๆ พี่อยากกิน”  พี่เปี๊ยกพยักหน้าตามน้ำไปด้วยสีหน้าแบบกึ่งขำกึ่งสงสารรุ่นน้องเต็มที

“จ้า พี่ก็อยากกิน เดี๋ยวหาร้านให้นะว่าที่ไหนอร่อย”  พี่ริชอมยิ้มแล้วทำทีหยิบมือถือขึ้นมาเปิดเล่น ผมเดาว่าเขาคงไม่ได้ตั้งใจหาร้านหรอกเพียงแค่อยากแก้เก้อให้น้องก็เท่านั้น เพราะนั่งปัดหน้าจอไปได้สักพักก็เอนหัวชนกับพี่จิ๋ม คิ้วขมวดมุ่นปากก็เริ่มซุบซิบแลกเปลี่ยนข้อสงสัยกัน

“ไม่จริงหรอกค่ะ พี่ว่าข่าวลวง”  พี่จิ๋มพูดเสียงเบาแต่มันก็ดังพอให้คนบนโต๊ะได้ยินกัน

“แต่คุณกรไม่เคยมีข่าวกับใครเลยนะพี่”  คราวนี้มีชื่อของหัวข้อสนทนาหลุดมาจากปากพี่รีชด้วย เล่นเอาเมียผมหูผึ่งตั้งใจสนอกสนใจทันที

“ข่าวพี่กรเหรอพี่?” 

“ใช่ นี่ไง!”  พูดจบพี่ริชก็ยื่นมือถือข้ามโต๊ะส่งให้ลุงดูปากก็ยังพูดวิเคราะห์ไปด้วย ผมหันไปมองตามก็เห็นสองเพื่อนซี้เอาหัวติดกันไปอีกคู่  “คุณกรอยู่ในวงการมานานไม่เห็นเคยจะมีข่าวกับใครสักคน ลุงว่าคนนี้ใช่แฟนคุณกรมั้ย?”

“คนนี้ที่เป็นนักแสดงใหม่นี่ ลุงเคยเห็นว่อบไปแว่บมาในละคร”  ลุงบอกรายละเอียดได้นิดหน่อย ไอ้ละครที่ว่าก็คงมาจากสองสาวที่บ้าน  “แต่พี่สาวลุงบอกว่าถึงจะหน้าตาพอไปวัดได้ แต่เล่นแข็งก็เลยยังไม่ดัง”

“ใช่ค่ะ ป้าก็ว่าอย่างนั้นเหมือนกัน”  ป้าจิ๋มรับคำทันท่วงที  “เล่นมาหลายเรื่องแล้วนะ แต่ไม่เห็นพัฒนาเลย”

“นี่คงเล่นเรื่องเดียวกับคุณกรแน่ แต่ทำไมถึงได้มีรูปแบบนี้มาก็ไม่รู้”

ปกติแล้วผมไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านหรอกนะ แต่...คราวนี้มันอดใจลำบากจริงๆ

ผมยื่นหน้าเข้าไปร่วมสุมหัวด้วยอีกคน สองตามองข้อความที่ลุงเลื่อนอ่านอย่างช้าๆ บนหน้าจอโทรศัพท์ เนื้อหาดูจะเป็นการอธิบายว่าผู้ชายในภาพเป็นใคร งานในวงการมีอะไรบ้าง แล้วก็คล้ายจะโปรโมทละครที่กำลังเล่นไปในตัว

‘คู่จิ้นคู่ใหม่ปรากฏ!’

‘พักกองสุดหวาน หรือบทบาทจะกลายเป็นการสานสัมพันธ์รัก’

‘การพลิกบทบาทสวมบทชายรักชายครั้งแรกของกร พันกร’


จากนั้นลุงก็ปัดนิ้วเลื่อนไปเจอรูปภาพที่ดูเหมือนเป็นการแอบถ่าย ภาพนั้นคุณภาพไม่ละเอียดเท่าไหร่นักแต่ไม่ว่าจะมองยังไงก็เป็นรูปของพันกรถูกชายหนุ่มหนึ่งคนหอมแก้ม รูปต่อมาเป็นรูปที่ทั้งคู่มองหน้ากัน และรูปสุดท้ายเป็นรูปที่พันกรกำลังยีผมอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม


อู้ว~


ผมเหลือบตาไปยังสุดที่รักของคนในรูปแต่กลับพบเพียงสายตาเรียบนิ่ง ผมเกือบจะเชื่อว่าโป้ยมันไม่คิดเชื่ออะไรแบบนี้อยู่แล้วเชียวถ้าไม่ทันได้เห็นกรามที่ขึ้นเหลี่ยมมุมชัดเจนจากการขบฟันจนแน่น

“คุณปูนว่าไงครับ?”  พี่ริชหันมาขอความคิดเห็น

“ริช อย่าเกินไป”  พี่เปี๊ยกเอ็ดเพื่อนเบาๆ ทำเอาพี่ริชหน้ายู่ลงอย่างขัดใจแต่ก็สงบปากลงไม่ถามเซ้าซี้อะไรอีก แต่เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว ผมซึ่งเป็นเพื่อนของบุคคลในหัวข้อสนทนาจะไม่ชี้แจงอะไรเลยก็จะหาว่าสนิทกันไม่มากพอ

“มันก็แค่รูปถ่ายน่ะครับ”  ผมเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ เมื่อเห็นพี่ริชกับป้าจิ๋มพยักหน้าเห็นด้วยจึงพูดต่อว่า  “แต่มันก็เป็นหลักฐานอย่างดีพี่ว่ามั้ย?”

“เอ๊ะ?? หมายความว่าไงคะ!!”

ผมเหยียดยิ้มมองคนอยากรู้อยากเห็นแต่ไม่พูดอธิบายอะไรเพิ่มเติม สองสาวต่างบ่นอุบแต่นาทีต่อมาก็เริ่มหันไปคุยเรื่องอื่นกันต่อ ผิดกับบางคนที่โดนผลกระทบจากภาพถ่ายมากกว่าใคร

ครืด!

เสียงเก้าอี้ถูกเคลื่อนโดยแรง ทุกสายตาหันไปมองคนบางคนนั้นที่ลุกเดินจากไปเงียบๆ

“พี่ปูน!”

ลุงดุพร้อมกับตีแขนผมเบาๆ ผมแค่ยกยิ้มสมใจ

ใครใช้ให้ไอ้โป้ยชอบปั่นหัวผมกันล่ะ! 

 
 

 ------------------------------------------------------------------------------

ย้อนอ่านเลยจ้า  ย้อนอ่านเลยจ้า
นานเป็นชาติกว่าจะมาแต่ละตอน
กราบขอโทษนักอ่านงามๆ เลยค่ะ
 :mew4: :mew4:



หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 25 _ตัดขาดเพื่อเติมเต็ม_ || 19-5-61 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 19-05-2019 19:21:19
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 25 _ตัดขาดเพื่อเติมเต็ม_ || 19-5-61 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 19-05-2019 19:26:24
กลับมาแล้ว~  :mc3: :mc2: :mc4:
น้องลุงก็ยังน่ารัก ดีกับใจเหมือนเดิม
ดีใจกับพี่ปูนที่หลุดพ้นจากอดีตได้แล้ว มีความสุขกับปัจจุบันดีกว่าเนอะ
เอ็นดูน้องลุง ดูแลพี่ปูนดีขนาดนั้น ความรักที่น้องมีให้พี่ปูนมันแสดงออกมาจนเขาเห็นกันทั้งบริษัทแล้วครับ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 25 _ตัดขาดเพื่อเติมเต็ม_ || 19-5-61 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 19-05-2019 19:40:28
งือๆๆ ได้อ่านต่อแล้ว ดีใจๆๆๆๆ
ลุงน่ารักที่สุด ยังคงเป็นพลังใจให้พี่ปูน คู่นี้เลิฟๆกันจริง
อีกคู่นี่สิ ลุ้นต่อไป
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 25 _ตัดขาดเพื่อเติมเต็ม_ || 19-5-61 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: pan27 ที่ 19-05-2019 19:54:36
...ฮืออออ  รักลุงที่สุด เป็นคนที่น่ารักน่าอยู่ใกล้ในชีวิตจริง
เป็นความสดใสของโลกใบนี้อย่างแท้จริง
เช้าใจหัวอกคุณปุริมเลยค่ะ เราเองยังรักและหลงลุงหนักมาก
..ยิ่งอ่านยิ่งหลงรักเรื่องนี้ อย่าหายไปนานนะคะ คนอ่านคิดถึง  :L1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 25 _ตัดขาดเพื่อเติมเต็ม_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 19-05-2019 19:55:58
ดีใจ :mew1:ดีใจได้อ่านต่อแล้ว  ขอบคุณคนแต่งค่า :mew1:
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 49 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 19-05-2019 20:00:29
ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ [โป้ย]





“ไม่สามารถติดต่อเลขหมายปลายทางได้ในขณะนี้”

บ้าเอ๊ย!!

โทรศัพท์ราคาแพงถูกเขวี้ยงลงพื้นราวกับของไร้ค่า ผมไม่หันไปมองว่ามันจะแตกกระจายหรือพังเสียหายแค่ไหน ทำเพียงพิงหลังลงกับพนักโซฟาอย่างอารมณ์เสียขั้นสุด ผมรู้ว่าพี่กรไม่ค่อยรับโทรศัพท์เวลาทำงาน บางครั้งส่งข้อความไปก็ไม่ค่อยอ่าน แต่การปิดเครื่องแบบนี้มันเกินไปจริงๆ

การไปทำงานหลายวันโดยบอกลาสั้นนั้นผมเจอมาหลายครั้ง แต่ผมก็หวังว่าจะมีการติดต่อระหว่างวันบ้าง โต้ตอบข้อความบ้าง หรือแม้จะแค่ขึ้นอ่านเฉยๆ ผมก็ยังรับได้ แต่การติดต่อไม่ได้เลยไม่ว่าหนทางไหนมันทำให้ผมเป็นกังวล คิดไปต่างๆ นานาว่าจะเกิดเรื่องหรือไม่? กองจะมีปัญหาหรือเปล่า? โทรศัพท์เสียรึว่าหาย? ผมครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ทุกอย่างแล้วใช้ความคิดนั้นสงบจิตใจตัวเองเพื่อนับวันรอที่จะได้เจอกัน



แต่ไอ้รูปเชี่ยนั่นกลับปลุกจิตใจผมให้ลุกเป็นไฟ



แน่นอนว่าคนไม่ติดตามละครหรือวงการบันเทิงอย่างผมย่อมไม่คุ้นหน้าค่าตาของไอ้ดาราไม่รุ่งคนนั้น ผมไม่สนว่ามันจะเล่นละครเรื่องเดียวกันหรือไม่ ผมไม่สนว่ามันจะเป็นคู่จิ้นของพี่กรหรือเปล่า ...ผมจะทำเป็นไม่สนว่าพี่กรไปรับเล่นบทชายรักชายโดยไม่บอกผมด้วย

แต่ผมสนเรื่องที่แก้มของแฟนตัวเองถูกไอ้เวรที่ไหนมาจูบ แถมแฟนคนนั้นยังหยอกล้อกลับอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ

โว้ย!! คำพูดพี่ปูนยังก้องอยู่ในหูผมอยู่เลย หลักฐานอย่างดีบ้าบออะไรกัน! คนที่แอบรักผมมาตั้งนานสองนานอย่างนั้นจะไปมีใจมองใครได้อีก หรือต่อให้เริ่มเปลี่ยนใจจริงก็อย่าคิดว่าผมจะยอมง่ายๆ เหอะ!!

หลังจากระบายอารมณ์กับข้าวของจนพอเรียกสติกลับมาได้บ้างแล้ว แม้จะพยายามจดจ่ออยู่กับงานที่อุตส่าห์หอบกลับมาทำที่บ้านแต่ก็ไม่อาจเรียกสมาธิให้จดจ่อได้ ผมจึงทิ้งทุกอย่างไว้แล้วเลือกที่จะลงไปเดินที่สวนเล็กในบริเวณบ้านเพื่อปลดปล่อยความขุ่นเคือง

ผมมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือที่บ่งบอกว่าผมคงมีเวลาเงียบสงบอีกประมาณเกือบชั่วโมงก่อนที่บรรดาหลานๆ จะกลับมาจากโรงเรียน ที่บ้านใหญ่แห่งนี้ไม่เคยขาดเสียงน่ารำคาญของเด็กเลย พอคิดว่ารุ่นนึงโตแล้วก็มีรุ่นต่อไปมาสร้างความวุ่นวายตลอด

แต่ถ้าบ้านหลังนี้ขาดเสียงของเด็กๆ ไป ผมเดาว่ามันคงเงียบเหงาน่าดู

สนามหญ้าโล่งๆ ที่ประดับด้วยไม้กระถางนั้นจะเรียกว่าร่มรื่นก็ไม่ได้ แต่ทุกคนก็พร้อมใจเรียกมันว่าสวนเพื่อให้เกียรติออกซิเจนอันน้อยนิดที่บรรดาต้นไม้กระถางช่วยกันผลิต เพราะไม่งั้นมันคงมีศักดิ์เป็นแค่ลานไทเก๊กของอากงเท่านั้น ผมเดินไปนั่งยังชุดโต๊ะหินอ่อนริมกำแพงที่ตั้งกระถางต้นไม้ประดับไว้อย่างสวยงาม แสงแดดช่วงบ่ายถูกร่มไม้ใหญ่ของข้างบ้านชะล้างจนเหลือเพียงแสงรำไรที่ตกกระทบลงมา

ผมไม่ค่อยได้กลับบ้านเท่าไหร่นัก แต่ก็มีนัดม้ากับป๊าไปทานข้าวกันบ้าง โทรศัพท์คุยกันบ้าง แต่ในช่วงที่การอยู่ลำพังจะทำให้ฟุ้งซ่านแบบนี้ผมจึงเลือกที่จะกลับบ้านมาอยู่กับครอบครัว เผื่อเสียงเจื้อยแจ้วไม่หยุดของหลานกับหัวข้อสนทนาอันหลากหลายของคนในบ้านจะช่วยเบี่ยงเบนความสนใจได้บ้าง

แต่ผมก็ลืมไปว่าเดี่ยวนี้ข่าวสารมันเข้าถึงคนได้มากแค่ไหน...

“เฮียโป้ยทำงานกับพี่พันกรใช่มั้ย?”

เสียงของลูกพี่ลูกน้องของผมที่อายุไม่ต่างกันมากนักถามขึ้นในวงอาหาร ผู้ใหญ่ทั้งบ้านนั่งล้อมวงรอบโต๊ะทรงกลมขนาดใหญ่เพื่อทานอาหารเย็น บางคนที่ไม่ได้สนใจก็คีบกับข้าวให้เด็กไป บางคนถึงกับหันมามองผมอย่างโจ่งแจ้งเพราะสนใจในหัวข้อสนทนา

“ใช่ หนิงถามทำไม”  ผมถามกลับคนฝั่งตรงข้ามเสียงเรียบ ทั้งที่ในใจพอจะเดาถึงจุดประสงค์ได้

“ก็หนิงอยากรู้ว่าพี่กรคบกับริคเตอร์จริงหรือเปล่า”  หนิงคือลูกพี่ลูกน้องที่เลี้ยงด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ความสนิทก็เลยจะมีมากกว่าพี่น้องคนอื่นที่อยู่ต่างบ้าน แต่ผมนึกว่าจะเป็นแค่หนอนหนังสืออย่างเดียว ไม่คิดว่าจะชอบเรื่องราวดารากับเขาด้วย

“อะไรกัน อากรอีมีแฟนแล้วหรือ?”  ม้าที่นั่งข้างกันหันมาถามผมด้วยความอยากรู้ก่อนที่ผมจะได้ทันตอบคำถาม  “วันก่อนอาแก้วอีมาเยี่ยมยังไม่เห็นอีบอกเล่าเก้าสิบอะไรเลย”

“แต่มันชื่อผู้ชายไม่ใช่หรือหนิง คงไม่มีผู้หญิงที่ไหนชื่อริคเตอร์หรอกนะ”  โกวหยกถามลูกสาว ซึ่งลูกสาวคนเดียวของแกก็ตอบกลับอย่างฉับไว

“ก็ผู้ชายน่ะสิม้า เนี่ยเป็นคนแรกที่พี่กรมีข่าวด้วยเลยนะ คนเขาก็เลยลือกันว่าที่พี่กรไม่มีข้าวกับผู้หญิงคนไหนเพราะเป็นเกย์”

“เกย์!”  ผู้หลักผู้ใหญ่รอบวงข้าวพร้อมใจกันร้องขึ้น ผมแสร้งตีสีหน้าเรียบเฉยพลางเหลือบมองอากงที่นั่งพุ้ยข้าวเข้าปากเงียบๆ จะว่าไปพี่กรก็นับว่าเป็นคนโปรดของอากงมาเสมอ ไม่รู้ว่าจากนี้จะมีท่าทีอย่างไรเหมือนกัน

“พวกตุ๊ดแต๋วอย่างนั้นน่ะหรือ!”  แปะจิ่วทำสีหน้าเหลือเชื่อ ฟังจากน้ำเสียงแล้วแกคงมีอคติกับผู้ชายที่รักชอบกันเองเหมือนกับพวกผู้ใหญ่หัวโบราณทั่วไป

“ไม่ๆ อย่างที่กู๋ว่าคือคนที่ออกสาวๆ หรืออยากเป็นผู้หญิง แต่พี่กรแค่ชอบผู้ชายเขาเรียกเกย์”  คนต้นเรื่องอย่างหนิงรีบแก้ไขความเข้าใจผิด แต่ผมคิดว่าไม่น่าจะมีประโยชน์อธิบายกับคนรุ่นแปะเท่าไหร่

“มันก็เหมือนกันแหละอาหนิง”  แปะจิ่วสรุปสั้นๆ

“เห็นกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยไม่คิดเลยว่าจะเบี่ยงเบนแบบนี้นะ”  อาซ้อหลิว ภรรยาของแปะจิ่วพูดพลางถอนหายใจ

“แล้วนี่อาแก้วอีรู้รึเปล่า?”

“อีมีลูกชายคนเดียวด้วยนา”

“น่าสงสารอีจริงๆ อย่างนี้ก็ไม่มีหลานไว้สืบสกุลแล้ว”

และอีกคำวิจารณ์มากมายจากวงศาคณาญาติร่วมโต๊ะอาหาร ผมมองเจ้าตัวต้นเรื่องที่เริ่มทำสีหน้าเบื่อหน่ายคล้ายรู้ตัวว่าไม่ควรปากมาก ผมเองก็เริ่มหงุดหงิดกับการพูดต่างๆ นาๆ เกี่ยวกับพี่กร ถ้าหากหัวข้อสนทนานี้จะเป็นเรื่องคนอื่นผมก็คงแค่กินข้าวไปเรื่อยๆ จนเสร็จไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไร แต่นี่คือเรื่องของคนรักที่แม้ว่าผมกำลังขุ่นเคืองอยู่หากไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะมาพูดถึงในเชิงไม่ให้เกียรติแบบนี้

แต่ในเมื่อเป็นญาติกัน ผมคงไม่สามารถต่อว่าอะไรได้ นอกเสียจาก...

“ผมมีแฟนนะเผื่อทุกคนยังไม่รู้”  ผมโพล่งขึ้นด้วยเสียงดังพอที่จะสยบข่าวคาวบนโต๊ะ และก็เป็นดังคาดที่ทุกคนพุ่งความสนใจมาที่ตัวผมแทน

“ทำไมลื้อไม่เคยบอกม้าเลยล่ะ”  ม้าเป็นคนแรกที่ถามกลับด้วยความตกใจ  “เป็นลูกเต้าเหล่าใคร? ม้าเคยเห็นหน้ามั้ย?”

“เคยครับ”  ผมตอบสั้นๆ

“สวยมั้ยเฮีย”  หนิงถามต่อ

“วันหลังต้องพามาเที่ยวบ้านบ้างนาอาโป้ย จะได้รู้จักทุกคน”  ซ้อหลิวเอ่ยอย่างดีใจ  “ในที่สุดลื้อก็ยอมมีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักที ม้าของลื้ออยากจะอุ้มหลานเต็มแก่แล้ว”

ผมค่อยๆ เคี้ยวกับข้าวที่เพิ่งคีบเข้าปากพลางลอบมองสีหน้ายินดีของทุกคนช้าๆ แม่กระทั่งอากงก็ยังยิ้มน้อยๆ กับคำเย้าแหย่ที่ว่าจะมีเหลนเพิ่มขึ้นอีกคน อันที่จริงผมจะปล่อยให้ทุกคนคิดไปเพียงเท่านี้ก็ได้ แต่เมื่อเวลามันผ่านไปทุกอย่างก็ย่อมต้องเปิดเผยออกมา ในเมื่อผมเองก็ไม่คิดจะเปลี่ยนใจจากพี่กร จะพูดตอนนี้หรือตอนไหนก็คงเหมือนกัน

“แต่ผมกับแฟนมีหลานให้ม้าไม่ได้หรอก”  ผมหันไปพูดกับคนข้างตัว จ้องมองผู้หญิงที่ยังคงมีเค้าความสวยเหมือนสาวๆ ด้วยแววตาจริงจัง ม้าเลิกคิ้วมองผมเล็กน้อยก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นร่องรอยขมวดมุ่น

“แฟนผม...เป็นผู้ชาย”

ไม่มีใครส่งเสียงต่อจากนั้น ทุกคนคงอยากจะอ้าปากต่อว่าหรือวิจารณ์แต่ก็เกรงใจม้าถึงได้นั่งเงียบราวกับนัดกันไว้ ผมมองแม่ตัวเองด้วยแววตาเห็นใจ ที่จริงผมควรจะบอกม้าเป็นการส่วนตัวเพื่อไม่ให้ม้าอับอายคนอื่น แต่ในเมื่อผลลัพธ์มันจะออกมาเหมือนกันจะบอกแบบไหนก็คงไม่สำคัญหรอก

“อาโป้ย!! ลื้อ...นี่ลื้อ...”  ม้าอ้าปากอมลมอยู่หลายรอบ คงอยากจะด่าผมแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงดี

“ผมไม่รู้สึกว่ามันน่าอายหรือว่าเป็นเรื่องที่ผิดก็เลยตัดสินใจบอก”  คำย้ำของผมทำให้ทั้งโต๊ะยิ่งเงียบเข้าไปอีก กระทั่งเสียงวางตะเกียบจากตำแหน่งของอากงดังขึ้น ทุกคนหันไปมองเจ้าบ้านที่อายุเกือบจะร้อยปีเข้าไปทุกทีด้วยความกังวลว่าแกจะรับไม่ได้จนกระเทือนร่างกาย

แต่อากงกลับใช้แววตามากประสบการณ์มองมาที่ผมเงียบๆ

“อาโป้ย...”  อากงเรียกผม ทำเอาคนร่วมโต๊ะทำหน้ายุ่งด้วยความกังวล

“ครับอากง”

“ลื้อจริงจังงั้นรึ”

“ครับ” 

อากงพ่นลมหายใจยาวเหยียดพลางพยักหน้ากับความเข้าใจที่ไร้เสียง ท่าทีเช่นนั้นของผู้ที่มีอำนาจที่สุดในบ้านทำให้ผมสบายใจ หากอากงไม่ต่อว่าอะไรคนอื่นก็จะวิจารณ์เรื่องนี้อย่างมิดชิดมากขึ้น

“แต่นี่เป็นเรื่องใหญ่นะอาป๊า”  ม้ายังเป็นคนเดียวที่มีท่าทีสับสนอย่างชัดเจน บางทีหากอากงแสดงท่าทีต่อต้านมันคงช่วยให้ม้าแกลงความเห็นไปในทิศทางที่ชัดเจนได้ดีกว่านี้

“แล้วลื้อจะทำอย่างไร หืม อาหลิง?”  อากงถาม ทำเอาม้าที่สับสนอยู่แล้วถึงกับไปไม่ถูก

“อั๊ว...”

“คนมันรักมันชอบไปแล้ว ลื้อจะจับอีเข้าโรงหมอหรือลงหวายอีรึไง”  ทุกคนเงียบกริบยามอากงเอ่ยเสียงเฉียบขาด  “ถึงอีจะดื้อเงียบแต่อาโป้ยก็เป็นเด็กดีมาตลอด อีเป็นหลานที่ดีของอั๊วเพราะฉะนั้นอีจะรักชอบอะไรอั๊วก็ยังรักอี หรือว่าอาโป้ยเป็นลูกที่ไม่ดีลื้อถึงหาข้ออ้างที่จะไม่รักอีแล้ว”

“ไม่ใช่นะป๊า...อั๊ว...อั๊วแค่...”

“พวกลื้อก็เหมือนกัน”  อากงกวาดตามองไปรอบโต๊ะ  “พวกลื้อไม่มีสิทธิ์ตัดสินหรือวิจารณ์ใคร ต่อให้เป็นคนที่พวกลื้อเห็นมาแต่เล็กแต่น้อยก็เถอะ พวกลื้อมีสิทธิ์หวังดีและเอ็นดูสงสารแต่ไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่าย โลกมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้วพวกลื้อต้องรู้จักอยู่กับปัจจุบันด้วย”

เสียงตอบรับแผ่วเบาดังมาจากทุกทิศทางรวมถึงคนข้างกายผมด้วย

“เอาล่ะ กินข้าวกันต่อได้แล้ว”

สิ้นเสียงของอากงทุกคนจึงแสร้งยิ้มกินข้าวกันต่อ หนิงก็เริ่มหาเรื่องอื่นมาคุยเพื่อให้วงไม่เงียบ ไม่นานก็เกิดเสียงหัวเราะขึ้นอีกครั้งราวกับไม่เคยมีเรื่องเครียดใดมาก่อน จะมีก็แต่คนข้างๆ ผมที่ยังคงทำสีหน้าปั้นยากไปตลอดมื้อ กระทั่งมื้อเย็นจบลงถึงเวลาที่ทุกคนแยกย้ายกันไป ม้าก็ยังไม่มองหน้าผม...

การแสดงออกของม้าเป็นสิ่งที่ผมเข้าใจได้ ผมจึงไม่รบเร้าที่จะเข้าไปพูดคุยหรือทำเป็นว่าบางอย่างจะไม่เปลี่ยนไป ผมปล่อยให้เวลาม้าได้คิดเพียงลำพังเพื่อรอคำตัดสินของป๊าที่จะกลับมาจากฮ่องกงในอีกสามวัน ม้าก็เหมือนผู้หญิงเชื้อสายจีนทั่วไปที่จะฟังคำของสามี ถ้าในกรณีนี้ป๊าเกิดโมโหรับไม่ได้ขึ้นมา ผมก็ไม่รู้ว่าม้าจะยังเข้าข้างผมอยู่หรือเปล่า








ผลจากการทำลายข้าวของอย่างขาดสตินั้นตามมาด้วยการต้องเสียเงินโดยใช่เหตุ มือถือโชคร้ายเครื่องนั้นหน้าจอแตก และการถูกกระแทกอย่างแรงทำให้มันเปิดไม่ติด จะส่งเข้าศูนย์ก็กินเวลานาน ส่งร้านซ่อมก็คิดราคาสูง ผมจึงเลือกที่จะซื้อใหม่แทน และทันทีที่ตั้งค่าทุกอย่างในเครื่องเสร็จเรียบร้อย คนแรกที่ผมโทรหาก็ยังเป็นคนเดิม

“ไม่สามารถติดต่อเลขหมายปลายทางได้ในขณะนี้”

และก็ยังคงเป็นคำตอบเช่นเดิมที่ผมได้

หากครั้งนี้ผมทำเพียงถอนหายใจแล้วเดินไปเรื่อยๆ ในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่นี้โดยไร้จุดมุ่งหมาย เมื่อก่อนหน้านี้ไม่ได้เห็นหน้าพี่กรผมก็อยู่ได้ ไม่ได้คุยกันก็ไม่เป็นไร หรือจะห่างกันเป็นเดือนเป็นปีผมก็ยังไม่รู้สึกโหยหาอะไร แต่พอตัวเองตัดสินใจหยิบยื่นความรู้สึกให้ ก็กลายเป็นผมที่ไม่เหมือนเดิมในขณะที่พี่กรไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด พี่กรยังคงเป็นผู้ชายที่อดทนเก่ง ในขณะที่ผมแทบจะอดกลั้นไม่ได้

ที่เคยคิดว่าพี่กรขาดผมไม่ได้ อาจจะกลายเป็นตัวผมเองมากกว่าที่ผูกหัวใจเอาไว้ที่ปลายเท้าของเขา ถ้าหากพี่กรเผลอเหยียบมันเข้าคงจะมีแค่ผมที่เจ็บเจียนตาย


มันไม่ดีเอาเสียเลย


ความรักมันคือสิ่งที่ควรจะถูกเก็บรักษาไว้ในใจ เพราะใจมันจะสั่งสมองให้คิดถึงคนๆ นั้นอยู่เสมอ แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น...คนที่ไม่คิดถึงกันล่ะ?

ผมส่ายหัวให้กับความคิดวุ่นวายในหัว ถ้าไอ้ลุงมันรู้ว่าผมเพ้อเจ้อคนเดียวอย่างนี้คงขำจนกรามค้าง

เดินๆ นั่งๆ ไปเรื่อยจนตกเย็น ผมจึงชวนเสี่ยไปกินอาหารดื่มเหล้าเคล้าเสียงเพลงตามประสาคนว่าง แต่ถึงแม้จะไม่ค่อยว่างเสี่ยมันก็ยินดีหนีป๊ามันมาได้อยู่แล้ว ดูจากสีหน้ายินอกยินดีตอนที่ได้กระดกเบียร์เข้าปากก็รู้

“สดชื่นโคตร~”  เพื่อนรักผมแทบจะครางออกมากลางร้านอาหาร มันดื่มอึกๆ จนหมดแล้ววางแก้วลงกับโต๊ะเหมือนพวกกระหายอยากมานาน

“เครียดเหรอไงมึง”

“อย่าให้กูต้องพูดเลย เดี๋ยวกูจะเผลอบ่นป๊าให้บาปกินกะบาล”

ผมส่ายหน้าอย่างเห็นขันแต่ก็ไม่ถามอะไรต่อ เพระรู้ดีว่ามันมีความเครียดที่ต้องทำงานให้ป๊ามันพอสมควร ป๊ามันเป็นคนละเอียดจุกจิกเลยทำเหมือนเสี่ยมันยังเป็นเด็กไม่โตเสียที แล้วไอ้เสี่ยมันก็เป็นคนสบายๆ ต้องมาอยู่ในกรอบตลอดเวลาแบบนี้ความเครียดมันก็ต้องมีบ้าง

แต่ผมจะไปอวยพรว่าทนเอาเพื่อน เดี๋ยวป๊ามึงก็ไปสบายแล้วก็ไม่ได้…

“คิดซะว่าเขาเป็นห่วงมึงสิวะ ที่เขาสอนเขาด่าเพราะอยากให้มึงสบายตอนไม่มีเขา”

“เฮ้อ…กูรู้ เขาอดทนกับกูที่สุดแล้ว หมดจากเขาก็เหลือแค่พวกที่ไม่ไหวจะทนกับกูทั้งนั้น”

“เขารักมึง”

“กูก็รักเขา”

“อะ! กูบันทึกเสียงไว้แล้ว เดี๋ยวกูส่งไลน์ให้ป๊ามึงนะ”  ผมหัวเราะพลางยื่นโทรศัพท์ให้มันพร้อมกับกดเล่นเสียงที่บันทึกไว้

“ไอ้สัดนี่”  ไอ้เสี่ยยื่นมือออกมาหวังตบหัวผมแต่ก็วืด สีหน้ามันขัดเขินเล็กน้อยตามประสาลูกผู้ชายทั่วไปที่ไม่ค่อยได้แสดงความรักกับพ่อเท่าไหร่

“สนใจเรื่องมึงเถอะ เสียงตอนโทรชวนกูเนี่ยเซ็งเต็มที่เลยนะ”  เมื่อทำร้ายร่างกายผมไม่ได้ มันก็เปลี่ยนเรื่องทันที

“กูแค่เบื่อๆ”

“แล้วเมียลุงของมึงเล่า”  ผมยิ้มขำกับคำเรียกลับหลังของเพื่อน คงเพราะผมกับลุงชอบเล่นถึงเนื้อถึงตัวกันอยู่ประจำเลยได้ตำแหน่งผัวเมียอุปโลกน์จากคนรอบข้าง ซึ่งแน่นอนว่าพัทลุงมันไม่รู้หรอกว่าตัวเองกลายเป็นเมียปลอมๆ ของผมมานานแล้ว

“เมียกูมันก็ไปมีผัวเป็นตัวเป็นตนแล้วไง หวานกันซะจนขากูกระตุกยิกๆ”

“หึงสินะ”

“หมั่นไส้ต่างหาก”  ผมเบ้ปากให้กับเสียงหัวเราะชอบใจของเพื่อน นี่ถ้ามันต้องมาเห็นมาได้ยินบทหวานอย่างผม มันก็คงตีนกระตุกเหมือนกันนั่นแหละ

เรานั่งดื่มเบียร์แกล้มกับจนหมดไปหลายขวด เพียงแค่นี้มันไม่ได้ทำให้เมาได้ หากทำให้ปากเริ่มเบาขึ้น อะไรที่มันคาใจก็คล้ายกับจะกักเก็บเอาไว้ไม่อยู่

เสี่ยอ่ำกำลังจิบเบียร์พลางมองสาวๆ โต๊ะข้างเคียง มันอมยิ้มน้อยๆ พร้อมกับโยกตัวตามจังหวะดนตรีสดที่กำลังบรรเลงอยู่

“กูถามอะไรหน่อยสิอ่ำ”

“ว่า”

“...ถ้าเกิดคนที่มึงคบอยู่ไม่ติดต่อมึงเลยมันจะหมายความว่าไงวะ?”

อ่ำหันมามองผมด้วยสายตาแฝงคำถาม ต่อเมื่อผมยังคงนิ่งเฉยมันจึงเปลี่ยนความอยากรู้เป็นการตั้งใจใช้ความคิดแทน

“เขารักมึงไม่มากพอรึเปล่า”

หัวใจรู้สึกแปลบปลาบทันทีที่คำถามถูกวิเคราะห์ออกมา แต่ผมก็ยังแสร้งเก็บความรู้สึกเอาไว้ขณะพึมพำแก้ตัว

“กูไม่ได้พูดถึงตัวเองสักหน่อย”

“อะ งั้นกูแทนว่าเขากับผู้ชายคนนั้นก็ได้”  มันว่ายิ้มๆ

“ว่าแต่…มึงคิดอย่างนั้นจริงเหรอ”

“กูก็มั่วไป”


ไอ้ห่า!! ผมแทบจะหยิบขวดเบียร์เขวี้ยงใส่มัน


“ก็มีคนคบกันที่ไหนวะที่ไม่ติดต่อกันเลย”  ไอ้อ่ำมันรีบพูดเพิ่มเติมเมื่อเห็นผมจดๆ จ้องๆ อยู่ที่ขวดเปล่า  “อ้อ! มีกรณีไอ้ลุงไง ที่มันปล่อยปละละเลยแฟนมันประจำแล้วก็มานั่งชีช้ำตลอด”

ผมเงียบ ไม่พาตัวเองกระโดดลงไปในความน่าจะเป็นของเพื่อน เพราะข้อนั้นผมก็เคยเอามายกเป็นตัวอย่างแล้ว... ลุงมันแค่ชอบแต่มันไม่ได้รักผู้หญิงพวกนั้น พอคิดถึงตรงนี้หัวใจผมก็คล้ายจะห่อเหี่ยวเพิ่มขึ้นเมื่อเห็นว่าเวลาลุงได้รักแล้วมันทุ่มเทให้แฟนตัวเองแค่ไหน

“ช่างเหอะ!! ถือซะว่ากูไม่ได้ถามอะไรแล้วกัน”  ผมตัดสินใจในที่สุด

พี่กรไม่ใช่ลุงหรือว่าใครคนอื่น! ผมไม่สามารถเปรียบเทียบความต่างหรือความเหมือนกันได้ อะไรที่ผมข้องใจหรืออยากรู้ก็สมควรที่จะถามกับเจ้าตัวถึงจะดีที่สุดสินะ


-------------------------------------[มีต่อค่ะ]

คุณ♥►MAGNOLIA◄♥ ขอบคุณที่ท้วงปีพ.ศ.ค่ะ ไม่ได้ลงนานจนหลงปีไปหมดแล้ว 555
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 19-05-2019 20:12:48
เราดื่มต่อกันอีกสักพักก่อนจะตกลงแยกย้ายไปบ้านใครบ้านมัน ผมที่ยังถูกม้าหลบหน้าหลบตาก็จำต้องระเห็จกลับมานอนคอนโดฯ ตามเดิม

ผมชะงักอยู่หน้าประตูห้องด้วยใจหดหู่เล็กน้อย ที่จริงผมความจะตามเสี่ยมันกลับไปนอนที่ด้วยแทนที่จะต้องอยู่ลำพังในช่วงเวลาแบบนี้ แต่ผมก็ต้องอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของตัวเองให้ได้เสียที เสียงทอดถอนใจดังขึ้นท่ามกลางความของทางเดิน และในที่สุดผมก็เปิดประตูเข้าไป


หากมีบางอย่างไม่ถูกต้อง...


ก่อนที่ผมจะกลับบ้านใหญ่นั้น แน่ใจว่าได้ตรวจดูทุกอย่างให้อยู่ในความเรียบร้อยดีแล้วแต่ไฟในห้องบางส่วนกลับถูกเปิดทิ้งไว้ ผมโคลงศีรษะด้วยความสงสัยก่อนที่สายตาจะเผลอกวาดไปมองพื้นห้องตรงตู้เก็บรองเท้า ที่ตรงนั้นมีรองเท้าหนึ่งคู่ถอดวางไว้อย่างเรียบร้อย มันดูคุ้นเคยแม้ไม่ใช่รองเท้าของผม แต่มันเป็นรองเท้าที่ผมซื้อให้ใครบางคนต่างหาก

คล้ายกับว่าหัวใจที่แห้งเหี่ยวได้หยาดน้ำเข้ามาหล่อเลี้ยงอีกครั้ง

ผมถอดรองเท้าแล้วรีบพาตัวเองเดินเข้าไปในห้อง ผ่านความเงียบงันกับความมืดสลัวในบางมุมเพื่อตรงไปยังสายธารที่จะทำให้หัวใจของผมกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เสียงประตูดังเบาๆ เมื่อถูกเปิดออกท่ามกลางความเงียบที่แม้แต่เสียงฝีเท้าก็ว่าดัง อากาศเย็นฉ่ำที่พุ่งออกมาปะทะความร้อนทำให้รอยยิ้มแตะแต้มบนใบหน้า ผมตรงเข้าไปเปิดไฟเพื่อต้องการมองสิ่งมีชีวิตที่กำลังหลับสนิทบนที่นอนของผมให้เต็มตา

ผ้านวมผืนใหญ่ห่อหุ้มร่างคนนอนมิดชิด โผล่มาแค่เส้นผมนิ่มสีน้ำตาลคลอเคลียใบหน้าดูดีที่กำลังหลับพริ้ม วินาทีนั้นผมไม่สนว่าตัวเองสกปรกหรือเปล่า กลิ่นเหล้ากลิ่นอาหารจะติดตามตัวแค่ไหน ผมแค่พาตัวเองพุ่งไปยังจุดนั้นแล้วคว้ากอดพี่กรอย่างยินดี

ร่างข้างใต้ดิ้นขลุกขลักในทันทีตามมาด้วยเสียงในลำคอที่ดังขึ้นอย่างขัดใจ ผมมองใบหน้ายับย่นของคนรักด้วยรอยยิ้ม พี่กรดิ้นไปมาจนกระทั่งพ่นลมหายใจออกมาด้วยความรำคาญขั้นสุด และเมื่อนั้นดวงตาของคนง่วงงุนถึงได้ฤกษ์ลืมขึ้นช้าๆ

ผมกดจูบพี่กรทันทีที่เราสบตากันไปได้ไม่ถึงสองวิ ริมฝีปากที่ผมคิดถึงมาหลายวันนั้นยังคงนุ่มนวลเหมือนเคย ยามที่ผมลากลิ้นชิมรสหวานฉ่ำอีกฝ่ายก็เชื้อเชิญให้ผมลิ้มรสมากกว่าเดิมโดยการเผยอกลีบปาก ต้อนรับปลายลิ้นของผมด้วยเรียวลิ้นร้อนชุ่มชื้น ทักทายอย่างแนบแน่นให้สมกับเวลาที่ห่างกัน

ผ้าห่มผืนหนาคือตัวขัดขวางชั้นดี ผมพยายามดึงรั้งมันออกไปให้พ้นทางขณะที่ริมฝีปากของเราก็ยังไม่แยกจากกัน พี่กรวาดแขนรอบคอผมเอาไว้ ขาก็ช่วยเตะผ้าออกไปจนกระทั่งมันพ้นทาง ผมเลื่อนตัวขึ้นเหนือร่างโปร่ง แยกเรียวขาออกว้างแล้วแทรกที่ว่างด้วยร่างตัวเอง กดกายแนบชิดพลางละริมฝีปากออกเพื่อพรมจูบไปทั่ววงหน้า ลามเรื้อยไปยังลำคอขาวที่ต้องอดใจทุกครั้งไม่ให้ขบเม้มร่องรอย จมูกโด่งซุกไซ้สูดกลิ่นกายเคยคุ้นที่เฝ้ารอ คลึงเค้นผิวเนื้อนุ่มด้วยฝ่ามือเรียกเสียงครวญครางแผ่วเบากับอ้อมกอดที่กระชับแน่นขึ้น

ร่างกายส่วนล่างเคลื่อนไหวบดเบียดกันตามแรงอารมณ์ที่พวยพุ่งขึ้น ถูไถเสียดสีจนกระทั่งก่อเกิดความขึงขังระหว่างกัน เสียงครางในลำคออื้ออึงทำลายความเงียบให้จางหายไป เช่นเดียวที่ไอร้อนทำท่าจะชำระล้างความเย็นให้หายไปทุกขณะ

“คิดถึง...”

ผมกระซิบบอกด้วยเสียงโหยหา และแม้ว่าจะไม่มีคำพูดหวานๆ ตอบกลับมา แต่เพียงวงแขนที่โอบกอดผมอยู่นั้นรัดแน่นขึ้นก็พอจะบ่งบอกความรู้สึกของอีกฝ่ายได้

“อย่าโกรธพี่นานนะ”  น้ำเสียงคล้ายออดอ้อนดังขึ้นแนบหู ใบหน้าที่คนทั่วประเทศอาจจะรู้จักกำลังซุกซบซีกหน้าผม มันช่างหวานล้ำจนหัวใจเต้นรัวแรง

“เรื่องไหนดีล่ะ” 

“ก็เรื่องที่พี่ลืมมือถือไว้...”

ผมพ่นลมหายใจเหนื่อยอ่อน ที่ผมทั้งโมโหทั้งเป็นห่วงมาหลายวันก็เพราะอีกฝ่ายลืมโทรศัพท์ไว้เนี่ยนะ

“แต่พี่ก็โทรมาให้ปูนฝากบอกโป้ยแล้วนะ เพราะงั้นอย่าโมโหพี่นานนะ”

“...เกี่ยวอะไรกับพี่ปูน”  ผมว่าเรื่องนี้มันชักจะมีเงื่อนงำเสียแล้ว

“ปูนไปส่งพี่ที่สนามบิน แล้วพี่ก็ดันลืมมือถือไว้ในรถ”  พี่กรอธิบายเสียงนุ่มพลางคลอเคลียผมด้วยริมฝีปากหวานๆ  “พี่ก็เลยใช้เบอร์คนที่กองโทรเข้าให้ปูนบอกโป้ยด้วยจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”

ไม่เห็นพี่แกจะง้างปากบอกเรื่องนี้กับผมเลยตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา!

ผมได้แต่กัดฟันกรอด เก็บกักความแค้นในใจเอาไว้เพื่อรอการชำระ

“ปูนไม่ได้บอกเหรอ?”

“ผมเดาว่าพี่เขาลืม” 

“ไอ้เลวเอ๊ย!”  พี่กรถึงกับสบถออกมาเรียกรอยยิ้มกว้างจากผม นานๆ จะได้ยินพี่กรพูดหยาบให้ผมฟังสักที  “มันรับปากพี่เป็นมั่นเหมาะ ถ้ารู้ว่ามันจะแกล้งโป้ยคงกำชับให้มันเอาเครื่องมาไว้ที่โป้ยแล้ว”

“ผมจะตอบแทนเพื่อพี่ให้ถึงใจแน่คอยดูสิ!”  ผมหมายมาดในใจ ผู้ชายคนนั้นจะมีเรื่องอะไรที่ทำให้จะเป็นจะตายได้นอกจากเรื่องของพัทลุง แล้วนี่ใคร...นี่โป้ยไง! ต่อให้มันจะมีผัวสักกี่คนมันก็ยังคงเป็นเพื่อนตัวเล็กที่ดิ้นดุ๊กดิ๊กอยู่ในกำมือผมวันยังค่ำ

“งั้นไม่โกรธพี่แล้วเนอะ”

“...เรื่องนี้ไม่แล้ว”  ผมว่า ก้มลงจูบริมฝีปากบางเบาๆ อย่างอดใจไม่ไหว

“แล้วมีเรื่องไหนอีก?”

“เดาสิครับที่รัก”  ผมเหยียดยิ้ม พี่กรกลอกตาไปมาอยู่สองสามทีคล้ายกำลังขบคิดก่อนที่ใบหน้าจะยู่ลงอย่างคนนึกความผิดของตัวเองได้

“อย่าบอกนะว่าเห็นรูปที่ถูกแอบถ่าย”  พี่กรส่ายหน้าจนผมกระจาย  “มันไม่มีอะไรเลยนะ มันแค่หนึ่งในวิธีโปรโมทของกองละครเท่านั้นเอง เขาอยากเอาจุดขายที่พี่ไม่เคยมีข่าวกับใครมาตี”

“แล้ว...”

“แล้วช่องก็อยากจะดันเด็กคนนั้นด้วย”

“แล้ว...”  ผมถามกลับเสียงนิ่ง พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ใจอ่อนไปกับคนน่ารักตรงหน้า

“แล้วพี่เองก็เห็นว่ามันคงจะดีในอนาคต”

“...ยังไง”

“ก็...ก็ถ้าเราเปิดเผยกันมากขึ้นมันก็จะไม่กะทันหันเกินไปกับทุกคนไง เพราะงั้นพี่ถึงยอมรับเล่นบทแบบนี้ แล้วผลตอบรับก็ดีเกินคาดซะด้วยนะ”   

ผมรับฟังถ้อยคำอธิบายอย่างสงบ ทั้งที่ในใจนั้นเต้นรัวไปกับใบหน้าระเรื่อแดงกับทุกคำที่เอ่ยออกมาของคนตรงหน้า มันออกจะเป็นคำตอบที่เกินความคาดหมายไปไม่น้อย ในเมื่อตลอดมาพี่กรคือคนขี้กลัวกับความสัมพันธ์ระหว่างกันถึงขนาดทำเพียงแค่แอบชอบผมมานานหลายปี ไม่คิดเลยว่ามาในวันนี้คนรักของผมจะเริ่มคิดถึงเรื่องของเราในอนาคตบ้างแล้ว

“แล้วมันต้องถึงเนื้อถึงตัวขนาดนั้นด้วยเหรอ”  ผมหลุดคำถามงี่เง่าออกไปทั้งที่ในใจนั้นอ่อนยวบยาบพร้อมยอมรับทุกเหตุผลไปนานแล้ว

“ภาพที่ออกมานี่ไม่เรียกว่าถึงเนื้อถึงตัวนะโป้ย”  พี่กรอมยิ้ม เอ่ยแย้งระคนขบขัน

“แล้วในบทล่ะ”  ความไม่ยอมแพ้ของผมทำให้พี่กรนิ่งเงียบไป แต่จากการที่รู้จักกันมายาวนานนั้นทำให้ผมตีความได้ว่ามันไม่ใช่การเงียบเพราะรำคาญ แต่มันเป็นความเงียบที่มาจากการจำนนด้วยความจริง

“บอกมาเลย อย่าให้ผมต้องรู้จากข่าวนะ”  ผมคาดคั้นเสียงเข้ม กดสะโพกบดเบียดแนบหว่างขาอีกฝ่ายจนไม่เหลือช่องว่าง พี่กรครางเบาๆ ลดมือลงมาจับเสื้อผมไว้แทน

“ก็มีเลิฟซีนบ้าง”  ในที่สุดคนถูกคาดคั้นก็อ้อมแอ้มตอบออกมา  “แต่ว่าพี่เล่นบทร้ายนะ พอละครออนแอร์คงมีแต่คนด่ามากกว่าจะโฟกัสที่เรื่องนั้นด้วยซ้ำ”

“ร้ายขนาดนั้นเชียว”

“ก็เทาๆ นะ มันเป็นบทที่ในความร้ายก็ยังมีมุมดีอยู่บ้าง”

“งั้นคนก็ต้องโฟกัสเรื่องนั้นแน่ ผู้ชายหล่อร้ายน่ะมีแต่คนชอบ”  ผมบ่นออกมาพลางฝังใบหน้าลงกับซอกคอขาว กลิ่นกายคุ้นเคยทำให้ความหงุดหงิดบรรเทาลงไปได้บ้าง

“พี่ก็เคยเล่นเลิฟซีนะ โป้ยไม่เห็นจะบ่นแบบนี้เลย”

“แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พี่เล่นกับผู้ชายนี่นา”  เสียงพ่นลมหายใจแรงๆ ตามมาหลังจากหลุดความงี่เง่าของตัวเองออกไป จะถามว่ากับเลิฟซีนเรื่องก่อนๆ ผมไม่รู้สึกเลยก็ไม่ใช่ แต่มันเป็นเพราะตอนนี้ผมได้ชื่อว่าเป็นคนรักแล้วต่างหาก ความรู้สึกหวงจนไม่อยากให้ใครแตะต้องมันมีมากกว่าที่ตัวเองคิดเอาไว้ ทั้งที่รู้ว่าทั้งหมดคืองานแต่มันก็หยุดความไร้เหตุผลในสมองไม่ได้เลย

“ขอโทษนะครับ...ผมแค่หึงพี่เท่านั้น”  ผมบอกเสียงอู้อี้ทั้งที่ริมฝีปากยังแนบชิดผิวเนื้ออุ่น

ผมไม่รู้ว่าพี่กรทำสีหน้าแบบไหนขณะที่ผมสารภาพความในใจออกไป หากวงแขนเนียนนุ่มของคนใต้ร่างนั้นกลับมาโอบรอบบ่ากว้างอีกครั้ง เรียวนิ้วยาวสัมผัสแตะต้องทิ้งร่องรอยอุ่นผ่านเนื้อผ้า เกาะเกี่ยวเส้นผมสร้างความผ่อนคลาย วงหน้าเอียงแนบถูไถราวกับออดอ้อน ก่อนที่ริมฝีปากจะเริ่มซุกซนไปตามซีกหน้าของผมเรียกร้องจูบที่ผมยิ่งกว่ายินดีที่จะมอบให้


จะมีใครสักกี่คนที่รู้ว่าพี่กรมีอีกหนึ่งมุมที่แสนยั่วยวนแบบนี้


...และผมหวังให้ตัวเองเป็นคนแรกและคนสุดท้ายที่ได้รับรู้


เราจูบกันต่ออีกหลายนาที บดเบียดร่างกันจนที่นอนยับยู่ยี่ ต่างฝ่ายต่างลุกโชนพร้อมที่จะปลดปล่อยออกมา เสื้อนอนเนื้อบางถูกถอดโยนลงข้างเตียงขณะที่อีกฝ่ายดึงรั้งเสื้อยืดของผมออกแล้วโยนไปไกลยิ่งกว่า ผมควรจะผละจากสงครามที่กำลังเริ่มก่อตัวนี้เพื่อไปทำความสะอาดร่างกายเสียก่อน แต่ผมเลือกที่จะเก็บความคิดเอาไว้ก่อนเพราะคืนนี้พี่กรร้อนแรงเหลือเกิน...

ร่างที่บอบบางกว่าพลิกตัวโดยแรงเพื่อเปลี่ยนตำแหน่ง ผมมองคนรักนั่งคร่อมตัวเองในท่าทางล่อแหลมด้วยแววตาเป็นประกาย พี่กรยิ้มหวานหากนัยน์ตาวิบวับเหมือนพวกตัวร้ายที่จ้องจะทำมิดีมิร้ายนางเอก ความกังวลว่าตัวเองจะโดนรุกคืบทำให้ผมรีบส่งสองมือบีบขยำสะโพกแน่นของคนบนร่างเพื่อเป็นการตอกย้ำตำแหน่งที่ถูกต้อง แน่นอนว่ามันทำให้พี่กรหัวเราะออกมาพร้อมกับมอบจูบปลอบใจให้ผมไม่ต้องคิดมาก

“พี่ก็คิดถึงโป้ยครับ...ขอโทษที่ทำให้ไม่สบายใจนะ”  เสียงกระซิบเอ่ยชิดริมฝีปาก พี่กรยิ้มพลางยื่นหน้าพรมจูบไปทั่วใบหน้าเช่นเดียวกับที่ผมทำก่อนหน้า

แวบหนึ่งของความรู้สึกอ่อนหวานที่พาให้ใจเต้น ผมอยากจะต่อว่าเรื่องการการไม่ชอบรับโทรศัพท์หรือตอบข้อความ ความคิดถึงควรจะทำให้เกิดความโหยหาที่อยากได้ยินเสียงหรือเห็นหน้า แต่ผมก็เลือกที่จะปัดความคิดนั้นออกไปแล้วเลือกอยู่กับความสุขในตัวตนของผู้ชายคนนี้

พี่กรเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร และผมก็ปักใจรักทั้งที่รู้ข้อเสียนั้นดีอยู่แก่ใจ ผมจะไม่ยอมแลกความพอใจของตัวเองกับความอึดอัดจากการเปลี่ยนแปลงของอีกฝ่าย เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมาแม้เราจะไม่ได้คุยกันทุกวันแต่พี่กรก็ยังคงรักผมอยู่เช่นเดิม

อาจจะทรมานไปบ้าง แต่มันไม่ได้ทำให้ผมรักพี่กรน้อยลง

และถ้าความคิดถึงทำให้พี่กรร้อนแรงแบบนี้…ก็นับว่าเป็นความทรมานที่คุ้มค่าล่ะนะ


----------------------------------------------------------------
ตอนนี้สั้นๆ ไม่ได้อยากต่อreใหม่ แต่จำนวนคำมันเกินมานิดนึง

เรื่องนี้ใกล้จะจบเต็มที อดทนกันอีกเฮือกนึงนะทุกคน 5555
อีกประมาณ 2-3 ตอน ก็จะขึ้น THE END ได้แล้ว
แต่ตอนพิเศษนั้นค้างอยู่ในหัวเต็มไปหมด
น้องลุงและหลัวมาสายหื่นแล้วอ่ะเนอะ
คนเเต่งก็เป็นคนไสย์ๆ ดังนั้นมันก็จะ 18+นิดๆ 20+ หน่อยๆ
ยังลุ้นว่าจะถูกแบนมั้ย

...ถามว่าหมกมุ่นเหรอ? //ใช่จ้ะ
5555

พบกันงวดหน้า ตอน27กำลังค้างคาอยู่ที่หน้าword ยังคงเป็นของนังนุ้งโป้ยเช่นเดิม
กระซิบว่า...เขาจะได้กันแล้วค่า
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Kankan30 ที่ 19-05-2019 20:14:16
 :pig4:มาแล้วๆ :katai2-1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-05-2019 20:23:52
เย้ๆๆ.....ดีใจ ไรท์มา  :mew1: :mew1: :mew1:
ไรท์ลงปีพ.ศ. ผิดนะ ต้องเป็น 2562

พี่ปูน กล้าที่จะเปิดประตูอดีตที่ดำมืดของตัวเอง
แต่เปิดแล้วโล่ง สว่าง ได้กัด แขวะคนเลวที่เคยรังแกเด็กได้ ดีมาก  :katai2-1:
พ่อก็ยอมรับว่า ไม่สามารถรักพี่ปูนอย่างพ่อรักลูกได้ ดีที่พูดตรงๆ  :hao3:
แต่ไม่เข้าใจที่บอกว่าพ่อกับแม่ไม่ได้รักกันเป็นการตกลงทางธุรกิจ
ก็ตกลงแค่ทางธุรกิจไปสิ มาสัมพันธ์ทางกายกันทำไม
จนทำให้เกิดเด็ก ที่ต้องมารับความทุกข์
ทั้งที่ไม่สามารถให้ความรัก ดูแล เอาใจใส่เขาได้ พวกคุณแย่มากกกกกกกก
พี่ปูนรักลุงแทบจะกลืนกินแล้ว  :กอด1:
แต่ก็สมควรได้รับความรักจากพี่ปูนแล้ว ทั้งน่ารัก ทั้งเอาอกเอาใจ ดูแลบริการพี่ปูนสุดๆไปเลย  :impress2:

โป้ย ถึงคราวโดนปั่นหัวบ้างแล้ว  แต่ชอบบบบ  :m20: :laugh:
ชอบบบ “อย่าให้กูต้องพูดเลย เดี๋ยวกูจะเผลอบ่นป๊าให้บาปกินกะบาล”
แต่ผมจะไปอวยพรว่าทนเอาเพื่อน เดี๋ยวป๊ามึงก็ไปสบายแล้วก็ไม่ได้…
ขำก๊ากกกเลย   แล้วนี่ใคร...นี่โป้ยไง! ต่อให้มันจะมีผัวสักกี่คน
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 19-05-2019 20:27:40
อากงเท่มากๆค่ะ  o13 ยกรางวัลพระเอกประจำซีนให้เลย
พี่กรอ้อนได้ระทวยมาก ใครจะโกรธลง ทั้งแสนหวานทั้งยั่วยวน  :-[
ตั้งตารอโป้ยเอาคืนพี่ปูน อยากเห็นป๋าน้องลุงดิ้น ฮา
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 19-05-2019 20:30:37
 :hao3: พี่ปูนได้ที่ก็แกล้งเค้าเลยนะ :katai3:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 19-05-2019 21:05:57
 :mew1:  ิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิ อยากจุดพลุฉลอง.....คิดถึงน้องลุงกับพี่ปูน ..... ยังไม่สาแก่ใจกับความใจดำของครอบครัวนั้นเลย......อยากให้เจ็บ และ ทรมานยิ่งกว่าที่พี่ปูนทรมานมาตั้งแต่เด็ก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 19-05-2019 21:26:04
รักอากงอายุเพียงตัวเลขหัวใจความคิดเปิดกว้างมากๆๆยอมรับเพศสภาพได้แบบจะได้มีความสุขทั้งตัวอากรและลูกหลาน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: kanaDa ที่ 19-05-2019 21:50:37
 :pig4: :katai2-1:ลุงน่ารักจัง พี่ปูนสายเปย์ที่แท้ทรู
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 19-05-2019 23:08:05
พี่ปูนแอบร้าย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 19-05-2019 23:33:16
รักอากงเท่ห์สุดๆไปเลยค่ะ กงขา
อู๊ยยยยย คู่นี้ก็ร้อนแรง พี่กรยังน่ารักเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 19-05-2019 23:47:48
ดีใจมากกกกกกกกที่มาต่อนะคะ รอมาตลอดเลย
แม้จะยาวนานข้ามปี (ลงก่อนหน้า 26/12/61) ก็เถอะนะ อิอิ
-------
พี่ปูนจะรักจะชอบลุงขนาดไหน ก็ไม่ควรคิดด้วยความเอ็นดู....ถึงการเผลอผายลมออกมาบ้างในบางที !!! ของลุงแบบนี้..  รู้สึกแสบจมูก
อ่านถึงบทอีพ่อของพี่ปูนละก็รู้สึกเคืองใจ อยากให้ธุรกิจครอบครัวนี้ชิปหายล้มละลายเสียจริง เป็นพ่อที่สุดจะเลวสำหรับเรามากๆ โว๊ะ !!! โมโห !!
...
โป้ยกับพี่กรนี่เล่นทำเราใจหายใจคว่ำ...สงสารโป้ยที่ติดต่ออีพี่กรไม่ได้ แต่แปลกใจที่ทำไมพี่กรไม่ยืมโทรคนอื่นมาบอกโป้ยโดยตรงเองละ ฝากบอกพี่ปูนเลยทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ ไว้ใจเพื่อนมากไป๊ !! แต่ก็นะ โป้ยแกล้งพี่ปูนเค้าเรื่องลุงไว้เยอะนี่ เลยโดนเองบ้าง..5555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 20-05-2019 00:04:50
ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะ

สมน้ำหน้าโป้ย ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ

พี่กรอ้อนได้น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 20-05-2019 00:18:28
 :z1:  รอตอนต่อไปของนังนุ้งโป้ยค่าาา
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 20-05-2019 00:26:34
หายไปนาน กลับมาก็ทำให้หายคิดถึง
ปูน+ลุง หวานจนคนในออฟฟิศ ต้องเบือนหน้า
โป๊ย+กร เข้าใจกันเสียที กรยอมปูทางเพื่ออนาคต
ว่าแต่ พี่ปูน ระวังโป๊ย เอาคืนนะ แกล้งเขาไว้เยอะ
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 20-05-2019 02:26:44
พี่ปูนอย่าแกล้งโป้ยยยยย
งานเข้าแล้วพี่กร รู้เรื่องรึยังนั่น  :ling2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-05-2019 04:15:36
 :mc4:  จุดพลุเลยจ้ะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 20-05-2019 06:29:17
เกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้วนะเนี้ย ดีใจที่มาต่อแต่ต้องนั่งระลึกชาตินิดหน่อย 555 รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 20-05-2019 07:37:13
ดีใจจังเลยลุงกลับมาแล้ว  :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 20-05-2019 11:36:38
กรี๊ดดดดดดดดด คิดถึงมากกกกกกก ชอบมากๆ fcติดตามทุกเรื่องเลยค่าาาา ขอบคุณที่มาต่อจนจบนะคะ มาช้าแต่มานะ55555
รัก
 :z13:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 20-05-2019 13:22:21
ขอบคุณมากๆที่มาต่อค่า
เหม็นความรักพี่ปูนกับน้องลุงเหลือเกินไม่ไหวจะอิจฉาจริงๆ
ขอให้ได้กับพี่กรซะทีนะโป๊ย  :mc4: รอลุ้นนานแล้ว

 :pig4: :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 20-05-2019 14:02:41
พี่ปูนยังคงความแสบสันต์ กวนโอ๊ย แกล้งคนอื่นตลอด. คิดถึงน้องลุง

โป้ยก็อดทนได้ดีมาก รางวัลตอบแทนคงคุ้มค่าอ่ะนะ.   :hao3:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ก้มหน้าก้มตา ที่ 20-05-2019 16:30:24
ทำไมพี่กรกับโป๊ย รักร้อนแรงแบบนี้ ลุงกับเพื่อนก็อย่ายอมแพ้เค้าน่ะ (รออัพมาตลอด คิดถึงนักเขียนคร้า)
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 20-05-2019 16:46:05
รอติดตามว่าโป้ยจะเอาคืนปุริมยังไง  :mew4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: taku_kimu ที่ 20-05-2019 17:12:20
สงสารพี่ปูนอะ เกิดมาพ่อแม่ไม่รัก ชีวิตมันจะแย่ขนาดไหนฟระเนี่ย แต่พี่โชคดีแล้วนะ มาเจอลุงอะ ลุงโคตรน่ารักเลย ถึงจะมีเพื่อนแสบๆ แบบไอ้คุณโป้ยก็เหอะ
https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/hao3.gif

คุณนข. รีบปั่นเลยนะ เรารอซื้อเล่มอยู่ https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/c-02214.1.gif
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 20-05-2019 17:35:38
ดีใจๆในที่สุดก้มาต่อแล้ว ปล่อยให้คิดถึงลุงตั้งนาน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Krajeeqx ที่ 20-05-2019 18:20:27
ตลกอิพี่ปูน ร้ายมาก55555555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 20-05-2019 18:28:35
ในตอนนี้ชอบอากงของโป้ยมากที่สุดแล้ว
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 20-05-2019 19:00:14
 :กอด1: :pig4: :pig4: :pig4:  :กอด1:

 o13
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: pan27 ที่ 20-05-2019 20:43:18
แงงงง รักเรื่องนี้ รักความใสซื่อของน้องลุง
แม้บางครั้งคนเขียนจะหายไปนาน แต่คนอ่านก็ยังเฝ้ารอเสมอค่า  :L1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 20-05-2019 21:02:49
โป้ยโดนพี่ปูนเล่นแล้ว :laugh: รอตอนโป้ยเอาคืน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 21-05-2019 00:06:21
ขี้ยั่วมากพี่กร
แต่โป้ยจะแก้เผ็ดพี่ปูนยังไง
พัทลุงระวังตัวไว้ 5555555555555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 21-05-2019 07:06:24
อู้!!!! สองตอนติดๆ
เอาเรื่องคุณปุริมก่อน คือเข้าใจเลยว่าทำไมถึงได้ดูต่อต้านครอบครัว เพราะว่าไม่เคยได้สิ่งนี้จากคนในครอบครัว กลายเป็นคนอื่นในบ้านของตัวเอง
เจ็บปวดอ่ะ โชคดีที่ได้เจอคุณลุงเนอะ
...
มาเรื่องคุณโป้ยกันบ้าง
ปรบมือรัวๆ กับความกล้าที่จะบอก สมกับเป็นท่านโป้ย และอากงอีก เฉียบมาก
ยินดีที่กลับมา...เราพร้อมรอ...
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 22-05-2019 13:48:47
กลับมาแล้ววว 2ตอนจุใจเลยค่าา
สงสารพี่ปูน ทำใจรับไม่ได้กับพ่อแม่แบบนี้ ไม่ได้รักกัน โดนบังคับแต่งเพราะธุระกิจ แล้วดันมีความสัมพันธ์กันทำไม ถ้าจะมีทำไมไม่ป้องกัน! เด็กคนนึงต้องตายทั้งเป็น อยู่อย่างทนทุกข์ทรมานทั้งที่มันไม่ใช่ความผิดของเขา พวกคุณมันอิพวกเห็นแก่ตัว ทำกับได้แม้กระทั่งเด็กบริสุทธิ์คนนึงที่เป็นสายเลือดตัวเองแท้ๆ ยังเลือดเย็นทำได้ลงคอ จมอยู่กับผิดบาปไปจนตายนั้นแหล่ะสมควรแล้ว!!  :angry2:

ลุงน่ารักน่าเอ็นดูที่สุด เห็นเด๋อๆแบบนี้แต่เป็นแสงสว่าง ที่อบอุ่นของพี่ปูน รักกกกกกก

ขำโป้ย ทำไปทำมา หึงงุ่นง่านเป็นหมีเลย  :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Mengjie_JJ ที่ 22-05-2019 22:06:20
ต้องย้อนอ่านยาวๆเลย

ขอบคุณที่มาต่อนะคะ

รักลุง

 :mew1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: SeaBreeze ที่ 23-05-2019 05:38:42
อู๊ยยย คิดถึงเรื่องนี้จัง :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 23-05-2019 19:21:05
เตรียมสงสารพี่ปูนล่วงหน้าเลย โดนโป้ยเอาคืนอย่างสาสมแน่นอน
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Philosophy ที่ 26-05-2019 02:09:59
สะใจ โป๊ยโดนพี่ปูนเอาคืนซะบ้าง เสียอาการเลย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 26-05-2019 11:09:32
ทรมานตอนต้นแสนหวานตอนปลายจริง ก็ท่าจะอ้อนขอโทษแบบนี้ ถูกใจโป้ยเขาล่ะ 555555 แต่แบบพี่ปูนร้ายยย เรื่องนี้มียาว คู่ปรับกันตลอดกาลสินะ ลุงกับพี่กรนั่งมองกรอกตาเป็นเลขแปดแล้ว 5555 //พี่กรก็อยากเปิดเผยความสัมพันธ์ ส่วนโป้ยนั้นเปิดไปแล้วกับครอบครัว ก็รอแต่พาไปดูตัว อร๊ายยย >.,< ฮ่าๆ เออดีๆ //ดีใจกับพี่ปูนม๊ากหลุดจากความว่างเปล่าแบบมีฝุ่นละอองล่องลอยในนั้น มาวันนี้มันคือความว่างเปล่าจริงที่มีให้กับพ่อและบ้านหลังนั้น ปลดล็อกตัวเองได้สักที รอวันนี้มานาน TT_____TT ดีแล้วๆ จบกันไปด้วยดีไม่มีอะไรคาใจ ได้พัทลุงปลอบใจก็ยิ้มได้ ฟ้าหลังฝนคงมีแต่เรื่องดีๆเข้ามานะพี่ปูน ความเป็นครอบครัวพี่ปูนกำลังได้สัมผัสมัน ป้าจะได้เห็นรักแท้รักเดียวของพี่ปูนเป็นไง เดี๋ยวพาไปเปิดตัวกับเจน่าซะเลยหนิ 5555 //พี่ปูนโคตรสายเปย์อ่ะ ดีใจกับลุง ผัวก็หาเงินเก่ง เมียก็ประหยัด แต่ลงตัวสุด รอพี่ปูนพาลุงกลับไปฟัด สายหื่น 555555555 //ขอบคุณนะคะที่แต่งมาอัพต่อ โอ้ยยยยคิดถึงมากค่ะ รออยู่ตลอด รอตอนต่อไปเลยนะคะ สนุกกกกกกกก ชอบบบบมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ 
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 26-05-2019 15:05:48
ลุงมาแล้ววว
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 26 _ความทรมานแสนหวาน_ || 19-5-62 หน้า 48 ||
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 27-05-2019 07:55:57
อากง...คือพระเอกตัวจริง
ปรบมือรัวๆจ้าาาาา
 :call: o15
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 08-06-2019 12:51:12
ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ [โป้ย]


‘กรอยู่ในวงการมานานแต่กลับไม่มีข่าวเรื่องความรักเลย ทำไมคะ? เราปิดตายประตูหัวใจไปแล้วรึยังไงกัน’

‘ผมก็มีความรักแบบคนทั่วไปครับ’ ชายหนุ่มในคลิปวีดีโอหัวเราเบาๆ ให้กับคำถามของพิธีกรสาว

‘พอดีมีคนที่แอบชอบมานานหลายปีแล้วก็เลยไม่รู้จะมองคนอื่นไปทำไม’

‘จริงหรือคะ?!! พอจะแง้มบอกกันได้มั้ยคะว่าเป็นใครอะไรยังไง’ พิธีกรสาวดูจะตื่นเต้นขึ้นมาทันที พอๆ กับที่เสียงแฟนคลับในห้องส่งกรีดร้องออกมา

‘ไม่เอาสิ แค่นี้ผมก็เขินจะแย่แล้ว อีกอย่างก็เป็นคนนอกวงการเลยอยากให้เขาอยู่อย่างเงียบๆ มากกว่า’ เสียงกรี๊ดร้องรับใบหน้าเอียงอายของแขกรับเชิญ คนสนิทกันแค่ดูก็รู้ว่าคนพูดไม่ได้ขัดเขินเท่าที่แสดงออก แต่มันก็เป็นการแสดงความเขินที่น่ามองเหลือเกิน

‘เรายอมให้ผ่านเรื่องนั้นก็ได้ แต่ต้องตอบคำถามนี้นะคะ -- คนโชคดีคนนั้นเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเอ่ย’

สิ้นคำถามของสาวสวย ห้องส่งก็ถูกกลบด้วยเสียงกรี๊ดรุนแรงพร้อมการปลุกปั่นผู้ชมของพิธีกรมืออาชีพ ทำเอาคนถูกสัมภาษณ์เขินอายหนักกว่าเดิม

‘ความรักสำหรับผมคือสิ่งพิเศษที่ไม่จำเป็นต้องถูกจำกัดด้วยเพศภาพ ความสัมพันธ์ชายหญิงไม่ใช่เพียงข้อกำหนดเดียวที่จะเข้าถึงความรักแท้จริงได้ ทุกเพศมีสิทธิ์เข้าถึงมันและมีความสุขไปกับมัน ส่วนใครจะมองว่ามันสวยงามหรือน่ารังเกียจก็ล้วนอยู่ที่บรรทัดฐานจิตใจของแต่ละคน ซึ่งเราไม่อาจไปห้ามและชี้ว่ามันผิดได้’

‘เกริ่นซะพี่ตื่นเต้นเลยค่ะกร’ พิธีกรเอ่ยกลั้วหัวเราะ มือขาวบอบบางตบอกตัวเองเบาๆ ด้วยอาการลุ้นไปด้วยกับแฟนคลับในห้องส่ง

พี่กรหัวเราะก่อนจะเอ่ยทุกคำออกมาด้วยรอยยิ้มหวาน ‘ครับ คนที่ผมแอบชอบเป็นผู้ชาย’

เสียงกรี๊ดดังกระหึ่มก่อนที่คลิปสั้นๆ นี้จะถูกตัดจบไป

 ผมลอบถอนหายใจออกมาแล้วส่งโทรศัพท์คืนเพื่อนสนิทที่นั่งรอลุ้นปฏิกิริยาผมอยู่ข้างๆ จากคลิปแอบถ่ายโปรโมททำให้ละครเรื่องนี้กลายเป็นกระแสที่คนติดตามสมใจผู้จัด พี่กรกับดาราคนนั้นถูกจ้างคู่กันในหลายๆ งาน ให้สัมภาษณ์แบบแบ่งรับแบ่งสู้จน ‘กระแสคู่จิ้น’ ลุกลามไปใหญ่โตกระทั่งคนที่ไม่สนใจข่าวบันเทิงยังได้ยินเข้าหู ซึ่งพี่กรรู้ดีว่าผมไม่พอใจแต่เราก็ไม่ได้เก็บเอาเรื่องนี้มาถกเถียงเวลาอยู่ด้วยกัน

 ไม่รู้ว่าลุงมันหวังจะเห็นท่าทางแบบไหนจากผมหลังจากดูคลิปที่กำลังถูกแชร์วนไปทั่วโซเชียลนี้ แต่ก็ต้องขอบใจในการตามข่าวชาวบ้านของมัน เพราะไม่อย่างนั้นผมคงจะไม่รู้ว่าพี่กรตัดสินใจให้สัมภาษณ์แบบนี้ออกไป

มันมีทั้งความดีใจระคนกังวลปนเปกันไปหมด ผมไม่กลัวถ้าต้องมีหน้าตัวเองไปโผล่บนสื่อออนไลน์ให้ใครต่อใครขุดคุ้ยประวัติ แต่ผมห่วงฐานะทางสังคมของพี่กรต่างหาก มันจริงอย่างที่พี่กรพูดเรื่องความเท่าเทียมกัน แต่มันปฏิเสธไม่ได้ว่าความเท่าเทียมกันนั้นมันไม่ได้ถูกปลูกฝังในจิตใจของทุกคน มีคนที่เห็นด้วยก็ย่อมมีคนเห็นต่างและมันอาจจะรุนแรงกว่าปฏิกิริยาที่ผมเคยเห็นจากครอบครัวตัวเองด้วยซ้ำ

“พี่กรแม่งอย่างกล้าอ่ะ”  ผมเงยหน้ามองเพื่อนที่ยังพูดพึมพำ เลื่อนนิ้วไปมาหาข้อความน่าสนใจ  “มึงว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใครวะ”

ผมมองพัทลุงด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ การแสดงออกของผมที่มีต่อพี่กรไม่ได้ทำให้มันคาดเดาได้เลยหรืออย่างไร บทจะเอ๋อเพื่อนผมก็ทำได้เกินคาดจริงๆ

“เฮ้อ~ ก็ต้องเป็น--”  ผมหยุดปากตัวเองได้ทันความคิดที่ผุดขึ้นมา ดวงตาคมแวววับยามจับจ้องเพื่อนสนิทที่เงยหน้าขึ้นมองมาด้วยความอยากรู้



... ผมไม่อยากจะรังแกเพื่อนด้วยวิธีนี้เลย




แต่ใครใช้ให้ผัวมันมาร้ายกับผมก่อนล่ะ!



“ใครวะ? รู้ก็บอกมาอย่าอมพะนำ”

“...ช่างเหอะลุง มึงไม่ต้องรู้หรอก”  ผมแสร้งตีหน้ายุ่ง เบือนหน้าหนีไปอย่างที่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องทนความอยากรู้ไม่ได้

“กระซิบเบาๆ ก็ได้นะวีรภาพ”  ตามคาด พัทลุงแทบจะทึ้งแขนเสื้อผมจนยับย่น มีหรือว่าผมจะไม่รู้ระดับความอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนตัวเองว่ามีมากแค่ไหน

“มึงคิดว่าจะรับได้เหรอถ้ากูพูดออกไปน่ะ”  สีหน้าจนใจแกมรำคาญเผยบนใบหน้า ลุงพยักหน้ารัวเร็วพร้อมกับยื่นหูมาใกล้ปากผมด้วยอาการเต็มใจอย่างยิ่ง

“...พี่ปูน”

คำพูดสั้นๆ นั้นทำเอาลุงหน้าเสียในทันที มันมองผมด้วยดวงตาเบิกโต ใบหน้าขาวนวลนิ่งค้างเคลือบด้วยความตกใจจนมือไม้ชะงักงัน


ให้ตายเถอะ! ผมนี่มันชั่วจริงๆ


“กูบอกแล้วว่ามึงไม่จำเป็นต้องรู้ ก็ยังอยากจะสาระแน”  ผมแสร้งบ่น มองหน้ามันก็ยิ่งสงสารเลยรีบโอบมันเข้าอกเพื่อกอดปลอบก่อนที่ตัวเองจะหลุดขำออกมา

“มึงรู้ได้ยังไง...”  พัทลุงกระซิบถามเสียงเบา

“ของอย่างนี้แค่สังเกตเอาก็รู้แล้ว”

“...ตอนแรกกูนึกว่ามึงคือคนที่พี่กรแอบชอบซะอีก”  ลุงผละออกจากอกผม สีหน้ามันดูครุ่นคิดอย่างหนัก  “ตอนที่ไปเที่ยวกันบรรยากาศมันดูแปลกๆ”

“ก็เพราะกูกับพี่กรรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเด็กไง”

ผมลอบยิ้ม ทีนี้พัทลุงก็ต้องคอยจับตาดูพี่ปูนอย่างที่ผมบอกแน่ แต่ถ้าเรื่องจะจบเพียงเท่านี้มันก็จะกลายเป็นว่าเพื่อนผมจะคิดมากแค่ฝ่ายเดียวซึ่งมันไม่ใช่จุดประสงค์ที่แท้จริง ผมต้องการให้พี่ปูอกแตกตายต่างหาก

“ลุงเอ๊ย~ มึงจะไปเทียบกับพี่กรได้ไงวะ”  ผมลูบหัวเพื่อนที่สีหน้าชักจะย่ำแย่ลงทุกขณะ  “ขนาดกูอยู่วงนอกยังรู้สึกถึงความสนิทสนมของสองคนนี้เลย”

“วีรภาพ...มึงคิดว่าพี่ปูนจะชอบพี่กรบ้างมั้ย?”

“ก็อาจจะมีสิทธิ์ ใครบ้างวะที่จะไม่ชอบดาราหล่อๆ แบบนั้น”  สิ้นคำพูดผม พัทลุงหน้าหดเหลือสองนิ้ว โถๆ ทำไมผมถึงเป็นเพื่อนเลวขนาดนี้นะ!

“แล้ว...แล้วกูจะโดนทิ้งอีกแล้วเหรอ?”  ลุงช้อนแววตาสั่นระริกขึ้นมองผม ดูจากท่าทางแล้วมันคงคิดไกลไปถึงตอนที่พี่ปูนบอกเลิกมันแล้วล่ะ

“ไม่หรอกลุง กูเชื่อว่าพี่ปูนรักมึงมากและมึงก็รักเขา”  ผมเริ่มเกริ่นแผนการที่คิดสดขึ้นมา  “แต่อะไรที่เป็นของตายมันก็จะกลายเป็นของไร้ราคา มึงต้องทำให้เขารู้ว่าถึงไม่มีเขามึงก็อยู่ได้”

“กูไม่เข้าใจอ่ะ”  ลุงคิดตามผมไม่ทันอย่างแน่นอน เพราะความเป็นสุภาพบุรุษที่บิดาปลูกฝังไว้คงไม่ได้รวมถึงเรื่องนี้แน่นอน พ่อพัทลุงก็เปรียบเหมือนลูกไก่ในกำมือน้าดาหลานั่นแหละ จะบีบก็ตายจะปล่อยไปก็ทำอะไรไม่ถูก

“ยกตัวอย่างว่าเวลามึงเลือกซื้อปลา มึงจะเลือกปลาที่ตายไปนานแล้วหรือว่าปลาที่จะเป็นๆ ล่ะ”

“ก็ต้องเลือกปลาเป็นดิ เนื้อมันหวานกว่า อร่อยกว่า”

“ใช่! เพราะฉะนั้นมึงต้องทำตัวให้เหมือนปลาเป็นถึงจะเป็นที่ต้องการ”  ผมตบบ่าเพื่อนหนึ่งทีเหมือนว่าเพื่อนมาถูกทางแล้ว ทั้งที่สีหน้าลุงมันยังดูไม่เข้าใจสักเท่าไหร่  “พี่ปูนเป็นเสือมาก่อนใช่ป่ะ เสือมันชอบเหยื่อเป็นๆ ถ้าขืนมึงทำตัวว่าง่ายอยู่ในโอวาทมันจะไปต่างอะไรกับเหยื่อตายที่เสือมันจะเมินวะ”

ลุงจ้องผมตาโต กระพริบตาปริบๆ คล้ายว่าในที่สุดก็เข้าใจเสียที

“ทำไมวีรภาพฉลาดอย่างนี้”

“ไอคิวกูไม่ใช่ขี้หมูขี้หมานะครับ”

“...แต่เสือมันกินปลาด้วยเหรอโป้ย”

“..........”  โอเค ผมดูถูกความซื่อมันเกินไป

ผมแสร้งไอสองสามทีก่อนจะเริ่มพูดต่อ  “เอาเป็นว่าถ้าไม่อยากให้พี่ปูนเปลี่ยนใจไปมองพี่กร มึงต้องฟังเรื่องที่กูสอน รับรองว่าพี่ปูนจะกลายเป็นลูกเสือตัวน้อยๆ ที่อยู่ในโอวาทของมึง”

มาถึงตรงนี้สีหน้าลุงเริ่มจะไม่เชื่อถือผมแล้ว สายตามันเริ่มมองผมอย่างจับผิดหน่อยๆ  “ทำไมมันฟังแล้วกูหนาวสันหลังแปลกๆ ล่ะ จากประสบการณ์นะโป้ย พี่ปูนไม่มีทางกลายเป็นลูกเสืออย่างที่มึงว่าแน่ มีแต่กูเนี่ยจะโดนเสือแดกในท้ายที่สุด”


ผมก็เดาว่างั้น


“จะไม่เชื่อกูก็ได้ กูก็แค่ไม่อยากเห็นมึงผิดหวังอีก”  เพื่อการแก้แค้นที่แสนไร้สาระ ผมจึงแสร้งตีหน้าเศร้า มองเพื่อนด้วยความห่วงใยและหวังดี รอลุ้นทุกวินาทีที่ลุงเปลี่ยนสีหน้าไปมาขณะใช้ความคิด และในที่สุดผมก็มีชัย

“ก็ได้”

“งั้นฟังแผนการ!”  ผมยื่นหน้าไปใกล้ ปิดบังน้ำเสียงลิงโลดเอาไว้ใต้ความนิ่งขรึม  “ข้อแรก มึงต้องงดเอากัน”

ไม่ได้!!

ลุงค้านเสียงแหลมทันทีเล่นเอาผมอึ้งไปหลายวิ

“คือ...คือว่า”  ลุงพยายามอธิบายด้วยใบหน้ากระดากอายที่เริ่มขึ้นสีระเรื่อ  “คือพี่มันอดมาหลายวันแล้ว มันหมายมาดว่าวันนี้ต้องปลูกแตงกะกูให้ได้ ไม่งั้นได้อาละวาดแน่”

ผมเองก็ไม่ได้อยากจะสาระแนเรื่องในมุ้งเพื่อนเท่าไหร่ จึงยอมส่งๆ ไป  “งั้นคืนนี้มึงปลูกแตงกันให้หนักไปเลยนะ จากนั้นก็งดยาวๆ ไปจนถึงงานเลี้ยงรุ่น”

“เชี่ย! อีกตั้งเดือนกว่าเลยนะ”

“ทำไม? มึงจะอกแตกตายรึไง”

“ไม่ใช่กูแต่เป็นพี่ปูนต่างหาก!” 

“หื่นปานนั้น”  ผมเบะปากหมั่นไส้ แต่แทนที่เพื่อนจะสะดุ้งสะเทือนกลับชี้แจงเพิ่มด้วยด้วยสีหน้าหวาดกลัว

“ถ้าไม่ห้ามล่ะก็พี่ปูนแม่งล่อกูได้ทุกวันอ่ะ นี่แค่สามวันยังงุ่นง่านกับกูจะแย่แล้ว มึงจะให้งดตั้งเดือนกว่า...แม่ง! กูไม่อยากคิดถึงสภาพ”

“อวดผัวไปอีก...”

“ไม่ได้ไอ้โป้ย กูห่วงชีวิตตัวเอง”  พัทลุงส่ายหน้าพรืด น้ำเสียงเด็ดขาดจนน่าขำ แต่เอาเถอะ ถ้าดูจากครั้งที่ไปเที่ยวกันที่พี่ปูนจัดลุงซะไม่ได้ออกมาชมเดือนชมตะวัน ก็พอจะรู้หรอกว่าไอ้หื่นกามคนนั้นคลั่งไคล้เพื่อนผมขนาดไหน

“ก็ได้! แต่มึงห้ามใจอ่อนยอมโดนถี่ๆ ล่ะ หัดเล่นตัวซะบ้าง”

“จะพยายามแล้วกัน”  ลุงตอบเสียงอ่อยแบบไม่มั่นใจเต็มที แต่ผมทำไม่สนใจรีบบอกข้อบังคับต่อไปทันที

“ข้อสองอย่ารับโทรศัพท์หรือส่งข้อความหากันบ่อยๆ และข้อสุดท้าย หยุดตามใจ หยุดเอาใจ แล้วก็ห้ามค้างคืนที่ห้องพี่ปูน”

“.........”  ลุงมองผมนิ่ง ตาโตชั้นเดียวกระพริบปริบๆ คล้ายกำลังประมวลคำพูดผมอยู่

“ถ้ามึงทำได้นะลุง พี่ปูนจะต้องสยบแทบเท้ามึงแน่ ทีนี้ไม่ว่ามึงต้องการอะไรก็ได้ทั้งนั้น”

“แน่ใจนะว่านี่คือวิธีเล่นตัว ไม่ใช่วิธีทำให้กูถูกบอกเลิก”

“นี่กูเพื่อนโป้ยของมึงนะ ทำไมลุงถึงคิดว่าเพื่อนจะใจไม้ไส้ระกำอย่างนั้น”  ผมตีหน้าเหลือเชื่อพลางพ่นลมหายใจออกมาตามด้วยประโยคเด็ด  “มึงไม่อยากกดพี่ปูนบ้างรึไง?”

“..........”  ลุงชะงักในทันที เป็นอันเข้าใจว่าคำหว่านล้อมของผมมีแววสำเร็จในไม่ช้า

“ถ้ามึงทำตามที่กูแนะนำ ไม่ว่ามึงขออะไรเขาจะให้ทุกอย่างแน่นอน”

“รวมถึงการให้กูเป็นฝ่ายรุกบ้าง...”

“ถูกต้องเพื่อนเอ๋ย”

ผมกลั้นยิ้ม มองนัยน์ตาเปล่งประกายของพัทลุงอย่างลุแก่โทษ นอกจากวิธีของผมจะทำให้มันรุกพี่ปูนไม่ได้แล้วนั้น คงเป็นมันนั่นแหละที่ต้องคลานลงจากเตียง



.

.

.



วันต่อมา

ลุงมาทำงานด้วยสภาพทรุดโทรมตามที่คาดไว้ จะนั่งเก้าอี้แต่ละทีก็ต้องค่อยๆ นั่ง ค่อยๆ ขยับ ไม่ต้องถามก็รู้ได้เลยว่าพี่ปูนคงจัดให้ลุงทั้งคืนอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังส่งสัญญาณมือมาให้ผมว่าทุกอย่างโอเค และนั่นคือจุดเริ่มต้นแผนการ... ลุงทำไม่สนใจมือถือไปทั้งวัน ไม่ว่าจะเสียงข้อความหรือเสียงเรียกเข้าก็ไม่อาจะทำให้ลุงหักใจส่งมือไปรับได้ แม้ว่าสีหน้ามันจะดูกังวลระคนกริ่งเกรงไปสักหน่อยก็เถอะ

“มึงจะรับบ้างก็ได้”  ผมบอกเพื่อนในที่สุด ผมกลัวว่าพัทลุงจะโดนฆ่าตายก่อนจะได้ยั่วโมโหคน

ลุงพยักหน้าเข้าใจ รับโทรศัพท์ด้วยความเร็วแต่ก็พูดไม่กี่คำก็วางสาย และเป็นอย่างนี้ไปทั้งวันจนถึงเวลาเลิกงานที่พี่ปูนคงทนไม่ได้บุกมาลากลุงกลับบ้านด้วยสีหน้าถมึงทึง


ผมได้แต่ไว้อาลัยให้เพื่อนอยู่ในใจ...


ใช้เวลาอีกเล็กน้อยผมจึงสะสางงานเสร็จในระดับหนึ่ง ขณะที่กำลังคิดว่าจะซื้ออาหารค่ำอะไรดีให้ถูกปากคุณดาราที่วันนี้จะแวะมาค้างหลังจากโหมถ่ายทำในส่วนของตัวเองมาสองวันติดต่อกัน โทรศัพท์ที่เงียบมาตลอดทั้งวันก็ดังขึ้นพร้อมกับแสดงชื่อที่ทำให้หัวใจผมหนักหน่วงขึ้นมา

ผมมองหน้าจอ รวบรวมความกล้าหาญขึ้นมาก่อนจะกดรับสาย

“สวัสดีครับป๊า”

“อาโป้ย...”  เสียงจากปลายสายเอ่ยชื่อผมอย่างเป็นธรรมชาติ ไร้วีแววขัดเคืองอย่างที่แอบคิดเอาไว้

“...........”

“วันนี้มากินข้าวกับป๊านะ ม้าลื้อทำของโปรดเตรียมไว้แล้ว”

นี่ไม่ใช่การถามล่วงหน้า แต่เป็นการบอกกึ่งบังคับในทีและไม่ต้องการคำปฏิเสธจากผมเสียด้วย

“ได้ครับ อีกสักชั่วโมงผมคงไปถึง”  ผมตอบรับอย่างไม่คิดเลี่ยง ป๊าเพียงแค่ส่งเสียงรับรู้แล้ววางสายไปก่อนทิ้งให้ผมพรูลมหายใจออกมาด้วยความเครียดที่เริ่มก่อตัวขึ้นเล็กๆ ทีแรกผมคิดว่าคงเป็นม้าที่จะติดต่อผมกลับมา แต่การที่ป๊าโทรเรียกผมกลับด้วยตัวเองแสดงว่าได้มีการพูดคุยกับม้า และได้มีการตัดสินใจเรื่องของผมไปเรียบร้อยแล้ว

ผมไม่ได้กลัวผลลัพธ์ที่จะตามมาจากการสารภาพความจริง เพราะถ้ากลัวผมคงไม่คิดพูดออกไปแน่นอน แต่ลึกๆ ผมกังวลกับความรู้สึกของบุพการีทั้งสอง ผมที่เป็นลูกชายคนเดียวเลือกที่จะคบหากับผู้ชาย นั่นหมายความว่าทั้งสองคนจะไม่มีโอกาสเลี้ยงหลานของตัวเองเหมือนพี่น้องคนอื่น

แต่ถ้าผมเก็บงำความรู้สึกไว้ก็เท่ากับเป็นการให้ความหวังมารดาตัวเอง สู้ตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลมยังดีกว่า

ระหว่างทางผมโทรหาพี่กร อีกฝ่ายโต้ตอบกับผมด้วยน้ำเสียงเจือรอยยิ้ม แต่พอผมบอกไปว่าจะกลับบ้านอีกฝ่ายก็เงียบไปเล็กน้อย

“ให้พี่มาหาวันอื่นมั้ย?”

“ไม่ พี่รอผมที่นั่นแล้วก็หาอะไรกินเลย โอเค๊?”

“ก็ได้” พี่กรรับคำอย่างว่าง่าย

“พี่กร...” 

“หืม?”

“...ผมบอกที่บ้านไปแล้วนะ”  ผมว่า พลางขับเคลื่อนรถยนต์ที่ถูกปลดปล่อยจากสัญญาณไฟสีแดงเสียที

“เรื่อง?”

“เรื่องที่ผมมีแฟนเป็นผู้ชาย”

พี่กรเงียบไปหลายวินาที ผมเข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องคิดมากเป็นแน่ ต่อให้ทำใจกล้าเปิดเผยเรื่องส่วนตัวต่อหน้าสื่อแต่พี่กรคงยังไม่มีความคิดจะเปิดตัวผมอย่างเป็นทางการแน่ ส่วนหนึ่งคงเพราะถูกฝังหัวมาแต่เล็กว่าครอบครัวผมคือผู้มีพระคุณในอดีต

“แล้ว...แล้วมีใครว่าอะไรโป้ยมั้ย” น้ำเสียงทุ้มเต็มไปด้วยความกังวล

“อากงเข้าใจผม”

“เหรอ...”

“แต่วันนี้ป๊าเรียกตัวเข้าไปคุย ก็คงเรื่องนี้แหละ”

“..........”

“ผมยังไม่บอกใครว่าคนรักของผมคือพี่ รอให้พวกเขาปรับตัวให้ได้ก่อนผมจะบอกทุกคนแน่นอน”

“อืม”

“จะรอผมกลับไปใช่มั้ย?”  สิ้นคำถามผม พี่กรส่งเสียงหัวเราะเบาๆ

“พี่ไปไหนไม่ได้อีกแล้วโป้ย...”

ผมวางสายทั้งใบหน้าเปื้อนยิ้ม มีกำลังใจขึ้นอีกมากโขที่จะมุ่งหน้ากลับบ้านใหญ่ไปฟังคำตัดสินอนาคตตัวเอง

กว่าผมจะไปถึงก็ถึงเวลาอาหารค่ำพอดี หลังจากทักทายอากงและทุกคนพอเป็นพิธีก็ลงมือทานมื้อค่ำกัน เสียงพูดคุยกันประปราย หัวข้อสนทนามีหลากหลายแต่ผมสังเกตว่าไม่มีใครยกเรื่องราวเกี่ยวกับผมหรือแม้กระทั่งบทสัมภาษณ์ของพี่กรขึ้นมาพูด แต่บรรยากาศมันไม่ได้ผ่อนคลายอย่างที่แสร้งทำกัน บรรดาญาติร่วมโต๊ะคอยแต่จะเหลือบมองผมกับป๊าทุกทีที่เผลอตัว อย่างกับกลัวว่าป๊าจะลุกขึ้นมาล้มโต๊ะแล้วด่ากราดผมขึ้นมาในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง

ทุกคนแยกย้ายหลังจบมื้ออาหาร อากงไม่ได้พูดอะไรก่อนเดินจากไปเดาว่าพ่อลูกคงได้คุยกันไปก่อนหน้านี้แล้ว ม้าช่วยจัดเก็บถ้วยชามทำความสะอาดร่วมกับพวกอาโกว ปล่อยให้ผมเดิมตามป๊าขึ้นไปยังชั้นที่เป็นอาณาเขตของครอบครัวเงียบๆ

ป๊าเดินออกจากลิฟท์ก่อน ก้าวฉับๆ ไปยังโถงกลางที่ตกแต่งเป็นห้องพักผ่อน ร่างสูงโปร่งลงนั่งยังโซฟาด้วยท่าทางสง่า ผมเดินตามเข้าไปนั่งบนเก้าอี้อีกตัวทันทีโดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายออกปาก เราสองพ่อลูกมองหน้ากันนิ่งๆ ท่ามกลางความเงียบ ไม่มีบรรยากาศอื่นใดแทรกกลางนอกจากความสงบ

“ม๊าลื้อเล่าเรื่องทั้งหมดให้อั๊วฟังแล้ว”  ป๊าพูดขึ้นในที่สุด ไม่มีความขุ่นเคืองในน้ำเสียงเลยแม้แต่น้อย

“ครับ”

“และอั๊วก็คุยกับอากงแล้ว อีไม่เห็นว่าสิ่งที่ลื้อเลือกจะผิดแปลกอะไร”

“แล้วป๊าคิดอย่างอากงรึเปล่า?”  ผมถามขึ้น เพียงแค่ป๊าดูสงบเยือกเย็นได้ขนาดนี้มันก็ลดความรู้สึกกังวลของผมไปได้มากโขแล้ว

“อั๊วก็ไม่เห็นเป็นเรื่องร้ายแรงถึงขนาดต้องตัดขาดกับลื้อเหมือนกัน”  แม้สีหน้าของป๊าจะไม่ได้เจือรอยยิ้ม แต่น้ำเสียงก็นับว่าอ่อนโยนกว่าเดิม  “ตลอดมาสิ่งที่ลื้อเลือกก็ไม่เคยทำให้อั๊วผิดหวัง ไม่ใช่เพราะลื้อทำทุกอย่างได้ดี แต่เพราะลื้อตั้งใจกับทุกหนทางที่เลือกนั่นต่างหากที่ทำให้อั๊วไม่เคยผิดหวัง”

ผมกับป๊าก็เหมือนกับลูกชายกับพ่อทั่วไปที่อาจจะไม่ได้พูดคุยเปิดอกอย่างสนิทสนมกันมากนัก ป๊าเป็นหัวหน้าครอบครัวที่เห็นงานเป็นหน้าที่หลัก ดังนั้นเรื่องในบ้านจึงกลายเป็นหน้าที่รับผิดชอบของม้า จนผมออกจากบ้านไปก็เหมือนจะมีกำแพงบางๆ เกิดขึ้นระหว่างเราบ้าง แต่ชั่วขณะนี้มันเหมือนกับกำแพงบางๆ นั้นมลายหายไป

“อะไรที่มันเป็นความสุขของลื้อ ลื้อก็เลือกไปเถอะ ไม่ต้องเก็บเรื่องอื่นมาคิดให้มาก ถึงยังไงตระกูลเราก็ลูกหลานเหลือเฟืออยู่แล้ว”

“ขอบคุณครับป๊า”  ผมยกมือไหว้ป๊าอย่างนอบน้อมที่สุดเท่าที่เคยทำ แม้ใจอยากจะทุดตัวลงไปกราบแทบตักแต่ใจก็รู้สึกเก้อกระดากเกินไปสักหน่อย

“เอาเถอะ... ก็ใช่ว่าอั๊วจะไม่ทำใจมาก่อนหน้านี้ ยังไงเสียก็แค่รอวันที่ลื้อจะพูดออกมาเองเท่านั้นแหละ”

“...ป๊าหมายความว่าไง”  หัวคิ้วขมวดมุ่นด้วยความสงสัย อะไรคือการที่ป๊าบอกว่าทำใจมาก่อนหน้านี้ ผมคิดว่าตัวเองไม่เคยแสดงพิรุธเรื่องพี่กรมาก่อนเลยด้วยซ้ำ

“ก็แฟนลื้อน่ะคืออาลุงใช่มั้ย? อั๊วแอบเห็นลื้อชอบกอดชอบหอมอีมาตั้งแต่เด็กแล้ว ที่อั๊วทำใจได้เพราะอีน่ารักและเป็นเด็กดีหรอกนะ การบ้านการเรือนก็ได้รับการสอนมาดี อย่างน้อยก็ดูแลลื้อได้ไม่ขาดตกบกพร่องแน่”


แฟนผม...คือพัทลุง?


ผมอยากจะลุกขึ้นไปเขย่าไหล่ป๊าให้ตั้งสติเหลือเกิน ต่อให้ผมชอบแตะเนื้อต้องตัวลุงแต่ในหัวก็ไม่เคยเกินเลยไปกว่าความสัมพันธ์แบบเพื่อน ยิ่งไม่เคยคิดจะเอามันมาทำเมียด้วยซ้ำ

“ป๊า! ลุงไม่ใช่แฟนผม”

“อ้าว! งั้นแฟนลื้อเป็นลูกเต้าเหล่าใคร”  กลายเป็นป๊ากระพริบตามองผมด้วยความสับสน  “อั๊วรู้จักรึเปล่า? แล้วอีดีกับลื้อเท่าอาลุงมั้ย? อาโป้ยอ่า~ รึแฟนลื้อเป็นพวกตุ๊ดแต๋วหน้าขาวปากแดง? ถ้าเป็นงั้นขอเวลาอั๊วกับม้าลื้อทำใจอีกรอบนาอย่าเพิ่งพามา ฮ้า~ อั๊วก็คิดว่าได้อาลุงมาเป็นสะใภ้แน่แล้วเชียว จิ้ๆๆ”

ป๊าเดาะลิ้นอย่างเสียดายเล่นเอาผมพูดอะไรไม่ออกไปหลายวิ

“ป๊ารู้จักแฟนผมครับ และเขาก็เป็นคนดีแล้วก็น่ารัก ไม่ใช่พวกหน้าขาวปากแดงแน่นอนครับ”  ผมอธิบายพลางถอนหายใจอย่างหดหู่  “แต่ว่าอีกสักพักผมค่อยพาเข้ามาไหว้ป๊ากับม้าอย่างเป็นทางการนะ”

“ตามใจลื้อเถอะ”  ป๊าโบกมือไม่ใส่ใจ ดูท่าจะผิดหวังกับลูกสะใภ้ที่หมายปองไว้พอสมควร  “แล้วนี่ลื้อจะค้างหรือเปล่า?”

“ไม่ครับ ไว้ผมมากินข้าวด้วยใหม่นะ”

“งั้นก็กลับไปได้แล้ว ขับรถค่ำๆ มืดๆ มันอันตราย”

ผมบอกลาป๊าด้วยรอยยิ้มก่อนลงไปไหว้ม้ากับอากงแล้วออกจากบ้านมาด้วยหัวใจที่โล่งโปร่งสบายที่สุด



.

.

.

[มีต่อค่ะ]
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 08-06-2019 12:52:54
ใช้เวลาน้อยกว่าขามามากเพราะการจราจรค่อนข้างเคลื่อนตัวสะดวก ไม่นานผมก็มาถึงคอนโดที่พัก

ผมเปิดห้องเข้าไปด้วยรอยยิ้ม แสงสว่างภายในทำให้รู้ว่าพี่กรยังคงรอผมอยู่ แต่สิ่งที่คิดกับสิ่งที่เป็นมันมักจะไม่ตรงกัน ผมหวังว่าจะได้รอยยิ้มต้อนรักจากคนรัก แต่ภาพที่เห็นคือคุณดาราหนุ่มกอดเข่านั่งซึมอยู่บนโซฟาเงียบๆ

สองเท้าเดินตรงไปหาแล้วคว้ากอดก้อนหินมีชีวิตเต็มรัก พร้อมจรดริมฝีปากแนบแก้มเนียนหนักๆ อย่างรักใคร่ พี่กรสะดุ้งเล็กน้อยคล้ายกับว่าเพิ่งรู้สึกตัว ใบหน้าหล่อเหลาแย้มยิ้มเซียวให้ผม หัวคิ้วที่เจ้าของพยายามจะคลายออกแต่มันก็ยังคงขมวดมุ่นอยู่เช่นเดิม ผมยกยิ้มให้กับท่าทางคิดมากของคนตรงหน้า

“คิดอะไรอยู่...”

“กินอะไรมารึยัง?”

“พี่ยังไม่ตอบคำถามผมเลย”  ผมคาดคั้นเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะเปลี่ยนเรื่อง ทำเอาคนเฉไฉอึกอักหลบสายตา แต่ผมพอเดาได้อยู่หรอกว่าเรื่องอะไร แต่ในเมื่อคนคิดมากอยากจะคิดต่อไป ผมก็จะปล่อยให้ทำตามใจไปอีกสักพักแล้วกัน

“ผมอยากอาบน้ำแล้ว”  ผมยืดตัวขึ้น บิดร่างไปมาไล่อาการเมื่อยขบจากการนั่งในรถนานๆ 

“อืม”

“อาบด้วยกันนะ”

“ม...ไม่ พี่อาบแล้ว”  เสียงปฏิเสธร้อนรนขึ้นมาทันที คุณดาราเหลือบมองผมด้วยสายตาระแวงพลางถัดร่างกายออกห่างอย่างจงใจ ผมอมยิ้มกับท่าทางเขินอายที่แตกต่างกับผู้ชายเมื่อไม่กี่วันก่อนที่ขึ้นมายั่วยวนบนร่างผม แต่...

“แต่ผมอยากให้พี่อาบด้วยนี่”

“ไม่เอา...ได้มั้ย?”  ใบหน้าของคุณดาราขึ้นสีระเรื่อ มันช่างน่ารัก น่ารังแกจนใจสั่นไปหมด ถ้าพี่กรปฏิเสธอย่างจริงจังมากกว่านี้ผมก็อาจจะยอมตามใจก็ได้ แต่นี่เล่นทำสีหน้าเขินอายแล้วโยนคำขอให้ผมเลือก... แหม~ วันนี้ผมคงไม่ปล่อยพี่กรไปง่ายๆ ซะแล้ว

“ลุกครับ...ตอนนี้ผมอยากให้พี่ดูแลผมจนสั่นไปหมดทั้งตัวแล้ว”  ไม่ว่าเปล่า ผมฉุดร่างแข็งขืนให้ลุกขึ้นตาม พี่กรอิดออดไปตลอดทางแต่ก็ยอมเดิมตามมาอย่างว่าง่าย

ผมจูบริมฝีปากนุ่มๆ ไปพลางปลดเสื้อผ้าของพี่กรอย่างอ้อยอิ่ง โลมเลียซอกคอที่ยังพอมีกลิ่นครีมอาบน้ำกรุ่นกำจายอยู่ เสื้อยืดบางๆ ถูกดึงหลุดพ้นตัวเผยผิวเนื้อเนียนสะอาด โครงร่างชัดเจนบนเรือนกายผอมไม่ได้ดูบอบบางนุ่มนวลเช่นผู้หญิง หากยามสัมผัสกลับนุ่มนิ่มมือจนอดบีบขยำไม่ได้

ลาดไหล่กว้างกำลังดีอวดแนวกระดูกไหปลาร้าเซ็กซี่ที่รับกับลำคอระหงได้อย่างลงตัว ผมอยากจะตีตรารอบจูบให้ทั่วความสวยงามนั้น แต่ด้วยหน้าที่การงานของพี่กรทำให้ผมต้องข่มกลั้นความปรารถนานั้นเอาไว้ ทำได้เพียงทิ้งน้ำหนักของกลีบปากกับความชื้นจากเรียวลิ้นไว้แทน

“อื้ม...ไหนว่าจะอาบน้ำ”  เสียงประท้วงดังแผ่วเบาด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ ผมยิ้มให้ หากสองมือเลื่อนลงปลดกางเกงผ้าของคนขี้อายลงไปกองกับพื้น ตามด้วยกางเกงในสีขาวสะอาดที่แม้จะทุลักทุเลเล็กน้อยแต่ตกไปกองอยู่ปลายเท้าเช่นเดียวกัน

พี่กรตัวขาวผุดผ่องท่ามกลางแสงไฟ แม้จะไม่ขาวสว่างเท่าพัทลุงแต่ก็ถือว่าขาวกว่าผู้ชายหลายคนที่ผมรู้จัก แต่ไม่มีผู้ชายเปลือยเปล่าคนไหนที่ทำให้ผมเกิดอารมณ์ได้มากมายเท่าพี่กรอีกแล้ว

“ถอดให้ผมบ้างสิ”  ผมกระซิบทั้งที่ริมฝีปากยังคงวนเวียนตรงซอกคอไม่หยุดหย่อน

พี่กรไม่ส่งเสียงตอบรับแต่ส่งมือปลดเสื้อผ้าผมทีละชิ้นไปเงียบๆ จนกระทั่งเราทั้งคู่เปล่าเปลือย ผมนึกอยากหยอกคนขี้อายเลยดึงมือขาวเนียนลงมากอบกุมส่วนชูชันที่แข็งขันขึ้นทุกขณะ ให้อีกฝ่ายลูบไล้ไปทั่วความยาวตามการชักนำ

ผมมองซีกหน้าร้อนจัดที่เจือความอึดอัดขัดเขิน ผิดกับส่วนแกนกลางขาวสะอาดที่แข็งตัวขึ้นทั้งที่ไม่ได้ถูกแตะต้อง ผมยิ้มขัน ไม่ว่ายังไงปฏิกิริยาทางร่างกายก็ล้วนหลอกลวงไม่ได้

“ไปอาบน้ำกันเถอะ” 

เช่นเดิม... พี่กรไม่ได้ตอบรับ แต่สองเท้าก็ยังคงเดินตามผมมาโดยไร้การขัดขืน

เสียงสายน้ำตกกระทบแผ่นกระเบื้อง หากมันไม่ได้ช่วยคลายความร้อนระอุของร่างกายที่กำลังเสียดสีกันได้เลย ความลื่นของครีมอาบน้ำก่อให้ผิวเนื้อไวสัมผัสไปทุกส่วน ฝ่ามือลูบไล้กันไปทั่วร่างขัดถูความปรารถนาให้ลุกโชนอบอวบไปด้วยเสียงครวญคราง กระทั่งสายน้ำชะล้างความลื่นออกไปจนหมดผมก็ยังไม่อาจหยุดความเร่าร้อนที่พวยพุ่งขึ้นจนขีดสุดได้

ผมจูบคนรักอยากตะกระตะกราม ลูบไล้ไปทั่วร่างหอมกรุ่น จงใจละเว้นส่วนไวสัมผัสเอาไว้

“โป้ย...”  พี่กรเรียกเสียงระโหย นัยน์ตาฉ่ำเยิ้มวีแววขัดใจแต่ก็ไม่ยอมเอ่ยความต้องการออกมา ผมลอบยิ้มแสร้งไม่สนใจร่างกายผอมบางที่เบียดชิดเข้ามาเพื่อหวังระบายความอัดอั้น

“พี่กร...”  ผมบังคับข้อมือที่กอบกุมแก่นกายของผมเอาไว้ให้เคลื่อนไหวรัวเร็วอย่างเอาแต่ใจ พลางส่งเสียงครางยั่วเย้าอีกฝ่ายจนกระทั่งมาถึงครึ่งทางแห่งอารมณ์หฤหรรษ์

“พี่กร...”  ผมเลื่อนใบหน้าขึ้นกระซิบข้างใบหู  “ผมอยากเข้าไปในปากนุ่มๆ ของพี่ใจจะขาดแล้ว”

คนรักผู้ขี้อายของผมหน้าแดงร้อนมาถึงใบหู แต่ก็ยังคงไม่แสดงท่าทีขัดขืน

“พี่อยากอมมันมั้ย...”  เสียงแหบพร่ากับปลายลิ้นที่หยอกเย้าใบหูทำเอาร่างผอมบางสั่นระริก มันช่างน่ารังแกจนผมอยากจะกลืนกินพี่กรเข้าไปทั้งตัว

“ผมอยากให้พี่ดูดกลืนมัน จนกระทั่งมันแตกกระจายในปากนุ่มๆ นี้”  ผมเลื่อนใบหน้าขึ้นมาขบเม้มกลีบปากบาง  “พี่คิดเหมือนผมรึเปล่า หืม?...”

พี่กรหน้าร้อนแทบไหม้ หากก็ยังคงลูบไล้ความแข็งขืนของผมอยู่ไม่หยุดมือ

“ว่าไงครับที่รัก...”  ผมกระตุ้นอีกคำรบ พี่กรนิ่งไปเสี้ยววินาทีก่อนที่ศีรษะจะผงกเบาๆ เป็นการตอบรับ และหลังจากนั้นคือส่วนที่ทำเอาผมต้องสูดปากด้วยความระทึกใจ

พี่กรทรุดตัวลงนั่งคุกเข้ากับพื้นเปียกๆ สองตามีเสน่ห์จับจ้องของในมือคล้ายทำใจจากนั้นจึงอ้าปากอมมันเข้าไปกลืนกินลึกล้ำเสียจนเสียงครางต่ำๆ จากผมดังผสานเสียงน้ำไม่หยุด

นับจากครั้งแรกที่เพียรสอนกันมาก็ต้องถือว่าลูกศิษย์คนนี้มีความพยายามไม่น้อย จุดไหนที่ชอบ ทำอย่างไรถึงจะได้เสียงครางล้วนจำได้หมด แม้จะยังไม่เก่งกาจแต่ก็ถือได้ว่าเป็นนักเรียนดีเด่น ไม่อย่างนั้นจะเรียกเสียงครางจากคนเป็นอาจารย์อย่างผมได้ต่อเนื่องขนาดนี้หรือ

ฝ่ามือนุ่มชักพาสลับกับริมฝีปากที่บรรจงปรนเปรอชักพาคลื่นอารมณ์ให้สูงลิ่วราวกับว่าวติดลมบน ผมต้องใช้ความพยายามอย่างแรงกล้าที่จะไม่จับใบหน้าพี่กรไว้แล้วกระแทกกายเข้าออก ใบหน้าหล่อเหลาชวนมองบัดนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความยั่วยวน ไม่ว่าใครมาเห็นภาพนี้ก็คงไม่อาจสงบความดิบเถื่อนในกายได้แน่ กระทั่งห้วงสุดท้ายแห่งอารมณ์ ผมเผลอตัวดันกายเข้าลึกกว่าที่ควรแล้วปลดปล่อยหยาดรักออกมา

จนพี่กรตบหน้าขาผมนั่นแหละสติถึงได้กลับมาอีกครั้ง ผมรีบถอนกายออกขณะที่พี่กรไอเพราะสำลักน้ำสีขาวขุ่นที่ไหลรินออกมา วินาทีนั้นผมจัดการปิดน้ำแล้วฉุดพี่กรให้ลุกขึ้น ฉุดดึงอีกฝ่ายออกมานอกห้องน้ำแล้วปล่อยโยนลงที่นอนนุ่มก่อนจะพุ่งตัวเข้าทาบทับในทันทีเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายตั้งตัวได้ มือหนึ่งจับขาเรียวขาวแยกออกเพื่อแทรกลำตัว อีกมือก็ตะเกียกตะกายไปเปิดลิ้นชักข้างเตียงแล้วควานหยิบหลอดเจลออกมา

พี่กรมองผมที่กำลังเปิดฝาเทน้ำใสๆ ลงที่ฝ่ามือก็เกิดสีหน้าหวาดหวั่นไม่น้อย ผมโน้มตัวลงมาตรงหว่างขา อ้ารับส่วนแข็งขืนเข้าปากพร้อมกับดันนิ้วชุ่มเจลลื่นเข้าไปในช่องทางที่ปิดสนิทแน่น พี่กรสะดุ้ง เสียงสูดปากระคนเสียงครางดังไม่หยุด ผมปรนเปรออีกฝ่ายด้วยปากและนิ้วเหมือนเครื่องจักรชั้นดี

ร่างข้างใต้ดิ้นเร่าเมื่อนิ้วที่สองถูกสอดเข้าไปขยาย นิ้วเรียวยาวจับแขนผมไว้แน่นสบตาผมด้วยนัยน์ตาไหวระริก ผมละริมฝีปากออกมาเพื่อมองสีหน้าอีกฝ่ายให้เต็มตา พี่กรหน้าแดงไม่ต่างจากมะเขือเทศสุก ยามผมเคลื่อนนิ้วเข้าถูไถในร่างก็ส่งเสียงครางหวานหูออกมาจากริมฝีปากที่พยายามขบกัดเพื่อเก็บกลืนความน่าอาย ผมเคลื่อนนิ้วไปทีละนิด รุกคืบเพื่อหาจุดอ่อนไหวที่จะทำให้อีกฝ่ายแดดิ้นเช่นทุกที

“อ๊า~”  ผมยิ้มรับเสียงครางที่หวานล้ำกว่าเดิม พี่กรตัวสั่นระริกตอบสนองกับนิ้วขยันที่กดสัมผัสถูกจุด

“พี่กร...”

“อา~ โป้ย...โป้ย”

“ผมอยากเข้าไป...”  ผมเอ่ยเสียพร่า ดันนิ้วที่สามเข้าไปเพื่อขยับขยายช่องทางอุ่นร้อน โลมเลียร่างกายเนียนนุ่มด้วยลิ้นชุ่มชื้น  “นะ อนุญาตผมนะครับ”

“อื้อ!”  คนตัวขาวสะบัดหน้าด้วยแรงอารมณ์ที่พุ่งสูงจนเกินต้าน ผมเหยียดยิ้มพลางเร่งจังหวะเรียวนิ้วในช่องทางนุ่ม สอดแทรกขยับขยายให้เพียงพอที่แก่นกายร้อนจะบุกรุกเข้าไป

“พูดสิครับ”

“อื๊อ! ไม่ๆๆ พอแล้วโป้ย” 

นิ้วทั้งสามถูกชักออก เปลี่ยนมาจับขาของคนดิ้นรนให้แยกออกกว้าง เบียดกายร้อนถูไถร่องก้นไปมาเรียกเสียงครางหวานหู ผมจับจ้องช่องทางนุ่มขมิบยุบยิบยามโดนแก่นกายเสียดสี ส่วนอ่อนไหวสีขาวสะอาดปริ่มหยาดน้ำชวนให้ลิ้มลอง ผมปวดหนึบจนอยากจะกระแทกตัวเข้าไปบดเบียดให้คนใต้ร่างกรีดร้อง ครวญครางเรียกชื่อผม กอดรับผมด้วยสองมือ ตอดรักจนกระทั่งผมแตกซ่านภายใน

“ให้ผมเข้าไปได้มั้ย”

“...ด...ได้”  พี่กรตอบเสียงแหบพร่า หากผมยังไม่พอใจเพียงเท่านี้

“อะไรได้ครับที่รัก”

“อื้อ~ เข้ามา...อา~ อย่าแกล้ง”

ผมเหยียดยิ้ม จับเอ็นร้อนถูวนยังปากทาง ออกแรงดันเล็กน้อยให้ส่วนหัวผลุบเข้าไปก่อนจะชัดออกมาถูไถอีกครั้ง วนซ้ำไปเรื่อยจนช่องทางขยายกว่างกลืนกินผมได้มากกว่าเดิม

“โป้ย... ฮือ~ ที่รักครับอย่าแกล้งพี่”  และดูเหมือนว่าฝ่ายที่ทนไม่ไหวก่อนคือดารราหนุ่มสุดร้อนแรงใต้ร่าง เมื่อเรียวนิ้วยาวเอื้อมลงมาจับสิ่งแข็งขืนแล้วดึงดันให้มันเข้าไปด้วยตัวเอง

“ซี๊ด...อย่ารีบร้อนสิครับ”  ผมเอ่ยกระเซ้า แล้วเริ่มบทเร่าร้อนโดยการเคลื่อนตัวเข้าไปสู่ความคับแน่นช้าๆ ทิ้งน้ำหนักตัวจมดิ่งจนกระทั่งสองกายแนบชิด

เสียงกระซิบอ่อนหวานเรียกชื่อกันระคนเสียงครางด้วยความสุขสม อากาศเย็นฉ่ำถูกความร้อนแทนที่อบอวลกลิ่นหวานกระตุ้นความต้องการให้พุ่งสูง หยดเหงื่อรินรดแลกเปลี่ยนรสหวานจากกลีบปากกันและกัน ลมหายใจหอบกระเส่าส่งคำรักยาวนานกระทั่งจุดสูงสุดของความปรารถนา

หยาดรักที่เอ่อล้นภายในถูกรีดเค้นจนคนออกแรงแทบหมดกำลัง สองร่างคลอเคลียกันจนกระทั่งลมหายใจกลับมาเป็นปกติ

ผมถอนกายออก จัดการเช็ดทำความสะอาดหยาดน้ำคาวที่รินไหลออกจากช่องทางบวมแดง พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่เตลิดไปกับความยั่วยวนยามสิ้นสุดบทรัก พี่กรหลับตาพริ้ม ลมหายใจยังคงอ่อนระทวย ไม่ว่าผมจะพลิกจับไปทางไหนก็ไร้ซึ่งเสียงคัดค้าน

“เป็นยังไงบ้าง”  เอ่ยถามขณะเกลี่ยปอยผมชื้นเหงื่อให้พ้นวงหน้าอีกฝ่าย พี่กรปรือตายิ้มรับผมเล็กน้อย

“เจ็บ...ไม่เคยถ่างขากว้างขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต”  ผมหัวเราะให้กับคำอุทธรณ์

“เห็นว่าเป็นครั้งแรกของพี่ ผมจะยอมจบที่รอบเดียวก็ได้”

“โอย~ พี่ต้องขอบคุณสินะ”  พี่กรยกยิ้ม พลิกกายตะแคงข้างคล้ายอยากจะตัดบทสนทนาล่อแหลม

ผมดึงผ้าห่มขึ้นปิดบังผิวเนื้อเนียนขณะแทรกร่างตัวเองเข้าทาบซ้อน อากาศในห้องที่เย็นฉ่ำขึ้นเรื่อยๆ ทว่าในผ้าห่มกลับอบอวลด้วยไออุ่นจากสองร่าง ผมกอดคนร่างบางกว่าจูบซับไปทั่วต้นคออย่างอดหมั่นเขี้ยวไม่ได้ ก่อนเปิดฉากการพูดคุยด้วยท่วงท่าที่แนบแน่นยิ่งกว่าครั้งใด

“ลุงเอาคลิปสัมภาษณ์ของพี่ให้ผมดู”

“ของรายการอะไร?”

“ไม่รู้ -- แต่เป็นรายการที่พี่เปิดใจว่าแอบชอบผู้ชายน่ะ”  พี่กรย่นคอเมื่อผมกัดหลังคอไปหนึ่งคำ จากนั้นจึงพลิกร่างมาเผชิญหน้าผมด้วยสีหน้ารู้สึกผิด

“ไม่โกรธใช่มั้ยที่พี่พูดออกไป”  คนรู้ตัวเอ่ยถามลองเชิง เมื่อเห็นผมยังตีหน้านิ่งจึงรีบร้อนอธิบายต่อ  “พี่ก็ไม่อยากสร้างความวุ่นวายให้โป้ยนะ แต่เรื่องของเราถ้าถูกรู้ทีหลังมันจะแย่เอาได้ สู้เกริ่นออกไปแต่แรกให้คนรับรู้ตั้งแต่เนิ่นๆ น่าจะดีกว่า พอบอกว่าเป็นคนที่แอบชอบนักข่าวก็จะขุดคุ้ยได้ยากกว่า โป้ยจะได้ไม่ต้องทนรำคาญกับพวกแฟนคลับด้วย”

“นี่คือคำอธิบาย”  น้ำเสียงผมยังเรียบนิ่งเช่นเดิมทำเอาพี่กรหน้าสลดไปเล็กน้อย  “แต่ไม่ว่ายังไงผมก็ยังไม่ชอบใจอยู่ดี!”

“...คือ...พี่...”

“ผมยังเป็นแค่คนที่พี่แอบชอบอยู่อีกเหรอ? เรายังไม่ใช่คนรักกันอย่างนั้นสินะ”

สองตาคู่สวยตรงหน้าเบิกกว้างมองผมราวกับตามเรื่องในการสนทนาครั้งนี้ไม่ทัน พี่กรที่กระพริบตาปริบค่อยๆ เปลี่ยนสีหน้าเป็นปั้นปึ่งเมื่อเห็นว่ารอยยิ้มกวนอารมณ์ของผมผุดขึ้นมา ฝ่ามือขาวตีท่อนแขนคนขี้แกล้งเสียหนึ่งที 

“พี่ก็คิดไปว่าโป้ยโมโหที่พี่พูดเรื่องของเรา”

“โมโหสิ! โมโหที่พี่ไม่ยอมพูดว่าเป็นแฟนผมแล้ว”  ผมตีหน้าขึงขังอีกรอบ หวังจะพุ่งริมฝีปากเข้าหาลาดไหล่เพื่อขบกัดเสียหน่อย แต่กลับถูกดันเอาไว้จนหน้าหงายเริ่ดซะก่อน

“ขืนพี่ทำแบบนั้นแล้วคนที่บ้านโป้ยจะว่ายังไง”

“เขาไม่ว่าอะไรหรอก”  สิ้นคำตอบ มือที่ดันหน้าผาไว้กลับอ่อนกำลังลงยังผลให้ผมฉกจูบลาดไหล่เนียนได้สมใจ

“...อาเจ็กว่ายังไงบ้างเหรอโป้ย”

“อยากรู้ขึ้นมาแล้วล่ะสิ”  ผมเอ่ยแซวด้วยเสียงหัวเราะ จึงถูกลงโทษด้วยการถูกตีอีกหนึ่งครั้ง

“อย่ามาเล่นลิ้นนะโป้ย”  พูดจบก็ระบายอารมณ์ใส่ผมอีกสักหนึ่งที

“โอ๊ยๆ ผมเล่นลิ้นเสียที่ไหนเล่า เล่นลิ้นจริงๆ มันเป็นแบบนี้ต่างหาก!”  ว่าแล้วก็ล็อกใบหน้าคนพูดผิดเอาไว้ด้วยสองมือ แล้วเข้าจู่โจมริมฝีปากนุ่มนวล ซอกซอนเรียวลิ้นเข้าไป ลุกไล้หลอกล่อลิ้นพี่กรออกมาแล้วจงใจดูดมันแรงๆ

“บ้า!!”  ปิดท้ายเมื่อผมยอมละปากออก พี่กรซัดผมอีกหนึ่งทีด้วยใบหน้าเห่อร้อน

“พี่ไม่ต้องกังวลเรื่องคนที่บ้านนะ”  ผมอมยิ้ม จูบหน้าผากอีกฝ่ายอย่างรักใคร่  “ป๊าไม่ว่าอะไรเลย เขาคิดว่าผมต้องชอบผู้ชายมาแต่แรกแล้วด้วยซ้ำ ยิ่งอากงพี่ยิ่งไม่ต้องห่วง ถึงอากงแก่จะอายุมากแต่ก็ไม่ได้หัวโบราณ”

“...จริงเหรอ?”  พี่กรเอ่ยเสียงเบา

“จริงสิ! ให้เวลาพวกเขารับตัวตนของผมได้มากกว่านี้ก่อน แล้วเราไปด้วยกันนะ อากงรักพี่ ป๊าก็ชอบพี่ ทุกคนต้องยินดีกับผมแน่นอน”

พี่กรพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แต่ผมรู้ว่าภายใต้ความยินดีที่แสดงออกมานั้นยังคงไม่ใช่ความสบายใจอย่างแท้จริง แม่ของพี่กรยังคงรอคำอธิบายของลูกชายอยู่ กับอีกหนึ่งสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้จากการเป็นคนของสังคมคืออีกด้านของการยอมรับ เรากรคงต้องฝ่าฟันเสียงเสียดสีและกร่นด่าของคนที่ไม่เห็นชอบ ถ้อยคำที่เราเคยเห็นมันถูกพ่นใส่คนอื่น ในวันข้างหน้ามันคงเป็นคราวของเราที่ต้องเผชิญ

เราอาจจะท้อใจ... แต่ถ้าเรายอมถอยนั่นคงหมายว่าเราคงรักกันไม่มากพอ

ผมรั้งร่างคนในอ้อมกอดให้แนบชิดยิ่งขึ้น จรดริมฝีปากแนบกลีบปากนิ่มแผ่วเบา

“ผมจะไม่มีวันปล่อยมือจากพี่”

“อืม...”  พี่กรพยักหน้าทั้งรอยยิ้ม มันคงเป็นรอยยิ้มแสนหวานที่มีผมคนเดียวที่ได้เห็น

“ฟังแค่ผม”

“..........”

“มองแค่ผม”

“..........”

“รักแค่ผม”

“คิกๆ เอาแต่ใจจัง”

“แต่พี่จะทำให้ผมได้ใช่มั้ย?”

ริมฝีปากคนฟังแย้มยิ้มหวานล้ำจนส่องประกายวิบวับไปถึงนัยน์ตา โอบวงแขนตอบรับก่อนจะซุกซบลงกับซอกคอผมราวกับลูกแมวช่างออดอ้อน

“พี่ทำแบบนั้นมาตลอดนะโป้ย...ทำมาตลอด”

เสียงทุ้มหวานเอ่ยคำยืนยัน ผมแนบหน้าลงกับกลุ่มผมหอมทั้งรอยยิ้ม

“...และจะมันเป็นยังนั้นตลอดไป”

คำสัญญาของพี่กรที่ดังแผ่วท่ามกลางความเงียบ ผมตอบรับถ้อยคำนั้นด้วยอ้อมกอดที่แน่นกว่าเดิม

ความเงียบขับเน้นเสียงหัวใจเต้นให้ดังขับกล่อมสองร่าง

หากว่านับจากวันนี้...เราไม่ปล่อยมือจากกัน คำว่า ‘ตลอดไป’ คงเป็นได้มากกว่าคำพูดได้แน่นอน





-------------------------------------------------------

ตอนหน้าจบแล้ว
ตอนหน้าจบแล้วจ่ะ
ตอนหน้าจบแล้วจ้าาาา
 :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ:
:a2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 08-06-2019 13:06:14
ดีใจ คู่นี้ลงเอยกันอย่างสมบูรณ์ซะที
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 08-06-2019 13:17:45
หวานมากๆค่ะพี่กรกับโป้ย อิอิ ส่วนของพี่กรนั้น รอดูบทลงโทษ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 08-06-2019 13:41:11
โป๊ยแสบมาก จะแกล้งเอาคืนพี่ปูน ก็ไม่สงสารเพื่อนซื่อๆ แบบลุงบ้างเลย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 08-06-2019 14:28:39
สมใจแล้วเนาะโป๊ยได้กินพี่กรแล้วนิ   :z1:

ไม่อยากจะคิดสภาพน้องลุงว่าจะโดนพี่ปูนทำโทษแบบไหน  :hao6:

****อยากให้น้องลุงรู้ทันแผนของเพื่อนๆที่รักทุกคนแล้วเอาคืนบ้าง....พอจะมีวันนั้นไหมน๊า55555

รอตอนหน้าอย่างจดจ่อ  :pig4: :กอด1: :L1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 08-06-2019 14:42:39
พี่กรโดนกินแล้ว  :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 08-06-2019 14:55:00
อะไรคือตอนหน้าจบ แงงงงงงงงงงง
ต้องคิดถึงลุงมากๆๆๆแน่เลย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 08-06-2019 14:59:10
อิโป๊ย อิเพื่อนเลววววววว
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-06-2019 15:00:14
โอเย่~~~~  :a11: :a11:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 08-06-2019 16:01:16
สงสารลุง เพื่อนโป๊ยทำพิษซะแล้ว
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 08-06-2019 17:29:31
กว่าจะลงเอยกันได้นะคู่นี้ ลุ้นตัวโก่งเลย  ยินดีกับโป้ยที่ได้กินพี่กรซักที

แต่ขอหยิกโป้ยทีที่บังอาจมาแกล้งน้องลุง แค้นพี่ปูน แต่ลุงซวย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 08-06-2019 19:53:27
อิโป้ยยยยยยยยย
แกล้งพี่ปูนไม่สงสารลุงเลยเหรอ 55555

ตอนหน้าจบแล้ววววววว จะมีเล่มมั้ยค๊าา  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 08-06-2019 20:42:48
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 08-06-2019 21:00:59
คู่โป้ยกับพี่กร ก็หวานกันไป แต่กับดักที่โป้ยวางไว้กับลุงและพี่ปูนนี่รอลุ้น :mew4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 08-06-2019 21:09:53
 :angry2:  โป้๊ย จะทำอย่างนี้กับพี่ปูนไม่ได้นะ 
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: aha_aha ที่ 08-06-2019 21:14:05
เรื่องนี้นายเอกตายใช่ปะ โดนพระเอกฟัดตายคาเตียง 555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 08-06-2019 21:26:51
โป๊ยมันร้ายยนะ จะแกล้งพี่ปูน แต่ใช้ลุงเป็นเครื่องมือเนี่ย ไม่สงสารเพื่อนบ้างเลยหรือ
แต่ก็ดีใจด้วยนะ ที่ลงเอยกับพี่กรด้วยดี หลังจากเก็บไว้ในใจมาตั้งนาน
 :a5:
ห๊ะ ตอนหน้าจะจบแล้วเหรอ คงต้องคิดถึงลุงแน่นอน เนี่ยยังไม่ค่อยเข้าใจวิธีปลูกแตงร้านเท่าไหร่ จะจบซะแล้ว อิอิิอิ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 08-06-2019 22:10:07
เอ็นดูคุณพ่อโป้ยอยากได้ลุงเป็นสะใภ้
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 08-06-2019 23:32:48
โอ้ยยยยย ไม่อยากคิดถึงสภาพของคุณลุง
ไม่รู้ว่าคุณปุริมจะ....ขนาดไหน
อ๋อยยยย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 08-06-2019 23:56:22
ทำไมถึงทำกับลุงได้ 555555
หนูลูกสงสาร
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 09-06-2019 01:18:20
อย่าทำพัทลุงงงงงงงงง
อยากรู้ว่าพี่ปูนจะรู้ทันมั้ย 55555555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 09-06-2019 06:17:01
ขอบคุณค่ะ สนุกมาก
 :-[
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 09-06-2019 08:07:50
อีโป้ยเลวมากแกล้งเพื่อน555555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 09-06-2019 21:37:24
อิเพื่อนเลวววววววว

ลุงจะลาป่วยก่วันดี?
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-06-2019 21:57:41
โป้ย........... ไอ้เพื่อนตัวร้าย ตัวแสบ  :z6: :z6: :z6:
ยังไงๆ ลุงก็ซื่อ ตามไม่ทันเพื่อนโป้ย เอิ่มมม.....เพื่อนทุกคนน่ะแหละ   :really2: :เฮ้อ:  :serius2:
พี่ปูน โดนโป้ยเอาคืนซะและ  :m20: :laugh:
แต่ลุงนี่สิ จะโดนเอาคืนหนักกว่าใคร   :z1: :pighaun: :haun4:
มันน่าให้โป้ย โดนพี่กร รุกคืนบ้างนะเนี่ย  :laugh: :m20:
       :L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 09-06-2019 22:31:55
โป้ยนี่ชอบแกล้งลุงจริงนะเนี่ย ใครได้ประโยชน์ในเรื่องนี้มากสุดก็ต้องโป้ยแหละรู้เรื่องของทุกคนจริงๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 10-06-2019 08:45:38
 :pighaun:.

โป๊ยทำร้ายลุง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 10-06-2019 21:25:51
ได้กินซะทีนะโป๊ยยย  :z1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 11-06-2019 10:09:20
โป้ยแกล้งลุงทำไมมม55555555555555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 11-06-2019 13:58:37
อิโป้ยอิเพื่อนเลวววว แกล้งลุงให้ตายคาเตียงชัดๆ 5555555

ว่าพี่ปูนหื่นกาม ตัวเองน้อยที่ไหน ฟาดพี่กรคาเตียง อิโป้ยแกมันร้ายยย  :z1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 11-06-2019 21:35:43
มีแต่คนแกล้งลุงอ่าอย่า :hao7:
จะจบแล้วๆๆ รอจ้า
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: taku_kimu ที่ 12-06-2019 13:06:38
รอเล่มเลยเนี่ย ขอตอนพิเศษใส่ไข่เยอะๆๆๆๆๆ เลยนะคับ พรีออเดอร์ด่วนๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 13-06-2019 01:52:15
 :laugh:

 :man1: :man1:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 17-06-2019 23:44:08
อารมณ์นี้ กร คือ ฟีลบอบบาง ฟีลน่าเอ็นดูมาเต็มมากค่ะ
น่ารัก ตลอดมามีแต่โป้ยมาตลอด ไม่แลใครเลย
โป้ยก็บ้าบอ สมใจแล้วทีนี้ แถมได้ความรักที่มั่นคงมานาน

แล้วอะไร ไปแกล้งลุงทำไม ระวังปูนเอาคืนหนักกว่าเดิมนะ

เอ็นดูลุง ทำไมซื่อแบบนี้ไปได้นะ ดูไม่ออกเลยหรอคนเรา
ชอบความลุงเอ็นดูปูนน่ะ ใส่ใจมาก และทำให้ปูนเป็นผู้เป็นคน

ปูนคะ ลุงต้องยังทำงานเนาะ ยังต้องลุกจากเตียงบ้างไรบ้างเนาะ
ไม่ต้องทำเหมือนกับอดยากหนักมาก และอย่าลืมเอาคืนโป้ยนะ

ใกล้จบแล้ว ยังคิดถึงความลุงอยู่เลยค่ะ จบไปมีเหงาน่ะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ตุยชิคชิค ที่ 08-07-2019 04:04:02
อดีตพี่ปูนโหดร้ายสำหรับเราที่อ่านนิยายมา4-5ปีมากมากที่สุด ความรู้สึกที่ไม่มีใครักนี่มันเจ่บปวดนะ อุแงงโชคดีของพี่ปูนมากๆที่มาเจอลุง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-07-2019 05:59:19
รอ ..........  :z3: :z3: :z3:
ให้พี่ปูนเอาคืนโป้ย หนักๆ  :z6:
แบบให้พี่กรไปทำงานไกลๆ เป็นเดือนๆ
แล้วพี่ปูนก็พาลุงไปเที่ยวรอบโลกซะเลย  :impress2:
ให้โป้ยงุ่นง่าน หงุดหงิด ห่างทั้งพี่กร ไม่มีลุงมาเป็นเพื่อนคุย กร๊ากกกกกก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
พี่ปูน  ลุง   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 14-07-2019 17:35:09
น่ารักจังเลย ชอบทัศนคติของลุงมากๆ
ความรักที่ใช้ทั้งใจและสมอง ดีจัง
ถึงจะเป็นคนคิดเข้าข้างตัวเองไปหน่อย 55555
รอติดตามตอนจบน้าาา
สู้ๆน้าคนเขียน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Fujung ที่ 14-07-2019 18:39:57
โอ้ยฟินไปเลยจ้า เจ้าลุงก็ยังเป็นกระต่ายน้อยให้เพื่อนโป้ยใช้แกล้งพี่ปูนได้ต่อไปเรื่อยๆไม่อยากนึกสภาพลุงหลังจากไม่ให้พี่ปูนกอดนานเป็นเดือนเลย คิดว่าคงได้รอหยุดยาวๆเลย แต่ไม่ต้องกลัวนะมีหลัวเป็นเจ้าของบริษัทสะอย่าง ส่วนโป้ยกับพี่กรตอนนี้คือคอมพลีทเขาก็รอของเขามานานอะนะปูนนี่ก็ร้อนแรงไม่ใช่เ่ล่นๆเลย

ตอนหน้าจะจบแล้วเหรอรู้สึกใจหายเหมือนกันนะ การเดินทาง2ปีนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเนอะ ไม่คิดว่าตามอ่านมาได้นานขนาดนี้ถึงนักแต่งจะหายไปบางจนลืมเนื้อเลยไปแล้วก็ตาม แต่ก็กลับไปอ่านย้อนเพราะเอ็นดูเจ้าลุงนี่แหละ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: TongRung ที่ 30-07-2019 06:25:34
คิดถึงงงงง
 :z13:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: NOO~KUNG ที่ 03-08-2019 23:11:22
น่ารักทุกคนเลย...อ่านไปขำไป รักลุง สงสารพี่ปูน ลุ้นไปกับคู่พี่กร-โป้ย ....
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 04-08-2019 10:07:28
ขำมากแต่ละคน อากง น้องลุง แต่ละคนคิดไปไกลมาก :ling1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 27 _ไก่วัดกับสมภาร_ || 8-6-62 หน้า 50 ||
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 04-08-2019 12:11:32
เอ็นดูคุณลุง ไม่อยากให้จบเลย  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 06-08-2019 04:31:16
ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด


ส่วนที่หนึ่ง สมภาร!!




ลุงเปลี่ยนไป

แรกเริ่มนั้นผมแค่รู้สึกเอะใจ แต่นานวันเข้าก็เริ่มเปลี่ยนเป็นความมั่นใจ สังเกตจากการนอนค้างด้วยกันลดน้อยลง มีอะไรกันแทบจะนับครั้งได้ ข้อความที่เคยส่งให้สม่ำเสมอกลับขาดตอนไป แถมยังเป็นคำสั้นๆ ที่อ่านทีไรก็ได้แต่นิ่วหน้าขัดใจ แม้จะยิ้มให้ ยังพูดจาเอาใจอยู่บ้างแต่คล้ายจะมีบางสิ่งบางอย่างปิดบังเอาไว้

ไม่ใช่ว่าไม่เคยถาม แต่คำตอบที่ได้คือถูกพูดปัดไปปัดมา แล้วลงท้ายที่อีกฝ่ายวิ่งหนีไป

เหตุการณ์นี้ทำให้รู้ว่าตัวเองนั้นใจเย็นกับพัทลุงได้มากขนาดไหน ผมไม่โวยวาย ไม่เร่งร้อนหาความจริง ผมรับมือกับอาการแปลกๆ ของคนรักได้ดีเกินกว่าที่ตัวเองคิด คงเพราะเวลาผมมองค้นหาเข้าไปในตาโตๆ คู่นั้น มันยังคงเปล่งประกายเวลาเราจ้องตากัน ยังคงทอความอบอุ่นอ่อนโยนยามมองมาที่ผม... เพราะฉะนั้นแล้ว ให้ตายผมก็ไม่เชื่อว่าลุงแปลกไปเพราะหมดรักกัน!!

“วันนี้ผมไม่ค้างนะ”

ผมหันหน้าไปมองเจ้าของเสียงที่กำลังขยับตัวลุกออกจากอ้อมกอด ลุงนั่งหันหลังอวดโครงสร้างแสนเย้ายวนให้ผมต้องเก็บกลืนน้ำลาย ยามเจ้าตัวก้มลงหยิบบางอย่างบนพื้นก็ทำเอาเจ้าสองก้อนเต่งตึงลอยหวือในอากาศ อวดช่องทางชุ่มลื่นที่คล้ายจะยังปิดไม่สนิทราวกับล่อหลอกให้คนเข้าไปสำรวจ

คงไม่มีใครสั่งสอนสินะว่าถ้าอยากกลับบ้านก็ห้ามยั่วผัวตัวเองแบบนี้

ผมยื่นมือเข้ารั้งเอวบางเอาไว้ในจังหวะที่เจ้าตัวกำลังจะลุกขึ้น เป็นผลให้ร่างของลุงเสียหลักล้มลงบนที่นอนแล้วถูกผมลากมานอนทับไว้อีกครั้ง ลุงร้องเบาๆ อย่างขัดใจแต่ก็ไม่ได้ดิ้นรนให้เปลืองแรง

“ไม่ทำแล้วนะ”

“อีกสองรอบแล้วจะยอมให้กลับ”  ผมปัดตกคำค้านไปแบบไม่สนใจคนหน้าง้ำ ลุงมันขมุบขมิบปากบ่นผมสองสามประโยคแล้วค่อยหันมาตีหน้าเข้มใส่ผมคล้ายจะไม่ยอมตกลง

“อาทิตย์นี้เพิ่งจะได้เอากันครั้งนี้ครั้งเดียวเองนะ ลุงจะทรมานพี่เกินไปแล้ว!”  ผมแสร้งโวยวายเกินความจำเป็น และนั่นทำให้สีหน้าคนฟังอ่อนลงรีบร้อนเข้ามากอดแขนไถหัวไปมาอย่างออดอ้อน

“ก็ลุงมีความจำเป็น ปุริมอย่าโมโหสิ”

“ความจำเป็นอะไรที่ทำให้เดือนกว่ามานี้ลุงทำตัวแปลกไป”  ผมถามเสียงเครียด พยายามไม่ใจอ่อนไปกับท่าทางน่ารักกับดวงตากลมๆ ที่มองช้อนขึ้นมา แต่มันก็ยากเย็นจริงๆ เวลาถูกลุงอ้อนทีไรผมไม่เคยขึงขังใส่ได้นานสักครั้ง

พัทลุงกระพริบตาปริบๆ เหมือนเด็กที่ตอบคำถามคุณครูไม่ได้ เมื่อเห็นผมยังคงจ้องหวังคำตอบไม่ลดละ เจ้าตัวก็เริ่มล่อกแล่กแล้วเบนสายตาหนีไปทางอื่น ทำทีเอาแก้มไถแขนผมเอาตัวรอดไปเงียบๆ

โคตรจะมีพิรุธ!

ลุงเป็นนักโกหกที่แย่ที่สุด แต่ประเด็นมันอยู่ที่ผมไม่รู้ว่าลุงปิดบังเรื่องอะไรเอาไว้ ในเมื่อบีบบังคับให้ตอบไม่ได้ผมก็จำต้องหว่านแหในเรื่องที่เลวร้ายที่สุดไว้ก่อนเพื่อนดูปฏิกิริยา

“หรือลุงมีคนอื่น...”  คราวนี้พัทลุงหันมาจ้องผมตาโต ผมมเลยใส่ประโยคกล่าวหาเพิ่มเข้าไปอีก  “อยากเลิกกับพี่แล้วใช่รึเปล่า?”

“เพ้อเจ้อน่าปุริม!”  ไอ้ตัวแสบพ่นลมหายใจ พลิกตัวออกจากวงแขนผมแล้วเป็นฝ่ายจัดท่าขึ้นมานั่งตักแทน ฝากรอยอุ่นๆ ข้างแก้มหนึ่งทีแล้วเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังกว่าเดิม  “ผมรักพี่จะตายห่าอยู่แล้ว คนที่ต้องกลัวว่าจะต้องถูกบอกเลิกควรเป็นผมต่างหาก”

“ไหงมาโบ้ยให้พี่”

“ก็ปุริมหล่อมากไง มีแต่แมลงวันตอมหึ่งๆ”

“ผัวเป็นคนไม่ใช่ขี้นะที่รัก”  ผมหลุดยิ้มให้กับคนช่างฉอเลาะ รู้ตัวอีกทีก็ถูกลุงฉุดออกจากเรื่องดราม่าไปซะแล้ว

“นั่นแหละๆ แต่ต่อให้เป็นขี้ลุงก็รัก”  พูดจบก็จูบผมเบาๆ  “วันนี้ไม่กลับแล้วก็ได้ เดี๋ยวคนแก่จะน้อยใจ”

“ไม่ทันแล้ว” 

“งั้นต้องง้อแล้วล่ะมั้ง...ง้อแบบไหนดีน้า~”   ลุงเอียงหน้ามองผมด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ยิ่งถ้อยคำกระซิบที่ตามมาเล่นเอาผมขนลุกซู่ด้วยความตื่นเต้น  “หม่ำแตงดุๆ ให้ดีมั้ย?”

“ดุยังไงครับ”  จบ! ...ผมเลิกคิดซักไซ้หาความชั่วคราว ลุงนี่มันนักโกหกชั้นแย่ แต่เป็นนักเบี่ยงเบนอารมณ์ชั้นยอดจริงๆ

“หูย~ อยากรู้ต้องลองเนอะ”  เล่นหูเล่นตากับผมเสร็จก็หัวเราะชอบใจ นับวันจะร้ายใหญ่แล้ว

“กลายเป็นเด็กทะลึ่งแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่หืม?”  ผมกระเซ้าขณะเริ่มโหมโรงบทรักด้วยฝ่ามือลงบนสองก้อนเนื้ออวบแน่นเต็มมือ

“ก็ตั้งแต่ได้พี่เป็นผัวนั่นแหละ!”  ลุงตอบชัดถ้อยชัดคำในทันทีสีหน้านั้นเหม็นเบื่อจนผมต้องหัวเราะออกมา

แต่พัทลุงก็ทำให้ผมหัวเราะได้ไม่นานนักหรอก เพราะหลังจากนั้นปากผมก็เปล่งแต่เสียงครางออกมาไปอีกนานหลายชั่วโมง   

.

.

.

พัทลุงยังคล้ายจะหลบเลี่ยงผมต่อไป บางครั้งก็ทำให้ผมชักรู้สึกว่าตัวเองเหมือนสุนัขที่รอคอยเจ้าของมาให้ความดูแล พอเริ่มเหงาเริ่มแยกเขี้ยวขู่ฟ่อ ก็จะได้รับการลูบหัวหยอกล้อสักที  บางทีลุงอาจจะลืมไปว่าผมไม่มีหางให้กระดิก ไม่ได้พอใจกับการดูแลแค่ชั่วครู่ชั่วยามแล้วเห็นว่านั่นคือสิ่งที่ดีที่สุด

แต่ผมก็รักลุงเกินกว่าที่จะเย่อหยิ่งในศักดิ์ศรีแล้วเป็นฝ่ายหันหลังเดินจากไป นั่นทำให้ผมต้องวนเวียนอยู่กับความสัมพันธ์แปลกๆ แบบนี้มาหลายสัปดาห์แล้ว และก็ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนกว่าที่ลุงจะพอใจ

“แกแน่ใจนะว่าพัทลุงไม่ได้มีคนอื่น”  พันกรวางแก้วโอลด์ แฟชั่นที่เกือบหมดแล้วลงบนโต๊ะ พิงพนักด้วยท่าทีผ่อนคลายพลางวาดขาไขว้กันอย่างสบายอารมณ์

“อย่ามาทุบคานบ้านคนอื่น!”  ผมว่า ยกแก้ววิสกี้ลงคอหนึ่งอึกใหญ่  “ถึงจะคบกันไม่นานแต่กูก็รู้ว่าลุงไม่ใช่พวกชอบสวมเขาให้ใคร มันมีนัยยะอื่น”

“เพียงแต่มึงยังคิดไม่ออก”  พันกรถอนหายใจ จากนั้นก็หันไปทางคนข้างกายที่นั่งในท่วงท่าสบายยิ่งกว่า  “ลุงได้เล่าอะไรให้โป้ยฟังบ้างมั้ย?”

ผมหันไปมองคนถูกตั้งคำถามที่ดื้อจะติดตามเพื่อนสนิทผมมาให้ได้ แถมยังนั่งดื่มเงียบๆ ไม่เข้าร่วมวงสนทนาจนกระทั่งมีคำถามเจาะจงขึ้น โป้ยวางแก้วมาตินี่พร้อมรอยยิ้มมุมปากที่กระตุกหัวคิ้วผมได้ไม่น้อย นัยน์ตาสีดำตวัดมองผมราวกับสื่อบางอย่าง

“จะว่าเล่าก็เล่า จะว่าไม่ได้เล่าก็คงได้”  คนพูดไหวไหล่ สีหน้าราวกับอยู่เหนือกว่าคนทั้งหมด แต่จากจุดรวมสายตามันเหมือนจะเฉพาะเจาะจงมาที่ผม

“ทำไมต้องทำเล่นลิ้นมีเลศนัยด้วยเนี่ย”  กรตีคนรักตัวเองเบาๆ อย่างหยอกล้อ ซึ่งดูน่าหมั่นไส้นิดๆ สำหรับคนไกลเมียอย่างผม  “แค่บอกให้เพื่อนพี่สบายใจหน่อยเถอะ ปูนมันเครียดมาพักใหญ่แล้ว”

“มันใช่หน้าที่ของผมเหรอ”  โป้ยคว้าแก้วมาตินี่ขึ้นจิบอีกครั้ง ปรายสายตามองผมแล้วหัวเราะในลำคอเบาๆ

จากที่แค่เอะใจในตอนแรกผมเปลี่ยนมาเชื่อมั่นขึ้นอีกระดับ เรื่องที่พัทลุงลุกขึ้นมาทำอะไรแปลกๆ นั้นต้องมีคนอยู่เบื้องหลัง และจากรอยยิ้มท้าทายของคนตรงหน้าผมนี้มันชี้ชัดไปเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย และเมื่อนึกย้อนไปก่อนหน้าที่ผมทำโป้ยมันกระวนกระวายไปหลายวัน คนเจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างนั้นมีหรือที่จะไม่โต้กลับผมคืนโดยทำให้อยู่ในสถานะเดียวกัน

ยอมรับเลยว่าคราวนี้มันเล่นผมซะหมอบเลย!

“แกไปเป่าหูลุงวิธีไหนกัน”  ผมถามขึ้นเสียงเรียบ แม้ในใจอยากจะเขวี้ยงแก้วบนโต๊ะใส่คนยิ้มเยาะตรงหน้าสักทีก็ตาม  “แกเล่นฉันแสบมากนะไอ้โป้ย”

“อะไร? เรื่องอะไร?”  พันกรมองสลับผมกับแฟนหนุ่มด้วยความไม่เข้าใจ แน่ล่ะ... ถ้าเพื่อนผมจะลาดกว่านี้ก็คงไม่หลงรักงูเห่าแบบนั้นมานานสองนานหรอก

“มันเอาคืนกูเรื่องมึงก่อนหน้านี้ไง”  ผมบอกแค่นั้นก็ทำพันกรคิดได้ในไม่กี่วินาทีต่อมา ใบหน้าหล่อเหลาของพระรองขายได้หันไปมองคนรักด้วยแววตาเอาเรื่องทันที

“อะไร!? ก็พี่ปูนแกล้งผมก่อนนี่”

“แล้วมันใช่เรื่องที่เราต้องไปเอาคืนหรือโป้ย”  พันกรว่าเสียงเข้ม เล่นเอาคืนถือไพ่เหนือกว่าเมื่อสักครู่กลายเป็นเด็กน้อยที่ถูกผู้ปกครองดุไปในทันที ทำเอาผมต้องเก็บกลืนรอยยิ้มเยาะเย้ยเอาไว้แทบไม่ทัน

“ทำไมเล่า มันก็แค่เรื่องเล็กน้อยเอง อีกอย่างผมก็ไม่ได้บังคับลุงสักหน่อย เป็นมันต่างหากที่ตัดสินใจทำ”  โป้ยว่าพลางหันมามองผม  “แฟนพี่มันเลือกที่จะทำแบบนี้เอง ทำพี่ไม่ลองนั่งทบทวนตัวเองล่ะว่าเพราะอะไร”

จนถึงขนาดนี้แล้วมันก็ยังจ้องจะฝากระเบิดเอาไว้ในใจผมอีก! จะให้ผมกลับไปนั่งทบทวนอะไรอีก ในเมื่อผมทำทั้งหมดนั่นมาแล้ว!

“คายออกมาให้หมดเลยนะโป้ยถ้าไม่อยากให้เราทะเลาะกัน”  แต่ก็ใช่ว่าผมจะสิ้นไร้ไม้ตอกเสียทีเดียว เพราะพันกรกล้าหาญจับคางโป้ยบังคับให้หันไปสบตา   

“ใช่!”  ผมออกปากสนับสนุนเพื่อนเต็มที่

 “วันนั้นเราคุยกันแล้วไง และมันก็เป็นความผิดพี่เองที่จำเบอร์โป้ยไม่ได้”

“ใช่!”  ผมส่งเสียงอย่างเห็นพ้อง

“มันไม่ใช่เรื่องดีหรอกนะที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของใครต้องสั่นคลอน”

“ถูกต้อง!”

“กูพูดรวมถึงมึงด้วยปูน!”

“ชิ!”  ผมสะบัดหน้าหนีถ้อยคำแทงใจ ก็ใครใช้ให้โป้ยมันชอบขวางหูขวางตาผมแต่แรกล่ะ ก่อนหน้าก็ทำตัวเป็นน้องที่ดีไปไหนไปกัน แค่พอผมจ้องจะเคลมลุงเท่านั้นก็วางท่าเป็นอริกับผมจนรู้สึกได้แล้วอย่างนี้จะให้ผมชอบมันต่อไปได้อย่างไรกัน

“ทำตัวเหมือนเด็กทั้งสองคน แล้วลุงที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรก็ต้องพลอยรับกรรมไปด้วย”  กรมันว่ายาวๆ แล้วจบประโยคด้วยเสียงพึมพำประมาณว่า ‘เด็กไม่รู้จักโต’ ก่อนจะหันไปยกค็อกเทลดื่มจนหมดแก้ว ทำท่าจะเรียกสั่งเพิ่มอีกแต่ถูกโป้ยขัดขวางไว้ได้ทัน

“พอแล้ว พรุ่งนี้พี่มีนัดพบลูกค้าลืมแล้วรึไง”  แม้จะสามารถดึงรั้งมืออีกฝ่ายให้ลงมาได้ แต่โป้ยก็ไม่อาจห้ามสายตาคมกริบที่สบอยู่ได้ มันถอนหายใจยาวเหยียดแล้วหันมาทางผมด้วยสีหน้าไม่ค่อยจะเต็มใจสักเท่าไหร่  “ผมขอโทษพี่ด้วยแล้วกัน เลิกแล้วต่อกันโอเคมั้ย?”

ณ. จุดนี้ผมบอกเลยว่าการนิ่งเฉยนั้นไม่ช่วยให้ตัวเองหลุดรอดจากผู้กระทำผิดไปได้ เพราะเมื่อแฟนที่เคารพของไอ้กรเอ่ยออกมาก่อนขนาดนี้แล้ว ถ้าผมจะไม่พูดออกไปบ้างคงได้ฟังกรว่าเข้าให้อีกรอบเป็นแน่

“พี่ก็ขอโทษ”  ผมบอกด้วยน้ำเสียงไม่เต็มใจเช่นเดียวกัน ก่อนจะหันไปหาเพื่อนที่จับจ้องอย่างกับเป็นครูระเบียบ  “พอใจมั้ยมึง?”

พ่อดาราแค่พ่นลมหายใจสั้นๆ จากนั้นก็ทำหน้าที่เพื่อนที่ดีโดยการเค้นคอแฟนหนุ่มจนคนต้นเรื่องบอกออกมาจนหมดเปลือก ความรู้สึกคนฟังนั้นทั้งขำทั้งโมโห แฟนมันก็ช่างเป็นนักวางเพลิงชั้นเยี่ยม ส่วนแฟนผมก็แสนซื่อจนได้ถ้วยได้โล่ โดนปั่นหัวจนคิดได้ยังว่าผมจะเผลอตัวไปหลงชอบพันกร แล้วยังจะเรื่อง...

“น้องมันก็คงอยากลองบ้างน่ะปูน”  พันกรเอ่ยแก้ต่างให้ทั้งที่กลั้นยิ้มจนแก้มแทบแตกอยู่แล้ว

“มึงลองกับไอ้โป้ยไปเหอะ!”

“เกี่ยวอะไรกับผมเล่า เมียพี่มันฝังใจของมันเองต่างหาก”  ไอ้โป้ยรีบแย้ง  “ตอนหว่านล้อมเรื่องอื่นมันก็ยังกล้าๆ กลัวๆ แต่พอเป็นเรื่องนี้มันกลับรับคำรวดเร็ว และขอเถอะ! เพื่อนผมมันเป็นฝ่ายทำมาตลอด ก่อนหน้านี้พี่ผิดที่ทำให้มันเข้าใจว่าตกเป็นเมียมันเองนะ ลุงมันจะฝังหัวก็ไม่แปลกรึเปล่า”

“เหมือนมึงอยากให้กูปล้ำมันตั้งแต่ครั้งแรก”

“ถ้าเป็นงั้นผมคงประเคนตีนใส่พี่ไม่ยั้ง!”

“คิดว่ากูจะยอมโดนตีนเฉยๆ ก็ลอง”

สองคนจ้องตากันไปมา จนครูระเบียบอดรนทนไม่ไหวอีกครั้ง

“พอได้แล้ว! ปูนอายุมากกว่านะโป้ย มันไม่น่ารักเลยนะที่พูดจาแบบนั้น”  มันหันไปว่าแฟนตัวเองให้ผมกระหยิ่มใจได้ไม่นาน ก็ถึงทีส่งสายตาฟาดฟันมาทางผมบ้าง  “โป้ยเป็นน้องนะ มึงเป็นพี่ควรพูดกับน้องดีๆ ไม่ใช่รึไง!”

และก็เป็นอีกครั้งในเวลาสั้นๆ ที่ผมกับไอ้โป้ยต้องมานั่งผลัดเอ่ยคำขอโทษให้กัน


...คิดว่าผมคงไม่ออกมาดื่มกับไอ้กรไปอีกพักใหญ่เลยล่ะ

.

.

.

ผมควรจะต้องหาวิธีแก้เผ็ดลุงสักที ไอ้เรื่องคล้อยตามคำพูดคนอื่นก็เรื่องหนึ่ง แต่ไอ้การที่หวังจะกดผมจนตบปากรับคำผู้ไม่หวังดีเนี่ยสิที่เป็นปัญหาใหญ่ ไอ้ผมรึก็คิดว่าถูกทำเรื่องน่าอายไปตั้งมากขนาดนั้นจะยอมรับสถานะของตัวเองได้แล้ว แต่กลับยังหวังรุกฆาตโดยหวังให้ผมสมยอมแบบแนบเนียน

โกรธไอ้คนเป่าหูไหม? ก็ใช่! แต่เมียเรามันก็ร้ายไม่เบาเหมือนกัน!

จากปากคำของโป้ยนั้น วันสิ้นสุดแผนการคือวันเลี้ยงรุ่นที่จะจัดขึ้นร้านอาหารกึ่งผับเล็กๆ ที่ให้บังเอิญว่าเป็นร้านของคนรู้จักผมพอดี จำนวนคนเกือบร้อยก็คงจะเหมาปิดทั้งร้านอย่างไม่ต้องสงสัย

พอถามต่อเรื่องว่าลุงมีแผนการอย่างไร ไอ้โป้ยก็ได้แต่เกาหัวแกรกๆ ความว่าตัวมันแค่เป็นคนจุดประกายเท่านั้น แต่เพราะช่วงนี้ชีวิตรักสดใสซาบซ่านก็เลยไม่ได้ไปสนใจสอบถามอะไร ที่จริงแล้วถ้าวันนี้มันไม่ได้มานั่งได้ยินการสนทนาก็เกือบๆ จะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ

ผมได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันไปเงียบๆ ...สมแล้วที่เป็นเพื่อนกันมาได้นานขนาดนี้!!

ความคิดของลุงนั้นจะว่าเดาง่ายก็ง่าย จะว่าเดายากก็เล่นเอาปวดหัวน่าดู พัทลุงคนซื่อๆ คิดอะไรไม่ซับซ้อน แต่ก็มีเล่ห์เหลี่ยมไม่โง่เขลา แค่นิสัยส่วนตัวก็ขัดแย้งกันเองแล้วจะให้ผมเดาทางออกหมดก็ใช่ที่ แล้วครั้งนี้ถึงกับลุกขึ้นมาปีกกล้าขาแข็งใส่ผมได้ก็สุดจะรู้แล้วว่าในหัววางแผนการแบบไหนอยู่

แต่ไก่วัดตัวเล็กจ้อย จะมาแน่กว่ามนุษย์สมภารไปได้อย่างไร

หึๆ...

หึๆๆ!!

“พี่ปูนเป็นอะไรอะ?”

“..........”  เสียงทักจากคนในความคิดดังขึ้นจากทางด้านหลัง เมื่อหันไปทางต้นเสียงก็เจอสายตาเหยียดๆ มองมา

“หัวเราะไรอย่างกะคนโรคจิต”  พัทลุงเดินเข้ามาใกล้ ถึงกับยื่นมือออกมาอังหน้าผาก  “ตัวไม่ร้อนนะพี่”

“ตลกแล้ว”  ผมปัดมือนุ่มๆ ทิ้ง อยากจะคว้ามาฟัดเหมือนกันแต่ติดที่กลิ่นน้ำปลาอบอวลไปหน่อย  “วันนี้ทำอะไรกินเนี่ย”

“ปลานิลทอดตัวใหญ่ๆ ราดซอสน้ำปลา แล้วก็ยำทะเลมีกุ้งตัวโตๆ ของหวานเป็นบัวลอยงาดำน้ำขิงลูกเบิ้มๆ  ”  ลุงร่ายรายการอาหารพลางถอดผ้ากันเปื้อนไปด้วย

ตั้งแต่ได้เมียทำอาหารเก่ง ผมก็ตัดสินใจจ้างมัณฑนากรจากบริษัทที่เคยไปเป็นที่ปรึกษาให้มาออกแบบห้องครัวใหม่ เน้นการทำอาหารไทยแบบเต็มรูปแบบ เลยต้องติดตั้งกระจกบานเลื่อนเพื่อกั้นห้องให้เป็นสัดส่วนป้องกันกลิ่นเล็ดลอดออกไป ก็เลยซื้อชุดโต๊ะอาหารใหม่ให้เข้ากัน ไหนๆ แล้ว ก็เลยปรับปรุงห้องนั่งเล่นไปด้วย แต่เฟอร์นิเจอร์ในห้องนอนก็ใช้มานานพอดูแล้วก็เลยเปลี่ยนไปซะเลย


ลุงโวยวายน่าดู…


ที่จริงหมดเงินไปเป็นแสน... แต่จำต้องบอกมันไปว่าไม่กี่หมื่นบวกได้ของฟรีและแถมเพื่อเอาชีวิตรอดล้วนๆ

แต่นับว่าคุ้มค่าเงินเพราะลุงก็ขยันใช้ครัวเรื่อยๆ ทำเอาผมติดรสมือจนไม่อยากไปทานอาหารไทยที่ไหนอีก น้ำหนักนั้นรึก็ขึ้นเอาขึ้นเอาจนได้ไปใช้บริการฟิตเนสซะคุ้มค่าสมาชิก

“เชิญรับอาหารค่ำครับคุณหลวง”  ลุงเอ่ยแซว เพราะไม่ชอบให้ใครเข้าไปวุ่นวายผมก็เลยจำต้องนั่งสบายๆ รออาหารเสร็จเท่านั้น ว่าจบก็เดินนำผมไปล้างมือก่อนเตรียมตักข้าวสวยหอมๆ ใส่จานวางบนโต๊ะทั้งสองฝั่ง ผมที่ล้างมือเสร็จก็มานั่งประจำที่พร้อมลงมือกินกับข้าวที่หน้าตาธรรมดาแต่อร่อยติดใจ

“วันนี้ลุงกลับไปนอนบ้านนะ”  ผมชะงักไปเล็กน้อยกับประโยคคุ้นหูในช่วงนี้ แต่ผมแสร้งรับฟังอย่างสงบพร้อมกับพยักหน้าตอบรับไปเงียบๆ

“..........”  คราวนี้กลับเป็นลุงที่ชะงักไปบ้าง ผมเงยหน้ามองคนตรงข้ามด้วยความสงบดุจเดิม

“ทำไม?”

“...พอดีว่าแม่ไปปฏิบัติธรรมกับเพื่อนที่วอร์ดก็เลยไม่มีใครอยู่กับป้า”  ลุงอธิบายเพิ่มเติม ซึ่งผมก็เข้าใจได้ไม่ยากเพราะลุงมักจะห่วงผู้หญิงที่บ้านอยู่แล้ว แต่ถ้าดูจากดวงตากลมที่หรี่แคบลงขณะจ้องผมอยู่นี้ ปฏิกิริยาตอบสนองของผมคงผิดจากที่เจ้าตัวคาดไปหน่อย

“อือ ไปเถอะ”  ผมวางท่าไม่สนใจเต็มที่ แม้ในใจอยากจะร้องตามไปนอนค้างด้วยก็ตาม  “ให้พี่ไปส่งมั้ย?”

“...เอ่อ...เดี๋ยวผมกลับเองดีกว่าพี่จะได้พักผ่อนสบายๆ”

“โอเคตามนั้น”

แล้วการสนทนาของเราก็คล้ายจะขาดช่วงไปตั้งแต่นั้น ผมเสแสร้งกินอาหารไปเรื่อยๆ อย่างคนไม่ได้อยากสักเท่าไหร่ทั้งที่ความจริงคืออร่อยฉิบหาย พอเห็นท่าทางของผมลุงก็พลอยกินน้อยไปโดยปริยาย ลุงสังเกตความผิดปกติอย่างกะทันหันของผมเงียบๆ แม้กระทั่งตอนที่ผมออกปากให้ลุงกลับบ้านได้โดยที่ไม่ต้องเก็บจานล้าง เจ้าตัวก็ยังแค่ออกปากถามย้ำสั้นๆ

“พี่แน่ใจนะ”

“อื้ม”

“ใช้เครื่องล้างจานเป็นนะ”

“อื้ม”  คำตอบแสนสั้นของผมทำเอาลุงเงียบไปหลายวินาที

“งั้นผมไปนะ”

“ถึงบ้านแล้วส่งข้อความมาบอกพี่ด้วย”  ลุงยิ้มรับกับคำห่วงใยเหมือนเคยจากผมก่อนจะโบกมือลาด้วยท่าทางน่ารักเช่นเคย


โคตรไม่อยากให้กลับไปไหนเลย!


ผมได้แต่ถอนหายใจกับตัวเองให้เสียงประตูที่ถูกปิดลง ห้องเงียบเหงาขึ้นมาจับใจ ในหัวเริ่มคิดถึงอสังหาริมทรัพย์ใกล้บ้านของลุงขณะที่เดินกลับไปนั่งกินกับข้าวบนโต๊ะจนเกลี้ยงจาน เห็นทีผมต้องเริ่มติดต่อบริษัทนายหน้าเพื่อหาซื้อบ้านสักหลังใกล้ๆ ถ้าหลังติดกันได้จะยิ่งวิเศษเพราะลุงจะได้เดินไปมาง่ายๆ ให้สมใจคนรักครอบครัว

นี่ถ้าได้อย่างใจจริงๆ ผมจะโดนลุงบ่นจนหูชาขนาดไหนก็ไม่รู้...

ค่ำนั้นลุงส่งข้อความมาตามที่ถูกสั่ง ผมเปิดอ่านเพื่อให้คลายความกังวลแต่ต้องหักห้ามนิ้วมือสุดฤทธิ์ที่จะไม่ให้พิมพ์ตอบกลับไปตามความเคยชิน แม้กระทั่งลุงส่งมาบอกฝันดีผมก็ต้องทำใจแข็งอ่านไปเงียบๆ

หลายวันหลังจากนั้นผมยังคงความนิ่งเงียบของตัวเองไว้ได้อย่างดี ผิดกับเจ้าไก่ตัวดีที่เริ่มร้อนรนขึ้นมาบ้าง

“วันนี้ลุงก็กลับบ้านนะ”

“อืม”  ผมตอบรับเสียงเย็นชาดังเคย หากคราวนี้คนฟังกลับทำหน้ามุ่ยอมลมจนแก้มตุ่ยใส่ผม

“วันพรุ่งนี้ก็จะไม่มาหาแล้วนะ”

“อาห๊ะ”

“วันมะรืนด้วยนะ!”

“ลุงสะดวกเมื่อไหร่ค่อยมาแล้วกัน พี่เข้าใจ”  ผมพยักหน้าพลางอมยิ้มให้กับหน้าจอไอแพดในมือทั้งที่มันเป็นข้อความเรื่องงาน  “เดี๋ยวพี่ไปส่งลุงกลับบ้านนะ พอดีพี่จะไปดื่มกับเพื่อนแถวนั้นด้วย”

“..........”  ผมเหลือบมองสีหน้าคนนิ่งงันก่อนจะหย่อนระเบิดลูกใหญ่ตามไปทันที

“กับเจน่า...บอกไว้ก่อนนะเดี๋ยวจะเข้าใจผิดอีก”

“..........”

ความเงียบเกิดขึ้นนานหลายนาทีหลังจากที่ผมยกชื่อศัตรูหัวใจที่ลุงทึกทักให้เป็นขึ้นมา ตามจริงคือหลังจากส่งลุงกลับบ้านแล้วผมคงได้แต่กลับมานอนเหงาๆ ที่ห้องคนเดียวตามเดิม แต่ก็นะ...บางทีผมก็หมั่นไส้ลุงนิดๆ เลยต้องโมเมแต่งเรื่องขึ้นมา เพราะฉะนั้นผมถึงยังก้มหน้าก้มตาอ่านไฟล์เอกสารด้วยรอยยิ้มโง่ๆ รอคอยปฏิกิริยาของลุงอย่างใจจดใจจ่อ

“ไม่กลับแล้ว!! ลุงจะค้างกับปุริมที่นี่”

ผมลอบยิ้มในใจแต่ก็ยังแกล้วเงยหน้าขึ้นมองด้วยสีหน้าเปี่ยมคำถาม  “แต่พี่นัดกับเพื่อนไว้แล้ว”

“งั้นปุริมจะทิ้งลุงให้อยู่คนเดียวเหรอ”

“..........”  ผมมองคนเสียงอ่อนขยับตัวเข้ามาใกล้จนขาแทบจะเกยก่าย วงแขนนุ่มกอดท่อนแขนผมไว้แน่นยามช้อนสายตากลมโตขึ้นมอง 


แหม่~ น่ารักจังโว้ย!!


“อย่าไปเลยนะ”

ผมแทบจะอ่อนระทวยไปกับคำอ้อนขอ ในหัวนี่คือจับลุงฟัดแก้มจนช้ำไปหลายทีแล้ว แต่บทบาทที่เลือกนั้นทำได้แค่มองความน่ารักตรงหน้าด้วยความนิ่งสงบเท่านั้น

“คืนนี้นอนกอดกันดีกว่าเนอะ”

“...แน่ใจ?”  เสียงผมเริ่มสั่นไปแล้วเมื่อจินตนาการถึงค่ำคืนหฤหรรษ์ที่กำลังจะเกิด

“อื้ม!”

“ก็ได้... ถ้ายอมหม่ำแตงแบบดุๆ อย่างวันนั้นให้อีก”  หมดกันการแสดงที่เสแสร้งมาตลอด! แต่ลุงคงจะยังไม่รู้สึกตัว เพราะคลี่ยิ้มเผล่ด้วยความสบายใจออกมาทันทีที่ความลามกของผมผุดออกมา

“นั่นแน่~ ชอบล่ะสิ”

“ก็ไม่เท่าไหร่หรอกน่า”  ผมตอบอย่างสงวนท่าที ส่วนในความจริงในใจน่ะหรือ?... ชอบมาก! ชอบโคตรๆ โดนไปทีทั้งตัวแทบจะละลาย ทั้งหน้าตา ทั้งเสียง กระตุ้นผมเสียจนฟัดลุงจมเตียงได้ทั้งคืน

“มาๆ ไปอาบน้ำกันดีกว่า”  ลุงอมยิ้ม ฉกริมฝีปากกับแก้มผมหนักๆ แล้วฉุดผมให้ลุกขึ้นเดินตามไป

ถามว่าอิดออดไหม? เอาเป็นว่าผมเปลื้องผ้าเร็วกว่าลุงก็แล้วกัน!
หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 06-08-2019 04:45:39
ส่วนที่สอง ไก่วัด!!




หลังจากความห่างเหินของ และชื่อนางแบบคนงามสุดเซ็กซี่อดีตไอดอลยามเหงาของผมหลุดออกมาจากปากพี่ปูน ผมก็แทบจะลืมไปเลยว่าตัวเองแสร้งทำตัวห่างเหินตั้งแต่แรกเพราะอะไร ความกังวลที่เกิดขึ้นมาฉับพลันในตอนนั้นทำเอาตัวเองไม่อยากห่างจากพี่ปูนสักก้าว จนเมื่อได้นั่งทบทวนตัวเองให้ดีอีกครั้งก็รู้สึกได้ว่ามันช่างเป็นเรื่องงี่เง่าเหลือเกิน

ชีวิตทุกวันนี้มันดีมากอยู่แล้ว

ต่อให้คนที่พี่กรแอบชอบจะเป็นพี่ปูนก็แล้วไงล่ะ ผมไปห้ามความรู้สึกใครไม่ได้นี่นา และถ้าพี่ปูนจะชอบพี่กรก็คงไม่มีทางมองคนธรรมดาๆ อย่างผมตั้งแต่แรกหรอก ทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่ปูนทำให้ผมมันมากยิ่งกว่าแฟนคนไหนจะเคยทำให้ ความรักของเรามันดีมากเสียจนผมไม่ควรต้องมาหยุดคิดกับคำพูดใครเลยแม้แต่น้อย แต่ไอ้โป้ยก็เล่นชกใต้เข็มขัดผมโดยการยกเรื่องตำแหน่งบนสังเวียนขึ้นมาพูด

ผมเป็นผู้ชายโอเคมั้ย?

ถึงอาวุธจะยิ่งใหญ่อลังการไม่เท่าเขาแต่ก็ควรให้มันสัมผัสอย่างอื่นบ้างนอกจากมือกับปากนี่นา ถึงจะพอใจกับการถูกฟัดแค่ไหนแต่ผมก็หวังว่าสักวันจะได้เป็นฝ่ายขุดหลุมพี่ปูนบ้าง ต่อให้หนอนน้อยของผมอาจจะไม่ทำให้หลุมของพี่แกรู้สึกระคายเคืองเลยก็ตามทีเถอะ!

คิดแล้วก็อดตัดพ้อบิดาบนสวรรค์ไม่ได้เลยให้ตายสิ...

 ความตั้งใจแรกเริ่มนั้นผมช่างแสนเรียบง่าย ผมจะทำตามคำแนะนำของโป้ยโดยสงบ ไม่มีการยื่นคำขาดประเภท ‘ถ้าพี่ไม่ยอมให้ผมจิ้มงั้นเราก็เลิกกัน!’ ผมต้องการการสมยอมโดยความเต็มใจ อย่างที่พี่ปูนก็อดทนรอให้ผมพร้อมในตอนแรก ผมกะว่าจะแสร้งเฉยชาไปจนกว่าพี่ปูนจะสติหลุด โวยวายออกมาแล้วอ้อนวอนผมด้วยถ้อยคำประมาณว่า ‘พี่จะยอมลุงทุกอย่าง’ จากนั้นผมก็จะยื่นข้อเสนอด้วยท่าทางเป็นต่อ แล้วพี่ปูนก็จะรู้สึกอับจนหนทางต้องพยักหน้ายอมรับด้วยความเอียงอาย

แค่นึกถึงภาพพี่ปูนร้องครางใต้ร่างผมด้วยความขัดเขิน หรือแม้กระทั่งความคิดที่ว่าร่างกายสมบูรณ์แบบของพี่ปูนขึ้นควบขับบนตัวผม ภาพหวังเหล่านั้นทำให้ผมอดทนเสแสร้งมาได้เป็นเดือน แต่...เฮ้อ~ความหวังบางอย่างก็เกินกว่าที่เราจะเอื้อมคว้าไว้ได้

“อา~ ตรงนั้น! อีก...เสียว...”

ความเป็นจริงคือผมต่างหากที่เป็นฝ่ายควบขับบนร่างสมบูรณ์แบบของพี่ปูน แม้ว่าการที่พี่ปูนครางใต้ร่างผมจะเป็นจริงหากสีหน้าที่แสดงนั้นห่างไกลกว่าคำว่าเขินอายลิบลับ

“ชอบมั้ย? หืม... อา~ ชอบมั้ยที่รัก”

“อื้ม! ลุงจะขาดใจแล้ว”  เป็นผมที่เขินอายทั้งที่พูดคำน่าอายออกมามากมาย เป็นผมที่ร่ำร้องด้วยความพอใจ

ผมช่วยขยับแบ่งเบาภาระอีกต่อไปไม่ไหว พี่ปูนจึงดึงร่างผมลงไปกอดไว้แน่นก่อนจะขยับกายด้วยตัวคนเดียว ที่นอนใหม่นั้นช่วยส่งแรงได้อย่างดีเยี่ยมสมราคาทำให้จังหวะสะโพกของพี่ปูนไม่มีสะดุดแม้แต่น้อย เสียงเนื้อกระแทกดังสม่ำเสมอไม่หยุด หนอนน้อยของผมที่ถูกเสียดสีกับกล้ามท้องของคนใต้ร่างก็ถึงกับสิ้นความแข็งแกร่งต้องหลั่งน้ำตาออกมาในที่สุด ไอ้ผมก็เสียวทั้งข้างหน้าข้างหลังจนเผลอรัดแตงร้านไม่หยุดพลอยทำให้เจ้าของสวนโมโหหว่านเมล็ดเต็มหลุมผมอย่างเกรี้ยวกราด

บางทีผมก็อยากจะปาถุงยางใส่หน้าพี่ปูนแล้วพูดว่า ‘พี่มึงจะเก็บเอาไว้เป่าเล่นรึไง!’ แต่ก็ต้องโทษความใจอ่อนของตัวเองที่ถูกอ้อนนิดอ้อนหน่อยก็ยอมมาตลอด นี่ถ้าผมเป็นผู้หญิงคงได้อุ้มได้หลายท้องจนพ่อต้องร้องไห้แน่ๆ

พี่ปูนยังคงขยับสะโพกสอดแทรกร่างผมอย่างเชื่องช้าพลางจูบผมอย่างไม่รู้เบื่อ กระทั่งแตงร้านอ่อนตัวหลุดออกมาจากหลุมพี่ปูนถึงได้ยอมเปลี่ยนท่าให้ผมนอนลงกับที่นอนแล้วขยับกายเข้ามากอดไว้แทน บรรยากาศระหว่างสองเรานับว่าชื่นมื่นยิ่งนัก

ผมไม่รู้ว่ายามที่พี่ปูนคบกับคนอื่นๆ เป็นเช่นไร แต่ความเย็นชาที่ผมได้รับมาในช่วงสั้นๆ นั้นทำให้ผมรู้ตัวว่าก่อนนี้ตัวเองได้รับการปฏิบัติดีขนาดไหน ความดื้อที่จะเอาใจสารพัดของพี่ปูนที่ผมออกจะรำคาญนิดๆ เมื่อมันไม่เกิดขึ้นนั้นก็ทำให้ผมรู้ว่าที่จริงแล้วผมชอบมันเอามากๆ แม้กระทั่งการคุยผ่านตัวอักษรที่ทำให้ผมยิ้มได้ตลอด หากเมื่อไม่ได้รับการตอบกลับนั้นทำให้ปวดใจได้ไม่น้อยแค่ไหน

บางทีมันก็เหมือนโชคดีในสถานการณ์ร้ายๆ ถ้าผมไม่งี่เง่าแบบนั้นก็คงไม่ได้รู้ว่าทุกสิ่งที่เป็นนั้นมันดีมากอยู่แล้ว โชคดีที่ทุกอย่างยังกู้กลับคืนมาได้

“พรุ่งนี้ลุงไปงานเลี้ยงรุ่นนะ”  ผมรีบชิงบอกคนที่กำลังซุกไซ้คอผมก่อน เมื่อเห็นท่าทางว่าจะได้เริ่มสงครามสยิวกันต่ออีกรอบเพราะแตงร้านพันธุ์ดีนั้นแข็งถูไถหน้าท้องผมอีกแล้ว

“อืม~ ไปกี่โมง”  พี่ปูนพึมพำถามชิดผิวเนื้อ ขณะที่ขยับร่างเปลี่ยนท่าทางผมให้ขึ้นมานอนหงายอ้าขาอล่างฉ่างบนร่างแข็งแรง และจังหวะที่ผมกำลังไว้อาลัยให้กับความอายของตัวเอง เจ้าแตงร้านดุ้นเขื่องก็ถูกฝังลงหลุมเป็นที่เรียบร้อย เข้าลึกง่ายดายเสียจนนึกเศร้ากับสภาพหลุมของตัวเอง

“อ๊ะ! ผมนัดโป้ยไว้ห...อ๊า~ หกโมง....”

“รับทราบครับที่รัก”  พี่ปูนตอบรับจากนั้นก็ก้มฉกจุกนมผมเข้าปากไปอีกรอบ  “ทีนี้อ้าขวากว้างๆ แล้วขยับสะโพกร่อนให้ผัวเต็มที่เลยนะจ๊ะ”

“พี่ปู๊น!!! อย่าพูดทะลึ่ง -- อื้อ!!”

“ไม่ใช่ชอบ?”

“มันเขินโว้ย!”  พี่ปูนหัวเราะตอบผมเสียงดัง ว่าไปเถอะไม่มีเลิกไม่มีสลดหรอก! ชอบนักคำทะลึ่งสัปดนแบบนี้ ไอ้ผมก็ยุขึ้นง่ายซะด้วย -- นี่แน่ะๆๆๆ พ่อจะร่อนให้หักกันไปข้างเลย!!

.

.

.

“เดินให้มันดีๆ หน่อยไอ้ลุง”

เสียงโป้ยดังขึ้นหลังจากเราลงจากรถเป็นที่เรียบร้อย มันส่ายหน้าพลางมองผมด้วยความเวทนาขณะหยุดยืนรอให้ผมเดินโขยกเขยกไปสมทบ

หลังจากผ่านสงครามมาสี่ครั้งภายในคืนเดียว มันเลยช่วยไม่ได้จริงๆ กับสภาพร่างกายที่เกือบจะพิการของผมในตอนนี้ พี่ปูนเล่นยุยงผมทั้งคืนทำเอาสะโพกเคล็ดขัดยอกเดินไม่ถนัดไปทั้งวัน ตอนแรกก็กะจะปฏิเสธงานเลี้ยงทำทีไม่สบายกะทันหันอยู่หรอก แต่นอกจากไอ้โป้ยจะไม่เชื่อแล้วนั้น ความห่วงใยยังไม่มีให้แม้แต่น้อย มันลากผมกลับบ้านไปแต่งตัวแล้วรอจนถึงเวลาเดินทางเลยด้วยซ้ำ

“ลุงปวดอยู่นะวีรภาพ ความเห็นใจไปอยู่ที่ไหนหมด!”

“มึงทำตัวเองนะคุณลุง อย่าให้กูต้องเดาเลยว่ามึงไปทำอะไรมาถึงได้เป็นอย่างนี้”  ไม่เห็นใจไม่พอ ยังจะส่งสายตาเหยียดหยามมาให้อีก! คนอำมหิตอย่างโป้ยไม่รู้หรอกว่าการเป็นเมียเนี่ยไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกนะ

“มึงไม่อยากรู้หรอกโป้ย”

“กูอยากรู้ ...เล่ามาสิ”  พวกผมสองคนหยุดเดินก่อนที่อีกไม่กี่ก้าวจะถึงประตูร้านที่จัดงาน ไอ้เพื่อนนิสัยเสียจ้องผมอย่างท้าทายคงคิดว่าผมคงไม่กล้าเล่าออกมา แล้วสุดท้ายมันก็จะได้หัวเราะเยาะเย้ยผมล่ะสิ หึ!! ฝันไปเถอะเพื่อน

“ต้องเท้าความก่อนว่าของพี่ปูนแม่งใหญ่มากไง แล้วทีนี้พวกกูก็ซ่ำกันไปสี่รอบ มึงต้องนึกไม่ถึงแน่ๆ ว่ากู--อื้อ!”

“พอๆ ไอ้ห่า!”  ไอ้โป้ยรีบถลามาอุดปากผมด้วยสีหน้าเลิกลัก  “กูยอม กูไม่อยากรู้แล้วโอเคมั้ย!”

ผมบิดหน้าออกจากมือเพื่อนแล้วส่งสายตาแห่งผู้มีชัยไปให้

“ยังจะทำหน้าเหนือใส่กูอีก ตั้งแต่มีผัวนี่หน้าด้านขึ้นเยอะนะพัทลุง”

“อยากรู้เหรอว่ากูผ่านอะไรมาบ้าง” 

“ไม่โว้ย!!”  โป้ยโวยลั่น ทำผมหัวเราะออกมาเบาๆ กับสีหน้าสุดเซ็งของเพื่อนช่างสาระแน 

สถานที่ที่เลือกจัดงานนั้นเป็นร้านอาหารกึ่งผับที่ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไปนัก เพียงพอให้แปดสิบกว่าคนที่มามีพื้นที่ดีดดิ้นตามจังหวะเพลงกันตามอัธยาศัย ผมกับโป้ยเดินผ่านเพื่อนๆ ที่ไม่ได้เจอหน้ากันนานทำให้การทักทายหยอกล้อมีไปตลอดทาง มันเหมือนทุกอย่างย้อนกลับไปยังวันเก่าๆ ตอนที่เดินชนไหล่กันทุกวัน เจอหน้ากันบ่อยพอๆ กับครอบครัว แม้จะไม่ได้สนิทสนมกันทุกคนแต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนที่เฮไหนเฮนั่นมาตลอดสี่ปี

“ยังตัวติดกันเหมือนเดิมเลยนะพวกมึง”  คำทักที่เรียกว่าถอดแบบเดียวกันมาจากอีกหลายๆ คน ไม่ได้ทำให้โป้ยหงุดหงิดแต่อย่างใด กลับกันมันยิ่งคึกทำอวดทุกคนที่ถามด้วยกันบีบแก้มผมโชว์มั่ง หอมแก้มผมเรียกเสียงเป่าปากบ้าง

“แต่งกันเมื่อไหร่อย่าลืมเชิญพวกกูนะโป้ย กูอยากไปกั้นประตู ฮ่ะๆๆ”  แล้วก็เฮฮากันยกใหญ่

“แม่กูเรียกสินสอดแพงไปหน่อย ไอ้โป้ยไม่มีปัญญาว่ะ”  ผมเกทับอีกหนึ่งคำรบเรียกเสียงหัวเราะ จากนั้นก็สอบถามสารทุกข์สุกดิบกันอีกหลายประโยค ก่อนเดินจากวงสนทนาที่ได้ชื่อว่าขี้เหล้าที่สุดในรุ่นไปทางชุดโซฟาหน้าบาร์ที่เสี่ยอ่ำโบกมือหย็อยๆ เรียกพวกผมอยู่

“มาช้านะครับพวกมึง กูกับไอ้เจมส์นี่อิ่มจนจุกมาถึงคอหอยแล้ว”  เพื่อนอ่ำว่าพลางพยักเพยิดไปทางเพื่อนชื่อเจมส์ที่อยู่กลุ่มเดียวกันเมื่อสมัยเรียน แต่พอเรียนจบมันก็เลือกไปทำงานที่ญี่ปุ่นเลยทำให้ห่างกันไป

“พุงเป่งแล้วไอ้เจมส์”  ผมล้อเลียนพลางหย่อนก้นลงตรงที่ว่างถัดจากโป้ย

“กูคิดถึงอาหารไทยโคตรๆ ที่โน่นก็มีนะแต่มันไม่เหมือนกินที่บ้านเราว่ะ”  ว่าจบเพื่อนเจมส์ก็ตักยำถั่วพลูคำโตเข้าปากไปเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย

คนอื่นที่เดินผ่านมานั้นแทบจะแก้วมีเหล้าติดมือกันทุกคน แต่โต๊ะที่ผมนั่งอยู่นี้กลับเรียกรายไปด้วยอาหารคาวหวานมากมายที่ตักมาสุมกันไว้จากไลน์บุฟเฟต์ เครื่องดื่มที่มีก็ดันเป็นพวกน้ำพันช์เสียอีก ไอ้โป้ยกวาดมองแล้วถึงกับโอดครวญ

“เหล้าล่ะวะ!”  เท่านั้นก็ได้เสียงตอบรับระงมทั่วโต๊ะ

“พวกกูหิวกันนี่หว่า”

“มึงเอามาเผื่อกูด้วย”

“กูอยากกินเบียร์ว่ะ”

“กูยังไม่อิ่มเลย”

“โอ่ย!! มีพ่อเป็นนกกันเหรอพวกมึง”  ไอ้โป้ยถึงกับปวดหัว  “ลุกไปช่วยกูถือเลยไอ้บอย”  มันหันไปกระดิกนิ้วเรียกเพื่อนที่นั่งอยู่อีกฝั่ง

“กูแดกอยู่เห็นมั้ย ใช้เมียมึงโน่น!”

ผมที่กำลังจะเอื้อมจกทอดมันกุ้งก็มีอันต้องละมือไปก่อนอย่างเสียอารมณ์ ผมแบกท้องที่เริ่มร้องโครกครากไปหอบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับโป้ยกลับมาที่โต๊ะหลายขวด โป้ยก็ชงเหล้ากลับมาได้หลายแก้วชนิดที่ถ้าไม่เกรงใจคงได้ยกมาทั้งขวด

เราทั้งกินทั้งดื่มกันไม่ยั้ง เอ่ยแซวกันตามประสาเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานาน ใครเดินเข้ามาชนก็ชนตอบ ใครชวนลุกไปดิ้นก็ยืนพรึบพรับตามกันออกไป ผมที่กำลังกรึ่มก็กำลังวาดลวดลายสายแดนซ์ตามเพลงกะกลุ่มขี้เหล้าชนิดที่ลืมเจ็บสะโพกไปเลย กระทั่งเสียงหนึ่งทักทายขึ้นจากทางด้านหลัง

“ดิ้นยับเลยน้า...”

ผมหันไปมองต้นเวียงหวานๆ แล้วก็พบกับแพรยืนยิ้มด้วยใบหน้าน่ารัก เธอยังเหมือนครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกัน น่ารัก ยิ้มหวาน แต่เหมือนความสดใสที่มีมันจะเจือจางลง สังเกตได้จากความหม่นหมองที่พาดผ่านแววตา

“สบายดีมั้ยแพร ไม่เจอกันนานเลย”  ผมทักทายด้วยน้ำเสียงจริงใจอย่างที่สุด ความสุขที่มีมันทำให้ผมไม่เก็บการถูกทิ้งมาใส่ใจอีกต่อไป

“ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ลุงดูมีความสุขมากนะเนี่ย”

“ก็นานๆ มาเจอกันทีนี่”  ผมกับแพรเดินห่างออกมาจากวงเต้น  “แล้วนั่งตรงไหนล่ะ ทำไมเราไม่เห็นแพรเลย”

“ก็เราเพิ่งมาถึง เข้ามาก็เห็นลุงเต้นเย้วๆ กับพวกป้างอยู่เลยเดินเข้ามาทักก่อน”

“ฮะๆๆ งั้นไปนั่งกับพวกเรามั้ย เอาจริงๆ คือเราก็ไม่เห็นพวกเพื่อนของแพรสักคนเลยนะ”  ผมว่าพลางช่วยมองหาอีกรอบ

“พวกนั้นมากันไม่ได้สักคนน่ะ”

“งี้แพรก็เหงาแย่น่ะสิ”  แพรอมยิ้มเศร้าๆ ให้ผมอย่าสื่อความนัย ก่อนที่เสียงหวานๆ จะแพร่งพรายมันออกมาจากปาก

“ที่จริงเรามาเพราะอยากเจอลุงมากกว่า”

“..........”

“เราหาที่คุยกันหน่อยนะ”

ผมนิ่งไปหลายวินาทีก่อนที่ความเศร้าบนใบหน้าของแพรจะทำให้ผมตัดสินใจเดินตามเธอออกไปจากความวุ่นวายข้างใน แพรเดินนำออกไปยังประตูอีกบานที่ต่อเชื่อมกับสวนเล็กๆ ที่มีชุดโต๊ะเล็กวางตั้งอยู่ประปราย เธอเดินนำไปนั่งยังโต๊ะตัวหนึ่งที่ว่าง แต่แทนที่เราจะนั่งคนละฝั่ง แพรกลับย้ายที่มานั่งข้างกันเสียจนแนบชิด

ผมได้แต่อึกอักกับความสนิทสนมที่จู่ๆ ก็เกิดขึ้น อยากจะขยับหนีแต่แขนก็ถูกอีกฝ่ายรัดไว้อย่างจงใจ

“แพร...นั่งดีๆ สิ”  ผมพยายามชักแขนหนีออกจากความหยุ่นนุ่ม แต่อีกฝ่ายกลับไม่ให้ความร่วมมือแม้แต่น้อย

“ให้แพรกอดหน่อยเถอะนะ ตอนนี้แพรเหนื่อยมากจริงๆ”

น้ำเสียงที่ราวกับอัดอั้นตันใจเสียมากมายทำเอาผมดึงดันต่อไปไม่ลง  “เกิดอะไรขึ้น?”

“ลุงคงรู้จากเพื่อนแล้วว่าแพรมีแฟนใหม่” 

“อื้ม”

“แต่เราเลิกกันแล้วล่ะ ไม่กี่วันก่อนหน้านี้เอง”  พูดจบแพรก็ถอนหายใจออกมา แนบใบหน้าลงกับไหล่ผมราวกับต้องการพึ่งพิง

“เสียใจด้วยนะ”  ผมบอกเบาๆ ตั้งใจหันหน้าไปทางอื่นเพื่อหลบกลิ่นหอมที่โชยออกมาจากร่างนุ่มนิ่มข้างกาย ในหัวนั้นตีกันให้ถึงหนทางหนีออกจากสถานการณ์ตรงหน้า

“แพรไม่น่าเลิกกับลุงเลย... ลุงเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดที่แพรเคยคบด้วย แพรมันโง่”

“ช่างมันเถอะน่า เรื่องมันผ่านไปแล้ว”

“มันมีคนอื่นน่ะลุง แพรเห็นตำตาเลยด้วยซ้ำ ในห้องของเรา บนเตียงของเรา มันเอาผู้หญิงคนอื่นมานอน!”  แล้วผมก็ได้ยินเสียงสะอื้นดังขึ้นผะแผ่วที่ทำเอาหัวใจบุรุษอ่อนยวบในทันใด ผมเดาว่าแพรคงไม่ได้ตั้งใจทำให้ผมอึดอัด แต่คงเห็นว่าผมน่าจะช่วยปลดปล่อยความไม่สบายใจให้เธอได้

“อะไรที่ไม่ดีก็ปล่อยทิ้งไปนะ เริ่มต้นใหม่เถอะ”  ผมเอ่ยปลอบอย่างเก้กัง แต่ก็ยังอุตส่าห์ยกมือขึ้นมาลูบกลุ่มผมนุ่มเพื่อให้กำลังใจ

“ลุง...ลุงเปลี่ยนไปรึยัง?”  ผมชักมือออกจากหัวแพรทันทีราวกับแตะถูกของร้อน ส่งสายตาจ้องแพรด้วยความงุนงงก่อนที่อีกฝ่ายจะเฉลยออกมา  “เรากลับมาคบกันเหมือนเดิมได้มั้ย?”

ห๊ะ!!!

“จะบ้าเหรอแพร นี่เราเพิ่งเจอกันได้แค่ไม่กี่นาทีเองนะ”

“แต่เราเคยเป็นแฟนกันมาแล้วไง เป็นเพื่อนกันมาก่อนด้วย”

นี่แพรช้ำใจจนสติหลุดไปแล้วหรือไงกัน ถึงได้กล้าหาญกลับมาขอคบกับแฟนเก่าที่ถูกตัวเองเขี่ยทิ้งน่ะ แถมหลังจากวันนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันเลยด้วยซ้ำ เป็นความสัมพันธ์ที่หาเยื่อใยไม่เจอเลยแท้ๆ

ผมอยากจะผลักผู้หญิงคนนี้ทิ้งแต่ก็ทำใจแข็งไม่ลง ได้แต่หันมองซ้ายขวาหวังว่าจะมีตัวช่วยผ่านเข้ามา และพระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ทอดทิ้งผม เพียงแต่...

ตัวช่วยนั้นไม่รอให้ผมร้องขอก็ก้าวฉับๆ ตรงมาด้วยท่วงท่าดุดัน ตามด้วยกลุ่มผู้ช่วยที่เหลือที่ผันตัวเองไปเป็นไทยมุง ผมเห็นไอ้โป้ยทำไม้ทำมือเป็นเชิงว่ามันเป็นคนโทรหาผู้ช่วยให้เอง และยังอุตส่าห์ทำมือปาดคอตัวเองเพื่ออวยพรผมอีกต่างหาก

ไอ้เลว!!

“มีปัญหาอะไรกันรึเปล่า?”  คุณตัวช่วยร่างใหญ่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ผมงี้หนาวไปทั้งสันหลัง แต่แพรมันยังไม่รู้ มันยังตีมึนนั่งซุกอกผมอยู่ท่าเดิม

“ไม่มีอะไรค่ะ”  มันบอกพลางกรีดน้ำตา ...ตอนนี้ผมก็อยากกรีดน้ำตาเหมือนกัน

“ถ้าไม่มีอะไรก็ปล่อยแฟนผมสักทีสิครับ”

เงียบกริบทั้งคนนั่งฟังแล้วก็กลุ่มที่ยืนฟัง แต่อยากน้อยความตกใจก็ทำให้วงแขนของแพรคลายออกจนผมรีบกระชากตัวเองลุกออกมาจากที่นั่งได้สำเร็จ เมื่อตั้งหลักได้ผมก็รีบเดินไปยืนข้างๆ พี่ปูนที่กำลังแผ่รังสีความโมโหออกมา

“มาได้ไงอะ”  ผมรีบถามเพื่อทำลายความเงียบ ทำให้พี่ปูนละสายตาจากแพรมามองที่ผมแทน

“โป้ยส่งข้อความไปให้มารับลุงกลับ”  พี่ปูนตอบสั้นๆ แล้วก็หันกลับไปจ้องแพรต่อเหมือนเดิม  “แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใคร?”

“เพื่อนเก่าน่ะมันมีปัญหานิดหน่อย”  ผมรีบตอบเพื่อเอาตัวรอดพร้อมกับกระซิบว่าเมื่อกลับไปจะเล่าให้ฟัง พี่ปูนก็ทำพยักหน้านิ่งๆ ผมก็เลยจัดการแก้ความเข้าใจผิดของแพรให้กระจ่างไปด้วยเลย  “แพรนี่พี่ปูน แฟนเราเอง”

“.........”  แพรได้แต่เงียบ ยิ่งเห้นมันก้มหน้านิ่งเหมือนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อก็นึกสงสารไม่น้อย เลยต้องหันไปพยักพเยิดกับโป้ยให้พามันหลบออกไปก่อน

“ไปดื่มเหล้ากันโว้ยแพร ไม่ได้เจอกันตั้งนานเนอะ”  แล้วไอ้โป้ยก็ส่งไม้ต่อให้หญิงหนึ่งในกลุ่มไทยมุงให้รับหน้าที่แทน หญิงเดินฝ่าความเงียบเข้ามาฉกตัวแพรไปแบบเนียนๆ

“กลับเลยมั้ย”  พี่ปูนถามขึ้นในที่สุด

ผมพยักหน้าอย่างไม่อิดออด เลยพาพี่ปูนไปแนะนำตัวกับพวกขาเสือกทั้งหลายแบบง่ายๆ ก่อนกลับ พวกนั้นก็ไม่ได้ถามอะไรมากได้แต่ยกมือยกไม้สวัสดีกันไปตามเรื่อง แต่ผมเชื่อว่าเมื่อคล้อยหลังผมไปแล้ว ไอ้โป้ยคงจะสาธยายให้พวกนั้นฟังเองว่าผมกับพี่ปูนรักกันขนาดไหน

พี่ปูนขับรถพาผมกลับคอนโดฯ ด้วยความเงียบมาตลอดทาง แม้ว่าผมจะนั่งอธิบายอย่างละเอียดแทบจะนาทีต่อนาทีถึงเหตุการณ์ที่เกิดเพื่อให้พี่ปูนสบายใจก็ตาม พี่ปูนแค่พยักหน้าตอบโต้ผมเท่านั้น ไม่มีคำพูดอื่นใดออกมาจากปากรูปกระจับที่เม้มแน่นแม้แต่น้อย

เมื่อเราถึงห้องพี่ปูนก็ให้ผมอาบน้ำก่อน พอเสร็จออกมาก็พบเจ้าของห้องยืนอยู่หน้าประตู พี่ปูนหอมแก้มผมเร็วๆ ก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำต่อ มันเป็นรอยจูบอุ่นๆ ที่มาพร้อมกับกลิ่นบุหรี่เจือจาง ผมรู้ว่าพี่ปูนกำลังเครียด แต่ก็รู้ว่าพี่ปูนจะไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เห็นผิดไป ไม่อย่างนั้นระเบิดคงกระหน่ำลงตรงนั้นไปแล้ว

ผมนอนรอเงียบๆ ไม่นานนักพี่ปูนก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ร่างสูงใหญ่แข็งแรงเดินตรงดิ่งมายังเตียงโดยมีแค่ผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่างเอาไว้ ใบหน้าหล่อบาดใจเผยยิ้มให้ผมแล้วทิ้งตัวลงนอนข้างกัน พี่ปูนนอนหงายมองเพดานอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะพลิกตัวมากอดเอวผมไว้แล้วซุกนิ่งๆ อีกสักพัก

“พี่เหมือนจะเข้าใจแล้วว่าลุงรู้สึกยังไงเรื่องเจน่า”

“กับแพรมันไม่มีอะไร สารภาพเลยว่าไม่เคยมีอะไรกันเลยด้วย”  ผมเพิ่มคำอธิบายด้วยความขัดเขิน

“มันก็แค่...พี่หึงมาก”

ทำไมถึงน่ารักได้ขนาดนี้นะ

ผมขยับตัวก้มจูบแก้มพี่ปูนฟอดใหญ่ ฟัดหัวหอมๆ สองสามรอบก่อนที่ร่างผมจะถูกพลิกให้ไปนอนเกยแผ่นอกกว้าง กลิ่นหอมอ่อนๆ จากครีมอาบน้ำเจือกลิ่นกายเฉพาะตัวทำเอาเผลอสูดดมไปหลายครั้ง

“พี่เคยหึงลุงกับโป้ยด้วยนะ”

“นั่นปัญญาอ่อนมาก”  แค่คิดก็ขนลุกจะแย่!  “ผมสาบานเลยว่าไม่เคยซู่ซ่ากับผู้ชายหน้าไหนนอกจากพี่”

“ตื่นเต้นจังที่ได้ยิน”

“อยากตื่นเต้นกว่านี้อีกมั้ย?”  ต้องบอกว่าผมเบี่ยงเบนความสนใจของพี่ปูนได้อีกครั้ง ผมขยับตัวขึ้นไปซบลงกับซอกคอหอมๆ จูบเบาซับแผ่วเบา

“ผมชอบเวลาพี่กอดผม”

“..........”   

“ถึงตอนแรกตั้งใจว่าจะเป็นผัวที่ดีของพี่ก็เถอะ”  พี่ปูนหัวเราะออกมาเบาๆ มือหนาลูบหัวผมไปมา  “แล้วหลังจากนั้นผมก็ตกใจที่สุดในชีวิตเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วรู้ตัวว่าเป็นเมียพี่ไปซะแล้ว”

“โอว~ คืนนั้นจัดว่าเด็ดมาก”  คนนึกถึงความหลังหัวเราะจนอกกระเพื่อม

“ปุริมรักลุงมากมั้ย?”

“มากสิ...รักมากกว่าใครทั้งหมด”  แล้วผมก็ถูกจูบที่ริมฝีปากนานอยู่หลายวินาที

“อืม ลุงก็รักปุริมมากเหมือนกัน”  เราคลอเคลียกันไปเรื่อยเปื่อย พี่ปูนครางเบาๆ อย่างพึงใจยามผมลูบไล้แผ่นอกเปลือยเปล่าด้วยปลายนิ้ว  “แต่ไหนๆ เราก็รักกันขนาดนี้แล้ว ปุริมไม่ลองมาเป็นเมียลุงสักทีสองทีเหรอ”

แล้วทุกอย่างก็ชะงักไป ชิ!! ผมก็คิดแล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้ 

“ไหนว่าชอบเวลาที่พี่กอดไง”

“ก็ผมเป็นผู้ชายนี่ มันก็อยากจะใช้งานไอ้ที่มีอยู่บ้าง”

พี่ปูนอมยิ้ม ใช้นิ้วเกลี่ยใบหน้าผมอย่างอ่อนโยนพลางขบคิด  “พี่ซื้อตุ๊กตายางให้”

“ก็ดีนะ แต่เอาตัวที่ผมเคยชี้ให้พี่ดูนะ”  ผมยอมล้อเล่นไปด้วย แม้จะรู้สึกแปลกพิกลว่าพี่ปูนอาจซื้อมาให้ผมจริงๆ

“โอเค แต่ต้องทำต่อหน้าพี่นะ”

“พี่แม่ง! โรคจิตจริง” 

“แต่รักใช่มั้ย?”

“เออ!!”

พี่ปูนหัวเราะชอบใจ จากนั้นก็กอดผมซะแน่นเพื่อพลิกตัวเราให้สลับตำแหน่งกันอีกครั้ง แล้วเราก็ไม่ได้คุยกันอีกสักพักใหญ่ ความร้อนค่อยๆ พวยพุ่งขึ้นจากสองร่างของเรา การโรมรันพันตูเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ราบรื่นเหมือนทุกครั้ง คุ้นเคยอย่างที่ทำมาตลอด กระทั่งตอนที่เรียวนิ้วชุ่มเจลหล่อลื่นขยับขยายช่องทางก็ยังทำให้ผมเสียวกระสันได้อย่างทุกที

“ทำให้พี่ดูนะ ตัวหนึ่งแพงมากนะขอบอก”

“พี่ปูน!!”   ผมขยับท่าทางให้สบายยามของร้อนจดจ่อช่องทาง

“น่านะ”

ผมได้แต่กลอกตาให้กับความลามกของคนรัก ...แต่สุดท้ายผมก็ยอมเขาเหมือนที่ผ่านมา

“ถ้าไม่ถ่ายคลิปก็จัดไป”

“เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่สั่งเลย!”

“อื้อ~”

หลังจากนั้นมีแต่เสียงครวญครางของเราคละเคล้าไปกับความรุ่มร้อนที่มีแต่จะมากขึ้นทุกนาที…

ผมนับตัวเองว่าเป็นคนโชคดี และคนโชคดีก็ไม่จำเป็นต้องได้ทุกอย่างที่ต้องการ

ทุกคนต้องเคยผ่านความรู้สึกเสียใจ ผิดหวัง หรือแม้กระทั่งความรู้สึกที่ว่าอยากจะกลับไปแก้ไขอดีตสักครั้ง

‘สิ่งใดที่เกิด สิ่งนั้นย่อมดีเสมอ’ ผมเคยอ่านผ่านตามาจากหนังสือเล่นไหนสักเล่ม คราแรกผมไม่เข้าใจ จนตอนนี้ก็ไม่แน่ใจว่าเข้าใจคำนั้นได้ถ่องแท้รึยัง

แต่ทุกสิ่งทุกเหตุการณ์ที่เกิดย่อมมีผลกระทบสอดคล้องกันไป มันคล้ายจะเป็นบททดสอบชีวิตว่าเราจะผ่านมันต่อไปได้แล้วเข้มแข็งขึ้น หรือจะขังตัวเองไว้แล้วปล่อยให้สิ่งที่เกิดนั้นวนเวียนทำร้ายซ้ำไปมา

เหมือนที่พ่อผมจากไปแล้วทิ้งความเศร้าเอาไว้ให้คนในครอบครัว แต่ก็ทำให้พวกเราเรียนรู้ที่จะรักและดูแลกันให้มากกว่าเดิม

อย่างที่ผมอาจจะโดนทิ้งมาหลายครั้ง แต่ผมที่ไม่จมอยู่กับความล้มเหลวแบบนั้นในที่สุดก็ได้พบคนที่ดีกว่าใคร

และเช่นเดียวกับที่ผมไม่เคยต้องมาตกอยู่ในสถานะเมียของใคร พอก้าวผ่านมันมาได้ก็นับว่ายอดเยี่ยมไม่น้อย

อาจมีเรื่องเสียใจ เรื่องขัดเคือง หรือกระทั่งเรื่องงี่เง่ามากมาย แต่ผลของสิ่งเหล่านั้นก็ทำให้รู้ว่าเราควรจะปรับเปลี่ยนตัวเองอย่างไร ได้เรียนรู้ทุกอย่างไว้เป็นประสบการณ์ ทั้งเรื่องดีและเลวร้าย

ชีวิตผมอาจจะไม่ได้หวือหวาตื่นเต้นเหมือนใคร แต่ทุกวันที่เป็น...มันดีมากแล้วจริงๆ




--------------------------------------- THE END------------------------------------------------

ใช้เวลายาวนานนนนนมากๆ

แต่ในที่สุดเรื่องสมภารกับไก่วัดก็จบไปจนได้

ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ยังแวะเวียนเข้ามาติดตาม

ขอบคุณทุกคนที่ยังรอคอยตัวอักษรสุดท้ายของเรื่องนี้

ขอบคุณทุกคำชม และคำแนะนำ

ทุกคอมเมนต์คือกำลังใจที่ดีเยี่ยมเสมอมาจริงๆ ค่ะ

ขอบคุณจากใจ

[Lady Mellow]

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ปล. คราวนี้ก็ถึงคิวตามเก็บเรื่องอื่นแล้ว
และถ้ามีข่าวเรื่องรวมเล่มจะมาแจ้งให้ทราบอีกทีนะคะ หรือติดตามกันได้ที่หน้าเพจนะจ๊ะ







หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 06-08-2019 07:19:46
จบแล้วววววววว ลุงยังคงน่ารักเหมือนเดิมมม
ป.ล. รอน้องต่ายกับพี่จันทร์นะคะ คิดถึงๆๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-08-2019 08:07:24
ต้องพูดว่าไงนะเห็นคำว่าจบอย่างนี้​ ใจหนึ่งก็โล่งอีกใจหนึ่งก็รู้สึกใจหายอะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ตุยชิคชิค ที่ 06-08-2019 09:03:11
ผัวเมียคู่นี้ลามกทั้งคู่5555555555555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: moonqqq ที่ 06-08-2019 09:05:11
ี2ปีที่ติดตาม..มีพักบาง..ต่อเนื่องบาง...ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆ..ยิ้มให้พี่ปูนน้องลุง..บ๊ายบาย :bye2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 06-08-2019 10:15:55
รักกันดีมากกกกกก  :katai2-1: :katai2-1:
แต่ความหื่นศีลเสมอจริง 555555555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 06-08-2019 10:29:20
ว่าไป
ลุงเจ้าเล่ห์ยังไงก็ไม่ทันปุริมหรอกนะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 06-08-2019 10:38:29
 :pig4:
 :3123: :L2: :L1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 06-08-2019 11:27:53
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 06-08-2019 11:53:19
คิดถุงๆ ลุงกับปุริม จบแล้วววว ขอบคุณนะคะ
ตอนพิเศษขอลุง+ปุริม+ตุ๊กตายางได้ป่าว 55555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-08-2019 13:34:26
อ่านไป ยิ้มไป ขำไป เหมือนเข้าไปนั่งดูอยู่ในเรื่องด้วยเลย    :laugh: 
ลุงน่ารักจริงๆ  ปุริมงั้น......ปุริมงี้   :impress2:
ชอบบบบบบบบบบ   :o8:
พี่ปูน  ลุง   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ขอบคุณไรท์มากกกกกกกกกกกกกกก
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 06-08-2019 14:56:32
จบ......
ฮืออออออ จะมีตอนพิเศษมั้ยคะ
ต้องคิดถึงคุณลุงมากแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 06-08-2019 17:11:12
แงงงงง จบแล้วววว ปุริมกับน้องลุงงงงงง หลังจากนี้จะกลับมาอ่านอีกบ่อยๆ
ขอบคุณที่แต่งนิยายมาให้เราได้อ่านนะคะ ทั้งตลก ทะลึ่ง น่ารักปนกันไปหมด ไอเลิ้บ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 06-08-2019 17:29:19
ลุงน่าร้ากกกก~~ ปุริมหลงขนาดนี้ ไปไหนไม่รอดแล้ววว อยากรู้ว่าได้ตุ๊กตา​นางมาแล้วจะยังไง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: BaoBao ที่ 06-08-2019 18:11:35
 :heaven  จบแล้~~~ว   ติดตามกันมานาน ดีใ~จ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 06-08-2019 18:36:11
ติดตามมานาน จบได้น่ารักดี ถึงแม้เกือบจะเป็นไปตามที่เพื่อนโป๊ยวางแผน ใช่หรือเปล่านะ อิอิอิ
ลุงน่ารักเสมอ พี่ปูนก็เอาใจใส่ลุงอย่างดี มีความสุขในตอนจบจ้าาา
 :กอด1: :กอด1: :L2: :L2: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 06-08-2019 21:39:17
ขอบคุณมากๆๆค่า รอรวมเล่มอยู่นะ

 :pig4: :L1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 06-08-2019 22:02:32
ลุงหม่ำแตงดุ :hao6: เอ็นดูลุงที่ตามใครไม่ค่อยทันโดนแกล้งตลอด ขอบคุณค่ะสนุกมาก :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 06-08-2019 23:33:52
หื่นพอกันทั้งคู่เลย สมน้ำสมเนื้อค่ะ อิอิ  ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ  :katai2-1: :call:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 07-08-2019 00:06:11
รักลุงไม่น้อยกว่าพี่ปูนเลย ลุงน่ารักมาก ได้เปิดตัวแฟนแบบปุปปับกับเพื่อนทั้งรุ่นด้วย   :katai2-1:

จบแล้วเราคงเหงาน่าดู. รอติดตามเผื่อจะรวมเล่มค่ะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 07-08-2019 03:48:50
จบลงอย่างหื่นๆ 555 //เป็นนิยายที่สนุกและดีมาก ครบรสทุกอารมณ์ ซึ้งเศร้าฮาดราม่าความเข้าอกเข้าใจและสู้มาด้วยกัน จากวันนั้นมาจนวันนี้ สนุกจริง ชอบ ควรแก่การเก็บเป็นเล่มไว้อีกเรื่อง รอเล่มค่ะ //ขอบคุณสำหรับการแต่งนิยายดีๆและอัพลงที่นี่ให้ได้อ่านกัน เลิฟ ^^
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: SeaBreeze ที่ 07-08-2019 05:26:18
สนุกสนานเพลิดเพลินมากค่ะ  ได้ตามติดชีวิตชาวสวนแตง :katai2-1: :hao6:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 07-08-2019 06:56:19
ไอ้โป้ยยังทำแสบกับลุงจนวินาทีสุดท้ายเลยนะ 555555555

รักลุง รักพี่ปูน รักพี่กร รักโป้ย และรักทุกตัวละครเลย

ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆ เรื่องนี้นะคะ
แม้จะรอน๊านนานกว่าจะมา แต่มาทีก็เรียกเสียงหัวเราะได้ตลอดเลย

รอเล่มนะคะ อยากได้จริงๆ

#รักลุง. :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Kaamnutt ที่ 07-08-2019 10:25:16
ขอบคุณนะคะชอบลุงมากเลยยยย  ขอบคุณที่แต่งนิยายน่ารักๆๆ สนุกๆๆ มาให้อ่านนะคะ  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 08-08-2019 07:04:56
ลุงน่ารักมากจริง ๆ  :กอด1: ดีใจที่พี่ปูนหลุดพ้นจากความรู้สึกที่เลวร้ายมาได้  :L2: แล้วก็ยินดีกับกรที่สมหวังในความรักสักที  :L2: สุดท้ายโป้ยและผองเพื่อนแสบกันจริง ๆ  o18 
ป.ล. ขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ นะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 08-08-2019 07:42:03
ลุงน่ารัก :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: NOO~KUNG ที่ 08-08-2019 08:54:16
ขอบคุณคุณคนเขียน....สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 08-08-2019 13:12:36
จบแล้ววววว ทั้งดีต่อใจทั้งใจหาย คงคิดถึงมากแน่ๆ ตามกันมา 2ปี และไม่เคยหยุดที่จะรอเลย จนมาถึงวันนี้

ลุงน่ารักมากกกกกกกกก ยิ่งนับวันยิ่งน่ารักน่าฟัด พอๆกับความหื่นกามพี่ปูน พี่แกลามกเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ :laugh:
ยิ่งหลังๆเมียอัพเลเวล ทั้งอ้อนทั้งยั่วบด ทะลึ่งทะเล้น หม่ำแตงดุๆ สาสมใจปุริมเขาล่ะ แห่มมมมมมมมมมม

ขอบคุณนะคะ สนุกมากกกก ชอบทุกตรงของนิยายเรื่องนี้ มึครบทุกรส ที่ทำให้ทั้งลั่นขำแทบบ้า ทั้งร้องไห้สงสารพี่ปูน ประทับใจทุกความสัมพันธ์ของทุกคน รักกกก :pig4:

ปล. รอพี่จันทร์กับน้องกระต่ายอยู่น้าา ถึงคิวหนูแล้วใช่ไหมลู๊กก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 08-08-2019 14:05:51
ขอบคุณคนเขียนมากๆนะคะ ติดตามมายาวนาน 2 ปีเลยทีเดียว แต่สนุกคุ้มค่าการรอคอยค่ะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 09-08-2019 09:24:34
 :katai2-1: o13 :katai2-1:


 :กอด1: :L2: :3123: :pig4: :pig4: :pig4: :3123: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: P_Ple ที่ 09-08-2019 23:33:10
 จบแล้วเหรอ รู้สึกใจหายค่ะ เป็นอีกเรื่องที่ชอบมากๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 10-08-2019 00:35:22
ลุงน่ารักจริงๆนั่นแหล่ะ อิจฉาปุริมจริงๆเลย
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Kaamnutt ที่ 10-08-2019 10:34:51
ลุงงงงง  :mew1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 10-08-2019 16:00:15
เป็นเรื่องที่น่ารักมากกกกกก

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 10-08-2019 18:01:46
สมน้ำสมเนื้อ ทั้ง 4 คน
แสบทุกคน 555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 11-08-2019 00:34:53
อย่างนี้ต้องมีตอนพิเศษ ‘ลุงกับตุ๊กตายางของเขา’ #คนอ่านเหลือบมองแบบหื่นๆ 5555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 11-08-2019 01:14:15
ปูนโชคดีมากที่มีลุงคือจนจบก็มองเห็นแต่ความเห็นแก่ตัวของพ่อ แม่เลี้ยง และน้องชายของปูน คือเธอถ้าเธอไม่เดือดร้อนจะเหลียวแลปูนไหม พ่ออ่ะคือที่สุดแกลูกกับแม่ควรแยกส่วนไหมมันบัดซบมากอ่ะขังเด็กคนนึงในห้อง ทำร้ายร่างกายไม่พอนี่จิตใจยับเยินไปหมดจนตอนนี้ปูนเติบโตมาได้อย่างสมบูรณ์แล้วมีคนที่รักเข้าใจ ลุงเป็นแฟนที่ดีมากจริงๆ ต่อไปขอให้ทุกอย่างมีแต่เรื่องดีๆของทั้งสองคนเลยนะ นี่อยากจะให้เลื่อยขาเก้าอี้ของน้องชายนางด้วยซ้ำอยากเห็นพ่อนางตายแบบทรมานไปเลยเอาให้ล่มจมอีแม่เลี้ยงนั่นอีก อินมากกกกกอยากให้ตบไปสักฉาด หึ่ยยยยย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Action19852 ที่ 12-08-2019 11:12:25
ขอบคุณนักเขียน ที่แต่งให้พัทลุง เป็นคนน่ารัก คิดแปลก ทำให้เนื้อเรื่องน่าอ่าน น่าติดตาม อ่านไปยิ้มไป ขอให้สร้างสรรค์ผลงานดีๆอย่างนี้ไปเรื่อยๆนะคะ รอติดตามค่ะ
 o13 o13
 
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 13-08-2019 13:12:36
ลุงน่ารัก  :mew1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Maymon ที่ 14-08-2019 13:02:13
ขอบคุณมากๆค่ะ น่ารักมากกกกกกกกก
อมยิ้มกับความเด๋อของลุงหนักมาก5555
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: cirrus ที่ 17-08-2019 21:40:54
สองรอ[ที่ว่าทำเจ็บสะโพกคือโดนถีบแน่5555
อิพี่มันร้ายลุงอ่ะก็ซื่อเกิ้นนนน ต่อให้ไม่มีจิตอย่างโป๊ยกะคือดูออก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 18-08-2019 19:17:02
สนุกมากๆเลย  o13
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 20-08-2019 20:59:16
ดีงามสมที่รอคอย เราชอบลุงมากกกกกก ลุงน่ารักมาก ทัศนคติดี เป็นพลังบวกได้ตลอด

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 24-08-2019 09:21:05
รักนะคะ  :กอด1: รอมาตลอดเลย เรื่องอื่นๆก็จะรอเช่นกัน ชอบมากๆทุกเรื่องเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 24-08-2019 11:20:45
สนุกมากครับ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ampxw ที่ 25-08-2019 14:53:33
อ่านรวดเดียวเลย ชอบนิสัยของลุงมากๆเลยค่ะ น่ารักมากๆ >< ส่วนพี่ปูนหื่นที่สุด 55555555 ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องนี้นะคะ


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: mizzmizz ที่ 25-08-2019 15:43:17
ลุงคือซื่อสุดและ นอกนั้นเจ้าเล่ห์ทั้งนั้น
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: kimhamwong ที่ 26-08-2019 22:03:19
 :haun4: ปุริมช่างหื่นจริง ๆ
ส่วนพัทลุง....ก็ช่างเหมาะสมกัน  :hao7:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 27-08-2019 12:30:02
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ จะรอติดตามเรื่องต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: เพลิงพิษ ธิดาซาตาน ที่ 27-08-2019 17:08:20
เอาจริงๆตั้งแต่อ่านนิยายมา เราไม่เคยขำออกเสียงดังขนาดนี้มาก่อน มันเหมือนเรากำล่งดุหนังตลกๆสักเรื่องแล้วขำท้องคดท้องแข็ง ปกติแนวคอมมาดี้ที่เราเคยอ่านทำให้เพียงแค่เรายิ้มมุมปากเท่านั้น ยิ่งฉากที่คุณดาหลาเดินมาได้ยินลุงพูดกับพี่ปูน เราขำดังมาก ปกติไม่นิยมนิยายคอมเมดี้เท่าไหร่ แต่เรื่องนี้ยอมเลย สนุกมากค่ะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Natti ที่ 28-08-2019 00:04:01
เอาจริงพี่ปูนนางน่าเอ็นดูนะ ที่มาของพี่ปูนทำให้พี่แกมีอย่างทุกวันนี้ได้คือเก่งมาก

แหลกสลายมาขนาดไหน มามีลุงเป็นโลกทั้งใบ คว่มสุขเลยฉายชัดให้ทุกคนสัมผัสได้ไง

พัทลุงคือเฟมิลี่แมนมากๆ น่ากในทุกๆเรื่องทั้งเรื่องความบื้อ

คู่รองก็มั่นคงในความรู้สึกมายาวนานจริง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 30-08-2019 09:38:32
จำได้ว่าอ่านๆ หยุดๆ อยู่พักใหญ่ จนได้ฤกษ์มาอ่านย้อนเริ่มต้นนับ 1 ใหม่รวดเดียวจนจบ ชอบมากกกก เป็นแฟนนิยายคุณ Lady Mellow อยู่แล้ว ยิ่งเรื่องนี้ยิ่งชอบสุดๆ สไตล์การเขียน สำนวน คำคมปนฮา มันถูกใจเราจริงๆ

ชอบความปุริม นางมีความมนุษย์อยู่จริง เทาเข้มเกือบดำ แต่กับน้อง นางก็เปลี่ยนมาเป็นขาว(กระดำกระด่าง)ได้
ชอบความโป้ย นางเป็นเพื่อนชั่วที่น่ารักมากก ชอบตอนนางสุมไฟลุง คือออ ถ้าไม่รักกันมากก็คือเกลียดกันมากเลยนะ เอาจริง 55555
และที่ขาดไม่ได้ ชอบความพัทลุง คือ เป็นคนที่หาคำจำกัดความได้ยากจริงๆ มันยืนอยู่ชายแดนความซื่อที่กำลังจะตกขอบไปหาความโง่แล้ว  อีกนิดเดียวจริงๆ  :laugh: เอ็นดูนางมาก  รักความ positve ของนางที่ทำเอาสายดาร์คอย่างพี่ปูนไปไหนไม่รอด

อยากอ่านนิยายคุณ Lady Mellow อีกนะคะ ว่างๆก็แวะมาเปิดเรื่องใหม่ด้วยน้าาา จะรอติดตามและให้กำลังใจค่าา
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: MaidenQueen ที่ 30-08-2019 12:31:28
คู่ผัวเมีย ปูนลุงคือหื่นมาก เข้ากันได้ดีสุดๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 30-08-2019 19:32:21
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: tangtey59 ที่ 10-09-2019 22:27:41
เรื่องนี้สนุกมากๆ เลยคะ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: TonyPat ที่ 19-09-2019 21:03:09
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: NOO~KUNG ที่ 01-11-2019 17:45:53
เป็นเรื่องที่น่ารักมากๆ อ่านไปกำลังฟินๆก็หักมุมฮาส่ะ...ชอบตัวละครทุกตัว ถึงพี่ปูนชีวิตจะรันทดไปนิด แต่ก็เข้มแข็งจนผ่านพ้นมาได้ โชคดีที่มารักคนไม่ผิด...
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 03-11-2019 03:47:21
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: lipure ที่ 06-11-2019 01:41:40
ลุงน่ารักจังงง

อยากได้เมียน่ารัก ใสใส แบบนี้มั่งจังงง

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 15-11-2019 01:59:23
โอ๊ย พัทลุงน่ารักเกินไปแล้ว
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 28-11-2019 13:10:39
พระเอกเรื่องนี้ร้ายกาจมากกก ทั้งพี่ปูนแล้วก็โป้ยเลย สงสารน้องลุงผู้ใสซื่อกับพี่กรจริมๆ 555555555
ขอบคุณมากๆค่า สนุกๆๆๆๆ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 08-12-2019 21:34:57
หื่นยันจบตามสไตล์สมภาร :hao7:
สนุกมากเลย ซึ้งด้วย ร่ำๆจะร้องไห้อยู่หลายฉาก ลุงก็ตลกได้คงเส้นคงวา ได้เห็นเเต่ละคนมีพัฒนาการ ความคิดเติบโต ก็รู้สึกเป็นอิ่มใจ ดีใจที่ได้อ่านเรื่องนี้ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: BuzZenitH ที่ 16-12-2019 18:29:34
สนุกและหื่นมากกกกกกกกก 555
ชอบความกวนตีนของลุงที่สุด น่าเอ็นดูจังเลยยยย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 19-12-2019 03:46:30
คิดถึงลุงคนดีคนซื่อจนกลับมาอ่านอีกรอบ ยังคงหมั่นไส้อีแม่เลี้ยงกับลูกชายนางไม่หายอยากจะตบล้างน้ำให้จมดินสักรอบทุกครั้งที่อ่านกล้าดียังไงมาตบปุริมของลุง ฮึ่มมมมม
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 20-12-2019 10:04:05
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 24-12-2019 21:44:15
คิดถึงลุงต้องกลับมาอ่านอีกรอบ อยากให้มีตอนพิเศษบ้างจัง :call:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 05-01-2020 20:49:17
โอยยย ไม่ไหวแล้วกับลุง เอ็นดูมาก หอมหัวค่ะ
ความคิดก็ไม่เหมือนใคร ตอนจะซื่อก็มีเยอะ
ตอนจะป่วงก็มีแยะ เจ้าเล่ห์ด้วย แต่โกหกไม่เป็น
ลุงเป็นคนน่ารักนะ คิดบวก และเอาใจใส่มากด้วย
เข้าใจลุงนะ ก็ผู้ชายไง ก็ต้องมีบ้างที่จะคิดมากเรื่องนี้
แต่เพื่อความรักและความสุข ลุงยอมก็ได้เนาะ

ตลกปุริม คือเพ้อน้องมาก แบบอาการหนักสุด
และเอาคืนได้เนียนสุดไรสุด ถึงขั้นจะซื้อบ้านติดกัน
ชอบความเพ้อ และดูลุงออกของปุริม
รู้แล้วใช่ไหมว่าทำไมลุงถึงนอยด์เรื่องคนรักเก่า
หรือคนที่คิดว่าจะมีผลน่ะ เจอเอง เป็นไง

ลุงน่ารัก ช่างยั่ว และชอบทำให้แตงดุ
ปุริมก็หลงลุงมาก ดูแลดีมาก เปย์ทุกอณู จัดเต็มทุกเม็ด

ขอบคุณมากนะคะ เรื่องราวความเด๋อของลุงและความหลงของปุริม
เป็นนิยายที่สนุก และทำให้ทั้งอินและฟินมากค่ะ

หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-01-2020 05:56:07
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๓  :mew1: :mew1: :mew1:

มาอานใหม่ ก็ยังยิ้มไป หัวเราะไปเหมือนเดิม สนุกจริงๆ
เห็นด้วยนะที่ว่าปุริม เป็นพระเอกสายดาก เอ๊ย......ดาร์ค  :m20: :laugh:
พัทลุง ก็น่ารักซะอยากไปกอด ไปฟัดเหมือนที่พี่ปูนรู้สึก  :impress2:
ขอบคุณไรท์มากกกกกกกก
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 28 _สมภารของไก่วัด_ || 6-8-62 หน้า 51 ||
เริ่มหัวข้อโดย: L@DYMELLOW ที่ 04-03-2020 23:53:37
เปิดขายสวนแตงจ้าาาา

ในที่สุดพี่ปูนกับน้องลุงก็ได้เวลาเก็บเกี่ยว หลังจากปลูกแตงกันมาเนิ่นนาน

สำหรับนักอ่านท่านใดสนใจ ติดตามช่องทางซื้อได้ที่เพจของ สนพ.เฮอร์มิตหรือเว็บไซต์ของสนพ.ได้เลยนะคะ

ฝากนังสองปั๋วเมียคู่นี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยค่ะ



ปล. รักษาและป้องตัวกันด้วยนะคะ แอลกอฮอล์เจลพกไว้อย่าให้ขาดกระเป๋า mask แพงนักก็เปลี่ยนเป็น mask ผ้าที่ทอละเอียดหน่อย แล้วสอดกระดาษทิชชู่ไว้ด้วยก็ดี ทั้งฝุ่นทั้งโรคอันตรายพอกัน

ขอให้นักอ่านทุกคนสุขภาพแข็งแรงค่า(https://uploads.tapatalk-cdn.com/20200304/53c7883bfbc5fff739570b9ca2c8ab64.jpg)(https://uploads.tapatalk-cdn.com/20200304/f229d0c0f9acfbddfabd472438f9963e.jpg)(https://uploads.tapatalk-cdn.com/20200304/be75cbb75ce49d6254980c630caa5657.jpg)

Sent from my CPH1607 using Tapatalk

หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| *แจ้งข่าวหนังสือ* || 5-3-63 หน้า 54 ||
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 05-03-2020 01:42:51
 :-[  :-[  :-[ ลุง ลุง ลุง
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| *แจ้งข่าวหนังสือ* || 5-3-63 หน้า 54 ||
เริ่มหัวข้อโดย: somberness ที่ 05-03-2020 16:03:45
พัทลุง ปุริม  :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| *แจ้งข่าวหนังสือ* || 5-3-63 หน้า 54 ||
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 05-03-2020 23:07:13
ลุงจ๋าลุง.  :3123:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| *แจ้งข่าวหนังสือ* || 5-3-63 หน้า 54 ||
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 15-04-2020 09:32:29
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| *แจ้งข่าวหนังสือ* || 5-3-63 หน้า 54 ||
เริ่มหัวข้อโดย: kimhamwong ที่ 26-04-2020 02:50:57
ลุงน่ารัก มองโลกในแง่ดี สดใสมากกกก
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| *แจ้งข่าวหนังสือ* || 5-3-63 หน้า 54 ||
เริ่มหัวข้อโดย: matame ที่ 26-04-2020 23:32:58
พี่มันร้าย
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| *แจ้งข่าวหนังสือ* || 5-3-63 หน้า 54 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Sriwanan ที่ 09-05-2020 17:37:10
ตื่นเต้นจริงๆ พักสายตาแปป อิอิ :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| ตอนที่ 20 _ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้_ || 16-7-61 หน้า 41 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 27-08-2020 05:07:26
ตอนที่ 20  ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้






  มันเลยไปกระตุ้นให้บางอย่างไหลซึมออกมาจากช่องทางน่าอาย บัดซบ! ผมสบถเสียงเครียด นี่ขนาดทำความสะอาดไปแล้วแท้ๆ มันก็ยังเล็ดลอดออกมาอีกจนได้ ไม่ต้องเดาเลยว่าพี่ปูนหลั่งเข้าไปเยอะขนาดไหน

ผมก้าวออกจากตู้อาบน้ำด้วยร่างกายเปียกโชกเพื่อไปนั่งเซ็งบนชักโครกอีกหน ใจก็แช่งชักหักกระดูกคนนอนปริ่มข้างนอกไปพลางเบ่งน้ำรักที่คั่งค้างให้ออกมาอีกระรอกพร้อมส่งนิ้วเข้าไปขยับขยายช่องทางด้วยตามที่ถูกสอนมา ผมเกลียดที่จะต้องมาทำความสะอาดตัวเองแบบนี้เหลือเกิน 
สายยางฉีดก้นไง ง่าย สะอาดหมดจด ใช้ก่อนและหลัง ตู้เย็นสะอาดโล่งจ้ะ :ling1:


ที่เจ๋งไปกว่านั้นคือเวลาทำในน้ำก็ยังลื่นปรื๊ดๆ
อันนี้ผิดเต็มๆ มันฝืดมาก ลองแล้วถึงกล้าพูด น้ำเข้าไปล้างเมือกที่เคลือบลำไส้ใหญ่ออกไปทำให้ฝืดมากขึ้น
บางคนบอกใช้สบู่แล้วลื่น อันนี้บอกเลยว่าแสบเรือหาย อย่าไปลองใช้นะ แสบสุดๆ
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| *แจ้งข่าวหนังสือ* || 5-3-63 หน้า 54 ||
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 27-08-2020 22:54:31
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| *แจ้งข่าวหนังสือ* || 5-3-63 หน้า 54 ||
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 19-09-2020 20:22:01
ลุงโคตรน่ารักอะ