◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| *แจ้งข่าวหนังสือ* || 5-3-63 หน้า 54 ||
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| *แจ้งข่าวหนังสือ* || 5-3-63 หน้า 54 ||  (อ่าน 302298 ครั้ง)

ออฟไลน์ HeIsMine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3

ออฟไลน์ XVIII.88

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
    • XVIII.88
อะไรที่ทำให้โมโหได้ขนาดนี้ ไม่น่าจะเป็นเรื่องธรรมดาแน่ ๆ รอวันที่พี่ปูนพร้อมจะเล่าออกมาน้า :katai1:

ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14
อยากอ่านพี่กรกะโป้ยยยยยย

ออฟไลน์ ous_p

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ปุริมคงมีความหลังที่สาหัสแน่เลย

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5

ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook
ตอนที่ 20  ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้







สายน้ำอุ่นๆ ตกกระทบผิวกายสร้างความชุ่มชื้นและคลายความเหนื่อยล้าได้อย่างดี ใจจริงนั้นผมก็อยากจะลงไปแหวกว่ายในอ่างอาบน้ำให้สบายเนื้อสบายตัว แต่ติดที่เวลาไม่ได้เอื้ออำนวยแก่ความต้องการเอาเสียเลย ทั้งหมดต้องโทษความมักมากของพี่ปูนคนเดียว! ลากผมเข้าห้องปุ๊บก็ก็เปิดฉากโจมตีปั๊บ ทำเอาทำเอาจนค่ำมืดปานนี้ แล้วตัวเองก็ชิงหลับสนิทไปก่อนอย่างน่าหมั่นไส้ที่สุด

โคร่ก~

เสียงท้องร้องประท้วงเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ผมได้แต่โอดครวญเบาๆ ยามลูบท้องตัวเองเพื่อปลอบใจเจ้าพยาธิน้อยในนั้น แต่เห็นทีจะลูบหนักไปนิด มันเลยไปกระตุ้นให้บางอย่างไหลซึมออกมาจากช่องทางน่าอาย บัดซบ! ผมสบถเสียงเครียด นี่ขนาดทำความสะอาดไปแล้วแท้ๆ มันก็ยังเล็ดลอดออกมาอีกจนได้ ไม่ต้องเดาเลยว่าพี่ปูนหลั่งเข้าไปเยอะขนาดไหน

ผมก้าวออกจากตู้อาบน้ำด้วยร่างกายเปียกโชกเพื่อไปนั่งเซ็งบนชักโครกอีกหน ใจก็แช่งชักหักกระดูกคนนอนปริ่มข้างนอกไปพลางเบ่งน้ำรักที่คั่งค้างให้ออกมาอีกระรอกพร้อมส่งนิ้วเข้าไปขยับขยายช่องทางด้วยตามที่ถูกสอนมา ผมเกลียดที่จะต้องมาทำความสะอาดตัวเองแบบนี้เหลือเกิน แต่ผมเกลียดที่ตัวเองห้ามพี่ปูนได้ไม่เต็มปากเต็มคำมากกว่า อย่างคราวนี้ก็อ้างว่าถุงยางหมด แล้วไอ้โรคจิตนั่นก็ช่างเลือกซะเหลือเกิน ถุงยางก็ต้องสั่งซื้อแบบบางพิเศษยี่ห้อของดินแดนอาทิตย์อุทัย ไหนจะเจลแบบที่พวกหนัง AV ญี่ปุ่นใช้อีก ผมเห็นราคาแล้วเคยบอกว่าจะไปหาซื้อชนิดอื่นตามมินิมาร์ทมาให้ แต่คุณชายท่านก็แค่นยิ้มใส่เหมือนผมเป็นเด็กน้อยไม่รู้เรื่องราว

แต่อากู๋รู้ทุกอย่างนะครับ

ในเมื่อหาข้อมูลแล้วรู้ว่าสิ่งที่พี่ปูนตระเตรียมน้ำคือสิ่งที่ดีที่สุดต่อหลุมน้อยๆ ของผม ซ้ำยังช่วยบำรุงให้ผิวก้นของผมนั้นนวลเนียนชุ่มชื่นเป็นของแถม ที่เจ๋งไปกว่านั้นคือเวลาทำในน้ำก็ยังลื่นปรื๊ดๆ ไม่แสบสันให้ต้องชะงักภารกิจกันเลย ...เอ่อ... แค่กๆๆ ลืมที่ผมพูดไปเถอะครับ!

กลับมาเข้าเรื่องกันต่อ -- ผมอาบน้ำชำระกายอีกรอบก่อนจะเช็ดตัวแล้วทาโลชั่นที่ถูกบังคับให้ใช้จนกลายเป็นความเคยชิน เมื่อเปิดประตูห้องน้ำออกมาก็ถูกอากาศเย็นเล่นงานจนเนื้อตัวสั่นกึกๆ ผมวิ่งโร่ไปปิดบานเลื่อนเข้าวอร์คอิน โคลเซ็ทเพื่อหาเสื้อผ้าใส่ ได้เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นมาหนึ่งตัวก็รีบสวมทันที เสร็จแล้วจึงได้เริ่มกวาดตามองรอบห้องกั้นขนาดเล็กนี้ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของพี่ปูนนั้นจัดว่าเยอะเอาเรื่อง เรียกได้ว่าอัดแน่นห้องจนเกือบจะล้น แถมยังวางแขวนสะเปะสะปะ ทิ้งๆ โยนๆ แบบไม่ใส่ใจราคาของแต่ละอย่างเลยสักนิด

คงเพราะช่วงนี้ผมไม่ได้ทำความสะอาดแบบจริงจัง ทุกอย่างมันเลยดูขัดหูขัดตาไปเสียหมด เห็นทีผมต้องแข็งข้อเรื่องบนเตียงซะบ้างแล้ว ไม่อย่างนั้นห้องนี้คงรกจนกู้ความเสียหายลำบาก

ขณะที่ผมเตรียมพร้อมเพื่อกลับบ้านเรียบร้อยแต่พี่ปูนก็ยังคงหลับพริ้มเหมือนเดิม ผมเดินเข้าไปนั่งข้างคนนอนหวังใจว่าจะปลุกขึ้นมาด้วยความคับแค้นที่ผุดอยู่ในอกนิดๆ แต่เมื่อมองไปที่ใบหน้าคมสันที่กำลังเฝ้าพระอินทร์อยู่นั้นก็ให้หักใจทำไม่ลง คิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างที่ไม่น่าจะเกิดกับคนที่ฝันถึงเรื่องดี ริมฝีปากบิดหยักขบกรามแน่น ดูแล้วไม่ได้สุขสบายอย่างที่ผมคิดไว้

ที่จริงผมอยากรู้แทบบ้าว่ามันเกิดเรื่องอะไรในวันนั้น แต่ผมไม่สามารถเอ่ยถามอะไรได้ในเมื่อสีหน้าของพี่ปูนยังกับคนได้รับบาดเจ็บฉกรรจ์ มันคล้ายกับว่าถ้าผมดึงดันที่จะรู้ก็คงไม่ต่างจากการกรีดแผลเพิ่มให้กับอีกฝ่าย ในตอนแรกผมคิดว่าดีเหลือเกินที่พี่ปูนดูจะไม่จมอยู่กับเหตุการณ์นั้นมากนัก แต่หลังจากนั้นพี่ปูนกลับออดอ้อนมากขึ้น นัวเนียจนผมกระดิกตัวไปไหนไม่ได้ ผมมองว่ามันดูน่าใจดีอยู่หรอกแต่ก็เหมือนสัตว์บาดเจ็บที่ต้องการการเยียวยาด้วยเช่นกัน

ผมเดินกลับเข้าห้องน้ำอีกครั้งเพื่อเตรียมผ้าและน้ำใส่อ่างออกมา จัดการเลิกผ้าห่มออกแล้วเช็ดตัวให้กับคนหลับลึกอย่างเบามือที่สุด กว่าจะทำความสะอาดหมดทุกซอกมุมก็เล่นเอาเหงื่อแตกผลั่ก แต่ถึงจะเหนื่อยแค่ไหนผมก็ยังอุตส่าห์หยิบแป้งมาปะให้คุณชายหลับไปกับความหอม ส่วนเรื่องเสื้อผ้านั้นผมไม่ได้มีความคิดจะใส่ให้แม้แต่น้อย ก็พี่แกแทบจะแก้ผ้านอนเป็นประจำอยู่แล้ว แถมตัวก็ยังหนักขนาดนี้ผมมิตายพอดีเหรอถ้าปลุกปล้ำใส่ให้น่ะ

เหงื่อหยาดสุดท้ายถูกปาดออกไปจากหน้าผากพลางมองผลงานของตัวเองด้วยความภูมิใจ ผมก้มลงเลื่อนผ้าห่มให้ปิดจนถึงคอคนนอน แล้วแวะจูบหน้าผากอีกสักหนเป็นการสั่งลา ...อย่างน้อยตอนนี้พี่ปูนก็ดูจะหลับสบายขึ้นกว่าเก่า ผมเดินไปเปิดไฟในห้องแต่งตัวเอาไว้เพื่อให้แสงทะลุผ่านประตูเลื่อนกระจกฝ้าออกมาบ้าง เพื่อที่จะปิดไฟหลักแล้วเดินออกไปอย่างเงียบเชียบที่สุด

แต่หลังจากนั้นเถอะ...ผมแทบจะกระโดดขวางถนนเพื่อหยุดรถแท็กซี่สักคันเพื่อพากลับบ้านให้ทันเวลา


.

.

.


หลังจากจ่ายงินค่ารถด้วยน้ำตาแล้ว ผมก็พาร่างโรยแรงและหิวโหยของตัวเองเข้าบ้านไป แสงจากหลอดไฟลอดผ่านหน้าต่างออกมา และรถยนต์ทั้งสองคันของพวกคุณผู้หญิงก็อยู่ครบ ผมยกนาฬิกาข้อมือดูเวลาที่เฉียดฉิวพอดีก่อนจะเปิดประตูเข้าด้านใน

เสียงหัวเราะปะปนเสียงพูดคุยดังออกมาจากทางมุมนั่งเล่น ผมเดินไปตามทางนั้นแล้วก็พบสาวๆ กำลังสนุกสนานกับรายการทีวีอยู่ เสียงฝีเท้าทำให้ทั้งคู่หันมองมา ผมยกมือไหว้แม่ย่านางทั้งสองแล้ววางกระเป๋าเป้ลงบนเก้าอี้ ตอนนี้ผมไม่เหลือเรี่ยวแรงแม้แต่จะขึ้นไปเก็บของให้เรียบร้อยก่อนหรอก

“กลับมาเฉียดฉิวเลยนะยะ”  ป้ายกยิ้ม สายตาคมมองปราดไปตามร่างกายของผม  “เสื้อผ้าก็ไม่ยักกะเหมือนขาไปเนอะ เป็นแบบนี้บ่อยเหรอแม่?”  แล้วก็หันไปทางคุณดาหลาเพื่อขอคำวิเคราะห์

“ยุ่งน่า!”  ผมอุบอิบโต้ตอบ และเสียงมันคงเบาพอที่จะไปไม่ถึงหูอีกฝ่าย

“ก็มีบ่อยอยู่น้า...”  คุณดาหลาทำท่านึกแบบที่ดูก็รู้ว่าเสแสร้ง ช่างเข้าคู่เป็นปี่เป็นขลุ่ยกับลูกรักจริงๆ  “แม่เดาว่าคุณลุงคงมีเสื้อเยอะแยะในกระเป๋าแน่เลย ตอนไปก็ชุดหนึ่งพอกลับมาก็เป็นชุดอื่นตลอด”


เงียบสิครับ...


“หิวอ่ะ!! มีอะไรให้ลุงกินมั้ย?”  ผมรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่จะถูกรุมขย้ำ สองเท้ารีบก้าวออกมาจากพื้นที่เสี่ยงภัยเพื่อหนีเข้าครัวไปหาของกินทันที ผมเปิดตู้เย็นมองหาของประทังชีวิต เป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา

คุณดาหลาเดินเข้ามาหยิบถุงออกจากตู้เย็นแล้วยื่นส่งให้ผมไปอุ่น ผมรีบแกะถุงกระเพาะปลาลงชามแล้วยัดมันเข้าไมโครเวฟด้วยรอยยิ้มทันที แต่เมื่อหันกลับมาอีกครั้งก็ยังพบของกินอีกหลายถุงที่ถูกคุณดาหลานำออกมาวางไว้ให้

“วันนี้คุณป้าเขาไปกินข้าวกับเพื่อนที่เยาวราชมา เลยซื้อกลับมาฝากเยอะแยะเลย”  ผมรีบพุ่งเข้าไปดู แล้วอยากจะวิ่งออกไปหอมแก้มพี่สาวซะหลายๆ ฟอด บนโต๊ะมีทั้งกวยจั๊บ บะหมี่แห้งปูซึ่งผมรีบแกะห่อเทลงจานเพื่อรอเวฟเป็นอย่างถัดไปแล้ว ยัง! ยังไม่หมด ยังมีเกาหลาหมูตู๋น และขนมหวานอีกสองอย่าง ผมนี่ยกบัวลอยงาดำขึ้นมองด้วยความตะกละเลย

“ไปอดอยากที่ไหนมาหึ๊? พี่เขาเลี้ยงเราไม่ดีรึไงวันนี้”  แม่นั่งมองผมจากอีกฝั่งของไอส์แลนด์ที่เป็นทั้งที่เตรียมอาหารและที่นั่งกินข้าวแบบรีบเร่งด้วย สองตาของคุณพยาบาลสาวคงเห็นถึงความหิวโหยที่ผมซุกซ่อนไว้ไม่อยู่ แต่ผมจะไปบอกแม่ตัวเองได้ยังไงล่ะว่าลูกชายโดนฟัดจนข้าวปลาไม่ได้ตกถึงท้องเพราะแฟนหนุ่มเหนื่อยหลับไปน่ะ

“พี่ปูนเขาเหนื่อยๆ อ่ะ วันนี้เลยไม่ได้ไปหาอะไรกินก่อนกลับ”  ผมตอบความจริงแบบอ้อมโลกพลางหันตัวหนีสายตาของคุณนายประจำบ้าน ผมยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ไม่นาน เสียงมือถือก็ดังขึ้นกลบความกระอักกระอวล ผมล้วงมือถือในกระเป๋ากางเกงขึ้นมองชื่อก่อนกดรับสายด้วยรอยยิ้ม

“ตื่นซะทีนะคุณปุริม”  ผมกล่าวกลั้วเสียงหัวเราะ พี่ปูนขบขันเล็กน้อยกับคำทักทายกึ่งหยอกล้อนี้

“จะกลับทำไมไม่ปลุกพี่ล่ะ”  ปลายสายโต้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงขัดเขินเล็กน้อย ซึ่งยิ่งพารอยยิ้มผมให้ฉีกกว้างกว่าเดิม

“ลุงปลุกแล้วเหอะ เช็ดตัวให้ด้วยนะรู้ป่ะเนี่ย”

“รู้...ตัวหอมเชียว”  พี่ปูนหัวเราะเบาๆ  “ลุงกินอะไรรึยัง?”

“กำลังเวฟอยู่ ป้าซื้อของกินกลับมาเพียบเลย”

“ดีแล้ว พี่ขอโทษที่หลับนะเลยไม่ได้พาไปหาอะไรกินก่อนเลย”  คราแรกผมก็คิดจะซ้ำเติมหรอก แต่น้ำเสียงที่ได้ยินนั้นเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกผิดจนผมตลกไม่ออก

“พี่ก็หาอะไรกินด้วยนะ ตกลงมั้ย? ห้ามนอนตอนท้องว่างเด็ดขาด”

“อืม...”

“แล้วก็พรุ่งนี้ไม่ต้องมารับนะ พักผ่อนเยอะๆ เข้าใจมั้ย?”

“อืม...”

พี่ปูนเงียบไป ผมนิ่งรอการโต้ตอบที่มากกว่านี้จากปลายสาย แต่แค่คำว่า ‘อืม’ ที่เปล่งมาจากลำคอนั้นก็เต็มไปด้วยกระแสเสียงของความผิดหวังจนคนไกลอย่างผมรู้สึกได้เลย 

“ปุริมเป็นอะไร?”

“...พี่ยังไม่ได้จูบลาเลย”

ผมกรอกตาให้กับคนปลายสาย แต่กระนั้นก็ยังหยุดรอยยิ้มที่ตรึงริมฝีปากไม่ได้ ผมเหลือบหันไปมองแม่ที่นั่งอยู่ที่เดิมเร็วๆ จากนั้นจึงกระแอมเสียงค่อย กระซิบตอบกลับคนน้อยใจ

“แต่ผมจูบพี่ก่อนกลับแล้ว”

เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นทันที ผมโคตรอยากเห็นหน้าพี่ปูนตอนนี้ชะมัด!

“แค่นี้นะปุริม ลุงจะกินข้าวแล้ว”

“ครับ...คิดถึงนะ”  ผมหลุดยิ้มกับคำบอกที่เหมือนอีกฝ่ายมาพูดข้างๆ หู  “ฝันดีนะที่รัก”

สิ้นคำของพี่ปูน ผมชะงักไปเล็กน้อยเมื่อคิดถึงใบหน้ายามหลับของอีกฝ่าย มันเป็นสีหน้าที่ห่างไกลจากฝันดีอยู่โข ผมเองก็อยากจะตอบกลับไปว่าให้คนทางนั้นฝันดีเช่นกัน แต่ว่ามันเรียบง่ายเกินไป...อย่างน้อยพี่ปูนควรได้ช่วงเวลาดีๆ ก่อนนอนบ้าง

“พี่ปูน”  ผมกลืนน้ำลายลงคอพร้อมกับทำใจกล้าหน้าหนาก่อนเอ่ย  “...อย่าลืมฝันถึงผมนะ

“..........”  ปลายสายเงียบไปสักครู่จนผมเก้อกระดาก แต่จากนั้นไม่กี่วินาทีต่อมาอีกด้านถึงส่งเสียงครางยาวออกมาจนก้องหู

“โอย~ อย่าพูดจาน่ารักตอนพี่ไม่อยู่ใกล้ๆ ได้มั้ย!”

ผมยิ้มจนปวดแก้ม

“ลุงก็อย่าลืมฝันถึงพี่นะ”

“...แล้วปุริมอยากให้ลุงฝันถึงแบบไหนล่ะ”  ผมเย้าเสียงค่อย รู้สึกนิดหน่อยว่าใบหน้าเริ่มจะถูกฉาบจนหนาเสียแล้ว

“อย่ายั่วๆ พี่บุกไปลากตัวลุงมานอนด้วยจริงๆ นะ” 

ผมหัวเราะกับเสียงเข้มของอีกฝ่ายก่อนจะกล่าวลาและชิงวางก่อน รอยยิ้มยังแตะแต้มใบหน้าอยู่ขณะที่เปิดไมโครเวฟเพื่อยกชามกระเพาะปลาออกมาแล้วยัดจานบะหมี่เข้าไปแทน แต่จังหวะที่ผมหมุนตัวเพื่อวางชามลงบนโต๊ะแล้วต้องเผชิญสีหน้าระบายยิ้มของแม่ กลับเป็นผมที่หน้าเจื่อนลงด้วยความอาย

“คุณลุงดูมีความสุข”

“อะไรเล่าแม่!”  ผมทำเสียงเข้ม แต่ใบหน้าผมเนี่ยไปแล้ว กล้ามเนื้อมุมปากหลุดพ้นการควบคุมไปเรียบร้อย

“ก็แม่เทียบกับแฟนคนก่อนของคุณลุงนี่”  คุณดาหลาอมยิ้ม เท้าคางมองผมที่นั่งลงและพร้อมลงมือกินอาหารเย็นรอบดึก  “กับคนนี้คุณลุงดูมีความสุขมาก”

“ผมก็สุขดีกับทุกคนนั้นแหละ”  ว่าพลางตักน้ำข้นๆ ร้อนๆ ของกระเพาะปลาขึ้นเป่าแล้วส่งเข้าปาก อืม...อร่อยเด็ดไปเลย~

“แต่คุณลุงก็ไม่เคยเอาใจใส่ใครเท่านี้”

ผมนิ่งคิดตามคำพูดของคุณดาหลา เมื่อย้อนนึกไปก็เห็นจะจริงกับคำกล่าว แต่ถ้ามองให้เป็นกลางหน่อยล่ะก็ ผมก็ว่าตัวเองใส่ใจกับทุกคนนะ ทั้งตามใจ ทั้งเคารพการตัดสินใจ แล้วอย่างนี้จะหาว่าผมใส่ใจพี่ปูนมากกว่าใครได้ยังไงกัน


ติ๊ง-- 


ผมรีบลุกไปเปิดไมโครเวฟอีกครั้งเพื่อยกจานบะหมี่ออกมา กลิ่นหอมฉุยทำเอาน้ำย่อยในกระเพาะดีดดิ้นกันใหญ่ ผมวางจานแล้วนั่งลงอีกครั้ง แม่ยังคงมองผมเงียบๆ อยู่ท่าเดิม

“...แม่คิดงั้นเหรอ?”

“แล้วคุณลุงประเมินตัวเองยังไงล่ะ?”  คุณดาหลายิ้มแย้มน่ามอง ผมพันบะหมี่กับส้อมแล้วเอาเข้าปากพลางนั่งคิดอีกครั้ง

“ลุงก็คิดว่าตัวเองยอมพี่ปูนมากๆ เลยล่ะ ไม่ใช่ยอมเพราะกลัวหรือเพราะพี่เขาอายุมากกว่าหรอกนะ แต่อารมณ์มันแบบ...อยากตามใจอ่ะ”  ผมแก้เขินด้วยการตักกระเพาะปลาเข้าปากบ้าง  “จริงอย่างที่แม่ว่าล่ะ พี่ปูนทำให้ผมมีความสุขมากกว่าใคร แล้วก็...ลุงรักเขามากกว่าทุกคนเลยอ่ะ”



วุ้ย! พูดเองก็ขนลุกเอง



คุณดาหลายิ้มขัน ยื่นมือมาขยี้หัวผมเล่นไปมาด้วยท่าทางหมั่นเขี้ยวสุดๆ  “ตอนแรกแม่ก็คิดว่ามันจะชั่วครู่ชั่วยามเหมือนคนก่อนๆ แต่เห็นทีคนนี้คงอยู่ยาวเลยสินะ”

ผมเริ่มนับวันในใจทันที ถ้าเริ่มตั้งแต่ค่ำคืนที่ผมเริ่มมโนครั้งใหญ่นั่นล่ะก็...  ”โหยแม่!! เกินร้อยวันมาแล้วอ่ะ นี่ทำลายสถิติที่ผ่านมาเลยนะเนี่ย”

“ดีใจด้วยนะคะ นี่แม่ต้องจัดงานฉลองให้มั้ย” 

ผมม้วนบะหมี่เข้าปากคำโตแสร้งทำเป็นไม่สนใจคำหยอกเย้า  “คุณดาหลารู้ป่ะ ปกติแล้วเนี่ยลุงมักเป็นฝ่ายออกนั่นออกนี่ให้แฟนตลอด เดี๋ยวก็อยากให้เซอร์ไพรซ์ เดี๋ยวก็อยากได้ของขวัญ แต่พอได้พี่ปูนเป็นแฟนนะ ลุงแทบจะไม่ได้ใช้เงินเลยล่ะ”

“ขนาดนั้นเชียว”

“จริงนะ พี่ปูนน่ะออกนั่นนี่ให้หมดเลย นี่ถ้าไม่ห้ามไว้ล่ะก็ลุงคงได้ของที่ต้องการทุกอย่างอ่ะ”

“สวรรค์ของผู้หญิงส่วนมากเลยล่ะแฟนแบบนี้น่ะ”  คุณดาหลาอมยิ้ม

“แต่ลุงเป็นผู้ชายไง มันไม่ชินที่จะเป็นฝ่ายรับนี่”  ผมนิ่งไปกับคำพูดตัวเองชั่วอึดใจ ...ผมนี่มัน ‘รับ’ ไปซะทุกเรื่องเลยสินะ!

“ในเมื่อเขาเป็นคนมี เขาก็ไม่ต้องคิดมากที่จะจ่าย”  คุณดาหลาเอ่ยพลางลุกขึ้นเดินไปยังตู้เย็น คนสวยรินน้ำใส่แก้วให้ผมแล้วกลับมานั่งลงที่เดิม  “แต่เราห้ามเคยชินกับมันจนกลายเป็นการเอาเปรียบนะจ๊ะ แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เราก็ต้องทำให้เขารู้ว่าเราไม่ได้ต้องการความสะดวกสบายจากเขา ไม่ได้คิดคบหาเขาเพราะหวังประโยชน์”  แม่ยิ้มให้ผมอีกครั้ง  “ต้องคบกันด้วยใจ แล้วทุกอย่างมันจะไปอย่างราบรื่น”

“...ลุงก็ไม่ได้รับของจากพี่ปูนมั่วซั่วนะแม่ ไม่เคยเอ่ยปากขอให้ซื้ออะไรให้ด้วย” 

“แม่รู้นิสัยลูกตัวเองดีหรอกจ้ะ”  คุณดาหลายิ้ม ยื่นนิ้วจิ้มหว่างคิ้วที่ขมวดเป็นปมของผมเบาๆ  “แม่แค่พูดไว้ให้คิดเท่านั้น”

“ครับ”  ผมรับคำ แล้วจากนั้นคุณดาหลาก็ปล่อยให้ผมกินข้าวจนหมด กระทั่งผมเริ่มแกะถุงบัวลอยงาดำนั่นแหละ คุณพยาบาลคนสวยถึงเริ่มพูดขึ้นอีกครั้ง

“พรุ่งนี้แม่หยุด ถ้ายังไงก็พาคุณปูนมากินข้าวที่บ้านสิ”

“เอาจริงดิ!?” 

“แม่เคยสัญญากับคุณปูนไว้แล้วนี่”  คุณดาหลาขมวดคิ้วให้กับอาการตกใจเกินเหตุของผม  “เดี๋ยวแม่บอกคุณป้าด้วย จะได้เปิดตัวทีเดียวไง”

“เพื่อ! ลุงเขินอ่ะ! ไม่ต้องได้มั้ย?”

“ป่านนี้แล้วจะมาอายอะไร คิดว่าคุณป้าไม่รู้เหรอว่าคุณลุงมีแฟนอยู่น่ะ”

“ก็ได้”  ผมถอนหายใจเฮือกยาว ความรู้สึกอยากกินของหวานแทบจะหมดลง  “แต่ผมต้องถามพี่ปูนก่อนนะว่าพร้อมโชว์ตัวรึเปล่า?”

ก็ไม่อยากจะปัดคำชวนของคุณดาหลาหรอกนะ แต่ผมก็แอบหวังอยู่หน่อยว่าพี่ปูนจะติดธุระมาไม่ได้ แต่ไม่ใช่เพราะว่าผมไม่อยากให้พี่ปูนมาบ้านหรอกนะ แต่ไอ้เรื่องเปิดตัวอะไรนั่นต่างหาก...ผมไม่อยากจะให้คุณดาหลารู้สักเท่าไหร่หรอกว่า ไอ้ที่ผมเคยบอกว่าได้เขาเป็น ‘เมีย’ น่ะแท้จริงแล้วผมคิดเองเออเองทั้งนั้น!



.

.

.



แทบไม่ต้องคิดกับคำถามหรอก

ทันทีที่สิ้นสุดคำถาม พี่ปูนเรียกได้ว่าตอบรับคำเชิญด้วยท่าทีระริกระรี้สุดขีดชนิดที่ว่าพอผมบอกงดการแทะโลมทุกชนิดก็ยังยิ้มหน้าบานอยู่ได้ และด้วยความที่เป็นคนหล่อ ยิ่งยิ้มก็ยิ่งหล่อ แต่การแผลงฤทธิ์เมื่อวันก่อนยังตราตึงในความทรงจำของลูกน้อง ทุกคนเลยมองสบตากันด้วยความหวาดหวั่นแทน ไม่มีใครกล้าถามว่าเจ้านายดีใจเรื่องอะไร แม้แต่โป้ยมันยังทำเพียงมองมาที่ผมด้วยสายตาไม่เป็นสุขก็เท่านั้น

ผมแทบจะได้ยินเสียงทุกคนถอนหายใจพร้อมกันเมื่อพี่ปูนออกไปพบลูกค้า

ตอนเที่ยงก็มีพนักงานส่งของจากร้านอาหารญี่ปุ่นทาถึงหน้าออฟฟิศถึงสองคน พวกผมได้แต่ยืนงงมองป้าจิ๋มที่กุรีกุจอเคลียร์โต๊ะอาหารให้สองหนุ่มถือถุงหิ้วเข้าไปวางจนเต็ม พวกผมที่กำลังจะเดินไปหาของกินได้แต่มองถุงพวกนั้นตาปริบๆ

“พวกพี่ไม่ได้สั่งนะน้อง ผิดที่แล้วล่ะ”  พี่ริชรีบออกปากกับน้องพนักงานที่ยิ้มแป้น แค่เห็นชื่อร้านก็รู้แล้วว่าแพง แถมยังมากมายขนาดนี้ต่อให้พวกผมหารเงินกันก็คงหลายบาทอยู่

“เอ่อ...”  หนึ่งในน้องพนักงานรีบควักใบสลิปขึ้นดูทันที  “ที่นี่บริษัท Graphic House รึเปล่าครับ?”

“ใช่ครั้บ”

“งั้นก็ถูกที่แล้วล่ะครับ”  หนุ่มดิลิเวอร์รี่ปล่อยลมออกปากด้วยความโล่งใจทันที  “สินค้าทุกอย่างมีคนชำระเงินเรียบร้อยแล้วครับ”

ว่าแล้วหนุ่มส่งอาหารก็แว้นมอร์’ไซค์กลับไป ทิ้งให้พวกผมมองหน้ากันไปมา แต่ไม่นานนักหรอก พอมีไอ้โป้ยเดินไปเปิดดูว่ามีอาหารอะไรบ้าง ทุกคนก็พากันกรูเข้าไปแย่งชิงของกินกันแล้วโดยที่ยังไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนสั่งมาให้ ผมเดินไปช่วงชิงข้าวหน้าไก่คาราเกะจากมือไอ้โป้ยมาได้อย่างเฉียดฉิว ซึ่งมันไม่สนใจหรอก เพราะตรงหน้านั้นมีข้าวหน้าทุกชนิด และเบนโตะทุกอย่างในรายการ รวมไปถึงของกินเล่นและซูชิอีกสองถาดใหญ่

มีอยู่กันแค่ 5 คน มันจะไปกินกันไหวได้ยังไง!

ผมจึงโทรไปหาคนเพียงคนเดียวที่รู้จักที่มีแนวโน้มว่าจะใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยแบบนี้ สองตาก็เหลือบไปมองยังโต๊ะอาหารที่เริ่มตั้งวงกินกันอย่างชื่นมื่น รอสายได้ไม่เท่าไหร่ น้ำเสียงที่สดใสประหนึ่งเจ้าของเดินอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ก็ทักทายให้ได้ยิน

“ว่าไงครับที่รัก”

ผมขนลุกเบาๆ  “พี่ปูนเป็นคนสั่งอาหารมาเหรอ?”

“ใช่”  ปลายสายหัวเราะเล็กน้อย  “พี่ไม่รู้ว่าวันนี้ลุงอยากกินอะไร ก็เลยสั่งมาทั้งหมดเลย”

หมายความว่าไงฟะ!? แล้วแบบนี้เขาจะมีช่องทางการสื่อสารตั้งมากมายไว้ทำซากอะไรหึ๊!

“ถ้าลุงกินไม่หมดก็แบ่งให้คนอื่นแล้วกัน”

“หืม?”  ผมนิ่งคิดตามรูปประโยคของคนมือเติบ  “หมายความว่าทั้งหมดนี่สั่งมาให้ผมคนเดียวเหรอ?”

“ก็ใช่น่ะสิ”  พี่ปูนตอบกลับ น้ำเสียงคล้ายจะต่อว่าผมที่ไม่รู้ความกลายๆ 

“ครับ...ขอบคุณนะครับที่เลี้ยง”  ผมขบฟันบอกอกไป หลังจากนี้คงต้องจับเข่านั่งคุยกับพี่ปูนเรื่องการใช้เงินเสียหน่อยแล้ว ผมใจบางทุกครั้งเลยที่เห็นพี่เขาซื้อของแบบไม่สนราคา

“วันนี้พี่ไปหลายที่เลย แต่ตอนเย็นจะรีบเข้ามารับนะ”

“เดินทางดีๆ นะ”  หลังจากคำอวยพร เราก็วางสายกันไป

ผมเดินตรงเข้าไปที่สวนอาหารญี่ปุ่นย่อมๆ สีหน้าแต่ละคนเปรมปรีดิ์มาก หยิบนั่นจกนี้จนมือแทบจะไขว้กัน

“เอ่อ...พี่ปูนเป็นคนสั่งอ่ะ”  ผมบอกให้ทุกคนทราบทั่วถึงกัน และบิดเบือนคำพูดคุณเจ้านายเล็กน้อย  “พี่เขาฝากบอกว่าถ้าเหลือก็แบ่งกันเอากลับบ้านได้เลย”

“คุณปูนเกิดใจดีอะไรขึ้นมาล่ะเนี่ย”  พี่ริชถามด้วยความข้องใจทั้งที่ปากยังเคี้ยวตุ้ยๆ อยู่

“แถมวันนี้ยังยิ้มหน้าบานทั้งวัน พี่ก็แอบกลัวอยู่เหมือนกัน”  แม้กระทั่งพี่เปี๊ยก...

“ผมว่าต้องมีใครทำอะไรถูกใจแหง”  ชี้ช่องจบไอ้โป้ยก็เหลือบมามองผมด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม พานให้คนทั้งหมดหันมามองตามด้วย เพื่อนบัดซบจริงๆ!! 

“กินกันไปเหอะ ผมว่าพี่เขาคงอยากขอโทษที่ทำให้ตกใจกันเมื่อวันก่อนอ่ะ”  ผมตอบเลี่ยง มันก็นับว่าเป็นคำชี้แจงที่สมเหตุสมผลอยู่ ทุกคนจึงได้ถอยทับสายตากันออกไป

ยกเว้นไอ้โป้ยคนเดียว

มันโน้มหน้ามาใกล้พร้อมกับกระซิบข้างหู  “เมื่อคืนมึงขย่มให้กี่ยกล่ะ วันนี้ถึงได้ใจดีเรี่ยราดแบบนี้อ่ะ”

“ไอ้สัตว์นี่!”

“อ๊ะๆ ด่าไม่ระบุแบบนี้กูขอเป็นเพนกวินนะ น่ารักดี”  แล้วมันก็ลอยหน้าลอยตากินข้าวต่อไป ทิ้งให้ผมเดือดปุดๆ อยู่ลำพัง

มึงต้องมีตาทิพย์แน่เลยไอ้เชี่ยโป้ย!! รู้ดีไปซะทุกเรื่องจนน่าตบกะโหลกให้ยุบจริงๆ


.

.

.



หลังเลิกงาน ผมแอบย่องไปหาพี่ปูนที่จอดรถรออยู่หน้าออฟฟิศเพื่อมุ่งหน้าไปยังตลาดสดใกล้บ้าน ทันทีที่พี่ปูนก้าวเท้าลงจากรถแล้วเดินตามผมมาก็ประหนึ่งว่ามีการเดินฟินาเล่ที่ตลาดสด ทั้งหลายแหล่รอบตัวพี่ปูนดูไม่เข้ากับสถานที่แบบนี้เอาซะเลย มันมีออร่าแปลกๆ ที่บ่งบอกว่าคนอย่างฉันเหมาะกับการเดินซื้อของมีคลาสในห้างเย็นๆ

แต่พี่ปูนต้องปรับตัวบ้างแล้วล่ะ เพาะชีวิตผมเดินตลาดมากกว่าห้าง

“ทำไมวันนี้คนเยอะจัง”  พี่ปูนมองสอดส่ายสายตาไปรอบตัว  “วันก่อนยังไม่เยอะเท่านี้เลย”

“วันนั้นเป็นตอนเช้าวันทำงานไง”  ผมอธิบายย้อนไปยังวันที่พาคุณชายท่านมากินอาหารเช้า  “แต่ตอนนี้มันหลังเลิกงาน แล้วก็มีตลาดนัดเปิดข้างๆ นั่นไง”  ผมชี้ไปยังด้านข้างอีกฝั่งของตลาดที่มีการเปิดท้ายขายของ

“อืม วุ่นวายดีนะ”  ฟังจากคำพูดกับน้ำเสียงเหมือนกับว่าที่นี่คงไม่ใช่สถานที่โปรดแน่ แต่ถ้ามองด้วยสายตาล่ะก็ พี่ปูนเหมือนเด็กที่พ่อแม่เพิ่งเคยพามาตลาดอ่ะ... มองนั่นมองนี่ด้วยแววตาสนใจไปหมด คล้ายจะถลาเข้าหาทุกอย่างที่ตัวเองไม่เคยเห็น

“พี่มีอะไรอยากกินเป็นพิเศษมั้ย?”

“ซุปครีมเห็ด”

“เปลี่ยนเป็นซุปหน่อไม้แล้วกันนะ”  ผมหรี่ตามองคนยิ้มแป้นด้วยความเซ็ง

“ล้อเล่นน่า...ลุงทำอะไรให้กินพี่ก็ดีใจทั้งนั้นแหละ”  และสีหน้ากับท่าทางนั้นก็เป็นไปตามคำพูดจริงๆ พี่ปูนดูจะเบิกบานมากกับความคิดที่ว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้จะได้กินฝีมือผมเป็นครั้งแรก -- เล่นรู้สึกผิดเล็กน้อยเลยที่แอบหวังไว้ว่าพี่ปูนจะมาตามคำชวนไม่ได้

ผมลอบถอนหายใจขณะมองพี่ปูนยืนเก้กังอยู่หน้าร้านขายปลา สองตาจ้องถาดใบใหญ่ที่มีปลาช่อนดิ้นกระแด่วๆ อยู่ ในเมื่อพี่ปูนดูมีความสุขขนาดนี้ผมก็คงต้องทำใจ ถ้าแม่จะต้องรู้ว่าแท้จริงแล้วนั้นผมเป็น ‘เมีย’ เขามิใช่สามีอย่างที่เข้าใจ มันคือความจริง...และผมปฏิเสธไม่ได้อีกแล้วในเมื่อตัวตนของ ‘ความจริง’ นั้นหันมายิ้มให้ผมเสียหวานหยดย้อย

“พี่อยากกินปลาทอด”

“เลือกเลย”

สาบานเลยว่าตอนแรกที่เห็นพี่ปูนจ้องปลาในถาดนั้น แอบคิดว่ามันคงไปกระทบจิตใจด้านที่มีเมตตาด้วยปลงให้กับปลาที่กำลังตาย แต่ที่ไหนได้กลับมองว่าน่ากินซะงั้น! แถมยังชี้เลือกตัวอวบสุดเสียด้วย -- ผมจำต้องเปลี่ยนแผนจากเมนูหมูย่างเป็นปลาทอดราดน้ำยำ อืม~ นี่ถ้าได้ใส่เม็ดมะม่วงลงไปด้วยนะอร่อยเด็ดไปเลย

ว่าแล้วผมก็พาพี่ปูนเดินหาเครื่องปรุงเพิ่มเติมสำหรับเมนูอาหารสามอย่าง อันได้แก่ ปลาทอดราดน้ำยำใส่เม็ดมะม่วงจากปลาน้อยอายุสั้น แกงส้มชะอมไข่จากร้านเจ้าอร่อยประจำตลาด และหมูกรอบผัดแขนง ที่พอแม่ค้าเห็นพี่ปูนก็สับหมูกรอบแถมเพิ่มจนน่าใจหาย

เมื่อได้วัตถุดิบครบแล้วเราก็พากันเอาไปเก็บไว้ที่รถก่อน จากนั้นก็ใช้เวลาที่พอจะมีเหลือเดินตลาดนัดกันอีกสักเล็กน้อย และอย่างที่รู้กันดีว่าพี่ปูนเป็นเจ้าพ่อแบรนด์เนม ทั้งเนื้อทั้งตัวเป็นของมียี่ห้อทั้งสิ้น แต่พอมาเห็นเสื้อสวยราคาถูกที่ตลาดนัดก็หาได้มองเหยียดว่าเป็นของไม่มีเกรดแต่อย่างใด ซ้ำยังเลือกซื้อกลับไปซะตั้งหลายตัว...ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นของผม

“ไม่เอา! จะซื้อทำไมตั้งเยอะแยะ”

“ลุงจำกางเกงยีนที่พี่ซื้อให้คราวก่อนได้มั้ย?”  พี่ปูนถามหน้าตาย

“จำได้”  เพราะมันสวยแล้วก็ใส่สบาย ผมเลยใส่บ่อยๆ จนกลายเป็นตัวโปรดไปแล้ว

“ราคามันแพงกว่าเสื้อพวกนี้ตั้งหลายเท่านะ”  พูดจบก็ยื่นเงินให้กับพ่อค้าที่มองเหยียดมาแบบหมั่นไส้ ส่วนผมก็ยืนอ้าปากอมลมไปสิ!


.

.

.

----------------------->>>


ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook
หนึ่งในความทรงจำสมัยเด็กที่ชอบที่สุดคือเวลาที่อยู่ในครัวกับพ่อ จำได้ว่าตัวเองล้อมหน้าล้อมหลังพ่อแจ พันแข้งพันขาไม่ห่าง อาสาหยิบนั่นจับนี่แบบกระตือรือร้นสุดๆ แต่ไม่ว่าผมจะวุ่นวายสักแค่ไหนพ่อก็จะยิ้มให้เสมอ


แต่ไม่รู้ว่าในใจพ่อจะคิดเหมือนผมตอนนี้รึเปล่า...


ผมยืนอดทนนับหนึ่งถึงร้อยในใจวนซ้ำไปมาสองรอบแล้ว พยายามตั้งสติไม่ให้เผลอเอามีฟันแขนพี่ปูนสักแผลสองแผล มันทำให้ผมนึกขอโทษพ่อในใจต่อวัยเด็กที่คงทำให้พ่อหงุดหงิดไม่มากก็น้อย เพราะตอนนี้รู้แล้วว่าการทำอาหารแล้วมีคนมาวุ่นวายข้างๆ มันทั้งน่ารำคาญ ทั้งเกะเกะจนอยากจะออกปากไล่

“หอมจัง”  พี่ปูนกระซิบข้างหูผม

“ไปนั่งป่ะ...”  ผมชักจะรำคาญใหญ่แล้ว

“พี่อยากดูใกล้ๆ นี่”  ว่าแล้วก็วางคางลงกับไหล่ผมเหมือนแมวตัวใหญ่ช่างอ้อน

ผมคงจะเกาคางให้อยู่หรอกถ้าไม่ใช่ว่าตอนนี้ผมยืนอยู่หน้าเตา ที่หัวหนึ่งมีกระทะน้ำมันท่วมกำลังเดือดปุดๆ ชโลมตัวปลา กับอีกกระทะที่กำลังผัดแขนงอยู่อย่างตั้งใจ

ผมเข้าใจว่าพี่ปูนตื่นเต้นกับฝีมือการครัวของผม แต่ไม่จำเป็นเลยกับการยืนกอดซ้อนแผ่นหลังแบบแนบชิดเช่นนี้ ผมทำงานไม่สะดวก ผมกลัวน้ำมันจะกระเด็นใส่ผิวเนียนๆ ของคุณชาย และอากาศตรงนี้ก้ร้อนอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องมาทำให้ร้อนมากขึ้นไปอีกก็ได้

“บอกแล้วไงว่าห้ามทำตัวรุ่มร่ามในบ้าน”  ผมทำเสียงเข้มใส่ พี่ปูนหัวเราะตอบเบาๆ แล้วหอมแก้มผมฟอดใหญ่หนึ่งทีก่อนจะคลายอ้อมกอดถอยห่างออกไป

มันก็จะเขินๆ หน่อยล่ะนะ แต่ผมเลือกที่จะทำเฉยไว้และไม่สนใจพี่ปูนอีกเพื่อที่จะได้หันมาสนใจมื้อค่ำบนเตา ผมผัดแขนงอีกสักเล็กน้อยก่อนจะใส่หมูกรอบลงไป หยิบนั่นปรุงนี่ด้วยความชำนาญแล้วยกกระทะจัดใส่จานเป็นอย่างแรก ผมหันหลังเพื่อจะวางจานผัดที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งลงบนโต๊ะกลาง และตรงนั้นก็มีพี่ปูนยืนพักสะโพกมองมาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนที่ทำเอาจานในมือสั่น 

“อะไร?”  ผมถามแก้เขิน

พี่ปูนส่ายหน้าทั้งรอยยิ้ม มือใหญ่รับจานในมือผมไปถือไว้เองพลางยื่นหน้าสูดดมกลิ่น  “น่าอร่อย”

“ไม่ใช่ ‘น่า’ นะ แต่มันอร่อยแน่นอน”  เหมือนตัวเองโดนสบประมาท ผมรีบหยิบช้อนแล้วตักผักกับหมูกรอบคู่กันขึ้นมา เป่าเล็กน้อยก่อนจะยื่นจ่อตรงปากอีกฝ่าย ผมลุ้นตัวโก่งยามพี่ปูนอ้าปากรับช้อนเข้าปาก เคี้ยวเชื่องช้ายังกับช้างเคี้ยวเอื้อง ผมจดจ่ออยู่กับลูกกระเดือกพี่ปูนที่เริ่มขยับขึ้นลงอันเป็นสัญญาณว่าการกลืนเกิดขึ้นแล้ว

“เป็นไง? อร่อยใช่มะ”

“มาก!” 

ผมยักคิ้วยึกๆ ให้คนวิจารณ์แล้วหันกลับไปทำกับข้าวต่อจนเสร็จ ปลาทอดตัวใหญ่หอมๆ กรอบๆ รอถูกราดด้วยน้ำยำรสชาติจัดจ้าน และในขณะที่ข้าวสุกส่งกลิ่นหอมฟุ้งออกมาจากหม้อ ผมก็จัดการแกะถุงแกงส้มลงชามเพื่อเวฟให้ร้อน ทุกอย่างเรียกว่าพร้อมแล้ว รอเวลาแค่บรรดาคุณผู้หญิงกลับมา

ผมลากพี่ปูนมานั่งดูทีวีรอเวลา อีกไม่เกินสิบห้านาทีนี้คุณดาหลาคงกลับถึงบ้าน เผอิญว่าแม่ผมเขาเป็นคนอยู่บ้านว่างๆ ไม่ค่อยได้ นี่ก็ออกไปช้อปปิ้งตากแอร์เพลินๆ แต่บังเอิญว่ารถติดไปหน่อยเลยกลับมาไม่ทันเวลานัด ผมเลยใช้โอกาสนี้สอนสั่งตาคุณชายกระเป๋าหนักสักเล็กน้อย

“ห้ามซื้อของอย่างวันนี้อีกนะ ใช้เงินมือเติบเกินไปแล้ว”

“พี่มือเติบตรงไหน?”  คนนั่งพิงตีหน้ามึนไม่เข้าใจ ผมล่ะเบื่อพวกมีเงินถุงเงินถังจริงๆ

“ก็อย่างที่ซื้อของให้ผม ที่สั่งข้าวมาวันนี้ด้วย”  ผมชี้แจง  “ทุกอย่างมันเยอะเกินความจำเป็น เปลืองเงินเงินจะตาย”

“อย่าคิดเล็กคิดน้อยน่า มากกว่านี้พี่ก็ซื้อให้ได้”

ผมฟาดมือลงบนหน้าขาของคนที่ไม่ยอมเข้าใจอะไรเบาๆ ขยับตัวให้ออกจากการเป็นหลักพิงเพื่อมานั่งคุยกันอย่างเป็นจริงเป็นจัง พี่ปูนดูจะขัดใจเล็กน้อยแต่ก็ยอมเปลี่ยนท่ามานั่งรับฟัง

“ผมไม่รู้ แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วยว่าพี่มีเงินเยอะขนาดไหน แล้วผมก็ไม่สนด้วยว่าพี่จะใช้จ่ายอะไรบ้างเพราะมันเป็นเงินของพี่ แต่ต้องไม่ใช่เพื่อคนอื่นหรือเพื่อผม”  ผมมองหน้าอีกฝ่ายแล้วให้ถอนหายใจออกมา สีหน้าพี่ปูนนั้นไร้ซึ่งความเข้าใจอย่างที่สุด...เอ? หรือผมอธิบายไม่รู้เรื่องวะ?  “แบบว่า...พี่เป็นคนหาเงินใช่มั้ย พี่ก็ควรจะใช้มันเพื่อตัวเองและครอบครัวไม่ใช่กับคนอื่น แต่อย่าเข้าใจผิดว่าผมไม่ซาบซึ้งกับน้ำใจของพี่นะ ผมมีความสุขทุกครั้งที่พี่คิดถึงผม แต่ทุกอย่างมันต้องมีความพอดี...ปุริมเข้าใจลุงมั้ย?”

พี่ปูนสบตาผม สีหน้าราบเรียบจนผมเดาอารมณ์ไม่ถูก อย่างเดียวที่ผมกังวลคือการที่พี่ปูนจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อ แล้วจะพาลโกรธเคืองให้ต้องง้อกันยกใหญ่ คิดได้ดังนั้นผมเลยถือโอกาสเอามือพี่ปูนมากุมไว้ก่อนเป็นหลักประกันความพึงพอใจ

ผมมองเรียวนิ้วของเราเกาะเกี่ยวกันเงียบๆ ผมเองก็ไม่รู้จะเริ่มเปิดประโยคอะไรต่อในเมื่อข้อสนทนาเก่ายังค้างคาแบบไร้ความกระจ่าง พี่ปูนเองก็มองผมนิ่งๆ คล้ายกับยังคงคิดเรื่องบางอย่างอยู่ แต่ในจังหวะที่ผมอยากจะเปลี่ยนเรื่องไปซะให้รู้แล้วรู้รอด พี่ปูนก็เริ่มเปิดปากพูดออกมา

“มันเรื่องของพี่...”

“หา??”  ผมกระพริบตาปริบๆ อย่างไม่เข้าใจ สีหน้าคงดูตลกมากจนพี่ปูนอมยิ้มออกมา

“ก่อนหน้านี้พี่ใช้จ่ายกับคนที่ไม่ได้มีค่าอะไรกับชีวิตพี่มาเยอะแล้ว แต่ลุงมีความหมายต่อพี่ แล้วทำไมการที่พี่ซื้ออะไรต่อมิอะไรให้ถึงจะต้องเป็นปัญหาด้วยล่ะ”  ผมกำลังจะอ้าปากเถียงแต่พี่ปูนก็ยกนิ้วชี้ขึ้นเป็นเชิงเตือนให้ผมฟังให้จบเสียก่อน  “ในเมื่อลุงบอกว่ามันเป็นเงินของพี่ ลุงก็แค่ได้โปรดรับมันไป เพราะพี่เต็มใจให้โดยไม่มีข้อแม้ใดเลย”

“ประเด็นคือมันมากเกินไปไง”  ผมอุบอิบแย้งออกไปจนได้

“พี่เป็นคนหาเงิน พี่รู้อยู่หรอกว่าตัวเองมีเท่าไหร่จะใช้จ่ายได้แค่ไหน”  เมื่อเห็นผมยังไม่ยอมรับ พี่ปูนก็รุกหนักโดยการดึงมือผมเข้าหาตัวเพื่อโอบเต็มวงแขน  “อย่าคิดมากน่า...ใช่ว่าพี่จะซื้อของแพงให้ลุงบ่อยๆ ซะหน่อย ลุงเองก็ไม่เคยขออะไรจากพี่นี่นา ทุกอย่างพี่ทำไปเพราะเสน่ห์หาล้วนๆ ลุงแค่รับไปด้วยความยินดีก็พอ”

ผมคร้านจะเซ้าซี้เรื่องนี้ต่อแล้วจริงๆ  “แค่อย่าซื้อให้มันมากเกินไปก็พอ โอเคนะปุริม”

“จะพยายามครับ”  พี่ปูนกอดผมแรงๆ ริมฝีปากก็เริ่มจะซุกซนไปตามซอกคอให้น่าหวาดเสียว ผมนี่ถึงกับทึ้งผมพี่ปูนจนหน้าแหงนด้วยกลัวว่าอะไรมันจะเกินเลย

“ไม่ได้อยู่บนเตียงยังจะกล้าจิกผมพี่อีกนะ!!”

“เมื่อวานก่อนโน้นอยู่ในห้องน้ำลุงก็จิกเหอะ!!”

พี่ปูนเดาะลิ้นขัดใจ  “งั้นแก้ใหม่! เวลาไม่ได้เอากันห้ามทึ้งหัวพี่เข้าใจนะ”


ผัวผมนี่มันชอบพูดอะไรลากเข้าเรื่องสัปดนอยู่เรื่อยเชียว


และเราก็จบการสนทนาที่เริ่มจะพาสู่เรื่องใต้สะดือแต่เพียงเท่านี้ เพราะมีเสียงบีบแตรมาจากหน้าประตูรั้ว ผมรีบถอยห่างออกจากพี่ปูนอย่างว่องไว เผ่นผลิวออกไปเปิดประตูรับคุณนายสักคนที่ถึงเวลากลับรัง แสงไฟจากหน้ารถลอดผ่านช่องว่างของประตูเข้ามา ผมหยีตาพลางเลื่อนประตูรั้วออกไปให้พ้นทาง เสียงล้อบดพื้นดังขึ้นเบาๆ ยามรถเก๋งคันสีแดงสดเคลื่อนเข้าไปที่โรงจอดอย่างชำนาญ

ประตูด้านคนขับเปิดออก ขาเรียวสวยข้างหนึ่งหย่อนลงเหยียบพื้น รองเท้าส้นสูงสีน้ำเงินบิดเล็กน้อยก่อนที่ขาอีกข้างจะก้าวตามลงมา แล้วเมื่อเจ้าของเรียวขาคู่สวยเหยียดตัวขึ้นเต็มความสูง ปลายนิ้วก็สะบัดผมที่ปลกหน้าออกไปด้วยท่วงท่าเหมือนหลุดมาจากโฆษณาขายรถ

ผมตั้งท่าจะเลื่อนประตูปิดตามเดิมเพื่อจะได้เดินเข้าไปช่วยคุณพี่คนสวยถือข้าวของ แต่แสงไฟจากหน้ารถอีกคันกลับสาดเข้าลูกตาผมเสียก่อน ผมเบี่ยงตัวหลบรถเก๋งคันสีขาวที่เลี้ยวเข้ามาจอดยังที่ว่างข้างๆ รอจนกระทั่งท่านเจ้าของรถขยับยึกไปยักมาเรียบร้อยถึงได้ฤกษ์ปิดประตูจริงๆ สักที

“ไปด้วยกันเหรอ?”  ผมถามเมื่อเดินเข้าไปสมทบสองสาวที่กำลังก้มๆ เงยกันอยู่ที่รถตัวเอง

“ฉันตรงมาจากที่ทำงานย่ะ”  ป้ารีบแก้ความเข้าใจผิด พลางกวักมือเรียกผมให้เข้าไปหา แล้วยื่นกล่องกระดาษสีน้ำตาลมาให้ถือ แต่ดูจากรูปที่อยู่ข้างตัวกล่องกับภาษาญี่ปุ่นยึกยือนั้นต้องเป็นเมล่อนอย่างแน่แท้ ผมนี่ยิ้มแก้มปริเลย

“กำลังอยากกินเลยอ่ะ”

“งั้นก็จงดีใจซะ ลูกนี้เป็นพันนะยะ”  ป้าเหยียดยิ้มและไม่ลืมที่จะบิดแก้มผมเบาๆ ก่อนจะก้มหยิบกระเป๋าถือกับกระเป๋าเอกสารจนเต็มสองมือ ผมกะจะปิดประตูให้แต่ป้ากลับเหวี่ยงขาผลักแรงๆ จนประตูปิดสนิทแบบง่ายดาย...กิริยาไม่ได้สมกับหน้าตาเอาซะเลย

ผมปล่อยป้าไปตามทาง แล้วเดินต่อไปหาสาวอีกนางที่กำลังวุ่นวายอยู่ตรงหลังรถ  “มีอะไรให้ลุงถือมั้ยคุณดาหลา?”

“เยอะแยะจ้ะ”  ว่าแล้วก็ส่งถุงกระดาษให้ผมเสียหลายใบ  “แม่ซื้อกางเกงในมาให้คุณลุงด้วย มันจัดโปรลดตั้ง70% แหน่ะ”

“ขอบคุณครับ”  เนี่ยล่ะครับคนเป็นแม่ ดูแลลูกชายยันในร่มผ้า คุณดาหลายิ้มหวานแล้วจัดการปิดหลังรถ ขนาดผมช่วยถือไปบ้างแล้วนะ สองมือคุณนายแกยังมีของให้หอบหิ้วอีกเยอะแยะ  “มาๆ ผมถือให้” 

“คุณปูนรอแย่เลย”  คำพูดคล้ายๆ จะรู้สึกผิด แต่สีหน้าแม่ก็ยังดูเบิกบานเหมือนเดินอยู่ในดงของ sale

“พี่ปูนน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่ลุงอ่ะหิวมาก!”

“คิกคิก แม่ก็หิวแล้วเหมือนกัน”  ว่าแล้วสองแม่ลูกก็เดินควงแขนกันเข้าไปในบ้านอย่างร่าเริง

แต่บางอย่างมันดูผิดแผกออกไป ผมกับแม่มองหน้ากันเร็วๆ เมื่อเห็นป้ายืนจังก้าอยู่กลางบ้าน มือเท้าเอวเหมือนคนเตรียมพร้อมมีเรื่อง ศีรษะตั้งตรงมองไปยังเบื้องหน้า...ซึ่งก็คือพี่ปูน

“แม่ได้บอกป้ารึเปล่าว่าแฟนลุงมาอ่ะ”  ผมรีบกระซิบถามแม่ในทันที

“บอกสิ บอกด้วยว่าเป็นผู้ชาย ก็ไม่เห็นคุณป้าว่าอะไรนะ”  แม่ตอบกลับมาเสียงเบาไม่แพ้กัน  มองสองคนตรงหน้าด้วยความสับสน แต่ก่อนที่พวกผมจะได้พูดอะไรออกมาอีก สาวสวยในหัวข้อสนทนาก็หันขวับมาทางผม ดวงตาคมมองมาอย่างเอาเรื่อง

“บอกฉันมาซิว่าผู้ชายคนนี้เป็นอะไรกับแก”

“เอ่อ...ป้ามีอะไรรึเปล่า?”  บรรยากาศชักจะไม่ดีเอามากๆ แล้ว ผมเลือกที่จะละสายตาจากพี่สาวเพื่อหันไปมองแฟนหนุ่มที่ยืนนิ่งไกลออกไป  “พี่ปูนมันเกิดอะไรขึ้นอ่ะ”

“แกยังไม่ตอบพี่นะลุง”  ป้าเค้นเสียงเข้ม นั่นทำให้ผมคอหดกลับเข้าไปในกระดองแล้วอ้อมแอ้มตอบตามความจริง

“พี่ปูนเป็นแฟนลุง”

“เลิกไปซะ!!” 

ผมยืนงงหนักเข้าไปใหญ่ นี่มันอะไรกันเนี่ย! ในหัวผมสับสน จับต้นชนปลายไม่ถูก รู้ตัวอีกทีก็รู้สึกว่าตัวเองมองป้าทีพี่ปูนทีเพื่อหวังให้ใครสักคนอธิบาย

“ก่อนจะโวยวายป้าควรจะต้องบอกแม่กับน้องว่ามันเกิดอะไรขึ้น”  คราวนี้คุณดาหลาชักเสียงเข้มเข้าข่ม อย่างน้อยมันก็พอจะทำให้ทีท่าไม่สนอะไรใครของป้าลดน้อยลง

“ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนดี! ป้าไม่ยอมให้มาคบกับลุงแน่นอน” 

เสียงดังฟังชัดของป้าทะลุเข้าหูผมแบบไม่ตกหล่น การกล่าวหาใครสักคนตั้งแต่แรกพบหน้านั้นเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว นอกเสียจากว่าทั้งสองคนจะเคยรู้จักมักจี่กันมาก่อนพอที่จะรู้นิสัยเบื้องหลังกัน คิดมาถึงตรงนี้ผมก็ชะงักไปด้วยความตกใจ ผมเดินโซเซเอาของไปวางไว้บนโต๊ะก่อนจะสืบเท้าเข้าไปหาพี่ปูนที่ยังคงยืนนิ่งเป็นรูปปั้น

“หมายความว่าไงอ่ะพี่ปูน”  ผมเงยหน้าสบตากับคนรัก แววตาที่เต็มไปด้วยคำถามของผมทำให้พี่ปูนสลายหน้ากากเย็นชาออก ใบหน้าคมเข้มแสดงสีหน้าเจ็บปวดจนผมเชื่อความคิดของตัวเองได้อย่างสนิทใจ

“แกยังไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ดีหรอกลุง เลิกกับเขาซะ!”  ป้ายังคงสั่งการอยู่เบื้องหลัง แต่ผมนั้นสับสนและเสียใจไปแล้ว ผมหันไปมองพี่สาวตัวเองที่ตีหน้าเครียด มองแฟนหนุ่มที่มองมาที่ผมราวกับจะอ้อนวอนขอความเชื่อใจ

“นี่พวกพี่...”  ผมกลืนน้ำลาย คอแห้งผากไปหมด  “พวกพี่เคยเป็นแฟนกันงั้นเหรอ”

“ไม่ใช่!!/ไม่มีทาง!!”  สองเสียงประสานตอบ ดังจนแก้วหูผมสะเทือน


อ้าว?? ถ้างั้นแล้วจะจ้องกันปานศัตรูเพื่อ?


“แม่ขอคำอธิบายเดี๋ยวนี้!”  คุณดาหลาเองก็คงงงจนชักทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน คุณพยาบาลเดินเข้าไปขวางการเผชิญหน้าแบบไร้ที่มาที่ไป หันมองซ้ายทีขวาทีเพื่อหวังว่าใครสักคนจะมีคำตอบให้

“ผู้ชายคนนี้ฟันเพื่อนป้าแล้วก็ทิ้ง!”

ห๊ะ!! ผมกับแม่หันขวับไปจ้องหน้าผู้ถูกกล่าวหาทันทีที่ป้าพูดจบ

“จริงหรือคะคุณปูน?”  คุณดาหลาคงสับสนจนเผลอถามคำถามส่วนตัวออกไป แต่ผมเองก็อยากรู้ไม่ต่างกันหรอก
ในขณะที่พวกผมแม่ลูกรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ พี่ปูนกลับละสายตาจากผมขึ้นมองป้าที่ยืนตั้งตัวเป็นอริ สีหน้าเย็นชา แข็งกระด้างจนผมหวั่นใจ กลัวว่าพี่ปูนจะเส้นสติขาดผึงเหมือนตอนนั้น

“ไม่จริงครับ”

“โกหก!!”  ป้าสวนกลับในทันที

“นั่นก็แล้วแต่คุณจะเชื่อ แต่ผมก็ยังยืนยันว่าไม่เคยหลอกฟันใครฟรีๆ”

พี่ปูนก็พูดตรงซะแม่ผมอ้าปากพะงาบๆ แล้ว ถามว่าถ้าเป็นเรื่องอดีตอันเจิดจรัสของพี่ปูนนั้นผมก็พอจะได้ยินมาบ้าง ด้วยจากคนอื่นและพี่ปูนบอกเล่ามาเอง จะด้วยตั้งใจหลุดปากหรือไม่นั้นผมก็ได้ถือว่ารับรู้มาแล้ว ครั้นจะให้ตกใจซ้ำซ้อนก็เห็นว่าจะเป็นการเสแสร้งเกินไป ถ้าในบรรดากิ๊กของพี่ปูนไม่ใช่ป้าผมก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีก

ผมสะกิดพี่ปูนให้หันมาสบตากัน  “ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?”

“...พี่จำชื่อไม่ได้ด้วยซ้ำ” 

“เลว!”  ป้าขัดน้ำเสียงไม่แยแสสิ่งใดของพี่ปูน สีหน้าเหมือนกับพร้อมจะปรี่เข้ามาตบได้ทุกเมื่อ ผมเลยต้องชิงยกมือห้ามเพื่อขอโอกาสซักถามสักครู่

“พี่ได้ผิดสัญญากับลุงรึเปล่า?”

“ไม่ ...และจะไม่มีวันด้วย”

ผมจ้องเข้าไปในดวงตาสีดำเข้มลึก ไม่แม้แต่จะไหวระริกให้สะดุดใจ พี่ปูนจ้องผมเหมือนกับว่าถอดวิญญาณออกมากองไว้เบื้องหน้าเพื่อของให้ผมเชื่อ

ถ้าป้าเป็นแค่เพื่อนของผู้หญิงที่กล่าวอ้างคนนั้น นั่นหมายความว่าผมรู้จักพี่ปูนมากกว่าแน่นอน ผมไม่ได้คิดว่าป้าไร้เหตุผล คนเป็นพี่สาวยังไงก็ต้องห่วงน้องชายวันยังค่ำ และผมรู้ดีว่าป้ารักผมแค่ไหน แต่ผมก็คิดว่ารู้นิสัยคนของตัวเองดีพอเหมือนกัน

ถึงพี่ปูนจะเจ้าเล่ห์แค่ไหน แต่ผมเชื่อว่าผู้ชายคนนี้ซื่อสัตย์มากพอที่จะไม่ทรยศต่อความต้องการของตัวเอง และคนประเภทนี้มักไม่โกหก...อย่างน้อยผมก็เชื่อแบบนั้น

“กลับไปก่อนนะพี่ปูน”  สิ้นคำจากปากผม พี่ปูนสีหน้าเปลี่ยนฉับพลันจนผมปวดใจ มันมีทั้งแววตื่นตระหนกและน้อยใจ หมดสิ้นหน้ากากแข็งกระด้างที่สวมมาตลอด

“เชื่อพี่... พี่ไม่ได้โกหกนะ”

“ผมรู้”  ผมจับมืออีกฝ่ายมากุมแน่น อดไม่ได้ที่จะพูดให้คนๆ นี้คลายกังวล  “ลุงต้องเชื่อปุริมอยู่แล้ว”

“ลุง!! นี่หาว่าฉันโกหกเหรอห๊ะ!!”  ป้าตวาดเสียงดัง ทำท่าจะเดินเข้ามาหาแต่ก็ถูกแม่ดึงแขนไว้ก่อน

“หยุดโวยวายน้องได้แล้ว!”  คุณดาหลาว่าเสียงเข้ม ชี้นิ้วไปที่โซฟาด้วยท่าทางเด็ดขาด  “ไปนั่งรอแม่ เรามีเรื่องต้องคุยกัน”

“แม่! นี่แม่ไม่เชื่อป้าเหรอ”

“แม่บอกอย่างนั้นเหรอ ไปนั่งซะป้า อย่าให้แม่โมโห”

แล้วป้าก็เดินสะบัดตัวก้าวเท้าตึงตังไปทิ้งตัวนั่งลงตามคำสั่งด้วยท่าทีขุ่นเคือง คุณดาหลาได้แต่ส่งเสียงขัดใจกับกิริยาของลูกสาว แต่ก็เลือกที่จะไม่สาวความให้ยืดยาว คุณพยาบาลหันกลับมายิ้มให้พี่ปูนเหมือนไม่มีเรื่องราวใดเกิดขึ้น แต่ในฐานะที่เป็นลูกชายของคุณดาหลามาตั้งแต่อยู่ในท้อง ผมบอกได้เลยว่าระดับความมั่นใจที่มีต่อพี่ปูนนั้นคงหล่นฮวบลงไปไม่มากก็น้อย แม่รู้ดีพอๆ กับผมว่าป้าไม่เคยว่าร้ายใครจริงจังขนาดนี้ แสดงว่าในคำกล่าวหานั้นย่อมเจือไปด้วยความจริง

“น้ำต้องขอโทษคุณปูนด้วยนะคะ อุตส่าห์หิ้วท้องรอแล้วยังต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก”  สายตาและน้ำเสียงของแม่ยังคงเป็นมิตร อย่างน้อยแม่ก็ไม่ฟังความข้างเดียว

“เป็นผมที่ต้องขอโทษคุณน้าต่างหากครับ”   

ผมจับมือพี่ปูนแน่น คนเก่งของผมคงใจเสียไปโข น้ำเสียงถึงได้ขาดความมั่นใจไปกว่าครึ่งแบบนี้ เฮ้อ~ ประวัติพี่แกคงโชกโชนไม่เบาหรอก ถึงขนาดมีคู่ขาเป็นนางแบบดังได้นี่ก็ไม่ธรรมดาเอามากๆ แล้ว

“ลุงไปส่งพี่เขาไป แล้วเราค่อยกลับมาคุยกัน”  แม่สั่งความ รับไหว้จากพี่ปูนแล้วเดินไปหาลูกสาวที่นั่งหน้าบูดเป็นตูดทันที

ผมจูงมือพี่ปูนเดินออกจากบ้าน ระหว่างทางไปถึงรถพี่ปูนเอาแต่นิ่งเงียบ กระทั่งผมเปิดประตูรถที่จอดริมรั้วบ้านให้ คุณชายที่ก้าวขึ้นไปนั่งนิ่งเรียบร้อยจึงค่อยหันมาสบตากับผม แม้รอบข้างจะมีเพียงแสงสลัวจากไฟทาง แต่ผมก็ยังเห็นสายตาวอนขอจากอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน

“เชื่อพี่ใช่มั้ย?”

“ผมก็รู้มาตั้งแต่แรกแล้วนี่ว่าพี่ไม่ใช่หนุ่มบริสุทธิ์ผุดผ่องอ่ะ”  ผมกระเซ้าหวังให้พี่ปูนหายเครียด ซึ่งมันก็ได้ผลเมื่อริมฝีปากของคนฟังแตะแต้มรอยยิ้ม  “พี่คิดว่าเรารู้จักกันมากี่ปีแล้ว สารภาพตามตรงเลยนะว่า ผมเพิ่งจะมาเห็นว่าพี่แสนดีก็ตอนที่คบกันเนี่ยแหละ”

“ก่อนนั้นพี่คงนิสัยเลวมากสินะ”  พี่ปูนแค่นยิ้ม

“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นอ่ะ เอาจริงๆ คือผมอคติกับพี่เองด้วย”  ผมสารภาพตามตรงพลางยักไหล่ไม่ใส่ใจกับอดีตที่ผ่านมา  “แต่พี่ปูนฟังลุงนะ...ทุกคนต่างก็เคยมีอดีตกันทั้งนั้น ถ้าเรามัวแต่เอาอดีตเข้ามาวุ่นวายกับปัจจุบันแล้วเราจะคบกันรอดเหรอ? ระหว่างเราตอนนี้คือปัจจุบันนะ เพราะฉะนั้นลุงไม่แคร์กับอดีตของพี่หรอก”

สีหน้าของพี่ปูนโล่งใจขึ้น มือใหญ่ยื่นออกมาคว้าขอผมดึงรั้งเข้าไปกอดแนบอก ผมตกใจนิดหน่อยด้วยเพราะเราอยู่กันข้างถนน แต่การปัดป้องอ้อมกอดในตอนนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่เหมาะเหมือนกัน ผมจึงงัดสกิลหน้าเหล็กขึ้นมาใช้อีกครั้ง เพื่อสวมกอดคนรักพลางลูบแผ่นหลังกว้างไปมาให้อีกฝ่ายผ่อนคลาย   

“ขอบใจนะ”  พี่ปูนกระซิบเสียงเครือ

ผมไว้ใจพี่แล้วก็เชื่อใจพี่”  ผมตอบกลับ ซุกใบหน้าเข้าหาลำคอแล้วจูบเบาๆ  “ถ้าทุกอย่างระหว่างเรามันจะต้องเปลี่ยนแปลงไปก็แค่บอกผม...โอเคนะ”

ผมจำได้ว่าตัวเองเคยพูดประโยคประมาณนี้ไปแล้วในวันที่เกือบจะเลิกกัน จำได้ว่าตอนนั้นตัวเองพูดออกมาได้ง่ายๆ เหมือนกับท่องคำคมชีวิตสักข้อให้กันและกันฟัง แต่พอมาถึงตอนนี้ ตรงที่รู้ตัวว่าความรักมันพอกพูนขึ้นมา ผมกลับรู้สึกว่าปณิธานข้อนี้นั้นบาดหัวใจแค่ไหน มันปวดแปลบจนไม่อยากจะพูดขึ้นมาอีกในสักวันใดวันหนึ่ง


ผมกอดพี่ปูนแน่นขึ้น


รู้ตัวได้ทันทีว่าถ้าเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงมาถึง ผมต้องร้องไห้ให้กับมันไปพักใหญ่เลยทีเดียว


ผมพยายามขับไล่ความคิดแง่ลบให้ออกไปจากหัว ชีวิตคู่มันก็เหมือนวัฎจักรของดอกไม้นั่นแหล่ะ ผลิบาน เหี่ยวเฉาแล้วก็โรยราไป มันไม่มีความรักที่ไหนเร่าร้อนซาบซ่านไปได้ตลอดหรอก ที่ทำให้อยู่กันไปยืดยาวได้นั้นก็เห็นจะมีแค่ความผูกพันกับความเข้าใจ ซึ่งคนส่วนมากพอพบว่าความเร่าร้อนมันกลายเป็นกลีบใบเหี่ยวเฉา ก็มักจะเลือกจบความสัมพันธ์ทั้งที่มันยังไม่ทันโรยรา

เพราะฉะนั้นอนาคตผมอาจจะต้องเสียใจหากพี่ปูนต้องการเลือกไปปลูกไม้ต้นใหม่กับใครคนอื่น แต่ผมก็จะเข้าใจและไม่เลือกที่จะรั้งไว้แน่นอน

  “กลับบ้านนะ”  สีหน้าพี่ปูนไม่ได้ดูดีขึ้นสักเท่าไหร่ ภาษากายนั้นแฝงไว้ด้วยความไม่เต็มใจแต่ก็ไม่พูดขัดแย้งอะไรออกมา แต่เป็นผมเสียอีกที่ทนเห็นไม่ได้  “ไปรอที่บ้านโอเค๊?...เดี๋ยวผมไปหา”

นิ่งไปชั่วอึดใจ แล้วจากนั้นสีหน้าแปลกใจจึงเปลี่ยนเป็นความยินดี พี่ปูนกลับมายิ้มกว้างได้อีกครั้ง  “จริงเหรอ!?”

“ลุงต้องเข้าไปคุยกับป้าก่อน เพราะงั้นพี่ปูนกลับไปก่อนนะ แล้วลุงจะตามไป”

“แล้วการลงโทษล่ะ...”

“ลุงจัดการเอง”  ผมตอบอย่างให้ความมั่นใจ ยืดตัวขึ้นเล็กน้อยจูบแก้มหอมๆ ของหนุ่มหล่อสักเล็กน้อยแล้วบอกลาเพื่อเดินเข้าไปเผชิญชะตากรรมในบ้าน

ผมเปิดประตูอย่างไม่ลังเล ด้วยความคิดที่ว่า ‘อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด’ ทำให้ผมมุ่งตรงไปยังมุมนั่งเล่นในทันที ป้าที่นั่งหน้าไม่พอใจหันมามองผมแบบไม่ละสายตาจนกระทั่งผมนั่งลงบนเก้าอี้อีกตัว ป้าดูจะโมโหผมไม่น้อย และแม่ก็ดูจะกล่อมเกลาให้ลูกสาวตัวเองใจเย็นไม่ได้สักเท่าไหร่ด้วย

เลิกกับผู้ชายคนนั้นซะ!”  ป้าประกาศก้อง สีหน้าทั้งจริงจัง ทั้งดุดัน

ไม่!”  น้ำเสียงของผมนั้นก็ชัดเจนไม่แพ้กัน ผมนี่เหมือนเห็นไฟลุกพรึบพรับขึ้นมาในแววตาพี่สาวเลย

“ฉันไม่มีปัญหาอะไรกับการที่แกเป็นเกย์หรอกนะ แค่เลิกกับมันซะ แล้วฉันจะหาผู้ชายดีๆ ให้แกเอง”


บ้าไปใหญ่แล้ว... อย่าว่าแต่ผมอดมองผู้หญิงคนนี้ด้วยความตกใจไม่ได้เลย คุณดาหลานี่นั่งอ้าปากค้างไปแล้ว 


“ไหนสัญญากับแม่ว่าจะใจเย็นกับน้องไง”

“นี่ป้าก็เย็นแล้วไง”  คุณลูกบังเกิดเกล้าหันไปแหววใส่แม่ตัวเอง แต่คุณดาหลาก็ไม่ได้ถือสาหาความอะไร  “ฟังพี่นะลุง...ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนดีเลย”

ผมเลือกที่จะนิ่งฟังความของพี่สาวก่อน อยากจะรู้ว่าเพราะอะไรถึงได้ว่าพี่ปูนปาวๆ ขนาดนี้

“เขาคบกับเพื่อนพี่อยู่พักหนึ่งแล้วจากนั้นก็หายต๋อมไปเลย ครั้งสุดท้ายที่ติดต่อมาคือการส่งข้อความว่าต่อไปนี้จะไม่มีการติดต่อใดอีกแล้ว คนแบบนี้เหรอจะเป็นแฟนที่ดีได้”

ผมกับแม่หันมาสบตากันอย่างมิได้นัดหมาย...อืม ฟังดูก็ไม่ใช่แฟนที่ดีเท่าไหร่จริงๆ 

“แล้วล่าสุดเลย เมื่อไม่กี่วันก่อนพี่กับเพื่อนไปดื่มกันที่คลับ แล้วฝ้ายมันก็เห็นแฟนแกนั่งกินเหล้ากับเพื่อน มีทั้งนางแบบทั้งดาราฉันก็เลยสนใจขึ้นมา”

“เดี๋ยว!”  ผมรีบขัดด้วยความร้อนรน ไอ้ดาราผมพอรู้ว่าคงเป็นพี่กร แต่นางแบบนี่มัน...  “นางแบบคนไหน?”

“เจน่า ครอส ที่ดังๆ สวยๆ แกเป็นแฟนบอยอยู่ไม่ใช่รึไง”

“..........”

ผมเม้มปากแน่น กลัวว่าจะเผลอหลุดด่าพี่ปูนผสมโรงด้วย เจน่า? นางแบบ? ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่เหรอไงที่พาพี่ปูนหายไปทั้งวัน แล้วยังกลับมาสารภาพกับผมว่าเกือบนอนส่งท้ายความหลังกันน่ะ ไอ้พี่ปูน! ปกติแล้วเขาไปนั่งดื่มเหล้ากับคนที่เลิกความสัมพันธ์สวาทกันไปแล้วด้วยรึไง? คือถ้าป้าไม่พูดผมก็คงจะไม่รู้เลยใช่มั้ย? กี่ครั้งกี่หนแล้วล่ะที่ไปดื่มด้วยกันมา แล้วถ้า...



แปะ! แปะ! แปะ!



ผมตบแก้มตัวเองจนรู้สึกเจ็บ สร้างความตกใจให้ครอบครัวไม่น้อย

“เป็นอะไรลูก”  คุณดาหลาถามด้วยสีหน้ากังวล

“ลุงตบเรียกสติตัวเองอ่ะแม่”  ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อกลับมาโฟกัสที่เรื่องระหว่างป้ากับพี่ปูนอีกครั้ง ผมจะไม่เอาเรื่องในส่วนอื่นเข้ามาปะปน ไม่อย่างนั้นก็จะดูไม่ยุติธรรมกับพี่ปูนเกินไป...แต่หลังจากนี้น่ะเรื่องผมกับผัวล้วนๆ แน่!!

“ว่าต่อเลยป้า”  ผมเชื้อเชิญ ป้ามองผมอย่างชั่งใจเล็กน้อยแล้วเริ่มพูดต่อ

“เรื่องมันก็จบไปหลายเดือนมาแล้ว แต่พอฝ้ายเห็นผู้ชายคนนั้นอีกมันก็ดื่มจนเมา พอพี่คลาดสายตาเข้าหน่อยมันก็ลุกเดินตามแฟนแกออกไป มันโผเข้าหาผู้ชายที่ทำสีหน้ารังเกียจใส่มันทั้งที่เคยนอนด้วยกันมาแล้ว แถมพอมันพร่ำเพ้อผู้ชายคนนั้นก็บอกว่าจำไม่ได้ และเพื่อเชื่อว่าไม่ได้โกหกด้วย เพราะทั้งสีหน้าและอาการมันบ่งบอกเลยว่าไม่มีเพื่อพี่อยู่ในเสี้ยวความทรงจำสักนิด!”

“เพื่อนคุณป้าทักคนผิดรึเปล่าจ๊ะ”  คุณดาหลาพยายามช่วย แต่กลับโดนสายตาคมดุตวัดมองจนทำได้เพียงยิ้มเจื่อน แถมยังหันมามองผมเหมือนจะสื่อสารว่าตัวเองพยายามช่วยแล้วนะอีก

“แล้วรู้มั้ยแฟนแกทำยังไง มันผลักฝ้ายออกจนล้มลงไปกองกับพื้นโดยที่ไม่เหลียวมามองเลย แต่กลับหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเสื้อตัวเองที่เปื้อน ผู้ชายดีๆ เขาทำกันแบบนั้นเหรอแม่”

“เอ่อ...ก็ไม่รู้สิลูก แม่ไม่เคยวิ่งไปร้องไห้กับอกใครมาก่อน”

“แม่!!”

ผมได้แต่ร่ำร้องอยู่ในใจ คุณดาหลาเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย ซ้ำยังจะทำให้สถานการณ์มันครุกรุ่นขึ้นไปอีก

“ผู้ชายคนนั้นบอกว่าฝ้ายเป็นคู่ขาด้วยสีหน้าวอนเท้ามาก แถมยังบอกว่าไม่เคยนอนกับใครฟรี ทำเหมือนเพื่อนพี่เป็นคุณโสแบบนี้จะให้พี่มองว่าเขาเป็นคนดีอีกรึไง”


เลวเลยล่ะครับ


ผมสะอึกกับความคิดในหัว แต่มีใครบ้างที่สมบูรณ์แบบบ้าง แต่ไหนแต่ไรมาพี่ปูนก็ไม่ใช่คนดีเต็มร้อยอยู่แล้ว ผมถึงกับเฉลี่ยค่าให้ที่ 50/50 เลยด้วยซ้ำ แต่หลังจากคบกันเป็นเรื่องเป็นราว ได้เห็นมุมนั้นมุมนี้เวลาอยู่ด้วยกัน ผมถึงได้รู้สึกว่าเนื้อแม้ของพี่ปูนนั้นก็เหมือนเด็กที่พยายามเรียกร้องความสนใจคนหนึ่ง อยากได้การตามใจ อยากได้ความรักที่เป็นรูปธรรมชัดเจน พี่ปูนคือคนเหงาที่ไม่ยอมปริปากว่าตัวเองต้องการใครสักคนข้างๆ

“งั้นผมถามป้านะ”  ถึงเวลาซักพยานกันแล้ว  “ป้าเคยเห็นพี่ปูนมาก่อนหน้านี้มั้ย ตอนที่พี่เขาคบกับเพื่อนป้าอ่ะ”

“...ไม่”  ป้าหน้าตึงไปเล็กน้อย

“ไหงงั้นอ่ะ เพื่อไม่เคยอวดแฟนให้ฟังเลยเหรอ?”

“เคยสิ! ฝ้ายมันบอกตลอดแหละว่าแฟนซื้อไอ้นั่นไอ้นี่ให้ ไหนจะสร้อยแหวนนาฬิกา กระเป๋าแพงๆ อีก”

อืม... ผมกับแม่หันมามองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมายอีกครั้ง

“คบกันนานมะ”

“ฉันจะรู้มั้ย! จิ๊! -- เดือนสองเดือนมั้ง”




-------------------------->>>>>

ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook
ประมวลจากข้อเท็จจริงเบื้องต้นแล้ว ทั้งระยะเวลาการคบกัน ทั้งการเปย์ของให้มากมาย แถมไม่มีการพามาแสดงตัวให้เพื่อนสนิทรับรู้ ทั้งหมดนี่มันเรียกว่าการคบกันได้แล้วใช่มั้ย? แล้วผมที่ไม่เคยได้แม้แต่สร้อยแหวนนาฬิกาจากพี่ปูนเลยอ่ะ? แต่อย่างน้อยพี่ปูนก็ไม่เคยมองผมด้วยสีหน้ารังเกียจนะ...มีแต่ผมที่รังเกียจสายตาปานจะกลืนกินของพี่แก

“พี่รักแกนะลุง พี่ไม่อยากให้แกเจอคนไม่ดี”  ป้าพูดต่อด้วยท่าทางขึงขัง ผมเองก็รักพี่สาวมาก ถึงจะบ่นจะแอบด่ายังไงแต่ผมก็รักของผม แต่จะให้ผมเลิกกับพี่ปูนเพราะการฟังความจากบุคคลที่สามแบบนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องถูกต้อง อีกอย่างก็คือผมรู้ว่าพี่ปูนดีกับผมและรักผมอย่างที่ไม่มีแฟนคนไหนเคยทำให้รู้สึกแบบนี้มาก่อน

“ปราจีนลุงขอพูดบ้างนะ”  ผมเอ่ยเสียงนุ่ม ป้าคล้ายจะอ้าปากเถียงแต่ถูกคุณดาหลาห้ามไว้ก่อนจึงกลับมาสงบคำ จำยอมรับฟังน้องชายคนนี้ ผมสูดหายใจเข้าลึกก่อนเริ่มพูดต่อไป  “ลุงกับพี่ปูนเป็นเจ้านายกับลูกน้องมาหลายปี และระหว่างนั้นลุงไม่ได้ชอบขี้หน้าเขาเลย เพราะฉะนั้นลุงว่าตัวเองรู้ดีกว่าป้ามากว่าพี่ปูนมีข้อไม่ดีตรงไหน ไอ้เรื่องที่มีคู่ขาเยอะแยะมากมายลุงก็รู้ แต่นั่นมันคืออดีตไง”

“แต่อดีตมันก็ใช่ว่าจะเกิดกับปัจจุบันไม่ได้ไง”

“ลุงไม่รู้...”  ผมแย้งในจุดนั้นไม่ได้  “แต่ลุงก็รู้จักพี่ปูนในมุมที่ลุงรู้ พี่ปูนชอบที่จะอยู่ใกล้ๆ ลุง พร้อมเสียยิ่งกว่าพร้อมที่จะบอกใครต่อใครว่าลุงเป็นแฟนเขา แม้จะไม่เคยซื้อสร้อยแหวนหรือกระเป๋าให้ แต่พี่ปูนก็ชอบที่จะซื้อนู่นนี่นั่นให้เสมอ ไม่เคยหวงของกับลุง ลุงอยากจะหยิบจับอะไรพี่ปูนก็ไม่เคยห้าม ต่อให้ทำเสื้อเลอะพี่ปูนก็ไม่เคยโมโห อ้อ! ไม่เคยทำสีหน้ารังเกียจใส่ลุงด้วย”

“..........”  ป้าเม้มปากแน่น แต่ก็ยังคงเงียบไม่แทรกอะไรออกมาแม้จะดูไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่

“ไอ้คำว่ารักอ่ะมันก็เหมือนกับลมปากนั่นแหละ มันจะรู้สึกได้ว่ามีก็ตอนที่กลิ่นมันโชยออกมา”  ผมสอดแทรกประโยคเด็ดส่วนตัวให้ป้าอีกสักข้อ  “แล้วกลิ่นปากพี่ปูนก็แรงมากอ่ะ มันโชยออกมาจนลุงปฏิเสธไม่ได้เลย”


แม่กับป้ามองหน้าผมแบบแปลกๆ สักหน่อย แต่ก็ยังคงไม่แย้งอะไร


“ลุงสารภาพเลยนะว่าไม่เคยรักแฟนคนไหนมากเท่านี้ เพราะฉะนั้นถ้าป้าอยากจะให้ลุงเลิกกับพี่ปูนล่ะก็ ป้าต้องมีหลักฐานมากกว่านี้”  แว่บหนึ่งผมนึกถึงเจน่า ครอส แต่ก็พยายามสะบัดความคิดนั้นออกไปจากหัว  “ถ้าระหว่างที่คบกันพี่ปูนผิดต่อผม ถึงจะรักแค่ไหนผมก็ไม่เอาเด็ดขาด”

“แล้วแกจะเสียใจ”  ป้าสะบัดเสียงใส่ สีหน้ายังไม่ยอมแพ้ความคิดของตัวเอง

“นั่นก็เป็นเรื่องของน้องแล้ว อีกอย่างคุณลุงก็เป็นคนที่ผิดกับคุณปูนก่อนด้วย”  แม่เอ่ยตัดปัญหา หันไปมองป้าแล้วทอดถอนหายใจ  “น้องเราเมาแล้วก็ไปปล้ำเขา จะยังไงคุณปูนก็เสียหายเพราะคุณลุงไปแล้ว ลูกก็ต้องใจเย็นหน่อยเวลาเจอหน้ากัน”

ผมอ้าปากค้างด้วยความตกใจ ในหัวพยายามนึกว่าตอนที่นัดกินข้าวกันวันนั้นผมพูดอะไรกับแม่ไปบ้าง แต่ในขณะที่ผมนึกย้อนบทสนทนา ป้าเนี่ยสติหลุดไปแล้ว

บ้าบอ!!”  คนสวยวัยสาวลุกพรวดขึ้นกระแทกเสียงด้วยใบหน้าเหลือเชื่อ  “แม่ดูขนาดตัวลูกชายกับคุณปูนของแม่เถอะว่าต่างกันขนาดไหน ไอ้เตี้ยแก้มยุ้ยเนี่ยเหรอจะไปปล้ำใครเขาได้!”

หยาบคาย!”  พูดแบบนี้ผมก็ขึ้นสิครับ  “ลุงไม่ได้เตี้ยนะปราจีน”

“ผู้ชายที่สูงไม่ถึง 175 ก็นับว่าเตี้ยทั้งนั้นแหละ”

“ลุงสูงพอดีต่างหาก ไอ้พี่ปูนต่างหากที่สูงใหญ่เกินไปน่ะ”

“งั้นก้บอกหน่อยซิว่าแกไปปล้ำเสาไฟฟ้าแบบนั้นได้ไง”

“นี่ลุงจะต้องมาสาธยายเรื่องบนเตียงให้ฟังด้วยเหรอ พออยู่กันแนวราบความสูงมันก็ไม่เกี่ยวแล้วมั้ย!?”

ป้าอ้าปากอมลมพะงาบๆ แบบคนพูดอะไรไม่ออก สองพี่น้องจ้องหน้ากันไปมา และท้ายที่สุดก็เป็นป้าที่ยกมือกุมขมับแล้วบ่นปวดหัว พึมพำประมาณว่าโลกนี้บ้าไปแล้วจากนั้นก็เดินงงๆ หนีขึ้นไปข้างบน

“เพราะแม่ไม่ยอมตั้งใจทำ ลุงเลยเตี้ยแบบนี้อ่ะ!”  ผมหันไปบ่นผู้ให้กำเนิด ถ้าตั้งใจประกอบร่างผมเหมือนตอนลูกคนแรกล่ะก็ ผมคงมีตาสองชั้น จมูกคงโด่งกว่านี้ แล้วตัวสูงกว่านี้แน่ๆ

“ลูกจ๋า...”   คุณดาหลายิ้มหวานมองผม  “แม่กับพ่อก็ตั้งใจทำกันตลอดแหละจ้ะ”

“..........”


.

.

.



ผมขออนุญาตผ่อนผันบทลงโทษเป็นกรณีพิเศษซึ่งแม่ก็ไม่ว่าอะไร อาศัยจังหวะที่ป้ายังทำกิจธุระส่วนตัวขึ้นไปเก็บข้าวของส่วนตัวแล้วรีบลงมาเก็บปลาทอดกับน้ำยำที่แม่บอกให้เอาไปกินได้ใส่กล่องพร้อมกับข้าวสวยอีกหนึ่งกล่องใหญ่

เมื่อพร้อมสรรพก็ก้าวออกจากบ้าน และนั่นทำให้ผมเห็นว่าพี่ปูนยังจอดรถอยู่ที่เดิม กระจกถูกลดลงเกือบหมดบานเพราะดับเครื่องยนต์ไว้ ผมเดินเมียงมองจนกระทั่งเห็นเจ้าของรถเอนเบาะลงเล็กน้อยแล้วพิงหลังลงนอนหลับตา ผมอมยิ้มกับผู้ใหญ่ดื้อที่ไม่ยอมทำตามที่บอก นี่ถ้าเกิดว่าผมขอแม่ไม่ได้ขึ้นมาล่ะ มิต้องอยู่ยาวค่อนคืนเลยเหรอ ข้าวเย็นก็ยังไม่ได้กินอีกต่างหาก   

“พี่ปูน!!”  ผมยื่นหน้าเข้าไปเรียกเสียงดัง คนนอนหลับตาสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็สามารถหันมาถูกทางได้ในทันที ใบหน้าของท่านเจ้าของรถยิ้มพร่างพรายในทันที

 “หิวมากมั้ย? ผมเอาปลากับข้าวมาด้วยแหล่ะ”  ผมชูถุงในมือให้คนในรถเห็นจังหวะเดียวกับที่พี่ปูนปลดล็อกให้ ผมขึ้นไปนั่ง จัดแจงวางข้าวของให้เรียบร้อยแล้วใส่เข็มขับนิรภัยเพื่อเตรียมพร้อม

“คุณน้าไม่ว่าอะไรเหรอ?”  สีหน้าพี่ปูนดูเป็นห่วงเล็กน้อย ผมเลยไม่แน่ใจว่าพี่แกห่วงเรื่องไหนอยู่กันแน่ 

“ไม่หรอก”  ผมก็ตอบกลางๆ เอาไว้ก่อน  “ป่ะๆ กลับกันเถอะ ผมหิวข้าวแล้ว”

พี่ปูนหันมายิ้มให้ผม สตาร์ทรถให้เคลื่อนไปด้วยความสุขที่มากขึ้นจนผมรู้สึกได้ ผมหันไปมองพี่ปูนแล้วตัดสินใจเก็บเรื่องที่ติดใจเอาไว้ก่อน ตอนนี้พี่ปูนอุตส่าห์สบายใจขึ้นแล้วผมจะยังไม่หย่อนเรื่องอะไรใส่หัวพี่เขาอีก

แต่ผมยังไม่ลืมหรอกนะ...ไอ้เรื่องเพื่อนดื่มดีกรีนางแบบอดีตกิ๊กเก่าที่ชื่อ เจน่า ครอส น่ะ!



----------------------------------------------------
มาหลังบอลจบจนได้ แหะๆ

ตอนนี้ยาวเกิ๊นนน
เอาล่ะ! ไม่พูดมากนะน้ำตาจะไหล แฟนโครแอตอย่างเราช้ำปนสุขสมจริงๆ

สำหรับใครที่รอ นังโป้ยกับพี่กร ก็รออีกสักนิด
ส่วนตอนที่ 21 นั้น น่าจะเป็นสัปดาห์หน้านู้น คนเขียนทำงานหนักมากเพื่อวันเสาร์-อาทิตย์หน้านี้จะได้ไปแรด เอ้ย! ไปเที่ยว :-[

แล้วเจอกันนะจุ๊บๆ จะพยายามไม่หายไปนานๆ

 :pig4: :bye2: o13

 

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 o13 โอ๊ย...คิดถึง o13 มาสักที... อย่าหายไปนานๆอีกนะค่ะ  :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1
เข้มข้นสมกับที่รอจริงๆ ขอบคุณมากค่ะ  o13 o13

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
อือหือ ตอนนี้อารมณ์มาเต็ม

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
ความสงสัยของเราไม่มีผิดพลาดเลยว่าปราจีนต้องได้ห้ามน้องคบกับพี่ปูนแน่ๆ ด้วยเพราะเพื่อนเคยนอนกับพี่ปูนมาก่อน ดีที่ลุงเป็นคนมีเหตุผล ชอบลุงที่เป็นแบบนี้  :z2: :z2: :z2:

ออฟไลน์ skyberry

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
สงสารฝ้ายนะ ยูไม่ได้ไปต่อหย่ะ อิพี่ปูนนี้ก็อดีตเห้ไม่น้อย สงสารลุง ลุงยังไม่ลืม เจน่านะ 5555555555

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
ลุงเที่ยงธรรมดีมีเหตุผลชั่งน้ำหนักผิดถูกได้ ก็เข้าใจนะปราจีนนะเธอรักและหวังดีกับเพื่อนสนิทแต่ก็น่าจะคิดกลับบ้างถ้าปูนเป็นแฟนทำไมไม่เคยเปิดตัวให้เพื่อนๆเห็น มีข้าวของแพงๆใช้หาจากไหนถ้าไม่รวยจริง

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
ปุริมนี่โชคดีจริง ที่ได้ลุงมาเป็นคู่

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
รักลุงมากขึ้นไปอีก นางมีความเป็นผู้ใหญ่พอๆ กับที่รับมือกับพี่ปูนได้ ถึงจะไม่ทั้งหมดก็เหอะ 555

ถึงอดีตพี่ปูนจะร้ายกาจแค่ไหน แต่ตอนนี้ยอมให้ลุงหมดทุกอย่างแล้วนะจ๊ะ   o18

ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1098
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
ลุงงงงงงงงง
ไม่รู้งว่าจะสงสารหรืออิจฉาดี
ที่เป็นแฟนพี่ปูน

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
น้องลุงเป็นเด็กที่มีความคิดมากๆๆ    o13 ดีใจกับปุริมด้วยที่ได้น้องเป็นคนรัก

คุณป้าคงต้องทบทวนพฤติกรรมของเพื่อนฝ้ายอีกทีแหละ

 :pig4: :กอด1: :L1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ReiSei

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-5
ลุงเท่ว่ะ ดูเป็นนายเอกที่มีสติมาก ๆ ค่ะ

ออฟไลน์ Krajeeqx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
รักคุณลุง เป็นคนที่มีความคิดดี มีเหตุผลตลอด
งานบ้านก็ดี ปรนนิบัติแฟนก็เยี่ยม ถ้านี่เป็นปุริมจะไม่ยอมปล่อยลุงไปไหนแน่ๆ
คุณปุริมเกียมตัวรับมือกับเรื่องเจน่าไว้ดีนะคะ คนหวงผัวกำลังจะปรากฏตัว
 :laugh: :laugh:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2018 13:27:01 โดย Krajeeqx »

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
โชคดีแล้วคุณปุริมที่เจอน้องลุงสุดน่ารัก ต้องให้เวลาคุณป้าเขาด้วย รู้จักเพื่อนคุณดีแค่ไหน เฮ้อ....
แต่เรื่องนางแบบน่าจะต้องเคลีย โดนแน่ค่ะคุณปุริม รอลุ้นว่าน้องลุงจะจัดการยังไง
 :L2:  :pig4:  :กอด1:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
มายาวจุใจมาก ขอบคุณจริงๆ หายคิดถึงเลย
เริ่มที่โป๊ยก่อนละกัน โป๊ยเพื่อนชั่ว รู้ไปหมดว่าที่ได้กินอาหารญี่ปุ่นเพราะลุงลงแรงไปเยอะ อิอิอิ
คุณป้า ก็รักเพื่อนนะ แต่ก็ได้ฟังความข้างเดียว อันนี้น่าเห็นใจ
คุณดาหลา นิ่งสุดๆ แต่มาตบท้ายด้วยที่ว่าลูกตัวเองไปปล้ำเขา ถึงแม้ป้าไม่เชื่อน้องตัวเองก็เหอะ
คุณลุง นิ่งมากๆ เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แก้ปัญหาโดยไม่ใช้อารมณ์เยี่ยมมากๆ แต่ยังไม่วายไปแขวะแม่ตัวเองว่าไม่ตั้งใจทำลูกดีๆ
คุณปุริม ณ ตอนนี้ ยิ้มสุดๆ นอกจากจะได้ทานข้าวอาหารที่แฟนทำแล้ว ของหวานต่อจากนั้นไม่อยากคิด
 :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ todiefor

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 204
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
ลุงน่ารักมากกกกกก น่ารักของโคตรของโคตรของโคตร อิพี่ปุริมนี่ชาติที่แล้วไปกู้ชาติมาใช่มั้ยย ถึงได้น้องชายแห่งชาติไปครอบครอง โอ๊ยยยย น่ารักทนไม่ไหว รวมเล่มเมื่อไหร่จ๊ะ ป้าพร้อมเปย์

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
น้องลุงเก่งมากกกกกกกก น่ารักมาก
เอ็นดูพี่ปูนตอนช่วงตกอยู่ในความอิ่มเอมใจ ตอนไปตลาดคือน้องปูนค้าบ มากๆ
เวลาทั้งสองหวานกันนี่บิดตัวม้วน ยิ้มจนปวดแก้มไปหมด
แต่ก็รออ่านน้องลุงเคลียร์เรื่องเจน่า ลงโทษพี่ให้หนักๆไปเลยนะน้องลุง
เรื่องป้า เข้าใจนะว่าเราก็ต้องมองเพื่อนเราในแง่ดี ปกป้องเพื่อนเราอยู่แล้ว แต่อยากให้ป้าตั้งสติแล้วกลับมุมมองนิดนึงเนอะ

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ลุ๊งงน่ารักมาก  :กอด1: :กอด1:

รอเชือดพี่ปูนอย่างใจเย็น  o8 o8

ออฟไลน์ gumrai3

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-4
ลุงเป็นแฟนที่ดีมากกกก ใครได้เป็นแฟนนี้บุญสุดๆ
ป้าก็อย่าเชื่อเพื่อนมาก ถ้าเพื่อนรักจริงก็เปิดตัวสิตะนี้เอาแต่ของ

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
โอ้ยเหนื่อย อ่านไปลุ้นไป หายใจไม่ทั่วท้อง 5555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด