Chapter 31: [Then] Found you
เฮือก!
มธุวันสะดุ้งตื่นจากความฝัน ฝันประหลาดที่มักจะทำให้เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกอยู่บ่อยครั้งตั้งแต่จำความได้ ในความฝัน เขาจำอะไรไม่ได้นอกจากเสียงกรีดร้อง เสียงของเด็กผู้ชายที่บอกให้เขาอดทนไว้ และเปลวไฟที่แผดเผาจนแสบร้อนไปถึงข้างในปอด ถึงแม้ตั้งแต่เขามหาวิทยาลัยมาเขาจะแทบไม่ได้ฝันถึงเหตุการณ์ประหลาดนี้อีก แต่ความทรมานที่เขาคุ้นเคยดีทำให้มธุวันคุมสติได้มากพอที่จะไม่กรีดร้องออกมา
“เป็นอะไรรึเปล่า?”
ท่อนแขนยาวที่พาดอยู่บนเอวของธุวันดึงร่างโปร่งเข้ามาใกล้ เมฆาที่สะลึมสะลือตื่นจากการเคลื่อนไหวข้างกายถามอย่างเป็นห่วง
“แค่ฝันร้ายน่ะ” มธุวันตอบเพื่อให้อีกฝ่ายคลายกังวล เอนตัวกลับลงมานอนข้างร่างสูงที่ถึงแม้หัวไหล่จะยังมีผ้าพันแผลพันอยู่ แต่เมฆาไม่ได้มีอาการปวดแผลจนต้องตื่นขึ้นมาทานยากลางดึกเช่นหลายวันก่อน มธุวันไล้นิ้วไปตามขอบของผ้าก็อซสีขาวสะอาดอย่างเบามือ
“หมอให้ไปตัดไหมวันไหน?”
“บ่ายนี้แหละ เดี๋ยวไปตอนพักเที่ยง”
เมฆางึมงำตอบ ขยับซุกกอดคนรักแต่มธุวันที่เหลือบไปเห็นนาฬิกาที่บอกเวลาตื่นนอนชันตัวขึ้นนั่งเสียก่อน ร่างโปร่งรู้สึกถึงเหงื่อที่ชื้นติดหลังตามมา คาดว่าเย็นนี้คงจะต้องรื้อผ้าปูที่นอนไปซักอีกแล้ว
“หมอกไปอาบน้ำนะ จะไปด้วยกันมั้ย?”
“ม่ายอ่ะ ดูได้แต่กินไม่ได้ ดูไปก็เท่านั้น”
ร่างสูงตอบหน้ามุ่ย ชันตัวขึ้นนั่งบนเตียงพร้อมบิดขี้เกียจ มธุวันห้ามไม่ให้เขาทำอะไรจนกว่าจะตัดไหมด้วยกลัวว่าแผลของอีกฝ่ายจะปริ ซึ่งเมฆาตั้งใจจะชดเชยเวลาที่เสียไปกับอีกฝ่ายอย่างคุ้มค่าในคืนนี้
“หืม? อยากกินเหรอ?” เสื้อนอนตัวบางของร่างโปร่งถูกโยนลงในตะกร้าผ้าซักพร้อมกับกางเกง มธุวันเหลือบมองคนรักข้ามหัวไหล่เปลือยเปล่าของตนพร้อมกับเลิกคิ้ว “ถ้าตามมาไหวจะยอมให้ชิมก็ได้นะ”
ร่างสูงผลุบเข้าไปในห้องน้ำด้วยความเร็วที่นักวิ่งแชมป์โลกยังต้องอาย มธุวันหัวเราะคิกเมื่อแขนแกร่งดึงรั้งร่างของตนเขาไปในอ้อมกอด ยกมือขึ้นปิดปากของคนรักที่เตรียมงาบตนลงท้องเต็มที่
“บอกว่าชิมไง...”
ร่างโปร่งทรุดตัวลงคุกเข่าบนพื้น ช้อนตัวขึ้นมองคนรักพร้อมรอยยิ้มหวานขณะที่นิ้วเรียวดึงขอบยางยืดกางเกงนอนของอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ ดวงตาสีควันบุหรี่เข้มขึ้นจากภาพตรงหน้า มธุวันรู้ดีว่าอีกฝ่ายชอบเห็นเขาคุกเข่าบนพื้นและสบตากับเขาขณะที่ริมฝีปากเรียวปรนเปรออีกฝ่ายอย่างชำนาญ เขาจึงมักจะเก็บสิ่งนี้ไว้เป็นรางวัลเวลาที่คนรักไม่ดื้อไม่ซนให้เขาปวดหัว
“หมอกจะ..อึ่ก...ทำให้เมฆหลงไปถึงไหนครับ?”
เมฆากัดฟันถามร่างที่เขารู้ดีว่าตอนนี้ไม่อยู่ในสภาพที่จะตอบเขาได้ แต่ดวงตาสีเทาอมฟ้าที่จ้องตอบกลับมาฉายชัดว่าตนไม่คิดจะให้เมฆาสามารถดิ้นหลุดจากบ่วงเสน่ห์หาที่ตนใช้ตรึงอีกฝ่ายได้ง่ายนัก
เมฆาก้าวออกมาจากโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยหลังจากไปส่งคนรักเข้าเรียนในตอนเช้า อันที่จริงหมอนัดให้เขามาตัดไหมตั้งแต่ตอนเช้า ทำให้ร่างสูงต้องโดดเรียนมา แต่ที่เมฆาไม่ยอมบอกให้คนรักรู้ เป็นเพราะธุระต่อจากนี้ที่เขาจำเป็นต้องทำ
“ทำไมจู่ๆนัดกูมานี่วะ? มึงไม่ต้องไปรอรับหมอกกลับคอนโดเหรอ?”
นาวินทร์ถาม เมฆาเรียกเขาออกมาที่ร้านกาแฟข้างบริษัททรัพย์ดำรง ทั้งที่รอบๆมหาวิทยาลัยก็มีจุดนัดพบมากมาย จากสีหน้าของเพื่อนสนิท นาวินทร์ไม่คิดว่าการที่อีกฝ่ายจงใจเลือกสถานที่ให้ห่างไกลจากมหาวิทยาลัยนั้นจะเป็นเรื่องบังเอิญ
“กูมีเรื่องอยากให้ช่วย” เมฆาเอ่ยเสียงเครียด
“มีอะไรวะ?” นาวินทร์ขมวดคิ้วถาม
เมฆานึกย้อนไปถึงตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากตนถูกกระถางดอกไม้หล่นใส่ ตั้งแต่นั้นมา เรื่องแปลกๆก็เกิดขึ้นรอบตัวเขามาโดยตลอด เริ่มจากล้อรถที่ยางแบนทั้งสองข้างพร้อมกัน ทีแรกเมฆาคิดว่าเป็นเพียงอุบัติเหตุ แต่ช่างที่อู่ซ่อมรถบอกเขาว่าพบตะปูเรือใบหลายอันปักคาอยู่ในยางรถของเขา และรอยกรีดที่ข้างรถคันที่สองที่เขานำมาใช้เพื่อสับเปลี่ยนรอรถคันโปรดเข้าอู่ซ่อมในวันถัดมา ทีแรกเมฆายังทำใจว่าอาจเป็นเพียงฝีมือของโรคจิตที่ออกอาละวาดมาตั้งแต่เขาอยู่ปีหนึ่งและยังคงลอยนวลมาจนถึงตอนนี้ และโชคไม่ดีที่รถของตนกลายเป็นเป้าหมายถึงสองครั้งสองครา เขาเพียงแต่รู้สึกดีที่มธุวันไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เลยสักครั้ง เขาให้อยากให้คนรักต้องมากังวลอะไรกับเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้
แต่เมื่อรถคันที่สามที่เขานำมาใช้ถูกสาดด้วยเลือดสด และมีซากแมวและนกพิราบตายเกลื่อนอยู่ไม่ห่าง ส่งกลิ่นคาวคละคลุ้งเต็มกระโปรงรถและกระจกรถ เมฆาไม่อาจปฏิเสธได้ว่าตนไม่ได้กำลังตกเป็นเป้าหมายของใครบางคน ร่างสูงระมัดระวังตัวเองมากขึ้นหลังจากนั้น มธุวันที่เห็นความตึงเครียดในแววตาของเขามักจะเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงว่ามีอะไรไม่สบายใจหรือไม่ แต่เมฆาเพียงแค่ตอบปัดไปว่าเจ็บแผลที่เย็บไว้
แต่เหตุการณ์ที่สี่เป็นเหตุที่ทำให้ร่างสูงต้องรีบเรียกเพื่อนสนิทออกมาปรึกษา ถึงแม้เขาจะแจ้งความไว้แล้ว แต่หากในสองปีที่ผ่านมาตำรวจยังตามจับคนร้ายคนนี้ไม่ได้ เมฆาก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทิ้งเบาะแสให้ตามสืบได้คราวนี้
รถของเขาถูกตัดสายเบรก...
“เฮ้ย นี่มันไม่ใช่แกล้งขำๆแล้วนะ นี่มันกะเอาตายชัดๆ!” นาวินทร์เอ่ยอย่างตกใจ
“โชคดีที่วันนั้นหมอกมีงานเตรียมนิทรรศการของคณะ เลยไม่ได้กลับกับกู” เมฆาถอนหายใจ
“แล้วมึงทำยังไง?”
“โชคดีที่กูยังออกตัวไม่แรงมาก เลยถอนคันเร่ง สับเกียร์แล้วดึงเบรกมือ โชคดีที่ถนนโล่งกูเลยตีไฟเลี้ยวเข้าไปในปั๊มดับเครื่องแล้วเอาฟุตบาทเป็นตัวเบรก”
เด็กหนุ่มลูกเสี้ยวรัสเซียตอบ นาวินทร์อดยิ้มออกมาไม่ได้ เพื่อนของเขาเป็นคนมีไหวพริบ และนั่นเป็นอีกคุณสมบัติหนึ่งที่ทำให้เขาถูกดึงดูดเข้าหาเมฆา
จากประสบการณ์ทั้งชีวิตในการทำงานในสายอาชีพนี้ อย่างน้อยเขาก็ไม่อยากได้เพื่อนที่จะโดนฆ่าตายง่ายๆเท่าไหร่
“ฝากมึงช่วยสืบเรื่องนี้หน่อยได้มั้ย คือถ้ามันแค่กูก็แล้วไป แต่ถ้าหมอกต้องพลอยโดนหางเลขไปกับเรื่องบ้าๆนี่ ไอ้โรคจิตนั่นศพไม่สวยแน่”
เมฆาเอ่ยเสียงลอดไรฟัน เขาไม่อยากคิดเลยว่าหากวันนั้นหัวใจของเขานั่งรถกลับมาด้วย เขาจะมีสติมากพอที่จะพามธุวันไปยังที่ปลอดภัยหรือไม่
“เออๆ เดี๋ยวกูดูให้” นาวินทร์พยักหน้า ก่อนจะเอ่ยเสริม “เรื่องนี้กูว่าอย่าเพิ่งบอกหมอกจะดีกว่า เดี๋ยวจะตื่นตูมกันไปใหญ่”
“อือ กูก็ไม่อยากให้เขาเป็นห่วง แค่กูเจ็บไหล่หมอกก็เครียดจะตายอยู่แล้ว” เมฆานึกย้อนไปถึงคนรักที่ประคบประหงมดูแลเขาไม่ห่างกายมาถึงสองสัปดาห์
เขาได้แต่หวังว่าเรื่องจะไม่ร้ายแรงอย่างที่เขาคิด
“แล้วยังไง คิดว่าเป็นฝีมือของพวกกาวิโน่รึเปล่า?”
นิโคไลเอ่ยถามคนที่เพิ่งรายงานความเป็นอยู่ของน้องชายของตนขณะนั่งเอนหลังเหยียดขาให้เงาของตนบีบนวดไปตามร่างกายเพื่อคลายความเมื่อยล้า นาวินทร์ส่ายหน้า
“ตอนนี้ยังมีข้อมูลไม่มากพอที่จะสรุปครับ...”
“ถ้าข้อมูลที่ผู้หญิงคนนั้นให้มาถูกต้อง เจ้าพวกนั้นก็ยังไม่น่าจะระแคะระคายเรื่องของมิคาเอล”
ชายหนุ่มผมบลอนด์ตั้งข้อสังเกต ดวงตาสีมรกตเย็นเยียบเมื่อนึกถึงความเป็นไปได้ที่ตนจะถูกเกศราหักหลัง แต่วรินทร์ขัดความคิดนั้นด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อมที่เขารู้ดีว่าสามารถทำให้เจ้าชีวิตของตนรับฟังได้
“ผมตรวจสอบดูแล้ว ข้อมูลที่คุณเกศราให้มาเชื่อถือได้แน่นอนครับ”
“แต่ถึงอย่างนั้น ในไฟล์ข้อมูลก็บอกไว้ว่าพวกมันมีแผนจะไล่ตามหาญาติสายรองของตระกูลที่น่าจะเป็นคนซ่อนคุณหนูมิคาเอลไว้รายคน เป็นไปได้นะครับว่าพวกมันอาจจะเจอเมฆโดยบังเอิญ...”
“แล้วทิ้งสาสน์ขู่ปัญญาอ่อนแบบนั้นไว้ให้เด็กนักศึกษาที่ไม่รู้เรื่องอะไรตกใจเล่น ไม่แปลกไปหน่อยเหรอ?” น้ำเสียงที่วรินทร์ใช้ขัดน้องชายนั้นต่างจากยามที่พูดกับนิโคไลอย่างสิ้นเชิง แต่นาวินทร์ชัดกับท่าทีของพี่ชายแล้วจึงไม่ได้คิดมากอะไร
“แต่กันไว้ดีกว่าแก้ ฉันฝากนายดูเรื่องนี้ด้วยแล้วกัน” นิโคไลกำชับ บอดี้การ์ดหนุ่มพยักหน้า ก่อนจะโค้งศีรษะเอ่ยขอตัวออกไปจากห้อง
“ริน”
“ครับ?” วรินทร์เงยหน้าขึ้นเตรียมรับคำสั่งจากเจ้าชีวิต
“จำงานชิ้นแรกที่ฉันให้ทำในฮ่องกงได้มั้ย?”
มือเรียวที่บีบนวดขาให้ร่างสูงชะงักไปเพียงชั่วครู่ ก่อนจะขยับทำงานต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“จำได้สิครับ มีอะไรรึเปล่า?”
“ฉันอยากให้นายกลับไปที่นั่นอีกครั้ง...” นิโคไลใช้นิ้วชี้เชยคางมนขึ้นมาให้ดวงตาของอีกฝ่ายสบตาตน ลูกแก้วสีม่วงแปลก
ตาไหววูบอย่างที่เขาแทบไม่เคยเห็นมาก่อน “...ทำให้ฉันได้มั้ย?”
“ได้สิครับ”
ถึงอย่างนั้นริมฝีปากเรียวสวยก็เอ่ยตอบอย่างไม่ลังเล
หากมันเป็นความต้องการของนิโคไล เขาจะทำทุกอย่างให้คำสั่งของอีกฝ่ายบรรลุผล
เพราะเขาคือเงาของนิโคไล
คือสุนัขรับใช้ ที่จะไม่มีวันขัดคำสั่งของเจ้าชีวิตแม้ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม
------------------