[จบแล้ว]Your Stranger รัก||ไม่||ลืม ตอนพิเศษ คห.1998 P.67 (13/3/63)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว]Your Stranger รัก||ไม่||ลืม ตอนพิเศษ คห.1998 P.67 (13/3/63)  (อ่าน 502094 ครั้ง)

ออฟไลน์ Grey Twilight

  • Moderator
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-17
เห็นฉากขยี้ใจ ต้องรีบมาคอมเมนท์เลยครับ (หัวเราะ) ในที่สุด! เราก็เห็นฉากที่สะท้อนความรู้สึกในใจหมอกจริงๆแล้ว ผมชอบฉากที่หมอกกลั้นสะอื้น ไล้มือไปตามตัวหนังสือ รำลึกถึงความอุ่นละมุนของความทรงจำและความรักครั้งเก่ามากเลยนะครับ มันดูสะเทือนใจ จับต้องได้ เรียลและไม่น้ำเน่า (ไม่น้ำเน่าเนื่องจากตอนปลายตอนที่หมอกตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่ยอมให้ตัวเองถูกทรมานด้วยความรักอีก) แค่ผมลองคิดต่อว่า มันต้องเจ็บแค่ไหนที่ต้องมาที่ๆเราเคยฝันอยากจะมา...กับใครสักคนที่เรารักมากและยังรักอยู่ แต่ปัจจุบันนี้ทุกอย่างมันเป็นแค่อดีตไปแล้ว และสิ่งนั้นย้ำเตือนเราไว้ แค่นี้มันก็ดรามาในความรู้สึกอย่างมากแล้วนะครับ แถมยังเป็นห้องฮันนีมูนอีก อื้อหือ บีบใจได้เจ็บปวดดีมาก

ฉากนี้สำคัญมาก เพราะมันสะท้อนถึงตัวตนของหมอกจริงๆ ที่ไม่ต่างจากสมัยก่อน เพียงแค่ถูกเคลือบเอาไว้ มันทำให้เราเห็นว่าความรู้สึกในใจของหมอกตั้งแต่สมัยก่อนยังไม่เปลี่ยน และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ตัวละครนี้มีความสุข เพียงแค่ได้รำลึกถึง การสื่อตรงนี้เป็นประเด็นละเอียดอ่อนมาก และคุณลิตเติลพิกทำออกมาได้น่าประทับใจครับ และไม่น้ำเน่าด้วยตรงที่ว่า ตัวละครมธุวันยังเอาเหตุการณ์ตอนที่ถูกทิ้งไว้มาเป็นเครื่องเตือนใจ เอาไว้ย้ำเตือนว่าแม้ตัวเองจะต้องเจ็บอีกสักแค่ไหน หัวใจบีบอีกสักแค่ไหน ก็ต้องรู้จักเรียนรู้เพื่อไม่ให้เจ็บเจียนตายแบบเดิมอีก

เพราะตัวตนของมธุวันยังอยู่ข้างใน ความทรงจำของอดีตเป็นสิ่งที่สวยงามและน่าประทับใจสำหรับมธุวัน มันเป็น joyful memories และสร้าง overwhelming happiness ให้เขา มันเป็นสิ่งที่ทำให้มธุวันรับรู้ได้ถึงความรักที่อุ่นซ่าน ดังนั้น ยิ่งเขาคิดว่ามันจะมีความสุขสักแค่ไหน ถ้าได้มาเดินด้วยกัน ได้ท่องเที่ยว ได้พักกันแบบนี้ กับเมฆาในสมัยก่อนที่ยังรักกัน มีความใส่ใจ เป็นตัวตนของทั้งมธุวันและเมฆาในสมัยก่อน มันน่าจะยิ่งทำให้หมอกเศร้าสะเทือนใจจนจับต้องได้มากขึ้นครับ เพราะสิ่งนี้มันเหมือนเป็นความฝันของเขา เป็นความฝันที่ไม่เคยเป็นจริง

แต่ต่อให้ถ้าเมฆาไปอ่านเจอแล้วตัดสินใจจะทำเหมือนคู่รักมากขึ้น มันก็ไม่ทำให้หมอกดีขึ้นเท่าไหร่หรอก เพราะเมฆาความจำเสื่อมไปครับ เมฆาไม่รู้ว่ามธุวันเจ็บมากขนาดไหนจากการเลิกกัน เมฆาไม่รู้ว่ามธุวันต้องร้องไห้เป็นเผาเต่าจนโทรมขนาดไหน เมฆาไม่รู้ว่าห้าปีที่ผ่านไปมธุวันใช้ชีวิตยังไงหลังจากผิดหวังในความรัก ยิ่งเมฆาทำดี มันจะยิ่งกรีดใจมธุวันครับ ถ้าจะแก้ได้ มันต้องเปิดใจคุยกัน ถ้าต่างฝ่ายต่างเปิดใจขึ้นอีกสักนิดหน่อย อย่างน้อยๆมันก็คงเรียกว่าเป็นเดทเริ่มต้นได้ แม้จะไม่ใช่ความฝันอย่างที่มธุวันอยากจะมีก็เถอะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-01-2018 13:54:00 โดย Grey Twilight »

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
ค้างอย่างจริงจัง

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
ความเจ็บปวดในอดีตยังตามมาหลอกหลอน :mew6:
่ส่วนอีกคน ก็เล่นกับความรู้สึกของคนรักอยู่ได้  :เฮ้อ:
+1 ให้เป็นกำลังใจครับ  :L2:

ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
เข้มแข็งมากมธุวัน

ออฟไลน์ Chiffon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :z3: โอ้ยยย ยอมหยุดงานอ่านรวดเดียวมาถึงตอนล่าสุดเลย

ที่ต้องเลิกกันเพราะคุณแม่ไม่อยากให้ลูกต้องเป็นเหมือนพี่ชายใช่มะ

ดูจากวันเกิด เมฆน่าจะเป็นเงาตัวจริงของหมอก

ออฟไลน์ Panamapaper

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :jul1: อยากอ่านอะะะะะะ

ออฟไลน์ imac

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
สงสารหมอก

ออฟไลน์ net. net_n2537

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
อยากอ่านอีกกกกก
หมอกอย่าเครียดนะ เข้มแข็งไว้

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5

การประชุมในวันแรกผ่านไปด้วยดี มธุวันรู้สึกว่าตัวเองตื่นตาตื่นใจกับการได้ขึ้นรถไฟไปไหนมาไหนมากกว่าการเข้าประชุมเสียอีก ซึ่งถึงแม้เขาจะเก็บอาการแค่ไหน สายตาขบขันของเมฆาก็สามารถบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเขาไม่สามารถปกปิดความตื่นเต้นนั้นจากคนข้างๆได้



“เกาะไว้ เดี๋ยวก็ล้มหรอก”



เมฆาดึงให้มธุวันจับเสื้อนอกของตนไว้ ส่วนตัวเองก็โอบเอวบางไว้หลวมๆเพื่อไม่ให้เลขาร่างโปร่งถูกคลื่นฝูงชนซัดหายไป ในชั่วโมงเร่งด่วนเช่นนี้คนในรถไฟมีเยอะเสียจนมธุวันไม่สามารถเอื้อมไปจับห่วงจับเพื่อพยุงตัวเองไว้ได้ ทำให้ต้องจำใจเกาะเมฆาไว้แม้จะไม่เต็มใจเพียงไรก็ตาม คนตัวเล็กกว่าจ้องเนคไทค์ของร่างสูงเขม็ง ปฏิเสธที่จะเงยหน้ามองคนที่ได้ดั่งใจตัวเองทุกอย่างมาตั้งแต่มาถึงญี่ปุ่น



“พระอาทิตย์ยังไม่ตกเลย อยากไปไหนก่อนกลับโรงแรมมั้ย?”



เมฆาถามหลังจากก้าวออกมาจากรถไฟ มธุวันเหลือบมองอีกฝ่ายหางตา



“คุณอยากไปไหนก็ไปสิครับ ผมก็จะไปที่ที่ผมอยากไปเหมือนกัน”



“เอางั้นก็ได้” ร่างสูงเห็นด้วยอย่างง่ายดายเสียจนคนที่ตั้งป้อมเตรียมรับลูกตื๊อของร่างสูงงงไปชั่วขณะ แต่เรียกสติกลับมาได้ก่อนจะเผลอหลุดมาดออกไป



“เจอกันที่โรงแรมครับ”



“อืม”



ความว่าง่ายอย่างไม่มีสาเหตุทำให้มธุวันหันซ้ายแลขวาอย่างระแวงไปตลอดทางที่ตนขึ้นรถไฟอีกขบวนไปยังวัดชื่อดังที่เป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยว แต่ยังคงไม่มีแม้แต่เงาของร่างสูง



อะไรของเขา บทจะไปก็ไปเสียดื้อๆ


ไม่รู้ว่าทำไมนั่นกลับทำให้มธุวันรู้สึกหงุดหงิดมากกว่าตอนที่ถูกอีกฝ่ายตามตื๊อไม่หยุดเสียอีก



เลขาหนุ่มสลัดความคิดของคนที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ทำให้เขาต้องระแวงไปเสียหมอออกไปจากหัว ธีรเชษฐ์ให้เขามาที่นี่เพื่อพักผ่อน เพราะฉะนั้นเขาจะพักผ่อนอย่างเต็มที่โดยไม่มานั่งปวดหัวว่าคนที่ติดสอยห้องตามมาถึงญี่ปุ่นนั้นจะมีแผนอะไรในใจ
มธุวันสูดหายใจเอาอากาศที่มีกลิ่นควันธูปจางลอยมาตามลมเข้าปอด ก่อนจะหยิบเอาโทรศัพท์ของตนขึ้นมาเตรียมเก็บภาพบรรยากาศของร้านรวงสองข้างทางที่แม้จะมีนักท่องเที่ยวอยู่มากมาย แต่ก็ไม่ได้วุ่นวายจนน่าอึดอัดอย่างที่เขากลัว



“ถ่ายให้มั้ย?”



เสียงทุ้มของคนที่เขาเหลียวหลังสอดส่ายสายตาหาตลอดทางมาที่วัดดังขึ้น มธุวันสะดุ้ง หันขวับไปหาร่างสูงที่ยืนถือแท่งขนมดังโงะยืนเคี้ยวหงุบหงับอยู่หน้าร้าน ฝ่ายเมฆาไม่ได้สนใจกับสายตาไม่เป็นมิตรของเลขาหนุ่ม หนำซ้ำยังยื่นไม้เสียบขนมแป้งย่างลูกกลมที่เหลือลูกสุดท้ายให้ร่างโปร่ง



“กินมั้ย?”



“นี่คุณตามผมมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”



เห็นมั้ยล่ะ เขาว่าแล้วไม่มีผิด



คนโกหก ยังไงก็เป็นคนโกหกอยู่วันยังค่ำ



“ใครบอกว่าฉันตามนายมา” เมฆาเลิกคิ้ว “ฉันมาถึงที่นี่ตั้งนานแล้ว”



ชายหนุ่มชูถาดใส่ไม้เสียบดังโงะที่ทานหมดไปสองสามไม้แล้วให้ดูเป็นหลักฐาน มธุวันอ้ำอึ้ง แสร้งโมโหกลบเกลื่อนเพื่อปิดบังเสียงใบหน้าที่แตกเพล้งร่วงกราวอยู่บนพื้นของตน



“กินอะไรเยอะแยะ”



“เดี๋ยวก็เบิร์นออก”



ร่างสูงไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจ มธุวันเคยนึกอิจฉาในความสามารถในการกินและออกกำลังอย่างจริงจังของเมฆาอยู่บ่อยครั้ง เรียกได้ว่าตั้งใจกินแค่ไหนก็ตั้งใจออกกำลังเท่านั้น



“…ผมจะเข้าวัด”



มธุวันเอ่ยพอเป็นพิธีก่อนเดินจ้ำอ้าวหนีคนที่ยืนกินแป้งย่างอย่างเอร็ดอร่อย ความอายจากข้อกล่าวหาของตนเมื่อครู่ยังร้อนผ่าวอยู่บนใบหน้า



วัดแห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆของนักท่องเที่ยวจากต่างแดน จึงไม่แปลกที่เมฆาจะบังเอิญใจตรงกับเขาแล้วมาที่นี่ เพียงแค่มธุวันไม่ได้นึกถึงความเป็นไปได้นั้นตอนที่เห็นหน้าของอีกฝ่ายก็เท่านั้น



แต่ทันทีที่ชะลอฝีเท้าลงเมื่อเดินแทรกผ่านฝูงชนมาจนถึงโคมขนาดยักษ์หน้าวัดซึ่งเป็นหนึ่งในจุดที่มีคนมายืนถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกมากที่สุด ร่างโปร่งพบว่าคนที่เขาจงใจเดินหนีอย่างโจ่งแจ้งยังคงเดินตามหลังเขามาด้วยสีหน้าตีมึนที่ชายหนุ่มถนัด



“เลิกตามผมมาซักทีจะได้มั้ย” มธุวันกอดอกอย่างไม่พอใจ



“ฉันมาเที่ยววัด ไม่ให้เดินเข้าวัดจะให้ไปไหน?” เมฆาถามย้อน คนที่หน้าแตกเป็นครั้งที่สองภายในระยะเวลาไม่ถึงห้านาทีหุบปากฉับ ตัดสินใจว่าจะไม่พูดอะไรกับอีกฝ่ายอีกต่อไป



เขารู้ว่าเขากำลังพาลจากความหงุดหงิดที่สั่งสมมาตั้งแต่มาถึงญี่ปุ่น แต่คนช่างตื๊อข้างกายก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรง่ายขึ้นเลยสำหรับเขา



“งอนเป็นเด็กเลยเรา โมโหหิวอีกแล้วเหรอ?”



“อะไรของคุณ? ผมไม่ได้...อื้อ!”



คนที่กำลังจะเถียงร้องประท้วงเมื่อถูกยัดขนมโมจิลูกกลมขนาดไม่เล็กนักเข้ามาในปาก เช่นเดียวกับตอนที่อยู่ในงานวันเกิดของธีรเชษฐ์ ร่างโปร่งไม่มีทางเลือกนอกจากเคี้ยวขนมหวานไส้ถั่วแดงอย่างไม่เต็มใจแล้วกลืนลงท้อง แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรต่อคนขี้แกล้งก็ยัดขนมโมจิอีกลูกเข้าปากเลขาหนุ่มพร้อมรอยยิ้มสนุกสนานจนน่าหมั่นไส้



แต่ที่น่าเจ็บใจยิ่งไปกว่านั้นคือเมื่อท้องเริ่มมีอะไรใส่ข้างใน มธุวันกลับเริ่มรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นเสียอย่างนั้น



จะว่าไป...เขายังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลยนี่นะ



“เอ้า หายงอแงแล้วก็ไปไหว้พระกันดีกว่า มืดกว่านี้เดี๋ยวถ่ายรูปไม่ได้นะ”



เมฆาตัดบทคนที่กำลังจะปฎิเสธด้วยการดึงข้อมือของอีกฝ่ายให้เดินตามมา หากเป็นหลายเดือนก่อน มธุวันอาจจะสะบัดมือของเมฆาออกอย่างไม่ลังเล แถมด้วยคำพูดจิกกัดนิ่งๆตามสไตล์ของตน แต่ภาพของเมฆาที่ซ้อนทับกับเมฆของเขามากขึ้นทุกครั้งทำให้ร่างโปร่งรู้สึกเหมือนคำพูดตัดรอนที่เคยเอื้อนเอ่ยออกไปได้ง่ายๆกับเมฆาคนที่ไม่เคยรู้จักเขานั้นพูดออกมายากมากขึ้นทุกที







“เหนื่อยรึยัง?”



เมฆาถามขึ้นขณะที่พวกเขาหลุดพ้นจากเขตวัดที่ยังคงมีคนเดินพลุกพล่านทั้งที่ตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว มธุวันส่ายหน้า เขายังอยากสัมผัสบรรยากาศของกรุงโตเกียวยามค่ำคืนให้มากกว่านี้สักนิด ภาพทิวทัศน์ของเมืองที่เต็มไปด้วยแสงสีแต่กลับไม่ทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจทำให้มธุวันรู้สึกอยากเดินเท้ากินลมชมวิวระหว่างทางกลับไปที่โรงแรมของตัวเองด้วยซ้ำหากไม่กลัวหลงทาง



“งั้นไปทางนี้”



“เดี๋ยวสิคุณ สถานีมันอยู่...เลิกจับมือผมซะทีจะได้มั้ยเนี่ย?!”



มธุวันร้องอย่างเหลืออดกับคนชอบฉวยโอกาสที่เอะอะก็คว้ามือเขาลากไปไหนต่อไหน แต่ร่างโปร่งก็ยอมให้เมฆาลากไปอย่างไม่เต็มใจนักแม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะพาเขาออกนอกเส้นทางไปไหน



“….”



เลขาหนุ่มเบิกตากว้างอย่างตกตะลึงเมื่อเห็นจุดหมายปลายทางที่อยู่ไม่ห่างจากสถานีรถไฟมากนัก ทางเดินภายในสวนสาธารณะเลีียบแม่น้ำเริ่มเปิดไฟเพื่อให้ผู้คนสัญจรไปมาสะดวก แต่ภาพของต้นซากุระบานสะพรั่งที่เรียงรายสองข้างทางในค่ำคืนที่เงียบสงบเช่นนี้ทำให้มธุวันเกือบลืมหายใจ



ไม่ใช่เพราะที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นจุดสนใจของผู้คนต่างแดน



แต่เพราะมันเป็นเพียงสวนสาธารณะธรรมดา ที่เมฆาเคยบอกว่าอยากจะพาเขามาเดินชมซากุระด้วยกันสองคน



‘สวนสาธารณะนี้อยู่ข้างๆโรงแรมที่เมฆเคยไปพักตอนไปญี่ปุ่นครั้งแรก ไม่ได้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอะไรหรอก แต่ต้นซากุระที่นั่นสวยไม่แพ้จุดชมซากุระดังๆเลยนะ’



มธุวันจำได้ว่าเมฆาเปิดภาพวิวยามค่ำคืนของสวนสาธารณะในโทรศัพท์ของตนให้เขาดู ซึ่งสวนสาธารณะที่เขายืนอยู่ในตอนนี้ยังคงเหมือนกับรูปในเครื่องของอดีตคนรักแทบทุกกระเบียดนิ้ว มธุวันรู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงของตนหายไปเสียดื้อๆ เขาเหลือบมองเมฆาด้วยสายตาหวาดระแวง แต่ดวงตาของร่างสูงทอดมองไปยังแม่น้ำที่สะท้อนแสงจันทร์อย่างงดงามราวภาพวาด



“ฉันมาที่นี่ครั้งล่าสุดเมื่อปีก่อน” จู่ๆอีกฝ่ายก็เอ่ยขึ้น “ในตอนนั้น ทั้งที่ไม่ใช่หน้าซากุระ แถมยังไม่ได้อยู่ในเส้นทางที่จะไป แต่พอรู้ตัวอีกทีขาก็พามาที่นี่แล้ว”



“….”



มธุวันปิดปากเงียบ เสตามองไปยังต้นซากุระที่เรียงรายตามทางเดิน ภายใต้แสงไฟสีส้มนวลตา กลีบซากุระสีชมพูจางกลับแลดูเศร้าหมองขึ้นมาอย่างน่าประหลาด



“จู่ๆในหัวมันก็คิดขึ้นมาว่า ถ้ามีใครคนนึงอยู่ตรงนี้ด้วย ต่อให้ไม่ใช่หน้าซากุระ สวนนี่ก็คงจะเป็นที่ที่สวยที่สุดที่ฉันเคยเห็นอยู่ดี” ร่างสูงยิ้มขื่น “แปลกนะ ทั้งที่ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนคนนั้นที่ฉันคิดถึงเป็นใคร”



“คุณพาผมมาที่นี่เพื่อจะมารำลึกความหลังที่ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเลยเนี่ยนะ?”



มธุวันกอดอกถามเสียงห้วน ทั้งที่ก้อนเนื้อในอกกำลังเต้นรัวอย่างบ้าคลั่งอย่างหวาดกลัวกับคำพูดนั้นของคนตรงหน้า เมฆาหันกลับมาหาเขา แสงสีส้มนวลที่ส่องกระทบใบหน้าของชายหนุ่มทำให้ดวงตาสีควันบุหรี่แลดูอ่อนโยนลงไปถนัดตา ริม
ฝีปากได้รูปขยับยิ้มบาง


“นายรู้มั้ย ในตอนนี้สำหรับฉัน ที่นี่เป็นที่ที่สวยที่สุดที่ฉันเคยเห็นเลยนะ”



โลกทั้งใบหยุดหมุนวินาทีที่มธุวันได้ยินประโยคนั้น ณ เวลานี้คนที่ยืนอยู่ข้างเขาไม่ใช่เมฆา ทรัพย์ดำรง รองประธานบริษัทที่เคยมองเขาด้วยสายตาไม่ยินดียินร้าย แต่เป็นเด็กหนุ่มร่างสูงในชุดนักศึกษาที่มีรอยยิ้มจริงใจและคำพูดหวานหูไว้เพื่อเขาเพียงผู้เดียว...



“ผมขอตัว”



มธุวันดึงสติของตนกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงก่อนที่จะถลำลึกไปกับแวววตานุ่มละมุนไปมากกว่านี้ ร่างโปร่งหมุนกายหันกลับไปยังทางที่พวกเขาเดินมา



เกือบไปแล้ว...



เลขาหนุ่มนึกโทษตัวเองที่เผลอไผลไปกับความอ่อนแอชั่ววูบ เขาได้ยินเสียงฝีเท้าของเมฆาเดินตามตนอยู่ห่างๆ แต่ทั้งสองคนไม่มีใครกล้าเอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกมาเพื่อทำลายความเงียบนั้นไปตลอดทางกลับโรงแรม

----------

ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่รับน้องแว่นกับพี่กล้ากลับบ้านในงานเจนวายนะคะ
หลังจากนี้ถ้าหนังสือส่งไปตามร้านเมื่อไหร่จะมาบอกข่าวเน้อ

ปล. มีความสั้น แอมโซซอรี่ ฮรือออออ
เราสัญญาว่าจะช้าจะสั้นก็จะปั่นไม่หายแน่นอนค่า

ออฟไลน์ ous_p

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ค่อยๆตะล่อมๆกันไป

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
บางทีก็อยากให้เมฆได้รับรู้ความเจ็บปวดของหมอกบ้าง

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
หน่วงเบาๆ เเต่เห็นแววสีชมพูละ

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เจ็บปวดและมีความสุขไปพร้อมกัน

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
หมอกอดทนไว้นะ อดทนไว้ อดทนไว้
อย่าหวั่นไหวง่ายๆนะ
 :katai2-1: :katai2-1:
 :pig4:

ออฟไลน์ Panamapaper

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :-[ ชื่นใจจจจ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เมื่อไหร่จะลงตัวน้อออ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
หมอกคงรู้สึกแปลก ๆ ในพฤติกรรมของเมฆแล้วแน่ ๆ  :hao3:

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
สงสารหมอก เดี๋ยวก็ใจเต้น เดี๋ยวก็เศร้า คงเป็นเวลาที่ลำบากใจสุดๆ ของหมอกเลย   :mew6:

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5

มธุวันนึกขอบคุณอีกฝ่ายที่ไม่เอ่ยถึงเรื่องในสวนสาธารณะขึ้นมาอีกหลังจากกลับมาถึงโรงแรมที่ห้องพักยังคงเต็มเอี้ยดไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อเปิดประตูเขามาในห้อง มธุวันพบว่าหนังสือนำเที่ยวของตนถูกวางไว้บนโต๊ะ คาดว่าแม่บ้านที่เข้ามาทำความสะอาดคงคิดว่าเขาเผลอปัดตกลงไป


ร่างโปร่งหยิบหนังสือเก็บใส่กระเป๋าเดินทางใส่รหัสไว้อย่างแน่นหนา เขาลืมไปได้อย่างไรว่าหากเมฆามาพบหนังสือเล่มนี้เข้า เขาจะต้องสรรหาคำโกหกมาให้เหตุผลว่าทำไมลายมือของเมฆาถึงได้ไปอยู่ในหนังสือเล่มนั้นได้



มธุวันลืมตาค้างนอนมองเพดานห้องสีขาวนอน ถึงแม้ประสาทสัมผัสจะรับรู้ถึงท่อนแขนที่พาดอยู่บนหน้าท้องอย่างแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของและลมหายใจอุ่นๆที่รินรดซอกคอของตน แต่คืนนี้เขาเหนื่อยเกินกว่าจะสู้รบปรบมือกับความรู้สึกของตัวเอง



มือเรียวยกขึ้นวางทาบลงบนหลังมือของอดีตคนรัก เกาะกุมมืออุ่นของเมฆาหลวมๆอย่างที่ตนเคยทำสมัยก่อนยามที่รู้สึกยุ่งยากใจ มืออีกข้างยกขึ้นแทรกนิ้วผ่านกลุ่มผมสีดำสนิทอย่างอ่อนโยน รับรู้ถึงสัมผัสอันคุ้นเคยที่เขาไม่เคยรู้ว่าตัวเองโหยหามากขนาดไหน



เขาขอฉวยโอกาสแค่นี้ ขอปลอบประโลมใจที่ไม่เคยได้รับการเยียวยา แค่ในเวลาที่ไม่มีใครรู้ถึงการกระทำของเขา



ขอแค่นี้...จะเห็นแก่ตัวมากเกินไปมั้ยนะ?








หลังจากจบการประชุมในวันที่สอง และสิ้นสุดหน้าที่ที่เขาได้รับมอบหมายอย่างเป็นทางการ จิตใจของมธุวันกลับไม่ได้อยู่ที่การใช้เวลาที่เหลืออยู่ในการท่องเที่ยวซึมซาบบรรยากาศของประเทศในฝันอย่างที่ตนคิดไว้




ร่างโปร่งเหลือบมองชายหนุ่มร่างสูงที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ข้างตนด้วยหางตา เมฆาอยู่ในโหมดอารมณ์ดีอย่างที่เขาไม่เคยเห็นอีกฝ่ายเป็นมาก่อนตั้งแต่เลิกรากันไป ถึงแม้จะไม่ได้ยิ้มร่าหรือหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง แต่ออร่าความสุขที่สามารถจับต้องได้ของร่างสูงทำให้บรรยากาศในห้องประชุมที่ควรจะตึงเครียดดูผ่อนคลายขึ้นมาเสียอย่างนั้น




“หน้าฉันมีอะไรติดอยู่เหรอ?” น้ำเสียงของร่างสูงเต็มไปด้วยความฉงนสงสัย ยกมือขึ้นลูบใบหน้าของตน



“เปล่าครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัว...”



“เดี๋ยวสิ จริงๆฉันมีอีกเรื่องที่พ่อไหว้วานมาให้ช่วย”




เมฆาเอ่ยขัดก่อนที่มธุวันจะได้เอ่ยขอตัวจบ แถมยังเอาชื่อเจ้านายของเขามาอ้างดักไว้อีกเสียด้วย



“เรื่องอะไรครับ?” มธุวันขมวดคิ้ว ถ้าอย่างนั้นทำไมธีรเชษฐ์ถึงไม่ติดต่อเขามาโดยตรง



“มาด้วยกันก่อน ไม่ไกลจากที่นี่หรอก”



เมฆาบ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบคำถาม ซ้ำยังเอื้อมมือมาจับมือเขาดึงให้เดินตามตัวเองไปอีก มธุวันกลอกตาอย่างเหลืออด แต่ก็ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายลากตัวเองออกจากตึกสูงระฟ้าอันเป็นที่ตั้งของห้องประชุมในครั้งนี้ไปยังสถานีรถไฟฟ้าที่อยู่ติดกัน







ว่าแล้ว คนอย่างเมฆานี่มันไว้ใจไม่ได้จริงๆ



“คุณนี่มัน..”



“เฮ้ย อันนี้ฉันไม่เกี่ยวนา”



เมฆายกมือถือของตัวเองที่มีแชทข้อความและรูปภาพซึ่งธีรเชษฐ์ส่งมาให้ดูเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง มธุวันได้แต่ทอดถอนใจกับกรรมเวรของตนที่ไม่หลุดพ้นจากคนในตระกูลนี้เสียที คว้าโทรศัพท์ของเมฆาไปจากมือของร่างสูงโดยไม่คิดที่จะขออนุญาตแล้วเดินดุ่มๆเข้าไปในร้านขายอุปกรณ์ของเล่นที่สงวนไว้ให้ผู้ใหญ่วัยสิบแปดปีขึ้นไป เมฆาอมยิ้มแล้วเดินตามเข้าไปในร้าน ปล่อยให้คนรู้ภาษาสื่อสารกับคนขายด้วยสีหน้าเป็นการเป็นงานที่มองดูปราดเดียวก็รู้ว่าถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ
กลบเกลื่อนความอาย



“คุณ ถามไซส์ให้หน่อย” มธุวันหันมาสั่งเขาด้วยน้ำเสียงห้วนสั้น



“ไซส์อะไร?”เมฆาเลิกคิ้วถามทั้งที่รู้ดีอยู่แก่ใจว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร



“พ่อคุณให้ซื้ออะไรก็อันนั้นแหละครับ” ร่างโปร่งตอบอย่างหงุดหงิด



“ก็พิมพ์ถามสิ โทรศัพทอยู่กับนายไม่ใช่เหรอ?”



มธุวันกลอกตาอย่างเหลือดอด หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาให้อีกฝ่ายปลดล็อค แต่เจ้าของเครื่องไม่ยอมรับโทรศัพท์ แต่กลับบอกรหัสปลดล็อคของตนให้ร่างโปร่งจัดการแทน



“3010”



เลขรหัสเดิมที่อีกฝ่ายใช้มาตั้งแต่วันเกิดของตนทำให้มธุวันชะงัก แต่แววตาไม่ไหวติงของร่างสูงทำให้เขาข่มความสงสัยของตัวเองไว้ในใจ ได้แต่กล่อมตัวเองให้คิดเสียว่าเป็นเพียงความบังเอิญ เลขทั้งสี่ตัวอาจมีความหมายต่อเมฆาแตกต่างไปจากเมื่อครั้งนั้นก็เป็นได้



‘ษา: เมฆ โทรหาษาหน่อยสิ’



ร่างโปร่งเบ้ปากอย่างหมั่นไส้เมื่อเห็นข้อความที่เด้งขึ้นมา ก่อนจะพิมพ์ข้อความส่งไปยังเจ้านายของตนเพื่อถามรายละเอียดสินค้า เขาไม่เห็นจะอยากรู้เลยว่าผู้หญิงที่เขาเคยได้ยินเมฆาคุยด้วยทางโทรศัพท์อยู่หลายหนคนนี้เป็นใคร



ไม่เลยสักนิด



“ทางนี้ครับ”



มธุวันเดินนำร่างสูงไปยังโซนสินค้าที่เจ้านายต้องการ ปากก็บ่นขมุบขมิบพึมพำสาปแช่งเจ้า(กรรม)นาย(เวร)ของตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ภาพตรงหน้ากลับทำให้เมฆารู้สึกอยากดึงอีกฝ่ายเข้ามาในอ้อมกอดมากขึ้นไปกว่าเดิม



“....อะไรของคุณเนี่ย?”



มธุวันเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อจู่ๆเมฆาก็หยิบเอาที่คาดผมที่มีเขาปีศาจสีแดงซึ่งเป็นสินค้าตั้งโชว์มาคาดบนหัวของเขาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ร่างโปร่งหน้าแดงวาบเมื่อเห็นว่าส่วนหางที่ตั้งโชว์วางอยู่เคียงคู่กันนั้นติดอยู่กับอะไร



“เหมาะกับนายดีนะ”



ร่างโปร่งแยกเขี้ยวใส่คนขี้แกล้งแล้วดึงที่คาดผมออกจากศีรษะ ก่อนจะหยิบของที่ธีรเชษฐ์ต้องการไปที่เคาท์เตอร์คิดเงิน



“คิดรวมกันครับ”



เมฆาวางเซ็ทที่คาดผมเมื่อครู่ที่ประกอบไปด้วยที่คาด หาง และชุดเสื้อแขนกุดมินิเสกิร์ตหนังสีดำมันวาวกับถุงมือไร้นิ้วสีดำยาวเลยข้อศอก มธุวันควบคุมตัวเองได้ทันก่อนที่จะถลึงตาใส่คนข้างๆ เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่พ้นโดนเมฆาย้อนกลับมาว่าไม่ได้ซื้อไปให้ตน




“คนแถวนี้แต่งคงจะน่ารักดี ว่ามั้ย?”เมฆาเปรยขึ้น



“คนขายเหรอครับ?”


มธุวันสวนเสียงเรียบ เรียกเสียงหัวเราะในลำคอจากคนฟัง เลขาหนุ่มปล่อยให้อีกฝ่ายจ่ายเงินแล้วเดินนำร่างสูงออกไปจากร้านอย่างหงุดหงิดใจ ข้อความของผู้หญิงที่ชื่อษาคนนั้นทำให้จิตใจของคนที่ไม่อยากจะยอมรับขุ่นมัวขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ แต่มธุวันปฎิเสธที่จะแสดงความอ่อนแอนั้นให้เมฆาเห็น
“ยังงอนอยู่อีกเหรอ?”



“ผมไม่ได้งอน”



เลขาหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงดื้อดึง



“โอ๋ ไม่งอนนะ ก็ฉันซื้อของพวกนี้ไม่เป็นนี่”



“อะไรของคุณอีกเนี่ย”



มธุวันสะดุ้งเมื่อแขนของอดีตคนรักโอบไหล่ตนอย่างถือวิสาสะ ไออุ่นจากอ้อมแขนแกร่งตัดกับอากาศที่แม้จะไม่ได้หนาวจับขั้วหัวใจ แต่ก็ห่างจากอากาศร้อนชื้นของประเทศไทยที่มธุวันคุ้นเคย



“เดี๋ยวจะพาไปที่ดีๆ”



สีหน้ากรุ้มกริ่มของเมฆาทำให้มธุวันหรี่ตามองอย่างไม่ไว้ใจ แต่เมื่อถูกอีกฝ่ายกึ่งโอบกึ่งลากพาเขาไปยังซอยที่อยู่ติดกับร้าน ร่างโปร่งที่ฮึดฮัดอยู่ดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันทีที่เห็นร้านเครื่องเขียนขนาดยักษ์ที่กินพื้นที่หลายช่วงตึก ถึงแม้จะอยู่ในยุคที่การจดบันทึกข้อมูลสามารถทำได้ด้วยการพิมพ์หรือเขียนข้อมูลลงในสื่อดิจิทัล แต่มธุวันยังคงชื่นชอบการจดบันทึกในแผนกระดาษมากกว่า สมัยมหาวิทยาลัยเมฆามักจะชอบซื้อสมุดและเครื่องเขียนหลากหลายประเภทมาให้คนรักเวลาใกล้สอบอยู่บ่อยครั้ง ซื้อเหมือนจะเป็นของประเภทเดียวที่มธุวันยอมให้อีกฝ่ายซื้อให้ แม้ก่อนหน้านั้นเมฆาจะต้องเกลี้ยกล่อมหว่านล้อมโดยให้เหตุผลว่าตนก็ได้ใช้ด้วยก็ตาม



“เต็มที่ ฉันเลี้ยง”



เมฆาเอ่ยพร้อมรอยยิ้มมุมปาก หากเป็นเมื่อก่อนตอนสมัยที่ยังคบกัน มธุวันคงจะเกรงใจและไม่ต้องการให้อีกฝ่ายทำอะไรแบบนี้ แต่เลขาหนุ่มเพียงแต่หันไปหาคนข้างๆพร้อมกับคลี่ยิ้มเย็นเยียบที่ทำเอาคนมองเสียวสันหลังวาบ



“พูดเองนะครับ”









แน่นอน คนอย่างมธุวันไม่ได้คิดจะทำให้เมฆาสิ้นเนื้อประดาตัวจากการเหมาเครื่องเขียน ของทุกอย่างที่เขาซื้อหากไม่คิดจะนำไปใช้เองก็เป็นสติกเกอร์ลายน่ารักที่เขารู้ว่าน้องชายที่ชื่นชอบการแปะสติกเกอร์เป็นรางวัลลงในสมุดงานของลูกศิษย์จะยินดีที่ได้เป็นของฝาก แต่ร่างโปร่งก็รู้ว่าค่าเสียหายที่จะเกิดก็คงมหาศาลพอตัว



“หยิบอีกก็ได้นะ แค่เห็นนายยิ้มก็คุ้มแล้ว”




คนที่วันนี้หยอดมันทุกเม็ดทุกหน่วยไม่เผื่อเวลาให้มธุวันได้ตั้งตัวเอ่ยขึ้นขณะเดินถือตะกร้าที่เต็มจนล้นไปด้วยสินค้าตามร่างโปร่งต้อยๆ เลขาหนุ่มที่เพิ่งรู้ตัวว่ากำลังอมยิ้มอยู่หุบยิ้มในทันทีพร้อมกับกลอกตอย่างเหนื่อยหน่ายใจกลบเกลื่อน แต่ก็หยิบ
ข้าวของยัดใส่ลงไปในตะกร้าเพิ่มอย่างไม่ขัดศรัทธา




“แต่ทำหน้าหงุดหงิดกลบเกลื่อนแบบนี้ก็สมกับเป็นนายดีนะ”



เมฆายิ้มอวดเขี้ยวคม เล่นเอาคนที่พยายามปั้นหน้าบึ้งตึงทำตัวไม่ถูกไปครู่หนึ่ง



“พอเลยครับ ไปจ่ายเงินได้แล้ว”



มธุวันไล่อีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ ปล่อยให้คนที่เดินตามมาไปจ่ายเงินและแบกข้าวของทั้งหมดตามตนขึ้นรถไฟกลับโรงแรมโดยไม่มีรางวัลอะไรมากไปกว่ารอยยิ้มที่แม้จะกลั้นอยู่เพียงใด เมฆาก็ยังสามารถเห็นร่องรอยของมันได้จางๆบนริมฝีปากเรียว




และอารมณ์ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของมธุวันทำให้ร่างโปร่งตกลงยอมไปเที่ยวกับเมฆาในวันถัดมาที่เป็นวันว่างของพวกเขาทั้งคู่ โดยบอกกับตัวเองว่าตนแค่ไม่อยากหลงทางในประเทศที่เพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรกก็เท่านั้น



ที่แรกที่เมฆาพาไปทำให้มธุวันนึกประหลาดใจ เพราะวัดนี้เป็นวัดที่ตนอ่านเจอโดยบังเอิญในเว็บและไม่มีอยู่ในหนังสือนำเที่ยว เป็นวัดชินโตแสนสงบขนาดเล็กที่มธุวันคิดว่าถ้ามีโอกาสก็อยากจะมาเยี่ยมชมสักครั้ง



และแน่นอนว่าคนคนเดียวที่เขาเคยเปิดเว็บให้ดูอ่านตื่นเต้นคือเมฆของเขา ที่ไม่มีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้แล้ว



“เป็นอะไรไป? ไม่ชอบเหรอ?”



คนนำเที่ยวถามด้วยน้ำเสียงกังวลเล็กน้อยซึ่งไม่ค่อยได้พบเห็นนักในร่างสูง แม้จะรู้สึกตงิดใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่มธุวันยังคงเลือกที่จะไม่ถาม แต่เพราะไม่อยากได้คำตอบหรือกลัวที่จะได้ยินคำตอบนั้นมากกว่า ตัวเขาเองก็ยังคงให้คำตอบไม่ได้



“เปล่าครับ เข้าไปกันเถอะ”



แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความเคลือบแคลงสงสัย แต่มธุวันยังคงกดความรู้สึกนั้นไว้ในอกแล้วเดินชมวัดกับเมฆา เพ่งสมาธิทั้งหมดไปกับความสวยงามและเงียบสงบรอบด้านที่ไม่ช่วยจิตใจของเขาผ่อนคลายลงเลย



หลังจากนั้นร่างสูงก็พาเขาไปยังถนนของกินที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล มธุวันค่อยหายใจโล่งขึ้นมาเมื่ออีกฝ่ายเลือกพาเขามายัง
สถานที่ที่เป็นที่นิยมของคนทั่วไป บางทีวัดเมื่อครู่อาจเป็นเพียงของสวยงามในทางผ่านที่เมฆาเห็นว่าน่าสนใจเมื่อครั้งก่อน
ที่มาจึงอยากพาเขาไปก็เท่านั้น



อารมณ์ที่ดีขึ้นของมธุวันทำให้เมฆาสามารถพาร่างโปร่งตะลุยโปรเเกรมเที่ยวไปได้อย่างราบรื่น มธุวันใช้เวลาหลายชั่วโมงในคาเฟ่น้องหมาที่ขนขบวนกรูกันเข้ามาหาตนราวถูกแม่เหล็กดูด คนที่นั่งเกาพุงให้เจ้าหมาชิบะที่นอนหลับตาพริ้มไม่สนใจด้วยซ้ำว่าจะโดนคนที่พามาแอบถ่ายรูปไปกี่รูป



หลังจากนั้นเมฆาก็พาเขามาล่องเรือชมวิว มธุวันยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายรูปเก็บภาพบรรยากาศไว้เมื่อรู้สึกถึงแขนแกร่งที่โอบเอาวของตนให้ขยับออกมาจากขอบเรือ



“เดี๋ยวก็ตกหรอก” คนตัวใหญ่กว่าเอ่ยเสียงดุ



“ผมดูแลตัวเองได้ครับ”



ร่างโปร่งตอบเสียงเรียบ แม้ในใจจะไม่นึกโกรธเพราะตัวเองก็ขยับเข้าไปใกล้ขอบเรือเกินไปโดยที่ไม่รู้สึกตัวจริงๆ



“ฉันไม่ได้ดูแลนายซักหน่อย” เมฆาตอบเสียงจริงจัง “ฉันดูแลตัวเองต่างหาก”



มธุวันกลอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย แต่ไม่ได้พูดอะไรเรื่องมือที่ยังคงไม่ละจากเอวของเขาแม้ว่าเขาจะอยู่ในที่ปลอดภัยแล้วก็ตาม





มธุวันคิดว่าโปรแกรมเที่ยวในวันนี้จะจบลงแล้วเมื่อร่างสูงพาเขากลับมาที่โรงแรม แต่เมฆากดปุ่มลิฟท์ที่ชั้นดาดฟ้าซึ่งเป็นชั้นที่มีภัตราคารหรูเลื่องชื่ออยู่ แต่ด้วยราคาทำให้มธุวันไม่คิดแม้แต่จะย่างกรายเข้าไป ร่างโปร่งจึงเอื้อมมือไปหมายจะกดชั้นที่ตนอยู่ แต่กลับถูกอดีตคนรักจับมือไว้เสียก่อน



“ผมจะกลับห้อง ถ้าอยากไปร้านอาหารก็ไปคนเดียวสิครับ” เลขาหนุ่มเอ่ยอย่างไม่พอใจ



“มื้อนี้พ่อฉันเลี้ยง ฉันไม่ได้เป็นคนจ่ายซักหน่อย ไปเถอะน่า” เมฆากล่อม แต่ถึงแม้มธุวันจะยังเคลือบแคลงใจ แต่ลิฟท์ก็มาถึงที่ชั้นบนสุดของโรงแรมก่อนที่ร่างโปร่งจะทันได้คิดอะไร “ทางนี้”



เมฆาจูงมือที่ตนยังคงจับไว้ออกไปจากลิฟต์พร้อมรอยยิ้ม เล่นเอาคนที่หมู่นี้ชักจะตอบสนองช้าลงทุกทีสะบัดหนีไม่ทัน รู้ตัวอีกทีก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะวีไอพีริมหน้าต่างที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าหากไม่จองล่วงหน้าคงไม่มีทางได้นั่ง



เมฆายื่นเมนูให้ร่างโปร่งเลือก แต่มธุวันส่ายหน้า



“คุณเลือกเถอะ ผมไม่ค่อยหิว”



แค่เห็นราคาเขาก็อิ่มแล้ว ถึงจะมีคนเลี้ยงก็เถอะ



เมฆาไม่ได้คะยั้นคะยอให้เขาดูเมนูต่อ ร่างสูงเปิดเมนูแล้วเริ่มสั่งอาหารกับบริกรที่มารับออเดอร์อย่างคล่องแคล่ว หากไม่เป็นเพราะเมฆาเคยมาทานที่นี่แล้ว มธุวันคิดว่าอีกฝ่ายอาจจะลองขึ้นมาดูลาดเลาก่อนหน้านี้ก็เป็นได้



เขารู้จักเมฆาดีเกินว่าจะดูท่าทีของชายหนุ่มไม่ออก



“คุณรู้ใช่มั้ยว่านี่ไม่ใช่เดท?” มธุวันถามขณะที่พนักงานเสิร์ฟรินไวน์ขาวจากขวดไวน์ที่ดูมีราคาพอสมควรใส่แก้วของคนทั้งคู่ เมฆายิ้มอย่างไม่สะทกสะท้านกับคำพูดของอีกฝ่าย



“ฉันว่านายมากกว่าล่ะมั้งที่ไม่รู้ว่านี่คือเดทน่ะ”




“เมื่อไหร่คุณจะเลิกล้มความคิดน่ารำคาญนั่นซักที ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่อยากมีแฟน...”



“เพราะแฟนเก่าที่ตายไปแล้วคนนั้นน่ะเหรอ?” คำถามของเมฆาทำเอาคำโต้ตอบของมธุวันจุกอยู่ในลำคอ ร่างโปร่งเบือนหน้าหนีก่อนจะพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก “เกลียดเขาขนาดนั้นเลยรึไง?”



“ผมแค่ไม่อยากเจ็บแบบนั้นอีก”



คำพูดที่ว่ายเวียนอยู่ในส่วนลึกของจิตใจหลุดออกไปจากริมฝีปากเรียวโดยที่มธุวันไม่ทันได้คิด ร่างโปร่งเม้มปากจนเป็นเส้นตรงด้วยสีหน้าเจ็บใจ ไม่คิดว่าตนจะสะเพร่าได้ถึงเพียงนี้



“เขาทำนายเจ็บขนาดนั้นเลยเหรอ?”



“….ผมไม่อยากพูดถึงเขา”



มธุวันเอ่ยเสียงลอดไรฟัน คนตรงหน้าเขามีสิทธิ์อะไรมาถามคำถามนี้ ทั้งที่คนที่ทำให้เขาเจ็บโดยที่ไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากการบอกเลิกครั้งนั้นคืออีกฝ่ายแท้ๆ



 เขารู้ว่าการสูญเสียความทรงจำไม่ใช่ความผิดของเมฆา แต่ในใจก็อดรู้สึกโกรธคนที่เป็นต้นเหตุของบาดแผลที่เน่าเฟะในใจของตนไม่ได้



“แล้วถ้าเมฆสัญญาว่าจะไม่ทำให้หมอกต้องเจ็บแบบนั้นอีก หมอกจะให้โอกาสเมฆอีกซักครั้งได้มั้ยครับ?”




ใบหน้าขาวชาวาบเมื่อได้ยินน้ำเสียงอ่อนโยนและคำพูดแทนตัวที่เขาไม่คิดว่าจะมีวันได้ยินอีก ร่างทั้งร่างเหมือนแข็งเป็นหินเมื่ออดีตคนรักเอื้อมมือมากุมมือของเขาที่วางอยู่บนโต๊ะไว้หลวมๆ ดวงตาสีควันบุหรี่เว้าวอนขอให้มธุวันยกโทษให้กับตัวเอง



“คุณ…ตั้งแต่เมื่อไหร่...”



“ความทรงจำเมฆเริ่มกลับมาเรื่อยๆตั้งแต่ตอนที่ได้เจอหมอกที่สนามบิน แต่ช่วงหนึ่งปีสุดท้ายก่อนที่เมฆจะรถคว่ำ ภาพมันเบลอไปหมดจนเมฆปะติดปะต่ออะไรไม่ได้” ร่างสูงสารภาพ บีบมือที่ตนกุมไว้แน่นด้วยสีหน้าเจ็บปวด “เมฆไม่รู้ว่าทำไมเราถึงเลิกกัน แต่เมฆสัญญานะว่าเมฆจะไม่มีวันทำแบบนั้นอีก หมอกให้โอกาสเมฆได้มั้ยครับ...”



มธุวันลุกพรวดขึ้นจากโต๊ะ กระชากมือของตนออกจากมือใหญ่ที่เกาะกุมอยู่อย่างแรง ดวงตาสีเทาอมฟ้าเต็มไปด้วยโทสะเมื่อได้ยินความจริงจากปากของร่างสูง



“สนุกมากใช่ที่ปั่นหัวผมได้”



ร่างโปร่งหมุนตัวพร้อมจะเดินออกไปจากที่ตรงนั้น แต่ร่างสูงใหญ่ของเมฆารวบกอดเขาไว้แน่นจากด้านหลัง เสียงทุ้มสั่นเครือ อ้อนวอนขอให้เขายกโทษให้กับตัวเองสักครั้ง



“หมอก เมฆขอโทษ...”



มธุวันวาดขาไปด้านหลัง จับคนที่ตัวใหญ่กว่าตนพอสมควรทุ่มลงบนพื้นโดยไม่สนใจว่าคนรอบข้างจะเริ่มแตกตื่น ในหัวของเขาไม่มีอะไรนอกจากโทสะที่ครอบงำจนเขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ



“หมอกตายไปพร้อมกับเมฆในอุบัติเหตุวันนั้นแล้ว คุณไม่ใช่เมฆของผม”



ร่างโปร่งทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบก่อนเดินผ่านร่างที่นอนอยู่บนพื้นไปอย่างไม่ใยดี ดวงหน้าเรียวเชิดขึ้น ปฎิเสธที่จะให้ใครเห็นความอ่อนแอของเด็กหนุ่มร่างโปร่งในชุดนักศึกษาที่ยังคงไม่สามารถลืมเด็กหนุ่มที่ชื่อเมฆได้ลง


------

ฮืออออ เก๊าหนาววววววว :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ จุ๊บจิ๊บจ๊ะจ๋า

  • I LOVE MY SMILE
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1892
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-4
โง้ยยยยยยยยยยย น้องหมอกกกกกก อย่างโหดดดดดด นุ้งเมฆงานเข้าๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
ใจเด็ดมากหมอก :hao7: :hao7: :hao7:
แล้วเมฆจะทำไงต่อไปค่ะ..สู้ๆค่ะ

ออฟไลน์ lek2512

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :o12: :o12: โอ๊ยยยยยยยย หมอกกกกกกกก แบบนี้จะเป็นต่ออะเนี่ย  หมอกต้องโกรธเพราะคิดว่าเมฆหลอกลวง  แล้วเมฆเมื่อไรเธอจะจำได้อะเนี่ยว่า ทำไมบอกเลิก  แล้วถ้าหมอกหนีไปกับพี่ชายนายจะลำบากน้า

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
โอวววว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด