[จบแล้ว]Your Stranger รัก||ไม่||ลืม ตอนพิเศษ คห.1998 P.67 (13/3/63)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว]Your Stranger รัก||ไม่||ลืม ตอนพิเศษ คห.1998 P.67 (13/3/63)  (อ่าน 502091 ครั้ง)

ออฟไลน์ net. net_n2537

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
คนที่อยู่ข้างหลังวิน เป็นใคร คงไม่ใช่หมอกหรอกนะ  :hao3:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
หมอกหึงหน้ามืดตามัวเลยแล้วบอกไม่สนใจ :laugh:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5

“You are so screwed. (นายซวยแน่)”




คำทักทายประกอบเสียงกลั้วหัวเราะดังขึ้นจากชายหนุ่มผิวซีดเจ้าของเรือนผมสีแดงเพลิงที่ถึงแม้จะไม่ขึ้นตรงกับตระกูลเหลียน แต่ก็รับคำสั่งโดยตรงจากนิโคไลเช่นเดียวกับพวกเขา




นาวินทร์รู้ดีว่าจะต้องเจอกับอะไร ลูกน้องของเขาเคยถูกลงโทษกับความผิดพลาดที่เล็กน้อยกว่านี้มาก ถึงแม้สิ่งที่เขาทำผิดพลาดไปวันนี้จะเป็นแค่การเปิดเผยตัวตนให้มธุวันเห็นขณะที่อยู่กับแดนดิน แต่ในภาพรวมของภารกิจที่ได้รับมอบหมาย เขายังไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายอะไรนัก




ทว่าสำหรับนิโคไล สิ่งที่ผิดไปจากแผนเพียงแค่เล็กน้อยก็ยังคงเป็นสิ่งที่เจ้านายของเขาไม่มีทางให้อภัย




ชายหนุ่มจึงแปลกใจที่เมื่อเข้าไปในห้อง ชายหนุ่มผมบลอนด์ที่นั่งเอนหลังอยู่บนโซฟากลับไม่มีท่าทีโกรธเคืองใดๆ




“อะไรกัน ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะ” นิโคไลถามพร้อมรอยยิ้มกว้าง




“บอสครับ ผม...”




“เอาน่า เรื่องแบบนี้ใครก็พลาดกันได้” ชายหนุ่มเอ่ยขัดคำขอโทษของลูกน้องคนสนิท “ครั้งนี้ก็จำเอาไว้เป็นบทเรียนแล้วกัน แต่ถ้ามีครั้งหน้า ฉันคงต้องลงโทษนายจริงๆจังๆแล้วนะวิน”




ความละมุนแปลกๆของเจ้านายทำให้นาวินทร์รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีแปลกๆ แต่ชายหนุ่มทำได้เพียงแค่กล่าวขอบคุณนิโคไลแล้วเอ่ยขอตัว




เขาน่าจะรู้ว่าบอสของตระกูลอัลฟอนโซ่ไม่มีทางปล่อยให้ความผิดพลาดของเขาจบลงโดยไม่มีบทลงโทษใดๆ




“พี่ริน…”




เมื่อออกมาจากห้อง เขาเห็นวรินทร์นั่งอยู่ในครัว แก้มขาวเนียนมีรอยช้ำจากแรงกระแทกคุ้นตาที่แค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร แต่ที่ต่างจากทุกครั้งคือดวงตาของพี่ชายที่ไม่เคยเผยความอ่อนแอให้ใครเห็นเป็นสีแดงเรื่อจากการร้องไห้ นาวินทร์รีบสาวเท้าไปหาพี่ชายของตนในทันที




“พี่ริน เป็นอะไรครั...”



วรินทร์ชักมือออกจากมือของน้องชายที่เอื้อมมือมาจับด้วยแววตาโกรธขึง นาวินทร์ทรุดตัวลงบนพื้น เงยหน้ามองพี่ชายของตนที่มักจะมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าเสมอ




“แค่งานง่ายๆ ทำไมถึงทำไม่ได้”




“พี่ริน...”




“นิคจะส่งพี่ไปอยู่ที่ฮ่องกงพรุ่งนี้จนกว่าจะมีคำสั่งเรียกตัวกลับ”




เสียงของร่างโปร่งแหบพร่า กรีดบาดหัวใจของคนเป็นน้องอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน





ไม่ว่าจะส่งอีกฝ่ายไปไกลแค่ไหน นิโคไลมักจะมีกำหนดที่แน่นอนในเงาคนสวยของตนตั้งตารอวันกลับมายืนเคียงข้างเสมอ




“ผมขอโทษ...”




“คำขอโทษไม่เคยแก้ไขความผิดพลาด วินก็น่าจะรู้” วรินทร์กัดริมฝีปาก “ปลายทางที่วินกำลังเลือกเดินไม่มีทางมีจุดจบที่ดี
ไม่ว่าต่อเขา ต่อตัววิน หรือคนรอบข้าง...”




ทางออกเดียวที่คนอย่างพวกเขามีคือความตาย




“อย่าถลำลึกไปกว่านี้เลยนะ”




วรินทร์เตือนสติน้องชาย นาวินทร์ทำได้เพียงพยักหน้า เอนศีรษะลงซบบนตักของร่างโปร่งให้พี่ชายลูบผมเบาๆอย่าง
ปลอบโยน นึกโกรธตัวเองที่ยอมให้ความรู้สึกดีเพียงชั่วครู่ของตนทำลายความสุขเดียวที่พี่ชายของเขามีโอกาสที่จะได้รับ








มธุวันเงยหน้าขึ้นจากคอมพิวเตอร์ของตนเมื่อได้ยินเสียงข้อความเข้า ร่างโปร่งหยิบโทรศัพท์ของตนมาเปิดดู ดวงตาสีเทาอมฟ้าเบิกกว้างเมื่อเห็นข้อความจากคนที่เขาแทบไม่ได้คุยด้วยและไม่ได้ติดต่อมานานหลายเดือน แต่ยังคงคิดถึงอยู่ตลอดส่งมาในห้องแชทกลุ่มที่ถูกสร้้างขึ้นมาใหม่ซึ่งมีสมาชิกเพียงสามคนในนั้น




‘I’m coming home, bitches! เครื่องลงห้าโมงเย็นพรุ่งนี้ หาร้านข้าวแกงเผ็ดๆไว้ให้ฉันด้วย’





ริมฝีปากเรียวฉีกยิ้มสดใสที่ไม่ได้ยิ้มมาเนิ่นนาน ที่หางตา มธุวันเห็นพนักงานที่เดินผ่านไปเดินชนเครื่องถ่ายเอกสารโครมใหญ่ แต่ชายหนุ่มไม่คิดจะสนใจ




หลังจากไปเรียนปีสี่ที่ฝรั่งเศส หันเหไปเรียนต่อด้านการออกแบบแฟชั่นต่ออีกสองปี และเซ็นสัญญาเข้าทำงานในบริษัทออกแบบแฟชั่นชื่อดังก้องโลกหลังจากนั้น ในที่สุด ญาวิกาก็กลับมาเมืองไทยเสียที









“แก๊~ คิดถึงที่สุดเล๊ยยยย”




มธุวันและณัฐภาสรู้สึกเหมือนลมถูกน็อคออกไปจากอกเมื่อร่างเล็กในชุดกระโปรงสีแดงสดกระโดดกอดพวกเขาด้วยความเร็วที่รองเท้าส้นเข็มสีเข้ากันไม่ควรทำได้




“โอ๊ย หายใจไม่ออก ตัวหนักขึ้นป่ะวะเนี่ย?”




ณัฐภาสโวย แต่ก็กอดตอบเพื่อนรักตัวเล็กที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาหลายปีพร้อมรอยยิ้มมุมปาก




“โห ไอ้ณัฐ! ฉันอุตส่าห์กลับมา ไม่มีอะไรดีๆกว่านี้จะพูดแล้วเหรอ?”




ญาวิกาค้อนอย่างไม่จริงจังนัก หลายปีผ่านไป ร่างเล็กยังคงดูเหมือนเพื่อนคนเดิมในเสื้อผ้าราคาแพงขึ้นและใบหน้าที่เปล่งปลั่งขึ้นจนสังเกตได้




“Honey, aren’t you going to introduce us? (ที่รัก ไม่คิดจะแนะนำพวกเราให้รู้จักกันหน่อยเหรอครับ?)”




เสียงทุ้มที่ดังขึ้นจากด้านหลังของญาวิกาเรียกให้สองหนุ่มหันไปมอง ชายชาวต่างชาติร่างสูงผมบลอนด์ตาน้ำข้าวที่แต่งตัวราวกับหลุดออกมาจากรันเวย์เดินแบบคอลเล็กชั่นล่าสุดเข็นรถขนกระเป๋าที่ประกอบไปด้วยกระเป๋าเดินทางสีดำขนาดกลางหนึ่งใบ และกระเป๋าเดินทางสีชมพูหวานขนาดใหญ่กองเป็นภูเขาขนาดย่อมรวมกับถุงใส่สินค้าปลอดภาษีที่มองปราดเดียวก็รู้
ว่าเจ้าของเป็นใคร




“นี่ถ้าเขามีบ้านมีรถขายมึงคงถอยออกมาแล้วสิ” ณัฐภาสเหน็บ ได้รับรางวัลเป็นมือเล็กที่ตีเพี๊ยะลงบนหลังอย่างไม่ออมแรง




“Darling, these are my friends, Mork and Nut. (ที่รักคะ นี่เพื่อนของฉัน หมอกกับนัท)” ญาวิกาหันไปแนะนำเพื่อนทั้งสองให้คนรักรู้จัก ก่อนจะหันกลับมาทางเพื่อนสนิทสมัยมหาวิทยาลัย “พวกแก นี่...”




“โรเบิร์ต กาวิโน่ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ชายหนุ่มแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรและภาษาไทยแปร่งหู หลังจากทักทายกันพอเป็นพิธี ญาวิกามีท่าทีอึกอัก ราวกับอยากจะบอกอะไรกับพวกเขาแต่ไม่กล้า ซึ่งเป็นท่าทีที่หาได้ยากจากเพื่อนสาวที่แบ่งปันทุกสิ่งอย่างให้พวกเขารับรู้แม้บางเรื่องพวกเขาจะไม่อยากได้ยินก็ตาม




“คือฉัน...จะแต่งงานกับโรเบิร์ตอีกสองเดือน”




“…เฮ้ย! จริงป่ะเนี่ย?!”




ณัฐภาสอ้าปากค้าง ร้องเสียงลั่นจนคนที่ผ่านไปมาหันมามองด้วยความสนใจ ส่วนมธุวันนั้นยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจแทนเพื่อนรัก ถึงแม้ญาวิกาจะชอบบ่นเรื่องความโสดของตัวเองจนคนรอบข้างมองเป็นเรื่องตลก แต่เขาเห็นแววตาเหงาๆของเพื่อนทุกครั้งที่เห็นคนมีคู่ โดยเฉพาะคู่ของณัฐภาสที่คนรักของเจ้าตัวช่างสวีทหวานแหววได้ทุกที่ไม่อายฟ้าดิน





“เรื่องแบบนี้ใครเขาล้อเล่นกันยะ” ญาวิกาบ่นระหว่างทางไปที่รถมินิแวนที่วันนี้เชฟโตมร คนรักของณัฐภาสอาสาขับมาเพื่อให้พวกเขานั่งไปร้านอาหารด้วยกันได้ “ก็ที่กลับมาก็เพราะเรื่องนี้แหละ”





โรเบิร์ตทักทายเชฟใหญ่ที่วนรถเข้ามารับพวกเขา ขณะที่ชายหนุ่มร่างใหญ่ทั้งสองช่วยกันขนกระเป๋าขึ้นท้ายรถ ญาวิกาก็ดึงเพื่อนทั้งสองให้ขยับออกมาจากรัศมีการได้ยินของคู่หมั้นของตน




“แก ฉันมีอีกเรื่องจะปรึกษา” หญิงสาวกระซิบ ซึ่งเป็นอีกการกระทำที่ผิดวิสัยของคนเสียงดังอย่างอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก




“ว่ามา” ณัฐภาสกอดอก เช่นเดียวกับมธุวันที่รอฟังอย่างสนใจ




“ฉัน…ท้องได้เดือนกว่าแล้ว”




“ห๊…อุ๊บ!” เลขาหนุ่มยกมือปิดปากเพื่อนตัวดีไว้อย่างทันท่วงทีก่อนที่ณัฐภาสจะได้เอะอะโวยวายคนโรเบิร์ตได้ยินเข้า




“ยินดีด้วยนะยาหยี...”





“อื้อ ฉันยังไม่ได้บอกโรเบิร์ตเลยอ่ะ พอกำลังจะบอกเขาก็เล่นขอฉันแต่งงานก่อน ฉันเลยไปไม่เป็นเลยอ่ะแก” ร่างเล็กกระซิบเสียงเครียด มธุวันได้แต่ยิ้มแห้งอย่างไม่รู้จะช่วยอย่างไร “แกว่าฉันควรจะบอกเขายังไงดีอ่ะ”




“ก็บอกว่าท้องดิ” ณัฐภาสดึงมือของมธุวันออกเพื่อออกความเห็น ญาวิกากลอกตาอย่างเหนื่อยใจ




“คนไร้ความโรแมนติกอย่างแกไปอ่อยเขาท่าไหนถึงได้พี่ใหญ่ติดหนึบแบบนี้ยะ?”




“ก็หลายท่าอยู่นะครับ” โตมรที่เพิ่งขนของเสร็จรั้งเอวบางของคนรักเข้ามาโอบไว้หลวมๆก่อนจะโดนณัฐภาสถองเข้าที่ท้อง ญาวิกาหันไปหาคู่หมั้นของตัวเองอย่างแตกตื่น แต่โรเบิร์ตเพิ่งจะปิดกระโปรงท้ายรถแล้วหันมายิ้มให้หญิงสาวอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร




“วันนี้ไปร้านเรากันดีกว่าเนอะ พี่ให้เด็กเตรียมอาหารไว้ให้แล้ว”




เชฟโตมรบอกทุกคนในรถ ร้านอาหารของร่างสูงที่เปิดร่วมกับคนรักชื่อเรือนละมุนรัก เชฟทั้งสองเข้าร้านสลับกับงานที่โรมแรมธาราโดยมีเชฟที่เป็นลูกศิษย์ของโตมรเป็นลูกมือหลายคน แม้มธุวันจะเคยได้ยินชื่่อ แต่เขาก็ไม่มีเวลาได้แวะไปลองเสียที



“เออ จริงสิ ในฐานะเพื่อนเจ้าสาว ปลายสัปดาห์นี้จะมีงานแฟชั่นโชว์ชุดเจ้าสาวที่โรงแรมธาราสาขาภูเก็ต...”




“ไม่อ่ะ เสียเงินไปนั่งดูคนใส่เสื้อผ้าเดินไปเดินมา เสียเวลาทำกิน” ณัฐภาสบ่นก่อนที่ญาวิกาจะได้พูดจบ




“โห ไอ้ณัฐ แกคิดว่าจนจะพาแกไปเรอะ ขนาดชวนไปซื้อของที่ตลากหลังมอแกยังบนฉันตั้งแต่ร้านแรกไปร้านสุดท้าย” ญาวิกาคล้องแขนมธุวันหมับ “หมอก แกไปกับฉันนะ น้า นะๆๆๆ”




มธุวันนึกทวนตารางงานในหัว




“อืม…จริงๆต้องไปกับท่านประธานอยู่แล้ว ถ้าแค่ไปดูด้วยก็น่าจะไม่มีปัญหานะ”




ธีรเชษฐ์บอกว่านิโคไลส่งบัตรเชิญมาให้ทั้งตัวชายหนุ่มเองและมธุวัน รวมไปถึงเมฆาและแขกของธีรเชษฐ์ ซึ่งเดาได้ไม่ยากว่าร่างสูงจะพาใครไป




จะคุยธุรกิจทั้งทีทำไมต้องถ่อไปถึงที่นั่น เขาไม่เข้าใจจริงๆ




“กรี๊ดดดด น่ารักที่สุดเลยแก” ญาวิกาเอาหน้าถูไถแขนของร่างโปร่งอย่างมีความสุข เรียกเสียงหัวเราะและแววตาเอ็นดูจากคู่หมั้นหนุ่มได้เป็นอย่างดี




มธุวันยิ้มให้กับท่าทีที่โรเบิร์ตมีต่อเพื่อนรักของเขา





ในที่สุด คนที่มอบความสุขและเสียงหัวเราะให้กับเพื่อนอย่างญาวิกาก็ได้เจอคนที่ทำให้เธอมีความสุขเสียที


---------

 :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
เออ ว่าแต่แฟนยาหยี นามสกุลคุ้นมากเลยนะ ขอกลับไปอ่านทวนแปบนะ

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ต๊ายย ตัวละครมาเพิ่มอีก
นางมาหลอกไรยาหยีป่ะเนี่ย

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
กาวิโน่เดียวกันใช่ป่ะ

ออฟไลน์ evanescence_69

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
โรเบิร์ต อดีตคนรักและลูกศิษย์ แม่ของเมฆเหรอ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
กราวิโน่ที่จะทำร้ายตระกูลหมอกใช่ป่ะ

ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ตัวละครจะเยอะไปไหนนนนนนนนนน

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
       โอ๊ยอะไรกันค่ะนี่โลกจะกลมไปไหน :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ถ้ามาหลอกยาหยีเพื่อนรักของณัฐกับหมอกนะ ตาเบิร์ต ตายสถานเดียว  :m16:

ออฟไลน์ net. net_n2537

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
คนจากตระกูลกาวิโน่?

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ MissMay

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
นั่นไง กาวิโน่ บอสลับออกมาละ

ออฟไลน์ nuum

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
รอตอนต่อไปครับ

        :katai4:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ซับซ้อนจนปวดหัวเลย อ่านไปมึนงงไป แต่สงสารเง่าทุกรุ่นเลย ตำแหน่งที่เจ็บปวด

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เห้ออ!! กาวิโน่

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
   Chapter 33: [Then] Let go of the past.

“ฮือ ฉันไม่อยากไปแล้วอ่ะแก”




ญาวิกางอแงอย่างไม่อายคนในสนามบิน มธุวันยิ้มเจื่อน ไม่รู้ว่าควรจะปลอบเพื่อนสาวตัวเล็กว่าอย่างไร วันนี้พวกเขาและครอบครัวของญาวิกามาส่งอีกฝ่ายไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศส แต่สาวมั่นที่พวกความมั่นใจมาเต็มเปี่ยมโดยตลอดกลับเกาะพวกเขาแจไม่ยอมปล่อยมาตั้งแต่เดินเข้าสนามบิน




“พอเลยไอ้หยี เดี๋ยวไอ้หมอกมันขาดอากาศตายกันพอดี”




ณัฐภาสดึงเอาร่างเล็กที่กอดแขนมธุวันไว้แน่นออกจากเพื่อน แต่ญาวิกาไม่ยอมปล่อย




“แก๊~ ฮืออออ”




“ไปเรียนแค่แป๊บเดียวเองยาหยี คิดซะว่าไปเที่ยว เนอะ” ร่างโปร่งพยายามพูดให้เด็กสาวใจเย็นลง แต่ญาวิกาส่ายหน้าพรืด




“ไม่เอาแล้ว”




“หยี อายเขาน่ะลูก ปล่อยเพื่อนเถอะ” มารดาของเด็กสาวเอ่ยอย่างอ่อนอกอ่อนใจ




“ไอ้หยี นึกถึงผัวฝรั่งไว้มึง อยู่นี่มึงหาไม่ได้นะเว้ย!”




ณัฐภาสถึงกับเซถอยหลังเมื่อคนที่เขาพยายามดึงออกจากมธุวันปล่อยมีจากร่างโปร่งด้วยตัวเอง ญาวิกายกมือขึ้นปาดน้ำตา
ป้อยๆพร้อมสูดหายใจดังฟุดฟิด




“ปะ…ไปก็ได้”




“โอ้โหไอ้...”




ณัฐภาสกลืนคำด่าเข้าไปในลำคอเมื่อนึกขึ้นได้ว่าครอบครัวของเด็กสาวยืนอยู่ไม่ไกล ญาวิกาแลบลิ้นใส่เด็กหนุ่มที่ยังจับแขนเธอไว้อยู่ มธุวันยิ้มเจื่อน เขารู้ว่านี่เป็นวิธีแสดงความรักแบบแปลกๆของเพื่อนรักทั้งสอง




แต่เด็กหนุ่มก็อดใจหายไม่ได้เมื่อคิดว่าในอีกไม่กี่วัน ณัฐภาสก็ต้องไปเรียนและฝึกงานนอกสถานที่เช่นกัน




เมื่อคนที่เดินมาด้วยกันตั้งแต่ปีหนึ่งมาถึงทางแยกที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ มธุวันรู้สึกว่าตนโชคดีที่อย่างน้อยที่สุด เขาก็ยังคงมีเมฆาอยู่ข้างกายต่อจากนี้




“ไปแล้วนะแก พ่อคะ แม่คะ หยีไปแล้วนะคะ”




ญาวิกากอดลาทุกคนเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อได้ยินเสียงประกาศเรียก มธุวันโบกมือให้เพื่อนตัวเล็กไปจนลับสายตา ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใจอย่างใจหาย




“ป่ะ ไปหาอะไรกินกัน”




หลังจากทั้งสองไหว้ลาครอบครัวของญาวิกา ณัฐภาสกอดคอเพื่อนที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของตนกลับไปยังรถของโตมรที่รออยู่ด้านนอก









“กลับมาแล้วเหรอ?”




เมฆาทักคนรักที่เดินคอตกกลับเข้ามาในห้อง เห็นท่าทีเซื่องซึมของมธุวันแล้วร่างสูงก็อดสงสารคนรักไม่ได้ เมฆาดึงร่างโปร่งเข้ามาในอ้อมกอด มธุวันซุกหน้าลงบนไหล่กว้างอย่างเหงาหงอย เอ่ยพึมพำเสียงอู้อี้ข้างหูคนรัก




“ดีจังที่หมอกยังมีเมฆ...”




“พูดอะไรอย่างนั้นล่ะครับ? ยาหยีแค่ไปเรียนต่อ ไม่ได้ย้ายบ้านไปอยู่ที่นู่นซักหน่อย” เมฆาเอ่ยเสียงนุ่ม พยายามหลอกล่อให้คนหงอยอารมณ์ดีขึ้น มธุวันเพียงแค่ส่งเสียงงึมงำรับรู้ความพยายามของเขา ก่อนจะสังเกตเห็นพลาสเตอร์แผ่นใหญ่ที่แปะอยู่บนต้นแขนของร่างสูง




“ไปโดนอะไรมาน่ะเมฆ”




“อ๋อ แค่กิ่งไม้ข่วนน่ะ ไม่รู้ไปโดนมายังไง ไม่ต้องสนหรอก เมฆแค่แปะไว้กันแขนเสื้อเสียดสีแผลแค่นั้นแหละ”





เมฆาไม่เคยรู้สึกดีที่โกหกคนรัก แต่คำโกหกที่ซักซ้อมมาอย่างดีนั้นฟังดูเป็นธรรมชาติจนร่างสูงอดภูมิใจไม่ได้  เช่นเดียวกับ ‘อุบัติเหตุเล็กน้อย’หลายครั้งก่อนหน้า คนเจ็บเลือกที่จะปิดบังข้อสังเกตของตนไว้เพื่อไม่ให้คนรักต้องกังวลใจโดยใช่เหตุ นาวินทร์ยังคงไม่ติดต่อมา แต่จากรอย’กิ่งไม้’ที่แท้จริงแล้วเป็นรอยลูกกระสุนของปืนอัดลมระยะไกลทำให้เมฆารู้ว่าเพื่อนของ
เขายังคงไม่สามารถหาตัวคนร้ายได้เจอ





“ระวังหน่อยสิ...อ๊ะ!”



ร่างโปร่งร้องเมื่อคนรักทรุดตัวลงกอดเอวบางไว้อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เมฆานึกขอบคุณความหื่นกามตลอดเวลาและทุกสถานที่ของตัวเองที่ทำให้มธุวันไม่ได้เอะใจเลยว่าตนกำลังพยายามเปลี่ยนเรื่องอย่างแนบเนียน




“เดี๋ยวเมฆเอาผ้าออกให้นะ”




ตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมาร่างสูงเป็นคนดูแลรอยสักให้กับคนรัก เมฆาถึงกับต้องกลับน้ำตาเมื่่อตนเป็นฝ่ายห้ามมธุวันไม่ให้ทำกิจกรรมสุ่มเสี่ยงที่อาจทำให้รอยสักติดเชื้อ โชคดีที่คนหัวไวอย่างมธุวันมักจะสรรหาวิธีที่ทำให้พวกเขาทั้งคู่มีความสุขโดยไม่ให้เลอะเทอะบริเวณที่ในตอนนี้ถูกประทับชื่อแสดงความเป็นเจ้าของไว้บนผิวกายเนียนละเอียด




ทันทีที่ผ้าพันแผลสีขาวสะอาดถูกหล่นลงไปกองกับพื้นร่วมกับกางเกงขายาวของมธุวัน ริมฝีปากได้รูปก็นาบลงบนรอยสักสีดำสนิทบนโคนขาด้านในของคนรักอย่างรักใคร่ มธุวันยกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงครางหวานเมื่อลิ้นร้อนตวัดลากยาวไปตามรอยสักของตนโดยไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า




“เมฆ!”




คนที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับเข่าอ่อนเมื่อถูกจู่โจมในบริเวณที่ไวต่อความรู้สึก มธุวันเอนพิงผนังเพื่อช่วยพยุงร่างของตนแทนขาเรียวที่สั่นเทา มือเรียวขยุ้มกลุ่มผมหนานุ่มของคนรักเพื่อระบายความรู้สึกที่ตนกำลังถูกปรนเปรอ เมฆาพรมจูบทั่วต้นขาขาว ฝากรอยประทับกระจายรอบรอยสักประหนึ่งสัญลักษณ์แสดงความเป็นเจ้าของอีกอย่าง




“อะไรเหรอครับ?”




เจ้าของชื่อเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาใสซื่อ มธุวันถอนหายใจ




“ไปที่ห้องนอนก่อนมั้ย มาทำอะไรตรงนี้เนี่ย”




“ไม่เห็นเป็นไรเลย ตรงนี้รอบนึงแล้วค่อยไปต่อที่ห้องก็ได้” เมฆาฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ “หรือหมอกอยากแวะห้องครัวก่อนเมฆก็ไม่ว่านะ”




“แล้วเมฆคิดว่าคนที่ต้องทำความสะอาดนี่ใคร?” มธุวันบ่นอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนจะหลุดหัวเราะคิกเมื่อริมฝีปากร้อนทาบลงบนหน้าท้องแบนราบของตน





“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเมฆช่วย”





เมฆเลียริมฝีปากของตัวเองอย่างเชื่องช้า แววตาของร่างสูงทำให้หน้าของมธุวันเห่อร้อนอย่างห้ามไม่อยู่





“เฮ้อ...หมอกขัดใจเมฆได้ที่ไหนล่ะ”




มธุวันเอ่ยเสียงอ่อนอกอ่อนใจ แต่ประกายสีเขียวในดวงตาสีเทาอมฟ้านั้นบ่งบอกว่าร่างโปร่งไม่ได้ไม่อยากทำตามที่คนรัก
ออดอ้อนเสียทีเดียว




เมฆาหัวเราะในลำคอ




“ก็น่าจะรู้อยู่แล้วนี่ครับ”













คเชนทร์กำลังง่วนอยู่กับการปิดคลีนิคที่ตนประจำอยู่เมื่อร่างสูงได้ยินเสียงเอะอะจากด้านนอก วันนี้เหลือเขาเป็นคนสุดท้ายที่
ยังคงอยู่ในคลีนิคหลังจากพนักงานกลับไปแล้ว นายแพทย์หนุ่มจึงตัดสินใจชะโงกออกไปดูเหตุการณ์ข้างนอกคลีนิคของตนอย่างสงสัย



“โอ๊ยๆๆๆ ไม่ไหวแล้ว”




“อดทนหน่อยนะครับป้า แท็กซี่ใกล้มาถึงแล้ว”




“ใครป้าแกยะไอ้ฝรั่งขี้นก!โอ๊ยยย ปวดดดดด”




หญิงสาวท้องโย้ในชุดคลุมท้องร้องโอดโอยขณะเกาะชายร่างสูงใหญ่ที่พยุงเธอไว้แน่น ถึงจะมีผมสีดำสนิทและตาสีดำ แต่โครงหน้าของอีกฝ่ายดูอย่างไรก็ไม่พ้นแถบทวีปยุโรปแน่ และหากสังเกตดีๆจะเห็นว่าสีคิ้วของร่างสูงเป็นสีบลอนด์ บ่งบอกว่าอีกฝ่ายย้อมผมจนกลายเป็นสีนี้




แน่นอนว่าคเชนทร์ไม่ได้สังเกตอะไรนอกจากหญิงสาวที่กุมท้องอย่างเจ็บปวด




 ชายหนุ่มหันซ้ายแลขวาเหมือนจะหาที่นั่งให้กับคนเจ็บท้องคลอด คเชนทร์รีบก้าวออกมาจากร้านของตัวเองทันทีตามสัญชาาตญาณ




“เข้ามาข้างในคลีนิคก่อนครับ ผมเป็นหมอ ถ้าเด็กคลอดก่อนแท็กซี่มา อยู่ข้างนอกจะลำบาก”




ซอยที่คลีนิกของเขาอยู่ถือเป็นซอยแคบที่มีทางรถวิ่งเพียงทางเดียวและไม่มีที่สำหรับจอดรถ ปกติคเชนทร์จะใช้วิธีเดินจากป้ายรถเมล์ที่ถนนใหญ่เข้ามาทำงาน จึงทำให้เขาไม่มีรถจะพาหญิงสาวไปส่งโรงพยาบาลเช่นกัน




“คุณหมอ ช่วยด้วยค่ะ โอ๊ยยยย”





ชายชาวต่างชาติประคองหญิงสาวที่ร้องโอดโอยเข้ามาในคลีนิคของคเชนทร์อย่างทุลักทุเล




“คุณพ่อเหรอครับ?” คเชนทร์เลิกคิ้วถาม




“เปล่าครับ ผมบังเอิญเจอป้า เอ๊ย! พี่เขาเมื่อกี้”




ชายหนุ่มชาวต่างชาติเอ่ยปฏิเสธด้วยภาษาไทยเสียงดังฟังชัด คเชนทร์พยักหน้าให้พลเมืองดีน้อยๆอย่างชื่นชม ก่อนจะหันไปสนใจหญิงสาวบนเตียงตรวจ




“ขออนุญาตนะครับ”




คเชนทร์ตรวจสอบการเปิดของปากมดลูกของหญิงสาว ร่างสูงชะงักเมื่อเห็นว่าปากมดลูกขยายกว้างถึงสิบเซ็นติเมตรแล้ว




“ผมเกรงว่าอาจจะไม่ทันแท็กซี่นะครับคุณแม่” ร่างสูงเอ่ยเสียงใจเย็น ปลอบประโลมว่าที่แม่ลูกอ่อนใจคลายความแตกตื่น




“เดี๋ยวผมขอไปเตรียมอุปกรณ์นะครับ”




ถึงแม้ในคลีนิคจะไม่ได้มีอุปกรณ์ครบครันเหมือนห้องคลอด แต่คเชนทร์ก็มั่นใจว่าการทำคลอดจะดำเนินไปอย่างราบรื่น




“คุณ มาช่วยผมหน่อย” ด้วยความเคยชินกับการมีผู้ช่วยระหว่างก้มๆเงยๆจัดเตรียมข้าวของ คเชนทร์จึงเอ่ยเรียกพลเมืองดีข้างๆตนอย่างไม่คิดอะไร




“เอ๊ะ...ผมเหรอครับ?” ชายชาวต่างชาติชี้ที่ตัวเองอย่างงุนงง



“คุณนั่นแหละ” ร่างสูงตอบเสียงห้วน หยิบถุงมือปลอดเชื้อมาใส่ให้คนที่ยังยืนนิ่งเป็นหุ่นโดยไม่รอฟังคำตอบ




“Povidine Sulotion”




“หือ?” คนถูกสั่งกระพริบตาปริบๆ หันซ้ายแลขวาอย่างงุนงง คเชนทร์ชี้ไปที่ขวดที่วางอยู่ด้านหลังของตนอย่างหงุดหงิด แม้จะรู้ว่าไม่ใช่ความผิดของคนข้างๆ แต่การเคลื่อนไหวไม่คล่องตัวทั้งที่ปากมดลูกของหญิงสาวเปิดเต็มที่เป็นอะไรที่ทำให้คเชนทร์กดดันพอสมควร




“โอ๊ยยยย หมอออออ”




“หายใจเข้าลึกๆนะครับ 1...2...3....เบ่ง!”




“โอ๊ยยยยยยยยย”




“คุณปลอบคนไข้หน่อย” คเชนทร์สั่งชายหนุ่มทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากคนไข้ของตน ร่างสูงกว่าทำหน้าเหรอหรา ก่อนจะก้าวไปข้างๆหญิงสาวที่หน้าซีดเหงื่อการแตกพลั่กอย่างไม่มั่นใจ




“เอ่อ...โอ๋ๆ...อย่าร้องน้า เดี๋ยวตุ๊กแกกินตับนะ”




คเชนทร์เกือบหน้าคว่ำกับภูมิปัญญาพื้นบ้านที่อีกฝ่ายไม่ควรจะรู้จัก โชคดีที่แม่ของเด็กคนนี้สามารถทำตามคำพูดของนายแพทย์หนุ่มได้โดยไม่มีปัญหาอะไร ทำให้อีกเพียงไม่กี่อึดใจต่อมา ทารกเพศชายสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงก็แผดเสียงร้องไปทั่วคลีนิค




“แว้!!!!!”




“ผ้าขนหนู”




คำสั่งนี้ดูจะเป็นคำสั่งเดียวที่ชายชาวต่างชาติสามารถทำได้ถูกต้อง หลังจากทำความสะอาดเด็กน้อยเสร็จโดยมีลูกมือตัวใหญ่ที่แม้จะเก้ๆกังๆแต่ก็พึ่งพาได้มากกว่าที่คิดคอยช่วย นายแพทย์หนุ่มก็ส่งเจ้าก้อนกลมที่ดิ้นดุ๊กดิ๊กในอ้อมกอดของเขากลับคืนใหแต่ผู้เป็นมารดา มุมปากที่ไม่ค่อยขยับนักเผยให้เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนเมื่อเห็นภาพที่แสนอบอุ่น




“รีบไปโรงพยาบาลดีกว่านะครับ โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดห่างจากที่นี่ไปไม่ถึงห้านาที แท็กซี่น่าจะมารอแล้ว”





โชคดีของคเชนทร์ที่เขาบังเอิญมีรถเข็นติดไว้ที่หลังคลีนิค มันเป็นของมารดาที่ล่วงลับไปแล้วของเขา แม้คลีนิคของเขาจะไม่มีบริการรถเข็นให้คนไข้ แต่คเชนทร์ยังคงเก็บมันไว้ด้วยตัดใจทิ้งไม่ลง





หลังจากส่งหญิงสาวขึ้นรถแท็กซี่ไปที่โรงพยาบาลโดยที่สามีไปรออยู่ที่ปลายทางแล้ว คเชนทร์ก็หันกลับมาหาลูกมือจำเป็นที่กำลังล้างมืออยู่ที่อ่าง




“คุณเป็นคนดีมากนะ...”




คนที่เพิ่งปิดก็อกน้ำชะงักกับคำชมของนายแพทย์หนุ่ม แผ่นหลังกว้างสั่นเล็กๆ ก่อนที่ชายหนุ่มจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่





“ขำอะไรของคุณ?” คเชนทร์ถามด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ แก้มขาวร้อนผะผ่าวจากการถูกหัวเราะเยาะโดยไม่ทราบสาเเหตุ





“...ขอโทษครับ...ผมเพิ่งเคยได้ยินคำคำนี้จากปากคุณเป็นครั้งแรกนี่แหละ” ชายหนุ่มยิ้มกว้างให้เขาราวกับเด็กเพิ่งได้ขนม คเชนทร์ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ




พิลึกคน




“คุณหมอ...ชื่ออะไรเหรอครับ?” ชายหนุ่มถามขึ้น คเชนทร์เพิ่งรู้ตัวว่าเขากับอีกฝ่ายยังไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อของกันและกัน




“คราม” ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้เผลอหลุดชื่อเล่นของตัวเองออกไป ชายหนุ่มตรงหน้าเลิกคคิ้วอย่างสนใจ





“Crime? ชื่อน่ารักดีนะครับ”




“ไม่ใช่...”



Rrrrrr




เสียงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงของชายหนุ่มชาวต่างชาติดังขึ้น เจ้าของเครื่องหยิบมันออกมาแล้วก้มศีรษะให้คเชนทร์อย่างขอโทษขอโพย




“ขอโทษนะครับ ผมมีธุระด่วนต้องรีบไปทำ”




“เอ่อ...” คเชนทร์ได้แต่พยักหน้าให้คนที่กดรับโทรศัพท์รีบร้อนเดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด นายแพทย์หนุ่มได้ยินเพียงเสียงโต้ตอบที่ฟังไม่ค่อยได้ศัพท์จากคนที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ




“แน่ใจนะริน...อืม เข้าใจแล้ว”




แต่ก่อนที่จะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น โทรศัพท์ของเขาเองก็ดังขึ้นจากกระเป๋าชุดกาวน์เช่นกัน หน้าจอเครื่องแสดงชื่อเพื่อนสนิทอายุเท่ากันเด่นหรา ชายหนุ่มถอนหายใจ ไปหาเรื่องอะไรให้เขาปวดหัวอีกล่ะ?




“ว่าไงไอ้เชษฐ์?”





“เกศอาการทรุด มึงรีบมาตอนนี้ได้มั้ย”

-----------


ไม่ได้ลืมเมฆหมอกน้าาาาาา ไม่มีเวลาปั่นจีจี :hao5: :hao5: :hao5:
ใกล้จบแล้วววว น่าจะนับถอยหลังสิบบทสุดท้ายได้แล้วววววว
 :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
กรี๊ดด ขนาดคุณหมอกับคุณพี่ชายก็เคยมีความหลังร่วมกัน อิอิ

ออฟไลน์ net. net_n2537

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 ขออีกยาวๆได้ไหม  :call:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
มีอะไรที่ร้ายแรงเกิดขึ้นบ้างในอดีตนะ  :hao4:

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อดีตของแต่ละคนนั้นช่างชวนปวดหัวมากเลยค่ะ

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
อะไรจะบังเอิญขนาดนี้  แต่ต้องกลับไปอ่านตอนก่อน เพราะจำตัวละครไม่ได้ 5555

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ rainiefonnie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
เนื้อเรื่องดูเอื่อยๆอะ  สนุกนะแต่เอื่อยไปหน่อย ปมนี้ไม่ที่คลายปมใหม่มาอีก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด