[จบแล้ว]Your Stranger รัก||ไม่||ลืม ตอนพิเศษ คห.1998 P.67 (13/3/63)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว]Your Stranger รัก||ไม่||ลืม ตอนพิเศษ คห.1998 P.67 (13/3/63)  (อ่าน 502106 ครั้ง)

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
ความรักกลับมานับหนึ่งใหม่  :hao6:
เหตุการณ์ในอดีต ถูกหวนระลึกถึงอีก หนูส้ม เธอจะเจออะไรน้า......
+1 ให้เป็นกำลังใจครับ  :L2:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
มาเรื่อยๆ เลยปมเนี่ยยยยยยยย

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
เค้าลางเริ่มปรากฎล่ะ

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
“จะวาเลนไทน์แล้วเนอะ...”



หลังจากค่ำคืนอันเร่าร้อนที่ทำให้เมฆาต้องนอนหมดแรงจากการโดนรีดพลังงานจนหมดตัว จู่ๆร่างเปลือยเปล่าที่นอนคว่ำอ่านหนังสืออยู่ข้างเขาโดยไม่สนใจจะลุกไปอาบน้ำใส่เสื้อผ้าเหมือนอย่างตอนที่เริ่มคบกันใหม่ๆก็เปรยขึ้น เมฆายกศีรษะขึ้นจากหมอนของตนอย่างประหลาดใจ ร้อยวันพันปีคนรักของเขาไม่เคยสนใจวันพิเศษอะไรกับใครเขา ทำไมอยู่ๆถึงได้เปิดประเด็นนี้ขึ้นมา




“ก็ใกล้แล้วนะ หมอกอยากได้อะไรรึเปล่า?”ร่างสูงลองถามหยั่งเชิง แอบรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยกับความเป็นไปได้ที่มธุวันจะยอมอ้อนขอของขวัญวันพิเศษจากเขาบ้างแล้ว




“เอ่อ...ก็ไม่เชิงอยากได้หรอก อยากบอกไว้ก่อนมากกว่า”




มธุวันตอบด้วยสีหน้าเคอะเขิน พลิกตัวกลับขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง ผ้าห่มของร่างโปร่งไหลลงไปกองที่พื้นตั้งแต่ตอนที่พวกเขาใช้เตียงเป็นลานกิจกรรมเข้าจังหวะก่อนหน้านี้แล้ว แต่ภายใต้แสงไฟสว่าง ร่างเปลือยเปล่ายังคงมีร่องรอยแสดงความเป็นเจ้าของกระจายราวกับกลีบกุหลาบที่ถูกโปรยลงบนพื้นหิมะสีขาว ยังไม่รวมถึงของเหลวสีขุ่นที่ไหลลงมาตามต้นขาด้านในของมธุวันที่ทำให้คนหมดแรงก่อนหน้านี้ถึงกับกลืนน้ำลายฝืดคอ




“อะ..อะไรเหรอ?”




“หมอกอยากสัก”




“ฮะ?”




คำพูดที่เมฆาไม่คิดว่าจะหลุดออกมาจากปากของคนรักทำให้ร่างสูงนิ่งไปชั่วขณะ มธุวันก้มมองมือตัวเองอย่างประหม่า




“หมอกคิดไว้ซักพักแล้วล่ะ ว่าอยากสัก แต่หมอกอยากถามความเห็นเมฆก่อน...”




“ไม่” คำปฏิเสธหลุดรอดริมฝีปากของเมฆาแทบจะในทันที มธุวันขมวดคิ้ว




“ทำไมล่ะ? อย่าบอกนะว่าเมฆไม่ชอบคนมีรอยสัก เพราะไม่อย่างนั้นเมฆคงเลิกเป็นเพื่อนกับวินไปนานแล้ว”




“เมฆไม่ได้ไม่ชอบรอยสัก...” ร่างสูงพึมพำตอบเสียงเบา “เมฆแค่ไม่อยากให้ใครมาจับตัวหมอก”




มธุวันจ้องคนที่สารภาพด้วยสีหน้าอับอาย ก่อนจะหลุดขำออกมาอย่างห้ามไม่อยู่




“สมเป็นเมฆจริงๆ”




“แล้ว...หมอกจะสักอะไร? สักตรงไหน?”




เมฆาเปลี่ยนเรื่อง มธุวันเม้มริมฝีปากอย่างชั่งใจ ก่อนจะชี้ลงบนโคนขาด้านใน จุดที่เมฆาชอบฝากรอยไว้ทุกครั้งที่ไล่จุมพิตขึ้นมาตามเรียวขาขาว




“หมอกอยากสักชื่อเมฆ..ตรงนี้”




ทุกครั้งที่เมฆาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะสามารถยั่วยวนเขาให้หัวปักหัวปำได้มากกว่านี้อีกแล้ว มธุวันก็ยังคงสรรหาวิธีที่ทำให้เขาเสน่หาเสียจนไม่อาจละสายตาจะอีกฝ่ายแม้แต่วินาทีเดียวได้




“ชื่อ...ชื่อเมฆ?”




“อื้อ...ตัวคันจิที่แปลว่าเมฆ”




มธุวันยิ้ม เขารู้ว่าคนอื่นอาจมองว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระที่จะประทับชื่อของใครสักคนลงบนผิวของตัวเองอย่างถาวร เพราะอนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน วันนี้เขากับเมฆาอาจจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว




แต่หากจะให้พูดตามตรง มธุวันมองไม่เห็นอนาคตของตัวเองที่ไม่มีเมฆาอยู่เคียงข้าง และในความสัมพันธ์ที่ไม่อาจบอกใครได้ในตอนนี้ มธุวันเพียงแค่อยากได้เครื่องยืนยันว่าทุกสิ่งระหว่างพวกเขาเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริิง




“เอาจริงเหรอ...” เมฆาเอ่ยเสียงอ่อย แค่ความคิดที่ว่าจะมีใครได้สัมผัสผิวกายเนียนนุ่มบริเวณนั้นนอกจากเขาก็เพียงพอที่จะทำให้ร่างสูงของขึ้น แต่เมฆารู้ดีจากแววตาของคนรักว่าอีกฝ่ายตัดสินใจไปแล้ว “งั้น...ให้เมฆสักให้ได้มั้ย?”




“เอ๊ะ เมฆสักเป็นด้วยเหรอ?” มธุวันเอ่ยอย่างประหลาดใจ นี่คนรักของเขาทำอะไรไม่เป็นบ้างเนี่ย




“อือ เคยไปเรียนที่ร้านไอ้วิน ตอนนั้นเบื่อๆ” ร่างสูงไหวไหล่ “อาจจะต้องลองซ้อมมือกันไว้ก่อนซักอาทิตย์ แต่หลังจากนั้นก็น่าจะโอเคแล้ว”




“เอาสิ” มธุวันยิ้มให้คนรัก มือเรียวประคองใบหน้าของอีกฝ่ายให้สบตากับตน รอยยิ้มหวานยั่วเย้าที่ทำให้คนมองแทบน้ำลายหก “เมฆจะได้เป็นคนเขียนชื่อเมฆบนตัวหมอก ว่าหมอกเป็นของเมฆคนเดียว...”




“แล้วไม่กลัวเมฆเถลไถลบ้างเหรอ?” ร่างสูงเลิกคิ้ว ทว่าคนรักของเขาเพียงแค่หัวเราะเบาๆด้วยสีหน้าของผู้ชนะ




“แค่หมอกคนเดียวเมฆยังสลบคาเตียงทุกวัน จะเอาเวลาที่ไหนไปเถลไถลครับ? หืม?”




ใช่แล้ว...ที่เมฆาไม่จำเป็นต้องใช้รอยสักเพื่อพิสูจน์ความเป็นเจ้าของตัวเองของมธุวัน เพราะถึงอย่างไรเสีย ร่างสูงก็ไม่มีทางหลุดรอดไปจากเงื้อมมือของคนรักไปได้




อีกอย่าง ใช่ว่าเขาจะอยากหลุดรอดออกไปเสียเมื่อไหร่








หลังจากวันนั้นเมฆก็แทบจะใช้เวลาว่างกินนอนอยู่ที่ร้านสักของนาวินทร์โดยมีเพื่อนสนิทปละคนรักผลัดกันมาให้กำลังใจ ถึงแม้ส่วนใหญ่แล้วนาวินทร์จะมานั่งแซวความทุ่มเทของเขาเสียมากกว่า




“กูล่ะนับถือความหลงเมียของมึงจริงๆไอ้เมฆ”



เด็กหนุ่มเจ้าของรอยสักเต็มตัวเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะหลังจากเมฆาสักลูกค้าคนสุดท้ายของวันเสร็จ ช่างสักจำเป็นไม่ได้ถือคำพูดของเพื่อนเป็นคำดูถูกแต่อย่างใด ดูเหมือนจะภูมิใจกับตำแหน่งที่ได้รับเสียด้วยซ้ำ




“งั้นหมอกเข้าไปได้แล้วสิ”




มธุวันเปิดประตูเข้ามาในห้องสักหลังร้าน ถึงแม้เขาจะมาให้กำลังใจร่างสูงอยู่บ่อยครั้ง แต่เมฆาไม่ค่อยให้เขาอยู่ดูเท่าไหร่ บอกว่ารู้สึกประหม่าหากมีมธุวันอยู่ด้วย




“หมอกเอาแบบมาแล้วใช่มั้ย?” เมฆาปล่อยให้คนรักขึ้นไปนั่งบนเตียงสัก ถึงแม้จะตกลงกันไว้แล้ว แต่เขาก็ยังอดตื่นเต้นไม่ได้




“อื้อ”




“ไอ้วิน ออกไปรอข้างนอก” เมฆาหันมาสั่งเพื่อนเสียงเข้ม นาวินทร์ที่รู้ดีถึงความขี้หวงของเพื่อนยอมล่าถอยออกไปรอข้างนอกแต่โดยดี




หลังจากที่มีธุวันถอดกางเกงออก ช่างสักจำเป็นก็แยกขาเรียวออกจากกันโดยมีร่างของตนคั่นกลาง แม้เขาจะทำแบบนี้กับมธุวันนับครั้งไม่ถ้วนในกิจกรรมที่ถูกเนื้อต้องตัวกันมากกว่านี้หลายเท่า แต่เมฆากลับรู้สึกไม่ต่างจากครั้งแรกที่เขาได้จับเรียวขาเนียนของอีกฝ่ายแยกออกจากกันเลยสักนิด




“คิดลามกอะไรอยู่?” ร่างโปร่งยิ้มอย่างรู้ทัน




“เมฆไม่ได้คิดอะไรซักหน่อย หมอกอย่าโยนความผิดให้เมฆสิ”




เมฆาช้อนตามองคนรักด้วยแววตาใสซื่อที่สุดเท่าที่ตนจะแสร้งทำออกมาได้ ซึ่งเขารู้ดีว่าคนรักไม่หลงกลเขาสักนิด




“เอาสิเมฆ จะไปกินข้าวกับวินกันต่อไม่ใช่เหรอ?” มธุวันเร่งคนรัก วันนี้เป็นวันเกิดของนาวินทร์ เขาสัญญาแล้วว่าจะไปฉลองวันเกิดที่ผับซึ่งเจ้าของร้านสักนี้ถือหุ้นอยู่มากกว่าครึ่ง เมฆายิ้มมุมปาก




“ให้เอาตรงนี้เลยเหรอ? เดี๋ยวไอ้วินได้ยินนะ”




“พอเลย เลิกถ่วงเวลาได้แล้วน่า” ร่างโปร่งเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ ปล่อยให้คนรักหันไปเตรียมอุปกรณ์และพิจารณาร่างแบบลงบนผิวกายเนียนนุ่ม




สลักชื่อของตนไว้บนผิวกายของคนรักไปจนกว่าร่างนี้จะเสื่อมสลาย












นาวินทร์บอกเขาไว้ว่าบรรยากาศของร้านเป็นแนวร้านอาหารกึ่งผับ ซึ่งไม่ใช่เรื่องโกหก แต่รู้สึกว่าสัดส่วนของผับนั้นจะมีน้ำหนักมากกว่าสัดส่วนของร้านอาหารอยู่พอตัว




“ทางนี้”




นาวินทร์นำทางเพื่อนทั้งสองไปยังโซนวีไอพีที่เป็นบูธโซฟาสีแดงสดเข้ากับแสงไฟสีเหลืองนวลสลัวเหมาะแก่การทำเรื่องส่วนตัวจนมธุวันอดย่นจมูกอย่างไม่ชอบใจไม่ได้ สมกับที่เป็นร้านของเพลย์บอยตัวพ่ออย่างนาวินทร์ ถึงแม้เขาจะไม่เคยเห็นอีกฝ่ายควงใครมาหา แต่กิตติศัพท์ของอีกฝ่ายนั้นต่อให้เมฆาไม่บอกเขา บทสนทนาของคนรักกับเพื่อนสนิทก็บอกมธุวันได้ดีว่านาวินทร์นั้นเปลี่ยนคู่ควงบ่อยเพียงใด




โชคดีที่คนของเขาไม่ได้มีนิสัยแบบนั้น





“สั่งเลย เต็มที่ คืนนี้กูเลี้ยง เมาก็มีห้องให้นอน” นาวินทร์ยุเต็มทีี่ ถึงแม้จะรู้ว่าเมฆาไม่มีทางดื่มจนเมาแล้วเอาตัวเองไปเป็นภาระของมธุวัน




“เอาเบียร์สดมาแก้วนึงพอ”




ดังคาด เมฆาสั่งเครื่องดื่มมึนเมาพอเป็นพิธีไม่ให้เสียน้ำใจเพื่อน ก่อนจะเริ่มสั่งของโปรดของมธุวันในเมนูอย่างคล่องแคล่ว ส่วนมธุวันสั่งเพียงแค่นมช็อกโกแลต แม้นาวินทร์จะคะยั้นคะยอให้ลองค็อกเทลขึ้นชื่อของทางร้านที่ผสมแอลกอฮอล์เพียงเล็กน้อย แต่ร่างโปร่งเพียงแค่ส่ายหน้าปฏิเสธยิ้มๆแต่หนักแน่น




“ให้เราสร่างซักคนนึงเถอะ เมากันหมดเดี๋ยวได้นอนกองกันตรงนี้พอดี”




“อย่าใจร้ายนักเลย...มาสนุกกับพี่ดีกว่าน้า....”




เสียงที่ดังขึ้นแม้เสียงดนตรีรอบข้างจะบรรเลงจังหวะเมามันส์ให้คนบนฟลอร์วาดลวดลายกันเรียกความสนใจของมธุวันไป ดวงตาสีเทาอมฟ้าเบิกกว้างก่อนที่ร่างโปร่งจะผุดลุกจากที่นั่งเมื่อเห็นว่าฝ่ายที่กำลังโดนคนเมาฉุดกระชากอยู่ที่ฟลอร์นั้นเป็นเด็กชายร่างเล็กในชุดนักเรียนที่ไม่สมควรมาอยู่ในสถานที่แบบนี้





มธุวันย่างสามขุมเข้าใกล้ชายหนุ่มที่ลูบไล้ร่างขงเด็กน้อยที่ทั้งร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ ทั้งดิ้นหนีอย่างไม่ยอมแพ้ถึงแม้จะสู้แรงของคนตัวใหญ่ไม่ได้ แต่ร่างสูงใหญ่ของคนรักก้าวผ่านเขาไป ก่อนจะประเคนหมัดลุ่นๆใส่คนเมาลงไปนอนนับดาวกับพื้น




ร่างเล็กที่ถูกช่วยไว้เงยหน้าขึ้นอย่างดีใจ ทว่ารอยยิ้มของเด็กชายหายไปจากใบหน้าอย่างรวดเร็ว มธุวันคิดว่าอีกฝ่ายคงคาดหวังว่าคนที่จะมาช่วยเป็นใครอีกคนที่ไม่ใช่พวกเขา




เมฆาซัดหมัดซ้ำใส่หน้าคนที่ร่วงไปแล้วอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ แล้วหันกลับมาทางเด็กชายที่ยังยืนตัวแข็งด้วยความหวาดกลัว ดวงตาคมสีควันบุหรี่พิจารณาหารอยแผลตามร่างของอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนว่าร่างเล็กจะเข้าใจผิดว่าเมฆากำลังคิดอะไรไม่ดีถึงได้ตัวสั่นขึ้นมาแบบนั้น




“เป็นอะไรรึเปล่า”




มธุวันถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง คลายความตึงเครียดจากใบหน้าของเด็กชายออกไปได้มาก ร่างเล็กในชุดนักเรียนยกมือไหว้พวกเขาทั้งคู่ด้วยสีหน้าซาบซึ้งใจ




“ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยผมไว้”




“มากับใครเนี่ย ทำไมถึงได้อยู่คนเดียวในที่แบบนี้ล่ะ?”ร่างโปร่งถามอย่างเป็นห่วง




“ผม…มากับพี่...” เด็กชายตอบอ้อมแอ้ม “เขาไปกับ...เพื่อน”




“โห ลำบากแย่เลย แถวนี้ก็มีแต่คนเมา นี่ มานั่งกับพวกพี่ก่อนมั้ย อยู่โตะข้างๆนี่เอง ถ้าพี่ชายมาค่อยกลับมา”





มธุวันเสนอ เขาไม่อยากปล่อยให้เด็กชายอยู่ในดงนักล่าแบบนี้คนเดียวโดยที่ไม่มีใครดูแล พี่ชายของอีกฝ่ายก็จริงๆเลย นึกอย่างไรถึงได้พาเด็กตัวแค่นี้มาทิ้งไว้ในที่แบบนี้





“งั้น รบกวนด้วยนะครับ” เด็กชายยกมือไหว้อีกครั้งอย่างเกรงใจ ท่าทีเกร็งๆของอีกฝ่ายทำให้มธุวันนึกสงสารขึ้นมา เด็กคนนี้อายุน้อยกว่าน้องชายของเขาเสียอีก ร่างโปร่งแนะนำตัวด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร




“พี่ชื่อหมอก นี่พี่เมฆ น้องชื่ออะไรเหรอ?”




“เหนือฟ้าครับ”





เด็กชายแนะนำตัวด้วยท่าทีขัดเขิน มธุวันพยักหน้ายิ้มๆ นำทางเหนือฟ้าที่เดินตามพวกเขาไปยังโต๊ะวีไอพีที่อยู่ด้านหลังอย่างว่าง่าย




“วิน จัดการด้วย” เมฆาเอ่ยขึ้น มธุวันรู้ดีว่าหมายถึงร่างที่ยังคงนอนกองอยู่บนพื้นตรงที่พวกเขาทิ้งไว้




“เออๆ กองมันไว้ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวให้เด็กหิ้วไปทิ้ง” นาวินทร์เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ ยกแล้วเหล้ากระดกเข้าปาก ร่างสูงเหลือบมองเด็กน้อยที่หลบอยู่ด้านหลังของมธุวันด้วยแววตาสนใจ “นั่งเลยครับน้อง สั่งอะไรก็ได้ พี่เลี้ยงเอง ถือเป็นการไถ่โทษที่ผับของพี่มีคนแบบนี้เข้ามา”




เหนือฟ้าพยักหน้า แต่ก็ไม่ยอมสั่งอะไรเสียทีทำให้นาวินทร์จัดการสั่งอาหารทานเล่นและน้ำอัดลมมาให้เด็กชายรองท้องแก้หิว




“น้องเหนือเรียนม.ไหนแล้วเนี่ย เข้ามาในที่แบบนี้เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่จะดุหรือเปล่า?”มธุวันถามด้วยน้ำเสียงแบบเดียวกับที่เขาใช้เวลาที่แดนดินหนีเที่ยวกับเพื่อนๆ เด็กชายหน้าเสีย อึกอักไม่กล้าตอบเขา



“คือ..”




“เอาน่าๆ อย่าดุน่าเลยหมอก ไว้ฉันจะกำชับเรื่องตรวจบัตรให้เข้มกว่านี้ วันนี้วันเกิดฉันนะ ผ่อนคลายหน่อยสิ”





นาวินทร์ออกโรงปกป้องเด็กชายที่นั่งอยู่ข้างๆ โอบไหล่บางอย่างสนิทสนม มธุวันหรี่ตามองอีกฝ่ายเป็นเชิงเตือน แต่ท่าทีเป็นกันเองของนาวินทร์ดูเหมือนจะทำให้เด็กชายผ่อนคลายลง





“เอ่อ สุขสันต์วันเกิดนะครับพี่วิน” เหนือฟ้าหันไปพูดกับเจ้าของผับ




“โอ้ ขอบใจๆ เด็กดีจริงๆ”นาวินทร์หัวเราะชอบใจ




มธุวันและนาวินทร์ชวนเด็กชายคุยไปเรื่อยๆ ทั้งเรื่องจิปาถะ ดินฟ้าอากาศ การเรียน แม้กระทั่งเรื่องชีวิตคู่ของเขาและเมฆา การได้เล่าเรื่องของพวกเขาให้คนอื่นฟังนอกจากนาวินทร์ทำให้มธุวันอารมณ์ดีขึ้นอย่างบอกไม่ถูก ทว่าระหว่างที่เขาคุยกันอยู่นั้น ร่างเล็กก็ถูกกระชากจากแขนของนาวินทร์โอบไหล่อยู่เซถลาไปซบกับอกแกร่งของเด็กหนุ่มร่างสูงที่จ้องพวกเขาด้วยแววตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ





“มาทำอะไรตรงนี้!”




“เฮ้ย!”





ทั้งสามลุกขึ้นทันที แต่เหนือฟ้ารีบเอ่ยปรามทุกคนด้วยสีหน้าร้อนรน





“ไม่…ไม่เป็นไรครับ นี่พี่ชายผม”




“หึ พี่ชาย?” คนที่ถูกเรียกว่าพี่แยกเขี้ยวอย่างไม่สบอารมณ์ “ได้...อยากได้พี่ชายใช่มั้ย?”




ร่างเล็กถูกลากออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว พวกเขาทั้งสามตั้งท่าจะเดินตามมาด้วยความเป็นห่วง แต่เหนือฟ้ากลับส่ายหน้าพรืดอย่างอ้อนวอน ขอร้องให้พวกเขาปล่อยตนไปกับคนที่ดูอย่างไรก็ไม่มีทางหวังดีกับร่างเล็กได้ มธุวันมีสีหน้าเป็นกังวล แต่แววตาของเหนือฟ้ายามเหลือบมองไปที่ร่างของคนที่ฉุดกระชากเขาออกไปทำให้มธุนจับร่างของเมฆาไว้ไม่ให้เดินตามออกมา




“ปล่อยเขาไปเถอะเมฆ”




“แต่…” มธุวันส่ายหน้า เมฆาที่กำลังจะเถียงสงบปากสงบคำลงแต่โดยดี ทิ้งตัวกลับลงไปนั่งอย่างไม่สบอารมณ์




“ให้ตายสิ แบบนี้ต้องไปเฉ่งพวกเด็กคุมประตูซักหน่อยแล้ว ตรวจบัตรประสาอะไรวะปล่อยให้เด็กนักเรียนเข้ามาได้”นาวินทร์พ่นลมหายใจ ลุกออกไปจากที่นั่งด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ มธุวันขยับชิดร่างสูง เอนพิงแผงอกแกร่งของคนที่เงียบไป





“เป็นอะไรรึเปล่า?”





“เด็กคนนั้น...อายุน่าจะพอๆกับน้ำอุ่น”





“น้องน้ำอุ่น...น้องคนรองของเมฆน่ะเหรอ?” มธุวันนึกถึงเด็กชายหน้าสวยในชุดกระโปรงสีหวาน





“เมฆไม่ค่อยสนิทกับน้องเท่าไหร่...หลังจากออกมาอยู่หอก็เจอหน้ากันแทบจะนับครั้งได้...” ร่างสูงยอมรับ ไม่บ่อยนักที่อีกฝ่ายจะยอมเล่าเรื่องของครอบครัวตัวเองโดยที่มธุวันไม่ต้องถาม “ถ้ามีใครมารังแกอุ่นแบบนั้น...เมฆ...เมฆไม่รู้ว่าเมฆจะช่วยอะไรน้องได้...”





“น้องชายเมฆ คนที่เรียนยิงปืน ฟันดาบ มวยไทย ยูโด ไอคิโด้ แล้วก็คาราเต้น่ะนะ?”




มธุวันถามอย่างเคลือบแคลงใจ จากประวัติของสามพี่น้องตระกูลทรัพย์ดำรงที่เมฆาเล่าให้ฟัง เขาว่าคนที่จะถูกรังแกน่าจะเป็นฝ่ายที่เข้ามาหาเรื่องเด็กหนุ่มเสียมากกว่า




“การทำร้ายใครซักคน บางครั้งมันก็ไม่ได้มาในรูปแบบของการทำร้ายร่างกายอย่างเดียวหรอกนะ”




ดวงตาสีควันบุหรี่ทอดมองไปยังแสงสลัวเบื้องหน้าอย่างเหม่อลอย  จากคำบอกเล่าของเมฆา การที่ธารธาราถูกยายของตัวเองบังคับให้ใส่ชุดผู้หญิงและไว้ผมยาวเพื่อสะเดาะเคราะห์ให้มารดา นอกจากจะเป็นฝืนใจเด็กหนุ่มแล้ว ยังน่าจะทำให้ธารธาราตกเป็นเป้าของการกลั่นแกล้งจากเด็กวัยเดียวกัน เมื่อบิดาและมารดาไม่ทำอะไรกับเรื่องนั้น เด็กอย่างเมฆาจะพูดอะไรก็คงทำไม่ได้




“ถ้าน้องน้ำอุ่นเข้มแข็งเหมือนเมฆ หมอกว่าน้องจะต้องผ่านมันไปได้แน่ๆ” มธุวันกุมมือคนรัก บีบมือใหญ่เบาๆเป็นการให้กำลังใจ ก่อนจะหันไปมองรอบกาย “วินช้าจัง หายไปไหนแล้วเนี่ย”




“ไปตามกันมั้ย?” เมฆาเสนอ ก้มมองนาฬิกาข้อมือของตัวเองเมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทหายไปนานแล้วจริงๆ




ทั้งสองเดินไปตามทางออกซึ่งต้องผ่านผู้คนจำนวนมากที่นัวเนียกันอย่างไม่อายฟ้าอายดิน เมฆาโอบไหล่ร่างโปร่งไว้แน่น ไม่ยอมให้ใครได้ ‘บังเอิญ’มาชนคนรักได้




“อ๊ะ นั่นไง”




มธุวันชี้ไปยังซอกหนึ่งของผับที่อยู่ไม่ไกลออกไปนัก นาวินทร์ยืนอยู่กับผู้ชายสองคนที่ขนาดตัวพอๆกับร่างสูง แต่ก่อนที่มธุวันจะได้เรียก เด็กหนุ่มเจ้าของรอยสักเต็มตัวก็ดึงหนึ่งในสองคนนั้นเข้ามาซุกไซร้ซอกคอ มืออีกข้างกระตุกคอเสื้อของชายอีกคนเข้ามาใกล้




“อ๋า….”




“ไปกันเถอะ น่าจะอีกนาน” เมฆาเอ่ยปนหัวเราะในลำคอ ยกมือคนปิดตาคนรักไม่ให้เห็นภาพอุจาดตา ดึงมธุวันให้กลับไปรอเจ้าของวันเกิดที่โซฟาเช่นเดิม




ทั้งสองไม่ได้รู้เลยว่า นาวินทร์ที่ดึงร่างสูงของชายแปลกหน้าที่ทำลับๆล่อๆตามเขามาตั้งแต่ร้านสักเข้ามาแนบชิดทันทีที่เห็นมธุวันเมื่อครู่ผละออกจากอีกฝ่าย แล้วจับศีรษะของชายสองคนที่ยังอึ้งค้างอยู่โขกกระอย่างแรกจนลงไปนอนนับดาวกับพื้น ร่างสูงลากคอเสื้อของคนทั้งคู่ให้เข้าไปในมุมอับสายตามากขึ้นแล้วบีบคอของชายคนหนึ่งไว้ ขาข้างหนึ่งเหยียบคอหอยของชายอีกคนอย่างไร้ความปราณี




“ใครส่งพวกแกมา”




“หึ…กูไม่...อุ๊ก!” คนปากดีถูกกระทืบซ้ำอีกรอบจนกระอักเลือด หากมีเวลามากกว่านี้เขาคงจะเค้นเอาข้อมูลออกมาจากพูกลูกกระจ๊อกพวกนี้ด้วยตัวเอง




แต่ตอนนี้ความปลอดภัยของมธุวันต้องมาก่อน




“ทาริน” เด็กหนุ่มติดต่อกับเพื่อนร่วมทีมที่แสตนด์บายรอไม่ห่างมาตั้งแต่พวกเขาอยู่ที่ร้านสัก “มาเก็บพวกมันไปด้วย”




“รับทราบ”




เสียงทุ้มตอบกลับมา นาวินทร์ถอนหายใจ เรื่องการสืบหามือดีที่เล่นงานเมฆายังไม่ไปถึงไหน ก็มีภัยคุกคามมาให้เขากังวลใจเพิ่มอีก




จะรายงานบอสขี้หวงน้องชายของเขาว่ายังไงดีล่ะเนี่ย











“พวกกาวิโน่กำลังส่งคนตามคนของตระกูลเหลียนทุกคนที่อายุใกล้เคียงกับมิคาเอล” เกศราพึมพำขณะไล่อ่านข้อมูลที่เธอแอบลักลอบผ่านไฟล์ข้อมูลที่สายของเธอในตระกูลอัลฟอนโซ่รายงานมา “พวกนั้นคงคิดว่าคุณหนูมิคาเอลอยู่กับเงาของตัวเอง แต่เกศออกมาจากตระกูลก่อนที่เมฆจะเกิด คิดว่าพวกที่ถูกจับได้วันนี้คงตามนาวินทร์ไป...”




“เข้านอนเถอะค่ะคุณผู้หญิง คืนนี้คงไม่ได้อะไรมากไปกว่านี้แล้วล่ะค่ะ” ป้าแต้วเอ่ยกับนายหญิงของบ้านที่ยังคงง่วนอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งที่เลยเวลานอนของตัวเองมานาน เกศราถอนหายใจ นวดขมับที่ปวดตุบของตัวเองด้วยมือที่ซูบผอมทั้งสองข้าง




“เดี๋ยวเกศขอปิดคอมก่อนค่ะ”




ทว่าก่อนที่เกศราจะได้กดปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ หน้าต่างที่เธอไม่ได้เปิดไว้ก็เด้งขึ้นมาบนหน้าจอเสียก่อน




“…!!”




ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้าง มือที่ซูบผอมไร้เรี่ยวแรงสั่นระริกอย่างห้ามไม่อยู่




บนหน้าจอปรากฏเพียงถ้อยคำสั้นๆ แม้จะดูไม่สลักสำคัญสำหรับคนอื่นที่ได้อ่าน แต่สำหรับเกศรา ตัวอักษรเพียงไม่กี่ตัวและรูปดอก Bleeding Heart สีแดงสดที่แนบมานั้นทำให้หญิงสาวเย็นวาบไปถึงกระดูกสันหลัง




‘Found you, my love.



- I’



เจอคุณแล้ว ที่รักของผม




คนที่เคยพร่ำบอกว่ารักเธอจนแทบขาดใจ




ศิษย์ที่เธอถ่ายทอดความรู้ทุกอย่างให้โดยไม่นึกหวงแหน




หนอนบ่อนไส้ที่นำความสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดมาสู่ตระกูลอัลฟอนโซ่และตระกูลเหลียน เพียงเพราะเธอไม่อาจรับความรักจากเขาได้


ไอแซค


-------

มาเซอร์ไพร์สดึกแบบยาวๆ :katai4: :katai4: :katai4:
อาจจะวาร์ปๆหายๆเช่นนี้แล สอบบบบบบ 55555 สอบใหญ่มากด้วยค่า ฮรืออออ
แต่จะมี เล่นของสูงอายุ ที่จะอัพให้เรื่อยๆเพราะพอจะมีสำรองไว้บ้างนะคะ :mew2:

ขอบคุณที่ติดตามเน้ออออออ

น้องแว่นลงที่ตามร้านนายอินทร์ บีทูเอส แล้วนะคะ ใครอยากเก็บน้องแว่นไว้ในอ้อมอกอ้อมใจเชิญได้เลยนะคะ :L1: :L1: :L1: :L1:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เอิ่ม

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
สรุปคนร้ายคือคนที่เคยรักแม่ของเมฆหรอเนี่ย ปมเยอะมาก เริ่มเผยออกมาแล้ว

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
เจอปมใหม่อีกแหล่ะ

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ไอแซค สูเจ้าเป็นใครฟ่ะ  :angry2:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
เหมือนจะคลายปมไปบ้าง แต่ก็กลายเป็นเพิ่มความซับซ้อนไปอีกเรื่อยๆ

สงสารหมอก เจ็บกับอดีต และยังต้องมาเจอปัจจุบันที่ยังไม่ได้รู้อีก

เมฆจะไม่ทิ้งหมอกไปอีก จะไม่ทำให้เสียใจอีก
แต่จะช่วยกันตัวเองออกจากอันตรายยังไง
ที่เกิดอุบัติเหตุครั้งนั้น ก็จากเรื่องพวกนี้ใช่ไหม

ใครนะที่ต้องการชีวิตกันขนาดนี้
แล้วอยากได้หมอกไป หรือแค่ไม่อยากให้ใครมาวุ่นวายหมอก



ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
มีตัวละครมาเพิ่มอีกแล้ว ปริศนามากมาย

ออฟไลน์ net. net_n2537

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ ygff0429

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตัวละครซับซ้อนอะไรขนาดนี้

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
เอิ่ม เพิ่มมาอีกคนละ ไม่รู้ละเนี่ยอะไรทำให้เลิกกัน
ยัยโรตจิต หรือว่าศัตรูของแม่ หรืแกงค์ศัตรูของพี่หมอก

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ปมเยอะจนไม่ตื่นเต้นแล้วล่ะ
ยืนยันเหมือนเดิม ปมเดียวที่ยังอยากรู้ที่สุด
คือเหตุผลที่เมฆบอกเลิกหมอก

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
       มีตัวละครเพิ่มมาอีกแล้วเค้าคือใครค่ะและเค้าทำอะไรไว้บ้างรออ่านตอนต่อไปค่ะ :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
Chapter 32: [Now] เริ่มต้จากคำว่าเพื่อน




หลังจากกลับมาจากญี่ปุ่น มธุวันไม่รู้ว่าจะเรียกพฤติกรรมของเมฆาว่าอะไร ชายหนุ่มไม่ได้ตามตื๊อคอยเทียวไล้เทียวขื่อเขาอย่างที่ทำก่อนหน้านี้ แต่รอยยิ้มจริงใจและสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยนทุกครั้งที่ดวงตาสีควันบุหรี่มองมาที่เขาทำให้มธุวันรู้สึกอึดอัดเสียยิ่งกว่าถูกตามติด




“หมอก ฝากแฟ้มนี้ให้พ่อเซ็นต์ที”




เมฆายื่นแฟ้มเอกสารให้กับมธุวันที่ยังทำงานของตัวเองอยู่ที่โต๊ะ ท่าทีและคำเรียกที่เปลี่ยนไปของเมฆาทำให้ไม่ใช่แค่มธุวัน แต่เหล่าพนักงานที่เดินผ่านไปมาถึงกับเหลียวกลับมามองพวกเขาอีกรอบ




“…ครับ”




มธุวันตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นจากจอคอมพิวเตอร์ เหนื่อยที่จะต่อล้อต่อเถียงกับอีกฝ่าย รู้ดีว่าพูดไปก็มีแต่จะทำให้บทสนทนายืดเยื้อตามเกมของรองประธานหนุ่ม




“เที่ยงนี้ไปร้านเปิดใหม่ที่หน้ามอเรากันมั้ย?”




“คุณเมฆา...”




มธุวันหรี่ตามองอีกฝ่ายผ่านกรอบแว่นอย่างไม่สบอารมณ์ แต่คนที่ยกความสัมพันธ์ในอดีตของตัวเองขึ้นมาพูดอย่างไม่สนใจ
ว่าใครจะได้ยินหาได้สะทกสะท้าน




“ไปกันนะหมอก”




“เลิกเรียกผมแบบนั้นซักทีจะได้มั้ยครับ”




“ไม่ได้หรอก” เมฆายิ้ม “ก็เป็นเพื่อนกันนี่ เรียกแบบนี้แหละถูกแล้ว”




เลขาหนุ่มถอนหายใจ เมฆาที่เป็นแบบนี้ต่อกรด้วยยากกว่าร่างสูงที่ดึงดันจะรุกจีบเขาอยู่ท่าเดียวเสียอีก




“ตกลงว่า...”




“อือ”




ร่างโปร่งตอบรับส่งๆตัดรำคาญ แต่นั้นก็มากพอที่จะทำให้ร่างสูงเผยรอยยิ้มกว้างอวดเขี้ยวคมของตัวเองแล้วยอมล่าถอยกลับไปที่ห้องทำงานแต่โดยดี




มธุวันส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ เขาไม่รู้ว่าเขากับเมฆาสามารถกลับไปเป็นเพื่อนกันได้จริงๆอย่างที่ปากว่าหรือไม่ แต่ภาพของ
ร่างสูงในตอนนี้ที่เหมือนกับเมฆของเขาในความทรงจำทำให้การปฏิเสธคำขอของอีกฝ่ายยากขึ้นเรื่อยๆ




ร่างโปร่งลุกขึ้นไปชงกาแฟให้ตัวเอง ตั้งใจให้การยืดเส้นยืดสายเล็กๆนี้ไล่ความฟุ้งซ่านออกไปจากหัว




“แกว่ามั้ย หลังกลับมาจากญี่ปุ่นคุณเมฆาดูมีออร่าเป็นพิเศษเลยเนอะ อย่างกับดาราแน่ะ”




“พูดจาก็ดี๊ดี โดยเฉพาะกับคุณมธุวัน สายตานี่หวานซะอย่างกับจะกินกันบนโต๊ะงั้นแหละ”




ชื่อของอดีตคนรักและตัวเองในบทสนทนาที่ดังลอดมาจากโต๊ะทำงานของพนักงานที่อีกฝั่งของผนังทำให้มธุวันอดเงี่ยหูฟังไม่ได้




“อ้าว แล้วดาราที่เขาว่าคุณเมฆาไปทำท้องไว้ล่ะ?ที่ชื่อษาๆอะไรนั่นน่ะ”




“ยัยอุษณิษาอะไรนั่นไง คุณเมฆาเขาก็คงเคี้ยวไปเรื่อยนั่นแหละ คนท้องก็เอาทำเมีย คนท้องไม่ได้ก็เอาไปทำอย่างอื่น หล่อๆรวยๆอย่างคุณเมฆา ใครๆเขาก็ทำกันทั้งนั้นแหละ”




มธุวันรู้สึกเย็นวาบไปถึงไขสันหลัง แม้จะรู้ว่าข่าวซุบซิบของพนักงานนั้นเชื่อถือไม่ได้ แต่ชื่อของผู้หญิงที่ชื่อษาคนนี้โผล่ขึ้นมาบ่อยจนเขาเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้วว่าข่าวลือนี้จะไม่มีมูล




ไม่สิ...มันไม่เกี่ยวอะไรกับเขาสักหน่อย




ถึงจะบอกตัวเองแบบนั้น แต่มธุวันก็ยังคงควบคุมความรู้สึกปั่นป่วนที่เกิดขึ้นในช่องท้องไม่ได้เสียที









เที่ยงแล้ว ยังคงไม่มีวี่แววของเมฆา




ถึงแม้ว่ามธุวันจะไม่ได้ตั้งหน้าตัั้งตารอ แต่การทำแบบนี้ถือว่าผิดวิสัยของร่างสูงเป็นอย่างมาก มธุวันได้แต่ย้ำกับตัวเองว่าที่ตนถือวิสาสะลุกไปยังห้องทำงานของเมฆาเป็นเพราะไม่ชอบรอใครเป็นเวลานาน ร่างสูงหันหลังให้กับเขาในห้องทำงานที่ถูกกั้นด้วยกระจกใส มธุวันยกมือขึ้นเคาะประตูอย่างไม่พอใจ ร่างสูงสะดุ้ง หันกลับมาหาเลขาหนุ่มพร้อมโทรศัพท์แนบหูที่มธุวันมองไม่เห็นเมื่อครู่ ก่อนจะรีบมาเป็นประตูให้เขา




“แค่นี้ก่อนนะครับษา ครับ ผมรู้ว่าธีมงานจะเข้ากับชุดแต่งงานของคุณแน่ ไว้เดี๋ยวผมโทรกลับนะครับ มีธุระด่วนเข้ามาพอดี
ครับ สวัสดีครับ”




เมฆารีบกดวางสาย เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงตัวเองแล้วหันมาหามธุวันพร้อมรอยยิ้มเจื่อน




“ขอโทษนะครับหมอก เมื่อกี้เมฆติดสาย...”




“ผมก็ไม่ได้จะว่าอะไรคุณนี่”




เสียงของมธุวันเย็นเยียบ เช่นเดียวกับแววตาแข็งกระด้าง รอยยิ้มบนริมฝีปากของเมฆาเลือนหายไปเมื่อรับรู้ได้ว่าร่างโปร่งกำลังโกรธตนมาก




“หมอก...”




“ผมกับคุณไม่ได้เป็นอะไรกัน คุณอยากจะคุยเรื่องงานแต่งกับคุณษาอะไรนั่นก็คุยไปสิ ผมไม่เห็นจะสน”




เสียงที่ตั้งใจให้ฟังดูไม่สะทกสะท้านนั้นกระแทกกระทั้นกว่าที่มธุวันต้องการไปหลายขุม แต่ร่างโปร่งเลือกที่จะเชิดหน้าขึ้นสบตากับเมฆา ไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้รู้ว่าสิ่งที่เขาได้ยินเมื่อครู่ส่งผลกระทบต่อตัวเขามากเพียงใด




ไม่ว่าปฏิกิริยาโต้ตอบแบบใดที่มธุวันคาดหวังจากเมฆา เขาก็เชื่อว่าเขาไม่เคยคาดคิดว่าอีกฝ่ายจะหลุดหัวเราะออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่แบบนี้




“ฮ่าๆๆๆๆ”




เมฆาหัวเราะจนตัวงอ ร่างสูงใช้หลังดันประตูกระจกให้ปิดลงเพื่อกันเสียงหัวเราะของตน มือใหญ่ยกขึ้นปาดน้ำตาจากหางตาของตัวเองจากการหัวเราะอย่างหนักออก




“หัวเราะพอรึยัง? ถ้าพอแล้วก็หลีก ผมจะกลับไปทำงาน”




มธุวันตวัดเสียงห้วน เขาว่าแล้วว่าตัวเองไม่ควรเผลอลดกำแพงให้อีกฝ่ายแม้แต่นิด เมฆารีบคว้าข้อมือเรียวไว้ สูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเองก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ




“เข้าใจผิดแล้ว มันไม่ใช่อย่างที่หมอกคิดนะ”




“ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่สน คุณจะแต่งหรือไม่แต่งงานกับใครมันก็ไม่ใช่กงการอะไรของผม”




มธุวันบิดข้อมือออกจากการเกาะกุมของร่างสูงแล้วเอื้อมมือไปที่ราวจับประตู แต่รองประธานหนุ่มกลับรวบร่างของเขาไปกอดไว้จากด้านหลังไม่ยอมให้ไปไหน




“คุณ! เดี๋ยวใครก็มาเห็นหรอก!”




มธุวันพยายามสลัดออกจากอ้อมกอดแกร่งอย่างแตกตื่น แต่ครั้งนี้เมฆาตั้งท่ารับไว้แล้วไม่ยอมให้เขาจับทุ่มแต่โดยง่าย




“ไม่มีหรอก เขาไปกินข้าวกันหมดแล้ว”




ร่างสูงให้เหตุผลด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้บ่งบอกเลยว่ากำลังใช้แรงทั้งหมดที่มีรั้งตัวร่างโปร่งในอ้อมกอดไว้




“คุณเมฆา ปล่อย!”




“ไม่ปล่อยอ่ะ เดี๋ยวหมอกก็จะหนีไป ไม่ยอมให้เมฆอธิบาย”




เมฆาบ่นหน้ามุ่ยอย่างรู้นิสัยของอดีตคนรัก มธุวันส่งเสียงในลำคอออกมาอย่างเหลืออด ยกเท้าขึ้นหวังกระแทกส้นเท้าลงบนปลายเท้าของคนที่พันธนาการตนไว้ด้วยร่างกายของตัวเอง แต่เมฆาชักเท้าหลบราวกับเดาทางไว้ก่อนแล้ว




“ผมบอกว่าผมไม่อยากฟัง....”




“ษาเขาเป็นญาติเมฆ...” คำพูดของเมฆาทำให้คนที่พยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดของชายหนุ่มสงบลงเล็กน้อย ถึงแม้จะยังไม่สิ้นลายเสียทีเดียว มธุวันเบือนหน้าหนีอีกฝ่ายด้วยสีหน้าปั้นปึ่งราวกับจะบอกว่าตนไม่ได้สนใจสิ่งที่เมฆาพูด “เขาเป็นดาราดังที่กำลังจะแต่งงานกับผู้กำกับชื่อดังของฮอลลีวูด พ่อเลยอยากให้สองคนนั้นใช้ห้องของโรงแรมที่เราจะเปิดตัวกับเครือธาราเป็นสถานที่จัดงานเพื่อช่วยประชาสัมพันธ์โรงแรม เมฆแค่ช่วยษาเขาประสานงาน แค่นั้นเองครับ”




“กะ…ก็บอกว่าไม่ได้สนใจไง”




กระนั้นเสียงที่ออกมาจากลำคอกลับกลายเป็นเสียงงึมงำพร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำใบถึงใบหู เมฆานึกอยากจะจุมพิตดูดดุนใบหูและติ่งหูเย็นของอีกฝ่าย แต่เขารู้ว่าการกระทำนั้นน่าจะทำให้เขาถูกร่างโปร่งซัดร่วงลงไปกองกับพื้นเป็นแน่




“หมอกน่าจะรู้นะครับ ว่าตอนนี้หัวใจของเมฆอยู่ที่ใคร” เสียงทุ้มที่เจือไปด้วยรอยยิ้มกระซิบข้างหู




“….”




“ขอบคุณนะครับ ที่ยอมให้เมฆรักหมอก”




“ผมหิวแล้ว จะไปกันได้รึยัง” มธุวันเปลี่ยนเรื่อง ขืนตัวออกจากอ้อมกอดของเมฆาได้ในที่สุด




“ครับ”




ร่างสูงอมยิ้มมองอดีตคนรักที่เดินดุ่มๆตรงไปที่ลิฟท์ ก่อนจะรีบเดินตามไปด้วยกลัวว่าจะถูกอีกฝ่ายทิ้งไว้ข้อหาชักช้า









“อร่อยมั้ย?”




“…ก็ใช้ได้”




มธุวันตอบเสียงเบา ไม่ยอมสบตากับร่างสูงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ยังคงไม่สามารถลบความอับอายจากการเข้าใจผิดเมื่อครู่ของตนออกไปจากสมองได้




“นี่ กินเสร็จแล้วไปเดินดูตึกคณะพวกเรากันมั้ย?” เมฆาเอ่ยชวน “ไปดูบรรยากาศเก่าๆกัน”




“สำหรับคุณ...ที่นั่นคงมีแต่เรื่องน่าจดจำสินะ” มธุวันแค่นเสียงหึในลำคอ




สำหรับคนที่หนึ่งปีสุดท้ายในมหาวิทยาลัยเหมือนนรกทั้งเป็นอย่างเขาแล้ว มธุวันไม่มีความคิดที่จะย่างกรายกลับเข้าไปในมหาวิทยาลัยที่เขาจบการศึกษามาหากไม่จำเป็น




“…เมฆขอโทษ”




สภาพของเมฆา รองประธานหนุ่มที่ขึ้นชื่อเรื่องความเด็ดขาดและสีหน้าที่ข่มขวัญพนักงานอยู่พอตัวที่กำลังก้มหน้าขอโทษเขาอย่างสำนึกผิดไม่รู้ครั้งที่เท่าไหร่อย่างน่าสมเพชควรจะทำให้มธุวันรู้สึกเหมือนเป็นผู้ชนะ แต่เขารู้ดีว่าในเกมนี้มีเพียงคนที่แพ้ และคนที่เจ็บกว่าเท่านั้น




“ช่างมันเถอะ” ร่างโปร่งเบือนหน้าหนี จังหวะนั้นเองที่ดวงตาาสีเทาอมฟ้าเหลือบไปเห็นร่างที่คุ้นตาสองร่างเดินเข้ามาในร้านด้วยท่าทีสนิทสนม “เฮ้ย...”




“มีอะไร...!”




เมฆาถูกคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามดึงให้ก้มหลบใต้โต๊ะ มธุวันหยิบเมนูอาหารแผ่นยาวขึ้นมาเป็นเกราะกำบัง ชะเง้อมองชายหนุ่มทั้งสองที่นั่งลงที่โต๊ะไม่ไกลจากพวกเขาเท่าไหร่ แต่ยังพอมีมุมเสาให้มธุวันได้อำพรางร่างของตัวเองได้บ้าง




“นั่นมัน...”




“ชู่ว์!”



มธุวันหันไปปรามอดีตคนรักให้เงียบเสียง พยายามเงี่ยหูฟังบทสนทนาของคนทั้งคู่อย่างสุดความสามารถโดยที่ให้เป็นที่ผิดสังเกตน้อยที่สุด










นาวินทร์รู้ว่าจากตารางชีวิตของเขา คนตระกูลเหลียนดูเหมือนไม่มีเวลาได้มีชีวิตส่วนตัวของตัวเอง แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากไม่ใช่เงาที่ต้องมอบกายถวายตัวให้กับตระกูลอัลฟอนโซ่เช่นพี่ชายของเขา นาวินทร์และคนอื่นๆในทีมก็ยังได้มีวันหยุดพักผ่อน วันลาป่วยลากิจ และสวัสดิการทั่วไปคล้ายพนักงานกินเงินเดือนที่สูงลิ่วคนหนึ่ง





ซึ่งตามปกติแล้ว สิ่งที่นาวินทร์ทำให้วันหยุดที่หาได้ยากยิ่งของตัวเองคือปิดโทรศัพท์แล้วนอนดูหนังที่ตนซื้อดีวีดีมากองไว้แต่ไม่มีเวลาได้ดูเสียที แต่ในวันนี้ ชายหนุ่มเลือกที่จะนัดใครอีกคนออกมาทานอาหารเที่ยงด้วยกันที่ร้านอาหารเปิดใหม่แห่งหนึ่ง ถึงแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าการคลุกคลีกับเป้าหมายเกินความจำเป็นมีแต่จะทำให้งานของตนยากขึ้น
นาวินทร์ได้แต่บอกตัวเองว่าที่เขาทำแบบนี้เป็นเพราะการจะทำให้เป้าหมายไว้ใจเขาได้อย่างแท้จริงนั้น เขาต้องเชื่อว่าตัวเองกำลังเข้าหาอีกฝ่ายในฐานะของผู้ชายคนหนึ่งจริงๆ





ใช่แล้ว ที่เขาทำแบบนี้ไม่ได้เป็นเพราะความรู้สึกเหมือนคนปกติที่เขาโหยหามาตั้งแต่ลืมตาดูโลกซึ่งเขารู้สึกได้ทุกครั้งที่อยู่กับอีกฝ่ายเสียหน่อย




“นานๆจะเห็นพี่วินว่างทีนะครับ” แดนดินเปรย ละสายตาจากเมนูตรงหน้าขึ้นมามองร่างที่นั่งอยู่ตรงข้ามตัวเอง




“อะไรกันครับ พี่ก็มาหาดินออกบ่อย” คนอายุมากกว่าถามอย่างประหลาดใจ เขาคิดว่าตัวเองไปมาหาสู่กับอาจารย์หนุ่มมากกว่าเสนอหน้าไปรายงานตัวกับนิโคไลด้วยซ้ำ แดนดินยิ้มบาง





“ผมหมายถึงว่างจริงๆ แบบที่ไม่ได้มานั่งเป็นเพื่อนผมแต่กายหยาบเหมือนทุกครั้งน่ะครับ”





ไอ้เทคนิคการเหน็บนิ่มๆด้วยน้ำเสียงเหมือนคุยกับเด็กอนุบาลอยู่นี่มันสืบทอดมาในบ้านของแดนดินกับมธุวันหรืออย่างไรกัน ถึงแม้การดุว่าของมธุวันในสมัยก่อนที่นานๆจะโผล่มาแต่ละครั้งจะชอกช้ำระกำทรวงเหลือทน แต่คนน้องที่ภายนอกดูไม่มีอะไรเหมือนกันเลยคนนี้ก็ใช่จะไร้พิษสงเสียเมื่อไหร่





“วันนี้อยู่ทั้งกายหยาบ กายละเอียด กายทิพย์เลยล่ะครับ” นาวินทร์ยิ้ม ทว่ายังไม่ทันขาดคำ วิทยุสื่อสารที่ซ่อนอยู่ในหูของชายหนุ่มก็ดังขึ้น นาวินทร์นิ่งไป จริงอยู่ที่เขาสามารถปิดโทรศัพท์ได้ในวันหยุดแบบนี้ แต่คนตระกูลเหลียนโดยสายเลือด รวมถึงเป็นหัวหน้าทีมลูกน้องคนสนิทของนิโคไลอย่างเขา ย่อมมีหูฟังขนาดจิ๋วติดไว้เผื่อยามฉุกเฉิน





แต่ยามฉุกเฉินที่ว่านั้นหมายถึงการประกาศภาวะสงครามของโลกมืด การเกิดการลอบสังหารผู้นำตระกูลอัลฟอนโซ่ หรือเหตุการณ์ที่มีความอันตรายเทียบเท่ากันเท่านั้น




“วิน ออกมาจากที่นั่นเดี๋ยวนี้”




นิกิต้ากระซิบผ่านอุปกรณ์สื่อซ่อนขนาดเล็กเป็นภาษาไทยด้วยน้ำเสียงร้อนรน ซึ่งชายหนุ่มเจ้าของฉายาเพชฆาตไร้เสียงไม่ใช่คนที่จะร้อนรนได้ง่ายนัก




นาวินทร์อยากจะถามกลับไปว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แดนดินยังคงนั่งอยู่ตรงหน้าเขา ชายหนุ่มไม่สามารถขยับปากถามเพื่อนร่วมทีมได้




เสียงของนิกิต้าถูกแทนที่ด้วยเสียงเย็นเยียบของจูเลี่ยน หนึ่งในสายลับฝีมือดีที่สุดของตระกูลอัลฟอนโซ่ ผู้ซึ่งนาวินทร์ไม่รู้ว่ากลับมาจากภารกิจก่อนหน้านี้ตั้งแต่ตอนไหน



…หรือกลับมาอยู่ข้างกายนิโคไลเพราะเหตุใด




“He is right behind you. (เขาอยู่ข้างหลังนาย)”




นาวินทร์รับรู้ได้ในทันทีจากความรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องที่เกิดขึ้นว่า’เขา’ที่ว่าคือใคร




โดยเฉพาะเมื่อมือเรียวของคุณหนูแห่งตระกูลอัลฟอนโซ่วางลงบนไหล่เขาอย่างสนิทสนม




“วิน ดิน…ไม่คิดเลยนะว่าจะเมื่อกันในที่แบบนี้” มธุวันเอ่ยเสียงใส แต่มือที่บีบไหล่ของร่างสูงแน่นกว่าที่ควรจะเป็นเพียงเล็กน้อยบ่งบอกว่าร่างโปร่งไม่ได้ยินดีกับการพบเจอกันแบบนี้เลยสักนิด




“ทำไมพี่หมอกถึงมาอยู่กับพี่เมฆได้ล่ะครับ?”




แดนดินขมวดคิ้วอย่างประหลาดใจ หลังจากที่ทั้งสองเลิกกัน ชื่อของเมฆาก็กลายเป็นคำต้องห้ามภายในบ้านของพวกเขา อาจารย์หนุ่มนึกว่าพี่ชายของตัวเองจะเกลียดเมฆาเข้ากระดูกดำจนไม่ยอมไปเผาผีกันแล้วเสียอีก




มธุวันชะงักเมื่อโดนย้อนถาม เมื่อครู่องค์พี่ชายหวงน้องเข้าสิงจนลืมไปเลยว่าตนอยู่กับใคร




“พี่ว่าฝั่งดินมากกว่ามั้งที่น่าสงสัย”




เมฆาเอ่ยแทรกขึ้นพร้อมกับเลิกคิ้ว ถึงแม้เมฆาจะเคยไปเยี่ยมบ้านของมธุวันที่ต่างจังหวัดเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์ในช่วงวันหยุด แต่ร่างสูงกับน้องชายของเขาก็เข้ากันได้ดีจนสามารถพูดคุยเล่นหัวกันได้ราวกับเป็นเพื่อนกันมาช้านาน




“ผมแค่เจอพี่วินเขาตอนไปธนาคารก่อนหน้านี้ เลยชวนมากินร้านเปิดใหม่...” ท่ามกลางความประหลาดใจของนาวินทร์ อาจารย์หนุ่มที่ดูผิวเผินเหมือนกับจะเชื่อฟังพี่ชายไปเสียทุกอย่างสามารถกุเรื่องขึ้นมาเล่าให้พีี่ชายของตนฟังตาใส เรียกได้ว่าขนาดเขายังเกือบเผลอเชื่อเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริงนั้น “...ถ้าพี่หมอกไม่งานยุ่งตลอดผมก็จะชวนมาอยู่หรอก แต่เห็นแบบนี้ ผมก็คิดถูกแล้วสิที่ไม่ชวน”




“ก็…ก็แค่คนรู้จักมากินข้าวด้วยกัน ไม่เห็นจะแปลก”




มธุวันแก้ตัวเสียงสั่น ซึ่งดูเหมือนจะเข้าทางแดนดินเต็มๆเมื่อคนอายุน้อยกว่าเลิกคิ้วราวกับกับจะบอกว่า ‘แล้วมันต่างจากกรณีนี้ตรงไหน?’




“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว มาทานด้วยกันมั้ยครับ” แดนดินชวน นาวินทร์พยายามที่ไม่แสดงสีหน้าอะไร ทั้งที่ในใจแตกตื่นจนแทบเสียสติ




“ไม่ล่ะ พี่กินเสร็จแล้ว ต้องกลับไปทำงานต่อแล้ว”




มธุวันปฎิเสธ จังหวะเดียวกับที่เสียงของจูเลี่ยนดังขึ้นอีกครั้ง




“I give you five more minutes.(ฉันให้เวลานายอีกห้านาที)”




“พี่วิน เป็นอะไรรึเปล่าครับ? หน้าดูซีดๆนะครับ” แดนดินถามขึ้นอย่างเป็นห่วง เช่นเดียวกับเมฆาที่สังเกตถึงความผิดปกติของเพื่อนสนิท




“วิน...มึงโอเคมั้ย?”




“ดิน พี่ขอโทษนะ พี่ขอตัวก่อนได้ รู้สึกไม่ค่อยสบาย” นาวินทร์เอ่ยกับคนอายุน้อยกว่าที่รีบพยักหน้า




“ให้ผมไปส่งมั้ยครับ?”




“ไม่ต้องหรอก พี่ขอโทษนะ เมฆฝากดูน้องที หมอก ฉันไปก่อนนะ”




“อ้าว...”




มธุวันตั้งท่าจะเดินตามอีกฝ่ายไป แม้จะไม่ชอบที่นาวินทร์มาทำตัวสนิทสนมกับน้องชายของตัวเองลับหลังเขา แต่ยังไงความเป็นห่วงเพื่อนก็มีมากกว่า




“ไม่ต้องห่วงมันหรอก”




เมฆารั้งตัวอดีตคนรักไว้ แม้เขาจะไม่ค่อยเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จากประสบการณ์ทำให้ร่างสูงรู้ว่าเพื่อนสนิทต้องการอยู่คนเดียวในตอนนี้




“พี่หมอกอ่ะ...ทำเสียเรื่องผมอีกแล้ว”




เมฆาหันกลับมาทางน้องชายของมธุวันอย่างประหลาดใจเมื่อได้ยินชายหนุ่มอายุน้อยกว่าเอ่ยหน้ามุ่ย แต่มธุวันดูจะเคยชินกับปฏิกิริยาของน้องชายพอตัว




“ก็พี่เป็นห่วง...”




“พี่หมอกตามผมมาเหรอครับ?”แดนดินเอ่ยอย่างจับผิด คนเป็นพี่รีบส่ายหน้าพรืด




“เปล่านะ แค่บังเอิญ..”




“พี่หมอก ผมโตแล้วนะครับ ผมจะไปไหนกับใคร ผมดูแลตัวเองได้” แดนดินเอ่ยอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ทั้งที่ก่อนหน้าที่จะเลิกกับเมฆา มธุวันไม่เคยมีท่าทีแบบนี้ แต่ตอนนี้พี่ชายของเขายิ่งกว่าสกรีนคนที่จะเข้ามาให้ตัวอาจารย์หนุ่ม ชายหนุ่มผิวเข้มเอื้อมมือไปจับมือพี่ชายบุญธรรมมาบีบเบาๆ “ไม่ต้องห่วงผมขนาดนี้ก็ได้ครับ”





“….” มธุวันทำได้เพียงพยักหน้าอย่างอับอาย เขาอาจจะทำตัวหวงน้องมากไปจริงๆ




“ไปกันเถอะ เดี๋ยวจะสายเอา”




เมฆาถือโอกาสโอบเอวคนที่กำลังลดกำแพงป้องกันตัวไว้หลวมๆ ก่อนจะได้รับรางวัลเป็นแรงหยิกที่หลังมือจนเป็นปื้นแดง
มธุวันกลอกตาอย่างเหนื่อยใจกับคนมือไว แต่นอกจากการประทุษร้ายเล็กน้อยนั้น เลขาหนุ่มเพียงแค่เดินนำอีกฝ่ายออกจากร้่นไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ไกล


---------

เข้าโหมดลงถี่ไว้ชดเชยที่อาจจะวาร์ปหายไปช่วงหลังๆ :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ Minty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ขอกรรไกรหน่อยค่ะ จะเอามาตัดปม ปมเยอะเกิ๊นนนน :katai1:

ออฟไลน์ nuum

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
ชอบ ชอบ ชอบ กับ นิยายเรื่องนี้
ขอบคุณท่ีมาลงให้อ่าน ไม่ขาดช่วงนะครับ


 :pig4: :L1: :L1: :L1: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ khwanruen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
ปมเยอะไปหมด  :really2:
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้เมฆกับหมอกนะ เชื่อว่าเมฆมีเหตุผลให้การกระทำเสมอ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ ous_p

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ยังติดตามหมอกนะ

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
 :mc2: :mc2: :mc2:งานหวงน้องก็มาค่ะอิอิ

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
หวงน้องจริงจริ๊งง

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
คุณน้องก็จับทางคุณพี่ได้ตลอดเหมือนกันนะ.  :hao3:

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
คุณพี่หวงคุณน้องมากเลย ไม่รู้ว่าจะต้องห่วงใครดีระหว่างดินกับวินดูมีชั้นเชิงคนละแบบกัน 5555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด