[จบแล้ว]Your Stranger รัก||ไม่||ลืม ตอนพิเศษ คห.1998 P.67 (13/3/63)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว]Your Stranger รัก||ไม่||ลืม ตอนพิเศษ คห.1998 P.67 (13/3/63)  (อ่าน 502101 ครั้ง)

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ไม่เข้าใจว่าจะมีภรรยารองทำไม
ในเมื่อภรรยาหลักก็มีลูกให้แล้ว
และตัวเองก็เสน่หาเงาปานนั้นแล้ว
หรืออยากมีลูกอีกหลายคนแต่ภรรยาหลักไม่สามารถ

ออฟไลน์ Sorso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-3

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
ตกลงคนที่พ่อรักเป็นคนสนิทขอพ่อ? ใช่มั้ย

หักมุม? หรือเราเข้าใจผิด?

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
วรินทร์ลืมตาขึ้นจากความทรงจำที่เลือนรางในวัยเด็ก อาจเพราะรูปลักษณ์ที่ไม่ได้ต่างกันมากนักและดวงตาสีม่วงที่น้อยคนจะมีทำให้วรินทร์ถูกเปรียบเทียบกับเงารุ่นก่อนที่เสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้ที่คร่าชีวิตของผู้นำตระกูลอัลฟอนโซ่อยู่เป็นนิจ ถึงแม้เหตุการณ์จะเลือนหายไปจากความทรงจำของร่างโปร่งตามกาลเวลา แต่วรินทร์ไม่เคยลืมความรู้สึกของตนที่เห็นกรรณวัชรเดินกลับเข้าไปในกองเพลิงโดยไม่สนใจว่าตนจะไม่มีวันได้กลับออกมา

อัลฟอนโซ่สามารถดำรงอยู่ได้แม้ขาดตระกูลเหลียน แต่ชีวิตของเงาของตระกูลเหลียนถูกกำหนดให้สิ้นสุดลงวินาทีที่เจ้าชีวิตของตนสิ้นลมหายใจ

เถ้ากระดูกของเงาทุกรุ่นถูกฝังอยู่เคียงข้างร่างของผู้นำตระกูลอัลฟอนโซ่ในสุสานของตระกูลอัลฟอนโซ่ที่อิตาลี แต่ตระกูลเหลียนก็มีป้ายหลุมศพที่ไร้ซึ่งเถ้ากระดูกของเงาทุกรุ่นไว้ในสุสานประจำตระกูลเพื่อให้คนรุ่นหลังได้มาเคารพสุสาน

รวมถึงน้องสาวของเงารุ่นที่หกในรถเข็นที่ถูกพี่เลี้ยงของตนเข็นมาหยุดที่หน้าป้ายสุสานของกรรณวัชร มือที่ผ่ายผอมด้วยสุขภาพที่ทรุดโทรมลงเรื่อยๆถือช่อดอกหทัยหยาดทิพย์สีขาวบริสุทธิ์ช่อเล็กๆไว้

“ดอก Bleeding heart เวลาอยู่เป็นช่อสวยดีนะครับ”

วรินทร์เอียงคอหลบมีดสั้นเล่มเล็กที่วาดผ่านอากาศไปปักที่ต้นไม้ด้านหลังของตนพร้อมรอยยิ้มมุมปาก เกศรายิ้มตอบด้วยสีหน้าไม่ต่างกัน

“อย่าทำคนแก่ตกใจสิคะคุณริน”

น้ำเสียงของอีกฝ่ายไม่มีแววตกใจแม้แต่น้อย วรินทร์รู้ดีว่าการเคลื่อนไหวของเขาไม่สามารถเล็ดรอดสายตาอดีตหัวกะทิของตระกูลอย่างเกศรา เหลียน ไปได้อย่างแน่นอน

 “แก่อะไรกันครับ พี่เกศยังสวยเหมือนที่ผมจำได้ไม่มีผิด”

“ปากหวานจังนะคะคุณริน” หญิงสาวอายุมากกว่าไม่มีปัญหาในการพูดคุยกับชายหนุ่มอย่างนอบน้อม ในตระกูลเหลียน ตำแหน่งของเงามีอำนาจสูงกว่าประมุขของตระกูลเสียด้วยซ้ำ คนคนเดียวที่เงาของตระกูลจะก้มหัวให้ มีเพียงสายเลือดอัลฟอนโซ่ที่ตนรับใช้เท่านั้น “ถ้าพี่ชายของฉันเป็นแบบคุณริน ก็คงจะดีสินะคะ”

ด้วยบุคคลิกและความสามารถในการ’แสดงละคร’ของวรินทร์ ร่างโปร่งใช้ความรู้สึกของตัวเองเป็นแรงขับเคลื่อนในการอยู่เคียงข้างนิโคไล สถานะที่ไม่ต่างกับสัตว์เลี้ยงที่ซื่อสัตย์ทำให้วรินทร์สามารถคลอเคลียออดอ้อนเอาใจเจ้าชีวิตได้อย่างเต็มที่ โดยที่เส้นบางๆระหว่างคำว่ารักและภักดีไม่เคยได้รับความสนใจ

แต่กรรณวัชรผูกหัวใจของตนไว้ที่ปลายเท้าของคาร์ลอสตั้งแต่วินาทีที่ตนลืมตาดูโลก เงารุ่นพี่ไม่เคยสนใจที่จะรักษาหัวใจตัวเองที่ถูกเจ้าชีวิตลากไปตามทางที่เต็มไปด้วยขวากหนามและลูกกระสุน ถึงแม้จะผ่านการฝึกฝนมาจากเงารุ่นก่อนหน้ามาอย่างโชกโชน แต่สำหรับเกศรา ดวงตาของพี่ชายที่มองตามแผ่นหลังของหัวหน้าตระกูลหนุ่มนั้นบอกเล่าทุกสิ่งทุกอย่างโดยที่เจ้าตัวไม่จำเป็นต้องเอื้อนเอ่ย

แต่สิ่งที่ทำให้เกศรารู้สึกสะเทือนใจที่สุด คือสายตาที่คาร์ลอสมองตามเงาของตนนั้นเหมือนกับแววตาของกรรณวัชรไม่ผิดเพี้ยน
คืนที่คาร์ลอสแต่งงานกับดาห์เลีย เธอเห็นพี่ชายของเธอยืนเคียงข้างเจ้าชีวิตในชุดเพื่อนเจ้าบ่าวพร้อมรอยยิ้มกว้าง ถึงแม้ว่าดวงตาที่ฉายแววรวดร้าวนั้นจะทำให้หัวใจของคนเป็นน้องถูกบีบตามไปด้วย

เกศราไม่เคยคิดว่ากรรณวัชรเข้าใจว่าสิ่งที่ตนรู้สึกเรียกว่าความรัก เธอดูออกว่าร่างโปร่งยินดีกับเจ้าชีวิตที่มีทั้งภรรยาและลูกชายที่เพียบพร้อมจากใจจริง กรรณวัชรไม่เคยเสแสร้งกับคาร์ลอส ทุกสิ่งที่ร่างโปร่งพูดล้วนแต่เป็นความสัตย์จริง แต่สิ่งที่กรรณวัชรไม่เคยพูดออกไปนั้นกัดกินพี่ชายของเธออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

ในส่วนของคาร์ลอส ร่างสูงไม่เคยรู้จักกับความรัก มารดาของร่างสูงเสียชีวิตตั้งแต่ชายหนุ่มเกิด บิดาของชายหนุ่มไม่เคยคิดจะสนใจลูกชายคนเดียวไปมากกว่าการขีดเส้นตีกรอบให้ชายหนุ่มสืบทอดตระกูล คาร์ลอสมีที่พักพิงทางจิตใจเพียงหนึ่งเดียวคือกรรณวัชร แต่ด้วยการถูกอบรมอย่างเข้มงวดในกรอบธรรมเนียมของตระกูล ทำให้ร่างสูงไม่เคยนึกถึงความเป็นไปได้ที่ตนจะตกหลุมรักเงาของตัวเอง

เกศราทำได้เพียงเวทนาผู้นำของโลกมืดที่สามารถนำตระกูลเข้าสู่ความเจริญรุ่งเรืองที่บิดาของตนทำได้เพียงคิดฝัน แต่ในเรื่องของความรู้สึกพื้นฐานของมนุษย์กลับมืดแปดด้านจนน่าสมเพช

ทันทีที่บิดาเสียชีวิต คาร์ลอสพาเด็กสาวชาวไทยเจ้าของดวงหน้าหมดจด ดวงตากลมโตสุกใสและเส้นผมหยักเป็นลอนสวยเข้ามาในบ้านโดยที่ดาห์เลียไม่คิดจะห้ามปราม ณิรภามีรอยยิ้มที่สามารถทำให้โลกสว่างไสวเพียงแค่เดินผ่าน ซึ่งความสดใสไร้เดียงสาของเธอทำให้ชายหนุ่มที่ใช้ชีวิตอยู่ในความมืดถูกดึงดูดเข้าหาอย่างช่วยไม่ได้ เกศราไม่มั่นใจว่าสิ่งที่คนทั้งคู่มีสามารถเรียกว่าความรักได้หรือไม่ แต่จากแววตาของคาร์ลอสที่ยังคงมองตามเงาของตนไม่ห่าง ความรู้สึกที่ชายหนุ่มมีต่อนิรภาเทียบไม่ได้ถึงครึ่งของที่มีต่อกรรณวัชรด้วยซ้ำ

เรื่องของพี่ชายเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เกศราตัดสินใจออกจากตระกูล เธอไม่อาจทนเห็นหัวใจของพี่ชายที่ถูกเหยียบย่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งที่คนที่ทำร้ายพี่ชายของเธอเป็นคนที่รักเขาจนหมดหัวใจ


“คนอย่างผมไม่มีวันเทียบชั้นพี่กรรณได้หรอกครับ”

วรินทร์ตอบ เกศราเพียงแต่ยิ้มให้นายแบบหนุ่ม ไม่คิดจะปฎิเสธคำพูดของอีกฝ่าย ดวงตาสีม่วงของวรินทร์เหลือบมองดอกหทัยหยาดทิพย์ หรือ ดอก bleeding heart สีขาวในมือของเกศราอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยขึ้น

“ผมจำได้ว่ารุ่นที่หกก็ชอบดอกไม้นี้เหมือนกันนะครับ แปลงดอกไม้ที่หน้าคฤหาสน์เคยมีแค่ดอกbleeding heartเต็มทั้งแปลง”

 “คนอย่างท่านคาร์ลอสไม่มีดอกไม้ที่ชอบหรอกค่ะ”

เกศราวางดอกไม้ลงบนหลุมศพไร้ร่างที่จารึกชื่อของพี่ชายของตน มันไม่ใช่ความลับที่แปลงดอกหทัยหยาดทิพย์หลากสีที่ปลูกไว้หน้าคฤหาสน์ตรงกับหน้าต่างห้องนอนของเงาของผู้นำตระกูลถูกสั่งมาลงในวันเกิดครบรอบสิบหกปีของกรรณวัชร เรียกได้ว่าคาร์ลอสแทบจะคุมการจัดเรียงต้นไม้ลงสวนด้วยตัวเองทุกฝีก้าวเพียงเพื่อจะได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของคนอายุน้อยกว่า

“ผมน่ะ อิจฉาความสัมพันธ์ของรุ่นที่หกกับพี่กรรณมาตลอดเลยนะครับ” วรินทร์ย่อตัวลง วางมือลงบนป้ายหลุมของเงารุ่นพี่ด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความเศร้าหมอง “ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ผมไม่เคยเห็นความสัมพันธ์ของใครเป็นแบบของพวกเขา…”

“ความสัมพันธ์ของเงากับคนตระกูลอัลฟอนโซ่น่ะไม่เหมือนใครหรอกค่ะ”เกศราตอบ ก้มมองป้ายหลุมศพของพี่ชายตามสายตาของเงารุ่นปัจจุบัน “ความหมายของดอกBleeding heart มีหลายความหมาย แล้วแต่สี ความเชื่อและการตีความของแต่ละคน เหมือนกับความสัมพันธ์ของเงากับอัลฟอนโซ่ ต่อให้คนนอกพยายามตีความแค่ไหน สุดท้ายแล้ว แม้แต่ตัวของพวกเขาเองก็คงตอบไม่ได้ด้วยซ้ำว่าคำจำกัดความของความรู้สึกของตัวเองเป็นยังไง”

นั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้กรรณวัชรชื่นชอบดอกไม้ชนิดนี้เป็นพิเศษ เกศรายิ้มให้กับป้ายหลุมศพอย่างเศร้าสร้อย

“พี่กรรณเป็นแบบอย่างของเงาที่ดี แต่เรื่องบางเรื่อง รินไม่ต้องเอาอย่างเขาก็ได้นะ”

คำเรียกที่เกศราเคยใช้เรียกวรินทร์อย่างเอ็นดูตอนที่เขายังเล็กไม่ได้ทำให้ร่างโปร่งรู้สึกอบอุ่นในใจ ตรงกันข้าม มันกลับทำให้ดวงตาสีม่วงไหววูบ ก่อนที่เงาคนปัจจุบันจะเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว

“ข้อมูลที่ผมติดต่อมาก่อนหน้านี้…”

“ข้อมูลทั้งหมดที่พวกคุณต้องการอยู่ในนี้”

เกศราหยิบแฟลชไดรฟ์ออกมาจากกระเป๋าถือใบเล็กของตนแล้วส่งให้ชายหนุ่มอายุน้อยกว่า

“สมกับเป็นแฮกเกอร์มือหนึ่งของตระกูลจริงๆนะครับ”

วรินทร์ขยับยิ้ม เอื้อมมือไปรับแฟลชไดร์ฟในมือที่ซูบผอมของหญิงอายุมากกว่า

“Just let the past stay in the past.(ให้อดีตอยู่แค่ในอดีตเถอะค่ะ)” เกศรายิ้มตอบด้วยดวงตาว่างเปล่า “ที่ฉันยอมช่วยเพราะพี่กรรณรักนิโคไลกับมิคาเอลเหมือนลูกในไส้ จะให้พี่ชายของฉันต้องตายเปล่าเพื่อให้เด็กพวกนี้มาโดนฆ่าฉันก็ไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำขนาดนั้น”

“อัลฟอนโซ่จะไม่ลืมบุญคุณของคุณครับ ผมให้สัญญา” วรินทร์เอ่ยอย่างหนักแน่น เกศราส่ายหน้า

“นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันยอมมือสกปรกเพื่อคนอย่างพวกคุณ แต่ถ้านิโคไลคิดว่าฉันจะยอมทำอะไรที่ทำให้ครอบครัวของฉันต้องตกอยู่ในอันตราย พวกกาวิโน่จะไม่ใช่ศัตรูเดียวที่เขามีแน่” หญิงสาวพยักหน้าให้แม่บ้านที่ยืนเงียบอยู่ด้านหลังของตนช่วยเข็นรถเพื่อกลับไปยังรถตู้ที่รออยู่ “ฝากไปบอกเด็กคนนั้นด้วยนะคะ”

“ครับ”

วรินทร์โค้งศีรษะให้กับหญิงสาวที่เคยดูแลตนเหมือนมารดาคนที่สอง ดวงตาสีม่วงสดมองตามร่างที่ซูบผอมจากโรคร้าย แต่ยังคงความสง่างามของหญิงแห่งตระกูลเหลียนไว้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องไปจนลับสายตา


___
ยังคงมีความเป็นพรืด 555 กระดื้บๆมาลง

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
รอวันคลายปม ชีวิตวารินทร์อึดอัดจังเลย

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
อ่อเราเข้าใจผิดไปเอง55555

แล้วหมอกรูยังว่าตัวเองเป็นหนึ่งในทายาทอัลฟอโซ่


ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
อุ๊ย เข้าใจผิดรึเนี่ย แม่บองเมฆและหมอกก็อยู่ฝั่งเดียวกันนิ แต่เกิดอะไรขึ้นเนี่ยก่อนบอกเลิกอ่ะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
สำหรับคนแก่ ความลับก็ยังคงเป็นความลับ ปวดหมอง  :really2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ net. net_n2537

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
งงในงงของงงอีกทีนึง เมนต์อะไรเนี่ยงงกว่าเดิมอีก555

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ ous_p

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ยิ่งเพิ่มเงื่อนงำต่อไป

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
        อ่าาาาเริ่มจับทางได้แล้วววว
ไม่ งง ใน งงแล้วค่าาา

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
พันกันไปหมดเลยค่ะ
แล้วแบบนี้เมื่อไหร่หมอกจะรู้ตัว

เมฆก็แหย่เค้าไปเหอะ
หมอกก็ใจอ่อนไปเหอะ ออกจะแพ้ทาง

โอ๊ยยยย เปรี้ยวใจคู่คุณเชษฐ์มีนา

แดนดินจะปลอดภัยใช่ไหมคะ

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
ปมถูกเปิดอีกปม แม้จะมีปมที่ถูกคลี่คลายออกมาบ้างก็ตาม  :m28:
+1 ให้เป็นกำลังใจครับ  :L2:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เห้ออออ

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
Chapter 29:[Now] ไม่ใช่เมฆของหมอก[1]

มธุวันรู้ตัวว่าไม่ควรแสดงกิริยาหงุดหงิดให้เข้าทางคนที่ยึดเอาการแหย่เขาเล่นเป็นงานอดิเรกใหม่ แต่ความรู้สึกกังวลว่าตนจะเผลอหลุดทำอะไรที่ไปกระตุ้นความทรงจำของอีกฝ่ายตั้งแต่วันที่รู้ว่าพวกเขาต้องไปทำงานด้วยกันเพียงสองคนเป็นเวลาเกือบสัปดาห์ทำให้ร่างโปร่งหันไปแยกเขี้ยวใส่คนที่ขยับมานั่งข้างหน้าด้วยเหตุผลว่าขับรถออกมาสนามบินแต่เช้ามืดกลัวเลขาคนเก่งหลับในบ่อยกว่าที่ควร



มธุวันไม่เคยคิดเลยว่าในชีวิตนี้จะมีวันที่ตนจะยอมทำแทบทุกอย่างเพื่อที่จะไม่ต้องไปญี่ปุ่นกับเมฆา ร่างโปร่งเดินตัวปลิวเข้ามาในสนามบินหลังจากยื้อยุดฉุดกระชากกระเป๋าเดินทางของตนจากเมฆามาร่วมครึ่งชั่วโมง ปล่อยให้ร่างสูงลากกระเป๋าสองใบเดินตามต้อยๆราวกับพนักงานยกกระเป๋า



อยากลากก็ลากไปเลย ลากไปให้ถึงญี่ปุ่นนะ



สีหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวของเมฆายิ่งทำให้มธุวันหงุดหงิด ร่างสูงทำราวกับเป็นเกียรติเสียเต็มประดาที่เขายอมให้ช่วยถือของ ปกติแล้วมธุวันไม่ใช่คนที่จะเดินดูอะไรเรื่อยเปื่อย ตอนที่ได้ไปต่างประเทศเป็นครั้งแรก ธีรเชษฐ์ต้องลากเขาเข้าร้านนั้นออกร้านนี้มธุวันถึงจะยอมขยับออกจากที่นั่งรอ แต่วันนี้ร่างโปร่งเดินนำคนที่ดึงดันจะแบกเป้ให้เขาหลังจากโหลดกระเป๋าใต้ท้องเครื่องเรียบร้อยผลุบโผล่ตามร้านสินค้าปลอดภาษีเป็นว่าเล่น ไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้นั่งพัก ซึ่งเมฆาก็ไม่ได้บ่นอะไร เดินตามเขาอย่างว่าง่ายราวสุนัขเดินตามเจ้าของ




สุดท้ายเป็นมธุวันเองที่ใจอ่อนยอมกลับไปนั่งพักที่เล้าจน์สำหรับผู้โดยสารชั้นเฟิร์สคลาส แน่นอนว่าร่างโปร่งไม่ได้แสดงท่าทีใดๆที่สื่อว่าตัวเองเป็นห่วงคนที่แบกของตามจนคนมองปวดแขนแทน แต่มุมปากที่กระตุกขึ้นเล็กน้อยอย่างรู้ทันของเมฆาทำให้มธุวันต้องเบือนหน้าหนี หยิบเอาเอกสารงานขึ้นมาอ่านเพื่อตัดขาดตัวเองจากโลกภายนอก ความจริงแล้วร่างโปร่งอยากจะอ่านหนังสือนำเที่ยวที่ตนซื้อมาตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยเพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการเก็บเงินมากกว่า แต่ไม่อยากโดนคนข้างๆล้อว่าตื่นเต้นกับการไปเที่ยวจนอดรนทนไม่ไหว




“ได้เวลาแล้ว”



เมฆาเอ่ยขึ้นเมื่อเสียงประกาศตามสายเรียกให้ผู้โดยสารที่ถือบัตรโดยสารที่นั่งเฟิร์สคลาสขึ้นเครื่อง มธุวันรู้สึกว่าหัวใจของตนเต้นแรงขึ้นขณะที่เดินตามเมฆาไปยังเครื่องบินลำยักษ์ เขารู้ว่าสิ่งที่สูญเสียไป ต่อให้ร้องไห้เพียงใดก็ไม่อาจเรียกกลับมา แต่ภาพแผ่นหลังของอดีตคนรักที่เคยสัญญากับเขาว่าจะไปเที่ยวประเทศในฝันของเขาด้วยกันสักวันหนึ่งทำให้ขอบตาของมธุวันร้อนผ่าวอย่างห้ามไม่อยู่




“เป็นอะไร?”



ร่างโปร่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนมาหยุดที่หน้าที่นั่งตั้งแต่ตอนไหน หรือร่างสูงของเมฆาขยับเข้ามาใกล้เสียจนเขารู้สึกถึงอุณหภูมิร่างกายของอีกฝ่ายตั้งแต่เมื่อไหร่ เมฆาเชยคางเรียวของมธุวันขึ้นให้สบตาตน ดวงเนตรคมสีควันบุหรี่เจือไปด้วยความเป็นห่วงอย่างไม่คิดปิดบัง และนั่นยิ่งทำให้มธุวันรู้สึกว่าขอบตาที่ร้อนผ่าวอยู่แล้วนั้นแสบร้อนขึ้นไปอีก เลขาหนุ่มปัดมือของเมฆาทิ้งพร้อมเบือนหน้าหนี ขยับเข้าไปนั่งในคอกที่นั่งตรงกลางซึ่งเป็นที่นั่งคู่ถึงแม้เขาจะภาวนาให้เป็นที่เดี่ยวขนาดไหนก็ตาม



“ภูมิแพ้ครับ”




“เอายามั้ย? ตัวร้อนด้วยรึเปล่า?”



แต่คนที่เป็นสาเหตุของ’โรคภูมิแพ้’ของเขายังคงไม่เข้าใจสิ่งที่มธุวันต้องการจะสื่อ นั่งลงที่ที่นั่งข้างเขาพร้อมยกที่กั้นคอกลง ทำลายความเป็นส่วนตัวเพียงน้อยนิดที่มธุวันมีบนนกเหล็กยักษ์นี้ด้วยสายตาเป็นห่วง



จะมาเป็นห่วงเป็นใยเขาอะไรตอนนี้



“ไม่เป็นไรครับ แค่นอนพักก็คงหาย”




มธุวันตอบปัด เนื่องจากสัญญาณรัดเข็มขัดยังไม่ดับ ร่างโปร่งจึงยังไม่สามารถเอนตัวนอนได้ มธุวันเอนศีรษะหันไปอีกข้างแล้วหลับตาลงเพื่อตัดบทสนทนา แต่เรื่องไม่จบลงแค่นั้นเมื่อมือใหญ่สอดประสานเกาะกุมมือข้างหนึ่งของเขาไว้ ทำเอาคนไม่ทันตั้งตัวสะดุ้งกับความอบอุ่นที่ไม่ได้สัมผัสมานาน มธุวันตวัดสายตาค้อนคนข้างๆกลบเกลื่อนความตกใจ



“ทำอะไรของคุณ?”



“เห็นทำหน้าเครียดๆ” เมฆาตอบหน้าตาย บีบมือที่สอดนิ้วประสานมือของมธุวันไว้เบาๆ “กลัวความสูงก็บอกกันดีๆสิ”



“ผมไม่ได้กลัว”



จริงอยู่ที่มธุวันไม่ค่อยชอบความสูง แต่ความเครียดบนใบหน้าของเลขาหนุ่มไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับการอยู่บนเครื่องบินแม้แต่น้อย




“ถ้างั้นเป็นอะไร?” เมฆาเลิกคิ้วถาม มือใหญ่ยังคงไม่ยอมปล่อยให้เขาเป็นอิสระ



“….”



ร่างโปร่งเลือกที่จะเบือนหน้าหนีตัดปัญหาอีกครั้ง ปล่อยให้อีกฝ่ายคิดว่าเขายอมรับข้อกล่าวหาด้วยความเงียบ โชคดีที่ครั้งนี้เมฆาไม่ได้เซ้าซี้ถามอะไรต่อ ปล่อยให้มธุวันได้พักผ่อนอย่างสงบ







ซะเมื่อไหร่



“นี่ จะแกล้งหลับไปอีกกี่ชั่วโมง?”



มธุวันขมวดคิ้วกับเสียงทุ้มที่กระซิบข้างหู ใกล้เกินกว่าที่มธุวันจะไม่รู้สึกอึดอัดใจ มธุวันยังคงดึงดันที่จะหลับตา แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่ร่างสูงพูด แต่เมฆายังคงไม่ยอมรามือจากเขาง่ายๆ



“ถ้าหลับอยู่จริงๆจะลักหลับแล้วนะครับ”



คนที่แกล้งหลับอยู่รู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่คิดจะทำเรื่องแบบนั้นในที่สาธารณะแบบนี้จริงๆถึงแม้รอบกายพวกเขาจะไม่มีผู้โดยสารคนอื่นอยู่ จึงไม่คิดจะลืมตาขึ้นตามคำขู่ ถึงแม้ใบหน้าคมจะเคลื่อนเข้ามาใกล้จนเขารับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่รินรดใบหน้าของ
ตนก็ตาม



ทันใดนั้น เครื่องบินลำยักษ์กระตุกอย่างรุนแรงพร้อมกับสัญญาณเเจ้งเตือนรัดเข็มขัดที่นั่งที่สว่างวาบขึ้นเพื่อให้ผู้โดยสารกลับมานั่งประจำที่



มธุวันที่ชันตัวลุกขึ้นตามสัญชาตญาณเบิกตากว้างเมื่อตระหนักได้ว่าตอนนี้ริมฝีปากของตนประกบกับริมฝีปากได้รูปของคนที่เย้าแหย่ตัวเองมาตลอดการเดินทาง เมฆาตัวแข็งทื่อ ราวกับไม่คิดว่าเรื่องจะลงเอยแบบนี้เช่นกัน สัมผัสนุ่มหยุ่นของริมฝีปากของอดีตคนรักที่เมฆาเฝ้าคะนึงหาตั้งแต่จำได้ว่ารู้สึกเช่นไรทำให้ร่างสูงไม่คิดอยากจะผละออกจากอีกฝ่าย แต่มธุวันผลักเขาออกจากตัวทันทีด้วยแรงไม่เบานัก ก่อนจะปรับพนักที่นั่งให้ตั้งตรงแล้วรัดเข็มขัดนิรภัย เสมองไปทางอื่นที่ไม่มีร่างสูงอยู่ใน
ลานสายตา




ครั้งนี้เมฆาปล่อยให้เขาได้ความสงบที่มธุวันโหยหามาตั้งแต่ก้าวขึ้นเครื่องบิน แต่มธุวันรู้ดีว่าภายในใจของตนนั้นห่างไกลกับคำว่าสงบมากนัก







ดวงตาเรียวสวยสีเทาอมฟ้าทอประกายวาววับเมื่อก้าวขาออกมาจากด่านตรวจคนเข้าเมือง ความคิดฟุ้งซ่านจากเหตุการณ์ที่ทำให้มธุวันว้าวุ่นใจมาตลอดทางหายวับไปกับตาเมื่อสมองเพิ่งยอมรับความจริงได้ว่าตอนนี้เขาอยู่ในประเทศที่เขาใฝ่ฝันจะมาเยือนสักครั้งในชีวิต



“ให้ถ่ายรูปให้มั้ย?”



….กับคนที่เขาเคยอยากมาด้วยมากที่สุด



มธุวันอยากจะหัวเราะกับโชคชะตาที่เล่นตลกกับเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ร่างโปร่งรู้สึกเหนื่อยเกินกว่าจะตัดพ้อต่อว่าคนบนฟ้าที่ดูจะชังน้ำหน้าเขาเสียเหลือเกิน



“รีบไปกันเถอะครับ ผมเหนื่อย”



มธุวันเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะร้องออกมาเบาๆอย่างตกใจเมื่อถูกคนตัวใหญ่กว่าวาดแขนโอบไหล่พร้อมกับยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายรูปเซลฟี่ของพวกเขาทั้งคู่ด้วยมืออีกข้าง



“ทำหน้าเหวอๆแบบนี้ก็น่ารักดีเหมือนกันนี่”



เมฆาหัวเราะเสียงต่ำ เก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋าโดยไม่เปิดโอกาสให้มธุวันได้ทำลายหลักฐานเหมือนครั้งก่อนหน้า ลากกระเป๋าเดินนำคนไม่คุ้นทางไปยังเคาท์เตอร์ขายตั๋วรถไฟโดยไม่สนใจมธุวันที่ก้าวตามหลังมาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์




มธุวันรู้สึกว่าตั้งแต่มาถึงเขาก็ไม่สามารถคงอารมณ์ที่ขุ่นมัวในจิตใจไว้ได้นานสักครั้ง ทัศนียภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจรอบข้างทำให้ร่างโปร่งตื่นเต้นจนลืมปั้นหน้าบึ้งตึงใส่ให้คนข้างกายแซวอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเมฆาดูจะพอใจกับการเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นอย่างมาก




เลขาคนเก่งได้แต่ปลอบตัวเองอยู่ในใจว่าทันทีไปถึงโรงแรม เขาจะได้ใช้เวลาส่วนตัวทั้งหมดดื่มด่ำกับประเทศในฝันและหนังสือนำเที่ยวคู่ใจที่เขายังไม่มีโอกาสได้แตะเสียที










เขาเคยบอกรึยังว่าคนบนฟ้าชังน้ำหน้าเขาแค่ไหน?




“ขอโทษนะคะ ห้องที่จองไว้ภายใต้หมายเลขการจองนี้มีแค่ห้องเดียวค่ะ”




ไม่ว่ามธุวันจะขอให้อีกฝ่ายตรวจสอบซ้ำกี่ครั้ง คำตอบที่พนักงานต้อนรับสาวของโรงแรมหรูใจกลางกรุงโตเกียวตอบกลับมายังคงเป็นคำตอบเดิม



“ถ้าอย่างนั้นพอจะเป็นไปได้ที่ผมจะขอจองห้องเพิ่มอีกห้องมั้ยครับ?” มธุวันถามเป็นภาษาญี่ปุ่น พนักงานสาวมีสีหน้าลำบากใจก่อนจะโค้งศีรษะขอโทษเขาหลายครั้งจนมธุวันต้องโค้งตามอย่างเกรงใจ




“ต้องขอประทานโทษด้วยจริงๆค่ะคุณลูกค้า แต่ตอนนี้เป็นฤดูท่องเที่ยว ทุกห้องในโรงแรมเต็มหมดแล้วค่ะ แต่ห้องที่จัดไว้เป็นห้องนอนสำหรับสองท่าน สามารถนอนได้ไม่มีปัญหาแน่นอนค่ะ”




“เอาน่า จะเที่ยงคืนแล้ว เช็คอินไปก่อนเถอะ แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาจัดการ”



เมฆาที่เริ่มหาวหวอดเอ่ยกับร่างโปร่ง ถึงแม้จะไม่อยากยอมรับ แต่มธุวันก็รู้ว่าไม่มีอะไรที่ตนจะทำได้ในตอนนี้ เลขาคนเก่งจึงจำใจต้องเช็คอินเข้าพักอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก




ทั้งสองขึ้นลิฟต์แก้วของโรงแรมขึ้นไปยังชั้นของห้องพัก กระเป๋าของพวกเข้าทั้งคู่ถูกพนักงานยกกระเป๋านำมาวางไว้ในห้องก่อนหน้านี้ เมื่อเสียบคีย์การ์ดเปิดประตูห้องเข้าไป สิ่งที่มธุวันทำได้มีเพียงเบิกตากว้าง อ้าปากค้างอย่างตกตะลึงกับห้องฮันนีมูนสวีทที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าถูกออกแบบมาเพื่อคู่รัก ทั้งตำแหน่งห้องที่มองเห็นวิวของตัวเมืองโตเกียวยามค่ำคืนจากมุมบน แสงไฟสีส้มที่อาบไล้ห้องนอนที่ตกแต่งโทนสีครีมเรียบหรู รวมถึงบนเตียงขนาดคิงไซส์สี่เสาสีขาวสะอาดเพียงหนึ่งเตียงในห้องที่มีกลีบกุหลาบโรยเป็นรูปหัวใจขนาดยักษ์และแชมเปญแช่ในถังน้ำแข็งตั้งวางอยู่บนตู้หัวเตียง แต่ที่น่าตกใจที่สุดเห็นจะเป็นห้องน้ำที่เป็นกระจกใส สามารถมองเห็นอ่างอาบน้ำภายในได้อย่างชัดเจนโดยมีเพียงม่านบางๆที่ถึงแม้จะดึงลงมาปิดกระจกไว้ก็ยังสามารถมองเห็นเงาของคนในห้องน้ำได้อย่างง่ายดาย เรียกได้ว่าไม่ว่าจะตีลังกามองอย่างไรก็ไม่สามารถปฎิเสธได้ว่าเป็นห้องพักสำหรับคู่แต่งงานข้าวใหม่ปลามันอย่างแท้จริง



“จะนอนฝั่งไหน”




แต่เมฆากลับไม่ได้สะทกสะท้านกับสภาพของห้องแม้แต่น้อย ชายหนุ่มก้าวเข้าไปในห้อง นิ้วเรียวเกี่ยวปมเนคไทค์ของตัวเอง ดึงคลายปมออกจากคอแล้วโยนพาดบนเก้าอี้อย่างไม่ใส่ใจ




“นี่คุณเอาจริงเหรอ?” มธุวันถามอย่างไม่อยากเชื่อ



“ทำอย่างกับเราไม่เคยนอนด้วยกัน”



ลมหายใจของร่างโปร่งกระตุกอย่างห้ามไม่อยู่ ถึงแม้จะรู้ดีว่าเมฆาไม่ได้หมายความถึงค่ำคืนอันร้อนแรงสมัยมหาวิทยาลัยก็ตาม




“ผมขออาบน้ำก่อนแล้วกัน”




เลขาหนุ่มทำได้เพียงลอบถอนหายใจ อย่างน้อยที่สุดการแช่น้ำอุ่นเพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทางน่าจะทำให้สมองของเขาแล่นมากพอที่จะคิดหาทางออกจากสถานการณ์นี้ได้



ถึงแม้จะรู้ว่าเมฆาสามารถเห็นได้เพียงเงาของเขาจากผ้าม่านบางที่มธุวันดึงลงมาปิดกระจกห้องน้ำใส แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คนที่เริ่มปลดเปลื้องอาภรณ์ของตัวเองออกอย่างประหม่าสบายใจขึ้นมากนัก กว่าจะทำใจถอดเสื้อผ้าออกหมดทุกชิ้นแล้วก้าวลงไปในอ่างอาบน้ำได้กินเวลาไปโข แต่มธุวันก็ไม่ได้คิดจะขึ้นจากอ่างอาบน้ำแสนสบายในเวลาอันใกล้ ดีเสียอีกหากเมฆารอนานจนหลับไปเขาจะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับร่างสูงให้รู้สึกกระอักกระอ่วนใจ



“นี่ แช่น้ำนานระวังเป็นลมนะ”




เสียงทุ้มที่ดังชึ้นจากอีกฟากของกระจกพร้อมแรงเคาะสองสามครั้งเรียกให้มธุวันชันตัวขึ้นนั่งพรวดในอ่างอาบน้ำด้วยความตกใจ เลขาหนุ่มตวัดสายตาค้อนใส่คนที่ยืนอยู่อีกฟากของผ้าม่านแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายมองไม่เห็น แต่ความใกล้ชิดของพวกเขาในขณะที่ร่างโปร่งไม่มีแม้แต่อาภรณ์สักชิ้นปิดบังกายทำให้มธุวันอดรู้สึกหวิวๆในใจไม่ได้



“เสร็จแล้วครับ”



ร่างโปร่งเอ่ยตอบอย่างขอไปที ขยับลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำอย่างระมัดระวังเพื่อให้แน่ใจว่าเมฆาไม่เห็นเงาของอะไรก็ตามที่มธุวันไม่ต้องการให้เห็น



ให้ตายเถอะ เขาจะได้อยู่อย่างสงบสักวินาทีไหมเนี่ย?!



เขาไม่รู้ว่าความไร้ยางอายของเมฆาพัฒนาจากสมัยมหาวิทยาลัยขนาดนี้ได้อย่างไร แต่ความตายอดตายอยากที่สั่งสมมาตลอดหลายปีทำให้เขาไม่สามารถละสายตาจากเงาร่างสมส่วนที่ยืนอาบน้ำจากฝักบัวที่ติดอยู่กับผนังเหนืออ่างอาบน้ำอย่าง
ไม่สนใจว่าคนที่นั่งเป่าผมอยู่ด้านนอกจะนั่งมองน้ำลายหกไปจนถึงคางแล้ว



“เป่าเสร็จรึยัง?”



ร่างสูงในชุดคลุมสำหรับใส่นอนที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้ให้เดินออกมาจากพร้อมน้ำพร้อมกับใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมที่เปียกโชกของตน มธุวันที่ยังนั่งมองแผงอกที่อุดมไปด้วยมัดกล้ามอย่างเหม่อลอยหุบปากฉับ รีบปิดไดร์เป่าผมแล้วใช้ผ้าขนหนูซับใบหน้าเพื่อเช็ดน้ำลายที่มุมปากของตนอย่างแนบเนียน



“ครับ จะใช้ต่อมั้ย...”



“เป่าให้หน่อย”



ก่อนที่มธุวันจะได้ปฏิเสธคนเอาแต่ใจก็ผลุบนั่งลงบนพื้นหน้าเก้าอี้ของเขาเสียแล้ว



“ผมไม่ใช่คนรับใช้คุณนะคุณเมฆา”



ร่างโปร่งเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ คนบนพื้นเงยหน้าขึ้นมองเขา ทำให้ศีรษะเปียกชื้นเกยบนตักของเลขาหนุ่มอย่างพอดิบพอดี



“เรื่องแบบนี้ถ้าไม่ใช่คนพิเศษฉันไม่ให้ทำหรอก”



“ใครบอกว่าผมอยากเป็น”มธุวันเลิกคิ้ว



“ก็บอกแล้วว่าฉันไม่ได้ถามความเห็นนาย”



เมฆายิ้มอวดเขี้ยวคมเป็นเอกลักษณ์ ราวกับจะรู้ว่ามธุวันพ่ายแพ้ต่อรอยยิ้มแบบเด็กเอาแต่ใจของตน



“เป่าเองเลยครับ” มธุวันเบือนหน้าหนี ยื่นไดร์เป่าผมให้กับคนคนบนพื้นที่ยังคงดื้อแพ่งเป็นเด็กๆ



“ถ้าไม่เป่าให้ฉันก็จะนอนแบบนี้แหละ”



“ตามสบายเลยครับ หัวคุณไม่ใช่หัวผม”



“แต่หัวฉันนอนข้างนายนะ” เมฆาย้อนด้วยน้ำเสียงกวนๆ “ไม่กลัวหัวขึ้นราด้วยกันเหรอ?”




มธุวันบอกตัวเองว่าที่เขายอมเปิดไดร์เป่าผมแล้วเริ่มประทุษร้ายศีรษะของเมฆาอย่างป่าเถื่อนด้วยหวีและลมร้อนเป็นเพียงการกระทำจากความเหนื่อยล้าที่สะสมมาตลอดการเดินทาง ไม่เกี่ยวอะไรกับภาพของเด็กหนุ่มเชื้อสายรัสเซียที่ครั้งหนึ่งเคยออดอ้อนเขาด้วยวิธีเดียวกันนี้เลยแม้แต่น้อย







เมฆาหลับตาลงทันทีที่หัวถึงหมอน ถึงแม้มธุวันจะรู้ว่าคนที่ตีเนียนพาดแขนโอบเอวของเขาไว้ในตอนนี้ยังไม่ได้หลับสนิท แต่ร่างโปร่งเลือกที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้มากกว่าจะปลุกให้คนแกล้งหลับได้มีโอกาสลุกขึ้นมาต่อปากต่อคำกับเขา



ว่าแต่...ตัวเมฆอุ่นขึ้นรึเปล่าเนี่ย...



หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้เลยหมอก!



ร่างโปร่งสะบัดหัวไล่ความคิดชั่ววูบของตนออกไป เอื้อมมือไปหยิบหนังสือนำเที่ยวที่เขาวางไว้บนโต๊ะหัวเตียงมาเปิดอ่านใต้แสงโคมไฟสีส้มนวล หลายวันที่ผ่านมาร่างโปร่งมัวแต่ยุ่งวุ่นวายกับการจัดการงานเอกสารและจัดเตรียมทุกอย่างให้แน่ใจว่าบริษัทจะไม่ล้มละลายในเวลาห้าวันที่เขาจากมา จนไม่มีเวลาได้เปิดหนังสือเล่มนี้อ่านสักครั้ง




หน้ากระดาษของหนังสือท่องเที่ยวเล่มหนาถูกพับและเขียนเพิ่มเติมด้วยปากกาหลายสี แต่สิ่งที่ทำให้มธุวันสะอึกคือภายในเล่มไม่ได้มีแค่ลายมือของตนเท่านั้น แต่ยังมีลายมือของคนที่นอนอยู่ข้างๆเขาในตอนนี้เขียนแทรกอยู่ด้วย



นั่นสินะ...เขาลืมไปได้ยังไงกัน



‘เมฆจะกิน~’ ลายมือบรรจงติดหวัดของร่างสูงเขียนกำกับข้างร้านขนมหน้าตาน่าทานที่หนังสือนำเที่ยวแนะนำไว้




มธุวันกัดริมฝีปากของตัวเองเพื่อสะกดกลั้นก้อนสะอื้นที่จุกอยู่ในลำคอ หลังจากการพยายามทำใจให้ลืมเรื่องราวทั้งหมดมาตลอดหลายปี การได้เห็นหลักฐานการมีอยู่ของความสัมพันธ์เมื่อครั้งในอดีตอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้ร่างโปร่งรู้สึกเหมือนถูกคลื่นกระแทกซัดใส่ร่างจนเซถลา มือเรียวไล้ตามตัวอักษรที่ถูกเขียนด้วยน้ำหมึกสีน้ำเงินอย่างแผ่วเบา ราวกับแค่ได้สัมผัสพื้นผิวที่ปากกาของอดีตคนรักเคยลากผ่านก็มากเกินกว่าที่เขาจะนึกฝัน




ถึงแม้ในหัวจะตะโกนสั่งให้หยุด แต่ร่างกายไม่รักดียังคงเปิดหน้าหนังสือ ดวงตาสีแปลกยังคงไล่อ่านทุกตัวอักษรที่เมฆของเขาเคยเขียนไว้ ความทรงจำของร่างสูงที่พูดคุยหัวเราะกับเขาขณะจดลงไปบนหน้ากระดาษว่า ‘ไปขอพรที่วัดนี้กัน’ ‘ดูซากุระที่นี่น่าจะสวย’ หรือแม้กระทั่ง ‘ไปนั่งพักที่นี่กันนะ’ ย้อนกลับมาในหัวอย่างห้ามไม่อยู่



รัก...



ถึงแม้มธุวันจะไม่มีวันยอมรับให้ใครได้ยิน แต่สุดท้ายแล้วในใจของเขายังคงตะโกนก้องว่ายังรักผู้ชายที่ทิ้งเขาไปอย่างไม่ใยดีคนนั้น



เพราะรัก...เขาถึงได้รู้สึกอ้างว้าง ทั้งที่คนคนนั้นยังนอนอยู่ข้างกาย ลมหายใจอุ่นยังคงรินรดอยู่บนหน้าท้องแบนราบ



เพราะรัก...เขาถึงได้รู้สึกโดดเดี่ยว ทั้งที่แขนแข็งแรงยังกอดเอวของเขาไว้แน่นราวกับจะไม่มีวันปล่อยไปไหน



เพราะรัก...เขาถึงได้หลอกตัวเองว่าจะไม่มีวันตกหลุมพรางที่เด็กโง่ๆที่ชื่อหมอกเดินตกลงไปซ้ำเป็นครั้งที่สอง และยอม
ปล่อยให้เมฆาเดินกลับเข้ามาบดขยี้เท้าลงบนรอยแผลที่ไม่เคยได้รับการรักษาทีละนิด



มธุวันปิดหนังสือฉับ ก่อนจะโยนมันลงในถังขยะแล้วปิดโคมไฟหัวเตียง



เขาปล่อยให้ความรักทำลายชีวิตเขามาได้แล้วหนึ่งครั้ง



ต่อให้ครั้งนี้หัวใจของเขากรีดร้องหาคนที่ชื่อเมฆาสักกี่ครั้ง เขาก็จะไม่ีวันปล่อยให้สิ่งที่เรียกว่าความรักกลับมาทำร้ายเขาได้อีก

--------

เปลี่ยนบรรยากาศมาลงตอนกลางคืนบ้าง5555
ตอนนี้น่าจะยาวมาก ขออนุญาตแบ่งเป็นNow2ตอนเลยละกันนะคะ5555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-01-2018 19:35:18 โดย littlepig »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
โอ๊ะ ยิ่งอ่านยิ่งอยากรู้ตอนบอกเลิกกันอย่างจริงจังมากเลย

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เมฆ ต้องเก็บหนังสือในถังขยะขึ้นมาแน่
แล้วเห็นลายมือตัวเอง
แต่ถ้าเมฆจำได้แล้ว ก็น่าจะจำเรื่องนี้ได้ด้วย  :hao3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
คงได้เที่ยวตามสถานที่เขียนไว้ในหนังสือแน่ ๆ  o18

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
สงสารหมอก เมฆไหนๆก็จะจำได้แล้วก็รีบๆจำได้สักทีว่าตัวเองทำอะไรไว้ เป็นแบบนี้ต่อไปแผลใจหมอกยิ่งฉีก ฮือออออ  :sad4:

ออฟไลน์ neno.jann

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
เรื่องนี่ปมเยอะลึกลับไปอีกกกกก มีความอยากเชียร์เมฆแต่ก็อยากให้หมอกงอลหนักๆง้อยากๆ

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
โถ่ ทำไมต้องให้เป็นเรื่อง

ออฟไลน์ Sorso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-3
แงงงง สงสารหมอกอะ

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เศร้าแทนหมอก เจ็บปวด

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด