----(ครึ่งหลัง)----
น้องถอดรองเท้าให้ด้วยอ่ะ...
กวินภพที่แกล้งนอนหลับอยู่บนเตียงอายจนแทบจะลุกขึ้นมาถอดรองเท้าออกเองแต่กลัวแผนแตก ชายหนุ่มแอบหรี่ตามองหาร่างที่เอารองเท้าเขาออกไปเก็บ เขาได้ยินเสียงกุกกักอยู่นานรวมทั้งเสียงเปิดน้ำในห้องน้ำ จนชักสงสัยแล้วว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่
เสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาทำให้คนบนเตียงรีบหลับตาลงอีกครั้ง
ผ้าขนหนูอุ่นชื้นถูกวางลงบนหน้าผาก กวินภพขยับเล็กน้อยอย่างไม่ทันตั้งตัว
"อ๊ะ...ขอโทษครับ" เสียงหวานรีบเอ่ยขอโทษขอโพยเสียงแผ่ว มือเล็กใช้ผ้าขนหนูบิดหมาดเช็ดตามใบหน้าและลำคอของอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง แล้วใช้ผ้าขนหนูแห้งเช็ดตาม
"ไม่ต้องเปลี่ยนชุดหรอกมั้ง" แว่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ
"อือ...อึดอัด..." กวินภพรีบส่งสัญญาณ มือไม้ปัดป่ายพยายามปลดกระดุมเสื้อของตัวเองอย่างทุลักทุเลตามประสา'คนเมา'
"เฮ้อ...ครับๆ" เด็กหนุ่มถอนหายใจ ช่วยร่างสูงที่นอนอยู่บนเตียงบนกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด พยายามบอกตัวเองไม่ให้ใจเต้นกับมัดกล้ามสมส่วนที่ถูกเผยให้เห็นทีละนิดทุกครั้งที่กระดุมหลุดออก ร่างเล็กเอ่ยขออนุญาตเบาๆก่อนจะเช็ดลงมาตามแผงอกแกร่งถึงหน้าท้องแน่นน่าซบ...
ไอ้แว่น!!
เด็กหนุ่มสะบัดหัวเรียกสติตัวเองกลับเข้าร่าง เมื่อจัดการกับเสื้อนักศึกษาของอีกฝ่ายเรียบร้อยแล้ว แว่นสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วค่อยๆปลดเข็มขัดโดยให้มือสัมผัสกับร่างของอีกฝ่ายน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
"ขอโทษนะครับพี่กล้า" เด็กหนุ่มพึมพำแล้วดึงกางเกงนักศึกษาของร่างสูงลง โชคดีที่อีกฝ่ายใส่กางเกงบ็อกเซอร์สีเทาอยู่ด้านใน แว่นจึงรอดจากการเสียเลือดทางจมูกตายก่อนวัยอันควร
เด็กหนุ่มหอบเสื้อผ้าไปใส่ในตะกร้าผ้าซักในห้องน้ำพร้อมกับแขวนผ้าขนหนูตาก แล้วเดินกลับมาเปิดแอร์ให้เจ้าของห้อง มือเล็กดึงผ้าห่มผืนหนาคลุมร่างของชายหนุ่มในบ็อกเซอร์เพียงตัวเดียวด้วยกลัวอีกฝ่ายจะเป็นไข้ แต่กลับถูกที่นอนหลับอยู่คว้าเข้าไปในอ้อมกอดเสียดื้อๆ
"..." เด็กหนุ่มไม่กล้าขยับตัว ใบหน้าอีกฝ่ายอยู่ใกล้เสียจนเข้ามองเห็นแพขนตาสีดำสนิทเรียงตัวเป็นระเบียบชัดทุดเส้น มือใหญ่สอดใต้เสื้อโปโลคอปกตัวเก่งที่แว่นมักจะชอบใส่นอกเวลาเรียน ความร้อนจากฝ่ามือที่วางนิ่งอยู่บนแผ่นหลังเหนือสะโพกเพียงเล็กน้อยและแผงอกแกร่งที่ไร้ซึ่งอาภรณ์ปกคลุมนอกจากผ้าห่มผืนหนาที่ร่นไปอยู่ที่เอวสอบยิ่งทำให้แว่นไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป ชายหนุ่มรั้งคนตัวเล็กเข้ามาแนบชิดกับร่างของตนมากกว่าเดิมพร้อมทั้งเอาขาพาดอีกฝ่ายไว้ไม่ให้หนี ใบหน้าคมฝังอยู่ที่ลำคอขาวเสียจนแว่นรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่น และริมฝีปากได้รูปที่ทาบทับอยู่บนแอ่งชีพจรของเขาอย่างแผ่วเบา ลมหายใจสม่ำเสมอของอีกฝ่ายไม่ได้ช่วยให้หัวใจที่เต้นแรงของเด็กหนุ่มดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ความง่วงเข้าครอบงำเด็กหนุ่ม ความเหนื่อยล้าสะสมจะการอดหลับอดนอนมาหลายคืนส่งผลให้ร่างเล็กผลอยหลับไปในเวลาไม่นานนัก เมื่อร่างกายเข้าสู่ห้วงนิทรา แว่นที่ติดหมอนข้างมาตั้งแต่เด็กขยับตัวเข้าซุกคนแกล้งหลับพร้อมกับถูใบหน้ากับอกแกร่งเบาๆ กวินภพลืมตาขึ้นมองท่าทีออดอ้อนที่เขาไม่เคยเห็นร่างบางทำมาก่อนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยหลากหลายอารมณ์
นี่เขาคิดถูกแล้วใช่มั้ยที่ทำแบบนี้...
มือใหญ่เกลี่ยเส้นผมสีน้ำตาลเข้มออกจากหน้าผากใสแล้วประทับจุมพิตลงบนผิวขาวเนียนเบาๆ
"รอพี่นะครับคนดี..."
พี่สัญญา ว่าพี่จะพยายาม'กล้า' ให้สมกับชื่อให้ได้
"อือ..."
แว่นขยับตัวซุกกอดหมอนข้างอย่างมีความสุข นานๆเขาจะได้นอนสบายๆบนที่นอนนุ่มๆโดยไม่มีไอ้แทนนั่งเล่นเกมส์จนเกือบเช้า มีหมอนนุ่มๆให้หนุน มีร่างอุ่นๆให้กอด
เดี๋ยว...เด็กหนุ่มลืมตาโพลง ภาพแผงอกแกร่งที่แว่นเคยเพ้อฝันถึงปรากฎแก่สายตาแบบโคลสอัพชัดเจนทุกอณูรูขุมขน เจ้าของแผงอกเปลือยเปล่าส่งเสียงอือในลำคออย่างขัดใจเมื่อคนตัวเล็กในอ้อมกอดเริ่มขยับตัวยุกยิก แว่นที่ไม่มีทางเลือกจึงได้แต่นอนนิ่งมองหน้ากวินภพอยู่อย่างนั้น
หล่อ...แว่นรู้ว่าเขาไม่ควรตัดสินคนจากภายนอก แต่เด็กหนุ่มต้องยอมรับว่ารูปลักษณ์ภายนอกของอีกฝ่ายเป็นหนึ่งในหลายปัจจัยที่ทำให้เขาสนใจ แต่ตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา แว่นได้เห็นมุมต่างๆของกวินภพที่เขามั่นใจว่าน้อยคนนักจะเคยเห็นมาก่อน ทั้งนิสัยและความชอบที่ขัดกับหน้าตา ความป้ำๆเป๋อๆในบางเวลาที่แว่นกลับมองว่ามันดูเท่เสียอย่างนั้น ยิ่งรู้จักแว่นยิ่งอยากเป็นคนคนเดียวที่รู้เรื่องพวกนี้ของอีกฝ่าย
อยากจะหลอกตัวเองว่าเขาจะได้ตื่นขึ้นมามองใบหน้ายามหลับของชายหนุ่มแบบนี้ตลอดไป
กวินภพขยับพลิกตัวนอนหงาย คลายอ้อมกอดจากร่างเล็กที่อยู่ข้างๆ แว่นใช้จังหวะนี้ลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินออกมาจากห้องนอน เด็กหนุ่มชั่งใจอยู่นานว่าจะโทรเรียกแทนไทยมารับดีหรือไม่
จริงสิ ทำอะไรไว้ให้พี่กล้ารองท้องหน่อยดีกว่า
ร่างเล็กถือวิสาสะเดินเข้าไปในครัวที่ดูเหมือนแทบไม่ได้รับการแตะต้อง ทั้งที่มีอุปกรณ์ทำอาหารครบครันไม่แพ้ภัตราคารใหญ่ๆเลย
ถ้าเขาอยู่ที่นี่เขาจะไม่ออกไปหาอาหารกินนอกบ้านเลย...
กวินภพลืมตาตื่นขึ้นอย่างงัวเงีย ร่างสูงรั้งร่างของแว่นเข้ามาในอ้อมกอดเพียงเพื่อที่จะพบว่าเด็กหนุ่มหายไปแล้ว
กวินภพสะดุ้งขึ้นจากเตียงทันที ชายหนุ่มหันซ้ายแลขวาหาร่างของคนที่เคยนอนอยู่ข้างๆแต่ไม่พบ ชายหนุ่มขมวดคิ้ว
กลับไปแล้วเหรอ...
แกร๊ง...เสียงเบาๆที่ดังขึ้นจากในครัวทำให้คนที่นั่งเครียดอยู่บนเตียงยิ้มออก กวินภพรีบลุกจากเตียงเดินตรงไปยังห้องครัว ภาพเด็กหนุ่มร่างเล็กในผ้ากันเปื้อนสีชมพูหวานยืนก้มๆเงยๆอยู่หน้าเตาสร้างความรู้สึกอุ่นวาบในอกของชายหนุ่ม
น่ารัก...ผ้ากันเปื้อนผืนเล็กที่แว่นกำลังใช้อยู่นั้น กวินภพซื้อมาด้วยเหตุผลเดียว คือเขาคิดว่าร่างเล็กคงจะดูน่ารักมากเมื่อสวมใส่ ซึ่งก็ไม่ผิดจากที่คาดเท่าไหร่นัก
เช่นเดียวกับข้าวของหลายอย่างในห้องที่ชายหนุ่มซื้อเพียงเพราะคิดว่าคนตรงหน้าคงจะชอบ แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายอาจจะไม่มีวันได้เห็นมันเลยก็ตาม
"อ๊ะ.." แว่นที่หันกลับมาชะงักอย่างตกใจเมื่อเห็นเจ้าของห้องในสภาพกึ่งเปลือยยืนกอดอกพิงกรอบประตูมองเขาพร้อมรอยยิ้ม
รอยยิ้มที่ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกร้อนวูบวาบที่ใบหน้าอย่างห้ามไม่อยู่
"ทำอะไรอยู่เหรอ?" เสียงทุ้มถาม แว่นหันกลับไปปิดเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควัน
“ข้าวต้มกุ้งครับ พี่กล้าสร่างเมาแล้วเหรอครับ?”
“…โอ๊ย…ปวดหัวจัง”
ชายหนุ่มยกมือขึ้นกุมขมับด้วยปฎิกิริยาที่ดีเลย์ไปหลายสเต็ป แต่อย่างที่เขาว่ากันว่าความรักมักจะทำให้คนตาบอด แว่นรีบเดินตรงมาหาร่างสูงทันทีโดยไม่รู้สึกเอะใจเลยแม้แต่น้อย
“นั่งพักก่อนนะครับ” เด็กหนุ่มประคองร่างสูงที่แสร้งทำเป็นเดินไม่ไหวมานั่งที่โต๊ะทานอาหาร “เดี๋ยวผมไปเอาเสื้อมาให้ใส่ ขอเปิดตู้เสื้อผ้านะครับ”
กวินภพที่เพิ่งรู้สึกตัวว่าตนมีเพียงบ็อกเซอร์สีเทาเรียบๆเป็นอาภรณ์ติดกายพยักหน้า มองตามร่างเล็กที่เดินเข้าไปในห้องนอนอย่างไม่ยอมละสายตา
ตั้งสติไว้ไอ้กล้า...
มึงทำได้
“ตัวนี้ได้มั้ยครับ” แว่นโผล่หน้าออกมาจากห้องพร้อมกับเสื้อบอลสีขาวตัวเก่งของเขา กวินภพยังคงทำได้เพียงพยักหน้า พยายามหาทางเริ่มบทสนทนากับอีกฝ่าย
แว่นยื่นเสื้อให้เจ้าของห้องก่อนจะเดินไปตักข้าวต้มร้อนๆจัดใส่ถาดพร้อมกับน้ำเปล่าและยาแก้ปวดหัวยกมาวางที่โต๊ะทานข้าว เด็กหนุ่มหันมาหากวินภพด้วยสีหน้าเรียบเฉยอย่างที่ตนทำอยู่ตลอด
“ถ้าอย่างนั้นผมกลับแล้วนะครับ”
“เดี๋ยว” กวินภพรีบขัด “ดึกแล้วนอนนี่เถอะ...เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ไปส่ง”
“ไม่เป็นไรครับ ผมขึ้นแท็กซี่ไปเองได้” แว่นปฎิเสธ
“แต่พี่เป็นห่วง” ไม่รู้ว่าด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์หรือความรู้สึกที่สั่งสมไว้มานาน ร่างสูงถึงพูดโพล่งออกไปแบบนั้น แม้จะตกใจกับคำพูดของตัวเอง แต่กวินภพก็ไม่ยอมปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไปง่ายๆ “นะ...นอนนี่เถอะ”
“ผม…” เด็กหนุ่มมีสีหน้าลังเล แต่นี่ก็ใกล้เวลาปิดหอเขามากแล้วจริงๆ
“นะครับ” น้ำเสียงออดอ้อนที่แว่นไม่เคยได้ยินสร้างดาแมจรุนแรงให้เด็กหนุ่มอย่างไม่ทันตั้งตัว ร่างเล็กพยักหน้าอย่างต้านทานสีหน้าเว้าวอนของคนตรงหน้าไม่ไหว
ฮือ...เบียร์ยี่ห้ออะไรเนี่ย
รู้ตัวอีกทีเด็กหนุ่มก็ยืนกระพริบตาปริบๆอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าแบบวอล์กอินที่เชื่อมกับห้องน้ำขนาดใหญ่ของอีกฝ่ายเสียแล้ว
“จะใส่ตัวไหนก็หยิบได้เลยนะ ผ้าขนหนูกับแปรงสีฟันอยู่ลิ้นชักล่างสุด” กวินภพส่งเสียงมาจากด้านนอก ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือไม่ที่รู้สึกว่าร่างสูงดูสร่างเป็นปลิดทิ้งทันทีที่เขาตกลงจะค้างด้วย
ทางด้านคนแกล้งเมานั่งยิ้มกับตัวเองอยู่บนเตียงอย่างมีความสุข กวินภพหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นฆ่าเวลาด้วยรู้ว่าหากปล่อยให้สมองว่างงาน ความคิดของเขาจะพุ่งไปยังร่างเล็กที่ตอนนี้กำลังยืนเปลือยเปล่าอยู่ใต้สายน้ำที่ไหลลงมากระทบใบหน้า ลำคอขาว แผ่นอกและหน้าท้องแบนราบ ลงไปยัง....
หยุด
หยุดอยู่ตรงนั้นเลยไอ้กล้า
กลับมาสู่โลกความเป็นจริงเดี๋ยวนี้!
"เอ่อ..." เสียงหวานเรียกให้ชายหนุ่มเงยหน้าจากจอมือถือ กวินภพรู้สึกมือไม้อ่อนขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นร่างเล็กในเสื้อยืดสีฟ้าอ่อนของเขาที่พออยู่บนตัวอีกฝ่ายกลับกลายเป็นเสื้อนอนตัวยาวคลุมเข่าเผยเรียวขาขาวเนียนยืนเช็ดผมอยู่หน้าประตูห้อง แว่นกรอบหนาขึ้นฝ้าจนมองไม่เห็นดวงตาของอีกฝ่าย "มีไดร์เป่าผมมั้ยครับ"
"มานั่งนี่" ชายหนุ่มตบปุที่พื้นที่บนเตียงข้างกายแล้วก้มลงดึงลิ้นชักหัวเตียงเพื่อหยิบไดร์ออกมา แว่นนั่งลงอย่างว่าง่าย กวินภพเสียบปลั๊กไดร์เป่าผมแล้วหันมาหาร่างบาง "พี่เป่าให้"
"ไม่ต้องก็ได้ครับ" ร่างสูงไม่สนใจคำทักท้วง เปิดไดร์เป่าผมแล้วเริ่มใช้ผ้าขนหนูขยี้ผมเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างเบามือเพื่อให้ลมโดนเส้นผมอย่างทั่วถึง
แว่นได้แต่นั่งเงียบ ไม่ดึงดันที่จะทำอะไรเองเช่นทุกครั้ง ไม่เข้าใจว่าทำไมตนถึงได้ลดเกราะป้องกันที่สร้างมาตลอดหลายปีลงในคืนนี้
คงเป็นเพราะอีกฝ่ายกำลังเมา
ได้แต่แก้ตัวแบบนั้น ทั้งที่ส่วนลึกในใจก็รู้ ว่าร่างสูงไม่มีเค้าลางของคนเมาเลยซักนิด
"แว่น" เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหู เจ้าของชื่อหันไปตามเสียงเรียก กวินภพปิดสวิชท์ไดร์เป่าผมด้วยสีหน้าอึดอัดจนเด็กหนุ่มเป็นห่วง
พี่กล้าเป็นอะไร? คลื่นไส้รึเปล่า?
"คือ...พี่...พี่..." ชายหนุ่มอึกอัก พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกที่อยู่ในอกให้อีกฝ่ายได้รับรู้ แว่นขมวดคิ้วรอฟังอย่างตั้งใจ"พี่... ชะ...ชอบ..."
ร่างของเด็กหนุ่มตรงหน้าเกร็งขึ้นมาทันที สีหน้าที่ดูอ่อนโยนลงเมื่อครู่ดูแข็งกร้าวขึ้นอีกครั้ง
"....ข้าวต้มกุ้งของแว่นมากเลย!"
ไอ้กล้าเอ๊ย....
สิ้นหวังแล้วล่ะมึง...
กวินภพอยากจะทึ้งหัวตัวเองแรงๆ แต่เมื่อเขาพูดจบ ท่าทีแข็งกร้าวของเด็กหนุ่มก็ผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด หากเขาไม่คิดเข้าข้างตัวเองเกินไป ร่างสูงคิดว่าเขาเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของเด็กหนุ่มด้วยซ้ำ
"ขอบคุณครับ"
"คือ...พี่..." กวินภพพยายามปรับลมหายใจให้เป็นปกติ เอาใหม่ไอ้กล้า "....พี่ขอผูกปิ่นโตได้มั้ย"
เชี่ยกล้า!!!!
ถ้าถอดจิตออกมาตบหัวตัวเองได้ชายหนุ่มคงทำไปแล้ว
"ผูกปิ่นโต?" แว่นทวนคำอย่างงุนงง "แต่หอผมทำอาหารไม่ได้นะครับ"
"แค่ศุกร์เสาร์อาทิตย์ก็ได้ ปกติแว่นกลับบ้านรึเปล่า?" กวินภพรีบถามแม้จะรู้คำตอบอยู่แล้ว
"ก็...ไม่ได้กลับหรอกครับ" เด็กหนุ่มตอบ
"งั้นเดี๋ยวพี่ไปรับไปส่งที่หอ ตอนกลางคืนก็ค้างที่นี่ เดี๋ยวพี่จ่ายค่าเสียเวลาให้" ชายหนุ่มทำสายตาเว้าวอนแบบที่เคยทำให้เด็กหนุ่มยอมค้างในคืนนี้ "พี่ทำอาหารไม่เป็น ต้องพึ่งอาหารเวฟตลอด"
"...." เด็กหนุ่มไม่ค่อยชอบให้ใครทานอาหารแช่แข็งอยู่แล้วด้วยความคิดที่ว่าอาหารปรุงสุกใหม่ๆย่อมดีต่อสุขภาพมากกว่า แต่พอเป็นพี่กล้า เขายิ่งไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องทานอะไรแบบนั้น
แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะไปเจ้ากี้เจ้าการชีวิตของชายหนุ่ม
"แถมพี่ยังกินข้าวไม่ตรงเวลา ถ้ามีคนช่วยเตือนคงจะดี..." เมื่อเห็นร่างเล็กไม่ปฎิเสธ ชายหนุ่มยิ่งใส่สีตีไข่ทำตัวดราม่าน่าสงสารขึ้นมาทันที
แต่พี่กล้าเป็นโรคกระเพาะไม่ใช่เหรอ?
แว่นเริ่มรู้สึกไม่พอใจ ทำไมอีกฝ่ายถึงไม่ดูแลสุขภาพตัวเองแบบนี้
ไม่รู้หรือไงว่าทำให้คนอื่นเขาเป็นห่วง
"นะแว่น...พี่อยู่ห้องคนเดียวมันเหงา...."
กวินภพแทบจะได้ยินเสียงเหนือฟ้าดังขึ้นในหัวว่าแล้วมันไม่นับเป็นคนเหรอ แต่แน่นอน คนดีอย่างกวินภพย่อมเลือกคนที่ชอบก่อนเพื่อนรักเสมออยู่แล้ว
"ก็ได้ครับ" ถ้าถอนหายใจแล้วอายุสั้น แว่นคงเหลือเวลาอยู่บนโลกอีกไม่นานแล้ว
"จริงเหรอ?! ขอบใจนะ" รอยยิ้มกว้างปรากฎขึ้นบนใบหน้าคมทำเอาเด็กหนุ่มเคลิ้มไปชั่วขณะ ก่อนที่ชายหนุ่มจะรู้ตัวรีบหุบยิ้ม
"โทษๆ พี่ยิ้มน่ากลัวใช่มั้ย"
"....ก็ไม่นี่ครับ ปกติ" แว่นโกหกหน้าตาย ทั้งที่ในใจละลายไปกับรอยยิ้มเมื่อครู่เรียบร้อยแล้ว
"เหรอ..." รอยยิ้มจางปรากฎบนริมฝีปากเรียวอีกครั้ง
ดีแล้วที่พี่กล้าไม่ยิ้มบ่อยๆ ไม่งั้นแผนกฉุกเฉินของมหาวิทยาลัยคงเต็มไปด้วยคนไข้หัวใจล้มเหลวเฉียบพลันแน่ๆ
____________
ถามว่าสงสารพี่กล้ามั้ย
ไม่อ่ะ55555
อายนักก็อดต่อไปค่ะพี่
กว่าจะจบเรื่องนี้เป็นกันกี่โรคอะ เปิดมาก็A-Fibกันเลยทีเดียว5555555
ไรท์ก็อยากรู้ค่ะว่าตัวเองจะดิ้นรนไปได้อีกกี่โรค555555