หลังจากนั้นอีกสิบห้านาที กอร์ดอนก็ต้องออกไปเจรจากับเจ้าของร้านขายจักรด้วยตัวเอง กว่าจะได้จักรตัวใหม่มาแทนที่ร้าน เวลาก็ล่วงไปจนถึงบ่ายสอง เขากลับมาตัดผ้าสำหรับตัดชุดให้ลอร์ดสวินดัน และลูกค้าคนอื่นๆ ก่อนจะทำงานล่วงเวลาจนถึงสามทุ่ม
พอเช้าวันอังคาร เขาก็ประกาศกับช่างในร้านว่า จะเคลียร์งานทั้งหมดของสัปดาห์นี้ให้เสร็จภายในวันศุกร์ และจะหยุดในวันเสาร์เพื่อให้ทุกคนได้พักผ่อน แน่นอนว่าค่าล่วงเวลาก็จะจ่ายอย่างงามเช่นกัน
ลอร์ดโทรว์บริดจ์แวะมาหาเขาในช่วงเย็นของวันพุธอย่างที่เคยทำประจำทุกสัปดาห์ ท่านเอิร์ลยังคงดูสดชื่นและร่าเริงเหมือนดวงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณในช่วงหน้าร้อนไม่มีผิด เขามีสีหน้าผิดหวังที่กอร์ดอนของดเข้าประชุมสโมสรในวันนี้ เพราะติดงานที่ต้องเร่งทำให้เสร็จ แต่หลังจากนั้นก็ยิ้มแทบไม่หุบ เมื่อช่างตัดเสื้อพูดประโยคต่อมา
“จอห์น วันเสาร์นี้คุณว่างไหมครับ? ผมอยากชวนคุณไปนั่งรถเล่นที่นอกเมืองสักหน่อย ผมมีบ้านพักหลังหนึ่งที่นีสเดน”
“นีสเดน?” ลอร์ดหนุ่มทวนคำ “ใกล้กับอ่างเก็บน้ำเวลส์ฮาร์ปใช่ไหม? ผมเคยไปแล่นเรือกับตกปลาที่นั่น มันเป็นที่ที่ดีมากสำหรับหน้าร้อน แล้วก็เป็นลานสเก็ตที่ดีในฤดูหนาวด้วย” เขายิ้มด้วยความตื่นเต้น “เยี่ยมเลยกอร์ดอน หน้าร้อนต้องไม่มีที่ไหนเหมาะไปกว่าการไปอ่างเก็บน้ำเวลส์ฮาร์ปอีกแล้ว ผมจะเอารถไป คุณมีเรือใช่ไหม ผมจะเอาเบ็ดไปด้วย ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าคุณมีบ้านที่นั่น”
“ครอบครัวผมเคยอยู่ที่นั่นครับ” กอร์ดอนตอบเขา “แต่พอพ่อกับแม่ผมเสีย ผมเลยย้ายมาอยู่กับปู่ที่ร้านเพราะสะดวกในการเดินทางมากกว่า ส่วนเรื่องเรือ ผมไม่แน่ใจว่าจะยังใช้ได้อยู่รึเปล่านะครับ เหมือนพ่อผมจะเคยมีอยู่ลำหนึ่ง”
“ถ้ามันใช้ไม่ได้แล้วก็ไม่เป็นไรหรอก ผมแน่ใจว่าเราจะหาเช่าเอาจากชาวบ้านแถวนั้นได้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะพูดต่อ “ว้าว... นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมจะได้ไปเที่ยวกับคุณสองคน คุณมีอะไรให้ผมช่วยไหม? ผมอยากจะแน่ใจว่าคุณจะเสร็จงานภายในวันศุกร์นี้ ถ้ามีเรื่องอะไรที่ผมช่วยได้ รีบบอกผมเลยนะ”
“ครับ แต่ผมคิดว่าทุกอย่างน่าจะเสร็จเรียบร้อยภายในวันศุกร์ แล้ววันเสาร์คุณจะมากี่โมงครับ”
“เอาตามที่คุณสะดวกเลย แต่ผมว่าเช้าหน่อยก็ดีนะ พวกเราจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันนานๆ”
“งั้นสักเจ็ดโมงเช้าเป็นไงครับ?”
“ได้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “แล้วเราจะค้างที่นั่นมั้ย คุณมีบ้านนี่นา ผมจะได้เตรียมเสื้อผ้า เราจะตกปลาแล้วเอาไปทำมื้อเย็นกัน นั่งดูดาวกันตรงสนามหญ้าหลังบ้านคุณ ผมว่าต้องโรแมนติกมากแน่”
กอร์ดอนยิ้มออกมา “ไม่ได้หรอกครับ วันอาทิตย์คุณต้องไปที่โบสถ์นะ”
“แถวนั้นไม่มีโบสถ์หรือไง ผมไปโบสถ์ไหนก็ได้”
“แต่คุณไม่ควรออกไปค้างแรมนอกบ้าน พ่อกับแม่คุณต้องเป็นห่วงมากแน่”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “ผมไปอเมริกาตั้งสามปีนะกอร์ดอน ก่อนหน้านั้นก็ใช่ว่าผมจะอยู่บ้าน นี่... พวกเราค้างกันเถอะ เว้นเสียแต่ว่าคุณต้องรีบกลับมาทำงานวันอาทิตย์ ซึ่งผมว่าพระเจ้าคงผิดหวังมากที่คุณไม่เชื่อฟังพระองค์”
“นีสเดนอยู่ใกล้แค่นี้เองครับ คงไม่ถึงขั้นต้องพักค้างหรอก” กอร์ดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลยพูดต่อ
“คุณไม่อยากมีเวลาอยู่ด้วยกันกับผมสองคนหรือ?”
กอร์ดอนรีบสั่นศีรษะ “ไม่ครับ ผมอยากอยู่กับคุณตลอดเวลา” พูดจบเขาก็หน้าแดงด้วยความเขิน “แต่มันไม่สมควรที่ผมจะชวนคุณไปค้าง บ้านผมไม่ได้ใหญ่โตอะไร แถมไม่มีใครอยู่มาหลายปีแล้วด้วย”
“แต่มันก็น่าจะพักได้ไม่ใช่หรือ? คุณมีคนดูแลรึเปล่า?”
“ครับ ผมให้แม่ของเดวิดดูแลอยู่”
“งั้นพวกเราก็ค้างกันเถอะ ถ้าคุณอยากอยู่กับผม”
“แต่...”
“คุณกังวลเรื่องที่เราจะผิดต่อพระเจ้าหรือ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามแทรก อีกฝ่ายพยักหน้า ลอร์ดหนุ่มเลยพูดขึ้นต่อ “งั้นไม่ต้องกังวลหรอก ผมสาบานไว้แล้วว่าจะไม่ทำเรื่องแบบนั้น ผมรักษาคำสาบาน”
“แต่ที่บ้านคุณจะสงสัยเอาได้นะครับ” กอร์ดอนว่า “อย่าเลยจอห์น ผมไม่อยากเสี่ยงที่จะเสียคุณไป”
“ผมอายุตั้งยี่สิบสี่แล้วกอร์ดอน ผมมีสิทธิ์จะไปค้างแรมที่ไหนก็ได้ พ่อกับแม่ไม่ว่าผมเรื่องนี้หรอก”
“แต่คุณจะบอกพวกเขาว่าไงครับ? ไปค้างกับผมหรือ? ไม่ ผมว่าไม่เข้าท่าแน่ อย่าเลยจอห์น พวกเราไม่ต้องค้างหรอกครับ กลับดึกหน่อยก็ได้ ผมจะนั่งรถไปเป็นเพื่อนคุณถึงหน้าคฤหาสน์ แล้วผมค่อยเรียกรถม้ากลับอีกที”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งเงียบไปอึดใจ สุดท้ายเขาก็พูดออกมา “เอางี้แล้วกัน ถ้าถึงวันเสาร์ ผมยังหาข้ออ้างดีๆ กับพ่อแม่ไม่ได้ พวกเราก็จะไม่ค้าง แต่ผมอยากให้คุณเตรียมตัวไว้ ผมค่อนข้างแน่ใจว่าผมหาเรื่องออกไปค้างกับคุณได้แน่ๆ” พูดจบเขาก็ยิ้มที่มุมปาก “ผมจะหาทุกเหตุผลเพื่อให้ได้ไปค้างกับคุณในวันเสาร์นี้”
“ให้ตายเถอะจอห์น... ผมไม่น่าชวนคุณเลย” กอร์ดอนพูดพลางสั่นศีรษะ แต่ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ “คุณนี่ดื้อจริงๆ”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ เขามองหน้าช่างตัดเสื้อ ก่อนที่เสียงเคาะประตูจะดังขึ้น ตามด้วบริกรที่ยกอาหารเข้ามาเสิร์ฟ
----------------------------------------
ข่าวการไปโรมาเนียของลอร์ดฟาริงดอนทำให้เหล่าสมาชิกของสโมสรแบล็กเบิร์ดโล่งใจไปตามๆ กัน พวกเขาต่างพูดคุยกันถึงเรื่องที่ลอร์ดฟาริงดอนเคยทำเอาไว้สมัยที่ยังอยู่ลอนดอน มีตั้งแต่การแอบปลอมเป็นลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เพื่อมาล้วงความลับในทีมรักบี้ของลอร์ดโทรว์บริดจ์ ยาวไปถึงวีรกรรมที่เขาสลับตัวกับน้องชายกลางงานเลี้ยง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเต้นรำกับบรรดาเลดี้ทั้งหลายที่วาดหวังจะได้เป็นมาร์ชันเนสในอนาคต
“เอาจริงๆ นะ แมกซ์ การที่ไมครอฟไปอินเดียทำให้นายดูเป็นตัวของตัวเองขึ้น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดหลังจากทุกคนผลัดกันเล่าเรื่องความประทับใจที่มีต่อลอร์ดฟาริงดอนเรียบร้อยแล้ว ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเพื่อน ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ
“ก็จริงของนาย แต่ยังไงเขาก็เป็นพี่ชายฉัน”
“เรื่องนั้นไม่มีใครเถียงนายหรอกแมกซ์” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “ว่าแต่ทำไมจู่ๆ เขาถึงรีบจับรถไฟไปโรมาเนียล่ะ ฉันยังคิดว่าไมครอฟจะอยู่ป่วนพวกเราจนหมดฤดูร้อนนี้ด้วยซ้ำ อะไรทำให้เขานึกเฮี้ยนทำตามคำขอของลอร์ดสวินดันได้ ทั้งๆ ที่เขาทำเมินมันมาตั้งหลายปี”
ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ทำหน้ายุ่งยากใจ “ฉันเดาความคิดของไมกี้ไม่ออกหรอก เขาอยากไปไหนเขาก็ไปทั้งนั้น”
“เขาไม่ใช่จอห์นนี่สักหน่อย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันแย้ง “ฉันรู้ว่าไมครอฟจะทำอะไรต้องบอกนายทุกเรื่อง เขากับนายเป็นครึ่งหนึ่งของกันและกัน นี่ใจคอนายจะไม่บอกพวกเราหน่อยหรือ ว่าอะไรไล่ไมครอฟออกไปจากลอนดอนได้เร็วขนาดนี้ ฉันว่าคงไม่ใช่เพราะฉันกับพ่อของพวกนายแน่ ใช่ไหมล่ะ?”
“จอร์จ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ทำหน้าเครียด “ฉันมีสิทธิ์ที่จะเล่าหรือไม่เล่าอะไรเกี่ยวกับตัวเขา ยังไงเขาก็เป็นพี่ชายฉันนะ”
เจมส์หัวเราะออกมา “อย่าตื๊อนักเลยน่าจอร์จจี้ แมกซ์ไม่กลัวฝีปากนายเหมือนพี่ชายเขาหรอกนะ ระวังเถอะนายจะถูกเขาเสียบด้วยไม้เท้า”
“นั่นสิจอร์จจี้ นายควรจะให้เกียรติแมกซ์บ้าง อย่างน้อยๆ นั่นก็พี่ชายเขานะ” ลอร์ดครอฟตันว่า ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้าเซ็ง
“แต่ฉันอยากรู้นี่นา คิดดูสิ อะไรที่ทำให้คนอย่างไมครอฟต้องรีบออกจากลอนดอนทั้งที่เขาเพิ่งกลับมาได้ไม่ถึงสองสัปดาห์ด้วยซ้ำ นี่นะ ถ้าเป็นนาย นิกกี้ ฉันกล้าพนันเลยว่าเพราะนายโดนเบตตี้หักอกถึงต้องรีบหนีไปแบบนั้น”
“ทำไมนายต้องมาพาดพิงฉันด้วย” นิโคลาสสวนทันที ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยักไหล่
“เพราะมันเป็นสาเหตุเดียวที่ฉันนึกออก เวลาที่ใครต้องรีบย้ายที่อยู่กะทันหันน่ะซี่”
“นายอย่าเอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานหน่อยเลยน่า” โรเบิร์ตว่า เจฟฟรีพยักหน้า อีธานพูดขึ้น
“ว่าแต่นายเคยอกหักจนถึงขั้นต้องออกเดินทางกะหันหันด้วยหรือจอร์จจี้?”
“ไม่เคยหรอก แต่ฉันรู้แล้วกัน” เขาหันไปมองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ “หรืออันที่จริงพี่ชายนายแอบรักใครแล้วถูกหักอกนะแมกซ์ ฮ่าๆ เขากลับมาลอนดอนเพื่อจะขอเธอแต่งงาน แต่ก็พบว่าเธอแต่งงานไปแล้วใช่ไหมล่ะ? ว้าว ไม่น่าเชื่อว่ายังมีคนกล้าหักอกลอร์ดฟาริงดอนอีกนะเนี่ย”
“ถ้ามันจะทำให้นายสบายใจขึ้นนะจอร์จ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “เชิญนายคิดอย่างที่นายชอบได้เลย” พูดจบเขาก็เดินออกจากห้องไป
“อ้าว เวรล่ะจอร์จจี้ นายทำเขาโกรธจริงๆ แล้ว”
แต่ยังไม่ทันที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันจะทันได้พูดหรือขยับอะไร ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็รีบเดินตามเพื่อนของเขาออกไป
-----------------------------
“แมกซ์ เดี๋ยว!”
คนถูกเรียกหันกลับมามอง “โอ้... จอห์นนี่ ให้เวลาฉันสงบสติอารมณ์สักพักเถอะ จอร์จทำฉันหงุดหงิดมาก ทำไมเขาถึงได้ตื๊อนัก”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขยับปากจะพูดอะไรต่อ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็เปิดประตูออกมาพอดี
“แมกซ์ ฉันขอโทษ”
ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองหน้าเพื่อนที่ทำท่าสำนึกผิดอยู่อึดใจ ก่อนจะพยักหน้า “ฉันให้อภัยนายจอร์จ กลับเข้าห้องเถอะ ฉันอยากจะสูบบุหรี่เงียบๆ สักสิบห้านาที”
“ตกลงแมกซ์ ฉันจะรอนาย จะรินวิสกี้ไว้ให้” พูดจบลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็กลับเข้าห้องไป ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเพื่อนแล้วถอนใจยาว ก่อนจะสั่นศีรษะ เขาเดินออกไปที่ระเบียงด้านหน้าของตึก แล้วดึงบุหรี่ออกมาจุดสูบ ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินไปยืนข้างๆ แล้วยื่นไฟแช็คให้เขา
“ขอบใจ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ก่อนจะสูดควันเข้าปอด ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยืนมองฝ่ายนั้นอย่างเงียบงัน ท่ามกลางสายลมยามพลบค่ำที่พัดเอาความชื้นจากแม่น้ำเทมส์มาต้องผิว
“บุหรี่นายหอมดีนะ กลิ่นนี้ไม่น่าใช่ยาสูบของทางใต้”
“อ้อ ไม่ใช่หรอก เป็นยาสูบจากอินเดียนะ ไมกี้ให้ฉันมา” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบ ก่อนจะหันไปมองเพื่อน “จอห์นนี่ นายมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันหรือ? อย่างนายคงไม่เดินตามฉันออกมาเพื่อจะคุยเรื่องยาสูบหรอก”
“นายสูบบุหรี่ให้ฉ่ำใจก่อนเถอะ เรายังมีเวลา จอร์จคงรอให้นายไปดื่มวิสกี้ที่เขารินได้หรอก”
ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเพื่อนอีกครั้ง ก่อนจะอัดควันบุหรี่เข้าปอดอีกสองสามเฮือก แล้วดับมันทิ้ง “ฉันคงสูงไม่สะดวกใจ ถ้าถูกนายยืนจ้องแบบนี้ มีเรื่องอะไรหรือจอห์นนี่”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ เขาเดินนำลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กลับเข้าไปในตัวอาคาร ก่อนจะสั่งให้ออตโตมานเปิดห้องเพิ่มให้อีกหนึ่งห้อง
“ฉันมีธุระสำคัญต้องคุยกับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ฉันอยากให้แกช่วยเฝ้าประตู และดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครมาแอบฟัง”
“ครับ ท่านลอร์ด”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์ปิดประตูไม้บานเขื่อง ก่อนจะสั่งให้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นั่งบนเก้าอี้ที่วางอยู่กลางห้อง
“นั่งลงแมกซ์ ฉันว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันยาวเลย”
ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นั่งลง พลางมองเพื่อนด้วยความแปลกใจ “มีเรื่องอะไรหรือจอห์นนี่?”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์ใช้ดวงตาสีเขียวจ้องเพื่อนของเขา “วันอาทิตย์ นายกับไมครอฟพากอร์ดอนไปไหน?”
คนถูกถามรู้สึกชาไปครึ่งตัว เขาเผลอกำพนักเก้าอี้ในมือแน่น “กะ... กอร์ดอนเล่าให้นายฟังแล้ว?”
ลอร์ดโทรว์บริดส์มีสีหน้าผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด เขาถอนหายใจแรง ก่อนจะครางออกมา “โอ้ แมกซ์ แสดงว่ามันคือเรื่องจริง... ให้ตายเถอะ นายทำกับฉันอย่างนี้ได้ยังไง?”
“กอร์ดอนเล่าให้นายฟังว่าไง?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถามอย่างร้อนรน “เขาเล่าให้นายฟังเมื่อตอนเย็นใช่ไหม?”
“ไม่ เขาไม่ได้เล่าอะไรให้ฉันฟังทั้งนั้น!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบเกือบจะเป็นตะคอก ก่อนที่เจ้าตัวจะลดเสียงลง “เขาไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องเมื่อวันอาทิตย์เลย ฉันรู้จากปากคนขับรถม้า... วันนี้อากาศดีแมกซ์ ฉันเลยให้โอลิเวอร์จอดรถม้าแล้วเดินไปที่ร้านของเขา ระหว่างทางฉันก็แวะคุยกับคนนั้นคนนี้ไปเรื่อยอย่างที่ฉันทำประจำ... มันเป็นแค่การเล่าสู่กันฟังธรรมดา คนขับรถม้าคนหนึ่งเล่าว่ามีคนขับรถม้าเปิดประทุนคันใหญ่มารับกอร์ดอนเมื่อวันอาทิตย์ ทั้งสารถีและคนที่นั่งอยู่ด้านหลังดูแล้วไม่น่าใช่คนสามัญธรรมดา โอ... แมกซ์ ตอนนั้นฉันคิดแค่ว่าอาจจะเป็นลูกค้าคนใดคนหนึ่งของเขาเกิดอยากจะตัดเสื้อกะทันหันเลยเอารถม้ามารับเขาถึงร้าน แต่ท่าทางของนายในสโมสรของเรา แล้วยังมีการไปโรมาเนียอย่างกะทันหันของไมครอฟ ฉันอดคิดไม่ได้ว่ามันจะต้องเกี่ยวข้องกัน แล้วมันก็เกี่ยวกันจริงๆ บอกฉันมานะแมกซิมิลเลียน ว่านายกับไมครอฟพากอร์ดอนไปที่ไหน แล้วพี่ชายของนายคิดอะไรอยู่กันแน่!”
“โอ้ จอห์นนี่... ที่จริงแล้วมันก็แค่เรื่องไม่เป็นเรื่อง...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ไมครอฟแค่นึกสนุกอยากชวนกอร์ดอนไปนั่งรถเล่นเฉยๆ นายก็รู้ว่าเขามีความคิดแปลกๆ มาแต่ไหนแต่ไร”
“นายเห็นฉันโง่หรือแมกซ์!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขึ้นเสียง เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะบังคับตัวเองไม่ให้กระโจนไปกระชากคอลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ขึ้นมาจากเก้าอี้ “ไมครอฟให้กระปุกใส่ใบชาที่ทำจากงาช้างกับกอร์ดอนนะ เขาไม่ยอมตอบคำถามฉันด้วยซ้ำว่าทำไมถึงให้กระปุกชาราคาแพงขนาดนั้นกับคนที่เพิ่งเจอกันไม่กี่นาที แล้วนาย... นายที่เป็นเพื่อนรักของฉัน นายที่รู้เรื่องทุกอย่างของฉันกับกอร์ดอน แต่นายก็ยังจะพาคนอื่นไปพบเขา นายหยามศักดิ์ศรีฉันมากนะแมกซ์ นายทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง?!”
เอิร์ลหนุ่มกำมือแน่นด้วยความโมโหจนเห็นเส้นเลือดปูดโปนออกมา เขามองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ด้วยความผิดหวังอย่างที่สุด คนถูกมองขบกรามแน่น เขาเงยมองเพื่อนรักด้วยสายตาปวดร้าวไม่แพ้กัน
“โอ... จอห์นนี่... ฉันไม่เคยนึกจะหยามศักดิ์ศรีนายเลย แต่จะให้ฉันทำอย่างไรเล่า เขาเป็นพี่ชายฉัน... เขาคือครึ่งหนึ่งของฉัน ฉันไม่คิดเลยว่าเรื่องบ้าๆ นี้จะเกิดขึ้นกับเขาได้ เขาเป็นเหมือนนาย... เขา... หลงรักคนคนเดียวกับนาย” ลอร์ดหนุ่มพยายามลดเสียงให้เบาที่สุด ทว่าความเจ็บปวดก็ยังคงเจือชัดอยู่ในคำพูดแผ่วเบา “ฉันไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน เขาดูมีความสุข ในขณะเดียวกันเขาก็ดูสับสน มันทำให้ฉันวุ่นวายใจมาก เขาไม่รู้เรื่องพวกนายหรอก เขาแค่คิดว่านายเป็นของนายถ่ายเดียว เขาเป็นคนมาขอร้องฉันเองว่าให้ช่วยไปกับเขา... โอ... จอห์นนี่... ฉันไม่รู้ว่านายจะเข้าใจความรู้สึกฉันไหม... ข้างหนึ่งก็คือนายที่เป็นเพื่อนรักของฉัน อีกข้างหนึ่งก็คือพี่ชายที่ฉันรักที่สุด ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง แต่ฉันก็ไม่อาจหักใจเห็นพี่ชายของฉันทุรนทุรายไปกับการถวิลหาคนที่เขาแอบรักได้ และฉันก็ไม่อาจบอกเขาได้ว่าคนที่เขาแอบหลงรักมีคนรักอยู่แล้ว ซึ่งก็คือนาย ฉันยอมรับผิดทั้งหมดจอห์นนี่... ฉันเป็นคนบอกกับกอร์ดอนเองว่าอย่าเล่าเรื่องนี้ให้นายฟัง เขาไม่รู้หรอกว่าไมครอฟคิดอะไร เขาเชื่อที่ฉันพูดว่ามันเป็นแค่การเล่นสนุก ไม่มีอะไรเกินเลยระหว่างพวกเขาสองคนในวันอาทิตย์ ฉันสาบานได้ ฉันบอกนายเลยว่าฉันทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้พี่ชายฉันถลำลึก และเขาก็คิดได้แล้ว เขาถึงได้ไปจากลอนดอนตั้งแต่วันจันทร์”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ เขาถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “ฉันนึกอยู่แล้ว” เขาคราง “ท่าทางของไมครอฟชวนให้สงสัยตั้งแต่แรก โอ้ ให้ตายเถอะ ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าแค่ไปนั่งรถเล่นกัน ก็ทำให้คนอย่างไมครอฟตัดใจจากกอร์ดอนได้”
“นายเชื่อฉันเถอะจอห์นนี่ ไมกี้ตัดใจจากกอร์ดอนแล้ว อย่างน้อยๆ เขาก็เต็มใจที่จะทำแบบนั้น ฉันไปส่งเขาเองเมื่อวันจันทร์ เขานั่งรถไฟไปโรมาเนียแล้วจริงๆ”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์จ้องลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อยู่พักใหญ่ๆ “ฉันยังเชื่อใจนายได้อยู่อีกหรือแมกซ์?”
ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “นายเชื่อใจฉันได้ตราบเท่าที่นายอยากจะเชื่อใจฉัน จอห์นนี่... ฉันอาจจะมีเรื่องหลายอย่างที่ไม่อาจเล่าให้นายฟังได้ แต่ฉันไม่โกหกนาย”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์จ้องหน้าเพื่อนอยู่เป็นนาน สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจออกมา “ได้ แมกซ์ ฉันจะเชื่อนาย”
“ขอบใจ ฉันขอโทษด้วยที่ทำแบบนี้กับนาย อันที่จริงแล้วฉันคิดไว้เหมือนกันว่าจะเล่าเรื่องนี้ให้นายฟัง แต่ฉันไม่รู้จะเริ่มยังไงเพื่อไม่ให้นายโกรธ”
“ฉันต้องโกรธแน่แมกซ์ เหมือนนายแอบพาพี่ชายไปตีท้ายครัวฉัน”
ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หน้าแดงด้วยความละอาย “ฉันขอโทษ”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งงันไปชั่วอึดใจ ก่อนจะยกมือขึ้นโบก “ฉันให้อภัยนาย... แต่จะไม่มีครั้งที่สองสำหรับเรื่องแบบนี้”
ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า เขาเงียบไปอีกพักก็พูดขึ้นต่อ “มีอีกเรื่องที่ฉันต้องบอกนาย”
“ว่ามา”
“นายวางแผนจะทำยังไงกับกอร์ดอน นายไม่มีทางคบกับเขาแบบนี้ไปได้ตลอดชีวิตแน่ วันหนึ่งนายจะต้องแต่งงานและมีลูก เมื่อถึงวันนั้นถ้าเขาเกิดสร้างปัญหาให้นายขึ้นมา...”
“จะไม่มีวันนั้นอย่างเด็ดขาด!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดสวน “นั่นคือปัญหาของฉันแมกซ์ และฉันรับรองว่ามันจะไม่เดือดร้อนไปถึงนาย”
“มันไม่ใช่แค่ปัญหาของนาย จอห์นนี่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “นายยังมีพ่อแม่ มีญาติผู้ใหญ่อีก ถ้าพวกเขารู้ล่ะ? อะไรจะเกิดขึ้น? กอร์ดอนคือคนแรกที่จะถูกจัดการหากเรื่องนี้แดง นายจะให้เรื่องมันไปถึงขั้นนั้นหรือ?”
“ไมครอฟให้นายมาเกลี้ยกล่อมฉันเรื่องนี้หรือ?!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามอย่างอดทน “เขาคิดว่าใช้ลูกไม้แบบนี้แล้วจะทำให้ฉันเลิกรากับกอร์ดอนได้งั้นหรือ?”
“ไม่ จอห์นนี่ ไมครอฟไม่ได้อยากให้นายรามือจากกอร์ดอน เขาแค่ไม่อยากให้กอร์ดอนต้องเดือดร้อน เขารักกอร์ดอน และฉันแน่ใจว่าความรู้สึกนี้จะไม่หายไปจากหัวใจเขาง่ายๆ แต่เขาใจแข็งกว่านาย จอห์น เขายอมจากไป แทนที่จะทำตัวเองให้ถลำลึกแบบนาย”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถลึงตามองเพื่อนของเขา ก่อนจะถอนหายใจแรง “ไม่ แมกซ์ นายไม่เข้าใจหรอก ถ้าไม่มีเรื่องงานเต้นรำคืนนั้น ฉันก็คงจะทำอย่างไมครอฟเหมือนกัน ฉันจะไม่บอกให้นายถามพี่ชายนายหรอกว่าถ้าเขาได้รับความรักตอบจากกอร์ดอน เขายังจะกล้าไปโรมาเนียมั้ย? แต่สักวันหนึ่งแมกซ์ สักวันหนึ่งที่นายได้พบกับคนที่นายรักและคนคนนั้นก็รักนาย นายจะรู้ว่านายไม่อาจไปจากคนคนนั้นได้เลย”
---------------------------------------------
ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมีสีหน้าดีใจมากที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์และลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินกลับเข้ามาในสโมสร เขารีบยกแก้ววิสกี้ไปให้เพื่อนอย่างเอาอกเอาใจ และพยายามเล่าเรื่องน่าอับอายของตัวเองเพื่อชดใช้เรื่องที่เขาทำให้เพื่อนรักต้องอารมณ์เสีย จนสุดท้ายลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็หัวเราะออกมา อีธานหันมากระซิบกับลอร์ดโทรว์บริดจ์
“สโมสรของเราคงจะไม่สนุกเลยถ้าไม่มีจอร์จจี้”
“ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้าเห็นด้วย “เขาเป็นคนที่รู้ว่าจะทำยังไงให้คนอื่นหัวเราะ เหมือนๆ กับที่รู้ว่าจะทำยังไงให้คนอื่นสะบัดหน้าหนีไปจากเขานั่นแหละ”
ทุกคนต่างพากันหัวเราะ พวกเขาดื่มวิสกี้และเต้นรำกันจนถึงสี่ทุ่ม จึงแยกย้ายกันกลับที่พัก
----------------------------------------------
(จบตอน)
.
การมาหลงรักกอร์ดอนของไมครอฟนี่มันคือหายนะของเรื่องนี้จริงๆ ค่ะ

คือมีหลายจุดที่สามารถพลิกเรื่องให้ทิ้งดิ่งลงไปสู่ถ้วยมาม่าแบบลึกสุดใจได้ทันที (ซึ่งเราจะไม่ยอมกล้ำกลืนมันลงไปอย่างแน่นอน) โดยเฉพาะฉากพากอร์ดอนลงน้ำนี่โคตรจะหมิ่นเหม่ต่อการดราม่าในทุกทิศทาง ตอนแรกเขียนไปแล้วกะจะให้กอร์ดอนจมน้ำ แต่พอเขียนไปเรื่อยๆ โอ๊ย นี่คือโคตรหายนะ แม้กอร์ดอนจะไม่ถึงตาย แต่จอห์นต้องไม่เอาไมครอฟไว้แน่ แล้วแมกซ์คือคนที่ลำบากใจที่สุด เค้าลางความหายนะดำมืดมาแต่ไกล สรุป แก้ใหม่ แก้ไปแก้มาก็เป็นอย่างที่เห็นค่ะ
.
ไมครอฟก็กินแห้วไป (อันที่จริงนางก็คงไม่ได้คิดจริงจังอะไรมากเหมือนจอห์นตอนแรก เสียแต่พอดีกอร์ดอนดันชอบตอบจอห์นไงคะ จอห์นเลยไม่ได้ไปกินแห้ว ต้องมากินดาร์กช็อกโกแล็ตแทน ฮ่าๆ) และแมกซ์ก็โดนจอห์นโกรธไปพอหอมปากหอมคอว่าพาพี่ชายไปตีท้ายครัวเขา (ถ้ากอร์ดอนจมน้ำนะแมกซ์ ประกันได้เลยว่าฉากในห้องจอห์นจะต้องต่อยนายคว่ำแน่ๆ)
.
ลอร์ดจอร์จผู้น่าสงสารโผล่มาด้วยบทนิดเดียว จริงๆ อยากใส่อีกแต่หาจังหวะลงไม่ได้ จอร์จผู้จมูกไวกับเรื่องแบบนี้ ฮ่าๆ จอร์จญาณทิพย์ 5555+

.
อันที่จริงเขียนตอนนี้จบก็กะว่าจะไปเขียนอีกเรื่องต่อให้เสร็จ แต่ว่าจอห์นยังไม่ได้ไปบ้านกอร์ดอนเลยอ่าาาา /คลำตอน25ต่อแบบงงๆ
.
ติดเขียนนิยายเรื่องนี้อย่างกับติดฝิ่น นี่มันอะไรกันเนี่ยยยย
