[เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)  (อ่าน 97616 ครั้ง)

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
                “มาร์กี้!”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตรีบผละออกจากกรอบประตู แล้ววิ่งหนีไปทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก แต่วิ่งไปได้ไม่กี่ก้าว เธอก็ถูกยุดมือไว้ หญิงสาวสะบัดข้อมืออย่างแรง จนหลุดจากการเกาะกุม แล้ววิ่งหนีต่อ

                “มาร์กี้!”

                ครั้งนี้ชายหนุ่มโถมเข้ากอดเธอเอาไว้ทั้งตัว จนหญิงสาวหมดทางหนี เธอหันมาผลักเขาออก “ปล่อยฉันนะจอร์จ...!”

                คำพูดของเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตหายไปในคอ เมื่อเธอเห็นใบหน้าที่เห่อเป็นปื้นแดงของลอร์ดหนุ่ม

                “นะ... หน้าคุณ...” เธอเห็นมือสั่นเทาของตัวเองเลื่อนขึ้นจับใบหน้าหล่อเหลาของเขาเอาไว้ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยิ้มทั้งน้ำตา

                “ที่คุณตบผมไง” เขาจับมือเธอเอาไว้ “ส่วนอีกรอยเป็นของแมกซ์ เขาตบชดเชยให้คุณด้วย”

                น้ำตาไหลพร่างพรูออกมาจากดวงตาสีเขียวอ่อนของหญิงสาว เธอเอาแต่สั่นศีรษะ “จอร์จ ฉัน... ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

                “ไม่เป็นไร” เขากระซิบ “ผมสมควรถูกตบแล้ว ขอโทษนะมาร์กี้ เรื่องที่ผมทำไม่ดีกับคุณ”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตสะอื้นจนตัวโยน ลอร์ดจอร์จ เฟลตันบีบมือเธอเบาๆ “แต่เรื่องที่ผมพูดกับคุณในคืนนั้นเป็นความจริง... ผมโชคดีที่ได้หมั้นกับคุณ และคุณเป็นคนเดียวที่ผมอยากแต่งงานด้วย”

                หญิงสาวยกมือขึ้นปิดหน้า “คุณหลอกฉันใช่มั้ยจอร์จ คนอย่างคุณ...”

                “คนอย่างผมมันเลวสิ้นดี” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูด แล้วถอนใจ “ผมทำผิดกับคุณมากจริงๆ”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตสั่นศีรษะ “ได้โปรดเถอะจอร์จ... คุณอย่าหลอกให้ฉันดีใจได้ไหม... คุณมีผู้หญิงตั้งหลายคน คุณไม่เคยสนใจฉันเลย”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถอนใจอีก เขาจับใบหน้าของเธอไว้

                 “ผมไม่เคยบอกรักผู้หญิงพวกนั้น ผมไม่เคยขอพวกเธอแต่งงาน ไม่ว่าจะเป็นแมรี่ ไอรีน หรือใคร” ลอร์ดหนุ่มว่า “เพราะผมไม่เคยรักพวกเธอ”

                หญิงสาวสั่นศีรษะอย่างแรง “คุณมันแย่มากจอร์จ แย่... แย่ที่สุด”

                “ใช่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรับสภาพ “ผมมันเป็นผู้ชายที่แย่ เจ้าชู้ เจ้าน้ำตาเป็นที่สุด ผมมันไม่น่ารักเลย”

                เขาใช้มือจับใบหน้าของเธอให้เงยขึ้นมา “แต่ผมมีเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกคุณให้ได้”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตมองเขาทั้งที่น้ำตายังคงอาบหน้า ลอร์ดหนุ่มหรี่ตาลงด้วยความเจ็บปวด แล้วก้มลงจูบแก้มเธอเบาๆ หญิงสาวผงะตัวหนีเล็กน้อย

                “ผมรักคุณ” เขากระซิบเสียงพร่า จากนั้นก็ดึงตัวเธอเข้ามากอดแน่น “ผมรักคุณมาร์กี้”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตร่ำไห้ออกมาเสียงดัง ลอร์ดจอร์จ เฟลตันลูบหลังเธอเบาๆ เขารอจนเธอค่อยๆ เงียบเสียงลง จึงขยับตัวออกนิดหน่อย แล้วแนบหน้าผากเข้ากับหน้าผากของเธอ “ได้โปรดเถอะมาร์กี้ ถ้าคุณรักผมสักนิด ได้โปรดแสดงให้ผมเห็น ผมกลัวคุณจะไม่รักผม เพียงแค่สงสาร ผมไม่ต้องการความสงสาร ผมต้องการความรักจากคุณ”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตใช้ดวงตาที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาเปียกชื้นมองเขา “ไม่... จอร์จ... ฉันไม่เคยไม่รักคุณเลย ไม่... แม้แต่วินาทีเดียว”

                ลอร์ด จอร์จ เฟลตันจับใบหน้าของเลดี้มาร์กาเร็ตเอาไว้เบาๆ ก่อนจะแนบจูบที่อ่อนโยนที่สุดในชีวิตของเขาลงไป

                “ขอบคุณมาร์กี้... ขอบคุณที่คุณรักผม”

--------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไม่มีสมาธิซ้อมมวยเลยตั้งแต่บ่าย เพราะเป็นห่วงเรื่องของลอร์ดจอร์จ เฟลตัน พอซ้อมเสร็จเขาก็เตรียมจะกลับคฤหาสน์เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า และแวะไปสอบถามเหตุการณ์ของฝ่ายนั้นต่อที่คฤหาสน์ ปรากฏว่าลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คงคิดเหมือนกัน เจ้าตัวถึงได้มายืนรอเขาอยู่หน้าสโมสรมวย

                “จอห์นนี่ ฉันเป็นห่วงจอร์จ ไม่รู้ป่านนี้เขาจะเป็นไงบ้าง” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดออกมาตรงๆ เมื่อทั้งสองเจอหน้ากัน ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “เขาให้โอลิเวอร์ไปตามอเล็กซ์ตั้งแต่บ่าย บางทีเขาอาจจะกลับบ้านแล้วก็ได้”

                “งั้นพวกเราไปหาเขาที่บ้านกัน”

-------------------------------------

                ปรากฏว่าลอร์ดจอร์จ เฟลตันยังไม่กลับ ตอนที่ทั้งสองหนุ่มไปถึง เลดี้แอนโดเวอร์รู้สึกพิศวงเล็กน้อยที่เห็นเพื่อนของลูกชายแสดงอาการกระวนกระวาย

                “เกิดอะไรขึ้นกับจอร์จจี้รึเปล่าจ๊ะ?” เธอถาม “ฉันเห็นพวกเธอดูกังวลมาก”

                “อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกครับ พอดีพวกเรานัดกันว่าจะไปกินมื้อค่ำ แต่เห็นเขาไม่มาเสียที” ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบปฏิเสธ

                “แย่จัง” เลดี้แอนโดเวอร์พูด “จอร์จจี้ให้คนมาตามอเล็กซ์ไปรอเขาที่คฤหาสน์ของลอร์ดบริสโตลตั้งแต่บ่าย จนป่านนี้ยังไม่กลับเลยจ้ะ อาจจะคุยกับมาร์กาเร็ตติดพันก็ได้ พวกเขาสองคนไม่คุยกันนานแล้วนี่นา”

                สองหนุ่มมองหน้ากัน ก่อนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์จะพูดขึ้นต่อ “เขายังไม่กลับมาเลยหรือครับ?”

                “ใช่จ้ะ” เลดี้แอนโดเวอร์พยักหน้า “บางทีสองคนนั้นอาจจะคิดว่าถึงเวลาแล้วที่พวกเขาต้องคุยกันเสียที พวกเขาสองคนทำเมินใส่กันมาหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่ได้โกรธกันจริงๆ หรอก”

                “ทำไมท่านหญิงถึงคิดว่าเขาไม่ได้โกรธกันจริงๆ ล่ะครับ?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถามด้วยความสงสัย เลดี้แอนโดเวอร์มองเขาแล้วหัวเราะ “ก็มาร์กี้ยังมาขอรูปของจอร์จจี้ไปอยู่เลยนี่จ้ะ ส่วนจอร์จจี้เองก็ชอบถามถึงเธอบ่อยๆ พวกเขาสองคนไม่ได้โกรธกันจริงๆ หรอก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปมองหน้าลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ได้ยินเสียงคุ้นหูดังมาจากห้องด้านหน้าเสียก่อน

                “อ้าว จอร์จจี้กลับมาพอดีเลย”

-----------------------------------

                “จอร์จจี้ จอห์นนี่กับแมกซ์มารอลูกตั้งนานแล้ว ทำไมลูกไม่มาทักทายพวกเขาก่อน”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันที่กำลังจะก้าวขึ้นบันไดหันมามองแม่ของตัวเองด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะเลยไปมองเพื่อนสองคนที่เดินตามมา

                “พวกนายมาทำไม?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์และลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตะโกนบอกเขา “พวกเรามาชวนนายไปกินมื้อเย็น”

                “อ๋อ ขอบใจ แต่ฉันมีนัดแล้ว”

                “หา?”

                “พวกนายกลับบ้านไปเลย ฉันต้องรีบเปลี่ยนเสื้อ”

                สองหนุ่มหันมองหน้ากันอีกครั้ง เลดี้แอนโดเวอร์ถอนหายใจ “จอร์จจี้เป็นแบบนี้ทุกทีเวลาเขานัดสาว” เธอหันมาทางเพื่อนของลูกชาย “ถ้าไม่รังเกียจ พวกเธออยู่กินมื้อเย็นที่นี่ก็ได้นะจ๊ะ สามีฉันคงดีใจถ้าพวกเธอมาร่วมโต๊ะด้วย”

                “อ๋อ ไม่เป็นไรหรอกครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบพูดต่อ “พอดีผมนัดเพื่อนคนอื่นไว้ด้วย ถ้าจอร์จไม่ว่างแล้ว พวกเราก็จะไปกันเลย”

                “ตกลงจ้ะ”

-----------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์กับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เดินคุยกันออกมาจากคฤหาสน์

                “นายว่าเกิดอะไรขึ้นกับจอร์จ เขาร้องไห้ฟูมฟายวิ่งไปคฤหาสน์ของลอร์ดบริสโตลแบบนั้น ยังจะมีหน้าไปนัดสาวที่ไหนอีกหรือ?”

                “ฉันก็สงสัย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะเหลือบไปเห็นรถม้าของลอร์ดจอร์จ เฟลตันที่จอดรออยู่ เขาหันไปหาเพื่อน

                “แมกซ์ พวกเราต้องสืบดูให้รู้แน่ว่าเขานัดใคร”

                คนถูกชวนเห็นด้วย พวกเขาสองคนจึงพากันเดินไปที่รถม้าคันใหญ่คันนั้น

-------------------------------------

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบเสียจนไม่ทันได้สังเกตว่าคนขับรถม้าของเขามีถึงสามไม่ใช่หนึ่ง ถ้าไม่รีบจริงเขาคงต้องมองเห็นเพื่อนตัวใหญ่ของเขาแล้ว ชายหนุ่มเร่งร้อนขึ้นรถม้า ก่อนที่อเล็กซ์ซึ่งเป็นสารถีจะเฆี่ยนมันออกไป โดยมีลอร์ดสองคนนั่งขนาบข้าง

                รถม้ามาหยุดหน้าภัตตาคารหรูแห่งหนึ่ง ลอร์ดโทรว์บริดจ์และลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ รีบกระโดดลงจากรถและเดินไปยืนหลบข้างเสาไฟถนน รอจนเพื่อนรักก้าวลงจากรถม้าและเข้าไปด้านในอาคารแล้ว พวกเขาจึงรีบเดินตามไป

                ผู้จัดการให้การต้อนรับพวกเขาทั้งสองเป็นอย่างดี เพราะจำลอร์ดโทรว์บริดจ์ได้จากหนังสือพิมพ์ ท่านเอิร์ลจึงแจ้งความประสงค์ว่าเขาต้องการนั่งใกล้เพื่อนของเขาซึ่งก็คือลอร์ดจอร์จ เฟลตัน แต่ไม่อยากให้ฝ่ายนั้นสังเกตเห็น และต้องการให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ทางผู้จัดการภัตตาคารจึงรีบจัดที่ให้พวกเขาทั้งสองทันที ดังนั้นไม่นานลอร์ดโทรว์บริดจ์และลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ก็ได้นั่งสังเกตการณ์อยู่ที่โต๊ะซึ่งสามารถมองเห็นเพื่อนของเขาได้ชัดเจนที่สุด โดยที่เจ้าตัวไม่สงสัยอะไรเลย

                “โห แมกซ์ นายตบเขาแรงเอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด เมื่อเห็นใบหน้าของเพื่อนชัดๆ ต่อให้ล้างหน้าแล้ว รอยปื้นแดงก็ยังชัดอยู่บนแก้มทั้งสองข้างของลอร์ดจอร์จ เฟลตันอยู่ดี โชคดีมากที่เลดี้แอนโดเวอร์ไม่ทันได้สังเกตเห็นตอนเขากลับไปเปลี่ยนเสื้อ

                “ฉันว่าข้างนั้นเป็นของมาร์กาเร็ต” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์แก้ “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะตบหน้าเขา แค่มือลื่น”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้าเพื่อนด้วยสายตาไม่เชื่อถือ ก่อนจะหันไปจับตาโต๊ะเป้าหมายต่อ

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก้มลงมองนาฬิกาพกในมือ พลางจัดเสื้อผ้าให้ดูเรียบร้อยที่สุด ไม่นานนักเลดี้ไอรีนก็ปรากฏตัวขึ้น เธออยู่ในชุดสีฟ้าสวย หญิงสาวลากเก้าอี้ลงนั่งตามคำเชิญของเขา “เปลี่ยนใจอยากไปดูดอน จิโอวานนี่แล้วหรือคะจอร์จจี้”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองเธอแล้วยิ้ม “ไม่ แต่ผมมีเรื่องสำคัญต้องบอกคุณ เรื่องสำคัญมากๆ”

                “ค่ะ?” เลดี้ไอรีนทำหน้าสงสัย ลอร์ดหนุ่มพูดต่อ “แต่เราต้องรออีกคนหนึ่งก่อน อ้าว มาพอดีเลย”

                เลดี้แมรี่ทำหน้าแปลกใจที่เห็นเลดี้ไอรีนนั่งอยู่ก่อน แต่ก็นั่งลงตามมารยาทเมื่อถูกเชิญ เลดี้ไอรีนมองหน้าเธอ รู้สึกแปลกใจไม่แพ้กัน

                “มีเรื่องอะไรหรือคะจอร์จจี้ ทำไมถึงเรียกเธอมาด้วย?” เลดี้แมรี่ถาม โดยไม่หันไปมองเลดี้ไอรีน ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองพวกเธอทีละคน

                “ที่จริงแล้วผมชอบคุณสองคนมาก...”

                “ค่ะ?”

                “ให้เลือกคนใดคนหนึ่งเป็นเรื่องยากมากสำหรับผม”

                เลดี้แมรี่มองเขาแล้วพูดแทรกขึ้น “อยากพูดอะไรพูดมาตรงๆ เลยดีกว่าค่ะจอร์จ”

                “ก็ได้” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้าและทำท่าเหมือนคิดตกเสียทีว่าเขาอยากพูดอะไรกันแน่ “ที่ผมจะพูดคือ ระหว่างพวกคุณสองคน ผมไม่มีทางขอใครคนใดคนหนึ่งแต่งงานเด็ดขาด เพราะผมมีคู่หมั้นอยู่แล้ว และผมก็รักเธอมาก”

                สองสาวคว้าแก้วเครื่องดื่มที่บริกรเพิ่งนำมาวางให้สาดใส่เขาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย เป็นโชคดีของลอร์ดจอร์จ เฟลตัน ที่มื้อนี้เป็นมื้อเย็น ที่สาดใส่เขาจึงเป็นไวน์ขาวเย็นๆ แทนที่จะเป็นน้ำชาร้อนๆ

                เลดี้แมรี่ผุดลุกขึ้น “ขอบคุณที่ให้คำตอบค่ะจอร์จ ลาก่อน”

                เลดี้ไอรีนผุดลุกขึ้นแทบจะพร้อมกัน “คุณมันเลวที่สุด” เธอยังอุตส่าห์คว้าแก้วไวน์อีกแก้วที่เป็นของลอร์ดจอร์จ เฟลตันมาสาดใส่เขาอีกรอบ ก่อนจะสะบัดหน้าเดินจากไป ยังดีที่ภัตตาคารที่นี่มีแต่บรรดาแขกผู้มีเกียรติ ดังนั้นเหตุการณ์ที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถูกเลดี้สองคนสาดไวน์ใส่กลางโต๊ะอาหารจึงดูไม่เอิกเหริกมากนัก เพราะทุกคนมีมารยาทพอที่จะแสดงออกว่ามองไม่เห็น เว้นเสียแต่เพื่อนของเขาสองคน

                “ให้ตาย จอห์นนี่ นายเห็นอย่างที่ฉันเห็นมั้ย?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คราง ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ฉันเห็นเหมือนที่นายเห็นนั่นแหละแมกซ์ เขาโดนสาดไวน์กลางภัตตาคาร สามแก้วรวดเลยด้วย พระเจ้า เขาพูดอะไรกับพวกเธอน่ะ”

                และแล้วทั้งสองก็มีอันต้องพิศวงกว่านั้น เมื่อพวกเขาเห็นลอร์ดจอร์จ เฟลตันที่ควรจะทำหน้าเสีย หรือจริงๆ แล้วเขาควรจะรีบเดินออกจากภัตตาคารไปเลยด้วยซ้ำ กลับค่อยๆ ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดไวน์ขาวที่เลอะอยู่บนตัวเขาอย่างใจเย็น ราวกับคาดการณ์ไว้แล้วว่าจะต้องมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

                “นายแน่ใจนะว่านั่นใช่จอร์จเพื่อนเราจริงๆ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูด ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือลูบคาง “เขาคือจอร์จแน่ๆ” เอิร์ลหนุ่มหันไปหาเพื่อน “เราต้องไปหามาร์กาเร็ต น่าจะมีแต่เธอเท่านั้นที่รู้เหตุผล”

                สองหนุ่มรีบลุกออกไปทันทีโดยไม่รอให้เพื่อนของเขาเช็ดคราบไวน์เสร็จ พอออกมาด้านนอก อเล็กซ์ก็ทักพวกเขา “อ้าว ท่านลอร์ด...”

                ทั้งคู่ยกมือแตะปาก “ห้ามพูดอะไรทั้งนั้นนะ พวกฉันจะกลับเอง”

                สารถีหนุ่มพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะมองดูลอร์ดสองคนกระโดดขึ้นรถม้ารับจ้างจากไป

-------------------------------------

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตดูแปลกใจมากเมื่อเห็นลอร์ดทั้งสอง เธอแต่งตัวสวย ท่าทางเหมือนกำลังรอใครอยู่ เธอรีบพาพวกเขาเข้าไปคุยในห้องส่วนตัว

                “พวกคุณมาทำอะไรคะเนี่ย?”

                “พวกเรามาถามเรื่องจอร์จ” สองหนุ่มพูดพร้อมกัน ก่อนจะเล่าเรื่องที่เพิ่งเห็นเมื่อครู่ให้เธอฟัง พอฟังจบ เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตก็หน้าแดง “เขายอมโดนขนาดนั้นเลยหรือคะ?”

                “จริงสิ พวกเราจะโกหกคุณทำไม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ ก่อนจะถามต่อ “บอกหน่อยได้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้นกับจอร์จ เขามาที่นี่ตอนบ่ายใช่มั้ย?”

                “ค่ะ เขามาที่นี่ตอนบ่าย” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตตอบ เธอดูเขินๆ เมื่อพูดถึงเขา ทำให้สองหนุ่มรู้สึกงงหนัก

                “แล้วเกิดอะไรขึ้น?”

                ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้เล่าอะไร เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น “มาร์กี้ ผมมาแล้ว ได้ยินว่าคุณมีแขกหรือ?”

                “อ๋อ... ค่ะ แต่พวกเขากลับแล้ว” เธอตะโกนตอบ และหันไปกระซิบบอกสองหนุ่มที่อยู่ในห้อง “พวกคุณสองคนไปซ่อนที่ระเบียงก่อนได้มั้ยคะ ฉันไม่อยากให้จอร์จจี้เจอคุณสองคนตอนนี้ กลัวเขารู้ว่าพวกเรารวมหัวกัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เหมือนจะเริ่มเข้าใจอะไรได้นิดหน่อย เขารีบสะกิดลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ “ไปเถอะแมกซ์ เราต้องสืบให้ถึงที่สุด”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตามเพื่อนของเขาไปแอบที่ระเบียงอย่างงงๆ

                “เหมือนเราเป็นชายชู้เลยจอห์นนี่” เขากระซิบ ขณะได้ยินเสียงเลดี้มาร์กาเร็ต สจวตเปิดประตู

                “เราไม่ใช่ชายชู้ อย่างน้อยๆ นายกับฉันก็ไม่ได้พิศวาสมาร์กาเร็ต” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “ถึงงั้นมาแอบแบบนี้มันก็ดูไม่ดีอยู่ดีแหละ”

                “นายอยากรู้เรื่องจอร์จรึเปล่า”

                “อือ”

                “งั้นเราก็ต้องแอบอย่างนี้แหละ”

 

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
               เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตเดินไปเปิดประตูให้คู่หมั้นของเธอ แม้จะได้ยินเรื่องจากปากของสองหนุ่มมาแล้ว แต่พอเห็นสภาพของเขาจริงๆ เธอก็อดจะอุทานออกมาไม่ได้

                “จอร์จจี้ เกิดอะไรขึ้นกับคุณคะ?”

                นอกจากรอยปื้นแดงที่แก้มสองรอยแล้ว ตอนนี้ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยังมีคราบไวน์เลอะอยู่บนผมอีกด้วย ถึงเขาจะเช็ดแล้ว แต่มันก็ดูไม่ดีขึ้นเท่าไหร่เลย

                “อ๋อ... พอดีผมซุ่มซ่าม เลยทำไวน์หกรดตัวเอง” ลอร์ดหนุ่มตอบพลางยิ้ม “แขกคุณกลับแล้วหรือ? บรูโนใช่มั้ย?”

                “ไม่ใช่หรอกค่ะ” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตตอบ “คุณไม่ต้องหึงเขาไป ฉันกับเขาไม่ได้มีอะไรกันเลย ฉันแค่ขอให้เขาเอาดอกไม้มาให้ฉันเฉยๆ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเลิกคิ้ว “ผมยังสงสัยอยู่ ทำไมคุณถึงไปรับดอกไม้ที่นั่น แล้วทำไมต้องให้บรูโนเป็นคนส่งให้”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตตัดสินใจเปลี่ยนเรื่อง “คุณยังตั้งใจชวนฉันไปกินมื้อค่ำอยู่อีกรึเปล่าคะ?”

                “อ๋อ แน่นอนสิ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตอบ ก่อนจะพูดต่อ “คนที่จะไปกินมื้อค่ำกับผมวันนี้ มีแค่คุณคนเดียวแล้ว”

                “แสดงว่าก่อนหน้านี้มีหลายคนสิคะ” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตว่า แล้วทำเป็นเดินหนีไปทางอื่น ลอร์ดหนุ่มรีบเดินตามเธอไป

                “อย่างอนน่ามาร์กี้ ผมบอกคุณแล้วว่ารักกับชอบมันไม่เหมือนกัน ผมอาจจะชอบผู้หญิงทีละหลายๆ คน แต่คนที่ผมรักมีแค่คุณคนเดียวนะ”

                “ฉันแน่ใจว่าเขายังมีผู้หญิงที่ชอบเก็บเอาไว้อีกเป็นครึ่งโหล” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ที่แอบฟังอยู่ด้านนอกหันไปกระซิบกับเพื่อนของเขา ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้าเห็นด้วยแบบไม่ลังเล

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตสะบัดหน้าเล็กน้อย “ไม่ว่าคุณจะชอบเธอหรืออะไร ก็อย่าควงให้ฉันเห็นแล้วกันค่ะจอร์จ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันใจร้าย”

                “ไม่เชื่อใจผมเลยหรือนี่” ลอร์ดหนุ่มคราง พลางขยับมากอดคู่หมั้นของเขาเอาไว้ เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตผลักไสเขาอย่างแง่งอน

                “ฉันรู้ว่าคุณเป็นคนยังไง... อ๊ะ!”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก้มลงจูบคู่หมั้นของเขาทีหนึ่ง ก่อนจะมองไปที่ระเบียง “นี่ จอห์นนี่ แมกซ์ พวกนายจะยืนแอบอยู่อย่างนั้นอีกนานมั้ย? ไม่คิดจะมาแสดงความยินดีกับพวกเราหน่อยหรือไง?”

                เลดี้มาร์กาเร็ตสะดุ้ง เธออายจนหน้าแดง “คุณรู้หรือคะ?”

                คนถูกถามยักไหล่ “ถึงผมจะตาถั่ว แต่ก็มองออกล่ะนะว่าคนขับรถม้าบ้านผมไม่มีทางมีสามคน และสองคนที่เกินมาตัวใหญ่อย่างกับอะไรดี”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์และลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตัดสินใจเดินเข้ามาจากระเบียง “ไง จอร์จ พวกเราคิดว่านายจะไม่ชวนแล้ว”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองเพื่อนยิ้มๆ “อากาศด้านนอกเป็นไงบ้าง ลองเป็นคนขับรถม้าสนุกมั้ย?”

                “สนุกมาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้น ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้นต่อ “รับรองเลยว่าไม่มีใครได้รับเกียรติเท่านายอีกแล้วจอร์จ ที่ได้เอิร์ลแห่งโทรว์บริดจ์,kเป็นคนขับรถม้าให้”

                ทั้งสามคนหัวเราะขึ้นพร้อมกัน เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตหน้าแดงจนถึงใบหู “ฉันออกไปก่อนดีกว่า”

                “อย่าเพิ่งไป มาร์กี้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดต่อ “ไหนๆ เรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว เธอต้องรับผิดชอบเรื่องที่ให้เราออกไปรอที่ระเบียงด้วยนะ”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตเขินจนเอาแต่ก้มหน้า ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองเธอยิ้มๆ “ไม่ต้องอายหรอกน่า คุณกล้าสั่งเอิร์ลแห่งโทรว์บริดจ์ให้ออกไปรอที่ระเบียงได้ ก็น่าจะสั่งให้เขาไม่โกรธคุณได้เหมือนกัน”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตตอบแทนประโยคนั้นของคู่หมั้นเธอด้วยการตีเขาเป็นการใหญ่ ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์หลุดขำออกมา “นายก็พูดเกินไปจอร์จ เธอแค่ขอ แล้วฉันเลยให้แค่นั้นเอง”

                สามหนุ่มพากันหัวเราะอีก เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตอายจนอยากจะไล่ทั้งสามคนออกไปให้พ้นจากห้องของเธอเสียจริงๆ

                “พวกคุณร้ายกาจมาก ฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้!”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันใช้ความพยายามอย่างมากที่จะดึงตัวเธอเอาไว้ ในขณะที่เพื่อนเขาสองคนรีบพูดขึ้น “พวกเราขอโทษแล้วกัน เราแค่อยากมาแสดงความยินดี”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตซุกหน้าของเธอลงบนอกของคู่หมั้นหนุ่มด้วยความเขินอาย ลอร์ดจอร์จ เฟลตันกอดเธอไว้ “ขอบใจพวกนายมาก ทั้งสองคนเลย ในที่สุดฉันก็ได้ทำสิ่งที่ฉันควรทำเสียที”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์และลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้าแล้วยิ้มให้เขา “ขอให้สนุกกับมื้อค่ำนะจอร์จ”

                “อื้อ”

                เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกลอร์ดโทรว์บริดจ์แทรกขึ้นก่อน “อ้อ ไม่ต้องชวนพวกเราหรอก พวกเราไม่อยากเป็นก้างขวางคอ กลัวจะต้องถูกออกไปยืนที่ระเบียงอีก ใช่มั้ยแมกซ์”

                “ตามนั้นแหละจอห์นนี่” อีกฝ่ายตอบ เลดี้มาร์กาเร็ตหน้าแดงจนไม่รู้จะแดงยังไง “พวกคุณหยุดพูดเรื่องนี้ทีค่ะ ฉันผิดไปแล้ว”

                สามคนหัวเราะขึ้นพร้อมกันอีก ก่อนที่สองคนที่ไม่เกี่ยวข้องจะขอตัวออกไป ทิ้งคู่รักที่น่าจะรักกันได้ตั้งนานแล้วไว้ในห้องเพียงแค่สองคน

----------------------------

                กอร์ดอนกำลังจะเริ่มกินมื้อค่ำตอนที่ได้ยินเสียงเคาะประตู ยังไม่ทันได้เดินไปเปิดหรือพูดอะไร ประตูก็ถูกเปิดผลัวะเข้ามา

                “ขอโทษครับ คุณโอเดนเบิร์ก คือท่านเอิร์ล...”

                “ผมมาชวนคุณไปกินมื้อเย็น คุณยังไม่เริ่มใช่มั้ย?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่เดินนำหน้าเดวิดเข้ามาพูดด้วยสีหน้าร่าเริง แล้วยื่นมือมาดึงตัวของช่างตัดเสื้อโดยไม่ถามความสมัครใจสักคำ

                “นี่มันอะไรกันครับ?” กอร์ดอนถามด้วยความงุนงง หลังถูกฝ่ายนั้นลากออกมานอกร้าน เขาเกือบจะสั่งเดวิดให้ไปหยิบเสื้อโค้ทให้ไม่ทัน

                “กินมื้อค่ำไง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “พวกเรามีเรื่องต้องคุยกันเยอะเลย” เขาพูดอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะก้าวขึ้นรถม้า แล้วดึงช่างตัดเสื้อขึ้นตามไป

                กอร์ดอนรู้สึกแปลกใจเมื่อเขาพบว่าลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นั่งรถอยู่บนรถม้ารับจ้างก่อนแล้ว “สายัณห์สวัสดิ์ครับ ท่านลอร์ด นี่มันเรื่องอะไรกันครับ?”

                “เรื่องของจอร์จ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบ ท่าทางอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดต่อ

                “พวกเราต้องคุยกันยาวเลย คุณมีร้านอาหารดีๆ ที่พวกเขาไม่น่าจะจำผมกับแมกซ์ได้แนะนำไหม ผมอยากให้เราคุยกันยาวๆ โดยที่ไม่มีใครมาขัดจังหวะ”

                กอร์ดอนเลิกคิ้ว หลังจากนึกอยู่นาน เขาก็เสนอร้านหนึ่งขึ้นมา อยู่ไม่ไกลจากบาร์บีช็อตนัก โชคดีที่ท่านลอร์ดทั้งสองคนแต่งตัวแบบปกติธรรมดามา พวกเขาจึงเดินเข้าไปในร้านได้โดยไม่มีใครให้ความสนใจ

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์กับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ผลัดกันเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กอร์ดอนฟังตั้งแต่ต้นจนจบ ช่างตัดเสื้อหนุ่มถึงกับอ้าปากค้าง

                “ไม่อยากเชื่อเลยว่าแค่สองวันเรื่องมันจะไปไกลได้ขนาดนี้” เขาคราง ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดตอบ “ทั้งหมดนี่เพราะคุณเลยนะ ถ้าคุณไม่เปิดประเด็นเรื่องมาร์กาเร็ตควงคนอื่น ผมว่าป่านนี้เธอกับจอร์จน่าจะยังเมินกันเหมือนเดิมอยู่”

                กอร์ดอนหน้าแดงด้วยความประหม่า “งะ... งั้นหรือครับ... แต่ผมก็ยังรู้สึกผิดต่อเลดี้มาร์กาเร็ตอยู่ดี ผมไม่น่าใส่ความเธอแบบนั้นเลย เธอเป็นถึงเลดี้ เป็นว่าที่เคาน์เตสด้วย”

                “แต่ฉันว่ามาร์กาเร็ตชอบนะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ไม่งั้นเธอคงไม่ไปที่ท่าเรือ แต่สงสัยจริงว่าทำไมเธอไม่ยอมรับปากเราแต่แรก”

                “อารมณ์ผู้หญิงมั้ง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า แล้วยกแก้วไวน์แดงขึ้นมาจิบ ก่อนจะทำหน้าแปลกๆ “โอย... ไวน์ที่นี่ไม่ได้เรื่องเลย”

                “ผมขอโทษครับ” กอร์ดอนรีบพูด “คราวหลังผมจะหาร้านใหม่...”

                “อ้อ... ไม่เป็นไรหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่เนื้ออร่อยดี ใช่มั้ยแมกซ์?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยังคงสาละวนอยู่กับการจัดการเนื้อย่างในจาน “ถ้านายจะพูดอย่างนั้นก็นะ จอห์นนี่... ฉันว่าก็ยังดีกว่าเหนียวจนเคี้ยวไม่ออก”

                กอร์ดอนหน้าแดงกว่าเดิม “ขอโทษนะครับ ผมเลือกร้านไม่ดี”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ทำหน้าเหมือนเพิ่งคิดได้ “ไม่เป็นไรหรอกกอร์ดอน พวกเรารบกวนนายให้พามาเอง” เขาเงียบไปพักเหมือนกำลังหาคำแก้ตัวดีๆ “ฉันแค่ไม่ชินเฉยๆ”

                “ครับ ผมทราบ” กอร์ดอนพยักหน้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์วางแก้วไวน์ลง แล้วพูดต่อ “เดี๋ยวเราไปต่อกันที่บาร์บีช็อตดีกว่า เหล้าที่ร้านของแจ็คสันอร่อยใช้ได้ ฉันอยากดื่มฉลองให้จอร์จ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หันไปมองเพื่อน “นี่นายชวนฉันด้วยรึเปล่าจอห์นนี่? หรือชวนแต่กอร์ดอน”

                “ฉันตั้งใจจะชวนนายด้วย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่บาร์นั่นเป็นบาร์เล็กๆ นายอาจจะไม่ชิน”

                “มันไม่เกี่ยวกับว่าฉันชินหรือไม่ชินหรอกน่า” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “มันอยู่ที่นายจะชวนฉันหรือไม่ต่างหาก... ฉันไม่ว่าอะไรหรอกนะ ถ้าพวกนายอยากจะไปดื่มกันแค่สองคน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ ขณะที่กอร์ดอนพูดขึ้นมา “มันเป็นแค่บาร์เล็กๆ นะครับ”

                “ฉันบอกแล้วไงว่าไม่เกี่ยว นายอยากให้ฉันไปด้วยรึเปล่า?”

                “อยากสิครับ” กอร์ดอนว่า “ก็คุณเป็นเพื่อนลอร์ดจอร์จเหมือนกันนี่นา”

                “เป็นเพื่อนนายด้วย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ย้ำ ช่างตัดเสื้อยิ้มเขินๆ แล้วพยักหน้า “ครับ”

------------------------------
(จบตอน)

***55555+ ที่จริงตอนดิฉันเขียนให้ลอร์ดจอร์จ แอบน้ำตาซึมกับความรักของลอร์ดโทรว์บริดจ์ ดิฉันก็คิดไว้แล้วนะคะว่าฮีต้องเป็นชายหนุ่มผู้แสนอ่อนไหว แต่ไม่คิดว่าฮีจะฟูมฟายเจ้าน้ำตาได้ปานนี้ 5555+ (หัวเราะอีกครั้งให้โลกระบือ  :laugh:)

เป็นผู้ชายที่ร้องไห้งอแงต่อหน้าเพื่อนสนิทได้แบบไม่ต้องเนียมไม่ต้องอาย และสามารถน้ำตาซึมได้ในทุกสถานการณ์ จอร์จจี้คงต้องพกผ้าเช็ดหน้าไว้หลายผืนในกระเป๋า เพื่อเอาไว้เช็ดน้ำตาของเขาล้วนๆ ฮ่าๆ (ถ้านิยายเรื่องนี้ออกเล่ม เราแถมผ้าเช็ดหน้าสำหรับเช็ดน้ำตาของลอร์ดจอร์จดีไหม 555+ มีความอยากได้เป็นการส่วนตัว << อีบ้า)

เราชอบภาพพจน์ของลอร์ดจอร์จในฐานะนักเปียโนมาก ด้วยความที่ฮีมีความอ่อนไหวสูง ช่างฝัน เหมาะยิ่งนักกับคาแรคเตอร์นักดนตรี และเพลงของโชแปง กับโมซาร์ต (หัวเราะหนักมาก มีความขำด้วยเหตุผลส่วนตัว  :m20:) คราวนี้เราเลยแทรกลิ้งลงไปในเนื้อหาเลยค่ะ อยากให้ทุกท่านเปิดฟังประกอบเรื่อง มันจะอินมากกกก โดยเฉพาะ Nocturne Op.27 No.1 ที่เป็น C charp Minor. หาคนเล่นได้เวิ่นเว้อถึงอารมณ์โชแปงและท่านลอร์ด ไม่ได้เท่าคุณปู่ Arther Rubinstien อีกแล้ว (ในยูทูปยังมีนักเปียโนเล่นเพลงนี้อีกเยอะค่ะ สามารถหาคลิปที่มีการถ่ายตอนดีดเปียโนได้ รู้สึกจะเป็นคลิปการแข่งขันประชันเพลงของโชแปง)

มีความอินกับเพลงคลาสสิกมากถึงมากที่สุด  :-[

ส่วนสองหนุ่มอย่างลอร์ดโทรว์บริดจ์ และลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ก็ทำหน้าที่เพื่อนเจ้าบ่าว(?)ได้อย่างน่าประทับใจ ฮ่าๆๆ แค่คิดภาพก็ปวดหัว ดูทำไปแต่ละอย่าง ฮ่าๆ  :jul3:

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ :3123:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
ลอร์ดจอร์จทำเรานำ้ตาซึมเลยตอนนี้ ประทับใจมากเลยค่ะ   :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ท่านลอร์ดผู้น่าเอ็นดู  :hao7: กับผองเพื่ิอน ที่มาสร้างความฮาให้คุณได้เกิดเสียงหัวเราะ จูจี้พิกเซล ภูมิใจเสนอ ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ Dear, My customer ฉายแล้วทุกเล้าใกล้บ้านคุณ :angellaugh2:

555 +เป็ดค่ะ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
รู้สึกว่าตัวเองเหมือนกับนักสืบยังไงไม่รู้นะ ตอนนี้
แต่ก็ยินดีกับท่านจอร์จจี้ด้วย
 :L2:

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ขอสารภาพเลยว่าอยากเป็นเลดี้มากาเร็ต 555555

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
จอร์จจี้ มาร์กาเรต  :กอด1:
คืนดีกัน รักกัน ได้ ต้องให้เครดิตกอร์ดอน  :katai2-1:
ถ้ากอร์ดอนไม่สร้างเรื่อง  o18
สองคนคงต่างรักกันโดยไม่รู้กัน  :hao5:
เพื่อนๆ ลุ้นจอร์จ น่าดู  :mew5:
จนจอร์จโดนตบเมอร์เรย์ตบ
เพิ่มสัมผัสรสเจ็บให้จอร์จ   :ling1:
นอกจากเป็นผู้ชายที่ร้องไห้เก่งกว่าผู้หญิงซะอีก
จอห์นนี่ ติดกอร์ดอนมาก ชอบบบบ  :katai2-1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
เหล่าท่านลอร์ดเล่นบทนักสืบกันอย่างสนุกสนานเลย

จอร์จควรสั่งผ้าเช็ดหน้าจากกอร์ดอนสักสองโหล คงจะพอรองรับทั้งน้ำตาและไวน์


ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ช่วงแรกน้ำตาซึมตามตริงๆ แต่พอตอนจบหมั่นใส้จอร์จจี้มาก พูดเลยยยย

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
อยากจะขำหนุ่ม ๆ เผือกกับเรื่องของเพื่อนจริงจังหนักมาก
แต่ผลก็ออกมาดีนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
Dear, My customer.

ตอนที่15 งานเลี้ยงมื้อค่ำ


            แจ็คสันดูแปลกใจที่เห็นกอร์ดอนพาเพื่อนมาเพิ่มอีกคน เขาทักทายทั้งสาม แล้วถาม “คราวนี้เพื่อนคุณหรือเพื่อนใครน่ะ กอร์ดอน”

                “เขาเป็นเพื่อนจอห์น” กอร์ดอนว่า “เป็นเพื่อนผมด้วย”

                แจ็คสันหันไปมองคนมาใหม่ “คุณเป็นช่างตัดเสื้อหรือผู้จัดการเหมืองล่ะ?”

                “ผมเป็นเสมียน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ผม แมกซ์”

                “ผมแจ็คสัน ยินดีที่ได้รู้จัก แมกซ์” แจ็คสันพูดพลางเขย่ามือฝ่ายนั้น แล้วหัวเราะ “คุณเป็นเสมียนที่ไหนล่ะ ท่าทางไม่ให้จะเป็นเสมียนนะ”

                กอร์ดอนรีบวางแก้วเหล้ายิน เพราะกลัวจะสำลักกับคำตอบของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบเขายิ้มๆ “ผมไม่เหมือนเสมียนตรงไหน ผมทำงานในสำนักงานของท่านลอร์ดฟาริงดอนเลยนะ”

                “แค่ก!” คราวนี้คนสำลักกลับเป็นลอร์ดโทรว์บริดจ์แทน เขาหันไปมองเพื่อน “สำนักงานของลอร์ดฟาริงดอน?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “ตอนนี้ยังไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการ ขอเรียกแบบนี้ไปก่อนแล้วกัน”

                แจ็คสันเลิกคิ้วกว้าง “ลอร์ดฟาริงดอน? ท่านเอิร์ลที่ชอบทำธุรกิจคนนั้นน่ะหรือ?”

                “ใช่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า แจ็คสันถามต่อ “เขามีสำนักงานด้วยหรือ ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน คิดว่าเขาใช้คนในครอบครัวช่วยจัดการเสียอีก”

                “เขาเพิ่งคิดได้ว่าควรจะเปิดสำนักงาน หลังจากใช้คนในบ้านจนไม่มีใครอยากทำงานให้เขาแล้ว” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดยิ้มๆ “ขอเบียร์ดำให้ผมแก้วนึง”

                ไม่นานนักเบียร์ดำแก้วหนึ่งก็มาวางอยู่ตรงหน้าลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ เขายกขึ้นดื่มแล้วพยักหน้ากับตัวเอง “ดี เบียร์ดี” จากนั้นเขาก็ดื่มรวดเดียวหมด “ขออีกแก้ว เบียร์อร่อยจริงๆ คุณซื้อที่ไหน”

                “ความลับทางธุรกิจ” แจ็คสันว่า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีสีหน้าผิดหวัง ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันมาปลอบเพื่อนของเขา “ไม่เอาน่า นายมีเก็บไว้ที่บ้านตั้งเยอะแล้ว”

                “แต่แบบนี้ยังไม่เคยดื่ม” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ก่อนจะถอนใจ “งั้นท่าทางผมต้องแวะมาร้านคุณบ่อยๆ เสียแล้ว”

                แจ็คสันหัวเราะ ขณะที่กอร์ดอนเกือบสำลักเหล้ายิน “จะมาอีกหรือครับ?”

                “แน่นอน ทำไม ฉันมาไม่ได้หรือไง?” ลอร์ดหนุ่มว่า แล้วพูดต่อ “แล้วนายช่วยหยุดครับที ทำไมชอบครับๆๆ”

                “เพราะเขาติด ชอบคิดว่าฉันเป็นลอร์ดโทรว์บริดจ์ทุกที” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า คราวนี้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เกือบจะสำลักเบียร์ที่เพิ่งดื่มเข้าไป

                “วะ... ว่าไงนะ!”

                แจ็คสันหัวเราะเสียงดัง “อะไรแมกซ์ ผมคิดว่าคุณจะเคยชินกับมุกของจอห์นแล้วเสียอีก”

                “เหมือนลอร์ดโทรว์บริดจ์...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ทวนคำ จากนั้นเขาหัวเราะเสียงดังลั่น

                “โอ๊ย นายเนี่ยนะเหมือนลอร์ดโทรว์บริดจ์ พระเจ้าช่วย!”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เอาแต่หัวเราะไม่หยุด เขาหัวเราะจนลอร์ดโทรว์บริดจ์เริ่มขำตาม “ทำไม... ฉันไม่เหมือนลอร์ดโทรว์บริดจ์ตรงไหน”

                “หึๆๆ ฮ่าๆๆ” ลอร์ดหนุ่มหัวเราะจนต้องเอามือกุมท้อง “ไม่ไหวแล้วจอห์นนี่ มุกนี้ของนายแย่ที่สุด ถ้าทุกคนรู้ต้องปรับตกไม่ให้ผ่าน”

                “ฮ่าๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะออกมา จากนั้นพวกเขาหัวเราะกันอยู่นาน จนคนทั้งร้านหันมามอง แจ็คสันได้แต่ยิ้มขำๆ ส่วนกอร์ดอนอมยิ้มพลางส่ายศีรษะ

                “นี่พวกคุณจะขำอะไรกันนักเนี่ย?” เขาถามด้วยความสงสัย ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ปาดน้ำตาออกจากดวงตาของเขา

                “มันขำมากนะ ทำไมพวกนายไม่ขำกัน”

                “ก็มันไม่มีอะไรให้น่าขำขนาดนั้น” กอร์ดอนว่า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เลิกคิ้วมองเขา ก่อนจะทำท่าเหมือนเพิ่งนึกได้

                “ก็จริงของนาย... แต่มันก็ขำอยู่ดีแหละ”

                จากนั้นเขาก็เริ่มหัวเราะอีก ลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่พอจะหยุดหัวเราะได้แล้วตบหลังเขา “พอได้แล้วแมกซ์ ฉันจะขาดอากาศตายเพราะนายเนี่ย”

                “ฉันพนันเลยว่าถ้าจอร์จอยู่ตรงนี้ด้วย เขาจะต้องลงไปนอนดิ้นอยู่บนพื้น ฮ่าๆ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งไปอึดใจ จากนั้นก็หัวเราะดังกว่าเดิม กอร์ดอนสั่นศีรษะ พลางถอนหายใจ

                “ให้ตายจอห์นนี่ มุกนี้ของนายเลวที่สุด” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คราง พลางหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดหางตา “ฉันอยากให้คนอื่นได้ยินเรื่องนี้จริงๆ”

                “นายห้ามเล่าเด็ดขาดเลยนะแมกซ์” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เพราะฉันไม่อยากถูกท่านเอิร์ลหมายหัว”

                ลอร์ดหนุ่มที่หยุดหัวเราะไปแล้วกลับมาหัวเราะอีกครั้ง “แย่ที่สุดจอห์นนี่ มุกนี้เอาไปสิบแต้มเต็ม ถ้านายยังเล่นอีกฉันต้องหัวเราะจนตายแน่ๆ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะหึๆ “พรุ่งนี้พวกเรากินมื้อค่ำเสร็จแล้วน่าจะมาต่อกันที่นี่นะ ฉันว่าต้องสนุกมากแน่”           

                “ใช่ๆ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เห็นด้วย “นี่นี่มีฟลอร์เต้นรำด้วย นิกกี้ต้องชอบแน่นอน แต่นายต้องถามเอ็ดดี้ก่อนว่าเขามีชุดที่พอจะใส่มาที่นี่ได้บ้างมั้ย?”

                “ฉันว่าเอ็ดดี้ต้องมี อย่างน้อยๆ เขาก็ขอยืมได้”

                “เดี๋ยวๆ” กอร์ดอนพูดขึ้นกลางคัน “อย่าบอกนะว่าคุณจะพากันมาทั้งหมดเลย”

                ทั้งคู่หันมามองเขาเป็นตาเดียว “ทำไมล่ะ? ก็พรุ่งนี้เราตกลงกันแล้วไงว่าจะไปดูจอห์นนี่ซ้อมมวยแล้วไปกินมื้อเย็นกันต่อ”

                “อือ อันนั้นผมรู้แล้ว แต่คุณยังจะมาดื่มต่อกันที่นี่อีกหรือ?”

                “ก็เบียร์ดำที่นี่อร่อยดี” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “เหล้ารัมก็อร่อย”

                กอร์ดอนย่นคิ้ว ขณะที่แจ็คสันพูดขึ้น “ฟังแล้วท่าทางพวกคุณมีเพื่อนเยอะนะ พรุ่งนี้ผมคงต้องเตรียมรับมือเต็มที่”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะชอบใจ “แน่นอน แจ็คสัน พรุ่งนี้คุณจะต้องเตรียมทุกอย่างให้พร้อมเลยล่ะ ไม่ใช่แค่ลอร์ดโทรว์บริดจ์แน่ที่จะมาถล่มร้านคุณ”

                “โอ๊ย มุกคุณนี่เจ็บทุกมุกเลยจอห์น โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับลอร์ดโทรว์บริดจ์ ผมล่ะกลัวท่านเอิร์ลจะได้ยินจริงๆ”

                “เขาไม่ได้ยินหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดยิ้มๆ “ถึงได้ยินเขาคงไม่ว่าอะไร เชื่อสิ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะออกมา ขณะที่กอร์ดอนได้แต่ส่ายหน้า

-----------------------------------------

                ทุกคนดูตื่นเต้นเมื่อรู้ว่าจะได้ไปบาร์บีช็อต แม้กอร์ดอนจะพยายามอธิบายว่ามันเป็นเพียงบาร์เล็กๆ ที่ไม่น่าเหมาะกับสุภาพบุรุษกลุ่มใหญ่เช่นนี้ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เป็นคนแรกที่แสดงความเห็นแย้งเขา

                “เหมือนนายพยายามกันตัวเองออกจากพวกเรานะ กอร์ดอน”

                “ใช่” นิโคลาสเห็นด้วย “นายทำเหมือนกลัวคนอื่นจะรู้ว่านายเป็นเพื่อนกับพวกเรา”

                “คนเยอะแยะดีใจจะตายที่ได้รู้จักกับพวกเรา” ลอร์ดครอฟตันว่า “ขนาดบางคนฉันไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ ยังอ้างว่ารู้จักกับฉันเลย”

                “ผมไม่ใช่คนที่ชอบแอบอ้างนี่ครับ” กอร์ดอนว่า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้นต่อ “นายก็ไม่ได้แอบอ้างตรงไหนนี่ นายรู้จักพวกเราทุกคน ถ้าไม่มีใครเชื่อว่านายรู้จักกับเอิร์ลแห่งโทรว์บริดจ์ ก็ให้จอห์นนี่ยืนยันเองเลย ไม่เห็นยาก”

                “นั่นสิ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเห็นด้วย ใบหน้าเขายังมีรอยช้ำจากเรื่องเมื่อวานอยู่ เลยถูกเพื่อนๆ แซวว่าโดนสาวตบมา ซึ่งเจ้าตัวก็ก้มหน้าก้มตารับไปแต่โดยดี

                “อืม... ฉันพอเข้าใจกอร์ดอนอยู่หรอกนะ” โรเบิร์ตพูดขึ้น “เขาเป็นช่างตัดเสื้อให้กับบรรดาพ่อๆ ของพวกนาย จู่ๆ มากลายเป็นเพื่อนกันแบบนี้ เขาคงกลัวว่าพ่อๆ ของพวกนายจะไม่พอใจ เลยไม่อยากจะเปิดเผย”

                “....” บรรดาคุณชายทั้งหลายต่างพากันเงียบ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้ายุ่ง “แต่ก็ไม่เห็นจะต้องบ่ายเบี่ยงเรื่องบาร์ขนาดนี้เลยนี่นา พวกเราแค่จะไปดื่ม ไม่ได้จะไปประกาศตัวว่าเป็นใครสักหน่อย ขนาดจอห์นนี่ลงหนังสือพิมพ์บ่อยๆ ยังไม่มีใครจำเขาได้เลย”

                กอร์ดอนกำลังจะอ้าปากพูด แต่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ชิงหัวเราะขึ้นมาเสียก่อน “พูดถึงจอห์นนี่ ฉันยิ่งอยากให้พวกนายไปที่บาร์นั่น ฮ่าๆ อยากให้พวกนายฟังเขาพูดเรื่องตัวเองเหมือนตัวเอง โอ๊ย แค่คิดฉันก็ขำแทบตาย”

                “โห... มีเรื่องแบบนั้นด้วยหรือ?” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้าสนใจ “ดีแล้วที่ฉันบอกปัดมาร์กาเร็ตไป”

                “มาร์กาเร็ต?” เจมส์ทวนคำ “นายบอกปัดอะไรมาร์กาเร็ต นี่พวกนายคุยกันแล้วหรือ?”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้ารำคาญ “ไม่ใช่เรื่องของนายน่า เจมส์”

                “ฮ่าๆ แสดงว่าพวกนายคุยกันแล้ว... ลมอะไรพัดนายให้กลับไปคุยกับมาร์กาเร็ตเนี่ย?”

                “หุบปากเลย” ลอร์ดหนุ่มว่า “ถึงเวลาฉันจะเล่าให้พวกนายฟังเอง”

                “ว้าวๆ จอร์จจี้กลับไปคืนดีกับคู่หมั้นของเขาแล้วครับท่านสุภาพบุรุษ ผมว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวกับรอยปื้นที่หน้าของเขาแน่ๆ นายถูกไอรีนหรือแมรี่หรือทั้งสองคนตบมาใช่มั้ย?”

                “เจมส์! เห็นแก่พระเจ้า ไม่ก็มิตรภาพของเรา นายหยุดพูดที”

                เพื่อนๆ ต่างพากันหัวเราะ “ก็ได้ๆ จอร์จจี้ พวกเราจะรอนายเล่าแล้วกัน”

                “แล้วสรุปว่าพวกเราจะไปบาร์ที่ว่ากันยังไง?” ลอร์ดครอฟตันถามต่อ “ฉันต้องกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าใช่มั้ย?”

                “ใช่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า เขาพูดตัดหน้ากอร์ดอนไปได้อีกครั้ง “เสื้อนายมันดูสะดุดตามาก นายต้องใส่เสื้อที่ธรรมดากว่านี้ ถ้าไม่มีฉันแนะนำให้ยืมไมเคิล ฉันแน่ใจว่าเขาใส่ไซส์เดียวกับนาย”

                “ไม่ ฉันจะไม่ยืมเสื้อไมเคิล” ลอร์ดครอฟตันว่า “แต่ฉันจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อ ฉันแน่ใจว่าต้องมีเสื้อที่พอจะใช้ได้อยู่”

                “งั้นนายรีบไปเลย ก่อนที่จอห์นนี่จะซ้อมมวยเสร็จ เพราะพวกเราต้องเรียกรถม้ารับจ้างไป”

                “หา?”

                “ในเมื่อนายเสียเวลากลับไปเปลี่ยนเสื้อเพื่อไม่ให้มีใครทักว่านายคือลอร์ดครอฟตันแล้ว นายคงไม่ต้องการพังมันด้วยการเอารถม้าที่มีตราคฤหาสน์ของนายไปจอดที่บาร์หรอก ใช่ไหม?”

                “แต่เราต้องไปกินมื้อเย็นกันก่อนไม่ใช่หรือ?” ลอร์ดครอฟตันท้วง “นี่อย่าบอกนะว่าพวกเราจะไปกินมื้อเย็นที่บาร์นั่นเลย”

                “เออ ใช่ ฉันลืม” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “งั้นกินมื้อเย็นเสร็จแล้วพวกเราค่อยไปเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็ไปเจอกันที่ร้านของกอร์ดอน”

                “ทำไมต้องร้านผมล่ะ?” กอร์ดอนแสดงความแปลกใจ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันมามองเขา “ก็ร้านนายมันอยู่ใกล้และเรียกรถม้าง่ายที่สุดน่ะสิ”

                “ก็ดีเหมือนกัน” นิโคลาสพูด “ฉันอยากรู้มานานแล้วว่าร้านเขาอยู่ตรงไหน”

                “ร้านเขาอยู่ตรงถนนบรอมพ์ตันแยกที่สี่ล็อกที่สอง หาง่ายมาก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “มีป้ายร้านสีเขียวเขียนว่า ‘กอร์ดอน เทเลอร์’ ถ้าคนขับรถม้าของพวกนายหาไม่เจอ ฉันว่าเตรียมเปลี่ยนคนใหม่ได้เลย”

                “ฮ่าๆ” ลอร์ดครอฟตันหัวเราะ “ตกลง เอาตามนี้เลย”

-----------------------------------

                เหล่าบรรดาสุภาพบุรุษทั้งหลายกินมื้อเย็นที่ภัตตาคารหรูที่กอร์ดอนไม่เคยคิดแม้แต่จะเฉียดเข้าไปใกล้ แค่ผ้าปูโต๊ะก็ราคาผืนนึงหลายปอนด์แล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์นั่งตรงหัวโต๊ะ เขาอาบน้ำแล้วและดูสดชื่นไม่เหมือนคนเพิ่งเหนื่อยจากการซ้อมมวยเลยแม้แต่น้อย ท่านเอิร์ลอยู่ในชุดสูทตัวหรูที่สั่งตัดไปเมื่อวันก่อน กำลังคุยเรื่องซ้อมมวยกับลอร์จแมกซ์ เมอร์เรย์อย่างออกรสออกชาติ กอร์ดอนไม่เห็นเมนูอาหารเลยสักแผ่น และไม่เห็นว่ามีใครเดือดร้อนมองหามันด้วย ช่างตัดเสื้อได้แต่จิบไวน์ขาวรสเยี่ยมที่มีบริกรคอยรินเติมให้เรื่อยๆ พลางนึกสงสัยว่าเมื่อไหร่กันเหนอที่เหล่าสุภาพบุรุษพวกนี้จะเริ่มสั่งอาหาร

                แต่หลังจากนั้นไม่นานนัก อาหารจานแรกก็ถูกนำมาวางที่โต๊ะ เป็นขนมปังแผ่นเล็กๆ ที่ยังอุ่นอยู่ กับกระปุกเงินดุนลายเคลือบทองใบเล็กที่มีฝาปิด กับช้อนคันเล็กๆ ขนาดพอดีกับกระปุก ทั้งหมดวางอยู่บนจานเงิน มีทั้งหมดสิบชุด แต่ละชุดถูกนำมาวางตรงหน้าสมาชิกที่นั่งกันอยู่ จากนั้นบริกรก็เปลี่ยนแก้วไวน์ทั้งหมดเป็นไวน์แดง

                “โห... จอห์นนี่ ถ้าจะเลี้ยงกันแบบนี้” ลอร์ดจอร์ฟ เฟลตันพูด แล้วหยิบผ้ารองกันเปื้อนขึ้นมาเหน็บไว้ที่คอเสื้อ “ฉันไม่เกรงใจล่ะนะ”

                “ตามสบายเลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ใครกล้ากินไม่หมดจะต้องกระโดดกบรอบโต๊ะ”

                เพราะเพิ่งเป็นสมาชิกใหม่ และหากจะว่ากันด้วยฐานะแล้ว เขาก็ต่ำต้อยที่สุดในกลุ่ม กอร์ดอนจึงต้องมานั่งปลายโต๊ะ ติดกับอีธานที่อายุน้อยกว่าเขาถึงสิบสี่ปี ตอนนี้ชายหนุ่มวัยยี่สิบสองกำลังมองโถเงินและขนมปังแผ่นเล็กๆ พวกนั้นด้วยใบหน้าแดงจัด

                กอร์ดอนรู้สึกสงสัยเลยถามออกไป “มีอะไรหรือ? อีธาน”

                อีธานหันมองเขา แล้วสั่นศีรษะ “เปล่า ผมแค่ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้กินของแบบนี้”

                กอร์ดอนมองฝ่ายนั้นด้วยความสงสัย “มันคืออะไรน่ะ?”

                อีธานเปิดฝากระปุกออก ด้านในบรรจุเอาไว้ด้วยบางสิ่งบางอย่างที่มีลักษณะเป็นเม็ดกลมๆ เล็กๆ สีทองสุกสว่าง

                “มันคือไข่ปลา” ชายหนุ่มว่า “ผมจะอธิบายวิธีกินให้คุณแล้วกัน” เขาพูด แล้วหยิบขนมปังแผ่นเล็กๆ พวกนั้นขึ้นมา “คุณต้องทามันลงไปบนขนมปังอย่างนี้ แล้วค่อยกิน”

                “อ๋อ”

                “แล้วจากนั้นค่อยกลั้วไวน์แดงตามไป ผมว่าน่าจะเหมือนได้ขึ้นสวรรค์เลยล่ะ”

                “ขนาดนั้นเลย?”

                แม้จะรู้สึกสงสัยว่าไข่ปลาอะไรที่ทำให้อีธานดูตื่นเต้นขนาดนี้ แต่กอร์ดอนก็ไม่รบเร้าถามต่อ เขาตักไข่ปลาพวกนั้นแล้วทาลงบนขนมปัง จากนั้นก็กินมันลงไป

                “เป็นไงบ้าง?” เสียงของลอร์ดโทรว์บริดจ์ดังมาจากหัวโต๊ะ ทุกคนหันมองเขาเป็นตาเดียว

                “นายถามใคร?” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถามขึ้น คนถูกถามหน้าแดงนิดๆ “ถามพวกนายไง เป็นไงบ้าง”

                “ฉันกินจนจะหมดแล้วนายเพิ่งถามเนี่ยนะ?” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตอบ “อยากให้ฉันตอบนายต้องสั่งให้ฉันอีกชุด”

                “โอ้โห... ไม่น่าเกลียดเลยจอร์จจี้” เจมส์ที่นั่งเยื้องไปฝั่งตรงข้ามแขวะ “หน้านายทำกับอะไรน่ะ?”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำเป็นไม่ได้ยิน ขณะที่คนอื่นๆ พูดขึ้น “มันก็ต้องอร่อยอยู่แล้ว นายนึกยังไงสั่งมาเนี่ย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดง “ก็ฉันเห็นว่าพวกเราไม่ได้มากินข้าวด้วยกันนานแล้ว เลยอยากจะทำเซอร์ไพรส์พวกนายบ้าง”

                “โห... นายพูดแบบนี้ ทำเอาฉันไม่นึกอยากนัดกินข้าวต่อหลังจากนี้เลย เผื่อว่านานไปนายจะเลี้ยงพวกเราแบบนี้อีก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เลยพูดขึ้น “ฉันเพิ่งรู้ว่านายเห็นแก่กินขนาดนี้”

                “ฉันก็แค่พูดเล่นน่า”

                “จอร์จ...”

                “มันเป็นมุก!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “นายหยุดทำหน้าเครียดทีแมกซ์ ฉันเห็นแล้วกินไม่ลง”

                “กินไม่ลงเพราะนายกินหมดแล้วไง” โรเบิร์ตว่า คนที่เหลือพากันหัวเราะ กอร์ดอนมองด้วยความสงสัย เขากินไปแล้วหนึ่งแผ่น และรู้สึกว่ามันอร่อยดี แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงดูตื่นเต้นนัก

                “กอร์ดอน” ในที่สุดลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็เอ่ยชื่อเขา “คุณทำไมไม่กินต่อล่ะ? ไม่อร่อยหรือ?”

                “อ๊ะ!” กอร์ดอนสะดุ้ง ทุกคนหันมามองเขาเป็นตาเดียว ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้นอีก “กอร์ดอน ถ้านายไม่กิน ให้ฉันได้นะ ฉันไม่รังเกียจ”

                “อ๋อ ผมเปล่า” กอร์ดอนรีบพูด “มันอร่อยดีครับ ผมแค่สงสัยว่ามันคืออะไร”

                “.....”

                เกิดความเงียบขึ้นบนโต๊ะอาหาร กระทั่งอีธานที่กำลังเคี้ยวขนมปังอยู่ยังต้องหยุดเคี้ยว ลอร์ดจอร์จ เฟลตันกะพริบตาปริบๆ

                “เอาล่ะ... ฉันเข้าใจแล้ว นายกินมันลงไปให้หมดนะ แล้วเดี๋ยวฉันจะบอกว่ามันคืออะไร ไม่ต้องสงสัย กินเข้าไปเลย”

                “ครับๆ”

                “ไม่ต้องรีบ กอร์ดอน กินช้าๆ” ลอร์ดครอฟตันบอกเขา “นายต้องค่อยๆ ละเลียดรสชาติของมัน ทีละเม็ด”

                “.....”

                “แล้วจิบไวน์แดงตาม”

                “.....”

                “อย่างนั้นแหละ เป็นไงบ้าง?”

                “ก็ดีครับ”

                กอร์ดอนรู้สึกว่าทุกคนดูลุ้นกับการกินของเขา จนเจ้าตัวรู้สึกประหม่า “ทำไมต้องมองผมแบบนั้นล่ะครับ?”

                “เอาใจช่วยน่ะ”

                “ใช่”

                “ถึงกับต้องเอาใจช่วยเลยหรือครับ?”

                “อือ”

                ช่างตัดเสื้อเลยรีบก้มหน้าก้มตากินขนมปังทาไข่พวกนั้นจนหมด

                “อย่าให้เหลือเลยนะ ไม่งั้นฉันจะโกรธนาย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ได้ยินเสียงลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถอนใจ “นายไม่ใช่คนจ่ายเงิน ไม่ต้องเดือดร้อนแทนไปน่า”

                กอร์ดอนแทบจะยกโถขึ้นมาเทดูว่ายังเหลือไข่สีทองพวกนั้นอีกหรือไม่ ในที่สุดเขาก็จัดการพวกมันจนหมด “ขอบคุณครับ อร่อยมาก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดงกว่าเดิม “ดี ดีแล้วที่คุณชอบ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหรี่ตามองเพื่อน แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร กอร์ดอนก็ถามขึ้นต่อ “ตกลงบอกผมได้หรือยังครับ ว่ามันเป็นไข่ปลาอะไร?”

                “มันเป็นไข่ปลาอะไรก็ช่างเถอะ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตอบ “เอาว่าที่นายเพิ่งกินเข้าไปเรียกกันว่าคาร์เวียร์สีทองก็แล้วกัน”

                กอร์ดอนเกือบสำลักไวน์ที่ดื่มตามไป “อะ... อะไรนะครับ!”

                “คาร์เวียร์สีทอง” อีธานว่า “คุณไม่ต้องตกใจหรอก ไม่ใช่แค่คุณคนแรกนะที่ไม่เคยเห็น ผมเองก็เพิ่งเคยเห็นเหมือนกัน”

                “ฉันก็ไม่เคยหรอก” เจมส์ว่า “ไม่นึกไม่ฝันเหมือนกันว่าจะได้กิน”

                โรเบิร์ตหน้าแดง “ครั้งแรกของฉันเลยด้วย”

                เจฟฟรีหัวเราะขึ้นมา “ฉันเคยครั้งนึง แต่ไม่ได้มาเป็นกระปุกแบบนี้ ทาขนมปังได้ไม่ถึงหนึ่งในสี่ด้วยซ้ำ”

                กอร์ดอนใช้เวลานานมากกว่าจะกลืนไวน์ที่ค้างอยู่ในปากลงไปได้ เขาเคยได้ยินเรื่องคาร์เวียร์อยู่เหมือนกัน เห็นว่าเป็นไข่ปลาที่แพงมาก ปกติสีดำ แต่ไข่สีทองยิ่งแพงกว่า และไม่ใช่ระดับคนมีเงินธรรมดาจะหามากินได้ด้วย ช่างในร้านเคยคุยกันว่ามีแต่ราชวงศ์กับพวกขุนนางที่ร่ำรวยมากเท่านั้นถึงจะกินกัน กอร์ดอนถึงขั้นขนลุก เมื่อนึกย้อนไปว่าลอร์ดโทรว์บริดส์สั่งมาเลี้ยงเพื่อนถึงสิบชุด

                “รู้เลยทำไมนายเลือกกินมื้อเย็นที่นี่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “เพราะคาร์เวียร์สีทองนี่เอง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะเขินๆ “ฉันดีใจนะ ที่พวกนายชอบเซอร์ไพรส์ฉัน”

                “เอ็มมี่จะต้องคลั่งมาก ถ้าเขารู้เรื่องนี้” โรเบิร์ตว่า “เขาเป็นคนเดียวที่ไม่ได้กินคาร์เวียร์สีทอง”

                “ไว้เขากลับมาฉันจะเลี้ยงชดเชย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า เขาจิบไวน์อีกคำ จากนั้นบริกรก็ยกอาหารจานหลักมาเสิร์ฟ

                กอร์ดอนแทบจุกตาย เขาไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าครั้งหนึ่งในชีวิตจะได้กินอาหารดีขนาดนี้ ที่วางอยู่บนโต๊ะมีทั้งกุ้งล็อบสเตอร์ย่างเนยปรุงด้วยเครื่องเทศและสมุนไพร ไก่ย่างตัวใหญ่ ปลาตัวโตที่ถูกหั่นเนื้อออกเป็นชิ้นๆ แล้วปรุงรสอย่างดี และอีกหลายอย่างที่เขาบรรยายไม่หมด เสียงมีดกระทบจานดังสลับกับเสียงพูดคุย ไวน์ชั้นเลิศถูกรินแจกเหมือนไม่มีวันหมด ทุกอย่างดูราวกับความฝัน กอร์ดอนเหม่อมองบรรดาอาหารชั้นเลิศตรงหน้า มองเหล่าบรรดาสุภาพบุรุษที่กำลังคุยกันอยู่ กระทั่งถึงคนที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ


ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มให้เขา แล้วยกแก้วไวน์แดงขึ้นมา กอร์ดอนยิ้มตอบ แล้วยกแก้วของตนขึ้น จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเจมส์ประกาศ “แด่จอห์นนี่ของเรา”

                เสียงแก้วกระทบกันดังกรุ๊งกริ๊ง พวกเขาดื่มให้กันอีกหลายครั้ง จนกระทั่งงานเลี้ยงเลิกรา

--------------------------------------

                หลังมื้อค่ำที่เป็นเหมือนความฝัน กอร์ดอนกลับมาพบกับความจริงอันน่าปวดหัวอีกครั้ง เมื่อเหล่าสุภาพบุรุษพวกนั้นแยกย้ายกันกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อเตรียมตัวไปสนุกกันต่อที่บาร์บีช็อต ตอนแรกเขาหวังว่าทั้งหมดจะลืมเรื่องที่คุยกันไว้แล้ว แต่ดูเหมือนไม่มีใครลืมสักคน

                เขาจึงต้องนั่งรถม้ากลับมาที่ร้าน เปลี่ยนเสื้อผ้า และเปิดร้านไว้รอเหล่าบรรดาสุภาพบุรุษที่กำลังจะมารวมตัวกัน

                “ใครจะมาหรือครับ?” เดวิดสงสัยที่เห็นเจ้านายดึงม่านขึ้น แต่แขวนป้ายปิดเอาไว้หน้าร้าน กอร์ดอนหันมายิ้ม “เพื่อนฉัน”

                “เอ๋? ท่านเอิร์ลจะมาหรือ?”

                “อืม...”

                “คุณถึงกับต้องเปิดม่านรอเลย?”

                “ใช่ เพราะพวกเขาจะมากันหลายคน”

                เดวิดเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ “งั้นผมคงต้องเตรียมตัว”

                เขารีบไปยืนรอท่าที่ประตูทันที ไม่นานนักรถม้ารับจ้างคันหนึ่งก็มาหยุดหน้าร้านเขา คนที่มาถึงคนแรกคืออีธาน กอร์ดอนเชิญเขาเข้ามาในร้าน

                “โชคดีจังที่ผมมาถึงคนแรก” เขาพูดพลางยิ้ม “ร้านคุณสวยนะ”

                กอร์ดอนผงกศีรษะ “ผมดีใจที่คุณชอบ”

                ชายหนุ่มหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟา “นั่งด้วยกันสิ ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณ”

                กอร์ดอนนั่งลงบนโซฟาข้างกัน อีธานหันมองเขาแล้วยิ้มอีก “ผมเข้าในนะว่าคุณคงรู้สึกอึดอัดกับพวกเขาบ้าง หมายถึง ท่านลอร์ดพวกนั้น”

                ช่างตัดเสื้อหน้าแดง “อือ นิดหน่อย”

                “ผมก็เคยรู้สึกแบบคุณนั่นแหละ” ชายหนุ่มว่า “ตอนที่รู้ว่าลอร์ดโทรว์บริดจ์อยากให้ผมไปอยู่สโมสรรักบี้ของเขา บอกตรงๆ ผมตื่นเต้นมาก ผมไม่คิดว่าคนระดับเอิร์ลจะมาเชิญผมไปเล่นรักบี้ด้วย ผมคิดว่าเขาจะอยู่แต่กับพวกลูกขุนนางด้วยกัน”

                กอร์ดอนพยักหน้า อีธานพูดต่อ “เพราะงั้นตอนที่ผมเข้ากลุ่มกับพวกเขาช่วงแรกๆ ผมเกร็งเหมือนกัน กลัวว่าจะเข้ากับพวกเขาไม่ได้ แต่ก็อย่างที่คุณเห็นนั่นแหละ พวกเขาเป็นแบบนั้น เขาไม่ได้แยกว่าคุณเป็นใคร มาจากไหน เกิดในตระกูลอะไร พวกเขาแค่อยากเป็นเพื่อนกับเรา แค่นั้นเอง”

                เขาหยุดเว้นจังหวะหน่อยหนึ่ง “มีคนมากมายอยากจะได้รับเกียรติแบบนี้ พวกเขาเป็นลูกชายขุนนางใหญ่ที่มีอิทธิพลสูงมาก ไม่ว่าใครก็อยากจะได้เป็นคนรู้จักกับพวกเขาทั้งนั้น ตอนพ่อผมรู้ว่าผมรู้จักกับพวกเขา พ่อดีใจมาก แต่คนละความรู้สึกกันกับผม เขามองว่ามันเป็นช่องทางในการเติบโต ช่องทางในการทำงาน ผมไม่เถียงหรอก พ่อให้ผมพยายามสอบเข้าอีตันแทบตายเพราะเรื่องนี้ แต่ผมไม่คิดเหมือนพ่อ พวกเขาไม่ใช่แค่ลูกขุนนางที่เอาแต่ชี้นิ้วสั่ง จ่ายเงิน เขามีหัวใจ เขามีมิตรภาพ เขาเป็นเพื่อนกับพวกเราได้เหมือนกับคนอื่นๆ และพวกเขาก็จริงจังเรื่องนี้มาก”

                กอร์ดอนพยักหน้า อีธานเอื้อมมือมาตบไหล่เขา แล้วพูดต่อ “อย่ากังวลไปเลยกอร์ดอน คุณไม่ต้องคิดหรอกว่าพวกเขาเป็นใคร สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณต้องเชื่อว่าพวกเขาเป็นเพื่อนของคุณจริงๆ นี่คือเรื่องเดียวที่พวกเขาต้องการจากคุณ”

                กอร์ดอนมองหน้าฝ่ายนั้นอยู่พักใหญ่ๆ ก่อนจะยิ้มแล้วพยักหน้า “ผมเข้าใจแล้ว ขอบใจนะ”

----------------------------------

                หลังอีธานมาถึงได้ไม่นาน โรเบิร์ต เจมส์ เจฟฟรี ก็ทยอยตามมา กอร์ดอนคิดว่าพวกเขาคงใช้เวลาในการเลือกหยิบเสื้อผ้าที่จะใส่ไปบาร์บีช็อตง่ายกว่าการหาเสื้อที่จะสวมไปภัตตาคารหรูที่เพิ่งไปมาในช่วงเย็น ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตามมาหลังจากนั้น เขามาในสภาพคุ้นตา สวมเสื้อโค้ทคอแบะสีดำตัวเดิม และหมวกฮอมเบิร์กใบเดิม การมาของเขาไม่เอิกเหริก เพราะนั่งรถม้ารับจ้างมา แต่หลังจากนั้นรถม้าคันใหญ่ที่มีตราคฤหาสน์ต่างๆ ก็ทยอยกันมาจอดที่หน้าร้านกอร์ดอนเทเลอร์

                เดวิดมองภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ ที่ลงมาจากรถม้าต่อให้แต่งตัวค่อนข้างธรรมดา แต่แน่ใจได้เลยว่าทุกคนต้องเป็นพวกลูกขุนนางแน่นอน เขาไม่รู้จักว่าใครเป็นใครบ้าง แต่ก็ลงท้ายคำต้อนรับด้วยคำว่า ‘ครับ’ ทุกคำ ลอร์ดครอฟตันมาถึงเป็นคนสุดท้าย เขาสวมเสื้อโค้ทที่ดูหรูหราน้อยกว่าตัวที่ใส่ไปกินมื้อค่ำ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ดูหรูหราอยู่ดี

                “เอ็ดดี้ ฉันเกลียดคอลเลคชั่นเสื้อผ้าของนาย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดออกมา “นายหาเสื้อผ้าที่ดูธรรมดากว่านี้ในตู้ไม่เจอแล้วหรือไง?”

                “นี่ธรรมดาที่สุดแล้วนะ” ลอร์ดครอฟตันตอบหน้าเครียด “ธรรมดากว่านี้ฉันต้องขอยืมเสื้อของไมเคิล ซึ่งฉันจะไม่มีวันทำแบบนั้นเป็นอันขาด นายรู้มั้ยว่าฉันใช้เวลาในการหาเสื้อนานมาก”

                “ฉันควรดีใจที่นายไม่หลงทางในตู้เสื้อผ้าตัวเองสินะ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า กอร์ดอนรีบพูดขึ้น “ไม่เป็นไรหรอกครับ แบบนี้ก็ได้ คุณดูดีเสมออยู่แล้วครับ ท่านลอร์ด”

                “โอ๊ย กอร์ดอนเรียกฉันว่าท่านลอร์ดอีกแล้ว” ลอร์ดครอฟตันคราง “นายจำชื่อฉันได้บ้างมั้ย? ไหนลองเรียกซิ”

                กอร์ดอนนิ่งนึกอยู่อึดใจ “เอ็ดเวิร์ด”

                “ฟังดูห่างเหินมาก” ไวส์เคาน์หนุ่มทำท่าทางขัดใจ “นายต้องเรียกฉันว่าเอ็ดดี้”

                “อ้อ ครับ เอ็ดดี้”

                “ดี” ลอร์ดครอฟตันพยักหน้า ก่อนจะหันไปมองเพื่อนๆ “แล้วตกลงเราจะไปกันได้หรือยัง ต้องรอใครอีกมั้ย?”

                “นายมาถึงคนสุดท้าย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า โรเบิร์ตส่งเสียงถามขึ้น “พวกนายต้องตกลงกันก่อนมั้ย ว่าใครจะทำงานอะไร เผื่อว่าจะมีคนถาม”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำท่าจะอ้าปากพูดอะไร แต่ถูกลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ขัดขึ้นก่อน “ไม่ต้อง ฉันว่ามันต้องตื่นเต้นกว่านี้ ถ้าพวกนายจะไปด้นสดกันที่โน่นเลย”

                “ฮ่าๆ นั่นสิ” เจมส์เห็นด้วย “ห้ามเล่นมุกซ้ำกันนะ แล้วมุกเหมือนตัวเองอย่างที่จอห์นนี่ทำก็ห้ามด้วย”

                ทั้งหมดหัวเราะขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์จะพูดขึ้น “เอาล่ะ งั้นพวกเราก็ควรจะไปที่บาร์นั่นได้แล้ว เดวิด เรียกรถม้าให้หน่อยสิ”

                เดวิดกุลีกุจอไปเรียกรถม้ามาให้ แต่รถม้ามีอยู่ไม่กี่คัน พวกเขาจึงต้องขึ้นไปนั่งคันละสองถึงสามคน ลอร์ดครอฟตันทำหน้าอึ้งๆ เมื่อพบว่าตัวเองได้รถม้าคันที่ดูเล็กมาก

                “จอร์จจี้ นายต้องมากับฉัน” เขาว่า ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องขึ้น

                “อะไรกันเอ็ดดี้ ฉันไม่ใช่ไมเคิลนะ นายจะมาสั่งฉันทำนั่นทำนี่ไม่ได้”

                “งั้นกอร์ดอน ฉันต้องมีคนนั่งไปเป็นเพื่อน” ลอร์ดครอฟตันว่า “ฉันไม่เคยนั่งรถม้าแบบนี้มาก่อน”

                กอร์ดอนพยักหน้า “ได้สิครับ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เตะหน้าแข้งลอร์ดจอร์จ เฟลตัน “ทำไมนายไม่ไปกับเอ็ดดี้”

                “ก็ฉันไม่อยากนั่งเบียดกับเขา”

                “ถ้านายไม่ไปกับเอ็ดดี้ นายก็มากับฉัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดยิ้มๆ “ฉันตัวไม่ใหญ่เท่าเอ็ดดี้ ไม่เบียดนายหรอก”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันขนลุกไปถึงต้นคอ เขาหันไปหาลอร์ดครอฟตัน “เอ็ดดี้ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันจะนั่งไปเป็นเพื่อนนายเอง”

                “แต่กอร์ดอนรับปากแล้วนี่” ลอร์ดครอฟตันว่า “ฉันไม่เคยคุยกับเขาเป็นเรื่องเป็นราวเลยด้วย พวกเราควรจะถือโอกาสนี้ทำความรู้จักกันให้ดีเสียเลย”

                “ไม่ได้ๆ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันโพล่งออกมา “เขาต้องไปกับจอห์น...”

                “นายมากับฉันก็ได้ จอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดแทรก “ให้กอร์ดอนไปนั่งกับเอ็ดดี้ พวกเขาจะได้ทำความรู้จักกันบ้าง”

                “อ่อค” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำเสียงเหมือนถูกใครต่อย “นายจะมาว่าฉันไม่ได้นะจอห์นนี่...”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ เขาหันไปหาช่างตัดเสื้อ “คุณไปกับเขาเลย พวกผมสามคนจะนั่งรถคันเดียวกันไป”

                กอร์ดอนพยักหน้า ลอร์ดครอฟตันหัวเราะออกมา “ฉันแน่ใจว่านายจะต้องอบอุ่นมาก จอร์จจี้”

                พูดจบเขาก็ขึ้นรถม้าไปกับกอร์ดอน ทิ้งลอร์ดจอร์จ เฟลตันไว้กับเพื่อนที่เหลืออีกสองคน รถม้าคันสุดท้ายที่มาถึง เล็กยิ่งกว่าคันที่ลอร์ดครอฟตันนั่งไปเมื่อตะกี้เสียอีก

                “ไม่มีคันที่ใหญ่กว่านี้แล้วหรือ?” ลอร์ดหนุ่มคราง เขาหันไปมองเพื่อนทั้งสอง “พวกนายสองคนไปก่อนเลย ฉันจะรออีกคัน”

                “ไม่เอาน่า จอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “นายจะทำให้เสียเวลาทำไม ที่นั่งข้างคนขับยังว่าง ไปนั่งสิ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ระเบิดหัวเราะออกมาทันที “นั่นสิจอร์จ นายจะทำให้เรื่องมันเสียเวลาทำไม นายก็ไปนั่งกับคนขับเสียก็สิ้นเรื่อง”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำเสียงเหมือนมีอะไรติดคอ “พวกนายเอาคืนฉันเรื่องเมื่อวานใช่มั้ยเนี่ย”

                “เอาเลยจอร์จ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ไม่มีใครได้รับเกียรตินี้เท่านายอีกแล้ว ได้เป็นสารถีให้เสมียนกับผู้จัดการเหมืองเชียวนะ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถอนหายใจ “ก็ได้ๆ ตามนั้นแหละคุณเสมียน”

-----------------------------------------

                กอร์ดอนพบว่าลอร์ดครอฟตันเป็นนักแฟชั่นตัวยง อันที่จริงเขาก็พอเดาได้ตั้งแต่เห็นฝ่ายนั้นแต่งตัวไปสโมสรในแต่ละสัปดาห์แล้ว

                “ฉันมีร้านตัดเสื้อประจำอยู่สามร้าน” ลอร์ดครอฟตันว่า “ร้านตัดรองเท้าและร้านทำหมวกอีกอย่างละสอง นายจะให้ฉันนับรวมร้านทำแหวนกับหัวไม้เท้าด้วยมั้ย?”

                “ไม่เป็นไรครับ” กอร์ดอนตอบ “ผมชอบชุดที่คุณสวมนะครับ มันดูดีมาก ผ้าแบบนี้หายากมากด้วย”

                “ใช่... จอห์นนี่ชอบถามฉันทุกทีว่าทำไมต้องตัดเสื้อใหม่ทุกเดือน เขาเห็นว่ามันก็เหมือนๆ กันหมด แต่มันไม่เหมือน นายก็รู้”

                “ครับ”

                “ดูปกเสื้อตัวนี้สิ” เขาพูดแล้วใช้มือหยิบปกคอเสื้อโค้ท “มันอาจจะเหมือนกับเสื้อโค้ทของนาย แต่มันไม่เหมือน แล้วมันก็ไม่เหมือนเสื้อโค้ทตัวอื่นที่ฉันมีด้วย”

                “ครับ ปกแบบนี้ถ้ากว้างกับยาวเกินกว่านี้อีกนิดจะไม่สวยเลย”

                “ใช่” ลอร์ดหนุ่มว่า “ฉันคิดว่านี่ดูธรรมดาที่สุดแล้วเท่าที่จะหาได้”

                “ผมเข้าใจว่าคุณพิถีพิถันในการเลือกเสื้อผ้ามาก ไม่เป็นไรหรอกครับ” กอร์ดอนพยักหน้า ลอร์ดครอฟตันมองเขา “ที่จริงแล้วฉันก็อยากจะจ้างนายตัดเสื้อสักตัว เสียแต่ตอนนี้ฉันยังนึกไม่ออกว่าอยากได้ชุดอะไรอีก”

                “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่คุณสนใจงานของผม”

                “ชุดที่นายตัดจอห์นนี่ดูดีทีเดียว เสียอย่าง เขาไม่ชอบแฟชั่น หมอนั่นไม่เคยสนใจการแต่งตัวของตัวเองเลย” ลอร์ดครอฟตันบ่น “เขาเป็นคนที่ใส่ทักซิโดส์ สวมหมวกทรงสูงและถือไม้เท้าแล้วจะดูดีมาก แต่เขาดันไม่ชอบมัน บางทีฉันก็ไม่เข้าใจนะว่าเขาจะกลัวเสื้อหางยาวของตัวเองไปทำไม จอห์นนี่ทำเหมือนมันน่ารังเกียจมาก”

                กอร์ดอนหัวเราะ “เขาเคยทำหน้าแบบนั้นตอนมาตัดเสื้อกับผมเหมือนกัน”

                ลอร์ดครอฟตันส่ายหน้าเพลียๆ “บางทีจอห์นนี่ก็มีรสนิยมด้านเสื้อผ้าที่ประหลาดมาก นายเห็นตอนเขาซ้อมมวยมั้ย?”

                “ครับ?”

                “ปกติแล้วนักมวยต้องใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นซ้อมกัน แต่จอห์นนี่ดันใส่ทั้งขายาวและเสื้อเชิ้ต ทีเวลาแบบนี้เขาดันแต่งตัวเรียบร้อยเกินเหตุ ฉันไม่เข้าใจจริงๆ”

                “อ้าว ผมคิดว่านั่นเป็นชุดที่สุภาพบุรุษอย่างพวกคุณใส่เวลาขึ้นสังเวียนเสียอีก” กอร์ดอนพูดด้วยความรู้สึกแปลกใจ ลอร์ดครอฟตันสั่นศีรษะ

                “ไม่ ต่อให้เป็นสุภาพบุรุษ ถ้าเขากล้าขึ้นชกบนเวที เขาจะไม่อายที่จะสวมเสื้อกล้ามและกางเกงขาสั้นเด็ดขาด ฉันไม่เข้าใจจอห์นนี่ ทำไมเขาถึงได้แต่งตัวแบบนั้น มันเกะกะมากนะ เวลาต่อยมวย”

                “เขาอาจจะไม่อยากสวมเสื้อที่ดูเปิดเผยมากเกินไป” กอร์ดอนเสนอความเห็น ลอร์ดครอฟตันส่ายหน้า “ไม่มีทาง จอห์นนี่เป็นคนมั่นใจในรูปร่างของตัวเองมาก ตอนอยู่ชมรมมวยที่อีตัน เขาถอดเสื้อใส่แต่กางเกงขาสั้นตัวเดียวขึ้นซ้อมด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ทำไมตอนนี้ดันแต่งตัวเต็มยศขึ้นเวทีมวยซะได้ ฉันล่ะนึกภาพไม่ออกเลยว่าตอนเขาขึ้นชกจริงจะเป็นยังไง มันดูตลกมากนะ ถ้าคู่ต่อสู้ถอดเสื้อชก ในขณะที่เขาสวมเสื้อแขนยาวชก”

                “บางทีเขาอาจจะใส่เฉพาะตอนซ้อมก็ได้ครับ อาจจะเป็นเทคนิกอย่างหนึ่ง” กอร์ดอนว่า ลอร์ดครอฟตันทำท่าทางไม่เห็นด้วย แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร รถม้าก็หยุดลงเสียก่อน

                “ถึงแล้วล่ะครับ” กอร์ดอนบอกเขา ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถม้า

------------------------------------------

                แจ็คสันมีสีหน้ามหัศจรรย์ใจมากถึงมากที่สุด เมื่อเห็นลูกค้าหน้าใหม่ทยอยกันเดินเข้ามา เขาร้องเสียงดัง “โอ้โห กอร์ดอน นี่เพื่อนคุณทั้งหมดเลยหรือ?”

                “ใช่” กอร์ดอนพยักหน้า แจ็คสันมองเหล่าสุภาพบุรุษพวกนั้น แล้วหันกลับมามองเขา “คุณไปเจอพวกเขาที่ไหนเนี่ย”

                “สโมสร” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบแทนให้ “ผมมีสโมสรเล็กๆ อยู่”

                “อ๋อ” แจ็คสันพยักหน้า “วันนี้คุณจะดื่มอะไร?”

                “เหมือนเดิม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด นิโคลาสลากเก้าอี้มานั่งข้างเขา “บาร์คุณดูไม่เลวเลย ได้ยินว่าเบียร์ดำอร่อยมาก ขอผมแก้วนึงสิ”

                “จัดไป” แจ็คสันว่า เขาเทเหล้ารัมใส่แก้วแล้วส่งให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ รินเหล้ายินส่งให้กอร์ดอน และเทเบียร์ดำส่งให้นิโคลาส ก่อนจะพูดต่อ “พวกคุณนั่งที่โต๊ะดีกว่า เดี๋ยวผมจะให้เด็กลากโต๊ะมาต่อกันให้”

                “ไม่ต้องๆ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ที่เดินมาสมทบพูดขึ้น ก่อนจะลากเก้าอี้นั่ง “เบียร์ดำให้ผมด้วย พวกเราจะนั่งกันที่นี่แหละ”

                “โอ้โห แต่พวกคุณมากันเยอะมากนะ” แจ็คสันพูด พลางนับดูจำนวนคนทั้งหมด “สิบคน...” เขาคราง “เก้าอี้บาร์ไม่พอแน่ ผมจะให้เด็กๆ ต่อโต๊ะให้”

                “ไม่ต้องๆ” เจมส์และโรเบิร์ตที่แทรกตัวเข้ามาพูด แล้วสั่งพร้อมกัน “เบียร์ดำ”

                แจ็คสันมองพวกเขาด้วยสายตาสงสัย แต่ก็เทเบียร์ดำส่งให้ “พวกคุณเป็นอะไร ทำไมไม่ยอมไปนั่งที่โต๊ะกัน”

                “พวกเราคิดว่าตรงนี้น่าสนใจกว่าน่ะ” อีธานที่แทรกตัวเข้ามายืนข้างกอร์ดอนพูดขึ้น “ผมขอเหล้ายิน”

                แจ็คสันรินเหล้ายินให้เขา ลอร์ดจอร์จ เฟลตันที่เบียดเข้ามาจากอีกฝั่งหนึ่งพูดขึ้น “ถ้าเก้าอี้ไม่พอ งั้นก็ให้เด็กยกเก้าอี้มาเสริมสิ”

                “ไม่ได้หรอกคุณ เก้าอี้ปกติมันเตี้ยไป แล้วผมก็ไม่ได้สั่งทำเก้าอี้บาร์สำรองไว้ด้วย”

                “แย่ชะมัด” ลอร์ดหนุ่มบ่น “ผมรู้สึกว่าตรงนี้เป็นจุดที่หน้าสนใจที่สุดของร้านนี้เลยนะ”

                คนอยู่หลังบาร์หัวเราะ “เป็นคำชมที่แปลกมาก ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”

                คนอื่นๆ ที่นั่งอยู่พากันหัวเราะด้วย ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยักไหล่ “ขอเบียร์ดำให้ผมแก้วนึง” เขาสั่ง ก่อนจะถามต่อ “คุณมีเก้าอี้บาร์กี่ตัว”

                “น่าจะหก... ผมจำได้ว่าหก” แจ็คสันตอบเขา ลอร์ดหนุ่มพยักหน้า “พวกเรามีสิบ อีกสี่คนผลัดกันยืนก็สิ้นเรื่อง”

                “คุณจะทำให้เรื่องยุ่งยากทำไม ต่อโต๊ะก็จบแล้ว” แจ็คสันว่า กอร์ดอนเลยพูดตอบเขาไป “พอดีพวกเขาอยากคุยกับคุณน่ะ”

                “หา?”

                “ใช่ ได้ยินว่าคุณคุยสนุกมาก” ลอร์ดครอฟตันที่เดินเข้ามาสมทบพูดขึ้น แจ็คสันเลิกคิ้วมองเขา “ว้าว! เสื้อคุณสวยนะ มาด้วยกันหรือ?”

                ลอร์ดครอฟตันพยักหน้า แจ็คสันหัวเราะ “แปลก ดูแล้วคุณไม่น่ารู้จักกับสองคนนั้นได้”

                เขาบุ้ยหน้าไปทางลอร์ดโทรว์บริดจ์และลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ กอร์ดอนได้ยินเสียงใครหลายคนสำลักเหล้าตัวเอง หนึ่งในนั้นน่าจะรวมสองลอร์ดที่โดนพาดพิงด้วย

                “วะ... ว่าไงนะ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันส่งเสียงขึ้นมาอย่างยากลำบาก เขาคิดว่าตัวเองเกือบจะพ่นเบียร์ดำทางจมูก เจมส์กับโรเบิร์ตที่ยืนอยู่อีกด้านสำลักออกมาจริงๆ แจ็คสันทำหน้าแปลกใจ

                “พวกคุณเป็นอะไรกัน”

                นิโคลาสรีบยกมือห้าม “อย่าเพิ่งพูดอะไร... ผมขอร้อง” จากนั้นเขาก็เริ่มหัวเราะ คนที่เหลือพากันหันหน้าไปทางอื่น ไม่นานเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นมา กอร์ดอนยกมือกุมขมับ

                “ให้ตาย พวกคุณเส้นตื้นเกินไปแล้ว”

                ลอร์ดครอฟตันหัวเราะหึๆ เขาวางศอกลงบนเคาน์เตอร์ “ทำไมถึงคิดว่าผมไม่น่าจะรู้จักกับสองคนนั้นล่ะ?”

                คนถูกถามเลิกคิ้ว “ก็ท่าทางคุณไม่ให้นี่นา นอกจากคุณเป็นเจ้าของเหมืองหรือไม่ก็สำนักงานที่หนึ่งในสองคนนั้นทำงานอยู่ แต่ผมดูแล้วคุณไม่น่าเป็นนักธุรกิจทำเหมือง ยิ่งไม่น่าใช่เอิร์ลแห่งฟาริงดอนเข้าไปใหญ่”

                “เดี๋ยวๆ อะไรนะ? เอิร์ลแห่งฟาริงดอน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องออกมา เขาหันไปทางลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ “อะไรคือเอิร์ลแห่งฟาริงดอน?”

                “อ้าว ก็เจ้าของสำนักงานที่ฉันทำงานอยู่ไง” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “อย่าบอกนะว่านายไม่รู้จักกระทั่งท่านเอิร์ลแห่งฟาริงดอน”

                “อ่อค” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำท่าเหมือนมีอะไรติดคอ “มุกบ้าอะไรของนายเนี่ย แมกซ์”


ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
                “ฮ่าๆ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะชอบใจ เขาหันไปหาลอร์ดครอฟตัน “เอ็ดดี้ บอกเขาสิ นายเป็นใคร”

                ลอร์ดครอฟตันหัวเราะในคอ “พูดแล้วคุณจะไม่เชื่อ”

                กอร์ดอนรีบวางแก้วเหล้ายินลงเป็นคนแรก ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำตาม ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ดื่มเบียร์ในแก้วของเขาหมดไปนานแล้ว และยังไม่เอ่ยปากขอแก้วใหม่

                “ผมเป็นช่างตัดเสื้อ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพ่นเบียร์ดำออกมา ขณะที่เจมส์สำลักติดๆ กันสองครั้ง กระทั่งกอร์ดอนยังถึงกับอ้าปากค้าง “ช่างตัดเสื้อ?”

                “ใช่” ลอร์ดครอฟตันพยักหน้า “ทำไม? เป็นช่างตัดเสื้อมีอะไรแปลก? ทีกอร์ดอนยังเป็นช่างตัดเสื้อได้เลย”

                เพื่อนๆ พากันยกมือกุมขมับ

                “มุกไม่ฮา หักเอ็ดดี้สิบแต้ม นายจะเป็นช่างตัดเสื้อได้ยังไง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ลอร์ดครอฟตันหันไปมองเขา “ไม่ให้ฉันเป็นช่างตัดเสื้อแล้วจะให้เป็นอะไร”

                ลอร์ดหนุ่มมองเพื่อนตั้งแต่หัวจรดเท้า “หุ่นลองเสื้อ” เขาว่า “นายเหมาะมาก ดูเสื้อที่นายใส่มาสิ แบบนี้ต้องเป็นหุ่นลองเสื้ออย่างเดียว”

                “มุกแป๊กหักจอร์จจี้สิบแต้ม” เจมส์ว่า “เขาไม่ใช่หุ่นลองเสื้อ... แต่เป็นตู้เสื้อผ้าเคลื่อนที่ต่างหาก”

                “ฮ่าๆ” เพื่อนๆ ต่างพากันหัวเราะ ลอร์ดครอฟตันขมวดคิ้วยุ่ง “พวกนายหยุดล้อเสื้อผ้าฉันที”

                แจ็คสันมองเขายิ้มๆ “เอาน่า คุณใส่มาดีแล้วล่ะ ผมชมจากใจจริงเลยนะ เสื้อคุณสวยมาก”

                “ขอวอดก้าให้ผม” ลอร์ดครอฟตันสั่ง “ผมเห็นทีต้องเปลี่ยนอาชีพ”

                “ว่าแต่คุณเป็นช่างตัดเสื้อจริงๆ หรือ?” แจ็คสันถามพลางส่งวอดก้าให้เขาหนึ่งช็อต ลอร์ดครอฟตัสยกขึ้นดื่มรวดเดียว แล้วตอบเขา “ถึงไม่ใช่ก็ใกล้เคียง อย่างน้อยๆ ผมก็เจอกับช่างตัดเสื้อบ่อยมาก”

                “เขาเป็นลูกค้าคุณใช่มั้ยเนี่ย?” แจ็คสันหันมาถามกอร์ดอน คนถูกถามยิ้ม “เปล่า ให้ผมเฉลยมั้ยว่าเขาเป็นใคร”

                ลอร์ดครอฟตันหันไปมองกอร์ดอน เพื่อนๆ ที่เหลือมองเขาแล้วหันไปมองแจ็คสัน คนถูกมองหัวเราะ “เอาสิ... ผมสงสัยเหมือนกันว่าเขาเป็นใครกันแน่”

                “เขาเป็นลูกชายเจ้าของห้างผ้าที่ผมไปซื้อประจำ” กอร์ดอนว่า “เพราะงั้นคุณไม่ต้องแปลกใจถ้าเขาจะมีแต่เสื้อสวยๆ เนื้อดีๆ ใส่ ลูกชายเจ้าของห้างผ้าเป็นแบบนี้ทั้งนั้น เชื่อผม”

                “ว้าว ความรู้ใหม่ผมเลยนะเนี่ย” แจ็คสันว่า ก่อนจะยิ้มให้ลอร์ดครอฟตัน “ผมล่ะคิดว่าคุณเป็นลูกค้าสุภาพบุรุษของเขาเสียอีก”

                ลอร์ดครอฟตันหัวเราะออกมา แล้วยกมือตบไหล่ของกอร์ดอน “นายน่าจะปล่อยให้เขาเข้าใจผิดไปเลย เฉลยง่ายเกินไปแล้ว”

                กอร์ดอนมองลอร์ดครอฟตันยิ้มๆ ขณะที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถอนใจแรง “ฉันคิดว่าหัวใจตัวเองจะหยุดเต้นแล้ว”

                “โห... อะไรจะขนาดนั้นจอร์จจี้” เจมส์ว่า ก่อนจะหันมาทางแจ็คสัน “ผมเจมส์ ยินดีที่ได้รู้จัก คุณล่ะ?”

                “แจ็คสัน” คนถูกถามตอบ แล้วยกมือเขย่ากับฝ่ายนั้น เจมส์พูดขึ้นต่อ “ฟังจากที่คุณพูดตะกี้ เราอยากให้คุณลองอนุมานเพื่อนเราอีกสักคน ว่าเขาทำงานอะไร”

                แจ็คสันหัวเราะ “คุณอ่านเชอร์ล็อก โฮล์มมาล่ะสิ” เขาผสมเหล้าอีกสองแก้วแล้วส่งให้เด็กเสิร์ฟในร้านยกไปให้ลูกค้าที่โต๊ะ “ผมทายคุณก่อนเลยก็ได้ คุณเป็นพนักงานธนาคาร”

                “ว้าว” สิบหนุ่มร้องขึ้นพร้อมกัน “แม่นมาก คุณรู้ได้ไง?”

                “พนักงานธนาคารท่าทางแบบเขาทุกคนแหละ” แจ็คสันพูดยิ้มๆ “ผมเห็นมาเยอะแล้ว”

                “ว้า ไม่สนุกเลยแบบนี้” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันคราง “งั้นทายเขา” พูดจบก็ชี้มือไปที่นิโคลาส คนถูกชี้โบกมือทักทาย “ผม นิโคลาส”

                “แจ็คสัน” ทั้งคู่เขย่ามือกัน แจ็คสันมองหน้าเขา แล้วส่งเสียงในคอ

                “อืม... ดูยากจัง... ผมว่าคุณน่าจะยังเรียนอยู่... ท่าทางคุณเหมือนนักศึกษา”

                “ว้าว เขาทายถูก” นิโคลาสว่า “ฉันเพิ่งลงทะเบียนเรียนต่อ”

                “อ้าว นายจะเรียนต่อด้านไหน” โรเบิร์ตถามด้วยความแปลกใจ นิโคลาสตอบเขา “รัฐศาสตร์ ฉันคิดว่ามันจำเป็นสำหรับอนาคต”

                “โชคดีที่พ่อฉันไม่ได้ยินนายพูดคำนี้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ครางออกมา “เขาคงบ่นฉันหูยานแน่ๆ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะออกมา “เขาน่าจะบ่นนายแน่ ก็นายเล่นมาทำงานเป็นผู้จัดการเหมืองแบบนี้นี่นา”

                แจ็คสันมองเขายิ้มๆ “คุณชื่ออะไร?”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองเขา แล้วถามย้อน “ถามผม?”

                “อืม”

                “ถามทำไม?”

                “ก็คุณดูน่าสนใจที่สุดแล้ว ในบรรดาเพื่อนทั้งหมดของกอร์ดอน ผมแจ็คสัน”

                “จอร์จ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า พวกเขาสองคนเขย่ามือกัน เจมส์พูดขึ้น “แจ็คสัน คุณลองทายดูสิ ว่าเขาทำงานอะไร”

                คนถูกท้ากวาดตามองลอร์ดจอร์จ เฟลตันเท่าที่เขาจะสามารถมองเห็นได้ “ที่จริงผมสังเกตคุณตั้งแต่เข้ามาแล้ว ผมแน่ใจว่าต้องมีอาชีพหนึ่ง เหมาะกับคุณแน่ๆ”

                “อาชีพอะไร?” คนที่เหลือพูดขึ้นพร้อมกัน แจ็คสันมองลอร์ดจอร์จ เฟลตันอีกครั้ง

                “นักดนตรี”

                “ว้าว” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องออกมา “รู้ได้ไงผมเป็นนักดนตรี”

                “ฮะๆ แสดงว่าผมทายถูก ให้ทายต่อมั้ย?”

                ทุกคนพยักหน้า แจ็คสันมองเขาอีก “ขอดูมือหน่อย”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยกมือให้เขาดู

                “อืม...” ฝ่ายนั้นส่งเสียงในคอ “นิ้วคุณยาว ไม่มีรอยเลย คุณต้องเป็นนักเปียโนแน่”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะชอบใจ “ใช่ ผมเล่นเปียโน”

                “แล้วต้องเป็นดาวเด่นของวงด้วย ผมว่าคุณต้องเล่นให้โรงละครโอเปร่าที่ไหนสักแห่ง”

                “ทำไมเดาว่าผมเล่นที่โรงละครโอเปร่าล่ะ?” ลอร์ดหนุ่มถามด้วยความสงสัย คนถูกถามหัวเราะในคอ “ก็ท่าทางคุณจะเนื้อหอมมากน่ะสิ ผมเดาจากรอยที่แก้มคุณน่ะ นางเอกคนไหนล่ะ? คบซ้อนแล้วสับรางไม่ทันใช่มั้ย?”

                เพื่อนๆ พากันหัวเราะเสียงลั่น เจมส์ปรบมือ “สุดยอดเลยแจ็คสัน คุณพูดอย่างกับตาเห็น ฮ่าๆๆ ประกันเลยว่าจอร์จจี้ไม่กล้าเถียงคุณสักข้อ ใช่มั้ย?”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้าเหมือนถูกตบซ้ำ “โอย... คุณร้ายกาจมาก ทำไมทีกับสองคนนั่นคุณดูไม่ออก” เขาบุ้ยหน้าไปทางลอร์ดโทรว์บริดจ์และลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ แจ็คสันพูดต่อ

                “เขาไม่ดูง่ายเหมือนคุณนี่นา เพราะตอนที่พวกเขาเจอผมครั้งแรก พวกเขาไม่มีรอยช้ำที่ข้างแก้มเหมือนคุณ”

                “อ่อค” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำท่าเหมือนหายใจไม่ออก “พอๆ หยุดล้อผมเรื่องรอยนี่ที”

                เพื่อนๆ พากันหัวเราะอีก ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้น “แจ็คสัน คุณดูคนเก่งนะ ลองดูผมอีกทีมั้ยว่าผมทำงานอะไร?”

                “คุณเป็นผู้จัดการเหมือง” แจ็คสันว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “ก็นั่นผมบอกคุณ คุณลองทายดูบ้างสิ ผมอยากรู้ว่าถ้าผมไม่บอก คุณจะทายว่าไง”

                “โหย...” คนถูกถามคราง “คุณจะถามผมทำไม คุณก็รู้ๆ อยู่”

                “รู้ๆ อยู่อะไร?” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถามด้วยความสนใจ แจ็คสันหันมองเขา

                “คุณว่าหน้าเขาเหมือนใครกันล่ะ?”

                “ว้าว” ลอร์ดหนุ่มร้องออกมา “ถ้าเขาไม่บอกคุณจะทายว่าเขาเป็นลอร์ดโทรว์บริดจ์หรือ?”

                “ถ้าดูจากหน้าเขานะ” แจ็คสันว่า “หน้าเขาคล้ายมาก แต่ก็นั่นแหละ ท่านเอิร์ลที่ไหนจะดื่มเหล้ารัมกัน”

                เหล่าหนุ่มๆ พากันหัวเราะ ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดยิ้มๆ “เพราะเหล้ารัมนี่แหละถึงทำให้ผมไม่ได้เป็นเอิร์ล”

                “โอ๊ย! จอห์นนี่ มุกนี้แย่ที่สุด” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องออกมา ก่อนจะหัวเราะจนเกือบสำลัก “ฉันเกลียดนาย”

                คนอื่นๆ พลอยหัวเราะไปด้วย กอร์ดอนได้แต่ส่ายศีรษะ แจ็คสันหันไปทักเขา “ดูคุณไม่ค่อยขำกับมุกล้อเลียนของเขาเลยนะ”

                คนถูกถามถอนใจ “ก็ผมไม่ชอบมุกล้อเลียน”

                “แต่นี่มันขำที่สุดเลยนะ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยายามพูดทั้งที่ยังหัวเราะอยู่ “ไม่มีใครล้อเลียนลอร์ดโทรว์บริดจ์ได้ตลกเท่าเขาอีกแล้ว”

                ลอร์ดครอฟตันหัวเราะจนหน้าแดง “ฉันอยากรู้จริงๆ ว่าถ้าวันนึงนายกับลอร์ดโทรว์บริดจ์เจอหน้ากันมันจะเป็นยังไง”

                “เลวมากเอ็ดดี้ นายคิดไปถึงขั้นนั้นได้ไง” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะจนต้องยกมือตบโต๊ะ “พอๆ ฉันจะตายอยู่แล้ว”

                “เขาเจอทุกวัน” เจมส์ว่า “เวลาเขาส่องกระจก”

                เพื่อนๆ พากันหัวเราะเสียงดังกว่าเดิม คราวนี้แม้กระทั่งกอร์ดอนก็พลอยหัวเราะขึ้นมาด้วย “ให้ตายเถอะ พวกคุณคิดกันได้ยังไง”

                แจ็คสันสั่นศีรษะ “พวกคุณนี่จริงๆ เลย ถ้าท่านเอิร์ลมาได้ยิน ผมว่าต้องดูไม่จืดแน่ๆ”

                “เขาไม่ได้ยินหรอก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “ถ้าเขาได้ยินต้องขำจนจุกตาย”

                “ไม่แน่นะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ท่านเอิร์ลอาจจะดีใจที่มีคนหน้าเหมือนก็ได้”

                “เขาจะได้เอาไว้สลับตัวเวลาไม่อยากจะไปงานเลี้ยงที่ไหน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้นต่อ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยกมือห้าม “โอย... มุกไม่ผ่านติดลบสิบ”

                ทุกคนพากันหัวเราะอีก แจ็คสันมองพวกเขายิ้มๆ “ท่าทางพวกคุณสนิทกันมากนะ เจอกันที่สโมสรอะไรล่ะ? รักบี้?”

                “โห... ทำไมคุณเดาแม่นงี้” โรเบิร์ตร้องด้วยความอัศจรรย์ใจ “ใช่ เราเจอกันที่สโมสรรักบี้”

                “ก็ท่าทางเขาสองคนให้มาก รวมคุณด้วยนะ” เขาบุ้ยหน้าไปทางลอร์ดโทรว์บริดจ์ และลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ก่อนจะหันมาหาลอร์ดครอฟตัน

                “พวกคุณลงแข่งขันมั้ย ชื่อทีมอะไรล่ะ เผื่อผมมีโอกาสจะแวะไปเชียร์”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “ยังหรอก พวกเราไม่ได้เล่นด้วยกันนานแล้ว ต่างคนต่างยุ่งน่ะ”

                “อ้อ...”

                “แต่เราน่าจะหาโอกาสซ้อมกันสักที” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้น “ฉันคิดถึงสนามรักบี้”

                “คุณลงเล่นกับเขาด้วยหรือ?” แจ็คสันถามด้วยความสงสัย คนถูกถามทำหน้าหงุดหงิด “ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้นตอนถามผมแบบนั้นด้วย”

                “ก็หุ่นคุณไม่น่าให้เล่นรักบี้... ผมหมายถึงลงไปก็ไม่น่าแย่งลูกกับใครได้”

                คราวนี้เสียงหัวเราะดังกว่าเดิม “ฮ่าๆ คุณพูดถูก แจ็คสัน เขาไม่เคยแย่งลูกจากใครได้เลย”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้ายุ่ง แจ็คสันส่งเหล้าให้เด็กเสิร์ฟแล้วหันมาหาเขา “ขอโทษนะ ผมไม่ได้ตั้งใจล้อคุณ ผมแค่เสียดายนิ้วสวยๆ ของคุณน่ะ คุณเป็นนักเปียโนก็ดีอยู่แล้วนี่นา”

                “ไม่มีใครห้ามนักเปียโนไม่ให้ลงแข่งรักบี้ได้หรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะสั่งเหล้ารัมเพิ่มอีกหนึ่งแก้ว “ฉันอยากเต้นรำ มีใครจะเต้นเป็นเพื่อนฉันมั้ย?”

                เขาจงใจมองไปทางกอร์ดอน แต่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันอาสาขึ้นก่อน “ฉัน ฮ่าๆ อยากลองเต้นในที่แบบนี้มานานแล้ว” พูดจบเขาก็หันไปสะกิดกอร์ดอน “นายก็ไปด้วยกันสิ”

                กอร์ดอนพยักหน้าแล้วลุกขึ้นตาม อีธานยักไหล่ “ฉันด้วย”

                “ฉันขอนั่งแล้วกัน ยังอิ่มอยู่” ลอร์ดครอฟตันว่า ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำท่าผิดหวัง ขณะที่คนอื่นที่เหลือทยอยลุกออกไป

                “อะไร เอ็ดดี้ ฉันคิดว่านายจะเสนอตัวเป็นคนแรกเสียอีก”

                “ฉันกลัวจุก” ลอร์ดครอฟตันว่า “พวกนายไปก่อนเลย ขอฉันดื่มเบียร์อีกสักแก้วแล้วจะตามไป”

                “งั้นฉันนั่งเป็นเพื่อนนายแล้วกัน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า และสั่งเบียร์ดำเพิ่มมาอีกหนึ่งแก้ว เสียงดนตรีดังขึ้นในร้าน และพวกหนุ่มๆ พากันเต้นเคาะเท้าอย่างสนุกสนาน

                “เบียร์ดำของคุณอร่อยดี” ลอร์ดครอฟตันว่าหลังจากสั่งเบียร์มาดื่มแก้วหนึ่ง “ซื้อที่ไหน?”

                “ความลับทางธุรกิจ” คนถูกถามตอบยิ้มๆ ลอร์ดครอฟตันทำหน้าผิดหวัง คนนั่งข้างเลยปลอบเขา “เอาน่ะ คราวก่อนเขาก็บอกฉันแบบนี้เหมือนกัน”

                “พวกคุณนี่แปลกดีนะ” แจ็คสันพูดขึ้น “ดูแล้วไม่น่ามารวมตัวกันได้” เขามองไปยังกลุ่มคนที่เต้นกันอยู่ “โดยเฉพาะกอร์ดอน ผมไม่เคยเห็นเขามีเพื่อนเลย พอบทจะมีก็มีเป็นสิบ”

                “เพราะจอห์นนี่น่ะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “เขาเป็นคนรวมพวกเราทุกคนเลย”

                “อืม...” แจ็คสันพยักหน้า “เขาเป็นประธานสโมสรรักบี้ของพวกคุณสินะ”

                “ใช่”

                แจ็คสันชงเหล้าให้ลูกค้าอีกสามแก้ว แล้วพูดต่อ “ตะกี้ถ้าเขาบอกผมว่าเขาคือลอร์ดโทรว์บริดจ์ ผมคงเชื่อนะ”

                “ทำไมล่ะ?” ลอร์ดครอฟตันทำหน้าแปลกใจ แจ็คสันสั่นศีรษะแล้วยิ้ม “ไม่รู้สิ ผมรู้สึกว่าเขาไม่น่าใช่ผู้จัดการเหมืองหรอก แต่ผมก็ไม่อยากให้เขาเป็นลอร์ดโทรว์บริดจ์จริงๆ เหมือนกัน ผมชอบที่เขาเป็นจอห์น... เป็นแค่จอห์นเพื่อนของกอร์ดอนน่ะ”

                “คุณไม่อยากให้มีท่านเอิร์ลมานั่งเล่นที่ร้านคุณหรือ?” ลอร์ดครอฟตันถามต่อ แจ็คสันรีบสั่นศีรษะ “ไม่ ไม่เลย ผมบอกตรงๆ แค่ผมลองคิดตามที่คุณถามก็มือสั่นล่ะ ไม่ๆ ผมไม่อยากได้ลอร์ดโทรว์บริดจ์เป็นลูกค้า ผมมีความสุขที่มีจอห์นเป็นลูกค้ามากกว่า”

                “จอห์นนี่ได้ยินคงดีใจ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ลอร์ดครอฟตันพยักหน้า “แจ็คสัน ผมเอ็ดเวิร์ด ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

                เขายื่นมือไปให้ฝ่ายนั้นเขย่า แจ็คสันยิ้มให้เขา “เอ็ดเวิร์ด เสื้อคุณสวยนะ เพื่อนๆ คงอิจฉาคุณ”

                คนถูกชมหัวเราะ “ผมให้คุณเอามั้ย ผมยังมีอีกหลายตัวเลยที่บ้าน”

                “ไม่เป็นไรหรอก ผมว่ามันจะดูดีที่สุดตอนที่คุณเป็นคนสวมน่ะ” แจ็คสันรีบปฏิเสธ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะ “ไม่ต้องพยายามระบายคอลเลคชั่นเสื้อของนายหรอก เอ็ดดี้”

                ลอร์ดครอฟตันเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองเพื่อนๆ ที่เต้นรำกันอยู่อย่างสนุกสนาน “ฉันว่าฉันไปเต้นกับพวกเขาบ้างดีกว่า”

                “เอาสิ”

                ทั้งสองหนุ่มลุกตามไปสมทบกับเพื่อนๆ แจ็คสันถอนหายใจแรง จนเด็กเสิร์ฟในร้านที่เดินเข้ามาอดถามไม่ได้

                “คุณทำไมถอนหายใจแบบนั้นล่ะ?”

                “ฉันโล่งใจที่นึกได้ว่าหนังสือพิมพ์ลงข่าวแค่ว่าลอร์ดโทรว์บริดจ์เป็นนักรักบี้ แต่ไม่เคยลงว่าเขาชอบดื่มเหล้ารัมและเต้นไอริชแดนซ์เก่งอย่างกับอะไรดีน่ะสิ”

------------------------------------------
(จบตอน)

***ฮ่าๆ ที่จริงแล้วเราชอบจอห์นนี่เวลาพยายามจะทำตัวเหมือนชาวบ้านร้านตลาดธรรมดามาก คือฮีเนียนนะคะ แต่ฮีจะมีความเป็นคุณชายล้นออกมา เป็นผู้จัดการเหมืองที่ไม่เคยพูดคำว่าได้โปรด... ไม่ๆ ตัดคำว่า Please ไปจากพจนานุกรมของจอห์นนี่ค่ะ วิธีการพูดของจอห์นตั้งแต่บทแรกยันบทนี้ (และคงจะต่อเนื่องไปในทุกๆ บท) เป็นการสั่งหมดเลยค่ะ จอห์นนี่ไม่เคยขอ สั่งอย่างเดียว และส่วนใหญ่ทุกคนก็จะทำตาม ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่บุคคลไป (หัวเราะหนักมาก :laugh:)

 ตอนนี้เป็นตอนที่เรารู้สึกสะพรึงมากกับคาร์เวียร์สีทอง คือเราเคยเล่นมุกเอาคาร์เวียร์มาเลี้ยงแฟนไปแล้วในเรื่อง My neighbor is a spy. ตอนแรกก็คิดอยู่ว่าจะเล่นซ้ำดีมั้ย พอดีเปิดๆ ไปเจอคาร์เวียร์สีทองที่อังกฤษเข้าค่ะ เลยเข้าไปไล่อ่าน ก่อนจะค้นพบว่า นี่คือคาร์เวียร์ที่หายากมากๆ และเหมาะอย่างยิ่งกับฐานะระดับลูกชายมาร์ควิสอย่างจอห์นนี่ ฮ่าๆ (พระเอกรวยปานนี้ ไม่อวดบารมีหน่อยเดี๋ยวไม่ครบสูตรค่ะ) พระเอกของเราเลยได้โชว์พาว (กระเป๋าสตางค์) ด้วยการสั่งคาร์เวียร์สีทองมาเลี้ยงเพื่อนสิบชุด!! ทั้งที่จริงๆ แล้วนางก็อยากเลี้ยงแค่คนเดียวแหละ แต่มันประเจิดประเจ้อเกินไป... สรุปว่าเพื่อนๆ ได้รับอานิสงส์จากกอร์ดอนนะคะ เรื่องคาร์เวียร์สีทองเนี่ย (บางทีก็ทั้งสงสารทั้งขำท่านลอร์ด เฮ้อๆๆ :m20:)

จอร์จจี้กลับมาน่าหมั่นไส้เหมือนเดิมอีกครั้ง แน่นอนว่าผู้ชายเจ้าชู้ไม่เคยเปลี่ยนนิสัยค่ะ ฮ่าๆ มาร์กี้ควรต้องทำใจเอาไว้ล่วงหน้า เอาน่ะ จอร์จจี้บอกแล้วว่ารักกับชอบไม่เหมือนกันนนน (เปิดเพลงเผลอให้ลอร์ดจอร์จดังๆ ค่ะ :hao7:)

ดิฉันมีความรู้สึกเป็นการส่วนตัวว่า นิยายเรื่องนี้เขียนได้ดีที่สุดเท่าที่ดิฉันเคยเขียนมาเลยค่ะ

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-02-2017 16:30:41 โดย juon »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
สนุกมาก เนียนมาก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ไรท์ เขียนเหมือนใช้ชีวิตเป็นเพื่อนกับพวกลอร์ดเลย
กอร์ดอน ไม่เหงาเลย เพราะรักกับจอห์นนี่
มีเพื่อนมากมาย จอห์นนี่ รักกอร์ดอนมาก
เป็นเจ้าบุญทุ่มกับเพื่อนๆ เอาใจสั่งคาเวียร์สีทอง
เพื่อให้กอร์ดอนได้กินของอร่อยราคาแพงมากๆ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
แจ็คสันนี่แม่นเหมือนจับวาง... โดยเฉพาะเวลาพูดถึงจอร์จจี้

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
สนุกสนานเวลาได้อยู่กับกลุ่มเพื่อน

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
แจ็คสันคือทั่นเทพพพพพ 5555555
นี่ถ้ารู้ว่าทั้งหมดนี่มีตำแหน่งตามมาเปนขบวนกันเกือบทุกคน กรามคงค้างแล้วค้างอีก มือสั่นพับๆๆแน่นอนนนน 55555555

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
พออ่านๆไปชักสงสัยว่า บรรดาท่านลอร์ดต่างๆมีการมีงานทำเป็นกิจจะลักษณะมั้ยอ่ะคะ

อันนี้ถามเพราะอยากรู้จริงๆไม่ได้แดกดันนะคะ ออกตัวก่อน เขาต้องทำงานรับใช้ราชวงศ์มั้ย หรือมีธุรกิจของที่บ้านมั้ยอะไรอย่างนี้

ปล. แอบบงงชื่อยศกับชื่อตัวไม่เชิงงง แต่จำไม่ค่อยได้แหะๆ ไม่ทราบว่าคนเขียนได้สรุปไว้ที่ไหนสักที่รึป่าวว่าแต่ละคนชื่ออะไร

ปล. 2 อีธานไม่มีบทในบาร์ของแจ๊คสันเหรอคะ (หรือว่าไม่ได้ไป) แต่ถ้าอ่านตกก็ขออภัยนะคะ

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
พออ่านๆไปชักสงสัยว่า บรรดาท่านลอร์ดต่างๆมีการมีงานทำเป็นกิจจะลักษณะมั้ยอ่ะคะ

อันนี้ถามเพราะอยากรู้จริงๆไม่ได้แดกดันนะคะ ออกตัวก่อน เขาต้องทำงานรับใช้ราชวงศ์มั้ย หรือมีธุรกิจของที่บ้านมั้ยอะไรอย่างนี้

ปล. แอบบงงชื่อยศกับชื่อตัวไม่เชิงงง แต่จำไม่ค่อยได้แหะๆ ไม่ทราบว่าคนเขียนได้สรุปไว้ที่ไหนสักที่รึป่าวว่าแต่ละคนชื่ออะไร

ปล. 2 อีธานไม่มีบทในบาร์ของแจ๊คสันเหรอคะ (หรือว่าไม่ได้ไป) แต่ถ้าอ่านตกก็ขออภัยนะคะ

ตอบคำถามเรียงไปเลยนะคะ

- เนื่องจากระบบขุนนางของอังกฤษเป็นระบบศักดินาที่มีที่นาจริงๆ ค่ะ คือขุนนางแต่ละคนมีที่อยู่จำนวนเยอะถึงเยอะมาก (ยิ่งเป็นขุนนางชั้นสูงยิ่งมีที่เยอะ ส่วนจะแบ่งมรดกจนเหลือเท่าไหร่กว่าจะมาถึงรุ่นพระเอกอันนี้ก็แล้วแต่บุคคลค่ะ) และคนธรรมดาทั่วไปอย่างกอร์ดอนก็จะเช่าที่จากขุนนางพวกนี้อีกทีค่ะ ดังนั้นครอบครัวขุนนางจึงมีรายได้ (เป็นกอบเป็นกำมากๆ) จากการให้เช่าที่ค่ะ ขุนนางจึงไม่มีอาชีพเป็นกิจลักษณะ (อาชีพหารายได้เพื่อเลี้ยงชีพ) แต่ลูกชายของขุนนางที่ไม่ใช่ลูกชายคนโต อาจจะได้หรือไม่ได้มรดกก็ได้ค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าพ่อจะแบ่งให้หรือไม่ ถ้าไม่แบ่ง ก็ต้องออกไปหางานทำ อาจจะทำค้าขาย หรือไปรับราชการเป็นทหาร หรืออย่างอื่นที่เลี้ยงชีพได้ค่ะ (สรุปคือถ้าไม่ได้มรดกก็คือตัวเปล่านั่นเอง)

- ส่วนหน้าที่ของขุนนางที่มีต่อราชวงศ์ คือการเข้าประชุมสภาขุนนางค่ะ (ผู้ที่มีสิทธิ์เข้าประชุมคือผู้ที่รับสืบทอดตำแหน่งสูงสุดต่อมาทางสายเลือด อย่างพระเอกเป็นเอิร์ลเพราะเป็นลูกของมาร์ควิส ยังไม่มีสิทธิ์เข้าประชุม ต่อเมื่อได้รับตำแหน่งมาร์ควิสสืบต่อจากพ่อแล้วเท่านั้น จึงมีสิทธิ์จะเข้าประชุมค่ะ) ตรงนี้ในสมัยวิกตอเรียเราไม่แน่ใจว่ามีการให้เงินเดือนหรือค่าประชุมรึเปล่าค่ะ แต่สมัยนี้มีการให้ค่าเข้าประชุมต่อครั้ง แต่ไม่มีเงินเดือนค่ะ เรื่องของสภาขุนนางจะมีพูดถึงในบทถัดไปค่ะ

- ส่วนการเรียกยศขุนนาง เราทำโควต้าเอาไว้ตรงหน้า7 เดี๋ยวแปะลิ้งค์ให้นะคะ

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57184.180

และชื่อจริงของเพื่อนๆ ทั้งสิบคนของจอห์นนี่ อยู่ในบทที่4ค่ะ

แต่จะก็อปมาแปะไว้ตรงนี้อีกทีค่ะ (เนื้อหาตรงนี้มีการแก้ไขจากช่วงแรกที่ลงไว้นะคะ)

1.     จอห์น คาเว็นดิช (เอิร์ลแห่งโทรว์บริด ลูกชายคนเดียวของมาร์ควิสแห่งบาธ)

2.     แมกซ์ เมอร์เรย์ (ลูกชายคนรองของมาร์ควิสแห่งสวินดัน)

3.     จอร์จ เฟลตัน (ลูกชายคนรองและคนเล็กของมาร์ควิสแห่งแอนโดเวอร์)

4.     เอ็ดเวิร์ด เบอร์มิ่ง (ไวส์เคาน์แห่งครอฟตัน ลูกชายคนโตของเอิร์ลแห่งเบอร์เบจ)

5.     เอ็มมานูเอล ซอมเบิร์ก (ลูกชายคนรองของเอิร์ลแห่งแรมสเบอรี่)

6.     นิโคลาส คาเทจ (ลูกชายคนโตของไวส์เคาน์แห่งเอนฟอร์ด)

7.     โรเบิร์ต มัลคอม (ลูกชายคนโตของพ่อค้าเพชร เรียนอีตันรุ่นเดียวกับลอร์ดโทรว์บริด)

8.     เจฟฟรี่ มัทท์ (ลูกชายคนเดียวของเซอร์อัลเบอร์โต มัทท์)

9.     เจมส์ สมิธ (ลูกชายคนรองของนายธนาคารใหญ่ จบอ็อคฟอร์ดรุ่นเดียวกับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์)

10.            อีธาน ลอว์ (ลูกชายคนเล็กนักกฎหมายที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งในกรุงลอนดอน เป็นรุ่นน้องลอร์ดโทรว์บริดสองปี) พอรวมกอร์ดอนเข้าไปด้วยก็เป็นสิบเอ็ดคนพอดี

- อีธานไปที่บาร์ของแจ็คสันเหมือนคนอื่นๆ ค่ะ แต่ไม่ได้ท้าให้แจ็คสันทายว่าทำอาชีพอะไร เหมือนกับเจฟฟรี่และโรเบิร์ต (พวกนี้บทช่างจืดจาง) เนื่องจากสามคนนี้ที่จริงแล้วเป็นคนธรรมดาค่ะ แต่เผอิญเป็นเพื่อนกับพวกลูกขุนนางเฉยๆ ซึ่งทายไปก็ไม่น่าตื่นเต้นเท่าทายคนอื่นที่มีบรรดาศักดิ์ค่ะ ส่วนเจมส์เนื่องจากพูดมากเลยโดนทายไปด้วยค่ะ ฮ่าๆ

สรุปว่า เหล่าลูกขุนนางทั้งหลาย ส่วนใหญ่ "ว่างงาน" ค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ ก็เลยดูว่างถึงว่างมากอย่างที่เห็นค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-02-2017 20:48:24 โดย juon »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ชอบตอนนี้มาก ๆ อ่านแล้วยิ้ม
ทำให้นึกย้อนไปในวัยมัธยม
ที่มีกีฬาสี สนุกมานะ ขอบอก
 :really2: :really2:
+1

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ตกลงนี่ตลกค่าเฟ่รึป่าว 5555

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
จอห์นนี่เอาใจกอร์ดอนตามใจตัวเอง น่ารักมาก ๆ

จอห์นนี่เป็นคนที่มีเสน่ห์ราวกับแม่เหล็กที่ดึงดูดทุกอย่างเข้ามา เป็นใจกลางของสโมสรมิตรภาพนี้

หนุ่ม ๆ สนุกสนานราวกับเด็ก ๆ เลย ชอบมาก ๆ ค่ะ

ปล. นิยายทุกเรื่องของคุณจูออนในเล้าที่ฉันได้อ่านเขียนดีทุกเรื่องเลย แต่เรื่องนี้มีความหลากหลายของตัวละครมากที่สุด (ฉันยังไม่เคยอ่าน My Neighbor is a Spy นะคะ) อ่านแล้วเหมือนดูภาพยนตร์มากกว่าอ่านนิยาย เพราะได้เห็นภาพของหลาย ๆ คนที่เคลื่อนไหวไปพร้อม ๆ กัน นิยายบางเรื่องจะเห็นภาพตัวละครเอกต่าง ๆ (พระ, นาง, ตัวละครที่มีอิทธิพลต่อเนื้อเรื่อง) โลดแล่นอยู่ในจินตนาการ

ยิ่งฉากที่สโมสรหรือฉากหนุ่ม ๆ รวมตัวกัน ยิ่งเห็นพัฒนาการของคุณชัดมาก

ชื่นชมจากใจเลยค่ะ

ออฟไลน์ pinkypromise

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
บทนี้สนุกมากค่ะ อ่านแล้วเหมือนเข้าไปนั่งอยู่ในวง
หนุ่มๆเส้นตื้นกันจริงๆ แจ็คสันคงงง
หัวเราะอะไรกันเบอร์นั้น 5555
ชอบที่ท่านลอร์ดนางอยู่หัวโต๊ะแต่ตะโกนถามท้ายโต๊ะ
ว่าคาเวียร์สีทองเป็นไง 55555

ออฟไลน์ raizvita

  • Called me ZC. ' v <,,
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
TT v TT เพิ่งเข้ามาอ่านครั้งแรกค่า เรื่องนี้มันน่ารักมากมาย  ชอบเวลาหนุ่มๆรวมตัวกันมากเลยค่า

ว่าแต่จอห์นนี่จะทนได้นานแค่ไหนนะคะ ดูตบะจวนเจียนจะแตกตลอดเวลา 555+

รอค่ะรอ นิยายเรื่องนี้สนุกมาก

ปล.ทำไมชอบคุณแจ็คสันมากเลย 555++

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
** แก้ไขชื่อสกุลของพระเอก จากคาเวดิช เป็นคาเว็นดิชค่ะ ดิฉันถอดเสียงมาผิด /ผิดตลอดดดด  :z6:
-----------------------
Dear, My customer.

ตอนที่16 ครอบครัวคาเว็นดิช


            ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตื่นสายโด่งในวันรุ่งขึ้น และโดนพ่อของตัวเองบ่นทันทีที่เยี่ยมหน้าออกมาจากห้องนอน

                “จอห์น แกจะนอนไปถึงไหน จะไปโบสถ์มั้ย? แกรู้รึเปล่าว่าวันนี้วันอะไร”

                “ครับๆ ผมแต่งตัวเสร็จแล้ว ยังเหลืออีกตั้งสิบห้านาทีกว่าพิธีที่โบสถ์จะเริ่ม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด พลางอ้าปากหาว ลอร์ดบาธมองเขาด้วยสายตาหงุดหงิด

                “แกจะเที่ยวอะไรนักหนาทุกวัน กลับมาดึกๆ ดื่นๆ หัดทำตัวให้มีสาระหน่อยได้มั้ย?”

                “ผมเพิ่งกลับดึกวันเดียวเอง” เอิร์ลหนุ่มว่า พ่อของเขาสวน “แกกลับดึกทุกวัน มีวันไหนแกกลับก่อนสองทุ่มบ้าง?”

                “โธ่ พ่อครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์คราง “พ่อจะให้ผมกลับมาทำอะไรตั้งแต่สองทุ่ม อ่านหนังสือหรือครับ? ผมแค่ออกไปดื่มนิดหน่อยเอง”

                “นิดหน่อยของแกนี่มันขนาดไหนกัน” ลอร์ดบาธว่า พลางทำจมูกฟุดฟิดใส่ลูกชายระหว่างที่พวกเขาเดินออกมาขึ้นรถม้าที่หน้าคฤหาสน์

                “ผมไม่ได้เมาขนาดต้องหามกลับแล้วกันล่ะครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะปีนขึ้นไปบนรถม้า แล้วยื่นมือให้เลดี้บาธ “เชิญครับ ท่านสุภาพสตรี”

                เลดี้บาธหัวเราะ แล้วยุดมือของลูกชายขึ้นไปบนรถ ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปหาพ่อตัวเอง “พ่อจะให้ผมฉุดขึ้นรถด้วยมั้ย?”

                ลอร์ดบาธถลึงตาใส่ลูกชาย ก่อนจะปีนขึ้นมาบนรถ จากนั้นรถม้าก็แล่นออกจากคฤหาสน์เพื่อไปที่โบสถ์

                “จอห์น เมื่อคืนลูกไปดื่มที่ไหนจ้ะ... แม่ว่ากลิ่นเหล้าแรงมาก” เลดี้บาธตั้งข้อสังเกตระหว่างที่พวกเขานั่งอยู่บนรถม้า

                “บาร์ในเมืองครับ” เอิร์ลหนุ่มตอบ “ขอโทษด้วยนะครับ พอดีผมรีบเลยยังไม่ได้อาบน้ำ”

                “มันไม่เกี่ยวกับที่ว่าแกอาบน้ำหรือไม่ จอห์น” ลอร์ดบาธบ่นต่อ “รู้มั้ยว่ากลิ่นตัวแกมันเหมือนพวกขี้เหล้าข้างถนน พ่อสงสัยจริงว่าแกไปดื่มอะไรมา แค่วิสกี้ไม่น่าจะกลิ่นแรงขนาดนี้”

                “ตกลงครับ ต่อไปผมจะดื่มให้น้อยลง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตัดบท เพราะไม่อยากบอกพ่อกับแม่ว่าตัวเองดื่มเหล้ารัมไปหลายแก้วในเวลาสองวันที่ผ่านมา เขาแน่ใจว่าทั้งคู่ต้องไม่ชอบใจแน่นอน

                โชคดีที่รถม้าหยุดก่อนที่ลอร์ดบาธจะได้บ่นหรือถามอะไรลูกชายมากกว่านั้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบลงจากรถม้า แล้วจูงมือแม่ของตัวเองลงมา ก่อนจะเดินตามทั้งคู่เข้าไปในโบสถ์

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันนั่งอยู่ที่เก้าอี้ยาวกับครอบครัวแล้วแล้วตอนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินเข้าไป พอฝ่ายนั้นเห็นเขาก็ทักขึ้น “หวัดดีจอห์นนี่”

                “หวัดดีจอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทักกลับ ก่อนจะถูกพ่อสะกิด เพราะท่านบิชอปกำลังจะขึ้นมายืนตรงแท่นอ่านพระคัมภีร์

                พิธีมิซซาประจำวันอาทิตย์กลางเดือนในช่วงหน้าร้อนเป็นไปเหมือนปกติของทุกสัปดาห์ พวกเขาร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า ฟังบทอ่านจากพระคัมภีร์ สวดมนต์และอธิฐานต่อหน้ากางเขนศักดิ์สิทธิ์

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์คุกเข่าลง ประสานมือไว้ตรงหน้า เงยหน้ามองไม้กางเขนขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่เบื้องหน้า พลางนึกสงสัยว่าพระเจ้าผู้ประเสริฐคิดอย่างไรถึงได้ทำให้เขาหลงรักกับผู้ชาย ทั้งที่ผู้เผยแพร่พระวจนะของพระองค์ได้ระบุว่าการสมสู่กับเพศเดียวกันเป็นความผิดบาปอย่างใหญ่หลวง เอิร์ลหนุ่มแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ใจบาปหยาบช้าขนาดมีความต้องการสมสู่กับผู้ชายทุกคนที่พบอย่างผู้คนในเมืองโสดม เขาไม่เคยนึกพิศวาสผู้ชายมาก่อน กระทั่งได้พบกับกอร์ดอน... เพียงแค่ได้เห็นเสี้ยวหน้าของฝ่ายนั้นครั้งแรก หัวใจของเขาก็โบยบินออกไปจากอก ทั้งน้ำเสียง ท่าทาง และหน้าตา เหมือนว่าพระเจ้าประจุทุกอย่างที่เขาควรจะรักเอาไว้ในตัวผู้ชายคนนั้น ยกเว้นเพศสภาพ และเขาก็หลงรักกอร์ดอนแบบถอนตัวไม่ขึ้น ยิ่งวันเวลาที่ได้ใช้ร่วมกันมีมากขึ้นเท่าไหร่ ความรู้สึกของเขาก็ยิ่งชัดเจนและรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น เขาไม่เคยนึกเสียใจที่ตกลงใจสาบานรักกับฝ่ายนั้นทันทีที่ได้รู้ความในใจของกันและกัน ลอร์ดโทรว์บริดจ์เชื่อสุดหัวใจว่านี่คือความรักที่พระเจ้ามอบให้เขาด้วยความจงใจ แต่ทว่า... เขากลับไม่รู้จะทำอย่างไรกับความต้องการทางร่างกายที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิดกัน

                เขาค้อมตัวลง ก้มศีรษะอ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้า

                ‘ขอพระองค์ผู้ทรงเมตตาได้โปรดบันดาลให้ลูกได้รู้ว่าความรักครั้งนี้ไม่ใช่สิ่งผิดพลาด’

                ‘ขอพระองค์ผู้ทรงเมตตาได้โปรดบันดาลให้ลูกเห็นถึงหนทางที่จะก้าวต่อไป’

                ‘ขอพระองค์ผู้ทรงเมตตาได้โปรดช่วยเหลือลูกให้ได้รักกับเขาจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต’

                ‘เพราะลูกรักเขาเหนือสิ่งอื่นใด... รักผู้ชายที่พระองค์ทรงประทานมาให้คนนั้น...’

-------------------------------------

                หลังเสร็จพิธี ครอบครัวของลอร์ดจอร์จ เฟลตัน เดินมาทักทายพวกเขา

                “อรุณสวัสดิ์มารี่ วันก่อนจอร์จจี้ไปรบกวนครอบครัวเธอตั้งแต่เช้า ฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆ”

                “อรุณสวัสดิ์เน็ตตี้ เรื่องจอร์จจี้ไม่เป็นไรหรอก ยังไงเสียเขาก็เป็นเหมือนลูกชายอีกคนของฉันอยู่แล้ว” เลดี้บาธตอบพลางยิ้ม ก่อนจะหันไปหาลอร์ดจอร์จ เฟลตัน “เธอดีขึ้นแล้วหรือยัง?”

                “อ๋อ ครับท่านหญิง ผมดีขึ้นมากเลย ขออภัยด้วยนะครับที่ไปรบกวน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบตอบ ก่อนจะพูดต่อ “ถ้าท่านหญิงไม่ว่าอะไร ผมขอเวลาคุยกับจอห์นนี่สักครู่”

                “เชิญเลยจ้ะ ตามสบาย” เลดี้บาธตอบ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเลยพาลอร์ดโทรว์บริดจ์ออกไปคุยกันด้านนอกโบสถ์

                “ตัวนายเหม็นเหล้าหึ่งเลยจอห์นนี่ อย่าบอกนะว่ายังไม่ได้อาบน้ำ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “อืม... เมื่อเช้าฉันตื่นสาย”

                “งี้พ่อนายไม่บ่นตายหรือ? เขาต้องหงุดหงิดแน่ที่ตัวนายเหม็นขนาดนี้ เป็นฉันฉันต้องถามว่านายไปดื่มอะไรมา”

                “เขาถามนั่นแหละแต่ฉันไม่ได้ตอบ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะถามขึ้นบ้าง “ว่าแต่นายมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉัน”

                “เมื่อวานฉันลืมบอกนาย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตก็เดินเข้ามา “สวัสดีจอร์จจี้ สวัสดีจอห์น ฉันมารบกวนมั้ย?”

                “ไม่เลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ขณะที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันไปหาเธอ “ผมกำลังรอคุณอยู่พอดี ผมยังไม่ได้บอกจอห์นนี่เรื่องนั้นเลย คือเมื่อวานพวกเราวุ่นวายกันมาก”

                “ค่ะ ฉันเข้าใจ” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตตอบยิ้มๆ ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปมองเธอ “มีอะไรหรือมาร์กี้”

                “คือฉันอยากชวนคุณกับคุณโอเดนเบิร์กไปดูดอน จิโอวานนี่ในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ ถือเป็นการตอบแทนเรื่องที่พวกคุณช่วยฉันกับจอร์จจี้ค่ะ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหน้าแดงนิดๆ “ใช่ ฉันตกลงกับมาร์กาเร็ตว่าจะไปดูดอน จิโอวานนี่ด้วยกัน เลยอยากให้นายกับกอร์ดอนไปด้วย” พูดจบเขาก็ล้วงซองจดหมายสองซองออกมาจากอกเสื้อ “นี่ตั๋ว ที่นั่งที่ดีที่สุดสำหรับพวกนาย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์อ้าปากเหมือนจะถามอะไรบางอย่าง แต่ก็เปลี่ยนใจ เขาพยักหน้า แล้วรับซองตั๋วทั้งสองซองมาใส่ไว้ในอกเสื้อ “ขอบใจนะ กอร์ดอนจะต้องดีใจแน่ ฉันแน่ใจว่าเขายังไม่เคยไปดูโอเปร่าที่รอแยลโอเปร่ามาก่อน”

                “ฉันหวังว่าเขาจะชอบค่ะ” เลดี้มาร์กาเร็ต สจวตพูด “เป็นไปได้ฉันอยากจะนัดเขาทานมื้อค่ำด้วย ฉันอยากพบเขามาก”

                “ผมจะบอกเขาให้ แน่ใจว่าเขาน่าจะยินดีไปทานมื้อค่ำกับคุณ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้ม ก่อนจะถามต่อ “แล้วแมกซ์ล่ะ? พวกนายไม่ชวนเขาด้วยหรือ?”

                “ฉันเอาตั๋วให้เขาแล้ว ก่อนจะมาหานายเมื่อตะกี้” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “วันนี้เขาต้องรีบกลับบ้าน เห็นว่าไมครอฟส่งโทรเลขมาตามให้กลับไปจัดการเรื่องอะไรสักอย่าง”

                “กระทั่งวันอาทิตย์ก็ไม่ละเว้นเลยหรือ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์คราง “โชคดีจริงๆ ที่ฉันไม่มีพี่ชายอย่างไมครอฟ”

                “คงมีแต่แมกซ์เท่านั้นแหละที่โชคร้ายต้องเป็นน้องชายเขา” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดพลางหัวเราะ “แล้วนี่นายจะไปไหนต่อ?”

                “คงกลับบ้าน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “อย่างน้อยๆ ฉันต้องกลับไปอาบน้ำ ก่อนที่พ่อจะถามฉันจริงๆ ว่าฉันไปดื่มอะไรมา”

---------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์อาบน้ำทันทีที่กลับถึงบ้าน เขาแช่ตัวอยู่ในอ่างนานเกือบชั่วโมง จนเลดี้บาธต้องให้คนรับใช้มาเคาะประตูถามว่าเขาต้องการกินมื้อเช้าในอ่างอาบน้ำหรือไม่นั่นแหละ เอิร์ลหนุ่มถึงยอมลุกขึ้นมาเช็ดตัวแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า

                เลดี้บาธนั่งรออยู่ในห้องอาหาร เธอยิ้มทันทีที่เห็นลูกชาย “จอห์น แม่ชอบจังเวลาลูกเพิ่งอาบน้ำ”

                ชายหนุ่มยิ้มให้แม่ของเขา แล้วลากเก้าอี้นั่งลงฝั่งตรงข้าม “แม่ยังไม่กินมื้อเช้าหรือครับ?”

                “เรียบร้อยแล้วล่ะจ้ะ แต่แม่อยากมานั่งเป็นเพื่อนลูก อีกไม่นานก็ได้เวลาน้ำชาแล้ว”

                เอิร์ลหนุ่มหัวเราะเขินๆ ระหว่างที่ถาดอาหารเช้าถูกนำมาวางตรงหน้าเขา “ผมตื่นสายมาก ขอโทษด้วยครับ”

                เลดี้บาธพยักหน้า “โอลิเวอร์บอกแม่แล้ว ว่าเมื่อคืนลูกกลับมาดึกมาก” เธอเว้นจังหวะหน่อยหนึ่ง “แม่น่ะไม่ว่าอะไรหรอก แต่ลูกก็ไม่ควรจะดื่มหนักขนาดมีกลิ่นตัวแบบนี้ มันดูไม่ดีเลยสำหรับสุภาพบุรุษอย่างลูก”

                “ครับ ผมจะจำไว้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ว่าคราวหลังดื่มแล้วต้องอาบน้ำด้วย”

                เลดี้บาธถอนหายใจ “นี่ถ้าพ่อนั่งอยู่ ลูกต้องโดนอีกชุดแน่ๆ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ เขาทาเนยลงไปบนขนมปัง แล้วใช้ช้อนตอกไข่ต้มที่วางอยู่ ก่อนจะหยิบลูกเบอรี่ขึ้นมาเคี้ยว เลดี้บาธมองลูกชายตัวเอง

                “เสื้อผ้าลูกเป็นไงบ้างจ๊ะ โอเดนเบิร์กตัดทันมั้ย?”

                “ครับ” ชายหนุ่มพยักหน้า “อินเวอร์เนสโค้ทจะเสร็จวันพุธนี้ ส่วนชุดอื่นๆ ผมบอกกำหนดเขาไว้หมดแล้ว”

                “ดีจ้ะ” เลดี้บาธยิ้ม “โอเดนเบิร์กเป็นช่างตัดเสื้อที่ฝีมือดีมาก แม่ไม่เคยเจอช่างตัดเสื้อที่อายุน้อยแล้วฝีมือดีขนาดเขามาก่อน ตอนที่พ่อไปร้านเขาครั้งแรก ยังเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นแค่คนเปิดประตูร้านเลย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “ตอนผมเจอเขาครั้งแรก ยังเข้าใจผิดว่าเขาเป็นพวกตกงานเลยครับ”

                “ตายแล้ว นี่ลูกบอกเขาไปแบบนั้นหรือเปล่าจ๊ะ? มันเสียมารยาทมากเลยนะ”

                คนถูกถามหัวเราะเขินกว่าเดิม “ก็ผมเข้าใจผิดนี่ครับ เขาแต่งตัวธรรมดามาก ค่อนข้างแย่เลยนะผมว่า ท่าทางไม่น่าจะเป็นช่างตัดเสื้อได้”

                เลดี้บาธทำหน้าแปลกใจ “แม่ว่าโอเดนเบิร์กแต่งตัวดีออกนะจ๊ะ ถึงผมเขาจะยาวไปหน่อย”

                “แสดงว่าแม่ไม่เคยเห็นเขานอกเวลางาน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูด แล้วหยิบขนมปังขึ้นมากัด พลางใช้ช้อนตักไข่ต้ม “เขาแต่งตัวแย่มากครับ ขนาดว่าผมเป็นคนไม่ค่อยแต่งตัวแล้วยังรู้สึกเลยว่าเขาแย่กว่าผมอีก”

                “เขาอาจจะมีเหตุผล ลูกไม่ควรเสียมารยาทนะจ๊ะ”

                “เขาบอกว่ามันไม่คุ้มที่จะต้องเสียเวลาตัดชุดดีๆ ให้ตัวเอง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่เขาก็ดูดีมากนะครับ เวลาใส่ชุดที่ตัวเองตัด”

                “จ้ะ ที่จริงแล้วเขาเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีมากเลยนะ” เลดี้บาธว่า “แม่ยังแปลกใจเลยที่เขายังไม่แต่งงาน เห็นว่าเขาเป็นลูกคนเดียวด้วย ถ้าเขามีน้องสาวหรือพี่สาว พวกเธอคงจะสวยมาก”

                “เขาไม่มีญาติพี่น้องเลยหรือครับ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามด้วยความสงสัย “ผมรู้แค่ว่าเขารับช่วงร้านต่อจากปู่ และพ่อแม่เขาเสียหมดแล้ว”

                “ไม่รู้สิ อาจจะมีแต่เขาไม่ได้พูดถึงล่ะมั้ง” เลดี้บาธว่า ก่อนจะหรี่ตามองลูกชาย “อย่าบอกนะจ๊ะว่าลูกสนใจอยากเห็นญาติสาวๆ ของเขา แม่รู้นะว่าลูกชอบผู้หญิงผมทองตาสีฟ้า”

                เอิร์ลหนุ่มหน้าแดงจนถึงใบหู เขาก้มหน้าก้มตากินมื้อเช้าโดยไม่พูดอะไรอีก เลดี้บาธถอนหายใจ “แคทเธอรีนไม่ถูกใจลูกหรือ?”

                “อ๋อ... เปล่าครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบพูด “พวกเราอยู่ระหว่างศึกษาซึ่งกันและกันอยู่ อังคารนี้ผมเชิญเธอมาดื่มชาแล้ว”

                “จ้ะ” เลดี้บาธพยักหน้า “แคทเธอรีนเป็นผู้หญิงที่เหมาะสมกับลูกมาก ในสายตาของพ่อกับแม่ และเธอมีทุกอย่างที่ลูกชอบ ผมสีทอง ตาสีฟ้า ยิ้มง่าย หัวเราะเก่ง แม่แปลกใจเหมือนกันนะจ๊ะ ที่ลูกดูเฉยๆ กับเธอ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะแห้งๆ “ผมไม่ได้ชอบผู้หญิงผมทองตาสีฟ้าไปทั่วนะครับ อีกอย่างแคทเธอรีนเป็นถึงหลานสาวของท่านดยุกแห่งอ็อคฟอร์ด ผมคงชอบเธอสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้”

                แม่ของเขาถอนหายใจ “เอาเถอะจ้ะ ถ้าลูกอยากลองศึกษาเธอก่อน แม่ก็ไม่ว่าอะไร แต่ถ้าลูกมีคนรักอยู่แล้ว ลูกควรจะบอกแม่ด้วย ถึงเธอไม่ใช่เลดี้ แต่ถ้าเธอดูดีพอ แม่อาจจะช่วยสนับสนุนให้ได้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดงก่ำกว่าเดิม เลดี้บาธเห็นแล้วก็ยิ้มให้ลูกชายด้วยความเอ็นดู “แสดงว่าลูกมีคนที่ชอบอยู่แล้วจริงๆ สินะ จะไม่บอกแม่หน่อยหรือว่าเป็นใคร”

                “ไม่ได้หรอกครับ!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์โพล่งออกมา ก่อนจะรีบพูดต่อ “คือ... ผมหมายถึงอนาคตยังไม่มีอะไรแน่นอน ตอนนี้ผมจะศึกษาแคทเธอรีนไปก่อน เธอเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผม”

                “ตามใจลูกก็แล้วกันจ้ะ” เลดี้บาธว่า “แม่รู้ว่าลูกรู้ว่าอะไรสมควรไม่สมควร หวังว่าลูกจะไปได้ดีกับแคทเธอรีนนะ”

                “ครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า และนึกโล่งใจที่ในที่สุดเขาก็จัดการมื้อเช้าได้หมดเสียที เลดี้บาธพูดต่อ

                “พ่ออ่านจดหมายอยู่ในห้องหนังสือ ถ้าลูกอิ่มแล้วก็น่าจะเข้าไปคุยกับพ่อสักหน่อยนะจ๊ะ”

                “ครับ”

-------------------------------------------

                ลอร์ดบาธเงยหน้ามองลูกชายที่เดินเข้ามาในห้อง ก่อนจะชี้มือไปที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับโต๊ะ “นั่งสิ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์นั่งลงตามคำสั่ง พลางกวาดตาดูกองจดหมายบนโต๊ะ “จดหมายเยอะนะครับ”

                “อืม... ส่วนใหญ่ก็เรื่องเงินๆ ทองๆ นั่นแหละ” ผู้เป็นพ่อตอบเขา เอิร์ลหนุ่มพูดต่อ “งั้นผมช่วยแยก พรุ่งนี้แรมซี่จะได้เอาไปจัดการได้ง่ายหน่อย”

                ลอร์ดบาธกวาดจดหมายปึกหนึ่งให้เขา “เอ้า แยกรายรับกับรายจ่ายออกมาแล้วกัน แกคงรู้ชื่อนะว่าอันไหนมาจากใคร”

                “ครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หยิบมีดมาตัดซองจดหมายพวกนั้น ก่อนจะดึงกระดาษด้านในออกมาอ่าน แล้วแยกว่าอันไหนคือค่าใช้จ่าย อันไหนคือรายรับ จดหมายพวกนี้เมื่ออ่านและแยกเสร็จ จะถูกส่งให้กับเลขานุการประจำตัวของลอร์ดบาธ เพื่อจัดการเบิกจ่ายและตรวจสอบรายรับกับทางธนาคารอีกที

                “พ่อครับ ผมสงสัยว่าเรามีที่ดินเท่าไหร่กันแน่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามขึ้นระหว่างคัดแยกจดหมายพวกนั้น ลอร์ดบาธชี้มือไปที่ตู้ไม้ใบใหญ่ที่วางอยู่มุมหนึ่งของห้อง “มันอยู่ในนั้น ถ้าแกอยากรู้ก็ลองไปนับดูแล้วกัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองตามมือผู้เป็นพ่อไป แล้วถามต่อ “พ่อไม่ได้ทำดัชนีแยกไว้หรือครับ?”

                “ทำ แต่พ่อเห็นว่าแกควรจะได้เห็นมันด้วยตาตัวเองสักครั้ง” ลอร์ดบาธว่า “ในตู้ไม้นั่นคือสิ่งที่แกต้องรับผิดชอบต่อจากพ่อ”

                “งั้นเดี๋ยวผมแยกจดหมายเสร็จแล้วจะไปดูครับ”

                จดหมายถูกส่งมาจากหลายที่ หากเป็นจดหมายที่เกี่ยวกับค่าใช้จ่าย หรือใบเสร็จ มักส่งมาจากภายใจลอนดอนนี่แหละ ส่วนรายรับค่าเช่าที่ดิน จะมาจากบาธและเมืองอื่นๆ หลากหลายกันออกไป จดหมายหลายฉบับถูกเปิดอ่านแล้ว แต่หลายฉบับยังตีตราครั่งอยู่ หลังแยกจดหมายไปได้พักหนึ่ง เอิร์ลหนุ่มก็พูดขึ้นอีก

                “พ่อครับ เมื่อวานผมสั่งคาร์เวียร์สีทองเลี้ยงเพื่อนไปสิบชุด”

                “หืม?” ลอร์ดบาธเลิกคิ้วพลางมองลูกชาย “โอกาสอะไร?”

                “ผมไม่ได้เจอกับเพื่อนนานแล้ว” อีกฝ่ายตอบ “ผมบอกไว้ เผื่อพ่อสงสัยถ้ามีจดหมายเรียกเก็บเงินมา”

                “ถ้าแกไม่ได้เลี้ยงเพื่อนแบบนี้ทุกสัปดาห์ พ่อก็ไม่ว่าอะไรหรอก” ลอร์ดบาธตอบ ก่อนจะถอนหายใจ “จอห์น... แกวางแผนเกี่ยวกับอนาคตของตัวเองไว้บ้างมั้ย?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “อนาคตผมไม่เห็นจะต้องวางแผนอะไรนี่ครับ ยังไงผมก็ต้องรับตำแหน่งมาร์ควิสต่อจากพ่ออยู่แล้ว หรือพ่ออยากให้ผมไปทำเหมืองที่อเมริกา”

                “ไม่ตลกนะจอห์น” ลอร์ดบาธดุเขา “ที่โธมัสต้องไปทำเหมืองที่อเมริกาเพราะปู่ของแกไม่แบ่งมรดกให้เขา ไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนใช้จ่ายพร่ำเพรื่อ แต่เพราะทุกอย่างที่เรามีอยู่ตอนนี้มันสมดุลดีอยู่แล้ว มันไม่ควรถูกแบ่งชิ้นอีก”

                “ครับ ผมทราบ”

                “และแกต้องรับทั้งหมดนี้ต่อจากพ่อ ไม่ช้าก็เร็ว ตำแหน่งมาร์ควิสไม่ใช่ว่านึกจะเป็นก็เป็นได้ง่ายๆ แกรู้รึเปล่าว่าเราต้องยืนอยู่ต่อหน้าใครบ้าง”

                “ใครครับ?”

                “พระราชินี อาร์คบิชอป และท่านดยุกกับพวกขุนนางทั้งหลาย” เขาเว้นจังหวะพูดหน่อยหนึ่ง “สภาขุนนางพิจารณากฎหมาย และให้คำปรึกษาแก่พระราชินี พวกเราอาจจะเป็นคนกำหนดด้วยซ้ำว่าจะประกาศสงครามกับใคร จะอยู่ฝ่ายไหน แน่นอนว่าอำนาจย่อมมาพร้อมกับความรับผิดชอบเสมอ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วด้วยความสงสัย “จะมีสงครามอีกหรือครับ?”

                “ยังไม่ใช่ตอนนี้” ลอร์ดบาธสั่นศีรษะ “แต่สถานการณ์ไม่น่าไว้ใจนักหรอก มีการก่อการร้ายไปทั่ว แกก็เห็นข่าวที่ฝรั่งเศส ถึงสงครามโลกจะจบไปแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าสงครามจะหายไปจากโลกเสียหน่อย”

                “ครับ”

                “ความมั่นคงของพระราชินีและราชวงศ์คือความมั่นคงของประเทศเรา กระแสของพวกอนาธิปไตยค่อนข้างรุนแรงมาก เราไม่ต้องการให้ประเทศต้องเป็นเหมือนฝรั่งเศส แกก็เห็นว่ามันเละเทะแค่ไหนหลังจากพวกนั้นล้มล้างราชวงศ์ของตัวเอง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า พ่อของเขาพูดต่อ “พ่ออยากให้แกรู้ถึงสิ่งที่ต้องรับผิดชอบในอนาคต จอห์น ไม่ใช่แค่ชื่อเสียงของตระกูล แต่แกต้องรับผิดชอบประเทศนี้ สภาขุนนางคือหน้าต่างส่องถึงพระราชินี แกต้องเป็นหน้าต่างที่ดี เป็นที่เคารพของคนอื่นๆ พ่อคงไม่ต้องบอกนะว่าเมื่อเช้าแกทำตัวแย่แค่ไหน”

                เอิร์ลหนุ่มหน้าแดงด้วยความอับอาย เขาได้แต่ก้มหน้ายอมรับผิด

                “แกจะดื่มอะไรพ่อไม่ว่าหรอก พ่อเคยบอกแล้วว่าอย่าให้เมาถึงขั้นต้องหามกลับ แต่วันนี้พ่อจะขอแกอีกอย่าง อย่าออกจากบ้านทั้งที่ตัวแกมีกลิ่นเหล้าหึ่งแบบวันนี้เด็ดขาด”

                “ครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ผมขอโทษ ต่อไปจะไม่ให้เกิดอีกครับ”

                ลอร์ดบาธมองลูกชาย ก่อนจะถอนหายใจ “อเมริกาคงสอนอะไรแกมาเยอะมาก ไปหัดดื่มอะไรมาล่ะ เหล้ารัมใช่มั้ย? ครั้งแรกสำลักรึเปล่า?”

 

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
              ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองพ่อด้วยความแปลกใจ แต่ก็พยักหน้ายอมรับ “ครับ... สำลักสิครับ กลิ่นมันแรงมาก”

                “แล้วไม่เข็ดหรือ?”

                “ที่นั่นมีเหล้ารัมเยอะครับ” เอิร์ลหนุ่มเล่า “ผมอาจจะจิบวิสกี้อยู่ในบ้านได้ แต่ที่เหมือง ถ้าผมทำแบบนั้นคงไม่ได้คุยกับใครเลย”

                “พ่อเข้าใจล่ะ” ลอร์ดบาธพยักหน้า “โธมัสเขียนจดหมายมาเล่าพ่อ ว่าแกเป็นที่รักของพวกคนงานมาก มันก็ไม่ได้แย่อะไรหรอกนะจอห์น แต่ตอนนี้แกไม่ได้อยู่อเมริกาแล้ว”

                “ครับ ผมทราบ”

                “แกไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องดื่มเหล้ารัมอีก... ยกเว้นเสียแต่ว่าแกชอบมัน ซึ่งพ่อคงเสียใจมากถ้าเป็นอย่างนั้น”

                “เปล่าครับ ผม...”

                “แล้วแกไปดื่มที่ไหนล่ะ?” ลอร์ดบาธถาม โดยไม่เปิดโอกาสให้ลูกชายพูดต่อ “ร้านเหล้าที่แกควรเข้าไม่น่าจะมีเหล้ารัมขายนะ”

                “ผมสัญญาว่าจะไม่ดื่มอีก”

                “แกยังไม่ได้ตอบพ่อนะจอห์น แกไปดื่มที่ไหน?”

                 “บาร์ที่ผมจำชื่อไม่ได้ครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “วันก่อนผมขับรถผ่าน เห็นแล้วน่าสนใจ เมื่อคืนเลยแวะไป”

                “แต่จำชื่อร้านไม่ได้?”

                “ครับ”

                ลอร์ดบาธสั่นศีรษะอย่างระอาใจ “เอาเถอะ ถ้าแกไม่อยากตอบ พ่อก็คงจะเค้นคำตอบเอาจากแกไม่ได้อยู่ดี”

                “ขอโทษนะครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก้มศีรษะ “แต่ผมสัญญาว่าจะไม่ดื่มอีกแล้ว”

                ลอร์ดบาธถอนหายใจอีกครั้ง “จอห์น เดี๋ยวพ่อจะออกไปดื่มชา”

                “ครับ...”

                “ถ้าแกเรียงจดหมายกับเปิดดูเอกสารในตู้ใบนั้นเรียบร้อยแล้ว ไปเล่นเทนนิสกับพ่อหน่อยดีมั้ย พวกเราไม่ได้เล่นด้วยกันนานแล้ว ตั้งแต่แกไปอเมริกา”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เงยหน้ามองพ่อของเขาด้วยความแปลกใจ ก่อนจะยิ้มกว้าง “ด้วยความยินดีครับ”

-----------------------------------

                หลังจากผู้เป็นพ่อออกไปได้ไม่นาน ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็จัดเรียงจดหมายเสร็จ เขาหยิบกุญแจที่พ่อวางทิ้งไว้ ไปไขเปิดตู้ไม้ใบใหญ่ที่เป็นที่เก็บเอกสารเกี่ยวกับโฉนดที่ดิน ก่อนจะผงะเล็กน้อย เมื่อได้เห็นปึกกระดาษที่อัดแน่นอยู่ด้านใน พ่อของเขาแยกโฉนดตามตัวอักษร ที่มีเยอะที่สุดคือตัว B รองลงมาคือตัว S และตัว R ตามลำดับ ที่ใหม่ที่สุดเป็นโฉนดที่ดินในหมวดตัวอักษร L มีโฉนดของคฤหาสน์เดลหนึ่งฉบับ และโฉนดในย่านการค้าแถบถนนเวนลอกค์ กับชานเมืองแถบคอกเคนฮิล อีกอย่างละสี่ฉบับ ส่วนที่เก่าที่สุดอยู่ในหมวดตัวอักษร B กระดาษของมันแดงและเก่าเสียจนตอนแรกลอร์ดโทรว์บริดจ์ไม่กล้าหยิบออกมาดู

                กระดาษใบนั้นเป็นเอกสารที่ดินเก่าแก่ที่ระบุขนาดและที่ตั้งของประสาทบาธ รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนห้องหับต่างๆ ในปราสาท เอิร์ลหนุ่มพลิกดูหน้าที่มีแผนผังปราสาทและส่วนประกอบโดยรอบที่วาดเอาไว้คร่าวๆ แล้วหวนนึกไปถึงความทรงจำในวัยเด็ก

                แม้ว่าตระกูลของเขาจะสืบทอดตำแหน่งมาร์ควิสแห่งบาธ แต่ก็ย้ายมาตั้งรกรากอยู่ที่ลอนดอนได้สามชั่วอายุคนแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงเกิดและโตในลอนดอน ตอนที่ยังเด็กมากๆ พ่อกับแม่มักพาเขาไปเที่ยวตากอากาศที่บาธในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงของทุกปี ครอบครัวคาเว็นดิชมีคฤหาสน์อยู่ที่นั่นสองหลัง หลังหนึ่งมีโรงอาบน้ำพุร้อน ลอร์ดโทรว์บริดจ์จำคฤหาสน์ที่มีบ่อน้ำพุร้อนได้ แต่กับปราสาท มันช่างเป็นความทรงจำแสนเลือนราง มีแค่เพียงยอดทรงตัด ท้องฟ้าสีคราม สนามหญ้าสีเขียว และเถาไอวี่แห้งๆ

                ชายหนุ่มหยิบเอกสารที่ดินอีกสองสามฉบับมาดู ก่อนจะเปิดดูสมุดดัชนี แล้วเก็บทั้งหมดกลับเข้าที่ เขารู้สึกว่าตัวเองยังไม่พร้อมที่จะดูเอกสารทั้งหมด ไม่ว่าจะด้วยเพราะเวลา หรือวุฒิภาวะก็ตาม ลอร์ดโทรว์บริดจ์ปิดล็อกตู้ แล้วเอากุญแจไปใส่คืนไว้ในลิ้นชักโต๊ะ ก่อนจะออกจากห้องไป

-------------------------------------

                คอร์ตเทนนิสอยู่ในส่วนหนึ่งของสนามด้านหลังคฤหาสน์ มันปูด้วยหญ้าต้นเตี้ยๆ และมีการโรยปูนขาวเป็นแนวเพื่อทำเครื่องหมายแบ่งพื้นที่เอาไว้ ก่อนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์จะไปอเมริกา เขาและบรรดาสมาชิกสโมสรแบล็กเบิร์ดมาตีเทนนิสด้วยกันที่นี่บ่อยครั้ง และในวัยเด็ก มันก็เป็นสถานที่เดียวที่เขากับพ่อใช้เวลาร่วมกันในการเล่นกีฬา

                 เลดี้บาธและบรรดาสาวใช้พากันออกมานั่งให้กำลังใจลอร์ดสามีและลูกชาย ที่นานๆ จะได้ทำกิจกรรมร่วมกันสักครั้งหนึ่ง ลอร์ดบาธสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาว กางเกงขายาวลายทางพร้อมสายคาดไหล่ และสวมหมวกสตรอว์ โบตเตอร์เพื่อบังแดด เขาพับแขนเสื้อขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้สะดวกกับการเอื้อมรับลูกเทนนิส ลอร์ดโทรว์บริดจ์อยู่ในชุดที่ไม่ต่างกันมากนัก เขาสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวที่สั่งตัดไปเมื่อคราวก่อน กับกางเกงขายาวสีน้ำตาลตัวใหญ่พร้อมสายคาดไหล่ สวมหมวกแก๊ปสีขาว ยืนถือแรคเก็ตอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผู้เป็นพ่อ โดยมีตาข่ายคั่นกลาง

                “ผมให้พ่อเสิร์ฟลูกก่อนเลย” เอิร์ลหนุ่มตะโกน ก่อนจะโยนลูกสักหลาดไปฝั่งตรงข้าม ลอร์ดบาธรับลูกแล้วเคาะมันกับพื้นสองสามครั้ง ก่อนจะโยนขึ้นไปบนอากาศ แล้วหวดแรคเก็ตใส่มันเต็มแรง ลูกพุ่งฉิวลงหน้าตาขายฝั่งตรงข้าม กระดอนจากพื้นหญ้า แฉลบแรคเก็ตที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เอื้อมมารับไปเล็กน้อย

                “ว้าว พ่อเสิร์ฟเอส” ชายหนุ่มร้องด้วยความตื่นเต้น คนรับใช้วิ่งไปเก็บลูกที่กระดอนออกมาใส่ไว้ในถัง ขณะที่อีกคนส่งลูกเทนนิสใหม่ให้เจ้านาย

                สองพ่อลูกผลัดกันตีโต้ลูกเทนนิสไปมา ท่ามกลางเสียงเชียร์ของเลดี้บาธและสาวใช้ ภายใต้ท้องฟ้ายามบ่ายที่มีเมฆปกคลุมเป็นระยะ

                “ฝีมือตกนี่จอห์น อเมริกาไม่มีเทนนิสให้เล่นล่ะสิ” ลอร์ดบาธแซวลูกชาย พลางยกมือขึ้นปาดเหงื่อออกจากใบหน้า พวกเขาหยุดพักหลังจากเล่นไปได้สิบนาที เลดี้บาธนำเครื่องดื่มไปให้สามี

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “แสดงว่าตอนผมไม่อยู่ พ่อแอบซ้อมไว้เยอะสินะครับเนี่ย”

                ลอร์ดบาธไม่ตอบคำถาม เขาแค่ยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก แล้วหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบ ก่อนจะกลับลงสนามอีกครั้ง สองพ่อลูกตีเทนนิสด้วยกันจนถึงบ่ายสี่โมง จึงยอมวางแรคเก็ต

                “ผมว่าพวกเราน่าจะตีเทนนิสกันแบบนี้ทุกสัปดาห์นะครับ ช่วงบ่ายวันอาทิตย์แบบนี้ก็ได้ ถ้าพ่อสะดวก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขณะเดินมาเช็ดเหงื่อที่ข้างสนาม ลอร์ดบาธมองเขา

                “แกตีกับพ่อแบบนี้ไม่เบื่อหรือไง? ชวนเพื่อนมาก็ได้นะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มให้เขา “วันอาทิตย์เป็นวันครอบครัวครับ”

                ลอร์ดบาธยิ้มให้ลูกชาย แล้วยกมือตบบ่าเขา “ไปอาบน้ำเถอะ แล้วอย่าแช่เพลินจนลงมากินมื้อค่ำสายล่ะ”

------------------------------------------

                โต๊ะอาหารของบ้านคาเว็นดิชมีเก้าอี้วางอยู่ทั้งหมดสิบสองตัว แต่ส่วนใหญ่จะใช้งานแค่สองตัวเท่านั้น เพราะลอร์ดโทรว์บริดจ์มักจะออกไปกินมื้อเย็นนอกบ้าน แต่วันนี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวที่สามตรงข้ามกับพ่อและแม่ของเขา ฟังเรื่องเล่าในสภาขุนนางของลอร์ดบาธแกล้มอาหารมื้อค่ำ

                “พอท่านอาร์คบิชอปพูดแบบนั้น อาเธอร์ก็หน้าเสียเลย ผมว่าเขาเกือบเป็นลมด้วยซ้ำ” ลอร์ดบาธเว้นจังหวะหน่อยหนึ่ง “แต่พระราชินีก็ตรัสแทรกขึ้นมา พระนางตรัสว่าไงรู้มั้ย? ตรัสว่า เช่นนั้นก็ให้ท่านอาร์คบิชอปจัดการ คราวนี้ท่านอาร์คบิชอปเลยเป็นฝ่ายหน้าเสียเสียเอง ผมบอกแล้วว่าพระนางทรงมีความเที่ยงธรรมที่สุด”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองพ่อของเขายิ้มๆ “พ่อคุยกับพระราชินีบ่อยมั้ยครับ? ผมหมายถึง ตรัสกับพ่อเป็นการส่วนพระองค์บ่อยมั้ย?”

                “ไม่บ่อยหรอก แต่ก็มีบ้าง” ลอร์ดบาธว่า “พระราชินีมักจะตรัสกับอาร์คบิชอปและขุนนางฝ่ายพระญาติมากกว่า แต่ทรงมีความยุติธรรมมาก”

                “ทรงเป็นพระราชินีที่เข้มแข็งมากด้วย” เลดี้บาธว่า “พระนางเป็นแบบอย่างที่ดีของสุภาพสตรี”

                “ใช่” ลอร์ดบาธพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะหันไปถามลูกชาย “แล้วเรื่องแกกับแคทเธอรีนเป็นไงบ้าง?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้ว ด้วยไม่คิดว่าผู้เป็นพ่อจะถามเรื่องนี้ขึ้นมา “ก็ดีครับ ผมตั้งใจจะชวนเธอมาดื่มน้ำชาที่บ้านเราทุกวันอังคาร”

                “ดี พ่ออยากให้แกพัฒนาความสัมพันธ์กับเธอให้มากๆ เธอเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อม” ลอร์ดบาธว่า ก่อนจะพูดต่อ “ดอน จิโอวานนี่กำลังเล่นอยู่ ทำไมแกไม่ชวนเธอไปล่ะ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะเหมาะกับเธอ... อีกอย่าง จอร์จเพิ่งชวนผมเมื่อเช้านี้เอง”

                “จอร์จไม่ได้ไปดูกับมาร์กาเร็ตหรือ?” แม่ของเขาถามด้วยความแปลกใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบตอบ “จอร์จไปดูกับมาร์กาเร็ตครับ แต่เขาชวนผมกับแมกซ์ไปด้วย”

                “อ้อ...” ลอร์ดบาธพยักหน้า พลางจิ้มสเต็กที่หั่นแล้วใส่ปาก “แล้วเรื่องต่อยมวยล่ะ เป็นไง”

                “ผมเริ่มซ้อมมาตั้งแต่วันพฤหัสฯแล้วครับ”

                “พ่อรู้แล้ว” ลอร์ดบาธว่า “แล้วแกจะขึ้นชกจริงวันไหน”

                “น่าจะวันศุกร์ที่สิบห้าเดือนหน้าครับ” ลอร์ดลูกชายตอบ “ลอร์ดควีนสเบอรี่บอกว่าต้องคุยกับผู้จัดการของแมดเนอร์ก่อน อ้อ... ผมลืมบอกไป ผมคุยกับท่านลอร์ดแล้วว่าผมจะไม่ใช่ชื่อจอห์น คาเว็นดิชในการชก”

                “ทำไมล่ะ? พ่อไม่รังเกียจที่แกขึ้นชกมวยหรอกนะ” ลอร์ดบาธว่า ลูกชายของเขาสั่นศีรษะ

                “เปล่าครับ ผมไม่ได้คิดว่าพ่อจะรังเกียจ แต่ผมไม่อยากให้คู่ต่อสู้รู้สึกเกรงใจผม อีกอย่าง ผมไม่อยากให้คนมาดู แค่เพราะว่าผมเป็นลอร์ดโทรว์บริดจ์ หรือว่าเป็นคาเว็นดิช”

                “แล้วแกจะชกในชื่อใคร”

                “อาจจะใช้ชื่อลิตเติลจอห์นครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “ลอร์ดควีนสเบอรี่ชอบ เขาว่ามันเข้ากับชื่อของเขาดี”

                เลดี้บาธหัวเราะออกมา “แม่ว่าก็น่ารักดีนะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะเขินๆ “แม่จะไปดูผมชกมั้ยครับ?”

                เลดี้บาธสั่นศีรษะ “ไม่จ้ะ แม่คงทำใจไม่ได้ แต่แม่จะสวดมนต์ขอให้ลูกชนะและไม่เจ็บตัวมาก แม่เชื่อว่าลูกเก่งเสมอ”

                “แล้วพ่อล่ะครับ?”

                ลอร์ดบาธมองเขา “พ่ออยากให้แกใช้ชื่อจริง” เขาเว้นจังหวะหน่อยหนึ่ง “พ่อเชื่อว่าแมดเนอร์มีความเป็นนักกีฬาอาชีพพอ เขาคงไม่อ่อนข้อให้เพียงเพราะแกนามสกุลคาเว็นดิชหรือเป็นเอิร์ลแห่งโทรว์บริดจ์หรอก พ่ออยากให้แกรู้จักแบกรับชื่อเสียงของตัวเองบ้าง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เงียบไปอึดใจใหญ่ สุดท้ายก็พยักหน้า “ตกลงครับ ผมจะบอกลอร์ดควีนสเบอรี่พรุ่งนี้”

                “แต่ตอนประกาศแกจะใช้ชื่อว่าลิตเติลจอห์นก็ได้นะ” ลอร์ดบาธพูด “พ่อก็เห็นว่ามันน่ารักดี”

                ลอร์ดลูกชายแอบอมยิ้มเล็กๆ “แล้วพ่อจะไปดูผมรึเปล่าครับ?”

                “แน่นอน แกเป็นลูกชายของพ่อนะ” ฝ่ายนั้นพยักหน้า “ตั้งใจซ้อมหน่อย อย่าให้บิ๊กจอห์นต้องขายขี้หน้าล่ะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ ทั้งสามก้มลงกินมื้อค่ำกันต่อ เสียงมีดส้อมกระทบจานดังขึ้นเบาๆ

                “แล้วเรื่องเสื้อผ้า... แกจัดการเรียบร้อยแล้วหรือยัง?” จู่ๆ ลอร์ดบาธก็ถามขึ้นมา เขาจิบไวน์หลังอาหาร แล้วมองลูกชาย “หวังว่าสัปดาห์หน้าพ่อจะได้เห็นเสื้อคลุมตัวใหม่ของแกนะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “แน่นอนครับ ผมให้รายการทั้งหมดกับกอร์ดอนไปแล้ว”

                ผู้เป็นพ่อเลิกคิ้ว “นี่แกให้โอเดนเบิร์กตัดหมดนั่นเลยหรือ?”

                คนเป็นลูกชายพยักหน้า “ครับ เขายังบอกเลยว่าผมคงเป็นคนแรกที่ตัดชุดกับเขาใหม่ทั้งตู้... ทำไมหรือครับ?”

                ลอร์ดบาธถอนใจ “แล้วแกจะได้เสื้อเมื่อไหร่ฮึ? งานที่ร้านของเขาเยอะมากนะ”

                “เขาว่าอินเวอร์เนสโค้ทจะได้วันพุธครับ ส่วนตัวอื่นๆ ถ้าเขาทำไม่ทันจะแจ้งก่อน”

                “พ่อสงสัยจริงๆ ว่าแกจะมีชุดใส่ครบก่อนถึงหน้าหนาวรึเปล่า” ลอร์ดบาธตั้งข้อสังเกต “โอเดนเบิร์กไม่ได้ตัดเสื้อให้แกคนเดียวนะจอห์น”

                “ครับ ผมรู้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “แต่เขาบอกแล้วว่าน่าจะทันทั้งหมด”

                ผู้เป็นพ่อถอนหายใจ “แกควรจะแบ่งไปตัดที่ร้านอื่นบ้าง พ่อกลัวว่าแกจะมีชุดใส่ไม่ครบก่อนฤดูหนาว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ ก่อนจะถามอย่างนึกขึ้นได้ “จริงสิครับ ทำไมพ่อถึงย้ายไปตัดเสื้อที่ร้านเขาล่ะครับ? ก่อนผมไปอเมริกา พ่อยังตัดที่ร้านของเฟอร์นานโดอยู่เลย”

                “เพราะลอร์ดอ็อคฟอร์ดน่ะ”

                “ว้าว” ชายหนุ่มอุทานด้วยความแปลกใจ “เขาตัดชุดให้ลอร์ดอ็อคฟอร์ดด้วยหรือครับ?”

                ลอร์ดบาธพยักหน้า “ใช่ เขาเป็นช่างตัดเสื้อคนโปรดของท่านดยุกเลย”

                “ท่านดยุกบอกพ่อหรือครับ?”

                “ไม่เชิง” ลอร์ดบาธมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย เลดี้บาธเลยพูดขึ้นแทน “พ่อชอบสูทที่ท่านดยุกสวมมาก ตั้งใจถามท่านดยุกเรื่องช่างที่ตัดให้อยู่หลายครั้งแล้ว แต่ท่านดยุกไม่ยอมตอบ แม่เลยไปถามเอาจากท่านดัชเชสให้แทนน่ะจ้ะ”

                “ก็เลยรู้ว่ากอร์ดอนเป็นคนตัด” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “แต่ทำไมท่านดยุกถึงไม่ยอมบอกพ่อตรงๆ ล่ะครับ หรือเขาหวง ไม่อยากให้พ่อใช้ช่างคนเดียวกัน”

                “ประมาณนั้นแหละ” ลอร์ดบาธว่า “ท่านดยุกคงไม่อยากรอคิวนาน แต่ถึงยังไงร้านของโอเดนเบิร์กก็มีลูกค้าเยอะมากอยู่แล้ว”

                “อ้อ...”

                “แต่ก็แปลกนะ ที่เขารับตัดให้แกหมดทั้งรายการนั่น” ลอร์ดบาธว่า “ที่จริงแล้วโอเดนเบิร์กค่อนข้างจะเลือกงาน อยู่พอตัวเลย อะไรที่เขาเห็นว่าไม่สำคัญมากเขามักจะพยายามปฏิเสธ พ่อเคยตั้งใจจะให้เขาตัดสูทให้สามตัว คนละสีกัน เขาตัดให้พ่อแค่ตัวเดียว ส่วนที่เหลือเขาว่าต้องรออีกหกเดือน พ่อเลยให้เฟอร์นานโดตัดให้แทน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์รู้สึกแปลกใจ “หกเดือนเลยหรือครับ? คิวที่ร้านเขาเยอะขนาดนั้นเลย?”

                “เยอะสิ” ลอร์ดบาธว่า “ได้ยินว่าช่วงไหนที่งานเขายุ่งมากๆ กระทั่งท่านดยุกก็ยังถูกปฏิเสธ เขาเป็นช่างที่ชอบแขวนป้ายปิดร้านอยู่บ่อยๆ เพราะตัดงานไม่ทันนี่แหละ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์นึกย้อนไปในตอนที่เขาเห็นฝ่ายนั้นปิดร้านนานเป็นสัปดาห์ แล้วเริ่มรู้สึกละอายขึ้นมา “เขาคงทำงานหนักมาก”

                “อืม” ลอร์ดบาธพยักหน้า

                “ผมไม่น่าให้เขาตัดเสื้อให้เยอะขนาดนั้นเลย”

                “เอาเถอะ” ผู้เป็นพ่อพูด “ในเมื่อเขารับปากแกแล้ว เขาก็ต้องตัดให้แกนั่นแหละ โอเดนเบิร์กเป็นช่างที่ส่งงานตรงเวลามากที่สุดคนหนึ่ง พ่อหวังว่าเขาจะไม่เลื่อนนัดแกบ่อยๆ ก็แล้วกัน”

---------------------------------------
(จบตอน)
*** ตอนนี้จอห์นนี่ดูเป็นเด็กน้อย ผู้แอบดื้อแต่ก็ยังอยู่ในโอวาทมาก โมเม้นต์ที่ท่านลอร์ดเพิ่งมานึกอายเรื่องตัวเหม็นเหล้าตอนพ่อร่ายยาวแล้วมาทักนี่แบบ... เด็กน้อยจริงๆ เบยยย :-[ เราว่าในสายตาคนเป็นพ่ออย่างลอร์ดบาธนี่คือเรื่องน่าเกลียดมากๆ ที่คนระดับเอิร์ลเดินเหม็นเหล้าหึ่งเข้าไปในโบสถ์ กระทั่งเพื่อนยังทัก นี่ถ้าไม่พูดเรื่องความรับผิดชอบก่อน สงสัยจอห์นนี่น่าจะยังไม่รู้สึกตัว จะบอกว่าชิลไปหรือไม่คิดอะไรเลยดีนะเนี่ย XD

ที่แอบขำอีกอันคือตอนที่จอห์นน้อยรายงานพ่อว่า ผมสั่งคาร์เวียร์สีทองเลี้ยงเพื่อนไปสิบที่ ฮ่าๆ เราแอบสงสัยนะว่าจอห์นกลัวพ่อด่าบ้างไหม แต่บางทีอาจจะคิดอยู่แล้วก็ได้ว่าพ่อไม่น่าจะด่า... แล้วลอร์ดบาธก็ดูไม่ได้หงุดหงิดอะไรจริงๆ (แต่ถ้าเลี้ยงทุกอาทิตย์อาจจะมีเรื่องได้)

ตอนนี้ชิลๆ เขียนชีวิตครอบครัวของท่านลอร์ดบ้างอะไรบ้างค่ะ

ปล. ท่านลอร์ดส่วนใหญ่ไม่ทำงานเป็นกิจลักษณะ ยกเว้นลอร์ดพี่ชายของลอร์ดแมกซ์ค่ะ ส่วนจะทำงานอะไร และทำทำไม อนาคตน่าจะได้เอามาเฉลยกันค่ะ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
แอบสงสัยนิดนึง ตอนที่จอห์นแก้ตัวกับพ่อว่าขับรถผ่านเลยเจอร้าน
แสดงว่าจอห์นมีรถด้วยใช่ไหมเอ่ย

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ลิตเติ้ลจอห์น ตัวน้อย ๆ (เหรอ?)

ดื้อตาใสเลยนะเนี่ย

พอเป็นลูกคนเดียวของสกุลขุนนางก็เลยถูกคาดหวังมาก

ชอบตอนนที่พ่อล้อว่า บิ๊กจอห์น ให้ความรู้สึกเป็นครอบครัวอบอุ่นมาก

เอาใจช่วยความรักของทั้งคู่ต่อไป

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด