[เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)  (อ่าน 97931 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
น่าสงสาร น่าเห็นใจ ความรักในเพศเดียวกัน ที่ไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม

เขารักกันก็ต่อต้าน ไม่เห็นด้วย พวกเขาหาทางออกไม่ได้

พอเกิดเหตุการณ์ที่สูญเสียชีวิตขึ้นมา

ก็เสียใจ เสียดาย ไม่อยากให้เกิด แล้วโทษอีกฝ่าย โทษทุกอย่าง

มีทั้งโทษตัวเองและไม่โทษตัวเอง ว่าไม่น่ากดดันลูก มาคิดได้ก็สายเกินไป
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Aimiya

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ทำไมอ่านตอนนี้แล้วร้องไห้ T T ยิ่งตอนที่กอร์ดอนฝันน้ำตาไหลพรากเลยยยยยยย ฮืออออออ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
อ่านไปน้ำตาไหลไปตั้งแต่บรรทัดแรกจนบรรทัดสุดท้ายของตอน

ทั้งรักทั้งปราถนา แต่ความสุขก็เป็นแค่ลมพัดมาแล้วผ่านไป

เฮ้อ

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
ตอนที่สวีทกันมันก็ดึต่อใจอยู่หรอกค่ะ
แต่หลังๆนี่ทำไมมันทุกข์ใจนักนะ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
มองไม่เห็นทางออกเลย

ออฟไลน์ theG

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
มันไม่มีทางออกอยู่แล้วถ้าจะพยายามโอบกอดรักษาไว้ทุกอย่าง ถ้าอยากไปต่อก็ต้องยอมทิ้งยอมสละอะไรบ้าง เช่น ทิ้งที่บ้านแล้วหนีไปเมกาซะ 55555

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
Dear, My customer.

ตอนที่28 Something inside me.


            เลดี้บาธตกใจมากเมื่อรู้ว่าลูกชายคนเดียวของเธอควบม้าออกไปจากคฤหาสน์โดยไม่บอกไม่กล่าว คนรับใช้พูดเป็นเสียงเดียวกันว่านายน้อยของพวกเขาดูอารมณ์เสียอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เธอรีบเข้าไปพบลอร์ดสามีในคฤหาสน์

                “โอ้ ที่รักคะ ลูกเราเพิ่งควบม้าออกไปจากคฤหาสน์เมื่อครู่นี้ เขาไม่บอกใครเลยว่าจะไปไหน”

                “อะไรนะ?” ลอร์ดบาธเลิกคิ้วขึ้นสูง เขาวางจดหมายลงทันที “ผมเห็นแล้วว่าเขาควบม้าออกไปกับโอลิเวอร์ แต่เขาไม่ได้บอกใครหรือว่าจะไปไหน?”

                “ไม่ค่ะ” เลดี้บาธมีสีหน้ากังวลใจ “พวกคนรับใช้บอกว่าเขาดูอารมณ์เสียมาก โอ... ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น พวกเรากำลังคุยกันอยู่ดีๆ จู่ๆ เขาก็ผลุนผลันออกไป”

                “คุณคุยกับเขาอยู่หรือ?”

                “ค่ะ เขาเล่นไวโอลินอยู่ตรงศาลาในสวน อย่างที่คุณเห็นตอนมื้อเช้าว่าวันนี้เขาอารมณ์ดีมาก ฉันรู้สึกว่าเขามีความสุขเป็นพิเศษ เขาเล่นเพลงของบราห์มซ้ำกันตั้งห้ารอบแน่ะค่ะ”

                “อืม... ผมได้ยินล่ะ ผมยังนึกแปลกใจเลยว่าเขาหันมาชอบเพลงของบราห์มตั้งแต่เมื่อไหร่”

                “ค่ะ ฉันก็คิดเหมือนคุณ ฉันเลยชวนเขาไปดูคอนเสิร์ตของบราห์มที่ปารีส แล้วเราก็คุยกันต่อถึงเรื่องแคทเธอรีน ฉันแนะนำให้เขาชวนเธอมาเล่นเปียโนคู่กัน แล้วจู่ๆ เขาก็ลุกออกไปเลย... โอ้ ที่รัก ฉันไม่เคยเห็นลูกเราเปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วขนาดนี้มาก่อน ฉันไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา”

                “เขาหงุดหงิดเรื่องอะไร?” ลอร์ดบาธถาม “เรื่องแคทเธอรีนหรือ?”

                “ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นค่ะ ฉันคิดว่าเขาไปกันได้ดีกับเธอเสียอีก สัปดาห์หลังๆ นี้พวกเขาดูสนิทสนมกันมากขึ้น” เธอหยุดไปครู่หนึ่งเหมือนกำลังตัดสินใจจะพูดอะไรต่อ

                “ฉันสงสัยว่าเขาอาจจะกำลังคบหากับผู้หญิงที่เราไม่รู้จักอยู่ค่ะ เขาออกไปข้างนอกแทบจะทุกวัน และเวลาพูดถึงเรื่องเขากับแคทเธอรีนทีไร เขามักทำท่าเหมือนมีอะไรในใจทุกที”

                “ผมก็กำลังสงสัยเรื่องนั้นเหมือนกัน” ลอร์ดบาธว่า “ช่วงหลังค่าใช้จ่ายส่วนตัวของเขามีบางอย่างแปลกออกไป ผมรู้ว่าจอห์นชอบเลี้ยงเพื่อนๆ ของเขา แต่เดือนสองเดือนนี้มีบิลจากภัตตาคารหรูหลายแห่งที่แสดงให้เห็นว่าเขาเปิดห้องส่วนตัวเพื่อกินอาหารกับใครสักคนแค่สองต่อสอง ตอนแรกผมคิดว่าคงเป็นเพื่อนคนใดคนหนึ่งของเขา อาจจะเป็นจอร์จหรือแมกซ์ แต่มันแปลกมากเพราะเขาทำแบบนี้ซ้ำกันทุกสัปดาห์ และส่วนใหญ่มักจะเป็นเย็นวันพุธ”

                “โอ... วันพุธเขาไปที่สโมสรของเขาไม่ใช่หรือคะ? เขาอาจจะนัดเพื่อนคนใดคนหนึ่งกินข้าวก่อนไปก็ได้”

                “ใช่ ถูกของคุณ แต่เขาไม่น่าจะต้องเปิดห้องเพื่อกินข้าวกับเพื่อนคนนั้นแค่สองต่อสองทุกสัปดาห์นี่”

                เลดี้บาธพยักหน้าเห็นด้วย “จริงของคุณค่ะ... โอ... งั้นลูกเราคงมีคนรักซ่อนไว้จริงๆ เราจะทำอย่างไรกันดีคะ? เขาดูไม่อยากบอกฉัน”

                “ผมเคยถามโอลิเวอร์เรื่องนี้แล้ว เขาปฏิเสธว่าไม่เห็นจอห์นมีปฏิสัมพันธ์กับผู้หญิงคนไหน แต่โอลิเวอร์สนิทกับจอห์นมาก เขาอาจจะช่วยปกปิดให้ก็ได้”

                “คุณไม่ลองถามลูกตรงๆ ดูล่ะคะ” เลดี้บาธว่า “บางทีลูกอาจจะสะดวกใจจะพูดเรื่องนี้กับคุณมากกว่าฉัน เพราะเขาเป็นเด็กผู้ชาย”

                “ผมจะลองคุยกับเขาดู” ลอร์ดบาธว่า ก่อนจะถอนหายใจ “ผมสังหรณ์ว่าเรื่องนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับโอเดนเบิร์ก จอห์นดูให้ความสนใจเขามากตั้งแต่พบกันครั้งแรก”

                เลดี้บาธมองสามี “ฉันเห็นว่าโอเดนเบิร์กเป็นผู้ชายที่หน้าตาสะสวยมาก ไม่แน่ว่าลูกเราอาจจะสนใจลูกพี่ลูกน้องหรือญาติสักคนของเขาก็ได้ เขาเพิ่งขอคุณไปที่บ้านของโอเดนเบิร์กมาไม่ใช่หรือคะ? โอ... การที่เขาชวนโอเดนเบิร์กมากินมื้อเย็นกับเราเมื่อวาน ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะอยากบอกเราเรื่องนี้ก็ได้”

                ลอร์ดบาธถอนหายใจแรง “เป็นไปได้ เพราะเขาดูอารมณ์เสียมากทีเดียวหลังจากนั้น ผมจะถามเขาตรงๆ ก่อน ถ้ายังไงผมอาจจะเชิญโอเดนเบิร์กมาที่บ้านเรา ผมว่าถ้าจอห์นกำลังคบหากับลูกพี่ลูกน้องหรือญาติคนไหนของเขา เราคงต้องคุยเรื่องนี้กันยาวเลยล่ะ”

---------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สวนทางกับพ่อของเขาในโถงทางเดินของคฤหาสน์ เขาทักทายอีกฝ่ายทันที

                “โอ้ พ่อครับ พ่อกำลังจะออกไปไหนรึเปล่าครับ? ผมกำลังจะไปหาพ่อพอดี”

                “พ่อกำลังจะออกไปเดินเล่นสูดอากาศเสียหน่อย แกก็มาด้วยกันสิ”

                สองพ่อลูกเดินเคียงกันไปตามทางเดินที่ปูด้วยหินในสวน ลอร์ดบาธเป็นฝ่ายถามขึ้นมาก่อน “ไง แกกับโอลิเวอร์ขี่ม้าไปเที่ยวที่ไหนกันมา”

                “พวกเราไปแถวทุ่งนาที่เซาธ์เกทมาครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบตามตรง “ผมขอโทษที่ไม่ได้บอกใครก่อน”

                ผู้เป็นพ่อเหลือบมองเขา “อย่าให้เกิดบ่อยนักล่ะ พ่อกับแม่ไม่สบายใจนักหรอกนะที่เห็นแกทำแบบนี้”

                “ครับ ขอโทษครับ” ลอร์ดหนุ่มก้มหน้าก้มตารับผิดแต่โดยดี “ผมจะไม่ทำอีก”

                พวกเขาเดินด้วยกันเงียบๆ อีกพัก ลอร์ดบาธก็เป็นฝ่ายถามขึ้นต่อ “มีเรื่องอะไรอยากบอกพ่อมั้ยจอห์น”

                “.....”

                “แกไม่เคยผลุนผลันออกไปแบบนี้มาก่อนนี่ ไม่มีอะไรอยากจะบอกพ่อหรือ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองพ่อของเขา พลางเม้มปากอย่างชั่งใจ “ผมแค่อยากออกไปเปลี่ยนบรรยากาศเฉยๆ ครับ”

                ลอร์ดบาธมองลูกชายอีกครั้ง ก่อนจะถอนหายใจ “นีสเดนเป็นไงบ้างล่ะ?”

                “ก็ดีครับ ผู้คนที่นั่นดีมาก”

                “แกตกปลาได้เยอะมั้ย?”

                “โอ... ผมตกปลาได้แค่ตัวเดียว แต่มันเป็นปลาชับที่ตัวใหญ่มาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมเอามันไปที่บ้านของเซอร์จอร์จ คาเมรอน เขาเป็นเพื่อนของอา พ่อจำได้หรือเปล่าครับ? เซอร์จอร์จที่ตัวเล็กๆ หน่อยน่ะครับ”

                “อืม... พ่อพอจะนึกออกอยู่ เขาเป็นชายแก่ที่น่านับถือทีเดียว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “เขาให้การต้อนรับผมดีมาก ผมเพิ่งรู้ว่าเขาเป็นญาติห่างๆ ของกอร์ดอน”

                “เขาเป็นญาติกับโอเดนเบิร์กหรือ?” ลอร์ดบาธเลิกคิ้ว “พ่อไม่เคยรู้มาก่อน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มออกมา “กอร์ดอนมีญาติอยู่ที่นั่นเยอะมาก และบ้านของเขาก็สวยมาก เขาให้ผมพักห้องของปู่เขา พ่อต้องไม่เชื่อแน่ วิวจากหน้าต่างห้องนอนนั้นเป็นวิวที่สวยงามมาก มันเป็นวิวของอ่างเก็บน้ำที่ผมไม่คิดว่าจะได้เห็นจากบ้านของคนสามัญธรรมดา”

                “อืม... พ่อได้ยินว่าสมัยยังอยู่ ปู่ของเขาเป็นช่างตัดเสื้อที่มีชื่อเสียงมาก และยังเป็นคนโปรดของท่านดยุกแห่งยอร์กอีกด้วย ท่านดยุกคงจะตกรางวัลให้เขาไม่น้อยทีเดียว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ผมมีความสุขมากที่นั่น เซอร์จอร์จจัดงานเต้นรำให้กอร์ดอนในตอนเย็น ผมได้รับเชิญไปงานนั้นด้วย มันเป็นงานเลี้ยงที่เป็นกันเองและสนุกสนานมาก”

                ลอร์ดบาธหรี่ตามองเขาพลางยิ้ม “มีสาวๆ เยอะเลยสิท่า”

                คนเป็นลูกชายหัวเราะ “ครับ มีสาวๆ สวยๆ ที่นั่นหลายคนเลย แต่กอร์ดอนไม่สนสักคน เซอร์จอร์จกับภรรยาของเขาดูท่าทางผิดหวังมาก พวกเขาดูคาดหวังให้ญาติของเขาแต่งงานในเร็ววัน”

                “อืม... ที่จริงโอเดนเบิร์กก็อายุไม่น้อยแล้ว พ่อเองก็แปลกใจเหมือนกันที่เขายังไม่แต่งงาน” ลอร์ดบาธว่า “แล้วแกล่ะ? ไม่ถูกใจสาวคนไหนที่นั่นเลยหรือ? พ่อว่าญาติผู้หญิงของโอเดนเบิร์กต้องสวยมากทีเดียว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดง เขารีบสั่นศีรษะ “ไม่หรอกครับ ญาติผู้หญิงของเขาส่วนใหญ่แต่งงานมีครอบครัวกันไปหมดแล้ว”

                “งั้นหรือ...” ลอร์ดบาธเหลือบมองลูกชายแว้บหนึ่ง “พ่อคิดว่าจะเชิญเขามาดื่มชาที่นี่สักวันหนึ่ง แกคิดว่าไง?”

                ลอร์ดลูกชายเลิกคิ้ว “ทำไมพ่อถึงจะเชิญเขามาดื่มชาล่ะครับ?”

                “พ่ออยากลองติดสินบนเขาดูบ้าง เผื่อว่าเขาจะตัดเสื้อให้พ่อเพิ่มได้อีกสักชุด” ลอร์ดบาธพูด “และถ้าเขาอยากจะพาญาติสาวๆ ของเขามาแนะนำกับเราสักคน พ่อก็ไม่ขัดข้องอะไรหรอก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองพ่อของเขาอึดใจ ก่อนจะหัวเราะออกมา “พ่อคิดว่าผมสนใจญาติสาวๆ ของเขาหรือครับ? ผมบอกพ่อแล้วไงครับว่าญาติส่วนใหญ่ของเขาแต่งงานไปหมดแล้ว”

                “งั้นที่แกไปที่นีสเดน ก็ไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษนอกจากการไปตกปลางั้นสิ?”

                “ครับ?”

                “อืม... ยังไงพ่อก็ยังอยากจะเชิญโอเดนเบิร์กมาดื่มชาที่บ้านเรา เป็นช่วงบ่ายวันพฤหัสก็ได้ แกไปบอกเขาด้วยแล้วกัน พ่อหวังว่าเขาจะไม่ปฏิเสธ”

                “ครับ ผมจะไปบอกเขาให้”

                ลอร์ดบาธมองลูกชายอีกครั้ง “ตอนที่แกออกไปตะกี้ มีจดหมายมาถึงแกแน่ะ พ่อว่าแกน่าจะอยากรีบเปิดอ่านมันนะ”

                “จดหมายจากใครหรือครับ?”

                “ลอร์ดแบรดฟอร์ด สมาคมรักบี้แห่งลอนดอน”

-----------------------------------------

                “ไง จอห์นนี่ ลมอะไรพัดนายมานี่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถามเพื่อนที่นั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่น เขาแต่งตัวด้วยสูทสีน้ำตาลลายตาราง ผูกเนกไทสีแดงดูโก้เก๋ ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเพื่อนของเขา “ไง จอร์จ นายแต่งตัวจะออกไปไหนหรือ?”

                “ฉันกำลังจะไปดื่มชาที่บ้านของมาร์กาเร็ต” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “นายมีธุระอะไร”

                “โอ... ฉันมีหลายเรื่องอยากจะเล่าให้นายฟัง สมาคมรักบี้ตกลงให้ฉันเป็นตัวแทนหาทีมเพื่อลงแข่งรักบี้การกุศลที่จะจัดขึ้นในฤดูใบไม้ร่วงนี้”

                “ว้าว!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันอุทาน “ยอดไปเลยจอห์นนี่ นายจะได้เล่นรักบี้ต่อหน้าพระพักตร์เจ้าชาย เขาอนุญาตให้นายเลือกคนนอกสมาคมเข้าทีมไหม? อย่างฉันจะได้ลงเล่นรึเปล่า?”

                “เขาไม่ได้ห้าม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันจะให้นายลงคัดเลือกเข้าทีมด้วย”

                “หวังว่าฉันคงได้สักตำแหน่ง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “แล้วนี่นายบอกคนอื่นหรือยัง?”

                “ยัง ฉันเพิ่งได้จดหมายเมื่อเช้านี้เอง”

                “โอ... งั้นมันต้องเป็นเรื่องตื่นเต้นในคืนวันพุธนี้แน่ ฉันอยากให้ถึงวันนั้นจนแทบจะทนไม่ไหว ฉันคิดถึงคืนวันที่พวกเราเคยเล่นรักบี้ด้วยกัน มันจะต้องสนุกมากแน่”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “มีอีกเรื่องหนึ่งจอร์จ”

                “อะไรหรือ?”

                เขาขยับมากระซิบใกล้หูเพื่อน ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตาโตด้วยความตกใจ “โอลิเวอร์รู้แล้วหรือ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า ก่อนจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าให้เพื่อนรักฟัง ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมีสีหน้าครุ่นคิดหลังจากฟังจบ

                “ฉันว่าพ่อนายต้องเริ่มสงสัยแล้วแน่ๆ” จังหวะนั้นคนรับใช้ก็เดินเข้ามา “นายน้อย คุณจะไปที่บ้านเลดี้มาร์กาเร็ตรึเปล่าครับ”

                “ฉันไม่ไปแล้ว” เขาพูด ก่อนจะลุกไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ หยิบปากกามาเขียนโน้ตฉบับหนึ่ง ใส่ซองประทับครั่ง แล้วส่งให้คนรับใช้

                “ฝากนี่ไปให้เธอแทนก็แล้วกัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเพื่อนของเขา “จอร์จ นายไปที่บ้านมาร์กาเร็ตก่อนก็ได้ ฉันจะแวะมาคุยเรื่องนี้กับนายวันหลังอีกที”

                “ไม่เป็นไรหรอก ช่วงนี้ฉันไปบ้านมาร์กาเร็ตแทบทุกวันอยู่แล้ว” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า คนรับใช้อีกคนยกน้ำชาและของว่างเข้ามาให้

                “เอาล่ะ สรุปว่าตอนนี้โอลิเวอร์ก็รู้เรื่องพวกนายแล้ว ส่วนพ่อนายเองก็เริ่มสงสัยว่านายมีคนรักซ่อนไว้” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดต่อหลังจากคนรับใช้ออกไปแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า

                “ฉันพลาดเองที่ทำอะไรไม่ยั้งคิด”

                “ใช่ การไปพลอดรักกันที่อ่างเก็บน้ำแบบนั้น ฉันยอมรับเลยว่านายบ้าบิ่นมาก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดงด้วยความละอาย “ฉันผิดไปแล้ว”

                อีกฝ่ายหัวเราะ “แต่ฉันก็รู้สึกว่ามันต้องตื่นเต้นมากแน่ ไม่เอาน่าจอห์นนี่ อย่าทำหน้าแบบนั้น ฉันเข้าใจว่านายทนความเย้ายวนของความรักไม่ไหวหรอก ของแบบนี้มันทนกันง่ายๆ ที่ไหนล่ะ”

                “โอ... ฉันอยากได้เขาทั้งตัว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์คราง หน้าแดงก่ำกว่าเดิม “ตอนที่เขาแสดงออกว่าต้องการฉัน ฉันก็ไม่อาจจะควบคุมตัวเองได้อีกเลย สัมผัสเขาไม่เหมือนผู้หญิงหรอกจอร์จ แต่ความรู้สึกของฉันคือเขาใช่ทุกอย่าง”

                “ถ้าโอลิเวอร์ไม่ไล่เป็ดลงมา นายกับเขาคงได้เสียกันที่อ่างเก็บน้ำนั่นไปแล้ว” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูด ก่อนจะหลิ่วตามองเพื่อน “แล้วหลังจากนั้นล่ะ นายไปค้างที่บ้านเขาใช่ไหม? บ้านเขามีคนรับใช้หรือเปล่า?”

                “ไม่มีหรอก ฉันค้างกับเขาแค่สองคน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบด้วยท่าทางเขินจัด “ฉันได้นอนเตียงเดียวกับเขา พวกเรามีความสุขกันมาก”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถอนหายใจ ก่อนจะยกมือตบไหล่เพื่อน “ฉันรู้ว่าสักวันมันต้องเกิดขึ้น ฉันเข้าใจนายนะ ยังไงฉันก็จะอยู่ข้างนาย ว่าแต่พวกนายถึงสวรรค์กันทั้งคู่เลยหรือ? ฉันไม่ยักรู้มาก่อนว่านายเก่งเรื่องหลับนอนกับผู้ชายด้วย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดงจนถึงใบหู “ยัง จอร์จ ฉันกับกอร์ดอนยังไม่ได้ได้เสียกัน”

                “อะไรนะ!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันอุทานด้วยความงงงวย “นายไปค้างที่บ้านเขาไม่ใช่หรือ? พวกนายอยู่ด้วยกันสองต่อสองนะ ไม่มีใครเลยด้วย นายบอกว่านายนอนกับเขานี่”

                “ใช่ แต่ฉันแค่นอนร่วมเตียงกับเขาเฉยๆ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมีสีหน้าอัศจรรย์ใจกว่าเดิม “ได้ไงจอห์นนี่?! นายเสื่อมสมรรถภาพหรือ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถลึงตาใส่เพื่อน “ฉันยังปกติดีจอร์จ!”

                “อืม... งั้นทำไมนายยังไม่ได้เสียกับเขาล่ะ มันไม่มีเหตุผลเลยนี่ นายบอกว่าเขาใช่ทุกอย่างไม่ใช่หรือ?”

                “ก็ใช่ แต่เขาไม่ใช่ผู้หญิง...” ลอร์ดหนุ่มว่า “มันไม่เหมือนกัน มันไม่สะดวกราบรื่นขนาดนั้น”

                “แสดงว่าพวกนายลองกันแล้ว” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดพลางพยักหน้า “ฉันเข้าใจล่ะ เขาคงเจ็บมากใช่ไหม? พวกนายเลยไม่ถึงไหนเพราะแบบนี้ คราวหน้านะ ฉันแนะนำให้นายลองใช้น้ำมันมะกอก”

                “โอ้ จอร์จ!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือห้ามเพื่อน “นายอย่าพูดให้ฉันคิดเยอะได้ไหม ฉันอุตส่าห์พยายามไม่คิดถึงเรื่องนี้แล้วเชียว”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะชอบใจ “อย่าเขินน่า นี่มันเรื่องธรรมดานะ นายจะหยุดคิดถึงเรื่องอย่างว่ากับคนที่นายรักได้ไงจริงไหม? กอร์ดอนตอบสนองดีไหม ฉันรู้สึกเหมือนเขาสงวนท่าทีอยู่ตลอดเวลา”

                “เขา... ค่อนข้างร้อนแรงทีเดียว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เขาลูบหน้าอกฉันด้วย ท่าทางเหมือนเขาชอบมาก”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันขยับเข้ามาใกล้อย่างสนอกสนใจ “แล้วไงต่อ พวกนายลูบกันแล้วจูบกันด้วยไหม?”

                “แน่นอน เราแทบจะลืมหายใจเลย” อีกฝ่ายตอบเขินๆ “ตอนนั้นฉันคิดอย่างเดียวว่าต้องครอบครองเขาให้ได้”

                “ว้าว แล้วไหงล่มได้ล่ะ? ที่จริงต่อให้เจ็บมากพวกนายก็ลองกันใหม่ได้นี่นา มีเวลาตั้งเยอะตั้งแยะ”

                “เขาไม่ยอมน่ะ”

                “หา?!”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มีสีหน้าลำบากใจ “คืองี้จอร์จ กอร์ดอนกลัวมาก เขาเจ็บ แล้วเขาก็กลัวว่าจะผิดต่อพระเจ้า เขาคล้อยตามความต้องการในตอนแรก แต่พอเขาได้สติ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีก็ตามมา เขาร้องไห้ ฉันทำอะไรไม่ถูกเลย วินาทีนั้นฉันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองทำผิดร้ายแรงมาก เขาร้องไห้ราวกับจะขาดใจ โอ... ถ้าฉันยังขืนฝืนใจเขาต่อ ความรักของพวกเราคงสะบั้นแน่ เขาคงไม่ยอมให้อภัยตัวเอง”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตบไหล่เพื่อนรักอีกครั้ง “กอร์ดอนของนายช่างเป็นคนที่ข่มอกข่มใจได้อย่างน่านับถือ นายเองก็ด้วย ฉันว่าการจะได้สติขึ้นมาถึงขนาดหยุดยั้งเรื่องแบบนั้นในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเป็นเรื่องยากมาก ฉันนับถือพวกนายนะ เป็นฉันคงทำไม่ได้แน่”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงขอบใจ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดต่อ “แล้วพวกนายจะทำยังไงต่อ มีอะไรกันไม่ได้แบบนี้นายไม่อึดอัดแย่หรือจอห์นนี่ บอกคนอื่นก็ไม่ได้ ฉันว่านายคงได้คลั่งใจตายสักวัน”

                “ฉันก็เกือบแล้วล่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่กอร์ดอนบอกฉันว่าต้องทนให้ได้ โอ... ฉันรักเขาสุดหัวใจ ฉันต้องทนให้ได้อย่างที่เขาว่า บางทีฉันอาจจะต้องหาอะไรทำเพื่อให้ลืมความหมกมุ่นเรื่องอย่างว่ากับเขาบ้าง”

                “ฉันว่ารักบี้ต้องช่วยนายได้” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันบอกเพื่อน “แล้วเรื่องพ่อนายว่ายังไงล่ะ? เขาสงสัยแค่ไหน?”

                “ฉันว่าพ่อกับแม่คงสงสัยว่าฉันอาจจะไปชอบพอกับญาติคนใดคนหนึ่งของกอร์ดอนเข้า อย่างว่า กอร์ดอนเป็นคนสวย ไม่แปลกที่ใครเห็นหน้าเขามักจะคิดถึงญาติผู้หญิงของเขาก่อน”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยิ้มแล้วพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ จริงของนาย ฉันยังแอบอยากเห็นญาติผู้หญิงของเขาเลย ท่าทางต้องสวยมากแน่ๆ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “ที่จริงพวกเธอก็สวยพอตัว แต่ที่นีสเดนเป็นญาติฝ่ายแม่เขาทั้งนั้น กอร์ดอนน่ะได้ความสวยมาจากย่าเขาเต็มๆ นายต้องได้เห็นรูปถ่ายของย่าเขา เธอเป็นผู้หญิงที่สวยอย่างน่าอัศจรรย์ใจ ฉันยังไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนสวยเท่าเธอมาก่อนเลย”

                “ว้าว นายพูดเสียฉันอยากเห็นหน้าย่าของเขาเลย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “จะว่าไปแล้วฉันก็อยากเห็นกอร์ดอนแต่งเป็นผู้หญิงเหมือนกันนะ คงสวยพิลึก”

                “หยุดเลยนะจอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เอ็ดเพื่อน “นายก็รู้ว่ากอร์ดอนเป็นผู้ชาย เขาคงไม่ชอบใจแน่ถ้าจับเขาแต่งตัวเป็นผู้หญิง”

                “แหม... แต่เขาหน้าตาสวยขนาดนั้น นายไม่อยากเห็นหรือ? ไม่แน่นะ ถ้าเขายอมแต่งเป็นผู้หญิง พวกนายอาจจะไปไหนมาไหนด้วยกันในฐานะคนรักได้เปิดเผยมากขึ้นก็ได้ นายจะให้เขาควงแขนได้อย่างไม่ต้องกลัวใครจะเอาไปนินทาไง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มีสีหน้าลังเลใจ เขานึกภาพตัวเองควงคู่กับกอร์ดอนไปดูการแสดงดนตรีที่ปารีส ฝ่ายนั้นคล้องแขนกับเขา ควงคู่กันเหมือนคู่รักธรรมดาๆ คู่หนึ่ง

                “ว่าไงจอห์นนี่... นายไม่ลองชวนเขาดูจะรู้หรือ? ฉันมีเพื่อนที่เป็นหัวหน้าคณะโอเปร่า ถ้ากอร์ดอนยอมตกลงเรื่องนี้ รับรองว่าเขาจัดการแปลงโฉมคนรักของนายให้กลายเป็นสาวสวยได้อย่างแน่นอน”

                “ฉันคิดว่ากอร์ดอนคงไม่ชอบนักหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบออกมาในที่สุด “เขาอยากให้ตัวเองดูเป็นผู้ชาย อีกอย่างฉันไม่อยากให้เขารู้สึกไม่ดี การให้เขาแต่งเป็นผู้หญิงอาจจะทำให้เขาน้อยใจเรื่องที่ตัวเองไม่ใช่ผู้หญิงมากขึ้นก็ได้”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยักไหล่ “ไม่รู้สิ ฉันแค่เสนอน่ะ นายเองก็ไม่ได้สนใจว่ากอร์ดอนเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายอยู่แล้วไม่ใช่หรือ การให้เขาแต่งหญิงไม่ได้หมายความว่าเพราะเขาเป็นผู้ชายเลยดูไม่ดีเสียหน่อย เพียงแต่มันจะทำให้พวกนายแสดงออกเวลาอยู่ด้วยกันได้ง่ายขึ้นเท่านั้นเอง นายลองไปถามกอร์ดอนดูก่อนเถอะน่า ของแบบนี้ไม่ถามจะรู้ได้ไง ไม่แน่นะ เขาอาจจะอยากเป็นผู้หญิงเพื่อควงกับนายก็ได้ เขารักนายนี่”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขบริมฝีปากด้วยท่าทางเขินๆ “ก็ได้ ฉันจะลองถามเขาดู”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตบไหล่เพื่อน “อย่างนั้นแหละจอห์นนี่ เรามาช่วยกันคิดดีกว่าว่าจะให้เขาใส่ชุดสีอะไรดี อย่างกอร์ดอนสีฟ้าเป็นไง คงเข้ากับสีตาของเขา”

                “นี่ จอร์จ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเพื่อน “นายคงไม่มีเจตนาแอบแฝงอะไรหรอกนะ ท่าทางนายดูกระตือรือร้นทีเดียว”

                คนถูกถามหัวเราะ “วางใจน่าจอห์นนี่ ฉันอาจจะชอบของสวยๆ งามๆ ก็จริง แต่ถ้าผู้หญิงฉันสนแค่หน้าอกเท่านั้นแหละ”

                “ให้มันจริงเถอะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ทีมาร์กาเร็ตเกือบจะไม่มีหน้าอก นายยังหลงรักเธอเลย”

                “นั่นมันมาร์กาเร็ต” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “ในฐานะคู่หมั้นของเธอ ฉันไม่อนุญาตให้นายวิจารณ์หน้าอกเธออีก” เขาพูดแล้วทำหน้าขึงขัง ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ

                “ตกลงครับ ลอร์ดจอร์จ ผมจะไม่เสียมารยาทกับว่าที่ภรรยาคุณอีก”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองหน้าเขา ก่อนที่ทั้งคู่จะหัวเราะออกมาพร้อมกัน         

---------------------------------------


ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
                เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนมีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด เมื่อลอร์ดโทรว์บริดจ์ออกปากชวนเธอไปเล่นเปียโนเป็นเพื่อนเขา พวกเขาทั้งคู่นั่งดื่มชากันตรงระเบียงที่มองออกไปเห็นสวนและสระน้ำด้านหลังคฤหาสน์ ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้าเธอ

                “ทำไมคุณทำหน้าแบบนั้นล่ะ?”

                “คือฉันไม่คิดว่าคุณจะชวนค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนตอบตามตรง “ฉันคิดว่าเราจะแค่นั่งคุยกันเฉยๆ”

                “อืม... อันที่จริงแล้วผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะชวนคุณหรอก” ลอร์ดหนุ่มว่า “เพียงแต่พ่อกับแม่ผมดูอยากให้เราเล่นดนตรีคู่กัน พวกเขาสนใจคุณมาก”

                “....”

                “อย่าทำหน้าแบบนั้นน่า ผมรู้คุณมีคนรักแล้ว ผมเองก็มีคนรักแล้ว จริงสิ... ว่างๆ คุณพาคนรักของคุณมาแนะนำให้ผมรู้จักได้ไหม? คุณเคยเล่าให้ผมฟังว่าเขาเป็นคนสามัญที่กำลังพยายามไต่เต้นพาตัวเองให้มีฐานะดีพอจะที่เป็นสามีของคุณได้อย่างเชิดหน้าชูตานี่นา ไม่แน่ว่าผมอาจจะพอช่วยเขาได้ ผมมีเพื่อนเป็นนักธุรกิจมือฉกาจเลยทีเดียว”

                “โอ...” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนมีสีหน้าแช่มชื่นขึ้นมา “คุณช่างกรุณาเหลือเกินค่ะ เบนคงยินดีที่จะพบคุณมากทีเดียว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นกระดิ่งเรียกคนรับใช้ให้เอากระดาษกับปากกามาให้ จากนั้นเขาก็เริ่มเขียนจดหมาย

                “เขาชื่ออะไร?”

                “เบนจามิน ดอว์สันค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า เขาใช้เวลาเขียนจดหมายอยู่ราวสองนาที ก่อนจะพับมันเป็นสามทบ ใส่ลงในซองสีขาว หยดครั่งแล้วประทับตราประจำตัวลงไป แล้วยื่นให้เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน

                “วันศุกร์นี้ที่เดอะแกรนด์ หนึ่งทุ่มตรง คุณไปกับเขาแล้วยื่นจดหมายฉบับนี้ให้ผู้จัดการ เขารู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อ”

                “ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวรับจดหมายมาแล้วยิ้มกว้าง ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเธอแล้วยิ้มตอบ

                “พวกเราไปกันเถอะ ผมว่าพ่อแม่ผมคงอยากฟังคุณเล่นเปียโนจะแย่แล้ว”

                ห้องดนตรีของคฤหาสน์เดลตกแต่งอย่างโอ่อ่าหรูหรา ผนังปิดด้วยวอลเปเปอร์และประดับภาพวาด ล้วนแต่เป็นภาพของศิลปินที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น มีแกรนด์เปียโนวางอยู่สองหลัง ผนังด้านหนึ่งมีไวโอลินและวิโอล่าแขวนอยู่ บนพื้นมีดับเบิลเบสกับวิโอลาวางอยู่บนขาตั้ง

                “โอ... คุณเล่นทั้งหมดนี่เลยหรือคะ?” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนถามด้วยความแปลกใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่

                “เฉพาะเครื่องสีน่ะ เปียโนแม่ผมเล่น เธอชอบเล่นเปียโนมาก บางทีก็ชวนเพื่อนมาเล่นดูเอ็ดด้วยกัน”

                “ว้าว งั้นคุณก็เล่นเชลโล่ได้สินะคะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนมองเขาอย่างคาดหวัง “คุณเล่น Arpeggione Sonata, D.821 ของชูเบิร์ตรึเปล่าคะ? ฉันฝันมานานแล้วว่าอยากจะเล่นเปียโนคู่กับเชลโล่ในเพลงนี้”

                “โอ... ชูเบิร์ตหรือ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทวนคำ “ผมมีโน้ตเชลโล่ของชูเบิร์ตอยู่หลายเพลงเลย ขอดูก่อนนะว่ามีเพลงนี้รึเปล่า?”

                ระหว่างที่ลอร์ดหนุ่มหันไปค้นหาโน้ตเพลง เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนก็นั่งลงที่เปียโน เธอเปิดฝาครอบคีย์ของมันออก แล้วลองไล่โน้ตทีละตัว เสียงแว่วหวานของเปียโนดังก้องไปทั่วห้อง ลอร์ดโทรว์บริดจ์หยิบกระดาษโน้ตขึ้นมาปึกหนึ่ง

                “คุณจะเล่นท่อนไหน? หรือเล่นทั้งสามท่อนเลย?”

                “ท่อนสามค่ะ ฉันชอบคีย์เมเจอร์” อีกฝ่ายตอบ ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า เขาเลือกหยิบโน้ตเพลงออกมาปึกหนึ่ง

                “ผมก็ชอบคีย์เมเจอร์”

                คนรับใช้หยิบเชลโล่กับขาตั้งโน้ตมาวางให้ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ส่งโน้ตเพลงของเปียโนให้กับเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน ก่อนจะวางส่วนของเชลโล่ลงบนขาตั้งโน้ต เขาหันไปหาคนรับใช้

                “ไปตามพ่อกับแม่ฉันมารึยัง?”

                “กำลังไปตามอยู่ครับ”

                ลอร์ดและเลดี้บาธเข้ามาหลังจากนั้นไม่นาน ลอร์ดโทรว์บริดจ์กำลังปรับสายของเชลโล่ให้ตรงกับคีย์ของเปียโนอยู่พอดี เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนลุกขึ้นจากเปียโน ย่อตัวทักทายผู้ใหญ่ทั้งสองคน

                “ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติเหลือเกินค่ะ ที่จะได้เล่นเปียโนกับจอห์นในห้องอันสวยงามนี้”

                ลอร์ดและเลดี้บาธมองเธออย่างประทับใจ “เราคิดว่าพวกเธอสองคนคงเข้ากันได้ดี” เลดี้บาธว่า ลอร์ดสามีของเธอพยักหน้า ทั้งคู่นั่งลงบนเก้าอี้นวม รอฟังการเล่นดนตรีของสองหนุ่มสาว

                เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนนั่งลงตรงหน้าเปียโนอีกครั้ง ลอร์ดโทรว์บริดจ์นั่งเยื้องมาทางด้านหน้าเธอเล็กน้อย พวกเขาเหลือบมองกันแว้บหนึ่ง ก่อนจะเริ่มบรรเลงเพลง

                เสียงเชลโล่ทุ่มต่ำดังก้องขึ้น สอดประสานด้วยเสียงเปียโน เพลง Arpeggione Sonata, D.821 ท่อนที่สาม ของฟรานซ์ ชูเบิร์ต (III. Allegretto (A major)) ถูกบรรเลงขึ้นภายในห้องดนตรีของคฤหาสน์เดล ทันทีที่ตัวโน้ตสุดท้ายสิ้นเสียงลง ลอร์ดและเลดี้บาธก็ปรบมือด้วยความประทับใจ

                “โอ... พวกเธอสองคนเล่นเพลงนี้ได้ดีมาก” เลดี้บาธพูดขึ้นด้วยสีหน้าอิ่มเอม “ราวกับว่าพวกเธอเล่นมันด้วยกันมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว”

                “เอ่อ... ไม่ขนาดนั้นหรอกครับแม่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้น “อันที่จริงผมไม่ได้เล่นเชลโล่มานานแล้ว เล่นผิดตั้งหลายจุดแน่ะ ดีที่แคทช่วยประคองไว้”

                “โอ... ไม่หรอกค่ะ ฉันเองก็เล่นพลาดเยอะเหมือนกัน พวกเราต่างช่วยกันพลาดค่ะ”

                ทั้งคู่หัวเราะขึ้นพร้อมกัน เลดี้บาธมองพวกเขาด้วยสายตาเป็นประกาย เธอหันไปหาลอร์ดสามี “พวกเขาทั้งคู่ต่างดูเหมาะกันเหลือเกิน”

                ลอร์ดบาธพยักหน้า เขาเรียกลอร์ดลูกชายเข้ามาหา

                “แกไปเปิดโน้ตให้แคทเธอรีนสิ พ่อกับแม่อยากจะฟังเธอเล่นเปียโนเดี่ยวสักเพลง”

                “ได้ครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินไปหาเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนที่เปียโน “พ่อกับแม่ผมอยากฟังคุณเล่นเปียโนสักเพลง คุณอยากเล่นเพลงอะไร เดี๋ยวผมจะหยิบโน้ตมาให้”

                เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนนิ่งนึกอยู่พัก “Sonata No.12 K. 332 ท่อน Adagio ของโมซาร์ตก็ได้ค่ะ คุณมีโน้ตรึเปล่าคะ?”

                “โอ โมซาร์ตผมมีเยอะเลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ไม่นานนักเขาก็เอาโน้ตมาให้เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน เสียงเพลง Sonata No.12 K.332 ท่อน Adagio ของโมซาร์ตดังก้องขึ้น ท่วงทำนองของมันอ่อนหวานน่ารักเช่นเดียวกับหญิงสาวที่กำลังบรรเลงอยู่ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยืนอยู่ข้างเธอ คอยดูโน้ตและเปิดแผ่นใหม่ให้ พอจบเพลง เลดี้บาธขอให้เธอเล่นเปียโนและร้องเพลงต่ออีกเพลง แน่นอนว่าเสียงของเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนเป็นที่ประทับใจของทั้งคู่เช่นกัน

                เลดี้บาธเอ่ยปากชวนเธอให้อยู่กินมื้อค่ำ ระหว่างรอเวลานั้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงชวนเธอไปเดินเล่นในสวน

                “พ่อแม่ผมถูกใจคุณมาก” ลอร์ดหนุ่มว่า “ผมแน่ใจว่าถ้าเขาสั่งให้ผมขอคุณแต่งงานได้ เขาคงสั่งผมแล้วตอนอยู่ในห้องดนตรีเมื่อครู่นี้”

                “โอ... ฉันละอายใจต่อพวกท่านทั้งคู่เหลือเกินค่ะ” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนว่า “ฉันคงทำให้พวกท่านและคุณต้องผิดหวัง”

                “อ๋อ ไม่หรอก ผมไม่เป็นไร ผมมีคนรักอยู่แล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนเงยหน้ามองเขา

                “ขอฉันถามได้รึเปล่าคะ? ทำไมคุณถึงไม่บอกพ่อแม่คุณถึงเรื่องคนรักล่ะคะ คุณเป็นลูกชายคนเดียว พวกท่านน่าจะยอมโอนอ่อนตามคุณนะคะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มีสีหน้าลำบากใจ “มันเป็นเรื่องที่พูดยาก คือคนรักของผมน่ะ...” เขาเม้มปากอย่างชั่งใจ “ผมไม่อาจเล่าถึงสาเหตุให้คุณฟังได้ แต่พวกท่านไม่มีวันยอมรับเรื่องนี้หรอก”

                “โอ...” เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนคราง “เธอช่างน่าสงสารเหลือเกิน” หญิงสาวสั่นศีรษะอย่างสะเทือนใจ ก่อนจะเงยหน้ามองชายหนุ่มอีกครั้ง

                “คุณจะพาเธอมาให้ฉันรู้จักไหมคะ? ไม่แน่ว่าฉันอาจจะช่วยพวกคุณได้ ถ้าคุณรักและอยากแต่งงานกับเธอ ฉันอาจจะขอให้ท่านตาช่วยพูดกับพ่อแม่ของคุณได้ค่ะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน “คุณช่างใจกว้างเหลือเกินแคท แต่ท่านตาของคุณจะไม่โมโหคุณหรือ? เขาอยากให้คุณแต่งงานกับผมนี่นา หรือเขารู้เรื่องคนรักของคุณแล้ว?”

                เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนสั่นศีรษะ “แต่ท่านตาเอ็นดูดิฉันมาก แล้วท่านเองก็มีมุมมองเกี่ยวกับความรักที่เปิดกว้างทีเดียว ท่านพูดอยู่เสมอๆ ว่า ถ้าหากรักใครแล้วก็ไม่ควรจะปล่อยมือจากคนคนนั้น ไม่ว่าเขาจะรักตอบเราหรือไม่ก็ตาม การได้ทำเพื่อคนที่เรารักคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีคุณค่าและมีความสุข”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วด้วยความพิศวง “ผมไม่คิดเลยว่าท่านดยุกจะมีมุมมองเกี่ยวกับความรักแบบนั้น”

                เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนยิ้ม “เพราะท่านทำตัวเฉยชาเหมือนรูปปั้นใช่ไหมล่ะคะ? ที่จริงแล้วท่านตาเป็นคนรักมั่นมากค่ะ ท่านรักและให้เกียรติท่านยายของฉันในฐานะภรรยาที่เหมาะสมกับท่าน แต่ท่านก็ยังคงรักหญิงที่เป็นรักแรกของท่านอย่างสุดหัวใจ ฉันยังเคยเห็นรูปของเธอเลยค่ะ เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก คุณจะไม่มีวันลืมเธอเลยแม้จะเห็นเธอเพียงแค่ครั้งเดียว”

                “งั้นหรือ...”

                “ค่ะ ฉันค่อนข้างแน่ใจว่าถ้าท่านตารู้เรื่องของคุณ ท่านต้องเห็นใจคุณแน่นอน อันที่จริงฉันเองก็อยากจะบอกท่านเรื่องของตัวเองเหมือนกัน แต่เบนบอกฉันว่าเขาอยากทำให้ตัวเองพร้อมสำหรับฉันก่อน เขาต้องการจะเป็นผู้ชายที่มีเกียรติและมั่งคั่งเพื่อให้คู่ควรกับฉัน ก่อนที่พวกเราจะแต่งงานกัน”

                เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนตาเป็นประกายเมื่อนึกถึงคนรัก “โอ... เขาช่างน่ารักเสียเหลือเกิน ฉันคงไม่อาจรักใครอย่างเขาได้อีกแล้ว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้าอย่างเข้าอกเข้าใจ “ผมหวังว่าพวกคุณสองคนจะสมหวังในเร็ววัน ผมยินดีกับคุณล่วงหน้าเลยนะแคทเธอรีน ที่จริงแล้วคุณเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อม ชายใดที่ได้คุณไปเป็นภรรยา เขาต้องเป็นผู้ชายที่มีความสุขจนน่าอิจฉาเลยล่ะ”

                เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนยิ้มเขินๆ พวกเขาเดินคุยกันไปตามทางเดินในสวน ด้วยท่าทางกระหนุงกระหนิงเมื่อมองจากมุมสูง อย่างเช่นบานหน้าต่างชั้นสองของคฤหาสน์

                เลดี้บาธถอนหายใจอย่างมีความสุข เธอจับแขนลอร์ดสามีเอาไว้ “พวกเขาดูเข้ากันได้ดีมากเชียวค่ะ ฉันอยากให้ทั้งสองคนรักกันเหลือเกิน”

                “ผมก็คิดว่าอย่างนั้น” ลอร์ดบาธพยักหน้า “ผมเชิญโอเดนเบิร์กมาดื่มน้ำชาที่นี่ตอนบ่ายวันพฤหัส”

                “โอ...”

                “ผมคุยกับจอห์นแล้ว เขายืนกรานปฏิเสธ” ลอร์ดบาธพูดพลางหันมามองหน้าภรรยาของเขา “บางทีจอห์นอาจจะรู้ด้วยเหตุผลว่าผู้หญิงที่เขาชอบไม่มีความเหมาะสม จึงไม่อยากเปิดเผยให้เรารู้”

                “อาจจะเป็นไปได้ค่ะ ท่าทางที่เขาแสดงออกตอนฉันถามก็ทำให้รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน” เลดี้บาธว่า ก่อนจะพูดขึ้นต่อ “แต่ไม่เห็นจะต้องเชิญโอเดนเบิร์กมาดื่มชาเลยนี่คะ”

                “ผมอยากเชิญเขามาเพื่อย้ำให้แน่ใจว่า เขาจะไม่ส่งเสริมจอห์นให้ทำผิดพลาด โอเดนเบิร์กเป็นคนรู้กาลเทศะ เขาคงเต็มใจจะช่วยเราในเรื่องนี้”

------------------------------------------------------

                มื้อเย็นของคฤหาสน์เดลวันนี้เต็มไปด้วยความชื่นมื่น อย่างน้อยๆ ก็สำหรับลอร์ดและเลดี้บาธ เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนสร้างความประทับใจให้พวกเขาเป็นอย่างมาก เธอช่างพูดช่างจา และมีความเห็นอกเห็นใจที่ไม่เสแสร้ง ลอร์ดโทรว์บริดจ์เองก็รู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีความจริงใจ สดใสและเปิดเผย ตอนที่เขาไปส่งเธอขึ้นรถม้า เธอยังย้ำว่าเขาน่าจะพาคนรักมาแนะนำกับเธอ เผื่อว่าเธอจะช่วยเรื่องของพวกเขาได้ ลอร์ดหนุ่มทำได้เพียงพยักหน้า เขาไม่อาจบอกเธอได้ถึงสาเหตุที่แท้จริง

                “โอ้ จอห์น” เลดี้บาธพูดด้วยท่าทางปลาบปลื้ม “แคทเธอรีนช่างน่ารักเหลือเกิน แม่คงมีความสุขมากถ้าเธอจะมาอยู่ร่วมบ้านกับเรา”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองแม่ของเขายิ้มๆ “ผมคงต้องพยายามเอาชนะใจเธอก่อน”

                “แม่เชื่อว่าลูกทำได้จ้ะจอห์น” เลดี้บาธพูดแล้วจูบแก้มลูกชายของเธอ “แม่มองไม่เห็นว่าแคทเธอรีนมีเหตุผลอะไรที่จะไม่หลงรักลูก”

                ลอร์ดหนุ่มได้แต่ยิ้ม พ่อของเขาพูดขึ้นต่อ “แกจะไปนอนหรือยังจอห์น? หรือจะออกไปไหนอีก”

                “โอ... ผมไม่ได้จะออกไปไหนหรอกครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมจะนอนเลย ราตรีสวัสดิ์ครับพ่อ ราตรีสวัสดิ์ครับแม่”

                “ราตรีสวัสดิ์ลูกรัก”

---------------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงสี่เสาที่แสนใหญ่โตและสวยงามของเขา ภายในห้องนอนที่มองผ่านหน้าต่างออกไปเห็นดวงดาวเต็มท้องฟ้า คืนนั้นลอร์ดหนุ่มฝัน เขาฝันว่ากอร์ดอนยอมแต่งตัวเป็นผู้หญิงเพื่อที่จะได้ไปดูดนตรีกับเขา หลังจากนั้นพวกเขาก็ไปงานเต้นรำกันต่อ ทุกคนล้วนแต่ตื่นตะลึงกับความงามของคู่ควงของเขา พวกเขาเต้นรำด้วยกัน กอร์ดอนช้อนดวงตาสีฟ้ามองเขา ดนตรีบรรเลงต่อเนื่องราวกับไม่มีวันสิ้นสุด เขาโอบเอวฝ่ายนั้นเอาไว้ มองเข้าไปยังดวงตาสีฟ้าคู่สวย พอรู้ตัวอีกทีพวกเขาก็กำลังจูบกันทั้งๆ ที่ยังเต้นอยู่ สัมผัสของเรียวลิ้นและริมฝีปากช่างอ่อนละมุน แล้วพ่อแม่ของเขาก็เดินเข้ามา ลอร์ดโทรว์บริดจ์แนะนำกอร์ดอนให้ทั้งสองได้รู้จัก และประกาศว่าเขาทั้งคู่จะแต่งงานกัน

                ในฝันพ่อแม่ของเขาไม่ยินยอม เขาจึงพากอร์ดอนวิ่งหนีออกมา พวกเขาหนีไปอยู่ในบ้านหลังเล็กที่แสนคับแคบ เขาสวมแหวนเพชรสีชมพูที่มีตัวเรือนทำด้วยทองคำให้กอร์ดอน ร้องขอให้ฝ่ายนั้นยินยอมเป็นภรรยาของเขา แต่กอร์ดอนปฏิเสธ เขาย้ำว่าตัวเองเป็นผู้ชาย ก่อนจะเปลื้องเสื้อผ้าออก ทันใดนั้นลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็พบว่าร่างกายของคนรักได้กลายเป็นผู้หญิงแล้ว เขาสวมกอดฝ่ายนั้นไว้ด้วยความยินดี กอร์ดอนร้องไห้ แล้วอ้าแขนกอดเขาไว้แน่น ในฝันพวกเขาพลอดรักกันอย่างดูดดื่ม ก่อนจะร่วมรักกันอย่างเร่าร้อน เขากระแทกกระทั้นเข้าไปในร่างกายของอีกฝ่ายอย่างเต็มไปด้วยความปรารถนา กอร์ดอนขมวดคิ้วมุ่น แหงนหน้าขึ้นสูงและส่งเสียงครางอย่างสุขสม ตอนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เงยหน้าขึ้นมองใบหน้านั้น เป็นจังหวะเดียวกับที่ดวงตาสีฟ้าหรี่ปรือขึ้นมาพอดี เขาถึงจุดสุดยอดในทันที

                “......”

                ความอิ่มเอมทำให้ลอร์ดหนุ่มไม่อยากแม้แต่จะลืมตาตื่น เขายังอุตส่าห์ฝันต่อว่าได้เคล้าเคลียริมฝีปากของคนรักซ้ำหลายครั้งหลังเสร็จกิจ แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พาตัวเองมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงจนได้ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยันตัวลุกขึ้นจากที่นอน เป้ากางเกงของเขาเปียกชุ่ม ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นจากเตียงพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปาก เขาไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้กับเรื่องที่เกิดขึ้นดี

----------------------------------------

                 เช้าวันนั้นบรรดาคนรับใช้ในคฤหาสน์เดลต่างงุนงงไปตามๆ กัน เมื่อนายน้อยของพวกเขาสวมเสื้อคลุมลงมาจากห้องนอนแล้วเดินออกจากคฤหาสน์ตรงไปยังสระน้ำด้านหลัง ก่อนจะถอดเสื้อคลุมออกแล้วกระโดดลงสระไปทั้งที่ยังสวมชุดนอนอยู่ เขาว่ายน้ำอยู่ในสระนานเกือบชั่วโมง จึงกลับขึ้นมาบนฝั่ง โอลิเวอร์รีบเอาผ้าเช็ดตัวและเสื้อคลุมมาให้เขา

                “โอ... นายน้อย ทำไมจู่ๆ ถึงลงมาว่ายน้ำทั้งชุดนอนล่ะครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เหลือบตามองเขา ก่อนจะยิ้มเขินๆ “พอดีเมื่อเช้าฉันฝันดีไปหน่อย กางเกงมันเลยเปียกนะ”

                “....” โอลิเวอร์มองเขาอยู่อึดใจ ก่อนจะสั่นศีรษะแล้วยิ้ม “คุณเลยแก้ปัญหาด้วยการกระโดดลงน้ำทั้งชุดนอนเสียเลย”

                “ใช่ คราวนี้คงไม่มีใครรู้แล้วล่ะว่ามันเปียกเพราะอะไร”

                แน่นอนว่าพ่อและแม่ของเขาถามเรื่องนี้ตอนมื้อเช้าเหมือนกัน แต่คำตอบของลอร์ดโทรว์บริดจ์นั้นต่างออกไป

                “ว่ายน้ำตอนเช้าสดชื่นออกครับ เป็นไปได้ผมอยากว่ายน้ำตอนเช้าจนกระทั่งหมดฤดูร้อนนี้เลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบอย่างร่าเริง ลอร์ดและเลดี้บาธมองหน้ากัน ก่อนที่ฝ่ายแรกจะพยักหน้า

                “เอาล่ะ ถ้าแกคิดอย่างนั้น พ่อก็จะไม่ถามอะไรอีก”

                ลอร์ดหนุ่มยิ้ม ก่อนจะใช้มีดหั่นขนมปังและใช้ส้อมจิ้มหมูย่างตรงหน้า หลังมื้อเช้า เขาสั่งให้คนรับใช้เตรียมเสื้อผ้าและดาบสำหรับใช้ซ้อม ก่อนจะนั่งรถม้าไปที่คฤหาสน์สามเส้าของลอร์ดสวินดัน

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีสีหน้าดีใจอย่างมากที่ได้เห็นเพื่อนรัก เขาลงมาต้อนรับลอร์ดโทรว์บริดจ์ด้วยตัวเองที่ด้านหน้าของคฤหาสน์”

                “อรุณสวัสดิ์จอห์นนี่ ฉันกำลังอยากเจอนายอยู่พอดี”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้ว “นายมีเรื่องอะไรหรือ?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เชื้อเชิญฝ่ายนั้นเข้าไปนั่งในห้องรับแขกใหญ่ของพ่อเขา ก่อนจะพูดต่อ “ฉันมีเรื่องเกี่ยวกับมิสเฮเก้นต์”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ใช้เวลาหลายวินาทีถึงนึกออกว่าเพื่อนของเขากำลังพูดถึงใคร

                “นายคงหมายถึงรักแรกของกอร์ดอน ทำไมล่ะ? เธอมีเรื่องอะไรหรือ?”

                “เธอไม่มีเรื่องอะไรหรอก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สั่นศีรษะ “ฉันเพียงแต่อยากถามนายว่านายรู้จักเธอมากแค่ไหน?”

                “ฉันแทบไม่รู้จักเธอเลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบเพื่อน “ฉันเจอเธอแค่สองหนเท่านั้น”

                “งั้นหรือ...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีสีหน้าผิดหวัง “งั้นกอร์ดอนล่ะ? เขารู้จักเธอใช่ไหม?”

                “ฉันคิดว่านะ เขาสนิทกับเธอ ว่าแต่นายถามเรื่องนี้ทำไม?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยิ้มเขินๆ แบบที่ไม่ค่อยได้เห็นนัก “ไม่รู้สิ จู่ๆ ฉันก็อยากจะรู้เรื่องเธอน่ะ ฉันไปถามเอาจากกอร์ดอนได้ไหม นายจะโกรธหรือเปล่า?”

                “ฉันไม่โกรธหรอก... มันเรื่องของนายนี่... โอ้ หรือว่านาย...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์จ้องเพื่อนเขม็ง ก่อนจะคลี่ยิ้ม “นายตกหลุมรักมิสเฮเกนต์เข้าแล้ว”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ขบริมฝีปาก ก่อนจะสั่นศีรษะ “ไม่รู้สิจอห์นนี่ ฉันยังไม่คิดว่ามันเป็นความรักหรอก ฉันแค่รู้สึกสนใจเธอ ฉันพยายามไปที่บาร์ของแจ็คสันอีกหลายวันหลังจากนั้น แต่ไม่ได้เจอเธออีกเลย”

                “นายเลยอยากจะรู้จักเธอผ่านคนอื่น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะยกมือตบไหล่เพื่อนรัก “ฉันว่ากอร์ดอนคงยินดีจะช่วยนายเรื่องนี้ เขาน่าจะรู้เกี่ยวกับเธอเยอะเลย”

                “โอ... งั้นคืนนี้ฉันจะถามเขา” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า ก่อนจะถามเพื่อนกลับ “ว่าแต่นายมีเรื่องอะไรถึงมาหาฉันแต่เช้าล่ะ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงสี่วันที่ผ่านมาให้เพื่อนของเขาฟัง รวมถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าด้วย ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ฟังจบก็ตบไหล่เขา

                “ฉันว่านายออกจะหมกมุ่นแล้วล่ะ นายควรจะหาทางระบายอารมณ์บ้าง”

                “ฉันก็คิดว่างั้น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า เพื่อนของเขาพูดขึ้นต่อ

                “เฮเลน่า แอนเดอร์สันน่าจะช่วยนายเรื่องนี้ได้ สาวๆ ในสังกัดของเธอมีระดับ และไม่พูดมาก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ “นายแนะนำให้ฉันใช้บริการโสเภณีหรือ?”

                “ใช่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “นายเป็นผู้ชายนะจอห์นนี่ นายต้องเป็นบ้าตายแน่ถ้าไม่ได้ระบายออก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาอย่างพิศวง “ฉันคิดว่าจอร์จน่าจะเป็นคนพูดเรื่องแบบนี้เสียอีก”

                เพื่อนของเขาขมวดคิ้ว “แล้วจอร์จไม่ได้พูดอย่างที่ฉันพูดหรือ? ฉันคิดว่าเขาแนะนำนายแบบนี้เสียอีก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “ไม่ จอร์จแนะนำให้ฉันเล่นกีฬา”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ทำหน้าแปลกใจเหมือนฟังผิด “เขาพูดแบบนั้นจริงหรือ? อย่างจอร์จเนี่ยนะ? เขาคลั่งผู้หญิงออกจะตาย”

                “อืม เขาพูดแบบนั้น พอนายทักฉันถึงนึกได้ว่ามันผิดวิสัยของเขาไปไกลโข” ลอร์ดโทรว์บริดจ์มีสีหน้าแปลกใจเช่นกัน ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยกมือลูบคาง “ฉันไม่คิดว่าการกลับไปคบกับมาร์กาเร็ตจะทำให้จอร์จกลายเป็นคนเรียบร้อยแบบนี้ได้”

                “บางทีเขาอาจจะเกรงใจที่จะแนะนำฉันแบบนั้น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เขารู้ว่าฉันรักอยู่กับกอร์ดอน การแนะนำให้คนที่มีคนรักแล้วไปใช้บริการของโสเภณีไม่น่าใช่เรื่องที่ถูกต้องนัก”

                “มันก็ใช่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ถ้าคนรักของนายและนายกำลังจะแต่งงานกันในเร็ววันน่ะนะ แต่กอร์ดอนไม่ใช่นี่ เขากับนายไม่มีวันได้แต่งงานกัน เรื่องจะมีอะไรกันยิ่งตัดออกไปได้เลย ฉันคงไม่สบายใจนักหรอกถ้านายจะทำผิดถลำลึกแบบนั้น”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขมวดคิ้ว ขณะที่เพื่อนของเขาพูดต่อ “เพราะงั้นฉันถึงแนะนำให้นายใช้บริการโสเภณี มันดีกว่าสำหรับนาย ฉันแน่ใจว่าในฐานะผู้ชายด้วยกัน กอร์ดอนคงเข้าใจนาย ไม่แน่ว่าเขาอาจจะใช้พวกเธอด้วยก็ได้”

                “ไม่มีทาง!” ลอร์ดหนุ่มโพล่งออกมา “กอร์ดอนทำแบบนั้นไม่ได้หรอก”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เลิกคิ้ว “ทำไมล่ะ? เขาเป็นผู้ชายนะ นายจะแน่ใจได้ไงว่าเขาจะไม่ไปเที่ยวผู้หญิง ถ้าเขารักนายและมีอารมณ์กับนาย เขาต้องหาทางระบายออกอยู่แล้ว”

                “นายไม่เข้าใจ” ลอร์ดหนุ่มคราง “กอร์ดอนไม่มีวันร่วมรักกับผู้หญิงได้ เพราะร่างกายเขาไม่ปกติ”

                “....” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นิ่งไปอึดใจใหญ่ ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ฉันเสียใจกับพวกนายด้วย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “ไม่เป็นไร แค่นายไม่พูดถึงเรื่องนี้กับเขาหรือใครก็พอ และนายก็ไม่ต้องพูดเรื่องโสเภณีกับฉันอีก ฉันไม่อยากจะเอาเปรียบเขา”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เม้มริมฝีปาก “แต่นายต้องหาทางระบายออก ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นผลร้ายกับตัวนายเอง”

                “ฉันกำลังหาทางอยู่” เขาหันมาจ้องหน้าเพื่อน “เมื่อวานสมาคมรักบี้แห่งลอนดอนส่งจดหมายมาถึงฉัน เขาเลือกฉันให้เป็นตัวแทนหาทีมเข้าแข่งรักบี้การกุศลที่จะเกิดขึ้นในฤดูใบไม้ร่วงนี้”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตาโตด้วยความดีใจ “นายจะบอกเพื่อนๆ ที่สโมสรเย็นนี้ใช่ไหม?”

                “แน่นอน และฉันตั้งใจจะชวนนายให้มาเล่นด้วยกัน ฉันต้องการนายในทีมของฉัน”

                “ได้สิจอห์นนี่ ฉันยินดีจะร่วมทีมกับนาย ตอนนี้ฉันกำลังเบื่อและว่างมาก ไม่มีงานอะไรเร่งด่วนเลย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้ม “ดี วันนี้นายก็ว่างใช่ไหม?”

                “อืม ทำไมหรือ? นายอยากดื่มชาที่นี่ใช่ไหม?”

                “อ๋อ เปล่า” อีกฝ่ายปฏิเสธ “ฉันอยากให้นายพาฉันไปที่สโมสรฟันดาบของพี่ชายนาย ฉันรู้นายว่าเป็นสมาชิกของที่นั่น”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีท่าทีแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด “นายมีธุระอะไรที่นั่นหรือ?”

                “ฉันอยากฟันดาบ จอร์จพูดถูกว่าฉันต้องเล่นกีฬา และฉันมาคิดๆ ดูแล้ว ฟันดาบเป็นตัวเลือกที่เข้าท่าในตอนนี้ อย่างน้อยๆ พ่อกับแม่ก็จะไม่ตั้งคำถามเรื่องรอยช้ำที่หน้ากับฉัน”

----------------------------------------


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
                สโมสรฟันดาบของลอร์ดฟาริงดอน ตั้งอยู่ชั้นล่างของอาคารหลังใหญ่อันอยู่บนถนนมอติเมอร์ สโมสรแห่งนี้เปิดบริการทุกวัน มีชื่อเรียกว่า เฮมดาลร์ อันเป็นชื่อของเทพเจ้าองค์หนึ่งของพวกนอร์ส

                สโมสรเฮมดาลร์ไม่ใช่สโมสรลับอย่างสโมสรแบล็กเบิร์ดของลอร์ดโทรว์บริดจ์ ผู้ที่มีความสนใจเกี่ยวกับการฟันดาบไม่ว่าใครก็สามารถมาสมัครได้ เพียงแต่เงื่อนไขการสมัครค่อนข้างหินสักหน่อย เพราะต้องเอาชนะสมาชิกสี่คนของสโมสรให้ได้ก่อน จึงจะได้เป็นสมาชิก

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์และลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ลงจากรถม้าแล้วเดินเข้าไปภายในอาคารสโมสร คนที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าเอ่ยทักพวกเขาด้วยท่าทางประหลาดใจ

                “สวัสดีตอนบ่ายครับท่านลอร์ด”

                “สวัสดีตอนบ่าย เชอริ่ง ในสโมสรมีคนมั้ย?”

                คนถูกถามพยักหน้า “ครับ ลอร์ดชอร์เลย์ กับลอร์ดเซลบีกำลังซ้อมดาบอยู่ครับ”

                “มีพวกเขาแค่สองคนหรือ?”

                “ยังมีบารอนคอนเซตต์ กับลอร์ดเจเรมี ไฮฟอร์ดอีกสองคนครับ อันที่จริงแล้วยังมีอีกหลายคนเลย แต่พวกเขากำลังดื่มชากันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “สโมสรพี่ชายนายคึกคักแบบนี้ทุกวันเลยหรือ?”

                “ก็เกือบทุกวันแหละ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ก่อนจะหันไปหาคนเฝ้าประตู “เปิดประตู พวกเราจะเข้าไปด้านใน”

                ด้านในสโมสรเฮมดาลร์กว้างขวางและตกแต่งได้เรียบหรูน่าประทับใจ เสาสูงที่วางเรียงกันอยู่รอบห้องโถงให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ในวิหาร มีสองคนกำลังซ้อมฟันดาบอยู่ ตอนที่ทั้งสองหนุ่มเดินเข้าไปภายใน

                “ว้าว ดูสิใครมา” ชายหนุ่มคนหนึ่งที่เพิ่งเปิดประตูออกมาจากห้องเล็กด้านในอันเป็นห้องนั่งเล่นเอ่ยทักด้วยสีหน้ากึ่งประหลาดใจกึ่งขบขัน

                “ฉันพาจอห์นนี่มาสมัครเป็นสมาชิกสโมสรของเรา” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า สองคนที่เหลือหยุดฟันดาบ พวกเขาวางดาบแล้วเดินมาล้อมคนทั้งสองทันที

                “โอ้โห... จอห์น ลมอะไรพัดนายมาที่นี่ นายเบื่อสโมสรนกเรเวนของตัวเองแล้วหรือ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เหยียดสายตามองคนทัก “สวัสดีตอนบ่าย ฟิลลิป ฉันดีใจที่ยังเห็นนายสบายดี”

                “อ๋อ แน่นอนจอห์น ฉันสบายดีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันอยู่แล้ว” ลอร์ดชอร์เลย์ว่า ลอร์ดเซลบีที่ยืนอยู่ข้างเขาพูดขึ้นต่อ

                “นายมีธุระอะไรจอห์จ สโมสรนกเรเวนของนายขาดคนหรือ? ได้ยินว่าสมาคมรักบี้แห่งลอนดอนเลือกนายเป็นตัวแทนในการหาทีมเพื่อแข่งรักบี้การกุศลในฤดูใบไม้ร่วงนี้ สมาชิกสโมสรของนายคงใช้ไม่ได้สิท่า เลยต้องมาหาเอาที่นี่”

                “แพททริก ฉันไม่มาหานักรักบี้ในสโมสรฟันดาบแบบนี้หรอก ฉันแน่ใจว่าบางคนข้อมือไม่แข็งพอจะจับดาบเอาไว้ให้มั่นด้วยซ้ำ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า อีกฝ่ายขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จึงรีบพูดขึ้น

                “จอห์นนี่ต้องการมาหาคู่ซ้อมดาบ ฉันหวังว่าพวกนายคนใดคนหนึ่งจะเต็มใจเป็นคู่ซ้อมให้เขา”

                ชายคนแรกที่เดินออกมาจากห้องนั่งเล่นยักไหล่ “กฎต้องเป็นกฎ แมกซ์ ต่อให้นายเป็นน้องของไมครอฟ แต่เพื่อนนายก็ต้องทำตามกฎของที่นี่ แม้ว่าเขาจะเป็นท่านลอร์ดผู้มีชื่อเสียงมากก็ตาม”

                “ขอบใจที่ชมฉัน เจเรมี แน่นอนว่าฉันเคารพกติกาของพวกนาย”

                “ฉันจะพานายไปเขียนใบสมัคร” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตัดบท เขาพาลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินตรงไปยังประตูเล็กที่เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดเพิ่งเดินออกมา ด้านในคือห้องนั่งเล่นที่ตกแต่งอย่างหรูหรา มีบาร์เครื่องดื่ม และแกรนด์เปียโนหลังหนึ่งวางอยู่

                “อืม... ไมครอฟนี่รสนิยมไม่เลวทีเดียว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พึมพำ มีคนนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นนั้นราวหกคน ทั้งหมดหันมาจ้องพวกที่เพิ่งเข้ามาใหม่เป็นตาเดียว ลอร์ดโทรว์บริดจ์กวาดตามองคนพวกนั้น ก่อนจะเดินตามลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ไปที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่ตัวหนึ่งที่ตั้งอยู่ตรงมุมห้อง เพื่อนของเขาเดินไปหยิบใบสมัครออกมาจากลิ้นชัก แล้ววางให้เขาบนโต๊ะ ลอร์ดโทรว์บริดจ์นั่งลงบนเก้าอี้ หยิบปากกาขึ้นมากรอกรายละเอียดตามหัวข้อต่างๆ ก่อนจะส่งคืนให้เพื่อนรัก ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หันไปสั่นกระดิ่งที่อยู่ด้านหลัง ก่อนจะหันกลับมามองสมาชิกที่อยู่ในห้องนั่งเล่น

                “ลอร์ดโทรว์บริดจ์จะมาทดสอบเข้าสโมสร ใครต้องการจะเป็นคู่ทดสอบของเขาขอให้เดินมาหาฉัน”

                “.....”

                “ฉันขอประกาศซ้ำอีกครั้ง ใครต้องการจะเป็นคู่ทดสอบของลอร์ดโทรว์บริดจ์ขอให้เดินมาหาฉัน”

                “.....”

                ทั้งห้องเงียบกริบ นอกจากสายตาที่จ้องมายังพวกเขาทั้งคู่ ไม่มีใครปริปากพูดอะไรอีก ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กวาดตามองคนทั้งหมด

                “ฉันจะถามอีกครั้ง”

                “นายไม่ต้องถามให้เมื่อยหรอกแมกซ์” ลอร์ดชอร์เลย์ซึ่งเดินตามหลังพวกเขาเข้ามาพูดขึ้น “เห็นชัดอยู่แล้วว่าไม่มีใครอยากเป็นคู่ทดสอบให้จอห์น เพราะเขาเก่งเกินกว่าที่จะมาเข้าสโมสรฟันดาบเล็กๆ ของเรา”

                “อืม... ฉันไม่รู้ว่านายมีสิทธิ์ถ่อมตัวแทนไมครอฟเมื่อไหร่นะฟิลลิป บางทีเขาอาจจะไม่อยู่นานจนนายลืมไปแล้วก็ได้ว่าใครเป็นประธานสโมสร” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้น เขาลุกขึ้น หมุนเก้าอี้ไปทางด้านหลัง แล้วนั่งลงเผชิญหน้ากับสายตาสิบคู่ที่จ้องมา

                “ฉันมาที่นี่เพราะเห็นว่ากีฬาฟันดาบเป็นกีฬาของสุภาพบุรุษมาแต่ดั้งแต่เดิม และประธานสโมสรของพวกนายก็เป็นสุภาพบุรุษที่กล้าหาญและหยิ่งทะนง ฉันค่อนข้างตั้งความหวังเอาไว้มากเลยล่ะ ว่าสมาชิกสโมสรของเขาจะกล้าหาญและทะนงตัวอย่างที่เขาเป็น แต่เท่าที่เห็น พวกนายก็แค่คนที่คอยอาศัยเงาของลอร์ดฟาริงดอนเท่านั้นเอง”

                “มากไปล่ะจอห์น!” ลอร์ดเซลบีลุกพรวดขึ้น “ฉันจะเป็นคู่ทดสอบให้นายเอง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “คนอื่นล่ะ? มีใครกล้าหาญเท่าลอร์ดเซลบีอีกมั้ย? นายว่าไง ฟิลลิป? หรือนายเจ็บข้อมือเพราะไม่มีลอร์ดฟาริงดอนมาเป็นคู่ซ้อมให้”

                ลอร์ดชอร์เลย์ถลึงตามองเขา แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ใครอีกคนก็หัวเราะขึ้นมา “โอ้ จอห์น โอ้... จอห์น...” เขาพูดพลางปรบมือ “ฉันอยากให้พวกผู้ใหญ่ที่ชอบชมว่านายเป็นพวกถ่อมตัวมาเห็นนายตอนนี้เหลือเกิน นายมันจอมอหังการ์ อะไรที่นายอยากได้ นายต้องได้ และแน่นอนว่านายไม่เลือกวิธีการ”

                “ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบเขา “และตอนนี้ฉันอยากได้คู่ทดสอบ นายจะอาสามั้ย? เจเรมี่ หรือต้องให้ฉันเขี่ยนายขึ้นจากเก้าอี้ด้วยปลายดาบ”

                “ฉันไม่อยากตามใจนายหรอกนะจอห์น แต่ฉันชอบเวลานายแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาแบบนี้ ได้ ฉันจะเป็นคู่ทดสอบคนที่สองให้นายเอง”

                ลอร์ดชอร์เลย์ลุกพรวดขึ้น “จอห์น นายจะต้องเสียใจที่มาที่นี่”

                “งั้นแปลว่านายจะเป็นคนที่สาม”

                “ใช่”

                “คนสุดท้ายล่ะ?”

                “ฉันเอง” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ลุกขึ้นจากเก้าอี้ “ในเมื่อที่พี่ชายของฉันไม่อยู่ ฉันจะเป็นตัวแทนเขาเอง”

                “ว้าว” ลอร์ดเจเรมี่ ไฮฟอร์ดร้องขึ้น “น่าประทับใจมากแมกซ์ หวังว่านายคงไม่ออมมือให้เขา”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยักไหล่ “พวกนายจะได้เห็นด้วยตาตัวเอง” เขาพูด ก่อนที่คนทั้งหมดในห้องจะพร้อมใจทยอยกันเดินออกไปยังโถงที่ใช้สำหรับซ้อมดาบ

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เปลี่ยนชุดและถือดาบสำหรับใช้ซ้อมมายืนหลังเส้นกลาง ลอร์ดเชลบีคู่ต่อสู้ของเขายืนอยู่อีกด้านหนึ่ง กรรมการคือบารอนคอนเซตต์ซึ่งมีอาวุโสที่สุด เขายืนอยู่เส้นกลาง สมาชิกคนอื่นๆ ยืนดูอยู่รอบๆ บารอนคอนเซตต์หันไปถามความพร้อมจากคู่ต่อสู้ทั้งสอง ก่อนจะให้สัญญาณเริ่มการประลอง

                เสียงดาบที่ทำจากโลหะที่มีความยืดหยุ่นสูงกระทบกันดังก้องไปทั่วห้องโถง และในเวลาไม่ถึงสามนาที ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็รุกไล่คู่ต่อสู้ของเขาจนหลุดออกจากเส้นหลังที่ขีดเอาไว้ได้สำเร็จ ลอร์ดเชลบีหอบหายใจด้วยใบหน้าแดงก่ำ ขณะที่อีกฝ่ายพยักหน้าให้เขา

                “ข้อมือนายแข็งกว่าที่ฉันคิดเอาไว้ จะลองอีกรอบมั้ย?”

                ลอร์ดเชลบีถลึงตามองเขา “ฉันแพ้แล้วจอห์น นายควรจะให้เกียรติฉันในฐานะคู่ต่อสู้บ้าง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ เขากลับมายืนหลังเส้นกลางอีกครั้ง ขณะที่ลอร์ดเชลบีเดินออกไปเงียบๆ ลอร์ดเจเรมี่ ไฮฟอร์ดเตรียมจะก้าวเข้ามา แต่ถูกลอร์ดชอร์เลย์ขวางไว้

                “ฉันจะต่อจากแพทริกเอง นายเป็นคนที่สามเถอะ”

                “ก็ได้”

                ลอร์ดชอร์เลย์ก้าวเข้ามายืนหลังเส้นกลาง ประจันหน้ากับลอร์ดโทรว์บริดจ์ พวกเขาทำความเคารพกันตามธรรมเนียม ก่อนที่กรรมการจะให้สัญญาณ

                หลังเวลาผ่านไปสี่นาที ดาบของลอร์ดชอร์เลย์ก็หลุดจากมือ กรรมการประกาศยุติการประลองทันที

                “ว้าว” ลอร์ดเจเรมี่ ไฮฟอร์ดร้อง “ฝีมือนายไม่เลวทีเดียวจอห์น”

                เขาก้าวเข้ามายืนหลังเส้นกลาง ทั้งสองทำความเคารพกัน แล้วจึงเก็บมืออีกข้างที่ไม่ได้ถือดาบไว้ด้านหลัง เมื่อกรรมการให้สัญญาณ การประลองจึงเริ่มต้นขึ้น

                ลอร์ดเจเรมี่ ไฮฟอร์ดเป็นนักดาบหนุ่มแถวหน้าของลอนดอน เขามีชื่อเสียงในด้านนี้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าลอร์ดฟาริงดอน อันที่จริงแล้วในช่วงสองปีให้หลัง เขาได้ก้าวขึ้นมาเป็นนักดาบที่มีชื่อเสียงที่สุดของลอนดอน แซงหน้าลอร์ดฟาริงดอนที่หันไปเอาดีด้านการทำธุรกิจ แน่นอนว่าชื่อเสียงของเขาไม่ได้ได้มาเพราะโชคช่วยแต่อย่างใด ลอร์ดโทรว์บริดจ์ใช้เวลากว่าสิบนาทีเพื่อที่จะต้อนเขาให้จนมุม ทว่ายังต้องยื้อไปจนถึงนาทีที่สิบสาม กว่าที่เขาจะทำให้ลอร์ดเจเรมี่ ไฮฟอร์ดถอยจนหลุดจากเส้นแนวหลังได้

                “โอ้... ให้ตาย” ลอร์ดเจเรมี่ ไฮฟอร์ดคราง เขามองหน้าลอร์ดโทรว์บริดจ์อย่างไม่อยากจะเชื่อ “นายไปเรียนฟันดาบมาจากไหนกัน?”

                “พ่อฉันสอน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบสั้นๆ จากนั้นลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก้าวเข้ามายืนประจันหน้ากับเขา ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้าเพื่อนรัก

                “นี่เป็นครั้งที่สองที่ฉันประลองดาบกับนาย แมกซ์ ฉันหวังว่ามันจะดีเหมือนครั้งแรก”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “แน่นอนจอห์น ฉันจะเต็มที่กับนายเหมือนเดิม”

                พวกเขาทำความเคารพ และเริ่มประลองกันหลังสัญญาณจากกรรมการเหมือนกับคู่ก่อนหน้านี้ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ไม่ได้มีชื่อเสียงในเรื่องฟันดาบอย่างพี่ชายของเขา หรือลอร์ดเจเรมี่ ไฮฟอร์ด เขาเข้าแข่งขันน้อยมาก (หรือบางทีอาจเพราะลอร์ดฟาริงดอนมีความพยายามจะสลับตัวกับน้องชายแทบจะตลอดเวลา) ถึงอย่างนั้นสมาชิกทุกคนของสโมสรเฮมดาลร์ก็รู้ดีว่า ฝีมือดาบของเขาเป็นรองเพียงแค่พี่ชายตัวเองเท่านั้น ลอร์ดเจเรมี่ ไฮฟอร์ดถึงกับเคยตั้งข้อสังเกตว่าลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อาจจะเก่งกว่าลอร์ดพี่ชายของเขาด้วยซ้ำ เพียงแต่เจ้าตัวอยู่ใต้เงาของลอร์ดฟาริงดอนมานานจนเคยชินกับการทำตัวให้ดูด้อยกว่า ข้อสังเกตนี้เป็นที่สนใจของลอร์ดฟาริงดอนเป็นอย่างมาก เขาถึงกับลงทุนจัดการประลองโดยที่ทุกคนจะต้องอำพรางใบหน้า เพื่อจะทดสอบข้อสังเกตดังกล่าว ผลปรากฏว่าลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็ยังคงพ่ายแพ้เช่นเดิม ถึงอย่างนั้นลอร์ดฟาริงดอนกลับมองว่า แม้จะอำพรางใบหน้า แต่ด้วยสัญชาตญาณ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็รู้อยู่ดีว่าเขาคือคู่ต่อสู้ สุดท้ายเจ้าตัวจึงล้มเลิกที่จะพิสูจน์ข้อสังเกตดังกล่าวไป

                ทั้งคู่ประดาบกันอย่างสูสี แทบจะไม่มีใครไล่ต้อนใครให้ถอยไปได้เกินสองก้าวเลย ทั้งห้องเงียบกริบ มีเพียงเสียงใบดาบกระทบกันและเสียงหอบหายใจเท่านั้น

                ทางดาบของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ต่างจากพี่ชายของเขาอย่างสิ้นเชิง ขณะที่ลอร์ดฟาริงดอนมีทางดาบที่พลิกแพลง เต็มไปด้วยกลเม็ดและการหลอกล่อ ทางดาบของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กลับเน้นการโจมตีที่รุนแรง และมุ่งที่จะโจมตีเข้าใส่คู่ต่อสู้อย่างซึ่งหน้ามากกว่าจะเน้นการปัดป้อง เป็นทางดาบที่เรียบง่าย รวบรัด และชัดเจน ส่วนทางดาบของลอร์ดโทรว์บริดจ์นั้น เรียกได้ว่ารัดกุมและพลิกแพลงได้อย่างน่าอัศจรรย์ เขาสามารถตั้งรับได้ดีพอๆ กับการรุก และยังเลือกจังหวะรุกรับได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ

                เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าของคนทั้งคู่ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เดินหน้าโจมตีเข้าใส่เพื่อนของเขาอย่างดุดัน ขณะที่อีกฝ่ายใช้ดาบปัดป้องการโจมตีนั้นอย่างคล่องแคล่ว เวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า ใบหน้าของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยิ่งเคร่งเครียด ขณะที่อีกฝ่ายกลับยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย ลอร์ดโทรว์บริดจ์เริ่มตอบโต้เขามากขึ้น และรุนแรงขึ้น ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จำต้องถอยหลังติดกันหลายก้าว เพื่อหลบดาบของฝ่ายนั้น และหลุดออกนอกเส้นหลังไปในนาทีที่สิบเก้า บารอนคอนเซตต์ประกาศให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์เป็นผู้ชนะ ทุกคนที่ยืนอยู่ในห้องต่างพากับปรบมือ

                “เป็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมมาก” ลอร์ดเจเรมี่ ไฮฟอร์ดพูดขึ้น ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริบหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อ “แม้ฉันจะรู้สึกหงุดหงิดใจที่นายไม่เคยแสดงออกมาก่อนว่ามีฝีมือด้านฟันดาบ แต่ก็ต้องยอมรับจริงๆ ว่านายเก่งกาจด้านนี้อย่างน่าเหลือเชื่อ ทำไมนายถึงไม่ยอมเข้าแข่งขัน”

                “เพราะฉันชอบกีฬาที่เน้นการปะทะโดยตรงมากกว่า” อีกฝ่ายตอบเขา ก่อนจะหันไปมองเพื่อนรัก “ฝีมือนายสูสีกับไมครอฟออกนะ แมกซ์ ฉันว่าเขาลดความเหี้ยมลงไปหน่อยหลังจากกลับมาจากอินเดีย”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะ “ฉันก็ว่างั้น ก่อนไปโรมาเนียเขาลากฉันไปประลองดาบด้วยหลายครั้ง ฉันยังรู้สึกว่าเขามือตกเลย”

                ลอรืดโทรว์บริดจ์ยักไหล่อีกครั้ง เขาหันไปมองคนที่ยืนอยู่รอบๆ “เป็นอันว่าฉันได้เป็นสมาชิกของที่นี่อย่างเป็นทางการแล้วใช่ไหม?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “แน่นอนจอห์นนี่ นายเป็นสมาชิกของที่นี่อย่างถูกต้องสมบูรณ์แล้ว ยินดีต้อนรับสู่สโมสรเฮมดาลร์ ในฐานะตัวแทนของลอร์ดฟาริงดอน ฉันยินดีที่จะประกาศว่า สโมสรแห่งนี้ต้อนรับนายทุกเวลา”

                “และพรุ่งนี้ฉันจะมาอีก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า เขาหันไปมองคนทั้งหมดอีกครั้ง “หวังว่าทุกคนคงยินดีเป็นคู่ซ้อมให้ฉัน”

---------------------------------------------


ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
                ลอร์ดโทรว์บริดจ์กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่คฤหาสน์ เขาเลือกสวมเสื้อกั๊กสีแดงเลือดหมูทับด้วยสูทสีน้ำเงินเข้ากับกางเกง ซึ่งทั้งหมดเป็นชุดที่กอร์ดอนตัดให้เขา ก่อนจะหยิบเสื้อโฟลกโค้ทมาสวม และนั่งรถม้าไปรับช่างตัดเสื้อที่ร้านอย่างที่ทำทุกสัปดาห์

                “คุณเพิ่งอาบน้ำหรือครับ?” กอร์ดอนทักเขาหลังจากที่ทั้งสองขึ้นมาบนรถม้าเรียบร้อยแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า

                “คุณรู้ได้ไง?”

                “ก็ผมคุณยังชื้นอยู่เลย” กอร์ดอนว่า “วันนี้ฝนไม่ตกด้วย คุณเปลี่ยนน้ำหอมด้วยหรือครับ?”

                “อืม ใช่ ขวดเก่าที่ผมใช้อยู่หมด ปรากฏว่าที่นี่ไม่มีขาย ผมเลยต้องกลับไปใช้น้ำหอมฝรั่งเศสอย่างที่เคยใช้ก่อนไปอเมริกา”

                “อ้าว แล้วขวดที่คุณใช้อยู่ก่อนหน้านี้ไม่ใช่น้ำหอมฝรั่งเศสหรือครับ?”

                “เปล่า มันเป็นน้ำหอมของเยอรมัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “คุณชอบกลิ่นไหนมากกว่า”

                “โอ... ผมเคยชินกับกลิ่นเดิมมากกว่าครับ มันดูเข้ากับบรรยากาศของคุณดี แต่กลิ่นนี้ก็หอมเหมือนกัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้มพลางก้มลงจูบแก้มฝ่ายนั้น “ผมให้ร้านสั่งเข้ามาแล้ว คงต้องใช้เวลาสักหน่อย ที่นี่ไม่ค่อยนิยมน้ำหอมของเยอรมันเท่าไหร่”

                กอร์ดอนพยักหน้า ก่อนจะสะดุ้ง เมื่อลอร์ดโทรว์บริดจ์ไซ้จมูกไปที่หลังหูและซอกคอของเขา

                “แล้วคุณล่ะ ใช้น้ำหอมของที่ไหน? เวลส์หรือ?”

                “เปล่าครับ” กอร์ดอนสั่นศีรษะ “ผมใช้น้ำหอมจากร้านเล็กๆ ที่อยู่ตรงสุดถนนนี่เอง มันเป็นน้ำหอมในประเทศ ไม่ใช่น้ำหอมราคาแพงอะไรหรอกครับ”

                “อืม แต่ผมชอบนะ มันเข้ากับกลิ่นตัวคุณดี” ลอร์ดหนุ่มว่า พลางซุกหน้าลงบนซอกคอเขาอีก “ผมว่ากลิ่นคุณเหมือนกุหลาบ”

                กอร์ดอนหัวเราะเขินๆ “มันไม่ทำให้ผมดูเหมือนผู้หญิงใช่ไหมครับ? ผมชอบกลิ่นกุหลาบ แต่ผมพยายามเลือกกลิ่นที่มันดูขรึมหน่อยแล้ว”

                “มันทำให้คุณเหมือนคุณน่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า แล้วดึงตัวช่างตัดเสื้อเข้ามากอดไว้ “พ่อผมเชิญคุณไปดื่มชาพรุ่งนี้”

                “เอ๋?”

                อีกฝ่ายจูบหน้าผากเขา “ดูเหมือนเขาจะเข้าใจว่าผมแอบชอบอยู่กับลูกพี่ลูกน้องคนใดคนหนึ่งของคุณน่ะ คุณจะปฏิเสธก็ได้นะ ผมจะหาเหตุผลไปบอกเขาเอง”

                “ไม่ได้หรอกครับ ท่านมาร์ควิสเชิญผมเลยนะ ผมไม่กล้าปฏิเสธหรอก” กอร์ดอนรีบพูด “ผมจะไปพบเขาครับ ว่าแต่ทำไมพ่อคุณถึงเข้าใจว่าคุณแอบชอบลูกพี่ลูกน้องผมล่ะครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มเขินๆ “สงสัยเพราะผมออกอาการมากไปหน่อย ผมเพิ่งกลับมาจากเที่ยวบ้านคุณไง”

                “โอ...” กอร์ดอนคราง ก่อนจะพยักหน้า “เข้าใจล่ะครับ”

                “แต่ผมบอกเขาแล้วล่ะว่าไม่ได้สนใจญาติคุณ ไม่ได้มีผู้หญิงซ่อนไว้ด้วย ถึงงั้นเขาก็ยังอยากจะคุยกับคุณน่ะ”

                “ผมเข้าใจท่านมาร์ควิสครับ” กอร์ดอนว่า ก่อนจะเงยมองหน้าคนรัก “คุณไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมรู้ว่าควรจะวางตัวยังไง”

                “ผมจะอยู่กับคุณด้วย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า อีกฝ่ายยิ้มให้เขา

                “คุณระวังอย่าออกอาการมากก็พอครับ”

                ลอร์ดหนุ่มหัวเราะ “เมื่อเช้าผมฝันถึงคุณด้วยนะ... ฝันเปียกน่ะ”

                กอร์ดอนหน้าแดง แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ รถม้าก็หยุดลงที่ด้านหน้าของภัตตาคาร ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่งเปิดห้องพิเศษเช่นเคย

                “ผมว่าพ่อคุณคงสงสัยเพราะคุณเล่นเปิดห้องทุกสัปดาห์นี่ล่ะครับ” กอร์ดอนตั้งข้อสังเกตหลังจากผู้จัดการเดินออกไปแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วเหมือนเพิ่งรู้สึกตัว

                “จริงด้วย ผมลืมสนิทเลย ผมเห็นเขาไม่ได้ถามอะไรเลยไม่รู้สึกเอะใจ”

                “ผมว่าเขาคงไม่ถามหรอกครับ เพราะแน่ใจว่าคุณไม่น่าจะตอบตามตรง” กอร์ดอนว่า ก่อนจะพูดต่อ “ผมว่าสัปดาห์หน้าเราไปกินร้านธรรมดากันเถอะครับ ผมจะเป็นคนจ่ายเอง จะได้ไม่น่าสงสัย”

                “ก็ได้ ผมจะตระเวนหาร้านอาหารธรรมดาที่มีไวน์ดีๆ สักหน่อยแล้วกัน คุณจะได้ไม่ต้องลำบากเลือกร้าน”

                กอร์ดอนพยักหน้า ก่อนจะถามอย่างเป็นกังวล “แต่อย่างนี้โอลิเวอร์ไม่สงสัยเรื่องของเราหรือครับ? เขาขับรถม้าให้คุณแทบตลอดเลยไม่ใช่หรือ เขาไม่เอะใจอะไรเลยหรือ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มเขินๆ “โอลิเวอร์รู้แล้ว”

                “หา!” กอร์ดอนมีสีหน้าตกใจ อีกฝ่ายจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง ระหว่างฟัง เจ้าตัวก็หน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย

                “คุณวางใจเถอะ โอลิเวอร์ไว้ใจได้ ผมดีใจที่เขาเข้าใจพวกเรา”

                กอร์ดอนพยักหน้า “แต่ผมคงไม่กล้าสู้หน้าเขา ผมอายเหลือเกิน”

                “ไม่เอาน่า” อีกฝ่ายปลอบ “เราไม่ได้ตั้งใจจะให้เขาเห็นสักหน่อย”

                ช่างตัดเสื้อนิ่งไปพัก สุดท้ายก็ยอมพยักหน้า ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงพูดขึ้นต่อ “ผมมีเรื่องอยากจะถามคุณอีกเรื่องนะ ปกติคุณทำไงเวลามีความต้องการมากๆ”

                “หา?!”

                “คือเมื่อเช้าผมฝันถึงคุณ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดเรื่องที่เขาพูดค้างไว้บนรถม้า “ผมฝันเปียก คุณเคยฝันเปียกเหมือนกันใช่ไหม?”

                แก้มของกอร์ดอนแดงกว่าเดิม เขาผงกศีรษะ “ครับ ผมเคยตอนเด็กๆ แต่ผมไม่ฝันนานแล้วเพราะเรื่องโสเภณีคนนั้น”

                สีหน้าของลอร์ดโทรว์บริดจ์อ่อนลง เขามองอีกฝ่ายอย่างเห็นใจ “ผมขอโทษที่รื้อฟื้นอดีตของคุณอีกแล้ว”

                ช่างตัดเสื้อรีบสั่นศีรษะ “ไม่เป็นไรหรอกครับ เรื่องมันผ่านมานานแล้ว อีกอย่าง... ผมเพิ่งฝันเมื่อคืนวันจันทร์นี้เอง”

                คราวนี้ฝ่ายหน้าแดงเป็นลอร์ดหนุ่มบ้าง เขาถามอีกฝ่ายอย่างกระตือรือร้น “งั้นหรือ? คุณฝันว่าไง?”

                “มันไม่ใช่เรื่องน่าเล่าหรอกครับ” กอร์ดอนรีบพูดปัด “ผมต้องซักกางเกงเอง น่าอายมาก”

                อีกฝ่ายยิ้มเผล่ “ฝันถึงผมใช่ไหม? ที่จริงคืนนั้นผมสังเกตว่าคุณแข็งตัวเหมือนกันนะ คุณไม่ถึงกับเสื่อมสมรรถภาพนี่”

                เลือดสีแดงฉีดขึ้นไปบนถึงใบหูของช่างตัดเสื้อ เขาตะกุกตะกักพูดออกมา “นะ... นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดตอนกินมื้อเย็นนะครับ”

                “แล้วจะให้พูดที่ไหนล่ะ? ห้องนอนคุณหรือ?” อีกฝ่ายย้อน กอร์ดอนมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาก้มหน้างุดอยู่นาน

                “ผะ... ผมก็ไม่เคยแข็งตัวขนาดนั้นหรอก”

                “....” ลอร์ดโทรว์บริดจ์จ้องฝ่ายตรงข้าม ใบหน้าของเขาพลอยเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อไปด้วย กอร์ดอนรีบตัดบท

                “เราอย่าพูดถึงเรื่องนี้กันอีกเลยครับ มันไม่เหมาะที่จะพูดบนโต๊ะอาหาร”

                “จริงของคุณ” ลอร์ดหนุ่มพยักหน้าเห็นด้วย “ไม่งั้นผมคงได้กินคุณแทนมื้อเย็นแน่”

                กอร์ดอนถึงกับต้องขอตัวออกไปยืนมองรูปวาดที่ประดับอยู่ตรงผนังห้องในตอนที่บริกรเดินเข้ามาเสิร์ฟอาหาร เพื่อปิดบังใบหน้าที่กลายเป็นสีแดงจัดด้วยความเขินอายของตัวเอง

                หลังกินมื้อเย็นเสร็จ พวกเขากลับขึ้นรถม้าอีกครั้งเพื่อไปยังสโมสร ทันทีที่ประตูรถปิดลง ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ดึงช่างตัดเสื้อเข้ามาจูบอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง แม้จะเป็นจูบที่กินเวลาเพียงไม่กี่วินาที แต่ก็ทำให้กอร์ดอนกลับมาหน้าแดงได้อีกครั้ง

                “คุณมีอารมณ์กับผมมากใช่ไหม?” อีกฝ่ายถามพลางใช้นิ้วขยี้ริมฝีปากของช่างตัดเสื้อ คนถูกถามพยักหน้า

                “แล้วคุณระบายออกยังไง? หมายถึงหลังจากคืนวันจันทร์น่ะ”

                “ผม... ผมช่วยตัวเองน่ะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ “ผมคิดว่าคุณจะไม่ทำเสียอีก”

                “โอ... ผมรู้หรอกครับว่ามันบาป แต่จะให้ผมทำไงล่ะ? ผมไม่อยากซักกางเกงนอนเองทุกวันนี่นา”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มออกมา เขาลูบศีรษะของช่างตัดเสื้ออย่างเอ็นดู “อันที่จริงอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยผมคนหนึ่งเคยบอกว่ามันควรจะเป็นเรื่องปกติที่ผู้ชายจะระบายอารมณ์ทางเพศของพวกเขาด้วยการช่วยตัวเอง เพราะธรรมชาติสร้างสรรค์พวกเราให้มีแรงขับทางเพศสูงเพื่อการสืบพันธุ์ ถ้าพวกเราไม่ปลดปล่อยอารมณ์เลยจะทำให้เกิดผลเสียร้ายแรงขึ้นมาได้”

                กอร์ดอนยิ้มแห้งๆ “ผมไม่ค่อยถนัดฟังภาษาทางวิชาการนักหรอกครับ เพราะผมไม่เคยเรียนในโรงเรียน แต่ปู่ผมบอกว่า เราควรหาทางช่วยเหลือตัวเองก่อนจะขอให้พระเจ้าช่วย ผมเลยคิดว่าผมยอมทำบาปเล็กๆ น้อยๆ ดีกว่าที่จะทำสิ่งที่พระเจ้าไม่ให้อภัย”

                “ผมว่าคุณคิดถูกแล้วล่ะ”

                ช่างตัดเสื้อเงยมองเขา “แล้วคุณล่ะครับ? แต่ผมว่าอย่างคุณคงไม่เลือกทำแบบผม... คุณมีทางให้ระบายออกมากมาย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำท่าจะอ้าปากพูดอะไร แต่ถูกช่างตัดเสื้อห้ามไว้ “อย่าบอกผมเลยจอห์น ผมไม่อยากรู้หรอกว่าคุณระบายออกยังไง ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติของผู้ชาย ผมแค่เป็นผู้ชายที่ผิดปกติจนทำแบบนั้นไม่ได้เท่านั้นเอง”

                ลอร์ดหนุ่มจับไหล่ของเขาให้หันมาประจันหน้ากับตัวเอง “ฟังผมนะกอร์ดอน คุณไม่ต้องคิดว่าผมจะไปเที่ยวผู้หญิงหรือทำอะไรทำนองนั้นเลย แม้ว่าจะมีใครคนหนึ่งแนะนำผมก็เถอะ คุณพูดถูกผมมีทางเลือกมากมาย และผมก็เลือกทางที่ไม่เอาเปรียบคุณ เช้านี้ผมว่ายน้ำไปหนึ่งชั่วโมงเต็ม ตอนบ่ายผมยังไประรานสโมสรฟันดาบของไมครอฟจนเหงื่อโชกเลยล่ะ แล้วอีกไม่นานผมคงต้องลงซ้อมรักบี้เพื่อที่จะลงแข่งในฤดูใบไม้ร่วงนี้ และถ้ามันยังไม่พอกับความต้องการ ผมก็จะเลือกวิธีเดียวกับคุณ ผมคิดว่าตัวเองมีความสุขเวลาได้จินตนาการถึงสีหน้าและเสียงของคุณเวลาอย่างนั้นนะ”

                กอร์ดอนหน้าแดงอีก เขารีบพูดขึ้นต่อ “จอห์น เรากำลังจะไปสโมสรนะครับ อย่าพูดเรื่องแบบนี้สิ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “ก็ได้ๆ ผมแค่อยากบอกให้คุณรู้ว่าผมไม่เอาเปรียบคุณเท่านั้นเอง”

                “ผมรู้ล่ะครับ”

                ทั้งคู่จูบกันอีกครั้ง ก่อนที่รถจะหยุดจอดที่หน้าอาคารสโมสร

---------------------------------------
(จบตอน)
** เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราต้องมาแก้ชื่อตอนหลังจากเขียนจบตอนแทบจะทุกตอนเลย (คือไม่รู้ว่าจะตั้งชื่อตอนทำไม ในเมื่อเขียนแล้วแทบจะไม่เคยตรงกับชื่อตอนที่วางไว้ :ling1:) แล้วก็ไม่รู้ว่าโควต้าต่อตอนของมันทะลุมาอยู่ที่20หน้าเอสี่ต่อตอนตั้งแต่เมื่อไหร่ :mew5: อันที่จริงแล้วระหว่างเขียนเราก็กลัวคนอ่านจะรู้สึกเบื่อว่ายืดไป แต่พอลองอ่านอีกที โดยส่วนตัวในฐานะคนเขียนที่อยากอ่าน (5555+ คนบ้าไรวะเนี่ย :laugh:) เราก็ว่ามันพอดีแล้วนะ (ทุกคนก็แบบ... แล้วเมิงจะพูดทำมายย) เอาว่าถ้าท่านผู้อ่านคิดว่าตรงไหนมันยืดยาดเกินไป ลองแนะนำดูค่ะ เผื่อเราจะได้เอาไปแก้ไข

ตอนนี้เหมือนตอนคั่นเวลา (ที่จริงแล้วทุกตอนมันก็เหมือนตอนคั่นเวลา) เราวางแพลนให้เรื่องนี้เดินไปอย่างเรื่อยๆ มาเรียงๆ ไม่รีบไม่ร้อน (แน่นอน เพราะมาม่าถ้ากินทุกตอนคงอืดตาย) อยากเขียนถึงช่วงเวลาน่ารักของจอห์นนี่และกอร์ดอน ระหว่างที่ทั้งคู่พยายามปลูกและดูแลต้นรักท่ามกลางอุปสรรค์ต่างๆ นานา และแน่นอนว่าเรายังอยากจะเขียนถึงความรักของลอร์ดแมกซ์อีกด้วย (แต่เริ่มหาที่แทรกยากแล้วแฮะ)

ตอนนี้เหมือนเป็นครั้งแรกที่ได้เขียนถึงจอห์นนี่ในอีกโฉมหน้าหนึ่ง ซึ่งคนที่จะได้เห็นก็ต้องเป็นเพื่อนๆ ในแก๊งของไมครอฟ ซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานานตั้งแต่เรียนอีตันด้วยกัน ฮ่าๆ ส่วนสาเหตุที่ทำให้เพื่อนๆ ของไมครอฟดูไม่ชอบจอห์นแบบนี้ คงเพราะจอห์นมาดึงเอาน้องชายสุดรักของไมครอฟออกไปจากกลุ่มได้สำเร็จ (เราว่ามันคงเป็นสาเหตุหนึ่งด้วยที่ทำให้ไมครอฟอยากจะเอาชนะจอห์นอยู่ตลอดเวลา) มีความคิดว่าอยากจะเขียนรายละเอียดที่จอห์นดึงตัวแมกซ์ออกมาจากพี่ชายได้ในตอนพิเศษสักตอนหนึ่ง (อย่างที่จอร์จเคยบอกไว้ว่า จอห์นก็ตื๊อแมกซ์ชนิดสุดๆ เหมือนกัน)

กอร์ดอนผู้ปรากฏตัวออกมาน้อยนิด แต่ความน่ารักมหาศาล โอ๊ย อยากถูกผู้ชายอย่างจอห์นไซ้ซอกคอแบบช่างตัดเสื้อบ้าง (ฝัน :hao6:) นี่ถ้ากอร์ดอนแต่งเป็นผู้หญิง อิฉันแน่ใจว่าอีตาจอร์จคนแรกเลยที่จะต้องออกอาการ (ขนาดแค่เสนอความคิดยังออกอาการแบบออกหน้าออกตา ฮ่าๆ)

รักเรื่องนี้จับใจ ในวันป่วยๆ นี่การคิดถึงกอร์ดอนกับจอห์นเป็นความสุขของเรามากเลยค่ะ :-[

ปล. ตอนที่จอห์นเล่นดนตรีกับแคทเธอรีนเราก็ชอบนะคะ เราว่ามันเป็นความสัมพันธ์ฉันเพื่อนที่น่าประทับใจอ่ะ

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
คุณตาของแคทเธอรีนน่าจะเป็นชายหนุ่มที่เคยเป็นคู่หมายของคุณย่ากอร์ดอนแน่

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
จอห์นเนี่ยออกแนวร้ายได้กับทุกคนยกเว้นเธอคนเดียวอะไรแบบนั้นนะเนี่ยนะ 55555


ส่วนตัวเราเองไม่ได้เคร่งศาสนามากเลยไม่ค่อยเมคเซนส์เรื่องที่กอร์ดอนกังวลเท่าไหร่ แต่จะพยายามทำความเข้าใจให้มากที่สุดค่ะ


ชอบเรื่องนี้มากๆดีใจทุกครั้งที่เห็นว่ามาอัพแล้วเหมือนได้น้ำเลี้ยงชโลมใจ

ตอนนี้กลัวมาก กลัวพ่อแม่ของจอห์นจะรู้



ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ไม่ใช่อะไรหรอกนะ จะมาคุยเรื่องฝันเปียกอย่างกระหนุงกระหนิงได้ยังไง
เราละอายแทน อ๊าาาาาาาย
 :-[

ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1098
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
อยากให้ลองแต่งหญิงไม่อยากจะคิดเลย
สุขแบบไม่สุด
กังวลแทนสองคนนี้
แต่พอเจอท่านลอร์ดซุกซอกคอ
ยอมทุกอย่างค่ะ

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
จอห์นเนี่ยออกแนวร้ายได้กับทุกคนยกเว้นเธอคนเดียวอะไรแบบนั้นนะเนี่ยนะ 55555


ส่วนตัวเราเองไม่ได้เคร่งศาสนามากเลยไม่ค่อยเมคเซนส์เรื่องที่กอร์ดอนกังวลเท่าไหร่ แต่จะพยายามทำความเข้าใจให้มากที่สุดค่ะ


ชอบเรื่องนี้มากๆดีใจทุกครั้งที่เห็นว่ามาอัพแล้วเหมือนได้น้ำเลี้ยงชโลมใจ

ตอนนี้กลัวมาก กลัวพ่อแม่ของจอห์นจะรู้




เราเคยอ่านเจอว่าในสมัยวิกเตอเรียน คริสเตียนที่นั่นมองว่าการช่วยตัวเองเป็นบาปอย่างหนึ่งค่ะ (แต่เรียกอะไรจำไม่ได้แล้ว) จอห์นเลยแปลกใจที่กอร์ดอนตอบว่าช่วยตัวเองค่ะ เพราะจอห์นมองว่ากอร์ดอนค่อนข้างเคร่ง ไม่น่าทำ 555 ส่วนตัวจอห์นเองก็อย่างที่เห็น 5555 หาความเคร่งครัดไม่เจอ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ยาวสะใจมากกกก
ท่านตาของแคทเทอรีนชอบคุณย่ากอดอนแน่เลย

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
คุยเรื่องฝันเปียกและการช่วยตัวเองได้อย่างน่าเอ็นดูมาก ต่างคนต่างเขิน พาคนอ่านเขินไปด้วย

จอร์จผิดฟอร์มมาก ดูเหมือนคนไม่เคยเจ้าชู้มาก่อน
แมกซ์แนะนำอย่างคนที่ไม่เคยมีความรัก ดังนั้นการแนะนำให้ใช้บริการสาว ๆ จึงเข้าใจได้

ในตอนนี้คนอ่านยังได้รู้จักจอห์นในมุมที่ไม่ได้อยู่กับกอร์ดอนและเพื่อน ๆ มีความเป็นลอร์ดผู้ไว้ตัวและอหังการ์จริง ๆ แต่พ่อคุณทูนหัวก็มีคุณสมบัติเพียบพร้อมให้เป็นเช่นนั้น ทั้งรูปร่างหน้าตา ครอบครัว ฐานันดร ความสามารถเชิงกีฬา และอุปนิสัยสุภาพบุรุษผู้น่าคบหากับคนทั่วไป

ใครทำท่านลอร์ดโทรวบริดจ์ไม่สบอารมณ์ก็ซวยแล้ว

ทีนี้เรื่องรักลับ ๆ ที่เริ่มไม่ลับ
ไมครอฟก็มองออกตั้งแต่ครั้งแรก ๆ ที่เห็นจอห์นออกอาการหวงกอร์ดอน โอลิเวอร์รู้เพราะความไม่ยับยั้งห้ามใจทำประเจิดประเจ้อของจอห์น แม่ก็เริ่มสงสัยจากพฤติกรรมเหวี่ยงของจอห์นน้อย พ่อสงสัยจากการใช้เงิน

รักครั้งนี้จะเป็นอย่างไรต่อไปนะ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ฉากที่ไปบุกสมาคมฟันดาบนี่จอห์นทำหน้าได้นางร้ายมากเลยค่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า บอกเลยถ้าไม่เก่ง ไม่มั่นนี่ทำไม่ได้เลยนะคะ เห็นได้ชัดทีเดียวว่า ฮีเป็นที่หมั่นหน้ามากในหมู่สุภาพบุรุษอังกฤษ

ยังไงก็เห็นใจทั้งสองคนมากๆ เลยนะคะ โดยเฉพาะกอร์ดี้ที่ค่อนข้างเคร่งศาสนา คือคงจะรู้สึกผิดบาปและทุกข์มาก ฮือออ วายละมุน

ปล. ถ้าอย่างจอห์นนี่เรียกว่า หาความเคร่งครัดในศาสนาไม่เจอ แล้วจอร์จจี้นี่สมควรเรียกว่าอะไรดีคะ

+เป็ด รัวๆ

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
ตอนนี้พักเครียดนิดหน่อย

ออฟไลน์ imymild

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
อย่าให้ใครจับได้เลย :katai1:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ theG

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
กลัวว่าพ่อจอห์นได้คุยกับกอร์ดอนแล้วจะทำให้กอร์ดอนตัดใจจังค่ะ กลัวสุดด

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
Dear, My customer.

ตอนที่29 แอนนาเบล เฮเก้นต์


                เหล่าสมาชิกสโมสรแบล็กเบิร์ดต่างตื่นเต้นกับเรื่องที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถูกเลือกให้หาทีมไปแข่งรักบี้การกุศลต่อหน้าเจ้าชายในฤดูใบไม้ร่วงนี้

                “นายจะทำการคัดเลือกตัวผู้เล่นเมื่อไหร่?” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถามอย่างกระตือรือร้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบเขา

                “อีกสักสองสัปดาห์ ที่สนามแบตเตอร์ซี ฉันอยากให้พวกนายทุกคนไปร่วมคัดตัว”

                “แน่นอน ฉันไม่พลาดอยู่แล้ว!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า

                “ฉันต้องไปแน่นอน” ลอร์ดครอฟตันพยักหน้า

                “ถึงฉันจะทำงานทุกวัน แต่ฉันก็จะไปคัดตัวในวันที่นายกำหนด” เจมส์ว่า “ฉันคิดถึงเวลาที่พวกเราได้เล่นรักบี้ด้วยกัน ถึงฉันจะไม่ว่างซ้อม แต่ได้ไปเล่นกับพวกนายวันคัดตัวสักครั้งก็ยังดี”

                “ฉันเห็นด้วยเลย” โรเบิร์ตว่า “นานเท่าไหร่แล้วที่พวกเราไม่ได้เล่นรักบี้ด้วยกัน”

                “มันต้องเป็นวันที่สนุกมาก” นิโคลาสว่า เจฟฟรีพยักหน้า

                “พนันได้เลยว่าต้องมีคนเต็มสนาม ว้าว! บรรยากาศที่พวกเราคิดถึง”

                อีธานยิ้ม “ฉันได้กลิ่นหญ้าเลยล่ะ” เขาหันไปหากอร์ดอน “ว่าแต่นายจะไปคัดตัวกับเขาด้วยมั้ย?”

                กอร์ดอนรีบสั่นศีรษะทันที ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ที่เงียบอยู่แต่แรกจึงพูดขึ้น “กอร์ดอนเป็นช่างตัดเสื้อ อีธาน”

                “อืม ฉันเห็นล่ะ” อีกฝ่ายพยักหน้า “ฉันคิดว่าเขาอาจจะอยากเปลี่ยนบรรยากาศ”

                “โอ้โห...” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้อง เขาจ้องเพื่อนเขม็ง “นายคิดได้ไงอีธาน อย่างกอร์ดอนเนี่ยนะ? ฉันว่าเขาคงไม่รอดตั้งแต่วิ่งแข่งแล้ว”

                ลอร์ดครอฟตันหัวเราะ “แล้วนายล่ะจอร์จจี้ จะรอดกับเขารึเปล่า?”

                “รอดสิ” คนถูกถามพูดเสียงแข็ง “อย่างน้อยๆ ฉันก็วิ่งเร็ว”

                “ใช่” เจมส์รีบเสริมทันที “เขาวิ่งเร็วเวลาสับรางไม่ทันเสมอ ว่าแต่นายจะยังวิ่งเร็วเท่าเดิมหรือจอร์จจี้ พักนี้มาร์กาเร็ตพังรถไฟของนายหมดแล้วนี่นา”

                “หยุดเลยเจมส์ นี่ไม่ใช่เวลาจะพูดถึงเรื่องนี้นะ”

                ทุกคนต่างพากันหัวเราะ ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นบ้าง “ฉันจะแจ้งสถานที่กับเวลาอีกที ระหว่างนี้ฉันจะไปมองหาคนอื่นๆ อีก ฉันว่าจะลองไปที่เคมบริดจ์ ที่นั่นน่าจะมีคนน่าสนใจเยอะทีเดียว”

                “เข้าท่า เคมบริดจ์ก็ดี” ลอร์ดครอฟตันว่า หลังจากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็คุยกันถึงเรื่องรักบี้ กอร์ดอนได้แต่ฟังเงียบๆ ตามเคย แต่แล้วลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็เดินมานั่งข้างเขา

                “กอร์ดอน ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย”

                “เรื่องอะไรหรือครับ?” ช่างตัดเสื้อถาม ลอร์ดหนุ่มมองเขาอย่างชั่งใจ

                “ฉันอยากให้นายเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ห้ามเล่าให้ใครฟังเด็ดขาด”

                “ครับ...”

                “นายรู้จักมิสเฮเก้นต์แค่ไหน?”

                ช่างตัดเสื้อเบิ่งตากว้าง “ทำไมหรือครับ? มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับเธอหรือ?”

                “ก็ไม่มีอะไรมากหรอก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “พักหลังนี้ฉันไปที่บาร์ไม่เจอเธอ เลยอยากรู้ว่าเธอพักอยู่แถวไหนน่ะ”

                “....” กอร์ดอนจ้องหน้าฝ่ายนั้น “เดี๋ยวนะครับ... คุณเคยเจอเธอแล้ว?”

                “ใช่”

                “และคุณอยากเจอเธออีก?”

                “อืม...”

                “ทำไมหรือครับ?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ขมวดคิ้ว “ฉันมีเหตุผลส่วนตัว ได้ยินว่านายสนิทกับเธอ แจ็คสันบอกว่ามิสเฮเก้นต์ไม่เคยดื่มกับใครเกินหนึ่งแก้วเลย ยกเว้นนาย”

                “โอ... อย่างนั้นหรือครับ ผมเพิ่งรู้นะเนี่ย” กอร์ดอนมีสีหน้าแปลกใจ “ตอนจอห์นไปกับผมครั้งแรก เธอยังดื่มตั้งหลายแก้วเลย”

                “เธอไม่ดื่มกับผู้ชายแค่สองคนน่ะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า กอร์ดอนมองเขาอีก

                “แสดงว่าคุณชวนเธอดื่มแล้ว”

                “แน่นอน”

                ช่างตัดเสื้อยิ้มออกมา “ผมรู้ แอนเป็นคนสวยมาก คุณต้องชอบผู้หญิงผมสีแดงแบบผมแน่”

                “ฉันไม่ได้ชอบผู้หญิงผมสีแดง” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบเสียงแข็ง “ฉันแค่อยากรู้ว่าเธอพักที่ไหน?”

                “แล้วคุณจะอยากรู้ที่พักเธอไปทำไมครับ? ปกติสุภาพบุรุษเขาถามหาที่พักของผู้หญิงที่เพิ่งเจอกันแค่ครั้งเดียวด้วยหรือครับ?”

                “โอ้ ให้ตาย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คราง แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็เดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างพวกเขาพร้อมกับแก้ววิสกี้

                “ไง... พวกนายคุยอะไรกัน ท่าทางน่าสนุกนี่”

                “เราไม่ได้คุยอะไรกัน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบทันที อีกฝ่ายหรี่ตามองเขา

                “ฉันเห็นพวกนายคุยกันอยู่ชัดๆ แมกซ์... นายมีความลับอะไรที่ไม่อยากบอกฉันใช่มั้ยล่ะ?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จ้องลอร์ดจอร์จ เฟลตันเขม็ง “อะไรที่ฉันอยากให้นายรู้ ฉันจะบอกให้นายรู้เองจอร์จ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเชิดหน้า “ฉันถามเอาจากกอร์ดอนก็ได้...”

                “จอร์จ...”

                “ก็ได้ๆ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันผุดลุกขึ้น “ฉันไม่ขัดจังหวะนายล่ะแมกซ์” เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วหันมาขยิบตาให้กอร์ดอนครั้งหนึ่ง ก่อนจะเดินออกไป ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถอนหายใจเฮือก

                “เอาล่ะ กอร์ดอน ตกลงแล้วนายรู้รึเปล่าว่ามิสเฮเก้นต์พักที่ไหน?”

                ยังไม่ทันที่กอร์ดอนจะได้อ้าปากพูด ลอร์ดครอฟตันก็เดินเข้ามา “แมกซ์ นายจะชวนกอร์ดอนไปคัดตัวรักบี้หรือ?”

                “เปล่า”

                อีกฝ่ายเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ “อ้าว ฉันคิดว่านายจะตื่นเต้นกับข่าวของจอห์นนี่เสียอีก”

                “เขาบอกฉันก่อนหน้านี้แล้ว”

                “งั้นหรือ” ลอร์ดครอฟตันพยักหน้า “พวกเรากำลังจะนัดซ้อมกัน ถึงจอห์นนี่จะเป็นเพื่อนสนิทของเรา แต่ก็ไม่ได้ประกันว่าเขาจะต้องเลือกเราเข้าทีมทุกคนนี่ มาเถอะแมกซ์ นายต้องมาคุยเรื่องกำหนดการซ้อมของพวกเรานะ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ลุกขึ้นอย่างเสียไม่ได้ เขาหันมาพูดกับกอร์ดอนก่อนจะเดินไปสมทบกับเพื่อน

                “เดี๋ยวฉันจะมาคุยอีกที นายเตรียมคำตอบเอาไว้ด้วยล่ะ”

                บรรดาสุภาพบุรุษคุยกันถึงเรื่องกำหนดการซ้อมและเลยไปถึงเรื่องสมัยที่พวกเขาเคยเล่นรักบี้ด้วยกัน ทำให้กอร์ดอนได้รู้ว่า สมัยที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เล่นรักบี้ให้กับสโมสรของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เขาเคยมีสมาชิกถึงสามสิบคน และพวกเขามีแผนที่จะไปคัดตัวทีมชาติด้วยกัน เสียแต่ว่าลอร์ดหนุ่มชิงหนีไปอเมริกาเสียก่อน

                “วันก่อนฉันเจอแฮรี่ เขายังถามถึงนายอยู่เลย” เจมส์ว่า “เพื่อนๆ ของพวกเราที่เล่นให้ทีมชาติเสียดายมากที่นายไปอเมริกากะทันหัน ไม่งั้นนายคงจะได้ไปเล่นกับพวกเขาแล้ว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มให้เพื่อน “ฉันไม่อยากผูกติดตัวเองกับทีมชาติ ยังมีอีกหลายอย่างที่ฉันอยากทำ”

                “ก็จริงอย่างที่เขาว่า” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า “ฉันไม่เคยเห็นจอห์นนี่อยู่ติดที่สักที”

                เพื่อนๆ พากันหัวเราะ สุดท้ายพวกเขาก็ได้ข้อสรุปว่าจะรวมตัวกันซ้อมทุกวันพุธแทนช่วงเวลาที่จะมาสโมสร ส่วนคนอื่นๆ ที่ว่างพอ ก็จะมีการนัดซ้อมอีกในช่วงวันจันทร์และวันศุกร์

-----------------------------------------

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ขอติดรถม้ากลับมาหลังจากเลิกสโมสร ลอร์ดโทรว์บริดจ์มีสีหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะทำให้เขาไม่อาจพลอดรักกับกอร์ดอนอย่างที่เคยทำได้

                “แมกซ์ ตอนนี้พ่อนายก็ไม่อยู่ ทำไมนายถึงไม่เอารถม้ามาด้วย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามด้วยความสงสัย ขณะนั่งข้างกับเพื่อนรักบนรถม้าคันใหญ่ของเขา ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยักไหล่

                “ฉันบอกให้กลับไปก่อนแล้ว ฉันยังคุยกับกอร์ดอนไม่จบเลย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขมวดคิ้ว “นายคุยอะไรกับเขาติดพันขนาดนั้น?”

                “ก็เรื่องมิสเฮเก้นต์”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้ว เขาเพิ่งนึกได้ว่าเพื่อนรักกำลังมีปัญหาหัวใจ ความหงุดหงิดที่ถูกขัดจังหวะเลยลดลงไปหน่อย เจ้าตัวยกมือตบไหล่เพื่อนเบาๆ

                “กอร์ดอนยังไม่ได้บอกที่อยู่เธอกับนายหรือ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สั่นศีรษะ กอร์ดอนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามจึงพูดขึ้นบ้าง “คือผมไม่ได้ตั้งใจจะไม่ให้ที่อยู่เธอกับคุณหรอกนะครับ แต่มันไม่สมควรที่ผมจะเที่ยวเปิดเผยที่อยู่ของเธอให้ผู้ชายที่เธอไม่ได้สนิทด้วย เธออาจจะโกรธผมก็ได้”

                “ทำไมล่ะ?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถามอย่างสงสัย “ฉันไม่ได้มีเจตนาไม่ดีกับเธอสักหน่อย”

                “งั้นคุณจะขอที่อยู่เธอไปทำไมครับ?”

                “ก็เธอไม่ยอมไปที่บาร์”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะออกมา “ถ้ากอร์ดอนลำบากใจที่จะให้ที่อยู่กับนาย ฉันแนะนำให้นายไปถามเอากับลอร์ดวู้ดฟอร์ด เพราะเธอทำงานเป็นครูสอนดนตรีให้กับลูกสาวของเขา”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เลิกคิ้ว “เธอทำงานที่บ้านของลอร์ดวู้ดฟอร์ดหรือ?”

                “ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ทางที่ดีนายควรจะรีบทำความรู้จักกับเธอให้ไว ก่อนที่เธอจะเสร็จเจ้าโรเบิร์ตที่น่ารังเกียจคนนั้น”

                “โอ้ ให้ตาย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ขมวดคิ้ว “นายรู้ได้ยังไงว่าเธอทำงานที่นั่น แล้วนายบอกเธอถึงเรื่องเลวร้ายของเจ้านั่นแล้วหรือยัง?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “เปล่า ฉันไม่ได้บอกหรอก ฉันกับมิสเฮเก้นต์ไม่ได้สนิทสนมอะไรกัน ถึงฉันจะเป็นคนไร้มารยาท แต่ฉันก็ยังไม่หน้าด้านพอจะพูดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับลูกชายนายจ้างของเธอ โดยใช้ฐานะของผู้จัดการเหมืองหรอกนะ นายคิดหรือว่าเธอจะเชื่อฉัน”

                “ก็จริงของนาย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยอมรับ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา “หวังว่าเธอคงจะไว้ตัวกับเจ้าโรเบิร์ตนั่นเหมือนกับที่เธอไว้ตัวตอนอยู่ที่บาร์”

                “เดี๋ยวนะครับ พวกคุณคุยอะไรกัน” กอร์ดอนที่นั่งฟังอยู่พักใหญ่ถามออกมา “โรเบิร์ตคนนั้นเป็นใครครับ? ฟังดูเหมือนเขาร้ายกาจมาก”

                “เขาร้ายกาจมาก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดเสริมต่อ

                “เขาเป็นลูกชายคนโตของลอร์ดวู้ดฟอร์ด ที่จริงแล้วด้วยฐานะทุกอย่างที่เขามี และโดยเชื้อสายของเขา โรเบิร์ตควรจะเป็นสุภาพบุรุษที่เพียบพร้อม ซึ่งมันก็ใช่สำหรับคนที่รู้จักเขาอย่างผิวเผินน่ะนะ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้าเห็นด้วย “เขาเป็นผู้ชายที่ชอบหลอกลวงผู้หญิง มีผู้หญิงหลายคนต้องน้ำตาตกถึงขั้นฆ่าตัวตายเพราะเขามาแล้ว”

                กอร์ดอนเบิ่งตากว้างด้วยความตกใจ “พูดจริงๆ หรือครับ?”

                “อืม ฉันไม่ใช่คนชอบนินทาหรอกนะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ที่จริงแล้วลอร์ดวู้ดฟอร์ดเคยต้องมาพบพ่อฉันเพื่อให้จัดการปัญหาเกี่ยวกับตัวลูกชายของเขาหลายครั้ง สำหรับฉันแล้ว โรเบิร์ต เดอ เนเลีย เป็นผู้ชายที่ผู้หญิงคนไหนก็ไม่ควรจะได้เฉี่ยวใกล้ด้วย”

                “โอ...” กอร์ดอนมีสีหน้าวิตกอย่างเห็นได้ชัด เขาเงยหน้ามองลอร์ดหนุ่มทั้งสอง “คุณจะช่วยแอนใช่ไหมครับ?”

                “แน่นอน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เธอพลาดท่าให้กับโรเบิร์ต เธอไม่ควรจะเสียทีให้กับผู้ชายพรรค์นั้น”

                “งั้นผมจะบอกที่อยู่เธอกับคุณ” กอร์ดอนว่า เขาบอกที่อยู่ของแอนนาเบล เฮเก้นต์ให้กับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ เจ้าตัวหยิบปากกากับสมุดโน้ตขึ้นมาจดทันที

                “ผมควรจะเตือนเรื่องนี้ให้เธอรู้ด้วยรึเปล่าครับ?” กอร์ดอนถามต่อ ทั้งสองคนสั่นศีรษะ

                “อย่าเลย มิสเฮเก้นต์ไม่เชื่อคุณหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “คุณไม่ได้รู้จักมักจี่อะไรกับลอร์ดวู้ดฟอร์ดและลูกชายของเขานี่นา ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแมกซ์ดีกว่า”

                ช่างตัดเสื้อพยักหน้า “ครับ ผมหวังว่าจะไม่มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับแอน เธอเป็นผู้หญิงที่น่าประทับใจมาก”

                “แน่นอน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ถ้ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับเธอ ฉันจะจัดการพวกนั้นเอง”

                ทั้งคู่แวะส่งกอร์ดอนที่ร้าน ก่อนที่จะนั่งรถต่อไปที่คฤหาสน์สามเส้าของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ระหว่างที่นั่งอยู่ในรถ ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเพื่อนรักพลางยิ้ม

                “แมกซ์ นายจริงจังกับสาวที่นายเพิ่งเจอแค่ครั้งเดียวมากนะ รู้ตัวมั้ย?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เหลือบตามองเพื่อน “ทีนายยังจริงจังกับผู้ชายที่เจอกันโดยบังเอิญได้เลยนี่นา”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะ “งั้นขอให้นายโชคดีแล้วกันนะ”

-----------------------------------------

                วันรุ่งขึ้น ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์แต่งตัวออกจากคฤหาสน์แต่เช้า เขาสวมหมวกทรงสูงที่ไม่ค่อยได้สวมนัก สวมสูทตัวหรูสีดำสนิท ทับด้วยเสื้อโฟลกโค้ทตัวบางสำหรับหน้าร้อนสีดำ และถือไม้เท้าอันใหม่ที่มีหัวทำจากอำพัน มองเผินๆ ตอนนี้เขาดูเหมือนลอร์ดฟาริงดอนพี่ชายมากทีเดียว เขาแวะที่ร้านขายดอกไม้เพื่อซื้อดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ ก่อนจะสั่งคนขับรถม้าให้ไปยังบ้านของมิสเฮเก้นต์

                ตามที่อยู่ที่กอร์ดอนบอกไว้ มิสเฮเก้นต์อาศัยอยู่กับเพื่อนของเธอในเลขที่214 ในย่านถนนเบอร์นาบี ใกล้กับเวสต์ฟิลด์พาร์ค ซึ่งเป็นบ้านของมิสซิสเมอร์สัน หญิงหม้ายที่ลูกชายทำงานอยู่กระทรวงต่างประเทศ ทำให้เขาต้องเดินทางอยู่ตลอดเวลา ด้วยฐานะที่ดีพอสมควร เธอจึงยินดีจะให้มิสเฮเก้นต์และมิสวู้ดเช่าห้องในราคาย่อมเยาว์ เพื่อที่จะได้อยู่เป็นเพื่อนเธอ

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ลงจากรถม้า แล้วเดินไปสั่นกระดิ่งที่หน้าบ้านหลังนั้น ไม่นานนักประตูก็ถูกเปิดออก หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งโผล่หน้าออกมา

                “ผมมาพบมิสเฮเก้นต์” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์บอกเธอ หญิงคนนั้นมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะพูดตอบ

                “โอ... ลอร์ดวู้ดฟอร์ดเพิ่งส่งรถม้ามารับตัวเธอไปเมื่อครู่นี่เองค่ะ”

                “งั้นหรือ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีสีหน้าผิดหวัง เขาก้มลงมองช่อกุหลาบในมือ หญิงวัยกลางคนมองเขาแล้วยิ้ม “คุณจะเข้ามาดื่มน้ำชาด้านในก่อนไหมคะ”

                “เอ่อ... ครับ”

                หญิงวัยกลางคนเปิดประตูให้เขา แล้วเดินนำเข้าไปยังห้องรับแขกเล็กๆ ในบ้าน

                “คุณคงเป็นคุณนายเมอร์สัน ผมแมกซ์ เมอร์เรย์” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดหลังจากนั่งลงบนเก้าอี้รับแขก หญิงวัยกลางคนพยักหน้า “ค่ะ คุณเมอร์เรย์ แอนคงเล่าเรื่องฉันให้คุณฟังแล้วสินะคะ”

                ลอร์ดหนุ่มสั่นศีรษะ “เปล่าครับ ผมฟังมาจากเพื่อนอีกที ผมเคยเจอเธอแค่ครั้งเดียวเท่านั้น”

                “อ๋อ คุณคงเป็นเพื่อนของคุณโรเบิร์ต เดอ เนเลียสินะคะ” มิสซิสเมอร์สันว่า “แอนเล่าให้ฟังว่าคุณโรเบิร์ต เดอ เนเลียมีเพื่อนมากมายทีเดียว”

                “เปล่า” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รีบปฏิเสธ “ผมเป็นเพื่อนกับกอร์ดอน โอเดนเบิร์กนะ”

                “โอ... คุณโอเดนเบิร์กที่หน้าตาสะสวยเหมือนผู้หญิงคนนั้นหรือคะ?” มิสซิสเมอร์สันมีสีหน้าแปลกใจ “ดิฉันไม่นึกมาก่อนว่าเขามีเพื่อนเป็นสุภาพบุรุษด้วย แอนบอกว่าเขามีเพื่อนน้อยมาก”

                “ตอนนี้เขามีมากขึ้นแล้วล่ะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ก่อนจะถามต่อ “คุณรู้จักมิสเฮเก้นต์ดีแค่ไหนครับ? ผมหมายถึง คุณรู้รึเปล่าว่าพื้นเพเธอเป็นคนที่ไหน เกี่ยวกับครอบครัว ฐานะของเธอ”

                มิสซิสเมอร์สันสั่นศีรษะ “ดิฉันไม่ทราบหรอกค่ะคุณ เธอไม่ค่อยเล่าเรื่องตัวเอง แต่เธอนิสัยดีมากค่ะ กิริยามารยาทเรียบร้อย มิสวู้ดเพื่อนของเธอก็เหมือนกัน พวกเธอมาเช่าบ้านนี้เพราะเห็นประกาศในหนังสือพิมพ์ค่ะ”

                “แล้วเธอกับมิสวู้ดรู้จักกันนานหรือยังครับ?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถามอีก มิสซิสเมอร์สันมีสีหน้าลำบากใจ “ไม่ทราบสิคะ คุณจะคุยกับมิสวู้ดไหมล่ะคะ ดิฉันคิดว่าเธอยังอยู่ในห้องค่ะ”

                “ครับ รบกวนช่วยตามเธอให้ผมหน่อย”

                มิสซิสเมอร์สันเดินไปสั่งสาวใช้ ไม่นานนักมิสวู้ดก็เดินเข้ามาที่ห้องรับแขก

                “มิสซิสเมอร์สัน มีเรื่องอะไรหรือคะ?”

                “สุภาพบุรุษท่านนี้อยากคุยกับเธอจ้ะ”

                มิสวู้ดมองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อย่างงุนงง “ค่ะ แต่ดิฉันไม่เคยพบคุณมาก่อนนี่คะ?”

                “ครับ พวกเราไม่เคยพบกันมาก่อน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ก่อนจะแนะนำตัวอีกครั้ง “ผมแมกซ์ เมอร์เรย์ เป็นเพื่อนของกอร์ดอน โอเดนเบิร์ก”

                “โอ้ เพื่อนของคุณโอเดนเบิร์กหรือคะ?” มิสวู้ดมีสีหน้าแปลกใจ “ดิฉันไม่เคยทราบเลยว่าเขามีเพื่อนเป็นสุภาพบุรุษด้วย”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า ขณะที่มิสวู้ดนั่งลงตรงข้ามกับเขา “คุณมีธุระอะไรจะคุยกับดิฉันหรือคะ?”

                “ผมมีเรื่องอยากถามคุณเกี่ยวกับมิสเฮเก้นต์”

                มิสวู้ดมีสีหน้าแปลกใจ “ทำไมคะ? แอนมีเรื่องอะไรหรือคะ?”

                “เธอไม่มีเรื่องอะไรหรอก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีท่าทางรำคาญเล็กน้อย “มิสวู้ด คุณเป็นเพื่อนเธอใช่ไหม? คุณรู้จักเธอดีแค่ไหน ผมหมายถึง คุณรู้รึเปล่าว่าพื้นเพเธอเป็นคนที่ไหน ครอบครัวเธอเป็นยังไง”

                มิสวู้ดจ้องหน้าเขา “คุณเป็นนักสืบหรือคะ? คุณโรเบิร์ต เดอ เนเลียจ้างคุณให้มาสืบเรื่องของแอนหรือ?”

                “เดอ เนเลียไม่ได้จ้างผม” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “แต่ถ้าการที่ผมเป็นนักสืบจะทำให้คุณเล่าเรื่องของเธอให้ผมฟังได้ ผมก็เป็นนักสืบนั่นแหละ”

                มิสวู้ดมองเขาอย่างไม่สบายใจ “ดิฉันไม่มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับแอนจะเล่าให้คุณฟังหรอกค่ะ ถ้าคุณเป็นเพื่อนกับคุณโอเดนเบิร์ก คุณก็ไปถามเขาเอาสิคะ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ทำท่าจะอ้าปากพูดอะไร แต่มิสวู้ดชิงหันไปหามิสซิสเมอร์สันแล้วทำเสียงอ่อนแรง

                “มิสซิสเมอร์สันคะ ฉันปวดหัวเหลือเกินค่ะ อยากจะกลับขึ้นไปพักเสียหน่อย ถ้าเฮนรี่มาบอกให้เขารอสักครู่นะคะ”

                “โอ งั้นหรือจ้ะ”

                มิสซิสวู้ดพยักหน้า ก่อนจะลุกขึ้นแล้วหันมาย่อเข้าให้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ “ดิฉันต้องขอตัวก่อน ขอโทษด้วยค่ะ”

                “เชิญครับ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า เขามองไล่หลังหญิงสาวที่เดินออกไปจากห้องอย่างงุนงง

                “ผมพูดอะไรผิดหรือครับ? ท่าทางเหมือนเธอไม่อยากคุยกับผม?”

                มิสซิสเมอร์สันหันมามองเขาด้วยสีหน้าแปลกใจ ก่อนจะยิ้มออกมา “คุณไม่ได้พูดอะไรผิดหรอกค่ะ คุณแค่ถามเธออย่างตรงไปตรงมาเกินไปเท่านั้นเอง”

                “.....”

                “คุณจะฝากดอกไม้ไว้ให้แอนรึเปล่าคะ?”

                “อ้อ ครับ ผมจะเขียนโน้ตใส่เอาไว้ ขอยืมกระดาษกับปากกาหน่อยได้ไหมครับ?”

                “เชิญเลยค่ะ กระดาษกับแท่นรองเขียนวางอยู่ที่โต๊ะใกล้เตาผิงค่ะ”

                ลอร์ดหนุ่มเขียนโน้ตลงบนกระดาษ ก่อนจะหยดครั่งแล้วประทับตราประจำตัวลงไป แล้วส่งโน้ตกับช่อกุหลาบให้มิสซิสวู้ด “ฝากให้มิสเฮเก้นต์ด้วยนะครับ”

                “ได้ค่ะ”

---------------------------------------


ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
                หลังออกจากที่พักของมิสเฮเก้นต์แล้ว ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตัดสินใจสั่งคนรับรถให้ขับรถไปยังแฮร์โรว์ ซึ่งเป็นที่ตั้งคฤหาสน์ของลอร์ดวู้ดฟอร์ด เดอะ เรด ชิมนีย์เป็นคฤหาสน์ที่มองหาไม่ยาก เพราะมันโดดเด่นด้วยปล่องไฟที่ก่อจากอิฐสีแดงตัดกับตัวคฤหาสน์สีเทา ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นั่งรถม้าเวียนอยู่แถวนั้นสักพัก ก็ตัดสินใจสั่งให้คนขับรถขับต่อไปที่คฤหาสน์เดลของลอร์ดโทรว์บริดจ์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก ตอนที่เขาลงจากรถม้า รถม้าของลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็แล่นเข้ามาพอดี

                “โอ้ แมกซ์ นายก็คิดอย่างที่ฉันคิดเหมือนกันหรือ?” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทักเขาทันทีที่ลงจากรถ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง

                “อะไร?”

                “ให้ตาย นี่นายไม่ได้โผล่มาที่นี่เพราะเรื่องเดียวกับฉันหรือ?” ลอร์ดหนุ่มมีท่าทางขัดใจ ก่อนจะลากตัวเพื่อนรักไปยืนซุบซิบกันที่ข้างต้นไม้

                “ก็เรื่องกอร์ดอนไงเล่า วันนี้ลอร์ดบาธเชิญเขามาดื่มน้ำชานะ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เบิ่งตากว้างอย่างคนเพิ่งนึกได้ “เออ จริงด้วย ว่าแต่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกเราล่ะ”

                อีกฝ่ายมีสีหน้าหงุดหงิดกว่าเดิม “ทำไมนายซื่อบื้อแบบนี้ นายคิดว่าอย่างจอห์นนี่ของเราจะเก็บอาการได้หรือ? กอร์ดอนน่ะฉันไม่ห่วงหรอก แต่เพื่อนเรานี่สิ นายไม่เห็นหรือว่าต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาทำอะไรลงไปบ้าง”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้าเห็นด้วย เขาถามลอร์ดจอร์จ เฟลตันอย่างเป็นกังวล “แล้วเราจะทำไงดี ตอนนี้พวกเขาคงกำลังคุยกันอยู่ใช่ไหม?”

                “ไม่รู้สิ ฉันหวังว่าเราจะมาถึงก่อนเขา อย่างน้อยๆ เราต้องพยายามลากตัวจอห์นนี่ออกมา”  ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า แต่พอพวกเขาเอ่ยถามกับคนรับใช้ที่มาเปิดประตูให้ ก็พบว่าสายไปเสียแล้ว

-------------------------------------

                กอร์ดอนนั่งอยู่ที่โต๊ะน้ำชาทรงกลมตัวใหญ่ ถัดจากเขามีเก้าอี้ว่างอีกสองตัว ก่อนจะถึงลอร์ดบาธ และลูกชายของเขาซึ่งนั่งอยู่ข้างกัน ช่างตัดเสื้อยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบ แล้วคลี่ยิ้มให้เจ้าของคฤหาสน์

                “ชาของท่านหอมเหลือเกินครับ เป็นชาอู่หลงผสมดอกกุหลาบ ของห้างแอริเดสันแน่ๆ”

                “ใช่” ลอร์ดบาธพยักหน้า “คุณดูมีความรู้เรื่องชาดีทีเดียว”

                “ผมเผอิญซื้อใบชาของร้านนี้บ้างเหมือนกันครับ” กอร์ดอนว่า “บังเอิญจริงๆ ที่ที่นี่ก็ใช้ใบชาของที่นี่ด้วย”

                “มาเรียคงอยากคุยกับคุณเรื่องชาพวกนี้แน่” ลอร์ดบาธว่า “แต่ผมไม่ได้เชิญคุณมาที่นี่เพื่อคุยเรื่องชาหรอก”

                “ครับ” กอร์ดอนพยักหน้า “เรื่องชุดของท่านลอร์ดน้อยผมกำลังเร่งมืออยู่ คิดว่าคงเสร็จทันทั้งหมดก่อนฤดูหนาวนี้”

                “ผมทราบว่าคุณเป็นช่างที่ตรงต่อเวลามากที่สุดอยู่แล้ว” ลอร์ดบาธว่า เขายกถ้วยชาขึ้นมาจิบ ก่อนจะจ้องหน้าช่างตัดเสื้อเขม็ง “พักนี้ดูคุณสนิทกับจอห์นมากนะ เขาเป็นไงบ้างที่นีสเดน”

                “ท่านลอร์ดน้อยเป็นที่ต้อนรับมากที่นั่นครับ” กอร์ดอนตอบเขา “เซอร์จอร์จ คาเมร่อนญาติผมและภรรยาของเขารู้สึกเป็นเกียรติมากทีเดียวกับเรื่องนี้”

                “อืม...” ลอร์ดบาธส่งเสียงในคอ “ตำแหน่งลอร์ดแห่งโทรว์บริดจ์ของเขาเป็นเพียงแค่ตำแหน่งชั่วคราว ต่อไปในอนาคตเขาจะต้องรับตำแหน่งลอร์ดแห่งบาธสืบทอดต่อจากผม แน่นอนว่าเรื่องคู่ครองของเขาเป็นเรื่องสำคัญ ผมอยากให้คุณรู้ว่าตอนนี้เขากำลังคบหาดูใจกับเลดี้คนหนึ่งอยู่ ซึ่งเธอเป็นหญิงสาวที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมไม่ว่าจะเป็นมารยาทการเข้าสังคม ความรู้ ความสามารถเชิงดนตรีและศิลปะ เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะครองคู่กับลูกชายของผม”

                “ครับ เรื่องนี้ผมทราบแล้ว” กอร์ดอนพยักหน้า “เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนเป็นสตรีที่สวยงามและน่ารักอย่างยิ่งทีเดียว ผมเองก็เห็นด้วยว่าเธอเหมาะกับท่านลอร์ดน้อยมาก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขยับตัวอย่างอึดอัด เขาหันไปมองพ่อสลับกับช่างตัดเสื้อ ก่อนจะแทรกขึ้นมา “ผมไม่อยากให้พูดเรื่องนี้อีก” เขาว่า “ผมกับแคทเธอรีนยังไม่ได้ตกลงเป็นอะไรกัน เรายังต้องใช้เวลาศึกษากันและกันอีกนานมาก”

                ลอร์ดบาธปรายตามามองลูกชายตัวดีของเขา ขณะที่กอร์ดอนพูดขึ้นต่อ “ผมเข้าใจความกังวลของท่านครับ ผมก็ทราบดีกว่าหญิงที่เหมาะสมกับท่านลอร์ดน้อยต้องเป็นหญิงสาวสูงศักดิ์เท่านั้น วางใจเถอะครับ ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าท่านลอร์ดน้อยจะได้ครองคู่กับท่านหญิงที่เหมาะสมเช่นเลดี้แคทเธอรีน”

                ลอร์ดบาธมองเขา “ขอบใจนะโอเดนเบิร์ก”

                “ไม่เป็นไรหรอกครับ” กอร์ดอนพูดพลางยิ้ม ก่อนจะยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบ ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาอย่างว้าวุ่นใจ

                หลังดื่มชาหมดถ้วย กอร์ดอนก็ขอตัวกลับไปที่ร้าน ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลุกเดินตามเขาไป แต่ถูกลอร์ดบาธเรียกไว้

                “นั่งก่อนจอห์น พ่อยังมีเรื่องต้องคุยกับแกอีก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์นั่งลงอย่างละล้าละลัง “พ่อยังมีเรื่องอะไรต้องคุยกับผมอีกหรือครับ?”

                “เรื่องเกี่ยวกับตัวแกน่ะ” ลอร์ดบาธว่า “แกรู้ฐานะของตัวเองดีใช่ไหม?”

                ลอร์ดหนุ่มพยักหน้า “ผมรู้ครับว่าตัวเองเกิดมาพร้อมกับความรับผิดชอบ ทั้งต่อหน้าที่ในฐานะขุนนาง และต่อชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล”

                “อืม” ลอร์ดบาธพยักหน้า “พ่อไม่เคยห้ามแกเรื่องผู้หญิงนะจอห์น แกเป็นผู้ชาย แกมีสิทธิ์จะคบหากับใครก็ได้ โอเดนเบิร์กเป็นคนหน้าตาสะสวย พ่อเข้าใจ ญาติของเขาคงจะสวยมากทีเดียว พ่อจะไม่ขัดขวางหากแกกับเธอจะนัดเจอกันบ้าง แต่จำไว้นะจอห์น แกจะต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่มีฐานะเหมาะสมและคู่ควรกับแกเท่านั้น”

                “ครับ ผมรู้ล่ะครับ พ่อวางใจเถอะ ผมรู้ฐานะของผมกับเธอคนนั้นดี เพราะอย่างนั้นผมถึงไม่ได้บอกพ่อกับแม่เรื่องเธอไงครับ”

                “พ่อหวังว่าแกจะรู้จักหักห้ามใจเมื่อถึงเวลานะจอห์น ทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่แกหวังหรอก และพ่อกับแม่รักแกมากนะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองสบตากับพ่อของเขา วินาทีนั้นเขารู้สึกผิดจากขั้วหัวใจ ลอร์ดหนุ่มก้มหน้าลง “ถ้าพ่อไม่มีธุระอะไรแล้ว ผมขอตัวไปส่งกอร์ดอนก่อนนะครับ”

                “อืม ไปเถอะ”

----------------------------------------

                โอลิเวอร์เดินเข้ามาหาลอร์ดหนุ่มทันที เมื่อเห็นเขาเดินตรงมาที่ทางเดิน “ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ กับลอร์ดจอร์จ เฟลตันมารอพบคุณครับ พวกเขารออยู่ที่ห้องดนตรี”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้ว “แล้วกอร์ดอนล่ะ?”

                “คุณโอเดนเบิร์กนั่งรถม้ากลับไปแล้วครับ”

                “งั้นหรือ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์มีสีหน้าผิดหวัง โอลิเวอร์มองเขาอย่างเป็นห่วง ก่อนจะขยับมากระซิบ

                “ไม่มีเรื่องรายแรงใช่ไหมครับ นายน้อย?”

                “ไม่ ยังไม่มี” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “ฉันจะไปหาสองคนนั่น ขอบใจนะ”

                “ครับ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตัน และลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กำลังเล่นเปียโนสี่มือ*ฆ่าเวลาอยู่ (*เปียโนที่มีผู้เล่นสองคน) ตอนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินเข้าไป ทั้งคู่หยุดเล่นทันทีเมื่อเห็นหน้าเพื่อน

                “พวกนายไม่เล่นต่อล่ะ ฉันกำลังสงสัยเลยว่าจอร์จจะถูกนายเบียดตกเก้าอี้ตอนไหน”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะออกมา ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยกริมฝีปากเล็กน้อย ฝ่ายแรกพูดขึ้นก่อน “แสดงว่าไม่มีเรื่องร้ายแรงอะไรเกิดขึ้นสินะ นายถึงอารมณ์ดีขนาดล้อเลียนฉันกับแมกซ์ได้แบบนี้”

                “อืม...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ส่งเสียงในคอ เขาเดินไปยังเปียโนที่ทั้งสองคนนั่งอยู่ แล้วลากเก้าอี้มานั่งข้างอีกตัว

                “พ่อฉันคุยกับกอร์ดอนแล้ว และกอร์ดอนก็รับปากกับเขาอย่างจริงจังว่าจะทำทุกอย่างเพื่อให้ฉันได้ครองคู่กับคนที่คู่ควร”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า “ฉันแน่ใจว่ากอร์ดอนต้องเล่นได้สมบทบาทแน่ เขาเล่นละครตบตาเก่งเอาเรื่องทีเดียว ดูตอนที่หลอกถามฉันเรื่องมาร์กาเร็ตสิ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะออกมา ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้นบ้าง “แล้วนายล่ะจอห์นนี่ ทำอะไรให้พ่อนายผิดสังเกตบ้างรึเปล่า? พวกเราเป็นห่วงนายเรื่องนี้มากกว่ากอร์ดอนเสียอีก”

                “โอ... พวกนายมาเพราะเรื่องฉันหรือนี่?”

                “ใช่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า “นายน่ะทำเรื่องมาตลอดทั้งสัปดาห์นะจอห์นนี่ อย่างน้อยๆ ก็ต้นสัปดาห์ล่ะที่นายเกือบทำความแตก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะเขินๆ “แต่ต่อไปฉันรับรองว่าจะระวังตัวมากขึ้น ดูเหมือนพ่อค่อนข้างพอใจทีเดียวกับการพูดคุยวันนี้”

                “โชคดีที่กอร์ดอนมีสติกว่านาย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “แล้วนายคิดจะทำไงต่อ จะคบเขาแบบแอบๆ ต่อไปแบบนี้เรื่อยๆ หรือ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “อืม ก็คงต้องเป็นแบบนั้นแหละ ฉันทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้อยู่แล้ว” ลอร์ดหนุ่มหยุดไปอึดใจหนึ่ง เหมือนชั่งใจว่าควรจะพูดต่อดีหรือไม่ สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจออกมา

                “ฉันทำผิดกับพ่อแม่เรื่องนี้” เขาพูดออกมาในที่สุด “เมื่อกี้ก่อนออกมา พ่อพูดกับฉัน เขาวางใจฉันมาก และฉันรู้สึกผิดเมื่อคิดว่าไม่ได้บอกความจริงทั้งหมดกับเขา”

                “แต่ถ้านายบอก ทุกอย่างจะเลวร้ายกว่านี้นะจอห์นนี่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “เว้นเสียแต่นายจะตัดใจจากกอร์ดอนได้สักวัน ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น ต่อให้นายไม่บอก ก็ไม่มีผลอะไรอยู่ดี”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้ายอมรับ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเขา แล้วพูดขึ้นต่อ “จอห์นนี่... ฉันถามจริงๆ นะ นายวางแผนที่จะตัดใจจากกอร์ดอนบ้างรึเปล่า ฉันหมายถึง นายคิดไหมว่านายควรจะคิดถึงเขาให้น้อยลง ปรารถนาเขาให้น้อยลง พยายามลดความสัมพันธ์กับเขาให้เป็นแค่เพื่อนธรรมดาคนหนึ่ง อันที่จริงแล้วฉันรู้สึกว่ากอร์ดอนเป็นเพื่อนที่ไม่เลวนักหรอก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หรี่ตามองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ “แล้วนายคิดว่าตัวเองจะเป็นแค่เพื่อนธรรมดากับแม่สาวเฮเก้นต์ได้ไหมล่ะ?”

                “โอ้ จอห์นนี่... ฉันกับมิสเฮเก้นต์ยังไม่เป็นกระทั่งคนรู้จักด้วยซ้ำ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คราง ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองเขาอย่างอยากรู้อยากเห็นทันที

                “อะไรนะ มิสเฮเก้นต์ สาวผมแดงที่กอร์ดอนเคยชอบน่ะหรือ? นายเกิดสนใจเธอขึ้นมาหรือแมกซ์ หรือว่านายแอบปิ๊งรักแรกของกอร์ดอนเข้าแล้ว”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเพื่อนอย่างรำคาญ “นายไม่รู้เรื่องอย่าพูดมากน่าจอร์จ เธอก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง”

                “หึๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะขึ้นจมูก “แมกซ์ ฉันว่านายคงไม่ได้ตั้งใจมาที่นี่เพราะฉันหรอกใช่ไหม อย่างน้อยๆ นายก็ไม่น่าจะตรงมาที่นี่เลย ฉันรู้นะว่าที่นี่ใกล้กับคฤหาสน์ของลอร์ดวู้ดฟอร์ด พนันได้เลยว่านายเอารถม้ามาเอง ถ้าไม่ใช่ล่ะก็... ฉันยอมให้จอร์จยึดหมวกสามใบเลย”

                “ฮ่าๆ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะชอบใจ “นายพูดอย่างกับตาเห็นแน่ะจอห์นนี่ ใช่เลย วันนี้แมกซ์เอารถม้ามาเอง ฉันแปลกใจมากที่เจอเขาที่หน้าคฤหาสน์ของนาย ที่แท้เขาก็แอบมาหาสาวแล้วเลยแวะมาหานายนี่เอง”

                “ฉันไม่ได้แอบมาหาสาว”

                “งั้นหรือ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์หรี่ตามองเพื่อน “คฤหาสน์ของลอร์ดวู้ดฟอร์ดเป็นไง ปล่องไฟเขายังสีแดงดีอยู่มั้ย? นายไปหาแม่สาวเฮเก้นต์มาแล้วเมื่อเช้า แต่ไม่เจอเธอ เลยเวียนไปดูที่เดอะ เรด ชิมนีย์ล่ะสิ”

                คราวนี้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หน้าแดงขึ้นมา เขาเคาะนิ้วลงไปบนเปียโนเพื่อเปลี่ยนเรื่อง แต่ก็ไม่อาจเบนความสนใจของเพื่อนทั้งสองได้ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันไปถามเพื่อนรัก

                “จอห์นนี่ นายไม่เห็นเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังเลย แมกซ์ไปเจอกับมิสเฮเก้นต์ได้ไงน่ะ แล้วกอร์ดอนรู้เรื่องนี้หรือยัง? เขาจะหึงเพื่อนเรามั้ย? นั่นรักแรกของเขานี่นา”

                “ถามแมกซ์ดูสิ เมื่อคืนเขาคุยกับกอร์ดอนเรื่องนี้แหละ”

                “ตกลงจอห์น ฉันแวะไปที่เดอะ เรด ชิมนีย์มาอย่างที่นายพูดจริงๆ นายช่วยบอกจอร์จให้หยุดถามฉันเรื่องนี้ทีเถอะ”

                “ฮ่าๆ นายไม่มีทางห้ามฉันได้หรอกแมกซ์ จนกว่านายจะเล่ามาให้หมดเปลือก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า แล้วยกมือขึ้นตบไหล่เพื่อน “นี่ ไม่ต้องเขินหรอกน่า ฉันอาจจะให้คำแนะนำนายเกี่ยวกับมิสเฮเก้นต์ได้นะ”

                “นั่นสิ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์สนับสนุน “จอร์จเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องสาวๆ แม้ตอนนี้เขาจะรามือไปแล้วก็ตาม ฉันว่านายควรจะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญนะ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะเขินๆ “แหม... ฉันไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญหรอกน่า ฉันแค่อยากช่วยเพื่อนรักเท่านั้นเอง” เขาหันไปพูดกับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อีกครั้ง

                “ว่าไงล่ะแมกซ์ นายไม่คิดจะเล่าให้เพื่อนฟังสักหน่อยหรือ?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เม้มปากอย่างชั่งใจ สุดท้ายเขาก็ยอมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า พอฟังจบ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็หัวเราะออกมาแบบไม่เกรงใจ ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยายามกลั้นยิ้มเต็มที่ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ขมวดคิ้วมองพวกเขา

                “พวกนายขำอะไรกัน ฉันทำอะไรพลาดใช่ไหม?”

                “ที่จริงมันก็เกือบจะสมบูรณ์แบบแล้วน่ะนะ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูด และพยายามกลั้นขำเต็มที่ “ถ้านายไม่ทำตัวเหมือนตำรวจหรือนักสืบที่เที่ยวไปถามประวัติของใครต่อใครไปทั่วน่ะ”

                “ฉันไม่ได้ถามไปทั่ว” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์แย้ง “ฉันแค่ถามถึงประวัติเธอเฉยๆ มันเป็นเรื่องสำคัญนะที่เราจะต้องรู้จักเบื้องลึกเบื้องหลังของใครสักคนที่เราสนใจ”

                “อื้อหือ... แมกซ์” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันคราง “นายทำอย่างกับว่านายตกลงปลงใจจะแต่งงานกับมิสเฮเก้นต์แล้วงั้นแหละ นายจะรู้จักเบื้องลึกเบื้องหลังของเธอได้ยังไง ถ้านายไม่พยายามทำความคุ้ยเคยกับเธอและเพื่อนเธอก่อน นายต้องค่อยๆ คุยกับเธอด้วยเรื่องทั่วๆ ไป พยายามถามเรื่องที่พวกเธอสนใจ ไม่ใช่เรื่องที่นายสนใจ นายต้องทำให้พวกเธอไว้ใจนายก่อน จากนั้นเดี๋ยวพวกเธอก็จะเล่าเรื่องให้นายฟังเอง”

                “โอ... อย่างนั้นเองหรือ?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “ฉันจะพยายามแล้วกัน เย็นนี้ฉันเชิญเธอมากินมื้อเย็นด้วยกัน”

                “เธอตอบตกลงรึเปล่า?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถาม “นายไปเจอเธอที่คฤหาสน์ของลอร์ดวู้ดฟอร์ดหรือ?”

                “เปล่า ฉันเขียนจดหมายทิ้งไว้ให้เธอ บอกให้ไปเจอกันที่เดอะ แกรนด์เย็นนี้”

                “ให้ตาย...” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันคราง แล้วตบไหล่เพื่อน “งั้นนายเตรียมตัวรอเก้อได้เลย มีโอกาสน้อยมากที่เธอจะไปตามคำเชิญของนาย เพราะนายแทบไม่รู้จักเธอ แถมยังทำเพื่อนเธอเสียขวัญ อย่างเดียวที่น่าจะทำให้เธอไปได้ ก็คือชื่อเดอะ แกรนด์นี่แหละ เธอคงไปเพราะรู้ว่านายเป็นคนร่ำรวย”

                “ฉันว่ามิสเฮเก้นต์ไม่น่าจะเป็นคนแบบนั้น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นต่อ เขายกมือตบไหล่เพื่อนรักอีกข้างหนึ่ง “ไม่เป็นไรหรอกแมกซ์ ไว้นายค่อยพยายามใหม่คราวหน้าแล้วกัน เย็นนี้พวกเราจะไปกินมื้อเย็นเป็นเพื่อนนายที่เดอะ แกรนด์เอง”

-----------------------------------------

                แอนนาเบล เฮเก้นต์กลับมาถึงที่พักในช่วงเย็น เธอมีสีหน้าแปลกใจมากเมื่อมิสซิสเมอร์สันนำกุหลาบช่อใหญ่มาให้พร้อมกับจดหมาย

                “ใครฝากมาคะเนี่ย?”

                “คุณเมอร์เรย์จ้ะ เขาบอกว่าเป็นเพื่อนกับคุณโอเดนเบิร์ก เขาแวะมาที่นี่ตอนเช้า”

                “อ้อ” มิสเฮเก้นต์ส่งเสียงในคอ ก่อนจะรับช่อกุหลาบจากมิสซิสเมอร์สัน

                “โอ้ เธอมีกุหลาบอีกช่อแล้วนี่นา” หญิงวัยกลางคนทัก “นั่นของคุณโรเบิร์ต เดอ เนเลียใช่ไหม?”

                “ค่ะ หนูรบกวนคุณเอามันไปจัดการทีนะคะ” มิสเฮเก้นต์ว่า “หนูบอกคุณโรเบิร์ตหลายครั้งแล้วว่าหนูไม่ชอบดอกกุหลาบ”

                “งั้นหรือจ้ะ” มิสซิสเมอร์สันว่า แล้วรับกุหลาบช่อที่เล็กกว่ามา “แต่ที่หนูถืออยู่ก็เป็นดอกกุหลาบเหมือนกันนี่นา”

                “ต่างกันออกค่ะ อย่างน้อยๆ ก็ที่คนให้” เธอพูดก่อนจะยิ้มจนเห็นลักยิ้ม “หนูขอขึ้นห้องก่อนนะคะ”

                “จ้ะ ตามสบายเลย หนูจะลงมากินมื้อค่ำกับฉันใช่ไหมจ้ะ?”

                “แน่นอนค่ะ”

                แอนนาเบล เฮเก้นต์เดินขึ้นบันไดไปที่ห้องของเธอ พอเปิดประตูเข้าไป มิสวู้ดก็ทักทันที

                “ไง แอน ว้าว กุหลาบช่อใหญ่มาก ใครให้เธอมา คุณโรเบิร์ต เดอ เนเลียอีกแล้วหรือ?”

                “อ๋อ เปล่า ช่อนี้ไม่ใช่ของคุณเดอ เนเลีย” มิสเฮเก้นต์ว่า “ของคุณเมอร์เรย์น่ะ”

                คิ้วของมิสวู้ดย่นเข้าหากัน “ผู้ชายท่าทางน่ากลัวที่มาที่นี่เมื่อเช้าน่ะหรือ? เขาไปดักเจอเธอระหว่างทางหรือไง?”

                มิสเฮเก้นต์สั่นศีรษะ “เขาฝากช่อกุหลาบเอาไว้”

                มิสวู้ดจ้องช่อกุหลาบและเพื่อนของเธอเขม็ง “เขาดูน่ากลัวออกนะแอน เขามาที่นี่แล้วเรียกฉันลงมาถามเรื่องเธออย่างกับพวกนักสืบหรือตำรวจแน่ะ แต่ฉันไม่ได้เล่าอะไรให้เขาฟังหรอกนะ ฉันรู้สึกว่าเขาไม่น่าไว้ใจเลย เป็นใครก็ไม่รู้”

                “เขาเป็นเพื่อนของกอร์ดอนน่ะ” มิสเฮเก้นต์ว่า “แต่ฉันยังไม่ได้ถามกอร์ดอนหรอกนะว่าเขาเป็นเพื่อนกับตาคนนี้จริงๆ รึเปล่า”

                “คุณโอเดนเบิร์กของเธอเป็นช่างตัดเสื้อให้กับพวกสุภาพบุรุษไม่ใช่หรือ?” มิสวู้ดว่า ก่อนจะพูดอย่างนึกขึ้นได้ “อันที่จริงแล้วตาเมอร์เรย์ที่มาเมื่อเช้าก็ท่าทางเหมือนพวกสุภาพบุรุษนะ เขาสวมสูทหรู สวมหมวกทรงสูง แล้วยังถือไม้เท้าที่มีหัวทำด้วยอำพันอีกด้วย โอ้ แอน ฉันไม่เคยเห็นอำพันก้อนใหญ่ขนาดนั้นมาก่อนเลย เขาคงจะร่ำรวยไม่น้อยเลยล่ะ”

                แอนนาเบล เฮเก้นต์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะออกมา “แต่เธอเพิ่งบอกฉันว่าเขาเหมือนพวกนักสืบหรือตำรวจไม่ใช่หรือมอลลี่ หรือเดี๋ยวนี้เธอคิดว่านักสืบต้องแต่งตัวหรูแล้ว”

                มิสวู้ดย่นคิ้ว “แหม แอน ก็ฉันไม่รู้จะบรรยายตัวเขายังไงนี่นา เขาแต่งตัวเหมือนสุภาพบุรุษก็จริง แต่ท่าทางของเขาดูเย็นชาน่ากลัว แถมพอเริ่มต้นพูดก็ซักถึงแต่ประวัติของเธอ จะให้ฉันไม่นึกถึงตำรวจกับนักสืบได้ไง”

                “อย่างนั้นหรือ?” มิสเฮเก้นต์พยักหน้า เธอวางดอกกุหลาบไว้บนโต๊ะ ก่อนจะพลิกจดหมายในมือไปมา

                “นั่นอะไรหรือแอน อย่าบอกนะว่าตาเมอร์เรย์คนนั้นฝากจดหมายเอาไว้ด้วย”

                มิสเฮเก้นต์พยักหน้า “ใช่ เธอไม่ได้อยู่ตอนเขาเขียนจดหมายนี่หรือ?”

                มิสวู้ดสั่นศีรษะ “ฉันไม่อยากคุยกับเขา เลยขอตัวขึ้นมาบนห้อง บอกเขาว่าปวดหัวน่ะ”

                เพื่อนของเธอหัวเราะ ก่อนจะเปิดจดหมายออกอ่าน

                “.....”

                “เขาเขียนว่าไง แอน” มิสวู้ดถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น เธอเดินเข้ามาใกล้มิสเฮเก้นต์ “เขาเขียนถามถึงเรื่องครอบครัวของเธอใช่ไหม?”

                “เปล่าหรอก เขาเชิญฉันไปกินมื้อเย็นที่เดอะ แกรนด์น่ะ”

                “ว้าว!” มิสวู้ดร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น “เดอะ แกรนด์! นั่นมันภัตตาคารหรูเลยนี่นา เขาคงร่ำรวยไม่น้อยจริงๆ นั่นแหละ เธอตกลงจะไปใช่ไหม?”

                “ทำไมฉันจะต้องไปด้วยล่ะ?” มิสเฮเก้นต์ย้อนถาม “ฉันเพิ่งบอกมิสซิสเมอร์สันเมื่อครู่นี้เองว่าจะอยู่กินมื้อเย็นกับเธอ”

                “ล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย ถึงคุณเมอร์เรย์คนนั้นจะดูออกจะแปลกๆ สักนิด แต่เขาฝากกุหลาบแดงไว้ให้เธอนะ แถมยังเขียนจดหมายเชิญเธอไปกินมื้อเย็นที่ภัตตาคารหรู เขาต้องสนใจเธอมากแน่ เธอจะปฏิเสธโอกาสกับเขาหรือ?”

                “ฉันจำได้ว่าตอนเราเริ่มพูดถึงเรื่องเขา เธอเพิ่งบอกฉันเองนี่นาว่าท่าทางเขาไม่น่าไว้ใจ”

                “แหม ก็ตอนนั้นฉันไม่รู้ว่าเขามาถามถึงเรื่องเธอแบบนั้นเพราะสนใจจะจีบเธอนี่นา ฉันคิดว่าเขามาสืบเรื่องอะไรเสียอีก”

                มิสเฮเก้นต์มองหน้าเพื่อนสาวพลางยิ้ม “เพราะงั้นเธอเลยตั้งใจจะดันหลังฉันให้ไปกินมื้อเย็นกับคนที่เพิ่งเจอหน้ากันแค่ครั้งเดียวงั้นสิ”

                มิสวู้ดยักไหล่ “คุณเมอร์เรย์คนนั้นอาจจะดูน่ากลัวก็จริงนะ แต่ถ้าเทียบกับคุณโรเบิร์ตของเธอแล้ว ฉันว่าเขาดูดีกว่าเยอะเลยล่ะ เธอไม่คิดจะพิจารณาข้อเสนอของเขาหน่อยหรือ?”

                “แล้วมิสซิสเมอร์สันล่ะ จะให้ฉันทิ้งเธอให้กินมื้อเย็นคนเดียวหรือ? ไม่ได้หรอก ฉันบอกเธอไว้แล้ว”

                “โธ่ แอน ฉันจะเล่าเรื่องนี้ให้มิสซิสเมอร์สันฟังเอง รับรองว่าเธอจะต้องยินดีให้เธอออกไปกินมื้อเย็นที่เดอะ แกรนด์แน่”

------------------------------------------------


ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ และเพื่อนรักทั้งสองคนของเขามาถึงภัตตาคารเดอะ แกรนด์ตั้งแต่หกโมงเย็น ลอร์ดหนุ่มสวมทักซิโดส์สีดำที่ตัดเย็บอย่างประณีต และถือไม้เท้าหัวอำพันอันเดียวกับที่ถือไปที่บ้านเช่าของมิสเฮเก้นต์เมื่อตอนกลางวัน ขณะที่เพื่อนของเขาสวมชุดสูทสบายๆ พวกเขานั่งลงที่โต๊ะซึ่งลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จองเอาไว้เป็นพิเศษ แล้วเริ่มพูดคุยกันถึงเรื่องเมื่อตอนกลางวัน

                “เอาจริงๆ นะแมกซ์ สมมติว่ามิสเฮเก้นต์มาที่นี่อย่างที่นายหวังไว้ เรื่องที่จอห์นนี่ไม่ใช่ผู้จัดการเหมืองก็แดงน่ะสิ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เลิกคิ้ว

                “จริงด้วย ฉันลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปเลย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “ไม่เป็นไรหรอก อันที่จริงฉันคิดว่าจะบอกเธออยู่สักวัน ไม่แน่ว่าเธออาจจะเดาได้ตั้งแต่โปสเตอร์ชกมวยของฉันแปะหราไปทั่วลอนดอนแล้วก็ได้”

                “ก็จริงของนาย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “งั้นเรามาคุยถึงเรื่องแผนการต่อไปที่จะทำให้แมกซ์ได้ทำความคุ้นเคยกับเธอดีกว่า ฉันว่างานนี้เราอาจจะต้องดึงกอร์ดอนเข้ามาช่วย เพราะเขาค่อนข้างสนิทกับเธอ”

                “แต่กอร์ดอนงานยุ่งมากอยู่แล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบออกตัว “ฉันไม่อยากให้เราไปรบกวนเขามาก”

                “นายยังหึงเขากับแม่สาวเฮเก้นต์อีกหรือ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถามยิ้มๆ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขมวดคิ้วมองเขา

                “เบาๆ จอร์จ นี่ไม่ใช่ห้องอาหารส่วนตัวนะ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะ พวกเขาคุยกันต่อถึงเรื่องรักบี้ ขณะที่เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หยิบนาฬิกาพกออกมาดูเป็นระยะๆ

                “นายไม่ต้องหยิบนาฬิกาออกมาดูบ่อยๆ แบบนั้นหรอก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทักเขา “เพราะเวลามันไม่เดินเร็วขึ้นหรือหยุดอยู่แล้ว เดี๋ยวถ้าทุ่มหนึ่งเธอยังไม่มานะ พวกเราจะกินมื้อค่ำเป็นเพื่อนนายเอง ไม่ต้องกังวลไป”

                “ขอบใจ แต่ฉันอยากให้เธอมามากกว่า แม้เธอจะมาเพราะชื่อของเดอะ แกรนด์ก็ตามเถอะ”

                “อ้อ งั้นนายก็จงใจจะระบุว่าเป็นที่นี่ เพื่อให้เธอสนใจที่จะมางั้นสิ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “ไม่แน่ว่าชื่อเดอะ แกรนด์อาจจะทำให้เธอมองข้ามความน่ากลัวของนายไปก็ได้ ถ้าไม่ใช่เธอ อย่างน้อยๆ ก็เพื่อนของเธอล่ะ”

                ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อ้าปากจะพูดอะไร ผู้จัดการร้านก็เดินเข้ามาที่โต๊ะของพวกเขา พร้อมด้วยหญิงสาวสองคน ทั้งสามหนุ่มรีบลุกขึ้นทันที

                “สายัณห์สวัสดิ์”

                “สายัณห์สวัสดิ์ค่ะ” มิสเฮเก้นต์และมิสวู้ดย่อตัวให้พวกเขาด้วยท่าทางประหม่า โดยเฉพาะมิสวู้ดออกอาการอย่างเห็นได้ชัด เธอหน้าแดงจัดและก้มหน้าก้มตา ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองพวกเธอสองคนด้วยความตื่นเต้น

                “ผมดีใจที่พวกคุณมา เชิญนั่งก่อน”

                แอนนาเบล เฮเก้นต์ยิ้มให้เขา “พวกเรามารบกวนพวกคุณรึเปล่าคะ เราไม่รู้มาก่อนว่าคุณนัดเพื่อนเอาไว้ด้วย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์กับลอร์ดจอร์จ เฟลตันเหลือบมองกัน แล้วรีบพูดขึ้น “อ๋อ เปล่าหรอก พวกเราไม่ได้นัดกัน พวกเราแค่บังเอิญมาเจอกันเฉยๆ เราเห็นเขานั่งคนเดียวเลยมานั่งเป็นเพื่อนน่ะ ใช่ไหมแมกซ์?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รีบพยักหน้า “อืม พวกคุณนั่งเถอะ เดี๋ยวพวกเขาก็จะไปแล้ว”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันไปเขม่นเพื่อนแว้บหนึ่ง ก่อนจะนั่งลงแล้วหันมาคลี่ยิ้มให้กับหญิงสาวทั้งสอง “สายัณห์สวัสดิ์ครับ ผมได้ยินเรื่องคุณจากกอร์ดอนมาเยอะทีเดียว ”

                “โอ...” มิสเฮเก้นต์มองเขา “คุณเป็นเพื่อนเขาเหมือนกันหรือคะ?”

                “ครับ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า “ผม จอร์จ เฟลตัน เรียกผมว่าจอร์จก็ได้”

                มิสเฮเก้นต์และมิสวู้ดแนะนำตัวเอง ก่อนที่ฝ่ายแรกจะหันไปหาลอร์ดโทรว์บริดจ์ “พวกเราไม่ได้พบกันเสียนานเลยนะคะ ข่าวการชกมวยของคุณเมื่อเดือนก่อนโด่งดังมากค่ะ ท่านลอร์ด”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะขวยๆ “ผมนึกแล้วว่าคุณจะต้องเดาได้”

                มิสวู้ดมีท่าทางตื่นเต้น “ดิฉันไม่นึกเลยค่ะว่าคุณคือลอร์ดโทรว์บริดจ์ คือเราไม่กล้าคิดว่าคุณจะไปอยู่ในบาร์แบบนั้นได้”

                “ที่จริงแล้วผมชอบไปที่แบบนั้นมากเลยล่ะ มันดูไม่เป็นทางการดี” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า เขาหันไปมองเพื่อนทั้งสองที่นั่งอยู่ “ทั้งจอร์จกับแมกซ์ก็เคยไปที่นั่นมาเหมือนกัน และพวกเขาก็ชอบมาก โดยเฉพาะแมกซ์ เขาแวะไปที่นั่นอีกหลายครั้งทีเดียว ผมแน่ใจว่านอกจากเบียร์ดำที่เขาติดใจแล้ว ต้องมีอย่างอื่นอีกแน่”

                มิสวู้ดหันไปหลิ่วตาให้เพื่อนสาว ขณะที่มิสเฮเก้นต์ยิ้มเขินๆ

                “แจ็คสันเป็นคนที่คุยด้วยแล้วสบายใจค่ะ” เธอว่า “ดิฉันเองก็ชอบแวะไปที่นั่นบ่อยๆ เพราะเขาเหมือนกัน”

                “โอ... คุณคงไม่ได้...” เสียงของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หายไปเพราะถูกลอร์ดจอร์จ เฟลตันเหยียบเท้า

                “แมกซ์เพื่อนเราเป็นคนคุยไม่เก่งมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “แต่เขาเป็นสุภาพบุรุษผู้ตรงไปตรงมามาก ผมยืนยันกับพวกคุณเลยว่าคงหาใครซื่อตรงกว่าเขาในลอนดอนแทบไม่ได้อีกแล้ว”

                มิสเฮเก้นต์หัวเราะออกมา เธอเงยหน้ามองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ “คุณค่อนข้างเป็นคนตรงไปตรงมาอย่างน่าสนใจเชียวค่ะ... คุณเมอร์เรย์ เอ... ดิฉันคิดว่าคุณคงมีชื่อที่เป็นทางการกว่านี้...”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเธออึดใจ ก่อนจะพูดออกมา “ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คือชื่ออย่างเป็นทางการของผม เช่นเดียวกับเขา” เขาหันไปมองลอร์ดจอร์จ เฟลตัน “ชื่อทางการของเขาก็นำหน้าด้วยลอร์ดเหมือนกัน”

                “แต่ผมยินดีที่จะให้พวกคุณเรียกว่าจอร์จเฉยๆ หากพวกเราได้พบกันอีกครั้ง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบพูด “แมกซ์ก็เช่นกัน เขาคงดีใจมากถ้าพวกคุณจะทักทายเขาเหมือนเพื่อนคนหนึ่ง”

                พูดจบเขาก็เตะขาลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ เจ้าตัวรีบพยักหน้า “อืม... คุณจะเรียกผมว่าแมกซ์ก็ได้ ผมอนุญาต”

                “ดิฉันคงไม่กล้าหรอกค่ะ” มิสเฮเก้นต์พูดยิ้มๆ “พวกเรายังไม่ได้รู้จักกันดีอย่างนั้น”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะออกมา เขาหันไปหาเพื่อนรัก “นี่ จอร์จ ฉันเพิ่งนึกได้ว่าต้องไปทำธุระต่อ นายก็ไปด้วยกันสิ”

                “หา?”

                โดยไม่รอให้ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดอะไรต่อ ลอร์ดโทรว์บริดจ์สะกิดให้เขาลุกขึ้นทันที “ผมต้องขอตัวก่อน”

                “ตามสบายเลยค่ะ” ทั้งสองสาวพูดขึ้น เมื่อลอร์ดหนุ่มทั้งคู่ลุกออกไปแล้ว มิสวู้ดก็พูดขึ้นบ้าง

                “ดิฉันเองก็คงได้เวลาต้องกลับแล้วเหมือนกันค่ะ” เธอหันไปยิ้มให้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ “ดิฉันนัดกับคู่หมั้นเอาไว้ เขาคงรอแย่แล้วเชียว”

                มิสเฮเก้นต์เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ เธอหันไปมองเพื่อนทันที “แต่มอลลี่ ไหนเธอบอกว่า...”

                เพื่อนสาวขยิบตาให้เธอ ก่อนจะลุกขึ้น “ลาก่อนค่ะ ท่านลอร์ด”

                “ลาก่อน มิสวู้ด ผมต้องขออภัยเรื่องเมื่อตอนกลางวันด้วย”

                มิสวู้ดยิ้มให้เขา “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”

                ในที่สุดบนโต๊ะอาหารก็เหลือแค่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กับมิสเฮเก้นต์เพียงแค่สองคน มิสเฮเก้นต์เป็นฝ่ายพูดทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน “ดูทุกคนจะติดธุระยุ่งหมดเลยนะคะ ความจริงแล้วดิฉันเองก็...”

                “โอ... ผมไม่อยากให้คุณติดธุระด้วยอีกคน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รีบพูดออกมา “ผมไม่ชอบที่ต้องกินมื้อเย็นคนเดียว”

                มิสเฮเก้นต์ยิ้มให้เขา “งั้นปกติแล้วคุณคงมีเพื่อนกินมื้อเย็นทุกมื้อ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีสีหน้าลำบากใจ เขาสั่นศีรษะ “เปล่า ส่วนใหญ่ผมมักจะนั่งอยู่บนโต๊ะอาหารคนเดียว ซึ่งผมไม่ชอบเลย”

                “โอ...” อีกฝ่ายมองเขาอย่างแปลกใจ “คุณอยู่ตัวคนเดียวหรือคะ?”

                “เปล่า แต่ผมไม่ค่อยชอบร่วมโต๊ะกับครอบครัวน่ะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบตามตรง เขามองหน้ามิสเฮเก้นต์ “แล้วคุณล่ะ ทำไมถึงมาอยู่ที่ลอนดอนคนเดียวแบบนี้”

                “คุณดูสนใจอยากถามถึงที่มาที่ไปของดิฉันนะคะ” มิสเฮเก้นต์มองเขายิ้มๆ “เอาเถอะค่ะ ฉันจะเล่าให้คุณฟัง”

                “ถ้าคุณไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รีบพูด “ผมแค่นึกไม่ออกว่าจะชวนคุณคุยเรื่องอะไรดี”

                “คุณตรงไปตรงมาดีจังค่ะ” หญิงสาวว่า “บ้านเดิมของดิฉันอยู่ที่บริกตันค่ะ แต่หลังจากพ่อเสีย บ้านก็ตกเป็นของทายาทฝ่ายชาย ฉันกับแม่ต้องย้ายออก แม่ฉันเลยตัดสินใจแต่งงานใหม่ และเธอเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่ปีก่อน ดิฉันไม่สะดวกใจจะอยู่กับพ่อเลี้ยง เลยตัดสินใจออกมาหางานทำที่ลอนดอนค่ะ”

                “อย่างนั้นหรือ...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “ตะกี้เพื่อนคุณพูดถึงคู่หมั้นของเธอ แสดงว่าอีกไม่นานเธอก็จะแต่งงานและย้ายออกไปใช่ไหม? อันที่จริงแล้วผมมีบ้านเช่าดีๆ หลังหนึ่งที่ถนนเบรเวรี่ มันปลอดภัยและสะดวกต่อการเดินทาง ถ้ามิสวู้ดย้ายออกแล้วผมอยากให้คุณย้ายไปอยู่ที่นั่น ผมจะจัดการเรื่องค่าเช่าให้เอง”

                “โอ... ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” มิสเฮเก้นต์พูดขึ้น “มิสซิสเมอร์สันยินดีจะลดค่าเช่าให้ดิฉันอีกหน่อย เพื่อที่ดิฉันจะได้อยู่เป็นเพื่อนเธอ และดิฉันเองก็ชอบเธอมากค่ะ”

                “งั้น... คุณสนใจจะมาทำงานกับผมไหม ผมกับพี่ชายกำลังจะเปิดบริษัทนำเข้าสินค้าจากแถบเอเชีย และผมกำลังมองหาผู้ช่วยอยู่ ผมยินดีจ่ายให้คุณเป็นสองเท่าของค่าจ้างที่ลอร์ดวู้ดฟอร์ดจ่ายคุณ”

                มิสเฮเก้นต์มองเขาแล้วยิ้ม “คุณช่างกรุณาดิฉันเหลือเกินค่ะ แต่ดิฉันคงต้องขอปฏิเสธ ดิฉันคิดว่าตัวเองไม่น่าจะทำหน้าที่ผู้ช่วยของคุณได้ดีนัก”

                “มันไม่มีอะไรยากหรอก ก็แค่ทำหน้าที่เสมียน จดรายรับรายจ่าย ทำบัญชี ผมรู้สึกว่าคุณได้รับการศึกษามาดีทีเดียว คงจะทำงานพวกนี้ได้ไม่ยาก”

                “อย่าเลยค่ะ ดิฉันไม่เหมาะจะทำงานแบบนั้นหรอกค่ะ มันควรเป็นงานของผู้ชายมากกว่า”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สูดหายใจ “คุณคงไม่สะดวกใจจะมาทำงานกับผม ไม่เป็นไรหรอก แต่ผมอยากให้คุณเปลี่ยนงานน่ะ... ถ้าคุณชอบสอนดนตรี ผมจะมองหาที่ใหม่ให้คุณ ผมไม่อยากให้คุณไปทำงานที่คฤหาสน์ของลอร์ดวู้ดฟอร์ด”

                “ทำไมล่ะคะ?” แอนนาเบล เฮเก้นต์ถามด้วยความสงสัย “คุณไม่ชอบลอร์ดวู้ดฟอร์ดหรือ?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สั่นศีรษะ “ไม่ ลอร์ดวู้ดฟอร์ดเป็นคนดี ผมกล้าพูดว่าชอบเขาพอๆ กับคนอื่นๆ ในลอนดอน แต่ลูกชายเขา โรเบิร์ต เป็นคนที่นิสัยแย่มาก ผมขออภัยที่ต้องพูดถึงลูกชายนายจ้างของคุณในแง่ไม่ดี มันอาจจะทำให้คุณมองผมไม่ดีก็ได้ แต่ผมต้องบอกคุณว่าเขาเป็นผู้ชายที่คุณไม่ควรจะเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยที่สุด มันจะเป็นการดีมาก ถ้าคุณลาออกมาเสีย”

                “ขอบคุณสำหรับความหวังดีค่ะ” มิสเฮเก้นต์มองเขาอย่างประทับใจ “ดิฉันจะระวังตัวไว้ แต่คงจะไม่เปลี่ยนงานหรอกค่ะ เพราะคุณหนูเจนนิเฟอร์น่ารักมาก เธอคงโยเยทีเดียวถ้าฉันลาออกไป”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเธออีกครั้ง “ถ้าคุณกังวลใจเรื่องเหตุผลที่จะลาออก ผมจะเขียนจดหมายแจงกับลอร์ดวู้ดฟอร์ดเอง เขาไม่ว่าอะไรคุณหรอก”

                อีกฝ่ายยิ้มพลางสั่นศีรษะ “ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คะ คุณน่ะจริงจังกับผู้หญิงที่เพิ่งเจอแบบนี้ทุกคนเลยรึเปล่าคะ? ดิฉันรู้สึกว่าคุณจริงจังกับดิฉันซึ่งเพิ่งพบคุณแค่สองครั้งมาก”

                “เปล่า ผมไม่เคยจริงจังกับใครแบบนี้หรอก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบเธอตามตรง มิสเฮเก้นต์มองเขา

                “อย่างนั้นดิฉันก็ขอขอบคุณคุณมาก สำหรับความจริงใจที่คุณมีให้ดิฉันค่ะ แต่มันไม่เป็นการดีหรอกค่ะที่คุณจะจริงจังแบบนี้กับผู้หญิงที่คุณแทบไม่รู้จักเลยอย่างดิฉัน”

                “อย่างนั้นเราก็ควรจะรู้จักกันมากขึ้น” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดตอบเธอ “คุณจะให้เกียรติผมพบอีกครั้งหลังจากนี้ไหม? ผมเกรงว่าการไปรบกวนคุณถึงที่พักจะดูไม่เป็นสุภาพบุรุษ แต่ผมอยากจะพบคุณอีก”

                มิสเฮเก้นต์ยิ้มให้เขา “คุณอย่ารู้จักดิฉันมากกว่านี้เลยค่ะ มันจะเป็นการดีกว่าทั้งคุณและดิฉัน”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีสีหน้าผิดหวังเป็นอย่างมาก ขณะที่เขากำลังจะอ้าปากพูดอะไร บริกรก็นำอาหารเข้ามาเสิร์ฟ พร้อมกับแจกันที่มีดอกกุหลาบสีแดงดอกใหญ่เสียบอยู่

                “เอ๊ะ ผมไม่ได้สั่งนี่” เขาหันไปแจ้งกับบริกร อีกฝ่ายโค้งให้เขา

                “ลอร์ดจอร์จ เฟลตันสั่งไว้ให้คุณครับ” พูดจบเขาก็เดินออกไป ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองกุหลาบสีแดงดอกนั้นอย่างกระอักกระอ่วน

                “คือผมไม่ได้ตั้งใจ...”

                “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” มิสเฮเก้นต์ยิ้มให้เขา เธอหยิบผ้ากันเปื้อนมาปูรองที่ตัก “อย่าทำหน้าแบบนั้นเลยค่ะ ท่านลอร์ด ดิฉันไม่ได้ตัดรอนคุณเพียงเพราะไม่พึงใจต่อคุณหรอกค่ะ เพียงแต่มันจะดีกับคุณและฉันมากกว่า ถ้าเราจะรู้จักกันเพียงแค่ผิวเผิน”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเธออึดใจ ก่อนจะผงกศีรษะ “ตกลง มิสเฮเก้นต์ ผมจะเคารพการตัดสินใจของคุณ ผมขอดื่มฉลองให้กับการพบกันอย่างเป็นทางการของเรา”

                “เช่นกันค่ะ”

                พวกเขายกแก้วไวน์ขึ้นแตะกันเบาๆ และเริ่มต้นกินมื้อเย็นกันโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรต่อ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เอาแต่เหลือบมองมิสเฮเก้นต์ด้วยความรู้สึกหลายอย่าง ขณะที่อีกฝ่ายซ่อนแววตาเอาไว้ภายใต้ขนตาที่เป็นแพหนา และไม่ยอมมองสบตาเขาอีกเลย

                “ขอบคุณสำหรับมื้อเย็นนะคะ” มิสเฮเก้นต์พูดขึ้นหลังจากที่พวกเขาดื่มไวน์หลังอาหารกันเรียบร้อยแล้ว ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า

                “ให้ผมไปส่งคุณที่บ้านเถอะ”

                มิสเฮเก้นต์นิ่งไปครู่ใหญ่ แต่สุดท้ายก็ยอมพยักหน้า ทั้งคู่ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เดินไปยืนเคียงข้างเธอ แล้วยกแขนข้างหนึ่งขึ้น มิสเฮเก้นต์เงยขึ้นมองเขาชั่วแว้บหนึ่ง ก่อนจะสอดแขนของเธอเข้าไปในวงแขนของเขา ทั้งคู่เดินเคียงกันออกจากเดอะ แกรนด์ไปยังรถม้าคันใหญ่ของคฤหาสน์สามเส้าที่จอดรออยู่ด้านหน้า

                “มิสเฮเก้นต์ ผมมีเรื่องหนึ่งอยากจะถามคุณ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้นระหว่างที่รถม้ากำลังแล่น มิสเฮเก้นต์หันมามองเขา

                “เรื่องอะไรหรือคะ?”

                “ปกติแล้วคุณทักผู้ชายแปลกหน้าที่นั่งดื่มคนเดียวที่บาร์บ่อยหรือเปล่า?”

                มิสเฮเก้นต์ยิ้มออกมา “ดิฉันคิดว่ากอร์ดอนจะเล่าให้คุณฟังแล้วเสียอีก ว่าเขามองดิฉันอยู่หลายเดือน... ไม่หรอกค่ะ ดิฉันไม่เคยเดินไปทักใครก่อนหรอก”

                ดวงตาของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เป็นประกายขึ้นมา แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรต่อ รถม้าก็หยุดลง

                “ดิฉันคงต้องไปแล้ว” มิสเฮเก้นต์พูดและทำท่าจะเอื้อมมือไปเปิดประตูรถม้า แต่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ชิงเปิดเสียก่อน เขากระโดดลงจากรถ แล้วยื่นมือให้เธอ มิสเฮเก้นต์ยิ้มให้เขา แล้ววางมือลงไป ก่อนจะก้าวลงมาจากรถ

                “เป็นเกียรติของดิฉันเหลือเกินค่ะ ที่ได้พบกับสุภาพบุรุษเช่นคุณ” เธอพูดหลังจากลงจากรถม้าแล้ว “หวังว่าการปฏิเสธของฉันคงจะไม่ทำให้คุณผิดหวังมากนัก เชื่อเถอะค่ะว่าดิฉันไม่ใช่คนที่คู่ควร ราตรีสวัสดิ์ค่ะ ท่านลอร์ด”

                “ราตรีสวัสดิ์ มิสเฮเก้นต์” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูด และยกมือของเธอขึ้นมาจูบ หากเขาเหลือบตาขึ้นมองในช่วงเวลานั้น คงจะได้เห็นสีเลือดฝาดบนพวงแก้มของหญิงสาว แต่ทว่ามันเกิดขึ้นเพียงช่วงสั้นๆ เท่านั้น พอลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เงยขึ้นมา สีหน้าของมิสเฮเก้นต์ก็กลับเป็นปกติเสียแล้ว

                เธอยิ้มให้เขา และเดินเข้าไปในบ้านพัก ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถอยออกมา แล้วเงยหน้ามองขึ้นไปยังบ้านหน้าต่าง ไม่นานนักแสงไฟก็สว่างขึ้นจากหน้าต่างบานหนึ่ง จากนั้นม่านก็ถูกแง้มออก มิสเฮเก้นต์ยืนอยู่ตรงนั้น และกำลังมองลงมา เมื่อสายตาของทั้งคู่สบกัน ผ้าม่านก็พลันถูกปิดลง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถอนใจเฮือกใหญ่ เขาเดินกลับไปที่รถม้า และสั่งให้คนขับขับกลับไปที่คฤหาสน์

------------------------------------------
(จบตอน)

*** หลังจากตอนแรกเกือบจะกลายเป็นตอนดราม่าอีกตอน สุดท้ายเราก็แก้ไขให้มันกลายเป็นตอนมุ้งมิ้งได้สำเร็จ!! (นี่คือนิยายมุ้งมิ้ง!!!!)

เราว่าการจีบสาวของตาแมกซ์นี่เข้าข่ายคุกคามเลยล่ะ 555+ ดีนะแอนนาเบลเป็นสาวจิตแข็ง เจอแบบกอร์ดอนมีหวังโดนแจ้งตำรวจไปนานแล้วค่ะตาแมกซ์ขา 5555+

ยกคู่เอกไปเก็บชั่วคราว (เพราะคงไม่มีอะไรให้ขายนอกจากมาม่าชามโต เก็บไว้ก่อน ไว้ชิงโชคตอนจบ 555+)

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ :pig4:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
แมกซ์เป็นแนวจู่โจมอย่างน่ากลัวนะ นี่ขนาดแค่ชอบ ไม่อยากคิดเรื่องอย่างอื่น อิอิอิ
 :hao6:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
แมกซ์เอ๋ย จีบสาวแบบนี้ใครจะกล้าคุยด้วย

ศักดิ์ฐานะสูงก็เงื่อนไขเยอะเนอะ

อยากรู้ว่ากอร์ดอนเป็นอย่างไรบ้าง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด