ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ และเพื่อนรักทั้งสองคนของเขามาถึงภัตตาคารเดอะ แกรนด์ตั้งแต่หกโมงเย็น ลอร์ดหนุ่มสวมทักซิโดส์สีดำที่ตัดเย็บอย่างประณีต และถือไม้เท้าหัวอำพันอันเดียวกับที่ถือไปที่บ้านเช่าของมิสเฮเก้นต์เมื่อตอนกลางวัน ขณะที่เพื่อนของเขาสวมชุดสูทสบายๆ พวกเขานั่งลงที่โต๊ะซึ่งลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จองเอาไว้เป็นพิเศษ แล้วเริ่มพูดคุยกันถึงเรื่องเมื่อตอนกลางวัน
“เอาจริงๆ นะแมกซ์ สมมติว่ามิสเฮเก้นต์มาที่นี่อย่างที่นายหวังไว้ เรื่องที่จอห์นนี่ไม่ใช่ผู้จัดการเหมืองก็แดงน่ะสิ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เลิกคิ้ว
“จริงด้วย ฉันลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปเลย”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “ไม่เป็นไรหรอก อันที่จริงฉันคิดว่าจะบอกเธออยู่สักวัน ไม่แน่ว่าเธออาจจะเดาได้ตั้งแต่โปสเตอร์ชกมวยของฉันแปะหราไปทั่วลอนดอนแล้วก็ได้”
“ก็จริงของนาย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “งั้นเรามาคุยถึงเรื่องแผนการต่อไปที่จะทำให้แมกซ์ได้ทำความคุ้นเคยกับเธอดีกว่า ฉันว่างานนี้เราอาจจะต้องดึงกอร์ดอนเข้ามาช่วย เพราะเขาค่อนข้างสนิทกับเธอ”
“แต่กอร์ดอนงานยุ่งมากอยู่แล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบออกตัว “ฉันไม่อยากให้เราไปรบกวนเขามาก”
“นายยังหึงเขากับแม่สาวเฮเก้นต์อีกหรือ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถามยิ้มๆ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขมวดคิ้วมองเขา
“เบาๆ จอร์จ นี่ไม่ใช่ห้องอาหารส่วนตัวนะ”
ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะ พวกเขาคุยกันต่อถึงเรื่องรักบี้ ขณะที่เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หยิบนาฬิกาพกออกมาดูเป็นระยะๆ
“นายไม่ต้องหยิบนาฬิกาออกมาดูบ่อยๆ แบบนั้นหรอก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทักเขา “เพราะเวลามันไม่เดินเร็วขึ้นหรือหยุดอยู่แล้ว เดี๋ยวถ้าทุ่มหนึ่งเธอยังไม่มานะ พวกเราจะกินมื้อค่ำเป็นเพื่อนนายเอง ไม่ต้องกังวลไป”
“ขอบใจ แต่ฉันอยากให้เธอมามากกว่า แม้เธอจะมาเพราะชื่อของเดอะ แกรนด์ก็ตามเถอะ”
“อ้อ งั้นนายก็จงใจจะระบุว่าเป็นที่นี่ เพื่อให้เธอสนใจที่จะมางั้นสิ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “ไม่แน่ว่าชื่อเดอะ แกรนด์อาจจะทำให้เธอมองข้ามความน่ากลัวของนายไปก็ได้ ถ้าไม่ใช่เธอ อย่างน้อยๆ ก็เพื่อนของเธอล่ะ”
ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อ้าปากจะพูดอะไร ผู้จัดการร้านก็เดินเข้ามาที่โต๊ะของพวกเขา พร้อมด้วยหญิงสาวสองคน ทั้งสามหนุ่มรีบลุกขึ้นทันที
“สายัณห์สวัสดิ์”
“สายัณห์สวัสดิ์ค่ะ” มิสเฮเก้นต์และมิสวู้ดย่อตัวให้พวกเขาด้วยท่าทางประหม่า โดยเฉพาะมิสวู้ดออกอาการอย่างเห็นได้ชัด เธอหน้าแดงจัดและก้มหน้าก้มตา ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองพวกเธอสองคนด้วยความตื่นเต้น
“ผมดีใจที่พวกคุณมา เชิญนั่งก่อน”
แอนนาเบล เฮเก้นต์ยิ้มให้เขา “พวกเรามารบกวนพวกคุณรึเปล่าคะ เราไม่รู้มาก่อนว่าคุณนัดเพื่อนเอาไว้ด้วย”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์กับลอร์ดจอร์จ เฟลตันเหลือบมองกัน แล้วรีบพูดขึ้น “อ๋อ เปล่าหรอก พวกเราไม่ได้นัดกัน พวกเราแค่บังเอิญมาเจอกันเฉยๆ เราเห็นเขานั่งคนเดียวเลยมานั่งเป็นเพื่อนน่ะ ใช่ไหมแมกซ์?”
ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รีบพยักหน้า “อืม พวกคุณนั่งเถอะ เดี๋ยวพวกเขาก็จะไปแล้ว”
ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันไปเขม่นเพื่อนแว้บหนึ่ง ก่อนจะนั่งลงแล้วหันมาคลี่ยิ้มให้กับหญิงสาวทั้งสอง “สายัณห์สวัสดิ์ครับ ผมได้ยินเรื่องคุณจากกอร์ดอนมาเยอะทีเดียว ”
“โอ...” มิสเฮเก้นต์มองเขา “คุณเป็นเพื่อนเขาเหมือนกันหรือคะ?”
“ครับ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า “ผม จอร์จ เฟลตัน เรียกผมว่าจอร์จก็ได้”
มิสเฮเก้นต์และมิสวู้ดแนะนำตัวเอง ก่อนที่ฝ่ายแรกจะหันไปหาลอร์ดโทรว์บริดจ์ “พวกเราไม่ได้พบกันเสียนานเลยนะคะ ข่าวการชกมวยของคุณเมื่อเดือนก่อนโด่งดังมากค่ะ ท่านลอร์ด”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะขวยๆ “ผมนึกแล้วว่าคุณจะต้องเดาได้”
มิสวู้ดมีท่าทางตื่นเต้น “ดิฉันไม่นึกเลยค่ะว่าคุณคือลอร์ดโทรว์บริดจ์ คือเราไม่กล้าคิดว่าคุณจะไปอยู่ในบาร์แบบนั้นได้”
“ที่จริงแล้วผมชอบไปที่แบบนั้นมากเลยล่ะ มันดูไม่เป็นทางการดี” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า เขาหันไปมองเพื่อนทั้งสองที่นั่งอยู่ “ทั้งจอร์จกับแมกซ์ก็เคยไปที่นั่นมาเหมือนกัน และพวกเขาก็ชอบมาก โดยเฉพาะแมกซ์ เขาแวะไปที่นั่นอีกหลายครั้งทีเดียว ผมแน่ใจว่านอกจากเบียร์ดำที่เขาติดใจแล้ว ต้องมีอย่างอื่นอีกแน่”
มิสวู้ดหันไปหลิ่วตาให้เพื่อนสาว ขณะที่มิสเฮเก้นต์ยิ้มเขินๆ
“แจ็คสันเป็นคนที่คุยด้วยแล้วสบายใจค่ะ” เธอว่า “ดิฉันเองก็ชอบแวะไปที่นั่นบ่อยๆ เพราะเขาเหมือนกัน”
“โอ... คุณคงไม่ได้...” เสียงของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หายไปเพราะถูกลอร์ดจอร์จ เฟลตันเหยียบเท้า
“แมกซ์เพื่อนเราเป็นคนคุยไม่เก่งมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “แต่เขาเป็นสุภาพบุรุษผู้ตรงไปตรงมามาก ผมยืนยันกับพวกคุณเลยว่าคงหาใครซื่อตรงกว่าเขาในลอนดอนแทบไม่ได้อีกแล้ว”
มิสเฮเก้นต์หัวเราะออกมา เธอเงยหน้ามองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ “คุณค่อนข้างเป็นคนตรงไปตรงมาอย่างน่าสนใจเชียวค่ะ... คุณเมอร์เรย์ เอ... ดิฉันคิดว่าคุณคงมีชื่อที่เป็นทางการกว่านี้...”
ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเธออึดใจ ก่อนจะพูดออกมา “ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คือชื่ออย่างเป็นทางการของผม เช่นเดียวกับเขา” เขาหันไปมองลอร์ดจอร์จ เฟลตัน “ชื่อทางการของเขาก็นำหน้าด้วยลอร์ดเหมือนกัน”
“แต่ผมยินดีที่จะให้พวกคุณเรียกว่าจอร์จเฉยๆ หากพวกเราได้พบกันอีกครั้ง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบพูด “แมกซ์ก็เช่นกัน เขาคงดีใจมากถ้าพวกคุณจะทักทายเขาเหมือนเพื่อนคนหนึ่ง”
พูดจบเขาก็เตะขาลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ เจ้าตัวรีบพยักหน้า “อืม... คุณจะเรียกผมว่าแมกซ์ก็ได้ ผมอนุญาต”
“ดิฉันคงไม่กล้าหรอกค่ะ” มิสเฮเก้นต์พูดยิ้มๆ “พวกเรายังไม่ได้รู้จักกันดีอย่างนั้น”
ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะออกมา เขาหันไปหาเพื่อนรัก “นี่ จอร์จ ฉันเพิ่งนึกได้ว่าต้องไปทำธุระต่อ นายก็ไปด้วยกันสิ”
“หา?”
โดยไม่รอให้ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดอะไรต่อ ลอร์ดโทรว์บริดจ์สะกิดให้เขาลุกขึ้นทันที “ผมต้องขอตัวก่อน”
“ตามสบายเลยค่ะ” ทั้งสองสาวพูดขึ้น เมื่อลอร์ดหนุ่มทั้งคู่ลุกออกไปแล้ว มิสวู้ดก็พูดขึ้นบ้าง
“ดิฉันเองก็คงได้เวลาต้องกลับแล้วเหมือนกันค่ะ” เธอหันไปยิ้มให้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ “ดิฉันนัดกับคู่หมั้นเอาไว้ เขาคงรอแย่แล้วเชียว”
มิสเฮเก้นต์เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ เธอหันไปมองเพื่อนทันที “แต่มอลลี่ ไหนเธอบอกว่า...”
เพื่อนสาวขยิบตาให้เธอ ก่อนจะลุกขึ้น “ลาก่อนค่ะ ท่านลอร์ด”
“ลาก่อน มิสวู้ด ผมต้องขออภัยเรื่องเมื่อตอนกลางวันด้วย”
มิสวู้ดยิ้มให้เขา “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
ในที่สุดบนโต๊ะอาหารก็เหลือแค่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กับมิสเฮเก้นต์เพียงแค่สองคน มิสเฮเก้นต์เป็นฝ่ายพูดทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน “ดูทุกคนจะติดธุระยุ่งหมดเลยนะคะ ความจริงแล้วดิฉันเองก็...”
“โอ... ผมไม่อยากให้คุณติดธุระด้วยอีกคน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รีบพูดออกมา “ผมไม่ชอบที่ต้องกินมื้อเย็นคนเดียว”
มิสเฮเก้นต์ยิ้มให้เขา “งั้นปกติแล้วคุณคงมีเพื่อนกินมื้อเย็นทุกมื้อ”
ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีสีหน้าลำบากใจ เขาสั่นศีรษะ “เปล่า ส่วนใหญ่ผมมักจะนั่งอยู่บนโต๊ะอาหารคนเดียว ซึ่งผมไม่ชอบเลย”
“โอ...” อีกฝ่ายมองเขาอย่างแปลกใจ “คุณอยู่ตัวคนเดียวหรือคะ?”
“เปล่า แต่ผมไม่ค่อยชอบร่วมโต๊ะกับครอบครัวน่ะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบตามตรง เขามองหน้ามิสเฮเก้นต์ “แล้วคุณล่ะ ทำไมถึงมาอยู่ที่ลอนดอนคนเดียวแบบนี้”
“คุณดูสนใจอยากถามถึงที่มาที่ไปของดิฉันนะคะ” มิสเฮเก้นต์มองเขายิ้มๆ “เอาเถอะค่ะ ฉันจะเล่าให้คุณฟัง”
“ถ้าคุณไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รีบพูด “ผมแค่นึกไม่ออกว่าจะชวนคุณคุยเรื่องอะไรดี”
“คุณตรงไปตรงมาดีจังค่ะ” หญิงสาวว่า “บ้านเดิมของดิฉันอยู่ที่บริกตันค่ะ แต่หลังจากพ่อเสีย บ้านก็ตกเป็นของทายาทฝ่ายชาย ฉันกับแม่ต้องย้ายออก แม่ฉันเลยตัดสินใจแต่งงานใหม่ และเธอเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่ปีก่อน ดิฉันไม่สะดวกใจจะอยู่กับพ่อเลี้ยง เลยตัดสินใจออกมาหางานทำที่ลอนดอนค่ะ”
“อย่างนั้นหรือ...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “ตะกี้เพื่อนคุณพูดถึงคู่หมั้นของเธอ แสดงว่าอีกไม่นานเธอก็จะแต่งงานและย้ายออกไปใช่ไหม? อันที่จริงแล้วผมมีบ้านเช่าดีๆ หลังหนึ่งที่ถนนเบรเวรี่ มันปลอดภัยและสะดวกต่อการเดินทาง ถ้ามิสวู้ดย้ายออกแล้วผมอยากให้คุณย้ายไปอยู่ที่นั่น ผมจะจัดการเรื่องค่าเช่าให้เอง”
“โอ... ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” มิสเฮเก้นต์พูดขึ้น “มิสซิสเมอร์สันยินดีจะลดค่าเช่าให้ดิฉันอีกหน่อย เพื่อที่ดิฉันจะได้อยู่เป็นเพื่อนเธอ และดิฉันเองก็ชอบเธอมากค่ะ”
“งั้น... คุณสนใจจะมาทำงานกับผมไหม ผมกับพี่ชายกำลังจะเปิดบริษัทนำเข้าสินค้าจากแถบเอเชีย และผมกำลังมองหาผู้ช่วยอยู่ ผมยินดีจ่ายให้คุณเป็นสองเท่าของค่าจ้างที่ลอร์ดวู้ดฟอร์ดจ่ายคุณ”
มิสเฮเก้นต์มองเขาแล้วยิ้ม “คุณช่างกรุณาดิฉันเหลือเกินค่ะ แต่ดิฉันคงต้องขอปฏิเสธ ดิฉันคิดว่าตัวเองไม่น่าจะทำหน้าที่ผู้ช่วยของคุณได้ดีนัก”
“มันไม่มีอะไรยากหรอก ก็แค่ทำหน้าที่เสมียน จดรายรับรายจ่าย ทำบัญชี ผมรู้สึกว่าคุณได้รับการศึกษามาดีทีเดียว คงจะทำงานพวกนี้ได้ไม่ยาก”
“อย่าเลยค่ะ ดิฉันไม่เหมาะจะทำงานแบบนั้นหรอกค่ะ มันควรเป็นงานของผู้ชายมากกว่า”
ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สูดหายใจ “คุณคงไม่สะดวกใจจะมาทำงานกับผม ไม่เป็นไรหรอก แต่ผมอยากให้คุณเปลี่ยนงานน่ะ... ถ้าคุณชอบสอนดนตรี ผมจะมองหาที่ใหม่ให้คุณ ผมไม่อยากให้คุณไปทำงานที่คฤหาสน์ของลอร์ดวู้ดฟอร์ด”
“ทำไมล่ะคะ?” แอนนาเบล เฮเก้นต์ถามด้วยความสงสัย “คุณไม่ชอบลอร์ดวู้ดฟอร์ดหรือ?”
ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สั่นศีรษะ “ไม่ ลอร์ดวู้ดฟอร์ดเป็นคนดี ผมกล้าพูดว่าชอบเขาพอๆ กับคนอื่นๆ ในลอนดอน แต่ลูกชายเขา โรเบิร์ต เป็นคนที่นิสัยแย่มาก ผมขออภัยที่ต้องพูดถึงลูกชายนายจ้างของคุณในแง่ไม่ดี มันอาจจะทำให้คุณมองผมไม่ดีก็ได้ แต่ผมต้องบอกคุณว่าเขาเป็นผู้ชายที่คุณไม่ควรจะเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยที่สุด มันจะเป็นการดีมาก ถ้าคุณลาออกมาเสีย”
“ขอบคุณสำหรับความหวังดีค่ะ” มิสเฮเก้นต์มองเขาอย่างประทับใจ “ดิฉันจะระวังตัวไว้ แต่คงจะไม่เปลี่ยนงานหรอกค่ะ เพราะคุณหนูเจนนิเฟอร์น่ารักมาก เธอคงโยเยทีเดียวถ้าฉันลาออกไป”
ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเธออีกครั้ง “ถ้าคุณกังวลใจเรื่องเหตุผลที่จะลาออก ผมจะเขียนจดหมายแจงกับลอร์ดวู้ดฟอร์ดเอง เขาไม่ว่าอะไรคุณหรอก”
อีกฝ่ายยิ้มพลางสั่นศีรษะ “ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คะ คุณน่ะจริงจังกับผู้หญิงที่เพิ่งเจอแบบนี้ทุกคนเลยรึเปล่าคะ? ดิฉันรู้สึกว่าคุณจริงจังกับดิฉันซึ่งเพิ่งพบคุณแค่สองครั้งมาก”
“เปล่า ผมไม่เคยจริงจังกับใครแบบนี้หรอก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบเธอตามตรง มิสเฮเก้นต์มองเขา
“อย่างนั้นดิฉันก็ขอขอบคุณคุณมาก สำหรับความจริงใจที่คุณมีให้ดิฉันค่ะ แต่มันไม่เป็นการดีหรอกค่ะที่คุณจะจริงจังแบบนี้กับผู้หญิงที่คุณแทบไม่รู้จักเลยอย่างดิฉัน”
“อย่างนั้นเราก็ควรจะรู้จักกันมากขึ้น” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดตอบเธอ “คุณจะให้เกียรติผมพบอีกครั้งหลังจากนี้ไหม? ผมเกรงว่าการไปรบกวนคุณถึงที่พักจะดูไม่เป็นสุภาพบุรุษ แต่ผมอยากจะพบคุณอีก”
มิสเฮเก้นต์ยิ้มให้เขา “คุณอย่ารู้จักดิฉันมากกว่านี้เลยค่ะ มันจะเป็นการดีกว่าทั้งคุณและดิฉัน”
ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีสีหน้าผิดหวังเป็นอย่างมาก ขณะที่เขากำลังจะอ้าปากพูดอะไร บริกรก็นำอาหารเข้ามาเสิร์ฟ พร้อมกับแจกันที่มีดอกกุหลาบสีแดงดอกใหญ่เสียบอยู่
“เอ๊ะ ผมไม่ได้สั่งนี่” เขาหันไปแจ้งกับบริกร อีกฝ่ายโค้งให้เขา
“ลอร์ดจอร์จ เฟลตันสั่งไว้ให้คุณครับ” พูดจบเขาก็เดินออกไป ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองกุหลาบสีแดงดอกนั้นอย่างกระอักกระอ่วน
“คือผมไม่ได้ตั้งใจ...”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” มิสเฮเก้นต์ยิ้มให้เขา เธอหยิบผ้ากันเปื้อนมาปูรองที่ตัก “อย่าทำหน้าแบบนั้นเลยค่ะ ท่านลอร์ด ดิฉันไม่ได้ตัดรอนคุณเพียงเพราะไม่พึงใจต่อคุณหรอกค่ะ เพียงแต่มันจะดีกับคุณและฉันมากกว่า ถ้าเราจะรู้จักกันเพียงแค่ผิวเผิน”
ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเธออึดใจ ก่อนจะผงกศีรษะ “ตกลง มิสเฮเก้นต์ ผมจะเคารพการตัดสินใจของคุณ ผมขอดื่มฉลองให้กับการพบกันอย่างเป็นทางการของเรา”
“เช่นกันค่ะ”
พวกเขายกแก้วไวน์ขึ้นแตะกันเบาๆ และเริ่มต้นกินมื้อเย็นกันโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรต่อ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เอาแต่เหลือบมองมิสเฮเก้นต์ด้วยความรู้สึกหลายอย่าง ขณะที่อีกฝ่ายซ่อนแววตาเอาไว้ภายใต้ขนตาที่เป็นแพหนา และไม่ยอมมองสบตาเขาอีกเลย
“ขอบคุณสำหรับมื้อเย็นนะคะ” มิสเฮเก้นต์พูดขึ้นหลังจากที่พวกเขาดื่มไวน์หลังอาหารกันเรียบร้อยแล้ว ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า
“ให้ผมไปส่งคุณที่บ้านเถอะ”
มิสเฮเก้นต์นิ่งไปครู่ใหญ่ แต่สุดท้ายก็ยอมพยักหน้า ทั้งคู่ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เดินไปยืนเคียงข้างเธอ แล้วยกแขนข้างหนึ่งขึ้น มิสเฮเก้นต์เงยขึ้นมองเขาชั่วแว้บหนึ่ง ก่อนจะสอดแขนของเธอเข้าไปในวงแขนของเขา ทั้งคู่เดินเคียงกันออกจากเดอะ แกรนด์ไปยังรถม้าคันใหญ่ของคฤหาสน์สามเส้าที่จอดรออยู่ด้านหน้า
“มิสเฮเก้นต์ ผมมีเรื่องหนึ่งอยากจะถามคุณ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้นระหว่างที่รถม้ากำลังแล่น มิสเฮเก้นต์หันมามองเขา
“เรื่องอะไรหรือคะ?”
“ปกติแล้วคุณทักผู้ชายแปลกหน้าที่นั่งดื่มคนเดียวที่บาร์บ่อยหรือเปล่า?”
มิสเฮเก้นต์ยิ้มออกมา “ดิฉันคิดว่ากอร์ดอนจะเล่าให้คุณฟังแล้วเสียอีก ว่าเขามองดิฉันอยู่หลายเดือน... ไม่หรอกค่ะ ดิฉันไม่เคยเดินไปทักใครก่อนหรอก”
ดวงตาของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เป็นประกายขึ้นมา แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรต่อ รถม้าก็หยุดลง
“ดิฉันคงต้องไปแล้ว” มิสเฮเก้นต์พูดและทำท่าจะเอื้อมมือไปเปิดประตูรถม้า แต่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ชิงเปิดเสียก่อน เขากระโดดลงจากรถ แล้วยื่นมือให้เธอ มิสเฮเก้นต์ยิ้มให้เขา แล้ววางมือลงไป ก่อนจะก้าวลงมาจากรถ
“เป็นเกียรติของดิฉันเหลือเกินค่ะ ที่ได้พบกับสุภาพบุรุษเช่นคุณ” เธอพูดหลังจากลงจากรถม้าแล้ว “หวังว่าการปฏิเสธของฉันคงจะไม่ทำให้คุณผิดหวังมากนัก เชื่อเถอะค่ะว่าดิฉันไม่ใช่คนที่คู่ควร ราตรีสวัสดิ์ค่ะ ท่านลอร์ด”
“ราตรีสวัสดิ์ มิสเฮเก้นต์” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูด และยกมือของเธอขึ้นมาจูบ หากเขาเหลือบตาขึ้นมองในช่วงเวลานั้น คงจะได้เห็นสีเลือดฝาดบนพวงแก้มของหญิงสาว แต่ทว่ามันเกิดขึ้นเพียงช่วงสั้นๆ เท่านั้น พอลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เงยขึ้นมา สีหน้าของมิสเฮเก้นต์ก็กลับเป็นปกติเสียแล้ว
เธอยิ้มให้เขา และเดินเข้าไปในบ้านพัก ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถอยออกมา แล้วเงยหน้ามองขึ้นไปยังบ้านหน้าต่าง ไม่นานนักแสงไฟก็สว่างขึ้นจากหน้าต่างบานหนึ่ง จากนั้นม่านก็ถูกแง้มออก มิสเฮเก้นต์ยืนอยู่ตรงนั้น และกำลังมองลงมา เมื่อสายตาของทั้งคู่สบกัน ผ้าม่านก็พลันถูกปิดลง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถอนใจเฮือกใหญ่ เขาเดินกลับไปที่รถม้า และสั่งให้คนขับขับกลับไปที่คฤหาสน์
------------------------------------------
(จบตอน)
*** หลังจากตอนแรกเกือบจะกลายเป็นตอนดราม่าอีกตอน สุดท้ายเราก็แก้ไขให้มันกลายเป็นตอนมุ้งมิ้งได้สำเร็จ!! (นี่คือนิยายมุ้งมิ้ง!!!!)
เราว่าการจีบสาวของตาแมกซ์นี่เข้าข่ายคุกคามเลยล่ะ 555+ ดีนะแอนนาเบลเป็นสาวจิตแข็ง เจอแบบกอร์ดอนมีหวังโดนแจ้งตำรวจไปนานแล้วค่ะตาแมกซ์ขา 5555+
ยกคู่เอกไปเก็บชั่วคราว (เพราะคงไม่มีอะไรให้ขายนอกจากมาม่าชามโต เก็บไว้ก่อน ไว้ชิงโชคตอนจบ 555+)
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ