[เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)  (อ่าน 97960 ครั้ง)

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
มุ้งมิ้งทุกคู่เลยตอนนี้ ดีต่อใจ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ยาวสะใจ ยาวและสนุกอย่างกับชมโอเปร่า
อ่านไป เปิดโอเปร่าฟังไปได้อารมณ์มากกกก

เดวิดน่าเอ็นดูมาก ฉันหลงไหลความตั้งใจจริงของหนุ่มน้อยคนนี้ *ยกเขาให้ฉันเถอะ* ผิด!

จอห์นขี้หึงมากกกก และกอร์ดอนบอกรักได้น่ารักที่สุด!

ออฟไลน์ about

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
เป็นตอนที่จบได้อบอุ่นใจมากๆ เลยค่ะ อ่านแล้วรู้สึกเหมือนทานคาราเมลหอมๆ ที่ให้รสนุ่ม ละมุน

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
จะหวานไปไหนกันล่ะค๊าาาาาา

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog


Dear, My customer.

ตอนที่19 Miss you, Kiss you.


                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เริ่มจริงจังกับการซ้อมชกมวยมากขึ้นหลังซ้อมมาได้สองสัปดาห์ เขาออกวิ่งรอบคฤหาสน์ทุกวันเป็นเวลาหกสิบนาที และซ้อมชกลมอีกราวๆ สิบห้านาที ก่อนจะกินมื้อเช้า จนลอร์ดบาธให้คนปรับพื้นหินที่เป็นทางเดินรอบคฤหาสน์ใหม่ เพื่อที่ลูกชายจะได้วิ่งได้สะดวกขึ้น จากนั้นเจ้าตัวจะออกไปเตร็ดเตร่ข้างนอก โดยมีคนรับใช้คนสนิทขับรถม้าไปให้บ้าง นั่งรถไปด้วยบ้าง และกลับมาที่คฤหาสน์อีกครั้งในช่วงเวลาน้ำชา ก่อนจะออกไปซ้อมมวย มื้อเย็นเขาอาจจะกลับมากินที่บ้านบ้าง หรือไปกินกับเพื่อนบ้าง เพราะกิจกรรมทั้งวันผลาญพลังงานของเขาไปมากจนไม่อยากจะออกไปดื่มต่อ ลอร์ดและเลดี้บาธจึงดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษที่ได้เห็นลูกชายกลับบ้านตั้งแต่หัวค่ำ

                เช้าวันนี้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ออกกำลังกายและกินมื้อเช้าเรียบร้อยก็นั่งรถม้าออกจากคฤหาสน์โดยมีโอลิเวอร์เป็นสารถี เพื่อเข้าประชุมสมาคมรักบี้แห่งกรุงลอนดอนที่เขาเป็นสมาชิกอยู่ ตามจดหมายเชิญที่ถูกส่งมาให้เขาที่บ้านตั้งแต่เช้าวันจันทร์ สมาชิกในสมาคมมีทั้งคนทั่วไปและขุนนาง บางคนเป็นนักกีฬาอาชีพ บางคนเล่นเป็นงานอดิเรก บางคนเป็นกรรมการตัดสิน บางคนเป็นผู้จัดการแข่งขัน ทุกคนล้วนดีใจที่ได้พบหน้าลอร์ดโทรว์บริดจ์อีกครั้งหลังจากเขาหายไปอเมริกานานถึงสามปี

                “อรุณสวัสดิ์ จอห์นน้อยของฉัน” ลอร์ดแบรดฟอร์ดที่เป็นประธานสมาคมรักบี้เอ่ยทัก ก่อนจะกอดเขาเป็นการทักทาย “เธอเป็นจอห์นน้อยที่ตัวไม่เล็กเลย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มให้เขาก่อนจะทักทายกลับ “ท่านลอร์ดเองก็ไม่แก่เลยนะครับ ยังดูแข็งแรงอยู่เลย”

                “แน่นอน ฉันอยากจะอยู่แบบนี้ไปอีกสักสามสิบปี ใช่มั้ยชาร์ดี้” ลอร์ดแบรดฟอร์ดพูดแล้วหันไปหาลอร์ดเดอรัมซึ่งเป็นรองประธานสมาคม

                “ฉันแน่ใจว่านายจะแข็งแรงแบบนี้ไปอีกนาน เท่าที่ดูจากสภาพนะ” ลอร์ดเดอรัมพูด ก่อนจะหันมาทักลอร์ดโทรว์บริดจ์ “อรุณสวัสดิ์จอห์น เธอดูตัวใหญ่ขึ้นจริงๆ ทำไมฉันรู้สึกว่าตัวใหญ่กว่าตอนที่อยู่ในงานเลี้ยงต้อนรับอีกนะ”

                “ช่วงนี้ผมกินจุขึ้นมั้งครับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “พอดีผมจะขึ้นชกมวย”

                “อ้อ ใช่” ลอร์ดแบรดฟอร์ดพยักหน้า “จอห์นน้อยบอกฉันแล้ววันก่อนว่าเขากำลังจะจัดมวยไฟท์พิเศษ ลิตเติลจอห์นกับแมดเนอร์ ฉันน่าจะเดาได้แต่แรกว่าต้องเป็นเธอ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะเขินๆ ลอร์ดเดอรัมพูดต่อ “แล้วเธอจะกลับมาเล่นรักบี้อีกรึเปล่า?”

                “ครับ ผมกำลังวางแผนอยู่ อาจจะหลังชกกับแมดเนอร์เรียบร้อยแล้ว เพื่อนๆ ผมที่สโมสรก็อยากจะกลับมาเล่นกันหลายคน”

                “ดี” ลอร์ดแบรดฟอร์ดว่า “ก่อนฤดูหนาวพวกเราวางแผนจะจัดการแข่งขันแมตช์พิเศษ เป็นการแข่งการกุศล เจ้าชายอัลเบิร์ต ดยุกแห่งคอร์นวอลล์และโรธเซย์จะมาทอดพระเนตรการแข่งขันนี้ด้วย”

                “ว้าว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ร้องด้วยความตื่นเต้น “เจ้าชายอัลเบิร์ตจะมาทอดพระเนตรด้วยหรือครับ เป็นเกียรติมาก”

                ลอร์ดทั้งสองพยักหน้า “ใช่ ที่เราเรียกประชุมก็เพื่อจะคุยเรื่องนี้แหละ”

----------------------------------------

                “โอ้โห จอห์นนี่ แปลว่าเราจะได้ลงแข่งขันรักบี้นัดพิเศษต่อหน้าพระพักตร์เจ้าชายแห่งเวลส์งั้นสิ?”

                “อาจจะนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันยื่นหนังสือแสดงความจำนงไปแล้ว แต่ต้องผ่านคณะกรรมการพิจารณาอีกที”

                “ว้าว ถ้านายได้รับเลือก เขาจะให้สิทธิ์นายหาสมาชิกทีมใช่มั้ย?”

                “ใช่ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เขาจะคัดกันอีกที นายก็รู้ มีคนเก่งๆ อยู่ในสมาคมรักบี้แห่งลอนดอนเยอะมาก”

                “นั่นสิ ที่สำคัญฉันไม่ได้เป็นสมาชิกด้วย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำคอตก “ทำไมเขาไม่รับใบสมัครฉัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ปลอบเพื่อน “เอาน่า สมาคมดนตรีและคีตกวีที่นายเป็นสมาชิกก็ไม่รับใบสมัครของฉันเหมือนกัน”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะ “งั้นพวกเราก็เสมอภาคกัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มพลางยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบ เขาให้โอลิเวอร์บึ่งรถม้ามาที่คฤหาสน์ของลอร์ดแอนโดเวอร์ เพื่อคุยเรื่องน่าตื่นเต้นนี้กับลอร์ดจอร์จ เฟลตันโดยเฉพาะ ตอนนี้ทั้งสองหนุ่มกำลังนั่งคุยกันไปพลาง ดื่มชายามบ่ายกับกินของว่างไปพลาง ในศาลาโค้งซึ่งตั้งอยู่ในสวนสวยด้านหลังคฤหาสน์

                “รักบี้เป็นสิ่งที่ฉันคิดถึงมาก ตอนไปอเมริกาฉันหาคนเล่นเป็นเพื่อนไม่ได้เลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์คร่ำครวญ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะ

                “เพราะงั้นนายถึงต้องขี่ม้าจนขากางไง” เขาว่า ก่อนจะถามต่อ “แล้วเรื่องนายกับกอร์ดอนเป็นไงบ้าง?”

                “เขาส่งเสื้อกล้ามที่เหลืออีกสามตัวให้ฉันแล้วตั้งแต่วันอังคาร” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “พักนี้ฉันไม่ค่อยได้เจอเขาเลย ฉันมัวแต่ยุ่งกับการซ้อมมวย อีกอย่าง ฉันกลัวว่าถ้าไปที่ร้านของเขาจะเป็นการรบกวนเวลาด้วย งานของเขาเยอะมาก แล้วฉันก็เพิ่งสั่งตัดเสื้อกับเขาไปทั้งตู้”

                “โห...” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันคราง “นายสั่งกอร์ดอนตัดเสื้อทั้งตู้เลยหรือ เขาคงยุ่งเพราะทำแต่ชุดของนายนั่นแหละ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดง “แต่วันพุธที่แล้วเขาแวะมาดูฉันซ้อมแล้วพวกเราก็ไปกินข้าวด้วยกัน ฉันมีความสุขมาก ฉันอยากให้กอร์ดอนเลิกตัดเสื้อให้คนอื่น พวกเราจะได้มีเวลาออกไปเที่ยวด้วยกันบ้าง”

                “นายไม่บอกเขาล่ะ?” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “กอร์ดอนน่าจะยอมตกลงนะ เขารักนายไม่ใช่หรือ?”

                “ไม่ได้หรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “ลูกค้าของกอร์ดอนไม่ใช่ระดับธรรมดา เขาตัดชุดให้ดยุกแห่งอ็อคฟอร์ดด้วย”

                “โอ้ พระเจ้า!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันคราง “ฉันว่าลำพังแค่เขาตัดชุดให้ลอร์ดสวินดันก็แย่แล้วนะ นี่เขายังตัดชุดให้ท่านดยุกด้วยหรือ?”

                 “ใช่ เขาเป็นช่างคนโปรดของท่านดยุกเลย พ่อบอกฉัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ดูเหมือนท่านดยุกจะหวงช่างตัดเสื้อด้วย เขาไม่ยอมบอกพ่อว่าตัดชุดกับกอร์ดอน จนแม่ต้องไปถามเอาจากท่านดัชเชส”

                “ดยุกแห่งอ็อคฟอร์ดเป็นคนที่ฉันไม่อยากจะยุ่งด้วยที่สุดเลย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำท่ากลัว “เขาเป็นชายแก่ที่ดูเย็นชามาก เหมือนรูปปั้นที่อยู่หน้าสุสาน”

                “ฉันก็คิดเหมือนนาย” เอิร์ลหนุ่มพยักหน้า “แต่เขาสนิทกับครอบครัวของฉันมาตั้งแต่สมัยปู่ บางทีฉันก็สงสัยนะว่าปู่มีเพื่อนแบบดยุกแห่งอ็อคฟอร์ดได้ยังไง”

                “ปู่นายเป็นคนกว้างขวาง” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “ใครๆ ก็พูดว่าปู่นายจะได้เป็นนายก ถ้าเขายังอยู่และลงเลือกตั้ง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยกแก้วน้ำชาขึ้นมาจิบแล้วถามอีก “พูดถึงท่านดยุก ฉันอดนึกถึงแคทเธอรีนไม่ได้ เธอเป็นหลานของเขา เรื่องของนายกับเธอไปถึงไหนแล้ว”

                “อยู่ในระดับรักษาความสัมพันธ์” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันเชิญเธอมาดื่มชาทุกสัปดาห์ติดต่อกันมาสักสองเดือนกว่าแล้ว แต่พวกเราไม่คุยอะไรกันมากไปกว่าเรื่องทั่วไป ฉันว่าเธอเบื่อนะ แต่พยายามรักษามารยาท ฉันเองก็เบื่อเหมือนกัน แต่แคทเธอรีนเป็นผู้หญิงที่ช่างพูดและรู้กาลเทศะมาก เธอรู้ว่าฉันจำใจเชิญเธอมา แต่ก็พยายามรักษาน้ำใจฉัน อีกอย่างเธอไม่ได้แสดงออกว่าพอใจฉันมากไปกว่าที่ฉันพอใจเธอ ฉันคิดว่าพวกเราน่าจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้”

                “ถ้านายอยากเป็นเพื่อนกับเธอ นายควรจะบอกเธอไปตรงๆ เลย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “ผู้หญิงเป็นเพศที่เก็บความรู้สึกเก่งมาก นายมองเธอไม่ออกหรอกว่าเธอชอบหรือเกลียดนาย ทางที่ดีนายต้องรีบบอกความรู้สึกที่แท้จริงไปตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อไม่ให้เธอเข้าใจผิดหรือผูกใจเจ็บถ้ารู้ทีหลัง ฉันว่าเธอคงไม่ชอบนักหรอกที่ต้องมานั่งคุยเรื่องน่าเบื่อกับนายทุกสัปดาห์โดยไม่มีอะไรคืบหน้าเลย”

                “นั่นสิ ฉันจะเชื่อนายในฐานะผู้เชี่ยวชาญแล้วกัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “พ่อแม่ฉันอยากให้ฉันแต่งงานกับเธอ”

                “นั่นแหละ ฉันก็แน่ใจว่าพ่อแม่ของเธอก็คงอยากให้เธอแต่งงานกับนายเหมือนกัน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า แล้วถอนหายใจ “นายต้องรีบบอกเธอ ถ้าเธอยินดีจะเป็นเพื่อนกับนาย ก็ถือเป็นโชคดีของนาย แต่ถ้าไม่ นายก็จะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับความอาฆาตแค้นของผู้หญิง ฉันแนะนำเลยนะว่าให้นายย้ำว่านายจะไม่มีวันแต่งงานกับเธอเด็ดขาด ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร บอกเธอไปเลยว่านายมีคนรักอยู่แล้ว แต่ไม่ต้องเล่าเธอนะว่าคนรักของนายเป็นใคร”

                “ฉันไม่เล่าหรอก ฉันยังไม่บ้าขนาดนั้น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่พูดไปตรงๆ แบบนั้นจะดีหรือจอร์จ เธอจะไม่เกลียดฉันหรือ?”

                “เธอทำได้เต็มที่ก็แค่ยกน้ำชาสาดหน้านาย แล้วสะบัดหน้าเดินจากไปเท่านั้นแหละ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ก่อนจะรีบพูดต่อ “แต่ฉันแนะนำว่านายไม่ควรพูดตอนเธอมีน้ำชาอยู่เต็มแก้วและยังร้อนอยู่ มันต้องแย่กว่าโดนสาดด้วยไวน์แน่”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ฉันจะจำไว้”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตักเค้กใส่ปาก “แมดเนอร์จะขึ้นชกวันศุกร์นี้แล้ว เราจะเจอกันที่ไหนดี นัดเจอที่สนามมวยเลย หรือเจอกันที่บ้านฉัน บ้านนาย บ้านเอ็ดดี้?”

                “ที่สนามมวย ฉันคุยกับเอ็ดดี้แล้วเมื่อวาน เขาแวะไปดูฉันซ้อม”

                “ว้า... ทำไมเขามาวันที่ฉันไม่ได้ไป” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันคราง “วันนี้เขาจะมาอีกไหม”

                “ยังไม่แน่ เอ็ดดี้ชอบไปสนามม้าเพื่ออวดเสื้อผ้าของเขามากกว่ามาขลุกอยู่ที่สนามมวย”

                “เขาไปได้ทุกที่ที่มีโต๊ะรับแทงพนัน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันแถมให้ “ฉันนึกดีใจที่เอ็ดดี้มีมรดกมหาศาลและเขาเป็นลูกชายคนโต ไม่งั้นชีวิตเขาคงแย่แน่”

                “นายไม่ต้องเป็นห่วงชีวิตคนอื่นไปหรอกน่า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “นายจะแต่งงานกับมาร์กาเร็ตเมื่อไหร่?”

                “ยังไม่มีกำหนด” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “ฉันยังใช้ชีวิตหนุ่มโสดไม่คุ้มเลย ฉันรักมาร์กาเร็ตก็จริง อยากแต่งงานกับเธอก็จริง แต่ฉันยังไม่อยากแต่งตอนนี้ นายก็เห็นอยู่ว่ามาร์กาเร็ตเป็นยังไง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ พวกเขาดื่มชาและกินอาหารว่าง พลางคุยสัพเพเหระกันต่อ ก่อนจะนั่งรถม้าไปที่สโมสรมวยของลอร์ดควีนสเบอรี่ด้วยกัน

--------------------------------------

                กอร์ดอนเกือบจะไม่ได้เจอลอร์ดโทรว์บริดจ์เลยตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมานอกจากตอนที่ไปสโมสรในคืนวันพุธ ดูเหมือนฝ่ายนั้นจะวุ่นวายและเหน็ดเหนื่อยกับการซ้อมมวยจนไม่มีเวลาเทียวมาเทียวไปร้านของเขาเหมือนเก่า ใจนึงช่างตัดเสื้อก็รู้สึกดีที่เขาจะมีเวลาอยู่กับงานมากขึ้น แต่อีกใจเขาก็อดคิดถึงฝ่ายนั้นไม่ได้ บางทีก็นึกกลัวขึ้นมาว่าลอร์ดโทรว์บริดจ์อาจจะเลิกรักเขาแล้ว เวลารู้สึกแบบนั้น ช่างตัดเสื้อจะหยิบเสื้อที่ยังตัดค้างอยู่ของเอิร์ลหนุ่มขึ้นมาเย็บต่อ ด้วยหวังว่าเมื่อท่านเอิร์ลได้เห็นเสื้อผ้าพวกนี้แล้วจะรู้สึกคิดถึงเขา ซึ่งบางทีเขาก็รู้สึกว่าตัวเองงี่เง่าสิ้นดีที่เอาแต่คิดเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้

                ช่างตัดเสื้อตั้งใจจะไปดูการชกของแมดเนอร์กับลอร์ดโทรว์บริดจ์และเพื่อนๆ ในเย็นวันศุกร์ หลังจากถูกฝ่ายนั้นชวนตอนนั่งรถม้าไปสโมสรด้วยกัน แต่เขาไม่ได้รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ เพราะยังไม่แน่ใจว่าจะจัดการงานที่คั่งค้างอยู่ทันหรือไม่ ลอร์ดโทรว์บริดจ์เองก็ดูเหมือนเป็นห่วงไม่อยากให้เขาลำบากใจ จึงไม่คาดคั้นเอาคำตอบที่แน่นอนจากเขาอีก             

                ถึงอย่างนั้น กอร์ดอนก็พยายามเร่งมือทำงานอย่างเต็มที่ เขานอนเพียงเล็กน้อยในวันพฤหัส เพื่อให้งานเสร็จทันเย็นวันศุกร์ แต่ทว่าพอถึงเช้าวันศุกร์จักรสองตัวในร้านเกิดมีปัญหา งานจึงเสร็จไม่ทันอย่างที่หวังไว้ สุดท้ายชายหนุ่มจึงต้องนั่งเย็บผ้าต่อหลังจากร้านปิด ทำให้เขาพลาดโอกาสไปพบเอิร์ลหนุ่มอย่างน่าเสียดาย

                “คุณจะออกไปดื่มหรือครับ?” โอลิเวอร์ถามหลังเห็นเจ้านายเดินลงบันไดมาพร้อมเสื้อโค้ท เขาเพิ่งกวาดพื้นด้านหลังร้านที่ใช้เย็บผ้าเสร็จ และเวลาก็ปาเข้าไปใกล้จะสี่ทุ่มแล้ว ช่างตัดเสื้อพยักหน้า

                “อืม”

                “แต่ว่านี่ก็ดึกมากแล้ว...”

                “ไม่เป็นไรหรอก ฉันไปดื่มไม่นาน อีกอย่างฉันทำงานมาทั้งสัปดาห์แล้ว”

                “ครับ...”

                เดวิดมองตามหลังช่างตัดเสื้อที่เดินออกจากร้านแล้วขึ้นรถม้าไป

-------------------------------

                บาร์บีช็อตกำลังจะปิดตอนที่กอร์ดอนลงจากรถม้า แจ็คสันที่กำลังจะแขวนป้ายปิดหน้าประตูร้านมองเขาอย่างแปลกใจ

                “อ้าว กอร์ดอน ทำไมมาดึกป่านนี้”

                “ผมอยากดื่ม สัปดาห์นี้งานผมเยอะมาก” ช่างตัดเสื้อว่า แจ็คสันรีบเชิญเขาเข้าไปในร้าน

                “คุณดูโทรมมากนะ” เจ้าของบาร์วัยห้าสิบเศษเอ่ย แล้วส่งแก้วเหล้ายินให้เขา กอร์ดอนพยักหน้า

                “งานเยอะยังไม่น่าโมโหเท่าจักรเสียตอนที่กำลังเร่งงานที่สุด”

                “อืม... ปัญหาน่ารำคาญของคุณเลยนี่”

                “ใช่... บางทีผมก็อยากจะหาช่างซ่อมจักรมาประจำไว้ที่ร้านสักคน แต่ก็นั่นแหละ มันไม่ได้เสียทุกวัน แค่เสียวันที่เรารีบที่สุด”

                “แล้วงานคุณเสร็จทันมั้ย?”

                “ทัน” กอร์ดอนพยักหน้า แล้วกระดกเหล้าทีเดียวหมดแก้ว “เอาเตกีล่ามาให้ผมเลยดีกว่า”

                แจ็คสันเลิกคิ้ว “เอาเป็นมาร์ตินีดีไหม เดี๋ยวผมจะผสมให้คุณ”

                “ได้” กอร์ดอนพยักหน้า แจ็คสันเลยรินเตกีล่าผสมกับเหล้ายินใส่ในแก้วคอกเทลยื่นให้เขา ช่างตัดเสื้อหนุ่มยกดื่มทันที

                “ไม่เลว” เขาว่า “ขอแบบนี้อีกแก้วสิ เพิ่มเตกีล่าหน่อยก็ได้”

                “ท่าทางคุณหงุดหงิดนะเนี่ย มีอะไรมากกว่าจักรเสียรึเปล่า?” แจ็คสันตั้งข้อสังเกต แต่ก็ผสมมาร์ตินี่ให้เขาอีกหนึ่งแก้ว

                “ไม่มีหรอก ผมแค่เหนื่อยมากเท่านั้น” กอร์ดอนว่า แล้วยกแก้วมาร์ตินี่ขึ้นดื่มจนหมด

                “เอาเหล้ารัมดีกว่า”

                แจ็คสันพยักหน้า “งั้นผมจะผสมกับยินให้คุณนะ น่าจะเข้ากันดี”

                “ไม่ๆ เอามาให้ผมเพียวๆ นั่นแหละ”

                “หา?” แจ็คสันเลิกคิ้วมองเขา “คุณดื่มได้หรือ?”

                “ได้ คราวนี้ผมไม่สำลักหรอก”

                แจ็คสันรินเหล้ารัมใส่แก้วแล้วส่งให้เขา “ท่าทางคุณเหมือนมาเพื่อมอมเหล้าตัวเองเลย เกิดอะไรขึ้นที่ร้านคุณกันแน่”

                กอร์ดอนหัวเราะ แล้วสั่นศีรษะ เขายกแก้วเหล้ารัมขึ้นดื่มหนึ่งอึก ก่อนจะทำหน้าเหยเก แจ็คสันพูดต่อ “มันบาดคอ ผมบอกคุณแล้ว”

                “ไม่เป็นไร” เขาสั่นศีรษะแล้วจิบเหล้าอีกสองสามอึก แน่นอนว่าสีหน้าเหยเกไม่ต่างกัน “จอห์นดื่มเข้าไปได้ไง”

                คนได้ฟังหัวเราะออกมาทันที “ก็เขาเป็นผู้จัดการเหมือง ส่วนคุณเป็นช่างตัดเสื้อไง เหล้ารัมไม่ใช่เหล้าที่ช่างตัดเสื้อระดับตัดให้สุภาพบุรุษอย่างคุณจะดื่มเพียวๆ หรอก”

                กอร์ดอนถอนหายใจแล้วทำคอตก “แต่จอห์นดื่มอย่างกับว่ามันอร่อยมาก... ทั้งๆ ที่พอเป็นไวน์ เขาดันเรื่องมากเสียได้”

                “ว้าว จอห์นดื่มไวน์ด้วยหรือ? เขาก็มีระดับเหมือนกันนะ”

                กอร์ดอนพยักหน้า “เขาเป็นคนที่แปลกมาก”

                “ใช่ ผมเห็นด้วยว่าเขาแปลก” แจ็คสันว่า “คุณรู้จักเขาได้ไง อุบัติเหตุอย่างที่เล่าวันก่อนจริงๆ หรือ?”

                คนถูกถามพยักหน้าอีก “ใช่ คุณคิดว่ามีสาเหตุอื่นทำให้ผมรู้จักกับเขาได้อีกหรือ?”

                “ก็จริง” แจ็คสันพูด เขาเห็นกอร์ดอนพยายามดื่มเหล้ารัมอีก เลยพูดเตือนด้วยความเป็นห่วง “นี่ คุณไม่ต้องดื่มมันแล้วล่ะ ผมกลัวว่าคุณจะกลับบ้านไม่ไหว นี่ก็ดึกมากแล้วนะ”

                “ไม่เป็นไร” กอร์ดอนว่า และยกเหล้ารัมขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว คราวนี้ถึงแม้เขาจะไม่สำลัก แต่ก็แสบคอจนน้ำตาไหล แจ็คสันได้แต่สั่นศีรษะ

                “ไม่ไหวๆ คุณควรกลับบ้านได้แล้ว ผมจะได้ปิดร้าน”

                กอร์ดอนยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา “ก็จริงของคุณ ผมขอโทษด้วยที่มารบกวนเวลา”

                “ไม่เป็นไรหรอก คุณรีบกลับก่อนที่จะเมาไปมากกว่านี้เถอะ”

                “อืม...”

                กอร์ดอนจ่ายค่าเหล้าให้แจ็คสันแล้วเดินมาเรียกรถม้าที่หน้าร้าน เขารออยู่พักก็จับรถม้าได้คันหนึ่ง ตอนปีนขึ้นก็ยังดีๆ อยู่ แต่พอขาลง ช่างตัดเสื้อพบว่าขาของเขายากอย่างยิ่งที่จะยันลงไปบนพื้นอย่างมั่นคงได้ เขาเซล้มลง และต้องใช้เวลาตะเกียกตะกายอยู่พักหนึ่งถึงจะลุกขึ้นมาได้ แถมยังใช้เวลาอีกอึดใจใหญ่ๆ เพื่อควานหากระเป๋าสตางค์ในกระเป๋ากางเกงของตัวเอง เขากำธนบัตรยับๆ ใบหนึ่งส่งให้คนขับรถม้า ก่อนจะโซซัดโซเซไปกดออดที่หน้าร้าน ไม่นานนักเดวิดก็วิ่งตื๋อออกมาเปิดประตูให้

                “พระเจ้า!” เด็กหนุ่มอุทาน ก่อนจะช่วยพยุงฝ่ายนั้นเข้าไปนั่งบนโซฟา “คุณเมามากเลยคุณโอเดนเบิร์ก เกิดอะไรขึ้นกับคุณครับ?”

                กอร์ดอนสั่นศีรษะ “ไม่มีอะไร” เขาสะอึกสองครั้ง ก่อนจะพยายามลุกขึ้นยืน “ฉันต้องไปนอนแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าอีก”

                “โธ่... คุณเมาขนาดนี้ ตื่นไม่ไหวหรอก ผมว่า” เดวิดพูดและพยายามพยุงช่างตัดเสื้อไปที่บันได กอร์ดอนเอื้อมมือคว้าจับราวบันไดเอาไว้ ก่อนจะชี้มืออีกข้างไปยังชิ้นผ้าที่กองอยู่บนโต๊ะ

                “หยิบผ้าสีน้ำเงินผืนนั้นให้ฉันหน่อย”

                “โห... คุณยังจะทำงานอีกหรือครับ?”

                “หยิบมาเถอะ”

                เดวิดจำใจเดินไปหยิบผ้าที่ตัดแล้วผืนนั้นมาตามคำสั่ง กอร์ดอนถือมันเอาไว้ ก่อนจะเดินขึ้นห้องโดยมีเดวิดช่วยพยุง

                ช่างตัดเสื้อล็อกประตูห้องแล้วทิ้งตัวลงบนเตียง เขากำผ้าสีน้ำเงินผืนนั้น ซึ่งเป็นผ้าที่จะใช้ตัดเสื้อให้กับลอร์ดโทรว์บริดจ์แน่น ก่อนจะแนบหน้าลงไป

                “จอห์น... ผมคิดถึงคุณ”

------------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไปชมการชกมวยของแมดเนอร์กับเพื่อนๆ โดยปราศจากเงาของกอร์ดอน ทั้งหมดซื้อตั๋วเข้าชมในที่นั่งสำหรับคนทั่วไป มีผู้ชมทยอยเข้ามานั่งชมจนเต็มความจุสนาม แมดเนอร์เป็นนักมวยดาวรุ่ง เขาขึ้นชกมาแล้วสิบสองครั้ง และแพ้เพียงสองครั้งเท่านั้น เขาเป็นชายหนุ่มร่างใหญ่ อายุน้อยกว่าลอร์ดโทรว์บริดจ์สามปี ทุกส่วนบนร่างกายเขาคือมัดกล้ามแน่นๆ แน่นอนว่าเขาทั้งดูแข็งแรงและตัวใหญ่กว่าเอิร์ลหนุ่ม

                คู่ต่อสู้ของแมดเนอร์เป็นนักมวยรุ่นเก๋าอย่างฟิชเชอร์ เขาขึ้นชกมาแล้วสี่สิบสองครั้ง เรียกว่าแก่ประสบการณ์อย่างแท้จริง ฟิชเชอร์ประกาศว่าแมตช์นี้คือแมตช์สุดท้ายก่อนที่เขาจะเลิกชกมวย การชกเป็นไปตามกติกาของลอร์ดควีนสเบอรี่ คือใส่นวมชก และชกทั้งหมดห้ายก ยกละสามนาที

                การชกเป็นไปอย่างดุเดือดตั้งแต่ยกแรก แมดเนอร์เดินเข้าใส่ฟิชเชอร์อย่างไม่เกรงกลัว ปล่อยหมัดฮุกซ้ายที่เป็นหมัดเด็ดของเขาสลับกับหมัดชุด ฟิชเชอร์โยกหลบและคอยจังหวะดักสวนเป็นระยะ เสียงคนดูตะโกนเชียร์ดังลั่นเวลาหมัดของนักมวยทั้งสองฝั่งเข้าเป้า ประมาณกลางๆ ยกสอง แมดเนอร์เริ่มมีแผลแตกที่หางคิ้ว เลือดออกมากจนกรรมการต้องเชิญเข้ามุมเพื่อเย็บแผลสด แต่เขายังคงเดินหน้าลุยอย่างดุดันตามสไตล์ ขณะที่ฟิชเชอร์ชิงจังหวะปล่อยหมัดอัปเปอร์คัตใส่ท้องและใบหน้าของเขา ถึงอย่างนั้นพอปลายๆ ยกสาม ฟิชเชอร์ก็โดนหมัดฮุกซ้ายของแมดเนอร์เข้าไปจังๆ จนกรรมการต้องนับถึงสี่ แต่เขาก็ยังยืนหยัด กลับมาชกต่อได้จนครบห้ายก กรรมการสรุปคะแนนและยกมือให้ฟิชเชอร์เป็นฝ่ายชนะคะแนนไปอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ สองต่อสามเสียง

                “แมดเนอร์กัดไม่ปล่อยอย่างกับพิตบูล” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันครางขณะที่คนอื่นๆ ทยอยลุกจากเก้าอี้ ลอร์ดครอฟตันพยักหน้าเห็นด้วย

                “เขาชกมวยได้ดุเดือดมาก พนันเลยว่าถ้ายังชกต่ออีกยก ฟิชเชอร์ต้องถูกเขาน็อกแน่นอน”

                “แมดเนอร์เหมือนวัวไบสัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฟิชเชอร์เองก็ชกดีมาก เขาชนะเพราะความเก๋าประสบการณ์ล้วนๆ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันมามองเพื่อนอย่างเป็นห่วง “นายจะต้องขึ้นชกกับแมดเนอร์ไฟต์หน้า นายจะไหวรึเปล่า จอห์นนี่?”

                “ไหวสิ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบยิ้มๆ “อยู่บนนั้นห้ายก ไม่ชนะก็แพ้ ยืนไม่ไหวก็โดนน็อก แค่นั้นเอง”

                ลอร์ดครอฟตันสั่นศีรษะ “เห็นทีฉันอาจจะต้องเลิกเล่นพนัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตบไหล่เพื่อน “เอาน่า นายจะแทงข้างแมดเนอร์ก็ได้นะ ฉันไม่ว่าอะไรหรอก”

                พวกเขาทยอยลุกจากเก้าอี้ ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินไปยังห้องพักนักกีฬา ตอนแรกพี่เลี้ยงไม่ยอมให้เขาเข้าไปพบกับแมดเนอร์ ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงขอพบผู้จัดการส่วนตัวของแมดเนอร์แทน พอผู้จัดการเห็นเขาก็จำได้ และรีบขอโทษขอโพย ก่อนจะเชิญเขาเข้าไปในห้องพักทันที

                แมดเนอร์นั่งอยู่บนเก้าอี้ มีหมอนั่งอยู่ข้างๆ กำลังใช้ผ้าก็อซปิดแผลที่หางคิ้วของเขาอยู่ พอเห็นลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินเข้ามา เขาก็ลุกขึ้นทันที

                “สายัณห์สวัสดิ์ท่านลอร์ด คุณมาดูผมชกด้วยหรือนี่?”

                “แน่นอน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “คุณชกดีมาก ผมชอบ”

                แมดเนอร์ยิ้มยิงฟัน “น่าเสียดายที่มีการชกแค่ห้ายก ไม่งั้นคุณคงได้เห็นฟิชเชอร์ลงไปนอนแผ่บนผ้าใบ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้ม แมดเนอร์มองเขาแล้วพูดต่อ “คุณดูดีกว่าในหนังสือพิมพ์มาก ท่านลอร์ด หวังว่าการพบกันครั้งต่อไปของเรา คุณจะเตรียมตัวพร้อมนะ”

                “แน่นอน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “คุณเป็นคู่ชกที่น่าประทับใจมาก”

                แมดเนอร์กวาดตามองเขา “ผมหวังว่าคุณจะยืนอยู่บนเวทีได้จนจบยกแรกนะ ชัยชนะที่มีเหนือคู่ต่อสู้ที่อ่อนปวกเปียกไม่ใช่สิ่งที่ผมภูมิใจ”

                “ผมก็หวังอย่างนั้น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ผมหวังว่าคุณจะชกเต็มที่เหมือนวันนี้”

                “แน่นอน ผมไม่สนว่าคุณจะเป็นใครหรอก อย่าแพ้น่าเกลียดมากก็แล้วกัน”

                พี่เลี้ยงและผู้จัดการมองหน้ากันด้วยความหวั่นใจ ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้ม

                “ได้ ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง” เขาพูด แล้วผงกศีรษะ “ผมต้องขอตัวก่อน”

                “เชิญตามสบายเลย ผมไม่ไปส่งนะ”

                ผู้จัดการและพี่เลี้ยงพากันเดินออกมาส่งลอร์ดโทรว์บริดจ์ พลางพูดจาขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันกระซิบกับเขาหลังเดินพ้นออกมาแล้ว

                “จอห์นนี่ แมดเนอร์นี่มารยาทแย่ชะมัด เขาพูดกับนายไม่มีคำลงท้ายสักคำ ทั้งๆ ที่เขาก็รู้ๆ อยู่ว่านายเป็นใคร แถมยังมองนายด้วยสายตาเหยียดหยามอีก ฉันไม่ชอบเขาเลย”

                “เอาน่า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกมือตบบ่าเพื่อนรัก “เขาเป็นนักมวยดาวรุ่ง จู่ๆ ถูกจับมาให้ชกกับลอร์ดคนนึงที่ไม่เคยมีชื่อเสียงด้านมวยมาก่อน เป็นฉันฉันก็คงหงุดหงิดเหมือนกันนั่นแหละ อีกอย่างเขาเพิ่งแพ้คะแนนแบบที่ตัวเขาเองก็รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม”

                ลอร์ดครอฟตันถอนใจ ก่อนจะยกมือตบบ่าลอร์ดโทรว์บริดจ์บ้าง “ฉันตัดสินใจแล้วจอห์นนี่...”

                “ว่า?” สองคนหันไปมองเขาพร้อมกัน ลอร์ดครอฟตันสูดหายใจลึก แล้วระบายออกมา

                “ฉันจะลงพนันข้างนาย ต่อให้นายแพ้ก็ไม่เป็นไร ฉันไม่อยากถือหางนักชกแบบหมอนั่น”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า “ใช่ ถูกของนาย เอ็ดดี้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มพลางสั่นศีรษะ “ตามใจพวกนายแล้วกัน”

                สามหนุ่มเดินออกมาจากสนามมวย ก่อนจะแยกย้ายกันขึ้นรถม้ากลับคฤหาสน์

--------------------------------------------

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog

                “แมดเนอร์ชกมวยดุดันมากครับ” โอลิเวอร์พูดขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์กำลังจะก้าวขึ้นรถม้า เอิร์ลหนุ่มเลิกคิ้ว แล้วยิ้ม “เข้าไปดูด้วยสินะ”

                “แน่นอนครับ ผมไม่อยากรออยู่ข้างนอกเฉยๆ นี่” คนรับใช้ตอบเขา ก่อนจะพูดต่อ “แต่ผมว่าคุณมีสิทธิ์ชนะเขาได้เหมือนกันนะครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “ขอบใจที่ให้กำลังใจฉันนะ โอลิเวอร์”

                “ผมพูดจริงๆ นะ” คนรับใช้หนุ่มตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “เขามุทะลุและทะนงตัวเกินไป ถ้าเขาไม่เดินหน้าเข้าใส่ฟิชเชอร์แบบนั้นคงชนะไปแล้ว ผมพอจะพูดได้ว่าเขาเป็นนักมวยที่ออกหมัดได้ดี แต่ค่อนข้างจะโง่”

                “ว้าว” คนเป็นเจ้านายร้องออกมา “มองออกขนาดนั้นเลยหรือ?”

                “ครับ... ผมชอบดูมวยนะ” โอลิเวอร์ตอบพลางยิ้ม “คุณเองช่วงหลังๆ นี้สเต็ปเท้าดีขึ้นมากนะครับ ผมว่าซ้อมเทคนิคดีๆ น่าจะเอาชนะเขาได้ไม่ยาก คุณยังอายุไม่เยอะเท่าฟิชเชอร์ ยังเต้นหนีหมัดทื่อๆ ของเขาได้สบาย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะออกมา “คิดว่าแกอยู่ดูฉันซ้อมทุกวันจนเบื่อเสียอีก” เขาเว้นจังหวะไปหน่อยหนึ่ง “อยากมาเป็นพี่เลี้ยงข้างเวทีให้ฉันมั้ย?”

                “ได้หรือครับ?” โอลิเวอร์มีสีหน้าตื่นเต้น “แต่ลอร์ดจอร์จเป็นพี่เลี้ยงคุณไปแล้ว”

                “ไม่เป็นไรหรอก พี่เลี้ยงมีได้ตั้งหลายคน ฉันจะลองคุยกับลอร์ดควีนสเบอรี่ให้”

                “เป็นพระคุณมากครับนายน้อย” โอลิเวอร์ค้อมศีรษะ ก่อนจะเปิดประตูรถม้าให้เอิร์ลหนุ่ม ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก้าวขาขึ้นไปข้างหนึ่งแล้วหันมาพูดแบบเพิ่งนึกได้

                “เดี๋ยวแวะไปที่ร้านกอร์ดอนหน่อยสิ ฉันอยากเล่าเรื่องแมดเนอร์ให้เขาฟัง วันนี้เขาไม่ได้มา คงติดงานอยู่”

                “แต่นี่ดึกแล้วนะครับ เขาอาจจะนอนแล้ว หรือยังทำงานค้างอยู่ก็ได้”

                “ไม่เป็นไร ยังไงก็อ้อมจากทางกลับบ้านปกติไม่ไกลอยู่แล้ว ฉันอยากแวะไปสักหน่อย”

                “ได้ครับ”

                ตอนไปถึงร้านกอร์ดอนเทเลอร์แขวนป้ายปิดร้านและดึงม่านลงแล้ว แต่ยังเปิดไฟเอาไว้อยู่ โอลิเวอร์ลงมาเปิดประตูรถม้าให้เจ้านาย ก่อนจะเดินไปกดออด เดวิดรีบวิ่งมาเปิดประตู

                “คุณกลับมาเร็วจัง...” คำพูดของเด็กหนุ่มชะงักค้าง ก่อนจะเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ “อ้าว ท่านลอร์ด... มีธุระด่วนอะไรหรือครับ?”

                “อ๋อ เปล่า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “กอร์ดอนล่ะ?”

                “คุณโอเดนเบิร์กเพิ่งออกไปเมื่อตะกี้นี้เองครับ” เด็กรับใช้ตอบ “ท่านลอร์ดจะฝากข้อความอะไรเอาไว้รึเปล่าครับ?”

                “ไม่เป็นไร เขาออกไปไหน ดื่มหรือ?”

                “ครับ เขาว่าเขาทำงานหนักมาตั้งเป็นสัปดาห์แล้ว”

                “อืม...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “งั้นฉันกลับล่ะ”

                “ครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ”

                “ราตรีสวัสดิ์”

----------------------------------------

                เช้าวันรุ่งขึ้นกอร์ดอนตื่นเพราะเสียงเคาะประตู เขางัวเงียลุกขึ้นจากเตียงพร้อมด้วยอาการปวดหนึบในหัว เสียงเคาะยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่าคนที่เคาะมีเรื่องเร่งด่วนหนักหนา ช่างตัดเสื้อโซซัดโซเซไปที่ประตู แล้วกระชากเปิดอย่างหงุดหงิด

                “มีอะ...” เสียงของช่างตัดเสื้อชะงักค้างเมื่อเห็นคนที่อยู่อีกด้านหนึ่งของประตู ฝ่ายนั้นใช้ดวงตาสีเขียวจ้องเขา ก่อนจะหันไปพูดกับคนที่ยืนรออยู่ด้านหลัง

                “ลงไปก่อน ฉันจะคุยธุระ”

                จากนั้นเขาก็เปิดประตูเดินเข้ามา แล้วจะดึงตัวช่างตัดเสื้อเข้ามากอด กอร์ดอนเบิ่งตากว้าง เขาใช้เวลาอึดใจใหญ่ๆ เพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนจะกอดตอบอีกฝ่ายแน่น

                “ในที่สุดคุณก็มาแล้ว” ช่างตัดเสื้อพูดเสียงพร่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า ก่อนจะจูบศีรษะของกอร์ดอนเบาๆ

                “กอร์ดอน เมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น?” เอิร์ลหนุ่มขยับตัวออกมาเล็กน้อย ก่อนจะถามอีกฝ่าย “เดวิดบอกผมว่าคุณออกไปดื่มตอนดึก แล้วเมากลับมา ทำไมคุณถึงต้องดื่มจนเมาขนาดนั้นด้วย? คุณกดดันเรื่องงานขนาดนั้นเลยหรือ?”           

                กอร์ดอนสั่นศีรษะ เขารู้สึกดีใจเกินกว่าจะตอบคำถามนั้นได้ ช่างตัดเสื้อกอดเอิร์ลหนุ่มอีกครั้ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นจูบเขา ลอร์ดโทรว์บริดจ์ชะงักตัวด้วยความแปลกใจหนึ่ง ก่อนจะใช้มือช้อนใบหน้าของกอร์ดอนขึ้นมาแล้วจูบตอบ

                ทั้งคู่จูบกันอยู่นาน ความรู้สึกขุ่นข้องหมองใจและความกังวลทั้งหลาย รวมถึงอาการปวดหัวจากการเมาค้างของกอร์ดอนหายเป็นปลิดทิ้ง เขารับรู้แค่ว่าตอนนี้ลอร์ดโทรว์บริดจ์มาอยู่ตรงหน้า และกำลังจูบเขาอย่างอ่อนโยน สัมผัสอย่างคนรักกันทำให้หัวใจของช่างตัดเสื้อเต็มตื้นขึ้นมา เขาโอบมือไปรอบคอของฝ่ายนั้น ดื่มด่ำกับจุมพิตจากริมฝีปากที่เฝ้าคิดถึงมานาน

                “กอร์ดอน คุณเป็นอะไรเนี่ย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามหลังจากทั้งคู่ผละริมฝีปากออกจากกัน กอร์ดอนหน้าแดง เขาเอาแต่ยิ้ม จนอีกฝ่ายต้องพูดต่อ

                “ผมชอบนะที่คุณเป็นฝ่ายจูบก่อน แต่คุณดื่มไปเยอะมาก ผมได้กลิ่นเลย เกิดอะไรขึ้นหรือ?”

                คนถูกถามเงยมองหน้าคนรักอยู่เป็นนาน ในที่สุดก็พูดออกมา “ผมคิดถึงคุณ... คิดถึงจนไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง” ใบหน้าของเขากลายเป็นสีแดงจัด

                “ผมเกือบไม่ได้เจอคุณเลยตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ตอนแรกผมคิดว่าดีแล้วที่ผมจะได้มีเวลาทำงาน แต่พอไม่ได้เจอหน้าคุณนานเข้า ผมก็เริ่มคิดว่าคุณอาจจะหมดรักผมไปแล้ว”

                “ให้ตาย...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์คราง เขาใช้สองมือจับใบหน้าของกอร์ดอนเอาไว้ แล้วบดจูบรุนแรงจนอีกฝ่ายสะดุ้ง ก่อนจะผละออกมาแล้วพูดต่อ “คุณคิดได้ไงว่าผมจะหมดรักคุณ”

                “ผมรู้ ผมแค่เพ้อเจ้อ...” กอร์ดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์จูบเขาอีกครั้ง

                “ผมคิดถึงคุณตลอดเวลา” เอิร์ลหนุ่มกระซิบ “ผมอยากเจอคุณทุกวัน แต่ผมเห็นว่าคุณทำงานหนัก ผมไม่อยากรบกวนเวลาทำงานของคุณ”

                เขาดึงตัวช่างตัดเสื้อเข้ามากอดไว้ “รู้มั้ย บางครั้งผมก็คิดอยากจะขอร้องคุณให้เลิกตัดเสื้อให้คนอื่นเสียที ผมอยากให้คุณตัดเสื้อให้ผมแค่คนเดียว ผมหงุดหงิดเวลารู้ว่าคุณต้องทำงานหนัก นอนดึก เพื่อเร่งเสื้อให้เสร็จทันตามกำหนด และหนึ่งในคนที่ทำให้คุณต้องทำงานหนักแบบนั้นก็คือผมเอง”

                กอร์ดอนสั่นศีรษะ “มันเป็นอาชีพของผม... คุณไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก้มลงจูบศีรษะช่างตัดเสื้อ ก่อนจะถอนหายใจเฮือก               “กอร์ดอน... ผมจะไม่ขอร้องคุณให้คุณเลิกตัดเสื้อให้คนอื่น เพราะมันเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ แต่ผมจะมาหาคุณบ่อยเท่าที่มันไม่น่าเกลียดจนเกินไป เพื่อดูความคืบหน้าเสื้อที่คุณต้องตัดให้ผม... คุณจะได้ไม่คิดถึงผมจนต้องออกไปดื่มแล้วเมาแบบนี้อีก”

                กอร์ดอนหน้าแดง เขาเงยหน้าขึ้นมองคนพูด “ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอกครับ เสียเวลาคุณเปล่าๆ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “การมาหาคุณไม่ใช่เรื่องเสียเวลาของผมเลย” เขาโน้มหน้าลงจูบหน้าผากช่างตัดเสื้อ “คุณคือสิ่งที่วิเศษที่สุดที่พระเจ้าประทานให้ผม วันที่ผมรู้ว่าคุณรักผม วันนั้นคือวันที่ผมสาบานกับตัวเองว่าจะไม่มีวันปล่อยคุณไปอย่างเด็ดขาด ผมอยากใช้เวลาทุกนาทีกับคุณ อยากจะมีช่วงเวลาที่ได้อยู่กับคุณให้นานที่สุด”

                กอร์ดอนบีบแขนฝ่ายนั้น เขาตื้นตันจนไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อ ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาแล้วถอนใจเฮือก

                “บางทีผมก็สมเพชชีวิตตัวเองนะ ทั้งที่ผมเป็นถึงเอิร์ล เป็นถึงว่าที่มาร์ควิส คนเกือบทั้งลอนดอนต้องก้มหัวให้ผม แต่ผมกลับไม่อาจใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันคนที่ผมรักได้ พวกเราต้องหลบๆ ซ่อนๆ พบกัน ทั้งๆ ที่ผมอยากจะกอดคุณทุกเช้า จูบราตรีสวัสดิ์คุณทุกคืน อยากจะมีคุณอยู่ข้างๆ เวลาหัวถึงหมอน อยากจะพาคุณไปในทุกๆ ทีที่ผมไป...”

                กอร์ดอนยกมือขึ้นปิดปากฝ่ายนั้นเอาไว้ แล้วยิ้ม “อย่าพูดแบบนั้นเลยครับ แค่ทุกอย่างที่คุณทำให้ผมตอนนี้ก็เป็นเรื่องมหัศจรรย์มากแล้ว ผมไม่เคยนึกฝันอะไรอย่างนี้มาก่อนเลย...” เขาเว้นจังหวะหน่อยหนึ่ง แล้วใช้ดวงตาสีฟ้าเรื้อน้ำตาของตัวเองจ้องเข้าไปในดวงตาสีเขียวคู่นั้น “ผมสัญญากับคุณว่าจะไม่คิดอะไรโง่ๆ อย่างเรื่องที่คุณจะหมดรักผมอีก เพราะผมรู้แล้วว่าคุณรักผมแค่ไหน เพราะอย่างนั้นอย่าว่าตัวเองแบบนี้เลยครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หลับตาลง ก่อนจะจับมือช่างตัดเสื้อไว้แล้วจูบเบาๆ

                “ผมไม่มีวันหมดรักคุณ กอร์ดอน ผมขอยืนยันอย่างที่ผมเคยสาบานเอาไว้ จนกว่าความตายจะมาพรากเราจากกัน ผมจะรักคุณตลอดไป”

-------------------------------------

                เดวิดรู้สึกพิศวงที่เห็นเจ้านายของตัวเองเดินลงมาจากชั้นบนด้วยท่าทางไม่เหมือนคนเมาค้างเลยสักนิด หลังจากเอิร์ลแห่งโทรว์บริดจ์นั่งรถม้ากลับออกไปได้ราวสิบห้านาที

                “ท่านเอิร์ลมาธุระเรื่องอะไรหรือครับ?” เด็กหนุ่มถามอย่างใคร่รู้

                “อ๋อ... ท่านเอิร์ลมาคุยเรื่องชุด” ช่างตัดเสื้อตอบเขา เดวิดทำหน้าสงสัย “เขามาทวงเสื้อหรือครับ? แต่ท่าทางคุณดูอารมณ์ดีมากเลยนะ”

                “อ๋อ เปล่า” กอร์ดอนหน้าแดง “เขาแค่มาบอกว่าไม่ต้องเร่งมากก็ได้”

                เดวิดพยักหน้าหงึกๆ “ที่แท้คุณกังวลเรื่องเสื้อของท่านเอิร์ลนี่เอง ตอนแรกผมคิดว่าเป็นเรื่องเสื้อของลอร์ดสวินดันเสียอีก”

                “เออ ใช่ เธอเอาเสื้อไปส่งให้เขาหรือยัง?” ช่างตัดเสื้อพูดอย่างนึกขึ้นได้ เดวิดพยักหน้า

                “เรียบร้อยตั้งแต่เช้าแล้วครับ คุณจะกินมื้อเช้าเลยมั้ยครับ? หรือว่าจะทำงานก่อน”

                “ฉันตื่นสายปานนี้แล้ว” กอร์ดอนว่า “กินมื้อเช้าก่อนแล้วกัน”

                “งั้นเดี๋ยวผมไปบอกมิสซิสมาร์ธาให้นะครับ เธอยังอยู่ในครัว

                กอร์ดอนพยักหน้า ก่อนจะเดินตามเดวิดไปนั่งรอที่โต๊ะอาหาร ไม่นานนักมิสซิสมาร์ธาก็ยกถาดอาหารเช้าเข้ามาให้

                “คุณดูดีนะคะวันนี้” เธอทัก “เมื่อวานนี้หน้าตาคุณแย่มาก เห็นเดวิดบอกว่าเมื่อคืนคุณเมาหนักเลย”

                กอร์ดอนหัวเราะเขินๆ “งานผมเยอะ... ผมต้องออกไปดื่มบ้าง” ช่างตัดเสื้อว่า ก่อนจะพูดต่อ “คุณเองก็สวยขึ้นนะ”

                มิสซิสมาร์ธาทำหน้าตกใจ “อุ๊ย เกิดอะไรขึ้นคะเนี่ย? นานๆ ทีคุณจะชมฉันนะ”

                เดวิดที่เดินมาทันได้ยินบทสนทนาหัวเราะขึ้น “ผมว่าคุณโอเดนเบิร์กชมคุณเพราะเขาเขินนะ... เขาดูดีกว่าเมื่อวานเป็นคนละเรื่องเลย หลังจากได้คุยกับท่านเอิร์ล นี่ถ้าเขาเป็นผู้หญิง ผมคงคิดว่าเขากับท่านเอิร์ลกำลังแอบคบหากันแน่ๆ”

                กอร์ดอนเกือบสำลักขนมปังที่เพิ่งกินเข้าไป “วะ... ว่าไงนะ!”

                “เสียมารยาทจริง” มิสซิสมาร์ธาเอ็ด “เธอคิดได้ยังไงว่าคุณโอเดนเบิร์กจะคบหากับท่านเอิร์ลแบบนั้น เขาเป็นผู้ชายทั้งคู่นะ”

                “โธ่... ผมแค่สมมติเองครับ” เดวิดคราง “สมมติว่าถ้าคุณโอเดนเบิร์กเป็นผู้หญิงไง... เขาสวยจะตาย... ถ้าเป็นผู้หญิงต้องมีผู้ชายมาจีบเยอะแน่ๆ คุณไม่เห็นด้วยหรือ?”

                “แต่คุณโอเดนเบิร์กไม่ใช่ผู้หญิง” มิสซิสมาร์ธาย้ำ “ไปทำงานของเธอเลยเดวิด แล้วอย่าเที่ยวพูดเรื่องนี้อีก ถ้าท่านเอิร์ลมาได้ยินเธอต้องแย่แน่”

                “ครับๆ” เดวิดรีบพยักหน้า ก่อนจะผลุนผลันออกไป มิสซิสมาร์ธาถอนหายใจ

                “เด็กคนนี้นี่จริงๆ เลย ยิ่งโตยิ่งชักเพ้อเจ้อเข้าไปทุกที”

                “เขาเพิ่งอายุสิบหกเท่านั้นเอง” กอร์ดอนว่า “ที่จริงแล้วถ้าผมแต่งงานตอนอายุสิบเก้ายี่สิบ คงจะมีลูกรุ่นๆ เดียวกับเขานี่แหละ”

                มิสซิสมาร์ธายิ้มให้เขา “นั่นสิคะ ถ้าคุณมีลูกสาวคงวุ่นวายน่าดู ฉันนึกภาพคุณทำหน้าดุเวลามีหนุ่มๆ มาจีบเธอไม่ออกเลย”

                ช่างตัดเสื้อหัวเราะ “หน้าผมไม่ดุพองั้นสิ”

                “อืม... ทำนองนั้นค่ะ ที่จริงดิฉันเคยนึกอยากให้คุณลองไว้หนวดดู แต่พอเห็นคุณเวลาไม่โกนหนวดแล้วดิฉันต้องเปลี่ยนความคิดค่ะ มันดูไม่เข้ากับคุณเลย”

                กอร์ดอนยกมือลูบคางตัวเอง “โชคดีนะที่วันนี้ผมโกนแล้ว สองสามวันก่อนคงดูแย่มาก”

                คนดูแลบ้านมองเขายิ้มๆ ก่อนจะพูดต่อ “ดิฉันไม่รบกวนเวลามื้อเช้าตอนสายของคุณล่ะค่ะ คุณจะได้มีเวลาไปตัดเสื้อต่อ”

                “อือ”

------------------------------------------
(จบตอน)

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
โอ้ยยย เขินแทนกอร์ดอนเลยนะเนี่ย
เดวิด ต้องไปแอบอยู่ใต้เตียงเป็นแน่แท้
รู้ดีถึงขนาดนี้เชียว
 :-[

ออฟไลน์ meanmena

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
เขิลลลลล ตัวบิดค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ นางสาวกานาเลส

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
กอร์ดอนนน น่าเอ็นดูจริงๆ งือออออออ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
สงสารกอร์ดอนคิดถึงเขามากเลยสินะ ต้องดื่มเหล้าย้อมใจ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
กอร์ดอนที่น่าสงสาร
จอห์นน่ารักมาก สามีแห่งชาติชัด ๆ

เอาใจช่วยลิตเติลจอห์นให้ชนะนักมวยมารยาททรามคนนั้น

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ทำไมนะยิ่งพอเห็นเขารักกันมากเท่าไหร่ เส้นทางข้างหน้าของทั้งสองคนก็ดูเหมิอนจะมืดดำเท่านั้น

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
คุณจูชอบทำซึ้งงะ น้ำตาซึมเป็นลอร์ดจอร์จ เลย

ออฟไลน์ akiko

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 620
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2

ออฟไลน์ narongyut

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-1
คิดถึง กอร์ดอน กับ ท่าน ลอร์ด ครับ

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog

Dear, My customer.

ตอนที่20 การต่อสู้ของลอร์ดโทรว์บริดจ์


                เหล่าสมาชิกสโมสรแบล็กเบิร์ดรู้สึกดีใจที่เห็นกอร์ดอนมาที่สโมสรมวยเพื่อดูการซ้อมของลอร์ดโทรว์บริดจ์ในช่วงเย็น แม้ว่าเขาจะไปก่อนการซ้อมเลิกไม่นาน ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเป็นคนแรกที่เอ่ยทักเขา

                “ไง กอร์ดอน นายจัดการงานเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือ?”

                “ครับ ผมเพิ่งให้เด็กไปส่งงานเมื่อเช้านี้เอง”

                “เป็นงานของพ่อฉัน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “เขาบ่นถึงตั้งแต่เมื่อวาน ทั้งๆ ที่กำหนดส่งคือวันนี้”

                “ลอร์ดสวินดันชอบให้ส่งงานตรงเวลาครับ” กอร์ดอนตอบเลี่ยงๆ ลอร์ดหนุ่มทำหน้าเพลีย

                “ไม่ เขาชอบเร่งทุกอย่างเท่าที่จะเร่งได้ แต่เขาชอบเสื้อที่นายตัดมากนะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดพลางตบบ่าช่างตัดเสื้อ “โชคร้ายจริงๆ ที่เขาชอบเสื้อฝีมือนาย”

                กอร์ดอนยิ้มแบบแบ่งรับแบ่งสู้ ก่อนจะถามบ้าง “วันนี้ทำไมพวกคุณมากันแค่นี้ล่ะครับ? หรือว่าคนอื่นยังมาไม่ถึง”

                “เจมส์ติดปิดบัญชี” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ช่วงสิ้นเดือนเป็นเวลาที่ธนาคารวุ่นวายที่สุด รับรองว่ายุ่งไม่แพ้งานที่ร้านนายแน่นอน”

                “อ้อ ครับ”

                “ส่วนอีธานตามพ่อของเขาไปพบลูกความที่เมืองอื่น เขาไปตั้งแต่ต้นสัปดาห์แล้วยังไม่กลับเลย” เจฟฟรีพูดต่อ “พ่อเขารับว่าความทั่วราชอาณาจักร สำนักทนายความและกฎหมายโธมัสแอนด์ซัน นายน่าจะเคยได้ยิน”

                กอร์ดอนพยักหน้า ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้นบ้าง

                “โรเบิร์ตมีปัญหา” เขาว่า “เมื่อเช้าฉันแวะไปที่ร้านของเขา เขาเล่าให้ฟังว่ามีใครบางคนขโมยเพชรดิบที่นำเข้ามาจากอินเดียไปสี่ถุง ตอนนี้อยู่ระหว่างกำลังสืบหาตัวคนร้าย เขากับพ่อต้องสลับกันเข้าออกสก็อตแลนยาร์ดเพื่อให้การและสอบถามความคืบหน้าในการติดตามคนร้าย”

                “โห... สี่ถุง กี่ก้อนล่ะนั่น” ลอร์ดครอฟตันว่า อีกฝ่ายตอบเขา “ยี่สิบก้อน ถ้าขโมยหาคนเจียรได้ก็จบเห่เลย”

                “พระเจ้า...” เพื่อนๆ อุทานออกมา “ขอให้ตำรวจจับคนร้ายได้ไวๆ แล้วกัน”

                “อือ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า “ส่วนนิกกี้ขึ้นรถไฟไปเที่ยวกับเบตตี้ที่ปารีสตั้งแต่เมื่อวาน ให้ตาย ถ้ามาร์กาเร็ตรู้จะต้องคะยั้นคะยอให้ฉันพาไปแน่ๆ”

                “เดี๋ยวๆ” ลอร์ดครอฟตันขัดขึ้น “นิกกี้ไปกับเบตตี้ได้ไง สองคนนั้นคบกันแล้วหรือ?”

                “ใช่” คนถูกถามพยักหน้า “ตั้งแต่นิกกี้คิดได้ว่าเขาควรจะใส่การ์ดที่เขียนด้วยลายมือของตัวเองและลงชื่อย่อไปกับช่อดอกไม้นี่เขาอุตส่าห์ส่งไปที่คฤหาสน์ของเบ็ตตี้ทุกวัน”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะออกมา “ฉันแน่ใจว่าเขาได้ความคิดจากนาย”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยิ้ม ขณะที่ลอร์ดครอฟตันพูดต่อ “สรุปว่านายเป็นแม่สื่อให้สองคนนั่นหรือ?”

                “เปล่า ฉันแค่เสนอความคิด” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า เขาเพ่งหน้าเพื่อนสนิท “เอ็ดดี้ แล้วเรื่องผู้หญิงของนายไปถึงไหนแล้ว?”

                ลอร์ดครอฟตันถลึงตามองคนถาม “อย่าพูดคำว่า ‘ผู้หญิงของฉัน’ เพราะฉันแน่ใจว่าฉันไม่ได้มีผู้หญิงเยอะแยะอย่างนายแน่นอนจอร์จจี้ ห่วงตัวเองเถอะ นายนับหรือยังว่ามีผู้หญิงซ่อนไว้อีกกี่คน ก่อนที่มาร์กาเร็จจะช่วยมานับให้นาย”

                “โอ๊ย!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องเสียงดัง “อย่าพูดถึงมาร์กาเร็ต”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์และเจฟฟรีหัวเราะออกมา ขณะที่ลอร์ดครอฟตันพูดต่อ “ตะกี้นายเล่าว่านายเพิ่งไปที่ร้านของโรเบิร์ต นายไปร้านเขาทำไม อย่างนายคงไม่นึกอยากเปลี่ยนแหวนเพชรใหม่หรอกใช่ไหม? ซื้อเครื่องเพชรให้สาวคนไหนอีกล่ะ? คนใหม่หรือคนเก่า”

                “อ่อค... นายร้ายกาจมากเอ็ดดี้” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันคราง “ห้ามพูดแบบนี้ต่อหน้ามาร์กาเร็ตเด็ดขาดเลยนะ ฉันขอร้องนายล่ะ”

                เพื่อนอีกสองคนพากันหัวเราะ ก่อนที่เสียงใครอีกคนจะดังขึ้น

                “พรุ่งนี้วันเกิดมาร์กาเร็ต ไม่บอกพวกเขาไปล่ะว่านายแอบไปซื้อเครื่องเพชรเพื่อเซอร์ไพรส์เธอ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วพูดพลางยิ้มให้เพื่อน ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้าเซ็งใส่ เพื่อนที่เหลือเลยหันไปแซวเขาทันที

                “ว้าว จอร์จจี้ก็มีเซอร์ไพรส์คู่หมั้นเขาเหมือนกันแฮะ ฉันคิดว่านายจะเย็นชากับมาร์กาเร็ตมากกว่านี้เสียอีก”

                “เธอเป็นคู่หมั้นฉันนะ” ลอร์ดหนุ่มผู้มีดวงตาสีม่วงว่า “ฉันทำเซอร์ไพรส์คู่หมั้นตัวเองแปลกตรงไหน”

                “ถ้าเจมส์มาได้ยิน นายต้องโดนเขาแขวะไม่เลิกแน่” เจฟฟรีว่า ทั้งหมดพากันหัวเราะออกมา ก่อนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์จะถามขึ้น

                “ตกลงพวกนายคิดกันได้หรือยังว่าเราจะไปกินมื้อเย็นกันที่ไหน?”

                “อาหารฝรั่งเศส” ลอร์ดครอฟตันพูดทันที “ฌอง เลอมองก์ตรงถนนพอร์ตแลนด์”

                “ฉันไม่กินอาหารฝรั่งเศส” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดสวนทันที “ฉันเกลียดหอยทาก”

                “หอยทากอร่อยจะตาย” ลอร์ดครอฟตันว่า อีกฝ่ายสั่นศีรษะ “ไม่เอาอาหารฝรั่งเศส”

                “งั้นนายจะกินอะไร?”

                “เบิร์ตแอนด์เบล” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า คราวนี้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สั่นศีรษะ

                “ไม่เอา ฉันเพิ่งไปกินมาสัปดาห์ที่แล้ว”

                “โอ๊ย งั้นนายจะกินอะไร?”

                “เปปเปอรินี่ พาสต้าเส้นดำของเขาอร่อยมาก”

                “ว้าว!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องออกมา “พาสต้าเส้นดำ... ทำไมฉันถึงไม่คิดถึงมันมาก่อน” เขารีบพยักหน้า “ตกลง ร้านนี้เลย”

                ลอร์ดครอฟตันส่ายศีรษะ ก่อนจะหันมาหาเจฟฟรี “นายล่ะเจฟ อยากกินอาหารฝรั่งเศสบ้างรึเปล่า?”

                เจฟฟรียักไหล่ “ที่จริงฉันสนเบิร์ตแอนด์เบล แต่อาหารอิตาเลียนก็ไม่เลวนะ”

                ลอร์ดครอฟตันทำหน้าเซ็ง เขาหันไปหากอร์ดอน “นายล่ะกอร์ดอน?”

                “พาสต้าเส้นดำน่าสนใจนะครับ” กอร์ดอนตอบ “ผมไม่ค่อยได้กินอาหารอิตาเลียน”

                “นายหาพวกไม่ได้แล้วเอ็ดดี้” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ลอร์ดครอฟตันทำเป็นไม่ได้ยิน เขาหันไปหาลอร์ดโทรว์บริดจ์

                “จอห์นนี่ ไม่คิดจะแย้งอะไรขึ้นมาหน่อยหรือ?”

                “ฉันชอบลาซานญ่าผักโขมของเปปเปอรินี่มาก”

                คนได้ฟังทำคอตก “ก็ได้ๆ เปปเปอรินี่ ฉันจะเก็บหอยทากเอาไว้ก่อน”

----------------------------------------

                เปปเปอรินี่เป็นภัตตาคารขนาดเล็กมีเนื้อที่แค่สองคูหา ตั้งอยู่บนถนนพอร์ตแลนด์ ใกล้กับภัตตาคารเลอมองก์ที่ลอร์ดครอฟตันเสนอตอนแรก หน้าร้านมีกันสาดสีเขียวแดงขนาดใหญ่ และหน้าต่างสูงทรงโค้ง แค่เงยมองก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศความเป็นอิตาลีแล้ว พนักงานต้อนรับทักทายลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์และลอร์ดโทรว์บริดจ์ทันทีที่เห็นพวกเขา ก่อนจะทักทายคนที่เหลืออย่างสุภาพ แล้วนำเข้าไปด้านใน

                ภายในของภัตตาคารตกแต่งอย่างหรูหราสไตล์อิตาเลียน บานหน้าต่างแขวนไว้ด้วยม่านกำมะหยี่สีแดงเลือดหมูประพับพู่ห้อยสีทอง ประดับด้วยเสาแบบโคธิคและไอโอนิก เพดานดุนลายบัวปั้น ตกแต่งด้วยภาพวาดฝาผนัง เก้าอี้ทุกตัวล้วนบุด้วยผ้าไหมทอลายแถบหุ้มนวม เพียงแค่ก้าวเท้าเข้าไปกลิ่นหอมของเนยและเครื่องเทศก็โชยมาต้องจมูก

                มีลูกค้าอยู่ในร้านหนาตา กอร์ดอนนึกสงสัยว่าจะมีที่ให้พวกเขาทั้งหกคนไหม ในเมื่องมองไปทางไหนก็เห็นแต่คนนั่งเต็มไปหมด พอเดินเข้าประตูมาได้หน่อย ผู้จัดการร้านก็รีบเดินมารับช่วงต่อทันที เขานำทั้งหกคนขึ้นไปยังชั้นสองของร้าน และสั่งให้บริกรเปิดประตูห้องอาหารให้ห้องหนึ่ง ภายในห้องตกแต่งหรูหรากว่าชั้นล่างเสียอีก นอกจากภาพวาดและบัวปูนปั้นที่ใช้ประดับผนังแล้ว ยังมีรูปสลักหินอ่อนเล็กๆ วางประดับเอาไว้ด้วย

                “ว้าว แมกซ์ นายมีห้องส่วนตัวที่นี่ด้วยหรือ? ฉันได้ยินมาว่าที่นี่เขาเปิดห้องให้เฉพาะขุนนางระดับเอิร์ลนี่นา” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถามด้วยความแปลกใจ หลังจากทั้งหมดสั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว

                “อ๋อ เปล่าหรอก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “แต่ฉันมากับไมกี้บ่อยๆ ตอนหลังเขาก็เลยเปิดให้ฉันด้วย”

                “คิดว่าเขาเปิดให้เพราะจำจอห์นนี่ได้เสียอีก” ลอร์ดครอฟตันว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะออกมา “ครั้งสุดท้ายที่ฉันมากินมื้อเย็นที่นี่เมื่อสามปีก่อน ฉันต้องยืนรอคิวด้วยซ้ำ เพราะคนเฝ้าประตูไม่ชอบดูรักบี้”

                เพื่อนๆ พากันหัวเราะ จากนั้นเจฟฟรีพูดขึ้นต่อ “ว่าแต่พี่ชายนายไปอินเดียตั้งปีกว่าแล้ว เขากลับมาบ้างรึเปล่า?”

                “ยัง แต่เขาขยันส่งโทรเลขมาเยอะมาก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ฉันพยายามเขียนจดหมายไปเกลี้ยกล่อมเขาให้จ้างพนักงานแล้วเปิดเป็นบริษัทเป็นกิจะลักษณะไปเลย”

                “แล้วเขาว่าไง” ลอร์ดครอฟตันถามด้วยความสนใจ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถอนใจ

                “เขาเขียนจดหมายตอบมาว่า กำลังคิดอยู่ ไว้กลับมาที่นี่เมื่อไหร่เขาจะมาคุยรายละเอียดอีกที”

                “แล้วเขาจะกลับมาหรือยัง?”

                “เดือนหน้า” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบ “ฉันอยากให้เป็นพรุ่งนี้เลย ฉันเบื่อจะวิ่งวุ่นวายกับโทรเลขของเขาเต็มที”

                “นายจดทะเบียนตั้งบริษัทร่วมกับเขารึเปล่า?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถาม ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “แน่นอน ไมกี้ต้องการแน่ใจว่าฉันจะไม่หนีเขาไปทำอะไรที่ไหน เขาเลยจับฉันเซ็นชื่อเปิดบริษัทร่วมกันตั้งแต่แรกเลย”

                “ถ้าบริษัทของพวกนายเปิดรับพนักงาน พนักงานจะต้องงงมาก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “เพราะเขาจะแยกไม่ออกว่าไหนคือประธานบริษัท ไหนคือรองประธานบริษัท ขนาดชื่อย่อพวกนายยังเหมือนกันเลย”

                “เขาจะกลับมาวันไหน” ลอร์ดครอฟตันถามด้วยสีหน้าจริงจัง เจฟฟรีเสริมต่อทันที “เราต้องรีบบอกคนอื่นๆ ว่าเขาจะกลับมาแล้ว ฉันจำได้เลยว่าสมัยเขาอยู่ลอนดอน เขาทำอะไรไว้กับพวกเราบ้าง”

                “เขาว่าประมาณปลายเดือน น่าจะหลังจากจอห์นนี่ขึ้นชกแล้ว” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ทุกคนพยักหน้า ก่อนที่ลอร์ดครอฟตันจะพูดขึ้นมา

                “เมื่อวานพวกเราไปดูแมดเนอร์ชกมา”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กับเจฟฟรีขยับตัวด้วยความสนใจ “เป็นไงบ้าง ฉันเสียดายจริงๆ ที่ไม่ได้ไป เพราะโทรเลขของไมกี้นั่นแหละ”

                ลอร์ดครอฟตันหัวเราะ ก่อนจะพูดต่อ “เป็นการชกที่สนุกมาก ฟิชเชอร์สมกับเป็นนักมวยเก๋าประสบการณ์ ส่วนแมดเนอร์เองก็... มุทะลุดุดันสมเป็นเขาดี”

                “ฟังดูท่าทางเหมือนนายไม่ค่อยประทับใจในตัวแมดเนอร์เท่าไหร่นะ” เจฟฟรีออกความเห็น ลอร์ดครอฟตันยักไหล่

                “ตอนแรกน่ะฉันประทับใจมาก พวกเรารู้สึกว่าเขาชกได้สนุก ใช่ไหมจอร์จจี้”

                “ใช่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า ก่อนจะพูดต่อ “ฉันก็รู้สึกอย่างนั้น แม้ว่าเขาจะเป็นฝ่ายแพ้คะแนน แต่พวกเราก็รู้สึกว่าถ้าต่อเวลาไปอีกยก เขาคงเอาชนะฟิชเชอร์ได้”

                “ว้าว แสดงว่าฟิชเชอร์คงโดนไปหนักมาก”

                “เขาโดนนับ” ลอร์ดครอฟตันว่า “แต่แมดเนอร์เองก็คิ้วแตกเหมือนกัน”

                “อื้อหือ ฉันรู้สึกว่ามันต้องเป็นมวยที่สนุกมากแน่” เจฟฟรีว่า ก่อนจะพูดต่อ “แต่ทำไมพวกนายถึงดูไม่ประทับใจแมดเนอร์”

                “พอดีตอนลงจากเวทีฉันแวะเข้าไปหาเขา” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นมา ทั้งหมดหันไปมองเขา เจ้าตัวพูดต่อ “แมดเนอร์ไม่สุภาพนิดหน่อย แต่ฉันเข้าใจว่าเขาเพิ่งแพ้มา คงไม่มีอารมณ์จะระวังเรื่องมารยาท”

                “โธ่ จอห์นนี่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันครางออกมา “นายไม่เห็นจำเป็นจะต้องพูดปกป้องเขาเลย พฤติกรรมของเขามันน่าหมั่นไส้มาก ต่อให้เขาไม่พอใจก็ควรจะเก็บอารมณ์เอาไว้ การดูถูกคู่ต่อสู้เป็นเรื่องน่าเกลียดมาก”

                “ว้าว ฉันฟังผิดรึเปล่าจอร์จจี้” เจฟฟรีร้อง “นายกำลังพูดถึงการดูถูกคู่ต่อสู้ คำพูดของนายทำให้นายดูเป็นนักสู้มากๆ”

                “อ๋อ แน่นอน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเชิดหน้า “ถึงฉันไม่เคยต่อยมวย และฉันอาจจะไม่เคยสกรัมชนะใครมาก่อน แต่ฉันก็รู้จักให้เกียรติคู่ต่อสู้นะ ไม่เกี่ยวกับว่าคู่ต่อสู้จะเป็นลูกขุนนางหรือคนธรรมดาหรอก”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ปรบมือ “พูดได้ดี จอร์จ ฉันว่าคราวหน้าถ้าเราจะเล่นรักบี้กัน นายควรจะขึ้นไปพูดประโยคนี้ก่อนเปิดสนาม ไม่แน่ว่านายอาจจะได้รับเกียรติให้ถือลูกตอนที่เริ่มทำสกรัม”

                “ฉันจะคิดว่านายพูดออกมาจากใจจริงนะแมกซ์” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ลอร์ดครอฟตันหัวเราะ ก่อนจะพูดต่อด้วยสีหน้าจริงจัง

                “ฉันก็คิดอย่างที่จอร์จจี้คิดนั่นแหละ แมดเนอร์พูดจาดูถูกจอห์นนี่”

                “เขาพูดว่าไง” เจฟฟรีซักต่อ “นี่เขากล้าดูถูกท่านเอิร์ลเลยหรือ?”

                “เขาไม่มีคำลงท้าย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “เขารู้ว่าจอห์นนี่เป็นใคร แต่เขาจงใจไม่พูดคำลงท้ายเลยสักคำ ทั้งที่เขาไม่เคยรู้จักกับจอห์นนี่มาก่อน ฉันถือว่าตรงนี้เป็นการดูถูกและเสียมารยาทมาก”

                “โห...” เจฟฟรีและลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ครางออกมาพร้อมกัน ก่อนที่ฝ่ายแรกจะพูดขึ้นต่อ “แมดเนอร์นี่บ้าสมชื่อเลยแฮะ”

                “ที่แย่กว่านั้น” ลอร์ดครอฟตันเสริมขึ้น “เขามองจอห์นนี่ด้วยสายตาเหยียดหยาม และพูดทำนองว่าจอห์นนี่คงจะยืนไม่พ้นยกแรก”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สั่นศีรษะ “นี่ไม่ใช่คำพูดที่ควรจะเอามาพูดกับคู่ต่อสู้นะ หรือนักมวยต้องพูดแบบนี้กับคู่ต่อสู้ทุกคน แต่ถ้าเป็นแบบนั้นฉันว่ามันดูไม่เป็นสุภาพบุรุษเลย”

                “เอาเถอะๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตัดบท “แมดเนอร์ก็คือแมดเนอร์” เขาว่า “แต่ที่เขาพูดออกมาเมื่อวานก็ทำให้ฉันได้คิดขึ้นมาอย่าง”

                “อะไร?” ทั้งหมดหันไปถามเขา

                “ฉันไม่แน่ใจว่าตัวเองจะทนรับหมัดเขาได้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “เพราะฉันไม่เคยชกต่อยกับใครอย่างจริงจังมาก่อน ตอนซ้อมหมัดของพี่เลี้ยงก็ดูไม่หนักพอ ฉันคิดว่าฉันต้องการการซ้อมที่จริงจังกว่านี้”

                “ยังไง?” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้าไม่เข้าใจ “นายจะให้ลอร์ดควีนสเบอรี่จัดไฟต์ชกให้นายก่อนหน้าชกจริงสักไฟต์งั้นหรือ?”

                คนถูกถามสั่นศีรษะ “ไม่ เรื่องนั้นรบกวนเขาเกินไป ฉันเพิ่งคิดวิธีดีๆ ออกวิธีหนึ่ง”

                คนทั้งโต๊ะจ้องเขาด้วยความสนใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองไปที่กอร์ดอน แล้วพูดขึ้นต่อ “ยังจำเรื่องมวยข้างถนนที่กอร์ดอนเล่าให้ฟังที่สโมสรวันนั้นได้มั้ย?”

                ทุกคนพยักหน้า โดยเฉพาะคนถูกพาดพิงที่นั่งเงียบอยู่แต่แรก ถึงกับอ้าปากพูดออกมา “อย่าบอกนะครับว่า...”

                “ใช่ ผมตั้งใจว่าจะลองไปชกแบบนั้นดู” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดและไม่เปิดโอกาสให้ใครได้อ้าปากเถียง “ผมรู้ว่ามันอันตราย เพราะงั้นผมถึงต้องพูดตรงนี้”

                เขาหันไปมองเพื่อนคนอื่นๆ “ฉันอยากให้พวกนายไปดูด้วย เพราะฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง อย่างน้อยๆ ไปกันหลายคนยังพอมีคนช่วยอยู่”

                “ให้ตาย...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คราง “ที่นั่นชกกันมือเปล่านะ ใช่มั้ย กอร์ดอน?”

                “ครับ” กอร์ดอนพยักหน้า ก่อนจะรีบพูดต่อ “ผมไม่เห็นว่ามันจะดีกับคุณตรงไหนเลย อย่างที่ผมเคยบอก มันเป็นมวยที่ ‘ป่าเถื่อน’ มาก พวกเขาไม่ชกอยู่ในกติกานะครับ เขาอาจจะกัดคุณ ตบบ้องหูคุณ กระทั่งคว้าเอาอะไรสักอย่างจากคอกกั้นคนดูมาปาใส่คุณ ที่นั่นไม่ใช่สังเวียนของสุภาพบุรุษ มันคือบ่อนครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ใช่ ผมต้องการการต่อสู้แบบนั้นแหละ มีแต่แบบนั้นเท่านั้นผมถึงจะแน่ใจว่าตัวเองจะขึ้นชกกับแมดเนอร์ไหวโดยที่ไม่โดนเขาสอยร่วงไปตั้งแต่ยกแรก”

                กอร์ดอนสั่นศีรษะ “ไม่ได้ครับ มันอันตรายเกินไป”

                “ผมไม่อยากแพ้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า เขาจ้องหน้าช่างตัดเสื้อด้วยสายตาจริงจัง “บอกผมเถอะกอร์ดอน ผมรู้ว่าคุณรู้ว่าจะหาลานมวยแบบนั้นได้ที่ไหน”

                กอร์ดอนทำหน้าหนักใจ “ผมบอกคุณว่ามันปิดไปแล้ว”

                “ที่อื่นไม่มีแล้วหรือ? ถามช่างในร้านคุณสิ”

                ช่างตัดเสื้อเม้มปาก “จอห์น มันไม่คุ้มสำหรับคุณนะ...”

                “การต่อสู้มีราคาของมัน” ลอร์ดครอฟตันพูดแทรก “ความเป็นสุภาพบุรุษก็มีราคาของมันเหมือนกัน” เขาเว้นจังหวะแล้วพูดต่อ “ถ้าจอห์นนี่อยากจะจ่าย นายก็ไม่ควรจะห้ามเขา”

                “ถูกของเอ็ดดี้” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้นบ้าง “แม้ว่าฉันจะรู้สึกเห็นด้วยกับนายว่ามันอันตรายมากๆ แต่การต่อสู้มีราคา และชัยชนะก็ไม่ใช่ของที่ได้มาง่ายๆ นายไม่ควรจะห้ามเขา”

                “แต่...”

                “ฉันเข้าใจพวกนาย” เจฟฟรีพูดแทรกขึ้น “แต่กอร์ดอนเป็นแค่คนธรรมดา เขารับผิดชอบชีวิตเอิร์ลแห่งโทรว์บริดจ์ไม่ไหวหรอก พวกนายไม่ควรกดดันเขาแบบนั้น”

                ช่างตัดเสื้อพยักหน้า “มันเกินกว่าที่ผมจะรับไหว” เขาพูด พลางมองลอร์ดโทรว์บริดจ์ “ผมพาคุณไปเสี่ยงแบบนั้นไม่ได้หรอก”

                “คุณไม่ได้พาผมไปเสี่ยง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “คุณแค่หาสถานที่ให้ผม นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมีใครรับผิดชอบ ผมโตแล้ว รับผิดชอบชีวิตตัวเองได้ ช่วยผมในฐานะของเพื่อนคนหนึ่งจะได้ไหม?”

                ช่างตัดเสื้อขมวดคิ้ว เขาเงียบไปนานเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายไป แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะปฏิเสธยังไงให้เด็ดขาด ระหว่างนั้นลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็พูดขึ้นมา

                “เอาอย่างนี้ดีไหม... ในเมื่อพวกเราในที่นี้ไม่เคยมีใครเคยไปดูมวยอย่างที่กอร์ดอนเล่าให้ฟังมาก่อนสักคน ฉันเองก็นึกภาพไม่ออกว่ามันโหดร้ายขนาดไหน นายเองก็คงนึกไม่ออกเหมือนกัน” เขาหันไปหาลอร์ดโทรว์บริดจ์ “เพราะฉะนั้น เราควรจะไปดูกันก่อน ถ้านายคิดว่านายรับการต่อสู้แบบนั้นได้ เราค่อยคุยกันถึงเรื่องนี้อีกที กอร์ดอนเคยบอกว่าใครก็สามารถกระโดดเข้าไปต่อสู้ก็ได้ นายค่อยตัดสินใจตอนนั้นก็ไม่สาย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ใช้เวลาคิดอยู่อึดใจใหญ่ สุดท้ายเขาก็ยอมพยักหน้า “ก็ถูกของนายนะแมกซ์ ฉันควรไปเห็นก่อนว่ามันเป็นยังไง บางทีกอร์ดอนอาจจะพูดถูกก็ได้ว่ามันป่าเถื่อนเกินไป”

                ช่างตัดเสื้อค่อยมีสีหน้าดีขึ้นมาหน่อย “ผมแน่ใจว่าถ้าคุณได้เห็นแล้วจะต้องรีบเดินออกมา”

                เจฟฟรียักไหล่ “แสดงว่าสนามมวยนั่นยังเปิดอยู่งั้นสิ”

                กอร์ดอนหน้าแดง เขาเบือนหน้าไปทางอื่น “ผมคิดว่ามันน่าจะปิดไปแล้ว”

                “นายไปครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่”

                “สามเดือนก่อนครับ”

                “งั้นวันนี้ไปอีกทีสิ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ไปด้วยกันทั้งหมดนี่เลย ผมอยากรู้ว่ามันปิดแล้วอย่างที่คุณคิดจริงๆ หรือเปล่า”

-----------------------------------------------

 

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
               ลอร์ดโทรว์บริดจ์กินมื้อกินมื้อเย็นน้อยมาก เขาให้เหตุผลว่าเผื่อจะต้องกระโดดลงไปในสนาม จะได้ไม่จุกกลางคัน ส่วนกอร์ดอนกินน้อยกว่าปกติ เพราะกังวลเรื่องของคนรัก ในขณะที่คนอื่นๆ กินกันอย่างไม่เกรงใจ หลังจากเรียกเก็บเงินโดยที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เป็นคนจ่ายแล้ว ทั้งหมดก็นั่งรถม้าของตัวเองไปยังถนนแฮริงตัน

                “ให้ผมไปด้วยเถอะครับ” โอลิเวอร์พูดทันทีที่เปิดประตูให้ลอร์ดโทรว์บริด “ที่แบบนั้นไม่ใช่ที่ที่สุภาพบุรุษอย่างพวกคุณจะเดินเข้าไปแล้วกลับออกมาง่ายๆ นะครับ ต่อให้แค่ไปดูก็เถอะ”

                “แกรู้หรือว่าฉันจะไปไหน?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามด้วยความแปลกใจ โอลิเวอร์พยักหน้า “ตั้งแต่คุณบอกว่าจะมาตรงนี้ผมก็รู้แล้วครับ บาร์เถื่อนที่นี่ขึ้นชื่อมากเรื่องสังเวียนใต้ดิน ให้ผมไปด้วยเถอะครับ เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยๆ กัน”

                “แกก็เคยมาหรือ?”

                “เคยมาครั้งนึงครับ” คนรับใช้ตอบ “มันเป็นที่ที่ป่าเถื่อนมาก ที่จริงแล้วคุณควรจะให้พวกเราเข้าไปด้วยทั้งหมดเลย รถม้าผูกเอาไว้คงไม่มีใครกล้าขโมยหรอกครับ”

                “มันจะดูอึกทึกไปน่ะสิ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ถ้าเข้าไปกันหมดทุกคนก็ต้องรู้ว่าพวกเราไม่ใช่คนธรรมดา”

                “ไม่เป็นไรหรอกครับ บางทีก็มีลูกขุนนางหรือขุนนางเข้าไปในนั้นเหมือนกัน” โอลิเวอร์ว่า ก่อนจะพูดต่อ “ผมเห็นว่าเราควรจะเข้ากันไปทั้งหมดครับ อย่างน้อยๆ ถ้าเกิดมีเรื่องไม่คาดฝัน พวกผมจะได้ทำหน้าที่ของตัวเองบ้าง”

                “อย่างที่เขาว่านั่นแหละครับท่านลอร์ด” ไมเคิลเดินเข้ามา เขาเป็นคนรูปร่างหนาพอๆ กับลอร์ดครอฟตัน ท่าทางเวลาพูดของเขาดูจริงจัง “คุณควรให้ผมเข้าไปด้วย”

                “แกรู้จักที่นี่ด้วยหรือ?” ลอร์ดครอฟตันถามเขา ไมเคิลพยักหน้า “ผู้ชายที่ใช้แรงงานส่วนใหญ่ในลอนดอนส่วนใหญ่รู้จักที่นี่ครับ เพราะตรอกนี้มีทุกอย่าง”

                “ดูเหมือนคนรับใช้ของเราทุกคนจะเคยมาที่นี่นะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า เขานั่งรถม้ามากับลอร์ดจอร์จ เฟลตัน เพราะลอร์ดสวินดันไม่ชอบให้เขาเอารถม้าออกจากคฤหาสน์เป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่ได้เอาออกมาใช้ทำธุระที่เกี่ยวกับครอบครัว

                “อเล็กซ์เพิ่งบอกฉันว่าเขาก็เคยมา” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “เขาบอกว่าเขาจะตามเข้าไปด้วย นายว่าไง?” เขาหันไปหาลอร์ดโทรว์บริดจ์ คนถูกถามนิ่งไปพัก ก็ถอนหายใจออกมา

                “ก็ได้... ในเมื่อพวกเขาทุกคนเคยมาที่นี่ เราก็ควรจะเชื่อเขา จริงไหม?”

                คนรับใช้ทั้งสามพยักหน้า เจฟฟรีพูดขึ้นมา “พวกนายพาพวกเขาไปด้วยดีแล้วล่ะ ฉันคิดว่ามันสมควรแล้ว”

                กอร์ดอนมองพวกเขา แล้วถอนใจ “พวกคุณยังเปลี่ยนใจทันนะ”

                “ไม่เป็นไร เรามาถึงนี่แล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “คุณพาเราเข้าไปเลย”

----------------------------------------------

                กอร์ดอนพาทั้งแปดคนเดินเข้ามาในตรอกแคบๆ โอลิเวอร์เดินข้างเจ้านายของเขา

                “คุณโอเดนเบิร์ก ท่าทางคุณไม่ให้จะมาที่แบบนี้เลยนะ” คนรับใช้หนุ่มว่า

                “ผมก็ไม่ได้มาบ่อยนักหรอก” ช่างตัดเสื้อตอบ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ได้ยินเสียงเอะอะดังแว่วมา

                “ใกล้ถึงแล้วหรือ ผมได้ยินเสียง”

                “ตึกข้างหน้าครับ แต่เราต้องลงไปชั้นใต้ดิน” กอร์ดอนว่า เขาเดินมาหยุดตรงหน้าตึกเก่าๆ แห่งหนึ่ง ด้านหน้ามีชายฉกรรจ์ร่างหนาสองคนนั่งสูบบุหรี่อยู่ พอเห็นว่ามีคนเดินเข้าไปทั้งคู่ก็เงยหน้าขึ้นมา

                “ว้าว คนสวย วันนี้ลมอะไรพัดมาล่ะนี่” ชายคนหนึ่งเอ่ยทักพลางยื่นมือมาจับใบหน้าของช่างตัดเสื้อ กอร์ดอนรีบปัดมือออก

                “ผมพาเพื่อนมาดูมวย”

                ชายสองคนเลิกคิ้วด้วยความพิศวง “เพื่อน? ว้าว คนสวยพาเพื่อนมาเยอะด้วย ท่าทางมีเงินทั้งนั้น”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์รู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก เขาสาวเท้าเข้าไปหาชายทั้งสอง “พวกเราจะลงไปข้างล่าง”

                ทั้งคู่เลิกคิ้วมองลอร์ดโทรว์บริดจ์ พอได้เห็นการแต่งตัวและบรรดาผู้ติดตามด้านหลังแล้ว ก็รีบลุกขึ้นยืนทันที

                “อ๋อ เชิญเลยครับ เชิญเลย” สองคนนั้นพูดพลางผายมือ “พวกเรายินดีต้อนรับสุภาพบุรุษกระเป๋าหนักอย่างพวกคุณเสมอ”

                กอร์ดอนรีบสาวเท้าผ่านชายสองคนนั้นไปทันที คนหนึ่งเป่าปากแซวเขา “อย่าเดินลงไปเร็วนักล่ะคนสวย เดี๋ยวพวกข้างล่างเห็นแล้วจะแข็งกันหมด”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์โกรธจนหน้าแดง เขาเกือบจะเดินย้อนมาต่อยปากผู้ชายคนนั้นแล้ว แต่ถูกลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ห้ามไว้ “นายควรจะรีบไปกับกอร์ดอน ดูแล้วเขาเป็นคนที่ไม่น่าจะมาที่นี่ที่สุดเลย”

                เสียงเอะอะเอ็ดตะโรดังจนแสบแก้วหู ในขณะที่คนทั้งหมดเดินลงบันไดมา ที่ปลายบันไดมีคนเฝ้าประตูอีกสองคน พอเขาเห็นช่างตัดเสื้อก็ทำหน้าแปลกใจ

                “โอ้โห... ดูซิใครมา นี่มันคนสวยที่เคยมากับมอร์แกนนี่นา”

                “ว้าวๆ วันนี้เขาพาเพื่อนมาด้วยนี่แก๊บบี้”

                “ผมจะเข้าไปข้างใน” กอร์ดอนตัดบทด้วยความรำคาญ “เปิดทางด้วย”

                “อ๋อ แน่นอน” ชายสองคนพูดพร้อมกัน “รับรองได้เลยว่าคุณแมคคาธีจะต้องคลั่งแน่ถ้ารู้ว่าคุณมา เขาบ่นอยากเห็นหน้าคุณทุกวัน”

                “ขอบคุณ ไม่ต่องบอกเขาหรอกว่าผมมา” กอร์ดอนพูด ก่อนจะดึงหมวกลงปิดหน้า แล้วเดินผ่านสองคนนั้นไป ชายคนหนึ่งยื่นมือมาหมายจะจับสะโพกเขา แต่ถูกลอร์ดโทรว์บริดจ์คว้ามือเอาไว้ก่อน

                “โอ๊ย!” ผู้ชายคนนั้นร้องไม่ทันขาดคำก็ถูกเอิร์ลหนุ่มกระชากแขนเหวี่ยงไปกระแทกกับประตู ท่ามกลางความตกตะลึงของคนที่เดินตามหลังมา

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถลึงตามองชายอีกคนที่เหลือ แล้วก้าวเท้าฉับๆ ตามกอร์ดอนเข้าไปด้านในทันที โอลิเวอร์รีบเดินตามไปติดๆ เพื่อนที่เหลือมองหน้ากัน ก่อนจะรีบเดินตามไปสมทบ

-----------------------------------

                เลยจากประตูบานนั้นไปคือโลกที่แตกต่างจากโลกที่เห็นด้านบนอย่างสิ้นเชิง ผู้คนจำนวนมากต่างยืนเบียดกันอยู่รอบๆ คอกไม้ทรงกลม เสียงเอะอะเอ็ดตะโรดังจนแสบแก้วหู กลิ่นเหงื่อผสมกับกลิ่นเหล้าราคาถูกที่วางขายอยู่ที่บาร์ตรงมุมหนึ่งของห้องโถง และกลิ่นควันบุหรี่ลอยตลบอบอวลไปทั่วพื้นที่ พอเข้ามาถึงในนี้ก็ไม่มีใครสนใจกอร์ดอนที่สวมหมวกบิดบังใบหน้าอีก ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบเดินมาขนาบข้างเขา

                “ให้ตาย กอร์ดอน ผมขอโทษที่ให้คุณพาเข้ามาในนี้ มันแย่มาก”

                “มันก็ไม่แย่ขนาดนั้นหรอกครับ” ช่างตัดเสื้อตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ “ผมแค่ไม่ชอบที่ต้องทำตัวลับๆ ล่อๆ เหมือนเป็นผู้หญิงที่ปลอมเข้ามาเท่านั้นเอง”

                “คุณเคฟ ตรงโน้นมีที่ว่างครับ” โอลิเวอร์จงใจเรียกชื่อแทน เพราะไม่อยากเปิดเผยฐานะของเจ้านาย เขาชี้มือไปยังช่องว่างๆ ท่ามกลางกลุ่มคน “พวกเราไปยืนตรงนั้นดีกว่า”

                “ตกลง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า เขาหันไปตะโกนบอกลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์และคนอื่นๆ ก่อนจะดึงตัวกอร์ดอนมาอยู่ใกล้ๆ

                “คุณมากับผมเถอะ ไม่ต้องเดินนำแล้ว”

                โอลิเวอร์พาเจ้านายของเขาและเพื่อนๆ เดินแทรกกลุ่มคนเพื่อเข้าไปยังที่ว่างด้านใน คนจำนวนเก้าคนไม่ใช่น้อยๆ เลย ดังนั้นจึงมีผู้ชมหลายคนรู้สึกหงุดหงิดที่ถูกเบียด ใครคนหนึ่งปัดมือไปโดนหมวกที่กอร์ดอนสวมอยู่ จนมันหลุดออก จากนั้นก็ได้ยินเสียงอุทาน

                “ว้าว!”

                กอร์ดอนรีบยื่นมือไปคว้าหมวกเอาไว้ แต่ยังไม่ทันจะเอากลับมาสวม ใครอีกคนก็ยื่นมือมาจับหน้าเขา

                “คุณเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเนี่ย หน้าสวยจัง”

                “เขาไม่ใช่ผู้หญิง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยื่นมือมาปัดมือของชายคนนั้นออก

                “โว้วๆ ทำไมทำรุนแรงงี้ล่ะ ถ้าเขาเป็นผู้ชายจริงก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย” อีกคนพูดต่อ กอร์ดอนพูดออกมาอย่างหงุดหงิด

                “ผมเป็นผู้ชาย!”

                “งั้นขอจับหน่อยสิ จะได้รู้ว่าเป็นผู้ชายจริงมั้ย?”

                พลั่ก!

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์โมโหจนหน้าแดงก่ำ เขาส่งชายคนที่พูดคนนั้นลงไปนอนกองกับพื้นด้วยหมัดเพียงหมัดเดียว ก่อนจะถลึงตามองพวกที่เหลือซึ่งยืนจ้องเขาด้วยสายตาตกตะลึง พอๆ กับเพื่อนๆ ที่ยืนอยู่ด้านหลัง

                “.....”

                ความเงียบเกิดขึ้นอึดใจ จากนั้นความชุลมุนก็ตามมา กอร์ดอนผลักคนที่พยายามจะดึงเสื้อของเขาออก ก่อนที่โอลิเวอร์จะมาช่วยไว้ ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เปิดฉากตะบันหน้ากับคนที่กรูกันเข้ามาหาเขา

                “ให้ตายเถอะ...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คราง “ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ”

                “เราต้องไปช่วยจอห์นนี่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้อง และถลันเข้าไปในวงต่อสู้ แต่ถูกลอร์ดครอฟตันดึงตัวไว้

                “นายไปก็เจ็บตัวเปล่าจอร์จจี้ นายต่อสู้ไม่เป็นเลย”

                “ใช่ครับ คุณอย่าเข้าไปเลย” อเล็กซ์พูดและพยายามดันเขาไปยืนด้านหลัง

                “แต่...”

                “ฉันไปเอง” เจฟฟรีว่า “พ่อคงไม่บ่นฉันมากหรอก ถ้าหน้าจะมีรอยกลับไป”

                “ฉันไปด้วย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า เขาเดินตามเจฟฟรีเข้าไปในวงต่อสู้ ก่อนจะหวดไม้เท้าเข้าใส่ชายคนหนึ่งที่กระโจนเข้าใส่ลอร์ดโทรว์บริดจ์จากด้านหลัง

                “โห... ฉันเพิ่งเห็นข้อดีของการพกไม้เท้าก็วันนี้” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันคราง ลอร์ดครอฟตันขมวดคิ้ว “แมกซ์ทำแบบนี้ได้ด้วยหรือ? เขาหวดคนอย่างกับว่าเคยหวดมาบ่อยมาก”

                “เขาอาจจะเคยถูกพ่อเขาหวดบ่อยๆ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตั้งข้อสังเกต “ฉันว่าเขาทำเหมือนกำลังเล่นโปโล”

                สถานการณ์ชุลมุนชุลเกหนักขึ้นเรื่อยๆ จนความสนใจทั้งหมดเบนจากลานต่อสู้มาเป็นข้างสนามแทน ลอร์ดโทรว์บริดจ์จับผู้ชายคนหนึ่งโยนข้ามไม้กั้นลงไปในลานต่อสู้ ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หวดผู้ชายสองสามคนกระเด็นออกไปจากวง

                “พระเจ้า ฉันว่าถ้าปล่อยไว้ต้องมีใครแย่... แต่ที่แน่ๆ ไม่น่าจะใช่เพื่อนของเรา” ลอร์ดครอฟตันว่า “เราควรจะกลับออกไปแจ้งตำรวจมั้ย? สก็อตแลนด์ยาร์ดจะปิดเรื่องที่เรามาที่นี่เอาไว้ไม่ให้พ่อแม่เรารู้รึเปล่า?”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันสั่นศีรษะ “ถ้าจะแจ้งความเราจะออกไปด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ ฉันจะไม่ทิ้งใครไว้”

                “แต่...”

                ยังไม่ทันที่ลอร์ดครอฟตันจะได้พูดอะไรต่อ เสียงปืนก็ดังขึ้นสองนัด จากนั้นทุกอย่างภายในห้องโถงก็หยุดชะงักทันที ชายร่างเล็กคนหนึ่งในชุดสูทสวยหรูที่ไม่เข้ากับลักษณะร่างกายเดินหน้ามู่ทู่ออกมาโดยมีชายฉกรรจ์สองคนแหวกทางให้ ในมือของเขามีปืนพกกระบอกหนึ่ง  ซึ่งเพิ่งยิงลงพื้นไปสองนัด

                “นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นวะ!” เขาตะคอก พลางกวาดตาดูสุภาพบุรุษสองคนที่ยืนอยู่กลางวง ก่อนจะมองเลยไปเห็นกอร์ดอนยืนอยู่กับเจฟฟรีและโอลิเวอร์ คิ้วดกหนาของเขาเลิกขึ้นทันที

                “อ้าว นั่นมันคุณเทวดาแห่งถนนบรอมพ์ตันนี่นา” เขาพูดแล้วใช้ไม้เท้าที่ถืออยู่ในมืออีกข้างสะกิดลูกน้อง “ไปเชิญเขามาเร็ว ทำไมถึงไม่มีใครบอกฉันว่าเขามาที่นี่”

                ชายฉกรรจ์รีบเดินไปหากอร์ดอนทันที ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปมอง “จะพาเขาไปไหน?”

                กอร์ดอนรีบยกมือห้ามทำนองว่าไม่เป็นอะไร ก่อนจะเดินตามผู้ชายคนนั้นไปหาคนตัวเล็กที่เก็บปืนพกแล้ว และกำลังหยิบซิการ์ขึ้นมาจุดสูบ

                “สายัณห์สวัสดิ์คุณโอเดนเบิร์ก” เขาพูดพลางยื่นมือให้ช่างตัดเสื้อ ช่างตัดเสื้อยื่นมือสัมผัสมือเขา “สายัณห์สวัสดิ์คุณแมคคาธี”

                “อ้าว คุณโอเดนเบิร์กรู้จักนายแมคคาธีนั่นด้วยหรือ?” โอลิเวอร์พูดด้วยความแปลกใจ เขาเดินมาหาลอร์ดโทรว์บริดจ์ “คุณเป็นไงบ้างครับ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ เขามีแค่รอยถลอกบนกำปั้นเล็กน้อย และรอยช้ำบนหน้านิดหน่อย เอิร์ลหนุ่มจัดเสื้อผ้าให้เขาที่ แล้วมองไปยังช่างตัดเสื้ออย่างไม่เข้าใจ

                “เกิดอะไรขึ้น ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?”

                “เขาเป็นคนคุมที่นี่ เจ้าของนั่นแหละครับ” โอลิเวอร์ตอบ “เราเรียกเขาว่านายแมคคาธี”

                “ลมอะไรหอบคุณมาถึงที่นี่ล่ะ?” แมคคาธีถามกอร์ดอนอย่างอารมณ์ดี เหมือนกับว่าก่อนหน้านี้เขาไม่ได้โมโหมาก่อน “มีหนี้อะไรต้องมาจ่ายให้ลูกน้องอีกหรือ?”

                “อ๋อ เปล่า” กอร์ดอนตอบ ก่อนจะพูดต่อ “ผมแค่พาเพื่อนมาดูมวย แต่คนดูพวกนี้ไม่มีมารยาทเลย”

                “โอ้ ให้ตาย” แมคคาธีคราง “ผมนึกออกเลยว่าเรื่องมันเกิดขึ้นได้ยังไง คงมีใครอยากพิสูจน์ว่าคุณเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงอีกแล้วใช่ไหม?”

                กอร์ดอนพยักหน้า แมคคาธีมองหน้าเขาด้วยสายตารวดร้าว “แต่คราวนี้คุณโดนชกด้วยนี่ ใครนะช่างกล้าทำหน้าสวยๆ ของคุณให้เป็นรอยได้”

                “เอาเถอะๆ” กอร์ดอนรีบตัดบท “คุณมาอยู่ตรงนี้ก็ดีแล้ว เพื่อนผมแค่อยากมาดูการต่อสู้ที่ลือชื่อของร้านคุณ คุณพอจะหาที่ยืนให้พวกเราแบบที่ไม่ต้องเบียดเสียดวุ่นวายกับคนอื่นได้ไหม?”

                “เพื่อนคุณ?” แมคคาธีทวนคำ แล้วหันไปมองกลุ่มสุภาพบุรุษที่ยืนอยู่ด้านหลัง “นั่นคือเพื่อนคุณ?”

                “ใช่ เรามากันทั้งหมดเก้าคน” กอร์ดอนว่า ก่อนจะพูดต่อ “หาที่ให้เราได้ไหม คุณแมคคาธี ไม่อย่างนั้นผมอาจจะต้องพาพวกเขากลับ”

                “ใจเย็นๆ สิคนสวย” แมคคาธีว่า ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปหาลอร์ดโทรว์บริดจ์ เขาเงยหน้าขึ้นมองเอิร์ลหนุ่ม

                “สายัณห์สวัสดิ์ คุณสุภาพบุรุษ หน้าคุณดูคุ้นๆ นะ เคยลงหนังสือพิมพ์บ้างมั้ย?”

                “ผมเป็นนักรักบี้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบห้วนๆ แมคคาธีพยักหน้า

                “ผมน่าจะรู้ตั้งแต่เห็นคุณโยนคนข้ามไม้กั้นได้แล้ว” เขาเงยมองฝ่ายนั้น แล้วยิ้ม “แววตาคุณดีนะ ชื่ออะไรล่ะ?”

                “อย่างคุณไม่ต้องรู้ชื่อผมหรอก”

                “ไม่เอาน่า...” อีกฝ่ายว่า “คุณมากับคุณเทวดาแห่งถนนบรอมพ์ตันนะ ทำตัวให้รู้กาลเทศะหน่อยสิ ที่นี่เป็นที่ของผมนะ คุณควรจะให้เกียรติผมหน่อย อย่างน้อยๆ ก็มารยาท...”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้าเขาด้วยสายตาไม่พอใจ “จอห์น ผมชื่อจอห์น”

                “แค่นั้น? ไม่บอกนามสกุลสินะ เอาเถอะๆ” แมคคาธีผงกศีรษะถี่ๆ “ผมแมคคาธี ยินดีที่ได้รู้จักคุณนะจอห์น”

                เขายื่นมือที่เต็มไปด้วยแหวนเพชรออกมา แต่ลอร์ดโทรว์บริดจ์กลับยืนนิ่ง เจ้าตัวจึงชักมือกลับ ก่อนจะพูดต่อ “เอาล่ะ ผมเห็นแล้วว่าคุณคงไม่อยากจะมีมารยาทสักเท่าไหร่”

                “คุณควรจะคืนตัวกอร์ดอนมา ผมจะได้กลับ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดต่อ “ผมจะไม่ทนอยู่ที่นี่อีกแม้แต่นาทีเดียว”

                “อ้าวๆ แล้วกัน” แมคคาธีร้อง “ตะกี้คุณเทวดาเพิ่งบอกผมว่าคุณอยากมาดูมวยที่นี่ แต่พอผมจะเดินมาถามคุณก็จะกลับเสียล่ะ ลานต่อสู้ของผมมีอะไรไม่น่าพอใจหรือ?”

                “ทุกอย่าง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “คืนตัวกอร์ดอนมาให้ผมได้แล้ว”

                “ไม่ๆ” อีกฝ่ายสั่นศีรษะ “เทวดาไม่เคยเป็นของใคร และเขาก็ไม่ใช่ของผม จะให้ผมคืนคุณยังไง”

                “หยุดเล่นลิ้นเสียที!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตวาด “แล้วคืนคนมาให้ผม”

                ชายร่างเล็กคนหนึ่งวิ่งเข้ามากระซิบบางอย่างที่ข้างหูของแมคคาธี เขาเบิ่งตาสีเทากว้าง ก่อนจะเหลือบมองลอร์ดโทรว์บริดจ์ ก่อนจะพยักหน้าซ้ำๆ พอผู้ชายคนนั้นผละออกไป เขาก็หันมาพูดกับเอิร์ลหนุ่มอีกครั้ง

                “คืนนี้คุณโอเดนเบิร์กจะไม่ไปไหนทั้งนั้น” เขาพูด แล้วคลี่ยิ้มชั่วร้าย “จนกว่าคุณจะยอมลงไปยืนกลางวงนั่น” เขาชี้มือไปยังลานต่อสู้ แล้วพูดต่อ “คุณก่อเรื่องวุ่นวายทำผมเสียรายได้นะจอห์น ทำไมไม่คิดจะชดเชยให้ผมสักหน่อยล่ะ?”

                “ไม่มีเหตุผลที่ผมจะต้องชดเชยอะไร” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า แมคคาธีทำหน้าผิดหวัง เขาลดเสียงลง

                “ไม่เอาน่า... คุณอย่าพูดจาตัดรอนย่างอนั้นสิ หรืออยากให้ผมประกาศว่าคุณเป็นใคร ผมว่าคุณคงไม่อยากให้คนเอาไปพูดต่อจนถึงหูท่านมาร์ควิสหรอกนะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์โกรธจนหน้าแดงก่ำ ขณะที่โอลิเวอร์ถลันเข้ามา “แก! แมคคาธี!”

                ชายร่างเล็กชักปืนออกมาแล้วจ่อไปที่โอลิเวอร์ “อย่ามีปัญหาน่า... แกเป็นแค่คนรับใช้...”

                โอลิเวอร์ชะงักเท้า เขาโมโหจนตัวสั่น ขณะที่คนอื่นๆ พากันหน้าถอดสี กอร์ดอนรีบพรวดพราดเข้ามา “ทำอะไรน่ะคุณ...”

                “อย่า คุณโอเดนเบิร์ก!” แมคคาธีตวาด ก่อนจะลดเสียงลง “อย่าเข้ามาใกล้มากกว่านี้ ไม่งั้นผมไม่รับรองความปลอดภัย”

                กอร์ดอนชะงักกึก เขามองโอลิเวอร์ ก่อนจะหันไปมองลอร์ดโทรว์บริดจ์ แล้วหันมามองแมคคาธีอีกครั้ง

                “ได้โปรด คุณแมคคาธี อย่าทำแบบนี้เลย คุณก็รู้ว่านี่มันเป็นเรื่องเล็กน้อย”

                “คนตัดสินเรื่องนี้ไม่ใช่คุณ คนสวย” แมคคาธีว่า ก่อนจะหันไปสั่งลูกน้อง “พาคุณโอเดนเบิร์กไปนั่งที่นั่งของเขา วันนี้เขาคือแขกพิเศษของฉัน อย่าทำเขาเจ็บตัวถ้าไม่จำเป็น”

                “แมคคาธี!” กอร์ดอนตะโกน ก่อนจะถูกชายฉกรรจ์สามคนลากตัวไป แมคคาธีหันมาหาลอร์ดโทรว์บริดจ์

                “ตาคุณแล้วจอห์น ถ้าคุณเดินเข้าไปในวงนั่น แล้วต่อสู้จนผมพอใจ ผมให้คุณโอเดนเบิร์กกลับกับคุณ แต่ถ้าไม่ คุณก็เชิญกลับไปได้ แต่ต้องทิ้งเขาไว้ ไม่ต้องห่วงนะ เขาเคยมาแล้ว รับรองผมจะเอ็นดูเป็นอย่างดี”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์โกรธจนไม่รู้จะโกรธยังไง เขาเค้นเสียงออกมาอย่างยากลำบาก “แกอยากได้เท่าไหร่... ค่าเสียหายที่แกว่า”

                แมคคาธีสั่นศีรษะ “ไม่ๆ การให้เจ้าของที่ดินแบบพวกคุณจ่ายเงินมันง่าย ง่ายจนน่าเบื่อ ผมต้องการที่ยากกว่านั้น คุณต้องลงไปที่ลานนั่น ไม่ก็กลับไปโดยทิ้งคุณโอเดนเบิร์กไว้... เขาเป็นผู้ชาย คุณไม่เห็นจะต้องเดือดร้อนอะไรเลย”

                “เขาเป็นเพื่อนฉัน!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตะคอก ก่อนจะเค้นเสียงต่อ “ได้ แมคคาธี ในเมื่อแกกล้าท้าทายฉันแบบนี้ ฉันจะสนองให้”

                “จอห์นนี่...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ขยับมาขวางเขาเอาไว้ “นายไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้ ฉันไปแทนนายก็ได้”

                “ขอบใจแมกซ์” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “แต่แมคคาธีต้องการให้เป็นฉัน และเขาก็พยายามจนฉันต้องการสนองความต้องการของเขาจนตัวสั่น”


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
                “นายน้อย...” โอลิเวอร์คราง เขาทั้งโมโหและเจ็บใจตัวเองสิ้นดีที่ไม่มีปัญญาทำอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขา ก่อนจะมองปืนในมือของชายร่างเล็ก

                “เอาปืนลงได้แล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่ง “ถ้าแกอยากเห็นฉันสู้ในสนามของแก ฉันจะให้แกได้เห็นเดี๋ยวนี้”

                แมคคาธีเสศีรษะไปทางลานต่อสู้ “ลงไปก่อนสิจอห์น... แล้วผมจะเอาปืนลง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เหลือบตามองแมคคาธีอีกครั้ง ก่อนจะถอดเสื้อที่สวมอยู่ออกจนเหลือแต่เสื้อเชิ้ตตัวใน แล้วก้าวเท้าเข้าไปในลานต่อสู้ที่โรยเอาไว้ด้วยดินและล้อมด้วยคอกไม้ แมคคาธีรอจนเอิร์ลหนุ่มหยุดเดิน เขาจึงลดปืนลง และหันไปสั่งลูกน้อง

                “เชิญท่านสุภาพบุรุษพวกนี้ไปนั่งที่นั่งดีๆ หน่อย ฉันอยากให้แน่ใจว่าพวกเขาจะได้รับความสบายที่สุดระหว่างดูเพื่อนของพวกเขาต่อสู้”

                “แมคคาธี เรื่องนี้รับรองว่าไม่จบง่ายๆ แน่!” ลอร์ดครอฟตันตะโกน “แกจะต้องรับผิดชอบ”

                “พาพวกเขาไป” แมคคาธีพูดพลางโบกมือ ชายฉกรรจ์นับสิบเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังพวกเขา และพาทั้งหมดไปนั่งตรงคอกกั้นที่อยู่ด้านในสุดของห้องโถง

                “ฉันจะไม่มีวันให้อภัยพวกแก!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดด้วยความโกรธแค้น เจฟฟรีหันไปปลอบเขา “ใจเย็นๆ น่าจอร์จจี้ ตอนนี้พวกเราไม่มีทางเลือก”

                “เจฟพูดถูก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ตอนนี้เราไม่มีทางเลือก เราอยู่ในถิ่นของแมคคาธี เรามีแต่จะต้องเล่นตามเกมเขา”

                “แต่จอห์นนี่อยู่ตรงนั้น” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า เขามองไปยังเพื่อนที่ยืนอยู่กลางสนาม “เขาไม่ใช่คนที่เกิดมาเพื่อทำอะไรแบบนี้ ให้ตายเถอะ แมคคาธีไม่รู้หรอกว่าเขาต้องจ่ายยิ่งกว่าชีวิต ถ้าจอห์นนี่เป็นอะไรไป”

                “ฉันว่าแมคคาธีฉลาดพอที่จะไม่ปล่อยให้จอห์นนี่เป็นอะไรไปมากกว่าแผลแตก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูด “ที่เขาต้องการคือการได้อยู่เหนือกว่าคนที่ปกติแล้วเขาไม่ทางแม้แต่จะได้แตะมือ ฉันแน่ใจว่าพอถึงจุดหนึ่งเขาจะปล่อยพวกเราไป”

                “รับรองว่าหลังจากนี้เขาจะต้องชดใช้อย่างสาสมแน่” ลอร์ดครอฟตันเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ฉันจะไม่ให้เขาได้ชูคอสั้นๆ ของเขาอีก”

                โอลิเวอร์เป็นกังวลจนต้องผุดลุกผุดนั่ง “ผมน่าจะยอมให้เขายิง บ้าเอ๊ย!”

                “อย่าโง่ไปหน่อยเลยน่า!” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เอ็ด “แกมีชีวิตอยู่นี่แหละดีแล้ว โอลิเวอร์ จอห์นนี่ไม่เป็นอะไรหรอก เชื่อฉันเถอะ เพราะถ้าเขาเป็นอะไร แมคคาธีจะไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ในวันพรุ่งนี้แน่นอน” ดวงตาสีฟ้าซีดของลอร์ดหนุ่มทอประกายประหลาด เขากำหัวไม้เท้าในมือแน่น “สาบานด้วยเกียรติของฉันเลย”

----------------------------------------

                “เอาล่ะ เพื่อนๆ ทั้งหลาย” แมคคาธีปีนขึ้นไปบนแท่นไม้เล็กๆ ที่ต่อไว้สำหรับเขาโดยเฉพาะ แล้วตะโกนเสียงดังจนคนในโถงหันมาฟังเขา “ผมมีนักสู้คนใหม่จะนำเสนอต่อพวกคุณ รับรองว่าต้องเป็นคู่ที่สมน้ำสมเนื้อกับไซคลอปของเราอย่างไม่ต้องสงสัย”

                คนดูส่งเสียงเซ็งแซ่ “จะให้ไซคลอปลงหรือ แกจะกินเงินของเราอีกหรือ แมคคาธี”

                แมคคาธีหัวเราอย่างอารมณ์ดี “ไม่ต้องห่วงไป ผมไม่เอาเปรียบพวกคุณแบบนั้นหรอก ก่อนที่ไซคลอปจะลง เราจะให้คนอื่นลงมาปะทะฝีมือกับเขาก่อน คุณเห็นฝีมือเขาแล้วค่อยแทงยังไม่สาย”

                “หยุดขี้โม้แล้วชกต่อทีเถอะน่า” ใครคนหนึ่งตะโกน ตามด้วยเสียงสนับสนุนมากมาย “ใช่ ชกสักทีเถอะ เราไม่ได้มานั่งฟังแกพล่ามนะ”

                แมคคาธีหัวเราะอีกครั้ง ก่อนจะตะโกนต่อ “ส่งไอ้ขายาวลงมา”

                ผู้ชายรูปร่างผอมสูงยิ่งกว่าลอร์ดจอร์จ เฟลตันเดินอาดๆ เข้ามาในลานต่อสู้ เขาสวมแค่กางเกงขายาวเก่าๆ หลวมๆ อย่างที่คนงานสวมตัวหนึ่ง ใบหน้าซูบ ดวงตาโหลลึก หนวดเครารกรุงรัง ชายคนนั้นจ้องมาที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์แล้วแสยะยิ้ม

                “กติกาง่ายมากจอห์น” แมคคาธีตะโกน “แค่ทำให้อีกฝ่ายออกจากคอกนี้ได้ หรือเขาไม่ลุกขึ้นมาอีก คุณก็จะได้ชัยชนะไป เอาล่ะ ขอให้คุณโชคดีสำหรับคืนนี้นะ”

                เขาพูดจบก็โค้งครั้งหนึ่ง ก่อนจะเดินลงไปนั่งเก้าอี้ที่เตรียมไว้ข้างสนาม ติดกับเก้าอี้ที่กอร์ดอนถูกบังคับให้มานั่งอยู่ก่อน

                “แมคคาธี คุณเป็นบ้าไปแล้ว!” กอร์ดอนโพล่ง “คุณรู้มั้ยเขาเป็นใคร?”

                แมคคาธีพยักหน้า “รู้สิ ผมตกใจเหมือนกันตอนที่เด็กๆ มาบอกว่ารถม้าของใครจอดอยู่ที่ถนนใหญ่” เขาหัวเราะ “ได้ยินมานานแล้วว่าลอร์ดโทรว์บริดจ์เป็นคนประหลาด ที่จริงผมตะหงิดๆ ตั้งแต่เห็นหน้าเขาแล้ว โชคดีที่ผมอ่านหนังสือพิมพ์ทุกวัน”

                กอร์ดอนเขม่นมองฝ่ายนั้น “เขาจะไม่ปล่อยให้คุณลอยนวลแน่ คุณนี่บ้าจริงๆ”

                “ฮ่าๆ” แมคคาธีหัวเราะชอบใจ “ผมรู้ว่าทำอะไรน่า คุณโอเดนเบิร์ก ลอร์ดบาธมีอิทธิพลไม่ธรรมดา ทั้งในสภาสูงและกองทหาร เพื่อนๆ ของเขาก็คงเป็นลูกขุนนางใหญ่พอกัน แต่พวกเขาแอบมาที่นี่ ผมพูดถูกมั้ย?”

                “.....”

                “เพราะฉะนั้นพวกเขาจะไม่ยอมเล่าเรื่องนี้ให้บรรดาพ่อๆ ผู้ทรงอิทธิพลของพวกเขารู้เป็นอันขาด เพราะคนแรกที่จะโดนเล่นงานคือตัวของหนุ่มๆ พวกนั้นแหละ ผมไม่รู้หรอกนะว่าในครอบครัวชนชั้นสูงเขาลงโทษกันแบบไหนบ้าง แต่คงไม่มีท่านมาร์ควิสคนไหนภูมิใจที่ลูกชายแอบมาที่บ่อนเถื่อนแบบนี้หรอก”

                เขาเว้นจังหวะนิดหน่อย แล้วยิ้มเอาใจ “แต่คุณไม่ต้องกังวลหรอกนะ ลอร์ดโทรว์บริดจ์จะไม่เป็นอะไรมากไปกว่าแผลแตก ลอร์ดบาธอาจอับอายที่ลูกชายเขาแอบมาที่บ่อน แต่เขาจะต้องฆ่าผมแน่ ถ้าลูกชายเขาเกิดเป็นอะไรไป เพราะฉะนั้นคุณวางใจได้ ผมไม่โง่ขนาดจะเอาคอตัวเองไปเสี่ยงแบบนั้น”

                “แล้วคุณทำแบบนี้ทำไม?” กอร์ดอนถามด้วยความหงุดหงิด “พวกเขาไม่ได้ทำอะไรคุณเลย แค่เรื่องชกต่อยแบบนั้นมันมีทุกวันที่บ่อนคุณอยู่แล้ว”

                “คุณไม่เข้าใจหรือ?” แมคคาธีเลิกคิ้วมองเขาด้วยท่าทางแปลกใจเป็นที่สุด “จะหามีโอกาสไหนดีไปกว่าโอกาสนี้อีกแล้ว วันที่คนธรรมดาอย่างเราจะได้เป็นจ้าวเหนือคนพวกนั้น... หรือเพราะคุณเป็นเพื่อนกับพวกเขาเลยไม่รู้สึกอะไร? ไม่เอาน่า คุณต้องรู้สึกบ้างสิ ว่าพวกเขามันเอาเปรียบ ทำไมเขาถึงได้เป็นเจ้าของทุกอย่างตั้งแต่เกิด ทั้งๆ ที่พวกเราก็มีมือมีเท้าเหมือนกัน”

                กอร์ดอนสั่นศีรษะ “พระเจ้าไม่เคยเอาเปรียบ” ช่างตัดเสื้อว่า “พวกเขาเองก็ต้องเจอเรื่องน่าลำบากในชีวิตแบบนั้นเหมือนกัน”

                แมคคาธีมองเขาอยู่เป็นนาน ก่อนจะหัวเราะออกมา “คุณนี่เทวดาจริงๆ”

                กอร์ดอนทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดนั้น เขาหันไปมองลอร์ดโทรว์บริดจ์ด้วยความหวั่นใจ

--------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองไปยังคู่ต่อสู้ของเขาที่ถูกเรียกว่าไอ้ขายาว เขาได้กลิ่นเหม็นสาบโชยมาตั้งแต่ฝ่ายนั้นก้าวเท้าลงมาในลานดิน เอิร์ลหนุ่มเตรียมพร้อม เขาไม่มีทางเลือกใดอีกนอกจากเอาชนะคู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้า

                ไอ้ขายาวขายาวสมชื่อ เขาเดินแสยะยิ้มเข้ามา แต่ละก้าวดูยาวจนน่ากลัว เสียงตะโกนเชียร์ดังลั่นสนาม ลอร์ดโทรว์บริดจ์นับในใจ

                หนึ่ง... สอง... สาม...

                โครม!

                คนดูบางคนไม่ทันได้ขยับหลบด้วยซ้ำ ตอนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์กระแทกไอ้ขายาวหงายหลังล้มออกไปนอกคอกกั้น ลอร์ดจอร์จ เฟลตันอุทาน  “พระเจ้า! พวกนายเห็นนั่นมั้ย!! เขาเป็นนักรักบี้ตัวจริง!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตะโกนเชียร์เพื่อนของเขา “จอห์นนี่ พระเจ้าอยู่ข้างนาย ไชโย!”

                เพื่อนๆ รีบส่งเสียงตาม ไอ้ขายาวตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้น พยายามปีนกลับเข้ามาใหม่

                “ทำไมถึงไม่มีใครห้ามเขา” กอร์ดอนร้อง “ไหนว่าแค่คู่ต่อสู้ออกนอกสนามก็ชนะแล้วไง”

                จังหวะนั้นเองลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็เสยหมัดเข้าเต็มปลายคางของคู่ต่อสู้ ส่งไอ้ขายาวลงไปนอนแผ่แบบไม่ต้องลุกขึ้นมาอีก

                แมคคาธียักไหล่ “เขาชนะ”

                เสียงตะโกนด้วยความดีใจดังลั่นมาจากฝั่งเพื่อนๆ ของลอร์ดโทรว์บริดจ์ กอร์ดอนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ก็อดกังวลไม่ได้อยู่ดี

                “คุณไม่ต้องส่งไซคลอปลงมาหรอก มันอันตรายเกินไป”

                “ผมบอกแล้วว่าคุณไม่ใช่คนตัดสินใจที่นี่” แมคคาธีว่า ก่อนจะหันไปสั่งลูกน้อง “ให้บอมเมอร์ลงมา แล้วเอาไอ้ขายาวไปเก็บด้วย ทิ้งมันไว้นานฉันยิ่งเสียหน้า”

                ไม่นานนักไอ้ขายาวก็ถูกลากออกไป คู่ต่อสู้คนใหม่ของลอร์ดโทรว์บริดจ์เป็นชายร่างเตี้ย เขาเตี้ยเป็นครึ่งหนึ่งของลอร์ดโทรว์บริดจ์ แต่กลับรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ พอเข้ามาในสนาม เขาก็พุ่งเข้ากระแทกชายโครงของคู่ต่อสู้ทันที เสียงคนดูตะโกนดังลั่น ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถูกอัดกระแทกเข้ากับคอกกั้นเสียงดังโครม

                “โอ๊ย ฉันเจ็บแทน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันคราง

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขบกรามกรอด เขาเอื้อมมือไปคว้าขอบกางเกงของคู่ต่อสู้ ก่อนจะออกแรงยกจนขาของอีกฝ่ายลอยขึ้นจากพื้น แล้วดันบอมเมอร์ไปกระแทกกับขอบกั้นสนามอีกข้างหนึ่ง

                “ไม่มีใครเข้าชนได้ดุเท่าเขาอีกแล้ว” ลอร์ดครอฟตันตะโกน “จัดการมันเลยจอห์นนี่!”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์จับบอมเมอร์กระแทกกับขอบกั้นคนดูแล้วก็กดฝ่ายนั้นลงกับพื้น ก่อนจะจับล็อกจนอีกฝ่ายได้แต่เอามือทุบพื้น

                “แย่จริงที่ไม่มีกรรมการนับ” เจฟฟรีบ่นออกมา “เขาควรจะชนะได้ตั้งนานแล้ว”

                เอิร์ลหนุ่มล็อกจนคู่ต่อสู้แน่นิ่ง จึงค่อยลุกขึ้นมา เขาหันมายักไหล่ให้แมคคาธี

                “ท่านเอิร์ลนี่ร้ายไม่ธรรมดา” แมคคาธีพูด ก่อนจะหันไปสั่งลูกน้อง “ไปเอาตัวบอมเมอร์ออกมา ดูด้วยว่ามันยังหายใจอยู่รึเปล่า แล้วเอาไซคลอปลงมาเลย ฉันเบื่อจะดูหน้าเขาเต็มที”

                ไซคลอปเดินลงสนามมาหลังจากนั้น คนดูต่างพากันตะโกนเสียงลั่น ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ครางออกมา

                “พระเจ้าช่วย นั่นคนหรือยักษ์?”

                “ยังไม่มีใครคว่ำไซคลอปได้มาก่อนเลย” โอลิเวอร์คร่ำครวญ “นายน้อยของผม...”

                “ฉันเชื่อว่าพระเจ้าต้องอยู่ข้างจอห์นนี่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ลอร์ดครอฟตันเห็นด้วย

                “ใช่ ฉันก็คิดแบบนาย” จากนั้นเขาก็ตะโกนเรียกเด็กเดินโพย เจฟฟรีร้องขึ้น

                “เอ็ดดี้ เวลาแบบนี้นายยังมีแก่ใจจะเล่นพนันอีกหรือ?”

                “ฉันก็ไม่อยากได้เงินโสโครกของแมคคาธีนักหรอก แต่อยากลองเดิมพันข้างจอห์นนี่ดู” ลอร์ดครอฟตันว่า เพื่อนๆ มองเขาเป็นตาเดียว ก่อนที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จะพูดขึ้น “ฉันแทงด้วย”

                “โอ๊ย ให้ตาย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันคราง “เชิญพวกนายตามสบายเถอะ ฉันไม่มีอารมณ์”

                ลอร์ดครอฟตันกับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จึงแทงพนันกันแค่สองคน

------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถึงกับต้องแหงนมองคู่ต่อสู้ของเขา และนึกสงสัยไม่ต่างจากลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ อีกฝ่ายสูงกว่าสองเมตร ร่างกายกำยำล่ำสัน ไม่แปลกเลยถ้าจะถูกเรียกว่าไซคลอป เขาสวมเสื้อเก่าๆ ที่ถูกฉีกแขนออก และกางเกงขายาวที่ปลายขาหลุดลุ่ย ฝ่ายนั้นเดินก้าวหนักๆ เข้ามา แล้วยื่นมือตบเข้าที่บ้องหูของคู่ต่อสู้ ลอร์ดโทรว์บริดจ์เบี่ยงหลบตามสัญชาตญาณ มือข้างนั้นเลยเฉี่ยวหูเขาไปเพียงเล็กน้อย ชายหนุ่มตระหนักได้ทันทีว่าหากโดนเข้าไปเต็มๆ เขาคงล้มทั้งยืนอย่างไม่ต้องสงสัย

                เสียงโห่ฮาดังขึ้นรอบตัว บางคนตะโกนเชียร์เขา บางคนตะโกนเชียร์ฝ่ายตรงข้าม เด็กเดินโพยวิ่งวุ่น ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบขยับมาหาพื้นที่ยืน แล้วอาศัยจังหวะชะงักหลังออกท่า ปล่อยหมัดฮุกซ้ายเข้าที่ชายโครงของคู่ต่อสู้ ไซคลอปชะงักไปแว้บหนึ่ง ก่อนจะสวนเขาด้วยหมัดฮุกขวาเข้าที่สันกรามด้านซ้าย ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถึงกับเซไปชนเอาขอบกั้นคนดูเสียงดังโครม ขณะที่เอิร์ลหนุ่มพยายามตะกายขึ้นมาโดยอาศัยขอบกั้นเป็นที่ช่วยพยุง หมัดฮุกอีกหมัดก็พุ่งเข้าใส่ชายโครงของเขา ส่งชายหนุ่มลงไปนอนกองกับพื้นทันที

                “โอ๊ย ฉันไม่อยากดูแล้ว” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยกมือขึ้นปิดตา “ใครก็ได้หยุดการต่อสู้บ้าๆ นี่ที”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กำไม้เท้าแน่น ขณะมองลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่พยายามพยุงตัวขึ้นมา

                กอร์ดอนหน้าซีด เขาหันไปหาแมคคาธี “คุณหยุดเถอะ เขาไม่ใช่กระสอบทรายนะ”

                “ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะเลย” แมคคาธีว่า ก่อนจะหลิ่วตามองช่างตัดเสื้อ “อีกอย่าง ผมชอบมองหน้าคุณเวลาลุ้นอะไรแบบนี้ มันดูตื่นเต้นดี”

                กอร์ดอนถลึงตาใส่ฝ่ายนั้น เขาผุดลุกขึ้น แต่ถูกชายฉกรรจ์ที่ยืนขนาบข้างกดให้นั่งลง

                “นั่งดูต่ออีกหน่อยจะเป็นอะไรไป คุณเทวดา” แมคคาธีว่า “เขาไม่ตายหรอกน่า”

---------------------------------------

                ในที่สุดลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ลุกขึ้นจากพื้นได้สำเร็จ เขาเอนหลังพิงคอกกั้นคนดู แล้วยกมือข้างหนึ่งขึ้นมา

                “เดี๋ยวนะ...” เอิร์ลหนุ่มยกมือห้ามพลางหอบ “ขอฉันตั้งตัวหน่อย”

                ไซคลอปยักไหล่ แล้วพุ่งหมัดใส่เขาอีกครั้ง ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกแขนข้างหนึ่งขึ้นมากันไว้ แรงของอีกฝ่ายบวกกับความเจ็บปวดจากหมัดก่อนหน้าทำให้เขาล้มลงกองกับพื้นอีกครั้ง ชายหนุ่มพยายามกลิ้งหนีไปรอบๆ คนดูส่งเสียงโห่ดังลั่น ขณะที่ไซคลอปตามไล่เหยียบเขาเหมือนเหยียบแมลง

                แมคคาธีหัวเราะชอบใจ ขณะที่กอร์ดอนเครียดจนเหงื่อออกโทรมหน้า เขายกมือขึ้นกุมไว้ พลางภาวนาต่อพระเจ้าให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ปลอดภัย

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทั้งกลิ้งทั้งคลานเพื่อหาจังหวะตั้งหลัก พื้นที่โรยด้วยดินทำให้เขาไม่เจ็บมากนักเมื่อทำแบบนั้น ในที่สุดชายหนุ่มก็หาจังหวะลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง เขาหันหน้าเผชิญกับคู่ต่อสู้ ใช้ขาข้างหนึ่งยันกับแผงกันคนดูเอาไว้ ก่อนจะพุ่งตัวไปด้านหน้า กระแทกไหล่เข้าใส่ส่วนท้องของฝ่ายตรงข้าม ส่งผลให้ไซคลอปกระเด็นไปชนขอบกั้นคนดูเสียงดังโครม เอิร์ลหนุ่มไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอย เขาปล่อยหมัดอัปเปอร์คัทซ้ำเข้าใส่ช่วงท้องของคู่ต่อสู้อีกหลายหมัด จนไซคลอปเซไปพิงกับขอบกั้นคนดู

                “จอร์จ นายหยุดปิดตาได้แล้ว” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สะกิดเพื่อน “จอห์นนี่สวนคืนแล้ว”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยกมือออกจากหน้าของตัวเอง “โอย... แม็กซ์ ฉันต้องหัวใจวายตายแน่ เมื่อไหร่การต่อสู้บ้าๆ นี่จะจบสักที”

                “นายน้อย ตัดลำตัวไปเยอะๆ เลยครับ” โอลิเวอร์ตะโกน “เน้นที่ชายโครงเขา”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ค่อยหายใจคล่องขึ้นหน่อย เขาเริ่มเต้นฟุตเวิร์คไปรอบๆ ลานต่อสู้ ขณะที่ไซคลอปพยายามเดินเข้ามาและโถมหมัดเข้าใส่เขาอีกครั้ง คราวนี้เอิร์ลหนุ่มขยับหลบได้ทันท่วงที และสวนหมัดฮุกเข้าที่ชายโครงของคู่ต่อสู้ ก่อนจะเต้นหนีไปอีกครั้ง

                “อย่างนั้นแหละจอห์นนี่” ลอร์ดครอฟตันตะโกน “เริ่มเข้าทางแล้ว”

                ไซคลอปเริ่มงุ่นง่าน เขาพยายามชกหมัดใส่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ แต่อีกฝ่ายโยกหลบได้ และปล่อยหมัดแยบใส่ลำตัวของเขาอีก เสียงคนดูตะโกนลั่น

                “เล่นมันซี่ ไอ้ยักษ์ ชักช้าอะไรอยู่”

                “อย่าปล่อยให้มันตั้งตัวนะ!” เจฟฟรีตะโกน “นายต้องสอยมันให้ร่วงเลยจอห์นนี่”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทั้งโยกหลบทั้งยกมือการ์ดหมัดที่คู่ต่อสู้ของเขาประเคนมาใส่สลับกันไป และอาศัยจังหวะโต้กลับ ปล่อยหมัดใส่ชายโครงของไซคลอปอีกหลายหมัด จนการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามเริ่มช้าลงเรื่อยๆ เสียงเชียร์เริ่มกลายเป็นเสียงโห่ ลอร์ดครอฟตันหัวเราะด้วยความสะใจ

                “คอยดูนะ ถ้าไอ้ยักษ์นั่นล้มเมื่อไหร่ ฉันจะสมน้ำหน้าพวกที่ถือข้างมัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เหงื่อออกท่วมตัว แต่เขาดูคล่องขึ้นกว่าตอนเริ่มแรกมาก ฟุตเวิร์คและการออกหมัดเป็นไปอย่างธรรมชาติมากขึ้น ยิ่งไซคลอปเคลื่อนไหวช้าลงเท่าไหร่ ก็ยิ่งถูกหมัดสวนตัดลำตัวเข้าไปมากเท่านั้น จนเจ้าตัวลงไปนอนกองกับพื้น

                “โอ๊ย ใครก็ได้นับที” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้อง “นับให้ครบสิบแล้วพวกเราจะได้กลับบ้านกัน”

                แต่เวทีนี้ไม่มีกรรมการ และยิ่งไม่มีกติกา ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์รอให้คู่ต่อสู้ของเขาลุกขึ้นจากพื้นอย่างที่สุภาพบุรุษอย่างเขาควรจะทำ ไซคลอปก็คว้าดินบนพื้นปาใส่หน้าเขา ก่อนจะอาศัยจังหวะที่เอิร์ลหนุ่มชะงัก กระแทกไหล่เข้าใส่ท้องของเขาเต็มแรง ร่างของทั้งคู่กระแทกเข้ากับขอบกั้นคนดูเสียงดังสนั่น กอร์ดอนตะโกนออกมา

                “จอห์น!!”

                “ขี้โกง!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตะโกนด่า เขาเกือบจะพรวดพราดกระโดดออกไปแล้วถ้าอเล็กซ์ไม่กดไหล่เอาไว้

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์จุกจนลมหายใจชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง โชคดีที่ไซคลอปเองก็จุกไม่แพ้กัน เพราะโดนนวดลำตัวไปหลายหมัด ทั้งคู่เลยหยุดอยู่ในท่านั้นอึดใจใหญ่ๆ ก่อนที่ลอร์ดโทรว์บริดจะพยายามผลักร่างของอีกฝ่ายออก ไม่นานทั้งคู่ก็เริ่มยื้อยุดและล้มกลิ้งลงไปปล้ำกันบนพื้น ต่างฝ่ายต่างพยายามจะจับล็อกอีกฝ่าย การต่อสู้นัวเนียจนแยกไม่ออกว่าใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบ

                “ชายโครงครับ” โอลิเวอร์ตะโกน “คุณต้องซ้ำที่ชายโครงเขา”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยายามจะกระแทกศอกเข้าใส่ชายโครงของฝ่ายตรงข้าม แต่ก็ทำได้ยากลำบากเต็มทีในสถานการณ์แบบนั้น หลังจากปล้ำกันอยู่นาน ในที่สุดไซคลอปก็สลัดลอร์ดโทรวบริดจ์ออกไปได้สำเร็จ เขาผลักเอิร์ลหนุ่มจนกระเด็นไปชนขอบกั้นคนดูอีกครั้ง ก่อนจะถอยไปตั้งหลัก พยุงตัวลุกขึ้นยืนแล้วโถมเข้าใส่คู่ต่อสู้โดยไม่ปล่อยโอกาสให้ตั้งตัว เสียงเฮดังลั่น

                พลั่ก!

                ร่างของไซคลอปผงะถอยหลัง จมูกของเขาเสียรูปและมีเลือดไหลอาบ เจ้าตัวเซถอยหลังไปหลายก้าว ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์สะบัดศีรษะไล่ความงุนงงจากการใช้มันกระแทกเข้าที่ดั้งจมูกของคู่ต่อสู้ ก่อนจะลากเท้ามายืนตรงหน้าไซคลอป แล้วเสยหมัดอัปเปอร์คัทเข้าใส่ปลายคางฝ่ายนั้นเต็มแรง ส่งชายร่างยักษ์ลงไปนอนแน่นิ่งบนพื้นไม่ไหวติง


ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
                “วู้ว!! จอห์นนี่ชนะแล้ว” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันตะโกนและกระโดดกอดลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ “จอห์นนี่ของเราทำได้!”

                “นายยอดที่สุด!” เจฟฟรีตะโกน

                “พระเจ้าอยู่กับนาย!” ลอร์ดครอฟตันตะโกนแข่ง ก่อนจะกู่ร้องเสียงยาวด้วยความสะใจ

                เสียงคนดูดังอื้ออึง คนที่แทงพนันถูกข้างกระโดดจนตัวลอย เพราะอัตราต่อรองของลอร์ดโทรว์บริดจ์นั้นเป็นรองมาก แมคคาธีหัวเราะในคอ

                “หึๆ เขาเหนือกว่าที่ผมคิดไว้จริงๆ แต่ไม่เป็นไร งานนี้ยังไงผมก็กำไรอื้อ” ชายร่างเล็กกระโดดลงจากเก้าอี้ ขณะที่เด็กเดินโพยวิ่งกันวุ่นวายเพื่อเก็บเงินและจ่ายเงิน

                “การต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นในคืนนี้จบลงแล้ว” เขาปีนขึ้นไปยืนประกาศบนแท่นไม้อีกครั้ง “ผมหวังว่าทุกท่านคงจะมีความสุข ใครชนะเชิญเอาใบโพยไปขึ้นเงินที่โต๊ะด้านขวา ส่วนใครเสียกรุณาไปจ่ายเงินที่โต๊ะด้านซ้าย ผมหวังว่าทุกท่านจะเข้าใจกติกานี้ดี แน่นอนว่าแมคคาธีจะไม่เบี้ยวแม้แต่เพนนีเดียว”

                “ให้ตาย ฉันต้องเดินไปขึ้นเงินหรือ? ไม่มีทาง” ลอร์ดครอฟตันว่า “พวกเขาต้องเอามาให้ฉันที่นี่”

                “ไม่ นายต้องขึ้นเงินเดี๋ยวนี้” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ก่อนจะพูดต่อ “เอาโพยมาให้ฉัน”

                ลอร์ดครอฟตันส่งโพยให้เขาอย่างไม่เข้าใจ “นายจะเสียศักดิ์ศรีไปต่อคิวรับเงินสกปรกนั่นหรือ?”

                “ไม่ใช่ฉัน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “แต่ยังไงเราก็ต้องการเงินทั้งหมดที่ชนะพนัน ตอนนี้ เดี๋ยวนี้เลย”

                เขาหันไปหาโอลิเวอร์ “ไปขึ้นเงินมา ให้เร็ว แมคคาธีจะไม่มีทางนอนหลับอย่างมีความสุขได้ในคืนนี้ สาบานเลย”

                โอลิเวอร์รับโพยแล้วรีบกระโดดออกไปจากคอกกั้นทันที แน่นอนว่าคราวนี้ไม่มีใครห้ามเขา

----------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยังคงยืนอยู่ในลาน เขาเช็ดหน้าด้วยแขนเสื้อ เพราะผ้าเช็ดหน้าของเขาอยู่ในเสื้อกั๊กซึ่งถอดออกไปแล้ว ก่อนจะหันมาทางแมคคาธี

                “ส่วนแบ่งของผมล่ะ?”

                แมคคาธีเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ “คุณถามถึงส่วนแบ่งหรือ?”

                “ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ แล้วเดินตรงเข้าไปหาเขา “ทำไม จะเบี้ยวส่วนแบ่งผมหรือ?”

                แมคคาธีหัวเราะคิกคัก “ได้ๆ ถ้าคุณต้องการส่วนแบ่งผมก็จะจ่าย ผมไม่เอาเปรียบใครอยู่แล้ว” พูดจบเขาก็สั่งให้ลูกน้องไปหยิบตั๋วแลกเงินมา แต่ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดแทรกขึ้น

                “ผมไม่ต้องการเงินเป็นส่วนแบ่ง คุณก็รู้ว่าผมมีเหลือเฟือ”

                “งั้นอะไร” แมคคาธีถามเขา “คุณเทวดาหรือ? ผมบอกแล้วว่าเทวดาไม่เคยเป็นของใคร”

                “แต่เขามากับผม”

                ชายร่างเล็กยักไหล่ “ก็ได้” เขาหันไปสั่งลูกน้องให้พาตัวกอร์ดอนมาที่ลานต่อสู้

                “เชิญพาเทวดาของคุณไปได้”

                กอร์ดอนปัดมือของคนที่ลากตัวเขามาออก แล้ววิ่งไปหาลอร์ดโทรว์บริดจ์ทันที “จอห์น”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ดึงตัวช่างตัดเสื้อเข้าไปกอดแรงๆ ครั้งหนึ่ง ก่อนจะผละออกมา “ปล่อยเพื่อนๆ ผมด้วย”

                “อ๋อ แน่นอน ผมไม่มีเจตนาจะจับพวกเขาเอาไว้อยู่แล้ว” ชายร่างเล็กหันไปสั่งลูกน้อง ก่อนจะหันมาพูดกับเอิร์ลหนุ่มต่อ

                “คุณดูรักเพื่อนดีนะ ผมชักอยากได้เพื่อนสูงศักดิ์ที่ทุ่มเทให้กับคนเล็กๆ อย่างคุณบ้างแล้วสิ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบเขาด้วยสายตาเย็นชาและเหยียดหยาม แมคคาธีหัวเราะ “ฮ่าๆ ใช่ ใช่เลย สายตาแบบนี้แหละถึงจะสมเป็นคนระดับพวกคุณหน่อย” เขาเว้นวรรคเมื่อพบว่าบรรดาเพื่อนๆ คนอื่นๆ ของลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินเข้ามาในลาน

                “มีอีกเรื่องที่ผมยังไม่ได้บอกคุณ” แมคคาธีพูดต่อ “คุณโอเดนเบิร์กมีร้านอยู่ตรงถนนบรอมพ์ตัน ร้านตัดสูทของเขาโด่งดังมาก พวกคุณคงรู้จักกันแล้ว ที่จริงแล้วผมอยากจะไปเจอเขาเมื่อไหร่ก็ได้”

                “ข่มขู่กันหรือ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เค้นเสียง คนถูกถามยักไหล่ “เปล่า ผมก็แค่บอกคุณไว้เฉยๆ ที่จริงแล้วผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไร คุณก็เห็น พวกเราต่างสนุกกันทั้งหมด”

                “ให้ตาย แกนี่มันทุเรศจริงๆ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันสบถ ก่อนจะหันไปหาเพื่อน “เรากลับกันเถอะจอห์นนี่ ฉันเหม็นกลิ่นพวกโสโครกชั้นต่ำเต็มทน”

                “ไม่ได้ ฉันยังไม่ได้ส่วนแบ่ง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางสวมเสื้อผ้ากลับ

                “ใช่ ฉันก็ยังไม่ได้เงินพนัน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหันไปมองเขาด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ

                “นี่นายยังห่วงเงินพนันอยู่อีกหรือ? นายสลับวิญญาณกับเอ็ดดี้หรือไง?”

                ลอร์ดครอฟตันมีท่าทางไม่พอใจที่ถูกพาดพิงแบบนั้น แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร โอลิเวอร์ก็พรวดพราดเข้ามาพร้อมกับตั๋วแลกเงินปึกใหญ่

                “พวกคุณพนันกันได้น่ากลัวมาก” คนรับใช้หนุ่มว่า “โดยเฉพาะลอร์ดแมกซ์ เขาจ่ายให้คุณไม่ครบนะ ตั๋วแลกเงินของพวกเขาไม่พอ”

                “อะไรนะ?!” แมคคาธีร้องออกมา “อย่าพูดโง่ๆ เขาพนันไปเท่าไหร่กัน?”

                “ไม่มาก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “แค่ห้าพันปอนด์ สำหรับอัตราต่อรองหนึ่งต่อห้า” พูดจบเขาก็หันไปหาโอลิเวอร์ “เขาจ่ายมาให้แกเท่าไหร่?”

                “หมื่นห้าพันปอนด์ครับ” โอลิเวอร์ตอบ “อันที่จริงแล้วผมว่าเขาไม่มีเงินพอจะจ่ายคนที่ต่อคิวหลังผมแล้วด้วยซ้ำ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันอ้าปากเหวอ ขณะที่ลอร์ดครอฟตันก็มีสีหน้าตื่นตะลึงไม่แพ้กัน “นายเล่นหนักมาก แมกซ์”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ที่จริงฉันยังเล่นได้หนักกว่านี้อีก เพียงแต่คิดว่าอย่างแมคคาธีไม่น่ามีปัญญาจ่าย” เขาเว้นจังหวะหน่อยหนึ่ง พลางใช้ดวงตาสีฟ้าซีดมองไปยังชายร่างเล็ก “ยังขาดอีกหมื่นห้าพันปอนด์ แกคิดจะเบี้ยวหรือ?”

                แมคคาธีโกรธจนตัวสั่น เขาหันไปสั่งลูกน้อง “ไปเอาสมุดเช็คมา”

                “ไม่ ฉันต้องการเงินสด หรือไม่ก็ตั๋วแลกเงิน ไม่ต้องการเช็ค” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ระหว่างนั้นคนที่ไม่ได้รับเงินค่าพนันเริ่มมายืนออกันรอบๆ สนาม

                “แมคคาธี ไหนแกบอกว่าจะไม่เบี้ยวไง?”

                “แกไม่มีเงินจ่ายฉัน!”

                “หุบปาก!” แมคคาธีตวาด ก่อนจะหันไปสั่งลูกน้อง “ไปเอาเงินในเซฟมา ฉันจะให้สุภาพบุรุษพวกนี้รู้ว่าเงินแค่นี้ไม่ใช่ว่าฉันไม่มีปัญญา”

                “ดี” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “อย่าให้เสียชื่อแมคคาธี”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์แค่นยิ้ม “แกจ่ายเงินของแมกซ์ให้ครบก่อน แล้วเราค่อยมาพูดถึงส่วนแบ่งของฉันเป็นไง?”

                “จะไม่มีการแบ่งอะไรทั้งนั้น” แมคคาธีตวาด “เพื่อนคุณเพิ่งทำผมขาดทุน”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะในคอ “ไม่หรอก แกยังกำไรจากวันอื่นอีกตั้งเยอะ”

                ไม่นานนักลูกน้องของเขาก็ขนหีบเหล็กใบเขื่องออกมาวางแทบเท้าเขา แมคคาธีหยิบกุญแจมาไขเปิดมันออก ก่อนจะนับเงินด้วยตัวเองแล้วยื่นให้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์

                “หนึ่งหมื่นห้าพันปอนด์ของคุณ”

                ลอร์ดหนุ่มรับเงินมาแล้วนับอีกครั้ง ก่อนจะหันไปหาเพื่อน “ของนายได้ครบรึเปล่า เอ็ดดี้?”

                “ครบ” ลอร์ดครอฟตันพยักหน้า “พวกเราจะไปกันหรือยัง?”

                “ยัง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันยังไม่ได้ส่วนแบ่ง”

                “ผมบอกแล้วว่าไม่มีจ่าย” แมคคาธีพูดอย่างหงุดหงิด “ผมขอเชิญให้คุณออกไปเดี๋ยวนี้”

                “ฉันไม่เคยบอกว่าอยากได้เงินเป็นส่วนแบ่งจากแก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะหันไปหาลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ “แมกซ์ เงินนายที่ชนะพนัน ฉันขอได้มั้ย?”

                “เอาสิ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า แล้วส่งตั๋วแลกเงินทั้งหมดให้เพื่อน ลอร์ดโทรว์บริดจ์รับมันมา แล้วหันกลับไปตะโกนเสียงดัง

                “ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งหลาย กรุณา ‘หุบปาก!’ แล้วฟังผม” เสียงของเขาดังก้องไปทั่วห้องโถง สยบเสียงด่าทอและเสียงโวยวายทุกอย่างได้ชะงัก

                “พวกคุณเห็นสิ่งที่อยู่ในมือผมไหม?” เขาพูดพลางชูตั๋วเงินปึกใหญ่ในมือ ทุกคนจ้องเขาเป็นตาเดียว

                “ทั้งหมดนี้เป็นของพวกคุณ” เขาเว้นจังหวะหน่อยหนึ่ง ก่อนจะโยนตัวเงินทั้งหมดขึ้นไปในอากาศ ความชุลมุนวุ่นวายตามมาในทันที

                “ว้าว ทำไมฉันไม่คิดถึงเรื่องแบบนี้มาก่อน” ลอร์ดครอฟตันอุทาน ก่อนจะหันหน้าไปหาแมคคาธีและลูกน้องที่ยืนมองด้วยความตกตะลึงอยู่อีกด้านหนึ่ง

                “สำหรับคนที่มือไวพอ” เขาพูดแล้วโยนปึกตั๋วเงินของตัวเองขึ้นไปบนอากาศ ลูกน้องของแมคคาธีรีบกรูกันเข้าไปแย่งตั๋วเงินพวกนั้นทันที ลอร์ดหนุ่มหัวเราะชอบใจ แมคคาธีตวาดลูกน้อง

                “พวกแกทำบ้าอะไรกัน ถอยไปนะโว้ย!”

                โดยไม่รอให้ฝ่ายนั้นล้วงปืนออกมาจากกระเป๋า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ดึงหัวไม้เท้าของเขาออก ดาบสีเงินทรงเรียวจ่อเข้าที่คอหอยของแมคคาธีทันที เจ้าตัวถึงกับยืนนิ่ง ขณะที่รอบๆ มีแต่ความโกลาหล

                “ว้าว แมกซ์ ฉันไม่รู้มาก่อนว่านายซ่อนดาบเอาไว้ในไม้เท้าด้วย”

                “พกไม้เท้าไว้บ้างก็ดีนะจอร์จ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบ ก่อนจะใช้ปลายดาบสะกิดลูกกระเดือกของอีกฝ่ายเบาๆ “ถึงเวลาที่แกต้องจ่ายส่วนแบ่งให้จอห์นนี่แล้ว จะเอาส่วนไหนมาแบ่งดี คอหอยแก ลูกตาแก หรือว่าหัวเน่าๆ ของแกดี?”

                แมคคาธีกลัวจนหน้าซีดเหมือนกระดาษ เขารู้สึกถึงความแหลมคมของปลายดาบที่จ่ออยู่

                “ส่วนแบ่งของฉันไม่มากเลย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันกลับมา ก่อนจะเดินตรงไปยังที่ที่แมคคาธียืนอยู่ แล้วเหยียดสายตามองเขา

                “ขอแค่ข้อมือซ้ายกับข้อเท้าขวาของแกก็พอ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตวัดปลายดาบขึ้น แมคคาธีร้องเสียงหลง “ไม่!!”

                ฉัวะ!

                กอร์ดอนจับแขนของลอร์ดโทรว์บริดจ์เอาไว้แน่น ขณะที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำท่าเหมือนจะเป็นลม เขายกมือปิดหน้าตัวเอง “ไม่ แมกซ์ ฉันไม่อยากเห็นภาพโหดร้ายแบบนี้”

                “ใจเย็นๆ จอร์จจี้” ลอร์ดครอฟตันปลอบเขา “นายควรจะเอามือออกจากหน้าตัวเองก่อน จะได้เห็นว่าอะไรเป็นอะไร”

                “โธ่... เอ็ดดี้ ฉันไม่อยากเห็นคนข้อมือขาดสดๆ นี่นา”

                แมคคาธีแทบไม่เหลือสีเลือดบนหน้า เขาเหลือกตามองดาบในมือลอร์ดหนุ่ม ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เหลือบตาสีฟ้าซีดมองเขา จากนั้นก็เค้นเสียงเย็นเยียบ

                “ข้อเท้า...”

                ฉัวะ!

                “โอ๊ย ฉันไม่ไหวแล้ว” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำท่าจะอาเจียน คราวนี้เจฟฟรีเลยต้องพูดออกมาบ้าง “จอร์จจี้ ช่วยลืมตาดูหน่อยเถอะ ยังไม่มีใครถูกตัดอะไรด้วยซ้ำ”

                “หา?!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยกมือออกจากหน้า ก่อนจะหันไปมองแมคคาธี เห็นเจ้าตัวลงไปนอนอยู่บนพื้น หน้าซีดตัวสั่น แถมยังปัดสาวะราดกางเกงจนเปียกชุ่ม แต่ไม่มีรอยอะไรอยู่บนตัวเลยนอกจากรอยกรีดสองรอยที่แขนเสื้อกับปลายขากางเกง

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เก็บดาบเข้าไปในไม้เท้าเหมือนเดิม ก่อนจะใช้หัวไม้เท้าชี้ไปที่หน้าของแมคคาธี ชายร่างเล็กเบิ่งตากว้างแทบจะฉีก เมื่อเห็นสิ่งที่สลักอยู่บนหัวไม้เท้า เขาตะกุกตะกักออกมา “คะ... คุณคือ...”

                ลอร์ดหนุ่มฟาดหัวไม้เท้าเข้าใส่ใบหน้าของฝ่ายนั้น ส่งแมคคาธีลงไปนอนกองกับพื้นแน่นิ่งไม่ไหวติงอีก ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดขึ้นมา “นายจะลากเขากลับไปด้วยมั้ย?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สั่นศีรษะ “เขายังไม่สำคัญขนาดต้องให้ฉันลากกลับไป แค่นี้ก็พอแล้ว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “งั้นพวกเรากลับกันเถอะ”

                กอร์ดอนเงยหน้าขึ้นมองท่านเอิร์ลด้วยความงุนงงสงสัย ฝ่ายนั้นเพียงยิ้มให้ ก่อนจะฉุดมือเขาเดินออกไป คนที่เหลือจึงเดินตามออกไปด้วย โดยทิ้งความวุ่นวายเอาไว้เบื้องหลัง

---------------------------------
(จบตอน)
*** โอ๊ยย สารภาพว่าตอนนี้ยาวมากๆ (20หน้ากระดาษเอสี่) ตอนแรกเราว่าจะตัดแบ่งเป็นสองตอน แต่ดูยังไงมันก็ต้องอยู่ในตอนเดียวกันนั่นเอง สุดท้ายก็เลยมาเป็น20หน้าอย่างที่เห็นค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกเลยที่เราโยนโควต้าหน้าต่อตอนทิ้งไป คือจะกี่หน้าก็เอาเหอะค่ะจอห์น ตามสบายเลย (ยกให้เลยค่ะท่านลอร์ด)

ตอนนี้อาจจะทำให้ทุกคนเริ่มปวดหัวแทนมาร์กี้ ฮ่าๆ โอ๊ย จอร์จจ๋าจอร์จ สาวกว่าจอร์จไม่มีอีกแล้ว กอร์ดอนที่ว่าหน้าสวยๆ ยังไม่ดีดดิ้นเท่าจอร์จจี้เลย ให้ตายเหอะ (หัวเราะหนักมาก :m20:)

และลอร์ดแมกซ์ออกมาขโมยซีนตอนจบ ฮ่าๆๆ โอ๊ย ความพยายามของจอห์นหลายบรรทัดคงประทับใจกอร์ดอน แต่ความเท่ของลอร์ดแมกซ์ไม่กี่บรรทัดมันโคตรขโมยซีน (แต่ก็ไม่รู้จะหาบทไหนมาเปิดตัวลอร์ดแมกซ์ได้ดีเท่าบทนี้อีกแล้ว)

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ วันนี้มาโพสแบบงงๆ มึนๆ เดี๋ยวจะกบดานยาวไปทำงานอื่นต่อแล้วค่ะ :pig4:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
คุณพระคุณเจ้า หนุ่ม ๆ เหล่านี้ซนกันจนน่าจับมาตีก้น!

จอร์จจี้น้อยของพี่ กลับบ้านไปให้มาร์กี้ปลอบขวัญนะลูก ฮ่า ๆ ๆ

แม็กซ์เท่มากกกกกกกกกก จอห์นอุตส่าห์ทุ่มสุดชีวิตมาทั้งตอน แต่เพื่อนขโมยซีนไปย่อหน้าสุดท้ายซะอย่างนั้น

กอร์ดอนคนสวย นำภัยมาได้ด้วย  :laugh:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
 :3123:
มาแบบจุใจเลยคราวนี้ ขอบคุณมากนะ
ตอนนี้ทุกคนมีบทครบเลยรวมทั้งรับใช้
แต่คนแย่งซีนสุดท้าย ปล่อยเขาไปเถอะ
นานๆ จะมีบทเด่นให้สักที

ออฟไลน์ G-NaF

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
ลุ้นสุดตัวเลยคับ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
โอ้ยยย ก๊วนนี้ทำเราใจคอไม่ดี

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
ตอนนี้สนุกมากเลยค่ะ standing ovation ให้คนเขียนเลย  :katai2-1:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
เทใจให้เหล่าท่านลอร์ดเลย  :L1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ลอร์ดแมกซ์ สุดยอดดดด เล่นเอานายบ่อนปัสสาวะราด :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
กร่างนัก เล่นใหญ่กับใครไม่เล่น เห็นสัญลักษณ์ที่หัวไม้เท้า คราวนี้กลัวหัวหดแน่
จอห์นนี่ เก่งไม่ใช่ย่อย เอาชนะไซคลอปได้  :ling1:
นักมวยร่างยักษ์ ที่ดูไม่เคยมีใครเอาชนะได้ของบ่อนเถื่อน
สมใจจอห์นนี่แล้ว ที่อยากเล่นกับนักมวยข้างถนน แถมชนะซะอีก
คราวนี้การขึ้นชกครั้งต่อไปสบายจอห์น เขาละ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด