[เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)  (อ่าน 115970 ครั้ง)

ออฟไลน์ cinpetals

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
โอยยยย ตอนนี้ยาวมาก อ่านได้เต็มอิ่มฟุดๆ
ชอบท่านลอร์ดมากอ่ะ ชอบเวลามุ้งมิ้งกับกอร์ดอน
ไม่รู้ว่าคู่นี้จะมีอุปสรรคอะไรบ้างนะ เห้ออออ
เป็นกำลังใจให้ จุ๊ฟๆ :mew1:

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
จะกดปุ่มคะแนนโหวตให้แม๊กซ์ พออ่านตอนนี้ต้อลกดรัวไ ให้จอห์น

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
ย่าของกอร์ดอนเป็นเลดี้รึเปล่านี่ อาจจะเป็นน้องสาวของลอร์ดอ็อกฟอร์ดก็ได้นะนี่

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
อิ่มเอมมากกก อ่านจบกลับไปกด + ให้ทุกย่อหน้าของตอนนี้เลย
คนเขียนพิถีพิถันมาก แม้แต่เดวิดก็ยังมีบทขึ้นมา ไม่ปล่อยล่องลอย
ปลื้มอ่ะ  :L2: :L2: :L2: (เสียดายไอค่อนไม่มีช่อกุหลาบสีขาวนะ)

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook


โอย เป็นตอนที่ถึงแม้จะยาวจุใจ แต่อ่านเท่าไรก็ไม่พอจริง ๆ ค่ะ
รักลอร์ดโทรวบริดจ์มาก ๆ รักในนิสัย น้ำใจนักกีฬา รวมถึงความป๋าของท่านลอร์ดจริง ๆ
คือ ถึงเราจะรู้ทั้งรู้ว่านี่เป็นความรักต้องห้าม แต่พอมโนว่าตัวเองเป็นกอร์ดอน
เราคงหักห้ามใจไม่ลงหรอกค่ะ ถ้ามีพ่อเจ้าประคุณรุนช่องอย่างลอร์ดโทรวบริดจ์มาเทียวขายขนมจีบเช้าเย็น
คนอาไร้ ดีงามต่อหัวใจเป็นอย่างยิ่ง... อู๊ย ยิ่งเยินยอพ่อคุณก็ยิ่งหลงรัก

รอติดตามตอนต่อไปค่ะ อยากรู้ว่าความสัมพันธ์ของสองหนุ่มจะเป็นไปในทิศทางไหน
เป็นกำลังใจให้นะคะ ^^   :กอด1:


ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
Dear, My customer.

ตอนที่23 ลอร์ดฟาริงดอน

            เลดี้บาธไม่ยินดีนักเมื่อรู้ว่าลูกชายมีแผลแตกเป็นทางยาวกว้างกว่าหนึ่งนิ้วที่หางคิ้วซ้าย แม้ว่าเขาจะได้รับชัยชนะมาก็ตาม เธอยืนยันว่าควรจะให้หมอไอเซ็นไฮม์มาดูอาการในวันรุ่งขึ้น และขอร้องไม่ให้เขาขึ้นชกมวยอีก ลอร์ดโทรว์บริดจ์ไม่ได้ให้สัญญาอย่างจริงจังกับแม่ของตัวเอง เขาเพียงแค่บอกว่าเขาชื่นชอบการเล่นรักบี้และคริกเก็ตมากกว่าชกมวย ซึ่งก็ไม่ช่วยอะไรมากนัก เลดี้บาธยังคงมีสีหน้าวิตกกังวลเกี่ยวกับบาดแผลบนใบหน้าของลูกชาย เพราะกลัวว่าจะเกิดเป็นแผลเป็น ต้องให้หมอไอเซ็นไฮม์มายืนยันในวันรุ่งขึ้นนั่นแหละ ท่านมาร์ชันเนสถึงพอจะคลายความกังวลลงไปได้บ้าง

                เรื่องการชกมวยของท่านเอิร์ลหนุ่มเป็นที่พูดถึงหลังจากพิธีที่โบสถ์ในวันอาทิตย์ และกลายเป็นพาดหัวข่าวใหญ่ของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับในเช้าวันจันทร์ นานกว่าสามสัปดาห์ที่ผู้คนคุยกันถึงการชกอันน่าประทับใจที่เกิดขึ้นที่ควีนสเบอรี่ฮอลล์ และลอร์ดโทรว์บริดจ์กลายเป็นแบบอย่างของสุภาพบุรุษนักกีฬารุ่นใหม่ เดวิดคุยจ้อถึงประสบการณ์ที่เขาได้รับในครั้งนั้นทุกครั้งที่เขาเจอช่างคนอื่นในร้าน จนกอร์ดอนต้องปรามให้หยุดเล่าเสียบ้าง

                เวลาล่วงเข้าสู้ต้นเดือนสิงหาคม อากาศยังคงอบอุ่น และเหมาะอย่างยิ่งที่จะออกไปท่องเที่ยวในชนบท แต่แน่นอนว่ากอร์ดอนไม่มีโอกาสได้ทำแบบนั้น เขายังคงวิ่งวุ่นอยู่กับเสื้อผ้าของเหล่าบรรดาลูกค้าผู้สูงศักดิ์ทั้งหลาย และวันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่เขาออกไปดูผ้าที่ท่าเรือตั้งแต่เช้า ช่างตัดเสื้อใช้เวลาเลือกผ้านานเช่นเคย เมื่อเดินออกมาที่ด้านหน้าท่าเรือเพื่อเรียกรถม้า ดวงอาทิตย์ก็ลอยสูงแทบจะตรงศีรษะแล้ว

                ขณะที่ช่างตัดเสื้อกำลังจะเดินไปเรียกรถม้า เขาก็สะดุดตาเข้ากับใครคนหนึ่งที่เพิ่งเดินออกมาจากประตูใหญ่

                “อรุณสวัสดิ์ครับลอร์ดแมกซ์!”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ซึ่งสวมเสื้อโค้ทสำหรับฤดูร้อนสีน้ำตาลอ่อนและสวมหมวกทรงสูงเงยหน้ามองเขา ก่อนจะเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ กอร์ดอนเดินเข้าไปหาเขาพลางยิ้ม “ผมไม่คิดเลยว่าจะได้พบคุณที่นี่ มาธุระหรือครับ?”

                คนถูกถามมองเขาอยู่อึดใจ ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา “ใช่ ฉันมาธุระ”

                “โอ... งั้นผมจะไม่รบกวนคุณหรอกครับ ลาก่อนนะครับ ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง”

                “เดี๋ยว” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยื่นมือมาดึงแขนเขาเอาไว้ ก่อนจะพูดต่อ “ฉันเสร็จธุระแล้ว แวะไปดื่มน้ำชาด้วยกันที่บ้านฉันสิ”

                ยังไม่ทันที่กอร์ดอนจะทันได้พูดอะไร รถม้าสีดำขนาดใหญ่ที่มีสารถีถึงสองคนก็แล่นมาจอดตรงหน้าเขา ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ชี้มือไปที่สัมภาระกองโตที่กำลังถูกขนมาวางที่ด้านหลังของเขา คนขับรถม้ารีบกระโดดลงไปขนพวกมันขึ้นบนท้ายรถทันที กอร์ดอนเพิ่งสังเกตเห็นว่ามันประกอบด้วยกระเป๋าเดินทางและหีบหลายใบ เขาเงยหน้าขึ้นมองลอร์ดหนุ่มด้วยความแปลกใจ “คุณเหมือนคนเพิ่งลงจากเรือเลย มารับใครหรือครับ?”

                “พี่ชายน่ะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบยิ้มๆ “แต่เขาคงไปก่อนฉันแล้วล่ะ มาเถอะ เราไปดื่มชากัน” พูดจบเขาก็ยุดมือของช่างตัดเสื้อขึ้นไปบนรถม้า

                “โอ... คุณทำให้ผมนึกถึงลอร์ดโทรว์บริดจ์” กอร์ดอนพูดออกมาหลังจากที่รถม้าแล่นออกจากท่าเรือแล้ว ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ

                “ทำไมล่ะ?”

                “ตอนเจอกันครั้งแรกเขาก็ลากผมขึ้นรถม้าแบบนี้เหมือนกัน”

                คนฟังเลิกคิ้วสูง ก่อนจะหัวเราะ “งั้นหรือ? จอห์นนี่นี่ติดนิสัยชอบรวบรัดตัดความจริงๆ แต่ของว่างที่บ้านฉันอร่อยนะ มาทิลดาเป็นแม่บ้านที่ทำอาหารเก่งมาก”

                “ครับ” กอร์ดอนพยักหน้า “ผมเห็นด้วยตั้งแต่ได้กินแซนวิชที่คุณเอามาฝากแล้วล่ะ”

                “ว้าว งั้นหรือ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “แล้วช่วงนี้ชีวิตนายเป็นไงบ้างล่ะ?”

                “ก็เหมือนเดิมครับ เรื่อยๆ ยังไม่มีงานไหนเร่งเป็นพิเศษ”

                “อ้อ... นายไปที่ท่าเรือเพื่อรับของที่สั่งไว้หรือ?”

                “ครับ ผมไปดูผ้าอย่างอื่นเผื่อไว้ด้วย”

                “อ้อ...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ส่งเสียงในคอ “กิจการของนายท่าจะคล่องตัวอยู่นะ”

                “ครับ”

                พวกเขาคุยกันถึงเรื่องสัพเพเหระอื่นๆ กระทั่งรถม้าหยุดลง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เปิดประตูรถ แล้วดึงมือกอร์ดอนให้ตามลงมา

                “เคยมาบ้านฉันหรือยัง?”

                “ครับ” กอร์ดอนตอบและรู้สึกแปลกใจกับคำถามของฝ่ายนั้น แต่ยังไม่ทันจะได้นึกสงสัยอะไรต่อ เสียงใครอีกคนก็ดังขึ้น

                “โอ้ ไมกี้! นายพากอร์ดอนมาที่นี่ได้ยังไง?”

                พอหันไปมองต้นเสียง กอร์ดอนก็เห็นลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อีกคนกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าแปลกใจระคนตกใจ คนที่ยืนตรงหน้าเขาหัวเราะแล้วพูดตอบไป

                “อะไรกันแมกกี้ นั่นคือคำพูดที่นายใช้ทักพี่ชายที่ไม่เจอกันตั้งเกือบสองปีหรือ?”

                กอร์ดอนอ้าปากค้าง เขาหันมองทั้งสองคนสลับกัน “นะ... นี่มันอะไรกันครับ?”

                ที่อยู่ตรงหน้าเขาคือชายหนุ่มสองคนที่มีใบหน้าราวกับถอดออกมาจากพิมพ์เดียวกัน ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คนที่เจอที่ท่าเรือกำลังหัวเราะร่วน ในขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อีกคนมีสีหน้าบึ้งตึง

                “เอาล่ะๆ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คนที่มาจากท่าเรือเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน “ขอแนะนำให้รู้จักนะ นี่คือแมกซิมิลเลี่ยน เมอร์เรย์ น้องชายฉัน แต่คิดว่าพวกนายน่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว”

                “ส่วนเขา” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อีกคนพูดขึ้นมา “คือไมครอฟ เมอร์เรย์ เอิร์ลแห่งฟาริงดอน พี่ชายฝาแฝดของฉันเอง”

                ช่างตัดเสื้ออ้าปากกว้างกว่าเดิม ขณะที่ลอร์ดฟาริงดอนหัวเราะชอบใจ “นายแนะนำเสียเต็มยศจนฉันไม่เหลืออะไรจะแนะนำตัวเองต่อเลย เพราะงั้นนายช่วยแนะนำพ่อหนุ่มคนสวยคนนี้ให้ฉันรู้จักหน่อยจะได้ไหม ท่าทางเขาดูสนิทกับนายและจอห์นนี่นะ”

                “โอย... เขาหลอกถามอะไรนายไปบ้างเนี่ย?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ครางอีก ก่อนจะหันไปพูดกับพี่ชายฝาแฝดของตน “เขาชื่อกอร์ดอน โอเดนเบิร์ก เป็นเพื่อนของจอห์นนี่ แล้วก็เป็นเพื่อนของฉันด้วย พวกเรารู้จักกันมาได้หลายเดือนแล้ว และเขาก็เป็นช่างตัดเสื้อคนโปรดของพ่อ ฉันแนะนำว่านายไม่ควรแกล้งเขาให้มาก”

                “โอ้ ช่างตัดเสื้อคนโปรดของพ่อหรือ?” เขาหัวเราะ ก่อนจะหันมาทักทายกอร์ดอนอย่างเป็นทางการ “ยินดีที่ได้รู้จักนะ คุณโอเดนเบิร์ก”

                “เป็นเกียรติที่ได้รู้จักคุณเช่นกันครับ ท่านลอร์ด”

                ลอร์ดฟาริงดอนหันมามองน้องชายฝาแฝดของเขา “ระหว่างที่ฉันไปอินเดีย นายได้รู้จักคนดีๆ เพิ่มขึ้นอีกคนแล้ว” เขาหยุดหายใจเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อด้วยสีหน้าจริงจัง “บอกฉันสิว่าพ่อไม่อยู่บ้านวันนี้”

                “ไม่ เขารอนายอยู่ รีบขึ้นไปเลย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนใจลงมาหานายเอง”

                “เขารอฉันมาได้ตั้งเป็นปี รออีกหน่อยจะเป็นไรไป โอ้ นี่เขาเปลี่ยนสวนใหม่อีกแล้วหรือ?”

                “ไมกี้...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ลากเสียง “เห็นแก่พระเจ้า นายรีบขึ้นไปหาเขาเถอะ”

                “ก็ได้ๆ” ลอร์ดฟาริงดอนส่งเสียงอย่างรำคาญใจ ก่อนจะเหลือบมองช่างตัดเสื้อ “แต่นายต้องรั้งตัวเขาเอาไว้จนกว่าฉันจะทักทายกับพ่อเสร็จ ฉันอยากทำความรู้จักกับช่างตัดเสื้อคนโปรดของพ่อบ้าง มันต้องสนุกพิลึกแน่”

                “ฉันว่าเขาคงไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นหรอก” ลอร์ดแมกซ์เมอร์เรย์ตอบ ลอร์ดฟาริงดอนหันมาถามกอร์ดอน

                “คุณยุ่งนาดนั้นเลยหรือ? จะอยู่รอเจอผมสักประเดี๋ยวไม่ได้หรือไร”

                กอร์ดอนตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ “ผมสามารถอยู่ได้กระทั่งถึงเวลาน้ำชาครับ หลังจากนั้นเกรงว่าจะไม่สะดวก”

                “ตกลง ผมจะกลับมาก่อนหน้านั้น ฝากแขกด้วยนะแมกกี้ ฉันว่าเวลาน้ำชาวันนี้คงต้องสนุกมากแน่”

                พูดจบเขาก็เดินออกไป ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถอนใจเฮือก

                “ที่จริงนายไม่จำเป็นต้องรับปากเขาหรอก...” เขาหยุดเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “ไปคุยกันที่ห้องรับแขกของฉันดีกว่า”

                อย่างที่เคยกล่าวไปแล้วว่าห้องรับแขกส่วนตัวของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นั้น มีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับสถานที่ที่เขาอาศัยอยู่ อย่างไรก็ตาม มันก็ยังใหญ่กว่าห้องรับรองแขกในร้านของกอร์ดอนอยู่ดี ช่างตัดเสื้อมองเฟอร์นิเจอร์แบบฝรั่งเศสที่ประดับอยู่ในห้องด้วยความพิศวง

                “ว้าว เฟอร์นิเจอร์ของคุณสวยมาก ผมเองก็ชอบเฟอร์นิเจอร์แบบฝรั่งเศส โดยเฉพาะโซฟา แต่มันมีราคาแพงมากครับ”

                “อ้อ งั้นหรือ ขอบใจนะ แต่เฟอร์นิเจอร์พวกนี้ไม่ใช่ของฉันหรอก มันเป็นของแม่ฉันน่ะ”

                “โอ แม่คุณคงชื่นชอบเฟอร์นิเจอร์แบบฝรั่งเศสมาก”

                “คงอย่างนั้นแหละ เพราะแม่ฉันเป็นคนฝรั่งเศส”

                 ยังไม่ทันที่กอร์ดอนจะพูดอะไรต่อ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็เปลี่ยนเรื่องพูด “ว่าแต่นายไปเจอไมครอฟได้ยังไง?”

                “ผมเห็นเขาที่ท่าเรือ คิดว่าเป็นคุณ เลยเข้าไปทักครับ”

                คนได้ฟังคราง “จริงสินะ วันนี้วันศุกร์นี่... พอนายทักเขาแบบนั้นเขาเลยสวมรอยเป็นฉันเสียเลย”

                “ผมไม่ร้มาก่อนว่าพวกคุณเป็นฝาแฝดกัน อันที่จริงตั้งแต่ผมมาที่นี่ในฐานะช่างตัดเสื้อ ผมยังไม่เคยเห็นลอร์ดฟาริงดอนเลย”

                “มีรูปเขาแขวนอยู่ในห้องโถงใหญ่ นายน่าจะเคยเห็นนั่นแหละ แต่คงไม่รู้ว่าเป็นเขา เหมือนๆ กับคนอื่นๆ ที่รู้จักเขา ก็จะไม่เคยนึกเอะใจว่ามีรูปฉันแขวนอยู่เหมือนกัน” เขาเว้นจังหวะเล็กน้อย “อันที่จริงแล้วก็ไม่ค่อยมีใครรู้หรอกว่าพวกเราเป็นฝาแฝดกัน เพราะปกติไมครอฟจะอยู่บ้านอีกหลังหนึ่ง”

                “ถึงว่า ผมเลยไม่เคยเห็นเขา”

                “ว่าแต่นายหลุดปากเล่าเรื่องอะไรให้เขาฟังบ้าง ทำไมเขาถึงพูดว่านายดูสนิทกับจอห์นนี่ล่ะ?”

                กอร์ดอนเลยเล่าเรื่องระหว่างที่เขาเจอกับลอร์ดฟาริงดอนให้ฟัง พอฟังจบ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

                “โชคดีมากที่นายไม่ได้พูดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างนายกับจอห์นนี่ให้เขาฟัง”

                “โอ... ผมไม่ใช่คนชอบพูดเรื่องนั้นหรอกครับ ต่อให้คิดว่าเป็นคุณก็เถอะ”

                “ดีแล้วล่ะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า ก่อนจะพูดต่อด้วยท่าทางจริงจัง “ระหว่างที่ไมครอฟยังอยู่ที่ลอนดอน นายต้องระวังการพูดคุยกับฉันให้มาก เพราะไมครอฟชอบแอบสวมรอยเป็นฉันอยู่เรื่อย”

                “ตกลงครับ” กอร์ดอนพยักหน้า จังหวะนั้นเองเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น จากนั้นคนรับใช้ก็เปิดประตูเข้ามา “นายน้อยไมครอฟให้มาเชิญพวกคุณไปดื่มชาที่ศาลาในสวนครับ”

------------------------

                ลอร์ดฟาริงดอนจิบชารออยู่แล้วในศาลาแบบฝรั่งเศส ซึ่งตั้งหลบอยู่ในมุมหนึ่งของสวนเขาวงกต รอบๆ ศาลา มีพุ่มเชอรี่ และเถากุหลาบเลื้อยขึ้นอยู่ ดอกสีชมพูของมันขับให้บรรยากาศของศาลาดูอ่อนหวานนุ่มนวลราวกับชุดกระโปรงลูกไม้ของสตรีชั้นสูงในวัง

                “ดีจริงที่คุณยังไม่กลับ คุณโอเดนเบิร์ก” ลอร์ดฟาริงดอนเอ่ยขึ้นและผายมือเชิญเขาและลอร์ดน้องชายเข้าไปนั่งภายในศาลา ก่อนจะพูดขึ้นต่อ “โชคดีที่ฉันตันสินใจกลับมาทันหน้าร้อน อากาศที่นี่กับที่อินเดียต่างกันมาก”

                กอร์ดอนเพิ่งสังเกตเห็นว่าผิวของลอร์ดฟาริงดอนคล้ำกว่าลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เล็กน้อย แต่เพราะทั้งคู่หน้าตาเหมือนกัน เขาจึงไม่รู้สึกเอะใจตอนพบครั้งแรก

                “อินเดียคงร้อนมากสิท่า ฉันเห็นนายเขียนบอกไว้ในจดหมายแทบทุกฉบับเลย”

                “ร้อนชนิดที่พวกนายจินตนาการไม่ออกเลยล่ะ” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “แต่ที่นั่นมีพรรณไม้แปลกๆ เยอะมาก ฉันกล้าพูดเลยว่ามันเป็นข้อดีที่สามารถลบข้อเสียเรื่องอากาศร้อนได้หมด ดอกไม้บานทั้งปี และพวกเขาโปรยกลีบของมันเอาไว้แทบทุกที่ แม้จะฉันจะรู้สึกว่าอินเดียเป็นประเทศป่าเถื่อนในตอนแรก แต่พวกคนป่าเถื่อนพวกนั้นก็สร้างสรรค์สิ่งสวยงามเอาไว้มาก ฉันมีของมาฝากนายด้วย แมกกี้”

                พูดจบเขาก็ล้วงเอาถุงผ้าใบหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ แล้วยื่นให้น้องชาย ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เงยหน้าขึ้นมอง แล้วถาม “นายอยากให้ฉันดูของด้านในเลยมั้ย?”

                “แน่นอน” ลอร์ดฟาริงดอนพยักหน้า “การที่คุณโอเดนเบิร์กนั่งอยู่ที่นี่จะทำให้การเปิดถุงของนายตื่นเต้นสำหรับฉันมากขึ้น”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองพี่ชายอย่างชั่งใจแว้บหนึ่ง แต่สุดท้ายเขาก็ทนความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นของตัวเองไม่ไหว เลยเปิดถุง และหยิบของที่อยู่ด้านในออกมา

                “ว้าว!” ทั้งลอร์ดหนุ่มและช่างตัดเสื้อร้องออกมาพร้อมกัน ที่อยู่ในมือลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คืออำพันสีเหลืองทองก้อนใหญ่ที่สุดเท่าที่กอร์ดอนเคยเห็นมาในชีวิต มันมีขนาดราวกำปั้นของเด็กผู้ชายอายุสิบห้าสิบหก ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยกมันขึ้นส่องกับเปลวแดด ก่อนจะครางเสียงดังกว่าเดิม

                “โอ... ไมกี้ นี่พ่อเห็นมันแล้วหรือยัง?”

                “ยัง” ลอร์ดฟาริงดอนตอบยิ้มๆ “ฉันซื้อมากฝากนายโดยเฉพาะ คิดว่านายต้องชอบแน่”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “แน่นอนไมกี้ ฉันบอกนายว่ามันเป็นของฝากที่น่าประทับใจที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้มาเลย”

                ในใจกลางของก้อนอำพัน มีแมลงป่องสองตัวเกี่ยวหางกันอยู่ ลักษณะคล้ายตัว M ลอร์ดฟาริงดอนยิ้มอย่างพอใจ

                “น่าเสียดายมากที่มันมีแบบนี้แค่ก้อนเดียว ใจจริงฉันอยากได้สักสองก้อน จะได้เอาไว้คู่กัน”

                “นายไม่เก็บไว้เองหรือ?” คนเป็นน้องชายถาม พี่ชายของเขาสั่นศีรษะ “ไม่ล่ะ เพราะมันมีอยู่ก้อนเดียว ฉันจึงคิดว่ามันเหมาะกับนายมากกว่า”

                “ขอบใจนะไมกี้ ฉันจะเอามันไปทำหัวไม้เท้าใหม่ มันต้องเหมาะมากแน่” พูดจบเขาก็หัวเราะชอบใจ พลอยทำให้ลอร์ดฟาริงดอนหัวเราะไปด้วย

                สองพี่น้องหัวเราะกันอยู่พักใหญ่ จนกอร์ดอนคิดว่าเขาควรจะขอตัวกลับไปทำงานเสียที แต่ยังไม่ทันที่ช่างตัดเสื้อจะทันได้พูดอะไร ลอร์ดฟาริงดอนก็หันมาพูดกับเขา

                “และคุณ คุณโอเดนเบิร์ก แม้ว่าจะเป็นการเจอกันอย่างไม่คาดคิด แต่ผมก็มีของมาฝากคุณเหมือนกัน”

                คนรับใช้นำกระปุกทรงกลมสูงประมาณสี่นิ้วและกว้างประมาณสามนิ้วสีขาวมาวางไว้ที่โต๊ะ ลอร์ดฟาริงดอนเลื่อนมันมาไว้ตรงหน้าช่างตัดเสื้อ

                “ชาอัสสัม คิดว่าคุณคงชอบ ที่จริงผมมีผ้าไหมอยู่หลายผืน เสียแต่มันเป็นผ้าคลุมไหล่แบบผู้หญิง คงไม่เหมาะกับคุณนัก” ฝ่ายนั้นว่า กอร์ดอนมองกระปุกชาตรงหน้าด้วยความประทับใจ

                “ขอบคุณครับ” ช่างตัดเสื้อยื่นมือไปรับกระปุกชา ก่อนจะพูดขึ้นต่อ “กระปุกสวยมากครับ สัมผัสของมันแปลกมาก ทำมาจากอะไรหรือครับ?”

                ลอร์ดฟาริงดอนเลิกคิ้ว เขาเหลือบมองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ก่อนจะยิ้มออกมา “แสดงว่าคุณไม่เคยเล่นเปียโน สัมผัสดีใช่ไหมล่ะ?”

                “ครับ” กอร์ดอนพยักหน้า ลอร์ดฟาริงดอนพูดต่อ

“มันเป็นกระปุกที่ทำมาจากงาช้างน่ะ”

                “โอ...” กอร์ดอนคราง ก่อนจะวางกระปุกลง “มันมีมูลค่าสูงเกินไป ผมไม่กล้ารับไว้หรอกครับ”

                “อะไรกันเล่า คุณไม่ชอบใจของฝากผมหรือ?”

                “ไม่ใช่หรอกครับ แต่ผมเพิ่งพบกับคุณ ผมไม่ควรได้รับเกียรติได้ของฝากมูลค่าสูงขนาดนี้หรอก”

                ลอร์ดฟาริงดอนหัวเราะ “พูดแบบนั้นได้ไงเล่า คุณเป็นเพื่อนกับน้องชายผมนะ แถมยังเป็นเพื่อนกับจอห์นด้วย จะรับของฝากจากผมไม่ได้เชียวหรือ?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เตะขาของช่างตัดเสื้อ กอร์ดอนเลยรีบพยักหน้า “โอ เป็นเกียรติมากครับ ผมขอบคุณในน้ำใจของคุณ”

                “ถือว่าชดเชยเรื่องที่ผมหลอกต้มคุณเสียเปื่อยแล้วกัน” ลอร์ดฟาริงดอนพูดแล้วหัวเราะอีก พวกเขาคุยสัพเพเหระกันอยู่อีกพัก พอเห็นว่าสมควรแก่เวลาแล้ว ช่างตัดเสื้อจึงขอตัวกลับ

------------------------------

                 วันแรกของการทำงานในสัปดาห์ใหม่สำหรับร้านกอร์ดอนเทเลอร์ควรจะเหมือนเดิม แต่ทว่ากระปุกใส่ใบชาที่ทำจากงาช้างเจ้ากรรมใบนั้นกลับแผลงฤทธิ์มากกว่าที่คิด มันทำให้มิสซิสมาร์ธาพร่ำเพ้อถึงการหาซื้อชุดน้ำชาชุดใหม่ เพื่อให้ ‘สมฐานะ’ กับกระปุกใส่ใบชา แม้ว่ากอร์ดอนกับเดวิดจะพยายามอธิบายว่ามันไม่น่าจะเกี่ยวกัน แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความคิดของหญิงผู้ดูแลบ้านได้ พอถึงเช้าวันจันทร์ เธอก็ออกไปเลือกซื้อชุดน้ำชาตั้งแต่หลังมื้อเช้า และทิ้งให้กอร์ดอนต้องต้มน้ำชงชาเอง เรื่องน่าจะจบลงในเย็นวันนั้น เมื่อมิสซิสมาร์ธาได้ชุดน้ำชาที่ถูกใจ แต่เธอกลับกลับมามือเปล่า ดังนั้นในบ่ายวันอังคาร กอร์ดอนจึงต้องต้มน้ำชงชาเองเป็นวันที่สอง

                “โอย คุณโอเดนเบิร์ก” เดวิดครางขึ้นมาในช่วงสายของเช้าวันพุธ หลังจากที่ไม่อาจเหนี่ยวรั้งมิสซิสมาร์ธาให้หยุดตามหาชุดน้ำชาในฝันได้ “ถ้าวันนี้มิสซิสมาร์ธายังไม่ได้ชุดน้ำชาที่ ‘สมฐานะ’ กับกระปุกชานั่นอีก พวกเราไม่ต้องต้มน้ำชงชาเองกันทั้งปีหรือครับ?”

                “มันคงไม่ขนาดนั้นหรอก” กอร์ดอนพยายามปลอบ “เธอคงหามันเจอสักวัน”

                เด็กหนุ่มร้องอย่างสิ้นหวัง “ผมไม่เห็นอนาคตในคำว่า ‘สักวัน’ ของคุณเลยครับ” พูดจบเขาก็ถอนใจเฮือก “ผมไม่เห็นว่ากระปุกชานั่นมันจะวิเศษวิโสตรงไหน ก็แค่ทำมาจากงาช้างเท่านั้น ผมไม่เถียงหรอกว่ามันสวยดี แต่มันไม่ควรจะมีอิทธิพลต่อมิสซิสมาร์ธาขนาดนี้”

                “เอาน่ะ มันอาจจะมีอิทธิพลเฉพาะกับผู้หญิงก็ได้” กอร์ดอนว่า แต่อีกไม่กี่นาทีถัดมา เขาก็ได้รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดออกไปนั้นผิดถนัด

                “โอ อรุณสวัสดิ์ครับท่านลอร์ด มีธุระอะไรหรือครับ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เอ่ยทักช่างตัดเสื้อที่เพิ่งเดินออกมาจากด้านหลังร้าน แล้วพูดต่อด้วยท่าทางร้อนใจ “คุณยังไม่ดื่มชาใช่ไหม? โอ้ ให้ตาย ผมมาช้าไปหลายวันมาก เพราะผมแทบไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องชาเลย”

                กอร์ดอนอ้าปากค้างด้วยความงุนงง แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ชายสองคนก็ทยอยขนกล่องไม้ใบเล็กที่ใช้สำหรับใส่ของหลายใบเข้ามาในร้าน ลอร์ดโทรว์บริดจ์ชี้มือให้วางพวกมันเอาไว้บนโต๊ะ ก่อนจะพูดต่อ

                “ผมคิดว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุด แต่... โอ ทำไมผมเพิ่งคิดได้นะ ผมควรจะให้คุณไปเลือกเอง” พูดจบเขาก็หันไปหาเดวิด “ไปหยิบเสื้อโค้ทมาให้เขา พวกเราจะต้องรีบไป”

                “เดี๋ยวนะครับ ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น จนกว่าคุณจะอธิบายว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แล้วกล่องพวกนี้เป็นกล่องอะไร” กอร์ดอนนึกดีใจที่เขาพูดแทรกขึ้นได้ในที่สุด ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันมองช่างตัดเสื้อ

                “คุณไม่รู้หรอกหรือ โอ... จริงสิ ผมยังไม่ได้บอกคุณ พวกนี้เป็นชุดน้ำชา”

                “หา?!” กอร์ดอนกับเดวิดร้องขึ้นพร้อมกัน เอิร์ลหนุ่มขมวดคิ้ว

                “ทำไมพวกคุณต้องทำหน้าแปลกใจขนาดนั้นด้วย?”

                “คือผมไม่คิดว่ามันจะเป็นชุดน้ำชา” กอร์ดอนพูดออกมาตามตรง เดวิดพยักหน้าแล้วพูดเสริม

                “ใช่ครับ เราเพิ่งเสียคนดูแลบ้านไปเพราะเรื่องชุดน้ำชานี่แหละ”

                “อะไรนะ?!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์มีสีหน้าตกใจ กอร์ดอนจึงต้องรีบพูดต่อ

                “ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรหรอกครับ คือมิสซิสมาร์ธาพยายามออกไปตามหาชุดน้ำชาที่ ‘สมฐานะ’ กับกระปุกชาใบใหม่ของเรา แล้วทิ้งให้ผมต้องต้มน้ำชงชาเองมาสองวันแล้ว จนเดวิดคิดว่าคงไม่มีวันที่เธอจะหาชุดน้ำชาในฝันเจอ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า ก่อนจะพูดต่อ “งั้นหวังว่าเธอคงจะถูกใจกับชุดน้ำชาที่ผมซื้อมา แต่บอกไว้เลยนะว่าผมไม่ได้หาชุดน้ำชาที่ ‘สมฐานะ’ กับกระปุกชานั่น แต่ผมตั้งใจหาชุดน้ำชาที่ ‘เลอค่า’ กว่าต่างหาก”

                “เดี๋ยวนะครับ” กอร์ดอนพูดแทรกขึ้นอีกครั้ง “คุณมานี่เพราะกระปุกชาใบนั้นหรือ?”

                “แน่นอน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า ก่อนจะพูดต่อ “ถ้าคุณจะไม่ออกไปเลือกชุดน้ำชาใหม่กับผม ก็ควรจะแกะดูของที่อยู่ในกล่องก่อน”

                “ผมคิดว่านั่นคือสิ่งแรกที่ผมควรทำเลยล่ะ” กอร์ดอนพูด ก่อนจะนั่งลงบนโซฟา แล้วมองกล่องไม้พวกนั้น ทุกใบประทับตราดอกแม็กโนเลียสามดอก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของร้านขายเครื่องเคลือบที่ดีที่สุดในลอนดอน แน่นอนว่าไม่ใช่ร้านในระดับที่คนแบบกอร์ดอนจะเดินเข้าไปเลือกซื้อชุดน้ำชาแน่ และเมื่อแกะกล่องใบแรกออกมา ช่างตัดเสื้อก็ต้องร้องครางด้วยความประทับใจ

                “พระเจ้า... มันสวยมาก”

                ที่อยู่ในมือของกอร์ดอนคือถ้วยชาแบบฝรั่งเศสที่เขียนลายดอกไม้อ่อนช้อยสวยงาม หูจับและปากแก้วเป็นสีทองสุกอร่าม ได้ยินเสียงเดวิดครางฮือ

                “สวยอย่างกับฝันไปแน่ะ”

                ใบหน้าของลอร์ดโทรว์บริดจ์ค่อยมีรอยยิ้มขึ้นมาหน่อย “คุณแกะดูให้ครบสิ ผมซื้อมาทั้งชุดนั่นล่ะ”

                กอร์ดอนและเดวิดจึงช่วยกันแกะกล่องไม้ที่เหลือ ชุดน้ำชาที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ซื้อมาเป็นเครื่องเคลือบอย่างดี ประกอบด้วย ถ้วยชาและจานรองอย่างละห้า กาน้ำชาหนึ่ง กาใบเล็กสำหรับใส่นมหนึ่ง กระปุกสำหรับใส่น้ำตาลหรือน้ำผึ้งอีกสอง และชั้นสำหรับวางของว่างสามชั้นแบบถอดแยกชิ้นได้อีกหนึ่งอัน ทั้งหมดเขียนสีและเคลือบทองเป็นเงาสุกอร่าม พอวางเรียงกันบนโต๊ะรับแขกแล้วก็ทำให้ร้านของกอร์ดอนดูหมองไปถนัด

                “เป็นไงบ้าง พอใช้ได้มั้ย?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามด้วยสีหน้าคาดหวัง “ผมคิดว่าชุดนี้ดูดีที่สุดในร้านแล้ว ที่จริงที่บ้านผมมีที่สวยกว่านี้ แต่มันเป็นของแม่ผม”

                “โอ... ยังมีที่งามกว่านี้อีกหรือครับเนี่ย” เดวิดครางอย่างไม่อยากเชื่อ “แค่ที่อยู่ตรงนี้ผมก็ว่ามันสวยเหลือเชื่อแล้วล่ะครับ”

                “งั้นหรือ...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ส่งเสียงในคอแล้วยิ้มน้อยๆ “กอร์ดอน คุณคิดว่าไง? ชอบมั้ย?”

                “โอ ท่านลอร์ด ผมว่ามันดูดีเกินกว่าที่จะมาอยู่ที่ร้านผมด้วยซ้ำ” ช่างตัดเสื้อคราง “ผมคงไม่กล้าใช้”

                “เหลวไหลน่า มันก็แค่ถ้วยชา” ลอร์ดหนุ่มมีสีหน้าไม่พอใจขึ้นมา เขาโบกมือไล่เดวิดออกไป “ถ้าไม่ชอบผมจะหาชุดใหม่มาให้”

                “โอ ไม่ครับ ผมชอบมันมาก เพียงแต่...”

                ไม่รอให้ช่างตัดเสื้อพูดอะไรมากกว่านั้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์ชิงพูดขึ้นต่อ “ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น ถ้าคุณรับกระปุกใส่ใบชาของไมครอฟได้ คุณก็ไม่ควรจะมีข้อแม้กับชุดน้ำชาของผม เว้นเสียแต่คุณไม่ชอบมัน”

                กอร์ดอนสั่นศีรษะ “เปล่าครับ มันสวยมาก”

                “แล้วคุณชอบรึเปล่า?”

                “โอ... สวยขนาดนี้ ผมคงไม่ชอบไม่ได้หรอกครับ” กอร์ดอนว่า “มันเป็นชุดน้ำชาที่สวยที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา ผมชอบครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้มกว้าง “ผมรอฟังแค่คำนี้จากปากคุณเท่านั้นแหละ” พูดจบเขาก็ตะโกนเรียกเดวิด “มาเถอะ ได้เวลาน้ำชาแล้ว ถ้าคุณไม่กล้าใช้ ก็ให้ผมใช้แล้วกัน”

--------------------------

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog

                กอร์ดอนต้มน้ำชงชาให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ โดยใช้ชุดน้ำชาที่เพิ่งได้มาใหม่ ขณะที่เขากำลังรินน้ำชาให้ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็พูดขึ้นมา “เราน่าจะอยู่กันในสวนที่บ้านผม คุณกับชุดน้ำชานี่ดูสวยเข้ากันมาก”

                ช่างตัดเสื้อหัวเราะ “ขอบคุณครับ ผมจะถือว่านั่นเป็นคำชมแล้วกัน”

                “ผมไม่เคยชมใครแบบนี้หรอกนะ” ลอร์ดหนุ่มว่า แล้วยกชาขึ้นมาจิบ “ขอผมดูกระปุกชางาช้างของไมครอฟหน่อยสิ อยากรู้ว่าสวยขนาดไหน เขาบอกผมว่ามันสวยมาก”

                กอร์ดอนเดินไปหยิบกระปุกชาใบนั้นมาให้เขา ลอร์ดโทรว์บริดจ์หยิบมันขึ้นมาพลิกดู ก่อนจะถอนใจ “มันสวยมากจริงๆ มิน่าเล่า เขาถึงกระหยิ่มยิ้มย่องนักตอนพูดถึงมัน”

                “เอ่อ... ผมขอถามหน่อยนะ” กอร์ดอนพูดแทรกขึ้นมา เอิร์ลหนุ่มหันมามองเขา “ว่ามาสิ”

                ช่างตัดเสื้อมองกระปุกใส่ชา สลับกับถ้วยชาที่วางอยู่ ก่อนจะพูดต่อ “คุณมาเพราะเรื่องกระปุกชาใบนี้จริงๆ หรือครับ?”

                “ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ผมเจอสองพี่น้องเมอร์เรย์ที่โบสถ์เมื่อวันอาทิตย์ แมกซ์เล่าให้ผมฟังแล้ว เรื่องที่คุณถูกไมครอฟหลอกต้มเสียเปื่อย ความจริงผมผิดเองที่ไม่ได้บอกคุณไว้ก่อนว่าพวกเขาสองคนเป็นฝาแฝดกัน”

                “ไม่เป็นไรหรอกครับ” กอร์ดอนว่า “มันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดเล็กน้อย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ “ไม่ อย่างไมครอฟไม่เรียกเข้าใจผิดหรอก เขาป่วนมากสมัยยังอยู่ลอนดอน ผมหงุดหงิดมากตอนรู้ว่าเขาถือวิสาสะฉุดคุณขึ้นรถม้า แถมยังกำนัลคุณด้วนกระปุกนี่อีก เขาทำให้ผมไม่รู้สึกวางใจเลยแม้แต่นิดเดียว”

                “โอ...” กอร์ดอนครางออกมา “ผมเป็นผู้ชาย จอห์น ลอร์ดฟาริงดอนคงไม่...”

                อีกฝ่ายยกมือห้าม ก่อนจะพูดแทรก “ไมครอฟเป็นพวกที่มีวิธีคิดไม่เหมือนชาวบ้าน ผมไม่ได้หมายความว่าเขาบ้าหรือผิดปกติ แต่คุณใช้มาตรฐานทั่วไปตัดสินความคิดเขาไม่ได้หรอก”

                พูดจบเขาก็ถอนใจเฮือก “เขาดูระรื่นใจมากที่ได้ให้ของมีค่ากับคุณตัดหน้าผม ให้ตาย... กอร์ดอน ผมละอายใจจริงๆ ที่ไม่เคยให้อะไรมีค่ากับคุณเป็นชิ้นเป็นอันเลย แค่เพราะความกลัวแท้ๆ”

                ช่างตัดเสื้อรีบพูดแทรกขึ้น “ไม่เลยจอห์น คุณได้ให้สิ่งมีค่าเกินกว่าสิ่งใดในโลกกับผมแล้ว ตั้งแต่พวกเราได้พบกัน ไม่มีของมีค่าอะไรสำคัญสำหรับผมเท่าคุณหรอกครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มออกมา เขายื่นมือไปดึงมือของช่างตัดเสื้อมากุมไว้ “ผมรู้ว่าคุณไม่ใช่คนโลภเห็นแก่สิ่งของแบบนั้น แต่ผมอดหงุดหงิดไม่ได้จริงๆ ที่มีคนให้ของขวัญคุณตัดหน้าผม มันอาจจะเป็นความคิดที่พิลึกมากก็ได้ แต่ผมอยากเป็นที่หนึ่งในทุกเรื่องของคุณ บอกผมสิ ชุดน้ำชาของผมกับกระปุกใส่ชาของไมครอฟคุณชอบอะไรมากกว่ากัน”

                กอร์ดอนยิ้มออกมา “ผมชอบคุณที่สุดครับ ต่อให้ไม่มีชุดน้ำชา ผมก็ยังชอบคุณอยู่ดี”

                เอิร์ลหนุ่มบีบมือช่างตัดเสื้อ แล้วหน้าแดงด้วยความขัดเขิน “ที่จริงแล้วยังมีอีกอย่างที่ทำให้ผมต้องทอดเวลามาถึงวันนี้ ทั้งๆ ที่ผมตั้งใจจะเอาชุดน้ำชาชุดนี้มาให้คุณตั้งแต่วันจันทร์แท้ๆ”

                เขาล้วงมือห่อกระดาษทรงยาวออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูท แล้วยื่นให้คู่สนทนา

                “แกะดูสิ”

                ช่างตัดเสื้อค่อยๆ แกะห่อกระดาษออก ก่อนจะอุทานด้วยความตื่นเต้น “ว้าว...”

                ที่อยู่ในห่อกระดาษคือกรรไกรสำหรับตัดเสื้อขนาดสิบเอ็ดนิ้วที่หุ้มด้ามจับด้วยงาช้างทั้งอัน กอร์ดอนลูบคลำมันด้วยดวงตาเป็นประกาย เขาพูดอะไรไม่ออกอยู่นาน ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้มด้วยความปลื้มใจ

                “คุณชอบใช่ไหม?”

                “โอ... แน่นอนครับ” กอร์ดอนตอบโดยที่ไม่ยอมละสายตาจากกรรไกร “นี่มันตราของร้านที่ผมซื้อประจำนี่นา”

                “อ้อ งั้นหรือ ช่างอีกคนที่พ่อผมตัดเสื้อด้วย บอกว่ากรรไกรที่นี่ดีที่สุด”

                กอร์ดอนพยักหน้า “ครับ มันคมและใช้ตัดผ้าได้นานมาก ไม่ต้องส่งไปลับบ่อยๆ ว่าแต่ผมไม่เคยเห็นเขา

ขายแบบที่มีด้ามเป็นงาช้างเลย”

                “เขาก็ไม่ได้ขายหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มเขินๆ “ผมซื้อกรรไกรมาแล้วเอาไปสั่งทำด้ามหุ้มต่างหากน่ะ มันเพิ่งเสร็จเมื่อเช้านี้เอง ตอนแรกผมตั้งใจจะให้เขาแกะลายให้ละเอียดกว่านี้ แต่เวลามันจำกัด อีกอย่างช่างบอกผมว่า ถ้าใช้งานจริง การที่มีลวดลายตะปุ่มตะป่ำมากไปจะทำให้ระคายมือ ผมเลยให้เขาทำแบบที่จับสบายมือที่สุด”

                “โอ... มิน่าล่ะครับ ผมถึงไม่เคยเห็น” กอร์ดอนคราง เขาลองสอดมือเข้าไปในกรรไกรแล้วง้างมันเข้าออก เสียงเหล็กเนื้อดีเสียดกันดังรื่นหูในความรู้สึกของช่างตัดเสื้อ

                “งาช้างให้สัมผัสที่ดีมากที่ดีมาก ผมเสียดายถ้าจะต้องหุ้มผ้าเอาไว้อีกชั้นเพื่อลดแรงเสียดสี กรรไกรอันนี้ควรจะอยู่ในตู้โชว์ มันสวยมากจริงๆ”

                “เป็นไปได้ผมอยากให้คุณใช้มันนะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “คุณจะได้คิดถึงผมทุกครั้งที่ตัดเสื้อ จะหุ้มผ้าหรืออะไรผมไม่ว่าหรอก แค่คุณใช้มันก็พอ”

                กอร์ดอนพยักหน้า ก่อนจะหัวเราะออกมา “ผมคงเป็นช่างคนแรกที่ใช้กรรไกรที่มีด้ามทำจากงาช้าง ฟังดูร่ำรวยพิลึก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้ม “อันที่จริงถ้าพระเจ้าเมตากว่านี้ คุณควรจะได้เป็นเคาน์เตสแห่งโทรว์บริดจ์แล้วล่ะ ผมรับประกันเลย”

                “ฮะๆ อย่าพูดเลยครับ เดี๋ยวผมจะเสียใจที่เกิดมาเป็นผู้ชายเข้าจริงๆ”

                “.....”

                ความเงียบเกิดขึ้นชั่วอึดใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบพูดขึ้นต่อ “โอ... กอร์ดอน ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณรู้สึกไม่ดี”

                ช่างตัดเสื้อพยักหน้า “ครับ ผมรู้” พูดจบเขาก็ถอนหายใจแล้วยิ้ม “ดื่มชาเถอะครับ เดี๋ยวจะเย็นเสียหมด”

                “กอร์ดอน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ฉวยมือช่างตัดเสื้อไว้ ฝ่ายนั้นมองเขา

                “ผมไม่เป็นไรครับ ไม่ว่ายังไงผมก็เปลี่ยนเรื่องที่ตัวเองเป็นผู้ชายไม่ได้หรอก แค่ที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ดีสำหรับผมมากแล้วล่ะครับ”

                ลอร์ดหนุ่มมองฝ่ายนั้นอยู่พัก ก่อนจะก้มลงจูบมือที่กุมไว้ “ไม่ว่าผมจะหลุดปากพูดอะไรออกไป ขอให้คุณรู้ไว้ ว่าไม่ว่าคุณจะเป็นอะไร ความรู้สึกของผมก็ยังคงเหมือนเดิม”

                กอร์ดอนพยักหน้าแล้วยิ้ม “ครับ ผมเชื่อคุณ”

--------------------

                มิสซิสมาร์ธาดีใจจนแทบลมจับ เมื่อได้เห็นชุดน้ำชาของลอร์ดโทรว์บริดจ์

                “โอ... ดิฉันพลาดมากที่ไม่ได้อยู่ที่นี่วันนี้” เธอครางขณะลูบคลำชุดน้ำชาพวกนั้นด้วยความตื่นเต้น “คุณช่างโชคดีจริงๆ คุณโอเดนเบิร์ก ท่านลอร์ดดูจะถูกชะตากับคุณมาก โอ.... ดูสิคะ มันช่างงามเหลือเกิน ดิฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่าเราจะมีชุดน้ำชาที่สวยขนาดนี้ได้”

                “ดีใจที่คุณชอบมันนะ” กอร์ดอนพูดยิ้มๆ “ต้องขอบคุณลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่ทำให้ผมไม่ต้องต้มน้ำชงชาเองอีกต่อไป”

                มิสซิสมาร์ธาหน้าแดงด้วยความละอายใจ “ดิฉันขอโทษจริงๆ ค่ะ ที่ทิ้งพวกคุณไปถึงสามวัน แต่ โอ... มันสวยจริงๆ นะคะเนี่ย ดิฉันจะเก็บเอาไว้ใช้เวลาท่านลอร์ดกับเพื่อนๆ ของเขาแวะมาดื่มชาที่ร้านคุณ เพื่อเป็นการให้เกียรติเขา”

                “ผมว่าเขาคงยินดีมากเลยล่ะ” กอร์ดอนว่า มิสซิสมาร์ธาถอนใจ

                “ดิฉันว่าเราควรจะเปลี่ยนผ้าปูโต๊ะด้วย จะได้เหมาะสมกับชุดน้ำชาหน่อย”

                กอร์ดอนกับเดวิดมองหน้ากัน ก่อนที่ฝ่ายแรกจะพูดออกมา “ผมจะเป็นคนออกไปซื้อเอง ตกลงนะ”

                หญิงผู้ดูแลบ้านหัวเราะเขินๆ “ทราบแล้วล่ะค่ะ รับรองว่าดิฉันจะไม่ทิ้งให้คุณต้องต้มน้ำชงชาเองอีกแล้ว”

-------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์แวะมารับกอร์ดอนในช่วงเย็นเพื่อไปกินมื้อค่ำ เขาดูมีความสุขมากเมื่อได้รู้ว่ามิสซิสมาร์ธาชื่นชอบชุดน้ำชาของเขา

                “ผมอนุญาตให้เธอกับเดวิดใช้ชุดน้ำชาชุดนั้นได้”

                “โอ พวกเขาคงจะดีใจมาก” ช่างตัดเสื้อพูด พวกเขามากินมื้อเย็นที่ภัตตาคารหรูอีกแห่ง เพราะหลังจากขึ้นชกมวยการกุศลให้ลอร์ดควีนสเบอรี่เมื่อกลางเดือนก่อน ไม่ว่าจะเดินเข้าร้านไหนก็มีแต่คนจำเขาได้ทั้งนั้น ดังนั้นท่านเอิร์ลจึงตัดปัญหาโดยการเลือกใช้บริการของภัตตาคารหรูที่มีห้องรับประทานอาหารส่วนตัวแทน ซึ่งส่งผลดีคือทำให้พวกเขาพูดคุยกันได้สะดวกขึ้น แต่เวลาเดินเข้าภัตตาคารพวกนี้ทีไร กอร์ดอนก็รู้สึกหายใจไม่ออกทุกทีทุกที

                “สองคนนั้นใกล้ชิดกับคุณ ผมต้องซื้อใจพวกเขาไว้บ้าง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดพลางยกไวน์ขึ้นมาจิบ “แต่ไมครอฟแสบมากที่ให้กระปุกใส่ชาที่ทำจากงาช้างเป็นของขวัญกับคุณ เขาคงเดาได้ว่าคุณต้องมีบางอย่างพิเศษสำหรับผม เพราะคุณบอกว่าผมเคยดึงคุณขึ้นรถ ซึ่งผมไม่เคยทำแบบนั้นกับใครเลย”

                “โอ ผมผิดเองที่หลุดปากพูดออกไปแบบนั้น” กอร์ดอนพูดด้วยความละอายใจ ลอร์ดหนุ่มรีบพูดขึ้นต่อ

“ไม่ใช่ความผิดคุณหรอก คุณคิดว่าเขาเป็นแมกซ์นี่นา เพื่อนผมหลายคนก็เคยพลาดท่าเล่าความลับให้เขาฟังเพราะเข้าใจผิดเหมือนกัน เขาเป็นตัวป่วนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว”

“พวกเขาสองคนเหมือนกันมาก ผมแยกไม่ออกเลยว่าใครเป็นใคร”

“เกือบจะไม่มีใครแยกสองคนนั้นออก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ขนาดเพื่อนร่วมชั้นเรียนยังเรียกสลับกันบ่อยๆ เลย”

กอร์ดอนมองหน้าลอร์ดหนุ่ม “ท่าทางเหมือนคุณไม่ค่อยชอบเขา”

คนถูกถามยักไหล่ “แน่นอน คุณเองก็คงเห็นแล้วว่าเขาไม่ใช่คนที่น่าประทับใจเท่าไหร่ แต่ผมกับเขาไม่ได้เกลียดกันหรอก พวกเราแค่ไม่กินเส้นกันเฉยๆ”

“ฟังดูไม่ค่อยต่างกันนะครับ” กอร์ดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ

“เขาเป็นพี่ชายฝาแฝดของแมกซ์ และพวกเขาสองพี่น้องก็รักกันมาก แค่นี้ผมก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องเกลียดไมครอฟแล้วล่ะ”

“แล้วลอร์ดฟาริงดอนชอบคุณรึเปล่าครับ?”

“ผมว่าเขาน่าจะรู้สึกเหมือนกันกับผมนะ” ท่านเอิร์ลพูดแล้วยักไหล่ “คุณไม่ต้องกังวลไปหรอก ด้วยนิสัยอย่างไมครอฟ เขาทนอยู่ลอนดอนนานไม่ได้แน่ โดยเฉพาะเมื่อในลอนดอนมีพ่อของเขาอยู่”

--------------------------

                ทั้งคู่กินอาหารเสร็จก็นั่งรถม้าไปที่สโมสร พอขึ้นไปถึง ก็พบลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กำลังทุ่มเถียงกับออตโตมาน คนเฝ้าประตูอย่างเอาเป็นเอาตาย

                “โอ สวรรค์โปรด นายมาพอดีเลยจอห์นนี่ ช่วยบอกเขาทีว่าฉันคือลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตัวจริง”

                “เขาไม่มีแหวนประจำตัว” ออตโตมานว่า “ผมทำตามที่คุณสั่งครับท่านลอร์ด ผมให้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ที่ไม่มีแหวนเข้าไปไม่ได้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์คราง “แมกซ์ เกิดอะไรขึ้น แหวนประจำตัวของนายหายไปไหน?”

                “ไมกี้หยิบมันไปน่ะซี่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ฉันควรจะคิดได้ก่อนว่าเขาจะมาไม้นี้”

                “แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหน?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบถามต่อทันที ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์บุ้ยหน้าไปทางประตู “เขามาถึงนี่ก่อนฉัน ออตโตมานเปิดประตูให้เขาเพราะมีแหวน”

                “โอ ให้ตาย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์คราง ก่อนจะหันไปหาคนเฝ้าประตู “แกพลาดแล้วออตโตมาน แต่ฉันไม่โทษแกหรอก แกทำดีที่สุดแล้ว เปิดประตูเถอะ ป่านนี้เขาคงกำลังสนุกได้ที่เลยล่ะ”

                ออตโตมานรีบเปิดประตูให้ทั้งสามคนทันที พอเข้าไปในห้องก็เห็นลอร์ดฟาริงดอนกำลังนั่งคุยกับคนอื่นๆ อยู่ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้นทันที

                “ไมกี้ นายคืนแหวนฉันมาเลยนะ”

                เพื่อนๆ คนอื่นๆ หันมามองก่อนจะอ้าปากค้าง ขณะที่ลอร์ดฟาริงดอนหัวเราะชอบใจ “จอห์น ทำไมนายไม่มาช้ากว่านี้อีกสักห้านาทีล่ะ ฉันกำลังสนุกเลย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์อ้าปาก แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ลอร์ดฟาริงดอนก็ชักดาบออกมาจากไม้เท้า แล้วฟันใส่เขาทันที ลอร์ดโทรว์บริดจ์ผลักกอร์ดอนออก แล้วดึงดาบออกจากไม้เท้าของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ เสียงโลหะมีคมกระทบกันดังก้องไปทั่วห้อง เพื่อนๆ พากันหลบฉากออกไป ขณะที่การดวลดาบอย่างกะทันหันเริ่มต้นขึ้น

                ทั้งสองหนุ่มฟาดดาบใส่กันโดยไพล่มืออีกข้างไว้ด้านหลัง ผลัดกันรุกรับด้วยท่วงท่าสวยงาม แต่เต็มไปด้วยความน่าหวาดเสียว เพราะดาบที่ใช้เป็นดาบจริงไม่ใช่ดาบสำหรับฝึก เสียงใบดาบแหวกอากาศและเสียงปะทะกันของมันดังน่ากลัว การประดาบดำเนินไปราวสิบนาที ท่ามกลางความตื่นเต้นหวาดเสียวของทุกคนที่อยู่ในห้อง เพราะทั้งสองคนมีฝีมือสูสีกัน แต่สุดท้ายลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ไล่ต้อนลอร์ดฟาริงดอนจนหลังพิงฝาได้สำเร็จ

                “เก็บดาบเถอะไมครอฟ ฉันว่าเราคงไม่ต้องสู้กันต่อแล้วล่ะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะลดดาบที่จ่อใบหน้าของคู่ต่อสู้ลง ลอร์ดฟาริงดอนยักไหล่ แต่ก็ยอมเก็บดาบโดยดี

                “แย่มากจอห์น ที่นายไม่มีชื่อเสียงด้านฟันดาบ มันทำให้ฉันหงุดหงิดมากเวลาแพ้นาย” ลอร์ดฟาริงดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขา

“ไมครอฟ ฉัน ‘ขอ’ ให้นายคืนแหวนให้แมกซ์แล้วไปซะ นายไม่ใช่สมาชิกของที่นี่”

                “เขาไล่ฉัน แมกกี้ นายยืนดูอยู่เฉยๆ ได้ไง” ลอร์ดฟาริงดอนหันไปหาน้องชาย ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สั่นศีรษะ

                “เขา ‘ขอ’ นายอย่างสุภาพ ไมกี้ และฉันก็กำลังจะขอนายเหมือนกัน คืนแหวนให้ฉันเถอะ”

                “ไม่” ลอร์ดฟาริงดอนพูด ก่อนจะเดินไปรินวิสกี้ให้ตัวเอง แล้วนั่งปุลงบนเก้าอี้ วางท่าราวกับว่าเขาเป็นเจ้าของห้องนั้น “ฉันจะยังไม่คืนนายตอนนี้ เพราะฉันยังสนุกไม่พอเลย”

                พูดจบเขาก็หันไปมองช่างตัดเสื้อ “โอ... สายัณห์สวัสดิ์คุณโอเดนเบิร์ก คุณก็เป็นสมาชิกที่นี่ด้วยหรือ” พูดจบลอร์ดฟาริงดอนก็ยกยิ้มที่มุมปากอย่างมีนัยยะ “กระปุกชาวันก่อนเป็นไง คุณชอบมันมั้ย?”

                “ครับ...” กอร์ดอนพยักหน้ารับตามมารยาท ลอร์ดฟาริงดอนพูดต่อ

                “ที่จริงผมคิดว่าควรจะหาชุดน้ำชาที่เข้าคู่กับมันให้คุณสักชุด แต่คิดว่าคงมีคนหาให้คุณแทนผมแล้วล่ะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มีสีหน้าไม่พอใจกว่าเดิม “ไมครอฟ ฉันขอนาย คืนแหวนให้แมกซ์แล้วไปซะ ก่อนที่ฉันจะต้องเสียมารยาทกับนายจริงๆ”

                ลอร์ดฟาริงดอนยกแก้ววิสกี้ขึ้นจิบอย่างไม่รู้ทุกข์รู้ร้อน “รีบไปไหนเล่า ที่จริงนายทำให้ฉันประหลาดใจทุกครั้งนะจอห์น นายแยกฉันกับแมกกี้ออกได้ยังไง ทั้งๆ ที่คนในบ้านของเรายังเกือบจะไม่มีใครแยกออกด้วยซ้ำ”

                “ท่าทางพวกนายต่างกัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ที่จริงแล้วนอกจากรูปร่างหน้าตา ที่เหลือพวกนายก็ไม่เหมือนกันเลยสักนิด”

                ยังไม่ทันที่ลอร์ดฟาริงดอนจะพูดอะไรตอบ ประตูก็ถูกเปิดเข้ามา พร้อมกับเสียงโวยวายของลอร์ดจอร์จ เฟลตัน

                “แย่ที่สุด! ออตโตมานทำให้ฉันพลาดเรื่องเด็ด ฉันได้ยินเสียงฟันดาบ แต่เขาไม่ยอมให้ฉันเข้ามา กลัวว่าจะมีอันตราย โอ๊ย เขาทำอย่างกับว่าฉันจะโง่เดินเข้าไปถูกดาบฟันงั้นแหละ” พูดจบเขาก็เบนสายตามามองลอร์ดฟาริงดอนที่นั่งจิบวิสกี้อยู่ “แล้วนั่นนายแพ้อีกแล้วใช่ไหมล่ะไมครอฟ ฉันเห็นท่าจิบวิสกี้นายก็รู้ว่านายต้องแพ้จอห์นนี่แบบหมดท่าอีกแล้วแน่ๆ”

                “ให้ตายจอร์จ ทำไมไม่มีใครบอกนายว่าอย่าพูดเรื่องที่นายยังไม่เห็นกับตา” ลอร์ดฟาริงดอนพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะ

                “ถึงฉันไม่เห็นแต่รู้ว่าจริงแน่ มีใครรวมถึงนายกล้าพูดมั้ยล่ะว่าไม่จริง”

                “......”

                “ไงล่ะไมครอฟ ยอมรับความจริงเถอะน่า นายสู้จอห์นนี่เรื่องฟันดาบไม่ได้ สู้เขาเรื่องรักบี้ก็ไม่ได้ นายน่าจะลองต่อยมวยกับเขาดูนะ แต่ฉันก็รู้สึกว่านายคงสู้เขาไม่ได้อยู่ดี”

                “ให้ปิศาจจับนายไปกินเลย” ลอร์ดฟาริงดอนเค้นเสียง “ทำไมนายมาโผล่ที่นี่ได้ ฉันคิดว่าวันนี้นายจะหยุด”

                “ฉันเป็นคนที่ไม่เคยขาดประชุมสโมสร” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดอย่างร่าเริง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้นมา

                “ที่จริงฉันว่าเราควรประหลาดใจเรื่องที่จอร์จแยกพวกเราออกได้มากกว่านะไมกี้ เขาไม่ต้องเสียเวลาคิดก็รู้ว่านายนั่งอยู่ตรงนั้น”

                “ไม่มีอะไรทำให้ฉันประหลาดใจได้เท่ากับการมีอยู่บนโลกของเขาอีกแล้ว” ลอร์ดฟาริงดอนพูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง “ฉันไม่รู้ว่านายมีชีวิตมาอยู่จนถึงทุกวันนี้ได้ยังไงจอร์จ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยักไหล่ “ฉันก็อยู่มาได้เหมือนกับนายนั่นแหละ” พูดจบเขาก็ยิ้มที่มุมปาก “นายหงุดหงิดเพราะฉันพูดแทงใจดำนายล่ะสิ บอกให้ฟังอีกรอบนะไมครอฟ พวกนายสองพี่น้องน่ะแยกออกง่ายจะตาย ต่อให้ฉันหลับตายังชี้ถูกเลยว่านายอยู่ตรงไหน เพราะกลิ่นความร้ายกาจของนายมันแตะจมูกฉันน่ะ”

                “แมกกี้ เอาแหวนของนายคืนไปเลย” ลอร์ดฟาริงดอนพูดออกมาอย่างทนไม่ไหว เขาถอดแหวนที่นิ้วก้อยซ้ายส่งให้ลอร์ดน้องชาย ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รับมาแล้วยื่นแหวนอีกอันคืนให้เขา ลอร์ดพี่ชายรับมาสวมแล้วผุดลุกขึ้น “ลาก่อน ขืนอยู่ที่นี่ต่ออีกนาทีเดียว ฉันต้องฆ่าคนตายแน่”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะชอบใจ “อย่าโมโหไปเลยน่าไมครอฟ ถ้านายยอมดวลเปียโนกับฉันสักเพลง นายอาจจะรู้สึกดีกับฉันขึ้นมาหน่อยก็ได้”

                ลอร์ดฟาริงดอนปิดประตูดังปึง พวกที่เหลือในห้องพากันถอนหายใจอย่างโล่งอก เจมส์หันมามองลอร์ดจอร์จ เฟลตันอย่างชื่นชม

                “จอร์จจี้ นายมีประโยชน์ที่สุดเวลาลอร์ดฟาริงดอนโผล่มาป่วนนี่แหละ”

                “นายชมฉันรึเปล่าเนี่ยเจมส์?” คนถูกชมถามอย่างไม่แน่ใจนัก เจมส์พยักหน้า “แน่นอนจอร์จจี้ ฉันชมนายจากใจจริงเลย”

                “ให้ตาย ที่ไมครอฟทำเมื่อกี้ทำฉันใจหายใจคว่ำมาก” ลอร์ดครอฟตันบ่น “เขาเป็นบ้าอะไร ทำไมจู่ๆ ถึงฟันดาบใส่จอห์นนี่แบบนั้น”

                “เขาเป็นแบบนั้นแหละ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “เขาเคยดวลดาบแพ้จอห์นนี่ตั้งแต่สมัยเรียน หลังจากนั้นเขาจะพยายามแก้มือทุกครั้งที่มีโอกาส”

                “ใช่ แล้วเขาก็แพ้ตลอด” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ก่อนจะพูดต่อ “ว่าแต่ตะกี้พวกนายใช้ดาบจริงสู้กันหรือ? ไมครอฟพกดาบเข้ามาได้ไง”

                “เขาก็ซ่อนมันไว้ในไม้เท้าเหมือนฉันนี่แหละ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เฉลย ก่อนจะพูดต่อ “เรื่องดาบในไม้เท้าของเราสองคนเป็นความลับนะ พวกนายห้ามเอาไปเล่าต่อล่ะ”

                “บอกช้าไปหน่อยมั้งแมกซ์” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “ทั้งลอนดอนรู้กันหมดแล้วว่านายพกดาบเอาไว้ในไม้เท้า ตั้งแต่เรื่องที่บาร์ไม่มีชื่อวันก่อน”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเพื่อนอย่างอดทน “พวกนั้นไม่รู้ว่าเป็นฉัน ขอร้องล่ะจอร์จจี้ ห้ามเล่าให้ใครฟังโดยระบุชื่อฉันหรือไมกี้เด็ดขาด เข้าใจไหม?”

                “ตกลงแมกซ์ ฉันจะหุบปากให้สนิท” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า ก่อนที่อีธานจะถามขึ้นมา

                “ว่าแต่ทำไมวันนี้มาช้านักล่ะจอร์จจี้ นายทิ้งให้พวกเราถูกลอร์ดฟาริงดอนต้มอยู่ตั้งนาน”

                “ฉันกินมื้อเย็นเพลินไปหน่อย” อีกฝ่ายตอบ นิโคลาสถามต่อทันที

                “กับใคร? ให้ฉันทายนะ มาร์กาเร็ตใช่ไหม?”

                “ถูกต้อง นายไม่ต้องทายหรอก ตอนนี้ฉันควงแต่เธอคนเดียวแล้ว”

                “ว้าว” เจมส์ร้องขึ้นมา “พูดจริงรึเปล่าเนี่ยจอร์จจี้ เพราะมาร์กาเร็ตจัดการชู้รักของนายหมดทุกคนแล้วใช่ไหม นายถึงทำตัวเรียบร้อยผิดหูผิดตาแบบนี้”

                “เสียมารยาทจริงเจมส์” ลอร์ดจอร์จเฟลตันเอ็ด “ฉันรักเดียวใจเดียวกับคู่หมั้นตัวเองบ้างไม่ได้หรือไง”

                “โอ้โห นายพูดคำว่ารักเดียวใจเดียวให้ฉันฟังอีกทีสิ ฉันกลัวฟังผิด”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้าหงิก ขณะที่โรเบิร์ตหัวเราะขึ้นมา “เชื่อเขาเถอะเจมส์ ถ้านายได้เห็นเขาตอนพาคู่หมั้นไปเลือกเครื่องเพชร นายจะไม่เชื่อเลยว่าเขาเคยควงผู้หญิงมาแล้วเป็นโหล”

                เพื่อนๆ พากันหัวเราะชอบใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามขึ้นบ้าง “ว่าแต่เจฟยังไม่มาหรือ เขาพลาดเจอไมครอฟนะเนี่ย”

                “เขาโชคดีแล้วล่ะที่พลาด” ลอร์ดครอฟตันว่า “เขาไปดูที่ดินให้พ่อของเขาที่ดาร์บี คงจะค้างคืนที่นั่น ฉันเป็นคนแนะนำเขาเองเรื่องที่ดิน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้น “ฉันต้องขอโทษแทนไมครอฟด้วย เขาเป็นแบบนี้ทุกที”

                “ไม่เป็นไรหรอก มันไม่ใช่ความผิดนาย” เพื่อนๆ พูด ก่อนที่อีธานจะพูดขึ้นต่อ

                “แต่นายต้องระวังเรื่องแหวนมากกว่านี้ พวกนายทั้งคู่ดูเหมือนกันมาก ถ้าไม่มีแหวน ไม่มีใครระบุได้หรอกว่าพวกนายเป็นใคร”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ส่งเสียงตอบรับในคอ “อืม... แต่ฉันคิดว่าเขาคงจะไม่ทำอีกหรอก เขาน่าจะสนุกกับเรื่องนี้พอแล้ว”

                คนอื่นๆ ทำหน้าไม่ค่อยเชื่อนัก โรเบิร์ตพูดขึ้นต่อ “ว่าแต่เขากลับมาลอนดอนทำไม เกี่ยวกับธุรกิจหรือ?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “ฉันกับเขาคิดว่าจะเปิดบริษัทนำเข้าเป็นเรื่องเป็นราว มีสำนักงานจริงจังไปเลย แต่พ่อไม่เห็นด้วย”

                “พ่อนายไม่เคยเห็นด้วยกับทุกอย่างอยู่แล้ว” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้าอย่างปลงๆ

                “ไมกี้กำลังหาทางเจรจาอยู่”

                “ขอให้เขาทำสำเร็จ” เพื่อนๆ ช่วยกันอวยพร

-------------------------------------------


ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
                ขากลับ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นั่งรถม้ากลับมากับลอร์ดโทรว์บริดจ์และกอร์ดอน หลังจากช่างตัดเสื้อลงจากรถไปแล้ว ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็ถามขึ้น

                “นายกับกอร์ดอนไปถึงไหนกันแล้ว พวกนายละเมิดข้อห้ามไปหรือยัง?”

                “ยัง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบอย่างหนักแน่น “ฉันสาบานไว้แล้ว และแน่นอนว่าฉันพยายามรักษาคำสาบานอย่างที่สุด”

                “ดีแล้ว” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “ไมกี้กำลังสงสัยเรื่องของพวกนายสองคน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเพื่อน “ฉันนึกอยู่แล้ว ตั้งแต่เรื่องที่เขาดูระรื่นใจนักที่ให้อวดว่าให้กระปุกงาช้างกับกอร์ดอนที่โบสถ์ เขาสงสัยแค่ไหน?”

                “ขนาดกล้าระบุออกมาว่านายต้องแอบชอบกอร์ดอนเลยล่ะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบ “บางทีฉันก็ทึ่งกับวิธีคิดของไมกี้เหมือนกันนะ เป็นฉันฉันไม่มีทางนึกได้แบบนั้นแน่”

                “เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์ด้านการคาดเดาความรู้สึกของคนอื่นจากท่าทางและการแสดงออก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “พอประกอบเข้ากับวิธีคิดที่แทบจะไม่ต้องอ้างอิงหลักจริยธรรมของเขาแล้ว ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงทำธุรกิจได้รุ่งเรืองนัก”

                “นั่นนายกำลังชมพี่ชายฉันใช่มั้ย?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถามอย่างไม่แน่ใจนัก ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า

                “อ๋อ แน่นอน ฉันคิดว่านั่นเป็นส่วนที่น่าประทับใจที่สุดของเขาเลย” พูดจบลอร์ดหนุ่มก็ถอนหายใจ “แต่มันจะไม่น่าประทับใจอีกต่อไปก็ตรงเขามาสงสัยเรื่องฉันกับกอร์ดอนนี่แหละ”

                “เขาคงอยากจะหาจุดอ่อนของนายมากุมเอาไว้สักเรื่อง” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ไมกี้ไม่ค่อยชอบนายเพราะนายดันไปฟันดาบชนะเขา อันที่จริงแล้วฉันไม่ควรจะให้พวกนายสองคนลองประดาบกันเลย”

                “ฉันจำได้ว่าเขาเสนอตัวขึ้นมาเอง อันที่จริงแล้วตอนนั้นฉันก็ไม่แน่ใจหรอกว่าจะเอาชนะเขาได้ เขาเป็นคนมีพรสวรรค์ด้านการฟันดาบมาก”

                “แต่ก็ไม่เท่านาย” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูด แล้วถอนใจบ้าง “ฉันแน่ใจเลยว่าการที่เขาแพ้นายอีกในวันนี้ จะยิ่งทำให้เขาไม่ชอบนายมากขึ้น ไมครอฟเกลียดการพ่ายแพ้อย่างไม่สมเหตุสมผลที่สุด ถ้านายเป็นคนมีชื่อเสียงในวงการฟันดาบ เขาคงจะยอมรับความพ่ายแพ้ได้ง่ายกว่านี้”

                “ฉันไม่คิดว่าตัวเองผิดหรอกนะที่ไม่ชอบกีฬาฟันดาบ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะพูดต่อ “แต่ฉันก็ไม่ชอบเหมือนกันถ้าเขาจะเอาเรื่องกอร์ดอนมาข่มขู่ฉัน”

                “จอห์น...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองหน้าเพื่อน “ฉันว่าถ้านายพยายามตัวให้เป็นปกติ เขาน่าจะเลิกคิดไปได้เองนั่นแหละ ข้อสงสัยของเขามันค่อนข้างร้ายแรงอยู่ เขาคงไม่กล้าขยายความต่อเองโดยพละการหรอก”

                “ก็จริงของนาย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “ฉันจะทำตัวให้เหมือนมันเป็นเรื่องปกติแล้วกัน”

---------------------------------

                ทว่าในช่วงบ่ายของวันรุ่งขึ้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ค้นพบว่า ยากอย่างยิ่งที่จะทำตัวให้เป็นปกติได้เมื่ออยู่ต่อหน้าลอร์ดฟาริงดอน โดยเฉพาะเมื่อเขามาปรากฏตัวอยู่ที่ร้านของกอร์ดอนอย่างไม่มีใครคาดคิด

                “อ้าว สวัสดีตอนบ่ายจอห์น นายมาอยูที่นี่ได้ยังไง” ลอร์ดฟาริงดอนเอ่ยทักลอร์ดโทรว์บริดจ์ด้วยท่าทางร่าเริงอย่างที่คงไม่มีทางได้เห็นจากลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์แน่ๆ ขณะก้าวเท้าเข้ามาภายในร้านกอร์ดอนเทเลอร์ เขาถอดโค้ทส่งให้เดวิดเอาไปแขวน ก่อนจะขยับหมวกทรงสูงที่สวมมาให้เข้าที่ ลอร์ดโทรว์บริดจ์เขม้นมองเขา

                “สวัสดีตอนบ่ายไมครอฟ ฉันควรจะเป็นฝ่ายถามมากกว่าว่านายมาที่นี่ทำไม”

                “นายนี่ไม่มีมารยาทเลย ฉันเป็นฝ่ายถามนายก่อนแท้ๆ” ลอร์ดฟาริงดอนว่า ก่อนจะพูดต่อ “แต่เอาเถอะ ฉันตอบนายก่อนก็ได้ ฉันก็มาดื่มชาน่ะสิ”

                “กับใคร?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดเสียงห้วน “ฉันแน่ใจว่าที่นี่ไม่มีใครว่างดื่มชาเป็นเพื่อนนาย”

                “โอ... ฉันสงสัยจริงว่านายถือสิทธิ์อะไรมาตัดสินว่าที่นี่ไม่มีใครว่างดื่มชาเป็นเพื่อนฉัน” ลอร์ดฟาริงดอนจ้องหน้าเขา “นายควรจะตอบคำถามฉันบ้าง นายมาทำอะไรที่นี่?”

                “ฉันมาดูเสื้อที่สั่งตัดไว้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ อีกฝ่ายยักไหล่ “งั้นฉันจะสั่งตัดสูทสักตัว”

                “ไม่เหลือคิวสำหรับปีนี้อีกแล้ว นายควรกลับไปเสีย”

                ลอร์ดฟาริงดอนจ้องหน้าเขา ก่อนจะยิ้มที่มุมปาก “นายนี่หวงก้างจริงๆ เขาเป็นแค่ช่างตัดเสื้อเองนะ เป็นแค่เพื่อนคนหนึ่งของนายไม่ใช่หรือ? ทำไมหวงเสียอย่างกับเป็นคนรักกันงั้นล่ะ?”

                “ฉันไม่ได้หวง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบ “แต่ฉันไม่ชอบให้นายมายุ่มย่ามกับเพื่อนๆ ของฉัน นายควรจะรู้นะว่าตัวเองเป็นคนแบบไหน”

                “แหม... จอห์น นายมองฉันในแง่ร้ายเกินไปแล้ว” ลอร์ดฟาริงดอนว่า ก่อนจะขยับเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของคู่สนทนา “ฉันมานี่เพื่อช่วยให้นายสมหวังนะ”

                “หา?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำหน้าแปลกใจ ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามกระซิบต่อ

                “ฉันรู้ว่านายคงไม่กล้าพูด โอเดนเบิร์กเป็นคนสวยมากจริงๆ ฉันเข้าใจหรอกว่านายคงอดใจไม่อยู่”

                “เดี๋ยวๆ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์รีบพูดแทรกขึ้น “ไมครอฟ นายจะไปกันใหญ่แล้ว”

                “ไม่เอาน่าจอห์น อย่าทำเขินไป นายก็รู้ว่าไม่มีใครสนับสนุนนายแน่เรื่องนี้ แต่ฉันสนับสนุนนะ นายควรจะให้ฉันช่วย” พูดจบเขาก็หันไปหาเดวิด “ไปตามคุณโอเดนเบิร์กมาให้ฉันหน่อยสิ บอกเขาว่าลอร์ดฟาริงดอนกับลอร์ดโทรว์บริดจ์ต้องการพบ”

                “ไม่ต้องไปตามเขา” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดต่อทันที “ฉันว่าเขาคงกำลังยุ่งอยู่”

                ลอร์ดฟาริงดอนเขม้นมองลอร์ดโทรว์บริดจ์ เดวิดมองหน้าทั้งสองคนเลิกลั่ก ขณะที่เขากำลังสับสนว่าควรจะฟังคำสั่งใครดี กอร์ดอนก็เดินออกมาพอดี

                “ขอโทษนะครับที่ให้คุณรอเสียนานเลย อ้าว ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ สวัสดีตอนบ่ายครับ”

                ลอร์ดฟาริงดอนหัวเราะ “ผมม่ใช่แมกซ์หรอก คุณทักผิดแล้ว”

                กอร์ดอนเลิกคิ้วด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบพูดต่อ “โอ้ ขอโทษด้วยครับ สวัสดีตอนบ่ายครับลอร์ดฟาริงดอน คุณมีธุระอะไรหรือครับ?”

                “ผมแวะมาดื่มชา อยากเห็นชุดน้ำชาของลอร์ดโทรว์บริดจ์น่ะ” คนถูกถามตอบยิ้มๆ กอร์ดอนมีสีหน้าแปลกใจกว่าเดิม แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไร ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ชิงพูดขึ้น

                “ฉันไม่อนุญาตให้นายใช้”

                ลอร์ดฟาริงดอนเลิกคิ้วสูง “โอ... จอห์น ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ ฉันคิดว่านายน่าจะอยากอวดชุดน้ำชาสวยๆ ที่นายซื้อมาให้เขานะ เว้นเสียแต่มันไม่สวย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้าลอร์ดฟาริงดอนด้วยความหงุดหงิด กอร์ดอนจึงรีบพูดขึ้น “เดี๋ยวผมจะให้มิสซิสมาร์ธายกน้ำชามาให้พวกคุณที่นี่นะครับ เธอคงดีใจที่รู้ว่าพวกคุณมา”

                พอกอร์ดอนคล้อยหลังไปแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็หันมาพูดกับลอร์ดฟาริงดอน “ไมครอฟ นายไม่ควรทึกทักเรื่องฉันกับกอร์ดอนไปเอง นายก็รู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้”

                “หืม... ฟังดูเหมือนนายกำลังพูดบอกตัวเองนะจอห์น” ลอร์ดฟาริงดอนมองเขายิ้มๆ “นายดูร้อนรนตั้งแต่ฟังเรื่องที่ฉันเล่าที่โบสถ์แล้ว โอ... ฉันไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นนายในสภาพนี้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หน้าแดงก่ำ ขณะที่ลอร์ดฟาริงดอนยิ้มอย่างผู้มีชัย ระหว่างที่เขาขยับปากทำท่าจะพูดอะไรต่อ มิสซิสมาร์ธาก็เดินเข้ามาพร้อมกับถาดใส่น้ำชาและของว่าง

                “ว้าว เป็นชุดน้ำชาที่สวยมากทีเดียว” ลอร์ดฟาริงดอนพูดด้วยสีหน้าประทับใจ หลังจากที่ทักทายกันเรียบร้อยแล้ว มิสซิสมาร์ธายิ้มแก้มแทบปริ

                “เป็นเกียรติสำหรับดิฉันและคุณโอเดนเบิร์กมากค่ะ ที่ได้ความกรุณาจากคุณทั้งสองคน กระปุกชาที่คุณกรุณาให้คุณโอเดนเบิร์กมาเมื่อวันก่อนช่างงามน่าประทับใจมาก”

                ลอร์ดฟาริงดอนคลี่ยิ้ม “แน่นอน แต่ผมเห็นว่ามันคงงามสู้ชุดน้ำชาพวกนี้ไม่ได้ แล้วนี่คุณโอเดนเบิร์กจะไม่ออกมานั่งดื่มชาด้วยกันหรือ?”

                “ดิฉันคิดว่าเดี๋ยวเขาคงออกมาค่ะ” มิสซิสมาร์ธาว่า กอร์ดอนกลับเข้ามาหลังจากนั้นไม่นาน เธอกับเดวิดจึงขอตัวออกไป

                “โอเดนเบิร์ก ชุดน้ำชาที่จอห์นซื้อให้นายสวยมากนะ ฉันหลงคิดว่าเขาจะไม่มีรสนิยมด้านนี้เสียตั้งนาน” ลอร์ดฟาริงดอนว่า แล้วใช้ดวงตาสีฟ้าซีดของเขาจ้องช่างตัดเสื้อ ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขยับตัวอย่างไม่ค่อยเป็นสุขนัก

                “มันเป็นกระเบื้องเคลือบเนื้อดีมาก ผิวสัมผัสของทองคำที่หุ้มตรงหูจับและปากแก้วก็ดีมากด้วย นายคงหมดไปหลายร้อยปอนด์เลยนะสำหรับชุดน้ำชาชุดนี้น่ะ” ลอร์ดฟาริงดอนออกปากวิจารณ์หลังจากยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทำหน้ามึนตึง

                “มันไม่ใช่ธุระของนายที่จะพูดเรื่องนี้หรอกน่า”

                “แหม... ฉันว่านี่คือเรื่องที่เราควรจะพูดนะ” เขาหันไปมองช่างตัดเสื้ออีกครั้ง “คุณไม่รู้สึกหรือ คุณโอเดนเบิร์ก ว่านี่ออกจะมากเกินไปหน่อยสำหรับการซื้อของขวัญให้ ‘เพื่อน’ น่ะ”

                กอร์ดอนมีสีหน้าตกใจ เขาจ้องลอร์ดฟาริงดอน “งะ... งั้นหรือครับ... ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติเสียอีก”

                เขาหันไปสบตากับลอร์ดโทรว์บริดจ์ ฝ่ายนั้นพยายามส่งสัญญาณให้เขามองไปทางอื่น ลอร์ดฟาริงดอนมองช่างตัดเสื้อแล้วพูดต่อ

                “มัน ‘ไม่ปกติ’ หรอกนะคุณโอเดนเบิร์ก ผมคิดว่าคุณก็น่าจะสังเกตออกนานแล้ว คุณดูฉลาดทีเดียวในความรู้สึกผม”

                “โอ... ไม่หรอกครับ ผมไม่รู้สึกสงสัยหรอก” กอร์ดอนพูด รู้สึกถึงเม็ดเหงื่อเย็นชื้นที่ซึมออกมาตามไรผม ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดแทรกขึ้น

                “ไมครอฟ ฉันจะซื้ออะไรให้ใครยังไงมันก็เรื่องของฉัน นายจะมาตั้งข้อสังเกตให้วุ่นวายไปทำไม”

                ลอร์ดฟาริงดอนยักไหล่ “ก็ฉันอยากรู้นี่นาว่าโอเดนเบิร์กมองเรื่องนี้ว่าไง นายไม่อยากรู้หรือ?” พูดจบเขาหันไปหากอร์ดอนอีกครั้ง “ผมพูดขนาดนี้แล้ว คุณน่าจะมีข้อสังเกตอะไรบ้างล่ะนะ”

                ช่างตัดเสื้อมีสีหน้าลำบากใจ เขามองลอร์ดฟาริงดอน มองลอร์ดโทรว์บริดจ์ ก่อนจะย้อนกลับมามองชุดน้ำชาบนโต๊ะ สุดท้ายก็พูดขึ้นมา

                “ผมว่าไม่น่าจะมีอะไรผิดปกตินะครับ มันน่าจะเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพวกคุณอยู่แล้วไม่ใช่หรือไงครับ? อย่างคุณเองเพิ่งเจอผมครั้งแรกก็ยังยกกระปุกชาที่ทำจากงาช้างใบนั้นให้ผมเลย”

                “.....”

                คราวนี้กลายเป็นลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่ยิ้มออกมา ขณะที่ลอร์ดฟาริงดอนจ้องกอร์ดอนเขม็ง ช่างตัดเสื้อเลยพูดขึ้นต่อ

                “เห็นไหมล่ะครับ มันเป็นเรื่องธรรมดาของพวกคุณจริงๆ ผมว่าเราดื่มชากันดีกว่าครับ” พูดจบเขาก็ยกน้ำชาขึ้นมาจิบ

                “คุณชอบชาเอิร์ลเกรย์ไหมครับ?”

                ลอร์ดฟาริงดอนยังคงใช้ดวงตาสีฟ้าซีดของตัวเองจ้องช่างตัดเสื้อเหมือนเห็นของแปลก

                “มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่” เขาพึมพำออกมา “มันต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดา”

                “มันเป็นเรื่องธรรมดาน่า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เสริมต่อ “เห็นไหมว่านายก็ทำแบบฉันเหมือนกัน”

                ลอร์ดฟาริงดอนยกมือขึ้นห้าม “ไม่มีทาง ฉันไม่ทำแบบนายแน่จอห์น”

                “นายให้กระปุกชาที่ทำกับงาช้างกับเขานะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ย้ำ “นายให้ของมีค่าขนาดนั้นกับคนที่บังเอิญเจอกันไม่กี่นาที ที่จริงแล้วนายควรจะสงสัยตัวเองมากกว่าสงสัยฉันเสียอีก”

                “ฉันให้เพราะว่าเขาเป็นเพื่อนของแมกกี้ต่างหาก” ลอร์ดฟาริงดอนแย้ง “แล้วฉันก็สวมรอยหลอกเขามาตลอดทาง”

                “งั้นหรือ... งั้นนายก็ควรจะให้กระปุกงาช้างกับเพื่อนๆ คนอื่นๆ ของฉันด้วยสิ เพราะนายสวมรอยหลอกพวกเขามาตั้งหลายปี” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า แต่แล้วจู่ๆ เขาก็จ้องลอร์ดฟาริงดอนเขม็ง

                “ไมครอฟ นายให้กระปุกใบนั้นกับกอร์ดอนทำไม?”

                ลอร์ดฟาริงดอนจ้องตอบคู่สนทนา “ฉันไม่จำเป็นต้องตอบคำถามนี้ของนาย” พูดจบเขาก็ผุดลุกขึ้น “ลาก่อนคุณโอเดนเบิร์ก ผมเสียใจที่ต้องรีบกลับ แต่ผมเพิ่งนึกได้ว่ามีธุระ”

                “เดี๋ยว!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์เรียกฝ่ายนั้นไว้ แต่ลอร์ดฟาริงดอนกลับเดินออกจากร้านและขึ้นรถม้าไปโดยไม่หันกลับมาอีกเลย กอร์ดอนถอนหายใจอย่างโล่งอก ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันมามองเขา

                “ทำไมคุณถอนใจแบบนั้น”

                “ผมดีใจที่สุดท้ายมันก็ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นน่ะสิครับ” ช่างตัดเสื้อพูด “ลอร์ดฟาริงดอนท่าทางเหมือนจะรู้เรื่องของพวกเราเลย”

                “เขาแค่สงสัย” อีกฝ่ายว่า “แมกซ์บอกว่าถ้าเราทำให้ทุกอย่างมันดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา สุดท้ายเขาจะเลิกสงสัยไปเอง แต่ผมชักรู้สึกว่าเรื่องมันอาจจะไม่จบแค่นั้นน่ะสิ”

                “ยังไงครับ?” กอร์ดอนทำหน้าตกใจ “ผมทำอะไรพลาดให้เขาสงสัยหรือ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์โบกมือ “ไม่ คุณไม่ได้ทำอะไรพลาด ผมว่าคุณน่ะทำตัวเป็นปกติที่สุดเลย” พูดจบเขาก็ถอนหายใจแรง “ผมอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ ยังไงเสียไมครอฟก็เป็นคนประหลาดที่เข้าใจยากมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว” ท่านเอิร์ลหันกลับมายิ้มให้ช่างตัดเสื้อ “ช่างเขาดีกว่า วันนี้คุณสะดวกจะไปกินมื้อเย็นกับผมรึเปล่า?”

                “โอ... ผมคงต้องปฏิเสธคุณล่ะครับ ผมต้องสอนเดวิดเย็บผ้า เขาเป็นคนเรียนรู้ได้เร็วเลยทีเดียว”

                “ดี ดีแล้วล่ะ งั้นพรุ่งนี้ผมจะแวะมาดื่มชาด้วยแล้วกัน”

                “ได้ครับ พรุ่งนี้เสื้อคุณคงจะเสร็จอีกตัวพอดี”

----------------------------------------------

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีสีหน้าแปลกใจที่เห็นพี่ชายฝาแฝดนั่งจิบชาอยู่คนเดียวในสวน ทั้งๆ ที่ก็เลยเวลาน้ำชามานานโขแล้ว

                “ไมกี้ นายไม่ได้ออกไปธุระหรือ?”

                “อ๋อ ธุระฉันเสร็จแล้ว นายนั่งก่อนสิ” ลอร์ดฟาริงดอนหันมายิ้มให้น้องชาย ก่อนที่อีกฝ่ายจะลากเก้าอี้มานั่งลงฝั่งตรงข้าม

                “นายคิดว่าฉันเป็นคนยังไง?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เลิกคิ้ว “นายก็เป็นนายน่ะสิ ถามอะไรแปลกๆ”

                คนถามหัวเราะออกมา เขารินชาใส่ถ้วยแล้วส่งให้น้องชาย “วันนี้ฉันได้เห็นชุดน้ำชาที่จอห์นซื้อให้ช่างตัดเสื้อของพ่อเราแล้ว รสนิยมของเขาในเรื่องนี้ดีทีเดียว”

                “นายไปที่ร้านของกอร์ดอนมาหรือ?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีสีหน้าตกใจ “นายเจอจอห์นนี่มั้ย?”

                “เจอ” ลอร์ดฟาริงดอนพยักหน้า แล้วจิบชาอึกหนึ่ง “ที่จริงแล้วฉันไม่แปลกใจหรอก จอห์นค่อนข้างแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งเลยล่ะ ฉันแน่ใจว่าเขาต้องชอบโอเดนเบิร์กแน่ๆ การกระทำของเขามันฟ้องมาก นายควรจะได้เห็นหน้าเขาตอนรู้ว่าฉันจะไปดื่มชาด้วย” พูดจบเขาก็หัวเราะหึๆ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองพี่ชาย

                “โอ... ไมกี้ นายไม่ควรจะยุ่งกับจอห์นนี่เรื่องนี้เลย เขาอาจจะแค่แสดงออกไม่เหมือนคนอื่นก็ได้”

                “ไม่หรอกแมกซ์ ฉันรู้... ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่แน่” เอิร์ลแห่งฟาริงดอนถอนหายใจยาว ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องพูด “นายคิดว่าคนอย่างฉันถ้าจะให้ของขวัญมีค่ากับใคร คนนั้นจะต้องเป็นคนแบบไหน?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีสีหน้าครุ่นคิด “ก็ต้องเป็นคนที่นายพอใจจะให้สิ”

                “นายตอบแบบเกรงใจฉันอยู่สินะ” ลอร์ดพี่ชายว่า “งั้นฉันจะช่วยให้นายสะดวกขึ้น คิดว่าคนอย่างฉันจะให้ของขวัญมีค่ากับคนที่เพิ่งเจอหน้ากันได้ไม่กี่นาทีไหม?”

                “โอ... ฉันว่านายให้แน่ ถ้าคนนั้นสามารถให้ผลประโยชน์ที่ควรค่ากับของที่นายให้ไป”

                ลอร์ดฟาริงดอนพยักหน้า “ใช่ ฉันคิดว่าตัวเองเป็นคนแบบนั้นแหละ” เขายกชาขึ้นจิบแล้วถอนใจอีก “ท้องฟ้าสวยนะ สีฟ้าแบบนี้สวยมากๆ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หันมองตามพี่ชาย “ใช่ สวยจริงๆ ท้องฟ้าหน้าร้อนที่ไม่มีเมฆฝนนี่แหละสวยที่สุด”

                “อืม...” ลอร์ดฟาริงดอนพยักหน้า “ที่จริงวันนี้ฉันตั้งใจจะไปสังเกตท่าทางของคุณโอเดนเบิร์กที่ร้าน ฉันสนใจมากว่าเขาจะมีปฏิกิริยายังไงกับเรื่องของจอห์น แต่พอจอห์นไปอยู่ที่นั่นด้วย ฉันเลยได้เห็นอะไรๆ เยอะมาก”

                “โอ... ไมกี้ ฉันขอร้องนายล่ะ อย่ายุ่งเรื่องนี้เลย ฉันมองไม่เห็นว่ามันคุ้มตรงไหน”

                “ใช่ มันไม่คุ้มเลย” ลอร์ดฟาริงดอนระบายยิ้ม เขาพลิกถ้วยน้ำชาในมือเล่น “โอเดนเบิร์กเป็นผู้ชายที่หน้าตาสะสวยมาก ดวงตาสีฟ้าของเขาสวยเหมือนท้องฟ้าที่เราดูอยู่ตอนนี้ และเขาก็ดูเข้ากับชุดน้ำชาแบบฝรั่งเศสที่จอห์นซื้อให้เขามาก ฉันเห็นว่าเขาสวยที่สุดตอนที่นั่งดื่มชากับเราเมื่อวันศุกร์ แต่เขาอาจจะสวยของเขาอย่างนั้นอยู่แล้วแต่แรกก็ได้”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จ้องพี่ชายเขม็ง ขณะที่อีกฝ่ายดูเหมือนกำลังจมอยู่กับภวังค์ “สิ่งแรกที่ฉันนึกออกตอนสบตากับเขา คือสีฟ้าที่สดใสที่สุดอย่างที่ฉันไม่คิดจะได้เห็นที่ลอนดอน พอรู้ว่าเขาเป็นเพื่อนนายฉันเลยฉวยโอกาส ตอนเขายิ้มดวงตาเป็นประกายสวยมาก ฉันรู้สึกว่าระยะเวลาของพวกเราบนรถม้าช่างสั้นไป”

                “ไมกี้... นาย...”

                ลอร์ดฟาริงดอนเงยหน้ามองน้องชายแล้วถอนใจ “ฉันไม่เคยนึกสงสัยสิ่งที่ตัวเองทำเลยแม้แต่ครั้งเดียว นายก็รู้ และฉันก็ไม่เคยนึกสงสัยตัวเองเลยที่ให้กระปุกชางาช้างใบนั้นกับเขาไป กับคนที่ฉันเพิ่งเจอไม่ถึงสองชั่วโมง และไม่มีผลประโยชน์อะไรกับเราเลยแม้แต่นิดเดียว ฉันรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดามาก แต่มันไม่ใช่เรื่องธรรมดา เหมือนอย่างที่จอห์นให้ชุดน้ำชาราคาแพงหูฉี่กับเขานั่นแหละ”

                “อา...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คราง เขาจ้องหน้าพี่ชายอย่างวิงวอน “ไม่นะไมกี้ นายคงสับสน ฉันแน่ใจว่านายกำลังสับสน”

                “คงใช่” ลอร์ดฟาริงดอนพยักหน้า “ฉันอาจจะกำลังสับสน โอ แมกกี้ ฉันไม่เคยเกลียดความคิดแบบไร้ขื่อแปของตัวเองเท่าตอนนี้เลย พอฉันรู้สึกเฉลียวใจกับการกระทำของตัวเอง ทุกอย่างบนโลกก็ดูเหมือนไม่เข้าที่เข้าทางไปหมด จนฉันสงสัยว่ามันผิดที่ฉัน ผิดที่พระเจ้า หรือผิดที่เขากันแน่”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สั่นศีรษะอย่างแรง “ไม่ ไมกี้ มันจะต้องไม่เกิดกับนาย นายไม่ใช่คนที่ควรจะมีความคิดแบบนี้”

                ลอร์ดฟาริงดอนหัวเราะ “ถ้าขนาดคนอย่างจอห์นยังมีความคิดแบบนี้ได้ จะแปลกอะไรกับคนอย่างฉันล่ะ”

                เขาถอนหายใจแล้วรินน้ำชาให้ตัวเอง “ถ้าโอเดนเบิร์กเป็นผู้หญิง ฉันคงไม่มานั่งบ่นกับนายแบบนี้หรอก ป่านนี้ฉันคงวางมวยกับจอห์นเพื่อแย่งเขาที่ร้านนั่นแล้วล่ะ”

                “โอ... ไม่ ไมกี้ มันจะไม่เกิดเรื่องอย่างนั้นขึ้นจริงมั้ย? นายต้องไม่มีทางชอบผู้ชายด้วยกันอยู่แล้ว นายแค่สับสน ฉันยอมรับว่ากอร์ดอนเป็นผู้ชายที่หน้าตาสวยและตาของเขาก็สวยมาก แต่มันไม่ถูกต้องเลยที่นายจะรู้สึกแบบนั้นกับเขา”

                “เพราะงั้นฉันถึงได้เกลียดความคิดแบบไร้ขื่อแปของตัวเองไง ฉันรู้ว่ามันไม่ถูก ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องน่าอับอาย แต่พอฉันถูกทำให้รู้สึกเฉลียวใจขึ้นมา ฉันกลับยอมรับความรู้สึกนั้นได้อย่างง่ายดาย มันก็รู้สึกไม่เลวหรอกนะแมกกี้ เหมือนกับได้ดื่มชาหอมๆ แต่ขมคออยู่สักหน่อยนั่นแหละ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ใช้เวลานานมากกว่าจะเค้นคำพูดออกมาได้ “แต่นายคงไม่ได้จริงจังกับเรื่องนี้ใช่ไหม? ฉันหมายถึง นายคงไม่ถึงขนาดไปขอเขาแต่งงาน ควงเขาแบบออกนอกหน้า แสดงตัวว่ารักชอบเพศเดียวกันเองอะไรเทือกนั้น”

                “โอ... ฉันไม่ได้คิดไปถึงขั้นนั้นหรอก” ลอร์ดฟาริงดอนหัวเราะอีก “นายคิดไปไกลมากเลยนะแมกกี้ อย่างที่ฉันพูดไปแล้ว ถ้าโอเดนเบิร์กเป็นผู้หญิง ฉันคงไม่ต้องมานั่งสับสน ง่ายมากที่ฉันจะพูดออกมาว่าหลงรักดวงตาคู่นั้นตั้งแต่แรกเห็น ว้าว... ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะพูดประโยคแบบนี้ออกมาได้จากใจจริงนะนี่” เขายิ้มพลางมองถ้วยชาในมือ “ถ้าเขาเป็นผู้หญิง ฉันคงรู้สึกผิดมากที่ไม่เคยสนใจเรื่องช่างตัดเสื้อประจำตัวของพ่อมาก่อน ฉันคงต้องโมโหตัวเองมากทีเดียว และฉันคงต้องเกลียดจอห์นอย่างจริงจังที่บังอาจมาหมายตาผู้หญิงคนเดียวกัน พระเจ้าอาจจะทำถูกแล้วก็ได้ที่ทำให้โอเดนเบิร์กเป็นผู้ชาย เรื่องพวกนั้นเลยไม่มีวันเกิดขึ้น”

                “ฉันควรต้องโล่งใจสินะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ก่อนจะรีบพูดต่อ “ฉันขอให้นายลืมเรื่องนี้ไวๆ มันไม่ควรจะเกิดขึ้นกับนายเลย ให้ตายเถอะ”

                คนเป็นพี่ชายหัวเราะอีก “ใจร้ายจริงแมกซ์ ฉันเหมือนคนเพิ่งตื่นจากหลับ ขอฉันทบทวนกับตัวเองดูสักวันสองวันไม่ได้หรือไง แต่อย่างหนึ่งที่ฉันอยากบอกให้นายรู้ไว้ ฉันมีความสุขไม่น้อยเลยล่ะ เมื่อรู้ตัวและยอมรับว่าหลงรักใครสักคนเข้าให้แล้ว”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สั่นศีรษะถี่ๆ “ไม่ ไมกี้ ฉันไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกแบบนั้นของนายอย่างเด็ดขาด”

--------------------------------------------
(จบตอน)
*** ในที่สุดท่านลอร์ดพี่ชายของแมกซิมิลเลี่ยนก็ได้ออกโรง (โถ ชื่อยาวมากไม่มีใครเรียก สงสารแมกซ์จัง) การออกมาของไมครอฟนี่ตอนแรกเราไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าให้เป็นพี่ชายฝาแฝดของแมกซ์ และมาเพื่อป่วนสโมสรของจอห์นเลย แต่ไปๆ มาๆ ไมครอฟก็ได้เป็นตัวละครที่เพิ่มความน้ำเน่าให้กับเรื่องนี้ โดยการแอบหลงรักกอร์ดอนด้วยอีกคน ฮ่าๆ โอ๊ย คือนี่เป็นตอนที่แก้ไปประมาณสี่ดราฟ เพราะเรื่องนี้นี่แหละ ฮ่าๆๆ ไม่ถนัดเลยกับพล็อตทำนองนี้ แต่ในเมื่อตั้งใจว่าจะเขียนเรื่องนี้ให้เป็นนิยายโรแมนติกและน้ำเน่าแล้ว(?) มันก็ควรใส่ชิมิล่าห์??
.
คาแรคเตอร์ของไมครอฟเป็นความยากรองลงมาจากการเรียนให้ฮีหลงรักช่างตัดเสื้อ ฮ่าๆ โอ๊ย บอกตรงๆ ว่ามีบางดราฟอย่างกับเชลยศักดิ์ พ่อไมครอฟเอะอะก็ใช้กำลัง มั่ยนะ ไมครอฟคนดีต้องไม่ทำแบบนั้น 555+ (เขียนเองประสาทเอง) หลังจากแก้ไปบาน สุดท้ายก็มาจบลงตรงที่ไมครอฟเป็นคนชิลๆ ยังไงก็ได้ถ้าสดชื่น (เหรอ???) ก็เข้าแก๊ปที่ิคิดไว้ว่า พี่น้องเมอร์เรย์ไม่มีอะไรเหมือนกันสักอย่างเดียวนอกจากเรื่องหน้าตา ตอบคำถามที่ว่าทำไมพ่อถึงชอบไมครอฟมากกว่า (ก็ดูแล้วหัวไวกว่าน้องชาย)
.
ความฮาที่สุดของตอนนี้สำหรับเราคือไอ้กระปุกชางาช้างนั่นล่ะค่ะ (แน่นอนว่า ขณะที่ทั้งโลกกำลังรณรงค์ให้หยุดค้างาช้าง ดิฉันก็ดันเขียนนิยายที่มีเครื่องใช้ทำจากงาช้างออกมา โอย ไม่ได้ตั้งใจขวางโลกค่ะ แต่สมัยนั้นถ้านึกถึงอินเดีย นอกจากเพชรและผ้า ก็ต้องเป็นงาช้างมิใช่หรือ?) มันเหมือนกระปุกชาอาถรรพ์ ทำให้เรื่องวุ่นวายจริงๆ เลย ฮ่าๆ
.
ขอบคุณที่ติดตามค่า^^
.
ปล. ท่านลอร์ดทั้งหลายคะ ก่อนจะซื้ออะไรแสนแพงมาให้กอร์ดอน ซื้อบ้านใหม่ให้กอร์ดอนก่อนดีกว่าค่ะ ฮ่าๆๆๆ โอ๊ย คิดแล้วก็ขำ พอจบจากชุดน้ำชาก็มาต่อที่เรื่องผ้าปูโต๊ะ ไม่มีใครปวดหัวเท่ากอร์ดอนอีกแล้วล่ะ เรื่องนี้อ่ะ

ออฟไลน์ NUTSANAN

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1031
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-3
ไมครอฟทำท่านลอร์ดของเราร้อนรนเลยค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Nocto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คนที่หนักใจที่สุดในตอนนี้คงเป็นลอร์ดแมกซ์ นั่นก็เพื่อนนี่ก็พี่ชาย แอบตะหงิๆก็ตอนให้กระปุกชาเจ้าปัญหานั่นแล้ว ว่าแต่กอร์ดอนจะรู้ไหมนั่นว่าคนที่ให้กระปุกชาตั้งแต่เจอกันครั้งแรกก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
เขาเรียกว่ารักแรกพบนะ เจอครั้งแรกแล้วก็อยากพูดคุยด้วย
ไม่ผิดหรอก ที่ไมกี้พากอร์ดอนขึ้นรถมาด้วย เพราะจอห์นก็เคยทำมาก่อน
แต่ปัญหาที่จะตามมา คงเป็นอะไรป่วนๆ แน่นอน
ไมกี้ป่วนได้นะ แต่อย่าแรงมาก สงสารรรรร หลายคนเลยนะ ขอบอก
 :hao3:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
สนุกมากกกกก  ไรท์เขียนลื่นไหลมาก :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
แฝดพี่ออกโรงเยอะ ทำปั่นป่วน ลอร์ดไมครอฟ
เพราะเป็นคนแบบนี้นี่เองถึงได้ใช้ชีวิตที่อินเดียซะหลายปี
ไม่ใช่แค่หนีพ่อเท่านั้นหรอก เป็นคนที่คิดนอกกรอบ ชอบอิสระ
ไหนเลยจะอยู่ในบังคับของพ่อ พ่อก็ชอบบังคับลูกสินะ
ว่าไปไมครอฟ ก็นิสัยแบบจอห์นนี่เหมือนกัน แถมเป็นคู่ปรับ
ชอบฟับดาบเหมือนกัน เจอคว้ากอร์ดอนขึ้นรถด้วยเหมือนกัน
จะชอบกอร์ดอนก็ไม่แปลก
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-04-2017 12:13:36 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ G-NaF

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
ตัวปัญหาเข้ามาป่วนอีกแล้ววว ท่านลอร์ดจะทำยังไงนะ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
มาชะโงกแล้วเล็งไว้ก่อน...

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
กอร์ดอนนี่เสน่ห์ล้นเหลือมากๆ
ลอร์ดโทรวบริดจ์จะไม่หึงยังไงไหว

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
ไมกี้ตัวป่วน ป่วนมากจริงๆอ่านแล้วปวดหัวแทนทุกคน5555555555555555555555555555555555
และแล้วก็มีท่านลอร์ดอีกท่านมาตกหลุมของช่างตัดเสื้อ คิคิคิ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook


โอย ๆๆ แย่แล้ว จอห์นนี่แย่แล้ว ลำพังแค่จะครองรักกับกอร์ดอนก็ยากเย็นจมหู
ยังจะมีลอร์ดฟาริงดอนโผล่มาเป็นหนามตำใจเข้าให้เสียอีก

ไอ้การมีตัวช่วยเร่งความสัมพันธ์ของท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อมันก็ดีอยู่หรอกค่ะ
แต่ใจเรานี่ก็กลัวการช่วงชิงกอร์ดอนของสองท่านลอร์ดมาก ๆ
เพราะมันอาจก่อให้เกิดเหตุการณ์ที่สะเทือนต่อศีลธรรมและจารีตในสมัยนั้นบ้างก็ได้
 
นี่ก็เตรียมใจรอสงสารกอร์ดอนไว้ก่อนเลย
เพราะในสมัยนั้น การตกเป็นบุคคลสุดยอดปรารถนาของผู้ชายด้วยกัน
คงไม่ต่างอะไรกับทุกขลาภที่นอกจากจะยืดอกรับไม่ได้แล้ว ยังทำให้ลำบากใจเป็นที่สุดไปเสียอีก
(ตอนนี้พยายามบอกตัวเองว่าไม่ให้อินจนเพ้อเจ้อหลุดเข้ามโนแลนด์ไปไกลเกินไป
เพราะคุณคนเขียนอาจจะหักปากกาขาเดาอย่างเราเสียราบคาบก็ได้)

เอาเป็นว่า เราจะเอาใจช่วยคุณคนเขียนให้มีเรี่ยวแรงต่อสู้กับท่านลอร์ดทั้งหลายแล้วกันนะคะ
เราจะได้รู้เสียทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปบ้าง เป็นกำลังใจให้ค่ะ ^^  :กอด1:


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog


โอย ๆๆ แย่แล้ว จอห์นนี่แย่แล้ว ลำพังแค่จะครองรักกับกอร์ดอนก็ยากเย็นจมหู
ยังจะมีลอร์ดฟาริงดอนโผล่มาเป็นหนามตำใจเข้าให้เสียอีก

ไอ้การมีตัวช่วยเร่งความสัมพันธ์ของท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อมันก็ดีอยู่หรอกค่ะ
แต่ใจเรานี่ก็กลัวการช่วงชิงกอร์ดอนของสองท่านลอร์ดมาก ๆ
เพราะมันอาจก่อให้เกิดเหตุการณ์ที่สะเทือนต่อศีลธรรมและจารีตในสมัยนั้นบ้างก็ได้
 
นี่ก็เตรียมใจรอสงสารกอร์ดอนไว้ก่อนเลย
เพราะในสมัยนั้น การตกเป็นบุคคลสุดยอดปรารถนาของผู้ชายด้วยกัน
คงไม่ต่างอะไรกับทุกขลาภที่นอกจากจะยืดอกรับไม่ได้แล้ว ยังทำให้ลำบากใจเป็นที่สุดไปเสียอีก
(ตอนนี้พยายามบอกตัวเองว่าไม่ให้อินจนเพ้อเจ้อหลุดเข้ามโนแลนด์ไปไกลเกินไป
เพราะคุณคนเขียนอาจจะหักปากกาขาเดาอย่างเราเสียราบคาบก็ได้)

เอาเป็นว่า เราจะเอาใจช่วยคุณคนเขียนให้มีเรี่ยวแรงต่อสู้กับท่านลอร์ดทั้งหลายแล้วกันนะคะ
เราจะได้รู้เสียทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปบ้าง เป็นกำลังใจให้ค่ะ ^^  :กอด1:



ถวกค่ะ การที่กลายเป็นผู้ชายอันเป็นที่หมายปองของผู้ชายด้วยกัน โดยเฉพาะอีกฝ่ายนี่เป็นถึงขุนนางสูงศักดิ์ มันคือนรกดีๆ ของกอร์ดอนนี่เอง (นี่ถ้าเปลี่ยนกอร์ดอนเป็นผู้หญิง นางคงจะเป็นคนนี่น่าอิจฉาที่สุดในลอนดอน แต่พอดีกอร์ดอนเป็นผู้ชาย ทุกอย่างเลยกลายเป็นตลกร้ายที่เหมือนจะหวานตอนแตะลิ้น แต่ขมลึกบาดคอมาก โอวว ปวดจาย)

อันที่จริงแล้วกอร์ดอนได้พบเจอเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกอดสูใจกับการเป็นผู้ชายหน้าสวยของตัวเองมาแล้วก่อนหน้าที่จะได้มาเจอกับจอห์น ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่ทำให้กอร์ดอนหาแฟนไม่ได้ หาเพื่อนไม่ได้ เป็นได้แค่คนรู้จักผ่านๆ แต่ยังหาโอกาสเล่าไม่ได้ เพราะเดี๋ยวมูดของนิยายจะดำดิ่งเป็นยาขมกินไม่อร่อย
.
เอาว่าช่วงนี้กินขนมนมเนยหวานบ้างขมนิดๆ บ้างไปก่อนเพื่อให้อิ่มท้องค่ะ มาม่าก็อย่ากลัวอืด เพราะตอนจบยังไงก็ต้องแถมน้ำผึ้งให้ล้างคอกันอยู่แล้วค่ะ XD

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3


โอย ๆๆ แย่แล้ว จอห์นนี่แย่แล้ว ลำพังแค่จะครองรักกับกอร์ดอนก็ยากเย็นจมหู
ยังจะมีลอร์ดฟาริงดอนโผล่มาเป็นหนามตำใจเข้าให้เสียอีก

ไอ้การมีตัวช่วยเร่งความสัมพันธ์ของท่านลอร์ดและช่างตัดเสื้อมันก็ดีอยู่หรอกค่ะ
แต่ใจเรานี่ก็กลัวการช่วงชิงกอร์ดอนของสองท่านลอร์ดมาก ๆ
เพราะมันอาจก่อให้เกิดเหตุการณ์ที่สะเทือนต่อศีลธรรมและจารีตในสมัยนั้นบ้างก็ได้
 
นี่ก็เตรียมใจรอสงสารกอร์ดอนไว้ก่อนเลย
เพราะในสมัยนั้น การตกเป็นบุคคลสุดยอดปรารถนาของผู้ชายด้วยกัน
คงไม่ต่างอะไรกับทุกขลาภที่นอกจากจะยืดอกรับไม่ได้แล้ว ยังทำให้ลำบากใจเป็นที่สุดไปเสียอีก
(ตอนนี้พยายามบอกตัวเองว่าไม่ให้อินจนเพ้อเจ้อหลุดเข้ามโนแลนด์ไปไกลเกินไป
เพราะคุณคนเขียนอาจจะหักปากกาขาเดาอย่างเราเสียราบคาบก็ได้)

เอาเป็นว่า เราจะเอาใจช่วยคุณคนเขียนให้มีเรี่ยวแรงต่อสู้กับท่านลอร์ดทั้งหลายแล้วกันนะคะ
เราจะได้รู้เสียทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปบ้าง เป็นกำลังใจให้ค่ะ ^^  :กอด1:



ถวกค่ะ การที่กลายเป็นผู้ชายอันเป็นที่หมายปองของผู้ชายด้วยกัน โดยเฉพาะอีกฝ่ายนี่เป็นถึงขุนนางสูงศักดิ์ มันคือนรกดีๆ ของกอร์ดอนนี่เอง (นี่ถ้าเปลี่ยนกอร์ดอนเป็นผู้หญิง นางคงจะเป็นคนนี่น่าอิจฉาที่สุดในลอนดอน แต่พอดีกอร์ดอนเป็นผู้ชาย ทุกอย่างเลยกลายเป็นตลกร้ายที่เหมือนจะหวานตอนแตะลิ้น แต่ขมลึกบาดคอมาก โอวว ปวดจาย)

อันที่จริงแล้วกอร์ดอนได้พบเจอเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกอดสูใจกับการเป็นผู้ชายหน้าสวยของตัวเองมาแล้วก่อนหน้าที่จะได้มาเจอกับจอห์น ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่ทำให้กอร์ดอนหาแฟนไม่ได้ หาเพื่อนไม่ได้ เป็นได้แค่คนรู้จักผ่านๆ แต่ยังหาโอกาสเล่าไม่ได้ เพราะเดี๋ยวมูดของนิยายจะดำดิ่งเป็นยาขมกินไม่อร่อย
.
เอาว่าช่วงนี้กินขนมนมเนยหวานบ้างขมนิดๆ บ้างไปก่อนเพื่อให้อิ่มท้องค่ะ มาม่าก็อย่ากลัวอืด เพราะตอนจบยังไงก็ต้องแถมน้ำผึ้งให้ล้างคอกันอยู่แล้วค่ะ XD


ไมกี้เป็นคนที่ป่วนมาก ๆ
น่าสงสารตอนที่โดนจอร์กับจอห์นไล่ ใคร ๆ ก็ไม่รัก
แต่ฉันก็คิดว่า สมควรแล้ว ฮ่า ๆ ๆ
วีรกรรมเก่า ๆ คงจะแสบสันมากทีเดียว ขนาดจอห์นยังไม่ยอมให้เข้าสโมสรเลย ทั้ง ๆ ที่สนิทกับแมกซ์มาก

แต่น่าประหลาดใจที่ทั้งสองคนนี้กลับปฏิบัติต่อกอร์กอนเหมือนกัน และหลงรักในทันทีเช่นเดียวกัน
เห็นใจกอร์ดอนมาก ๆ ที่ผู้หมายปองทั้งสองคนเป็นสายเปย์ที่มีทั้งทรัพย์และอิทธิพลมหาศาล
และดันเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เป็นยุคแห่งความยากลำบากของคนรักร่วมเพศอีกต่างหาก
เห็นด้วยกับความเห็นของ Malimaru เลย

ฉันลองคิดเล่น ๆ ว่า ถ้าสองคนนี้แข่งกันจีบกอร์ดอนแบบจริงจัง เกิดจอห์นซื้อตึกให้ช่างตัดเสื้อคนสวย ไมกี้อาจจะเหมาทั้งถนนให้เพื่อเกทับก็ได้ กอร์ดอนคงได้กลุ้มใจจนแทบกัดลิ้นตายแน่ ๆ

เรื่องประสบการณ์ขม ๆ จากความสวยของกอร์ดอนน่าสนใจมาก (เชียร์เบา ๆ เพราะอยากอ่าน อิอิ)

ฉันอ่านนิยายเรื่องนี้ด้วยอารมณ์เหมือนดื่มด่ำดาร์กชอค
ทั้งหวานและขมอย่างที่ต้องมีทั้งสองรสเลย

ชื่นชมคุณจูออนมาก ๆ ค่ะ

ปล. ยินดีที่เห็น Malimaru มาอ่านตามที่ฉันไปเชียร์  :D






ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ถึงไมค์กี้จะร้ายกาจอย่างหาตัวจับยาก แต่จอร์จจี้เจ้าขี้แยก็เอาอยู่


ออฟไลน์ narongyut

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-1
คิดถึงท่านลอร์ดกับช่างตัดเสื้อ มากๆครับ

ออฟไลน์ Mai.IcySakura

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
ได้ฤกษ์มาอ่านทีเดียวสี่ห้าตอน ยังสนุกมากๆเหมือนเดิมค่า
แต่ยิ่งอ่านก็ยิ่งชอบแม็กซ์มาก ไม่ไหวแล้ว>< รู้สึกถึงออร่าความโหดในความสุขุม ชวนใจเต้นมาก
อยากให้แมกซ์มีคู่จริงๆ หญิงหรือชายก็ได้ อยากเห็นพี่แกมีความรัก :-[
ยิ่งตอนล่าสุดมีไมครอฟออกมา แมกซ์ก็ดูเป็นพี่ชายมากกว่าไมครอฟซะอีก555

พูดถึงไมครอฟ เข้าใจเลยว่าทำไมไม่ถูกกับจอนนี่ คนประเภทเดียวกันก็เงี้ยแหละนะ
ตอนอ่านแรกๆก็ตงิดๆแล้วเชียวว่าจะชอบกอร์ดอนมั้ย แล้วก็ชอบจนได้
โถ..พ่อคุณช่างน่าสงสาร มีคนที่ชอบทั้งทีป็นผู้ชายไม่พอ ยังมีคนรักแล้วด้วยอีก โอกาสแข่งกับพระเอกเราไม่มีเลย

ยังดีที่มีเรื่องโล่งใจได้อีกอย่างตรงที่สาวแคทเทอรีนมีคนรักอยู่แล้ว ทำให้เรื่องวุ่นวายส่วนนี้มโนไว้หายเข้ากลีบเมฆไปเลยค่า
ถึงหลังจากนี้ก็คงมีเรื่องวุ่นวายอีกเยอะแน่ๆก็เถอะ :ruready

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
Dear, My customer.

ตอนที่24 ไม่อาจปล่อยมือ


            อากาศในเดือนสิงหาคมช่างสดใสเสียเหลือเกิน ต้นไม้ใบหญ้ารวมถึงดอกไม้เบ่งบานเต็มที่ มองไปทางไหนก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่น แม้แต่ในที่ที่แทบจะไม่มีต้นไม้เลยอย่างบนถนนบรอมพ์ตันก็ตาม หลังเลิกจากโบสถ์ในวันอาทิตย์ กอร์ดอนตัดสินใจเดินทอดหุ่ยรับแสงแดดและอากาศอบอุ่นกลับมาที่ร้านแทนการนั่งรถม้า ร้านรวงที่ตั้งอยู่เรียงรายบนสองฟากถนนปิดสนิท มีรถม้าเพียงแค่คันหรือสองคันที่จอดรอผู้โดยสาร ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือเจ้าของร้านที่อาศัยอยู่ในตึกพวกนั้น เพราะอากาศที่อบอุ่นมาก กอร์ดอนจึงถอดเสื้อโค้ทออกมาถือเอาไว้ แล้วเดินกระโดดข้ามแผ่นหินปูถนนเหมือนเด็กๆ

                “คุณโอเดนเบิร์ก วันนี้คุณดูอารมณ์ดีจัง งานเสร็จแล้วหรือครับ?” คนขับรถม้าที่จอดรออยู่ตรงแยกก่อนจะเลี้ยวเข้าไปที่ร้านของเขาเอ่ยทัก กอร์ดอนหันไปยิ้ม

                “ยังไม่เสร็จหรอก แต่อากาศวันนี้นี้ดีนะ ผมไม่ได้ออกมาเดินสูดอากาศแบบนี้นานแล้ว”

                อีกฝ่ายหัวเราะ “คุณเอาแต่หมกตัวอยู่ในร้านนี่นา เวลาจะไปไหนมาไหนทีก็นั่งแต่รถม้าคันใหญ่ปิดประตูมิดชิด”

                “โอ...” ช่างตัดเสื้อมีท่าทางตกใจ “คุณเห็นด้วยหรือ?”

                “ใครๆ ก็เห็นทั้งนั้นแหละครับ คุณนี่ช่างตัดเสื้อมือทองจริงๆ ผมคิดว่ากิจการร้านคุณน่าจะรุ่งที่สุดในบรรดาร้านแถบนี้แล้วล่ะ”

                กอร์ดอนหัวเราะอย่างโล่งใจ “งั้นหรือ ผมควรจะดีใจที่มีงานทำเยอะที่สุดในแถบนี้สินะ”

                “แน่นอนครับ นั่นคือสิ่งที่ทุกคนต้องการเลย งานล้นมือ เงินล้นมือ”

                “นั่นสินะ จริงของคุณ”

                ขณะที่กำลังคุยกับคนขับรถม้าอยู่นั้น เสียงเกือกม้าหลายคู่กระแทกกับหินปูถนนก็ดังขึ้น พอหันหน้าไปมองก็เห็นรถม้าเปิดประทุนคันใหญ่แล่นตรงเข้ามา สารถีที่ขับควบมันมีรูปร่างสูงใหญ่ รถม้าคันนั้นวิ่งตรงเข้ามาและหยุดแทบจะตรงหน้าของช่างตัดเสื้อ เสียงลมหายใจฟืดฟาดของม้าดังแหวกอากาศเงียบสงบในยามสาย พร้อมกับเสียงทักทายที่แทบจะเป็นเสียงเดียวกัน

                “ไง”

                ที่กุมบังเหียนอยู่คือลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ เขาสวมหมวกเดอร์บี้สีดำ และสวมเสื้อโค้ทสั้นสีน้ำเงินเข้ม ส่วนที่นั่งอยู่บนรถม้าด้านหลังคือลอร์ดฟาริงดอน เขาสวมหมวกทรงสูงสีดำสนิท สวมเสื้อโฟลกโค้ทที่ตัดเย็บจากผ้าไหมดูแวววาวในแสงอาทิตย์ กอร์ดอนมองคนทั้งคู่ด้วยความแปลกใจ

                “โอ... อรุณสวัสดิ์ครับ พวกคุณสองคนจะไปไหนกันครับ?”

                “ไปที่ร้านนายน่ะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ลอร์ดฟาริงดอนพูดขึ้นต่อ “ใช่ แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้ว เอ้า ขึ้นรถสิ”

                “หา?!” กอร์ดอนร้องด้วยความงุนงง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเขาแล้วพูด

                “เขาสั่งให้นายขึ้นรถ ขึ้นมาสิ หรือนายติดธุระอยู่?”

                คนขับรถม้ารีบพูดขึ้นมาทันที “โอ ไม่ใช่ธุระอะไรหรอกครับ เชิญตามสบายเลยครับคุณโอเดนเบิร์ก”

                ในเมื่อไม่มีข้ออ้างอะไร กอร์ดอนจึงจำต้องขึ้นรถไปกับสองพี่น้องเมอร์เรย์ เขามองลอร์ดฟาริงดอนด้วยความสงสัย “คุณมีธุระอะไรหรือครับ?”

                “อ๋อ มันก็ไม่ใช่ธุระอะไรหรอก ผมเห็นว่าคุณหยุดงานวันนี้ เลยมาชวนไปนั่งรถเล่น” เขาพูดแล้วยิ้มให้ช่างตัดเสื้อ “อากาศร้อนนะ”

                “อ้อ ครับ... พอดีผมเดินมาด้วย เลยถอดเสื้อโค้ทถือไว้”

                “ผมเห็นล่ะ” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “เสื้อผ้าและการแต่งตัวของคุณดูน่าสนใจทีเดียว ตอนผมเจอคุณครั้งแรก คุณสวมเสื้อโค้ทตัวเก่า แต่ตัดเย็บอย่างดี ชี้ให้เห็นว่าถ้าคุณไม่ใช่คนสมถะที่มีรสนิยมสูง ก็ต้องเป็นผู้ดีที่กำลังตกยากอยู่ แต่คุณกลับสวมหมวกเดอร์บี้ใบใหม่ แสดงว่าคุณไม่ได้มีฐานะลำบากมากนัก เมื่อประกอบกับเสื้อตัวเก่าก็ทำให้ผมรู้สึกว่าคุณไม่ใช่คนที่สนใจด้านแฟชั่น แต่คุณสนใจหมวกเดอร์บี้ใบใหม่ใบนั้น และวันนี้คุณก็สวมมันออกมากับเสื้อเก่าอีกตัว มีเหตุการณ์อะไรพิเศษกับหมวกใบนี้รึเปล่า?”

                “โอ...” กอร์ดอนครางด้วยความประหลาดใจ “ข้อสังเกตของคุณทำผมทึ่งทีเดียว”

                ลอร์ดฟาริงดอนอมยิ้ม “ถ้าเป็นการละลาบละล้วงคุณเกินไป ผมก็ขอโทษด้วยแล้วกัน ผมค่อนข้างชอบการวิเคราะห์ผู้คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตผมน่ะ มันเป็นเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่การงานในอนาคตของผม”

                “อ้อ ครับ... อันที่จริงแล้วหมวกใบนี้ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอก” เขาพูดแล้วก้มลงมองหมวกเดอร์บี้สีน้ำตาลในมือ “ตอนแรกผมคิดจะไปซื้อหมวกฮอมเบิร์ก แต่พอไปลองที่ร้านแล้วมันไม่เข้ากัน เลยเปลี่ยนมาซื้อหมวกใบนี้แทน”

                “หมวกฮอมเบิร์กหรือ?” ลอร์ดฟาริงดอนทวนคำ แล้วใช้ดวงตาสีฟ้าซีดของเขาจ้องช่างตัดเสื้อ “ผมคิดว่ามันคงไม่เข้ากับคุณเหมือนกัน ดีแล้วล่ะที่คุณเลือกหมวกใบนี้มาแทน”

                “ขอบคุณครับ” กอร์ดอนพยักหน้า สายลมพัดมาต้องใบหน้าของเขา ภาพของกลุ่มอาคารสีทะมึนค่อยจางหายไปจากข้างทาง ภาพของทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพรรณแทนที่เข้ามา แสงสีทองของดวงอาทิตย์ที่สาดลงมา ขับเน้นให้พื้นที่เขียวชอุ่มอบอวลไปด้วยอุ่นไอของชีวิต กอร์ดอนมองทิวทัศน์ที่อยู่ล้อมรอบตัวเขาด้วยความชื่นมื่น “ว้าว หน้าร้อนนี่ดีจริงๆ”

                “ใช่ไหมล่ะ?” ลอร์ดฟาริงดอนพูด “หน้าร้อนเหมาะที่สุดแล้วที่เราจะออกมานั่งรถเล่น ตากแดด สูดอากาศดีๆ ให้เต็มปอด โดยเฉพาะวันที่ฝนไม่ตกแบบนี้”

                “จริงของคุณครับ แต่ผมไม่ค่อยมีโอกาสนักหรอก”

                “อ้อ ใช่... งานที่ร้านคุณคงวุ่นวายมาก ลำพังแค่งานของพ่อผมก็ควรจะทำให้คุณปวดหัวอยู่ล่ะ”

                “ไม่หรอกครับ ลอร์ดสวินดันเป็นลูกค้าที่ดีมาก”

                “ผมไม่เถียงคุณแล้วกัน” ลอร์ดฟาริงดอนพูดยิ้มๆ “วันพฤหัสฯเป็นไงบ้าง หลังผมกลับ จอห์นมีพูดอะไรแปลกๆ กับคุณรึเปล่า?”

                กอร์ดอนสั่นศีรษะ “ไม่มีหรอกครับ เขาไม่ได้พูดจาว่าร้ายคุณเลย”

                “โอ... ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น จอห์นไม่ใช่คนประเภทที่ชอบพูดถึงคนอื่นลับหลังในเชิงไม่ดีอยู่แล้ว” ท่านเอิร์ลว่า ก่อนจะโน้มตัวลงมาเอาศอกตั้งบนหัวเข่า

                “เขาไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเหตุผลเรื่องที่เขาซื้อชุดน้ำชานั่นให้คุณเลยหรือ?”

                “ไม่ครับ ก็มันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขานี่ครับ”

                “คุณคิดแบบนั้นจริงๆ นะ?”

                กอร์ดอนพยักหน้า “ทำไมคุณสนใจเรื่องนี้นักล่ะครับ?”

                “ไม่รู้สิ” ลอร์ดฟาริงดอนพูด แล้วยืดตัวกลับไปตามเดิม “งั้นเรื่องที่ผมให้กระปุกชาคุณก็เป็นเรื่องปกติเหมือนกันใช่ไหม?”

                “ผมคิดว่าคุณน่าจะรู้สึกแบบนั้น ไม่ใช่หรือครับ?” กอร์ดอนถามอย่างฉงน ลอร์ดฟาริงดอนจ้องเขาอยู่อึดใจใหญ่ๆก่อนะพยักหน้า

“อืม มันก็แค่กระปุกชา”

กอร์ดอนพูดต่อ “อันที่จริงผมเคยคุยกับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ เขามีความสนใจเรื่องชาไม่น้อยทีเดียว ผมคิดว่าพวกคุณสองคนพี่น้องน่าจะชอบอะไรคล้ายๆ กัน”

“ก็ไม่เชิงหรอกนะ” ลอร์ดฟาริงดอนว่า ได้ยินเสียงลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบกลับมา

                “เป็นฝาแฝดไม่จำเป็นต้องชอบอะไรเหมือนกันหรอกนะ ข้อนั้นฉันขอยืนยันกับนายเลยว่ามันไม่จริง”

                “โอ้... หรือครับ”

                “ใช่ นิสัยของพวกเราไม่เหมือนกันหรอก ความชอบก็ไม่เหมือนกันด้วย”

                “ผมคิดว่าคนที่โตมาด้วยกันจะชอบอะไรคล้ายๆ กันเสียอีก”

                ลอร์ดฟาริงดอนยักไหล่ “แมกกี้กับฉันไม่ได้โตมาด้วยกันหรอก อืม... อันที่จริงสมัยเด็กๆ เราก็เคยอยู่ด้วยกันนะ แต่พอโตหน่อยพวกเราก็แยกบ้านกัน อันที่จริงแล้วฉันชอบมากนะตอนเรายังอยู่ด้วยกัน มันสนุกมากเวลาพ่อแยกไม่ออกว่าเราเป็นใครกันแน่ ใช่มั้ยแมกกี้”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หัวเราะ “ใช่ เพราะนายทำท่าโง่ๆ เลียนแบบฉันได้เหมือนมาก ฉันว่านายนั่นแหละเป็นสาเหตุทำให้พ่อต้องแยกเราออกจากกัน”

                ลอร์ดฟาริงดอนหัวเราะชอบใจ “พ่อเราเป็นคนประหลาดในทุกเรื่องเสมอ”

                รถม้าแล่นไกลออกมาทุกที สุดท้ายก็ทิ้งตัวเมืองสีดำทะมึนของลอนดอนเอาไว้เบื้องหลัง ท้องฟ้าสีน้ำเงินครามลอยอยู่สูงเหนือศีรษะ ตลอดสองข้างทางมีแต่ทุ่งหญ้าที่มีดอกไม้ป่าเบ่งบานอวดสีสันของตัวเอง ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ลดความเร็วของรถม้าลง เพื่อให้คนในรถได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบข้างได้อย่างเต็มที่

                “ว้าว บึงน้ำนั่นสวยมาก” กอร์ดอนโพล่งออกมา เมื่อรถแล่นผ่านบึงเล็กๆ ที่มีต้นโอ๊กและต้นเอมขึ้นล้อมรอบ

                “ลงไปเดินเล่นกันไหมล่ะ?” ลอร์ดฟาริงดอนถาม ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หยุดรถม้าลง กอร์ดอนสั่นศีรษะ

                “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเกรงใจเจ้าของที่ดิน เขาคงต้องเป็นคนใหญ่คนโตแน่”

                “อ้อ... เรื่องนั้นไม่ต้องกังวลหรอก” ลอร์ดฟาริงดอนว่า พูดจบเขาก็เปิดประตูรถม้าออกแล้วกระโดดลงไป “มาเถอะคุณโอเดนเบิร์ก ไปเดินเล่นกัน”

                กอร์ดอนกระโดดตามลงมาด้วยความเกรงใจ ลอร์ดฟาริงดอนเดินนำเขาตัดผ่านกลุ่มต้นโอ๊กและต้นเอมที่แผ่กิ่งก้านสาขาสวยงามเข้าไปยังบึงน้ำดังกล่าว พอพ้นจากทิวไม้ ที่อยู่ด้านหลังบึงน้ำ คือคฤหาสน์ขนาดใหญ่ที่ทำจากอิฐสีขาวทั้งหลัง

                “โอ... ผมไม่รู้ว่ามีคฤหาสน์ตั้งอยู่ที่นี่ด้วย” กอร์ดอนพูดด้วยความประหลาดใจ ลอร์ดฟาริงดอนพยักหน้า

                “แน่นอน เพราะคุณไม่เคยมาที่นี่” เขาเดินนำช่างตัดเสื้อลงไปที่บึง บนผิวน้ำมีหงส์สี่ห้าตัวว่ายน้ำเล่นอยู่ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เดินตามหลังโดยทิ้งระยะห่างพอสมควร

                “มันช่างเป็นภาพที่สวยงามมาก” ช่างตัดเสื้อพูดด้วยความประทับใจ พอมองจากมุมที่พวกเขายืนอยู่ คฤหาสน์สีขาวหลังนั้นดูตระหง่านท่ามกลางทุ่งหญ้าสีเขียวและต้นไม้ที่ขึ้นอยู่รายล้อมมัน รวมถึงบึงน้ำที่อยู่ด้านหน้าด้วย ลอร์ดฟาริงดอนหันมองเขาแล้วยิ้มอีก

                “ว่ายน้ำกันมั้ย คุณโอเดนเบิร์ก วันนี้อากาศร้อนอยู่นะ”

                กอร์ดอนรีบสั่นศีรษะ “ไม่ครับ ผมว่ายน้ำไม่เป็น”

                “งั้นหรือ? ไม่เป็นไรหรอก น้ำตื้นๆ แค่นี้เอง”

                “โอ ไมกี้ ฉันว่าเราไม่ควร...”

                “นายก็ลงมาด้วยกันเลยแมกกี้ เราไม่ได้ว่ายน้ำด้วยกันมานานแล้ว” ลอร์ดฟาริงดอนชวน ก่อนจะถอดเสื้อออกจนเหลือแค่เสื้อเชิ้ตตัวในกับกางเกง กอร์ดอนร้องออกมา

                “โอ ท่านลอร์ด คุณจะเปียกมากนะครับ พวกเรายังต้องนั่งรถกลับอีกนะ”

                “ผมไม่ได้ปัญญาอ่อนนะคุณโอเดนเบิร์ก” ลอร์ดฟาริงดอนพูดยิ้มๆ “เห็นคฤหาสน์สีขาวตรงนั้นมั้ย? เดี๋ยวผมจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่นั่น คุณก็ลงมาด้วยกันเลย ใจคอจะยืนดูอยู่ริมฝั่งเฉยๆ หรือ?”

                “ไม่ดีกว่าครับ ผมว่ายน้ำไม่เป็น จะลำบากพวกคุณเปล่าๆ”

                ลอร์ดฟาริงดอนขยับมาหยุดยืนตรงหน้าเขา “อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ผมไม่ชอบเลยเวลารู้สึกว่าตัวเองใจอ่อน”

                “แต่ผม...”

                “ลงน้ำกับผมเถอะ โอเดนเบิร์ก อากาศดีๆ แบบนี้เราควรจะได้เล่นน้ำกันนะ คุณจะรู้เองว่ามันดีมาก และไม่ใช่เรื่องที่ควรปฏิเสธเลย”

                “อา...” สุดท้ายกอร์ดอนก็ต้องถอดเสื้อกั๊กและรองเท้าออก เพราะไม่รู้ว่าจะหาทางไหนมาปฏิเสธลอร์ดฟาริงดอน ฝ่ายนั้นดึงเขาลงไปในน้ำ มันเย็นจนช่างตัดเสื้อขนลุกเกรียวทั้งตัว

                “เย็นมากนะครับเนี่ย”

                “ใช่” ลอร์ดฟาริงดอนพยักหน้า “ฤดูเดียวที่คุณจะกระโดดลงเล่นน้ำแบบนี้ได้คือฤดูร้อนนี่แหละ” พูดจบเขาก็ดึงกอร์ดอนลงไปในจุดที่ลึกขึ้น ช่างตัดเสื้อขืนตัวไว้ด้วยความตกใจ

                “โอ ท่านลอร์ด ผมว่ายน้ำไม่เป็น”

                “ไม่เป็นไร คุณเกาะไหล่ผมไว้ก็ได้” พูดจบเขาก็ฉวยมือของช่างตัดเสื้อขึ้นมาวางบนไหล่ “พอผมนับหนึ่งถึงสาม คุณก็กลั้นหายใจนะ พวกเราจะดำน้ำกัน”

                “หา?”

                “หนึ่ง... สอง... สาม...”

                กอร์ดอนรีบกลั้นหายใจ ก่อนที่ลอร์ดฟาริงดอนจะดึงเขาลงไปในน้ำ ทันทีที่ใบหูของเขาจมลง เสียงทุกอย่างก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ความเงียบงันของอากาศกลายเป็นเสียงพึมพำของสายน้ำ กอร์ดอนลืมตาขึ้น ภาพตรงหน้าของเขาพร่ามัวเล็กน้อย เขามองเห็นฟองอากาศผุดพรายออกมาจากฝ่ายตรงข้าม ก่อนที่ทางนั้นจะดึงตัวเขากลับขึ้นไป

                “เป็นไง?”

                ช่างตัดเสื้อกะพริบตาเพื่อไล่น้ำสองสามครั้ง ก่อนจะถอนหายใจแรง “ก็... ไม่เลวครับ”

                “คุณต้องเริ่มจากการรู้จักผ่อนลมหายใจใต้น้ำก่อน” ลอร์ดฟาริงดอนว่า “เอาล่ะ เดี๋ยวคุณกลั้นหายใจแล้วเราจะลงไปอีกครั้ง คราวนี้คุณค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมานะ ช้าๆ ไม่ต้องเร็ว หนึ่ง... สอง... สาม...”

                กอร์ดอนลงมาอยู่ใต้น้ำอีกครั้ง เขาพยายามผ่อนลมหายใจอย่างที่ลอร์ดฟาริงดอนบอก ฟองอากาศกระจายอยู่ตรงหน้า ตามด้วยเสียงปุ๋งๆ ที่สะท้อนเข้าหู พวกเขาผุดขึ้นมาเหนือน้ำอีกครั้ง

                “ใช้ได้ คุณยังไม่สำลัก ลองอีกทีนะ”

                พวกเขาทดลองดำน้ำกันอีกหลายครั้ง จนช่างตัดเสื้อเริ่มรู้สึกคุ้นชิน

                “คุณดำได้นานขึ้นกว่ารอบตะกี้นะ” ลอร์ดฟาริงดอนว่า พลางปาดน้ำออกจากหน้า กอร์ดอนหัวเราะ ขณะยกมือเช็ดน้ำออกจากดวงตา

                “ไปที่ลึกกว่านี้อีกหน่อยไหม คุณจะได้ลองเรียนรู้วิธีลอยตัว” ลอร์ดฟาริงดอนค่อยๆ พยุงตัวของช่างตัดเสื้อลงน้ำลึกไปเรื่อยๆ กอร์ดอนจับไหล่ฝ่ายนั้นเอาไว้แน่น พลางหันมองบึงกว้างเบื้องหน้า ขณะที่ลอร์ดฟาริงดอนจับจ้องใบหน้าของช่างตัดเสื้อแน่วนิ่ง จังหวะที่กอร์ดอนหันกลับมา ปลายจมูกของทั้งคู่ก็สัมผัสกันพอดี

                “ไมกี้!”

                ลอร์ดฟาริงดอนสะดุ้งเฮือก เขาหันไปมองต้นเสียงก็เห็นน้องชายยืนตีหน้าบึ้งอยู่ที่ริมตลิ่ง “นายควรจะขึ้นมาได้แล้ว พวกนายไม่ควรจะแช่น้ำนาน โดยเฉพาะกอร์ดอน เขาอาจจะไม่สบายได้”

                “อ้อ... ถูกของนาย” ลอร์ดฟาริงดอนพยักหน้า ก่อนจะค่อยๆ พาช่างตัดเสื้อกลับมาที่ริมตลิ่ง ลอร์ดฟาริงดอนหยิบเสื้อโฟลกโค้ทของตัวเองมาคลุมให้กอร์ดอนอีกชั้น ระหว่างที่ทั้งสามคนมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์สีขาวที่อยู่หลังบึงนั้น

                ประตูไม้บานใหญ่ของคฤหาสน์ถูกเปิดออกทันทีที่รถม้าแล่นเข้าไปถึง คนรับใช้สองคนและหญิงรับใช้อีกหนึ่งคนรีบวิ่งออกมาต้อนรับผู้มาเยือน

                “อรุณสวัสดิ์ค่ะ/ครับนายท่านไมครอฟ นายท่านแมกซิมิลเลียน”

                ลอร์ดฟาริงดอนทักกลับ ก่อนจะพูดขึ้นต่อ “ไปจุดไฟในเตาผิงที่ห้องรุ่งอรุณ แล้วเอาเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้ฉัน กับเสื้อคลุมอีกตัวนะ”

                “ครับ นายท่าน” คนรับใช้พอรับคำสั่งแล้วก็รีบไปทำหน้าที่ของตนทันที ลอร์ดฟาริงดอนหันมาหากอร์ดอนอีกครั้ง

                “ยินดีต้อนรับสู่กรีนไวท์เทอเรส บ้านของผมเอง”

-------------------------------------


ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
                เตาผิงมีไฟลุกโชนอยู่แล้วตอนที่พวกเขาสามคนไปถึงห้องรุ่งอรุณ ซึ่งเป็นห้องรับแขกที่เล็กที่สุดในจำนวนสามห้องของคฤหาสน์กรีนไวท์เทอเรส ถึงอย่างนั้นมันก็ถูกตกแต่งอย่างสวยงามและประณีต มีรูปวาดของลอร์ดฟาริงดอนกับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ที่ยืนคู่กันแขวนอยู่ เป็นที่รู้กันว่าลอร์ดฟาริงดอนจะใช้ห้องนี้ในการรับรองแขกที่มีความสนิทสนมมาก คนรับใช้นำเสื้อผ้าชุดใหม่เข้ามาวางให้ ลอร์ดฟาริงดอนสั่งให้กอร์ดอนถอดเสื้อผ้าชุดเก่าออกเพื่อให้คนรับใช้เอาไปผึ่งให้แห้ง และสวมเสื้อคลุมแทนระหว่างรอ กอร์ดอนนิ่วหน้าด้วยความไม่มั่นใจ เพราะเสื้อคลุมที่เขาสวมนั้นหลวมเอาเรื่องเลยทีเดียว

                “ผมแน่ใจว่าเสื้อผ้าของคุณคงแห้งก่อนบ่ายสอง ไม่ต้องทำหน้ากังวลแบบนั้นหรอก ผมคงไม่ชอบที่จะได้เห็นคุณใส่ชุดหลวมแบบนี้เดินออกไปจากที่นี่เหมือนกัน”

                “ผมคงไม่กล้าเดินออกไปทั้งแบบนี้หรอกครับ” กอร์ดอนบอกตามตรง ผมของเขายังชื้นอยู่ แต่เนื้อตัวเช็ดจนแห้งสนิทแล้ว ลอร์ดฟาริงดอนชี้ให้เขานั่งบนเก้าอี้นวมข้างตัว ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เดินไปรินบรั่นดีมาให้

                “ดื่มเสียหน่อย นายน่าจะรู้สึกสบายขึ้น” เขาพูดพลางส่งแก้วบรั่นดีให้ช่างตัดเสื้อ คนรับพยักหน้า

                “ขอบคุณมากครับ”

                กอร์ดอนจิบบรั่นดีแก้วนั้นก่อนจะถอนหายใจ ลอร์ดฟาริงดอนจ้องมองเขาอยู่ตลอดเวลา “โอเดนเบิร์ก”

                “ครับ?”

                “เล่นน้ำสนุกมั้ย?”

                “เอ่อ... ถือว่าเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ของผมครับ”

                “ไม่ชอบงั้นสิ?”

                “โอ... บอกไม่ถูกหรอกครับ” กอร์ดอนตอบ “ผมไม่ได้ไม่ชอบ แต่ก็บอกไม่ได้ว่าชอบเหมือนกันครับ”

                “เอาเถอะ ไม่เป็นไร” ลอร์ดฟาริงดอนพยักหน้า “แล้วชอบที่ได้ออกมานั่งรถเล่นแบบนี้รึเปล่า?”

                ช่างตัดเสื้อพยักหน้า “ครับ ผมไม่เคยนึกถึงการออกมานั่งรถเล่นในวันอาทิตย์มาก่อน คือมันค่อนข้างเป็นวันที่เงียบสงบและผมคิดว่าควรจะอยู่ที่บ้านมากกว่า”

                “หรือไม่ก็เพราะคุณไม่มีใครออกมานั่งรถเล่นเป็นเพื่อน นั่งรถเล่นคนเดียวไม่สนุกหรอก ใช่ไหมล่ะ?” ลอร์ดฟาริงดอนพูดพลางมองอีกฝ่าย กอร์ดอนนิ่งคิด ก่อนจะพยักหน้าอีก

                “คงใช่ครับ ทุกคนหยุดวันอาทิตย์กันหมด ให้ผมนั่งรถคนเดียวคุยกับสารถีก็กระไร” พูดจบเขาก็หัวเราะเขินๆ จนลอร์ดฟาริงดอนสงสัย

                “ทำไมคุณหัวเราะแบบนั้น?”

                “โอ... ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่คิดว่าตลกดีเหมือนกันที่ผมได้ออกมานั่งรถเล่นกับคุณ มันเป็นเรื่องที่ดูไม่น่าเชื่อเลย”

                “ใช่ มันไม่น่าเชื่อเลย ผมเองก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน” ลอร์ดฟาริงดอนพูดแล้วหัวเราะออกมาเช่นกัน เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้

                “ระหว่างรอเสื้อคุณแห้ง เรามาเต้นรำกันดีกว่า”

                “เอ๋?”

                โดยไม่รอให้กอร์ดอนพูดอะไรต่อ ลอร์ดฟาริงดอนเดินมายุดมือของเขาให้ลุกขึ้น ก่อนจะหันไปหาน้องชาย “แมกกี้ เล่นเพลงสนุกๆ สำหรับเต้นรำให้ฉันหน่อยสิ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ลุกจากเก้าอี้นวม เดินไปนั่งหลังแกรนด์เปียโนตัวสวยที่วางอยู่ในห้อง เขาเปิดฝาครอบคีย์ออก แล้วไล่นิ้วลงไปบนคีย์สีงาช้าง

                “ไม่เอา Moonlight sonata สิแมกกี้ ขออะไรที่มันสดใสกว่านี้หน่อยได้ไหม?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เงยมองพี่ชายแว้บหนึ่ง ก่อนจะเริ่มเล่นเปียโนต่อ ท่วงทำนองหวานซึ้งของเพลง Spring waltz ค่อยดังขึ้น

                “ให้ตาย แมกซ์ ไม่เอาโชแปง มันทำให้ฉันนึกถึงจอร์จ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สูดหายใจลึก “นายอยากให้ฉันเล่นเพลงอะไร บอกมาเลยดีกว่า”

                ลอร์ดฟาริงดอนนิ่งคิดไปอึดใจ “Strauss, Blue danube ก็ได้”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก้มลงดีดเปียโนอีกครั้ง คราวนี้เสียงเพลง Blue Danube ก็ดังขึ้น ลอร์ดฟาริงดอนดึงตัวกอร์ดอนไปโอบไว้ ช่างตัดเสื้อรีบสั่นศีรษะทันที

                “ท่านลอร์ด ผมเต้นรำไม่เป็นครับ”

                “ไม่เป็นไรหรอก เต้นรำง่ายจะตายไป” ลอร์ดฟาริงดอนว่า จากนั้นก็เริ่มก้าวเท้าตามจังหวะเพลง กอร์ดอนเงยหน้ามองฝ่ายตรงข้ามด้วยความรู้สึกตกใจ เขารู้สึกขึ้นมาทันทีว่านี่เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง “ท่านลอร์ด ผมไม่...”

                ลอร์ดฟาริงดอนดึงตัวเขาเข้าไปชิดกว่าเดิม กอร์ดอนหน้าซีด เขาหันไปมองทางอื่นทันที ได้ยินเสียงอีกฝ่ายพูดขึ้น

                “คุณโอเดนเบิร์ก เต้นรำต้องมองหน้าคู่เต้นนะ คุณจะไม่ให้เกียรติผมสักหน่อยหรือ?”

                “โอ... ท่านลอร์ด” กอร์ดอนเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างไม่เต็มใจนัก “ผมรู้สึกไม่สบายครับ”

                ลอร์ดฟาริงดอนเลิกคิ้วขึ้น พอเห็นสีหน้าของช่างตัดเสื้อเขาก็อุทานออกมา “ให้ตาย... คุณโอเดนเบิร์ก”

                เขารีบพากอร์ดอนกลบมานั่งที่เก้าอี้นวมทันที ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หยุดเล่นเปียโน “เกิดอะไรขึ้น?!”

                “คุณโอเดนเบิร์กไม่ค่อยสบาย หน้าเขาซีดมาก รินบรั่นดีมาหน่อย”

                คนเป็นน้องชายรีบลุกจากเปียโน ตรงไปรินบรั่นดีมาให้พี่ชายทันที ลอร์ดฟาริงดอนยื่นแก้วบรั่นดีแนบเข้ากับริมฝีปากของช่างตัดเสื้อ “ดื่มนี่หน่อยนะ”

                กอร์ดอนสั่นศีรษะ เขาเลื่อนมือของอีกฝ่ายออก ก่อนจะเงยขึ้นมองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ “ผมอยากกลับบ้าน”

                “ได้ คุณจิบบรั่นดีแล้วนั่งพักสักหน่อยนะ เดี๋ยวผมจะให้คนพาคุณไปส่งที่บ้าน” ลอร์ดฟาริงดอนพูด พลางมองช่างตัดเสื้อด้วยความเป็นห่วง “ผมจะออกไปข้างนอกสักครู่ คุณพักให้สบายเถอะ”

                พูดจบ ลอร์ดฟาริงดอนก็เดินออกไปจากห้องนั่งเล่น ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตรงเข้ามาหากอร์ดอนทันที “นายเป็นอะไรไป?”

                กอร์ดอนเงยหน้ามองเขา “ท่านลอร์ดครับ ผมไม่สบายใจเลย พี่ชายคุณ... เอ่อ... เขาดูแปลกๆ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเขาก่อนจะถอนหายใจ “คือ... ไมกี้ เขา... เฮ้อ ให้ตาย” ลอร์ดหนุ่มคราง ก่อนจะใช้ดวงตาสีฟ้าซีดจ้องช่างตัดเสื้อ “นี่เป็นเรื่องแย่มาก กอร์ดอน แย่ที่สุดอย่างที่ฉันไม่คาดว่าจะเกิดกับพี่ชายของตัวเอง”

                “เกิดอะไรขึ้นกับลอร์ดฟาริงดอนครับ?” กอร์ดอนถามด้วยสีหน้าวิตก ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นิ่งไปอึดใจใหญ่ ก่อนจะสั่นศีรษะ

                “เดี๋ยวฉันจะไปส่งนายที่ร้าน ฉันอยากให้นายลืมเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เสีย และอย่าเล่าให้จอห์นนี่ฟัง ขอร้องล่ะ อย่าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้เขาฟังนะ” ลอร์ดหนุ่มพูดด้วยสีหน้าจริงจังจนกอร์ดอนจำต้องพยักหน้าตาม อีกฝ่ายให้เขาขยับไปนั่งใกล้เตาผิง ก่อนจะเรียกคนรับใช้มาสั่งความ จากนั้นไม่นานกอร์ดอนก็ได้สวมเสื้อผ้าชุดเดิม แม้ว่ามันจะยังชื้นอยู่ แต่เขาก็รู้สึกดีที่จะได้กลับบ้านเสียที

-------------------------------------

                ลอร์ดฟาริงดอนกำลังรินวิสกี้ให้ตัวเองอยู่ในบาร์เหล้าในคฤหาสน์ของเขาเอง เขาเงยหน้าขึ้นทันทีที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เปิดประตูเข้ามา

                “นายไปส่งโอเดนเบิร์กถึงที่ร้านแล้วใช่ไหม? เขาพูดถึงฉันว่าไงบ้าง?”

                น้ำเสียงของลอร์ดหนุ่มส่อเค้าความกังวลอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าที่ฉาบรอยยิ้มอยู่เสมอ บัดนี้ดูหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาสีฟ้าซีดสั่นระริกระหว่างรอคำตอบจากน้องชาย ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองพี่ชายฝาแฝดของเขาอย่างสะทกสะท้อนใจ

                “ไม่ เขาไม่ได้พูดอะไรถึงนาย”

                “เขา... ไม่พูดอะไรถึงฉันเลยหรือ?” น้ำเสียงของลอร์ดฟาริงดอนเหมือนจะยินดีก็ไม่ใช่ เสียใจก็ไม่เชิง เขายกแก้ววิสกี้ขึ้นดื่มอีกอึกหนึ่ง ก่อนจะถอนใจยาว

                “คงจะดีกว่า ถ้าเขาพูดอะไรสักอย่าง แต่ช่างเถอะ... ด้วยฐานะอย่างเขาคงไม่กล้าพูดอะไรมากอยู่แล้ว”

                ลอร์ดหนุ่มเขย่าแก้ววิสกี้ แล้วพูดต่อ “ตะกี้ตอนที่เต้นรำกัน เขาทำหน้าตกใจกลัวมาก เขาคงรู้สึกตัวแล้วว่ามันเป็นเรื่องผิดปกติ” เขาเว้นจังหวะ พลางเม้มปากด้วยความขัดใจ “ฉันไม่เคยตกใจปฏิกิริยาของคนอื่นที่มีต่อตัวเองขนาดนี้เลย แมกซ์ แว้บนั้นฉันคิดขึ้นมาว่าเขาคงรังเกียจฉันแล้ว และนั่นทำให้ฉันผิดหวังกับตัวเองมาก”

                เขายกวิสกี้ขึ้นจิบ “ฉันไม่ควรจะรุกไล่เขารวดเร็วแบบนี้เลย”

                “โอ... ไมกี้” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คราง เขาเดินเข้ามาหาพี่ชาย “ที่จริงแล้วฉันไม่สนับสนุนนายเรื่องนี้แต่แรก เขาเป็นผู้ชาย นายก็รู้ มันไม่มีทางเป็นไปได้”

                ลอร์ดฟาริงดอนถอนหายใจยาวอีกครั้ง “ฉันเข้าใจความหวังดีของนาย แมกกี้ และฉันก็ขอขอบคุณนายด้วย ที่สุดท้ายก็ยอมตามใจฉันทุกอย่างในเรื่องนี้” เขาหยุดพูดแล้วถอนใจอีก “เอาเถอะ อย่างน้อยฉันก็ได้มีช่วงเวลาที่ได้ใกล้ชิดกับคนที่แอบหลงรักสักแว้บหนึ่ง แปลกดีเหมือนกันนะ ก่อนหน้านี้ฉันยังรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก ตอนที่ได้ว่ายน้ำกับเขา ตอนที่ได้มองหน้าเขาบนรถม้า แต่พอได้เห็นท่าทางหวาดกลัวของเขา ฉันถึงได้รู้ว่าการถูกกระชากลงนรกเป็นยังไง”

                พูดจบเขาก็ยกแก้ววิสกี้ขึ้นมาจิบอีก ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สังเกตเห็นว่าพี่ชายของตัวเองพยายามอย่างยิ่งที่จะบังคับมือไม่ให้สั่นตอนทำแบบนั้น มันทำให้เขารู้สึกปวดใจขึ้นมา

                “เรื่องนี้มันไม่ควรจะเกิดขึ้นกับนายเลย ไมกี้”

                ลอร์ดฟาริงดอนพยักหน้า “ใช่ แต่มันเกิดขึ้นแล้ว บางทีพระเจ้าอาจจะอยากลงโทษฉันโทษฐานที่ทิ้งนายไปอินเดียตั้งเกือบสองปีก็ได้” เขาหันมามองน้องชายแล้วพยายามจะหัวเราะ “ฉันว่านี่ก็สาสมอยู่นะ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์วางมือลงบนไหล่พี่ชายของตัวเอง ฝ่ายนั้นพยักหน้าเล็กน้อย “ระหว่างที่นายเอารถม้าออกไปส่งเขา ฉันก็คิดขึ้นมาได้ว่า ฉันควรจะรีบจบเรื่องนี้เสียที มันไม่มีผลดีต่อใครเลย ไม่ว่าจะเป็นฉัน โอเดนเบิร์ก หรือกับนาย ฉันตัดสินใจแล้วแมกกี้ พรุ่งนี้ฉันจะไปโรมาเนีย อย่างที่พ่อเคยขอฉันเอาไว้ก่อนหน้านี้ ฉันคงไปหลายเดือน ฉันเสียใจจริงๆ ที่ต้องทิ้งนายไปอีกแล้ว แต่ฉันคิดว่ามีแต่ทางนี้เท่านั้นที่จะทำให้ฉันไม่คิดฟุ้งซ่านเรื่องโอเดนเบิร์กได้”

                “ถ้ามันจะทำให้นายตัดใจจากเขาได้ ฉันยินดี” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์บีบไหล่พี่ชายเบาๆ “ฉันยังอยากเห็นนายแต่งงานมีลูกอยู่นะ ไมกี้”

                ลอร์ดฟาริงดอนหัวเราะออกมาได้ในที่สุด “ฉันคิดว่าตัวเองควรต้องทำแบบนั้นเหมือนกัน” เขาถอนใจอีกครั้งก่อนจะพูดต่อ “มีอีกเรื่องที่ฉันจะขอร้องนาย”

                “อะไรหรือ?”

                “ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ นายระวังอย่าให้จอห์นทำลายโอเดนเบิร์กเป็นอันขาด ฉันแน่ใจว่าด้วยนิสัยแบบเขา ต้องไม่ยอมปล่อยมือจากใครง่ายๆ แน่ ถ้าโอเดนเบิร์กจะรู้สึกกลัวเขาเหมือนกลัวฉันก็คงจะดีไป แต่ฉันสังหรณ์ว่ากับจอห์นแล้วเขาจะไม่รู้สึกแบบนั้นน่ะสิ”

                “โอ... ไมกี้ ช่างจอห์นนี่เถอะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คราง “นายไม่ควรจะใส่ใจเขาเรื่องนี้ ไม่ว่าเขาจะยอมปล่อยมือจากกอร์ดอนหรือไม่ มันก็ไม่เกี่ยวกับนายอยู่แล้ว ถ้าเขาอยากจะเสี่ยงทำเรื่องเสื่อมเสียแบบนั้น ก็ปล่อยเขาไปเถอะ”

                “ไม่ได้” ลอร์ดฟาริงดอนพูดเสียงหนัก “ฉันไม่ได้สนใจว่าจอห์นจะทำเรื่องเสื่อมเสียหรือไม่ แต่ฉันคงทนไม่ได้ถ้าโอเดนเบิร์กจะถูกทำลายด้วยน้ำมือเขา นายก็รู้ว่าถ้าจอห์นมีปัญหาเรื่องนี้ขึ้นมา คนแรกที่จะโดนเก็บกวาดคือโอเดนเบิร์ก ฉันทนไม่ได้แน่ถ้ามันจะเกิดขึ้น นายเองก็สนิทกับจอห์นมากไม่ใช่หรือ นายต้องช่วยเขาอย่างที่ช่วยฉันสิ สัญญานะแมกกี้ ว่านายจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้นระหว่างที่ฉันไม่อยู่”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นิ่งมองพี่ชายอยู่อึดใจใหญ่ๆ สุดท้ายก็ยอมพยักหน้า “ได้ ไมกี้ ฉันสัญญาว่าระหว่างที่นายไม่อยู่ ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้กอร์ดอนกับจอห์นนี่มีปัญหาเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด”

---------------------------------------

                แม้ว่ากอร์ดอนจะรู้สึกไม่สบายใจเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันอาทิตย์ แต่พอถึงวันจันทร์ร้านของเขาก็วุ่นวายเสียจนเจ้าตัวไม่มีเวลาจะไปคิดหยุมหยิมเรื่องอื่น จักรที่ใช้งานอยู่ตัวหนึ่งเกิดเสียขึ้นมาอีก คราวนี้อาการหนักถึงกับต้องยกไปซ่อมที่ร้าน ขณะที่กอร์ดอนกำลังวุ่นวายเจรจากับช่างเพื่อขอจักรอีกตัวมาแทนที่จักรที่ต้องส่งซ่อม ลอร์ดสวินดันก็มาที่ร้านเพื่อดูผ้าสำหรับตัดเสื้อโค้ทตัวใหม่ เดวิดรีบเปิดประตูให้ท่านมาร์ควิสเข้ามาในร้าน ก่อนจะแจ้นไปตามกอร์ดอนทันที

                “โอ ทำไมลอร์ดสวินดันถึงมาตอนนี้ได้” กอร์ดอนคราง ก่อนจะหันไปต่อรองกับช่างซ่อมจักรต่อ “ผมต้องการจักรตัวใหม่ วันนี้เดี๋ยวนี้เลย”

                “แต่ที่ร้านขาดของครับ ถ้าคุณอยากได้จักรตัวใหม่ต้องรออีกสองสัปดาห์”

                “ให้ตายเถอะ เห็นมั้ยว่าที่นี่รีบแค่ไหน?!” กอร์ดอนพูดอย่างเหลืออด “ไปบอกคุณสตีเฟนสัน ว่าผมต้องการจักรมาแทนตัวที่จะยกเอาไปซ่อม สภาพไหนยังไงก็ได้ ให้มันเย็บได้ก็พอ ถ้าเขาไม่สามารถหาจักรมาแทนให้ผมได้ ผมเกรงว่าต้องพิจารณาหาร้านใหม่ในเร็วๆ นี้”

                “โอ... คุณโอเดนเบิร์กครับ ผมแน่ใจว่า...”

                “ไปบอกคุณสตีเฟนสันก่อน เขาให้คำตอบแล้วคุณค่อยมาบอกผมอีกที” ช่างตัดเสื้อตัดบท “ให้เร็วเลยนะคุณวีเซ็ตโต ตอนนี้ผมต้องขอตัวไปรับลูกค้าก่อน หวังว่าคุณจะกลับมาให้คำตอบผมก่อนเที่ยงนะ”

                “ครับ ได้ครับ”

                กอร์ดอนรีบขึ้นไปชั้นบนเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าลงมาต้อนรับลูกค้าผู้ทรงเกียรติของเขา ลอร์ดสวินดันนั่งรออยู่แล้วบนโซฟารับแขกที่ด้านหน้าของร้าน เขาเป็นชายวัยห้าสิบกลางๆ ผมสีดำสนิท มีดวงตาสีเทาซีดน่ากลัว เบ้าตาลึก จมูกงุ้ม ริมฝีปากบางเฉียบถูกซ่อนเอาไว้ใต้หนวดที่ถูกเล็มมาเป็นอย่างดี ลอร์ดสวินดันเป็นชายร่างใหญ่อย่างที่ลูกๆ ของเขาได้รับมา เขาสวมเสื้อสูทสีน้ำเงินเข้ม และกางเกงสีเดียวกัน ในตอนที่กอร์ดอนไปถึง เขากำลังฆ่าเวลาด้วยการอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าวันจันทร์และจิบชาที่เดวิดเพิ่งยกมาให้อยู่ โดยมีลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยืนสำรวมอยู่ด้านหลัง

                “อรุณสวัสดิ์ครับลอร์ดสวินดัน มีธุระอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ?”

                ลอร์ดสวินดันวางหนังสือพิมพ์ลง ก่อนจะใช้ดวงตาสีเทาซีดมองเขา “อรุณสวัสดิ์คุณโอเดนเบิร์ก ผมมาดูผ้าสำหรับตัดเสื้อโค้ท ผมต้องการด่วนก่อนวันศุกร์นี้ หวังว่าคุณจะจัดการให้ผมได้ทัน”

                “โอ... วันศุกร์นี้หรือครับ?” กอร์ดอนทวนคำ ก่อนจะพูดต่อ “ผมต้องขอดูตารางนัดสักครู่ครับ”

                “ตามสบาย” ลอร์ดสวินดันว่า ขณะที่กอร์ดอนล้วงเอาสมุดบันทึกรายการตัดเสื้อของลูกค้าออกมาจากอกเสื้อ

                “ท่านลอร์ดครับ ถ้าเป็นวันศุกร์ช่วงเช้า จะสะดวกไหมครับ?”

                “ไม่” ลอร์ดสวินดันสั่นศีรษะ “ผมจะใช้ในเช้าวันศุกร์ เร่งหน่อยได้ไหมโอเดนเบิร์ก นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก ลูกชายคนโตของผมเพิ่งกลับมาจากอินเดีย และเขาก็เพิ่งจะขึ้นรถไฟไปโรมาเนียเมื่อเช้านี้ อย่างที่ผมเคยขอเขาเอาไว้หลายปี มันทำให้ผมค่อนข้างมีความสุขมาก และผมอยากได้เสื้อโค้ทตัวใหม่เพื่อใส่ไปโรมาเนียในวันศุกร์นี้ ผมหวังว่าคุณคงจะทำมันให้ผมได้ทัน”

                กอร์ดอนนิ่งคิดไปอึดใจ “งั้นคงได้ประมาณช่วงค่ำวันพฤหัสฯครับ ผมจะพยายามเร่งให้เสร็จก่อนสี่ทุ่ม ท่านสะดวกรึเปล่าครับ?”

                “ได้ ผมจะให้คนรอจนถึงเที่ยงคืน” ลอร์ดสวินดันพยักหน้า “มีผ้าเข้ามาใหม่ใช่ไหม?”

                “ครับ” ช่างตัดเสื้อรับคำ ก่อนจะลุกขึ้นและเดินนำลูกค้าของเขาเข้าไปเลือกผ้าที่ด้านในของร้าน ลอร์ดสวินดันใช้เวลาเลือกผ้าสำหรับตัดชุดราวสิบห้านาที ก็นั่งรถม้ากลับ โดยทิ้งลูกชายคนรองเอาไว้ที่ร้านของเขา

                “อ้าว คุณไม่ได้กลับพร้อมลอร์ดสวินดันหรือครับ?” กอร์ดอนถามด้วยความแปลกใจ เมื่อลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เดินกลับเข้ามาในร้านอีกครั้ง คนถูกถามสั่นศีรษะ

                “ไม่ ฉันบอกเขาว่ายังมีธุระต้องทำ” พูดจบเขาก็มองกอร์ดอนเขม็ง “ขอเวลาฉันคุยอะไรกับนายเป็นการส่วนตัวสักห้านาทีได้มั้ย ฉันรู้ว่านายกำลังรีบ แต่ฉันมีเรื่องสำคัญ”

                กอร์ดอนหันไปโบกมือให้เดวิดออกไปก่อน แล้วจึงเชิญลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ไปนั่งที่โซฟา “คุณมีเรื่องอะไรหรือครับ?”

                “ไมครอฟไปโรมาเนียเมื่อเช้ากับรถไฟเที่ยวแรก เขาทำตามคำขอของพ่อที่เคยขอเขาเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน เขาจะไปที่นั่นหลายเดือน และพ่อฉันก็กำลังจะตามไปด้วย”

                “ครับ...?” กอร์ดอนมองเขาด้วยความสงสัย ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นิ่งไปอึดใจ ก่อนจะพูดต่อ

                “เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน นายยังไม่ได้เล่าให้ใครฟังใช่ไหม?”

                “โอ... ไม่หรอกครับ ผมวุ่นวายจนไม่ทันได้นึกถึงมันเลย”

                “ดีแล้ว” สีหน้าของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ค่อยคลายกังวลลงหน่อย “ไมครอฟอาจจะทำเรื่องแปลกๆ กับนายไปบ้าง แต่มันเป็นแค่นิสัยชอบสนุกของเขาเท่านั้นเอง ฉันขอยืนยันว่ามันไม่มีอะไรแอบแฝง แต่นายไม่ควรเล่าให้จอห์นนี่ฟัง เพราะเขาอาจจะเข้าใจผิดได้”

                “อ้อ...” กอร์ดอนร้อง ก่อนจะยิ้มอย่างโล่งอก “งั้นหรือครับ ลอร์ดฟาริงดอนนี่เป็นคนแปลกมากจริงๆ ผมขอโทษด้วยนะครับที่เมื่อวานแสดงสีหน้าไม่ค่อยดีออกไป”

                “ไม่เป็นไรหรอก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์โบกมือ “ฉันไปล่ะ เจอกันวันพุธที่สโมสร”

                “ครับ ขอให้พระเจ้าคุ้มครองคุณครับ”

                “เช่นกัน”


ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
                หลังจากนั้นอีกสิบห้านาที กอร์ดอนก็ต้องออกไปเจรจากับเจ้าของร้านขายจักรด้วยตัวเอง กว่าจะได้จักรตัวใหม่มาแทนที่ร้าน เวลาก็ล่วงไปจนถึงบ่ายสอง เขากลับมาตัดผ้าสำหรับตัดชุดให้ลอร์ดสวินดัน และลูกค้าคนอื่นๆ ก่อนจะทำงานล่วงเวลาจนถึงสามทุ่ม

                พอเช้าวันอังคาร เขาก็ประกาศกับช่างในร้านว่า จะเคลียร์งานทั้งหมดของสัปดาห์นี้ให้เสร็จภายในวันศุกร์ และจะหยุดในวันเสาร์เพื่อให้ทุกคนได้พักผ่อน แน่นอนว่าค่าล่วงเวลาก็จะจ่ายอย่างงามเช่นกัน

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์แวะมาหาเขาในช่วงเย็นของวันพุธอย่างที่เคยทำประจำทุกสัปดาห์ ท่านเอิร์ลยังคงดูสดชื่นและร่าเริงเหมือนดวงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณในช่วงหน้าร้อนไม่มีผิด เขามีสีหน้าผิดหวังที่กอร์ดอนของดเข้าประชุมสโมสรในวันนี้ เพราะติดงานที่ต้องเร่งทำให้เสร็จ แต่หลังจากนั้นก็ยิ้มแทบไม่หุบ เมื่อช่างตัดเสื้อพูดประโยคต่อมา

                “จอห์น วันเสาร์นี้คุณว่างไหมครับ? ผมอยากชวนคุณไปนั่งรถเล่นที่นอกเมืองสักหน่อย ผมมีบ้านพักหลังหนึ่งที่นีสเดน”

                “นีสเดน?” ลอร์ดหนุ่มทวนคำ “ใกล้กับอ่างเก็บน้ำเวลส์ฮาร์ปใช่ไหม? ผมเคยไปแล่นเรือกับตกปลาที่นั่น มันเป็นที่ที่ดีมากสำหรับหน้าร้อน แล้วก็เป็นลานสเก็ตที่ดีในฤดูหนาวด้วย” เขายิ้มด้วยความตื่นเต้น “เยี่ยมเลยกอร์ดอน หน้าร้อนต้องไม่มีที่ไหนเหมาะไปกว่าการไปอ่างเก็บน้ำเวลส์ฮาร์ปอีกแล้ว ผมจะเอารถไป คุณมีเรือใช่ไหม ผมจะเอาเบ็ดไปด้วย ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าคุณมีบ้านที่นั่น”

                “ครอบครัวผมเคยอยู่ที่นั่นครับ” กอร์ดอนตอบเขา “แต่พอพ่อกับแม่ผมเสีย ผมเลยย้ายมาอยู่กับปู่ที่ร้านเพราะสะดวกในการเดินทางมากกว่า ส่วนเรื่องเรือ ผมไม่แน่ใจว่าจะยังใช้ได้อยู่รึเปล่านะครับ เหมือนพ่อผมจะเคยมีอยู่ลำหนึ่ง”

                “ถ้ามันใช้ไม่ได้แล้วก็ไม่เป็นไรหรอก ผมแน่ใจว่าเราจะหาเช่าเอาจากชาวบ้านแถวนั้นได้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะพูดต่อ “ว้าว... นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมจะได้ไปเที่ยวกับคุณสองคน คุณมีอะไรให้ผมช่วยไหม? ผมอยากจะแน่ใจว่าคุณจะเสร็จงานภายในวันศุกร์นี้ ถ้ามีเรื่องอะไรที่ผมช่วยได้ รีบบอกผมเลยนะ”

                “ครับ แต่ผมคิดว่าทุกอย่างน่าจะเสร็จเรียบร้อยภายในวันศุกร์ แล้ววันเสาร์คุณจะมากี่โมงครับ”

                “เอาตามที่คุณสะดวกเลย แต่ผมว่าเช้าหน่อยก็ดีนะ พวกเราจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันนานๆ”

                “งั้นสักเจ็ดโมงเช้าเป็นไงครับ?”

                “ได้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “แล้วเราจะค้างที่นั่นมั้ย คุณมีบ้านนี่นา ผมจะได้เตรียมเสื้อผ้า เราจะตกปลาแล้วเอาไปทำมื้อเย็นกัน นั่งดูดาวกันตรงสนามหญ้าหลังบ้านคุณ ผมว่าต้องโรแมนติกมากแน่”

                กอร์ดอนยิ้มออกมา “ไม่ได้หรอกครับ วันอาทิตย์คุณต้องไปที่โบสถ์นะ”

                “แถวนั้นไม่มีโบสถ์หรือไง ผมไปโบสถ์ไหนก็ได้”

                “แต่คุณไม่ควรออกไปค้างแรมนอกบ้าน พ่อกับแม่คุณต้องเป็นห่วงมากแน่”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ “ผมไปอเมริกาตั้งสามปีนะกอร์ดอน ก่อนหน้านั้นก็ใช่ว่าผมจะอยู่บ้าน นี่... พวกเราค้างกันเถอะ เว้นเสียแต่ว่าคุณต้องรีบกลับมาทำงานวันอาทิตย์ ซึ่งผมว่าพระเจ้าคงผิดหวังมากที่คุณไม่เชื่อฟังพระองค์”

                “นีสเดนอยู่ใกล้แค่นี้เองครับ คงไม่ถึงขั้นต้องพักค้างหรอก” กอร์ดอนว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลยพูดต่อ

                “คุณไม่อยากมีเวลาอยู่ด้วยกันกับผมสองคนหรือ?”

                กอร์ดอนรีบสั่นศีรษะ “ไม่ครับ ผมอยากอยู่กับคุณตลอดเวลา” พูดจบเขาก็หน้าแดงด้วยความเขิน “แต่มันไม่สมควรที่ผมจะชวนคุณไปค้าง บ้านผมไม่ได้ใหญ่โตอะไร แถมไม่มีใครอยู่มาหลายปีแล้วด้วย”

                “แต่มันก็น่าจะพักได้ไม่ใช่หรือ? คุณมีคนดูแลรึเปล่า?”

                “ครับ ผมให้แม่ของเดวิดดูแลอยู่”

                “งั้นพวกเราก็ค้างกันเถอะ ถ้าคุณอยากอยู่กับผม”

                “แต่...”

                “คุณกังวลเรื่องที่เราจะผิดต่อพระเจ้าหรือ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามแทรก อีกฝ่ายพยักหน้า ลอร์ดหนุ่มเลยพูดขึ้นต่อ “งั้นไม่ต้องกังวลหรอก ผมสาบานไว้แล้วว่าจะไม่ทำเรื่องแบบนั้น ผมรักษาคำสาบาน”

                “แต่ที่บ้านคุณจะสงสัยเอาได้นะครับ” กอร์ดอนว่า “อย่าเลยจอห์น ผมไม่อยากเสี่ยงที่จะเสียคุณไป”

                “ผมอายุตั้งยี่สิบสี่แล้วกอร์ดอน ผมมีสิทธิ์จะไปค้างแรมที่ไหนก็ได้ พ่อกับแม่ไม่ว่าผมเรื่องนี้หรอก”

                “แต่คุณจะบอกพวกเขาว่าไงครับ? ไปค้างกับผมหรือ? ไม่ ผมว่าไม่เข้าท่าแน่ อย่าเลยจอห์น พวกเราไม่ต้องค้างหรอกครับ กลับดึกหน่อยก็ได้ ผมจะนั่งรถไปเป็นเพื่อนคุณถึงหน้าคฤหาสน์ แล้วผมค่อยเรียกรถม้ากลับอีกที”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งเงียบไปอึดใจ สุดท้ายเขาก็พูดออกมา “เอางี้แล้วกัน ถ้าถึงวันเสาร์ ผมยังหาข้ออ้างดีๆ กับพ่อแม่ไม่ได้ พวกเราก็จะไม่ค้าง แต่ผมอยากให้คุณเตรียมตัวไว้ ผมค่อนข้างแน่ใจว่าผมหาเรื่องออกไปค้างกับคุณได้แน่ๆ” พูดจบเขาก็ยิ้มที่มุมปาก “ผมจะหาทุกเหตุผลเพื่อให้ได้ไปค้างกับคุณในวันเสาร์นี้”

                “ให้ตายเถอะจอห์น... ผมไม่น่าชวนคุณเลย” กอร์ดอนพูดพลางสั่นศีรษะ แต่ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ “คุณนี่ดื้อจริงๆ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะ เขามองหน้าช่างตัดเสื้อ ก่อนที่เสียงเคาะประตูจะดังขึ้น ตามด้วบริกรที่ยกอาหารเข้ามาเสิร์ฟ

----------------------------------------

                ข่าวการไปโรมาเนียของลอร์ดฟาริงดอนทำให้เหล่าสมาชิกของสโมสรแบล็กเบิร์ดโล่งใจไปตามๆ กัน พวกเขาต่างพูดคุยกันถึงเรื่องที่ลอร์ดฟาริงดอนเคยทำเอาไว้สมัยที่ยังอยู่ลอนดอน มีตั้งแต่การแอบปลอมเป็นลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เพื่อมาล้วงความลับในทีมรักบี้ของลอร์ดโทรว์บริดจ์ ยาวไปถึงวีรกรรมที่เขาสลับตัวกับน้องชายกลางงานเลี้ยง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเต้นรำกับบรรดาเลดี้ทั้งหลายที่วาดหวังจะได้เป็นมาร์ชันเนสในอนาคต

                “เอาจริงๆ นะ แมกซ์ การที่ไมครอฟไปอินเดียทำให้นายดูเป็นตัวของตัวเองขึ้น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดหลังจากทุกคนผลัดกันเล่าเรื่องความประทับใจที่มีต่อลอร์ดฟาริงดอนเรียบร้อยแล้ว ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเพื่อน ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ

                “ก็จริงของนาย แต่ยังไงเขาก็เป็นพี่ชายฉัน”

                “เรื่องนั้นไม่มีใครเถียงนายหรอกแมกซ์” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “ว่าแต่ทำไมจู่ๆ เขาถึงรีบจับรถไฟไปโรมาเนียล่ะ ฉันยังคิดว่าไมครอฟจะอยู่ป่วนพวกเราจนหมดฤดูร้อนนี้ด้วยซ้ำ อะไรทำให้เขานึกเฮี้ยนทำตามคำขอของลอร์ดสวินดันได้ ทั้งๆ ที่เขาทำเมินมันมาตั้งหลายปี”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ทำหน้ายุ่งยากใจ “ฉันเดาความคิดของไมกี้ไม่ออกหรอก เขาอยากไปไหนเขาก็ไปทั้งนั้น”

                “เขาไม่ใช่จอห์นนี่สักหน่อย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันแย้ง “ฉันรู้ว่าไมครอฟจะทำอะไรต้องบอกนายทุกเรื่อง เขากับนายเป็นครึ่งหนึ่งของกันและกัน นี่ใจคอนายจะไม่บอกพวกเราหน่อยหรือ ว่าอะไรไล่ไมครอฟออกไปจากลอนดอนได้เร็วขนาดนี้ ฉันว่าคงไม่ใช่เพราะฉันกับพ่อของพวกนายแน่ ใช่ไหมล่ะ?”

                “จอร์จ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ทำหน้าเครียด “ฉันมีสิทธิ์ที่จะเล่าหรือไม่เล่าอะไรเกี่ยวกับตัวเขา ยังไงเขาก็เป็นพี่ชายฉันนะ”

                เจมส์หัวเราะออกมา “อย่าตื๊อนักเลยน่าจอร์จจี้ แมกซ์ไม่กลัวฝีปากนายเหมือนพี่ชายเขาหรอกนะ ระวังเถอะนายจะถูกเขาเสียบด้วยไม้เท้า”

                “นั่นสิจอร์จจี้ นายควรจะให้เกียรติแมกซ์บ้าง อย่างน้อยๆ นั่นก็พี่ชายเขานะ” ลอร์ดครอฟตันว่า ลอร์ดจอร์จ เฟลตันทำหน้าเซ็ง

                “แต่ฉันอยากรู้นี่นา คิดดูสิ อะไรที่ทำให้คนอย่างไมครอฟต้องรีบออกจากลอนดอนทั้งที่เขาเพิ่งกลับมาได้ไม่ถึงสองสัปดาห์ด้วยซ้ำ นี่นะ ถ้าเป็นนาย นิกกี้ ฉันกล้าพนันเลยว่าเพราะนายโดนเบตตี้หักอกถึงต้องรีบหนีไปแบบนั้น”

                “ทำไมนายต้องมาพาดพิงฉันด้วย” นิโคลาสสวนทันที ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยักไหล่

                “เพราะมันเป็นสาเหตุเดียวที่ฉันนึกออก เวลาที่ใครต้องรีบย้ายที่อยู่กะทันหันน่ะซี่”

                “นายอย่าเอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานหน่อยเลยน่า” โรเบิร์ตว่า เจฟฟรีพยักหน้า อีธานพูดขึ้น

                “ว่าแต่นายเคยอกหักจนถึงขั้นต้องออกเดินทางกะหันหันด้วยหรือจอร์จจี้?”

                “ไม่เคยหรอก แต่ฉันรู้แล้วกัน” เขาหันไปมองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ “หรืออันที่จริงพี่ชายนายแอบรักใครแล้วถูกหักอกนะแมกซ์ ฮ่าๆ เขากลับมาลอนดอนเพื่อจะขอเธอแต่งงาน แต่ก็พบว่าเธอแต่งงานไปแล้วใช่ไหมล่ะ? ว้าว ไม่น่าเชื่อว่ายังมีคนกล้าหักอกลอร์ดฟาริงดอนอีกนะเนี่ย”

                “ถ้ามันจะทำให้นายสบายใจขึ้นนะจอร์จ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “เชิญนายคิดอย่างที่นายชอบได้เลย” พูดจบเขาก็เดินออกจากห้องไป

                “อ้าว เวรล่ะจอร์จจี้ นายทำเขาโกรธจริงๆ แล้ว”

                แต่ยังไม่ทันที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันจะทันได้พูดหรือขยับอะไร ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็รีบเดินตามเพื่อนของเขาออกไป

-----------------------------

                “แมกซ์ เดี๋ยว!”

                คนถูกเรียกหันกลับมามอง “โอ้... จอห์นนี่ ให้เวลาฉันสงบสติอารมณ์สักพักเถอะ จอร์จทำฉันหงุดหงิดมาก ทำไมเขาถึงได้ตื๊อนัก”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขยับปากจะพูดอะไรต่อ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็เปิดประตูออกมาพอดี

                “แมกซ์ ฉันขอโทษ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองหน้าเพื่อนที่ทำท่าสำนึกผิดอยู่อึดใจ ก่อนจะพยักหน้า “ฉันให้อภัยนายจอร์จ กลับเข้าห้องเถอะ ฉันอยากจะสูบบุหรี่เงียบๆ สักสิบห้านาที”

                “ตกลงแมกซ์ ฉันจะรอนาย จะรินวิสกี้ไว้ให้” พูดจบลอร์ดจอร์จ เฟลตันก็กลับเข้าห้องไป ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเพื่อนแล้วถอนใจยาว ก่อนจะสั่นศีรษะ เขาเดินออกไปที่ระเบียงด้านหน้าของตึก แล้วดึงบุหรี่ออกมาจุดสูบ ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินไปยืนข้างๆ แล้วยื่นไฟแช็คให้เขา

                “ขอบใจ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ก่อนจะสูดควันเข้าปอด ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยืนมองฝ่ายนั้นอย่างเงียบงัน ท่ามกลางสายลมยามพลบค่ำที่พัดเอาความชื้นจากแม่น้ำเทมส์มาต้องผิว

                “บุหรี่นายหอมดีนะ กลิ่นนี้ไม่น่าใช่ยาสูบของทางใต้”

                “อ้อ ไม่ใช่หรอก เป็นยาสูบจากอินเดียนะ ไมกี้ให้ฉันมา” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบ ก่อนจะหันไปมองเพื่อน “จอห์นนี่ นายมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันหรือ? อย่างนายคงไม่เดินตามฉันออกมาเพื่อจะคุยเรื่องยาสูบหรอก”

                “นายสูบบุหรี่ให้ฉ่ำใจก่อนเถอะ เรายังมีเวลา จอร์จคงรอให้นายไปดื่มวิสกี้ที่เขารินได้หรอก”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเพื่อนอีกครั้ง ก่อนจะอัดควันบุหรี่เข้าปอดอีกสองสามเฮือก แล้วดับมันทิ้ง “ฉันคงสูงไม่สะดวกใจ ถ้าถูกนายยืนจ้องแบบนี้ มีเรื่องอะไรหรือจอห์นนี่”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ เขาเดินนำลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กลับเข้าไปในตัวอาคาร ก่อนจะสั่งให้ออตโตมานเปิดห้องเพิ่มให้อีกหนึ่งห้อง

                “ฉันมีธุระสำคัญต้องคุยกับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ฉันอยากให้แกช่วยเฝ้าประตู และดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครมาแอบฟัง”

                “ครับ ท่านลอร์ด”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ปิดประตูไม้บานเขื่อง ก่อนจะสั่งให้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นั่งบนเก้าอี้ที่วางอยู่กลางห้อง

                “นั่งลงแมกซ์ ฉันว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันยาวเลย”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นั่งลง พลางมองเพื่อนด้วยความแปลกใจ “มีเรื่องอะไรหรือจอห์นนี่?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ใช้ดวงตาสีเขียวจ้องเพื่อนของเขา “วันอาทิตย์ นายกับไมครอฟพากอร์ดอนไปไหน?”

                คนถูกถามรู้สึกชาไปครึ่งตัว เขาเผลอกำพนักเก้าอี้ในมือแน่น “กะ... กอร์ดอนเล่าให้นายฟังแล้ว?”

                ลอร์ดโทรว์บริดส์มีสีหน้าผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด เขาถอนหายใจแรง ก่อนจะครางออกมา “โอ้ แมกซ์ แสดงว่ามันคือเรื่องจริง... ให้ตายเถอะ นายทำกับฉันอย่างนี้ได้ยังไง?”

                “กอร์ดอนเล่าให้นายฟังว่าไง?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถามอย่างร้อนรน “เขาเล่าให้นายฟังเมื่อตอนเย็นใช่ไหม?”

                “ไม่ เขาไม่ได้เล่าอะไรให้ฉันฟังทั้งนั้น!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบเกือบจะเป็นตะคอก ก่อนที่เจ้าตัวจะลดเสียงลง “เขาไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องเมื่อวันอาทิตย์เลย ฉันรู้จากปากคนขับรถม้า... วันนี้อากาศดีแมกซ์ ฉันเลยให้โอลิเวอร์จอดรถม้าแล้วเดินไปที่ร้านของเขา ระหว่างทางฉันก็แวะคุยกับคนนั้นคนนี้ไปเรื่อยอย่างที่ฉันทำประจำ... มันเป็นแค่การเล่าสู่กันฟังธรรมดา คนขับรถม้าคนหนึ่งเล่าว่ามีคนขับรถม้าเปิดประทุนคันใหญ่มารับกอร์ดอนเมื่อวันอาทิตย์ ทั้งสารถีและคนที่นั่งอยู่ด้านหลังดูแล้วไม่น่าใช่คนสามัญธรรมดา โอ... แมกซ์ ตอนนั้นฉันคิดแค่ว่าอาจจะเป็นลูกค้าคนใดคนหนึ่งของเขาเกิดอยากจะตัดเสื้อกะทันหันเลยเอารถม้ามารับเขาถึงร้าน แต่ท่าทางของนายในสโมสรของเรา แล้วยังมีการไปโรมาเนียอย่างกะทันหันของไมครอฟ ฉันอดคิดไม่ได้ว่ามันจะต้องเกี่ยวข้องกัน แล้วมันก็เกี่ยวกันจริงๆ บอกฉันมานะแมกซิมิลเลียน ว่านายกับไมครอฟพากอร์ดอนไปที่ไหน แล้วพี่ชายของนายคิดอะไรอยู่กันแน่!”

                “โอ้ จอห์นนี่... ที่จริงแล้วมันก็แค่เรื่องไม่เป็นเรื่อง...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ไมครอฟแค่นึกสนุกอยากชวนกอร์ดอนไปนั่งรถเล่นเฉยๆ นายก็รู้ว่าเขามีความคิดแปลกๆ มาแต่ไหนแต่ไร”

                “นายเห็นฉันโง่หรือแมกซ์!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขึ้นเสียง เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะบังคับตัวเองไม่ให้กระโจนไปกระชากคอลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ขึ้นมาจากเก้าอี้ “ไมครอฟให้กระปุกใส่ใบชาที่ทำจากงาช้างกับกอร์ดอนนะ เขาไม่ยอมตอบคำถามฉันด้วยซ้ำว่าทำไมถึงให้กระปุกชาราคาแพงขนาดนั้นกับคนที่เพิ่งเจอกันไม่กี่นาที แล้วนาย... นายที่เป็นเพื่อนรักของฉัน นายที่รู้เรื่องทุกอย่างของฉันกับกอร์ดอน แต่นายก็ยังจะพาคนอื่นไปพบเขา นายหยามศักดิ์ศรีฉันมากนะแมกซ์ นายทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง?!”

                เอิร์ลหนุ่มกำมือแน่นด้วยความโมโหจนเห็นเส้นเลือดปูดโปนออกมา เขามองลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ด้วยความผิดหวังอย่างที่สุด คนถูกมองขบกรามแน่น เขาเงยมองเพื่อนรักด้วยสายตาปวดร้าวไม่แพ้กัน

                “โอ... จอห์นนี่... ฉันไม่เคยนึกจะหยามศักดิ์ศรีนายเลย แต่จะให้ฉันทำอย่างไรเล่า เขาเป็นพี่ชายฉัน... เขาคือครึ่งหนึ่งของฉัน ฉันไม่คิดเลยว่าเรื่องบ้าๆ นี้จะเกิดขึ้นกับเขาได้ เขาเป็นเหมือนนาย... เขา... หลงรักคนคนเดียวกับนาย” ลอร์ดหนุ่มพยายามลดเสียงให้เบาที่สุด ทว่าความเจ็บปวดก็ยังคงเจือชัดอยู่ในคำพูดแผ่วเบา “ฉันไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน เขาดูมีความสุข ในขณะเดียวกันเขาก็ดูสับสน มันทำให้ฉันวุ่นวายใจมาก เขาไม่รู้เรื่องพวกนายหรอก เขาแค่คิดว่านายเป็นของนายถ่ายเดียว เขาเป็นคนมาขอร้องฉันเองว่าให้ช่วยไปกับเขา... โอ... จอห์นนี่... ฉันไม่รู้ว่านายจะเข้าใจความรู้สึกฉันไหม... ข้างหนึ่งก็คือนายที่เป็นเพื่อนรักของฉัน อีกข้างหนึ่งก็คือพี่ชายที่ฉันรักที่สุด ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง แต่ฉันก็ไม่อาจหักใจเห็นพี่ชายของฉันทุรนทุรายไปกับการถวิลหาคนที่เขาแอบรักได้ และฉันก็ไม่อาจบอกเขาได้ว่าคนที่เขาแอบหลงรักมีคนรักอยู่แล้ว ซึ่งก็คือนาย ฉันยอมรับผิดทั้งหมดจอห์นนี่... ฉันเป็นคนบอกกับกอร์ดอนเองว่าอย่าเล่าเรื่องนี้ให้นายฟัง เขาไม่รู้หรอกว่าไมครอฟคิดอะไร เขาเชื่อที่ฉันพูดว่ามันเป็นแค่การเล่นสนุก ไม่มีอะไรเกินเลยระหว่างพวกเขาสองคนในวันอาทิตย์ ฉันสาบานได้ ฉันบอกนายเลยว่าฉันทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้พี่ชายฉันถลำลึก และเขาก็คิดได้แล้ว เขาถึงได้ไปจากลอนดอนตั้งแต่วันจันทร์”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ เขาถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “ฉันนึกอยู่แล้ว” เขาคราง “ท่าทางของไมครอฟชวนให้สงสัยตั้งแต่แรก โอ้ ให้ตายเถอะ ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าแค่ไปนั่งรถเล่นกัน ก็ทำให้คนอย่างไมครอฟตัดใจจากกอร์ดอนได้”

                “นายเชื่อฉันเถอะจอห์นนี่ ไมกี้ตัดใจจากกอร์ดอนแล้ว อย่างน้อยๆ เขาก็เต็มใจที่จะทำแบบนั้น ฉันไปส่งเขาเองเมื่อวันจันทร์ เขานั่งรถไฟไปโรมาเนียแล้วจริงๆ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์จ้องลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อยู่พักใหญ่ๆ “ฉันยังเชื่อใจนายได้อยู่อีกหรือแมกซ์?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า “นายเชื่อใจฉันได้ตราบเท่าที่นายอยากจะเชื่อใจฉัน จอห์นนี่... ฉันอาจจะมีเรื่องหลายอย่างที่ไม่อาจเล่าให้นายฟังได้ แต่ฉันไม่โกหกนาย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์จ้องหน้าเพื่อนอยู่เป็นนาน สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจออกมา “ได้ แมกซ์ ฉันจะเชื่อนาย”

                “ขอบใจ ฉันขอโทษด้วยที่ทำแบบนี้กับนาย อันที่จริงแล้วฉันคิดไว้เหมือนกันว่าจะเล่าเรื่องนี้ให้นายฟัง แต่ฉันไม่รู้จะเริ่มยังไงเพื่อไม่ให้นายโกรธ”

                “ฉันต้องโกรธแน่แมกซ์ เหมือนนายแอบพาพี่ชายไปตีท้ายครัวฉัน”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์หน้าแดงด้วยความละอาย “ฉันขอโทษ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งงันไปชั่วอึดใจ ก่อนจะยกมือขึ้นโบก “ฉันให้อภัยนาย... แต่จะไม่มีครั้งที่สองสำหรับเรื่องแบบนี้”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า เขาเงียบไปอีกพักก็พูดขึ้นต่อ “มีอีกเรื่องที่ฉันต้องบอกนาย”

                “ว่ามา”

                “นายวางแผนจะทำยังไงกับกอร์ดอน นายไม่มีทางคบกับเขาแบบนี้ไปได้ตลอดชีวิตแน่ วันหนึ่งนายจะต้องแต่งงานและมีลูก เมื่อถึงวันนั้นถ้าเขาเกิดสร้างปัญหาให้นายขึ้นมา...”

                “จะไม่มีวันนั้นอย่างเด็ดขาด!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดสวน “นั่นคือปัญหาของฉันแมกซ์ และฉันรับรองว่ามันจะไม่เดือดร้อนไปถึงนาย”

                “มันไม่ใช่แค่ปัญหาของนาย จอห์นนี่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “นายยังมีพ่อแม่ มีญาติผู้ใหญ่อีก ถ้าพวกเขารู้ล่ะ? อะไรจะเกิดขึ้น? กอร์ดอนคือคนแรกที่จะถูกจัดการหากเรื่องนี้แดง นายจะให้เรื่องมันไปถึงขั้นนั้นหรือ?”

                “ไมครอฟให้นายมาเกลี้ยกล่อมฉันเรื่องนี้หรือ?!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามอย่างอดทน “เขาคิดว่าใช้ลูกไม้แบบนี้แล้วจะทำให้ฉันเลิกรากับกอร์ดอนได้งั้นหรือ?”

                “ไม่ จอห์นนี่ ไมครอฟไม่ได้อยากให้นายรามือจากกอร์ดอน เขาแค่ไม่อยากให้กอร์ดอนต้องเดือดร้อน เขารักกอร์ดอน และฉันแน่ใจว่าความรู้สึกนี้จะไม่หายไปจากหัวใจเขาง่ายๆ แต่เขาใจแข็งกว่านาย จอห์น เขายอมจากไป แทนที่จะทำตัวเองให้ถลำลึกแบบนาย”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถลึงตามองเพื่อนของเขา ก่อนจะถอนหายใจแรง “ไม่ แมกซ์ นายไม่เข้าใจหรอก ถ้าไม่มีเรื่องงานเต้นรำคืนนั้น ฉันก็คงจะทำอย่างไมครอฟเหมือนกัน ฉันจะไม่บอกให้นายถามพี่ชายนายหรอกว่าถ้าเขาได้รับความรักตอบจากกอร์ดอน เขายังจะกล้าไปโรมาเนียมั้ย? แต่สักวันหนึ่งแมกซ์ สักวันหนึ่งที่นายได้พบกับคนที่นายรักและคนคนนั้นก็รักนาย นายจะรู้ว่านายไม่อาจไปจากคนคนนั้นได้เลย”

---------------------------------------------

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมีสีหน้าดีใจมากที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์และลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินกลับเข้ามาในสโมสร เขารีบยกแก้ววิสกี้ไปให้เพื่อนอย่างเอาอกเอาใจ และพยายามเล่าเรื่องน่าอับอายของตัวเองเพื่อชดใช้เรื่องที่เขาทำให้เพื่อนรักต้องอารมณ์เสีย จนสุดท้ายลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็หัวเราะออกมา อีธานหันมากระซิบกับลอร์ดโทรว์บริดจ์

                “สโมสรของเราคงจะไม่สนุกเลยถ้าไม่มีจอร์จจี้”

                “ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้าเห็นด้วย “เขาเป็นคนที่รู้ว่าจะทำยังไงให้คนอื่นหัวเราะ เหมือนๆ กับที่รู้ว่าจะทำยังไงให้คนอื่นสะบัดหน้าหนีไปจากเขานั่นแหละ”

                ทุกคนต่างพากันหัวเราะ พวกเขาดื่มวิสกี้และเต้นรำกันจนถึงสี่ทุ่ม จึงแยกย้ายกันกลับที่พัก

----------------------------------------------
(จบตอน)
.
การมาหลงรักกอร์ดอนของไมครอฟนี่มันคือหายนะของเรื่องนี้จริงๆ ค่ะ  :ling3: คือมีหลายจุดที่สามารถพลิกเรื่องให้ทิ้งดิ่งลงไปสู่ถ้วยมาม่าแบบลึกสุดใจได้ทันที (ซึ่งเราจะไม่ยอมกล้ำกลืนมันลงไปอย่างแน่นอน) โดยเฉพาะฉากพากอร์ดอนลงน้ำนี่โคตรจะหมิ่นเหม่ต่อการดราม่าในทุกทิศทาง ตอนแรกเขียนไปแล้วกะจะให้กอร์ดอนจมน้ำ แต่พอเขียนไปเรื่อยๆ โอ๊ย นี่คือโคตรหายนะ แม้กอร์ดอนจะไม่ถึงตาย แต่จอห์นต้องไม่เอาไมครอฟไว้แน่ แล้วแมกซ์คือคนที่ลำบากใจที่สุด เค้าลางความหายนะดำมืดมาแต่ไกล สรุป แก้ใหม่ แก้ไปแก้มาก็เป็นอย่างที่เห็นค่ะ
.
ไมครอฟก็กินแห้วไป (อันที่จริงนางก็คงไม่ได้คิดจริงจังอะไรมากเหมือนจอห์นตอนแรก เสียแต่พอดีกอร์ดอนดันชอบตอบจอห์นไงคะ จอห์นเลยไม่ได้ไปกินแห้ว ต้องมากินดาร์กช็อกโกแล็ตแทน ฮ่าๆ) และแมกซ์ก็โดนจอห์นโกรธไปพอหอมปากหอมคอว่าพาพี่ชายไปตีท้ายครัวเขา (ถ้ากอร์ดอนจมน้ำนะแมกซ์ ประกันได้เลยว่าฉากในห้องจอห์นจะต้องต่อยนายคว่ำแน่ๆ)
.
ลอร์ดจอร์จผู้น่าสงสารโผล่มาด้วยบทนิดเดียว จริงๆ อยากใส่อีกแต่หาจังหวะลงไม่ได้ จอร์จผู้จมูกไวกับเรื่องแบบนี้ ฮ่าๆ จอร์จญาณทิพย์ 5555+ :laugh:
.
อันที่จริงเขียนตอนนี้จบก็กะว่าจะไปเขียนอีกเรื่องต่อให้เสร็จ แต่ว่าจอห์นยังไม่ได้ไปบ้านกอร์ดอนเลยอ่าาาา /คลำตอน25ต่อแบบงงๆ
.
ติดเขียนนิยายเรื่องนี้อย่างกับติดฝิ่น นี่มันอะไรกันเนี่ยยยย :a5:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ตอนกอร์ดอนลงน้ำยังไม่น่าลุ้นเท่ากับ แมกซ์อยู่ใหนห้องกับจอห์นเลย
เป็นแมกซ์ทำตัวไม่ถูกไหนจะพี่ชาย ไหนจะเพื่อนรัก อึดอัดแทนมากๆ
แต่ก็ผ่านไปด้วยดี ขอบคุณคนเขียนมาก ที่ไม่ได้เตรียมมาม่ารอไว้
 :เฮ้อ:

ออฟไลน์ NUTSANAN

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1031
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-3
รู้สึกสงสารทุกคนน เข้าใจที่จอห์นพูดนะ ว่าถ้ากอร์ดอนชอบไมกี้ตอบ ไมกี้จะยอมถอยไหม เราว่านางก่ไม่ถอยหรอก แต่นี่นางยอมไปเพราะกลัวกอร์ดอนจะรุ้ว่านางคิดอะไร แล้วรังเกียจกันมากกว่า  :เฮ้อ:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด