9th Step : ลูกชายคนกลาง
[Leng]
ตอนนี้เวลาก็เกือบบ่ายสองโมงแล้วครับ แต่ผมก็ยังไม่รู้สึกหิวเท่าไหร่ เพราะเพิ่งกินอาหารเช้าไปเมื่อตอนสิบเอ็ดโมง
ผมนั่งมองลูกค้าของร้านอิ่มอุ่นที่ผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาเป็นระยะ แล้วก็มองพ่อครัวประจำร้านที่ยังยืนทำอาหารอยู่หน้าร้านตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงก่อน
"พี่เล้ง จะกินอะไรไหมคะ เดี๋ยวอ้อนไปทำให้"
อ้อนเดินเข้ามาหาผม ก่อนหน้านี้เธอเข้าไปเก็บโต๊ะของลูกค้าที่เพิ่งเดินออกไปครับ
"ไม่เป็นไร พี่ไม่หิวหรอก ว่าแต่อ้อนทำอาหารเป็นด้วยเหรอ"
"เป็นคะ คนบ้านนี้ก็ทำเป็นกันหมด แต่คนที่ทำเก่งที่สุดก็อิงอิงนั่นแหละ"
อ้อนเข้ามานั่งฝั่นตรงข้ามกับผม ก่อนจะส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ท่าทางร่าเริงและอัธยาศัยดีดูไม่เหมือนไอ้อิงเลยครับ
"เก่งจังเลยนะ แล้วทำไมถึงเรียกพี่อิงว่า อิงอิงล่ะ"
อันที่จริงก็ไม่กล้าถามหรอกนะครับ แต่ผมสงสัยจริงๆ อีกทั้งยังดูเหมือนว่าจะถามข้อมูลของไอ้อิงจากปากของอ้อนได้ไม่ยากด้วย
"อ้อ ก็อิงอิงเป็นลูกคนกลางอ่ะค่ะ"
"ฮะ?"
อ้อนหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะทำสีหน้าเจ้าเล่ห์แต่ก็ดูน่ารักน่าเอ็นดู ผมก็ได้แต่รอฟังอย่างกระตือรือร้น
"เป็นคำเรียกของแม่อุ่นค่ะ ก็มีพี่อุ้ม อิงอิง แล้วก็น้องอ้อน"
"พี่อุ้ม? พี่สาวคนโตเหรอ"
"ใช่ค่ะ พี่อุ้มเป็นแอร์ นานๆ ทีถึงจะกลับมาบ้าน"
"อืม ว่าแต่อิงอิงนี่เหมือนชื่อหมาเลย"
"ฮ่าๆ นั่นสิๆ แต่อิงอิงก็ปากไม่ดีด้วยไง แถมยังดุ ชอบขู่อีกต่างหาก"
ผมหัวเราะรับคำพูดของอ้อนอย่างอดไม่อยู่ ตอนนี้ผมเริ่มเห็นแล้วว่าน้องสาวของไอ้อิงคนนี้ก็ปากร้ายไม่แพ้พี่ชายเหมือนกันครับ
"แล้วพ่อล่ะ"
"พ่ออ้วนเสียไปหลายปีแล้วค่ะ ตอนนั้นอ้อนยังอยู่มอต้นเลย"
"เสียใจด้วยนะ"
"ค่ะ ตอนนี้อิงอิงก็เหมือนพ่อคนที่สองแล้ว ทั้งขี้บ่น จู้จี้ เข้มงวด ชอบทำตัววางอำนาจ ห่วงไม่เข้าเรื่องด้วย น่าเบื่อมาก"
ผมมองอ้อนที่ยิ้มอ่อนออกมา ขณะที่กำลังกล่าวโทษพี่ชายที่ตอนนี้ยังยืนทำอาหารอยู่หน้าเตาแบบไม่หยุดพัก ก่อนจะนึกถึงบุคคลที่สาม นิสัยเจ้ากี้เจ้าการก็คงเพราะแบบนี้
"ก็คงรักทุกคนมาก เลยทำตัวน่ารำคาญแบบนั้น"
"ก็คงงั้นมั้งคะ ว่าแค่พี่เล้งรู้จักกับอิงอิงได้ไงคะ เป็นรุ่นน้องที่คณะเหรอ"
"เปล่าหรอก อยู่กันคนละมหา'ลัยเลย พอดีรู้จักกันที่ร้านเหล้าน่ะ"
ผมมองใบหน้าน่ารักของอ้อนที่พยักหน้ารับเบาๆ แล้วนึกถึงอดีตที่ทำให้เราสองคนได้เจอกัน ซึ่งมันก็ไม่น่าประทับใจสักเท่าไหร่
"แต่อิงอิงไม่ชอบไปร้านแบบนั้นนี่"
"งั้นเหรอ"
"ค่ะ เคยบอกว่าเปลืองเงิน แล้วก็สั่งห้ามไม่ให้อ้อนไปด้วย"
"พี่อิงพูดถูกแล้ว ไม่ใช่สถานที่ที่ควรไปนักหรอก"
"แต่พอเข้ามหา'ลัย ก็ต้องได้ไปอยู่ดีนี่ มันเป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่หรือคะ แล้วพี่เล้งเรียนคณะอะไรเหรอ"
"พี่เรียนบริหาร มอ S น่ะ แล้วอ้อนจะสอบเข้าคณะอะไรเหรอ"
"หมอค่ะ แล้วอ้อนก็สอบตรงติดแล้วด้วย ตอนนี้ก็เลยมีเวลามาช่วยที่ร้านนี่แหละค่ะ เห็นน่ารักแบบนี้ แต่อ้อนก็ฉลาดด้วยนะ"
อ้อนยิ้มทะเล้นมาให้ ผมก็หัวเราะออกมาอีกรอบ แล้วนึกถึงพี่ชายของคนตรงหน้าที่ควรจะเอาแบบอย่างน้องสาวบ้าง ไม่ใช่เอะอะก็ด่า ว่างก็โวยวาย ไม่พอใจก็ใช้กำลัง
"อู้อีกแล้วเหรอ เข้าไปล้างจานไป"
ตายยากนะมึง...
ผมก็ได้แต่คิดกับตัวเองอยู่ในใจ แล้วหันไปมองตัวมารที่มาขัดจังหวะหนุ่มสาวคุยเล่นกัน ไอ้อิงทำหน้าดุใส่น้องสาว ก่อนจะปรายตามามองผมแบบไม่ค่อยพอใจ
"อิงอิงวันนี้เป็นอะไรเนี่ย จู้จี้เกินปกตินะ"
"ย้ยอ้อน!"
"ก็จริงนี่ อ้อนรู้หน้าที่ตัวเองหอรกน่า ยังไม่ถึงเวลาสักหน่อย ถ้าอยากทำก็ไปทำเองสิ"
ผมได้แต่มองสองพี่น้องที่จ้องตากันแบบไม่มีใครยอมใครครับ ตอนนี้ไอ้อิงก็เหมือนจะระเบิดอารมณ์ในไม่ช้า ส่วนอ้อนก็มองกลับแบบไม่สะทกสะท้าน ผมก็คาดเดาไม่ถูกเหมือนกันว่า สงครามครั้งนี้ใครจะเป็นผู้ชนะ
"ทำอะไรกันอยู่"
ในขณะทีการจ้องตาเป็นไปอย่างดุเดือดและไม่มีทีท่าว่าใครจะเป็นฝ่ายถอยก่อน เสียงที่สามก็ดังขัดขึ้น แล้วเมื่อผมหันไปมองก็เจอผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังยืนมองอยู่ ในมือทั้งสองของเธอมีถุงพลาสติกใบโต ก่อนที่ท่านจะวางของทั้งหมดไว้บนโต๊ะ
"แม่อุ่น! อิงอิงมางี่เง่าใส่อ้อนอ่ะ"
"เดี๋ยวเถอะ! กล้าเถียงคำไม่ตกฟากกับพี่เหรอ!"
ผมว่าก็พอกันทั้งคู่นั่นแหละครับ
ผมมองสองพี่น้องที่ยังแยกเขี้ยวใส่กัน แล้วหันไปไหว้แม่อุ่นที่น่าจะเป็นแม่ของไอ้อิงกับอ้อน ซึ่งท่านก็รับไหว้ แล้วยิ้มให้ผมอย่างใจดี
"เราเป็นแฟนน้องอ้อนเหรอ หล่อจังเลยนะ"
"ใช่ค่ะ"
"ไม่ใช่"
เสียงตอบรับของอ้อนกับไอ้อิงดังขึ้นพร้อมกัน ผมก็มองคนทั้งคู่ ก่อนจะหันไปทางผู้ใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า
"ผมชื่อเล้ง เป็นรุ่นน้องของพี่อิงครับ"
"จ้ะ ตามสบายเลยนะลูก จะกินอะไรก็บอกอิงอิงเลย"
"ขอบคุณครับ"
หลังจากนั้นแม่อุ่นก็เดินเข้าไปข้างใน โดยที่มีสองพี่น้องที่เพิ่งเถียงกันเมื่อครู่ช่วยกันถือถุงตาม ก่อนที่จะพ้นสายตาของผม ไอ้อิงก็หันมามองแล้วทำหน้าดุใส่อีกรอบ
..........
"อ้อน เดี๋ยวพี่ช่วย"
"ขอบคุณค่ะ"
ผมเดินไปช่วยอ้อนยกจานไปเสิร์ฟให้ลูกค้า ไอ้อิงที่ยืนอยู่หน้าเตาก็มองเล็กน้อย แล่วทำอาหารต่อโดยที่ไม่ได้พูดอะไร หลังจากนั้นผมก็เปลี่ยนสถานะของตัวเองจากลูกค้ามาเป็นพนักงานของร้านเป็นที่เรียงร้อย
ร้านอิ่มอุ่นเปิดบริการตั้งแต่เจ็ดโมงครึ่งจนถึงสองทุ่มครับ จากที่อ้อนเล่าให้ฟังระหว่างที่ช่วยกันเก็บโต๊ะตอนจะปิดร้าน ธรรมดาจะมีพี่ลำไยมาช่วยอีกแรง แต่ตอนนี้เธอไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัด
โดยปกติแล้วในวันหยุดสุดสัปดาห์แบบนี้ ผมจะออกไปเที่ยวห้างหรือนอนเล่นที่ห้องไปเรื่อยจนหมดวัน แต่พอได้มาช่วยทำงานแบบนี้ก็ให้ความรู้สึกไปอีกแบบครับ
"เล้งช่วยพับโต๊ะมาวางพิงไว้ตรงนี้นะลูก"
"ครับ"
ตอนนี้พวกเรากำลังเก็บร้านครับ อ้อนเข้าไปล้างจานด้านในมาสักพักแล้ว เหลือผมกับไอ้อิงที่เก็บโต๊ะ โดยที่แม่อุ่นกวาดพื้นรอบร้าน หลังจากผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงทุกอย่างก็เสร็จ
"อ้อนทำอาหารเย็นเสร็จแล้วค่ะ"
อ้อนเดินออกมาบอก ก่อนที่พวกเราจะเดินไปยังชั้นสองที่เป็นบริเวณของบ้าน ภายในชั้นนี้ก็มีห้องนั่งเล่นกับห้องครัวครับ และเมื่อผมเดินไปถึงโต๊ะกินข้าวก็มีเรื่องขึ้นจนได้
"พี่เล้งนั่งข้างอ้อนตรงนี้เลยค่ะ"
"ไอ้เล้ง มานั่งข้างกู"
ผมกะพริบตายืนมองสองพี่น้องที่จ้องหน้ากันอีกแล้วอย่างปลงตก แต่แม่อุ่นคงคุ้นเคยกับนิสัยของลูกทั้งสองดี เลยมีท่าทีไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่นัก
"คนจะจีบกัน อย่ามาขวางสิอิงอิง"
"ไม่มีทาง! ไอ้เล้งยืนโง่อยู่ได้ มานั่งนี่!"
"อิงอิง"
เสียงเข้มจากแม่อุ่น ทำให้ไอ้อิงปิดปากเงียบ ส่วนอ้อนก็แลบลิ้นใส่ แล้วเดินมาดึงแขนผมให้มานั่งข้างกัน โดยที่มีสายตาคมกริบหลังเลนส์ใสมองอย่างไม่พอใจ
"นั่งที่เรียบร้อย ก็กินกันเลยจ้ะ"
ผมมองแม่อุ่นที่ส่งยิ้มมาให้ ก่อนจะเริ่มกินข้าวเเย็นกัน โอยากที่มีอ้อนคอยตักอาหารให้เป็นระยะ ส่วนไอ้อิงก็มองด้วยสายตาไม่พอใจเกือบตลอด
ผมควรจะวางตัวยังไงดีวะ?
"พี่เล้งกินนี่เลยค่ะ อ้อนทำสุดฝีมือเลย"
"ครับ"
ผมก็หันไปยิ้มรับ แล้วตักอาหารกินอย่างจำใจ ไม่ใช่เพราะรสชาติไม่อร่อยนะครับ แต่ผมไม่ชอบถั่วลันเตาจริงๆ
"ย้ยอ้อน เลิกตักได้แล้ว"
"อิงอิงไม่ต้องมายุ่งเลย"
"หึ! จะจีบมัน แต่ตักของที่มันไม่ชอบไปให้เนี่ยนะ"
อ้อนชักสีหน้าใส่พี่ชาย ก่อนจะหันมาทางผม ส่วนผมก็หันไปมองไอ้อิงที่ทำวางมาดกินข้าวของตัวเองต่อด้วยความประหลาดใจ
เรื่องที่ผมไม่ชอบกินอะไร มันก็ยังรู้เลนเหรอ?
"พี่เล้งไม่ชอบเหรอ"
"ก็พอกินได้ครับ ก็อ้อนทำอร่อยด้วย"
อ้อนคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ตักอะไรให้ผมอีก ถึงน้องเขาอ้างว่าจะจีบผม แต่ก็ไม่ได้ทำแบบนั้นหรอกครับ คงอยากกวนประสาทพี่ชายมากกว่า
"แล้วเล้งเรียนอยู่ปีไหนแล้วลูก"
แม่อุ่นที่นั่งเงียบมานานเริ่มต้นบทสนทนาระหว่างมื้ออาหารที่หายไปช่วงหนึ่ง
"อยู่ปีสามครับ"
"อืม แล้วเรามีพี่น้องหรือเปล่า หรือว่าลูกคนเดียวล่ะ"
"ผมเป็นลูกคนเดียวครับ"
"แบบนี้คงเหงาแย่ ไม่มีพี่น้องให้ทะเลาะด้วย"
ผมก็แค่ยิ้มรับกับคำหยอกของแม่อุ่นที่ส่งผลกระทบกับคู่พี่น้องที่หาเรื่องทะเลาะกันอยู่เกือบตลอดเวลา
"แม่อุ่นจะได้ไม่เหงาไงคะ"
อ้อนหันไปพูดหวานกับแม่อุ่นที่ท่านก็ยิ้มรับด้วยความเอ็นดู ส่วนไอ้อิงก็แค่มองแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
พวกเราคุยเล่นไปตามประสาจนกระทั่งมื้ออาหารเย็นจบลง ผมก็อาสาไปล้างจานทั้งหมด ถึงแม้แม่อุ่นกับอ้อนจะห้ามปรามเอาไว้ก็ตาม
"ให้มันทำเถอะ คุณชายอย่างมันไม่มีโอกาสได้ทำอะไรแบบนี้นักหรอก"
ไอ้อิงบอกพร้อมกับเก็บโต๊ะกินข้าวไปด้วย ผมก็พยักหน้ารับยืนยันตำพูดของมันอีกแรง แม่อุ่นเลยจำใจยอม ก่อนที่ท่านจะไปเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำอาหารในวันพรุ่งนี้ที่ห้องนั่งเล่น
.........