24
"ไม่เป็นไรนะ?"
เสียงทุ้มนั้นดังขึ้นมา พร้อมกับกอดผมเอาไว้ในอ้อมกอดแน่นผมเงยหน้าขึ้นไปมองพี่ผาที่ตอนนีเนั่งอยู่ข้างนอก บนแพที่ยื่นออกไปชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรตั้งแต่วันนั้น ไข้ชอบขึ้นตลอดเวลาที่ตกกลางดึกพวกเราลอยลำอยู่กลางน่านน้ำทะเลสิงคโปร์มาได้ห้าวันแล้ว ผมนั่งอยู่ข้างๆพี่เต้เขากอดผมแน่นไม่ยอมปล่อยเขาปลอบผมจนรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย
"พี่เต้..."
"หืม?"
ผมนิ่งไปเมื่ออีกฝ่ายนั้นตอบกลับมาเสียงที่แหบแห้งถูกเปร่งออกมาช้าๆเพราะร้องไห้หนักจนเกินไปถึงได้เป็นแบบนี้
"ทำไมเดม่อนถึงไปหาพวกพี่ละครับ?"
"..."
ชายหนุ่มเงียบไป ไม่ได้ตอบเอาแต่มองหน้าผมนิ่งๆก่อนที่จะเผยรอยยิ้มออกมา
"ไม่มีอะไรหรอก"
"บอกผม... มาเถอะครับ"
ผมกลั้นเสียงสะอึ้นที่จุกขึ้นมาที่ลำคอ ผมก็แค่อยากจะรู้แค่นั้นเองพี่เต้ถอนหายใจออกมาก่อนที่จะดึงให้ผมยืนขึ้นแล้วพลั่กให้ผมออกไปที่ด้านนอก
"ออกไปคุยกับผามันมั้ย? บางทีมันอาจจะบอกก็ได้"
ร่างสูงที่นั่งอยู่บนแพนั้นหันหลังให้กับผมพี่ผาเขาเป็นที่ดุอยู่หน่อยๆแต่เมื่อไม่นานผ่านมานี้มันทำให้ภายในอกของผมเกิดรู้สึกแปลกๆ เหมือนกับว่าได้อยู่กับเดม่อน... มันเป็นความรู้สึกแบบนั้น
"เดม่อน..."
อีกฝ่ายหันมามองผมด้วยสายตาฉายเเววฉงนทำเอาผมสะดุ้ง ไม่คิดว่าตัวเองจะเผลอเรียกชื่อนั้นออกมาเขาเป็นคนหนึ่งที่เกลียดเดม่อนถ้าพูดออกมาละก็อาจจะโดนทำอะไรก็ได้
"ขอโทษครับ..."
"มานี่สิ"
ชายหนุ่มดึงแขนของผมให้นั่งลงข้างๆผมนั่งลงอย่างเงอะงะก่อนที่จะลอบมองไปที่เสี้ยวหน้าของอีกฝ่าย รู้สึกว่าหน้าตาของเขาจะ... เปลี่ยนไป จริงๆแล้วก็สังเกตุมาตั้งแต่แรกแล้วว่าคนๆนี้ดูเหมือนจะดูดีขึ้นชายหนุ่มหันหน้ามามองผมด้วยสายตาที่อ่อนโยนเอื้อมมือมาลูบที่หัวของผมช้าๆ
"พะ พี่ผา...?"
ปื้นนน
จู่ๆขณะที่กำลังจะถามคำถามที่เก็บไว้มานานนั้นออกไปเสียงของเรือลำใหญ่นั้นก็ดังขึ้นมาห่างไกลจากที่นี่ประมาณสี่ร้อยเมตรได้มันเป็นเรือสีขาวลำใหญ่มีตราสัญญาลักขององค์กรติดอยู่ ตำรวจ?
"ช่วยด้วย! ช่วยพวกเราด้วย...!"
ผมแหกปากร้องจนสุดเสียงก่อนที่ปลายเท้าของผมนั้นจะมีน้ำซึมเข้ามาหัวของมดพวกนั้นละลายไปกับน้ำทันที ผมร่วงลงสู่น้ำทะเลพร้อมๆกับพี่เต้ และ พี่ผา
ตูมมม
"อึก... อา"
"พวกคุณ...!? เป็นอะไรมั้ย!?"
ภาษาที่ไม่เข้าใจนั้นดังขึ้นมาส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายหัวใจของผมเต้นตุบๆดีใจเมื่อเจอเรือลำใหญ่กลางทะเลที่มีแต่น้ำ และ ท้องฟ้าแบบนี้พวกตำรวจพวกนั้นโยนห่วงยางลงมาพี่ผาอุ้มผมให้ขึ้นไปเกาะขอบห่วงยางขณะที่เขากำลังลอยไปที่อีกห่วงหนึ่ง คลื่นน้ำทะเลตีแสกหน้าจนแสบ ผมมองไปรอบๆตัวอย่างระเเวงเมื่อจู่ๆฟ้าก็มืดลง เหมือนกับพายุจะเข้า
แซ่ด แซ่ด
"เราเจอลูกเรือบางส่วนแล้ว ส่งหน่วยลาดตระเวนมาอีก"
น้ำเสียงที่ฟังแล้วดูมีพลังของชายตรงหน้าที่อุ้มผมยกขึ้นมาจากน้ำนั้นดังขึ้นมาชายหนุ่มกดวอสื่อสาร เขามองมาทางผมด้วยสีหน้าที่โล่งอกส่งตัวผมให้กับพี่ผาที่ยืนรอผมอยู่ ชายร่างสูงดึงผมเข้าไปกอดแน่นพร้อมทั้งเอาผ้าคลุมมาคลุมให้ ความรู้สึกที่เจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วผมมองลงไปยังน้ำทะเลที่เริ่มขุ่นหยดเม็ดฝนร่วงลงมา พร้อมกับหยดน้ำตาของผมที่ไหลอาบแก้ม
"ฮือออ เดม่อน เดม่อน..."
ราวกับถูกกดชนวนผมระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างสุดจะกลั้นร่างกายสั่นไปหมดคนตรงหน้าพยุงผมขึ้นไปกอดแน่นพร้อมทั้งพรมจูบไปตามเรือนผมของผม คนที่อยู่บนเรือมีหลายสิบคนพวกเขามองมาทางนี้อย่างสงสาร พวกนั้นไม่เข้าใจว่าผมร้องไห้เพราะอะไร อาจจะเพราะเข้าใจไปว่าผมดีใจที่จะได้กลับบ้าน แต่มันไม่ใช่เลยสักนิด ไม่ใช่เลย
"มันกำลังจะมาอีกแล้ว... ฮึก หมอกนั่น ฮืออ อ๊ะ อ๊าาา! พี่ผา ผมนะ ผมนะ! อยากไปไม่อยากอยู่ที่นี่!!"
"ผู้ชายคนนั้นเป็นอะไรไป?"
ชายหนุ่มที่กำลังเก็บเชือกที่ผูกกับห่วงยางใกล้ๆนั้นเอ่ยขึ้นมา ผมไม่เข้าใจที่เขาพูด
"เขากำลังเศร้านะ ที่เห็นคนอื่นๆตายนะ"
ภาษาสิงคโปร์ที่ฟังไม่ออกนั้นดังขึ้นรอบๆข้างผมคลุ้มคลั่งฟาดมือลงกับอกของชายหนุ่มความรู้สึกเย็นเฉียบนั้นไหลผ่านร่างกายจนสั่น พี่เต้พูดภาษาพวกนั้นได้ด้วยเหรอ... เขาตอบกลับอย่างใจเย็นมองมาทางผมด้วยสายตาที่เศร้าศร้อย
"ไม่หรอก ไม่มีอีกแล้วน้ำ... กลับกันนะ ไม่เป็นไรแล้วไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว"
ผมถูกพาตัวเข้ามาที่ด้านในของเรือ ห้องนอนที่เย็นเฉียบ ที่นอนที่เเข็งทื่อ และ เเคบทำให้ผมอยู่ไม่ได้เอาแต่ซุกหน้าลงกับแผ่นหลังของพี่ผาที่กำลังเปลี่ยนเสื้ออยู่ มันรู้สึกแปลกๆ ทั้งของ เสียงนาฬิกา เสียงกึงกังของเรือที่ถูกคลื่นกระทบริมฝีปากถูกขบเเน่นจดเลือดซึม แต่มันก็กลับมาหายใหม่อีกรอบ
"ฉันจะเปลี่ยนเสื้อให้"
ภายในห้องที่มีแต่ผมกับเขานั้นมันไม่ได้อึดอัด ผมมองไปที่หน้าของชายคนนั้นดวงตาของเขา... แวววาวเหลือบทอง ผมจ้องดวงตานั่นอย่างไม่อาจละสายตาได้ขณะที่น้ำตากำลังไหลเป็นทาง
แผละ
เสื้อผืนเดียว และ ผืนสุดท้ายที่เคยใส่อยู่เป็นประจำ และ เหลือรอดมาจากบนเกาะนั้นร่วงลงกับพึ้นร่างกายผมเปลือยเปล่าผมก้มลงมองปลายเท้าที่เหยียบอยู่บนแผ่นเหล็กด้วยความรู้สึกแปลกๆ
หมับ
"ผมไม่ใส่ ไม่อยากใส่มัน มันรู้สึกแปลกๆ"
ผมคว้าไปที่มือของชายหนุ่มตัวสูง พี่ผาก้มลงมามองผมด้วยสีหน้าที่อ่อนแรงก่อนที่จะคว้าตัวผมเข้าไปกอด
"ไม่คิดเลยว่าจะเป็นถึงขนาดนี้ ถ้ารู้แบบนี้น่าจะให้ออกมา... เร็วกว่านี้"
ก๊อกก๊อก
เสียงเคาะประตูจากข้างนอกนั้นดังขึ้นมาสองสามทีผมสะดุ้งโหยงกอดหมับเข้าที่อีกฝ่ายอย่างลืมตัวก่อนที่ผ้าผืนใหญ่จะถูกดึงขึ้นมาคลุมใส่ตัวของผมพี่ผาเดินไปเปิดประตูห้องเห็นชายหนุ่มหน้าตาดุๆคนหนึ่งนั้นกำลังมองมาที่ผมพนักเพยิดให้กับพี่เต้ ผมเม้มปากแน่นซ่อนตัวหลังพี่ผา
"เขาอยากจะถามอะไรเราหน่อย... พี่ถูกสอบปากคำเสร็จแล้ว ถึงทีของน้ำแล้ว"
"มะ... ไม่"
ผมส่ายหน้าอย่างหวาดกลัว ผู้ชายคนนั้น มนุษย์ใช่มั้ย นั่นมันคนผมจะต้องอยู่กับพวกคนแบบนั้นงั้นเหรอ ไม่เอาหรอก ไม่เอาแบบนั้นแน่ๆ...
"เราก็จะไปด้วยไม่ต้องกลัว"
มือหนาที่เย็นเฉียบของพี่ผานั้นจับลงมาแน่นพร้อมทั้งพูดภาษาของประเทศนี้อย่างคล่องแคล่วชายที่สวมชุดตำรวจคนนั้นหน้าซีดพยักหน้าขึ้นลงก่อนที่จะปิดประตูลงไป
"รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะนะ เขาแค่จะถามอะไรเรานิดหน่อยเท่านั้นเองแหละ"
พี่เต้พูดขึ้นมาเมื่อล็อคประตูห้องเสร็จก่อนที่จะเดินมานั่งที่เตียงมองผมด้วยรอยยิ้ม เพียงแค่นั้นก็ทำให้ผมสบายใจขึ้นมาได้นิดหน่อย
"แฮ่ก... อึก"
อึดอัด หายใจ... ไม่ออก จะตายแล้วดวงตาที่ปกติของมนุษย์พวกนั้นสายตาที่พวกเรามองมานั้นทำให้ผมอึดอัด ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้มีปัญญากับการสบตากับผู้คน แต่ว่า...ตอนนี้มันกลับต่างออกไปผมนั่งระหว่างกลางของชายทั้งสองพี่เต้ที่นั่งอยู่ด้านซ้ายกำลังพูดตอบคำถามของชายหนุ่มตัวใหญ่ที่ท่าทางมีภูมฐานดีคนนั้นอย่างไม่หวาดหวั่นตอบออกมาแบบรวดเร็ว และ จบมันได้อย่างไร้ข้อขัดแย้งจากตำรวจนายนั้น ภายในห้องสอบปากคำ ทั้งๆที่ปกติแล้วคนจะต้องถูกแยกให้อยู่คนละห้องแต่ว่านี่กลับสอบพร้อมกันสามคน เสื้อผ้าที่ลูบไล้บนผิวเนื้อของผมมันทำให้อึดอัดจนเหงื่อแตกพลั่กภายใต้โต๊ะมือทั้งสองนั้นจับมือของผมแน่นอีกคนมืออบอุ่นจนร้อน ส่วนอีกคนกลับเย็นเฉียบ แต่กลับทำให้สบายใจ
พรื่บ
เฮื๊อก!?
ผมสะดุ้งเมื่อเสียงของกระดาษที่ถูกช้อนเข้าหากันแล้วหนีบด้วยคลิปหนีบกระดาษตำรวจคนนั้นมองหน้าผมอย่างแปลกใจ ก่อนที่จะเอ่ยถามออกมาเป็นภาษาของเขา
"คุณรู้ตัวมั้ยว่าคุณหายไปได้กี่เดือนแล้ว?"
ล่ามที่แปลภาษานั้นเอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบนั่งอยู่ข้างๆตำรวจคนนั้นโดยที่จ้องมองมาทางผม ผมหลับตาลงช้าๆมือหนาที่กำอยู่นั้นบีบแน่นจนเจ็บทำให้ผมนิ่วหน้าขึ้นมาทันที
"ครึ่งปีโดยประมาณครับ"
"แล้วคุณใช้ชีวิตอยู่ยังไงที่นั่น? เพื่อนของคุณ คนรอบๆตัวคุณตายหมดแล้วใช่มั้ย?"
ตาย... ผมพยักหน้าขึ้นลงช้าๆมองชายตำรวจคนนั้นอย่างกล้าๆกลัวๆ เขาถอนหายใจออกมาก่อนที่จะถามกลับมาอีกครั้ง
"สภาพคุณดูไม่ค่อยดีเลยนะ ถ้างั้นเราพอกันแค่นี้กันก็แล้วกัน"
ล่ามคนนั้นพูดขึ้นมาอีกครั้งก่อนที่จะปิดพับกระดาษลง ผมยกมือขึ้นมาปิดปากแน่นน้ำตาซึมออกมาจากหางตาช้าๆชายร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆผมนั้นพยุงผมขึ้นมาก่อนที่จะพาออกมาจากข้างนอกห้อง
"อึก... แค่ก แค่ก"
น้ำใสๆ และ อาหารจำนวนหนึ่งที่กินเข้าไปนั้นถูกอ้วกออกมาผมร้องไห้สะอึ้นขณะที่มือของพี่ผากำลังจับอยู่ที่มือของผมบีบมันแน่นพร้อมกับลูบแผ่นหลังของผมเบาๆ
"ทำไมกันละ... ฮึก ทำไมกัน ทำไมผมถึงรู้สึกไม่ชอบแบบนี้ อยากกลับไปที่เกาะผมอยากกลับ ฮืออ"
ชายหนุ่มพยุงผมให้ลุกขึ้นพลั่กให้ผมขึ้นไปนอนที่เตียงแคบๆสองชั้นที่แม้แต่จะไม่มีที่ขยับตัวผมรีบพุ่งเข้าไปกอดเขาทันทีพร้อมทั้งส่ายหน้าไปมา
"ไม่เอา! ผมไม่อยากนอนตรงนี้... ฮึก ผมไม่ชอบ"
"น้ำ... น้ำ อย่าโวยวายสิ"
เสียงทุ้มนั้นเอ่ยขึ้นมาเสียงนุ่มก่อนที่จะดึงผมเข้าไปกอดแน่นทั้งภาพ และ เสียงของสิ่งรอบตัวมันหลอนอยู่ในสมองแม้ว่าจะเป็นของที่เคยเห็นอยู่เป็นประจำแทัๆ แต่กลับรู้สึกไม่คุ้นเคยจนรังเกียจมัน
พรื่บ
"นอนตรงนี้นะ"
"ฮึก... ฮึก"
ร่างสูงดึงเอาผ้าห่มผืนบางมาพันรอบๆตัวนั่งลงกับช่องแคบๆที่เตียงอ้าแขนออกกว้างเอ่ยเรีบกผมไปนอนตรงนั้นผมรีบซุกตัวเข้าไปทันทีแขนที่เย็นเฉียบพลางแนบแก้มลงกับอกของอีกฝ่ายพี่ผายื่นลิ้นออกมาเลียที่หางตาของผมเบาๆ สิ่งนั้นทำให้ผมซะงักไปเงยหน้าขึ้นไปมองชายหนุ่ม
"หลับเถอะ ไม่นานก็จะถึงแล้ว"
ผมหลับตาลงตามที่ถูกบอกเสียงลมหายใจของเขานั้นแผ่วเบาลงร่างกายของผมค่อยๆหยุดสั่นริมฝีปากของพี่ผาพรมจูบลงมาที่หน้าผากของผมเบาๆไม่นานนักความรู้สึกง่วงนั้นก็กัดกินผมจนจมดิ่งลงไปเรื่อยๆร่างสูงจ้องมองคนที่นอนอยู่ภายในอ้อมแขนอย่างกังวล
"ขอโทษ..."
แซะ แซะ
"ขอถามอะไรหน่อยนะคะ ทำไมพวกคุณถึงรอดมากันได้แค่สามคนคะ? แล้วคนอื่นๆหายไปไหนหมด"
"รบกวนตอบคำถามด้วยครับ"
เสียงกดรัวชัตเตอร์นั้นดังก้องขึ้นมาพร้อมกับแสงแฟรสนั้นสาดเข้ามากระทบที่ใบหน้าผมนั่งอยู่บนรถเข็นคนไข้ เมื่อตอนกลับมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิพวกนักข่าว และ พวกสื่อต่างๆ ต่างก็รุมล้อมมาทางนี้พี่เต้เป็นคน้ข็นรถให้กับผม เสียงพวกนั้นทำให้ผมรู้สึกแย่ แย่ไปหมด ขนาดที่ว่าแทบจะอาเจียนออกมาอีกรอบทั้งๆที่ในกระเพาะไม่เหลืออะไรแล้ว
"ช่วยกรุณาถอยออกไปด้วยครับ เรามีคนไข้อยู่"
"ป่วยเป็นอะไรรึเปล่าคะ?"
นายตำรวจที่จับมือกันกั้นพวกนั้นออกไปส่งเสียงห้ามปรามนักข่าวพวกนั้น ผมจิกมือลงกับวีลแชร์แน่นน้ำตาเริ่มไหลลงมาอีกครั้งพร้อมกับทั้งไอโครกออกมา
"ถอย... อึก ออกไป"
ไมค์ที่ใช้สัมภาษณ์นั้นจ่อมาที่ปากของผมหญิงสาวสวมชุดไปรเวทปกตินั้นมองมาทางผมด้วยสายตาที่อยากรู้อยากเห็น
"ถอย..."
"เอ๊ะ? คะ? จะพูดอะไรคะ?"
เธอถามเสียงตื่นเต้น พี่เต้ที่อยู่ด้านหลังนั้นหยุดเข็นรถเข็นก่อนที่จะรวบตัวผมขึ้นอุ้มความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ผู้คนพลุกพล่าน เสียงดังของเครื่องจักร์ กลิ่นอายของสิ่งแปลกปลอม ทนไม่ไหวแล้ว... อึก ไม่ไหวแล้ว
"ออกไป! ออกไป ถอยออกไปนะ!!?"
"ว้าย...!"
ผมร้องลั่นจนสุดเสียงพวกนักข่าวพวกนั้นจ้องมาทางนี้ิย่างตกตะลึงก่อนที่จะหน้าถอดสีถอยห่างออกไปขณะที่ผมถูกอุ้มในท่าเจ้าหญิงปลายหางตาผมเห็นพี่ผากำลังมองมาทางนี้ ผมเอื้อมมือไปหาเขา แต่เขากลับส่ายหน้าเบาๆเป็นการปฏิเสธ
"ฮึก... ทำไม ทำไมกันละ อึก... อั่ก!"
น้ำขมๆจากกระเพาะนั้นทะลักออกมาจากปาก พี่เต้รีบพาผมเข้าไปในรถหรูสีดำที่มาจอดรับอยู่แล้วอย่างเร่งรีบก่อนที่จะถอดเสื้อออกเอามาเช็ดที่ปากของผม
"ไม่เป็นไรแล้ว ไม่เป็นไร"
เสียงทุ้มนั้นเอ่ยปลอบอย่างอ่อนโยนเอื้อมมือมาลูบหลังผมเบาๆกอดผมเอาไว้โดยที่ไม่ได้รังเกียจเลยสักนิด
"เป็น... ฮึก มันเป็นไปแล้ว เป็นไปแล้ว ไม่เหลืออะไรแล้ว ฮืออ"
"ยังมีพี่นะ ยังเหลือพี่กับผานะ"
พี่เต้พูดขึ้นมาพร้อมทั้งฉีกกระซากเสื้อของผมออกจนตัวเปลือยเปล่ารีบๆดึงผมขึ้นไปนั่งตักใช้เสื้อผืนสุดท้ายที่เดม่อนผูกเอวให้ผืนนั้นคลุมมาที่ตัว น้ำตาของผมไหลลงมาอย่างไม่อาจห้าม
"ไม่เหลือแล้ว กลิ่นของเดม่อนหายไปแล้ว ฮึก... ผมไม่เหลืออะไรอีกแล้ว"
ความเจ็บปวดนั้นแผดเผาไปทั้งอก ผมสูญเสียสิ่งที่ผมรักไป สูญเสียไปหมดทุกอย่างเลย กลับมาเป็นมนุษย์ไม่ได้ ไม่ใช่คนปกติอีกต่อไปแล้ว อากาศเน่าๆแบบนี้ ผู้คนมากมายขนาดนี้ ผมคิดถึงเดม่อน คิดถึง คิดถึงจะตายอยู่แล้ว คิดถึงเซริ คิดถึงทุกตัวที่อยู่ที่นั่นต่อให้มันจะเลวร้ายแค่ไหน แต่ผมก็อยากอยู่กับพวกมันที่นั่น เพิ่งจะรู้ใจตัวเองเพิ่งจะรู้ว่าการที่สูญเสียพวกนั้นไปมันเจ็บปวดขนาดไหน เพิ่งจะรู้ ว่ารักมากขนาดไหน แต่ตอนนี้กลับสายไปแล้ว…
"ฮึก... เดม่อน เดม่อน"
...
ก็... จะว่าไงดีละ คือว่าสงสารน้องอะ 555555555 #นี่คือสงสาร? สงสารจริงๆนะพอคิดแบบนั้นแล้ว น้ำตาไหลพรากเลย ฮือออออ ทำไมโหดร้ายแบบนี้กันนะ ทำไมมมมม!! เรื่องนี้ใครว่าจบแค่นี้กัน ถถถถถถ ยังมีอีกเถอะ เรามันไม่ใช่สายดราม่าหรอกนะ! ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าชอบแบบแฮปปี้เอ็น น้องอาจจะฆ่าตัวตายตกตามกันไปก็ใครจะไปรู้ ถถถถถ ไปละครับฝันดี