52.ผมนั่งคิดเรื่องของเราวนไปมาในหัวแทบจะตลอดเวลา เพราะไม่ว่าบิ๊กจะพยายามมากแค่ไหน มันก็ไม่สามารถทำให้ผมรู้สึกอะไรไปได้มากกว่าความอึดอัด ความรักของน้องมันบีบคั้นผมมากเกินไป และมันมากเสียจนผมนึกกลัว
“เกรดมึงตก” ผมว่าเมื่อน้องมันยังทำท่าเหมือนไม่สนใจอะไร “เพราะกูหรือเปล่า”
“มันไม่เกี่ยวกับเบลล์หรอกครับ” น้องมันว่าแล้วส่งยิ้มเจื่อน ๆ มาให้ “ผมโง่เองต่างหาก”
“แต่ตอนติดเกมส์ มึงก็ยังทำได้ดีกว่านี้” ผมคาดคั้นต่อ
“บอกแล้วไงว่ามันไม่เกี่ยวกับเบลล์”
“ทำไมจะไม่เกี่ยว” ทั้งที่ไม่คิดว่าควรจะพูด แต่ผมก็ต้องพูดมันออกมา “ในเมื่อตั้งแต่คบกันชีวิตมึงก็แย่ลงเรื่อย ๆ”
“ถ้าเบลล์จะต้องมาทะเลาะกัน ผมว่าพอแค่นี้ดีกว่า” น้องมันว่าแล้วลุกขึ้นคว้ากระเป๋า “วันนี้ผมเลิกเที่ยง ไว้จะกลับมารับไปกินข้าวนะ”
“บิ๊ก..”
น้องมันไม่หยุดฟังผมพูดอะไรอีก พอเปิดประตูได้ก็รีบเดินออกไปก่อนที่ผมจะได้ตอบรับหรือปฏิเสธด้วยซ้ำ ผมทิ้งตัวลงไปนอนราบกับโซฟา กอดหมอนได้ก็หลับตานิ่ง ไม่คิดจะขยับตัวไปไหนอีก กระทั่งตอนน้องมันกลับมารับไปกินมื้อเที่ยง ผมถึงได้ลุกไปขึ้นรถโดยไม่เสียเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้า
เรากินข้าวด้วยกันไปโดยไม่ปริปากพูดอะไร พออิ่มน้องมันก็ขับรถกลับมาส่งผมที่คอนโด แล้วกลับไปเรียนคาบบ่ายต่อ ผมเลยหยิบกุญแจรถที่หยิบติดมือไปด้วยก่อนกินข้าวมาถือ ขึ้นรถได้ก็ขับออกไปเรื่อย ๆ ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะไปไหน กระทั่งฟ้าเริ่มมืดถึงคิดได้ว่าควรกลับ และทันทีที่กลับมาถึงห้อง ผมก็เห็นโทรศัพท์มือถือของน้องมันหล่นกระจายอยู่บนพื้น ในขณะที่โทรศัพท์มือถือของผมถูกกำแน่นอยู่ในมือของน้องมัน
“ไปไหนมา !” น้องมันว่าแล้วเดินตรงเข้ามาหาผม “รู้ไหมว่าผมตกใจแค่ไหน !”
“บิ๊ก..”
“ทำไมทำอะไรไม่เคยคิดถึงผมบ้างเลย”
น้องมันทรุดตัวลงกับพื้นแบบคนหมดแรง ผมที่ยืนมองน้องมันอยู่ได้ไม่นานก็ทิ้งตัวลงไปนั่งข้าง ๆ กัน ก่อนจะถูกน้องมันรวบตัวเข้าไปกอดเอาไว้ “ขอโทษ..”
“อย่าทำผมกลัว..”
“มึงกลัว เพราะมึงยึดติดกับกูมากเกินไป” ผมยกมือขึ้นมาลูบเบา ๆ บนหลังน้องมัน “บางที..”
“อย่าพูด..ผมรู้ว่าเบลล์จะพูดอะไร” มือที่กอดผมยิ่งรัดแน่นขึ้นกว่าเดิม “ขอร้อง..เรื่องนี้มันก็แค่..ผมก็แค่กลัว..กลัวว่าถ้าเผลอละความสนใจไปจากเบลล์ ผมอาจจะถูกทิ้ง”
“...”
“แต่..แต่ผมสัญญาว่าต่อไปจะตั้งใจเรียน เพราะงั้น..อย่าเลิกกับผมเลยนะ”
“บิ๊ก..” น้ำเสียงและคำพูดที่ดูตะกุกตะกักไปหมดของมัน ทำใจผมอ่อนยวบ “ช่างมันเถอะ”
“...”
“ถ้ามึงสัญญาว่าจะไม่ห่วงกูจนลืมตัวเองอีก”
ผมนอนมองท้องฟ้าผ่านประตูระเบียงไปเงียบ ๆ ทั้งที่ในหัวยังเต็มไปด้วยความคิดเรื่องคนที่กำลังนอนกอดผมอยู่ บิ๊กหลับไปได้สักพักแล้ว ยอมหลับไปหลังจากที่ผมรับปากเอาไว้ว่าจะไม่พูดเรื่องเลิกกันอีก ผมหันกลับมามองน้องมัน ก่อนจะยกมือขึ้นลูบแก้มมันไปเบา ๆ แล้วย้อนคิดถึงช่วงก่อนหน้าที่เราจะตกลงคบกัน
น้องมันเคยสดใสกว่านี้ ถึงจะเจ็บปวดกับการรักผมไปบ้าง แต่น้องมันก็ยังยิ้มได้สดใสมากกว่าตอนนี้
“ขอโทษที่ทำให้ต้องมาเจ็บปวดกับการกระทำไม่รู้จักคิดของกู” ผมหลับตาลง ก่อนจะหันกลับไปกอดตอบน้องมันบ้าง “เพราะงั้น..ต่อไปจะพยายามทำให้มันดีกว่านี้แล้วกัน”
ในเมื่อบอกเลิกไม่ได้ ผมก็คงต้องพยายามปรับปรุงตัว แล้วทำหน้าที่แฟนต่อไปอย่างนี้ให้ดีที่สุด..
น้องมันกลับมาสนใจการเรียนมากขึ้น เริ่มกลับมาขอให้ผมช่วยติวในบางวิชาที่ยังไม่ค่อยเข้าใจเหมือนเมื่อก่อน เราคบกัน..ดูแลกันไปในฐานะแฟนอย่างที่ควรจะเป็น จวบจนเข้าช่วงสอบเทอมสุดท้ายก่อนที่ผมจะเรียนจบ น้องมันก็เริ่มบีบบังคับให้ผมรับปากว่าจะอยู่ที่นี่ต่อ ไม่กลับไปอยู่ที่บ้านอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ในตอนแรก
“กูรับปากพ่อแม่เอาไว้แล้วว่าจะกลับไปช่วยดูแลน้องบัว”
“ถ้าอย่างนั้นก็พาน้องบัวมาอยู่ด้วยกันที่นี่”
“กูยังไม่พร้อมขนาดที่จะดูแลน้องบัวคนเดียวได้”
“ผมจะช่วยเอง”
“มึง..”
ผมเดินแยกออกมาเมื่อรู้สึกว่าเริ่มจะพูดกันไม่รู้เรื่องแล้ว น้องมันไม่ยอมอ่อนลงให้ผม ในขณะที่ผมเองก็ยังไม่พร้อมมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงเส้นทางชีวิตของตัวเองให้เป็นไปตามความต้องการของน้องมันได้ สุดท้ายเราก็ต้องกลับมาทะเลาะกันทั้งที่ผมเคยสัญญากับตัวเองเอาไว้ว่าจะไม่ให้มันต้องเกิดขึ้นอีก
“แค่ปีเดียวเอง แล้วมึงค่อยตามไปอยู่กับกูที่นู้น”
“เบลล์จะกลับไปหาเขามากกว่า”
ผมยืนนิ่ง มองดูสีหน้าน้องมันที่แสดงออกชัดเจนว่าเชื่ออย่างที่ตัวเองพูด “เมื่อไรมึงจะเลิกลากคนอื่นเข้ามาเกี่ยว”
“มันจะไม่เกี่ยวได้ยังไง ในเมื่อเขาคือคนที่เบลล์รัก”
“กูจะไม่เถียงกับมึงด้วยเรื่องไร้เหตุผลอย่างนี้”
“ไม่เถียง หรือเถียงไม่ได้กันแน่”
“มึงน่าจะวางเรื่องมีนลงไปได้ตั้งนานแล้ว” ผมวางความอดกลั้นทั้งหมดของตัวเองทิ้งไปเมื่อได้ยินอย่างนั้น “เพราะถ้าคิดอย่างนี้แล้วจะมาทนคบกับคนที่ไม่ได้รักตัวเองไปทำไม”
“เพราะผมคิดว่ามันจะยื้อเบลล์เอาไว้ได้”
ผมคว้ากุญแจรถแล้วเดินออกจากห้องมาทันที เลิกคิดเลิกพยายามที่จะคุยกับน้องมันแล้ว ในเมื่อพูดอะไรไปก็มีแต่จะทะเลาะกันเพิ่มมากขึ้น
“เบลล์ !”
“ปล่อย !”
เรายื้อกันไปยื้อกันมาตลอดทางที่ผมลงมาที่รถ บิ๊กไม่ยอมหยุด ส่วนตัวผมเองก็ไม่อยากทนต่อไปแล้ว แขนผมขึ้นรอยแดงจากแรงยื้อแรงกระชากเต็มไปหมดทั้งแขน ขณะที่น้องมันเองก็กำลังขาดสติถึงขีดสุด ผมยอมแพ้ที่จะเดินไปที่รถ แล้วเลือกจะเดินออกจากตัวคอนโดไปที่ถนน สุดท้ายก็กลายเป็นว่าเรามาฉุดยื้อกันไปมาอยู่ริมถนนให้คนแถวนั้นมอง กระทั่งตอนที่ผมดึงแขนตัวเองจากการเกาะกุมของน้องมันจนตัวหลุดกระเด็นลงมาบนพื้นถนน
น้องมันกระโดดลงมาแล้วผลักตัวผมออกมาทันก่อนที่จะถูกรถมอเตอร์ไซค์เฉี่ยวเข้า แต่ตัวเองกลับหนีออกมาไม่ทันตอนรถยนต์คันถัดมาชนเข้าที่ตัวน้องมัน แรงกระแทกไม่แรงพอจะทำให้น้องมันบาดเจ็บหนักหรือถึงขั้นตาย แต่ก็ยังมากพอจะทำให้เจ็บจนลุกไม่ขึ้น ผมยืนงงตอนที่เจ้าของรถคันที่ชนลงมาดูแล้วช่วยกันพาน้องมันขึ้นรถ ก่อนจะได้สติทันที่จะตามขึ้นรถพาน้องมันไปที่โรงพยาบาลด้วย
บิ๊กต้องนอนโรงพยาบาล ถูกใส่เฝือกที่ขาเพราะกระดูกข้อเท้าแตก ผมกดโทรศัพท์เพื่อโทรบอกข่าวจุ๊เป็นคนแรก ก่อนจะฝากเธอช่วยดูแลแล้วขอตัวกลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ขนหนังสือไปให้น้องมันอ่านที่โรงพยาบาลอีกครั้งเพราะใกล้สอบ จุ๊ไม่ได้ปริปากถามอะไรเลยสักนิดถึงสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ เดาว่าคงเพราะสีหน้าของผมและน้องมันที่ดูแย่มาก ๆ ตลอดเวลาทำให้เธอไม่อยากซักไซ้อะไร
พวกรุ่นพี่รุ่นน้องทยอยกันมาเยี่ยมหลังจากทราบข่าว แต่ผมก็ไม่ได้เอ่ยปากทักทายใครเลย ทำแค่นั่งเงียบ ๆ อยู่บนเก้าอี้ที่มุมห้อง คิดทบทวนเรื่องทุกอย่างไปคนเดียว จนเข้าสู่คืนที่สามของการนอนโรงพยาบาล ผมถึงได้ลุกขึ้นไปนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียงคนไข้ จับมือน้องมันเอาไว้ทั้งที่เจ้าตัวไม่อยากจะมองหน้าผมด้วยซ้ำ
“กูว่ามันถึงเวลาแล้ว..” ผมกลั้นน้ำตาเอาไว้ “ที่เราต้องยอมรับความจริง..”
“...”
“และมันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่กูจะพูด..”
“อย่า..”
“เลิกกันเถอะ” ผมบีบมือน้องมันแน่น “ขอโทษ..ขอโทษจริง ๆ”
“อย่าทิ้งผมตอนนี้..เห็นไหมว่าผมเจ็บ..มองผมสิเบลล์..” มันขึ้นเสียง “บอกให้มองผม !”
“กูขอโทษ..” ผมหันไปสบตา ทำตามความต้องการของน้องมัน “แต่กูจะไม่ใจอ่อนอีกแล้ว”
“ผมผิดอะไร..ผมรักเบลล์ไม่มากพอเหรอ”
“กูผิดคนเดียว..มีแค่กูที่ผิด”
“...”
“กูไม่ดีเอง”
ผมเดินออกมา แล้วทิ้งทุกอย่างที่มีเอาไว้กับน้องมันข้างหลัง บิ๊กควรจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ น้องมันไม่ควรต้องมาเสียเวลากับคนอย่างผมอีก
“ดีแล้ว..ดีแล้ว..เราทำถูกแล้ว”
ผมบอกกับตัวเองอยู่อย่างนั้นตลอดเวลาที่เข้ามาเก็บข้าวของในห้องของน้องมัน ผมเก็บของทุกอย่างทุกชิ้นของตัวเอง ไม่หลงเหลืออะไรไว้ให้น้องมันต้องเจ็บปวดอีก ก่อนจะทิ้งกุญแจเอาไว้ที่โต๊ะกินข้าวแล้วกลับขึ้นมาที่ห้องของตัวเอง อยู่ในพื้นที่ของตัวเองแล้วสัญญาเอาไว้ว่าจะไม่กลับเข้าไปวุ่นวายในชีวิตน้องมันอีก..
Ma-NuD_LaW
รวบเรื่องนิดนึง เพราะมันยืดเยื้อไป แต่ก็ยังต้องยืดบางส่วนเอาไว้อยู่
เราจะไม่เสียเวลากับตัวประกอบมากไป เพราะพระเอก (พี่ชัช) รออยู่
ล้อเล่นๆ
ที่ถามว่าคนเขียนหายไปไหนมา.. คือพอดีย่าป่วยครับ บวกกับตัวเองไม่สบายไปด้วย รวนมากตารางชีวิตช่วงนี้
สุดท้ายขอบคุณทุกความเห็นน้าาาา