47.กินข้าวอาบน้ำเสร็จผมก็มานั่งเล่นเกมส์จ้องหน้ากับน้องบัว เรานั่งมองกันไปมองกันมาโดยไม่มีใครคิดจะเป็นฝ่ายเดินเข้าไปเล่นกับใครก่อน จนพี่เลี้ยงน้องเหมือนจะทนไม่ไหวเลยอุ้มน้องแล้วเอามาวางบนตักให้ผมอุ้ม ผมก้มลงมองหน้าน้องบัว เอานิ้วเขี่ยผมทรงน้ำพุไปมาก่อนจะย้ายมาเขี่ยเบา ๆ ตรงแก้ม แล้วน้องก็ร้องไห้ออกมา
“ยังไม่ค่อยคุ้นก็อย่างนี้แหละค่ะ”
ผมพยักหน้าให้ ก่อนจะบอก “พาน้องไปนอนเถอะครับ ร้องไห้เยอะ ๆ เดี๋ยวก็เก็บไปฝัน”
เห็นพี่เลี้ยงอุ้มน้องขึ้นห้องแล้ว ผมเลยปิดโทรทัศน์แล้วเดินสำรวจประตูหน้าต่างอีกรอบ ก่อนจะเดินขึ้นห้องตัวเองบ้าง ล้มตัวลงนอนได้ผมก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู พอเห็นแจ้งเตือนว่ามีสายที่ไม่รับอยู่สามสายก็กดเข้าไปดู
“บิ๊ก” ผมถอนหายใจออกมายาว ๆ รอบหนึ่ง ก่อนจะกดโทรออก
“อยู่ไหนครับ” น้องมันถามทันทีที่รับสายแล้ว “มีคนเห็นเบลล์ที่คณะ”
“ไปส่งเอกสารฝึกงานน่ะ” ผมพลิกตัวนอนคว่ำ สายตาจ้องมองสร้อยข้อมือที่ตัวเองใส่เอาไว้ “เสร็จแล้วก็เลยกลับมาบ้าน”
“อยู่รอเจอผมสักสิบนาทีไม่ได้เลยเหรอครับ”
ผมหลับตาลง “กลัวถึงบ้านดึก”
“ให้ผมขับรถไปส่งก็ได้นี่ครับ”
“แล้วแม่กับน้องมึงล่ะ” ผมบอกแล้วถอนหายใจออกมาอีกรอบ “ไม่คิดว่าเขาคิดถึงเหรอ ถึงได้ยืดเวลากลับแบบนี้”
“แล้วเบลล์ล่ะครับ” น้องมันว่าก่อนจะเว้นจังหวะไปพักหนึ่ง “ไม่คิดอยากจะเจอแม่ผมสักนิดเลยเหรอ”
“โทษทีนะ” ผมรีบบอกเมื่อนึกขึ้นได้ว่าน้องมันจะรู้สึกยังไง “กูลืมคิดเรื่องนี้ไป”
“ช่างเถอะครับ” น้องมันว่าแล้วถอนหายใจใส่ผมบ้าง “ขนาดผมเองยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับครอบครัวของตัวเองเลย”
แล้วน้องมันก็ชวนผมคุยเรื่องอื่น ถามเรื่องงานเลี้ยงส่งก่อนกลับทั้งของบริษัทและส่วนตัวของพี่ชัช ก่อนจะขอตัวไปนอน โดยไม่อ้อนขอเปิดกล้องให้เห็นหน้ากันเหมือนทุกที ผมจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือตัวเองนิ่งอยู่อย่างนั้นนาน กระทั่งเสียงแจ้งเตือนจากโปรแกรมสนทนาอันหนึ่งดังขึ้น
JuB : ทะเลาะกันเหรอ
ผมขมวดคิ้วกับคำถามของจุ๊
BeLL : ทะเลาะอะไร ?
JuB : ก็โพสต์ของไอ้บิ๊ก
แล้วจุ๊ก็แนบรูปข้อความนั้นของน้องมันมาให้ ผมกดเข้าไปดู ก่อนจะกดปิดมันแล้ววางโทรศัพท์ลง “พยายามอย่างนั้นเหรอ”
ตอนนี้คงไม่ได้มีแค่ผมเพียงคนเดียวที่กำลังเหนื่อย..
ผมตื่นขึ้นมาแต่เช้า อาบน้ำอาบท่าได้ก็ลงไปเดินเล่นในสวนข้างล่าง จนแดดเริ่มแรงถึงเดินกลับมากินข้าวเช้าพร้อมกับแม่และน้องบัว ผมมองน้องบัวที่ตอนนี้นั่งอยู่บนเก้าอี้สำหรับเด็ก รอให้พี่เลี้ยงป้อนข้าวเช้าไปเงียบ ๆ ในหัวก็นึกชมความมีมารยาททั้งที่ยังตัวเล็กแค่นี้ ก่อนจะต้องเลิกคิ้วขึ้นเมื่อน้องหันมาสบตาผมเข้า
“อร่อยไหมคะ” ผมถามทั้งที่รู้ว่าน้องคงตอบไม่ได้ “กินเยอะ ๆ นะ จะได้โตเร็ว ๆ”
“จะเร่งให้โตได้เร็วแค่ไหนเชียว” ผมพูดแล้วหัวเราะ “แม่เห็นมีแต่ยิ่งอ้วนขึ้น จนอุ้มแทบไม่ไหวแล้ว”
“ผมไม่เห็นว่าน้องจะอ้วนเลย ที่หนักนี่คงหนักแก้มหรือเปล่าครับ” สิ้นสุดคำพูดผมทั้งแม่และพี่เลี้ยงก็พากันหัวเราะ จนน้องบัวส่งเสียงหัวเราะตามไปด้วย “เดี๋ยวก็สำลักหรอกหนูบัว”
ไม่รู้ว่าผมพูดเสียงดังเกินไปหรือเปล่า น้องถึงได้ตกใจจนถึงกับร้องไห้แบบนี้ ผมรีบวางช้อนลงก่อนจะเดินอ้อมไปอุ้มน้องบัวไว้ แล้วลูบหลังปลอบไปมาเบา ๆ น้องสะอึกสะอื้นอยู่ในอกผมได้สักพักก็หยุดร้อง ผมเลยวางน้องกลับลงบนเก้าอี้ แล้วเดินกลับมานั่งที่เดิมของตัวเอง
“ปลอบน้องได้แล้วนี่” แม่ว่าแล้วยิ้ม “คงเริ่มคุ้นแล้ว”
ผมหัวเราะขณะหยิบช้อนขึ้นมาแล้วลงมือกินต่อ พออิ่มก็ช่วยแม่เก็บจานชามไปล้างแล้วกลับมานั่งอ่านหนังสือข้างน้องบัวไปเงียบ ๆ ก่อนจะรู้สึกได้ว่าถูกน้องบัวแอบมองเป็นระยะ ๆ ผมเลยวางหนังสือลงแล้วเปลี่ยนมานั่งมองน้องบ้าง สุดท้ายเลยกลายมาเป็นว่าเรากำลังนั่งมองหน้ากันอย่างเดียวแทน
“น้องคงอยากเล่นด้วย งั้นพี่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำแปบหนึ่งนะคะ”
พอผมพยักหน้าพี่เลี้ยงก็ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ ผมเลยหันกลับมาสนใจเด็กตัวเล็ก ๆ ตรงหน้าอีกครั้ง “อยากเล่นอะไรครับ”
ผมหยิบของเล่นเด็กที่วางเกลื่อนอยู่รอบตัวน้องขึ้นมาชิ้นหนึ่งแล้วยื่นไปให้ แต่น้องบัวก็ทำแค่มองมันแล้วเงยหน้ากลับขึ้นมามองผม “ไม่ชอบเหรอ”
ผมวางมันลงเมื่อคิดได้อย่างนั้น ก่อนจะเลือกหยิบชิ้นอื่นขึ้นมาแล้วยื่นส่งไปให้แทน แต่น้องก็ยังคงทำแค่มองมันแล้วเงยหน้าขึ้นมามองผมเหมือนเดิม “งั้นอยากเล่นอะไรอะ”
ไม่รู้ว่าผมหยิบ ๆ วาง ๆ ของเล่นลงไปกี่ชิ้นแล้ว แต่น้องบัวก็ยังไม่มีท่าทีจะสนใจของเล่นชิ้นไหนเป็นพิเศษ จนตอนนี้ผมยอมแพ้ไม่พยายามจะชวนเล่นอะไรแล้วน้องก็ยังคงจ้องหน้าผมไม่เลิก ผมขยับตัวรู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ สุดท้ายเลยทำแค่หยิบหนังสือกลับขึ้นมาอ่านเหมือนเดิม แต่ก็ยังรู้สึกถึงสายตาที่จับจ้องอยู่
“ชิ้นสุดท้ายแล้วนะ” ผมบอกขณะวางหนังสือลงแล้วยกเปียโนเล็ก ๆ สำหรับเด็กที่วางอยู่หลังโซฟามาให้ “ลองกดเล่นไหม”
น้องบัวมีทีท่าสนใจขึ้นมา ขณะยื่นมือขึ้นมาแตะมัน “เอ่อ..ไม่รู้จะกดเป็นหรือเปล่า”
ผมลองกดไล่เล่น ๆ ไปทีละโน้ต “เหมือนจะนึกออกอยู่เพลงหนึ่ง”
น้องบัวเอียงคอมองตอนผมบอกอย่างนั้น ก่อนจะหันกลับมาสนใจเปียโนเล็ก ๆ ตรงหน้าเมื่อผมเริ่มกดทำนองเพลลงแมงมุมลายที่เคยเรียนในชั่วโมงดนตรีสมัยประถม และเพราะไม่ได้เล่นมานานเลยจังหวะมันเลยเร็วไปช้าไปกว่าที่ควรจะเป็น
“เลือกได้ดีนี่” ผมชะงักมือที่กำลังจะกด แล้วหันไปมองคนพูด “น้องบัวชอบให้เล่นเปียโนให้ฟัง”
“มีน..”
เขาส่งยิ้มให้ผม ก่อนจะเดินเข้ามาอุ้มเมื่อน้องบัวยื่นมือไปหา “วันนี้ไม่มีของเล่นมาฝากนะคะ แต่เอาไอ้นี่มาฝากแทน”
“หนังสือเหรอ” ผมถาม ก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้เมื่อเขาเปิดมันแล้วยื่นให้น้อง “คำศัพท์”
“มีภาพการ์ตูนสี ๆ ถึงน้องจะยังอ่านไม่ออก แต่ก็ช่วยฝึกให้คุ้นเคยกับการอ่านหนังสือ” เขาว่าแล้วหันมามอง “ไม่ใช่กระดาษ กัดยังไงก็ไม่ขาด”
ผมมองน้องบัวที่ตอนนี้กำลังใช้ปากงับ ๆ หนังสือ “เพิ่งรู้ว่ามีอย่างนี้ด้วย”
“เราก็เพิ่งเคยเห็นที่โรงพยาบาล”
ผมพยักหน้า ก่อนจะยื่นมือไปเขี่ยแก้มน้องบัว “มาเล่นกับน้องบ่อยเหรอ”
“ก็ทุกครั้งที่กลับมาบ้านแหละ”
“มิน่า..น้องถึงทำท่าดีใจสุด ๆ เลยตอนเห็นมีน” ผมบอกแล้วยันตัวลุกขึ้น “เดี๋ยวเราไปเอาน้ำกับขนมมาให้”
มีนทำหน้าแปลกใจเมื่อได้ยินผมบอกอย่างนั้น “เราไปเอาเองก็ได้”
“ไม่เป็นไร อยู่เล่นกับน้องบัวไปเถอะ”
“ขอบคุณนะ”
“อืม”
เขาก้มหน้ากลับลงไปมองน้องบัวที่ตอนนี้ทำท่าสนใจหนังสือใหม่เอามาก ๆ ผมเลยเดินเข้ามาในครัวเพื่อหยิบคุ้กกี้และน้ำผลไม้ออกไปให้เขา เสร็จแล้วก็กลับมานั่งอ่านหนังสือเงียบ ๆ ปล่อยให้เขาเล่นกับน้องบัวไปอย่างนั้นกระทั่งถึงเวลานอนของน้อง เขาถึงขอตัวกลับบ้านตัวเองไป
ตกเย็นแม่กับแม่มลก็จัดแจงจัดเตรียมอาหาร จัดโต๊ะสำหรับมื้อเย็นที่สวนเหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา ผมเดินเข้าเดินออกยกอาหารและผลไม้ช่วย ก่อนจะแยกตัวมาช่วยดูน้องบัวเพื่อให้พี่เลี้ยงได้มีเวลาจัดการกับธุระส่วนตัวของตัวเองก่อนจะต้องกลับมาดูแลน้องคนเดียวตอนที่พวกเรากำลังทานอาหารเย็น
มีนเดินออกมาจากบ้านพร้อมกับพ่อของเขา ไม่ลืมจะเข้ามาเล่นกับน้องบัวก่อนจะปล่อยให้พี่เลี้ยงพาขึ้นไปบนห้องเมื่อถึงเวลาที่พวกเราต้องไปกินข้าวแล้ว เรานั่งข้างกันเหมือนกับเมื่อก่อน ปล่อยให้พ่อผมกับพ่อเขา และแม่กับแม่มลได้นั่งข้าง ๆ กันคุยกันไป ผมกวาดสายตามองไปรอบ ๆ รู้สึกถึงบรรยากาศเก่า ๆ ที่เจอมานับตั้งแต่จำความได้
“เหมือนไม่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันมานานมาก” แม่มลว่าขณะหันมามองผม “เพราะเบลล์เล่นหนีหายไปตั้งสามเดือน”
“ขอโทษครับ”
“นี่แม่แทบจะอดใจชวนแม่เราไปหาที่นู้นแทบไม่ไหว” บ่นแล้วก็ส่ายหน้าไปมาหลายครั้ง “เล่นไม่กลับมาให้แม่เห็นหน้าเลยแบบนี้”
“ฝึกงานเป็นยังไงบ้าง”
ผมหันไปมองเมื่อพ่อเขาถาม “ก็ดีครับ พี่ที่ดูแลผมใจดีมาก ได้เรียนรู้อะไรที่ไม่เคยรู้หลายอย่าง”
“ดีแล้วล่ะ” ว่าแล้วก็หันไปมองมีน “เราก็ผอมลงกว่าเดิมอีกแล้วใช่ไหม”
ผมหันไปมองเขาเมื่อได้ยินอย่างนั้น ก่อนจะสังเกตได้ว่าเขาดูผอมลงไปกว่าเดิมมากจริง ๆ มีนไม่ได้ตอบคำถามอะไร ทำแค่บ่นออกมาว่าช่วงนี้อ่านหนังสือหนักนิดหน่อย เพราะมีสอบย่อยแบบไม่ทันตั้งตัวอยู่หลายครั้ง เลยไม่อยากพลาดต้องอ่านหนังสือล่วงหน้าไปก่อนอย่างนี้
“อยู่ด้วยกันก็ดูแลกัน..เบลล์ช่วยดูแลมีนบ้างสิ” แม่หันมาบ่นผม “ไม่ใช่เอาแต่ให้มีนมาดูแล”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ..” เขารีบออกตัวแทน “เบลล์เองก็เรียนหนัก”
ผมก้มหน้าลง แสร้งทำเป็นสนใจอาหารตรงหน้านักหนา ทั้งที่ในหัวมีแต่ความคิดเรื่องที่ว่าพ่อแม่ของพวกเรายังไม่มีใครรู้เลยว่าตอนนี้ผมกับเขาแทบจะไม่ได้เจอหน้ากันแล้วด้วยซ้ำ ยิ่งผมเพิ่งไปฝึกงานที่อื่นมาอย่างนี้ รวมเวลาที่เราไม่ได้เจอกันคุยกันยิ่งมากเสียจนหากพวกท่านรู้คงจะไม่สบายใจมาก
“อย่าใส่ใจเลย” คนข้างตัวผมหันมากระซิบบอก “ทำในสิ่งที่เบลล์อยากทำก็พอ”
ผมไม่รู้จะพูดหรือตอบอะไรกลับไปให้เขา เลยทำได้แค่ก้มหน้ากินข้าวไปเงียบ ๆ อย่างนั้นอย่างคนไม่รู้จะทำอะไร
Ma-NuD_LaW
มีข่าวฝากจากแอดมินเพจ (แอดมิน JJ) จัดกิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้คนอ่านได้ร่วมสนุกกันในเพจนะครับ สนใจจิ้มลิ้งแฟนเพจด้านล่างได้เลยครับ (เรียกว่าอะไร ที่อยู่ข้างล่างง่ะ)
ชอบหลายคอมเม้นมากอะ .. อ่านแล้วสนุกกว่านิยายอีก
ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ