50.ผมไม่ได้กลับลงมานอนที่ห้องน้องมันตามที่รับปากเอาไว้ เพราะเผลอหลับไปขณะกำลังอ่านหนังสือ น้องมันตามขึ้นมาหาผมที่ห้องตอนเกือบ ๆ เที่ยงคืน ก่อนจะยอมเป็นฝ่ายย้ายมานอนที่นี่เมื่อผมไม่ยอมขยับตัวลุกจากโซฟาไปไหน เรานอนเบียดกันบนโซฟาแคบ ๆ นั่น จนตื่นมาพบตัวเองนอนกอดกันอยู่บนพื้นในเช้าวันถัดมา
“เบลล์กินแต่อาหารแช่แข็งพวกนี้เหรอครับ” ผมหันไปมองคนถาม ก่อนจะหันกลับมาเทน้ำผลไม้ในมือลงแก้วต่อ “แต่ก็ดีกว่ากินมาม่าละนะ”
ผมยกแก้วมานั่งดื่มรอน้องมันอุ่นอาหารแช่แข็งพวกนั้นเป็นมื้อเช้า ก่อนจะแยกย้ายกันไปอาบน้ำเตรียมตัวไปสอบ พอถึงมหาวิทยาลัยแล้วส่งผมถึงมือจุ๊ได้น้องมันก็แยกไปนั่งอ่านหนังสือกับเพื่อนตัวเองบ้าง ผมนั่งหลับตานิ่ง ๆ เพื่อรวบรวมสมาธิ พยายามตั้งสติกับการสอบตรงหน้า แค่ผ่านการสอบครั้งนี้ก็จะเหลืออีกแค่ปีเดียวเท่านั้นผมก็จะเรียนจบแล้ว หลังจากนั้นผมก็จะต้องเริ่มต้นใช้ชีวิตในแบบผู้ใหญ่จริง ๆ แล้ว
“โชคดีนะ”
ผมยิ้มให้ ก่อนจะอวยพรเธอกลับบ้าง “จุ๊ก็โชคดีนะ”
และเพราะวิชานี้ผมเตรียมตัวมาค่อนข้างดี ทำให้เสร็จเร็วกว่าคนอื่น ๆ ผมเลยต้องลงมานั่งรอน้องมันอยู่ที่ใต้ตึก รอได้ไม่นานจุ๊ก็ตามลงมานั่งรอเป็นเพื่อนด้วยอีกคน ผมมองรุ่นพี่รุ่นน้องหลายคนที่ทยอยลงมาจากตึกด้วยสีหน้าเคร่งเครียด น้อยคนนักทีจะมีสีหน้ายิ้มแย้มอยู่
“ลงมาเร็วขนาดนี้ทำได้ใช่ไหม” ผมพยักหน้าให้จุ๊ “ข้อแรกเราหลงประเด็นไปหน่อยเลยต้องเริ่มต้นทำใหม่”
“แต่ก็ยังเสร็จก่อนคนอื่นอยู่ดี”
“คงเพราะโชคดีที่ออกมาตรงกับที่อ่าน”
ผมหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินจุ๊พูดอย่างนั้น ก่อนเราจะพากันลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นน้องมันเดินลงจากตึกมาแล้ว “ไปกินข้าวด้วยกันก่อนนะ”
พอจุ๊พยักหน้าเราเลยพากันมาขึ้นรถแล้วออกไปหาอะไรกินกันที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ ๆ มหาวิทยาลัย จุ๊ชวนผมไปอ่านหนังสือด้วยกันต่อที่หอพักของเธอ โดยบอกว่านัดเพื่อน ๆ คนอื่นเอาไว้แล้ว แต่ผมบอกปฏิเสธไปเพราะคิดว่าการอ่านคนเดียวช่วยให้มีสมาธิมากกว่า บิ๊กเลยวนรถกลับมาส่งผมที่คอนโดก่อนเพราะหอของเพื่อนที่น้องมันนัดติวเอาไว้ก็อยู่ที่เดียวกับจุ๊
ผมกดลิฟต์ขึ้นไปที่ห้องของตัวเอง อาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสือผ้าเรียบร้อยก็มานั่งปักหลักอ่านหนังสืออยู่ที่พื้นตรงหน้าโซฟา กระทั่งได้ยินเสียงเคาะประตูจึงลุกขึ้นมาเปิด “ไหนบอกจะไม่ได้กลับห้องจนกว่าจะสอบเสร็จ”
มีนเดินแทรกตัวเข้ามา ก่อนจะตอบ “เราแวะมาเอาเสื้อผ้าน่ะ”
ผมมองเขาจัดกล่องนมกับน้ำผลไม้เข้าตู้ ก่อนจะเดินมาช่วยจัดพวกขนม “ซื้อมาทำไมเยอะแยะ”
“ถ้าไม่ซื้อมา เบลล์จะออกไปหาอะไรกินเองข้างนอกหรือไง” พอผมหันไปมองก็เห็นเขากำลังมองผมเหมือนกัน “คงจะอดข้าวเหมือนทุกที”
“ก็คงงั้น”
เขาปิดประตูตู้เย็น แล้วหันมาช่วยผมจัดขนม พับถุงเก็บใส่ตู้เสร็จสรรพก่อนเดินตรงไปที่ประตู “อย่าลืมกินข้าว”
“อืม”
เขาเดินกลับไปเก็บข้าวของ พร้อมจัดเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ห้องของตัวเองเสร็จก็เดินกลับมายื่นกุญแจห้องของเขาให้กับผม แล้วบอกว่ามีพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและปลากระป๋องอยู่ ให้ผมเข้าไปหยิบมากินได้เลยหากของที่เขาเอามาให้หมดแล้ว ผมเอ่ยปากขอบคุณไป ก่อนจะกลับมานั่งมองพวงกุญแจในมือที่เคยเป็นของผม
กุญแจที่ตอนนี้ย้อนกลับมาอยู่ในมือผมอีกครั้ง..
สัปดาห์แห่งการสอบผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว และเป็นน้องมันที่สอบเสร็จก่อนผมไปแล้วหนึ่งวัน ตอนนี้น้องมันเลยอาสามารับส่งผมสอบในวันสุดท้าย ก่อนเราจะพากันเก็บข้าวของเพื่อไปเที่ยวทะเลด้วยกันก่อนที่จะต้องแยกย้ายกันกลับไปหาพ่อแม่ตัวเองในช่วงปิดเทอม ตอนแรกบิ๊กก็ชวนให้ผมบินไปหาแม่ด้วยกัน แต่ผมบอกปฏิเสธไปเมื่อคิดถึงสัญญาที่เคยให้ไว้กับพ่อว่าจะรับผิดชอบดูแลน้องบัว บิ๊กทำท่าไม่พอใจนิดหน่อยตอนที่ผมบอกอย่างนั้น แต่ก็เหมือนไม่มีเหตุผลมากพอที่จะดึงผมไปด้วยอยู่ดี สุดท้ายเราเลยตกลงกันว่าจะไปเที่ยวทะเลด้วยกันสักสองสามวันก่อนที่จะไม่ได้อยู่ด้วยกันเลยตลอดช่วงปิดเทอม
“อยากไปนอนแช่น้ำทะเลก่อนมื้อเย็นอีกไหมครับ” น้องมันเอ่ยปากแซวทันทีที่เรามาถึงห้องพักแล้ว ผมเลยส่ายหน้าเป็นคำตอบไป “ถ้าไม่ไป..งั้นเดี๋ยวผมโทรสั่งอาหารนะครับ เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยออกไปหาอะไรอร่อย ๆ กินข้างนอก”
“อืม” ผมทิ้งตัวลงกับเตียง ก่อนจะหลับตาลง “ขอพักแปบหนึ่ง”
“นอนเถอะครับ เย็นแล้วเดี๋ยวผมปลุก”
“อืม..” ผมครางตอบไปเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ปล่อยให้สติหลุดหายไป
เราใช้ชีวิตกันที่นี่อย่างเช่นคนมาเที่ยวพักผ่อนจริง ๆ เพราะผมกับน้องมันเลือกจะนอนตากแอร์อยู่ในห้องเงียบ ๆ ไปทั้งวัน ก่อนจะออกมาเดินเล่นหรือหาอะไรกินกันข้างนอกเมื่อแดดเริ่มอ่อนลงแล้ว บิ๊กพาผมไปเดินเตร่หาอะไรกินกันที่ตลาด สั่งอาหารทะเลสด ๆ ให้พ่อค้าแม่ค้าช่วยนึ่งช่วยย่างให้ก่อนจะพากันมานั่งกินกันริมทะเล แล้วบังคับให้ผมเป็นนายแบบให้น้องมันถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งแสงหมด ถึงได้พากันกลับมาที่ห้อง
ผมนั่งมองดวงจันทร์อยู่ที่ระเบียงที่พักเงียบ ๆ หลังจากอาบน้ำเสร็จ สูดเอากลิ่นไอทะเลเข้าไปในปอดจนพอใจก็เดินกลับเข้ามาในห้องเมื่อน้องมันอาบน้ำเสร็จแล้ว บิ๊กเปิดโทรทัศน์ช่องการ์ตูนให้ผมดูก่อนจะเดินหายออกไปจากห้องแล้วกลับมาพร้อมกับดอกกุหลาบสีแดงในมือ ผมขยับตัวลุกขึ้นนั่งดอกไม้ดอกเดียวในมือของน้องมันที่ตอนนี้มีแหวทองคำขาวเรียบ ๆ ไม่มีลวดลายอะไรผูกติดกับริบบิ้นอยู่
“บิ๊ก” ผมเรียกเมื่อน้องมันทิ้งตัวลงนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า แล้วยื่นดอกไม้มาให้ “มึง..”
“เราหมั้นกันเงียบ ๆ ไหมครับ” น้องมันพูดแล้วส่งยิ้มมาให้ “ไว้ผมเรียนจบ เราค่อยบอกพ่อแม่ให้เป็นเรื่องเป็นราว”
ผมมองดอกกุหลาบในมือน้องมัน แต่ก็ไม่กล้ายื่นมือออกไปรับ “กู..”
“พอตั้งหลักได้ เราค่อยซื้อบ้าน..”
“เดี๋ยวบิ๊ก มึง..ใจเย็น ๆ ก่อนนะ” ผมมึน ๆ รู้สึกงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า “คือมึงพูด เหมือนกำลังขอกูแต่งงาน”
“ครับ”
ผมกดรีโมทปิดโทรทัศน์ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่ประตูระเบียง “ทำไม..ทำไมถึงไม่ปรึกษากันก่อน”
“...”
“มันดูเร็วเอ่อ..มันยังเร็วไปกว่าจะคิดเรื่องแบบนี้ไหม”
“ที่เบลล์คิดว่ามันเร็ว นั่นเพราะว่าเบลล์ไม่อยากอยู่กับผมหรือเปล่า”
“ไม่ใช่อย่างนั้น แต่..”
“หรือที่จริงเบลล์อยากจะบอกกับผมว่า เบลล์ไม่ได้รักผมเลย”
ผมเงียบ..น้องมันก็เงียบ เราปล่อยให้ความเงียบดำเนินไปอย่างนั้นกระทั่งต่างฝ่ายต่างง่วง หรืออันที่จริงเราต่างก็ไม่ได้ง่วงกันเลยสักนิด เพียงแค่อยากหาวิธีหนีออกจากบรรยากาศน่าอึดอัดระหว่างเราไปก็เท่านั้น ผมใช้เวลาทั้งคืนคิดเรื่องพวกนี้ไปท่ามกลางความมืด เช่นกันกับที่บิ๊กเองก็คงกำลังคิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน
รุ่งเช้าเราต่างเก็บข้าวของส่วนตัวของตัวเอง แล้วพากันกลับมาที่คอนโดเพื่อจัดเสื้อผ้าแล้วแยกย้ายกันไปหาพ่อแม่ ผมขับรถมาแวะส่งน้องมันที่สนามบินก่อนจะตามลงมายืนรอเป็นเพื่อนด้วยไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรดี ๆ มาอธิบายสาเหตุของการกระทำที่ดูใจร้ายมากของตัวเอง เราไม่ได้พูดอะไรกันเลยกระทั่งน้องมันต้องเข้าไปเตรียมตัว ถึงได้เอ่ยปากบอกให้ผมกลับไป
“บิ๊ก” น้องมันส่งยิ้มมาให้ “คือกู..”
“เรื่องอื่นค่อยว่ากันเถอะครับ” ว่าแล้วก็ยื่นมือมาดึงมือผมไปจับเอาไว้ “แต่ช่วยใส่นี่เอาไว้ก่อนได้หรือเปล่า”
ผมมองแหวนที่อยู่ในมือ “นะครับ”
“อืม” ผมสวมมันเข้าไปที่นิ้วกลางข้างซ้าย ก่อนจะออกแรงดันเมื่อมันไม่ยอมเข้า
“ใส่ไม่ได้หรอกครับ” น้องมันว่าแล้วดึงมันกลับออกมาเพื่อสวมเข้าไปตรงนิ้วนาง “ผมกะขนาดมาให้พอดี”
“...”
“จนกว่าผมจะกลับมา เบลล์อย่าถอดมันออกได้ไหม”
“อืม..”
“ขอบคุณนะครับ” ว่าแล้วก็ปล่อยมือผมลง “รีบไปเถอะ เดี๋ยวจะถึงบ้านมืด”
“อืม..”
“รักเบลล์นะครับ”
น้องมันกระซิบบอกผมเบา ๆ ที่ข้างหู ก่อนจะหันหลังเดินจากไป ผมมองตามแผ่นหลังของน้องมันอยู่สักพักก็ตัดสินใจเดินออกมาขึ้นรถแล้วขับออกมา ตลอดทางกลับบ้านในวันนั้นผมเผลอก้มมองแหวนที่นิ้วของตัวเองอยู่หลายครั้ง มองแล้วคิดถึงหน้าน้องมัน ก่อนจะทนความฟุ้งซ่านในหัวตัวเองไม่ไหวจนต้องถอดมันออกแล้ววางทิ้งไว้ในช่องวางแก้วน้ำข้างตัว กระทั่งกลับมาถึงบ้านถึงได้หยิบมันกลับขึ้นมาสวมไว้ใหม่อีกครั้ง
น่าแปลกที่คราวนี้ผมไม่ได้รู้สึกอึดอัดใจเหมือนกับครั้งแรกที่น้องมันเป็นคนสวมแหวนให้ผม..
Ma-NuD_LaW
หายไปเป็นอาทิตย์..เราผิดเอง
ขอบโทษนะครับ