55.ผมกลับมาชงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกินที่ห้อง เปิดน้ำร้อนใส่ถ้วยปิดฝาได้ก็ตั้งใจจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูก่อนจึงได้เดินไปเปิดประตูห้อง “มีน”
“เราแวะซื้อเป็ดย่างมา” เขาบอกแล้วเบี่ยงตัวเดินเข้ามาในห้อง “แล้วก็ขอโทษด้วยนะที่ไปหาไม่ทัน”
ผมก้มลงมองช่อดอกกุหลาบ ก่อนจะยื่นมือออกไปรับ “ก็มีนมีงานต้องทำ”
เขาพยักหน้า ก่อนจะบ่นออกมา “คนอื่น ๆ ก็อยากไปร่วมงาน เลยไม่เหลือใครมาเปลี่ยนเวรเลย”
“บอกแล้วว่าเราเข้าใจ” ผมยิ้มให้เขา ก่อนจะเดินไปหยิบชุดครุยที่พาดอยู่ตรงโซฟา “ถ่ายรูปกันหน่อยไหม”
เราออกไปถ่ายรูปด้วยกันที่ระเบียงห้อง ก่อนจะแยกย้ายกันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินกลับมากินข้าวเย็นด้วยกัน ที่ห้องผม มีนถามอะไรผมหลายอย่างเกี่ยวกับขั้นตอนการทำเรื่องขอจบ การเตรียมตัวรับปริญญา หรือแม้กระทั่งเรื่องความรู้สึกหลังจากที่เรียนจบมาแล้ว
เป็นครั้งแรกที่เราคุยกันมากมายขนาดนี้ และมันเป็นครั้งแรกที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนเราได้เป็นเพื่อนกันแล้วจริง ๆ
“ให้มีนมาค้างที่ห้องผมก็ได้ครับ แล้วเดี๋ยวพวกเราจะช่วยดูแลน้องบัวให้เอง”
ผมบอกเมื่อเห็นว่าห้องของมีนมีห้องนอนถึงสองห้อง เพียงพอให้พ่อแม่ผมและพ่อแม่ของเขาแบ่งพักกันได้ แล้วให้มีนย้ายมานอนที่ห้องผมแทนพร้อมกับช่วยกันดูแลน้องบัวเพราะพี่เลี้ยงไม่ได้มางานรับปริญญาของผมด้วย
“เอาอย่างนั้นก็ได้” แม่มลว่าแล้วพยักหน้าชวนให้แม่เดินตามไปที่ห้องมีน “พรุ่งนี้มีนจะได้ตื่นมาช่วยเบลล์เตรียมตัวด้วย”
ผมก้มลงไปหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าของพ่อกับแม่ ขณะที่มีนก็หันไปรับกระเป๋ามาจากพ่อเขา “ถ้าน้องบัวตื่นก่อนก็พามาให้แม่กับแม่บีช่วยดูแล้วกันนะ จะได้ไม่กวนพวกเรา”
“ครับ” เขารับคำ ก่อนจะไขกุญแจห้องแล้วเดินนำพวกท่านให้เข้าไปพัก “นอนพักกันก่อนนะครับ ไว้เย็น ๆ ค่อยออกไปหาอะไรทานกันข้างนอก”
“น้องบัวก็คงง่วงแล้ว เดี๋ยวผมกับมีนพาไปนอนที่ห้องนู้น จะได้ไม่กวนพ่อกับแม่”
“เห็นอย่างนี้แล้วแม่ก็คิดถึงสมัยพวกเรายังเล็ก ๆ” แม่มลว่าแล้วหันไปยิ้มกับแม่ผม “สุภาพบุรุษตัวน้อย ๆ ผลัดกันช่วยดูแลพ่อกับแม่”
เราหันมามองหน้ากันเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของพวกพ่อกับแม่ ก่อนที่ผมจะหลบสายตาของเขาด้วยการเข้าไปอุ้มน้องบัวมาจากแม่ “พักกันเถอะครับ เดี๋ยวผมพาน้องบัวไปเล่นที่ห้องนู้น”
“เหนื่อยก็บอกนะ แม่ไม่อยากให้เราทรุดตอนถึงเวลาจริงพรุ่งนี้”
ผมพยักหน้าให้แม่ ก่อนจะอุ้มน้องเดินกลับมาที่ห้องของตัวเอง เปิดโทรทัศน์ได้ก็วางน้องลงบนพื้นพรมตรงหน้าโซฟา แล้วเดินกลับไปเปิดประตูอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเคาะ “เราลืมไปว่ามีนไม่มีกุญแจ”
“ไม่เป็นไรหรอก”
ถึงเขาจะบอกอย่างนั้น แต่ผมก็ยังเดินไปหยิบกุญแจสำรองในลิ้นชักห้องนอนมายื่นให้เขา ก่อนจะเอ่ยปากอนุญาตให้เขาเก็บเอาไว้ได้โดยไม่ต้องคืนผม เราไม่ได้คุยอะไรกันอีก เมื่อเขาเดินไปนั่งลงข้าง ๆ น้องบัว ดูการ์ตูน หยอกน้องเล่นไป ส่วนผมเดินกลับเข้ามาในห้องนอนเพื่อจัดเสื้อผ้าข้าวของสำหรับวันพรุ่งนี้ กระทั่งน้องหลับมีนถึงได้อุ้มน้องเข้ามานอนในห้อง
“พรุ่งนี้เบลล์ต้องเข้าไปเตรียมตัวกี่โมง” พอได้ยินคำตอบของผม เขาก็จัดการตัดสินใจเอาเองเสร็จสรรพ “งั้นเดี๋ยวเราเข้าไปพร้อมเบลล์ แล้วค่อยให้พวกพ่อกับแม่พาน้องบัวตามไปทีหลังตอนเบลล์ใกล้ ๆ จะออกมาแล้วกัน”
“เราไปเองก็ได้ มีนค่อยตามไปพร้อมพ่อกับแม่แหละดีแล้ว” ผมบอกปฏิเสธ “จะไปรอทำไมนาน ๆ”
“เอาตามที่เราว่านั่นแหละ” เขาพูดตัดบท ก่อนจะเดินออกไปหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าน้องบัวเข้ามาจัดเรียงไว้ที่ลิ้นชักพลาสติกว่าง ๆ ของผม “เดี๋ยวเรากลับไปเอาเสื้อผ้าของพรุ่งนี้มาก่อนนะ”
พอเขาเดินออกไป ผมก็จัดการเลื่อนเสื้อผ้าของตัวเองในตู้ไปรวมกันที่มุมหนึ่งเพื่อเว้นพื้นที่ไว้ให้เขา ก่อนจะเดินมาทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ น้องบัวบนเตียง แล้วดึงน้องเข้ามากอด ก่อนจะหลับตาลงบ้าง “ฝันดีนะคะหนูบัว”
[มีน]
“หึ ๆ”
ผมหลุดหัวเราะเมื่อเห็นว่าเจ้าของห้องนอนหลับไปพร้อมกับน้องบัวแล้ว ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วแขวนเสื้อผ้าสองสามชุดของตัวเองไว้บนราวตรงที่ว่างอยู่ เบลล์คงแบ่งพื้นที่ส่วนนี้เอาไว้ให้ก่อนที่จะไปนอน พอคิดได้อย่างนั้นผมเลยไม่นึกเกรงใจแล้วหันไปหยิบที่นอนปิกนิกในตู้เล็กออกมาปูบนพื้นข้าง ๆ เตียง ไว้เป็นที่นอนสำหรับตัวเองในคืนนี้
“ยังเก็บเอาไว้อีกเหรอ” เผลอพึมพำออกมาเมื่อเห็นหมอนอิงรูปแมวที่ผมซื้อให้เขาเป็นของขวัญวันเกิดเมื่อหลายปีที่แล้ว “ถุงก็ไม่แกะด้วย”
ผมอมยิ้ม ก่อนจะวางมันลงกลับไปที่เดิม ปิดตู้แล้วก็เดินมานอนบนที่นอนปิกนิกที่เพิ่งปูไป นอนมองใบหน้าเขาสลับกับน้องบัวไปกระทั่งได้ยินเสียงแม่บีมาเคาะประตูเรียก ถึงได้ลุกขึ้นไปปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาเพื่อเตรียมตัวออกไปหามื้อเย็นกินกันข้างนอก
“พาไปกินสุกี้ดีไหม น้องบัวจะได้กินด้วยได้”
เราตกลงพากันมาที่ร้านสุกี้ยี่ห้อหนึ่งในห้าง เมื่อเห็นด้วยกับความคิดของเขา ผมกับเบลล์นั่งประกบน้องบัวคนละข้าง เพื่อให้พ่อกับแม่ได้พักรับประทานมื้อเย็นกันอย่างสบาย ๆ มีบ้างที่เบลล์หันไปถามแม่กับแม่บีว่าน้องบัวกินอันนู้นได้ไหม อันนี้ได้ไหม ก่อนจะเปลี่ยนมาถามผมแทนเมื่อรู้สึกตัวว่ากำลังรบกวนพวกท่านจนเกินไป
“อย่าพากันนอนดึกนักละ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า” แม่กำชับพวกเราอีกครั้งเมื่อผมอุ้มน้องขึ้นมา “ถ้าน้องตื่นเช้าแล้วกวน ก็พามาให้แม่กับแม่บีเลยเข้าใจไหม”
“ครับ”
“เบลล์มีอะไรให้ช่วยก็รีบบอกมีนนะ” พอเห็นว่าผมเข้าใจทุกอย่างแล้วก็หันไปบอกเขา “รีบ ๆ ไปนอนเถอะ แม่ดูสูทให้พ่ออีกรอบก็จะนอนแล้วเหมือนกัน”
“ขอบคุณครับแม่มล”
แม่ยกมือขึ้นลูบหัวเขา ก่อนจะย้ำ “บอกแล้วไงว่าไม่ต้องขอบคุณ..เบลล์ก็ลูกแม่นะ”
“ครับ”
“รีบไปนอนกันเถอะ” แม่บีหันมาบอกเมื่อเห็นว่าพวกเราไม่ยอมกลับห้องกันสักที “ฝากเบลล์ด้วยนะ”
“ครับ” ผมรับคำแม่บี ก่อนจะหันไปพยักหน้าเรียกเขา “ไปกันเถอะ”
กลับถึงห้องผมก็เลือกจะให้เบลล์เข้าไปอาบน้ำขณะที่ผมอาสาจะเป็นคนพาน้องเข้านอนเอง พอเบลล์ออกจากห้องน้ำมาน้องบัวก็หลับไปแล้ว ผมเลยหยิบผ้าเช็ดตัวเดินสวนเขาเข้าไปอาบน้ำบ้าง
“เบลล์อ้าว..”
ผมชะงักปากที่กำลังจะพูดเมื่อเห็นว่าเขานอนหลับไปแล้ว เดินกดปิดสวิทต์ไฟได้ก็ทำท่าจะไปนอนบ้าง แต่ก็ถูกคนที่คิดว่าหลับไปแล้วเรียกเข้าซะก่อน “มีน”
“หืม..”
“มานอนข้างบนด้วยกันเถอะ จะได้กันน้องบัวไม่ให้ตกเตียงด้วย”
ผมเลิกคิ้ว รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย “น้องนอนไม่ค่อยดิ้นหรอก เอาหมอนข้างวางกันไว้ก็น่าจะได้แล้ว”
“...”
“เบลล์..”
“เพราะพ่อกับแม่เรา มีนเลยไม่ได้นอนห้องตัวเอง” เขาเงียบไปพักหนึ่ง “ย้ายขึ้นมาเถอะ”
ผมไม่ได้ถกเถียงอะไรกับเขาต่อเพราะเห็นว่าดึกมากแล้ว ล้มตัวลงไปนอนได้ก็จ้องมองเขาผ่านความมืดไป ก่อนความคิดในหัวจะกวนตะกอนความรู้สึกผิดที่เคยทำเอาไว้กับเขาให้ฟุ้งขึ้นมาอีกครั้ง ความผิดที่ผมขืนใจเขาเพียงเพราะความหึงหวงไร้เหตุผลของตัวเอง
“ฮึก..ฮึก..”
ผมยกมือขึ้นเพื่อหวังจะตบก้นปลอบน้อง แต่ก็ยังช้ากว่าเขา เลยทำให้มือของผมไปวางทับอยู่บนมือของเขา “โทษที..”
“อืม..”
ผมปล่อยให้เขาทำหน้าที่ปลอบน้องไป ก่อนจะค่อย ๆ ปล่อยสติให้หดหายไปตามเสียงฮึมฮัมในลำคอที่เขาตั้งใจจะกล่อมเพียงแค่น้องบัว
“ฝันดีนะ..”
ผมไม่รู้ว่าคำอวยพรนี้ เขาตั้งใจที่จะบอกใคร ระหว่างผมกับน้องบัว..
ติ๊ด ๆ
ติ๊ด ๆผมลุกขึ้นเมื่อได้ยินเสียงปลุกของนาฬิกา ก่อนจะพบว่าเบลล์ตื่นขึ้นมาก่อนหน้านั้นแล้ว ผมหันไปมองน้องบัวที่ตอนนี้บิดตัวไปมาเหมือนกำลังไม่พอใจกับเสียงรบกวน “ชู่ว..”
เบลล์เดินมากดปิดนาฬิกาปลุก ก่อนจะหันมามองผม “ลุกไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวเราอุ้มน้องบัวไปฝากแม่เอง”
“อืม” ผมรับคำ “มีแซนวิชกับน้ำผลไม้ รีบกินก่อนนะ เดี๋ยวเข้ามอจะไม่มีเวลา”
พอเห็นเบลล์พยักหน้า ผมเลยลุกขึ้นคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ อาบน้ำแต่งตัวเสร็จออกมาก็เห็นว่าเบลล์กำลังนั่งกินแซนวิชและผลไม้อยู่ที่โต๊ะอาหาร ก่อนที่เขาจะหยิบถุงแซนวิชส่วนของผมมายื่นให้ “กินบนรถนะ สายแล้ว”
ผมพยักหน้า แล้วยื่นกุญแจรถให้เมื่อเขาขอ “ขับไหวนะ”
“อืม..”
[จบมีน]
เดี๋ยวผมส่งใบแจ้งหนี้ตามไปเก็บ (ค่าตัวมีน) ทีหลังนะครับ ..
ขอบคุณทุกความเห็นครับ
ปอลิง..คนเขียนไม่ได้ป่วย แต่ติดธุระมากมายจริง ๆ ขอโทษครับ