41.“อิ่มแล้วก็ไปเรียนเถอะครับ เดี๋ยวผมล้างจานเอง”
ผมพยักหน้าโดยไม่โต้แย้งอะไรเพราะรู้ว่าวันนี้น้องมันไม่มีเรียน พอเดินกลับเข้าไปหยิบกระเป๋าจากในห้องนอนออกมาได้ก็เดินไปซบหน้าลงกับแผ่นหลังของคนที่กำลังยืนล้างจานอยู่ ก่อนจะพึมพำออกมาเบา ๆ ว่า ขอบคุณ พอได้ยินอย่างนั้นน้องมันเลยหัวเราะ ก่อนจะหันกลับมาแล้วกดจมูกลงบนหน้าผากผม “ตั้งใจเรียนนะครับ”
“บิ๊ก..” ผมทิ้งกระเป๋าลงบนพื้นข้างตัวขณะใช้แขนทั้งสองข้างกอดรัดน้องมันเอาไว้แน่น “กู..”
“ผมงี่เง่าเอง..”
“บิ๊ก..”
“ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว” ว่าแล้วก็ยกแขนขึ้นมากอดตอบผม “มันก็แค่เรื่องในอดีต”
“อืม..”
“รีบไปเรียนเถอะครับ” ดันตัวผมออกได้ก็ส่งยิ้มมาให้ “ไว้เย็นนี้ผมพาไปกินข้าวข้างนอก..”
“ไปส่งกูหน่อยได้ไหม”
มันทำหน้าตกใจเมื่อได้ยินคำถามผม ก่อนจะถามย้ำเหมือนไม่แน่ใจว่าตัวเองได้ยินถูก “อะ..อะไรนะครับ”
“ช่วยขับรถไปส่งที” ผมถอนหายใจออกมา ก่อนจะก้มลงไปหยิบกระเป๋าแล้วเดินนำมาที่ประตู “ได้หรือเปล่า”
“ครับเอ่อ..รอผมไปหยิบกุญแจรถแปบหนึ่ง..”
“ใช้รถกูก็ได้” ผมบอกแล้วชูกุญแจรถขึ้นมา “เร็ว ๆ ดิ สายแล้ว”
“ครับ ๆ”
จุ๊ยิ้มออกมาทันทีที่เห็นว่าใครเป็นคนขับรถมาส่งผม ต่อปากต่อคำกับน้องมันได้พักใหญ่ก็แสดงสีหน้าคล้ายกับโล่งอก จนผมอดคิดไม่ได้ว่าทุกวันนี้ผมทำให้เพื่อนต้องมาคอยกังวลกับเรื่องของตัวเองมากแค่ไหน กระทั่งจุ๊คงจับสังเกตได้เลยหันมามอง ก่อนจะใช้นิ้วชี้กดลงมาตรงหัวคิ้วผมเบา ๆ แล้วยิ้ม “อย่าคิดมาก”
“อืม..”
วันนี้ ผมถูกคนสองคนบอกเหมือนกันแล้วว่าให้
เลิกคิดมากความสัมพันธ์ระหว่างผมกับน้องมันดำเนินไปอย่างนั้นเรื่อย ๆ เป็นปกติ เราอยู่ด้วยกัน..นอนด้วยกัน..กินข้าวด้วยกัน..แต่บิ๊กไม่เคยกลับบ้านด้วยกันกับผมอีกเลยหลังจากครั้งนั้น แม้จะเพียงแค่วันหยุดเสาร์อาทิตย์สั้น ๆ น้องมันก็เลือกจะขอรอผมอยู่ที่ห้องมากกว่า
ซึ่งผมเองก็รู้ดีว่าเพราะอะไร และยิ่งเข้าใจมากขึ้นเมื่อน้องมันเป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดออกมาเอง
“ผมไม่เข้มแข็งพอที่จะฟังเรื่องเก่า ๆ ของเบลล์ ยิ่งเรื่องนั้นมันแสดงชัดว่าเบลล์กับเขาผูกพันกันมากแค่ไหน ยิ่งไม่อยากฟัง”ผมไม่เคยเอ่ยปากชวนมันให้กลับบ้านไปด้วยกันอีกเลย หลังจากนั้น..
“เบลล์จะเลือกลงฝึกงานที่ไหน” ผมหันไปมองจุ๊ ก่อนจะเลื่อนเอกสารในมือไปให้อ่าน “เฮ้ย..ไกลไปไหม”
ผมส่ายหน้าเบา ๆ เป็นคำตอบ “แล้วไอ้บิ๊กมันยอมเหรอ”
ผมขมวดคิ้วเมื่อจุ๊พูดอย่างนั้น “นี่ที่ฝึกงานเรานะ”
“รู้” จุ๊เน้นเสียง “แต่นั่นมันแฟนเบลล์นะ ไม่คิดว่ามันจะไม่อยากอยู่ห่างจากแฟนหรืออะไรบ้างเหรอ”
“ขับรถไปแค่ไม่กี่ชั่วโมง”
“ก็ใช่ แต่..” จุ๊ทำหน้ายุ่ง “เราไม่รู้จะพูดกับเบลล์ยังไงดีว่ะ”
“...”
“แล้วแต่เลยแล้วกัน”
ผมพยักหน้ารับไปส่ง ๆ “เดี๋ยวเราจะคุยกับบิ๊กเอง”
“หลังจากส่งเอกสารไปหมดแล้วเนี้ยนะ”
ดูก็รู้ว่าจุ๊ไม่ค่อยพอใจ แต่ผมก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรอีก ทำแค่ก้มหน้าก้มตากรอกเอกสารฝึกงานต่อไป พอเสร็จก็จัดชุดแล้วรีบเอาไปส่งที่ห้องอาจารย์ กลับมาก็เจอน้องมันนั่งหน้ารออยู่กับจุ๊ที่โต๊ะแล้ว
ถ้าให้ผมเดา จุ๊คงยังไม่ได้บอกเรื่องที่ผมจะไปฝึกงานที่ต่างจังหวัด
“ไปกินข้าวกันครับ”
ผมพยักหน้าก่อนจะหันไปถามว่าจุ๊ว่าอยากไปด้วยกันไหม พอถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลที่ว่าเธอเกรงใจ ผมเลยไม่เซ้าซี้ถามต่อ ทำแค่เดินตามน้องมันที่ตอนนี้หยิบกระเป๋าผมไปถือเอาไว้แล้วเดินนำไปที่รถ
“เห็นพี่จุ๊เตรียมเอกสารเรื่องที่ฝึกงาน” น้องมันหันมาถามก่อนจะออกรถ “แล้วเบลล์คิดไว้หรือยังว่าจะไปฝึกที่ไหน”
“อืม”
“ที่เดียวกับพี่จุ๊หรือเปล่าครับ”
“ชลบุรี”
น้องมันเบรกรถทันที ก่อนจะหันกลับมามองผมแบบไม่ค่อยพอใจ “ทำไมต้องไปไกลขนาดนั้น”
“ขับรถไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง คิดถึงก็ไปหากัน”
“ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้น” เมื่อเห็นว่าผมยังนิ่ง น้องมันเองก็คงไม่อยากทะเลาะ “แต่เราจะไม่ได้เจอกันทุกวันอย่างตอนนี้”
“...”
“ผมจะอยู่ยังไง ถ้าไม่ได้นอนกอดเบลล์”
“เมื่อก่อนมึงก็ยังอยู่ได้..” ผมชะงักปาก พอพูดเองก็ต้องสะอึกเอง “กู..”
เมื่อก่อนมีนจะเคยคิดอย่างที่ผมกำลังคิดอยู่ตอนนี้ไหม ว่าคนรักกันก็ไม่จำเป็นจะต้องอยู่ด้วยกัน หรือใส่ใจกันตลอดเวลา แล้วทำไมตอนนั้นผมถึงได้เอาแต่ใจตัวเองมากขนาดนั้น..
ผมถอนหายใจออกมา ก่อนจะค่อย ๆ อธิบายเหตุผลของตัวเอง “ที่นั่นเป็นบริษัทใหญ่ ส่วนมากมักทำคดีที่กูค่อนข้างสนใจ”
“...”
“เลยคิดว่ามันอาจจะดี ถ้าได้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ” น้องมันมีท่าทีอ่อนลง “ให้กูไปเถอะ..นะ”
น้องมันไม่ตอบอะไร แค่หันกลับไปมองถนนแล้วออกรถ ผมเลยหันหน้าหนีออกไปมองข้างนอกหน้าต่างรถบ้าง จากที่คุยกันไว้ว่าจะไปหาอะไรกินก็เลยกลายมาเป็นว่าเรากลับมานั่งแยกกันอยู่คนละมุมที่คอนโดแทน เราต่างคนต่างเงียบใส่กันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งถึงเวลาเข้านอน และเพราะน้องมันยังไม่พูด ผมก็เลยไม่กล้าที่จะเอ่ยปากทวงคำบอกฝันดี หรือแม้แต่จะแปลกใจที่วันนี้ไม่ได้รับอ้อมกอดจากมันเหมือนเช่นทุกคืน
“แม่เคยทะเลาะกับพ่อบ้างไหมครับ” ผมเอ่ยปากถามแม่ผ่านทางโทรศัพท์ เมื่อน้องมันยังทำมึนตึงใส่ผมอยู่
“ทะเลาะกับแฟนมาหรือไง ถึงถามแม่อย่างนี้” แม่พูดแล้วหัวเราะ “ทำไมไม่พามาให้แม่รู้จักบ้าง”
“ยังหรอกครับ” ผมตอบเสียงเบาลง เริ่มรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดที่มาถามแม่อย่างนี้ “ผมแค่สงสัย”
“เบลล์รู้ใช่ไหมว่าคุยกับแม่ได้ทุกเรื่อง” น้ำเสียงแม่เริ่มจริงจัง “แม่ไม่อยากให้เกิดเรื่องซ้ำแบบคราวน้องบัว”
ผมเงียบ รู้สึกผิดขึ้นมาที่ไม่เคยบอกความจริงกับแม่เรื่องน้องบัว “เบลล์..”
“ขอตัวไปอ่านหนังสือก่อนนะครับ แล้วผมจะโทรไปใหม่”
วางสายจากแม่แล้วผมก็เดินออกไปดูคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างนอกตั้งแต่หัวค่ำ พอเห็นว่าฟุบหลับคาโต๊ะไปแล้วก็สะกิดเรียกให้ตื่นขึ้นไปนอนในห้องดี ๆ บิ๊กขยี้ตาก่อนจะลุกจากเก้าอี้ด้วยท่าทางงัวเงีย และคงเพราะสติยังกลับมาไม่เต็มร้อย น้องมันเลยโถมตัวเข้ามากอดผมจนเกือบจะล้มลงไปด้วยกัน “บิ๊ก”
“ผมเหนื่อยจัง..” ผมยกมือขึ้นมาตบหลังมันเบา ๆ “ไม่อยากทะเลาะกันอีกแล้ว”
“นี่เรากำลังทะเลาะกันอยู่หรือไง”
ผมถามเมื่อคิดว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาน้องมันไม่ได้ทำเหมือนว่าเรากำลังโกรธกันอยู่เลยสักนิด ในเมื่อทุกเช้ามันก็ยังตื่นขึ้นมาทำกับข้าวให้ ดูแลจัดการทุกอย่างในชีวิตผมให้เหมือนเดิม ที่จะต่างไปก็มีเพียงแค่มันคุยน้อยลง..กอดผมน้อยลง..และยิ้มให้ผมน้อยลงไปแค่นั้นเอง
“ผมยอมตามใจเบลล์ก็ได้” ว่าแล้วก็กระชับกอดผมให้แน่นขึ้น “วันศุกร์ผมไม่มีเรียน จะรีบไปหาแต่เช้า”
“...”
“ขอแค่เสาร์อาทิตย์ เบลล์ยกเวลาให้ผมคนเดียวได้ไหม”
“แล้วน้องบัว..”
“นะครับ..” น้องมันทำเสียงอ้อน “แค่สามเดือนเอง”
ผมนิ่งไป ขณะคิด ๆ ในหัวว่าคงต้องโทรไปขอโทษพ่อกับแม่ที่อาจจะต้องผิดสัญญาที่เคยให้ไว้ว่าจะยกเวลาว่างจากการเรียนทั้งหมดให้น้องบัว “ก็ได้”
“ขอบคุณนะครับ”
“อืม”
“ขอบคุณจริง ๆ"
Ma-NuD_LaW
รวบให้เรื่องมันเดินเร็วขึ้น งงกันไหมอ่าาา ?
สงสัยหรืออยากติอะไร บอกได้นะครับ 
ขอบคุณทุกความเห็น
