17.“มีอะไรให้เราช่วยอีกก็บอกนะ” ผมบอกก่อนจะยื่นผ่านเอกสารงานให้จุ๊ “ไลน์มาก็ได้”
เห็นจุ๊พยักหน้าผมก็หันหลังเตรียมจะเดินกลับ วันนี้ไม่มีเรียนแต่ผมบังเอิญได้ยินว่าพวกจุ๊นัดกันว่าจะมาติวที่มหาวิทยาลัย จากที่ตั้งใจในตอนแรกว่าจะส่งไฟล์งานให้จุ๊ทางอีเมล์เลยเปลี่ยนใจปริ้นแล้วเอามาส่งให้เองกับมือ
“เดี๋ยวก่อนสิเบลล์” ผมหันกลับไปมองจุ๊ ก่อนจะเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไร “เราขอคุยด้วยหน่อยสิ”
ผมพยักหน้า เมื่อคิดว่าจุ๊คงจะคุยเรื่องงานกลุ่ม “ไปที่ร้านกาแฟตรงหน้ามอได้ไหม”
“...”
“เดินไปคุยไปก็ได้”
“อืม”
จุ๊หยิบกระเป๋าเงิน ก่อนจะหันไปถามคนอื่น ๆ ว่าจะฝากซื้ออะไรไหม พอจดรายการที่เพื่อนสั่งเสร็จก็เดินนำผมออกมา ผมถอนหายใจขณะเดินตามหลังไป ในหัวก็นึกว่าคราวนี้จุ๊จะพูดอะไรอีก
คงไม่พ้นเรื่องของบิ๊ก..
“ช่วงนี้บิ๊กดูหงอย ๆ” ผมส่งเสียงหึในลำคอ เมื่อรู้ว่าตัวเองเดาเรื่องที่จุ๊จะคุยถูก “อย่าเข้าใจผิดนะ”
“...”
“เราไม่ได้จะก้าวก่าย หรือวุ่นวายอะไรกับเรื่องของเบลล์เหมือนคราวก่อนหรอก”
“...”
“แล้วก็ไม่ได้จะมาพูดให้เบลล์ใจอ่อนยอมรับน้องมันด้วย”
“...”
“เราแค่รู้สึกว่าช่วงนี้แม้แต่ตัวเบลล์เองก็ดูแปลก ๆ”
ผมหันไปมองหน้าจุ๊ “ยังไง”
“ก็เบลล์ดูไม่มีความสุขเลย” จุ๊ดูมีสีหน้าลำบากใจที่จะพูด “เพราะถึงเมื่อก่อนจะเงียบแค่ไหน สายตาก็ไม่เคยหม่นหมองขนาดนี้”
“...” ผมเงียบ ไม่เคยนึกว่าจะมีใครสังเกตผมมากขนาดนี้
“เราเลยคิดว่า เผื่อมีอะไรให้เราช่วยได้”
“...”
“แต่ถ้าเบลล์ไม่สบายใจ เราก็ต้องขอโทษ..”
“เราเองก็ต้องขอโทษ” ผมพูดออกมาก่อนที่จุ๊จะพูดจบ “ที่พูดหรือทำท่าทางไม่ดีใส่จุ๊ไปตอนนั้น”
“เฮ้ย..ไม่เป็นไร” ว่าแล้วก็ยกมือขึ้นโบกไปมา “เราเองก็ยุ่งกับเบลล์มากไปจริง ๆ”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอก..” ผมเว้นวรรคคำพูด พยายามนึกหาคำอธิบายดี ๆ “อันที่จริง ถ้าจะคิดในฐานะเพื่อน จุ๊เองก็ไม่ได้ทำผิดอะไร”
“...”
“มันเป็นแค่นิสัยส่วนตัวของเราเองที่มีปัญหา” หลังจากได้อยู่กับตัวเอง ถกเถียงกับความคิดตัวเองมาคนเดียว ผมก็เหมือนจะนึกขึ้นมาได้ “อย่าคิดมากเลยนะ”
“เบลล์”
“ช่างมันเถอะ”
สิ้นสุดคำพูดของผม ระหว่างเราก็เกิดความเงียบขึ้นมา ผมก้มหน้าเดินตามจุ๊มาจนถึงร้านกาแฟ ก่อนจะนั่งรอเป็นเพื่อนเมื่อพนักงานรับกระดาษรายการไปจัดการแล้ว ตั้งใจไว้ว่าจะแยกกลับมาคอนโดหลังจากจุ๊ได้ของครบตามรายการ แต่พอเห็นท่าทางของคนที่นั่งตรงข้ามเหมือนอยากจะพูดหรือถามอะไรแล้วกลับไม่พูดออกมา เลยเป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดก่อน
“มีอะไรหรือเปล่า” เห็นท่าทีอึกอักของจุ๊ ผมก็อดไม่ได้ที่จะบอกให้สบายใจ “พูดมาเถอะ”
“คือเรา..”
“...”
“เราแค่..คือมันเป็นแค่ความรู้สึกของเรา..” เห็นจุ๊เป็นอย่างนี้ ผมก็อดนึกไม่ได้ว่าตัวเองเคยแสดงท่าทีแย่ ๆ ใส่อีกฝ่ายไปแค่ไหน เธอถึงได้ดูไม่กล้าจะพูดอะไรเลยแบบนี้
“จุ๊..”
“คือเราแค่สงสัยว่าเบลล์มีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่หรือเปล่า”
“...”
“ที่แยกตัวเองออกไป ตัดทุกคนในชีวิต”
“บิ๊กมาพูดอะไรงั้นเหรอ..” ผมถามด้วยน้ำเสียงที่เรียกได้ว่าปกติที่สุด “น้องมัน..”
“บิ๊กมันไม่ได้พูดอะไรหรอก”
“...”
“แต่คนร่าเริงแบบนั้น..”
“...”
“แค่มองตาก็รู้สึกได้ว่าไม่เหมือนเดิม”
ผมนั่งเงียบจมจ่อมกับความคิดตัวเองหลังได้ยินอย่างนั้น ใช่ว่าผมจะไม่สังเกตว่าที่ผ่านมาถึงมันจะยังยิ้มให้ แต่สายตามันกลับไม่ได้ยิ้มตามไปด้วยเลย ไหนจะร่างกายน้องมันที่ตอนนี้ดูทรุดโทรมลงไปอย่างเห็นได้ชัดขนาดนั้น
“พูดไปพูดมาก็เหมือนเราเชียร์น้องมันกับเบลล์อีก”
“...”
“แต่เราก็เห็นว่า ตอนเบลล์อยู่กับน้องมัน”
“...”
“ก็ดูมีความสุขดีไม่ใช่เหรอ”
จุ๊ลุกขึ้นไปรับของเมื่อพนักงานเรียกว่ารายการของที่สั่งได้ครบแล้ว ก่อนจะเดินกลับมาบอกลาผม ด้วยคำพูดที่ดูเหมือนกำลังเตือนสติ
“ทำไมถึงไม่ลองอนุญาตให้ตัวเองมีความสุขดูบ้างละเบลล์”
ผมคิดทบทวนคำพูดของจุ๊ คิดวนไปมาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะได้ยินเสียงแตรรถดังมาจากด้านหลัง พอหันไปก็เห็นว่าเป็นรถของคนที่วนเวียนอยู่ในความคิดอยู่ตอนนี้ ผมเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะก้มลงไปมองเมื่อน้องมันลดกระจกลงถามว่ากำลังจะไปไหน ก่อนจะอาสาขับรถไปส่งทั้งที่ยังไม่ได้รับคำตอบ
“พี่เบลล์..”
“ไปขับรถเล่นกันไหม”
“ครับ ?”
“มีเรื่องจะคุยด้วย”
เห็นน้องมันเงียบไปตอบอะไร ผมเลยถือวิสาสะเปิดประตูรถเข้าไปนั่ง ก่อนจะสะกิดเรียกเมื่อเห็นน้องมันนั่งนิ่งไม่ยอมขยับรถไปไหน “บิ๊ก”
“เอ่อครับ..พี่เบลล์อยากไป..”
“ถ้าบอกว่าอยากไปทะเล จะพาไปไหม”
“เอ่อ..”
“พูดเล่น” ผมหัวเราะออกมา ก่อนจะพูดต่อ “แค่พาวนดูรถติดก็พอ”
“...”
“ไปสิ”
พอถูกผมเร่งน้องมันก็เหมือนได้สติ “ครับ..”
แล้วน้องมันก็ขับวนพาผมไปดูรถติดได้จริง ๆ ผมหน้าออกนอกกระจก มองรถเก๋งสีแดงเก่า ๆ ที่จอดติดอยู่ข้าง ๆ ในหัวก็นึกชื่นชมเจ้าของมันที่ดูแลรักษาดีจนสามารถยังวิ่งอยู่บนถนนได้
“มึงรู้ไหม” ผมพูดกับน้องมันทั้งที่สายตายังไม่ละจากรถคันเดิมไปไหน “ว่าถ้ากูดูแลรถได้ดีสักครึ่งของลุงเขา แม่กูคงอนุญาตให้กูเอารถมาใช้ได้”
“...”
“น่าเสียดายที่กูไม่เคยดูแลรักษาข้าวของตัวเองได้เลยสักอย่าง” ผมถอนหายใจออกมา “สุดท้ายเลยไม่เคยเหลืออะไร”
“พี่เบลล์..”
“แล้วมึงมาเสียเวลากับคนอย่างกูทำไมวะบิ๊ก”
ผมหันกลับไปมอง ก็เห็นน้องมันฟุบหน้าอยู่กับพวงมาลัยรถ “ผมไม่รู้..”
“...”
“รู้แค่ว่าต้องทำ ไม่สิ..”
“...”
“ผมรู้แค่ว่าผมอยากทำ..” พูดแล้วก็เงยหน้ากลับขึ้นมาสบตาผม “แล้วพี่เบลล์ล่ะครับ”
“...”
“มีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองกำลังทำไหม”
ผมไม่ได้ตอบในสิ่งที่น้องมันถาม ไม่ตอบและไม่พูดอะไรออกมาอีกเลย น้องมันเองก็ไม่ได้ถามซ้ำหรือพยายามบีบเอาคำตอบอะไรจากผม เราต่างคนต่างเงียบ ต่างคนต่างอยู่ในความคิดของตัวเองอย่างนั้นจนกระทั่งถึงคอนโด
“ขอบคุณนะ” ผมบอกก่อนทำท่าจะลง แต่ยังไม่ทันที่มือจะได้จับที่เปิดประตู ก็ถูกน้องมันดึงตัวเข้าไปกอด “บิ๊ก”
“ผมขอโทษ..” น้องมันว่าเสียงสั่น “แต่ผม..”
“...”
“ผมรักพี่ไปแล้ว..”
เกิดความเงียบขึ้นมาชั่วขณะ แต่ก็แค่ไม่นาน พอผมดันตัวเองออกจากอ้อมกอดน้องมันได้ ก็ยื่นมือไปเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมา “อย่าร้อง..”
“...”
“กับคนอย่างกู..” ผมถอนหายใจออกมาเมื่อนึกคำพูดดี ๆ ไม่ออก “ทำไมมึงถึงโง่ขนาดนี้..”
“...”
“กูไม่รู้จะทำยังไง..”
เสียงของผมขาดหาย เมื่อถูกน้องมันปิดปากไปด้วยจูบ ผมพยายามดิ้นรน..ดึงตัวเองออกจากสถานการณ์ตรงหน้าในช่วงแรก ก่อนจะปล่อยให้น้องมันจูบจนพอใจเมื่อรู้ว่าขัดขืนไปก็ไม่เป็นผล
เพราะเห็นได้ชัดว่าน้องมันคงไม่ยอมปล่อย ไม่ว่าจะเป็นจูบนี้ หรือแม้กระทั่งตัวผม..
Ma-NuD_LaW
ผิดสัญญา ขอโทษนะครับ เมื่อวานติดธุระจริงๆ ![:m5:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/index9.gif)
ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นนะครับ ![:pig4:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/kapook_36568.1.gif)