ยามจันทร์เจ้าจูบดิน
บทที่ ๒๑
ความจริงที่ตอกย้ำ
แสงแดดส่องลอดรอยแยกของผ้าม่านสีทึบมากระทบเข้าที่ใบหน้าของร่างเล็กที่นอนซุกอยู่ในกองผ้านวม เปลือกตานวลขยับเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆลืมเปิด มือบางควานไปที่ข้างตัวแต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าทำให้ร่างที่นอนอยู่ตื่นเต็มตาก่อนจะลุกพรวดขึ้น
“โอ๊ย” ดินร้องออกมา ร่างทั้งร่างล้มเอนลงไปนอนจมกับเตียงอีกครั้งเมื่อความเมื่อยขบทั่วทั้งตัวและอาการเจ็บเสียดที่ช่วงล่างเข้าเล่นงาน ตะแคงศีรษะหันไปมองข้างกายก็ไม่เห็นชายหนุ่มคนที่ควรจะนอนอยู่ ตอนนี้น่าจะสายมากแล้ว เดือนคงจะออกไปโรงงานกับไร่...
แต่อย่างน้อยก็ปลุกเขาด้วยมันจะตายไหมวะ!
นี่ถ้าไม่ติดว่าอยู่บ้านเดียวกัน แถมมีด้ายแดงผูกกันอยู่ดินคงคิดว่าตัวเองโดนฟันแล้วทิ้งแหงๆ
ชายหนุ่มหัวเราะกับความคิดบ้าบอของตัวเอง ตอนนี้เขารู้สึกหนักเหมือนมีหินมาถ่วงร่างกายเอาไว้ ลมหายใจก็ร้อนผ่าว แล้วยังมีอาการปวดศีรษะอีก ต้องไม่สบายแน่ๆ
ร่างเล็กค่อยๆยันกายลุกขึ้น นิ่วหน้ากับความเจ็บที่แล่นริ้วขึ้นมา เขาก้มลงสำรวจตัวเองแล้วก็พบว่าเขาสวมเสื้อยืดตัวโคร่งที่คงจะเป็นของเดือน ร่างกายถูกทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดคงเป็นฝีมือของคนที่เขาด่าในใจไปเมื่อกี้นั่นแหละ
ยังไงก็รีบอาบน้ำแล้วลงไปกินข้าวเช้าดีกว่า จะได้ทานยาแล้วก็นอนพักสักหน่อย
แต่ในขณะที่เขากำลังจะลงจากเตียงนั้นประตูก็เปิดออกเผยให้เห็นร่างสูงใหญ่ที่ดินเข้าใจว่าออกไปทำงานตั้งนานแล้ว ในมือของเดือนมีถาดอาหารที่วางชามข้าวต้มหมู แก้วน้ำเปล่า แก้วน้ำส้มคั้น กับ ยาลดไข้และยาแก้อักเสบ คิ้วเรียวเลิกขึ้นก่อนที่ร่างสูงจะปรี่มาวางถาดอาหารไว้บนโต๊ะทำงานแล้วเดินไปประคองดิน
“ตื่นแล้วเหรอ แล้วนี่จะรีบลุกไปไหน ทำไมไม่นอนพักก่อน”
“จะลุกไปอาบน้ำ”
เดือนจุ๊ปาก ยกมือวางทาบที่หน้าผากมนพลางส่ายหน้า “มีไข้นะ ไม่ต้องอาบหรอก แปรงฟันก็พอ เดี๋ยวพี่เช็ดตัวให้”
ดินพยักหน้าอย่างว่าง่าย เห็นท่าทางนั้นเดือนก็คลี่ยิ้ม รวบตัวร่างเล็กเข้ามากอด จูบเบาๆที่ขมับและพวงแก้มนิ่มทั้งสองข้างก่อนวกมากัดปลายจมูกรั้นนั้นเบาๆ ดินเองก็ยกแขนกอดตอบคนรัก ความอบอุ่นอ่อนหวานแผ่ซ่านในใจคนทั้งคู่
“อรุณสวัสดิ์ครับ” เดือนกระซิบชิดริมหูอีกฝ่าย “อรุณสวัสดิ์ครับพี่เดือน นี่กี่โมงแล้วเนี่ย ทำไมไม่ปลุกดิน แล้ววันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ”
“วันนี้โดดงานวันหนึ่ง” เดือนขยิบตา “บอกท่านหัวหน้าว่าเมียป่วย”
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเบิกกว้าง ร่างกายขยับแก้อาการเขินทันทีด้วยการคว้าหมับเข้าที่เอวคนรักแล้วบิดแรงๆ เดือนที่ถูกประทุษร้ายร้องโอดโอยทันที ดินแยกเขี้ยวใส่คนตัวโตแล้วสะบัดหน้าไปทางอื่น
ไอ้พี่บ้านี่มันพูดมาได้ไม่อายปากจริงๆ ก็หัวหน้ามันก็พ่อพวกเขาไม่ใช่หรือไง! พูดไปแบบนี้พ่อกับแม่ต้องรู้แน่เลยว่าเขาเป็นอะไร แล้วแบบนี้เขาจะมองหน้าคนในบ้านติดได้ยังไง
ร่างโปร่งเดินโขยกเขยกไปทางประตูห้อง ตั้งใจจะออกไปห้องน้ำ แต่ไม่ทันเดือนที่ปิดฝาชามข้าวต้มไว้ก่อนเดินมาอุ้มร่างเล็กขึ้นแล้วพาไปที่ห้องน้ำทันที ดินที่ถูกอุ้มในท่าอุ้มเจ้าสาวโวยลั่น
“พี่เดือน! เกิดมีคนมาเห็นจะทำยังไง”
“อายอะไร เขารู้กันหมดแล้วน่า”
“พี่เดือน!”
“ฮ่าๆ ล้อเล่นหรอก ไม่มีใครขึ้นมาหรอกน่า พี่บอกว่าดินไม่สบาย จะพักผ่อน ถ้าพวกป้าชื่นจะขึ้นมาทำความสะอาดก็หลังจากพี่พาดินลงไปข้างล่างแล้วกัน” คนตัวสูงใช้เท้าเขี่ยเปิดประตูห้องน้ำแล้ววางคนตัวเล็กลงที่เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า ก่อนจะมองดินนิ่งๆ ดินเองก็รออีกฝ่ายว่าทำไมไม่ออกไปเสียที
“นี่ พาดินมาส่งแล้วก็ออกไปซักทีสิ” สุดท้ายเขาก็ต้องเป็นฝ่ายโพล่งขึ้นจนได้ เดือนเลิกคิ้ว อมยิ้ม นัยน์ตาคมฉายประกายสนุกที่ได้แกล้งน้องชายต่างสายเลือด “พี่จะเช็ดตัวให้ดินไง”
“ดินเช็ดเองได้”
“ไม่สะดวกมั้ง แขนก็ใส่เฝือกอยู่ จะเช็ดสะอาดได้ไง”
“งั้นก็กลับไปเช็ดที่ห้อง”
“พี่ไม่อยากถือกะละมังเดินไปเดินมานี่ เช็ดในนี้แหละ”
เดือนทำปากยื่น ดินเลยยื่นมือไปบีบปากเป็ดนั่น หนีบแรงๆอย่างหมั่นเขี้ยว นี่คงจะหลอกแกล้งเขาอีกล่ะสิ คิดเรอะว่าจะยอม เขาก็มียางอายนะเว้ย ถึงแม้จะ...ผ่านคืนแบบนั้นมาแล้วก็เถอะ
เดือนที่เห็นอีกฝ่ายหน้าแดงซ่านก็หัวเราะ หยอดไปอีกหนึ่งประโยค “อายอะไรครับที่รัก เมื่อคืนเห็นหมดแล้ว”
“ไอ้ – พี่ – เดือน! อยากตายก่อนแก่สินะครับ”
เดือนร้องโวยวายเมื่อคนผมดำคว้าเอาขวดแชมพูตรงเคาน์เตอร์ขึ้นมา ทำท่าจะปาใส่เขา “เฮ้ย พี่ตายน้องก็เป็นหม้ายนะครับ”
“ดินจะหาแฟนใหม่!”
“คำขอนี้สามีไม่อนุญาต ไม่ผ่านครับ”
อดีตนายแบบดึงขวดแชมพูออกจากมือบาง คลอเคลียปลายจมูกเข้ากับปลายจมูกคนหน้าแดง “งั้นพี่ออกไปหยิบเสื้อกับผ้าเช็ดตัวให้ ดินก็ทำธุระไป แต่ต้องยอมให้พี่เช็ดตัวนะ” คนที่เอาแต่ใจก็เอาแต่ใจจนถึงที่สุดจนสุดท้ายดินก็ต้องยอมพยักหน้าเดือนถึงได้ยิ้มร่าออกจากห้องน้ำไป
พอชายหนุ่มออกไปดินก็ล็อกห้องน้ำจัดการธุระส่วนตัวจากนั้นก็รอจนอีกคนกลับมา เดือนกลับมาพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็ก ผ้าขนหนูแห้งกับเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยน ทันทีที่วางของเรียบร้อยชายหนุ่มจัดการลอกคราบน้องชายอย่างรวดเร็ว
ดวงตาคมกวาดมองไปทั่วร่างกายขาวจนคนถูกมองต้องเบือนหน้าหนีซ่อนใบหน้าแดงก่ำของตัวเองเอาไว้ เมื่อคืนมันมืดแถมยังถูกปลุกปั่นจนไม่มีสติยั้งคิดอะไร แต่พอมาตอนนี้ไฟในห้องน้ำก็เปิดสว่างจนเห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้วเขาก็อดอายไม่ได้
“มองอะไรครับ รีบเช็ดตัวสิ”
“มองเมีย”
ดินหันกลับไปถลึงตาใส่อีกคน คำพูดแบบนั้นที่เดือนเรียกเขา ทำใจให้ตายก็ไม่ชิน
“ถ้าพี่ยังไม่เลิกแกล้งดินจะให้พี่ออกไปแล้วนะครับ” พอเจอคุณภรรยาประกาศคำขู่แบบนี้เดือนก็ต้องกลั้นยิ้มแล้วลงมือเช็ดตัวให้อีกฝ่าย
ดินก้มมองสภาพตัวเองแวบหนึ่งก่อนจะหันหน้าหนีไปมองเพดานแทน ทั่วร่างกายเขาตอนนี้เต็มไปด้วยรอยแดง ที่แสดงถึงความเป็นเจ้าของเขา...พอเห็นรอยแดงทั้งสัมผัสและความทรงจำเมื่อคืนก็หวนคืนมาในสมอง...มันเจ็บ...แต่ก็มีความสุข
ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างของเขาเป็นของคนตรงหน้านี้หมดแล้ว
ทั้งหัวใจ...และร่างกายที่ถูกความรักของเดือนประทับรอยเอาไว้ทุกพื้นผิว
ฝ่ามือใหญ่ลากผ้าขนหนูเช็ดตัวให้ตามร่างกาย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นชุดลำลองใส่สบายให้ ดินกล่าวขอบคุณอีกฝ่าย เดือนที่กำลังพาดผ้าเปียกไว้บนเคาน์เตอร์เหลือบมองเขา พริบตาสองแขนของร่างสูงก็ยันไว้กับขอบอ่างล้างหน้า กักตัวเขาไว้ในอ้อมแขน
“ขอจูบเป็นค่าตอบแทนแล้วกัน”
พูดจบก็ทาบทับริมฝีปากลงมา เดือนรู้สึกเหมือนเขามีอาการแปลกๆ ชายหนุ่มพบว่าตัวเองชอบจูบดิน จูบแบบที่ไม่ต้องมีความใคร่มาเกี่ยวข้อง ชอบลากไล้ปลายจมูกสัมผัสทั่วใบหน้าเนียน ชอบกลิ่นหอมอ่อนเหมือนกลิ่นดอกไม้ของคนตรงหน้าที่มักทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย
ร่างสูงอุ้มน้องชายต่างสายเลือดออกจากห้องน้ำ พาไปที่โต๊ะทำงานแล้วเปิดฝาชามข้าวต้มให้ “กินเสร็จแล้วก็ทานยาด้วยนะ” มองสำรวจร่างกายคนตรงหน้าก่อนกลั้นใจถาม “แล้ว...เอ่อ...ร่างกาย โอเคไหม”
คนตัวเล็กหลบตาวูบ ใบหูเปลี่ยนเป็นสีแดงบ่งบอกว่าเจ้าตัวเขินจัด เสียงนุ่มตอบอ้อมแอ้ม “ก็เจ็บนิดหน่อยเวลาเดินครับ ปวดนิดๆ” อันที่จริงก็ไม่นิด แต่ดินก็ไม่อยากให้เดือนกังวล
“ทานยาแก้อักเสบด้วยนะ...คือ...เมื่อคืนที่พาไปล้างตัวพี่เห็นมันบวม...”
“ค..ครับ”
คนน้องรีบรับคำก่อนคนพี่จะพูดอะไรออกมาให้เขาอายมากไปกว่านี้ ดินอยากระเบิดตัวเองทิ้งจริงๆ เขาอายจนแทบจะมุดชามข้าวต้มหนี ภายในห้องมีเพียงความเงียบและเสียงช้อนกระทบจาน หลังจากทานข้าวจนหมดและทานยาตามดินก็ไปนั่งที่เตียง เดือนลูบผมคนรักแผ่วเบา ขยับกายไปสวมกอดให้ร่างเล็กซุกกายเข้าหา
“นี่ พอหายดีแล้วไปหาแม่แก้วกันไหม” เดือนเอ่ยถาม ดินมองเขาอย่างแปลกใจ แม่แก้ว? ใช่พี่สาวแม่มะลิหรือเปล่า...เดือนจะพาเขาไปหาอีกครอบครัวหนึ่งงั้นเหรอ แล้วฝั่งนั้นจะไม่มองเขาแปลกๆหรือ จู่ๆก็เป็นสาเหตุให้ลูกชายที่เขาเลี้ยงมากลายเป็นเกย์ไปเสียอย่างนั้น
ถ้าทางแม่แก้วไม่ชอบเขาล่ะ...ดินรู้สึกไม่สบายใจเลยถ้าครอบครัวอีกครอบครัวของเดือนจะไม่ชอบเขา
นี่สินะความรู้สึกตอนกำลังจะเจอแม่สามีน่ะ
“คิดอะไรหืม” เดือนจิ้มหัวคิ้วที่ขมวดกันให้คลายออก ทำไมชอบทำหน้ายุ่งนักก็ไม่รู้นะเด็กคนนี้
“กลัวแม่แก้วไม่ชอบดิน”
“ไม่มีทาง แม่อยากเจอดินจะตาย”
“แต่ว่า...ดิน...เป็นผู้ชายนะ”
เดือนยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “แม่รู้แล้ว ไม่ว่าอะไรหรอก เผลอๆดินจะกลายเป็นลูกรักด้วยมั้ง ตรงสเป็คแม่เขาเลย งานบ้านดี เรียบร้อย พูดน้อย ทำกับข้าวเป็น” คนพูดหัวเราะขึ้นมา เกยคางลงบนกลุ่มผมนุ่มสีดำ “แต่พี่ไม่ยอมให้ใครมารักดินมากไปกว่านี้แล้วนะ หวง พี่รักของพี่คนเดียวพอ”
“งั้นดินจะรักพี่เดือนให้มากๆ เท่าจักรวาลเลย” เดือนทำตาโต ในอกพองฟูไปหมด นี่ถ้ารู้ว่าเป็นแฟนกันแล้วจะน้องจะน่ารักขนาดนี้ เขาจีบไปตั้งแต่วันแรกที่มาถึงแล้ว!
“พูดดี มีรางวัล”
“เดี๋ยวดินให้เอง”
คนตัวเล็กยื่นหน้าไปจุ๊บแก้มสากนั้นหนักๆทั้งซ้ายขวา ก่อนจะถูกเอาคืนด้วยการจั๊กจี้จนเขาหัวเราะแทบหมดแรง สองร่างคลอเคลียกันอยู่อย่างนั้นจนร่างเล็กที่อ่อนเพลียมาตลอดคืนค่อยๆผล็อยหลับไป เดือนประคองดินให้นอนลงกับหมอนแล้วเอนตัวลงนอนข้างๆ ปลายนิ้วเกลี่ยเส้นผมสีดำออกจากใบหน้าหวาน กดจูบลงที่หน้าผากให้คนในอ้อมแขนฝันดี
ชายหนุ่มฮัมเพลงกล่อมออกมาเบาๆ ลูบผมคนตัวเล็กไปด้วยจนตัวเองก็ชักจะง่วงนอน จึงโอบกอดร่างของคนรักไว้แล้วปิดตาลงไปพร้อมกับความสุขที่ล้นเอ่อในอก
ความสุขนี้ที่เขาอยากให้ยืนยาวไปตราบนานเท่านาน
อยากให้กาลเวลาหยุดลงตรงนี้จนชั่วนิรันดร์
สามอาทิตย์ต่อมาดินก็เอาเฝือกออก ร่างกายก็กลับมาแข็งแรงเป็นปกติดี ตามที่เคยคุยกับเดือนไว้ พวกเขาจึงพากันเก็บกระเป๋า เตรียมตัวไปกรุงเทพฯ เดือนดูดีใจมากที่จะได้กลับไปหาแม่แก้วกับพี่ชายของเขา โทรคุยกับทางนั้นไม่หยุด แม่มะลิเองก็จัดหาของฝากจากเมืองสุพรรณไปให้ทางนู้นเสียเยอะแยะจนด้านหลังรถแทบไม่มีที่วาง โชคยังดีที่พวกเขาไปกันแค่สามวันและเดือนเองก็พอมีเสื้อผ้าติดอยู่ที่บ้านนู้นบ้าง พวกเขาจึงใช้กระเป๋าเดินทางใบเดียวกัน หลังจากตระเตรียมของเสร็จก็ได้เวลาออกเดินทาง
เดือนขับรถเรื่อยๆแวะตามปั๊มบ้างเป็นครั้งคราวให้คนตัวเล็กลงไปซื้อของกินแล้วค่อยออกเดินทางต่อ หลังจากนั้นประมาณสามชั่วโมงรถของพวกเขาก็มาจอดอยู่หน้าบ้านไม้สองชั้นที่ยกใต้ถุนสูง ดูแปลกตาท่ามกลางตึกคอนกรีตทันสมัยสูงใหญ่ที่ล้อมรอบ เนื้อที่รอบบ้านมีไม่เยอะนักแต่เจ้าของบ้านก็ปลูกต้นไม้จนแทบจะแน่นขนัด เดือนไม่ได้กดกริ่งแต่เจ้าตัวเลื่อนประตูรั้วเปิดเข้าไปเลยพร้อมโอบไหล่ดินให้เดินเข้าบ้านไปด้วยกัน
ตรงหน้าบันไดขึ้นบ้านมีอ่างบัวตั้งขนาบ ภายในเลี้ยงปลาหางนกยูงหลากสี เสียงพูดคุยและเสียงโทรทัศน์ดังมาจากในบ้าน พร้อมกับกลิ่นอาหารที่ลอยฟุ้ง เดือนหันมาจุ๊ปากเป็นทำนองให้ดินเงียบก่อนที่คนตัวโตจะเขย่งปลายเท้าเดินไปชะโงกหน้ามองในบ้าน ดินเดินตามไปเงียบๆ อมยิ้มกับท่าทีเหมือนเด็กของอีกคน
ร่างสูงใหญ่ของนายแบบหนุ่มตรงเข้าไปในครัวหลังบ้าน ดินมองเห็นหญิงวัยกลางคนร่างท้วมยื่นอยู่ตรงนั้น ขนาบข้างด้วยเด็กน้อยสองคน เดือนตรงรี่ไปหาหญิงร่างท้วมที่คงเป็นแม่แก้วคนนั้นก่อนจะเอาสองมือจี้ไปที่เอวพร้อมตะโกนว่า “จ๊ะเอ๋ แม่แก้ว!”
เจ้าของนามแก้วสะดุ้งสุดตัว รีบหันกลับมาเงื้อตะหลิวในมือ เดือนที่เห็นท่าไม่ดีรีบถอยกรูดยกสองมือเป็นเชิงยอมแพ้ ขณะที่แม่แก้วตีหน้าดุ เท้าเอวเอาตะหลิวชี้หน้าลูกชายตัวแสบ
“เดี๋ยวเถอะนะเจ้าเดือน กล้ามากนะยะมาแกล้งแม่แบบนี้ เดี๋ยวปั๊ดฟาดด้วยตะหลิว”
“โอ๊ย คุณนายแก้วคร้าบ จะฟาดลูกชายสุดหล่อคนนี้จริงเหรอ เดี๋ยวหน้าตาไม่ดีเดือนก็หาเลี้ยงตัวเองไม่ได้กันพอดี”
“แล้วใครใช้ให้แกมาเล่นบ้าๆยะ!”
ชายหนุ่มลอยหน้าลอยตาหัวเราะร่า พลางย่อกายลงกางแขนรับร่างเล็กสองร่างที่ร้องเรียก ’คุณอาเดือน’ เสียงดังแล้วโถมกายเข้าใส่
เดือนกอดร่างของแฝดชายหญิง ดาวกับตะวันเอาไว้แน่น ปล่อยให้หลานหอมไปหลายฟอด คุณแก้วมองภาพนั้นยิ้มๆก่อนจะสังเกตเห็นใครบางคนที่ยืนทำตัวไม่ถูกอยู่ที่ประตูครัว “อ้าว เจ้าเดือนแล้วนั่นใครน่ะ” เดือนลุกขึ้นยืนแล้วกวักมือเรียกดินให้เดินเข้า คนผมดำมีสีหน้าลังเล เดินเข้ามาช้าๆก่อนจะยกมือไหว้คุณแก้ว
“สวัสดีครับ ผมดินครับ เป็น...”
“ต๊าย คนนี้เหรอที่แกเล่าให้ฉันฟังน่ะเจ้าเดือน!”
ดินอึกอักพลางก้มหน้าลงในตอนที่คุณแก้วใช้สายตาสำรวจตรวจสอบมองเขา ก่อนใบหน้าอวบจะคลี่ยิ้มเมตตาออกมา ร่างท้วมหันไปปิดเตาแก๊ส เช็ดไม้เช็ดมือแล้วเดินเข้าชิดเขา เชยคางดินให้เงยหน้าขึ้น
“น่ารักเหมือนที่แกบอกไม่ผิดเลยเดือน”
“ใช่ไหมล่ะ เดือนตาถึง เลือกลูกสะใภ้ไม่ผิดคนหรอกแม่”
“ย่ะ พาลูกสะใภ้มาส่งถึงมือฉันแล้วแกก็ไปได้แล้ว ไปไหนก็ไปไป๊ ส่วนดิน ทำอาหารเป็นไหมลูก”
คนผมดำรู้สึกเหวอเล็กน้อยที่แม่แก้วดูจะไม่ได้รังเกียจอะไรเขาเลย แถมยังมีท่าทีสนิทสนมกับเขาอีกด้วย “เอ่อ เป็นครับ”
“งั้นดินอยู่คุยกับแม่ในครัวนี่แหละ ส่วนแก เจ้าเดือน คนหมดประโยชน์ออกไปจากครัวเดี๋ยวนี้”
“โห ไม่ยุติธรรมเลยแม่ นั่นแฟนเดือนนะ”
“แล้วไง ว่างมากก็ไปจัดห้องนอนแกไป ปลอกหมอนกับผ้าปูที่นอนแม่ซักให้แล้ว เอาไปจัดการซะ” กล่าวจบคุณนายแก้วผู้คุมอำนาจในบ้านก็ดันหลังนายแบบหนุ่มออกไป ดินหัวเราะคิกเมื่อได้ยินเสียงเดือนโวยวายตามหลัง
พอพิจารณาดีๆตอนนี้เขาเองเริ่มรู้สึกว่าแม่แก้วมีส่วนคล้ายแม่มะลิเหมือนกัน เพียงแต่อวบกว่า โผงผางกว่า แต่เรื่องความเมตตานั้นไม่ผิดกันเลย ในดวงตาคู่สวยของแม่แก้วมีแต่ความปราณีและเอ็นดู
“เฮ้อ เจ้าลูกคนนี้นี่ กี่ปีๆก็ทำตัวเหมือนเด็ก” หล่อนบ่นก่อนจะหันไปสั่งการเด็กแฝดชายหญิงอีกสองคนที่ยืนมองตาแป๋ว เด็กผู้หญิงถักเปียสองข้างดูน่ารักน่าชังยิ้มให้เขาอย่างอายๆ ขณะที่เด็กผู้ชายก็กำหุ่นยนต์ของเล่นในมือแล้วมองตาเขาแป๋ว
“เอ้าเด็กๆแนะนำตัวกับคุณอาคนนี้หน่อยเร็ว”
“สวัสดีครับ” ดินส่งยิ้มให้เด็กแฝด “พี่ชื่อดินนะครับ” ทันทีที่เขาแนะนำตัวเสร็จ มือเล็กๆของเด็กทั้งคู่ก็ชูขึ้นในอากาศ ทำท่าเหมือนเวลายกมือตอบคำถามครู เด็กผู้หญิงที่ยกมือไวกว่าหันไปยิ้มเยาะเด็กชายที่ทำหน้ามุ่ย จากนั้นก็หันมายิ้มอวดฟันหลอให้เขา
“หนูชื่อดาวค่ะ”
“ผมชื่อตะวันคับ”
พอแนะนำตัวเสร็จเด็กทั้งคู่ก็มาวิ่งวนรอบๆตัวเขา ก่อนจะดึงแขนเขาเป็นทำนองให้ดินย่อตัวลงไป
จุ๊บ
ริมฝีปากนิ่มๆชนแก้มเขาทั้งสองข้าง เด็กทั้งคู่หัวเราะ หนูดาวพูดขึ้นว่า “คุณอาดินเป็นพวกเราแล้วๆ” เด็กหญิงยิ้มหวานให้เขา ส่วนตะวันก็พูดเสริมขึ้นมา “คุณอาเป็นสมาชิกของบ้านเราแล้วคับ”
“คุณอาดินขา ทำไมคุณอาสวยจังเลย”
“คุณอาเป็นแฟนอาเดือนเหรอคับ”
“เอ่อ...” ดินมองเด็กทั้งสองแล้วก็ไม่รู้จะตอบไปแบบไหน จนคุณแม่แก้วหัวเราะกับท่าทีกระอักกระอ่วนของเขา “ดาว ตะวัน ไปช่วยอาเดือนจัดห้องไป”
“รับทราบคับ/รับทราบค่ะ ท่านหัวหน้าใหญ่!” เด็กตัวเล็กทำท่าตะเบ๊ะอย่างพร้อมเพรียง แข่งกันวิ่งตึงตังออกไปข้างนอก ดินจึงได้ฤกษ์หันกลับมาคุยกับแม่แก้วต่อ ชายหนุ่มเห็นหญิงวัยกลางคนมองเขายิ้มๆ “เจ้าเดือนนี่ก็ตาถึงนะ ฮ่าๆๆ เฮ้อ มีแฟนกันเป็นตัวเป็นตนไปหมดแล้วสินะ เหมือนเมื่อวานเลยที่เห็นเจ้าเดือนกับพี่มันทะเลาะแย่งหุ่นยนต์กันในบ้าน”
คนพูดพูดไปพลางยิ้มไปพลาง ดินสัมผัสได้ว่าความทรงจำที่เธอนึกถึงมันมีค่ามากมายนัก
“ที่แม่ทำวันนี้ก็ของโปรดเจ้าเดือนมันทั้งนั้น จำไว้ล่ะ จะได้เอาไปทำให้มันกินได้”
พอแม่แก้วพูดแบบนั้นดินก็รีบมองอาหารตรงหน้าทันที พะแนงหมู ผัดผักบุ้งไฟแดง ไข่เจียวชุบชะอมทอด น้ำพริกแล้วก็แกงจืดเต้าหู้หมูสับ
“เดือนอยู่ทางนู้นสร้างความรำคาญอะไรให้หนูกับพวกมะลิหรือเปล่าดิน”
“เอ๊ะ...เอ่อ...ก็ไม่ครับ” ดินตกใจที่จู่ๆอีกฝ่ายก็ถามขึ้นมาแบบนั้น “มีแต่ดิน...ที่สร้างความลำบากให้พี่เดือน” ชายหนุ่มก้มหน้าลงยามพูดประโยคนั้น
แม่แก้วยิ้มบางๆให้เขา ตบไหล่เขาเบาๆ “แม่ฝากเดือนด้วยนะดิน ลูกชายแม่มันอาจจะไร้สาระไปบ้าง แต่มันก็เป็นคนดีนะ ไปอยู่ทางนั้นแม่ตามไปไม่ได้ ช่วยดูแลมันแทนแม่ทีนะลูก”
ดินเหม่อมองรอยยิ้มของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่คนรัก ก่อนจะเอ่ยคำสัญญาที่หนักแน่นที่สุดในชีวิตออกมา
“ครับ...ดินสัญญา”
“ขอบใจนะลูก...ขอบใจที่รักเดือนนะ”
ดินต่างหากที่ต้องขอบคุณพี่เดือน...ขอบคุณความรักของพี่ที่มอบความกล้ามาให้
มื้อเย็นวันนั้นผ่านไปอย่างครึกครื้นและยิ่งคึกคักเมื่อพี่ชาย พี่สะใภ้ของเดือนพาอารัณย์มาร่วมกินมื้อเย็นด้วย ดินไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเดือนถึงเติบโตมาเป็นคนที่อบอุ่น อ่อนโยน แล้วก็มีรอยยิ้มที่สดใสได้มากขนาดนั้น ก็ดูรอบตัวเขาสิ มีคนมอบความรักให้เขาอย่างเต็มเปี่ยมแทบทั้งสิ้น
พี่สะใภ้ของเดือน พี่ผึ้งเป็นหญิงสาวที่น่ารักและเรียบร้อย หล่อนไม่รังเกียจที่คนรักของน้องชายสามีเป็นผู้ชาย แล้วยังช่วยดูแลดินอย่างดี กฤตเองก็เป็นพี่ชายที่ดูรักน้องชายไม่น้อยถึงจะกวนประสาทและชอบแหย่เดือนจนอีกฝ่ายโวยวายลั่นทุกที ยิ่งแท็กทีมมากับอารัณย์ก็ไปกันใหญ่ ลูกๆของกฤตกับผึ้ง เพียงไม่กี่ชั่วโมงก็จัดดินเข้ารายการคนโปรดไปเสียแล้ว ดินเองก็ชอบเด็กทั้งคู่มาก
ลึกๆแล้วชายหนุ่มรู้สึกอิจฉาคนรักเล็กน้อยที่มีครอบครับที่อบอุ่นแบบนี้
เดือนที่สังเกตเห็นก็โน้มตัวลงมากระซิบ
“ไม่ต้องอิจฉาหรอก...เพราะดินก็เป็นครอบครัวของเราเหมือนกัน” จบท้ายด้วยการขโมยหอมแก้มคนรักไปหลายฟอดต่อหน้าต่อตาคนทั้งโต๊ะ ทำเอาดินอายจนหน้าแดงก่ำ อารัณย์กับกฤตที่หมั่นไส้จึงลงมือปาเหลือกเงาะใส่เดือนทำให้โดนคุณนายแก้วดุไป
ค่ำคืนนั้นจึงผ่านพ้นไปด้วยเสียงหัวเราะคลอกับเสียงบ่นของคุณนายนั่นเอง
วันต่อมาคุณนายแก้วก็เดินปึงปังเข้ามาในห้องลูกชายแต่เช้าพร้อมกับโยนใบรายการของยาวเป็นหางว่าวใส่หน้าชายหนุ่ม พร้อมประกาศิตสั้นๆ
‘อยู่ว่างๆก็ทำตัวให้เป็นประโยชน์ ออกไปซื้อของมา’
ดินที่กำลังยกตะกร้าใส่ผ้าพับแล้วขึ้นมาบนห้องแอบหลุดขำที่เห็นเดือนหน้าตายับยู่ยี่บ่นอุบอิบไม่หยุด เอากับเขาสิ นี่ถ้าเขาแอบถ่ายรูปหลุดเดือนแล้วเอาไปขายจะได้สักเท่าไหร่กันนะ เมื่อวานแอบเห็นนิตยสารที่เดือนเป็นแบบให้หลายฉบับในชั้นหนังสือก็แทบไม่อยากจะเชื่อว่าชายหนุ่ม สูง หุ่นดี ดูมีคาริสม่าบนปกนิตยสารกับไอ้หนุ่มหัวฟู หน้าตาเป็นรอยบนเตียงนี่จะเป็นคนเดียวกัน
“ขำอะไรครับที่รัก ดินก็ต้องออกไปช่วยพี่ถือของนั่นแหละ อยู่ว่างๆก็มาช่วยกันเลย”
“ดินเขาทำตัวมีประโยชน์กว่าแกเยอะ ไม่ต้องไปว่าน้องเลย” เสียงคุณนายแก้วตะโกนมาจากห้องนอนอีกห้องทำเอาดินหัวเราะลั่นก่อนจะอุทานออกมาเมื่อเดือนรวบร่างเขาไปกอด แล้วแกล้งเอานิ้วจี้เอวให้เขาบิดตัวไปมา ก่อนจะฉวยโอกาสซุกไซ้จมูกโด่งไปตามซอกคอเขา กดจูบเบาๆให้จั๊กจี้เล่น
“โหย คุณนายแก้วครับ นี่ใครเป็นลูกคุณนายกันแน่เนี่ย”
“ฉันได้ลูกชายใหม่แล้ว แกน่ะฉันเก็บมาจากถังขยะ!”
“ขยะเปียกด้วยนะเว้ยไอ้เดือน ฮ่าๆ”
คิ้วเรียวกระตุกกึก ไอ้พี่เวรยังไม่ไปทำงานอีก!
“ถ้าผมขยะเปียกพี่ก็ขยะมูลฝอยแหละวะ!”
เถียงกันล้งเล้งอยู่นานจนดินต้องลากเดือนยัดเข้าห้องน้ำไปก่อนจะไปซื้อของมาทำข้าวเที่ยงไม่ทัน เพราะในรายการมีพวกของสดอยู่ด้วย
ชายหนุ่มถอนหายใจยิ้มๆ บ้านนี้นี่มันวุ่นวายจริงๆให้ตาย
ต่อด้านล่างค่ะ