ยามจันทร์เจ้าจูบดิน
ตอน ๗.๕ พิเศษ(ใส่ใจ)
คืนข้ามปี
สำหรับดินแล้ววันปีใหม่มันก็แค่วันธรรมดาวันหนึ่ง ไม่ได้ต่างจากวันปกติทั่วไปสักนิด ไม่สิ อาจจะต่างนิดหน่อยตรงที่ต้องเปลี่ยนปฏิทินใหม่แล้วก็เปลี่ยนไปใช้พ.ศ.ใหม่ เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่
แต่โดยรวมแล้วชีวิตก็ดำเนินต่อไปเหมือนวันก่อนๆหน้านั้นนั่นแหละ
สาเหตุหนึ่งที่ดินไม่นับวันปีใหม่เป็นเทศกาลพิเศษคงเพราะเขาไม่มีครอบครัวให้ฉลองด้วยมาล่ะมั้ง หืม คุณแม่มะลิกับคุณพ่ออัลเฟรดน่ะหรือ? พวกท่านเป็นครอบครัวก็จริง...แต่ดินก็ไม่อาจเอื้อมไปนับตัวเองเป็นลูกแท้ๆของท่านหรอก ในช่วงปีใหม่นี้คุณพ่อจะพาคุณแม่ไปฉลองปีใหม่กันกะหนุงกะหนิงสองคนแถวยุโรปไม่ก็ญี่ปุ่น ส่วนดินก็จะอาสารับหน้าที่เฝ้าบ้านให้โดยรับปากคุณแม่อย่างดิบดีว่าจะไม่ทำงานในช่วงปีใหม่ แต่จะหยุดอยู่บ้าน ดูทีวี กินข้าว นั่งๆนอนๆไป
แล้วชีวิตในวันปีใหม่ของเขาก็ดำเนินไปแบบว่างๆและไร้สีสัน
“เพราะแบบนี้นายเลยจะไม่ฉลองปีใหม่อย่างนั้นเหรอ?” ดินพยักหน้าตอบผู้เป็นพี่ชายต่างสายเลือดด้วยสีหน้าเนือยๆ ขณะที่เดือนอ้าปากค้างมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสีหน้าประหนึ่งมองมนุษย์ต่างดาว
ว่างเปล่ามาจนกระทั่งปีนี้นี่แหละ...
บนโลกนี้มันมีคนไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับเทศกาลสำคัญแบบนี้ด้วยเหรอวะ ไม่อยากจะเชื่อ!
“ได้ยังไง! นี่มันเทศกาลสำคัญนะ”
“จริงๆแล้วปีใหม่ของไทยคือช่วงสงกรานต์นะครับ...คุณต่างหากที่ฉลองผิดเทศกาลน่ะ”
“สงกรานต์ก็ค่อยฉลองช่วงสงกรานต์สิ นี่มันปีใหม่สากล”
“ผมอนุรักษ์ความเป็นไทย”
เดือนแทบจะก้มลงไปไหว้น้องชายต่างสายเลือด คนตัวโตรู้สึกเหมือนตนพ่ายแพ้อย่างใหญ่หลวงขณะที่มองน้องชายเก็บกวาดบ้านให้สะอาดเรียบร้อย
“นายก็เลยจะไม่ไปฉลองปีใหม่ที่อิตาลีกับพวกเรา?”
“ครับ ตามนั้น”
เดือนส่ายหน้ากับความคิดของอีกฝ่าย เขาหรี่ตาลงยกมือกอดอก “นายกำลังจะกันตัวเองออกจากครอบครัวอย่างนั้นสินะ” เขาว่า รู้สึกว่าตัวเองคิดถูกเมื่อร่างเล็กนั่นชะงักไปแวบหนึ่ง เขาเดาว่าดินคงคิดอะไรทำนองว่าตัวเองไม่ใช่ลูกแท้ๆ ไม่ใช่สมาชิกของครอบครัวนี้ เลยไม่อยากไปร่วมฉลองปีใหม่ด้วยเพราะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนนอก
เฮ้อ ทำไมน้องชายของเขาถึงได้คิดมากแบบนี้นะ
“แล้วนายจะอยู่บ้านกับใคร พวกคนใช้กับป้าชื่นก็กลับบ้านกันหมด”
“ผมอยู่คนเดียวได้น่า ไม่ใช่เด็กเสียหน่อย” ดินตอบพลางเรียงหมอนบนโซฟาตัวยาวให้เป็นระเบียบ
“แต่นั่นมันก็ไม่ดีอยู่ดี”
“นี่!” ดินหันกลับมาเผชิญหน้ากับเดือน กอดอก คิ้วเรียวขมวดมุ่น นัยน์ตาคู่สวยหลังกรอบแว่นฉายประกายวาววับจนเดือนนึกถึงอาจารย์ฝ่ายปกครองสมัยมัธยมของตัวเองขึ้นมาตงิดๆ
แต่ถ้าอาจารย์ฝ่ายปกครองจะหน้าตา ‘น่ารัก’ ขนาดนี้ เขายอมโดนลากเข้าห้องปกครองทุกวันเลยเอ้า
!
เดี๋ยวๆไม่ใช่ละ เพ้อเจ้ออีกแล้วไอ้เดือน
ชายหนุ่มกลืนน้ำลายเอื๊อกเมื่อสัมผัสได้ถึงรังสีทะมึนที่แผ่ออกมาจากร่างตรงหน้า
นี่มันน้องชายปางสังหารพี่ต่างหาก!
“ผมจะอยู่ยังไงก็ไม่ได้เดือดร้อนคุณ โอเคนะครับ ผมก็อยู่แบบนี้ของผมมาตั้งหลายปี ถ้ารู้แล้วก็เลิกกังวลแล้วไปเช็คของสักทีเถอะครับ คุณขึ้นเครื่องตอนตีสามไม่ใช่หรือไง” เดือนเองก็จะไปร่วมฉลองปีใหม่กับพ่อและแม่ที่อิตาลีด้วย เพราะเขาไปนั่นหมายความว่าดินจะต้องอยู่คนเดียว ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ชายหนุ่มยอมไม่ได้เมื่อรู้แถมมารู้เอาหนึ่งวันก่อนการเดินทางอีกด้วยแน่ะ! เพราะเขาให้คุณพ่อเป็นคนจัดการเรื่องทริปนี้ทั้งหมด มารู้ก็ตอนเห็นตั๋วเครื่องบินแค่สามใบนั่นแหละ
“ฉันไม่ไปแล้ว”
“ตลก คิดว่าค่าตั๋วมันถูกนักรึไง อย่าใช้เงินสิ้นเปลืองสิครับ”
“เดี๋ยวฉันคืนเงินให้พ่อกับแม่ก็ได้”
“คนที่กรอบจนต้องกลับมาใช้โทรศัพท์รุ่นปาหัวหมาแตกจอขาวดำแบบคุณน่ะเหรอครับ” ดินกระตุกยิ้มมุมปาก มองเดือนด้วยสายตาเย้ยๆ จนชายหนุ่มอยากจะเข้าไปดึงไอ้หน้าตึงๆนั่นให้ย้วยออกมาเหมือนในการ์ตูนนัก เดือนยกมือเป็นทำนองว่ายอมแพ้ “แต่ฉันก็ไม่อยากให้นายอยู่บ้านคนเดียวอยู่ดี มันไม่โอเคเลย”
“คิดมากไปแล้วครับ ผมไม่เป็นไรหรอก” ดินยิ้ม เดินไปตบไหล่คนตัวสูง “ชินแล้วล่ะ”
“ก็บอกไงว่าอย่าพูดอะไรน่าสงสารแบบนั้น” ว่าจบคนเป็นพี่ก็เกี่ยวเอวน้องชายเข้ามาใกล้แล้วฝังจมูกลงไปที่แก้มนิ่มๆนั้นเร็วๆ สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่จนได้กลิ่นแป้งเด็กและกลิ่นหอมเหมือนวานิลลาของอีกฝ่ายเดือนก็รีบกระโดดถอยออกมา หลบหมัดหนักของน้องชายไปได้อย่างฉิวเฉียด
“ทำอะไรของคุณ!” เดือนมองคนผมดำที่ยืนถูแก้มแรงๆจนมันขึ้นสีแดง...ที่ไม่รู้ว่าแดงจากแรงถูหรือแดงจากอาการอายกันแน่
คนตัวเล็กอายจนหน้าแดงก่ำ ริมฝีปากบางเม้มแน่น สัมผัสอุ่นๆตรงแก้มเมื่อครู่ จะเช็ดอย่างไรก็รู้สึกเหมือนมันติดแน่นอยู่ที่ผิวแก้ม หัวใจเต้นถี่รัวจนน่ากลัวว่ามันจะกระดอนออกมานอกอก เลือดสูบฉีดไปที่ผิวหน้าจนร้องวูบวาบไปหมด ดินแยกเขี้ยวใส่คนตัวโตขณะที่อีกฝ่ายหัวเราะลั่น มีความสุขเสียเต็มประดาที่แกล้งเขาได้สำเร็จ
“ให้กำลังใจเล็กๆน้อยๆไง อยู่บ้านคนเดียวนายจะได้ไม่เหงา” ว่าพลางขยิบตาให้แต่คนผมดำกลับทำหน้าเหมือนจะพุ่งมาแหกอกเขา “ไอ้พี่เดือน!”
พอกันที เขาโมโหแล้วนะ
ยังไม่ทันจะทำอะไรคนขโมยหอมแก้มคนอื่นก็เผ่นขึ้นห้องไปแล้ว ทิ้งให้ดินยืนหน้าแดงอยู่คนเดียวในห้องนั่งเล่น
พอได้เวลาออกจากบ้านดินก็รับหน้าที่เป็นคนขับรถไปส่งทุกคน เมื่อมาถึงสนามบินคนผมดำก็ต้องเลิกคิ้วเมื่อพี่ชายตัวโตไม่มีทีท่าว่าจะลุกไปหยิบกระเป๋าเดินทางแต่อย่างใด ดินมองพี่ชายที่ยังดูดีแม้จะใส่แว่นกันแดดไว้ตลอดเวลาคนตรงหน้าทำตัวปกติทุกอย่าง แถมยังไปช่วยขนกระเป๋าของพ่อกับแม่ลงจากรถ ไวเท่าความคิดคนตัวเล็กก็ส่งเสียงถามออกไป
“แล้วกระเป๋าคุณล่ะ”
“ไม่ได้เอามา”
ดินนิ่งไป หรี่ตาลง สัญญาณเตือนภัยในใจดังลั่น เขาว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ “อย่ามาตลกครับ คุณจะไปอิตาลีทั้งๆที่ไม่มีกระเป๋าหรือไง”
“แล้วใครว่าฉันจะไปอิตาลี?”
ดินอ้าปากค้าง หันไปมองพ่อกับแม่ที่ยืนมองอยู่ยิ้มๆ เมื่อเห็นสีหน้างุนงงของลูกชายคนเล็กคุณมะลิก็เฉลยให้ว่า “พอรู้ว่าลูกจะอยู่บ้านคนเดียวพี่เดือนเขาก็เลยขออยู่เป็นเพื่อนน่ะ” เธอว่าพลางลูบผมสีดำของลูกชาย ดวงตากลมหวานฉายแววเอ็นดู ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าที่ดินไม่ยอมไปฉลองปีใหม่กับพวกเธอมีสาเหตุมาจากอะไร แต่เธอไม่อยากให้ลูกชายอึดอัดจึงยอมรับในทางที่เขาเลือก
“อยู่บ้านกันสองคนก็ดูแลกันดีๆนะลูก ดูบ้านให้เรียบร้อยด้วยนะเดือน” คุณอัลเฟรดบอกลูกชายคนโตที่ยิ้มกว้างมาให้ เดือนพยักหน้าให้พ่อกับแม่ “ครับ เที่ยวให้สนุกนะครับ” คนตัวสูงกอดแม่แน่นก่อนที่แม่มะลิจะย้ายไปกอดร่างบางของดิน จากนั้นสองพี่น้องก็มองตามร่างผู้ปกครองที่ค่อยๆกลืนหายไปในฝูงชน
“ได้น้องแน่ๆเลยคราวนี้” เสียงทุ้มต่ำพึมพำอยู่ข้างหู ทำให้คนตัวเล็กสะดุ้งเฮือก ร่างบางผงะถอยก่อนจะแยกเขี้ยวใส่เขาแล้วจ้ำอ้าวออกไป ทิ้งให้พี่ชายตัวสูงยืนงงอยู่คนเดียว
เป็นอะไรของเขา...แค่อยากจะคุยด้วยเฉยๆเองนะ
ดินกำลังตกใจ ในสมองของเขาสับสนวุ่นวายไปหมด คนบ้าอะไรพูดดีๆไม่ได้ต้องก้มลงมากระซิบข้างหู! มือเรียวยกสัมผัสใบหูตัว ลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดกับเสียงทุ้มทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะไปอีกแล้ว ชายหนุ่มสะบัดศีรษะไล่ความคิดไร้สาระออกไป เมื่อกี้มันก็แค่อาการตกใจเท่านั้นแหละ อย่าลืมสิว่าความจริงมันเป็นยังไง...อีกอย่างตอนนี้เขามีสิ่งที่ต้องกังวลมากกว่า
อยู่คนเดียว...กับไอ้คนฉวยโอกาสนั่นตั้งสิบกว่าวันเชียวนะ! เขาจะไม่เป็นบ้าตายไปก่อนหรือไง คนผมดำกัดริมฝีปากแน่น รู้ดีหรอกว่าไม่ได้จะเป็นบ้า แต่จะเป็นโรคหัวใจวายก่อนน่ะสิ เพราะคตัวสูงนั่นชอบมาทำอะไรให้เขาตกใจเล่นอยู่เรื่อย พยายามทำใจให้ชินเท่าไหร่ก็ทำไม่ได้สักที
ดินผ่อนฝีเท้าลงเมื่อเดินมาถึงรถ แต่ขณะที่กำลังจะเข้าไปนั่งประจำที่คนขับมือใหญ่ก็คว้าแขนเขาไว้ก่อน “ไม่ต้อง นายไปนั่งเบาะข้างคนขับเลย หนนี้ฉันขับเอง”
“แต่...”
“เอาน่า ขับมาตั้งนานนายน่าจะเมื่อยไม่ใช่เหรอ ผลัดกัน หนนี้ฉันขับเอง”
ว่าจบก็มัดมือชกด้วยการสอดตัวเองไปนั่งประจำที่คนขับ ยึดตำแหน่งสารถีมาเรียบร้อย เห็นดังนั้นดินก็จนใจจะพูดด้วยเลยได้แต่ยอมทำตามที่อีกฝ่ายบอกแต่โดยดี
สียงเพลงเบาๆดังคลอไปในรถประกอบกับแอร์เย็นๆและกลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้คนสวมแว่นเริ่มตาปรือ แต่ดินก็พยายามฝืนตัวเองไว้ไม่ให้หลับ เขาไม่อยากหลับ อย่างงน้อยถ้าตื่นอยู่ก็คงจะพอชวนอีกคนคุยขึ้นมาได้ถ้าพี่ชายเขาเกิดง่วงขึ้นมาบ้าง อีกอย่างให้อีกคนเหนื่อยขับรถในขณะที่เขามานั่งหลับมันไม่แฟร์เลยจริงๆ
“ง่วงเหรอครับ?” เสียงทุ้มเอ่ยถามทำให้คนที่สติหลุดไปกว่าครึ่งได้แต่พยักหน้า เดือนขยับยิ้มมองอาการขยี้ตาแล้วหาวหวอดเหมือนเด็กๆของอีกฝ่าย “ง่วงก็ปรับเบาะนอนไปเถอะ”
“ไม่เอา...เดี๋ยวผมอยู่เป็นเพื่อน”
“เอาจริงๆนะ นายตื่นแต่ไม่ชวนคุยค่ามันก็เท่ากับนายหลับไปแล้วนั่นแหละ ไม่ต่างหรอก” คนตัวสูงพูดกลั้วหัวเราะขณะที่ดินส่งค้อนมาให้วงเบ้อเริ่ม นี่กล้าหัวเราะให้ความหวังดีของเขาเรอะ เออ อยากขับรถแบบเงียบเหงาก็ตามใจเหอะ
ไม่สนใจแล้ว!
คิดได้ดังนั้นก็จัดการปรับเบาะลง เอนตัวนอนแถมหันหลังให้คนขับอีกต่างหาก ดินถอดแว่นออกก่อนจะแกล้งหลับตาลง แอร์เย็นเป่าลงมาทำให้หนาวก็จริงแต่ก็ทำให้ง่วงด้วย สุดท้ายคนตัวบางก็หลับไปจริงๆ
เดือนเหลือบมองคนที่หลับไปแล้ว ใบหน้าคมคายเผยรอยยิ้มออกมา ชายหนุ่มใช้มือซ้ายเกลี่ยไปตามเส้นผมนุ่มนิ่มนั้น คนหลับที่โดนกวนส่งเสียงครางออกมาอย่างรำคาญ ก่อนจะพลิกตัวมาทางเขา
เหมือนลูกแมวจริงๆ...
นิ้วเรียวยาวไล่มาจนสัมผัสได้ถึงแก้มนิ่มของอีกฝ่ายที่เขาพิสูจน์แล้วว่ามันทั้งนิ่มทั้งหอมขนาดไหน เกลี่ยแก้มอีกฝ่ายเล่นแล้วก็นึกพิเรนทร์ขึ้นมาว่าถ้าลองดึงแรงๆ แก้มนี่จะย้วยออกมาไหมนะ เดือนยิ้มกว้างแกล้งดึงแก้มคนหลับเบาๆหนึ่งที ก่อนจะหันกลับไปทุ่มสมาธิให้กับการขับรถต่อเหมือนเดิม
ดินมารู้สึกตัวตื่นอีกทีตอนที่เดือนดับเครื่องยนต์ รอบด้านสลัวจนแน่ใจว่าพวกเขาไม่ได้อยู่บนถนนกันแน่ๆ “อ้าวตื่นแล้วเหรอ กำลังจะปลุกเลย” เดือนพูดก่อนจะหลุดขำเมื่อเห็นสีหน้างงๆกับผมที่ยุ่งไม่เป็นทรงของอีกฝ่าย ชายหนุ่มเอนตัวไปใช้มือจัดทรงผมให้น้องชายต่างสายเลือดจนเมื่อพอใจจึงได้ผละออกมา
“ที่นี่ที่ไหนครับ?”
“ที่จอดรถของห้างน่ะ ไหนๆก็ไม่มีใครอยู่ด้วยตั้งสิบกว่าวัน เลยพามาซื้อของเข้าบ้านหน่อย” พูดจบก็เดินลงจากรถไป ดินที่ยังงงๆเลยได้ลงมายืนแบบมึนๆ แต่เนื่องจากเพิ่งตื่นคนตัวเล็กเลยเกิดอาการหน้ามืดเล็กน้อยจนต้องพิงรถไว้ไม่ให้ล้ม
“จะเป็นลมเหรอ?”
“ครับ หน้ามืดนิดหน่อยน่ะ”
เดือนพยักหน้า ยืนรอจนเมื่ออีกฝ่ายลืมตาขึ้นมาแล้วก็คว้ามือของดินมาจับไว้แน่น กะไม่ให้สะบัดหลุดกันเลยทีเดียว “นี่คุณ...”
“เดี๋ยวนายหน้ามืดจะเป็นลมอีกก็แย่น่ะสิ” คนหลอกจับมือแถไปเนียนๆ รีบลากร่างของอีกฝ่ายเข้าไปในห้างทันที
การซื้อของครั้งนี้เป็นไปอย่างทุลักทุเลพอสมควร ดินรู้สึกเหมือนตัวเองมาเด็กสามขวบมาห้างอย่างไรอย่างนั้น เพราะหันไปทางไหนอีกฝ่ายก็ชี้จะเอาอันนู้นเอาอันนี้ไม่หยุด
“เป็นเด็กสามขวบรึไงครับ!” ในที่สุดเมื่อทนไม่ไหวเขาก็หันไปดุเข้าให้ แต่คนโตกว่ายักไหล่ลอยหน้าลอยตาน่ากระทืบ แถมยังมีการพึมพำรายการของที่อยากได้อีก “อยากกินโยเกิร์ตจังน้า”
“ก็ไปซื้อสิครับ”
“ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากกินแล้ว”
เอ้า ไอ้หมอนี่มันสติดีหรือเปล่าวะ หรืออยากแกล้งให้เขาโมโหจนเส้นเลือดในสมองแตกตายกัน
ดินกรอกตา ตัดสินใจว่าจะเลิกสนใจผู้ชายโตแต่ตัวที่ด้านหลังนี่ เขาเข็นรถเข็นไปยังโซนขายผัก ก่อนจะหยิบผักบุ้งกับผักกาดลงไป แล้วทันใดนั้นหางตาก็เหลือบไปเห็นผู้ชายโตแต่ตัวคนที่ว่ากำลังแอบหยิบผักชีออกจากรถเข็น “วางมันลงที่เดิมเลยนะครับคุณรวีกานต์”
เดือนทำหน้าน่าสงสารเมื่อรู้ว่าถูกจับได้ แต่ขอโทษ ถ้าทำหน้าตาแค่นี้แล้วนายปฐพีคนนี้จะสงสารก็ขอบอกว่าฝันไปเถอะ
“มันเหม็นนี่” เดือนว่าเสียงอ่อยขณะที่ดินเริ่มกุมขมับ “คุณเป็นเด็กสามขวบจริงๆรึไง ถึงได้ไม่กินผัก”
“ไม่กินแค่ผักชีต่างหาก” เดือนแก้ แต่ก็ยอมวางกลับลงไปแต่โดยดี “หยิบมาทำไมกัน สุกี้มันไม่ต้องใส่ผักชีนี่นา” เพราะวันนี้เดือนอยากจะดินสุกี้ขึ้นมาเลยพาดินมาหาซื้อวัตถุดิบกับไปทำที่บ้าน
“แต่อย่างอื่นมันต้องใช้นี่ครับ” คนตัวเล็กว่า ไล่ดูรายการของในรถเข็นเมื่อเห็นว่าครบแล้วก็เอี้ยวตัวไปถามคนที่เดินตามอยู่ข้างหลัง “คุณอยากได้อะไรเพิ่มไหม?”
“ไม่ล่ะ” เดือนเมียงมองในรถเข็นที่นอกจากจะมีของสดไว้ทำสุกี้แล้วยังมีขนมนมเนยอยู่เต็ม “แค่นี้ก็พอ”
“งั้นไปคิดเงินกันเลยดีกว่า จะได้รีบกลับ”
ดินพูดแต่ยังไม่ทันจะได้ออกเดินก็ต้องสะดุ้งเฮือกขึ้นมาอีกเมื่อรับรู้ถึงไออุ่นและแผ่นอกแข็งแรงที่สัมผัสหลัง ชายหนุ่มรีบหันขวับไปอย่างรวดเร็ว ทำให้จมูกไปกระแทกกับอกแข็งแรงนั่นเข้าเต็มๆ ดินลูบจมูกป้อยๆ ด่าสวนไปทันที “เล่นอะไรบ้าๆ”
“ไม่ได้เล่นสักหน่อย จะช่วยเข็นรถ” เดือนพูดหน้าตาเฉย ซึ่งทำให้ดินขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างหงุดหงิด จะช่วยเข็นก็บอกสิโว้ย มายืนซ้อนหลังทำซากอ้อยอะไร!
ชายหนุ่มหน้าร้อนวูบเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักจากด้านหลัง เมื่อหันไปมองก็พบกับเด็กสาวสองคนแอบมองพวกเขาอยู่ พอรู้ว่าเขารู้ตัวแล้วพวกเธอก็หลบตาแล้วเดินจากไป แต่ยังไม่วายยิ้มแล้วกระซิบกระซาบกันพลางกลับมามองทางนี้เป็นระยะ
‘เป็นแฟนกันแน่เลยแก’
‘กรี๊ดดด น่ารักมาก คนเมะก็หล่อ คนเคะก็น่ารัก อ๊ายย ฟินว่ะ’
บทสนทนาที่ได้ยินแว่วๆทำให้ดินอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี เขาไม่เข้าใจหรอกว่าอะไรคือเมะคือเคะ แต่ที่เข้าใจก็คือสถานการณ์ตอนนี้ของพวกมันโคตรจะล่อแหลม!
นี่มันเหมือน...เหมือนแฟนกันเลยนี่นา
“ทำไมคนมองเราเยอะจัง” ร่างสูงพึมพำ ดินหันไปมองรอบตัวก็พบว่าหลายคนจ้องมองมาทางพวกเขาทั้งนั้น โธ่เอ๊ย ยังจะไม่รู้ตัวอีกนะว่าทำไม
ปึ้ก
“โอ๊ย ดินเหยียบเท้าพี่ทำไมครับ”
“ก็คุณแกล้งผมก่อน!”
คนตัวเล็กตวาดแว้ด ก่อนจะมุดตัวออกมาวงแขนแข็งแรงนั่นแล้วเดินนำหน้ารถเข็นไปยังแคชเชียร์
หยุดนะ หยุดเลยไอ้หัวใจบ้าๆนี่...มันก็แค่เรื่องบังเอิญ อีกคนก็แค่แกล้งเขาเท่านั้นแหละ เพราะฉะนั้น ห้ามอาย...ห้ามเขิน...ลืมมันไปให้หมดเดี๋ยวนี้เลยนะ นายปฐพี!
กว่าจะกลับถึงบ้านก็เป็นเวลาทุ่มกว่าแล้ว พอขนของเขข้าบ้านเสร็จดินก็จัดการทำสุกี้อย่างรวดเร็ว สุกี้หม้อใหญ่กับคนสองคนในตอนแรกดูเหมือนจะมากเกินและคนทำก็คิดไว้แล้วว่าของเหลือแน่ๆ แต่ดินคงประเมินกระเพาะของนายรวีกานต์ต่ำไป เพราะคนตัวโตกินเอาๆจนสุดท้ายหม้อก็เหลือแต่ผักกับน้ำซุป ระกว่างที่นั่งกินกันเดือนก็เปิดดีวีดีที่ซื้อมาวันนี้ไปด้วย ดูหนังไปกินไป รู้ตัวอีกทีก็สุกี้ก็หมดหม้อแล้ว
หลังจากเก็บล้างทุกอย่างเสร็จเดือนก็ลากน้องชายต่างสายเลือดออกมาที่ชานระเบียงบนชั้นสอง บ้านชั้นบนของเขาออกแบบมาให้คล้ายกับบ้านทรงไทยโบราณ มีชานระเบียงกว้างขวางที่วางกระถางดอกไม้หลากสีสันซึ่งบานสวยงามในตอนเช้า โคมไฟทอแสงสีส้มนวลตา ที่ชานระเบียงมีเก้าอี้โยกทำจากไม้กับโต๊ะกลมเข้าชุดกันอยู่ ไม่ไกลจากตรงนั้นยังมีแคร่ไม้ไผ่อยู่ด้วย คืนนี้เดือนเลือกที่จะนั่งตรงแคร่ไม้ไผ่ เขาวางผ้านวมที่ถือติดมือลงมาด้วยไว้บนแคร่ก่อนจะเขยิบให้ดินนั่งด้วย
กลิ่นหอมของดอกไม้ที่บานตอนกลางคืนโชยมากับลมอ่อนๆยามราตรีชวนให้ชื่นใจ “จริงๆออกมานั่งแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ”
“ครับ ถ้าคุณไม่กลัวโดนยุงดูดเลือดหมดตัวจะย้ายมานอนที่นี่ทุกคืนก็ได้นะครับ”
“จะปีใหม่แล้ว เลิกด่าพี่เถอะครับ”
“อย่าพูดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้สิพี่เดือน”
เดือนชะงักเมื่อได้ยินคำว่า ‘พี่’ จากปากคนตรงหน้า น้อยครั้งที่อีกคนจะเรียกเขาแบบนั้น สงสัยคืนนี้จะเป็นคืนที่ดีแฮะ
“ยิ้มอะไรครับ” ดินเอียงคอน้อยๆมองคนที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างงุนงง
“ก็...น้องดินเรียกฉันว่าพี่”
“อ่า...” ดินหันหน้าไปทางอื่น แต่เดือนสาบานได้ว่าอีกหน้าแดง “เรียกบ่อยๆสิ” เขาพูด “พี่ชอบ”
คนตัวเล็กหันมามองเขา ลอยหน้าลอยตาพูดบ้าง “ไม่เอาหรอกครับ ของดีไม่ได้มีบ่อยๆนะ”
“ใจร้าย”
“ไม่เคยบอกว่าใจดีนี่นา”
“เด็กดื้อ”
“คนโตแต่ตัวแบบคุณไม่มีสิทธิ์มาว่าผมด้วยคำนี้หรอกนะครับ”
พวกเขาคุยกันไป เถียงกันไป นั่งกันอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานานได้อย่างไรก็ไม่ทราบ แบ่งกันใช้ผ้านวม นั่งเบียดกันจนรู้สึกได้ถึงไออุ่นของอีกฝ่าย ดินรู้สึกว่าวันนี้เขาพูดมากกว่าทุกวัน ถ้าเป็นปีใหม่ปกติเวลาดึกป่านนี้เขาคงจะเข้านอนไปแล้ว แต่วันนี้เขากลับมานั่งอยู่ตรงชานระเบียง นั่งเถียงกับพี่ชายต่างสายเลือด
ทั้งที่มันควรจะหน้ารำคาญ แต่ดินรู้ว่าตอนนี้บนใบหน้าของแตะแต้มไปด้วยรอยยิ้ม เพราะเขาเห็นมันสะท้อนอยู่ในดวงตาของคนตรงหน้าเช่นกัน
“นี่...ผมสงสัยล่ะ” จู่ๆดินก็พูดขึ้นมา ชายหนุ่มหันไปมองเดือน “ทำไมคุณถึงไม่ไปอิตาลีล่ะ?” พอได้ยินคำถามนั้นเดือนก็กระพริบตาปริบ ไม่คาดคิดว่าดินจะถามคำถามนี้ออกมา
“คำตอบมันก็เห็นชัดๆอยู่แล้วใช่รึไง” ชายหนุ่มกระชับผ้านวมขณะที่อีกมือก็ยื่นไปเกลี่ยเส้นผมสีดำที่ปรกตาอีกฝ่ายไปทัดหูให้อย่างอ่อนโยน “ฉันบอกแล้วว่าจะไม่ทิ้งนาย ฉันจะอยู่กับนายเสมอ”
“อะไรกัน...เพราะเรื่องแค่นั้น...”
“มันไม่ใช่แค่เรื่องแค่นั้นนะ” เดือนพูดเสียงเข้ม “ฉันบอกว่าจะไม่ทิ้งนายก็คือไม่ทิ้ง นั่นหมายความว่าฉันจะไม่ปล่อยให้นายนั่งเฉาฉลองปีใหม่อยู่บ้านคนเดียวแน่” อ่า...แก้มขาวๆของอีกฝ่ายซับสีแดงระเรื่อขึ้นมาอีกแล้ว เดือนยิ้มหล่อให้คนตรงข้าม รู้ตัวแน่ๆแล้วว่าวันนี้คงไม่โดนทำร้ายร่างกายเลยถือวิสาสะไม่จับมือน้อยของอีกคนไว้
“คุณมันบ้า” ดินกระซิบเสียงแผ่ว ก้มหน้างุด แต่กระนั้นก็ไม่ได้สะบัดมือเขาออก เดือนบีบมือน้องชายแผ่วเบา หัวเราะเสียงต่ำในลำคอ “ใครๆก็ว่าแบบนั้น...”
“แต่เราคือครอบครัวเดียวกันนี่นา”
ไม่มีเสียงสนทนาใดๆอีก มีแต่ความเงียบที่ปกคลุมร่างกาย แต่คนทั้งคู่ก็ไม่ได้อึดอัดกับความเงียบนี้ นั่งจนไหล่ชิดกัน ฟังเสียงลมหายใจของกันและกัน มันดูอบอุ่นและอ่อนหวานอย่างน่าประหลาด
พวกเขานั่งกันอยู่จนกระทั่งเดือนพูดขึ้น “นี่อีกหนึ่งนาทีจะปีใหม่แล้วนะ”
“แล้วเราต้องทำไง”
“อืม...ก็นับถอยหลังล่ะมั้ง”
10
พวกเขายิ้มให้กัน ดินเองก็ยิ้มก่อนจะเอ่ยความปรารถนาสุดท้ายก่อนสิ้นปีออกไป
9
“ปีหน้า...อยู่ด้วยกันแบบนี้อีกนะครับแล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่ผ่านมา”
8
“เช่นกัน...ปีหน้าก็ฝากตัวด้วยนะ”
7
เดือนพาเขาเดินออกไปจนชิดริมระเบียง มือของพวกเขายังจับกันไว้แน่น
6
“นี่” เดือนเรียกดินไว้ จับอีกคนให้หันมาหาเขาอย่างแผ่วเบา
5
“นายอาจจะคิดว่าตัวเองไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว แต่จริงๆแล้วนายคิดผิด”
4
“นายเป็นส่วนหนึ่งของพวกเรามาตลอด...และจะเป็นแบบนี้ตลอดไป...นายคือครอบครัวของเรานะ” 3
ดินรู้สึกเหมือนภาพตรงหน้าพร่าเลือนไปหลังม่านน้ำตา แต่ปลายนิ้วที่อ่อนโยนก็เกลี่ยมันออกให้อย่างแผ่วเบา
2
เดือนค่อยๆโน้มตัวเข้าไปใกล้อีกฝ่าย พวกเขาขยับเข้ามาชิดกันจนกระรู้สึกได้ถึงไออุ่นและกลิ่นหอมอ่อนๆจากฝ่ายตรงข้าม ใกล้จนกระทั่งเห็นเงาของตัวเองสะท้อนออกมาจากนัยน์ตา
1
ใกล้...จนกระทั่งริมฝีปากอุ่นของคนตัวสูงประทับลงบนหน้าผากเนียนของดิน ใกล้จนหัวใจสองดวงเต้นถี่รัวอย่างห้ามไม่อยู่ ใกล้...จนกลัวว่าฝ่ายตรงข้ามจะได้ยินเสียงหัวใจของตัวเอง
0
“สุขสันต์วันปีใหม่นะน้องดิน”
“สุขสันต์วันปีใหม่นะครับพี่เดือน”
พวกเขาพูดออกมาพร้อมกัน พูดออกมาเวลาเดียวกับที่พลุมากมายถูกยิงขึ้นฟ้า ดอกไม้ไฟหลากสีสันพร่างพราวงดงาม ปลุกยามราตรีให้สว่างไสว เสียงเพลงดังขึ้นพร้อมกับเสียงร้องเฮมากมาย พลุอีกหลายชุดถูกยิงตามมา แต่คนที่อยู่บนชานระเบียงต่างก็ไม่ได้สนใจ
สิ่งที่สนใจมีเพียงคนที่อยู่ตรงหน้า
“ง่วงหรือยัง” เดือนถามเสียงแผ่วเบา ขณะที่น้องน้อยของเขาพยักหน้าหงึก “คืนนี้ไม่อยากไปนอนในห้องเลยแฮะ...แต่เอาเถอะ ไปนอนกันดีกว่า” คนเป็นพี่พึมพำ เตรียมจะจับจูงคนผมดำกลับห้องนอน แต่แรงคนด้านหลังก็รั้งเขาไว้ เมื่อหันไปเดือนก็พบว่าดินก้มหน้างุด สองแก้มแดงก่ำ เอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า
“งั้นคืนนี้...จะยกเว้น...นอนที่ระเบียง...ก็ได้นะครับ”
“แล้วไม่กลัวยุงแล้วเหรอ?”
“ผมไม่ได้กลัวยุงสักหน่อย” ดินแยกเขี้ยวใส่อีกฝ่าย ก่อนจะเดินกลับไปมุดตัวเข้าไปในผ้านวม “คุณจะนอนหรือไม่นอนล่ะ?”
แล้วไอ้รวีกานต์จะปฏิเสธไปเพื่ออะไรล่ะครับ?
ชายหนุ่มเดินกลับเข้าไปในบ้านก่อนจะกลับมาพร้อมหมอนนิ่มๆอีกสองใบ กับผ้านวมอีกหนึ่งผืน จัดการปูผ้านวมลงกับพื้น “ลงมานอนพื้นดีกว่า นอนเบียดกันบนแคร่เดี๋ยวปวดหลังนะ”
ดินพยักหน้า หอบผ้านวมลงมาอย่างว่าง่ายจนคนตัวโตนึกเอ็นดู ปกติเอาแต่แว้ดๆเขาแต่จริงๆก็ไมใช่คนเลวร้ายหรอก เดือนเอนตัวลงนอนขณะที่ข้างกายก็มีน้องชายต่างสายเลือดล้มตัวลงนอนเช่นกัน
พวกเขานอนหันหน้าให้กัน จับมือกันไว้ ไม่รู้หรอกว่ามีอะไรพิเศษในการกระทำนี้หรือเปล่า แต่พวกเขาต่างรู้...ว่าตนพอใจกับสัมผัสพิเศษเหล่านี้
“ฝันดีนะ”
“เช่นกันครับ”
การฉลองปีใหม่แบบนี้อาจจะเป็นเรื่องปกติสำหรับคนอื่นๆ แต่สำหรับดิน...มันพิเศษ พิเศษยิ่งกว่าปีไหนๆ เพราะคนตรงหน้า
เพราะเดือน
หัวใจของเขาบอกว่าเดือนจะทำให้ปีหน้าเป็นปีที่พิเศษสำหรับเขาอย่างแน่นอน คิดได้ดังนั้นคนตัวเล็กก็ค่อยๆผ่อนลมหายใจ วางทุกๆสิ่งทิ้งไป หลับไปอย่างสงบข้างกายของคนตัวสูง จมดิ่งลงในฝันดีที่ไม่ได้มีมาแสนนาน...
ขอบคุณสำหรับทุกๆอย่างเช่นกันนะครับ...พี่เดือน
............................
พี่เดือนคะ...เอาใจไป 5555
เลิฟๆพี่เดือนและน้องดินมากๆ
นี่ก็ปีใหม่แล้ว Happy New Year นักอ่านทุกท่านนะคะ ขอบคุณจริงๆที่เข้ามาอ่านและติดตามกัน
ปีใหม่นี้ขอให้ทุกคยมีความสุขมากๆ สุขภาพแข็งแรง นะคะ และขอฝากนิยายเรื่องนี้ให้ทุกคนเก็บไว้ในใจในปีต่อไป
ุสุขสันต์วันปีใหม่ค่า